ช่วงนี้ถ้าพูดถึงคนมีความสามารถพิเศษในการ “เชื่อมจิต” หลายคนอาจจะคิดถึง “อาจารย์น้องไนซ์” ที่อวดอ้างว่าตัวเองสามารถเชื่อมจิตกับผู้อื่นได้
แต่บอกเลยว่าระดับการเชื่อมจิตมันมีหลายขั้นครับ สำหรับท่านอาจารย์น้องไนซ์ เท่าที่ตามอ่านดูก็พบว่าอยู่ในขั้นที่ “สื่อสาร” เพื่อพูดคุย สอนธรรมะกันได้เท่านั้น หรือบางส่วนอาจจะเห็นภาพเป็นแสง ๆ
และเพื่อน ๆ ทราบไหมครับว่าบนโลกของเรา จริง ๆ แล้วมี “นักเชื่อมจิต” อีกคนหนึ่ง ที่มีความสามารถจนถึงขั้นสามารถ “ควบคุม” ให้คนสามารถทำตามคำสั่งได้ด้วย และความเคียดแค้นของเขาก็ทำให้เกิดสงครามครั้งใหญ่เลยทีเดียว
บุคคลที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้เป็นชาวรัสเซียที่มีชื่อว่า “ยูริ” เคยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับ อเล็กซานเดอร์ โรมานอฟ ผู้นำโซเวียตมาก่อน
ซึ่งหลายคนก็เชื่อว่าจริง ๆ แล้วผู้นำที่อยู่เบื้องหลังการปกครองโซเวียตตัวจริงก็คือนายยูริคนนี้นี่แหละ ส่วนโรมานอฟ ก็เป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น จนทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงต่าง ๆ ขึ้นกับโลกของเรา…
จริง ๆ ครอบครัวของยูริเป็นชาวโรมาเนียมาก่อนครับ แต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขาเข้ามาร่วมโปรเจกต์ลับของวลาดิเมียร์ เลนิน เพื่อสร้างกองทัพที่น่าสะพรึงกลัว แต่ก็ยังไม่ทันได้ใช้งาน สงครามดันจบลงซะก่อน
แต่ความทะเยอทะยานของยูริ ก็ไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้นครับ เพราะภายหลังตัวเขาได้ไปเข้าร่วมกับโรมานอฟ ผู้นำของโซเวียตที่มารับช่วงต่อจากสตาลิน
จากนั้นก็ทำการทดลองและพัฒนาเทคโนโลยี ที่ทำให้พลังพิเศษของเขา ก็คือ “การเชื่อมจิต” สามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวางและไม่มีขีดจำกัด
พลังเชื่อมจิตของยูรินั้นเป็นอะไรที่แข็งแกร่งมาก เพราะสามารถควบคุมคนให้ทำตามคำสั่งได้ตามใจนึก ภายหลังที่โซเวียตพัฒนาเทคโนโลยี กลายเป็นเครื่องมือที่สามารถกระจายคลื่นสมอง ที่จะทำให้เขาสามารถขยายวงในการเชื่อมจิตได้ ก็ทำให้โซเวียตกลับมาผงาดอีกครั้ง
พวกเขาควบคุมผู้คน ทั้งทหาร และบุคคลระดับสูง จนสามารถบุกยึดอเมริกาได้
แต่ภายหลังดูเหมือนว่าทางฝั่งโซเวียตเองก็เริ่มไม่ไว้ใจยูริ จนต้องคิดแผนมากำจัดเขา ทำให้เกิดสงครามภายในขึ้น ยูริเองก็โกรธมากเลยหายตัวไปจากหน้าประวัติศาสตร์อยู่ช่วงหนึ่งเพื่อสร้างกองทัพเป็นของตัวเองจากเทคโนโลยีการโคลนนิง รวมไปถึงการเชื่อมจิตบังคับผู้คน และก็กลับมาเพื่อล้างแค้น ประกาศเป็นศัตรูกับโลกทั้งใบ
เขาบอกว่า “โลกใบนี้ จะกลายเป็นของข้า ข้ามาเพื่อยึดครอง และบงการมัน”
อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายนักที่ยูริทำไม่สำเร็จครับ จากการร่วมมือของคนทั้งโลก ยูริถูกส่งกลับไปยังยุคอดีตอันไกลโพ้น ยุคที่เต็มไปด้วยไดโนเสาร์นู่นเลย ด้วยเครื่องไทม์แมชชีน และก็จบชีวิตลงเพราะถูกไดโนเสาร์ฆ่าตาย
หนึ่งสิ่งที่ยูริพูดถึงการเชื่อมจิตเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจก็คือ “สมองของมนุษย์ ก็เป็นเหมือนกล่องแพนโดรา ที่เต็มไปด้วยคลื่นไฟฟ้า ซึ่งเราสามารถทำความเข้าใจมันได้แล้ว”
“สมองส่วนใหญ่มีหน้าที่เป็น ‘ตัวรับสัญญาณเท่านั้น’ แต่สำหรับสมองของบางคนมันซับซ้อนกว่านั้น เพราะมีความสามารถในการส่งสัญญาณเข้าไปควบคุมคลื่นไฟฟ้าพวกนั้นได้ด้วย”
ว่าแล้วก็ขอตัวก่อนนะครับ เมื่อกี้เพิ่งอ่านหนังสือเกมมาอารมณ์มันเลยค้าง ตอนนี้แม่เรียกไปกินข้าวละ
เรียบเรียงโดย #เหมียวหง่าว