ได้มีชาวอเมริกันรายหนึ่งเล่าว่าเขาโดนเรียกสินสอดจากแฟนและครอบครัวของแฟนคนไทยจำนวน 1 ล้านบาท จึงมาตั้งกระทู้ถามว่าเขาควรทำยังไงต่อดี?
เป็นกระทู้ที่ถูกตั้งขึ้นวันนี้สดๆ ร้อนๆ เลยครับ โดยกระทู้นี้ถูกตั้งบนเว็บบอร์ด Reddit ห้อง r/ThailandTourism และ r/Bangkok หัวกระทู้ได้บอกว่า…
“เพิ่งโดนเรียกสินสอด 1 ล้านบาท จากคู่หมั้นและครอบครัวของเธอ พวกคุณมีข้อโต้แย้งอะไรให้ผมไปต่อหรือไม่? (แน่นอนว่าใจผมคือไม่อยากแต่งแล้ว) กรุณาอ่านเรื่องทั้งหมดก่อนตอบด้วย ขอบคุณครับ!”
ซึ่งในกระทู้เขาก็ได้เล่าสิ่งที่ตัวเองเจอมาเป็นข้อๆ ดังนี้ครับ
– หัวกระทู้เกริ่นว่าขอไม่ให้กลายเป็นกระทู้ที่ผู้ชายมาอวดกันว่าจ่ายสินสอดกันได้ต่ำขนาดไหน ขอเป็นคำแนะนำที่ใช้ได้จริง
– เขารักผู้หญิงคนนี้มาก ตัวเองเป็นอเมริกัน ส่วนเธอเป็นชาวตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดติดกับชายแดนลาว
– เขากับแฟนสาวกำลังไปได้สวยมาตลอด จนกระทั่งอาทิตย์ที่ผ่านมาที่เรื่องสินสอด 1 ล้านบาทถูกยกขึ้นมา
– ปัจจุบันแฟนสาวที่เป็นคู่หมั้นยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย และไม่น่าจะทำอาชีพที่สร้างรายได้ได้มากนักเมื่อเรียนจบมา
– แฟนสาวและพ่อแม่ของเธอเอาเรื่องสินสอดไปพูดกับคนอื่นในวงกว้างก่อนจะเอามาบอกกับเขา
– พ่อแม่ของแฟนสาวไม่ได้เป็นชาวนา แต่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งข้ามชายแดน เขาจึงเดาว่ามีฐานะเป็นชนชั้นกลางในพื้นที่
– แฟนสาวได้บอกว่าสินสอด 1 ล้านที่เรียกได้มันสมเหตุสมผลแล้ว และเป็นจำนวนที่จะเอามาโชว์บนจานพิธี และเป็นตัวเลขที่ต่อรองไม่ได้แล้ว
– พ่อแม่ของเธอเพิ่งมาบอกเมื่อคืนว่าครึ่งนึงของสินสอดจะมอบให้กับคู่หมั้นของเขาหลังเสร็จพิธี ส่วนอีกครึ่งหนึ่งพ่อแม่จะเก็บไว้จนกว่าคู่หมั้นของเขาจะต้องการมัน
– ตีเป็นเงินดอลลาร์ฯ ก็ราวๆ $28,000 และอาจถึง $30,000 เมื่อโดนค่าธรรมเนียมจากต่างประเทศ เพราะเขาไม่มีบัญชีธนาคารไทย
– ตอนนี้ในใจเขาคือไม่อยากแต่งแล้ว อยากเผ่นแน่บกลับบ้านเกิด คือใจนึงเขาก็ไม่อยากทำอะไรหุนหันพลันแล่น แต่อีกใจก็ไม่อยากถูกหลอกแล้วกลายเป็นคนโง่
– ต่อมาเจ้าของกระทู้มาอัปเดตว่าได้เจรจาว่าจะเอาเงิน/ทอง มูลค่า 1 ล้านมาวางโชว์ในพิธี แต่หลังเสร็จงานเขาจะต้องได้คืนทั้งหมด แต่พ่อแม่แฟนแจ้งว่าจะเก็บไว้ครึ่งนึง
– เขามีวีซ่าอยู่ไทยยาว แต่ในอีกสองอาทิตย์มีธุระต้องบินออกจากไทย เขาบอกว่าตอนนี้กำลังพิจารณาว่าจะกลับสหรัฐฯ และไม่กลับมาอีกแล้ว เพราะตอนนี้รู้สึกบั่นทอนมากๆ กับสถานการณ์ที่เจอ
– ชาว Reddit ส่วนใหญ่ก็มาคอมเมนต์กันว่าถ้าเขาไม่มีใจก็ไม่ควรจะแต่ง เพราะถ้ามันบั่นทอนจิตใจขนาดนี้ แต่งไปเดี๋ยวก็มีปัญหาอยู่ดี และมีมาบอกว่าถ้าไม่อยากจ่ายสินสอดก็บอกไปตรงๆ แล้วจะแต่งหรือไม่แต่งค่อยว่ากัน ไม่ควรหนีหายไปดื้อๆ เพราะมันจะทำให้ฝ่ายหญิงเสียความรู้สึก
– มีรายหนึ่งบอกว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่สินสอด แต่มันเป็นเรื่องของความคิดความอ่านของครอบครัวแฟน ซึ่งถ้าแต่งเขาก็ต้องอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกฝ่ายไปตลอดชีวิต
– ขณะที่มีรายหนึ่งมาคอมเมนต์มุมมองของฝั่งครอบครัวแฟนสาว ว่าครอบครัวก็คงอยากได้หลักประกันว่าลูกสาวจะได้รับการดูแลอย่างดี ไม่ใช่ว่าวันหนึ่งลูกสาวท้องขึ้นมาแล้วโดนแฟนต่างชาติทิ้งไป หรือแฟนต่างชาติกลายเป็นคนไม่เอาไหน เที่ยวผู้หญิงไปเรื่อย สินสอดมันคือเงินสำหรับความเสี่ยงนั่นเอง
– ท็อปคอมเมนต์ของกระทู้นี้บอกว่าเขาเป็นลูกครึ่งไทย/ออสซี่ มีแม่เป็นชาวอีสาน ก่อนบอกว่ามันกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้วว่าถ้าหากหญิงอีสานจะแต่งงานกับฝรั่ง ส่วนใหญ่จะอยากได้คนที่มีเงินเพื่อให้คุณภาพชีวิตของครอบครัวดีขึ้น สินสอดจึงเป็นเหมือนบททดสอบด่านแรก ก่อนปิดท้ายว่าถ้าเขาเจอสถานการณ์แบบนี้เขาก็ไม่แต่งเหมือนกัน เพราะไม่อยากต้องคอยดูแลทั้งฝ่ายหญิงและครอบครัวของเธอ
สำหรับประเด็นที่ชายสหรัฐฯ รายนี้มาตั้งกระทู้ที่เขาไม่โอเคกับระบบสินสอดของไทยจนอยากจะหนีไปนั้น เพื่อนๆ คิดเห็นอย่างไรกันบ้าง ก็มาแลกเปลี่ยนกันได้เลยครับ
กระทู้ต้นทาง https://www.reddit.com/r/ThailandTourism/comments/16ggfs2/just_got_hit_with_the_1000000_baht_sinsod_demand/