มันมีคำพูดมาตั้งแต่โบราณว่า “ความรักทำให้คนตาบอด”
เวลาเรารักใครต่อให้เขาจะร้ายกับเราแค่ไหน จะเป็นยังไง จะโกหก พูดอีกอย่างทำอีกอย่าง แต่สุดท้ายหลายครั้งเราก็ยังมักจะรักคนคนนั้นอยู่ดี
แต่เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมเราถึง “รัก” ใครสักคนหัวปักหัวปำได้ขนาดนี้ เพราะเรื่องนี้ทางวิทยาศาสตร์มีคำตอบ
นั่นเพราะเมื่อปี 2004 และ 2014 ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ก็เคยทำการทดลองวัดคลื่อนสมองของแม่เวลามองดูคนที่เธอรัก ลูกของเธอ และภาพสัตว์เลี้ยงดู ก่อนจะพบว่า
ความรักของคนนั้น จะไปกระตุ้นสมองหลายส่วน ซึ่งทำไปสู่การยับยั้งการทำงานของระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกที่ไม่ดีและการประเมินเชิงวิพากษ์ทางสังคม (Critical social assessment) ได้
ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ก็มักจะทำให้คนที่รักใครสักคนมักจะคำนึงถึงผลกระทบจากการกระทำของคนเหล่านั้นน้อยลง
แถมมันยังส่งผลในรูปแบบเดียวกันไม่ว่า “ความรัก” ที่ใช้ในการทดลองจะเป็น “ความรักของบิดามารดา” (จากการทดลองแม่ดูรูปลูก) “ความรักแบบโรแมนติก” (จากการทดลองแม่ดูรูปคนรัก) หรือแม้แต่ “ความรักสัตว์” ด้วย
ดังนั้น หากเราเห็นใครบางคนยังคงหลงใหลคนรักของตัวเองสุดใจแม้จะถูกทำร้าย หรือพ่อแม่ที่ยังคงยืนยันว่า “ลูกเป็นคนดี” แม้ลูกจะทำผิด
(รวมเรื่องหมาไปกัดคนแต่บอกหมาตัวเองน่ารักไม่ดุด้วยคงได้มั้ง)
มันก็คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่เราจะบอกว่าพฤติกรรมเช่นนี้ มาจาก “ความรักทำให้คนตาบอด” จริงๆ
#เหมียวศรัทธา x #เหมียวหง่าว
ที่มา : http://www.ucl.ac.uk/news/2004/feb/ucl-study-establishes-common-biological-ground-maternal-and-romantic-love-humans
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4184794/
http://news.bbc.co.uk/2/hi/health/3804545.stm
https://www.elitedaily.com/dating/love-is-blinding/984698