นับตั้งแต่ในอดีต นักวิทยาศาสตร์เคยเชื่อกันว่า “เปลวสุริยะ” หรือ “Solar flare” เป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังการที่ “ระดับรังสีของโลก” ถีบตัวขึ้นในบางช่วงยุค
แต่ล่าสุดนี้เองจากงานวิจัยใหม่ของมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ นักวิทยาศาสตร์กลับพบว่า การเพิ่มขึ้นของระดับรังสีของโลกที่กล่าวมานั้น จริงแล้วก็มีอยู่หลายครั้งที่อาจไม่ได้เกิดจาก Solar flare อย่างที่เราเคยคิด
นั่นหมายความว่าที่จริงแล้ว มันยังอาจมี “บางสิ่ง” ที่แผ่รังสีใส่โลกทุกๆ พันปี เพียงแต่เราไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็ได้ และเรื่องนี้ก็กำลังทำให้เหล่านักวิทยาศาสตร์กังวลกันพอสมควรเลย
“มันมีปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์สุดโต่งแบบหนึ่งที่เราไม่เข้าใจอยู่ข้างนอกนั่น และมันก็อาจเป็นอันตรายต่อเราได้ด้วย” คุณ Benjamin Pope นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์หนึ่งในทีมวิจัยระบุ
โดยนักวิทยาศาสตร์ทราบถึงความเป็นไปได้แปลกๆ นี้จากการตรวจสอบวงแหวนของต้นไม้เพื่อหาระดับการแผ่รังสีบนโลก ก่อนที่จะนำมันไปเทียบกับการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์
ซึ่งมันทำให้พวกเขา พบว่าในช่วง 10,000 ปีที่ผ่านมา เราจะมีการเพิ่มขึ้นของการแผ่รังสีบนโลก 6 ครั้ง ซึ่งไม่ตรงกับการแผ่รังสีใดๆ (ซึ่งเรียกว่า “Miyake events”) และแต่ละครั้งจะมีระยะห่างกันราวๆ พันกว่าปี
แน่นอนว่าในทางวิทยาศาสตร์ทีมวิจัยก็เชื่อว่าเหตุการณ์เช่นนี้คงไม่ได้จะเกิดจากสัตว์ประหลาดในอวกาศ แต่เป็นเพราะดาวดวงไหนสักดวงที่อยู่ห่างออกไปแผ่รังสีมายังโลก
หรือไม่ก็ดวงอาทิตย์ของเราอาจมีการแผ่รังสีแบบติดๆ กัน จนตรวจจับภายหลังได้ยาก คล้ายอาฟเตอร์ช็อกของแผ่นดินไหวก็ได้
ไม่ว่าจะเป็นทางไหนเหตุการณ์เช่นนี้ก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตข้างหน้า และหากการวิเคราะห์ของทีมวิจัยนี้ถูกต้อง มันก็จะมีโอกาสราวๆ 1% ได้ ที่มันจะเกิดขึ้นภายใน 10 ปีข้างหน้านี้เท่านั้นด้วย
ที่มา
royalsocietypublishing.org/doi/10.1098/rspa.2022.0497
futurism.com/the-byte/cosmic-storms-earth-radiation
www.abc.net.au/news/science/2022-10-26/extreme-miyake-radiation-events-tree-rings-solar-storms/101563738