Author:
-
รวมมุกจากแอดมินเพจ ‘KFC’ ตบส่งยิ่งกว่าสามช่า แถมตอบเฉียบจนกรามค้างทั้งโซเชียล
สำหรับองค์กรใหญ่ๆ แล้วการโต้ตอบกับลูกค้าหรือแฟนเพจถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถือว่าเป็นหน้าตาหรือตัวแทนขององค์กรเลยก็ว่าได้ และเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีข่าวประเด็นเกี่ยวกับแอดมินเพจๆ หนึ่งเกิดขึ้นเกี่ยวกับการตอบปัญหาที่ไม่เหมาะสม จนนำมาสู่การเป็นความฮือฮาทั้งกระแสโซเชียล แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเพจๆ หนึ่งที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับแฟนๆ มาได้โดยตลอด ซึ่งนั่นก็คือเพจแฟรนไชส์ไก่ทอด ‘KFC’ ที่ตบส่งมุกได้อย่างเมามันส์จนถูกใจใครหลายคน ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแอดมินเพจ KFC ใส่อะไรลงไปในไก่หรือเปล่าถึงทำให้อารมณ์ดีได้ตลอดเวลาขนาดนี้ และถ้ายังไม่เชื่อว่าฮาขนาดไหนล่ะก็ งั้นลองไปดูมุกเหล่านี้ที่มีชาวเน็ตส่งเข้าไปถามยังแอดมินเพจกันดีกว่า ว่าที่ผ่านมาแอดมินเพจนี้เค้ามีทีเด็ดกันขนาดไหน… ก็สิ้นเดือนอะเนอะ… อันนี้เฉียบสุดๆ มาแนวฉีก แหม่ แกได้ทุกแนวจริงๆ ตบนิ่งๆ แต่สะเทือนจนต้องมาตอบกลับ คืนความสุขจริงๆ ของเค้าดีจริงๆ ก็ไปสายเองอ่ะ มีการส่งแบบเนียนๆ ก็นึกว่าจะใจดี หนาซะยิ่งกว่าไก่… แล้วมาบอกไมเนี่ย เอ๊ะ ไอ้นี่ สุดท้ายแล้วไม่ว่ายังไงเพจนี้ก็รักและมอบความสุขให้กับทุกคนนะ ฮาครืน ฮาครืน.. ที่มา: #kfcเป็นเพจตลก,…
-
หนุ่มใส่สูทเดินถนน จู่ๆ เดินไปเตะหน้าคนไร้บ้านที่นอนข้างถนนแบบงงๆ แถมยังไร้สาเหตุอีก!!
เป็นความจริงที่ว่าคนที่มีเงินมากกว่า แต่งตัวดูดีมากกว่า อาจจะดูมีภาษีดีกว่าคนที่ไร้ซึ่งเงินทอง แต่ว่าใช่ว่าจะสามารถทำอะไรได้ตามแต่ใจตัวเองต้องการและไปสร้างความเดือดร้อนอย่างการทำร้ายร่างกายกับผู้อื่นได้ เหมือนกับชายคนนี้ที่แต่งตัวแสนจะดูดี แต่ว่าจู่ๆ กลับเดินไปเตะเข้าที่หน้าของคนไร้บ้านซะอย่างนั้น โดยเหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นที่เมืองซาน ฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อกล้องได้จับภาพของชายคนหนึ่งที่ตรงปรี่เข้าไปทำร้ายคนที่นอนอยู่ริมถนนได้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา ภาพจากกล้องได้แสดงให้เห็นว่าชายคนดังกล่าว คือคนที่สวมสูทสีน้ำเงินเข้มพร้อมกับใส่หมวกไหมพรมที่กำลังเดินข้ามไปยังย่าน Tenderloin และมุ่งหน้าลงไปยังทิศใต้ของถนน Leavenworth เหตุการณ์ก็ดำเนินไปอย่างปกติทุกอย่าง จนกระทั่งชายคนดังกล่าวได้เดินกลับมาที่ถนน Leavenworth อีกครั้งแล้วเตะเข้าที่หน้าของคนไร้บ้านที่นอนอยู่ริมถนน 2 ครั้งอย่างไม่มีสาเหตุหรือแรงกระตุ้นอะไรแต่อย่างใด ซึ่งชายไร้บ้านคนดังกล่าวก็นอนขดตัวลงด้วยความหวาดกลัว หลังจากนั้นชายใส่สูทคนนี้ก็ได้พูดอะไรบางอย่างกับเขาก็ไม่อาจทราบได้ แต่ที่รู้ๆ ก็คือเขาได้ทำร้ายร่างกายอย่างตั้งใจแถมยังไร้ที่มาด้วยว่าทำไมจู่ๆ ถึงเดินเข้าไปทำอย่างนั้น คลิปเหตุการณ์การทำร้ายร่างกายคนไร้บ้านครั้งนี้ ในตอนนี้ตำรวจกำลังความหาตัวผู้ต้องสงสัยคนนี้อยู่ พร้อมกับได้ตั้งข้อหาเอาไว้รอแล้วก็คือการทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง ซึ่งครั้งสุดท้ายที่เห็นเขาคนนี้ก็คือที่สถานีรถไฟใต้ดิน Civic Center BART ที่เขาใช้เป็นการหลบหนีนั่นเอง แต่ก็คาดไว้ว่าจะหาตัวได้ในเร็ววัน ก็ไม่น่าจะทำอย่างนี้นะ… ที่มา: dailymail, thesun
-
คนแปลกหน้าเจอดอกไม้วางไว้บนม้านั่ง สุดท้ายร้องไห้ตื้นตันจากโน๊ตที่เด็กหญิงแนบไว้!!
ว่ากันว่าคนเรานั้นต่างก็ต้องมีวันดีๆ และวันร้ายๆ เกิดขึ้นในชีวิตผสมปนเปกันได้อย่างไม่รู้วันจบ ซึ่งในวันที่ดีๆ ทุกอย่างเป็นใจเราก็อาจจะมีความสุข แต่สำหรับในวันแย่ๆ แล้วล่ะก็บางทีมันอาจจะทำให้เรารู้สึกหดหู่ หมดหวัง รวมถึงเบื่อหน่ายที่จะใช้ชีวิตต่อไปในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลใบนี้ ดังนั้นแล้วเรื่องของกำลังใจจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากจริงๆ ในวันเช่นนี้ โดยเราก็อาจจะได้รับจากครอบครัว พี่น้อง เพื่อนฝูงหรือคนรู้จัก แต่ใครจะไปคิดว่าคนแปลกหน้าก็สามารถมอบสิ่งนี้ให้กับเราได้เช่นเดียวกัน และที่สำคัญคือมันยังทำให้จิตใจของคนคนหนึ่งเปลี่ยนจากย่ำแย่ให้สดใสขึ้นในทันตาได้เลยด้วย… เรื่องราวที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้นี้เกิดขึ้นกับผู้ใช้งานเว็บไซต์ Reddit ชื่อว่า ktbluesnow โดยเธอเล่าว่ากำลังเดินไปโรงเรียน ตามปกติก็จะต้องมีการผ่านสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ทว่าในวันนี้มันกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปเพราะเธอได้ไปสะดุดตาเข้ากับดอกไม้ที่วางเอาไว้อยู่บนม้านั่งตัวหนึ่ง เมื่อเธอเดินเข้าไปสำรวจดอกไม้สีสวยดังกล่าวก็พบว่ามันยังมีกระดาษโน๊ตแผ่นหนึ่งวางเอาไว้ข้างๆ ด้วย และกระดาษใบนี้เองที่ได้เปลี่ยนให้โลกของเธอดูสดใสขึ้นราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงถ้อยคำง่ายๆ ที่มีความว่าดังนี้ก็ตาม “สวัสดีฉันชื่อว่า Luna ฉันทิ้งดอกไม้พร้อมกับกระดาษโน๊ตนี้ไว้เพื่อจะอยากบอกคุณว่า คุณเป็นคนที่พิเศษและโดดเด่นในสิ่งที่คุณเป็นเสมอมา อย่าลืมว่าเราเป็นเพียงแค่คนธรรมดาๆ คนหนึ่งดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่โอเคมากๆ ถ้าหากมีความผิดพลาดเกิดขึ้นบ้างในบางครั้ง ฉันเชื่อมาเสมอว่าแม้แต่คนที่เลวร้ายที่สุดก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ถ้าหากมีความพยายามที่มากพอและได้รับการช่วยเหลือจากคนที่พร้อมให้โอกาส ถึงแม้ว่าในวันนี้มันเป็นวันธรรมดาที่อากาศร้อนและไม่มีความพิเศษอย่างใด แต่ฉันก็อยากให้คุณ ‘คนแปลกหน้า’ คนที่เจอข้อความนี้ได้รู้ว่า คุณคือสิ่งที่งดงามที่สุดในสิ่งที่คุณเป็นเสมอ หวังว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีของคุณนะ” ข้อความง่ายๆ ไม่มีคำพูดที่อาจตีความยากนี้ อาจจะเปลี่ยนวันแย่ๆ ของใครบางคนให้กลายเป็นวันดีๆ ขึ้นมาได้ทันตาเห็นเลยใช่ไหมล่ะ และถ้าหากดูจากลายมือที่เขียนแล้วจะพอเดาได้ไม่ยากว่า Luna อาจจะเป็นเพียงเด็กเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สำคัญว่าอายุของเธอจริงๆ…
-
18 ภาพของวันแย่ๆ ที่ใครเจอก็อยากตะโกนกรีดร้องออกมา นี่มันจะอะไรกันนักกันหนา!!
เคยเป็นกันบ้างไหมบางครั้งบางเวลาที่อะไรมันไม่เป็นไปดั่งใจที่คิดเอาไว้ จนมันเหมือนกับว่าโชคชะตาได้กลั่นแกล้งให้เราต้องไม่มีความสุขหรือพบเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก และบางทีก็อาจจะมีนึกๆ บ้างในใจว่า พระเจ้า!! ชาติที่แล้วนี่ตูไปทำบาปอะไรไว้หรือเปล่าเนี่ย แต่ถึงอย่างนั้นก็อาจจะมีคนที่แย่กว่าคุณอย่างเช่นพวกเขาเหล่านี้ ที่ต้องบอกว่าเป็นวันที่เลวร้ายจริงๆ ซึ่งถ้าเราเป็นอย่างพวกเขาบ้างล่ะก็ ไม่แน่เหมือนกันนะว่าเราอาจจะต้องกรีดร้องเรียกขอความช่วยเหลือออกมาเป็นการด่วนเลยล่ะ ไม่นะ ม่ายย แล้วฉันจะทำอย่างไรต่อจากนี้ ถ้าหิวๆ นี่จะเป็นอะไรที่โลกแตกแบบสุดๆ ไปเลย คุณพระ ฉันเปล่าทำนะ เจออย่างนี้สงสัยต้องลดค่าเช่าให้แล้วล่ะ เสี่ยงจริงๆ เห็นเงาในตาฉันใช่ไหม ว่ากำลังจะบอกอะไร นี่ก็ดันแรงเกิ๊น ดันจนทะลุขึ้นมาแล้วเนี่ย แจ็กพ็อตแตก เจอไอศกรีมที่ไม่มีโคนเฉยเลย เอาถั่วไปใส่ไว้ในโค้ก มันเข้ากันตรงไหนเนี่ยโว้ยย อยู่กลางทะเล มีน้ำกับทราย มันน่าจะเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่เคยเจอในชีวิตเลยก็ว่าได้ ภาพที่ผมไปเจอมาจริงๆ VS ภาพที่ผมคิดเอาไว้ในตอนแรก มาถึงที่แล้วดันปิดเฉยเลย ฮืออยากจะร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด อันนี้นี่ต้องขอบอกว่าซวยจัด เมื่อไปหาเพื่อนที่บ้านแล้วเจอพรมอย่างนี้ ควรจะไปต่อหรือกลับบ้านดีหนอ …
-
17 เรื่องราวดีๆ ที่แม้แต่หัวใจแข็งกระด้างยังอ่อนลงได้ แถมยังเปลี่ยนโลกนี้ให้ดูสวยงามทันตา
เชื่อหรือไม่ว่าหัวใจคนเราว่ากันว่าถึงจะมีความแข็งกระด้างขนาดไหน ก็สามารถอ่อนโยนได้ด้วยความดีงามจากสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัว ซึ่งบางทีอาจจะหมายถึงเรื่องราวดีๆ ของบุคคลข้างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ด้วย ถ้าอย่างนั้นแล้วล่ะก็ลองมาดูเรื่องราวดีๆ ของพวกเหล่านี้กันดีกว่าว่ามันจะช่วยเยียวยาจิตใจของเราให้รู้สึกดีขึ้นได้ขนาดไหนกัน เอาล่ะอย่ารอช้าไปละลายหัวใจอันบอบช้ำของเรากับพวกเขากันเลยดีกว่า 1. “คุณพ่อชาวอพยพคนหนึ่ง กลับไปที่ร้านหนังสือที่เขาเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตัวเองเมื่อ 60 ปีก่อน เพื่อเลือกนิยายให้กับลูกชายของเขาสักเล่ม” 2. เหล่าทหารช่วยกันนำร่างกายของพวกเขาเองไปเป็นสะพานมนุษย์ ให้กับประชาชนที่เดือดร้อนจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ 3. ชายคนนี้ได้ปกป้องหญิงสาวจากเหตุการณ์กราดยิงในลาส เวกัส ในตอนนี้เขาขอเธอแต่งงานและเธอก็ตอบตกลง ทั้งคู่จะแต่งงานกันในหน้าร้อนที่จะถึงนี้ 4. หนุ่มน้อยกางร่มให้กับคนพิการเพื่อจะปกป้องเขาจากสายฝนที่หล่นร่วงลงมา 5. “เพื่อนของผมเขาเป็นโรคมะเร็งและกำลังจะเข้ารับเคมีบำบัดในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นเขาและพ่อของเขาจึงตัดสินใจจะโกนหัวด้วยกันเลย” 6. ทหารอากาศชาวอเมริกันคนนี้ได้ใช้เวลาทั้งชีวิตของเขาเพื่อตามหาแม่ชาวญี่ปุ่น ในภายหลังเขาได้เจอเธอเพราะเธอตั้งชื่อร้านอาหารเป็นชื่อเขา 7. ภรรยาของผมต้องเข้าไปอยู่ในสถานสงเคราะห์ตอนเธออายุ 13- 18 ปี ในสัปดาห์นี้เธอได้ปล่อยหนังสือของเธอที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับทุกๆ อย่างที่นั่น ซึ่งผมภูมิใจในตัวเธอมากจริงๆ 8. “หลังจากไปเยี่ยมหลุมศพของแม่เธอแล้ว เพื่อนของฉันก็ตัดสินใจจะทำตัวให้เป็นประโยชน์และอยู่กับแม่ให้นานขึ้น ด้วยการทำความสะอาดหลุมศพของเด็กต่างๆ ที่เสียชีวิตไปด้วย” 9. “800…
-
18 ภาพเทศกาลดนตรีแห่งยุค 90’s แล้วจะรู้ว่าในยุคนั้นมันส์ถึงใจขนาดไหน!!
หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อของเทศกาลดนตรีอย่าง Woodstock กันมาบ้างว่ามีความฮิปปี้และเสรีขนาดไหน แต่อาจจะไม่เคยเห็นภาพว่าจริงๆ แล้วในอดีตยุค 90 เรื่องของเทศกาลดนตรีมันให้อารมณ์ได้ถึงขนาดไหน ถ้าอยากรู้ล่ะก็ #เหมียวจิวยี่ จะพาไปส่องเทศกาลดนตรีสุดมันส์แห่งยุค 90 อย่าง Woodstock, Glastonbury หรือแม้กระทั่ง Lollapalooza อันสุดแสนจะโด่งดังเมื่อครั้งสมัยก่อน ให้เห็นกันไปเลยว่ามันสุดขนาดไหน แถมมีเสน่ห์แห่งความบริสุทธิ์ที่ไม่มีเทคโนโลยีสมัยใหม่ผสมอยู่ด้วย สิ่งเดียวที่มีในงานเหล่านี้นี้ก็คือเสียงเครื่องดนตรีอย่างกีตาร์ เบส กลอง เสียงกรี๊ด และความเมามันส์อย่างไม่คิดชีวิตเท่านั้น!! ภาพมุมสูงของเทศกาลดนตรี Glastonbury ในปี 1995 ภาพของแฟนดนตรีที่เอาโคลนมาทาตัวอย่างบ้าคลั่งใน Woodstock ปี 1994 โดยจัดขึ้นในนครนิวยอร์ก คอคอนเสิร์ตเติมพลังกันก่อนไปมันส์กันในงาน Lollapalooza ปี 1993 วง Rancid ขณะกำลังขึ้นแสดงในเทศกาล Lollapalooza ปี 1996 ที่รัฐอิลลินอยส์ Flavor Flav กับแฟนเพลงที่พูดคุยภาษาเดียวกันในเทศกาลดนตรี Pukkelpop ที่จัดขึ้นในประเทศเบลเยียมเมื่อปี 1999 รถโฟล์คสวาเก้นสุดแนวใน Woodstock’94 พ่อค้าแม่ค้าก็มาขายสมุนไพรในงาน…
-
‘1,095 วันกับขนมจีนน้ำปลา’ ซิงเกิ้ลใหม่สะท้อนสังคมจากโยชิ 300 ที่ฟังแล้วจุกอกเหลือเกิน
หลังจากที่มีข่าวเรื่องการโกงอาหารกลางวันเด็กในโรงเรียนออกมา ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์ เลยทีเดียว แถมยังมีการออกมาเปิดเผยอีกด้วยว่าเด็กๆ ในโรงเรียนเหล่านั้นได้กินอาหารเพียงแค่ขนมจีนกับน้ำปลาเพียงเท่านั้น ในตอนนี้ทางหลายฝ่ายก็กำลังตรวจสอบถึงเรื่องราวเหล่านี้อยู่ว่าเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ว่านอกจากการตรวจสอบของทางรัฐแล้วคนธรรมดาอย่างเราๆ ต่างก็มาแสดงออกกันถึงความไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้นในรูปแบบต่างๆ อย่างการแชร์หรือเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างจริงจัง แต่สำหรับ เพจโยชิ 300 แล้วล่ะก็งานนี้เขาได้ร้องเพลงออกมาให้แฟนๆ ได้ฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้กันด้วยแหละ สำหรับเพจๆ นี้ใครหลายคนอาจจะเคยเห็นกันผ่านหน้าผ่านตาแล้วก็คงจะจำได้ดี เพราะพี่แกชอบที่จะร้องเพลงเสียดสีในแบบฮาๆ และที่สำคัญเอกลักษณ์ของเขาผู้นี้ก็คือหน้านิ๊งนิ่ง นิ่งซะจนนึกว่าโดนบังคับมาร้อง แต่เอาเป็นว่าเพลงของพี่แกก็สามารถสะท้อนให้เห็นอะไรหลายอย่างในสังคมได้เป็นอย่างดีในหลายๆ ครั้งเหมือนกัน ในครั้งนี้เขาได้ออกซิงเกิลใหม่ออกมาชื่อว่า ‘1,095 วันกับขนมจีนน้ำปลา’ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลง ‘365 วันกับเครื่องบินกระดาษ’ ของน้องๆ วง BNK48 ส่วนในเรื่องเนื้อหาก็เป็นอย่างชื่อเพลงนั่นแหละ เอาเป็นว่าไปฟังเพลงของเขากันดีกว่าแล้วจะรู้ว่าชายผู้นี้มีดีขนาดไหน เพลง ‘1,095 วันกับขนมจีนน้ำปลา’ จะสะเด็ดสะแด่วสะท้านใจสะท้อนสังคมขนาดไหนลองไปชม หลังจากเพลงนี้ถูกปล่อยออกไปก็เป็นที่ถูกอกถูกใจของแฟนๆ กันซะเหลือเกิน และก็มีหลายความเห็นถาโถมกันเข้ามา ซึ่งส่วนมากมักจะบอกว่าอยากจะขำก็ขำไม่ออกจริงๆ ที่ต้องมาเจอเรื่องจริงอย่างนี้ อย่างเช่น . . . . . ฟังแล้วเป็นยังไงกันบ้างล่ะ…
-
แม่ทิ้งลูกชายวัย 3 ขวบให้เลี้ยงน้องทารกที่บ้าน สุดท้ายเอาตะปูให้น้องกินเกือบตาย!!
เด็กๆ เป็นวัยไร้เดียงสาที่ยังไม่รู้ถึงเท่าทันของความอันตรายในสิ่งต่างๆ ดังนั้นคนที่เป็นพ่อเป็นแม่จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะเกิดเรื่องที่เป็นอันตรายต่อชีวิตขึ้นได้เหมือนกับเหตุการณ์นี้ ที่มีทารกคนหนึ่งเกือบตายเพราะพี่ชายวัย 3 ขวบเอาตะปูป้อนให้กินในตอนที่แม่ไม่อยู่บ้าน!! เหตุการณ์ที่เกือบคร่าชีวิตน้อยๆ ให้หายไปนี้เกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมาในประเทศจีน โดยเริ่มขึ้นจากคุณแม่คนหนึ่งที่ออกไปข้างนอกและทิ้งให้ลูกชายวัย 3 ขวบของเธอเลี้ยงน้องที่ยังเป็นวัยทารกที่มีอายุเพียง 37 วันอยู่ที่บ้านอยู่เพียงลำพัง หลังจากนั้นเมื่อเธอทำธุระเสร็จแล้วกลับมาที่บ้านก็ต้องตกใจ เพราะลูกน้อยวัยทารกของเธอมีน้ำลายฟูมปากออกมาอย่างน่ากลัว จึงได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างรวดเร็วที่สุด ทางทีมแพทย์ได้ใช้การเอกซเรย์ตรวจดู แล้วก็พบว่ามีตะปูถึง 3 ตัวอยู่ในบริเวณกระเพาะอาหาร ซึ่งทางผู้เป็นแม่ก็สอบถามลูกชายวัย 3 ขวบว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเด็กก็บอกว่าได้เอาตะปูให้น้องกิน แต่ถึงอย่างนั้นทางทีมแพทย์ดังกล่าวก็ปฏิเสธการรักษา เพราะมีอุปกรณ์ที่ไม่เพียบพร้อมและมีความเสี่ยงมากเกินไป จึงส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลเด็กเจิ้งโจว ในมณฑลเหอหนาน ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ช่วยเอาตะปูออกจากท้องของเด็กคนนี้ และด้วยผลจากการเอกซเรย์ทางหัวหน้าแพทย์ Li Xiaoqin ก็ตัดสินใจเลือกการใช้ส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารพร้อมกับแม่เหล็ก เพื่อที่จะเอาตะปูทั้ง 3 อันออกจากตัวของเด็กน้อยคนนี้ “แม้ว่าเด็กแรกเกิดจะสามารถใช้วิธีการส่องกล้องได้ แต่เราก็ไม่สามารถที่จะนำตะปูออกมาได้โดยใช้อุปกรณ์ที่มีความบางเกินไป ดังนั้นแล้วเราจึงมีความจำเป็นจะต้องใช้ขนาดถึง 7.5 มิลลิเมตร ซึ่งจริงๆ แล้วเราก็กลัวเกินไปเหมือนกันว่ามันจะเกิดอันตรายต่อเด็ก แต่ถึงอย่างไรพวกเราก็เห็นว่ามันที่ดีกว่าการผ่าตัด” นายแพทย์ Li กล่าว …
-
14 เรื่องราวดีๆ ที่อยากบอกต่อ แล้วคุณจะรู้ว่าโลกนี้ยังมีมุมดีๆ ให้อมยิ้มได้อยู่เสมอ!!
แม้ว่าเราจะเห็นข่าวคราวเรื่องร้ายต่างๆ เกิดขึ้นในทุกๆ วัน จนคุณอาจคิดว่าโลกนี้มันช่างโหดร้ายแทบไม่น่าอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นรู้หรือไม่ว่าโลกของเราก็ยังมีมุมดีๆ เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน และบางทีมันอาจทำให้คุณยิ้มไม่หุบเลยก็ได้ ดั่งเช่นเรื่องราวของบุคคลเหล่านี้ ที่จะมาทำให้คุณได้เห็นถึงสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์เราว่าจริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีแต่เรื่องที่ไม่ดีไม่งามเท่านั้น แต่ยังคงมีความจิตใจอ่อนโยนเมตตาสงสารต่างๆ อยู่ด้วย ซึ่งสิ่งนี้นี่แหละที่ทำให้โลกของเราดูสดใสขึ้นราวกับได้แสงส่องจากสวรรค์เลย 1. พนักงานในสถานีตำรวจจีนจะให้ข้าวแก่หมาที่ยืนคอยต่อคิวอย่างเป็นระเบียบ เพื่อฝึกนิสัยของพวกมัน 2. ชายไร้บ้านพบเอกสารสำคัญในถังขยะ จึงได้นำส่งคืนเจ้าของและในที่สุดความดีนี้เองที่ได้ช่วยชีวิตของเขาให้ดีขึ้นไปกว่าเดิม 3. ร้านคาเฟ่แห่งนี้มอบอาหารให้แก่ผู้ยากไร้แบบฟรีๆ 4. นายทวารของทีมสโมสรฟุตบอลปาร์ติซาน เบลเกรด ในประเทศเซอร์เบีย ปลอบขวัญเพื่อนร่วมทีมที่ต้องทนฟังคำเหยียดเชื้อชาติมาตลอดการแข่งขันทั้ง 90 นาที 5. “ฉันใส่กระดาษโน๊ตไว้ในกล่องอาหารกลางวันลูกชายทุกๆ วัน ในวันนี้ตอนที่มีการประชุมผู้ปกครอง ฉันก็พบว่าเขาเก็บรักษาโน๊ตเหล่านั้นไว้ทุกๆ ฉบับเลย” 6. “เพื่อนร่วมห้องของฉันเฟซไทม์กับน้องสาวทุกๆ สัปดาห์ เพื่อช่วยสอนพีชคณิตให้แก่เธอ” 7. ชายไร้บ้านคนหนึ่งยื่นเงิน 3 ปอนด์สุดท้ายในชีวิตให้กับนักเรียนที่ทำบัตรต่างๆ ของเธอหายเธอจึงได้กลับบ้านในที่สุด หลังจากนั้นเด็กสาวคนดังกล่าวก็รวบรวมเงินได้กว่า 42,000 ปอนด์ (ประมาณ…
-
17 ภาพสุดจะพรรณนาที่จะทำให้คุณต้องฝันร้ายไปตลอดทั้งคืน เห้ยนี่พวกเอ็งทำอะไรกัน!!
บ่อยครั้งที่ชีวิตของเราก็มักจะเล่นตลกให้เราต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ อยู่ไม่รู้จบ แต่ว่าหากคุณคิดว่าเป็นคนโชคร้ายแล้วล่ะก็ อย่าเพิ่งแน่ใจอย่างนั้นไปเพราะบางทีอาจจะมีคนที่ซวยกว่าคุณอยู่บนโลกนี้ก็เป็นได้ ลองมาดูภาพแห่งความโหดร้ายเหล่านี้ ที่อาจเป็นฝันร้ายสำหรับคุณในคืนนี้เลยก็เป็นได้ เพราะถ้าหากคุณได้เจอเหตุการณ์แบบพวกเขาล่ะก็อาจจะสติแตกจนทำอะไรไม่ถูกเลยก็เป็นได้… โห่พี่เค้าให้เอามากินไม่ใช่เอามาเล่นอย่างนี้ หม๊ดหมดกันทั้งรองเท้าทั้งอาหาร เมื่อคุณนั่งเครื่องบินอยู่แล้วมองออกไป.. รับรองไร้ความกังวลใจในแพคเกจแน่นอน!! นอกจากเสียดายแล้วยังต้องมานั่งเช็ดอีก เฮ้อ เจ๋งจริงมาลองอยู่บ้านกับพวกพี่เขาดูสิ ลองคิดภาพถ้าเป็นคุณไปกินก๋วยเตี๋ยวแล้วกลับมาเห็นรถสภาพนี้ดูสิ นี่ไม่ใช่งานอาร์ตแต่อย่างใด นี่มันคือโทรศัพท์ที่เพิ่งร่วงลงพื้นต่างหาก งานเข้าแล้วตู!! เอิ่มจะบอกว่าเอาไปกินก็ไม่ใช่ แล้วพี่เอาเข้าไปเพื่อ?? พอดีจำไม่ได้ว่าใส่อะไรลงไปแล้วบ้าง เลยงมไปดูซะหน่อย แค่ปิดผ้าม่านแล้วทุกอย่างก็จะเรียบร้อยเองแหละ (จริงๆ มันคือลาวา) โอ้วม่ายย พระเจ้าช่วยลูกด้วยเถอะ กินแบบเดิมมันธรรมดาไป โลกไม่จำ หมดความหวังนั่งน้ำตาริน เห้ย เห้ย มันจะระเบิดแล้ว ลองเข้าไปนอนเล่นดู สุดท้ายออกไม่ได้เฉย อย่างน้อยก็ยังรู้ว่าโลกนี้ก็ยังมีอะไรแบบนี้อยู่บ้างแหละ… ที่มา:…
-
ชม 19 ภาพแห่งการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งรอบตัว โลกหมุนอยู่ทุกวัน ไม่เปลี่ยนยังไงไหว!!
“โลกของเราหมุนอยู่ตลอดเวลา และมันไม่เคยรอใคร” หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำๆ นี้ แต่ว่าอาจจะยังไม่ทันสังเกตว่าสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรานั้นมันเปลี่ยนไปขนาดไหนกันใช่ไหมล่ะ ด้วยอย่างนี้แล้ว #เหมียวจิวยี่ จึงจะพาเพื่อนๆ ไปดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสิ่งใกล้ๆ ตัวเรากันว่าเวลาที่ผ่านไป มันได้ทำให้อะไรเปลี่ยนไปขนาดไหนบ้าง ไม่แน่นะว่าถ้าคุณสังเกตดีๆ ก็อาจจะพบความเปลี่ยนแปลงนี้ในชีวิตจริงๆ ของเราก็เป็นได้… เมื่อเวลาผ่านไป 4 เดือนป้ายจากอยู่ในน้ำก็ขึ้นมาชูชันอีกครั้ง ภาพซ้ายเด็กคนนี้ยังเป็นมะเร็งอยู่ และภาพด้านขวาคือในขณะที่เขาเอาชนะโรคมะเร็งมาได้แล้ว ก่อนและหลังทำความสะอาด นึกว่าตึกนี้สีดำซะอีก “เพื่อนของผมตอนเริ่มเดินจากเม็กซิโกไปแคนาดา แล้วดูสภาพเขาสิ” เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี ภาพก่อนและหลังเหตุไฟป่าที่แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา นักเดินทางชื่อว่า Christoph Rehage ที่เดินไปทั่วทั้งประเทศจีนเป็นเวลา 1 ปีเต็มๆ แล้วดูความเปลี่ยนไปของเขาสิ!! 10 เดือนต่อมามันก็กลายมาเป็นเจ้านายเราแล้ว!! วิกฤติการณ์น้ำในเซา เปาโล ประเทศบราซิลและหลังจากนั้นอีก 6 เดือน จริงๆ แล้วตึกไม่ได้สร้างมาใหม่หรอกนะ…
-
คู่รักไฮสคูลเลิกกันพร้อมคำสัญญาที่ว่าถ้าอายุ 50 ปียังไม่มีใครจะแต่งงานกัน แล้วก็แต่งจริง!!
เชื่อเลยว่าหลายคนอาจจะต้องเคยผ่านประสบการณ์ความรักกันมาบ้างไม่น้อย และก็ต่างรู้กันดีว่าเรื่องของความรักนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีวันหมดอายุ ถ้าอยากจะเห็นตัวอย่างว่ามันจริงหรือไม่ล่ะก็ลองมาดูตัวอย่างของคู่รักคู่นี้ที่เคยคบหากันมาช่วงหนึ่ง ก่อนจะเลิกรากันไป แต่ในที่สุดแล้วทั้งคู่ก็ได้ใช้ชีวิตร่วมกันจากคำสัญญาเมื่อ 30 ปีก่อน… เรื่องราวความรักสุดแสนประทับใจนี้เกิดขึ้นกับชายชื่อว่า Ron Palmer วัย 54 ปีและฝ่ายสาวชื่อว่า Kimberley Dean วัย 51 ปี ทั้งคู่ได้จูงมือกันเข้าพิธีวิวาห์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตามคำสัญญาที่ดูเหมือนกับเป็นเรื่องตลกขบขันที่เคยให้กันไว้เมื่อสมัยยังเป็นวัยรุ่น ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมาตลอดระยะนานกว่า 37 ปี โดยในแรกเริ่มนั้นทั้งคู่เป็นคู่รักกันสมัยตอนที่ยังเรียนไฮสคูล แต่ความสัมพันธ์ฉันคนรักนั้นก็ต้องจบลงเนื่องมาจาก Ron อยากจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่าก่อนที่จะลงหลักปักฐานกับใครในความสัมพันธ์ระยะยาว “ผมคิดว่าในตอนที่ผมอายุยังน้อย ก็ยังมีสาวๆ อยู่อีกมากให้ค้นหาแล้วผมก็อยากจะทำอย่างนั้นด้วย ดังนั้นแล้วในที่สุดเราจึงเลิกกัน แต่เราก็เลิกกันด้วยดีและยังเป็นเพื่อนกันเสมอ” Ron กล่าว ด้วยความเป็นเพื่อนที่ยังมีให้กันอยู่ ทำให้ตลอดระยะเวลาหลายปีหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ยังคงโทรหากันอยู่เสมอๆ จนเป็นเสมือนกับความเคยชิน และหนึ่งในการสายการโทรคุยกันนั้นเองที่ได้ให้คำมั่นกันว่าถ้าอายุ 50 ปีแล้วทั้งคู่ยังไม่มีใครจะกลับมาเป็นคู่ชีวิตให้แก่กันและกัน “เอาจริงๆ มันเป็นเหมือนเรื่องที่เราพูดกันขำๆ ซะมากกว่านะ ในตอนนั้นบังเอิญว่าเราทั้งสองคนพอดีเป็นโสดทั้งคู่แล้วก็เริ่มเบื่อกับการออกเดทหรืออะไรก็ตามที่งี่เง่าเกี่ยวกับมันทุกๆ อย่างเลย” Kimberry กล่าว คำสัญญาที่ให้กันนี้เป็นคำมั่นที่เคยให้กันไว้เป็นเวลานานหลายสิบปี นานซะจนทั้ง Ron และ Kimberry ต่างก็จำวันที่ที่คำสัญญาของพวกเขาเกิดขึ้นไม่ได้แน่ชัดว่าเป็นวันที่เท่าไหร่ ปีอะไรกันแน่ ในปัจจุบัน…
-
ใจร้อนจริงๆ !! หนุ่มแทงแม่ 17 แผลจนตายเพราะเถียงกันเรื่อง ‘เติมนมใส่ชาน้อยเกินไป’
เป็นธรรมดาที่เวลาเราอยู่กับพ่อแม่ก็อาจจะมีการโต้เถียงกันบ้าง เพราะว่าด้วยช่วงอายุที่ห่างกันจึงอาจทำให้ความเข้าใจอะไรบางอย่างแตกต่างกันออกไป แต่ว่าเราก็ควรจะเก็บระงับอารมณ์เอาไว้ให้ดีเพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ที่ให้กำเนิดเรามา มิฉะนั้นแล้วอาจเป็นเหมือนกับชายคนนี้ที่ระเบิดอารมณ์จนพลั้งมือฆ่าแม่ตัวเองจนสิ้นลมจากกันเถียงกันแค่เรื่องของการเติมนมใน ‘ชา’!! Thomas Westwood ผู้ก่อเหตุโศกนาฎกรรม โดยเรื่องสะเทือนขวัญนี้เกิดขึ้นในวันที่ 1 ธันวาคม 2017 เมื่อนาย Thomas Westwood หนุ่มว่างงานวัย 46 ปีได้ก่อเหตุที่ไม่มีคาดคิดด้วยการใช้มีดแทงเข้าไปที่ลำตัวของนาง Susan Westwood ผู้เป็นแม่บังเกิดเกล้าวัย 68 ปี จนเสียชีวิตลงในบ้านพักของเธอเองในเมืองคอเวนทรี ประเทศอังกฤษ ในภายหลังนาย Thomas ก็ถูกจับกุมตัวไปโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งผลจากการชันสูตรของเจ้าหน้าที่ก็ต้องทำให้หลายคนถึงกับทึ่ง เพราะปรากฏว่ามีแผลการแทงอยู่บนร่างกายของ Susan มากกว่า 17 ครั้งเลยทีเดียว ต่อมาเขาก็ได้ให้รับการสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุการณ์ในครั้งนี้เอง เพราะมาสาเหตุมาจากอารมณ์ที่บันดาลโทสะจากการโต้เถียงกับแม่ หลังจากที่เขาชงชาไปให้แม่แล้วเธอต่อว่าว่าใส่นมมาให้น้อยเกินไป.. Susan เหยื่อผู้เคราะห์ร้าย นอกจากนี้เขาก็อ้างว่าเหตุการณ์ดังกล่าวแม่ของเขาเป็นผู้เริ่มก่อน จากการที่เธอพยายามจะเอามีดมาแทงตัวเขา จึงจบลงด้วยเหตุโศกนาฎกรรมดังกล่าว และที่มากไปกว่านั้นก็คือหนุ่มวัย 46 ปีคนนี้ยังบอกอีกทุกวันที่เขาอยู่กับแม่มักจะถูกกลั่นแกล้งเป็นประจำรวมถึงถูกขู่ว่าจะใช้มีดแทงด้วย เหตุการณ์นี้ได้สร้างความสะเทือนใจแก่ทางครอบครัวของ Susan มาก และได้มีการไว้อาลัยแก่เธอเป็นครั้งสุดท้ายด้วยข้อความเหล่านี้ “พวกเราใจแทบจะใจสลายเมื่อต้องสูญเสีย Susan ไป เธอเป็นทั้งฐานะแม่ พี่สาว ป้า…
-
18 ไอเทมสุดล้ำนำยุค ที่จะทำให้คุณนึกว่าตัวเองหลงไปอยู่ในโลกอนาคตปี 3018!!
ใครหลายคนอาจจะเคยคิดเล่นๆ ดูว่า ถ้าหากสิ่งของที่เราใช้ในชีวิตประจำวันของเราสามารถพัฒนาไปถึงขีดสุดแล้ว หน้าตาของมันจะออกมาประมาณไหนกันแน่ มันจะมีประโยชน์ยังไงหรืออาจจะเคยคิดถึงสิ่งของในโลกอนาคตว่ามันจะทำให้เราสะดวกสบายขึ้นขนาดไหนกัน!! แต่ถ้ายังนึกไม่ออกล่ะก็ ลองมาดูสิ่งของเหล่านี้ก่อน เพราะนี่คือสิ่งที่มีในโลกจริงๆ ณ ตอนนี้ แต่ว่ามันดูล้ำยุคซะนึกว่าออกมาจากในหนังในละคร แถมมันยังทำให้เราอิจฉาคนที่มีโอกาสใช้สิ่งของเหล่านี้แบบสุดๆ ไปเล๊ย!! มีสไลเดอร์ในบ้านเลย จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเดิน รถเข็นอัจฉริยะที่จะบอกว่าสิ่งที่เราอยากได้อยู่ตรงไหน ตู้ขายเนื้ออัตโนมัติไม่ต้องง้อร้านค้าอีกต่อไป ซุปเปอร์มาเก็ตที่มีทิชชู่ให้ลองทุกยี่ห้อ แล้วโอกาสดีที่สุดก็ต้องเป็นในห้องน้ำนี่แหละ มีแว่นขยายเผื่อเอาไว้สำหรับใครที่อยากอ่านฉลากแต่มองไม่เห็น ตู้ที่มีเบค่อนให้ชิมฟรีๆ (ว้าวว) ไม่ต้องใส่แก้วมิกซ์ให้ยุ่งยาก ยกทีเดียวสบ๊าย ป้ายบอกราคาแบบดิจิตัลอัพเดทได้อย่างเร็วไว นอกจากจะบอกว่าพื้นลื่นแล้วยังมีพัดลมอีกด้วยนะ มีหลายระดับให้เลือกจะถ่ายหนักถ่ายเบาจะได้ล้างได้ถูก หมากฝรั่งแบบมินิมอล คูลๆ อยากได้สบู่แบบมีกลิ่นหรือไม่มีกลิ่นก็จัดป๊าย ปุ่มกดในร้านอาหาร เราจะได้ไม่ต้องตะโกนเรียก นอกจากเป็นเก้าอี้เแล้ว ยังเอาไว้ใส่ของได้อีกเหมือนกัน ไม่ต้องถือแค่ทำกล่องให้เป็นทรงกรวยแล้วเสียบซะเลย ผ้ารองมะนาว เวลาบีบจะได้ไม่ต้องมีเม็ดเล็ดลอดออกมาให้ขมเปล่าๆ ปุ่มกดลิฟท์แบบใช้เท้า…
-
นักเรียนหนุ่มวัย 18 ปี มีใบหน้าเหี่ยวย่นเหมือนคนแก่อายุ 80 แต่ก็ไม่เป็นปัญหากับการใช้ชีวิต!!
ปัญหาเรื่องใบหน้าที่แก่ก่อนวัยเป็นปัญหาที่หนักอกหนักใจของใครหลายคน ที่ไม่อยากจะให้หน้าสวยๆ ของเราเหี่ยวย่นลงไปก่อนกาลเวลา จึงหาวิธีสารพัดทั้งทาครีมบำรุงหรือปรับเสริมเติมแต่งอะไรก็ตามเผื่อชลอให้ผิวใสๆ อยู่กับเราให้นานที่สุด แต่ว่ามีชายผู้หนึ่งที่ไม่ว่าจะทำวิธีใดๆ ก็ไม่สามารถช่วยเขาชลอความเหี่ยวย่นของใบหน้าลงได้ และต้องทนทุกข์ทรมานก่อนวัยที่ควรจะเป็นไปเยอะ เพราะว่าใบหน้าของเขามีความละม้ายคล้ายกับมีอายุได้ 80 ปี จากผลความผิดปกติบางอย่างของร่างกาย… หากใครที่มองไปยังชายที่ชื่อว่า Xiao Cui เป็นครั้งแรก อาจจะต้องนึกอยู่ในใจแน่ๆ ว่าเขามีอายุอย่างน้อย 80 ปีเป็นแน่แท้ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเขาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมชาวจีนที่มีอายุเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้ก็เพราะต้องเผชิญกับความผิดปกติบางอย่างของร่างกาย ที่ทำให้กล้ามเนื้อและผิวหนังบริเวณใบหน้าหย่อนคล้อยลงไป และทำให้เขาดูแก่เกินกว่าอายุจริงๆ นั่นเอง Xiao Cui เป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายของโรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่งในเมืองฮาร์บิน มณฑลเฮย์หลงเจียง ประเทศจีน เขาเล่าให้ฟังว่าอาการเริ่มแรกของความผิดปกติในตัวเขาเกิดขึ้นในช่วงมัธยมต้น และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาหน้าตาของเขาก็เริ่มแก่ลงอย่างรวดเร็วจนถึงในขณะนี้ เขามักจะถูกทักว่าเป็นผู้สูงอายุอยู่บ่อยๆ แถมยังดูแตกต่างจากนักเรียนคนอื่นๆ ในห้องไปหลายสิบปี ซึ่งถึงตรงนี้เขาก็ลองทุกวิถีทางที่จะกลับมาเหมือนเด็กปกติ แต่ก็ยังไม่สามารถหาทางออกได้ เพราะแม้กระทั่งคุณหมอหลายคนก็ยังไม่เข้าใจถึงความผิดปกติที่เขาเป็น สิ่งที่คุณหมอทั้งหลายพยายามช่วยเขาอยู่ในตอนนี้ก็คือหาทางหยุดความเหี่ยวย่นนี้ไม่ให้มันส่งผลไปมากกว่านี้ ดังนั้นแล้ว Xiao จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำใจยอมรับมันและคิดบวกเอาไว้อยู่เสมอ ตอนที่ Xiao ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวต่างๆ …
-
เมื่อ “แร็ปเอก” ปะทะ “แป๊ะดูดแหนม” ศึกครั้งสำคัญ งานนี้โจอี้บอยถึงกับแชร์เองโจ้วโจ้ว!!
เมื่อโลกขาดความเฮฮาและเสียงหัวเราะ พวกเขาคู่นี้จึงจะมาอาสาทำให้เมืองไทยของเราได้มีสีสันอีกครั้งแถมยังถือว่าเป็นแมทต์หยุดโลกเลยก็ว่าได้ เมื่อในตอนนี้ทาง “แปะดูดแหนม” หนุ่มสุดบ้าบิ่นกำลังจะมาออกมาไฟว้กับนักร้องเสียงสวรรค์ในตำนานอย่าง “แร็ปเอก” !! งานนี้ต้องบอกว่าไม่ใช่งานเล่นๆ แล้ว เพราะถึงขนาดที่ว่าโค้ชรายการเดอะแร็ปเปอร์อย่าง โจอี้บอย ออกมาโปรโมทการแบทเทิลครั้งนี้ผ่านเฟซบุ๊ค Apisit Joeyboy Opasaimlikit ของตัวเอง ซึ่งโค้ชโจอี้ได้ใส่แคปชั่นการท้าทายครั้งนี้เอาไว้ว่า “เอาละเว้ย!!!!!! แร็ปเอก Vs แป๊ะดูดแหนม งานนี้เดือด!!!!! รอชมกันได้เลย เดี๋ยวเฮียจัดให้” แป๊ะดูดแหนม คลิปจากฝั่งแป๊ะดูดแหนม โดยเรื่องราวจากในคลิปก็คาดว่าน่าจะเป็นทางฝั่งแป๊ะดูดแหนมที่ไปท้าทายขอดวลกับทางแร็ปเอก ที่งานนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะออกมาทางแนวไหนแต่ถึงอย่างไรล่ะก็ มันจะต้องกลายเป็นการดวลกันที่มันส์สุดโคนอย่างแน่นอนเลยใช่ไหมล่ะ แร็ปเอก โจ้ว โจ้ว ทางฝั่งแร็ปเอกไม่ยอมแพ้ อัดคลิปรับคำท้าเต็มที่ ความคิดเห็นบางส่วนจากชาวเน็ตเกี่ยวกับแมทต์นี้ . . เฮียโจอี้ถึงกับต้องเปิดเวทีประลอง และบอกให้แฟนคลับรอติดตามกันได้เร็วๆ นี้!! มันส์ละหงกันล่ะทีนี้ ที่มา: Apisit Joeyboy Opasaimlikit
-
รถ ‘Fake Taxi’ โดนขโมย งานนี้ชาวเน็ตเลยช่วยแชร์กันจ้าละหวั่น แล้วตูจะเอาอะไรดู!!
หลายคนคงอาจได้ยินชื่อหรือเคยดูเรื่องราวสุดมันส์ของ ‘Fake Taxi’ รถแท็กซี่ที่ร้อนแรงที่สุดในโลกเพราะใช้สำหรับถ่ายทำหนังผู้ใหญ่กับสาวๆ สวยๆ แต่ว่าในวันนี้ได้เกิดปัญหากับพวกเขาแล้ว เมื่อปรากฏว่าได้มีมือดีขโมยรถคันโปรดของพวกเขาไปซะอย่างนั้น!! เหตุการณ์การขโมยสุดยอดรถที่ใครก็อยากเข้านี้มีขึ้นในดึกของวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อรถแท็กซี่คันงามได้ถูกขโมยหายไปจากลานจอดรถในย่าน Sutton กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แต่ถึงอย่างนั้นก็แน่นอนว่าต้องมีกล้องวงจรปิดจับภาพขณะที่กลุ่มโจรกำลังขโมยรถเอาไว้ได้ และไม่รอช้าทีมงาน Fake Taxi ได้โพสต์ออกไปให้ชาวเน็ตช่วยกันแชร์ ช่วยกันตามหาสักหน่อย โดยพวกเขาเขียนแคปชั่นเอาไว้ว่า “พวกเราหมดคำพูดเลยจริงๆ รถ Fake Taxi คันออริจินัลที่ใช้ตั้งแต่เทปแรกของเราโดนขโมย ถ้าใครมีข่าวคราวเกี่ยวกับรถคันนี้ช่วยส่งมาให้พวกเราที่ info@faketaxi.com หน่อยนะ” https://twitter.com/FakeTaxi/status/1004025390954934274 นอกจากนี้ยังมีคำกล่าวของ Lew Thomas หัวหน้าฝ่ายผลิต Fake Taxi ออกมาขอวิงวอนขอความช่วยเหลือผู้คนให้ช่วยตามหารถคันนี้ให้หน่อย โดยเขาได้บอกเอาไว้ว่า “ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดีเพราะรถคันนี้มันมีประวัติศาสตร์กับพวกเรามาอย่างยาวนานและในตอนนี้พวกเราก็คิดถึงมันมากจริงๆ” นี่แหนะ มับเข้าให้ “แต่จริงๆ พวกเราก็ยังมีรถคันอื่นที่สามารถใช้งานได้อยู่ ดังนั้นแล้วไม่ต้องกลัวไปเพราะทาง Fake Taxi หรือ FakeHub จะไม่มีการหยุดผลิตอย่างแน่นอน เราหวังว่าจะหารถคันนี้ได้ในเร็ววันนี้…
-
มาเช็ก!! 7 สัญญาณเตือนจากร่างกายที่บ่งบอกว่าหัวใจของคุณทำงานผิดปกติไปจากเดิม
‘หัวใจ’ ถือว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดอีกชิ้นหนึ่งของร่างกายเรา เพราะว่าถ้าปราศจากมันไปแล้วเราก็คงจะไม่มีชีวิตอยู่ได้ ดังนั้นแล้วการดูแลรักษาหัวใจให้แข็งแรงทำงานเป็นปกติ จึงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับตัวคุณเองใช่ไหมล่ะ แต่ถ้ามันทำงานผิดปกติไปล่ะก็ร่างกายของเราก็อาจจบ่งบอกผ่านทางสัญญาณต่างๆ เหล่านี้ ที่ #เหมียวจิวยี่ นำมาฝากให้เพื่อนๆ ได้ตรวจเช็คกันดูว่ามีอาการเหล่านี้กันบ้างหรือเปล่า เพื่อที่จะได้มีการรักษาหรือป้องกันให้หัวใจของเราแข็งแรงได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะบางทีหากปล่อยไว้นานเกินไปอาจจะไม่ทันการณ์ก็เป็นได้… 1. มีอาการปวดแขนเกิดขึ้น นี่เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะดูเกี่ยวกันใช่ไหมล่ะ แต่ว่ามีผู้หญิงบางคนที่เคยกล่าวไว้ว่าพวกเธอมักจะเผชิญกับอาการปวดบริเวณท่อนแขนหรือข้อศอกก่อนที่จะมีหัวใจวายเกิดขึ้น นั่นก็เป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้เพราะว่าอาจจะมีความเจ็บปวดจากหัวใจที่ผิดปกติเดินทางผ่านกระดูกไขสันหลัง ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมเส้นประสาทและทำให้ร่างกายอาจเกิดความสับสนส่งความเจ็บปวดไปส่งส่วนอื่นๆ นั่นเอง 2. การไอ การไออาจมีสาเหตุมาได้จากหลายอย่าง แต่ว่ามันก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งจากโรคหัวใจและหลอดเลือดเช่นเดียวกัน โดยการไออย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ พร้อมกับมีน้ำลายที่มีสีชมพูหน่อยๆ (สีปนเลือด) อาจเป็นภาวะของโรคหัวใจล้มเหลว ขณะเดียวกันการไอก็อาจเป็นอาการย่อยที่นำไปสู่อาการที่มีความรุนแรงอย่าง หายใจติดขัดหรือหายใจไม่ออกได้ 3. บริเวณขา ข้อเท้า หรือเท้า มีอาการบวมขึ้น เมื่อหัวใจของคุณไม่สามารถสูบฉีดได้ดีอย่างที่ควรเป็น ของเหลวที่อยู่ในเส้นเลือดจะแพร่ซึมไปตามเนื้อเยื่อต่างๆ และบริเวณขาและเท้าจะเป็นจุดที่พบได้บ่อยที่สุดว่ามีของเหลวนั้นๆ สะสมอยู่เพราะว่าเป็นจุดที่อยู่ต่ำสุดของร่างกาย อาการนี้จะมีชื่อเรียกว่า การบวมส่วนปลาย (Peripheral Edema) โดยสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจหรือไม่ก็ได้ แต่ทางที่ดีคุณควรจะให้ความสนใจกับอาการนี้มากๆ 4. เบื่ออาหารและมีคลื่นไส้อาเจียน ผู้ป่วยหลายรายที่เป็นโรคหัวใจ มักจะมีอาการเบื่ออาหารและคลื่นไส้อยู่เสมอแม้ว่าจะกินอาหารเพียงน้อยนิดก็ตาม นั่นเป็นเพราะสาเหตุว่ามีการสะสมของเหลวเกิดขึ้นบริเวณรอบๆ ตับและลำไส้ และของเหลวเหล่านี้เองที่จะไปรบกวนระบบการย่อยอาหารให้ผิดปกติออกไป…
-
พบมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยได้จากไอเดียการขาย ‘ไข่ปลอมหมา’ เฮ้ยอย่างนี้ก็รวยได้หรอฟะเนี่ย!!
บางครั้งความผิดที่แปลกใหม่จนดูประหลาดและพิสดารก็อาจจะทำเงินให้เราเป็นกอบเป็นกำได้ เหมือนกับชายผู้นี้ที่กลายเป็นมหาเศรษฐีได้จากการขาย ‘ไข่ปลอมหมา’ เพื่อใช้สำหรับหมาตัวผู้ที่ทำหมันจะได้ไม่เสียรูปทรงความงดงามที่สวรรค์ประทานมาให้นั่นเอง!! และ Gregg Miller คือชื่อของมหาเศรษฐีคนดังกล่าว เขาเป็นผู้ที่ประดิษฐ์คิดขึ้น ‘ไข่เทียม’ ซึ่งเป็นซิลิโคนสำหรับหมาตัวผู้ที่ทำหมัน เพื่อที่ว่ามันจะได้ไม่เสียรูปลักษณ์ความสวยงามจากไข่ที่โดนตัดทิ้งไปจนดูพิกลพิการไป เขาเล่าให้ฟังว่าไอเดียการสร้างอวัยวะปลอมสำหรับสัตว์นี้เกิดขึ้นในช่วงต้นยุค 90 โดยในตอนนั้นเขาได้ซื้อหมาพันธุ์ Bloodhound ชื่อว่า Buck มาเลี้ยงเอาไว้ และในตอนนั้นเองเขาก็ปฏิเสธที่จะทำหมันหมาเพราะอยากจะให้มันอยู่แบบธรรมชาติๆ โดยไม่ผ่านกระบวนการผ่าตัดใดๆ มากกว่า แต่ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่เจ้า Buck หายไปเต็มๆ เป็นเวลาถึง 4 วันด้วยกันเพราะด้วยอาการติดสัตว์ตัวเมียของมัน ซึ่งก็แน่นอนเขาบอกเวลาในช่วงเวลาที่มันหายไปนี้เองมันช่างเป็นเวลาที่แสนทรมานและเสียใจมากๆ กับการกระทำของตัวเอง และเมื่อตามหามันเจออีกครั้งเขาก็เปลี่ยนใจพามันไปทำหมันเพื่อที่ว่ามันจะได้ไม่หายไปอีกครั้งหนึ่ง ทว่าถึงจะเป็นอย่างนั้น Gregg ก็บอกว่าเขายังอยากให้เจ้า Buck มีรูปร่างที่งดงามเหมือนกับที่สวรรค์ให้มันมาตั้งแต่เกิดอยู่ เขาจึงขอให้สัตวแพทย์คนหนึ่งทำอวัยวะเทียมขึ้นมาให้เจ้า Buck และสัตวแพทย์คนดัวกล่าวก็บอกกับเขาว่านี่เป็นคำขอที่ดูไร้สาระที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาเลย แต่สำหรับ Gregg แล้ว เมื่อได้ยินสัตวแพทย์พูดอย่างนั้นมันกลับจุดประกายความคิดบางอย่างให้กับเขาซะมากกว่า… แต่ใครจะไปคิดว่าสัตว์แพทย์คนที่บอกกับ Gregg ว่านี่เป็นไอเดียที่สุดแสนจะไร้สาระ ในภายหลังกลับเปลี่ยนความคิดและขอมาร่วมสร้างงานชิ้นต้นแบบกับเขา และในที่สุดก็ได้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า ‘Neuticles’ ไข่เทียมสำหรับหมาชื่อดังบนโลกใบนี้!!…
-
สาวถ่ายหนูวิ่งบนถาดขนมปัง ‘Burger King’ ในสหรัฐฯ เลยนำไปสู่การปิดพร้อมตรวจสอบ!!
แม้ว่าจะเป็นเครือร้านอาหารชื่อดังไปทั่วโลกอย่าง ‘Burger King’ แต่ว่าก็อาจความผิดพลาดเกิดขึ้นมาได้เป็นบางครั้ง เช่นเดียวกับเหตุการณ์นี้ที่ร้านอาหารปล่อยให้หนูเข้าไปวิ่งเล่นอยู่บนแผ่นขนมปังอย่างสนุกสนาน จึงทำให้สาวคนหนึ่งอัดคลิปวิดีโอลงโซเชียล จนสุดท้ายนำไปสู่การสั่งปิดชั่วคราวในที่สุด โดยเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นกับร้าน Burger King แห่งหนึ่งย่าน Brandywine Hundred ในรัฐเดลาแวร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อผู้ใช้งานเฟสบุ๊คชื่อว่า Shantel Johnson ได้ถ่ายวิดีโอหนูวิ่งอยู่บนถาดขนมปังของร้านอาหารแห่งนี้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา (ตามเวลาสหรัฐฯ) พร้อมกับแคปชั่นที่ว่า “อย่าไปร้าน Burger King บน 202 เพราะว่ามีหนูวิ่งไปทั่วขนมปังเบอร์เกอร์เลย” วิดีโอที่สาวคนนี้ได้โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊ค คลิปวิดีโอนี้ได้กลายเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีผู้เข้าชมมากกว่า 700,000 ครั้ง รวมถึงมีคนแชร์อีกกว่า 20,000 ครั้ง จึงแน่นอนว่ามันก็ย่อมไปเข้าตาหน่วยงานรัฐเข้ามาตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ โดยสำนักงานสาธารณสุขของรัฐเดลาแวร์ก็ได้รับรู้เรื่องดังกล่าวในวันถัดมา และได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ซึ่งหลังจากตรวจสอบแล้วเบื้องต้นก็ได้มีการสั่งปิดในทันที เนื่องด้วยเหตุผลว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค รวมทั้งสถานที่ประกอบการไม่เอื้ออำนวย และมีการรบกวนจากหนู ในเรื่องนี้ทางสำนักงานใหญ่ของ Burger King ก็ได้ออกมาชี้แจงว่าร้าน Burger King…
-
19 มีมสุดฮาย้อนวันวานกลับไปยุค 90 นี่ตรูเคยผ่านช่วงเวลานี้มาจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย!!
ในช่วงก่อนที่เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในแทบทุกอณูของการใช้ชีวิตเหมือนทุกวันนี้ รู้หรือไม่ว่าครั้งหนึ่งในช่วงสมัยก่อนยุคดิจิตอล ก็มีอยู่ยุคหนึ่งที่เป็นยุคแห่งความคูล ความเจ๋งในแบบเรียลๆ ที่แม้ว่าจะดูไม่เท่ทันสมัยแต่ว่ามันก็เป็นความทรงจำที่สวยงามของวัยรุ่นในยุคนั้นเลย ในวันนี้ #เหมียวจิวยี่ จึงจะพาเพื่อนๆ ย้อนวันวานไปดูกันซะหน่อยดีกว่าว่าในยุค 90 ที่เป็นสมัยวัยรุ่นของใครหลายคน จะมีอะไรที่มันดูเฟี้ยวๆ มะๆ บ้าง เผื่อไม่แน่นะว่าบางทีโลกของเราอาจจะหมุนไปอยู่ในช่วงเวลานั้นอีกรอบก็เป็นได้… 1. นี่คือสิ่งที่ฆ่าเวลาได้แบบมันส์สุดๆ เมื่อไม่มีอินเทอร์เน็ต 2. เด็กสมัยก่อนชอบที่จะออกไปหาอะไรเล่นด้วยกัน อย่างเล่นซ่อนแอบหรือเล่นน้ำ (เพราะไม่มีอะไรให้เล่น) แต่เดี๋ยวนี้ก็ต้องสมาร์ทโฟนสิถึงจะเจ๋ง 3. ปกเทปในสมัยก่อนจะมีเนื้อเพลงแถมมาให้ด้วยนะ (ไม่ต้องหาเองตามเน็ตแหละ) 4. กว่าจะได้รูปแต่ละที ต้องรอเอาไปล้างที่ร้านเป็นอาทิตย์ๆ กว่าจะได้ดู 5. นั่งขรี้อยู่ก็ไม่มีอะไรให้อ่าน ต้องไปเอาขวดแชมพูมาอ่านเล่น 6. เด็กผู้หญิงสมัยนั้นนะเหรอ แต่งตัวอย่างกับเด็กผู้ชายเลย 7. Walkman อันเป้งๆ เป็นอะไรที่จ๊าบสุดๆ แต่อันคอมค้างนี่น่าโมโหจริงๆ 8. อยากรู้ว่ามีเพลงอะไรบ้างก็จดมันไว้บนแผ่นนั่นแหละ 9. หาข้อมูลทำวิจัยที โน่นสิงอยู่ห้องสมุดโน่น…
-
หนุ่มโมโหหิวบันดาลโทสะใช้มีดแทงแม่จนตายเพราะไม่ยอมทำ ‘แกงกระหรี่ไก่’ เอาไว้ให้
ในตอนที่เวลาหิวๆ ไม่ว่าอะไรที่เข้ามาตรงหน้ามันก็ดูน่าหงุดหงิดไปซะหมดเลยใช่ไหมล่ะ ไม่ว่าจะเป็นป้าขายข้าวที่่ผัดช้า หรือแม้กระทั่งอากาศที่ร้อนที่ทำเอาเราเหงื่อซึมอยู่ตลอดเวลาเราก็เอาไปพาลได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ควรระงับความโมโหหิวของเราให้ดี มิฉะนั้นแล้วเราอาจจะทำอะไรไม่ยั้งคิดแบบขาดสติเหมือนกับชายคนนี้ ที่ใช้มีดแทงแม่วัยชราของตัวเองจนเสียชีวิต เพียงเพราะว่าไม่มีอาหารกลางวันกิน!! เหตุการณ์สุดสลดที่เกิดขึ้นยิ่งกว่ากล่องข้าวน้อยฆ่าแม่นี้ เกิดขึ้นที่รัฐอานธรประเทศ ประเทศอินเดีย เมื่อมีชายชื่อว่า Bejjam Kishore วัย 45 ปี ก่อเหตุสะเทือนขวัญฆ่านาง Bejjam Mariammato แม่บังเกิดเกล้าวัย 80 ปีของเขาเองโดยใช้มีดแทงจากเหตุเพราะว่าเธอไม่ยอมทำอาหารกลางวันให้ โดยจากรายงานของสื่อ The Times Of India เล่าว่าในวันดังกล่าว Kishore ได้นำเนื้อไก่ส่วนหนึ่งมาที่บ้านแล้วให้หญิงชราคนนี้ทำแกงกระหรี่ไก่ให้กินสำหรับมิื้อกลางวัน และตัวเองก็ออกไปดื่มสุรารอเวลาที่จะกลับมากินข้าวที่บ้านอย่างมีความสุข ทว่าเมื่อกลับมาที่บ้านแล้วพบว่าแม่วัย 80 ปีของเขาไม่ได้ตระเตรียมอาหารไว้ให้พร้อมกินอย่างเสร็จสรรพ เขาก็บันดาลโทสะอย่างบ้าคลั่ง แล้วใช้มีดปลายแหลมแทงแม่ของเขาจนสิ้นลมหายใจไปในที่สุด ในระหว่างนั้นเองเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ๆ กันก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงชราคนนี้จึงวิ่งกรูเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น และสิ่งที่เพื่อนบ้านได้พบก็คือร่างไว้วิญญาณของหญิงแก่ ส่วนลูกชายผู้ก่อเหตุที่หนีไปอย่างทันควัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังตามตัวอยู่ จากการรายงานเพิ่มเติมก็พบว่า Kishore เป็นผู้ที่ติดเหล้าอย่างหนัก และได้ย้ายกับผู้เป็นแม่หลังจากที่ภรรยาและลูกๆ ของเขาทิ้งไปเพราะด้วยความเป็นแอลกอฮอล์ลิซึ่มของเขานั้นเอง นอกจากนั้นยังพบว่าในอดีตชายผู้นี้ยังเคยเป็นถึงผู้ฝึกหัดทางการแพทย์ของชุมชน แต่ชีวิตก็ต้องมาพังจากการดื่มอย่างไม่ยั้งคิดของเขาเช่นเดียวกัน ในตอนนี้ยังไม่มีรายงานว่าสามารถจับกุมชายคนนี้ได้แล้วหรือไม่ แต่ก็คาดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังเร่งหาตัวมารับโทษจากความหิวนี้อย่างเร็วที่สุด …
-
เบิกตาให้ชัดๆ แล้วมาดู 17 สัตว์แห่งความเป็น ‘ออสเตรเลีย’ แล้วคุณจะอยากไปเยือนที่นี่แน่ๆ
โลกนี้เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ต่างๆ มากมาย แต่ว่ามีอยู่ประเทศหนึ่งที่เปรียบเสมือนกับว่าเป็นบ้านสำหรับสัตว์แปลกๆ ที่เราไม่เคยเห็น หรืออาจจะเป็นสัตว์ที่ดุร้ายจนขึ้นชื่อว่าเป็นอสรพิษ ซึ่งที่แห่งนั้นก็คือ ‘ประเทศออสเตรเลีย’ นั่นเอง และนี่คือภาพที่จะบ่งบอกว่ามีตัวอะไรรอเราอยู่ที่ประเทศนี้บ้าง ไม่แน่เหมือนกันนะว่าครั้งหน้าหากคุณไปเที่ยว พวกมันอาจจะรอต้อนรับคุณอยู่ก็เป็นได้… และนี่คือความใหญ่โต ของค้างคาวในออสเตรเลีย มาถ่ายอะไร เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย เอิ่ม ถ้าเจออย่างนี้นี่มีสยอง รู้สึกขนลุกขึ้นมายังไงชอบกล ขนาดโคอาล่าที่ว่าน่ารัก ยังมีอะไรให้กลัวด้วยเหมือนกัน คิดภาพเราไปทะเลแล้วเจออย่างนี้นะ… รองเท้าของเราแท้ๆ ก็ยังหาความปลอดภัยไม่ได้ เข้าไปอยู่ได้ยังไงเนี่ย นี่ถ้าไม่ได้สังเกตนี่มีโดนแน่ๆ แกเข้ามาทำอะไรในนี้กันนะ ออกมาเต้น เอ้า ออกมาเต้น แฮร่ จ๊ะเอ๋ เคาะประตูทำไม มีอะไรรึเปล่า ไหนๆ ก็ไหนๆ ละเอามานอนด้วยเลยง่ายดี หมดกันซีเรียลอาหารเช้าอันสดใส ปวดๆ ขรี้อยู่นี่มีพรวดกันบ้าง …
-
18 สาระน่ารู้เรื่อง ‘ชา’ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน นอกจากหอมอร่อยก็มีประโยชน์อื่นด้วยนะ!!
นอกจากน้ำเปล่าแล้ว เชื่อเลยว่าเครื่องดื่มที่หลายคนโปรดปรานจะต้องมีชื่อของ ‘ชา’ ติดอยู่ด้วยแน่ๆ เพราะใครล่ะจะไปทนรสชาติอันละมุนลิ้นที่มาพร้อมกับกลิ่มหอมๆ อย่างนี้ได้ไหวใช่ไหมล่ะ แต่ถึงอย่างนั้นแล้วเราก็อย่าดื่มเพียงอย่างเดียว มาลองทำความรู้จักกับพืชฟ้าประทานนี้ซะหน่อย ด้วยความจริงเกี่ยวกับมันที่ #เหมียวจิวยี่ นำมาฝาก ไม่แน่นะว่าคุณอาจจะหลงรักมันเพิ่มขึ้นก็เป็นได้ 1. ชาชื่อว่า ‘ต้าหงเผา’ คือชาที่มีราคาแพงมากโดยมีค่าตัวอยู่ที่ 32 ล้านบาทต่อหนึ่งกิโลกรัม 2. การดื่มชาสามารถลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ถึง 24 % 3. การดื่มชาเขียวก่อนนอนจะทำให้ร่างกายของคุณเผาผลาญแคลอรี่ได้ในระหว่างที่นอน เพราะมันไปเพิ่มระบบการเผาผลาญนั่นเอง 4. ในสหราชอาณาจักรมีการดื่มชาอยู่ที่ประมาณ 165 ล้านแก้วต่อวัน และ 62,000 แก้วต่อปี 5. ชาเป็นเครื่องดื่มที่มีผู้คนนิยมบริโภคมากที่สุดในโลก รองลงมาจากน้ำเปล่า 6. โดยเฉลี่ยแล้วมีการดื่มชากว่า 3 พันล้านแก้วต่อวันในทั่วทั้งโลก 7. การวางถุงชาในรองเท้าหรือกระเป๋าที่เหม็นอับ สามารถช่วยให้กลิ่นที่มีลดลงได้ 8. การสระผมด้วยชาสามารถทำให้เส้นผมดูเงางามเปล่งประกายขึ้นได้ 9. กาแฟหรือชาประเภท…
-
หมับเข้าให้!! ชายมีเรื่องกันบนถนนเลยประนีประนอมด้วยการ ‘จูบปาก’ สุดท้ายหนักกว่าเก่า!!
ปกติแล้วการยั่วให้โกรธหรือโมโหก็อาจจะมีวิธีหลายๆ อย่างเช่น การเต้นแร้งเต้นกา หรือใช้คำพูดที่บันดาลโทสะ แต่ว่ามีชายคนหนึ่งที่ไม่ทำอย่างนั้น เพราะเขาไปยั่วคู่กรณีที่มีเรื่องกันกลางถนนด้วยการ ‘จุ๊บปาก’ ซะอย่างนั้น แล้วที่สำคัญคืออีกฝ่ายหนึ่งไม่ใช่ผู้หญิงด้วย งานนี้ก็เลยบานปลายไปตามระเบียบสิครับท่าน!! โดยเหตุการณ์สุดงงนี้เกิดขึ้นในวันพุธที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ ท้องถนนแห่งหนึ่งในมณฑลจี๋หลิน ประเทศจีน เมื่อมีกลุ่มชายสองฝั่งกำลังยืนประจันหน้ากันด้วยเหตุขัดแย้งบางอย่าง… จะเอาป่ะล่ะ ในระหว่างนั้นก็มีการโต้เถียงกันไปมา แถมยังมีสิทธิ์จะพร้อมบวกอยู่เสมอถ้าหากดูได้จากลักษณะการยืนของชายทั้งสองกลุ่มนี้ แต่ว่าทันใดนั้นเองก็มีอะไรที่เกินกว่าจะใครจะคาดคิดเกิดขึ้น เมื่อมีชายหัวโจกของกลุ่มๆ นั้นที่กำลังโต้เถียงกับอีกฝ่ายอยู่ดีๆ ดันไปจูบปากของอีกฝ่ายหนึ่งซะอย่างนั้น ซึ่งก่อนที่เขาจะทำการแสดงความรักนี้ก็ได้มีประโยคหนึ่งที่เอ่ยขึ้นมาว่า “ไอ้หน้าโยนี” ร่วมด้วย เป็นไงล่ะ หวานชื่นรื่นรมย์ไหม แน่นอนว่าเมื่อเจออย่างนี้ใครหลายคนอาจจะคิดว่าเรื่องอาจจะจบลงด้วยดี แต่ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะว่าชายที่โดนจูบก็รู้สึกไม่พอใจจนลามไปถึงการบันดาลโทสะ ปรี่เข้าไปจะเอาเรื่องกับชายคนดังกล่าวให้ได้ ที่อยู่ดีๆ ดันเอาปากมาประกบซะอย่างนั้น เรื่องราวต่างๆ ดำเนินไปจนเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ จนทำให้ในที่สุดแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยเรื่องให้ พร้อมทั้งแยกทั้งสองคนให้กลับบ้านกันแต่โดยดี และทั้งสองเชื่อฟังอย่างง่ายดายยอมจบเรื่องบาดหมางแคลงใจลงในตอนสุดท้าย คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด แม้ว่าการจูบคืนดีในกรณีนี้จะไม่ได้ผล แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยทำให้เรื่องต่างๆ ดูเบาบางลงได้เหมือนกันนะ ไม่แน่ว่าครั้งหน้าหากคุณมีเรื่องก็ลองเอาวิธีนี้ไปใช้ดูสิ… จูบ…
-
เปิดภาพร่างทรงแสงสุริยเทพยุค 4.0 หลังชาวเน็ตแฉนี่มันไม่ตรงปกชัดๆ เลยนี่นา!!
หลังจากที่ไปออกรายการ ‘โหนกระแส’ ที่จัดโดยคุณหนุ่ม กรรชัย จนเป็นที่ฮือฮากันทั้งบ้านทั้งเมืองสำหรับสาวร่างทรงแสงสุริยเทพ 4.0 มาวันนี้ก็มีความฮาบังเกิดขึ้นกับเธออีกแล้ว เมื่อมีชาวเน็ตออกมาแฉว่า เห้ย นี่มันไม่ตรงปกนี่หว่า!! โดยภาพชุดสุดฮานี้ได้มาจากโพสต์ในทวิตเตอร์ของคุณ @igsx__ ที่บอกว่าภาพของแม่หมอคนนี้ไม่เหมือนกับตัวจริงๆ ที่ไปออกทีวี ซึ่งก็มีชาวเน็ตมากมายมาร่วมแสดงความเห็นในเรื่องนี้ด้วย https://twitter.com/igsx__/status/999969011172499459?s=19 นี่คนเดียวกันจริงปะเนี่ย สวยใสน่ารักกรุบกริบ ตัดภาพมาที่ภาพนี้ แล้วก็ภาพนี้… แน่นอนว่าชาวเน็ตก็ร่วมกันโถมคอมเมนต์เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย และจะเป็นยังไงนั้นก็ลองไปดูด้วยตาตัวเองก็แล้วกัน… . . . . ถึงแม้ว่าจะมีคำวิจารณ์เกิดขึ้นต่างๆ นานา แต่ถึงยังไงก็ยังคงเป็นที่รักของชาวเน็ตอยู่ดีแหละนะ เอาเป็นว่าเขาแค่ล้อเล่นขำๆ ให้หายคิดถึงเท่านั้นแหละ งุ้ยย ที่มา: igsx__
-
คุมโทน!! เปิดภาพชีวิตไร้แสงสีเพราะมาในโทนขาวดำ ถ้าโลกจริงๆ เป็นอย่างนี้จะอยู่กันยังไงนะ
ลองจินตนาการชีวิตที่ไร้ซึ่งสีสันต่างๆ คุณลองคิดดูสิว่าโลกของเรานั้นจะเป็นอย่างไร บางทีอาจจะเศร้าหมองดูทึมๆ หรือดูไม่มีชีวิตชีวาไปเลยก็เป็นได้นะ แล้วถ้าคุณยังคิดไม่ออกว่ามันจะเป็นยังไงล่ะก็ ลองมาดูภาพเหล่านี้ที่จะเป็นเสมือนกับโลกจำลองที่ทำให้เราได้เห็นกันว่า จะใช้ชีวิตอยู่ยังไงและมีความรู้สึกยังไงนะ พร้อมที่จะไปผจญภัยในโลกไร้แสงสีแล้วใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ตามกันมาได้เล้ยย กอดกันหน่อยได้ไหม อย่างน้อยก็ยังชื่นใจสักนิด นั่งรวมกลุ่มกันอย่างน้อยก็อุ่นใจกว่า ทำอะไรกันน่ะ ดูคุ้นๆ เหมือนกันนะ ไม่เป็นไรนะ ถึงอย่างไรเราก็ยังอยู่ตรงนี้ สายดาร์คนิพวกเราอ่ะ ถึงยังไงโลกนี้ก็ไม่ได้โหดร้ายเกินไปหรอกเนอะ ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ นอนมันตรงนี้เลยละกัน เอ้างงเลย ไม่เคยเห็นคนนอนล่ะสิ ดูน่ากลัวยังไงๆ ชอบกลเหมือนกันนะ ว่าไงล่ะพวก ไปบั้มสกั้มกันดีกว่า นอนอีกแล้ว ไม่ขออะไรมาก ขอแค่มีบุหรี่ก็พอแล้ว อากาศหนาวๆ ยิ่งทำให้ชีวิตดูจืดชืดลงไปอีก เที่ยวผับบาร์แบบไร้สีสัน ได้ที่แล้วละสินะ ถ่ายอะไร อย่าถ่ายนะเดี๋ยวแม่เห็น …
-
17 ภาพแสนงงขนาดดูเองยังงงเอง งงล่ะสิว่างงยังไง ถ้าอย่างนั้นมาร่วมงงในงงด้วยกันสิ!!
แม้ว่าสมองและสองตาของเรา จะถูกนับได้ว่าเป็นสุดยอดอวัยวะที่มีประสิทธิภาพแสนยอดเยี่ยม แต่ว่าบางครั้งแล้วก็อาจเกิดการเออเร่อประมวลผลไม่ทันขึ้นได้ เพราะบางทีภาพหลอกตาหรือความงงจึงทำให้เราต้องหันกลัยมาดูเป็นซ้ำสองว่า เห้ยยยยย นี่มันอะไรฟะเนี่ย อย่างเช่นภาพเหล่านี้ที่จะมาทดสอบสมองของคุณว่ายังดีอยู่หรือเปล่า หรืออาจมีความหน่วงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เริ่องที่ผิดปกติอะไรหรอกนะเพราะขนาด #เหมียวจิวยี่ มองยังงงๆ อยู่เลยว่ามันเป็นอย่างที่เห็นจริงๆ ใช่ไหมนะ… เอาจริงๆ นะนี่มันหินหรือว่าลูกกวาดกันแน่ เนียนตาเหลือเกิน แกไปทำอะไรมาเนี่ยเจ้าเหมียว สาบานว่านี่หน้าต่างจริงๆ ไม่ใช่ภาพวาด ดูผ่านๆ นึกว่าตึกในเมืองใหญ่ เอ้างงสิ ปากแก้วหายไปไหน นี่ก็ตัวใหญ่เกิ๊นนนนน ทำไมแขนใหญ่ขนาดนั้นล่ะลูก เป็นโรคหรือเปล่า ตอนแรกนึกว่าเก้าอี้หัก ที่ไหนได้มีเจ้าเหมียวอยู่ด้วยนี่เอง ใครกล้าเอาไปเจียวกินบ้างถ้าเห็นไข่อย่างนี้ เห้ย อย่าเอาลูกชั้นไปนะ!! ลูกผสมระหว่างรถตู้กับรถสปอร์ต ก็มันเลือกไม่ถูกง่ะ นึกว่านักมายากลมาเอง เนียนจังนะพี่ไปงานแฟนซีมาปะเนี่ย เงาทำไมมันหน้าตาแปลกๆ นะ ทำไมมาแค่หัวขนาดนั้นล่ะลูก ทำไมตึกมันเป็นภาพซ้อนอย่างนั้นละ…
-
เพื่อสุขภาพ!! นักวิทย์บอก ‘นมแมลงสาบ’ อาจเป็นสุดยอดอาหารมีประโยชน์กว่านมวัว 4 เท่า!!
แม้ว่าสัตว์อย่างแมลงสาบจะเป็นที่น่ารังเกียจของใครหลายคน ด้วยลักษณะตัวและหนามหยุมหยิมๆ ของมัน แต่ไม่แน่เหมือนกันว่าในวันข้างหน้าเราอาจจะต้องพึ่งมันเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดก็ได้ เพราะนักวิทยาศาสตร์ได้ออกมาเปิดเผยว่าในอนาคต ‘นมแมลงสาบ’ อาจจะเป็นสุดยอดอาหารแห่งยุค เพราะว่ามันอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ อย่างมากมายจนถูกยกให้เป็นอาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดในดาวโลกเราเลย!! แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นแมลงสาบบ้านๆ ทั่วไป เพราะสายพันธุ์ที่นักวิทยาศาสตร์ระบุเอาไว้ก็คือสายพันธุ์ The Pacific Beetle Cockroach ซึ่งความพิเศษของสายพันธุ์นี้ก็คือ มันจะออกลูกเป็นตัวแทนการออกลูกเป็นไข่เหมือนกับแมลงสาบสายพันธุ์ทั่วๆ ไปนั่นเอง โดยการค้นพบสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นของแมลงสาบสายพันธุ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2-3 ปีก่อน เมื่อนักวิทยาศาสตร์ได้พบว่าตัวอ่อนที่เจริญเติบโตอยู่ในร่างกายของแม่แมลงสาบตัวเมียจะได้รับนมลักษณะสีอ่อนๆ ปนเหลืองจางๆ ต่อมาเมื่อนักวิทยาศาสตร์ได้นำน้ำนมนี้ไปตรวจสอบก็พบว่ามันสามารถให้พลังงานได้มากกว่าน้ำนมควายถึง 3 เท่าและมีประโยชน์มากกว่านมวัว 4 เท่าด้วยกัน และทำให้มันกลายเป็นอีกหนึ่งอาหารที่มีคุณค่ามากที่สุดในโลก นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ก็ยังได้ทำการเปิดท้องที่มีตัวอ่อนของแมลงสาบดู และก็พบว่ามีของเหลวจากตัวแม่แมลงสาบที่ได้สร้างเกล็ดผลึกสีใสเพื่อเลี้ยงตัวอ่อน ซึ่่งก็แน่นอนว่านักวิทย์ฯ ไม่พลาดที่จะเอามันไปตรวจสอบแล้วก็พบว่ามันสามารถเอาเป็นอาหารได้จริงๆ “มันมีสารอาหารที่สิ่งมีชีวิตหนึ่งต้องการอย่างครบถ้วนจริงๆ ทั้ง โปรตีน กรดอะมิโนจำเป็น ไขมัน และน้ำตาล” Leonard Chavas นักวิทยาศาสตร์ที่มีส่วนกับการวิจัยนี้กล่าว มาลองดูการทดลองกันซะหน่อย มากไปกว่านั้นนักวิทยาศาสตร์ยังบอกอีกด้วยว่า ด้วยสุดยอดอาหารที่มีคุณค่านี้เองจึงทำให้ตัวอ่อนของแมลงสาบ Pacific Beetle Cockroach โตไวกว่าและมีตัวที่ใหญ่กว่าแมลงสาบสายพันธุ์อื่นมากๆ เลยด้วย แต่ว่าการจะเอาผลึกสารของมันมาสกัดเป็นน้ำนมให้เราดื่มกินนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆ…
-
คุณพระ!! หนุ่มถูกหาว่าข่มขืนสาว เลยควัก ‘กระปู๋’ ออกมากลางศาล เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ซะเลย
ถ้าคุณเป็นคนที่ถูกกล่าวหาว่ามีความผิด แน่นอนว่าคุณจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อพิสูจน์ให้สังคมและกระบวนการยุติธรรมได้เห็นว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไงใช่ไหมล่ะ และชายคนนี้ก็ต้องทำเช่นนั้นเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้เขาเลยจำเป็นต้องควัก ‘ไอ้จ้อน’ มาโชว์ให้ศาลดู เพื่อลบล้างข้อกล่าวหาที่ว่าเขาไปข่มขืนหญิงสาวคนหนึ่ง!! Desmond James อายุ 26 ปี คือผู้ที่ถูกกล่าวหาดังกล่าว เขาต้องเข้าสู่กระบวนการสืบสวนหาข้อเท็จจริงที่ศาลในเมืองนิวเฮเวน รัฐคอนเนนตทิคัต ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งในคดีนี้ใครจะไปคิดว่ากระปู๋ของเขาจะกลายเป็นกุญแจดอกสำคัญที่นำไปสู่การสอบสวนหาความจริง Desmond James ผู้ถูกกล่าวหา นั่นก็เป็นเพราะว่าผู้หญิงคนที่เป็นผู้ตั้งข้อกล่าวหาข่มขืนให้แก่เขาระบุว่า เธอถูกข่มขืนโดยชายที่มีอวัยวะเพศสีอ่อนกว่าส่วนที่เหลือของร่างกาย จึงทำให้ทนายของ James ปกป้องลูกความของเขาโดยระบุว่าอวัยวะเพศของ James นั้นมีสีที่เข้มกว่าร่างกายของเขาอย่างเห็นได้ชัด จึงได้ขอผู้พิพากษาให้ James ได้พิสูจน์ตัวเอง ด้วยเหตุฉะนี้จึงทำให้ James ได้รับอนุญาตให้ถอดกางเกงออกเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่ทนายของเขาพูดนั้นเป็นจริงหรือไม่.. และผู้พิพากษา Elpedio Vitale คือผู้ที่ตอบรับคำขอดังกล่าว โดยเขาระบุว่าคำขอนี้อยู่ภายใต้ขอบเขตอำนาจของรัฐธรรมนูญฉบับที่ 6 ของสหรัฐอเมริกาที่ครอบคลุมสิทธิในการพิจารณาคดี ซึ่งหลักฐานที่บ่งชี้นี้ค่อนข้างเป็นอะไรที่บอบบางและมีความเป็นส่วนตัวสูงจึงไม่ต้องมีใบรับรองหลักฐานใดๆ นั่นเอง เมื่อได้ยินดังนั้นนาย James ที่ยืนอยู่จึงดึงกางเกงของเขาลงทันทีเพื่อให้ศาลพิจารณา ซึ่งในระหว่างนั้นก็มีหลายเสียงปนเปกันเต็มไปหมดทั้งเสียงหัวเราะและความช็อกที่ได้เห็นของลับเข้าเต็มๆ ลูกตา “ท่านเห็นแล้วใช่ไหมว่าอวัยวะเพศของลูกความผมมีสีที่เข้มกว่าผิวตัวของเขา ด้วยเหตุผลนี้ผมจึงคิดว่าท่านควรให้เขาพ้นผิดได้แล้วนะ” ทนายความของ James กล่าว นอกจากนี้ทนายความของ…
-
งามหยด!! ปาติซิเย่สาวรังสรรค์เค้กหน้าตาสุดวิเศษ ที่ใครๆ ต่างก็ไม่กล้ากินเพราะสวยเกิ๊น
หากพูดถึงขนมหวานแสนอร่อยอย่าง ‘ขนมเค้ก’ สาวๆ ทั้งหลายก็คงเลียปากมันจนมันแผล่บเลยใช่ไหมล่ะ เพราะมันคือแป้งนุ่มๆ กลิ่นหอมหวาน ที่มาพร้อมกับรสชาติต่างๆ อย่างมากมาย แถมมันยังเป็นของโปรดของใครบางคนที่กินทีไรก็รู้สึกเหมือนกับว่านี่แหละคือพรที่สวรรค์ส่งมาให้อย่างแท้ทรู!! และด้วยความที่เดี๋ยวนี้มีเค้กรสชาติใหม่ๆ เกิดขึ้นมาโดนตลอด เพื่อตอบโจทย์ความแปลกใหม่ให้กับคนกินอย่างเราๆ แต่ว่ามนุษย์เราก็ไม่ได้มีการพัฒนาเพียงรสชาติใหม่ๆ เกิดขึ้นมาอย่างเดียว เพราะเรื่องของหน้าตาก็เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้เรามีความอยากกิน อยากสัมผัสด้วยใช่ไหมล่ะ ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ Elena ปาติซิเย่ชาวรัสเซียวัย 31 ปี รังสรรค์เค้กหน้าตาสุดวิจิตรตระการตาขึ้นมา จนแทบจะไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองว่านี่คือเค้กจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย ในตอนนี้ด้วยขนมเค้กที่มีหน้าตาสุดวิเศษ ได้ทำให้มีผู้ติดตามใน IG แล้วกว่า 140,000 คน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่จะมีผู้ติดตามเยอะขนาดนี้ เอาเป็นว่าไปดูผลงานก่อนแล้วกัน แล้วจะรู้ว่าทำไมถึงได้ขนาดนี้!! โธ่ สวยขนาดนี้ ใครจะไปกล้ากินเนี่ย ใช้มันสมองส่วนไหนทำกันหนอ ถึงได้ออกมาอย่างกับภาพวาด พานกฟลามิงโก้น่ารักๆ มาทักทายเพื่อนกันหน่อย ดูเนียนตา ละมุนใจดีจริงๆ นกกระสาคาบเด็กน้อยมาส่งแล้ว ดอกไม้ที่ผลิออกมาจากน้ำตาล โอ๊ย สวยจริงๆ กินไม่ลงหรอกอย่างนี้ …
-
หนุ่มจัดช่อดอกไม้เงิน 1.6 ล้านบาทเซอร์ไพรส์วันเกิด แฟนสาวยิ้มแก้มปริ แต่ผิดกฎหมายซะงั้น!!
เมื่อถึงวันเกิดของแฟนสาว ก็เป็นหน้าที่ของหนุ่มอย่างเราๆ ที่จะต้องจัดเซอร์ไพรส์เอาให้เธอประทับใจ บางคนก็ทำของแฮนด์เมด บางคนก็ซื้อของขวัญให้ แต่สำหรับคนที่ไม่รู้จะซื้ออะไรให้ดีหรือเตรียมอะไรไม่ทัน บางที ‘เงินสด’ อาจจะช่วยคุณได้ เพราะไม่มีใครหรอกที่ไม่ชอบเงิน (จริงไหมล่ะ) แล้วถ้ายิ่งเป็นเงินจำนวนเยอะๆ ล่ะก็ อาจจะทำให้แฟนของเราดีใจแบบสุดๆ ไปเลยก็ได้ เหมือนกับชายคนนี้ที่จัดเตรียมเซอร์ไพรส์แฟนสาวด้วยการเอาเงินมาพับรวมกันเป็นรูปหัวใจขนาดใหญ่ และมันมีมูลค่ากว่า 1.6 ล้านบาทเลยทีเดียว แต่สุดท้ายเหตุการณ์พลิกเพราะผิดกฎหมายแบบงงๆ ซะงั้น โดยการเซอร์ไพรส์ปาร์ตี้วันเกิดของขายหนุ่มที่ทำให้แฟนสาวนี้ มีการรายงานข่าวว่าจัดขึ้นในวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ห้อง VIP ชั้น 61 ของโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองฉงชิง ประเทศจีน และภาพที่เปิดเผยออกมาจากปาร์ตี้ดังกล่าวก็คือภาพของหญิงสาวเจ้าของวันเกิด พร้อมกับแบงค์ 100 หยวน ที่ประดับประดาอยู่เต็มห้องไปหมด แถมยังมีการนำมาจัดเรียงเป็นรูปหัวใจอีกด้วย งานนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมล่ะว่าหญิงสาวคนนี้คงจะยิ้มแก้มแทบปริขนาดไหนกัน การจัดเรียงช่อดอกไม้ด้วยเงินนี้ สื่อ The Cover ได้รายงานว่าต้องใช้พนักงานจัดดอกไม้ 7 คน ร่วมกันทำงานเป็นเวลากว่า 10 ชั่วโมงเลยเพื่อให้การจัดเตรียมทั้งหมดเสร็จสิ้นเรียบร้อยก่อนที่สาวเจ้าคนนี้จะเดินทางมาถึง โดยชายหนุ่มแสนโรแมนติกคนนี้บอกเอาไว้ว่าต้องใช้เงินไปกว่า 334,000 หยวน…
-
โถ่ถังกะละมังแตก!! 19 บุคคลที่จะพิสูจน์ว่าไม่ต้องเป็นแผลแค่ใช้ชีวิตไปวันๆ ก็รู้สึกเจ็บปวดได้
แม้ว่าจะไม่ได้เป็นแผลหรือเจอกับอะไรที่หนักหนาเอาการ แต่เชื่อหรือไม่ว่าบางทีการใช้ชีวิตในแต่ละวันก็ทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดได้เหมือนกัน และบางทีมันอาจถึงขั้นที่ต้องถามกับพระเจ้าว่า นี่หนูทำอะไรผิดไปหรือเปล่าเนี่ย และคนเหล่านี้ก็เป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องประสบชะตากรรมเดียวกับคุณ เพราะว่าสิ่งที่พวกเขาเจอมานั้นมันช่างเป็นอะไรที่ยากจะลืมเลือน แถมยังต้องถามตัวเองอีกด้วยเลยว่าชาติปางก่อนที่ตูทำบาปกรรมอะไรมาฟะ ถึงต้องมาเจอกันเรื่องอย่างนี้!! แค่จะถ่ายไปลงไอจีแค่นี้เอง พัง พังหมดแล้ว ทำไมมันถึงถลอกปอกเปิกได้ขนาดนี้กันละลูก เอาไปวิ่งในทุ่งนามาหรอ เมื่อพาน้องสาวไปทดสอบว่าแพ้อะไรบ้าง แล้วเธอแพ้หมดทุกอย่างเลย มันเป็นเรื่องที่น่าสยองจริงๆ นอนอยู่ดีๆ ก็มีแขกมาเยี่ยม เอ้า อยากมาอยู่ด้วยก็ไม่บอก เป็นไงล่ะขนมปังของผมกำลังเกรียมได้ที่เลยใช่ไหมล่ะ แต่เดี๋ยวเฮ้ย… เป็นไงล่ะ เจอรามสูรขว้างขวานเข้าไป อากาศมันร้อน ก็ทำหน้าเหนื่อยๆ หน่อยไม่ได้รึไง เมื่อใส่ยีนส์ขาดๆ ตามแฟชั่น แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา… ลองนึกภาพวินาทีต่อจากนี้ดูสิ เมื่อแม่หวังดีจะเอาโทรศัพท์ไปชาร์จให้ แต่แม่ที่แม่เสียบน่ะมันหูฟัง!! ไม่ใช่ไรผ้าห่มหาย เลยอยากได้ใหม่ เอิ่มม ทำเล็กๆ ก็พอแล้วมั้ง นั่นอายัยอ่ะ หยึยยย สัตว์ประหลาดบุกโลกเข้ามาแล้ว…
-
สาวแอบยัดกัญชาไว้ใน ‘โยนี’ กว่า 1 กิโล ก่อนห่อแตกปวดท้องเข้าโรงพยาบาลให้หมอช่วย!!
แม้ว่าพืชแสนอารมณ์ดีอย่าง ‘กัญชา’ จะถูกกฎหมายในบางรัฐ บางประเทศ แต่สำหรับพื้นที่ที่ยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่ ก็จะมีการลักลอบขนส่ง แอบขายกันอยู่เนืองๆ ซึ่งวิธีการต่างๆ เหล่านี้ก็จะมีการพัฒนาอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้ตำรวจจับได้ไล่ทันในมุกเดิมๆ ที่เคยใช้ แต่มุกของหญิงสาวคนนี้ตำรวจคงจะคาดไม่ถึงแล้วก็คงไม่ใช่สิ่งที่ใครคิดเอาไว้แน่ๆ เพราะว่าเธอลงทุนเอากัญชากว่า 1 กิโลกรัม ซ่อนเอาไว้ใน ‘โยนี’ ของเธอเอง จนในที่สุดต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยความเจ็บปวดและสิ้นลายนักลักลอบลงอย่างง่ายดาย… โดยหญิงสาวนักลับลอบคนนี้ได้รับการเปิดเผยว่ามีชื่อว่า Gloria โดยในเริ่มแรกนั้นหลังจากที่เธอยัดกัญชาเอาไว้ที่หว่างขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ปรากฏว่าเธอรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในช่องท้องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอจึงตัดสินใจไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาล Ruben Lenero ในเมือง Mexico City ประเทศเม็กซิโก ให้ช่วยตรวจดูหน่อยว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่าหลังจากที่เธออ้างกับหมอไปว่าเธอกำลังตั้งท้องอยู่ แต่หลังจากที่คุณหมอตรวจไปตรวจมา ก็พบว่าไม่มีสัญญาณหัวใจจากเด็กในท้องที่เธออ้างเอาไว้เลย จึงได้ส่งตัวต่อไปยังแผนกพิเศษสำหรับผู้หญิงในโรงพยาบาล เพื่อหาเหตุผลที่แท้จริง เมื่อเจ้าหน้าที่แผนกพิเศษได้ตรวจดูอย่างละเอียด พวกเขาก็ต้องตะลึงเพราะแทนที่จะพบตัวเด็กอยู่ในท้อง สิ่งที่พวกเขาเจออยู่ในช่องท้องและมดลูกกลับเป็นห่อกัญชาจำนวนมากซะอย่างนั้น และสิ่งนี้เองที่ทำให้เธอเกิดอาการปวดท้องขึ้นมา เพราะว่าห่อกัญชามันดันไปแตกอยู่ภายในตัวของเธอเอง ซึ่งทางแพทย์ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่ากัญชาในห่อเหล่านั้นยังคงเป็นต้นๆ โดยมีดินเป็นกระจุกติดมาด้วยอยู่เลย แต่ในที่สุดแล้วทางแพทย์ก็ได้นำกัญชาทั้งหมดออกมาจากตัวของ Gloria อย่างปลอดภัย และหลังจากพักฟื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาควบคุมตัวไปตามระเบียบ Gloria ถูกจับกุมด้วยข้อหา ‘ก่ออาชญากรรมต่อสุขภาพ’ (กฎหมายของที่นั่น) แต่อย่างไรก็ตามในที่สุดทางคณะลูกขุนก็ปล่อยตัวเธอคนนี้กลับบ้านแต่โดยดี เพราะการคุมขังเธอด้วยข้อหานี้ไม่ชอบต่อกฎหมายนั่นเอง ถึงอย่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า…
-
‘เจ้าหญิงไดอาน่ากับดัสเชสทั้งสอง’ ภาพครอบครัวที่ขาดหายไปแต่เป็นจริงขึ้นมาได้จากศิลปิน!!
ก็ผ่านพ้นไปแล้วด้วยความปีติยินดีจากผู้คนทั้งโลกสำหรับงานเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รี่ ดยุกแห่งซัสเซกซ์ กับนางสาวเมแกน มาร์เคิล ที่จัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ โดยในงานดังกล่าวก็มีเชื้อพระวงศ์ต่างๆ อยู่กันอย่างครบถ้วนทั้งเจ้าชายวิลเลี่ยม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ ผู้เป็นพระเชษฐา (พี่ชาย) แคเธอริน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ พระชายาในเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายเจ้าหญิงองค์น้อยอีกจำนวนมาก แต่ก็ยังมีอยู่บุคคลหนึ่งที่ขาดหายไปจากงานแห่งความสุขครั้งนี้… เจ้าหญิงไดอาน่าสร้างเหตุการณ์ช็อคโลกเมื่อพระองค์จากไปในปี 1997 ด้วยอุบัติเหตุจากทางรถยนต์ขณะที่มีพระชนมายุได้ 36 ปี ซึ่งในขณะนั้นได้บุตรชายทั้งสองนั่นคือเจ้าชายวิลเลี่ยม และเจ้าชายแฮร์รี่เพิ่งจะมีพระชนมายุได้ 15 ปีกับ 12 ปีเพียงเท่านั้น ทว่าในปัจจุบันเจ้าชายทั้งสองได้เติบโตขึ้นอย่างสง่างามและได้ทรงงานอย่างหนัก เพื่อเป็นเกียรติแก่สิ่งที่เจ้าหญิงไดอาน่าได้มอบไว้ให้พร้อมทั้งทำให้ความตั้งใจของพระองค์ในการรักษาจักรวรรดินี้ไว้ยังคงอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย และด้วยการจากไปอย่างไม่มีวันกลับนี้ทำให้เจ้าหญิงไดอาน่า ไม่สามารถอยู่ดูพิธีแห่งความสุขของบุตรทั้งสองนั่นคือเจ้าชายแฮร์รี่ และเจ้าชายวิลเลี่ยม รวมถึงทำความรู้จักกับพระสุณิสา (ลูกสะใภ้) ได้ จึงทำให้ศิลปินคนหนึ่งสรรค์สร้างภาพวาดจากจินตนาการขึ้นมา โดยเป็นภาพของเจ้าหญิงไดอาน่าอยู่พร้อมกับดัชเชสทั้งสองอย่างมีความสุข เจ้าหญิงไดอาน่ากับพระสุณิสาทั้งสอง https://www.instagram.com/p/BjAMSHQlMPK/?taken-by=autumn.ying Autumn Ying คือผู้ที่สร้างภาพแห่งความปีติดังกล่าวขึ้นมา และได้โพสต์ภาพลงในอินสตาแกรมเพื่อให้คนทั้งโลกได้เห็นถึงความงดงามของครอบครัวราชวงศ์นี้ ในรูปนี้มีเจ้าหญิงชาร์ลอตต์องค์น้อยอยู่ด้วย https://www.instagram.com/p/BjFfbi6Faoa/?taken-by=autumn.ying “เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง เจ้าหญิงไดอาน่าไม่สามารถอยู่ดูลูกสะใภ้อันงดงามของเธอได้ ฉันจึงคิดว่าอย่างน้อยภาพเหมือนนี้ก็จะอาจจะสามารถเติมเต็มส่วนที่หายไปได้” Autumn…
-
หนุ่มอาหรับลักลอบจะเอาโทรศัพท์เข้าไปในคุกเลยฝังไว้ใน ‘รูตูด’ กว่า 6 เครื่องหูรูดพังหม๊ด!!
สำหรับผู้ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่หลังกำแพงคุกแล้ว ชีวิตของพวกเขาต้องเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะความผิดที่ตัวเองได้ก่อเอาไว้ ทั้งต้องทำทุกอย่างตามตารางเวลาและไม่มีอิสรภาพที่จะติดต่อกับโลกภายนอก ดังนั้นแล้วสิ่งของที่เปรียบเสมือนกับเป็นสมบัติอันมีค่ามหาศาลของพวกเขาก็คือ ‘โทรศัพท์มือถือ’ นั่นเอง และก็แน่นอนว่าสิ่งนี้ย่อมเป็นสิ่งของต้องห้ามที่ไม่สามารถถือครองได้สำหรับนักโทษ แต่ถึงอย่างนั้นแล้วก็ยังมีการลักลอบเอาเข้าไปด้วยวิธีใหม่ๆ อยู่เสมอ ทว่ารายล่าสุดที่มีการจับผู้ลักลอบได้กลับทำให้ทั้งโลกต้องตะลึง เพราะมีชายคนหนึ่งที่ยัดโทรศัพท์มือถือกว่า 6 เครื่องเอาไว้ในตูดของตัวเอง!!! การจับกุมนี้เกิดขึ้นโดยตำรวจตะเวนชายแดนของประเทศอิสราเอล เมื่อวันพุธที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยคนที่ยอมอุทิศรูทวารของตัวเองนี้ได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ว่าเป็นชายชาวอาหรับคนหนึ่ง ที่พยายามจะปีนรั้วเข้าไปคุกในเมืองเยรูซาเร็มเป็นครั้งที่ 2 สำหรับความผิดครั้งแรกของเขาคนนี้เกิดขึ้นในเย็นวันอังคารที่ 22 พฤษภาคม เมื่อเจ้าหน้าที่ได้สังเกตเห็นว่าเขาพยายามจะปีนรั้วใกล้ๆ กับคุก al-Ram ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเขตเทศบาล จึงได้นำตัวมาสอบสวนและปล่อยกลับบ้านไปเนื่องมาจากเป็นความผิดครั้งแรก โทรศัพท์ที่ยึดได้จากรูทวารของชายคนนี้ ทว่าเขาก็กลับมาในคืนวันพุธต่อมา และพยายามจะปีนรั้วที่ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง เจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัวเขาไปเข้าคุกเพราะว่าเป็นความผิดที่ซ้ำซ้อนและเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก่อนที่จะเข้าไปในคุกได้ก็แน่นอนว่าจะต้องมีการตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อหาว่ามีสิ่งแปลกปลอมแอบซ่อนเอาไว้อยู่หรือไม่ ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบอย่างเข้มข้น พวกเขาก็พบว่าในลำไส้ของชายคนนี้มีโทรศัพท์ซ่อนเอาไว้ถึง 6 เครื่องด้วยกัน คุณพระ!! ในที่สุดเมื่อนำภาพเหตุการณ์ทั้งหมดมารวมเข้าด้วยกัน จะเห็นได้ว่าชายชาวอาหรับคนนี้จงใจที่จะถูกจับ เพื่อที่ว่าจะได้เข้าในคุกแล้วแจกจ่ายโทรศัพท์ทั้ง 6 เครื่องนี้ให้แก่เครือข่ายของเขานั่นเอง สุดท้ายแล้วชายชาวอาหรับคนนี้คงต้องไปรับโทษโดยไม่มีอะไรติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว แถมยังอาจต้องติดคุกหัวโตพร้อมกับความเจ็บแสบของรูทวารที่บรรจุโทรศัพท์เข้าไปถึง 6 เครื่อง หูรูดพังหมดแล้ว……
-
พ่อชาวญี่ปุ่นเปลี่ยนภาพวาดของลูกสาววัยอนุบาลให้เป็นเมนูกล่องข้าวกลางวัน น่ารักจ่น!!
เมื่อเด็กๆ อยู่ในวัยหัดขีดเขียน ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็จะเห็นว่าสิ่งที่พวกเขาวาดนั้นส่วนใหญ่ก็จะมีลายเส้นที่คดเคี้ยวไปมาแถมยังไม่ค่อยจะมีระเบียบเหมือนอย่างรูปวาดที่ดี จึงทำให้เราคิดว่าปล่อยผลงานเหล่านั้นทิ้งลงถังขยะไปคงจะดีกว่า แต่ว่ามีคุณพ่อคนหนึ่งที่ไม่คิดอย่างนั้น เพราะถึงแม้ว่ารูปภาพที่ลูกสาววัยอนุบาลของเขาวาดจะไม่ค่อยสวยดึงดูดตานัก ทว่าเขาก็ได้เปลี่ยนมันให้กลายเป็นสิ่งที่เพิ่มความแนบแน่นระหว่างสายใยพ่อลูก ด้วยการเอาภาพวาดไปจัดแจงเป็นหน้าตาอาหารในกล่องข้าวกลางวัน(เบนโตะ) สำหรับลูกเขาซะเลย คุณพ่อคนเก่งคนนี้มีชื่อว่า Takafumi Ozeki ชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในนักแสดงตลกของวงดูโอ้ชื่อว่า The Geese โดยคุณพ่อคนนี้ได้แชร์ภาพกล่องข้าวกลางวันหน้าตาแปลกๆ ที่ถูกถอดแบบมาจากภาพวาดของลูกสาววัยอนุบาลของเขาที่ได้ได้กลายมาเป็นอาหารสำหรับเจ้าตัวน้อยที่สามารถกินได้แบบจริงๆ !! จุดเริ่มต้นของการทำอะไรน่ารักๆ นี้เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2017 เมื่อวันหนึ่งลูกสาวของเขาเดินเข้ามาหาพร้อมกับภาพวาดที่เธอวาดเอาไว้ แล้วขอให้เขาเปลี่ยนมันให้กลายเป็นอาหารในกล่องข้าวกลางวันให้หน่อย และเขาก็ทำเต็มใจทำให้ด้วยความเอ็นดู โดยภาพแรกนั้นเป็นภาพของตัวอะไรซักอย่างที่คล้ายๆ กับเด็กผู้หญิงและมนุษย์กบ และเมื่อเขาได้ทำออกมาให้กลายเป็นจริงแล้วก็ได้นำภาพไปแชร์ในทวิตเตอร์เพื่ออวดฝีมือของลูกสาวซะหน่อย แล้วก็ปรากฏว่ามีคนกดหัวใจพร้อมกับรีทวีตออกไปอย่างล้นหลามเป็นแสนๆ เลยแหละ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาข้าวกล่องกลางวันของ พ่อ-ลูกคู่นี้ก็ถูกผลิตออกมาเรื่อยๆ ในลายต่างๆ ตามที่เด็กหญิงคนนี้จะออกแบบอย่างในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ลูกสาวของเขาก็วาดภาพตัวการ์ตูน Mickey Mouse ขึ้นมาสำหรับเป็นอาหารในกล่องข้าวกลางวันของเธอ จากนั้นก็ลองเปลี่ยนมาวาดแมลงเต่าทองกับนกเพนกวินกันบ้าง ซึ่งในภาพนี้นาย Ozeki ก็รู้สึกได้เหมือนกับว่าลูกสาวของเขาได้มีฝีมือทางด้านการวาดภาพมากขึ้น และมันทำให้เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าในอนาคตลูกสาวของเขาวาดออกมาซะสวยเนี๊ยบ เขาจะทำให้มันสวยเหมือนกับที่เธอวาดได้ไหมเนี่ย.. เริ่มมีการวาดที่แอดวานส์ยิ่งขึ้น โดยลูกสาวแสนซนคนนี้วาดภาพตัวแรคคูนกับหมาน้อยที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวการ์ตูนชื่อว่า Tanukichi-kun…
-
18 ภาพแปลกๆ สุดสวิงริงโก้ ที่จะมาทำให้วันของคุณกลายวันดีๆ ด้วยเสียงหัวเราะจากพวกเขา
หากจะหาสิ่งว่ามีสิ่งมีชีวิตอะไรที่แปลกที่สุดในจักรวาล ก็คงเป็น ‘มนุษย์’ เรานี่แหละ เพราะเราจะเห็นได้ว่าคนเราชอบที่จะทำอะไรแปลกๆ อยู่ตลอดเวลา และบ้างก็แปลกซะจนนึกว่าเพี้ยนไปแล้วซะอีก แต่ถึงอย่างไรในความพิสดารของพวกเขาก็ยังแฝงไปด้วยความขำขัน ที่ทำให้โลกใบนี้ดูสดใสขึ้นมาราวกับเสกด้วยเวทมนตร์ อยากรู้ล่ะสิว่าเสียงหัวเราะมันจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ขนาดไหน ถ้าอย่างนั้นต้องไปหาจากพวกเขาเหล่านี้กันแล้วล่ะ!! แบตจะเต็มยัง ขอยืมสายชาร์จหน่อยจิ งงล่ะสิเด็กๆ พี่น่ะของจริง ไปหนีอีท่าไหนละเนี่ย เห็นแล้วรู้สึกคันเนื้อคันตัวยังไงชอบกล น้ำมันแพงหรอ เติมน้ำเปล่า (ให้ม้าลาย) เอาซี่ปัดโธ่ว!! เอาอย่างนี้ดีกว่านะ วางถุงกาวแล้วตอบมาซิว่า ทำไปเพื่อ?? ผู้บังคับบัญชามาแล้ว!! ตื่นขึ้นมาเร็วเจ้าพวกขี้เกียจ ขนาดข้าเป็นตัวสลอธยังอยากมาเรียนเลยเนี้ย ครอบครัวหัวโค้ก นี่ไม่มีอะไรจะเล่นกันแล้วใช่ไหม… แคบขนาดนี้ยังจะเอาไปจอดอีกเนอะ คุณตำรวจ!! ไม่รู้เลยว่าจะโฟกัสอะไรก่อนดี ทำไมรองเท้าแตะมันหน้าตาแปลกๆ เหมือนของที่ผู้หญิงเค้าใช้กันเลยน้า สงสัยที่อ่านแผ่นเสียแน่ๆ เลย ใส่ยังไงก็ไม่เข้าสักที ก็มันกลัวโดนขโมยอ่ะ (เจ้าสีเทาๆ นี้คือที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าเพื่อกันขโมย) ใช้ประโยชน์อะไรได้ฟะเนี่ย…
-
หนุ่มเอเชียโดนต่อยเข้าเต็มๆ เพราะ ‘มองหน้า’ ชายผิวสีในโรงพยาบาล มึนจนแทบจะล้มตึง!!
บางครั้งอารมณ์อันร้อนแรงของคนเรา ก็เป็นสิ่งที่จุดชนวนให้เกิดเรื่องราวต่างๆ ตามมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เรื่องที่ไม่เป็นเรื่องก็กลายเป็นเรื่องขึ้นมาจนเป็นอะไรที่บานปลายและจบลงไม่สวย เหมือนกับเหตุการณ์นี้ที่ชายผิวสีคนหนึ่งไปต่อยเข้าที่หน้าของชายอีกคนหนึ่ง ด้วยเหตุผลเพียงเพราะว่า ‘ถูกมองหน้า’ เพียงแค่นั้น แล้วที่สำคัญคือเหตุการณ์นี้ยังเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลอีกด้วย!! โดยเหตุการณ์ความหัวร้อนนี้เกิดขึ้นที่โรงพยาบาล Sunrise ในลาสเวกัส รัฐเนวาด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2018 ซึ่งเรื่องราวในวิดีโอได้เริ่มต้นขึ้นจากชายเอเชียผอมสูงคนหนึ่งที่กำลังยืนเถียงกับชายผิวสีที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง และนอกจากคำโต้เถียงกันไปมา ก็ยังมีการท้าทายเกิดขึ้นจากผิวสีให้ชายชาวเอเชียคนนี้เข้ามาเปิดก่อนสิจะได้จัดกันสักยก ทว่าชายชาวเอเชียคนนี้ก็ยังระงับอารมณ์โกรธได้เป็นอย่างดีและไปนั่งที่เก้าอี้ผ่อนคลายอารมณ์อันคุกรุ่นนี้สักหน่อย เมื่อเห็นดังนั้นชาวผิวสีที่อารมณ์กำลังขึ้นจนหัวร้อนแทบจะไหม้ก็ไม่สบอารมณ์ และสั่งให้ชายเอเชียคนนั้นยืนขึ้นมาเคลียร์กันให้เข้าใจซะหน่อย แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบรับคำท้าของเขาแต่อย่างใด ทันใดนั้นเองชายผิวสีก็บันดาลโทสะเดินเข้าไปต่อยชายชาวเอเชียคนนี้เต็มๆ จนเขามึนไปสักพักหนึ่ง ก่อนที่จะลุกขึ้นมาสู้กันไปมาจนกระทั่งเจ้าหน้าที่พร้อมกับบุรุษพยาบาลต้องเข้ามาแยกทั้งสองออกจากกัน เพื่อความปลอดภัยของทั้งคู่และคนไข้คนอื่นๆ ที่มารอคิวรักษาด้วย ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้ามาถึงที่เกิดเหตุและทำการสอบสวนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วก็ได้รับความกระจ่างเมื่อชายผิวสีบอกว่าเป็นเพราะชายชาวเอเชีย ‘มองหน้าหาเรื่อง’ Venessa ผู้โพสต์คลิปดังกล่าวเล่าว่า เหตุการณ์นี้จบลงด้วยชายผิวสีคนนี้ต้องเข้าไปนอนกินข้าวแดงในคุกเนื่องจากข้อหาก่อนเหตุทะเละวิวาท ซึ่งเขาก็อาจได้รับข้อคิดจากเรื่องนี้เต็มๆ ว่าไม่ควรหัวร้อนจนเกิดเป็นเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีกแล้ว ต่อมาก็มีความคิดมากมายจากชาวเน็ตเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นการสวดการกระทำของชายผิวสีคนนี้ซะเป็นส่วนมากที่ไปเริ่มการทะเลาะเบาะแว้งนี้ขึ้น วากานด้า… น่าจะทำให้เขาสงบด้วย…
-
ครูให้นักเรียน ป.2 เขียนสิ่งที่ไม่ชอบ และ ‘โทรศัพท์’ คือคำตอบเพราะมันแย่งเวลาของพ่อแม่ไป!!
ว่ากันว่าวัยเด็กเป็นเสมือนกับผ้าขาวที่รอซึมซับสีต่างๆ เข้าไปในตัว ดังนั้นแล้วเราจึงเคยได้ยินกันว่าคำพูดของเด็กเป็นคำพูดที่จริงใจและไร้ซึ่งคำโกหกหลอกลวงใดๆ ทั้งสิ้น และบางครั้งคำพูดของพวกเขาก็ยังสะท้อนให้เห็นด้วยว่า เราหลงลืม ละเลย หรือทำอะไรที่แตกต่างจากเมื่อครั้งอดีตไปบ้างหรือเปล่า… ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีได้เข้าไปอยู่ทุกหย่อมหญ้า จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ใครๆ ต่างก็มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเอาไว้ แชท เล่นเกม อัปโหลดภาพลงโซเชียล ไม่เว้นแม้แต่ผู้เป็นพ่อเป็นแม่คน แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าคำพูดที่กลั่นออกมาจากใจของเด็กๆ เหล่านี้อาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนคุณไปตลอดกาลเลยก็เป็นได้ โดยคำพูดของเด็กๆ ที่จะทำให้เราได้กลับมาย้อนดูตัวเองนี้ ได้ถูกเปิดเผยขึ้นโดยคุณครูคนหนึ่งในรัฐหลุยเซียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเธอได้มอบหมายให้นักเรียนชั้นป. 2 ของเธอเขียนถึงนวัตกรรมใดๆ ก็ได้ที่พวกเขาไม่อยากจะให้เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ และผลจากนักเรียน 21 คน ก็มีถึง 4 คนที่บอกว่าสิ่งที่ไม่อยากให้มีบนโลกเลยก็คือ ‘โทรศัพท์มือถือ’ “หนูไม่ชอบโทรศัพท์เลย เพราะพ่อแม่หนูเอาแต่ใช้เวลาอยู่กับมันทั้งวันและทุกวัน การเล่นโทรศัพท์บางครั้งก็กลายเป็นนิสัยที่ไม่ดีจริงๆ หนูเกลียดโทรศัพท์ของแม่แและหวังเอาไว้ว่าแม่จะไม่มีมือถือ นี่คือนวัตกรรมที่หนูไม่ชอบเลย” นอกจากคำพูดที่ดูง่ายๆ แต่บ่งบอกถึงความจริงนี้แล้ว หนูน้อยก็ยังมีการวาดภาพโทรศัพท์มือถือที่ถูกกากบาท พร้อมกับหน้าที่เอ่ยวาจาออกมาว่า “หนูเกลียดมัน” เอาไว้ด้วย ซึ่งมันก็สะท้อนให้เห็นว่าพ่อแม่ในยุคปัจจุบันอาจจะมีการใช้โทรศัพท์ที่มากเกินไปจนลืมให้เวลากับเด็กๆ ซึ่งอยากให้พ่อแม่หันกลับมาใส่ใจเหมือนเมื่อก่อน โพสต์ของคุณครูคนนี้ได้กลายเป็นกระแสไวรัลที่มีการแชร์ต่อกันถึง 200,000 ครั้ง ซึ่งเธอก็หวังเอาไว้ว่าคำพูดของเด็กๆ…
-
เศร้า!! เด็กหญิงวัย 1 ขวบ ถูกพ่อบุญธรรมลืมเอาไว้ในรถทั้งวันจนเสียชีวิตจากความร้อนระอุ
เชื่อว่าหลายคนคงเคยสัมผัสกับวินาทีที่เปิดประตูรถที่จอดอยู่กลางแจ้งทั้งวันออก เราจะสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุชนิดที่ว่าถ้าเข้าไปอยู่ต้องแทบจะไหม้เลยทีเดียว แต่ว่าก็มีเด็กแบเบาะคนหนึ่งที่ต้องทุกข์ทรมานอยู่ในรถที่ร้อนๆ ทั้งวันจนเธอเสียชีวิต ด้วยต้นเหตุเพราะว่าพ่อลืมว่าเธออยู่ในรถ… เหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดนี้เกิดขึ้นที่เขต East Nashville รัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อมีเด็กแบเบาะน่ารักๆ วัยเพียงขวบเดียวคนหนึ่งต้องเสียชีวิตในรถที่ร้อนเหมือนกับเป็นเตาอบตลอดทั้งวัน โดยเหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นจากการที่พ่อบุญธรรมของเด็กหญิงคนนี้ ได้พาเธอไปร่วมส่งพี่ๆ เข้าโรงเรียนเนิร์สเซอรี่แห่งหนึ่ง แต่ว่าเมื่อส่งเสร็จแล้วกลับมาที่บ้าน พ่อบุญธรรมคนนี้กลับลืมที่จะพาตัวของเด็กหญิงออกมาจากรถคันดังกล่าว และก็ด้วยความร้อนที่จอดอยู่กลางแจ้งทั้งวันก็ได้ทำให้เด็กหญิงคนนี้ ต้องทนทุกข์ทรมานจนเธอไม่สามารถทนได้ไหวเสียชีวิตลงไปในที่สุด ต่อมาผู้เป็นแม่บุญธรรมมาพบเข้าในตอนเย็นวันพุธที่ 23 พฤษภาคม และรีบนำตัวไปส่งโรงพยาบาล Monroe Carell Jr. Children’s Hospital อย่างรวดเร็วแต่ก็สายไปเสียแล้วสำหรับการกู้ชีวิตเธอกลับมา ในตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น และอาจตั้งข้อหากับตัวของพ่อแม่บุญธรรมของเด็กคนนี้ต่อไป ซึ่งก็ต้องรอติดตามดูว่าจะมีบทลงโทษใดๆ เกิดขึ้นหรือไม่… ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ที่มา: mirror, wsmv
-
‘เหยินน้อย’ ประกาศแต่งงาน แต่แต่งทั้งทีจะให้ธรรมดาได้ไงต้องจัดทีเดียว 2 คนไปเลย!!
หลายคนคงจะจำชายผู้มีลีลาพริ้วไหวเมื่อมีลูกบอลอยู่ในเท้านามว่า ‘Ronaldino’ ได้เป็นอย่างดี เพราะเขาคนนี้นี่แหละที่ชอบสร้างปรากฏการณ์แปลกๆ ให้เราได้ตื่นตาตื่นใจกันอยู่เสมอ แต่หลังจากที่ร้างราจากทุ่งหญ้าแห่งความฝันไปแล้วก็ดูข่าวคราวของเขาจะดูเงียบๆ ลงไปบ้าง ทว่ามาวันนี้เขาได้สร้างเรื่องให้เราได้เซอร์ไพรส์กันอีกแล้ว เพราะเขาได้ประกาศว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงทีเดียวถึง 2 คน!! เรียกได้ว่าสร้างเรื่องประหลาดใจให้เราได้บ่อยจริงๆ สำหรับ ‘เจ้าเหยินน้อย’ ที่นอกจากผลงานในสนามที่คล่องแคล่วซะจนเป็นตำนานทีมชาติบราซิล เรื่องนอกสนามเขาก็เด็ดไม่แพ้กัน เมื่อในตอนนี้เขาได้วางแผนเอาไว้ว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงทีเดียว 2 คน นั่นก็คือสาวนามว่า Priscilla Coelho และ Beatriz Souza โดยอันที่จริงแล้วสาวทั้งสองคนนี้ก็อาศัยร่วมชายคาเดียวกับเจ้าเหยินน้อยมาตั้งแต่เดือน ธันวาคม ปี 2017 ที่ผ่านมา ในคฤหาสน์สุดหรู ณ นคร Rio de Janeiro มูลค่ากว่า 5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 214 ล้านบาท) แต่เพิ่งจะมีการเอ่ยปากขอแต่งงานกับทั้งสองคนเมื่อเดือนมกราคม Ronaldinho หรือชื่อจริงว่า Ronaldo de Assis Moreira ได้เริ่มคบหาดูใจกับนางสาว Beatriz ในปี 2016 แต่ว่าเขาก็ยังคงมีความสัมพันธ์อยู่กับ Priscilla ตั้งแต่เมื่อหลายปีที่แล้ว…
-
งูเลื้อยเข้าหอนักศึกษาหนุ่ม แต่งานนี้ไม่มีกลัวมีแต่ ‘แกง’ เท่านั้น ลาภปากมาถึงที่เลยนะเนี่ย!!
เวลาที่ฝนตกหรือมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น สัตว์อย่าง ‘งู’ ก็จำเป็นที่จะต้องเอาตัวรอดด้วยการแสวงหาที่อยู่ใหม่ เพื่อให้มีความปลอดภัยกับตัวเอง แต่ว่าบางทีการเลื้อยเข้าไปผิดที่ก็อาจจะเจออะไรที่อันตรายกว่า อย่างเช่นเจ้างูตัวนี้ที่เลื้อยเข้าไปในหอนักศึกษาชาย แต่ว่าแทนที่มันจะยึดห้องได้ กลับต้องจบชีวิตลง แถมยังกลายเป็นอาหารที่มาเสิร์ฟให้ถึงที่ซะอย่างงั้น โดยเรื่องราวความซวยของงูตัวนี้เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัย Chongqing Institute of Mechanical & Electrical Engineering ประเทศจีน เมื่อนักศึกษากลุ่มหนึ่งของที่นี่พบว่ามีงูเลื้อยเข้ามาในหอพัก แต่ว่าแทนที่พวกเขาจะกลัวและออกไปอยู่นอกหอพักรอให้เจ้าหน้าที่มาช่วยจัดการ พวกเขากลับทำสิ่งตรงกันข้ามนั่นคือจับงูมาประกอบอาหาร ด้วยการหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ แล้วนำไปต้มยำทำแกง พร้อมกับเครื่องเทศต่างๆ กลายเป็นอาหารอันโอชะจานเด็ดดับความหิวซะเลย ต่อมาภาพของต้มยำงูตัวนี้ได้กลายเป็นกระแสไวรัลในโลกอินเทอร์เน็ต แต่เมื่อทางมหาวิทยาลัยได้มาเห็นเข้าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คุณครูคนหนึ่งบอกว่าพวกเขารู้สึกขำไม่ออกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะว่ามันทำให้ภาพลักษณ์ของสถาบันดูเสียหายนั่นเอง โดยหากจะว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว สัตว์อย่างงูก็ไม่ได้เป็นที่นิยมกินกันในทุกส่วนของโลก จะมีก็เพียงแต่ประเทศแถบเอเชียเท่านั้นที่เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เรากินเนื้องูกัน และบางทีก็ยังมีความเชื่อกันว่าเนื้องูมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย ในตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยว่านักศึกษาชายกลุ่มดังกล่าวโดยลงโทษอะไรหรือไม่ แต่ที่รู้ๆ คือตอนนี้งูตัวนั้นได้เข้าไปสู่กระเพาะของพวกเขาด้วยรสชาติเอร็ดอร่อยแล้วเป็นที่เรียบร้อย เลื้อยผิดชีวิตเปลี่ยน.. ที่มา: nextshark
-
17 ภาพแสดงความรักของพ่อแม่ที่เห็นเราเป็นเด็กน้อยอยู่ แม้จริงๆ จะโตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว!!
แม้ว่าเราจะโตจนหมาเลียก้นไม่ถึง หรือถึงวัยที่พร้อมจะเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว แต่คนที่ดูแลเรามาตั้งแต่วัยเท้าเท่าฝาหอยอย่างพ่อหรือแม่ ก็ยังคงมองเห็นเราเป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกที่ยังอ่อนต่อโลกสำหรับพวกเขาอยู่วันยังค่ำนั่นแหละน่า จะจริงไม่จริงไม่รู้ แต่ว่าสำหรับพวกเขาเหล่านี้มันเป็นเรื่องที่จริงซะยิ่งกว่าจริงซะอีก เพราะหากคุณได้ดูว่าสิ่งที่พวกเขาได้เจอมาคืออะไร ก็อาจจะเชื่อจนสนิทใจเลยก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นห่วงเป็นใยที่มีมาโดยตลอด ซึ่งมันทำให้เรื่องเหล่านี้ดูเป็นเรื่องที่น่ารักมากๆ เลยแหละ ‘แม้ว่าผมจะอายุ 34 ปีแล้วมีลูกแล้วถึง 3 คน แต่แม่ของผมก็ยังชอบแอบเข้ามาในออฟฟิศแล้วทิ้งอะไรเอาไว้ให้เซอร์ไพรส์เสมอ’ สกปรกอีกแล้วนะลูก ไปเล่นกับหมาที่ไหนมาอีกเนี่ย ‘ในวันนี้ฉันมีอายุ 28 ปี แต่แม่ยังให้ฉันถ่ายรูปคู่กับลูกโป่งอยู่เลย’ แม่ชอบที่จะปะเย็บกางเกงที่เป็นรูให้อยู่เสมอ แต่แม้ว่าฉันจะอายุ 23 ปีแล้ว แต่ฉันก็ชอบนะที่แม่ทำอย่างนี้ให้ ‘พ่อของฉันมักจะชอบเอาตังซ่อนเอาไว้ให้เสมอ ในทุกๆ ครั้งที่เขามาเยี่ยม’ เมื่อบอกแม่ว่ารู้สึกไม่ค่อยดี ต่อมากลับมาที่บ้านก็เจออย่างนี้!! ปีนี้อายุ 31 ปีแล้วดูเค้กที่แม่ซื้อมาให้สิ แม่บอกว่าซื้อเอามาให้เมื่อ 20 ปีที่้แล้วแต่ลืมให้เลยเอามาให้วันนี้แทน โถแม่.. วันนี้ผมอายุ 21 ปีพอดี พ่อเลยขอถ่ายรูปนี้เอาไว้โพสต์ในเฟสบุ๊คซะหน่อย พ่อยังไงก็ยังเป็นพ่อเสมอแหละ…
-
‘Venom Man’ บุรุษผู้มีภูมิต้านทานพิษงู แถมยังต้องเพิ่มพลังด้วยการให้งูกัดสัปดาห์ละครั้ง!!
สัตว์มีพิษอย่าง ‘งูเห่า’ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ต้องเกรงกลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมัน เพราะการกัดของมันเพียงครั้งเดียวสามารถล้มสัตว์ใหญ่ๆ ได้เป็นตัวๆ รวมถึงมนุษย์เราด้วย แต่ว่ามีคนๆ หนึ่งที่ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะร่างกายของเขาสามารถทนทานต่อพิษของงูได้ หนำซ้ำเขายังต้องให้งูเห่ากัดทุกๆ สัปดาห์เพื่อให้มีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้นด้วย!! Joe Quililan นักจับงูเจ้าของฉายา ‘Venom Man’ วัย 31 ปี จากเมือง Cagayan de Oro ประเทศฟิลิปปินส์ คือคนที่มีพลังวิเศษดังกล่าว เขาเล่าให้ฟังว่าได้ค้บพบพลังนี้ตั้งแต่เขาเริ่มจับงูตัวแรกเมื่อครั้งมีอายุ 14 ปี โดยในตอนนั้นก็เป็นเพราะความอ่อนประสบการณ์ในการจับงู จึงทำให้มีอยู่วันหนึ่งเขาก็ถูกงูเห่าฉกเข้าให้ แต่แทนที่เขาจะเจ็บปวดจนต้องไปโรงพยาบาล เขากลับบอกว่าร่างกายของเขาก็ไม่ได้มีความผิดปกติอะไรเสมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แม้ว่าคนทั่วๆ ไปเมื่อโดนฉกแล้วส่วนมากจะเสียชีวิตก็ตาม Joe ยืนยันว่าการถูกฉกในครั้งแรกของเขานั้น ทำให้เขารู้ว่าตัวเองนั้นมีภูมิต้านทานวิเศษต่อพิษของงูเห่า เขาจึงใช้เวลาหลายปีต่อมาเพื่อทำให้ภูมิต้านทานของเขานี้มีความแข็งแกร่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่การจะไปถึงขั้นนี้ได้ Joe ก็ยอมรับว่ามันใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนกัน โดยตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เขาต้องเจ็บปวดกับการถูกงูดกัดเป็นร้อยๆ ครั้ง และบางครั้งพิษงูนั้นก็รุนแรงจนเขาต้องเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเหมือนกัน นอกจากนี้เขาก็บอกว่าต้องประสบกับประสบการณ์เฉียดตายกับเรื่องนี้มาแล้วถึง 5 ครั้ง แถมยังมีนิ้วมือนิ้วหนึ่งที่ใช้งานไม่ได้เนื่องมาจากพิษของงู…
-
นักศึกษาหนุ่มถูกเหยียดเชื้อชาติ เพราะโดนกล่าวหาว่าไปจี้ท้าย ‘ที่นี่ไม่ใช่ปากีสถาน ไอตูด’
การใช้รถใช้ถนนสาธารณะร่วมกัน ก็อาจจะมีบ้างบางครั้งที่เกิดเรื่องไม่พอใจขึ้นมาบ้างจากนิสัยอันแตกต่างกันของผู้ขับขี่ แต่ว่าทางที่ดีก็ไม่ควรจะใช้วาจาที่หยาบคายในการพูดคุยกัน เพราะมันอาจเป็นสิ่งที่พาไปสู่อารมณ์ที่แรงยิ่งขึ้น และอาจเกิดเรื่องบานปลายได้โดยใช่เหตุ เหมือนกับเหตุการณ์ที่นักศึกษาชายคนนี้ต้องเผชิญ เมื่อเขาบังเอิญไปมีข้อบาดหมางกับคนขับรถอีกคนหนึ่ง แต่แทนที่จะพูดจาหาข้อสรุปกันอย่างคนที่มีสัมมาคารวะ เขากลับถูกพูดจาเหยียดเชื้อชาติซะอย่างนั้น Ali Alghamdi นักศึกษาหนุ่มผู้ถูกโจมตี เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อต้นพฤษภาคมที่ผ่านมา เมื่อนาย Ali Alghamdi นักศึกษาวัย 24 ปี คณะวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัย Texas A&M ในรัฐเทกซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา กำลังขับรถไปทำธุระของเขาในย่าน Kingsville แต่ในระหว่างที่เขากำลังขับรถอยู่นั้นเอง ก็ได้ตามหลังรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเล็ตสีดำคันหนึ่ง ทว่ารถคันนี้ก็เกิดเบรคกะทันหันขึ้นมาในช่วงเวลาหนึ่งเนื่องจากกำลังฝ่าสัญญาณจราจรที่บอกให้หยุด นั่นจึงทำให้ Ali ต้องเบรคตามอย่างช่วยไม่ได้ และในวินาทีนี้นั่นเองที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้น เพราะว่าคนขับรถคันสีดำดังกล่าวได้ขับรถไปจอดที่ริมทางแล้วกล่าวหาว่า Ali ขับรถจี้ตูดพร้อมตะโกนต่อว่า อย่างเสียๆ หายๆ รวมถึงยังพูดจาเหยียดเชื้อชาติอย่างรุนแรงอีกด้วย จึงทำให้นักศึกษาหนุ่มคนนี้ควักโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าเอาไว้ “ที่นี่อเมริกาไอ้ตูดหมึก นายควรจะไปเรียนรู้ว่าที่อเมริกาเขาขับรถกันยังไง ที่นี่ไม่ใช่ปากีสถานนะเว้ย และไม่ใช่ประเทศเทือกๆ ปากีสถาน อัฟกานิสถาน หรือคูเวต พวกเรามีกฎหมายเข้าใจไหมไอ้ซังกะบ๊วย” นี่คือคำพูดของชายใส่หมวกคาวบอย ผู้ขับรถยนต์คันสีดำดังกล่าว แต่ว่าความหัวร้อนของชายคนนี้ยังไม่ได้จบลงแค่นั้นเพราะเขายังต่อว่า Ali อีกว่ามีสำเนียงที่คล้ายกับชาวอาหรับ…
-
‘Celeste Barber’ สาวตูดดินระเบิด มิติใหม่แห่งการล้อเลียนแค่เปลี่ยนท่าก็ฮาไปค่อนโลก
เพราะด้วยชื่อเสียงความโด่งดังของเหล่าดารานักแสดงที่ใครๆ ก็รู้จัก จึงทำให้คนเราสรรค์สร้างอีกหนึ่งสีสันขึ้นมานั่นก็คือการล้อเลียน ที่เราจะเห็นได้ว่ามีหลายๆ คนที่พยายามเรียกเสียงฮาโดยการแต่งตัวเลียนแบบ คอสเพลย์ หรือทำท่าทางต่างๆ ที่เรียกได้ว่าจะเหมือนก็ไม่ใช่ จะแต่งกวน… ก็ไม่เชิง แต่รู้หรือไม่ว่าการล้อเลียนในโลกอินเทอร์เน็ตสามารถพาคุณไปไกลถึงฮอลลีวูดได้เลย ไม่เชื่อล่ะสิ ถ้าอย่างนั้นมาดูตัวอย่างของเธอคนนี้ที่ท่าทางแสนยียวนกวนบาทาของเธอ ได้ผลักดันให้เธอกลายเป็นเซเลบบนโลกออนไลน์ แถมยังมีดาราดังๆ มาตามฟอลอีกเพียบ!! https://www.instagram.com/p/BhkknhnBxOV/?utm_source=ig_embed Celeste Barber นักแสดง นักเขียน เซเลบริตี้ และอีกสารพัดสารเพอาชีพของเธอ ใครจะไปคิดว่าผู้หญิงธรรมดาๆ ชาวออสเตรเลียคนนี้จะมีผู้ติดตามในอินสตาแกรมถึง 3.8 ล้านคน และสิ่งที่สร้างผู้ติดตามให้เธอจนกลายเป็นดาวอยู่ในตอนนี้ก็คือการล้อเลียนคนดังต่างๆ นั่นเอง https://www.instagram.com/p/Bfyw11LB2Qa/?utm_source=ig_embed เธอเริ่มทำสิ่งนี้ตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งในตอนแรกก็เป็นการทำเล่นๆ ก่อน แต่ปรากฏว่าทำไปทำมาก็มีคนที่ชื่นชอบมากขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงทำมันอย่างเป็นประจำ แถมยังได้ความร่วมมือจากสามีสุดแสนจะน่ารัก ที่มาคอยเป็นตัวช่วยทำสิ่งต่างๆ แถมยังเป็นคนคิดไอเดียให้เธออีกด้วย https://www.instagram.com/p/Bg7Rwz5B41V/?utm_source=ig_embed ในวันนี้ Celeste ได้เดินทางไปทั่วทั้งประเทศออสเตรเลีย และอเมริกา เพื่อแชร์เรื่องราวความฮา ไอเดียต่างๆ ในการก็อปปี้เหล่าเซเลบริตี้ ว่าเป็นยังไงและสนุกขนาดไหน แต่ดูจากลีลาท่าทางแล้วของอย่างนี้มันต้องไม่ใช่ง่ายๆ อย่างแน่นอน……
-
สกอฟิลด์มาเอง!! นักโทษขุดหลุมลึก 70 เมตรจะแหกคุก สุดท้ายขาดอากาศหายใจตายอนาถ
หากใครเคยดูซีรีส์แหกคุกสุดมันส์อย่าง Prison Break หรือหนังแหกคุกต่างๆ เราก็อาจเห็นได้ว่ามันเป็นเรื่องที่ท้าทายมากจริงๆ ที่สามารถแหกคุกออกมาได้จากแผนที่วางเอาไว้ต่างๆ แต่ว่าเรื่องในแผ่นฟิล์มเหล่านั้นมันได้กลายเป็นเรื่องจริงๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกของเรา เมื่อมีนักโทษคนหนึ่งพยายามจะแหกคุกด้วยการขุดอุโมงค์ใต้ดินเพื่อจะลอดไปยังอีกฝั่งหนึ่งของรั้ว ซึ่งแผนการของเขาก็ดูฉลาดไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ ทว่าใครจะไปคิดว่าสุดท้ายเขาต้องตายจากการขาดอากาศหายใจซะอย่างงั้น!! หลุมสู่อิสรภาพ โดยเรื่องราวของพ่อหนุ่มสกอฟิลด์ในชีวิตจริงนี้เกิดขึ้นที่เรือนจำ Monte Cristo ที่มีระดับความปลอดภัยสูงสุดทางตอนเหนือของประเทศบราซิล เมื่อมีนักโทษชื่อว่า Judson Cunha Evangelista ผู้ต้องหาฆ่าคนตายอายุ 26 ปี พยายามจะหนีออกจากการใช้ชีวิตในลูกกรงด้วยหลุมพรางที่ขุดเอาไว้ใต้ห้องน้ำในห้องขังลึกกว่า 70 เมตร ไหนดูหน่อยซิเป็นยังไงบ้าง แผนการของพ่อหนุ่มคนนี้ดูกำลังจะไปได้สวยและกำลังจะได้สัมผัสกับอิสระที่โหยหา แต่ว่าก็มีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นระหว่างที่อยู่ในอุโมงค์นั้น เพราะด้วยความที่มันมีขนาดที่เล็กและคับแคบจึงทำให้ Judson เกิดขาดอากาศหายใจ จนต้องดั้นด้นกลับมาที่ห้องขังอีกครั้งด้วยอาการป่วยอย่างหนัก และด้วยอาการป่วยของเขานี้เองจึงเป็นที่น่าสงสัยของเจ้าหน้าที่ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้นำไปสู่การค้นพบหลุมนี้ในที่สุด!! ยังงี้ต้องกลบให้มิด โดยเจ้าหลุมที่ว่านี้ถูกพบเข้าในวันที่ 22 พฤษภาคม ซึ่งเจ้าหน้าที่ไปเจอเข้าที่บริเวณห้องส้วมภายในห้องขังของนาย Judson แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่ามันมีความลึกมากกว่า 70 เมตรลอดผ่านรั้วไฟฟ้าของเรือนจำ และมีจุดหมายปลายอุโมงค์อยู่ที่บริเวณป่าทึบภายนอกของรั้วคุกนั่นเอง จากการเข้าสำรวจของเจ้าหน้าที่ได้ทำให้เห็นว่า อุโมงค์นี้น่าจะมีการใช้เวลาในการขุดนานนับหลายเดือน และจะต้องมีการร่วมมือกับนักโทษคนอื่นๆ เป็นแน่แท้ เพื่อที่จะทำให้อุโมงค์นี้ประสบความสำเร็จและทำการแหกคุกหมู่ด้วยกัน เพราะภายในอุโมงค์ก็ยังมีถุงใส่ผ้าปูที่นอนหลายใบ สายเคเบิลรวมถึงหลอดไฟติดเอาไว้ที่ส่วนปลายทางด้วย…
-
เมื่อ ‘โซระ อาโออิ’ โดนแกล้งบิดใบปัดน้ำฝน แต่ชาวเน็ตเดือดร้อนหนักกว่าใครมันทำอย่างนี้!!
คงไม่ต้องอธิบายกันมากสำหรับชื่อของ ‘โซระ อาโออิ’ นักแสดงหนัง AV สุดเซ็กซี่ ที่ล้วนแล้วแต่ผ่านหูผ่านตาใครมาหลายต่อหลายคน แต่ใครจะไปคิดว่าจะมีคนกล้าแกล้งสาวน่ารักๆ อย่างนี้ได้ลงคอ แถมเล่นแรงซะจนข้าวของแทบพังเลยด้วย สำหรับคนไทยเราแล้วก็จะรู้จักเธอคนนี้ในบทบาทของดาราหนังผู้ใหญ่ แต่ว่าสำหรับที่ประเทศญี่ปุ่นโซระกลับเป็นที่รู้จักในฐานะ ‘นักแสดงสาวเซ็กซี่’ ซะมากกว่า https://instagram.com/p/BijzQMLlPsi/?utm_source=ig_embed และเมื่อต้นปีที่ผ่านมาก็มีข่าวคราวที่ทำให้หัวใจของชายหนุ่มต้องแตกสลายกันเป็นแถว เมื่อเธอได้ประกาศแต่งงานกับนักดนตรีหนุ่มชื่อว่า DJ Non ซึ่งเป็นชายที่เธอบอกว่าเขาไม่ได้หล่อไม่ได้รวยอะไรเลย แต่ที่เธอเลือกแต่งงานกับเขาคนนี้ก็เพราะสามารถทำให้เธอสบายใจได้ตลอดเวลา แถมยังช่วยให้เธอได้ลบเรื่องราวที่ไม่ดีทั้งในเรื่องการแสดงหนังผู้ใหญ่ และเรื่องอื่นๆ ได้อย่างหมดจดด้วยนั่นเอง https://www.instagram.com/p/BdaV8lRjaNN/?taken-by=aoi_sola ในตอนนี้ชีวิตของเธอได้พลิกผันออกไปจากเดิม เธอมีความปรารถนาที่อยากจะมีลูกสักคนและเริ่มสร้างครอบครัวอย่างจริงๆ จังๆ ซึ่งในระหว่างนี้เองถ้าหากใครที่คิดถึงก็จะสามารถติดตามเรื่องราวต่างๆ ของเธอได้จากบล็อก ทวิตเตอร์และอินสตาแกรม แต่เมื่อไม่นานมานี้ก็ได้เกิดเหตุที่น่าตกใจขึ้นกับเธอเมื่อเธอดันโดนแกล้งแรงๆ ซะอย่างนั้น โดยโซระได้โพสต์รูปลงในทวิตเตอร์ของเธอ โดยเป็นรูปของใบปัดน้ำฝนของรถของเธอที่บิดเบี้ยวผิดรูปไปอย่างไม่น่าเชื่อ และเธอก็ได้เขียนเล่าเหตุการณ์ให้เห็นภาพว่า ขณะที่เธอกำลังจอดรถอยู่ก็สังเกตเห็นว่ากระจกหน้ารถของเธอมันเหมือนมีเม็ดทรายติดอยู่ จึงจะใช้ใบปัดน้ำฝันทำให้มันใสขึ้นสักนิด ทว่าเมื่อเธอโยกคันโยกก็ต้องตกใจ เพราะมันมีเสียงที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น และเธอก็ได้พบกับต้นเหตุนั่นคือใบปัดน้ำฝนในที่สุด หลังจากที่เธอโพสต์เรื่องราวนี้ลงในโซเชียลมีเดียก็มีชาวเน็ตมาแสดงความเป็นห่วงมากมาย แถมยังมีบางคนที่บอกว่าการแกล้งอย่างนี้มันรุนแรงเกินไป อย่างเช่นความคิดเห็นดังต่อไปนี้ “อย่างนี้มันไม่ใช่การแกล้งแล้ว การทำลายรถที่มีค่าของคุณมันคืออาชญากรรม” “เธอคิดว่ามีใครที่น่าสงสัยไหม บางทีการไปเช็คกล้องวงจรปิดแถวๆ นั้นดูก็ดีเหมือนกันนะ” “อย่างนี้มันให้อภัยกันไม่ได้แล้ว!!…
-
ทางการจีนโหด ทำวิดีโอประจานลูกหนี้ในโรงภาพยนตร์ก่อนหนังจะเล่นอายยันเงาเลยอย่างนี้!!
เคยเป็นกันบ้างไหมที่เวลาให้เงินแก่คนรู้จักยืม แล้วพอถึงเวลานัดจ่ายหนี้กับโดนเบี้ยวแถมทวงยังไงก็ไม่มีวี่แววจะได้คืน สิ่งเหล่านี้มันช่างเป็นอะไรที่เจ็บปวดหัวใจมากจริงๆ สำหรับเจ้าหนี้ทั้งหลาย เพราะเงินก็เงินเราแถมยังต้องไปทวงเช้าทวงเย็นเป็นงานเป็นการไปซะอีก และเมื่อถึงขีดสุดแล้ว เจ้าหนี้หลายคนก็สรรหาวิธีแก้เผ็ดเหล่าคนเหนียวหนี้ด้วยวิธีต่างๆ นานา ซึ่งก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง แต่ถ้าคุณลองเอาวิธีนี้ไปใช้ล่ะก็ ไม่แน่นะว่าคุณอาจจะได้เงินคืนอย่างไวเลยก็ได้ เพราะใครจะไปทนขายหน้าโดนประจานเอาชื่อขึ้นจอภาพยนตร์ได้แบบนี้กันล่ะ!! สำหรับเรื่องการแก้เผ็ดที่ว่านี้เกิดขึ้นที่เขต Hejiang มณฑลเสฉวน ประเทศจีน โดยเจ้าหน้าที่ทางการจะนำรูปภาพใบหน้าและชื่อของลูกหนี้ที่เบี้ยวชำระเงินตามที่นัดเอาไว้ มาทำเป็นวิดีโอสั้นๆ ฉายก่อนที่ภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์จะเริ่มขึ้น เพื่อให้เหล่าลูกหนี้รู้สึกอับอายและนำเงินมาคืนโดยเร็ว ซึ่งการทำอย่างนี้พวกเขาเรียกว่า “Reel of Shame” และภายในคลิปนอกจากข้อมูลต่างๆ ของลูกหนีเแล้ว ก่อนที่จะเริ่มก็จะมีตัวการ์ตูนอนิเมชั่นน่ารักๆ ออกมาส่งเสียงเรียกให้ผู้เข้าชมภาพยนตร์มาดูรายละเอียดของลูกหนี้เหล่านี้ เพื่อเป็นการประจานให้ได้รู้โดยทั่วกันนั่นเอง “การประจานในที่สาธารณะอย่างนี้เป็นกลยุทธ์เพื่อใช้ลงโทษพวกคนที่เบี้ยวหนี้ไม่มาชำระให้ตรงเวลา และนอกจากนี้ก็ยังมีวิธีอื่นๆ อีก อย่างการขึ้นทะเบียนแบล๊คลิส รวมถึงจำกัดการท่องเที่ยวด้วย” “สำหรับผู้ที่เข้าชมภาพยนตร์จะเห็นได้ถึงชื่อเสียงเรียงนามของเหล่าคนเหนียวหนี้ ว่ามีใครบ้างแล้วยิ่งเป็นพื้นที่แบบโลคอลอย่างนี้ด้วยแล้ว มันจะทำให้พวกเขาอับอายมากซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เราคาดว่าการเก็บหนี้ของเราจะมีประสิทธิภาพที่มากขึ้น” Li Qiang ผู้กำกับการใช้อำนาจศาลของเขต Hejiang กล่าว วิดีโอการทวงหนี้แบบอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี วิดีโอการประจานในโรงภาพยนตร์นี้ ได้กลายเป็นกระแสไวรัลบนโลกอินเทอร์เน็ตของประเทศจีนในเวลาอันรวดเร็ว แต่ว่าก่อนหน้านี้ประเทศจีนก็เคยใช้วิธีการประจานในที่สาธารณะมาก่อนแล้ว อย่างเมื่อปีที่แล้วรัฐบาลก็ใช้ข้อมูลจากฐานทะเบียนราษฎร์นำข้อมูลต่างๆ อย่าง ชื่อ เลขประจำตัวประชาชน รูปถ่าย…
-
เห่เห๊ห่าห๊าไปกับ 14 บุคคลผู้ไม่แคร์อะไรบนโลก ก็ตูอยากจะทำอย่างนี้จะทำไมเล้า!!
แม้ว่าสังคมการใช้ชีวิตของเราๆ จะมีกฏเกณฑ์ต่างๆ ตั้งเอาไว้มากมายเพื่อให้เราทำตัวให้อยู่ในกรอบที่เหมาะที่ควร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีบางคนที่แหวกออกจากสิ่งที่ควรจะเป็น แล้วออกไปใช้ชีวิตเสมือนกับว่าอยู่คนเดียวในโลกอย่างมีความสุข เหมือนกับพวกเขาเหล่านี้ที่ทำอะไรตามใจตัวเองแบบสุดๆ โนแคร์ โนสน สายตาประชาชีว่าจะมองยังไงขอแค่ได้ทำออย่างที่อยากทำก็พอดี ซึ่งมันได้กลายมาเป็นบ่อแห่งความฮาให้เราได้เห็นกันว่าสิ่งที่พวกเขาทำนี่แหละ คือที่สุดของความอินดี้แล้ว! คิดได้ยังไงเนี้ย สุดยอดไอเดียแห่งปีเลยนะพี่ ทดสอบความแม่นซะหน่อยซิ ประชุมมันตรงนี้แหละง่ายดี ทีวีป้าก็เล็กเกิ๊นน เปรียบได้กับโอเอซิสกลางทะเลทรายอันกว้างใหญ่ เอาจริงๆ นะรัดแค่นั้นมันช่วยอะไรได้เนี้ย หลับลึกเหลื๊อเกิน ไหนใครทำฟะ เดี๋ยวก่อนนะเดี๋ยวจะเจอไม่ใช่น้อย ทำเพื่อ?? นี่พี่จะเก็บมันฝรั่งมาทำอะไรเยอะแยะ ก็หนูสะดวกอย่างนี้ ที่ตั้งกว้าง เอ๊งก็ไม่ไปอยู่เนอะ จะมีใครเดินตกท่ออันนี้บ้างไหมนะ สงสัยจัง เมื่อไปหาหมอ แล้วเขาเขียนอธิบายมาอย่างนี้… (เข้าใจคนเดียวปะเนี้ย) สุดในรุ่นจริงๆ .. ที่มา: brightside
-
พบกับ 17 ภาพชวนปวดหัวที่พอคุณได้ดูแล้วจะเกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำเพื่อ?? นี่เอ็งคิดอะไรอยู่!!
บนโลกอันบุดๆ เบี้ยวๆ ใบนี้ ใครจะไปคิดว่าจะมีอะไรที่น่าพิสดารไปกว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์อีก เพราะบางทีบางขณะพวกเขาก็สามารถทำอะไรที่ผิดเพี้ยนจนถึงขั้นเรียกว่า ‘เลอะเทอะ’ ได้อย่างแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองที่ได้มองเห็น ดั่งเช่นพวกเขาเหล่านี้ ที่ทำอะไรแปลกๆ ซะจนกลายเป็นความเกรียน ความบ้า และความระห่ำ แต่ถึงยังไงก็ต้องนับถือหัวจิตหัวใจของพวกเขาจริงๆ ที่สร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ขึ้นมาให้โลกเราได้มีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง ไปดูกันดีกว่าว่าพวกเขาจะมีทีเด็ดขนาดไหนกัน!! น้ำอยู่ไหนเนี่ย พี่จะแห้งตายอยู่แล้วนะ โกยหิมะแบบมนุษย์ปี 3018 จะออกกำลังกายไปให้เหนื่อยให้เมื่อยทำไม เมื่อคุณทำได้ง่ายๆ อย่างนี้ ปลอดภัยไว้ก่อน… เห้ย นี่ตัวเจ๊โปร่งแสงหรือเปล่าเนี่ย เนียนเกิ๊น เอาตรงๆ นะไม่กล้าแม้แต่จะหย่อนตูดอะ จะไปงานแฟนซีที่ไหนล่ะพี่มะเขือ เห็นหน้าสาวคนนี้แล้วคุณจะรู้สึกหิวข้าวขึ้นมาทันที นี่เจ้านายเอาอะไรมาให้หนูเล่นเนี้ย ชุบตัวเสร็จก็ทอดกินแง่งเลย รู้นะว่าขายาว แต่ไม่รู้ว่าจะยาวได้ถึงขนาดนี้ เอ้างงสิ นี่ใช้คาถาเปลี่ยนหน้าใช่ไหม แบ๊วมาก แบ๊วจริงๆ ถ้าไม่นับหนวดพี่อะนะ นั่งไปเมื่อยไป …
-
อบอุ่นใจ!! เจ้าหน้าที่ตำรวจกอดเด็กหลงทางไว้แนบแน่นอก เพื่อปลอมประโลมกับสิ่งที่เผชิญ
ปกติแล้วอาชีพเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นอาชีพที่คอยดูแลบ้านเมืองให้สงบสุข รวมถึงดูแลทุกข์สุขของประชาชน แต่ว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งที่เต็มใจทำหน้าที่ที่ไม่ได้รับมอบหมายแต่อย่างใด แต่ทำเพราะสัญชาตญาณความเป็น ‘พ่อ’ ของเขาล้วนๆ เมื่อเขากอดเด็กหลงทางคนหนึ่งเอาไว้แนบแน่นอกจนหยุดร้องไห้ และต่อมาก็ได้กลายเป็นภาพอันอบอุ่นหัวใจแพร่ไปในโลกอินเทอร์เน็ตอย่างทันที!! นายตำรวจจิตใจดี ชายหนุ่มจิตใจดีนามว่า James Hurst เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งเมืองซาวานนาห์ รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งนอกจากหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เขายังทำหน้าที่เป็นพ่อให้กับลูกๆ อีก 2 คนด้วย แต่ด้วยความโชคร้าย ลูกของเขาคนหนึ่งป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรม แต่สิ่งนี้ก็ทำให้เขาเข้าอกเข้าใจเด็กๆ ที่โชคร้ายได้อย่างถ่องแท้และก็ได้ทำให้นายตำรวจคนนี้มีจิตใจที่พร้อมช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย เจ้าหน้าที่ James กับลูกชายของเขา และอยู่มาวันหนึ่งนายตำรวจ James ก็ได้รับแจ้งว่ามีเด็กชายอายุ 1 ขวบเศษหลงทางอยู่ท่ามกลางย่านวุ่นวายภายในเมืองซาวานนาห์ เขาจึงรีบไปรับตัวเด็กชายคนดังกล่าวมาไว้ที่โรงพยาบาลเพื่อเช็คดูว่ามีอาการบาดเจ็บใดๆ เกิดขึ้นกับเขาหรือไม่ ซึ่งในเวลานั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็อยู่ดูเด็กชายคนนี้ตรวจร่างกายตลอดเวลา และทางเจ้าหน้าที่ก็ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีอาการบาดเจ็บเกิดขึ้นกับเด็กคนนี้ แต่ก็ด้วยความกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้หนูน้อยคนนี้ร้องไห้ออกมาอย่างไร้เดียงสาและมีวี่แววว่าจะหยุดร้อง ทว่าสิ่งที่ James เห็นในเวลานั้นก็คือ ถึงแม้ว่าเด็กชายคนนั้นจะร้องไห้อย่างน่าเวทนา แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจหนูน้อยคนนี้แต่อย่างใด และด้วยสัญชาตญาณความเป็นพ่อก็ทำให้เขาเข้าไปปลอบประโลมหนูน้อยคนนี้ด้วยการอุ้มเอาไว้แนบอกพร้อมกับพูดจาอย่างอ่อนโยน โดยไม่กลัวว่าน้ำตาของเด็กน้อยจะทำให้เครื่องแบบของเขาเปื้อนแม้แต่นิด รูปที่ทำให้เห็นถึงความดีงามที่อยู่ในตัวชายผู้นี้ “เขายังเด็กอยู่มาก และเขากลัวจนร้องไห้ออกมา…
-
15 เรื่องราว ‘ฟีลกู๊ด’ สุดแสนชุ่มฉ่ำประทับใจ ที่จะมาทำให้หัวใจคุณพองโตได้อย่างไม่น่าเชื่อ!!
บางครั้งบางเวลาคนธรรมดาอย่างเราๆ ก็มักจะยุ่งหรือคิดอยู่แต่กับเรื่องของตัวเอง จนลืมดูไปว่าสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถ้าอย่างนั้นแล้วถ้าหากเราลองหยุดพักดูสักนิดแล้วสังเกตให้ดีๆ จะรู้ว่ามีสิ่งต่างๆ ที่น่าสนใจรวมถึงเรื่องราวดีๆ อยู่รายล้อมตัวเราอย่างมากมายเลยล่ะ ดังเช่นเรื่องราวของพวกเขาเหล่านี้ ที่เป็นเหตุการณ์ที่เราสามารถพบเจอได้ในทุกวัน แต่ว่าเรื่องราวของพวกเขามันกลับสามารถสร้างความประทับใจได้แบบไม่รู้ลืม แถมยังทำให้หัวใจของรู้สึกพองโตขึ้นด้วยความสวยงามของความดีเหล่านี้ อยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะว่ามันจะมีพลังมากขนาดไหน ถ้าอย่างนั้นไปลุยกันเลย หญิงสาวคนสวยคนนี้กลัวการเทคออฟเครื่อง เธอจึงขอจับมือคนแปลกหน้าข้างๆ เอาไว้ ซึ่งเขาก็เต็มใจที่จะจับมือด้วยแถมยังคอยพูดปลอบประโลมเธอด้วยการแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ให้ฟังด้วย คนคนนี้กำลังรีบวิ่งแบกหัวใจดวงใหม่ของเพื่อนไปให้ที่โรงพยาบาล เพื่อที่จะได้ผ่าตัดเปลี่ยนได้โดนเร็ว เจ้าหมาตัวนี้นั่งหงอยเอาตัวแนบติดลูกกรงอยู่ ด้วยความสงสารจึงมีคนหนึ่งรับมันไปเลี้ยงด้วยความเต็มใจ “เมื่อปีที่แล้วกระต่ายของฉันเสียไปในวันพ่อ และในปีนี้ก็ปรากฏว่ามีดอกลิลลี่แสนงามมาขึ้นที่ที่ฉันฝังมันเอาไว้ โดยที่ฉันไม่ได้ปลูกดอกนี้แต่อย่างใด” “ผมถามลูกค้าของผมว่าเธอกำลังเขียนอะไรอยู่ ซึ่งเธอก็ให้คำตอบว่าเธอเขียนเรื่องราวต่างๆ ให้ลูกสาว 3 คนของเธอวันละ 5 บรรทัดทุกๆ วัน เพื่อจะให้สิ่งนี้เป็นของขวัญวันแต่งงานของพวกเธอนั่นเอง” “ลูกชายพัฒนาการช้าวัย 3 ขวบของฉันเอ่ยเรียกฉันว่า ‘แม่’ เป็นครั้งแรกในชีวิต” “ตลอดทั้งปีที่ผ่านมาผมนั่งอยู่ใต้รูปภาพของคนคนนี้ตลอด ซึ่งภายหลังผมได้ไปค้นประวัติบรรพบุรุษ ก็ปรากฏว่ารูปภาพๆ นี้คือบรรพบุรุษของผมเอง และผมอยู่ใกล้ชิดกับเขามาตลอดเวลา” “นี่คือวิธีที่หมาของเราจะบอกให้เรารู้ว่ามันต้องการจะไปขับถ่าย หลายคนอาจจะดูว่ามันธรรมดาๆ…
-
เจอะ 18 หนุ่มผู้ทำตัวเป็นเด็กอีกครั้ง ถึงตัวจะแก่แต่หัวใจยังเป็นเด็ก ชื่อของเขาคือ??
แม้ว่าวัยผู้ใหญ่จะเป็นวัยที่ต้องรับผิดชอบอะไรต่างๆ มากมาย แต่ถึงอย่างไรความกวน…ความเกรียน ความสนุกสนานของความเป็นเด็กๆ ก็ยังเป็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวของเราแทบทุกคน และบางคนก็เลือกที่จะดึงมันออกมาสร้างสีสันให้กับชีวิตได้กลับไปสู่วัยมันส์อีกครั้ง เหมือนกับหนุ่มๆ เหล่านี้ที่แสดงความยียวนแบบเด็กๆ ออกมาได้อย่างไม่อายใคร ถึงแม้ว่ามันจะดูน่าเคอะเขินไปบ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าก็เพราะพวกเขานี่แหละ ที่ทำให้โลกมันดูน่าอยู่และมีรอยยิ้มอยู่เสมอ ใช่ไหมล่ะ… หนูก็อยากเล่นน้ำแบบเด็กๆ บ้างไม่ได้หรอ มาเล่นกับป๋ามาเด็กๆ ถึงตัวจะโตแค่ไหน แต่การ์ตูนก็ยังเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้จริงๆ สุดยอดผลงานชิ้นโบแดง นี่พี่แกทำได้ยังไงเนี่ย ก็เค้าแค่อยากว่ายน้ำเล่นกับเต่าบ้างอ่ะ เมื่อแฟนของชายคนนี้อยากขี่หลังดูพระอาทิตย์ตกดิน แต่พ่อก็อยากทำบ้าง… เอ๊ะ ทำไมน้ำหนักฉันขึ้นนะ ช่วงนี้ก็ไม่ได้กินเยอะนี่ มาสู้กันเร็ว ชั้นเป็นมนุษย์ปลาไหลแล้ว ฮี่กับๆ ขี่ม้าส่งเมืองมันเอ้าท์ไปแล้ว มาเล่นไดโนเสาร์กับพ่อดีกว่า เอามาแปะทำไมเนี่ย ตูรู้ตัวอยู่แล้วว่าเป็นแมว ปุ่งฉึกๆ บุกเข้าไป อย่าได้หยุดยั้ง ฮ่าๆ โย่ว ธรรมดาโลกไม่จำ นอนเตียงธรรมดามันเบื่อง่ะ แทนที่จะล้อมเด็ก เอามาล้อมตัวเองเฉยเอ้อ…
-
17 ความจริงของ ‘แมลงสาบ’ ดุ๊กดิ๊กๆ แสนน่ารัก ที่จะทำให้คุณเปลี่ยนความคิดไปโดยสิ้นเชิง!!
คำเตือน: บทความนี้มีรูปภาพแมลงสาบดุ๊กดิ๊กๆ ยั้วเยี๊ยะเต็มไปหมด ทางที่ดีไม่แนะนำให้อ่านระหว่างกินข้าวเพราะอาจทำให้เจริญอาหารมากยิ่งขึ้น… ‘แมลงสาบ’ แค่พูดชื่อนี้ใครหลายคนก็คงสะดุ้งโหยงหันซ้ายหันขวาว่ามันอยู่ไหนกันฟะ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรเพราะคนที่กลัวจริงๆ ก็จะเข้าใจกันดีว่ามันเป็นความรู้สึกยังไง… แต่อันที่จริงมันก็เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่อยู่ร่วมโลกเดียวกับเรา ไม่แน่นะว่าถ้าเรามีความเข้าใจในตัวของมันมากขึ้น เราอาจจะหลงรักมันโดยไม่รู้ตัวเลยก็ได้นะ อย่างนั้นแล้วลองไปทำความรู้จักมันผ่าน 17 ความจริงที่ #เหมียวจิวยี่ เอามาฝากกันดีกว่า แล้วคุณจะเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับมันไปอย่างสิ้นเชิงเลยล่ะ… 1. จริงๆ แล้วพวกมันไม่ใช่สัตว์ที่โหดร้ายอะไรเลยนะ เพราะมีเพียง 1% จากทั้งหมดเท่านั้นที่มีพิษนะ 2. มันสามารถอยู่ได้นานที่สุดโดยไม่กินน้ำถึง 1 สัปดาห์ ขณะที่ถ้าไม่มีอาหารให้มันกินมันก็สามารถอยู่ไปได้อีกนานแสนนานเลย 3. ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีชิ้นส่วนของแมลงสาบอยู่ในอาหารอย่าง ช็อกโกแลตแท่ง ป๊อปคอร์น หรือเนยถั่ว แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปเพราะมันมีจำนวนน้อยมากๆๆๆๆๆ ซึ่งปลอดภัยกับสุขภาพคุณแน่นอน 4. แมลงสาบสามารถอยู่ได้เป็นสัปดาห์โดยไม่ต้องมี ‘หัว’ 5. มันอยู่บนโลกมาตั้งแต่ยุคสมัยจูราสสิกเลย 6. แมลงสาบเริ่มต้นวันใหม่ทุกๆ วันโดยไม่มีความทรงจำในวันเก่าๆ อยู่ในหัวเลยแม้แต่วันเมื่อวานก็ตาม 7. มันชอบมากที่จะให้คุณสัมผัสมัน 8.…
-
เปิดภาพความสดใส ‘เจ้าหญิงชาร์ลอตต์’ ผู้ขโมยซีนในพิธีเสกสมรส กับความน่ารักที่สุดในงาน
ก็เป็นที่ผ่านพ้นไปอย่างยิ่งใหญ่สำหรับพิธีเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รี่ และนางสาวเมแกน มาร์เคิล ที่จัดขึ้นในวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งภายในงานนี้ก็เต็มไปด้วยความชื่นมื่นในความรักของคู่บ่าวสาว และความยินดีอย่างท่วมท้นของประชาชนชาวอังกฤษรวมถึงทั้งโลก.. น่ารักราวกับเป็นนางฟ้าตัวน้อยๆ แต่ว่านอกจากคู่บ่าวสาวที่เป็นที่น่าจับตามองภายในงานนี้แล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์เล็กๆ จากเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ พระธิดาพระองค์แรกในเจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ กับแคเธอริน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ที่ได้เข้าร่วมแสดงความยินดีกับเจ้าชายแฮร์รี่ และได้ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวให้กับนางสาวเมแกนด้วย มีแลบลิ้นหยอกล้อกับสื่อด้วย เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงแต่งกายด้วยชุดกระโปรงสีขาวน่ารักพร้อมกับมงกุฎดอกไม้อันแสนงดงาม โดยเมื่อผนวกเข้ากับความสดใสของพระชันษา 3 ปีด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เจ้าหญิงคนนี้ดูโดดเด่นขึ้นราวกับเป็นนางฟ้าน้อยๆ เลยก็ว่าได้ ขณะอยู่กับราชวงศ์และครอบครัว เด็กสาววัย 3 ขวบกับความแสนซนตามประสา ขณะอยู่กับเจ้าชายจอร์จ พระเชษฐา (พี่ชาย) เห็นแล้วเหมาะสมกับการเป็นเจ้าหญิงจริงๆ ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วยนะ สดใสทั้งคู่เลย เห็นแล้วรู้สึกโลกสดใส ไปแล้วนะ บ๊ายบายนะจ๊ะ ที่มา: metro, goodhousekeeping
-
ส่องภาพ 15 ‘ดาวยั่ว’ ในสไตล์วินเทจแสนทรงเสน่ห์ จะเอาอะไรจ๊ะทูนหัวยอมทุกอย่างแล้ว!!
แม้ว่าธรรมชาติของเพศหญิงจะเป็นเพศที่อ่อนแอกว่าเพศชายในทางกายภาพ แต่พวกเธอก็มีดีด้วยความทรงเสน่ห์แห่งความเป็นหญิงสาว ที่สามารถควบคุมชายแท้อย่างเราๆ ได้อย่างอยู่หมัด ที่ไม่ว่าพวกเธอต้องการหรืออยากได้อะไร ชายอกสามศอกอย่างเราๆ ก็ต้องสรรหามาประเคนให้จนแทบจะใส่พานถวายเลยก็ว่าได้ แล้วยิ่งพวกเธอมาในลุคที่แสนจะเซ็กซี่แล้วล่ะก็ ไม่ว่าเป็นใครก็คงอดใจไม่ให้หลอมละลายให้กับความฮอตปรอทแตกไม่ไหว แต่ถ้าลองมาดูในลุคแซ่บๆ แบบวินเทจล่ะจะเป็นยังไง หลายคนคงจะสงสัยว่าจะยังคงไว้ถึงความเซ็กซี่ไว้อยู่หรือเปล่า เอาล่ะตอนนี้ #เหมียวจิวยี่ จะทำให้เพื่อนๆ หายสงสัยกัน แต่ต้องขอเตือนก่อนว่าอย่าหักโหม (ในการดูภาพ) กันนักล่ะ.. ต้องการอะไรล่ะจ๊ะที่รัก ขำอะไร เดี๋ยวก่อนนะๆ แหม่ ความวินเทจนี้ไม่ได้มีผลอะไรกับพวกเธอเลยจริงๆ คุณตำรวจคะ หนูมีอะไรจะสารภาพ มับเข้าให้ ขอบุหรี่หน่อยสิ จุดให้ด้วยนะ อยากได้อะไรล่ะจ๊ะน้องสาว เดี๋ยวพี่จะจัดให้อย่างสาสมใจเลยทีเดียว มองอย่างนี้ใจคอไม่ดีเลย เหมือนมีอะไรบางอย่าง อุ๊ย ทำไมขลุ่ยนี้จับถนัดมือยังไงไม่รู้ มาอ่านหนังสือให้ฟังก่อนนอนค่ะพี่ขา ขอสัมผัสได้ไหมจ๊ะ แหน่ อย่างนี้ไม่น่ารอด มีอะไรจะบอกเอาหูมาใกล้ๆ นี่สิ …
-
17 สิ่งที่คนสองประเภทส่วนใหญ่บนโลกมักจะทำแตกต่างกัน เอ๊ะ!! คุณอยู่ฝั่งไหนกันนะ
เคยได้ยินบ้างไหมว่าคนเรานั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ นั่นคือชอบที่จะทำอะไรเหมือนๆ กันในสิ่งหนึ่งและตรงข้ามกับอีกประเภทอย่างสิ้นเชิง ชนิดที่ว่าหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยก็คงไม่ผิดเพี้ยนจนเกินไป โดยงานชิ้นนี้เป็นฝีมือของศิลปินกราฟิกของบริษัท Zomato บริษัทให้บริการร้านอาหารชื่อดัง ที่จะมาทำให้คุณได้เห็นถึงข้อเปรียบเทียบอย่างง่ายๆ ว่ามันมีความแตกต่างกันขนาดไหนเชียวสำหรับบุคคลทั้งสองประเภทนี้ และนี่คือ 17 ตัวอย่างง่ายๆ ที่เราสามารถดูได้ในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกิน การใช้ชีวิต หรือการเลือกใช้สิ่งของ ซึ่งมันจะทำให้เราได้เห็นเลยว่าจริงๆ แล้วส่วนใหญ่คนเราน่ะก็จะมีอยู่แค่ไม่กี่ประเภทเท่านั้น เอาล่ะไปลองดูกันเลยดีกว่าว่าคุณอยู่ทีมไหนกัน!! บางคนเมื่อกินพิซซ่าชิ้นหนึ่งก็กินจนเรียบ ขณะที่อีกคนก็มักจะชอบเหลือขอบทิ้งเอาไว้ (ก็มันไม่อร่อยใช่ไหมล่ะ) บางคนก็ชอบใช้บริการค่ายผลไม้แหว่ง ขณะที่อีกคนก็ชอบฝ่ายหุ่นยนต์แอนดรอยด์แสนน่ารัก กินให้เป็นระเบียบหน่อยสิตัวเธอ VS กินยังก็ช่างมันเหอะลงท้องเหมือนๆ กัน โค้ก VS เป็ปซี่ คุณชอบแบบไหนมากกว่ากันล่ะ ชาหรือกาแฟดีนะ ความสดชื่นมันต่างก๊านน ชีสสำหรับบางคนมันก็ดูเลี่ยนไปแหละ แต่กับบางคนนี่เป็นเหมือนของโปรดปรานเลย ไม่รู้ว่าแมวหรือหมากันนะ ที่จะได้ครอบครองหัวใจของคุณให้ตกเป็นทาสกัน อีกคนกินเท่าไหร่ก็อ้วน ขณะที่บางคนกินเข้าไปเฮอะผอมแห้งยังกะไม่เคยกินอะไรมาก่อนเลย จะช็อตเดียวเมา หรือเรื่อยๆ นั่งยาวๆ ดีนะ บิดชิมครีมจุ่มนม หรือเลียแง่งให้หมดเลยดีนะ…
-
พบกับบุคคลโคตรเฟลแห่งการเซลฟี่ ที่ลงโซเชียลปุ๊บอายปั๊บจนแทบจะเอาหน้ามุดดินหนี!!
ตั้งแต่ยุคสมัยสมาร์ทโฟนครองเมือง ก็มีกิจกรรมใหม่ๆ ให้เราได้สนุกกัน และหนึ่งในนั้นก็คือการ ‘เซลฟี่’ ที่กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปซะแล้วไม่ว่าจะเป็นตอนที่เราเจอเพื่อนๆ หรือทำอะไรสนุกๆ ก็ถ่ายเซลฟี่เก็บเอาไว้ดูสักหน่อยว่าวันนี้ได้ทำอะไรไปบ้างนะ.. แต่ว่าบางทีการเซลฟี่โดยไม่ดูตาม้าตาเรือก็สามารถนำพาหายนะมาสู่ชีวิตของเราได้ เช่นเดียวกับพวกเขาเหล่านี้ที่ลืมเช็กสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในภาพว่ามันมีอะไรบ้าง และเมื่อโพสต์ลงไปในโซเชียลเน็ตเวิร์คเท่านั้นแหละ กลายเป็นเรื่องสุดอายที่ตามลบแทบไม่ทันเลย อยากรู้แล้วล่ะสิว่าอะไรมันจะเป็นวิกฤติขนาดนั้น แต่ถ้าเป็นคุณล่ะก็คงจะทำแบบเดียวกันกับพวกเขาแหละ… แหม่ ภาพมันดูคุ้นๆ ยังไงชอบกลเหมือนกันนะเนี่ย เมื่อตัวสลอธอยากจะเซลฟี่ด้วย จริงๆ มันก็คงดีอยู่หรอกแต่เอ็งเล่นบังซะมิดเลย ตอนแรกก็ไม่อะไรหรอก แต่พอเห็นในกล้องเท่านั้นแหละ กรีั๊ดด เมื่อตั้งแคปชั่นภาพว่า ‘แฟนถ่ายภาพเผลอๆ ตอนหลับ’ แล้วสิ่งที่ออกมา ดูกระจกหน่อยไอ้หนู นี่ก็ตาเป็นมันเลยทีเดียว เดี๋ยวเจ๊ จะมาเซลฟี่อะไรตอนนี้ ตั้งหน้าตั้งตาขับดีกว่ามั้ง “แฟนหนูเค้าน่ารักจริงๆ ตั้งกล้องถ่ายภาพหนูไว้ด้วยแหละ” ข้างหลังแทบจะกินหัวเข้าไปอยู่แล้ว รู้ตัวไหมเนี่ย ดูหน้าหนูน้อยคนนั้นคงจะตกใจอยู่ไม่น้อยนะ ห้องน้ำมันแคบ มุมมันไม่คูล มาถ่ายข้างนอกนี่แหละชิล เขาคงไม่รู้ว่าหลังจากนี้รถคันเก่งของเขากำลังจะลาโลกนี้ไปแล้ว ทำม๊าย…
-
ทำความรู้จัก ‘Han Go Eun’ สาววัยสี่สิบ ที่ดูเนียนละเอียดตาจนต้องสะกิดคนข้างๆ ให้มาดูด้วย
เดี๋ยวนี้เรื่องของหน้าตาผิวพรรณ ไม่สามารถเป็นตัวกำหนดบ่งบอกอายุได้เลยจริงๆ เพราะว่าบางคนอายุยังน้อย แต่ก็กลับมีร่างกายไปไกลกว่าอายุที่เป็นจริงๆ เพราะขาดการดูแลเอาใจใส่เท่าที่ควร แต่กลับบางคนมีอายุอานามที่ปาเข้าไปวัยกลางคนแล้วแต่กลับมีใบหน้าที่เต่งตึงสดใสราวกับก้นเด็กเลยก็อาจจะมีให้เห็นกันได้ และหนึ่งในเหล่าบุคคลเหล่านั้นก็คือนักแสดงชาวเกาหลีชื่อว่า Han Go Eun ที่แม้จะมีอายุเข้าไปถึง 43 ปีแล้ว แต่เธอมักโดนทักว่าอายุ 20 กว่าๆ อยู่บ่อยๆ แถมเธอยังบอกว่าเมื่อเธอบอกอายุจริงๆ ให้กับคนอื่นได้รู้ พวกเขากลับบอกว่าเธอชอบโกหกซะอย่างนั้น และมันจะเป็นเพราะด้วยอะไรก็ไปดูรูปภาพของเธอเองกันดีกว่าแล้วจะรู้ว่าทำไมกันนะ… https://www.instagram.com/p/BiG8pksHrYu/?utm_source=ig_embed ด้วยทรวดทรงองค์เอวที่ยังคงเช้งกะเด๊ะ รวมถึงใบหน้าที่สวยงามไร้รอยเหี่ยวย่นราวกับภาพวาดของสาว Han Go Eun ทำให้ใครหลายคนเข้าใจผิดกันมาแล้วหลายครั้ง และในตอนนี้เธอก็กำลังเป็นไอดอลในเรื่องของความอ่อนเยาว์ในโลกอินเทอร์เน็ต https://www.instagram.com/p/BVCIlHflkKq/?utm_source=ig_embed สำหรับสาว Han คนนี้ เธอเป็นคนที่ถือสองสัญชาติระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ และได้เริ่มเข้าสู่วงการเมื่อครั้งชนะเลิศการประกวด Super Elite Model Contest ที่ต้องย้อนกลับไปในปี 1995 เลย (ใครหลายคนยังไม่เกิดใช่ไหมล่ะ) ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอคนนี้ก็เป็นนางแบบให้กับนิตยสารน้อยใหญ่อย่างมากมาย ซึ่งนับว่าเธอเป็นสาวที่ฮอตปรอทแตกคนหนึ่งในวงการสมัยนั้นเลยก็ได้ ซึ่งนอกจากงานถ่ายแบบแล้วเธอก็เริ่มมีชื่อเสียงที่กระฉ่อนเพิ่มขึ้นจากการเล่น MV หลายต่อหลายเพลงในช่วงยุค 90s ต่อมาเมื่อทุกๆ อย่างลงตัวแล้วเธอก็ขยับตัวเองขึ้นไปเป็นนักแสดงในปี 1995…
-
นินจาหนุ่มแอบอาศัยอยู่บ้านยายแก่กว่า 6 เดือนก่อนจะถูกจับได้ นี่เอ็งจะเนียนไปไหน??
บางครั้งบ้านของเราเองที่เราคิดว่าปลอดภัยก็อาจจะไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป แล้วยิ่งถ้าเป็นบ้านที่มีแต่คนแก่อาศัยอยู่ด้วยแล้วล่ะก็ อาจจะต้องมีการตรวจสอบให้ดีมากยิ่งขึ้น ไม่งั้นอาจจะเป็นเหมือนกับเหตุการณ์นี้ที่มีเด็กหนุ่มเนียนไปแอบอาศัยอยู่บ้านของคุณยายคนหนึ่ง โดยที่เธอไม่รู้แม้แต่น้อยว่าชายคนนี้อยู่ในบ้านเธอมาแล้วถึง 6 เดือน!! เรื่องที่ว่านี้เกิดขึ้นที่เมืองฮิเมจิ ประเทศญี่ปุ่น และเด็กหนุ่มวัย 20 ปีผู้ก่อเหตุ ก็ได้รับสมญานามว่าเป็น ‘นินจาแห่งยุคโมเดิร์น’ จากความเนียนของเขาที่สามารถอาศัยอยู่บ้านของคนอื่นได้มานานเป็นเดือนๆ โดยไม่ถูกจับได้ โดยวิชานินจาของเด็กหนุ่มนี้ได้ถูกเปิดโปงขึ้นในต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อมีลูกชายของคุณยายเจ้าของบ้านวัย 90 ปีกลับมาเยี่ยมเยียนคุณยายคนนี้และอยู่กินอาหารเย็นด้วยกันตามประสาครอบครัวที่ไม่ได้เจอกันมานาน ทว่าระหว่างที่อาศัยอยู่ในบ้านนั้น ลูกชายคนนี้ก็ได้ยินเสียงกุกกักๆ แปลกๆ ดังมาจากชั้นที่สองของบ้าน เขาจึงเดินขึ้นไปหาคำตอบว่าเสียงที่ว่านี้มันมีที่มาจากอะไรกันแน่ ซึ่งในตอนแรกเขาก็สันนิษฐานเอาไว้ว่าเป็นหนูหรือสัตว์อะไรหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ ซึ่งเมื่อเขาเปิดประตูห้องนอนชั้นบนห้องหนึ่งออก สิ่งที่เขาเห็นมันก็ทำให้เขาช็อกจนแทบล้มทั้งยืน เพราะสิ่งที่เขาเห็นก็คือผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนอนหลับอย่างสบายอยู่บนฟูกในห้องนั้น แต่ว่าเขาก็ยังมีสติพอที่จะไม่กระโตกกระตากไปและปิดประตูห้องนั้นเอาไว้ดังเดิม จากนั้นเขาก็ลงไปถามแม่ของเขาว่าใครกันนะที่อยู่ชั้นที่สองของบ้าน ทว่าแม่ของเขาก็งงกับสิ่งที่ลูกชายพูดว่าพูดเรื่องอะไรกัน ข้างบนไม่มีใครอยู่สักหน่อย ลูกชายคนนี้จึงมั่นใจว่าแม่ของเขาไม่รู้เรื่องนี้แน่ๆ จึงโทรศัพท์หาตำรวจแจ้งสิ่งที่เกิดขึ้นให้พวกเขาได้รับรู้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง ก็ได้จับกุมตัวชายคนนี้เอาไว้ได้เป็นที่สำเร็จและนำตัวไปสอบสวนที่สถานีตำรวจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ว่าชายคนนี้ก็ไม่ให้ความร่วมมืออย่างใดๆ ทั้งไม่เปิดเผยชื่อจริง และอื่นๆ แต่ว่ามีอยู่สิ่งหนึ่งที่ชายคนนี้ยอมบอกออกมาก็คือ ระยะเวลาที่อยู่ในบ้านหลังนี้ โดยเขาสารภาพว่าได้เข้าบ้านของคุณยายวัย 90 ปีคนนี้ครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2017 เมื่อเวลาประมาณ…
-
วาฬงงเป็นไก่ตาแตก จุ๊บหัวหนูน้อยอย่างอ่อนโยนเด็กกลับร้องไห้จ้า นี่ตูทำอะไรผิดเนี่ย!!
ใครๆ ต่างก็รู้กันดีว่าสัตว์โลกสุดแสนจะน่ารักอย่างโลมาหรือวาฬ เมื่อเอามาฝึกให้เชื่องแล้วพวกมันก็เปรียบเสมือนกับเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่เป็นอันตรายและสามารถหยอกกระเซ้าเย้าแหย่ได้อย่างสุขใจ เห็นได้จากที่บ่อยครั้งคนอย่างเราๆ ก็มักจะไปนั่งอยู่ริมสระน้ำแล้วให้มันจูจุ๊บหรือแสดงท่าทางต่างๆ ให้ดูกันอย่างเป็นมิตร แต่ว่ามีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะว่ามีวาฬอยู่ตัวหนึ่งที่ไปจุ๊บหัวหนูน้อยอย่างอ่อนโยน แต่หนูน้อยคนที่ว่านี้กลับร้องไห้จ้า ปล่อยให้วาฬตัวนั้นแปลงร่างกลายเป็นไก่ตาแตก งงแบบสุดว่านี่ตูทำอะไรผิดไปหรือเปล่าฟะเนี่ย… เห้ย ไรฟะเนี้ย โดยเหตุการณ์ไม่คาดฝันของเจ้าวาฬเบลูกาเกิดขึ้นในวันที่ 22 พฤษภาคมที่ Shanghai Changfeng Ocean World ประเทศจีน เมื่อมีคุณแม่คนหนึ่งอุ้มลูกน้อยวัยกระเตาะของเธอไปนั่งอยู่ข้างๆ สระขณะที่วาฬตัวดังกล่าวกำลังว่ายน้ำอยู่อย่างอารมณ์ดีในสระแห่งนั้น มาให้หอมแก้มซะดีๆ ด้วยความเฉลียวฉลาดและความเป็นมิตรของเจ้าวาฬตัวนี้ มันเลยว่ายเข้ามาใกล้ๆ เพื่อจะทักทายกับแม่ลูกคู่นี้ซะหน่อย แล้วมีอยู่จังหวะหนึ่งที่มันเผยอตัวขึ้นมาเหนือน้ำแล้วจุ๊บเข้าที่แก้มของเด็กน้อยไร้เดียงสาคนนี้อย่างเอ็นดู แต่ว่าแทนที่จะได้รอยยิ้มส่งกลับมากลับเป็นเสียงร้องระงมพร้อมกับน้ำตาของเด็กคนนี้ซะอย่างงั้น เจ้าวาฬเมื่อได้เห็นดังนั้นก็แสดงความงุนงงผ่านทางสายตาพร้อมกับนั่งดูสิ่งที่เกิดขึ้นว่านี่ตูทำอะไรผิดหรือเปล่า ซึ่งภาพของเจ้าวาฬตัวนี้ก็ได้กลายเป็นภาพแสนน่ารักปนน่าสงสารสำหรับชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก ที่ไม่รู้ว่าจะให้ความช่วยเหลือมันอย่างไรดี เอ้า ร้องทำไมล่ะลูกกกกก ความเห็นบางส่วนของชาวเน็ต “เจ้าวาฬที่น่าสงสารเอ๋ย มันคงหวังว่าจะได้รอยยิ้มส่งคืนแต่กลับเป็นน้ำตาซะอย่างนั้น” “วาฬตัวนี้คงใจสลายแน่ๆ เลยที่ต้องเห็นเด็กคนนี้กลัวมันแบบที่แสดงออกมา” งื้อ เค้าขอโต๊ดดดด นับได้ว่าเป็นความน่ารักแบบไร้เดียงสาของเด็กๆ กับสัตว์แสนน่ารักตัวนี้จริงๆ ที่ได้ทำให้เราสามารถมีรอยยิ้มออกมาได้แบบไม่รู้ตัว แต่จริงๆ ก็น่าสงสารวาฬตัวนี้เหมือนกันนะที่ทำดีแต่กลับถูกเมินโดยเด็กไม่รู้อีโหน่อีเหน่อย่างนี้.. จ๋อยเลยดิ …
-
เปิด 19 ภาพแก๊งค์ ‘The Avengers’ สมัยละอ่อน เด็กๆ อย่างน่ารักพอโตมาโหดกันจริ๊ง!!
เมื่อกล่าวถึงเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ทีม Avengers จากค่าย Marvel หลายๆ คนก็คงจะร้องอ๋อออกมา และนึกหน้าออกในทันทีว่าพวกเขาเหล่านี้มีหน้าตาเป็นเช่นไร ก็แหมใครจะจำไม่ได้ล่ะก็เล่นหล่อสวยแถมมีเสน่ห์กันจนเป็นที่ติดตราตรึงใจกันขนาดนั้นใช่ไหมล่ะ แต่กว่าที่จะมาเป็นตัวละครเท่ๆ ให้เราได้เห็นกันในจอภาพยนตร์ รู้หรือไม่ว่าตอนเด็กๆ พวกเขามีหน้าตากันเป็นอย่างไร จะหล่อสวยแม่ให้มา หรือจะมาเปลี่ยนกันตอนโตก็ไม่รู้เลยใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้น #เหมียวจิวยี่ จะพาทุกคนไปไขข้อข้องใจกัน ณ บัดนี้เลยละกัน จะได้หายแคลงใจกันสักที Groot ตอนเด็กก็ต้องแตกใบอ่อนก่อนเป็นมะลิลา ตอนเด็กแสนน่ารักน่าหยิกจริงๆ แต่พอโตมาไม่รู้ทำไมเจ้า Rocket ถึงโหดอย่างนั้น หล่อมาตั้งแต่เด็กจริงๆ สำหรับพ่อมด Doctor Strange ของเรา เฮีย Tony Stark ตอนสมัยละอ่อนนี่ดูไร้พิษสงจริงๆ Mantis สมัยยังไม่มีเขางอก ยิ้มโคตรจะเจ้าเล่ห์จริงๆ สำหรับพี่ Loki เฟี้ยวมาตั้งแต่ไหนใครก็รู้ นี่พี่เป็นเทพเจ้า Thor นะเฟ้ย เด๋อได้อีกสำหรับลูกพี่ Hawkeye ตอนนั้นยังไงตอนนี้ก็ยังงั้น สำหรับ…
-
พบกับ 16 สุดยอดบุคคลแห่งการ “ลดน้ำหนัก” ที่คุณเห็นแล้วจะอยากออกกำลังกายทันที
การที่มีน้ำหนักเยอะกว่าเกณฑ์เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะเป็นผลดีนัก เพราะว่ามันอาจนำมาซึ่งโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ แล้วมันก็ยังทำให้ร่างกายของเราดูไม่สมส่วนชวนมอง ดังนั้นคงต้องถึงเวลาที่เราจะมาลดน้ำหนักกันดีกว่า!! และถ้าหากคุณหมดไฟหรือว่ายังไม่มีแรงบันดาลใจดีๆ ล่ะก็ ลองมาดูตัวอย่างของบุคคลเหล่านี้ที่เปลี่ยนชีวิตของตัวเองจากหน้ามือไปเป็นหลังมือได้ ด้วยระเบียบวินัยในการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร ซึ่งคุณก็สามารถมีหุ่นผอมเพรียวลมแบบพวกเขาได้ และแน่นอนว่ามันจะทำให้คุณมีความมั่นใจขึ้นอย่างแน่นอน ด้วยการออกกำลังกายอย่างเป็นระบบระเบียบจึงทำให้สาวคนนี้ลดน้ำหนักจาก 92 กิโลกรัมเหลือ 60 กิโลกรัมได้ในระยะเวลาเพียง 5 เดือน ลดจาก 136 กิโลกรัมไปเป็น 68 กิโลกรัม ดูเหมือนเป็นอีกคนเลยใช่ไหมล่ะ หญิงสาวคนนี้ลดน้ำหนักไปได้ทั้งหมดถึง 77 กิโลกรัม แม้จะยังไม่ดูเพรียวลมแต่ก็ดูน่ารักขึ้นเยอะเลยนะ ส่วนที่ยากที่สุดคือต้องตั้งเป้าหมาย และรู้จักลิมิตว่าเราควรจะหยุดเมื่อไหร่ อย่างเธอคนนี้ก็ลดไปได้ 68 กิโลกรัมใน 15 เดือน ซึ่งเธอก็พอใจกับมันมาก ลดไปได้ 45 กิโลกรัมในปีเดียว พระเจ้าตอนนี้เธอกลายเป็นสาวสุดเซ็กซี่ไปซะแล้ว ระเบียบวินัยและความอดทนคือหัวใจหลักของการลดน้ำหนัก และมันก็ผลิดอกออกผลให้เธอลดไปได้ 34 กิโลกรัมเลย อันนี้ลดเป็นแพ็คคู่พ่อลูก หล่อขึ้นเป็นกองเลยใช่ป่ะล่ะ แหม่มีกล้ามปูให้ได้สัมผัสกันด้วยจากชายคนนี้ที่ลดจาก 117…
-
เจ้านายเอ๋ย!! หนุ่มงงเล่นกับหมาอยู่ดีๆ บังเอิญโดนหมา ‘ยิงปืน’ ใส่ นี่จะฆ่าแกงกันเลยรึไง๊
ในโลกนี้คงจะไม่มีอะไรที่ทำให้เราผ่อนคลายอารมณ์ดีไปกว่า การได้เล่นกับสัตว์เลี้ยงแสนรักอีกแล้ว เพราะความน่ารักไร้เดียงสาของพวกมันทำให้โลกใบนี้ดูสวยขึ้นจากวันที่แย่ๆ ได้ แต่ว่าบางทีเราก็ควรจะระมัดระวังให้ดีไม่อย่างนั้นอาจจะต้องซวยเหมือนหนุ่มคนนี้ ที่เล่นกับหมาอยู่ดีๆ กลับโดนหมายิงปืนใส่ขาเฉยเลย!! เรื่องมีอยู่ว่า Richard Remme ชายอเมริกันวัย 51 ปี จากเมือง Fort Dodge กำลังเล่นกับเจ้า Balew หมาลูกผสมพิทบูล-ลาบาดอร์ อย่างสนุกสนานบนโซฟา แต่ในระหว่างนั้นเองไม่รู้ว่าเล่นกันอีท่าไหน เจ้าหมาตัวนี้ถึงได้บังเอิญไปปลดเซฟตี้ปืนที่เหน็บอยู่ตรงเอวของเขาเข้า แล้วยิงเข้าใส่ขาของชายหนุ่มคนนี้เต็มๆ ดอกจนมีเลือดไหลออกมาเป็นทาง “ตอนแรกผมก็นอนเล่นอยู่บนโซฟานั่นแหละ แล้วไอ้เจ้า Balew มันก็กระโดดขึ้นมาบนตัก ผมเลยโยนมันลงไปบนพื้น แต่มันก็กระโดดขึ้นมาอีกที แล้วทีนี้แหละที่มีเสียงดังปัง!! เกิดขึ้นและผมก็รู้สึกเจ็บๆ ที่ขาอย่างกับโดนอะไรสักอย่าง เฮ้ย! หมาผมมันยิงปืนเข้าที่ขาของผมนี่หว่า” “เห็นได้ชัดเลยว่าในจังหวะแรกที่มันกระโดดขึ้นมาบนตักผม มันก็บังเอิญไปปลดเซฟตี้เข้าอย่างไม่ตั้งใจ แล้วครั้งที่สองที่มันกระโดดขึ้นมาเท้าข้างหนึ่งของมันคงไปโดนไกปืนเข้า และผลก็ออกมาอย่างที่เห็น ผมโดนหมาตัวเองยิงเข้าอย่างจัง” Richard ให้สัมภาษณ์กับสื่อ The Messenger หลังจากที่รู้ตัวว่าเขาโดนหมาของตัวเองยิงเข้า เขาก็รีบโทรแจ้ง 911 ให้มาช่วยเหลือเป็นการด่วน ซึ่งก็ไม่มีเรื่องร้ายแรงใดๆ เกิดขึ้นและเขาก็พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลเพียงไม่กี่วันเท่านั้น แต่เขาก็ยังบอกด้วยว่าเจ้าหมาดูจะรู้สึกผิดอยู่หน่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ “เจ้า Balew มันมานอนอยู่ข้างๆ…
-
ยายงงจู่ๆ มี ‘ม้าโพนี่’ โผล่สนามหลังบ้าน ที่แท้เป็นฝีมือหลานสาวแสนอินโนเซนท์!!
จะเป็นอย่างไรถ้าคุณตื่นขึ้นมาในเช้าอันสดใส แล้วก็ต้องพบว่ามีม้าเป็นตัวๆ อยู่ที่หลังบ้านของคุณ คุณก็คงอึ้งไปเลยแล้วคิดว่าฝันอยู่แน่ๆ ใช่ไหมล่ะ แต่ว่าสำหรับคุณยายท่านหนึ่งแล้วนี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเธอ และเหตุที่นำมันมาก็เป็นเพราะว่าหลานตัวแสบสุดแสนอินโนเซนท์ของเธอนั่นเอง!! โดยเรื่องราวของยายหลายแสนป่วนคู่นี้เกิดขึ้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เมื่อคุณยายคนหนึ่งในเมือง Stoke-on-Trent ประเทศอังกฤษ ต้องถึงกับงงงวยเมื่อตื่นมาแล้วพบว่าที่สนามหลังบ้านของเธอมีม้าโพนี่ตัวเป็นๆ มายืนอยู่อย่างหน้าตาเฉย โดยไม่รู้ว่ามันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เมื่อเริ่มสืบสาวราวเรื่องราวไปเรื่อยๆ ในที่สุดคุณยายคนนี้ก็พบสาเหตุที่มันมาอยู่ที่บ้านของเธอได้ นั่นก็คือเพราะหลานสาวตัวแสบวัย 13 ขวบของเธอดันไปเห็นโฆษณาในอินเทอร์เน็ตเขียนเอาไว้ว่า ‘ถ้าหากไม่มีใครรับม้าตัวนี้ไปเลี้ยง มันก็จะหลับไปตลอดกาล’ ด้วยความสงสารเธอจึงให้ที่อยู่บ้านของคุณยายไปด้วยความไม่รู้อีโหน่อีเหน่นั่นเอง สภาพของม้าตัวนี้ในตอนที่มาถึงดูไม่ค่อยสู้ดีนัก ทั้งซูบผอมจนดูมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์รวมถึงเนื้อตัวสกปรกมอมแมม จึงทำให้ในที่สุดคุณยายคนนี้ก็ได้แจ้งเรื่องไปยังองค์กร World Horse Welfare องค์กรช่วยเหลือม้า และองค์กรนี้ส่งเรื่องไปยัง RSPCA จนเข้ามาดูแลเรื่องในที่สุด “หลานสาววัย 13 ขวบของคุณยายคนนี้ ไปเจอข้อความของผู้หญิงคนหนึ่งที่บอกว่าเธอไม่ต้องการเลี้ยงม้าตัวนี้อีกต่อไปแล้ว และจะฉีดยาให้มันหลับไปตลอดกาลถ้าหากไม่มีใครรับไปเลี้ยง ซึ่งด้วยความไร้เดียงสาและจิตใจเมตตาของหลานตัวแสบ เธอเลยให้ที่อยู่ของยายไปซะนี่” “เธอให้ที่อยู่ของยายไป และในที่สุดเจ้าม้าที่น่าสงสารตัวนี้ก็มาอยู่ที่นี่โดยไม่มีคำแนะนำหรืออะไรติดตัวมาด้วยเลย เราไม่รู้หรอกว่าม้าตัวนี้มาจากที่ไหนกันแน่ แต่ว่ามันได้รับการปฏิบัติที่ไม่ค่อยดีนักแน่ๆ ก่อนที่จะมาถูกทิ้งอย่างนี้” Charlotte Melvin เจ้าหน้าที่ RSPCA กล่าว สุดท้ายแล้วเจ้าม้าโพนี่ตัวนี้ก็ได้รับการดูแลอย่างดีจากองค์กร World Horse Welfare และก็ได้รับการตั้งชื่ออย่างอลังการว่า Mr Melvin Andrews ซึ่งถ้าหากไม่มีหลานสาวจิตใจดีของคุณยาย เจ้าม้าตัวนี้อาจจะไม่ได้มีชีวิตดีๆ…
-
ตำรวจสาวลาป่วย แต่ดันโผล่สตรีมเกมด้วยชุดวาบหวิว งานนี้กลายเป็นประเด็นไปทั่วทั้งเน็ต!!
อาชีพตำรวจเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ให้ดี เพราะว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ของบ้านเมือง แต่ว่ามีตำรวจหญิงคนหนึ่งที่ลาป่วยแต่กลับไปสตรีมเกมในโลกออนไลน์ด้วยชุดวาบหวิว ก่อให้เกิดเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาถึงเรื่องความเหมาะสม?? โดยเรื่องราวมีอยู่ว่าจ่าตำรวจหญิง Leanne Carr ได้ขอลาป่วยเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ในระหว่างที่หยุดอยู่นั้นเอง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความว่างหรือเพราะความเป็นเกมเมอร์ในตัวเธอ จึงทำให้เธอจัดแจงสตรีมมิ่งขณะเล่นเกม ‘Fortnite’ ด้วยชุดวาบหวิวเผยให้เห็นถึงชุดชั้นในแสนจะเซ็กซี่ที่อยู่บนเรือนร่างของเธอ จ่าสาวคนนี้ได้รับฉายาจากชาวสตรีมมิ่งว่าเป็น ‘ราชินีสับปะรด’ เนื่องมาจากชุดชั้นในที่เธอใส่จะเป็นลายสับปะรดเป็นส่วนมาก และในช่วงเวลาที่สตรีมเกมอยู่นั้นเองเธอก็มักจะเอ่ยขอการโดเนทจากผู้ที่ติดตามชมอยู่อีกด้วย ในตอนนี้ถึงแม้ว่าตำรวจสาวแห่งเคาร์ตี้ Lincolnshire ประเทศอังกฤษจะกลับมาทำหน้าที่ตามปกติแล้ว แต่สิ่งที่เธอทำในวันลาป่วยของเธอก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมายในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ในประเด็นของความเหมาะสม โดยผู้บังคับบัญชาของเธอกล่าวว่า ในขณะนั้นเธอขอลาป่วยเนื่องจากความเครียดจากงานสอบสวนภายใน และเธอก็กลับมาทำงานแล้วตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งในเรื่องของคำวิจารณ์นั้นตอนนี้ก็กำลังหาทางแก้ไขให้เหมาะสมที่สุด การสตรีมเกมของเธอไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายข้อใด แต่ถึงอย่างนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กล่าวว่าได้เฝ้าระวังสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์คของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะมีการลงโทษอย่างแน่นอนถ้าหากมีความประพฤติที่มิชอบมิควร “เมื่อเจ้าหน้าที่หยุดงานไปเนื่องจากอาการป่วย ก็จะมีเพียงการสื่อสารธรรมดาๆ เท่านั้นที่ยังคงเอาไว้ พวกเขาสามารถทำอะไรตามที่ใจต้องการไม่ว่าจะเป็นการไปเที่ยวพักผ่อนหรืออะไรก็ตาม มันเป็นสิ่งที่พวกเขาควรได้รับ” Suzanne Davies ผู้กำกับฝ่ายสืบสวน กล่าว แต่ถึงแม้ว่าเธอจะกลับมาทำงานแล้ว ทว่าเธอก็ยังคงหาเวลาไปสตรีมเกมได้ดังเดิม และในหน้าทวิตเตอร์ของเธอก็มักจะมีการโปรโมทการสตรีมมิ่งให้กับผู้ติดตามเกือบ 3,000 คนอีกด้วย ในตอนนี้เธอกำลังเป็นที่จับจ้องถึงเรื่องสื่อออนไลน์อยู่ แต่กระนั้นทางกรมตำรวจ Lincolnshire ก็บอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควรจะมีชีวิตที่ส่วนตัวบ้าง ตราบเท่าที่การกระทำเหล่านั้นไม่ได้ละเมิดต่อกฎหมายข้อใด ซึ่งถ้ามีอย่างนั้นจริงๆ ก็จะมีการสืบสวนและลงโทษอย่างแน่นอน ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ Carr ก็ยังคงทำการสตรีมเกมของเธออย่างต่อเนื่อง ส่วนชาวเน็ตก็พูดคุยกันเป็นวงกว้างถึงการกระทำของเธอ…
-
18 ไอเดียรอยสักกลางหลังสุดมินิมอล ถึงจะดูน้อยแต่มากด้วยเสน่ห์ที่คุณต้องหลงรัก!!
เดี๋ยวนี้ไม่ว่ามองไปทางไหนก็จะเห็นคนที่มี ‘รอยสัก’ อยู่เต็มไปหมด ซึ่งเอาจริงๆ ศิลปะบนเรือนร่างอย่างนี้ก็มีความงามแบบในตัวของมันเอง อีกทั้งยังสามารถเป็นเสน่ห์ที่จดจำของผู้ที่พบเห็นได้อีกด้วย และอีกหนึ่งจุดที่ผู้คนมักจะชอบสักลายกันนั่นก็คือตรงแผ่นหลัง ที่มีพื้นที่กว้างให้ได้สร้างสรรค์กัน แต่รู้หรือว่ามีหนึ่งจุดที่เป็นจุดเด่นสำหรับแผ่นหลังเลยนั่นก็คือ ‘กระดูกสันหลัง’ โดยถ้าสักบริเวณนี้ล่ะก็จะเห็นได้อย่างเด่นชัด และถ้าคุณอยากลองแต่ยังไม่มีไอเดียล่ะก็ ลองมาดูลายสักเหล่านี้ดูก่อน ไม่แน่ว่าคุณอาจจะนำไปต่อยอดเป็นแรงบันดาลใจก็ได้นะ มาเริ่มกันที่ดอกไม้กันก่อนเลย คนสวยๆ ก็ต้องคู่กับดอกไม้งามๆ ต้นสนเล็กๆ ไม่ดูรกหูรกตาจนเกินไป สำหรับคนที่ชอบมีอะไรดูวิทยาศาสตร์หน่อยๆ มาเป็นระบบสุริยจักรวาลเชียว พระจันทร์ก็สวยไม่ใช่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ แม้จะดูไม่มีค่าอะไร แต่อย่างน้อยดอกไม้ดอกนี้ก็ยังให้ความงามแก่โลกใบนี้ ปลากำลังจะบินขึ้นมากินหัวแล้ว ใบชาดีอยู่ที่ยอด ‘เจ้าชายน้อย’ มานั่งทำอะไรตรงนี้เนี่ย ศิลปะอย่างนี้ก็ต้องพู่กันสินะถึงจะสื่อได้ดี อยากจะหาถ้ำแมงมุมจริงๆ เจ้าแมลงปอตัวน้อยแสนน่ารัก แบ่งครึ่งซะเลย นี่แหนะ กิ่งของดอกไม้กับแผ่นหลังงามๆ พรวิเศษจงให้พรกับข้าทีเถิด สาวกปีเตอร์แพนอย่าพลาด มินิมอลของจริง …
-
หนุ่มได้ยินเรื่องเล่าว่าเอา ‘ขรี้’ ยัดตู้ ATM แล้วเงินจะไหลออกมา งานนี้ทำจริงก็ติดคุกสิครับ!!
ความที่คนเราอยากรวยนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร เพราะการมีเงินทองนั้นนำมาซึ่งความสะดวกสบายต่างๆ อย่างมากมาย แต่ถึงอย่างไรก็ต้องใช้วิธีที่สุจริตถึงจะได้เงินมาใช้จ่ายอย่างสบายใจ และคงไม่มีใครอยากรวยทางลัดด้วยวิธีสกปรกๆ อย่างชายคนนี้ ที่เอาน้ำมันเครื่องไปเทราดและใช้ ‘ขรี้’ ยัดใส่เครื่อง ATM เพื่อหวังว่ามันจะคายเงินออกมา!! เรื่องราวชวนอ้วกนี้เกิดขึ้นที่มณฑลเสฉวน ประเทศจีน เมื่อมีชายคนหนึ่งที่ทราบชื่อภายหลังว่านามสกุล Lü ทำการอุจาดด้วยการเอาน้ำมันเครื่องไปเทใส่ตู้ ATM เท่านั้นยังไม่พอยังเอาถุงบรรจุ ‘ขรี้’ ยัดใส่เครื่อง ATM เพื่อหวังว่ามันจะพ่นเงินออกมาให้เขาได้เป็นเศรษฐีอย่างรวดเร็ว โดยภาพจากกล้องวงจรปิดในหลายๆ พื้นที่ได้จับภาพการกระทำของเขาเอาไว้ได้ ซึ่งชายคนนี้จะเริ่มต้นขึ้นด้วยการมาด้อมๆ มองๆ ที่ตู้ ATM ก่อน จากนั้นก็จะเริ่มสาดน้ำมันเครื่องใส่ตู้เอทีเอ็มหรือใส่ในช่องต่างๆ แต่ว่าเมื่อดูแล้วไม่ได้ผล เขาก็จะงัดไม้ตายออกมานั่นก็คือการยัดถุงพลาสติกบรรจุอุจจาระเข้าไปในช่องช่องหนึ่งของตู้ เพื่อหวังว่าเจ้าสิ่งปฏิกูลนี้มันอาจจะดลบันดาลเงินเป็นฟ่อนๆ ให้กับเขาได้ ชายหนุ่มคนนี้ตระเวนเอาวิธีสุดพิสดารของเขาไปทำตามตู้เอทีเอ็มต่างๆ ทั่วทั้งเมืองถึง 3 ครั้งด้วยกันในเดือนที่แล้ว และครั้งสุดท้ายนี้เองที่ทำให้เขาถูกจับกุมในที่สุด Lü ได้ให้รับคำสารภาพว่า ที่ทำพฤติกรรมสุดห่ามอย่างนี้ก็เพราะเคยได้ยินมาว่าวิธีนี้จะทำให้เครื่อง ATM ขัดข้องแล้วมันจะปล่อยเงินออกมาทำให้เขาเป็นเศรษฐีได้โดยง่าย วิดีโอขณะทำภารกิจของหนุ่มคนนี้ ตอนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเรื่องนี้เขาไปได้ยินมาจากใคร แต่เขาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด แต่สิ่งที่ได้กลับเป็นคำด่าทอพร้อมกับต้องไปนอนในคุกซะมากกว่า……
-
พบกับ 16 ภาพชวนให้คุณรู้สึกมึนงงจนต้องถามตัวเองว่า ‘นี่ตูควรรู้สึกยังไงเนี่ย’ ทำไปได้!!
บางครั้งคนเราก็มักจะชอบทำอะไรแปลกๆ ที่ชาวบ้านเค้าไม่ทำกันอยู่เสมอ และก็แน่นอนว่าภาพที่ออกมามันต้องสร้างความตกตะลึงให้กับผู้ที่พบเห็นว่า ‘นี่ตูต้องรู้สึกยังไงกันเนี่ย’ กันอยู่บ่อยๆ นี่ก็คือเหล่าคนที่มีความเพี้ยนอยู่ในตัว ซึ่งพวกเขาก็ได้ถ่ายทอดออกมาในแบบที่ตัวเองเป็น ลองไปดูกันว่ามันฮา และประหลาดขนาดไหน แต่ก็ไม่แน่นะว่าหากพวกคุณได้ดูภาพเหล่านี้แล้วอาจจะอยากหลุดโลกไปแบบพวกเขาก็ได้… เดี๋ยวๆ ป้า เค้าใช้อย่างนั้นกันที่ไหนกันเล่า เอาไปเลยคะแนนท่ายาก 10 เต็ม 10 ต้องใจนิ่งขนาดไหนถึงจะทำอย่างนี้ได้น่ะ โหว ตะกงตะเกียบแถวนั้นมันไม่มีบ้างเลยหรือไง สุดยอดความคิดที่เราอาจจะตามเขาไม่ทันเพราะเขาอยู่ในโลก 3018 ก็ได้ มาจับมือน่ะพอเข้าใจ แต่เอ็งจะมารื้ออย่างนี้ไม่ได้นะเฟ้ย มันก็คงช่วยป้องกันได้อยู่หรอก… (ประชดย่ะ) นี่ก็รีบเกิ๊น สงสัยเมียกำลังจะคลอดลูก เมื่อร้านเอาทีวีมาส่งแบบชิลๆ วางซะเป็นหนังสือพิมพ์เลย สงสัยอยากไปอยู่โลกหน้าซะแล้ว ก็คนมันรักธรรมชาติง่ะ เค้าผิดตรงไหนเอาปากกามาวง เดี๋ยวนะเจ๊ มันไม่ใช่โทรศัพท์นะเฮ้ย อะไรติดฟะ เดี๋ยวเข้าไปดูแป๊บ (คนข้างหลังคงคิดว่าเดี๋ยวเอ็งได้รู้แน่) กว่าจะหนีไฟได้ หกล้มหัวกระแทกพื้นตายก่อน…
-
เนียนเกิ๊น!! ทีมนักแสดงอิหร่านโปรโมทหนังด้วยการแสดงเป็น ‘ISIS’ งานนี้วิ่งหนีกันวุ่น
ปกติแล้วเมื่อภาพยนตร์กำลังจะเข้าโรงภาพยนตร์หรือเพิ่งเข้าใหม่ๆ ก็จะมีการโปรโมทเป็นปกติธรรมดา แต่ใครจะไปคิดว่าการโปรโมทหนังจะทำให้เกิดความโกลาหลชุลมุนขึ้นมาได้ เหมือนกับเหตุการณ์นี้ที่ทีมนักแสดงจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่งดันเข้าไปโปรโมทภาพยนตร์ในห้างสรรพสินค้า ด้วยการแต่งตัวเป็นกลุ่มทหาร ISIS เท่านั้นยังไม่พอยังแสดงซะสมจริงจนผู้คนต่างวิ่งหนีกันอย่างอลหม่านเลยด้วย… การโปรโมทหนังแปลกๆ นี้เกิดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้า Kourosh Complex ในกรุงเตหะราน เมืองหลวงของประเทศอิหร่าน เมื่อมีทีมนักแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง ‘Damascus Time’ ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของผู้กำกับ Ebrahim Hatamikia เข้ามาโปรโมทเชิญชวนให้ผู้คนเข้าไปดูหนังกัน โดยภาพยนตร์เรื่อง ‘Damascus Time’ นี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อลูกคู่หนึ่งที่เดินทางไปที่ประเทศซีเรีย เพื่อจะส่งมอบสิ่งของดำรงชีพให้กับชาวบ้าน แต่ในท้ายที่สุดแล้วทั้งคู่กลับถูกลักพาตัวไปโดยกลุ่ม ISIS นั่นเอง เหตุการณ์การโปรโมทภาพยนตร์เรื่องนี้ในแรกเริ่มนั้น ทีมนักแสดงจากภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็เข้ามาที่ห้างสรรพสินค้าด้วยการแต่งกายเป็นชุดทหาร ISIS ดั่งเช่นเรื่องราวในภาพยนตร์ และก็มีการโปรโมทแบบธรรมดาทั่วไปนั่นคือ การถ่ายรูปกับแฟนๆ รวมถึงโพสท่าทางต่างๆ ด้วยความสนุกสนาน แต่ว่าจู่ๆ ทีมนักแสดงนี้ก็ผุดความคิดพิสดารขึ้นมาด้วยการโชว์การสวมบทบาทแสดงเป็นตัวละครที่อยู่ในเรื่องให้ผู้ชมได้ดู และเพื่อความสมจริงก็มีการตะโกน การแกว่งอาวุธปืน มีดดาบต่างๆ ไปมา แถมยังมีอยู่คนหนึ่งที่ขี่ม้าจริงๆ เข้ามาในห้าง ทว่าดูเหมือนกับยังไม่สาแก่ใจทีมนักแสดงชุดนี้ เพราะสิ่งร้ายแรงที่สุดที่พวกเขาทำก็คือการแกล้งต่อสายไฟเข้ากับระเบิดปลอมที่ได้เตรียมมาไว้อีกด้วย https://www.instagram.com/p/BievB6tF-Pb/?utm_source=ig_embed การแสดงที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ผู้คนในห้างบางส่วนก็รับรู้ได้ว่าเป็นการแสดงอย่างหลอกๆ เพียงเท่านั้น ขณะเดียวกันก็มีผู้ที่ไม่รู้และคิดว่านี่เป็นการก่อการร้ายจริงๆ จึงวิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันอย่างโกลาหลวุ่นวาย เนื่องจากกลุ่ม ISIS ก็เคยโจมตีเมืองเตฮะรานมาแล้วถึง…
-
แพรวพราว!! หนุ่มหลอกสาวออกเดทแล้วชิ่งค่าอาหาร ทำอย่างนี้มาแล้ว 3 ปีมีเหยื่อนับสิบราย!!
โดยปกติแล้วการออกเดทกันครั้งแรก หลังจากที่กินข้าวพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกันอย่างมีความสุข ฝ่ายชายก็มักให้เกียรติด้วยการออกค่าอาหารให้เสมอ แต่มีชายคนหนึ่งที่ทำตรงกันข้าม เพราะว่าเขาหลอกให้หญิงสาวหลายรายเลี้ยงข้าวแบบฟรีๆ ด้วยการชิ่งหายไปหน้าตาเฉย และที่น่าทึ่งก็คือเขาทำอย่างนี้มาอย่างน้อย 3 ปีแล้ว!! โดยชายหนุ่มพราวเสน่ห์ร้ายคนนี้มีชื่อว่า Paul Gonzales เขาอาจจะไม่ใช่คนแรกๆ ที่ทำพฤติกรรมกินฟรีแล้วชิ่ง แต่ว่าเขาอาจจะได้รับการจารึกชื่อของตัวเองในประวัติศาสตร์ว่าเป็นคนทำพฤติกรรมแย่ๆ อย่างนี้บ่อยที่สุด เพราะเขาทำมาถึง 3 ปีเต็มๆ โดยชื่อของเขาได้เริ่มเป็นที่โจษจันกันในเมือง Pasadena รัฐแคลิฟอร์เนีย ในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว เมื่อเขาหลอกหญิงสาวสองคนให้ไปออกเดทกินอาหารด้วยกัน (คนละเดทกันนะ) แล้วก็หาข้ออ้างเหตุผลต่างๆ นานาขอออกไปข้างนอก แล้วก็หายเข้ากลีบเมฆเหลือเพียงบิลค่าอาหารไว้ให้ฝ่ายหญิงจ่ายแทน ทำมาบ่อยจนออกเป็นข่าวเลยนะ ซึ่งเหยื่อหนึ่งในสองคนได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เธอได้เอาข้อมูลของชายคนนี้ไปสืบค้นบนโลกออนไลน์แล้วก็พบว่ามีหญิงสาวอย่างน้อยสองคนก่อนหน้าเธอที่โดน Paul หลอกเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ก็ยังมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อเมื่อเร็วๆ นี้เล่าให้ฟังว่า เธอได้พบกับ Paul ผ่านทางแอปพลิเคชั่นหาคู่แห่งหนึ่ง แล้วก็ได้ตกลงปลงใจไปออกเดทกับเขา ซึ่งทุกๆ อย่างก็เหมือนกับคู่เดทปกติทั่วๆ ไป ที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ก็มีอยู่จุดหนึ่งที่เขาอ้างว่าจะไปเอาสายชาร์จโทรศัพท์ที่รถซะหน่อย ทว่าเขาก็ไปแล้วไปลับไม่ได้เข้ามาในร้านอีกเลย และทิ้งให้เธอต้องจ่ายค่าอาหารจำนวน 130 ดอลลาร์ (ประมาณ 4,100 บาท) แต่เพียงผู้เดียว…
-
ลูกค้าเหนียวหนี้ไม่ยอมจ่ายค่าน้ำ บริษัทเลยแก้เผ็ดเอา ‘พีระมิด’ ไปตั้งประจานหน้าบ้านเสีย!!
บางครั้งมันก็เป็นเรื่องที่เจ็บใจซะเหลือเกินสำหรับการ ‘ทวงหนี้’ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่ยืมเงินไป หรือว่าค่าอะไรจ้างๆ ที่เราควรจะได้รับ ซึ่งบางคนอาจจะใช้วิธีอันสุขุมนุ่มลึกอย่างการพูดจาดีๆ หรือใช้ไม้แข็งอย่างการข่มขู่ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าลูกนี้จะสำนึกคืนเงินเสียที งานนี้จึงต้องหาวิธีแก้เผ็ดให้มันสาแก่ใจซะหน่อย ถ้าหากคุณยังหาวิธีเอาคืนไม่ได้ล่ะก็ ลองเลียนแบบเรื่องราวนี้ดูก็ได้ เพราะมันสร้างความอับอายให้กับเหล่าผู้คนเหนียวหนี้ได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว เมื่อบริษัทแห่งหนึ่งไม่ได้รับเงินค่าจ้างจากลูกค้าสักที พวกเขาเลยเอาพีระมิดหนัก 3 ตันไปตั้งประจานเอาไว้หน้าบ้านหรูของเขาซะเลย!! โดยเหตุการณ์ทวงหนี้แบบเจ็บแสบนี้เกิดขึ้นจากความที่บริษัท Samara Utility Systems Ltd บริษัทจัดการสาธารณูปโภค พยายามหลายต่อหลายครั้งในการเก็บเงินจากลูกค้าคนหนึ่งที่มีบ้านอยู่ในหมู่บ้าน Zubchaninovka เมืองซามารา ประเทศรัสเซีย ลูกค้าคนที่ว่านี้มีหนี้ที่ค้างชำระต่อบริษัทแห่งนี้อยู่ 50,000 รูเบิล (ประมาณ 25,000 บาท) ซึ่งทางบริษัทก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะเก็บเงินในส่วนที่พวกเขาควรจะได้ ทั้งการส่งจดหมายเตือนไปหลายต่อหลายครั้ง พยายามติดต่อทางโทรศัพท์ รวมถึงส่งคนไปพูดคุยเจรจาเพื่อหาข้อยุติ แต่สุดท้ายแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืนแม้แต่แดงเดียว ในที่สุดแล้วเมื่อความอดทนสิ้นสุดลง บริษัทแห่งนี้จึงใช้ไม้เด็ดจัดการกับลูกค้า ด้วยการเอาพีระมิดคอนกรีตหนักกว่า 3 ตันและมีความสูง 1.5 เมตรไปวางไว้ข้างหน้าบ้านของลูกค้าคนนี้ซะเลย เพื่อเป็นการเตือนความจำให้กับเขาว่ายังมีหนี้ที่จะต้องจ่ายอยู่นะจ๊ะ พีระมิดที่ว่านี้ได้ถูกวางเอาไว้หน้าบ้านสุดหรูของลูกค้าในวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา และมันได้สร้างความอับอายขายขี้หน้าให้กับเจ้าของบ้านเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากรูปร่างแปลกๆ ของมันแล้วก็ยังมีข้อความที่แปลได้ว่า ‘มีลูกหนี้อาศัยอยู่ที่นี่’ และ…
-
บุรุษพยาบาลร้องเพลง ‘เจย์ โชว์’ ให้สาวโคม่าฟังตลอด 3 เดือน แล้วเธอก็ฟื้นราวปาฏิหาริย์
เชื่อเลยว่าอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดหายไปไม่ได้สำหรับชีวิตของมนุษย์อย่างเราๆ ก็คือ ‘เสียงเพลง’ ที่เป็นทำนองขับกล่อมให้เราสัมผัสถึงอารมณ์ต่างๆ ได้มากขึ้น และรู้หรือไม่ว่าพลังของเสียงเพลงก็สามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ อย่างเหตุการณ์นี้ที่มีหญิงสาวป่วยขั้นโคม่าถึง 4 เดือนสามารถฟื้นขึ้นมาได้ด้วยเพลงของศิลปินที่เธอชื่นชอบ!! หญิงสาวอายุ 24 ปีคนหนึ่งในมณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน ต้องตกอยู่ในอาการโคม่าตั้งแต่ปลายปี 2017 ที่ผ่านมาด้วยอาการโรคทางสมองที่เกิดขึ้นจากการขาดอากาศหายใจไปชั่วขณะ เธอล้มป่วยลงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และต้องใช้ชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยความหดหู่เป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งที่ผ่านมาเธอต้องทุกข์ทรมานจนหัวใจเคยหยุดเต้นถึง 3 ครั้งด้วยกัน อีกทั้งยังมีความเสียหายอื่นๆ อย่างมากมายเกิดขึ้นต่อปอดและไตของเธอร่วมด้วย ด้วยอยากจะให้ผู้ป่วยคนนี้กลับมามีชีวิตที่งดงามดังเดิม Peng Keling บุรุษพยาบาลของแผนกดูแลผู้ป่วยหนัก จึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะช่วยให้หญิงสาวคนนี้กลับมาลืมตาขึ้นอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นการ เล่นดนตรีให้ฟัง เล่าเรื่องตลก อ่านข่าวบันเทิงที่วัยรุ่นชอบ เพื่อหวังจะให้เธอได้สติกลับมาอีกครั้งหนึ่ง วิธีต่างๆ ดูเหมือนจะไม่ได้ผลกับหญิงสาวคนนี้ แต่บุรุษพยาบาล Peng ก็ยังไม่ถอดใจแต่อย่างใดและยังคงหาวิธีที่จะปลุกให้เธอฟื้นตื่นขึ้นมาให้จนได้ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาเกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่าตลอดเวลาที่เติบโตขึ้นมาเขาก็ฟังเพลงของ ‘เจย์ โชว์’ มาโดยตลอด และบางทีเธออาจจะชอบเช่นเดียวกันก็เป็นได้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาบุรุษพยาบาลคนนี้จึงบรรเลงเพลงของ ‘เจย์ โชว์’ ขับกล่อมเธอตลอดระยะเวลา 3 เดือนก่อนที่จะเกิดเรื่องปาฏิหาริย์ขึ้น เพลงที่ทำให้คนคนหนึ่งมีชีวิตใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง …
-
สาวถูกเห็บกัด และเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล เพราะไม่สามารถกินเนื้อสัตว์ได้อีกต่อไป!!
การถูกแมลงสัตว์กัดต่อย เป็นเรื่องที่เราควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าสัตว์นั้นมีพิษหรือเราแพ้สารอะไรที่อยู่ในตัวของมันบ้างหรือเปล่า และบางทีมันอาจทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนไปเลยก็ได้ เหมือนกับสาวคนนี้ที่โดนเห็บชนิดหนึ่งกัด ซึ่งมันทำให้เธอกลายเป็นคนที่ไม่สามารถกินสัตว์เนื้อแดงได้อีกต่อไป… นี่คือเรื่องราวของสาวชาวโอคลาโฮมาชื่อว่า Nancy Phelps ที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับปัญหาสุขภาพอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีที่ผ่านมาจากการโดนแมลงชนิดหนึ่งกัด เธอเริ่มมีสุขภาพที่แย่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างบริเวณใบหน้าและลิ้นของเธอเกิดอาการบวมขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ และเธอต้องเข้าออกโรงพยาบาลอีกนับครั้งไม่ถ้วน เพราะว่ามีบ่อยครั้งที่เธอต้องประสบกับอาการหายใจไม่ออก อาการต่างๆ เริ่มร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเธอก็นึกได้ว่ามันน่าจะเกิดมาจากความที่เธอถูกกัดโดยเห็บที่มีชื่อว่า Lonestar Tick ขณะที่เธอกำลังเล่นอยู่กับหลานๆ ที่สนามหลังบ้านในปี 2017 โดยอาการเริ่มแรกที่ปรากฏก็คือเริ่มมีผื่นแดงขึ้นตามตัว รวมถึงยังปวดท้องอยู่บ่อยๆ ซึ่งในตอนแรกเธอก็คิดว่าไม่มีอะไรและเป็นอาการทั่วๆ ไปที่อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ แต่ว่าพอเข้าฤดูใบไม้ร่วมในปีนั้นเธอก็เริ่มมีอาการช็อกจากการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxia Shock) จนทำให้ชีวิตของเธอส่วนใหญ่ต้องหมดไปกับการรักษาโรคท่ี่เกิดขึ้น ในเวลาต่อมาคุณหมอหลายคนได้ลงความเห็นว่า เห็บที่กัดเธอในครั้งนั้นได้ทิ้งอาการ Alpha Gal Allergy เอาไว้ในตัวเธอ ส่งผลให้เธอมีอาการแพ้ต่อผลิตภัณฑ์จากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด ซึ่งหากสาว Phelps กินอะไรก็ตามที่มาจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมล่ะก็ เธอจะมีอาการแพ้แสดงออกมาอย่างชัดเจนจากใบหน้าและลิ้นที่บวมขึ้น และเธอต้องคอยฉีดยาควบคุมอาการนี้ให้คงที่เอาไว้ หนึ่งเข็มตลอดทุกๆ 2 สัปดาห์ด้วย “พิซซ่าคืออาหารที่ฉันรักมาโดยตลอด แต่ว่าต่อไปนี้มันคงไม่มีอีกแล้ว” Phelps กล่าว สำหรับในตอนนี้ยังไม่มียารักษาโรคภูมิแพ้ชนิดนี้ได้ แต่อาการก็อาจจะเบาบางลงเมื่อเวลาพ้นไป ซึ่ง Phelps ก็ออกมาเตือนทุกคนว่าให้เอาเรื่องของเธอเป็นอุทาหรณ์และป้องกันตัวเองให้ดีๆ เพราะหากคุณเป็นโรคนี้ล่ะก็จะต้องทนทุกข์ทรมานมากๆ…
-
ความเห็นสุดฮาจากชาวเน็ต หลังเห็นป้าย “ใส่หมวก ตำรวจไม่จับ” ถึงจะซ้อน 4 ก็ตาม!?
กลายเป็นเสียงฮาบนโลกออนไลน์ทันทีสำหรับป้ายรณรงค์ให้ขับขี่ปลอดภัยของ สภ. เกาะสมุย เพราะว่าถ้าหากใครได้เห็นแล้วล่ะก็ จะต้องทึ่งจนอุทานออกมาว่า ‘อย่างนี้ก็ได้เหรอ’?? โดยภาพที่ว่านี้เป็นป้ายรณรงค์ที่ของทาง สภ. เกาะสมุยที่บังเอิญว่าคุณ Markus Hoffmann ได้ไปเจอมาแล้วก็ได้เก็บภาพมาแบ่งปันที่กลุ่ม TIT (This is Thailand) ซึ่งหากดูเผินๆ มันก็เป็นป้ายรณรงค์ให้ขับขี่ให้ถูกกฎหมาย แต่ถ้าลองมองดีๆ จะรู้สึกว่า เอ๊ะ!! มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า? ภาพเจ้าปัญหาที่มาของความฮา อย่างแรกที่เห็นได้ชัดเลยก็คือรถคันนี้บรรจุผู้ใหญ่และลูกเด็กเล็กแดงเอาไว้ถึง 4 คนด้วย และก็แน่นอนว่ามันผิดกฎหมายอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีตำรวจยืนยิ้มแถมยกมือกดไลก์ให้อีกด้วย นี่แสดงว่าแค่สวมหมวกกันน็อคแต่ซ้อนกันเป็นสิบก็คงไม่ผิดใช่ไหมนะ… อย่างที่สองก็คือตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่ปรากฏในป้าย โดยเขียนเอาไว้ว่า ‘Motorcycle Wear a Helmet’ หรือแปลได้ว่า ‘มอเตอร์ไซค์สวมหมวกกันน็อค’ ที่ขนาดคนไทยเห็นยังงงๆ ยิ่งเป็นชาติชาวต่างชาติแล้วล่ะก็ คงจะงงเป็นไก่ตาแตกเลย อย่างเช่นต่อไปนี้ มันอเมซิ่งจริงๆ นี่มอเตอร์ไซค์สวมหมวกได้ด้วยหรอเนี่ย อย่างน้อยก็ไม่เสียชีิวิตง่ายๆ นะ ฉันล่ะแปลกใจจริงๆ ทำไม Honda ไม่ผลิตรถมอเตอร์ไซค์แบบยาวๆ ออกมาซะให้รู้แล้วรอดไปเลยล่ะ เป็นไอเดียที่ดี แต่ถึงอย่างไรถ้าผลิตมา 4 ที่นั่ง คนไทยก็นั่งยัดกันได้เป็น…
-
สาวอ้างกิน ‘Haagen-Dazs’ เจอเศษแก้วบาดเลือดเต็มปาก แต่กลับได้บัตรกำนัลแค่พันเดียว
คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบในของหวานแสนอร่อยที่มีชื่อเรียกว่า ‘ไอศกรีม’ เพราะไอ้เจ้าขนมหวานเย็นนี้มันช่างมีรสชาติที่หอมหวานแสนอร่อย และบางทีมันก็ยังทำให้อารมณ์ของเราดีขึ้นได้อย่างน่าประหลาดใจ ทว่าบางครั้งมันก็สามารถสร้างความทุกข์ให้กับเราได้เหมือนกัน เหมือนกับเหตุการณ์ที่มีสาวจีนคนหนึ่งกำลังเพลิดเพลินกับการกินไอศกรีม แต่เธอกลับต้องเลือดท่วมปากจากเศษแก้วที่ปะปนอยู่ในไอศกรีมซะอย่างงั้น!! หญิงสาวผู้โชคร้ายคนนี้ได้รับการเปิดเผยว่ามีนามสกุลว่า Guo เธอเล่าว่าเหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา เมื่อเธอเกิดอยากกินไอศกรีมขึ้นมา จึงเดินเข้าไปที่ร้าน Haagen-Dazs ภายในศูนย์การค้า Metro City ย่าน Xujiahui ประเทศจีน จากนั้นเธอก็จัดแจงสั่งเมนูพิเศษชื่อว่า “Spring Exclusive Menu” ราคา 248 หยวน (ประมาณ 1,250 บาท) ในเวลาไม่นานนักไอศกรีมตามสั่งของเธอก็มาเสิร์ฟอยู่ต่อหน้า และแน่นอนว่ารอช้าไม่ได้เพราะเดี๋ยวไอศกรีมจะละลายเสียก่อน เธอจึงตักไอศกรีมกินด้วยความเอร็ดอร่อย แต่ว่าทันใดนั้นเองระหว่างที่เคี้ยวอยู่นั้น เธอก็รู้สึกได้ว่ากัดโดนอะไรแข็งๆ เข้า ในตอนแรกเธอก็ไม่คิดอะไรเพราะคิดว่าเป็นธรรมดาที่อาจมีสะเก็ดน้ำแข็งปะปนมาบ้าง แต่ว่าในเวลาต่อมาเธอก็พบว่าตัวเองมีเลือดไหลออกมาเต็มปากไปหมด และไม่สามารถห้ามเลือดให้หยุดไหลได้ เมื่อผู้จัดการร้านเห็นดังนี้ จึงได้พานางสาว Guo ไปโรงพยาบาลโดย และหมอก็พบว่าเลือดที่ไหลออกมานั้นเกิดมาจากมีเศษอะไรบางอย่างไปบาดเข้าที่บริเวณลิ้นนั่นเอง หลังจากที่เธอปลอดภัยและสามารถห้ามเลือดได้แล้ว ทางร้านก็แสดงความรับผิดชอบด้วยการมอบบัตรกำนัลมูลค่า 200 หยวน (ประมาณ 1,000 บาท) เป็นการปลอบใจ และขณะเดียวเดียวกันทางร้านก็ได้สืบสวนอย่างเต็มที่ว่ามีอะไรอยู่ในไอศกรีมถ้วยนั้นกันแน่ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเรื่องนี้ได้กลายเป็นกระแสไวรัลในโลกอินเทอร์เน็ต Guo ก็ออกมากล่าวว่าเธอไม่อยากได้ความเห็นอกเห็นใจจากทางร้านรวมถึงบัตรกำนัล แต่เธออยากจะได้ค่าทำขวัญเป็นจำนวน…
-
15 ไอเทมที่สมควรจะได้รับรางวัลโนเบล เพราะมันฉลาดล้ำโลกจริงๆ ยอมใจคนออกแบบเลย!!
ในชีวิตประจำวันของเรา ก็จะมีผลิตภัณฑ์หลายๆ อย่างที่คอยมาอำนวยความสะดวกสบายให้กับชีวิตของเราเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ซึ่งก็ต้องขอชื่นชมผู้ผลิตเหล่านั้นจริงๆ ที่ แต่อย่าเพิ่ง ระบบของรถคันนี้จะไม่ให้คุณสามารถฟังเพลงได้ถ้ายังไม่คาดเข็มขัดนิรภัย (อย่างน้อยก็เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองยังไงล่ะ) ติดเลขเปอร์เซ็นต์การใช้งานของเราว่าอยู่ในขั้นไหนแล้ว เพื่อเราจะได้วางแผนการเปลี่ยนยางได้ถูก จากมุมที่ปกติแล้วใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ ก็กลายมาเป็นลิ้นชักเก็บของได้มากขึ้น เครื่องซักผ้าที่เพิ่มออปชั่นมาให้เราสามารถทำความสะอาดเสื้อผ้าได้หลายหลากขึ้น อย่าง ผ้าที่เปื้อนไวน์ หรือเปื้อนน้ำมันเป็นต้น ตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติที่ยืนยันว่าคุณจะได้เงินคืนแน่นอนหากไม่ได้สินค้าที่เลือกไว้ ซึ่งโดยปกติแล้วจะเสียเงินไปแบบฟรีๆ ตู้สำหรับฝากสัตว์เลี้ยงเมื่อเราเข้าไปช็อปปิ้งที่ห้างร้านต่างๆ ตู้สำหรับไว้ใช้เมื่อต้องการบ้วนปาก ที่ปกติแล้วเราต้องใช้หน้ามุดเข้าไปในอ่างล้างหน้าด้วยความยากลำบาก ประตูห้องน้ำที่เป็นแบบเซนเซอร์ เราจะได้ไม่ต้องจับมันให้ปะปนกับเชื้อโรคไงล่ะ (เพราะปกติแล้วใครเข้าห้องน้ำบ้างก็ไม่รู้ใช่ไหมล่ะ) ยางอัจฉริยะที่ไม่ต้องสูบลมแต่อย่างใด รถเข็นในซูเปอร์มาเก็ตที่ไม่ได้มีไว้ใช้สำหรับเด็กเล็กๆ อย่างเดียว แต่สามารถใช้กับผู้พิการได้ด้วย ถ้ารถเข็นคันไหนไม่ดี ก็เอาป้ายแท็กนี้ไปติดซะเลยแล้วเขาจะซ่อมมันให้เราได้ใช้งานในครั้งหน้าอย่างแน่นอน ปุ่มฉุกเฉินที่ใช้สำหรับขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ กับปุ่มแจ้งเตือนไฟไหม้ (เค้าใส่ใจกันดีจริงๆ เลย) ขวดซอสที่คุณสามารถเลือกระดับความเผ็ดร้อนได้ตามแต่ที่ใจคุณชอบ เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็ต้อง 2 in…
-
ไปค่ะพี่!! จีนเปิดโรงเรียนสอนเป็น ‘เน็ตไอดอล’ ปากกาหนังสือไม่ต้องแค่สมาร์ทโฟนก็พอ
กลายเป็นที่ฮอตฮิตกันซะเหลือเกินในทุกวันนี้สำหรับ ‘เน็ตไอดอล’ หรือเหล่าคนดังในอินเทอร์เน็ต พวกเขาเหล่านี้คือผู้ที่มีผู้ติดตามมากๆ ในโลกออนไลน์ และก็สามารถสร้างประโยชน์จากจุดนี้จนกลายเป็นอาชีพได้ง่ายๆ อย่างรับโปรโมทสินค้า รีวิวผลิตภัณฑ์ หรือแม้แต่การสตรีมมิ่งสด ดังนั้นแล้วเราจึงเห็นได้ว่าวัยรุ่นหลายคน ก็มีความอยากจะเป็นคนเด่นคนดังในโลกไซเบอร์ แต่ถ้าทำยังไงก็ยังไม่ได้ผลล่ะก็ ขอแนะนำให้บินไปที่ประเทศจีน เพราะว่าตอนนี้พวกเขาได้มีโรงเรียนที่เปิดสอนให้เป็นเน็ตไอดอลเกิดขึ้นแล้ว!! โรงเรียนที่ว่านี้ตั้งอยู่ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหู่เป่ย ประเทศจีน ซึ่งเมื่อวันอังคารที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา พวกเขาได้ปฐมฤกษ์เปิดสอนเคล็ดลับการเพิ่มความเด่นดังในโลกไซเบอร์ ให้แก่เหล่าเน็ตไอดอลสาวสวยกว่า 60 คนที่ตบปากรับคำมาเข้าร่วม โดยทางโรงเรียนอ้างว่าพวกเขาจะช่วยสอนในเรื่องของการแสดงออก การตระเตรียมท่าทางต่างๆ มุมกล้อง และอื่นๆ อีกมากมายเพื่อให้พวกเธอดูสมบูรณ์สวยที่สุดเมื่ออยู่ต่อหน้ากล้อง แต่ก็ยังไม่มีรายละเอียดของหลักสูตรได้รับการเปิดเผยว่าเป็นอย่างไรบ้าง การจะมาเรียนที่นี่ไม่ต้องเอาหนังสือ ปากกาดินสอหรือเครื่องเขียนใดๆ ติดตัวมาเลย เพราะสิ่งที่จะต้องใช้ก็มีเพียงแค่ไม้เซลฟี่กับโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเพียงเท่านั้น คุณก็จะสามารถเข้าร่วมหลักสูตรการเป็นเน็ตไอดอลได้แล้ว โดยทางนักวิเคราะห์หลายคนของจีนได้คาดการณ์เอาไว้ว่า มูลค่าของตลาดสตรีมมิ่งออนไลน์จะพุ่งทะยานมากถึง 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.4 แสนล้านบาท) เลยทีเดียว และเซเลบริตี้บางคนบนโลกออนไลน์อาจจะสามารถทำเงินได้ถึง 20,000 – 60,000…
-
ภูเขาไฟในอินโดฯ ปะทุ ทำให้ต้องอพยพในรัศมี 3 กิโลเมตร หรือนี่เป็นคำเตือนจากธรรมชาติ!!
หลังจากที่เคยมีข่าวเรื่องภูเขาไฟระเบิดที่ฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อไม่นานมานี้ ก็ดูเหมือนว่าโลกของเรากำลังเอาคืนเราอยู่หลังจากที่ทำร้ายมันมานาน เพราะว่าได้เกิดเหตุภูเขาไฟปะทุขึ้นที่ประเทศอินโดนีเซีย บ้านใกล้เรือนเคียงกับประเทศเรานี่เอง!! โดยเหตุการณ์ภูเขาไฟปะทุเริ่มเกิดขึ้นในวันนี้ (วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2561) ในเวลา 7.32 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่รอยต่อระหว่างจังหวัดชวากลางและเมืองยกยาการ์ตา ในประเทศอินโดนีเซีย การปะทุที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นความสูงถึง 5,500 เมตร นอกจากนี้ก็ยังมีฝุ่นขี้เถ้า และธุลีภูเขาไฟร่วมด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในระหว่างที่ความร้อนกำลังปะทุอยู่ในภูเขาไฟ นี่คือคำอธิบายจากศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีภัยพิบัติทางธรณีวิทยาของประเทศอินโดนีเซีย ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทำให้มีความจำเป็นต้องอพยพชาวบ้านที่อยู่ในรัศมี 3 กิโลเมตรจากปล่องภูเขาไฟ Merapi เพื่อความปลอดภัยจากสิ่งที่อาจตามมาหลังจากที่เกิดการปะทุขึ้น ทางศูนย์วิจัยกล่าวว่าก่อนการที่จะมีการปะทุเกิดขึ้น ทางศูนย์สามารถสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของปล่องภูเขาไฟได้ ก่อนที่จะเกิดการปะทุขึ้นในที่สุด สำหรับภูเขาไฟ Merapi เป็นภูเขาไฟที่ยังคงมีพลังอยู่มากที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย และก็มีประชาชนหลายพันคนอาศัยอยู่บริเวณใกล้ๆ กับภูเขาไฟนี้ แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านผู้เชี่ยวชาญว่าการปะทุของภูเขาไฟลูกนี้ยังจัดว่าอยู่ในระดับปกติ และมีระยะอันตรายเพียงแค่รัศมี 3 กิโลเมตรจากปล่องภูเขาไฟเท่านั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อาจจะเป็นคำเตือนให้เราใส่ใจโลกให้มากขึ้น เพราะว่าภายในสัปดาห์เดียวกันก็เกิดภูเขาไฟปะทุครั้งใหญ่ในสองทวีปเลยทีเดียว ที่มา: dailymail
-
สวนสัตว์โดนสั่งปรับ เพราะเอาหมีน้อยไปกิน ‘ไอติม’ ที่ร้าน Dairy Queen หนูก็อยากกิงบ้างอ่ะ!!
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าบนโลกใบนี้จะมีเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อมีสวนสัตว์ส่วนตัวแห่งหนึ่งในประเทศแคนาดาถูกสั่งปรับเงิน เนื่องจากพวกเขาทำผิดในข้อหาเอาหมีน้อยแสนน่ารักไปกินไอติมที่ร้าน Dairy Queen โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า!! โดยสวนสัตว์ที่ว่านี้มีชื่อว่า Discovery Wildlife Park ตั้งอยู่ห่างออกไปทางตอนเหนือของเมือง Calgary รัฐแอลเบอด้า 112 กิโลเมตร ซึ่งได้ก่อปัญหาให้กับตัวเองด้วยการพาลูกหมีสุดแสนจะน่าเอ็นดูออกไปกินไอติมที่ร้าน Dairy Queen สาขา Calgary ที่เป็นแบบร้านไอติมแบบไดรฟทรู หลักฐานในการเอาผิดสวนสัตว์แห่งนี้ก็คือ ภาพวิดีโอที่มีผู้ถ่ายเอาไว้เผยให้เห็นว่ามีหมีชื่อว่า Berkley วัย 1 ปีของสวนสัตว์แห่งนี้ กำลังกินไอติมอย่างเอร็ดอร่อยจากพนักงานที่ยื่นมือมาป้อนให้ถึงปาก ซึ่งเจ้าหมีตัวนี้ก็เลียแพล่บๆ อย่างสบายอารมณ์อยู่ในรถยนต์คันหนึ่ง เมื่อวิดีโอดังกล่าวได้แพร่สู่โลกอินเทอร์เน็ต ก็ได้มีการวิพากย์วิจารณ์อย่างมากมายถึงความอันตรายและความเหมาะสมว่าถ้าหากหมีเกิดหลุดออกมาจากเบาะคนนั่งผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร… ในเรื่องนี้ทางสวนสัตว์ก็ออกมาโต้แย้งกับคำครหาต่างๆ โดยพวกเขาบอกเอาไว้ว่าเจ้า Berkley ไม่ใช่หมีป่าที่มีความดุร้าย เพราะมันเกิดที่สวนสัตว์แห่งนี้และคลุกคลีกับคนอยู่ตลอด และที่สำคัญคือมันยังถูกล่ามโซ่เอาไว้ด้วย นอกจากนี้พวกเขายังบอกอีกด้วยว่าในตอนที่พวกเขาเอาเจ้าหมีตัวนี้ไปกินขนมหวานแสนอร่อย ก็เป็นช่วงเวลาที่ร้าน Dairy Queen ยังไม่เปิดทำการให้แก่ประชาชนทั่วไป จึงไม่น่าจะมีอันตรายใดๆ เกิดขึ้น รวมถึงการเอาหมีออกไปในครั้งนั้นทุกๆ อย่างก็เป็นไปตามที่ได้วางแผนกันเอาไว้ด้วย แต่อย่างไรก็ตามสวนสัตว์แห่งนี้ก็ถูกแจ้งข้อหาสองข้อ นั่นก็คือข้อแรกพวกเขาผิดกฎหมายที่ว่าไม่แจ้งให้กับทางการได้รับรู้ว่าจะนำสัตว์ออกนอกพื้นที่ และข้อที่สองซึ่งเป็นเรื่องเก่าตั้งแต่ปี 2017…
-
ห้อยพระไรเนี้ย!! ลุงสุดชิลขับรถกลับบ้านกับ ‘ผึ้ง’ 3,000 ตัว ไม่เป็นอะไรแม้แต่รอยขีดข่วน!!
‘ผึ้ง’ สัตว์ตัวน้อยนิดแสนน่ารักที่มีพิษสงแสนร้ายกาจ เชื่อเลยว่าถ้าหากเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากเผชิญหน้ากับมันโดยตรงหรือเฉียดใกล้แม้แต่น้อย เพราะว่ามันเหมือนกับเอาชีวิตไปทิ้งซะเปล่าๆ แต่มีเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกิดขึ้นเมื่อมีชายคนหนึ่งขับรถกลับบ้านไปกับผึ้ง 3,000 ตัวแบบชิวๆ แถมยังไม่เป็นอะไรแม้แต่รอยขีดข่วน!! โอ้โห ผึ้ง 3,000 ตัวหรือนี่ เขาซื้อผึ้งป่ามาจำนวนทั้งหมด 18,000 ตัว ซึ่งก็ได้จัดเก็บไว้ในกล่องเป็นอย่างดีเพื่อความปลอดภัย Wallace นำกล่องผึ้งทั้งหมดใส่ไปในหลังรถของเขา แต่ว่าก็มีอยู่ 3 กล่องที่ไม่สามารถยัดเข้าไปได้หมด เพราะเนื่องจากว่าพื้นที่มันเต็มแน่นเอี้ยดซะจนไม่สามารถเอาอะไรเข้าไปได้อีกแล้ว อยู่กันทุกซอกทุกมุมเต็มไปหมด ด้วยความที่ไม่รู้ว่าจะเอาไปไว้ไหนดี เขาจึงได้ตัดสินใจเอามันมาไว้ในห้องโดยสารเดียวกับเขา เพราะถึงอย่างไรมันก็อยู่ในกล่องอย่างปลอดภัยอยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรที่น่าห่วง จากนั้นเขาก็ออกเดินทางกลับบ้านด้วยความสบายใจ ในระหว่างทางกลับบ้านนั้นเอง ด้วยความเมื่อยล้าจากการขับรถและท้องไส้ที่กำลังบ่งบอกว่าต้องมีอะไรบางอย่างลงไปให้ย่อย เขาจึงตัดสินใจจอดรถกินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารพื้นถิ่นแห่งหนึ่งด้วยความเอร็ดอร่อย โดยไม่รู้แม้สักนิดว่ามีอะไรกำลังรอคอยเขาอยู่… ไม่เป็นไร ลุงเอาอยู่ เมื่อกินอาหารอย่างอิ่มหนำสำราญแล้วกลับมาที่รถ เขาก็ตกใจจนแทบช็อกเพราะว่ามีกล่องใบหนึ่งในสามกล่องที่เขาเอามาไว้ในห้องโดยสาร เกิดเปิดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และได้ปลดปล่อยผึ้งจำนวน 3,000 ตัวออกมาบินว่อนอยู่เต็มรถของเขาไปหมด “ก็ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าจะเอามันไว้ตรงไหน แต่เมื่อผมกลับมาที่รถก็ต้องพบว่ามีผึ้งบินอยู่ในรถของผมเต็มไปหมด จนทั้งรถกลายเป็นสีดำเลย ตอนนั้นผมก็คิดนะว่าจะทำยังไงกับมันดี แต่ผมก็ไม่อยากเสียผึ้งของผมไป เพราะกล่องนึงมันมีค่าถึง 165 ดอลลาร์ (ประมาณ…
-
แม่นๆ หน่อย!! โจรขโมยของแต่ดั๊นไป ‘ฉี่’ กระเด็นติดฝารองนั่ง งานนี้เลยต้องนอนคุกตามระเบียบ
การริจะเป็นโจรขโมยที่ดี ก็จะต้องมีความแนบเนียนและไม่ทิ้งหลักฐานใดๆ ไว้ให้คนข้างหลังตามจับได้ มิฉะนั้นแล้วอาจจะต้องไปนอนในคุกเหมือนคุณโจรคนนี้ ที่โดนจับได้เพราะดันไปฉี่ใส่ชักโครกแล้วกระเด็นไปติดฝารองนั่ง จนเป็นหลักฐานให้ตำรวจตามสืบหาตัวได้ในที่สุด… โดยเรื่องราวโจรแสนชุ่ยที่ว่านี้เปิดเผยจากสื่อ Mirror ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2018 และเกิดขึ้นที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อมีนักย่องเบาคนหนึ่งงัดแงะเข้าไปที่บ้านของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย เพื่อที่จะขโมยของและนำสินทรัพย์ไปแปรเป็นทุนซะหน่อย แต่ในระหว่างนั้นเองเจ้าขโมยคนนี้ก็ดันเกิดปวดฉิ้งฉ่องขึ้นมา เลยจัดการตัวเองด้วยการไปเอามันออกที่ชักโครกด้วยความสบายใจว่าเจ้าของไม่อยู่บ้าน และมีเวลาเหลือเฟือสำหรับการกวาดทรัพย์สินของผู้เคราะห์ร้ายคนนี้ไปให้เกลี้ยง ในเวลาต่อมาเมื่อเจ้าของบ้านกลับมาที่บ้าน ก็ต้องพบว่าสิ่งของต่างๆ ถูกขโมยไปเรียบร้อยแล้ว จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบและหาตัวผู้กระทำความผิดนี้ให้หน่อย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงก็ทำการตรวจสอบหาหลักฐานต่างๆ และพวกเขาก็ไปพบหลักฐานเด็ดเข้าให้ นั่นก็คือ ‘น้ำฉี่’ ที่ยังคงติดอยู่บริเวณฝารองนั่งของชักโครก ซึ่งงานนี้มันได้กลายเป็นสิ่งที่นำไปสู่การจับกุมได้อย่างง่ายดาย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บน้ำฉี่นี้ แล้วนำไปตรวจสอบกับฐาน DNA เพื่อจะระบุตัวผู้ต้องสงสัย ซึ่งในเวลาไม่นานนักกับการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถเอาตัวหัวขโมยคนนี้เข้าซังเตได้เป็นที่เรียบร้อย เรื่องราวที่เกิดขึ้นได้กลายเป็นเรื่องตลกโปกฮาไปโดยปริยาย และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เอาภาพหลักฐานในการจับกุมครั้งนี้ โพสต์ลงในโลกอินเทอร์เน็ตพร้อมกับแคปชั่นว่า ‘ทีหลังเล็งให้แม่นๆ หน่อย’ ด้วย ดีนะไม่ขรี้เลยอ่ะ… ที่มา: mirror
-
อดีตดาวเอวี ‘Emiri Okazaki’ เผยเคยได้เงินเดือนละ 5 ล้าน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยบางอย่าง…
‘เฮ้ยๆ คนนี้รหัสไรวะ’ นี่อาจจะเป็นคำพูดง่ายๆ แต่ความหมายสุดลึกล้ำที่ใครหลายคนเข้าใจกันดีว่าเป็นรหัสของ ‘หนังเอวี’ หรือหนังผู้ใหญ่ที่เราชื่นชอบ ซึ่งสำหรับหนังประเภทนี้ก็เป็นที่โจษจันกันว่าถ้าจะเด็ดที่สุดก็ต้องเป็นของประเทศญี่ปุ่น เพราะว่าแดนปลาดิบแห่งนี้มีอุตสาหกรรมหนังเอวีขนาดใหญ่ที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนอยู่เยอะมากๆ เลยนั่นเอง แต่รู้หรือไม่ว่าสำหรับค่าตอบแทนของเหล่านางเอกที่ต้องแสดงลีลาสงครามใต้สะดือ แม้ว่าจะสามารถหาได้ถึงเดือนละเป็นล้านๆ แต่ว่าก็ต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่างเช่นเดียวกัน ซึ่งคนที่มาบอกเล่าความจริงในเรื่องนี้ก็คืออดีตดาราเอวีชื่อดังที่หากเห็นหน้าปุ๊บใครหลายคนต้องร้องว่า ‘อ๋อ’ ออกมาเลยทีเดียว Emiri Okazaki อดีตดาราสาวเอวีวัย 27 คือผู้ที่มาให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ เธอเข้าวงการหนังผู้ใหญ่ตั้งแต่ 2011 และทำงานอยู่ที่อุตสาหกรรมนี้เป็นเวลาถึง 5 ปีเต็มๆ ก่อนที่จะรีไทร์ตัวเองออกมา โดยช่วงก่อนที่เธอจะมาเข้าวงการนี้ รู้หรือไม่ว่าเธอเคยเป็นถึงนางแบบชื่อดังมาก่อน ทว่าจุดเปลี่ยนในการหันเหเข้าสู่การถ่ายหนังผู้ใหญ่ก็เกิดขึ้นในวัย 21 ปี เมื่อเธอเริ่มตั้งคำถามถึงเส้นทางอาชีพของตัวเองว่าจะเป็นอย่างไร… “ฉันอยากจะประสบความสำเร็จกับบางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับวงการบันเทิง ในตอนนั้นฉันรู้สึกว่า โอ้ นี่ฉันก็อายุ 21 ปีแล้วนะ ฉันเข้าวงการนางแบบมาตั้งแต่อายุ 16 ปีแล้วดูเหมือนกับว่าฉันกำลังย่ำอยู่กับที่ โดยไม่มีการก้าวหน้าใดๆ เลย” “ฉันรู้ว่าวงการนี้ไม่สามารถทำให้ฉันบรรลุสิ่งที่ต้องการได้ มันรู้สึกล้มเหลว รู้สึกว่าแก่เกินอายุจริงๆ ของฉัน และสุดท้ายฉันก็เข้าใจว่าอาชีพของฉันกำลังมุ่งหน้าสู่จุดจบแล้ว” Emiri ให้สัมภาษณ์กับแชนแนล Asian…
-
รวม 16 ภาพแห่งความ ‘หงุดหงิดใจ’ ที่ใครเห็นก็ต้องหัวร้อน นี่มันจะอะไรกันนักหนาฟะเนี่ย!!
เป็นกันบ้างไหมขณะที่เรากำลังนอนอยู่บ้านอย่างอารมณ์ดี แล้วต้องมาหงุดหงิดหัวใจเพราะสิ่งเล็กๆ ที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเรา อย่างเช่นการแกะปีโป้ไม่ออก หรือรีโมททีวีพัง สิ่งเหล่านี้มันสามารถสร้างความโกรธให้เราได้จนพาลไปหัวเสียกับเรื่องอื่นๆ เลยล่ะ และนี่คือ 15 ภาพของสิ่งที่จะมาทำให้คุณรำคาญลูกตา เพราะมันเป็นสิ่งที่คุณอาจเคยเจอในชีวิตหรืออาจจะสงสัยว่าทำไมถึงทำแบบนี้กันฟะ!! อยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะว่าเป็นไง ขอเชิญไปหัวร้อนกันได้ ณ บัดนี้ นี่เอ็งจะหลุดทีละนิดๆ ให้มันหัวร้อนทำไมฟะเนี่ย แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม? ติดอยู่นั่น ติดกันจัง ติดทั้งวี่ทั้งวันโว้ยย ปัญหาระดับชาติสำหรับคนที่แข้งขายาวไปนิด นึกภาพตอนเป็นปีโป้แล้ว… ก็ทำให้ทางเดินมันสมมาตรไม่ได้เรอะ ฝุ่นละอองเล็กๆ ตามแผ่นกระจกติดโทรศัพท์นี่มันน่ารำคาญตาซะจริงๆ นี่พี่ไปเรียนขับรถที่ไหนมาเนี่ย เอิ่มคือ.. นี่มันหลอกขายกันชัดๆ เลยนี่ ถามจริงว่าคนตัดแบ่ง แกหั่นยังไงของแกกันเนี่ย เห็นแล้วลายตา ไม่ไปแม่มละ แล้วจะทำให้มันตรงๆ เหมือนกับเขาไม่ได้เลยหรอ เจ๊ทำไมกินอย่างเง้อ่ะ!! เมื่อต้องสัมภาษณ์งานออนไลน์ มันก็จะชิวหน่อยๆ ใส่น้ำแข็งในนมเนี่ยนะ!?…
-
เพราะเครื่องดีเลย์ทำให้ทหารหนุ่มได้สัมผัสวินาทีที่ลูกลืมตาดูโลก งานนี้เฮทั้งสนามบิน!!
การที่เครื่องบินดีเลย์ เป็นสิ่งที่ปวดใจสำหรับผู้ที่ต้องประสบพบเจอ เพราะว่ามันทำให้การเดินทางของเราเป็นเรื่องที่ช้าลงไปอีก แต่ว่าบางทีความล่าช้าของมันก็กลายเป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตของคนๆ หนึ่ง เหมือนกับเหตุการณ์นี้ที่ทหารคนหนึ่งได้มีโอกาสเห็นลูกตอนที่ลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรก และจะไม่สามารถทำเช่นนั้นได้หากไม่มีการดีเลย์เกิดขึ้น… การที่ได้อยู่ในห้องคลอดในวินาทีที่ลูกของเขาจะร้องไห้เป็นครั้งแรก คือสิ่งที่เป็นปรารถนาสูงสุดของนายทหารนามว่า Brooks Lindsey ที่อยากจะทำ ซึ่งเมื่อได้ข่าวว่า Haley ภรรยาของเขาใกล้จะถึงกำหนดคลอด เขาก็ตระเตรียมจองตั๋วเครื่องบินจากเมืองเอลแพโซ รัฐเท็กซัสที่เขาประจำการอยู่ เพื่อจะกลับไปที่เมืองแจ็กสัน รัฐมิสซิสซิปปี บ้านเกิดที่เป็นเสมือนกับแหล่งพักพิงทั้งกายและใจ แต่ก็จำต้องมาแวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองดัลลัสซะก่อน ทว่าก็เกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อ Haley มีความจำเป็นที่จะต้องคลอดก่อนเวลาที่กำหนดเอาไว้ ขณะเดียวกันก็มีความโชคร้ายครั้งใหญ่ถาโถมเข้าใส่ Brooks เพราะเที่ยวบินของเขาเกิดดีเลย์ขึ้นมาอย่างกะทันหัน จึงทำให้เขาหมดสิทธิ์ที่จะไปอยู่ในห้องคลอดกับภรรยาไปโดยปริยาย เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดดูราวกับเป็นฝันร้ายที่ยากจะลืมเลือนสำหรับทหารหนุ่มคนนี้ แต่ว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นพรอันประเสริฐให้แก่เขามากกว่า เพราะถ้าหากเขาขึ้นเครื่องตามกำหนดเวลาแล้วกำลังเดินทางอยู่ เขาก็คงไม่อาจจะรู้ข่าวการคลอดก่อนกำหนดของภรรยา และไม่อาจได้เห็นการลืมตาครั้งแรกของลูกผ่านทาง Facetime ที่แม่ของเขาถ่ายมาให้ “จริงๆ แล้วเขามีกำหนดจะขึ้นเครื่องเวลา 3.55 น. แต่ว่ามันเหมือนเป็นโชคครั้งใหญ่ที่เกิดดีเลย์ขึ้นทำให้เขาต้องขึ้นเครื่องอีกทีในเวลา 5.45 น. เพราะถ้าหากไม่มีการดีเลย์เกิดขึ้น เขาก็คงอยู่บนเครื่องบินและไม่สามารถจะดูวินาทีสำคัญของลูกผ่านทาง Facetime ได้” Haley…
-
หนุ่มเมกันขับรถบรรทุกชนตำรวจตายแต่รอดจากคุก เอ๊ะ!! คล้ายๆ กับประเทศไหนกันนะ??
บางครั้งโลกของเราก็ไม่ยุติธรรมเสมอไป บางทีคนที่ไม่มีความผิดก็ถูกจองจำอย่างไม่เป็นธรรม หรือคนที่มีความผิดก็รอดพ้นจากการทำโทษไปได้ อย่างกรณีนี้ที่มีคนขับรถบรรทุกชนตำรวจตายด้วยความประมาท แต่กลับไม่ต้องไปรับการใช้กรรมในคุกแต่อย่างใด?? โดยเรื่องที่ว่านี้เป็นเรื่องราวของ Robert Maldonado คนขับรถบรรทุกวัย 49 ปีที่ก่อเหตุขับรถบรรทุกพุ่งเข้าชนรถตำรวจของ Nicholas Lee เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงานอยู่ในขณะนั้น Robert Maldonado ผู้ต้องหาในคดีนี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ทางแยกระหว่างถนน Loma Vista Drive และ Robert Lane ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2014 เวลาประมาณ 8.00 น. และเขาก็ถูกจับกุมตัวไปด้วยข้อหาฆาตกรรมผู้อื่นด้วยยานยนต์ (เป็นกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย) สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ Lee ที่เสียชีวิตไปนั้นทำงานเป็นตำรวจมานานกว่า 16 ปี ซึ่งการโดนชนของเขาในครั้งนั้นทำให้เขาเสียชีวิตในทันที นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่นั่งไปด้วยได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นเดียวกัน Lee นายตำรวจที่เสียชีวิต จากการกระบวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เผยความจริงให้เห็นว่า Robert ผู้ที่เป็นเจ้าของบริษัทรถบรรทุกและผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ มีความผิดในฐานที่ไม่ดูแลรักษาและตรวจสอบยานพาหนะให้ตรงกับใบอนุญาตผู้บริการของเขา จึงทำให้เกิดเหตุเบรคไม่สามารถใช้งานได้และนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงนี้ในที่สุด จากการรายงานของสื่อ ABC7 การตัดสินโทษของเขามีขึ้นในวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา โทษที่เขาได้รับก็คือคุมประพฤติเป็นระยะเวลา 5 ปี…
-
บล็อกเกอร์สาวโชว์ความต่างของชีวิตหลังหย่ากับ ‘แอลกอฮอล์’ หุ่นดีจนเป็นเน็ตไอดอล!!
การที่ได้เป็นเจ้าของครอบครองหุ่นอันดีงาม เป็นสิ่งที่ปรารถนาของสาวๆ หนุ่มๆ หลายคนจึงตั้งใจและตั้งหน้าตั้งตาออกกำลังกายเพื่อให้ได้หุ่นที่เป๊ะปังไปให้ผู้คนได้ชื่นชม ทว่าบางทีออกกำลังกายอย่างหนักก็แล้วควบคุมอาหารก็แล้วก็ยังไม่เห็นผลสักที นั่นอาจเป็นเพราะว่าคุณมักที่จะดื่ม ‘เครื่องดื่มแอลกอฮอล์’ แล้วคิดว่าไม่เป็นไร ซึ่งในเรื่องนี้บล็อกเกอร์สาวคนหนึ่งจะมาแสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเธอเอง ว่าตั้งแต่เลิกดื่มแล้วชีวิตของเธอมีอะไรที่ดีขึ้นบ้าง!! Jelly Devote ฟิตเนสบล็อกเกอร์สาวผู้มีผู้ติดตามในอินสตาแกรมกว่า 570,000 คนจะเป็นคนที่ทำให้คุณรู้ว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มันมีพิษร้ายแรงขนาดไหน ซึ่งถ้าใครไม่เชื่อล่ะก็ ดูได้จากหุ่นในปัจจุบันของเธอที่มันแน่นเซี๊ยะ ซะจนสามารถเป็นนางแบบได้เลย และนั่นก็คือสิ่งที่ทำให้เธอบอกว่ามีความสุขกับชีวิตเอามากๆ “ฉันก็ไม่ใช่ว่าไม่กินของหวานเลยนะฉันชอบที่จะกินโดนัทและตามมาด้วยสลัด แต่ว่าฉันไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ซึ่งฉันว่านี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับฉันเลย ในวันนี้ฉันเปลี่ยนจากคนที่เกลียดตัวเองกลายเป็นคนที่รักตัวเองมากๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ” Jelly กล่าว จุดเริ่มต้นของการเลิกดื่มของเธอนั้น เกิดขึ้นจากความที่เธอเริ่มมีน้ำหนักที่มากเกินกว่าจะรับไหวในช่วงต้นๆ ปี 2000 ซึ่งในเวลานั้นเธอก็ได้ตาสว่างว่า จริงๆ แล้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย แต่คือผลจากความมึนเมาของมันมากกว่า ที่ทำให้ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป ทั้งการทำให้เธอเกิดอาการแฮงก์ในทุกๆ เช้า รวมถึงสร้างความรู้สึกขี้เกียจเกินกว่าที่จะออกกำลังกาย และที่มันร้ายแรงที่สุดก็คือมันทำให้การควบคุมอาหารของเธอเสียระเบียบไปโดยปริยาย เธอจึงตัดสินใจตัดการดื่มลงจากที่เคยดื่มสัปดาห์ละ 3 ครั้งลดลงเหลือเพียงไวน์สัปดาห์ละแก้วเพียงเท่านั้น และมุ่งมั่นออกกำลังไปควบคู่ไปกับการกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ในเวลาไม่นานนักผลจากการกระทำของเธอก็ผลิดอกออกผล เป็นหุ่นสุดแซ่บที่ใครๆ ก็อยากมีกัน “คนส่วนใหญ่มักจะถามว่าฉันลดน้ำหนักลงไปเท่าไหร่กันเนี่ย แต่เอาจริงๆ ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าเคยมีน้ำหนักตัวมากที่่สุดเท่าไหร่ สิ่งที่ฉันจำได้คือในตอนนั้นฉันเกลียดตัวเองเอามากๆ และฉันไม่สามารถอยู่ในสภาพนั้นได้อีกต่อไปแล้ว” Jelly…
-
ผัวโหดฆ่าเมียแถมพยายามตัดคอ เพียงเพราะเมีย ‘อยากย้ายบ้าน’ ก่อนที่แยกกันอยู่ตลอดกาล..
บ้านเป็นเสมือนกับสวรรค์วิมานบนเดิน เพราะว่ามันเป็นสถานที่ส่วนตัวของเราที่จะทำอะไรก็ได้ แถมยังมีครอบครัวอันอบอุ่นอยู่ในสถานที่แห่งนี้ด้วย แต่ว่าบางครั้ง ‘บ้าน’ ก็อาจทำให้เกิดเรื่องเศร้าขึ้นมาได้เหมือนกับเหตุการณ์นี้ ที่มีชายคนหนึ่งทำการฆ่าเมียของเขาเพียงเพราะเมียอยากย้ายบ้านเท่านั้นเอง แถมยังไม่พอยังพยายามจะตัดหัวอีกด้วย… หน้าตาของ Donny Eaton ผู้ก่อเหตุสะเทือนขวัญในครั้งนี้ โดยเหตุการณ์ที่น่าเศร้านี้้เกิดขึ้นที่เขต Cobb County รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อชายนามว่า Donny Eaton ได้ทำการฆาตกรรม Roxanne Tenore ภรรยาวัย 66 ปีของเขาอย่างโหดเหี้ยม สาเหตุที่เป็นที่มาของการปลิดชีวิตเริ่มขึ้นความที่ Roxanne ภรรยาของเขาอยากจะไปใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่กับลูกๆ หลานๆ ของเธอในรัฐฟลอริด้า ขณะที่ตัวของ Donny เองนั้นไม่อยากไปและอยากจะอยู่ที่จอร์เจียบ้านที่อยู่มาตลอดมากกว่า Roxanne ภรรยาของเขา เรื่องนี้ได้กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างทั้งคู่ จนกระทั่งฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดลงจากการที่ Roxanne ได้บอกกับสามีของเธอว่าได้ซื้อบ้านใหม่ที่รัฐฟลอริด้าเอาไว้แล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นความโมโหก็ได้เข้าควบคุมร่างของชายคนดังกล่าว และเขาก็ได้ควักเอามีดพกมาแทงเข้าที่หัวและคอของฝ่ายหญิงจำนวนหลายแผลจนเธอสิ้นใจคามือของสามีเธอเอง และเท่านั้นคงยังไม่สาแก่ใจเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บอกว่า Donny ได้พยายามจะตัดหัวของ Roxanne ออกจากร่างด้วย หลังจากนั้นด้วยความสำนึกต่อสิ่งที่ได้ทำลงไป ฆาตกรคนนี้จึงออกจากบ้านแล้วขับรถไปยังหลุมศพของแม่เขาที่อยู่บริเวณใกล้ๆ เพื่อระบายความเสียใจกับสิ่งที่ตนได้ทำลงไป ก่อนที่เขาจะเรียกตำรวจมาและสารภาพถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในที่สุด.. ใช้มีดพกเป็นอุปกรณ์ในการคร่าชีวิต “Donny ปลิดชีวิตของภรรยาเขาไปอย่างน่าสยดสยอง เขาพยายามจะตัดหัวของเธอให้หลุดจากบ่า…
-
ไบฟอร์สทำงาน!! Pornhub เผยมีการค้นหา ‘Avengers’ มากขึ้น 356% ลองทายสิใครนำทีมนะ
ทันทีที่สุดยอดภาพยนตร์จากจักรวาล Marvel อย่าง The Avengers เข้าฉาย ก็เกิดเป็นกระแสไปทั่วโลกถึงความสนุก ความมันส์ของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ที่ได้ฟาดฟันกับศัตรูเพื่อช่วยโลกเอาไว้ แต่ว่าบางคนคงอยากจะเห็นมากไปกว่าลีลาการบู๊ล่ะมั้ง เพราะมีผลสำรวจออกมาเผยว่ามีการค้นหาคำว่า ‘Avengers’ ในเว็บโป๊มากขึ้นถึง 356%!! โดยเว็บโป๊ที่ว่านี้ก็คือเว็บขวัญใจมหาชนอย่าง Pornhub ที่ได้ออกมาเผยว่าตั้งแต่ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง ‘The Avengers: Infinity War’ เข้าฉายในโรง ก็ทำให้มีคนไปเซิร์ชคำว่า ‘Avengers’ มากขึ้นถึง 356% เมื่อเทียบการค้นหาเฉลี่ยในแต่ละวันก่อนหน้านี้เลยทีเดียว “ตามประวัติแล้ว ตัวละครของค่าย DC อย่าง Harley Quin, Wonder Woman หรือ Batman จะมีการถูกเซิร์ชมากกว่าของค่าย Marvel แต่ว่า Avengers กับตัวละครที่เกี่ยวข้องก็ได้ทำเรื่องประหลาดใจเมื่อมีการเซิร์ชชื่อที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาถึง 6 ล้านครั้งในปี 2017″ ทีมวิเคราะห์ของ Pornhub กล่าว และแน่นอนว่าหากใครที่เคยเซิร์ชหาเรื่องนี้เหมือนกัน ก็จะพบกับหนังล้อเลียนในเวอร์ชั่นของสงครามใต้สะดือ จากค่ายหนังผู้ใหญ่ต่างๆ อย่างมากมายให้คุณสามารถดูได้อย่างฉ่ำตาสบายตัวเลยล่ะ มาถึงตรงนี้ก็คงอยากรู้ล่ะสิว่าใครคือคนที่ถูกค้นหามากที่สุด และมันคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Black Widow สายลับสุดเซ็กซี่ได้รับบทบาทโดยเจ๊ Scarlett Johansson…
-
รวม 18 ภาพที่จะทำให้คุณเห็นว่าโลกเรามัน ‘โหดร้าย’ แค่ไหน แค่เห็นก็อยากจะลาโลกไปแล้ว
มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในโลกใบนี้ มีทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องที่แย่ปะปนกันไปในชีวิตของแต่ละคน แต่ถ้าหากคุณคิดว่าเรื่องที่คุณได้เจอมามันเลวร้ายที่สุดแล้วล่ะก็ เรื่องราวในภาพเหล่านี้อาจจะพอๆ กับที่คุณประสบมาเลยก็เป็นได้ เพราะนี่คือ 18 รูปภาพที่จะมาทำให้คุณได้เห็นว่า คอมฟอร์ทโซนที่ใครหลายคนอาศัยอยู่นั้น อาจจะเป็นโลกในจินตนาการมีแต่ความสวยงามของโลกใบนี้ แต่ว่าจริงๆ แล้วมันก็มีความน่ากลัวอย่างนี้เกิดขึ้นด้วยนะ!! นี่มันผลไม้ปิศาจชัดๆ แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย ถ้าเจออย่างนี้นะ บอกเลยว่ามีกรี๊ด โอ้ว เกือบไปแล้วไหมล่ะเนี่ย เดี๋ยวๆ ทำไมมือคุณพี่ถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ สาบานเลยนะ ถ้ามีลูกจะไม่ให้ไปอยู่กับวงโยฯ วงนี้ มันใช่สัตว์เลี้ยงไหมเนี่ยพ่อคุณ 95 เต็มถังครับไวๆ ด้วยไม่งั้นมีพัง จะทำยังไงกับมันดีนะ คิดไม่ตกจริงๆ คิดได้ไงฟะเนี่ย นี่มันอัจฉริยะของโลกเลยนะ สังเกตที่ชุดเธอดีๆ ชุดอะไรจะน่ากินได้ขนาดนี้กัน วันคริสต์มาสปีนี้ หนูจะขอจดจำไปชั่วชีวิต… ทีคนมันยังทำกันได้เลย แล้วทำไมหนูอย่างพวกเราจะทำไม่ได้ล่ะ รถพี่แกนี่ดูหน้าตาคุ้นๆ นะว่าไหม …
-
ผู้เสียหายร้องเพจดัง เข้าคลินิกเสริมนมแต่สิ่งที่ได้กลับเป็น ‘นมบูด’ กับของแถมอีกเพียบ!!
กลายเป็นประเด็นขึ้นมาบนโลกอินเทอร์เน็ตทันทีหลังจากที่เพจนักล่าเนตไอดอล รีเทิร์น ได้ทำการตีแผ่เรื่องราวของคลินิกเสริมนมแห่งหนึ่งที่มีผู้ใช้บริการได้รับความเดือดร้อน โดยมีเนื้อความดังต่อไปนี้ “#คิดจะศัลยกรรมคิดให้หนักๆ เสริมนมคลินิกนี้แถมฟรีโปรโมชั่น 12 รายการ.. ทางเพจได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายที่เข้ารับการเสริมหน้าอกที่คลินิกแห่งหนึ่ง ใจกลางกรุงเทพ แต่หมอท่านนี้เป็นหมอเดินสายมีคลินิกหลายสาขาแถวภาคเหนือ มาดูสิเสริมหน้าอกกับหมอท่านนี้แล้วได้ของแถมกลับมาตั้ง 12 รายการ ลองอ่านของแถมที่ลูกค้าได้รับนะคะ ว่าน่าสนใจหรือไม่ #ของแถมที่ผู้เสียหายได้รับ 1.คนไข้จองเป็นโปรซิลิโคน natrelle แต่ทางคลินิกใส่ sebbin มาให้ และหลังทำหมอไม่เคยนัดดูอาการเลย 2.หลังทำคนไข้มีอาการติดเชื้อ อักเสบเป็นหนองไหลปนเลือด 3.คนไข้เข้ารับการแก้ไขหลายครั้งไม่ดีขึ้น ทั้งทานยาและฉีดยาฆ่าเชื้อ 4.ทุกครั้งที่เข้ารับการแก้ไข จะมีค่าใช้จ่าย 500 บ้าง 1,000 บ้าง ไม่มีใบเสร็จรับเงิน 5.คนไข้ขอถอดซิลิโคนออก 2 ข้างแต่ทางคลินิกให้ถอดข้างเดียว (ข้างที่มีปัญหา) และพัก 3 เดือน ต้องมีนมข้างเดียวไม่ต่างกับคนพิการ 6.คลินิกให้คนไข้จ่ายค่าอบซิลิโคน 10,000 บาท คลินิกแจ้งว่าอุณหภูมิของที่คลินิกไม่พอจึงนำไปให้โรงพยาบาลฆ่าเชื้อให้ 7.หลัง 3 เดือน ทางคลินิกใส่ซิลิโคนให้ใหม่ ผ่านไป 3…
-
อยู่ยากจริง!! คนขับแท็กซี่ ใช้มีดขู่ผู้โดยสาร ที่ให้ “รีวิวแง่ลบในแอปฯ” ใครไม่กลัวก็บ้าแล้ว
เดี๋ยวนี้ความสะดวกสบายในการเดินทางไปยังสถานีที่ต่างๆ ของเรามีเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ต้องคอยยืนโบกรถ แต่ปัจจุบันก็มีแอปฯ ที่ใช้เรียกรถให้ไปส่งเราอย่าง Grab หรือ Uber ทำให้การใช้ชีวิตมันดูเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นเยอะเลยใช่ไหมล่ะ ซึ่งก็แน่นอนว่าเมื่อใช้บริการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็อาจจะมีการให้คะแนนหรือการรีวิวว่าการใช้บริการนั้นเป็นอย่างไร โดยก็จะมีทั้งสองด้านทั้งดีและไม่ดี แต่ไม่แน่นะว่าหากคุณรีวิวไม่ประทับใจคนขับล่ะก็คุณอาจจะเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ก็ได้ ที่คนขับรถเอามีดมาจี้ผู้โดยสารเพราะว่ารีวิวให้ว่าไม่ดี?? โดยเรื่องที่เป็นประเด็นนี้เกิดขึ้นที่มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เมื่อมีพลเมืองดีสามารถบันทึกภาพคนขับรถของ Didi Chuxing (แอปฯ ให้บริการแท็กซี่รายใหญ่ของจีน) ขณะที่เขากำลังใช้มีดทำครัวจ่อผู้โดยสารเอาไว้ เพราะว่าไม่พอใจกับการกระทำบางอย่าง ซึ่งในวิดีโอที่บันทึกไว้ จะเห็นได้ว่าคนขับรถกำลังบังคับให้ผู้โดยสารลบการรีวิวที่เป็นแง่ลบให้กับเขาออกจากแอปพลิเคชันซะ แล้วจากนั้นก็ยังให้ผู้โดยสารคนผู้โชคร้ายคนนี้เขียนรีวิวในแง่บวกให้กับการบริการของเขาอีกด้วย และแน่นอนว่าผู้โดยสารคนดังกล่าวก็ต้องทำตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (ก็มีมีดรออยู่นิ) เขาจึงยอมทำตามที่คนขับรถว่าแต่โดยดี จึงทำให้ท้ายที่สุดแล้วคนขับรถก็ปล่อยเขาไปอย่างไม่มีการทำร้ายร่างกายใดๆ เกิดขึ้น วินาทีที่คนขับใช้มีดอีโต้ข่มขู่ผู้โดยสาร แต่ก็ด้วยหลักฐานที่โผล่ไปทั่วโลกของอินเทอร์เน็ต จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมชายคนขับรถนี้ได้อย่างทันควัน และก็นำตัวไปเข้าสู่กระบวนการสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้น่าจะเป็นอุทาหรณ์สอนใจได้ไม่น้อยว่า เราควรจะระวังเอาไว้ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะเป็นคนขับรถที่ทางแอปพลิเคชันรับรองก็ตามแต่ เพราะว่าอารมณ์ของคนนั้นไม่ว่าจะใช้แอปฯ อะไรก็คงไม่สามารถระงับอยู่ เราจึงต้องป้องกันไว้เป็นการดีที่สุด… น่าหวาดเสียวแทนจริงๆ ที่มา: medium
-
เฉียบ!! ทีมอเวนเจอร์แสดงความผูกพันในมิตรภาพด้วยการ ‘สักลายเดียวกัน’ เอากับเขาสิ!!
เป็นเวลานานหลายปีทีเดียวที่เหล่านักแสดงทีม The Avengers ซุปเปอร์ฮีโร่จากจักรวาล Marvel ได้ออกมาวาดลวดลายกันอย่างดุเด็ดเผ็ดมันส์ในจอภาพยนตร์ ดังนั้นแล้วความที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมาตลอดระยะเวลาดังกล่าว จึงทำให้เกิดมิตรภาพและความผูกพันอย่างแน่นแฟ้นเกิดขึ้น และตอนนี้พวกเขาก็ได้สร้างเครื่องหมายขึ้นมาเพื่อยืนยันความเป็นเพื่อน ด้วยการสักลายเป็นรูปเดียวกัน!! จากภาพยนตร์หลักๆ 3 เรื่องในระยะ 6 ปีที่ผ่านมา (ยังมีแจมๆ กันในบางเรื่องด้วยนะ) จึงทำให้นักแสดงหลักของ The Avenger อย่าง Chris Hemsworth, Robert Downey Jr, Scarlett Johansson, Jeremy Renner และ Chris Evans มีความซี้กันแบบแน่นปึกจนได้สร้างสัญลักษณ์เอาไว้ระลึกถึงความเป็นเพื่อนของพวกเขากันด้วยรอยสัก!! โดยรอยสักที่ว่านี้มีการออกแบบให้มีลักษณะคล้ายๆ กับตัว A สัญลักษณ์ของทีม Avengers ผสมผสานกับเลข 6 (จำนวนสมาชิก The Avenger รุ่นแรก) และสุดท้ายก็มีรูปลูกศรที่อาจจะสื่อถึงความเป็นจักรวาลภาพยนตร์ Marvel ที่ได้นำพาให้พวกเขามารู้จักกัน มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะงงว่า ถ้าเลข 6 หมายถึงจำนวนคน แล้วอีกคนหายไปไหนล่ะ โดยอีกคนที่ว่านี้ก็คือ Mark…
-
ธรรมดาโลกไม่จำ!! 18 การออกแบบเสื้อผ้าสุดเห่ย ที่ไม่น่าจะมีคนทำขึ้นมาบนโลกนี้แต่ก็นะ…
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘เสื้อผ้า’ เป็นสิ่งที่ทำให้เราสามารถดูดีมีสไตล์ขึ้นมาได้อย่างทันตาเห็น แล้วถ้ายิ่งเป็นเสื้อผ้าที่มีการออกแบบมาอย่างประณีตแล้วล่ะก็ เราจะดูแพงขึ้นจนเราอาจจะนึกไม่ถึงเลยก็ได้นะ เอ๊ออ!! แต่ก็แน่นอนว่าเมื่อมีดีแล้วก็ต้องมีแย่เหมือนกับ เหมือนกับเสื้อผ้าเหล่านี้ที่เหล่าดีไซเนอร์ออกแบบมาอย่างน่าผิดหวัง ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาตั้งใจให้มันออกมาเป็นอย่างนี้หรือว่าพลาดกันแน่ แต่ที่สงสัยก็คือพวกเขากล้าใส่ออกจากบ้านมาได้ยังไงกันนะ… เหมือนคอสตูมหนังจักรๆ วงศ์ๆ ตอนเช้า อากาศมันร้อนนิดหน่อยเอง นี่คือสภาพเมื่อคุณออกไปฟัดกับหมีมา แล้วต้องเข้ามาทำงานต่อ เหมือนเอาเศษผ้ายีนมาต่อๆ กันอะ เอาสิ แฟชั่นยุคใหม่แค่แผ่นยางรองเท้าก็เอามาทำเป็นเสื้อผ้าได้ เอิ่มม พี่ถอดจะดีกว่าไหมอ่ะ เออดี ไปชายหาดจะได้ไม่ต้องหาเสื้อผ้าใส่ละ นี่คือเลกกิ้งที่เหมาะกับนักเรียนแพทย์จริงๆ ทำไม ทำไมเมอร์เมดเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ กินเยอะใช่ไหมเราอ่ะ เลือกไม่ถูกว่าจะเป็นส้นสูงหรือหูคีบดีนะ เอามารวมกันเลยละกัน อย่างนี้สิลมไม่เข้า แต่จะเป็นลมแทน เมียทาร์ซานมาเอง หมดปัญหาเรื่องกางเกงย้วย ไม่พอดีเอวอีกต่อไป เมื่อพบกับ… เหมือนเดินอยู่บนดวงดาวกับเจ้าแมวน้อย นี่ก็ขนดกเกิ๊น ใส่สูตรอะไรลงไปเนี่ย …
-
นี่หัวหรือหิน!! หนุ่มปากีโชว์โหดทำสถิติโลกด้วยการ ‘เฮดบัด’ ใส่แตงโม 51 ลูกในนาทีเดียว..
บางครั้งคนเราก็ทำอะไรที่ดูเหลือเชื่อให้กลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ เหมือนกับชายคนนี้ที่ใช้หัวเพรียวๆ ของเขาเฮดบัดใส่แตงโมจำนวน 51 ลูกได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 60 วินาทีเท่านั้น และตอนนี้ก็ได้กลายเป็นสถิติโลกอันใหม่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว.. มองอะไรเดี๋ยวก็โดนเฮดบัดหร๊อก โดยชื่อของผู้ที่แสดงความบ้าระห่ำในครั้งนี้ก็คือ Rashid Naseem ชายวัย 32 ชาวปากีสถานจากเมือง Karachi ที่คราวนี้เขาได้โชว์ความทรงพลังด้วยการใช้หัวโขกใส่แตงโมจำนวน 51 ลูกท่ามกลางเสียงเชียร์และปรบมือให้กำลังใจจากผู้ชมที่เข้ามาร่วมเป็นสักขีพยาน สถิติโลกที่เขาได้ทำขึ้นมาใหม่นี้ได้ถูกสร้างขึ้นที่โรงเรียนมัธยม Green Public High School ในประเทศปากีสถาน ซึ่งสถิติที่เกิดมาใหม่นี้ได้ทำลายสถิติเก่าของ Tafzi Ahmed ชายชาวเยอรมันที่ทำลายไปได้ 43 ลูกภายใน 1 นาทีอีกด้วย นี่แหนะ จะแตกไม่แตก โดยตอนเริ่มต้นของการสร้างสถิติใหม่ ทันทีที่มีการจับเวลาเกิดขึ้นเขาก็โขกแตงโมด้วยความรุนแรงราวกับว่าไปโกรธใครมา ซึ่งจะเห็นได้ว่าแตงโมส่วนใหญ่ก็มักจะแตกเป็น 2 ท่อนภายในการเฮดบัดเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น นี่มันเป็นหัวของคนจริงๆ หรือเป็นค้อนเป็นสว่านกันแน่นะเนี่ย… ส่วนเหตุส่วนหนึ่งที่เขาบอกว่าน่าจะเป็นส่วนช่วยทำให้สถิติโลกครั้งนี้สำเร็จขึ้นมาได้ก็เป็นเพราะความที่เขาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาอย่างเป็นเวลานาน รวมถึงยังได้เตรียมตัวล่วงหน้ามาเป็นเวลาหลายเดือน นี่จึงเป็นผลจากความพยายามของเขาล้วนๆ เลย เว้ยย ทำได้แล้วแต่หัวก็ระบมไปหมดแล้วว “ผมฝึกซ้อมหนักมากเพื่อจะทำลายสถิติโลก มันเป็นเวลาหลายเดือนจริงๆ ที่ผมมุ่งมั่นกับสิ่งสิ่งนี้ และในที่สุดผมก็ทำมันได้สำเร็จด้วยตัวของผมเอง” Naseem กล่าว สำหรับสถิติอื่นๆ ที่น่าสนใจของชายคนนี้ก็ล้วนแล้วแต่กับเรื่องของความหัวแข็งของเขาทั้งสิ้น ทั้งใช้หัวโหม่งเม็ดวอลนัทได้ถึง 281…
-
นักพากย์ชื่อดังเผยเคยยากจนถึงขั้นกิน ‘ทิชชู่’ กับซีอิ๊วประทังชีวิต ความจนน่ากลัวจริงๆ…
ความยากจนเป็นสิ่งที่ใครก็ไม่อยากจะพบเจอ เพราะว่าเราจะต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบากจนบางครั้งถึงขั้นอดมื้อกินมื้อก็มีให้เห็นกันในสังคมปัจจุบัน และแน่นอนว่าเรื่องนี้หากหลีกเลี่ยงได้ก็มีใครอยากพบเจอกับมันแน่นอน แต่บางครั้งชีวิตก็ไม่อาจเลือกได้เสมอไปแม้แต่กับนักพากย์เสียงชื่อดังคนนี้ก็ตาม… หากใครที่เป็นแฟนอนิเมะแล้วล่ะก็ อาจจะต้องเคยได้ยินเสียงของ Aya Hirano ที่ปัจจุบันมีอายุ 30 ปีอย่างแน่นอน เธอเป็นนักพากย์เสียงที่โด่งดังมากๆ ในวงการอนิเมะญี่ปุ่น และจุดที่เป็นเสมือนกับเป็นพลุส่องให้เธอได้เฉิดฉายก็คือการพากย์เสียงเป็น Haruhi Suzumiya ในเรื่อง ‘The Melancholy of Haruhi Suzumiya’ และ Konata Izumi ในเรื่อง ‘Lucky Star’ ทว่าก่อนที่เธอจะมายืนอยู่ในจุดนี้ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่สวยงามราวกับมีกลีบกุหลาบโรยเอาไว้ เธอต้องหาเลี้ยงตัวเองเพียงลำพังตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กๆ บางมื้อก็มีอาหารกิน ขณะเดียวกันบางครั้งก็ต้องดิ้นรนเพื่อให้มีอะไรลงไปในกระเพาะน้อยๆ ของเธอบ้างยามหิวโหย โดยเรื่องราวต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตเธอ ได้ถูกสัมภาษณ์โดย Kansai TV ในปี 2014 ซึ่งเธอก็ได้เผยออกมาจนหมดเปลือกว่าชีวิตก่อนที่จะสามารถเข้าวงการได้ของเธอนั้น มีความลำบากและลำเค็ญขนาดไหน.. “ในเวลานั้นบางครั้งฉันก็ไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่แดงเดียว มันบีบบังคับทำให้ฉันต้องกินทิชชู่ที่เหยาะด้วยซอสถั่วเหลืองอันน้อยนิดเข้าไป เพราะพลังแห่งความหิวโหยมันน่ากลัวจริงๆ” Hirano กล่าวให้สัมภาษณ์ ซึ่งเพราะด้วยความที่ Kansai TV เป็นช่องโทรทัศน์ส่วนภูมิภาคจึงทำให้แฟนๆ บางส่วนของเธอเพิ่งจะได้รับรู้กับความลำบากนี้และก็รู้สึกดีใจที่เธอสามารถเอาชนะความลำบากเหล่านั้นมาได้ จนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวงการอนิเมะญี่ปุ่นในปัจจุบัน มาลองฟังเสียงพากย์ที่เธอให้ไว้ในเรื่อง “The…
-
ใช่หรอ?! ครูอนุบาลบังคับเด็ก 17 คนถ่มน้ำลายใส่เด็กเพียงคนเดียว เพื่อสั่งสอนเป็นบทเรียน
อาชีพครู เป็นอาชีพที่ต้องสั่งสอนให้เด็กๆ ได้รู้ถึงผิดชอบชั่วดี เพื่อที่จะได้ออกไปใช้ชีวิตในโลกภายนอกได้ จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องมีการว่ากล่าวตักเตือน หรือว่าทำโทษกันบ้าง แต่ว่าบางทีการทำโทษก็อาจจะรุนแรงเกินไปกว่าที่ใครจะรับไหว เหมือนกับเหตุการณ์นี้ที่ครูสั่งให้เด็กๆ สิบกว่าคนไปถุยน้ำลายใส่เด็กเพียงคนเดียวเพื่อเป็นการทำโทษ!! สภาพของเด็กชายผู้ที่ต้องรับกรรมที่เกิดขึ้นนี้ โดยเรื่องอันน่ารังเกียจนี้เกิดขึ้นในเมือง Pingdingshan มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน เมื่อคุณครูที่มีนามสกุลว่า Zhang ได้สั่งให้นักเรียนหญิงของเธอจำนวน 17 คนตั้งแถวกันแล้วถุยน้ำลายใส่เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มีพฤติกรรมซุกซนไปหน่อย… เหตุผลที่มีการกระทำอย่างนี้เกิดขึ้น นั่นก็เพราะว่าคุณครูอนุบาลคนนี้อยากจะสั่งสอนให้เด็กผู้ชายผู้ตกเป็นเหยื่อได้หลาบจำและรู้ซึ้งถึงบทเรียนอันมีค่า เพราะว่าเขานั้นไปถุยน้ำลายใส่นักเรียนหญิงร่วมชั้นคนหนึ่งนั่นเอง ขณะเด็กหญิงเดินมาถ่มน้ำลายใส่ ในวิดีโอที่ได้ออกมาเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ตทำให้เห็นว่า ขณะที่มีการลงโทษถุยน้ำลายโดยเด็กผู้หญิงแต่ละคนนั้น คุณครูคนดังกล่าวก็ให้เด็กๆ ปรบมือสรรเสริญการลงโทษนี้ และเมื่อการรับโทษเสร็จสิ้นลง เนื้อตัวเด็กชายคนดังกล่าวก็เต็มไปด้วยคราบน้ำลายพร้อมกับน้ำตาที่นองทั่วใบหน้า… หลังจากที่พ่อแม่ของเด็กผู้ชายได้รู้เรื่องนี้เข้า พวกเขาก็รีบรุดไปแจ้งเรื่องกับสำนักการศึกษาท้องถิ่นให้จัดการกับเรื่องนี้ ซึ่งในระยะเวลาต่อมาคุณครู Zhang ก็ถูกพักงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วิดีโอที่แสดงให้เห็นการลงโทษนี้ แต่อย่างไรก็ตามคุณครู Zhang ก็ได้ออกมาปกป้องทั้งตัวเองและมาตรการที่เธอใช้ลงโทษ โดยเธออ้างว่าในตอนนั้นไม่ได้ให้นักเรียนหญิงถ่มน้ำลายใส่นักเรียนผู้ชายจริงๆ แต่เพียงให้แสร้งทำเพียงเท่านั้น ในขณะเดียวกันทางพ่อแม่ของเด็กผู้ชายก็ไม่พอใจกับการลงโทษคุณครูคนนี้ที่เพียงโดนพักงานเพียงเท่านั้น พวกเขาจึงได้ยื่นฟ้องต่อทางโรงเรียนซะเลย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นที่พูดคุยกันในโลกอินเทอร์เน็ตของชาวจีน ซึ่งก็มีความเห็นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก็มีผู้คนจำนวนมากที่บอกว่าการลงโทษของคุณครู Zhang ไม่เห็นจะมีอะไรที่ผิดปกติและพวกเขาก็เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาๆ เพียงเท่านั้น… น่าสงสารเด็กคนนี้จริงๆ…
-
ศิลปินเนรมิต ‘จินตนาการ’ ออกสู่โลกแห่งความจริงด้วย Photoshop งานดีไม่ใช่เล่นๆ นะเนี่ย
โลกแห่งจินตนาการ คือพื้นที่อันกว้างใหญ่ที่ไร้ซึ่งขอบเขต เราสามารถจะทำอะไรก็ได้ ณ ที่นั่น แต่ว่าการจะเอามันมาทำในโลกแห่งความเป็นจริงนี่สิ คือความท้าทายที่ใครๆ ก็ยังคงพยายามกันอยู่ว่าจะสามารถทำมันขึ้นมาได้ยังไงกันนะ ต้องขอขอบคุณเทคโนโลยีปัจจุบัน ที่ทำให้การเอาจินตนาการมาทำให้ ‘เป็นรูปเป็นร่าง’ เป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น และสิ่งสิ่งหนึ่งที่ผู้คนนิยมเลือกหยิบมาใช้กันก็คือ ‘Photoshop’ สุดยอดโปรแกรมที่เราสามารถเนรมิตสิ่งต่างๆ ได้ภายในพริบตาเช่นเดียวกับศิลปินคนนี้… Saeed Afkhamzadeh ศิลปินดิจิตัลชาวอิหร่าน ได้ใส่ความคิดในโลกของจินตนาการของเขาถ่ายทอดออกมาเป็นภาพอันสวยงาม ที่ใครๆ ได้เห็นต้องก็ต้องทึ่งไปกับความคิดอันล้ำยุค รวมถึงฝีมือการตัดต่ออันดีเยี่ยมของเขา อยากเห็นแล้วล่ะสิว่าเป็นยังไง และถ้าใครชอบงานเหล่านี้ก็สามารถติดตามต่อกันได้ที่ saeed_afm เลยนะ.. นี่เราอยู่ในโลก Upside Down ใช่ไหมเนี่ย… อากาศข้างบนเป็นยังไงบ้าง สดชื่นใช่ไหมล่ะ มาช่วยกันสร้างยีราฟน่ารักๆ กันเถอะ สึนามิมาแล้ว รีบหนีกันเร้วว ขับไปมีหัวทิ่มตายกันบ้างแหละ นี่พี่เอาไปได้ยังไงเนี่ย สุดยอดจริงๆ จุดจบของโลก กำลังมาจะถึงในไม่ช้า… จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ขอแก้วขอแหวนซะหน่อยจะได้ไหม ยักษ์ นี่มันยักษ์ชัดๆ ถนนมุ่งสู่ดวงจันทร์ ใครพร้อมจะออกเดินทางแล้วบ้าง..…
-
16 ไอเทมสุดแปลกที่มีวางขายจริงๆ บนโลก นี่เอ็งเอาอะไรมาขายให้ตูฟะเนี้ย!!
เคยเป็นกันบ้างไหมที่เวลาไปเดินซูเปอร์มาเก็ตหรือว่าเดินตลาด แล้วเห็นสินค้าแปลกๆ วางขายเอาไว้อยู่จนเกิดเป็นเหตุให้ต้องสงสัยว่า ไอ้เจ้าสินค้าชิ้นนี้ทำไมมันถึงได้มีหน้าตาแปลกประหลาดเช่นนี้ และใครมันจะซื้อไปใช้กันฟะเนี่ย แต่ถ้าคุณยังนึกไม่ออกว่าไอ้เจ้าสินค้าที่ว่านี้มันเป็นยังไงนะ ลองมาชม 16 สินค้าสุดแหวกที่มีผู้เคยพบเห็นว่ามันได้ถูกวางขายจริงๆ ซึ่งหากคุณได้เจอกับตัวเองล่ะก็บางทีก็อาจจะทนเก็บภาพเอาไว้ไม่ไหวเหมือนกับพวกเขานี่แหละ เพราะอะไรน่ะหรอ… นี่มันตุ๊กตารวมร่างกับยีราฟหรือเปล่าเนี่ย ถ้าหย่อนตูดลงไปนี่น่าจะรู้สึกแปลกๆ น่าดู บอกไม่ถูกจริงๆ ว่าเสื้อตัวนี้สีอะไรกันแน่ มีใครอยากได้เด็กที่ใช้แล้วบ้าง ช่วยเอาไปไวๆ หน่อยเร้วว อย่าว่าแต่เด็กเลย ขนาดผู้ใหญ่ยังไม่กล้าจะเล่นด้วย ตื่นเช้ามามีสะดุ้งแน่ๆ ถ้าจะติดม้ามากขนาดนี้ก็นะ นี่มันคือจระเข้ กระทิง อัลปาก้า หรือตัวไรกันแน่ฟ่ะ อืม… มองตาอย่างนี้เดี๋ยวจะโดนมิใช่น้อย นี่มันคนละจักรวาลกันเลยนะ จะเอามาสู้กันได้ยังไง นี่มันหมอนหรือตัวช่วยให้หัวใจวายเร็วขึ้นก็ไม่รู้ ถ้าจะใส่เนกไทอย่างนี้ก็อย่าใส่เลยเถอะ ขอล่ะ โอ้ว พระเจ้า!! เจ้าเบค่อน ข้าคือพ่อเจ้า (หมูมันก็ดูสตาร์ วอร์สได้เหมือนกันนะเนี่ย) …
-
ชาวเน็ตสวดยับเซตชุดว่ายน้ำ ‘มิสแกรนด์สมุทรสงคราม’ นี่ภาพผู้เข้าประกวดจริงหรือ??
กำลังเป็นที่วิจารณ์อย่างหนักในโลกอินเทอร์เน็ตสำหรับ การถ่ายแบบชุดว่ายน้ำของ ‘มิสแกรนด์สมุทรสงคราม’ ที่ได้ปล่อยออกมาให้ชาวเน็ตรับชม ทว่าผลตอบรับของเซตภาพดังกล่าวกลับไม่ค่อยจะสู้ดีนัก… โดยเซตภาพนี้ได้เผยแพร่ผ่านทางเพจ มิสแกรนด์สมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเป็นภาพถ่ายชุดว่ายน้ำของผู้เข้าประกวด ‘มิสแกรนด์สมุทรสงคราม’ จำนวน 9 คน ซึ่งผู้เข้าประกวดแต่ละคนก็จะโพสท่าถ่ายแบบต่างๆ พร้อมกับมีเบอร์ประจำตัวติดเอาไว้ที่แต่ละคนด้วย แต่กระแสตอบรับเซตภาพนี้ส่วนมากกลับไม่ได้เป็นเสียงชื่นชมความงามของเหล่านางงาม แต่เป็นความคิดเห็นเกี่ยวกับการถ่ายภาพซะมากกว่า ที่ชาวเน็ตคิดว่ามันดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่นักกับการประกวดมิสแกรนด์ในครั้งนี้ ความคิดเห็นบางส่วนจากชาวเน็ต ‘เอิ้มมม เอิ่มมมม ใครรถ่ายเนี่ยยย’ ‘ตลาดนัดมาก’ ‘ขอโทษด้วยครับ นี่รูปของปี 2535’ ‘ไม่ได้อยากอคติหรืออะไรนะ ทำไมเหมือนเด็กตู้’ ‘ไม่มีที่ถ่ายที่ดีกว่าอ่างน้ำเหรอ ชุดว่ายน้ำตรีมซัมเมอร์น่าจะดีกว่านะ’ ‘ พังมาก ถ่ายนางงามออกมาให้เหมือนเด็กอ่าง ทำไมทำงานออกมากันโล่ววววแต่นี้ ฮัลโหลลลล!!!!’ ‘ตีมงานพังมาก จัดแสง รูป มุม ภาพ อย่าว่าเรานะ เราไม่ได้คิดไปเองคนเดียวใช่ไหม’ ขณะที่บางส่วนก็ให้กำลังใจเหล่านางงามกับสิ่งที่เกิดขึ้น ‘งบน่าจะมีเยอะจ้างคนตัดต่อ ช่างภาพดีๆหน่อยสงสารน้อง’ ‘สงสารน้องเลย’ ‘คนคิดธีมนี่คิดดีแล้วใช่มั้ยคะ คือ Cheap มากค่ะ…
-
ฮีโร่ของจริง!! ตำรวจจีนช่วยชีวิตผู้คนจากรถยนต์อันบ้าคลั่ง แม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยชีวิตก็ตาม
‘ตำรวจ’ คืออาชีพที่เสียสละเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง แต่ก็ไม่น่าจะเกิดเหตุน่าเศร้าขึ้นเช่นเหตุการณ์ในประเทศจีนเหตุการณ์นี้ เมื่อมีนายตำรวจคนหนึ่งพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อจะช่วยประชาชนให้รอดพ้นจากความตาย จนสุดท้ายเขาก็ต้องจบชีวิตของตัวเองลงไปอย่างที่ไม่มีใครคาดถึง… เหตุน่าเศร้าที่เกิดขึ้นนี้ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา โดยเป็นเรื่องราวของนายตำรวจจราจรวัย 50 ปีคนหนึ่งในเขต Jingshan มณฑลหูเปย์ ประเทศจีน ที่ได้เสียสละตัวเองช่วยคนเดินถนนให้รอดพ้นจากรถยนต์คันหนึ่งที่พุ่งขึ้นมาบนทางเท้าอย่างบันดาลโทสะและไม่มีใครคาดคิด รถยนต์ที่ได้คร่าชีวิตของนายตำรวจผู้นี้ไปตลอดกาล วิดีโอที่คนเดินถนนอีกฝั่งคนหนึ่งได้ถ่ายเหตุการณ์เอาไว้ จะเห็นได้ว่ามีรถยนต์คันหนึ่งที่ขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วไถลขึ้นพุ่งไปยังทางเท้าไปชนคนที่อยู่บริเวณนั้นอย่างน่ากลัว และด้วยความที่บริเวณดังกล่าวเป็นถนนย่านธุรกิจที่มีผู้คนขวักไขว่ จึงทำให้มีคนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้เยอะเลยทีเดียว ซึ่งในจังหวะที่รถยนต์กำลังจะขึ้นทางเท้านั้นเอง Liu Guibi นายตำรวจฮีโร่ ก็ได้ช่วยชีวิตคนคนหนึ่งไว้ด้วยการผลักคนคนนั้นให้ออกจากทางที่รถกำลังจะพุ่งเข้ามาหา และเขาก็กลายเป็นผู้โชคร้ายรับเคราะห์จากรถยนต์คันนี้แทนจนเสียชีวิตในที่สุด แต่ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่ารถยนต์กำลังจะพุ่งเข้ามาชนตัวเองและนำเอาชีวิตไป แต่คำพูดสุดท้ายในชีวิตเขาก็ยังคงแสดงออกถึงความเป็นตำรวจอย่างแท้จริง โดยก่อนที่ร่างของเขาจะกลายเป็นร่างไร้วิญญาณเขาก็จะได้ตะโกนออกมาว่า ‘หลีกออกไปซะ’ และนั่นก็ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกเศร้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากเลยทีเดียว วินาทีที่รถคันดังกล่าวได้พุ่งเข้าชนผู้คน โดยภายหลังได้มีการจับกุมชายคนขับรถดังกล่าวเอาไว้ได้ และทางตำรวจก็ได้ออกมาเผยว่า ผู้ก่อเหตุการณ์ในครั้งนี้มีนามสกุลว่า Tang วัย 28 ปี ซึ่งผลจากการขับรถอย่างบ้าระห่ำของเขาก็ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บอีกถึง 4 คนด้วยกัน ส่วนสาเหตุที่ทำให้เขาบันดาลโทสะเช่นนี้ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้มีอาการเมามายจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดใดๆ ระหว่างการรับสารภาพเลย ความเสียหายจากสิ่งที่เกิดขึ้น ความเสียสละในครั้งนี้ของนายตำรวจ ได้รับเสียงชื่นชมจากชาวเน็ตเป็นอย่างมากถึงความอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น รวมถึงความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ ถึงแม้ว่าจะต้องกลายเป็นผู้เคราะห์ร้ายแทนก็ตาม……
-
หนุ่มเกือบตาย เพราะตำรวจเข้าใจผิดว่าขโมย ‘เมนทอส’ เลยควักปืนมาจ่อซะอย่างอย่างงั้น
บางทีความเข้าใจผิดก็อาจทำให้เกิดอันตรายกับทั้งตัวเองและผู้อื่น แถมยังนำไปสู่เหตุการณ์ที่เลวร้ายได้ เหมือนกับเจ้าหนุ่มรายนี้ที่เกือบจะต้องไปลงโลงซะแล้ว เพราะตำรวจเข้าใจผิดว่าเขาขโมย ‘เมนทอส’ เลยควักปืนออกมาขู่ ทั้งๆ ที่เขาจ่ายเงินไปแล้วแท้ๆ!! Jose Arreola คือชื่อของหนุ่มดวงซวยคนดังกล่าว ซึ่งเขาได้เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟังว่า ในวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา เขาได้เดินเข้าไปในร้านมินิมาร์ทของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งย่าน Orange County ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อจะซื้อเมนทอสรสมินต์มาไว้อมเล่นแก้เซ็งซะหน่อย โฉมหน้าของผู้เกือบต้องพลีชีพให้เมนทอส ทุกๆ อย่างในวันนั้นก็เป็นไปอย่างปกติธรรมดา เขาจ่ายเงินจำนวน 1.19 ดอลลาร์ (ประมาณ 37 บาท) เพื่อเป็นค่าตัวของเมนทอสแท่งหนึ่ง จากนั้นเขาก็เอามันมาเก็บไว้ในกระเป๋าเหมือนกับทุกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้ไอ้เจ้าลูกอมอันนี้มันเกือบจะทำให้ร่างของเขาต้องไร้วิญญาณไปตลอดกาล.. หมั๊บเข้าให้ นั่นก็เป็นเพราะว่าขณะที่เขายืนซื้อเมนทอสอยู่นั้น ตำรวจนอกเครื่องแบบที่ยืนข้างหลังเขาก็เข้าใจผิดว่า Arreola ตั้งใจจะขโมยลูกอม จึงควักปืนออกมาขู่แล้วตะโกนใส่ว่า ‘วางมันลงซะ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ’ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันก็ได้สร้างความฉงนงงงวยปนตกใจแบบที่ว่า นี่ตูทำอะไรผิดฟะ!! เห้ย เห้ย ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยพี่ Arreola จึงพยายามอธิบายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นว่าเขาจ่ายเงินไปแล้วสำหรับเจ้าเมนทอสแท่งนี้ ประกอบกับพนักงานของร้านก็ช่วยยืนยันว่าเขาได้จ่ายเงินแล้วจริงๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจรายนั้นจึงเก็บปืนพกของเขาใส่ปลอกดังเดิม และนั่นได้สร้างความใจชื้นให้กับ Arreola ว่าจะไม่ต้องตายเพราะเมนทอสแท่งเดียวแล้ว…
-
ถ้า Avengers ฉายในยุค 90s จะเป็นแบบไหน?? ดูเหมือนชาวเน็ตจะชอบกันมากด้วย!!
กำลังเป็นที่เมามันกันอยู่ในโรงภาพยนตร์ขณะนี้สำหรับเรื่อง Avenger: The Infinity War ภาพยนตร์แห่งยุคจากค่าย Marvel ที่ใครๆ ต่างก็ต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าความยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์เรื่องนี้มันเป็นอย่างไรกัน และเรื่องราวจะน่าติดตามขนาดไหน… โดยใน Avenger ภาคนี้จะเป็นการเล่าเรื่องของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ที่ต้องกลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อยับยั้ง Thanos อสูรผู้ต้องการจะครอบครอง Infinity Stone อัญมณีแห่งจักรวาลที่ว่ากันว่าหากครอบครองได้ทั้งหมดจะสามารถควบคุมจักรวาลให้อยู่ในมือของผู้นั้นได้เลย ซึ่งตัวละครที่จะมาปรากฏตัวในเรื่องนี้ ก็คือซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นขวัญใจของเหล่าแฟนๆ อย่าง Iron Man, Captain America, Hulk, Black Widow และอื่นๆ อีกมากมายที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี แต่เคยนึกบ้างไหมว่าถ้าหากภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำในช่วงยุค 90 ตัวละครต่างๆ จะได้นักแสดงคนไหนมาสวมบทบาทบ้างนะ คิดไม่ออกกันเลยใช่ไหมล่ะ ถ้าคุณเคยมีความคิดอย่างนี้ล่ะก็ จงดีใจเอาไว้ว่ามันอาจไม่ใช่ความคิดที่คุณคิดอยู่คนเดียว เพราะว่ามีศิลปินในอินสตาแกรมนามว่า houseofmat ก็ปิ๊งไอเดียนี้ขึ้นมาเหมือนกัน และเขาก็ได้แสดงให้ดูว่าถ้าอยู่ในช่วงยุค 90 หน้าตาของซูเปอร์ฮีโร่จะเปลี่ยนไปขนาดไหน… ซึ่งสำหรับใบปิดแรกเขาได้เลือกให้ Leonardo Dicaprio มารับบทเป็น Captain America ขณะที่บทของ Vision ตกเป็นของหนุ่มกล้ามโต Dolph Lundgren Jonnny…
-
สาวสวยปลดเข็มขัดนิรภัยเพื่อถ่ายเซลฟี่กับเพื่อน วินาทีต่อมาอุบัติเหตุก็ได้นำเอาชีวิตเธอไป…
เพื่อความปลอดภัยขณะขับขี่รถบนท้องถนน จึงได้มีการติดตั้ง ‘เข็มขัดนิรภัย’ เอาไว้ในรถยนต์ เพื่อให้มันช่วยเซฟเราไม่ให้พุ่งออกนอกตัวรถหรือป้องกันไม่ให้ตัวเราไปกระแทกเข้ากับอะไรแข็งๆ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ แต่ก็มีเหตุน่าเศร้าเกิดขึ้นจากการละเลยสิ่งสิ่งนี้ เมื่อมีสาวสวยคนหนึ่งตัดสินใจปลดเข็มขัดนิรภัยออกเพื่อจะไปเซลฟี่กับเพื่อน แต่ว่าอีกไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นและทำให้ตัวของเธอพุ่งกระเด็นออกนอกรถจนเสียชีวิตคาที่…. โดยทางเว็บไซต์ nypost ได้เปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวว่า เกิดขึ้นในปลายเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา เมื่อสาวสวยชื่อว่า Kailee Mills จากเมือง Houston ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกเดินทางกับเพื่อนๆ อีก 3 คนเพื่อจะไปร่วมงานปาร์ตี้ฮัลโลวีน แต่ระหว่างที่นัั่งรถอยู่นั้นเธอก็บังเอิญอยากจะถ่ายเซลฟี่กับเพื่อนๆ ลงในโซเชียลเน็ตเวิร์คซักหน่อย เธอเลยปลดเข็มขัดนิรภัยที่คุ้มครองเธออยู่เพื่อจะได้ถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ได้อย่างถนัดถนี่ซะหน่อย จากการรายงานของสื่อ KRIV ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับพวกเธอ เมื่อไม่อีกกี่วินาทีหลังจากนั้นได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นและได้ทำให้ Kailee สาววัย 16 ปีเสียชีวิตลง ในระยะที่ห่างจากบ้านของเธอเพียงไม่กี่ช่วงตึกเท่านั้น “รถของพวกเธอไหลถลาออกนอกถนน ขณะที่ลูกสาวของผมพุ่งกระเด็นออกไปนอกตัวรถแล้วเสียชีวิตในทันที แต่ว่าเพื่อนๆ ของเธอที่คาดเข็มขัดนิรภัยอยู่รอดชีวิตทั้งหมดและได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” David Mills พ่อของเด็กสาวผู้เสียชีวิตกล่าว สำหรับสาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น ทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะรถขับมาด้วยความเร็วแล้วเกิดสูญเสียการควบคุมจึงได้เกิดอุบัติเหตุที่น่าเศร้านี้ขึ้น จากการรายงานของ KTRK หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางครอบครัว Mills ก็ได้ออกมาช่วยรณรงค์ให้คาดเข็มขัดนิรภัยให้มากขึ้นเพื่อความปลอดภัยของทุกคนเอง นอกจากนี้พวกเขายังได้ก่อตั้งมูลนิธิ Kailee…
-
อยู่กันไงเนี่ย!! นักวิทย์เผยคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศสูงสุดในรอบ 800,000 ปี!!
มลพิษในอากาศเป็นปัญหาสำคัญที่ประเทศไทยเรากำลังเผชิญกันอยู่ อย่างเรื่องหมอกควัน ฝุ่นละอองต่างๆ แต่รู้ไหมว่าปัญหานี้กำลังเกิดขึ้นทั่วทั้งโลก และก็มีเรื่องที่น่าตกใจมากยิ่งขึ้น เพราะนักวิทยาศาสตร์ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในขณะนี้ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศโลกได้ไต่ระดับขึ้นสูงที่สุดในรอบ 800,000 ปี!! แล้ว โดยเรื่องที่น่าทึ่งนี้ได้รับการเปิดเผยจากการอ่านค่ากราฟตามข้อมูลของหอดูดาวเมานาลัว ในรัฐฮาวาย เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาซึ่งก็ได้พบว่าความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มีค่าเฉลี่ยสูงถึง 410 ppm (ในล้านส่วน) เป็นระยะเวลาตลอดทั้งเดือน และนี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของหอดูดาวนี้ที่ได้อ่านค่าความเข้มข้นขนาดสูงเช่นนี้!! นอกจากนี้สถาบัน The Scripps Institution of Oceanography ได้กล่าวว่าในยุคสมัยก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม ค่าความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศไม่เคยเกิน 300 ppm มาโดยตลอดระยะ 800,000 ปีที่ผ่านมา แต่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาความเข้มข้นของก๊าซชนิดนี้ก็เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง.. จะเห็นได้ดีจากกราฟเส้นโค้งคีลิง ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศตลอดระยะหลายทศวรรษที่ผ่านมา ว่าในตอนนี้มันได้เปลี่ยนไปเช่นใดบ้างจากครั้งในอดีต โดยจากกราฟจะเห็นได้ว่ามีความเข้มข้นมากขึ้นถึง 30% จากการวัดครั้งแรกในปี 1958 ซึ่งในขณะนั้นวัดได้เพียง 315 ppm เท่านั้น ทว่าในปี 2013 ก็ได้แตะตัวเลข 400 ppm เป็นครั้งแรก ขณะที่ในช่วงก่อนปี 1800 มีค่าเฉลี่ยเพียงแค่ 280…
-
17 ดีไซน์เสื้อผ้าสุดห่วย ที่ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งใจออกแบบมาอย่างนี้หรือพลาดกันแน่!!
เสื้อผ้าเป็นสิ่งห่อหุ้มร่างกายให้ผ่านร้อนผ่านหนาวในแต่ละวันได้ แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นสิ่งที่แสดงออกถึงสไตล์ บุคลิก ความติสท์ของเราได้เป็นอย่างดี อย่างนั้นแล้วเรื่องของเสื้อผ้าก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ในชีวิตเลยใช่ไหมล่ะ.. แต่จะเป็นอย่างถ้าการดีไซน์เสื้อผ้ามันไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด ในทางกลับกันมันได้ทำให้เราอับอายจนแทบจะเอาหน้าไปมุดดินหนี อยากรู้ล่ะสิว่าเสื้อผ้าที่ทำอย่างนั้นได้จะมีหน้าตาเป็นยังไง #เหมียวจิวยี่ ก็อยากรู้เหมือนกัน เราไปดูกันดีกว่าเถอะ!! เหมือนกับว่าการตัดเย็บจะมีปัญหานิดหน่อยนะ ทำไมมันเว้าแบบแปลกๆ กันนะ ตรงสีชมพูนั่นบอกทีว่ามันไม่ใช่… เสื้อเป็นลายสับปะรด แต่ดันเขียนว่าแตงโมซะอย่างนั้น เฮ้ออ เมื่อไปออกเดทหลายครั้งแล้วไม่ได้ดั่งที่หวัง ก็เลยใส่ชุดที่แสดงความต้องการตรงๆ ไปซะเลย มินเนี่ยนตัวนี้ผิวเนียนดีจังเลยนะ มันไปติดอยู่กลางหลังได้ยังไงเนี่ย ไปตัดของใครเค้ามา เดี๋ยวๆ อ่านผิดนิดเดียวนี่ชีวิตเปลี่ยนได้เลยนะ ทำไมมันไวจังล่ะพ่อหนุ่ม แค่ 3 วิเองหรอ เอ้ออ บอกทีว่านั่นไม่ใช่อย่างที่ผมคิด ตัวหนังสือเขียนเอาไว้ว่าเลข ’13’ แต่ตัวเลขที่ออกมากลับเป็น ’12’ ซะอย่างงั้น พิมพ์ผิดใช่ไหมเอาดีๆ คือกะจะเหมาทุกค่ายมาเลยใช่ไหม บอกซิ แล้วกระเป๋ามันจะไปอยู่อะไรตรงนั้นล่ะน่ะ!!…
-
7 สัญญาณเตือนว่าคุณอาจเสี่ยงเป็น ‘โรคอ้วนลงพุง’ จะมีอะไรบ้างลองมาเช็กกันดูนะ!!
“นี่เธอน่ะอ้วนจนลงพุงแล้วนะ!!” นี่เป็นคำกล่าวที่ถ้าใครได้ยินเข้าคงจะไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก แต่ว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าความอ้วนของเราน่ะมันล้นพิกัดจนลงพุงแล้วจริงๆ ยังไม่รู้กันล่ะสิใช่ไหมล่ะ เรื่องของความอ้วนไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นัก เพราะนอกจากรูปร่างจะไม่สมส่วนแล้วมันยังได้นำพาโรคร้ายต่างๆ เข้ามาในร่างกายเราได้อีกด้วย แล้วถ้ายิ่งถ้าเป็นโรค ‘อ้วนลงพุง (Metabolic Syndrome)’ แล้วล่ะก็มันอาจจะเป็นเรื่องอันตรายสำหรับร่างกายของเราได้เลย เพราะว่าโรคนี้สามารถทำให้หลอดเลือดเราอุดตัน หรือเป็นอัมพฤกษ์ได้เลยด้วย และนี่คือ 7 สัญญาณบ่งบอกว่าคุณอาจจะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนลงพุงได้ ทางที่ดีถ้าคุณมีสัญญาณเหล่านี้แล้วล่ะก็ลองไปปรึกษากับทางแพทย์ก็เป็นการดีที่สุดนะ.. 1. กางเกงของคุณมีไซส์ที่ใหญ่เอามากๆ ลองสังเกตกางเกงที่คุณใส่ดู ถ้าหากว่าเอวของกางเกงมีขนาดใหญ่กว่า 40 นิ้วสำหรับผู้ชาย และ 35 นิ้วสำหรับผู้หญิงแล้วล่ะก็ คุณอาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นเพราะการที่น้ำหนักตัวส่วนใหญ่อยู่ที่บริเวณกลางลำตัวอย่างนี้ มันเป็นสัญญาณสำคัญของโรคอ้วนลงพุงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ 2. คุณหิวน้ำอยู่ตลอดเวลาและไม่สามารถหยุดฉี่ได้ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่คอแห้งผากจนต้องดื่มน้ำอยู่ตลอดเวลาแล้วต้องเข้าห้องน้ำอยู่บ่อยๆ ล่ะก็ นี่อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง และยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนลงพุงด้วย ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติจนกว่าพวกเขาจะพบว่ามีบางอย่างแปลกๆ เกิดขึ้นอยู่ในตัว 3. คุณมักจะมีอาการปวดหัว รู้สึกวิงเวียนและมีสายตาที่พร่ามัว “เรื่องของความดันโลหิต เป็นเหมือนกับฆาตกรเงียบเพราะคุณมักจะไม่สังเกตว่ามีความผิดปกติจนกว่ามันจะสูงขึ้นอย่างที่ไม่ทันตั้งตัว” Dr. Ahmed นายแพทย์เกี่ยวกับโรคหัวใจที่ Cleveland Clinic รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าว การที่มีความดันโลหิตสูงจะทำให้คุณมีอาการปวดหัว วิงเวียนศีรษะ สายตาพร่ามัว เจ็บแน่นหน้าอก รวมถึงทำให้หายใจติดขัดอีกด้วย…
-
ใจจะวาย!! สาววาง ‘ดิลโด้’ ทิ้งเอาไว้บนโต๊ะ โชคดีแม่ดั๊นมาเจอแล้วคิดว่าเป็น ‘ยางลบ’ ซะนี่!!
บางทีของใช้แบบส่วนตั๊วส่วนตัว เราก็ควรจะเก็บเอาไว้ให้มิดชิดอย่าง กางเกงใน เสื้อยกทรง หรือว่าของเล่นเพิ่มความหรรษาอย่าง ‘ดิลโด้’ ที่ใครไปพบเข้าก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ แม้แต่คนในครอบครัวเองก็ตามเถอะ และคุณคงไม่โชคดีเหมือนกับสาวคนนี้ทุกครั้งไป… เรื่องสุดฮานี้เกิดขึ้นกับสาวน้อยคนหนึ่งจากเมือง Cambridge ประเทศอังกฤษ เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าก่อนที่จะมาเรียน เธอได้เคลียร์กระเป๋าเอาสิ่งของที่ไม่ใช้ออก และหนึ่งในนั้นก็มี ‘ดิลโด้’ อุปกรณ์แห่งความหฤหรรษ์ของเธออยู่ด้วย แต่มันพีคก็ตรงที่เธอบังเอิญจำได้ว่าเธอวางมันหราเอาไว้บนโต๊ะกลางห้องของเธอเอง และอีกสิ่งหนึ่งที่เธอรู้ว่ามันต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนก็คือ แม่ของเธอจะต้องขึ้นไปทำความสะอาดห้องแล้วพบเข้ากับเจ้าแท่งสั่นนี้อย่างแน่แท้ ด้วยความเดือดเนื้อร้อนใจที่ตัวเองไม่สามารถไปเก็บมันให้เข้าที่เข้าทางได้เพราะอยู่ที่มหาวิทยาลัย เธอจึงตัดสินใจส่งขอความไปขอความช่วยเหลือจาก Chris พี่ชายของเธอในทันที สาวน้อย: นี่พี่จะกลับบ้านกี่โมง หนูอยากให้พี่ช่วยย้ายบางอย่างที่อยู่บนโต๊ะของหนูให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะมันคือ ‘ดิลโด้’ ซึ่งหนูคิดว่าแม่ต้องเห็นแน่ๆ ตอนที่ขึ้นมาทำความสะอาด มันคงเป็นเรื่องที่ฮาที่สุดในรอบปี แต่อย่าให้มันเกิดขึ้นเลย!! Chris: 5555+ พี่กลับบ้านอีกทีก็เย็นๆ แหละน้อง พี่มั่นใจ 100% เลยว่าแม่ต้องเจอของดีอันนี้อย่างแน่นอน เป็นโชคร้ายสำหรับสาวน้อยคนนี้จริงๆ เพราะ Chris กว่าจะกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่พวกเขารู้ว่าแม่ทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้วและอาจพบเข้ากับดิลโด้แล้วก็เป็นได้ “ในตอนแรกที่น้องสาวส่งข้อความนี้มาให้ มันก็ทำให้ผมฮาจนน้ำตาแทบไหล เพราะกว่าผมจะกลับบ้านอีกทีก็คงค่ำๆ นู่นแหละ ผมรู้ว่าแม่คงจะต้องเจอเข้ากับจู๋ปลอมของเธอเข้าให้แล้ว และมันทำให้ผมหยุดหัวเราะไม่ได้เลย” Chris กล่าว แล้วก็เป็นอย่างที่ทั้งคู่คิด…
-
เจ้าตูบเหยียบรถไฟฟ้าพุ่งเข้าร้านโทรศัพท์ เจ้าของถึงกับงงนี่เอ็งทำอะไรลงไปฟะเนี่ย!!
สัตว์โลกแสนน่ารักอย่าง ‘น้องหมา’ เป็นสัตว์เลี้ยงที่สุดแสนจะมหัศจรรย์ เพราะความฉลาดของมันเป็นอันรู้กันว่ามีมากขนาดไหน แต่ว่าบางทีความฉลาดเกินไปของมันก็อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นมาได้ เหมือนกับเหตุการณ์นี้ที่เจ้าตูบดันทะลึ่งขับรถพุ่งเข้าชนร้านขายของซะอย่างงั้น!! เหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้เกิดขึ้นที่เมืองไท่โจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีนเมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดได้จับภาพวินาทีระทึกขวัญนี้เอาไว้ได้ทั้งหมดเลย เย้ย อะไรมันพุ่งเข้ามาในร้านฟะเนี่ย!! โดยกรณีสุดแสนจะโชคร้ายนี้เกิดขึ้นที่ร้านขายโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่ง ซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้นก็เป็นเฉกเช่นวันธรรมดาปกติทั่วๆ ไป แต่ว่าจู่ๆ ก็มีรถไฟฟ้าคันหนึ่งพุ่งเข้ามาทางประตูอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วกวาดเอาตู้เก็บสินค้าแตกกระจายระเนระนาดไปจนหมด ก่อนที่จะหยุดนิ่งเข้ากับผนังของร้าน พัง พังหมดแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะสร้างความช็อกให้กับพนักงานที่อยู่หลังเคาน์เตอร์อยู่เหมือนกัน เพราะว่าเธอยืนหนึ่งไปอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะไปปรึกษากับชายอีกคนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของร้านว่า มันเกิดอะไรขึ้น และเจ้ารถคันนี้มันเข้ามาในร้านได้อย่างไรกัน เป็นเจ้าตูบนี่เองที่เป็นตัวการเรื่องทั้งหมด ทว่าในเพียงอึดใจเดียว คำตอบของคำถามทั้งหมดก็ได้ถูกไขให้กระจ่างเมื่อมีหมาตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากที่นั่งฝั่งคนขับซะอย่างงั้น!! เจ้าของรถไฟฟ้าเข้ามาในร้าน แล้วเคลียร์สิ่งที่หมาของเขาทำลงไป ต่อมาความจริงทั้งหมดจึงได้เปิดเผยออกมาว่า รถคันนี้เป็นของคนขับรถคนหนึ่งที่จอดเอาไว้บริเวณร้านขายผลไม้ใกล้ๆ กับร้านขายโทรศัพท์แห่งนี้ แต่ว่าทางคนขับไม่ได้ดับเครื่องยนต์และทิ้งหมาเอาไว้ในรถ เพราะคิดว่าจะลงไปซื้อของครู่เดียว ทว่าเจ้าตูบดันไปเหยียบคันเร่งเข้า จึงได้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นนั่นเอง เป็นภาระต้องเข็นออกอีก กลับบ้านเอ็งโดนดีแน่ แต่ก็ยังมีความโชคดีอยู่ที่ว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บใดๆ เลยในเหตุการณ์สุดประหลาดเช่นนี้ ซึ่งทางร้านและเจ้าของรถก็ได้ตกลงเรื่องค่าชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกันเรียบร้อยแล้ว……
-
18 ภาพที่ผ่านกระบวนการ ‘Photoshop’ จนกลายเป็นความฮาที่บังเกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ!!
‘Photoshop’ คือสุดยอดโปรแกรมตัดต่อที่สามารถเนรมิตให้ภาพต่างๆ เป็นไปตามที่ใจเราต้องการได้อย่างไม่น่าเชื่อ แถมเดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ยังใช้งานได้อย่างคล่องแคล่วซะเป็นส่วนใหญ่อีกด้วย แต่ถ้ามันอยู่ในมือของระดับพระกาฬแล้วล่ะก็ งานนี้ก็อาจจะบังเกิดความฮาเกิดขึ้น เช่นภาพต่อไปนี้ที่ได้รับการตัดต่อจนกลายเป็นภาพที่ใครเห็นก็ต้องกรามค้างตามๆ กันไป ยัง ยังไม่เชื่อใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ลองไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเองเลยละกัน!! เดี๋ยวๆ แค่แวะมาหอมแก้มนิดหน่อย ถึงกับงับหัวกันเลย หิวใช่ไหมเนี่ย ช่วยตัดต่อเด็กข้างหลังให้ออกไปหน่อยได้ไหมครับ (แล้วดูผลที่ได้) จะเรียกว่าอะไรดี พูดไม่ถูกเลยจริงๆ … อุ๋งๆ เวอร์ชั่นสัตว์บก นี่ข้าอยู่ที่ไหนบนโลกกันเนี่ย.. ขนมปังน่ารักขนาดนี้ ใครจะไปกินลงกันล่ะเนี่ย ถ้ากินหมดถ้วยนี้นี่ ไม่ช็อกก็คงจะตายกันไปข้างนึงอะ เจ้ามนุษย์กำลังทำอะไรกันอยู่นะ มันกินเข้าไปในลูกตา ไหน ใครมีปัญหากับเฮียเดี๋ยวเล่นซะให้หมอบ นี่แหละที่เฮียใฝ่ฝันมานาน โอ้ววว ถ้ามีก้อนเมฆอย่างนี้จริงๆ มันจะเป็นยังไงกันนะ สงสัยแม่ให้มาเยอะ เมื่อลองเอารอยสักมาใส่หน้าเสือจริงๆ หมดกันเลยความน่ากลัว รีบๆ…
-
จุดจบสายย่อ!! วัยรุ่นอีสานโชว์สเต็ปกลางงานบุญ ก่อนเจอฝูงวัววิ่งไล่วงแตกกระเจิง!!
หากใครที่เคยไปงานบุญงานบวชต่างๆ ก็จะรู้กันดีว่างานเหล่านี้มีความสนุกขนาดไหน ทั้งการไชโยโห่ร้องกันตามประเพณีไทย รวมถึงมีการเต้นระบำกันอย่างสนุกสนาน แต่ว่ามีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่เกือบจะทำให้งานบุญกลายเป็นงานเข้า เมื่อมีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังเต้นกันอย่างเมามันส์ แต่กลับถูกฝูงวัววิ่งไล่ซะอย่างนั้น… เอ้า ออกสเต็ปกันหน่อยเร้ววววว วู้ว!!! โดยเหตุการณ์นี้ได้ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2018 และเกิดขึ้นในภาคอีสานของประเทศไทยเรานี้เอง เมื่อกลุ่มหางเครื่องกลุ่มหนึ่งกำลังเมามันส์ไปกับจังหวะของเพลงหมอลำของวงดนตรี ‘ซาลาเปาแบนด์’ ที่มันม่วนคักๆ ซะจนหยุดสเต็ปการวาดลวดลายไม่ไหว เลยออกไปส่ายสะโพกกันที่กลางทุ่งนาเพื่อให้มีพื้นที่ฉีกแข้งฉีกขาซะหน่อย เจอท่าไม้ตายเข้าไป งงเลยล่ะสิ แต่ขณะที่กำลังโชว์สเต็ปสายย่อกันอยู่นั้นเอง ก็บังเอิญมีฝูงวัวเดินผ่านมาแล้วเกิดบันดาลโทสะเนื่องจากหมั่นไส้แดนเซอร์เหล่านี้หรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้ ทว่าสิ่งที่ฝูงวัวมันทำก็คือไล่ขวิดวัยรุ่นเหล่านั้นซะจนต้องวงแตกกระเจิงล้มเลิกการโชว์ไปอย่างน่าเสียดาย แล้ววิ่งหาที่หลบภัยกันอย่างไม่คิดชีวิต.. มีท้าทายอำนาจนะ… เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดขึ้นที่จังหวัดใด แต่ก็มีการรายงานว่าวงดนตรี ‘ซาลาเปาแบนด์’ นั้นอยู่ในจังหวัดขอนแก่น จึงน่าจะเป็นพื้นที่ใกล้เคียงกับจังหวัดดังกล่าวนั่นเอง คลิปวิดีโอนี้กลายเป็นไวรัลบนโลกอินเทอร์เน็ตภายในเวลาอันรวดเร็ว และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเมื่อมีผู้เข้าชมวิดีโอแล้วกว่า 5 ล้านคนเลยทีเดียว ซึ่งความเห็นของชาวเน็ตส่วนใหญ่ก็จะออกไปแนวๆ ตลกโปกฮาซะเสียมากกว่า ไม่น่าเลยตู เอ๋ วิ่งดิ เอ๋!! ขณะที่อีกบางส่วนของชาวเน็ตก็ระบุว่า ท่าเต้นดังกล่าวนี้เป็นท่าเต้นที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กๆ ที่ปัจจุบันกำลังนิยมนำไปเต้นกันอย่างแพร่หลาย เพราะว่ามันค่อนข้างจะส่อไปทางอนาจารนั่นเอง …
-
17 ความจริงที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวประเทศ ‘อินเดีย’ มันเป็นอย่างนี้เองเหรอนายจ๋า!!
‘อินเดีย’ หนึ่งในประเทศที่มีผู้คนเยอะมากที่สุดในโลก แถมยังเต็มไปด้วยวัฒนธรรมต่างๆ อย่างมากมาย สำหรับที่นี่แล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้ และที่สำคัญคือคุณต้องรู้เรื่องของพวกเขาเอาไว้มากๆ จะเป็นการดีที่สุด!! และนี่คือ 17 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับดินแดนภารตะแห่งนี้ ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนทั้งชีวิต ต้องบอกเลยว่าพวกเขามีเรื่องให้เราประหลาดใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งมันจะเป็นยังไงนั้นไปลองดูข้างล่างเลยดีกว่า.. 1. ชาวอินเดียคนหนึ่งในเวลา 9 ปีในการปลูกป่าบนพื้นที่กว่า 1,360 เอเคอร์ ซึ่งต่อมาป่าแห่งนี้ได้กลายเป็นส่วนสำคัญต่อระบบสิ่งแวดล้อม 2. ในปี 2013 นายกรัฐมนตรีของประเทศอินเดีย ได้รับเงินเดือนเพียงแค่ 2,400 ดอลลาร์ (ประมาณ 76,000 บาท) เท่านั้น 3. ผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูในประเทศอินเดียเชื่อว่ามีพระเจ้ามากกว่า 300 ล้านองค์ ดังนั้นแล้วแต่ละหมู่บ้านจึงมีพระเจ้าเป็นของตัวเอง 4. ในประเทศอินเดีย มีคุกที่นักโทษสามารถเดินเข้าเดินออกไปไหนก็ได้ แถมนักโทษเหล่านั้นยังสามารถทำงานเฉกเช่นคนปกติธรรมดาได้อีกด้วย 5. ระบบนายจ้างที่ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศคือ ‘การรถไฟ’ เพราะพวกเขามีพนักงานมากกว่า 1.6 ล้านคน 6. มีการจัดงานศพสำหรับช้างที่ถูกรถไฟชนในอินเดีย …
-
ส่องชีวิต ‘แอร์โฮสเตสสาวแห่งเอมิเรตส์’ ชีวิตดี๊ดีอย่างนี้ ไปเป็นแอร์กันเถอะ!!
การได้เป็น ‘แอร์โฮสเตส’ คือความฝันของใครหลายคน พวกเธอเหล่านี้คือเหล่านางฟ้าบนเครื่องบินที่จะมาคอยช่วยเหลือผู้โดยสารในเรื่องต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่าชีวิตของพวกเธอนั้นดีขนาดไหน ถ้ายังไม่รู้ล่ะก็ลองมาส่องนางฟ้าจากสายการบิน Emirates Airline คนนี้ดู แล้วคุณจะรู้สึกว่ามันน่าอิจฉาซะจริงๆ เชียว โดยคนที่จะมาเผยให้เห็นถึงชีวิตของเหล่าแอร์โฮสเตสก็คือ Brigita Jagelaviciute สาวชาวลิทัวเนีย ที่มีสไตล์การใช้ชีวิตแบบหรูหราซะจนใครๆ ก็ต่างพากันอิจฉา และนั่นก็เป็นผลมาจากอาชีพของเธอที่เป็นลูกเรือจึงต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลานั่นเอง ในตอนนี้เธอมีอายุเพียงแค่ 23 ปี แต่ว่าประสบการณ์การใช้ชีวิตของเธอที่ผ่านมานั้นช่างน่าเหลือเชื่อเกินกว่าอายุจริงๆ เพราะด้วยวัยเพียงเท่านี้ใครจะเชื่อว่าเธอเดินทางไปทั่วโลกมาแล้วกว่า 74 ประเทศ ทว่าเธอก็บอกว่าเส้นทางการเดินทางของเธอนั้นยังอีกยาวไกล เพราะว่าประเทศเหล่านี้นับเป็นเพียงแค่ 30% บนโลกใบนี้เท่านั้น “มีหลายสถานที่มากๆ ที่ฉันรู้สึกดีใจที่้ได้กลับไปทั้ง ประเทศเซเชลส์ สิงคโปร์ กรุงปารีส และล่าสุดก็คือนิวยอร์ก” Brigita กล่าว สำหรับแรงบันดาลใจที่ทำให้เธอมาเป็นแอร์โฮสเตสนั้น เธอก็ได้เล่าให้ฟังมามันเกิดขึ้นในตอนที่เธอเห็นแอร์โฮสเตสของสายการบิน Emirates เดินอยู่ในสนามบิน Nice Côte d’Azur International Airport ประเทศฝรั่งเศสเมื่อหลายปีก่อน “ฉันยังจำวินาทีในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี ทุกๆ อย่างดูนิ่งสนิทไปหมดในตอนที่ฉันเห็นเหล่าลูกเรือเดินผ่านในสนามบิน…
-
ย้อนรอย 5 เหตุการณ์ ‘โกง’ สุดอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในการแข่งขันกีฬา ‘โอลิมปิก’
กีฬาโอลิมปิกเป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับมวลมนุษยชาติ เพราะว่าเป็นการแข่งขันระดับโลกที่นำนักกีฬาจากทั่วทุกๆ ประเทศมาไว้รวมกัน กีฬาโอลิมปิกจึงเป็นเป้าหมายสูงสุดสำหรับนักกีฬาทุกคนที่ฝึกซ้อมกันมาอย่างหนัก เพื่อหมายจะคว้าเหรียญรางวัลสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศตัวเองเลยก็ว่าได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นในเทศกาลกีฬานี้ เพราะว่ามีเหตุการณ์บางอย่างที่ถูกจับได้ว่ามีการ ‘โกง’ เกิดขึ้นทั้งๆ ที่กีฬาระดับใหญ่ขนาดนี้ไม่น่าจะมีการเกิดขึ้นได้ และในวันนี้เราจะพาทุกท่านย้อนอดีตไปดูการโกงที่เคยเกิดขึ้น ว่ามีเหตุการณ์ใดที่ได้จารึกลงในประวัติศาสตร์โอลิมปิกบ้าง อีกทั้งเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าหากพร้อมจะเรียนรู้ความผิดพลาดนี้แล้วก็เลื่อนลงดูพร้อมกันได้เลย 1. Jim Thorpe ถูกยึดเหรียญรางวัลเพราะว่าเป็นมืออาชีพ?? ย้อนกลับไปในปี 1912 การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในเวลานั้นได้มีกฏที่เข้มงวดข้อหนึ่งเอาไว้ว่า อนุญาตให้เฉพาะนักกีฬาสมัครเล่นลงแข่งขันเท่านั้น ซึ่งในปีนั้นเอง Jim Thorpe ก็ได้ลงแข่งกีฬาโอลิมปิกที่จัดขึ้นในเมืองสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ซึ่งก็ปรากฏว่าเขาชนะเลิศรางวัลถึง 2 เหรียญทองในการแข่งขันปัญจกีฬาสมัยใหม่และการกรีฑาสิบประเภท แต่เขาก็โดนยึดเหรียญรางวัลคืนไป เนื่องมาจากมีการพบว่าเขาเคยเป็นผู้เล่นเบสบอลระดับกึ่งอาชีพมาก่อนถึง 2 ฤดูกาล ต่อมาในปี 1983 ที่เป็นเวลา 30 ปีหลังจากเขาเสียชีวิต เขาก็ได้รับเหรียญรางวัลคืน แต่ว่าก็ยังคงไม่ได้รับการบันทึกในสถิติโอลิมปิกอยู่ดี 2. การตรวจพบสารสเตอรอยด์ของ Ben Johnson การแข่งขันวิ่ง 100 เมตรชายในปี 1988 ที่ทางประเทศเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ ถือได้ว่าเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่งของกีฬาโอลิมปิก เมื่อ…
-
‘มังกรทะเลใบไม้’ สัตว์สวยงามแห่งท้องทะเล พบเจอได้เฉพาะที่ออสเตรเลียเท่านั้น!!
บนโลกเรานอกจากมนุษย์แล้วก็ยังมีสัตว์นับแสนนับล้านชนิดอาศัยอยู่ ซึ่งสัตว์แต่ละชนิดนั้นก็จะมีความพิเศษและหน้าตาที่แปลกประหลาดกันออกไป ทว่าก็ยังมีสัตว์อีกเป็นจำนวนมากที่คนเรายังไม่สามารถค้นพบได้ อย่างเช่นในใต้ท้องทะเลลึก ที่วงการวิทยาศาสตร์ของเราในวันนี้ก็ยังหาคำตอบว่ามีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่ที่นั่นหรือไม่ แต่ในวันนี้ #เหมียวจิวยี่ จะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับปลาที่มีการค้นพบนานมาแล้ว ทว่ายังไม่ค่อยมีใครรู้จักกับมันนัก โดยปลาชนิดนี้เป็นปลาเฉพาะถิ่นที่มีความสวยงามจนน่าหลงใหล แถมยังมีชื่ออันแสนดุดันเหมือนกับสัตว์ในตำนาน และชื่อของสัตว์ตัวนี้ก็คือ มังกรทะเลใบไม้นั่นเอง!! สำหรับเจ้ามังกรทะเลใบไม้นั้นเป็นปลาเฉพาะถิ่น ที่พบในตอนใต้และตะวันตกของทวีปออสเตรเลียเท่านั้น และมักจะอาศัยอยู่ในกระแสน้ำอุ่นในความลึกตั้งแต่ 3-50 เมตร ซึ่งหากมองผ่านๆ แล้วเจ้ามังกรทะเลใบไม้นี้ก็จะมีรูปร่างคล้ายๆ กับสัตว์อย่างม้าน้ำนั่นก็เป็นเพราะว่าสัตว์ทั้งสองสายพันธุ์นั้นถูกจัดอยู่ในวงศ์ที่มีชื่อว่า Syngnathidae เดียวกันนั่นเอง นอกจากนี้ขนาดของมังกรทะเลยังมีความใกล้เคียงกับม้าน้ำ แบบสูงกว่านิดเดียวเพียงเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้มันโดดเด่นกว่าสัตว์อื่นทั่วๆ ไปนั่นก็เพราะว่ามันมีครีบที่แตกออกจากบริเวณลำตัวและมีลักษณะคล้ายกับใบไม้หรือว่าสาหร่ายทะเล แต่ครีบเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะมันมีหน้าที่ไว้สำหรับอำพรางตัวจากศัตรู รวมถึงใช้หาอาหารจำพวกแพลงก์ตอน กุ้ง กั้ง หรือปู ขนาดเล็กๆ จากการใช้ครีบโปร่งแสงของมันแฝงตัวอยู่ในหมู่สาหร่ายทะเลนั่นเอง ความงดงามโดยธรรมชาติของตัวมันเองได้กลายเป็นความโดดเด่น จนถึงขั้นที่ใครบางคนยกให้มันเป็นปลาที่สวยงามที่สุดในโลกเลยทีเดียว สำหรับการผสมพันธุ์และวางไข่ สัตว์ชนิดนี้จะมีวิธีการขยายพันธฺุ์ที่ค่อนข้างแตกต่างกับสัตว์ชนิดอื่นเล็กน้อย ซึ่งเมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์มังกรทะเลใบไม้ตัวเมียจะนำไข่ของมันไปวางไว้ที่หางของตัวผู้ที่ม้วนงอเข้าเพื่อกักเก็บไข่เอาไว้ โดยปริมาณไข่ต่อการผสมพันธุ์แต่ละครั้งจะมีประมาณ 100 – 200 ฟอง และฤดูวางไข่ที่ฝากไว้บนตัวผู้เหล่านี้ก็จะอยู่ระหว่างเดือนสิงหาคม – มีนาคมของปีถัดไป นับจากการฝากไข่ของตัวเมียเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว หลายคนอาจจะมีคำถามว่าถ้ามันสวยงามขนาดนั้นทำไมถึงไม่มีใครเลี้ยงเลยล่ะ ซึ่งคำตอบก็คือนั่นเป็นเพราะมังกรทะเลใบไม้เป็นปลาที่มีความอ่อนไหวมาก…
-
สาวทำบอดี้เพนท์ไปเดตกับหนุ่มผ่านแอป Tinder โดยที่ฝ่ายชายไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย!!
การนัดออกเดตเป็นครั้งแรกสำหรับหนุ่มสาว มันเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะต้องสร้างความประทับใจให้กับอีกฝ่าย เพื่อที่ว่าจะได้มีการสานสัมพันธ์กันต่อได้ง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้นสาวๆ หลายคนจึงพยายามแต่งตัวให้ดูดี ด้วยการเลือกชุดที่สวยที่สุดใส่ในวันนั้น รวมถึงแต่งหน้าทำผมอย่างสุดฝีมือเท่าที่ตัวเองจะทำได้ แต่ผู้ชายจะรู้สึกอย่างไรถ้าผู้หญิงไปออกเดตโดยไม่สวมเสื้อผ้าใดๆ เลยจะมีก็เพียงกางเกงในตัวเดียวเท่านั้น ด้วยความอยากรู้ถึงคำตอบของคำถามนี้ จึงทำให้นางแบบสาวคนหนึ่งตัดสินใจทดลองด้วยการทำบอดี้เพนต์ แล้วนัดเจอกับหนุ่มรายหนึ่งที่นัดเจอผ่านแอปฯ ซึ่งผลที่ออกมาก็ได้สร้างความขำขันให้กับคนที่ดูได้มากเลยทีเดียว โดยเหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นในวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา เมื่อนางแบบสาวชื่อว่า Joy Jewell ได้นัดเจอกับหนุ่มนักแสดงตลกคนหนึ่งผ่านทางแอปพลิเคชั่น Tinder เพื่ออยากจะดูปฏิกิริยาของเขาในตอนที่เจอเธอว่าจะสังเกตไหมว่า จริงๆ แล้วเธอไม่ได้สวมเสื้อผ้าเลยสักชิ้นเดียว ซึ่งก่อนที่จะออกไปเจอกับหนุ่มคนนี้ Joy ก็ได้พรางตัวด้วยการทำบอดี้เพนต์จาก Jen Seidel หรือที่รู้จักกันในนาม Jen The Body Painter ผู้โด่งดัง โดยในส่วนบนของเธอนั้นมีเพียงแผ่นพลาสเตอร์ที่ปกปิดหัวนมเอาไว้เท่านั้น และท่อนล่างของเธอก็สวมเพียงกางเกงในเพียวๆ ตัวเดียวอีกด้วย ซึ่ง Jen ก็ได้บรรเลงฝีมือของเธอลงมาใส่ตัวของนางแบบสาวคนนี้ จนดูเหมือนกับว่าเธอสวมชุดจริงๆ อยู่เลย จากนั้นก็ถึงเวลานัดพบกับหนุ่มคนที่ได้นัดเอาไว้ เพื่อดูผลลัพธ์ที่จะได้กันแล้ว ทั้งสองคนนัดกันไว้ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐฯ และเมื่อได้เจอหน้ากันแล้วเขาก็ทำท่าทีเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาบอกว่าตัวเขาเองคิดว่า Joy นั้นกำลังโป๊อยู่แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้ความคิดนั้นผ่านไป เพราะคิดว่ามันคงเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดีที่เขาคิดเช่นนั้น ทั้งคู่พูดคุยกันอย่างสนุกสนานตลอดเวลาที่ได้กินข้าวร่วมกัน จนกระทั่งในตอนสุดท้ายที่ทั้งคู่ออกไปข้างนอกห้างฯ แล้วปรากฏว่ามีฝนตกลงมา คราบบอดี้เพนต์ที่อยู่บนตัวของ…
-
คู่รักออสเตรเลีย พากันขับรถตู้เที่ยวสุดแฮปปี้ 4 ปี เดินทางรวมกว่า 100,000 กิโลเมตร
การเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรเป็นฝันอันแสนหอมหวานที่อยู่ในความคิดของใครหลายคน แต่ก็ด้วยอุปสรรคต่างๆ จึงทำให้ไอเดียสุดบรรเจิดเช่นนี้ก็ยังคงไม่เป็นจริงสักที แต่ก็มีคู่รักหนุ่มสาวฮิปปี้คู่หนึ่งที่ลงมือทำมันให้กลายเป็นจริงขึ้นมาอย่างไม่สนใจปัญหาใดๆ และไม่กังวลว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าบ้าง จนทำให้ในตอนนี้พวกเขาได้เดินทางรอบประเทศออสเตรเลียด้วยระยะทางกว่า 100,000 กิโลเมตร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!! คู่รักฮิปปี้นี้มีชื่อว่า Cleo Codrington และแฟนหนุ่มของเธอ Mitch Cox แฟนหนุ่มของเธอ พวกเขามีอายุเท่ากันที่ 24 ปี และได้เดินทางร่วมกันมาในหลากหลายสถานที่ด้วยรถตู้คันเก่าๆ ยี่ห้อ Toyota Hiace นอกจากจะเป็นพาหนะขับเคลื่อนความฝันแล้ว รถคันนี้ยังได้แปรสภาพกลายเป็นบ้านพักอาศัยให้แก่ทั้งคู่มาเป็นเวลามากกว่า 3 ปีแล้ว การเดินทางของทั้งคู่เป็นไปอย่างเรียบง่ายชนิดที่ว่าค่ำไหนนอนนั่น รวมถึงเรื่องของอาหารการกินที่มีอาหารหลักคือทูน่ากระป๋อง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความสุขของทั้งคู่ลดน้อยลงแต่อย่างใด และความโรแมนติกของคู่นี้ก็คือ พวกเขามักจะตื่นเช้ามาดูวิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปในทุกวันด้วยกันเสมอๆ “เราอยากจะออกไปทำสิ่งที่ใครหลายคนเสียใจที่ไม่ได้ทำมาก่อนหน้านี้ พวกเราเรียนอยู่ในโรงเรียนและต้องทำทุกอย่างตามตารางเวลามามากกว่า 15 ปีแล้ว การที่เราจะต้องใช้เวลาตั้งแต่ 9 โมงเช้าไปจนถึง 5 โมงเย็น ตลอดวันจันทร์-วันศุกร์ ไปกับเรื่องพวกนี้มันเหมือนกับเรื่องบ้าบอคอแตกสิ้นดี” “พวกเราไม่มีงานประจำ, ลูกๆ, หนี้สิน หรือภาระผูกพันใดๆ ที่ทำให้พวกเราต้องกลับไป มันช่างเป็นเวลาที่แสนวิเศษสำหรับพวกเราจริงๆ” Cleo…
-
นักกีฬาสกีโอลิมปิก ทำการปิดฟาร์มเนื้อสุนัขที่เกาหลีใต้ แล้วพาหมาๆ กลับไปดูแล
จบลงไปแล้วกับมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ที่มีนักกีฬาจากหลากหลายชาติเข้าร่วมลงแข่งขันในกีฬาประเภทต่างๆ แต่ว่ามีนักกีฬาคนหนึ่งที่ไม่เพียงแต่ไปแข่งกีฬาเพียงอย่างเดียว เพราะเขายังได้แสดงตัวเป็นฮีโร่ ด้วยการช่วยให้ฟาร์มเลี้ยงหมาสำหรับเป็นอาหารในประเทศเกาหลีปิดตัวลง แถมยังได้ช่วยชีวิตของเจ้าขนปุยเป็นจำนวนมากอีกด้วย!! และชื่อของคนๆ นั้นก็คือ Gus Kenworthy นักกีฬาสกีจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ในปี 2018 นี้เขาได้เข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่จัดขึ้น ณ ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งนอกจากผลงานที่โดดเด่นในสนามแข่งแล้ว ชีวิตนอกสังเวียนของเขาก็ดูดีไม่แพ้กันจนถึงขั้นที่อาจได้รับรางวัลฮีโร่ประจำปีเลยก็ว่าได้ เพราะว่าเมื่อเร็วๆ นี้เขาได้ร่วมมือกับองค์กรต่อต้านการทารุณกรรณชื่อว่า Humane Society International ได้เดินทางไปพูดโน้มน้าวใจเจ้าของฟาร์มเลี้ยงหมา จนทำให้ฟาร์มเลี้ยงหมาแห่งนั้นปิดตัวลงได้สำเร็จ “ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่สถานที่ที่ผมควรนำวัฒนธรรมแบบตะวันตกมาใช้ แต่ว่าเหล่าสัตว์ต่างๆ ที่นี่ก็ได้รับการปฏิบัติอย่างรุนแรงจริงๆ มันเป็นเรื่องที่ไร้มนุษยธรรมมากๆ และสิ่งที่เรียกว่าวัฒนธรรมก็ไม่ควรจะเป็นแพะรับบาปสำหรับความโหดร้ายที่เกิดขึ้นนี้” Gus เขียนเอาไว้ในอินสตาแกรมของเขา การช่วยเหลือในครั้งนั้นของ Gus สามารถช่วยชีวิตหมาน้อยได้ถึง 90 ตัว แต่นอกจากการช่วยชีวิตหมาที่น่าสงสารเหล่านี้เอาไว้แล้ว เขายังได้วางแผนจะส่งพวกมันไปยังประเทศอเมริกาและประเทศแคนาดา เพื่อที่จะหาบ้านที่อบอุ่นให้กับพวกมัน และในตอนนี้เขาก็ได้รับอุปถัมภ์หมามาไว้ตัวหนึ่งชื่อว่า Beemo “ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะมอบชีวิตที่ดีที่สุดให้กับมัน ผมมั่นใจว่าจะทำให้มันมีความสุขที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้” Gus กล่าว การกระทำแสนงดงามของเขาในครั้งนี้ได้แสดงถึงความมีจิตใจดีของเขา แต่ว่านี่ไม่ใช่การช่วยเหลือแรกของชายคนนี้ เพราะก่อนหน้านี้ในปี 2014 ระหว่างที่เขาลงแข่งกีฬาที่ประเทศรัสเซีย เขาก็ได้จุดกระแสเรื่องการดูแลสัตว์ไปทั่วโลก จากการได้ช่วยชีวิตหมาเร่ร่อนที่เดินอยู่ข้างถนนอีกด้วย ในตอนนี้สถานการณ์เรื่องฟาร์มเนื้อหมากำลังดีขึ้นเป็นอย่างมาก…
-
ดาวเทียมจับภาพเส้นสีขาวปริศนา ที่ตัดผ่านโลกของเราเป็นความยาวกว่า 20,000 กิโลเมตร
โลกของเรามีสิ่งแปลกๆ ที่เป็นปริศนาเกิดขึ้นอย่างมากมาย และเรื่องบางเรื่องเราก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้เช่น มีอะไรอยู่ใต้มหาสมุทร หรือที่แกนของโลกมีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กำลังค้นหาคำตอบกันอยู่ในทุกๆ วัน แต่ว่าในตอนนี้ก็ได้มีคำถามใหม่เกิดขึ้นอีก เมื่อมีคนๆ หนึ่งใช้ดาวเทียมส่องดูโลกจากภายนอก แล้วดันไปพบเข้ากับเส้นตรงปริศนาที่ไม่สามารถหาที่มาที่ไปของมันได้ และที่สำคัญคือมันยังมีความยาวแบบเป็นหมื่นๆ กิโลเมตรอีกด้วย?? โดยเส้นพิศวงที่ลากผ่านส่วนต่างๆ ของโลกนี้ถูกค้นพบขึ้นโดย Tyler Glockner นักทฤษฎีสมคบคิดชื่อดังเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา และเขาก็ได้โพสต์วิดีโอการพบเจอปริศนานี้ลงในช่องยูทูบของเขาที่มีชื่อว่า secureteam10 ซึ่งเขาได้บอกเอาไว้ว่าปกติเขาเป็นคนที่ใช้ดาวเทียมของ Google Earth บ่อยๆ อยู่แล้ว เพื่อดูสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบริเวณที่ใกล้ๆ กับโลก และระหว่างที่เขากำลังใช้งานดั่งเช่นทุกๆ วันที่ผ่านมา เขาก็ดันไปเจอเส้นตรงเส้นนี้เข้าโดยบังเอิญ ซึ่งเส้นที่ว่านี้มันเป็นเส้นตรงที่ลากผ่านจากขั้วโลกใต้ไปยังขั้วโลกเหนือ ซึ่งความยาวของเส้นตรงนี้จากการประมาณการณ์ของ Tyler เขาก็บอกเอาไว้ว่ามันน่าจะมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 19,312 – 20,921 กิโลเมตร เลยทีเดียว “เส้นตรงนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยการบินอย่างแน่นอน เพราะแผนที่ที่ผมใช้ดูอยู่นี้มันมีระยะห่างเพียงพอสำหรับการดูกลุ่มเมฆและสภาพอากาศเพียงเท่านั้น ไม่อย่างงั้นผมคงเห็นเส้นทางการบินเป็นร้อยๆ พันๆ เส้นทาง” “ไม่ว่าอะไรก็ตามที่สร้างกลุ่มเมฆนี้เกิดขึ้น มันจะต้องมีขนาดใหญ่มากๆ ไม่เพียงเท่านั้นมันจะต้องเป็นอะไรที่มีความสามารถเพียงพอจะเดินทางจากขั้วโลกใต้ไปยังขั้วโลกเหนือที่มีระยะทางถึง 20,000 กิโลเมตรได้โดยไม่หยุดพัก และไม่มีการเปลี่ยนเส้นทางใดๆ เลยด้วย”…
-
18 ภาพถ่ายแสนธรรมดา แต่พอลองมองดูดีๆ ก็ต้องพบกับ ‘ความพีคขั้นสุด’ เจ๊ยยยย!!
หลายๆ คนคงจะรู้จักกับ ‘โฟโต้บอมบ์’ หรือว่าการแย่งซีนกันเป็นอย่างดี ซึ่งการแย่งซีนนี้ต่างก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับภาพถ่ายของตัวเองซะจริงๆ เพราะว่าบุคคลเหล่านี้มักจะฉกฉวยความสนใจในภาพไปซะหมด อีกทั้งยังทำให้รูปภาพของเรากลายเป็นรูปภาพที่ใครๆ เห็นก็อาจจะขำจนขากรรไกรค้างได้ และนี่คือรูปภาพของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่โดนโฟโต้บอมบ์กันซะเละเทะ จนกลายมาเป็นความฮาที่ได้แชร์ต่อๆ กันในโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งบอกได้เลยว่าการถ่ายรูปครั้งต่อไปของพวกเขา อาจจะต้องมีการเช็กหน้าเช็กหลังกันอย่างหวาดระแวงเลยแหละ 1. ก็เค้ามาเป็นพยานความรักให้ไง…แต่บังป้ายขอแต่งงานซะเกือบมิดเลยนะแก 2. ถ่ายภาพก็ถ่ายไปแต่อย่ามายุ่งกับหนู หนูหิว 3. เมื่อพี่น้องแต่งงานกันไปหมดจนเหลือผมแค่คนเดียว ช่างกล้องก็คงอยากจะจับภาพอารมณ์ตอนนั้นของผมแหละ 4. แค่ยืนๆ เฉยๆ ยังขโมยซีนได้ สุดยอดไปเลยคุณพี่ 5. เดี๋ยวลุง นี่มันที่สำหรับสาวๆ เนียนเลยนะ 6. หมดความหล่อทันที เมื่อเจอสุดยอดการตีกลองของเพื่อนร่วมวงเข้าไป 7. กำลังเปิดวิดีโอคอลกับแฟน อายเค้าหมดแล้วไหมเนี่ย 8. ทรงผมว่าเด่นแล้ว แต่ไอ้คนข้างหลังนี่มันยิ่งกว่าจริงๆ 9. เอ๊ะ นั่นมันมาสคอตเกม Monopoly นี่หว่า 10.…
-
18 ความรู้สึกช้ำๆ ของ ‘ลูกคนกลาง’ จะแย่ไปกว่าน้องสุดท้อง กับพี่คนโตสักแค่ไหนกันเชียว!!
บางครั้งการทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ มันก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีเสมอไป แม้กระทั่งการเป็นลูกคนกลางที่เราไม่ได้ตั้งใจจะเป็น มันก็เป็นเรื่องที่แย่ซะจริงๆ เพราะว่าบางทีพ่อแม่ก็ให้ความสำคัญกับลูกคนโตกับคนเล็ก จนลืมไปว่ามีเราอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงนี้เหมือนกันนะแม่ และนี่คือภาพความรู้สึกของลูกคนกลาง ที่ชาวเน็ตจากทั่วทั้งโลกได้ส่งต่อกันมาให้ได้รับรู้ว่า บรรยากาศของการเป็นลูกคนกลางนั้นมันเป็นอย่างไร และน่าน้อยเนื้อต่ำใจขนาดไหน แต่ก็นะฉันมันเป็นลูกคนกลางนี่ จะไปทำอะไรถูกใจให้ถูกใจแม่เหมือนคนโตกับคนเล็กได้ยังไงล่ะ ชิชะ เมื่อพี่กำลังเลี้ยงน้องอยู่ แล้วหนูจะทำอะไรดีล่ะ บางครั้งก็โดนพี่เอามาเป็นเกราะกำบังจากการโดนน้องแกล้งอยู่บ่อยๆ กับคนอื่นพ่อไม่เล่นอย่างนี้ด้วยหรอก อภิสิทธิ์พิเศษสำหรับหนูคนเดียว เอาน่าก็สองข้างมันบีบจนเต็มหมดแล้ว อย่าเรื่องมากไปหน่อยเลย โถ แล้วใครจะเห็นหนูกันละเนี่ย ไม่เล่นด้วยก็ได้ ไม่เสียใจหรอก ไม่เลยสักนิด ต้องพยายามทำสิ่งแปลกๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจเสมอ ต้องได้รับเสื้อต่อจากพี่ แต่น้องกลับได้ชุดใหม่เฉยเลย แม่: แม่จำได้ว่าลูกไม่ชอบเสื้อผ้าแนวสตีมพังก์ ใช่หรือเปล่านะ? ฉัน: แม่ หนูไม่ชอบสตีมพังก์แต่ไหนแต่ไรแล้ว นี่แม่คุยกับลูกถูกคนไหมเนี่ย แม่: ถ้าใกล้เลิกเรียนแล้วโทรหาแม่ด้วยนะ ฉัน: หนูอยู่บ้านมาตั้ง 2 ชั่วโมงแล้วแม่ แม่: ถ้าอยากให้ไปรับก็โทรมานะ…
-
นร. หญิงส่งข้อความ ‘ข่มขู่กราดยิงโรงเรียน’ อ้างเจตนาลงมือ เพื่อที่จะมีเวลาอ่านหนังสือสอบเพิ่ม
หลังจากเกิดเหตุการณ์กราดยิง (School Shooting) ขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา และทำให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวถึง 17 คน ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเกิดไอเดีย ที่จะใช้สถานการณ์ที่กำลังบอบบางเช่นนี้ให้เป็นประโยชน์ เธอจึงได้ส่งข้อความว่าจะก่อเหตุกราดยิงขึ้น โดยแท้จริงแล้วเธอมีจุดประสงค์เพื่ออยากจะมีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้นเพียงเท่านั้น โดยเรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่รัฐแอละแบมา ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อมีวัยรุ่นสาวมัธยมปลายชื่อว่า Emily Nicole Wilson วัย 18 ปี ที่กำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียน Vinemont High School ได้ส่งข้อความข่มขู่ว่าจะก่อเหตุกราดยิงขึ้นผ่านแอปฯ TextNow ในวันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และในเช้าวันรุ่งขึ้นเธอก็ต้องถูกจับกุมตัวเนื่องในข้อหา “สร้างสถานการณ์ก่อการร้าย“ โดยข้อหานี้เป็นการกระทำผิดกฎหมายในหมวดหมู่ C ของรัฐแอละแบมา ซึ่งมีบทการลงโทษก็คือจำคุกอย่างน้อย 1 ปีแต่ไม่เกิน 2 ปี และถ้ามีการตัดสินจริงก็จะทำให้สาวน้อยคนนี้ต้องถูกปรับเงินจำนวน 15,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 470,000 บาท) อีกด้วย โดยทางเจ้าหน้าที่กล่าวว่า เหตุที่ทำให้สาวคนนี้ส่งข้อความก็เป็นเพราะว่าเธอต้องการให้ลงโรงเรียนปิด เพื่อที่จะได้ซื้อเวลาสำหรับการอ่านหนังสือสอบนั่นเอง “เมื่อเราตัดสินใจจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เรามีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้น แต่รู้อะไรไหม ผลที่ได้ออกมาคือถูกจับกุมและต้องไปนอนอยู่ในคุกด้วยข้อหาเช่นนี้แหละ” Matt Gentry นายอำเภอประจำท้องที่กล่าว …
-
พ่อแม่สุดช็อก หลังรู้ความจริงว่าลูกเป็นเด็กกำพร้า กับ 7 ปีที่ทำใจเชื่อว่าเสียชีวิตไปแล้ว…
สำหรับคนที่เป็นพ่อคนแม่คนแล้ว ลูกๆ ของพวกเขาเปรียบเสมือนได้กับแก้วตาดวงใจ ที่รวบรวมความสุขของพวกเขาเอาไว้ แต่ก็ด้วยความโชคร้ายทำให้พ่อแม่บางคนต้องเสียลูกไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องเต็มไปด้วยความโศกเศร้าที่ยังอยู่ในหัวใจของพวกเขาเหล่านี้ ทว่าก็มีพ่อแม่คู่หนึ่งที่ได้มีโอกาสกลับมาเลี้ยงดูลูกของพวกเขาอีกครั้ง หลังจากที่คิดว่าเสียชีวิตไปแล้วถึง 7 ปี แต่แท้จริงแล้วเด็กคนนี้กลับต้องไปอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า และพวกเขาก็คงจะไม่รู้เลยถ้าหากไม่มีความผิดพลาดบางอย่างเกิดขึ้น!! โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้เริ่มขึ้นที่เมืองวอลโกกราด ประเทศรัสเซียตั้งแต่ปี 2011 เมื่อมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นที่โรงพยาบาลในเมืองวอลโกกราด ทว่าเด็กคนนี้กลับมีร่างกายที่ไม่แข็งแรงนัก และคุณหมอก็ได้บอกกับพ่อแม่ว่าเธอคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ อีกทั้งยังบอกพ่อแม่ให้ทำใจกับการจากไปของเด็กคนนี้เอาไว้ซะ คุณแม่ผู้ให้กำเนิดจึงเกิดความเสียใจเป็นอย่างมาก จนกระทั่งในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเซ็นชื่อสละสิทธิ์ในตัวของเด็กคนนี้ และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐในการดูแลต่อไป ทว่าในอีก 5 วันหลังจากที่มีการเซ็นสละสิทธิ์นี้ พ่อแม่คู่นี้ก็คิดว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนักอีกทั้งยังคิดว่าถึงจะมีเวลาใช้ร่วมกันอย่างน้อยนิดแต่อย่างไรก็น่าจะใช้ร่วมกันอย่างมีค่าที่สุด พวกเขาจึงกลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อจะรับลูกน้อยกลับมาอยู่ในอ้อมอก แต่เมื่อกลับไปถึงโรงพยาบาลทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าพวกเขามาช้าเกินไป เพราะว่าทารกคนนั้นได้เสียชีวิตไปก่อนหน้าที่พวกเขาจะมาถึงแล้ว สิ่งนี้ได้ยินสร้างความเสียใจให้แก่พวกเขาเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรชีวิตก็ยังคงต้องดำเนินต่อไปและพวกเขาก็ดำเนินชีวิตไปข้างหน้าเฉกเช่นสิ่งที่ควรจะเป็น ก่อนที่พวกเขาจะเพิ่งได้รู้ว่าเด็กคนนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ในปี 2017 ที่ผ่านมา ซึ่งถ้าไม่มีการผิดพลาดของระบบเกิดขึ้น พ่อแม่คู่นี้ก็คงไม่มีทางได้รู้ว่าลูกของพวกเขายังคงมีชีวิตอยู่ และได้อยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า Volgograd มาเป็นเวลาถึง 7 ปีเต็มๆ โดยเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา เมื่อหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางรัสเซีย (Federal Bailiff Service) ได้รับเอกสารจากผู้บริหารแสดงให้เห็นว่ามีคู่รักคู่หนึ่งที่ติดหนี้รัฐเป็นเงินจำนวน 230,000…
-
คู่หูพ่อลูกนักเพาะกาย เห็นลูกเล่นกล้ามก็อยากทำตาม ฟิตแน่นจนคนเชื่อว่าเป็นพี่น้องกัน
ไม่ว่าใครๆ ต่างก็รู้กันดีว่าการออกกำลังกายเป็นประจำจะทำให้เรามีสุขภาพดี มีร่างกายที่แข็งแรง รวมถึงยังทำให้เรามีรูปร่างที่ดีขึ้นด้วย ซึ่งถ้าหากยังไม่เชื่อว่าการออกกำลังกายจะสามารถทำได้จริงอย่างที่ว่า ก็ลองมาดูตัวอย่างของคุณพ่อคนนี้ที่หันมาออกกำลังกายกับลูก จนมีร่างกายที่แข็งแรงบึกบึนรวมถึงมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ จนเดินข้างกันแล้วเหมือนกับพี่น้องยังไงยังงั้นเลยก็ว่าได้ นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อที่มีชื่อว่า Roberto Casarotto ชาวอิตาลีวัย 51 ปี ที่ในอดีตเคยเป็นลุงอ้วนพุงพลุ้ย ทว่าเขาก็เกิดแรงบันดาลใจในการฟิตหุ่นของตัวเองขึ้นมา หลังจากที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงร่างกายของ Stefan ลูกชายวัย 23 ปีของเขาที่ออกกำลังกายอย่างหนักจนสามารถเข้าประกวดเพาะกายได้ เขาบอกว่ามีความสุขเป็นอย่างมากที่ได้เปลี่ยนแปลงร่างกายจนมีรูปร่างที่ดีได้ขนาดนี้ รวมถึงยังแสนจะดีใจที่บางครั้งมีคนมาบอกว่าเข้าใจผิดคิดว่าเขากับลูกเป็นพี่น้องกันด้วย “ลูกชายของผมเป็นแรงบันดาลใจให้ผมตัดสินใจปั้นร่างกายขึ้นมา เขาตัดสินใจจะลงแข่งเพาะกาย ผมเลยคิดว่าทำไมผมจะไม่เข้าร่วมด้วยล่ะ เราฝึกซ้อมกันอย่างหนักด้วยกันและก็ช่วยดูแลกันด้วย” “หลายๆ คนมักจะถามว่าเราเป็นพี่น้องกันเหรอ แต่เมื่อพวกเราบอกว่าเป็นพ่อกับลูกกัน พวกเขาก็ถามว่าจริงหรือเนี่ย” Roberto กล่าว คนแก่ไม่ยอมแก่คนนี้ได้เริ่มเพาะกายอย่างจริงจังตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2016 และได้ลงเข้าแข่งขันเพาะกายครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม ปี 2017 ซึ่งในการลงแข่งขันครั้งแรกในชีวิตนี้ ผลออกมาปรากฏว่าเขาสามารถคว้าอันดับที่ 6 มาครองได้อย่างภาคภูมิใจ ต่อมาในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน เขาก็ลงประกวดแล้วคว้ารางวัลอันดับที่ 2 มาครองได้เป็นที่สำเร็จ “ตอนนี้ผมยังคิดว่ายังไม่พอใจกับรูปร่างที่ตัวเองเป็นอยู่ เพราะผมมักจะเห็นรูปร่างของคนอื่นที่เพอร์เฟกต์ยิ่งกว่าผม ดังนั้นผมจึงตั้งใจฝึกซ้อมต่อไป…
-
อดีตนักมวยปล้ำชื่อดัง Brock Lesnar เตรียมพร้อมกลับไปดวลหมัดในเวที UFC อีกครั้ง
สำหรับแฟนๆ กีฬามวยปล้ำก็คงจะรู้จักกับชายร่างยักษ์สุดโหดที่มีชื่อว่า Brock Lesnar กันเป็นอย่างดี เพราะว่าความเก่งกาจไร้เทียมทานของเขานั้นได้ทำให้ตัวเขาเป็นแชมป์รายการต่างๆ มาแล้วอย่างมากมาย แต่รู้หรือไม่ว่าครั้งหนึ่งก่อนที่จะเข้าวงการมวยปล้ำ เขาได้เคยลงแข่งในรายการมวยที่มีชื่อว่า UFC มาก่อน และในตอนนี้เขาก็พร้อมที่จะกลับไปสู่สังเวียนมวยกรงอีกครั้งหนึ่งแล้ว สำหรับแชมป์รายการ WWE Universal Champion คนนี้คงไม่มีใครปฏิเสธถึงความดุดันในฝีมือการปล้ำของเขาได้ การเป็นแชมป์มาแล้วมากมายหลายสถาบัน สามารถเป็นเครื่องพิสูจน์ความป่าเถื่อนของเขาได้อย่างดี แต่ในวันนี้เขากำลังจะพาตัวเองหวนกลับสู่วงการเก่าของตัวเขาเอง นั่นก็คือการชกมวยกรงแปดเหลี่ยมนั่นเอง ซึ่งในเรื่องนี้ทาง Paul Heyman ผู้จัดการส่วนตัวระดับตำนานของเขา ก็ได้ออกมายืนยันถึงแผนการของ Lesnar ว่ามันมีโอกาสที่จะเป็นจริงได้ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว เพราะว่าสัญญาของเขากับทาง WWE กำลังจะหมดลงหลังจากศึก Wrestlemania ที่กำลังจะมาถึง และตัวของนักชกเองนั้นก็พร้อมซะยิ่งกว่าจะหาสิ่งใดมาเปรียบ “การออกห่างจากวงการต่อสู้แบบผสมผสานมาเป็นเวลานาน ดูเหมือนจะทำให้เขาดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะร่างกายของเขามีเวลาที่จะได้รักษาตัวเอง ซึ่งในตอนนี้ Lesnar อาจจะเป็นนักสู้ที่มีสุขภาพดีที่สุดในวงการ UFC เลยล่ะ ถ้าเขาตัดสินใจเข้าร่วมนะ” Paul กล่าว ทว่าข่าวลือเรื่องการกลับมาของ Lesnar กลับไม่ได้ทำให้ Dana White ประธานบริหารของ UFC แปลกใจมากนัก เพราะเขารู้มาตลอดว่าเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้นในวันได้สักวันหนึ่งอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า Lesnar ยังต้องการจะฟาดปากกับ Jon…
-
มันถึงเวลาแล้ว… เกาะแมวที่ญี่ปุ่นประสบปัญหาแมวเยอะเกินดูแล จึงต้องเพิ่มมาตรการทำหมันให้
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นนั้นก็มีอย่างมากมาย ทั้งภูเขาไฟฟูจิ ตลาดปลาซึกิจิ หรือวัดวาอารามต่างๆ ที่มีชื่อเสียง ทว่าก็ยังมีอีกสถานที่หนึ่งที่สามารถดึงดูดให้คนไปท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก นั่นก็คือ ‘เกาะแมว’ ที่มีแมวอยู่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด และก็ถือได้ว่าเป็นสวรรค์สำหรับคนที่รักเจ้าขนปุยแสนกวนซะจริงๆ แต่ว่าในตอนนี้ได้มีข่าวล่าสุดที่คาดเอาไว้ว่าน่าจะเกิดขึ้นกับเกาะแมว เพราะว่าทางผู้ดูแลแมวเหล่านี้กำลังวางแผนที่จะมีการทำหมันให้กับพวกแมวที่อยู่บนเกาะเพราะว่าพวกมันกำลังจะมีจำนวนที่มากเกินจะดูแลได้แล้ว ในประเทศญี่ปุ่นก็จะมีเกาะแมวน้อยใหญ่ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเยี่ยมชมได้อย่างมากมาย แต่ถ้าหากถามถึงเกาะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งก็ต้องเป็นเกาะที่ชื่อว่าเกาะอาโอชิมะ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเอะฮิเมะ โดยเกาะแห่งนี้มีแมวกว่า 130 ชีวิตที่เดินร่อนอยู่อย่างอิสระทั่วทั้งเกาะ และมันสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ไปเยี่ยมชมพร้อมกับเล่นกับพวกมันได้เป็นจำนวนมากในปีๆ หนึ่ง ส่วนมากแล้วไม่ว่าใครที่ได้ไปเยือนเกาะแมวแห่งนี้ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มันเป็นเหมือนกับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์จริงๆ ที่มีแมวมาห้อมล้อมรอบกายแบบนี้ แต่สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยบนเกาะแล้วพวกเขากลับรู้สึกว่า ในตอนนี้แมวที่มีอยู่บนเกาะมันน่าจะมีจำนวนที่มากเกินไปแล้ว จึงทำให้กลุ่มผู้ดูแลแมวทั้งหมดบนเกาะนี้ที่มีชื่อว่า สมาคมคุ้มครองแมวอาชิมะ (Aoshima Cat Protection Society) ได้แนะนำให้มีการทำหมันแมวทุกตัวบนเกาะแห่งนี้เพื่อที่จะลดจำนวนประชากรของพวกมันลงให้อยู่ในจุดที่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง และอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้มีการทำหมันแมวเกิดขึ้น นั่นก็เป็นเพราะว่ามีจำนวนผู้ดูแลไม่เพียงพอ โดยสามารถเห็นได้ชัดจากความที่มีแมวจำนวน 130 ตัวอยู่บนเกาะแห่งนี้ แต่กลับมีมนุษย์เพียงแค่ 13 ครัวเรือนเท่านั้นและที่สำคัญคือพวกเขาเหล่านี้มีค่าเฉลี่ยอายุอยู่ที่เกินกว่า 75 ปีอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเรื่องของอุปกรณ์การดูแลเแมวต่างๆ ที่มีอยู่อย่างไม่เพียงพอทั้งอาหาร ยารักษาโรคต่างๆ อย่างในปี 2016 ที่ผ่านมาทางสมาคมก็ต้องประกาศขอรับบริจาคอาหารแมวเพื่อจะใช้เลี้ยงแมวเหล่านี้ต่อไป ซึ่งในตอนนี้สังคมของชาวญี่ปุ่นเองก็คิดว่าไม่ควรจะมีแมวจำนวนที่มากกว่านี้ด้วยเช่นเดียวกัน …
-
18 เหล่าบุคคลที่เกิดมารู้จักแต่คำว่า ‘ชนะเลิศ’ เท่านั้น จะทำอะไรก็ดีไปโหม๊ดดดด!!
ว่ากันว่าโลกของเราจะมีคนอยู่ประเภทหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรมันก็กลายเป็นงานที่แสนจะเพอร์เฟกต์ไปซะหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องไร้สาระ หรือแม้แต่เรื่องตลก พวกเขาเหล่านี้ก็ทำออกมาได้ดีซะจนต้องคิดว่ากินอะไรเข้าไปเนี่ยถึงได้เก่งขนาดนี้นะ และนี่คือรูปภาพของคนดังกล่าว ที่จะมาทำให้เห็นอยู่คนประเภทนี้มีอยู่จริงๆ และที่สำคัญคือบางครั้งความเก่งกาจของพวกเขามันก็อาจทำให้เราฮาจนน้ำตาเล็ดน้ำตาไหลไปตามๆ กัน พูดซะขนาดนี้แล้วใครบางคนอาจจะยังไม่เชื่่อ อ่ะถ้างั้นลองพิสูจน์ด้วยสายตาของแต่ละคนเองได้เล๊ย!! 1. เชือกผูกรองเท้ามันต้องเอนกประสงค์อย่างนี้ แบบธรรมดาก็โยนๆ ทิ้งไปเถอะ 2. อาจจะไม่มีใครเชื่อ แต่นี่คือเรื่องจริงของลูกชายผมที่สามารถตั้งคอได้ตั้งแต่แรกเกิดขึ้น 5 นาทีแหนะ 3. ผมพยายามคุ้ยขยะกว่า 30 นาที เพื่อหาตัวซองนี้มายืนยันกับแฟนว่า ปลายซองที่ฉีกออกมันไม่ได้มาจากซองของถุงยางอนามัยนะ (เกือบบ้านแตกแล้วไหมล่ะ) 4. ลุงผมเก็บขวดนี้มานานกว่า 35 ปี เพื่อจะลบล้างคำพูดของแม่ของที่บอกว่าเขาทำไม่ได้หรอก 5. เมื่อเมียบอกว่าผมขายหนังสือไม่ได้หรอก แต่พอผมตั้งป้ายนี้ผมก็ขายหมดเกลี้ยงในไม่กี่ชั่วโมง 6. ถ้าใครบอกคุณว่าบ้านเขามีเลขที่บ้านอย่างนี้ ใครมันจะไปเชื่อกันล่ะ 7. เมื่อครูบอกว่าเขามีปากที่ใหญ่มาก เขาก็เลยพิสูจน์ให้ได้เห็นกันไปเลย 8. ใครบางคนบอกว่าผมมีหน้าที่คล้ายกับ Unabomber (นักวางระเบิดชื่อดัง) ซึ่งเมื่อมาเทียบกันแล้วมันก็เหมือนอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ …
-
งานเหนื่อยแต่เที่ยวฟรี!! รับสมัครนักปั่นทริปข้าม 2 ทวีป ทำบันทึกเดินทางระยะเวลา 4 เดือน
สำหรับใครที่เคยฝันเอาไว้ว่าอยากเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก แต่ว่ายังไม่มีโอกาสได้ทำจริงๆ สักที เนื่องจากว่าการเงินไม่เอื้ออำนวยทั้งค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่ากินอยู่ต่างๆ เลยไม่ได้เดินทางไปไหนสักที ทว่าในตอนนี้โอกาสทองสำหรับผู้ที่มีความฝันเช่นนี้ได้มาถึงแล้ว เพราะในตอนนี้ได้มีบริษัทแห่งหนึ่งที่กำลังเฟ้นหาผู้ที่จะเข้ารับการฝึกงาน โดยจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดทั้งทริปให้ สิ่งที่คุณต้องทำก็เพียงแค่ปั่นจักรยานผ่านประเทศต่างๆ แล้วเก็บภาพวิดีโอมาส่งเพียงแค่นั้น!! โดยบริษัทสุดแสนจะใจดีนี้มีชื่อว่า TDA Global Cycling ซึ่งเป็นบริษัทจัดทัวร์ท่องเที่ยวด้วยจักรยานที่เปิดให้บริการมากกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ในตอนนี้พวกเขากำลังมองหาช่างภาพวิดีโอ ที่จะคอยทำหน้าที่บันทึกบรรยากาศเรื่องราวต่างๆ ตลอดทั้งทริปการเดินทางทั่วทั้งทวีปยุโรป – แอฟริกา เป็นเวลา 4 เดือนเต็ม โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้นทางบริษัทจะเป็นผู้ออกให้ทั้งหมด ทั้งนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องเดินทางเหงาอย่างเดียวดาย เพราะว่าผู้สมัครที่ได้รับคัดเลือกจะได้เดินทางร่วมกับนักปั่นจักรยานคนอื่นๆ เพื่อจัดทำวิดีโอเก็บบรรยากาศในสถานที่ที่พวกเขาปั่นข้ามไปตลอดทั้งเส้นทาง โดยทริปการเดินทางนี้จะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 กันยายน 2018 ที่เมืองบาเซโลน่า ประเทศสเปน ซึ่งคุณจะได้เดินทางกับนักปั่นจักรยานจากทัวร์ชื่อว่า Trans-Europe ของทางบริษัท ที่จะเริ่มปั่นจักรยานออกจากประเทศสเปนไปยังเมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เมื่อคุณไปถึงที่จุดหมายปลายทางและพักจนหายเหนื่อยแล้ว ต่อจากนั้นก็จะได้บินไปที่เมืองกาซาบล็องกา ประเทศโมร็อกโก ซึ่งเป็นสถานที่ที่คุณจะได้ร่วมสนุกไปกับอีกทัวร์หนึ่งของบริษัทที่มีชื่อว่า West Africa en Vélo และทัวร์นี้เองที่คุณจะได้ใช้เวลากว่า 2…
-
หนุ่มเผยการต่อกรกับเหล่า ISIS มีชีวิตรอดกลับมาได้ ด้วยทักษะจากเกม ‘Call of Duty’
ในการเข้าร่วมการรบแต่ละครั้งนั้น เหล่าทหารก็จะต้องมีการเตรียมความพร้อมในทักษะด้านต่างๆ เพราะว่าเมื่อได้เข้าร่วมในสถานการณ์จริงแล้วโอกาสในการแก้ตัวเป็นครั้งที่ 2 อาจจะไม่มี แต่ก็มีหนุ่มคนหนึ่งที่ออกมาบอกว่า เขาสามารถรอดชีวิตมาจากการสู้รบกับกลุ่มไอซิสมาได้ ด้วยทักษะจากการเล่นเกม โดยหนุ่มคนดังกล่าวเป็นชาวอเมริกันวัยเพียง 24 ปีชื่อว่า John Duttenhofer จากรัฐโคโลราโด ซึ่งเขาเป็นหนุ่มเกมเมอร์ที่ยอมลาออกจากงานพนักงานบริการลูกค้าในเดือนเมษายน 2017 ที่ผ่านมา จากนั้นเขาก็ได้บินข้ามน้ำข้ามทะเลมา เพื่ออาสาจะเข้าร่วมต่อสู้เคียงข้างกับหน่วยพิทักษ์ประชาชนชาวเคิร์ดหรือ YPG ในเมือง Ragga ประเทศซีเรีย โดยมีจุดมุ่งหมายคือปลดปล่อยชาวเมืองจากการควบคุมของกลุ่มไอซิสให้จงได้ John ในตอนที่ไปรบที่ซีเรีย และถ้าหากเขาเสียชีวิตลงไปก็จะเป็นการตายแบบฟรีๆ เนื่องมาจากกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ยืนยันอย่างแข็งขันว่า ชาวอเมริกันที่อาสาสมัครไปสู่รบที่ประเทศซีเรียจะไม่มีกฏหมายใดๆ ที่รองรับผลที่จะตามมาทั้งสิ้น โดยหนุ่มอดีตพนักงานบริการลูกค้าคนนี้ ได้บอกว่าการนั่งเล่นเกมแนว FPS เป็นเวลากว่า 13 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้เขามีความเข้าใจในด้านอาวุธต่างๆ อีกทั้งยังได้สอนทักษะการต่อสู้ให้กับเขา ในช่วงที่จะบินมาที่ประเทศซีเรียนี้ด้วย ต่อสู้กว่า 6 เดือนจึงจะได้กลับบ้าน John ใช้เวลากว่า 6 เดือนในการสู้รบกับกลุ่มไอซิส ก่อนที่ในที่สุดเขาก็ได้รับปล่อยตัวกลับมายังประเทศสหรัฐอเมริกา บ้านเกิดของเขาในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และเขาก็ได้เล่าประสบการณ์ในการไปรบของเขาให้ฟังเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ที่เดินทางกลับถึงบ้านของเขาที่รัฐโคโลราโด ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเขาเล่าให้ฟังว่า…
-
ชมแฟชั่นชุดว่ายน้ำของสาวๆ จีน พร้อมเหตุผลที่ต้องใส่แบบนี้ เพราะผิวจะได้ไม่หมองคล้ำ!!
หากจะพูดถึงเรื่องความสวยความงามสำหรับสาวๆ ชาวเอเชียแล้วล่ะก็ เรื่องของผิวพรรณที่ขาวใสน่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่สาวๆ อยากจะมีกัน มันจะทำให้เราดูโดดเด่นขึ้นกว่าเพื่อนๆ ในกลุ่ม แถมยังเป็นที่สามารถเย้ายวนหนุ่มๆ ให้มาหลงรักได้แบบง่ายๆ อีกด้วย ตามค่านิยมในปัจจุบัน สาวๆ หลายคนจึงสรรหาวิธีทำให้ตัวเองที่ผิวพรรณที่เปล่งปลั่งขึ้นมา ด้วยการทำวิธีต่างๆ ทั้งทาครีมโลชั่น กินกลูต้า หรืออื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำร้ายผิวของเราให้ดูคล้ำลงได้ ใครหลายคนจึงพยายามจะสวมชุดให้มิดชิดเพื่อป้องกันแสงแดดที่มันร้อนซะจนแทบจะไหม้ สาวจีนเหล่านี้ก็เช่นกัน เห้ย นี่มันนักมวยปล้ำรึเปล่าเนี่ย แต่ถ้าเราไปเที่ยวทะเลหรือไม่ว่ายน้ำ การที่จะใส่เสื้อฮู้ดหรือแจ็คเก็ตก็คงดูไม่เหมาะ จึงได้มีการออกแบบชุดว่ายน้ำแบบหนึ่งขึ้นมา และกำลังเป็นที่นิยมสำหรับสาวๆ ในประเทศจีน ซึ่งชุดว่ายน้ำที่ว่านี้เป็นชุดว่ายน้ำที่สามารถปกปิดส่วนต่างๆ ของร่างกายได้เป็นอย่างดี แถมยังทำให้เราสามารถว่ายน้ำได้อย่างสนุกอีกด้วย โดยภาพเหล่านี้ได้ถ่ายขึ้นมาจากช่างภาพชื่อว่า Philipp Engelhorn ที่จะทำให้เราได้เห็นว่าเราสามารถที่จะสนุกกับการเล่นน้ำ ไปพร้อมๆ กับการป้องกันผิวดำได้ ถึงมันจะดูแปลกๆ ไปซักหน่อยก็เถอะนะ ใส่ซะขนาดนี้ ดำก็ให้มันรู้ไปสิยะ เจอกลางคืนนี่มีหลอนกันบ้างแหละ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือหน้ากากนี่แหละ ก็เค้ากลัวฝ้าขึ้นง่ะ เอาสิถ้ายังดำอีกฉันจะเผาชุดนี้ทิ้งซะเลย อันนี้ห่วงแต่ช่วงบนอย่างเดียว ช่วงล่างปล่อยมันไป ถ้าเข้าบ้านมานี่ นึกว่าขโมยนะเนี่ย…
-
เรามาถึงจุดนี้กันแล้ว กับการขอแต่งงานด้วยอะโวคาโด ความโรแมนติกแบบหอมๆ มันๆ
การขอแต่งงานถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับชีวิตของคนๆ หนึ่ง เพราะคำตอบของคำขอนี้มีเพียงแค่สองอย่างเท่านั้นคือ ‘รับ’ หรือ ‘ไม่’ ดังนั้นหลายคนจึงคิดค้นวิธีการขอแต่งงานต่างๆ ขึ้นมาเพื่อให้คนรักประทับใจยอมตกลงแต่งงานกับตน รวมถึงยังเป็นการสร้างความทรงจำที่ดีของทั้งคู่ให้มีความพิเศษมากขึ้นไปอีกด้วย สิ่งที่หลายคนทำก็คงจะเป็นการคุกเข่ามอบแหวนให้ ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องโรแมนติกมากพออยู่แล้ว แต่ว่าในตอนนี้ได้มีเทรนด์แปลกๆ เกิดขึ้นสำหรับการขอแต่งงานเกิดขึ้น นั่นก็คืิอการใช้ผลไม้อย่างอะโวคาโดเป็นที่สำหรับใส่แหวนแต่งงาน ซึ่งนับได้ว่าเป็นมิติใหม่ของการขอแต่งงานเลยก็ว่าได้ สำหรับผลอะโวคาโด ใครหลายคนอาจจะชอบกินเพราะว่ามันมีรสชาติที่แสนอร่อย หรือบางทีนำมามิกซ์เป็นเมนูใหม่ๆ ขึ้นมาได้อีกมากมาย รวมถึงอาจจะสามารถเอามาทำเป็นแก้วกาแฟแบบเก๋ๆ ได้อีกด้วย แต่ใครจะไปคิดว่าจะมีคนเอามันมาใช้สำหรับการขอแต่งงานล่ะ โดยจุดเริ่มต้นของวิธีการขอแต่งงานเช่นนี้ ได้ถือกำเนิดขึ้นจากคู่รักชาวบาหลีคู่หนึ่งที่หมู่เกาะกิลิ ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อหญิงสาวชื่อว่า Taylor ได้ถูกแฟนหนุ่มของเธอชื่อว่า Ben ขอแต่งงานด้วยการนำแหวนมาใส่เอาไว้ในผลอะโวคาโด ซึ่งเป็นผลไม้ที่เธอแสนจะโปรดปรานนั่นเอง “ผลไม้ที่ฉันชอบที่สุดในโลกได้เผยให้เห็นถึงแหวนเพชรอยู่ข้างในแทนที่จะเป็นหลุมอย่างที่มันควรจะเป็น นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตฉันเลยที่เคยได้เจออะไรอย่างนี้ ในตอนนั้นมันตื่นเต้นมากจนลืมคิดถึงอะโวคาโดไปเลย และในที่สุดฉันก็เซย์เยส” Taylor กล่าว นอกจากการใช้ผลไม้แสนอร่อยนี้ขอแต่งงานแล้ว ทั้งคู่ยังเลือกใช้ผลอะโวคาโดเป็นธีมหลักสำหรับงานแต่งงานของพวกเขาด้วย “แทนที่จะเป็นการจับมือกันตัดเค้กเหมือนกับที่มันควรจะเป็น แต่เราตัดสินใจจะตัดอะไรโวคาโดแทน แถมแขกที่มาร่วมงานก็จะได้รับคัพเค้กที่ตกแต่งด้วยผลอะโวคาโดด้วย” Taylor กล่าว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาการขอแต่งงานด้วยผลไม้ชนิดนี้ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น และมีคู่รักจำนวนมากที่เอาวิธีการนี้ไปใช้ ดั่งเช่นผู้ใช้อินสตาแกรมที่มีชื่อว่า @madamedaloia ก็ได้โพสต์รูปแหวนแต่งงานที่อยู่ในผลอะโวคาโดแสนสวยที่ใช้สำหรับโอกาสพิเศษของพวกเขาด้วยเช่นเดียวกัน การขอแต่งงานด้วยวิธีนี้อาจจะเป็นอีกวิธีหนึ่งสำหรับสาวๆ…
-
พ่อชาวญี่ปุ่นชนะสิทธิการดูแลเด็กๆ กว่า 13 คน ที่เกิดจากการจ้างหญิงไทยอุ้มบุญ!!!
หลังจากเคยเป็นคดีอื้อฉาวในปี 2017 ที่ผ่านมา ถึงกรณีของมหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่จ้างคนไทยอุ้มบุญให้กับน้ำเชื้อของเขา และมีเด็กกำเนิดออกมาถึง 13 คนในประเทศไทย ในตอนนี้ศาลได้มีคำสั่งให้เขาชนะความ และมีสิทธิในการดูแลเด็กๆ เหล่านั้นอย่างเต็มที่แล้ว หลังจากคุณแม่อุ้มบุญได้ยกเด็กๆ เหล่านี้ให้แต่โดยดี โดยจุดกำเนิดของเรื่องราวนี้ได้เกิดขึ้นในปี 2014 หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าบุกเข้าตรวจค้นคอนโดมิเนียมที่ใช้เป็นสถานที่อุ้มบุญแห่งหนึ่ง และพบเด็กจำนวนกว่า 9 คนที่นั่น นายมิตซึโตะกิ ชิเกะตะ หลังจากนั้นจึงมีการตรวจสอบดีเอ็นเอแล้วก็พบว่าเด็กๆ ทั้ง 9 คนมีดีเอ็นเอตรงกับ นายมิตซึโตะกิ ชิเกะตะ ชาวญี่ปุ่น ทางเจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่ได้มีการตั้งข้อหาเขาแต่อย่างใด โดยเด็กๆ ที่พบมีอายุอยู่ที่ประมาณ 2 สัปดาห์ – 2 เดือนในเวลานั้น ซึ่งเด็กๆ ทั้ง 9 คนก็อยู่ในการดูแลของรัฐบาลไทย ระหว่างที่มีขั้นตอนการสืบสวนเกิดขึ้น ทว่าหลังจากนั้นก็ได้มีการสืบค้นเพิ่มเติมและได้พบเจอเด็กอีก 4 คนที่มีดีเอ็นเอตรงกับเขา และเมื่อรวมกันทั้งหมดแล้วก็ปรากฏว่าชายคนนี้เป็นพ่อของเด็กถึง 13 คนเลยทีเดียว พี่เลี้ยงดูแลเด็กๆ ทั้ง 9 คน การค้นพบทั้งหมดในครั้งนี้ เป็นผลจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงมือกวาดล้างธุรกิจการอุ้มบุญที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในประเทศไทยในขณะนั้นนั่นเอง…
-
ศิลปินสุดครีเอต เปลี่ยนอาหารให้กลายเป็นสิ่งของที่อยู่ในชีวิตประจำวัน แหมน่ารักซะจริงๆ
อาหารเป็นสิ่งที่เราต้องเจอวันละหลายครั้งทั้ง มื้อเช้า มื้อกวางวัน มื้อเย็น (แถมบางคนยังมีก่อนนอนอีกนะ) จึงไม่น่าแปลกใจเลยถ้าเราจะเกิดเบื่ออาหารขึ้นมา เพราะว่ามันมีหน้าตาที่ซ้ำซากจำ เปิดกล่องมาทีไรก็ต้องเจอแต่ข้าวราดแกงหน้าตาซ้ำๆ ที่เรากินกันมาจนกระเพาะแทบจะเดาได้ว่าวันนี้มันจะได้รับอะไร ดังนั้นจึงมียูสเซอร์อินสตาแกรมท่านหนึ่งชื่อว่า @made_by_helga ลงมือสร้างสรรค์เรื่องราวต่างๆ ขึ้นโดยใช้อาหารเป็นตัวสื่อ เพาะว่ามันสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถเปิดมิติใหม่ๆ ให้กับการตกแต่งอาหารสำหรับคนที่พบเจอได้อีกด้วย มีประโยชน์อย่างนี้ ทำไมเราไม่นำเอามาแต่งเล่นบ้างนะ??? อ่านอะไรอยู่อ่ะ ไหนบอกหน่อยสิ มันจะบินหนีไปไหมอ่ะ หวัดชื่อฉันชื่อข้าวโพด ยินดีที่ได้รู้จัก ถ้ามีองุ่นอย่างนี้จริงๆ จะซื้อมากินทุกวันเลยเอ้า เป็นถาดสีที่น่ากินมากถาดหนึ่ง มนุษย์สปาเก็ตตี้ได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว มีแต่ช้างกินกล้วย อันนี้กล้วยสร้างช้าง แก่แล้วสินะ ผมขาวซะขนาดนี้ ช่วยหนอนน้อยที่น่าสงสารตัวนี้ด้วยเถิด หมียักษ์แสนน่ารัก นี่แหนะๆ จิ้มซะให้เข็ด เป็นทรงผมที่ดูหยึยๆ ยังชอบกลเหมือนกันนะ ดีนะที่ซีลไว้ก่อนเลยไม่ตกมาแตก ใครอยากลองมานั่งชิลที่บ้านก็ย่อมได้นะ นี่มันภูเขาไฟฟูจินี่นา …
-
ทำไปได้!! หนุ่มใช้ส่วนท้อง “ปลาตกเบ็ด” ช่วยตัวเอง สุดท้ายจบที่โรงบาลเพราะติดเชื้อ
เมื่อมีความกำหนัดเกิดขึ้นแล้วไม่สามารถหาที่ปลดปล่อยได้ สัญชาตญาณของมนุษย์จึงสร้างสิ่งที่เรียกว่า ‘การช่วยตัวเอง’ ขึ้นมาเพื่อเป็นการคลายความต้องการนั้นลง การช่วยตัวเองจึงเป็นเรื่องธรรมชาติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกคน และดูเหมือนกับว่ามันจะเป็นวิธีที่ปลอดภัยวิธีหนึ่งสำหรับความสุขสมอารมณ์หมายเลยทีเดียว แต่กระนั้นก็มีบางคนที่คิดว่าการช่วยตัวเองแบบธรรมดามันน่าเบื่อจนเกินไป พวกเขาจึงได้คิดค้นวิธีการสำเร็จความใคร่ใหม่ๆ ด้วยรูปแบบต่างๆ รวมถึงพ่อหนุ่มคนนี้ที่ช่วยตัวเองด้วยวิธีสุดพิศดารอย่างการใช้ช่วงท้องของปลามาเป็นเครื่องมือช่วยตัวเอง และในตอนสุดท้ายเขาก็ต้องติดเชื้อจนเข้าไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มในโรงพยาบาลในที่สุด โดยหนุ่มคนที่มีการกระทำสุดโต่งดังกล่าว เป็นชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ไม่ประสงค์จะออกนาม ซึ่งเขาได้นำอวัยวะภายในช่วงท้องของปลาตกเบ็ดหรืออีกชื่อหนึ่งว่าปลาแองเกลอร์ ที่มีหน้าตาสุดแสนจะน่ากลัวมาเป็นตัวช่วยในการสาวแหนของตัวเอง และแน่นอนว่าสิ่งที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้เขาก็ไม่ลืมที่จะแชร์ให้ชาวเน็ตได้รับรู้รสชาติการช่วยตัวเองที่แปลกใหม่ด้วย ชายคนนี้ได้อัพโหลดประสบการณ์ไม่รู้ลืมของเขาลงในเว็บไซต์ฟอรัมของญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า 2Channel รวมถึงยังมีรูปภาพที่ดูไม่น่าพิสมัยมาช่วยเติมเต็มให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงอารมณ์ได้อย่างเต็มที่ โดยสิ่งแรกที่เราจะได้เห็นเมื่อเข้าชมกระทู้ของเขานั้น เราจะได้เห็นเครื่องในของปลาที่อยู่ในตะกร้าพลาสติก ซึ่งมีทั้งส่วนที่เป็นเนื้อสีแดงๆ รวมถึงส่วนที่เป็นไขมันสีขาวสด และเพื่อความแน่ใจในเรื่องความปลอดภัยว่า เจ้าเครื่องในปลานี้มันจะไม่ทำให้กระปู๋ของเขาติดเชื้อ เขาจึงได้ทำการล้างอวัยวะเหล่านี้ด้วยแอลกอฮอล์และเกลือให้ดูด้วยซะเลย แต่ถ้าว่าจริงๆ แล้วทั้งสองสิ่งนี้คงเป็นอะไรที่ใครๆ ก็คงไม่อยากให้มันมาย่างกรายเข้าใกล้อวัยวะเพศมากนัก หลังจากนั้นการทำความสะอาดเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็ขยำๆ รวมกันจนมันมีความเหนียวมากพอที่จะสามารถห่อหุ้มมือของเขาได้ และแน่นอนว่าเขานำมาไปหยิบมันมาสวมเหมือนกับถุงมือหนังยังไงยังงั้น ซึ่งพอถึงตรงนี้เขาก็ได้เขียนแคปชั่นประกอบภาพเอาไว้ด้วยว่า “ผมถอดกางเกงรอแล้วตอนนี้” หลังจากนั้นเขาก็ลงมือปฏิบัติกามกิจด้วยถุงมือเครื่องในปลาอันนี้จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยด้วยดี ทว่าในเวลาต่อมา ความสุขที่เขาเคยมีมันก็เริ่มหดหายลงไป และแทนที่ด้วยความทุกข์ทรมานแทน เพราะเขาบอกว่ามันเริ่มมีการเจ็บแสบขึ้นที่น้องชายของเขา และในที่สุดก็ทนไม่ไหวจนต้องพาตัวเองไปที่โรงพยาบาล ซึ่งก็ปรากฏว่าที่อวัยวะเพศของเขานั้นเกิดการติดเชื้อขึ้น!! ซึ่งทางแพทย์ก็ได้วินิจฉัยออกมาว่าเขาป่วยด้วยอาการท่อปัสสาวะอักเสบ และได้ให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อพร้อมกับให้ยามาทาที่อวัยวะเพศเพื่อลดความเจ็บแสบร่วมด้วย เห็นอย่างนี้แล้วถ้าหากใครอยากลองประสบการณ์แปลกๆ ก็ลองศึกษากรณีของชายคนนี้ดูก่อนดีกว่า เพราะบางทีมันอาจจะทำร้ายสุขภาพของเราจนต้องมาเจ็บปวดเหมือนกับชายคนนี้ก็เป็นได้ ที่มา: ladbible
-
ผู้คุมขังเปิดใจ… ถ้าหากวันนั้นไม่ได้นักโทษแหกคุกช่วยเอาไว้ เขาอาจจะหมดลมหายใจไปแล้ว
สำหรับนักโทษแล้ว ผู้ที่เหมือนกับกุมชะตาชีวิตของพวกเขาเอาไว้อยู่ก็คือเหล่า ‘ผู้คุม’ ที่จะคอยควบคุมดูพฤติกรรมของนักโทษให้ถูกที่ถูกทาง ดังนั้นผู้คุมกับนักโทษจึงเหมือนเหมือนลิ้นกับฟันที่พร้อมจะกระทบกระทั่งกันตลอดเวลา แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า ในอดีตจะเคยมีเรื่องราวของนักโทษที่ยอมเสี่ยงแหกคุกออกมาเพื่อออกมาช่วยชีวิตผู้คุมเกิดขึ้น และในตอนนี้ผู้คุมคนดังกล่าวก็ได้ออกมาพูดถึงเรื่องที่ว่านี้เป็นครั้งแรกแล้ว อ่านข่าวเก่าได้ที่>> กลุ่มผู้ต้องหารวมพลัง “แหกคุก” ออกมาช่วยชีวิตผู้คุมขัง ที่กำลังหมดสติอยู่ !!! โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2016 ที่เรือนจำ Parker County ในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อมีกลุ่มนักโทษกลุ่มหนึ่งได้สังเกตเห็นว่า Gary Grimm ผู้คุมที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเวลานั้นเกิดหมดสติลงด้วยอาการของโรคหัวใจกำเริบอย่างฉับพลัน Gary Grimm พวกเขาจึงตัดสินใจฝ่าลูกกรงออกมาเพื่อส่งเสียงขอความช่วยเหลือ แม้ว่าการกระทำของพวกเขาในครั้งนั้นจะทำให้เสี่ยงต่อการโดนเพิ่มโทษ หรือถูกทำร้ายก็ตาม แต่พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป และแล้วการกระทำของพวกเขาก็ประสบผลสำเร็จ เมื่อมีเจ้าหน้าที่วิ่งมาให้การช่วยเหลือผู้คุมคนนี้อย่างทันควัน และในที่สุด Gary ก็สามารถรอดพ้นความตายในครั้งนั้นมาได้ ด้วยความช่วยเหลือของนักโทษกลุ่มดังกล่าวนั่นเอง และในตอนนี้ผู้คุมชาวเท็กซัสวัย 52 ปี ก็อยากจะออกมาขอบคุณที่ในตอนนั้นกลุ่มนักโทษได้ช่วยชีวิตของเขาไว้ พร้อมทั้งยังทำให้เขาได้เห็นอีกมุมหนึ่งในตัวของเหล่านักโทษ “แทนที่พวกเขาจะปล่อยผมตายแล้วแย่งปืน หรือฆ่าผม หรือจับผมเอาไว้เป็นตัวประกันแล้วหลบหนีไป แต่พวกเขาก็ยังเห็นผมเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งมันสะเทือนอารมณ์ของผมมากเลยทีเดียว จริงๆ แล้วในตอนนั้นถ้าพวกเขาอยากจะทำร้ายผม สิ่งที่พวกเขาต้องทำทั้งหมดก็เพียงแค่นั่งอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร…
-
ชาวมุสลิมร้องเรียนและเผาผ้าอ้อม เหตุตัวการ์ตูนแมวบนซอง คล้ายอักษรอารบิก ‘มุฮัมมัด’
เรื่องของความคล้ายคลึงเป็นเรื่องของมุมมองของแต่คน ที่จะมองว่าสิ่งๆ นั้นเป็นอย่างไร แต่ใครจะไปคิดว่าความคล้ายจะสามารถทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้นได้ เหมือนกับเรื่องนี้ ที่ชาวมุสลิมได้ทำการเรียกร้องให้บริษัทผ้าอ้อมเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ เพราะว่าหนวดแมวบนซองมันดันไปคล้ายกับชื่อของศาสดาของพวกเขา โดยเรื่องราวนี้เกิดขึ้นในประเทศอินเดีย เมื่อมีชาวมุสลิมกลุ่มหนึ่งได้ออกมาเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมยี่ห้อ Pampers หลังจากพวกเขาพบว่ารูปแมวที่อยู่บนซองบรรจุภัณฑ์มันมีความคล้ายคลึงกับชื่อของ นบีมุฮัมมัด ศาสดาของศาสนาอิสลาม จุดที่เป็นปัญหาสำหรับเรื่องนี้เมื่อเทียบกับชื่อ”นบีมุฮัมมัด” ที่เขียนเป็นภาษาอารบิก สำหรับส่วนที่มีความคล้ายก็คือส่วนหนวด จมูก ปาก และตาซ้ายของตัวการ์ตูนแมว ที่มีความใกล้เคียงกับชื่อของศาสดา เมื่อนำไปเขียนเป็นภาษาอารบิกหรือภาษาอารดู ซึ่งกลุ่มผู้ประท้วงกลุ่มนี้ถือว่าภาพที่อยู่ข้างซองนี้มันเป็นเสมือนกับการดูถูกศาสนาของพวกเขา จึงได้มีการเผาผ้าอ้อมเกิดขึ้น ต่อมาในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ก็มีนักเคลื่อนไหวจากกลุ่มอิสลามชื่อว่า Darsgah Jihad-o-Shahadat ได้เข้ามายื่นเรื่องร้องเรียนนี้อย่างเป็นทางการให้กับตำรวจที่สถานีตำรวจ Dabeerpura ในนครไฮเดอราบาด จากการรายงานของสื่อ Deccan Chronicle มีการเผาผ้าอ้อมเกิดขึ้น ซึ่งเนื้อความในจดหมายที่ส่งถึงตำรวจนั้น พวกเขากล่าวว่าผลิตภัณฑ์ Pampers ของบริษัท US multinational Procter & Gamble ได้ทำการเหยียบย่ำความรู้สึกของชาวมุสลิม และก็มีการร้องขอให้บริษัทดังกล่าว ช่วยนำผลิตภัณฑ์นี้ออกจากชั้นวางของให้เร็วที่สุดด้วย ยื่นแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ “แม้แต่ตาเปล่าก็ยังสามารถดูออกเลยว่า นี่คือชื่อของศาสดานบีมุฮัมมัดที่ได้รับการตีพิมพ์เอาไว้ด้วยภาษาอารบิก ท่านเป็นบุคคลศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเรานับถือมากที่สุด ซึ่งการดูหมิ่นเป็นเรื่องไม่สามารถยอมรับได้” เนื้อความในจดหมายเขียนเอาไว้ …
-
‘จะต้องมีเด็กอีกกี่คนต้องตาย?’ เหล่านักเรียนกว่าพันชีวิต ร่วมประท้วงเปลี่ยนกฎหมายปืน
หลังจากเกิดเหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียน (School Shooting) ขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 17 คน ทำให้เริ่มมีกระแสกดดันเรื่องการควบคุมอาวุธปืน ให้เข้มงวดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา และดูเหมือนกว่าตอนนี้กระแสนั้นจะยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อมีนักเรียนนับพันในหลายหัวเมืองคนตัดสินใจเดินออกจากห้องเรียนไปประท้วงเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น โดยการประท้วงในเรื่องนี้เกิดขึ้นในวันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการรวมตัวประท้วงครั้งใหญ่ในหลายรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา อย่าง รัฐเท็กซัส รัฐแมริแลนด์ และรัฐเวอร์จิเนีย แต่จุดสำคัญใหญ่ๆ ก็คือ การที่นักเรียนกว่า 2,000 คนรวมทั้งผู้ปกครองและคุณครู ได้ร่วมจับมือกันและสวดมนต์ที่หน้าโรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High โรงเรียนที่เกิดเหตุในรัฐฟลอริด้า พร้อมทั้งสวมเสื้อสีประจำโรงเรียนและกวัดแกว่งธงสัญลักษณ์ไปมาอีกด้วย และในเวลา 14.20 น. ซึ่งเป็นเวลาที่เกิดเหตุโศกนาฎกรรมขึ้นพวกเขาก็ได้ร่วมกันสวดภาวนาให้กับผู้ที่เสียชีวิต พร้อมกับมีการสื่อความหมายไปยังรัฐบาลว่า ‘มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก’ และ ‘เราจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่ออีกต่อไป’ ร่วมด้วย จากนั้นผู้คนนับพันรวมถึงผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์นั้น ก็เดินทางไปรวมตัวกันที่ศาลากลางรัฐฟลอริด้า เพื่อเพิ่มความกดดันให้ฝ่ายนิติบัญญัติออกมาตรการควบคุมปืนที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งป้ายที่ใช้กดดันก็มีข้อความอย่าง ‘ไม่อีกแล้ว’ กับ ‘เป็นผู้ใหญ่หน่อย ทำอะไรสักอย่างสิ’ ที่เขียนขึ้นจากนักเรียนของโรงเรียนที่เกิดเหตุกราดยิง …
-
Swissindo ลัทธิล้างหนี้จากอินโดนีเซีย เพียงสมัครเข้ามา หนี้เก่าก็จะหายวับไปทันที!?
ปัญหาเรื่องหนี้สินเงินทอง เป็นปัญหาที่คนจำนวนมากในปัจจุบันกำลังประสบกันอยู่ ซึ่งมันอาจจะเกิดขึ้นมาจากการที่เราลงทุนทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือเกิดจากการที่เรานำไปใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ทว่าเมื่อเกิดขึ้นมาปัญหานี้มันก็กลายเป็นปัญหาที่คับอกคับใจใครหลายคนไปไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับมันดี ทว่าในตอนนี้ก็มีทางออกสำหรับบุคลลทั้งหลายที่เป็นหนี้สินเหล่านี้แล้ว เพราะว่ามีลัทธิหนึ่งที่อ้างว่าสามารถล้างหนี้ให้กับผู้ที่ศรัทธาในลัทธิได้ ขอเพียงแค่เข้าร่วมเพียงเท่านั้นแล้วหนี้สินต่างๆ ของคนนั้นๆ จะหายไปราวกับเสกเวทมนต์สั่งได้เลยทีเดียว ซึ่งลัทธิที่ว่านี้ก็มีชื่อว่า Swissindo World Trust International Orbit นั่นเอง ลัทธิ Swissindo นี้ตัั้งอยู่ที่เมืองซิเรบอน ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งพวกเขาเรียกตัวเองว่าเป็นองค์กรด้านมนุษยธรรมไม่แสวงหาผลกำไร ที่จะมาช่วยให้ชาวโลกหลุดพ้นจากหนี้สินที่พวกเขาได้สร้างขึ้น โดยลัทธินี้มีผู้นำชื่อว่า Bapak Soegihartonotonegoro หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม M1 ซึ่งเขาได้บอกอ้างเอาไว้ว่า ตัวเองนั้นเป็นลูกหลานของราชวงศ์อินโดนีเซียโบราณ อีกทั้งยังเป็นผู้รับมรดกเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้รับทรัพย์สมบัติล้ำค่ารวมถึงเงินทองจากราชวงศ์ดังกล่าว ถ้าหากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพอย่างชัดเจนแล้ว เขาก็บอกว่าเขามีเงินพอที่จะแบ่งให้ทุกคนบนโลกได้ถึงคนละ 6 ดอลล่าร์ (ประมาณ 190 บาท) เลยทีเดียว และในตอนนี้เขาก็พร้อมแล้วที่จะแบ่งปันทรัพย์สินเหล่านั้นให้กับโลกใบนี้ การสัมภาษณ์ส่วนหนึ่งของ M1 นอกจากนี้เขายังบอกอีกด้วยว่า เขาจะไม่ยอมเปิดเผยแหล่งเก็บทองและทองคำขาวของเขา ที่มากเพียงพอที่จะจ่ายหนี้สินให้กับคนทั้งโลกให้ใครได้รู้อีกด้วย เพราะว่ากลัวว่าจะมีศัตรูของเขาพยายามขโมยมันนั่นเอง อย่างไรก็ตามเขาอ้างว่ามีการแลกเปลี่ยนบางส่วนของทรัพย์สินเหล่านี้เป็นเงินจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์เก็บไว้ในธนาคารทั่วโลกแล้ว ซึ่ง M1 แสนร่ำรวยคนนี้บอกว่าจะช่วยสมาชิกที่เลื่อมใสในลัทธิของเขา ผ่านพ้นปัญหาด้านหนี้สินไปได้แบบสบายๆ ไม่ว่าจะเป็นหนี้สินที่เกิดขึ้นกับธนาคารหรือว่ารัฐบาลใดๆ ในโลกก็ได้ เพียงแค่ยื่นบัตรกำนัลที่ออกให้อย่างเป็นทางการของลัทธิ Swissindo ให้แก่เจ้าหนี้เพียงเท่านั้น…
-
17 ความฮาแตกของเหล่าประชาชี กับการได้พบดาราดัง เฮ้ย!! นั่นมันไม่ใช่แล้วว้อยยย
ปกติเวลาเราเจอดาราหรือนักแสดงชื่อดัง เราก็มักจะถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก เพราะพวกเขาเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะปรากฏตัวออกมาให้เราเห็นอยู่บ่อยๆ แล้วถ้ายิ่งเป็นดาราชื่อก้องโลกแล้วล่ะก็ โอกาสในการเจอพวกเขาออกมาเดินเล่นตามห้าง หรือออกมางานปาร์ตี้ที่เราเผอิญไปพอดี นั้นแทบจะน้อยนิดเลยก็ว่าได้ แต่ว่าก็มีคนจำนวนไม่น้อยทีเดียวที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกับเหล่าเซเลบริตี้ชื่อดัง จนมักจะโดนทักหาว่าเป็นดาราอยู่บ่อยๆ ซึ่งเหล่าแฟนคลับมาถ่ายรูปเอามาอวดในโซเชียลว่าได้เจอกับดารามานะ ทว่าจริงๆ แล้วพวกเขาเหล่านี้กลับไม่รู้เลยว่าคนที่พวกเธอถ่ายรูปด้วย ไม่ใช่คนดังแต่อย่างใดเป็นเพียงคนหน้าเหมือนเพียงแค่นั้นแหละ 1. เดี๋ยวๆ ผมชื่อ Mark Wahlberg ต่างหากละเจ๊ 2. เมื่อ Tom Cruise มานั่งแทะไก่ย่างที่ร้าน ก็ขอแชะเอาไว้หน่อยละกัน 3. เมื่อเด็กๆ คิดว่าพวกเขาได้พบกับไอรอนแมนขวัญใจของพวกเขา 4. จะว่าไปก็ดูคล้าย Tyler The Creator อยู่นะ หรือเขาจะมีแฝด?? 5. นี่แหละ Ed Sheeran (ถ้ารู้ว่าไม่ใช่ตัวจริง ก็คงวิ่งหนีไปแบบเขินๆ) 6. แค่เหมือน Johnny Depp ก็ได้กินฮ็อทดอกฟรีเฉยเลย 7. แหมป๋า…
-
‘มือเปล่งแสง’ บอกสถานะสุขภาพได้ทันที หวังพัฒนาเพื่อรับรองปัญหาผู้สูงอายุในประเทศ
เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่สามารถอำนวยความสะดวกให้แก่เราในด้านต่างๆ ได้ และในทุกๆ วันมันก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นอีกเยอะ และในตอนนี้ก็มีอีกหนึ่งไอเทมที่ดูเหมือนกับว่าจะมาช่วยดูแลสุขภาพของเราได้เป็นอย่างดี เพราะว่ามันเป็นหน้าจอที่สามารถใช้ติดกับผิวหนังเราได้อย่างไม่เกะกะใดๆ ทั้งสิ้น แถมยังบอกสุขภาพของเราในช่วงเวลาดังกล่าวได้อีกด้วย!! โดยมหาวิทยาลัยโตเกียวร่วมกับบริษัท Dai Nippon Printing ได้เป็นผู้พัฒนาหน้าจอที่ว่านี้ ซึ่งพวกเขาบอกเอาไว้ว่าอุปกรณ์ตัวใหม่นี้จะช่วยผู้สูงอายุในเรื่องการดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น และเรื่องที่สำคัญที่สุดคือมันไม่ต้องใช้อุปกรณ์ที่ซับซ้อนใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับเจ้าหน้าจอสุดไฮเทคตัวนี้ มันมีคุณสมบัติที่โดดเด่นเป็นอย่างมากในเรื่องความบางของมัน ซึ่งหน้าจอแสดงผลได้ทำขึ้นมาจากไฟ LEDs จำนวน 384 ดวง พร้อมด้วยสายไฟที่ติดอยู่บนแผ่นยางทำให้สามารถยืดหยุ่นได้มากกว่าปกติถึง 45 เท่าเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นอุปกรณ์นี้ยังสามารถติดไว้บนผิวหนังได้ต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 1 สัปดาห์ โดยไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนังหรือความรำคาญแต่อย่างใด จนถึงขั้นที่ว่าบางคนอาจจะใช้ชีวิตประจำวันไปจนลืมว่ามีมันติดเอาไว้บนแขนเลยก็เป็นได้ “ด้วยเจ้าสิ่งนี้ มันจะให้คุณสามารถแบ่งปันข้อมูลด้านสุขภาพให้กับแพทย์ประจำตัวได้อย่างรวดเร็ว เพื่อที่เวลาเกิดอะไรขึ้นทางแพทย์จะได้สามารถติดต่อกลับไปยังผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที” Takao Someya แพทย์ประจำมหาวิทยาลัยโตเกียว ที่เป็นผู้พัฒนาอุปกรณ์นี้กล่าว นอกเหนือจากการตรวจสอบสุขภาพของผู้ใช้อย่างเช่น การตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจโดยใช้คลื่นไฟฟ้าหัวใจแล้ว เจ้าสิ่งนี้มันยังสามารถเตือนเวลาการใช้ยาของเรา รวมถึงให้เราสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้อีกด้วย “แค่วางเจ้าหน้าจอนี้ลงบนผิวหนัังของคุณ คุณก็จะรับรู้ได้เลยว่ามันเป็นเสมือนกับส่วนหนึ่งของร่างกาย ในตอนที่มีข้อความส่งมาถึงหน้าจอบนมือคุณ คุณก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดกับผู้ส่งได้มากขึ้น” “ผมคิดว่า ถ้าเป็นคนสูงอายุอย่างคุณปู่ได้รับข้อความจากหลานๆ ว่า ‘หนูรักปู่นะ’ ผ่านหน้าจอนี้ เขาน่าจะรู้สึกอบอุ่นขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย”…
-
รวมภาพของเหล่าบุคคลแสนกวน ที่ไม่ว่าทำอะไรก็ดูยียวนไปซะหมด เฮ้อเหนื่อยใจกับพวกเอ็ง
บนโลกนี้จะมีคนอยู่ประเภทหนึ่งที่มักจะชอบพฤติกรรมที่ยียวนกวนประสาท ทำอะไรแบบที่เห็นแล้วหงุดหงิดขัดหูขัดตา ซึ่งคนประเภทนี้จะมีชื่อเรียกที่ให้เกียรติโดยเฉพาะว่า ‘คนกวนทีน’ และคนประเภทนี้แหละที่ชอบแกล้งให้คนอื่นมีอาการหัวร้อนอยู่บ่อยๆ และนี่คือภาพของบุคคลประเภทนี้จากทั่วทุกมุมโลก ที่จะทำให้เห็นว่าพวกเขานี่แหละคือสุดยอดแห่งความฮา ที่บางไอเดียก็ไม่รู้ว่าใช้สมองหรืออะไรคิด ถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ และถ้าลองสมมติดูว่าเราเป็นคนที่ถูกพวกเขาเหล่านี้แกล้ง มันจะน่าเจ็บใจแค่ไหนกันเชียวนะ!! ทำทุกที่ให้เหมือนบ้านเลยนะคุณพี่ เมื่อเมียตัวสูงกว่า เธอเคยเอากระดาษทิชชู่ไปวางไว้ข้างบนให้เราไม่สามารถหยิบได้ เกือบจะรอดอยู่แล้วดันหนักกว่าเดิมอีก ยัง ยังไม่ตื่น สงสัยต้องเอาหินมาวางซะละมั้ง อะไรมันจะขนาดน้านน อุตส่าห์ดีใจนะเนี่ย น้ำเหม็นหมดพอดี ใครจะกล้าไปกินต่อฟะเนี่ย แหม กินละทิ้งเพลินเชียวนะตัวเธอ รูปอะไรน้า ดูคุ้นๆ จังเลย จบกันนักเก็ตแสนอร่อยของฉัน กำลังจะมีคนเจ็บใน 3 2 1… ไม่เอาคอม PC มาตั้งเลยล่ะเจ๊ อย่าให้ตูออกไปได้นะ เดี๋ยวได้เห็นดีกันแน่ อุตส่าห์ใจดี ทำกันได้ลงคอ เฮ้อ เกร็งตั้งนาน…
-
ยูทูบเบอร์ปลอมเป็นคนไร้บ้าน เข้าร้านอาหารอ้างว่ามีเงิน แต่พนักงานร้านไม่เชื่อ…
ว่ากันว่าคนที่ดูดีไม่จำเป็นต้องมีหน้าตาที่หล่อสวยเสมอไป แต่สิ่งที่จะทำให้เราดูพิเศษกว่าคนอื่น ส่วนหนึ่งก็มาจากเรื่องของ ‘เครื่องแต่งกาย’ ที่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะรูปร่างรวมถึงบุคลิกของเราเอง ซึ่งการแต่งตัวนี้เองก็ทำให้เราสามารถบ่งบอกความเป็นตัวเองออกมาผ่านสไตล์ หรือลุค ที่เราต้องการจะสื่อออกมาได้อีกด้วย ทว่าก็ด้วยสังคมแบบในปัจจุบัน ที่เสื้อผ้าได้กลายเป็นปัจจัยบ่งบอกฐานะอย่างหนึ่ง จึงทำให้ยูทูบเบอร์คนหนึ่งได้ทำการทดสอบพนักงานร้านอาหารว่า ถ้าเขาใส่เสื้อผ้าแบบคนไร้บ้านไปกินอาหาร พนักงานจะให้เขาเข้าไปหรือไม่และพนักงานจะมีท่าทีอย่างไรต่อเขาบ้าง โดยหนุ่มคนนั้นก็คือ Coby Persin ยูทูบเบอร์มหาเศรษฐีชาวอเมริกันชื่อดังวัย 23 ปี เขาได้กลายเป็นที่รู้จักกันว่าชอบทำคลิปแกล้งคน รวมถึงทำการทดลองสังคมในด้านต่างๆ ด้วย ซึ่งในคราวนี้เขาได้ทำการทดสอบปฏิกิริยาของพนักงานคนหนึ่งของร้านอาหารในรัฐฟลอริด้า ด้วยการปลอมตัวเป็นคนไร้บ้านที่ดูไม่มีเงินแต่จะเข้าไปกินอาหารภายในร้าน ในตอนแรกนั้นเขาก็เดินเข้าไปในร้านแล้วถามพนักงานต้อนรับว่า พอจะมีโต๊ะว่างสำหรับให้เขากับ Ronaldo เพื่อนของเขากินอาหารบ้างไหม แต่สิ่งที่พนักงานคนนั้นตอบกลับมาก็คือ “ขอโทษด้วย แต่ผมไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เพราะสถานที่นี้มันคงแพงไปสำหรับคนอย่างคุณ” แต่ Coby ก็ยังคงไม่ยอมและถามขอดูเมนูหน่อยก็ยังดี และมีอยู่ประโยคหนึ่งที่เขาบอกว่าเขามีเงินพอสำหรับค่าอาหารแน่ๆ ซึ่งก็แน่นอนว่าพนักงานคนนั้นก็ปฏิเสธเช่นเดิม โดยให้เหตุผลว่าที่นี่ไม่สามารถเสิร์ฟอาหารให้แก่คนอย่างเขาได้ ทว่าก็ยังมีคำขอโทษตามมาด้วยเช่นกัน เมื่อ Coby มีท่าทีว่าไม่ยอมไป พนักงานคนดังกล่าวก็กล่าวไล่ให้เขาหลบไปให้พ้นจากหน้าร้าน แถมยังแนะนำว่าให้ไปกินอาหารที่ร้านแมคโดนัลน์ หรือร้านอื่นๆ แทน แต่อย่างไรก็ตามต้องไม่ใช่ที่ร้านอาหารแห่งนี้อย่างแน่นอน ต่อจากนั้นมหาเศรษฐีคนนี้จึงใช้โทรศัพท์โทรเรียก Ronaldo เพื่อนของเขาให้มาที่ร้านนี้โดยด่วน ซึ่งเพื่อนของเขาก็มาอย่างทันควันพร้อมกับรถเปิดประทุนยี่ห้อโรลส์-รอยซ์คันหรู …
-
หญิงสาวผู้เกิดมาพร้อมกับ ‘ขน’ เต็มตัว แต่เธอก็เรียนรู้และอยู่กับมันอย่างมีความสุข
โรคที่ติดต่อทางพันธุกรรมเป็นโรคที่เราไม่สามารถควบคุมได้ และบางทีมันก็ก่อให้ให้เกิดความผิดปกติที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วย เหมือนกับเธอคนนี้ที่เกิดมาพร้อมกับภาวะผิดปกติ ทำให้เธอมีขนตามตัวจนเหมือนกับผู้ชาย แต่เธอก็บอกว่าในทุกวันนี้เธอเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมันได้แล้ว โดยหญิงสาวคนดังกล่าวมีชื่อว่า Leah Jorgensen วัย 33 ปี เธอเป็นผู้ป่วยกลุ่มอาการรังไข่มีถุงน้ำจำนวนมาก (Polycystic Ovary Syndrome, PCOS) รวมถึงมีความผิดปกติของฮอร์โมน จึงทำให้เธอมีขนขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกายเหมือนกับผู้ชาย จนทำให้เธอดูแตกต่างไปจากผู้หญิงคนอื่นๆ อาการดังกล่าวปรากฏชัดตั้งแต่เธอมีอายุ 14 ปี และนั่นก็ทำให้เธอถูกเรียกว่า ‘ผู้ชาย’ โดยพวกกลุ่มที่ชอบกลั่นแกล้งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอต้องสวมเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวเพื่อปกปิดขนของเธอมาเป็นระยะเวลายาวนานถึง 13 ปีเต็มๆ “มีผู้หญิงคนหนึ่งวาดภาพของฉันลงในกระดาษ ซึ่งภาพที่เธอวาดนั้นมันมีขนตามบริเวณส่วนต่างๆ ของฉันด้วย ภาพที่ฉันเห็นมันทำให้ฉันคิดว่าตัวเองเป็นตัวประหลาดจริงๆ” “ฉันรู้สึกอาย ไม่กล้าสู้หน้าผู้คน รวมถึงมีความกลัวร่วมด้วย บางทีฉันก็รู้สึกว่าตัวเองมีความเป็นผู้หญิงน้อยลง” Leah กล่าว นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่า ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ผู้คนเพราะกลัวว่าพวกเขาจะเห็นขนที่ขึ้นบนใบหน้าของเธอ และเหตุนี้เองทำให้กว่าจะมีจูบแรกของเธอก็มีอายุปาเข้าไปถึง 27 ปี รวมถึงต้องหลีกเลี่ยงการทำฟันถึง 12 ปีอีกด้วย “ฉันปกปิดพวกมันด้วยเสื้อผ้า และต้องโกนขนที่ใบหน้าตลอดเวลา ซึ่งถ้าฉันอยากจะโชว์ส่วนไหนก็จะเป็นเฉพาะส่วนที่ฉันโกนขนแล้วเท่านั้น” “มันทั้งร้อนและมีเหงื่อชุ่มเมื่อเข้าฤดูร้อน และเพราะฉันต้องสวมเสื้อฮู้ดอยู่แทบตลอดทั้งปี ทำให้บางครั้งฉันแทบจมกองเหงื่อตายเลย” Leah กล่าว แต่ก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับเธอในเดือนธันวาคม…
-
ออสเตรเลียเคยยึดปืน 600,000 กระบอก ป้องกันปัญหากราดยิง และอาจเกิดขึ้นกับสหรัฐตอนนี้!!
หลังจากเกิดเหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียน (School Shooting) เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา ทำให้ในตอนนี้ได้เริ่มมีการพูดอภิปรายเรื่องกฎหมายการควบคุมปืนเกิดขึ้นแล้ว ในประเทศสหรัฐฯ โดยผู้ต้องหาก่อเหตุดังกล่าวมีชื่อว่า Nikolas Cruz ที่ใช้อาวุธปืนไรเฟิลจู่โจม AR-15 เข้าไปกราดยิงผู้คนในโรงเรียน Marjory Stoneman Douglas อดีตโรงเรียนมัธยมของเขา ซึ่งได้ทำให้มีคุณครูและนักเรียนกว่า 17 คนต้องเสียชีวิตด้วยกระสุนจากปลายกระบอกปืนกึ่งอัตโนมัติกระบอกนั้น การสังหารหมู่ในวาเลนไทน์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเหตุการณ์กราดยิงที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา และที่สำคัญคือนี่เป็นการกราดยิงในโรงเรียนครั้งที่ 18 แล้วในเวลาเพียงแค่ 44 วันของการเปิดศักราชปี 2018 โดยการเกิดเหตุการณ์กราดยิงขึ้นแต่ละครั้ง ก็จะทำให้ชาวอเมริกันตื่นตัวขึ้นมาในเรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธ ซึ่งถ้าหากพูดจริงๆ แล้วก็จะสามารถแบ่งผู้คนได้เป็นสองฝั่งนั่นคือ ฝั่งหนึ่งต้องการที่จะให้มีกฎหมายควบคุมอาวุธที่มีความเข้มงวดมากขึ้น ขณะเดียวกันอีกฝั่งหนึ่งก็ต้องการอาวุธเอาไว้เพื่อป้องกันตัวเองจากภัยอันตรายต่างๆ สำหรับคนที่เรียกร้องให้มีการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้น พวกเขาได้ชี้ไปยังประเทศอื่นอย่าง ออสเตรเลียที่ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังและมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยเมื่อ 22 ปีที่แล้วในปี 1996 ชายชื่อว่า Martin Bryan ได้ก่อเหตุสะเทือนขวัญในทำนองเดียวกันนั่นคือการกราดยิง ทว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้กลายเป็นการฆาตกรรมหมู่ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศออสเตรเลีย โดยมีผู้เสียชีวิตถึง 35 คนและมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกถึง 23 คน Nikolas…
-
19 บุคคลกับความพยายามที่ตอบแทนด้วยผลสำเร็จ ไม่มีอะไรยากเกิน หากเราไม่ลงมือทำ!!
มีหลายคนที่อยากจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่กำลังทำอยู่ แต่ก็แน่นอนว่าการจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ออกมาเหมือนดั่งใจเรานั้น เป็นเรื่องที่ยาก และบางทีมันก็มีอุปสรรคที่เหมือนกับภูเขามาขวางกั้นเราอยู่ ซึ่งก็อยู่ที่ว่าเราจะสามารถข้ามผ่านมัน และไปถึงจุดหมายได้หรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วถ้าหากไม่ใช่พรสวรรค์ที่เกิดมาเพื่อสิ่งนั้นจริงๆ ใครหลายคนก็ใช้พรแสวงที่เกิดขึ้นจากความพยายาม ความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะทำสิ่งนั้นให้เกิดขึ้นจริงให้จงได้ เหมือนกับรูปภาพเหล่านี้ที่จะมาเป็นเครื่องยืนยันว่า ผลลัพธ์จากความพยายามและไม่ย่อท้อต่อโชคชะตานั้น มันมักหอมหวานเสมอ ซึ่งบางทีเราอาจจะใช้กำลังใจจากรูปภาพเหล่านี้ เป็นแรงขับเคลื่อนให้กับตัวเราเองในการใช้ชีวิตในทุกๆ วันก็เป็นไปได้นะ 1. ผลจากการตั้งใจเรียนอย่างหนักจนสามารถเลือกเข้า 11 มหาวิทยาลัยใน 5 รัฐได้ แถมยังได้ทุนการศึกษาอีก 2 ทุนด้วยนะ 2. “2 ปีกับการประหยัดอดออม 6 เดือนกับการทำงาน 2 กะเป็นเวลา 15 ชั่วโมงต่อวัน ในที่สุดแล้วฉันก็สามารถมีเงินพอที่จะไปเรียนภาษา ในอีกซีกหนึ่งของโลกได้” 3. “บางคนอาจจะไม่เห็นว่ามันเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่สำหรับทีมของผมแล้วนี่มันคือรางวัลจากการฝึกซ้อมอย่างหนักมาถึง 5 ปีเต็ม” 4. ฉันใช้เวลากว่า 6 เดือนในการทำงาน ในที่สุดชุดไอรอนแมนที่ผลิตขึ้นจากเครื่องปริ้นท์ 3 มิติก็ออกมาสวยงาม 5. รางวัลสำหรับการอดทนรอคอย …
-
เจ้าของรถมักง่าย จอดกลางสถานีขนส่ง นายสถานีไม่รีรอ ยกไปจอดบนหลังคาให้เลย!!
เนื่องจากสภาพสังคมเมืองในทุกวันนี้ ที่ไม่ว่ามองไปทางไหนก็เห็นรถราเต็มท้องถนนไปหมด ซึ่งเรื่องนี้ได้กลายเป็นปัญหาระดับชาติในหลายๆ ประเทศทั้งเรื่องการจราจรติดขัด เรื่องมลพิษจากท่อไอเสีย รวมถึงอีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องของที่จอดรถ ที่บางครั้งก็มีคนมักง่ายชอบเอารถไปจอดในจุดที่ไม่ควรจอดอยู่บ่อยๆ จนทำให้ใครหลายคนต้องมาโมโหกับสถานการณ์นี้มาแล้วนักต่อนัก เราอาจจะเคยเห็นการดัดนิสัยของผู้คนเหล่านี้ด้วยวิธีการต่างๆ อย่างการเขียนโน๊ตแปะเอาไว้ ถ้าแอดวานส์ขึ้นมาหน่อยก็อาจจะเรียกตำรวจมาล็อกล้อ หรือถ้าแบบไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็อาจจะมีการเอาขวานจามเกิดขึ้นได้ แต่มีอีกขั้นหนึ่งที่เหนือไปกว่านั้น และที่สำคัญคือคนมักง่ายคนนี้จะต้องเข็ดหลาบไปอีกนานอย่างแน่นอน เพราะใครจะไปคิดว่าอยู่ๆ รถของตัวเองจะขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้านได้แบบงงๆ และที่สำคัญคือจะเอาลงมายังไงกันล่ะเนี่ย?? โดยการแก้เผ็ดสุดสะใจที่ว่านี้เกิดขึ้นที่เขต Xushui มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา เมื่อมีคนขับรถคนหนึ่งที่นำรถยี่ห้อ KIA ของเขาไปจอดทิ้งเอาไว้กลางสถานีขนส่งแห่งหนึ่ง แล้วเดินออกไปทำธุระอย่างหน้าตาเฉย วิดีโอการเคลื่อนย้ายครั้งนี้ ด้วยความเกะกะของรถคนนี้ จึงทำให้นายสถานีคิดว่าต้องสอนบทเรียนให้กับเจ้าของรถสุดมักง่ายซะหน่อย ที่จอดรถไม่เป็นที่เป็นทางเอาซะเลย เขาจึงตัดสินใจใช้รถเครนมายกรถคันนี้ไปไว้บนหลังคาที่อยู่สูงซะเกินกว่าที่ใครจะปีนขึ้นไปได้ ซึ่งภาพที่ออกมามันก็ดูสะใจดีไม่ใช่น้อย แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายอย่างหนึ่งที่ในวิดีโอ ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงสีหน้าของเจ้าของในตอนที่มาเห็นรถของตัวเองอยู่บนหลังคา อีกทั้งก็ยังไม่รู้ด้วยว่าในตอนนี้เจ้าของรถได้รถของเขาคืนมาหรือยัง ภาพในเหตุการณ์คล้ายๆ กันที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2017 ซึ่งเหตุการณ์คล้ายๆ เช่นนี้ก็เคยมีให้เห็นมาแล้วในเดือนสิงหาคม 2017 ที่ผ่านมา เมื่อมีผู้หญิงมักง่ายคนหนึ่งจอดรถขวางทางเข้าออกหมู่บ้านในมณฑลเหลียวหนิง แล้วออกไปทำธุระอย่างสบายใจเฉิบ ทว่าเมื่อกลับมาก็แทบจะต้องช็อค…
-
กวางในเมืองนาระมีอัตรา “กัด” ผู้คนเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวกว่า 80% ไม่ปฏิบัติตามกฎ
การที่เราจะไปเที่ยวชมสัตว์ต่างๆ แน่นอนว่าในแต่ละสวนสัตว์หรือว่าฟาร์มก็จะมีกฎระเบียบข้อปฏิบัติให้เราทำตามอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของทั้งสัตว์ และตัวของเราเอง แต่ก็มีบางคนที่ละเลยถึงความสำคัญในเรื่องนี้จนต้องเจ็บตัวไปตามๆ กัน และดูเหมือนว่าในปัจจุบันคนกลุ่มนี้จะเริ่มมีมากขึ้น เพราะมีเมืองท่องเที่ยวเมืองหนึ่งได้ประกาศตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกกวางกัดออกมา ซึ่งมันมากกว่าในอดีตอย่างไม่น่าเชื่อ!! ด้วยความที่เมืองนารา ประเทศญี่ปุ่น เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านวัด ศิลปะ วัฒนธรรมต่างๆ รวมถึงอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่อง กวางป่า จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันมาเข้ามาจำนวนมาก ทว่าก็มีนักท่องเที่ยวหลายรายต้องได้รับบาดเจ็บ เนื่องมาจากความพยายามถ่ายรูปกวางพวกนี้แบบใกล้ๆ เพื่อให้ได้ภาพที่สวยที่สุดของพวกเขาเอง ทางการของจังหวัดนาราได้ออกมาเปิดเผยสถิติที่น่าสนใจ ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา ซึ่งพวกเขาบอกว่าจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกกวางที่อาศัยอยู่ในสวนนารากัด มีตัวเลขอยู่ที่ 164 คน จากการเก็บข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2017 – 31 มกราคม 2018 โดยตัวเลขนี้ได้เพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันถึง 118 คน อีกทั้งยังบอกอีกด้วยว่ากว่า 80% ของผู้บาดเจ็บทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวและส่วนมากเป็นชาวจีน อย่างไรก็ตามก็ยังมีเรื่องดีอยู่บ้าง เพราะจากข้อมูลได้บอกเอาไว้ว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่ถูกทำร้ายร่างกายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และส่วนมากจะเกิดขึ้นขณะที่กำลังป้อนอาหารให้แก่กวางป่า “ส่วนหนึ่งของตัวเลขที่เพิ่มขึ้นแบบผิดหูผิดตา เนื่องมาจากการที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ว่าอีกส่วนก็เกิดขึ้นเพราะความที่นักท่องเที่ยวอยากจะถ่ายรูปสวยๆ…
-
กะเอาฮาใช่มะ? ชมเหล่าสิ่งของต่างๆ ที่ระบุแยกเพศในการใช้งาน แบบนี้ก็ได้ด้วยเหร๊อ!?
ด้วยความที่ผู้ชายและผู้หญิงเป็นเพศที่แตกต่างกัน ทั้งเรื่องความแข็งแรงของร่างกาย ทัศนคติมุมมองต่างๆ ทำให้บางครั้งความต้องการที่ทั้งสองฝ่ายอยากจะได้รับ ก็ไม่ใช่จะเหมือนกันซะทีเดียว ดังนั้นบริษัทหลายแห่งบนโลกที่เข้าใจถึงความต่างตรงนี้ จึงได้สร้างผลิตภัณฑ์เฉพาะของแต่ละเพศขึ้นมา อย่างเช่น ครีมบำรุง โลชั่น แชมพูต่างๆ ทว่าก็มีสินค้าบางอย่างในท้องตลาด ที่ใส่ใจในเรื่องนี้เกินจนดูไปจนกลายเป็นสินค้าแสนตลกขึ้นมาแทน และดูเหมือนว่าการกระทำของพวกเขาในครั้งนี้ จะดูไม่ค่อยประสบผลสำเร็จซะจริงๆ ทำไมอะ ก็หนูอยากเล่นบ้างไม่ได้หรอ งานเย็บปักถักร้อยแบบแมนๆ ที่ต้องทำบนหลังม้าซะด้วย มันเป็นหนังสือสำหรับเด็กจริงๆ เหรอเนี่ย (ซ้าย: ทำอย่างไรให้สวย / ขวา: ทำอย่างไรให้ฉลาด) ฟันของผู้หญิงกับของผู้ชายมันจะต่างกันตรงไหนเนี่ย แม้แต่บาธบอมบ์สำหรับผู้ชายก็ยังต้องทำเป็นลูกระเบิดแบบผู้ช๊ายผู้ชาย สงสัยจะให้เยอะจัด กลัวผู้หญิงกินไม่หมด ใช้สีบ่งเพศแถมข้อความก็….เอิ่ม…. (ซ้าย: เด็กชายเป็นอัจฉริยะ / ขวา: เตรียมตัวเซลฟี่นะจ๊ะ) เข้าใจสไตล์แต่ละเพศเป็นอย่างดีเลยนะ เดี๋ยวๆ อันนี้ใช้กับคนจริงเหรอ เอาไว้ซับน้ำตาแบบแมนๆ ทำไมอ่ะ ชั้นอยากจะกินขนมปังบ้างไม่ได้หรอ เราจะมีป๊อกกี้สำหรับผู้ชายไปทำไม……
-
จนท. เข้าจับกุมพ่อค้าขาย “เสือกระต่าย” สืบค้นภายในบ้าน เจอสัตว์ป่าคุ้มครอง 49 ตัว!!
จากในกรณีที่มีการค้นพบซากเสือดำถูกชำแหละพร้อมถลกหนัง ที่เป็นข่าวครึกโครมอยู่ในช่วงก่อน ทำให้สังคมไทยเกิดกระแสตื่นตัวให้ช่วยกันอนุรักษ์สัตว์ป่า และรณรงค์ให้คนเลิกฆ่าสัตว์ป่าสงวน เพื่อให้มันอยู่คู่กับผืนป่าในประเทศไทยต่อไปก่อนที่จะสูญพันธุ์ไปในที่สุด ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561 มีการรายงานการจับกุมพ่อค้าลักลอบขายเสือกระต่ายผ่านสื่อออนไลน์ และขยายผลการจับกุมบุกค้นบ้าน พบสัตว์ป่าคุ้มครองถึง 49 ตัว จากการจับกุมเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!! ภาพของเจ้าหน้าที่ระหว่างสนธิกำลังเข้ายึดของกลาง โดยการจับกุมในครั้งนี้ ถูกรายงานผ่านทางเพจ ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมรายละเอียดดังต่อไปนี้… “ชุดเหยี่ยวดง ร่วมกับ บก.ปทส. รวบพ่อค้าลักลอบขายเสือกระต่ายผ่านเฟซบุ๊ก อ้างฝากส่งแมวกับคนขับรถทัวร์ บุกบ้านพบสัตว์ป่าจำนวนมาก” วันที่ 21 กพ. 61 เวลาประมาณ 09:30 น. ชุดเหยี่ยวดง โดยนายนุวรรต ลีลาพตะ นายนาวี ช้างภิรมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พญาแมน สนธิกำลังกันเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 61/1 หมู่ 7 ต.พญาแมน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ตามที่ได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ …
-
ญี่ปุ่นจัดงานเทศกาล ‘สาวสวยตด’ และไฮไลต์ของงานนี้ก็คือมีดาราเอวีมาร่วมด้วย!!
เรื่องของการ ‘ตด’ เป็นเรื่องธรรมชาติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆ คน ทว่าเมื่อมีการตดออกมาแล้ว สิ่งที่จะตามมาก็อาจจะมีทั้งกลิ่นและเสียงที่ลอยมากระแทกประสาทสัมผัสของเราได้ เรื่องของการตดในบ้านเราจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเป็นส่วนตัวสักนิด แล้วถ้าหากบังเอิญทนไม่ไหวตดออกมาท่ามกลางผู้คนล่ะก็ บางทีมันอาจจะเป็นวินาทีแห่งหายนะของความเขินอายก็เป็นได้ แต่ถ้าใครที่มีรสนิยมแปลกๆ ชอบในเรื่องกลิ่นและเสียงแล้วล่ะก็นี่อาจเป็นสวรรค์สำหรับพวกเขาเลยทีเดียว เพราะว่าในประเทศญี่ปุ่นกำลังจะมีการจัดงาน “ตดของสาวงาม” ขึ้นในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้แล้ว!! โดยในวันที่ 3 มีนาคม ประเทศญี่ปุ่นจะมีการจัดเทศกาลชื่อว่า Hina Matsuri ขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้แก่เด็กสาวที่กำลังจะก้าวข้ามไปสู่การวัยผู้ใหญ่ ซึ่งกิจกรรมในงานนี้ก็จะมีทั้ง การจัดแสดงตุ๊กตาญี่ปุ่นอันสวยงาม เทศกาลซูชิ รวมถึงขนมนมเนยต่างๆ ด้วย ทว่าก็มีอีกสิ่งหนึ่งนอกจากเหนือจาก ดนตรี อาหาร ที่อยู่ภายในงานนี้ และสิ่งๆ นั้นก็คือการตด ที่เราจะได้เห็นการตดจำนวนมากของผู้คนที่เข้ามาร่วมงาน เพราะว่าในเทศกาลนี้การตดจะถือว่าเป็นสิ่่งที่ถูกต้อง มากไปกว่านั้นยังมีปาร์ตี้การแสดงสาวงามตด ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการตั้งสมมุติด้วยว่ากว่า 94% ของประชาชนญี่ปุ่นทั้งหมดเป็นผู้ที่ชื่นชอบการตด เพราะพวกเขาถือว่าเป็นการสัมผัสที่ดีอีกรูปแบบหนึ่ง และที่นับได้ว่าเป็นไฮไลต์ของงานนี้ก็คือ จะมีดาราหนังผู้ใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นมาร่วมงานด้วยจำนวนสามคนนั่นก็คือ Miu Akemi, Tomoka Akari และ Saiko Yatsuhashi ซึ่งหากใครที่เป็นแฟนคลับของพวกเธอแล้วล่ะก็ ในงานนี้พวกเขาอาจจะได้กลิ่นที่ออกมาจากลำไส้ใหญ่ของพวกเธอก็เป็นได้ หากใครที่สนใจจะเข้าร่วมงานนี้ ก็มีกฎอยู่ง่ายๆ…
-
เก่งเกิ๊น!! วัวหนีตายกระโดดจากรถที่กำลังไปโรงเชือด ว่ายน้ำหนีไปอยู่เกาะสบายใจเฉิบ
ไม่ว่าใครๆ ต่างก็รักชีวิตตัวเองกันทั้งนั้นไม่ว่าเป็นคนหรือสัตว์ และถ้าหากรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะตกอยู่ในอันตรายล่ะก็ มีหรือที่จะยอมอยู่เฉยๆ ได้ เหมือนกับเจ้าวัวตัวนี้ที่รู้ตัวว่ากำลังจะต้องเดินทางไปโรงฆ่าสัตว์ มันเลยกระโดดออกจากรถแล้วว่ายน้ำหนีเข้าไปอยู่บนเกาะ แล้วยึดเอาเป็นของมันแต่เพียงผู้เดียวซะเลย โดยการหลบหนีของวัวแสนรู้ตัวนี้เกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2018 ที่ผ่านมา เมื่อรถบรรทุกขนวัวคันหนึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังโรงฆ่าสัตว์ แต่ว่าในระหว่างทางนั้นเองก็มีวัวตัวหนึ่งที่เหมือนจะรู้ชะตากรรมของตัวเองว่า กำลังจะกลายเป็นเนื้อสเต็กแสนอร่อยให้คนกินกัน ด้วยความรักตัวเองมันจึงตัดสินใจกระโดดลงจากรถทั้งๆ ที่รถยังแล่นอยู่ จากนั้นเมื่อลงจากรถสำเร็จ มันก็ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำ Nysa ที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศโปแลนด์ เพื่อจะหนีเอาชีวิตรอดจากการตามจับ และในที่สุดแล้วมันก็ไปพบกับเกาะแห่งหนึ่งเข้า เลยตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ที่เกาะที่ว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อเรื่องนี้ไปถึงหูของนาย Lukasz เจ้าของวัวดังกล่าว เขาก็พยายามที่จะนำตัววัวตัวนี้กลับมาให้ได้ แต่ไม่ว่าจะทำยังไงหรือวิธีการไหนก็ไม่สามารถเอาตัวมันกลับมาจากเกาะได้ เขาเลยยอมแพ้และเลือกที่จะเอาอาหารไปให้มันแทน เพื่อเห็นแก่ความรักชีวิตของเจ้าวัวมหัศจรรย์ตัวนี้ หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งพวกเขาบอกว่าระยะทางจากฝั่งไปยังเกาะที่วัวอาศัยอยู่นั้นเป็นระยะทางถึง 50 เมตรเลยทีเดียว เมื่อเข้าไปตรวจดูแล้วก็พบว่าวัวตัวดังกล่าวมีสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการหลบหนี จากการบอกเล่าของ Pawel Gotowski รองผู้บัญชาการหน่วยดับเพลิงประจำเมือง และเหมือนกับว่าจะเป็นบุญของวัวตัวนี้ ที่นอกจากจะหนีรอดออกมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว ในตอนนี้ก็ยังมีนักการเมืองชื่อว่า Pawel Kukiz ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กบอกว่า เขาจะเป็นผู้ส่งเสียเงินเพื่อเลี้ยงดูวัวตัวนี้เอง “ผมก็ไม่ใช่มังสวิรัติหรอกนะ ผมก็กินเนื้อเหมือนคนทั่วๆ ไปนี่แหละ แต่ผมเห็นถึงความอดทนและความตั้งใจในการหนีเอาชีวิตรอดของมัน ทั้งหนีลงจากรถ ว่ายน้ำไปอยู่บนเกาะ ผมเลยคิดเอาไว้ว่าควรจะทำอะไรให้เป็นรางวัลสำหรับมันสักหน่อย” Pawel เขียนเอาไว้ในเฟซบุ๊กของเขา …
-
20 ชาวเน็ตร่วมแชร์ภาพตัวเอง ในหัวข้อ ลูกเป็ดขี้เหร่ กลายเป็นหนุ่มหล่อสาวสวย เปลี่ยนไปเยอะ!!
หากว่าเราอยากจะทำความรู้จักกับใครสักคนหนึ่ง เรื่องของหน้าตาก็มีส่วนสำคัญในข้อนี้ เพราะว่ามันเป็นสิ่งแรกที่เราจะสามารถเห็นได้ชัด ซึ่งบางคนที่มีหน้าตาดีหรือว่ามีเสน่ห์ก็อาจจะมีคนอยากเข้าหาจำนวนมาก ใครหลายคนจึงเริ่มพัฒนาตัวเองเพื่อจะได้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเวลาที่ต้องออกไปข้างนอกบ้าน ดั่งเช่นพวกเขาเหล่านี้ที่ได้นำตัวตนในอดีตมาเปรียบเทียบให้ได้เห็นว่า แต่ก่อนจริงๆ พวกเขาก็ไม่ใช่คนที่มีหน้าตาดีตั้งแต่กำเนิด หนำซ้ำยังหนักไปทางลูกเป็ดขี้เหร่ซะด้วยซ้ำ แต่ว่าการดูแลตัวเองอย่าง การออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ ก็จะสามารถลบข้อจำกัดในเรื่องนี้ไปได้ และในที่สุดพวกเขาก็สามารถพัฒนาตนเอง จนกลายเป็นหนุ่มหล่อสาวสวยได้เหมือนกับในปัจจุบันได้อย่างไม่น่าเชื่อ!! แทบไม่เหลือเค้าเดิมเลยนะเนี่ย จากลูกเป็ดขี้เหร่ กลายมาเป็นนางฟ้าได้ยังไงเนี่ย เป็นพระเอกหนังได้แบบสบายๆ เลย ถามจริง คนละคนรึเปล่าเนี่ย!! จากลุคทอมบอย เปลี่ยนมาเป็นสาวสวย แต่ก่อนใครว่าผมเป็นเด็กเนิร์ด มาลองดูใหม่กันดีกว่า หน้าตาเปลี่ยนชีวิตเลยก็ว่าได้ กินอะไรเล่าเธอ ถึงได้งามแสนงาม มาดอบอุ่นมากๆ บอกแล้วว่าให้จีบตอนอ้วน ถ้าผอมแล้วคิวยาวนะครับ ดัดฟันก็สามารถเปลี่ยนหน้าได้เหมือนกันนะ สาวแว่นคนนั้นเป็นใครยะ มีพัฒนาการทุกช่วงอายุจริงๆ เลยสาวน้อย คบกันตั้งแต่วัยรุ่นยันแต่งงานเลย สุดยอดจริงๆ นั่นมันแก้วหน้าม้านี่นา …
-
18 งานยำสินค้าที่ไม่เหมือนแม้แต่นิด เค้าให้เรียกว่าแรงบันดาลใจ ไม่ได้ก๊อปปี้มาจริงจริ๊งง
ด้วยความที่สินค้าแบรนด์หรูสามารถทำเงินได้ดีแถมยังขายได้ง่าย จึงทำให้มีของปลอมออกมาให้เห็นกันอยู่เต็มตลาดไปหมด ซึ่งถ้าเราไปเดินเล่นข้างนอกก็จะเห็นได้ว่ามีผู้คนที่สวมเสื้อผ้าแบรนด์ดังเดินกันจนลายตา แต่ว่าบางทีของเหล่านั้นอาจจะเป็นของปลอมที่ก๊อปปี้ซะจนเหมือนแบบสุดๆ ก็อาจเป็นไปได้ ทว่าก็มีสินค้าบางอย่างที่จะก๊อปสินค้าของคนอื่นทั้งที แต่ดันทำไม่เนียนจนไม่ต้องจับผิดอะไรก็สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า เหมือนกับสินค้าเหล่านี้ที่ทำออกมาซะจนอยากเห็นหน้าคนผลิต เพราะว่ามันทั้งไม่มีความเนียน และบางอย่างก็ทำผิดซะจนกลายเป็นความฮาของผู้ที่ได้พบเห็นไปซะ อย่างนี้จะขายกับเขาได้ไหมเนี่ย!! เกมบอยมันก็เล่นได้แต่ผู้ชายสิ ต้องเจอเกมนี้ เล่นได้หมดไม่ว่าใคร เกือบละๆ แต่อันที่จริงมันต้องเขียนว่า Stranger Things เฟ้ยย คงจะเป็นภาคเสริมของสตาร์วอร์สแน่ๆ ไม่ใช่ก๊อปปี้นะ เขาเรียกว่าได้แรงบันดาลใจ เขียนให้มันถวกๆ หน่อยสิพี่ ยี่ห้อใหม่นี้อาจจะทำยอดแซงของจริงก็เป็นไปได้ หน้าปกมันแปลกๆ ไปนะว่าไหม อันนี้หนักเลย โลโก้อีกยี่ห้อนึง แต่ข้อความดันเป็นอีกของยี่ห้อซะอย่างงั้น เจอเชร็กอย่างนี้ อยากจะชักตายให้มันรู้แล้วรู้รอด พบกับสินค้าแบรนด์ใหม่ ใส่แล้วคันไข่แน่นอน ผิดยันสโลแกนอ่ะคิดดู ตกลงเอ็งจะเอาเรื่องไหนกันแน่เนี่ย เอามายำกันอย่างนี้คิดไม่ออกเลย เหมือนประชดอ่ะ จริงๆ อาจจะเป็นภาพยนตร์ลูกผสม ที่ให้ทหารอวกาศมาตามหาแหวนก็เป็นได้ …
-
สาวไปออกรายการ Marriage at First Sight แต่ได้เจอหนุ่มมหาเศรษฐี โชคดีอะไรอย่างนี้นะ!!
ในหน้าจอทีวียุคปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่ามีเกมโชว์หรือซีรีส์แปลกๆ มากมายมาให้เราได้ชมกัน แต่รู้หรือไม่ว่าบนโลกนี้มีรายการหนึ่งที่มีแนวคิดสุดแปลกแหวกแนว ด้วยการนำคนสองคนมาแต่งงานกันตั้งแต่ครั้งแรกพบ และก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องบอกเลยว่าสุดแสนจะโชคดี เพราะว่าเธอได้เข้าร่วมรายการที่ว่านี้ แล้วดันได้แต่งงานกับหนุ่มรูปหล่อและที่สำคัญคือรวยโคตรๆ อีกด้วย!! รายการดังกล่าวมีชื่อว่า Married At First Sight ซึ่งเป็นรายการเรียลลิตี้ที่ออกอากาศทางช่อง Channel 4 ซึ่งรายการนี้เป็นรายการที่จะจับคู่ให้กับผู้ที่สมัครเข้ามาแข่งขันได้มาแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน โดยจะมีการวิเคราะห์การจับคู่ว่าใครที่เหมาะสมกันบ้าง จากเหล่าทีมผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาแขนงต่างๆ รายการนี้ได้เดินทางมาถึงซีซั่นที่ 3 แล้ว และคู่รักคู่ล่าสุดที่ได้สร้างกระแสฮือฮาบนโลกอินเทอร์เน็ตก็คือคู่ของ Stephanie กับ Ben ที่ได้เข้าพิธีวิวาห์กันไปเรียบร้อย แต่สิ่งที่สร้างความอิจฉาตาร้อนให้กับสาวๆ ที่ดูรายการก็คือ Stephanie จะได้ใช้ชีวิตร่วมกับมหาเศรษฐี โดยที่เธอไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อน สำหรับสาวผู้โชคดีรายนี้ เธอเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจวัย 32 ปี จากเมืองเซอรีย์ ประเทศอังกฤษ ที่ใช้ชีวิตเป็นโสดมาเป็นหนึ่งปีเต็มๆ ซึ่งเธอก็ได้บอกว่าจริงๆ แล้วก่อนหน้าที่จะพบกับ Ben เธอได้เคยเข้าพิธีหมั้นมาแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แต่งงานกับใครจริงๆ สักที จึงได้สมัครเข้ามาร่วมรายการนี้ “มันเป็นเรื่องตลกมากที่ฉันชอบล้อเล่นกับเพื่อนๆ ว่า ฉันเป็นคนที่เฉียดเข้าใกล้การแต่งงานที่สุดแต่ก็ยังไม่ได้แต่งกับเขาซักที” Stephanie กล่าว ดังนั้น Jo Coker นักจิตวิทยาประจำรายการ จึงพยายามหาคู่ที่เหมาะสมให้กับเธอ…
-
ศิลปินสร้างภาพวาด ที่ทำให้เราต้องใช้จินตนาการว่าเขาต้องการจะสื่ออะไรกับเรากันแน่?
กล่าวกันว่ารูปภาพสามารถแทนคำพูดและความรู้สึกนับพันได้ และดูเหมือนกับว่าคำกล่าวนี้จะเป็นจริง เพราะว่าในชีวิตของเราก็อาจจะเคยเห็นรูปภาพที่สามารถถ่ายทอดความรัก ความอบอุ่น ออกมาได้โดยไม่ต้องใช้ตัวอักษรใดมาเขียนกำกับเอาไว้แม้แต่นิดเดียว ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เราจะต้องใช้ในการรับรู้อารมณ์นั้นก็คือ จินตนาการ ที่แต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ศิลปินลึกลับนามว่า Avogado6 ได้ลงมือภาพวาดขึ้นมา เพื่อให้คนที่ได้พบเห็นได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ตีความออกมาว่าเขาต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ สำหรับศิลปินคนนี้ เขาไม่เปิดเผยรายละเอียดของตัวเองออกมามากนัก สิ่งที่เราพอจะได้รู้จักเขาก็มีเพียงประโยคสั้นๆ ที่ว่า ‘ผมเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ชื่นชอบสารเคมี’ เพียงเท่านั้น แต่สิ่งที่จะทำให้เราได้รู้จักเขามากขึ้นก็คือ แนวคิดที่ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาดอันสวยงามนั่นเอง รู้สึกเหงาเหมือนกันใช่ไหม มันช่างเป็นเรื่องตลกซะจริงๆ ลูกของเรา ใครเป็นนายใครให้มันรู้ซะบ้าง นี่มันสวรรค์ของทาสแมวชัดๆ บางคนปิดประตูรับบางสิ่ง แต่กลับบางคนก็ยินดีรับอย่างเต็มใจ ลมหายใจอันมีค่า จริงๆ แล้วร่างกายของเราอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ก็เป็นได้ จมดิ่งลงในขวดน้ำ อยู่ในนั้นก่อนนะเจ้าหิมะ ออกไปสู่โลกภายนอกที่สวยงาม เครื่องจักรมนุษย์ ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ ก็คงจะเศร้าใจน่าดู แค่เพียงกระดาษแผ่นเล็กๆ ก็อาจปลิดชีวิตคนได้ ถ้าคนมีเขาเหมือนกวางจะเป็นไงบ้างนะ เสียสละเพื่อให้เจ้าเจริญเติบโต…
-
หนุ่มเก็บขยะบังเอิญเจอเงินกว่า 300,000 บาท แต่ก็ส่งคืนตำรวจเพื่อตามหาเจ้าของที่แท้จริง
ถ้าอยู่มาวันหนึ่งเราบังเอิญไปเจอเงินก้อนโตเข้าโดยบังเอิญ เราก็อาจจะเกิดความคิดในหัวที่อยากจะเก็บเงินก้อนนั้นเอาไว้เอง ทว่าถ้าหากทำเช่นนั้นมันก็อาจจะทำให้ไม่สบายใจ เพราะกลัวว่าสักวันหนึ่งอาจจะมีคนมาตามคืนได้ ทางที่ดีจึงควรทำเหมือนกับชายคนนี้ดีกว่า เนื่องจากว่าเขาได้นำเงินที่เจอโดยบังเอิญส่งคืนให้กับตำรวจเพื่อรอเจ้าของที่แท้จริงมารับมันคืน!! โดยเหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นกับชายจิตใจดีชาวอังกฤษชื่อว่า Kevin Ball เขาทำงานเป็นคนเก็บขยะอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง และในวันที่ 4 มกราคม 2018 ขณะกำลังปฏิบัติงานอยู่นั้นเขาก็ไปค้นเจอเงินจำนวนกว่า 7,000 ปอนด์ (ประมาณ 307,000 บาท) ถูกทิ้งอยู่ในกองขยะอย่างไม่มีใครเหลียวแล ทว่าด้วยความเป็นคนดี เขาจึงได้นำเงินจำนวนดังกล่าวส่งให้แก่สถานีตำรวจแลงคาเชอร์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อที่ตำรวจจะได้ตามหาเจ้าของเงินมารับคืน ทว่าก็เป็นเวลาผ่านไปเดือนกว่าๆ แต่ก็ยังไม่สามารถตามหาเจ้าของที่แท้จริงได้สักที ซึ่ง Ball ก็ได้บอกอีกด้วยว่าถ้าในที่สุดแล้วไม่สามารถตามหาผู้ที่มีหลักฐานเพียงพอว่าเป็นเจ้าของเงิน เงินจำนวนนี้ก็จะถูกส่งมาให้บริษัท Quicker Skips ในเมืองเบิร์นลี่ย์ ที่เขาทำงานอยู่นั่นเอง ในตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ Ball แอบหวังเอาไว้ว่าเงินก้อนนั้นอาจจะเป็นโชคของตัวเขา และหวังเอาไว้ว่าตัวเขาที่เป็นผู้พบเจอจะสามารถเก็บเงินเอาไว้เองได้ เรื่องนี้ได้กลายเป็นที่ฮือฮาในบริษัทที่ Ball ทำงานอยู่ และดูเหมือนว่าทุกคนจะดูตื่นเต้นกันเป็นอย่างมาก รวมถึง Mark Hanson ผู้จัดการของบริษัทก็ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ด้วย “พวกเรานำเงินทั้งหมดมารวมกันก็ปรากฏว่ามันมีจำนวนมากถึง 7,000 ปอนด์ ซึ่งมากกว่าในตอนแรกที่พวกเราคาดกันไว้ว่าน่าจะมีประมาณ 2,000 ปอนด์ (ประมาณ 87,000…
-
18 ป้าย “ระวังหมาดุ” สอนให้เรารู้ว่า สิ่งที่เห็นกับความเป็นจริง มันอาจจะต่างกันก็ได้…
หมาแต่ละตัวก็จะมีนิสัยที่แตกต่างกันออกไป บางตัวอาจจะขี้อ้อน บางตัวอาจจะขี้เล่น และขณะเดียวกันบางตัวมันก็อาจจะดุร้ายก็เป็นไปได้ ดังนั้นเจ้าของที่มีหมาดุหลายคนจึงได้ทำป้าย เตือนให้ระวังถึงความอันตรายของสัตว์เลี้ยงของพวกเขา เพื่อคนแปลกหน้าจะได้ระวังตัวเองเพิ่มขึ้นเวลาต้องมาเยือน แต่ว่าบางครั้งป้ายที่ว่านี้มันก็กลับกลายเป็นป้ายที่แสนไร้ประโยชน์ เพราะว่าสิ่งที่เราเห็นจริงๆ นั้นมันคือ หมาแสนน่ารัก หรือตัวเล็กเกินกว่าที่จะทำอันตรายแก่ใครได้ ซึ่งภาพเหล่านี้จะมายืนยันว่าความเฟลในการใช้ป้ายระวังหมานั้นมันมีอยู่จริง!! อยากรู้ว่าชีิวิตหลังความตายเป็นไงมั๊ย? ลองกระโดดข้ามรั้วแล้วมาหาคำตอบดูสิ ดูหน้าตาหนูสิ จะไปทำอะไรใครได้ มาเล่นกับหนูหน่อยนะๆๆ ตัวจริงกับในป้ายนี่ต่างกันราวกับฟ้ากับเหว ไม่ใช่หมาเฟ้ย นี่มันช้างต่างหาก!! ระวังไม่ทันแล้ว มันคาบไปกินแล้ว งุ้ย น้องไซแสนบ้องแบ๊ว โปรดระวังหมาด้วย เพราะพวกมันชอบพูดจาเสียดสีคนอื่น (อันนี้น่าจะเอาไว้เหน็บแนมคนนะ) มันจะช่วยอะไรได้ไหมเนี่ยเจ้าขอนไม้เนี่ย โปรดระวังหมา กับแมวก็ด้วย หมาพันธุ์อะไรเนี่ย ทำไมมันตัวใหญ่จัง หมามันจะตายก็เพราะหนักโซ่นี่แหละ ไม่ต้องกลัว ฉันจับหมากินไปหมดแล้ว มองหาเหยื่ออยู่ใช่ไหมเจ้าหนู ไม่ต้องกังวลเรื่องหมา แต่ให้ระวังเจ้าของมันจะดีกว่า …
-
พรานหนุ่มไปล่าสัตว์แต่โดนจิงโจ้ ‘เฮดบัต’ จนกรามร้าว เล่นกับใครไม่เล่นซะแล้วไอ้นี่!!
ด้วยความที่จิงโจ้เป็นสัตว์ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในประเทศออสเตรเลีย ทำให้บ่อยครั้งที่พวกมันมักจะถูกล่าเป็นอาหาร แต่ว่ามีอยู่เหตุกาณณ์หนึ่งที่มันไม่ยอมตกเป็นฝ่ายถูกกระทำอีกต่อไป แถมยังทำสิ่งตรงกันข้ามนั่นก็โจมตีนายพรานคนหนึ่งที่ไปล่าพวกของมันด้วยการ ‘เฮดบัต’ จนกรามของนายพรานคนนั้นร้าวเลยทีเดียว โดยเหตุการณ์ระทึกขวัญครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อหนุ่มนามว่า Joshua Hayden ได้ออกไปเดินทางล่าสัตว์กับพี่น้องของเขาที่รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย เจอกันได้นะเจ้ามนุษย์ หนุ่มวัย 19 ปีคนนี้เล่าให้ฟังว่า ในตอนแรกเขาได้สังเกตเห็นกลุ่มจิงโจ้ที่อยู่ด้วยกัน 3 ตัว แต่ด้วยเหตุการณ์บางอย่างก็ทำให้มีจิงโจ้ตัวหนึ่งได้อันตรธานหายไปจากสายตาของเขาอย่างไร้ร่องรอย แต่เขาก็ไม่ได้เอะใจอะไรคิดว่ามันคงหนีเข้าป่าไปยังทิศทางอื่น ต่อมาเมื่อ Joshua เห็นว่ายังมีจิงโจ้เหลืออีกตั้ง 2 ตัวรอให้เอาไปเป็นอาหาร เขาจึงเบี่ยงตัวออกนอกหน้าต่างรถเพื่อหวังจะยิงจิงโจ้สองตัวนั้นให้แน่นิ่งให้จงได้ แต่ทันใดนั้นเองเขาก็ได้พบกับจิงโจ้ตัวที่หายไปอีกครั้ง และคราวนี้เห็นเต็มสองตาเลย เพราะว่ามันพุ่งเข้าใส่รถของพวกเขา แม้ว่ากำลังจะวิ่งอยู่ก็ตาม โดนซะหนักเลยนะคุณพี่ “มันพุ่งเข้าชนที่ด้านข้างรถของพวกเรา จากนั้นมันก็ทุบกระจกหน้าของรถเราจนแตก แล้วมันก็เด้งกลับมาโจมตีผมด้วยการเฮดบัตเข้าเต็มๆ กรามเลย” “ตอนนั้นผมสลบไปประมาณ 30 วินาที พอผมตื่นขึ้นมาพี่น้องของผมก็เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟัง” Joshua กล่าว เมื่อเห็นการโจมตีดังกล่าวได้ทำร้าย Joshua จนสลบ พวกพี่น้องจึงพาเขาไปรักษาที่โรงพยาบาล Kellerberrin Memorial จากนั้นเขาก็ถูกส่งตรงไปที่แผนกฉุกเฉินเป็นการด่วนเลย โดนซะแล้วล่ะ ตูมใหญ่เลยด้วย…
-
หมู่บ้านในจีน ต้องประสบภาวะการจราจรติดขัด เพราะนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยอะเกิ๊น
เมื่อถึงหน้าเทศกาลสำคัญ ก็อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ใครหลายคนกลับไปหาพ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัด หรือบางคนก็อาศัยจังหวะหยุดยาวนี้เดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ทว่าก็เป็นที่รู้กันดีว่าเมื่อเทศกาลมาถึง ปัญหาที่จะเกิดขึ้นอย่างหนึ่งอย่างแน่นอนก็ปัญหาเรื่องการจราจรหรือรถติดนั่นเอง ซึ่งปัญหานี้ไม่ได้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแต่เฉพาะกับประเทศไทยเพียงอย่างเดียว แต่กับประเทศใหญ่ๆ อย่างประเทศจีน ก็ต้องประสบปัญหานี้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเทศกาลตรุษจีนที่ส่วนใหญ่จะเป็นวันพักผ่อนใหญ่ของปี สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ จึงมีนักท่องเที่ยวเดินทางกันไปอย่างล้นหลาม จนรถติดเหมือนกับตังเมเลยก็ว่าได้!! โดยนี่คือภาพของหมู่บ้านแห่งหนึ่งในมณฑลส่านซี ที่มีนักท่องเที่ยวนับพันไปกระจุกกันอยู่ที่นั่นจนทำให้ไม่สามารถขยับเขยื้อนไปทางไหนได้เลย ซึ่งเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องมาจากว่าหมู่บ้านแห่งนี้ มีวิวทิวทัศน์อันสวยงามแถมยังเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว จึงทำให้เกิดการจราจรติดขัดอย่างหนักขึ้นเมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมาตั้งแต่มีการเริ่มเทศกาลตรุษจีนขึ้น นอกจากนี้ยังมีภาพจากมุมสูงที่ได้แพร่หลายเป็นอย่างมากในสังคมอินเทอร์เน็ตในประเทศจีน โดยภาพที่ว่านี้จะแสดงให้เห็นว่าจำนวนรถที่อยู่ในหมู่บ้านชื่อว่า Yuanjia นั้นมันมากซะจนนับกันไม่หวาดไม่ไหว สำนักข่าวท้องถิ่นได้รายงานว่าในวันนั้นมีรถที่กำลังต่อคิวกันตามท้องถนนยาวถึง 4 กิโลเมตร และบริเวณทางแยกก็ได้กลายเป็นลานจอดรถไปโดยปริยาย เพราะว่ามันไม่สามารถสวนทางกันได้เหมือนกับที่ควรจะเป็นนั่นเอง เห็นภาพอย่างนี้แล้ว นอนตีพุงอยู่บ้านน่าจะดีกว่า สำหรับหมู่บ้าน Yuanjia เป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามภายในประเทศจีน ซึ่งหมู่บ้านนี้ได้ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับเมืองซีอานกับเมืองเสียนหยาง โดยตำนานเล่าเอาไว้ว่าบริเวณเชิงเขาของหมู่บ้านแห่งนี้ได้เป็นที่กำเนิดของ จักรพรรดิถังไท่จงแห่งราชวงศ์ถัง นอกจากนี้หมู่บ้านแห่งนี้ ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของอาหารและสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมอีกด้วย สภาพนี้ ถ้าเป็นเราคงจะหัวร้อนน่าดูเลย ที่มา: medium
-
สาวแก้เผ็ดชายที่ทำเธอท้องแล้วหนี ด้วยการใช้ป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ประกาศตามหาซะเลย
เซ็กส์เป็นเรื่องธรรมชาติที่สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ แต่ว่าเมื่อเรายินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่ายแล้ว ก็จะต้องยอมรับผลที่ตามมาให้ได้และต้องช่วยกันรับผิดชอบ ทว่าหากมีใครคนหนึ่งที่ไม่สนใจและปล่อยให้เป็นภาระของอีกฝ่ายเพียงอย่างเดียว อย่างนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นคนที่ใช้ไม่ได้คนหนึ่งเลย ดั่งเช่นเหตุการณ์ของสาวคนนี้ที่ได้ตั้งท้องกับชายคนหนึ่ง แต่หลังจากที่เธอตั้งท้องแล้วก็ปรากฏว่า ชายคนนั้นกลับตัดทุกช่องทางการติดต่อเพราะต้องการจะหนีความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น สาวคนนี้เลยคิดไอเดียดีๆ ออกด้วยการใช้ป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ติดหราไว้กลางเมืองเพื่อพยายามจะติดต่อกับเขา พร้อมทั้งประจานไปในตัวด้วยเลย ป้ายโฆษณาตามหาพ่อของเด็กในท้อง สำหรับป้ายโฆษณาที่ว่านี้ได้ทำขึ้นโดยผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ประสงค์จะออกนาม โดยมันเป็นป้ายยักษ์ที่ตั้งอยู่บนถนน Mariano Jiménez กับถนน Salvador Nava Avenue ในเมือง San Luis Polosi ประเทศเม็กซิโก ซึ่งรายละเอียดภายในป้ายนี้ ก็จะมีรูปของชายคนหนึ่งที่ใส่หมวกคาวบอย พร้อมด้วยชื่อจริงของเขาแบบเต็มๆ นามว่า Carlos Orozco และสิ่งที่สำคัญที่เป็นทีเด็ดที่สุดของสาวคนนี้ก็คือข้อความกึ่งต้องการความรับผิดชอบกับการต้องการประจาน ที่ว่า “ประกาศตามหา Carlos Orozco ตอนนี้ฉันกำลังตั้งท้อง แล้วนายก็บล็อกฉันทุกวิถีทางทั้ง เฟซบุ๊ก โทรศัพท์ ขนาดเพื่อนคนที่เคยแนะนำเราให้รู้จักกันนายยังเลิกคบเลย นี่จึงเป็นวิธีเดียวที่ฉันจะบอกข่าวนี้กับนายได้” เด่นหราเห็นแต่ไกลเลย แน่นอนว่าป้ายของหญิงสาวขนาดยักษ์คนนี้ ได้กลายเป็นกระแสไวรัลในสังคมโซเชียลมีเดียของประเทศเม็กซิโก โดยมีการแชร์นับพันผ่านทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ รวมถึงเว็บไซต์ข่าวต่างๆ ด้วย ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็เห็นว่ามันเป็นป้ายที่น่าขำขันดี แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะหัวเราะกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมันคือชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งเลย “ประชาชนบางคนเห็นว่าเมืองนี้เป็นเสมือนกับหน้าวอลบนเฟสบุ๊ก และทำการโพสต์สิ่งต่างๆ ลงในนั้น แต่นี่คือโลกจริงที่อาจมีผลกระทบที่ตามมาอีกมาก” Juan…
-
พี่น้องส่งข้อความหากันในระหว่างเกิดเหตุกราดยิง เผยให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องและเสียงปืนที่เกิดขึ้นในโรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High School รัฐฟลอริด้า จากเหตุการณ์กราดยิงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์คุณครู และนักเรียนหลายคนต้องพยายามหลบซ่อนเพื่อเอาชีวิตรอดทั้ง ในวินาทีนั้นใครหลายคนอาจจะคิดแต่เพียงว่าจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไร ทว่าก็มีพี่น้องอยู่คู่หนึ่งที่ไม่เพียงแต่หาวิธีรอดเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นแสดงความแน่นแฟ้นของสายใยระหว่างพี่น้อง ด้วยการส่งข้อความถามไถ่ถึงความปลอดภัยรวมถึงบอกถึงความรักที่มีต่อกัน เพราะในเวลานั้นอาจจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของพวกเขาก็เป็นได้… หน้าตาของ Sam ผู้เป็นพี่ชายที่แสนดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Sam Zeif วัย 18 ปีผู้เป็นพี่ชายได้แชร์ข้อความที่เขากับน้องชาย Matthew วัย 14 ปี ได้ส่งหากันในระหว่างที่ Nikolas Cruz มือสังหารหมู่กำลังกราดยิงผู้คนในโรงเรียน ซึ่งในตอนนั้นสองพี่น้องคู่นี้ต้องหนีเอาชีวิตรอดจากลูกกระสุน จึงทำให้พวกเขาต้องพลัดกันไปอยู่คนละห้อง หลังจากที่เริ่มมีเหตุการณ์ยิงเกิดขึ้น ด้วยความเป็นห่วงว่าน้องชายจะเป็นอะไรไป Sam จึงได้เริ่มส่งข้อความไปถามเขาว่า “น้องโอเคใช่ไหม” Matthew น้องชายของเขา หลังจากนั้นน้องเขาก็ส่งข้อความกลับมาว่า “หวังว่าคงเป็นอย่างนั้น” พร้อมทั้งประโยคที่แสนจะกินใจว่า “ขอให้รู้เอาไว้ว่าผมจะรักพี่ตลอดไป และพี่เป็นพี่ชายที่แสนดีจริงๆ” หลังจากได้เห็นความรักของน้องชายแล้ว Sam ก็พยายามจะปลอบใจเขาพร้อมด้วยสร้างกำลังใจขึ้นมาด้วยการบอกกับน้องไปว่า “เราจะต้องออกไปจากที่นี่ได้อย่างแน่นอน พี่สัญญา” Sam: โอเคใช่ไหมน้องพี่ Matthew:…
-
รวมภาพของคนดวงดีที่รอดวินาทีอันตรายมาได้อย่างหวุดหวิด นี่ห้อยพระวัดไหนกันเนี่ยพี่!!
บางครั้งความอันตรายก็อยู่รอบตัวเราอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เราตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ รวมถึงความโชคร้ายด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้บางทีมันก็อาจจะทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยก็เป็นได้ แต่ว่ามีบุคคลกลุ่มหนึ่งที่สามารถโกงความตาย รอดวินาทีหวาดเสียวนั้นมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ก็ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าพวกเขานั้นห้อยพระวัดไหนกันถึงได้มีความหนังเหนียวขนาดนี้ แต่ที่รู้ๆ ก็คือพวกเขาต้องไปขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยล่ะ และนี่คือภาพของบุคคลเหล่านั้น ที่จะมายืนยันว่าในความโชคร้ายก้ยังมีความโชคดีแฝงเอาไว้อยู่ ทว่าทางที่ดีเรื่องแบบนี้ก็ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอก เพราะไม่รู้ว่าจะโชคดีอย่างนี้ทุกครั้งรึเปล่านะ คุณปู่รอดชีวิตจากสงครามโลกมาได้ ด้วยเหรียญเหล่านี้แหละที่คอยบังกระสุนปืนให้ อันนี้ไปซ้อมคิวที่ไหนมารึเปล่าเนี่ยพี่ เท่จัด ต้องบูชาคนผลิตแว่นขั้นเทพนี้ด้วย ทนจริงๆ เกือบแล้ว เกือบได้ไปเข้าอู่แล้วไหม ถ้าโดนนี่ ไอ้หนุ่มมีสลบแน่นอน มีอะไรเกิดขึ้นหรอ ชิวๆ เมื่อวางกล้องไว้ตรงนี้แล้วขับรถไปรอบเมือง แต่ปรากฏว่ามันยังอยู่ที่เดิม!! ไม่อยากจะคิดถ้ามันตำเข้าไปในเนื้อนะ จะเดินไปฉี่ซะหน่อย ดีนะมองพื้นอยู่ เส้นยาแดงผ่าแปด รามสูรตัวไหนขว้างขวานมาเนี่ย ก้มมองหว่างขาตัวเองในทันที iPhone ลูกพ่อเกือบกินขี้หมาแล้วไหมล่ะ เดอะแมทริกซ์ภาคไหนกันนะ ดูดีๆ ก่อนแปรงฟันกันนะเดี๋ยวจะเจอแจ็กพอตอย่างนี้ …
-
หนุ่มโอดป้าข้างบ้านไม่ยอมให้ซ่อมท่อ หลังมีน้ำซึม-ไฟรั่ว บอก ‘อย่าเข้ามา ขอไหว้เจ้าก่อน’
กำลังเป็นประเด็นบนโลกอินเทอร์เน็ตในตอนนี้เลยทีเดียว ถึงกรณีของหนุ่มคนหนึ่งที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์การเผชิญหน้ากับเพื่อนบ้าน ที่ได้ก่อปัญหาหลายอย่างให้ จนกระทั่งเกือบจะมีเหตุไฟไหม้ จึงทำให้หนุ่มคนนี้อดทนต่อไปไม่ไหวต้องลุกออกมาเล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์สักหน่อย โดยเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Akesarun Pathom-akkarapat Oath ได้เป็นผู้ถ่ายทอดประสบการณ์จริงที่ได้เผชิญกับเพื่อนบ้านในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเขาได้ลำดับเรื่องให้ฟังว่า บ้านของเขาได้มีพื้นที่ติดอยู่กับบ้านหลังหนึ่งที่มีเจ้าของเป็นคุณป้าคนหนึ่ง ผู้ที่นำเรื่องราวมาแชร์ให้ชาวเน็ตฟังในวันนี้ ก่อนหน้านี้ห้องน้ำชั้นที่สองของบ้านคุณป้าก็ได้เกิดน้ำรั่วซึมขึ้นมา จนไปทำให้ผนังบ้านของชายคนนี้เปียกชืื้น เขาจึงไปบอกเรื่องนี้แก่ทางคุณป้าเจ้าของบ้าน แต่ว่าป้าคนดังกล่าวก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อแก้ไขปัญหาเลย จึงได้ไปเรียกส่วนกลางของโครงการบ้านมาคุย แต่ก็โดนคุณป้าไล่กลับไป เขาจึงตัดสินใจปรับปรุงทุกอย่างด้วยตัวเอง โดยไม่เรียกร้องความผิดชอบใดๆ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ได้จบลงไป แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ชายคนนี้ต้องออกมาพูดก็เพราะว่า มีอยู่วันหนึ่งแฟนของเขาได้ไช้ห้องน้ำที่บริเวณชั้นล่างของบ้าน ทว่าเมื่อเอามือไปสัมผัสน้ำกลับโดนไฟดูด!! ใช้ไขควงลองเช็กไฟ ดังนั้นเขาจึงเข้ามาร่วมทดสอบเพื่อให้แน่ใจ แน่นอนก็โดนไฟดูดเช่นเดียวกัน เขาจึงนำไขควงทดสอบไฟฟ้ามาเช็ก ผลที่ได้ก็คือไฟรั่วจริงๆ แต่ด้วยความที่ตอนนั้นเป็นเวลากลางคืนแล้ว เขาจึงตัดสินใจรอให้ถึงรุ่งเช้าก่อนค่อยไปบอกคุณป้าบ้านหลังติดกันจะดีกว่า พอตอนเช้ามา ชายคนนี้ก็ทำการเช็กอีกรอบว่าไฟบ้านของเขาไม่ได้รั่ว ด้วยการสับเบรกเกอร์ไฟลง แล้วลองใช้น้ำดู แต่ก็ยังโดนดูดเช่นเดิมแถมผนังห้องน้ำยังมีความร้อนระอุออกมาด้วย คุณป้าเจ้าของบ้าน ด้วยความตกใจเขาจึงรีบไปแจ้งที่ส่วนกลางให้ไปช่วยบอกป้าคนนี้หน่อย แต่ส่วนกลางก็โดนคุณป้าไล่กลับมาเหมือนกับเหตุการณ์ในครั้งแรก และเมื่อกลับมาจากการทำงานแล้ว เขาจึงเข้าไปคุยกับคุณป้า แต่คุณป้ากลับไม่รับฟังแต่อย่างใด ส่งผลให้เขาต้องเรียกทั้งช่างทั้งตำรวจมาในที่สุด เมื่อทางเจ้าหน้าที่มาถึงก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากคุณป้าเจ้าของบ้านยังทำพิธีไหว้เจ้าเนื่องในวันตรุษจีนอยู่ และต้องรอให้พิธีเสร็จซะก่อนถึงจะยอมให้เข้าบ้านได้ ทางเจ้าหน้าที่รวมถึงเจ้าของบ้านก็รอ จนกระทั่งคุณป้าทำทุกอย่างเสร็จสิ้น…
-
รวมภาพที่ดูแล้วชวนงง เอะนี่มันคนจริงๆ หรือว่าภาพตัดต่อกันแน่เนี่ย ยิ่งดูยิ่งปวดกบาลซะจริงๆ
การถ่ายภาพเป็นสิ่งที่ใครหลายๆ คนชอบทำ เพราะว่ามันสามารถเก็บบันทึกความทรงจำในช่วงเวลานั้นเอาไว้ ให้เราสามารถเก็บเอาไว้ดูในวันข้างหน้าได้ แต่ว่าบางทีมันก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะว่าภาพถ่ายบางภาพที่ออกมาก็ได้แสดงความสับสัน มึนงง ชวนปวดกบาลให้แก่ผู้พบเห็นเป็นจำนวน เนื่องมาจากมุมกล้องหรือว่าจังหวะที่มันพอดีก็ไม่อาจทราบได้ ที่ทำให้ภาพถ่ายมันดูผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง จนดูเหมือนกับว่ามันตัดต่อมารึเปล่าเนี่ย และนี่คือรูปภาพที่ชาวเน็ตต่างส่งเข้าประกวดถึงความมึนงงว่า เอ๊ะ ภาพที่เราเห็นกันอยู่นี้มันเป็นภาพจริงๆ ใช่ไหม ทำไมบางคนถึงได้มี 3 แขน 3 ขาได้ ถ้าพูดขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่อล่ะก็ ไปดูพร้อมๆ กันเลย!! ให้ทายว่า ใครอุ้มใครกันแน่ นี่นางนั่งยังไงของนางกันถึงได้มี 3 ขา หรือว่าคนเสื้อขาวเป็นคนแคระกันนะ นั่นแขนหรือตูดมองดีๆ นะ ดูดีๆ นั่นมันไห ไม่ใช่ขา ให้ทายมีกี่คนในภาพนี้ เอ้า ใครขี่ใครกันแน่ ถ้าเจอกลางคืนนี่มีหลอนกันบ้างแหละ มนต์รักสลับร่าง ไปตัดต่อลุงข้างหลังเข้ามาทำม๊าย ภาพนู๊ดหรือเปล่าฮะ ทำไมขาใหญ่อย่างนั้นล่ะลูก นี่แขนพวกเธอหายไปไหนกันหมด…
-
พับกบพบกับ คีย์บอร์ดยุคใหม่มีไฟแว้บๆ ยิ่งพิมพ์ยิ่งมันส์มือ อย่างนี้ต้องโดนกันซะหน่อยแล้ว
ใครหลายคนอาจจะรู้สึกเบื่อที่จะต้องพิมพ์งานโดยใช้คีย์บอร์ดตัวเดิมๆ ที่ไม่มีความพิเศษใดๆ ทั้งสิ้น ทว่าอย่างไรมันก็เป็นของที่จำเป็นต้องมี เพราะว่าถ้าปราศจากสิ่งนี้เราก็ไม่สามารถจะป้อนคำสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งเล่นเกมบางเกมก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แล้วถ้ายิ่งเรื่องของการทำงานยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ว่าในวันนี้ได้มีคีย์บอร์ดอยู่รุ่นหนึ่ง ที่จะทำให้การกดแป้นคีย์บอร์ดที่เราเคยกดกันอยู่ทุกวันนั้น ไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่ออีกต่อไป เพราะว่าทันทีที่เราจิ้มลงไปที่ตัวใดตัวหนึ่ง มันจะสามารถส่งแสงไฟออกมาจนเหมือนกับว่าเราได้เล่นแสงเลเซอร์อยู่เลยก็ว่าได้ เห็นแค่ปุ่มเฉยๆ ยังน่าสัมผัสขนาดนี้ สำหรับเจ้าคีย์บอร์ดที่ว่านี้ เป็นคีย์บอร์ดรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีกำหนดจะวางขายโดยบริษัทพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชื่อว่า HKW จากประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 5 เมษายน 2018 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ซึ่งความพิเศษของมันก็คือ ในตอนที่เราจิ้มตัวอักษรตัวใดตัวหนึ่งลงไป มันก็จะมีไฟวิ่งออกจากตัวอักษรนั้น แล้ววิ่งไปยังทางซ้ายทางขวา เสมือนกับว่าตัวอักษรที่เรากดมันเป็นศูนย์กลางของการกำเนิดแสงเหล่านั้นเลยทีเดียว มาลองดูไฟแว้บๆ ซะก่อนว่ามันน่าใช้ขนาดไหน (หากดูไม่ได้กดที่นี่) 見て見てこの無駄な機能!!邪魔!!楽しい!!!!! pic.twitter.com/lkeRZlOy51 — さめ (@SAMEX_1u2y) 6 กุมภาพันธ์ 2561 จากวิดีโอนี้ เราก็อาจจะเห็นได้ว่า แสงสวยๆ ของมันนั้นอาจจะทำให้เราสามารถนั่งทำงานได้อย่างอย่างสุดมันส์ เหมือนกับกำลังทำงานไปด้วยพร้อมกับเล่นเกมไปด้วย แต่มากไปกว่านั้นเพราะว่าด้วยความที่มันเป็นคีย์บอร์ดประเภท Mechanical Keyboard จึงทำให้เราสามารถลงน้ำหนักมือได้ดีกว่าและสามารถพิมพ์ได้แบบสนุกขึ้น รวมถึงอาจจะมีความทนมือทนเท้าได้มากกว่าปกติอีกด้วย และถ้าหากว่าใครคิดว่าแสงเหล่านี้มันน่าเบื่อไปล่ะก็ มันก็ยังมีคุณสมบัติที่จะทำให้เราสามารถปรับแต่งแสงสีได้มากถึง 9 แบบ อีกทั้งยังสามารถปรับความสว่างและความเร็วของแสงได้ดั่งที่ใจเราต้องการกันเลย วิบวับซะเพลินตาจริงเชียว…
-
สาวตัดนิ้วก้อยตัวเองเพราะคิดว่ามันน่ารักดี เลยเอามันมาห้อยคอโชว์เป็นเครื่องประดับซะเลย!!
เดี๋ยวนี้วงการแฟชั่น ถ้าจะให้ดูทันสมัยก็ต้องแต่งตัวแบบสมัยนิยม รวมถึงมีเครื่องประดับประดาต่างๆ มากมาย แต่สำหรับคนที่อยากแหวกแนวหน่อยก็คงจะต้องหาอะไรสักอย่างที่บ่งบอกความเป็นตัวเองมาสวมใส่ เพื่อให้ชาวโลกรู้ว่านี่แหละคือสไตล์ของฉันนะ แต่ว่าก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่บอกความเป็นตัวได้แบบล้ำโลกสุดๆ เพราะสิ่งที่เธอเอามาเป็นเครื่องประดับห้อยคอก็คือ ‘นิ้วก้อย’ ของตัวเธอเอง และที่สำคัญคือเธอยังบอกว่าเหตุที่ตัดมันแล้วเอามาห้อยคออย่างนี้เพราะว่ามันดูน่ารักดี!! โดยผู้หญิงสุดหลุดโลกคนดังกล่าวมีชื่อว่า Torz Reynolds เธอได้เกิดความคิดที่อยากตัดนิ้วก้อยขึ้นมา เพราะเธอคิดว่ามันน่ารักดี และในที่สุดเธอก็ทำอย่างนั้นจริงๆ และได้เอามันใส่ขวดโหลขนาดจิ๋วเอาไว้เพื่อห้อยคอ ยังไม่หมดเท่านั้นเธอยังได้มีชื่อไว้เรียกมันอย่างคิกขุอีกด้วยว่า ‘Wiggles‘ ซึ่งภายในขวดโหลที่บรรจุเจ้า Wiggles เอาไว้นี้ก็จะมีแอลกอฮอล์บรรจุเอาไว้ เพื่อให้มันช่วยคงสภาพไม่ให้นิ้วนั้นเน่าเปื่อย และสามารถนำไปเป็นเครื่องประดับห้อยคอให้กับเจ้าของได้เป็นเวลานาน การที่เธอทำเช่นนี้ใครหลายคนอาจจะคิดว่าเธอต้องเมาแน่ๆ แต่ผิดแล้วเพราะเธอได้บอกว่าไอเดียนี้ได้เกิดขึ้นในหัวของเธอมาร่วมๆ จะ 10 ปีแล้ว จริงๆ แล้วเธอนั้นได้แรงบันดาลใจในการตัดนิ้วมาจากการที่เพื่อนของเธอเคยทำมาก่อน ซึ่งก่อนที่จะมีการตัดนิ้วนั้นเธอก็ได้มีการเตรียมพร้อมตัวเอง ด้วยการฝึกการใช้ชีวิตประจำวันโดยปราศจากมัน เพื่อดูว่าจะมีผลกระทบอะไรกับเธอบ้าง เมื่อเธอเริ่มชินแล้ว ในเย็นวันหนึ่งเธอก็ลงมือตัดมันออกด้วยอุปกรณ์อย่าง คีมตัดเหล็ก!! หลังจากนั้นเธอก็เอานิ้วที่ตัดไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้เลือดมันแข็งตัว แต่ไปๆ มาๆ เธอกลับลืมเจ้านิ้วนี้ไปซะสนิทเลยว่าเคยตัดมันออกแล้วแช่เอาไว้ จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้เปิดตู้เย็นออกดูเลยนึกได้ว่ามีนิ้วอยู่ข้างในนั้น “ฉันลืมไปเลยนะว่ามันอยู่ในตู้เย็น ฉันไม่อยากจะลืมมันอีกต่อไปเลยเอามาทำเป็นสร้อยคอซะเลย” นอกจากนี้ Torz ยังได้ให้นักข่าวได้ถ่ายรูปมือที่นิ้วก้อยขาดหายไปของเธอ พร้อมทั้งยังได้นำหมวกใบจิ๋วมาตกแต่งเพื่อเพิ่มเติมความน่ารักให้กับมือของเธอเองอีกด้วย “พวกหมวกเหล่านี้เป็นของขวัญจากแฟนหนุ่มของฉัน…
-
คุณแม่ ‘ชุบชีวิตลูกชาย’ ด้วยการผสมเทียมจากสเปิร์มของเขาขึ้นมา จนได้ลูกแฝดจากการอุ้มบุญ
การเสียชีวิต เป็นวงจรตามธรรมชาติที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกชีวิต แต่ว่าเมื่อมีการตายเกิดขึ้น ก็อาจทำให้บรรดา เพื่อนฝูง พี่น้อง หรือบรรดาญาติๆ ต้องเศร้าโศกเสียใจกันยกใหญ่ และผู้ที่น่าจะเป็นผู้ที่เสียใจมากที่สุดก็คือ พ่อ-แม่ ที่อาจแทบใจสลายเมื่อได้เห็นการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของลูกๆ ถึงแม้ว่าเรื่องการตายจะเป็นเรื่องธรรมชาติ ทว่าก็มีแม่ชาวอินเดียคนหนึ่งที่พยายามจะหาตัวแทนของลูกชายที่ป่วยหนักและกำลังจะลาโลกไป เธอจึงตัดสินใจนำสเปิร์มของเขามาทำการผสมเทียม จนในที่สุดเธอก็ได้ลูกชายของเธอกลับคืนมาและที่สำคัญคือยังได้เป็นลูกแฝดอีกด้วย โดยคุณแม่คนที่ว่านี้มีชื่อว่า Rajashree Patil ชาวอินเดียวัย 49 ปี ที่ต้องการจะหาตัวแทนให้กับ Prathamesh ลูกชายของเธอที่เสียชีวิตไปด้วยโรคเนื้องอกในสมอง ในตอนแรกนั้นเธอต้องการที่จะนำสเปิร์มของลูกเธอมาทำการผสมเทียม และเธอจะเป็นผู้ที่อุ้มท้องเอง แต่ทางแพทย์ได้บอกกับเธอว่าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เพราะว่าเธอได้เข้าสู่วัยหมดประจำเดือนแล้ว จึงไม่สามารถมีไข่ที่จะนำมาผสมได้นั่นเอง แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว ความฝันของเธอก็เป็นจริงในที่สุด เมื่อมีหญิงผู้ไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่งตัดสินใจยอมบริจาคไข่ให้ โดยเธอผู้นี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเธอแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อนำสเปิร์มมาปฏิสนธิกับไข่ แพทย์ก็ได้นำตัวอ่อนนี้มาให้ญาติสนิทเป็นผู้อุ้มบุญให้ การอุ้มบุญครั้งนี้ผ่านไปอย่างไม่มีปัญหาใดๆ และเมื่อถึงช่วงเวลาแห่งการรอคอยก็ปรากฏว่า การผสมเทียมในครั้งนี้ได้ให้กำเนิดลูกแฝดสอง แถมยังเป็นแฝดชายหญิงอีกต่างหาก โดยเด็กแฝดที่กำเนิดขึ้นมานี้ ทาง Rajashree ก็บอกเอาไว้ว่าเธอจะเป็นผู้เลี้ยงดูเด็กชายหญิงคู่นี้ให้เติบใหญ่ราวกับว่าเป็นลูกของเธอเองเลย เธอตั้งชื่อให้เด็กชายว่า Prathamesh เหมือนกับลูกชายของเธอที่เสียชีวิตไป และเด็กหญิงก็ได้รับชื่อว่า Prisha ตามชื่อน้องสาวของเธอที่จะมาเป็นผู้ช่วยในการเลี้ยงดูเด็กทั้งสองให้เติบโตขึ้นนั่นเอง หน้าตาของ Prathamesh “คุณหมอได้เก็บสเปิร์มของลูกชายฉันไว้ ก่อนที่พวกเขาจะทำการรักษาโรคมะเร็ง เพราะตัวยาอาจจะส่งผลเสียต่อเสปิร์มได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ฉันสามารถนำจิตวิญญาณของลูกชายฉันกลับมาได้” Rajashree…
-
ทำไปได้… นักโทษแหกคุกด้วยการเปลี่ยนชุดของฝาแฝด แล้วก็ทิ้งมันไว้ในคุกแทนตัวเอง!!
สำหรับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายและต้องไปรับโทษในคุกนั้น พวกเขาเหล่านี้ต่างก็เฝ้าถวิลหาถึงโลกอันสวยงามที่เคยใช้ชีวิตอยู่ รวมถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘อิสรภาพ’ ที่ได้หายไปหลังจากเข้ามาในรั้วหนามกั้นแห่งนี้ ซึ่งบางคนก็ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้กลับไปใช้ชีวิตดั้งเดิมทั้งต่อสู้ในชั้นศาล หรือบางคนอาจใช้วิธีการนอกกฎหมาย อย่างเช่นการแหกคุก!! และก็มีนักโทษคนหนึ่งที่คิดค้นวิธีสุดแยบยลขึ้นมาในการแหกคุก เพราะสิ่งที่เขาทำก็คือการวางยาฝาแฝดของตัวเอง ที่มาเยี่ยม จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าสลับกับเขาซะ แล้วเดินออกไปอย่างหน้าตาเฉย ที่สำคัญคือมันสำเร็จซะด้วย!! โฉมหน้าของ Alexander ผู้ก่อเหตุแหกคุกในครั้งนี้ โดยนี่คือเหตุการณ์จริงๆ ของนาย Alexander Jheferson Delgado นักโทษคดีล่วงละเมิดทางเพศรวมถึงลักขโมยในประเทศเปรู ที่ถูกจับกุมเข้าคุกได้เพียงปีเดียวเท่านั้น เพราะว่าในปีต่อมาเขาได้ทำการแหกคุกด้วยการปลอมตัวเป็นฝาแฝดที่มาเยี่ยม และปล่อยให้เขาต้องติดคุกแทนตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในวันที่ 10 มกราคม 2017 ชื่อของ Alexander ได้ถูกจารึกเอาไว้ว่าเป็นนักโทษที่สามารถแหกคุกได้ด้วยวิธีสุดแปลกประหลาดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นการแหกคุก Piedras Gordas หนึ่งในคุกที่มีความปลอดภัยสูงที่สุดในเปรูได้เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีอีกด้วย ซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้นเริ่มต้นจากการที่ Giancarlo พี่น้องฝาแฝดของ Alexander ได้เดินทางมาเยี่ยมพร้อมทั้งนำอาหารกับจดหมายจากเพื่อนๆ มามอบให้ คุก Piedras Gordas หลังจากพบเขาในพื้นที่ส่วนกลางของคุกแล้ว ชายฝาแฝดคนนี้ก็เข้าเยี่ยมผู้ต้องหาแบบเป็นการส่วนตัวภายในห้องขัง ซึ่งที่นี้เองที่ทำให้ Giancarlo ต้องติดคุกแทนฝาแฝดของเขา เพราะว่า Alexander ได้ให้น้ำอัดลมผสมยากล่อมประสาทแก่เขากิน หลังจากนั้นเขาก็หมดสติไปแล้วก็บว่าตื่นมาอีกที…
-
ควันหลงวาเลนไทน์ ช่างภาพจับภาพเหล่าคู่รักตามที่ต่างๆ ในนิวยอร์ก ยี๋ๆๆ เหม็นความรักโว้ยย!!
เมื่อเข้าถึงเดือนกุมภาพันธ์ทีไร ก็จะมีเทศกาลหนึ่งที่คนมีคู่ต่างรอคอยนั่นก็คือ ‘วันวาเลนไทน์’ ซึ่งเป็นวันที่พวกเขาจะได้แสดงความรัก รวมถึงความหวานซึ้งให้แก่กัน และที่สำคัญคือมันเป็นวันที่เราสามารถแสดงออกได้อย่างไม่ต้องอายใครอีกด้วย แต่สำหรับคนโสดแล้ว มันช่างเป็นวันที่ห่อเหี่ยวหัวใจซะจริงๆ เพราะเดินไปทางไหนก็เห็นคนเดินกันเป็นคู่อยู่เต็มไปหมด แหมรู้อย่างนี้นอนอยู่บ้านดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาเห็นภาพบาดตาบาดใจให้มันชอกช้ำไปซะเปล่าๆ แต่ถึงกระนั้นอย่าคิดว่าอยู่บ้านแล้วจะรอดไปได้ เพราะว่าวันนี้เราได้นำภาพของกลุ่ม New York City Street Photography Collective จำนวน 15 คน ที่ได้ภาพของคู่รักต่างๆ ในวันวาเลนไทน์ในนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ต้องบอกเลยว่าภาพของพวกเขานั้นมีดาเมจที่รุนแรงมากสำหรับคนโสดที่นั่นเหงาๆ อยู่กับหน้าจอ จนบางทีก็แอบเซ็งจนต้องร้องออกมาดังๆ ว่า เหม็นความรักวุ้ย!! ความรักไม่มีแบ่งเพศจริงๆ ก็จะมาสวีตอะไรกันตรงนี้ล่ะ เซ็ง!! ข้ามถนนกันดีๆ ไม่เป็นหรอ ชิ กลางคืนแล้วอย่าคิดว่าไม่มีใครเห็นนะ ซักดอกไหมครับ? คู่นี้นี่เท่จริงๆ ขาวดำก็ให้อารมณ์แบบย้อนยุคดีเหมือนกัน ทำไมไม่เปิดลำโพงฟังให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ อยากจะคิดว่าเขากอดคอตัวเอง แต่ก็คงไม่ใช่ เกิน ใกล้กันเกิินไปแล้ว!! รักกันดีจริงๆ…
-
คุณพ่อนักสู้ ปกป้องบ้านจากโจรแม้จะถูกรุมถึง 5 คนพร้อมทั้งยังมีอาวุธครบมือ!!
(บทความนี้อาจมีภาพที่มีเนื้อหารุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม) กว่าที่เราจะมีทรัพย์สินเงินทองให้เหลือเก็บนั้น บางคนก็ต้องผ่านอะไรมามากมายและต่อสู้มาจนเลือดตาแทบกระเด็น ดังนั้นการที่เราจะต้องสูญเสียมันไปจากการชุบมือเปิบของเหล่าโจรขโมยจึงอาจเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เจ้าของบ้านคนหนึ่งต่อสู้กับโจรที่มางัดบ้านถึง 5 คน เพื่อจะปกป้องสินทรัพย์ของตัวเอง!! โดยนี่เป็นเหตุการณ์จริงๆ ที่เกิดขึ้นกับ David Pugh ชายวัย 55 ปีที่อาศัยอยู่ที่ย่าน West Midlands ประเทศอังกฤษ ซึ่งเขาเล่าให้ฟังว่าในเวลาประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตัวเขาเองกำลังนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน แต่ในทันใดนั้นก็มีกลุ่มโจรพังบ้านราคา 400,000 ปอนด์(ประมาณ 17 ล้านบาท) ของเขา เพื่อหวังที่จะมาขโมยของรวมถึงเงินสด เมื่อเขารู้ว่าบ้านของเขากำลังมีภัยคุกคามมาเยือน เขาจึงเดินลงมาข้างล่างของบ้าน แล้วก็ต้องพบว่ามีกลุ่มโจรกลุ่มหนึ่งกำลังข่มขู่ลูกชายวัย 17 ปีของเขาพร้อมกับลูกหมาพันธุ์ร็อตไวเลอร์อีกตัวหนึ่งด้วยอาวุธอย่าง มีดดาบด้ามยาว ไม้เบสบอล และไม้กอล์ฟ แต่ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เมื่อ David ตัดสินใจที่จะต่อสู้กับพวกกลุ่มโจรดังกล่าว แม้จะต้องโดนรุมถึง 5-1 ก็ตาม แต่ในตอนสุดท้ายกลุ่มโจรเหล่านั้นก็ต้องยอมแพ้กลับไปโดยไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือไปสักอย่าง ทว่าก็ได้ฝากรอยแผลเอาไว้บนร่างกายของชายใจนักสู้คนนี้ โดยสิ่งที่เขาได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้ครั้งนี้ก็มีทั้ง จมูกหัก มีบาดแผลบริเวณใบหน้า…
-
คุณป้าชาวสวนวัย 55 ปี ใช้เซกเวย์ในการขนผัก แหมชีวิตสบายขึ้นเยอะเลยอิหนูเอ้ยย
ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับในสมัยก่อน ทำให้ในตอนนี้การเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีวิธีที่หลากหลาย และก็มีชาวสวนคนหนึ่งที่นำความก้าวหน้านี้มาใช้ประโยชน์ด้วยการใช้เซกเวย์ ในการขนผัก ซึ่งเธอบอกว่าเทคโนโลยีนี้มันสามารถช่วยให้ชีวิตของเธอง่ายขึ้นอีกเป็นกองเลย โดยชาวสวนคนเก่งที่ว่านี้มีชื่อว่า Gong Rongniang ชาวมณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน วัย 55 ปี โดยเธอเล่าให้ฟังว่าการใช้เทคโนโลยีนี้ของเธอเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว จากการช่วยเหลือของลูกชาย ซึ่งในตอนนั้นเธอซื้อเจ้ารถยืนไฟฟ้า 2 ล้อนี้มาจากโลกออนไลนด้วยราคาเพียงแค่ 2,000 หยวน (ประมาณ 9,800 บาท) เท่านั้น ยิ้มแฉ่งมาเชียวนะ เมื่อมันมาถึงบ้านของเธอแล้ว Gong ก็บอกว่าเธอรีบศึกษาวิธีการใช้งานในเวลาเพียง 3 ชั่วโมง และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามันก็เป็นพาหนะประจำตัวเธอไปโดยปริยาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้เดินทางไปยังบ้านของเพื่อนบ้าน หรือใช้สำหรับเพื่อขนผักจากสวนของเธอด้วย ซึ่ง Gong ได้บอกเอาไว้ว่าเจ้าเซกเวย์คู่ใจของเธอ มันสามารถทำให้การชีวิตประจำวันของเธอง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก อย่างงานที่ปกติเคยทำโดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงจึงจะสำเร็จ ในตอนนี้เธอใช้เวลาเพียงแค่ 40 นาทีเท่านั้น ไปได้ทุกที่ที่ต้องการ โดยในทุกๆ วันจะเป็นภาพที่ชินตาของชาวบ้านไปแล้ว สำหรับภาพของ Gong ที่แบกหาบเอาไว้บนบ่าพร้อมทั้งขี่เซกเวย์นี้ไปด้วย ซึ่งเธอบอกเอาว่าเธอเคยแบกผักได้มากสุดถึง…
-
ลุงชาวอินเดียสุดกวน คอสเพลย์เลียนแบบเซเลบริตี้ระดับโลก แหมช่างกล้าจริงๆ นะเนี่ย
หากจะพูดถึงเหล่าเซเลบริตี้ ใครหลายคนอาจจะนึกถึงบุคคลที่มีหน้าตาดี หล่อสวยปานกับนางฟ้า แต่ว่าได้มีเซเลปผู้หนึ่งที่ไม่ได้มีหน้าตาโดดเด่นแต่อย่างใด หนำซ้ำยังหนักไปทางยียวนอีกด้วย แต่ด้วยเหตุนี้แหละที่ทำให้เขาขึ้นแท่นกลายเป็นเน็ตไอดอลไปแบบงงๆ อันเนื่องมาจากความกวน… สิ่งที่เขาทำนั้นอาจจะเป็นสิ่งง่ายๆ ที่หลายคนอาจจะไม่กล้าพอ แต่กับวิศวกรหนุ่มชาวอินเดียนามว่า Just Sul วัย 44 ปีนั้น ต้องบอกว่าความเขินอายแทบจะไม่มีอยู่ในตัวของชายคนนี้เลยก็ว่าได้ เพราะว่าเขาได้ทำการเลียนแบบเหล่าเซเลประดับโลกจากวงการฮอลลีวู้ด ในแบบที่ใครเห็นก็อดขำไม่ได้ เพราะทั้งหุ่นและหน้าตาของพี่แกเหมาะกับทางนี้ซะยิ่งกว่าอะไรดี ในตอนนี้ความฮาของเขาทำให้มีผู้ติดตามใน Instagram แล้วกว่า 2.7 ล้านคน ซึ่งไม่ใช่เรื่ิองธรรมดาจริงๆ สำหรับคนธรรมดาๆ เฉกเช่นเขา และรูปภาพที่ส่งให้เขาโด่งดังเป็นพลุแตกจะเป็นเช่นไร มาลองดูกันเลยดีกว่า แล้วถ้าหากชอบอย่าลืมติดตามพี่เขาได้ที่ @justsul นะจ๊ะ เลียนแบบ Kylie Jenner แต่เอะมันนูนผิดที่รึเปล่าเนี่ย Lil Yachty แบบก็อป AAA Lazar Angelov ยังต้องยอมให้กับกล้ามอันนุ่มนิ่มของเขา เกือบเหมือนละ เกือบละเฮีย บริทนี่ย์ ก็สู้ฉันไม่ได้หรอกเชื่อเถอะ เมสซี่ เจอกับ เม็ดสี แตกต่างนิดเดียวเอง…
-
พบกับหมาติดผ้าห่ม ที่ไม่ว่าจะไปไหนต้องเอาไปด้วยทุกที่ ก็เค้ารักของเค้าอะเนอะ!!
เชื่อว่าทุกคนจะมีของรักของหวงหรือของที่ขาดไม่ได้อยู่สิ่งๆ หนึ่งเสมอ อย่างสำหรับบางคนอาจจะติดยาดม บางคนอาจจะติดหมากฝรั่ง หรือบางคนอาจจะติดหนังสือ ที่ไม่ว่าไปที่ไหนต้องเอาไปด้วยตลอด แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับคนเพียงอย่างเดียวนะ เพราะว่ามีหมาตัวหนึ่งที่ติดผ้าห่มชนิดที่ว่าเมื่อมีมันที่ไหนต้องมีผ้าห่มที่นั่นเลย!! แง่มๆ ก็มันติดอ่ะ ทำไงได้ โดยเจ้าหมาที่ตัวนี้มีชื่อว่า Floyd เมื่อตอนมันอายุได้ 1 ขวบ เจ้าของของมันบังเอิญทิ้งผ้าห่มเอาไว้บนโซฟาในบ้าน เมื่อมันได้สัมผัสถึงความนุ่มสบายของผ้าห่มเข้า จึงได้ติดใจและได้ขโมยมันมา และตั้งแต่นั้น มันก็ติดผ้าห่มแจชนิดที่ว่าขาดไม่ได้เลยทีเดียว และในตอนนี้เจ้า Floyd มีอายุได้ 2 ขวบแล้ว แต่พฤติกรรมการติดผ้าห่มของมันยังคงมีอยู่ให้เห็นในทุกวัน เพราะว่ามันมักจะคาบผ้าห่มติดตามตัวมันไปนู่นไปนี่รอบๆ ทั้งบ้าน อย่ามายุ่งกับผ้าห่มของหนูนะ โดยเจ้าหมาพันธุ์เกรตเดนตัวนี้เกิดผูกพันกับผ้าห่มด้วยเหตุใดก็ไม่อาจทราบได้ แต่ถ้าหากวันใดที่ไม่มีผ้าห่มให้แก่มัน เจ้า Floyd ก็จะมีอาการหงุดหงิดให้เห็น ทางครอบครัวนี้จึงต้องจัดเตรียมผ้าห่มเอาไว้แทบจะทุกมุมบ้าน เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีผ้าห่มให้กับเจ้ายักษ์ตัวนี้อย่างแน่นอน “ในตอนนี้ฉันต้องสำรองผ้าห่มให้มันเยอะเลยล่ะ ซึ่งนอกจากผ้าห่มหลายผืนในบ้านแล้ว มันยังมีอีกผืนหนึ่งอยู่ในรถ อีกผืนหนึ่งที่บ้านของแฟนฉัน เผื่อเอาไว้ว่าในตอนที่ฉันพามันไปหาเขา” ไปเที่ยวยังต้องหาเตรียมไว้ให้มันด้วย “มันมักจะลากผ้าไปรอบๆ บ้านเลย ไม่ว่าจะตอนขึ้นนอนที่ชั้นบนของบ้านมันก็ลากไปด้วย และในตอนเช้ามันก็ลากลงมาเช่นกัน” “แต่ในบางครั้งมันก็พยายามจะลากผ้าห่มออกไปนอกบ้านเหมือนกันนะ แต่ว่าฉันได้ฝึกให้มันทิ้งเอาไว้ที่หน้าประตู และจะสามารถเล่นได้อีกครั้งเมื่อมันกลับมา” Emily…
-
ของแทนใจ!! สาวญี่ปุ่นทำ ‘ช็อกโกแลตหนอน’ บอกชายคนที่ชอบเธอว่า “ไม่!!”
หากจะกล่าวถึงวันดีๆ ในปีหนึ่ง เชื่อว่าต้องมีชื่อของ ‘วันวาเลนไทน์’ เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน เพราะว่ามันเป็นวันที่ผู้คนต่างแสดงความรักให้แก่กัน บางคู่อาจมีของขวัญ รวมถึงขนมแทนความในใจอย่างช็อกโกแลตมามอบให้แก่กันอีกด้วย แต่รู้หรือไม่ว่าสาวๆ ก็อาจปฏิเสธหนุ่มๆ ด้วยการมอบช็อกโกแลตในวันแห่งความรักนี้ได้เช่นกัน และหนุ่มๆ ก็อาจจะรู้ตัวทันทีหากได้รับช็อกโกแลตที่มีหน้าตาเช่นนี้!! ใครมันจะไปกินลงเนี่ย มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @4MuiMui ออกมาบอกแก่ผู้หญิงทั้งหลายในประเทศญี่ปุ่นว่า มีวิธีปฏิเสธชายที่มาชอบเธอแบบง่ายๆ ได้ด้วยการให้ช็อกโกแลตเหมือนกันนะ และที่สำคัญคือไม่ต้องไปซื้อให้ช็อกโกแลตแพงๆ ให้มันเปลืองเงินอย่างเปล่าประโยชน์อีกด้วย โดยเธอได้สาธิตการทำ ‘ช็อกโกแลตตัวหนอน’ ที่เธอบอกเอาไว้ว่า ทันทีที่ผู้ชายได้เห็นพวกเขาต้องรู้ในทันทีแน่นอนว่า ผู้หญิงไม่ได้คิดอะไรด้วย เพราะว่าแทนที่จะได้รับช็อกโกแลตสวยๆ แสนน่ากิน ทว่าสิ่งที่พวกเขาได้รับกลับเป็นช็อกโกแลตรูปตัวหนอนหยึยๆ ที่ดูแล้วมันก็ไม่ได้ให้ความโรแมนติกอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ใช้ขนมเป็นส่วนประกอบเลย ง่ายดี โดยขั้นตอนแรกของการทำ @4MuiMui ก็ได้เขียนเอาไว้ว่า ให้เลือกใช้ขนมยี่ห้อ Tohato Caramel Corn ที่มาเป็นรูปโค้งๆ เหมือนกับตัวหนอนอยุู่แล้วมาเป็นวัตถุหลัก (หรือจะใช้อย่างอื่นก็ได้เช่นเดียวกัน) จากนั้นก็ใช้ครีมที่ขูดออกมาจากขนม Oreo ที่เป็นสีขาวๆ นวลๆ มาเคลือบเจ้าขนมที่ว่านี้ไว้ ต่อมาก็ใช้ข้าวสาลีที่เคลือบช็อกโกแลตมาติดไว้ที่ปลายขนมด้านหนึ่ง และขั้นตอนสุดท้ายคือการใช้เม็ดช็อกโกแลตเล็กๆ มาติดไว้เป็นลวดลายก็เป็นอันเสร็จสิ้นแล้ว ขูดครีมออกไปซะหน่อย ซึ่งช็อกโกแลตที่ว่านี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ารสชาติเป็นอย่างไร แต่ถ้าดูจากภาพแล้วหนุ่มๆ ที่ได้รับไปก็คงจะไม่กล้ากินเหมือนกัน…
-
สองคู่รักสาวเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานพร้อมกัน จนกลายเป็นเรื่องบังเอิญที่สุดวิเศษ!!
การเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน เป็นพิธีการที่มีทั้งความตื่นเต้นและตื้นตันใจไปพร้อมๆ กัน ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าในการขอแต่งงานแต่ละครั้งนั้นมันช่างเป็นวินาทีแสนมีความสุขของคู่รักกันซะจริงๆ แต่มันจะดีแค่ไหนถ้าหากต่างฝ่ายต่างวางแผนเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมๆ กัน เหมือนกับคู่รักคู่นี้ นี่คือเรื่องราวของ Tori กับ Berkley สองสาวจากรัฐเท็กซัสที่ได้คบหาดูใจกันมาเป็นเวลากว่า 4 ปี แต่ด้วยความบังเอิญหรือว่าเพราะความรู้ใจกันอย่างถ่องแท้ก็ไม่ทราบ ทำให้ต่างฝ่ายต่างเลือกวันขอแต่งงานเป็นวันเดียวกันพอดี โดย Tori ได้เขียนเอาไว้ในทวิตเตอร์ของเธอว่า เธอได้วางแผนขอแฟนสาวแต่งงานมาเป็นเวลาหลายเดือน โดยไม่รู้เลยว่า Berkley ก็ได้วางแผนการเอาไว้เช่นเดียวกัน และทุกๆ อย่างก็เกิดขึ้นระหว่างการเล่นเกม Pictionary สำหรับเกม Pictionary นั้นคือเกมที่จะกำหนดคำขึ้นมา แล้วให้ฝ่ายหนึ่งวาดภาพขึ้นมาเพื่อใบ้ให้อีกฝ่ายหนึ่งตอบ ว่าคำที่ถูกต้องคือคำว่าอะไร ในตอนเริ่มต้นของแผนการนั้น Tori ได้ชวนให้แฟนสาวของเธอร่วมเล่นเกมที่ว่านี้ด้วยกัน ซึ่งเธอคนนั้นก็เต็มใจที่จะเล่นด้วย เมื่อถึงตาของ Berkley วาดภาพ Tori ก็ได้ทำตามแผนด้วยการเดาภาพด้วยคำศัพท์อย่าง “ขอแต่งงาน คู่รัก และแต่งงานกันเถอะ” และในที่สุดเธอก็ได้คุกเข่าขอแฟนสาวแต่งงานท่ามกลางความชื่นมื่นของบรรดาเพื่อนฝูง แต่หลังจากการขอแต่งงานของ Tori ก็มีเพื่อนของเธอคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า ‘ถึงตาเธอแล้ว Berk’ และทันใดนั้นเอง Berkley ก็นำแหวนแต่งงานที่เธอเตรียมไว้ขึ้นมา ซึ่งสิ่งที่ได้เห็นมันได้ทำให้ Tori…
-
‘สวนลึงค์’ แหล่งท่องเที่ยวในเกาหลีสุดฮอตฮิต แถมยังใกล้กับสถานที่จัดโอลิมปิกฤดูหนาวด้วย!!
หากใครมีแผนที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศเกาหลีใต้ เพื่อจะทำธุรกิจหรือว่าดูมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวแล้วล่ะก็ ในตอนนี้มีสถานที่หนึ่งในบริเวณใกล้เคียงที่ถือได้ว่าเป็นจุดฮอตฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวจากหลากหลายประเทศ เพราะว่ามันเป็นสวนสาธารณะทีมีสิ่งของต่างๆ รูปร่างคล้ายกับลึงค์!! มาเป็นลำเชียว ใครหลายคนก็คงจะทราบกันดีว่าในปีนี้ การจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวนั้น ได้มีประเทศเกาหลีใต้ที่รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ โดยมันจะจัดขึ้นในอำเภอพย็องชัง จังหวัดคังว็อน ซึ่งอยู่ห่างจากอุทยานแฮซินดังหรือว่า ‘สวนลึงค์’ เพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น นั่งแล้วรู้สึกตะหงิดใจแปลกๆ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ในตอนนี้นักท่องเที่ยวที่ไปเตรียมตัวรอดูกีฬาที่ประเทศเกาหลีใต้ จึงหลั่งไหลกันเข้าไปเที่ยวเพื่อชมความแปลกประหลาดของเจ้าสวนแห่งนี้นี้กันเป็นจำนวนมาก “ฉันเดินทางไปจนจะทั่วทั้งโลกแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย” Keith Childs ชาวลอนดอนที่มางานกีฬาแล้วเดินทางมาอุทยานแห่งนี้พร้อมกับทีมงานคนอื่นๆ กล่าว แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วรูปร่างลักษณะรูปหรรมส์ต่างๆ ที่สร้างขึ้นภายในสวนแห่งนี้ ได้มีที่มาจากตำนานโบราณของชาวเกาหลีที่เกี่ยวกับเรื่องพรหมจารีและปลา โดยตำนานที่ว่านี้อาจจะฟังดูแปลกๆ หน่อย แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นจุดกำเนิดของอุทยานแห่งนี้ ซึ่งเนื้อเรื่องคร่าวๆ ก็มีอยู่ว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิตเนื่องจากโดนพายุซัดกระหน่ำ ขณะที่แฟนหนุ่มของเธอกำลังออกไปเก็บสาหร่ายในบริเวณลุ่มน้ำใกล้ๆ ซึ่งหลังจากการตายของหญิงสาวในครั้งนั้น ก็ทำให้ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านไม่สามารถจับปลาใดๆ ได้เลย อย่าเอาแป้งไปขูดนะเดี๋ยวถลอกหมด จึงมีความเชื่อกันว่าน่าจะเป็นอาถรรพ์ของหญิงสาวคนดังกล่าว พวกชาวบ้านเลยช่วยกันสร้างศาลกับปั้นรูปปั้นรูปลึงค์ไว้ที่หน้าผาของหมู่บ้านแห่งนี้ เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาความโกรธแค้นพร้อมกับเป็นอนุสาวรีย์ให้แก่เธอคนนั้น และได้เป็นสิ่งที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันในที่สุด ทว่าถึงอุทยานรูปลึงค์นี้อาจจะก่อให้เกิดอารมณ์เมื่อได้พบเห็น แต่ว่าในชีวิตจริงๆ ของชาวเกาหลีใต้แล้วกลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะว่าประเทศเกาหลีใต้นั้นถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการเจริญพันธุ์ต่ำที่สุดประเทศหนึ่งบนโลกใบนี้เลย ปลูกเป็นไร่ ขายเป็นสวน จากข้อมูลที่ได้เปิดเผยโดยรัฐบาลเกาหลีใต้ในปี 2016…
-
หมาถูกทิ้งให้อยู่ในบ้านซอมซ่อกว่า 8 ปี วันนี้มันมีชีวิตใหม่ และความสดใสน่ารักกว่าเดิม!!
ในทุกๆ ครั้งของการย้ายบ้าน คนเราส่วนใหญ่ก็มักจะจดจำได้ว่าอะไรเป็นสิ่งมีค่าที่เราเป็นเจ้าของบ้าง แต่บางทีสิ่งมีค่านั้นก็อาจจะไม่ใช่สิ่งของเสมอไป แต่ว่าอาจเป็นสัตว์เลี้ยงก็เป็นได้ ทว่าสำหรับในเคสนี้อาจจะไม่เป็นอย่างนั้น เพราะมีหมาตัวหนึ่งที่ถูกเจ้าของเก่าทอดทิ้ง จากการที่พวกเขาย้ายบ้านกันออกไป และมันทำให้หมาตัวนี้เกิดความกลัวจนต้องหมกตัวอยู่ในบ้านหมาหลังน้อยอย่างเพียงลำพัง… เป็นเวลากว่า 8 ปีแล้วที่เจ้าหมาตัวหนึ่งชื่อว่า Pamela ต้องอาศัยอยู่ในบ้านหมาอันซอมซ่อบริเวณหลังบ้านของครอบครัวหนึ่ง และก็มีอยู่วันหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของมันดูแย่ลงไปอีก เพราะว่าครอบครัวที่ดูแลหมาตัวนี้ถูกไล่ออกจากบ้านหลังนี้ หนำซ้ำพวกเขาทิ้งมันเอาไว้อย่างเดียวดายอีกด้วย “คุณเคยสงสัยไหมว่าหมาที่สามารถทำให้ใจของคุณแทบสลายได้จะมีสภาพเช่นไร?” Janine Guido ผู้ก่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Speranza Animal Rescue ในรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐฯ เขียนเอาไว้หน้าเพจของเธอ พร้อมกับโพสต์ภาพของเจ้าหมาที่น่าสงสารตัวนี้พร้อมกับแคปชั่นเอาไว้ด้วย “นี่เป็นสถานที่ที่มันอยู่มาตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทั้งหมดนี้คือโลกที่มันรู้จัก” วิดีโอความน่ารักของเจ้าหมาตัวนี้ ตอนที่ได้ช่วยเหลือมาแล้ว แน่นอนว่าหมาตัวนี้ได้กลายเป็นหมาเร่ร่อนโดยสมบูรณ์ ซึ่งทาง Guido กล่าวว่าจริงๆ แล้วเธอก็เคยได้เจอกับเจ้าของเก่าของมัน ที่ในตอนนั้นเขากลับเข้ามาเก็บของที่เหลือออกไปจากบ้าน แต่เขาก็ดูจะไม่แยแสหมาตัวนี้แม้แต่น้อย หนำซ้ำยังอยากให้หมาตัวนี้ไปไกลๆ เขา ด้วยการช่วยยกเจ้า Pamela ขึ้นรถให้เธออีกด้วย การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันได้ทำให้เจ้า Pamela ตกใจอย่างเห็นได้ชัด โดยมันเอาแต่ซุกตัวอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ของมัน …
-
ชาวเน็ตแฉ 17 ภาพแมวเหมียว ที่ยืนยันว่า พวกมันคือเจ้าแห่งความฮาอย่างแท้จริง!!
ความมีชีวิตแสนจะอิสระไม่แคร์ถึงสิ่งใด รวมถึงความอินดี้ของเจ้าแมว อาจจะเป็นสิ่งที่ใครหลายคนอยากจะเป็นเหมือนกัน เพราะว่ามันทั้งดูเสน่ห์พร้อมกับแสนกวนไปพร้อมๆ กัน แต่ว่าบางทีมันก็กลับมีเสน่ห์ในด้านของความตลกที่ใครหลายคนอาจจะคาดไม่ถึง และนี่คือภาพในด้านความฮาของเจ้าแมวเหมียว ที่ผู้คนทั่วทั้งโลกได้ทวิตต่อๆ กันมาในโลกอินเทอร์เน็ต ที่จะแสดงให้เห็นว่ามันนี่แหละ ที่อาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความไร้เดียงสาที่สุดในโลกก็อาจเป็นไปได้ จนหลายคนอาจเรียกนิสัยเหล่านี้ว่า ‘ความแมว’ เลยทีเดียว เราเป็นพวกเดียวกันแล้วนะ ทีนี้ก็เลิกใช้เล็บมาข่วนได้แล้ว (ดูหน้าแมวด้วย) สวยใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องบอกหรอก รู้ตัว เมื่อคุณตื่นมา แล้วพบการประชมลับของแมวเหมียว!! เจ้าแมวแกล้งโดนรถชน สงสัยจะเอาเงินประกัน แกมันร้ายจริงๆ เหมือนมีพลังงานบางอย่างจ้องอยู่ ม่ายย เกมทายปริศนา แมวตัวนี้ชื่อว่าอะไร? เจ้าแห่งรัตติกาลก็ต้องชั้นนี่แหละ เหมียวแมน!! เมื่อได้เห็นหน้าตัวเองครั้งแรก มันก็จะเป็นอย่างนี้แหละ เรียกได้ว่าเป็นแมวเซเลบตัวหนึ่ง นอนอ้วนเลยนะ น่าตีซะจริงๆ เชียว นี่แกเอาอะไรมาห่มฉันเนี่ย เจ้ามนุษย์ เมื่อแมวพยายามจะเป็นสิงโต ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามซะจริงๆ เหมือนพยายามจะบอกว่า…
-
สาวฮึดจนวินาทีสุดท้าย ถูกแทงสาหัสคลานขอความช่วยเหลือ จนนำไปสู่การจับกุมในที่สุด
ในช่วงสุดท้ายของชีวิตคนเรา ก็อาจจะมีแรงที่เรียกกันว่าเฮือกสุดท้ายเกิดขึ้นได้ เหมือนกับสาวคนนี้ที่ได้ใช้กำลังเฮือกสุดท้ายที่มีในชีวิต มาแจ้งเบาะแสกับตำรวจถึงผู้ที่ลงมือใช้มีดแทงเธออย่างโหดเหี้ยม และสุดท้ายความพยายามของเธอก็ไม่สูญเปล่า เมื่อทางตำรวจได้ใช้ข้อมูลของเธอนำไปสู่การจับกุมได้ในที่สุด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา โดยสาวผู้โชคร้ายดังกล่าวมีชื่อว่า Lizette Andrea Cuesta ชาวแคลิฟอร์เนีย อายุ 19 ปี เธอถูกพบเข้าที่ริมถนนแห่งหนึ่งในเมือง Livermore ด้วยสภาพที่เลือดโชกไปทั้งตัวจนไม่สามารถระบุได้เลยว่าผมของเธอเป็นสีอะไรกันแน่ ด้วยความตกใจผู้ที่เจอเธอจึงโทรศัพท์แจ้ง 911 และเจ้าหน้าที่ก็ได้มาตรวจสอบทันที เจ้าหน้าที่ระบุว่า พวกเขาได้ตรวจพบรอยเลือดที่แสดงให้เห็นว่าสาวคนนี้พยายามตะเกียกตะกายพาตัวเองคลานมาไกลร่วม 90 เมตรจนถึงริมถนนและทำให้มีคนขี่มอเตอร์ไซค์คนหนึ่งมาเห็นเข้าในที่สุด ต่อมาทางเจ้าหน้าที่จึงเรียกหน่วยฉุกเฉินทางอากาศมารับตัว Cuesta ไปยังโรงพยาบาล Eden ทว่าเธอก็เสียชีวิตเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหวในเวลา 2 ชั่วโมงหลังจากนั้น แต่ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตไป Cuesta ได้พยายามที่จะบอกเบาะแสของคนร้ายที่ใช้มีดแทงเธอ โดยเธอระบุว่ามีผู้ร้าย 2 คนทำร้ายร่างกายเธอ ซึ่งเป็นผู้ชาย 1 ผู้หญิง 1 และเธอสามารถระบุชื่อของชายผู้ต้องหาได้อย่างชัดเจน จากคำกล่าวของนายตำรวจ Ray Kelly และข้อมูลที่เธอได้ให้ไว้ก่อนเสียชีวิตนี้กูนำไปสู่การจับกุม Daniel Gross…
-
ถูกหรือผิด… นักค้ายาลักพาตัวหมอ เพื่อทำวัคซีนรักษาไข้เหลืองให้ชุมชนตัวเอง เพราะรัฐไม่ใส่ใจ
เมื่อรัฐบาลไม่สามารถดูแลประชาชนของประเทศตัวเอง ก็ทำให้คนทั่วๆ ไปต้องรู้จักช่วยเหลือตัวเองและเอาชีวิตรอดต่อไปให้ได้ แต่คงไม่มีใครที่จะทำเหมือนกับอาชญากรคนนี้อีกแล้ว ที่ยอมลงทุนลักพาตัวบุรุษพยาบาล เพื่อจะให้พวกเขาฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้กับคนยากจนที่ไม่ได้รับโอกาสเหมือนกับบุคคลทั่วไปในประเทศ โดยผู้ที่ก่อเหตุที่ว่านี้ขึ้นมีชื่อว่า Thomaz Vieira Gomes หรือมีชื่อในวงการที่รู้จักกันเป็นอย่างดีว่า 2N เขาถูกพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในอาชญากรที่อันตรายที่สุดในนครริโอ เดอ จาเนโร ภาพของ 2N แต่เมื่อเร็วๆ นี้เขากลับทำสิ่งที่ดีงามให้กับสังคม แม้ว่าจะเป็นสิ่งผิดกฏหมายก็ตาม เพราะสิ่งที่เขาได้ทำลงไปนั้นก็คือการลักพาตัวบุรุษพยาบาล 2 คนและบังคับให้พวกเขาฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลือง ให้กับผู้คนยากจนในสลัมที่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากหน่วยงานรัฐ นั่นเอง โดยตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ประเทศบราซิลต้องเผชิญกับการระบาดของโรคไข้เหลืองอย่างหนัก และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่าหลายสิบคน และถึงแม้ว่ากระทรวงสาธารณะสุขจะมีแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้กับผู้คนหลายล้านคน เพื่อหวังจะควบคุมโรคระบาดนี้ให้ได้ แต่อย่างไรก็ตามจำนวนวัคซีนก็ยังคงไม่เพียงพอต่อจำนวนประชากรภายในประเทศอยู่ดี ทำให้ต้องมีผู้คนบางกลุ่มที่อาจไม่ได้รับการฉีดวัคซีนดังกล่าว และแน่นอนว่ากลุ่มผู้คนยากจนมักจะเป็นกลุ่มที่ถูกสังคมปฏิเสธ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลือง เช่นเดียวกับคนในพื้นที่เขต Salgueiro ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเขตที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งในนครแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่อยู่ของ 2N ด้วย เขาจึงตัดสินใจใช้วิธีการที่คุ้นเคยอย่างการลักพาตัวแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ การลักพาตัวครั้งนี้เกิดขึ้นในวันที่ 27 มกราคม 2018 ที่ผ่านมา เมื่อ 2N พร้อมกับพรรคพวกของเขาได้เข้าไปที่คลินิกของรัฐแห่งหนึ่ง แล้วทำการปล้นเข็มฉีดยาร้อมกับวัคซีนทั้งหมดที่พวกเขาสามารถทำได้ พร้อมทั้งได้ลักพาตัวบุรุษพยาบาล 2 คนที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ในตอนนั้นไปด้วย จากนั้นแก๊งดังกล่าวก็พาตัวไปที่บาร์ชื่อว่า…
-
ร้านขายยาในประเทศอังกฤษเริ่มขายน้ำมันกัญชา เพื่อให้ประชาชนทั่วไปใช้รักษาโรคกันแล้ว!!
หลังจากมีการวิจัยต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องของ ‘กัญชา’ มาแล้วหลายรอบ ก็ทำให้ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วกัญชาก็มีคุณประโยชน์อันมากล้นเหมือนกันหากใช้ให้ถูกวิธี และดูเหมือนกับว่าตอนนี้มันจะเริ่มเป็นที่ยอมรับอย่างเป็นวงกว้างมากขึ้น เมื่อมีร้านขายยาแห่งหนึ่งได้นำ น้ำมันสกัดจากกัญชา(CBD) ออกมาวางขายตามท้องตลาดทั่วไปแล้ว โดยร้านดังกล่าวมีชื่อว่า Holland & Barrett ซึ่งเป็นร้านขายยาแฟรนไชส์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากในสหราชอาณาจักร และยังเป็นร้านขายยาแห่งแรกที่ได้แนะนำให้สาธารณชนได้รู้จักกับผลิตภัณฑ์น้ำมันกัญชานี้อีกด้วย ซึ่งทาง Jacob Hooy บริษัทผู้ผลิตน้ำมันดังกล่าว ก็ได้ออกมายืนยันด้วยว่าน้ำมันกัญชานี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เห็นได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นกว่า 37% ตั้งแต่ได้วางขายที่ร้าน Holland & Barrett และในตอนนี้พวกเขากำลังวางแผนที่จะขายผลิตภัณฑ์น้ำมันกัญชาเพิ่มอีก 4 ชนิดภายในเดือนมีนาคม 2018 นี้ สำหรับน้ำมันกัญชานี้จะไม่ทำให้เกิดอาการมึนเมาแต่อย่างใด เนื่องจากว่ามีสาร Tetrahydrocannabinol (THC) ที่เป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทน้อยกว่า 0.2% เพียงเท่านั้น น้ำมันกัญชาชนิดนี้จึงถูกกฏหมายในประเทศอังกฤษ ในตอนนี้รายงานของ Cannabis Trades Association UK ได้กล่าวเอาไว้ว่าตัวเลขของผู้ใช้น้ำมันกัญชามีการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดอย่างมากในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ใช้ยานี้แล้วกว่า 250,000 คนในประเทศอังกฤษ ขณะที่มีเพียง 125,000 คนเท่านั้นในปีที่แล้ว สำหรับสรรพคุณของน้ำมันนี้ก็สามารถบรรเทาอาการของโรคอย่าง โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง…
-
ดูให้ชัด!! Pornhub เปิดให้ดูวิดีโอพรีเมียมฟรีทุกเรื่องในวันวาเลนไทน์ จัดหนักให้เปื่อยกันไปข้าง
และแล้วก็เดินทางมาจนถึงวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรักสำหรับใครหลายคน ซึ่งก็จะเห็นได้ว่าถ้าเราเดินออกไปข้างนอกบ้าน เราก็จะเห็นได้ถึงคู่รักที่เดินจับมือกันกระหนุงกระหนิง ซื้อดอกกุหลาบสีแดงสด เติมความหวานกันซะจนเป็นที่น่าอิจฉาตาร้อน (รวมถึงหมั่นไส้) สำหรับคนโสดหลายๆ คน พวกเขาเหล่านี้จึงอาจตัดปัญหาด้วยกันอยู่แต่ที่บ้านซะเลย และทีนี้เมื่ออยู่บ้านนานๆ ก็อาจจะไม่มีอะไรทำ แต่ว่าในตอนนี้ได้มีข่าวดีสำหรับผู้คนเหล่านี้ที่จะไม่ต้องนอนเปื่อยเบื่อๆ (แต่เป็นอย่างอื่นที่อาจเปื่อยแทน) อยู่บ้านอีกต่อไป เพราะว่าทางเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Pornhub ได้ทำการปลอบใจเหล่าคนเหงาด้วยการเปิดให้ดูวิดีโอระดับพรีเมียมได้แบบฟรีๆ !!! เฮ้อ วันแห่งความรงความรักอะไรไม่รู้จัก!! เชื่อได้เลยว่าคงมีใครหลายคนที่คุ้นหูคุ้นตาคุ้นมือกันดีกับเว็บไซต์ Pornhub ที่เป็นแหล่งรวบรวมวิดีโอโป๊จากหลากหลายค่ายทั้งฝั่งเอเชียและตะวันออก และในตอนนี้พวกเขาก็ได้ให้ของขวัญคืนความสุขให้กับเหล่าผู้เปลี่ยวเหงาในวันวาเลนไทน์ ด้วยการเปิดให้เข้าชมวิดีโอระดับ Premium แบบฟรีๆ (ปกติต้องเสียเงินเพื่อเข้าดู) ซึ่งเชื่อได้เลยว่านี่อาจเป็นช่วงเวลาที่ใครหลายคนตั้งหน้าตั้งตาอดทนรอมาตลอดเลยก็ว่าได้ หืม ให้มันได้อย่างนี้สิ ต้องขอขอบคุณเว็บไซต์ใจดีนี้จริงๆ เพราะดูเหมือนว่าในทั่วโลกจะมีผู้คนที่ต้องเปล่าเปลี่ยวในวันแห่งความรักนี้จำนวนมาก เพราะเมื่อวันวาเลนไทน์ปีที่แล้ว ทางเว็บไซต์เองก็ออกมาเปิดเผยว่ามีผู้เข้าชมวิดีโอของพวกเขามากขึ้นกว่า 308% จากทั่วทั้งโลกเลยทีเดียว ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว พวกเขาก็บอกว่าประเทศที่มีอัตราผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นมากที่สุดก็คือประเทศ ชิลี ด้วยจำนวนที่พุ่งทะยานขึ้นราวกับบั้งไฟพญานาคกว่า 7,288 % และประเทศที่ตามมาติดๆ ก็มีทั้ง เม็กซิโก เปรู โคลัมเบีย และเอกวาดอร์ ถ้ามีวาเลนไทน์ทุกวันคงแห้งตายกันพอดี …
-
นี่หรือคือรัก?? หนุ่มถูกสาวบอกเลิก สะกดรอยตามใช้มีดแทง 75 แผล ส่งผลให้เธอเสียชีวิต
เมื่อคนสองคนมีความรักให้แก่กัน ก็อาจจะมีช่วงเวลาดีๆ ที่ทำให้รู้สึกชุ่มฉ่ำหัวใจ ทว่าหากคบไปสักพักหนึ่งแล้วรู้สึกว่าอึดอัดหรือไม่เป็นตัวเอง ก็อาจจะทำให้ต้องเกิดการ ‘เลิกรา’ กันขึ้นก็เป็นไปได้ โดยการเลิกรากันนั้นอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเสียใจต่อทั้งคู่ แต่ความเสียใจที่ว่านี้บางทีก็อาจรุนแรงเกินไปและนำหายนะมาสู่ชีวิตได้ เหมือนกับสาวคนนี้ที่เลิกรากับแฟนหนุ่มไป แต่ก็ถูกสะกดรอยตามจากแรงแค้น และในที่สุดเธอคนนี้ก็เสียชีวิตลงด้วยน้ำมือของแฟนเก่าอย่างโหดเหี้ยม Molly McLaren หญิงสาวที่เสียชีวิต โดยเหตุการณ์สลดใจครั้งนี้เกิดขึ้นกับ Molly McLaren สายวัย 23 ปีที่ตัดสินใจเลิกกับ Joshua Stimpson แฟนของเธอด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่การเลิกกันในครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งที่แล้วๆ มาของเธอเพราะว่ามันได้นำความน่ากลัวมาด้วย หลังจากที่ได้แยกทางกัน Molly ก็บอกกับครอบครัวรวมถึงเพื่อนๆ ว่าเธอกำลังรู้สึกกลัวแฟนเก่าของเธอคนนี้เป็นอย่างมาก เพราะว่าหลังจากเลิกกัน เขาก็ส่งข้อความในเชิงด่าทอเข้ามาในเฟซบุ๊กของเธออย่างมากมาย ซึ่งในเรื่องนี้เธอได้นำไปบอกกับทางตำรวจเอาไว้ด้วยเพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง ผู้ก่อเหตุสะเทือนขวัญในครั้งนี้ การเริ่มต้นคบหากันของทั้งคู่ก็เริ่มเหมือนกับหลายๆ คนในสมัยนี้ก็คือ การใช้แอปฯ อย่าง Tinder ช่วยนั่นเอง โดยทั้งคู่ได้เริ่มส่งข้อความหากันครั้งแรกในปี 2016 และได้ติดต่อกันตั้งแต่นั้นเป็นเรื่อยมา ก่อนที่จะมาพบหน้ากันจริงๆ ครั้งแรกในอีก 2-3 เดือนต่อจากนั้น นั่นก็คือในเดือน พฤศจิกายน 2016 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาความสัมพันธ์ของทั้งสองก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และได้คบหาเป็นแฟนกันเป็นระยะเวลา 7 เดือน ก่อนที่ Molly…
-
ช่างภาพญี่ปุ่นถ่ายภาพห้องน้ำสาธารณะดีไซน์เจ๋งๆ เพื่อให้เรารู้ว่ามันเป็นได้มากกว่าห้องน้ำนะ
ห้องน้ำเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับในทุกๆ วันนั่นเป็นเพราะว่าปกติแล้วคนเราก็มักจะต้องมีการขับถ่ายของเสียต่างๆ ออกจากร่างกายอย่างการ ปัสสาวะ หรืออุจจาระ ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์เรานั่นเอง ดังนั้นในเมืองต่างๆ จึงได้มีห้องน้ำสาธารณะจัดตั้งขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้ใช้อย่างสะดวกสบาย แต่ว่ามีเมืองแห่งหนึ่งที่คำนึงถึงเรื่องบรรยากาศในการทำธุระ ที่ถ้าหากมองเห็นแต่บรรยากาศเดิมๆ ก็อาจจะเกิดการเบื่อขึ้นมาได้ พวกเขาเลยสร้างห้องน้ำในดัีไซน์แปลกๆ ขึ้นมาเพื่อให้ห้องน้ำไม่เพียงห้องน้ำอีกต่อไป รูปปลาก็ดูเข้ากับภูมิประเทศที่เป็นเกาะดีนะ โดยภาพของห้องน้ำเหล่านี้ได้ถูกถ่ายทอดออกมาโดยช่างภาพชื่อว่า Okinawa Soba (Rob) ที่ได้ถ่ายภาพห้องน้ำสาธารณะในหลากหลายทัศนียภาพภายในเกาะโอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้เราได้เห็นถึงการดีไซน์อันแปลกประหลาดบนเกาะแห่งนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่จะเก็บภาพเหล่านี้มาให้เราได้ดูกัน เพราะว่าเขาต้องใช้เวลาถึง 6 ปีที่ผ่านมาในการถ่ายภาพทั้งหมด ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าห้องน้ำสาธารณะก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่ทำให้บ้านเมืองของเราดูสวยงามขึ้นได้เหมือนกันนะ ดูคล้ายๆ กับสวนสนุกเลยนะเนี่ย ให้อารมณ์แบบธรรมชาติขึ้นมาทันทีที่ได้เข้า ลองดูด้านหลัง มันก็กลายเป็นอีกหนึ่งจุดขายของเมืองนี้เหมือนกันนะ ขนาดย่อมๆ ก็มีให้บริการอย่างทั่วถึง มันช่างหรูหราอะไรซะขนาดนี้เนี่ย เทียบกับห้องน้ำที่บ้านแล้ว อันนี้ดูดีกว่ากันเยอะเลย เหมือนปล่องไฟที่โผล่ออกมาจากพื้นดินเนอะ ว่าไหม เจ้าเต่าน้อยที่ได้กลายเป็นที่นั่งสำหรับเด็กๆ ไปซะแล้ว เห็นอย่างนี้แล้วก็เกิดปวดท้องขึ้นมาทันที รูปปูก็มา…
-
รับ “เหมียวจรจัด” มาเลี้ยงที่บ้าน กลัวจะเข้ากับหมาไม่ได้ แต่ดูนี่สิ.. ทั้งรักทั้งหวง!!
สำหรับสัตว์อย่างหมาและแมวนั้น ว่ากันว่าสัตว์ทั้งสองสายพันธุ์นี้เป็นสัตว์ที่เป็นศัตรูกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ชนิดที่ว่าไม่ว่าเจอกันเมื่อไหร่เป็นอันต้องกัดกันให้ตายไปข้างหนึ่ง แต่ความคิดเหล่านี้อาจจะเปลี่ยนไปเมื่อได้เจอกับคู่หูต่างสายพันธุ์คู่นี้ เพราะว่ามันทั้งดูรักกันปานจะกลืนกิน แถมเจ้าหมายังทำตัวเป็นแม่บุญธรรมให้แก่ลูกแมวถูกทิ้งตัวนี้อย่างเต็มใจ จนกลายมาเป็นความน่ารัก ที่ใครได้เห็นก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเลย ลูกเหมียวน่าสงสารจริงๆ เรื่องราวความรักของทั้งคู่เริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤษภาคมปี 2017 จากการที่ลูกแมวไร้บ้านตัวหนึ่งถูกส่งตัวมายังห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลสัตว์ ทว่าการมาของมันในครั้งนี้ไม่ได้มาด้วยอาการบาดเจ็บใดๆ แต่มาเพื่อต้องการหาคนใจดีสักคนที่จะรับมันไปอยู่ด้วยต่างหาก โดยลูกแมวที่ได้รับการตั้งชื่อว่า Skywalker นี้มีอายุเพียงแค่ 3 สัปดาห์เท่านั้นในตอนที่มาถึง และยังมีน้ำหนักตัวไม่ถึง 400 กรัมด้วยซ้ำ มันจึงเป็นแมวที่ดูไม่ค่อยแข็งแรงนักในขณะนั้น เดี๋ยวแม่ดูแลเองนะลูก ด้วยความสงสารผสมกับความน่ารักของลูกแมวตัวดังกล่าว ก็ได้ทำให้สามีของ Kim Downie ผู้ที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลสัตว์ ตัดสินใจเอาเจ้าตัวน้อยนี้กลับมาเลี้ยงที่บ้านด้วย ด้วยเหตุนี้เองมันจึงได้พบกับ Mojito หมาพันธุ์โกลเด้นริทรีฟเวอร์ แสนใจดีที่ได้กลายมาเป็นแม่เลี้ยงให้กับมันในที่สุด กิจกรรมโปรดคือชอบนั่งดูนกด้วยกัน “ในตอนแรกที่พวกมันพบกันเจ้า Mojito ก็เข้าไปทักทายด้วยการหอมการดม และก็เป็นโชคดีที่ลูกแมวน้อยตัวนี้ก็ชอบให้มันทำอย่างนั้นเหมือนกัน” Kim กล่าว มีอะไรข้างนอกเหรอครับมี้ เมื่อทำการทักทายเบื้องต้นกันเสร็จแล้ว ตลอดเวลาที่อยู่ในบ้านรั้วเดียวกัน เจ้า Mojito ก็ได้ทำหน้าที่ของแม่ที่ดีทั้ง ทำความสะอาด คอยให้ความอบอุ่นด้วยการคลอเคลีย และทำให้ Skywalker ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป…
-
เจ้าม้าแคระผู้น่าสงสาร พลัดตกลงในท่อและติดอยู่นานถึง 4 วัน ซนซะจริงๆ เชียว
ด้วยความไร้เดียงสาของสัตว์น้อยใหญ่ต่างๆ บนโลก ก็ทำให้บางครั้งมันก็แสดงท่าทางตลกๆ ออกมาจนทำให้คนที่พบเห็นรู้สึกขำขันตามๆ กันไป แต่ในอีกทางหนึ่งความไม่ประสีประสาของมัน ก็อาจจะทำให้มันต้องเจ็บตัวหรือว่าตกอยู่ในอันตรายได้เหมือนกัน เช่นเดียวกับเจ้าม้าตัวน้อยตัวนี้ที่ทำให้ตัวเองต้องมาเสี่ยงชีวิต จากการที่มันเดินเพลินจนพลัดตกไปอยู่ก้นของบ่อน้ำทิ้ง แต่ก็ยังโชคดีที่มีผู้คนไปพบเข้า และสามารถช่วยเหลือมันออกมาได้อย่างปลอดภัย หลังจากมันต้องไปนอนหมกอยู่ในนั้นนานถึง 4 วัน เจ้าม้าน้อยมาให้พี่ช่วยซะดีๆ นะ โดยเหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นที่เขตปกครองคอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อมีม้าแคระพันธุ์เชตแลนด์ชื่อว่า Maple ได้หายไปจากฟาร์มของมันเป็นเวลาถึง 4 วัน การหายไปของมันในครั้งนี้ ทำให้ทางเจ้าของกลัวว่ามันจะถูกขโมยไป จึงได้ออกสืบเสาะหาว่ามันหายไปไหนหรือใครเอามันไป ซึ่งหลังจากออกค้นหาถึง 4 วันในที่สุด Jay Jenkinson ก็สามารถหาสาเหตุที่มันหายไปได้ เพราะเธอดันไปได้ยินเสียงมันร้องออกมาจากหลุมแห่งหนึ่งที่มีความลึกถึง 2.7 เมตร ไม่เหลือความน่ารักเลย ดูมันทำสิ เมื่อได้พบเจอมันแล้ว Jay ก็ได้ขอความช่วยเหลือจากตำรวจ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็มาสมทบในการช่วยเหลือมันขึ้นมา และในที่สุดแล้วทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวขึ้นมาได้โดยไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ สิ่งที่ติดตัวมันออกมามีเพียงแต่คราบความสกปรกเพียงเท่านั้น เจ้าของคนนี้ได้กล่าวเอาไว้ว่า ความคิดตอนแรกของเขานั้นนอกจากคิดว่ามันจะถูกขโมยไปแล้ว เขายังคิดเผื่อเอาไว้ว่าบางทีมันอาจจะวิ่งหนีออกไปจากฟาร์มก็อาจเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ั ทำหน้าที่อย่างเต็มเปี่ยม ไม่มีการรังเกียจแต่อย่างใด …
-
เครื่องประดับที่ทำมาจากชิ้นส่วนของ ‘ตุ๊กตาบาร์บี้’ ดูแล้วเหลอนไปถึงโสตประสาท!!
สำหรับตุ๊กตาน่ารักๆ อย่างตุ๊กตาบาร์บี้ ครั้งหนึ่งมันอาจจะเคยเป็นเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเหล่าหญิงสาว ที่ใครหลายคนอาจจะเคยใช้เวลาไปกับการแต่งตัวทำหน้าทำผมให้แก่มัน เอาไปไหนก็เอาไปด้วยชนิดที่ว่าห่างจากตัวแทบจะไม่ได้เลย และในวันนี้การที่เราจะพกตุ๊กตาบาร์บี้ออกไปข้างนอก อาจจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นไปอีก เมื่อมีศิลปินคนหนึ่งได้จัดทำเครื่องประดับที่ทำมาจากชิ้นส่วนของตุ๊กตา ทำให้เราสามารถพกพวกมันติดตัวไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและไม่ใหญ่เทอะทะจนเกินไป โดยคนที่สร้างสิ่งแปลกๆ นี้ขึ้นมาก็คือศิลปินชาวนิวยอร์กชื่อว่า Margaux Lange ที่ได้นำเอาชิ้นส่วนต่างๆ มาตกแต่งไว้ในเครื่องประดับอย่าง สร้อยคอ ต่างหู ทว่าในผลงานของเขาครั้งนี้ ก็ได้ปรับเอาตุ๊กตาบาร์บี้มาทำให้ดูน่ากลัวขึ้นนิดหน่อย เพื่อความลึกลับและน่าค้นหามากขึ้น ซึ่งมันอาจจะถูกใจใครหลายคนก็เป็นได้ และสำหรับใครที่อยากจะชมสินค้าของศิลปินคนนี้เพิ่มเติม หรืออยากจะจับจองเป็นเจ้าของแล้วล่ะก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ Margaux Lange นี้เลย ทำไมเหลือแขนข้างเดียวล่ะเนี่ย ริมฝีปากอวบอิ่ม เซ็กซี่ซะไม่มี มีความชวนหลอนซ่อนอยู่ ว่าไงหรอคะ ใครเอาไปใส่ต้องใจแข็งพอตัวเลยนะ ให้ทายส่วนนี้เป็นส่วนไหนเอ่ย โอ๋บาร์บี้ลูกแม่ ถูกแยกส่วนซะแล้ว ส่วนเว้าส่วนโค้งนี้ช่างชัดเจนจริงๆ นี่เธอแอบขโมยลิปฉันไปใช่ไหม ตกลงจะเอาสีอะไรกันแน่ยะ อันนี้สวยมากก แววตาอันเปล่งประกาย เรียวขายาวแสนสวย แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ…
-
หนุ่มมอมยาสาวจนใกล้สิ้นใจ ข่มขืนเธอในสภาพนั้น และส่งรูปไปอวดเพื่อนในกลุ่มอีก!!
บางครั้งคนเราก็สามารถทำอะไรที่ไม่มีใครคาดคิดขึ้นมาได้ อย่างเช่นในกรณีของชายหนุ่มวิปริตคนนี้ที่กระทำการ ‘ข่มขืนศพ’ ซึ่งเป็นเรื่องที่นับได้ว่าเป็นที่น่าเวทนาอยู่แล้ว แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะเจ้าหนุ่มคนนี้ยังถ่ายรูปและทำการส่งไปให้แก่เพื่อนๆ ของเขาเสมือนเป็นการคุยโม้โอ้อวดอีกด้วย โดยผู้ที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญในครั้งนี้มีชื่อว่า Brian Roberto Varela ชายวัย 19 ปีจากรัฐวอชิงตัน ประเทศอเมริกา ซึ่งได้ข่มขืนศพของสาวคนหนึ่งที่เสียชีวิตเนื่องจากใช้ยาเกินขนาด พร้อมทั้งถ่ายภาพร่างไร้วิญญาณของสาวคนนี้ส่งให้เพื่อนๆ ดูราวกับเป็นเรื่องล้อขำเล่นๆ ก่อนที่จะกลับไปทำงานที่ร้าน Dairy Queen ที่เขาทำงานอยู่อย่างหน้าตาเฉย โฉมหน้าของนาย Brian Roberto Varela ผู้ที่ก่อเหตุการณ์สุดวิปริตครั้งนี้ขึ้น ซึ่งนาย Brian ก็ถูกจับกุมได้อย่างทันควันในวันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังเพื่อนร่วมงานของเขาอ้างว่านาย Brian ได้คุยโม้โอ้อวดถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ประจวบการที่พวกเขาได้อ่านโพสต์ของแม่คนหนึ่งที่ประกาศว่าลูกสาวของเธอหายไป จึงได้นำไปสู่การแจ้งตำรวจในที่สุด ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าตรวจค้นรถบ้านของนาย Brian ที่อยู่ใกล้กับบริเวณทะเลสาบ Martha และได้ค้นพบร่างของสาววัย 18 ปีชื่อว่า Alyssa Mae Noceda ที่หมกอยู่ในถังพลาสติกสีดำใบหนึ่ง ซึ่งเธอคนนี้ได้หายไปตั้งแต่เข้าร่วมงานปาร์ตี้หนึ่งที่จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา อ้างอิงจากที่แม่ของเธอโพสต์ในเฟซบุ๊ก Alyssa Mae Noceda เหยื่อสาวผู้โชคร้ายในเหตุการณ์ครั้งนี้ …
-
ดราม่าหนัก!! คุณครูโรงเรียนที่ญี่ปุ่นใช้กรรไกรตัดผมนักเรียนกว่า 44 คนเพราะยาวเกินไป
สำหรับโรงเรียนบางโรงเรียน ก็อาจจะมีกฎระเบียบในเรื่องของการแต่งกายรวมถึงทรงผม ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นนั้นเรื่องของทรงผมถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ เราอาจจะเคยได้ยินเรื่องคุณครูที่สั่งให้ย้อมผมเป็นสีดำในประเทศนี้ และเรื่องของทรงผมก็ได้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่มีคุณครูของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ตัดผมให้แก่นักเรียนที่มีความยาวของเส้นผมเกินกว่าที่ระเบียบกำหนดไว้ถึง 44 คน ในระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา!! ตามรายงานกล่าวเอาไว้ว่า คุณครูที่กระทำการดังกล่าวคือคุณครู 6 คน ของโรงเรียนมัธยม Mizuhashi จังหวัดโทะยะมะ ที่ใช้กรรไกรตัดผมเด็กนักเรียนกว่า 44 คนที่มีผมยาวเกินไปและแสดงให้เห็นถึงการต่อต้านระเบียบวินัยเรื่องการแต่งกายของโรงเรียน ซึ่งการตัดผมในลักษณะนี้ ทางโรงเรียนกล่าวเอาไว้ว่าได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2017 และกระทำมาอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนมกราคม 2018 ที่ผ่านมา โดยทางโรงเรียนจะมีการตรวจเช็กระเบียบการแต่งกายรวมถึงเรื่องทรงผมในทุกๆ เดือน และนักเรียนที่ดูมีเส้นผมยาวเกินกว่าที่กำหนดจะได้รับคำเตือนให้ไปตัดผม แต่ถ้ายังไม่ปฏิบัติตามก็จะเป็นหน้าที่ของคุณครูในการตัดผมให้แก่นักเรียนเหล่านี้ ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคุณครูคนไหนที่ผ่านการฝึกตัดผมมาแล้วบ้าง แต่ทางสื่อก็ได้สันนิษฐานว่า ทรงผมที่นักเรียนได้รับอาจจะไม่ใช่ทรงผมที่พวกเขาถูกใจที่สุด แต่อาจจะเป็นทรงผมที่ตัดเพื่อให้สั้นพอที่จะไม่ผิดระเบียบของโรงเรียนเท่านั้น ซึ่งในเรื่องนี้ทางโรงเรียนก็ได้อ้างว่า พวกเขาได้รับการอนุญาตจากนักเรียนก่อนที่จะมีการตัดผมเกิดขึ้น แต่ทางสื่อของประเทศญี่ปุ่นก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เด็กๆ จะสามารถพูดอะไรได้หากคนที่มีอำนาจเหนือกว่าพวกเขาอย่างคุณครู เดินตรงมาหาพร้อมกับมีกรรไกรอยู่ในมือ ต่อมาทาง Yasuhiro Nakada คุณครูใหญ่ของโรงเรียนดังกล่าวก็ได้ออกมาให้คำแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น จากนี้ไปเราจะมีทีมผู้บริหารคอยตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก” เมื่อข่าวนี้ได้แพร่ออกไป ก็ได้มีชาวเน็ตญี่ปุ่นจำนวนมากออกมาวิพากษ์วิจารย์ถึงกรณีที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียนแห่งนี้อย่าง “นี่เป็นเรื่องจริงๆ เหรอ นี่เรายังอยู่ในยุคเก่าอยู่ใช่ไหมเนี่ย จุดประสงค์ของกฎข้อนี้คืออะไรกัน?” “คุณครู…
-
น่ารั๊คอ่อว!! หนุ่มตัดสินใจขอสาวแต่งงานด้วย ‘นักเก็ต’ เพราะเธอชอบมันที่สุดในโลก…
เมื่อความรักถึงจุดที่สุกงอม ประจวบเหมาะกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เอื้ออำนวย ก็อาจจะทำให้คู่รักที่คบหากันเกิดการ ‘แต่งงาน’ กันขึ้น แต่ว่าก่อนจะถึงขั้นนั้นก็จะต้องมีพิธีการที่เรียกว่า ‘การขอแต่งงาน’ เกิดขึ้นซะก่อน ซึ่งพิธีการนี้ต่างก็เป็นพิธีการที่สาวๆ ส่วนใหญ่บนโลกเฝ้าฝันถึงว่า จะมีผู้ชายมาคุกเข่าขอแต่งงานด้วยบรรยากาศแสนจะโรแมนติก โดยการขอแต่งงานนี้ สำหรับบางคนนั้นอาจจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิตก็อาจจะเป็นไปได้ ทว่ามันจะดีแค่ไหนถ้าหากถูกขอแต่งงานด้วยอาหารที่เราชอบที่สุดในโลก เราก็คงจะรู้สึกปลาบปลื้มพร้อมทั้งมีความอื่มเอมใจเหมือนกับสาวคนนี้ ที่ถูกชายหนุ่มขอแต่งงานด้วย ‘นักเก็ต‘ ของโปรด ซึ่งก็ทำให้เธอบอกว่ามันช่างเป็นภาพที่แสนประทับใจจนไม่รู้ลืมของเธอเลยทีเดียว โดยหนุ่มคนที่มีความคิดสุดจะสร้างสรรค์นี้มีชื่อว่า Kristian Helton ที่ได้วางแผนขอ Karsyn Long แฟนสาวของเขาแต่งงานด้วยนักเก็ตไก่จากทางร้านแมคโดนัลด์ ของโปรดของเธอซะเลย “เธอชอบนักเก็ตไก่จนถึงขั้นหลงรักเลยก็ว่าได้ ผมแน่ใจอย่างนั้น ผมแน่ใจว่าเธอรักมันมากกว่าตัวผมซะอีก เธอยอมอุทิศตัวเพื่อนักเก็ตไก่ได้เลย ด้วยเหตุนี้ผมจึงตัดสินใจนำมันมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขอแต่งงานของผม” Helton กล่าว โดยชายคนนี้ได้วางแผน นำแหวนสีสวยสอดเอาไว้ภายในนักเก็ตไก่ และเมื่อสาวคนนี้เปิดมาเห็นเข้าเธอก็ต้องตกตะลึงกับไอเดียสุดเก๋ของแฟนหนุ่มของเธอ ซึ่งภายในกล่องนั้นได้ข้อความแสนโรแมนติกเขียนเอาไว้ว่า “Will You McMarry Me?” ซึ่งแปลได้ว่า ‘แต่งงานกันไหม’ อยู่ ความประทับใจในสิ่งที่เห็น พร้อมกับความรักที่มีต่อแฟนหนุ่ม ขอทำให้ในที่สุดเธอก็ยอมตกลงแต่งงานกับเขาอย่างง่ายดาย “ฉันไม่มีความลังเลเลยที่จะตอบว่า ‘ตกลง’ เพราะว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ฉันอยากจะใช้ชีวิตร่วมด้วย” Long…
-
สาวพลัดตกจากขบวนรถไฟ เพราะมัวแต่เซลฟี่ และนี่ไม่ใช่เหตุที่เกิดเป็นครั้งแรก…
เมื่อเราได้ไปเจอเพื่อนหรือไปท่องเที่ยวตามสถานที่แปลกๆ สักแห่ง ใครหลายคนก็คงไม่พลาดที่จะต้อง ‘เซลฟี่’ ถ่ายภาพตัวเองคู่ด้วยซะหน่อย ซึ่งกิจกรรมเซลฟี่นี้ถือได้ว่าเป็นกิจกรรมยอดฮิตของคนในสังคม ณ ตอนนี้เลยก็ว่าได้ เพราะว่าในโซเชียลมีเดียต่างๆ ก็มีให้เห็นกันอย่างมากมาย แต่การจะเซลฟี่นั้น หากจะให้ดีก็ควรจะคำนึงถึงกาลเทศะรวมถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นหลัก ไม่งั้นอาจจะเหมือนกับสาวจีนคนนี้ที่มัวแต่เซลฟี่จนตกรถไฟ และนี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นด้วย เนื่องจากก่อนหน้าก็มีเหตุการณ์คล้ายๆ กันเกิดขึ้นมาแล้ว โดยเหตุการณ์ระทึกขวัญครั้งนี้เกิดขึ้นวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา เมื่อมีสาวนักท่องเที่ยวชาวจีนคนหนึ่งที่โดยสารรถไฟในประเทศศรีลังกา เพื่อจะไปยังจุดหมายปลายทางของเธอ ซึ่งในระหว่างที่อยู่บนรถไฟนั้น ด้วยวิวทิวทัศน์อันสวยงามก็ทำให้เธอเดินออกไปเซลฟี่กับทัศนียภาพอันสวยงามสักหน่อย ทว่าก็ได้เกิดเหตุน่าเศร้าขึ้นเมื่อเธอพลาดพลัดตกจากรถไฟ ส่งผลให้เธอได้รับอาการบาดเจ็บที่หัวจากแรงกระแทกดังกล่าว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้ทำให้สถานทูตจีนประจำประเทศศรีลังกา ต้องออกโรงมาเตือนให้นักท่องเที่ยวคอยระแวดระวังภัยที่มาจากการเซลฟี่ให้ดีเลยทีเดียว เพราะนี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นจากกระแสนิยมนี้ และก็เคยมีผู้ได้รับบาดเจ็บเกิดขึ้นอย่างมากมาย เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2017 ที่ผ่านมา โฆษกประจำสถานีรถไฟของประเทศศรีลังกาก็เคยกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตถึง 28 รายตลอดปี 2017 ซึ่งสาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่ก็มักจะมีเรื่องของการมีโทรศัพท์มือถือเข้ามาเกี่ยวข้อง สาเหตุที่ทำให้โฆษกออกมาพูดในครั้งนั้น ก็เนื่องจากมีการเสียชีวิตของสองพี่น้องที่มีอายุ 24 ปีและ 12 ปี ที่ในครั้งนั้นทั้งสองกำลังถ่ายภาพพร้อมกับยื่นบางส่วนของร่างกายออกจากตัวรถไฟ และทันใดนั้นพวกเขาก็ต้องเสียชีวิตจากการที่ศีรษะหลุดออกจากร่างเลย “มีใครบางคนที่อยากจะโพสต์วิดีโอหรือรูปภาพของตัวเอง…
-
เจ้าเหมียวตาบอด 1 ข้าง-มีเขี้ยวยื่นออกมา ทำท่าจะไม่รอด แต่ก็ได้รับโอกาสให้มีชีวิต…
สำหรับแมวที่ผิดปกติแล้ว ‘โอกาส’ อาจเป็นสิ่งเดียวที่เป็นความหวังสำหรับพวกมันในตอนนั้น เพราะว่าด้วยความพิการก็ทำให้หาคนที่เข้าใจและเลี้ยงดูได้ยาก แต่ก็เป็นโชคดีของแมวตัวนี้ที่แม้ว่าจะสูญเสียตาไปหนึ่งข้าง พร้อมทั้งยังมีเขี้ยวงอกออกมานอกปาก แต่ก็ยังมีคนใจดีให้โอกาสรับเลี้ยง จนสุดท้ายแล้วมันก็ได้แสดงความน่ารักน่าชังในตัวของมันเองออกมาให้ทุกคนได้ประจักษ์ ตอนที่แม่แมวคลอดลูกออกมาใหม่ๆ จุดเริ่มต้นของแมวตัวนี้เกิดขึ้นจากการที่ แมวจรจัดตัวหนึ่งได้มาปรากฏตัวขึ้นที่หน้าบ้านของ Alex แต่ว่ามันก็ไม่เพียงแค่มาให้เห็นเฉยๆ เท่านั้นเพราะว่าแมวตัวนี้ได้ตัดสินใจจะทำให้บ้านหลังนี้เป็นของมันอย่างถาวร “เมื่อพวกเราได้เห็นมันก็เกิดความสงสารขึ้นมาและรับเลี้ยงในทันที และในอีกซัก 2-3 สัปดาห์ต่อจากนั้นเราก็ได้รู้ว่ามันตั้งท้องเสียด้วย” Alex กล่าว ตาเดียวก็เฟี้ยวได้นะ หลังจากนั้นแม่แมวชื่อว่า Plop ตัวนี้ก็ให้กำเนิดลูกแมวน่ารักๆ 4 ตัวขึ้นมาดูโลก และก็มีอยู่ตัวหนึ่งที่ได้รับชื่อว่า Peanut aka P เนื่องมาจากมันเป็นตัวที่เล็กที่สุดในฝูงลูกแมวนี้ “ฉันรู้ในทันทีว่าเจ้าตัวน้อยนี้แตกต่างจากตัวอื่นๆ เพราะว่ามันไม่สามารถจะกินนมของแม่มันได้ ฉันจึงใช้ขวดนมเพื่อป้อนให้กับมัน จนกระทั่งมันสามารถกินอาหารแห้งได้” Alex กล่าว น่ารักใช่ไหมล่ะ แต่ก็ดูจะเป็นโชคร้ายของเจ้า Peanut เพราะว่า มันเกิดมาพร้อมกับตาเพียงแค่ข้างเดียวและยังมีบางส่วนของจมูกที่ขาดหายไปอีกด้วย ทว่าเมื่อมันโตขึ้นก็กลับมีเขี้ยวที่งอกออกมาเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ซึ่งสิ่งๆ นี้ได้เพิ่มความน่ารักของมันได้อีกเป็นเท่าตัวเลย มีแววนายแบบเหมือนกันนะเนี่ย “มันเป็นแมวที่น่ารักที่สุดที่ผมเคยเห็นมาเลย มันมักจะตามหาผมทั่วบ้านเพื่อจะให้ผมเอาอาหารเทใส่ถ้วยให้มันกิน นอกจากนี้มันก็ชอบที่มานั่งบนไหล่ของผมทุกๆ คืน…
-
พบกับ 7 การทดลองอันสยดสยองที่เคยเกิดขึ้นบนโลกในอดีต ช่างน่าหดหู่ใจซะจริงๆ
(บทความนี้อาจมีภาพที่มีเนื้อหารุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม) ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโลกของเราในอดีตนั้น เคยมีความโหดร้ายเกิดขึ้นอย่างมากมายเพียงใด และยิ่งในช่วงที่เกิดสงครามขึ้นแล้ว การบาดเจ็บล้มตายรวมถึงการจับเชลยมาใช้แรงงาน ถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติที่เราสามารถเห็นได้ในทุกวันในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้ แต่ว่าก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่อาจดูรุนแรงและวิปริตในเวลาเดียวกัน นั่นก็คือการทดลองต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสมัยสงคราม วิธีการทดลองนี้ส่วนมากก็จะใช้เหล่าเชลยศึกเป็นเหยื่อในการทดลอง ซึ่งมันก็ได้สร้างความทรมานใจให้แก่ผู้พบเห็นอย่างเราๆ เป็นอย่างมาก และนี่คือ 7 การทดลองสยองโลก ที่ว่ากันว่ามีความอำมหิตที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งมันจะน่ากลัวขนาดไหน รวมทั้งมีวิธีการอย่างไรบ้าง เชิญชมพร้อมๆ กันได้ ณ บัดนี้ 1. การทดลองเย็บเด็กให้กลายเป็นแฝดตัวติดกัน นี่เป็นหนึ่งในการทดลองของระบบนาซี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ Dr. Josef Mengele เกิดสนใจในการทำฝาแฝดขึ้นมา เขาจึงได้ทำการทดลองโดยใช้เด็กกว่า 1,500 คู่ในการทดลองครั้งนี้ และเมื่อถึงค่ายกักกันก็ปรากฏว่ามีเด็กที่สามารถรอดชีวิตเพียง 200 คู่เท่านั้น วิธีการทดลอง ในการทำแฝดสยามนั้น ทีมการทดลองนี้จะนำเด็กสองคน นำมาควักอวัยวะภายในบางอย่างออก จากนั้นก็จะเย็บให้ตัวติดกัน โดยเด็กๆ ส่วนมากจะเสียชีวิตจากการติดเชื้อ การทดลองนี้จึงสามารถบอกได้ถึงความโหดร้ายของนาซีได้เป็นอย่างดี 2. การทดลองเปลี่ยนสีตา การทดลองเรื่องนี้ก็เป็นของนาซีอีกเช่นเดียวกัน โดยการเปลี่ยนสีตาที่ว่านี้ มักจะใช้ผู้ทดลองเป็นชาวยิวเป็นส่วนใหญ่ เพราะว่าพวกเขาเป็นเชลยศึกที่ถูกจับมานั่นเอง…
-
พยาบาลนางฟ้าบริจาคน้ำนมให้แก่ลูกชายที่แม่ป่วยเป็นมะเร็ง จนไม่สามารถให้นมเองได้
อาหารที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของเด็กแรกเกิดที่สุดก็คือ ‘น้ำนมของแม่’ เพราะว่าเป็นอาหารสำหรับเด็กที่มีสารอาหารต่างๆ ที่เด็กแรกเกิดต้องการอย่างครบถ้วน อีกทั้งยังเป็นการสร้างสายใยความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แต่ว่าด้วยโรคภัยไข้เจ็บบางอย่าง ก็ทำให้คุณแม่บางคนไม่สามารถที่จะให้นมแก่ลูกของตัวเองได้ เช่นเดียวกับคุณแม่คนนี้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง แต่ก็เหมือนฟ้าประทานให้เจอได้พบกับพยาบาลใจดี ที่ยอมบริจาคน้ำนมของตัวเธอเองเพื่อให้ลูกน้อยของผู้ป่วยคนนี้ ได้มีโอกาสกินนมเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ เค้า!! นางฟ้าผู้บริจาคน้ำนม (คนซ้ายมือ) เรื่องราวดีๆ นี้เกิดขึ้นที่รัฐเนแบรสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อมีนางฟ้าใจดีชื่อว่า Jaclyn Kenney พยาบาลที่ทำงานอยู่ที่ศูนย์การแพทย์เนแบรสกา ตัดสินใจบริจาคน้ำนมมากกว่า 1,000 ออนซ์ให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งชื่อว่า Ashley Chesnut กับลูกชายวัย 5 เดือนของเธอชื่อว่า Easton สำหรับ Chesnut ผู้เป็นแม่วัย 30 ปีนั้น เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเมื่อไม่นานมานี้ จึงทำให้เธอเศร้าเสียใจเป็นอย่างมากที่ไม่สามารถให้นมแก่ลูกชายได้ ซึ่งอันที่จริงก่อนหน้านี้เธอก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างระหว่างที่ให้นมลูกคนนี้ เพราะว่าเธอมีอาการเจ็บปวดที่อกอย่างมากราวกับมีอะไรมาแทงเลยก็ว่าได้ Easton เด็กน้อยวัย 5 เดือนแสนน่ารัก “มันเจ็บเหมือนกับถูกรถไฟชนเลย มันเหมือนมีอะไรมาทิ่มแทง ในตอนนั้นฉันไม่สามารถขยับตัว ไม่สามารถหายใจหรือพูดคุยใดๆ ได้เลย” Chesnut กล่าว หลังจากพบว่าเธอป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองประเภท Non-Hodgkin ทางทีมแพทย์บอกกับเธอว่า เธอจะต้องหยุดการให้นมบุตรเพื่อเริ่มต้นการรักษาได้แล้ว “การให้นมแก่ลูกเป็นสิ่งที่พิเศษสำหรับฉันมาก ฉันรักทุกวินาทีที่ได้ใช้อยู่กับลูกของฉัน…
-
คุณแม่ไม่พอใจร้านอาหารตั้งชื่อเมนู ‘เบอร์เกอร์รุมโทรม’ เพราะมันส่อไปในเรื่องเพศ!!
เนื่องจากในปัจจุบันมีการแข่งขันกันอย่างสูงขึ้น ทำให้ร้านอาหารหลายแห่งต้องหาความเป็น ‘ซิกเนเจอร์’ ให้กับร้านของตัวเองอย่าง การสร้างเมนูแปลกๆ หรือการจัดบรรยากาศร้านให้แตกต่างจากร้านอื่นออกไป ซึ่งวิธีเหล่านี้ก็สามารถดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดีทีเดียว- แต่ก็ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่สามารถเรียกเสียงฮือฮาจากลูกค้าได้เช่นเดียวกัน นั่นก็คือการคิดชื่อเมนูแปลกๆ ที่ใครได้ฟังอาจจำต้องขำ หรืออึ้งกับความคิดของเจ้าของร้าน แต่ว่ามีเมนูแปลกๆ เมนูหนึ่งที่ไปทำให้คุณแม่คนหนึ่งโกรธอย่างเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะเธอคิดว่านั่นคือคำพูดที่ส่อไปในทางที่ไม่ดีต่อผู้ที่พบเห็นนั่นเอง ร้านอาหารต้นเรื่อง โดยผู้ที่มีความไม่พอใจต่อชื่อเมนูนี้ก็คือคุณแม่ชื่อว่า Anita Robinson ซึ่งเธอบอกเอาไว้ว่าชื่อเมนู ‘เบอร์เกอร์รุมโทรม'(Gangbang Burger) ที่ขายภายในร้าน Khan Pizza เมืองฮัลล์ ประเทศอังกฤษ มันช่างเป็นชื่อที่เสมือนกับต้องการจะบอกว่าความรุนแรงทางเพศเป็นเรื่องที่สามารถยอมรับได้อย่างปกติอย่างไงอย่างงั้น และเธอก็ขอให้ทางร้านนี้เปลี่ยนชื่อเมนูนี้ซะเถอะ สำหรับเมนู ‘เบอร์เกอร์รุมโทรม’ นี้มีส่วนประกอบหลักๆ ก็คือ ไก่จำนวน 4 ชิ้นประกบกับ หัวหอม เห็ด ไข่และตบท้ายบนสุดด้วยชีส แต่ในขณะนี้เมนูนี้ได้ถูกเอาออกจากป้ายของร้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ป้ายปิดประกาศเมนูนี้ ขณะเดียวกัน Asfand Khan ผู้จัดการร้านอาหารแห่งนี้ก็ยืนยันว่า ชื่อดังกล่าวเป็นชื่อเล่นที่ทางร้านตั้งให้เพื่อความตลกเท่านั้น และไม่ได้ตั้งใจที่จะส่อไปในทางที่ไม่ดีแต่อย่างใด “ฉันคิดว่ามันเป็นสิทธิของพวกเขานะที่จะตั้งชื่อเมนูอย่างนั้น แต่ฉันก็ไม่อยากที่จะต้องมาอธิบายแก่เด็กๆ ว่าคำว่า ‘รุมโทรม’ มันคืออะไรตอนที่พวกเขาเห็นมันเด่นหราอยู่บนป้ายเมนู” “ดังนั้นฉันจึงต้องเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไป เพราะว่ามันไม่มีภาพไปในทางที่บวกแต่อย่างใดในคำพูดนี้ ซึ่งถ้ามันถูกเรียกว่า ‘เบอร์เกอร์ทรีซั่ม’ มันก็คงจะแตกต่างกันออกไป แต่มันก็ไม่ใช่อย่างนั้น” Robinson…
-
โรงเรียนญี่ปุ่น จ้างแบรนด์ดังตัดชุดยูนิฟอร์ม แถมเก็บเงินผู้ปกครองร่วม 20,000 เป็นค่าชุด
เมื่อลูกของเราอยู่ในวัยเล่าเรียน ฤดูเปิดเทอมก็อาจจะเป็นช่วงเวลาที่น่าปวดหัวของคนที่เป็นพ่อแม่ซะจริงๆ เพราะว่ามันจะต้องมีค่าใช้จ่ายอย่างมากมายตามมา ทั้งค่าเทอม ค่าขนมให้ลูกไปโรงเรียน รวมถึงเรื่องของเสื้อผ้านักเรียนก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องเช่นเดียวกัน ในเรื่องของชุดนักเรียน พ่อแม่หลายคนก็อาจจะเลือกเสื้อผ้าที่ตัวใหญ่ๆ หน่อยเพื่อจะได้ใส่ไปอีกหลายปี ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการประหยัดค่าใช้จ่ายไปในตัว แต่ก็มีโรงเรียนแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นที่แทบจะทำให้พ่อแม่ของเด็กนักเรียนตาถลนออกจากเบ้า เพราะโรงเรียนแห่งนี้กำลังจะวางแผนให้นักเรียนใช้ชุดของแบรนด์หรูระดับโลก!!! โรงเรียน Taimei โรงเรียนที่ว่านี้มีชื่อว่า Taimei โรงเรียนสำหรับเด็กชั้นประถมศึกษาภาครัฐในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่กำลังวางแผนจะใช้เสื้อผ้าจากแบรนด์อิตาลีอย่าง Giorgio Armani มาเป็นชุดสำหรับนักเรียนของพวกเขา และด้วยเหตุนี้ก็จะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับผู้ปกครองประมาณ 80,000 เยน (ประมาณ 23,000 บาท) ซึ่งจะมากกว่าค่าใช้จ่ายปัจจุบันถึง 3 เท่าตัวเลย และที่สำคัญคือสำนักงานใหญ่ของแบรนด์ Armani นี้ตั้งอยู่ที่ย่านกินซ่า ที่มีระยะห่างจากโรงเรียน Taimei เพียง 200 เมตร เท่านั้น แบรนด์ดังที่จะมาออกแบบชุดนักเรียนให้ “มันเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์จริงๆ ฉันสงสัยว่าทำไมแบรนด์หรูอย่างนี้ ถึงถูกเลือกมาใช้เป็นชุดสำหรับเด็กๆ ของโรงเรียนรัฐกันนะ” คุณแม่คนหนึ่งที่ไม่ประสงค์ออกนามกล่าว ในจดหมายถึงผู้ปกครองเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา คุณครูใหญ่ Toshitsugu Wada ได้กล่าวเอาไว้ว่าโรงเรียน Taimei แห่งนี้เป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งในย่านกินซ่า และตัดสินใจที่จะนำเครื่องแต่งกายที่ได้รับการออกแบบโดย Armani มาใช้เพื่อสร้างบรรยากาศที่เหมาะสำหรับการเรียนภายในโรงเรียนแห่งนี้ขึ้น…
-
18 ภาพของเหล่าบุคคลที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองดูดี จนเมื่อได้หันมาดูแลตัวเองอีกครั้ง!!
ว่ากันว่าคนทุกคนล้วนมีเสน่ห์อยู่ในตัวของตัวเองอยู่แล้ว แต่ที่ยังไม่สามารถแสดงออกมาได้เต็มที่ก็อาจจะเป็นเพราะปัจจัยอย่าง น้ำหนักเจ้ากรรม หรือการไม่ดูแลเอาใจใส่ตัวเอง ก็อาจทำให้ความดูดีของเรานั้นลดน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็นก็อาจเป็นไปได้ ถ้าหากยังไม่เชื่อล่ะก็ลองมาดูรูปภาพเหล่านี้ ที่จะแสดงให้เห็นว่าการดูแลตัวเองสำหรับคนเรานั้นสำคัญไฉน แล้วหลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว จะมีสภาพเช่นไร เกริ่นมาแค่นี้ก็อยากรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นอย่ามัวเสียเวลาเลื่อนลงข้างล่างไปดูพร้อมกันเลยดีกว่า ตั้งแต่ผมลดน้ำหนักลงไปได้ 45 กิโลกรัม ผมก็รู้สึกดีจริงๆ ฉันต้องใช้เวลาถึง 2 ปีกับอีก 3 เดือนเพื่อให้ได้รูปร่างเช่นนี้ มันเหมือนเป็นเวลาที่มากซะหน่อย แต่ถึงอย่างไรมันก็คุ้มค่าจริงๆ ภาพสองภาพนี้เป็นช่วงเวลาที่ค่างกันถึง 4 ปี ในตอนนี้ฉันชอบรูปร่างปัจจุบันมากๆ ผมตอนอายุ 19 ปีกับ 21 ปี “ฉันรู้สึกเครียดมากที่มีรูปร่างอย่างนั้น มันทำให้ฉันแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงทุกๆ อย่าง เริ่มจากการลดน้ำหนัก โดยในตอนนี้ฉันจะวิ่งในทุกๆ ที่ที่สามารถทำได้เลย” ทรงผมเปลี่ยนชีวิตก็เปลี่ยน สำหรับบางคน การที่ผอมเกินไปก้ไม่ใช่เรื่องทีี่ดีนะ 3 ปีที่แตกต่างกัน บางคนแทบจะไม่เชื่อเลยว่านี่คือตัวผมเอง เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมายในช่วง 3…
-
ครอบครัวตะลึง ตื่นมาเจอจิ้งจกยักษ์นอนเอกเขนกอยู่ในสระน้ำหลังบ้าน สบายเชียวนะเอ็ง!!
สำหรับบ้านในฝันของใครหลายคน ก็อาจจะเป็นบ้านหลังใหญ่โตที่มีความสวยงาม พร้อมทั้งรายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิด รวมถึงอาจจะมีสระน้ำเอาไว้ให้เราคอยว่ายน้ำออกกำลังกาย หรือกระโดดน้ำเล่นเมื่อมีอากาศร้อนในเดือนเมษายน ซึ่งหากคิดภาพตามมันก็คงจะดีไม่น้อยทีเดียว แต่หากเราต้องประสบชะตากรรมเดียวกับครอบครัวนี้ บางทีฝันของเราอาจจะเปลี่ยนไปอีกแบบเลยก็ได้ เพราะใครจะไปคิดล่ะว่าในเช้าวันหนึ่งที่เราตื่นมาอย่างสดใส จะต้องมาพบกับจระเข้ตัวเป้งนอนอืดอยู่ในสระน้ำหลังบ้านเรา!!! เข้ามาทำม๊ายย โดยเหตุการณ์จระเข้บุกบ้านครั้งนี้ เกิดขึ้นที่เมือง Boca Raton ทางตอนใต้ของรัฐฟลอริดา ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา เมื่อมีครอบครัวแห่งหนึ่งต้องถึงกับผงะ หลังจากเดินไปหลังบ้านแล้วเจอกับจระเข้ยาวกว่า 2.4 เมตร กำลังนอนเอกเขนกอย่างสบายใจอยู่ในสระน้ำหลังบ้านของพวกเขา ซึ่ง Matt Fino เจ้าของบ้านผู้พบเหตุการณ์นี้เป็นคนแรกได้เล่าให้ฟังว่า ในทุกๆ เช้าเขาจะพาเจ้าหมาแก่ชื่อว่า Charlie ออกไปเดินเล่นเสมอๆ เพื่อให้มันออกไปทำธุระส่วนตัวอย่างการขับถ่ายต่างๆ แต่ว่าในเช้าวันนั้นมีสิ่งหนึ่งที่ดูแตกต่างกันออกไป เพราะเขาไปพบจระเข้ตัวเขื่องเข้าให้ บ้านที่เกิดเหตุสยองดังกล่าว ทันใดนั้นเอง เขาจึงรีบวิ่งไปปลุก Janet Rosa ภรรยาของเขาด้วยความตื่นตกใจในสิ่งที่ได้เห็นมา เพราะไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง “ฉันยังอยู่บนเตียงอยู่เลยตอนที่ Matt วิ่งกรี๊ดเข้ามา ในตอนนั้นทุกคนในบ้านต่างก็วิ่งออกไปดูว่ามันจริงอย่างที่เขาพูดหรือไม่ มีหรือที่ฉันจะพลาดน่ะ” Rosa กล่าว ซึ่งสาเหตุที่มีจระเข้หลุดมาในบ้านในครั้งนี้ พวกเขาก็คาดกันว่าน่าจะเป็นเพราะจากการที่บ้านของพวกเขาอยู่ใกล้กับลำคลอง เจ้าจิ้งจกยักษ์ตัวนี้จึงน่าจะเดินมาจากสถานที่ดังกล่าว เรียบร้อยโดนรวบเลย และแน่นอนว่า พวกเขาได้เรียกเจ้าหน้าที่มาจัดการเอาตัวของมันให้ออกไปจากตัวบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…
-
Google Flights ระบุสามารถคาดการณ์การดีเลย์ของเที่ยวบิน แถมเชื่อถือได้ถึง 80%
เวลาที่เราไปจะขึ้นเครื่องบิน ก็จำเป็นที่จะต้องไปอย่างน้อยล่วงหน้าสักช่วงประมาณหนึ่ง เพื่อให้เราเช็กอินให้ทัน แต่ถ้าหากเรามาถึงแล้วต้องพบว่าไฟลต์บินของเรานั้นเกิดดีเลย์ขึ้นมา ก็คงจะสร้างความหงุดหงิดให้กับเราไม่ใช่น้อย ที่จะต้องมานั่งคอยเวลาแสนจะน่าเบื่ออยู่ในสนามบิน ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน ทว่าในวันนี้ก็พอจะมีแนวทางให้เราได้เตรียมพร้อมถ้าหากมีไฟลต์บินเกิดดีเลย์ขึ้น เพราะว่าในตอนนี้มีแอปฯ ที่สามารถคาดการณ์การเกิดดีเลย์ล่วงหน้าได้ และที่สำคัญคือมันมีความถูกต้องถึง 80% เลยล่ะ จะดีเลย์หรอ ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปแล้วย่ะ โดยแอปฯ ที่ว่านี้มีชื่อว่า Google Flights App อันคุ้นหูคุ้นตาเรานั่นเอง ซึ่งการคาดการณ์ที่ว่านี้เป็นฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่ได้รับการบรรจุเข้าสู่ในแอปฯ แต่เดี๋ยวก่อนอย่างเพิ่งดีใจกันไป เพราะถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่การยืนยันอย่างเป็นทางการว่าจะเกิดไฟลต์ดีเลย์ขึ้น แต่มันเพียงบอกถึงเหตุผลว่าทำไมถึงน่าจะเกิดการดีเลย์ขึ้นเพียงเท่านั้น ซึ่งในขณะนี้ผลการคาดการณ์ของแอปฯ ที่ว่านี้ยังไม่สามารถการันตีได้ว่าจะถูกต้อง 100% แต่ก็มีถึงอย่างไรมันก็มีความเชื่อถือได้ถึง 80% เลยทีเดียว คาดการณ์ได้เลยว่าไฟลต์ไหนจะดีเลย์บ้าง และสามารถเชื่อถือได้ถึง 80% เลย “การคาดการณ์ของแอปฯ นี้จะใช้ข้อมูลสถานะของเที่ยวบินที่เคยผ่านมา รวมถึงการใช้อัลกอริทึ่มที่มีชื่อว่า Machine Learning โดยมันสามารถทำนายถึงความล่าช้าบางอย่างได้ แม้ว่าข้อมูลนี้จะไม่ได้รับจากสายการบินก็ตาม และถ้าหากมีการดีเลย์เกิดขึ้นมันก็สามารถเชื่อถือได้ถึง 80% เลย” “แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ยังคงแนะนำให้ไปที่สนามบินก่อนเวลาเพื่อเตรียมตัวเช่นเดิมอยู่ดี แต่ก็หวังเอาไว้ว่าข้อมูลเหล่านี้อาจจะทำให้ผู้โดยสารมีความเตรียมพร้อมมากขึ้นหากเกิดการดีเลย์ขึ้นมาจริงๆ” ทาง Google เขียนเอาไว้ในบล็อกของพวกเขา สำหรับวิธีการใช้แอปฯ…
-
สองพี่น้องชาวบราซิล ฉีดสารเคมีอันตรายเข้าไปในร่างกาย จนมีแขนขนาดใหญ่กว่า 25 นิ้ว!!
สำหรับคนที่อยากมีกล้ามแล้ว การออกกำลังกายและการควบคุมอาหารดูจะเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งยวด เพราะกว่าที่กล้ามจะขึ้นได้ก็ต้องใช้สิ่งพวกนี้ควบคู่กับการใช้เวลาอยู่ระยะประมาณหนึ่ง และต้องใช้ความอดทนร่วมด้วย แต่ก็มีบางครั้งที่คนเรามักจะหาทางลัดให้กับตัวเองด้วยวิธีการต่างๆ เหมือนกับพี่น้องสองคนนี้ที่ฉีดสารเคมีเข้าสู่ร่างกายของตัวเอง จนในตอนนี้พวกเขามีกล้ามแขนใหญ่ถึง 25 นิ้วเลยทีเดียว Geraldo ผู้เป็นน้องทางด้านซ้ายมือ กับ Pereira ผู้เป็นพี่ทางด้านขวา โดยพี่น้องคู่หูนักเพาะกล้ามนี้มีชื่อว่า Tony ‘Hulk‘ Geraldo ผู้น้องและ Alvaro ‘Conan‘ Pereira ผู้เป็นพี่ ที่ได้ให้สัมภาษณ์ว่า พวกเขายอมฉีดสารเคมีที่เป็นอันตรายเข้าสู่ร่างกายตั้งแต่สมัยยังเป็นหนุ่มๆ เพื่อจะทำให้กล้ามของพวกเขาใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นสองศรีพี่น้องคู่นี้ยังได้สารภาพอีกด้วยว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งที่การใช้สารเคมีดังกล่าว เป็นสิ่งพวกเขาทั้งคู่เสพติด ทว่าในตอนนี้พวกเขาได้อยู่ภายใต้การควบคุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กล้ามแขนขนาดยักษ์ของทั้งคู่ แต่นอกจากการฉีดสารเคมี ก็ยังมีข้อดีอยู่ที่พวกเขายังออกกำลังกายแบบปกติเป็นเวลาทุกวัน และมีการควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัดร่วมด้วย สำหรับในเรื่องนี้ Geraldo ได้อธิบายว่าเขาต้องทานอาหารทุกๆ 3 ชั่วโมง ซึ่งอาหารที่เขาทานนั้นก็เป็นจำพวก ไข่ มันเทศ และเนื้อ ที่ต้องทำจำนวนรวมกันให้ได้ถึง 4,000-6,000 แคลลอรี่ต่อวัน เพื่อให้ร่างกายของเขาเกิดความพัฒนาขึ้น ตัวยา Potenay B12 ที่พวกเขาฉีด …
-
สาววัย 14 ปีเขียนแอปฯ ช่วยยายที่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ จนในตอนนี้กำลังพัฒนาขึ้นเพื่อทั่วโลก
โรคอัลไซเมอร์หรือโรคความจำเสื่อม เป็นโรคที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ ซึ่งอาการของโรคก็อาจจะทำให้ผู้ป่วยเหล่านี้จำอะไรไม่ค่อยจะได้ หลงลืมเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต จึงทำให้มีเด็กสาวคนหนึ่งตัดสินใจเขียนแอปพลิเคชั่นขึ้นเพื่อช่วยยายที่ป่วยเป็นโรคที่ว่านี้ซะเลย หลังจากที่ต้องทนเห็นคุณยายสุดที่รักประสบปัญหาเรื่องการหลงๆ ลืมๆ จากอาการของโรคอัลไซเมอร์มานานและดูมีอาการที่หนักขึ้นเริื่อยๆ เด็กสาววัย 14 ปีชื่อว่า Emma Yang จึงใช้สกิลการเขียนโค้ดโปรแกรมของเธอเขียนแอปฯ หนึ่งขึ้นมาเพื่อจะช่วยเตือนความจำต่างๆ ให้กับคุณยาย โดยอาการป่วยเรื้อรังของยายเธอนั้น ได้เริ่มแสดงให้เห็นในตอนที่ Emma มีอายุประมาณ 7-8 ปี ซึ่งในตอนนั้นเธอก็บอกว่ายังเป็นช่วงที่เธอกำลังเรียนรู้การเขียนโค้ดใหม่ๆ อยู่เลย “จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยเผชิญมาของฉันก็ทำให้รู้ว่า อาการของโรคนี้มันไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยเท่านั้น แต่มันยังส่งผลกระทบต่อครอบครัวและเพื่อนๆ อีกด้วย” “ในตอนที่ฉันมีอายุประมาณ 11-12 ปี ฉันก็เริ่มมีความสนใจที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อจะช่วยให้สังคมของเราน่าอยู่ขึ้น ด้วยการช่วยเหลือผู้คนต่างๆ ทั่วทั้งโลกใบนี้” Emma กล่าว โดยแอปฯ ที่เธอทำขึ้นนี้มีชื่อว่า “Timeless“ ซึ่งจะเป็นแอปฯ ที่ทำให้ผู้ป่วยอัลไซเมอร์สามารถจดจำคนที่พวกเขารักได้ ด้วยการใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า ซึ่งวิธีการทำงานของมันก็เพียงแค่เรานำโทรศัพท์ของเราไปแสกนใบหน้าของคนนั้นๆ ระบบก็จะแสดงให้เห็นเลยว่าบุคคลนั้นเป็นใคร และมีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับผู้ป่วยนั่นเอง “ฉันเห็นสิ่งมากมายที่ระบบ AI และเทคโนโลยีจดจำใบหน้าสามารถทำได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ถูกนำมาใช้ในด้านของสุขภาพมากขึ้น” Emma กล่าว ซึ่งแอปพลิเคชั่นที่สำเร็จออกมานี้…
-
เด็ก 7 ขวบ เอาชนะโรคออทิสติกได้ด้วยโยคะ แถมยังยึดเป็นอาชีพทำเงินได้กว่า 5 แสนบาท
สำหรับในวัยเด็กของใครหลายคนนั้น ก็คงจะเป็นวัยที่เรากำลังเล่นซนกับเพื่อนๆ อยู่อย่างสนุกสนาน โดยไม่คิดถึงอะไรในวันข้างหน้า แต่ว่ามีเด็กวัยเพียง 7 ขวบคนหนึ่งที่มีความพิเศษกว่าเด็กทั่วๆ ไป เพราะสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ในตอนนี้ก็คือการเล่นโยคะ และกิจกรรมที่เขาทำอยู่นี้ก็ทำให้เขาสามารถเอาชนะโรคออทิสติกของตัวเองมาได้ และที่สำคัญคือเขามีความเชี่ยวชาญ ถึงขั้นเป็นคุณครูสอนโยคะที่มีอายุน้อยที่สุดในประเทศจีนเลยทีเดียว โดยชื่อของเด็กคนเก่งคนนี้ก็คือ Sun Chuyang จากเมืองไท่โจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน โดยเขาได้เริ่มรู้จักกับการเล่นโยคะมาตั้งแต่เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน และก็ทำมันเรื่อยมา จนกระทั่งในปี 2017 เขาก็มีความเชี่ยวชาญจนถึงขั้นได้รับใบรับรองอย่างเป็นทางการ ในการเป็นครูโยคะมืออาชีพเลยทีเดียว ซึ่งในงานของเขานั้น ก็จะมีหน้าที่สอนโยคะให้กับเด็กคนอื่นๆ ในคลาสเรียนที่ในปัจจุบัน เขาได้ฝึกสอนให้แก่นักเรียนแล้วมากกว่า 100 คน และสามารถทำรายได้ให้กับเขาไปแล้วกว่า 100,000 หยวน (ประมาณ 500,000 บาท) แต่กว่าจะถึงจุดนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับเขาเลย เพราะว่าในตอนที่ Sun มีอายุ 2 ขวบนั้น เขาก็ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคออทิสติก จนทำให้แม่ของเขาต้องออกจากงานเพื่อจะใช้เวลามาดูแลเขา และช่วยให้เขาสามารถเอาชนะโรคที่เกิดขึ้นนี้ได้ ซึ่งในที่สุดแล้ว คุณแม่คนเก่งก็แนะนำให้เขารู้จักกับการเล่นโยคะ แล้วก็พบว่าเขามีพรสวรรค์ทางด้านนี้เป็นอย่างดี ทว่าในช่วงแรกๆ นั้นคุณครูที่สอนโยคะให้กับ Sun…
-
‘จะแต่งเมื่อไหร่?’ หนุ่มถูกเพื่อนบ้านถามซ้ำบ่อย ลงมือฆาตกรรมเพื่อจบความหงุดหงิดใจ
เมื่อมีอายุใกล้จะเข้าวัยสู่วัยกลางคน คนโสดหลายคนก็อาจจะโดนคำถามที่ว่า ‘เมื่อไหร่จะแต่งงานทีลูกมีเต้ากับเขาซะที’ ซึ่งคำถามนี้อาจเป็นคำถามที่มักจะได้ยินอยู่บ่อยๆ และอาจทำให้ใครรู้สึกหงุดหงิดได้ แต่คงไม่เท่ากับชายคนนี้ที่ถูกถามคำถามนี้ซ้ำๆ จนเกิดความโมโหนำไปสู่การฆ่าคนถามซะเลย โศกนาฎกรรมสะเทือนขวัญครั้งนี้เกิดขึ้นที่ Kampung Pasir Jongeon ประเทศอินโดนีเซีย ในวันที่ 19 มกราคม 2018 ที่ผ่านมา โดยฆาตกรมีชื่อว่า Faiz Nurdin ชาวอินโดนีเซีย ที่ได้ลงมือฆาตกรรมสาววัย 32 ปี ชื่อว่า Aisyah จากจุดเริ่มต้นคำถามที่ว่า ‘ทำไมถึงไม่แต่งงาน’ เพียงเท่านั้น จากการรายงานระบุไว้ว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเริ่มต้นจากการที่ สาวคนนี้ได้ไปหา Faiz ที่บ้านของเขา ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่ไปมาหาสู่กันเสมอ และก็มีพูดคุยกันตามปกติ แต่ก็มีประโยคหนึ่งที่ Aisyah ได้บอกกับเขาว่าให้รีบแต่งงานได้แล้ว เพราะคนอื่นๆ ในวัยเดียวกันต่างก็มีครอบครัวกันไปจนหมด ซึ่งตัวแทนของนาย Faiz ได้ออกมาบอกว่า ชายคนนี้รู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่ได้ยินประโยคดังกล่าว พร้อมกับคำถามที่ว่า ‘ทำไมถึึงยังไม่แต่งงาน’ มันไปแทงใจดำของเขาเข้าอย่างจัง เลยเป็นเหตุให้เขาก่อการฆาตกรรมดังกล่าวขึ้น โดยหลังจากที่ได้มีการพูดคุยกันวันนั้น ก็มีครั้งหนึ่งที่นาย Faiz ได้มีโอกาสไปที่บ้านของสาวคนนี้บ้าง และเมื่อสบโอกาสอันดีแล้ว เขาก็ผลัก Aisyah…
-
ศิลปินสร้างภาพวาดสุดอาร์ต ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจ็บปวดจากความรักต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก
ผลงานทางศิลปะ สามารถเป็นสื่อที่สะท้อนความคิด ความรู้สึกของเราได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้มันยังสามารถสะท้อนถึงความจริงที่เราเคยเจอกันมา และสามารถตอกย้ำความรู้สึกเหล่านั้นให้มันมีมากทวีคูณขึ้นไปอีกได้ง่ายๆ เลยทีเดียว ดั่งเช่นภาพวาดของศิลปินชาวตุรกีนามว่า Aykut Aydoğdu ที่ได้วาดภาพสะท้อนความรักที่พังทลายลงของผู้คน โดยภาพส่วนใหญ่นั้นเขาก็เลือกที่จะใช้เพศหญิง เป็นตัวสื่อความรู้สึก เพราะว่าสำหรับเขานั้น เพศหญิงเป็นเพศที่สมบูรณ์แบบและสามารถสื่อความหมายดั่งที่ใจเขาต้องการได้ออกมาอย่างชัดเจน ภาพวาดเหล่านี้ ถึงจะมีความลึกลับซับซ้อน เข้าใจยากไปบ้างในบางที แต่ถึงอย่างไรก็เป็นผลงานชั้นยอดของศิลปินคนนี้เลยก็ว่าได้ ดอกไม้ถึงจะสวยงาม แต่ก็สามารถทำให้ใครเจ็บปวดได้ คนเรามักจะมีสองด้านเสมอ ความเจ็บปวดที่เกิดจากคนรัก ช่องทางการรรับรู้อันหลากหลาย แม้จะถูกปิดตาแต่ก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึก ถึงจะรู้ว่าไม่ควร แต่บางครั้งก็อยากจะลองดูให้รู้กันไป มีความสวยงามอยู่ในตัวของทุกคนเสมอ บาดแผลรูปดอกไม้ เอาอะไรมาปิดกั้น ก็ไม่สามารถหยุดน้ำตาได้ บางครั้งจินตนาการก็สวยงามกว่าความจริง ความรู้สึกต่างๆ ภายในตัวของเรามักจะมีสองด้านตลอด ความสวยงามที่ชายทั้งหลายต่างหมายปอง แม้แต่นกยังตกหลุมรักหญิงสาวได้แบบง่ายๆ แม้ความรักจะสวยงามเพียงใด แต่มันก็สามารถทำร้ายให้ตัวเราบาดเจ็บได้ อยากจะพาหัวใจให้โบยบินออกไปไกลๆ อดทนเอาไว้นะ ฉันจะคอยช่วยอีกแรงหนึ่ง …
-
รู้จักกับผู้ให้เสียงพากย์ตัวร้ายในอนิเมชั่น จากค่าย Disney แต่ละคนนี่ไม่ธรรมดาซะจริงๆ
สำหรับใครที่ชื่นชอบภาพยนตร์อนิเมชั่นจากค่ายดิสนีย์ ก็คงจะคุ้นตากับตัวละครน่ารักๆ จากหลากหลายเรื่องที่มันเป็นเหมือนกับมนต์สะกดตาของเรา ให้จับจ้องไปที่ตัวของมันได้อย่างกับราวว่ามีมนต์ขลังซ่อนอยู่ก็ว่าได้ แต่ไม่ใช่เพียงแค่ตัวละครอย่างเดียวที่เป็นที่น่าจดจำ เพราะว่าเสียงของคนพากย์ก็เป็นส่วนสำคัญเช่นเดียวกัน ที่ได้เข้ามาเติมเต็มชีวิตชีวาให้กับตัวการ์ตูนเหล่านี้ เพราะว่าบุคลิกต่างๆ ของตัวละครก็จำเป็นที่จะต้องมีเสียงที่ให้ไปในทิศทางเดียวกัน อย่างเช่นตัวละครโหดๆ ก็ต้องใช้เสียงดุๆ เป็นต้น และในวันนี้เราจะพาทุกท่านไปพบกับ เบื้องหลังของตัวละครดิสนีย์ ที่จะทำให้ทุกคนได้รู้ว่าจริงๆ แล้วตัวละครที่เราชอบนั้นมีใครเป็นผู้ให้เสียงพากย์กันบ้างนะ อยากรู้กันแย่แล้วสิงั้นเลื่อนลงไปดูกันได้เล๊ยย… Ursula ใน The Little Mermaid : แพท แคร์โรล ในตอนแรกนั้นเสียงพากย์นี้กำลังจะตกเป็นของ Bea Arthur แต่เธอกลับขอถอนหัวออกไป ทางดิสนีย์จึงได้พิจารณาตัวของ Roseanne Barr และ Elaine Stritch แต่ก็มีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ในที่สุดแล้วบทนี้ก็ตกเป็นของ แพท ในที่สุด Hopper ใน A Bu’s Life : เควิน สเปซีย์ รู้หรือไม่ ในตอนแรกนั้นเควิน ไม่ได้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่จะพากย์เสียงให้กับตั๊กแตนตัวนี้แต่เป็น Robert De Niro กับ Alec Baldwin ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นอันดับแรกต่างหาก Maleficent ใน Sleeping Beauty : เอเลนอร์ ออดลีย์ ถ้าคุณคิดว่าเสียงของ Maleficent…
-
รอดแล้ว!! เผยวิธีการที่จะช่วยให้คุณสามารถหลับได้สนิทอีกครั้ง หลังสะดุ้งตื่นมากลางดึก
เคยเป็นกันบ้างไหมที่ดันทะลึ่งตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วจะนอนยังไงก็นอนไม่หลับ จนทำงานทำการด้วยความอ่อนเพลียตามๆ กันไป เหตุการณ์เช่นนี้ก็อาจจะทำให้ใครหลายคนเกิดความหงุดหงิดตัวเองที่มีพฤติกรรมดังกล่าว แล้วยังแก้ไม่ได้สักที ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ #เหมียวจิวยี่ เข้าใจเป็นอย่างดี และเคยเป็นอยู่บ่อยๆ ในวันนี้เราจึงหาวิธีการแก้ไขมาให้เพื่อนๆ ที่ต้องประสบชะตาเดียวกันนำไปลองใช้กันดู เพราะนี่คือวิธีการจากงานวิจัย ที่จะช่วยให้คุณหลับสนิทได้อีกครั้งหลังจากต้องตื่นมากลางดึก ซึ่งจะมีวิธีใดบ้างนั้นลองตามไปดูกันเลยดีกว่า 1. วางโทรศัพท์มือถือให้อยู่ห่างๆ ตัวเข้าไว้ มีหลายคนที่สะดุ้งตื่นกลางดึกแล้วไม่รู้จะทำอะไร เลยหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ข้างตัวมาเช็คอีเมล เล่นเฟซบุ๊กไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เช้าเข้าไปแล้ว การวางโทรศัพท์ไว้ให้ห่างตัวจึงเป็นวิธีที่ทำให้เรารู้จักการหักห้ามใจตัวเองไปในตัวนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยหลายแห่งบอกอีกด้วยว่า แสงสีฟ้าที่ออกมาจากจอโทรศัพท์มือถือหรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็เป็นอีกตัวการหนึ่งที่เป็นอุปสรรคสำหรับการนอนหลับของเรา แต่ถ้าในรายที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็ควรลดความสว่างของหน้าจอให้ลดน้อยลงเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อลดแสงสีฟ้าตัวร้ายให้น้อยลงที่สุด 2. ทำห้องนอนของคุณให้มีเสียงที่เงียบและมีแสงไฟให้น้อยที่สุด “การตื่นขึ้นกลางดึกมักจะมีสาเหตุส่วนมากมาจากความเครียด ความกังวล หรือความคิดอันยุ่งเหยิงของเราในเวลานั้น ซึ่งการตื่นกลางดึกนั้นจะไปกระตุ้นอารมณ์เหล่านี้ให้มีมากยิ่งขึ้นไปอีก” Rachel Ross ที่ปรึกษาด้านการนอนหลับที่ได้รับการรับรองจากหลายสถานบันกล่าว ซึ่ง Ross ก็ได้เสนอวิธีแก้ง่ายๆ ให้กับผู้ที่ตื่นกลางดึกบ่อยๆ ว่าควรทำบรรยากาศภายในห้องนอน ให้เหมาะสมกับการพักผ่อนให้มากที่สุด โดยธรรมชาติของคนเรานั้น บรรยากาศที่เหมาะสำหรับการนอนหลับก็คือไม่มีเสียงรบกวน รวมถึงไม่มีแสงรบกวน(มืด) นั่นเอง แต่ถ้าหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็ให้ใช้อุปกรณ์อย่าง ที่อุดหู หรือผ้าปิดตาก็ใช้ได้เช่นเดียวกัน 3. ใช้ความเป็นธรรมชาติเข้าช่วยสิ …
-
คุณหลอกดาวววว!! 17 ภาพความเฟลของการ ‘พยายามขายของ’ ในห้างซุปเปอร์มาเก็ต
ถ้าเราอยากจะซื้อข้าวของเครื่องใช้หรือว่ากับข้าวกับปลา ถ้าเราเกิดเบื่อตลาดที่อยู่หัวมุมบ้าน หลายคนก็เลือกที่จะเข้าซุปเปอร์มาเก็ตไปให้จบๆ ไปเลย เพราะว่ามันเป็นสถานที่ที่เราสามารถหาซื้อทุกๆ อย่างได้ภายในที่เดียว โดยไม่ต้องไปหาที่จอดรถหลายๆ รอบให้เหนื่อยเปล่า ทว่าก็มีสินค้าบางอย่างไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เราคิด ซึ่งต้องยอมรับเทคนิคการขายของผู้ผลิตเหล่านี้จริงๆ หลอกเราได้ซะจนตายใจ หลอกซะจนเหมือนหน้ามืดตามัวรีบไปแย่งกับคนอื่นเขามา แต่พอมาเปิดดูแล้วก็พบว่า ‘เฮ้ย นี่มันไม่ใช่อย่างที่ตูคิดนี่หว่า’ กินหัวกินหาง แต่จะกินกลางมันหายไปไหน ไอ้สองอันแรกก็ดีอยู่ แต่พออันที่สามทำไมมันถึงเล็กลงล่ะเนี่ย แพ็คเกจเปลี่ยนไป แต่หูฟังยังอันเดิม โชว์ซะดูไม่น่ากินเลย ลดราคาถูกสุด ลดโหดมากกก ลดเยอะเหมือนแจกฟรีเลยนะ แหม่ ชีสแผ่นนิดเดียว ก็ยังขายได้เอาสิ มันไปตกอยู่ที่ไหน หนึ่งฟองที่หายไปเนี่ย ชิ้นละ 1 ยูโร แต่ถ้านายซื้อ 2 นายจะจ่ายแค่ 3 ยุโรเองนะ…. อย่ามาหลอกกันนะเฟ้ย!!! ฮั่นแน่ มีแอบเนียนปิดแคลลอรี่เอาไว้ด้วยนะ คุณพระ!! มันแถมยังไง ช่วยอธิบายหน่อย …
-
รวมเทคนิค 17 เจ๋งๆ ตามสนามบินต่างๆ ทั่วโลก ที่จะทำให้คุณต้องว้าวววว มันโคตรล้ำ!!
สนามบินเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการจะเดินทางไปยังต่างประเทศ หรือต่างจังหวัดที่ไกลๆ ดังนั้นจึงมีผู้คนจำนวนมากที่อาจจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในสนามบิน รวมถึงเมื่อเราขึ้นเครื่องแล้ว บางทีก็อาจจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงทีเดียวอยู่ในอากาศยานลำดังกล่าว ดังนั้นจึงมีสนามบินต่างๆ ที่ทั่วโลก ที่ต้องการจะเปลี่ยนช่วงเวลาที่น่าเบื่อในสนามบิน ให้กลายเป็นความแปลกใหม่ ตื่นเต้น ด้วยการทำสิ่งใหม่ๆ ที่อาจไม่มีใครคาดคิดถึงมาให้เราได้ใช้กัน และนี่คือภาพของสนามบินรวมถึงเครื่องบินจากทั่วทั้งโลก ที่จะทำให้คุณต้องทึ่งไปกับความคิดสร้างสรรค์อันสุดยอดของพวกเขา ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดขึ้นมาได้อย่างไร ถึงได้ผลลัพธ์ที่สุดยอดขนาดนี้นะ!! มีสนามบินบางแห่ง ที่คุณสามารถปริ้นท์เรื่องสั้นมาอ่านฆ่าเวลาได้แบบฟรีๆ แถมยังเลือกได้ด้วยนะว่าจะเอาสั้นขนาดไหน ภาพจำลองดวงดาวแสนสวยบนเครื่องบินไฟล์ทดึก เอาของรักของข้าคืนมา สายการบินแห่งหนึ่งเซอร์ไพรส์ลูกค้าด้วยการมอบของขวัญที่ติดชื่อของแต่ละคนเอาไว้ ก่อนที่กระเป๋าจริงๆ ของพวกเขาจะตามมาทีหลัง ในสนามบินประเทศแคนาดา มีบริการสัตว์เลี้ยงให้เราได้เล่นก่อนขึ้นบินด้วยนะ แสงเหนือก็มีเหมือนกัน บางแห่งก็มีบริการผ้าอนามัยฟรีด้วยนะ เมื่อเครื่องบินดีเลย์ ทางสายการบินจัดพิซซ่าร้อนๆ พร้อมน้ำอัดลมมาให้ซะเลย ตู้สำหรับคนอยากงีบหลับ แหมช่างสบายซะจริงๆ สายพานลำเลียงสัมภาระ ที่มีไอเดียแสนกิ๊บเก๋ ห้องน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย เครื่องบินบางเครื่องก็ทำให้เราได้เห็นมุมต่างๆ ของเครื่องบินมากขึ้น ลืมกระเป๋ากันนักใช่ไหม เอามาทำเป็นเก้าอี้ซะเลย ห้ามจูบล่ำลากันนานเกิน…
-
“SuperShe” เกาะส่วนตัวสำหรับสาวๆ เท่านั้น เหล่าชายฉกรรจ์อย่าได้เฉียดแม้ปลายก้อย!!
สำหรับกลุ่มเพื่อนสาวๆ ก็มีบางครั้งที่อยากจะออกไปเที่ยวด้วยกันแบบไม่คิดอะไร ไปใช้ชีวิตอย่างสนุก ออกไปผจญภัยให้เต็มที่โดยไม่แคร์สายตาใครๆ แต่ก็ด้วยความที่โลกนี้มีสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่า ‘ผู้ชาย’ อยู่ร่วมด้วย ก็ทำให้บางครั้งสาวๆ อาจจะดูไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะต้องคอยเก็บอาการต่างๆ ไม่ให้ออกนอกหน้าจนเกินไป แต่หากใครอยากปลดปล่อยตัวเองไปสนุกแบบสุดๆ นี่อาจเป็นสวรรค์สำหรับสาวๆ เลยก็ได้ เพราะมีเกาะแห่งหนึ่งที่ไม่อนุญาตให้ผู้ชายหน้าไหนเข้าไปได้ และเกาะที่ว่านี้ก็มีชื่อบ่งบอกความเป็นตัวเองได้แบบสุดๆ นั่นก็คือ SuperShe ตั้งอยู่ที่นอกชายฝั่งของประเทศฟินแลนด์ โดยเกาะ SuperShe นี้ เกิดขึ้นจากความคิดของสาวอเมริกันชื่อว่า Kristina Roth ตัดสินใจลงทุนสร้างรีสอร์ทสำหรับผู้หญิงเท่านั้น เนื่องมาจากเธอได้ตระหนักว่าการที่มีผู้ชายอยู่รายล้อมผู้หญิงนั้น มันเป็นเรื่องที่กวนใจเธอซะจริงๆ นอกจากนี้เธอยังพบอีกด้วยว่า ผู้หญิงมักจะให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าตัวของตัวเองเสมอ เธอจึงเกิดปิ๊งไอเดียสร้างรีสอร์ทแห่งนี้ขึ้นมา เพื่อให้สาวๆ ได้พักผ่อนโดยโนแคร์โนสนใดๆ ทั้งสิ้น “เมื่อเห็นหนุ่มหล่อเดินมา ผู้หญิงมักจะหยิบลิปสติกออกมาทาทันที ฉันจึงเกิดความคิดนี้ขึ้นมาเพื่ออยากจะบอกกับสาวๆ ทั้งหลายว่า ‘เฮ้ โฟกัสไปที่ตัวของตัวเองบ้าง’” Kristina กล่าวกับสื่อ The New York Post จุดกำเนิดไอเดียการสร้างเกาะสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ เกิดมาจากความที่ครั้งหนึ่ง Kristina ได้ไปเที่ยวเกาะแสนสวยที่อยู่นอกชายฝั่งของประเทศฟินแลนด์ แล้วเธอดันไปตกหลุมรักกับชายท้องถิ่นคนหนึ่ง และเขาคนนี้นี่เองที่เป็นคนบอกกับเธอว่ามีเกาะแห่งหนึ่งที่กำลังปักป้ายขายอยู่ตอนนี้ ซึ่งในตอนแรกเธอก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก “พ่อแม่ของเขาเป็นเจ้าของหมู่เกาะมากมาย…
-
ทรงขัดใจพ่อ… ลงโทษลูกสาวด้วยการหั่นผมสั้น โทษฐานที่ทำไฮไลท์ผมฉลองวันเกิด!!
ธรรมชาติของเด็กผู้หญิงเมื่อเริ่มโตเป็นสาว ก็มักจะเริ่มสนใจเรื่องความสวยความงามเป็นธรรมดา ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับคนทั่วไป แต่มันเป็นเรื่องที่ดูแปลกและดูขัดใจสำหรับพ่อคนหนึ่ง เขาจึงสั่งลงโทษลูกสาวที่ไปทำไฮไลท์ผม ด้วยการสั่งให้ตัดผมสั้นรองทรงเหมือนกับเด็กผู้ชายซะเลย!! โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเด็กสาวที่วัยรุ่นมีชื่อว่า Kelsey และได้รับการเปิดเผยออกมาจาก Christin Johnson แม่ของเธอ โดยแม่ของเด็กสาวผู้โชคร้ายคนนี้ได้โพสต์ภาพของลูกสาวเธอลงในเฟซบุ๊ก พร้อมกับเขียนรายละเอียดเอาไว้ว่า เธอได้อนุญาตให้ลูกสาวของเธอสามารถทำไฮไลท์ผมของเธอเพื่อฉลองวันเกิด ทว่าเมื่อเธอกลับมาที่บ้านอีกทีก็ต้องพบว่าลูกสาวของเธอกลับมีผมสั้นเหมือนเด็กผู้ชายไปซะแล้ว และนี่คือผลมาจากการที่ Schaffen Frederick ผู้เป็นพ่อ และ Sarah Murray แม่เลี้ยงของ Kelsey สั่งทำโทษเนื่องมาจากการทำไฮไลท์ผมนั่นเอง “นี่คือภาพของลูกสาวฉันในตอนที่ฉันพาเธอไปส่งที่บ้านในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และอีกสองภาพคือสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ซึ่งเธอบอกว่าเป็นเพราะการที่ฉันพาเธอไปทำไฮไลท์ผมเพื่อฉลองวันเกิด” ตามการรายงานจากสื่อ Fox8 ระบุว่าในตอนนี้ Colby Carroll เจ้าหน้าที่ตำรวจในรัฐโอไฮโอ กำลังร่วมมือกับหน่วยงานช่วยเหลือเด็ก เดินหน้าสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อจะตั้งข้อหาพ่อกับแม่เลี้ยงที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ในข้อหาทารุณเด็ก โพสต์ของคุณแม่ได้กลายเป็นกระแสไวรัลในเวลาอย่างรวดเร็ว โดยหลังจากที่เธอโพสต์ในวันที่ 31 มกราคมที่ 2018 จนถึงตอนนี้ก็มีผู้คนแชร์ไปแล้วกว่า 24,000 ครั้ง และดูจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมาเธอได้ออกมาบอกว่า ตอนนี้ลูกสาวของเธอได้รอยยิ้มกลับคืนมาแล้ว ด้วยการใช้วิกปกปิดผมที่รอวันให้ยาวกลับมาดังเดิมอีกครั้งหนึ่ง “ฉันต้องขอขอบคุณสาวๆ ทั้งหลายที่ร้าน Lady Jane’s ที่ทำให้ลูกสาวของฉันกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง โดยเฉพาะ Haylee…
-
สามีไต้หวันถูกยกให้เป็นฮีโร่ หลังกระโดดบังไม่ให้ลูกและภรรยารับอันตรายจากเหตุแผ่นดินไหว
ภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถจะควบคุมได้ สิ่งที่จะทำได้ก็มีเพียงแค่ป้องกันตัวเอง เมื่อมีภัยต่างๆ มาเยือนเพียงเท่านั้น ซึ่งในช่วงเวลาอย่างนี้หลายคนก็คงจะหนีเอาชีวิตรอด ก่อนที่จะไปช่วยเหลือคนอื่น แต่ก็มีชายคนหนึ่งที่ยอมเสี่ยงชีวิตด้วยการเอาตัวเองไปปกป้องภรรยาพร้อมกับลูกน้อย จนกลายเป็นวิดีโอสุดประทับใจอยู่บนโลกอินเทอร์เน็ตในตอนนี้ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นที่เขตปกครองพิเศษไต้หวัน เมื่อคืนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา เมื่อมีแม่คนหนึ่งกำลังนอนกับลูกน้อยอยู่บนเตียงในบ้านหลังหนึ่ง แต่ว่าในขณะนั้นก็เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ถึง 6.4 แมกนิจูดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าด้วยการสั่นไหวที่รุนแรงของมัน ก็ต้องทำให้คุณแม่คนนี้ตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน ทันทีที่เธอรู้สึกตัว เธอก็รีบเอื้อมมือไปอุ้มลูกน้อยมาไว้อยู่ในอ้อมอกก่อนเพื่อความปลอดภัย หลังจากนั้นภาพในวิดีโอก็ได้แสดงให้เห็นว่า สามีของเธอที่กำลังทำงานอยู่อีกมุมห้องอีกแห่งหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาแล้วใช้ลำตัวเป็นเสมือนเกราะกำบังให้แม่ลูกคู่นี้ปลอดภัยในที่สุด และทันทีที่สามีคนนี้คุ้มครองภรรยาพร้อมลูกๆ ของเขาไปจนถึงเตียง กล้องที่กำลังจับภาพอยู่ก็ดับลงด้วยแรงการสั่นสะเทือน ของภัยพิบัติในครั้งนี้ ซึ่งถึงแม้จะไม่สามารถทราบได้ว่ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นกับครอบครัวนี้บ้าง แต่ก็คาดกันว่าพวกเขาดูเหมือนจะปลอดภัยกันดี และต่อมาวิดีโอฟุตเทจนี้ก็ได้เป็นที่โด่งดังบนโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก ซึ่งหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวในครั้งนี้ ก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน รวมทั้งยังมีตึกอีกหลายตึกที่ทรุดตัวลงในเขตพื้นที่ Hualien และยังคงมีผู้คนอีกหลายคน ติดอยู่ในอาคารเหล่านี้ รวมถึงยังมีคนอีกประมาณ 60 คนที่สูญหายไป โดยในตอนนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังออกช่วยค้นหาผู้ประสบภัยในบริเวณพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติครั้งนี้อยู่ วิดีโอระทึกขวัญขณะที่สามีกำลังปกป้องภรรยาพร้อมกับลูกของเขา ที่มา:…
-
21 บทเรียนชีวิตจาก “แมวเหมียว” ชี้ทางสว่างให้มนุษย์ ลองมาใช้ชีวิตสบายๆ อย่างเราสิ!!
สำหรับใครที่มีโอกาสได้เลี้ยงแมว ก็อาจจะมีบ้างบางครั้งที่เบื่อหน่ายในอารมณ์สุดติสท์ของมัน ที่ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนกันแน่ หรือบางทีก็อาจจะรำคาญที่มันคอยมาพันแข้งพันขา คอยมาแย่งของกินอร่อยๆ ของเราอยู่บ่อยๆ จนอยากจะเตะออกไปให้รู้แล้วรู้รอดซะเลย แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้ววิถีชิวิตแบบแมวๆ ก็แอบแฝงข้อคิดเอาไว้อยู่เหมือนกันนะ ซึ่งหากใครยังไม่รู้ว่าข้อคิดที่ว่านี้หน้าตาเป็นยังไงล่ะก็ ไม่ต้องเป็นห่วงไป เพราะว่าในวันนี้เราได้นำข้อคิดการใช้ชีวิตวิถีแมวๆ มาฝาก ซึ่งบางทีถ้าเราใช้ชีวิตแบบมันบ้างก็คงจะมีความสุขไม่น้อยเลยทีเดียวนะ ถ้างั้นอย่ามัวเสียเวลาเลื่อนลงไปดูกันเล๊ย บางครั้งการยืนยันในจุดยืนของเราก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุด การพักผ่อนมันช่างดีจริงๆ นะ อย่ากลัวที่จะแสดงความเป็นตัวเองออกมา บางครั้งแสงแดดอุ่นๆ ก็ช่วยให้เราได้ฟื้นฟูจากความอ่อนล้า รู้จักผ่อนคลายซะบ้าง ได้รู้จักการคุมคุณภาพของสิ่งที่ทำ (เช่น ทำยังไงให้ของที่เขี่ยหล่นลงมาแตกทุกชิ้น) กระดาษทิชชู่ในห้องน้ำเป็นศัตรูซะจริงๆ สิ่งที่รอเราอยู่หลังประตูที่ปิดเอาไว้ มักจะเป็นเรื่องที่ดีเสมอ อย่าหยุดที่จะฝัน การกินข้าวร่วมกันในครอบครัวเป็นสิ่งที่จำเป็นมากเลยนะ อย่าไปกลัวที่จะต้องเรียกร้องความสนใจในบางครั้ง ความสุขเป็นโรคติดต่ออย่างหนึ่งนะ รู้ไหม หาที่อุ่นๆ อยู่เสมอนะเจ้ามนุษย์ โลกภายนอกยังมีอะไรรอเราอยู่อย่างมากมาย อย่าไปกังวลเลย มามีความสุขกันเถอะ …
-
หนุ่มเมาแล้วซิ่งแลมโบฯ ปาดเข้าใต้ท้องรถเทรลเลอร์ ไม่เป็นอะไรซักแอะ!?
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อหากจะบอกว่า อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ที่ทำให้มีผู้คนเสียชีวิตเกิดขึ้นอย่างมากมาย(โดยเฉพาะในบ้านเรา) ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นส่วนหนึ่งก็มาจากความประมาท หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์แล้วขับรถอย่างไม่มีสตินั่นเอง แต่คงไม่ใช่กับเหตุการณ์ของชายคนนี้ ที่ขับรถสปอร์ตสุดหรูพุ่งมุดเข้าไปใต้รถบ้านแบบต่อพ่วง ชนิดที่เรียกได้ว่าพังยับเยิน แต่กลับเดินออกมาแบบไม่เป็นอะไรสักนิด แถมคนที่นั่งกับเขาไปด้วยก็ไม่เป็นอะไรเช่นกัน แถมยังได้กลับบ้านแบบงงๆ อีกด้วย ขอมุดซะหน่อย โดยเหตุการณ์ชวนงงนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 2.10 น. ของคืนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา เมื่อรถยนต์ Lamborghini สุดหรู รุ่น Gallardo Superleggera สีเขียวมะนาวของนาย Cesar Castro Rodriguez เกิดนึกสนุกมุดไปอยู่ใต้ท้องรถเทรลเลอร์ จากฤทธิ์แอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับ สภาพเละแบบซื้อใหม่ยังง่ายกว่า เมื่อทางตำรวจรู้ถึงอุบัติเหตุครั้งนี้ จึงได้เร่งเข้ามาตรวจสอบ แต่ก็พบว่านาย Cesar ในตอนนั้นไม่มีร่องรอยความบาดเจ็บใดๆ เกิดขึ้นบนร่างกายของเขาเลย หนำซ้ำในตอนที่ตำรวจไปถึงเขายังไปนั่งอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งของรถ เพื่อดูแลเพื่อนร่วมทางวัย 25 ปีของเขาด้วย นาย Cesar เจ้าของรถคันงามนี้ ทว่าเมื่อตำรวจเผลอมองไปทางอื่นแป๊บเดียว เพื่อนร่วมทางของนาย Cesar ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ก่อนที่ทางตำรวจจะพบเขาอีกทีอยู่ที่บ้านของเขาในย่านเวสต์มินสเตอร์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางตำรวจก็ไม่ระบุว่าผู้โดยสารคนนี้เดินทางกลับไปยังบ้านได้อย่างไรด้วย…
-
เจ้าหน้าที่จับแก๊งลักลอบล่าสัตว์ เชื่อเป็นการล่าเสือและหมีครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์
สัตว์ป่าเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างความสมดุลให้กับโลกใบนี้ แต่ก็ด้วยความสนุก ความโลภ หรือว่าความเชื่อบางอย่างก็ทำให้มนุษย์ผู้ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ต่างก็ทำร้ายสัตว์เหล่านี้เพื่อจุดประสงค์บางประการ และเมื่อไม่นานมานี้ ก็มีข่าวที่ทำให้เราต้องเศร้าสลดหดหู่ใจขึ้นไปอีก เมื่อทางการชายแดนประเทศจีนได้เข้าทำการจับกุมขบวนการลักลอบค้าสัตว์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการลักลอบขนอวัยวะของสัตว์อย่าง เสือและหมี ครั้งใหญ่ที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์เลยทีเดียว!! โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้รับการเปิดเผยในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่สำนักงานความมั่นคงกลางของประเทศรัสเซีย(FSB) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศุลกากร ได้เข้าทำการจับกุมผู้ลักลอบล่าสัตว์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีหลักฐานเป็นซากสัตว์ป่าต่างๆ นับร้อยชิ้น พร้อมทั้งปืนไรเฟิลล่าสัตว์ Saiga ด้วย การจับกุมครั้งเกิดขึ้นขณะที่พวกนักลักลอบกำลังเดินข้ามทะเลสาบน้ำแข็ง Khanka จากประเทศรัสเซียเพื่อจะเข้ามายังประเทศจีน และหลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้กระทำผิด เจ้าหน้าที่ก็ได้เข้าค้นรถลากของพวกเขาในเวลาต่อมา ซึ่งสิ่งที่พบก็ทำให้ต้องผงะ เพราะว่าพวกเขาได้พบหนังของเสือโคร่งไซบีเรีย ที่เป็นสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์จำนวน 5 ผืน พร้อมทั้งอุ้งเท้าของหมีสีน้ำตาลและหมีควายรวมกันถึง 867 ชิ้นอยู่ในรถลากคันดังกล่าว นอกจากนี้ก็ยังมีกรงเล็บ อวัยวะภายใน หาง และอวัยวะเพศของกวางชนิดต่างๆ รวมถึงไขมันและอวัยวะต่างๆ ของกบอีกหลายสิบกิโลกรัมอีกด้วย ซึ่งสาเหตุที่มีการลักลอบแบบนี้เกิดขึ้นก็เพราะว่า ในประเทศจีนมีความนิยมการทานอุ้งเท้าหมีเป็นอย่างมาก โดยมีความเชื่อว่าอุ้งเท้าหมีจะเป็นยาอายุวัฒนะ รวมถึงยังสามารถรักษาโรคต่างๆ ได้ จึงทำให้ราคาอุ้งเท้าหมีพุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมากนั่นเอง สำหรับอาชญากรกลุ่มนี้…
-
ชายตาบอดกับโรคกลัวสุนัข ได้รับม้านำทางเป็นคนแรกของอังกฤษ ช่วยในการใช้ชีวิตประจำวัน
สำหรับผู้พิการทางสายตาหรือตาบอดนั้น ชีวิตประจำวันของพวกเขาก็จำเป็นจะต้องมีสิ่งนำทางเพื่อที่จะไปไหนมาไหน ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งเราก็อาจจะเคยเห็นการใช้สัตว์อย่าง หมา เป็นสิ่งนำทางให้แก่คนตาบอดทั้งหลาย แต่ถ้าคนตาบอดเกิดเป็นโรคกลัวหมาขึ้นมาก็คงจะแย่ และอาจต้องใช้วิธีแก้ปัญหาเหมือนกับชายคนนี้ ที่ใช้ม้าแคระสำหรับการนำทางเป็นคนแรกแห่งเกาะอังกฤษ!! โดยชายผู้พิการทางสายตาผู้ที่ว่านี้มีชื่อว่า Mohammed Salim Patel จากเมืองแบล็กเบิร์น ประเทศอังกฤษ ซึ่งเขาเป็นคนแรกที่ใช้ม้าแคระสายพันธุ์ American Miniature Horse ชื่อว่า Digby วัย 8 เดือนเพื่อช่วยในการใช้ชีวิตประจำวันทั่วๆ ไป ชายวัย 23 ปีคนนี้เป็นผู้ที่ประสบปัญหาทางด้านสายตาจากโรคจอตามีสารสี(Retinitis Pigmentosa) ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางพันธุกรรม ที่จะไปสกัดกั้นเซลล์ในเนื้อเยื่อด้านหลังดวงตา และทำให้เขาตาบอดในที่สุด “ตอนที่ผมสูญเสียการมองเห็นไป ผมรู้ว่าต้องมีอะไรสักอย่างใช้นำทาง แต่ผมก็ค่อนข้างแตกต่างจากคนตาบอดทั่วๆ ไปที่ใช้หมานำทาง ก็เพราะว่าผมกลัวหมามากๆ เลยน่ะสิ มันจึงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผมทีเดียว ที่ได้รู้ว่ามีม้าที่สามารถฝึกใช้นำทางได้” “มันคงต้องผ่านการฝึกสัก 2-3 ปีก่อนที่จะมาอยู่กับผม มันเป็นเรื่องที่น่าดีใจสำหรับผมจริงๆ” Patel กล่าว โดยในตอนนี้เจ้า Digby ก็ได้อาศัยอยู่ที่ นอร์ทยอกเชอร์ ร่วมกับผู้ฝึกสอนม้าชื่อว่า Katy Smith และเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา…
-
ภาพที่ชวนให้เราเข้าใจผิด จริงๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น จนต้องย้อนกลับมามองซ้ำสองรอบ!!
“เห้ย มันใช่อย่างนี้จริงๆ เหรอ??” นี่อาจเป็นคำอุทานที่เคยเกิดขึ้นกับใครหลายๆ คน ในเวลาที่เราได้เห็นสิ่งที่ชวนฉงนว่านี่เราตาฝาด หรือสมองของเราผิดเพี้ยนอะไรไปหรือเปล่านะ ภาพที่เราเห็นมันถึงได้ออกมาดูแบบงงๆ จนบางครั้งก็ต้องถึงกับเหลียวหลังกลับไปมองอีกที เพื่อความแน่ใจ และนี่คือภาพชวนเข้าใจผิดที่ว่านี้ ที่ให้เรารู้ว่าจริงๆ แล้ว สิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็เป็นได้ ซึ่งภาพเหล่านี้จะสร้างความสับสนชวนปวดประสาทได้ขนาดไหน ลองไปยลกันได้เลย ณ บัดนี้ นี่มันกระรอกยักษ์นี่นา ตัวเท่ารถเลยเหรอเนี่ย? เกาะที่งดงามด้วยทะเลและน้ำตกไปพร้อมๆ กัน ดูเหมือนมีพลาสติกหุ้มอยู่ใช่ไหมล่ะ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นน้ำแข็งต่างหาก มันฝรั่งรูปแมวน้ำ อุ๋งๆ ดูดีๆ จริงๆ แล้วภาพนี้มีสัตว์แค่ตัวเดียวนะ หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง แต่ครั้งนี้หลังคามีตา วอนซะแล้วเจ้าเต่า อยู่ดีๆ ไม่ชอบ โจรสลัดมาแล้ว หนีกันเร๊ว ใช่อย่างที่คิดกันไหม หนุ่มๆ นี่ภาพจริงๆ ไม่ใช่การตัดต่อแต่อย่างใด เชื่อไหมล่ะ ผลอาโวคาโดที่ดูคล้ายกับไข่มังกร…
-
ศิลปินสร้างแนวประการังจาก ‘กระดาษ’ ผลออกมาดูสวยงาม สมจริง ราวกับอยู่ใต้ท้องทะเล!!
ด้วยความที่ธรรมชาติต่างๆ ภายในโลกของเรากำลังเสื่อมสภาพไปทุกวัน สาเหตุหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มนุษย์อย่างเราๆ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ จึงทำให้ศิลปินคนหนึ่งสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมา เพื่อที่จะให้ทุกคนได้สังเกตุเห็นถึงปัญหาดังกล่าว ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นในปัจจุบัน โดยผู้ที่มีความคิดสุดแสนจะบรรเจิดคนนี้ เป็นศิลปินชาวฝรั่งเศสที่ตัดสินใจใช้การตัดกระดาษสื่อความคิดเหล่านี้ออกไป และด้วยความที่เป็นงานถนัดของเขา ผลงานที่ออกมาจึงมีทั้งความสวยงามรวมถึงทำให้เราได้ฉุกคิดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กันด้วย แน่นอนว่าการทำผลงานให้ออกมางดงามเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะเขาคนนี้บอกว่าชิ้นงานทั้งหมด ล้วนแล้วแต่เป็นงานที่ต้องใช้ฝีมือทั้งนั้น ซึ่งผลลัพธ์ทั้งหมดที่ออกมานี้ก็เป็นสิ่งที่ทำออกมาจากใจ อีกทั้งยังเป็นชิ้นงานที่สำคัญมากๆ สำหรับตัวเขาเองด้วย ดังนั้นเราจึงเห็นได้ถึงความใส่ใจ ความละเอียดอ่อน ความวิจิตรตระการตาอยู่ในผลงานเหล่านี้ และหากใครที่สนใจผลงานเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ hipolyte นี้เลย ลองดูภาพมุมกว้างกันก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อซูมเข้าไปก็จะเห็นถึงความละเอียดลออของศิลปินคนนี้ เหมือนตัวอะไรสักอย่างไหม หลากหลายสีสันให้เราเลือกชม นี่มันทำมาจากกระดาษจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย คงจะต้องใช้เวลานานพอดูเลยทีเดียว ต้องเก่งขนาดไหน ถึงจะตัดกระดาษได้ขนาดนี้กันนะ ปะการังใต้ท้องทะเล ดูเป็นธรรมชาติแบบสุดๆ ดูแล้วรู้สึกหยึยๆ ยังไงชอบกล มีตัวอะไรอยู่ในนี้บ้างไหม?? เนี้ยบทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะคนสร้างหรือธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมา ก็มีความสวยงามเช่นกัน …
-
โผล่อีก!! มือดีสร้างวิดีโอเกมล้อเลียน Logan Paul แต่ว่าในตอนนี้ได้ถูกระงับไว้เรียบร้อยแล้ว
เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้จักกับชายที่ชื่อว่า Logan Paul (โลแกน พอล) ที่ได้สร้างเรื่องราวอันโด่งดังบนโลกอินเทอร์เน็ต หลังจากที่เขาโพสต์วิดีโอที่เขาและเพื่อนเดินทางเข้าไปในป่าอาโอกิกาฮาระ ประเทศญี่ปุ่น แล้วไปพูดจาล้อเลียนถากถางศพ ที่คาดว่าน่าจะมีสาเหตุชีวิตมาจากการฆ่าตัวตายในป่านั้น จนตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงเรื่องความเหมาะสม และในกรณีล่าสุด ก็มีมือดีนำเหตุการณ์ของเขามาสร้างเป็นวิดีโอเกมลงในคอนโซลอย่าง Xbox แต่ถึงอย่างไรทางบริษัทผู้พัฒนารวมถึงดูแลอย่าง Microsoft ก็ได้ออกมาระงับเกมดังกล่าวเอาไว้แล้ว โดยเกมล้อเลียนวิดีโอของ Logan นี้ ได้ถูกพัฒนาและออกสู่สายตาชาวโลกด้วยโครงการ Xbox Live Creators Program ซึ่งเป็นโครงการที่จะให้นักพัฒนาเกมรายย่อยสามารถ นำเกมไปขายบนแพลตฟอร์ม Xbox และ Windows 10 ได้รวดเร็วกว่าเดิม (แต่ก็ยังไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการว่าจะสามารถขายได้จริง) ในเกมดังกล่าวนั้น ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Logan ที่ต้องวิ่งลัดเลาะไปยังจุดต่างๆ ภายในป่าอาโอกิกาฮาระ เพื่อเสาะหาเหยื่อผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย จากนั้นก็ตัวเกมก็จะมีการจำลองการอัปวิดีโอขึ้นสู่แชนแนล เพื่อเรียกยอดวิวจากชาวเน็ตนั่นเอง ถึงตอนนี้ทาง Microsoft ก็ได้ดึงเกมล้อเลียนนี้ออกจากโครงการ Xbox Live Creators Program แล้ว เนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นเกมที่อาจจะสร้างผลกระทบต่อสังคมได้ นอกจากนี้ตัวเกมก็ทำให้ทาง Microsoft เล็งเห็นอีกว่าจะต้องพัฒนาระบบคัดกรองเกมขึ้นอีกขั้น เพื่อไม่ให้เกมประเภทนี้หลุดรอดออกมาสู่สายตาของทั้งโลกได้อีก …
-
รวมภาพ สิ่งของรอบตัวของคุณมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น จนทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในโลกของยักษ์!?
ปกติสิ่งของประจำวันที่อยู่รอบๆ กายเรา ส่วนมากก็มักจะเป็นของที่มีขนาดเล็กๆ จับแล้วพอดีมือทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า โต๊ะเก้าอี้ ครีมแชมพูต่างๆ ซึ่งเหตุที่มันเป็นอย่างนั้นก็อาจเป็นเพราะว่าทางผู้ผลิตสิ่งของเช่นนี้อยากจะให้เราใช้มันได้อย่างสะดวก ไม่ต้องเทอะทะในเวลาใช้งานก็เป็นไปได้ แต่จะเป็นอย่างไรถ้าหาก สิ่งของรอบๆ เรามีขนาดที่ใหญ่ขึ้น หลายคนคงคิดไม่ถึงว่ามันจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วเราจะสามารถใช้งานมันได้จริงๆ หรือเปล่ากันนะ และนี่คือภาพของไอเทมต่างๆ ที่มีขนาดใหญ่เบ้อเริ่ม จนมันอาจทำให้เราคิดไปว่า นี่เราหลงมาอยู่ในเมืองของยักษ์กันหรือเปล่าเนี่ย?? นี่แค่จะจุดไฟหรือจะเผาบ้านกันแน่เนี่ย เอาไปห่มน่าจะเหมาะกว่าใส่นะ อยากรู้ว่าเสียงตอนบีบมันจะดังขนาดไหนเหมือนกันนะ เครื่องคิดเลขสำหรับคนที่สายตาไม่ค่อยดี แล้วชายคนนี้ก็หลับไม่ลงไปอีกอาทิตย์นึง ว่าจะนั่งให้สบายสักหน่อย ต้องลำบากปีนขึ้นไปอี๊ก สาบานทีว่านี่ใช่รองเท้าคน เบาหวานมมีขึ้นกันบ้างแหละ เป่าตั้งแต่อ้วนจนเหลือตัวแค่เนี้ย คำถามมีอยู่ว่า จะจุดยังไง ที่ทะเลทรายมันแห้งแล้ง จนเกิดภาพลวงตาอย่างนี้ใช่ไหม ถ้าเป็นที่บ้านเรา คงจะเป็นเรื่องที่เป็นปาฏิหาริย์มาก ซื้อทีนึงกะอิ่มไปซักสองวันได้ ยากขนาดนี้ ตูไม่ขึ้นก็ได้ฟะ อยากลองเอามาหนีบแก้มซะจริงๆ ว่าจะรู้สึกยังไงบ้างนะ…
-
ก็มันคิดถึงอะ!! บีเกิลสองแม่ลูกดีใจน้ำตาปริ่ม เมื่อได้มีโอกาสพบหน้ากันอีกครั้งหนึ่ง
สายใยความรักระหว่างแม่กับลูกเป็นสิ่งที่มีความหมายต่อทั้งคู่เป็นอย่างมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่เกิดขึ้นกับคนเท่านั้น แต่มันได้เกิดขึ้นกับสัตว์ต่างๆ แทบจะทุกชนิดบนโลกเลยก็ว่าได้ รวมถึงเจ้าหมาสองตัวนี้ที่เพียงพลัดพรากกันเพียงไม่กี่วัน แต่ว่าความดีใจที่ได้เจอหน้ากันอีกครั้ง มันช่างบ่งบอกราวกับว่าเป็นเป็นระยะเวลาที่เนิ่นนานสำหรับทั้งคู่ซะจริงๆ นี่คือเรื่องราวของ Penny หมาพันธุ์บีเกิลกับ Sarah ลูกสาวน่ารักๆ ของมันที่ได้แยกจากกันด้วยเหตุบางอย่าง โดยเหตุการณ์ของทั้งคู่เกิดขึ้นจากการที่ชายแก่คนหนึ่งในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เสียชีวิตไป แต่ว่ามีบางอย่างที่ยังคงอยู่ในความครอบครองของชายคนดังกล่าว นั่นก็คือครอบครัวบีเกิลเล็กๆ นี้เอง ครอบครัวหมาพันธุ์บีเกิลน่ารักๆ 4 ตัวต้องอาศัยอยู่ในกรงหลังบ้านของชายที่เสียชีวิต และตามที่ผู้ช่วยเหลือหมาพวกนี้ได้เล่ามา ก็ทำให้ได้รู้ว่าเจ้าหมาพวกนี้แม้จะต้องอยู่ในพื้นที่แคบๆ แต่พวกมันก็มีสายใยแห่งความรักต่อกันอย่างเหนียวแน่นเลยทีเดียว ทว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ควบคุมสัตว์ได้เข้ามาช่วยเหลือก็พบว่า มีเพียงสุนัขเหลืออยู่สองตัวเท่านั้น นั่นก็คือ Penny กับ Buster ลูกของมันอีกตัวหนึ่งที่ยังอยู่ในกรงหลังบ้านของชายคนนี้ ซึ่งพวกเขาก็คาดว่าทางญาติๆ ของชายแก่คนนั้นน่าจะยกลูกหมาให้กับผู้อื่นไปก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือพวกมันมา พวกเขาก็สามารถสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าทั้ง Penny กับ Buster ดูจะผูกพันกันเป็นอย่างมาก แต่ก็ด้วยปัญหาด้านสุขภาพของเจ้าลูกหมา ก็ทำให้มันต้องถูกส่งไปรักษาอย่างเร่งด่วน และเหลือเพียงแต่เจ้า Penny เท่านั้นที่ถูกส่งไปเลี้ยงดูที่สถานสงเคราะห์สัตว์แห่งหนึ่งเพียงลำพัง “Penny เป็นหมาที่ดูเหงามากเมื่อต้องมาอยู่ที่สถานสงเคราะห์แห่งนี้โดยไร้เงาของ Buster ถึงมันจะสุงสิงกับหมาตัวอื่นๆ อยู่แต่เราก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเศร้าของมันได้เป็นอย่างดี” Frannie D’Annunzio โฆษกของสถานสงเคราะห์กล่าว…
-
พาชม 4 ความลับของ Bilderberg Group กลุ่มการประชุมที่เป็นปริศนาที่สุดในโลก
ว่ากันว่าเหตุการณ์ใหญ่ๆ ในโลกทั้งในอดีตหรือในปัจจุบัน ต่างก็ถูกขับเคลื่อนโดยบุคคลกลุ่มหนึ่ง ซึ่งกลุ่มที่ว่านี้เป็นความลับอันสุดยอดที่คนทั่วไปไม่มีทางจะเข้าถึงได้ และยังเป็นผู้ที่ควบคุมเศรษฐกิจ สังคม รวมถึงนโยบายหลักๆ ของโลกเลยทีเดียว แต่ดูเหมือนว่าความเชื่อในเรื่องนี้จะเริ่มมีเค้าความจริงขึ้นมา เมื่อมีการประชุมประจำปีแห่งหนึ่งที่รวบรวมสุดยอดผู้นำของโลก รวมถึงหัวกะทิด้านศาสตร์ต่างๆ มาไว้รวมกัน โดยกลุ่มการประชุมนี้มีชื่อเรียกว่า Bilderberg Group ซึ่งสิ่งที่พวกเขาประชุมกันแต่ละครั้งนั้น เชื่อกันว่าเป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้เลยก็ว่าได้ สถานที่แรกที่มีการจัดประชุมขึ้น การประชุม Bilderberg นั้นเป็นการประชุมลับ ที่จัดขึ้นในทุกปี โดยจะมีผู้เข้าร่วมในแต่ละครั้งอยู่ที่ 120-150 คน ซึ่งก็จะมีทั้งผู้นำจากทวีปยุโรป รวมถึงทวีปอเมริกาเหนือ นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญจากด้านต่างๆ ทั้ง ด้านอุตสาหกรรม ด้านการเงิน ด้านการศึกษา เลยด้วย เจ้าชายแบร์นฮาร์ดแห่งลิพเพอ-บีสเตอร์เฟลด์ จุดเริ่มต้นของสมาคมแห่งนี้ จุดกำเนิดของการประชุมลับสุดยอดนี้ เกิดขึ้นจากการจัดตั้งของ เจ้าชายแบร์นฮาร์ดแห่งลิพเพอ-บีสเตอร์เฟลด์ ในปี 1954 และการประชุมครั้งแรกก็เกิดขึ้นที่โรงแรม Bilderberg ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในปีเดียวกันนั่นเอง ซึ่งจริงๆ แล้วความริเริ่มในการจัดประชุมครั้งนี้ขึ้นมาจากหลากหลายผู้คนรวมถึง Józef Retinger นักการเมืองชาวโปแลนด์ ผู้ที่มีความกังวลเกี่ยวกับการต่อต้านอเมริกา (Anti-Americanism) ที่กำลังมีขึ้นในยุโรปตะวันตก ณ เวลานั้น จึงได้เสนอให้มีการประชุมนานาชาติที่ผู้นำจากประเทศในยุโรปและสหรัฐอเมริกาจะมาประชุมร่วมกัน เพื่อเพิ่มความแข็งให้กับทั้งสองฝั่ง รวมถึงเพื่อจะสร้างความร่วมมือทางด้าน…
-
ไปดีฝ่า!! ผอ.สั่งอพยพนักเรียนกว่า 400 คน หลังมีงูหลุดออกมาจากห้องแล็บของโรงเรียน
เราอาจจะเคยโรงเรียนหลายแห่งที่มีความจำเป็นต้องปล่อยให้นักเรียนกลับบ้านก่อนเวลา เนื่องมาจากเหตุด้านสภาพอากาศ ภัยพิบัติต่างๆ แต่ว่าคงจะไม่มีใครเคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ เมื่อมีโรงเรียนแห่งหนึ่งจำเป็นต้องยกเลิกการเรียนการสอนเด็กๆ กว่า 400 คน เนื่องจากมีงูหลุดออกมาจากห้องแล็บวิทยาศาสตร์ซะอย่างงั้น โรงเรียนที่เกิดเหตุในครั้งนี้ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่โรงเรียนมัธยม Brentwood ในรัฐมิสซูรี ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อมีงูสายพันธุ์ โบอา คอนสตริกเตอร์ ชื่อว่า Boe ที่อยู่คู่โรงเรียนมามากกว่า 20 ปี เกิดอยากเปลี่ยนทัศนียภาพหนีออกจากกรงขังหายไปอย่างไร้ร่องรอย การหายไปของเจ้า Boe ในครั้งนี้ส่งผลให้ Dr. Brian Lane ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว เป็นห่วงในความปลอดภัยของเด็กๆ เขาจึงตัดสินใจส่งนักเรียนจำนวน 400 คนกลับบ้านทันที ผู้อำนวยการโรงเรียนที่ปล่อยเด็กกลับบ้าน นอกจากนี้ทางสื่อ KTVI St. Louis ยังรายงานอีกด้วยว่า การหายไปของงูตัวนี้ไม่มีคุณครู หรือนักเรียนได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด และการอพยพครั้งนี้ก็เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ปฏิบัติการค้นหาเจ้า Boe ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยความร่วมมือกันระหว่างศูนย์ควบคุมสัตว์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยมีการใช้เครื่องมือพิเศษอย่าง กล้องถ่ายภาพความร้อนร่วมด้วย และในที่สุดพวกเขาก็พบเจ้า Boe ซ่อนตัวอยู่ภายใต้พื้นบอร์ด พร้อมทั้งพันตัวเองเอาไว้กับท่ออันหนึ่ง จึงได้ช่วยกันนำตัวงูขึ้นมาได้อย่างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ไปแอบทำไมตรงนั้นล่ะ ในตอนนี้เจ้างูตัวดังกล่าวได้กลับคืนสู่กรงขังอย่างปลอดภัย…
-
หนุ่มต่อสู้โชคชะตาเอาชนะมะเร็งได้ 2 รอบ กลายมาเป็นนักเพาะกายสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น
สำหรับผู้ที่ผ่านโรคร้ายอย่างมะเร็งมาได้ ก็ต้องให้การยอมรับว่าพวกเขาเหล่านี้มีหัวใจที่แกร่งดั่งหินผาเลยทีเดียว รวมถึงหนุ่มนักเพาะกายรายนี้ ที่สามารถเอาชนะโรคมะเร็งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาถึง 2 ครั้งได้ และในตอนนี้เขาก็ได้เป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตให้กับผู้คนนับพันคน ผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ นั่นเอง นี่คือเรื่องราวของชายวัย 23 ปีชื่อว่า James Kearsley จากรัฐแทสเมเนีย ประเทศออสเตรเลีย ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวครั้งแรกในปี 2014 แต่เขาก็สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาเลวร้ายในชีวิตในครั้งนั้นมาได้ด้วยการรักษาแบบเคมีบำบัด ช่วงเวลาที่เข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด หลังจาก 5 เดือนของการบำบัดด้วยเคมี โรคมะเร็งก็ได้หายไปจากร่างกายของชายคนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้น เขาก็เริ่มฟื้นฟูกล้ามเนื้อทีี่หายไประหว่างที่ป่วยอยู่ให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้งหนึ่ง “หลังจากอาการต่างๆ บรรเทาลง ผมก็เริ่มกลับไปที่ยิมอีกครั้ง และในตอนนี้ผมก็อยากจะบอกทุกคนว่า ควรจะให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลร่างกายทั้งด้านกายภาพ รวมถึงจิตใจที่เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการรักษาตัว” “ตอนที่ผมยังอายุน้อยๆ ชีวิตของผมเกี่ยวข้องกับกีฬามาโดยตลอด แต่ว่าหลังจากที่ผมเรียนวิทยาลัยผมก็ไม่ได้ย่างก้าวไปในวงการนั้นอีกเลย” James กล่าว ดูดีขึ้นมาทันทีเลย James เริ่มเป็นคนโด่งดังในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก หลังจากที่เขาโพสต์ถึงความมานะบากบั่นในการต่อสู้กับสิ่งที่โรคมะเร็งได้ฝากเอาไว้กับร่างกายของเขา ซึ่งในระยะเวลาเพียงแค่ 16 เดือนเท่านั้นหลังจากที่การรักษาโรคมะเร็งสิ้นสุดลง เขาก็ลงแข่งขันประกวดเพาะกายครั้งแรกในเดือนกันยายน ปี 2015 ชีวิตของเขาดูเหมือนกำลังจะรุ่งโรจน์อีกครั้ง แต่แล้วก็มีโชคร้ายเกิดขึ้นกับ James อีกรอบหลังจากที่ทางแพทย์ได้วินิจฉัยว่าเขากลับมาเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวอีกครั้ง หลังจากที่ผ่านการประกวดมาเพียงแค่เดือนเดียว ทว่าเขาก็ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่ดูเหมือนจะกลั่นแกล้งเขา โดย…
-
รู้จักกับ ‘แมลงช้าง’ นักล่าแห่งท้องทะเลทราย ที่เหล่าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กต่างก็หวาดกลัว!!
สำหรับใครที่มีกองทรายอยู่หน้าบ้าน หรือมีโอกาสไปเที่ยวที่สวนสาธารณะหรือทะเลบ่อยๆ ก็อาจจะพบว่าในกองทรายเหล่านั้นมันจะมีรูเล็กๆ อยู่ตามจุดต่างๆ เต็มไปหมด ซึ่งบางทีเราก็อาจจะเดาว่ามันน่าจะเป็นรูของสัตว์อย่าง งู ปู หรือมด ทว่าในบางครั้งแล้วมันก็อาจจะเป็นรูของสัตว์อย่าง แมลงช้างก็เป็นไปได้.. พี่เท่ไหมล่ะ ไอ้น้อง ซึ่งถ้าหากเราพิจารณาดูแล้วรูที่เราเห็นๆ กันอยู่มันดูเป็นรูปทรงกรวยล่ะก็ ฟันธงได้เลยว่ามันเป็นรูของตัวอ่อนแมลงช้างหนวดสั้นได้อย่างแน่นอน และสาเหตุที่มันขุดรู้อย่างนี้ก็เพื่อไว้ใช้สำหรับดักแมลงผู้โชคร้าย ที่จะตกลงไปเป็นอาหารอันโอชะให้กับพวกมันที่นอนตีพุงรออยู่อย่างสบายใต้ผืนทรายนั่นเอง ดูใกล้ๆ ก็น่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย สำหรับแมลงช้างหนวดสั้นนั้นเป็นแมลงที่มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับแมลงปอ นั่นก็คือมีปีกยาวใส โดยเมื่อแมลงช้างโตเต็มวัยแล้ว พวกมันก็จะขุดหลุมในสถานที่ที่เป็นฝุ่นทรายเพื่อจะวางไข่ จากนั้นเมื่อหาที่เหมาะสมได้แล้วมันก็จะวางไข่หลุมละเพียงหนึ่งฟองเท่านั้น แต่ตัวจริงๆ มีขนาดแค่นี้เท่านั้น และเมื่อหลังจากลูกๆ ของมันฟักตัวออกมาจากไข่แล้ว ตัวอ่อนเหล่านี้ก็จะขุดหลุมดักจับแมลงขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหลุมที่ว่านี้จะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับตัวของมัน (แต่ก็ไม่แน่เสมอไป เพราะบางครั้งก็พบว่ามีแมลงช้างตัวเป้งซ่อนอยู่ในรูแค่นิดเดียว) หลุมรูปกรวย เอาไว้ดักผู้โชคร้ายที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ แล้วภาวนาให้แมลงผู้โชคร้ายเช่นมด ปลวก เดินตกมายังหลุมที่มันขุดเอาไว้ แน่นอนว่ามีหรือที่เหยื่อมาถึงที่แล้วจะสามารถหลุดรอดออกไปได้ เพราะว่ามันได้วางแผนขุดหลุมที่มีความชันพอที่จะทำให้แมลงผู้โชคร้ายไม่สามารถปีนขึ้นไปเอาไว้แล้ว ตัวอ่อนแสนน่ารัก โดยวงจรชีวิตช่วงที่เป็นนักล่าทะเลทรายนี้จะความยาวนานถึง 1-2 ปีเลยทีเดียว จากนั้นเหล่าตัวอ่อนก็จะเข้าสู่ระยะดักแด้…
-
ศิลปินติดลูกโป่งสวยๆ ใจกลางกรุงนิวยอร์ก นี่มันเป็นสวรรค์สำหรับคนรักลูกโป่งเลยนะเนี่ย
เมื่อมีงานสำคัญต่างๆ สิ่งที่ขาดเลยไม่ได้เลยก็คือการตกแต่งสถานที่ ซึ่งหลายครั้งก็มีการตกแต่งที่แปลกๆ เพื่อพยายามจะเรียกผู้ชมให้มากที่สุด และคราวนี้อีกก็เช่นกัน เมื่อมีศิลปินท่านหนึ่งตกแต่งสถานที่ด้วยลูกโป่ง จนออกมาเป็นภาพสุดสวยที่ใครได้ดูก็ต้องหลงรักเลยล่ะ โดยศิลปินที่ว่าเป็นชาวนิวยอร์กที่ชื่อว่า Jihan Zencirli หรือชื่อในวงการว่า Geronimo ในคราวนี้เธอได้รับมอบหมายให้จัดแต่งด้วยสิ่งที่เธอถนัดนั่นก็คือ การใช้ลูกโป่ง ซึ่งสิ่งที่เธอได้จัดทำขึ้นก็มีความสวยงามโดยทั้งมีการเรียงสีเพื่อความสบายตา หรือใช้สีที่ตัดกับตัวตึกเพื่อให้อารมณ์อีกแบบหนึ่ง รวมถึงเธอยังต้องใช้ความเป็นศิลปินของเธอในการดูองค์ประกอบต่างๆ ของตึกใกล้เคียงเพื่อดูว่ามันจะสามารถเข้ากับลูกโป่งของเธอได้หรือไม่อีกด้วย โดยงานศิลปะสุดสวยของเธอนี้ได้มีความร่วมมือกับบริษัท New York City Ballet เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะประจำปีที่จัดขึ้น ณ บริเวณ Lincoln Center ใจกลางมหานครแมนฮัตตัน ที่มีการจัดเป็นประจำเรื่อยมาตั้งแต่ปี 1964 และเธอเป็นศิลปินหญิงคนแรกที่ถูกเลือกในงานนี้อีกด้วย งานศิลปะครั้งนี้มีการเปิดตัวขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 มกราคม และจะสิ้นสุดลงในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2018 ที่จะถึงนี้ ซึ่งระหว่างในระยะเวลาดังกล่าวจะมีโชว์สุดพิเศษมาแสดงให้ผู้คนได้รับชมถึง 2 โชว์ด้วยกัน หากใครมีโอกาสได้ไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็อย่าลืมไปเยี่ยมชมลูกโป่งสวยๆ เหล่านี้กันนะ มีการจัดวางสีอย่างเป็นระเบียบ สีสันหลากหลายชวนให้มองดูซะจริงๆ เพิ่มมิติภายในงานได้อีกเยอะเลย มันช่างจ้าซะเหลือเกิน แม่คุณเอ้ย เพิ่มความสวยงามให้รูปปั้นได้เหมือนกันนะเนี่ย ใครรักลูกโป่งนี่อาจจะเป็นสวรรค์เลยก็ได้ เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ อย่างแน่นอน…
-
รวมภาพของคนนอกกรอบ ที่ใช้ชีวิตแบบแปลกๆ แต่กลายเป็นเรื่องแสนจะเจ๋งเป้งซะงั้น
ความคิดของคนเราเป็นสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ เพราะในปัจจุบันนอกเหนือจากคนปกติธรรมดาๆ แล้วบางทีเราก็อาจได้เห็นคนประเภทคิดนอกกรอบ อยู่บ่อยๆ ซึ่งความคิดของพวกเขาเหล่านี้บางทีมันก็หลุดไปไกลจนเกินจะตามทัน หรือบางทีมันก็กลายเป็นเรื่องที่หาสาระไม่ได้เหมือนกัน แต่ว่ามีคนอยู่จำพวกหนึ่ง ที่ความคิดนอกกรอบของพวกเขาอาจจะทำให้ชีวิตประจำวันของพวกเรานั้นง่ายขึ้น เพราะสิ่งที่พวกเขาทำนั้นก็แค่พลิกแพลงสิ่งของธรรมดาๆ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมามันกลับออกมาดีจนบางครั้งก็อาจจะเรียกพวกเขาว่า ‘อัจฉริยะ’ เลยก็ได้ และนี่คือภาพที่แสดงถึงความมีอยู่จริงของพวกเขา ที่ไม่เพียงแต่จะทำให้พวกเราอึ้งกับสิ่งที่พวกเขาคิดได้เท่านั้น แต่ภาพเหล่านี้ยังแสดงถึงความล้ำยุคของพวกเขาที่ไม่รู้ว่า หลุดออกมาจากอนาคตกันรึเปล่านะ ทำไมพวกเราถึงคิดไม่ได้อย่างเค้าบ้าง… แค่จับเครื่องปิ้งขนมปังให้นอนลง ก็สามารถเอาขนมปังพร้อมกับชีสพร้อมกัน โดยที่ไม่ติดตะแกรงได้แล้ว ถ้วยยังไม่ได้ล้างไม่เป็นไร กินมันในกล่องนี่แหละ วิธีแอบเอาเหล้าเข้าไปในงานปาร์ตี้ที่ห้ามเอาเข้า ดูสิเนียนขนาดนี้ใครมันจะไปจับได้(หรือจะเอาไว้แอบเมียก็ได้เหมือนกันนะ) แค่ทิ่มลงถุงก็ใช้ได้แล้ว จะยืนทำไมให้เมื่อยล่ะน้า ดูผมเป็นตัวอย่างนี่ เออ อันนี้น่าลองทำตาม (ถ้าไม่รังเกียจอ่ะนะ) เมื่อออกมางานเทศกาลแล้วขี้เกียจตอบคำถามที่ถูกถามทุกปี เปรี้ยวไหม เปรี้ยวไหม? บางครั้งขนมก็สามารถนำมาดัดแปลงเป็นเครื่องเทศแสนอร่อยได้เหมือนกันนะ จะขอเบอร์สาวในผับให้เหนื่อยทำไม แค่ยื่นโทรศัพท์ให้ไปทั้งเครื่องเลยก็จบเรื่อง ไอ้สบายก็สบายแหละ แต่ว่าจะเจ็บหัวไหมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ เมื่อแม่ไม่ยอมซื้อแทรมโพลีนให้ ก็ทำเล่นเองประชดซะเลย อาบน้ำไปดูหนังไป อะไรมันจะสบายขนาดนี้…
-
พบกับโฆษณาเจ๋งๆ ที่สะท้อนให้เห็นปัญหาในปัจจุบัน จนคุณอาจจะต้องร้องว๊าววว
การโฆษณาตามสื่อต่างๆ เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลอย่างมากในปัจจุบัน โดยมันสามารถช่วยโน้มน้าวใจให้ผู้คนสามารถเชื่อตามที่ผู้ผลิตต้องการจะสื่อออกไปได้ ดังนั้นการโฆษณาส่วนใหญ่จึงนิยมเอามาใช้ในทางธุรกิจ เพื่อให้มีกำลังซื้อที่มากขึ้น เหมือนกับที่เราเห็นอยู่ในสื่ออย่าง โทรทัศน์ หรือวิทยุ ในปัจจุบัน ทว่าด้วยพลังอำนาจของมันที่อยู่อย่างมากมาย จึงทำให้คนบางคนนำแนวคิดนี้มาปรับใช้กับการทำสังคมให้ดียิ่งขึ้น เหมือนกับภาพโฆษณาเหล่านี้ ที่ทำให้เราเห็นถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม รวมถึงยังเชิญชวนให้เราช่วยกันปรับปรุงโลกที่เราอยู่ให้น่าอยู่ขึ้นไปกว่าเดิมอีกด้วย ซึ่งเหล่าบุคคลเหล่านี้จะมีความที่สร้างสรรค์ขนาดไหน ลองพิสูจน์ด้วยสายตาคุณเองได้เลย “แม้ว่าภาพเซลฟี่แต่ละภาพจะไม่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ควรต่างกันขนาดนี้” โฆษณานี้จัดทำเพื่ออุทิศให้กับเด็กๆ ผู้ลี้ภัย โฆษณาของ Land Rover ที่รณรงค์ไม่ให้ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ . การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก มักจะเกิดจากการใช้สื่อออนไลน์ . รัฐบาลของประเทศนิวซีแลนด์จัดทำตัวมาสคอตขึ้นมา เพื่อเตือนให้ผู้คนเห็นถึงความอันตรายหากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงเล่นน้ำ โฆษณาที่อยากบอกแก่ทุกคนว่า อย่าตัดสินผู้อื่นเพียงแค่สิ่งที่เห็นภายนอกเท่านั้น โฆษณานี้จัดทำขึ้นเพื่อต่อต้านความรุนแรงที่กระทำต่อเด็ก โดยมีข้อความว่า “สิ่งนี้ควรมีไว้สวม มิใช่เพื่อสร้างความหวาดกลัว” โฆษณาที่สะท้อนให้ผู้คนเล็งเห็นถึงความสำคัญของการบริจารอวัยวะ ว่าบางคนก็อาจจะไม่มีโอกาสได้มีชีวิตดูตอนจบของรายการโปรดของเขาก็เป็นได้ โฆษณาที่จัดทำขึ้นเพื่อ เตือนให้ผู้คนระวังภัยที่จะตามมาหากส่งรูปส่วนตัวของเราให้แก่คนที่ไม่รู้จัก และนี่ก็อีกโฆษณาหนึ่ง ที่ต่อต้านการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถเช่นเดียวกัน การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่เพียงแต่ทำร้ายตัวเองเท่านั้น ยังทำร้ายคนรอบข้างอีกด้วย…
-
เปิดเมนูลับ Subway ประเทศญี่ปุ่น นั่นก็คือแซนวิชด์ยักษ์ที่ใหญ่กว่าขนาดปกติถึง 8 เท่า!!
สำหรับชีวิตที่เร่งรีบในแต่ละวัน ทำให้เรื่องของอาหารก็เป็นเรื่องที่ต้องรวดเร็วด้วยเช่นกัน ดังนั้นหลายคนจึงเลือกอาหารที่สามารถหยิบแล้วกินได้เลย ซึ่งอาหารอย่างแซนวิชด์ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ผู้คนทั้งหลายต่างชื่นชอบกัน เพราะว่านอกจากจะเป็นอาหารที่สะดวกต่อการพกพาแล้ว มันยังมีอร่อยในแบบที่กัดไปคำเดียวแต่ได้รสชาติหลายๆ อย่างพร้อมๆ กันอีกด้วย ดังนั้นจึงมีคนมากมายที่หลงรักในอาหารชนิดนี้ ถึงขนาดที่ว่ากินเท่าไหร่ก็ไม่สามารถต้านทานความอร่อยของมันได้ และในวันนี้ดูเหมือนความฝันของพวกเขาเหล่านี้จะเป็นจริงขึ้นมาแล้ว เพราะมีร้านแฟรนไชส์แห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นที่สร้างแซนวิชด์ให้ออกมาใหญ่ถึงขนาดปกติถึง 8 เท่า!!! โอ้โห จะกินหมดไหมเนี่ย สำหรับคอแซนวิชด์แล้วก็คงจะรู้จักกับร้าน Subway เป็นอย่างดี ซึ่งพวกเขาได้สร้างมิติใหม่ในการกินแซนวิชด์ขึ้นมาด้วยการสร้างสิ่งที่เรียกว่า Giant Sub ที่มีขนาดใหญ่กว่าแซนวิชด์แบบปกติถึง 8 เท่า ซึ่งเมนูนี้เป็นเมนูลับที่ไม่มีขึ้นอยู่บนลิสต์รายชื่อเมนูอาหารภายในร้าน แต่แค่เพียงคุณเอ่ยชื่อเมนูนี้เท่านั้น พนักงานร้าน Subway ในประเทศญี่ปุ่นก็ยินดีที่ทำให้เป็นพิเศษเลยล่ะ โดยเมนูนี้ถูกค้นพบขึ้นโดยผู้สื่อข่าวที่มีชื่อว่า Meg นั่นเอง ห่อมาทีนี่ใหญ่กว่าข้าวหลามอีกนะเนี่ย การค้นพบครั้งนี้่เกิดขึ้นจากการที่ Meg ได้ไปที่ร้าน Subway แห่งหนึ่งในละแวกบ้านของเธอแล้วเอ่ยปากขอสั่งเมนู Giant Sub นี้แล้วจะมารับอีกภายใน 2 วันข้างหน้า และเมื่อเธอมารับของที่สั่งไว้ก็ถึงกับต้องตกตะลึงกับกล่องขนาดใหญ่ที่บรรจุแซนวิชด์ที่เธอสั่งเอาไว้ภายในนั้น น่ากินไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ โดยจริงๆ แล้วร้าน Subway ประเทศญี่ปุ่นมีแซนวิชด์ยักษ์นี้ให้บริการในหลากรสหลายสไตล์ถึง 4…
-
รวม 14 ภาพที่จะทำให้เราเห็นว่าโลกของเรา มีคนสองประเภทที่ต่างกันออกไปแบบสุดขั้วอยู่!!
ใครๆ ต่างก็รู้ว่าคนเรานั้นมีความแตกต่างกันเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคิด ร่างกาย รวมถึงนิสัยต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วโลกของเราก็มีคนที่ต่างกันอย่างสุดขั้วอยู่ด้วยนะ!! โดยคนประเภทที่ว่านี้ จะมีความคิดความอ่านต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างเช่นชั้นชอบอันนั้น เธอชอบอันนู้น หรือแม้ว่าจะเจอสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกัน แต่สำหรับคนสองประเภทนี้ก็จะมีวิธีรับมือที่แสดงให้เห็นได้อย่างทันทีเลยว่า นี่แหละคือคนประเภทอย่างฉันนะ และนี่คือภาพที่แสดงให้เห็นถึงความไม่เหมือนกันของคนทั้งสองประเภทที่ว่านี้ ซึ่งเราจะเป็นคนประเภทไหนนั้น ก็คงรู้อยู่แก่ใจกันดีนะจ๊ะ.. เมื่อไปโรงเรียนวันแรกก็จะมีทั้งคนกลัวและคนกล้า บ้านหนึ่งต้อนรับ อีกบ้านหนึ่งขับไล่ซะงั้น ก็คนมันอายนิ ห้องของคนเจ้าระเบียบกับห้องของคนสบายๆ ดูสิ แค่เรื่องง่ายๆ ยังเห็นได้ชัดเลย เป็นเราจะเลือกใช้ม้วนไหนกันนะ? อีกคนอยู่บ้านชิวๆ อีกคนออกเดทแบบชัวร์ๆ ก็มันเจ็บฟันง่ะ ภาพของคนสองคนที่ไปทำงานในตอนเช้า สำหรับคนแรกนั้น เรียกได้เลยว่าเป็นงานหยาบ เมื่อคนปกติจอดรถ กับคนมักง่ายจอดรถ(อย่างนี้น่าโดนด่านะเนี่ย) ตอนกินเฟรนช์ฟรายส์ก็จะมีคนบีบซอสลงไปเลย กับอีกคนที่บีบซอสไว้ข้างๆ A: ต้นไม้ต้นนี้มันช่างน่าทึ่งเสียนี่กระไร B: นี่มันต้นอะไรกันฟะเนี่ย เกะกะซะจริงๆ …
-
คุณพระ!! สวนสัตว์ในจีนสุดโหดเหี้ยม นำลูกสุนัขไปเป็นอาหารสำหรับงูเหลือมซะได้
(บทความนี้อาจมีภาพที่มีเนื้อหารุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม) สำหรับสถานที่อย่าง “สวนสัตว์” นั้น นอกจากจะเป็นสถานที่ที่เอาไว้เก็บรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแล้ว ยังเป็นสถานที่ที่เปิดให้ผู้คนเข้าชมเพื่อให้เราได้รู้จักกับสัตว์น้อยใหญ่นานาชนิด แต่ว่าอาจจะเกิดเรื่องที่ทำให้นักท่องเที่ยวอึ้งเหมือนกับเหตุการณ์นี้ เพราะว่ามีสวนสัตว์แห่งหนึ่งในประเทศจีนที่ให้อาหารงูด้วยลูกหมาเป็นๆ ซะอย่างงั้น โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาและเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อมีกลุ่มผู้คนกลุ่มหนึ่งไปเที่ยวที่สวนสาธารณะในมณฑลเหอหนาน ซึ่งภายในสวนแห่งนี้ก็มีสวนสัตว์ขนาดเล็กรวมอยู่ด้วย และแล้วนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ก็ถึงกับต้องผงะ เมื่อพวกเขาเข้าไปในบ้านงูแล้วพบว่าทางสวนสัตว์แห่งนี้ให้กำลังให้อาหารงูเหลือมขนาดยักษ์ด้วยลูกหมาน้อยแสนน่ารัก ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่พบเห็นกันได้บ่อยๆ พวกเขาจึงถ่ายคลิปวิดีโอนี้เก็บไว้ พร้อมกับอัปโหลดขึ้นสู่โลกออนไลน์ในเวลาต่อมา โดยภายในคลิปวิดีโอเราจะสามาถเห็นได้ว่ามีงูเหลือมตัวหนึ่ง กำลังเข้ารัดลูกหมาสีขาวที่กำลังหมดสติด้วยาสลบหรือว่าเสียชีวิตไปแล้วก็ไม่อาจทราบได้ ขณะที่อีกคลิปหนึ่งก็มีลูกหมาตัวสีน้ำตาลกำลังนั่งอยู่บนพื้นใกล้ๆ กับบ่องูเหมือนกับว่ากำลังนั่งรอชะตากรรมการตายอยู่ วิดีโอของหมาที่ถูกจับไปไว้ในกรงงูเหลือม หลังจากคลิปวิดีโอนี้ได้ถูกเผยแพร่สู่โลกออนไลน์ ก็มีพนักงานของสวนสาธารณะ Pingdingshan Riverside ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า สวนสัตว์ที่ตั้งอยู่ในสวนสัตว์สาธารณะแห่งนี้ เป็นสวนสัตว์ขนาดเล็กที่มีเอกชนเป็นเจ้าของรวมถึงบริหารงาน การกระทำต่างๆ ของสวนสัตว์แห่งนั้นจึงไม่เกี่ยวข้องกับสวนสาธารณะแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตาม พนักงานคนดังกล่าวก็ได้บอกเพิ่มว่าในขณะนี้ สวนสัตว์แห่งนั้นได้เลิกให้อาหารงูด้วยลูกหมาแล้ว แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าพวกเขาให้อะไรแก่งูเหลือมเป็นการทดแทน ซึ่งก็มีการสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นลิงหรือว่าลูกหมูก็อาจเป็นไปได้ อนุสาวรีย์ลาที่ตั้งอยู่หน้ากรงเสือ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์คล้ายกันในอดีต ซึ่งนี่ไม่ใช่กรณีแรกที่มีเหตุการณ์คล้ายๆ กันเกิดขึ้น เพราะเมื่อปีที่แล้วสวนสัตว์แห่งหนึ่งในนครฉางชา ก็มีการให้อาหารเสือด้วยลาที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งในภายหลังสวนสัตว์ดังกล่าวก็ได้ออกมาอธิบายว่า เหตุการณ์ที่ลาถูกจับเข้าไปอยู่ในกรงเสือนั้น เป็นการแก้แค้นโดยผู้ถือหุ้นที่ไม่พอใจคนหนึ่งของสวนสัตว์ และด้วยความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้นนี้ ทางสวนสัตว์แห่งจึงได้สร้างอนุสาวรีย์ลาขึ้นมาตั้งอยู่บริเวณกรงเสือ…
-
หนุ่มวิ่งสู้ฟัดหนีตำรวจอลม่านแทบตาย สุดท้ายก็ถูกจับได้เพราะมัวแต่หยุดเล่นกับแมว
ถ้าเกิดเราเป็นโจรผู้ร้ายที่กำลังโดนตำรวจไล่วิ่งกวดอยู่ล่ะก็ เราก็ต้องวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตอย่างแน่นอน ในวินาทีนั้นก็คงคิดแต่เพียงว่าจะทำยังไงไม่ให้ตัวเองโดนตำรวจจับติดคุก และคงไม่มีอารมณ์แวะเล่นกับสัตว์เหมือนกับชายคนนี้ที่โดนจับกุมหลังจากที่หลบหนีมาอย่างอุตลุด และสิ่งที่ทำให้เขาโดนจับก็เป็นเพราะว่ามัวเล่นกับแมว!! ย้อนกลับไปในเช้าวันหนึ่งของปี 2014 ชายชื่อว่า Daniel Pinedo-Velapatino ได้ถูกจับกุุมในสารพัดข้อหาทั้งขโมยเงิน ขโมยรถ พังรถตำรวจ มียาเสพติดไว้ในครอบครอง พยายามหลบหนี รวมถึงลักลอบเข้าไปในบ้านของคู่รักคู่หนึ่งอีกด้วย ซึ่งจากคดีทั้งหมดทำให้เงินค่าประกันตัวของเขามีมูลค่าสูงถึง 76,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.3 ล้านบาท) เลยทีเดียว แต่ถ้าดูผิวเผินเขาก็คงเหมือนกับอาชญากรทั่วๆ ไป แต่สิ่งที่ทำให้เขาดูพิเศษกว่าคนอื่นก็เพราะ การไล่ล่ากว่าจะได้ตัวเขามานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่กลับต้องมาจนมุมด้วยความรักสัตว์ของตัวเขานั่นเอง หน้าตาของ Daniel โจรที่ถูกจับเพราะเล่นกับแมว โดยเรื่องราวแสนสนุกของหนุ่มวัย 21 ปีคนนี้เริ่มขึ้นในเวลาประมาณ 5.30 น. ของเช้าวันอังคารวันหนึ่ง เมื่อเพื่อนของเขาเห็นว่าเขาเดินออกจากห้องของโรงแรม Boca Raton หลังจากที่เมื่อคืนเสพยากันอย่างเมามัน แต่ว่าเขากลับไม่ไปมือเปล่า เพราะว่า Daniel ได้หยิบเงินจำนวน 15,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.7 แสนบาท) ติดมือกลับบ้านไปด้วย เขาจึงนำเรื่องไปบอกกับตำรวจให้ช่วยตามเงินของเขากลับมาให้หน่อย ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ทางตำรวจจากกรม Delray Beach ก็พยายามจะหยุดรถยี่ห้อ Lexus ของนาย Daniel…
-
คุณตาคุณยายช่วยชีวิตสุนัขพิตบูล มันเลยตอบแทนช่วยชีวิตพวกเขาคืน ด้วยสุขภาพที่ดีขึ้น!!
การรับอุปถัมภ์สัตว์ที่ไม่มีเจ้าของ นอกจากจะทำให้เจ้าสัตว์เหล่านั้นมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว มันยังช่วยให้เราคลายเหงาเหมือนมีเพื่อนเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง ทว่าบางทีการรับสัตว์มาเลี้ยงก็อาจจะได้อะไรมากกว่านั้น เหมือนกับตายายคู่นี้ ที่ช่วยชีวิตของหมาตัวหนึ่งออกมาจากสถานสงเคราะห์ แต่ใครจะไปรู้ว่าในที่สุดแล้วเจ้าหมาที่ว่านี้ก็ตอบแทนผู้มีพระคุณด้วยการทำให้สุขภาพของพวกเขาดีขึ้น!!! Jingles หมาพันธุ์พิตบูลผู้น่าสงสาร เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณสองปีที่เมื่อ เมื่อ Anne กับ Vic Tenaglia ผู้เฒ่าสองคนจากรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ตัดสินใจจะรับเลี้ยงหมาตัวหนึ่งจากสถานสงเคราะห์ที่มีชื่อว่า Brandywine Valley SPCA โดยหมาตัวที่พวกเขาเลือกนั้นก็คือ หมาพันธุ์พิตบูลวัย 2 ปีชื่อว่า Jingles ที่ได้รับการช่วยเหลือมาโดยสถานสงเคราะห์ระหว่างที่มันกำลังต่อสู้กับหมาตัวอื่นๆ ถึง 11 ตัวเลยทีเดียว ในตอนที่มาอยู่ใหม่ ยังมีรูปร่างผอมแห้งอยู่เลย ในขณะที่เจ้า Jingles อาศัยอยู่ในสถานสงเคราะห์แห่งนั้นมันดูไม่มีความสุขนัก ด้วยเหตุที่มาจากการประสบการณ์ในอดีตที่มันเคยเผชิญมา ซึ่งมันทั้งผอมแห้งแรงน้อย มีบาดแผลต่างๆ ตามตัว รวมถึงมีอาการวิตกกังวลให้เห็นอยู่บ่อยๆ โดยจะสังเกตได้จากที่มันมักจะกัดอุ้งเท้าหรือหางตัวเองบ่อยๆ และด้วยชื่อเสียงของหมาพันธุ์พิตบูลที่ไม่ค่อยดีนัก ทำให้ในตอนแรก Anne ก็ยังลังเลที่จะรับมันมาเลี้ยง ทว่าก็ด้วยภาพอันแสนน่าสงสารของมันก็ได้ทำให้เธอใจอ่อนในที่สุด เพราะเธอรู้ว่าไม่สามารถทิ้งเจ้าหมาตัวนี้ให้อยู่ที่สถานสงเคราะห์ได้ลงคอ อยู่กับเจ้าของใหม่ ใจดีจัง ถึงแม้ว่าการได้มาอยู่กับครอบครัวใหม่จะเป็นจุดเปลี่ยนอย่างหนึ่งในชีวิตของมัน แต่ก็ด้วยเจ็บปวดอันความโหดร้ายในอดีตที่ยังคงตามมาหลอกหลอนอยู่ ทำให้มันมักจะกัดอุ้งเท้าหรือหางอยู่บ่อยๆ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่สามารถสื่อถึงความกังวลของมันได้ คู่ตายายคู่นี้จึงคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเหลือหมาตัวนี้ และสิ่งที่พวกเขาเลือกที่จะใช้ก็คือการพามันไปเดินเล่นนั่นเอง…
-
ภาพแห่งความอัปยศจากอดีต ความรุนแรงของขบวนการ ‘ค้าทาส’ ราวกับพวกเขาไม่ใช่มนุษย์
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า โลกของเราในอดีตนั้นมีความรุนแรงรวมถึงความไม่เที่ยงธรรมเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของกลุ่มคนที่ถูกสังคมตราหน้าว่าเป็น ‘ทาส’ โดยทาสส่วนใหญ่นัั้นจะเป็นคนผิวสีที่ถูกนำมาใช้แรงงานราวกับว่าพวกเขาไม่ใช่มนุษย์ รวมถึงยังมีการทารุณกรรมต่างๆ อีกด้วย แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีของมนุษยชาติที่เรื่องเหล่านี้ได้เลือนหายไปเป็นเวลานานแล้ว และฝากไว้เพียงความทรงจำอันเป็นบทเรียนสำหรับคนรุ่นหลังเท่านั้น เช่นเดียวกับรูปภาพเหล่านี้ที่สะท้อนให้เห็นถึงความลำบากของทาสในยุคนั้นอีกด้วย ชีวิตประจำวันของทาสในอเมริกา ที่ต้องเก็บฝ้ายหามรุ่งหามค่ำ ก่อนที่จะมีการประกาศเลิกทาส โดยชุดภาพที่ทุกท่านกำลังจะได้เห็นนี้ เป็นภาพที่ถูกถ่ายขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 150 ปีก่อน ซึ่งจะเผยให้เห็นถึงความเป็นจริงอันโหดร้าย ที่กลุ่มทาสในประเทศสหรัฐอเมริกาต้องทนทุกข์ทรมานกับการกดขี่ ทำร้ายร่างกายและใช้แรงงาน ภาพเหล่านี้ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในวันครบรอบ 153 ปีของการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 13 ซึ่งลงนามโดยประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์น เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1865 เป็นการประกาศเลิกทาสท่ามกลางสงครามกลางเมือง โดยใช้อำนาจยามสงครามของตน มิใช่กฎหมายที่ผ่านรัฐสภาคองเกรส และนี่คือภาพในสมัยก่อนที่จะประกาศเลิกทาส ซึ่งทำให้เราได้เห็นว่าทาสนั้นมีความลำบากขนาดไหน… การทำร้ายทาสเป็นเรื่องที่ดูธรรมดามากในสมัยนั้น และนี่คือภาพของคนงานเก็บฝ้ายคนหนึ่งในรัฐจอร์เจีย ทาสหลายคนต้องอดทนทำงานหนักทั้งวัน ในการเก็บฝ้ายในพื้นที่ของบางรัฐอย่างเช่น ในรัฐจอร์เจีย ประธานาธิบดีลินคอล์นได้เซ็นสัญญาปลดปล่อยทาสทั้งหมดในสหภาพตั้งแต่เดือนมกราคมปี 1863 แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 13 ในปี 1865 นั้นทำขึ้นเพื่อจะขยายอาณาเขตของกฎหมายให้ครอบคลุมทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา ทาสส่วนใหญ่ในสมัยนั้นเป็นคนผิวสี การเก็บฝ้ายกลายเป็นงานหลักของทาสไปโดยปริยาย…
-
หัวใจดั่งเพชร!! คุณแม่ยอมขายน้ำนมของตัวเอง เพื่อนำเงินไปรักษาลูกน้อยที่กำลังป่วยอยู่
ความรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้น เป็นความรักสุดแสนที่ยิ่งใหญ่ที่ใครๆ ต่างก็รู้กันดี เป็นความรักที่ไม่ต้องการอะไรตอบแทนและยังเป็นสิ่งที่แสนจะบริสุทธิ์อีกด้วย มีหรือที่ถ้าหากลูกเกิดป่วยขึ้นแล้วคนเป็นแม่จะทนดูอยู่เฉยๆ ได้ เหมือนกับแม่คนนี้ที่ถึงจะไม่มีเงินไว้ใช้รักษาลูกที่นอนป่วยอยู่ที่โรงยาบาล แต่เธอก็พยายามดั้นด้นทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกของเธอได้รับการรักษาอย่างดีที่สุด แม้ว่าจะต้องขายน้ำนมอยู่ริมถนนก็ตาม!! เรื่องราวของคุณแม่หัวใจยิ่งใหญ่คนนี้ได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2018 ที่ผ่านมา โดยเกิดขึ้นที่ถนนแห่งหนึ่งในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน มีภาพถ่ายภาพหนึ่งเผยให้เห็นถึงคุณแม่ที่นั่งคุกเข่าให้นมเด็กทารกอยู่บริเวณริมถนน พร้อมกับสามีของเธอที่ถือป้ายโฆษณาว่า “น้ำนมเพื่อช่วยเหลือลูกสาวของเรา ราคาเพียงแค่ 10 หยวน(ประมาณ 50 บาท) ต่อ 1 นาทีเท่านั้น” นอกจากนี้ในป้ายโฆษณาดังกล่าว ยังอธิบายถึงความจำเป็นของทั้งคู่ที่ต้องทำอย่างนี้อีกด้วย ซึ่งในป้ายมีข้อความดังต่อไปนี้ “สวัสดีค่ะ ฉันเป็นคุณแม่สุขภาพดีวัย 24 ปี ที่เพิ่งให้กำเนิดลูกสาวฝาแฝดสองคน ในตอนนี้ฉันต้องการเงินอย่างเร่งด่วนเพื่อจะไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับลูกสาวที่กำลังป่วยอย่างหนัก ฉันสามารถให้น้ำนมนอกสถานที่ได้ และยังเปิดรับคนทุกช่วงอายุอีกด้วย ขอบคุณมากจริงๆ สำหรับการช่วยเหลือของทุกคนค่ะ” ซึ่งในส่วนท้ายของป้ายนี้ ทั้งคู่ก็ได้ติดรูปของลูกสาวของพวกเขาเอาไว้ รวมทั้งยังมีค่ารักษาพยาบาลที่ผ่านมา และใบรับรองความช่วยเหลือความยากจนที่ออกให้โดยทางการอีกด้วย หลังจากภาพนี้ได้แพร่กระจายออกไปในโลกออนไลน์ ก็ทำให้สื่อ Southern Metropolis Daily เข้าไปสัมภาษณ์คนแม่วัย 24…
-
จะเป็นอย่างไรเมื่อเหล่าสัตว์โลกถูกถ่ายรูปทีเผลอ….เจ้ามนุษย์ใจร้าย บังอาจทำกันได้ลงคอนะ!!
หลายคนอาจจะเคยโดนเพื่อนๆ แกล้งด้วยการแอบถ่ายภาพตอนที่เรากำลังเผลอๆ อยู่ มันอาจจะเป็นตอนที่เรากำลังหาว กำลังหลับ หรือกำลังกินข้าวแบบกินแหลกอยู่ ภาพที่ออกมามันก็จะกลายเป็นภาพหน้าตาสุดฮาที่รับรองได้ว่า เหล่าเพื่อนๆ พวกนี้มันต้องเอาไปล้อยันลูกบวชแน่ๆ แต่ก็ไม่ใช่แค่กับคนเท่านั้นที่จะโดนแกล้งแบบนั้น เพราะว่าเหล่าสัตว์โลกก็โดนเช่นเดียวกัน เพราะบางทีเหล่าสัตว์น่ารักๆ ก็ชอบที่จะมีพฤติกรรมแปลกๆ ที่ทำให้ใครบางคนอดภาพที่จะถ่ายภาพของมันเอาไว้ไม่ไหว จึงได้กลายเป็นภาพถ่ายสุดฮาที่ทำให้เราต้องเปื้อนยิ้มเมื่อได้เห็น เหมือนกับภาพเหล่านี้ที่สัตว์ต่างๆ ได้แสดงอิริยาบถแบบกวนๆ ออกมา จนทำให้สัตว์บางตัวที่เคยดูน่ากลัวน่าเกรงขามกลายเป็นสัตว์บ้องแบ๊วไปเลย แหมพวกมนุษย์ช่างภาพนี่ช่างใจร้ายจริงๆ ทำกันได้ลงคอ.. ไปโดนตัวไหนมาลูก ตาปรือขนาดนี้ จากน่ากลัวกลายเป็นน่ากอดแทน หนูหิวข้าวใช่ไหม บอกซิ รีบกินเกิ๊นน สำลักหญ้าตายพอดี ก็ไม่น่าจะซูมใกล้ขนาดนี้ ดัดฟันหน่อยไหมล่ะ มันเหนื่อยที่จะร้ากก เมื่อเราย่างหมู แล้วหันไปที่หมาของเรา โอ้ย อกอีแป้นจะแตก มีความสุขจริงจริ๊งง ไม่ใช่อ้วน เค้าเรียกว่าท้วมเฉยๆ แอ๊ะ!! ทำอะไรกันอะ อัวะไม่หวายเลี้ยวว …
-
อายุน้อยร้อยรางวัล!! พบกับช่างภายวัย 13 ปีที่กวาดรางวัลกิตติมศักดิ์ทั่วโลกมาแล้วมากมาย
คนเราถ้ามีใจรักที่จะทำอะไรสักอย่างแล้ว ผลของมันก็มักออกมาดีเสมอ เพราะว่าเราตั้งใจที่จะทำมันอย่างแท้จริง ถ้ายิ่งบวกกับความมีพรสวรรค์ด้วยแล้ว มันก็อาจจะกลายเป็นชิ้นงานที่ทั้งโลกให้การยอมรับเลยก็เป็นได้ เหมือนกับช่างภาพคนนี้ที่ได้รับรางวัลจากเวทีการประกวดมาแล้วมากมาย โดยที่มีอายุเพียงแค่ 13 ปีเท่านั้น!! สำหรับหนูน้อยมหัศจรรย์คนดังกล่าวนี้มีชื่อว่า Josiah Launstein นักถ่ายภาพสัตว์ป่าชาวแคนาดา ที่ชนะรางวัลอันทรงเกียรติมาแล้วมากมาย โดยที่มีอายุเพียงแค่ 13 ปีเท่านั้น จุดเริ่มต้นของการอยู่หลังเลนส์ของเขานั้นเริ่มต้นในอายุ 5 ขวบ ในตอนนั้นเขาคิดเอาไว้ว่าจะเจริญรอยตามพ่อและพี่สาว ที่เป็นช่างถ่ายภาพสัตว์ป่ามือฉมัง Josiah Launstein ช่างภาพวัยเพียง 13 ปี ในเริ่มแรกของเส้นทางช่างภาพของเขานั้น เริ่มต้นจากการใช้กล้อง Nikon D3400 ของพ่อเขาในการถ่ายภาพ ตอนนั้นเขาก็ถ่ายไปอย่างไม่คิดอะไร ทว่าในปี 2012 เขาก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดพลาดในภาพที่เขาถ่ายเอาไว้ เขาชอบถ่ายภาพสัตว์ป่าต่างๆ โดยภาพที่เรียกได้ว่าเป็นจุดพลิกผันในชีวิตของเด็กคนนี้ก็คือ ภาพของอินทรีหัวขาวตัวหนึ่งที่โฉบลงมาหน้าผิวน้ำเพื่อจะจับปลา และภาพนี้เองที่ทำให้เขาได้เริ่มเห็นความผิดพลาดของตัวเอง ตัวอะไรลองทายกันสิ เพราะว่าในภาพนั้นเขาเห็นว่าจุดที่เขาได้จับโฟกัสมันกลับเป็นที่หางของนก แทนที่จะเป็นหัวนก และด้วยความผิดหวังนี้เองทำให้ Josiah เริ่มพัฒนาตัวเองตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผลงานไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วยความฝึกฝนตัวเองบวกกับพรสวรรค์ทางด้านการถ่ายรูป ทำให้ในที่สุดภาพถ่ายของเขาก็สามารถออกสู่สายตาของชาวแคนาดา และที่สำคัญก็คือยังได้รับความสนใจเป็นจำนวนมากอีกด้วย…
-
เจ้าเหมียวถูกช่วยเหลือมา กลายมาเป็นคุณแม่ให้กับน้องๆ ต่างฝ่ายช่วยเยียวยาให้กันและกัน
ความสูญเสียเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครๆ ต่างก็ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นกับตัวเองทั้งนั้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องยอมรับให้ได้ เพราะเรื่องแบบนี้ไม่สามารถมีใครมาทดแทนกันได้ แต่ก็คงจะเป็นเรื่องดีไม่น้อยถ้าหากจะมีบางสิ่งมาเติมเต็มช่องว่างที่หายไปจากการสูญเสีย เหมือนกับแมวตัวหนึ่งที่ได้รับการช่วยเหลือ ก่อนจะมาทำหน้าที่เป็นแม่ให้กับแมวที่ถูกทิ้งถึงสองตัวด้วยกัน!! โดยเรื่องราวอบอุ่นหัวใจครั้งนี้เกิดขึ้นในวันขึ้นปีใหม่ปี 2018 ที่ผ่านมาเมื่อ Karen Timmons นักช่วยเหลือสัตว์ที่อาศัยอยู่ในนครฟิลาเดลเฟีย ได้รับการติดต่อให้ไปช่วยเหลือลูกแมวจำนวน 7 ตัวที่ถูกทิ้งเอาไว้ เมื่อครอบครัวที่ดูแลพวกมันอยู่ได้ย้ายออกไป “Nate สามีของฉันกับฉัน ตั้งใจจะเอาอาหารไปให้พวกมัน เพื่อจะดูให้แน่ใจว่าพวกมันยังมีที่อยู่อาศัยและอาหาร ก่อนที่จะประสานงานกับทางสถานสงเคราะห์สัตว์ เพื่อจะได้นำมันไปอยู่ด้วยในวันรุ่งขึ้น” Karen กล่าว แต่เมื่อพวกเขาไปถึงก็ต้องผงะกับสิ่งที่ได้เจอ เพราะว่ามันเป็นสิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายมากสำหรับลูกแมว ที่อยู่ของพวกมันมีทั้งเศษขยะมากมาย และมีหนอนยัวะเยี้ยเต็มไปหมด แถมยังมีซากแมวตายอีกด้วย ในตอนนั้นพวกเขาพบลูกแมวที่ยังรอดชีวิตอยู่แค่ 2 ตัวเท่านั้น จึงได้ตัดสินใจรับพวกมันออกมาจากสถานที่ดังกล่าว ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินกว่าจะแก้ Karen ได้นำพวกมันมาอยู่ในอ้อมอกของเธอเพื่อที่จะให้ความอบอุ่นแก่มัน พร้อมทั้งยังป้อนน้ำผสมน้ำตาลเพื่อให้พวกมันมีแรงอีกด้วย เมื่อมาถึงสถานสงเคราะห์พวกเขารีบนำลูกแมวทั้งสองไปตรวจร่างกาย เช็กดูว่ามีสิ่งผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นกับเจ้าพวกนี้หรือไม่ หลังจากนั้นเธอก็ตั้งชื่อให้ลูกแมวตัวสีขาวว่า Whitey และอีกตัวหนึ่งชื่อว่า Grey Hulk ซึ่งในขณะนั้นก็มีแมวชื่อว่า Nubby…
-
โถ่เอ๋ย!! สัตวแพทย์จะยิงยาสลบใส่เสือแต่พลาดโดนลูกป๋องแป๋ง กลายเป็นเรื่องสุดฮาก๊าก
กำลังเป็นที่ขำขันอยู่ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คเป็นอย่างมากในตอนนี้ ถึงกรณีของภาพของคุณหมอท่านหนึ่งที่ใช้ชิ่อเฟสบุ๊กว่า Benchapol Lorsunyaluck ได้ยิงยาสลบพลาดไปโดนปิกาจู้ของน้องเสือเข้าแบบมิดด้าม แต่ว่าความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งทางคุณหมอได้อธิบายว่ามันเกิดจากการพลิกตัวของเสือแบบพอเหมาะพอเจาะจนกลายเป็นภาพดังที่เป็นกระแสในตอนนี้ โดยคุณหมอท่านนี้ก็ได้กล่าวในแคปชันประกอบภาพที่โพสต์ออกไปว่า “วันนี้เป็นวันที่หดหู่ที่สุดวันหนึ่งในชีวิต!!! ยิงยาสลบมาเป็นร้อยเป็นพันตัวไม่เคยพลาดอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ให้ตายสิ ช่วงจังหวะที่ลั่นไกปืนนั้น มั่นใจแทบทุกครั้ง ว่าไม่พลาดแน่นอน ครั้งนี้ก็เช่นกัน พี่ท่านเดินหันข้างผ่านมา กล้ามเนื้อต้นขาหลังอันเป็นเป้าหมายได้ถูกล็อคเป้าไว้เรียบร้อย นิ้วชี้ได้รับการสั่งการจากสมองในทันทีว่า “ยิง” ในช่วงเสี้ยววินาทีนั้นเอง พี่เสือเกิดติสต์แตกสะบัดตูด ชิบหายละ!!! วิถีกระสุนได้พุ่งออกจากกระบอกปืนไปแล้ววว “ฉึบ!!” เสียงลูกดอกที่อัดแน่นด้วยยาสลบ พุ่งเข้า “กระจู๋” แบบมิดเข็ม!!! ทันใดนั้น มือของเราก็พุ่งตรงไปกุมของตัวเองในทันที แบบสมองยังไม่ทันสั่ง แล้วเพลงของวงไจแอนท์ก็ดังขึ้นมาทันที “?เจ็บแปลบขึ้นมาทันที จู๋หักใช่มั้ยแบบนี้ ?” แต่อย่างน้อยๆเราก็ได้รู้ว่า “Intrapenis” การฉีดยาเข้ากระจู๋ก็ออกฤทธิ์ได้เช่นเดียวกัน #BePositive” ในตอนนี้ภาพดังกล่าวกำลังกลายเป็นกระแสไวรัลในอินเทอร์เน็ต และมีผู้กดไลก์ให้กับความขี้เล่นของคุณหมอคนนี้ถึง 10,000 ไลก์ ซึ่งหลังจากที่ภาพนี้เริ่มเป็นที่โจษจัน ทางทีมงาน Catdumb จึงติดต่อขอสัมภาษณ์ไปยังคุณหมอคนดังกล่าว และทางคุณหมอเองก็ได้ให้คำสัมภาษณ์อย่างเรียบง่าย ดังต่อไปนี้ เหมียวจิวยี่: เรื่องราวเป็นมาอย่างไรบ้างครับ เล่าให้เราฟังสักนิด… Benchapol: ผมเป็นสัตวแพทย์หน่วยสัตว์ป่า โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ครับ…
-
เบื้องหลังภาพ ‘สามหนุ่ม’ ที่ทำได้เพียงแค่มองธุรกิจหล่อเลี้ยงชีวิตมอดไหม้ในกองเพลิง…
การจะทำธุรกิจอะไรสักอย่างให้รุ่งเรืองเป็นเรื่องที่ยากและต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก ซึ่งจะเป็นอย่างไรเมื่อสิ่งที่เราทุ่มเทแรงใจแรงกายสร้างมันขึ้นมา กลับแหลกสลายไปในพริบตา เหมือนกับภาพของชายสามคนนี้ที่ทำได้เพียงแค่มองเปลวไฟที่กำลังเผาไหม้ธุรกิจของพวกเขาอยู่ โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย… Emalee Millar คือชื่อของผู้เผยแพร่ภาพใจสลายครั้งนี้่ออกมา เธอเป็นลูกสาวของ 1 ใน 3 คนที่อยู่ในภาพ ซึ่งในภาพเราจะเห็นได้ว่ามีชายหนุ่ม 3 คนที่นั่งอยู่บนหลังคาอย่างอาลัยอาวรณ์ และมองไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่ไกลสุดหูลูกตาออกไป นั่งปลอมประโลมซึ่งกันและกัน สำหรับสถานที่ที่เป็นจุดหมายปลายตาของชายทั้งสามคนนี้ก็คือโรงเก็บไม้ชื่อว่า Valley Lumber yard ที่ตั้งอยู่ในเมืองดะนีดิน ประเทศนิวซีแลนด์ ที่เพิ่งเกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่เมื่อบ่ายวันพุธที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา ทั้งสามคนเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบแบบเต็มๆ จากเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนี้ เพราะว่าที่นั่นเป็นสถานที่ทำงานของพวกเขานั่นเอง โดยหนึ่งในสามคนนี้มีอยู่คนหนึ่งที่เป็นเจ้าของโรงเก็บไม้ดังกล่าว ส่วนพ่อของ Millar และเพื่อนร่วมงานของเขา ก็มีโรงเก็บไม้นี้ไว้ใช้สำหรับทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ไฟไหม้โรงไม้ที่เลี้ยงชีพของคนทั้งสามคน “ทั้งเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน รวมถึงพ่อของฉันทำได้เพียงนั่งมองไฟที่กำลังโหมไหม้อย่างหนัก โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย และได้แต่ภาวนาขอให้ความเสียหายในครั้งนี้มีน้อยที่สุด” Millar กล่าว เมื่อมองเข้าไปยังกองเพลิง ก็เห็นแต่เพียงข้าวของที่ถูกความร้อนแรงของเปลวไฟเข้าทำลาย ซึ่งก็มีคนบอกว่าเป็นเรื่องสะเทือนหัวใจจริงๆ ที่ได้เห็นน้ำตาของชายทั้งสามคนนี้ ไหม้จนแทบไม่เหลืออะไรเลย สำหรับ Peter Chalmers เจ้าของโรงไม้ดังกล่าวประมาณความเสียหายเอาไว้น่าจะมีมูลค่ามากถึง 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 9.4…
-
คุณพระ!! 10 สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับร่างกาย ถ้าหากว่าเราเลิกกินเนื้อสัตว์ไปเลย แหมเพิ่งรู้นะเนี่ย
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบในรสชาติของ ‘เนื้อสัตว์’ ที่มันทั้งเหนียวนุ่มละมุนลิ้น แถมยังเต็มไปด้วยรสชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้หลายคนถึงกับตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ที่ไม่ว่ามื้อไหนๆ ก็ขอให้มีเนื้อสัตว์สักนิดหน่อยก็ยังดี(อย่างน้อยก็ดีต่อใจละกันเนอะ) แต่ถ้าอยู่มาวันหนึ่งเนื้อสัตว์หายไปจากโลก ก็อาจจะเป็นเรื่องที่เศร้ามากๆ สำหรับบุคคลเหล่านี้ แต่รู้หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าหากร่างกายของเราไม่ได้รับเนื้อสัตว์เลย หลายคนอาจจะสงสัยในเรื่องนี้ และในวันนี้เราก็ได้หาคำตอบมาให้แก่ทุกคนแล้ว ว่าถ้าหากไม่ได้กินเนื้ิอสัตว์เลยจะมีผลอย่างไรต่อร่างกายบ้างนะ ว่าแล้วก็อย่าเสียเวลา ไปดูพร้อมๆ กันเลยดีกว่า 10. น้ำหนักตัวของคุณจะลดลง การที่คุณเลิกกินเนื้อสัตว์ไปเลย จะทำให้น้ำหนักตัวของคุณลดลงอย่างแน่นอน แถมยังไม่จำเป็นต้องนับแคลลอรี่ที่เรากินต่อวันเพื่อลดความอ้วนอีกด้วย เพราะสิ่งที่เราจะกินได้ก็มีเพียงพืชผัักที่มีพลังงานแคลลอรี่เพียงน้อยนิดเท่านั้น จากผลงานวิจัยที่ได้กล่าวเอาไว้ 9. แบคทีเรียทำหน้าที่ปกป้องร่างกายในลำไส้จะมีจำนวนมากขึ้น นั่นเป็นเพราะว่าอาหารที่เรากินเข้าไปมีผลต่อการเกิดแบคทีเรียดังกล่าวได้ จากข้อมูลงานวิจัยกล่าวเอาไว้ว่า ในคนที่กินเฉพาะพืชผักจะมีจำนวนแบคทีเรียชนิดดีนี้มากกว่าคนที่กินเนื้อสัตว์ ทว่าหากเป็นคนที่เพิ่งจะเลิกกินเนื้อแล้วล่ะก็ อาจจะต้องเผชิญกับอาการท้องอืดท้องเฟ้อ เนื่องมากจากลำไส้และตับอ่อนของคุณกำลังปรับตัวให้เข้ากับอาหารประเภทพืชผักนั่นเอง 8. ผิวพรรณของคุณจะดูสุขภาพดี เปล่งปลั่งมากขึ้น ในเหล่าผู้คนที่เลิกกินเนื้อสัตว์ จะสามารถสังเกตเห็นได้ทันทีเลยว่า สิวต่างๆ ที่เคยขึ้นอยู่บนใบหน้าของเรานั้นจะหายไปในทันที รวมทั้งผิวพรรณของเราก็จะดูสุขภาพดีมากขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้นักวิทยาศาสตร์ได้กล่าวเอาไว้ว่า ถ้าเราเปลี่ยนจากการกินเนื้อสัตว์ไปกินผักผลไม้แทน ก็เหมือนกับการชะล้างสารพิษที่ติดค้างอยู่ในร่างกาย และการกระทำเช่นนี้จะส่งผลดีต่อผิวพรรณเราด้วย 7. เราจะรู้สึกกระปี้กระเปร่ามากขึ้น หนึ่งในข้อที่สำคัญที่สุดที่คนเลิกกินเนื้อสัตว์ได้สังเกตเห็นก็คือ รู้สึกเหนื่อยน้อยลง “ฉันเคยหมดแรงในตอนเย็นแม้ว่าฉันนั่งอยู่แต่ในสำนักงานตลอดทั้งวันก็ตาม แต่ในตอนนี้ฉันต้องออกกำลังกายเพื่อที่จะให้ร่างกายรู้สึกเหนื่อยแทน” มังสวิรัติคนหนึ่งกล่าวเอาไว้ ส่วนเหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร เพราะว่านอกจากการบริโภคแต่พืชผักจะทำให้น้ำหนักตัวของเราลดลง…
-
ชุดภาพการผจญภัยของเหล่า ‘ฟิกเกอร์ทหารสงครามโลก’ จนคิดว่าเป็นมนุษย์จิ๋วจริงๆ!!
ในสมัยที่เรายังเป็นเด็กๆ ตอนที่พ่อหรือแม่ซื้อตุ๊กตาหรือของเล่นมาให้ หลายคนคงยังคงจำรู้สึกตอนนั้นได้เป็นอย่างดีว่ามันมีความดีใจแค่ไหน ซึ่งของเล่นในสมัยก่อนนั้นก็จะมีอยู่อย่างมากมาย แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ยังคงเป็นที่จดจำสำหรับใครหลายคนนั่นก็คือ หุ่นทหารจิ๋ว ที่มันช่างเท่ซะเหลือเกินสำหรับเด็กๆ ในสมัยนั้น ฟิกเกอร์ทหารจิ๋วเป็นเสมือนกับฮีโร่ในใจของเด็กๆ ที่อาจจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับหนูๆ หลายคนมีความอยากจะเป็นทหารเมื่อโตขึ้นก็เป็นไปได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ศิลปินคนหนึ่งตัดสินใจนำหุ่นทหารจิ๋วมาทำเป็นเรื่องราวต่างๆ เพื่อทำให้ฟิกเกอร์เหล่านี้ดูมีเสน่ห์ขึ้นอีกเป็นกองเลยทีเดียว โดยศิลปินชาวแคนาดาคนนี้มีชื่อว่า @littlearmymen ที่ได้นำตุ๊กตาทหารจิ๋วไปยังสถานที่ต่างๆ และสร้างเรื่องราวให้กับทหารกล้าเหล่านี้ เสมือนกับว่ากำลังทำภารกิจที่สำคัญๆ อยู่ ซึ่งภาพที่เขาได้นำมาเผยแพร่นั้นเต็มไปด้วยจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ที่มาจากมันสมองอันฉลาดของเขาก็ว่าได้ “ผมเป็นคนสร้างทหารจิ๋วเหล่านี้ขึ้นมา แล้วผมก็ถ่ายรูปพวกมันเหมือนกับว่ากำลังออกผจญภัยในโลกกว้างอยู่” เขาเขียนเอาไว้บนเฟสบุ๊กของเขา ภารกิจใหญ่หลวง ต้องมาช่วยโกนหนวดให้กับเจ้านาย อย่ากินผมเลย ผมยอมแล้วครับ เอ้าดั๊นน ฮึบ อย่าเข้ามานะเจ้าสัตว์ประหลาด มีคำสั่งให้ล้มโต๊ะ เอ้าลุยย นี่มันคืออะไรกันนะ ใช่อุปกรณ์ลึกลับรึเปล่า อย่าขยับนะ ไม่งั้นยิงจริงๆ ด้วย ศัตรูกำลังเข้ามาแล้ว หาที่กำบังกันเร็ว รอดไหมนั่น? นี่เราอยู่ที่ไหนกันเนี่ย อย่าทำอะไรแว่นตายายเลยนะ หลานเอ้ย ทุกหน่วยมีคำสั่งให้ซุ่มโจมตี …
-
ร้ายกาจ… พ่อหนุ่มฟาร์มวัว อยากจะบอกแฟนว่ารักเหลือเกิน ก็ใช้แรงงานวัวช่วยบอกละกัน
เมื่อเรามีคนรักก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เราอยากจะทำอะไรดีๆ ให้กับเขา รวมถึงอยากจะสร้างความประทับใจเพื่อให้เขานั้นมีความสุข ซึ่งเรื่องของการบอกรักก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สามารถตอบโจทย์ข้อนี้ได้เป็นอย่างดี เราจึงเห็นได้ว่าคู่รักทั้งหลายนั้นต่างก็บอกรักกันบ่อยๆ เพื่อให้ชีวิตของแต่ละคนนั้นมีความกระชุ่มกระชวยเสมือนกับโลกเป็นสีชมพูเลยก็ว่าได้ ทว่าการบอกรักแบบธรรมดาๆ มันอาจจะธรรมดาเกินไปสำหรับชายคนนี้ เขาจึงเกิดไอเดียสุดบรรเจิดในการบอกแฟนสาวของเขา ด้วยการใช้วัวเป็นสื่อในการบอกรักซะเลย?? Madison และ Jordan คู่รักที่มาสร้างปรากฏการณ์ในครั้งนี้ เรื่องราวแสนชุ่มฉ่ำหัวใจได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับสาวที่มีชื่อว่า Madison อายุ 21 กับ Jordan Nitschke แฟนหนุ่มของเธอ ทั้งสองอาศัยอยู่ในรัฐนอร์ทดาโคตา ประเทศสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่กำเนิด และได้คบหากันมาเป็นเวลากว่าสองปีครึ่งแล้ว โดยตอนนี้ฝ่ายชายได้ทำงานอยู่ที่ฟาร์มแห่งหนึ่งชื่อว่า Family Farm ในขณะที่ฝ่ายหญิงเพิ่งจะเรียนจบวิทยาลัยมาหมาดๆ และด้วยความจำเป็นบางอย่างก็ทำให้สองต้องอยู่ห่างกัน โดยมีระยะทางมาเป็นอุปสรรคมาขวางกั้นในความรักที่ทั้งคู่มีให้ต่อกัน ฝูงวัวน้อยที่มาเป็นตัวแทนบอกรักให้กับเขา แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความรักที่ทั้งคู่มีน้อยลงแต่อย่างใด หนำซ้ำมันยังทำให้มีความคิดถึงกันมากขึ้นด้วย เพราะถึงแม้ว่า Jordan จะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ใกล้ชิดกับวัวแทนที่จะเป็นแฟนสาวของเขา แต่ว่าเขาก็ยังคงส่งความคิดถึงไปหา Madison อยู่บ่อยๆ และไม่นานมานี้เขาก็ได้เกิดความคิดที่จะนำวัวมาใช้เป็นตัวแทนบอกความรู้สึกของเขาที่มีต่อหญิงสาวสุดสวยคนนี้อีกด้วย เป็นรูปหัวใจสวยใช่ไหมล่ะ “ผมคิดว่านี่เป็นวิธีที่เจ๋งทีเดียวเลย ผมจึงถ่ายภาพฝูงวัวที่เป็นหัวใจส่งไปหา Madison” Jordan กล่าว สำหรับการจะถ่ายภาพหัวใจให้ออกมาสวยงามนั้น Jordan…
-
รวม 17 ภาพความสนุกสุดฮา ที่เกิดขึ้นขณะเล่น ‘รถไฟเหาะ’ นี่พวกคุณไม่กลัวกันบ้างเหร๊อออ!?
หากใครที่ชื่นชอบความเสียว ก็คงจะเคยสัมผัสเครื่องเล่นที่มีชื่อว่า ‘รถไฟเหาะ’ กันบ้างแล้ว และก็คงสัมผัสได้ถึงความน่ากลัว น่าหวาดเสียวที่เครื่องเล่นชนิดนี้ได้มอบให้ ด้วยความที่มันทั้งมีความเร็ว แแถมยังมีการตีลังกาฉวัดเฉวียนไปๆ มาๆ ทำให้บางคนที่เคยบอกว่าชอบความหวาดเสียว ก็ถึงกับออกมาอ้วกแตกเข็ดขยาดกันมานักต่อนักแล้ว และนี่คือภาพของผู้คนที่อยู่บนรถไฟเหาะตีลังกา ที่จะทำให้เราเห็นว่าจริงๆ แล้วตอนที่เราเล่นเครื่องเล่นนี้อยู่เราอาจจะมีสภาพที่ไม่ต่างจากพวกเขามากนัก นอกจากนี้เรายังจะได้เห็นคนใจกล้าที่ทำอะไรพิเรนทร์ๆ ระหว่างที่เล่นเครื่องเล่นนี้อยู่จนกลายมาเป็นภาพสุดฮา ที่ไม่ว่าใครเห็นก็แทบจะกลั้นขำเอาไว้มาอยู่ ไม่เชื่อก็ลองเลื่อนลงดูเลยดีกว่า… นี่น่ากลัวสุดแล้วเรอะ ทำอะไรชั้นไม่ได้หรอกย่ะ เอาหูไว้ไหมครับคุณลูกค้า ปล่อยฉ้านลงป๋ายยย สาวลินเซย์คาดว่าจะเป็นแม่สาวที่นั่งอยู่หน้าสุด หวังว่าลงไปแล้วจะได้สวมแหวนกันจริงๆ นะพ่อหนุ่ม พ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยลูกด้วยเถอะ โปรดอย่านำแขนหรือขาออกนอกบริเวณตัวรถ ทำทุกที่ให้เหมือนบ้านตัวเอง เขาว่ากันว่า “นั่งหน้าสุดสิ มันสนุกมากเลยน้าาาา” สาวผู้ใช้ดิสนี่ย์แลนด์เปิดเผยตัวตน “ฉันชอบผู้หญิง!!” ผมจะช่วยปกป้องทุกคนเอง ไว้ใจผมเถอะ แค่ถือก็จะร่วงอยู่ละ ยังให้มาถอดอีกเรอะ เมื่อปล่อยลูกไปเที่ยวกับพ่อบ้าน ฝึกมาจากวัดไหนกันเนี้ย แน่วแน่จริงๆ …
-
เพลินเกิ๊น!! ก๊วนเพื่อนชาวมาเลย์ลืมเพื่อนไว้ที่ปั๊ม กว่าจะรู้ตัวก็ผ่านไป 100 กิโลแล้ว
การเดินทางออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ มันช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนจะมีความสุขที่ยากจะอธิบาย ทว่าก็มีการเดินทางบางครั้งที่อาจมีระยะไกล จึงมีความจำเป็นต้องแวะเติมน้ำมัน หรือแวะเพื่อเข้าห้องน้ำห้องท่าต่างๆ ตามปั๊มน้ำมัน แต่มีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่อาจทำให้ปั๊มน้ำมัน เป็นสถานที่แห่งความฝันร้ายของชายคนนี้ เพราะว่าเขาถูกเพื่อนๆ ที่เดินทางร่วมกันมาลืมทิ้งเอาไว้อยู่ที่ปั๊ม โดยที่ไม่มีข้าวของอะไรติดตัวสักอย่าง ทั้งเงิน อาหาร หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือ อย่างงี้ก็มีด้วยหรอเนี่ย เรื่องราวลืมไม่ลงของชายคนนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา เมื่อมีกลุ่มเพื่อนๆ กลุ่มหนึ่งออกเดินทางไปตามถนนหลวงสายเหนือ-ใต้ ในประเทศมาเลเซีย แต่ก็ด้วยความเหนื่อยล้าจากการอยู่บนรถมาเป็นเวลานานทำให้พวกเขาตัดสินใจจอดแวะสูดอากาศที่ปั๊มน้ำมัน R&R Simpang Pulai ในรัฐเประก์ สักหน่อย ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ ก็ดำเนินไปตามปกติทุกอย่าง บางคนก็อาจไปเข้าห้องน้ำ บางคนก็อาจจะไปซื้อขนมนมเนยมาไว้กินระหว่างทางเพื่อบรรเทาความหิว เมื่อภารกิจของแต่ละคนเสร็จสิ้นแล้ว กลุ่มคนกลุ่มนี้ก็ออกเดินทางกันต่อ โดยไม่ได้เอะใจแม้แต่นิดเดียวว่า มีเพื่อนคนหนึ่งหายไปจากการแวะปั๊มน้ำมันในครั้งนี้ ตูละเบื่อพวกเอ็งจริงๆ เล้ย เมื่อชายผู้โชคร้ายดังกล่าวนามว่า Mohd Shaheed รู้ตัวว่าเขาโดนเพื่อนทิ้งซะแล้ว เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป เพราะะว่าข้าวของทุกอย่างของเขาก็อยู่บนรถคันนั้นหมด และในตอนที่อยู่ในปั๊มนั้นก็ไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว รวมถึงโทรศัพท์ก็ไม่มีให้สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้ด้วย แต่ในที่สุดแล้วเขาก็เกิดไอเดียสุดบรรเจิดขึ้น ด้วยการขอยืมโทรศัพท์จากคนแปลกหน้าในบริเวณนั้น แล้วโทรหาเมียสุดที่รักของเขา เพื่อให้เมียช่วยบอกเหล่าเพื่อนๆ ให้หน่อยว่าเขาถูกทิ้งอยู่ที่นี่ เมื่อได้รู้ดังนั้นเมียของเขาก็ทำตามคำขอในทันที เพราะด้วยความเป็นห่วงหรือว่าสงสารก็ไม่อาจทราบได้ ข้อความที่เมียของเขาส่งไปบอกกับเพื่อนๆ …
-
Nike Air Force 1 ทรงคลาสสิคยังไม่ตาย ครั้งนี้มาพร้อมกับลูกเล่นเปลี่ยนสีโลโก้ได้
บนโลกนี้มีรองเท้ามากมายหลายรูปแบบ ให้เราสามารถเลือกใส่ได้ในโอกาสต่างๆ มากมาย แต่สำหรับในวันปกติธรรมดาๆ แล้ว รองเท้าสนีกเกอร์ก็อาจจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ของใครหลายคน เพราะว่านอกจากมันจะมีความสวยงามที่สามารถเพิ่มเสน่ห์ให้กับผู้สวมใส่แล้ว รองเท้าประเภทนี้ยังเหมาะกับกิจกรรมทั่วๆ ไปอีกด้วย ดังนั้นเรื่องของรองเท้าจึงไม่ใช่แค่เรื่องเล่นๆ อีกต่อไป และมันก็ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ในความคิดของคนจำนวนมาก ซึ่งบางคนก็คงมีรองเท้าคู่รักคู่เก่งที่ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนก็ต้องใส่ไปตลอด และแน่นอนว่าหากเราใส่มันไปทุกๆ วัน มันก็ต้องมีขาดมีพังกันบ้าง และนั่นจึงถึงเวลาของการถอยรองเท้าคู่ใหม่มาประดับบารมีเราแล้ว เรียบๆ แต่โดน โดยเรื่องที่ว่านี้คงจะเป็นปัญหาระดับชาติเลยก็ว่าได้ เพราะว่าทุกวันนี้มันมีแบรนด์รองเท้าเกิดขึ้นมากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหว จนเราไม่รู้ว่าจะซื้อยี่ห้อไหนดีกันแน่ แต่ก็มีแบรนด์หนึ่งที่ยังคงเป็นที่หนึ่งในใจของใครๆ หลายคน เพราะด้วยชื่อเสียงที่โด่งดังรวมทั้งการดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์จึงทำให้มีผู้คนจำนวนมากที่เทใจให้กับแบรนด์ Nike จนถึงขั้นที่ว่าออกอะไรมาก็ต้องซื้อไปซะหมดเลยทีเดียว สวยชิมะล่ะ และวันนี้สำหรับใครที่ถวิลหาความเรียบง่ายแต่ทรงเสน่ห์ นี่อาจจะเป็นรองเท้าที่คุณรอคอยมานาน เพราะว่าทาง Nike ได้นำรองเท้า Air Force 1 ในตำนานมาปรับปรุง ด้วยการเพิ่มลูกเล่นให้มันสามารถปรับสีได้แบบตามใจเราชอบเลย โดยรองเท้าที่ออกมาใหม่นี้จะมีสีให้เราเลือกสองสีนั่นก็คือ สีขาวล้วนและดำล้วน ซึ่งเป็นสีสุดคลาสสิคแต่คงไว้ด้วยเสน่ห์อย่างมากมาย เปลี่ยนสีซะสนุกสุดๆ ไปเลย และสิ่งที่ทางผู้ผลิตนำมาเพิ่มลูกเล่นให้กับรองเท้ารุ่นนี้ก็คือ การทำให้โลโก้ประจำแบรนด์ (จริงๆ แล้วมันมีชื่อเรียกว่า ‘Swoosh’) สามารถเปลี่ยนสีได้มากมายทั้ง…
-
Phorusrhacidae ตระกูลนกสุดโหดในยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มวลมนุษยชาติจะถือกำเนิดขึ้น!!
เคยมีใครบางคนกล่าวเอาไว้ว่าหากจะศึกษาอะไรสักอย่างให้เริ่มต้นที่ตัวเองก่อน โรงเรียนต่างๆ จึงได้เกิดวิชาประวัติศาสตร์ขึ้นมาเพื่อให้เรารู้พื้นเพความเป็นมาของตัวเรา รวมถึงในยุคก่อนที่เราจะถือกำเนิดขึ้นมาด้วย ก่อนที่มนุษยชาติอย่างเราๆ จะถือกำเนิดขึ้น เชื่อกันว่าครั้งหนึ่งโลกของเราเคยถูกปกครองโดยสัตว์อย่าง ไดโนเสาร์ รวมถึงสัตว์แปลกๆ อย่างอื่นอีกจำนวนมากที่เราไม่รู้จัก ดังนั้นเพื่อให้รู้ประวัติความเป็นมาของโลกที่เราอาศัยอยู่ให้ดียิ่งขึ้น วันนี้เราจึงจะพาทุกท่านไปรู้จักกับตระกูลนกยักษ์ตระกูลหนึ่งที่มีความโหดเหี้ยมถึงขั้นมีผู้ขนานนามให้ว่า “นกแห่งความสยองขวัญ” เลยทีเดียว Phorusrhacidae คือชื่อเรียกของนกตระกูลที่กล่าวไว้ข้างต้น พวกมันเป็นกลุ่มนกที่มีขนาดใหญ่แต่ไม่สามารถบินได้ โดยเจ้านกชนิดนี้สามารถพบเห็นได้ทุกพื้นที่ของโลกใบนี้ในเมื่อเวลาประมาณ 60 ล้านปีก่อน ซึ่งมีความเชื่อกันว่ามันน่าจะถือกำเนิดขึ้นในยุคครีเทเชียสช่วงต้นๆ และเมื่อเวลาผ่านไปพวกมันก็มีวิวัฒนาการแบ่งออกเป็น 25 สายพันธุ์ที่แตกต่างกันออกไป บางสายพันธุ์ก็จะกินแต่เฉพาะซากสัตว์ที่ตายแล้วเท่านั้น ขณะเดียวกันบางตัวก็มีสัณชาตญาณนักล่าที่โหดเหี้ยมจนถึงขั้นกระหายเลือดเลยทีเดียว โดยข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากซากฟอสซิลที่เผยให้เห็นถึงลักษณะทางกายภาพของพวกมันนั่นเอง ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นนักล่า ทั้งกรงเล็บที่แหลมคมเหมาะสำหรับการทิ่มแทง จงอยปากที่พร้อมจะฉีกเนื้อของเหยื่อผู้โชคร้ายให้หลุดออกจากกระดูกได้อย่างง่ายดาย รวมถึงขาของพวกมันที่มีความแข็งแรงพอที่จะทำให้กระดูกของสัตว์ตัวอื่นแตกได้เลยทีเดียว จากคุณสมบัติทั้งหมดที่ได้กล่าวมา จึงทำให้มันเป็นนักล่าที่น่าเกรงกลัวสำหรับสัตว์น้อยใหญ่มากมายในสมัยนั้น จากคำบอกกล่าวของผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ นอกจากร่างกายของมันจะทำให้สัตว์ตัวอื่นๆ หวาดหวั่นแล้ว วิธีการฆ่าเหยื่อของพวกมันยังถือว่าเป็นวิธีที่ซาดิสม์แบบสุดๆ อีกด้วย เพราะว่าพวกมันจะใช้ปากคาบเหยื่อขึ้นมาแล้วจับทุ่มลงพื้นไปเรื่อยๆ จนกว่าเหยื่อจะแน่นิ่งไปในที่สุด สำหรับหนึ่งในสัตว์ที่มีรูปร่างใหญ่ที่สุดในตระกูลนกตระกูลนี้มีชื่อว่า Titanis walleri โดยพวกมันมีแหล่งที่อยู่อาศัยอยู่บริเวณที่ราบชายฝั่งของรัฐเท็กซัสและฟลอริด้า ของประเทศสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันนั่นเอง ส่วนสาเหตุที่ทำให้มันสูญพันธฺุ์ยังไม่เป็นที่แน่ชัดนัก แต่ผู้เชี่ยวชาญได้สันนิษฐานเอาไว้ว่า น่าจะมาจากอุณหภูมิในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้พวกมันไม่สามารถปรับตัวได้และล้มตายไปในที่สุด วิดีโอของเจ้านกตระกูลนี้ที่จะมาบอกเรื่องราวความเป็นมาต่างๆ ที่มา: mentalfloss
-
เหล่าบุคคลที่ทำให้เห็นความสำคัญของ ‘การให้’ และมันทำให้โลกใบนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น
แม้ว่าดวงดาวสีฟ้ากลมๆ ที่เราอาศัยกันอยู่นี้อาจจะดูโหดร้ายไปบ้างบางครั้ง แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นมากมายอยู่เสมอ ซึ่งบางทีเราก็อาจทำให้โลกที่ดูหม่นหมองของใครบางคนดูสดใสขึ้นมาได้ เหมือนกับบุคคลเหล่านี้ที่ได้แสดงความมีน้ำใจออกมา จนทำให้เราได้เห็นว่านี่แหละคือบุคคลที่จะทำให้โลกของเราดูน่าอยู่ขึ้นมากกว่าเดิม และนี่คือภาพของพวกเขาที่จะมายืนยันว่า การแบ่งปันให้แก่ผู้อื่นมันช่างเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ ซึ่งนอกจากจะมีความอิ่มเอมใจเกิดขึ้นกับตัวเองแล้ว ยังทำให้คนอื่นๆ มีความสุขเมื่อได้เห็นอีกด้วย แพทย์สองคนลงไปนอนพักผ่อนกับพื้น หลังช่วยกันผ่าตัดนำเนื้องอกในสมองออกให้กับคนไข้เป็นเวลาถึง 32 ชั่วโมง นักดับเพลิงช่วยชีวิตแมวเอาไว้ได้ พร้อมทั้งสวมหน้ากากออกซิเจนให้กับมัน นักวิ่งชาวเคนย่ามอบน้ำให้กับนักวิ่งชาวจีนที่พิการทางแขน แม้ว่าการกระทำนี้จะทำให้เธอวิ่งได้ช้าลงในการแข่งขันนี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ ตำรวจหนุ่มนอนพักเอาแรง หลังจากช่วยเหลือผู้คนจากพายุเฮอริเคนเป็นเวลานานต่อเนื่องจนไม่สามารถนับชั่วโมงได้ เจ้าของร้านขายของให้ช็อกโกแลตและคุกกี้กับเจ้ากวางน้อย มันจึงกลับไปพาเพื่อนของมันมาด้วย หญิงสาวคนหนึ่งช่วยเย็บเบาะของรถโดยสารให้ ขณะที่เธอเดินทางไปกับรถคันนั้น เด็กสาวเหยื่อของเหตุการณ์ไฟไหม้ ขอชาวเน็ตให้ช่วยส่งการ์ดคริสต์มาสมาหาเธอหน่อย และนี่คือของขวัญมากมายที่เธอได้รับจากคำขอนั้น ใครบางคนนำของเล่นมาวางไว้ที่หน้าสถานสงเคราะห์สัตว์ เพื่อที่จะให้เหล่าหมาๆ มีของเล่นแสนสนุก ไม่เป็นไรหรอก เท้าเปล่าก็เดินได้ ชายหนุ่มยอมสละรองเท้าของเขาให้กับหญิงที่รองเท้าส้นสูงหัก คุณลุงวัย 61 ปีไม่เคยได้รับของเล่นเป็นของขวัญวันคริสมาสต์มานานถึง 50 ปี ในตอนนี้เขาจึงมีความสุขแบบสุดๆ เมื่อได้เล่นของเล่นอีกครั้ง …
-
สาวเสียใจหนัก ไม่อาจพานกยูงเพื่อนยากขึ้นเครื่องได้ ‘ไม่เป็นไรนะเธอ เดี๋ยวเราพาบินเอง’
โดยปกติแล้วเมื่อเราจะขึ้นเครื่องบินเราก็ต้องพบกับข้อกฎข้อปฏิบัติข้อห้ามต่างๆ มากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเรื่องของสัตว์เลี้ยงรวมอยู่ด้วย เพราะบางทีหากเราต้องการจะนำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่อง ก็จะต้องตรวจสอบก่อนว่าสายการบินนั้นๆ มีนโยบายในเรื่องนี้หรือไม่ มิอย่างนั้นแล้วอาจจะต้องยืนเหงาเหมือนกับสาวคนนี้ ที่พยายามจะนำนกยูงของเธอขึ้นเครื่อง แต่ก็โดนสายการบินปฏิเสธเนื่องจากไม่อยู่ในรายชื่อของสัตว์ที่สามารถพาขึ้นเครื่องบินได้!! โดยเรื่องของสาวกับการพานกยูงเหินเวหาครั้งนี้ เกิดขึ้นในวันที่ 29 มกราคม ณ ท่าอากาศยานนานาชาตินูอาร์ก ลิเบอร์ตี เมื่อมีผู้คนสังเกตเห็นว่า มีสาวคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในสนามบินพร้อมกับข้าวของต่างๆ มากมาย ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่เราสามารถเห็นได้ในสนามบินแทบจะทุกที่ แว้ก!! นี่มันอะไรกันเนี่ยยยย แต่สิ่งที่ทำให้ดูแปลกจนดึงดูดความสนใจของผู้คนในพื้นที่นั้นไปแทบจนจะหมด นั่นก็เป็นเพราะว่านอกจากสัมภาระของเธอแล้ว เธอยังได้พานกยูงตัวเป็นๆ เข้ามาในสนามบินด้วย ซึ่งหากลองพิจารณาดูแล้ว ก็อาจจะพอเดาได้ว่ามันน่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของเธอ เนื่องมาจากความเชื่องของมันที่เกาะไหล่ของสาวคนนี้ได้อย่างไม่เคอะเขินนั่นเอง ใครไม่มองก็แปลกแล้วล่ะ ทว่าการเดินทางของสาวและนกยูงตัวนี้มันไม่ได้ง่ายดายอย่างนั้น เพราะว่านกชนิดนี้ได้ถูกปฏิเสธจากสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ไม่ให้ขึ้นเครื่องบินอย่างเด็ดขาด แม้ว่ามันจะมีที่นั่งเป็นของตัวเองในเครื่องบินลำดังกล่าวก็ตาม ซึ่งอันที่จริงแล้วสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ก็มีนโยบายอนุญาตนำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องได้ แต่ต้องเป็นสัตว์ที่อยู่ในรายชื่อที่พวกเขากำหนดเอาไว้เท่านั้น และแน่นอนว่าสัตว์อย่างนกยูงย่อมไม่อยู่ในรายชื่อเป็นแน่แท้ เพราะคงมีเพียงไม่กี่คนบนโลกที่เลี้ยงนกยูงเอาไว้เป็นสัตว์เลี้ยงนั่นเอง เมื่อภาพรวมถึงวิดีโอของเหตุการณ์แปลกๆ ครั้งนี้ได้เผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ก็มีความคิดเห็นมากมายจากชาวเน็ตถึงกรณีดังกล่าว นอกจากนี้บางคนก็ยังได้เล่าประสบการณ์การนำสัตว์เลี้ยงแปลกๆ ขึ้นเครื่องบินมาแบ่งปันกันอีกด้วย อย่างเช่น ผู้โดยสารคนนี้ควรถูกจับไปอบรมมนุษยธรรมซะหน่อย ที่นำสัตว์สวยงามอย่างนี้มาที่สนามบิน ไม่รู้เหมือนกันว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยปล่อยให้ผ่านเข้ามาได้อย่างไรกันเนี่ย ในขณะที่บางคนก็บอกว่าเขาเคยนำเป็ดขึ่นเครื่องบินมาแล้ว แต่เป็ดของเขาต้องใส่ถุงเท้าเอาไว้นะ…