ก่อนหน้านี้ไม่นาน ได้มีประเด็นขึ้นมาในกลุ่มผู้ใช้ Netflix ครับ หลังจากเรื่อง 1899 ซีรีส์จากผู้สร้างเรื่อง DARK ได้ถูกแคนเซิลตัดจบไปอย่างสุดช็อก
ทำให้ 1899 กลายเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ถูก Netflix แคนเซิลต่อจากหลายเรื่อง เช่น Resident Evil, First Kill, Warrior Nun, The Midnight Club และ Blockbuster
แน่นอนว่าหลายเรื่องที่ถูกแคนเซิล อาจทำออกมาได้ไม่ดีนัก แต่สำหรับ 1899 หลายคนไม่คิดว่าจะไปไวขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้ DARK ทำออกมาได้ดีมาก
จนทำให้ล่าสุดเว็บนอกเขาได้ออกมาเปิดเผยเหตุผลเบื้องหลังการแคนเซิลซีรีส์ของ Netflix มาให้ได้รู้กันครับ
มีการระบุว่า Netflix จะดูที่ยอด ‘การดูจบ’ ของคนที่คลิกเข้ามาดู ถ้าเรื่องนั้นถึงมีคนคลิกเข้ามาดูเยอะ แต่ดูไม่จบตั้งแต่ต้นจนจบ Netflix ก็จะถือว่าเรื่องนั้นล้มเหลวครับ
มีการยกตัวอย่างยอดการดูจบซีรีส์ของปีที่แล้วมาให้ด้วยดังนี้
– เรื่อง Heartstopper อัตราดูจบ 73% ได้ไปต่อ
– เรื่อง The Lincoln Lawyer อัตราดูจบ 56% ได้ไปต่อ
– เรื่อง Resident Evil เคยติดท็อปฮิตอันดับ 1 แต่อัตราดูจบเพียง 45% ถูกแคนเซิล
– เรื่อง First Kill อัตราดูจบ 44% ถูกแคนเซิล
– เรื่อง Squid Game อัตราดูจบ 87% แน่นอนว่าประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามและได้ไปต่อ
– เรื่อง Arcane อัตราดูจบ 60% ได้ไปต่อ
– เรื่อง The Irregulars อัตราดูจบ 41% ถูกแคนเซิล
– Love Death and Robots อัตราดูจบ 67% ได้ไปต่อ
– ขณะที่ 1899 มีระบุว่าอัตราดูจบอยู่ที่ 32% และแน่นอนว่าไม่ได้ไปต่อ
จากข้อมูลเราจะเห็นได้ว่า การที่ Netflix จะแคนเซิลซีรีส์หรือไฟเขียวให้ไปต่อ เส้นแบ่งอัตราการดูจบจะอยู่ที่ราวๆ 50% นั่นเอง
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม Netflix ถึงแคนเซิลซีรีส์บางเรื่องที่หลายคนชื่นชอบ นั่นเป็นเพราะคุณอาจเป็นเพียง 30-40% ที่ชอบเรื่องดังกล่าว
ซึ่ง Netflix มองว่าไม่คุ้มที่จะออกทุนให้กับกลุ่มคน 30-40% ที่จะดูซีซั่นต่อนั่นเองครับ
ที่มา :
– https://www.unilad.com/film-and-tv/reason-why-netflix-cancelling-shows-968401-20230109