Category: สาระรอบตัว
-
ช่างภาพเผยเบื้องหลังการถ่ายภาพอันสวยงาม กว่าจะได้ออกมาแต่ละรูปไม่ง่ายอย่างที่คิด!!
ภาพสวยๆ ที่เราเห็นกันนั้น ไม่ใช่ว่าจะกดชัตเตอร์ปุ๊บออกมาสวยปั๊บในทันที เพราะกว่าจะได้มาแต่ละรูปนั้น รู้หรือไม่ว่ามันต้องผ่านกระบวนการต่างๆ มากมายเลยทีเดียว และในวันนี้ #เหมียวขี้อ้อน ก็เลยอยากจะพาเพื่อนๆ ทุกคน ไปชมเบื้องหลังการถ่ายภาพสุดเจ๋งเหล่านี้กัน แล้วคุณจะได้เห็นว่ากว่าจะออกมาเป็นภาพสวยๆ ที่เราได้เห็นกันนั้น เบื้องหลังการทำงานของพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 …
-
จะเป็นอย่างไร!? ทดลองแต่งหน้าให้นางแบบ 365 ชั้น ภายในวันเดียวเท่ากับวันละ 1 ชั้นภายใน 1 ปี
ผู้หญิงทุกคนที่แต่งหน้า คงจะมีจุดประสงค์เดียวกันคือ “เพื่อความสวย” แต่บางคนต้องแต่งหน้าทุกวันอาจจะเป็นเพราะด้วยหน้าที่การงานที่ต้องพบปะผู้คน หรืออาจมีความจำเป็นอื่นๆ ขณะเดียวกัน คงไม่มีใครสงสัยหรอกใช่ไหมว่า ใน 1 ปี คุณผู้หญิงทั้งหลายใช้เครื่องสำอางไปในปริมาณเท่าไหร่กันบ้าง และถ้าหากทดลองแต่งหน้าแบบ 365 ชั้นภายในวันเดียว โดยไม่ล้างออก ลองคิดสิว่ามันจะเป็นอย่างไร และครั้งนี้เราได้นำคลิปวีดีโอจาก Lernert Engelberts และ Sander Plug 2 เมคอัพอาร์ทติสชาวเยอรมัน ผู้ที่ได้ทดลองแต่งหน้าบนใบหน้าของนางแบบ ด้วยวิธีการเดิมๆ ทั้งหมดกว่า 365 ชั้นในวันเดียว มาให้ได้ชมกัน ก่อนอื่นก็มารับชมคลิปวีดีโอกันเลย และนี่คือผลลัพธ์ที่ได้… สำหรับการทดลองในครั้งนี้ พวกเขาได้ใช้เวลาในการแต่งหน้าทั้งหมดถึง 9 ชั่วโมง โดยได้นางแบบสาวชาวเบลเยี่ยมมาเป็นแบบการทดลองในครั้งนี้ เราจะเห็นได้ว่าใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยรองพื้นที่หนามาก ภาพเปรียบเทียบก่อน และหลังแต่ง ช่างดูแตกต่างกันซะเหลือเกิน และนี่คือภาพเบื้องหลังของการถ่ายทำ . . . .…
-
เวรี่ล้ำ!! นี่คือ 15 คำศัพท์ง่ายๆ ที่คุณสามารถใช้แทนคำว่า “เวรี่” ได้ ลองเอาไปฝึกกันเก๋ๆ นะ
การใช้ภาษาอังกฤษในทุกวันนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากเลยนะ เพราะเนื่องจากประเทศของเราเปิด AEC แล้ว การได้เปรียบทางภาษาที่ 2 ที่ 3 ก็ใช้ช่วยให้เรามีความน่าสนใจมากกว่าคนที่พูดได้ภาษาเดียวแน่ๆ แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่คนฝึกพูดภาษาอังกฤษมักจะประสบปัญหากันก็คือ บางคนมีคลังคำศัพท์ในหัวเป็นจำนวนไม่มากเท่าที่ควร ทำให้เวลาที่ต้องนำมาใช้เลือกใช้แต่คำซ้ำๆ เดิมๆ เช่นคำว่า “Very” ที่หลายคนชอบหยิบเอามาวางไว้ข้างหน้าคำต่างๆ เพื่อให้รู้สึกถึงอาการที่ “มาก” กว่าปกติ เช่น Very Cold หรือ Very Hungry แต่ความจริงแล้วมันยังมีคำอื่นๆ ที่ใช้ขยายคำเหล่านั้นได้อีกเยอะเลยนะ แถมพูดแล้วดูเป็นมืออาชีพกว่าด้วย มีคำว่าอะไรบ้างเราลองมาดูกันเลย 1. Freezing (หนาวมาก หนาวถึงขั้นถูกแช่แข็ง) 2. Ancient (เก่ามาก = โบราณ) 3. Starving (หิวมาก) 4. Keen (กระตือรือร้นมากๆ) 5. Anxious (เป็นกังวลมากๆ) …
-
ประวัติ ‘สงครามนกอีมู’ ที่ออสเตรเลียประกาศสงครามกับนก แถมแพ้อีก จนถูกล้อถึงทุกวันนี้…
ในวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็อยากจะพาเพื่อนๆ ย้อนรอยไปกับเหตุการณ์สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศออสเตรเลีย กับสงครามนกอีมู หรือ The Great Emu War!! เรียกได้ว่าเป็นครั้งเดียวในประวัติศาสตร์มนุษยชาติเลยล่ะ ที่รัฐบาลประกาศสงครามอย่างเต็มรูปแบบกับสัตว์ แถมต้องประกาศยอมแพ้ จนเป็นความอัปยศของทหารประเทศออสเตรเลีย และถูกล้อกันเล่นๆ มาจนถึงทุกวันนี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงปี 1930 ขณะนั้นเหล่าทหารหาญของออสเตรเลียได้กลับจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ในยุโรป จับจอบจับเสียมทำนา ทำสวน ทำไร่อย่างเคย แต่ด้วยพื้นที่ๆ จำกัดตอนนั้น ทำให้ต้องบุกเบิกพื้นที่ใหม่ในโซนออสเตรเลียตะวันตก แต่มีอยู่ปัญหาหนึ่ง ซึ่งเป็นปัญหาใหม่มากๆ ของตอนนั้นก็คือเหล่านกอีมูนี่เอง!! นกอีมูถือเป็นสัตว์เจ้าถิ่นของแถบนั้น มันมีลักษณะคล้ายๆ กับนกกระจอกเทศอยู่หน่อยๆ ซึ่งในตอนนั้นมีจำนวนหลายหมื่น หรืออาจจะถึงหลักแสนครองพื้นที่แถบนั้นอยู่ แถมตัวก็ไม่ใช่จะเล็กๆ เพราะนกอีมูตัวเต็มวัยสามารถมีความสูงได้เกือบ 2 เมตร และมีน้ำหนักราวๆ 35-40 กิโลกรัม ชาวนาที่เป็นทหารผ่านศึกเก่าพอไปบุกเบิกพื้นที่ ก็ถูกนกอีมูเข้ามากินพืชผลจนเกลี้ยง ร้อนไปถึงทางรัฐบาลที่จัดสรรพื้นที่ทำกินให้กับพวกเขา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตอนนั้นคือ Sir George Pearce ผู้รับผิดชอบในด้านนี้โดยตรง เลยได้ลงนามคำสั่งประกาศ ‘สงคราม’ กับเหล่านกอีมูตัวร้ายซะเลย…
-
เจ้าหนูวัย 12 ยืนขวางม็อบที่ต่อต้าน ‘เกย์’ เหตุเพราะอยากปกป้อง ลุงเขาที่เป็นเกย์…
ต้องใช้ความกล้าขนาดไหนถึงจะทำได้ถึงขนาดนี้ ยิ่งเป็นเด็กน้อยในวัยแค่ 12 ปีด้วยแล้ว อาจเรียกได้ว่าเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตของเจ้าหนูเลยก็เป็นได้… หนึ่งในภาพอันทรงพลังที่สุดของสัปดาห์นี้ ท่ามกลางการเดินขบวนของกลุ่มต่อต้านเกย์ เพศที่สาม และการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันนับหมื่นคนที่มาชุมนุมเดินพาเหรดบนท้องถนนของเมือง Celaya ประเทศเม็กซิโก!!! นักข่าวสามารถจับภาพหนูน้อยคนหนึ่งที่มายืนเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ชุมนุม พร้อมกางแขนออกมาเพื่อขวางเอาไว้… ภาพนี้ถูกถ่ายโดยนักข่าวท้องถิ่นที่มีชื่อว่า Manuel Rodriguez โดยภายหลังได้ทราบมาว่าเด็กน้อยคนนี้อยู่กับคุณลุงของเขาที่เป็นเกย์ และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมครั้งนี้ ภาพถ่ายของเด็กน้อยวัย 12 ผู้หยุดมวลมหาประชาชนนับหมื่นคน!! Manuel Rodriguez นักข่าวผู้อยู่ในเหตุการณ์กล่าวว่า ‘ตอนแรกผมคิดว่าเด็กน้อยเข้าไปทำเพื่อถ่ายรูปเล่นๆ เท่านั้น ที่จริงแล้วเขาทำแบบนั้นเพราะต้องการปกป้องคุณลุงของเขา เขาเกลียดความเกลียดชังของผู้คนที่มีต่อเพศที่สาม’ โดยการเดินขบวนต่อต้านในครั้งนี้จัดขึ้นโดยองค์กร National Front for the Family สาเหตุก็เพราะว่าการเสนอกฎหมายอนุญาตให้เพศเดียวกันสามารถแต่งงานได้ของประธานาธิบดี President Enrique Pena Nieto ที่กำลังเป็นข้อถกเถียงอยู่ในตอนนี้… เป็นเจ้าหนูที่ใจกล้าจริงๆ ลองนึกภาพตามสิถ้าคุณเป็นเจ้าหนูคนนี้จะไปอยู่กลางถนนหรือเปล่า!? แต่เค้าทำทั้งหมดนี้ไปก็เพื่อปกป้องคนที่เขาเคารพรักเช่นกัน ที่มา: Metro
-
ห้างร้างในญี่ปุ่น แต่ยังต้องเปิดทำการอยู่ เพราะมี ‘ร้านหัวหอม’ เล็กๆ ขายอยู่ทุกวัน!?
ประเทศญี่ปุ่นมักจะมีอะไรน่ารักๆ ให้เราได้ชมกันเสมอ ถือว่าเป็นประเทศที่ค่อนข้างใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และความรู้สึกของผู้คนมากเลยก็ว่าได้ และเรื่องนี้ก็เช่นกัน… LC World Motosu ช็อปปิ้งมอลล์นั้น ตั้งอยู่ในจังหวัด Gifu ประเทศญี่ปุ่น เปิดทำการเมื่อราวๆ 24 ปีก่อนด้วยพื้นที่กว่า 100,000 ตารางเมตร ทำให้มีร้านค้าต่างๆ ภายในกว่า 107 ร้านด้วยกัน ความหวังแรกของผู้ก่อตั้งก็เพื่อให้ห้างแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางในการค้าขายของละแวกนี้ แต่พอเวลาผ่านไป กลับไม่เป็นอย่างที่เขาคาดหวังเอาไว้… เพราะตอนนี้มันได้กลายเป็นห้างร้างไปเสียแล้ว… จากมีทางเข้า-ออก หลายทาง ห้างก็ได้ทำการปิดจนเหลือเพียงแค่ทางเข้า-ออก เพียงแค่ทางเดียวเท่านั้น บรรยากาศวังเวงมากๆ เดินไปสักพักก็จะเจอร้านค้าอยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งเปิดขายอยู่ จากทั้งหมด 100 กว่าแผงที่มีอยู่ในห้าง ใครจะคิดละว่าห้างร้าง แต่ยังคงเปิดใช้งานได้อยู่ทุกวัน เพราะเปิดเพื่อร้านค้าร้านเดียวเท่านั้น… เป็นร้านขาย ‘หัวหอม’ เล็กๆ ราคาหัวละ 100 เยน ร้านค้าแห่งนี้ถึงจะเปิดขายอยู่ แต่ไม่มีพนักงานหรอกนะ เพราะจะมีกล่องอยู่ข้างๆ ให้ลูกค้าหย่อนเงินลงไปหลังจากหยิบสินค้า ถึงไอเดียร้านค้าบริการด้วยตนเองนี้จะไม่ได้เป็นเรื่องใหม่หรือในญี่ปุ่น แต่ก็ต้องยอมรับว่าน่ารักมากๆ…
-
คุณจะมีข้ออ้างอะไรอีก… Steve Alexy หนุ่มพิการทางสมอง เคลื่อนไหวลำบาก ก็ฟิตหุ่นได้
ขอแค่เราตั้งใจ อุปสรรคอะไรก็ไม่สามารถขัดขวางเราได้ และวันนี้ เรื่องราวสุดประทับใจของหนุ่มนักเพาะกายที่มีปัญหาทางสมองคนนี้ก็จะทำให้เพื่อนๆ ได้รู้ว่ามันไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงแต่อย่างใด Steve Alexy เป็นนักเพาะกายวัย 41 ปีที่มีปัญหาทางสมอง เขาเป็นโรค CP ย่อมาหรือ Cerebral Palsy ตั้งแต่เด็กๆ กล่าวคือ เขาจะมีปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ อย่างที่เราเคยเห็นบางคนที่ควบคุมตัวเองลำบาก เดินหรือยกแขนขาได้แบบไม่ปกติ เพราะว่ากล้ามเนื้อสมองของเขาเสียหายตั้งแต่ช่วงที่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ แถมไม่สามารถแบ่งตัวเพื่อทดแทนส่วนที่เสียหายได้ ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสจะกลับมาสู่ภาวะที่ปกติอีกแล้ว… Steve Alexy ผู้โชคร้ายมีปัญหาทางสมองมาตั้งแต่เด็กๆ 16 ปีก่อนเขาเลยตัดสินใจที่จะออกกำลังกายเพื่อช่วยในเรื่องของกล้ามเนื้อ ทำให้เขามีพละกำลังและขยับตัวได้ดีขึ้น แต่กระนั้นเขาก็เริ่มสนใจและเริ่มความท้าทายใหม่ๆ ด้วยการบอกกับเทรนเนอร์ของเขาว่า ‘ผมอยากเป็นนักเพาะกายครับ’ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็เริ่มเพาะกายเพื่อการแข่งขัน ด้วยแรงผลักดันและความมุ่งมั่นที่ว่าต้องการจะพิสูจน์ให้คทั่วไปได้เห็นว่าคนที่มีปัญหาทางสมองและการขยับร่างกายแบบเขานั้นก็สามารถทำได้เช่นกัน และไม่ว่าใครก็ไม่ควรดูถูกศักยภาพของคนที่ประสบปัญหาแบบเขา!!! นอกจากนี้การออกกำลังกายก็ทำให้อาการ CP ของเขาทุเลาลง และสามารถเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นอย่างมาก และล่าสุดเขาก็เข้าร่วมการประกวดเพาะกาย ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับเหล่าผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก แม้การโพสต์ท่าของเขาจะดูเก้ๆ กังๆ แต่ทุกคนก็รู้ว่าเขาควบคุมตรงนั้นไม่ได้… สิ่งสำคัญก็คือ เขาฟิตหุ่น อดทนยกเวท จนได้กล้ามเนื้อเหล่านี้มาต่างหาก!!! ในการแข่งขันครั้งนี้เขาได้รับรางวัล ‘ผู้ประสบความสำเร็จในการเพาะกายอย่างโดดเด่น’ มาด้วยล่ะ แถมผู้ชมหลายร้อยคนทั้งหอประชุมก็ต่างลุกขึ้นและปรบมือเพื่อให้กำลังใจกับเขาด้วย…
-
คุณยายวัย 92 เข้าร่วมเดินขบวนเพื่อ ‘คนรักเพศเดียวกัน’ กว่า 30 ปี และถือป้ายเดิมเสมอ!!
การเรียกร้องเกี่ยวกับเพศทางเลือกนั้น มีมานานตั้งแต่ในอดีต สมัยก่อนทางศาสนาประกาศให้พวกเขาเป็นพวกนอกรีตเสียด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นแหละ มันคือความเชื่อที่ผิดๆ และทำให้เกิดความสูญเสียต่างๆ มากมาย นอกจากการถูกสังคมรอบข้างครหาแล้ว เรื่องราวจะหนักขึ้นไปอีกถ้าครอบครัวของตัวเองไม่เข้าใจ แน่นอนว่าหลายๆ คนคงเคยประสบปัญหาแบบนั้นมาก่อน และคงเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่สำหรับหญิงชราคนนี้ Frances Goldin ในวัย 92 ปี (ปัจจุบัน) ที่ร่วมเดินขบวนเรียกร้องสิทธิให้กับเพศทางเลือกมากว่า 30 ปีเต็ม ด้วยการถือป้ายเดิมที่เธอใช้ตั้งแต่ครั้งแรกมาอยู่ตลอด ตั้งแต่อดีต เธอพยายามเรียกร้องสิทธิให้กับลูกสาวของเธอ ‘ฉันรักลูกสาวเลสเบี้ยนของฉัน’ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีหลายคนสามารถถ่ายภาพของเธอได้ ในการชุมนุมเรียกร้องสิทธิต่างๆ เป็นระยะเวลากว่า 30 ปีเต็ม ที่เธอถือป้ายเดิมๆ เข้าร่วมงานทุกครั้ง นี่คือภาพของเธอในการชุมนุมปี 2015 เธอถือป้ายเดิมเหมือนที่เคยทำมาตลอด แต่สร้างแรงบันดาลใจมากกว่าเดิมร้อยเท่าพันทวี เพราะทุกๆ คนต่างรู้ซึ่งถึงความมุ่งมั่นของเธอ ปี 2016 ก็เช่นกัน ที่เธอร่วมขบวนพาเหรด พร้อมกับป้ายเดิม หมวกเดิม และรอยยิ้มที่ทรงพลังเหมือนเดิม และทุกๆ ปี ก็จะมีผู้คนถ่ายภาพของเธอได้เหมือนเดิม ราวกับเป็นเอกลักษณ์ของงานไปซะแล้ว…
-
การ์ตูนสุดน่ารักบอกเล่าชีวิต ‘แม่’ เพราะการเป็นจะคุณแม่นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!!!
เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่นับว่าเป็นอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ หลังจากที่ใช้ชีวิตโสดมาอย่างยาวนาน มีคู่รักจนพัฒนาความสัมพันธ์เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน นั่นก็หมายถึงการสร้างครอบครัวเป็นของตัวเอง ฝ่ายชายก็ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น จะต้องคอยดูแลคนในครอบครัวไม่ให้อดอยาก ส่วนฝ่ายหญิงนั้นจะไม่พูดถึงเรื่องการดูแลเจ้าตัวน้อยก็คงไม่ได้ เพราะจะต้องเหนื่อยกับการดูแลลูกน้อยไม่แพ้กันกับฝ่ายชายเลย ถ้ายังนึกภาพไม่ออกก็ลองมาดูกับการ์ตูนชุด Mamá ilustrada สร้างสรรค์โดย Natalia Sabransky นักวาดภาพอิสระจากอาร์เจนตินา ที่ได้จำลองชีวิตจริงของเธอ สามีและลูกน้อย บอกเล่าถึงสิ่งที่คุณแม่จะต้องเจอในแต่ละวัน แต่งงานปุ๊บก็มักจะถูกถามว่า จะมีเจ้าตัวเล็กเมื่อไหร่ พอมีแล้วก็ถูกถามอีกว่า จะมีน้องให้ลูกอีกเมื่อไหร่!? ตอนพบว่าตั้งท้อง… นี่เหมือนอะไรทุกอย่างวิ่งเข้ามาในหัวเต็มไปหมด เป็นธรรมดาของผู้หญิง พอเป็นแม่ก็มักจะกังวลถึงรูปร่างที่เปลี่ยนไป ถามสามีว่าอ้วนมั้ย แล้วจะให้ตอบยังไงดี ฮร่า!? คุณแม่จะคอยมาแอบดูทุกครั้งที่เจ้าตัวเล็กหลับ เมื่อกลายมาเป็นคุณแม่แล้วจะต้องทำหลายๆ สิ่งได้ในเวลาเดียวกัน กลายมาเป็นคุณแม่ปุ๊บ ก็จะรู้สึกได้ว่าเหมือนมีลูกสองคน (เด็กน้อย + เด็กโข่ง) จากที่เคยคุยกับเพื่อนหลายๆ เรื่อง กลายเป็นว่าคุยแต่เรื่องลูกอย่างเดียว เป็นแม่คนแล้ว ก็จะมีคนติดสอยห้อยท้ายไปด้วยตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ ก่อนจะเป็นแม่ รกแค่นิดเดียว ไม่เป็นไร…
-
5 ฮีโร่เหตุการณ์วินาศกรรม 9/11 ที่สละชีวิตของตัวเอง เพื่อช่วยผู้คนอีกนับร้อย…
เผลอแปปเดียววันเวลาผ่านไปกว่า 15 ปีมาแล้ว สำหรับเหตุการณ์ 9/11 เครื่องบินพุ่งชนตึกเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์จนทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมาก ที่เกิดขึ้นในปี 2001 กล่าวถึงฮีโร่ ที่จริงแล้วการที่จะเป็นฮีโร่ได้นั้นไม่จำเป็นต้องมีพลังวิเศษอะไร แต่ฮีโร่นั้นเกิดขึ้นได้ก็เพราะว่าการเสียสละ ไม่เห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองและพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อิ่นไม่ใช่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายหรือย่ำแย่ขนาดไหน และเหตุการณ์ในวันนั้นก็ได้สร้างวีบุรุษมากมาย วันนี้ #จ่าสิบเหมียว เลยอยากถ่ายทอดเรื่องราวของเหล่าวีรบุรุษในวันนั้น ผู้ที่วิ่งเข้าหาปัญหาขณะที่คนอื่นๆ วิ่งหนี จนสามารถช่วยเหลือผู้คนไว้ได้มากมาย แต่พวกเขาก็คงไม่รู้ ว่าจะไม่ได้กลับไปเจอบ้าน เจอครอบครัวของพวกเขาอีกแล้ว… เจ้าหน้าที่ Moira Smith แห่งกรมตำรวจนิวยอร์ก เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจรายแรกๆ ที่รายงานเกี่ยวกับการจู่โจมของผู้ก่อการร้าย ในขณะที่เธอเห็นเครื่องบินพุ่งเข้าชนตึกเวิร์ลเทรด เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่เคยเป็นอดีตทหารผ่านศึกที่เคยรับใช้ชาติถึง 13 ปีมาก่อน ก็วิ่งเข้าไปในตึกอย่างรวดเร็วเพื่อทำการอพยพผู้คน ในวันนั้นมีผู้คนที่รอดชีวิตจากการหนีออกจากตึกหลายๆ คนจดจำเธอได้และได้เล่าว่า ‘เธอควบคุมสติได้เป็นอย่างดีในสถานการณ์ที่แสนกดดันนั้น’ Martin Glynn กล่าว ‘ผู้คนที่อพยพออกจากตึกนั้นรู้สึกถึงความมีสติและความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นเมื่อมีเธอเข้ามาคอยชี้นำ ในขณะที่คนอื่นวิ่งหนีเอาชีวิตรอด เธออยู่ที่นั่นเพื่อชี้นำพวกเขา ทำให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น’ เขากล่าวต่อ ในวันนั้นเธอได้รับยกย่องว่าช่วยชีวิตผู้คนนับร้อยๆ คน แต่กระนั้น เธอกลับเสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว และเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงเพียงคนเดียวของกรมตำรวจนิวยอร์กที่เสียชีวิตในวันนั้น เธอไม่ได้กลับไปหาสามีและลูกสาววัย 2 ขวบของเธออีกเลย… Welles Crowther พนักงานธนาคารธรรมดาๆ คนหนึ่งสู่การเป็นฮีโร่…
-
หนุ่มอะบอริจิน เจอโต๊ะข้างๆ นินทาเหยียดเชื้อชาติ… เขากลับ ‘เลี้ยงน้ำชา’ ตอบแทนซะ!!!
ในส่วนของการเหยียดผิวหรือเชื้อชาตินั้น ถึงแม้จะมีการรณรงค์จากทั่วโลกว่าเป็นการกระทำที่ไม่ดี ไม่น่าเชิดชู และไม่ควรฝังความคิดลงไปให้กับเด็กๆ รุ่นใหม่ แต่กระนั้น ในสังคมเราก็ยังคงเห็นผู้คนทำเรื่องแบบนี้ต่อกันอยู่ดี Jared Wall ก็เป็นหนึ่งในนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนสัญชาติออสเตรเลีย แต่โดยพื้นเพแล้ว เขาเป็นชาวอะบอริจิน ที่เป็นชนพื้นเมืองเดิมของประเทศแห่งนี้ก่อนการเข้ามาของชาวตะวันตก ในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เขาและเพื่อนไปนั่ง เขาเผอิญไปได้ยินผู้หญิงผิวขาวสองคนกำลังพูดจาเกี่ยวกับการเหยียดเชื้อชาติอะบอริจินของเขาอยู่… โพสต์ของเขาที่กล่าวถึึงเรื่องนี้ ข้อความจากโพสต์คือ ‘วันนี้เราไปทานข้าวกลางวันที่ร้าน อาหารอร่อยมาก แต่โชคร้ายหน่อยที่เราดันไปได้ยินหญิงชราสองคนที่นั่งข้างๆ พูดคุยเกี่ยวกับเชื้อชาติของเรา (อะบอริจิน) ในเชิงเหยียดๆ พูดจริงๆ เราสามารถบันดาลโทสะตอนนั้นเสียก็ได้ แต่ผมเลือกอีกทางนั่นก็คือเลี้ยงน้ำชาให้กับพวกเขา พร้อมกับโน๊ตเล็กๆ น่ารักติดไปด้วย หวังว่าคราวหลังทั้งสองจะพูดก่อนคิดและที่สำคัญที่สุดก็คือเลิกทำพฤติกรรมแบบนี้เสีย’ Jared Wall ใครได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้ก็คงจะโกรธหัวร้อนเป็นฟืนเป็นไฟกันอยู่แล้ว แต่แทนที่ Jared จะเข้าไปต่อว่าผู้หญิงทั้งสอง เขากลับทำสิ่งที่แปลกออกไป คือซื้อน้ำชาในร้านเลี้ยงเธอทั้งสองซะเลย พร้อมกับข้อความสั้นๆ แต่ทรงพลังเขียนติดไปกับใบเสร็จรับเงิน ‘Enjoy the tea! Compliments of the 2 aboriginals sitting…
-
ผู้เชี่ยวชาญแนะ 12 ข้อปฏิบัติที่ควรทำ เมื่อพบว่าคนใกล้ตัวคุณ อยากจะฆ่าตัวตาย…
ในโลกสังคมแห่งยุคสมัยที่เต็มไปด้วย การแข่งขัน การเอาชนะ และ การอยู่รอด อะไรๆก็ดูจะวุ่นวายไปหมด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำให้มีอัตราผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า พุ่งกระฉูดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และด้วยความเครียด ความเหนื่อยล้า หรือการท้อแท้จากปัญหาต่างๆในชีวิต อาจจะทำให้ใครหลายๆคนรู้สึกหมดหวัง หมดกำลังใจ ไม่มีแรงที่จะก้าวเดินต่อไป และผลสุดท้ายหลายๆคนก็เลือกที่จะจบชีวิตลงด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าเรื่องนี้อาจจะดูไกลตัว แต่เชื่อหรือไม่ว่ามันใกล้ตัวกว่าที่เราคิด เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนรัก หรือคนใกล้ตัวที่เราสนิทสนม เขากำลังคิดอะไรอยู่ แล้วถ้าวันหนึ่งเขาคิดอยากจะปลิดชีวิตตัวเองลงล่ะ? มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ และนี่คือ 12 คำแนะนำที่เราควรจะปฏิบัติแก่คนใกล้ตัว เมื่อรู้ว่าพวกเขามีอาการป่วยทางจิต โดย Dr. Christine Moutier หัวหน้าทางการแพทย์ ประจำมูลนิธิการป้องกันเหตุฆ่าตัวตาย ประเทศสหรัฐอเมริกา 1. จงเชื่อมั่นในลางสังหรณ์ของคุณ เมื่อรู้สึกถึงคนมีปัญหา หลายๆ ครั้งที่มักจะมีสัญญาณเตือนออกมาจากปากของผู้ป่วยคนนั้น อย่างเช่น “ฉันรู้สึกว่ามันไม่มีเหตุผลที่จะใช้ชีวิตต่อไปอีก” หรือบางทีพวกเขาอาจจะไม่อยากพบปะผู้คน หรือแม้แต่คนในครอบครัวเดียวกัน ถ้าหากสัญชาติญาณในตัวคุณทำให้คุณรู้สึกว่าคนใกล้ตัวกำลังมีปัญหา เราไม่ควรจะเพิกเฉย แต่อย่างน้อยก็ควรที่จะเข้าไปพูดคุย รับฟังปัญหาต่างๆจากพวกเขาบ้าง 2. เป็นคนที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ลองจินตนาการตามดูว่า ถ้าหากคุณพ่อของเราป่วย คนทั้งบ้านต่างก็ช่วยกันปรึกษาหารือ หาวิธีรักษาคุณพ่อ…
-
หิวเมื่อไร ต้องไปตามดูแฮชแท็ก #รีวิวเซเว่น อะไรอร่อยอะไรห่วย มีรีวิวเพียบ!!
ทุกวันนี้ในร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่นแทบจะเต็มไปด้วยอาหารการกินทุกรูปแบบแล้วก็ว่าได้ ตั้งแต่อาหารแห้ง เครื่องดื่ม ขนม อาหารเย็น อาหารร้อน หรือแม้แต่ผักผลไม้ก็มีขายกันแล้ว จนถึงตอนนี้มีอาหารและเมนูใหม่ๆ ถือกำเนิดขึ้นจากร้านสะดวกซื้อมากมาย ชาวเน็ตในทวิตเตอร์จึงรวมตัวกันโพสต์ภาพของกินแจ่มๆ รสชาติโดนๆ ที่หาซื้อได้ตามเซเว่นพร้อมกับติดแฮชแท็ก #รีวิวเซเว่น บางเมนูมีขายเฉพาะสาขา บางเมนูหยุดขายไปแล้วก็มี ลองไปดูกันว่าชาวเน็ตเขาชอบกินอะไรกันบ้าง!? 1. แซนวิชเค้กชาเขียว 2. ผลไม้แช่เย็นชุบช็อคโกแลตและสตรอเบอร์รี่ 3. ปลาหมึกย่าง 4. เบอร์เกอร์แซลมอน 5. ชาเชียวและใบแปะก๊วยสกัด 6. ซุปมิโซะ 7. น้ำผึ้งมะนาวโซดา 8. บิสกิตช็อคโกแลต 9. ครัวซองแฮมชีส 10. เบอร์เกอร์หมูชีส 11. ไข่ช็อคโกแลต 12. แท่งข้าวโอ๊ต 13. บุกเส้นน้ำยากะทิ 14.…
-
สาวคนนี้พิสูจน์ให้เราได้เห็นว่า “การอดอาหาร” ไม่ได้ทำให้เรามีรูปร่างที่ดีได้อย่างที่คิด!?
หลายคนอาจจะมีความเชื่อว่าการกินอาหารน้อยๆ นั้นจะทำให้น้ำหนักของเขาลดและมีหุ่นที่ดีได้ หลายคนได้ตัดมืออาหารบางมื้อไป หรือบางคนก็กินแค่มื้อเดียว ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะมันขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วย ความจริงแล้วกิจวัตรประจำวันคือหนึ่งตัวแปรที่สำคัญที่จะบอกว่าเราควรกินอาหารประมาณเท่าไหร่ถึงจะพอดีต่อร่างกายในแต่ละวัน บางที 1,000 แคลอรี่ต่อวันก็ไม่เพียงพอสำหรับผู้หญิงบางคนที่เผาผลาญได้มาก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่บล็อกเกอร์ทางด้านฟิตเนส Madalin Frodsham ได้ค้นพบวิธีดีๆ สำหรับการกินอาหารในแต่ละวัน เธอได้ตั้งเป้าไว้อย่างแน่วแน่และจริงจังเกี่ยวกับการออกกำลังกาย และเธอก็กะไว้ว่าจะกินวันละ 800 แคลอรี่ต่อวันในช่วงที่กำลังออกกำลังกาย แต่พอทำไปนานๆ กลับพบว่ามันไม่ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เธอจึงไปปรึกษากับนักโภชนาการ และเราก็แนะนำให้เธอกินมากขึ้นกว่าเดิม หลังจากนั้นเธอก็กินเพิ่มไปอีก 1,000 แคลอรี่ต่อวันและนั่นก็ทำให้เธอเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น Madeline ในภาพด้านซ้าย ดูผอมและสุขภาพดี กว่าจะได้แบบนี้นักโภชนาการได้แนะนำให้เธอกินเยอะๆ โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรต “เขาที่เขาบอกฉันว่าให้กินคาร์โบไฮเดรตเพิ่มอีก 50% ฉันแทบบ้า ฉันกินคาร์โบแค่ 10% ก่อนที่จะมาปรึกษา แล้วก็กลัวว่าถ้ากินเยอะขนาดนั้นฉันคงต้องอ้วนแน่ๆ” การกินน้อยๆ จะทำให้ร่างกายของเราเค้าสู่ภาวะกักเก็บ หมายความว่าคุณก็จะมีพลังงานไว้สำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งก็คือไม่ยอมเผาผลาญสิ่งที่กินเข้าไป เพื่อตุนพลังงานไว้สำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ สิ่งที่นักโภชนาการแนะนำเธอก็คือการกินคาร์โบไฮเดรตให้มากๆ เพื่อที่ว่าเธอจะได้มีพลังงานเอาไว้ออกกำลังกายได้อย่างเหลือเฟือ มันไม่ง่ายเลยที่จะกินเพิ่มเข้าไปอีกเพราะว่ามันไม่ชิน แต่เธอก็ได้รับรู้แล้วว่ามันมีผลดีกับเธอมาก “ฉันจำได้ดีเลยว่าต้องพยายามอย่างมากในการกินอาหารเยอะๆ ฉันวางอาหารเที่ยงไว้ข้างๆ โต๊ะแล้วใช้เวลากว่า 3…
-
ชายหนุ่มยื่นมือเข้าช่วยพ่อแม่มือใหม่ ที่ลูกน้อยร้องไม่หยุดระหว่างไฟลท์บิน เล่นเอายิ้มทั้งเครื่อง!!
เรื่องราวน่ารักๆ นี้เกิดขึ้นบนสายการบินแห่งหนึ่ง ถึงจะเป็นเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็สร้างความประทับใจให้กับผู้โดยสารรายอื่นๆ บนเครื่องและชาวเน็ตได้อย่างมากมายเลยล่ะ… แน่นอนว่าการพาลูกน้อยเดินทางบนเครื่องบิน มันเป็นอะไรที่ยากลำบาก ยิ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ด้วยแล้ว หากลูกร้องขึ้นมา นอกจากจะต้องกังวลว่าลูกเป็นอะไรรึเปล่า ยังต้องเกรงใจผู้โดยสารคนอื่น เพราะคงไม่มีใครชอบเสียงเด็กร้องดังแน่ๆ คุณพ่อแม่มือใหม่ที่มีเหตุจำเป็นต้องพาลูกเดินทาง แต่เจ้าหนูก็ร้องลั่นขึ้นมา ไม่ได้หิว ผ้าอ้อมก็เปลี่ยนแล้ว แต่ทำไมถึงยังร้องล่ะ ทั้งสองคนทำอะไรไม่ถูก จะเปิดหาข้อมูลในเน็ตก็ไม่ได้เพราะอยู่บนเครื่องบิน และแน่นอนมันรบกวนผู้โดยสารคนอื่นอย่างมาก แต่แล้วชายหนุ่มคนนี้ก็เดินเข้ามาให้ความช่วยเหลือ… รายละเอียดในโพสต์จากเพจของ GAFollowers – Everything Georgia เขียนไว้ว่า ‘ไฟลท์เที่ยวไปจอร์เจีย ชายหนุ่มนิรนามเดินมาใกล้ๆ กับคุณแม่มือใหม่ เขามาช่วยปลอบประโลมลูกของเธอที่กำลังร้องไห้อยู่ เพราะเธอเป็นผู้หญิงท้องและต้องเดินทางด้วยตัวคนเดียว’ ‘เขาเดินไปเดินมาเกือบตลอดไฟลท์เพื่อช่วยเหลือคุณแม่มือใหม่คนนั้น ราวกับว่าเจ้าหนูคนนั้นเป็นลูกของเขาเองเลยทีเดียว’ จากโพสต์ (ไฟลท์จาก Minneapolis ไปยัง Georgia นั้นใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว) Angela Byrd หนึ่งในผุ้โดยสารกล่าวว่า ‘ฉันรู้สึกปลาบปลื้มใจมากๆ จนน้ำตาซึมเลยล่ะที่ได้เห็นการกระทำดังกล่าว เห็นได้ชัดเลยว่าทุกๆ ที่บนโลกของเรานั้นยังมีคนดีอยู่’ นอกจากนี้เรื่องนี้ก็เป็นที่ประทับใจมากคนผู้คนกดไลค์และแชร์ออกไปมากมายนับพันครั้ง หลายๆ คนพอได้ยินเด็กๆ ร้องไห้บนเครื่องบินแล้วก็คงจะรำคาญ…
-
เจ้าหนูวัย 14 เห็นชายไร้บ้านรองเท้าขาดซอมซ่อ เขาตัดสินใจ ‘เสียสละ’ รองเท้าตัวเองให้…
ช่วงที่ผ่านมาไม่นานนี้เป็นช่วงเทศกาลวันแรงงานของประเทศสหรัฐอเมริกา หลายๆ คนอาจจะเฉลิมฉลองกันในรูปแบบต่างๆ แต่ไม่ใช่กับหนุ่มน้อยคนนี้ LaRon Tunstill หนุ่มวัย 14 ปีจากรัฐเคนทัคกี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา วันหนึ่งขณะที่เขาไปร่วมงานเลี้ยงปาร์ตี้บาร์บีคิว ที่คุณ Jason Reynolds ผู้ซึ่งจัดโครงการ PurpMe ดูแลคนยากไร้ในละแวกนั้นเป็นประจำ และเขาก็เข้าร่วมเป็นประจำด้วยเช่นกัน… ในตอนนั้น LaRon (หรือที่คนละแวกนั้นเรียกเขาว่าเจ้าหนู RonRon) ก็เจอคนไร้บ้านคนหนึ่ง รองเท้าของเขาขาดยับเยิน… เห็นดังนั้น RonRon เลยถอดรองเท้าคู่ใหม่ของเขาทันที และนำไปมอบให้กับชายไร้บ้านคนนั้น ซึ่งตอนแรกชายคนนั้นก็รู้สึกลังเลและเกรงใจที่จะรับมาก เพราะรองเท้าคู่นั้นก็ไม่ได้ราคาถูกๆ เลย แต่เจ้าหนูก็พูดออกไปว่า ‘รับไปเถอะครับคุณ เพราะนี่คือสิ่งที่พระเจ้าเห็นว่าผมควรทำ’ เหตุการณ์นี้ทำให้ Jason Reynolds เจ้าของมูลนิธิรู้สึกประทับใจมาก ‘ชีวิตของผมเปลี่ยนไปเลยล่ะที่ได้เห็นโมเม้นต์สุดประทับใจนี้’ คลิปที่คนตรงนั้นบันทึกโมเม้นต์สุดประทับใจ (ถ้าชมคลิปไม่ได้คลิกที่นี่ครับ) Ronron gave his shoes to the homeless man โพสต์โดย Purpme บน 5 กันยายน 2016 ตอนนี้ Jason ก็ได้จัดแคมเปญในเพจ GoFundMe เพื่อนำเงินบริจาคจากการระดมทุนนำไปช่วยเด็กๆ…
-
เผยสารพัด 20 ประโยชน์ดีๆ จาก ‘เทปกาว’ นำมาประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน
‘สก็อตเทป’ ไอเท็มอีกหนึ่งชิ้นที่ต้องมีอยู่ทุกบ้าน ไม่ว่าจะติดกระดาษ ติดของใช้ต่างๆ หรือแม้แต่ธนบัตรขาด (แต่เงินไม่มีช่วยไม่ได้นะ) ก็สามารถใช้กาวจากสก็อตเทปติดมันอีกครั้ง เพื่อให้มันยังคงใช้งานต่อได้ แล้วรู้กันหรือไม่ว่า นอกจากประโยชน์ใช้สอยทั่วๆ ไปของมันแล้ว สก็อตเทปยังมีความพิเศษที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อีกสารพัดประโยชน์ แต่สำหรับในบางกรณี มันก็เหมาะที่จะเอามาใช้ในเวลาฉุกเฉิน หรือจำเป็นจริงๆเท่านั้น 1. ใช้ซ่อมรองเท้าผ้าใบคู่เก่า ถ้าหากรองเท้าผ้าใบของใครมีสภาพขาดออกจากกัน เราสามารถใช้สก็อตเทปช่วยติดไว้ได้ชั่วคราว ขอย้ำว่าชั่วคราว อย่างน้อยก็พอจะช่วยให้เราไม่ต้องหารองเท้าคู่ใหม่ด้วยเท้าเปล่า แต่วิธีนี้คงไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องดูดี มีสไตล์ ตลอดเวลานะจ๊ะ 2. ใช้ทำเตียงฉุกเฉิน ถ้าหากเราตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน มีคนได้รับบาดเจ็บและมีความจำเป็นจริงๆที่จะต้องเคลื่อนย้าย เราสามารถนำสก็อตเทปแบบหนามาพันและสานกันระหว่างไม้หามทั้งสอง ให้ออกมาเป็นเตียงฉุกเฉินได้ แต่งานนี้ขอเตือนก่อนนะว่าวิธีนี้อาจจะเวิร์คสำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวที่ไม่มากเท่านั้น เพราะยังไงมันก็ยังสู้เตียงฉุกเฉินแบบของจริงไม่ได้อยู่ดี 3. ใช้เปิดขวดโหลได้ง่ายขึ้น ถ้าเราเจอปัญหาเปิดขวดโหลยังไง มันก็ไม่ยอมหมุนออกซักที ให้ลองใช้วิธีนำสก็อตเทปมาพันรอบฝาไว้ ทิ้งไว้ซักพักแล้วลองดึงมันออก อะโลฮ่า!!! คุณจะพบว่าการเปิดขวดโหลมันช่างง่ายดายซะเหลือเกิน แล้วถ้ายังไม่ได้ล่ะ? ก็ขอให้ลองใหม่อีกครั้ง และถ้ายังไม่ได้อีก เราขอแนะนำให้ไปซื้อขวดใหม่เลยจ้า ฮร่าๆๆๆ 4. ใช้ทำเป็นลูกกลิ้งกำจัดขน อีกวิธีการนำสิ่งของมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สุดๆ เพียงแค่นำสก็อตเทปพันไว้กับลูกกลิ้งทาสี โดยให้หันด้านกาวออก เพียงแค่นี้เราก็จะได้ลูกกลิ้งสำหรับกำจัดเศษฝุ่นหรือขนจากสัตว์เลี้ยง…
-
เคยสงสัยไหม เหตุใดรางรถไฟต้องมีก้อนหิน? เพราะมันช่วยป้องกันอุบัติเหตุได้ยังไงล่ะ
การเดินทางด้วยรถไฟถือเป็นหนึ่งในการเดินทางที่สะดวกสบายและรวดเร็วที่สุดวิธีหนึ่งเลยก็ว่าได้ (กรณีในต่างประเทศ) แต่คุณเคยสงสัยไหมว่า ตั้งแต่สมัยที่รถไฟยังเป็นเพียงรถจักรไอน้ำและกลายมาเป็นรถไฟความเร็วสูง ทำไมพวกเขาถึงต้องมีก้อนหินวางไว้รอบๆ รางรถไฟ? หินที่ทุกคนสงสัยกันมานาน ความจริงแล้วมันมีชื่อเรียกว่า “บัลลาสต์แทร็ก” ก้อนหินเหล่านี้ช่วยให้รางรถไฟมีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะเนื่องจากรางรถไฟสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา อันเนื่องมาจากอุณหภูมิความร้อน การเคลื่อนตัวของดินและแรงสั่นสะเทือน ก้อนหินพวกนี้จะเป็นตัวซึมซับแรงกระแทก ความร้อน ช่วยให้รางไม่เคลื่อนออกจากที่ที่มันควรอยู่ วิศวกรเริ่มใช้วิธีนี้ในการสร้างรางรถไฟมากว่า 200 กว่าปีแล้ว และยังคงใช้มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันไม่ให้รางรถไฟทรุดตัวเมื่อถูกน้ำพัดไปด้วย อย่างเช่นภาพนี้จะเห็นได้ว่ารางรถไฟถูกวางไว้ริมทะเล ส่วนที่เป็นหินยังทำให้รางรถไฟคงรูปร่างเดิมอยู่ แต่ในส่วนที่ไม่มีหินจะเห็นว่ารางหย่อนลงไปอย่างน่าหวาดเสียว ผลพลอยได้จากการใช้หินมาราดลงบนรางรถไฟ ยังทำให้ต้นไม้ใบหญ้าหรือวัชพืชต่างๆ ไม่มาเติบโตบริเวณรางรถไฟด้วย แล้วใครกันล่ะที่จะมีเวลามากพอไปโรยก้อนหินเหล่านั้น? อันที่จริงแล้วบนขบวนรถไฟจะมีช่องไว้สำหรับโปรยก้อนหิน ทำให้สามารถโรยหินลงไปได้เท่าๆ กันทั้งรางเลย . . . นี่แหละคือที่มาที่ไปของก้อนหินรอบๆ รางรถไฟ มันสำคัญอย่างนี้นี่เอง ที่มา lifebuzz
-
รู้จักกับ Gunnar Garfors อายุเพียง 37 ปี แต่เดินทางรอบโลกมาแล้วกว่า 198 ประเทศ!!!
หลายคนชอบการท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ ที่เราไม่เคยไป เพื่อที่จะได้เห็นสิ่งที่เราไม่เคยพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศ บ้านเรือน และผู้คนที่บางครั้งเราก็ไม่สามารถสื่อสารให้เข้าใจกันได้ แต่ทั้งหมดที่เราได้ก็คือประสบการณ์แปลกใหม่ แต่ก็คงไม่มีใครที่น่าอิจฉาไปกว่าหนุ่มคนนี้อีกแล้ว เพราะเขาได้เที่ยวมาเกือบทุกประเทศทั่วโลกรวมแล้วกว่า 198 ประเทศ แต่อายุของเขาแค่ 37 ปีเท่านั้นเอง Gunnar Garfors ทำงานให้กับ Norgwegian Broadcasting Corporation (NRK) และระหว่างนั้นเขาก็ได้ทำการวางแผนเที่ยวรอบโลกไปด้วย อีกทั้งเขายังได้รับบันทึกในกินเนสบุ๊กไว้ด้วยว่าเป็นชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดที่ได้เดินทางรอบโลก นั่นก็คือ 37 ปี ไปมาแล้วกว่า 198 ประเทศ เขาได้เล่าเรื่องราวการเดินทางของเขาเป็นตัวหนังสือแล้วทำเป็นเล่มขายชื่อว่า 198: How I Ran Out Of Countries เพื่อนของเขาที่ไปเที่ยวด้วยเป็นคนถ่ายภาพนี้ ซึ่งเป็นหญิงสาวในอัฟกานิสถาน Garfor และไกด์กำลังติดอยู่ในน้ำแข็งที่แอนตาร์ติกา ออกไปชิลกับเพนกวิ้น และนี่ก็คือชุดตัวเก่งของเขาที่จะทำให้เขาได้รับการบริการที่ดี อีกทั้งยังมีสิ่งของสำคัญเก็บไว้ในตัวมากมาย เขายอมรับว่าไม่ได้ชอบเบียร์โอบาม่า เป็นยี่ห้อที่โด่งดังมากๆ ในประเทศ Benin …
-
ดำดิ่งลงใต้บาดาล รู้จักการ “ถ่ายภาพใต้น้ำ” ครั้งแรกในโลก ว่ามีกระบวนการทำอย่างไร…
ปัจจุบันเทคโนโลยีการถ่ายภาพนั้นล้ำหน้าไปอย่างมาก โดยเฉพาะการถ่ายภาพใต้น้ำที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ซึ่งถ้าเทียบกับเมื่อก่อน ตอนที่กล้องถ่ายรูปเป็นสิ่งเข้าถึงยาก การถ่ายภาพใตน้ำต้องใช้อุปกรณ์ช่วยเยอะแยะมากมาย และวันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปพบกับการถ่ายภาพใต้น้ำครั้งแรกของโลก ซึ่งโด่งดังอย่างมากในสมัยก่อน เพราะเทคโนโลยีสมัยนั้นยังไม่ก้าวหน้าเหมือนตอนนี้ Louis Boutan ชาวฝรั่งเศส เขาเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบการถ่ายภาพและการดำน้ำ ซึ่งเขานี่แหละคือเข้าของภาพใต้น้ำใบแรกของโลก ภาพนี้เขาถ่ายขึ้นเมื่อปี 1893 ที่ Banyuls-sur-Mer ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส โดยเขาได้ตกหลุมรักการดำน้ำหลังจากได้เข้าทำงานกับทหารเรือ แล้วก็ได้ค้นพบว่าการถ่ายภาพใต้น้ำนั้นเป็นประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย ด้วยความช่วยเหลือจากพี่ชาย Louis ได้ประดิษฐ์กล้องสำหรับเอาไว้ถ่ายใต้น้ำครั้งแรกในปี 1893 ซึ่งในตอนนั้นมันค่อนข้างลำบาก เพราะว่าเขาเป็นทั้งช่างภาพและนักดำน้ำด้วย ต้องทำทุกอย่างพร้อมกันใต้น้ำ และสิ่งที่ยากที่สุดก็คือการจัดแสงโดยการใช้แฟลช ซึ่งแน่นอนว่าในน้ำนั้นเป็นไปได้ยาก… เขาจึงประดิษฐ์ตะเกียงแอลกอฮอล์ที่เชื่อมต่อกับถังออกซิเจนเพื่อที่จะได้เอาไปใช้ในน้ำ และใช้หลอดไฟกับผงแม็กนีเซียมเพื่อทำเป็นแฟลชภายใต้ครอบแก้วที่เป็นตะเกียง ถึงแม้ว่าการสร้างแสงไฟครั้งนี้จะได้ผลดี แต่อุปกรณ์มันก็ใหญ่มากๆ เขาจึงพยายามสร้างให้มันเล็กลงจนสามารถเคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้น จนกระทั่งอุปกรณ์ของเขาก็สำเร็จ และสามารถ่ายภาพใต้น้ำได้ดีขึ้น หากใครนึกภาพไม่ออก ลองชมคลิปวิดีโอเล่าเรื่องราวการถ่ายภาพ (คลิกชมได้ที่นี่ หากคลิปไม่ขึ้น) และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการถ่ายภาพใต้น้ำครั้งแรกที่เกิดขึ้นบนโลกของเรา ทำให้ได้เห็นกว่าเมื่อก่อน กว่าจะได้อะไรยากๆ มามันต้องผ่านอะไรมาเยอะมากเลย ที่มา petapixel, underwater360
-
10 เหตุผลที่จะมาพิสูจน์ว่า ‘Joker’ คือวายร้ายที่น่ากลัว และอันตรายมากที่สุด!!
เมื่อกล่าวถึงตัวร้ายอย่าง Joker ที่เป็นคู่ปรับตลอดกาลของ Batman แล้ว เพื่อนๆ หายคนก็คงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่หลายๆ คนกคิดว่าเขาเป็นแค่วายร้ายธรรมดา ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ แต่ขอบอกไว้เลยว่าคิดผิด!! เพราะจริงๆ แล้ว Joker น่ะโหดเหี้ยมสุดๆ ไปเลยล่ะ และในวันนี้เอง #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปพิสูจน์กันว่า เขาคือวายร้ายที่มีความน่ากลัวที่สุดแล้ว (เรื่องราวทั้งหมดอาจจะมีบางส่วนไม่ได้เห็นในภาพยนตร์ เพราะอิงจากใน Comics นะจ๊ะ) 1. Joker เป็นคนฆ่า Robin จากตอน Death in the Family หลังจากที่ Joker ได้ใช้ชะแลงเหล็กทุบ Robin จนใกล้ตายในโรงงานที่ถูกทิ้งร้างแห่งหนึ่ง จากนั้นเขาก็วางระเบิดทิ้งไว้แล้วก็จากไป และการระเบิดนั้นก็ทำให้เขาเสียชีวิต Batman ที่มาช่วยไว้ไม่ทันรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก และเขาก็ไม่เคยให้อภัยกับตัวเองเลยที่มาช่วย Robin ไว้ไม่ทัน ซึ่งความโศกเศร้าในครั้งนี้ก็ถูกนำไปเปรียบเทียบกับเมื่อตอนที่เขาสูญเสียพ่อกับแม่ไป เพราะ Todd หรือ Robin นั้นก็เปรียบเสมือนกับคนในครอบครัวของเขานั่นเอง 2.…
-
สามีภรรยาสุดปลื้ม รถเสียข้างทางคนแห่มาช่วยนับสิบ แม้พึ่งย้ายมาอยู่ใหม่ และไม่รู้จักใครเลย…
#จ่าสิบเหมียว เชื่อเสมอนะว่า โลกของเรานั้นเต็มไปด้วยความดีและความมีน้ำใจให้กับอยู่เสมอๆ อย่างเรื่องราวที่สองสามีภรรยาคู่นี้ได้ไปเจอมาก็เป็นอีกหนึ้งเรื่องที่ดีและน่ารักเลยทีเดียว ลองมาฟังเรื่องของเขากันดูเนาะ ความมีน้ำใจและความเป็นมิตรนั้น เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ชาวใต้ (ภาคใต้ของสหรัฐฯ) มีให้กันเสมอมา.. ล่าสุด Eddie และ Mina Bell สองสามีภรรยาจาก New York ที่ย้ายไปอยู่เมือง Charlotte ก็ได้รับความประทับใจดีๆ ของเหล่าผู้ที่อยู่แถบนี้กันจนชุ่มฉ่ำเลยทีเดียว Eddie Bell WFMY News รายงานว่า สองสามีภรรยากำลังเดินทางไปที่โบสถ์ จู่ๆ ยางรถของพวกเขาก็เกิดแตกขึ้นมากระทันหัน ทำให้ต้องไปจอดรถไว้ที่ข้างทาง แต่สิ่งที่น่าแปลกใจสำหรับเขาก็คือผู้คนในละแวกนั้นที่สัญจรไปมาก็หยุดมาช่วยเขา ไม่ใช่ว่าคันสองคันเท่านั้นที่มาจอดและเสนอความช่วยเหลือให้กับพวกเขา แต่เป็นสิบคันเลยทีเดียว!!! เป็นภาพบรรยากาศที่น่ารักมากๆ ผู้สัญจรไปมากว่า 10 คน จอดรถเพื่อลงมาช่วยเหลือพวกเขา โบสถ์ที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปแห่งนี้ กับข้อความที่ระบุว่า ‘จงรักทุกๆ คนเหมือนที่พระเจ้ารักเรา’ Eddie กล่าวว่า ‘ในตอนนี้มีผู้คราวๆ 10 คนได้เลยมั้งที่มายืนห้อมล้อมช่วยเหลือเรา รวมถึงชายคนหนึ่งที่บ้านอยู่แถวนั้น เขามาถึงสองรอบ เพราะตอนแรกเขากำลังตัดหญ้าที่หน้าบ้านอยู่ ซึ่งหลังจากเสร็จปัญหาเขายังเชิญเราไปนั่งพักกินน้ำกินท่าที่บ้านอีกด้วย’ ภรรยาของเขา Mina…
-
ชมภาพวาดการ์ตูนขำๆ ถ้าหากมนุษย์คลอดลูกเหมือนกับสัตว์ มันจะเป็นอย่างไรกันนะ!?
สัตว์แต่ละชนิดแต่ละสายพันธุ์ เมื่อถึงเวลาที่มันจะให้กำเนิดลูกน้อย มันก็มีวิธีคลอดตามแบบฉบับของมัน ที่ธรรมชาติได้กำหนดเอาไว้ แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยกันบ้างไหมว่า? ถ้าหากธรรมชาติสร้างให้มนุษย์เราคลอดลูกเหมือนกับเหล่าสัตว์ละ ภาพที่ออกมามันจะเป็นเช่นไร อาจจะดูไม่แปลกไม่น้อยแน่ๆ เลย และในวันนี้เหมียวขี้อ้อน จะพาคุณมารับชมผลงานภาพวาดของ Paul Westover ผู้ที่ทำการสร้างสรรค์ผลงานภาพวาดการ์ตูนล้อเลียน ถ้ามนุษย์คลอดลูกเหมือนสัตว์ สภาพจะออกมาเป็นอย่างไร!? หากใครอยากเห็น ก็ตามมาดูกัน 1.ม้าน้ำ หลังจากที่ได้ผสมพันธุ์กัน ม้าน้ำตัวเมียจะวางไข่ลงในถุงหน้าท้องของตัวผู้ ซึ่งม้าน้ำตัวผู้ก็จะทำการผสมน้ำเชื้อเข้าไป แล้วปกป้องตัวอ่อนไว้จนกว่าจะให้กำเนิดลูกๆ โดยในแต่ละครั้งมันจะคลอดลูกมากถึง 2,000 ตัวเลยทีเดียว 2.ยีราฟ ธรรมชาติของแม่ยีราฟจะคลอดขณะยืน หลังจากที่ตั้งท้องมานานกว่า 15 เดือน ซึ่งตอนคลอดนั้นลูกยีราฟจะตกลงมาจากความสูงถึง 2 เมตร 3. ฉลามครุย ฉลามครุยจะใช้เวลาตั้งท้องนานกว่าสัตว์ชนิดอื่น เพราะในแต่ละครั้งมันจะใช้เวลาในการตั้งท้องนานถึง 3 ปีครึ่งเลยทีเดียว ลองจินตนาการว่าเด็กอายุ 3 ขวบออกมาจากท้องแม่สิ ทรมาณมากแน่ๆ 4. คางคกซูรินาม เมื่อคางคกตัวเมียผสมพันธุ์กับตัวผู้เรียบร้อยแล้ว ตัวผู้จะฝังลงบนหลังของตัวเมีย พอลูกๆ ของมันเริ่มโต ก็จะโผล่ออกมาจากผิวหนังของแม่คางคก ลองคิดภาพตามสิ…
-
ชีวิตแค่โดนทำร้าย… นี่คือ 14 กิจกรรม ที่คุณควรทำ เมื่ออกหักเลิกรากับแฟน!!!
ความรักกับความเจ็บปวดมันเป็นของคู่กันอยู่แล้ว ในเมืองมีพบก็ต้องมีจากลาเป็นของคู่กัน แต่คนทุกคนใช่ว่าจะมีภูมิต้านทานความเจ็บเหมือนๆ กันนะ บางคนเลิกรากันไปแล้วยังสามารถลุกเดินต่อได้ แต่บางคนก็เจ็บเจียนตายประหนึ่งว่าชีวิตนี้จะหาความสุขไม่ได้อีกแล้ว #เหมียวฟิ้น เลยนำเสนอ 14 กิจกรรมตัวช่วย ที่คุณควรทำหลังจากเพิ่งเลิกรากับแฟนเก่า เชื่อเถอะว่าไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่ง ที่คุณทำแล้วมีความสุขได้แน่ๆ 1. เปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ ฟังดูไม่ค่อยเมคเซ๊นส์เท่าไรไหม แต่… คุณอาจจะเคยอาศัยนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน หรืออาจจะทำกิจกรรม…(นั่นแหละ) ด้วยกันมาก่อน ทั้งนี้มันเหมือนการเริ่มต้นใหม่ๆ เพื่อสลัดภาพความทรงจำนั้นออกไป เปลี่ยนผ้าปูที่นอนซะนะ 2. บอกลาโซเชียล บางคนไม่เข้มแข็งพอ เห็นทวีตเห็นสเตตัสของเขาก็กระวนกระวายใจ พักเสียบ้าง หยุดเดินตามเขาแล้วอยู่กับตัวเองเยอะๆ 3. สร้างเพลย์ลิสต์ใหม่ เอาให้ตี๊ดๆ อาจจะมีเพลงบางเพลงที่เขามอบให้คุณ หรือพวกคุณเคยฟังด้วยกัน พอฟังทีไรก็นึกเจ็บปวดรวดร้าวทุกที ลบมันออกไป แล้วหาเพลงใหม่ๆ ใส่ลงไปซะนะ 4. ร้องไห้ ร้องมันออกมา!! การร้องไห้ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะนี่แหละคือการระบายที่ดีที่สุด ร้องมันออกมาค่ะลูก ระบายมันออกมาให้หมด!! 5. เปลี่ยนลุคใหม่ ไฉไลกว่าเดิม มันแน่นอนอยู่แล้วที่เมื่อคุณเลิกรากันไป จะต้องเปลี่ยนลุคให้ดูดีขึ้น บางคนอาจจะเปลี่ยนเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกเสียดายคุณ…
-
รีสอร์ตร้างที่ “นาซี” เคยสร้างไว้เมื่อสงครามโลก กำลังจะเปลี่ยนเป็นที่พักสุดหรูแล้ว!!
สามปีก่อนที่เยอรมนีจะบุกเจ้าไปที่โปแลนด์ในปี 1939 อะดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำของนาซีได้สั่งให้สร้างรีสอร์ตสำหรับนักท่องเที่ยวให้ตั้งอยู่ที่ชายหาดบนเกาะ Rügen แล้วตั้งชื่อให้ว่า Prora ที่แห่งนี้รองรับได้กว่า 20,000 ครัวเรือนในเวลาเดียวกัน ซึ่งมันเหมาะสำหรับคนเยอรมันที่อยากจะมาพักผ่อนในที่สบายๆ แห่งนี้ แต่เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองอุบัตขึ้น ที่แห่งนี้จำเป็นต้องหยุดสร้างชั่วคราว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้สร้างต่อ.. ในปี 1936 เยอรมนียังมีคอนเซ็ปต์ที่ให้ผู้คนได้มารวมตัวกันอยู่ หรือที่เรียกว่า “volksgemeinschaft” จากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เยอรมันรวมตัวกันได้ ในระหว่างที่กำลังพัฒนาเรื่องรัฐตำรวจนาซี พวกเขาต้องการที่จะรวมผู้คนได้ และ Prora ก็คือสิ่งนั้น ที่แห่งนี้ใช้เวลากว่า 3 ปีในการสร้าง โดยมีคนงานกว่า 9,000 คนช่วยกันตลอดความยาวหาด 3 กิโลเมตรกว่าๆ ดูแค่ภาพอาจจะตัดสินอะไรไม่ได้ เพราะของจริงมันใหญ่มากๆ เป็นสิ่งก่อสร้างที่คาดไม่ถึงเลยจริงๆ แต่เมื่อจักรวรรดิไรซ์ที่ 3 ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากในยุโรป ทำให้คนงานกลับไปที่โรงงานเดิม ทิ้ง Prora ไว้ทั้งๆ ที่ยังไม่เสร็จ ความฝันของนาซีก็หยุดชะงักลง จากหนึ่งปีก็เป็นหลายสิบปี.. จนกระทั่งเมื่อปี 2013…
-
เทียบสีผิวกับ Pantone แสดงความงามอันหลากหลายของมนุษย์ ที่ไม่ได้มีแค่ ขาว เหลือง ดำ!!
ทุกวันนี้เราได้ยินว่าเราแบ่งสีผิวของมนุษย์ออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ผิวขาว ผิวเหลือง และผิวดำ แต่ความจริงแล้วในแต่ละกลุ่มสีผิวนั้น ก็มีความหลากหลายอยู่เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ศิลปินจากบราซิล Angelica Dass จึงได้ทำโปรเจคพิเศษชื่อว่า Humane ถ่ายภาพผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกและเทียบกับมาตราสี Pantone เพื่อแสดงให้เห็นว่า มนุษย์เรานั้นมีความหลากหลายทางสีผิวขนาดไหน Angelica กล่าวว่า แรงบันดาลใจของการทำโปรเจคนี้คือการทำลายจารีต ความเชื่อ และความคิดของมนุษย์ในปัจจุบันเกี่ยวกับสีผิว เพราะทุกวันนี้มีการแบ่งแยกมนุษย์ด้วยกันเองจากสีผิวของพวกเขา ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ล้าสมัยไปแล้ว และสาเหตุที่เธอเลือกใช้มาตรา Pantone แทนมาตราวัดสีอื่นๆ เพราะว่ามาตรานี้ไม่มีการระบุ “ชื่อสี” อย่างชัดเจน และใช้เพียงตัวเลขในการบอกความแตกต่างของแต่ละสีเท่านั้น แสดงให้เห็นว่ามนุษย์ทุกคนมี “สีผิว” เหมือนๆ กัน ต่างกันแค่ก็ “ระดับ” ของสีเท่านั้น และนี่คือผลงานที่เธอต้องการชี้ให้เราเห็นว่า ทุกคนมีความหลากหลาย และควรอยู่ร่วมกันในความแตกต่างนั้นให้ได้… . . . . . . …
-
สาระก็มา… ทำความรู้จักโรคความจำเสื่อมชั่วคราว แบบในหนัง “แฟนเดย์” ที่มีอยู่จริงๆ
ตอนนี้หนังเรื่องแฟนเดย์…แฟนกันแค่วันเดียวของค่าย GDH ก็เข้าโรงให้ได้ชมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลายคนที่ได้ไปชมกันมีความเห็นแตกต่างกันไป (อ่านบทวิจารณ์หนังของ#เหมียวฟิ้นได้ที่นี่นะ) แต่สิ่งหนี่งที่หนังเรื่องนี้หยิบเอามาเป็นแกนหลักเลยคือการเล่นกับอาการความจำเสื่อมชั่วคราวของนางเอกนี่แหละ ที่ทำให้พระเอกของเราได้กลายเป็นแฟนของเธอโดยปริยาย แต่จะบอกว่าอาการความจำเสื่อมชั่วคราวมันมีอยู่จริงๆ นะ และมีโอกาสเกิดขึ้นได้จริงๆ ด้วย เราลองไปทำความรู้จักกับโรคนี้กันดีกว่า เผื่อว่าเราจะเข้าใจนุ้ย (นางเอกในแฟนเดย์) มากขึ้น อาการของโรค โรคอาการสมองเสื่อมชั่วคราว (Transient Global Amnesia) เป็นอาการที่สมองจดจำเรื่องราวต่างๆ ในอดีต (ที่เพิ่งเกิด) ไม่ได้ แต่จะเกิดขึ้นในระยะสั้นๆ เท่านั้น ผู้ที่มีอาการนี้จะจดจำชื่อของคนที่เพิ่งรู้จักหรือเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาไม่ได้ แต่สำหรับคนที่รู้จักกันมานานจะจำได้ หรือวันเดือนปีเกิด บ้านเลขที่อะไรจะยังจำได้อยู่ อาการนี้จะพบได้น้อยมากๆ อย่างเช่นในสหรัฐฯ เอง มีการตรวจพบอาการนี้ใน 100,000 คน จะเจอเพียง 5 คนเท่านั้น และจะพบมากในผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป สาเหตุ แม้จะยังไม่มีผลการยืนยันแน่ชัด แต่คาดกันว่าเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่นอาการทางสมองของตัวผู้ป่วยเอง ได้แก่ สมองขาดเลือดชั่วคราว ปวดหัวไมเกรน เป็นโรคลมชัก มีเลือดดำคั่งในสมอง…
-
“ฮิโรเอดะ โอโตมอน” ทหารญี่ปุ่นผู้ยอมตายเพื่อขัดคำสั่ง แทนที่จะส่งให้ทหารของตนไปพลีชีพ
ถ้าพูดถึงทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลายคนคงนึกถึงการรบอันห้าวหาญไม่กลัวตาย ที่ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อแลกกับชีวิตศัตรูในการปกป้องประเทศ แต่รู้หรือไม่ ในช่วงสงครามนั้นมีทหารญี่ปุ่นคนหนึ่ง ขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ไม่ยอมให้ลูกน้องของตนเองสละชีพ และเขาก็สังเวยชีวิตตนเองเพื่อรับผิดชอบต่อการขัดคำสั่งครั้งนั้น เราไปติดตามเรื่องของเขาพร้อมๆ กันเลยดีกว่า นายทหารคนนี้มีชื่อว่า ฮิโรเอดะ โอโตมอน เกิดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1905 ในระยะแรกของชีวิตเขาก็ใช้ชีวิตเหมือนกับหนุ่มชาวญี่ปุ่นทั่วไป จนกระทั่งเขาสามารถสอบโรงเรียนเตรียมทหารของญี่ปุ่น และได้ไปประจำการในกองพันทหารราบที่ 57 ของกองทัพจักรวรรดิจนได้เลื่อนขั้นเป็นจ่า แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ปลดประจำการด้วยสาเหตุบางอย่าง และเขาก็ผันตัวเองไปเป็นคุณครูโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง เมื่อถึงปี ค.ศ. 1930 เขาสอบผ่านเข้ารับราชการตำรวจ และได้ไปประจำการที่ประเทศไต้หวัน ซึ่งถูกปกครองโดยจักรวรรดิญี่ปุ่นในขณะนั้น เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองในมหาสมุทธแปซิฟิกเริ่มขึ้น ฮิโรเอดะ ก็ได้รับมอบหมายให้ควบคุมดูแลกองเรือลาดตระเวนกองหนึ่ง ซึ่งประกอบไปด้วยทหารสัญชาติไต้หวันราว 2,000 คน จนกระทั่งปี ค.ศ. 1943 ฮิโรเอดะและทหารของเขาถูกส่งไปประจำการที่เกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อต่อสู้กับกองกำลังจากฝ่ายสัมพันธมิตรที่พยายามยึดหมู่เกาะแปซิฟิกคืนจากกองทัพญี่ปุ่น อย่างที่ทราบกันดีว่า ทันทีที่กองทัพอเมริกาเข้าร่วมสงคราม โฉมหน้าของสงครามก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป กองทัพญี่ปุ่นที่เคยยิ่งใหญ่ในช่วงต้นสงคราม…
-
เอาจริงดิ!? ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ ‘ซ่องหุ่นยนต์’ อาจมีให้ใช้บริการในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า!!
ต้องขอบอกเลยว่าเรื่องของ ‘การขายบริการ’ นั้นก็เป็นที่ถกเถียงกันในสังคม ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่? มันจะส่งผลดีผลเสียอย่างไรต่อสังคมอย่างไรรึเปล่า อาจจะส่งผลต่อตัวบุคคลที่เป็นคนขายบริการหรือคนที่ใช้บริการในด้านไหนกันแน่? ซึ่งหลายๆ ประเทศก็มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ผิดอะไรกับการเปิดให้มีการค้าประเวณีแบบเสรี แต่บางประเทศก็ไม่เห็นด้วย เพราะผิดหลักจารีตเป็นต้น แต่ถ้าธุรกิจการค้าบริการเปลี่ยนจากคนมาเป็นหุ่นยนต์แทนล่ะ? ความคิดเห็นของผู้คนในสังคมจะเปลี่ยนไปรึเปล่านะ…เรื่องนี้ก็น่าคิดเหมือนกัน ซึ่งล่าสุดทางเว็บไซต์ Daily Mail รายงานถึงนวัตกรรมทางเทคโนโลยีแบบใหม่ นั่นก็คือ ‘ซ่องหุ่นยนต์’ ที่อาจจะได้เห็นในอนาคตอันใกล้นี้ ประมาณปี 2025 เนื่องจากเทคโนโลยีในด้านต่างๆ ของโลกเรานั้นได้พัฒนาไปมาก ทั้งนี้ก็เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของมนุษย์ทั้งหลาย และเมื่อมันสามารถตอบสนองต่อความต้องการพื้นฐานได้หมดแล้ว ที่เหลือก็มาถึงในส่วนของความต้องการด้านอื่นๆ บ้างแล้วล่ะ อย่างเช่นการสนองความต้องการทางเพศ ทั้งเซ็กส์ทอยและตุ๊กตายางต่างๆ ที่นับวันจะทำได้ดูสมจริงมากยิ่งขึ้น และอีกไม่นานก็คงทำให้มันขยับและโปรแกรมให้ทำอะไรก็ได้ตามที่ใจเราต้องการ ศาสตราจารย์ John Danager ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสังคมและกฎหมายจากมหาวิทยาลัย National University of Ireland ได้กล่าวว่า โสเภณีหุ่นยนต์จะเป็นทางเลือกใหม่ให้กับมนุษย์มากขึ้นในอนาคต นอกจากนี้จะยังส่งผลให้ซ่องต่างๆ นั้นสามารถเปิดได้อย่างเสรีและไม่ผิดกฎหมายอีกด้วย โดยใช้หุ่นยนต์แอนดรอยด์เพื่อเป็นตัวช่วยในการให้บริการเหล่ามนุษย์แทน นอกจากนี้ศาสตราจารย์ Danaher ยังกล่าวเสริมอีกว่า ไม่แน่หุ่นยนต์ทั้งหลายอาจจะทำกิจกรรมบนเตียงได้เก่งกว่ามนุษย์จริงๆ ซะอีก และนั่นก็ทำให้ลูกค้าติดใจและหลั่งไหลกันเข้ามาใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ …
-
ศิลปินเกาหลีวาดการ์ตูนนำเสนอว่า “ชีวิตคู่” มีมากกว่าการทำเรื่องโรแมนติกให้กัน
ทุกวันนี้เวลาเราดูหนัง ซีรี่ย์ หรือสื่อต่างๆ เราจะพบว่าพวกเขามักนำเสนอ “ความรัก” ในรูปแบบของ “ความโรแมนติก” ที่ชายหญิงสองคนมอบให้แก่กัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความรักไม่ได้มีแต่การทำเรื่องน่ารักๆ ให้กันเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เอง Puuung ศิลปินจากเกาหลีใต้ จึงได้วาดภาพนำเสนอชีวิตคู่ในทุกแง่มุม ซึ่งไม่ว่าใครก็ต้องเคยมีประสบการณ์เช่นนี้ จะน่ารักขนาดไหน เราไปติดตามกันเลย คุณจะรู้สึกสบายใจเวลาอยู่ด้วยกัน แม้จะไม่ได้ทำอะไรด้วยกันก็ตาม แม้คุณจะมีความสนใจ ความชอบ ความทะเยอทะยานของตนเอง แต่คุณก็คิดถึงเขาเสมอ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ แต่คุณก็ยังดูแลเขาเสมอ แม้เขาจะทำอะไรไม่เก่งนัก แต่เขาก็ยังยินดีให้คุณเห็นด้านติ๊งต๊องๆ ของเขาเสมอ ของขวัญแพงๆ ก็ไม่ทำให้คุณสุขใจเท่าได้อยู่ใกล้ๆ กัน บางครั้งคุณไม่จำเป็นต้องคุยกัน แค่นั่งกันเงียบๆ อยู่ข้างๆ ก็มีความสุข สุขใดจะเท่าการมีคนที่ยอมรับคุณในแบบที่ตัวเองเป็นได้อย่างเต็มที่เวลาอยู่ใกล้ การได้แชร์สิ่งที่ชอบให้กับคนที่เรารักเป็นเรื่องที่มีความสุขขนาดไหนใครจะรู้ถ้าไม่ได้ประสบเอง เมื่ออยู่กับเขา คุณสามารถเป็นเด็กได้ทุกเวลา เวลาอยู่ด้วยกัน คุณไม่จำเป็นต้องแคร์โลกอะไรทั้งนั้น เป็นตัวของตัวเอง คุณไม่ต้องกังวลว่าตัวคุณนั้นไม่ “หรูหรา” พอ…
-
เรื่องราวมิตรภาพ 40 ปี ของหญิงสาวและกอริลล่าชื่อดัง”โกโก้” จากครูฝึกสู่เพื่อนแท้ที่ขาดไม่ได้
เมื่อ 44 ปีก่อน นักศึกษาจิตวิทยาจบใหม่ เพนนี เพทเทอร์สัน ได้รับมอบหมายให้เข้าไปดูแลลูกลิงกอริลล่าสายพันธุ์เวสเทิร์น โลว์แลนด์ เพิ่งเกิดใหม่ตัวหนึ่งในสวนสัตว์ซานฟรานซิสโก หลังจากที่มันป่วยด้วยโรคร้ายแรง จนต้องแยกจากแม่บังเกิดเกล้าของตนเองเพื่อเข้ารับการรักษา และนั่นคือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพอันแสนยาวนานของทั้งสอง ซึ่งพวกเขาแทบไม่เคยแยกจากกันมาก่อน เจ้ากอริลล่าน้อยตัวนั้นถูกตั้งชื่อว่า โกโก้ (Koko) สำหรับสายพันธุ์ของเจ้ากอริลล่าตัวนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่กำลังใกล้สูญพันธุ์ในเวลานั้น (และปัจจุบัน) จึงต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากเจ้าหน้าที่ เพนนี ได้เข้าไปดูแลและสอนภาษามือให้กับ โกโก้ จนมันสามารถเข้าใจภาษามือกว่า 1,000 คำ และยังสามารถเข้าใจคำพูดภาษาอังกฤษอีกกว่า 2,000 คำอีกด้วย จนทำให้มันมีชื่อเสียงเป็น “กอริลล่าที่ฉลาดที่สุดในโลก” ตอนแรกที่ เพนนี เข้ามาดูแล โกโก้ เป้าหมายของเธอเพียงแค่ต้องการทำวิจัยเกี่ยวกับการรับรู้ของกอริลล่าเท่านั้น แต่เธอต้องทึ่งในความฉลาดของเจ้าโกโก้ ที่สามารถเข้าใจ และเรียนรู้ที่จะผสมภาษามือหลายๆ คำเข้าด้วยกัน เพื่อขอร้องอะไรบางอย่าง และเมื่อพวกเธอได้ใช้เวลาร่วมกันมากเท่าไหร่ สายใยแห่งความผูกพันได้ก่อตัวขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ทุกวันนี้ผ่านมาแล้ว 44 ปี เพนนีก็ยังดูแลโกโก้อยู่เสมอ เปรียบดั่งแม่ที่คอยดูแลลูกน้อยอยู่ไม่ห่าง (เว้นแต่ว่าลูกน้อยคนนี้แข็งแรงเท่าผู้ชายสิบคนเท่านั้นเอง) เพนนีกล่าวว่า “คุณไม่มีทางคิดว่ากอริลล่าจะทำอะไรแบบนั้นได้แน่ๆ หลายคนดูหนังเรื่องคิงคองแล้วก็คิดว่า กอริลล่าจะต้องป่าเถื่อน ใช้กำลัง…
-
น้ำใจนักกีฬา… นักเตะรุ่นจิ๋ว ปลอบฝ่ายตรงข้ามที่กำลังร้องไห้ หลังแพ้ในนัดชิงแชมป์
ถามว่าทุกวันนี้เราแข่งขันกีฬาไปเพื่ออะไร บางคนอาจบอกว่าเพื่อออกกำลังกาย บางคนอาจบอกเพื่อเงิน บางคนอาจบอกว่าเพื่อชัยชนะ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ว่านักกีฬาคนไหนก็ไม่สามารถขาดได้ นั่นก็คือ “น้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รวมถึงการเป็นทั้งผู้แพ้และผู้ชนะที่ดีนั่นเอง” และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมภาพสุดประทับใจในการแข่งขันฟุตบอลระดับเยาวชนคู่หนึ่ง ที่จะทำให้ทุกคนเห็นว่า “น้ำใจนักกีฬา” นั้น เป็นเรื่องที่งดงามถึงเพียงไหน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในการแข่งขันฟุตบอล JUNIOR SOCCER WORLD CHALLENGE 2016 รองชิงชนะเลิศในรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี ระหว่างสโมสร FC BARCELONA จากประเทศสเปนพบกับสโมสร OMIYA ARDIJA จากประเทศญี่ปุ่น ผลการแข่งขันจบลงที่ยอดทีมจากสเปนคว้าชัยชนะไปด้วยสกอร์ 1-0 สร้างความยินดีให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก แน่นอน ว่ามีผู้ชนะก็ย่อมมีผู้แพ้ ฝ่ายเด็กๆ นักเตะจากทีม OMIYA ARDIJA ถึงกับร้องไห้ด้วยความผิดหวัง หลังจากแพ้ไปอย่างฉิวเฉียด แม้กระทั่งผู้รักษาประตูตัวน้อย แม้ได้ชัยชนะ แต่พวกเขานั้นไม่หลงลืมน้ำใจนักกีฬา เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังนั้น เหล่านักเตะจากทีมผู้ชนะ ก็เข้าไปปลอบประโลมผู้แพ้ในทันที …
-
การ์ตูนน่ารักๆ แสดงให้เห็นว่าเมื่อสาวๆ อายุ 29 ความคิดคุณจะเปลี่ยนไปขนาดไหน!!
ว่ากันว่าทุกๆ วันที่มนุษย์เราเติบโตขึ้น ความคิดของเราก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในช่วงชีวิตหนึ่งเราอาจเคยคิดว่าสิ่งของบางอย่างเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่หลังจากนั้นไม่นาน เรากลับพบว่าเรื่องราวเหล่านั้นเป็นเพียงสิ่งไร้สาระที่ไม่ควรเปลืองสมองแต่อย่างใด สำหรับ Mari Andrew ศิลปินสาววัย 29 ปี คนนี้ก็เช่นกัน เธอก็รู้สึกว่าทุกวันนี้เธอเปลี่ยนแปลงไปจากตัวเองสมัยก่อนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องทัศนคติต่อสิ่งต่างๆ ในชีวิต เธอจึงวาดการ์ตูนขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อแสดงให้เห็นว่า ความคิดของเธอเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ทุกวันนี้มองเข้าไปในตู้เสื้อผ้า เจอเสื้อผ้า “เผื่ออนาคต” ทั้งนั้น ทั้ง “เผื่อใส่ได้” “เผื่อออกกำลังกาย” “เผื่อไปเที่ยว” สุดท้ายไม่ได้ใส่ซักตัว เมื่อก่อนสเป็คหาแฟนสูงเหลือเกิน เดี๋ยวนี้แค่ตอบข้อความกลับก็ดีใจแล้ว เรียนรู้ที่จะแสดงออกอย่างเหมาะสม ทั้งที่จริงๆ อาจไม่ได้คิดอย่างนั้น โศกนาฏกรรมยุคใหม่ อ่านไม่ตอบคือโครตความทุกข์ เริ่มคิดมาก ทั้งที่จริงๆ แล้วปัญหาเล็กน้อยมาก เมื่อก่อนก็กังวลกับหลายเรื่อง แต่พออายุ 29 เหลือแค่ “พรุ่งนี้ซื้อนมรสอะไรมากินดีนี้” กราฟความสุขของแต่ละสิ่งที่เข้ามาในชีวิต ทางข้างหน้าอาจดูยุ่งยาก แต่พอเรามองย้อนกลับไปในอดีต ไอ้ที่เราเคยคิดว่ายาก จริงๆ…
-
เปิดภาพวิถีชีวิตของผู้คนรอบโลก ในยุค 90s แล้วจะรู้ว่า เราช่างมาไกลกันเหลือเกิน…
โลกของเรานั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะเราไม่ค่อยได้สังเกตกันเท่าไหร่เลยไม่รู้ว่าที่จริงแล้วในช่วงหลายสิบปีให้หลังมานี้การเปลี่ยนแปลงนั้นยิ่งรวดเร็วมากขึ้นด้วยการเข้ามาของอินเตอร์เน็ท ทำให้ข้อมุลและข่าวสารต่างๆ กระจายตัวอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็อยากพาเพื่อนๆ ไปดูวิถีชีวิตของผู้คนในหลายๆ ประเทศเมื่อราวๆ 20 ปีก่อน หรือในช่วงยุค 90 นั่นแหละ พวกเขามีวิถีชีวิตความเป็นอยู่กันยังไงลองไปชมกันเนาะ… สำหรับผลงานภาพถ่ายชุดนี้เป็นของ Peter Menzel ช่างภาพที่ตามไปถ่ายวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคนั้นจากทั้วโลก California ประเทศสหรัฐอเมริกา ครอบครัว Caven และข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดในบ้านชั้นเดียวหลายห้องนอนของพวกเขา ตามแบบบ้านของครอบครัวชาวอเมริกันในยุคนั้น ประเทศจีน สมาชิกทั้ง 9 คนของตระกูล Wu อาศัยอยู่ในบ้าน 3 ห้องนอน ขนาด 55 ตร.ม. ในแถบชนบท สิ่งของที่มีค่าที่สุดของตระกูลก็คือทีวีและวิทยุ (ที่เห็นในภาพ) เป็นการสะท้อนให้เห็นสังคมเกษตรกรรมในชนบทได้อย่างชัดเจน ประเทศคิวบา ภาพของครอบครัว Costa ในเมือง Havana ที่ออกมาถ่ายภาพกันที่นอกบ้านของเขาตรงถนนที่ตัดผ่าน ประเทศมองโกเลีย ดินแดนแห่งผู้คนบนหลังม้า ครอบครัว 6 คน อาศัยอยู่ในกระโจมหนังและผ้าตามแบบฉบับของชาวมองโกลขนาด 18 ตร.ม.…
-
ตัวจริงของ ‘ลุงแซม’ พาไปรู้จัก Samuel Wilson ชายอเมริกัน ผู้เป็นต้นแบบภาพ I Want You!!
เชื่อว่าคนเจนเอ็กซ์ หรือแม้แต่วัยรุ่นในยุคนี้บางคนน่าจะเคยเห็นป้าย “I Want You For U.S. Army” พร้อมกับมีภาพชายใส่เสื้อสีน้ำเงินกำลังชี้หน้ามาที่คุณ ซึ่งคนส่วนใหญ่รับรู้และเข้าใจกันว่าเขาคือ “ลุงแซม” อันที่จริงแล้วมันคือป้าย Propaganda หรือการการโฆษณาชวนเชื่ออย่างหนึ่ง ที่ทำให้ชายอเมริกันในช่วงสงครามโลกรู้สึกฮึกเหิมเป็นที่ต้องการ และอยากเข้าร่วมกับกองทัพสหรัฐ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วชายที่อยู่ในป้ายโฆษณาที่เราเห็นมาหลายทศวรรษคนนี้ มีตัวตนอยู่จริงๆ เมื่อประมาณร้อยกว่าปีก่อนด้วยนะ ในเว็บไซต์ต่างประเทศได้มีข้อมูลของชายคนนี้บอกเอาไว้อย่างละเอียด โดยชื่อเต็มๆ ของเขาคือ Samuel Wilson ประวัติคร่าวๆ เขาเกิดเมื่อวันที่ 13 กันยายน ปี 1766 ที่รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 1854 แม้จะจากโลกนี้ไปกว่า 162 ปีแล้วก็ตาม แต่ใบหน้าและรูปลักษณ์ของเขาก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของอเมริกันชนไปแล้ว ในช่วงที่นาย Samuel มีชีวิตอยู่นั้น เขาทำหน้าที่เป็นคนบรรจุและขายเนื้อในรัฐนิวยอร์ค ก่อนที่จะแต่งงานกับนาง Betsey Mann ในปี 1797 และมีลูกด้วยกัน 4 คน…
-
แต่ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์!! นี่คือ 7 ลักษณะของผู้หญิงมีแรงดึงดูด ตามข้อมูลและหลักวิทยาศาสตร์
หญิงสาวส่วนใหญ่พยายามอย่างมากที่จะสร้างเสน่ห์ให้กับตัวเองเพื่อให้หนุ่มๆ หันมาสนใจพวกเธอ บางคนแต่งหน้าสวยๆ บางคนไปทำศัลยกรรมให้อวัยวะบางส่วนบนใบหน้าดูเด่นชัดขึ้น แต่สาวๆ รู้ไหมว่าความจริงแล้วมันมีวิธีที่ง่ายกว่านั้นและดึงดูหนุ่มๆ ได้มากกว่าอยู่นะ ก่อนหน้านี้มีนักวิทยาศาสตร์จำนวนไม่น้อยที่ศึกษาเรื่องเคล็ดลับเสน่ห์ดึงดูดของผู้หญิง ว่าอะไรกันแน่ทำให้พวกเธอเป็นที่ดึงดูดจนอยากจะเข้าไปพูดคุยด้วย!? แล้วเราก็ได้บทสรุป 7 ข้อหลักๆ ดังนี้ 1. ฟันขาวประดุจดั่งไข่มุกอันดามัน จากผลสำรวจจากเว็บไซต์ journals.plos บอกว่าผู้หญิงที่มีฟันขาวจะทำให้หนุ่มๆ สะดุดตาได้มากกว่าผู้หญิงที่มีฟันเหลือง ยิ่งเมื่อบวกกับรอยยิ้มที่จริงใจยิ่งทำให้คนอื่นๆ อยากเข้าหาคุณ แต่ขาวเกินไปก็ใช่ว่าจะทำให้หนุ่มๆ สนใจได้มากกว่านะ เพราะผลสำรวจบอกว่ารอยยิ้มและฟันที่ขาวตามธรรมชาติดึงดูดได้ดีกว่าล่ะ… 2. ลิปแดง…เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง จากงานศึกษา Andrew J. Elliot และ Daniela Niesta บอกว่าลิปแดงนั้นมีผลต่อจิตใจมาก เมื่อมันอยู่บนใบหน้าจะกลายเป็นจุดสังเกตที่เด่นชัด ซึ่งหนุุ่มๆ เองไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้เลย และพวกจะหันเหความสนใจมาหาคุณได้อย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว 3. สะโพกใหญ่ถือเป็นพรประทาน สาวๆ หลายคนที่เกิดมาพร้อมกับสะโพกที่ใหญ่กว่าคนอื่นๆ อาจจะคิดว่าพวกเธอมีรูปร่างที่ไม่ผอมเพรียว ไม่น่าจะเป็นที่สนใจเท่าไหร่ แต่ขอบอกเลยว่าคุณโชคดีมากแล้ว เพราะงานศึกษาในนิวซีแลนด์บอกว่าหนุ่มๆ ให้ความสนใจกับสาวสะโพกใหญ่มากกว่าสาวสะโพกเล็กเสียอีก 4. เสี๊ยงสู๊งมี๊เสน๊ห์กว๊า จากงานศึกษาหลายๆ ชิ้น เช่นเว็บไซต์ smithsonianmag บอกว่าหนุ่มๆ จะชอบผู้หญิงที่มีเสียงสูงเล็กน้อย (ในขณะที่สาวๆ จะหลงไหลผู้ชายที่เสียงทุ้มต่ำมากกว่า) นั่นก็เพราะว่าเสียงที่เล็กทำให้พวกเธอดูตัวเล็กกว่า…
-
พาทัวร์ ‘ชุมชนตะปู’ ใจกลางมหานครเซี่ยงไฮ้ ที่คนไม่ยอมย้ายออก แม้จะผ่านมา 16 ปี
ครั้งก่อน #จ่าสิบเหมียว เคยได้เสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ ความสตรองของ ‘คนจีน’ ที่จะขออยู่ในบ้านเดิม ไม่ยอมย้ายออกไปไหนเด็ดขาด!! ให้เพื่อนๆ ได้ชมภาพบรรยากาศของ ‘บ้านตะปู’ ในประเทศจีนกันไปบ้างแล้ว สำหรับความหมายของคำว่า ‘บ้านตะปู’ นั้นก็คือ เหมือนเป็นบ้านที่ยึดและฝังอยู่ตรงจุดนั้นไม่ยอมย้ายไปไหน ถึงแม้รอบข้างจะถูกซื้อหรือพัฒนาไปกันหมดก็ยังตั้งมั่นอย่างตรองไม่ยอมย้ายไปไหน ราวกับตะปูสุดท้ายบนแผ่นไม้ที่งัดเท่าไหร่ก็ไม่ออกสักที… อย่างเช่นจากเรื่อง Up ปู่ซ่าบ้าพลัง ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีของบ้านตะปูเช่นกัน วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ ‘ย่านตะปู’ แห่งมหานครเซี่ยงไฮ้ Guangfuli ที่ยืดหยัดต่อต้านกระแสสังคมแม้รอบข้างพัฒนาไปหมดแล้วมาอย่างยาวนานกว่า 16 ปีเต็ม ย่านนี้ไม่ธรรมดานะจ๊ะ เพราะเป็นโซนที่จัดได้ว่ามีราคาที่ดินแพงที่สุดในโลกย่านหนึ่งเลยทีเดียว เหตุเพราะตั้งอยู่ในเซี่ยงไฮ้ประเทศจีน มีทั้งคอนโดหรูหรา ตึกระฟ้า แต่กระนั้น ผู้คนในย่านนี้ก็ปฏิเสธที่จะย้ายออกจากบ้านของตัวเองเพื่อให้เหล่าผู้รับเหมามาก่อสร้างเพิ่มเติมในย่าน สำนักข่าว Reuters ได้รายงานว่า ที่อยู่ในย่าน Guangfuli ส่วนมากนั้นมีสภาพที่ซอมซ่อ หลายๆ บ้านปลูกผักกินเองในกล่องโฟม หน้าต่างแทบไม่มีกระจกเหลือ อาคารบางส่วนก็พังทลายลงมา เหตุผลหลักที่พวกเขาไม่ยอมย้ายออกก็เพราะไม่ได้รับเงินที่สมเหตุสมผลค่าที่ดินจากผู้รับเหมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนนั้นไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่างเท่าไหร่นัก ‘ในอดีตบ้านไม่ใช่สินค้า บ้านในประเทศจีนคือสิ่งที่ได้รับจากนายจ้างหรือรัฐบาลซะเป็นส่วนมาก’ ศาสตราจารย์ Greg Stein ผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายจีนกล่าวไว้ ทำให้เกิดความขัดแย้งของผู้อยู่อาศัยเดิมและเหล่าผู้รับเหมาขึ้นหลายกรณี เพราะบางครั้งผู้อยู่อาศัยก็คิดว่าได้รับค่าที่ดินไม่เป็นธรรมเท่าไหร่ ทำให้เกิดเหตุการณ์แนวนี้ขึ้นมาก…
-
“หวังเต๋อซุน” นายแบบวัย 80 ปีให้แรงบันดาลใจ “ผมใช้เวลาเตรียมตัว 60 ปี กว่าจะได้เป็นนายแบบ”
หากใครยังจำกันได้ เมื่อปีที่แล้วเราได้เคยนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องราวของนายแบบจีนรุ่นเก๋าที่มีนามว่าคุณลุงหวัง เต๋อซุน ในตอนนั้นเขากลายเป็นที่โด่งดังในโลกอินเตอร์เน็ตเพราะมีการเผยแพร่ภาพการเดินแบบเปลือยท่อนบนในงาน China Fashion Week 2015 และที่ดูจะฮือฮาที่สุดก็คงจะเป็นอายุที่ปาเข้าไปกว่า 79 ปีแล้ว แต่ยังมีรูปร่างที่ฟิตปั๋งยิ่งกว่าวัยรุ่นหลายๆ คนเสียอีก ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา คุณลุงหวังเต๋อซุนได้ปล่อยคลิปวิดีโอให้แรงบันดาลใจของตัวเองออกมาให้ชาวโลกได้รับชมกัน โดยเล่าว่ากว่าที่เขาจะกลายมาเป็นนายแบบอย่างทุกวันนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เชื่อว่าหลายคนที่ได้ดูคลิปของเขาแล้วจะต้องได้รับข้อคิดดีๆ กลับไปแน่นอน “ผมชื่อหวังเต๋อซุน เกิดและเติบโตในเสิ่นหยาง ประเทศจีน ผู้คนเริ่มรู้จักผมหลังจากแคทวอล์คโชว์ในครั้งนั้น บางคนเรียกผมว่า “คุณตาที่ฮอตที่สุด” บางคนยังบอกว่าผมเป็นที่ถูกใจชาวเน็ตในชั่วข้ามคืน (หัวเราะ) แต่คุณรู้อะไรไหม เพื่อเตรียมตัวให้เป็นนายแบบทุกวันนี้ ผมต้องใช้เวลาเตรียมพร้อมกว่า 60 ปี” “ตอนผมอายุ 24 ผมเป็นนักแสดงละครเวที อายุ 44 ผมเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ อายุ 49 ผมสร้างคณะละครใบ้ขึ้นมาและเดินทางไปปักกิ่ง กลายเป็นคนเร่ร่อนไป ผมไม่มีอะไรเป็นชื่อของตัวเองเลย เริ่มต้นทุกอย่างจากไม่มีอะไร อายุ 50 ผมเริ่มเข้ายิมเป็นครั้งแรก เริ่มออกกำลังกาย” “อายุ 57…
-
ศิลปินหนุ่มสร้างภาพถ่ายแนวเหนือจริง ด้วยพลังจากกล้อง iPhone และการตกแต่งภาพ!!
การถ่ายภาพอาจเป็นหนึ่งศาสตร์ที่ต้องใช้ทั้งจินตนาการและการฝึกฝนเป็นอย่างมาก ซึ่งใครที่เป็นตากล้อง สิ่งที่พวกเขาต้องมีคือทักษะการวางตำแหน่งของวัตถุในภาพ รวมถึงความเข้าใจในแสงก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก และยิ่งถ้าได้กล้องคุณภาพสูงมาใช้งานด้วยล่ะก็เหมือนกับเสือติดปีกเลยทีเดียว แต่นั่นไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้ภาพถ่ายออกมาดีเสมอไป แม้จะไม่มีกล้องคุณภาพสูงราคาเป็นแสน แต่หากคุณมีความสามารถพอ แค่กล้องโทรศัพท์สมาร์ทโฟก็สามารถสร้างภาพถ่ายเจ๋งๆ ออกมาได้เทพไม่แพ้กล้องแพงๆ เลยทีเดียว อย่างเช่นที่ศิลปินหนุ่มคนนี้มาพิสูจน์ให้เราได้เห็นกัน จะเจ๋งขนาดไหน ไปชมกันเลย หนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Peter Wihlborg ชาวสวีเดน เขาเป็นคนที่ชอบเก็บภาพช่วงเวลาต่างๆ ในชีวิตด้วยโทรศัพท์มือถือ iPhone ของเขาเอง และเมื่อถ่ายบ่อยๆ เข้า เขาก็พบวิธีที่จะเล่นสนุกกับภาพถ่ายธรรมดาๆ เหล่านั้น ให้กลายเป็นภาพถ่ายสุดเทพขึ้นมา โดยเขาได้ใช้โปรแกรมแต่งภาพในโทรศัพท์ ทำให้ภาพเหล่านั้นกลายเป็นภาพแนวเหนือจริง (Surreal) สุดเจ๋งขึ้นมา ไอเดียเจ๋งใช้ได้เลยนะเนี่ย อันนี้ก็ไม่ธรรมดาเลยล่ะ ลองไปชมผลงานของเขากันดีกว่า . . . . ภาพวิวทิวทัศน์ก็สวยไม่เบานะเนี่ย . . ถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ อย่างที่เขาบอกกันว่า หากเป็นยอดฝีมือแล้วต่อให้หยิบกิ่งไม้ขึ้นมาก็เป็นยอดกระบี่ได้…
-
27 เกร็ดความรู้ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ โลก และอวกาศ ที่เพื่อนๆ ไม่เคยทราบกันมาก่อน!!
มีคนพูดว่า โลกเรานั้นเปรียบเสมือนหนังสือเล่มใหญ่ ที่รอการเปิดอ่าน เทียบกับความรู้เราแล้วก็มีเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีความรู้รอบตัวดีๆ ซึ่งแน่นอนว่าจะพาทุกคนไปเปิดหูเปิดตา ถึงความจริงในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ โลก และอวกาศของเรา ซึ่งบางเรื่องนี้ หลายคนคงไม่รู้มาก่อนเลยละ… เรามักจะคิดว่าแมมมอธเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์มากๆ แต่รู้ไหม.. ตอนที่แมมมอธตัวสุดท้ายยังมีชีวิตอยู่ มหาปิรามิดในประเทศอียิปต์ได้ถูกสร้างขึ้นและมีอายุถึง 1,000 ปีแล้วล่ะ มหาพีระมิดถูกสร้างขึ้น 2560 ปีก่อนคริสตศักราช เช่นเดียวกันกับเครื่องประหารกิโยตินแบบในภาพ มันเพิ่งยกเลิกได้ไม่นานเท่านั้น ตอนภาพยนตร์ซีรีย์ Star Wars เข้าฉายครั้งแรกในปี 1977 ประเทศฝรั่งเศสยังคงใช้เครื่องกิโยติน ประหารชีวิตคนอยู่ และได้ยกเลิกไปเมื่อปีนั้นเอง ถัดมา อาจฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่คลีโอพัตรามีชีวิตอยู่ใกล้กับช่วงที่ iPhone ถือกำเนิด มากกว่าตอนที่มหาปิรามิดถูกสร้างขึ้นเสียอีก เวลาเราเห็นภาพปิรามิดเหมือนคิดว่าจะอยู่กลางทะเลทรายใช่มั้ยล่ะ?? แต่ที่จริงแล้ว อยู่ใกล้กับเมืองกิซ่าแค่นี้เอง… ในปี 1487 ชาวมายันเชื่อในการบูชายัญเทพเจ้า มีผู้คนถูกจับไปฆ่ามากกว่า 20,000 คน รวมถึงวิธีการแหวะอกเพื่อเอาหัวใจที่ยังเต้นอยู่ของเหยื่อออกมา และการกินเนื้อมนุษย์…
-
สุดยอด.. หนังสือแนะนำอาชีพให้นักเรียนญี่ปุ่น ทำเป็นการ์ตูนเหมือนตัวละครในเกม RPG!!
เชื่อว่าในวัยเด็กของทุกๆ คน น่าจะเคยถูกคุณครูที่โรงเรียนถามคำถามแนวๆ ว่า “โตไปอยากเป็นอะไร?” ซึ่งในวัยเด็กของหลายๆ คนก็มักจะตอบคำถามนี้ด้วยอาชีพซ้ำๆ เดิมๆ เช่น ครู ทหาร ตำรวจ หมอ พยาบาล วิศวะกร ฯลฯ เนื่องจากในตอนนั้นองค์ความรู้ของพวกเรายังมีไม่มากพอที่จะเข้าในถึงอาชีพอื่นๆ อีกมากมายในสังคม มันคงจะดีไม่น้อยเลยหากมีใครสักคนคอยบอกเราเมื่อตอนนั้นว่ามันยังมีอาชีพอีกล้านแปดให้เราได้ทำกัน เมื่อไม่นานมานี้ #เหมียวฟิ้น ได้ไปเจอเข้ากับเว็บไซต์ kyuryobank.com เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลฐานเงินเดือนในแต่ละสายอาชีพต่างในญี่ปุ่นมาสรุปสั้นๆ พร้อมกับใส่การ์ตูนในสไตล์เกม RPG ลงไปด้วย ทำให้อ่านง่ายและน่าติดตามสุดๆ เราลองไปดูกันไหมว่าที่ญี่ปุ่นเขาทำอาชีพอะไรบ้าง? แล้วแต่ละอาชีพเขาได้เงินเดือนเท่าไหร่? *รายได้เฉลี่ยทั้งหมดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อปี 1. โปรดิวเซอร์รายการทีวี รายได้เฉลี่ยช่วงวัย 20: 180,475 บาท รายได้เฉลี่ยช่วงวัย 30: 115,777 บาท รายได้เฉลี่ยช่วงวัย 40: 122,587 บาท 2. หัวหน้าบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ รายได้เฉลี่ย: 623,152 บาท 3. สาวเมดคาเฟ่…
-
ความน่ารักของคุณพ่อ พาลูกชายที่เป็นอัมพาต ออกมา “เดิน” ด้วยอุปกรณ์ช่วยเดินเป็นครั้งแรก…
สำหรับคนที่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้เป็นปกติ คงไม่สามารถจินตนาการถึงความรู้สึกใน “การเดิน” ครั้งแรกของคนที่ป่วยเป็นโรคอัมพาตได้อย่างแน่นอน ว่าเขาจะมีความสุขและดีใจขนาดไหน เรื่องราวของคุณพ่อคนนี้ก็เช่นกัน ด้วยความที่ลูกชายของเขาป่วยเป็นโรคอัมพาตจนไม่สามารถเดินได้ เขาจึงสั่งซื้ออุปกรณ์จากเว็บไซต์ Leckey’s Firefly team ที่จะทำให้ลูกชายของเขาได้สัมผัสกับความรู้สึกของ “การเดิน” ได้เป็นครั้งแรกในชีวิต โดยอุปกรณ์ชิ้นนี้จะยึดเท้าและร่างกายของเด็กชายเข้ากับตัวคุณพ่อ เมื่อคุณพ่อขยับร่างกายไปทางไหน เด็กชายก็จะขยับไปด้วย ซึ่งไม่ต้องบอกก็เห็นได้ชัดเลยว่า เด็กชายคนนี้มีความสุขมากขนาดไหน ลองดูคลิปดูสิ เห็นสีหน้าและแววตาของเด็กคนนี้แล้ว เล่นเอาน้ำตาแทบไหลเลยจริงๆ นี่คือหน้าตาของอุปกรณ์ที่คุณพ่อคนนี้ใช้ ท่านสามารถสั่งซื้อได้จากเว็บไซต์ Leckey’s Firefly team โดยแบ่งออกเป็นสองรุ่นก็คือสำหรับเด็กเล็กอายุ 0-2 ขวบ และ ตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป สนนราคาที่ชุดละประมาณ 19,700 บาท สำหรับเด็กคนนี้ คงไม่มีสิ่งใดมีความสุขไปกว่าการได้เคลื่อนไหวได้เองดั่งใจต้องการ ก็ได้แต่ภาวนาว่า ซักวันเราจะมีเทคโนโลยีบางอย่างในอนาคตที่ช่วยรักษาหรือทำให้เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคนปกตินะฮะ ขอให้สู้ต่อไป ^^ ที่มา Boredpanda
-
และนี่คือ ‘Stays-Hard’ อุปกรณ์ที่จะช่วยให้คนที่มีปัญหา ‘นกเขาไม่ขัน’ กลับมาปึ๋งปั๋งอีกครั้งหนึ่ง!!
สำหรับเหล่าผู้ชายทั้งหลายแล้วจะรู้กันดีว่าซักวันหนึ่ง เจ้าน้องชายของเราคงต้องหมดพลังลงในซักวัน บางคนก็อาจจะช้าหน่อย บางคนก็เร็วหน่อย ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน แต่ไม่ต้องกังวลไปนะทุกคน เพราะในวันนี้ #เหมียวหง่าว มีข่าวดีจะมาบอก!! ขอแนะนำให้เพื่อนๆ ทุกคนรู้จักกับเจ้า ‘Stays-Hard’ อุปกรณ์ที่โปรโมทมาว่า จะช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศของคุณผู้ชายให้กลับมาใช้งานได้อย่างปึ๋งปั๋งอีกครั้งหนึ่ง แม้จะถึงจุดสุดยอดไปแล้วก็ตาม เท่านั้นยังไม่พอ เจ้าอุปกรณ์นี้ยังสามารถใช้ร่วมกับถุงยางอนามัย และอุปกรณ์ในการคุมกำเนิดชนิดอื่นๆ ได้โดยไม่สร้างความเสียหายให้กับมัน แถมยังใช้เวลาติดตั้งไม่นานอีกต่างหาก เจ้าอุปกรณ์นี้ใช้เวลาในการศึกษาวิจัยมานานกว่า 5 ปี ก่อนที่จะถูกลงมือสร้างโดยเหล่าผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ร่วมกับศาสตราจารย์ Peter Ford จากมหาวิทยาลัย De Montfort University และในตอนนี้บริษัท Tyna International Limited และผู้ก่อตั้ง Richard Wylie ก็กำลังจะทำการเสนอให้เจ้าอุปกรณ์ Stays Hard นี้ ให้กับองค์กร NHS (องค์กรเกี่ยวกับการบริการด้านสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ) เพื่อขออนุมัติให้เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อช่วยเหลือในเรื่องของสุขภาพ และทำการผลิตมันขึ้นมา โดยอาจจะใช้เวลานานถึง 6 เดือนในการอนุมัติเพื่อให้มีอยู่ในบัญชีการสั่งยาสำหรับผู้ป่วยที่ประสบกับปัญหาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศและการหลั่งเร็ว คุณ Wylie อดีตผู้ร่วมหุ้นของ Harley Street…
-
ผลวิจัยต่างประเทศ ‘การเล่นเกมออนไลน์’ ช่วยพัฒนาการเรียน – ดีกว่าอยู่กับโซเชียลเน็ตเวิร์ก
หลายคนอาจจะคิดว่า ผู้หลักผู้ใหญ่บางคน มักมีชุดความคิดเกี่ยวกับเกมในด้านลบๆ อยู่หน่อย ยิ่งเป็นเกมออนไลน์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง มันคือสิ่งมอมเมาเยาวชนโดยแท้จริง แต่#เหมียวฟิ้นจะบอกว่ามันไม่ใช่แบบนั้นเสมอไปนะ เพราะมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งในต่างประเทศบอกว่าการเล่นเกมออนไลน์นี่แหละ ช่วยให้เราเรียนได้ดีขึ้น!? รองศาสตราจารย์ Alberto Posso จากโรงเรียนเศรษฐศาสตร์ การเงินและการตลาดในออสเตรเลีย ได้ใช้โปรแกรมสำหรับการประเมินผลนักเรียนในระดับนานาชาติเพื่อประเมินเด็กออสเตรเลียวัย 15 ปี กว่า 12,000 คน ที่เรียนวิชาคณิตศาสตร์ การอ่านและวิทยาศาสตร์ ศาสตราจารย์ Posso กล่าวว่าวิดีโอเกมสามารถช่วยให้นักเรียนฝึกฝนความสามารถในการเรียนหนังสือที่โรงเรียนได้ “นักเรียนที่เล่นเกมออนไลน์สม่ำเสมอ ทำคะแนนเฉลี่ยได้ 15 คะแนนในวิชาคณิตศาสตร์ และ 17 คะแนนสำหนับวิชาวิทยาศาตร์” “เมื่อคุณเล่นเกมออนไลน์ คุณจะได้แก้ปัญหาปริศนาอยู่บ่อยๆ นั่นนำคุณไปสู่การพัฒนาการใช้ความรู้ทั่วไป และความสามารถในคณิตศาสตร์ การอ่านและวิทยาศาสตร์ที่คุณได้รับการสอนโดยคุณครูที่โรงเรียน ครูในโรงเรียนควรพิจารณาการผสมผสานวิดีโอเกมดังๆ เข้าไปในการเรียนการสอน ตราบเท่าที่มันไม่ได้มีความรุนแรงอยู่ในเกมนั้นด้วย” ในทางกลับกัน ศาสตราจารย์ Posso บอกว่าวัยรุ่นที่ติด Facebook หรือโปรแกรมแชททุกวันๆ จะทำคะแนนในวิชาคณิตศาสตร์ได้น้อยกว่านักเรียนที่ไม่ติดสื่อสังคมออนไลน์ใดๆ เลยถึง 20 คะแนน ทั้งหมดนี้อาจบ่งชี้ว่าพวกเขามีปัญหาในการคิดคำนวน…
-
ผลวิจัยจากสหรัฐฯ เผยว่าการเลือกงานที่ไม่ชอบตั้งแต่เรียนจบ ส่งผลให้สุขภาพแย่ตอนแก่!??
หากคุณรู้สึกจิตตกทุกครั้งเมื่อถึงช่วงเย็นของวันอาทิตย์ เพราะรู้ว่าพรุ่งนี้เช้าจะต้องฝืนตัวเองตื่นนอนแต่เช้าเพื่อไปตอกบัตรเข้าทำงานล่ะก็ นี่คือข่าวร้ายสำหรับคุณล่ะ นักวิจัยในมหาวิทยาลัย Ohio State University ได้นำข้อมูลจากชาวอเมริกัน 6,432 คนที่มีการเข้าร่วมกับ National Longitudinal Survey of Youth 1979 (หน่วยงานสำรวจผลระยะยาวของเยาวชนนานาชาติ) ที่จะติดตามวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 14 – 22 ปี เมื่อปี 1979 ผู้เข้าร่วมการวิจัยจะถูกถามเพื่อให้คะแนนงานที่ทำอยู่ในระหว่างที่พวกเขามีอายุระหว่าง 25-39 ปี ตั้งแต่ 1 (ไม่ชอบเลย) ถึง 4 (ชอบมาก) และจากนั้นพวกเขาก็จะถูกถามเพื่อให้รายงานปัญหาสุขภาพเมื่อพวกเขามีอายุย่างเข้า 40 ไปแล้ว ผู้คนถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม 1. พึงพอใจงานที่ทำในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง 2. พึงพอใจในงานที่ทำในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง 3. ชอบน้อยแล้วค่อยๆ เพิ่มความชอบในตอนหลัง 4. ชอบมากในตอนแรกและเริ่มไม่ชอบในเวลาต่อมา ในกลุ่มคนที่ให้คะแนนความชอบงานต่ำช่วงตอนเริ่มต้นทำงานนั้น จะมีปัญหาในด้านสุขภาพจิต มีรายงานเกี่ยวกับการนอนไม่หลับ มีอาการซึมเศร้าและวิตกกังวลในช่วงชีวิตหลังจากนั้น ส่วนผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่ต่ำกว่านั้น…
-
13 ภัยพิบัติ ‘แผ่นดินไหว’ ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ เท่าที่มนุษยชาติเคยประสบมา!!
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โลกเราต้องเผชิญกับภัยพิบัติแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ถึงสองครั้ง ทั้งในประเทศอิตาลี และประเทศพม่าเมื่อวานนี้ ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งต่อชีวิตและสิ่งปลูกสร้างของมนุษย์ อย่างในพม่าเจดีย์พุกามอายุกว่า 800 ปีก็ถล่มลงมาด้วยแรงของแผ่นดินไหว และในประเทศอิตาลี ตอนนี้ก็มีผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวแล้วกว่า 250 คน และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ครั้งนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะขออาสาพาเพื่อนๆ ย้อนรอย 13 ภัยพิบัติแผ่นดินไหวสุดร้ายแรง ที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เราลองไปทำความรู้จักไล่ตั้งแต่อันดับสุดท้า่ย ไปจนถึงอันดับแรกกันเลยครับ… 13. คันโต, ญี่ปุ่น ในปี ค.ศ. 1923 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.9 แม็กนิจูด บนที่ราบคันโต เกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในแผ่นดินไหวที่ร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของญี่ปุ่น ผลของแผ่นดินไหวทำให้เกิด “เหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ในโตเกียว” ที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 447,000 คน นั่นยังไม่รวมที่เสียชีวิตจากดินถล่ม สึนามิ และอาฟเตอร์ช็อคอีก 57 ครั้งไป ซึ่งจำนวนกว่า 150,000 คน 12. อาชกาบัต, สหภาพโซเวียต…
-
98 ข้อมูลที่ Facebook รู้เกี่ยวกับตัวคุณ จนบางทีอาจจะรู้มากกว่าตัวคุณเองด้วยซ้ำ!??
ก็อย่างที่เราพอจะทราบกันว่า โซเชียลมีเดียในปัจจุบันนั้นถือเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่จำเป็นมากๆ ในการติดต่อสื่อสาร หรือแม้แต่ภาคธุรกิจหรือด้านการเงินต่างๆ ปัจจุบันล้วนมีช่องทางการทำผ่านโซเชียลมีเดียแล้วทั้งสิ้น และหนึ่งในโซเชียมีเดียที่ดังไปทั่วโลกและคนไทยนิยมมากที่สุดนั่นก็คือ Facebook นั่นเอง แต่เพื่อนๆ รู้มั้ยล่ะว่าข้อมูลการใช้งานต่างๆ ของเรานั้นก็จะถูกเก็บไว้ด้วยเช่นกัน วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีข้อมูลจากการเผยแพร่และศึกษาของทางสำนักข่าว Washington Post เกี่ยวกับข้อมูลต่างๆ ที่เฟซบุ๊ครู้เกี่ยวกับตัวคุณ โดยผ่านการใช้งานของเราเองนี่แหละ สิ่งเหล่านี้ราวกับว่าเราไปให้ข้อมูลกับพวกเขาเองโดยตรงเลยก็ว่าได้ 1. สถานที่และโลเคชั่นต่างๆ ที่คุณไป 2. อายุ 3. ช่วงอายุคน 4. เพศ 5. ภาษา 6. ระดับการศึกษา 7. สาขาวิชาและสิ่งที่กำลังศึกษา 8. โรงเรียนหรือสถานที่เรียนของคุณ 9. ชาติพันธุ์ของคุณ 10. รายรับและทรัย์สินของคุณ 11. ลักษณะของอสังหาริมทรัพย์ที่คุณเป็นเจ้าของอยู่ 12. มูลค่าของที่อยู่อาศัยของคุณ 13. ขนาดของที่ดินของคุณ 14. ขนาดของที่อยู่อาศัยของคุณ 15. ปีที่บ้านคุณหรือที่อยู่อาศัยถูกสร้างขึ้น 16. ส่วนประกอบต่างๆ ภายในบ้าน 17. วันครบรอบต่างๆ ของคุณ…
-
Exclusive: สัมภาษณ์สาวสวยมาแรงที่สุดตอนนี้ หลังถูกนำภาพไปตัดต่อ ว่าต้องการคนอุปการะ!??
บางครั้งการอำกันเล่นๆ ในโลกออนไลน์ อาจนำไปสู่ผลกระทบในวงกว้างระดับประเทศ จนทำให้คนๆ นึงเดือดร้อนได้เลยทีเดียว อย่างเช่นกรณีที่#เหมียวฟิ้นจะนำเสนอในวันนี้ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อนในโลกออนไลน์หลายคนน่าจะได้เห็นภาพของสาวสวยสามคน ขณะอุ้มเด็กทารกพร้อมกับข้อความว่า “3 พี่น้องเดือดร้อนหนัก บ้านทรุดโทรม น้องคนเล็กถูกสามีทิ้งพร้อมลูก 1 คน ต้องการคนอุปการะ วอนสังคมช่วยเหลือ” จนหลายคนอดไม่ได้ที่จะกดแชร์เพราะความน่ารักของทั้ง 3 สาว จนเราต้องตามคุณ ปิ๊ง พัชรินทร์ พินิจกลาง (คนกลาง) 1 ใน 3 สาวที่ตกเป็นประเด็นของสังคมและเข้าใจผิดไปว่าเป็นซิงเกิลมัมที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ ทั้งที่จริงแล้วเธอแค่ไปทำบุญกับเพื่อนๆ ให้กับเด็กน้อยชาวมอญที่ถูกทอดทิ้งเท่านั้น อ่านเรื่องราวต้นฉบับได้ที่นี่เลย เพื่อเป็นการแก้ข่าวและระบายความรู้สึก วันนี้#เหมียวฟิ้นเลยขอชวนเธอมาสัมภาษณ์กันสักหน่อยถึงเรื่องราวที่กำลังเป็นข่าว ได้ทราบข่าวเรื่องภาพที่ถูกนำไปตัดต่อหรือยัง รู้สึกยังไง? ทราบแล้วค่ะ ทราบเมื่อตอนบ่ายๆ (วันที่ 23) ตอนแรกที่เพื่อนส่งมาให้ดูไม่เห็นภาพถูกแขร์ในเฟซบุ๊กนะคะ ตอนแรกที่เห็นเลยคือเพื่อแชร์มาในกรุ๊ป ส่งมาให้ดูแล้วเขาก็ทักมาถามเรา เราก็แบบขำ คือตอนแรกอะมันขำเพราะว่าอ่านเป็นแคปชั่นอะค่ะ ละพอมีคนมาแชร์เยอะๆ มันไม่ขำละนะ บางคนพอเราไปเม้นเขาก็บอกว่า ‘ไม่เข้าใจเหรอว่ามันเป็นเรื่องตลก’ อะไรอย่างงี้ แต่ด้วยบางคนเขาเชื่อบ้าง…
-
และนี่คือ 21 คำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ให้คุณอยู่กับ ‘เจ้าเหมียว’ แบบมีความสุขมากยิ่งขึ้น อิอิ
ต้องขอบอกเลยว่าเหล่าแมวเหมียวทั้งหลายนั้นเป็นสัตว์ที่ไม่ธรรมดา พวกมันมีความพิเศษ นอกจากจะเต็มเปี่ยมไปด้ยความน่ารักแล้ว ยังมีความสามารถมากมายที่เราทุกคนต่างนึกไม่ถึง และในวันนี้ #เหมียวหง่าว มีคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ในการใช้ชีวิตร่วมกับเจ้าเหมียวมาฝากทุกคนกัน ที่อาจจะช่วยให้เพื่อนๆ ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเจ้าเหมียวได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น ถ้าพร้อมแล้วก็ไปชมพร้อมๆ กันได้… 1. หากคุณอยู่กับเจ้าเหมียว คุณมีหน้าที่ที่จะมอบสภาพความเป็นอยู่ที่ดีที่สุดให้กับมัน (เอาง่ายๆ ก็คือยอมตกเป็นทาสรับใช้ของมันนั่นแหละ 555+) 2. ให้ความสำคัญกับพวกมันราวกับว่าพวกมันเป็นพระเจ้าประจำบ้านของเรา 3. ถึงแม้ว่าพวกมันจะสามารถดูแลตัวเองได้ก็เถอะ 4. พวกมันชื่นชอบการกินอาหารบนโต๊ะร่วมกับเหล่ามนุษย์อย่างเราๆ มากกว่าไปกินในถาดที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง 5. ลองเช็คดูก่อนว่าพวกมันจะกินอาหารที่เราทำมาให้หรือไม่ ถ้าทำมาทีเดียวหมดระวังจะเสียของนะเออ!! 6. และเจ้าสิ่งนี้จะไม่เคยถูกนำไปเสิร์ฟให้เหล่าเหมียวของเราอย่างแน่นอน (หมายถึงเลมอนอ่ะนะ) 7. ให้จำไว้เลยว่าเหล่าเหมียวอ้วนทั้งหลายคือแมวที่มีความสุขที่สุด (กับการกินอ่ะนะ) 8. ควรให้เวลาการเป็นส่วนตัวกับเหล่าแมวเหมียวบ้าง เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมเคาะประตูห้องน้ำทุกครั้งด้วยล่ะ เผื่อว่าเจ้าเหมียวกำลังทำธุระอยู่ 9. ข้อห้ามที่ไม่ควรทำที่สุดก็คือการขัดใจเจ้าเหมียว 10. ถ้าคุณทำมันล่ะก็ มันก็จะงอนตุ๊บป่องแบบที่เห็นนี่ล่ะ 11.…
-
Julius Yego เด็กน้อยที่ฝึกพุ่งแหลนผ่านยูทูป เพราะไม่มีใครสอน สู่นักกีฬาเหรียญเงินโอลิมปิก!!!
การที่คนเราเกิดมาแล้วมีโอกาสไม่เท่ากับคนอื่นนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่แทบจะเอามาอ้างอะไรไม่ได้เลยเสียด้วยซ้ำ ถ้าเราตั้งใจและมีความพยายามจริงๆ ล่ะก็ อะไรๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ เหมือนเรื่องราวของนักพุ่งแหลนชาวเคนย่าคนนี้ Julius Yego แข่งขันในรายการพุ่งแหลน World Championships ที่จัดในกรุงปักกิ่งเมื่อไม่นานมานี้ แต่กระนั้นสถิติการพุ่งไกลของเขา 92.72 เมตรนั้น เป็นสถิติที่ดีที่สุดที่นักพุ่งแหลนชาวแอฟริกันเคยทำได้ และเป็นสถิติโลกอันดับ 3 เลยทีเดียว แถมเขายังสร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักพุ่งหอกชาวเคนย่าคนแรกที่ได้รับเหรียญทองในการแข่งขันนี้ แต่กว่าจะมาเป็นเขาได้ทุกๆ วันนี้นั้น เส้นทางชีวิตของเขาไม่ได้โรยมาด้วยกลีบกุหลายเลยแม้แต่น้อย… Julius Yego หลังโอลิมปิก 2012 ที่ลอนดอน Julius Yego เคยให้สัมภาษณ์กับนักข่าว CNN ว่า ‘ผมเป็นคนที่เรียนรู้เกี่ยวกับการพุ่งแหลนด้วยตัวเอง ผ่านวิดีโอต่างๆ ใน Youtube ล่ะ เพราะหมู่บ้านที่ผมอยู่ตอนเด็กๆ มีนักวิ่งชื่อดังระดับโลกมากมาย แต่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการพุ่งแหลนมากนัก และโค้ชสำหรับฝึกสอนทั่วไปผมก็ไม่สามารถสู้ราคาไหว’ ‘ผมไม่มีโค้ชหรือผู้ฝึกสอน แรงบันดาลใจของผมล้วนๆ เท่านั้นที่ทำให้ผมยังสู้ต่อไป การฝึกซ้อมและเรียนรู้ด้วยตนะเองนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก Youtube ก็ช่วยผมเยอะจริงๆ แต่กระนั้นการฝึกซ้อมคนเดียวมันก็ยากลำบากมาก ผมต้องเรียนรู้ทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างเอง จัดท่าทางให้ถูกต้องเอาเอง แถมไม่มีใครมาบอกหรือแนะนำเวลาทำผิดด้วย’ เขากล่าวต่อ…
-
เด็กน้อย 5 ขวบ มอบเหรียญทองกีฬาสีให้แก่ “ไมเคิล คอนแลน” นักชกที่แพ้โอลิมปิกแบบค้านสายตา
เรียกว่าเป็นข่าวฉาวระดับโลกเลยทีเดียวสำหรับผลการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นของนักชกจากไอร์แลนด์ “ไมเคิล คอนแลน” กับ นักชกจากรัสเซีย “วลาดิเมียร์ นิกิติน” ซึ่งฝ่ายยอดนักชกชาวไอริชพ่ายแพ้ไปอย่างกังขาสายตาคนทั้งโลก ซึ่งหลังจากการแข่งขันจบลง ทางคอนแลนได้ประกาศว่าจะไม่ขึ้นชกในรายการที่ AIBA จัดอีกเป็นอันขาด ซึ่งก่อนหน้านี้ วลาดิเมียร์ นิกิติน ก็เพิ่งชนะ “ฉัตรชัย บุตรดี” นักชกจากไทยไปอย่างน่ากังขาเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องที่ทำให้เขายิ้มได้แล้ว เพราะมีเด็กชายไอร์แลนด์วัย 5 ขวบคนหนึ่ง ต้องการมอบเหรียญทองที่เขาได้มาจากงานกีฬาสีของโรงเรียนแก่คอนแลน เพื่อเป็นกำลังใจ โดยจดหมายเขียนว่า “สวัสดีไมเคิล ผมชื่อฟินน์ แมคมานัส ผมอายุ 5 ขวบ ผมได้ดูที่คุณสู้ในโอลิมปิกที่ริโอ และคุณควรเป็นผู้ชนะเพราะคุณคือนักชกที่ดีที่สุดในโลก ผมอยากให้คุณรับเหรียญทองกีฬาสีของผม เพราะคุณคือผู้ชนะที่แท้จริง ผมหวังว่าคุณจะชอบมันนะ จากฟินน์” ทันที่ไมเคิลได้เห็นข้อความดังกล่าว เขาก็ตอบกลับไปทันทีว่า ขอบคุณมาก ถ้าใครรู้ว่าเขาเป็นใครช่วยบอกหน่อย เขามีของขวัญจะให้ เมื่อชาวเน็ตได้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ได้เข้ามาร่วมคอมเมนต์มากมาย “เจ๋งมากเพื่อน สู้ต่อไป จงภูมิใจในตัวเอง” “คุณคือตำนานของจริง…
-
นักวิจัยญี่ปุ่นประดิษฐ์ “หุ่นแอนดรอยด์” เลียนแบบตัวเอง ที่เหมือนจนแยกแทบไม่ออก!!
เชื่อว่าหลายคนคงเคยฝันถึงวันที่โลกของเราจะมีหุ่นยนต์หน้าตาเหมือนมนุษย์ ใช้ชีวิตร่วมกันมนุษย์ทั่วไปอย่างปกติในสังคม แน่นอนว่าเทคโนโลยีในปัจจุบัน เรื่องราวแบบนั้นอาจยังเป็นแค่จินตนาการ แต่สิ่งที่นักวิจัยชาวญี่ปุ่นคนนี้ทำ ถึงจะบอกว่ายังไม่ใช่ แต่ก็ใกล้เคียงมากแล้ว!! หุ่นยนต์แอนดรอยด์ตัวนี้มีชื่อว่า Geminoid HI-2 เป็นผลงานของ Hiroshi Ishiguro ผู้อำนวยการสถาบัน Intelligent Robotics Laboratory จากมหาวิทยาลัยโอซาก้า ซึ่งเขาสร้างโดยมีตัวเองเป็นต้นแบบ นอกจากนี้เขายังได้สร้างหุ่นยนต์ผู้หญิงอีกตัวชื่อว่า Geminoid F ซึ่งมีพื้นฐานมาจากลูกสาวของเขาเอง Ishiguro พยายามสร้างหุ่นยนต์ตัวนี้ให้ออกมาเหมือนมนุษย์ให้มากที่สุด โดยมันสามารถเลียนแบบการขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า กระพริบตา กรอกตา ได้อย่างแนบเนียนจนเหมือนมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังใช้เส้นผมของตนเอง มาทำเป็นวิกให้กับเจ้า Geminoid HI-2 อีกด้วย และในอนาคต เขาตั้งใจจะทำให้หุ่นยนต์มี “เจตนารมณ์” และ “ความปรารถนา” ของตนเอง ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น เขาเชื่อว่าหุ่นยนต์จะสามารถเข้าใจมนุษย์ได้มากยิ่งขึ้น และนั่นถือว่าเป็นการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นของปัญญาประดิษฐ์ เราลองไปชมวีดีโอของหุ่นยนต์ตัวนี้กันดีกว่า สุดยอดจริงๆ อีกไม่นานความฝันที่เราจะมีหุ่นแอนดรอยด์ในชีวิตประจำวันก็จะไม่เกินความจริงแล้วสินะ แต่เอ.. มันจะเกิดเหตุการณ์เหมือนใน Terminator มั้ยน้อออ ฮาาา ที่มา motherboard
-
นักวิจัยเผย ท่านอนที่ดีที่สุดสำหรับ ‘มนุษย์เมนส์’ ให้ผ่านวันนั้นของเดือน แบบสบายใจที่สุด!!!
แน่นอนว่าเรื่อง ‘วันนั้นของเดือน’ มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย เพราะช่วงนี้คุณผู้หญิงก็จะรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว แถมยังเผื่อแผ่ความโมโหโกรธาไปให้เหล่าพ่อบ้านใจกล้าจนต้องน้ำตาซึมกันอีก โดยเฉพาะเวลาจะนอนนั้นยิ่งยากเข้าไปใหญ่ วันนี้ #จ่าสิบเหมียว เลยมีบทความดีๆ เกี่ยวกับการจัดท่าทางในการนอนของเหล่ามนุษย์เมนส์ เพื่อให้หลับได้ง่ายและสบายตัวที่สุด จากปากผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้กันเลยนะจ๊ะ อิอิ ช่วงวันนั้นของเดือนควรนอนอย่างไรกันหน๊อออ ทางนิตยสาร Glamour ได้สัมภาษณ์ Lisa Lindley สูตินรีแพทย์เกี่ยวกับท่านอนของหญิงสาวในช่วงวันนั้นของเดือน คำตอบก็คือ ‘เรื่องสำคัญที่สุดนั้นคือควรหลีกเลี่ยงแรงกดทับบริเวณกล้ามเนื้อหน้าท้องให้มากที่สุด’ และท่านอนแบบ ‘Foetal Position’ หรือท่านอนแบบทารกในครรภ์นั้น จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อของหน้าท้องคลายตัวได้มากที่สุด และทำให้นอนได้สบายและง่ายขึ้น ท่านอนแบบทารกในครรภ์ Jennifer Wider แพทย์หญิงอีกท่านก็ได้ให้สัมภาษณ์เช่นกันว่า ‘หญิงสาวหลายรายก็บอกเช่นกันว่าท่านอนแบบทารกช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการคลายกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้อง ทำให้ความเจ็บปวดลดลงได้เป็นอย่างมาก’ แถมการหนีบขาเข้าด้วยกันดังภาพด้านบนนั่นยังช่วยให้การไหลรั่วของประจำเดือนลดลงอีกด้วย ส่วนท่าที่แย่ที่สุดในช่วงประจำเดือนก็คือการนอนคว่ำ เพราะเป็นการสร้างแรงกดทับให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้อง แถมเหมือนเป็นการบีบให้ประจำเดือนทะลักออกมาอย่างรุนแรงอีกด้วย รู้แบบนี้แล้วสาวๆ ก็อย่าลืมนำทริคนี้ไปใช้เสริมกับทริคอื่นๆ ที่ทำกันอยู่แล้วด้วยน้าาา จะได้สบายทั้งตัวเองและก็สภาพจิตใจในช่วงนั้นของเหล่าพ่อบ้านด้วยเนาะ เอิ๊กๆๆ ที่มา: Metro
-
คุณแม่มอบบทเรียนดีๆ จาก ‘ยาสีฟัน’ สอนลูกสาว ที่กำลังจะไปโรงเรียนวันแรก…
ในการเป็นพ่อหรือแม่คนนั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คืออบรมสั่งสอนและเลี้ยงดูลูกๆ ของตัวเองให้มีความพร้อมสมบูรณ์ทั้งด้านกายและใจ วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีเรื่องเล่าดีๆ ของคุณแม่คนหนึ่ง ที่สอนบทเรียนง่ายๆ ให้กับลูกสาวของเธอโดยใช้อุปกรณ์ง่ายๆ อย่างเช่น ‘ยาสีฟัน’ นี่แหละเป็นสื่อการสอน ลองมาดูกันเลยดีกว่า… Amy Gardner คุณแม่ของ Breonna ที่กำลังจะเริ่มเรียนวันแรกในฐานะเด็กมัธยมต้น คุณแม่เลยอยากจะให้บทเรียนดีๆ กับเธอซักเรื่องก่อนที่จะเข้านอน โดยการบีบยาสีฟันลงบนจานแบบนี้ หลังจากนั้นคุณแม่ก็ให้ลูกสาวของเธอลองใส่ยาสีฟันที่เทลงไปในจานกลับเข้าไปในหลอดดูสิ แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้และลูกสาวของเธอก็บอกแบบนั้น ‘แม่ หนูทำไม่ได้จริงๆ มันคงกลับมาเป็นแบบเดิมไม่ได้แล้วล่ะ’ Breonna กล่าว โพสต์จากทางคุณแม่ ‘หนูจะจดจำบทเรียนเกี่ยวกับยาสีฟันและจานใบนี้ไปตลอดชีวิต คำพูดของลูกก็เช่นกัน มันเหมือนยาสีฟันนี่แหละ พอพูดออกมาแล้วก็นำกลับมาไม่ได้ อาจกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเลยทีเดียว ยิ่งหนูไปเรียนที่ใหม่แล้ว หนูก็จะรู้ว่าเรื่องของคำพูดนั้นมีความสำคัญมากขึ้นขนาดไหน… …แน่นอนว่ามันจะต้องมีบางโอกาสที่การใช้คำพูดของหนูทำร้าย ใส่ร้าย หรือแม้กระทั่งสร้างบาดแผลทางจิตใจให้กับคนอื่น แต่ก็เช่นกันว่าหนูจะได้ใช้คำพูดของหนูในการให้กำลังใจ ตักเตือน สร้างความรักและแรงบันดาลใจดีๆ ให้ผู้อื่นเช่นกัน… …แต่ส่วนมากแล้วเรามักจะเลือกทางเลือกที่แย่อยู่เสมอ อย่างเฉพาะในสัปดาห์นี้ แม่ก็เลือกใช้คำพูดแย่ๆ ไปถึง 3 หนด้วยกันและแม่รู้สีกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น.. เพราะฉะนั้นคำพูดก็เหมือนยาสีฟันนั่นแหละ ที่พอออกมาจากหลอดแล้วก็ไม่สามารถนำกลับไปได้…
-
นักวิจัยต่างประเทศกล่าว… ครอบครัวที่เข้มงวดกับลูกมากไป อาจทำให้เด็กเป็นคนขี้โกหก
ในวัยเด็กของเราทุกคนคงจะเคยถูกเลี้ยงดูมาโดยวิธีการที่แตกต่างกันออกไป พ่อแม่บางคนอาจจะเลี้ยงลูกแบบถนุถนอม บางคนเลี้ยงด้วยเหตุผล บางคนเลี้ยงด้วยไม้เรียว บางคนอาจจะสร้างกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการเลี้ยงลูกแบบเข้มงวดมากๆ นั้น จะส่งผลเสียกับพฤติกรรมของลูกในระยะยาวได้นะ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลีเมล์ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ของนักจิตอายุรเวทและนักเขียนหนังสือชื่อดังชาวอังกฤษ Philippa Perry บอกว่าการที่พ่อแม่เข้มงวดกับลูกมากเกินไปนั้น จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่อยากบอกความจริงกับพวกคุณ Philippa บอกว่าทุกๆ คำโกหก ล้วนก่อตัวมาจากสถานการณ์ที่บังคับให้พวกเขาไม่สามารถพูดความจริงทั้งหมดได้ หากลูกๆ ของพวกเขากลายเป็นคนขี้โกหกล่ะก็ พ่อแม่ควรจะโทษการเลี้ยงดูของพวกเขาเอง การให้ความเห็นของเธอไม่ได้เป็นการกล่าวขึ้นมาลอยๆ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีงานวิจัยของนักจิตวิทยาชาวแคนาดา Dr. Victoria Talwar ที่วัดและทำการทดลองกับเด็กโกหกมาแล้ว Dr. Talwar ได้ทำการทดลองกับเด็กๆ ในโรงเรียนสองแห่งในประเทศแอฟริกาตะวันตก โดยในโรงเรียนแรกจะไม่มีการตั้งกฎเกณฑ์ใดๆ ปล่อยสบายๆ ส่วนอีกโรงเรียนจะตั้งกฎไว้อย่างเข้มงวดและมีบทลงโทษด้วย การทดสอบนี้ก็ง่ายๆ แค่ให้เด็กๆ เดาว่าวัตถุอะไรที่ทำให้เกิดเสียง โดยห้ามมองวัตถุนั้น เธอเรียกการทดลองนี้ว่า Peeping Game เมื่อการทดลองเริ่มขึ้น พวกเขาให้เด็กๆ เข้าไปในห้อง แล้วผู้ทำการทดลองก็โยนบอลพลาสติกลงกับพื้น (ซึ่งมีเสียงแตกต่างจากบอลจริงๆ จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะคาดเดา) จากนั้นผู้ทำการทดลองก็ทำทีเป็นเดินออกไปข้างนอก แล้วกลับเข้ามาถามว่าเสียงที่ว่านั้นคืออะไร Dr.…
-
เรื่องของ 10 คนผอมที่เคยอ้วน และคนอ้วนลดน้ำหนักจนดูดี จะมาเป็นแรงบันดาลใจให้คุณ
ที่ผ่านๆ มา ทีมงานเหมียวได้ทำบทความสุขภาพ เกี่ยวกับคนที่อ้วนพยายามจะผอม และคนผอมที่เคยอ้วนมาหลายครั้งหลายครา นั่นก็เพื่อเป็นแรงบันดาลใจกับคนที่อยากจะมีรูปร่างดี หันมาออกกำลังกายกัน และในหลายๆ กรณีที่เราได้หยิบมาเล่านั้นก็มีเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่ออยู่หลายครั้ง เช่นคนที่หนักร้อยกว่าโลแล้วกลับมาผอม หรือบางคนถูกบังคับให้ผอมเพราะต้องไปแต่งงาน วันนี้ #เหมียวฟิ้น ได้รวบรวมเอาเรื่องราวเหล่านั้นมาเรียกกำลังใจของทุกๆ คนอีกครั้ง ไปชมกันเลยว่ามีใครลดน้ำหนักไปเท่าไหร่บ้าง? 1. ชายหนุ่มน้ำหนัก 154 กิโลกรัม รับสุนัขอ้วนมาเลี้ยง พวกเขาก็เลยลดน้ำหนักไปด้วยกันซะเลย (อ่านเต็มๆ ได้ที่นี่นะ) 2. สาวหนัก 160 กิโลกรัมฉุนขาด เมื่อสายการบินบอกให้เธอซื้อตั๋วสำหรับ 2 ที่นั่ง เลยออกกำลังกายจนเหลือน้ำหนักแค่ 60 กิโลกรัม (อ่านเต็มๆ ได้ที่นี่นะ) 3. สาวหนัก 90 ลดเหลือ 52 กิโลกรัม เพื่อให้มีหุ่นสวยเพรียวและเหมาะสมที่จะแต่งงานกับเจ้าบ่าว (อ่านเต็มๆ ได้ที่นี่นะ) 4. สาวไทยลดน้ำหนักจาก 55.2 เหลือ 50.4 กิโลกรัม แต่กินอาหารมากขึ้นจาก 1,000 ถึง 2,000…
-
คุณลุงสละเวลาลงไปช่วยเหมียวจรจัดจนต้องตกไฟลท์ แต่กลับกลายเป็นว่ามันทำให้เขารอดชีวิต!?
อีกหนึ่งเรื่องราวสุดสะเทือนใจเกี่ยวกับวินาทีแห่งความเป็นความตายของคนๆ หนึ่ง และกลายเป็นว่าฮีโร่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าเหมียวจรจัดตัวหนึ่งที่ช่วยชีวิตคุณลุงของนักเปียโนไว้ราวกับปาฏิหาริย์!!! Yuriko Morota นักเปียโนหญิงชาวญี่ปุ่นได้แชร์เรื่องราวเกี่ยวกับคุณลุงของเธอและเจ้าเหมียวจรจัดลงในทวิตเตอร์ส่วนตัว เกี่ยวกับเรื่องราวขณะที่คุณลุงของเธอกำลังจะไปขึ้นเครื่องเพื่อบินไปเจรจาเกี่ยวกับธุรกิจตอนปี 1985 เขาได้เจอเจ้าเหมียวจรจัดระหว่างทาง ด้วยความที่เขาเป็นคนรักแมวอยู่แล้ว เขาเลยหยุดไม่ได้ที่จะลงไปช่วยเจ้าเหมียว โดยการนำมันกลับไปดูแลและให้อาหารที่บ้าน ถึงจะตกเครื่องบินไปก็ไม่สลักสำคัญอะไร… หลายๆ คนอาจจะรู้สึกโกรธจัดถ้าต้องตกเครื่องเพราะเรื่องนี้ แต่กลายเป็นว่าคุณลุงของเธอกลับเป็นคนที่โชคดีมากๆ ซะงั้น… ใจความที่เธอเขียนเล่าเรื่องก็ประมาณว่า ’31 ปีที่แล้ว คุณลุงกำลังจะไปขึ้นเครื่องเพื่อบินไปเจรจาธุรกิจของเขา เขาหยุดข้างทางเพื่อช่วยเหลือเจ้าเหมียวน้อยจรจัดตัวหนึ่ง กลายเป็นว่าไฟลท์นั้นของ JAL ได้เกิดเหตุการณ์เครื่องยนต์ขัดข้องและตก เขารู้สึกโชคดีอย่างมาก เขาตั้งชื่อแมวตัวนั้นว่า Nikko และคุณลุงก็ดูแลมันตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเขา…’ เครื่องบินเกิดเหตุขัดข้องเพราะการซ่อมแซมตรงส่วนหางที่ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้เกิดการระเบิดตรงส่วนนั้น กัปตันพยายามประคองเครื่องได้ราวๆ 32 นาทีก็ตกลงที่จังหวัดกุมมะ ใกล้ๆ กับภูเขา Osutaka ในส่วนของไฟลท์นั้นเป็นของ Japan Airlines ไฟลท์ 123 ที่ตกเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ปี 1985 และกลายเป็นว่ามันคือหนึ่งในอุบัติเหตุทางอากาศที่ร้ายแรงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ มีผู้โดยสารและลูกเรือกว่า 524 รายเสียชีวิตจากเหตุการณ์นั้น… ภาพเหตุการณ์สลดในครั้งนั้น…
-
ไขข้อสงสัย!! ในที่สุดเราก็ได้รู้ซักที ว่าทำไมเม็ดยาแคปซูลถึงต้องมีสองสี??
ไม่ว่าจะเจ็บคอ น้ำมูกไหล เป็นหวัด เป็นไข้ หรือบาดเจ็บอะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายเราก็ต้องพึ่งยาเพื่อการรักษาให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงได้ดังเดิม ส่วนยาก็มีหลายแบบ ทั้งแบบยาเม็ด หรือยาน้ำ และเพื่อนๆ เคยสงสัยกันมั้ยล่ะว่า เจ้ายาแคปซูลที่เรากินกันเข้าไปทำไมมันถึงต้องมีสองสีด้วย? ซึ่งอันที่จริงแล้วแบบที่เป็นแคปซูลสีเดียวก็มีนะ แต่ส่วนใหญ่ที่เราเจอกันบ่อยๆก็มักจะเป็นแบบสองสีนี่แหละ เราไปไขข้อข้องใจพร้อมๆ กันเลยดีกว่า ถ้าเราสังเกตุดีๆ จะพบว่าขนาดของแคปซูลนั้นไม่เท่ากัน ด้านหนึ่งจะมีขนาดกว้างกว่าอีกด้านหนึ่ง อย่างที่เรารู้กันดีว่าด้านที่กว้างกว่าย่อมบรรจุสิ่งต่างๆได้มากกว่า นั่นก็หมายความว่าด้านที่มีขนาดเล็กกว่าจริงๆ แล้วมันคือด้านหัว ส่วนด้านที่กว้างกว่าจะเป็นที่บรรจุตัวยา ในขั้นตอนการผลิตนั้น ส่วนที่กว้างกว่าจะถูกวางไว้ด้านล่างพร้อมกับเปิดปากไว้ สำหรับการบรรจุผงยาลงไป หลังจากนั้นจึงนำส่วนหัวเข้ามาประกอบอีกทีนึง และแน่นอนว่าถ้าทั้งสองด้านมีสีเหมือนกัน ในขั้นตอนการผลิตคงทำให้การจำแนกด้านหัวและด้านบรรจุ ยากและซับซ้อนมากขึ้นแน่ๆ ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อเราทานยาเข้าไป ทั้งสองด้านที่มีสีแตกต่างกันจะแยกออกจากกัน ทำให้ตัวยาส่งผลกับร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แถมยังมีการพิสูจน์มาแล้วว่า ด้วยสีที่แตกต่างกันของแคปซูล ช่วยดึงดูดให้เด็กๆรับประทานยาเมื่อเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น ในส่วนของผู้ผลิตที่จำเป็นต้องแยกสี ก็เพื่อความสะดวกในการจำแนกประเภทยาที่แตกต่างกันออกไป และใช้สองสีเป็นตัวกำหนดเพื่อไม่ให้ซ้ำกันอีกด้วย (ถ้าซ้ำกันผู้บริโภคอาจงงเป็นไก่ตาแตก) ในที่สุดเราก็ได้หายสงสัยซักที ว่าทำไมต้องมีหลากหลายสีซะเหลือเกินกับยาแต่ละประเภท แต่ถ้าสมมุติว่ายาทั้งโลกเป็นสีเดียวกัน มีลักษณะเหมือนกันหมดละ คงกินยาผิดกันจนวุ่นวายแน่ๆ…
-
ผลสำรวจน่าคิด จาก “ผู้หญิงญี่ปุ่น” ถ้าคู่สมรสเป็นคนรวยแต่หน้าตาไม่ดี เธอจะรับได้หรือไม่!?
ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นทัศนคติของผู้หญิงญี่ปุ่น เกี่ยวกับการแต่งงานและชีวิตคู่ เนื่องจากว่าเวลาเราดูจากภาพยนตร์หรือละครของญี่ปุ่น มักจะเห็นว่าผู้หญิงส่วนมากจะเป็นแม่บ้าน ทำงานบ้าน แต่ครั้งนี้เราจะมาดูกันว่าผู้หญิงญี่ปุ่นนั้นคิดอย่างไร ถ้าเกิดว่ามีสามีรวยแต่หน้าตาน่าเกลียด…. ทางเว็บไซต์ Shirabee ของญี่ปุ่นได้ทำการสำรวจผู้หญิงจำนวน 683 คน โดยช่วงอายุระหว่าง 20 – 69 ปี โจทย์ว่าจะรับได้หรือไม่ถ้าคนที่คุณจะแต่งงานด้วยหน้าตาน่าเกลียด แต่รวย ซึ่งผลที่ออกมาก็ดูหลากหลายมากๆ นี่คือผลที่ได้ เมื่อแบ่งตามอายุ (สำหรับคนที่ตอบว่ารับได้) ผู้หญิงอายุในช่วงวัย 20 – 29 ปี ตอบว่ารับได้ 32.8% ผู้หญิงอายุในช่วงวัย 30 – 39 ปี ตอบว่ารับได้ 29.9% ผู้หญิงอายุในช่วงวัย 40 – 49 ปี ตอบว่ารับได้ 22.6% ผู้หญิงอายุในช่วงวัย 50 – 59 ปี ตอบว่ารับได้ 23.9% ผู้หญิงอายุในช่วงวัย…
-
10 ทิปการลดน้ำหนักง่ายๆ โดยผู้เชี่ยวชาญที่สามารถลดน้ำหนักให้ตัวเองได้มากถึง 70 กิโลฯ เลยทีเดียว!!
ใครๆ ต่างก็อยากจะมีรูปร่างที่ดูดีกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะทั้งผู้หญิง หรือผู้ชาย และสิ่งที่สำคัญที่สุดในการลดน้ำหนักก็คือการกินนั่นเอง #เหมียวบ็อบ จึงขอพาไปเรียนรู้เทคนิคง่ายๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนัก Joe Bernstein หนุ่มวัย 25 ผู้เคยมีน้ำหนักมากถึง 154 กิโลฯ!!!! แต่กว่าที่เค้าจะลดน้ำหนักลงมาได้มากถึง 70 กิโลฯ เค้าก็ต้องลองสูตรไดเอทต่างๆ มาแล้วนับไม่ถ้วน และนี่คือ 10 เทคนิคดีๆ ที่เค้าได้ค้นพบและเริ่มใช้กับตัวเอง อีกทั้งยังช่วยให้เรามีไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อสุขภาพของตัวเองมากขึ้นอีกด้วย ต้องยอมรับว่าเค้าคือผู้เชี่ยวชาญอีกคนหนึ่ง เพราะสิ่งที่เค้าแนะนำคือสิ่งที่เค้าใช้แล้วได้ผลกับตัวเองจริงๆ 1. หยุดดื่มเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่สูง หมายความว่าถ้าเพื่อนๆ สามารถหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มอย่างเช่นพวก โซดา น้ำผลไม้หวานๆ หรือชาหวานๆ ทั้งหลายได้จะเยี่ยมมาก เห็นแบบนี้มันอาจช่วยให้เพื่อนๆ ลดน้ำหนักลงได้มากถึง 22 กิโลฯ ภายใน 3 เดือนอีกด้วย เพราะบางทีเราก็ไม่รู้ตัวว่าพวกน้ำหวานทั้งหลายที่เราดื่มเข้าไปน่ะ ทั้งวันมันก็ปาไปแล้วกว่า 2,000 แคลอรี่เลยนะ!!! 2. ลืมเรื่องการทานอาหารจานด่วนในเวลามื้อเที่ยงไปได้เลย ถ้าหากเพื่อนๆ คนไหนที่ตั้งใจจะลดน้ำหนัก และควบคุมอย่างจริงจังล่ะก็ นี่ถือว่าเป็นอีกวิธีที่ได้ผลสุดๆ เพียงแค่เราเปลี่ยนจากการทานอาหารจานด่วนทั่วๆ…
-
เรื่องราวของชายข้ามเพศเมื่อ 100 ปีก่อนจากออสเตรเลีย ที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายกว่า 20 ปี มีเมีย 3 คนไม่มีใครจับได้!!
แม้ธรรมชาติจะสร้างเพศออกมาเพียง 2 เพศ แต่ดูเหมือนว่าในความเป็นจริงแล้ว ความหลากหลายทางเพศของมนุษย์นั้นมีมากเกินกว่าที่ธรรมชาติได้สรรสร้างไว้ ทุกวันนี้เราได้รู้จักกับเหล่าคนข้ามเพศทั้งหลาย ที่มีเพศสภาวะไม่ตรงกับเพศสภาพของตนเอง ซึ่งหากว่ากันจริงๆ แล้วนั่นคงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกนักในยุคนี้ แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับชายข้ามเพศจากประเทศออสเตรเลียเมื่อกว่า 100 ปีก่อน ที่แอบใช้ชีวิตอย่างผู้ชายเป็นเวลาเกือบ 20 ปี แถมยังมีภรรยาถึง 3 คนโดยที่ไม่มีใครจับได้ และไม่มีใครรู้เลยว่าเขาไม่ใช่ผู้ชาย ชาย (หรือหญิง) คนนี้มีชื่อว่า เอ็ดเวิร์ด เดอ เลซี่ อีแวนส์ (Edward De Lacy Evans) ชาวเมืองวิคคอเรีย ในประเทศออสเตรเลีย ก่อนหน้าที่เขาจะอพยพมาอยู่ที่ออสเตรเลีย เขาใช้ชีวิตอย่างผู้หญิงทั่วไปในชื่อว่า เอเลน เทรย์เมน แม้กายจะเป็นหญิง แต่ก็รู้เสมอมาว่าไม่ใช่ในแบบผู้หญิงทั่วไป และไม่ได้รู้สึกชอบผู้ชายอีกด้วย เมื่อมาถึงออสเตรเลียแล้ว เขาก็ยังฝืนใช้ชีวิตอย่างผู้หญิงทั่วไป โดยทำงานเป็นพนักงานของโรงแรมแห่งหนึ่ง จนวันหนึ่งเขาเริ่มแต่งกายเป็นผู้ชาย เปลี่ยนชื่อแซ่ของตนเองเป็น เอ็ดเวิร์ด เดอ เลซี่ อีแวนส์ และไม่แต่งตัวเป็นผู้หญิงอีก หลังจากนั้น…
-
รวม 10 เรื่องจริงของการ “วงการแพทย์” เมื่อร้อยปีก่อน แทบไม่ต่างจากฝันร้ายในหนังสยองขวัญ!!
ทุกวันนี้วิทยาการทางการแพทย์ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว มนุษย์สามารถรักษาโรคร้ายต่างๆ ที่คนเมื่อร้อยปีก่อนทำได้แค่ฝันได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเรื่องการผ่าตัดที่แทบจะกลายเป็นเรื่องที่ปกติธรรมดาของมนุษย์ไปแล้ว แต่สำหรับเหล่านายแพทย์เมื่อ 100 ปีก่อนนั้น การผ่าตัดแทบไม่ต่างจาก ฉากสุดโหดเหี้ยมจากหนังสยองขวัญที่เราได้ชมกันในปัจจุบัน 1. ในช่วงปี 1900 การผ่าตัดคือเรื่องที่สยดสยองสุดๆ ช่วงเวลานั้นคือช่วงเวลาที่เหล่านายแพทย์เพิ่งเรียนรู้เกี่ยวกับการผ่าตัดร่างกายมนุษย์ และวิธีการที่พวกเขาผ่าตัดนั้นจะบอกว่าป่าเถื่อนก็คงจะไม่เกินไปนัก เพราะการผ่าตัดแต่ละครั้งไม่มีการสวมถุงมือหรือผ้าปิดปากแต่อย่างใด 2. ไม่มีการใช้ยาสลบหรือยาชา ในยุคนั้น การผ่าตัดคลอดลูกจะไม่มีการใช้ยาชาหรือยาสลบแต่อย่างใด พวกเขาจะใช้มีดผ่าผิวหนังชั้นนอก แล้วเอามือล้วงเข้าไป ก่อนจะเย็บแผลสดๆ ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการ “มาตรฐาน” ในสมัยนั้นเลย แม้กระทั่งโรงพยาบาลชื่อก้องโลกอย่าง John Radcliffe ในมหาวิทยาลัยอ็อกส์ฟอร์ด ก็ทำเหมือนกัน 3. ไม่ค่อยประสบผลสำเร็จเท่าไหร่ เมื่อก่อนการผ่าตัดมีเอาไว้รักษาอาการกระดูกหัก กระดูกแตก หรือว่าอวัยวะขาดเท่านั้น ส่วนการรักษาอื่นๆ ยังไม่มีการใช้จริงแต่อย่างใด เพราะการทดลองแต่ละครั้ง ผู้เข้ารับการทดลองจะต้องเจ็บปวดเป็นอย่างมาก และส่วนใหญ่ ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ด้วยน่ะสิ 4. การถือกำเนิดขึ้นของยาสลบและยาชา ยาชาและยาสลบถูกคิดค้นขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แต่เริ่มนำมาใช้จริงๆ ก็ช่วงต้นทศวรรษที่…
-
รู้จัก “แคสเตอร์ เซเมนยา” นักวิ่งหญิงโอลิมปิก ที่เคยถูกแบนเพราะโครโมโซมเป็น “ผู้ชาย”
ทุกวันนี้ในการแข่งขันกีฬาแทบทุกชนิด จะต้องมีการแบ่งแยกเพศของผู้เข้าแข่งขันออกจากกัน เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่า ผู้ชายนั้นมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงกว่าผู้หญิง ถ้าไม่แบ่ง ก็อาจไม่ยุติธรรมต่อเหล่านักกีฬาเพศหญิงเท่าไหร่นัก แต่รู้หรือไม่ ครั้งหนึ่งเคยมีนักกรีฑาหญิงคนหนึ่ง ถูกแบนจากการแข่งขันและริบรางวัลทุกอย่างที่เคยทำได้ไป เพราะว่าเธอนั้นมีโครโมโซมเป็น “ผู้ชาย”!! นักกรีฑาคนนี้มีชื่อว่า Caster Semenya วัย 25 ปี จากประเทศแอฟริกาใต้ เธอเริ่มสร้างชื่อในการเข้าแข่งขันกีฬายูธคอมมอนเวลท์เกมในปี 2008 ด้วยการคว้าเหรียญทองในวัย 17 ปี และในปีต่อมา เธอก็คว้าเหรียญทองในการแข่งขันชิงแชมป์โลก ที่กรุงเบอร์เลิน ประเทศเยอรมันนี ในวัยพียง 18 ปีเท่านั้น หลายคนอาจคิดว่านี่คือจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของเธอแต่เปล่าเลย นั่นคือจุดเริ่มต้นของมรสุมในชีวิตของเธอต่างหาก เพราะหลังจากการแข่งขัน หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงร่างกายอันบึกบึนกำยำของเธอ ซึ่งดูไม่เหมือนผู้หญิงเป็นอย่างมาก จนในที่สุดเธอก็ยอมเข้ารับการตรวจโครโมโซมเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ผลที่ออกมาพบว่าเธอมีโครโมโซมแบบ XY ซึ่งแปลว่าเธอเป็นผู้ชาย!!! เมื่อผลออกมาเป็นเช่นนั้น ทางสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ (IAAF) จึงไม่รอช้าแบนเธอจากการแข่งขันทุกชนิดในทันที พร้อมทั้งริบรางวัลที่เธอเคยได้ทั้งหมด พร้อมกับคำครหาว่า เธอแปลงเพศมาเข้าแข่งขันงั้นหรือ!??? ผลของการแบนทำให้เธอไม่สามารถลงแข่งในการแข่งขันระดับนานาชาติที่รองรับผลโดย IAAF แต่แต่รายการเดียว…
-
Exclusive: สัมภาษณ์ “น้องม๊าเดี่ยว” หลังตามฝันในวงการแฟชั่นมา 1 ปี เธอเป็นยังไงบ้าง!?
หากจะให้นึกถึงนางแบบสายครีเอท และมีความคิดสร้างสรรค์สุดบรรเจิดล่ะก็ เชื่อว่าหลายๆ คนจะต้องนึกถึงน้องม๊าเดี่ยวอย่างแน่นอน เพราะตั้งแต่เมื่อช่วงกลางปี 2558 ที่เธอเริ่มโด่งดังจากการหยิบโน่นผสมนี่จนกลายเป็นอัลบั้มภาพถ่ายแฟชั่นฮาๆ เธอก็มีงานตามมาแบบไม่ขาดสาย ในตอนนั้นเอง#เหมียวฟิ้นก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์เธอด้วย (อ่านบทสัมภาษณ์เก่าได้ที่ เหมียวสัมภาษณ์ ‘น้องม๊าเดี่ยว’ เจ้าแม่แฟชั่นที่มาแรงสุดในโลกออนไลน์) หลังจากที่เวลาผ่านไป 1 ปี เธอเองดูจะเติบโตขึ้นมาก แถมยังมีงานเดินแบบทั้งในและต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา เราจึงขอกลับมาพูดคุยกับเธออีกครั้งเพื่ออัพเดทเรื่องราวในวงการของเธอว่าเป็นยังไงบ้าง กับความฝันที่ตั้งใจไว้ เหมียวฟิ้น: สวัสดีครับน้องม๊าเดี่ยว ไม่ได้เจอกันตั้งปีนึง คิดถึงจังเลย ม๊าเดี่ยว: คิดถึงเหมือนกัน แอบน้อยใจนะ คิดว่าลืมน้องคนนี้ซะแล้ว เหมียวฟิ้น: ฮ่าๆ ไม่ลืมครับ เราติดตามดูผลงานและการเติบโตของน้องอยู่ตลอดเลยครับ ม๊าเดี่ยว: ปลื้มปริ่ม เหมียวฟิ้น: หลังจากที่เราคุยกันเมื่อ 1 ปีที่แล้ว ชีวิตน้องเปลี่ยนไปยังไงบ้าง? ม๊าเดี่ยว: ชีวิตเปลี่ยนไปค่อนข้างมากและเปลี่ยนไปในทางที่ดีค่ะ มีโอกาสทำสิ่งต่างๆ ที่เราไม่เคยทำ ได้มีโอกาสไปทำงานกับต่างประเทศ ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ได้ถ่ายนิตยสารต่างๆ มีอีเว้นท์บ้าง และที่น้องม๊าเดี่ยวภูมิใจ เร็วๆ…
-
หญิงสาวเกือบไม่รอด ลดน้ำหนักเหลือเพียง 25 กิโล ก่อนแฟนหนุ่มจะเข้ามา เปลี่ยนสุขภาพให้ดีขึ้น…
ด้วยค่านิยมของสังคม และการนำเสนอจากสื่อ ทำให้สาวๆ หลายคนทั่วโลกประสบปัญหาโรคกลัวอ้วนหรืออนอเร็กเซีย จนทำให้พวกเธอไม่กล้ากินอาหารจนน้ำหนักลดลงไปอยู่ในระดับที่อันตรายต่อชีวิตของพวกเธอเอง อย่างเช่นเรื่องราวของหญิงสาววัย 19 ปีคนนี้ ที่เคยกลัวอ้วน ลดน้ำหนักลงไปเหลือเพียงแค่ 25 กิโลกรัม จนเกือบตาย โชคดีที่แฟนหนุ่มของเธอได้ช่วยเอาไว้ ทำให้เธอได้มีชีวิตใหม่ที่สดใส และสุขภาพดีกว่าเดิม หญิงสาวคนนี้มีชื่อว่า Chiara Schober วัย 19 ปี ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นโรคกลัวอ้วนเป็นอย่างมาก ทำให้เธอพยายามลดน้ำหนักลงไปจนเหลือเพียงแค่ 25 กิโลกรัมเท่านั้น ทุกๆ วันเธอจะกินแค่ลูกพีชหนึ่งลูก ซึ่งให้พลังงานเพียง 39 กิโลแคลอรี่ เรียกว่าเป็นพลังงานเพียงแค่ 1 ใน 51 ส่วนที่ผู้ใหญ่ทั่วไปต้องการในแต่ละวันเท่านั้นเอง แน่นอน ด้วยพฤติกรรมการกินแบบนี้ ทำให้เธอต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะตอนที่คณย่าของเธอเสียชีวิต เธอกลายเป็นโรคซึมเศร้า และล้มป่วยลงจนต้องนอนโรงพยาบาลกว่า 9 เดือน หลังจากออกโรงพยาบาล เธอก็ได้พบกับชายคนหนึ่ง ที่จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล…. หนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Jason…
-
#เหมียวฟิ้น รีวิว “ขนมดักแด้อบกรอบ” มิติใหม่จากแมลงทอดรถเข็น กลายเป็นขนมขึ้นห้าง!?
ว่ากันว่าประเทศไทยนั้นมีของกินแทบจะทุกรูปแบบ ตั้งแต่อาหารธรรมดาๆ เปิบพิศดารเนื้อสัตว์แปลกๆ ไปจนถึงเมนูแมลงทอด ซึ่งถือเป็นเมนูของกินเล่นสุดแปลกสำหรับชาวต่างชาติเลยทีเดียว แต่สำหรับคนไทยน่ะเหรอ กินกันเป็นขนมเลยล่ะ เมื่อไม่นานมานี้#เหมียวฟิ้นได้เห็นโฆษณาขนมแมลงทอดยี่ห้อหนึ่งในเฟซบุ๊ก เจ้าขนมชนิดนี้ไม่ใช่มันฝรั่งทอดกรอบ ไม่ใช่ธัญพืช หรืออะไรที่เราคุ้นเคย แต่เขานำเอา แมลงมาอบกรอบแล้วบรรจุลงในซอง!? แล้วมันจะมีรสชาติเป็นยังไงเนี๊ยะ? ด้วยความอยากรู้เราก็เลยออกไปเสาะหาตามร้านสะดวกซื้อ แต่ปรากฎว่าไม่มี เลยไปตามหาในร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ ดู ก็เจอเป็นบูทเล็กๆ ตั้งอยู่ มีแมลง 2 แบบให้เลือกคือดักแด้กับแมงสะดิ้ง และมีรสชาติที่หลากหลายทีเดียว แต่ที่#เหมียวฟิ้นหยิบมารีวิวในวันนี้เป็นดักแด้อบกรอบ ลองดูกันว่ารสชาติจะเหมือนที่ทอดตามร้านรถเข็นทั่วไปหรือไม่? ดักแด้อบกรอบมีให้เลือกอยู่ 4 รสชาติ คือรสดั้งเดิม รสบาร์บีคิว รสโนริสาหร่าย และรสชีส วันนี้เราจะได้#เหมียวหง่าวและ#เหมียวสามสี มาช่วยกันชิมด้วย เริ่มจากรสดั้งเดิม รสสัมผัสคือกรอบ แต่ไม่กรอบแบบมันฝรั่งนะ มันจะกรอบคล้ายๆ ก้อนแคบหมูชิ้นเล็กๆ นะ แต่จะนิ่มกว่าหน่อย เรื่องกลิ่น#เหมียวฟิ้นว่าไม่ค่อยแรงเท่าไหร่ แต่มันจะออกมาแปลกๆ คล้ายเหม็นหืน (อันนี้อาจจะคิดไปเอง) เรื่องรสชาติใน 4…
-
หญิงสาวที่ถูกลักพาตัว 18 ปีก่อน ไม่เลือกพ่อแม่ที่แท้จริง แต่จะอยู่กับคนที่เลี้ยงเธอมา…
กลายเป็นเรื่องราวสุดสะเทือนใจเลยทีเดียว สำหรับการได้พบกันอีกครั้งของหญิงสาวที่ถูกลักพาตัวไปนับสิบปีก่อน กับครอบครัวที่แท้จริงของเธอ หลายคนอาจคิดว่าสุดท้ายเรื่องราวคงจบอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง แต่ความจริงกลับไม่ใช่อย่างนั้นแม้แต่น้อย เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ 18 ปีก่อน เมื่อ “เซเลสเต้” และ “มอร์เน เนิร์ส” ได้คลอดลูกสาวคนแรก “เซฟานี่ เนิร์ส” ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ แต่หลังจากนั้นเพียง 3 วัน เซฟานี่กลับถูกลักพาตัวไปจากโรงพยาบาลโดยพยาบาลปลอมคนหนึ่ง แม้จะพยายามตามหาเท่าไหร่ แต่เซฟานี่กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้ครอบครัวเนิร์สต้องถอดใจ พวกเขาคิดว่าคงไม่ได้เจอลูกสาวคนนี้อีกต่อไปแล้ว และในปีต่อมา พวกเขาก็ได้ให้กำเนิดลูกสาวอีกคน ส่วนตัว เซฟานี่ นั้นถูกเลี้ยงดูอย่างดีโดยหญิงวัยกลางคนหนึ่ง จนเวลาผ่านไปถึง 18 ปี ไม่รู้ว่าโชคชะตาเล่นตลกหรืออย่างไร เซฟานี่กลับได้เข้าเรียนโรงเรียนและห้องเดียวกับน้องสาวแท้ๆ ของตนเอง และทั้งสองต่างไม่รู้ว่าพวกเธอคือพี่น้องกัน (คนกลางคือแม่แท้ๆ ของเซฟานี่) แต่เพื่อนๆ ในห้องต่างสงสัยในความคล้ายกันอย่างมีนัยยะสำคัญของเซฟานี่และน้องสาวของเธอ เรื่องดังกล่าวก็ได้นำไปสู่การตรวจดีเอ็นเอของทั้งสอง และนั่นก็ทำให้รู้ความจริงว่าพวกเธอพี่น้องแท้ๆ กัน เมื่อเรื่องดังกล่าวแดงขึ้นมา หญิงวัยกลางคนที่เลี้ยงดูเซฟานี่จึงถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยทันที และเธอถูกตัดสินจำคุก 10 ปี ในข้อหาลักพาตัวผู้อื่น…
-
เด็กน้อยแสนซื่อ เขียนจดหมายสารภาพผิด-ส่งของคืน หลังหยิบของเล่นออกไปโดยไม่ได้จ่ายเงิน
ไม่ว่าใครก็ต่างเคยทำผิดพลาดทั้งนั้น บางครั้งอาจเกิดจากความตั้งใจ บางครั้งอาจเกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่สิ่งที่เราควรพิจารณาคือพวกเขาทำอย่างไรหลังจากเกิดความผิดพลาดเหล่านั้น ซึ่งบางคนอาจทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น บางคนอาจเนียนๆ ไป แต่นั่นไม่ใช่กับเด็กชายคนนี้ เรื่องราวดังกล่าวเป็นของเด็กชายที่ชื่อว่า แดเนี่ยล เมื่อเขาหยิบตุ๊กตายางสีเหลืองตัวหนึ่งออกมาจากร้านขายของที่ระลึกแห่งหนึ่งในแถบไวท์ลี วินด์ฟาร์ม ใกล้กับกรุงกลาสโกว ประเทศสกอตแลนด์ โดยเขาคิดว่าคุณแม่ได้จ่ายเงินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…. แต่พอกลับไปถึงบ้าน ปรากฏว่าตุ๊กตาที่เขาเข้าใจว่าแม่จ่ายเงินไปแล้ว ความจริงคือยังไม่ได้จ่ายแต่อย่างใด ด้วยความรู้สึกผิด เขาจึงเขียนจดหมายพร้อมแนบตุ๊กตาตัวดังกล่าวส่งกลับไปให้ร้านขายของที่ระลึก เพื่อเป็นการขอโทษ ใจความจดหมายเขียนว่า “สวัสดีครับ ตอนที่ผมอยู่ในร้านของคุณ ผมได้หยิบของชิ้นนี้ออกมา โดยคิดว่าแม่ของผมจ่ายเงินไปแล้ว แต่ความจริงคือเธอยังไม่ได้จ่าย ผมเลยส่งของชิ้นนี้มาคืน ด้วยความเคารพอย่างสูง” จดหมายดังกล่าวสร้างความประทับใจให้กับเจ้าหน้าที่ร้านขายของเป็นอย่างมาก พวกเขาพยายามตามหาว่าเด็กชายแดเนี่ยลคนนี้เป็นใคร แต่ในจดหมายกลับไม่ได้ลงที่อยู่เอาไว้ ทางร้านก็ได้แต่หวังว่าวันหนึ่งแดเนี่ยลจะมาที่ร้าน พวกเขาจะได้แสดงความขอบคุณ เป็นเด็กที่น่ารักและซื่อสัตย์มาก เชื่อว่าเขาจะต้องเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพแน่นอน! ที่มา Metro
-
ชัยชนะไม่สำคัญกว่ามิตรภาพ… นักวิ่งโอลิมปิก หยุดช่วยคู่แข่งที่ล้มลงไป จนเข้าอันดับสุดท้าย
กลายเป็นอีกเรื่องราวสุดประทับใจในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ เมื่อสองนักกรัฑาสาวจากสองประเทศ ต่างช่วยเหลือกันจนสามารถเข้าเส้นชัยได้สำเร็จ แม้ทั้งสองจะเข้าที่สุดท้าย แต่พวกเธอกลับได้โควต้าพิเศษในการเข้าไปแข่งในรอบสุดท้าย! เรื่องราวอันน่าประทับใจนี้เกิดขึ้นในการแข่งขันวิ่ง 5,000 เมตรหญิงรอบคัดเลือก เมื่อนักกีฬาจากนิวซีแลนด์ Nikki Hamblin (เสื้อเขียว/ดำ) ประสบอุบัติเหตุสะดุดผู้แข่งขันท่านอื่น จนล้มลงไปนอนกับพื้น ทำให้นักกีฬาอีกคนจากสหรัฐอเมริกา Abbey D’Agnostino (เสื้อน้ำเงิน) ที่สะดุดล้มไปเช่นกันจึงพยายามช่วยให้เธอลุกขึ้นมา จนสามารถแข่งต่อได้ . แต่กลับแข่งต่อไปได้อีไม่นาน D’Agnostino ก็เกิดอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่หัวเข่าข้างขวา ทำให้เธอแทบไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ เมื่อ Hamblin เห็นดังนั้น เธอจึงหยุดและกลับไปดูอาการของ D’Agnostino Hamblin พยายามช่วยพยุงเพื่อนนักกีฬาที่เคยช่วยเธอไว้ขึ้นมา แต่ดูเหมือนว่าอาการของเธอจะหนักกว่าที่คิดไว้ Hamblin พยายามกระตุ้นและให้กำลังใจ D’Agnostino เพื่อให้อย่างน้อยๆ เธอสามารถวิ่งได้จนจบการแข่งขัน สุดท้าย D’Agnostino ก็ลุกขึ้นมา และวิ่งต่อจนจบการแข่งขัน . เมื่อถึงเส้นชัย Hamblin ที่ล่วงหน้ามาก่อน ได้รอเธออยู่ตรงนั้น ทั้งสองได้สวมกอดกันด้วยความขอบคุณ สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั้งสนามเป็นอย่างยิ่ง โดยทั้งสองจบเป็นสองอันดับสุดท้ายในการแข่งขันครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม แม้จะเข้าเป็นสองลำดับสุดท้าย แต่ทั้งสองก็ได้โควต้าพิเศษในการเข้าไปแข่งขันในรอบไฟนอล เนื่องจากพฤติกรรมอันมีน้ำใจนักกีฬาของทั้งคู่นั่นเอง ทาง Hamblin…
-
รวม 17 เหตุการณ์และปัญหาที่คน ‘บั้นท้ายใหญ่’ จะเข้าใจกันเป็นอย่างดีเลยล่ะ!!!
สำหรับสาวๆ ที่มีบั้นท้ายใหญ่นั้นแน่นอนว่าหลายๆ คนคงคิดว่าน่าอิจฉาซะเหลือเกิน อยากมีบั้นท้ายใหญ่ๆ ดูบ้างจังเพราะว่ามันดูเซ็กซี่ดี แต่จริงๆ แล้วการมีบั้นท้ายใหญ่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไปนะ วันนี้ #เหมียวหง่าว จะมาบอกให้เพื่อนๆ ได้ฟังว่าคนที่มีบั้นท้ายใหญ่น่ะ เค้าก็ไม่ได้ชอบไปซะทุกคนหรอกนะเพราะปัญหามันเยอะซะเหลือเกิน… 1. เวลาเดินผ่านทางที่มีสิ่งกีดขวางแล้วมันบีบให้เหลือช่องแคบๆ เนี่ย เจ้าบั้นท้ายเจ้ากรรมมันชอบไปติดทุกที 2. มักจะพบกับปัญหากางเกงเข้าวินอยู่เป็นประจำ 3. ใส่กางเกงแล้วนั่งหรือก้มบ่อยๆ มันมักจะสร้างแรงตึงบริเวณบั้นท้ายจนทำให้ขาดออกจากกัน เป็นเหตุให้ต้องซื้อกางเกงใหม่บ่อยมากกก!! 4. และไม่ใช่แค่กางเกงเท่านั้น กับกระโปรงหรือชุดเดรสเองก็มีปัญหาแบบเดียวกัน 5. เวลาใส่ชุดเดรสแล้วชายกระโปรงมักจะเลื่อนขึ้นมาอยู่ข้างบนโดยอัตโนมัติ จนทำให้ต้องเสียเวลาไปกับการดึงมันลงอยู่บ่อยครั้ง 6. หากางเกงยีนส์ที่มีขนาดเหมาะกับตัวเองยากมากกก 7. การใส่กางเกงยีนส์ก็เป็นอะไรที่ยากมากๆ เช่นกัน แถมพอใส่ได้แล้วก็รู้สึกอึดอัดอีกต่างหาก 8. เวลารีบๆ นั่งลงไปบนเก้าอี้โดยที่ไม่ดูตาม้าตาเรือมักจะจบตรงที่ลุกออกจากเก้าอี้ไม่ได้ เพราะมันติดตรู๊ดดด!! 9. เวลาเดินทางโดยการขนส่งสาธารณะมักจะสร้างปัญหาเป็นอย่างมาก เพราะเวลาที่เดินแทรกเข้าไปนั่งที่เบาะนั่ง บั้นท้ายของเรามีโอกาสที่จะกระแทกเข้าหน้าของคนอื่นได้ 10. กางเกงยีนส์เอวต่ำถือเป็นข้อห้ามเลยล่ะ …
-
14 เรื่องจริงของ ‘Michael Phelps’ ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นนักว่ายน้ำอันดับหนึ่งของโลกในเวลานี้!!
ต้องขอบอกเลยว่านาทีนี้คงไม่มีนักกีฬาคนไหนที่มีชื่อเสียงโด่งดังเท่ากับ Michael Phelps อีกแล้ว เพราะล่าสุดพี่แกเพิ่งจะทำลายสถิติกลายเป็นคนที่ได้รับเหรียญทองโอลิมปิกมากที่สุดในโลก เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง และนั่นก็ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่การันตีถึงความเก่งกาจของเขา แต่พี่ Phelps ของเรา ยังสร้างสถิติโลกไว้อีกมากมาย และในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับนักว่ายน้ำระดับโลกคนนี้กัน ด้วยเรื่องราวของเขา ที่ใครหลายๆ คนอาจไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็ได้ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยดีกว่า… 1. หลายคนสงสัยว่าเริ่มว่ายน้ำตอนไหน?? เขาเริ่มว่ายน้ำตอนอายุ 7 ขวบ แล้วเหตุผลที่ว่ายไม่ใช่เพราะชอบนะ แต่ตอนนั้นทำไปเพื่อรักษาโรคสมาธิสั้น 2. ท่าแรกที่เขาฝึกก็คือท่ากรรเชียง เพราะเขากลัวที่จะเอาหัวมุดลงไปในน้ำ 3. หลังจากนั้นไม่นานเขาก็สร้างสถิติว่ายท่าผีเสื้อ ในระยะ 100 เมตร ได้เร็วที่สุดในช่วงอายุเดียวกัน ด้วยสถิติเวลา 1:08.54 นาที 4. ในปี 2000 เขากลายเป็นนักกีฬาว่ายน้ำชาวอเมริกันที่อายุน้อยที่สุด ที่ได้ร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในรอบ 70 ปี ในตอนนั้นเขามีอายุ 15 ปี และตอนนั้นโอลิมปิกจัดขึ้นที่ Sydney…
-
รวม 10 เหตุผล “ยอดฮิต” และ “ยอดแย่” ในการมีเซ็กส์ของมนุษย์ แบบนี้ก็มีด้วยเหรอเหรอเนี่ย!!!
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตไม่กี่ชนิดบนโลกที่สามารถมีเพศสัมพันธ์เพื่อความสนุกสนานได้ (สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ส่วนมากจะมีเพศสัมพันธ์เพื่อการสืบพันธุ์เท่านั้น) ทำให้เหตุผลในการมีเพศสัมพันธ์ของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่เพื่อความสุข ยันเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ล่าสุดทาง Cindy Meston และ David Buss ได้ทำการวิจัยถึงเหตุผลของการมีเพศสัมพันธ์ของมนุษย์ โดยเขาได้เก็บข้อมูลจากชายและหญิง ฝ่ายละ 444 คน ในช่วงอายุ 17-52 ว่าแต่ละคนมีเหตุผลอย่างไรในการมีเพศสัมพันธ์ ผลที่ได้คือพวกเขาได้เหตุผลมาถึง 237 ข้อเลยทีเดียว!! หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้นำเหตุผลทั้ง 237 ข้อ ไปให้นักศึกษา 1,549 คนให้คะแนนว่า ข้อไหนตรงกับความเป็นจริงของพวกเขาบ้าง และนี่คือ 10 ข้อที่มีคนเลือกมากที่สุดสำหรับทั้งชายและหญิง จะมีอะไรบ้าง เราไปชมกันเลยดีกว่า ฝ่ายชาย 1. รู้สึกสนใจฝ่ายตรงข้าม 2. มีเซ็กส์แล้วรู้สึกดี 3. อยากลองสัมผัสความสุขทางกายบ้าง 4. มีเซ็กส์แล้วรู้สึกสนุก 5. อยากแสดงความลุ่มหลงที่มีต่อฝ่ายตรงข้าม 6. ถูกกระตุ้นและอยากปลดปล่อย 7. มีความต้องการทางเพศ 8. อยากแสดงความรักต่อคู่รักของตนเอง 9. อยากถึงจุดสุดยอด 10.…
-
คุณพ่ออัดคลิปถึงครอบครัวเด็กที่รังแกลูกชายของเขาจนฆ่าตัวตาย “ปิศาจของคุณพรากลูกของผมไป”
ปัญหาการรังแกกันภายในโรงเรียนถือว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานและแทบจะเกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก แม้จะมีความพยายามในการจะแก้ปัญหานี้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไหร่ จนเกิดเป็นโศกนาฏกรรมในหลายๆ ครั้ง อย่างเช่นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ Daniel Fitzpatrick วัย 13 ปีคนนี้ เขาได้ทำการอัตวินิบาตกรรมด้วยการแขวนคอเมื่อช่วงวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากถูกเพื่อนๆ ภายในโรงเรียนรังแก และคุณครูก็ไม่พยายามห้ามเรื่องดังกล่าว โดยก่อนเขาจะก่อเหตุนั้น เขาได้ทิ้งจดหมายลาตายเอาไว้ ใจความว่าเขาถูกเพื่อนๆ กลุ่มหนึ่งที่เคยเป็นเพื่อนสนิทรังแก แม้เขาจะบอกอาจารย์ในโรงเรียนหลายๆ คน แต่ก็ไม่มีใครพยายามหยุดยั้งเรื่องดังกล่าว จนสุดท้าย เขาก็เขียนด้วยความน้อยใจว่า “ผมยอมแพ้แล้ว” ล่าสุดคุณพ่อของ Daniel Fitzpatrick ได้ทำการไลฟ์ผ่านเฟสบุ๊ค เพื่อบรรยายความรู้สึกที่ต้องสูญเสียลูกชายไป “ไม่ควรมีพ่อแม่ที่ไหนต้องมาฝังศพลูกตนเอง และไม่ควรมีเด็กคนไหนต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ลูกชายของผมต้องเจอ สำหรับพ่อแม่ของเด็กที่รังแกลูกชายของผม เท่าที่ผมบอกได้คือ หวังว่าพวกเขาจะไม่ต้องเจอเรื่องราวอย่างเดียวกับที่พวกเราเจอ” “พวกคุณยังได้กอด ได้มอบความรักให้กับลูกของคุณในทุกวัน แต่ผมไม่มีทางได้ทำแบบนั้นอีกแล้ว ปิศาจตัวน้อยของครอบครัวคุณได้พรากเขาไปจากผมและครอบครัว” “ผมไม่รู้จะพูดอะไร ผมคิดถึงลูกชายของผม ผมแค่อยากได้ยินเสียงของเขาบอกว่า “สวัสดีตอนเช้าครับพ่อ” อีกครั้งหนึ่ง ผมจะได้ตอบเขาว่า “สวัสดีตอนเช้าลูก พ่อรักลูกนะ”” หลังจากเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ทางโรงเรียน Holy Angels Catholic…
-
วิถีชีวิตอันลึกลับ กับการทำมัมมี่บรรพบุรุษด้วยวิธีรมควัน ของชนเผ่า Dani แห่งปาปัวนิวกินี
อีกหนึ่งวิถีชีวิตที่หลายๆ คนไม่เคยสัมผัส ของชนเผ่าปาปัวนิวกินีเผ่าหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่บนยอดเขาปุนจะก์จายาแห่งประเทศปาปัวนิวกินี…เผ่า Dani ที่มี Eli Mabel เป็นหัวหน้าเผ่าปกครองชุมชนแห่งนี้อยู่ พวกเขามีพฤติกรรมไม่เหมือนใคร ที่จะนำร่างของบรรพบุรุษที่เสียชีวิต มารมควัน ทำให้พวกเขากลายเป็นมัมมี่ และจะอยู่ในร่างแบบนั้นโดยสมบูรณ์ไปอีกกว่าร้อยปีเลยทีเดียว!!!! Eli Mabel หัวหน้าเผ่า Dani ที่กำลังอุ้มมัมมี่ของ Agat Mamete Mabel บรรพบุรุษของเขา สภาพของมัมมี่นั้นจะสมบูรณ์แบบมาก และสามารถอยู่แบบนั้นได้อีกหลายร้อยปีเลยล่ะ ช่วงหลังๆ มานี้ เผ่า Dani ก็กลายเป็นชนเผ่าที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมายังประเทศของพวกเขาได้มากมาย จากการแสดงประเพณีของชนเผ่า และการแสดงสงครามจำลอง ได้น่าตื่นตาตื่นใจสุดๆ ทุกๆ เดือนสิงหาคมของทุกปี ชนเผ่า Dani จะจำลองเหตุการณ์สงครามของพวกเขากับเผ่าข้างเคียงอย่าง Lani และ Yali ทั้งสามชนเผ่าอาศัยอยู่ในหุบเขา Baliem พวกเขาถูกพบโดยบังเอิญโดยนักนักสัตววิทยาอเมริกันนามว่า Richard Archbold ในปี 1938 และถึงแม้ว่าในปัจจุบันทางชนเผ่าจะเลิกรมควันร่างของผู้ตายเพื่อทำมัมมี่แล้ว แต่ก็ยังเก็บรักษาร่างบรรพบุรุษนับร้อยๆ ร่างของพวกเขาเอาไว้อยู่ เป็นสัญลักษณ์ว่าพวกเขาเคารพบรรพบุรุษมากขนาดไหน… แต่ในปัจจุบัน ก็ยังมีประเพณีที่โหดร้ายแอบแฝงไว้อยู่เช่น ถ้ามีผู้เสียชีวิต (หัวหน้าเผ่าที่ถูกรมควันกลายไปเป็นมัมมี่ร่างนี้) ภรรยาของเขา…
-
นักวิ่งสาวสปิริตแรง แข่งต่อแม้เหลือรองเท้าข้างเดียว แม้พ่ายแพ่ แต่ชนะใจคนทั้งโลก…
อีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ของความพยาม จิตใจที่แข็งแกร่งแน่วแน่และการไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคหรือความยากลำบากใดๆ จนสามารถนำพาไปสู่ความสำเร็จในท้ายที่สุด #จ่าสิบเหมียว อยากพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับนักกีฬาโอลิมปิกคนหนึ่ง Etenesh Diro ที่เข้าแข่งขันใน 2016 Rio Olympics ครั้งนี้!!! Etenesh Diro นักวิ่งสาวจากเอธิโอเปีย!!! ในการแข่งขันล่าสุดของเธอ เธอเป็นตัวแทนของประเทศในกีฬาประเภทวิ่งข้ามสิ่งกีดขวางเป็นระยะทาง 3,000 เมตรด้วยกัน สำหรับการวิ่งข้ามสิ่งกีดขวางนี้ก็จะมีรั้วที่จะต้องกระโดดข้ามถึง 28 ครั้ง รวมถึงทางน้ำอีก 7 ครั้งเต็มๆ เธอวิ่งมาในอันดับ 1 อยู่ตลอดจนกระทั่งมาถึงช่วงกลางของการแข่งขัน… ในช่วงกระโดด เธอเกิดประสบเหตุชนเข้ากับนักกีฬาคนอื่นๆ เข้าโดยอุบัติเหตุ พอลงมาก็เหยียบใส่ส้นรองเท้าของเธอโดยบังเอิญ ทำให้รองเท้าข้างขวาของเธอไม่สามารถสวมใส่เหมือนเดิมได้อีก ถึงจุดๆ นั้น ราวกับว่าความฝันของเธอได้พังทลายลงไปแล้วล่ะ… ในวินาทีแห่งความสิ้นหวัง… ชั่วอึดใจนั้น เธอกลับฮึดสู้ขึ้นมา ปารองเท้าและถุงเท้าข้างนั้นทิ้ง และเริ่มกลับมาวิ่งอีกครั้งด้วยเท้าเปล่าข้างหนึ่ง และใส่รองเท้าอีกข้างหนึ่ง!!? เธอต้องวิ่งด้วยระยะทางทั้งหมดอีกเกือบ 1,500 เมตร!!! ผ่านทั้งความร้อนของพื้นสนาม และความขรุขระของมัน (ถ้าเพื่อนๆ…
-
5 ปัจจัยสำคัญ ช่วยให้คุณสื่อสารกับเจ้าเหมียวรู้เรื่อง และเข้าใจว่ามันต้องการอะไรกันแน่!??
เพราะส่วนมากแล้ว เหล่าแมวเหมียวมักจะสื่อสารกับคุณด้วยกิริยาท่าทางต่างๆ เสียมากกว่า แต่แน่นอนว่ามีการสื่อสารด้วยเสียงด้วยล่ะ ทั้งการร้องเหมียวๆ การครางอย่างพึงพอใจในลำคอ ฯลฯ อีกมากมาย แต่ใจความสำคัญก็คือพวกมันพยายามจะสื่อสารกับคุณอยู่ตลอดเวลาเลยทีเดียว!!! สำหรับเหล่าทาสแมวตัวจริงนั้น วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีทริคเจ๋งๆ มาฝากกันล่ะ เกี่ยวกับปัจจัยหลักทั้ง 5 ประการที่จะทำให้คุณสามารถเข้าใจสิ่งที่แมวของคุณพยายามจะสื่อได้ ลองมาอ่านกันดูนะจ๊ะ อิอิ เจ้าเหมียวน่ะพยายามจะสื่อสารกับคุณอยู่ตลอด พูดกันเกี่ยวกับเรื่องหาง หาง หาง สำหรับหางของแมวนั้นจะบ่งบอกเกี่ยวกับความรู้สึกของมันในสถานการณ์นั้นๆ ทั้งผ่อนคลาย มีความสุข หรือว่ากลัว การสังเกตหางสามารถบ่งบองอารมณ์ขณะนั้นๆ ของเจ้าเหมียวได้เป็นอย่างดี ง่ายๆ เลยก็คือ ถ้าเจ้าเหมียวรู้สึกพึงพอใจล่ะก็ มันจะปล่อยหางอย่างอิสระด้านหลัง และถ้ามีความสุขเลยล่ะก็ เจ้าเหมียวจะยกหางขึ้นสูงกระตุกหรือขดเล็กน้อยมาข้างหน้า ถ้าเกิดกำลังสนใจสิ่งนั้นๆ อยู่ล่ะก็ จะกระตุกกระติกหางเล็กๆ น้อยๆ บ่อยๆ (สังเกตได้ดีเลยช่วงที่มันจ้องนกหรือจ้องของเล่นเตรียมตะปบอยู่นั่นแหละ) การเข้าใจลักษณะต่างๆ ของหางเจ้าเหมียวทำให้เราสามารถล่วงรู้ได้ถึงความเครียดหรืออาการวิตกกังวลของมันในตอนนั้น ถ้าเจ้าเหมียวรู้สึกไม่สบายใจล่ะก็ พวกมันจะแกว่งหางอย่างรวดเร็วและรุนแรง สถานการณ์เช่นนี้ต้องพาเจ้าเหมียวออกจากสถานที่นั้นๆ แล้วล่ะ และถ้ามันกลัวสุดๆ ล่ะก็ เจ้าเหมียวจะขดหางเข้ามาหาพุงของตัวเองหรืออ้อมล้อมตัวเองเอาไว้ เป็นสัญญาณของการพยายามปกป้องตัวเองล่ะ ส่วนหูล่ะ??…
-
สาวป่วยโรค ALS เชิญเพื่อนๆ มาร่วมงานปาร์ตี้ส่งท้าย ก่อนจากโลกไปด้วยวิธีการุณยฆาต
โรคร้ายเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครๆ ก็คงไม่อยากเป็น แต่เมื่อเป็นแล้ว มันก็คงยากที่จะทำใจ ดังนั้น เราจึงเห็นว่า บางคนจึงตัดสินใจจบปัญหาด้วยการฆ่าตัวตายหรือการการุณยฆาต และนี่คือราวสุดซึ้งของศิลปินสาว Betsy Davis โดย เมื่อปี 2013 เธอได้รับการวินิฉัยเป็นโรค ALS (เซลล์ประสาทบกพร่อง) มันค่อยๆ ทำให้เธอไม่สามารถเดิน กิน หรือพูดได้ รวมไปถึงการหายใจที่เริ่มติดขัด เธอจึงต้องนอนอยู่บนเตียง และให้อาหารผ่านหลอดตลอดเวลา แต่ด้วยความทรมานและไม่อยากเป็นภาระให้ครอบครัว เธอจึงตัดสินใจจบมันด้วยวิธีการการุณยฆาต ด้วยการฉีดยาและเธอได้ทำให้แน่ใจว่า ยาชนิดนี้ไม่ผิดกฏหมาย เพื่อไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง แม้ทางครอบครัวจะไม่เห็นด้วย แต่ทุกคนก็เคารพในการตัดสินใจของเธอ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจลาโลกนั้น เธอได้เขียนอีเมลล์ให้เพื่อนสนิทและครอบครัว เพื่อเชิญมาฉลองในวันสุดท้ายของเธอ ในอีเมลล์เขียนว่า “ขอเชิญพวกคุณที่มีใจกล้าหาญ มารวมส่งฉันเป็นครั้งสุดท้ายเป็นเวลา 2 วัน แต่งานนี้จะแตกต่างกับงานปาร์ตี้ทั่วไป เพราะมันค่อนข้างบีบคั้นจิตใจ” และเธอยังตั้งกฏข้อสำคัญอย่างหนึ่ง “ห้ามร้องไห้ต่อหน้าฉัน” มีคนมาร่วมงานมากกว่า 30 คน พวกเค้ากินพิซซ่า ดื่มเหล้า และมีการแสดงดนตรีด้วย โดยภายในงานทุกคนก็ไม่ได้ร้องไห้ให้เธอเห็นเลย ในที่สุดวันอาทิตย์ที่ 24 กรกฏาคม…
-
มารู้จัก 10 นักกีฬาโอลิมปิก ‘ทีมไร้สัญชาติ’ ตัวแทนของเหล่าผู้ลี้ภัยจากทั่วโลก!!
ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนั้น นักกีฬานับพันๆ คนจากนานาประเทศก็ต่างหวังที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับทั้งประเทศของตนและต่อตนเอง แต่ล่าสุดในปี 2016 นี้ มีทีมพิเศษขึ้นมาทีมหนึ่ง ใช้ชื่อว่า Refugee Olympic Team หรือ ROT นั่นเอง เป็นทีมนักกีฬาที่รวมเอาผู้ลี้ภัยและผู้อพยพจากหลายๆ ประเทศ เพื่อมอบโอกาสที่จะสร้างความภาคภูมิใจให้กับพวกเขา และนี่ก็คือทั้ง 10 ตัวแทนจากแต่ละประเทศ แน่นอนว่าทุกคนอยู่ในสถานะผู้ลี้ภัยหรือคนไร้สัญชาติ ที่ต้องระหกระเหินออกจากประเทศแม่ของตนเองด้วยเหตุผลต่างๆ ล่ะ 1. Yusra Mardini หลายๆ คนคงพอรู้จักเธอบ้างแล้ว เรียกได้ว่าเรื่องราวของเธอนั้นรุนแรงและกินใจมากๆ สาวน้อยวัย 18 ปีคนนี้ ประเทศบ้านเกิดของเธอคือซีเรีย จากเหตุการณ์ความไม่สงบและสงครามภายในประเทศ เธอต้องหนีออกจากประเทศของเธอด้วยเรือยางติดเครื่องยนต์พร้อมผู้อพยพอื่นๆ ราวๆ 20 ชีวิตบนเรือลำนั้น ระหว่างหลบหนีกลางทะเล เครื่องยนต์เรือเสีย ทำให้เธอและพี่สาวต้องว่ายน้ำดันเรือพาผู้อพยพอีกกว่า 20 ชีวิตเข้าฝั่ง ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงเต็มๆ จนทุกคนสามารถข้ามถึงฝั่ง ภายหลังเธอได้กลับไปพบกับครอบครัวของเธออีกครั้งที่เยอรมนี เป้าหมายของเธอที่จริงแล้วคือโอลิมปิกครั้งหน้า แต่ด้วยศักยภาพและพรสวรรค์ของเธอ โค้ชว่ายน้ำในประเทศเยอรมนีแนะนำให้เธอลงแข่งปีนี้ไปเลย!! 2. Popole Misenga…
-
5 เหตุผลดีๆ ว่าทำไม ‘ระบบการศึกษาญี่ปุ่น’ จึงถูกยกย่องว่าเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย
ประเทศญี่ปุ่น เป็นอีกตัวอย่างของประเทศที่หลังจากเกิดวิกฤตหลังสงครามโลกแล้ว พวกเขาก็เอาแต่เก็บตัวพัฒนาประเทศชาติมาโดยตลอด จนกลายเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก นอกเหนือจากสิ่งประดิษฐ์เทคโนโลยีสุดล้ำแล้ว ที่นี่ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ประชากรมีระเบียบกันสุดๆ และสิ่งคัญที่จะปลูกฝังคนในประเทศให้ดีได้นั่นก็คือ การศึกษา เราไปทำความเข้าใจกันเลยดีกว่า กับ 5 เหตุผล ที่ทำให้ประเทศนี้ก้าวกระโดดไปไกลสุดๆ 1. คุณลักษณะที่ดีต้องมาก่อนความรู้ ระบบการศึกษาในญี่ปุ่นจะไม่มีการจัดสอบใดๆ ทั้งสิ้น จนกว่าจะถึงชั้นเกรด 4 (อายุประมาณ 10 ขวบ) เพราะเขาเชื่อว่า ช่วง 3 ปีแรก ยังไม่ควรมอบความรู้อันหนักอึ้งให้แก่เด็กๆ แต่เน้นไปที่การสอนให้เด็กรู้จักเคารพผู้อื่น มีความเป็นมิตรที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม การรู้จักรับผิดชอบตัวเองด้วยเรื่องเล็กๆ และยังสอนให้รู้จักกับความยุติธรรมอีกด้วย 2. โรงเรียนในญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่มีภารโรงหรือผู้ดูแล!! เพราะนักเรียนทุกคนจะต้องช่วยกันทำความสะอาด ห้องเรียน โรงอาหาร หรือแม้แต่ห้องน้ำ โดยการสลับกันแบ่งกลุ่มออกไปทำ ด้วยแนวคิดที่เชื่อว่าจะสามารถช่วยสอนให้นักเรียนรู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เรียกได้ว่าได้เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบกันตั้งแต่เล็กเลยทีเดียว 3. นักเรียนทุกคนจะได้รับประทานอาหารมื้อเที่ยง พร้อมกันในห้องเรียนของตัวเอง นอกจากรัฐบาลจะเล็งเห็นความสำคัญด้านสุขภาพ ด้วยการจัดแจงอาหารมื้อเที่ยงให้ครบ 5 หมู่สำหรับเด็กๆแล้ว นักเรียนทุกคนจะได้รับประทานร่วมกันในห้องเรียน พร้อมทั้งคุณครูประจำชั้นด้วย และนี่คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ นักเรียน…
-
เปรียบเทียบชัดๆ ‘สวัสดิการลาคลอด’ จาก 8 ประเทศ แตกต่างกันอย่างไรกันบ้าง??
การได้มีคู่ครองที่ดี มีลูกน่ารักๆ และได้ใช้ชีวิตแบบครอบครัว คือสิ่งที่เป็นเหมือนเป้าหมายในชีวิตของคนส่วนใหญ่ แต่การตั้งท้องและคลอดลูกนี่สิ ที่เหล่าคุณแม่ทั้งหลายต้องได้รับการดูแลอย่างดี ทั้งจากคนในครอบครัว และสังคมภายนอก การที่จะปล่อยให้คนท้องมาทำงานหนัก หรือเคร่งเครียดกับงานคงเป็นไปไม่ได้ และนั่นก็สอดคล้องกับหลักมนุษยธรรมทั่วโลก ที่ทุกประเทศต้องมีกฏหมายสวัสดิการรองรับสำหรับผู้ตั้งครรภ์ เราไปดูกันเลยดีกว่าว่าแต่ละประเทศ เค้าจะมีวิธีการดูแล และให้ความช่วยเหลือด้านนี้กันอย่างไรบ้าง 1. ฟินแลนด์ สำหรับที่นี่คุณแม่สามารถลาคลอดบุตรได้นานถึง 105 วัน และหลังจากคลอดแล้ว ยังมีสวัสดิการให้ลาไปเลี้ยงดูบุตรในช่วงทารกได้มากถึง 158 วัน และยังสามารถลาเพิ่มได้อีก 60 วัน ต่อบุตรหนึ่งคน ในกรณีที่ให้กำเนิดเด็กหลายคน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ทางรัฐก็มีให้เลือกระหว่างกล่องของขวัญหรือรับเงินก้อน 140 ยูโร ต่อบุตรหนึ่งคน อีกทั้งระหว่างลาคลอด คุณแม่ยังได้รับสวัสดิการจ่ายเงินชดเชยให้จากรัฐคิดเป็น 70% ของรายได้ต่อวันอีกด้วย Credit: laurea.fi 2. ญี่ปุ่น ในญี่ปุ่นคุณแม่สามารถลาช่วงก่อนคลอดได้ 6 อาทิตย์ และหลังจากให้กำเนิดบุตรแล้วยังลาต่อได้อีก 8 อาทิตย์ สำหรับพักฟื้น และมีสวัสดิการลาไปเลี้ยงดูบุตรแรกเริ่มได้ จนกว่าลูกน้อยจะมีอายุครบ 1 ปี 2 เดือน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายชดเชย…
-
โอลิมปิกมีอาหารเหลือทิ้งเยอะมาก เหล่าเชฟเลยรวมตัว นำมาปรุงใหม่แจกคนไร้บ้าน!!!
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวน่ารักๆ ที่เกิดขึ้นในโอลิมปิกครั้งนี้ มีข้อมูลมาว่าประเทศบราซิลจัดการด้านอาหารนักกีฬาได้ไม่ค่อยดีนัก และเหลืออาหารมากเกินความจำเป็นปริมาณมาก โดยแต่ละวันนั้นมีวัตถุดิบดีๆ เหลือจากการทำให้นักกีฬาทานเพียงพอสำหรับเลี้ยงผู้คนอีกราวๆ 5,000 คน มารับประทานกันได้แบบสบายๆ เลยล่ะ นั่นเป็นเหตุให้สองเชฟชื่อดังที่ทำอาหารให้เหล่านักกีฬาในโอลิมปิกทานอย่าง Massimo Bottura ชาวอิตาลี และ David Hertz เชฟชาวบราซิล เกิดไอเดียดีๆ ขึ้น โดยร่วมกันใช้วัตถุดิบที่เหลือจากการทำอาหารให้เหล่านักกีฬาในแต่ละวัน ปรุงแล้วแจกจ่ายให้กับเหล่าคนยากไร้ในเมือง Rio de Janeiro ล่ะ!!! จากรายงานของสำนักข่าว Reuters ระบุว่า 30-40 เปอร์เซ็นต์ของอาหารจากรอบโลกนั้นถูกทิ้งให้เสียเพราะกระบวนการเก็บเกี่ยว ขนส่ง โดยเฉพาะกระบวนการถูกคัดเลือกโดยภาคธุรกิจและผู้บริโภค ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับเหล่าผู้ยากไร้เป็นอย่างมาก Massimo Bottura สำหรับเชฟทั้งสองนั้นไม่ใช่เป็นเชฟธรรมดาๆ ที่ไม่มีชื่อนะจ๊ะ เพราะ David Hertz ก็เป็นเชฟชื่อดังของประเทศเช่นกัน ส่วน Massimo Bottura ก็เป็นเชฟที่ทำอยู่ในร้านอาหารระดับ 3 ดาวของ Michelin ในประเทศอิตาลี นอกจากนี้ก็มีเชฟคนอื่นๆ อีกเช่น RefettoRio Gastromotiva รวมถึงเชฟจากรอบโลกกว่า 40 ท่านด้วยกัน ที่มาร่วมปรุงอาหารจากของเหลือเหล่านี้ให้กับเหล่าคนไร้บ้านในเมืองได้ทานกันล่ะ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของ RefettoRio Gastromotiva ยอดเชฟจากแดนอิตาลี…
-
คุณตาชาวจีนวัย 60 ปี ที่ “ปั่นสามล้อ” ไปโอลิมปิกมาแล้ว 3 ครั้ง รวมถึงที่บราซิลปีนี้เช่นกัน..!!
ทุกๆ ครั้งที่มีกีฬาโอลิมปิก เรามักจะได้ยินเรื่องราวแปลกๆ หรือเรื่องราวสุดประทับใจจากหลากหลายมุมของโลก บางเรื่องก็ทำให้เราต้องทึ่งจนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง และบางเรื่องก็ทำให้เราต้องสะเทือนใจจนแทบหลั่งน้ำตา และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปติดตามเรื่องราวของ ชายชาวจีนคนหนึ่งที่ “ปั่นสามล้อ” ไปโอลิมปิกมาแล้วถึง 3 ครั้ง และวางแผนจะไปโอลิมปิกโตเกียว 2020 อีกด้วย!! เราไปติดตามเรื่องราวของเขากันดีกว่า ชายคนนี้มีชื่อว่า Chen Guanming วัย 60 ปี เขาเรียกตัวเองว่าเป็น “คนบ้าโอลิมปิก” ซึ่งเขาก็สมควรได้รับฉายานี้จริงๆ เพราะเขาถีบจักรยานสามล้อจากประเทศจีนไปยังเมืองริโอ เดอ จาเนโร เพื่อชมการแข่งขันโอลิมปิก!! และเขาเดินทางไปถึงเมืองริโอฯ เมื่อช่วงประมาณสัปดาห์ก่อนนี้เอง แหม่ เป็นหนุ่มฮอทเลยนะลุ๊งงงงงงง เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ 17 ปีก่อน เขาพบว่าชื่นชอบมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเป็นอย่างมาก เขาใฝ่ฝันว่าจะต้องไปชมการแข่งขันให้ได้ซักครั้ง จนกระทั่งเมื่อปี 2008 เขาก็ลงทุนปั่นสามล้อไปยังกรุงปักกิ่งเพื่อชมกีฬาโอลิมปิกที่จัดขึ้นที่จีนในปีนั้น หลังจากนั้น ในปี 2012 เขาก็ปั่นจักรยานสามล้อของเขาไปยังกรุงลอนดอน เพื่อชมโอลิมปิก 2012 อีกครั้ง…
-
หนุ่มทำงานพาร์ทไทม์ หาเงินซื้ออุปกรณ์ฝึกซ้อมด้วยตนเอง จนวันนี้ได้เป็นนักวิ่งโอลิมปิก
เส้นทางการเป็นนักกีฬาโอลิมปิกของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป บางคนอาจมีฐานะดีหรืออาจได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล แต่บางคนกลับต้องทุ่มเททุกอย่าง เพื่อสนับสนุนการเป็นนักกีฬาของตนเอง อย่างเช่นเรื่องราวของนักวิ่งหนุ่มจากออสเตรเลียคนนี้ หนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Alex Hartmann วัย 23 ปี เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทางด้านการวิ่งมาตั้งแต่เด็กๆ และตอนนี้เขากำลังเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งในโอลิมปิกที่ริโอ เดอ จาเนโร ในรุ่น 200 เมตรชาย สิ่งที่เขาไม่เหมือนกับนักวิ่งคนอื่นๆ คือ เขาไม่เคยได้ฝึกซ้อมวิ่งอย่างเป็นแบบแผนเลยจนกระทั่งอายุ 16 ปี สาเหตุเพราะการฝึกซ้อมที่มีโค้ชนั้น ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงมาก “การเป็นนักกีฬาต้องมีค่าใช้จ่ายสูงมาก และพ่อแม่ผมก็ไม่ค่อยเต็มใจจ่ายเงินจำนวนมาก เพื่อการเป็นนักกีฬาของผมเท่าไหร่” พอเขาอายุได้ 16 ปี เขาก็รีบหางานทันที โดยเขาได้งานที่ร้าน Big W ร้านขายของชื่อดังในออสเตรเลีย ซึ่งเขานำเงินทั้งหมดที่หาได้ มาซื้ออุปกรณ์ในการฝึกซ้อม รวมทั้งจ่ายค่าโค้ชด้วย เขาบอกว่า จนถึงตอนนี้ เงินที่เขาลงไปกับการฝึกซ้อม สามารถซื้อรถ Suzuki Swift คันหนึ่งได้แล้ว “ทุกวันผมจะทำงานตอนเช้า พอเลิกงานก็จะกลับมานอนที่บ้านซักครึ่งชั่วโมง ก่อนจะไปซ้อมในตอนเย็น ผู้จัดการร้านรู้ว่าผมอยากเป็นกีฬาโอลิมปิกมาก เขาจึงอนุญาติให้ผมเลือกเวลางานได้ตามใจชอบ” (ผู้จัดการนี่ก็สนับสนุนอย่างเต็มที่เลยนะ) …
-
10 มนุษย์ใจบุญ ผู้ช่วยชีวิต “ชาวยิว” ไม่ให้ถูกล้างเผ่าพันธุ์ ในสงครามโลกครั้งที่ 2
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นที่ทราบกันดีว่า กองทัพนาซีได้ดำเนินการกวาดล้างชาวยิวและชนเผ่าต่างๆ ในยุโรปอย่างรุนแรง จนมีผู้เสียชีวิตมากมายกว่า 6 ล้านคน ซึ่งใครก็ตามที่มีแนวคิดต่อต้านหรือให้ความช่วยเหลือชาวยิว ก็อาจถูกกำจัดไปด้วยในฐานไม่ให้ความร่วมมือกับกองทัพนาซี ทำให้น้อยคนนักจะกล้ายื่นความช่วยเหลือให้กับชาวยิวผู้เดือดร้อน อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่ยินยอมให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้น อย่างเช่นเรื่องราวของการช่วยเหลือชาวยิวของ Oskar Schindler จนถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Schindler’s list 10 บุคคลที่ #เหมียวอ๊อดโด้ นำมาให้ชมวันนี้ พวกเขาคือผู้ใจบุญที่เสี่ยงชีวิตช่วยเหลือ “ชาวยิว” ไม่ให้ถูกล้างเผ่าพันธุ์ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกเขาเป็นใครกันบ้าง ไปติดตามชมกันเลย! 10. Feng-Shan Ho ในตอนที่เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว Feng-Shan Ho ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้ากงสุลจีนประจำกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เขาได้ช่วยออกวีซ่าให้ชาวยิวในออสเตรียสามารถเดินทางลี้ภัยไปยังประเทศจีนได้ ซึ่งตอนนั้นออสเตรียเองก็ตอบรับนโยบายกวาดล้างยิวของนาซีเยอรมันอย่างเต็มที่ ทำให้การออกวีซ่าให้ชาวยิวเป็นเรื่องยากลำบากมาก แต่สุดท้ายเขาก็สามารถช่วยชีวิตชาวยิวได้กว่า 2,000 คน 9. Irena Sendler Irena Sendler ทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์ให้กับโบสถ์ในประเทศโปแลนด์ช่วงระว่างการกวาดล้าง เธอได้ปลอมเอกสารและช่วยเหลือดูแลเด็กๆ ชาวยิวให้รอดชีวิตกว่า 2,500 คน ซึ่งในระหว่างนั้นเธอเคยถูกทหารนาซีจับกุมและทรมานหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอล้มเลิกอุดมการณ์แต่อย่างใด 8. Hugh…
-
เปิดข้อมูลวิจัยการเติมน้ำดื่มจากขวดเดิมซ้ำๆ โดยไม่ล้าง สกปรกกว่าเอาลิ้นเลียฝาชักโครก!?
เชื่อว่าหลายๆ คนที่ชื่นชอบการออกกำลังกายคงมีขวดน้ำหรือแก้วน้ำเป็นของตัวเอง แล้วก็ใช้มันเติมน้ำใช้ต่อกันอยู่บ่อยๆ เพราะคิดว่ามันคงไม่เป็นอะไร ใครๆ เค้าก็ทำกัน (รวมถึงเราก็ทำกันอยู่บ่อยๆ แถมไม่ล้างด้วย) แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆ แล้วการใช้ขวดน้ำใบเดิมซ้ำๆ นั้นจะส่งผลให้เพิ่มปริมาณเชื้อโรคสะสม แล้วถ้าเราดื่มบ่อยๆ ก็อาจทำให้เราป่วยได้เลยทีเดียวล่ะ ทีมวิจัยจาก Treadmillreviews ได้เผยข้อมูลที่พวกเขาได้ทำการศึกษา ก็พบว่าการดื่มน้ำจากขวดน้ำที่ใช้ซ้ำโดยไม่ล้างนั้นก็เปรียบเสมือนกับเราเอาลิ้นไปเลียชักโครกยังไงยังงั้นเลย นักวิจัยได้ทำการทดลองตรวจสอบปริมาณเชื้อโรคจากขวดน้ำของนักกีฬาที่ใช้งานมาหนึ่งสัปดาห์ในห้องแล็บ และพบว่าเจ้าขวดนั้นมีตัวเลขของแบคทีเรียสูงมาก โดยมีมากถึง 900,000 CFU (หน่วยที่ได้จากวิธีตรวจนับปริมาณจุลินทรีย์) ต่อตารางเซนติเมตรเลยทีเดียว ซึ่งมีจำนวนมากกว่าค่าเฉลี่ยที่ตรวจพบบนฝาชักโครกซะอีก นั่นทำให้พวกเขาเกิดคำถามและตั้งขึ้นมาต่อสังคมว่า แล้วเราจะยอมเอาปากของเราไปสัมผัสกับปากขวดที่ใช้งานอยู่อีกหรือ?? (แค่คิดก็หยึยแล้ว) ค่าเฉลี่ยของเชื้อโรคที่อยู่บนขวดน้ำที่ใช้สำหรับออกกำลังกายของคนทั่วไปก็คือ 313,499 CFU ต่อตารางเซนติเมตร ซึ่งมันมากเกินกว่าที่จะนำขวดนั้นมาสัมผัสกับปากของเราได้แล้ว นักวิจัยได้ทำการทดลองกับชนิดของขวดน้ำสำหรับออกกำลังกายในแต่ละแบบแตกต่างกันออกไป และก็ได้ผลออกมาว่า ขวดที่มีฝาแบบสไลด์มีค่าแบคทีเรีย 933,340 CFU ต่อตารางเซนติเมตร ขวดแบบมีจุกดูดมีค่าแบคทีเรีย 161,971 CFU ต่อตารางเซนติเมตร ขวดแบบฝาเกลียวมีค่าแบคทีเรีย 159,060 CFU ต่อตารางเซนติเมตร และขวดแบบมีหลอดมีค่าแบคทีเรีย…
-
นักว่ายน้ำที่ “ช้าที่สุด” ในโอลิมปิก แม้เข้าที่สุดท้าย แต่ความภาคภูมิใจไม่เคยลดลง!!!
พูดถึงนักกีฬาว่ายน้ำที่มีชื่อเสียง เราอาจนึกถึง Michael Phelps ยอดนักว่ายน้ำมือหนึ่งของโลกที่เพิ่งสร้างสถิติใหม่ในการคว้าเหรียญทองในโอลิมปิกไปเมื่อไม่นานนี้ แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักนักว่ายน้ำที่ “ช้าที่สุด” ในโอลิมปิก แม้จะเข้าที่สุดท้าย แต่ไม่ได้ทำให้ความภาคภูมิใจของเขาลดลง นักกีฬาหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Robel Kiros Habte วัย 24 ปีจากประเทศเอธิโอเปีย เขาได้เข้าร่วมการแข่งขันว่ายน้ำ 100 เมตรชายในกีฬาโอลิมปิก 2016 ที่เพิ่งแข่งไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ซึ่งเขาได้กลายเป็นนักว่ายน้ำที่ “ช้า” ที่สุดในการแข่งขัน ด้วยระยะเวลาถึง 1 นาที 4.9 วินาที ช้ากว่าอันดับ 54 (เขาได้อันดับ 59 ซึ่งเป็นอันดับสุดท้าย) ถึง 12 วินาที หลายคนอาจสงสัยว่า ด้วยความสามารถระดับนี้และหุ่นแบบนี้ ทำไมถึงเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกได้ นั่นเป็นเพราะเขาได้รับการเชิญเป็นพิเศษจากสหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติต่างหาก (ถูกเชิญในฐานะ Underrepresented Countries) และเขาเป็นนักว่ายน้ำคนเดียวที่ไม่สามารถว่ายจบได้ใน 1 นาทีอีกด้วย แต่ถ้าคุณคิดว่าเขาผิดหวังกับผลการแข่งขันล่ะก็ คุณคิดผิดแล้ว… …
-
27 ภาพถ่ายผู้หญิงรอบโลก เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ชนชาติใดก็ต่างมี “ความงดงาม” ของตนเอง
ว่ากันว่า “ความงาม” ไม่มี “นิยาม” หรือ “ชนชาติ” อันแน่แท้ เพราะไม่ว่าชนชาติใดก็ต่างมีความงดงามของตนเอง ไม่ว่าใครก็ไม่อาจใช้มาตรฐานของตนเอง ตัดสินว่าผู้อื่นมีความงดงามหรือไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เอง ทางองค์กร The Ethnic Origins of Beauty ได้ทำการพิสูจน์ให้ทุกท่านได้เห็น ด้วยการถ่ายภาพของ “หญิงสาว” แต่ละประเทศ เพื่อนำเสนอความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเธอ ภาพชุดนี้เป็นผลงานของ Natalia Ivanova ตากล้องชาวรัสเซีย เธอได้ถ่ายภาพหญิงสาวกว่า 50 เผ่าจาก 15 ประเทศใน 4 ทวีปทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2012 ก่อนจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2014 โดยโปรเจคดังกล่าว ตั้งใจที่จะแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของความงดงามของชนชาติต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นคนผิวสี ผิวขาว หรือผิวเหลืองก็ต่างมีความงดงามของตัวเอง และนี่คือภาพในโปรเจ็คครั้งนี้…. . . . . . r . ไม่ว่าจะชนชาติก็มีความงดงามของตัวเอง เราควรเปิดใจยอมรับและทำความเข้าใจความแตกต่างเเหล่านี้นะฮะ ^^…
-
เรื่องราวเกี่ยวกับ To Catch a Cheater รายการลองใจคู่รัก ที่กำลังเป็นประเด็นโด่งดังในขณะนี้
เรียกว่าเป็นรายการที่กำลังเป็นที่พูดถึงในขณะนี้เลยทีเดียว สำหรับ “To Catch a Cheater” รายการทางเว็บไซต์ Youtube ที่จะลองใจคนรักของคุณว่าเขาหรือเธอยังซื่อสัตย์ต่อคุณหรือไม่ อย่างที่ทางเว็บเหมียวของเราเพิ่งนำเสนอไปเมื่อไม่กี่วันก่อน เรื่อง คลิปภรรยาอยากลองใจสามีที่แต่งงานกันมา 5 ปี ด้วยการส่งสาวสวยเข้าไปอ่อย เพื่อพิสูจน์เขา!!? จนกลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางของชาวเน็ต วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับรายการ To Catch a Cheater ว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน และสิ่งที่พวกเขานำเสนอนั้น เป็นการจัดฉากหรือไม่ เราลองไปติดตามชมกันดีกว่า! รายการ To Catch a Cheater เริ่มต้นขึ้นเมื่อราวๆ หนึ่งปีก่อน เมื่อ Latina เพื่อนสาวของ Luis Mercado (ผู้ดำเนินรายการ) ต้องการให้เขาช่วยจับผิดแฟนหนุ่มของเธอ ว่าเขานอกใจเธอหรือไม่ โดยเข้าได้ส่งหญิงสาวหน้าม้าเข้าไปลองใจแฟนหนุ่มของเธอ และดูว่าปฏิกิริยาของเขาเป็นอย่างไร และนั่นก็กลายเป็นคลิปนี้ขึ้นมา ผลคือคลิปดังกล่าวกลายเป็นที่นิยมอย่างมากและมีผู้เข้าชมกว่า 6 แสนครั้ง หลังจากนั้นมีผู้ชมทางบ้านจำนวนมาก ได้ติดต่อมาทาง Luis…
-
รวม 10 เคล็ดลับแจ่มๆ ในชีวิตประจำวัน รู้ไว้เป็นประโยชน์และช่วยให้ทำอะไรๆ ได้ง่ายขึ้น
ในชีวิตคนเราเชื่อว่าต้องมีหลายอย่างที่เราเชื่ออย่างผิดๆ และทำอย่างผิดๆ อยู่เสมอ อย่างเช่นการเทซอสออกจากขวด การปอกเปลือกไข่ หรือแม้กระทั่งการผูกเชือกรองเท้า วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ทุกคนไปชม 10 เคล็ดลับแจ่มๆ ในชีวิตประจำวัน ที่รู้ไว้เป็นประโยชน์ จะได้ไม่ทำผิดอีกต่อไป เราไปชมพร้อมๆ กันดีกว่า!!! เทซอสแบบข้างบนไม่ถูกนะ ต้องทำแบบภาพข้างล่าง โดยการเอียงสัก 30 องศา ให้อากาศผ่านเข้าไป หรือไม่ก็ทำแบบที่โฆษก Heinz เคยสาธิตไว้ (ลิ้งบทความคลิกที่นี่) ใครว่าผูกเชือกรองเท้าเป็นเรื่องยาก ลองทำแบบข้างล่างดูสิ ปกติใครพับเสื้อแบบด้านบน ลองไปฝึกแบบข้างล่างดู แล้วจะรู้ว่าความง่ายมีอยู่จริง ถ้าการปอกกล้วยยากเกินไป ลองหักครึ่งดูมั้ย ปอกมันฝรั่งง่ายๆ ด้วยการเอาไปต้มก่อนซักหนึ่งนาที จากนั้นนำไปแช่น้ำเย็น เท่านั้นแหละ ลอกได้แบบปรื๊ดๆ เลย ถ้านำน้ำผลไม้ไปแช่เย็น อาจต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมง ลองเอาน้ำแข็งใส่น้ำและเกลือเล็กน้อย แล้วเอาน้ำผลไม้ไปแช่แทน ไม่เกินสิบนาที เย็นเจี๊ยบแน่นอน แช่เครื่องดื่มก็เหมือนกัน ใช้วิธีเดียวกับน้ำผลไม้ แป๊บเดียวเย็นเจี๊ยบไม่ต้องพึ่งตู้เย็น…
-
เรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่าน Pokémon GO กับ “ชื่อโปเกม่อน” พร้อมที่มาของแต่ละคำ!!!
ช่วงนี้กระแส Pokémon Go กำลังมาแรงเป็นอย่างมาก เพราะว่าบ้านเราเพิ่งเปิดให้เล่นกันไม่ถึง 1 สัปดาห์ หลายคนก็ได้ออกจากบ้านไปไล่จับโปเกม่อนกันอย่างจริงจัง แต่วันนี้ #เหมียวสามสี ไม่ได้มาสอนเทคนิคอะไรเพิ่มเติม แต่จะมาแนวบอกเล่าที่มาของชื่อโปเกม่อนที่ใช้ในเกม ซึ่งหลายชื่อบางทีเราอาจจะไม่คุ้นหู เพราะว่ามันอ้างอิงจากฉบับสากล แต่ที่เรารู้จักคือเป็นฉบับชื่อญี่ปุ่นอย่าง เซนิกาเมะ ฟุชิงิดาเนะ ฮิโตะคาเงะ เป็นต้น ชื่อโปเกม่อนแต่ละตัวนั้นก็ไม่ได้ตั้งชื่อแบบไม่มีที่มาอะไรเลย ทุกชื่อนั้นล้วนมีความหมาย เรามาดูกันเลยว่าแต่ละตัวชื่อมาจากอะไรบ้าง Bulbasaur bulb : เป็นชื่อพืชชนิดหนึ่ง -saur : คำดั้งเดิมจากภาษากรีกแปลว่ากิ้งก่า Charmander char : การทำให้ไหม้ salamander : ซาลาแมนเดอร์ สัตว์ประเภทกิ้งก่า Squirtle squirt : การฉีดน้ำ squirrel : กระรอก (หางกระรอก) turtle : เต่า Caterpie caterpillar : หนอนผีเสื้อ…
-
เปิดเรื่องราวชีวิต ‘Michael Phelps’ จากเด็กโรคสมาธิสั้น สู่นักว่ายน้ำอันดับหนึ่งของโลก…
Michael Phelps เป็นชื่อที่เรามักจะเคยได้ยินบ่อยๆ ทุกครั้งที่มีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เพราะเขาคนนี้คือนักกีฬาว่ายน้ำที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกเลยทีเดียว เขากวาดรางวัลและทำลายสถิติโลกไปมากมาย และล่าสุดก็เพิ่งได้เหรียญทองไปแล้ว 2 เหรียญในโอลิมปิกครั้งล่าสุดที่จัดขึ้นที่ประเทศบราซิลในตอนนี้ แต่ใครเล่าจะรู้ว่ากว่าที่เขาจะกลายมาเป็นนักว่ายน้ำชื่อดังระดับโลกขนาดนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง? Michael Phelps เกิดบนเกาะ Baltimore รัฐ Maryland ประเทศสหรัฐอเมริกา ในตอนที่เขายังเป็นเด็กนั้นเขามีอาการของโรคสมาธิสั้นอีกด้วย เขาไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับการเรียน เอาแต่แกล้งเพื่อนจนทำให้คุณครูต้องบอกกับคุณแม่ว่าเขาอาจจะเรียนหนังสือต่อไปไม่ได้ เพราะการกระทำของเขานั้นสร้างปัญหาให้กับเพื่อนร่วมชั้นและคุณครูเป็นอย่างมาก… แต่ถึงอย่างนั้นคุณครูก็ยังอยากที่จะช่วยเหลือเขา โดยถามคุณแม่ของ Phelps ว่าจะช่วยเหลือเขาอย่างไรได้บ้าง แต่คุณแม่ได้ตัดสินใจว่าจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง คุณแม่ได้พา Phelps ไปหาจิตแพทย์ จนในที่สุดก็พบว่าเขาเป็นโรคสมาธิสั้นจริง โชคดีที่อาการนี้สามารถรักษาให้หายได้ แต่ต้องได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี ช่วงแรกของการรักษานั้นเขาได้รับยาเพื่อรักษาโรคสมาธิสั้น อาการของเขาดีขึ้นมาในระดับหนึ่ง แต่ยังคงมีความหุนหันพลันแล่นอยู่ ในที่สุดคุณแม่ก็ตัดสินใจที่จะพาเขาไปฝึกว่ายน้ำตอนอายุ 7 ขวบ เพราะหวังว่าการว่ายน้ำนี้จะช่วยบำบัดอาการสมาธิสั้นของเขาให้ดียิ่งขึ้น หนทางเริ่มเข้าที่เข้าทาง ตอนอายุ 10 ขวบ เขาได้ร่วมแข่งขันว่ายน้ำและคว้าที่สองมาได้ คนที่มีอาการเป็นโรคสมาธิสั้นนั้นมักจะมีนิสัยขี้หงุดหงิด โมโหง่าย…
-
เราจะอยู่แบบไหน ในภาวะโลกร้อน 100 ปีข้างหน้า จาก Gavin Schmidt นักวิทย์ฯ NASA
มาถึงตอนนี้หลายๆ คนคงตระหนักถึงเรื่องภาวะโลกร้อนกันแล้วล่ะ อย่างน้อยๆ ก็สภาพอากาศที่ร้อนขึ้นกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด แถมปี 2016 อาจจะเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยถูกบันทึกมาในประวัติศาสตร์มนุษยชาติเลยก็ว่าได้ อ่านเพิ่มเติมที่นี่ ‘ภาวะโลกร้อนนี่ไม่มีทางหยุดได้หรอก’ Gavin Schmidt นักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับภูมิอากาศและผู้บบริหารแห่ง Goddard Institute of Space Studies แห่ง NASA ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ ภาวะโลกร้อน ‘และถึงแม้ว่าจะหยุดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็น 0 เลยก็ตามที (แน่นอนว่าตอนนี้มนุษย์ทำไม่ได้) ภาวะโลกร้อนก็จะไม่หยุดไปหลังจากที่เราทำลายมันมาอย่างต่อเนื่องนับร้อยๆ ปี สิ่งที่เราพอจะทำได้ก็คือชะลอกระบวนการเปลี่ยนแปลงจากภาวะโลกร้อนให้มนุษย์สามารถปรับตัวและรับกับความเปลี่ยนแปลงได้มากที่สุด’ เขากล่าว การที่จะควบคุมให้อุณหภูมิขึ้นไม่เกิน 1.5 องศาในระยะยาวที่นานาประเทศเคยเซ็นสนธิสัญญากันไว้เมื่อเร็วๆ นี้นั้น แทบจะไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย แต่ก็ถือว่าเป็นความพยายามที่ดีในระดับหนึ่งเช่นกัน ที่ต้องการที่จะควบคุมอุณหภูมิไว้ไม่ให้สูงขึ้นไปกว่านี้ ถึงแม้จะไม่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและเด็ดขาดมากก็ตาม ทีนี้ลองมาจินตนาการดูว่า โลกอีกหลายปีข้างหน้า ที่อุณหภูมิเพิ่มขึ้นอีกสัก 3 องศาเซลเซียสนั้น จะมีรูปร่างหน้าตาและสภาพเป็นอย่างไร แตกต่างกับโลกของเราตอนนี้หรือเปล่า!? ในกรณีนี้เราใช้อุณหภูมิเฉลี่ยจากทั้งโลกมาเป็นตัววัด นั่งหมายถึงมันไม่ได้ระบุถึงความเปลี่ยนแปลงในระดับพื้นที่ เพราะในระดับพื้นที่นั้นจะเปลี่ยนแปลงมาก-น้อย ไม่เท่ากัน บางพื้นที่อาจเปลี่ยนไปจนบ้าคลั่งเลยล่ะ ตัวอย่างเช่น อุณหภูมิของโซน Arctic…
-
หนุ่มที่ปล่อยตัวเอง 5 ปีจนอ้วนฉุ ลดน้ำหนัก-ออกกำลังกายหุ่นเฟิร์มได้ในเวลา 10 เดือน
ถ้าใครกำลังมองหากำลังใจหรือแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนักล่ะก็ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับชายคนหนึ่ง ที่ลดน้ำหนักลงมาเกือบ 90 กิโลกรัมภายใน 10 เดือนจนหุ่มเฟิร์ม เรื่องราวจะเป็นยังไง เราไปติดตามเส้นทางและแรงบันดาลใจของเขากันเถอะ หนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Ross Gardner วัย 38 ปี จากรัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ซึ่งเมื่อ 10 เดือนก่อน เขาเคยมีน้ำหนักถึง 392 ปอนด์ (177 กิโลกรัม) จากข้อมูลพบว่าบางวันในช่วงนั้น เขากินอาหารวันละ 15,000 กิโลแคลอรี่ มากกว่าที่คนปกติกินเกือบ 10 เท่า! ทุกๆ วันเขาจะตื่นมาดื่มวิสกี้ Jack Daniel มากถึง 1 ลิตรก่อนทำอย่างอื่น จากนั้นก็จะกินอาหารไปเรื่อยๆ จนถึงบ่ายสองโมง เพื่อป้องกันอาการเมาค้าง จนน้ำหนักเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้จะมีคนรอบข้างทักบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด แต่วันหนึ่งขณะที่เขากำลังจะขึ้นเครื่องบินไปไมอามี่เพื่อทำงาน เขาถูกสายการบินบังคับให้ซื้อที่นั่งเพิ่มอีกที่ เนื่องจากขนาดตัวที่ใหญ่เกินไป เหตุการณ์นี้ทำให้เขารู้สึกอายมาก เขาจึงตั้งใจเปลี่ยนตัวเอง “ลุงของผมแนะนำให้ไปหาหมอและตรวจร่างกาย…
-
รวม 10 วิธีคุมกำเนิดสุดแปลกในอดีต ครั้งหนึ่งเคยเป็นทางเลือกของหนุ่มสาว!!
ทุกวันนี้มีวิธีการคุมกำเนิดที่สามารถใช้ได้จริงอยู่มากมาย ตั้งแต่การใช้ถุงยาง การกินยาคุม หรือแม้กระทั่งการนับหน้าเจ็ดหลังเจ็ด ซึ่งแต่วิธีกว่าจะได้มา ก็ต้องผ่านการคิดค้นและลองผิดลองถูกมามากมาย แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 10 รวม 10 วิธีคุมกำเนิดสุดแปลกจากในอดีต ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นทางเลือกของหนุ่มสาว ที่เราอ่านแล้วจะต้องเกาหัวแกรกๆ เลยว่า พวกเขาทำไปได้อย่างไร 1. กระปู๋ตัววีเซิล ในช่วงยุคกลางของยุโรป มีความเชื่อว่าการนำอัณฑะของตัววีเซิ่ลมาแปะที่ขาของหญิงสาวในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่จริง ภายหลังก็ได้ล้มเลิกไป แต่บางทีก็สงสัยว่า เวลาหนุ่มๆ เห็น “กระปู๋” ของตัววีเซิลแปะที่ขาของคู่รักระหว่างการมีเซ็กส์ พวกเขาจะรู้สึกยังไงนะ == 2. อึจระเข้ แม้ชาวอียิปต์โบราณได้สรรสร้างสิ่งมหัศจรรย์และความรู้ต่างๆ ไว้ให้กับโลกมากมาย แต่ดูเหมือนเรื่องการคุมกำเนิด พวกเขาก็มีการเข้ารกเข้าพงเหมือนกับดินแดนอื่นๆ บนโลก โดยพวกเขาได้สร้าง “เกราะป้องกัน” (คิดซะว่าเป็นถุงยางแบบแข็งละกัน) ที่ทำมาจาก อึของจระเข้ผสมกับน้ำผึ้ง แน่นอน ผลลัพธ์ก็ล้มเหลวไม่แพ้วิธีแรก 3. กระปู๋ตัวบีเวอร์กับแอลกอฮอล์ ในศตวรรษที่ 16 ชาวแคนาดาเชื่อว่าลูกอันฑะของสัตว์ตัวเล็กๆ…
-
มิตรภาพแห่งโอลิมปิก อาจจะเป็นโอกาสเดียวที่ ‘คนเกาหลีเหนือ-ใต้’ จะได้เซลฟี่ร่วมกัน
อย่างที่ทราบกันดีว่า ประเทศเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้นั้น แม้จะมีคำว่าเกาหลีในชื่อเหมือนกัน แต่ด้วยอุดมการณ์ทางการเมือง สงคราม และความขัดแย้ง บ่มเพาะให้เกิดความเกลียดชังต่อกันอย่างรุนแรง จนกระทั่งตอนนี้ พวกเขาก็ยังคงประกาศสงครามต่อกันอยู่ (แต่อยู่ในสภาวะหยุดยิง) ภาพของ DMZ ที่ทหารทั้งสองฝ่ายยืนคุมเชิงกันตลอดเวลา แต่ล่าสุดในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ได้เกิดภาพสุดประทับใจขึ้นมา เมื่อนักกีฬายิมนาสติกจากเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ได้ถ่ายรูปเซลฟี่กันอย่างมีความสุข โดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงความขัดแย้งของทั้งสองประเทศ ทั้งสองคือ Lee Eun-ju จากประเทศเกาหลีใต้และ Hong Un-Jong จากประเทศเกาหลีเหนือ จน Ian Bremmer นักเขียนจาก CNN นำไปโพสในทวิตเตอร์ของตนเองว่า “นักยิมนาสติกจากเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ถ่ายภาพเซลฟี่ร่วมกัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงจัดโอลิมปิกขึ้นมา” โดยการแข่งขันครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของ Lee Eun-ju ส่วน Hong Un-Jong ถือว่าเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เธอเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิก และเธอเคยได้เหรียญทองจากประเภทกระโดดข้ามเครื่องกีดขวางในโอลิมปิกที่ปักกิ่ง ในปี 2008 ยิ่งไปกว่านั้น เธอเคยเป็นทหารเก่าอีกด้วย นี่สินะ ที่เขาเรียกว่ากีฬาคือยาวิเศษ และก็ได้แต่หวังว่าในอนาคต ทั้งสองประเทศจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติในเร็ววัน…
-
ตำรวจไทยใจหล่อ โดนโพสต์เหยียดหน้าตา กลับไม่เอาเรื่องบอก ‘คิดซะว่าเป็นลูกหลาน’!!!
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาตาเลยทีเดียว เพราะวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมานั้นได้มีการแชร์ภาพของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่โพสต์เหยียดนายตำรวจท่านหนึ่งในเฟซบุ๊ค เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของเขาด้วยใจความว่า.. ‘ตำรวจเป็นมิตรกับประชาชนทุกคนนะจ๊ะ…รู้ยัง…นี่มันพันธุ์อะไรวะเนี่ย กูลั่น #ฟ้องด้วยภาพ’ สร้างความไม่พอใจให้แก่คนรอบข้างของนายตำรวจอย่างมาก เพราะทางเฟซบุ๊คของ ตำรวจไทย สู้ๆ ได้ออกมาเผยว่าตำรวจคนดังกล่าวชื่อ ร.ต.ท. ปราโมทย์ ตระกูลวังทอง อดีต ตชด. ภาค 3 สภ.เมืองตรัง ซึ่งตัวจริงท่านเป็นคนใจดีมาก แถมเป็นที่รักของประชาชนซะอีก ภาพจากโพสต์ของหญิงสาว โดยก่อนหน้านี้นายตำรวจคนดังกล่าวนั้นไม่ได้เล่นเฟซบุ๊คหรือโซเชียลมีเดียเลยไม่รู้ความคืบหน้า จนเพื่อนข้าราชการได้นำภาพมาให้ตนดู ซึ่งก็ไม่ได้โกรธอะไร แต่ทางครอบครัวและญาติๆ รู้สึกไม่พอใจอย่างมากและแจ้งความเอาผิด ภายหลังหญิงสาวคนดังกล่าวก็ได้เดินทางมาขอโทษคุณตำรวจอย่างจริงจัง ใครชมคลิปไม่ได้มาชมที่นี่ ทาง รตท. ปราโมทย์ ก็ได้ให้อภัยแก่หญิงสาวและอบรมตักเตือนเล็กน้อย กรณีการแสดงความคิดเห็นหรือโพสต์ต่อผู้อื่นลงบนโลกออนไลน์ เพราะอาจจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนและเสียหายได้ ส่วนตนนั้นไม่ได้โกรธหรือผูกใจเจ็บอะไร คิดว่าเหมือนเป็นลูกเป็นหลาน คนเราทำผิดพลาดกันได้… หวังว่าเรื่องนี้ก็จะเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ใช้สังคมออนไลน์กันนะจ๊ะ เราได้เห็นการโพสต์อะไรแบบไม่คิด สร้างความเสียหายมาเยอะแล้วนะ ^^ ที่มา: Kapook, ตำรวจไทย สู้ๆ
-
25 ภาพของสิ่งต่างๆ ผ่านกล้องจุลทรรศน์ มีทั้งความงดงาม และแปลกตาไม่น้อย
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งรอบตัว เช่น เป็นผัก ผลไม้ วัตถุ รวมไปถึงสิ่งมีชีวิตต่างๆ หากได้มองจากภายนอกนั้น คุณอาจจะเห็นว่ามันก็คือสิ่งธรรมดาๆ ทั่วไป ที่เราเห็นอยู่บ่อยๆ ไม่มีอะไรแปลก หรือน่าสนใจสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากคุณได้ลองมองสิ่งเหล่านั้น จากกล้องจุลทรรศน์ละก็ บอกเลยว่ามันจะดูน่าสนใจขึ้นเยอะเลยละ เพราะมันจะทำให้เราได้เห็นโครงสร้างของสิ่งเหล่านั้นได้ละเอียดขึ้น และนี่ก็คือ 25 ภาพถ่ายสิ่งมีชีวิต สิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงอวัยวะหรือเซลล์ในร่างกายของเรา ที่มองจากกล้องจุลทรรศน์ มันมีทั้งความงดงาม แปลกตา และบางทีก็น่ากลัวไม่น้อย 1. น้ำส้ม 2. ทังสเตนในหลอดไฟ 3. แถบเวลโคร (Velcro) หรือ แถบตีนตุ๊กแก 4. สนิม 5. ปีกผีเสื้อ 6. เกสรดอกไม้ 7. ชอล์ก 8. เส้นด้ายที่กำลังร้อยเข้ารูเข็ม 9. สายกีตาร์…
-
ตำรวจรับแจ้งมีคนเสียงดัง ไปตรวจพบตายายร้องไห้เพราะความเหงา พาทำพาสต้ากินกันเลย!!
อีกหนึ่งเรื่องราวน่ารักๆ ของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในต่างประเทศ ครั้งนี้ #จ่าสิบเหมียว จะพาเพื่อนๆ บินลัดฟ้าไปยังกรุงโรม ประเทศอิตาลีกันบ้าง ชมเรื่องราวที่น่าจะเหมาะกับวลีที่ว่า ‘ชีวิตคุณ เราดูแล’ จริงๆ !!! ราวๆ สัปดาห์ก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานว่าแฟลทแห่งหนึ่งในย่าน Appio มีเสียงร้องไห้และเสียงโหวกเหวกอยู่บ่อยครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ พวกเขาเลยส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบดู กลายเป็นว่าที่มาของเสียงนั้นมาจากห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งที่มีสองสามีภรรยาอาศัยอยู่ คุณยาย Jole วัย 84 ปีและคุณตา Michele สามีในวัย 94 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจและคุณตาคุณยายทั้งสอง นายตำรวจทั้ง 4 ก็เข้าไปตรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สิ่งที่พบก็คือทั้งสองไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายหรือมีโจรขึ้นบ้านเพื่อมาปล้นแต่อย่างใด พวกเขาแค่ดูทีวีอยู่ในตอนนั้นแล้วอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้กันขึ้นมา… เพราะหลังจากที่แต่งงานอยู่กินกันมากว่า 70 ปีเต็ม พวกเขารู้สึกเหงามาก จะว่าไปแล้วเป็นเวลาหลายปีเลยทีเดียวที่ไม่มีใครมาเยี่ยมทั้งสองบ้างเลย บนโต๊ะอาหารที่ห้องครัวเจ้าหน้าที่ก็สังเกตเห็นเพียงแค่องุ่นเก่าๆ ร่องรอยของการเตรียมอาหารทานแบบง่ายๆ สองคนเพียงเท่านั้น… หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็โทรเรียกให้รถพยาบาลมาตรวจสุขภาพของพวกเขา เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาไม่ได้เป็นอะไร ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่ง ก็ทำอาหารง่ายๆ อย่างพาสต้าเตรียมให้คุณยายและคุณตาได้ทาน ส่วนเจ้าหน้าที่อีก 3 รายก็นั่งลงและคุยเรื่องราวต่างๆ กับคุณตาและคุณยายให้พวกเขาได้เบิกบานใจ พวกเขาแค่ต้องการใครสักคนแค่นั้นเอง……
-
รู้จักเพลง Longplayer บทเพลงยาวนานที่สุดในโลก แต่งติดต่อกันนาน 1,000 ปี!!!
ปกติความยาวของเพลงสมัยใหม่ที่เราฟังกันจะอยู่ที่ราวๆ 3 ถึง 6 นาที ส่วนเพลงเก่าๆ หรือเพลงคลาสสิกอาจมีความยาวมากกว่านั้นตั้งแต่ 10 นาทีถึง 1 ชั่วโมง แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับเพลงที่ยาวที่สุดในโลก ที่ความยาวไม่ได้นับเป็นนาทีหรือชั่วโมง แต่เป็นหลักพันปีเลยทีเดียว!!! บทเพลงนี้มีชื่อว่า Longplayer เป็นผลงานของการประพันธ์ของซอฟแวร์คอมพิวเตอร์ที่ออกแบบโดย Jem Fine ซึ่งซอฟแวร์ดังกล่าวได้รับการออกแบบมาให้แต่งเพลงไปเรื่อยๆ เป็นระยะเวลาทั้งหมด 1,000 ปี โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 1999 และถ้ามันสามารถดำเนินไปโดยไม่มีอะไรผิดพลาด เพลงจะจบไปในวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 2999 โน่นเลย ส่วนเครื่องดนตรีที่ใช้ในเพลง Longplayer จะเป็นขันทิเบตหลากหลายขนาดวางเรียงเป็นวงกลมจำนวนหกวง แต่ละจุดจะให้เสียงแตกต่างกันออกไป และซอฟแวร์จะแต่งเพลงให้ออกมาให้ไม่ซ้ำกันเลยแม้แต่ท่อนเดียวตลอด 1,000 ปี ซึ่งเมื่อแต่งเสร็จแล้ว ก็จะมีทีมงานนำไปเล่นจริงๆ ด้วยเครื่องดนตรีในภาพ ลองไปชมการสาธิตการทำงานของเครื่องดนตรี Longplayer อันนี้กันดูดีกว่า ใครสนก็ลองไปหาฟังกันได้นะฮะ…
-
รวม 18 เรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับ “อุนจิ” ของใกล้ตัว ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน
การอุจจาระถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครทุกคนก็ต้องทำ เพราะนั่นคือวิธีการขับถ่ายของเสียวิธีหนึ่งของร่างกาย แม้จะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เชื่อว่ามีน้อยคนนักที่รู้และเข้าใจความจริงเกี่ยวกับ “อุจจาระ” เหล่านี้ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมพบกับ 18 เรื่องราวเกี่ยว “อึ” ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้เคยทราบมาก่อน เราไปติดตามชมพร้อมๆ กัน…. รู้ไหมว่า… ประมาณ 75 เปอร์เซ็นของอึคือ น้ำ อีก 25 เปอร์เซ็นที่เหลือคือของแข็งทั้งหลาย เช่นกากอาหาร โปรตีน ไขมัน และอื่นอีกมากมาย ถ้าอยากอึเยอะๆ ให้กินอาหารที่มีเส้นใยอาหารเยอะๆ เช่น ถั่วดำ สัปปะรด และผักต่างๆ ซึ่งเราต้องการไฟเบอร์ราวๆ 25-35 กรัมต่อวันเพื่อให้ขับถ่ายได้สะดวก สาเหตุที่อึเราสีน้ำตาลเป็นเพราะน้ำดีในร่างกาย แต่จริงๆ ก็กลายเป็นสีอื่นได้นะ แล้วแต่สิ่งที่เรากินเข้าไปอีกด้วย แต่ถ้าเป็นสีดำเข้มสนิทติดต่อกันนาน หรือสีแดงสด นั่นก็ไปหาหมอเถอะ ในปี 1992 มีงานวิจัยเปิดเผยออกมาว่า คนทั่วไปมักจะอึวันละ 1…
-
ตำรวจทำเซอร์ไพร้ส์ ทำทีเหมือนโบกรถให้คนจอดแล้วจะแจกใบสั่ง ที่ไหนได้เรียกมาแจกไอติมซะงั้น!!!
สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ในอดีตถึงกับได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘ฮีโร่’ ของประชาชนเลยทีเดียว แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันนี้มีข่าวเสียๆ หายๆ ออกมามากมาย จนทำให้ภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจลดลงอย่างมาก กลบเรื่องราวดีๆ และวีรกรรมที่ตำรวจดีๆ ทำและเสียสละไปเสียสิ้น… ในสหรัฐอเมริกาก็เช่นกัน หลายๆ ครั้งก็มีดราม่าเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่แพ้บ้านเรา ทั้งการที่ตำรวจผิวขาวใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ ยิงคนผิวสีจนเสียชีวิตในดัลลัส จนเป็นเหตุให้ประชาชนก่อจลาจล (และมีการส่งมือสไนเปอร์ไปล้างแค้นตำรวจเลยทีเดียว) และอีกหลายๆ เรื่องที่มีความรุนแรงไม่แพ้กัน… แต่วันนี้เราก็อยากจะนำเสนอเรื่องราวด้านดีๆ น่ารักๆ บ้าง ของสองนายตำรวจแห่ง Halifax เวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐฯ ที่วางแผนเซอร์ไพร้ส์ประชาชนในพื้นที่แบบน่ารักสุดๆ วันนี้พี่ไม่ได้มาเล่นๆ พี่มาแจกไอติม!!! ใครที่เข้าชมไม่ได้ มาดูกันได้ที่นี่ พวกเขาวางแผนทำทีโบกรถอยู่ข้างๆ ทาง ทำทีเหมือนจะแจกใบสั่ง แต่ผู้ขับขี่หารู้ไม่ว่าเขาซุกไอติมมาเต็มกระเป้าเลยทีเดียวเพื่อนำมาแจกในวันร้อนๆ แบบนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจในคลิปคือ ผู้กำกับ Kevin Lands และเจ้าหน้าที่ในสังกัด Brian Warner ที่มาทำการแจกไอศกรีมผู้ขับขี่กว่า 20 รายด้วยกัน กับคำพูดฮาๆ ที่ว่า ‘คุณรู้ไหมทำไมเราเรียกให้คุณจอดในวันนี้’ เจ้าหน้าที่ถาม ‘ไม่รู้ค่ะ’ ผู้ขับขี่ตอบ ‘คุณรู้ไหมว่ามันผิดกฎหมายนะ…
-
‘เพราะพวกผมไม่อยากเข้าแก๊งอันธพาล’ เหตุผลสำคัญให้ CEO รับวัยรุ่นกลุ่มนี้เข้าทำงาน
เป็นธรรมดาที่เด็กๆ และวัยรุ่นชอบหางานพิเศษทำกับเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงปิดเทอมเพื่อสร้างรายได้และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เด็กๆ ทั้ง 4 คนนี้ก็เช่นกัน Dylik, Jalen, Desmond และ Deion จากรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐฯ ที่หางานทำในช่วงซัมเมอร์ โดยมีบริษัทที่จัดการเกี่ยวกับบ้านอย่าง LeGrange Housing Authority เป็นที่หมายตาเอาไว้ และลองไปสมัครกันดู… แน่นอนว่าซีอีโอของทางบริษัท Zsa Zsa Heard ไม่มีเวลาให้เหล่าเด็กๆ เพราะมีเรื่องที่ต้องจัดการมากมาย แต่หลังจากเด็กๆ พยายามติดต่ออยู่หลายครั้ง เธอก็ใจอ่อน และจัดแจงนัดให้มาคุยดุซักทีว่าพวกเขาต้องการอะไรกันแน่… เด็กๆ ทั้ง 4 คน แต่สิ่งที่เธอได้ยินตอนสัมภาษณ์เด็กๆ กลับทำให้เธอรู้สึกตกใจมาก และตัดสินใจจ้างพวกเขาตอนนั้นในทันที ‘พวกผมอยากหางานทำช่วงซัมเมอร์ เพราะไม่อยากไปเที่ยวเตร็ดเตร่ หรือไปเกเรกับแก๊งค์อันธพาลที่ไหน พวกผมไม่อยากสร้างปัญหา’ เด็กๆ พูดกับซีอีโอ ‘ฉันไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะพูดแบบนี้กับฉัน พวกเขาบอกว่าพวกเขาไม่อยากไปยุ่งกับอันธพาลในละแวก เข้าแก้งค์กับพวกเขา หรือเที่ยวเตร็ดเตร่ไปเรื่อย พอฉันย้อนกลับไปดูอายุของพวกเขาด้วยแล้ว ทำให้รู้สึกสะเทือนใจจริงๆ ที่พวกเขาคิดได้ขนาดนี้’ เธอกล่าว เธอประทับใจมากจนต้องโพสต์ลงในเฟซบุ๊คของเธอ และถ้าจะให้พูดกันตรงๆ แล้ว ปัญหาเรื่องแก๊งค์อันธพาลในประเทศสหรัฐฯ นั้นก็เรียกได้ว่ารุนแรงพอสมควร…
-
คุณพ่อแอบเศร้า ลูกชายติดทีมไปโอลิมปิก แต่ไม่มีเงินไปดู… ชาวเน็ตช่วยกันระดมทุนให้ซะเลย!!
ความภูมิใจสูงสุดของพ่อแม่ ก็คือการที่ได้เห็นลูกๆ ของตนเองสามารถยืนด้วยลำแข้งได้และประสบความสำเร็จในชีวิต Ellis Hill ที่ภูมิใจสุดๆ เพราะลูกชายของเขา Darren Hill สามารถติดทีมชาติสหรัฐฯ ในการเป็นตัวแทนนักทุ่มไกลไปแข่งขันที่ริโอได้!!? แน่นอนว่าลูกชายของเขาได้ไปแข่งแบบไม่มีปัญหาเพราะทางประเทศสหรัฐฯ มีทุนให้สำหรับนักกีฬาอย่างเพียงพอ แต่เรื่องน่าเสียดายก็คือทีมชาติไม่ได้มีทุนให้กับพ่อแม่ เพื่อไปดูลูกๆ แข่งขัน… แถม Ellis ก็เป็นเพียงคนขับแท็กซี่อูเบอร์เท่านั้น เลยไม่มีทุนทรัพย์อย่างเพียงพอที่จะไปดูลูกแข่งกีฬาได้… วันหนึ่งเขาได้พบกับลูกค้าคนหนึ่ง Liz Willock ที่เขาคงไม่รู้ว่าจะเข้ามามอบโอกาสครั้งสำคัญให้กับเขา!? Willock นั้น เป็นหัวหน้าฝ่ายขายของบริษัทเดินทาง แน่นอนว่าเธอมีทักษะและความรู้ในด้านการซื้อตั๋วและจองตั๋วเครื่องบินเป็นอย่างดี ก็เหมือนวันธรรมงานธรรมดาๆ วันหนึ่ง Ellis พูดคุยสัพเพเหระกับลูกค้าระหว่างขับรถ เล่าเรื่องลูกชายของเขาที่จะได้ไปแข่งโอลิมปิก แต่เขาจะไม่ได้ไปดู… ‘อยู่ๆ Liz ก็พูดกับผมว่า ‘ถ้าฉันหาตั๋วให้คุณได้ คุณจะไปหรือเปล่า?’ ผมตอบกลับไปว่า ถ่อวววว แม่คุณ เราพึ่งเจอกันเองนะ คุณจะช่วยผมได้จริงๆ เหรอ’ คุณพ่อกล่าว Liz ไม่รอช้าตั้งเพจ GoFundMe page to raise $7,500 to send Hill…
-
สาวน้อยชาวซีเรีย ที่ต้องว่ายน้ำข้ามทะเลหนีสงคราม สู่การเป็นนักว่ายน้ำโอลิมปิกไร้สัญชาติ
ขึ้นชื่อว่าสงคราม แน่นอนว่าต้องเกิดความสูญเสียกับทั้งสองฝ่าย แล้วใครที่ดือดร้อนที่สุดล่ะ?? ก็เหล่าประชาชนตาดำๆ ยังไงล่ะที่พลอยซวยไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย หนึ่งปีก่อนผู้อพยพชาวซีเรียคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Yusra Mardini ต้องหนีตายออกจากเมือง Damascus ในซีเรียพร้อมๆ กับพี่สาวของเธอ…แต่วันนี้ เธอกลับได้กลายเป็นหนึ่งในนักกีฬาว่ายน้ำที่กำลังจะเข้าแข่งขันในโอลิมปิกที่ริโอแล้วล่ะ เบ็ดเสร็จแล้วเธอแข่งถึง 3 กีฬาเลยทีเดียว!!! ซึ่งในปีนี้เป็นครั้งแรกที่โอลิมปิกจะมี Refugee Olympic Team (ROT) จำนวน 10 คน เป็นตัวแทนของผู้ลี้ภัย 65 ล้านคนทั่วโลก มาจากทั้งประเทศซูดาน เอธิโอเปีย คองโก และแน่นอนประเทศซีเรีย ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่เกิดเหตุการณืความไม่สงบขึ้นภายในประเทศทั้งสิ้น ระหว่างพิธีเปิดของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ริโอ Mardini เดินท่ามกลางตัวแทนนักกีฬาของทีผู้อพยพ แต่ก่อนหน้านี้เธอก็ไม่ใช่นักกีฬาโนเนมนะจ๊ะ เพราะทั้งเธอและน้องสาวถือว่าเป็นสตาร์รุ่นเยาว์ของคลับว่ายน้ำในประเทศซีเรียเลยทีเดียว ก่อนที่สงครามจะปะทุขึ้นและทำให้การฝึกฝนของเธอต้องจบลง พ่อแม่ของเธอก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแม้แต่น้อย พยายามย้ายครอบครัวของพวกเขาไปยังโซนปลอดภัยอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ไฟสงครามก็ลุกลามตามพวกเขามาทุกๆ ครั้ง โดยเฉพาะเมื่อบ้านหลังล่าสุดถูกทำลายลงไป Mardini และพี่สาวของเธอออกจากดามัสกัส เธอลอยข้ามทะเลมาด้วยเรือ ไปยังเกาะ Lesbos ของประเทศกรีซ พร้อมกันกับผู้อพยพชาวซีเรียอีกกว่า 20 ชีวิตด้วยกัน ตอนนั้นเองที่เครื่องยนต์ของเรือยางได้เสียไป เธอและพี่สาวด้วยความที่เป็นนักว่ายน้ำอยู่แล้ว…
-
รวม 21 เรื่องจริงเกี่ยวกับ ‘Paul Walker’ ที่จะทำให้ทุกคนต้องคิดถึงเขาอย่างแน่นอน!!
นี่ก็ผ่านมาเกือบครบ 3 ปี แล้วตั้งแต่ Paul Walker ได้จากไป หลายๆ คนคงจะคิดถึงเขากันบ้างล่ะ และวันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของเขามาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน เอาล่ะ จะมีอะไรบ้างนั้นลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… 1. Paul Walker เคยมีผลงานการแสดงมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กทารกแล้ว เขาเคยเป็นแบบถ่ายโฆษณาให้กับ Pampers และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของเขากับการเข้าสู่วงการจอเงิน ตามหลังคุณ Cheryl แม่ของเขาไปติดๆ 2. พ่อของเขา Paul Walker เคยได้รับรางวัล Golden Glove ถึง 2 ครั้งด้วยกัน เป็นรางวัลสำหรับนักมวยอาชีพของสหรัฐอเมริกา 3. ผลงานละครเรื่องแรกของเขา Paul เริ่มต้นงานในฐานะนักแสดงกับละครดราม่าเรื่อง Highway to Heaven, Charles in Charge และเรื่อง The Young and the Restless 4.…
-
18 เรื่องราวแปลกๆ ในมหกรรมกีฬานานาชาติ “โอลิมปิก” ที่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อน
วนกลับมาอีกครั้งแล้ว สำหรับมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติอย่าง “โอลิมปิก” ซึ่งในปี 2016 นี้ก็จะไปจัดกันที่เมืองริโอ ประเทศบราซิล ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการจัดที่ทวีปอเมริกาใต้เลยทีเดียว #เหมียวอ๊อดโด้ จะขอพาเพื่อนๆ ไปชม 18 เรื่องราวแปลกๆ ของมหกรรมกีฬานานาชาติ “โอลิมปิก” ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน จะน่าตื่นเต้นขนาดไหน ไปชมกันเลย เหรียญทองโอลิมปิกไม่ได้ทำมาจากทอง (เหรียญเงินเคลือบสีทอง) เพราะครั้งสุดท้ายที่เหรียญทองเป็นทองจริงๆ คือเมื่อปี 1912 Abebe Bikila จากประเทศเอธิโอเปีย นักวิ่งมาราธอนผิวสีคนแรกที่ชนะการแข่งขันในโอลิมปิกปี 1960 วิ่งทั้งๆ ที่ไม่มีรองเท้าใส่ด้วยซ้ำไป การแข่งขันโอลิมปิกยุคใหม่ครั้งแรกในปี 1896 ไม่มีเหรียญทอง โดยที่หนึ่งได้เหรียญเงิน ที่สองได้เหรียญทองแดง ที่สามไม่ได้อะไรเลย โอลิมปิกปี 1900 ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้ชื่อว่ามีการจัดการที่แย่มากถึงมากที่สุด และแทบไม่มีคนมาดูด้วยซ้ำ Hans-Gunnar Liljenwall ชาวสวีเดน คือนักวิ่งคนแรกที่ถูกแบนจากการแข่งขัน เพราะเขามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมากเกินไป ในปี 1900 ทีมพายเรือของเนเธอร์แลนด์ขาดตำแหน่งคนถือท้ายเรือ…
-
10 เรื่องราวดีๆ ในปีนี้ ที่จะทำให้เรารู้ว่าโลกนี้ยังมี “สิ่งสวยงาม” เกิดขึ้นในสังคมเรา!!!
โลกเราทุกวันนี้มีข่าวความรุนแรงเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการก่อการร้าย การทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ฆ่ากันโดยไม่มีเหตุผล ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้เรามองโลกเปลี่ยนไปได้ แต่วันนี้จะขอนำเสนอแต่เรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นในปีนี้ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นว่าโลกเรายังมีสิ่งที่สวยงามเกิดขึ้นอยู่ เพียงแต่ว่ามันไม่ค่อยถูกนำเสนอเท่านั้นเอง 1. สายการบินในแคนาดา ให้เจ้าของนำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องได้ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า เป็นโชคดีของเหล่าสัตว์เลี้ยง ที่ 2 สายการบิน West Jet และ Canadian North ของแคนาดา ยอมผ่อนปรนกฎการบิน โดยอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงขึ้นมาบนห้องโดยสารกับเจ้าของได้ในช่วงที่อพยพหนีไฟป่า ทางโฆษกสายการบิน Canadian North ยังได้เผยอีกว่า “มันเป็นเรื่องที่แปลกตาสักหน่อยในการย้ายสัตว์เลี้ยงไปในห้องโดยสาร แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่จำเป็นจริงๆ เราก็เลยต้องปรับเปลี่ยนกฎ เพื่อเจ้าสัตว์เหล่านี้” 2. เด็กหนุ่มที่ฝันอยากเป็นนักฟุตบอล ภาพเหล่านี้ทำให้เรารู้สึกถึงน้ำใจของผู้คนเลย เมื่อ Marco เด็กหนุ่มที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักฟุตบอล แต่ติดอยู่ที่ว่าทางบ้านไม่มีเงินจ่ายให้เขาซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายได้ จนวันหนึ่งมีคนไปเจอเขาในภาพนี้ ก็เลยเอาไปโพสต์ในเพจเพื่อให้คนช่วยเหลือ หลังจากนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป มีคนจากทั่วโลกส่งอุปกรณ์กีฬาให้เขา จนตอนนี้ชีวิตของเขาก็ดีขึ้น . 3. เด็กโปรตุเกสเข้าไปปลอบชายที่เป็นแฟนบอลชาวฝรั่งเศส…
-
มาดู 9 ภาพเปรียบเทียบระหว่างการอาบ “น้ำอุ่น” vs “น้ำเย็น” กับคุณประโยชน์ที่แตกต่างกัน…
ถ้าจะถามว่าคุณชอบอาบน้ำอุ่น หรือน้ำเย็น? หลายคนอาจจะบอกว่าชอบอาบน้ำอุ่น บางคนก็ตอบว่าชอบอาบน้ำเย็น และแน่นอนว่าการอาบน้ำในอุณหภูมิที่ต่างกัน ก็ย่อมส่งผลที่แตกต่างกันไปด้วย ในวันนี้เหมียวขี้อ้อน จะพาคุณมาชม 9 ภาพเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการอาบน้ำเย็น และน้ำอุ่น มาดูกันเลยดีกว่าว่าจะจะต่างกันขนาดไหน 1 .การอาบน้ำเย็นจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ส่วนการอาบน้ำร้อนจะสามารถช่วยลดการคัดจมูกได้ 2 .การอาบน้ำเย็นจะช่วยเพิ่มสมาธิ ส่วนการอาบน้ำอุ่นจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ 3 .อาบน้ำเย็นจะช่วยให้คุณตื่นตัวในตอนเข้า ส่วนการอาบน้ำอุ่นจะช่วยบรรเทาความเครียด 4 .อาบน้ำเย็นจะช่วยเพิ่มระดับพลังงานให้คุณ ส่วนการอาบน้ำอุ่นจะช่วยลดความเหนื่อยล้า 5 .อาบน้ำเย็นช่วยเร่งการเผาผลาญ ในขณะที่อาบน้ำอุ่นจะช่วยลดอาการบวม 6 .อาบน้ำเย็นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ในขณะที่อาบน้ำอุ่นจะช่วยบรรเทาอาการปวดหัว 7 .การอาบน้ำเย็นสามารถช่วยเผาผลาญไขมันได้ ส่วนการอาบน้ำอุ่นจะช่วยขจัดอาการเป็นพิษ 8 .การอาบน้ำเย็นช่วยให้ผิวเรียบเนียน การอาบน้ำอุ่นจะช่วยเปิดรูขุมขน ทำให้สิ่งสกปรกหลุดออกมา ผิวก็จะสะอาดขึ้น 9 .การอาบน้ำเย็นทำให้อารมณ์ดีขึ้น ในขณะที่การอาบน้ำอุ่นจะช่วยลดอาการนอนไม่หลับได้ เห็นไหมละว่าการอาบน้ำเย็น และน้ำอุ่น ก็มีข้อดีแตกต่างกันออกไปนะ แล้วคุณละชอบแบบไหนระหว่างการอาบน้ำเย็น…
-
ทำความรู้จักกับ Margot Robbie ก่อนจะมาเป็นเจ้าหญิงแห่งอาชญากรรม Harley Quinn
ในชั่วโมงนี้คงจะไม่มีนักแสดงหญิงคนไหนฮอตไปกว่าสาวที่ชื่อ Margot Robbie (มาร์โก ร็อบบี้) หรือแฟนๆ เรียกเธอว่า Harley Quinn แห่งทีมเดนตาย Suicide Squad นั่นเอง เธอเริ่มเป็นที่พูดถึงตั้งแต่มีการประกาศออกมาว่าเธอจะมารับบทเป็นวายร้ายหญิงคนรักของ Joker ซึ่งนับว่าเป็นหนังเรื่องที่ 2-3 แล้ว ที่มีนักแสดงสาวชาวออสซี่ดวงตาสีฟ้าได้รับบทนำ แต่กว่าที่เธอจะมาถึงจุดนี้และกลายเป็นที่รักของแฟนๆ ได้นั้น เธอเคยผ่านผลงานอะไรมาบ้าง หรือตัวตนและไลฟ์สไตล์ของเธอเป็นยังไง #เหมียวฟิ้น จะพาทุกคนไปรู้จักเธอเอง เธอมีชื่อจริงๆ ว่า Margot Elise Robbie เกิดเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 1990 ในเมืองดัลบี้ รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย และภายหลังได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองโกลด์โคสต์ ปัจจุบันอายุ 26 ปี เธอเติบโตท่ามกลางครอบครัวทำฟาร์ม เธอเลยใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับสัตว์และการทำสวน ในวัยเด็กนั้นเธอใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดง เมื่อเรียนจบจากวิทยาลัยการแสดง เธอจึงย้ายไปยังเมืองเมล์เบิร์นเพื่อตามฝัน หนังเรื่องแรกๆ ที่เธอได้เล่นเป็นหนังออสเตรเลียเล็กๆ อย่าง Vigilante (2008) และ I.C.U.…
-
Modibodi กับแนวคิดไม่รีทัชรูปนางแบบ เพราะความสวยไม่ต้อง ‘เพอร์เฟ็คต์’ เสมอไป!!!
#จ่าสิบเหมียว ก็มีความเชื่อแบบนี้เหมือนกันนะเนี่ย ว่าแท้จริงแล้ว ผู้หญิงทุกคนมีความสวยอยู่ในตัวเองทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้นอย่าไปเชื่อค่านิยมและคำนิยามของความสวยที่สื่อและโฆษณาต่างๆ พยายามยัดเยียดให้เรานะจ๊ะ ^^ ถ้าแบรนด์หรูในด้านชุดชั้นในหญิง ก็คงจะไม่พ้นแบรนด์ดังอย่าง Victoria Secret หลายๆ คนก็คงอยากจะได้หุ่นแบบเหล่านางแบบกันใช่มั้ยล่ะ? แต่กระแสในปัจจุบันนี้ ผู้คนเริ่มแสวงหาความเป็นจริงมากขึ้น Modibodi ก็เช่นกัน ชุดชั้นในหญิงแบรนด์ดังแห่งออสเตรเลียเจ้านี้ก็เลยตัดสินใจออกโฆษณาที่จะสร้างกำลังใจและความภาคภูมิใจในตัวเองให้กับเหล่าสาวๆ ล่ะ!!! Modibodi หลักการง่ายๆ ของบริษัทก็คือ ใช้ภาพจริงๆ ของเหล่านางแบบในหลายรูปร่าง และที่สำคัญก็คือไม่ได้ผ่านการรีทัชแม้แต่น้อย Kristy Chong ผู้ก่อตั้งแบรนด์นี้กล่าวว่า ‘นางแบบแต่ละคนนั้น ดูเหมือนในรูปภาพเป๊ะๆ เลยล่ะ เพราะเราไม่ได้แต่งภาพให้ออกมาดูเว่อร์เกินจริงแต่อย่างใด’ นอกจากนี้ยังใช้นางแบบที่มีรูปร่างแตกต่างกันอีกด้วย เพราะว่าผู้หญิงไม่ได้มีแค่รูปร่างเดียว การโฟโต้ช็อปและรีทัชก็เป็นสิ่งต้องห้ามเช่นกัน เพราะว่าเซลลูไลท์ รอยกระ หรือไฝ ก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายมนุษย์ ‘จริงๆ’ เช่นกัน!! และที่สำคัญที่สุด ไม่ควรจะถูกมองว่าน่าเกลียด จนต้องถูกลบออกไป แถมทางบริษัทยังเรียกร้องให้ทางรัฐบาลของประเทศ กระตุ้นการสร้างความมั่นใจในร่างกายและเรือนร่างของตัวเองสำหรับสาวๆ ให้มากขึ้นอีกด้วย สอดคล้องกับการกระทำในหลายๆ ประเทศเลยนะเนี่ย เพราะปีก่อนก็เช่นกันที่ทางประเทศฝรั่งเศสได้ออกมาสั่งห้ามไม่ให้นางแบบที่ผอมจนเกินไปขึ้นไปเดินบนแคทวอล์กด้วยล่ะ เพราะความสวยงามไม่ได้จำกัดอยู่แค่แบบเดียว ‘เป็นเวลานานแสนนานแล้วล่ะที่ผู้หญิงถูกกดดัน…
-
รวม 16 เหล่าดาราเซเลป ที่เคยผ่านประสบการณ์เฉียดตายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด!!
เพื่อนๆ หลายคนคงจะเคยชมภาพยนตร์ที่มีฉากแอคชั่นสุดมันและบ้าระห่ำกันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าหลายๆ คนก็คงจะชื่นชอบ เพราะความตื่นเต้นเร้าใจ และฉากเสี่ยงตายต่างๆ ที่ทำให้เราหวาดเสียวไปตามๆ กัน แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่ากว่าเขาจะได้ฉากพวกนี้มานั้นต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ของพวกเขาแต่ละคนนั้นก็ช่างสุ่มเสี่ยงซะเหลือเกิน จนบางครั้งก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดกันเลยทีเดียว จะมีใครและเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับพวกเขากันบ้าง ลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลย 1. Michael J. Fox จากหนังเรื่อง Back To the Future 3 จะมีฉากที่ Fox ต้องถูกห้อยคอด้วยบ่วงเชือก แต่หลังจากที่ถ่ายทำมาทั้งวัน จากบ่วงที่มันหลวมๆ ไม่ได้รัดเข้าที่คอจริงๆ กลับกลายเป็นว่ามันรัดคอเขาจนแน่น และในระหว่างที่ถ่ายทำไม่มีใครสังเกตเห็นอาการแปลกประหลาดซักคน คิดว่าเขาแสดงได้สมจริงซะอีกนี่ จนในที่สุดก็ทำให้เขาสลบไปและก็ผ่านไปอีก 30 วินาทีที่เขาห้อยต่องแต่งอยู่บนนั้นจนในที่สุดก็มีคนสังเกตเห็นและช่วยลงมา โชคดีที่เขาปลอดภัย 2. Chalize Theron ขณะที่ถ่ายทำหนังเรื่อง Aeon Flux เธอได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากการตีลังกากลับหลังในการเข้าฉาก ส่งผลให้กระดูกลำคอ หมอนรองกระดูก ที่อยู่ระหว่างกระดูกสันหลังชิ้นที่ 3 และ 4 ถึงกับแตกเลยทีเดียว หรือจะพูดก็คือมันมีความเสี่ยงที่จะทำให้เธอเป็นอัมพาตได้ และอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความเจ็บปวดนี้ก็แลกมาด้วยรางวัลออสการ์ล่ะนะ …
-
ชายเร่ร่อนล้มเลิกความคิด ‘ฆ่าตัวตาย’ หลังคุณแม่ลูกหนึ่งชวนคุย และซื้อโดนัทให้กิน…
ก็อย่างที่เรารู้กันอยู่ว่าโลกของเราตอนนี้กำลังเกิดเหตุวุ่นวายอย่างหนัก จิตใจของมนุษย์เราเริ่มที่จะตกต่ำลงในทุกๆ วัน ทั้งเรื่องของความเห็นแก่ตัวในสังคมที่เร่งรีบ การก่อการร้ายในประเทศทางแถบยุโรปที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น แต่จริงๆ แล้วในสังคมก็ยังมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ที่ #เหมียวหง่าว จะมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังในวันนี้…. และนี่คือคุณ Casey คุณแม่วัยรุ่นมือใหม่ และลูกตัวน้อยของเธอ อยู่มาวันหนึ่งเธอได้ออกไปข้างนอกบ้าน และก็ได้พบกับชายไร้บ้านคนหนึ่งกำลังหาเศษเงินอยู่ตามทางเดิน และเรื่องบังเอิญก็เกิดขึ้นเพราะทั้งคู่ได้เดินมาเข้าร้าน Dunkin Donuts ร้านเดียวกันและเขาก็นำเงินที่หามาได้นั้น หาซื้ออะไรซักอย่างทาน… เธอก็เลยตัดสินใจที่จะไปชวนเขาพูดคุยด้วย และก็รู้สึกว่าบางทีตัวเองอาจจะพูดมากเกินไปจนทำให้เขารำคาญ “ฉันเข้าไปชวนเขาคุย แล้วก็คุยๆ อยู่อย่างนั้น โดยไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดเลย แม้ว่าเขาไม่ค่อยอยากจะพูดด้วยซักเท่าไหร่” Casey เล่า หลังจากนั้นเธอก็ชวนเขาไปนั่งที่โต๊ะด้วยกันแล้วซื้อโดนัทให้เขา รอบนี้ดูเหมือนว่าเขาเริ่มที่จะเปิดใจยอมคุยกับเธอขึ้นมาหน่อยแล้วล่ะ เพราะเขาเริ่มจะเล่าเรื่องของตัวเอง และบอกชื่อของตัวเองว่า Chris ชายไร้บ้านเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองถึงเรื่องท่าทีของผู้คนที่มีต่อเขา เพราะว่าเขาเป็นคนไร้บ้าน ซึ่งสาเหตุเป็นเพราะปัญหาชีวิตที่รุมเร้า เพราะการจากไปของแม่ที่เลี้ยงดูเขามาเพียงลำพัง จึงทำให้เขาเริ่มติดยาและสูญเสียทุกอย่าง Casey เล่าว่าเธอใช้เวลาคุยกับเขานานเป็นชั่วโมง และก่อนจากกันชายไร้บ้านได้มอบกระดาษยับๆ ที่เขียนข้อความมาให้กับเธอ ในกระดาษเขียนไว้ว่า “จริงๆ แล้ววันนี้ผมตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตาย แต่เป็นเพราะคุณทำให้ผมตัดสินใจที่จะสู้ชีวิตต่อไป ขอบคุณนะครับ…
-
มาดู 12 ความเชื่อ ที่คุณมัก “เข้าใจผิด” เกี่ยวกับในหนัง มันช่างต่างกับชีวิตจริงเหลือเกิน
เวลาเราดูภาพยนตร์ หรือดูละคร เรามักจะจำเหตุการณ์หรือพฤติกรรมแบบนั้นเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งบางครั้งมันอาจจะเป็นการเข้าใจที่ผิดๆ เพราะว่าในชีวิตจริงเราไม่สามารถจะทำแบบในภาพยนตร์หรือละครได้ งั้นวันนี้เรามาดู 12 ความเชื่อที่ผิดๆ ที่เรามักจะเห็นบ่อยๆ ในหนังกันเลยว่ามีอะไรบ้าง 1.เครื่องกระตุ้นหัวใจ ในหนัง : เครื่องปั้มหัวใจ สามารถกระตุ้นหัวใจที่หยุดเต้น ให้กลับมาได้ ชีวิตจริง : ไม่สามารถช่วยปั้มหัวใจที่หยุดเต้นไปแล้วได้ เป็นแค่วิธีการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะเท่านั้น 2.โปะยาสลบ (คลอโรฟอร์ม) ในหนัง : เมื่อสูดดมเข้าไปจะสลบทันที และมีผลนานหลายชั่วโมง ชีวิตจริง : ต้องใช้เวลาถึง 5 นาที และสลบไปเพียงไม่นาน 3. ตามรอยสัญญาณโทรศัพท์ ในหนัง : ตำรวจสามารถแกะรอยสัญญาณโทรศัพท์ได้ภายในนาทีเดียว ชีวิตจริง : การแกะรอยสัญญาณโทรศัพท์ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง 4. กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ ในหนัง : กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ สามารถตอบทุกคำถามและแก้ไขคดีอาชญากรรมได้ ชีวิตจริง : กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ เพียงแค่ช่วยรวบรวมหลักฐานเท่านั้น 5. การแจ้งคนหาย ในหนัง : ต้องรอ…
-
นำภาพเหตุการณ์จริง ใส่ในภาพปัจจุบันของ “ค่ายกักกันชาวยิว” สะท้อนความโหดร้ายของสงคราม
สงครามโลกครั้งที่ 2 แม้จะผ่านนับ 60 ปีแล้ว แต่ผลกระทบจากการสู้รบและความโหดร้ายของสงครามก็ยังคงส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพำะเรื่องราวของ “ค่ายกักกัน” ที่ไม่ว่ากี่ครั้งที่เราได้ยินเรื่องราว ก็ยังทำให้เราสงสัยว่า มนุษย์สามารถโหดร้ายต่อกันได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ ล่าสุด ศิลปินหนุ่ม Dan Burkhardt ได้นำภาพของค่ายกักกันดาเคาในเยอรมันนีที่ถ่ายในช่วงยุคสงครามโลก มาผสมกับภาพที่ถ่ายในปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นถึงความโหดร้ายของค่ายกักกันเหล่านั้น ค่ายกักกันดาเคาเป็นค่ายกักกันแห่งแรกที่เปิดขึ้นในเยอรมันนี ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับโรงงานผลิตอาวุธในเมืองมิวนิก รัฐบาวาเรีย โดยข้ออ้างที่รัฐบาลในขณะนั้นแถลงแก่ประชาชนถึงจุดประสงค์ของค่ายกักกันนี้คือเพื่อ “คุมขังนักโทษทางการเมือง” แต่หลังจากสงครามโลกเริ่มต้นขึ้น ค่ายกักกันแห่งนี้ก็กลายเป็นที่คุมขังของเหล่านักโทษจากชาติที่กองทัพเยอรมันเข้ายึดครอง รวมทั้งชาวยิวที่ฮิตเลอร์จงเกลียดจงชังอีกด้วย ว่ากันว่าตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ค่ายกักกันแห่งนี้ถูกใช้งานโดยกองทัพเยอรมัน มีผู้เสียชีวิตกว่า 200,000 คน โดยหนึ่งในสามเป็นชาวยิวที่ถูกจับตัวมา และอีกสองในสามเป็นเหล่านักโทษทางการเมือง สาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากโรคระบาด ทุพโภชนาการ และอัตวินิบาตกรรม ภายหลังเยอรมันพ่ายแพ้สงคราม กองทัพอเมริกาจึงเข้ามาควมคุมค่ายกักกันแห่งนี้ และเปลี่ยนให้กลายเป็นที่คุมตัวเหล่าทหารเอสเอส ซึ่งเป็นทหารที่ขึ้นตรงต่อฮิตเลอร์ ที่กำลังรอการพิจารณาโทษ จนในปี 1960 ค่ายกักกันแห่งนี้ก็ถูกปิดโดยสมบูรณ์ และมีการก่อสร้างอนุสรณ์สถานขึ้นหลายแห่งในพื้นที่ค่ายกักกันแห่งนี้ …
-
เฉลยความลับของผู้ชาย…เหตุใด ‘เจ้าช้างน้อย’ ต้องยืนแข็งตรงตอนเช้าตลอด!?
สำหรับเหล่าหนุ่มๆ ทั้งหลายนั้น การตื่นนอนตอนเช้ามักจะเป็นอะไรที่พิเศษ นั่นก็เพราะว่าในทุกวัน ‘จ้าวโลก’ ของเรานั้นมันจะยืนตรงเคารพธงชาติ หรือที่เรียกว่า ‘นกเขาขัน’ นั่นเอง ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจเกิดความเขินอายไม่กล้าลุกออกไปไหน หรือไม่ก็เกิดสงสัยว่ามันเป็นเพราะอะไร วันนี้ #เหมียวหง่าว จะมาเฉลยให้เพื่อนๆ ได้ฟังกัน ถ้าพร้อมแล้วก็ตามไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… ไม่ต้องกังวลไปแต่อย่างใดเพราะนี่มันคือเรื่องธรรมชาติ ผู้ชายในทุกๆ วัยมักจะต้องพบกับอาการแบบนี้ วงการแพทย์เค้าเรียกกันว่า Nocturnal Penile Tumescence (NPT) หลายๆ คนอาจจะคิดว่ามันเกิดมาจากความฝันที่เต็มไปด้วยเรื่องเซ็กส์ที่น่าพึงพอใจ รึเปล่า? แต่จริงๆ แล้วผู้ชายก็ไม่ได้รู้ตัวทุกคนหรอกนะนั่นก็เพราะว่าพวกเขาอาจไม่ได้ใส่ใจมันมากนักหรอก รู้ไหมว่าในอดีตนั้น… เคยเชื่อว่าที่มันตั้งชูชันขึ้นมานั้นเป็นเพราะว่ามันถูกอัดอั้นไปด้วยปัสสาวะ พอเราชิ้งฉ่องไปมันก็หายไปไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ และสุดท้ายความเชื่อนี้ก็ตกไป บางส่วนก็บอกว่า จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องของสมองและฮอร์โมนต่างหากล่ะ ช่วงเวลาที่เราตื่นนอนสมองของเราก็จะทำงานตามปกติ เราสามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกไม่ให้สนใจต่อสิ่งเร้าได้ แต่เมื่อเราหลับบางส่วนของสมองก็พักผ่อนไปด้วย นั่นหมายความว่าเจ้าหนูของเรานั้นกลายเป็นอิสระจากการทำงานของสมอง ฮอร์โมนเพศชายจะถูกปล่อยออกมาในขณะที่เราหลับ และในช่วง REM นั้นจะมากเป็นพิเศษ และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมกระปู๋จึงแข็งตัวตอนตื่นนอน (เพราะช่วง REM นั้นก็คือช่วงท้ายๆ…
-
40 ภาพแรก-ภาพสุดท้าย ของสัตว์เลี้ยงและเจ้าของ… บอกเล่าความรู้สึกโดยไม่ต้องบรรยาย
‘เมื่อมีพบก็ต้องมีจาก’ เป็นสัจธรรมของโลกใบนี้ และแน่นอนว่าเหล่าคนที่รับสัตว์มาเลี้ยงทั้งหลายต่างก็รู้ในข้อนี้ดี เมื่อวันที่รับมาเลี้ยงจะรู้อยู่แก่ใจแล้ว่าสักวันหนึ่งเจ้าหมาหรือเจ้าเหมียวก็ต้องจากเราไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่อย่างน้อยเราก็ได้มอบช่วงชีวิตที่สนมีความสุขให้กับพวกมัน ขณะเดียวกันพวกมันก็ได้มอบความสุขให้กับพวกเราอีกด้วย ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะพาเพื่อนๆ ไปหลั่งน้ำตากันกับภาพแรกสุดที่รับสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยง และภาพสุดท้ายก่อนที่มันจะจากไป จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นลองไปชมพร้อมๆ กัน… 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15. 16. 17. 18. 19. 20. 21.…
-
ตำนานบ้านกลางแม่น้ำในเซอร์เบีย จากมิตรภาพระหว่างเพื่อน กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ
ถ้าใครเคยไปเยือนแถบแม่น้ำดริน่าในประเทศเซอร์เบีย จะพบว่ามีบ้านไม้หลังเล็กหลังหนึ่ง ตั้งอยู่บนโขดหินกลางแม่น้ำ ดูแล้วเป็นวิวทิวทัศน์ที่แปลกตาและสวยงามเป็นอย่างมาก แต่รู้หรือไม่ บ้านไม้หลังนี้มีประวัติความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาและน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง… เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อช่วงปี 1968 เมื่อวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่อาศัยอยู่แถบนั้น สังเกตเห็นโขดหินก้อนนี้ตั้งอยู่กลางแม่น้ำ พวกเขาก็ปิ๊งไอเดียที่จะสร้างที่พักหย่อนใจของตนเองขึ้น หลังจากนั้น พวกเขาจึงช่วยกันขนไม้และอุปกรณ์ไปสร้างกระท่อมหลังเล็กๆ ด้วยตนเอง ร่วมมือร่วมใจกันสร้างมันขึ้นมา จนเสร็จกลายเป็นบ้านหลังน้อยนี้ที่เราเห็นอยู่นี้… ด้วยความแปลกและสวยงาม ทำให้บ้านไม้หลังนี้กลายเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมาผ่านทันที หลายคนลงทุนพายเรือเพื่อไปเยี่ยมชมและถ่ายรูปกับบ้านน้อย จนสถานที่แห่งนี้กลายเป็นแลนด์มาร์กอีกแห่งหนึ่งบนแม่น้ำดริน่า อย่างไรก็ตามด้วยความที่บ้านตั้งอยู่กลางแม่น้ำ พอถึงช่วงฤดูน้ำหลาก บ้านก็ถูกน้ำในแม่น้ำขึ้นสูงจนจมลง หรือกระทั่งน้ำเชี่ยวพัดจนพังราบไปแทบทุกปี แต่โชคดีที่ทางหน่วยงานท้องถิ่นเล็งเห็นถึงความสำคัญของบ้านน้อยหลังนี้ แม้จะถูกน้ำซัดพังกี่ครั้ง ก็จะมีการบูรณะขึ้นมาใหม่ทุกครั้ง เพื่อให้ยังคงกลายเป็นสถานที่อันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ ไปชมความสวยงามของบ้านหลังนี้กันดีกว่า . . . . . ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าจากความสนุกสนานทำกันเล่นๆ ของเด็กวัยรุ่น กลับกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญซะอย่างนั้น และที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือหน่วยงานท้องถิ่นก็ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของสถานที่แห่งนี้อีกด้วย สุดยอดไปเลยฮะ ที่มา Lightopia
-
Kamikatsu สุดยอดเมืองในญี่ปุ่น ตั้งเป้าเป็น ‘เมืองปลอดขยะ’ แห่งแรกของโลก!!
ใจกลางศูนย์แยกขยะของเมือง Kamikatsu ประเทศญี่ปุ่น มีถังสำหรับไว้แยกขยะมากมาย แค่กระดาษก็มีการแบ่งแยกทั้งหนังสือพิมพ์ แม็กกาซีน กระดาษชำระ ฯลฯ ส่วนของกระป๋องก็มีทั้งแบบอะลูมิเนียม เหล็ก และเหล็กกล้า ถึงจะจำแนกประเภทขนาดนี้ นี่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น เพราะว่าการแยกขยะของเมืองนี้รวมแล้วสามารถแยกออกไปได้กว่า 34 หมวด แถมแต่ละหมวดก็มีการแยกแบบยิบย่อยลงไปอีกนั่นเอง เมือง Kamikatsu เมืองที่ปลอดขยะมากที่สุดในโลก ณ ขณะนี้!!! มันอาจจะดูโอเว่อร์เกินไปสำหรับเมืองที่มีประชากรเพียง 1,700 คนแบบนี้ นโยบายของเมืองนี้ก็คือสามารถเป็นเมืองที่ปลอดขยะ 100 เปอร์เซ็นต์ได้ในปี 2020 และพวกเขาเกือบทำได้แล้ว เพราะตอนนี้มีอัตรการรีไซเคิลกว่าร้อยละ 80 ของขยะทั้งหมด และเพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่ต้องไถกลบลงดินไป!! เรื่องราวของเมืองนี้ที่ถูกถ่ายทอดผ่านวิดีโอ หากเปรียบเทียบแล้ว ในตอนนี้อัตราการรีไซเคิลขยะของประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ราวๆ ร้อยละ 34 (บ้านเราคงไม่ต้องนับหรอกเนาะ -*-) ขนาดพลาสติก ยังแยกพลาสติกที่เปื้อนจากการใส่อาหาร และพลาสติกที่ไม่เปื้อนออกด้วยกัน!!! หลักๆ แล้วก็เพราะความมีวินัย เคารพกฎที่ตั้งขึ่นมาร่วมกัน และการใส่ใจของคนในเมืองนี้ …
-
พาทัวร์ “บาริโอ ทริสเต้” ย่านสุดแสนอันตรายของอดีตเจ้าพ่อค้ายา “ปาโบล เอสโกบาร์”
พูดถึง ปาโบล เอสโกบาร์ เชื่อว่าน้อยคนนักจะไม่รู้จัก เพราะเขาคือเจ้าพ่อยาเสพติดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก แม้เขาจะลาโลกไปแล้ว แต่วีรกรรมและอิทธิพลที่ครั้งหนึ่งทำให้เขาเคยยิ่งใหญ่ ก็ยังคงถูกพูดถึงในปัจจุบัน และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปทัวร์ย่านบาริโอ ทริสเต้ ในเมืองเมเดยิน ประเทศโคลอมเบีย ที่ครั้งหนึ่งเคยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของปาโบล เอสโคบาร์ จนได้รับฉายาว่าเป็น “เมืองที่อันตรายที่สุดในโลก” ซึ่งแม้เอสโกบาร์จะเสียชีวิตไปกว่า 23 ปีแล้ว แต่สิ่งที่พวกเขาได้เริ่มต้นไว้ ยังคงส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย บาริโอ ทริสเต้ เป็นย่านสลัมเล็กๆ ตั้งอยู่ในเมืองเมเดยิน เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศโคลอมเบีย ในทวีปอเมริกาใต้ ภายในย่านนี้มีสลัมแออัด รวมไปถึงโรงงานต่างๆ อีกมากมาย และสิ่งที่มาคู่กับสลัมในอเมริกาใต้ นั่นก็คือ “ยาเสพติด” และ “อาชญากรรม” ด้วยความที่ครั้งหนึ่ง เจ้าพ่อยาเสพติดอย่าง ปาโบล เอสโคบาร์ เคยอาศัยอยู่ในเมืองเมเดยินแห่งนี้ ทำให้ยาเสพติด กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวสลัมไปเสียแล้ว (การใช้ยาเสพติดในดินแดนแห่งนี้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก) แม้ทางรัฐบาลจะสามารถจัดการเอสโคบาร์ได้ตั้งแต่ปี 1993 แต่ยาเสพติดก็ยังไม่หายไปจากสังคมเสียทีเดียว…
-
13 สถานที่ อันได้ชื่อว่า ‘ร้อนระอุที่สุดในโลก’ มีใครให้ร้อนกว่านี้อีกมั้ยยยย!?
ถึงแม้ว่าในฤดูร้อนของบ้านเราจะร้อนระอุดุเดือดขนาดไหน แต่ต้องขอบอกตรงๆ ว่า เทียบไม่ได้เลยกับทั้ง 13 แห่งที่ #จ่าสิบเหมียว จะพาเพื่อนๆ ไปดูบรรยากาศในวันนี้ล่ะ!! ภาพจากดาวเทียม MODIS ของ NASA ที่บันทึกภาพความร้อนของสถานที่ต่างๆ ช่วงปี 2003-2005 Dallol ในเอธิโอเปีย ตั้งอยู่ในพิ้นที่ทุรกันดารแห่งเอธิโอเปีย เป็นบริเวณที่ภูเขาไฟยังคงปะทุอยู่ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นเหมืองในราวๆ ปี 1960 แต่ก็ถูกทิ้งร้างไปในที่สุด ในช่วงปี 1960 – 1966 เคยเป็นที่ที่มีความร้อนระอุกว่า 37 องศาเซลเซียสเลยล่ะ Coober Pedy ประเทศออสเตรเลีย ถึงแม้อากาศจะไม่ค่อยร้อนระอุเท่าไหร่เมื่อเทียบกับที่อื่นๆ ในลิสต์นี้ แต่ผู้คนต้องไปอาศัยอยู่ในใต้ดินกันเลยทีเดียว และในปัจจุบันเมืองทั้งเมืองก็ย้ายไปอยู่ใต้ดินกันเป็นที่เรียบร้อย เพราะแค่อุณหภูมิในที่ร่ม ก็ปาเข้าไป 45 องศาแล้วล่ะ El Azizia ประเทศลิเบีย สถานที่แห่งนี้เคยร้อนเป็นอับดับ 2 ของโลก แต่กระนั้นอุณหภูมิ…
-
นักวิจัยชี้ สาวๆ ที่ประจำเดือนมาช้า มีแนวโน้มที่จะอายุยืนมากกว่า!!?
เป็นการค้นพบใหม่ที่น่าสนใจจริงๆ เมื่อล่าสุดมีเหล่าทีมวิจัยจากทาง University of California พบว่า การที่ผู้หญิงมีประจำเดือนครั้งแรกช้ากว่าปกตินั้น จะทำให้พวกเธอมีอายุยาวนานขึ้น!!? โดยงานวิจัยนี้ทางทีมวิจัยได้เก็บข้อมูลตัวอย่างของเหล่าหญิงสาวกว่า 16,000 คนด้วยกันในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งข้อมูลที่เก็บก็ชี้ออกมาในทิศทางเดียวกันนี้… การมีประจำเดือนช้าช่วยให้อายุยืนยาวขึ้น!!? จากสถิติพบว่าเหล่าเด็กสาวที่มีประจำเดือนเมื่ออายุ 12 หรือ 13 ปีขึ้นไปนั้น มีโอกาสที่จะมีอายุยืนแตะ 90 กันเลยทีเดียว แต่กระนั้นภาวะหมดประจำเดือนก็เป็นสัญญาณอีกครั้งที่มีความสัมพันธ์กับอายุขัยด้วยนะจ๊ะ… กล่าวคือ (จากสถิติเช่นกัน)…ถ้าเหล่าสาวใหญ่เริ่มเข้าวัยทองในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไปล่ะก็มีแนวโน้มที่จะมีอายุยืนยาวกว่ากลุ่มที่เข้าวัยทองเร็วกว่าเช่นกัน!!! และอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญและน่าสังเกตก็คือ ส่วนมากเหล่าสาวๆ ที่ประจำเดือนมาช้า และเข้าสู่วัยทองช้าเช่นกัน มักจะไม่มีภาวะโรคเบาหวาน และที่สำคัญพวกเธอส่วนมากไม่สูบบุหรี่ล่ะ!!! ประจำเดือนมาช้า และเข้าสู่วัยทองช้า ทำให้อายุยืนขึ้น!? Aladdin Shadyab หนึ่งในนักวิจัยที่กำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่กล่าวว่า ‘สาวๆ ที่ประจำเดือนมาช้าจะมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสุขภาพต่ำกว่า และถ้าประจำเดือนหมดช้าด้วยล่ะก็ ปัญหาเรื่องสุขภาพนั้นเรียกได้ว่าจะต่ำกว่ากลุ่มที่หมดประจำเดือนเร็ว’ ‘แต่ก็มีหลายปัจจัยเช่นกันในเรื่องเกี่ยวกับประจำเดือนที่หมดช้าเร็ว จะเห็นได้ว่าสาวๆ ที่สูบบุหรี่นั้นจะหมดประจำเดือนเร็วกว่าอีกด้วย’ เธอกล่าวปิด ถึงแม้ว่างานวิจัยนี้จะยังไม่เสร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็เป็นข้อมูลและสถิติที่น่าสนใจเหมือนกันนะเนี่ย และแน่นอนตัวแปรสำคัญก็คือนี่เป็นการสำรวจเฉพาะสาวๆ ในสหรัฐฯ…
-
20 ภาพบอกเล่าเหตุการณ์สำคัญใน “ประวัติศาสตร์” ที่หาชมได้ยากและเต็มไปด้วยเรื่องราว!!
โลกนี้มีเรื่องราวมากมายที่ยังไม่ได้เปิดเผย รอวันที่คนจะไปค้นพบมัน ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้เหมือนกับเป็นจิ๊กซอว์ที่จะทำให้ประวัติศาสตร์ของเราเชื่อมโยงกันได้ และครั้งนี้ #เหมียวสามสี ขออาสาเป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ผ่านภาพจากในอดีต ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นจุดเล็กๆ แต่ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องราวมันจะน่าสนใจได้ถึงเพียงนี้…. ภาพของนิโคลา เทสลา กำลังนั่งอยู่ในห้องแลปของตัวเองกับเครื่อง “Magnifying Transmitter” ที่เขาสร้างขึ้นมาเอง ภาพของเด็กชาวออสเตรียได้รองเท้าคู่ใหม่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ‘Kathrine Switzer’ เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้วิ่งในบอสตันมาราธอน เมื่อปี 1967 และมีคนพยายามที่จะขัดขวางเธอด้วย นักโทษชาวยิวเป็นอิสระจากรถไฟที่จะนำพวกเขาไปฆ่าในปี 1945 สุสานของหญิงสาวคาธอลิกและแฟนหนุ่มโปรแตสแตนท์กำลังจับมือกันในประเทศฮอลแลนด์ปี 1888 เด็กชาย Harold Whittles ได้ยินเสียงเป็นครั้งแรก ภาพในปี 1974 การหางานในยุค 1930 เช้าของวันที่สวีเดนเปลี่ยนระบบการจราจรจากซ้ายไปขวาในปี 1967 ภาพของทหารเยอรมันที่ได้ชมวิดีโอของค่ายกักกันในปี 1945 ผู้อยู่อาศัยทางด้านของเบอร์ลินจะวันออกอุ้มลูกสูงๆ เพื่อให้ตายายที่อยู่อีกฝั่งได้เห็นหน้า ปี 1961 นักกายกรรมทรงตัวอยู่บนตึกเอ็มไพร์สเตต ในปี 1934 นักเต้นได้พิสูจน์หลักฐาน หลังมีตำรวจมาจับเธอที่ฟลอริดา…
-
FitnessMagazine เผย 10 ของกินทรงคุณค่าของโลก ที่มีประโยชน์กับร่างกายมากสุดๆ
เพื่อสุขภาพที่ดี ใครๆ ก็ต้องอยากกินอาหารเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางอาหารใช่มั้ยล่ะ?? วันนี้#เหมียวขาสั้นมีรายชื่อของกินเพื่อสุขภาพดีๆ จากเว็บไซต์ Fitnessmagazine มาบอกต่อ เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายที่สุดซึ่งบางคนอาจจะมองข้ามกันไป ไปดูกันซิว่ามีอะไรบ้าง 1. มะนาว รู้หรือไม่?? แค่มะนาวผลเดียว ก็สามารถให้วิตามินซีสูงได้มากกว่าปริมาณที่คุณต้องการทั้งวัน แถมยังช่วยเพิ่มระดับไขมันชนิดดี HDL เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง และมีสาร Citrus Flavonoid ช่วยในการหยุดยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งและชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง 2. บรอคโคลี แค่บรอคโคลีหัวเดียว ให้วิตามินเคมากถึง 100% ของปริมาณวิตามินเคที่เราควรรับ และให้วิตามินซีมากถึง 200% ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง 3. ดาร์กช็อกโกแลต การกินดาร์กช็อกโกแลตเป็นประจำ จะช่วยบำรุงหัวใจและเลือดของเราให้เกิดการไหลเวียนได้ดีขึ้น ช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต ช่วยเพิ่มไขมันชนิดดี HDL และช่วยลดระดับไขมันชนิดไม่ดี LDL 4. มันฝรั่ง มันฝรั่ง 1 ลูกมีโฟเลตที่ช่วยผลิตเซลล์ร่างกายถึง 66 ไมโครกรัม ซึ่งมากพอๆ กับผักขมและบรอกโคลีปริมาณ 1 ถ้วยตวง มันเทศ 1 ผลมีสารข่วยต่อต้านมะเร็งและวิตามินเอมากเกือบ 8 เท่าของปริมาณที่ต้องการในแต่ละวัน 5. ปลาแซลมอน แหล่งโอเมก้า 3…
-
Mahabir Pun ผู้เดินเท้าข้ามภูเขาทุกเดือนนาน 6 ปี เพื่อสร้างอินเตอร์เน็ตให้คนในหมู่บ้าน
ในขณะที่เราได้ใช้อินเตอร์เน็ต ไวไฟ 3G 4G กันอย่างสะดวกสบาย แต่ในโลกนี้ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่มีความจำเป็นในการใช้อินเตอร์เน็ต แต่กลับเข้าถึงได้ยาก และต้องฝ่าฟันด้วยความลำบากเพื่อให้ได้มันมา เหมือนกับชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า Mahabir Pun จากหมู่บ้าน Nangi ภูมิภาค Annapurna ประเทศเนปาล ที่มีความใฝ่อยากสร้างอินเตอร์เน็ตไร้สายให้กับหมู่บ้าน เขาจึงต้องเดินทางไปยัง Pokhara (ที่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต) ทุกๆ เดือน ความยากลำบากอยู่ตรงที่ในการเดินทางแต่ละครั้งนั้น จะใช้เวลา 2 วันเป็นอย่างต่ำ โดยไม่มีถนนหนทางและรถยนต์อันแสนสะดวกสบาย เขาต้องใช้วิธีเดินเท้าไปเท่านั้น จุดประสงค์ในการเดินทางนี้ เพื่อไปเช็คอีเมลล์ที่เขาได้ส่งให้กับสำนักข่าว BBC เพื่อขอให้ช่วยหาคนที่พอจะช่วยเหลือในการบันดาลอินเตอร์เน็ตไร้สายนี้ และเขาก็ทำแบบนี้มา 6 ปีแล้ว ในที่สุด ปี 2001 ทางสำนักข่าวก็ได้โพสต์เรื่องราวของหมู่บ้านนี้ในเว็บไซต์ ทำให้มีผู้คนมากมายส่งอีเมลล์มาหา Mahabir Pun เพื่อช่วยเหลือเขา และมีสองคนที่อยากจะเข้ามาช่วยเหลือในพื้นที่ก็คือ Johann จากเบลเยี่ยม กับ Johnny จากฟินแลนด์ . แต่ก็ติดปัญหาเรื่องเสาอากาศอีก มันไม่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาด แต่โชคดีที่พวกเค้าไปเจอกับจานดาวเทียมทีวีขนาดใหญ่อันหนึ่ง พวกเค้าจึงใช้มันแทนเสาอากาศซะเลย ซึ่งไม่น่าเชื่อว่ามันก็ใช้ได้เหมือนกันนะ พวกเขาลองผิดลองถูกอยู่หลายต่อหลายครั้ง หันจานดาวเทียมเปลี่ยนทิศทางไปเรื่อยๆ…
-
21 ภาพมลพิษรอบโลก ย้ำเตือนให้เราตระหนักว่า มนุษย์ทำลายโลกใบนี้ไปมากเพียงใด…
หากพูดถึง ‘ขยะ’ หรือ ‘สิ่งปฏิกูล’ ทั้งหลายแน่นอนว่ามันคือสิ่งที่ไม่มีใครต้องการหรืออยากจะครอบครองไว้แน่นอน เพราะของเสียที่ใช้แล้วเราจะเก็บมันไว้ทำไมล่ะจริงไหม? และนอกจากการนำขยะไปทิ้งลงถังก่อนจะส่งต่อภาระให้กับเจ้าหน้าที่เก็บขยะประจำวัน พวกเราเคยสงสัยกันบ้างรึเปล่าว่าสุดท้ายแล้วของเสียทั้งหลายมันจะถูกกำจัดไปในรูปแบบใด สถิติจาก Duke University กล่าวว่า มนุษย์เราผลิตขยะออกมามากถึง 220 ล้านตันต่อปี เฉลี่ยแล้วก็ประมาณ 2 กิโลกรัมต่อคนในหนึ่งวัน และมันก็มากพอที่จะทำให้เราลืมได้เลยว่าในหนึ่งวันเราทิ้งอะไรไปบ้างและจัดการกับมันยังไงบ้าง #เหมียวบ็อบ ขอพาไปชมภาพจากทั่วโลกที่จะพิสูจน์ให้เราได้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้พวกเราทุกคนล้วนเป็นคนสร้างมันขึ้นมากับมือเองทั้งนั้นไม่ต้องโทษรัฐบาล โทษลุงข้างบ้าน หรือ โทษคนเก็บขยะเลย…. 1. ภาพการปล่อยน้ำเสียลงในแม่น้ำลำคลองที่รัสเซีย 2. กองขยะขนาดมหึมาที่ยังหาทางจัดการไม่ได้ในปักกิ่ง ประเทศจีน 3. ขยะจำนวนมากที่ถูกทิ้งไว้อย่างเพิกเฉยในเมืองมินส์ ประเทศเบลารุส 4. เศษขยะที่ถูกทิ้งไว้เป็นจำนวนมากในสเปน 5. ภูเขาแห่งยางรถยนต์ ในลอส แองเจลลิส 6. ขยะลอยอยู่เต็มน้ำใน Icing Street ประเทศเนเธอร์แลนด์ 7. ปัญหาน้ำเสียอย่างรุนแรงที่จีน 8. การเผายางที่มีจำนวนมากมายมหาศาลในประเทศคูเวต…
-
ใครเคยสงสัยกันบ้าง…ว่าหน้าตาของ ‘ปุ่มกดนิวเคลียร์’ จริงๆ แล้วมันเป็นอย่างไร!!?
เรามาพูดกันถึงเรื่องของสงครามกันบ้าง เพราะมนุษย์เรารบราฆ่าฟันกันมาไม่เคยหยุดหย่อนเลยจริงๆ ตั้งแต่สมัยโบราณพัฒนามาจนยุคปัจจุบันที่แต่ละประเทศต่างแข่งขันกันทำอาวุธที่มีการทำลายล้างสูงมาข่มกันอยู่เสมอ และถ้าพูดถึงสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คงหนีไม่พ้น ‘ระเบิดนิวเคลียร์’ ที่ว่ากันว่าประเทศไหนมีย่อมได้เปรียบเพราะมันสามารถทำลายล้างเมืองให้ราบเป็นหน้ากลองได้เลย (แถมเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ก็สอนให้เราได้รู้อยู่แล้วว่าจะมีผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบมากมายขนาดไหน) ไม่ว่าจะทั้งในหนังดังอย่าง สายลับเจมส์ บอนด์ หรือการ์ตูนตั้งแต่ ลูนี่ย์ ตูนส์ ยัน ครอบครัวซิมซัน เราต่างก็ต้องเคยเห็นอาวุธนิวเคลียร์มันโผล่เข้าไปอยู่บ่อยๆ แล้วเคยสงสัยกันมั้ยล่ะว่าจริงๆแล้วมันรูปร่างเป็นยังไง? การจะกดนิวเคลียร์แต่ละทีมันยากมั้ย? และเชื่อว่าใครๆ ต่างก็มีภาพคอนเซ็ปในหัวว่ามันต้องเป็นปุ่มสีแดงอันใหญ่ๆ วางอยู่กลางห้องแถมกดเพียงครั้งเดียวโลกนี้ถึงกับเกิดสงครามขึ้นแน่นอน.. แต่อย่างไรก็ตามเราก็ต้องขอบคุณบทความจาก The Times ที่ออกมาเผยแพร่ให้เราได้เห็นกันว่าที่แท้แล้วปุ่มกดนิวเคลียร์มันก็เป็นแบบนี้นี่เอง เพียงแค่ด้ามจับสีแดงๆ และปุ่มกดที่ดูเหมือนไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย….แต่ถ้าเผลอกดทีละมีเฮแน่นอนครับพี่น้อง ตามบทความระบุว่า: เมื่อไหร่ก็ตามที่ประธานาธิบดีได้ออกคำสั่งผ่านคลื่นวิทยุที่เป็นความลับสุดยอดให้มีการใช้ขีปนาวุธที่บรรจุอยู่ในเรือดำน้ำ กองทัพเรือจะเป็นผู้ที่ประจำการอยู่ตรงที่ทำการและมีเพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทราบถึงสถานที่ตั้งของมัน แต่ก็ใช่ว่าถ้ากดแล้วมันจะระเบิดทันทีหรอกนะ เพราะเมื่อกดแล้วจะมีการแจ้งรหัส Code ไปยังหัวหน้าผู้ควบคุมทั้งหลายและต้องมาหารือกันก่อนส่งคำขออนุมัติไปยังประธาณาธิบดีของประเทศนั้นๆเพื่อยืนยันเป้าหมายให้แน่ชัดอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ก็หมดความสงสัยไปอีกหนึ่งเรื่อง.. อย่าลืมติดตาม แก๊งเหมียว ไว้ล่ะกันรับรองว่าเราจะหาแต่เรื่องแปลกๆเจ๋งๆ มาให้ได้สนุกกันแน่นอน…. ที่มา: TheLadBible
-
ไขข้อข้องใจ การฝันว่าเรามี Sex ในแต่ละแบบ มันหมายความว่ายังไงกันแน่??
มนุษย์และเรื่องเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งที่อยู่คู่กันอย่างธรรมชาติมาโดยกำเนิด แล้วเพื่อนๆ คนไหนเคยฝันว่ากำลังมี Sex อยู่บ้าง? (ไม่ต้องอายเลย รู้หน่าาว่าเคย) แล้วสงสัยกันมั้ยล่ะว่ามันต้องการจะสื่อถึงอะไรกันแน่นะ? เราไปหาคำตอบกันเลยดีกว่า ทางเว็บไซต์เดลีเมล์ได้สัมภาษณ์ Marianne Vicelich ผู้เชี่ยวชาญทางด้านความสัมพันธ์ นักจิตวิทยา และ นักเขียนหนังสือ Love Spells ที่จะมาอธิบายถึงนัยยะแฝงต่างๆเวลาที่เราฝันถึงการมีเพศสัมพันธ์ในสถานการณ์ที่ต่างกันออกไป มีเพศสัมพันธ์กับเจ้านายหรือหัวหน้า ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าถ้าเราฝันแบบนี้น่ะหมายความว่า เราปรารถนาที่จะควบคุมและมีพลังพอที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น แถมยังหมายถึงเรากำลังต้องการความตื่นเต้นในชีวิตรักอีกด้วย นอนกับแฟนเก่า เคยมีภาพเก่าๆ สมัยที่ได้อยู่กับแฟนเก่าปรากฏขึ้นมาในฝันบ้างมั้ย? ผู้เชี่ยวชาญเค้าบอกว่าถ้าฝันถึงแฟนเก่าในโลกแห่งความฝันละก็ มันหมายถึงเราอาจจะยังมีความรู้สึกที่คั่งค้างบางอย่างอยู่กับคนเก่าก็เป็นได้ และไม่จำเป็นต้องฝันถึงในแง่ของเพศสัมพันธ์เท่านั้น มันยังหมายถึงการสูญเสียความใกล้ชิดซึ่งกันและกันนั่นเอง มีเพศสัมพันธ์กับดาราคนดัง ใครๆ ก็ต้องเคยฝันแบบนี้กับดาราในดวงใจกันบ้างล่ะหน่าาา (แต่ #เหมียวบ๊อบ ไม่เคยนะ!!) มันหมายความว่าเรามีแรงขับเคลื่อนที่จะไปสู่ความสำเร็จและต้องการเป็นที่ยอมรับในชีวิตจริง แถมยังมีนัยยะแฝงว่าเรากำลังมีความเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้นอีกด้วย ฝันว่าแอบนอนกับชู้ ถ้าใครฝันว่าแอบมีอะไรกับชู้ก็ไม่ต้องตกใจไปนักจิตวิทยาเค้ากล่าวว่ามันหมายถึงความรู้สึกที่เราไม่ได้รับความสนใจจากคนรัก แถมยังสะท้อนให้เห็นอีกด้วยว่าจิตใต้สำนึกเราหน่ะเกรงกลัวต่อการที่คู่รักจะแอบไปมีชู้ซะเองอีกด้วย ฝันว่ามีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า ถ้าฝันว่านอนกับคนแปลกหน้าอาจแสดงให้เห็นถึง ‘พฤติกรรมที่ชอบความรุนแรงต่อตนเอง’ ในตัวคุณ แถมยังสะท้อนให้เห็นถึงความเบื่อหน่ายเกี่ยวกับเรื่อง Sex ในชีวิตประจำวันของตนเองอีกด้วย ข้อมูลเหล่านี้เป็นเพียงข้อสันนิษฐานที่เกิดจากการวิจัยและผลสำรวจของนักจิตวิทยาผู้นี้เท่านั้นนะจ๊ะ แต่ขอเตือนว่าอย่าเล่าเรื่องฝันถึงแฟนเก่าให้คนปัจจุบันฟังเด็ดขาด….ไม่งั้นชะตาขาดช่วยไม่ได้นะ ที่มา:…
-
กว่าจะได้ภาพแพนด้าในธรรมชาติ ฝ่าทั้งหนาวทั้งฝน แถมต้องสวมชุดแพนด้าแช่ฉี่เป็นวันๆ !!!
วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีเรื่องราวของช่างภาพสายธรรมชาติมาฝากเพื่อนๆ กัน ต้องบอกว่าเป็นงานที่ไม่ง่ายเลย เพราะต้องทำตัวให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติมากที่สุด โดยไร้การถูกรบกวนโดยมนุษย์หรือสิ่งเร้าอื่นๆ และนั่นแหละที่ทำให้กลายเป็นงานหินเลยล่ะ!!! Ami Vitale ช่างภาพสายธรรมชาติสาวคนนี้ก็เช่นกัน ก่อนที่เธอจะไปยังอุทยานแห่งชาติ Wolong Nature Reserve ในประเทศจีนเพื่อนถ่ายภาพหมีแพนด้า… ‘ผู้คนเอาแต่บอกว่า คุณไม่รู้หรอกว่าการถ่ายภาพแพนด้าในธรรมชาตินั้นยากขนาดไหน’ Ami Vitale กล่าว Ami Vitale ช่างภาพที่ไปถ่ายภาพหมีแพนด้า แต่กระนั้นเธอก็ยังมีความมั่นใจในตัวเอง และด้วยวิธีการสุดขั้วในการไปถ่ายภาพหมีแพนด้าของเธอ ที่ทั้งอาศัยความอดทนและอดกลั้นสูงจริงๆ วิธีการของเธอก็คือ ‘สวมชุดพรางตัวคอสเพลย์เป็นหมีแพนด้า โดยนำชุดนี้ไปแช่ในฉี่ของหมีแพนด้ามาก่อน!!!?’ (ที่ต้องชุบฉี่ไปเพื่ออำพรางกลิ่นของตัวเอง) แต่ภาพที่เธอถ่ายมาก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะได้ไปลงในนิตยสารฉบับเดือนสิงหาคมของ National Geographic ในฐานะผลงานอันทรงคุณค่าที่ได้มายากยิ่งเป็นที่เรียบร้อย แพนด้าถือว่าเป็นสัตว์ที่อยู่ในป่าลึก และพยายามหลีกเลี่ยงมนุษย์ให้ไกลที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ‘ตอนฉันได้ถ่ายภาพของเจ้าแพนด้าในธรรมชาตินั้นฉันรู้สึกดีสุดๆ ราวกับว่าพระเจ้าเข้าข้างฉันแล้วล่ะ’ เธอกล่าวต่อ ใกล้ชิดมากกกกกก นอกจากนี้เธอก็ไม่ได้เสียเที่ยว ตามเก็บภาพในศูนย์เพาะพันธุ์แพนด้ามาด้วยอีกมากมาย ทั้งภาพแม่-ลูกแพนด้า แพนด้าผสมพันธุ์ และฝูงแพนด้าตัวน้อยๆ เรียกได้ว่าเห็นแล้วเพื่อนๆ คงอยากจะไปทำงานที่นี่เลย อิอิ…
-
เมื่อละครญี่ปุ่นมีฉาก ‘ไปกินอาหารไทย’ ไปดูกันว่าในมุมมองเค้า มันเป็นยังไงบ้าง!?
แน่นอนว่าเพื่อนๆ หลายคนต้องคุ้นเคยกับ ‘อาหารไทย’ กันเป็นอย่างดี (ก็แน่นอนสิ อยู่ในประเทศไทยก็ต้องได้กินอาหารไทยสิฟร๊ะ!!) แต่สำหรับคนต่างชาตินั้นต้องขอบอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่แปลกใหม่มาก แล้วจะเป็นอย่างไรเมื่อละครหลังข่าวของประเทศญี่ปุ่นมีฉากทานอาหารที่ขึ้นชื่อของไทยอย่างต้มยำกุ้งกันล่ะ? เค้าจะรู้สึกกันอย่างไรบ้างกับรสชาติที่จัดจ้านที่ถึงพริกถึงขิงแบบสุดๆ ลองไปชมกันที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… ละครเรื่องนี้มีชื่อเรื่องว่า Wakakozake เป็นเรื่องราวชีวิตของสาวออฟฟิศคนหนึ่ง และเวลาที่เธอเหนื่อยๆ เซ็งๆ ก็จะไปทานอาหารตามร้านต่างๆ หลังจากเลิกงาน ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าคนญี่ปุ่นชอบละครเรื่องนี้มาก เพราะว่ามันตรงชีวิตของคนญี่ปุ่นที่เป็นพนักงานออฟฟิศกันซะส่วนใหญ่ ซึ่งก่อนหน้านั้นมันเคยเป็นการ์ตูนมังงะมาก่อน และก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจนถูกนำมาทำเป็นละคร… ตอนนี้เรื่องราวได้ดำเนินมาถึง Season ที่ 2 แล้ว และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็เกิดขึ้นในตอนที่ 7 ตัวเอกของเรื่องคือ Wakako นั้นเกิดสงสัยใคร่ลองอาหารในเอเชีย แล้วบังเอิญไปเห็นป้ายร้านอาหารไทยพอดีก็เลยตัดสินใจไปลอง (เป็นร้านอาหารไทยในญี่ปุ่นนะ) เริ่มแรกมาก็ดูที่เมนูกันก่อนเลย มีภาษาไทยด้วยแฮะ และเมนูแรกที่เธอสั่งก็คือ…’ปอเปี๊ยะสด’ ในตอนแรกนั้นเธอก็คาดเดาถึงวัตถุดิบที่ทำ ว่ามันจะมีอะไรบ้างนะทั้งผักเส้นก๋วยเตี๋ยว และ ส่วนของเนื้อนั้นอาจจะเป็นกุ้ง จากนั้นก็ลงมือราดน้ำจิ้มแล้วก็ใส่เข้าปาก… อ้ามมมม!! ก็ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วมันคือหมูยอนั่นเอง แถมเธอยังชอบรสชาติของมันมากๆ อีกด้วย ทั้งความกรุบกรอบของผักสด และน้ำจิ้มรสหวานปนเผ็ด อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ จากนั้นก็ซดเบียร์สิงห์ตามเข้าไป…
-
25 ภาพหาชมยาก บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ ในมุมที่เราอาจยังไม่เคยเห็น!!
โลกนี้มีเรื่องราวมากมายที่ยังไม่ได้ถูกเปิดเผย หรือบางครั้งมันก็ซ่อนอยู่ รอวันที่คนจะไปค้นพบวัน ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้เหมือนกับเป็นจิ๊กซอว์ที่จะทำให้ประวัติศาสตร์ของเราเชื่อมโยงกันได้ และครั้งนี้ #เหมียวสามสี ขออาสาเป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ผ่านภาพจากในอดีต ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นจุดเล็กๆ แต่ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องราวมันจะน่าสนใจได้ถึงเพียงนี้…. ภาพแกะสลักดวงตาที่ภูเขารัชมอร์ เป็นรูปประธานาธิบดีในยุค 1930 ทหารของโซเวียตขีดเขียนตามผนังต่างๆ ในอาคาร Reichstag หลังเข้ายึดเบอร์ลินได้สำเร็จในปี 1945 ขั้นสุดท้ายของระเบิดปรมาณู “แฟตแมน” ที่จะถูกทิ้งลงในนางาซากิในวันที่ 9 สิงหาคม ปี 1945 เราจะได้เห็นตรงหัวที่สลักเป็นตัวย่อว่า “JANCFU” ซึ่งย่อมาจาก Joint Army-Navy-Civilian F*ck Up Bolaji Badejo สูง 213 ซม. นักเรียนออกแบบชาวไนจีเรีย และครั้งหนึ่งเคยเป็นนักแสดงกำลังสวมใส่ชุดที่เขาออกแบบมาสำหรับหนังไซไฟทริลเลอร์ Alien ที่เข้าฉายในปี 1978 ภาพของหัวหน้าใหญ่แก๊งมาเฟีย Joe Masseria นอนตายในร้านอาหารเมืองบรูคลิน พร้อมกับถือไพ่เอซโพดำอยู่ในมือ ปี 1931 Dorothy Counts หญิงผิวสีคนแรกที่เข้าเรียนในโรงเรียนคนขาวในสหรัฐฯ เธอถูกล้ออยู่บ่อยครั้งโดยนักเรียนขาวที่โรงเรียน Charlotte’s Harry Harding…
-
ชาวเน็ตแห่ชื่นชม เด็กหญิงช่วยแม่ที่เป็นพนักงานกวาดถนนอย่างแข็งขัน แม้อากาศร้อนก็ไม่ถอย
กลายเป็นภาพประทับใจของชาวเน็ตชาวจีนเลยทีเดียว เมื่อมีคนถ่ายภาพเด็กหญิงคนหนึ่งกำลังช่วยแม่ของตนเองที่เป็นพนักงานกวาดถนนอย่างแข็งขัน โดยไม่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อยหรือรังเกียจแต่อย่างใด โดยภาพดังกล่าวถูกถ่ายโดยนายตำรวจท่านหนึ่งชื่อว่า Xiao Zhou เขาเล่าว่าขณะที่เขาออกตรวจตราความสงบภายในเมืองเซี่ยงไฮ้ เขาพบเด็กหญิงวัยราว 6 ขวบคนหนึ่งกำลังช่วยมารดาของตนที่เป็นพนักงานทำความสะอาดถนน แม้อากาศจะร้อนแต่เธอกลับไม่มีท่าทีท้อแท้แต่อย่างใด ทั้งสองต่างช่วยกันทำงาน ยิ่งเสร็จเร็วเท่าไหร่ พวกเธอก็จะสามารถไปพักได้เร็วเท่านั้น เมื่อคุณตำรวจ Xiao Zhou เห็นดังนั้น เขาจึงแวะซื้อน้ำเปล่าสองขวด แล้วนำไปให้สองแม่ลูก เพื่อเป็นกำลังใจในการทำหน้าที่ต่อไป ทั้งนี้เขายังเขียนบรรยายที่โพสว่า “พนักงานทำความสะอาดถนนเป็นกลุ่มคนที่ทำงานหนักมากในการดูแลสภาพแวดล้อมต่างๆ ให้เรา ถ้าเราทำตามกฎไม่ทิ้งขยะลงบนถนน งานของพวกเขาก็จะเบาแรงลงมาก” เมื่อชาวเน็ตชาวจีนได้เห็นภาพดังกล่าว ก็ได้แสดงความชื่นชมต่อเด็กหญิงมากมาย เช่น “เป็นเด็กดีจริงๆ เลยนะหนู” “รัฐบาลควรขึ้นเงินเดือนพวกเขานะ ทำงานวันร้อนๆ แบบนี้ นี่มันโหดสุดๆ จริงๆ” ช่างเป็นเด็กที่กตัญญูรู้คุณจริงๆ #เหมียวอ๊อดโด้ เชื่อว่าอนาคตที่สดใส ต้องรอเธออยู่ข้างหน้าแน่นอน อิอิิ ที่มา Shanghaiist
-
ตำนานสไนเปอร์สาวแห่งโซเวียต ผู้ปลิดชีพชาย 59 คน ในสงครามโลกครั้งที่ 2
หลายคนอาจบอกว่าสงครามเป็นเรื่องของผู้ชายเท่านั้น แต่รู้หรือไม่ ในสงครามแทบทุกครั้ง ก็จะมีวีรสตรีหลายต่อหลายคนถือกำเนิดขึ้นมาไม่แพ้วีรบุรษ ไม่แน่ว่าพวกเธออาจจะเข้มแข็งกว่าชายชาตรีอกสามศอกซะอีก อย่างเช่นวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับตำนานสไนเปอร์สาวแห่งโซเวียต ผู้ปลิดชีพชาย 59 คน ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องราวของเธอจะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันเลย!! ทหารหญิงผู้นี้มีชื่อว่า Roza Shanina เธอเกิดเมื่อวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 1924 ในสหภาพโซเวียต ในตอนแรกเธอเป็นเพียงเด็กหญิงสาวธรรมดาๆ คนหนึ่ง จนกระทั่งพี่ชายของเธอเสียชีวิตในสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี ค.ศ. 1941 เธอจึงตัดสินใจสมัครเข้ากองทัพในตำแหน่งพลแม่นปืนในทันทีด้วยวัยเพีบง 17 ปีเท่านั้น หลายคนอาจคิดว่า ที่กองทัพรับเธอเข้าไปเพียงเพราะต้องการนำเธอไปโปรโมทหรือไม่ แต่เปล่าเลย ทักษะความแม่นปืนของเธอถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของกองทัพ เธอเป็นพลทหารไม่กี่คนที่สามารถยิงเป้าหมายที่กำลังเคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำ รวมทั้งเธอยังสามารถยิงเบิ้ล (Doublets) การยิงเป้าหมายสองเป้าด้วยการลั่นไกสองครั้งติดๆ กันอย่างง่ายดายอีกด้วย หนังสือพิมพ์ของฝ่ายสัมพันธมิตรได้มอบฉายา “ความโหดเหี้ยมที่ไม่อาจมองเห็นได้ของรัสเซียตะวันตก” และเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับรางวัลเหรียญกล้าหาญ Order of Glory ของกองทัพโซเวียตอีกด้วย …
-
พาไปชมวินาทีการสักแบบ Slow Motion เผยกลไกทำงานของเข็มที่มีต่อร่างกายของเรา!?
รอยสักคือศิลปะที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล ถูกฝังไว้กับความเชื่อและประเพณีที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละสังคม เช่นของไทยเราก็จะเป็นเรื่องของการสักยันต์ เพื่อเสริมดวง สิริมงคล ตามความเชื่อต่างๆ เป็นต้น ตัดภาพมาในยุคปัจจุบัน ใครๆ ต่างก็อยากจะมีรอยสักเท่ๆ ไว้เป็นงานศิลปะสวยงามบนเรือนร่างของตัวเองกันทั้งนั้น เราจะเห็นได้ว่าเรื่องของการสักค่อนข้างจะเปิดกว้างมากขึ้นในหลายๆ ประเทศโดยเฉพาะบ้านเรา… แต่ก่อนอื่นขอพาไปรู้จักกับเข็มที่ใช้ในการสักกันก่อน…. หลักๆ แล้วเข็มที่ใช้ในการสักก็จะมีอยู่สองแบบคือแบบมัดรวมกันเป็นกลมๆ เพื่อใช้สำหรับการลงเส้น และเข็มแบบแบนที่ใช้สำหรับการลงสีและเงา แล้วเคยสงสัยกันบ้างมั้ยว่า เข็มสักมันทำงานกับผิวหนังเรายังไงบ้างนะ? ถึงได้ออกมาเป็นลวดลายอันสวยงามบนเรือนร่างของเราแบบนี้ เอาเป็นว่าไปดูคลิปแบบ Slow Motion ในระหว่างการสักกันเลยดีกว่า ขึ้นชื่อว่าการสักหมึกลงบนผิวหนังมันก็ย่อมอยู่ติดตัวเราไปตลอดแล้วถ้าใครที่อยากจะลบมันออกละจะเกิดอะไรขึ้น? ขอพาไปชมอีกคลิปวิดิโอที่ทำให้เราได้เห็นการศัลยกรรมลบรอยสักกันบ้าง เอาล่ะไปดูกันเลย…. หลังจากที่เราตัดสินใจสักแล้วหมึกจะยังคงฝังอยู่ในร่างกายเราไปตลอดและถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีวิทยาการลบรอยสักได้แต่สุดท้ายก็ทิ้งร่องรอยแผลเป็นอยู่ดี…. เพราะฉะนั้นถ้าเพื่อนๆ คนไหนที่อยากจะสักละก็ขอให้คิดรอบคอบให้ดีก่อนนะจ๊ะมันไม่ใช่เรื่องผิดหรอก แต่ถ้าวันหนึ่งเกิดเปลี่ยนใจไม่อยากมีขึ้นมามันจะยุ่งเอาเนาะ ปล.ด้วยความปราถนาดี ที่มา: EpicThings
-
ส่องชีวิตวันนี้ของ 4 พี่น้องเจ้า Dolly แกะโคลนนิ่งตัวแรกเมื่อ 20 ปีก่อน ยังจำกันได้ไหม!?
ถ้าใครได้ติดตามข่าวสารวงการวิทยาศาสตร์โลกอยู่บ่อยๆ คงไม่มีใครไม่รู้จัก “ดอลลี่” แกะโคลนนิ่งตัวแรกของโลกที่ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อ 20 ปีก่อน นับจากวันนั้น หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า เจ้าดอลลี่มีชีวิตอยู่อย่างไร และตอนนี้มันเป็นยังไงบ้าง เราไปอัพเดทชีวิตของมันกันดีกว่า (ดอลลี่ไง จะใครล่ะ) เจ้าดอลลี่ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ. 1996 ด้วยฝีมือของ เซอร์ เอียน วิลมัต และคีธ แคมเบล นักวิจัยจากสถาบันโรสลิน ของมหาวิทยาลัยเอดินเบิร์ก ในประเทศสก็อตแลนด์ ซึ่งเจ้าดอลลี่ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตโคลนนิ่งตัวแรกของโลก โชคร้าย เจ้าดอลลี่ใช้ชีวิตได้เพียง 6 ปีครึ่ง มันก็ตายไปด้วยโรคปอดในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 ปิดตำนาน “แกะที่มีชื่อเสียงที่สุด” ไปอย่างน่าเศร้า ซึ่งหลังจากเจ้าดอลลี่ตาย หลายๆ ฝ่ายออกมาแสดงความกังวลและตั้งคำถามว่า สิ่งมีชีวิตที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากการโคลนนิ่งจะมีสุขภาพแข็งแรงเหมือนกันสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นตามวิถีธรรมชาติจริงหรือ? แล้วทำไมเจ้าดอลลี่ถึงได้มีอายุขัยที่สั้นนัก? ทาง เควิน ซินแคลร์ นักวิจัยจากโครงการดอลลี่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า แม้ดอลลี่จะมีอายุที่ไม่ยืนยาวนัก แต่แกะโคลนนิ่งอีกสี่ตัวที่ใช้ต้นแบบเดียวกับดอลลี่ ตอนนี้ก็ยังมีชีวิตปกติดี และเพิ่งจะมีอายุครบ 9…
-
7 กิจกรรม ‘อวดเรือนร่าง’ ของสาวๆ ที่เคยเกิดในในโซเชียล และไม่จำเป็นต้องทำเล๊ยยย!!
ต้องขอบอกเลยว่าปัจจุบันนี้โซเชียลมีเดียนั้นเป็นหนทางในการสื่อสารอีกรูปแบบหนึ่งที่ผู้คนบนโลกนี้แทบจะใช้มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะไปที่ไหนทำอะไรก็ต้องถ่ายรูปเชคอิน เล่นแชทกันตลอดเวลา และนอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่ชาวเน็ตทั้งหลายจัดขึ้นมาและทำร่วมกันในโซเชียล บ้างก็เป็นเรื่องที่ดีอย่างการชักชวนกันไปบริจาคของ หรือชวนกันช่วยเหลือสัตว์จรจัด เป็นต้น แต่ก็ยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่เป็นเรื่องไม่ดี แต่คนก็ยังเข้าใจแบบผิดๆ ร่วมกันทำอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะการจัดกิจกรรม #Challenge ของสาวๆ ทั้งหลาย จะมีอะไรบ้างนั้นลองไปชมกันได้เลย… 1. Panty Challenge เป็นการโพสต์โชว์รูปด้านในของกางเกงในผู้หญิงเพื่อแสดงให้เห็นถึงร่องรอยของการใช้ชีวิตของสาวๆ ที่ผ่านมาทั้งวันว่ามันไม่ได้มีรอยอะไรเลยนะ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ถูกต้อง!! อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่า ‘ผู้หญิง’ นั้นเป็นเพศที่เรียกได้ว่ามีข้อจำกัดมากกว่าเพศชายหลายประการ ทั้งสะรีระร่างกาย และ ในเรื่องของการร่วมรัก ที่มักจะถูกมองว่าเป็นฝ่ายถูกกระทำ และการโชว์กางเกงในให้เห็นด้านในแบบนี้ เท่ากับว่าเป็นการเปิดสิ่งของที่มันถูกปกปิดอยู่และมันจะเป็นการกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นจากคนอื่นๆ และนั่นก็รวมไปถึงอาชญากรด้วย และที่สำคัญที่สุด เรื่องของความแห้งของจิ๊มิ๊นั้นเป็นเรื่องที่บ่งบอกถึงสุขภาพของสาวๆ แต่ละคนด้วยเช่นกัน ‘การตกขาว’ นั้นเป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะภายในช่องคลอดนั้นจะมีแบคทีเรียอยู่ เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไป มันก็จะไปทำปฏิกิริยากับแบคทีเรีย และการเป็นของเสีย ช่องคลอดก็จะขับออกมากลายเป็นตกขาว ฉะนั้นการแข่งทำทุกวิถีทางเพื่อโชว์ให้กางเกงในของตัวเองแห้งนั้นไม่เป็นเรื่องที่ดีเลยแต่อย่างใด 2. A4 Waist Challenge เมื่อต้นปีที่ผ่านมาสาวๆ ในเมืองจีนต่างก็โพสต์รูปตัวเองพร้อมกับเอากระดาษ A4 มาเทียบกับเอวของตัวเอง ถ้ากระดาษบังเอวจนมิดไม่เห็นเอวเลย นั่นแสดงว่าหุ่นดี…
-
ย้อนร้อย 7 คดีสังหารโหดแบบสะเทือนใจ ที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น..!!
หากพูดถึงประเทศญีปุ่นแล้ว เราอาจนึกถึงชาติที่เต็มไปด้วยความเจริญในทุกๆ ด้าน และคนญี่ปุ่นเองก็ค่อนข้างจะมีระเบียบวินัยเป็นอย่างมาก ทำให้ประเทศนี้ถือว่าเป็นดินแดนในฝันของใครหลายๆ คน แต่แน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีด้านมืดของตนเองทั้งนั้น อย่างในประเทศญี่ปุ่น ความมีระเบียบวินัยของพวกเขา ก็ทำให้ชาวเกิดความเครียดสะสม จนเราได้ข่าวคดีสะเทือนขวัญจากประเทศญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ อย่างเช่นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุมือมีดบุกแทงคนในบ้านพักคนชราและคนพิการ จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 19 ราย และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปย้อนรอย 7 คดีสังหารโหดแบบสะเทือนใจ ที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในดินแเนประเทศญี่ปุ่น มีคดีอะไรบ้าง เราไปติดตามกันเลยดีกว่า 1.คดีเชือดคอที่ซาเซโบ (เด็กหญิงคนที่สองจากซ้ายมือ สวมเสื้อเขียนว่า “NEVADA”) เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2004 เมื่อเด็กหญิงนัทสึมิ ซึจิ อายุ 12 ปี ได้ใช้คัตเตอร์ปาดคอเพื่อนร่วมชั้นของเธอจนเสียชีวิตคาที่ สาเหตุเพราะว่า เพื่อนร่วมชั้นเรียนคนนั้น ชอบตำหนิเธอว่า “อ้วน” เกินไป ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ หลังจากที่เธอปาดคอเพื่อนแล้ว ใบหน้าของเธอกลับเรียบเฉยราวกับเพิ่งฆ่ามดตัวเล็กๆ…
-
เปิดตำนาน “จูดาส” คือใคร ทำไมถึงกลายเป็นคำด่า ใช้เรียกคน “ทรยศ”!?
ในช่วงวันสองวันมานี้ แฟนๆ บอลรวมถึงชาวเน็ตหลายๆ น่าจะได้เห็นหรือได้ยินคำว่า “จูดาส” ผ่านหูผ่านตามาบ้าง แต่ดูแล้วคำเหล่านั้นน่าจะไม่ได้มีความหมายในทางที่ดีสักเท่าไหร่ อย่างเช่นกรณีล่าสุดที่ “เจ้าอุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน อดีตนักแตะจากทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ตอนนี้ย้ายไปอยู่สโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด แล้วเรียบร้อย ถึงแม้จะมีประเด็นดราม่า ที่หลายฝ่ายต่างก็ว่าตนเองถูก (งานนี้ #เหมียวฟิ้น ก็ไม่สามารถตัดสินได้) แต่มันทำให้คำฮิตอย่าง ‘จูดาส’ กลับมาเป็นกระแสในเมืองไทยอีกครั้ง.. บางคนอาจจะงงว่าทำไมถึงต้องด่าด้วยคำๆ นี้!? หรือคำนี้มันมีความหมายอย่างไร? วันนี้#เหมียวฟิ้นจะมาแถลงไขเอง “จูดาส” นั้นเป็นคำที่นิยมใช้กันมากในหมู่แฟนบอล เพื่อเรียกนักฟุตบอลในทีมที่ตัวเองชื่นชอบ แต่กลับย้ายไปอยู่ทีมอื่น ในความหมายเชิญสัญลักษณ์ว่าเป็นผู้ทรยศนั่นเอง แล้วคำนี้มาได้ยังไง ใครตั้งขึ้น!? แต่ก่อนที่คำว่าจูดาสจะกลายมาเป็นคำด่านั้น ต้องย้อนกลับไปในสมัยก่อนคริสกาล ในช่วงที่พระเยซูยังมีชีวิตอยู่ มีชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า จูดาส อิสคาริโอท เป็นอัครทูตและเป็นหนึ่งใน 12 สาวกของพระเยซูด้วย สาเหตุที่ทำให้ชื่อของจูดาสเป็นที่พูดถึงในแง่ลบก็เพราะว่าในคืนหนึ่งที่พระเยซูและเหล่าสาวกกำลังรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายนั้น จูดาส อิคาริโอ เป็นผู้บอกกับทหารว่าตัวจริงของพระเยซูเป็นใคร เพื่อแลกกับเงินรางวัล 30 เหรียญ ทำให้ทหารมาจับพระเยซูไปตรึงไว้กับไม้กางเขนในที่สุด และชื่อของจูดาสก็ถูกตราว่าเป็นผู้ทรยศต่อพระเยซูมานานกว่า…
-
20 ของใช้ที่เราคุ้นตาเป็นอย่างดี แต่วันนี้จะพาย้อนไปดู “อดีต” ครั้งแรกของมัน!!
โลกเรานี้เปลี่ยนไปทุกวัน ไม่ว่าอะไรต่างก็พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อให้เข้ากับยุคและสมัย และมีหลายอย่างที่เราใช้มันบ่อยๆ จนไม่ทันสังเกตว่ามันได้เปลี่ยนไปแล้ว วันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านย้อนอดีตไปชมสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป บางอย่างไม่ใช่สิ่งเดียวกัน แต่เวลาผ่านไป มันก็มีสิ่งที่ดีกว่ามาทดแทน เราไปชมกันเลยว่าจะมีอะไรบ้าง!! ตุ๊กตาบาร์บี้ . เม้าส์ . การสื่อสารผ่านวิดีโอ . มีดโกน . กล้อง . แปรงสีฟัน . มือถือ . เข็มฉีดยา . ปากกาลูกลื่น . สก็อตเทป (เป็นชื่อแบรนด์จนเรียกติดปากสินะ) . อาหารกระป๋อง . เครื่องฟังเพลงแบบพกพา . สบู่ . คอมพิวเตอร์…
-
ใสๆ แต่ร้ายนัก!! เบื้องหลังของสัตว์ 14 ชนิด ความโหดร้ายที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความน่ารัก!!
เพื่อนๆ หลายคนคงจะรู้จักกับสัตว์โลกอยู่หลายชนิดด้วยกัน บางคนก็รู้จักว่าชื่อมันคืออะไร และรูปร่างหน้าตาของมันเป็นอย่างไร บางครั้งหน้าตาของพวกมันอาจจะดูแบ๊วๆ ใสๆ น่ารัก แต่จริงๆ แล้วพวกมันมีนิสัยตามธรรมชาติซ่อนอยู่ ที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็ได้ และในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับเหล่าสัตว์โลกทั้งหลายเหล่านี้ให้มากขึ้นไปอีก ถึงนิสัยตามธรรมชาติที่ซ่อนอยู่ของพวกมัน ที่ต้องขอบอกเลยว่ามันน่ากลัวสุดๆ จะมีอะไรบ้างลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… 1. เมียร์แคทเป็นฆาตกรที่คอยจ้องจะฆ่าลูกของคนอื่น ในฝูงของเมียร์แคท จะมีการต่อสู้กันในหมู่ของตัวเมีย หากใครแข็งแกร่งที่สุดก็จะเป็นตัวที่สามารถมีลูกได้ (เรียกว่าตัวอัลฟ่า) ส่วนตัวเมียตัวอื่นๆ ก็จะทำหน้าที่ในการดูแลลูกน้อยแทน แต่ถ้าตัวเมียตัวอื่นที่ไม่ใช่อัลฟ่ามีลูกก็จะถูกตัวอัลฟ่าไล่ฆ่า เช่นกันกับตัวที่มีลูกนั้นก็จ้องจะฆ่าลูกของอัลฟ่าเช่นกัน 2. ปลาโลมานักทรมานเหยื่อ อย่าหลงไปกับรอยยิ้มและหน้าตาอันแสนน่ารักของมัน หรือความสามารถในการเดาะลูกบอลให้ลงห่วง เพราะจริงๆ แล้วพวกมันมีด้านมืดอยู่ ปลาโลมาจะมีนิสัยชอบล่าสัตว์เพื่อความสนุกสนาน เท่านั้นยังไม่พอมันจะจับเหยื่อผู้โชคร้ายดีดส่งไป-มา เหมือนกับเล่นโยนลูกบอลลงห่วงเลยล่ะ 3. น้องหมาดัชชุนสามารถทำร้ายเราได้อย่างไม่ลังเลเมื่อมันรู้สึกว่ากำลังถูกคุกคาม อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าหมาพันธุ์พิตบูลนั้นเป็นพันธุ์ที่มีความดุร้ายมากที่สุดตลอดกาล แต่หลังจากการศึกษาเกี่ยวกับสายพันธุ์สุนัขแบบจริงจังแล้วกลับพบว่าสุนัขที่มีความโหดร้ายและน่ากลัวที่สุดก็คือดัชชุนนี่แหละ แต่ด้วยขนาดที่เล็กของมันจึงสร้างความเสียหายได้ไม่มากนัก พวกมันมักจะกัดคนแปลกหน้า และพุ่งเข้าทำร้ายเจ้าของตัวเอง เมื่อมันรู้สึกว่าถูกคุกคาม และยังเคยมีข่าวว่ามันกัดหัวแม่เท้าของเจ้าของจนหลุดออกมาขณะที่กำลังหลับอยู่เลยทีเดียวล่ะ (เข้าไปอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ ที่นี่)…
-
คือดีงาม… นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ไปทำงานด้วยการ ‘ปั่นจักรยาน’ เองบ่อยๆ
พูดถึงการเดินทางของนายกรัฐมนตรีของแต่ละประเทศแล้ว หลายคนอาจนึกถึงขบวนรถตำรวจใหญ่โตอารักขาอำนวยความสะดวกตลอดทาง ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและอื่นๆ อีกมากมาย แต่นั่นไม่ใช่สำหรับ มาร์ค รูทท์ นายกรัฐมนตรีของประเทศเนเธอร์แลนด์คนนี้ เพราะเขาปั่นจักรยานไปทำงานทุกวัน โดยไม่มีขบวนอารักขาใหญ่โตแต่อย่างใด!! โดย นายมาร์ค รูทท์ ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ชื่นชอบการปั่นจักรยานมาทำงานมาก มากถึงขนาดที่ครั้งหนึ่งที่คณะผู้แทนจากประเทศอิหร่านได้มาเยือนทำเนียบรัฐบาลของเนเธอร์แลนด์ และแล้วภาพที่เขาเห็นพวกเขาถึงกับตกตะลึงว่า นายกรัฐมนตรีของเนเธอร์แลนด์ปั่นจักรยานมาถึงทำเนียบ โดยไม่มีแม้แต่ขบวนอารักขาแต่อย่างใด… ซึ่งสำนักข่าว Kenya Today จากประเทศเคนย่า ได้ยกย่องนายมาร์ก รูทท์เป็นอย่างมาก ที่แม้จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 15 ของโลก แต่ก็ยังปั่นจักรยานมาทำงาน ผิดกับนายกรัฐมนตรีของประเทศเคนย่าที่ยากจนมากๆ แต่นายกรัฐมนตรีกลับมีรถหรูขับตามตลอดเวลา การปั่นจักรยานมาทำงานของนายมาร์ก รูทท์นี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดสำหรับชาวเนเธอร์แลนด์ เพราะเนเธอร์แลนด์ถือว่าเป็นประเทศที่มีการใช้จักรยานในชีวิตประจำวันมากที่สุดในโลก โดยเป็นผลมาจากนโยบายลดอุบัติเหตุทางรถยนต์และลดมลพิษของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่ช่วงปี 2000 นั่นเอง นายกเนเธอแลนด์ไม่เท่เบย สู้นายกของเราก็ไม่ได้ ถึงกับขี่บิ๊กไบค์มาทำงานเลยนะ เจ๋งกว่าเยอะ อิอิ ที่มา evworld, kenya-today
-
เล่าประสบการณ์ใช้แอปฯ “ส่องวีเจ” ดูซิว่า เงิน 1.2 ล้านที่เสียไปมันคุ้มค่าหรือไม่!!!
ช่วงนี้เราอาจจะได้ยินข่าวหนุ่มสายเปย์ที่ทุ่มเงินกว่า 1.2 ล้านให้วีเจสาวที่จัดรายการออนไลน์ ซึ่งคดีนี้ก็โด่งดังและกำลังอยู่ในการพิจารณา เรานี่ก็เป็นคนใสซื่อที่ไม่ค่อยรู้จักอะไรพวกนี้เท่าไหร่ แต่พอข่าวดังก็อยากจะรู้ว่ามันเด็ดจริงจนต้องยอมเสียเงิน 1.2 ล้านบาทจริงๆ เหรอ? สำหรับคนขี้เกียจ วันนี้ #เหมียวสามสี จะมาเล่าประสบการณ์เล่นแอปฯ พวกนี้เองละกัน ซึ่งแอปฯ ที่ใช้ในการเล่นครั้งนี้มี 2 อัน จะไม่บอกชื่อนะ(แต่ไม่ใช่ที่เป็นข่าว) ไปหาโหลดกันเอาเอง แค่จะมาบอกความรู้สึกเฉยๆ ต้องบอกความรู้สึกก่อนเล่นว่า ตอนแรกเข้าใจว่ามันคือ Camfrog(มีใครเกิดทันมั้ย) เวอร์ชั่นอัพเกรดขึ้นมา แต่พอเข้าไปดูแล้วมันก็ไม่เหมือนสักเท่าไหร่ ไปดูกันว่าเจออะไรบ้าง!? สิ่งที่คาดหวังก็คือต้องได้เห็นอะไรดีๆ แน่นอน หลังจากการทำการค้นคว้าพบว่า ของเด็ดๆ มักจะมาตอนดึกๆ ก็เลยมาดูตอนเวลาประมาณตี 4 ครึ่ง ซึ่งไม่น่าเชื่อว่ายังมีคนเล่นอยู่ และจำนวนเยอะมากๆ ด้วย ลักษณะการเล่นก็คือ เปิดแอปฯ มาเราก็ต้องสมัคร หลังจากนั้นก็เข้าเล่นได้เลย อายุไม่สน อื้มมมม ถึงว่าล่ะเป็นข่าว หลังจากที่ไปส่องคนมาสักพัก เราก็จะได้เห็นการไลฟ์ แบบหลากหลายสไตล์มากๆ มีทั้งพูดคุยกับคนที่เข้ามาดู บางคนก็ร้องเพลงหรือเล่นดนตรีให้ฟัง บางคนก็กินเหล้ากับเพื่อนๆ บางคนก็เล่นเกมให้ดู…
-
ปั๊ดโถ้ว!! เทคนิคการอุ่นพิซซ่าให้รสชาติดีที่สุด ต้องใช้ ‘กระทะ’ นะ มาดูขั้นตอนกัน!?
‘พิซซ่า’ ถือเป็นอาหารที่อยู่คู่ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติมาอย่างยาวนานตั้งแต่ยุคของโรมัน ส่วนหนึ่งที่อยู่ยงคงกระพันข้ามเวลามาได้นานขนาดนี้และยังคงฮิตไม่เสื่อมคลายก็เพราะความอร่อยของเมนูชนิดนี้นี่แหละ!! แต่เวลาเราสั่งพิซซ่ามาทั้งถาดนั้น ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือกินกันไม่ค่อยจะหมด ทางเลือกที่แสนง่ายดายที่สุดก็คือการเก็บใส่ไว้ในตู้เย็น เพื่อเอามาอุ่นในไมโครเวฟอีกครั้ง ช่วงตอนเช้าของอีกวันนั่นเอง ซึ่งที่จริงแล้วการอุ่นพิซซ่าในไมโครเวฟที่เราทำมาตลอดนั้น ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องผิดแต่มันไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการอุ่นพิซซ่ากินล่ะ!!! พิซซ่า อาหารที่อยู่คู่มนุษยชาติมาอย่างยาวนาน Roberta’s Pizza ร้านพิซซ่าแห่งหนึ่งในนิวยอร์กได้ออกโบรชัวร์วิธีการอุ่นพิซซ่าให้ถูกต้องแจกลูกค้าของร้าน โดยวิธีการที่ถูกต้องที่สุดตามที่ทางร้านบอกก็คือการอุ่นกับกระทะ ใส่ลงไปโดยไม่ต้องใช้น้ำมันจนส่วนล่างเริ่มกรอบ ก็เติมน้ำนิดหน่อยเพื่อความชุ่มชื้น และปิดด้วยฝาให้เรียบร้อย แค่นี้ก็ได้พิซซ่าที่อร่อยเหมือนใหม่แล้วล่ะ!! ในเวลาไล่เลี่ยกัน วิธีการนี้ได้ถูกโพสต์ลงใน Reddit สังคมออนไลน์ของต่างประเทศจนเป็นที่ฮือฮา มีคนเข้ามาคอมเม้นท์กว่า 1,600 คนเลยทีเดียว เป็นคนรักพิซซ่าทั้งนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย… แต่เห็นแค่แบบสอนจะให้เชื่อเฉยๆ ได้ยังไงเล่าาา วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็ไปพบการทดลองของทางเว็บไซต์ Artofmanliness โดยการอุ่นพิซซ่าหลายๆ แบบ ทั้งไมโครเวฟ เตาอบ ย่าง และใช้กระทะซึ่งวันนี้เราจะยกมาสองแบบนั่นก็คือการอุ่นแบบใช้ไมโครเวฟและการใช้กระทะนะจ๊ะ!!! การอุ่นแบบใช้ไมโครเวฟ แน่นอนว่าเป็นวิธีการที่ง่ายและทรงประสิทธิภาพที่สุด โดยใช้ความร้อนปานกลางราวๆ 60 วินาที พิซซ่าที่ออกมาจะมีลักษณะเปียกๆ และเหนียวนิดหน่อย ส่วนขอบของพิซซ่าก็มีความเหนียว ไม่กรอบเหมือนตอนออกจากเตา แต่ก็นั่นแหละรสชาติโดยรวมก็ยังเหมือนเดิม… การใช้กระทะอุ่นพิซซ่าตามวิธีของร้าน Robert’s ผลการทดสอบออกมาอย่างน่าพอใจมาก พิซซ่าส่วนล่างมีความกรอบ…
-
เตือนภัยวิธีโจรกรรมเงินจากตู้ ATM ในต่างประเทศ ระวังไว้ อาจจะเข้าไทยในไม่ช้า…!!
มักเป็นข่าวรายวันให้เราได้เห็นกันอยู่บ่อยๆกับสารพัดวิธีการโจรกรรมเงินของขบวนการมิจฉาชีพที่มันแนบเนียบซะจนเราอาจไม่ทันได้ระวังตัว วันนี้ #เหมียวบ็อบ ขอพาไปรู้จักกับอีกหนึ่งวิธีการโจรกรรมเงินของเราจากตู้ ATM ในขณะที่เรากำลังยืนกดเงินอยู่ซึ่งกำลังเป็นที่เฝ้าระวังกันอย่างมากในอังกฤษ ได้รับการเปิดเผยข้อมูลโดยเว็บไซต์ TheSun เราไปชมคลิปเหตุการณ์สมมุติกันก่อนดีกว่า ว่าขบวนการนี้เค้ามีวิธีทำกันอย่างไร (จับตาดูดีๆนะเพราะมันไวมาก คำอธิบายอยู่ด้านล่าง…) จะเห็นได้ว่าคนขวาสุดคือเหยื่อ ส่วนขบวนการมิจฉาชีพจะประกอบไปด้วยคนที่คอยดึงจุดสนใจและอีกคนที่ทำท่าทีเหมือนมากดเงินเช่นกันแต่รอสลับบัตร ATM ของเราอยู่ ในขณะที่เรากำลังสนใจกับการใส่รหัสกดเงินอยู่ คนที่คอยดึงจุดสนใจจะแอบดูรหัสบัตรโดยที่เราไม่ทันได้ระวังตัว และนี่แหละคือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด… ตอนคุณกดเงินเสร็จแล้วบัตร ATM เด้งออกมา เธอจะดึงความสนใจจากเหยื่อด้วยการทำทีว่าของตกใส่ หรืออะไรสักอย่างที่เราต้องหันกลับมา และในสภาพที่เป็นผู้หญิงเหมือนมาตัวคนเดียวแบบนี้ ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษใครๆก็ต้องช่วยใช่มั้ยล่ะ!? แต่หารู้ไม่ว่าชายที่เหมือนจะกำลังกดเงินอยู่ในตู้ข้างๆ ได้เตรียมบัตร ATM แบบของปลอมไว้เพื่อที่จะสลับกับของเหยือในเวลาอันรวดเร็ว นี่ไงล่ะ…แอบหันมาเปลี่ยนบัตรแบบรวดเร็วจนเหยื่อไม่ทันได้สังเกตุเลยหล่ะ แต่เราก็เรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเองได้ง่ายๆเช่นกันด้วยคำแนะนำดีๆจากธนาคาร Barclays – พยายามอย่าหันความสนใจไปที่ผู้อื่นระหว่างทำรายการ – การนำมือมาปิดไว้ขณะกำลังกดรหัสผ่านก็เป็นทางออกที่ดีเช่นกัน – อย่าให้ความสนใจกับคนแปลกหน้าที่ทำเป็นเข้ามาพูดคุยด้วยเด็ดขาด – ไม่ใช้ ATM ในขณะที่มีคนอยู่เยอะ – รีบแจ้งเจ้าหน้าที่พนักงานทันทีเมื่อรู้ตัวว่ามีการเปลี่ยนแปลงภายในบัญชีที่นอกเหนือจากตัวเราเอง นับวันเหล่าขบวนการมิจฉาชีพต่างก็สรรหาเทคนิคใหม่ๆเพื่อหวังจะหลอกลวงเราได้ตลอดเวลานอกจากจะต้องระวังตัวให้มากขึ้นยังต้องไม่หลงเชื่อใจคนแปลกหน้าเด็ดขาด และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวใกล้ตัวที่เราอยากจะเตือนให้เพื่อนๆได้ระวังตัวกันมากขึ้น…
-
ผู้เชี่ยวชาญชี้ 16 วิธีที่สามารถทำให้คุณ ‘ตั้งครรภ์’ ศึกษาเอาไว้ จะได้ไม่พลาด!!
‘เซ็กส์’ ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาและกิจกรรมทั่วๆ ไปของเหล่าสิ่งมีชีวิต เป้าหมายก็เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ของตัวเองเอาไว้ แทนที่จะเขินอายเกี่ยวกับเรื่องนี้ เรามาให้ความรู้ที่ถูกต้องดีกว่าเนาะ!!! ล่าสุดทางสำนักข่าว BuzzFeedNews ได้สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้นั่นก็คือ Mary Jane Minkin ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์การเจริญพันธุ์ เกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ทางเพศที่ทำให้คุณท้องได้!!!? มาดูกันว่าจะมีอะไรบ้าง… 1. การมีเซ็กส์ทางทวารหนัก!!! สำหรับกรณีนี้เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน เพราะบางครั้งอสุจิปริมาณหนึ่งของผู้ชายก็ไหลเข้าไปในช่องคลอดของฝ่ายหญิงด้วย แถมมีผู้หญิงบางส่วนที่ทวารหนักนั้นมีรอยเชื่อมกับช่องคลอด เพราะฉะนั้นเคสนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้สูงพอสมควรเลยล่ะ 2. การฉีกซองถุงยางอนามัยด้วยปาก หลายๆ คนอาจถึงจุดเสียวซ่านสุดๆ อะไรในตอนนั้นก็ไม่สำคัญเท่ากับความเร็วอีกแล้ว การเปิดด้วยปากนอกจากจะเร็วแล้วยังเซ็กซี่อีกด้วย กระนั้น บางครั้งคุณอาจทำให้ถุงยางอนามัยเสียหายโดยไม่รู้ตัวได้นะจ๊ะ!!! 3. การมีเซ็กส์แบบไม่สอดใส่แต่ทิ่มแทงด้วยการใส่ชุดชั้นใน… มาถึงตรงนี้หลายๆ คนอาจจะงง ก็คือพยายามทิ่มแทงกันทั้งๆ ที่ยังใส่กางเกงในนั่นแหละ ถึงแม้จะค่อนข้างยากหน่อยที่จะทำให้ตั้งท้องได้ ศาสตราจารย์ของเราก็ชี้ว่าสเปิร์มของผู้ชายอาจทะลุผิวผ้าและเข้าไปสู่ช่องคลอดได้เช่นกัน… 4. ถึงจะท้องอยู่แล้วก็ยังท้องได้อีก!!? ฟังดูบ้ามากๆ ในกรณีนี้ก็คือ พี่น้องที่เป็นฝาแฝดกัน แต่ไม่ใช่แฝดร่วมไข่ใบเดียวกันนั่นเอง โอกาสเกิดขึ้นนั้นเรียกได้ว่ายากมากๆ อาจเรียกได้อีกอย่างว่าเป็นการท้องซ้อนกันนั่นแหละ 5. ใช้สารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันกับถุงยางอนามัย…
-
ชวนรู้จัก ซอสหม่าล่า “แมวคาบพริก” กับการตั้งชื่อแบรนด์สุดแนว และผลิตภัณฑ์สุดคูล!!
เมื่อไม่นานมานี้#เหมียวฟิ้นได้มีโอกาสไปเจอเข้ากับผลิตภัณฑ์ซอสหน้าตาแปลกๆ พร้อมกับชื่อแบรนด์สุดฮา ที่ทำให้เราต้องหันกลับมาดูอีกทีเลยว่า “นี่มันใช่ชื่อแบรนด์จริงๆ ใช่ไหม?” ซอสที่ว่านี้คือซอสหม่าล่า ตราแมวคาบพริก นั่นแหละคุณอ่านไม่ผิด เขาใช้ชื่อแบรนด์ว่าแมวคาบพริกจริงๆ… ด้วยความแนวของชื่อนี้เอง ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะกลับมาหาข้อมูลว่าผู้ผลิตไปใคร? ทำไมถึงได้ตั้งชื่อแบรนด์ได้แหวกแนวจากผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันขนาดนี้? วันนี้เราก็เลยจะพาคุณไปคุยกับคุณคม ชัยบดินทร์ ชัยชมภู (คนกลาง) หนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์แมวคาบพริกร่วมกับพี่ๆ หุ่นส่วนอีก 2 คนคือคุณเอกพรรดิ์ สายันตนะ และคุณสราวุธ ศรีวิชัย มาดูซิว่าเขามีแนวคิดเรื่องการตั้งชื่อ และความยากง่ายในการทำธุระกิจยังไงบ้าง? เหมียวฟิ้น: อยากถามเรื่องแบรนด์หน่อยครับ มีที่มาที่ไปยังไง? คุณคม: พอดีผมเลี้ยงแมวครับ แล้วมันเป็นแมวที่ตลกๆ ฮาๆ ปนโหดๆ มันจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เลยทำแบรนด์นี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึง โดยดึงความสนุกสนานฮาๆ เอามาออกแบบแบรนด์ครับ แล้วที่คาบพริกนี้คือซอสมันเผ็ดครับ เหมียวฟิ้น: แมวตัวนั้นชื่ออะไรเหรอครับ? คุณคม: ชื่อกอลั่มครับ เพราะตอนได้มาไม่มีขนเลย เหมือนกอลั่มใน The Lord of The Ring เหมียวฟิ้น: ทำไมถึงกล้าตั้งชื่อแปลกแหวกแนวขนาดนี้ครับ? คุณคม: เพราะอยากให้ลูกค้าจำแบรนด์ของเราได้ครับ ฮาๆ ไว้ก่อนครับผม เหมียวฟิ้น: ทำไมถึงอยากทำซอสขายเหรอครับ? หรือปกติแล้วเป็นคนชอบทำอาหารหรือเปล่า?…
-
เรื่องราวของ 3 วีรบุรุษผู้ช่วยโลกจาก ‘นิวเคลียร์เชอร์โนบิล’ แต่แทบไม่มีใครรู้จักพวกเขา!??
ในประวัติศาสตร์บนโลกของเรานั้นเหตุการณ์อันตรายขึ้นมากมายหลายครั้ง ทั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด มหันตภัยร้ายแรงจากธรรมชาติ และในแต่ละครั้งนั้นก็มีวีรบุรุษเกิดขึ้นมากมาย พวกเขาช่วยเหลือผู้คนโดยยอมสละชีวิตของตัวเอง ถ้าไม่มีพวกเขาคงได้มีการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับชาย 3 คนนี้ที่เคยช่วยชีวิตผู้คนจำนวนมาก จากการระเบิดของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ Chernobyl ที่ตั้งอยู่ในประเทศยูเครน เหตุการณ์เกิดขึ้นในตอนพลบค่ำของวันที่ 2 พฤษภาคมปี 1986 เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเชอร์โนบิล แรงระเบิดสงผลให้ เตาปฎิกรณ์เกิดเพลิงไหม้ และกำลังจะตกลงไปยังห้องที่มีน้ำท่วมขังอยู่ และมันคงไม่ดีแน่ เพราะถ้าหากเป็นแบบนั้นนิวตรอนจะทำปฎิกิริยากับน้ำ และก่อให้เกิดแรงระเบิดรุนแรงอย่างมหาศาลจนทำให้สารกัมมันตรังสีแผ่ขายไปเป็นบริเวณกว้างมีขนาดเท่ากับครึ่งหนึ่งของทวีปยุโรป ซึ่งจะทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบกว่าหลายล้านคนเลยทีเดียว!! แต่โชคดีที่ในวันนั้นมีชาย 3 คน อาสาที่จะดำลงไปในน้ำที่ปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีเพื่อไปเปิดวาล์วเพื่อระบายน้ำในห้องข้างล่างออกไป ก่อนที่เตาปฎิกรณ์จะตกลงมา ภาพของคุณ Alexey Ananenko (คนซ้าย) และคุณ Valeri Bespalov (คนขวา) วีรบุรุษ 3 คนนั้นประกอบไปด้วยหัวหน้าคุมงาน Boris Baranov, และวิศวกรระดับสูงของหน่วยเครื่องกังหัน Valeri Bespalov และ และวิศวกรระดับสูงของแผนกเครื่องปฏิกรณ์ Alexey Ananenko ภาพของคุณ Boris Baranov …
-
สาวนักเต้นเปลื้องผ้าเผยกลยุทธ ที่ทำให้หนุ่มๆ ยอมควักเงินให้เธอ 5 แสนบาทในคืนเดียว!!
วันนี้จะพาเพื่อนๆไปเจาะลึกกับเรื่องราวเทคนิคของนักเต้นเปลื้องผ้าสาวกันบ้างว่าเค้าทำอย่างไรหนุ่มๆอาเสี่ยทั้งหลายถึงยอมควักเงินเป็นจำนวนมากให้พวกเธอ ซึ่งคนไทยเราอาจจะไม่คุ้นเคยกับอาชีพนี้เท่าไหร่เพราะยังถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฏหมายทำให้บ้านเราไม่ค่อยมีเรื่องเหล่านี้ (ไม่มีเลยจริงๆนะ ไม่มี๊ ไม่มี!!!) ซึ่งจริงๆแล้วพวกเธอคงไม่ออกมาให้สัมภาษณ์แน่ๆถ้าไม่มีเหตุการณ์ที่นาย Gil David ผู้จัดการฟิตเนสแห่งหนึ่งยื่นเรื่องฟ้องคลับ Spearmint Rhino ในเมือง Bournemouth เพราะโทษฐานที่เขาต้องเสียเงินไปมากถึง £7,500 (ประมาณ 292,000 บาท) ภายในคืนเดียวโดยให้เหตุผลว่าเพราะคลับแห่งนี้ฉวยโอกาสตอนที่เขาเมา งานนี้คงทำให้เหล่าสาวๆไม่พอใจเลยต้องออกมาให้สัมภาษณ์กันเองซะเลย “ตั้งแต่ที่พวกผู้ชายเดินเข้าประตูมา สิ่งที่เราควรทำก็คือนำเงินออกจากกระเป๋าพวกเขาให้ได้มากที่สุด ปกติลูกค้าเหล่านี้มักดื่มกันอย่างหนักเป็นประจำอยู่แล้ว นั่นแหละหนึ่งในสาเหตุที่ช่วยเราทำเงินได้ไม่ยากเลย” Riley Johnson นักเต้นเปลื้องผ้าขาประจำ กล่าว แถมยังเสริมอีกว่า “ผู้ชายน่ะเหมือนทิ้งสมองไว้ที่ประตูตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว และมันก็ไม่มีอะไรมากนอกจากทำให้ประทับใจก็แค่นั้นเอง” แถมเธอยังอธิบายขั้นตอนให้เห็นกันชัดๆไปเลยว่าตั้งแต่ที่พวกผู้ชายเดินเข้ามาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง “ขั้นแรกเราก็ชวนให้พวกเขาซื้อเครื่องดื่มอาจจะเป็นแชมเปญหรือวอดก้าให้หนุ่มๆเค้าได้ดื่มผ่อนคลายกันก่อนซักหน่อย พอเริ่มกรึ่มได้ที่แล้วส่วนใหญ่พวกเขาต่างก็อยากได้สาวๆ มานั่งดื่มเป็นเพื่อนด้วยอยู่แล้ว ทีนี้เราก็แค่ทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับพวกเขามากขึ้นด้วยการเขยิบเข้าไปนั่งใกล้ๆ สัมผัสแตะเนื้อต้องตัวกันมากขึ้น เริ่มลูบไล้ตรงขาบ้างให้รู้สึกผ่อนคลาย และสุดท้ายพวกเขาจะรู้สึกร้อนรุ่มผสมกับความเมาจนทนไม่ไหวต้องออกอาการโชว์ป๋ากันแทบจะทุกคนเลยละค่ะ” แถมยังทิ้งท้ายอีกด้วยว่า “ฉันรู้สึกไม่ประทับใจเลยที่ชายคนนั้นฟ้องร้องคลับแห่งนี้ ก็แหมมมเรื่องแบบนี้น่ะมันเกิดขึ้นบ่อยซะจนเป็นเรื่องธรรมดาไปเลยล่ะ ฉันเคยเห็นคนที่เสียเงินไปมากกว่า 10,000 ปอนด์ในคืนเดียวด้วยซ้ำ และทั้งหมดก็มาจากอาการเมาของตัวคุณเอง” งานนี้ก็ไม่รู้ว่าจะจบยังไงแต่อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เรียนรู้ว่ามันก็คือธุรกิจอย่างนึงนั่นเอง สิ่งที่สาวๆ ทำก็เพื่อสนับสนุนการขายให้ร้านขายได้มากขึ้น…
-
วิทยาศาสตร์บอกว่านี่คือ 8 ลักษณะนิสัย ที่เหล่าคนฉลาดมักจะมีเหมือนกัน!!!
จากการตั้งคำถ่ามใน Quora หนึ่งในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการตั้งกระทู้ถาม-ตอบ ที่ผู้คนมักเข้าไปหาคำตอบในเรื่องที่สงสัยกัน และในกรณีนี้ ‘ลักษณะเด่นของผู้ที่มีความฉลาดสูงนั้น คืออะไร??’ และนี่ก็คือ 8 คุณลักษณะที่มีเว็บไซต์ Businessinsider.com วิเคราะห์ออกมาถึงเหตุผลเบื้องหลังทางวิทยาศาสตร์ ที่น่าสนใจและน่าเชื่อถือมากที่สุดล่ะ ลองมาดูกันเลยว่าจะมีอะไรบ้าง 8 คุณลักษณะที่ผู้มีความฉลาดมักจะมี!!! 1. คนฉลาดมักจะปรับตัวได้ดี ส่วนมากแล้วข้อนี้คนตอบเข้ามาในอันดับ 1 กันเลยก็ว่าได้ และอย่างที่ Donna F. Hammett ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งได้เขียนไว้ ‘คนฉลาดมักจะสามารถทำงานไหนๆ ก็ตามที่พวกเขาได้รับมอบหมายจนสำเร็จ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพและสถานการณ์ไหนๆ’ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาหลายท่านก็ออกมาเห็นด้วยในเรื่องนี้เช่นกัน 2. พวกเขาเข้าใจว่ามีสิ่งใดที่พวกเขาไม่รู้บ้าง… สิ่งหนึ่งที่พวกเขาเรียนรู้และเข้าใจก็คือ พวกเขายอมรับในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ Jim Winer เคยบรรยายไว้ว่า ‘คนฉลาดนั้นมักจะไม่ละอายที่จะพูดว่ามีสิ่งใดบ้างที่พวกเขาไม่รู้ เพราะพวกเขาพร้อมที่จะเรียนรู้มัน’ และยิ่งคุณฉลาดน้อยเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งประเมินตนเองสูงมากขึ้น!!! . 3. พวกเค้ามีความสงสัยใครรู้อยู่ตลอด อย่างที่ Albert Einstein เคยพูดไว้ ‘ผมไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรมากมายหรอก ผมมีแค่ความสงสัยใคร่รู้มากกว่าคนอื่นๆ เพียงเท่านั้นเอง’ แน่นอนว่าความสงสัยใคร่รู้จะนำไปสู่การค้นหาคำตอบ และคำตอบนำไปสู่ความรู้นั่นเอง 4. พวกเขาจะเปิดใจอยู่เสมอๆ คนฉลาดมักจะไม่ปิดกั้นตัวเองกับไอเดียหรือโอกาสใหม่ๆ หรือว่าจะเป็นแนวทางใหม่ๆ…
-
สุดยอด 5 ฟังค์ชั่นใน “ห้องส้วมญี่ปุ่น” ที่ทุกคนร้องว๊าว และซูฮกให้กับคนคิด!!!
ห้องน้ำถือเป็นห้องที่เราเอาไว้ผ่อนคลายห้องหนึ่ง ดังนั้นการที่เราจะได้ปลดปล่อยความทุกข์นั้นก็ต้องสร้างบรรยากาศที่ดี บางคนก็ยึดคติที่ว่า “ขี้ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา” แต่ถ้าคุณได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น ก็คงได้ลิ้มรสของห้องน้ำที่นั่นแล้วว่าแต่ละที่มันเจ๋งแค่ไหน ซึ่งห้องน้ำแต่ละที่ก็จะมีเรื่องแปลกๆ แตกต่างกันออกไป และวันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปพบ สุดยอด 5 ฟังค์ชั่นแปลกๆ ในห้องน้ำญี่ปุ่นที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไอเดียบรรเจิดมากๆ ไปดูกันเลย แต่ก่อนที่จะไปดูทั้ง 5 อันดับ มันต้องเริ่มด้วยสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาของญี่ปุ่นไปแล้ว เคยเป็นมั้ยเวลาหน้าหนาวแล้วไปนั่ง พอเจอชักโครกเย็นๆ บางทีก็ทำเอาขี้หดได้เหมือนกัน แต่ที่ญี่ปุ่นแทบทุกที่เขาจะทำเป็นแบบฝาชักโครกไฟฟ้าที่นั่งแล้วอุ่นตูดมากๆ ไปเที่ยวที่ไหน เมื่อไหร่ก็ต้องเจอกับชักโครกแบบนี้ และไม่คิดว่าประเทศอื่นจะมีแบบนี้เหมือนกันด้วยนะ อันดับ 5 ส้วมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นมิตรในที่นี่คือการประหยัดน้ำนะ ดูจากภาพเราจะเห็นปุ่มทางซ้ายมือ ซึ่งเป็นปุ่มกดน้ำนั่นเอง จะมีปุ่มกดน้ำปกติ ซึ่งก็ใช้น้ำในปริมาณทั่วไป และอีกปุ่มคือใช้น้ำน้อย เพื่อเป็นการประหยัดน้ำนั่นเอง อันดับ 4 ระบบละอองน้ำ ปกติแล้วห้องน้ำที่นู่นจะมีระบบชำระก้นและของผู้หญิงด้วย ซึ่งเป็นการยิงน้ำออกมา แต่ก็มีอีกระบบนั่นก็คือการพ่นละอองน้ำแบสเปรย์ เห็นเขาว่าได้อารมณ์มากๆ (อารมณ์ล้างฟินๆ นะ อย่าคิดลึก) อันดับ 3 ระบบแก้เขิน…
-
ไขข้อสงสัย “ขนตูดเรามีไว้ทำไม!?” กับทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ ที่ยังหาคำตอบไม่ได้
เป็นนิสัยติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่กำเนิดที่มักจะสงสัยในเรื่องที่บางทีแทบจะไม่มีใครตอบได้ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กๆที่ดูไร้สาระไปจนถึงปัญหาระดับชาติที่ทุกคนต่างสงสัยตรงกัน ยกตัวอย่างเช่นปัญหาเรื่องเส้นขนของเรานี่แหละ กลับมาว่ากันด้วยเรื่องขนๆที่บางส่วนในร่างกายอย่างเช่น ผม คิ้ว หรือขนจมูก ก็พอจะอธิบายมีเหตุผลรองรับให้เราเข้าใจถึงจุดประสงค์ของมันได้ แต่เชื่อว่าหลายๆคนต้องเคยสงสัยกันแน่นอนว่า “ขนตรงตูดมันมีไว้ทำไมกันแน่?” เราไปหาคำตอบกับคลิปวิดิโอจากรายการ SciShow กันเลย… เรื่องราวก็เกิดขึ้นง่ายๆเมื่อมีชาวเน็ตคนนึงตั้งคำถามที่หลายๆคนต่างสงสัยกันมาตลอด ทำไมต้องมีขนตูดด้วยนะ? ถึงแม้ว่าในทางเทคนิคแล้วอาจจะยังไม่มีคำตอบอย่างแน่ชัดจริงๆว่ามันมีไว้ทำไมกันแน่ แต่ทางการแพทย์ก็เป็นที่รู้กันดีว่าการที่เจ้าขนส่วนนี้มันฝังอยู่ในบริเวณด้านบนของร่องก้นมันส่งผลให้เกิด ฝีที่ร่องก้น อีกด้วย แค่นี้ก็ทำให้เราได้รู้ว่ามันต้องมีแต่ข้อเสียมากกว่าข้อดีแน่ๆ (เพราะไม่เคยใช้ประโยชน์อะไรจากมันได้เลย) แต่เราไปดูทางทฤษฏีที่นักวิทยาศาสตร์ตั้งเป็นสมมุติฐานกันดีกว่า ว่าจริงๆแล้วมันมีไว้ทำไมกันแน่ ทฤษฏีแรกว่ากันว่าการที่ขนตูดมันปรากฏขึ้นมาก็เพราะวิวัฒนาการของมนุษย์ไม่ได้มีการต่อต้านขนส่วนนี้มาตั้งแต่อดีต ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงที่หลายๆส่วนของร่างกายเราไม่ได้มีการวิวัฒนาการเพิ่มเติมแต่อย่างใดอาจเป็นเพราะมันไม่มีประโยชน์ที่จะใช้จริงๆนั่นแหละ ทฤษฏีที่สองการสื่อสารทางกลิ่น ซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการสื่อสารกันด้วยกลิ่นเป็นอีกหนึ่งสัญชาตญาณของมนุษย์เราทุกคนนี้แหละ ขนทุกส่วนในร่างกายนั้นเป็นที่กักเก็บไขมันผิวหนังซึ่งความลับของมันก็คือมันมีกลิ่นเป็นของตัวเองยังไงล่ะ แถมยังเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าแบคทีเรียซึ่งช่วยผลิตกลิ่นให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย และนั่นก็คืออีกสาเหตุที่ทำให้มนุษย์ทุกคนมีกลิ่นตัวที่แตกต่างกันออกไปและที่สำคัญยังมีส่วนช่วยในการหาคู่เหมือนสัตว์ชนิดอื่นๆอีกด้วย ทฤษฏีที่สามว่าด้วยเรื่องของแรงเสียดทาน แน่นอนว่าถ้าผิวหนังเราเสียดสีกันมากๆโดยเฉพาะบริเวณที่มีความชื้นและสกปรกละก็จะก่อให้เกิดอาการระคายเคือง เป็นผื่นหรือหนักหน่อยก็ติดเชื้อได้เลยทีเดียว เจาะลึกกันไปในรูขุมขนซักหน่อย เพราะภายในรูขุมขนข้างในก้นเราจะต่อมไขมันที่ช่วยให้ขนตูดเราไม่หลุดจากการเสียดสีไปได้ง่ายๆยังไงล่ะ เราอาจจะไม่ทราบคำตอบที่แน่ชัดนักว่าจริงๆแล้วมันมีไว้ทำไมกันแน่แต่ทฤษฏีพวกนี้ก็ทำให้เราเข้าใจในความเป็นขนตูดได้มากขึ้นจริงๆ ขอปิดท้ายด้วยคลิปตัวเต็มจากรายการนี้กันเลยดีกว่าซึ่งอาจจะทำให้เพื่อนๆได้เข้าใจมันมากกว่าเดิม… ที่มา: SciShow, EpicThings
-
ชมกระบวนการผลิต กว่าจะมาเป็น “ลูกเทนนิส” ต้องผ่านขั้นตอนอะไรยังไงบ้างนะ!!??
พูดถึงเทนนิสแล้ว เชื่อว่ากีฬาชนิดนี้ต้องกีฬาสุดโปรดของใครหลายๆ คนอย่างแน่นอน ด้วยการวิธีการเล่นที่สนุกสนาน ทำให้ครองใจหลายๆ คนทั่วโลก แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ กว่าจะมาเป็นลูกเทนนิสให้เราตีได้นั้น มันต้องผ่านกระบวนการอะไรมาบ้าง และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมกระบวนการทำ “ลูกเทนนิส” ตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงตอนที่บรรจุใส่กล่อง ว่าต้องผ่านอะไรมาบ้าง ลองไปชมกันเลยดีกว่า!!! อย่างแรก พวกเขาจะนำยางพาราดิบมาผสมกับสารเคมีหลากหลายชนิดเพื่อเพิ่มความแข็งแรง จากนั้นก็จะมาทำให้เป็นแผ่นๆ แบบในภาพ จากนั้น พนักงานก็จะตัดแบ่งแผ่นยาง เพื่อนำไปทำในขั้นตอนต่อไป ยางที่ถูกตัดออกมา จะถูกอัดและตัดให้เป็นก้อนเล็กๆ แบบนี้ แล้วนำไปใส่ในแม่พิมพ์ ก่อนจะนำไปอัดและอบด้วยความร้อนสูง เมื่อยางถูกขึ้นรูปแล้ว พวกเขาก็ตัดส่วนเกินออก แล้วก็จะได้ยางแบบภาพถัดไป . จากนั้น พวกเขาจะนำยางสองชิ้นมาประกบกันด้วยเครื่องจักรในภาพ จนได้ยางลูกกลมๆ ออกมา . จบเรื่องยางด้านในไปก่อน คราวนี้เราไปดูส่วนผ้าสักหลาดบ้าง พวกจะนำผ้าสักหลาดที่ทำมาจากขนแกะผสมกับไนล่อน มาตัดเป็นรูปวงรีเกือบๆ สี่เหลี่ยมแบบในภาพ เมื่อตัดเสร็จแล้ว ก็จะนำไปชุบด้วยสารเคมี ดังภาพถัดไป . …
-
19 สิ่งที่พิสูจน์ว่า ‘นิวซีแลนด์’ คือเกาะสวรรค์ของคนรักธรรมชาติ ที่โลกสร้างมาให้งดงาม
หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวของประเทศนิวซีแลนด์ ว่าเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติที่งดงาม แต่ก็ยังคงความลึกลับของสถานที่บางแห่งที่หลายคนอาจจะยังเข้าไปไม่ถึง และวันนี้ #เหมียวสามสี จะพาคุณไปเที่ยวในที่แห่งนั้นเอง Milford Sound ถือว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่คนนิยมไปมาก เป็นพื้นที่กว้างขวางเหมาะแก่การไปสำรวจ เวลาฝนตกก็ทำให้พื้นที่แห่งนี้กลายเป็นทะเลสาบที่กว้างมากขึ้น จนหลายคนบอกว่าเป็นสถานที่ที่ชุ่มชื้นที่สุดในโลกเลย Fungus Gnat หรือหนอนเรืองแสง เป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายๆ กับแมลงวัน ซึ่งแสงของมันนั้นเอาไว้ล่อแมลงตัวอื่นๆ ให้เข้ามาติดกับดักนั่นเอง หน้าผา Steep สูงประมาณ 130 เมตร ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น เกาะสแนร์แห่งเพนกวิ้น โดยจะมีเหล่าเพนกวิ้นมาผสมพันธุ์กันที่นี่เยอะมาก เพนกวิ้นบนเกาะสแนร์จะทำทางน้ำให้ไหลไปสู่ที่พักไข่เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต กลายเป็นถนนที่ที่งดงามจากสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นล้วนๆ เคีย หรือคีอา นกชนิดหนึ่งที่เป็นสายพันธุ์เดียวกับนกแก้ว สามารถอยู่ในพื้นที่เขตหนาวได้เป็นอย่างดี มันวางแผนในการใช้ชีวิตก่อนถึงหน้าหนาวได้อย่างยอดเยี่ยม ถือเป็นนกที่มีความฉลาดเป็นอย่างมาก สโตท นักปีนป่านสุดว่องไวหาตัวจับยาก ชีวิตของมันต้องอยู่อย่างเป็นเหยื่อของผู้ล่า แต่ด้วยความไว ก็ทำให้มันหนีรอดออกมาได้ ซึ่งถูกพบครั้งแรกที่นิวซีแลนด์ในปี 1883 คาดว่าอพยพมาจากอังกฤษ นกกีวีมีขนาดไข่ที่ใหญ่มาก เมื่อเทียบกับขนาดตัวมัน ซึ่งขนาดไข่คิดเป็น 20% ของขนาดตัวมัน ต่างจากลูกคนที่คิดเป็นน้ำหนักแค่ 5% เท่านั้น…
-
แอนิเมชั่นกลไก “การยิงปืน” ของปืนหลากหลายชนิด ซึ่งเราอาจไม่เคยเห็นมาก่อน!!
พูดถึงปืนแล้ว เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักอาวุธมหาประลัยชนิดนี้อย่างแน่นอน ด้วยการลั่นไกเพียงครั้งเดียว ก็อาจพรากชีวิตน้อยๆ ของเหล่ามนุษย์เดินดินไปได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงกระนั้น ยังมีอีกหลายคนไม่เคยทราบว่า กลไกการทำงานของปืนเหล่านั้นเป็นอย่างไร ด้วยเหตุนี้เอง #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม ภาพเคลื่อนไหวแสดงวิธีการทำงานของ “ปืน” ว่านับตั้งแต่เราลั่นไก อะไรจะเกิดขึ้นภายในนั้นบ้าง 8mm French Ordnance 8x50mmR Berthier Mle.16 .32 ACP Mauser Model 1914 7.92x57mm Mauser Gewehr .32 ACP F.Langenhan Selbstlader AK-47 Glock M-16 . มันทำงานแบบนี้เอง ถึงปืนจะอันตรายขนาดไหน แต่มันก็เป็นแค่สิ่งของเท่านั้น มนุษย์ต่างหากที่จะเป็นคนเลือกว่าจะนำไปใช้ทำอะไรต่างหาก จริงมั้ยละเพื่อนๆ ที่มา Eric Thompson, businessinsider
-
สุดยอดนักล้วงกระเป๋าของโลก “อพอลโล ร็อบบินส์” ที่สามารถหยิบทุกอย่างจากคุณโดยไม่รู้ตัว
หลายคนอาจบอกว่าการลักขโมยของเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้ แน่นอน ถ้าเป็นการลักขโมยธรรมดาๆ ใครๆ ก็ทำได้ แต่ถ้าต้องการขโมยอย่างมีชั้นเชิงและแนบเนียนแล้ว คุณอาจต้องใช้ทักษะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจิตวิทยา การเบี่ยงเบนความสนใจ และความมือเบา แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ “อพอลโล ร็อบบินส์” สุดยอดนักเบี่ยงเบนความสนใจและหัวขโมยสุภาพบุรุษ ผู้ที่จะมาสอนเคล็ดลับระดับเทพ ในการเบี่ยงเบนความสนใจผู้อื่น “อพอลโล ร็อบบินส์ (Apollo Robbins)” ชาวอเมริกันวัย 42 ปี เป็นนักเบี่ยงเบนความสนใจ, ที่ปรึกษาด้านความปลอดภัย, หัวขโมยสุภาพบุรุษ (เขาเรียกตัวเองอย่างงั้น) โดยนิตยสารฟอร์บส์ได้ขนานนามเขาว่า “ผู้ควบคุมการรับรู้อย่างมีศิลปะ” เขาสามารถหยิบสิ่งของออกจากผู้อื่นไม่ว่าจะ กระเป๋าเงิน เสื้อ โทรศัพท์ นาฬิกาข้อมือ ออกมาอย่างง่ายดาย โดยที่เจ้าตัวไม่ทันรู้ ด้วยทักษะการเบี่ยงเบนความสนใจของเขา ครั้งหนึ่งเขาเคยใช้ทักษะหยิบของจากหน่วยลับของอดีตประธานาธิบดี จิมมี่ คาร์เตอร์ โดยที่หน่วยลับเหล่านั้นไม่รู้ตัว ซึ่งหลังจากนั้น ชื่อเสียงของเขาก็โด่งดังขึ้นมา เขาเล่าว่าทักษะทั้งหมดนั้น เขาเรียนรู้มาจากพี่ชายทั้งสอง รวมถึงการที่พ่อของเขาตาบอด ทำให้เราเรียนรู้ที่จะเบี่ยงเบนความสนใจผู้อื่นด้วยการแตะต้องร่างกาย เราลองไปชมคลิปที่เขาแสดงในงาน…
-
Studio Ghibli เฉลยสาเหตุที่พ่อแม่ของชิฮิโระกลายเป็น “หมู” ในเรื่อง “Spirited Away”
ถ้าพูดถึงการ์ตูนจากค่าย Studio Ghibli แล้ว หนึ่งเรื่องที่เป็นที่รู้จักกันกันในวงกว้างก็คือ “Spirited Away” ในปี 2001 ถือเป็นเรื่องแรกๆ ที่ทำให้หลายคนหันมาชอบการ์ตูนสไตล์ Studio Ghibli Spirited Away ถือเป็นอนิเมชั่นที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก การันตีด้วยรางวัลออสการ์ อีกทั้งยังทำเงินกว่า 300 ล้านดอลลาร์ทั่วโลกอีกด้วย ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้มีแฟนๆ อยู่ทั่วโลก ด้วยความที่หนังออกไปในทางแฟนตาซีแบบญี่ปุ่นๆ ผสมกับประเด็นต่างๆ ที่ดูผ่านๆ แล้วอาจจะงงได้ว่าในเรื่องมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ จนกลายเป็นที่ถกเถียงและตีความกันไปต่างๆ นานา จนมีแฟนๆ ของอาจารย์ฮะยะโอะ มิยะซะกิ ได้เขียนไปถาม Studio Ghibli เกี่ยวกับประเด็นที่หลายคนสงสัยกันมานาน แล้วทางนู้นก็ตอบกลับมาด้วย ทวิตเตอร์ชื่อว่า @0910noncha อยากรู้ว่าทำไมพ่อแม่ของตัวเอกถึงกลายเป็นหมูตอนที่กำลังกินอาหาร และทำไมชิฮิโระถือสอบผ่านได้ ซึ่งคำตอบที่ได้ขอบอกเลยว่าจัดเต็มมาก เพราะทีมงามตอบกลับมาให้ 2 หน้ากระดาษเพื่อคลี่คลายประเด็นที่หลายคนสงสัย เรื่องของพ่อแม่ที่กลายเป็นหมูนั้นทางทีมงานได้ตอบไปว่าการเปลี่ยนเป็นหมูคือการแสดงให้เห็นถึงความโลภและกระหายของช่วงเศรษกิจตกต่ำในญี่ปุ่นในยุค 1980 อีกทั้งในจดหมายยังได้อธิบายเกี่ยวกับการกลายร่างว่ามันคือการสะท้อนความโลภของมนุษย์ในโลกแห่งความเป็นจริงที่ไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้ อีกทั้งชิฮิโระยังรู้ด้วยว่าหมูในคอกนั้นไม่ใช่พ่อแม่ของเธอ เพราะว่ากระบวนความคิดของเธอได้เปลี่ยนไปจากการที่เธอมีประสบการณ์ในอีกโลกหนึ่ง นอกจากนี้ตรงท้ายจดหมายยังอธิบายเรื่องราวนี้ว่า มันไม่ได้เป็นเรื่องของเด็กสาวอันมีหัวใจที่ไม่เหมือนใคร แต่จริงๆ แล้วมันคือเรื่องราวของเด็กสาวผู้เรียนรู้ที่จะเผชิญความกลัวโดยการพัฒนาความเข้าใจและคุณค่าของชีวิต…
-
ผลวิจัยชี้ ‘เด็กดูดนิ้ว แทะเล็บ’ มีประโยชน์ลดโอกาสเป็นภูมิแพ้ แต่ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป
พฤติกรรมอย่างหนึ่งของเด็กๆ ที่เรามักจะเห็นคือ พวกเขาชอบดูดนิ้ว หรือกัดแทะเล็บ ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นปัญหาที่พ่อแม่ได้พยายามแก้ไข เพราะกลัวว่า การเอามือเข้าปากนั้น อาจจะมีเชื้อโรคติดมา และทำให้เป็นภูมิแพ้ได้ แต่ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์พบว่า เด็กที่ชอบดูดนิ้วหรือแทะเล็บนี้ มีโอกาสเป็นภูมิแพ้ได้น้อยกว่าเด็กที่ไม่มีพฤติกรรมแบบนี้ซะอีก นักวิจัยจากประเทศนิวซีแลนด์ ได้ศึกษาพฤติกรรมของเด็กกว่า 1,000 คน ที่อยู่ในวัยเด็กตอนปลาย โดยศึกษาพฤติกรรมเกี่ยวกับช่องปาก และปัญหาโรคภูมิแพ้ ในการวิจัยนั้น ได้ทำโดยการหากรณีตัวอย่างจากคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ที่อยู่ในวัย 13 และ 32 ปี แล้วก็ย้อนไปดูในวัยเด็กว่า พวกเค้าเหล่านี้มีพฤติกรรมชอบดูดนิ้วหรือแทะเล็บหรือไม่ ผลการวิจัยพบว่า เด็กที่ชอบดูดนิ้วหรือแทะเล็บนั้นมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้เพียง 40% ส่วนเด็กที่ทั้งดูดทั้งแทะนั้น มีโอกาสลดลงไปอีกคือ 35% ในขณะที่ไม่ทำเลย มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ถึง 45 % เลยทีเดียว การวิจัยนี้สามารถนำไปปรับใช้กับเด็กที่ชอบเล่นสกปรกหรือเล่นหรือเล่นกับสัตว์เลี้ยง แต่เด็กในเมืองอาจจะต้องเสี่ยงกับโรคภูมิแพ้มากหน่อย เพราะมีกลิ่นหนูหรือกลิ่นแมลงซึ่งเป็นมลพิษทางอากาศ และเด็กอาจสูดดมเข้าไปได้ แต่แม้ว่าการวิจัยจะออกมาเป็นแบบนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า พ่อแม่จะสนับสนุนให้เด็กทำพฤติกรรมแบบนี้ได้ เพราะบางทีอาจมีเชื้อโรคติดมากับมือด้วย ที่สำคัญหากดูดนิ้วนานเกินไป อาจทำให้มีปัญหาในช่องปากเมื่อฟันแท้ขึ้น เพื่อนๆ คิดยังไงกับการวิจัยนี้บ้างเอ่ย แต่…
-
นักวิจัยเผย ในอนาคตเราจะเห็น ‘ความฉลาด’ ของเด็กตั้งแต่อยู่ในท้อง ข่าวดีหรือหายนะของเด็ก!?
สำหรับพ่อแม่แล้ว เชื่อว่าทุกคนต้องหวังอยากให้ลูกของตนเองเติบโตขึ้นมาเป็นคนเก่ง คนฉลาด กันทั้งนั้น แต่แน่นอน ไม่มีใครทราบได้ว่า อนาคตของลูกๆ พวกเขาจะเติบโตมาเป็นคนเก่งหรือไม่ จนกว่าจะถึงวันที่พวกเขาเติบโตขึ้นมาจริงๆ แต่ล่าสุดนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย King’s College ในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษเผยว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ เราอาจทราบ “ความฉลาด” ของลูกได้ตั้งแต่ในท้อง ผ่านการตรวจดีเอ็นเอ!! ทางนักวิจัยได้คิดค้น Polygenic Score หรือค่าคะแนนทางพันธุกรรม โดยมีพื้นฐานมาจากตัวแปรทางพันธุกรรม 74 ตัว ซึ่งเกี่ยวข้องกับสมรรถภาพในการเรียนรู้ของมนุษย์ นั่นแปลกว่า เราอาจ “คาดเดา” ความเก่งกาจในการเรียนหนังสือของบุคคลนั้นๆ ผ่านทางการตรวจดีเอ็นเอนั่นเอง รายงานกล่าวว่า ความสำเร็จทางการศึกษาของคนทั่วไป จะขึ้นอยู่กับลักษณะของดีเอ็นเอถึง 10% เลยทีเดียว อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายอาจเป็นกังวลว่า การที่เราสามารถวัดความสามารถของลูกได้ตั้งแต่ในท้อง จะทำให้เกิดปัญหากับเด็กหรือเปล่า เพราะพ่อแม่หลายคนอาจรู้สึกผิดหวัง หากได้ทราบผลว่าลูกของพวกเขาอาจไม่ประสบผลสำเร็จในการเรียนแล้ว หรือนี่มันอาจจะนำไปสู่ปัญหาการทำแท้งเพราะได้ลูกไม่ฉลาด หรือกระทั่งไม่ภาคภูมิใจในพวกเขาตั้งแต่แรกด้วย!? แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง การที่พ่อแม่สามารถรู้ได้ว่าลูกของพวกเขาจะประสบความสำเร็จในการศึกษาหรือไม่ จะเป็นเรื่องดีหรือว่าเรื่องเลวร้ายกันแน่ ลองแสดงความเห็นกันเข้ามานะเหมียววว ที่มา…
-
เปิดแฟ้มคดี ‘D.B Cooper’ คนร้ายที่ตามจับยากสุดในอเมริกา และคงเป็นปริศนาไปตลอดกาล…
มีตำรวจก็ต้องมีผู้ร้าย ถึงเราจะยินข่าวตำรวจจับผู้ร้ายแทบทุกวัน แต่ก็จับไม่หมดสักที และมีหลายคดีที่ทำยังไง ก็ตามตัวไม่ได้ จึงทำให้คนร้ายหลายคนลอยนวล หรือกลายเป็นบุคคลหายสาบสูญไป เหมือนกับคดีคนร้ายที่ชื่อว่า D.B.Cooper ที่ FBI ต้องการตัวมากที่สุดในโลกคนหนึ่ง สำหรับคนที่ยังงงอยู่ว่า ทำไมเขาจึงกลายเป็นคนที่ถูกค้นหาขนาดนี้ เราจะเปิดแฟ้มประวัติเค้าให้ดูกันสักหน่อย โดยเรื่องของ Cooper เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 1971 เมื่อเขาได้ทำการจี้เครื่องบิน “โบอิ้ง 727” ในขณะที่เครื่องบินกำลังบินอยู่ ซึ่งจากข้อมูลระบุว่าก่อนหน้านี้เขาดูแนบเนียนไม่ได้มีพิรุธอะไร เมื่อเครื่องบินออกไปได้ระยะหนึ่ง เขาก็ได้เรียกพนักงานคนหนึ่งบนเครื่องมามา แล้วเปิดข้อความให้เธออ่าน ในข้อความเขียนว่า ‘ผมมีระเบิดอยู่ ผมต้องการเงิน 200,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ พร้อมร่มชูชีพ 4 อัน’ เมื่อพนักงานได้อ่านข้อความเสร็จ เธอก็ตั้งสติ ค่อยๆ เดินกลับไปบอกกัปตัน และเมื่อ Cooper รู้ว่าข้อเสนอของเขาได้รับการตอบรับ เขาก็สั่งให้เอาเครื่องลงจอดทันที ภาพสเก๊ตของ Cooper ตอนใส่แว่นกับไม่ใส่ ในขณะที่เครื่องลงจอดที่สนามบินในซีแอทเทิลประมาณ 5 โมงเย็น Cooper ไม่ยอมปล่อยตัวผู้โดยสารคนอื่น จนกว่าจะได้ของตามที่ต้องการ ตำรวจจึงต้องหาให้เขาตามนั้น เมื่อได้แล้วเขาก็ปล่อยตัวผู้โดยสาร และสั่งให้นำเครื่องบินขึ้นอีกครั้งตอนราวๆ…
-
16 ภาพขยายสิ่งรอบตัวจาก ‘กล้องจุลทรรศน์’ อาจจะเคยเห็นมัน แต่ไม่ใช่ในมุมมองนี้แน่ๆ
ปกติเวลาเราเห็นสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เราก็คงเห็นและรู้รายละเอียดแบบผ่านๆ เพราะสายตาเราไม่สามารถมองเห็นได้ชัดกว่านั้นแล้ว แต่ถ้ามีเครื่องขยายช่วยทำให้เรามองเห็นรายละเอียดยิบย่อยของสิ่งต่างๆ ล่ะ อยากรู้มั้ยว่า มันเป็นยังไง เรามาดู 16 ภาพของสิ่งต่างๆเหล่านี้กันเลยดีกว่า ชัดมาก ชัดจนแบบไม่รู้จะชัดยังไงแล้ว!! 1. ลิ่มเลือด คือมวลของเลือดที่เปลี่ยนจากของเหลวไปเป็นเลือดที่มีลักษณะนิ่มๆ เหมือนเจล ซึ่งสามารถป้องกันไม่ให้เสียเลือดมากเกินไปเมื่อมีบาดแผล 2. ขนตา ขนตาของคนเรานั้นจะยาว 0.16 มิลลิเมตรต่อวัน ดังนั้นถ้าเราตัดขนตา มันก็จะขึ้นมาอีกเรื่อยๆ 3. ไรขนตา Rosacea คือปรสิตผิวหนังที่พบได้บ่อย โดยเจ้าตัวนี้จะอยู่ตามรูขุมขนบริเวณใบหน้าของเรา 4. หนอนน้อยชอนไช มักจะอยู่ในที่ๆ มีสิ่งของเน่าเปื่อย และบางทีมันก็ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคบางชนิดด้วย 5. มดตะนอย อาศัยอยู่ตามใต้ต้นไม้บางครั้งก็ไต่ตามลวดของราวตากผ้า ลักษณะเป็นมดตัวใหญ่ๆ ตัวแดง หัวดำ ตูดดำ และเวลาโดนมันกัดเนี่ย แสบจี๊ดเลยละ 6. ตัวอ่อนของไก่ ขั้นตอนแรกของตัวอ่อนไก่ เรียกว่า Blastoderm ซึ่งตัวอ่อนจะอยู่ในที่ๆอุณหภูมิอบอุ่น และประมาณ…
-
แฟ้มภาพสุดสะเทือนใจ “แรงงานเด็กในบังกลาเทศ” กับโชคชะตาที่พวกเขาไม่มีสิทธิ์เลือก..
พูดถึงวัยเด็ก หลายคนอาจนึกถึงช่วงเวลาที่สนุกสนานกับการเล่นสนุกโดยไม่ต้องมีพันธะผูกพันกับเรื่องใดๆ ให้ปวดหัว ถือว่าเป็นวัยที่ใช้ชีวิตอย่างที่พวกเขาต้องการ แต่รู้หรือไม่ จากรายงานของ UNICEF และ ILO เด็กๆ กว่า 7.1 ล้านคนในบังกลาเทศ ต้องทนทุกข์ทรมานกับปัญหาถูกบังคับใช้แรงงานเด็กอย่างหนักหน่วง จนแทบไม่ได้ใช้ชีวิตวัยเด็กอย่างที่พวกเขาควรจะได้รับ ด้วยเหตุนี้เองช่างภาพ GMB Akash จากบังกลาเทศจึงถ่ายภาพ “Angels in Hell” ชุดนี้ออกมา เพื่อให้โลกได้เห็นว่า เด็กๆ เหล่านี้ต้องทุกข์ทรมานขนาดไหนกับชีวิตที่พวกเขาไม่มีวันได้เลือกเอง หลายๆ คนถูกบังคับให้ทำงานในโรงงานต่างๆ บางคนถูกล่ามโซ่ไว้เพื่อไม่ให้หนีไปไหน บางคนก็ถูกบังคับให้ทำงานในเหมืองทอง บางทีพวกเขาอาจไม่เคยรู้เลยว่า ชีวิตวัยเด็กที่แท้จริงควรจะเป็นอย่างไร… เพียงหวังว่าซักวัน ที่เทพธิดาตัวน้อยเหล่านี้จะหลุดออกไปจากขุมนรกได้เสียที… . . . . . . . . ก็ได้แต่หวังว่าความช่วยเหลือจะไปถึงพวกเขาในเร็ววันนะฮะ พวกเขาจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นเสียที เห็นแบบนี้แล้วเพื่อนๆ อย่าสนับสนุนแรงงานเด็กเลยนะฮะ มันโหดร้ายเกินไปจริงๆ ที่มา gmbakash
-
ศิลปินเสนอภาพวาดสามมิติสุดเจ๋งบนฝ่ามือ ที่เห็นแล้วอาจไม่เชื่อสายตาตัวเอง!
วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ ขอเอาใจเพื่อนๆ ที่รักงานศิลปะ ด้วยการพาไปชมกันภาพวาดสามมิติสุดเจ๋งบนฝ่ามือผลงานของศิลปินชาวอิตาลีคนหนึ่ง ที่รับรองว่าเพื่อนๆ เห็นแล้วต้องขยี้ตาตนเองแน่นอน โดยศิลปินคนนี้มีชื่อว่า Luca Luce เขาทำงานเป็นช่างแต่งหน้าให้กับรายการทีวีต่างๆ และงานอดิเรกอีกอย่างของเขาคือการสร้างภาพสามมิติขึ้นมาบนฝ่ามือของตนเอง เราลองไปชมกันเลย . . . . . . . . . . . . . . . . . หลายคนอาจสงสัยว่าเขาวาดยังไง เรามีคลิปให้ดูด้วยนะ สุดยอดจริงๆ ใครชื่นชอบผลงานของศิลปินท่านนี้ก็ลองเข้าไปเยี่ยมชมเฟสบุ๊คและไอจีส่วนตัวของเขาได้ที่ด้านล่างเลยนะฮะ ในนั้นยังมีผลงานดีๆ ให้ชมอีกเพียบแน่นอน ที่มา Boredpanda
-
อย่าทำเป็นเล่นไป…รวมวิธีในการดูแล “ปู๋” ของท่านชาย เพื่อตัวเองและคนที่คุณรัก
อวัยวะทุกส่วนในร่างกายล้วนมีความสำคัญต่อเราทั้งสิ้น แต่จะมีอวัยวะบางส่วนในร่างกายของเราเท่านั้นที่จะมีความสำคัญในบางเวลา นั่นก็คือองคชาติ หรือที่เราเรียกสั้นๆ ว่า “ปู๋” นั่นเอง (หรือ จู๋ หรือ หรรมส์ อะไรก็แล้วแต่จะเรียกกัน) บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องทะลึ่งไปหน่อย แต่ #เหมียวฟิ้น จะบอกว่าเราควรจะให้ความสำคัญกับอวัยวะส่วนนี้นอกเหนือจากตอนที่เราใช้มันขับถ่ายหรือตอนที่เราฟีทเจอริ่งนะ หากคุณดูแลความสะอาดได้ไม่ดีพอ มันอาจจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ตัวคุณและคนที่คุณรักได้เลยทีเดียว หากคุณยังเข้าใจผิดๆ หรือยังมีความรู้เกี่ยวกับการทำความสะอาดในพื้นที่ลับของคุณไม่เพียงพอล่ะก็ ขอให้ลองมาทำความเข้าใจกับบทความต่อไปนี้ เราได้ทำการรวบรวมเอาวิธีทำความสะอาดปู๋ที่ถูกต้องและเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ จากผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์อย่าง นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ จากนิตยสารหมอชาวบ้าน และด็อกเดอร์คริส เอ็ม แมทสโกจากเว็บไซต์ WikiHow เราลองมาดูกันทีละข้อๆ เลยดีกว่า การทำความสะอาดแบบทั่วไป 1. ทำความสะอาดจุดนั้นอยู่บ่อยๆ ใช้น้ำเปล่าล้างสิ่งสกปรกออก ในช่วงที่คุณอาบน้ำ หากใครขลิปแล้วก็คือว่าดีไป แต่คนที่ยังไม่ได้ขลิปจะมีคราบขี้ไคลสะสมกันอยู่ในใต้ผิวหนัง หรือที่เราชอบเรียกกันว่า “ขี้เปียก” นั่นแหละ ฉะนั้นเวลาทำความสะอาดคุณควรจะดึงหนังหุ้มปลายออกมาให้สุดเสียก่อนที่จะทำความสะอาด เพราะมันเต็มไปด้วยเชื้อโรคที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้ 2. ผิวหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายนั้นมีความบอบบางมาก ระคายเคืองได้ง่าย ควรใช้น้ำเปล่าล้าง แต่ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์สบู่…
-
พาทัวร์โรงหนังสุดหรูในเกาหลีใต้ จะทำให้คุณพบกับประสบการณ์เจ๋งๆ แบบไม่ลืมเลือน…
สำหรับเพื่อนๆ ที่รักการดูหนังแล้ว การได้เข้าใช้บริการในโรงหนังที่มีความสะดวกครบครัน ต้องบอกเลยว่าเป็นอะไรที่ฟินมากเลยทีเดียว และในปัจจุบันก็มีโรงหนังแบบต่างๆ ออกมาให้เราได้เลือกเข้าไปชมอย่างมากมาย บางที่ก็มีการปรับที่นั่งให้สบายยิ่งขึ้น มีบริการน้ำดื่มและอาหารใหม่ๆ น่าทานมากยิ่งขึ้น จนเรียกได้ว่าเปิดโรงแรมนอนดูหนังเลยทีเดียวล่ะ ฮร่า และวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมโรงภาพยนตร์ของที่เกาหลีกัน บอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่ไปไกลกว่าโรงหนังแล้วล่ะ จะเป็นอย่างไรนั้นลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… เรื่องมีอยู่ว่าแชแนลยูทูบ Do Stuff ได้ทำการถ่ายทำคลิปแนะนำสำหรับคนที่จะไปดูหนังที่ประเทศเกาหลีมาฝากกัน โดยแต่ละอย่างที่เค้าแนะนำมานั้นต้องขอบอกเลยว่าเหล่าคอหนังทั้งหลายจะต้องร้องว้าววว อย่างแน่นอน กฎข้อแรกนั้นก็คือ โรงหนังของเกาหลีนี่มันเจ๋งที่สุดแล้ว!! (ดูสิ ดู๊ดูวววว ><) ข้อที่สอง อย่าลืมซื้อหารเข้าไปทานในโรงด้วย (ที่ทางโรงหนังเค้ามีขายให้นะจ๊ะ) และที่สำคัญ มีเบียร์!!! ข้อที่สาม อย่าซื้อตั๋วธรรมดาๆ เด็ดขาด!! เพราะเพิ่มอีกเพียงแค่ไม่กี่ตังค์คุณก็จะได้สิทธิพิเศษแบบสารพัดสารเพเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นที่ใส่แก้ว 2 ทั้งสองข้าง ที่คุณจะสามารถตุนเบียร์ไว้ได้ถึง 2 แก้ว หรือจะเป็นหูฟัง Beats ส่วนตัว และช่องว่างเอาไว้วางสัมภาระส่วนตัว ทำให้คุณนั่งดูหนังได้อย่างสบายอารมณ์ …
-
ไขปัญหาระดับชาติ!! โฆษก ‘Heinz’ เผยความลับ วิธีเทซอสมะเขือเทศออกจากขวดที่ถูกต้อง
สำหรับการเทซอสมะเขือเทศออกจากขวดนั้น ต้องขอบอกเลยว่าเป็นปัญหาระดับชาติมายาวนานเหลือเกิน เพราะกว่าจะเทออกมาได้ซักหนึ่งหยดนั้นเป็นอะไรที่ลำบากเอาการเลยล่ะ แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว มีวิธีการแก้ไขปัญหาระดับชาตินี้มาฝากเพื่อนๆ กัน แบบว่ารู้ปุ๊บต้องร้อง อ๋อออ!! มันแค่นี้เองเหรอเนี่ย? เหมือนเส้นผมบังภูเขาเรามาตลอดเลย จะเป็นอย่างไรนั้นไปชมพร้อมกันเลยดีกว่า… และในที่นี้เราจะนำเสนอของยี่ห้อ Heinz นะ (แต่แบบอื่นๆ ก็น่าจะใช้เทคนิคเดียวกัน อิอิ) ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เฉพาะแค่ซอสมะเขือเทศเท่านั้นนะ ทั้งมายองเนส หรือซอสพริกก็ทำได้เช่นเดียวกัน และนี่คือความลับที่ทางโฆษกของ Heinz นำมาบอกต่อ ทุกคนคงจะเคยเห็นหมายเลข 57 เป็นตัวเลขนูนๆ ที่อยู่บริเวณคอขวดกันมาบ้างแล้ว และเจ้าจุดนี้แหละคือจุดที่จะต้องใส่ใจมันเป็นพิเศษ เริ่มจากการหันปากขวดลง จากนั้นก็ใช้สันมือเคาะเบาๆ ที่บริเวณจุด 57 นั้น และซอสมะเขือเทศแสนอร่อยก็จะไหลออกมาได้ง่ายขึ้น เขายังบอกอีกว่า…จากรายงานของ Heinz นั้น มีผู้บริโภคเพียง 11% จากทั้งหมดที่รู้ถึงความลับนี้ และนอกจากนี้เจ้าเลข 57 นี้ยังเป็นตัวเลขที่มีความลับอยู่อีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือเป็นตัวเลขที่แสดงถึง จำนวนผลิตภัณฑ์ของ Heinz ที่ได้ทำขึ้นมา (แม้ความจริงจะมีมากกว่านั้น)…
-
นี่คือ “คุณโกมล” หนุ่มไทยนักแข่งสแคร็บเบิลอันดับ 3 ของโลก แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักเขา!??
กลายเป็นคนมีชื่อเสียงในระดับโลกไปในทันที สำหรับคุณโกมล ปัญญาโสภณเลิศ โปรแกรมเมอร์ชาวไทยวัย 31 ปี ที่สร้างชื่อเสียงด้วยการเป็นนักแข่งเกมต่อคำภาษาอังกฤษหรือ สแคร็บเบิล (Scrabble) อันดับสามของโลก เขาเล่าว่า เขาหัดเล่นสแคร็บเบิลครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 14 ปี โดยทุกๆ วันเขาจะอ่านพจนานุกรมภาษาอังกฤษวันละ 6 ชั่วโมง เพื่อฝึกฝนทักษะการจำของตนเอง ที่น่าทึ่งคือ เขาสามารถจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ถึง 90 เปอร์เซ็นของทั้งหมดเลยทีเดียว แน่นอน การที่เขาสามารถเล่นเกมสแคร็บเบิลได้คล่องแคล่วแบบนี้ ย่อมแปลว่าทักษะภาษาอังกฤษของเขานั้นอยู่ในระดับพระกาฬเลยทีเดียว แต่นั่นไม่ได้หมายการที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว จะทำให้คุณเก่งเกมสแคร็มเบิลไปด้วย “การเล่นสแคร็บเบิลไม่ได้เกี่ยวข้องกับการพูดและแกรมม่าแต่อย่างใด มันเกี่ยวข้องกับความจำ ตรรกะ คณิตศาสตร์ อะไรพวกนี้มากกว่า หลายคนตกใจที่ผมพูดภาษาอังกฤษไม่ได้คล่องมากนัก แต่การจำคำศัพท์เป็นเรื่องที่สำคัญกว่าเยอะ” “ถ้าใกล้ถึงช่วงการแข่งขันรายการใหญ่ๆ อย่าง World Scrabble Championship ผมจะนั่งท่องพจนานุกรมภาษาอังกฤษทั้งวัน ไม่ว่าตอนตื่นหรือว่าตอนนอน ผมชอบการท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ และมันจะเป็นเรื่องดีมาก ถ้าผมมีงานอดิเรกที่ทั้งสนุกแล้วก็เงินได้” นับตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งขันสแคร็บเบิลมา เขาสะสมเงินรางวัลไปแล้วกว่า 1.5 ล้านบาท และได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกมากกมาย ตั้งแต่…
-
ชาวเน็ตถกประเด็น กรณีโรงเรียนแห่งหนึ่ง โพสต์รูปภาพเด็กลงโซเชียล เหมาะสมหรือไม่?
ดูจะเป็นประเด็นให้ชาวเน็ตได้ถกเถียงกันอยู่ในเวลานี้เลย สำหรับกรณีที่มีโรงเรียนแห่งนำภาพของเด็กนักเรียนหลายชั้นปีมาลงในเฟซบุ๊ก พร้อมกับข้อมูลชื่อ-นามสกุลอย่างชัดเจน จนเกิดคำถามขึ้นว่าเหมาะสมแล้วหรือไม่? เมื่อช่วงดึกของวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปที่ใช้นามแฝงว่า YaninGS ได้เข้ามาตั้งกระทู้ นำรูปนักเรียนขึ้นโพสต์บนFBแบบนี้ไม่เป็นไรเหรอคะ? พร้อมกับเล่าว่ามีเฟซบุ๊กเพจของโรงเรียนแห่งหนึ่งลงภาพและข้อมูลของนักเรียนอย่างละเอียด แต่สิ่งที่เธอเป็นห่วงก็คือการแสดงความคิดเห็นของชาวเน็ตต่อรูปภาพดังกล่าว ที่เป็นการชมเชยว่าเด็กหญิงในภาพนั้นมีหน้าตา “น่ารัก” “อยากจับมาไว้ที่บ้าน” “จอง” ซึ่งออกไปในทางลามกอนาจาร พร้อมกับได้แสดงความเป็นห่วงถึงเด็กๆ ที่ถูกนำภาพมาเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต หลังจากที่กระทู้นี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างมากมาย อย่างเช่นแอดมินเพจชื่อดังอย่างจ่าพิชิตแห่ง Drama-addict ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเผยแพร่ภาพเด็กลงในโลกออนไลน์ เพราะนอกจากจะเจอกับคอมเม้นในด้านไม่ดีแล้ว ยังเป็นการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวให้กับเหล่ามิจฉาชีพได้รู้ ส่งผลให้เด็กเป็นอันตรายเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงหรือลักพาตัวด้วย จากพฤติกรรมเหล่านี้#เหมียวฟิ้นมองว่าค่อนข้างเข้าข่ายผู้มีอาการ Lolita complex หรือเรียกง่ายๆ คือ Lolicon เป็นอาการของผู้ที่มีอายุมาก แต่กลับมีความรู้สึกเสน่หาในเด็กผู้หญิงที่อายุน้อยราวๆ 10-20 ปี หรือในบางรายอาจต่ำกว่านั้น กลุ่มคนเหล่านี้มักชื่นชอบภาพ วิดีโอ หรือการ์ตูนที่มีความเกี่ยวข้องกับเด็กๆ พฤติกรรมเหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าเป็นการส่งเสริมการล่วงละเมิดทางเพศในเด็ก ในหลายๆ ประเทศพยายามจะออกกฎหมายหรือบทบัญญัติให้พฤติกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องผิดกฎหมาย การที่มีรสนิยมชื่นชอบในตัวเด็กนั้นไม่ถือเป็นเรื่องที่ผิดอะไร หากพฤติกรรมเหล่านั้นไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายในเด็ก ไม่เผยแพร่ภาพเด็กไม่ว่าจะรูปแบบปกติหรือภาพลามกอนาจาร เพราะในประเทศไทยเองมีกฎหมายคุ้มครองเรื่องการเผยแพร่ภาพเด็กอยู่เหมือนกัน ตามพระราชบัญญัติ คุ้มครองเด็ก เมื่อปีพ.ศ. 2546 มาตรา 27 ได้มีการระบุว่าห้ามมิให้ผู้ใดเผยแพร่ภาพหรือข้อมูลเกี่ยวกับเด็กลงในสื่อใดๆ ก็ตาม หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 6…
-
เรื่องราวของ Steve Ludwin ชายผู้เสพติดการฉีดพิษงูเข้ากระแสเลือดมากว่า 30 ปีเต็ม!?
โลกของเราใบนี้ก็มีเรื่องแปลกๆ มากมาย แต่วันนี้ #จ่าสิบเหมียว อยากจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับนักดนตรีคนหนึ่ง Steve Ludwin ในวัย 49 ปี ที่ต้องบอกตรงๆ ว่าเขาดูหนุ่มเกินอายุของเขามากๆ และเรื่องที่แปลกที่สุดก็คือเขาได้ทำการฉีดพิษงูเข้าร่างของตัวเองมาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปีเต็มแล้ว!!!? ‘ขณะที่คนอื่นๆ เสียเงินเสียทองไปกับการออกกำลังกายในยิม ผมอยู่บ้าน ฉีดพิษงูเข้าร่าง เพื่อเป็นการบริหารระบบภูมิคุ้มกันของผม’ Steve กล่าว จากคำบอกเล่าของเขา เขาจะรู้สึกสดชื่นมากๆ หลายชั่วโมงหลังฉีดพิษงูเข้าไป แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่เขาฉีดพิษงูเข้าร่างนะ นอกจากนี้เขายังให้เหตุผลว่าเป็นการป้องกันตัวเองจากการโดนงูกัดด้วย!? จากสถิติของ World Health Organisation ในแต่ละปีมีคนตายหรือพิการเพราะพิษงูกว่า 100,000 คนจากทั่วโลก ซึ่งการรักษาแบบเดียวในปัจจุบันก็คือการสกัดยาแก้พิษจากเลือดม้า แต่บางครั้งก็มีปัญหาในการปรับตัวเข้าสู่กระแสเลือดของมนุษย์เช่นกัน การฉีดพิษงูของหนุ่มใหญ่คนนี้ก็ไม่ได้ทำด้วยตัวเองนะจ๊ะ อยู่ในความดูแลของทางบริษัท VenomAB แห่งประเทศเดนมาร์ก ที่กำลังคิดค้นยาแก้พิษงูที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม และถ้าสามารถทำโปรเจ็คต์นี้ได้ แน่นอนว่าจะเป็นประโยชน์มากมายต่อมนุษยชาติเลยทีเดียว แต่เขาก็เตือนว่าการกระทำนี้มีความอันตรายสูงมาก ไม่ควรลอกเลียนแบบนะจ๊ะ เพราะโดยพื้นฐานแล้วเขาค่อนข้างมีภูมิคุ้มกันต่อพิษที่ดีเลยล่ะ ในที่พักของเขามีงูพิษอยู่ด้วยทั้งหมด 18 ตัว รวมไปถึงสัตว์เลื้อยคลานอีกหลายประเทศ และแมวเหมียวอีกหนึ่งตัว… ‘ความคลั่งไคล้ในงูของผมเริ่มขึ้นเมื่อผมอายุได้ 10…
-
มารู้จักกับ “พัลกาซารี” ก็อตซิลล่าเวอร์ชั่นเกาหลีเหนือ ของอดีตผู้นำ “คิมจองอิล”
พูดถึงประเทศเกาหลีเหนือ สำหรับหลายๆ คนประเทศนี้คือดินแดนสนธยาที่น้อยคนนักจะเคยเข้าไปเหยียบ และด้วยความที่ประเทศเกาหลีเหนือเป็นประเทศปิด ทำให้บุคคลภายนอกรู้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับเกาหลีเหนือน้อยเหลือเกิน แต่รู้หรือไม่ ประเทศเกาหลีเหนือเคยมีหนังสัตว์ประหลาดบุกโลกเป็นของตัวเองด้วยนะ แถมได้ทีมงานผู้สร้างหนังสัตว์ประหลาดบุกโลกในตำนานอย่างก็อตซิลล่ามาช่วยทำด้วยอีกต่างหาก เราไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า ย้อนไปในอดีต ด้วยความที่ “คิมจองอิล” อดีตผู้นำเกาหลีเหนือชื่นชอบหนังแนวสัตว์ประหลาดบุกโลกเป็นอย่างมาก ทำให้เขาอยากจะสร้างหนังสัตว์ประหลาดบุกโลกของตนเองขึ้นมา นอกจากจะสนองต่อความต้องการส่วนตัวแล้ว เขายังอยากใช้หนังเรื่องนี้เป็นหน้าเป็นตาของประเทศเกาหลีเหนือต่อชาวโลกอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เขาจึงลักพาตัว Shin Sang-ok ผู้กำกับชื่อดังชาวเกาหลีใต้และภรรยาของเขา Choi Eun-hee มายังเกาหลีเหนือและบังคับให้สร้างหนังแนวสัตว์ประหลาดบุกโลกให้ และหนังเรื่อง “พัลกาซารี (Pulgasari)” ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา พัลกาซารี (Pulgasari) เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคราชวงศ์โครยอของเกาหลี เมื่อบ้านเมืองเข้าสู่กลียุค หลังจากการขึ้นครองบัลลังค์ของกษัตริย์ผู้ชั่วร้าย นายช่างผู้มีฝีมือคนหนึ่งพยายามต่อต้านกษัตริย์ผู้ชั่วร้ายองค์นี้ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกจับขังคุก ระหว่างที่อยู่ในคุก เขาได้แกะสลักตุ๊กตาสัตว์ประหลาดด้วยเมล็ดข้าวเอาไว้ตัวหนึ่ง และเมื่อตุ๊กตาตัวนั้นได้สัมผัสกับเลือดของลูกสาวนายช่าง มันก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดตัวยักษ์ขึ้นมาทันที และสัตว์ประหลาดตัวนี้เองก็ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบของกลียุคของกษัตริย์ผู้ชั่วร้ายผู้นี้ นอกได้ผู้กำกับชื่อดังชาวเกาหลีใต้มาแล้ว หนังเรื่องนี้ยังได้ทีมงานจาก Toho Studio ของญี่ปุ่นอย่าง Teruyoshi Nakano ผู้ให้กำเนิดก็อตซิลล่าตัวจริงมาร่วมในกระบวนการสร้าง รวมถึงได้ Kenpachiro Satsuma สตั้นแมนผู้สวมชุดก็อตซิลล่ามาสวมชุดพัลกาซารีอีกด้วย (ทั้งสองถูกลักพาตัวมาเช่นเดียวกัน) เมื่อหนังถ่ายทำเสร็จ ทั้ง Teruyoshi…
-
นโยบายระดับเทพของ Google ที่ให้พนักงานสามารถ ‘บริจาค’ วันหยุดให้คนอื่นๆ ได้!!!
ถ้าพูดว่าบริษัท Google นั้นเป็นหนึ่งในบริษัทระดับโลก หลายๆ คนก็คงไม่มีใครกังขากันในเรื่องนี้ และแน่นอนกว่าจะก้าวมาเป็นบริษัทระดับโลกได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และถ้าทำเหมือนบริษัททั่วๆ ไปพวกเขาคงไม่ได้มายืนถึงจุดนี้ใช่รึเปล่า?? นโยบายวันหยุดของพนักงานที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากที่อื่น กล่าวคือตามอายุงาน พนักงานอายุงาน 1-3 ปีจะสามารถหยุดได้ 15 วัน พนักงานอายุงาน 4 ปีสามารถหยุดได้ 20 วัน และถ้าทำมากกว่า 6 ปีพวกเขาจะสามารถหยุดได้ถึง 25 วันเลยทีเดียว!!! เรียกได้ว่าเป็นวันหยุดที่มากพอสมควร แต่เพื่อนๆ เคยได้ยินเรื่องการบริจาควันหยุดระหว่างพนักงานรึเปล่า!? เรื่องของเรื่องคือระบบในรูปแบบนี้เข้ามาเมื่อพ่อแม่ของพนักงานคนหนึ่งป่วย แน่นอนเขาใช้วันลาของเขาหยุดลาไปเพื่อดูแลสมาชิกในครอบครัว แต่เมื่อวันลาของเขาหมดอาการของพ่อแม่ก็ยังไม่ดีขึ้น เพราะฉะนั้นเขาต้องเลือกระหว่างการถูกหักเงินหรือกลับมาทำงานทั้งๆ ที่พ่อแม่ยังป่วยอยู่… หนึ่งในเพื่อนร่วมงานของเขาก็เกิดปิ๊งไอเดียเกี่ยวกับเรื่องการบริจาควันหยุดขึ้น และทำเรื่องขอฝ่ายบริหารเพื่อให้เพื่อนของเขาสามารถเอาวันหยุดของตัวเองไปได้ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการบริจาควันหยุดในบริษัท Google ล่ะ!!! การบริจาควันหยุดในกลุ่มพนักงาน… Laszlo Bock หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลของทางบริษัท Google ได้พูดเรื่องนี้ในวันที่เหล่าพนักงานพาพ่อแม่มาเยี่ยมชมที่ทำงานของพวกเขา ‘หลังจากนั้นมาเราก็มีนโยบายมอบวันหยุดให้กับเพื่อนร่วมงาน สิ่งที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ก็คือมันเป็นน้ำใจที่คุณสามารถให้เพื่อนร่วมงานของคุณได้’ เขากล่าว สิ่งหนึ่งที่ Google พยายามจะมอบให้กับเหล่าพนักงานของพวกเขาก็คือสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน ที่สำคัญที่สุดคือการกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และอิสระในการทำงานกับพวกเขา…
-
พิสูจน์ความงามกับวิทยาศาสตร์ เผยรูปหน้าสวยงามที่สุด ตามทฤษฎีสัดส่วนทองคำ!?
ถ้าหากเรามาพูดกันถึงเรื่องของความสวยความงามแล้ว อันที่จริงมันก็เป็นเรื่องของรสนิยมส่วนตัวที่แตกต่างกันออกไปตามวิถีสังคม หรือ วัฒนธรรมต่างๆ แต่คราวนี้วิทยาศาสตร์จะพาให้เราไปรู้จักกับ ‘Golden Ratio’ หรือ ‘สัดส่วนทองคำ’ ที่เป็นหลักสำหรับใช้คำนวณกันมาตั้งแต่ยุคกรีกโบราณเชื่อกันว่ามันคือสัดส่วนของความงามที่สมบูรณ์แบบที่สุดตามธรรมชาติ ถ้ายึดกันตามหลักทฤษฎีนี้แล้ว ดาราสาว Amber Heard คือผู้ที่มีสัดส่วนทองคำบนใบหน้าที่สวยงามที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้… Dr. Julian De Silva ศัลยแพทย์ท่านหนึ่งได้เปิดเผยการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า องค์ประกอบที่จะทำให้เกิดคุณลักษณะเด่นเช่นนี้ประกอบไปด้วย ริมฝีปาก, จมูก, ตา, คิ้ว, คาง, หน้าผาก และรูปทรงของหน้า เมื่อเราลองนำภาพของ Amber Heard มาเทียบกับสัดส่วนนี้ดูแล้วพบว่ามีความเข้ากันได้ถึง 91.85% เลยทีเดียว ดาราดังอีกคนที่มีรูปหน้าเข้ากับทฤษฏีนี้คือ Kim Kardashian เมื่อวัดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วใบหน้าของเธอเข้ารูปมากถึง 91.39% เลยนะ… อีกหนึ่งสาวงามที่มีใบหน้าใกล้เคียงกับสัดส่วนนี้มากที่สุดก็คือ Emily Ratajkowski นางแบบชื่อดังจากสหราชอาณาจักร ที่มีความเข้ากันได้ของสัดส่วนมากถึง 90.8% หลายๆคนอาจเกิดข้อสงสัยว่าใบหน้าที่เข้าสัดส่วนตามทฤษฏีความงามนี้ถึง 100% จะเป็นยังไงนะ? เหล่านักวิทยาศาสตร์จึงลองนำเอาจุดเด่นจากบนใบหน้าของคนดังทั้งหลายมารวมกันด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ผลลัพธ์ที่ได้ก็ออกมาดังนี้… มาดูกันดีกว่าว่าใบหน้าที่ตรงตามทฤษฏีสัดส่วนทองคำเป๊ะๆ…
-
จินตนาการบนความสิ้นหวัง หากโลกนี้ปราศจาก ‘อารยธรรมของมนุษย์’ โดยศิลปินชาวอังกฤษ!!
พูดถึงเรื่องอนาคต เราคงเคยเห็นการคาดเดาพยากรณ์มากมาย ไม่ว่าจะมาจากนักวิทยาศาสตร์หรือหมอดู หรือภาพยนตร์ที่เราเคยดู เช่น 2012 วันสิ้นโลก สะท้อนให้เห็นว่ามันช่างหดหู่เหลือเกิน เช่นเดียวกับศิลปินคนนี้ที่มีความสนใจในเรื่องโลกอนาคต Noro8 หรือในชื่อ Norbert ศิลปินจากสหราชอาณาจักร ผู้ชำนาญในเรื่องการทำภาพดิจิตอล โดยมุมมองที่เขาสนใจและถ่ายทอดออกมานั้นเป็น โลกที่สิ้นสุดอารยธรรมมนุษย์ หรือโลกที่ไม่มีมนุษย์นั่นเอง เขาได้แรงบันดาลใจจากการที่เห็นว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความเห็นแก่ตัว และการคาดเดาถึงอนาคตต่างๆ มากมาย เขาจึงถ่ายทอดภาพที่ดูเหมือนจะเป็นลางสังหรณ์ของเขาเกี่ยวกับโลกนี้ออกมา และนี่คือภาพที่เขาสร้างด้วยเทคนิคที่เขาชำนาญ ซึ่งทำให้เราถึงกับอดคิดไม่ได้ว่า หากไม่มีมนุษย์ โลกจะเป็นแบบนี้จริงๆหรอเนี่ย?? . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .…
-
Najih Shaker Al-Baldawi ชายผู้สละชีพตัวเองสวมกอดมือระเบิด เพื่อช่วยชีวิตคนนับร้อย…
สำหรับคำกล่าวที่ว่า ‘สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ’ นั้น ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน #จ่าสิบเหมียว ก็คิดว่าคำพูดนี้ยังสามารถใช้ได้เสมอ และส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของการเป็นวีรบุรุษนั้น ก็คือการที่พวกเขาเสียสละนั่นเอง และนี่ก็คือเรื่องราวของชายคนนี้ Najih Shaker Al-Baldawi ชายชาวอิรักที่อ้าแขนโอบกอดความตายเบื้องหน้าอย่างเต็มใจ เพื่อช่วยให้ชีวิตอื่นๆ ได้รอด!!! Najih Shaker Al-Baldawi ราวๆ สัปดาห์ก่อน สมาชิกกลุ่มก่อการร้าย ISIS ได้ทำการระเบิดพลีชีพที่โบสถ์นิกายชีอะฮ์ แถบตลาดใจกลางเมือง Balad ประเทศอิรัก สิ่งก่อสร้างไม่ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดนัก มีผู้เสียชีวิตราวๆ 40 คน ซึ่งแน่ล่ะอาจจะมากกว่านี้ถ้าไม่ได้ฮีโร่คนนี้ช่วยไว้ จากพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า วินาทีที่กลุ่มก่อการร้ายเผยตัวว่าเป็นมือระเบิดพลีชีพ Al-Baldawi ซึ่งเป็นคนในท้องถิ่นที่หลายๆ คนรู้จักกันดี ได้วิ่งเข้าไปหามือระเบิดแล้วสวมกอดเค้าไว้ ทำให้แรงระเบิดลดลง มีการคาดการณ์กันไว้ว่าถ้าไม่ได้เขาคนนี้จำนวนผู้เสียชีวิตอาจพุ่งสูงถึงหลักร้อยเลยทีเดียว ชาวเน็ตโพสต์สรรเสริญการกระทำของเขา… สุดท้ายแล้วเราก็เห็นได้ว่า ไม่ได้มีแค่คนศาสนาอื่นเท่านั้นที่ถูกผู้ก่อการร้ายโจมตี ชาวมุสลิมด้วยกันเองก็ถูกเหล่าผู้ก่อการร้ายโจมตีเช่นกัน เพราะฉะนั้นเราต้องแยกให้ออกระหว่างชาวมุสลิมกับผู้ก่อการร้าย อย่าเหมารวมกันนะจ๊ะ!! สุดท้ายนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็ขอร่วมเป็นอีกหนึ่งเสียงชื่นชมการกระทำในครั้งนี้ของเขา ผู้ที่เสียสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องผู้อื่น…นี่แหละ วีรบุรุษตัวจริงล่ะ!!! ที่มา: Aplus
-
วิตามินจากแดดเป็นสิ่งที่ดี แต่ระวังเหมือน 14 คนนี้ เพราะโดนแดดมากไป มันก็ไม่ดีเลย!!
วัฒนธรรมของชาวตะวันตกมักจะใช้เวลาว่างไปกับการอาบแดดเพื่อให้ผิวพรรณตัวเองดูดีมีความเข้มมากขึ้น ซึ่งตามรสนิยมของพวกเขาแล้วเชื่อกันว่าคนไหนที่มีผิวเข้มจากการอาบแดดจะทำให้ดูสวยขึ้น เซ็กซี่มากขึ้น รวมไปถึงสามารถบ่งบอกฐานะได้เลยทีเดียว วิตามินจากแดดยามเช้านับว่าเป็นเรื่องที่ดี…. แต่ถ้าหากว่าใช้เวลากับมันมากเกินไประวังผิวจะกลายเป็นอย่าง 14 คนที่นำมาให้ดูกันนี้นะจ๊ะ รับรองว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ๆ 1. ทำยังไงถึงอาบแดดจนผิวลอกแต่ยังขาวซีดได้แบบนี้อยู่นะ? 2. นี่พี่แกอาบแดดยังไงให้มีลายนิ้วมือติดมาแบบนี้ 555+ 3. หรือว่าจะอาบแดดนานจนผิวไหม้แถมยังลอกออกมาขนาดนี้ก็ได้นะ 4. อาบแดดซะจนสีผิวกลายเป็นสีเดียวกับดอกกุหลาบบนชุดของเธอซะแล้ว 5. เชื่อว่าสาวๆหลายๆคนคงเข้าใจภาพนี้ดี 6. ดูแผ่นหนังที่มันหลุดลอกออกมาพวกนั้นสิ….. 7. ไม่ใช่กางเกงแลคกิ้งนะจ๊ะ บอกไว้ก่อน 8. สงสัยแดดจะแรงจัด แขนกลายเป็นสองสีไปซะงั้น 9. บทเรียนข้อที่ 1 อย่าเผลอหลับขณะอาบแดด 10. ถ้าหนังพี่จะลอกขนาดนี้ ก็ไม่ต้องพกกันละกระเป๋าเนี่ยยยย!!! 11. นี่ก็อาบแดดซะจนมันลอกได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย 12. ไม่มีคำบรรยายใดๆที่จะลึกซึ้งได้เท่าความเจ็บปวดของพี่คนนี้ (คงแสบน่าดู) 13. การสวมหมวกก็เป็นเรื่องที่ดีถ้าต้องตากแดดนานๆ ไม่งั้นอาจจะกลายเป็นแบบนี้ได้…
-
คุณพ่อญี่ปุ่นสอนลูกสาวเรื่อง ‘การดื่มเหล้า’ บทเรียนดีๆ ชวนซึ้ง ที่ทุกคนควรได้อ่าน…
คงไม่มีใครปฏิเสธคำกล่าวที่ว่า ‘ลูกสาวนั้นก็เหมือนนางฟ้าตัวน้อยๆ ของคุณพ่อ’ แน่ล่ะพ่อๆ ทุกๆ คนก็อยากจะปกป้องลูกสาวของตัวเอง ไม่ให้ไปเจอสิ่งร้ายๆ แย่ๆ ในชีวิต เพราะไม่มีใครอยากเห็นพวกเธอมาร้องห่มร้องไห้เสียใจกันหรอก!!! อย่างหนึ่งที่คุณพ่อมักจะกังวลกันเกี่ยวกับลูกสาวนอกจากเรื่องหนุ่มๆ แล้วก็เห็นจะเป็นเรื่องการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์นี่แหละ ซึ่งล่าสุดก็ได้มีคุณพ่อชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง สอนลูกสาวเรื่องการดื่มเหล้าด้วยตัวเขาเอง โดยเนื้อหาเหล่านี้ถูกแชร์ลงไปในทวิตเตอร์ของ @kyusyugirl1 และถูกใจผู้คนเป็นอย่างมาก จนชาวเน็ตมาร่วมถล่มไลค์ซะกระจายเลยล่ะ พ่อแม่ที่ดีนั้นไม่ใช่คนที่จะคอยห้ามไปซะทุกๆ เรื่อง แต่เป็นผู้ที่สอนให้พวกเขาสามารถรับมือกับเรื่องเหล่านั้นได้มากกว่า… เนื้อหาในจดหมายก็ประมาณว่า ตอนสมัยฉันยังเป็นเด็กนั้น ฉันยอมรับเลยว่าตัวเองเป็นเด็กที่ค่อนข้างจะเกเรเลยทีเดียว คบเพื่อนร้ายๆ และไปทำเรื่องโง่ๆ ด้วยกัน แต่กระนั้นก็ไม่เคยเดือดร้อนจากเรื่องที่ตัวเองทำเลยแม้แต่ครั้งเดียว พอถึงอายุที่ฉันสามารถดื่มได้ ฉันคิดว่าพ่อและและแม่ในตอนนั้นก็เป็นห่วงอยู่มากเหมือนกัน ตอนนั้นพวกท่านก็ไม่รู้ว่าจะพูดกับฉันว่ายังไงเพราะรู้อยู่แล้วว่าห้ามอะไรฉันไม่ได้ จนวันหนึ่งคุณพ่อได้เข้ามาคุยอย่างจริงจังและพูดกับฉันว่า… ‘นี่ลูก สักวันเราไปกินเหล้าข้างนอกด้วยกันนะ ลูกอยากไปที่ไหนก็ได้ สั่งอะไรก็ได้ มันคงจะสนุกมากๆ แน่ๆ’ คุณพ่อกล่าว ก็เหมือนอย่างที่เด็กสาวทุกคนคิดนั่นแหละ ใครจะไปอยากกินเหล้ากับที่คนบ้านใช่มั้ยล่ะ?? แต่กระนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นและที่สำคัญก็คือการเที่ยวกลางคืนยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่สำหรับฉัน ฉันเลยตอบตกลงไป พอเราไปถึงที่ร้านคุณพ่อก็พูดว่า ‘จะดื่มอะไรก็ได้ที่ลูกต้องการเลย ลูกไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายหรือเรื่องกลับบ้าน เรื่องนั้นพ่อจะจัดการเอง เอาให้เต็มที่เลยลูก’ มาถึงตอนนั้นฉันก็เริ่มสับสนมาก เพราะคุณพ่อดันบอกให้ดื่มให้เต็มที่ แม่จะต้องโกรธมากแน่ๆ ถ้าได้ยินคุณพ่อพูดแบบนี้ แต่กระนั้น ใครจะไปสนใจล่ะ? ฉันก็เลยจัดเต็มแบบที่คุณพ่อบอกซะเลย เก็บเกี่ยวให้เต็มที่ ร้านแรกที่เราไปคือร้านเนื้อย่าง สาวเสิร์ฟของร้านคงแอบคิดแหละว่าฉันอาจจะเป็นแฟนสาวคนใหม่หรือเด็กเสี่ยของคุณพ่อ ฉันก็เล่นตามบทไปยิ่งเข้าใจผิดกันไปใหญ่…
-
บริษัทหนังหลอกคนทั้งโลกมา 2 ปี ด้วย “คลิปไวรัล” เชื่อว่าคุณก็คือหนึ่งในเหยื่อ!!!
เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “อย่าเชื่อทุกอย่างในอินเตอร์เน็ต” รึเปล่า และประโยคนี้มันวนเวียนอยู่ในหัว #เหมียวสามสี ตอนนี้เลย หลังจากที่บริษัทแห่งหนึ่งชื่อว่า The Woolshed Company ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับทำหนังในเมลเบิร์นได้ออกมายอมรับว่าพวกเขาอยู่เบื้องหลังคลิปไวรัลที่โด่งดังไปทั่วโลกหลายอันเลย ตลอดระยะเวลาที่ทำมา 2 ปี โดยทางบริษัทได้ปล่อยคลิปที่ชื่อว่า ‘The Viral Experiment’ พร้อมกับคำอธิบายว่า “The Woolshed Co. ขอนำเสนอ การทดลองทางสังคมตลอด 2 ปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับปรากฎการณ์ไวรัลวิดีโอและการแชร์คอนเทนต์” โดยโปรเจกต์ครั้งนี้กำกับโดย Richard Hughes และ Caspar Mazzotti ซึ่งทำมาทั้งหมด 8 คลิปด้วยกัน คิดว่าทุกคนก็คงคุ้นหน้าผ่านตามาบ้างสักคลิปแหละ คลิปที่เราพอจะคุ้นๆ ก็มีชายที่สู้กับฉลามขาวด้วยมือเปล่าที่อ่าวในซิดนีย์, ชายที่ไล่ตามพายุแล้วก็ไปถ่ายใกล้ๆ เพื่อเซลฟี่, สตอร์ม ทรุปเปอร์ตกบันได, หญิงสาวที่เกือบถูกฟ้าผ่า, หมีวิ่งไล่คนเล่นสโนว์บอร์ด และอีกมากมาย อีกทั้งคลิปเหล่านี้ไม่ได้แค่แพร่หลายกันในโซเชียลโลกอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ยังมีสำนักข่าวต่างเอาไปทำข่าวแบบจริงจังมากๆ และเอาไปถกเถียงกันด้วยว่าของจริงหรือแหกตา ซึ่งก็ทำให้ยอดวิวพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายทางบริษัทก็ได้ออกมาเผยตัวเลขหลังจากปล่อยคลิปไปทั้งหมดว่าได้มาถึง 205 ล้านวิวจาก 180 ประเทศ…
-
มาร่วมดูคำตอบน่ารักของเด็กๆ เมื่อถามว่า “หากมีเงิน 1 ล้าน หนูจะเอาไปทำอะไร??”
ถ้าหากให้คิดกันเล่นๆ ว่า “ถ้าเรามีเงิน 1 ล้าน จะเอาเงินไปทำอะไรดี??” เราก็คงอยากเอาไปช็อปปิ้ง ซื้อนู่นซื้อนี่ ซื้อทุกอย่างที่เราอยากได้ ให้คิดทั้งวันก็ไม่หมดด้วยซ้ำ … แต่ถ้าเด็กๆ ที่ใสซื่อที่มองโลกแตกต่างจากผู้ใหญ่ออกไปล่ะ พวกเขาจะมีความคิดที่ต่างไปจากผู้ใหญ่รึเปล่าเมื้อถูกถามแบบนี้ พวกเค้าจะตอบว่าอะไร?? แน่นอนว่าบางคนก็ต้องมีของที่พวกเค้าอยากได้… ใครบ้างล่ะที่ไม่อยากซื้อเสื้อผ้าสวยเท่ห์มีสไตล์ไว้ใส่ “ผมอยากได้รองเท้าเรืองแสงครับ” ใครบ้างที่ไม่อยากซื้อเครื่องประดับระยิบระยับวับวาว “หนูจะซื้อเครื่องเพชรสวยๆ!!” หรือว่าซื้ออะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ เพราะว่ามีเงินเยอะนี่นา “อยากได้อ่างอาบน้ำซักหนึ่งพันล้านกับอีกหนึ่งล้านอ่างฮะ” ต้องหมายถึงอ่างแบบนี้แน่ๆ เลย อิอิ ถ้าเรามีเงินมากมายให้ใช้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะหมด เป็นใครก็ต้องอยากได้ของพวกนี้แหละน่า เงินมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตมาก ถ้าไม่มีเงิน เราก็คงต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก และมันก็คงจะดีหากเรามีเงินมากมายมหาศาล แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งอื่นๆ อีกมากมายที่สำคัญต่อชีวิตมากกว่าการมีเพียงเงินเยอะๆ สำหรับเด็กบางคน การมีเงินเยอะๆ ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุขที่สุด “หนูอยากไปเที่ยวกับพ่อแม่ค่ะ” บางคนถึงกับไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ขอเพียงได้อยู่กับคนที่พวกเขารัก “หนูอยากปั้นตุ๊กตาหิมะกับพ่อค่ะ” การได้อยู่กับคนที่พวกเขารักต่างหาก คือความสุขที่แท้จริงสำหรับเด็กๆ “อยู่กับครอบครัว เล่นกับแมวและหมาของหนูมีความสุขที่สุขแล้วค่ะ” ไปชมคลิปพวกเด็กๆ…
-
ไขข้อข้องใจ… ทำไมระบบ ‘Snooze’ ใน ‘iPhone’ ถึงตั้งเวลาให้เป็น 9 นาทีกันนะ!?
สำหรับเพื่อนๆ หลายคนที่ใช้ iPhone แล้วคงจะเคยใช้ฟังก์ชั่นนาฬิกาปลุกของมันมาบ้างแล้ว ซึ่งเมื่อถึงเวลาปลุกแอปฯ มันจะเด้งขึ้นมาให้กดโอเคเพื่อแสดงว่าเรารับรู้และตื่นขึ้นนาฬิกาปลุกก็จะหยุดลง แต่ถ้าเราไปกดปุ่ม ‘Snooze’ ล่ะก็มันจะต่อเวลาปลุกให้เลื่อนไปอีก ‘9’ นาที เพื่อนๆ เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมถึงต้องเป็น 9 นาที สู้ทำให้เป็นจำนวนเลขง่ายๆ ดีกว่ามั้ยอย่าง 5 นาที 10 นาที หรือ 15 นาทีแบบนี้ง่ายกว่ามั้ย? เอาล่ะวันนี้ #เหมียวหง่าว จะพาเพื่อนๆ ไปฟังเฉลยพร้อมๆ กัน หลายๆ คนจะสังเกตเห็นว่าพอกดปุ่ม Snooze แล้วมันจะต่อเวลาปลุกนาฬิกาออกไปอีก 9 นาที ถ้าครบแล้วกดอีกมันก็จะต่อไปอีก 9 นาทีแบบนี้เรื่อยๆ และด้วยเหตุนี้เองก็ทำให้ผู้คนทั้งหลายที่เลือกใช้ไอโฟนต่างก็ไม่พอใจ จนถึงกับต้องโหลดแอปฯ นาฬิกาปลุกมาเพื่อทำให้การ Snooze สามารถปรับแต่งให้เป็นเวลาที่พวกเขาต้องการ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมถึงไม่ทำให้มันใช้งานได้ในแอปฯ เดียวไปเลยล่ะ จะเสียเนื้อที่ให้สำหรับแอปฯ อื่นทำไม? ชายหนุ่ม Dave Smith ถึงกับไปเขียนบทความเพื่อเรียกร้องให้ Apple แก้ไขในเรื่องของระบบ…
-
#เหมียวบ็อบ แนะ 13 เทคนิคการใช้ Google แบบเจ๋งๆ และพิสูจน์แล้วว่าทำได้จริงๆ
ในปีที่แล้วเว็บไซต์ Google มีจำนวนผู้เข้าใช้มากถึง 2,161,530,000,000 ครั้ง ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนการใช้งานที่เยอะเอามากๆ ไม่ว่าเราต้องการจะรู้เรื่องอะไร ถามคำถามชนิดที่แปลกสุดๆ ไปจนถึงเรื่องธรรมดาพื้นๆ แทบจะทุกคนบนโลกก็ต้องใช้บริการพี่กูเกิ้ลเป็นเครื่องมือค้นหาข้อมูล แต่เรารู้หรือไม่ว่านอกจากการค้นหาทั่วๆไปที่เราใช้กันเป็นประจำ Google มีลูกเล่นพิเศษที่หลายๆ คนอาจยังไม่รู้ว่ามันทำแบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ? รับประกันว่าใช้งานได้จริงเพราะ #เหมียวบ็อบ ได้ลองมาเรียบร้อยแล้ว 1. สามารถเล่นเกมส์กำจัดตัว O ฆ่าเวลาได้เพียงเสิร์ชคำว่า Zerg Rush 2. สามารถพยากรณ์อากาศตามเมืองต่างๆ ได้ เพียงแค่ใส่ชื่อเมืองพร้อมกับคำว่า forecast หรือจะใช้เป็นคำภาษาไทยอย่าง ชื่อเมือง + พยากรณ์อากาศ ก็ได้เช่นเดียวกัน 3. เพียงพิมพ์คำว่า site: แล้วตามด้วยชื่อเว็บไซต์ที่เราต้องการค้นหากูเกิ้ลจะแสดงผลการค้นหาเฉพาะเว็บไซต์ที่เราต้องการเท่านั้น 4. ลองพิมพ์คำว่า Do a barrel roll ดูสิแล้วจะพบว่าเกิดอะไรขึ้น 5. สามารถบอกรายการหนังที่เข้าฉายแล้วในเมืองที่เราอยู่ได้ด้วย 6. ค้นหารายชื่อเพลงทั้งหมดของศิลปินที่เราชอบได้อีกด้วย 7. พิมพ์คำว่า…
-
เจาะลึกชีวิต “The Rock” กว่าจะเป็นสุดยอดนักแสดงที่คนทั่วโลกหลงรัก มันไม่ง่ายเลย!!
สำหรับใครที่เด็กๆ ที่เป็นแฟนมวยปล้ำล่ะก็ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักเขาคนนี้ “The Rock” หรือชื่อจริงของเขาก็คือ Dwayne Johnson ที่ในตอนนี้ เขากลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกขนาดที่ไม่ใช่แฟนมวยปล้ำก็ตาม คงจะพอรู้จักเขาอยู่ กระนั้นชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นก็ไม่ได้โรยมาด้วยกลีบกุหลาบแต่อย่างไร เจอมาหมดทั้งความผิดหวัง ความท้อแท้ และสถานการณ์สุดสิ้นหวังในชีวิต… จากนักอเมริกันฟุตบอลผู้ล้มเหลว สู่การเป็นแอคชั่นสตาร์ระดับโลก วันนี้ #จ่าสิบเหมียว เลยอยากพาเพื่อนๆ ไปฟังเรื่องราวของเขาคนนี้กัน ไม่แน่ เราอาจได้อะไรดีๆ จากเรื่องราวของเขาสักอย่างสองอย่างนำไปใช้ในชีวิตของเรากันบ้างเลยล่ะ!!! ปี 2015 เขาสามารถทำเงินได้ถึง 64.5 ล้านเหรียญ (2,257 ล้านบาท) ทำให้เขาเป็นักแสดงที่รวยที่สุดอันดับที่ 19 จากนิตยสาร Forbes ก่อนที่เขาจะโด่งดังอย่างทุกวันนี้ ภาพนี้คือหนูน้อย The Rock เขาวันที่ 2 พฤษภาคม 1972 ที่ Hayward, California ประเทศสหรัฐอเมริกา เขามีสายเลือดนักมวยปล้ำอยู่เต็มตัว พ่อของเขา Rocky “Soul Man” Johnson เป็นนักมวยปล้ำแอฟริกัน-อเมริกันรายแรกที่สามารถเป็นแชมป์แท็กทีมได้ ปู่ของเขาก็เป็นนักมวยปล้ำชาวซามัวคนแรกเช่นกัน แต่ The…
-
ไม่ท้อ.. แม้จะเกิดมาไม่มีแขนขา แต่เขาก็ไม่หยุด ‘ไปโรงเรียน’ สักวันชีวิตต้องดีขึ้น!!
เด็กผู้ชายอายุ 11 ปีคนนี้ ถึงแม้เขาจะไม่มีทั้งแขนและขา แต่เขาก็ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา แม้จะยังเด็กแต่เขาก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างน่าทึ่ง ไม่เพียงแต่ใช้ปากคาบปากกาเขียนหนังสืออย่างได้เชี่ยวชาญ แต่เขายังชื่นชอบการเล่นเกมคอนโซลมากๆ อีกด้วย… เราไปดูเรื่องราวอันน่าประทับใจของเด็กคนนี้กันเลย!! แม่ของ Tiyo Satrio ไม่รู้มาก่อนเลยว่าลูกของเธออยู่ในสภาพที่ไม่มีแขนและขามาตั้งแต่เธออุ้มท้อง แม้กระทั่งตอนคลอดออกออกมาแล้ว นางพยาบาลก็ยังบอกเธอว่าเขาแข็งแรงสมบูรณ์ดี แต่พอในบ่ายของอีกวัน พวกเขาถึงบอกความจริงกับเธอ ซึ่งก็ทำเธอก็ตกใจมาก เธอไม่คิดว่าลูกคนสุดท้องของเธอจะเกิดมีสภาพแบบนี้ ในขณะที่ลูกของเธอทั้ง 4 คนก่อนหน้านี้ก็สมบูรณ์ดีทุกอย่าง… แต่เธอก็รู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่น และทุกวันนี้เธอก็ยอมรับได้แล้ว ภาพของ Tiyo วัย 11 ปี กับพ่อแม่ของเขา Mimi และ Wawan พวกเขาเลี้ยงดู Tiyo จนตอนนี้อายุ 11 ปีแล้ว ถึงแม้เขาไม่มทั้งแขนและขา แต่ก็ฝึกฝนใช้ปากคาบปากกาเขียนหนังสือได้อย่างเชี่ยวชาญ เขาฝึกทำนู่นทำนี่ด้วยตัวเองจนชำนาญ ไม่ว่าจะแกะซองลูกอมเข้าปาก หรือแม้กระทั่งเล่นคอมฯ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังต้องพึ่งพาพ่อแม่ในเรื่องการใช้ชีวิตประจำวันหลายๆ อย่าง เช่น ช่วยอาบน้ำ ใส่เสื้อผ้า และพาไปไหนมาไหน ทั้ง Mimi และ Wawan…
-
โลกเราเปลี่ยนไปแล้ว!! 4 เรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นหลังจาก ‘Pokemon GO’ เปิดมา 1 สัปดาห์
เนื่องจากว่าเกม ‘Pokemon Go’ ที่กำลังเปิดให้บริการที่ต่างประเทศอยู่ในเวลานี้ กำลังเป็นกระแสที่ผู้คนทั่วโลกต่างก็ให้ความสนใจ เพราะมันสามารถช่วยให้ความฝันในวัยเด็กของใครหลายๆ คนที่อยากจะเป็นเทรนเนอร์เกิดขึ้นในชีวิตจริงๆ ซักที และนี่คือเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ Pokemon Go เปิดให้บริการมาแล้วเกือบ 1 สัปดาห์ จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมพร้อมๆ กันได้เลย… 1. มันทำให้คนรวยขึ้น… ความสำเร็จของ Pokemon Go ส่งผลให้หุ้นของ Nintendo ขึ้นมาถึง 23% นั่นเพราะว่าบริษัท Nintendo Co., Ltd. นั้นเป็นหนึ่งในผู้ร่วมสนับสนุนของเกม Pokemon Go นี้ด้วย และจากการดาวน์โหลดเป็นจำนวนมากจากทั้ง iOS และแอนดรอยด์ จึงทำให้ยอดหุ้นของของ Nintendo เพิ่มขึ้นสูงที่สุดในรอบ 9 เดือน 2. Pokemon Go เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมด้านสุขภาพทั้งทางจิตใจและร่างกายของเหล่าเทรนเนอร์ทั้งหลาย เกม Pokemon…
-
ลดได้จริงเหรอ? รวม 10 ความเข้าใจผิดๆ ของสาวอยากผอมจากแฮชแท็ก #HowtoPerfect
ช่วงนี้กระแสการบอกต่อเรื่องของเคล็ดลับความสวยความงามกำลังเป็นที่นิยมมากๆ ในโลกออนไลน์เลยนะ อย่างเช่นในทวิตเตอร์ เองก็มีแฮชแท็กดังๆ อย่างเช่น #HowtoPerfect ให้คนได้ติดตามกัน แต่ในเคล็ดลับสุขภาพดีเหล่านั้นเอง บางอันก็จริงบ้างไม่จริงบ้าง บางเคล็ดลับอาจจะไม่ถูกต้อง 100% วันนี้#เหมียวฟิ้น ก็เลยขอพาไปดูว่าอันไหนจริงหรือหลอก เคล็ดลับไหนใช้ได้จริงหรือใช้ไม่ได้ เราลองไปดูกันเลย 1. ลดความอ้วนด้วยปลาหมึกเส้นเบนโตะ ที่บอกว่าไม่มีไขมันและให้พลังงานเพียง 20 แคลอรี่นั้นถือเป็นเรื่องจริงนะ เมื่อเทียบกับเจเล่ไลท์ถุงละ 10 บาท ที่ให้พลังงาน 60 – 80 แคลอรี ก็ถือว่าเบนโตะให้พลังงานน้อยทีเดียว แต่มีโซเดียมถึง 130 มิลลิกรัม หากกินเยอะๆ ก็อาจทำให้อ้วนได้เหมือนกันนะ แถมยังมีความดันโลหิตสูงและภาวะบวมน้ำตามมาด้วย 2. กินมันเทศแทนข้าว เส้นใยในมันเทศนั้นมีความหนาแน่น ทำให้กินแล้วอิ่มนาน แต่ก็ให้พลังงานถึง 150 แคลอรี่ (ในขนาดกลางๆ) หากกินเยอะก็ทำให้อ้วนได้เหมือนกันนะ 3. โยเกิร์ต+คาลพิสแลคโตะโซดาลดความอ้วน …
-
รู้หรือไม่? ผู้หญิงมีหน้าอกทั้งหมด 7 ประเภทเลยนะ…ลองมาเช็คดูสิว่า คุณจะมีหน้าอกแบบไหน!!
หลายๆ คนมักจะคิดว่าหน้าอกของผู้หญิงนั้นมีเพียงแค่ 2 ประเภทนั่นก็คือ หน้าอกใหญ่ และหน้าอกเล็ก แต่ความจริงแล้วคุณรู้หรือไม่ว่า หน้าอกของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นสาวไทย สาวเทศ (เอาเป็นว่าผู้หญิงจากทั่วโลกเลยก็แล้วกัน) มีหน้าอกอยู่ทั้งหมดถึง 7 ประเภทเลยนะ ซึ่งทางบริษัทผลิตชุดชั้นใน ThirdLove ได้ออกมาเผยว่า ผู้หญิงมีหน้าอกถึง 7 ประเภทด้วยกัน และแม้ว่าหน้าอกของผู้หญิงส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้ดูสมบูรณ์แบบ แต่คุณสามารถเลือกยกทรงที่เหมาะสมกับหน้าอกได้…ถ้าอย่างนั้นมาเช็คดูสิว่า คุณมีหน้าอกแบบไหนบ้าง 1 .ทรงไม่สมดุลกัน สำหรับเต้านมทรงนี้ ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นทรงที่ไม่เท่ากัน โดยนมข้างหนึ่งจะใหญ่กว่าอีกข้างหนึ่งตามภาพ… สำหรับสาวๆ ที่มีหน้าอกในลักษณะนี้ ควรใส่ยกทรงที่มีแผ่นรองประมาณ 1-2 แผ่น สามารถถอดออกได้ จากนั้นก็นำไปใส่บนเต้านมข้างที่เล็กกว่า เพื่อให้เท่ากับเต้านมอีกข้างหนึ่งนั่นเอง 2 .ทรงระฆัง หน้าอกทรงนี้ มีวิธีการสังเกตง่ายๆ เลยก็คือ จะมีขนาดใหญ่และหนัก ในส่วนช่วงบนจะมีลักษณะแคบ ขณะที่ช่วงล่างจะดูอวบ และกลม สาวๆ คนไหนที่มีหน้าอกทรงนี้ ควรใส่ยกทรงแบบเต็มตัว ที่สามารถรองรับน้ำหนักของหน้าอกได้ดี เนื่องจากหน้าอกทรงนี้ค่อนข้างใหญ่ และหนัก ดังนั้นหากใส่ยกทรงสายเล็กๆ อาจจะทำให้สายหลุดได้ง่ายจ้า…
-
ชมการประกวด “ภาพถ่ายด้วย iPhone” สวยงามจนไม่คิดว่า ภาพเหล่านี้ถ่ายด้วยมือถือ..!!
ปัจจุบันเทคโนโลยีการถ่ายภาพมันง่ายขึ้นมาก กล้องมือถือทั่วไปก็สามารถถ่ายภาพให้สวยได้ เพราะว่ามีกล้องที่คุณภาพดี และ iPhone ก็เป็นหนึ่งในนั้น ในทุกปีจะมีการประกวดภาพถ่ายด้วย iPhone ซึ่งแต่ละปีที่ผ่านมาก็ได้มีผู้เข้าร่วมมากมาย จนมาถึงในปี 2016 นี้ มีหลายพันภาพส่งเข้ามาประกวดกว่า 139 ประเทศ และตอนนี้ก็ได้ผู้ชนะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชื่อภาพ Man and the Eagle Siyuan Niu, Xinjiang, China รางวัล Grand Prize Winner สาขา Photographer of the Year เป็นภาพของชนเผ่า Khalkha อาศัยอยู่บนภูเขาและมีความผูกพันธ์กับเหยี่ยวเป็นอย่างมาก พวกเขาฝึกมันเพื่อล่าเหยื่อ และเมื่อถึงฤดูหาคู่ พวกเขาก็จะปล่อยเหยี่ยวกลับคืนสู่ธรรมชาติ ชื่อภาพ Modern Cathedrals Patryk Kuleta, Warsaw, Poland, รางวัลที่ 1 สาขา Photographer of the Year ชื่อภาพ She Bends…
-
รวม 11 วิธีการรักษาโรคสุดสยอง-อันตรายในอดีต ที่คนยุคนี้ได้ทราบคงจะขนหัวลุก
อย่างที่ทราบกันดีว่า วิทยาการทางการแพทย์ของมนุษย์พัฒนาอย่างรวดเร็วที่ช่วงร้อยปีที่ผ่านมา (ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับค่ายกักกันในช่วยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งของเยอรมันและญี่ปุ่นเลยล่ะ) ทำให้วิธีการรักษาโรคและอาการเจ็บป่วยต่างๆ นั้นถูกต้องและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แต่รู้หรือไม่ ในอดีตเราเคยมีวิธีการรักษาโรคแบบแปลกๆ มากมาย ซึ่งหลายๆ วิธีนั้นต้องบอกว่าสยดสยองจนน่าขนลุกเลยทีเดียว อย่างเช่น 11 วิธีการรักษาโรคในอดีตที่ #เหมียวอ๊อดโด้ นำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมวันนี้ ลองไปชมกันเลย!! 1.เอาเลือดออก ย้อนไปเมื่อซักร้อยปีก่อน มีหมอหลายคนเชื่อว่าอาการป่วยของมนุษย์เกิดจากของเหลวในร่างกายทำงานผิดปกติหรือเป็นพิษ พวกเขาจึงใช้วิธีการเจาะเอาเลือดเสียออก (รู้ได้ไงว่าอันไหนเลือดเสีย -*-) จนกระทั่งช่วงต้นศตวรรษที่ 20 พวกเขาถึงรู้ว่า การเอาเลือดออกจากร่างกายมีแต่ทำให้ผู้ป่วยอ่อนแอลง หรือไม่ก็เสียชีวิตเลยก็ได้ พวกเขาจึงเลิกรักษาด้วยวิธีนี้ไปแต่โดยดี 2. โคเคน หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่าโคเคน หรือ ผงขาว เคยใช้เป็นยาแก้ปวดมาก่อน จนตอนหลังแพทย์พบว่าผู้ป่วยมีอาการเสพติดยาแก้ปวดเหล่านั้น พวกเขาจึงแบนและเลิกใช้ไปในที่สุด 3. ดื่มฉี่ของตัวเอง ในอดีต เคยมีความเชื่อว่าการดื่มฉี่ตัวเองหรือเอาฉี่มาทาตามร่างกายจะทำให้สุขภาพแข็งแรง ซึ่งปัจจุบันก็น่าจะรู้กันหมดแล้วว่ามันไม่จริง แต่ดูเหมือนว่าจะมีหลายคนยังเชื่อเรื่องนี้อยู่นะ 4. คลอโรฟอร์ม …
-
ชุดภาพโปสการ์ดโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับการ “ต่อต้านผู้หญิง” ในอดีต โลกเราเคยมีงี้ด้วย!!
ในสมัยก่อน ช่วงที่ยังไม่มีสื่อออนไลน์นั้น การแพร่กระจายของข่าวนั้นมีไม่กี่ทาง ส่วนมากจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์มากกว่า และมักจะมีข่าวแปลกๆ ให้คนได้อ่านกันเสมอ เป็นที่ทราบกันว่าเมื่อก่อนนั้นผู้ชายจะเป็นใหญ่ในสังคม เป็นคนขับเคลื่อนและทำหน้าที่ต่างๆ มากกว่าผู้หญิง และผู้หญิงก็มักจะได้รับหน้าที่อยู่กับบ้าน ทำงานบ้านไป จนยุคต้นๆ ปี 1900 นั้นได้มีโฆษณาชวนเชื่อออกมาเพื่อให้ผู้ชายมีสิทธิมากกว่าผู้หญิงด้วย จากในภาพที่จะได้เห็นดังต่อไปนี้เราจะได้เห็นว่าโปสการ์ดพร้อมรูปภาพโฆษณาชวนเชื่อเหล่านี้พยายามจะให้เราได้เห็นความน่ากลัวของผู้หญิง ถ้ามาดูเอาตอนนี้จะเห็นได้ว่าเป็นความตลกที่แฝงความน่ากลัวของความคิดคนสมัยนั้นอยู่ ภาพทั้งหมดนี้มากจา Catherine H. Palczewski เธอเป็นศาสตราจารย์ที่ศึกษาทางด้านผู้หญิงและเพศ จากมหาวิทยาลัย University of Northern Iowa ใช้เวลาสะสมมานานกว่า 15 ปี โดยโปสการ์ดเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความกลัว และเปลี่ยนค่านิยมของครอบครัวใหม่ทั้งหมด . . . . . . . . . . . . . . . . . . . แต่ #เหมียวสามสี คิดว่าภาพเหล่านี้ถ้าไปอยู่ในเพจพ่อบ้านใจกล้ามันก็ดูไม่แปลกเท่าไหร่นะ ฮ่าๆๆ ที่มา boredpanda
-
ถ้าให้ลูกกินมังสวิรัติตั้งแต่เด็ก จะดีหรือไม่… มาร่วมแสดงความคิดเห็น แชร์ข้อมูลกันดีกว่า!!
การที่เด็กจะเติบโตขึ้นมามีสุขภาพแข็งแรงและสมบูรณ์ได้นั้น เด็กจะต้องกินอาหารให้ได้ในปริมาณที่เพียงพอและมีอัตราส่วนของสารอาหารที่ครบถ้วนและเหมาะสม ซึ่งแต่ละคนก็อาจจะมีวิธีเลี้ยงลูกที่ต่างกันไป จึงเป็นที่มาของประเด็นที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้…. เจ้าของกระทู้คุณ vnussy เป็นผู้ที่เปิดประเด็นนี้ขึ้น เพื่อสำรวจความคิดเห็นของชาวพันทิปว่าพวกเขาจะสนับสนุนเธอมั้ย หากเธอต้องการให้ลูกกินมังสวิรัติตั้งแต่ยังแบเบาะ เราไปดูคอมเม้นท์ฝ่ายที่สนับสนุนกันก่อน… คอมเม้นท์คุณ เปรมอุรา ชาวซิกส์ เขาทานมังสวิรัติมาแต่โบร่ำโบราณไม่เห็นมีปัญหาอะไรนะ ออกลูกออกหลาน เต็มบ้านเต็มเมือง การค้าเจริญรุ่งเรือง เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี เต็มไปหมดเลยครับ คอมเม้นท์คุณ Cereal Guy ก็ให้กินไปครับ แต่ถ้าเขาโตขึ้นแล้วอยากกินเนื้อสัตว์ก็อย่าไปขัดเขา คอมเม้นท์คุณ สมาชิกหมายเลข 1204454 สนับสนุนค่ะ เราก็กิน ถ้ามีลูกเราก็จะให้ลูกกิน แต่ถ้าเค้าโตขึ้นแล้วเค้าไม่อยากกินก็ไม่ควรบังคับค่ะ มันจะเป็นเรื่องยากทุกคนกินมังแต่ให้ลูกกินเนื้อ มันจะเป็นปัญหากับตัว จขกท ค่ะ ถ้าคนที่เรียนทางด้านโภชนาการมา จะรู้ว่าการกินมังไม่ได้ขาดสารอาหาค่ะ เรารู้จักเด็กหลายคนที่กินเจตั้งแต่ในท้อง จนตอนนี้ก้กิน ก็เป็นเด็กฉลาดและพัฒนาการสมวัยทุกคน คนกินด้วยกันถึงจะเข้าใจ แต่บางคนก็ถอนใจ บอกว่าเอาที่คุณแม่สบายใจก็แล้วกัน คอมเม้นท์คุณ เจ้านู๋คากิ เอาที่คุณแม่สบายใจเลยค่ะ ลูกคุณ… คอมเม้นท์คุณ If I Could Turn Back…
-
แม้หลายคนบอกว่า ‘เสียเวลา’ แต่เธอก็ลาออกงานในวัย 26 ปี และออกเที่ยวรอบโลกตามฝัน!!!
สำหรับหลายๆ คนแล้ว การเดินทางท่องเที่ยวรอบโลก ถือว่าเป็นความฝันอย่างหนึ่งที่อยากทำให้ได้ แต่ด้วยความจำเป็นหลายๆ อย่างและแรงกดดันจากสังคม ทำให้บางครั้งหลายๆ คนต้องละทิ้งความฝันไปอย่างน่าเสียดาย สำหรับ Omniya Fareed Shafik หญิงสาวชาวดูไบวัย 26 ปีคนนี้ก็เช่นกัน เธอมีความฝันที่จะออกเที่ยวรอบโลกซักครั้งหนึ่ง แต่สำหรับหญิงอาหรับแล้ว นี่คือช่วงเวลาที่พวกเธอต้องสร้างเนื้อสร้างตัวและมีครอบครัวของตนเอง ทำให้เธอต้องทนทำงานในธนาคารที่เธอไม่มีความสุขต่อไป จนกระทั่งเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว เธอตัดสินใจลาออกจากงานและทำตามความฝันของตนเองด้วยการออกเที่ยวรอบโลกตามลำพัง แม้จะมีเสียงจากคนรอบข้างคอยห้ามเธอ แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดยั้งเธอได้ หลังจากเธอลาออกจากงาน เธอก็ทำงานแบบอิสระอยู่ที่บ้านของเธอเอง จากนั้นเธอจะกำหนดเป้าหมาย เก็บเงิน และเดินทางไปยังสถานที่เหล่านั้น เมื่อเงินหมด เธอก็จะกลับมาทำงานเก็บเงินเพื่อการท่องเที่ยวในครั้งต่อไป เธอบอกว่า กระบวนการเดินทางและได้พบปะผู้คนใหม่ๆ รวมทั้งก้าวออกจากพื้นที่ปลอดภัยของตนเอง คือสิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขเป็นอย่างมาก หนึ่งในทริปที่เธอชอบมากที่สุด คือตอนที่ไปนอนค้างกลางทะเลทรายในประเทศโมร็อคโค ซึ่งเธอได้นอนดูดาวอย่างชัดเจนในเต้นท์กลางทะเลทราย . เธอเล่าอีกว่า ทริปของเธอนั้นไม่ได้ราบรื่นตลอดไป แต่วิธีการแก้ไขก็ไม่ยาก แค่ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวประสบการณ์ก็จะสอนเราเอง แรกๆ มันอาจจะยาก แต่ผ่านไปทุกอย่างมันจะง่ายขึ้นเอง . ในช่วงปีที่ผ่านมา เธอถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนรอบตัวเป็นอย่างมาก…
-
เนเธอร์แลนด์เตรียมเปลี่ยน ‘คุก’ เป็นบ้านพักผู้อพยพ เพราะประสบปัญหาร้าง-ไม่มีนักโทษ!!
พูดถึง คุก หรือ เรือนจำ เชื่อว่าหลายๆ ประเทศต้องประสบปัญหาคล้ายๆ กัน นั่นก็คือมีนักโทษมากเกินไป จนกลายเป็นปัญหานักโทษล้นคุก อย่างเช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีประชากรนักโทษถึง 2.4 ล้านคนทั่วประเทศ…. แต่สำหรับประเทศเนเธอร์แลนด์แล้วกลับประสบปัญหาที่ตรงกันข้าม เพราะเรือนจำของพวกเขากลับร้าง ไม่มีนักโทษให้ขัง จนต้องมีแนวคิดที่จะนำนักโทษจากประเทศข้างๆ มาขังแทน หรือเปลี่ยนคุกให้เป็นแคมป์สำหรับผู้ลี้ภัยต่างๆ สำนักข่าว Washington Post รายงานว่าในช่วงปี 2011-2015 จำนวนนักโทษของเนเธอร์แลนด์ลดลงถึง 27 เปอร์เซ็น ซึ่งหากนักโทษของสหรัฐอเมริกาลดไป 27 เปอร์เซ็นบ้าง จะสามารถลดนักโทษได้ถึง 600,000 คน (หรือเท่าๆ กับประชากรของจังหวัดสุโขทัยทั้งจังหวัดเลยทีเดียว!!) ภาพจากคุก Scheveningen ในเนเธอร์แลนด์ เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นผลมาจากนโยบายใหม่ของเนเธอร์แลนด์ที่พยายามลดบทลงโทษของคดที่ไม่มีผู้เสียหายหรือเสียชีวิต รวมถึงผ่อนปรนของผิดกฎหมายบางอย่างเช่น กัญชา ให้ประชาชนสามารถสูบกันได้อย่างเสรี ซึ่งผู้ที่กระทำผิดส่วนใหญ่จะถูกคุมประพฤติหรือให้บำเพ็ญประโยชน์ให้กับสังคมแทน ภาพผู้อพยพชาวซีเรีย ที่หนีภัยสงครามไปยังยุโรป นอกจากนี้ทางการเนเธอร์แลนด์ยังมีแผนเปลี่ยนคุกที่ไร้นักโทษทั้งหลาย ให้กลายเป็นสถานที่รับรองสำหรับเหล่าผู้ลี้ภัยต่างๆ เนื่องจากในคุกมีทั้งห้องพัก เตียงนอน โรงออกกำลังกาย และโรงอาหารเตรียมไว้พร้อมหมดแล้วอีกด้วย คุกในเนเธอร์แลนด์…
-
ตะลุยเขตอันตราย Red Zone ในฟุกุชิมะ ที่ยังคงร้าง แม้จะผ่านเหตุนิวเคลียร์มาแล้ว 5 ปี!!
เชื่อว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวและซึนามิที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2011 ยังคงอยู่ในความทรงจำหลายๆ คน เพราะถือว่าเป็นซึนามิที่ร้ายแรงที่สุดอีกครั้งหนึ่งในเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 21 และทำให้เกิดอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รั่วไหล จนทำให้พื้นที่บางส่วนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ล่าสุดตากล้องชาวมาเลย์เซีย Keow Wee Long ได้พาพวกเราทุกท่านเข้าไปชมความเป็นไปของพื้นที่สีแดงเหล่านั้น หลังจากผ่านไปห้าปี ทุกสิ่งทุกอย่างยังเหมือนเดิมหรือไม่ เราไปชมกันเลยดีกว่า เขาเล่าว่าการที่จะเข้าไปในพื้นที่สีแดงเหล่านี้ ต้องสวมหน้ากากกันสารพิษและกัมมันตรังสีอยู่เสมอ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกแสบตาและแสบจมูกอยู่ดี ทุกสิ่งทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเมื่อตอนเกิดแผ่นดินไหวเมื่อ 5 ปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของสะดวกซื้อ . ข้าวของเครื่องใช้ในซุปเปอร์มาเก็ตก็ยังอยู่ครบ ร้านเช่าวีดีโอ ร้านซักผ้า . . เขาบอกว่าที่นี่แตกต่างจากที่เชอร์โนบิลมาก แม้ไม่มีคนอยู่มาห้าปี แต่ก็แทบจะไม่มีอะไรหายไปเลย ผิดกับที่เชอร์โนบิลที่ทั้งเมืองถูกขโมยของมีค่าออกไปหมดแล้ว . แน่นอนว่า กัมมันตรังสีไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมนุษย์เท่านั้น แม้แต่เหล่าสัตว์น้ำและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน . ร้านขายซีดีเพลง รถที่ถูกทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน ที่กั้นไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไป .…
-
บทสัมภาษณ์เด็กโรคซึมเศร้า… Pokemon GO ทำให้ฉันอยากออกไปนอกบ้าน และรู้สึกดีสุดๆ
เราต่างทราบกันดีว่า โรคซึมเศร้า เป็นอีกหนึ่งภัยเงียบที่อยู่คู่กับสังคมของเรา และหลายคนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองมีอาการดังกล่าวอยู่ สุดท้ายมันก็อาจนำไปสู่เหตุการณ์เศร้าและความสูญเสียอย่างที่เห็นกันตามข่าวต่างๆ… แต่การที่จะรักษาให้มันหาย หรือดีขึ้นได้นั้น สำหรับแต่ละคนก็ย่อมต้องมีวิธีการที่แตกต่างกันออกไป ไม่ได้เหมือนกันเป๊ะๆ แต่เราอาจจะมีทางออกหนึ่งของการรักษาโรคนี้ในอนาคต หลังจากที่มีเกม Pokemon GO ออกมานั่นเอง เกมดังกล่าวบังคับให้ผู้เล่นออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อจะจับโปเกม่อน ตามหาโปเกม่อนหายาก รวมถึงไปยังยิมเพื่อต่อสู้ฝึกฝน นั่นทำให้ต่างจากการเล่นเกมแบบเดิมๆ ที่เรามักจะติดภาพการนั่งอยู่ในห้องเพียงลำพัง ทางเว็บไซต์ BuzzFeedNews ได้ไปสัมภาษณ์เด็กผู้ป่วยโรคซึมเศร้า (หลังจากพวกเขามาโพสต์เกี่ยวกับเรื่องเกมนี้ ว่ามันช่วยให้พวกเขารู้สึกดีขึ้น) และนี่คือข้อมูลที่คนเหล่านั้นบอกมา… Ari เป็นเด็กสาวอายุ 18 ที่อาศัยอยู่ในฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ภาพโพสต์คร่าวๆ ก่อนที่ให้สัมภาษณ์ เธอมีปัญหาเรื่องเข้าสังคมอย่างมากและหลีกเลี่ยงที่จะออกจากบ้านไปสู่โลกกภายนอกอยู่เสมอ ด้วยความที่เป็นโรคซึมเศร้ามาตั้งแต่เด็ก แถมยังมีปัญหาเรื่องการถูกทำร้ายภายในบ้าน แน่นอนว่านั่นทำให้เธอหวาดกลัวต่อผู้คนและสังคมอย่างมาก… ‘แต่ตั้งแต่ที่ฉันได้รู้จักกับเกม Pokemon Go ฉันกลับพบว่าฉันมีแรงจูงใจที่จะออกไปข้างนอกบ้าน และที่สำคัญที่สุด ฉันรู้สึกสนุกไปกับมัน เมื่อวานฉันก็พึ่งไปห้างสรรพสินค้ามาที่ๆ ฉันไม่เคยอยากไปมาก่อน และฉันรู้สึกว่ามันดีสุดๆ ไปเลย’ ‘หลักๆ แล้วฉันคิดว่าเพราะเกมนี้มีระบบที่เหมือนให้รางวัลกับคนที่ออกไปข้างนอก และเราสามารถคาดหวังถึงรางวัลนั้นได้ ไม่ใช่แค่ออกไปข้างนอกตามปกติและได้ประสบการณ์ที่เลวร้ายและแย่ๆ…
-
แชร์ประสบการณ์รักษา ‘ต่อมบาร์โธลินอักเสบ’ ภัยใกล้ตัว ที่สาวๆ ควรรู้ไว้อย่างยิ่ง!!!
สำหรับสาวๆ จุดซ่อนเร้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก การรักษาความสะอาดของน้องสาวจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย เพราะหากเกิดความผิดปกติกับน้องสาวแล้ว คงต้องแย่แน่ๆ… เช่นเดียวกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งในทาง CatDumb บอกเล่าเรื่องราวของเธอได้ #เหมียวขี้ส่อง เลยขออ้างอิงจากระทู้พันทิปที่เธอตั้งแชร์ประสบการณ์เอาไว้เลย โดยสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอนั้น เรียกว่า ‘ต่อมบาร์โธลินอักเสบ’ อาจจะเป็นศัพท์ที่เราไม่ค่อยคุ้นกันเท่าไร ดังนั้น เรามาทำความรู้จักกับต่อมนี้กันสักหน่อยดีกว่า และนี่ก็คือรูปที่แสดงให้เห็นว่าส่วนไหนเป็นอะไร ‘ต่อมบาร์โธลินคือต่อมสีแดงๆสองข้างที่ลูกศรชี้ ผู้หญิงทุกคนมีกันทั้งนั้น เป็นต่อมที่ปกติมันจะผลิตสารคัดหลั่งในน้องสาวของเรานะคะ แล้วแต่ว่ามันจะอักเสบขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็เตรียมตัวเจ็บตัวเมื่อนั้นค่ะ’ เธออธิบายคร่าวๆ เพราะฉะนั้นเมื่อมันมีอาการผิดปกติ จะมีอาการบวมอย่างเห็นได้ชัด ตอนแรกเธอเห็นมันบวมประมาณลูกมะนาวเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้ไปหาหมอ เพราะไม่ได้มีเวลาว่างมากนัก ทั้งๆที่มันขัดขวางชีวิตประจำวันมาก “ไม่ได้ไปหาหมอแต่แรกเพราะไม่มีเวลาทั้งที่น้องสาวเราผิดปกติอย่างเห็นได้ชัดเช่น เวลาเดินก็เจ็บ นั่งก็เจ็บ ออกกำลังกายก็เจ็บ โยคะก็เจ็บ เจ็บไปหมด ขัดขวางการใช้ชีวิตมากๆ แต่ปัสสาวะไม่เจ็บนะคะ” ซึ่งสาเหตุของการเกิด ‘ต่อมบาร์โธลินอักเสบ’ นั้น เกิดจาก โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่มักเกิดการอักเสบและติดเชื้อจากแบคทีเรีย เช่น หนองใน หรือหนองในเทียม เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้ท่อของต่อมบาร์โธลินอุดตันได้ ส่วนการเกิดเป็นถุงน้ำนั้น มักเป็นทีละข้าง และมีแนวโน้มที่จะเป็นซ้ำอีกภายหลังการรักษาแล้ว …
-
30 ภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ‘สหรัฐอเมริกา’ ที่คนทั่วทั่งโลก สมควรรับชมและเรียนรู้…
เว็บไซต์ Viralnova รวบรวมภาพเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา ที่เรียกได้ว่าหาดูยากสุดๆ ถึง 30 ภาพ รับรองดูสนุก ดูเพลิน แถมได้ความรู้ด้วยนะเออ ว่าแล้วเรามาชมกันเลยดีกว่า!!! John W. Young กระโดดด้วยความดีอกดีใจ หลังจากกลายเป็นมนุษย์คนที่ 9 ในฐานะผู้บังคับการโครงการ Apollo 16 ในปี 1972 ภาพนี้ถูกถ่ายไว้โดยเพื่อนของเขา Charles M. Duke Jr. ห้องทำข่าวของทางหนังสือพิมพ์ New York Times ปี 1942 คนด้านหลังกำลังรับโทรศัพท์จากเหยี่ยวข่าวในพื้นที่ ส่วนนักเขียนข่าวก็กำลังรอข้อมูลที่ส่งมาอยู่ John F. Kennedy ได้รับไก่งวงจากสมาคมไก่งวงแห่งชาติ เพื่อนำไปกินในวันของคุณพระเจ้า เพียง 3 วันก่อนที่เขาจะถูกสังหาร… Ham เจ้าลิงที่ได้กลายมาเป็นลิงตัวแรกที่ขึ้นไปสู่อวกาศ กับยานแคปซูล Mercury-Redstone ในวันที่ 31 มกราคม 1961 รถถังของทั้งโซเวียตและอเมริกากำลังคุมเชิงกันอยู่ ในเหตุการณ์วิกฤติเบอร์ลินปี…
-
มาชมวิวัฒนาการจากรุ่นสู่รุ่น ของชุดอวกาศ NASA ตั้งแต่ยุคเริ่มแรก มาจนถึงปัจจุบัน
ในส่วนของวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีเกร็ดความรู้เจ๋งๆ มาฝากเพื่อนๆ กันอีกแล้วล่ะ เกี่ยวกับชุดนักบินอวกาศของทางนาซ่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั้นมีความเปลี่ยนแปลงและเป็นมายังไงบ้าง จะน่าสนใจขนาดไหน เรามาชมกันได้เลยดีกว่า!!! 1. Mercury Suit ราวกับว่าเป็นโปรเจ็คต์ครั้งแรกของมนุษยชาติที่สามารถรวบรวมความกล้าเพื่อออกไปยังอวกาศ สำหรับชุดนี้ก็ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์และหนึ่งในกระแสแฟชั่นกันเลยทีเดียวในตอนนั้น ดัดแปลงมาจากชุดนักบินเจ็ทของนาวิกโยธินสหรัฐฯ จากการบอกเล่าของนาซาก็คือชั้นภายในนั้นเป็นไนลอนที่ถูกเคลือบไว้ด้วยยางนีโอพรีน ส่วนภายนอกเป็นเส้นไนลอนที่ทำมาจากอลูมิเนียม ภาพจริง 2. Gemini Flight Suit เป็นชุดโอกาศในโปรเจ็คต์ที่ 2 ของทางนาซา ในตอนนั้นยานอวกาศลำนี้จะบรรทุกนักบินอวกาศ 2 รายขึ้นไป โดยสวมชุดที่มีความคล้ายคลึงกับชุด Mercury ในยุคก่อน ต่างกันก็ตรงที่ชุดนี้นั้นสร้างมาให้ยืดหยุ่นได้ดีกว่าเวลามีแรงดัน และที่สำคัญที่สุดก็คือสามารถต่อแอร์ติดตัวที่จะทำให้นักอวกาศเย็นสบายระหว่างปฏิบัติหน้าที่ได้ ภาพชุดจริงๆ 3. Gemini Spacewalk Suit สำหรับชุดนี้เป็นครั้งแรกที่เหล่านักบินอวกาศได้ ‘เดิน’ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ นั่นหมายถึงนักวิทยาศาสตร์จะออกมาจากยานพาหนะ ออกมาสัมผัสกับอวกาศภายนอกโดยตรง ซึ่งความสำคัญของมันก็คือต้องสามารถทำให้นักบินอวกาศทนทานต่อสภาพภายนอกได้ และที่สำคัญที่สุดก็คือถังออกซิเจนที่ต้องติดตั้งเข้าไปเพื่อใช้เป็นอากาศหายใจระหว่างปฏิบัติการอยู่ข้างนอก ภาพชุดจริง 4.…
-
10 เรื่องจริงเกี่ยวกับ ‘แชมพูสระผม’ จริงๆ เราอาจจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับมันมาตลอดเลยก็ได้…
ไม่ว่าใครๆ ก็คงจะ ‘สระผม’ กันเป็นประจำทุกวัน ซึ่งแน่นอนว่าหลายๆ คนก็เข้าใจกันดีว่าการสระผมนั้นจะช่วยชำระล้างเส้นผมให้มีความสะอาด แถมยังเพิ่มกลิ่นหอมให้กับผม และนอกจากนี้ก็ยังเป็นการบำรุงเส้นผมอีกด้วย แต่วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวเกี่ยวกับยาสระผมกัน จริงๆ แล้วอาจไม่ได้เป็นแบบที่เราเข้าใจมาตลอดก็ได้นะ 1. ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า จริงๆ แล้วสุขภาพของเส้นผมนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลากหลายอย่าง 2. หลายๆ คนเลือกซื้อแชมพูมาเพราะว่ามันมีกลิ่นหอมโดยไม่สนใจคำอธิบายบนฉลากเลยแม้แต่นิดเดียว 3. การอ่านฉลากข้อมูลนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะแชมพูแต่ละยี่ห้อนั้นก็จะมีหลากหลายสูตรแตกต่างกันไป เช่น บางสูตรก็มีส่วนผสมของเลมอนและมิ้นต์ อาจจะส่งผลทำให้บางคนเกิดอาการแพ้ได้ 4. บางครั้งส่วนผสมอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ในแชมพู ก็ไม่ได้การันตีว่ามันจะช่วยส่งผลดีต่อสภาพผลแต่อย่างใด จากการวิจัยพบว่าในส่วนประกอบทั้งหมดของแชมพูนั้นมีเพียงแค่ 5-10% เท่านั้นที่ส่งผลกระทบกับเส้นผมและหนังศีรษะของเรา 5. ในขณะที่ใช้แชมพูสระผม หลายๆ คนหวังว่าผมของตัวเองจะออกมาสลวยเหมือนนางแบบในโฆษณาทีวี จริงๆ แล้วมันไม่ได้เหมือนขนาดนั้นหรอกนะเพราะว่าในโฆษณาน่ะเค้าทำให้ผมมีลักษณะพองตัวขึ้น จนมันดูเงาสลวยต่างหากล่ะ (แต่ถ้าเราดูแลสุขภาพผมดีๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้นะ แต่มันก็ไม่ได้สวยเว่อร์ซะขนาดนั้น ฮร่า) 6. ไม่จำเป็นต้องใช้แชมพูในปริมาณมากๆ หรอกนะ หลายๆ…
-
รู้จัก Sophi เด็กหญิงที่แม้พิการไร้แขนสองข้าง แต่สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข จนหลายคนต้องอิจฉา!!
ชีวิตนั้นเลือกเกิดไม่ได้ บางคนอาจได้เกิดมาพร้อมกับสภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ครบ 32 แต่บางคนอาจเกิดมา “ขาด” อะไรบางอย่าง จนทำให้การใช้ชีวิตไม่ปกติเหมือนคนอื่น แต่นั่นอาจไม่ใช่ข้ออ้างในการบอกว่าชีวิตไม่มีความสุข เพราะวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับเด็กหญิงคนหนึ่ง ที่แม้พิการไร้แขนสองข้าง แต่กลับสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขจนหลายๆ คนต้องอิจฉา อะไรคือสาเหตุของความเข้มแข็งเหล่านั้น ไปติดตามกันเลยดีกว่า เด็กหญิงคนนี้มีชื่อว่า Sophi Green วัย 7 ขวบ เธอเป็นชาวจีนที่ได้รับการอุปการะตั้งแต่อายุเพียง 2 ขวบ จากครอบครัวชาวอเมริกันจากยูทาห์ Christianne และ Jeremy Green พร้อมๆ กับพี่สาวที่มีความผิดปกติทางสายตาของเธอ Lexi แม้จะไม่มีแขนทั้งสองข้าง แต่นั่นกลับไม่ใช่ปัญหาของ Sophi แม้แต่นิดเดียว เพราะเธอสามารถใช้ “เท้า” ทำทุกอย่างแทนได้อย่างคล่องแคล่ว ตั้งแต่จับสิ่งของ คีบตะเกียบ และเขียนหนังสือ!! . จริงๆ แล้วการอุปการะเด็กสองคนพร้อมๆ กันถือว่าเป็นเรื่องที่กฎหมายจีนไม่อนุญาติ แต่สำหรับกรณีของ Sophi และ Lexi ด้วยความที่ทั้งคู่มีความพิการ…
-
ทัวร์โรงงานผลิต “กระสุนปืน” ในอเมริกา เปลี่ยนโลหะบางๆ ให้เป็นอาวุธอันตรายได้อย่างไร?
พูดถึงปืน เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักอาวุธมหาประลัยชนิดด้วย ด้วยพิษสงอันร้ายกาจ ทำให้มันกลายเป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในยุคปัจจุบัน แต่ถึงกระนั้น กลับมีน้อยคนนักที่เคยเห็นกรรมวิธีการผลิต “กระสุนปืน” ว่า มนุษย์เราเปลี่ยนโลหะบางๆ ให้กลายเป็นอาวุธสุดอันตรายได้อย่างไร วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมหนึ่งในสิบโรงงานผลิตกระสุนปืนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา กับ Barnes Bullets Factory จะน่าตื่นตาตื่นใจขนาดไหน เราไปชมกันเลยดีกว่า!! เริ่มจากนำทองแดงมาขึ้นรูป เมื่อขึ้นรูปเสร็จแล้ว ก็จะนำตัดให้เป็นปลอกกระสุน . . และนี่คือหัวกระสุนที่รอนำไปบรรจุกับปลอกกระสุน เมื่อทั้งหัวและปลอกพร้อมแล้ว พวกเขาก็มอบหมายหน้าที่บรรจุดินปืนและอัดหัวกระสุนให้กับเครื่องจักรภายในโรงงาน . เพียงเท่านี้ เราก็ได้กระสุนพร้อมใช้งานแล้ว . . นำไปเคลือบสีสักหน่อย สีสันที่แตกต่างกันนั้นจะบอกชนิดของกระสุนว่าเป็นแบบใด . เมื่อเคลือบสีเสร็จแล้วก็นำไปบรรจุใส่กล่อง . . เรียบร้อยสวยงามพร้อมวางจำหน่าย แต่กระสุนบางส่วนก็จะถูกนำไปทดสอบ เพื่อวัดมาตรฐานการผลิตว่าเรียบร้อยดีหรือไม่ . กระสุนปืนไม่ได้ทำยากอย่างที่คิดใช่มั้ยละเพื่อนๆ . เพิ่งรู้ว่าเขาทำกันอย่างนี้ ถือว่าเป็นความรู้ดีๆ เลยนะเนี่ย…
-
25 อินสตาแกรมของเหล่านักเดินทาง ที่คนรักการเที่ยว ควรไปกดติดตามไว้เลย…
ไม่ว่าคุณกำลังจะไปทำงาน รอไปทานอาหารมื้อเย็นกับเพื่อนหรือนอนกลิ้งไปมาบนเตียงรอเวลาหลับก็มักจะต้องมีมือถือติดอยู่ข้างกายเสมอ เพียงแค่คลิกเดียวง่ายๆก็ทำให้เราเห็นโลกภายนอกได้ทั้งใบ เว็บไซต์ TheEveryGirl ได้รวบรวม 25 บัญชีผู้ใช้จากอินสตาแกรมที่อาจจะช่วยให้เราพบสถานที่ๆอยากไปใหม่ๆและรู้จักกับโลกกว้างมากขึ้นจากการติดตามชีวิตท่องเที่ยวของพวกเขาเหล่านี้… 1. @thebusandus ติดตาม: @thebusandus คู่รักจากอลาสก้าที่ลาออกจากงานประจำและตัดสินใจออกเดินทางด้วยรถโฟล์คสุดฮิปที่พาพวกเขาเดินทางจากเมืองอลาสก้าบ้านเกิดของพวกเขาไปจนถึงประเทศอาร์เจนติน่าเลยทีเดียว 2. @gypsea_lust ติดตาม: @gypsea_lust Lauren ช่างภาพหญิงสาวผู้รักการผจญภัยจากออสเตรเลียที่เดินทางไปรอบโลก ติดตามเธอไว้แล้วจะทำให้เรารู้จักชายหาดสวยๆจากทั่วทุกมุมโลกที่เธอได้ไปมาอย่างดียิ่งขึ้น 3. @cntraveler ติดตาม: @cntraveler Condé Nast เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของเนื้อหาการท่องเที่ยวที่มีสาระประโยชน์มากๆ ถ้าหากเรากำลังมองหาคำแนะนำที่ดีๆละก็ขอแนะนำให้ติดตามกันได้เลย 4. @helloemilie ติดตาม: @helloemilie Emilie สาวสวยผู้รักการผจญภัยที่เดินทางไปรอบโลกด้วยตัวของเธอเอง รับรองว่ารูปถ่ายสวยๆจากหลากหลายที่ๆเธอไปมาจะสร้างแรงบันดาลใจให้เราอยากออกเดินทางได้เลยล่ะ 5. @localwanderer ติดตาม: @localwanderer สองเพื่อนซี้ Elaine และ Taylor ที่ตัดสินใจลาออกจากงานในปี 2014 และเริ่มเดินทางไปเรื่อยๆในชายฝั่งตะวันตก การเดินทางของพวกเขาจะพาเราไปรู้จักกับอาหารท้องถิ่นที่แสนขึ้นชื่อในแต่ละเมืองตามแบบนิยามการท่องเที่ยวแบบคนท้องถิ่นของเขาทั้งสอง 6. @budgettraveller ติดตาม: @budgettraveller Kash นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่จะทำให้เรารู้จักการเที่ยวแบบประหยัดงบแต่อยู่กินแบบสบายและเขายังเป็นคนเขียนรวบรวมเทศกาลขนาดเล็กทั่วทั้งยุโรปอีกด้วย 7.…
-
ชมป้ายโฆษณา “โค้ก” ทั่วโลกเมื่อ 60-80 ปีก่อน มีตั้งแต่นิวยอร์ค จนถึงกรุงเทพฯ !!
คงไม่มีใคไม่รู้จักเครื่องดื่มที่เป็นอันดับหนึ่งของโลกในขณะนี้ นั่นก็คือ “โค้ก” นั่นเอง แต่กว่าจะมาเป็นอันดับหนึ่งแบบนี้ได้นั้นก็ต้องผ่านอะไรมาเยอะแยะเหมือนกัน โดยเริ่มต้นนั้นก็คือต้องผ่านการโฆษณาก่อน ในวันที่ 31 มกราคม ปี 1893 โคคา-โคล่า เริ่มจดเครื่องหมายการค้าเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นแบรนด์ที่ทั้งโลกจดจำเป็นต้นมา เนื่องจากน้ำอัดลมที่ทำออกมานั้นอร่อยและเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีใครทำออกมาเหมือน จากข้อมูลในนิตยสาร TIME บอกว่าในช่วงยุค 1930s นั้นทางบริษัทเริ่มที่จะโปรโมตไปประเทศอื่นบ้างแล้ว ทำให้โค้กเป็นที่รู้จักกันในต่างประเทศ รวมไปถึงบ้านเราซึ่งอยู่คนละฟากโลกด้วย และวันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปชมป้ายโฆษณาโค้กในแต่ละดินแดนแบบสไตล์วินเทจ รับรองว่าไม่ผิดหวัง เด็กนั่งขายโค้ก 1936 มีป้ายกำกับด้วยสำหรับคนผิวสี 1938 ที่ Jimmie’s Trailer Camp สหรัฐ 1938 1938 เปอร์โตริโก้ 1943 Columbus Circle แมนฮัตตัน 1944 ที่ร้าน Anne’s Sandwich Shop 1946 ระหว่างในทางเยอรมนี 1947…
-
เมื่อชายคนหนึ่ง… ได้เปลี่ยนขยะพลาสติกที่ไร้ค่า มาสร้างบ้านสำหรับ “คนจรจัด”
หนึ่งปัญหาที่เลวร้ายที่สุดของโลกกำลังเผชิญหน้าอยู่ทุกวันนี่ คงหลีกเลี่ยงไม่ได้นั้นก็คือ “ขยะ” ที่ส่งผลถึงที่มลพิษสิ่งแวดล้อม มลพิษทางอากาศเมื่อนำไปเผาทำลาย นี้คือตัวอย่างหนึ่งเท่านั้นที่สามารถเห็นได้ชัดเจนในปัจจุบัน… และอีกปัญหาหนึ่งที่รุนแรงไม่แพ้กันนั่นก็คือ ปัญหาคนเร่ร่อนที่ไม่มีที่อยู่อาศัย เรียกได้ว่าเป็นปัญหาระดับโลกเลยก็ว่าได้!!! เพื่อลดปัญหาเหล่านี้… ชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Oscar Mendez เขาได้พบวิธีที่ดีมากในการลดปัญหาขยะจำพวกพลาสติกทั้งหลาย นั้นคือเขาได้ก่อตั้งองค์กรที่โคลอมเบีย โดยแปรรูปพลาสติกรีไซเคิลและยางเป็นก้อนอิฐ เพื่อนำไปสร้างบ้านสำหรับคนเร่ร่อนที่ไม่มีที่อยู่อาศัย พวกเขาได้นำพลาสติกมารีไซเคิลมากกว่า 300 ตันเข้าสู่กระบวนการ… กระบวนการบดและอัดเศษขยะ ให้มีลักษณะคล้ายกับตัวต่อเลโก้ ซึ่งสามารถนำมาก่อสร้างบ้านที่มั่นคงแข็งแรงได้ เขาต้องการสร้างบ้านให้คนยากจนโดยใช้งบประมาณจำกัด การก่อสร้างนั้น เขาออกแบบบ้านขนาดประมาณ 40 ตร.ม. โดยจะใช้เวลาสร้างราวๆ 5 วัน และแน่นอนว่าปัจจุบันมีการสร้างไปแล้วหลายหลัง แต่เขาตั้งเป้าว่ามันจะต้องเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคต เราไปรับชมวิดีโอเต็มกันเลยดีกว่าครับ!!! มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเลยละครับ… ที่จะมีผู้คนให้ความสนใจกับสิ่งที่ชายคนนี้ได้ริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งที่สามารถแก้ไขปัญหา ทั้งสองสิ่งได้ไปพร้อมๆกัน!!! เรามาส่งกำลังใจและส่งวิดีโอตัวอย่างสิ่งดีๆนี้… เพื่อให้สังคมเรามาการทำไปใช้และเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนรอบๆตัวเรากันเถอะครับ ที่มา : Kickerdaily , DavidAvocadoWolfe
-
หญิงสาวเก็บ ‘แมวตาติดเชื้อ’ จากข้างถนน สภาพแทบดูไม่ได้ แต่เธอก็รักษาและดูแลมัน
คอนเท้นท์นี้มีภาพรุนแรงสะเทือนใจหน่อยนะจ๊ะ #จ่าสิบเหมียว ขอเตือนไว้ก่อนเลย…เอาจริงๆ นะ ถ้าเราเจอเจ้าเหมียวน้อยตัวหนึ่ง หน้าตาหน้ากลัวมากๆ มีดวงตาปูดโปนออกมาจากเบ้าอย่างกับออกมาจากในหนังสยองขวัญ เราจะเข้าไปช่วยมันรึเปล่า?? เรื่องราวสุดมหัศจรรย์นี้เกิดขึ้นกับชีวิตของเจ้า Braille แมวเหมียวอายุได้ 7 สัปดาห์เศษ ที่ถึงจะไม่ได้มีหน้าตาและรูปร่างที่น่ารักเหมือนเจ้าเหมียวตัวอื่นๆ ในวัยเดียวกันกับมัน ซ้ำร้ายยังติดเชื้อที่ดวงตาอย่างหนักจนปูดโปนออกมาราวกับปีศาจจากภาพยนตร์ แน่นอนว่าไม่มีใครต้องการมัน และมันถูกทิ้งให้เผชิญชะตากรรมแบบลำพังอยู่ข้างถนน… เจ้า Braille Erin Signor และ Sara Konnecke สองสาวผู้ใจดีที่ไปพบมัน รับมันมารักษาและเลี้ยงดูราวกับให้ชีวิตใหม่ หลังจากที่เจอเจ้าเหมียวพวกเธอก็พาไป Animal Care and Control Team แห่ง Philadelphia ทันที (สถานที่แห่งนี้เป็นที่ทำงานของ Sara อยู่แล้วด้วย) ตาข้างหนึ่งของเจ้าเหมียวถูกกระแทกอย่างแรงและปิดสนิทโดยสมบูรณ์ ส่วนอีกข้างนั้นลูกตามีอาการติดเชื้อจนเหมือนว่าจะแตกระเบิดออกมาจากเบ้า สภาพที่เจอเจ้าเหมียวเคราะห์ร้ายในครั้งแรก…#จ่าสิบเหมียว ต้องออกโรงขออภัยไว้ก่อนเลยนะจ๊ะ ว่ารูปมันดูรุนแรงไป… 3 2 1 พร้อมแล้วชม… แต่นี่คือสภาพจริงๆ ที่เจอแบบไม่ตัดต่อตัดแต่งใดๆ ทั้งสิ้น กระนั้นทางศูนย์ดูแลสัตว์ก็บอกว่าอาการของเจ้าเหมียวนั้นมันหนักเกินไปและให้ทั้งสองสาวทำใจไว้เถอะ เพราะมันจะต้องตายแน่นอน แต่พวกเธอก็ไม่ได้ยอมแพ้ นำมันมารักษา และดูแลอย่างเต็มที่…
-
จากเด็กชายถูกทิ้ง-แม่ตาย-ไร้บ้าน แต่ตั้งใจจนได้ที่ 1 ของห้อง แถมได้ทุนเรียนมหาลัยฟรี!!!
He said he never considered missing school เขา่ไม่เคยคิดขาดเรียน และคิดทิ้งการศึกษาไปแม้แต่ครั้งเดียว… วันนี้เราก็มีเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับผู้ที่ไม่เคยจะยอมแพ้ชะตาชีวิตของตัวเขาเองมาฝากกันแหละ รับรองว่าจะซาบซึ้งและกินใจหลายๆ คนเลยทีเดียว… Liyjon DeSilva เด็กชายในเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ต้องกลายมาเป็นเด็กกำพร้าไร้บ้านอย่างฉับพลันหลังจากที่แม่ของเขาเสียชีวิต ตอนนั้นเขาอายุได้เพียง 5 ขวบเท่านั้น หลังจากนั้นต้องระหกระเหินไปอยู่ตามบ้านญาติๆ หลายๆ ปีสลับกันไป แน่นอนว่าบางทีญาติๆ ก็เบื่อที่เขาต้องมาพึ่งพิง ร้ายไปกว่านั้นเขายังเคยต้องนอนตามที่จอดรถและข้างถนนมาแล้วด้วย!! แต่ตอนนี้เขาจบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นที่ 1 ของห้อง แถมได้ทุนเรียนต่อมหาลัยจนจบแบบฟรีๆ เลยทีเดียว!!! ถึงเขาจะต้องระหกระเหินเป็นคนไร้บ้านอยู่ตลอดในช่วงชีวิตวัยเด็กของเขา สิ่งหนึ่งที่เขาบอกว่าไม่เคยลืมเลือนเลยก็คือ ‘ผมไม่เคยคิดขาดเรียนและคิดทิ้งการศึกษาไปแม้แต่ครั้งเดียว’ ชายหนุ่มกล่าว ภาพในวันรับใบประกาศณียบัตรของเขา แน่นอนว่าคนๆ นั้นไม่ใช่พ่อแม่หรือญาติๆ แต่เป็นครูใหญ่ของโรงเรียน Jonathan N. Trinh ในงาน และคุณครูใหญ่ Jonathan N. Trinh นี่แหละที่เรียกได้ว่าเป็นคนเปลี่ยนชีวิตและพฤติกรรมการเรียนของเขาเลยทีเดียว เพราะหลังจากที่ครูใหญ่สืบทราบว่าเจ้าหนุ่มต้องระหกระเหินเป็นคนไร้บ้าน ไปนอนตามใต้ต้นไม้หรือตามที่จอดรถอยู่บ่อยๆ ครูใหญ่ก็เช่าที่พักให้ Liyjon…
-
Rebekka Howie ‘เด็กเพศผสมผสาน’ ที่บางวันเป็นผู้ชาย และบางวันก็เป็นผู้หญิง!!
‘I decide which gender I want to be when I wake up’ ฉันตัดสินใจว่าอยากจะเป็นเพศไหน ตอนที่ฉันตื่นนอน… – Rebekka Howie ในโลกยุคปัจจุบัน “เพศ” กลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากกว่าสถานะที่ระบุในบัตรประชาชน แม้ทางกายภาพเราจะแบ่งเพศออกเป็นสองเพศ แต่ทางจิตใจแล้ว เราสามารถจำแนกเพศได้นับสิบอย่าง แต่ปกติแล้ว แต่ละคนมักจะมีเพศสภาพเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่สำหรับเด็กชาวสก็อตแลนด์คนนี้ เธอกลับพิเศษมากกว่านั้น เพราะเธอมีเพศสภาพถึง 2 อย่างภายในคนๆ เดียว เรื่องราวจะเป็นอย่างไร เราไปติดตามกันดีกว่า เด็กหญิง (ตามบัตรประชาชน) คนนี้มีชื่อว่า Rebekka Howie วัย 17 ปีจากเมืองเพสลี่ย์ ประเทศสก็อตแลนด์ ความพิเศษของเธอคือ เธอสามารถเป็นได้ทั้งเพศชายและเพศหญิงในคนๆ เดียว บางวันเธอตื่นมาเป็นสาวหวาน แต่บางวันเธอก็ตื่นมาเป็นเด็กผู้ชาย เธอเรียกตัวเองว่าเป็นพวก “เพศผสมผสาน (Gender-Fluid)” อาการ “เพศผสมผสาน (Gender-Fluid)” ได้มีหลายเว็บไซต์ให้คำนิยามไว้ว่า เป็นอาการของคนที่รู้สึกว่าตัวเองมีสองเพศ…
-
ลูกชายเป็นเด็กพิเศษ โดนแกล้งในโรงเรียนกว่า 2 ปี คุณพ่อทนไม่ไหว ให้ลาออกมาทำงานบริษัทเลย!!
เป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างดาร์กเลยทีเดียว แน่นอนว่าในวัยเด็กนั้น หลายๆ คนก็ไม่ได้มีช่วงชีวิตที่สวยงามราวกับปลูกบ้านอยู่ในทุ่งกว้างลาเวนเดอร์ โดยเฉพาะการไปโรงเรียน ไปเจอสังคมใหม่ๆ ของเด็กๆ ด้วยกัน การกลั่นแกล้งกันในกลุ่มเพื่อนย่อมเกิดขึ้น แต่บางครั้งมันก็หนักเกินไป แต่บางทีถ้าคุณครูและผู้ดูแลไม่สนใจล่ะก็ พ่อแม่ก็ต้องลงไม้ลงมือกันเองซะบ้าง เหมือนคุณพ่อคนนี้ Lee Cooke ผู้จัดการบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งใน Wolverhampton ประเทศอังกฤษ ที่ทนเห็นลูกของเขาถูกรังแกในโรงเรียนไม่ไหวมากว่า 2 ปีเต็ม แถมคุณครูก็ไม่ค่อยใส่ใจที่จะดูแลเขานัก ตอนนี้เขาเลยให้ลูกลาออกจากโรงเรียน แล้วพามาสอนงาน พร้อมกับสอนหนังสือให้เขาไปด้วยซะเลย!!! สำหรับลูกของเขานั้นเป็นเด็กชายอายุ 9 ขวบที่เรียกได้ว่าเป็นเด็กพิเศษ เพราะเขามีอาการของโรค Dyslexia หรืออาการบกพร่องทางการอ่านนั่นเอง ทำให้ตกเป็นเป้าให้เด็กอื่นเข้ามาแกล้งเขาเป็นประจำ นี่คือโพสต์น่ารักๆ จากคุณพ่อในโซเชียลมีเดียส่วนตัวของเขา… ‘วันนี้เป็นวันที่ลูกชายวัย 9 ขวบของผมได้เริ่มชีวิตใหม่ หลังจากที่เขาถูกรังแกในโรงเรียนมาอย่างยาวนานกว่า 2 ปีเต็มและไม่ได้รับการใส่ใจเท่าที่ควรจากเจ้าพนักงาน ผมก็เลยตัดสินใจให้เขาออกจากโรงเรียน ในวันนี้เราเรียนรู้เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ ไอซีทีนิดหน่อย แล้วก็การรับสายโทรศัพท์อย่างถูกวิธี วันนี้ผมได้เห็นรอยยิ้มของลูกชายของผม และผมก็ยิ้มไปกับเขาเช่นกัน ผมอยากให้เด็กๆ ที่รังแกเขาและคุณครูที่ไม่ช่วยเหลือเขาได้เห็นว่า การที่เขามีอาการ Dyslexia นั้นไม่ได้แปลว่าใครจะสามารถทำกับเขาแบบนี้ได้ เพราะฉะนั้นเราจงลุกขึ้นสู้กับความไม่ถูกต้องแบบนี้กันเถอะ!!!’ …
-
รวม 8 อุปกรณ์ป้องกันการบุกรุก สาวไทยทุกคนควรซื้อติดห้องไว้ ปลอดภัยแน่นอน!!
จากเหตุการณ์สุดสลดที่คนร้ายบุกเข้าไปข่มขืนคุณครูสาวถึงห้องพร้อมกับฆ่าทิ้งอย่างไม่ไยดี ทำให้สาวๆ หลายคนที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ บ้านเช่า หรือหอพัก ด้วยตัวคนเดียว หรือเป็นหญิงล้วนต่างก็รู้สึกกลัวและกังวลไปตามๆ กัน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปชื่อว่า Wildstocks ได้ทำการตั้งกระทู้ “[กระทู้รวมอุปกรณ์] ถึงน้องๆ พี่ๆ ผู้หญิงที่ต้องอยู่ลำพังทุกคน เรามาป้องกันตัวเองกันดีกว่า” ซึ่งเจ้าตัวอนุญาตให้ทางเราเอามาเผยแพร่เป็นประโยชน์กับสาวๆ ทุกคน แถมอุปกรณ์แต่ละชิ้นก็สามารถหาซื้อได้ และมีราคาไม่สูงมาก เพราะฉะนั้นก็ควรหาซื้อมาใช้ป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อนดีกว่าที่ปล่อยให้จะเกิดอันตรายกันดีกว่าเนอะ 1. อุปกรณ์ป้องกันประตูหน้าในกรณีที่เป็นประตูห้องธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นประตูไม้ หรือประตู PVC ให้ลองหาซื้อที่กั้นประตูที่เป็นไม้ลักษณะเป็นลิ่มแบบนี้ หรือจะทำเองก็ได้เอาเสียบไว้ที่ประตูขณะนอนหลับซัก 2 อัน เพราะโซ่คล้องประตูหรือขอเกี่ยวประตูไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด 2. เจ้า Hotel Alarm ที่จะช่วยส่งเสียงแจ้งเตือนเมื่อมีคนพยายามเปิดประตูเข้ามายามวิกาล ติดตั้งง่ายแถมราคายังไม่สูงอีกด้วย 3. หากอยู่ในคอนโดหรืออาคารชุดทั้งหลายที่ทางเข้าตรงระเบียงจะเป็นกระจก ให้ติดฟิล์ม Safety เพื่อป้องกันการกรีดกระจกหรือทุบกระจกเข้ามาในห้อง มีหลากหลายราคาตามกำลังทรัพย์ของแต่ละคน (แต่แนะนำให้ซื้อมาติดเถอะนะ เพื่อความปลอดภัย) 4. นอกจากจะติดสัญญาณเตือนที่ประตูหน้าแล้ว ก็อย่าลืมติดที่หน้าต่างด้วยล่ะ 5. อุปกรณ์ช่วยเหลือแบบพกติดตัวอย่างเช่นนกหวีดแบบนี้ เวลาเกิดเหตุอะไรขึ้นก็เป่าเอาไว้ก่อนเพื่อเรียกให้คนมาช่วย…
-
เที่ยวทั้งทีต้องสบายใจ กับ 5 เทคนิคขอลางาน ให้ได้ไปเที่ยวแบบรื่นรมย์ !!!
ทำงานกันมาเหนื่อยๆทั้งปีหลายคนคงอยากจะใช้วันลาพักร้อนออกไปผ่อนคลายสมองกันบ้าง แต่แหมมม…พักผ่อนทั้งทีมันก็ต้องมีการทำเรื่องลาทั้งหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานกันใช่มั้ยล่ะ ขอแนะนำ 5 วิธีคำแนะนำดีๆจากคุณ Suzy Strutner ที่จะทำให้หัวหน้าใจอ่อนยอมปล่อยให้เราไปพักผ่อนกันแบบง่ายๆ 1. วางแผนงานที่ทิ้งไว้ให้ดี และอธิบายแก่หัวหน้าให้เข้าใจ จากการสำรวจแล้ว ร้อยทั้งร้อยหัวหน้าฝ่ายจะกังวลเรื่องงานในช่วงที่เราไม่อยู่ เพราะฉะนั้นวางแผนจัดการให้ดีในช่วงที่เราไม่อยู่ก่อนจะขอลาพักประจำปี แถมมันยังช่วยแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบ และความเป็นมืออาชีพที่เรามีต่องานอีกด้วย 2. ถามได้ผลกว่าบอก มันมีความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างการถามหัวหน้าเพื่อขออนุญาติลาพักร้อนประจำปีกับการบอกให้หัวหน้าฟังว่าเราจะไปเที่ยวเมื่อไหร่ การถามบอสเพื่อยันยันว่าจะให้เราลาไหม มันชัดเจนและได้ผลกว่าการบอกว่าจะไปเที่ยวเฉยๆ 3. แจ้งระยะเวลาที่จะไปและจำนวนวันลาที่เหลือ การแจ้งจำนวนวันที่ต้องการลาพร้อมกับบอกหัวหน้าว่าวันลาเราเหลือกี่วันแล้ว จะช่วยให้หัวหน้าทราบว่าเรายังมีวันลาเหลืออยู่ตามนโยบายของบริษัทยกตัวอย่างเช่น ” ขอชี้แจงการลาหยุดตั้งแต่วันที่ 20 – 25 พ.ค. เป็นจำนวน 6 วัน จากวันลาทั้งหมด 14 วัน ต่อปี “ 4. ควรบอกล่วงหน้า 1 เดือน บอกก่อนล่วงหน้าซัก 1 เดือนเป็นช่วงระยะเวลาที่มากพอที่จะทำให้เพื่อนร่วมงานเราวางแผนช่วยจัดการกับงานในช่วงที่เราไม่อยู่ได้ 5. ยื่นแบบคำขออย่างเป็นทางการ ถึงแม้ว่าอาจจะสนิทกับหัวหน้าจนเหมือนเพื่อนกัน แต่การขอลาหยุดด้วยการบอกปากเปล่ามันก็ยังดูไม่เป็นทางการพอ ขอแนะนำให้เขียนจดหมายขอลาเป็นลายลักษณ์อักษรแบบเป็นทางการได้ผลกว่าแน่ๆ …
-
14 เรื่องราวชีวิตของเหล่าดาราและคนดัง ที่เคย ‘ล้มเหลว’ และไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ…
เพราะว่าชีวิตของทุกๆ คนนั้น ไม่ได้โรยมาด้วยกลีบกุหลาบ แต่เชื่อเถอะว่าเราสามารถเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองได้ และนี่ก็คือเรื่องราวของทั้ง 14 ดาราและคนดังจากรอบโลก ที่เริ่มต้นด้วยชีวิตที่อาจเรียกได้ว่า ‘ติดลบ’ มาก่อนเลยทีเดียว แล้วคุณจะรู้สึกมีกำลังใจในการสู้ชีวิตมากขึ้นสุดๆ เลยล่ะ!!! Jim Carrey หนึ่งในดาวตลกชื่อดังก้องโลก ณ ขณะนี้ ผู้มีอดีตที่แสนจะยากลำบาก… ใช้ชีวิตอยู่ในรถตู้ ลาออกโรงเรียนและไปสมัครเป็นภารโรงเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวของเขา เขาทำงานด้านการแสดงตลกอยู่หลายครั้งโดยไม่เกี่ยงงานไม่ว่าจะเป็นงานเล็กงานน้อย จนวันหนึ่งฝีมือของเขาก็เป็นที่เลื่องลือและมีงานเข้ามาเรื่อยๆ จนกลายเป็นตลกชื่อดังในที่สุด เรื่องประทับใจที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือ เขาเคยเขียนเช็คมูลค่า 10 ล้านเหรียญตอนที่เขายังเป็นภารโรง ใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ของตนเอง…แต่แล้ววันหนึ่ง เช็คใบนั้นของเขาที่เขียนไว้ก็สามารถใช้ได้จริงๆ ล่ะ!!! J.K. Rowling นักเขียนที่โด่งดังไปทั่วโลก ถ้าในด้านวรรณกรรมแล้ว คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักเธอคนนี้ โด่งดังสุดๆ จากงานเขียนเรื่อง Harry Potter แต่ก่อนหน้านั้น เธอเป็นซิงเกิลมัมที่ต้องเลี้ยงลูกตัวคนเดียวและประสบปัญหาชีวิตและโรคซึมเศร้าเป็นอย่างมาก แต่กระนั้นเคล็ดลับของเธอก็คือ เธอไม่เคยจะยอมแพ้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนๆ สำหรับตอนนี้หนังสือของเธอก็ได้รับการตีพิมพ์ไปแล้วกว่า 400 ล้านฉบับขายไปทั่วโลก และเชื่อมั้ย เธอเคยนำ Harry Potter ไปเสนอสำนักพิมพ์กว่า 12 แห่งด้วยกัน…
-
ผู้เชี่ยวชาญด้านแมวแนะ 18 ข้อควรรู้ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจรับ ‘เจ้าเหมียว’ มาเลี้ยง !!!
การรับเลี้ยงสัตว์สักตัวหนึ่งเข้ามาในบ้านนั้น เราไม่ได้แค่รับเลี้ยงเขาในฐานะสัตว์เลี้ยงแต่เพียงอย่างเดียว เพราะหลายๆ บ้านจะถือว่าพวกมันเป็นสมาชิกในครอบครัวเลยล่ะ และสำหรับวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มี 18 เรื่องราวฮาๆ ที่คุณควรรู้ ก่อนที่จะรับเจ้าเหมียวซักตัวมาเลี้ยง ลองมาดูกันเลยว่าจะจริงไหม (ในกรณีของคนที่รับเลี้ยงมาก่อนแล้วอ่ะนะ ฮร่าาาา ><) การรับเลี้ยงแมวนั้นไม่ได้เพราะคุณรับเลี้ยงพวกมันเข้ามาหรอก แต่มันยอมที่จะมาอยู่กับคุณต่างหาก!!! แต่การจะหาข้อมูลว่าแมวตัวนั้นที่เราจะรับมาเลี้ยงจะเข้ากับเราและบ้านของเราได้รึเปล่านั้น?? วันนี้เราก็มีคำแนะนำดีๆ จาก Sharon Weller ผู้เชี่ยวชาญด้านแมวจาก Battersea Dogs & Cats Home มาฝากกันล่ะ 1. แมวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างสะอาดเลยทีเดียว และไม่มีปัญหาเรื่องการขับถ่ายมาก แค่มีกระบะทรายให้มันก็เพียงพอแล้ว 2. การฉีดวัคซีนแมวประจำปีก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะจะทำให้เจ้าเหมียวมีสุขภาพที่ดี เหมือนคนที่ไปตรวจสุขภาพรายปีตลอดๆ นั่นแหละ 3. วิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำให้เจ้าเหมียวปรับตัวกับที่อยู่ใหม่ได้เร็วก็คือค่อยๆ แนะนำและพามันเข้าไปชมทีละห้องๆ และสมาชิกในครอบครัวทีละคน อย่าไปกดดันมันมากล่ะ 4. ส่วนมากแมวจะค่อนข้างเกลียดการกอด มีเพียงบางตัวเท่านั้นที่ชอบ เพราะฉะนั้นลองสังเกตอาการน้องเหมียวดูนะว่าตอนกอดแล้วเค้าชอบรึเปล่า!? 5. มีแมวที่ชอบออกไปข้างนอก และอีกหนึ่งประเภทที่ชอบอยู่เฉพาะในบ้าน…
-
ย้อนดูประวัติศาสตร์ “ค่านิยมความหล่อของผู้ชาย” ตั้งแต่ยุค 1900s จนถึงปัจจุบัน!!
มนุษย์ทุกคนย่อมห่วงสวยห่วงงามกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ขึ้นอยู่กับว่าจะมีมากหรือน้อย หรือไม่มีเลยก็ได้ และสุดประสงค์ของการดูแลตัวเองก็คือดึงดูดสายตาคนรอบข้างนั่นเอง ในแต่ละยุคนั้นก็จะเลือกแต่งตามกระแสไป ซึ่งภายใน 10 ปี ก็จะมีความแตกต่างกันอยู่มาก และวันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปพบกับค่านิยมความหล่อของผู้ชายตั้งแต่ยุค 1900s มาจนถึงปัจจุบันว่าผู้ชายในแต่ละยุคจะเน้นหล่อไปในทางด้านไหนกันบ้าง (ส่วนมากเป็นของโลกตะวันตกนะ) 1900s ยุคแห่งมวยปล้ำและชายล่ำ การแสดงของ Eugen Sandow เรียกได้ว่าเป็นที่โด่งดังมากในตอนนั้น เทียบเท่ากับ The Beatles ในยุค 60s เลย ทำให้เขากลายเป็นต้นแบบ 1910s สง่างามอย่างผุดผ่อง สงครามโลกครั้งที่ 1 นำพาเอาแฟชั่นไม้ค้ำและหนวดมา ลุคแบบนี้คนจึงมองว่าหล่อและมีความเป็นผู้ชาย 1920s ผมมันและบอบบาง Rudolph Valentino ดาราหนังเงียบในยุคนั้นถือเป็นต้นแบบความหล่อด้วยการทำผมให้มันๆ และมีรุปร่างที่บอบบาง 1930s หนวดสุดเซ็กซี่ ในยุคนี้นิยมหุ่นนักกีฬา มีกล้ามที่ได้รูปในทุกส่วน และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือหนวดที่เซ็กซี่ ซึ่งต้นแบบก็คือ Clark Gable 1940s แมนแบบชายชาติทหาร ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2…
-
ภาพตรึงใจ ช่วงเวลาพักผ่อนของทหาร ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ก่อนจะเสียชีวิตนับล้านคน…
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางสำนักข่าว Daily Mail ได้นำคอลเล็กชั่นภาพสุดหายากของเหล่าทหารอังกฤษ ก่อนที่จะเริ่มยุทธการแม่น้ำซอมม์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งปฏิบัติการนี้เองถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนใจมากสำหรับกองทัพอังกฤษ เพราะมีทหาเสียชีวิตไปกว่าหนึ่งล้านนาย โดยในภาพแสดงทำให้เราได้เห็นถึงวิถีชีวิตและอารมณ์ของเหล่าทหาร ก่อนที่เขาจะเข้าร่วมสงครามครั้งที่โหดร้ายที่สุดครั้งหนึ่งที่โลกเคยมีมา ซึ่งในแต่ละภาพ จะมีสถานะของทหารเหล่านั้นกำกับเอาไว้ เพื่อให้ผู้ชมได้รู้ว่า ชะตากรรมของพวกเขาในสงครามเป็นอย่างไร *หมายเหตุ Killed = เสียชีวิต / Wounded = ได้รับบาดเจ็บ / Survived = รอดชีวิต / Unknown = ไม่ทราบชะตากรรม ยุทธการแม่น้ำซอมม์ถือว่าเป็นการปะทะกันครั้งแรกของกองทัพอังกฤษและกองทัพเยอรมัน ทั้งสองฝ่ายต่างทุ่มกำลังเพื่อจะยึดพื้นที่ของอีกฝ่ายให้ได้ ซึ่งทั้งสองต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับเป็นเวลากว่า 2 ปี แต่ก็ยังไม่ได้ผลแพ้ชนะ จนสุดท้ายสหรัฐอเมริกาได้เข้าร่วมสงคราม และเข้าไปสลับเปลี่ยนกำลังพลกับทหารอังกฤษและฝรั่งเศส ทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรเริ่มได้เปรียบและกลายเป็นฝ่ายชนะในที่สุด แต่ถึงกระนั้นกองทัพอังกฤษก็ต้องเสียกำลังพลไปกว่าหนึ่งล้านนายจากยุทธการแม่น้ำซอมม์ครั้งนี้ เราไปชมภาพกันดีกว่า . . . . . . สงครามมีแต่ความสูญเสียจริงๆ ขนาดดูจากภาพผู้เสียชีวิตยังมีมากกว่าแบบอื่นๆ…
-
ติดตามชีวิต 3 หนุ่มน้อยใน Eton College สุภาพบุรุษโรงเรียนชายล้วน ที่หรูสุดในอังกฤษ!!
เมื่อไม่นานมานี้ #เหมียวเลเซอร์ ได้หยิบยกภาพบรรยากาศภายในโรงเรียนชายล้วนที่ดีที่สุดจากประเทศอังกฤษมาให้ชมกัน นั่นก็คือ Eton College หรือวิทยาลัยอีตัน (คลิกชมที่ลิงค์นี้) และจากที่ได้เปรยไปว่าสถาบันการศึกษาแห่งนี้ดูดีมากจนน่าเหลือเชื่อ จะเห็นได้จากบุคลิกการแต่งกายของเหล่านักเรียนนั้นมีความเป็นผู้ดีสุดๆ แล้วบรรยากาศการเรียนข้างในนั้นจริงๆ จะดีอย่างที่เราคิดกันหรือไม่ ถ้าอยากรู้แล้วล่ะก็ มาติดตามกันได้เลย ทางสถานีโทรทัศน์ BBC ได้จัดทำรายการที่ติดตามชีวิตของนักเรียนในแต่ละสถาบันของอังกฤษในซีรีส์ My Life ติดตามชีวิตนักเรียนในสถาบันต่างๆ ซึ่งในคราวนี้จะเป็นของวิทยาลัยอีตัน โดยมีหนุ่มวัยมัธยมต้น 3 คนที่ได้รับทุนเข้ามาศึกษาในรั้วอีตันแห่งนี้ หนุ่มน้อยทั้งสามของเรามีชื่อว่า Fara, James และ Theo ได้รับทุนเข้าเรียนในระดับ Year 9 หรือเท่าเทียบ ม.3 ในบ้านเรา Fara เองได้เล่าไว้ว่าการได้เข้าเรียนที่นี่คือความใฝ่ฝันของแม่ เพราะอยากจะให้ลูกได้เข้าเรียนสถาบันที่ดีที่สุดในประเทศ และเขาก็สามารถสอบชิงทุนตามที่แม่หวังเอาไว้ได้ James นั้นมีเชื้อสายจีน โดยพ่อแม่ย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ การสอบทุนนั้นเกิดขึ้นด้วยความเบื่อของ James เอง ลองทำการสมัครชิงทุน และแล้วก็สอบผ่านมาได้ ซึ่งถ้าหากไม่ได้ทุนนี้มา เขาก็คงไม่ได้เรียนที่นี่ เพราะค่าเทอมแพงมาก…
-
โอกาสมาถึงแล้ว!! Pixar เปิดโครงการสอนทำแอนิเมชั่นฟรีๆ ผ่านเว็บไซต์ ใครๆ ก็เรียนได้!!
หากในวัยเด็กของคุณ ชื่นชอบการ์ตูนของ Pixar ไม่ว่าจะเป็น Toy Story, A Bug Life, Finding Nemo และอยากที่จะกลายมาเป็นคนสร้างแอนิเมชั่นดีๆ แบบนั้นบ้างล่ะก็ วันนี้โอกาสของคุณมาถึงแล้วล่ะ!! เมื่อเร็วๆ นี้ Pixar Animation Studios ได้เปิดตัวโครงการ Pixar in a Box ให้เหล่าผู้ที่มีความสนใจในการสร้างสรรค์แอนิเมชั่นได้เข้ามาเรียนรู้ขั้นตอนการทำงานได้แบบฟรีๆ ผ่านเว็บไซต์ khanacademy ตั้งแต่พาชมบริษัท แนะนำตำแหน่งต่างๆ ในองกร พาไปดูวิธีการสร้างสรรค์ตัวละคร ไปจนถึงขั้นตอนในการออกแบบตัวละคร หรือการออกแบบฉากต่างๆ ฟังดูน่าสนใจมากทีเดียว . ภายในเว็บไซต์ได้บอกถึงเป้าหมายของพวกเขาไว้ว่า “เป้าหมายของเราก็คือการแสดงให้คุณเห็นถึงแนวคิดที่คุณได้เรียนรู้มาจากโรงเรียนและใช้มันมันเพื่อนการแก้ไขปัญหากับความคิดสร้างสรรค์อย่างท้าทายที่เราต้องเผชิญกับมันระหว่างที่ทำหนังกับ Pixar” จากความเข้าใจของคนทั่วๆ ไปอาจจะคิดว่าการทำงานในบริษัทแอนิเมชั่นนั้นน่าจะเต็มไปด้วยเหล่าแอนิเมเตอร์หรือคนวาดการ์ตูนเพียงอย่างเดียว แต่ความจริงแล้วภายในองกรของพวกเขา ยังเต็มไปด้วยศิลปิน, นักวิทยาศาสตร์, ปฏิมากรหรือแม้แต่นักเขียนโค้ด แม้ว่านี่จะเป็นโอกาสอันดี แต่ก็ติดปัญหาอยู่นิดหน่อยตรงที่บทเรียนทั้งหมดนี้จะเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ เลย หากคุณมีความตั้งใจอยากจะทำแอนิเมชั่นจริงๆ ลองอ่านและฟังดูนะ หรือไม่ก็ใช้ดิกชันนารีช่วยแปลก็ได้ เชื่อว่าไม่น่าจะยากเกินความสามารถล่ะ ลองชมตัวอย่างการเรียนการสอนในบทแรกกันเลย ในบทนี้พวกเขาจะพาไปทัวร์ว่าภายในออฟฟิศของ Pixar นั้นทำงานกันยังไงบ้าง? …
-
‘คุณพลอย’ แชร์เทคนิค.. ออกกำลังกายที่บ้าน ไม่ต้องอดอาหาร หุ่นดีมีซิกแพ็คได้นะคะ !!!
สำหรับเพื่อนๆ ที่อยู่ในวัยทำงานหลายๆ คนมักจะไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย เพราะไม่อยากเสียเวลาออกไปข้างนอกบ้านพบกับปัญหารถติด กว่าจะถึงยิมก็ปาเข้าไปดึกดื่นจนแทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลย ในวันนี้ #เหมียวหง่าว เทคนิคการออกกำลังกายในบ้าน แบบง่ายๆ แถมยังได้ผลดีแบบสุดๆ มาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน ชาวเน็ตเว็บไซต์พันทิปชื่อว่า POIIZ_TOBI_DIET หรือ คุณพลอย ได้ทำการโพสต์กระทู้ชื่อว่า “พิสูจน์แล้ว!! ออกกำลังกายที่บ้านก็หุ่นดี กล้ามมี ซิกแพคก็มาได้นะคะ” เพื่อแนะนำวิธีการออกกำลังกายง่ายๆ สามารถทำได้ที่บ้าน แถมยังได้ผลดีแบบสุดๆ คุณพลอยเล่าว่าช่วงก่อนนั้นเธอเคยไปออกกำลังกายที่ยิม แต่เนื่องจากว่าสถานที่ทำงานและบ้านของเธอนั้นอยู่ไกลกันมากต้องเดินทางหลายชั่วโมง จึงทำให้ไม่สามารถไปเล่นได้อย่างสม่ำเสมอ ก็เลยต้องหันมาหาวิธีอื่นแทน ด้วยการลองเริ่มออกกำลังกายที่บ้าน โดยในช่วงแรกนั้นเธอก็เล่นตามคลิปในยูทูบ ต่อก็นศึกษาไปเรื่อยๆ และก็ค่อยๆ ทำการซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ามาไว้ในบ้าน อารมณ์เหมือนช็อปปิ้งซื้อเสื้อผ้า แต่เปลี่ยนเป็นอุปกรณ์กีฬาแทน นอกจากนี้คุณพลอยยังกล่าวถึงข้อดีของการออกกำลังกายที่บ้านว่ามีมากมาย ทั้งประหยัดเวลาในการเดินทาง และสามารถเล่นได้นานไม่มีจำกัดรายปี แถมยังไม่ต้องเสียค่าเล่นรายปีอีกด้วย (ซื้ออุปกรณ์มารอบเดียวจบปิ๊ง) และนี่คือขั้นตอนการออกกำลังกายของเธอ 1. วิเคราะห์ตัวเอง ดูตัวเองว่าอ้วนมากอ้วนน้อยเพียงใด มีโรคประจำตัวที่เป็นอุปสรรคต่อการออกกำลังกายหรือเปล่า และสร้างเป้าหมายให้ตัวเองว่าออกกำลังกาายไปเพื่ออะไร เช่น แค่ลดน้ำหนัก ให้ดูฟิต ให้ดูไม่มีพุง หรือสร้างกล้าม จะได้วางแผนการออกกำลังกายและเลือกซื้ออุปกรณ์ได้อย่างถูกวิธี 2. วัดขนาดของส่วนต่างๆ ในร่างกาย…
-
เตรียมพบกับ “Eclipse” มิวสิกวีดีโอที่สร้างจาก “AI” หรือ “ปัญญาประดิษฐ์” ตัวแรกของโลก!!
ความฝันที่จะได้เห็น “คอมพิวเตอร์” มีความคิดของตัวเองคงไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝันไปแล้ว เพราะล่าสุด เรากำลังจะมีมิวสิกวีดีโอที่ตัดต่อโดย “AI” หรือ “ปัญญาประดิษฐ์” เป็นครั้งแรกของโลก โดยมิวสิกวีดีโอดังกล่าวเป็นผลงานของบริษัท Saatchi & Saatchi พวกเขาได้เปิดตัวมิวสิกวีดีโอ “Eclipse” ในงานเทศกาลความคิดสร้างสรรค์นานาชาติ Cannes Lion ณ เมืองคานส์ ประจำปี ค.ศ. 2016 พวกเขาได้ใช้คอมพิวเตอร์และซอฟแวร์ชื่อดังในโลกมากมายในกระบวนการผลิตเอ็มวีนี้ ตั้งแต่ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ Watson ของ IBM, โปรแกรม Ms.Rinna ของ Microsoft, ซอฟแวร์จดจำหน้าตา Affectiva และอื่นๆ อีกมากมาย ภายใต้นามแฝง “Anni Mathison” ทางผู้อำนวยการของ Saatchi & Saatchi กล่าวว่า ปัญญาประดิษฐ์มีบทบาทเริ่มตั้งแต่การวิเคราะห์เพลง แล้วเขียนบทภาพให้เหมาะกับเนื้อหาของเพลง การคัดเลือกตัวนักแสดง ไปจนถึงขั้นตอนการตัดต่อ ส่วนพวกเขามีหน้าที่แค่หาทีมงานที่เป็นมนุษย์ให้เท่านั้น อย่างไรก็ตามตัว MV จะฉายเพียงแค่ในงานเท่านั้น และยังไม่มีการปล่อยตัวเต็มออกมาตามอินเตอร์เน็ตแต่อย่างใด มีเพียงแค่คลิปเบื้องหลังสั้นๆ ที่ถูกปล่อยออกมา…
-
เปิดเผยราคาต้นทุนการผลิต ‘รองเท้าผ้าใบ’ ยี่ห้อดัง ราคาสูงลิ่วนั้น ประกอบด้วยอะไรบ้าง!?
เป็นที่ทราบกันดีว่ารองเท้ากีฬาหรือแฟชั่นแนวกีฬาที่มีการผลิตจำหน่ายในปัจจุบันนั้นมีราคาที่สูงมาก แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเงิน 1/3 ของเงินเดือนพื้นฐาน 15,000 บาทกันเลยล่ะ (ถ้าคิดจะซื้อซักคู่นะ) โดยในปัจจุบันผู้ผลิตรองเท้าแต่ละยี่ห้อก็จะเข็นการออกแบบดีไซน์และเทคโนโลยีการผลิตใส่เข้าไปมากขึ้น ทำให้มูลค่าของรองเท้าแต่ละรุ่นนั้นก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นตามไปเช่นเดียวกัน แต่ว่าต้นทุนการผลิตจริงๆ นั้นจะมีมูลค่าอยู่ที่เท่าไหร่กัน? ทางเว็บไซต์ Soleriview.com จึงได้รวบรวมราคาต้นทุนการผลิตของรองเท้าวิ่งของยี่ห้อที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น Nike, Adidas และ Asics นำมาเปรียบเทียบว่าราคาต้นทุนกับราคาขายนั้นต่างกันที่เท่าไหร่ ยี่ห้อ Adidas นั้น ในแต่ละรุ่นจะมีราคาต้นทุนที่แตกต่างกันมาก อย่างรุ่น Yeezy ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 76 USD (2,6xx บาท) แต่ราคาขายพุ่งทะยานถึง 350 USD (12,xxx บาท) กันเลยล่ะ ส่วนของ Nike เองราคาจะไม่ค่อยหนีห่างกันซักเท่าไหร่ อย่างรุ่น Air Max กับ Air Zoom ต้นทุนอยู่ที่ 33-34 USD…
-
เปิดตัว “โรงเรียนแม่มดพ่อมดอิลเวอร์เมอร์นี” แห่งอเมริกา พร้อมประวัติอันยาวนาน!!
สำหรับคนที่เป็นแฟนๆ แฮร์รี่แล้ว ก็คงรอคอยการกลับมาของภาพยนตร์ Fantastic Beasts ที่กำลังจะเข้าโรงในปลายปีนี้ ซึ่งในภาคนี้จะเป็นการเล่าย้อนไปในอีกยุค โดยเล่าเรื่องราวของตัวละคร “นิวท์” ผู้เขียนหนังสือสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ ถ้าใครติดตามโลกเวทมนตร์ตลอดก็คงจะรู้ว่าโรงเรียนพ่อมดแม่มดนั้นไม่ได้มีแค่ฮอกวอตส์ เพราะในภาคถ้วยอัคนี เราได้เห็นโรงเรียนเพื่อนบ้านที่มาจากต่างประเทศด้วยอย่าง เดิร์มสแตรงก์ (เหมือนจะยังไม่เปิดเผยสถานที่ แต่คาดว่าตั้งอยู่แถวไซบีเรียหรือบัลแกเรียหรือทางเหนือของยุโรป) โบซ์บาตงของฝรั่งเศส และยังมีของญี่ปุ่นชื่อว่ามาโฮโทะโคะโระ แต่เมื่อเรื่องราว Fantastic Beasts เกิดขึ้นที่อเมริกา ก็ต้องมีเรื่องราวของโรงเรียนพ่อมดแม่มดที่นั่นเช่นกัน ซึ่งวันนี้ก็เปิดตัวไปแล้วกับโรงเรียน “อิลเวอร์เมอร์นี” ทางเว็บไซต์ Pottermore ได้ลงเรื่องราวเกี่ยวกับโรงเรียนแห่งนี้ไว้แล้ว คาดว่าน่าจะมีส่วนสำคัญในภาพยนตร์ด้วย เราไปชมคลิปกันก่อนเลย โรงเรียนเวทมนตร์แห่งอเมริกาเหนืออันยิ่งใหญ่แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่สิบเจ็ด ตั้งอยู่ที่จุดสูงสุดของภูเขาเกรย์ล็อค และซ่อนตัวจากการมองเห็นของคนธรรมดาด้วยเวทมนตร์อันทรงพลังหลากหลายแบบ ที่บางครั้ง ก็ปรากฏออกมาในรูปของวงเมฆหมอก แน่นอนว่าใน “โรงเรียนพ่อมดแม่มดอิลเวอร์เมอร์นี” ก็มีการคัดสรรบ้านเช่นเดียวกันกับฮอกวอตส์ แต่จะมีบางกฎที่แตกต่างกันไปบ้าง โดยเฉพาะเรื่อง “ไม้กายสิทธิ์” โดยมีการอธิบายไว้ว่า… “โรงเรียนจะไม่อนุญาตให้เด็กนักเรียนถือไม้กายสิทธิ์จนกว่าจะเดินทางถึงอิลเวอร์เมอร์นี ยิ่งไปกว่านั้น จะต้องฝากไม้กายสิทธิ์ไว้ที่โรงเรียนอิลเวอร์เมอร์นีระหว่างช่วงปิดภาคเรียน และกฎหมายจะอนุญาตให้ถือไม้กายสิทธิ์นอกบริเวณโรงเรียนได้ก็ต่อเมื่อพ่อมดหรือแม่มดมีอายุครบสิบเจ็ดปีแล้ว” และบ้านก็จะแบ่งเป็น 4 บ้านเหมือนกับฮอกวอตส์ ได้แก่ แวมปัส เป็นตัวแทนของร่างกาย ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นนักรบ งูยักษ์ เป็นตัวแทนของจิตใจ…
-
ชมวิวัฒนาการชุดชั้นในของผู้หญิงแต่ละยุคสมัย ในรอบ 100 ปี เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะเนี่ย
ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นเสื้อผ้า รองเท้า ทรงผม รวมไปถึงชุดชั้นใน มักจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัยอยู่เสมอ และเราจะเห็นได้แฟชั่นแต่ละยุค ได้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังทำให้เห็นถึงความโดดเด่น และความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละยุคได้อย่างชัดเจน และในวันนี้เราจะพาคุณไปชมวิวัฒนาการชุดชั้นในของผู้หญิงในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา ว่าชุดชั้นในในแต่ละยุคนั้น เปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน ทศวรรษ 1900 ในยุคนี้ชุดชั้นจะมาในแบบชุดรัดรูป ปกปิดอย่างเรือนร่างได้มิดชิด และดูอึดอัดไม่น้อย แต่ผู้หญิงในสมัยนั้นก็ยังยอมใส่ เพื่อความสวยงาม ทศวรรษ 1910 ต่อมาในทศวรรษที่ 1910 เรียกได้ว่าเป็นแฟชั่นชุดชั้นในที่ได้รับความนิยมไปนานกว่า 10 ปีเลยทีเดียว เนื่องจากเป็นชุดชึ้นในที่เริ่มเปิดเผยเรือนร่างมากขึ้น และเน้นบริเวณช่วงเอวให้ดูเล็กลง ทศวรรษ 1920 เป็นแฟชั่นที่ดูเรียบง่าย ใส่สบาย ซึ่งหากสังเกตดูแล้วแฟชั่นชุดชั้นในสมัยนี้ จะดูแตกต่างจากทศวรรษก่อนๆ ไปมากเลยทีเดียว ทศวรรษ 1930 แฟชั่นชุดชั้นในที่เริ่มมีการใช้ผ้าบางๆ เผยให้เห็นเรือนร่างของผู้หญิงมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นชุดชั้นในที่ใส่แล้วทำให้รู้สึกสบายตัว และดูเซ็กซี่เย้ายวนใจมากๆ อีกด้วย ทศวรรษ 1940 ในทศวรรษที่ 1940 แฟชั่นชุดชั้นในยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากทศวรรษที่แล้วสักเท่าไหร่…
-
Pope Francis กล่าวแทนชาวคริสต์ ร่วมขอโทษเหล่าเพศที่สาม กับการกระทำในอดีต
ก็เรียกได้ว่าเป็นข้อพิพาทที่กินระยะเวลามาแสนนานเลยทีเดียว สำหรับสังคมคริสเตียนนิกายโรมันคาทอลิกและกลุ่มเพศที่สาม โดยเฉพาะในอดีตที่มักจะมีบทลงโทษอย่างรุนแรงเสมอๆ จากทางคริสตจักร แต่ถ้าจะกล่าวถึงในโลกปัจจุบันแล้วล่ะก็ กระแส LGBT สำหรับเพศที่สามนั้นก็เรียกได้ว่ามาแรงมากจริงๆ และล่าสุด Pope Francis ผู้นำสูงสุดแห่งโลกคริสตจักรที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้นำที่มีหัวก้าวหน้าที่สุด ก็ได้ออกมากล่าวขอโทษอย่างเป็นทางการต่อกลุ่มเพศที่ สามแล้วล่ะ Pope Francis ผู้นำแห่งโลกคริสตจักร ล่าสุดระคาร์ดินัล Reinhard Marx แห่งเยอรมนีก็ได้ตั้งคำถามกับพระองค์ว่า ‘พระองค์ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่คริสตจักรต้องออกมากล่าวขอโทษอย่างเป็นทางการต่อกลุ่มเพศที่สาม กับการกระทำที่ผ่านมาของคริสตจักรต่อพวกเขา?’ พระองค์ตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่า ‘เราชาวคริสต์ทั้งหมดต้องขอโทษกับการกระทำที่ผ่านมา และไม่ใช่แค่กล่าวคำขอโทษต่อพวกเขา แต่เราขอให้พวกเขาให้อภัยกับการกระทำที่ผ่านมาของพวกเราด้วย’ ‘คำถามก็คือ ถ้าเราเกิดมาเป็นแบบนั้น แต่เราเป็นผู้มีจิตใจที่ดีและเชื่อในความดีและคำสอนของพระเจ้า เราเป็นใครกันล่ะที่จะไปตัดสินพวกเขา?’ สมเด็จพระสันตะปาปากล่าวต่อ ‘แน่นอนว่าคริสตจักรจะไม่ขอโทษแต่เฉพาะกลุ่มเพศที่สามเท่านั้น ยังต้องขอโทษไปถึงการลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ต่างๆ นานาที่เคยทำมาอีกด้วย ทั้งเหล่าผู้หญิงที่เคยถูกเหยียด คนยากจนที่ถูกกีดกัน และเหล่าเด็กๆ ที่ถูกบังคับให้ทำงานหนัก’ พระองค์กล่าวปิด แน่นอนว่าคำกล่าวนี้ของสมเด็จพระสันตะปาปานั้นไม่ได้ลบล้างความผิดพลาดที่คริสตจักรทำในอดีตได้ แต่กระนั้น นี่ก็ถือเป็นการยอมรับอย่างเป็นทางการจากทางศาสนา ราวกับเป็นการบรรลุเป้าหมายของเหล้าเพศที่สาม และผู้ที่เคยถูกลดทอนในอดีตแล้วเช่นกัน!!! ที่มา: Metro
-
ชมคลิปแสดงเทคนิค LIDAR สุดล้ำ ที่ใช้ค้นหาเมืองโบราณ “มเหนทรบรรพต” ในกัมพูชา
ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมามีข่าวดังในวงการโบราณคดี ว่าด้วยการค้นพบตำแหน่งที่ตั้งของเมืองโบราณ “มเหนทรบรรพต” อันยิ่งใหญ่ของกัมพูชาในช่วงศตวรรษที่ 12 หลังจากค้นหากันอยู่นานหลายปี ซึ่งเมื่อสืบจากหลักฐานแล้ว เมืองแห่งนี้อาจมีขนาดถึง 1,900 ตารางกิโลเมตร หรือขนาดเกือบเท่ากรุงพนมเปญในปัจจุบันเลยทีเดียว หลายคนอาจสงสัยว่า เหล่านักโบราณคดี สามารถหาตำแหน่งของเมืองที่จมอยู่ใต้ผืนดินมานับพันปีได้อย่างไร คำตอบก็คือเทคโนโลยีสุดล้ำ LIDAR (Light detection and ranging data) นั่นเอง วิธีการของพวกเขาคือ จะมีการยิงแสงเลเซอร์นับล้านจุดลงบนพื้นดินจากบนเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งเมื่อมีการยิงเลเซอร์ลงทั่วบริเวณแล้ว คอมพิวเตอร์ก็จะประมวลผลโดยสร้างแบบจำลองสามมิติขึ้นมาให้เห็นแต่ผืนดินเท่านั้น เมื่อเป็นดังนั้น ทางนักโบราณคดีก็สามารถเห็นลักษณะของพื้นดินได้อย่างชัดเจน ซึ่งหากตรงไหนมีร่องรอยของอารยธรรมอยู่ ก็จะสามารถสังเกตเห็นได้อย่างง่ายดาย ใครยังนึกภาพไม่ออกก็ลองดูคลิปวีดีโอสาธิตการใช้เทคโนโลยี LIDAR อันนี้ดู ซึ่งแม้จะเป็นการทำแบบจำลองของนครวัด แต่ก็พอจะเห็นภาพการทำงานของเทคโนโลยีนี้ สำหรับการค้นหาเมืองมเหนทรบรรพต ทางนักโบราณคดีได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปแสกนพื้นดินที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 40 กิโลเมตรทางตอนเหนือของนครวัด ซึ่งมีการค้นพบร่องรอยของอารยธรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นศาสนสถาน ระบบชลประทาน และสิ่งปลูกสร้างมากมาย และล่าสุดมีขุดค้นเพิ่มเติมแล้วพบว่า เมืองมเหนทรบรรพต มีขนาดใหญ่่กว่าที่คาดการเอาไว้ตอนแรก ซึ่งอาจใหญ่ระดับกรุงพนมเปญในปัจจุบันเลยก็เป็นได้ ในอนาคตเราอาจจะมีสถานที่ท่องเที่ยว และแหล่งความรู้ทางประวัติศาสตร์แห่งใหม่ ที่ไม่ไกลจากบ้านเรามากเลยด้วย ที่มา…
-
13 ภาพแต่งงาน LGBT บอกให้เรารู้ว่า… ความรัก เกิดขึ้นได้ โดยไร้ขีดจำกัดและเส้นแบ่ง
หลังจากที่ศาลประเทศสหรัฐอเมริกาได้ประกาศให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศทุกรัฐ สามารถสมรสกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2015 การแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกันจึงมีอิสระมากขึ้น… ทุกวันนี้คู่รักเพศเดียวกันต่างก็สามารถจัดงานแต่งในฝันของพวกเค้าได้โดยที่ไม่ถูกกีดกันจากผู้ใดอีกแล้ว และไม่ต้องกลัวว่าคนรอบข้างจะไม่ยอมรับ… Kathryn Hamm นักเขียนชื่อดังจากเว็ปไซต์ GayWeddings ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ นี่คือ 13 ภาพถ่ายของคู่รักเพศเดียวกัน 13 คู่ ที่จะทำให้เห็นว่ารักแท้ไม่มีจำกัดนิยาม… 1. Jennifer และ Allegra ในงานแต่งที่จัดขึ้นที่แคลิฟอร์เนีย via Gayweddings 2. ภาพถ่ายพรีเว้ดดิ้งของ Ann และ Emily ระหว่างเดินทางไปงานแต่งที่จัดแบบเรียบง่ายใน Disney World via Gayweddings 3. Alex และ Stephen คู่นี้พบกันระหว่างการทดลองหาคู่ผ่านเวปไซต์หาคู่ แต่กลับกลายเป็นว่าบุพเพสันนิวาสได้มาเจอกัน via Gayweddings 4. Kevin และ Christopher สองหนุ่มผู้พบรักกันขณะที่เป็นทหารประจำการอยู่ที่ทำเนียบขาว via Gayweddings 5. Ashleigh และ Erika…
-
ลองดูกันสิ… 10 วิธีผ่อนคลายดีๆ แถมยังช่วยพัฒนาสมอง ไปได้ในเวลาเดียวกัน
เราทุกคนรู้วิธีการผ่อนคลายจากความเครียดที่แตกต่างกัน เช่น “การออกกำลังกาย” ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่คนส่วนใหญ่เลือกและดีมากๆ!! นอกจากนี่… เรายังสามารถผ่อนคลายไปด้วยฝึกสมองไปด้วยได้ ว่าแล้วพวกเราไปดูรูปตัวอย่างกันดีกว่าครับ… ว่าพวกคุณอาจจะเคยทำแบบนี้แล้วก็ได้!!! วิธีที่ 1. การหยุดพักนิ่งๆ และจิบชาสักแก้ว… (จะช่วยทำให้คุณมีสมาธิมากขึ้น) วิธีที่ 2. การจดบันทึก… ไอเดียต่างๆลงในสมุด (จะทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์) วิธีที่ 3. การชมภาพยนตร์ในภาษาต้นฉบับ (ช่วยให้รับรู้ความรู้สึกทางอามรณ์ของนักแสดงและได้ความรู้ทางภาษาอีกด้วย) วิธีที่ 4. การเล่นเกมส์ (จะช่วยให้คุณมีความคิดเกี่ยวกับการรับมือในสถานการณ์ได้ดี) วิธีที่ 5. แทนที่จะดูทีวีมาอ่านหนังสือกันดีกว่า… (ช่วยเพิ่มจิตนาการของคุณอีกด้วย) วิธีที่ 6. แค่การดื่มน้ำ (จะช่วยทำให้คุณทำงานได้เร็วยิ่งขึ้น!!!) วิธีที่ 7. ไปเดินเล่นที่อากาศบริสุทธิ์ (จะช่วยทำให้คุณรู้สึกดีมากยิ่งขึ้น!!!) วิธีที่ 8. การงีบหลับในกลางวัน (จะช่วยให้คุณมีความกระตือรือร้นและความสนใจมากยิ่งขึ้น) วิธีที่ 9. การพูดคุยหรือสนทนากับคนอื่น (จะช่วยเพิ่มความคิดด้านเหตุผลและโต้แย้งได้ดี!!) …
-
ชมโรงเรียนสำหรับเด็กติดเชื้อ HIV แห่งแรกในจีน กับภาพที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลายๆ อย่าง…
อย่างที่ทราบกันดีว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีนั้นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ด้วยเหตุนี้จึงมีการตั้งโรงเรียนขึ้นมาแห่งหนึ่งในมณฑลซานซี เพื่อดูแลเด็กๆ ผู้โชคร้าย ที่ติดเชื้อเอชไอวีโดยเฉพาะ โรงเรียนแห่งนี้มีชื่อว่า “หลินเฟินเรดริบบ้อน” โดยโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนแห่งเดียวในประเทศจีน ที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับเด็กๆ ที่ติดเชื้อเอชไอวีและเอดส์มาจากพ่อแม่ ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2011 ปัจจุบันมีนักเรียนทั้งหมด 32 คน และไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ จากนักเรียน ที่น่าเศร้าคือเด็กๆ ในโรงเรียนนี้ส่วนมากเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกพ่อแม่ทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็กๆ หลังจากทราบว่าเด็กเหล่านี้ติดเชื้อเอชไอวี โดยผู้ที่ดูแลและเป็นอาจารย์ใหญ่ในโรงเรียนนี้ คืออาจารย์กู่เสี่ยวผิงคนนี้ เขาพยายามดูแลเด็กนี้ด้วยความเข้าใจและมอบความอบอุ่นให้ได้มากที่สุด แม้เด็กๆ หลายจะอยากเรียกเขาว่า “พ่อ” แต่เขากลับไม่เห็นด้วย เขาบอกว่าเขาไม่สามารถแทบที่พ่อแม่เหล่านั้นได้ ไม่ว่าพวกเขาจะปฏิบัติอย่างเลวร้ายขนาดไหนต่อเด็กๆ เหล่านี้ก็ตาม อาจารย์หลิว อาจารย์อีกคนที่คอยดูแลเด็กๆ ในโรงเรียนแห่งนี้ เด็กๆ บางคนก็มีโอกาสได้เรียนกีต้าร์อย่างมีความสุข คลาสสอนเต้นก็มี น่าสะเทือนใจที่เด็กบางคนมีพ่อแม่เป็นแรงงานเถื่อน ทำให้เขาเกิดมาโดยที่ไม่ได้เป็นพลเมืองจีน จึงไม่ได้รับสิทธิจากทางการใดๆ ทั้งสิ้น บางครั้งก็มีกลุ่มอาสาสมัครจากต่างประเทศมาร่วมทำกิจกรรมและทานอาหารด้วยกัน หากวันไหนอากาศภายนอกไม่เป็นใจ พวกเขาก็จะนั่งล้อมวงดูโทรทัศน์ . อาจารย์กู่เล่าว่า นับตั้งแต่เปิดโรงเรียนมามีเด็กเสียชีวิตไปแล้วหนึ่งคน…
-
Col Harold นายทหารฮีโร่ผู้ผ่านสองสงครามโลก และได้เหรียญกล้าหาญจาก 7 ประเทศ!!
สงครามแม้จะทำให้เกิดความสูญเสียต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สินมากมาย แต่ในทางตรงกันข้าม สงครามก็เป็นสิ่งที่ทำให้โลกรู้จักกับเหล่าวีรบุรุษผู้เก่งกาจมากมาย ดั่งเช่นนายทหารที่ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักวันนี้ รับรองว่าเพื่อนๆ จะต้องทึ่งกับพฤติการณ์ของเขาอย่างแน่นอน ไปติดตามกันเลย!! Col Harold Fowler เกิดที่เมืองลิเวอร์พูล ในประเทศอังกฤษเมื่อปี ค.ศ. 1886 ซึ่งหลังจากเขาเกิดได้ไม่นาน ครอบครัวของเขาก็ย้ายไปตั้งถิ่นฐานในอเมริกา นับตั้งแต่เด็ก เขาชื่นชอบความตื่นเต้นท้าทายเป็นอย่างมาก เขาฝึกขี่ม้าเป็นประจำ จนสามารถลงแข่งใน Grand National รายการแข่งม้าชื่อดังที่สุดในโลกได้ถึงสองครั้ง และเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้น เขาได้สมัครเข้าเป็นทหารของกองทัพอังกฤษ ในระยะเขารับหน้าที่เป็นหน่วยซุ่มยิงก่อนจะย้ายไปประจำการในกองทัพอากาศในเวลาต่อมา และในสงครามโลกครั้งนี้เอง ก็เป็นเวทีที่ทำให้เขาได้รับเหรียญกล้าหาญเป็นครั้งแรก เหตุการ์เกิดขึ้นตอนที่เขาทำหน้าที่เป็นหน่วยซุ่มยิง เขาได้แอบย่องและแฝงตัวเข้าไปในกองทัพฝ่ายศัตรู ก่อนจะจัดการทหารปืนใหญ่ของฝ่ายเยอรมันหนึ่งหน่วยด้วยตัวคนเดียว และเมื่อเขาได้ย้ายไปประจำการกับกองทัพอากาศ เขาก็ได้เหรียญกล้าหาญเพิ่มอีกเหรียญ หลังจากที่เขาขับเครื่องบินกราดยิงกองทหารหน่วยหนึ่งของศัตรูจนแตกกระเจิง ที่ความสูงเพียง 60 เมตรเหนือพื้นดิน จนเป็นที่กล่าวขวัญไปทั้งกองทัพ มีครั้งหนึ่ง เขาถูกนักบินฝรั่งเศสปรามาสว่า นักบินอเมริกันไม่เก่งกาจเท่าไหร่นัก วันต่อมาเขาจึงขับเครื่องบินเล็ก ลอดผ่านประตูชัยฝรั่งเศสไปอย่างน่าตื่นเต้น จนนักบินฝรั่งเศสเงิบกันหมด ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 1…
-
เปิดตำนาน “Bliss” ภาพวอลเปเปอร์ Window XP ที่คนยุค 2000 คุ้นเคยกันมากที่สุด
สำหรับคนยุค 2000 แล้ว ภาพหนึ่งที่คนยุคนี้เห็นกันจนคุ้นตาเป็นอย่างดี ก็คือภาพวอลเปเปอร์ทุ่งหญ้าเขียวขจีของระบบปฏิบัติการ Window XP นั่นเอง ซึ่งในปี ค.ศ. 2016 ก็เป็นการครบรอบ 20 ปีของภาพใบนี้ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะขออาสาพาเพื่อนๆ ย้อนเวลากลับไปชมเรื่องราวอันน่าทึ่งของภาพใบนี้ ที่จากภาพธรรมดาๆ ที่ถ่ายด้วยความบังเอิญ จนกลายเป็นภาพที่ว่ากันว่า มีคนเคยเห็นมากที่สุดในโลก เราไปชมพร้อมๆ กันเลย!! เรื่องราวกเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1996 เมื่ออดีตช่างภาพของนิตยสาร National Geographic นามว่า Charles O’Rear กำลังเดินทางจากบ้านของเขาในแคลิฟอเนีย ไปยังบ้านของแฟนสาวที่อยู่ในทางตอนเหนือของซานฟรานซิสโก เขาเล่าว่าวันนั้นเขารู้สึกอยากถ่ายรูปมาก และเขาเชื่อลึกๆ ว่า วันนั้นเขาต้องเก็บภาพดีๆ ได้อย่างแน่นอน ระหว่างที่เขากำลังขับรถอยู่ เขาสังเกตเห็นเนินเตี้ยๆ แห่งหนึ่ง มีไร่องุ่นขึ้นปกคลุมจนเขียวไปหมด เขารู้ในทันทีว่า ที่นี่คือที่ที่เขาตามหา เขาจึงหยิบกล้อง Mamiya RZ67 แบบ Medium Forat…
-
ย้อนกลับไปดูป้ายโฆษณา ‘เหยียดเพศ’ ที่เหล่าแบรนด์ดัง ล้วนเคยใช้มาในอดีต…
โฆษณาสินค้าต่างๆ ในแต่ละยุคนั้น สามารถสะท้อนให้เห็นสถานะของคนในสังคมได้เป็นอย่างดี เช่นโฆษณาในปัจจุบันมักจะชักชวนให้ผู้หญิงมีหุ่นผอมๆ มิฉะนั้นก็จะถือว่าเป็นคนไม่สวย เรียกว่าโฆษณาเป็นเครื่องมือที่กำหนดค่านิยมของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ลองย้อนกลับไปดูดีกว่าว่าในยุคอดีตที่ผ่านมา แบรนด์ดังบางแบรนด์ที่เรารู้จัก ก็อาจจะเคยใช้โฆษณาในลักษณะเหยียดเพศนี้มาแล้วก็เป็นได้… โฆษณา Alcoa Aluminum ในปี 1953 … “ฝาบิดที่ผู้หญิงเปิดเองไม่ได้” โฆษณาเนคไท แบรนด์ Van Heusen ในปี 1951 … “แสดงให้เธอเห็น ว่าโลกเป็นของผู้ชาย” โฆษณาน้ำยาทำความสะอาด Procter & Gamble ในปี 1968 … “ผู้หญิงจะท่องอวกาศได้ ก็ต่อเมื่อพวกเธอมีหน้าที่ขึ้นไปทำความสะอาด” โฆษณารองเท้า Weyenberg ในปี 1974 … มองผู้หญิงว่าเป็นเบื้องล่างของผู้ชาย โฆษณาอุปกรณ์ทำครัว Kenwood ในปี 1961 … “หน้าที่ของภรรยาคือหุงหาอาหาร” โฆษณารถยนต์ Mini 1971 … “รถยนต์ขับสะดวก ที่ขนาดผู้หญิงก็ขับได้” โฆษณาวิตามิน แบรนด์ Kellogg’s ในปี 1938 … “ยิ่งทำงานบ้านเยอะก็ยิ่งสวย = ต้องอยู่บ้านในขณะที่ผู้ชายออกไปข้างนอก” …
-
โอ้วว!! Demodex สัตว์เลี้ยงน่ารักที่อยู่บน ‘ใบหน้า’ ของเราทุกคน แต่เราก็ไม่รู้ตัว…
บนโลกใบนี้เต็มไปด้วยสิ่งลึกลับมากมาย มีอะไรอีกมากมายหลายอย่างที่เรายังไม่รู้ แม้แต่ตัวเรา ร่างกายของเราตั้งแต่หัวจรดเท้า ก็อาจจะมีสิ่งมีชีวิตตัวเล็กนับล้านที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่าอาศัยอยู่… ส่วนใบหน้าก็เช่นกัน มีสิ่งมีชีวิตที่เราไม่รู้จักอาศัยอยู่ และที่จะพาไปรู้จักกันในวันนี้ มันเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงน่ารักๆ(เหรอ) ของทุกคนเลยล่ะ… นี่คือ Demodex เรียกอีกอย่างว่าไรขนตา ตัวไร หรือเห็บคน ขนาดของมันเล็กมากแค่เพียง 0.3-0.4 มม. พบตามคิ้ว ขนตา และรูขุมขนบนใบหน้า โอ้วว!! หน้าของเราเลี้ยงตัวน่ารักแบบนี้เอาไว้ด้วย พวกมันจะคอยกินน้ำมันกับผิวหนังที่ร่างกายผลัดออกมา ซึ่งส่วนใหญ่มักจะโผล่ออกมาในตอนที่เราหลับ ภาพเจ้า Demodex หรือไรขนตา อยู่ในรูขุมขน… น่าขนลุกใช่มั้ยล่ะ?? ผู้ใหญ่ 95-98% จะมีไรขนตาอยู่บนร่างกาย แต่เด็กจะมีน้อยกว่าเนื่องจากมีน้ำมันที่ขับออกตามรูขุมขนน้อยกว่า สามารถติดต่อได้โดยการสัมผัสบริเวณ ใบหน้า ขนตา และเส้นผม แต่ไม่ต้องตกใจกันนะ!! โดยปกติแล้วไรขนตาแทบไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของเราเลย ยกเว้นในภาวะที่ร่างกายของเราบกพร่องทางภูมิคุ้มกัน เจ้าพวกนี้อาจส่งผลเกิดการระเคืองหรือโรคผิวหนังได้ นักวิทยาศาสตร์ก็ยังคงไม่ทราบชัดเจนถึงที่มาของเจ้าปรสิตชนิด แต่ก็ไม่ต้องซีเรียสกับมันหรอกนะจ๊ะ!! จะกำจัดเจ้าพวกนี้ ก็ไม่ถึงกับต้องฉีดยาฆ่าแมลง แค่รักษาผิวหน้าให้สะอาดก็พอ ในหนึ่งวันใบหน้าของคนเราต้องเจอกับอะไรตั้งเยอะแยะใช่มั้ยล่ะ?? ถ้าอยากให้มีใบหน้าที่สวยใสอยู่กับเราไปนานๆ ก็ทำความสะอาดกันให้ดีล่ะ ที่มา: Bordomtherapy
-
นี่คือหมู่เกาะ Marshall ที่ถูกทดลองบอมบ์นิวเคลียร์ 67 ครั้ง จนกลายเป็นเขตอันตราย..!!
ถึงจะผ่านมากว่า 60 ปีแล้ว หลังจากการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกา ประชากรของประเทศแห่งนี้ก็ยังไม่สามารถกลับไปยังประเทศของตัวเองได้… เพราะค่ากัมมันตรังสียังถือว่าสูงอยู่มาก จากการเก็บข้อมูลและสำรวจของ Columbia University พบว่าค่าที่พบยังสูงอยู่เกือบสองเท่าจากระดับที่มนุษย์สามารถอาศัยอยู่ได้แบบปลอดภัย วันนี้ #จ่าสิบเหมียว จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับหมู่เกาะ Marshall สถานที่ๆ สหรัฐอเมริกาทดสอบอาวุธนิวเคลียร์กว่า 67 ครั้ง จนกลายเป็นเกาะร้างไม่มีใครสามารถที่จะเข้าไปอยู่ได้… หมู่เกาะ Marshall แห่งมหาสมุทรแปซิฟิก สถานที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกา หมู่เกาะแห่งมหาสมุทรแปซิฟิกแห่งนี้มีประชากรราวๆ 52,000 คนด้วยกัน แน่นอนว่าทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในเกาะสถานที่ทดสอบนั้น ถูกย้ายออกก่อนที่เกาะจะกลายเป็นสถานที่ทดสอบอาวุธในช่วงปี 1946-1958 ของสหรัฐอเมริกา ระหว่างช่วงปีนั้นระเบิดปรมาณูกว่า 67 ลูกได้ถูกนำมาทดสอบกันที่นี่ แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ ‘Bravo Shot’ ระเบิดปรมาณูที่มีอานุภาพรุนแรงกว่าลูกที่อเมริกาทิ้งใส่ฮิโรชิม่าในสงครามโลกครั้งที่ 2 กว่า 1,000 เท่า!!! ตอนนี้เกาะแห่งนี้ถูกทิ้งร้างเพราะมนุษย์ไม่สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้เพราะความเข้มของกัมมันตรังสีที่อาจเรียกได้ว่าเกินกว่าที่จะใช้ชีวิตอยู่หลายเท่าตัว แถมการลดลงของมันก็ยังช้ากว่าที่นักวิทยาศาสตร์เคยคาดการณ์ไว้อย่างมาก Bikini หนึ่งในเกาะของหมู่เกาะ Marshall สถานที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์กว่า 67 ครั้ง จากการคาดการณ์โดยเหล่านักวิทยาศาสตร์ (Science News) คิดว่าตอนนี้ค่ากัมมันตรังสีจะอยู่ที่ 16 millirems ต่อปี…
-
ชมเทคนิคลืมเจ็บ สำหรับคนที่ “กลัวเข็มฉีดยา” เพียงแค่ ‘ไอ’ ครั้งเดียวเท่านั้น!!
อาการกลัวเข็มฉีดยานั้นไม่ได้เป็นกับทุกคน เชื่อว่าหลายคนก็กลัวเข็มฉีดยาเป็นธรรมดา แต่มีแค่บางคนเท่านั้นที่กลัวถึงขนาดว่าเห็นแล้วต้องวิ่งหนีเลย เพราะตอนเด็กๆ เขาอาจจะมีปมเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่วันนี้ #เหมียวสามสี มีเทคนิคดีๆ สำหรับคนที่กลัวการฉีดยามาให้ทุกท่านได้ชมกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ เพียงแค่ “ไอ” ออกมาครั้งเดียว คุณหมอ Armand Dorian ผู้ที่จะมาทำการฉีดยาครั้งนี้ ได้บอกเทคนิคให้กับคนไข้ โดยตอนแรกก็ให้ฉีดเข็มแรกไปก่อน เพื่อให้รับรู้ว่ามันเจ็บมากแค่ไหน แล้วเข็มต่อมา เขาก็ได้เปลี่ยนไปฉีดที่แขนอีกข้างหนึ่ง แต่ครั้งนี้จะให้คนไข้ไอ ซึ่งต้องเตรียมกันมาก่อนว่าต้องไอพร้อมๆ กับตอนที่เข็มฉีดยาได้แทงเข้าไป และมันก็ได้ผล คนไข้บอกว่ามันแทบจะไม่เจ็บเลย เทคนิคนี้เรียกว่า Gate control theory of pain (ทฤษฎีควบคุมประตูความเจ็บปวด) ซึ่งอธิบายได้ว่าเวลาเราไอนั้นได้ส่งสัญญาณความเจ็บผ่านทางเส้นประสาทไปยังสมองก่อนที่ความเจ็บของเข็มจะไปถึง ทำให้รู้สึกเจ็บเนื่องจากเข็มฉีดยาได้น้อยลงนั่นเอง เราไปชมคลิปการทดลองครั้งนี้กันเลย ใครดูคลิปไม่ได้ กดดูตรงนี้จ้า สำหรับใครที่กลัวเข็มแนะนำให้เอาเทคนิคนี้ไปใช้ อย่าลืมว่าต้องนัดกับคุณหมอด้วยนะ เดี๋ยวผิดจังหวะขึ้นมาก็เจ็บเท่าเดิม เพิ่มเติมคือไอฟรี อิอิ ที่มา National Geographic
-
เรียนรู้วิถีชีวิตคนญี่ปุ่น กับไลฟ์สไตล์แบบ “มินิมอล” ที่อยู่อย่างพอเหมาะ… (32 รูป)
กระแส “มินิมอล” หรือ Minimalism นั้นมีมาสักพักแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปหรือการออกแบบอะไรก็ทำออกมาให้ดูน้อยๆ เรียบง่าย แต่ดูดีได้ อย่างที่ Marie Kondo ในประเทศญี่ปุ่น ก็เริ่มเอาความมินิมอลเข้ามาประยุกต์กับการตกแต่งห้องโดยการเอาสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกไปให้หมด แล้วเหลือแต่สิ่งที่จำเป็นไว้ กลายเป็นห้องที่โล่งสบาย และยังคงความสวยงาม ตอนนี้กระแสมินิมอลที่ประเทศญี่ปุ่นก็กำลังมาแรงเป็นอย่างมาก ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากพุทธศาสนาเซ็น ซึ่งเน้นไปในทางด้านความเรียบง่าย หรือคำที่เราคุ้นๆ ก็คือ “Less is More” อีกทั้งยังมีข้อดีอีกหลากหลายอย่าง เพราะการตกแต่งแบบมินิมอลนั้นค่าใช้จ่ายน้อยมาก เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง จึงไม่จำเป็นที่ต้องมีสิ่งของล้ำค่าอะไรมากมายอยู่ในบ้าน และอีกสาเหตุหนึ่งของการบาดเจ็บตอนมีแผ่นเดินไหวก็คือมีสิ่งของหล่นลงมาทับนั่นเอง ห้องนอนของญี่ปุ่นก็เป็นแบบปูนอนอยู่แล้ว ประหยัดพื้นที่ได้เยอะ ไม่ต้องมีเตียง สิ่งที่เก็บในตู้เย็นก็มีไม่มาก ตู้หลังกระจกในห้องน้ำก็ของน้อยๆ ไม่ต้องใส่ชั้นวางให้เยอะแยะ มีขอบตรงไหนก็วางตรงนั้น เรียบง่าย ไม่หรูหรา มีแต่สีขาว ขอบหน้าต่างก็เป็นอีกที่หนึ่งที่เอาไว้วางของได้ ทุกสิ่งมีที่ของมันอยู่ ช้อนซ่อมแค่คู่เดียวก็พอแล้ว แค่ล้างทุกครั้ง Saeko Kushibiki คนที่ใช้ชีวิตสไตล์มินิมอลกำลังเก็บฟูกใส่ตู้ เพื่อให้ให้เกะกะ ห้องนั่งเล่นก็มีเพียงแค่โต๊ะกับเก้าอี้…
-
สรุป 4 ข้อดี ของคนไทยที่อยากเที่ยวสหราชอาณาจักร เมื่อประกาศแยกตัวจาก EU
ก็อย่างที่หลายๆ คนทราบกันเป็นอย่างดีว่าสหราชอาณาจักรพึ่งโหวตออกจากสหภาพยุโรปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลายๆ คนอาจจะกังวลกันว่าจะกระทบแผนการเดินทางรึเปล่าหน๊ออ? วันนี้เรามีคำตอบกันล่ะ!!! การโหวตออกของสหราชอาณาจักร จากการให้สัมภาษณ์กับทาง Buzzfeed ของ George Hobica ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเดินทางเว็บไซต์ Airfarewatchdog ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจหลายๆ ข้อเลยทีเดียว และเหมือนจะเป็นข้อดีของเหล่านักเดินทางชาวต่างชาติด้วยล่ะ!!! 1. เหตุผลหลักๆ นั้นมีอยู่สองประการ นั่นคือค่าเงินปอนด์กับยูโรที่แน่นอนว่าจะตกลงอย่างมาก รวมถึงค่าเดินทางโดยเครื่องบินที่จะถูกลงกว่าเดิมล่ะ!!! George Hobica กล่าวว่า ‘เพราะต่อจากนี้ไปประชากรในสภาพยุโรปจะเดินทางเข้าไปยังสหราชอาณาจักรน้อยลง เพราะพวกเขารู้สึกว่าดินแดนนี้ไม่ได้ต้อนรับและเปิดกว้างให้กับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว ธุรกิจการโรงแรมและท่องเที่ยวของที่นี่ก็จะหดตัวลงอย่างมาก’ อีกหนึ่งเหตุผลที่จะทำให้ UK น่าไปมากขึ้นก็เพราะว่าค่าตั๋วเครื่องบินที่จะถูกลงหลายเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว!!! ‘เพราะอะไรน่ะเหรอ หลังจากเงินปอนด์และยูโรมีอัตราการแลกเปลี่ยนที่น้อยลง ทีนี้พวกเขาก็จะเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศน้อยลงน่ะสิเพราะค่าเงินที่แลกได้ไม่ได้เรทสูงเท่าเดิมอีกแล้ว แน่นอนว่าสายการบินก็ต้องอยากได้รายได้ ด้วยการจัดโปรต่างๆ ออกมาแบบถูกมากนั่นเอง’ Hobica กล่าวต่อ 2. สินค้าต่างๆ ก็จะราคาลดลงอย่างอัตโนมัติ Zach Honig คอลัมนิสต์เว็บไซต์เดินทาง The Points Guy ได้ให้สัมภาษณ์กับ Buzzfeed ว่า ‘การที่ค่าเงินปอนด์ลดลงกว่าร้อยละ 10 ถือว่าเป็นประวัติกาลเลยก็ว่าได้ แต่ไม่ใช่สำหรับเงินยูโร…
-
รวม 8 ประโยคปริศนา ที่แฟนพูดขึ้นมา โปรดเลือกคำตอบให้ดีๆ ไม่งั้นมีดราม่าแน่!!
สำหรับคนมีแฟนแล้ว การที่จะคบกันไปเรื่อยๆ ให้ความสัมพันธ์ยังคงแฮปปี้ตลอดเวลา โดยไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเลยนี่ มันช่างเหมือนกับการถูกหวยรางวัลที่หนึ่งเลยนะ เพราะแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเห็นพ้องต้องกันไปซะหมด มันจะต้องมีบางเรื่องที่เรากับเขาเห็นต่างกัน ด้วยเหตุนี้เอง#เหมียวฟิ้นก็เลยลองมาคิดเล่นๆ ว่ามีประโยคหรือคำพูดแบบไหนบ้าง ที่อาจก่อให้เกิดการทะเลาะกัน? หรือคำถามใดบ้างที่คุณควรระมัดระวังคำตอบเป็นพิเศษ เราลองมาดูกัน 1. “ตัวเองว่าเค้าแต่งชุดนี้สวยไหม?” หากคุณเป็นคนไม่ค่อยมีความรู้เรื่องแฟชั่นเท่าไหร่ คำถามนี้อาจจะยากสำหรับคุณ แต่ลองสักตั้ง ใช้สีสันเข้ามาช่วยประกอบการตัดสินใจ ถ้าสีที่เธอใส่ไม่เลวร้ายจนเกินไป ให้บอกไปว่า “สีนี้ดูเข้ากับเธอมากเลย 2. “กินอะไรก็ได้” หากเธอพูดประโยคนี้ออกมา นั่นไม่ได้หมายความว่าเธออยากกินอะไรก็ได้จริงๆ แต่เธออยากจะกินอะไรก็ได้ที่เธออยากกิน ไม่ว่าคุณจะพูดชื่อเมนูอะไรก็ตาม ถ้าเธอปฏิเสธและหงุดหงิดมาอย่าเพิ่งท้อ ให้ลองทะล่อมถามเธอว่ามีอะไรที่เธออยากกินไหม? นั่นแหละทางแก้ปัญหาของคุณ 3. “ไปไหนก็ได้” นี่ก็เหมือนกับประโยคบน คือพวกเธอไม่ได้อยากไปไหนก็ได้ แต่อยากไปที่ไหนสักที่ที่เธออยากไป ลองใช้สมองเล็กๆ ของพวกเราประมวลผลดูซิว่าเธอเคยไปที่ไหนแล้วถูกใจเป็นพิเศษ นั่นอาจจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องก็ได้นะ 4. “เค้าแต่งหน้าดียังตัวเอง?” แน่นอนว่าตัวผู้แบบพวกเรามันจะไปเข้าใจศาสตร์การแต่งหน้าแบบพวกเธอได้อย่างไร แต่ก็ลองสังเกตดูตาของเธอว่าเลอะไปไหม ลิปสีเหมือนกับที่เคยทาหรือเปล่า เท่านี้ก็น่าจะช่วยให้คุณเอาตัวรอดจากการโดนด่าว่าไม่เอาใจใส่ได้แล้ว 5. “แล้วแต่” ถ้าคุณบอกเธอว่าจะออกไปไหนสักที่ หรือทำอะไรสักอย่าง แล้วเธอตอบเป็นประโยคนี้กลับมา…
-
20 วิธีแพ็คกระเป๋าขั้นเทพก่อนออกเดินทาง ที่จะช่วยให้การเดินทางของคุณง่ายยิ่งขึ้น
เพื่อนๆคงเคยเจอกับปัญหาการจัดเก็บของเข้ากระเป๋าไม่ว่าจะทั้งขาไปเที่ยวและขากลับกันแน่ๆ ไม่ว่าจะทั้งเสื้อที่เปื้อนเอย เครื่องประดับต่างๆที่มันมักจะพันกันบ้างเอย ชุดที่อยากจะเอาไปใส่เที่ยวสวยๆหล่อๆก็มีเยอะแยะแต่ดันยัดใส่กระเป๋าได้ไม่หมดซะอย่างนั้น วันนี้ #เหมียวบ็อบ เลยเอาเทคนิคการจัดกระเป๋าแบบเทพๆมาฝาก รับรองว่าจะทำให้การเดินทางของเพื่อนๆง่ายขึ้นแถมของในกระเป๋าก็จะไม่รกรุงรังอีกต่อไปด้วย 1. นำเอาเครื่องประดับต่างๆมาห่อไว้ด้วย พลาสติกแรป เพื่อป้องกันไม่ให้มันเคลื่อนย้ายไปมาและพันกันพะรุงพะรังในขณะที่อยู่ในกระเป๋าเดินทาง 2. ใช้กล่องแบ่งยา หรือ กล่องลิปบาล์มเก่าๆที่หมดแล้ว สำหรับใส่เครื่องประดับขนาดเล็กเช่น แหวน หรือ ตุ้มหู เพื่อป้องกันการหายเพราะของมีขนาดเล็ก 3. ใช้หลอดช่วยไม่ให้สายสร้อยคออันสวยงามของสาวๆมันพันกันจนยุ่งเหยิงไปหมด ประหยัดเวลาแก้ปมไปได้อีกเยอะเลย 4. หรือว่าจะเก็บต่างหูอันเล็กๆไว้กับเม็ดกระดุมก็ยิ่งช่วยให้ง่ายต่อการเก็บรวมกันและการเอาออกมาใช้ได้อีกด้วย 5. จัดการกับเสื้อที่ยับง่ายด้วยการนำมันใส่ไว้ในถุงพลาสติคใส่สำหรับทำความสะอาดเสื้อผ้า และพับเหมือนปกติ ถุงพลาสติคจะช่วยป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าชั้นในของเรายับได้ 6. ถ้าพื้นที่ในกระเป๋ามันเหลือไม่พอ ให้เพื่อนๆลองใช้วิธีม้วนเสื้อแทนพับเสื้อแล้วจะพบว่าได้พื้นที่ว่างเพิ่มขึ้นมาอีกเพียบเลย 7. สำหรับสาวๆที่กลัวว่าถ้ายัดยกทรงใส่ในกระเป๋าแล้วจะเสียทรง ให้ลองพับชุดชั้นในแล้วใส่ไว้ตรงกลางยกทรงแล้วพับครึ่งอีกทีแบบตามรูป จะช่วยให้ประหยัดพื้นที่และยกทรงไม่เสียทรงอีกด้วย 8. ป้องกันคราบจากพื้นรองเท้าไม่ให้เปื้อนเสื้อผ้าด้วยการห่อด้วยหมวกอาบน้ำ 9. ครีมต่างๆหรือถุงเท้าก็สามารถนำมาเก็บไว้ในรองเท้าได้เหมือนกันนะ ประหยัดพื้นที่ได้อีกเยอะเลย 10. พับชุดชั้นในด้วยวิธีการในรูปช่วยประหยัดพื้นที่ได้มากกว่าการยัดๆมันไว้ตามซอกมุมในกระเป๋าแน่นอน 11.…
-
ปัญหาสาวๆ ‘ผมบาง’ อาจเกิดจาก ‘กระเป๋าสะพาย’ ที่เราใช้ มาเรียนรู้และป้องกันดีกว่า!!!
บางอย่างมันก็เกิดขึ้นกับเราโดยที่ไม่ทันรู้ตัว ดังนั้นเมื่อรู้สาเหตุของปัญหาแล้ว ทางที่ดีที่สุด เราจะป้องกันเอาไว้ก่อนที่จะสายเกินไป จากบทความของ Lisa DeSantis ที่เขียนลงในเว็ปไซต์ Health เว็ปสุขภาพและความงาม เธอได้ค้นพบว่า กระเป๋าคล้องไหล่ที่สาวๆนิยมใช้ใส่ไปไหนต่อไหนนี่แหละ อาจเป็นต้นเหตุของผมเสียและทำให้ผมร่วงโดยที่ไม่รู้ตัว Lisa เล่าว่า ช่างทำผมของเธอ สังเกตเห็นว่าผมของเธอทั้งสองข้างมีความหนาบางไม่เท่ากัน ช่างจึงเดาได้อย่างง่ายดาย ว่าเธอมักจะสะพายกระเป๋าด้วยไหล่ข้างไหน แล้วช่างรู้ได้ยังไงล่ะ?? … ก็เพราะว่าข้างนั้นมันบางกว่านั่นเอง เวลาเราคล้องกระเป๋าที่ไหล่ สายกระเป๋ามันก็อาจไปเกี่ยวกับผมได้น่ะสิ นั่นแหละเป็นสาเหตุที่เส้นผมเสีย ซึ่งสาวๆ บางคนไม่ได้ให้ความใส่ใจ เคยกันใช่มั้ยล่ะ?? สายรัดกระเป๋าดึงผม เวลาที่ลืมเก็บผมก่อนที่จะสะพาย และถ้าหากว่าเป็นสายคล้องมีโซ่ด้วยก็ยิ่งแย่ไปใหญ่ เพราะมันเกี่ยวผมเอาได้ง่ายๆ เลย นอกจากนี้ สะพายกระเป๋าข้างเดียวเป็นเวลานานๆ (ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างนั้น) ก็ไม่ดีต่อผมเช่นกัน ลองไปสังเกตกันดู ว่าข้างที่เพื่อนๆ ใช้สะพายกระเป๋าอยู่ตลอดเป็นยังไงบ้าง ดังนั้นถ้าใครไม่อยากให้ผมบางลงโดยไม่ทันรู้ตัว วิธีป้องกันอย่างแรก คือสะพายให้ช้าลง ที่สำคัญคืออย่าลืมเก็บผมออกไปให้หมดก่อน หรือว่าจะพกสายรัดผมนุ่มๆ ซักเส้นก็ได้ พอเวลาจะสะพายกระเป๋าก็ให้รวบผมเก็บไว้ให้ดีก่อน วิธีป้องกันอีกวิธี คือ ให้สะพายสลับข้างบ่อยๆ เพราะนอกจากจะลดการทำให้ผมเสียหรือร่วงแล้ว ก็ยังเป็นการพัฒนาบุคลิกภาพอีกด้วย สำหรับสาวผมสั้นก็โชคดีไป อยากจะสะพายกระเป๋ามีสายรัดประดับเท่าไหร่ก็ได้ แล้วแต่เลยจ้า !!…
-
เปิดมิติใหม่แห่งการดูโบราณสถานกับ “กระจก” ที่ให้นักท่องเที่ยว เห็นสภาพจริงของที่นั้นๆ
เชื่อว่าหลายๆ ครั้งที่เที่ยวชมโบราณสถาน ซากปรักหักพังต่างๆ หลายคนอาจนึกภาพไม่ออกว่า สภาพที่แท้จริงของซากปรักหักพังเหล่านั้น มีหน้าตาอย่างไร แม้บางที่จะมีรูปจำลองไว้ให้ดู แต่นั่นก็ไม่สามารถเติมเต็มความรู้สึกของผู้ชมเท่าไหร่ แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมนวัตกรรมใหม่ของการเที่ยวชมโบราณสถานจากประเทศออสเตรีย (ไม่ใช่ออสเตรเลียนะ) ที่จะทำให้ผู้ชมทุกท่าน เห็นสภาพดั้งเดิมของโบราณสถานนั้นๆ ลองไปชมกันเลยดีกว่า!! ภาพที่เราเห็นนี้คือ Heidentor คือ อนุสาวรีย์แห่งชัยชนะของจักรวรรดิโรมัน ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศออสเตรีย สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4 ด้วยความที่เจ้าอนุสาวรีย์แห่งนี้พุพังและโดนทำลายไปตามกาลเวลา ทำให้มีการนำ “กระจก” ที่ร่างแบบคร่าวๆ ของโบราณสถานแห่งนี้ มาติดตั้ง เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถ “เห็น” ได้ว่า จริงๆ แล้วอนุสาวรีย์มีหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งเจ้าแบบจำลองอันนี้ จะทำให้เราได้เห็นลักษณะ รูปแบบ ขนาดคร่าวๆ ของโบราณสถานแห่งนี้ เรียกว่าแทบจะได้เห็นของจริงเลยล่ะ! เจ๋งใช่มั้ยล่า แต่ถ้าเพื่อนๆ อยากเห็นอะไรที่เจ๋งกว่านี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับแอพพลิเคชั่นของบริษัทสตาร์ทอัพจากอิสราเอล Architip ที่จะทำให้เพื่อนๆ เห็นอดีตจากหน้าจอโทรศัพท์ตัวเอง วิธีการใช้งานก็ไม่ยาก แค่เราเปิดแอพพลิเคชั่นแล้วดูโบราณสถานที่ต้องการผ่านทางกล้องโทรศัพท์…
-
[เหมียวรีวิว] ชวนชิม Hershey’s Soyfresh นมถั่วเหลืองพรีเมี่ยม 3 รสชาติ คุณค่าที่คุณคู่ควร
เปิดตัวกันไปแล้วสำหรับเครื่องดื่มใหม่จาก Hershey’s บริษัทผู้ผลิตช็อคโกแลตรายใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ที่ตอนนี้พวกเขาส่งผลิตภัณฑ์ Hershey’s Soyfresh เป็นนมถั่วเหลืองหลากหลายรสชาติมาให้เราได้ลิ้มลองกัน ล่าสุดทาง Hershey’s Thailand ก็ได้ส่งมาให้ทีมงานเหมียวได้ชิมด้วย เราลองไปดูกันดีกว่าว่ารสชาติหรือความคุ้มค่า จะถูกใจกันมากน้อยแค่ไหน? Hershey’s Soyfresh เป็นผลิตภัณฑ์นมถั่วเหลืองที่มีด้วยกัน 3 รสชาติคือ คุ๊กกี้แอนด์ครีม, ช็อคโกแลต และมอคค่า ข้อมูลทางโภชนาการด้านข้างกล่องเขียนไว้ว่ามีส่วนผสมของนมถั่วเหลืองอยู่ 65% ให้พลังงาน 140 กิโลแคลอรี่ในรสคุ๊กกี้แอนด์ครีม และ 160 กิโลแคลอรี่ในรสช็อคโกแลต และ 150 กิโลแคลอรี่ในรสมอคค่า เรามาดูกันที่ภายนอกก่อน ผลิตภัณฑ์ Hershey’s Soyfresh ให้มาในปริมาณ 236 มิลลิลิตร ถือว่าเป็นปริมาณที่แปลกใหม่ดี เพราะถ้าเทียบกับผลิตภัณฑ์นมกล่องในท้องตลาด ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ปริมาณ 180, 200, 225, 250 มิลลิลิตร การดีไซน์ภายนอกดูเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ออกจะพรีเมียมเหมือนกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Hershey’s ดูแตกต่างจากนมกล่องยี่ห้ออื่นๆ สักหน่อย ถึงเวลาชิม…ในช่วงนี้นอกจาก#เหมียวฟิ้นจะเป็นคนชิมแล้ว ยังจะได้#เหมียวอ็อดโด้และ#เหมียวหง่าวมาร่วมแจมด้วย ดูซิว่ารสไหนถูกใจพวกเรามากที่สุด? 1. ช็อคโกแลต…
-
การแพทย์สุดสะพรึงในอดีต… ความเชื่อเรื่องกิน ‘ซากศพ’ สามารถช่วยรักษาโรคต่างๆ ได้!!!
ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์นั้นพัฒนาไปอย่างมาก ทั้งในเรื่องของยารักษาโรค และอุปกรณ์ต่างๆ แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่ากว่าจะมาเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ก็ต้องมีการทดลองลองผิดลองถูกกันมามากมาย และมีครั้งหนึ่งที่มีความเชื่อว่า ‘การกินเนื้อมนุษย์’ เป็นหนึ่งวิธีในการรักษาโรคอีกด้วย!! เอาล่ะจะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้นตาม #เหมียวหง่าว ไปชมพร้อมๆ กันได้เลยยย… ย้อนกลับไปในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ถึง 17 วิทยาการทางด้านการแพทย์ในสมัยนั้นค่อนข้างที่จะโบราณอยู่ก็ว่าได้ จากการศึกษาของ Richard Sugg พบว่าในช่วงกว่า 100 ปีนี้หลายๆ ชาติในยุโรปมีการใช้ส่วนต่างๆ ในร่างกายของมนุษย์มาทำเป็นยารักษาโรค ยกตัวอย่างเช่น กระดูก, เลือด, และไขมัน สามารถนำมารักษาอาการปวดศีรษะและโรคลมบ้าหมูได้ ด้วยความเชื่อนี้ทำให้ศพมัมมี่มากมายถูกขโมยไปจากสุสานของชาวอียิปต์ นอกจากนี้ยังมีการขโมยกระโหลกอีกจำนวนมากไปจากที่ฝังศพของชาวไอริช ซึ่งผลงานเหล่านี้เป็นฝีมือของ ‘นักขุดศพ’ (เป็นอาชีพเถื่อนที่หารายได้จากการขุดศพไปขาย) ต้องบอกเลยว่าในยุคนั้นคำถามที่ว่า ‘เคยกินเนื้อมนุษย์รึเปล่า?’ เป็นคำถามที่เด็กๆ ไปเลย เพราะควรจะถามว่า ‘คุณเคยกินเนื้อมนุษย์แบบไหน?’ มากกว่า Sugg กล่าว เทคโนโลยีการทำศพของชาวอียิปต์นั้นช่วยรักษาเนื้อเยื่อและกระดูกได้เป็นอย่างดี จึงทำให้มัมมี่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะส่วนกระโหลกจะถูกนำมาป่นเป็นผงเพื่อใช้ในการรักษาอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวกับศีรษะ Thomas Willis ผู้คิดค้นวิธีในการนำผงกระโหลกมาผสมกับช็อคโกแลตทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อรักษาโรคลมชัก และใช้ห้ามเลือด พระราชา…
-
12 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับ ‘สัตว์ต่างๆ’ ในความเป็นจริง มันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเราคิดกันนะ…
หลายคนคงคิดไม่ถึงละสิว่า…สิ่งที่เราเคยเข้าใจเกี่ยวกับสัตว์ และเชื่อมาโดยตลอดว่ามันคือเรื่องจริง ในความเป็นจริงแล้วเราอาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะ เหมือนอย่างเช่น 12 ภาพเหล่านี้ที่จะมาทำให้คุณเห็นว่า สิ่งที่คุณเชื่อเกี่ยวกับสัตว์มาโดยตลอด ความจริงแล้วมันไม่ใช่ซะหน่อย 1. หลายคนเชื่อว่าสุนัขมองเห็นสิ่งรอบตัวเป็นสีขาวดำ แต่ความจริงแล้วมันสามารถมองเห็นสีอื่นๆ ได้เหมือนกัน เพียงแต่ไม่มากเท่ากับมนุษย์เรานั่นเอง 2. วัวกระทิง เห็นสีแดงเป็นไม่ได้จะต้องไล่ขวิดทุกที แต่ความจริงแล้วที่มันจู่โจมก็เพราะเห็นสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ข้างหน้าต่างหากละ 3. ความเชื่อที่ว่าเวลาที่นกกระจอกเทศเกิดอาการกลัว มันจะเอาหัวมุดลงทราย มันเป็นความเชื่อผิดๆ เพราะความจริงมันจะวิ่งหนี 4. เมื่อสัมผัสคางคกแล้วจะเป็นหูด นั่นความเชื่อสินะ!! แต่ถ้าเอาตามความจริงหูดไม่ได้เกิดจากคางคกนะจ๊ะ 5. หลายคนเชื่อว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสีเพื่อให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม แต่ความจริงแล้วการเปลี่ยนสีส่วนใหญ่ของพวกมัน บ่งบอกถึงการแสดงอารมณ์และเกี่ยวกับการหาคู่มากกว่า… 6. เคยไหมถูกด่าว่าเดินกระทืบเท้าดังเหมือนช้าง แต่ความจริงแล้วช้างเป็นสัตว์ที่เดินได้เงียบมากกก 7. ด้วยความที่วาฬเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ หลายคนจึงเชื่อว่ามันสามารถกลืนรถได้ทั้งคัน แต่สำหรับวาฬแล้ว สิ่งที่ใหญ่ที่สุดที่มันสามารถกลืนได้ก็คือ Grapefruits นั่นเอง 8. เชื่อว่าตุ่นนั้นตาบอด แต่ความจริงมันมองเห็นนะ แต่แค่สายตาไม่ค่อยดีเท่านั้นเอง 9. คนส่วนใหญ่อาจเชื่อว่าหนูชอบกินชีส…
-
เรื่องราวของหญิงสาว ที่ช่วยชีวิตสุนัขนับ 1,000 ตัว ให้รอดจากเทศกาลกินเนื้อหมา ในประเทศจีน
วัฒนธรรมการรับประทานสุนัขของเมืองหยูหลิน ในมณฑลส่านซี ประเทศจีน ถือว่าเป็นเรื่องที่ถกเถียงในสังคมโลกมาอย่างยาวนาน แม้จะมีการเรียกร้องให้มีการยกเลิกเทศกาลรับประทานสุนัขจากหลายๆ ฝ่าย แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเท่าไหร่นัก แม้เรื่องราวเหล่านี้ จะทำให้เหล่าผู้รักสุนัขสะเทือนไม่น้อย แต่อีกด้าน เราก็ยังได้เห็นเหล่าผู้คนที่รับไม่ได้กับเทศกาลรับประทานสุนัข พากันเข้าไปช่วยเหลือสุนัขเหล่านั้นออกมา จนกลายเป็นที่น่าประทับใจสำหรับผู้พบเห็น และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวของ “เทพธิดาแห่งหยูหลิน” ผู้ช่วยชีวิตน้องหมานับพัน ไม่ให้กลายเป็นอาหารเย็นของผู้อื่น จะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันเลยดีกว่า “เทพธิดาแห่งหยูหลิน” เป็นฉายาของหญิงสาวชาวอังกฤษสองคน Jess Henderson (ซ้าย) และ Helen Reed (ขวา) ทั้งสองทำงานให้กับมูลนิธิ Animal Wellness and Hope Foundation จากรัฐแคลิฟอร์เนียร์ สหรัฐอเมริกา โดยมูลนิธิดังกล่าว ได้จ่ายเงินเพื่อซื้อสุนัขนับพันตัวรวมถึงจ่ายเงินเพื่อปิดโรงงานค้าสุนัขอีก 6 แห่ง เป็นเงินหลายล้านบาท ในก่อนช่วงเทศกาลรับประทานสุนัขเพียงหนึ่งวันเท่านั้น ซึ่งเริ่มต้นวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยสุนัขเหล่านี้จะถูกส่งไปยังสถานที่ปลอดภัย Henderson วัย 24…
-
สาวที่ครั้งหนึ่ง โดนแฟนหนุ่มซ้อมจน “หน้าเสียโฉม” แต่เธอก็สู้ จนกลายเป็นนางงามได้!!
เรื่องราวเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงเป็นอะไรที่เกินจะรับได้ สำหรับคนเป็นเหยื่อของความรุนแรงแล้วต้องได้รับผลกระทบมากมายในชีวิต บางครั้งก็ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปได้เลย ปัจจุบันทั่วโลกก็รณรงค์หยุดใช้ความรุนแรงในครอบครัว โดยเฉพาะผู้หญิงที่กลายเป็นเหยื่ออยู่บ่อยๆ เพราะไม่สามารถสู้แรงผู้ชายได้ และนี่คือเรื่องราวของ Chantelle Ward หญิงสาวผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายนี้มาแล้ว นี่คือ Chantelle Ward หญิงสาวที่มีรูปร่างและหน้าตาที่งดงาม ชีวิตของเธอดีมาตลอด จนกระทั่งได้พบกับผู้ชายคนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป ในตอนที่เธออายุได้ 19 ปี เธอถูกแฟนหนุ่มที่กำลังคบหาดูใจ Rhys Culley ทำร้ายอย่างหนักจนหน้าตาเสียโฉม และมีแผลเป็นบนใบหน้า และที่หนักที่สุดก็คือตรงข้างบนริมฝีปากของเธอ ซึ่งเป็นแผลฉีกขาดหนักมาก ทำให้รูปปากของเธอเปลี่ยนไป ส่วนแฟนหนุ่มก็ถูกจำคุกไป 8 ปีจากข้อหาทำร้ายร่างกาย ตอนแรก ใครๆ ต่างก็บอกว่าคู่นี้เข้ากันดีมาก แต่แล้วก็ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีแบบนี้ขึ้นมาได้ เวลาออกไปเจอใครต่อใคร ทั้งคู่ก็ทำเหมือนว่ายังรักกันดีและมีความสุข แต่แท้ที่จริงแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เธอให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันถูกทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจโดยแฟนเก่าของฉัน เขาห้ามไม่ให้ใส่ชุดบางชุด ไม่ให้คุยกับใครที่เขาไม่อยากให้คุย ห้ามแต่งหน้า ฉันก็มองเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ไม่คิดว่ามันจะนำไปสู่เรื่องรุนแรงได้” “เขาพยายามกัดฉันที่ริมฝีปากเพื่อทำให้ฉันเสียความมั่นใจ ซึ่งนั่นก็ทิ้งรอยแผลเป็นสองรอยไว้ที่บนริมฝีปากนั่น ฉันก็เลยพยายามปกรอยรอยแผลเป็นนี้ไว้เป็นปีพร้อมกับความเครียด และตอนนี้ฉันก็พยายามที่จะสร้างชีวิตใหม่แล้ว” การเยียวยาก็ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดเหมือนกัน แต่เธอก็สามารถหาทางที่รักษาทางด้านจิตใจและร่างกายได้ …
-
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ 15 เคล็ดลับดีๆ ช่วยแก้ปัญหา ‘Jet lag’ แล้วการเดินทาง จะสบายขึ้นเยอะเลย!!!
สวัสดีเพื่อนๆทุกคน หากใครที่เคยมีโอกาสได้เดินทางไปยังต่างแดนโดยการนั่งอยู่บนเครื่องบินเป็นเวลานานๆ #เหมียวบ็อบ เชื่อว่าหลายๆคนจะต้องเคยประสพปัญหาอาการป่วยที่เกิดจากการนั่งเครื่องบินเป็นเวลานาน หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า อาการ “Jet lag” นั่นเอง วันนี้ #เหมียวบ็อบ เลยนำเคล็ดลับ 15 ข้อ จากคุณ Rick Seanley แห่งเว็บไซต์ดังอย่าง ABC.com แนะนำวิธีง่ายๆที่จะช่วยให้เพื่อนๆจัดการกับปัญหาเหล่านี้ระหว่างการเดินทางของเพื่อนๆได้ดียิ่งขึ้น โดยจะแบ่งเป็น 3 ส่วน หลักๆ ดังต่อไปนี้ ก่อนการเดินทาง 1.ดูแลตัวเองให้ดีอยู่เสมอ หลักการณ์ง่ายๆของการดูแลตัวเองที่ดี ที่เหมียว เชื่อว่าเพื่อนๆทุกคนรู้กันดีอยู่แล้ว นั่นก็คือ การหมั่นออกกำลังกาย กินอาหารให้ถูกสุขลักษณะ รวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพอ ก่อนวันออกเดินทางอีกด้วย การเริ่มต้นด้วยสิ่งง่ายๆเหล่านี้จะทำให้เพื่อนๆมีสุขภาพที่ดี และสุขภาพที่ดีนี้เองที่จะช่วยให้นักเดินทางทั้งหลายต่อสู้กับอาการ jet lag ได้ดียิ่งขึ้น 2.ปรับเปลี่ยนเวลานอน การเริ่มต้นปรับเปลี่ยนเวลานอนให้สอดคล้องกับประเทศที่เราจะไปจะช่วยให้เพื่อนๆสามารถชินกับการเข้านอนได้ง่ายขึ้นเมื่อไปถึงจุดหมาย โดยที่เทคนิคง่ายๆมีดังนี้ หากเพื่อนๆจะเดินทางไปยังประเทศที่อยู่ด้านตะวันออกของเรา ให้ลองปรับเวลาเข้านอนให้เร็วขึ้นอีกซัก 1 ชั่วโมง หรือถ้าหากได้เดินทางไปยังประเทศที่อยู่ด้านตะวันตก เพื่อนๆก็ควรจะปรับเวลานอนให้ช้าลงอีกซัก 1 ชั่วโมง…
-
ตำนานอันแสนเศร้าของ ‘Teru teru bozu’ เจ้าตุ๊กตาไล่ฝน… (ที่เรารู้จักกันในการ์ตูนอิคคิวซัง)
ก็อาจเรียกได้ว่าเราคงจะพอรู้จักกันบ้าง สำหรับตุ๊กตาไล่ฝนของประเทศญี่ปุ่น และหลักๆ แล้วคงรู้จักกันเพราะการ์ตูนอิคคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญาในสมัยก่อนนั่นเอง ตุ๊กตาไล่ฝน วันนี้ #จ่าสิบเหมียว เลยอยากจะพาไปรู้จักตำนานจริงๆ ของเจ้าตุ๊กตานี้กัน ที่บอกได้เลยล่ะว่าค่อนข้างเศร้าเลยทีเดียว ลองมาฟังกันดูนะเพื่อนๆ … ตุ๊กตาไล่ฝนนั้นมีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า ‘teru teru bozu’ ที่แปลได้ว่า ‘พระหัวล้านจนเปล่งประกายต้อแสงแดด’ เป็นสัญลักษณ์ของวันที่อากาศดีและมีแสงแดด ที่ส่องลงมาโดนหัวพระราวกับว่าเป็นพระอาทิตย์อีกหนึ่งดวงนั่นเอง ถึงแม้ว่าชาวญี่ปุ่นเองหลายๆ คนก็ตามอาจจะไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับตำนานนี้กันมากนัก แต่ก็มีความเชื่อกันมาอย่างนมนานแล้วล่ะว่าถ้าวันไหนอยากให้อากาศดีเพื่อจัดกิจกรรมต่างๆ กลางแจ้ง ทั้งงานแข่งขันกีฬา งานเทศกาล งานประจำปีต่างๆ จะต้องมีการทำเจ้า ‘teru teru bozu’ แขวนไว้ก่อนเสมอๆ Teru teru bozu นอกจากจะถูกแขวนไว้บริเวณขอบหลังคาของบ้านแล้ว เด็กๆ ก็มีเพลงสำหรับร้องกันด้วยล่ะ หลักๆ แล้วก็เป็นเนื้อเพลงเกี่ยวกับการขอให้ท้องฟ้าสดใสนั่นเอง เพลง Teru-teru-bozu ถึงเพลงจะพอทำให้รู้ที่มาอยู่บ้างว่าตุ๊กตาชนิดนี้แต่เดิมนั้นถูกทำมาเพื่อขอให้อากาศสดใส แต่ก็ยังคลุมเครืออยู่ดี เนื้อความสุดท้ายในเพลง Teru-teru-bozu ข้างบนนั้นค่อนข้างจะดาร์คหน่อยที่กล่าวว่า…. ‘ถ้าเจ้าทำให้ฝนหหยุดตกไม่ได้นั้น เราจะตัดหัวเจ้าออกเสีย’ เนื้อเพลงท่อนดังกล่าวนั้นย่อนกลับไปในสมัยก่อนยุคศักดินาของญี่ปุ่น มีพระที่มีชื่อเสียงและสามารถทำให้ฝนหยุดตกและบันดาลให้อากาศดีได้โดยการร่ายคาถาและนั่งสมาธิ…
-
โอมจงมึน… มาเล่นเกม ดูภาพหมุนชวนมึน แล้วไปชมภาพอื่น ให้ความรู้สึกมีพลังขึ้นมาเลย!!!
วันนี้เพื่อนๆ อาจได้อ่านข่าวที่มีสาระกันมามากแล้ว #เหมียวอ๊อดโด้ ขออาสาพาเพื่อนๆ มาเล่นอะไรสนุกๆ กันบ้าง กับภาพลวงตาที่จะมาทำให้ทุกท่าน งงงวย งงงวย แล้วก็งงงวย วิธีการเล่นก็ไม่ยาก ขอแค่เพื่อนๆ ลองจ้องภาพเคลื่อนไหวด้านล่างซัก 15-20 วินาที จากนั้นก็เลื่อนลงไปดูภาพต่อมา เท่านั้นความสนุกก็จะบังเกิดขึ้นแล้ว อ๊ะ ว่าแล้วก็ลองไปเล่นกันดีกว่า ภาพถ่ายโลกจากยานอพอลโล่ 17 ระยะประมาณ 50,000 กิโลเมตรจากโลก . ภาพ “View from the Window at Le Gras” ของ Nicéphore Niépce . ภาพอุทยานแห่งชาติ Grand Teton ในสหรัฐอเมริกา . ภาพ “Bliss” โดย Charles O’Rear ซึ่งเป็นภาพพื้นหลังของ Window XP . …
-
สุดประทับใจ… คนแปลกหน้า 200 คน ร่วมงานศพทหารผ่านศึกไร้บ้าน ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน!!!
คุณเคยนึกสงสัยหรือไม่ วันหนึ่งที่คุณจากโลกนี้ไป จะมีคนกี่คนที่ไปร่วมงานศพของคุณ บางทีมันอาจไม่ได้เกี่ยวกับจำนวนหรอก แต่คุณก็อยากรู้ใช่มั้ยล่ะ ว่าคุณสำคัญต่อใครบ้าง ตอนที่ทหารผ่านศึกผู้เคยผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 Serina Vine วัย 91 เสียชีวิตลงไป มีคนเพียง 4 คนเท่านั้นที่ตั้งใจไปร่วมพิธีศพของเธอ แต่พลตรี Jaspen Boothe กลับรู้สึกว่า เธอต้องทำอะไรซักอย่างเพื่ออดีตทหารหาญคนนี้…. ตอนแรกมีคนเพียง 4 คนเท่านั้นที่ตั้งใจจะไปร่วมงานศพของ Vine ด้วยเหตุนี้ William Jones เจ้าหน้าที่ดูแลสุสานทหารผ่านศึก Quantico จึงเชิญพลตรี Jaspen Boothe มาร่วมงานด้วย และก็เป็นพลตรี Boothe นี่เอง ที่่โพสเรื่องราวของลงโซเชียลมีเดีย จนมีคนมาร่วมงานศพกว่า 200 คน พิธีศพอันสมเกียรติ Serina Vine เข้ารับราชการทหารเรือในช่วงปี 1944 – 1946 หลังจากเธอออกจากราชการทหาร ไม่มีใครรู้ว่าเธอไปทำอะไรบ้าง แต่ในปี 1995 มีคนพบเธอเป็นคนไร้บ้านในกรุงวอชิงตันดีซี พร้อมๆ กับอาการของโรคความจำเสื่อม นับตั้งแต่นั้นเธอถูกย้ายเข้ามาในศูนย์ช่วยเหลือทหารผ่านศึก…
-
หญิงหย่าสามีที่ป่วยเป็น ‘อัมพาต’ แล้วแต่งงานกับเพื่อนสามี…. จะได้ช่วยกันดูแลเขา !!!
กลายเป็นเรื่องราวสุดประทับใจกับหญิงวัยกลางคนที่ทุ่มเทดูแลสามีที่ป่วยเป็นอัมพาต แม้เธอจะมีสามีใหม่ แต่ก็ยังไม่ทิ้งสามีคนเก่า เรื่องราวเป็นของ Xu Xihan ชายชาวมณฑลชานซีผู้ประสบอุบัติเหตุในเหมืองแร่แห่งหนึ่ง จนกลายเป็นอัมพาต 14 ปีก่อน ตอนนั้นชาวบ้านต่างวิจารณ์ว่า Xie Xiping ภรรยาของเขา คงทิ้งเขาไปในอีกไม่นาน แต่เปล่าเลย Xie Xiping คอยดูแลเขาตลอดมานับตั้งแต่วันนั้น รวมทั้งเป็นเสาหลักของบ้านในการดูแลลูกชายและลูกสาวทั้งสอง อย่างไรก็ตาม เขาไม่อยากให้ภรรยาของเขา ต้องทนทุกข์กับเขาแบบนี้ ในปี 2009 เขาจึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้ภรรยาหย่ากับเขา และยอมให้เธอแต่งงานกับอดีตเพื่อนร่วมงานของเขาเอง Liu Zongkui นับตั้งแต่นั้นสามีกับภรรยา ก็ช่วยกันดูแลอดีตสามีอย่างนาย Xu Xihan เป็นอย่างดี จนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว Xie Xiping ก็ได้ มีลูกกับนาย Liu Zongkui อีกคน กลายเป็นว่า… ตอนนี้สมาชิกครอบครัวทั้ง 6 คน ก็ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข . นี่แหละน้า ที่เรียกว่าคู่แท้ของชีวิต แม้จะยากลำบากขนาดไหน ก็ไม่ทิ้งกัน ส่วนคนเป็นสามีก็เข้าใจ และยอมให้เธอมีความสุขกับชายอื่น บางทีโลกมันก็มีเรื่องซับซ้อนกว่าการที่คนรักกัน แต่งงานกันและอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า… แต่ยังไงก็ตาม…
-
ติดตามชีวิต ‘เด็กเกาหลีเหนือ’ พวกเขาอยู่กันอย่างไร และเชื่อว่าคนไทยก็อยากรู้…!?
(บทความต้นฉบับโดย Bussiness Insider) ว่ากันว่าช่วงวัยเด็ก คือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของมนุษย์ พวกเขาไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ เพียงใช้ชีวิตและเรียนรู้เพื่อจะเติบโตให้เป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ แล้วถ้าคุณกลายเป็นหนึ่งในประชากรเด็กของประเทศเกาหลีเหนือล่ะ ชีวิตของคุณจะเป็นอย่างไร!? งั้น #เหมียวอ๊อดโด้ ขออาสาพาเพื่อนๆ ไปติดตามชีวิตเด็กๆ ชาวเกาหลีเหนือ กับชีวิตที่พวกเขาต้องเผชิญ ที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น ลองไปชมกันดีกว่า ว่าจะเป็นอย่างไรนะ ในยุคก่อน เด็กที่อาศัยอยู่นอกกรุงเปียงยาง เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ จะถูกบังคับให้ทำงานในฟาร์ม ซึ่งถือว่าเป็นผลิตสำคัญของประเทศเกาหลีเหนือ มีรายงานว่า หากคนงานไม่เชื่อฟัง อาจถูกส่งไปยังค่ายกักกัน เพื่อทำการลงโทษ ส่วนเด็กๆ ในพื้นที่ที่ยังไม่พัฒนา การไปโรงเรียนเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก พวกเขาต้องเดินผ่านไซต์ก่อสร้าง หรือไม่ก็ภูมิประเทศที่อันตราย และหากหมู่บ้านได้รถโรงเรียนมา ก็จะถูกดัดแปลงให้เป็นรถบรรทุกแทน ส่วนเด็กที่ไร้พ่อแม่ ชีวิตของพวกเขาต้องเผชิญกับสิ่งโหดร้ายมากมาย บางครั้งต่อให้ถูกคนรับไปเลี้ยงแล้วก็อาจถูกทิ้งอีกครั้งได้ หากพวกเขาไม่สามารถดูแลต่อไปได้ ส่วนเด็กที่เติบโตมาในครอบครัวที่มีเงินหน่อย ก็สามารถซื้อชุดสวยๆ อย่างชุดประจำชาติเกาหลีได้ แต่ถึงจะมีเงินยังไง พวกเขาก็ต้องทำตามกฎหมายเกาหลีเหนืออยู่ดี บางครอบครัวมักพาลูกๆ ไปทำความเคารพรูปปั้น “ท่านผู้นำ” ของพวกเขาเสมอ ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คิมจองอึนเพิ่งจัดการแสดง “เราคือผู้ที่มีความสุขที่สุดในโลก”…
-
รูปถ่ายหน้าท้องที่ห่างกัน 12 ชั่วโมง บ่งบอกให้รู้ว่าร่างกายเปลี่ยนแปลงได้ถ้าไม่ดูแล!!
การมีหน้าท้องที่แบนราบถือว่าเป็นสิ่งที่สาวๆ หลายคนปรารถนา เพราะหน้าท้องที่แบนราบนอกจากหมายถึงรูปร่างที่สวยงามแล้ว ยังหมายถึงสุขภาพที่ดีอีกด้วย แต่หากวันหนึ่งหญิงสาวที่ดูแลสุขภาพตัวเองมาอย่างดีโดยตลอด กลับมีหน้าท้องโผล่ขึ้นมาอย่างน่าตกใจ เธอจะรู้สึกอย่างไร เราลองไปฟังความรู้สึกของเธอกันดีกว่า เรื่องราวดังกล่าวเป็นของ Tiffany Brien บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดังคนหนึ่งที่มีผู้ติดตามบนไอจีกว่า 20,000 คน เธอได้แชร์ภาพ “วันร้ายๆ” ของเธอ เพื่อเตือนใจให้คนหันมาดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง โดยภาพที่เธอโพสนั้น เป็นภาพหน้าท้องของเธอเองที่มีอาการ “บวม” อย่างเห็นได้ชัด ส่วนอีกภาพกลับเป็นหน้าท้องที่แบนราบ ที่น่าตกใจคือ ภาพทั้งสองภาพถ่ายห่างกันเพียงแค่ 12 ชั่วโมงเท่านั้น เธอกล่าวว่า “บางครั้ง เราก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นบนโซเชียลเน็ตเวิร์คเสมอไป” “ภาพที่ฉันนำมาโพสแสดงให้เห็นว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบตลอดไป บางวันร่างกายคุณก็รู้สึกอ่อนล้าเสียเหลือเกิน จนไม่อยากทำอะไร ไม่ต้องกังวล มันเกิดขึ้นกับทุกคนนั่นแหละ” เธอบอกว่า หน้าท้องที่บวมเป่งของเธอนั้นเกิดจาก “การนอนไม่พอ” “ความเครียด” “ฮอร์โมน” และ “การแพ้อาหาร” ซึ่งเธอบอกว่า อาการหน้าท้องบวม เป็นสิ่งที่เธอต้องเจอมาตลอดชีวิต หลังจากที่เธอพยายามค้นคว้าข้อมูล เธอพบว่าการกินแบบธรรมดา และทำสิ่งเดิมๆ ซ้ำๆ เป็นจุดเริ่มต้นของอาการนี้ แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว อะไรเป็นสาเหตุกันแน่ “ฉันทำทุกอย่างตามปกติ…
-
นักออกแบบเผย ‘เครื่องบินแห่งอนาคต’ ความเร็วเหนือเสียง กรุงเทพ-เชียงใหม่ แค่ 10 นาที!!!
ทุกวันนี้การเดินทางด้วยเครื่องบินแม้จะใช้เวลาน้อยกว่าการเดินทางชนิดอื่นๆ แต่หากเป็นระยะทางที่ไกลจริงๆ ก็ต้องใช้เวลานานอยู่ดี แต่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไป หากเพื่อนๆ ได้เห็นเครื่องบินสุดล้ำแห่งอนาคตลำนี้!! เครื่องบินคอนเซ็ปลำนี้มีชื่อว่า Flash Falcon เป็นผลงานการออกแบบของ Oscar Viñals ซึ่งสามารถบินด้วยความเร็วกว่า 3 มัคหรือราว 4,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลย นึกภาพเราบินจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ในเวลาแค่ 12 นาทีเท่านั้น มันจะเร็วขนาดไหน เจ้า Flash Falcon ลำนี้ ได้แรงบันดาลใจมากจาก “นก” และ “ยานอวกาศ” และได้รับการออกแบบให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชั่น โดยเครื่องบินลำนี้ สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ทั้งหมดราว 250 คน และแบ่งห้องโดยสารออกเป็นสองชั้น นอกจากนี้เครื่องบินยังสามารถบินขึ้นในแนวตั้งได้อีกด้วย . ลองไปชมภาพคอนเซปต์ของเครื่องบินลำนี้ดู . . . . อื้อหือ เครื่องบินลำนี้เกิดขึ้นมาจริงๆ คงเป็นการปฏิวัติวงการเครื่องบินโลกแน่นอน แต่แน่นอนละว่ามันยังคงเป็นแค่ ‘คอนเซ็ป’ แต่ทางผู้ออกแบบคาดการณ์ว่าในอนาคตอีกประมาณ 15-20 ปี มันน่าจะเป็นไปได้ที่จะทำเครื่องบินนี้ออกมา… แต่ถ้าใครกลัวเครื่องบิน คงต้องรอให้รถไฟ “Hyper…
-
เตือนภัยสาวๆ!! ‘ตะขอเกี่ยว’ ในห้องน้ำอาจเป็น ‘กล้องแอบถ่าย’ ตรวจเช็คกันให้ดีด้วยนะจ๊ะ!!
เรื่องที่ #เหมียวหง่าว จะหยิบมาเล่าในบทความนี้ก็คือการแอบถ่ายคลิปละเมิดความเป็นส่วนตัวของเหล่าสาวๆ ทั้งหลาย ซึ่งคลิปวิดีโอเหล่านี้จะถูกนำไปใช้สำเร็จความใคร่ของคนโรคจิต และนอกจากนี้ยังอาจถูกนำไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ลากมกต่างๆ อีกด้วย แน่นอนว่ามันมีหลายวิธีที่เหล่ามิจฉาชีพจะเลือกใช้ทั้งการติดกล้องในห้องน้ำ โรงแรม หรือห้องลองเสื้อ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีในเรื่องของกล้องจิ๋วนั้นพัฒนาไปมากเช่นกันจนทำให้บางครั้งเราก็ตกเป็นเหยื่ออย่างไม่ทันรู้ตัว เวลาไปเข้าห้องน้ำสาธารณะ หรือในห้องพักโรงแรม เพื่อนๆ หลายคนคงจะเคยเห็นเจ้า ‘ตะขอเกี่ยว’ กันอยู่บ่อยๆ โดยเราสามารถแขวนผ้าเช็ดตัว เสื้อ กางเกง กระเป๋า หรืออะไรก็แล้วแต่ เพื่อความสะดวกสบาย แต่หากเพื่อนๆ เห็นเจ้า ‘ตะขอเกี่ยว’ ที่มีตะขอ 2 อันแปลกๆ และดูเหมือนมีช่องที่จะเป็นกล้องแอบถ่ายแบบที่เห็นข้างบนนั้น ให้รีบเดินออกมาแล้วไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาตรวจสอบได้เลย เพราะเจ้าตัวตะขอเกี่ยวแบบนี้มีกล้องขนาดเล็กซ่อนอยู่ข้างใน สามารถถ่ายทำวิดีโอและเก็บเสียงต่อเนื่องได้นานถึง 2 ชั่วโมงด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีรีโมทสัญญาณไวเลส ที่สามารถสั่งให้อัดหรือกดหยุดจากที่อื่นได้อีกด้วย โดยเจ้ากล้องตะขอเกี่ยวนี้มีขายอยู่เกลื่อนตามร้านขายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ทั่วไป และสามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ด้วย โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 700 บาท (มีแถมสายชาร์จแบตเตอรี่ให้ด้วยนะ) ในตอนแรกนั้นผู้ผลิตมีจุดประสงค์ที่จะใช้มันในเรื่องของความปลอดภัยเกี่ยวกับบ้านและการทำธุรกิจ แต่ภายหลังถูกนำมาใช้งานในทางที่ผิดๆ โดยในปีที่ผ่านมามีการตรวจพบเจ้ากล้องตะขอเกี่ยวอยู่ตามห้องน้ำสาธารณะในต่างประเทศแล้วหลายครั้งด้วยกัน จนทางตำรวจต้องออกมาแจ้งเตือนให้ประชาชนระมัดระวัง…
-
ไขความลับ “ปุ่ม Power” ของเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ทำไมต้องเป็นเครื่องหมายนี้!?!
เครื่องใช้ไฟฟ้าถือเป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ถือว่าได้ขาดไม่ได้เลยในปัจจุบัน และทุกครั้งที่เราใช้ เราก็ต้องทำการเปิดและปิด ซึ่งเคยสังเกตไหมว่า ตรงปุ่มนั้นมันมีสัญลักษร์อะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ สัญลักษณ์อันนี้มีอยู่แถบทุกเครื่องใช้ไฟฟ้าเลย ว่าแต่วันทำไมต้องเป็นเครื่องหมายนี้กันนะ ดูใกล้ๆ แล้ว เหมือนเครื่องหมายนี้มันแยกออกได้เป็นตัว “i” และตัว “o” ซึ่งคำที่มาแทนคำว่า เปิด และ ปิด ที่ใช้กันอย่างสากลก็คือเลข 1 และเลข 0 นั่นเอง ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น วิศวกรได้ใช้ระบบเลขฐานสองเป็นตัวบ่งบอกถึงพลังงาน ซึ่งระบบนี้ก็ใช้กันอย่างสากลไปทั่วโลก ทำให้เป็นที่เข้าใจกันได้ง่าย ระบบเลขฐานสอง ก็คือการใช้เลข 0 กับ 1 นั่นเอง ในปี 1973 มาตรฐานอุตสาหกรรมสากลได้ทำให้เครื่องหมายนี้มีความหมายถึงการให้พลังงานหรือ Power นั่นเอง นอกจากจะมีความหมายว่าเปิดหรือปิดแล้ว ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวไกล มือถือหลายรุ่นก็มีระบบพักจอ ซึ่งเวลากดก็คือจอดับเฉยๆ ไม่ได้ปิดเครื่อง ถ้าใครมีปุ่มสวิตช์แบบนี้ก็น่าจะเดาได้ไม่ยากเลย มันมาจาก 1 กับ…