กำลังเป็นกระแสแรงที่สหรัฐฯ ตอนนี้เลยครับ กับประเด็นที่อดีตผู้เล่นอเมริกันฟุตบอล NFL ยื่นฟ้องพ่อแม่บุญธรรมตัวเอง พร้อมเผยว่าเขาไม่เคยได้รับเงินค่าลิขสิทธิ์หนังที่ถูกสร้างขึ้นจากชีวิตของเขาเลย เพราะพ่อแม่บุญธรรมเป็นผู้ดูแลค่าลิขสิทธิ์
เรื่องราวนี้เป็นมาอย่างไร เราขอสรุปมาให้ได้ติดตามกันครับ
[The Blind Side หนังอบอุ่นหัวใจ]
– เมื่อปี 2009 ได้มีหนังเรื่อง The Blind Side เข้าฉายในโรง หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ ‘ไมเคิล ออร์’ เด็กชายผิวดำกำพร้าที่มีพรสวรรค์ด้านกีฬาอเมริกันฟุตบอล แต่เขามีปมอยู่ในใจแถมยังเรียนไม่เก่งจนซ้ำชั้นหลายครั้ง จนกระทั่งได้ครอบครัว ‘ทูฮี’ มาอุปการะ และช่วยสนับสนุนให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคจนสามารถเข้าลีก NFL ได้
– The Blind Side ถูกยกว่าเป็นหนึ่งในหนังที่สร้างจากเรื่องจริงน้ำดีเรื่องหนึ่ง จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งดูแล้วอบอุ่นหัวใจ
– ในปี 2010 แซนดร้า บูลล็อก ผู้รับบท ลีห์แอน ทูฮี แม่บุญธรรมของออร์ ได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่อง The Blind Side ยิ่งทำให้หนังเรื่องนี้มีคุณค่ามากกว่าเดิม
– กระทั่งในปี 2011 ไมเคิล ออร์ เคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาไม่ชอบหนังเรื่องนี้มากนัก เพราะหนังทำให้เขาดูเป็นคนโง่ แต่เขามองว่าตัวเองไม่ได้รับการเรียนการสอนอย่างสม่ำเสมอเฉยๆ
– แต่นั่นก็เป็นการบ่นของออร์ เฉยๆ เขาไม่ได้ออกมาพูดอะไรถึงหนังมามากกว่า 10 ปี จนกระทั่งเมื่อ 14 สิงหาคม 2023 ออร์ได้ยื่นฟ้องศาลขอตัดขาดความเป็นลูกบุญธรรมกับครอบครัวทูฮี
[ชายที่ชื่อ ไมเคิล ออร์]
– ขอย้อนกลับไปดูชีวิตของ ไมเคิล ออร์ ตั้งแต่เด็ก เขาคือชาวสหรัฐฯ เกิดที่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี แม่ของเขาติดยาและเหล้า ส่วนพ่อก็ติดคุกซึ่งต่อมาถูกฆ่าดับในคุก ทำให้ออร์ได้ไปอยู่กับสถานสงเคราะห์เด็ก ซึ่งเด็กๆ ในนั้นส่วนใหญ่จะจบลงที่ไปพัวพันกับแก๊ง ยาเสพติด ชีวิตข้างถนน
– ออร์มีพรสวรรค์ด้านกีฬา เขาตัวใหญ่และเร็ว ซึ่งเป็นคุณสมบัติในฝันของนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล เขาเล่นตำแหน่งไลน์แมนที่ทำหน้าที่ปกป้องควอเตอร์แบ็กโดยอยู่ทางซ้ายสุด เรียกว่า แท็คเคิลซ้าย หรืออีกชื่อคือ ‘Blind Side Tackle’ เพราะเป็นมุมบอดของควอเตอร์แบ็คถนัดขวา (เป็นที่มาของชื่อหนังด้วย)
– แต่ถึงแม้จะเก่งกีฬา แต่สภาพแวดล้อมทำให้เขามีปัญหาด้านการเรียน ซึ่งการจะเข้าลีก NFL ได้นั้น คุณไม่สามารถทิ้งการเรียนได้ เพราะระบบของ NFL คือต้องดราฟต์ผู้เล่นจากลีกมหาวิทยาลัยเข้าทีม หมายความว่าถ้าไม่ได้เล่นในมหาวิทยาลัย ก็แทบไม่มีสิทธิ์เข้าลีก NFL
– ส่วนครอบครัวทูฮี บอกได้ว่ามีฐานะ ฌอน สามี และลีห์แอน ภรรยา เคยซื้อแฟรนไชส์ร้านดังอย่าง KFC, Pizza Hut มาเปิดในรัฐเทนเนสซีรวมกว่า 115 สาขา และก็ทำการกุศลหลายแห่ง ทั้งคู่มีลูกด้วยกันสองคน
– กระทั่งครอบครัวทูฮีได้มาเจอ ออร์ และเกิดเรื่องราวขึ้นคล้ายๆ กับในหนัง จนอุปการะออร์มาเป็นลูกบุญธรรม และสนับสนุนจ้างติวเตอร์ให้ออร์จนเรียนจบได้สำเร็จ และต่อมาออร์ได้เลือกเข้ามหาวิทยาลัย Ole Miss ในปี 2005
– ออร์โชว์ฟอร์มได้ดีในทีมมหาวิทยาลัยตลอด 3 ปี จนในที่สุด ออร์ถูกดราฟต์เข้า NFL ในปี 2009 โดยทีม บัลติมอร์ เรเวนส์ ซึ่งเขาได้เซ็นสัญญา 5 ปี ด้วยเงินค่าจ้างสูงถึง 13.5 ล้านเหรียญ
– ย้อนกลับไปเมื่อปี 2006 ฌอน ทูฮี พ่อบุญธรรมของออร์ ได้ให้เพื่อนซี้ของเขา ไมเคิล ลูอิส เอาเรื่องของออร์มาเขียนหนังสือชื่อ “The Blind Side: Evolution of a Game” ก่อนที่หนังสือจะถูกซื้อลิขสิทธิ์เอามาทำเป็นหนัง โดยมีการรอดูว่าออร์จะได้เข้า NFL หรือไม่แล้วก็เข้าฉายปี 2009 ปีเดียวกับที่ออร์เข้า NFL
– หลังจากนั้นออร์ย้ายทีมอีก 2 ครั้ง ได้เงินจากสัญญารวมราว 35 ล้านเหรียญ ตีเป็นเงินไทยราว 1,200 ล้านบาท ก่อนเลิกเล่นไปเมื่อปี 2016 ตอนเขาอายุ 31 ปี
[ชีวิตจริง ที่ไม่จบสวยเหมือนในหนัง]
– 14 สิงหาคม 2023 ออร์ได้ยื่นฟ้องศาลขอตัดขาดกับครอบครัวทูฮี พร้อมเผยว่าเขาไม่เคยเป็นลูกบุญธรรมของครอบครัวทูฮีเลย
– เนื่องจากเอกสารที่ครอบครัวทูฮีให้เขาเซ็นตอนเด็ก เขานึกว่าเป็นเอกสารรับเขาเป็นลูกบุญธรรม แต่ที่จริงเป็นเอกสารดูแลสิทธิ์การเงินของเขา ซึ่งตอนนั้นเขาเซ็นไปตามที่ถูกบอกให้เซ็น
– ออร์บอกอีกว่าเขาไม่ได้เงินจากลิขสิทธิ์หนัง The Blind Side เลย เพราะครอบครัวทูฮีมีสิทธิ์จัดการทั้งหมด พร้อมเผยเงินสัญญาที่ครอบครัวทูฮีเซ็นตอนนั้นคือเงิน 225,000 เหรียญ (ราว 7.9 ล้านบาท) บวก 2.5% จากรายได้หนัง
– ซึ่งหนังเรื่องนี้ทำเงินไปสูงกว่า 300 ล้านเหรียญ หมายความว่าครอบครัวทูฮีจะได้เพิ่มมาอีกถึง 7.5 ล้านเหรียญ (ราว 264 ล้านบาท)
– หลังมีข่าวออกมา ฌอน ทูฮี ออกมาบอกว่าทางเขาและภรรยาก็ไม่ได้เงินจากหนังเป็นกอบเป็นกำเช่นกัน ระบุว่าทุกคนในครอบครัวได้ไปคนละ 14,000 เหรียญ (ราว 490,000 บาท) รวมถึงออร์ด้วย
– ด้าน ไมเคิล ลูอิส เพื่อนซี้ของฌอนที่เป็นเจ้าของสิทธิ์นิยาย ก็บอกว่านอกจากค่ายหนังแล้ว ไม่ได้มีใครเห็นเงินหลักล้านเลย พร้อมบอกว่าทุกคนควรโกรธระบบของฮอลลีวูด เพราะนี่เป็นระบบการเงินแบบฮอลลีวูด และแนะให้ออร์ไปร่วมประท้วงกับนักเขียนบทที่กำลังประท้วงเรื่องค่าจ้างตอนนี้
– ส่วนเรื่องเงิน ลูอิสบอกว่าเขาและครอบครัวทูฮีน่าจะได้มาประมาณคนละ 350,000 เหรียญ หรือราวๆ 12.3 ล้านบาท (ไม่ระบุว่าออร์ได้หรือไม่)
– ล่าสุดทนายของครอบครัวทูฮีเผยว่า ไม่ได้ให้ออร์เซ็นเอกสารเป็นลูกบุญธรรมจริง เพราะมองว่าถึงเซ็นหรือไม่เซ็นก็ไม่ได้แตกต่างอะไร เพราะครอบครัวก็เลี้ยงดูออร์เหมือนเป็นลูกคนหนึ่ง
– ทนายยังบอกอีกว่าทางครอบครัวทูฮีได้เงินจากหนังมาก้อนหนึ่งและแบ่งให้เท่ากัน 5 คนรวมออร์ ซึ่งอยู่ที่ประมาณคนละ 100,000 เหรียญ และยืนยันว่าครอบครัวไม่ได้ยุ่งการเงินของออร์เลย เพราะเขามีเอเยนต์ของตัวเอง ทำสัญญากับแบรนด์ก็ทำด้วยตัวเอง ได้เงินเข้าตัวเอง
– หลังเรื่องนี้เป็นข่าวดัง ก็มีทฤษฏีว่าหรือครอบครัวทูฮี จะมองว่าออร์เป็นนักกีฬาที่เก่งจนอนาคตจะสามารถทำเงินมหาศาลได้ จึงรับมาเป็นลูก เพราะทั้งคู่ก็เป็นนักธุรกิจอยู่แล้ว?
– ขณะที่อีกฝั่งก็มองว่า หรือออร์เองที่เงินใกล้หมด เลยหาช่องโหว่ฟ้องเรียกเงินจากพ่อแม่บุญธรรมซะเลย เพราะนักกีฬาที่เลิกเล่นก็ไม่สามารถหาเงินก้อนใหญ่ได้เหมือนเดิมแล้ว?
– ไม่มีใครรู้ว่าความจริงของเรื่องนี้เป็นอย่างไร แต่ก็แสดงให้เห็นครับว่า ถึงแม้ในหนังจะจบแบบแฮปปี้ แต่ชีวิตจริงของพวกเขากลับไม่ได้ออกมาสวยงามแบบนั้น…
ที่มา :
– https://www.usatoday.com/story/entertainment/movies/2023/08/16/the-blind-side-movie-controversy-michael-oher/70603312007/
– https://www.foxnews.com/sports/ex-nfl-player-michael-oher-inspiration-blind-side-says-he-was-never-adopted-family
– https://people.com/blind-side-real-life-parents-leigh-anne-sean-tuohy-spotted-first-time-amid-claims-faked-michael-oher-adoption-7693289