อ่ะ ไหน ๆ ก็เสียเงินซื้อ Diablo IV มาเล่นแล้ว แถมยังซื้อแบบ Deluxe Edition ได้เล่นล่วงหน้ามาตั้ง 4 วัน
ก็เลยอยากจะมาเขียนรีวิวบอกเพื่อน ๆ หลายคนที่กำลังลังเลใจอยู่ว่าจะซื้อแบบ Standard มาเล่นดีหรือไม่? เพราะเอาจริง ๆ ราคาเกมมันก็ไม่ใช่ถูก ๆ ล่ะนะ
ด้วยความที่ผมเป็นแฟนตัวยงเกมนี้ เล่นมาตั้งแต่ภาคแรก ภาค 2 ภาค 3 ไม่เคยพลาด เลยอยากจะมาเล่าถึงความรู้สึกในมุมของแฟนเกม ว่าคุ้มมั้ยกับราคานี้? และแฟนเกมหน้าใหม่ควรจะกดมาเล่นดีมั้ย? ไปติดตามชมกันได้เลยครับ
– เกม Diablo IV
อันนี้สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นมาก่อน ก็จะแนะนำว่าเป็นเกมแนว RPG Hack and Slash ไล่ฟันปิศาจมุมมองจากด้านบน
ซึ่งโลกมนุษย์เราเนี่ยดำเนินอยู่บนความขัดแย้งของสงครามระหว่างปิศาจจากนรก และเทพจากสวรรค์ พอเกิดสงครามขึ้นมนุษย์ก็จะได้รับกรรมไปเต็ม ๆ
เราจะได้รับบทบาทเป็นนักเดินทางที่ต้องมาทำหน้าที่หยุดยั้งความฉิบหายวายป่วง ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการกระทำบางอย่างของทั้งสองฝ่าย (เอาง่าย ๆ ก็เป็นเหมือนเครื่องมือในการทำสงครามนี่แหละฮะ)
ส่วนที่ว่าจะต้องทำยังไง? จะหยุดยั้งได้มั้ย? ก็ไปติดตามต่อกันเอาเองในเกมก็แล้วกันฮะ…
– สิ่งที่ชอบ
1. ฉาก Cinematic ของ Blizzard ที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมเหมือนเคย เหมือนเราเสียเงินหลัก 2,000 บาท เพื่อมานั่งดูหนัง 1 เรื่อง แบบฟิน ๆ
2. ระบบเกมเปลี่ยนเป็นแบบ Open World การผจญภัยในโลกกว้างบนแผนที่อันกว้างใหญ่ ไม่ต้องเข้าวาร์ปเพื่อโหลดข้ามแผนที่เหมือนกับภาคก่อนหน้า
3. การสร้างตัวละครมีความหลากหลายขึ้น ปรับเพศ-หน้าตา ได้ตรงตามใจของผู้เล่นมากขึ้น
4. Progression ของตัวละคร มีความหลากหลายขึ้น เช่น การทำของสวมใส่ การอัปสกิลที่มีความหลากหลาย สามารถสร้าง Build ที่ชอบได้เยอะตามความชอบของแต่ละคน สร้างคอมโบได้เอง (ตรงนี้สนุกดี)
5. ด้วยความที่กราฟิกมันยกระดับจากภาคเดิมเมื่อ 10 ปีก่อน ทำให้รายละเอียดชุด ของสวมใส่ต่าง ๆ มันดูสวยงามมากขึ้น แถมยังมีระบบชุดคลุมที่เลือกได้อย่างอิสระ แต่ผลของชุดสวมใส่ยังเป็นของที่เราสวมอยู่ฮะ
6. นอกจากเนื้อเรื่องหลัก แล้วยังมีเควสรองที่มีเนื้อเรื่องเป็นของตัวเองให้เราได้เสพระหว่างทางด้วย ซึ่งมันสนุกมาก จนถึงตอนนี้ผมยังเล่นเนื้อเรื่องหลักไม่จบเลย
7. ระบบเอนด์เกม (หลังเนื้อเรื่องจบ) มีทางเลือกให้ทำหลากหลาย ซึ่งรอบนี้มาแปลก คือเพิ่มระบบ PVP เข้ามาด้วย!!
8. เวลาเราเล่นเนี่ย ความรู้สึกมันจะคล้าย ๆ กับเกม MMORPG เลย คือ ตอนที่อยู่ในเมือง หรือเดินข้ามแมพฯ อีเวนท์ต่าง ๆ จะมีผู้เล่นคนอื่นโผล่มาให้เห็น หรือร่วมแจมอีเว้นท์นั้น ๆ ด้วย
9. มีคอนเทนต์ที่เอาไว้ทำร่วมกันกับผู้เล่นคนอื่นอย่างเช่น อีเวนท์ตามแมพฯ ต่าง ๆ และเวิลด์บอส ที่จะเกิดเป็นเวลา
10. ระบบการจัดปาร์ตี้เล่นกับเพื่อน ทำได้ง่ายขึ้น และที่แจ่มไปเลยก็คือมีระบบปรับเลเวลของผู้เล่นให้เข้ากับมอนสเตอร์ ทำให้เวลาเล่นด้วยกันไม่ต้องรอให้เลเวลเท่ากันถึงจะเล่นด้วยกันได้
– สิ่งที่ไม่ชอบ
1. บางช่วงตัวเกมจะมีอาการเหมือนโดนดึงขา หรือไม่ก็กระตุกนิด ๆ แรก ๆ เจอไม่บ่อย แต่พอมอนสเตอร์โผล่มาเยอะ ๆ ในช่วงหลัง ๆ เนี่ย เป็นบ่อยมากกกกกกก
2. เวลาที่เราเล่นจบ 1 รอบ พอจะสร้างตัวใหม่มาเล่นจะมีระบบข้ามเนื้อเรื่องให้เลย แต่แผนที่ดันยังเป็นหมอกอยู่ แทนที่จะไปทำคอนเทนต์ต่าง ๆ ต่อได้เลย ต้องมาเปิดแผนที่ใหม่อีก (อันนี้คนบ่นกันเยอะมากในคอมมู)
3. ระบบ PVP มันเจ๋งก็จริง แต่ความน่าสนใจมันยังน้อยอยู่ ประมาณว่าต้องหาแรงจูงใจให้คนเข้าไปเล่นกันมากกว่านี้
4. ก็เหมือนที่หลาย ๆ คนบ่น คือ ราคาแพงนี่แหละ นี่ยังไม่รวมชุดแฟชันต่าง ๆ ที่เอามาขายในเกมด้วยนะ ราคาหลัก 30 เหรียญฯ (ประมาณ 1,000 บาท) ซื้อเกมมาก็ 90 เหรียญฯ (3,000 กว่าบาท) แล้ว จะให้ไปซื้อชุดแฟชันในเกมอีกเป็นพัน บ้าไปแล้ว!!
สรุป : ก็คือถ้าคุณเป็นแฟนเกม Diablo เดนตายแบบผมแล้ว ก็ซื้อเถอะครับ แค่ดูฉาก Cinematic ก็ฟินแล้ว เสพเนื้อเรื่องยาว ๆ ทั้งจากเควสหลักเควสรอง ถ้าทำหมดก็น่าจะมี 60-70 ชั่วโมงละ
แถมยังมีคอนเทนต์ End Game ให้เล่นกับเพื่อน และผู้เล่นคนอื่นแบบยาว ๆ ยังไงก็คุ้ม!!
ส่วนคนที่ไม่เคยเล่น และมีความสนใจอยากจะลองดู ก็ลองซื้อแบบ Standard มาเล่นดูฮะ ราคาอาจจะแรงมาก แต่เอาเถอะน่าซื้อมาดูฉาก มาดูงานอาร์ต มาดูเนื้อเรื่อง แถมยังมีระบบเอนด์เกมที่ออกแนว MMORPG ให้เล่นกันยาว ๆ อีก อยากให้ลองเปิดใจดูครับ
สำหรับท่านใดที่สนใจ ตอนนี้ Diablo IV เปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการแล้ว ก็สามารถเข้าไปซื้อกันได้ที่นี่เลย : https://us.shop.battle.net/en-us/product/diablo-iv
เรียบเรียงโดย #เหมียวหง่าว