ตอนนี้หลายคนกำลังปวดตับกับฉากจบของเรื่อง Attack on Titan กันอยู่
กลับกันผมเพิ่งจะได้เข้าสู่โลกของ Frieren ครับ และอยากจะบอกว่า “มัวแต่ทำอะไรอยู่ ทำไมถึงเพิ่งมาเริ่มดูเอาตอนนี้”…มันดียังไง? เดี๋ยวจะเล่าให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันครับ
– เกี่ยวกับ Frieren
Frieren หรือชื่อไทย “คำอธิษฐานในวันที่จากลา” เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกแฟนตาซีแห่งหนึ่ง เล่าผ่านประสบการณ์มุมมองของเอลฟ์หญิงที่ชื่อว่า Frieren (ฟรีเรน) ซึ่งเอลฟ์ในโลกนี้จะเป็นเผ่าพันธุ์ที่หายากและมีชีวิตยืนยาวมาก ๆ
ในช่วงหนึ่งฟรีเรน ได้มีโอกาสไปร่วมปาร์ตี้กับเหล่าผู้กล้า ไปปราบจอมมารเพื่อกอบกู้โลก ในที่สุดพวกเขาก็ทำสำเร็จโดยใช้เวลาไปทั้งหมด 10 ปี
(ตรงนี้มันไม่ใช่สปอยล์นะ แต่ตามคอนเซปต์ของเรื่องนี้มันจะเป็นการเล่าเรื่องราวประมาณว่า หลังจากกอบกู้โลกเสร็จแล้วจะเป็นยังไงต่อ? แล้วเขาก็จะเล่าผ่านมุมมองของฟรีเรนที่เป็นเอลฟ์อายุยืนยาวนั่นเองฮะ)
จนเวลาล่วงเลยผ่านไปปรากฏว่าเหล่าสมาชิกปาร์ตี้ ที่ไปร่วมปราบจอมมารด้วยกัน ก็ค่อย ๆ อายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ฟรีเรนยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลย
ในมุมมองของผู้กล้าคนอื่น ฟรีเรนก็ถือเป็นเพื่อนคนสำคัญ ที่ร่วมเดินทางด้วยกันตั้ง 10 ปี แต่กับฟรีเรนที่เป็นเอลฟ์ กลับมีมุมมองที่ไม่เหมือนกัน เพราะมีเวลาเหลือเฟือ จึงไม่ได้ใส่ใจคนรอบข้างมากนัก
ต่อมาสมาชิกในปาร์ตี้ก็เริ่มล้มหายตายจากไป ทำให้ฟรีเรนฉุกคิดได้ว่า “ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ทันได้รู้จักพวกเขาเลย” ก็เลยตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าอยากจะลองใส่ใจกับคนรอบข้างดู เพื่อทำความรู้จักกับมนุษย์ให้มากขึ้น
เรื่องราวก็จะเล่าต่อจากนี้ครับ ส่วนจะเป็นยังไง ก็เอ่อ ไปดูต่อเองละกันนะครับ….
– ความรู้สึกหลังดูไปได้ประมาณ 4 ตอน (ดูได้วันละ 2 ตอน เพราะแสบตาเกิน ร้องไห้ทุกตอน)
บอกไว้ก่อนเลยว่าก่อนดูเตรียมทิชชูเผื่อด้วย เอาไว้ซับน้ำตา แต่มันไม่ได้ร้องไห้เพราะปวดตับเหมือนกับ AOT นะ เป็นฟีลแบบ “ความเจ็บปวดที่งดงาม” ซะมากกว่า
เพราะการ์ตูนเรื่องนี้เหมือนจะพยายามบอกเราว่า ให้ใส่ใจคนรอบข้างในตอนที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ครับ เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเขาจะจากไปตอนไหน และพอมารู้ทีหลังว่าเรายังรู้จักพวกเขาได้ไม่ดีพอเลย มันก็สายไปเสียแล้ว
การเอามุมมองเรื่องเวลาที่แตกต่างกันระหว่างเอลฟ์ กับมนุษย์มาเล่า ก็เป็นการเปรียบเปรยถึงชีวิตคนเราได้อย่างแนบเนียนจริง ๆ
ฟรีเรนเป็นเอลฟ์ที่มีชีวิตยืนยาว “เวลา” กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีค่าอะไร เพราะต่อให้ผ่านไปเป็น 50 ปี 100 ปีก็ไม่ต่างกัน เพราะเธอยังเหลือเวลาใช้ชีวิตอยู่บนโลกอีกหลายปี ไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับคนรอบข้างมากนักเพราะต่อให้รู้จักกันเป็น 10-20 ปี ในสายตาของฟรีเรนมันก็คือเวลาแค่เศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้นเอง
สำหรับผู้กล้าฮิมเมลที่เป็นมนุษย์ กลับมองว่าฟรีเรนเป็นเพื่อนคนสำคัญ เพราะเวลาที่รู้จักกัน 10 ปี มันก็ถือเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกว่ายาวนานมาก ๆ แล้ว จนกลายเป็นสายสัมพันธ์ที่ตัดกันไม่ขาด
พอเอามาเปรียบเทียบกับชีวิตจริง ก็เหมือนกับตัวเราเองเป็นฟรีเรน ที่ยังเหลือเวลาใช้ชีวิตบนโลกนี้อีกนานและมีเรื่องอื่นที่อาจจะดึงความสนใจไปได้มากกว่า
ส่วนผู้กล้าฮิมเมล หรือสมาชิกในปาร์ตี้คนอื่น ๆ ที่เป็นมนุษย์ก็คือพ่อแม่ หรือปู่ย่าที่เหลือเวลาชีวิตอยู่บนโลกนี้น้อยลงไปเรื่อย ๆ
เวลาไปเยี่ยม หรือโทรหาพวกเขาก็จะรู้สึกดีใจ มีความสุขทุกครั้ง เพราะสำหรับพวกเขาแล้วเราก็คือคนสำคัญนั่นเอง
มันก็เลยตกผลึกในหัวของผมว่า “เวลา” ในมุมมองของคนหนุ่มสาว กับคนสูงอายุมันไม่เหมือนกัน อาจจะมีช่วงที่เรากำลังให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิต หรือไล่ตามความฝัน ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวด้วย เพราะถ้าวันหนึ่งพวกเขาจากไปเราก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว
– สรุป
Frieren เป็นอนิเมะที่มีเนื้อหาที่โคตรจะฮีลใจ และแฝงข้อคิดเกี่ยวกับชีวิตเอาไว้อย่างแยบคาย ส่วนเรื่องงานภาพก็ขอบอกเลยว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะตอนแรกฉากดาวตกนี่ผมถึงกับขนลุก
เพลงประกอบก็สุดยอดไม่แพ้กัน โดยเพราะเพลงปิด ตอนแรกฟังว่าเพราะแล้ว แต่พอไปเปิดดูเนื้อหาเพลงโอ้โห น้ำตาแตกไปอี๊กกกกกกกกก
สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากรับชม ก็สามารถหาดูได้ใน Netflix ครับ ตอนล่าสุดถึงตอนที่ 9 (ยังไม่จบนะ)
เรียบเรียงโดย #เหมียวหง่าว