Boston Marathon คือหนึ่งในงานมาราธอนที่ดีที่สุดในโลก โดยงานนี้ได้เริ่มจัดมาตั้งแต่ปี 1897 หรือ 126 ปีที่แล้ว ทำให้ปัจจุบันเป็นงานที่คนชอบวิ่งมาราธอนทุกคนต่างก็ใฝ่ฝันที่จะได้ไปเข้าร่วม
แต่เพื่อนๆ รู้กันไหมว่าสมัยก่อนผู้หญิงถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วมงานวิ่งมาราธอนจากสมาคมกรีฑา เพราะเชื่อว่าการวิ่งระยะยาวจะทำให้ระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิงเสียหาย แถมมองว่าผู้หญิงคงมาทำสิ่งที่ต้องใช้ร่างกายและความอดทนสูงแบบนี้ไม่ได้
จนกระทั่งในปี 1967 ได้มีผู้หญิงคนแรกเข้าร่วมแข่งใน Boston Marathon เธอชื่อว่า ‘แคทเธอรีน สวิตเชอร์’ ที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดภาพระดับตำนานขึ้น
เรื่องของเรื่องคือ แคทเธอรีน เป็นคนที่ชอบวิ่งและเล่นกีฬามาตั้งแต่อายุ 12 ปี กระทั่งพอโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่นเธอได้คบกับแฟนหนุ่มที่เป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล ทั้งคู่เลยชวนกันฝึกซ้อมวิ่งมาราธอน แล้วแคทเธอรีนก็ทำเวลาได้ดีด้วย
พอแคทเธอรีนอายุ 20 ปี ใปนี 1967 เธอตัดสินใจลงสมัคร Boston Marathon พร้อมกับ ‘โธมัส มิลเลอร์’ แฟนหนุ่มและโค้ชของเธอ ซึ่งก็ผ่านขั้นตอนสมัครมาได้ เพราะเธอสมัครในชื่อ K.V.Switzer ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงจากชื่อ แถมงานก็คิดว่ายังไงก็มีแต่ผู้ชายมาสมัครอยู่แล้ว
พอวันจริงมาถึง แคทเธอรีน ก็วิ่งอยู่ท่ามกลางผู้ชายมากมาย ซึ่งก็ทำให้คนดูและช่างกล้องฮือฮาเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงมาแข่งได้ นักข่าวถึงขั้นจับภาพเธอไปรายงานข่าวว่าปีนี้มีผู้หญิงมาแข่งด้วยเป็นครั้งแรก แล้วเวลาวิ่งผ่านกล้องช่างกล้องก็ขอให้เธอวิ่งช้าลงจะได้ถ่ายรูปเก็บไว้
แคทเธอรีน วิ่งไปกับแฟนหนุ่มและโค้ชโดยไม่สนใจอะไร จนกระทั่งได้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นประเด็นขึ้น
เมื่อ ‘จ๊อค แซมเปิล’ หนึ่งในผู้อำนวยการการแข่ง ได้วิ่งเข้าหาแคทเธอรีนตั้งใจจะดึงหมายเลขแข่งและลากเธอออกจากการแข่ง ระหว่างนั้นโค้ชและแฟนหนุ่มก็พยายามช่วยแคทเธอรีน
แล้วโธมัสก็แก้ปัญหาที่เจออยู่ด้วยการใช้ร่างกายนักกีฬาของเขาวิ่งชาร์จและบอดี้บล็อคใส่ จ๊อค มันซะเลย แคทเธอรีนจึงวิ่งต่อไป แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีใครมาพยายามห้ามเธออีก
แล้วเหตุการณ์ทั้งหมดที่ว่าไปก็ดันมาเกิดหน้าช่างกล้องด้วย ภาพจึงถูกถ่ายเก็บเอาไว้ก่อนกลายมาเป็นภาพระดับตำนานในเวลาต่อมา
สุดท้าย แคทเธอรีน วิ่งจบมาราธอนระยะทาง 42.195 กม. ด้วยเวลา 4 ชั่วโมง 20 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่ไม่เลวเลย
แต่หลังจากแข่งจบ ชื่อของสวิตเซอร์ก็ถูกเอาไปลงในหนังสือพิมพ์กลายเป็นดราม่าอยู่พอสมควรถึงการแหกกฎครั้งนี้
แคทเธอรีนบอกว่าหลังวิ่งจบเธอรู้เลยว่าชีวิตจะต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล แล้วมันก็กลายเป็นเรื่องจริง เพราะเธอได้เป็นตัวแทนของผู้หญิงบอกว่าผู้หญิงก็สามารถวิ่งมาราธอนได้
กระทั่ง 5 ปีต่อมา ในปี 1972 Boston Marathon ก็เปลี่ยนกฎให้ผู้หญิงสมัครได้เป็นครั้งแรก แคทเธอรีน จึงได้มาเป็นนักวิ่งมาราธอนอย่างจริงจัง
ผลงานของเธอก็ไม่ธรรมดา ในปี 1974 เธอคว้าอันดับ 1 ประเภทหญิงในการแข่ง New York City Marathon มาได้ ด้วยเวลา 3:07:29 ซึ่งนับเป็นลำดับ 59 จากทั้งหมดหากรวมผู้ชายด้วย (หมายความว่ามีผู้ชายอีกเป็นพันคนที่ช้ากว่าเธอ!)
และปี 1975 เธอก็ทำเวลาดีที่สุดของตัวเองใน Boston Marathon ด้วยเวลา 2:51:37 เป็นอันดับ 2 ประเภทหญิง
พออายุเริ่มเยอะขึ้น แคทเธอรีน ก็มีบทบาทเป็นทั้งพิธีกร นักเขียนและนักเคลื่อนไหวทางสังคม โดยเธอได้เอาเรื่องของตัวเองมาใช้เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทั่วโลกผ่านหนังสือและงานอีเวนต์ต่างๆ
เมื่อปี 2017 แคทเธอรีน ได้กลับมาลงแข่ง Boston Marathon อีกครั้งในวัย 70 ปี โดยใช้หมายเลขแข่งเดิมซึ่งก็คือ 261 แล้วก็ทำเวลาไปได้ 4 ชั่วโมง 44 นาที
หลังแข่งจบเธอกล่าวว่า ถ้าวันนั้นเธอหยุดวิ่งไป คงไม่มีใครเชื่อว่าผู้หญิงสามารถวิ่งมาราธอนได้ และไม่คู่ควรกับ Boston Marathon การกระทำของเธอในวันนั้นจึงทำให้ทั้งชีวิตของเธอและผู้หญิงอีกหลายคนได้เปลี่ยนไปตลอดกาลเลย
ที่มา
– https://youtu.be/fOGXvBAmTsY?si=5LlggT18Fi63u3P6
– https://kathrineswitzer.com/1967-boston-marathon-the-real-story/
– https://www.womenshealthmag.com/fitness/a19972882/kathrine-switzer-boston-marathon/