เรื่องเซ็กส์ถือเป็นเรื่องสำคัญของคู่รัก แต่จัดบ่อยไปก็อาจจะไม่ดี หรือน้อยไป ก็ไม่ดีต่อความสัมพันธ์เหมือนกัน แนะนำให้เดินทางสายกลางดีกว่าเนอะ
เมื่อไม่นานมานี้ หญิงสาวรายหนึ่งระบายความในใจผ่านโซเชียลว่า แฟนของเธอเปลี่ยนไป หลังจากคบกันได้ 3 ปี คือ เขามีเซ็กส์กับเธอแค่ 2 สัปดาห์ครั้งเท่านั้น
ตอนแรกชาวเน็ตก็รู้สึกเห็นใจ เพราะมองว่ามันน้อยเกินไป เมื่อหญิงสาวเปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ เธอกับแฟนมีอะไรกันวันละ 6 ครั้งเลยทีเดียว
ทำเอาชาวเน็ตย้ายทีมแทบไม่ทัน พร้อมกับแซวว่า “ตอนนี้แฟนคุณยังมีชีวิตอยู่มั้ยอ่า?”
หญิงสาวเล่าเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่วันแรกที่คบกัน เธอเป็นฝ่ายรุกก่อน โดยอ้อนจนเขายอมมีอะไรด้วย จากนั้นทั้งคู่ก็จัดกิจกรรมบนเตียงกันบ่อยๆ
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ แต่หญิงสาวบอกว่า บางวันเธอปลุกแฟนหนุ่มแต่เช้าตรู่ เพื่อขอให้มีเซ็กส์ บางครั้งก็จัดก่อนนอน
ยิ่งถ้าเป็นวันหยุดแล้วละก็ ไม่ต้องทำอย่างอื่นเลย นอกจากกิจกรรมบนเตียง ซึ่งเธอสามารถมีอะไรกับเขาได้มากถึง 6 ครั้งต่อวันเลยทีเดียว
แต่ทุกครั้งที่มีอะไรกัน มักจะเป็นฝ่ายหญิงฝ่ายเดียวที่มีอารมณ์ และอยากจัด ส่วนแฟนหนุ่มก็แค่ทำตามความต้องการของเธอ
จนพักหลังๆ หญิงสาวเริ่มรู้สึกว่าแฟนหนุ่มเปลี่ยนไป เพราะเขาไม่ยอมมีอะไรกับเธอทุกครั้งที่เธอต้องการ เขากล้าที่จะปฏิเสธเธอ จนทำให้กิจกรรมบนเตียงของทั้งคู่น้อยลงไปเรื่อยๆ
เธอบอกว่า ครั้งล่าสุดที่เรามีอะไรกัน คือ 2 สัปดาห์ที่แล้ว
เรื่องนี้หญิงสาวมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ และเธอก็กลุ้มใจมาก จนคิดว่าจะเลิกกับเขาดีมั้ย
ด้านชาวเน็ต หลังจากได้อ่านเรื่องราวของเธอ ต่างคอมเมนต์ในทำนองเดียวกัน เช่น
“ความต้องการของเธอ มันช่างโหดร้ายกับแฟนหนุ่มจริง”
“เธอติดเซ็กส์หรือเปล่าเนี่ย ทำไมไม่ทำอย่างอื่นบ้าง นอกจากเรื่องเซ็กส์”
“วันหยุด แต่ให้แฟนจัดหนักถึง 6 ครั้ง แฟนคุณจะตายเอาได้นะ”
บางคนถึงขั้นแนะนำให้เธอไปปรึกษาหมอ เพราะความต้องการของเธอมันมากเกินไป
แล้วเพื่อนๆ ล่ะ คิดว่าการที่แฟนหนุ่มลดกิจกรรมบนเตียงจากวันละ 6 ครั้ง เป็น 2 สัปดาห์ครั้ง มันน้อยเกินไปมั้ย หรือหญิงสาวเองที่มีความต้องการมากเกินไป?
ที่มา 靠北男友2.0, appledaily, ettoday