Author:

เวลาพูดถึงคำว่านางแบบ เราก็มักจะนึกถึงคนที่มีลักษณะสวยหล่อร่างกายเพอร์เฟ็กต์ไปซะทุกอย่าง แต่เชื่อไหมว่าในโลกนี้การเป็นนางแบบหรือโมเดลได้นั้น เราก็ไม่จำเป็นจะต้องมีหน้าที่เป๊ะไปซะทุกอย่างเสียทีเดียว… เพราะว่าการเชื่อว่าตัวเองมีดี และใช้จุดนั้นแสดงความสามารถของตนออกมา ก็ทำให้เราสามารถกลายเป็นนางแบบนายแบบได้ไม่ยาก ฉะนั้นเราก็เลยจะไปดู 10 สุดยอดนางแบบชื่อดังที่ปังในวงการได้ แม้ว่าพวกเธอจะไม่สวยเป๊ะตามพิมพ์นิยมก็ตาม   Ashley Smith นางแบบผู้มีลักษณะเด่นเป็นฟันที่ห่างอย่างชัดเจนคนนี้ ดูผ่านๆ เราอาจจะคิดว่าเธอไม่เหมาะกับงานนี้เท่าไหร่ แต่บอกเลยว่าอย่าดูถูกเธอ เพราะงานของเธอนั้นล้นมากๆ ทั้งนิตยสาร Vogue หรือ Glamour ไม่หมดเท่านั้นเธอยังสามารถเขียนแบบบ้านหรือวาดรูปได้เก่งอีกด้วยนะ   Masha Tyelna นางแบบที่ได้ชื่อว่าเป็นนางแบบที่ตาโตที่สุดราวกับหลุดมาจากเทพนิยายหรือการ์ตูนคนนี้ ถือเป็นหนึ่งในนางแบบแนวภาพลักษณ์โดดเด่น ที่เด่นดังที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ที่สำคัญโมเดลลิ่งมากมายก็ต่างต้องการตัวเธอกันสุดๆ   Sabina Karlsson นางแบบชาวสวีเดนผู้มาพร้อมกับผมหยักศกธรรมชาติอันสวยงาม รวมถึงฟันสวยๆ ที่มาระยะห่างพอดีๆ แม้เธอจะมีใบหน้าเป็นกระมากกว่าคนอื่นๆ ก็ตาม แต่ความงามแบบธรรมชาติก็ทำให้เธอกลายเป็นตัวแทนของความเป็นธรรมชาติและแตกต่างไม่เหมือนใคร   Anna Brimma นางแบบสาวที่เป็นที่ต้องการของเอเจนซี่ฝั่งอังกฤษคนนี้ แม้เธอจะไม่ได้ดูสวยงามตามแบบหญิงสาวทั่วไปแล้ว ทว่าถ้ามองในลุคของหญิงสาวที่มีความโดดเด่นในมาดผู้ชายแล้วละก็ เธอคนนี้จะตอบโจทย์ส่วนนั้นสุดๆ เลยทีเดียว   Mirian Njoh นางแบบผิวเผือกคนนี้แสดงให้วงการเห็นว่า แม้จะมีผิวสีเผือกเธอก็ยังโลดแล่นในวงการได้สบายๆ ที่สำคัญเธอยังเป็นคนที่มากความสามารถอีกด้วย ทั้งการแต่งหน้า การถ่ายภาพ และอื่นๆ…

กาแฟ ยอดเครื่องดื่มสุดวิเศษที่สามารถมอบทั้งพลังให้กับคนวัยทำงานจากหมดแรงกลับมามีพลังในการทำงานได้ อีกทั้งยังสามารถมอบแฟชั่นสุดชิคจากกินผ่านการกินกาแฟร้านดัง หรือจะเป็นการหาเงินจากการเปิดร้านกาแฟก็ดี ทุกอย่างที่กล่าวมาล้วนเห็นว่ากาแฟนั้นมีความสำคัญกับชีวิตมวลมนุษย์มากมายขนาดไหน แต่เรารู้ไหมว่ากาแฟนั้นจัดเป็นสารเสพติดประเภทหนึ่งที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่เสพเยอะๆ ก็เกิดอาการติดได้เช่นกัน… อ้าว.. ถ้าบอกว่ามันเป็นสารเสพติด แล้วงี้มันส่งผลยังไงกันล่ะ? แล้วมันส่งผลนานแค่ไหนกัน สรุปมันดีหรือไม่ดีกันแน่? คำถามเหล่านี้มันจะต้องเกิดตามมาอย่างแน่นอน ฉะนั้นเราจึงมี 7 ภาพที่จะมาช่วยอธิบายข้อสงสัยที่ว่ากัน ว่าแต่จะมีอะไรบ้างนั้นลองมาดูกัน…   ใช้เวลา 10 นาที กาแฟจะวิ่งเข้าสู่กระแสเลือด!! ในช่วง 10 นาทีแรกของการกินกาแฟนั้น กาแฟจะค่อยๆ เข้าสู่กระแสเลือดทำให้เลือดสูบฉีด หัวใจก็จะเต้นไวขึ้น และความดันก็จะสูงขึ้นตามลำดับ ไม่หมดแค่นั้นในช่วง 10 ถึง 90 นาทีของการกินกาแฟจะสามารถช่วยหักล้างผลของแอลกอฮอล์ได้เช่นกัน แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่นัก   จากนั้น 20 นาที เราจะกลายเป็นยอดนัดคิด หลังจากที่กาแฟเข้าสู่กระแสเลือด ต่อมาสมองของเราจะทำงานได้ดีขึ้น สามารถรับรู้และแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เขามาได้รวดเร็ว แต่ผลข้างเขียงนี้จะอยู่เพียงแค่ 10 ชั่วโมงเท่านั้น   ต่อมาอีก 30 นาที เราจะกลายเป็นซุปเปอร์โซเจอร์ ต่อมาในช่วง 30 นาที…

Alexander Pietrow ช่างภาพดาราศาสตร์ผู้มากความสามารถ ได้ลองคิดค้นกล้องถ่ายภาพดวงดาวแบบใหม่ขึ้นมาจากสิ่งที่หลายคนอาจจะคาดไม่ถึง เพราะเจ้าสิ่งนั้นที่ว่ามันคือกล้องจากเครื่องเล่นเกมบอยแอดวานซ์จากยุคดึกดำบรรพ์!! ในตอนแรกนั้น Alexander ได้คิดเล่นๆ ว่า จะเป็นยังไงกันนะถ้าเอาเจ้ากล้องเครื่องเกมยุคเก่าที่ถ่ายภาพเป็น 8 บิต มาถ่ายภาพดวงดาวที่เขาถนัด ซึ่งพอเขาไปค้นหาดูในเน็ตเขากลับพบว่าไม่มีใครทำมาก่อนเลย ด้วยเหตุนี้เขาจึงจัดการริเริ่มมันด้วยตัวเองซะเลย     เขาเลือกใช้กล้องดูดาวยุคเก่าอย่าง 6″ Fraunhofer telescope ที่ตั้งอยู่ในหอดูดาวของมหาวิทยาลัย Leiden มารวมเข้ากับเจ้ากล้องเครื่องเกมบอย ซึ่งในตอนแรกนั้นเขาบอกว่าต้องใช้เวลาสักพักในการทดสอบรวมถึงการรอสภาพอากาศที่เป็นใจ   เริ่มการติดตั้ง!!   จากนั้นก็รออากาศที่เป็นใจและรอดูผลกัน…   ช่วงแรกเขาเลือกที่จะทดสอบขั้นต้นโดยการถ่ายหอนาฬิกาจากโบสถ์ใกล้ๆ ดูก่อน ซึ่งภาพที่ได้ออกมาก็จัดว่าอยู่ในระดับที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว     จากนั้นก็รู้ทันทีว่ามันเข้าท่าจริงๆ เขาจึงรอให้ท้องฟ้าปลอดโปร่งเป็นเวลาหลายวัน เมื่อสภาพอากาศเป็นใจเขาจึงทำการส่องขึ้นไปบนท้องฟ้าเริ่มจากดวงจัทนร์ก่อน และนี่ก็คือภาพที่เขาถ่ายได้ .   แม้จะได้ภาพถ่ายดวงจันทร์แล้ว แต่ความพยายามของเขาก็ไม่หยุดเท่านั้น เขาได้ลองตั้งกล้องดูอีกครั้ง คราวนี้แหละ มันทำให้เขาสามารถจับภาพของดาวพฤหัสได้ ซึ่งเราจะเป็นเป็นจุดวงกลมที่อยู่ในหมูจุดเล็กๆ อีกทีหนึ่ง   .   ที่มา petapixel

หลายคนคงเคยฝันอยากจะมีบ้านเป็นปราสาทหลังโต แต่การจะสร้างบ้านแบบนั้นล้วนต้องใช้ปัจจัยเยอะแยะมากมาย ทั้งต้องรวยบ้าง มีพื้นที่กว้างขว้างบ้าง แต่ใครจะเชื่อว่าคู่รักคู่นี้สามารถเนรมิตรบ้านของพวกเขาให้เป็นดั่งฝันได้ง่ายๆ Martin และ Jayne Townley คู่รักจากเกาะอังกฤษผู้มีความฝันอยากมีบ้านเป็นปราสาทยุคกลาง แต่มันยากที่จะให้เป็นจริงได้ และบ้านหลังเก่านี้พวกเขาก็พึ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ได้ปีเดียวเท่านั้น   สภาพบ้านแรกเริ่มก่อนจะกลายเป็นปราสาทหลังงาม   แต่ว่าเมื่อมีความฝัน มันก็ต้องสานต่อให้เป็นจริง พวกเขาจัดการจ้าง Martin Darcy ซึ่งเป็นศิลปินท้องถิ่นในบริเวณนั้นมาช่วยกันรีโนเวทบ้านด้วยการทาสีตัวบ้านใหม่ สาเหตุที่ต้องทาสีใหม่ เพราะมันเป็นวิธีการเปลี่ยนแปลงบ้านให้เป็นปราสาทที่ง่ายที่สุดโดยไม่ต้องรื้อบ้าน หรือไปซื้อบ้านหลังใหม่     ไม่ใช่แค่ทาสีบ้านให้เป็นธีมปราสาทเท่านั้น พวกเขายังตกแต่งบ้านด้วยของตกแต่งมากมายที่เป็นธีมยุคกลางอีกด้วย ทุกส่วนทั้งกำแพงโต๊ะกินข้าวและห้องนอนล้วนเป็นยุคกลางล้วนๆ ตัว Jayne เล่าว่าเพื่อนบ้านพอได้เห็นและมาเยี่ยมเยียนทุกคนต่างตกตะลึงกับภายในสุดๆ บางคนถึงกับอยากได้แบบนี้บ้างเลยก็มี งานนี้ต้องชื่นชมพี่ศิลปินที่มาแต่งบ้านให้จริงๆ เลยนะ   เพดาน หลอดไฟ ผ้าม่าน ตกแต่งได้สุดยอดสุดๆ   โต๊ะกินข้าว ก็แต่งได้หรูมากๆ   หลายคนคงคิดว่าต้องลงทุนขนาดไหนถึงไปหาซื้อชุดเกราะมาตั้งในบ้านได้ ใช่ไหม?   เพราะดูจากชุดเกราะ พรอพอื่นๆ ก็ดูหรูดูแพงสุดๆ   แต่ความจริงพวกเขาสั่งมันมาจากไหนเน็ต และมันก็ไม่แพงอย่างที่คิดเลยด้วย     ทางด้าน…

ในยุคสมัยนี้นั้นการสร้างบ้านที่ทั้งหลังเกิดจากไม้อย่างเดียวถือว่าเริ่มจะเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากขึ้นทุกวัน ด้วยตัวทรัพยากรที่แพงขึ้นก็ดี เรื่องความแข็งแรงก็ดี ปูนและเหล็กจึงกลายมาเป็นส่วนผสมสำคัญในการสร้างบ้านนั่นเอง ทว่าการสร้างบ้านด้วยไม้สำหรับชาวญี่ปุ่นนั้นก็ยังถือเป็นอะไรที่พวกเขาทำกันอยู่บ่อยๆ และยังคงเลือกใช้เป็นส่วนประกอบหลักๆ อยู่ เพราะด้วยวัฒนธรรมและแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ไม้จึงถือเป็นวัสดุที่ยืดยุ่นได้ดีกว่า ด้วยเหตุนี้ Yoshino Cedar House จึงถือกำเนิดขึ้น ทำสำคัญยังสวยแบบเรียบๆ อีกต่างหาก   .   Yoshino Cedar House ถือเป็นการร่วมมือกันระหว่างบริษัท AirBnb , Samara และ Go Hasegawa สถาปนิกจากญี่ปุ่น ซึ่งจุดประสงค์หลักการออกแบบบ้านไม้ดังกล่าวขึ้นมาก็เพื่อ ให้ชาวบ้านได้มีสินค้าที่สามารถสร้างรายได้ให้กับพวกเขา     ส่วนทำไมสินค้าสร้างรายได้ต้องเป็นไม้นั่นก็เพราะ ไม้ซีดาร์บริเวณภูเขา Yoshino ที่ชาวบ้านอยู่นั้นมีไม้ชนิดนี้อยู่เป็นจำนวนมาก พวกเขาจึงนำไม้ส่วนนั้นมาสร้างผลงานดังล่าวนั่นเอง แม้จะบอกว่าเป็นการร่วมมือกันจากหลายด้าน แต่ผู้ที่จะต้องมารับหน้าที่หลักในตัวบ้านนี้กลับเป็นกลุ่มชาวบ้านเอง เพราะนี่มันคือผลงานของพวกเขาทั้งดีไซน์และการก่อสร้างจึงเกิดจากช่างไม้ท้องถิ่น   . .   ในด้านมุมมองของดีไซน์ตัวบ้านนั้นจะออกเป็นทั้งแนวสมัยใหม่ผสมกับแบบเก่าที่รวมกันได้อย่างลงตัว ไม่หมดแค่นั้นตัวบ้านยังออกแบบให้แสงธรรมชาติสามารถลอดผ่านได้ด้วย เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานไปในตัว     สุดท้ายแล้วพวกเขาก็หวังว่า  Yoshino Cedar House จะช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนและยังจะช่วยดึงดูดให้คนรุ่นใหม่มาอาศัยในหมู่บ้านด้วย เพราะตอนนี้หมู่บ้านของพวกเขาก็เริ่มจะมีแต่ผู้สูงอายุ…

ภาพงานศิลป์สุดเจ๋ง เมื่อช่างภาพชาวเกาหลี Wonjun Jeong ได้ร่วมมือกับ Sailors Studio สร้างผลงานภาพสุดแปลกขึ้น โดยใช้ภาพของคนแปลกหน้าผสมกับผ้าที่ปลิวไปตามแรงลม… ผลงานการร่วมมือกันชิ้นนี้มีชื่อว่า Conversations โดยมีแนวคิดเกี่ยวกับคนแปลกหน้าที่เราพบเจอกันทุกวัน เพียงแต่ว่าเราไม่รู้จักพวกเขา อาจจะจำได้แค่ใบหน้าลางๆ เหมือนกับผ้าบางๆ ที่ปลิวไปตามลม     ทางด้านเทคนิคการถ่าย พวกเขาก็ได้โยนผ้าขึ้นไปให้ปลิวไปตามธรรมชาติและแรงลมในสถานที่ต่างๆ จากนั้นก็เก็บภาพดังกล่าวมาพร้อมเพิ่มใบหน้าของคนแปลกหน้าที่พวกเขาเจอลงไป กลายออกมาเป็นผลงานชิ้นนี้ ผลงานเหล่านี้ต่างมีเรื่องเล่าในแบบของตัวเอง บางรูปดูแล้วก็ให้ความรู้สึกเหมือนจิ๊กซอว์ที่ขาดหายไป เราอาจจะจำหน้าคนแปลกหน้าคนนั้นได้เลือนลางแต่ก็ไม่ทั้งหมด เช่นเดียวกับคนในผ้าที่บางรูปมีปาก แต่ไม่มีหน้า ซึ่งก็หมายความว่าเราอาจจะจำปากคนแปลกหน้าได้แต่ส่วนอื่นอาจจะจำไม่ได้     ภาพของคนแปลกหน้าที่เลือนลาง   บางครั้งเราอาจจะจำได้แค่บางส่วนบนใบหน้าของพวกเขา   หรืออาจจะเกือบทั้งหน้า แต่ก็ไม่หมด   มันก็เหมือนกับผ้าที่ปลิวไปตามแรงลม   ถ้าเราคว้าผ้าไว้ เราอาจจะได้รู้จักคนแปลกหน้าที่อยู่ในผ้านั้น   หรือเราอาจจะปล่อยให้ผ้าปลิวตามลมต่อไป และให้พวกเขาได้ใช้ชืวิตในโลกใบเดียวกันแบบคนแปลกตาต่อไป…   แต่ยังไงก็ตาม ผลงานนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียวล่ะ   ทั้งตัวผ้าและใบหน้าของคน ทำออกมาได้เข้ากันสุดๆ   ที่มา sobadsogood

เมื่อถึงผู้สูงอายุแล้ว ในบ้านเรานั้นการดูแลพวกคนเฒ่าคนแก่นั้นถือเป็นการตอบแทนบุญคุณอันใหญ่หลวงที่ลูกหลานมักจะทำกันเป็นปกติ แต่สำหรับต่างชาติแล้วบางครั้งพวกเขาก็มักจะไม่ค่อยได้มีเวลาว่างดูแลคุณตาคุณยายกันสักเท่าไหร่ ทางออกจึงมักจะไปจบที่การส่งพวกเขาไปยังบ้านพักคนชราเพราะเชื่อว่าที่นั้นจะดูแลพวกเขาได้ดีที่สุด แม้ว่าการจะส่งไปบ้านพักคนชราจะเป็นตัวเลือกที่ทำให้พวกเขามีคนดูแลอยู่ตลอด แต่ว่าในเรื่องของค่าใช้จ่ายก็สูงเช่นกัน รวมถึงตัวผู้สูงอายุทั้งหลายก็คงอยากจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้ทีมออกแบบจึงจัดการสร้างบ้าน ที่มีลักษณะการใช้งานที่ง่าย และไม่กว้างเกินไปเพื่อให้ผู้สูงอายุอาศัยได้สบายๆ     เจ้าบ้านดังกล่าวนี้มีชื่อว่า “Granny Pods” โดยตัวบ้านจะมีขนาดเล็กแต่ก็ไม่เล็กมากจนอึดอัด และมีขนาดพอดีๆ เหมาะสำหรับตั้งในพื้นที่ของตัวบ้านที่เหลือเพื่อช่วยให้คุณตาคุณยายสามารถอยู่ในพื้นที่ของตัวเองและยังสามารถอยู่ในการดูแลของเราได้ด้วย     ในส่วนของราคานั้นก็อยู่ที่ราวๆ 420,000 บาท ราคาอาจจะเปลี่ยนได้ตามขนาดของบ้านที่สั่งทำไป เครื่องใช้ภายในบ้านก็จะเป็นของใช้ที่จำเป็นและใช้ง่ายๆ รวมถึงระบบไฟฟ้าน้ำประปาต่างๆ ก็ใช้ได้ปกติดี ไม่หมดแค่นั้น Granny Pods ยังมีตัวช่วยที่ไว้อำนวยความปลอดภัยให้กับคุณตาคุณยายด้วย โดยจะมีอุปกรณ์ทางการแพทย์แบบง่ายๆ มีกระดิ่งหรือระบบออดที่เมื่อกดจะส่งเสียงตรงไปยังบ้านของลูกๆ หลานๆ ทันที   .   นอกจากนั้นถ้าคุณตาคุณยายยังสามารถจะเดินเหินไปไหนได้สะดวกสบายมากๆ เพราะทั้งในห้องน้ำและหลายส่วนของบ้านจะมีราวจับฉะนั้นไม่มีปัญหาแน่นอน ถ้าใครสนใจอยากจะได้บ้านสำหรับคุณตาคุณยายก็สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ MedCottage สุดท้ายแล้วการดูแลบุพการีที่เคยดูแลเรามาก็ถือเป็นเรื่องที่ดีสุดอยู่ดีนั่นเอง   .   ที่มา boredomtherapy

จะเป็นยังไงถ้าอยู่ดีๆ สนามบาสประจำในเมืองของเพื่อนๆ อยู่ดีๆ ก็มีสีสันสดใสดุจดั่งมาจากโลกอนาคต จนเปลี่ยนให้เมืองที่โทนสีหม่นหมองและจืดชืดให้กลายเป็นเมืองที่มีสีสันอีกครั้ง? สนามบาสแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมือง Rue Duperré ประเทศฝรั่งเศส และถูกจัดการแปลงโฉมโดยอเจนซี่ Ill-Studio ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยแบรนด์ Nike จนออกมาเป็นสนามสุดอลังการแห่งนี้   สีสันจี๊ดจ๊าดสุดๆ อยากให้บ้านเรามีบ้างจัง   ทว่าการพ่นสีแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะทาง Ill-Studio เคยย้อมสีสนามแห่งนี้ไปแล้วเมื่อปี 2015 ที่ผ่านมา และการย้อมสีในครั้งนี้จึงดูจะเป็นการอัพเกรดเสียมากกว่า แต่ก็สวยไม่หยอกเลยใช่ไหมล่ะ? ฉะนั้นถ้าใครได้แวะไปที่เมืองแห่งนี้ก็อย่าลืมถ่ายรูปมาแชร์ให้ดูบ้างนะ ว่าแต่บ้านเราใครจะทำแบบนี้บ้างรึเปล่าหนอ?   โทนสีแบบนีออนเทคโนยุค 80 หน่อยๆ สวยใช่เล่นเลยนะ   ว่าแต่ตอนเล่นจะไม่งงเอาเหรอเนี่ย สีสันมันดูกลมกลืนกันไปหมดเลย   สีของแป้นบาสแสบสันดีจริงๆ   และด้วยสีของตัวกำแพงรอบๆ สนาม ก็ยิ่งทำให้ดูโดดเด่นขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า   เอาเป็นว่าสวย ให้ 10/10 เลยก็แล้วกัน ที่มา boredpanda

Phileas Flash ศิลปินที่ใช้เวลาในการฝึกฝนและสร้างผลงานด้วยลูกโป่งมานานกว่า 13 ปี จนล่าสุดเขาได้เลือกจะสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ที่เหล่าแฟนๆ คอมมิกส์ฝั่งตะวันตกได้เห็นแล้ว จะต้องรู้สึกปลื้มปลิ่มอย่างแน่นอน ผลงานที่ว่านั้นก็คือ การบิดลูกโป่งเป็นรูปหน้าปกหนังสือคอมมิกส์ทั้งจากค่าย DC และ Marvel ซึ่งเขายังบอกว่าตอนที่เขาได้อ่านคอมมิกส์เป็นครั้งแรก เขาก็รู้สึกว่าเขาชอบในงานอาร์ตของหน้าปกมากๆ เขาจึงอยากจะสร้างมันขึ้นมาใหม่ด้วยฝีมือของเขานั่นเอง   โฉมหน้าของ Phileas Flash และผลงานดั้งเดิมของเขา   ส่วนนี่ก็คือหน้าปกคอมมิกส์ทั้งหมดที่เขาสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยการบิดลูกโป่ง   งานชิ้นแรกเป็นรูปหน้าปกจาก Batman: The Killing Joke   ตามมาด้วย Superman Vs Muhammed Ali   หน้าปก Amazing Spider-man, Vol. 1, #2 มี Vulture ด้วยเข้ากับกระแส Homecoming เลยนะเนี่ย   Wonder Woman ฉบับที่ 72 แม้หน้าจะแปลกๆ หน่อยแต่ก็โอเคอยู่   The Fantastic 4…

ปกติแล้วคนเรามักจะมีวิธีการทำให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายและพึงพอใจในหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน บางอาจจะชอบกิน บางคนอาจจะชอบฟังเพลง และบางคนก็อาจจะชอบจัดแจงอะไรให้มันดูสบายตา… ด้วยเหตุนี้ Adam Hillman นักจัดวางองค์ประกอบมืออาชีพ จึงการสร้างผลงานที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกดีเวลาที่ได้ดูขึ้นมา โดยเขาได้นำทุกสิ่งทุกอย่างที่มีโทนสีใกล้เคียงกัน มาจัดเรียงให้สวยงามและมีความลงทุกมากที่สุด   .   จากงานของเขาจะเห็นได้เลยว่า คำว่ามืออาชีพนั้นการันตีความสุดยอดได้มากแค่ไหน และที่สำคัญสิ่งของที่เขานำมาจัดเรียงส่วนใหญ่ก็จะเป็นของกินและของใช้เล็กๆ น้อยๆ แต่โทนสีที่เขาหยิบมาล้วนเป็นการคัดเลือกมาเป็นอย่างดี และด้วยเหตุผลข้างต้นมันก็ทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลินมากๆ เวลาที่ได้ดู แต่สำหรับบางคนก็อาจจะทำให้รู้สึกมึนๆ ได้เช่นกัน   . . . .   การจัดเรียงที่สมบูรณ์แบบทั้งสี ตำแหน่ง และความห่างของตัวหมี .   ดูไกลๆ ใครจะคิดว่ารวดลายทั้งหมดเกิดจากซ่อม . .   เห็นแล้วใจก็อยากจะหยิบกินดู แต่ก็ไม่อยากทำลายความสวยงามของมัน   ต้นหอมยังหั่นแล้วเอามาเรียงได้คิดดู!!   แม้แต่รีโมต เลโก้ หรือที่ชาจโทรศัพก็ยังเอามารวมกันอย่างลงตัว . .   แต่สุดท้ายก็ดูจะหนักไปทางของกินนะ   ถ้าใครชื่นชอบแล้วอยากจะติดตามผลงานการจัดเรียงสิ่งต่างๆ ของตา Adam…

กลายเป็นกระแสกันยกใหญ่ หลังจากที่ชาวเน็ตได้ไปเจอเข้ากับพนักงานแคชเชียร์คนหนึ่งที่ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ต Costco แห่งหนึ่งในเมืองชีวาวา ประเทศเม็กซิโก ส่วนสาเหตุที่ทำให้พนักงานคนนี้พิเศษกว่าปกติคือ หุ่นพี่แกเซ็กซี่บาดใจลูกค้ามากๆ หลังจากที่สืบประวัติความเป็นมาก็ได้ทราบว่าพนักงานคนดังกล่าวมีชื่อว่า Irvin Villatoro อายุ 21 ปี ซึ่งภาพของเขาในระหว่างทำงานในชุดแน่นเปรี๊ยะนั่นแหละที่กลายเป็นตัวจุดกระแสทุกอย่าง     ด้วยความที่เขาทำงานเป็นพาร์ทไทม์จึงมีโอกาสไม่บ่อยนักที่จะได้เจอเขา แต่สาวๆ มากมายก็ยังออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับชายหนุ่มคนนี้ต่างๆ มากมายเช่น… ชาวเน็ตที่ชื่อว่า Fan Fabii Salas ได้บอกว่า “ฉันจะเดินทางไปร้านที่เขาทำงานบ่อยๆ เผื่อว่าถ้าฉันซื้อของเขาจะได้แพคทุกอย่างให้ฉันรวมถึงตัวเขาเองด้วย” หรือจะเป็นชาวเน็ตอีกคนที่ชื่อ Jay Jay Ortiz “เขาช่างเซ็กซี่อะไรเบอร์นั้น ฉันเห็นแล้วอยากจะตกเป็นเหยื่อการตลาดแล้วไปช็อปที่ร้านนั้นทุกวันเลย”   .   นอกจากการทำงานเป็นพนักงานแคชเชียร์แล้ว Irvin ยังรับงานเป็นฟิตเนสโมเดลอีกด้วย แถมเขายังมีแชแนลยูทูปเป็นของตัวเองอีกต่างหาก ถ้าใครสนใจอยากจะตามไปเสพความแฮ่กๆ ของเขาก็เข้าไปได้ที่ Irvin Villatoro เลย     ที่มา dailymail

Pareidolia หรือ แพริโดเลีย คืออาการทางจิตอย่างหนึ่งที่จะทำให้ผู้เจอกับปัญหานี้เห็นภาพหรือเสียงแปลกๆ อยู่บ่อยๆ เช่นบางครั้งอาจจะเห็นสิ่งข้องมีหน้ามีตาขึ้นมาหรือมันสามารถพูดได้อะไรทำนองนั้น ด้วยเหตุนี้ Keith Larsen ศิลปินผู้ป่วยเป็นปัญหาทางจิตดังกล่าวจึงจัดการคิดวิธีรับมือปัญหาที่เขาต้องเจอ ด้วยการวาดภาพสิ่งที่เขามองเห็นออกมาให้คนอื่นได้รับรู้ รวมถึงยังทำให้มันเป็นภาพแนวการ์ตูนพร้อมกับใส่เรื่องราวเข้าไป เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องกลัวกับสิ่งที่เขาต้องเจอ และสามารถที่จะสนุกไปกับได้   นี่คือภาพที่เขาเห็นเวลาเอาผ้าไปใส่เครื่องซักผ้า เขาเห็นส่วนต่างๆ กลายเป็นเป็ดที่พยายามจะสื่อสารกับเขา   เจ้าเครื่องกดน้ำที่กลายเป็นตู้ที่มีหน้าขนาดใหญ่ ลองคิดดูว่าถ้าเขาไม่วาดให้มันน่ารัก แต่วาดให้น่ากลัวหรือในแบบที่เขาเห็นจริงๆ มันจะเป็นยังไงกันนะ   ยิ่งมะเขือเทศครึ่งหน้าอันนี้ ขนาดทำให้เป็นการ์ตูนก็ยังดูน่ากลัว ไม่อยากจะคิดถึงสิ่งที่เขาเห็นจริงๆ   เจ้าที่แขวนเสื้อนี้ เขาได้แต่งเรื่องให้มันมีหน้ามีตาและมันมีเป้าหมายสำคัญคือมองไปข้างหน้าเพื่อดูแลเสื้อผ้าที่เอามาแขวนไว้   ส่วนเตาไฟตัวนี้ก็ได้รับชื่อจากเขาว่า Frankie พร้อมเติมแต่งเรื่องราวเจ๋งๆ ให้กับมัน   เจ้ากำแพงกั้นนี้ได้รับชื่อว่า Sharron ซึ่งจะว่าไปภาพที่เขาวาดมาส่วนปากที่เป็นเครื่องเป่ามือนี่แอบหลอนแปลกๆ แฮะ   ส่วนบริเวณโถฉี่เขาก็ทำให้มันกลายเป็นสลอตอวกาศ เจ้านี่ดูไม่ค่อยน่ากลัวนะ ออกจะไปน่ารักเสียด้วยซ้ำ   ใครชื่นชอบผลงานอยากจะติดตามอินสตาแกรมของเขา ก็เข้าไปได้ที่ keithlarsen เขายังมีผลงานของตัวเองให้ดูอีกเยอะแยะเลยล่ะ ที่มา demilked

จะมีคนช่วงอายุหลัก 50 ซักกี่คนกัน ที่ยอมลุกขึ้นมาแล้วคิดว่าตัวเองจะต้องกลับไปหุ่นฟิตเปรี๊ยะและหล่อล่ำ เหมือนดั่งสมัยก่อนให้ได้ และการทำแบบนี้ในช่วงอายุที่มากขึ้นสำหรับคนทั่วไป ก็เป็นอะไรที่ยากพอสมควรเลยล่ะ แต่ทว่าลุงคนนี้ทำได้!! Bren Foster คุณลุงวัย 53 ปีจากเมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เริ่มหันมาดูแลตัวเองหลังจากที่น้ำหนักของเขาเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้น้ำหนักลดลงไปถึง 4 กิโลกรัมจากที่ตอนแรกเขาหนักเกือบ 74 กิโลกรัมเลยทีเดียว     เดิมทีเขาทำงานเต็มเวลาในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของบริษัทนานาชาติแห่งหนึ่ง ซึ่งในหนึ่งสัปดาห์เขาต้องทำงานถึง 70 ชั่วโมง และในเวลาทำงานนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อพบปะกับลูกค้าของบริษัท ด้วยชีวิตการทำงานแบบนี้มันเริ่มทำให้เขาขาดการออกกำลังกาย รวมไปถึงการกินอาหารที่ไม่ค่อยมีประโยชน์และไม่ตรงเวลา จนผลข้างเคียงของมันเริ่มแสดงผลให้เขาอ้วนขึ้นเรื่อยๆ     เมื่อเขาเริ่มสังเกตถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของตัวเอง เขาจึงตัดสินใจต่อสู้กับสิ่งเหล่านั้นด้วยการหาโปรแกรมที่จะช่วยให้เขากลับไปเป็นคนสุขภาพดีอีกครั้ง แต่ด้วยวัย 54 ปีของคุณลุง การจะออกกำลังกายปกติเหมือนวัยรุ่นและหนักหน่วงมันก็คงจะไม่ดี ฉะนั้นโปรแกรมออกกำลังกายที่จะมาช่วยเขานั้น ก็ต้องเลือกในสิ่งที่เหมาะสมกับช่วงของวัยด้วย จนในที่สุด Bren ก็ได้ไปเจอกับโปรแกรม Back2Fitness ของ Neil Back นักกีฬารักบี้ชื่อดัง เขาเริ่มที่จะออกกำลังกายตามคำแนะนำดังในโปรแกรมดังกล่าว และกินอาหาร 6 มื้อเล็กๆ ตลอดทั้งวันโดยในหนึ่งมื้อจะประกอบไปด้วยโปรตีนและผักจำนวนไม่จำกัด   .  …

ญี่ปุ่น ประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของเทคโนโลยีและความขยันขันแข็งของประชากร รวมถึงขึ้นชื่อเรื่องป้ายโฆษณาที่มีจำนวนมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งไม่ว่าจะไปมุมไหนก็ทุกหัวมุมถนนหรือมุมตึกก็จะมีโฆษณาอยู่เต็มไปหมด… ทว่าด้วยเรื่องดังกล่าวทำให้ Nicolas Damiens กราฟฟิกดีไซน์เนอร์ชาวฝรั่งเศสผู้คร่ำหวอดในวงการออกแบบกว่า 8 ปี หันมาสนใจและริเริ่มแนวคิดว่าที่ว่า ถ้าตัดภาพโฆษณาทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่นออกไป บ้านเมืองจะเป็นยังไงกันนะ? ด้วยเหตุนี้โปรเจค Tokyo No Ads จึงเกิดขึ้น…     เขาเริ่มตระเวนไปถ่ายรูปภาพจากส่วนต่างๆ ของตัวเมืองโตเกียวในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทุกภาพก็จะเป็นจุดที่มีป้ายโฆษณาอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นในตรอกซอกซอยไปจนถึงบนตัวตึกสูงโฆษณาก็ยังมีอยู่ทุกที่ แต่ทว่าเมื่อเขาเริ่มโปรเจคจนออกมาเป็นรูปร่างให้เราได้ดูกัน ก็บอกเลยว่าญี่ปุ่นจะกลายเป็นเมืองผี และพื้นที่ทั้งหมดจะดูโล่งในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยล่ะ ไม่เชื่อลองมาดูกัน!!   ลองคิดตามว่าถ้าไม่มีโฆษณาแล้ว รวมถึงตัวป้ายสูงๆ เมืองก็จะดูโล่งสบายมากๆ เลยทีเดียว   หรือแม้แต่ในย่านร้านค้าตามซอยต่างๆ ที่เต็มไปด้วยป้ายไฟ ป้ายร้านค้า ถ้าเราลองเอามันออกไปทั้งหมดเลยจะเป็นยังไงกันนะ   แค่ลบตัวหนังสือเท่านั้น ใครจะคิดว่ามันจะต่างกันขนาดนี้   หรือบางภาพกับร้านเพียงแค่ร้านเดียวก็ยังมีป้ายไฟจำนวนมากเลย   แต่การที่ย่านแบบนี้มีโฆษณาเต็มไปหมดก็เรียกว่าเป็นเสน่ห์อีกอย่างเหมือนกันนะ   เรียกว่าโฆษณาทุกจุด ทุกที่ที่จะพอยัดเข้าไปเลย อย่างภาพนี้ร้านเล็กนิดเดียว แต่มีโฆษณาเต็มไปหมด   ขนาดตัวตึกชาวญี่ปุ่นก็ไม่ปล่อยให้พื้นที่ว่างๆ เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่ถ้าลบออกมันก็ให้ความรู้สึกอีกแบบนะ…

ถ้าให้พูดถึงของเล่นที่ฮอตฮิตที่สุดในเวลานี้ เจ้าฟิตเจ็ทสปินเนอร์คงจะเป็นชื่ออันดับแรกๆ ที่ต้องนึกถึงทันที แต่ทว่าพอมองไปที่เจ้าฟิตเจ็ทสปินเนอร์อันไหนๆ ก็มีหน้าตาคล้ายกันไปหมด แถมจุดประสงค์หลักของเจ้าฟิตเจ็ทสปินเนอร์มันคือการทำให้คนที่สมาธิสั้นหันมาโฟกัสและมีสมาธิมากขึ้น แต่คนส่วนใหญ่ก็ลืมจุดนั้นไป จนกลายเป็นอะไรที่ธรรมดาและน่าเบื่อไปโดยปริยาย ด้วยเหตุนี้ Jonathan Odom จึงจัดการแก้ปัญหาความหน้าเบื่อของฟิตเจ็ทสปินเนอร์ทั่วไปให้กลายเป็นเครื่องเล่นแอนิเมทเสียเลย     เขาได้บอกว่าแมวคือสัตว์ที่จะทำให้เรารู้สึกเสียสมาธิ และฟิตเจ็ทสปินเนอร์คือสิ่งที่ช่วยรวบรวมสมาธิ Jonathan ก็เลยจัดการนำมันมารวมกันเสียเลย โดยเขาได้ใช้รูปแมววิ่งแบ่งออกเป็น 12 ภาพต่อๆ กัน และเมื่อนำมารวมเข้ากับฟิตเจ็ทสปินเนอร์ ที่หมุนตลอดเวลา เครื่องฉายภาพเคลื่อนไหวขนาดเล็กจึงถือกำเนิดขึ้นมานั่นเอง!!     เขาใช้ภาพโมชั่นแมววิ่งที่สร้างโดย Eadweard Muybridge ในช่วงศตวรรษที่ 19 มาใส่ในสปินเนอร์ของเขา โดยตัดบางส่วนออกและทำให้มันตรงกับช่องทั้ง 12 พอดี     ด้านดีไซน์ก็ง่ายๆ คล้ายกับตัวฟิตเจ็ทสปินเนอร์ทั่วไปที่มีปุ่มไว้กดสำหรับนิ้วโป้งและนิ้วชี้ เพียงแต่เปลี่ยนส่วนใบพัดให้กลายเป็นวงกลมแทน   และนี่ก็คือผลที่ได้ เท่ใช่ไหมล่ะ รับรองไม่เหมือนฟิตเจ็ทสปินเนอร์ของคนอื่นแน่นอน   ดูสาธิตการหมุนเต็มๆ ได้ที่คลิปข้างล่างเลยจ้า   ส่วนใครที่สนใจอยากดูรายละเอียดการทำเจ้าฟิตเจ็ทสปินเนอร์สุดเฟี้ยวอันนี้บ้าง สามารถเข้าไปดูและโหลดโปรเจ็คได้ที่ instructables แล้วมาหมุนแบบแอนิเมทไปด้วยกัน!!   ที่มา boredpanda

การตัดต่อภาพให้สวยงาม หลักการก็คือการนำอะไรที่เข้ากัน แสงคล้ายกัน หรือคนที่กำลังทำอะไรในทิศทางเดียวกัน มาใส่รวมเข้าด้วยกัน แต่คงไม่ใช่สำหรับศิลปินคนนี้หรอก ทว่า Stephen McMennamy ศิลปินผู้ชื่นชอบในการทำภาพแนวเซอร์เรียลโดยการนำภาพสองอย่าง ที่ไม่ค่อยมีใครคิดว่ามันจะอยู่ด้วยกัน มาต่อกันและทำมันออกมาได้ทีมากๆ เลยทีเดียว ไม่เชื่อลองดูตัวอย่างสักหน่อย     ใครจะคิดว่าภาพส้อมที่กำลังตักสปาเก็ตตี้มีทบอล จะสามารถตัดครึ่งแล้วเอามาแทนที่ส่วนหน้าของรถยกของได้ แต่แหม่… มันอาจจะดูแตกต่าง แต่ก็ลงตัวดีเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้เขาจึงสร้างแฮชแทคผลงานภาพของเขาว่า #ComboPhotos เพื่อให้เข้ากับลักษณะงานศิลปะที่เขาสร้างขึ้นมานั่นเอง     เขายังเล่าอีกว่า การทำผลงานแต่ละชิ้นนั้นเขาต้องใช้เวลาที่นานมากๆ ซึ่งถ้าเรามองผ่านๆ เราก็คงคิดว่ามันจะไปยากอะไร ก็แค่เอาภาพสองภาพมาต่อกัน แต่เขาได้อธิบายถึงจุดนั้นว่า การจะเอาภาพมาต่อกันได้ให้พอดี เขาต้องใช้เวลาในการตามหาภาพต่างๆ เพื่อให้มันต่อกันได้อย่างลงตัว รวมถึงไอเดียการทำภาพเขายังต้องใช้เวลาในการคิดนานมากๆ แถมบางครั้งไอเดียก็มาจากเพื่อนช่างภาพก็มี เล่ากันมาขนาดนี้ลองมาดูผลงานชิ้นอื่นๆ ของเขาดูดีกว่าว่าจะเด็ดแค่ไหนกัน   ภาพของเด็กที่ถือร่ม ซึ่งเมื่อตัดส่วนร่มออกแล้วรวมเข้ากับดอกไม้ที่กลับหัว จึงได้ภาพนี้มา   งวงช้างกับต้นมะพร้าวริมชายหาด ก็ช่างพอดีเป๊ะ   เปลือกกล้วยกับเปลนอนสีเหลืองที่เข้ากันสุดๆ   ร่มขนาดเล็กที่ใช้ตกแต่งแก้ว ผสมผสานกับร่มชายหาด จนได้ภาพสุดเจ๋ง   ใครจะคิดว่าไม้กวาดทางมะพร้าวจะสามารถนำมาทำเป็นภาพเคราของคนได้   สุดยอดของการผสมผสานระหว่างนกนางนวลกับหางเครื่องบิน   หรือจะเป็นการผสมผสานเสื้อผ้าของหญิงสาวกับผมเปียกๆ เขาก็ทำออกมาได้เข้ากันดีเลยทีเดียว…

หลังจากที่ก่อนหน้านี้เราได้ทำบทความที่เกี่ยวกับ Roman Fedorstov ผู้เป็นทั้งชาวประมงและนักวิทยาศาตร์ชาวรัสเซีย ที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับปลาน้ำลึก (สามารถเข้าไปอ่านบทความเก่าโดย คลิกที่นี่) ซึ่งเราจะเห็นว่าปลาเหล่านั้นมีความแปลกประหลาดและน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่ล่าสุดนี้กลับมีนักวิทยาศาสตร์ได้พบปลาชนิดใหม่ที่หลอนยิ่งกว่าตัวไหนๆ ของคุณ Roman เสียอีก นักวิทยาศาสตร์ชาวออสซี่ได้ใช้เวลากว่า 2 เดือน ท่องและดำดิ่งไปทั่วบริเวณชายฝั่งตะวันออกของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งล่าสุดพวกเขาก็ได้ไปเจอกับสิ่งมีชีวิตสุดแปลกประหลาดเข้า โดยมีรูปร่างเป็นปลาปกติแต่ที่แปลกคือมันไม่มีหน้า!!     ถ้ามองโดยไม่ได้สนใจเรื่องหน้าของมัน นักวิทยาศาสตร์ก็บอกเลยว่าเจ้าปลาตัวนี้มันคือปลา Cusk-eels อย่างชัดเจน แต่ด้วยความที่มันไม่มีหน้า จึงทำให้พวกเขาอยากรู้เกี่ยวกับเจ้าปลาชนิดนี้มากยิ่งกว่าเดิม     Dianne Bray จาก Museums Victoria ก็ได้พูดถึงเจ้าปลาไม่มีหน้าว่า “สาเหตุที่เราเรียกมันว่าปลาไม่มีหน้าก็เพราะ มันไม่มีหน้า ไม่มีตา ไม่มีอะไรเลยจริงๆ ถ้าไม่นับว่ามันยังมีปากที่เหลือมันก็ไม่มีรูอะไรเลยที่จะบ่งบอกว่าเป็นดวงตาหรืออวัยวะที่ทำให้มองเห็น     ซึ่งเจ้าปลาตัวนี้ถูกจับได้จากใต้น้ำที่อยู่ลึกลงไปถึง 4,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล แถมระดับความเย็นก็เย็นในระดับ 1 องศาเซลเซียส”     สุดท้ายแล้วเจ้าปลาตัวนี้ก็ได้สร้างความตกตะลึงให้กับทีมงานที่พบเจอเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงทำการเร่งศึกษามันอย่างเต็มที่ เพื่อจะได้รู้ว่าเจ้าปลาตัวนี้มันคือปลาอะไรกันแน่แล้ว และสาเหตุใดที่ทำให้มันไม่มีหน้าแบบนี้ ซึ่งเราก็คงต้องให้เวลาพวกเขาหน่อย แต่รับรองว่าเราจะได้รู้แน่ๆ ว่ามันคือปลาอะไรในเร็วๆ…

ถ้าพูดถึงพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ณ กรุงปารีส เราก็จะรู้กันดีว่าที่แห่งนี้ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แถมยังมีงานศิลปะชั้นยอด ที่มีอายุมากมายหลายร้อยหลายพันปีเก็บไว้อยู่ แต่จะเป็นยังไง ถ้าเรานำผลงานศิลป์ยุคปัจจุบันอย่างรูปปั้นตัวละครซูปเปอร์ฮีโร่ แล้วเอาไปไว้รวมเข้ากับผลงานยุคเก่าสุดคลาสสิกหลากหลายชิ้น มันจะขัดกันไหมนะ มันจะเข้ากันหรือเปล่า? อย่ามัวแต่สงสัยเลยเพราะ Leo Caillard ศิลปินชาวฝรั่งเศสมากฝีมือคนนี้ได้จัดการกับคำถามเหล่านั้นเรียบร้อยแล้วล่ะ…   เปิดด้วยพี่ซุปเปอร์แมนกันเป็นชิ้นแรก ซึ่งก็ทำออกมาได้ไม่ผิดหวังเลยล่ะ ดูไม่ขัดกับธีมของตัวพิพิธภัณฑ์เลย   งั้นลองเอาแบทแมนมาเทียบกับรูปปั้นเก่าแก่อื่นๆ ดูจะขัดกันไหมนะ?   นิทรรศการในครั้งนี้ของ Leo เขาได้ตั้งชื่อว่ามันว่า Stone Hero ซึ่งเขาได้ให้เหตุผลในงานจัดงานครั้งนี้ว่า “รูปปั้นส่วนใหญ่ที่จัดแสดงปกติล้วนจะเป็นงานที่มีต้นแบบมาจากคนมีชื่อเสียง หรือฮีโร่จากยุคสมัยต่างๆ ซึ่งถ้ามามองในยุคปัจจุบันฮีโร่เจากคอมมิกเหล่านี้ ก็น่าจะเป็นตัวแทนที่ใกล้เคียงกับตัวเทพแทนกรีกในสมัยก่อนได้ดีเลยทีเดียว และนี่จะช่วยแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไปนั่นเอง”   ถ้ามองตามแนวคิดของ Leo ที่ว่ากัปตันอเมริกา, ไอรอนแมน ,แบทแมน หรือจะเป็นซุปเปอร์แมนก็ดี ทั้งหมดก็ล้วนเป็นตัวละครที่เราต่างยกย่องให้พวกเขาเป็นฮีโร่ที่ใครๆ ก็รู้จักในยุคสมัยนี้กันทั้งนั้น   ฉะนั้นการนำเดอะแฟลช หรือตัวละครอื่นๆ มาวางเทียบชั้นกับรูปปั้นของผลงานคลาสสิกสมัยก่อนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เลวเลยทีเดียว   เพราะถ้าเวลาผ่านไปอีกร้อยปี หรือพันปี ฮีโร่ราวนี้ก็จะกลายเป็นผลงานคลาสสิกเช่นเดียวกับของเก่านั่นเอง   ฉะนั้นฮีโร่ขวัญใจประชาชนอย่างไอ้แมงมุมที่คนทั้งโลกรู้จัก ทำไมถึงจะมาอยู่ในพิพิธภัณฑ์คลสสิกบ้างไม่ได้จริงไหม?   สุดท้ายแล้ว ถ้าใครชอบผลงานนิทรรศการของพ่อหนุ่ม Leo…

ศิลปะจากลูกโป่งเป็นอะไรที่ดูเหมือนง่าย แต่การจะทำให้มันเป็นรูปร่างต่างๆ โดยที่มันไม่แตกเลยถือเป็นอะไรที่ยากมากๆ บางคนก็อาจจะมีความสามารถพอที่จะทำให้เป็นรูปร่างต่างๆ ที่ไม่ยากเช่นหมาหรือดาบเล็กๆ ทว่า Masayoshi Matsumoto ศิลปินชาวญี่ปุ่นคนนี้เขาทำอะไรที่มันเหนือชั้นกว่านั้น เพราะเขาได้ใช้ลูกโป่งจำนวนมากมาสร้างศิลปะชั้นเยี่ยมจนออกมาเป็นรูปร่างต่างๆ ที่สำคัญรายละเอียดของงานก็เทพสุดๆ ไปเลยล่ะ   แค่ชิ้นแรกก็แทบจะพนมมือก้มลงแล้วกราบทันที นกฟีนิซ์ของพี่แกสุดยอดจริงๆ   แม้แต่แมลงวันก็ยังดูดีสุดๆ รายละเอียดแน่นมาก   Masayoshi ได้เล่าว่าถึงความเป็นมาของศิลปะเหล่านี้ว่า “ผมเริ่มมาทำงานศิลปะพวกนี้ก็เมื่อ 7 ปีก่อน เมื่อตอนที่ผมได้รับแรงบันดาลใจจากภาพของเหล่าสัตว์ป่าที่สวยงาม และนั่นก็ทำให้ผมอยากจะเห็นมันตัวเป็นๆ ผมจึงคิดว่าผมจะสร้างพวกมันขึ้นมาเองได้บ้างไหมนะ นั่นแหละจึงเป็นจุดเริ่มต้นของผม” ในการทำงานแต่ละชิ้นเขาใช้เวลามากถึง 2 ชั่วโมง แถมบางชิ้นที่รายละเอียดยากๆ จะใช้เวลานานถึง 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว ไม่เพียงแค่นั้น งานของเขาทั้งหมดเลยใช้แต่ฝีมือและลูกโป่งเพียงอย่างเดียว ไม่มีสติกเกอร์ เทปกาวหรืออะไรมาเพิ่มเติมเลย ยิ่งได้รู้แบบนี้ยิ่งยอมใจในฝีมือของเขาจริงๆ   กิ้งก้าคาเมเลี่ยนในเวอร์ชั่นกระดูก   หนอนชาเขียว!! ชิเมโจได๋..ชิเมโจได๋   งูหางกระดิ่งที่มาพร้อมกับรายละเอียดจัดเต็ม!!   ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ชนิดไหน คุณ Masayoshi  ก็ทำออกมาได้สุดยอดจริงๆ   ฝีมือพี่แกจะเทพเกินไปแล้ว!!   แม้จะบอกว่าไม่ใช้อุปกรณเสริม แต่บางครั้งเขาก็เพิ่มพรอพเข้าไปนิดหน่อย อย่างเช่นลูกตาที่ใช้กระดิ่งมาทำ…

ทกอย่างเริ่มต้นขึ้นเมื่อสองปีก่อน Heidi Annalise ได้สินใจที่จะลาออกจากงานในรัฐสภาที่วอชิงตัน ดี.ซี ทิ้งชีวิตที่ยุ่งเหยิงแล้วกลับมาอยู่ที่บ้านของเธอในชานเมือง และเธอก็ตัดสินใจสร้างงานศิลปะขึ้นมาเอง จากการวาดรูปลงในกล่องขนาดเล็ก… งานศิลปะที่ว่านั้น เธอลงมือวาดทุกอย่างด้วยตัวเอง เธอใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเดินทางไปรอบๆ ภูเขา ทุ่งหญ้า และป่าไม้เพื่อชื่นชมธรรมชาติอันสวยงาม จากนั้นเมื่อเธอจุดที่สนใจเธอก็จะเริ่มลงมือวาดภาพงานของเธอลวงในกล่องลูกอมขนาดเล็ก ซึ่งเธอใช้มันเป็นทั้งถาดสีและผ้าใบในการวาดรูปเล็กๆ ของเธอ   .   นอกจากนี้ Heidi ยังได้อธิบายถึงความสุขของเธอที่ได้วาดรูปลงในกล่องเล็กๆ พวกนี้ว่า “เมื่อฉันได้ลองวาดรูปลงในกล่องเล็กๆ พวกนี้ ฉันจะรู้สึกได้ทันทีว่าตัวเองจะไม่ถูกดึงดูดหรือหลอมรวมไปกับสิ่งต่างๆ รอบๆ และที่สำคัญเจ้ากล่องเล็กๆ พวกนี้มันกระทัดรัดและช่วยให้จัดการกับอุปกรณ์รวมถึงภาพวาดเปียกๆ ของคุณได้ง่ายมากๆ เลย”   เธอเดินทางไปทุกที่ ทั้งทะเลสาบ   ทุ่งหญ้าอันแสนสงบสุข   ป่าที่อยู่ติดกับเนินเขาหิมะ   ชานป่าที่อาจจะดูไม่สวยงาม แต่เธอก็สามารถวาดมันออกมาดูดีพอสมควร   แม้แต่ต้นไม้หัก แต่ด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่าง เธอก็ทำออกมาได้ดีเลย   แม้ว่าการงานก่อนหน้าของเธอจะมั่นคง แต่การหนีชีวิตที่วุ่นวายกลับมาอยู่กับธรรมชาติก็ถือว่าไม่ได้เลวร้ายเสียทีเดียว   เธอยังไปชายหาดด้วยนะ   ทะเล แสงแดด และเสียงคลื่น!! .…

เคยไหมที่บางครั้ง เราอยากจะลองไปร่วมงานคอสเพลย์แล้วแต่งตัวเป็นตัวละครที่ชอบดูบ้าง แต่ด้วยเหตุจำกัดของงบที่มีน้อยเสียเหลือเกิน จะแต่งแบบจัดเต็มก็จ่ายไม่ไหว แต่ยังไงก็มีทางออกที่สดใสเสมอ ด้วยเสื้อยืดสุดเฟี้ยว เพียงแค่กลับด้านก็คอสเพลย์ได้!! แม้ว่าเสื้อกลับด้านแล้วมีลายอยู่อีกด้านหนึ่งจะไม่ใช่อะไรที่เป็นของใหม่ แต่การกลับด้านแล้วทำให้เรากลายเป็นตัวละครจากการ์ตูนเรื่องต่างๆ ก็ยังถือเป็นอะไรที่ไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยๆ นัก ด้วยเหตุนี้ทางร้าน Shalemon จึงจัดการออกแบบลายที่นำตัวการ์ตูนที่หลายคนชื่นชอบมาทำเสื้อแบบกลับด้านเสียเลย   อย่างเช่นเสื้อตัวนี้ที่เขียนไว้ว่า “ระวัง!! มีบางอย่างกำลังมา”   พ๊างง!! กลายเป็นสไลม์…   หรือจะเป็นลุคจากเดธโน๊ต ก็มีเช่นกัน แถมเป๊ะมากๆ นอกจากนั้นเสื้อยังเขียนว่า Daeth Tshirt แทนที่จะเป็น Death Note ด้วย     หุ่นเอวา 01 ก็มาแจมกับเขา แม้จะไม่เหมือนก็ตาม แต่ก็พอดูออกว่าเป็นตัวอะไร   ถ้าใครกำลังหาเสื้อให้เข้ากับธีมสไปดี้เพื่อเตรียมไปดูภาคโฮมคัมมิ่ง เสื้อตัวนี้ก็ตอบโจทย์เช่นกัน   แต่ถ้าจะเอาเป๊ะที่สุด ก็ต้องตัวนี้แล้วล่ะ กับ No Face ตัวละครจากอนิเมชั่นเรื่องดัง Spirited Away ส่วนตัวหนังสือก็เปลี่ยนจาก No Face เป็น Yes Face แทน    …

เคยไหมที่บ้างครั้งเราอยู่ในช่วงเวลาที่เร่งรีบ แต่ร่างกายก็ต้องการกาแฟเสียเหลือเกิน จะแวะร้านกาแฟก็คงไม่ทันแน่ๆ จนล่าสุดก็มีคนมองเห็นปัญหาดังกล่าวและคิดค้น Mokase เคสมือถือที่จะทำให้เราสามารถดื่มกาแฟได้ทุกที่ทุกเวลาขึ้นมาเสียที… Smart K บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติอินตาเลี่ยน ผู้เป็นเจ้าของไอเดีย Mokase เคสเครื่องผลิตกาแฟเคลื่อนที่สุดเจ๋งนี้ ซึ่งพวกเขาก็มีความคิดเช่นเดียวกับที่ได้กล่าวไปคือ บางครั้งเราอาจจะมีเวลาน้อยแต่ใจก็อยากดื่มกาแฟเพียงซักนิดก็ยังดีนั่นเอง     ส่วนถ้าใครสงสัยว่ามันเป็นแค่เคสโทรศัพท์นะ ถึงจะเป็นแค่คอนเซ็ปต์ก็เถอะ แล้วมันจะทำงานยังไงล่ะ จะมีความอันตรายอะไรบ้างไหม? คำตอบก็คือ ตัวเคสได้ออกแบบให้มีวัสดุที่ทนทานและทำจากวัสดุป้องกันความร้อน ซึ่งจะมีแคปซูลที่บรรจุน้ำไว้ข้างในรวมถึงเมล็ดกาแฟที่เตรียมพร้อมให้เราสามารถชงกาแฟได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ก่อนอื่นจะต้องมีแอพพลิเคชั่นของ Mokase เสียก่อนเพื่อให้ตัวเคสสามารถใช้งานปุ่มชงกาแฟบริเวณเคสได้ และเมื่อเรากดชงกาแฟตัวแคปซูภายในเคสก็จะเริ่มทำความร้อนที่ 50 ถึง 60 องศา จากนั้นปุ่มกดข้างหลังก็จะโชว์เราเห็นว่ากาแฟพร้อมจะเสิร์ฟแล้ว     นอกจากวัสดุของเคสที่กันความร้อนแล้วทาง Smart K ก็ยังบอกอีกว่าตัวท่อส่งกาแฟจะไม่เป็นภัยอย่างแน่นอน เพราะพวกเขาออกแบบโดยใช้วัสดุเป็นซิลิกอนอัลลอย ซึ่งทนทานความร้อนได้มากและจะไม่มีสารพิษใดๆ เจือปนมากับกาแฟ ทว่าถ้าใครหวังจะกินกาแฟจากเจ้าเคสตัวนี้แบบเต็มแก้วจุใจก็คงจะต้องล้มเลิกความคิดไปได้เลย เพราะเคสนี้ออกแบบมาให้เราได้กินกาแฟเป็นปริมาณ 25 มล. หรือเท่ากับกาแฟ 1 ช็อตเพียงเท่านั้น   .   แต่ถ้าใครอ่านแล้วรู้สึกสนใจอยากจะเป็นเจ้าของเคสตัวนี้ก็สามารถที่จะเข้าไป Pre-order กันได้ที่เว็บไซต์ mokase โดยจะสนนราคาอยู่ที่ราวๆ 1,900 บาท สำหรับตัวเคส ส่วนตัวแคปซูลกาแฟจะมีแบบแบ่งขายเป็นจำนวน…

Alisa ดีไซน์เนอร์สาวชาวรัสเซีย ผู้คิดค้นริเริ่มออกแบบเครื่องประดับในแบบของตัวเองผ่านความชอบในดินอบญี่ปุ่น เริ่มจากดีไซน์ง่ายๆ อย่างดอกไม้จนก้าวข้ามไปเป็นอะไรที่ยากยิ่งขึ้นอย่างสัตว์หรือสิ่งของต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุดในงานของ Alisa ก็คือ เครื่องประดับที่เธอออกแบบทุกชิ้นนั้นล้วนทำด้วยมือทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ เข็มกลัด ต่างหูและอื่นๆ อีกมากมาย งานแต่ละชิ้นนั้นมีควาเป็นเอกลักษณ์แบบที่ไม่มีใครเหมือนเลยล่ะ   เริ่มกันที่ชิ้นแรกกับสุนัขจิ้งจอกที่ออกแบบมาได้อย่างลงตัว   ตามมาด้วยเจ้าเม่นหลากสีสัน   หรือจะเป็นแมวดำล้วนที่ตกแต่งด้วยอัญมณีสีเหลืองเข้าไป   ไม่ใช่ว่าจะมีแต่สัตว์ทั่วไปนะ เพราะสัตว์แฟนตาซีอย่างยูนิคอร์นก็มีเช่นกัน   นกฮูกตัวนี้ก็ดูเท่ไม่หยอกเลย   พอดีไซน์ไหนที่เป็นแมวทีไร ดูโดดเด่นกว่าชิ้นอื่นมากๆ   เชสเซอร์จากอลิซอินวันเดอร์แลนด์   เจ้านกตัวนี้สีเหมือนกับแองกรี้เบิร์ดเลย   พอเป็นแมวแล้วมันดูแปลกกว่าดีไซน์อื่นจริงๆ นะ   นกทูแคน ตัวน้อยก็น่ารักใช่เล่น   นกยูงตัวนี้ก็ดูแพงสุดๆ   จิ้กจอกดีไซน์เดิมเพิ่มเติมคือเปลี่ยนสี   กระต่ายหลากสี   แม้บางอันก็จะใช้การรีไซเคิลสีแต่ดีไซน์เดิม แต่ก็ยังดูสวยงามอยู่ดี   ไก่กุ๊กๆ ที่ส่วนตัว #เหมียวมู่ทู่ ชอบบริเวณหางมากๆ   พอใช้โทนสีน้อย มันก็ดูเรียบและเท่ขึ้นมาทันที…

ทุกวันนี้เรามักจะพยายามเสนอนวัตกรรมสีเขียวเพื่อช่วยและอนุรักษ์โลกกันอยู่บ่อยๆ อย่างเช่น รถยนต์อีโคคาร์ เป็นต้น ซึ่งก็จะเป็นนวัตกรรมประหยัดในด้านพลังงานเท่านั้น แต่ถ้าบอกว่าตอนนี้มีคนคิดค้นรถที่อีโคจริงๆ ขึ้นมาล่ะจะว่ายังไง? แถมอีโคที่ว่าไม่ใช่แค่พลังงานที่ตัวรถใช้ แต่รวมถึงตัวรถเกือบทั้งคันนั้นเป็นวัสดุจากพืชเลยทีเดียว ห๊ะ?!!     Lina คือชื่อของรถที่ถูกคิดค้นโดยนักศึกษาเนเธอร์แลนด์ จาก Eindhoven University of Technology ซึ่งเป็นรถคันแรกของโลกที่มีส่วนประกอบเป็นธรรมชาติล้วนๆ Quinten Oostvogel ผู้จัดการของทีมวิจัยให้สัมภาษณ์พร้อมพูดถึงรถของพวกเขาว่า “พวกเราได้คิดค้นวัสดุของรถที่มีพื้นฐานเป็นวัสดุชีวภาพทั้งหมด โดยพืชหลักที่เราใช้ก็จะเป็นต้นฝ้ายซึ่งนำมาใช้สร้างรถคันนี้ นั่นก็หมายความว่าตัวรถทั้งคันมาจากต้นฝ้ายนั่นเอง ไม่ใช่แค่นั้นนะ การตกแต่งภายในและส่วนอื่นๆ ก็ยังเป็นวัสดุชีวภาพแทบทั้งสิ้น”     พวกเขายังได้อธิบายเสริมถึงสาเหตุของการใช้ต้นฝ้ายอีกว่า “ที่เราใช้ต้นฝ้ายก็เพราะเป็นพืชที่เมื่อนำมาใช้แล้วจะเป็นวัสดุชีวภาพที่แข็งแรงมากๆ และเมื่อนำมารวมเข้ากับหัวผักกาดหวาน พวกเราก็สามารถที่จะใช้วัสดุดังกล่าวมาสร้างตัวรถได้ ที่สำคัญพืชพวกนี้ยังสามารถหาได้ง่ายทั่วยุโรปเลยล่ะ” ในส่วนของพลังงานที่ Lina ใช้แน่นอนว่าก็ต้องเป็นพลังงานสะอาดซึ่งพวกเขาเลือกใช้พลังงานไฟฟ้า นอกจากนั้นตัวรถยังกินไฟไม่มากเพราะรถมีน้ำหนักที่น้อยเพียงแค่ 300 กิโลกรัมเท่านั้น ทำให้ไม่ต้องใช้แรงขับที่เยอะมากนัก     อย่างไรก็ตามเหล่าผู้ผลิตรายใหญ่มากมายยังมองว่า Lina  เป็นผลผลิตจากการทดลองบ้านๆ เท่านั้นไม่สามารถผลิตมาขายได้จริงแต่พวกเขาอาจจะคิดผิด และในอนาคตเราอาจจะได้ใช้รถที่มี Lina  เป็นต้นแบบก็เป็นได้   สามารถรับชมการให้สัมภาษณ์ของทีมผู้สร้างได้ข้างล่าง   ส่วนใครที่อยากเห็นตัวรถเต็มๆ พร้อมกับแบบวิ่งขยับได้สามารถดูได้ที่คลิปนี้  …

ปกติแล้วถ้าเรามองหาภาพวิวหรือสถานที่สวยๆ เราก็มักจะเห็นแต่มุมมองเดิมๆ สถานที่เดิมๆ ใครก็ไปกันแถมยังถ่ายภาพมาจากมุมเดียวกันเพียงเพราะหลายคนบอกว่าภาพมุมนี้มันสวยเท่านั้น แต่บางครั้งการมองโลกในมุมมองที่ต่างไปจากเดิม ก็จะทำให้เราได้เห็นภาพอันสวยงามและแปลกตาต่างไปจากภาพแบบเดิมๆ ที่เราเห็นกันบ่อยๆ รวมถึงสถานที่และสิ่งงดงามเหล่านี้ด้วยเช่นกัน…   อ่าวแห่งหนึ่งจากมุมมองของรีสอร์ท Novyi Svet ในคาบสมุทรไครเมีย   หน้าผาสีขาวในเกาะ Iturup ประเทศรัสเซีย   ภาพของถนนที่ตัดผ่าน Death Valley ประเทศสหรัฐอเมริกา   สระว่ายน้ำกระจกอันสวยงามที่พาดระหว่างตึกแห่งหนึ่งในลอนดอน   ปฏิมากรรมปลาในชายหาดเมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล ตัวปลาล้วนทำด้วยขวดพลาสติก เพื่อส่งเสริมการรีไซเคิล   ปล่องไฟจากโรงงานแห่งหนึ่งที่ตรงกับพระอาทิตย์ตกพอดี   สุดยอดภาพวาดที่มีเส้นตรงเป็นส่วนประกอบหลัก   สะพานที่สร้างจากรากไม้ในประเทศอินโดนิเซีย   ภาพเครื่องบินที่ทะลุผ่านก้อนเมฆลงมา ซึ่งมันเจ๋งจนละสายตาไม่ได้เลยทีเดียว   ภาพแสงจากดวงจันทร์สะท้อนลงบนภูเขาแห่งหนึ่ง   ยอดเขาเอเวอเรสต์จากมุมมองบนเครื่องบิน   สุดยอดภาพวาดที่ใช้เพียงแค่ดินสอไม้เท่านั้น!!   ภาพของต้นโอ๊กอายุพันปีที่มีโบสถ์อยู่ข้างใน ตั้งอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส   ภาพถ่ายเหนือสะพานเหนือแม่น้ำที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง ในรัฐอลาสก้า   ทางเดินกระจกสุดหวาดเสียวในประเทศจีนที่มีความสูงถึง 1,430 เมตร   ภาพของก้อนเมฆบนท้องฟ้าที่สะท้อนลงบนผืนน้ำที่ใสราวกับกระจก ในประเทศโบลิเวีย…

สำหรับเหล่าคุณพ่อคุณแม่แล้ว วินาทีแห่งการคลอดบุตรถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่ต้องการกำลังใจจากกันและอยู่ข้างๆ เสมอในวินาทีสำคัญของการกำเนิดชีวิต แต่ก็ใช่ว่าทุกคู่จะได้มีโอกาสอยู่พร้อมหน้ากันในช่วงเวลานั้น… Veronica Phillips คุณแม่ท้องแก่ใกล้คลอดผู้นี้ ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ได้มีโอกาสนั้นเช่นกัน เพราะสามีของเธอเป็นทหาร และต้องเดินทางไปรับใช้ชาติในช่วงเวลาสำคัญนี้พอดี     ด้วยเหตุนี้ Veronica จึงตัดสินใจถ่ายเซตภาพก่อนคลอดของเธอให้สวยงามที่สุด เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของเธอผ่านภาพเซตดังกล่าว และเธอก็ได้ Jennifer McMahon ช่างภาพฝีมือดีมาช่วยถ่ายภาพตามที่เธอต้องการ อย่างที่เรารู้กันว่า Brandon สามีของเธอต้องไปเป็นทหาร เธอจึงขอถ่ายรูปในเซตด้วยการใส่เสื้อของสามีในการถ่ายด้วย เพื่อเป็นการบ่งบอกว่าเธอยังคงนึกถึงเขาเสมอ     นอกจากนั้นเธอยังถาม Jennifer ว่า เป็นไปได้ไหมที่จะให้สามีของเธอมาอยู่ในรูปด้วยกัน?   แน่นอนว่าเธอตอบว่า ได้!!   หลังจากที่ Jennifer ได้รับรู้เรื่องราวความรักของ Veronica และ Brandon เธอถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ และอยากจะแชร์เรื่องราวนี้ให้กับคนอื่นๆ ได้รู้   เธอจึงได้โพสต์ภาพและเรื่องราวของเธอลงบนแฟนเพจของเธอ ซึ่งกระแสตอบรับก็ดีมากๆ เลยล่ะ   ชาวเน็ตต่างพากันมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวเรื่องราวของ Veronica มากมาย พร้อมบอกว่าเป็นเซตภาพที่สวยงามสุดๆ . .   บางคนก็ถึงกับหลั่งน้ำตาเช่นเดียวกับ Jennifer .  …

เป็นที่รู้กันดีว่าไม้ไผ่ ถือเป็นไม้ที่มีความยืดยุ่นมาก สามารถนำมาใช้เป็นวัสดุในการสร้างก่อสิ่งต่างๆ ได้เป็นอย่างดี และเป็นไม้ขึ้นชื่อของประเทศจีน อีกทั้งยังเป็นอาหารหลักของหมีแพนด้าอีกต่างหาก!! ด้วยเหตุนี้ศิลปินชาวจีนนามว่า Ge Qiantao จึงร่วมมือกับ George Kunihiro สถาปนิกผู้มีชื่อเสียง ได้จัดตั้งงาน International Bamboo Architecture Biennale ขึ้นมา โดยร่วมมือกันสร้างหมู่บ้านที่มีไม้ไผ่เป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่งตั้งรวมกับหมู่บ้าน Baoxi ของประเทศจีน     ส่วนสิ่งก่อสร้างต่างๆ ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พักรับรองและพิพิธภัณฑ์เซรามิก โดยใช้วัสดุธรรมชาติดั้งเดิมอย่างไม้ไผ่ผนวกเข้ากับการออกแบบสมัยใหม่ ส่วนทางด้านหมู่บ้าน Baoxi ก็ออกมาสนับสนุนอย่างเต็มที่ พร้อมกับหวังว่าโปรเจคดังกล่าวจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชมอาคารบ้านเรือน โรงแรม รวมถึงศูนย์การเรียนรู้ด้วย   ดีไซน์สวยงามและลงตัวมากๆ   แม้แต่ตัวสะพานในหมู่บ้านก็ยังมีส่วนผสมประกอบของไม้ไผ่ การออกแบบก็ดูดีเช่นกัน   ภายในของศูนย์วิจัยและออกแบบผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่ เรียบแต่หรู!!   ต้องยอมรับเลยว่าพวกเขาทำออกมาได้เยี่ยมจริงๆ   แม้จะบอกว่าเป็นบ้านไม้ไผ่ แต่ก็ไม่ได้ใช้แต่ไม้ไผ่อย่างเดียว เพราะยังต้องการความแข็งแรงและทนทาน   ตัวพิพิธภัณฑ์เซรามิก มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี   ภายในพิพิธภัณฑ์เซรามิก ก็มีดีไซน์สวยงามไม่แพ้อาคารหลังอื่นเลย   อีกมุมหนึ่งของศูนย์วิจัยและออกแบบผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่   ส่วนนี่ก็เป็นทางเดินของศูนย์ฯ   มุมมองจากภายในของตัวสะพานที่เราเห็นข้างนอกกันไปแล้ว…

สำหรับเส้นทางรถไฟฟ้าในตัวเมืองโดยปกติแล้วเราก็คงจะแค่มองผ่านๆ หรือจำเส้นทางที่เราจะไปเพียงเท่านั้น เพราะว่าถ้าจะให้จำได้หมดก็คงจะไม่ไหว เพราะมันมีหลากหลายเส้นทางเยอะแยะไปหมด แต่เราเคยคิดกันไหมว่าเส้นทางเหล่านี้พอดูดีๆ มันกลับสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ!! ศิลปินชาวอเมริกันนามว่า Peter Dovak ก็คงจะมองเห็นในจุดนั้นเช่นกัน เขาจึงได้จัดการนำภาพเส้นทางรถไฟสายต่างๆ ของแต่ละหัวเมืองทั่วทุกมุมโลกมารวมเป็นภาพกราฟฟิกสุดมินิมอลในสไตล์ของเขา     ภาพดังกล่าวมีชื่อผลงานว่า 220 Mini Metros ซึ่งเป็นการรวมเส้นทางรถไฟจากทุกมุมโลกไม่ว่าจะเป็นเมืองเล็กเมืองใหญ่ หรือแม้แต่เมืองที่มีเส้นทางเดียวเขาก็ยังหยิบมาอยู่ในผลงานนี้ด้วย นอกจากนั้นใครจะเชื่อว่าพอมองดีๆ แล้วภาพเส้นทางรถไฟของบางเมืองดูเป็นระเบียบกว่าที่คิดแถมยังสวยงามสุดๆ แม้จะมีเส้นทางเยอะแยะมากมายก็ตาม   สำหรับกรุงโซลที่แม้จะมีเส้นทางมากมายซะเหลือเกิน ดูยุ่งเหยิงพอสมควร แต่พอดูในแผนที่จริงๆ แต่ละเส้นสายก็จะมีระยะทางที่ห่างกันพอดูจนลบจุดดังกล่าวออกไปได้   ทว่าในส่วนของเมืองโตเกียวที่แม้จะมีเส้นทางเยอะเช่นกัน แต่จะเห็นได้ว่าเส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นเส้นทางที่ดูมีระเบียบและไปในทิศทางที่คล้ายๆ กัน   เมืองใหญ่อย่างปารีสที่มีการวางผังเมืองมาอย่างดี   สำหรับเซี่ยงไฮ้ จะเห็นว่ารถไฟเกือบทุกสายจะมีปลายทางที่มาจากนอกตัวเมืองและหมุนมาบรรจบกันที่ใจกลาง   ทางด้านปักกิ่ง ตัวเส้นทางรถไฟจะเน้นเป็นการทำมุม 45 องศาเสียส่วนใหญ่ และมีบางสายที่เป็นเส้นตรงยาวๆ   ทว่าสำหรับเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์ก เส้นทางกลับไม่ได้วนอยู่แค่ภายในเมือง แต่เป็นการกระจายไปทั่วและเส้นทางแต่ละสายก็จะยาวมากๆ   ทางด้านมาดริดก็ดีไม่แพ้กัน เส้นทางรถไฟของเมืองนี้จะมีทั้งเส้นขาออกไปนอกตัวเมืองหรือวนเวียนอยู่ภายใน และมีการอธิบายเส้นทางต่างๆ ที่เข้าใจได้ง่าย   ลอนดอนคืออีกหนึ่งเมืองหลวงที่มีผู้คนมากมาย จึงไม่แปลกที่เส้นทางในเมืองนี้จะมีให้เลือกหลากหลาย   ปิดท้ายด้วยมอสโควที่ผังทางรถไฟสุดยอด…

สำหรับคนทั่วๆ ไปแล้วหลังจากการซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัยสักแห่ง เมื่อเราได้เป็นเจ้าของแล้วที่แห่งนั้นก็จะกลายเป็นที่ของเรา แน่นอนว่าเราก็อยากจะตกแต่งมันให้เข้ากับสไตล์ที่เราชื่นชอบอย่างการทาสีห้อง แปะวอลเปเปอร์ หรือตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในส่วนของ Lauri Svedberg ก็รักในการแต่งบ้านเช่นกัน แต่อาจจะต่างไปจากที่แนวที่หลายคนเห็นได้บ่อยๆ เพราะเธอชื่นชอบในธรรมชาติและผืนดิน ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่แต่งบ้านให้เหมือนกับใครๆ โดยเธอเริ่มมันเริ่มตั้งแต่เมื่อปี 1979 ตอนที่เธอซื้อบ้านที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองมินนีแอโพลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา     สภาพภายในบ้านที่เธอตั้งใจตกแต่งให้สวย   บ้านของเธอเป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่สร้างในปี 1912 ประกอบด้วย 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำเท่านั้น แต่เธอก็คิดว่าจะปล่อยให้บ้านของตัวเองเป็นแบบนั้นไม่ได้ เธอจึงใช้เงินเดือนจากการเป็นครูของเธอมาเริ่มจัดการตกแต่งบ้านของตัวเอง ส่วนวิธีที่เธอใช้นั้นต้องบอกว่าสุดยอดและยอมในความพยายามของเธอเลย เธอใช้เพียงก้อนอิฐ ก้อนหิน และปืนกาวในการสร้างและตกแต่งบ้านของเธอเท่านั้น ลองจินตนาการบ้านที่ถูกตกแต่งด้วยวิธ๊ดังกล่าวและทำด้วยมือของคนคนเดียวดูสิ มันสุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ!?     เธอใช้เวลากว่า 35 ปีไปกับการตกแต่งบ้านของเธอด้วยปืนกาว บรรจงตกแต่งก้อนหินสวยๆ ที่ทั้งเก็บรวบรวมและซื้อจากที่ต่างๆ ให้อยู่ในทุกส่วนของตัวบ้าน แถมยังเปลี่ยนพื้นที่ข้างนอกเป็นสวยให้ดูสวยงามและน่าอยู่มากขึ้น ด้วยผลลัพท์ที่ออกมานั้น ก็คงจะเรียกว่าน่าพึ่งพอใจสำหรับเธอแล้วล่ะ…     ภาพของการตกแต่งบริเวณหน้าต่างของบ้าน   สวนภายนอกบ้านของเธอ . . .  …

ว่ากันว่าอากาศหนาวทำให้คนเหงา และยิ่งหิมะตก มันก็ยิ่งทำให้เหงาขึ้นไปใหญ่… Elsa Bleda ผู้เชี่ยวชาญการถ่ายภาพด้วยธีมสีนีออน ได้ทำการร่ายเวทย์มนต์เปลี่ยนค่ำคืนที่หิมะตกในเมืองอิสตันบูลที่แสนธรรมดากลายเป็นภาพบรรยากาศที่ชวนเหงา ด้วยภาพโทนสีม่วงนีออนของเธอ ผลงานของ Elsa เป็นส่วนผสมของสีและพื้นผิวอันบริสุทธิ์ ภาพวิสัยทัศน์ของเธอสะท้อนให้เห็นถึงความหลงไหลในแสงนีออนและภาพยนตร์เอเชียเป็นอย่างมาก ภาพผลงานของเธอในเซตนี้จะประกอบไปด้วยถนนที่ว่างเปล่าและถังขยะที่ถูกทิ้ง ชวนให้จินตนาการตามความคิดและการตีความของแต่ละคน     เธอได้อธิบายถึงงานชุดนี้ของเธอว่า “ภาพของฉันล้วนจะเป็นภาพที่มีความสามารถในการเล่าของในตัวมันเอง แทนที่จะให้ฉันมาเป็นคนเล่าเรื่อง ซึ่งฉันก็มักจะมีธีมและร่างภาพบรรยากาศต่างๆ ของภาพไว้ก่อนแล้วด้วย  และเมื่อฉันเริ่มถ่ายภาพ ฉันก็จะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของมันเอง โดยที่ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว พร้อมกับปล่อยให้ภาพสร้างเรื่องราวของตัวเองขึ้นมา หน้าที่เดียวของฉันคือถ่ายภาพและปล่อยให้คนที่ดูได้จินตนาการถึงสิ่งต่างๆ รวมถึงเรื่องราวของรูปนั้นๆ เอง”   .   สุดท้ายแล้ว ภาพทั้งหมดก็มีธีมที่ชวนเหงาเวลามองดูจริงๆ แถมพอดูแล้วก็ยังทำให้เรารู้สึกว่าตรงจุดนั้นน่าจะมีเรื่องราวอะไรบางอย่างแน่ๆ จนสามารถคิดตามได้ไม่รู้จบเลยทีเดียว ถ้าใครที่ชื่นชอบอยากจะติดตามผลงานของ Elsa เพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปติดตามอินสตาแกรมของเธอได้ที่ elsableda บอกเลยว่ายิ่งดู ก็จะยิ่งจะหลงรักงานภาพของเธอมากขึ้นเลยล่ะ   . . . . . . . . . . . . . . .…

ไม่ใช่แค่เฉพาะหมาแมวเท่านั้นหรอกนะ ที่ควรจะได้บ้านหรือที่นอนสวยๆ เพราะเพื่อนรักสัตว์ปีกอย่างนกก็สมควรที่จะได้รับบ้านหลังงามเช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ เช่นกัน และเชื่อว่าใครหลายๆ คนก็อยากจะลองเลี้ยงนกดูบ้าง เลี้ยงนกที่ว่าไม่ใช่การไปจับมันมาขังในกรงนะ หมายถึงการทำที่ให้อาหารไว้นอกบ้าน หรือกระทั่งทำบ้านเล็กๆ ไว้ให้นกผู้ตกเป็นเหยื่อของเรา เผลอมาวางไข่ทำรังนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ทาง Sourgrassbuilt จึงทำการเนรมิตรบ้านนกสุดเจ๋งขึ้นมา โดยการผสมผสานสถาปัตยกรรมของมนุษย์เข้าไปกับบ้านของนก จนออกมาเป็นบ้านนกที่มีดีไซน์สวยงามทั้งแบบที่คล้ายกับบ้านคนแบบโมเดิร์นตามที่หลายคนนิยมกัน     ตัวบ้านของนกนั้นทำมาจากไม้ทั้งหลัง ไม่ว่าจะเป็นไม้วอลนัต, ไม้ไผ่, ไม้สัก และไม้มะฮอกกานี ตามด้วยการทาสีด้วยสไตล์ป็อบโมเดิร์นเพื่อหลอกล่อให้เพื่อนสัตว์ปีกของเราเข้ามาอยู่ บรรยายกันมาขนาดนี้แล้ว ลองมาดูตัวอย่างกันเลยดีกว่า เผื่อเห็นแล้วถูกใจอยากจะซื้อไปตั้งให้นกที่บ้านสักหลัง   บ้านน้ำชา ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก San Francisco’s Japanese Tea Garden (จากสวนบริเวณสะพานโกลเด้นเกต ในซานฟรานซิสโก)   บ้านที่มีการผสมผสานรวมสไตล์สถาปัตยกรรมมากมายเข้าไว้ด้วยกัน   The Bauhaus บ้านไม้ที่มีรั้วต้นไม้เสริมเข้าไปให้ตัวบ้านดูมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น   ส่วนรุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากบ้านสไตล์ Eichler อายุหกสิบกว่าปีในซันนีเวล แคลิฟอร์เนีย และมีจุดใส่เมล็ดพืชต่างๆ ที่ทำจากโลหะ   The Kauai House บ้านสไตล์ริมชายหาดที่ได้แรงบันดาลใจจากชาวฮาวาย  …