Category: สาระรอบตัว

จะว่าไปบ้านเราก็เสพหนังต่างประเทศและเพลงสากลอยู่บ่อยๆ ดังนั้นเป็นธรรมดาที่เราจะได้เห็นหน้าตาของพวกเขาในสื่อ แต่ตอนมองครั้งแรก ความคิดของเราก็คงคิดว่าเป็นฝรั่งธรรมดาคนหนึ่ง แต่หารู้ไม่ว่ามีดาราไม่น้อยเลยที่มีเชื้อสายเอเชีย ถึงแม้เราจะดูภายนอกไม่ออก แต่ถ้าไปสืบประวัติพวกเขาดีๆ แล้วก็จะพบว่าบรรพบุรุษของเขามีคนเอเชียอยู่ด้วย แต่เราก็มองไม่ออกอยู่ดี เราไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีใครกันบ้าง   #1. Enrique Iglesias นักร้องอีกคนหนึ่งที่โด่งดังเป็นอย่างมาก ทั้งในอังกฤษและสเปน หลายคนรู้ว่าเขาเป็นละตินอเมริกัน แต่จริงๆแล้วเขาเป็นลูกครึ่งฟิลิปปินส์นะ   #2. Ne-Yo นักร้องที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ แค่ซิงเกิลแรกก็ฮิตแล้ว ดูผ่านๆ อาจจะไม่เหมือนคนเอเชียนะ แต่ความจริงคุณยายของเขาเป็นคนจีน   #3. Rob Schneider นักแสดงคอมเมดี้ เห็นแบบนี้เขาเป็นเชื้อสายฟิลิปปินส์นะจ๊ะ   #4. Keanu Reeves อันนี้หลายคนก็น่าจะทราบแล้วว่าเขามีเชื้อสายเอเชีย โดยปู่ย่าของเขานั้นเป็นคนฮาวายและจีน และอีกอย่างที่หลายคนยังไม่รู้ เขาเป็นคนแคนาดา   #5. The Rock นักมวยปล้ำที่หันมาเอาดีทางด้านภาพยนตร์ แท้จริงแล้วเขามีเชื้อสายซามัว ดูจากรอยสักสิ   #6. Vanessa Hudgens นักแสดงที่โด่งดังมากจาก High School Musical ซึ่งความงามของเธอนั้นได้มาจากบรรพบุรุษชาวไอร์แลนด์…

คงมีใครหลายๆ คนที่ใช้วิธีการย้ำเตือนความจำของตัวเองด้วยการเขียนบันทึกความทรงจำไว้ในรูปแบบของจดหมายถึงตัวเองในอนาคต ซึ่งหากเราได้เปิดอ่านในอนาคตย่อมทำให้เราหวนคิดถึงวันเก่าๆ พร้อมทั้งได้รับรู้ถึงความรู้สึก และความตั้งใจในวันที่เขียนได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับสาวน้อย Taylor Smith ที่เขียนจดหมายถึงตัวเองไว้ในอีกสิบปีข้างหน้า…แต่เธอกลับไม่มีโอกาสได้เปิดอ่านมัน จึงทำให้ครอบครัวของเธอได้สานต่อเจตนารมย์ของเธอด้วยการหยิบจดหมายนั้นมาเพื่อเล่าเรื่องราวชีวิตอันสุดแสนจะสนุกของเธอให้กับพวกเราได้ทราบกัน   สาวน้อย Taylor Smith อาศัยอยู่กับครอบครัวที่แสนอบอุ่นในเมือง Johnso City รัฐ Tennessee    เธอเป็นเด็กที่มีนิสัยร่าเริงแจ่มใส และใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขร่วมกับครอบครัวของเธอพร้อมกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน   แต่โชคร้ายยิ่งนักที่เธอต้องมาด่วนจากไปด้วยวัยเพียง 12 ปี จากการติดเชื้อของโรคปอดบวม   หลังจากที่สาวน้อย Taylor ได้จากไป ทั้งครอบครัวและเพื่อนๆ ต่างก็เสียใจเป็นอย่างมาก   ขณะที่พวกเขากำลังทำการเก็บข้าวเก็บของในห้องนอนของ Taylor ก็ได้พบกับจดหมายที่สาวน้อยได้เขียนถึงตัวในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่น่าเสียดายที่เธอไม่มีโอกาสได้อ่านมันอีกแล้ว…   โดยระบุวันเปิดผนึกจดหมายนี้ไว้ในวันที่ 13 เดือน เมษายน ปี 2023 ซึ่งเธอเสียชีวิตไปในวันที่ 5 เดือนมกราคม ปี 2014 ครอบครัวของสาวน้อย Taylor…

สวัสดีครับเพื่อนๆ แฟนเพจเหมียวทุกท่าน วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ ขอมาแปลก จะพาเพื่อนๆ ไปดูรีวิวความแตกต่างของ “นมเปรี้ยวดัชมิลล์” แบบ “ขวด” กับแบบ “กล่อง” อันไหนจะรสชาติดีกว่ากัน ต้องท้าวความก่อนเลยว่า #เหมียวอ๊อดโด้ เป็นคนที่ชอบดื่มนมเปรี้ยวมาก คือขอให้เป็นนมเปรี้ยวดื่มได้หมดไม่ว่าจะยี่ห้อไหน ซึ่งเอาจริงๆ ยี่ห้อที่หาได้ง่ายที่สุด ก็คงจะเป็น  “นมเปรี้ยวดัชมิลล์”   วันหนึ่งขณะ #เหมียวอ๊อดโด้ กำลังเดินเลือกซื้อนมเปรี้ยวดัชมิลล์ในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ก็รู้สึกเอะใจว่า ทำไมพวกเขาต้องขายนมเปรี้ยวทั้งแบบขวดและแบบกล่องด้วย โดยทั้งสองแบบนั้นมีราคาเท่ากัน นั่นก็คือ 10 บาท (ขวดเล็ก) แล้วเราควรจะเลือกซื้อแบบไหน และอันใดอร่อยกว่ากัน และในรีวิวนี้ เราจะได้ #เหมียวหง่าว #เหมียวสามสี และ #เหมียวฟิ้น มาร่วมรีวิวด้วย จะเป็นยังไง ไปชมกันเลยดีกว่า     เรามาพูดถึงความแตกต่างทางเทคนิคของนมเปรี้ยวของสองแบบกันก่อนดีกว่า อย่างแรกเลยแบบขวดระบุบนฉลากว่า เป็นนมเปรี้ยวพาสเจอร์ไรส์ ส่วนแบบกล่องเป็นนมเปรี้ยวแบบยูเอชที ถ้าใครสงสัยว่าสองแบบนี้ต่างกันอย่างไร ลองไปอ่านบทความที่ #เหมียวฟิ้น เคยเขียนไว้ดู (กดเลย)  …

การลดน้ำหนักคงเป็นเป้าหมายของใครหลายๆ คนที่กำลังประสบอยู่กับปัญหากับความอ้วนหรือน้ำหนักที่มากเกินไป จนทำให้สุขภาพร่างกายทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัด และสำหรับคนที่มีน้ำหนักมากเกินไปนั้น การลดน้ำหนักย่อมส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสรีระทางร่างกายแบบฉับพลัน จนทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ดูแล้วน่ากลัวมากๆ เลยทีเดียว ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องของหญิงสาวที่เคยมีน้ำหนักกว่า 170 กิโลกรัม ซึ่งแน่นอนว่ามันส่งผลให้สุขภาพร่างกายของเธอนั้นย่ำแย่ จนทำให้เธอตัดสินใจที่จะทำการลดน้ำหนัก และผลที่ได้ออกมามันเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก!!   หญิงสาวชาวเน็ตได้ทำการโพสต์เรื่องของตัวเองลงบนเว็บไซต์ Reddit โดยเธอเล่าว่าในอดีตที่ผ่านมานั้นเธอเคยมีน้ำหนักมากถึง 170 กิโลกรัมเลยทีเดียว!! ซึ่งเธอก็ได้พยายามที่จะลดน้ำหนักอย่างหลากหลายวิธีแต่สุดท้ายก็กลับมาอ้วนเหมือนเดิม จนเธอต้องเข้าไปขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาเกี่ยวกับการรับประทานอาหารมากผิดปกติ   ทำให้เธอต้องพยายามเป็นอย่างมากเพื่อการลดน้ำหนักในครั้งนี้ โดยต้องเริ่มจากการดูรูปอาหารและมองถึงข้อเสียของตัวเองที่ได้รับเมื่อมีน้ำหนักมาก เธอรู้สึกเหนื่อยมากๆ เวลาทำกิจกรรมอะไรเล็กๆ น้อยๆ และรู้สึกเจ็บปวดบริเวณหน้าอก ทั้งๆ ที่ยังมีอายุเพียงแค่ 24 ปีเท่านั้นเอง จากนั้นเธอก็เริ่มนับแคลอรี่และออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นการปั่นจักรยานวันละ 15 นาที   หลังจากนั้นก็เริ่มควบคุมอาหาร โดยช่วงแรกนั้นน้ำหนักของเธอนั้นลดลงไปได้ถึง 10-30 กิโลกรัมเลยทีเดียว!! นอกจากนี้ยังไม่พอเธอยังทำการออกกำลังกายสัปดาห์ละ 6 วัน ประกอบไปด้วยคาร์ดิโอ ยกเวท และเข้าคลาสเต้น Zumba   ซึ่งหลังจากที่น้ำหนักของเธอได้ลดลงไปเป็นจำนวนมากจนเหลือเพียงแค่ 75 กิโลกรัม…

เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก “ยาบ้า” หรือ “ยาม้า” สารเสพติดให้โทษร้ายแรงซึ่งกัดกร่อนสังคมไทยมาอย่างยาวนาน แม้จะมีความพยายามในการกวาดล้างอย่างจริงจัง แต่สุดท้ายยาบ้าชนิดนี้ก็ยังไม่หายไปจากสังคมเสียที แต่รู้หรือไม่ “ยาบ้า” หรือ “ยาม้า” สูตรที่เราพูดถึงกันอยู่นี้ แท้ที่จริงแล้วถือกำเนิดมาจากประเทศไทยนี่เอง และก็เป็นคนไทยเองนี่แหละที่คิดค้นมันขึ้นมา เรื่องราวจะเป็นยังไง เราไปติดตามกันดีกว่า     ถ้าย้อนไปถึงต้นกำเนิดจริงๆ สารแอมเฟตตามีนและเมทแอมเฟตตามีนมีการใช้ในการทำยากระตุ้นสำหรับทหารมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีการใช้ในการกระตุ้นความกล้าหาญและความอดทนของทหารทั้งสองฝ่าย จนหลังสงคราม สารเหล่านี้เริ่มหลุดออกมาใช้งานในคนธรรมดา     ส่วนในประเทศไทย ระยะแรกๆ มีการนำเข้ายาม้าเข้ามาจากต่างประเทศ เพื่อใช้ในการกระตุ้นม้าแข่ง และภายหลัง กลุ่มคนขับรถบรรทุกเริ่มนำยาม้าไปใช้ในระหว่างการทำงาน เพราะช่วยให้กระปี้กระเปร่าและไม่ง่วง ด้วยเหตุนี้เอง ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า “กัลยาณี อร่ามเวชอนันต์” ได้เล็งเห็นถึงผลประโยชน์การจากขายยาม้านี้ เธอจึงส่งลูกชายทั้งสองไปเรียนทางด้านเคมีที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในไต้หวัน จนเมื่อทั้งสองจบการศึกษา พวกเขาก็เริ่มคิดค้นสูตรยาม้าของตนเองขึ้นมา     ต่อมาพวกเขาได้เช่าบ้านหลังหนึ่งในอำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเปลี่ยนบ้านหลังนั้นให้กลายเป็นฐานผลิตยาของตนเอง ระยะแรกธุรกิจของพวกเขารุ่งเรืองเป็นอย่างมาก แต่ต่อมา รัฐบาลเริ่มเล็งเห็นว่ายาเสพติดที่พวกเขาผลิตขึ้นมา ส่งผลเสียต่อประเทศชาติเป็นอย่างมาก ทำให้ในปี พ.ศ. 2530 มีการประกาศให้ “ยาม้า” กลายเป็นยาเสพติดต้องห้าม…

เดือนทั้ง 12 ที่มนุษย์ตั้งขึ้นมานั้นมีความแตกต่างกันอยู่ โดยแต่ละเดือนจะมีจำนวนวันที่ไม่เท่ากัน ไหนจะเรื่องของชื่อเดือนที่เรียงกันอีก ทำให้บางคนอาจจะรู้สึกสับสนและงงงวยกับการจำจำนวนวันในแต่ละเดือน แล้วเดือนถัดไปคือเดือนอะไร ถ้าในยุคนี้ก็เพียงแค่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดแอพปฏิทินหรือไม่ก็ไปหาปฏิทินจริงๆ ดูเลยก็ได้ แต่สำหรับคนในยุคสมัยก่อนนั้นคงไม่สะดวกเท่าในยุคสมัยนี้ เพราะฉะนั้นก็ต้องมีเทคนิกการจดจำเล็กๆ น้อยๆ เพื่อช่วยให้การจำเดือนและจำนวนวันนั้นง่ายยิ่งขึ้น ด้วยวิธีการยกกำปั้นทั้งสองขึ้นมาดูแบบนี้   เริ่มต้นจากกำปั้นซ้ายจากกระดูกนิ้วแรกเป็นเดือนมกราคมและช่องระหว่างกระดูกนิ้วจะเป็นเดือนถัดไป   จะเห็นได้ว่าเดือนที่มีจำนวนวันมากที่สุดจะตรงกับกระดูกนิ้วพอดี ส่วนเดือนที่มีจำนวนวันน้อยจะอยู่ในช่วงระหว่างกระดูกนิ้วนั่นเอง   นับว่าเป็นวิธีการที่ทำให้จดจำเดือนได้ง่ายมากๆ เลยแฮะ สำหรับในไทยเองวิธีแยกเดือนสั้น เดือนยาวก็น่าจะเป็น ชื่อท้ายของเดือน คม-ยน เดือนไหนที่ลงท้ายด้วย คม จะมี 31 วัน ส่วนเดือนที่ลงท้ายด้วย ยน จะมี 30 วัน สำหรับเดือนกุมภาพันธ์นั้นมีข้อยกเว้น แต่เป็นเดือนที่สั้นที่สุดในจำนวนเดือนทั้ง 12 ที่มา : erbzine

‘น้ำ’ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกชีวิตบนโลกใบนี้ นอกจากจะเป็นส่วนประกอบในร่างกายแล้ว ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ใช้ในการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ทั้งต้นไม้ สัตว์ และมนุษย์ อีกด้วย และถ้าเราดื่มน้ำมากๆ ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวันแล้ว มันจะส่งผลดีต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมากเลยทีเดียวเชียวล่ะ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   1. น้ำเป็นสิ่งสำคัญมากต่อร่างกายของมนุษย์เรา เพราะกว่า 90% ของร่างกายนั้นประกอบไปด้วยน้ำทั้งหมด และแน่นอนว่าน้ำในร่างกายนั้นก็ต้องมีการขับออกไปและนำของใหม่เข้ามาแทนที่ เพื่อทำให้ระบบของร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย   2. แต่ยังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้ถึงความสำคัญของการดื่มน้ำ หลายๆ คนเข้าใจว่าการดื่มน้ำนั้นเพื่อแก้อาการกระหายเท่านั้น   3. โดยสามารถช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนัก!? มันจะช่วยให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น   4. น้ำจะช่วยทำให้เราพึงพอใจมากยิ่งขึ้น สำหรับคนที่ดื่มน้ำเยอะๆ จะมีแนวโน้มที่จะทานอาหารจุบจิบน้อยลง เพราะมันจะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มและไม่อยากทานอะไรต่อแล้ว   5. น้ำจะเป็นตัวล้างสารพิษในร่างกายของเรา เครื่องดื่มหวานๆ ที่มีขายตามตู้ขายน้ำในร้านค้าต่างๆ จะทำให้เรากลับมาอ้วนอีก เพราะมีน้ำตาลผสมอยู่ แต่ถ้าเราดื่มน้ำเปล่ามันจะช่วยชำระล้างสารพิษในร่างกายออกไปได้   6. การดื่มน้ำมากๆ สามารถช่วยให้กระบวนการเมตาบอลิซึม (กระบวนการย่อยสลายสารอาหารเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน) ทำงานได้ดีขึ้น คนที่ดื่มน้ำมากๆ จะมีช่วยเพิ่มความสามารถของกระบวนการเมตาบอลิซึมได้ถึง 24% และการดื่มน้ำเย็นๆ จะส่งผลดีที่สุด…

หลายคนคงรู้จักเอ็มม่า วัตสัน จากบทเฮอร์ไมโอนี่ในหนัง “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ซึ่งเป็นการแจ้งเกิดเธอในโลกภาพยนตร์ได้เป็นอย่างดี ตอนนั้นเธออายุเพียง 9 ขวบเท่านั้น นอกจากนี้เธอก็ยังมีผลงานเรื่อยๆ ในวงการ นอกจากนี้แล้ว เธอก็ยังทำงานทางด้านนักกิจกรรมอีกด้วย ที่เห็นบ่อยๆ ก็คือเธอออกมาพูดเกี่ยวกับสิทธิสตรีบ่อยครั้ง เธอยังเคยบอกว่าเธออยากเป็นผู้หญิงแบบในยุคเรนาซองค์   วันนี้ #เหมียวสามสี ก็จะพาไปรู้จักตัวตนของเธอที่แท้จริงว่าเธอเป็นยังไง ทำไมมีแต่คนยกย่องเธอว่าเธอนี่แหละคือผู้เศษในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่เฉพาะในหนัง   1. ถึงแม้ว่าเธอคือความงามแห่งประเทศอังกฤษ แต่แท้จริงแล้วเธอเกิดที่ประเทศฝรั่งเศสนะ เธอเกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายนปี 1990 เธออยู่ที่ฝรั่งเศสจนอายุได้ 5 ขวบก็ย้ายกลับมาที่อังกฤษ ดังนั้นเธอจึงพูดฝรั่งเศสได้นิดหน่อย ได้ไม่ได้คล่องมาก   2. ความจริงแล้วเธออยากจะเป็นมากกว่านักแสดงนะ เธอจบการศึกษาทางด้านวรรณกรรมอังกฤษจาก Brown University  แล้วเธอก็อยากที่จะไปเรียนที่ American University เพื่อที่จะนำความรู้มารวมกัน   3. เอ็มมาเธอมีความสนใจทางด้านโยคะเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นได้รับใบประกาศเป็นครูสอนโยคะได้ เหตุผลที่เธอเลือกเล่นโยคะก็เพราะว่าจะทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยและสงบเหมือนอยู่บ้านของตัวเอง   4. เพราะชีวิตคือการเดินทาง เมื่อเธอได้ไปพบเจอกับสิ่งต่างๆ เธอก็จะนำมาเขียนเป็นบทความกว่า 30…

พูดถึงไม้ปั่นหูหรือที่แคะหู ถือว่าเป็นสิ่งของที่มีอยู่ในแทบทุกบ้าน เวลารู้สึกคันหรือรู้สึกว่าหูไม่สะอาด เราก็มักหยิบมันมาใช้งานเสมอ แต่รู้หรือไม่ แท้ที่จริงแล้วเราไม่ควรใช้ไม้ปั่นหูเหล่านั้นแม้แต่นิดเดียว เพราะอะไร เราไปชมคลิปที่เว็บไซต์ Tech Insider ทำขึ้นมานี้กันดีกว่า!!   เอาล่ะ ถ้าใครยังไม่ค่อยเข้าใจ #เหมียวอ๊อดโด้ จะสรุปให้ฟังอีกที…. ทุกครั้งที่เราใช้ไม้ปั่นหู แม้จะสามารถกำจัดขี้หูบางส่วนออกมาได้ แต่ก็มีบางส่วนถูกดันเข้าไป จนบางทีอาจจะเข้าไปติดแก้วหู .   และหากไปติดเยื่อแก้วหู มันจะทำให้เยื่อแก้วหูไม่สามารถรับเสียงได้อย่างเต็มที่ จนอาจทำให้เกิดปัญหาด้านการได้ยินก็เป็นได้   ยิ่งไปกว่านั้น “ขี้หู” ที่เราเรียกกัน แท้จริงแล้วเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพของเรา   มันคอยป้องกันไม่ให้แมลงชนิดต่างๆ เข้าไปในรูหู   แถมยังช่วยหล่อลื่นช่องหู ไม่ให้เกิดอาการคัน   และยังป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราในหู   และสุดท้าย มันยังคอยป้องกันไม่ให้ฝุ่น เศษผม ผิวหนังทีตายแล้ว ไม่ให้เข้าไปในช่องหู และทุกครั้งที่เราขยับกราม หูก็จะค่อยๆ ขับสิ่งเหล่านั้นออกมา   เห็นแบบนี้แล้ว ยังคิดว่าควรใช้ไม้ปั่นหูอยู่อ๊ะป่าว!! . ส่วนวิธีการทำความสะอาดหูที่ถูกต้อง เพียงแค่เราเอาผ้าสะอาดหรือผ้าชุบน้ำ เช็ดบริเวณใบหูและบริเวณปากรูหูก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดภายในแต่อย่างใด โดยเฉพาะรูหูของเด็ก…

ทุกวันนี้ผู้คนเฝ้าฝันถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึงว่าโลกในตอนนั้นจะเป็นอย่างไร หลายคนอาจจิตนตาการถึงรถบินได้ หลายคนอาจนึกถึงการเดินทางข้ามอวกาศ และอื่นๆ อีกมากมายตามที่เราจะจินตนาการได้ แต่รู้หรือไม่ ผู้คนในอดีตเองก็จินตนาการโลกในปัจจุบันของพวกเราไว้เช่นกัน เราไปชมกันดีกว่า ว่าพวกเขาจินตนาการโลกยุค 2000 ไว้ว่าอย่างไร ผ่านทางโปสการ์ดที่ทำขึ้นมาในช่วงปีคริสตศักราชที่ 1900   ไปเที่ยวขั้วโลกเหนือแบบชิวๆ   เรือที่มีล้อ พอขึ้นบกก็ยกขึ้นทางรถไฟ วิ่งไปต่อได้เลย   มีเรือดำน้ำชมชีวิตใต้ทะเล อันนี้เกือบถูก   บ้านที่สามารถย้ายได้ จริงๆ ทุกวันนี้ก็มีพวกรถบ้าน หรือว่าโมบายด์โฮมอะไรพวกนั้นแทน   บินไปไหนมาไหนด้วยบอลลูน   เครื่องสร้างสภาพอากาศ อันนี้ล้ำมากๆ ยุคปัจจุบันก็ยังทำไม่ได้   หลังคาเมืองกันฝนและภัยพิบัติ   ปีกส่วนตัว บินไปไหนมาไหนก็ได้   เครื่องช่วยเดินบนน้ำ จะได้ไปไหนมาไหนได้สะดวก   พื้นเลื่อนได้ ปัจจุบันก็บันไดเลื่อนหรือทางช่วยเดินในสนามบินไงล่ะ   กล้องส่องทะลุกำแพง   เครื่องถ่ายทอดสด ปัจจุบันก็ทำได้จริงๆ แล้วนะ .   คนยุคโบราณเค้าก็จินตนาการเก่งเหมือนกันนะเนี่ย มีหลายอย่างที่ตรงกับที่พวกเขาคิดเลย แต่ #เหมียวอ๊อดโด้ ว่า…

ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายคนคงสะเทือนใจกับข่าวที่ลิงฮารัมเบ ที่ถูกวิสามัญหลังมีเด็กคนหนึ่งตกลงไปในกรงของมัน จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก แต่รู้หรือไม่ เมื่อช่วงปีก่อนก็มีเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้ เกิดขึ้นที่สวนสัตว์ Menominee Park ในรัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา จนต้องสังเวยชีวิตหมาป่าบริสุทธิ์ไปหนึ่งตัว เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ มีพนักงานคนหนึ่งลืมปิดประตูทางเข้าเขตหวงห้ามไว้ ทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่ง สามารถเข้าไปยังพื้นที่จำกัดของพนักงานได้ และขณะที่นักท่องเที่ยวคนหนึ่งซึ่งเป็นแม่กำลังง่วนอยู่กับการถ่ายภาพสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิด ลูกชายวัย 4 ขวบของเธอก็เดินเข้าไปใกล้รั้วกั้นระหว่างกรงหมาป่า เจ้า Rebel หมาป่าวัย 12 ปีที่อาศัยอยู่ที่นั่น ก็เดินมาหาเด็กคนดังกล่าวด้วยความสงสัย และกัดที่มือของเด็ก     ผลคือมือของเด็กเกิดรอยเขี้ยวเล็กๆ ซึ่งดูแล้วไม่หนักหนามาก เพียงทำแผลนิดหน่อยก็น่าจะหายในเวลาไม่นาน แต่เมื่อกระทรวงสาธารณะสุขของรัฐวินคอซินเข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกอย่างก็เลวร้ายลง พวกเขากังวลว่าวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่เคยฉีดให้กับเจ้า Rebel อาจไม่ออกฤทธิ์กับหมาป่า เพราะไม่เคยมีการทดลองอย่างจริงจังมาก่อน Spencer Wilhelm จากศูนย์อนุรักษ์พันธุ์หมาป่ากล่าวว่า สาเหตุที่ยังไม่เคยมีการทดลองกับหมาป่า เพราะไม่มีใครอยากฆ่าหมาป่าที่มีจำนวนน้อยเหล่านี้เพื่อทดลองวัคซีนดังกล่าว แต่นักวิทยาศาสตร์ก็เชื่อว่า วัคซีนพิษสุนัขบ้า ก็น่าจะได้ผลกับหมาป่าเช่นเดียวกัน     สุดท้ายแล้ว ทางกระทรวงสาธารณะสุขให้โอกาสครอบครัวของเด็กที่ถูกกัดตัดสินใจว่า จะทำอย่างไร ระหว่าง 1. ฉีดยาป้องกันพิษสุนัขบ้าให้กับเด็ก หรือ 2.…

ไก่งามเพราะขนฉันใด คนก็ไซร้งามขึ้นเพราะแต่งฉันนั้น ก็อย่างที่เราๆ รู้กันว่าในปัจจุบันนั้นการแต่งหน้าก็เรียกได้ว่าเป็นของคู่กันกับสาวๆ เลยทีเดียว แต่สาวสวยคนนี้ Em Ford ในวัย 26 ปี กลับแสดงให้เราเห็นความจริงในบางอย่าง เพราะเธอเป็นผู้ที่สอนแต่งหน้าบนโลกออนไลน์ จนกระทั่งวันหนึ่งมีผู้คนเห็นภาพหน้าสดของเธอและก็มีคำสบประมาทต่างๆ นานา มาในบล็อกของเธอ แทนที่เธอจะรู้สึกเฟลและเสียใจ เธอกลับทำสิ่งที่ตรงกันข้าม นั่นคือโชว์ความเป็นจริงให้โลกเห็นซะเลย   Em Ford อดีตนางแบบและตอนนี้ก็ควบตำแหน่งบิวตี้บล็อกเกอร์ไปด้วย   ในบล็อกของเธอนั้น แชร์เรื่องราวต่างๆ มากมายเกี่ยวกับเครื่องสำอางและการแต่งหน้า สิ่งที่เธอได้เรียนรู้มาตอนที่เธอทำอาชีพนางแบบ   ปัญหาก็คือเวลาที่คุณอยู่ในโลกออนไลน์นั้น มันเหมือนไม่ใช่ตัวคุณ แต่เป็นภาพลวงที่คุณสร้างขึ้น ซึ่ง Em ก็เข้าใจในจุดนั้น เธอเลยจัดทำวิดีโอที่ชื่อว่า “You Look Disgusting.” ขึ้นมา   ในวิดีโอเธอจะไม่พูดอะไรเลย แต่ให้ตัวหนังสือบอกเล่าแทน   และค่อยๆ ลบเครื่องสำอางทั้งหมดออกจากใบหน้าของเธอ   ปัญหาเรื่องผิวที่ไม่สวย และสิวเสี้ยนก็เริ่มกระจ่างออกมา   เธอมีปัญหาอย่างหนักหน่วงเกี่ยวกับเรื่องสิวมาตั้งแต่เด็กๆ   ปัญหาที่แท้จริงของสาวๆ ก็คือ ถ้าคนไหนไม่แต่งหน้า ก็จะดูเหมือนไม่ใส่ใจเกี่ยวกับความสวยความงามเลย แต่ถ้าใครแต่งหน้ามาล่ะก็…

ในทุกๆ วันนี้ เรามักจะเห็นแต่เรื่องราวแย่ๆ ที่มีมนุษย์เป็นผู้กระทำ จึงทำให้เรารู้สึกได้ว่ามนุษย์ทุกวันนี้เป็นผู้ที่เห็นแก่ตัว ไม่มีน้ำใจ ทำแต่สิ่งเลวร้ายมาโดยตลอด แต่เชื่อมั้ยว่ายังมีคนดีๆ อีกมากมายที่พร้อมจะทำในสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่นโดยที่ไม่ลังเลเลย อย่างเช่น 12 เรื่องราวต่อไปนี้ ที่จะทำให้เรารู้สึกได้ว่ายังมีคนดีๆ อีกมากมาย จากที่เคยเสียความศรัทธาในตัวเพื่อนมนุษย์ด้วยกันไปแล้ว พวกเขาเหล่านี้นี่แหละที่ช่วยทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น   เจ้าหน้าที่ตำรวจรับเลี้ยงและดูแลน้องเหมียวจร เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก South Carolina ได้ทำการโพสต์รูปภาพคู่หูใหม่ของเขา เป็นน้องเหมียวน้อยจรจัดที่เขาได้ช่วยชีวิตมันเอาไว้ จนกระทั่งนำไปสู่การรับเลี้ยงอย่างถาวรด้วยตัวเขาเอง พาออกทำหน้าที่เป็นคู่หูใหม่ไปโดยปริยาย   ความจริงใจของชายไร้บ้านผู้ช่วยเหลือหญิงสาวที่ตกรถไฟเที่ยวสุดท้าย ในคืนหนึ่ง Nicole มาไม่ทันรถไฟเที่ยวสุดท้ายในสถานี London ซึ่งภายหลังจากที่สถานีปิดแล้ว เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรออยู่บนท้องถนนตลอดทั้งคืน และแล้วชายไร้บ้านนามว่า Mark ผู้นี้ ก็ขออาสาอยู่เป็นเพื่อนเธอในคาเฟ่ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง อยู่จนกระทั่งสถานีรถไฟเปิดทำการในตอนเช้า เขาก็พาเธอไปส่งโดยสวัสดิภาพ ด้วยความรู้สึกประทับใจ Nicole จึงระดมทุนช่วยเหลือคนดีๆ อย่าง Mark และบุคคลไร้บ้านคนอื่นๆ ด้วย เพียงเวลาไม่ถึงวันก็สามารถระดมทุนได้มากถึง 13,000 ปอนด์ (ราวๆ 649,000 บาท)…

นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง โลกเราไม่ได้เจอสงครามขนาดใหญ่ๆ อีกเลย แต่รู้หรือไม่หลังจากสงครามโลกแล้ว มีความขัดแย้งเกิดขึ้นทั่วโลก แม้จะไม่ใช่สงครามขนาดใหญ่ แต่ก็รุนแรงพอที่จะคร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก อย่างเช่นเรื่องราวของ “สงครามหกวัน” สงครามระหว่าง “ชาวยิว” กับ “ชาวอาหรับ” ที่ทำให้เหล่าชาติอาหรับ ขายหน้าที่สุดครั้งหนึ่งในโลก จะเป็นอย่างไร ไปชมกันเลย     จุดเริ่มต้นของสงครามเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1948 เมื่ออิสราเอลประกาศตั้งประเทศของตนเองในเขตปาเลสไตน์ และชักชวนให้ชาวยิวทั่วโลกมาอาศัยอยู่ ซึ่งการตั้งประเทศครั้งนี้ สร้างความไม่พอใจให้กับชาติอาหรับแถบนั้นเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาถือว่าอิสราเอลมาแย่งดินแดนของพวกเขาไป ขณะที่ชาวอิสราเอลก็บอกว่าพื้นที่แถวนั้นเป็นที่ที่พระเจ้ามอบให้ตนตั้งแต่ครั้งอดีตกาลแล้ว หลังจากนั้นอิสราเอลก็มีความขัดแย้งกับประเทศอาหรับที่รายล้อมอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นซีเรีย อิรัก จอร์แดน และอียิปต์ (เรียกว่าไปตั้งกลางดงบาทาของฝ่ายตรงข้ามเลยทีเดียว) ตั้งแต่เรื่องดินแดนไปจนการแย่งแหล่งน้ำ จนวันหนึ่งในปี ค.ศ. 1967 ซีเรียที่รวมหัวกับอียิปต์ ก่อตั้ง PLO หรือ องค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ ได้เปิดฉากยิงใส่นิคมชาวยิวในที่ราบสูงโกลัน ทางฝ่ายอิสราเอลก็ไม่ได้นิ่งเฉย ตอบโต้กลับไปทั้งทางบกและอากาศ     อย่างไรก็ตามอิสราเอลยังไม่ได้เปิดศึกอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด จนกระทั่งอียิปต์ประกาศปิดช่องแคบตีราน และไม่ยอมให้เรือสินค้าของอิสราเอลผ่าน ทำให้รัฐบาลอิสราเอลประกาศสงครามกับอียิปต์ในทันที แม้ตอนนั้นอียิปต์มีชาติอาหรับมาร่วมเป็นพันธมิตรมากมายที่ส่งเครื่องบินและกำลังรบมารอช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นซีเรีย จอร์แดน อิรัก…

เทคโนโลยีในโลกเราสมัยนี้นับว่าล้ำหน้ามากขึ้นไปทุกวัน ไม่ใช่เพียงแต่เหล่าเทคโนโลยีสำหรับพวกอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆหรืออุปกรณ์ไฮเทคนะ เทคโนโลยีทางการแพทย์นั้นก็ล้ำหน้าไปสุดๆเลยล่ะ การที่จะปลูกถ่ายอวัยวะนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ซึ่งอวัยวะนั้นบางทีก็ไม่ได้เพียงพอและตอบสนองความต้องการของคนทุกคนได้ ในสหรัฐอเมริกานั้น มีคนที่ต้องรอการปลูกถ่ายอวัยวะประมาณ 121,000 คน และรู้หรือไม่ว่ามีคนตายเฉลี่ย 22 คนในทุกๆวันจากการขาดแคลนอวัยวะเหล่านั้น   Stan Larkin หนึ่งในผู้ป่วยโรคหัวใจที่ขาดแคลนและกำลังรอการปลูกถ่าย ‘หัวใจ’ ของเขา โดยในระหว่างที่เขารอนั้นเขาใช้ชีวิตอยู่โดยการพึ่งพาหัวใจเทียมที่อยู่นอกร่างกายข   สำหรับเขาที่เป็นผู้ป่วยโรคหัวใจนั้นถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่และน่าตื่นเต้น เขาได้ใช้หัวใจเทียมนี้มานานถึง 17 เดือนแล้ว ตั้งแต่เริ่มเรียนรู้ จนกระทั่งชินที่จะอยู่กับมัน เขาถูกตรวจพบว่ามีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อหัวใจ จนกระทั่งปลายปี 2014 ต้องโดนถอดหัวใจจริงๆออกไป และพึ่งพาเจ้าเครื่อง SynCardia Freedom Portable Driver มาโดยตลอด เครื่องนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในกรณีที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว โดยมันจะมีลักษณะเหมือนกับกระเป๋าเป้สะพายด้านหลัง มีน้ำหนัก 13.5 ปอนด์ (ประมาณ 6.12 กิโลกรัม ) แน่นอนว่าการแบกของขนาดนี้ไปตลอดเวลามันลำบากมาก แต่โชคดีที่เขาเป็นผู้ชายและแข็งแรงพอ พี่ชายของเขานั้นก็เคยใช้มันมาก่อนและได้รับการผ่าตัดหัวใจจริงๆเข้าไปในปี 2015   แต่ข่าวดีก็ยังมีอยู่เสมอ… หลังจากที่ Stan Larkin ได้รับการใช้เจ้าเครื่องนี้มาทั้งหมด 17 เดือนนั้น เขาก็ได้ทำการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจจริงๆเข้าไปในร่างกายแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง!!  …

ความอ้วนเป็นสิ่งที่หลายคนเกรงกลัว ไม่อยากจะให้มันเข้ามาในชีวิต ทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็อ้วนแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการกินที่หักห้ามใจกันไม่ได้ ก็เพราะมันอร่อยแต่มันทำให้อ้วนนี่สิ ยิ่งกินตอนดึกยิ่งทำให้อ้วนหนักมากขึ้น!!     แต่รู้มั้ยว่า สาเหตุของความอ้วนในยุคสมัยนี้ นอกจากการกินแล้วก็ยังมีอีกสิ่งที่หนึ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่ามันจะทำให้อ้วนได้เหมือนกัน นั่นก็คือ การเล่นสมาร์ทโฟนในช่วงเวลาก่อนนอน อะไรนะ!? มันเป็นไปได้จริงๆ เหรอเนี่ย     ศาสตราจารย์คลินิกจิตเวช Dr. Daniel Siegel ได้อธิบายไว้ในคลิปวิดีโอสั้นๆ ว่าผลกระทบของการเล่นสมาร์ทโฟนก่อนนอนนั้นส่งผลกระทบต่อสมองและร่างกายเป็นทอดๆ ซึ่งเมื่อเราเริ่มจ้องไปที่สมาร์ทโฟนปุ๊บ กระแสของโฟตอนจะส่งสัญญาณไปถึงสมองให้ตื่นตัวตลอด     และแสงจากจอก็จะกระตุ้นให้สมองยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน (ฮอร์โมนที่ทำให้หลับลึก) เพราะว่ายังไม่ถึงเวลานอน ยิ่งเลื่อนหน้าจอดูฟีดจากโซเชียลมีเดียต่างๆ มากเท่าไหร่ ก็เหมือนกับว่าบังคับให้ร่างกายตื่นตัวมากเท่านั้น ทำให้การนอนหลับพักผ่อนในตอนกลางคืนไม่เพียงพอ     ถ้าคุณนอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมง เซลล์เกลียในร่างกายจะไม่สามารถกำจัดสารพิษออกไปจากเซลล์ประสาทได้ จากนั้นก็จะไปกระตุ้นให้ระดับอินซูลินในร่างกายเพิ่มขึ้น โดยปกติอินซูลินในระดับที่พอเหมาะนั้นจะช่วยควบคุมการเผาผลาญของร่างกาย แต่ถ้าหากว่ามีมากเกินไปจะให้ผลที่ตรงกันข้าม     นั่นหมายถึงหากว่าเรานอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ระดับอินซูลินที่เพิ่มสูงจะทำให้น้ำหนักตัวเราเพิ่มขึ้น อีกทั้งความเหนื่อยล้า ความเพลียที่นอนไม่พอนั้นจะทำให้เราหิวมากขึ้น และเมื่อกินอาหารเข้าไปทั้งๆ ที่นอนน้อย ระบบการเผาผลาญไม่สามารถทำงานได้เต็มที่…

เพื่อนๆ เคยจินตนาการว่าหากวันหนึ่งต้องสูญเสียแขนไปข้างใดข้างหนึ่ง ตนเองจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรหรือไม่? บางคนอาจบอกว่า คงยอมแพ้ต่อโชคชะตาและใช้ชีวิตเท่าที่จะทำให้ แต่นั่นไม่ใช่กับหนุ่มคนนี้ เพราะแม้เขาจะเสียแขนไปข้างหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจหยุดความรักที่มีต่อ “เกม” ของเขาไปได้!! เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปชมกันเลย หนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Aaron Soetaret เขาเป็นทหารผ่านศึกชาวอเมริกัน ที่เคยออกปฏิบัติการในอิรักและอิหร่านมาก่อน โชคร้ายในระหว่างการปฏิบัติการ เขาได้สูญเสียแขนข้างซ้ายไปอย่างไม่อาจกู้คืนได้ และนั่นเองก็ทำให้เขาต้องปลดประจำการ   อย่างที่เราทราบกันดีว่า เหล่าทหารผ่านศึกที่สูญเสียอวัยวะไปจากสงคราม มักประสบปัญหาสภาพจิตใจไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่สำหรับ Aaron แล้ว เขากลับเข้มแข็งอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเขามีสิ่งหนึ่งที่คอยยึดเหนี่ยวจิตไว้ นั่นก็คือ “เกม” นั่นเอง   แม้เขาจะมีร่างกายที่ไม่สมบูรณ์เหมือนกับคนอื่นๆ แต่นั่นไม่อาจหยุดเขาไม่ให้เล่นเกมได้ เขาค่อยๆ ฝึกเล่นเกมด้วยจอยสติ๊กด้วยมือข้างเดียว จนในปัจจุบัน ฝีมือของเขาเผลอๆ จะเทพกว่าคนที่มีสองมือครบหลายๆ คนซะอีก!!   ลองไปชมกันดีกว่ากับ CoD: Black Ops 3   หรือเกมฮิตอย่าง Overwatch ก็เล่นด้วยนะ ชมคลิปไม่ได้ กดที่นี่ เลยครับ  …

สำหรับชายคนนี้ที่ชื่อว่า Tomas Gorny ก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตำนานเรื่องราวเกี่ยวกับคนที่มีความพยายามเป็นเลิศ และสู้ชีวิตสุดๆ คนหนึ่งเลยทีเดียว และจะเป็นแรงบันดาลใจของเพื่อนๆ ที่กำลังมีสถานะที่ยากลำบาก ซึ่งจะสร้างกำลังใจในการดำเนินชีวิตได้มากเลยทีเดียว   Tomas Gorny เดินทางมายังประเทศสหรัฐอเมริกาจากโปแลนด์ในช่วงยุค 90 ขณะนั้นเขามีอายุได้เพียง 20 ปีเท่านั้น แทบจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เลยต้องทำงานพวกแรงงานทั้งล้างกระจก และเด็กโบกรถ ยาวนาน 2-3 ปีเลยทีเดียว แต่ตอนนี้เขากลับกายเป็น CEO และเจ้าของๆ บริษัทใหญ่กว่า 3 ที่ด้วยกัน จากการขายบริษัท IPOWER ที่เขาเคยก่อตั้งมาในปี 2001 ส่วนในปัจจุบันหนึ่งในธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของเขาก็คือ  Nextiva บริษัทที่บริการคล้ายๆ กับ Cloud ของ iPhone ซึ่งทำเงินให้กับเขานับร้อยล้านเหรียญเลยล่ะ!!!   เหตุการณ์จากเศรษฐีผู้มั่งมีสู่ยาจกในวัยเพียง 22…   ตั้งแต่เด็กๆ Gorny อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองมาตลอด ขณะอยู่ในโปแลนด์วัย 17 ปี เขาก็เป็นผู้ขายส่งคอมพิวเตอร์ซะแล้ว แต่พอย้ายมาในประเทศสหรัฐฯ เขาก็ไปสมัครและทำงานกับ Internet Communications ซึ่งเป็นพวกเว็บโฮสต์ต่างๆ ระหว่างนั้นเขาก็ต้องทำงานอยู่หลายงานเพื่อจะได้มีเงินพอสำหรับการผ่อนที่พักและรถยนต์ของเขา…

แน่นอนว่าเพื่อนๆ หลายคนคงชื่นชอบที่จะอาบน้ำ ซึ่งรสนิยมการอาบน้ำของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป บางคนก็ชอบอาบน้ำเย็น บางคนก็ชอบอาบน้ำอุ่น บางคนก็ชอบอาบน้ำแบบฝักบัว บางคนก็ชอบอาบน้ำแบบแช่อ่างเป็นต้น แน่นอนว่าเราต้องเผชิญกับการอาบน้ำในทุกๆ วันเพื่อชำระล้างร่างกายของเรา แต่บางครั้งความเคยชินจากรสนิยมการอาบน้ำอาจเป็นเรื่องที่ทำร้ายสุขภาพร่างกายของเรามาโดยตลอดก็ได้ วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมกันว่าการอาบน้ำที่ถูกต้องนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง ถึงจะได้ผลและส่งผลดีต่อผิวหนังของเราอย่างดีที่สุด ถ้าพร้อมแล้วก็ไปชมกันได้เลย…   1. การล้างหน้าจะต้องใช้อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมด้วย น้ำที่ฝักบัวจะมีอุณหภูมิที่สูงกว่าน้ำในอ่างล้างหน้า ซึ่งเราควรจะล้างหน้าที่อ่างล้างหน้ามากกว่าเพราะการล้างหน้าที่อุณภูมิร้อนเกินไปนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อผิวหน้าของคุณ   2. ลดอุณหภูมิของน้ำลงหน่อยเพื่อสิ่งที่ดีต่อตัวคุณ แน่นอนว่าการอาบน้ำร้อนๆ อาจเป็นการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่ดีของใครหลายๆ คน แต่การอาบน้ำที่มีอุณหภูมิร้อนเกินไปจะส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันความร้อนของเรา เพราะฉะนั้นควรลดอุณภูมิลงมาให้พออุ่นๆ ก็จะถือเป็นเรื่องที่ดี   3. ควรอาบน้ำแบบรักษ์โลก ชาวอเมริกันมีสกิติการใช้น้ำมากกว่าในปี 1950 ถึง 127% เพราะฉะนั้นควรลดเวลาในการอาบน้ำลงสักนิดก็ยังดี   4. คิดถึงผิวของคุณบ้าง การอาบน้ำนานๆ จะส่งผลให้ผิวแห้ง แถมยังเปลืองค่าน้ำอีกต่างหาก!!   5. รังบวบหรือที่ขัดตัวเป็นสถานที่เจริญเติบโตของแบคทีเรีย เนื่องจากว่าเราใช้มันขัดสิ่งสกปรกออกไป เพราะฉะนั้นหลังใช้งานแล้วก็ทำความสะอาดและตากแดดให้แห้ง   6. ไม่เชื่อใช่มั้ยล่ะ? ก็อย่างที่บอกว่าแบคทีเรียทั้งหลายจะถูกล้างออกจากร่างกายของเราแต่จะไปติดอยู่ตามรังบวบหรือที่ขัดตัวแทน และเหล่าแบคทีเรียทั้งหลายจะเจริญเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ หากเราไม่ทำให้มันแห้งซะ…

วันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ระเบิดปรมาณูของกองทัพสหรัฐฯ “ลิตเติ้ลบอย” ได้ถูกนำมาทิ้งที่เมืองฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น ประชาชนกว่า 80,000 คนเสียชีวิตในทันที นั่นคือครั้งแรกที่โลกได้รู้จักกับอาวุธมหาประลัยชนิดใหม่ และระเบิดลูกนั้นเองคือสิ่งที่ดับความฝันของกองทัพญี่ปุ่นที่จะตีโต้กองทัพอเมริกา หลังจากวันนั้น ประชาชนญี่ปุ่นที่มีชีวิตรอด ก็ค่อยๆ ฟื้นตัวท่ามกลางซากปรักหักพัง ล้มลุกคลุกคลานหลายครั้ง เผชิญความยากลำบากมากมาย จนปัจจุบัน พวกเขาคือชาติที่มีเศรษฐกิจและประชาธิปไตยที่เข้มแข็งที่สุดประเทศหนึ่งของโลก   วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมภาพที่แสดงให้เห็นว่า “เมืองฮิโรชิม่า” ในปัจจุบัน เปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนจากวันที่ถูกทิ้งระเบิดปรมาณู เชิญทัศนากันได้เลย   จุดศูนย์กลางของระเบิด ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ   ป่าใกล้ๆ กับปราสาทฮิโรชิม่า   รถรางภายในเมืองถ่ายทันทีในวันถัดมาหลังจากระเบิดลง ปัจจุบันกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว   อดีคเคยเป็นธนาคารเทโกกุ ปัจจุบันเป็นร้านขนมปังชื่อดัง   สะพานอิมาริบาชิ   สถานีรถไฟประจำเมือง   คนญี่ปุ่นเขาสุดยอดจริงๆ เลยเนอะ โดนไปขนาดนั้นยังกลับมาผงาดกลายเป็นมหาอำนาจของโลกได้ ต้องนับถือใจพวกเขาจริงๆ ขอนับถือจากใจเลยครับ ที่มา huffingtonpost

เวลาเราดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลหรือว่าจะเข้าไปดูเองในสนาม เรามักจะเห็นว่าพื้นหญ้าของสนามฟุตบอลมีลวดลายปรากฎอยู่ บ้างก็เป็นลายขวาง บ้างก็เป็นลายตารางหมากรุก หรือบางสนามก็มีลวดลายพิสดารกว่านั้น   .   หลายคนอาจสงสัยว่าพวกเขาทำยังไง แน่นอนย่อมไม่ใช่การพ่นสีให้หญ้าแตกต่างกัน แล้วก็ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความยาวของหญ้าอีกด้วย แล้วความจริงเป็นอย่างไร เราไปค้นหากันดีกว่า   ความจริงแล้วการทำหญ้าให้มีลวดลาย พวกเขาไม่ได้ใช้ขนาดความยาวของหญ้าแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องของทิศทางการเอียงของหญ้าต่างหาก!! โดยพวกเขาใช้รถตัดหญ้าที่มีแท่งเหล็กข้างหลัง หญ้าที่ถูกตัดจะถูกดันให้เอียงไปในทิศทางหนึ่ง จากนั้นเมื่อขับรถย้อนไปอีกทาง ก็จะทำให้หญ้าหันหน้าไปคนละทางกัน   ใครยังไม่เข้าใจ ลองชมคลิปวีดีโอข้างล่าง แล้วจะเข้าใจยิ่งขึ้น   ในที่สุดความจริงก็กระจ่างซักที #เหมียวอ๊อดโด้ นี่เข้าใจว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับความยาวตลอด ไว้มีสาระดีๆ แบบนี้ จะรีบนำมาฝากเพื่อนๆ อีกนะฮะ ที่มา MEGAMASZYNY

สำหรับวันนี้ เราก็มีเทคนิคดีๆ สาระน้อยๆ ที่จะช่วยให้เพื่อนๆ ประหยัดเงินได้อีกมากมายเลยทีเดียว ในเรื่องเกี่ยวกับอาหารและการกิน ใกล้ๆ ตัวเราเองนี่แหละ เพื่อนๆ รู้มั้ยว่าบางครั้งเศษพืชผักที่เรานำมาทำอาหารแล้วตัดทิ้งไปนั้น สามารถนำมาปลูกกันใหม่ได้ วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็จะมาแนะนำ 24 พืชผักดีๆ ที่ส่วนต่างๆ สามารถนำมาปลูกกันใหม่ได้ วันหลังอย่าทิ้งกันนะจ๊ะ ^^   แครอท ตัดเฉพาะส่วนหัววางไว้ในภาชนะแบนๆ ก็เรียบร้อยแล้วจ้าา ใบแครอทก็อร่อยมากๆ อีกด้วย   นำส่วนโคนของขึ้นฉ่ายใส่ในถ้วย เติมน้ำลงไปพอให้ท่วมราก ไม่นานขึ้นฉ่ายจะแตกยอดออกมาใหม่ พร้อมนำไปปลูกลงดินได้   ให้ตัดส่วนใบของมันออก แล้วเอาไม้จิ้มฟันเสียบไปที่ก้านของมัน จากนั้นก็เอาไปแช่น้ำ แล้วเอาออกตากแดดวันเว้นวัน พอเริ่มเห็นรากที่งอกออกมาแล้ว ก็นำลงปลูกกับดินได้เลย   หลังทานเนื้ออะโวคาโดแล้ว อย่าทิ้งเมล็ดเลยนะครับ ให้นำมาล้างให้สะอาดแล้วใช้ไม่จิ้มฟันเสียบเอาไว้แบบเดียวกับสับปะรด   นำส่วนโคนผักกาดใส่ถ้วยก้นลึก แล้วเทน้ำลงไปประมาณครึ่งนิ้ว วางเอาไว้ริมหน้าต่างที่มีแดดรำไร ภายใน 3-5 วันก็จะเริ่มแตกยอดใบใหม่ออกมา พอเริ่มแตกยอดสูงได้ที่ก็ย้ายลงปลูกในดินต่อได้เลย   เอาหัวแก่ๆ มาวางบนทิชชู่หรือสำลีชุบน้ำ แล้วตั้งไว้ริมหน้าต่างที่มีแดดรำไร จากนั้นก็ค่อยหมั่นพรมน้ำนิดหน่อยเท่านั้นให้ชื้นอยู่เสมอ พอโตได้ที่ก็เอาไปลงดินได้เลย…

สำหรับตอนเด็กๆ นั้น หลายๆ คนก็อาจจะเคยได้ยินเรื่องราวที่ว่าถ้ากลืนหมากฝรั่งลงไปในท้องแล้วล่ะก็ มันจะติดอยู่ในลำไส้ ในท้อง 10 ปีผ่านมาก็ยังไม่ออกเลยทีเดียว แต่แน่ล่ะวันนี้ #จ่าสิบเหมียว จะมาอธิบาย และพาเพื่อนๆ ไปดูกระบวนการของมันกัน ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ถ้าเรากลืนลงไป!!!?   กลืนหมากฝรั่งเข้าไปจะเป็นยังไง!?   ในส่วนของวิดีโอนี้ก็เป็นของ American Chemical Society ล่ะ เกี่ยวกับการติดตามการเดินทางของหมากฝรั่งหลังจากที่เรากลืนมันลงท้อง แต่ที่สำคัญก็คือหมากฝรั่งที่คุณเคยกลืนลงไปตอนเด็กๆ นั้น ไม่ได้ติดอยู่ในท้องของคุณมาจนถึงตอนนี้อย่างแน่นอนล่ะ ฮร่าาาา   แต่เพราะว่าหมากฝรั่งไม่ได้ถูกออกแบบให้ย่อยได้เหมือนอาหารทั่วไป เพราะทำมาจากยางจริงๆ หรือยางสังเคราะห์ก็ตามแต่   เพราะฉะนั้นตอนคุณกลืนลงคอไปแล้วล่ะก็ มันก็จะเหมือนเป็นก้อนสำลีขนาดใหญ่ที่ไหลลงไปในระบบทางเดินอาหาร ขณะที่เอ็นไซม์จะสามารถย่อยสลายคาร์โบไฮเดรต น้ำมัน และแอลกอฮอล์ในหมากฝรั่งได้ แต่ยางที่เป็นส่วนประกอบหลักนั้นไม่สามารถถูกย่อยสลายได้โดยกระบวนการนี้   และแน่นอนว่ากรดในกระเพาะอาหารก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้เช่นกัน   แต่ถึงร่างกายของคุณจะไม่สามารถย่อยได้ สุดท้ายแล้วกล้ามเนื้อก็ขับมันออกมาได้อยู่ดีล่ะไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฮ่าๆๆ ทางระบบขับถ่ายของเราอีกสักสองสามวันให้หลังนี่แหละ ไม่ต้องเป็นห่วง…   ใครอยากชมวิดีโอกันได้แบบเต็มๆ มาดูกันได้ที่นี่   แหม๊ เราก็กลัวจะติดอยู่ในท้องเรามาตั้งนานนะเนี่ย ฮร่าาาา   ที่มา: BusinessInsider

เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่เคยลิ้มลองเครื่องดื่มแสนอร่อยยี่ห้อ “ยาคูลท์” ด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน ทำให้เครื่องดื่มยี่ห้อนี้ได้รับความนิยมมากว่า 70 ปีทั่วโลก และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมกัน 13  เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับ “ยาคูลท์” ที่รวบรวมมาโดยเพจ MANILA BULLETIN ลองไปชมกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง ไปชมกันเลย!!   The world-famous probiotics drink started in Japan in 1935. Here are a few things you may not know about Yakult! โพสต์โดย MANILA BULLETIN บน 31 พฤษภาคม 2016   1. ยาคูลท์ถูกผลิตขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2478 ในประเทศญี่ปุ่น ตอนนั้นมีเด็กญี่ปุ่นจำนวนมากเสียชีวิตจากแบคทีเรียอันตราย รวมถึงโรคในกระเพาะอาหาร แถมประเทศญี่ปุ่นยังประสบภาวะทางเศรษฐกิจอย่างหนักอีกด้วย   2. แบคทีเรียแลคโตบาซิลัสถูกค้นพบโดย ดร.ชิโรตะ จากมหาวิทยาลัยการแพทย์เกียวโต…

โลกปัจจุบันมันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถเนรมิตอะไรต่างๆ ขึ้นได้อย่างง่ายได้ ทำให้ทุกคนเริ่มที่จะเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต ซึ่งถ้าเทียบกับเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ก็ถือว่าต่างกันเยอะมาก ศิลปินชื่อว่า Marco Melgrati จากเม็กซิโกซิตี้ จึงได้วาดภาพที่ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่เขาเห็นจากอินเตอร์เน็ต กลั่นออกมาเป็นภาพวาดที่เห็นแล้วก็รู้เลยว่ามันคือเรื่องจริงที่เราเจอกันอยู่ทุกวันนี้ เราไปชมภาพวาดเหล่านี้กัน ดูแล้วรู้สึกยังไงกันบ้าง   ทุกๆ คนต้องการใครสักคน   รักศัตรู   ถึงเวลาลาออกจากงาน   ใช้สมองให้ดี   อำนาจเงินและการเมือง   เรียนรู้ที่จะลืม   วาดตัวเองขึ้นมา   คุณแก้ปัญหาด้วยตรรกะหรือสัญชาตญาณ?   หลงตัวเอง   อาจจะเกิดความรัก   กรรม   ความรัก   การตายของโลกส่วนตัว   เป็นอะไรก็ได้ที่อยากเป็น   โลกใต้น้ำ   แต่ละอันนี่เจ็บจี๊ดทั้งนั้นเลย ลองไปติดตามผลงานอื่นๆ ของเขาได้ที่ Instagram | salzmanart.com| altpick.com ที่มา boredpanda

การใช้ชีวิตบนโลกไม่เคยเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็มีเรื่องราวที่ให้คิดกังวลเครียดต่างกันออกไป อย่างในยุคก่อนมนุษย์อาจกลัวสัตว์ป่า หรือไม่ก็กลัวภัยธรรมชาติ ซึ่งเมื่อยุคเปลี่ยน สิ่งที่มนุษย์กลัวก็เปลี่ยนไปด้วย และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 25 ภาพวาดที่แสดงให้เห็นว่า ชีวิตยุคปัจจุบันของสังคมมนุษย์มันเป็นเรื่องที่โหดร้ายขนาดไหน จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย   บางครั้งเวลาส่งสติกเกอร์หัวเราะ ไม่ได้แปลว่าเรากำลังหัวเราะอยู่หรอกนะ   เรื่องไม่เป็นเรื่อง มักจะฮิตกว่าข่าวซีเรียสเสมอ   ความน่ากลัวที่เปลี่ยนไปเมื่อเราโตขึ้น   ความขัดแย้งของคนกินเนื้อ กินมัง แล้วก็กินเจ   ชีวิตตอนนี้ก็มีแต่อินเตอร์เน็ต อินเตอร์เน็ต แล้วก็อินเตอร์เน็ต!!   สุดท้ายสังคมก็ไม่ยอมรับ “ความแตกต่าง” อยู่ดี   พระเจ้ารักทุกคน (เหรอ)   คงต้องเปลี่ยนป้ายเตือนจราจรให้เข้ากับยุคสมัยซักหน่อย   ทัศนคติต่อศาสนาที่เปลี่ยนไป   โทรศัพท์อยู่ใกล้ทีไร หนังสือหนังหาไม่เคยได้อ่าน   ใช้ชีวิตให้เต็มที่กับใช้ชีวิตให้เหลวแหลก บางทีมันอาจจะคนละความหมายกันนะ   คำพูดของคนของคนบางทีอาจทำร้ายคนอื่นมากกว่าที่คิด   การลดน้ำหนักไม่เคยมีอยู่จริง   ขาดไวไฟเหมือนขาดอากาศหายใจ  …

สำหรับเด็กๆ ในระดับมัธยมแล้ว ถือว่าพวกเขาสองคนนั้นสุดยอดมาก แถมผลงานที่ว่าชิ้นนี้ยังเป็นโครงงานส่งอาจารย์ในห้องเรียนเท่านั้นนะเนี่ย นั่นก็คือบ้านหลังเล็กแบบโลว์คอสต์สำหรับเหล่าคนไร้บ้านไว้พักอาศัย น่าสนใจจริงๆ ลองมาฟังเรื่องราวของพวกเขากัน… Norris Palmer และ Austin Ortega สองนักเรียนชั้น ม. 6 ของสถาบัน Engineering and Construction Academy ในโรงเรียนมัธยม Lincoln พวกเขาได้สร้างผลงานชิ้นนี้ของพวกเขาจนเสร็จและตั้งชื่อให้กับมันว่า Habitable Urban Tent (HUT) ล่ะ   Habitable Urban Tent (HUT) สำหรับคนไร้บ้านพักอาศัย   เจ้า HUT ของเรานั้นมีความกว้างและยาวประมาณ 2.4 เมตร (รวมแล้วก็ไม่ถึง 6 ตร.ม.) ลักษณะจะคล้ายๆ กับที่พักของผู้อพยพที่ทาง IKEA สร้างไว้เมื่อราวๆ ปีก่อน ต้นแบบของเราจะมีภายนอกเป็นแผ่นเหล็ก และโครงสร้างภายในจะเป็นโครงไม้ แต่ในอนาคตจะทำให้กลายเป็นพลาสติกทนทานสูงล่ะ   และการที่เจ้า HUT มีรูปทรงเป็นพีระมิดแบบนี้ก็เพราะว่าจะช่วยลดจำนวนของวัสดุที่ต้องใช้   ทุกๆ HUT จะมี 1 เตียง…

เหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณู “แฟตแมน” และ “ลิตเติ้ลบอย” ที่เพิ่งทำเสร็จสดๆ ร้อนๆ ที่เมืองฮิโรชิม่าและนางาซากิของประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 1945 ถือว่าเป็นครั้งแรกที่โลกได้รู้จักกับอาวุธมหาประลัยชนิดใหม่ ที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับมนุษย์ทุกคนบนโลก การระเบิดครั้งนั้นได้คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 250,000 รายในทันที ส่วนผู้ที่รอดชีวิตก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากผลกระทบของกัมมันตรังสีที่ปล่อยออกมาขณะเกิดการระเบิด     การทิ้งระเบิดครั้งนั้นถือว่าเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญของสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการจบสงครามโลกกับญี่ปุ่นให้เร็วที่สุด โดยพวกเขาได้จับมือกับประเทศแคนาดาในการพัฒนาโครงการ “แมนฮัตตัน” ขึ้นมา ซึ่งหลังจากพัฒนาระเบิดสองลูกแรกเสร็จแล้ว พวกเขาก็เริ่มมองหาสถานที่เป้าหมายในการทิ้งระเบิดทันที โดยปกติแล้วการตัดสินใจในการรบแบบนี้ ประเทศส่วนมากจะมอบอำนาจในการตัดสินใจให้กับทหาร แต่สำหรับสหรัฐอเมริกา พวกเขากลับมอบหน้าที่เหล่านี้ให้กับนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ รวมทั้งมีการคิดคำนวนถึงผลกระทบอย่างดี ว่าทิ้งลงที่ไหนจะทำให้ญี่ปุ่นยอมแพ้เร็วที่สุด     สุดท้ายเป้าหมายก็คือเมืองฮิโรชิม่าที่เป็นเป็นท่าเรือและจุดศูนย์การอุตสาหกรรม ส่วนลูกที่สองตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะไปทิ้งที่เมืองโยโกฮาม่า แต่โชคไม่ดีวันนั้นเกิดมีเมฆมากปกคลุมน่านฟ้า ทำให้หวยไปออกที่เมืองนางาซากิแทน หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมสหรัฐอเมริกาถึงไม่ทิ้งระเบิดที่กรุงโตเกียว ซึ่งเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น สาเหตุก็เพราะว่าสหรัฐฯ เพียงต้องการบีบให้ญี่ปุ่นยอมแพ้เท่านั้น หากนำไปทิ้งที่โตเกียวซึ่งเป็นศูนย์รวมกองบัญชาการทั้งหมดแล้วล่ะก็ ประเทศทั้งหมดก็จะอยู่ในสภาพสับสนเพราะขาดผู้บังคับบัญชา และการทำให้ยอมแพ้ก็จะเป็นเรื่องยากขึ้นนั่นเอง     ยิ่งไปกว่านั้น กรุงโตเกียวยังเป็นที่ตั้งของมหาราชวังขององค์จักรพรรดิญี่ปุ่นอีกด้วย หากมีการฆ่าองค์จักรพรรดิอาจทำให้ประชาชนที่อยู่ในประเทศสู้ตายโดยไม่ยอมแพ้ก็เป็นได้ ซึ่งหลังจากทิ้งระเบิดที่เมืองนางาซากิได้ 6 วัน ทางองค์จักรพรรดิของญี่ปุ่นก็ประกาศยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไขในทันที ท่ามกลางความไม่พอใจของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในขณะนั้น    …

ปัจจุบันนี้โลกออนไลน์นั้นถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เคลื่อนไหวสังคมได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์อะไรก็ตามแต่ ล้วนแต่เกิดจากการเผยแพร่และแชร์กันต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่สามารถหยุดยั้งมันได้ ด้วยความที่ทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันหมดนั้น มันมักจะทำให้เกิดเรื่องราวแปลกๆ ขึ้น ซึ่งปกติจะไม่ได้เห็นจากในชีวิตจริงแน่ๆ ถ้าไม่มีโลกโซเชียลมาเกี่ยวข้อง แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ศิลปินท่านหนึ่งชื่อว่า Brecht Vandenbroucke ได้ทำการวาดภาพเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงเหตุการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งแต่ละภาพนั้นต้องใช้การตีความที่สูงมากๆ บางภาพอาจดูแล้วมึนตึ๊บได้เลย ว่าแล้วก็ไปช่วยตีความกันเลย   1. เกี่ยวอะไรกับการโทษเกมรึเปล่าน้าาาา   2. ไม่มีเน็ต ถึงกับเสียศูนย์เลย   3. ความสุนทรีและทุนนิยม   4. การไม่เห็นอาจจะทำให้เราได้รับความสุขมากกว่า   5. เดี๋ยวนะะะ หักมุมเกิ๊นนน   6. สะดวกมากไปก็ไม่ดี   7. สงครามตัวหนังสือ   เป็นยังไงกันบ้างล่ะ ดูแล้วงงกันใช่ไหมเอ่ย เหมียวก็งงเหมือนกับทุกคนนั่นแหละ บางทีมันอาจจะลึกเกินไปก็เป็นได้.. ยังมีอีกเพียบเลยนะ ใครสนใจก็ลองไปติดตามเขาได้ที่อินสตาแกรม brechtvandenbroucke ที่มา designyoutrust

อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าเหล่าแมวเหมียวทั้งหลายมักจะมีพฤติกรรมแปลกให้เหล่ามนุษย์ต่างตั้งข้อสงสัยไปตามๆ กัน อย่างเช่นการเอาตัวเข้าไปอยู่ในกล่องหรือที่แคบๆ หรือการเอาตัวมาถูกับขาของเรา เป็นต้น ซึ่งก็เป็นการแสดงออกทางสัญชาตญาณของมัน และวันนี้ #เหมียวหง่าว จะมาไขข้อข้องใจถึงพฤติกรรมของแมวเหมียวว่าทำไมเวลาดื่มน้ำมันมักจะทำการขยับถาดน้ำไปมาก่อนที่จะก้มหน้าลงไปดื่ม   เพื่อนๆ หลายคนอาจเคยสังเกตเห็นเจ้าเหมียวที่บ้านของเพื่อนๆ มักจะทำการขยับภาชนะใส่น้ำไปมาด้วยอุ้งเท้าหน้าของมัน ก่อนที่จะลงมือดื่ม แต่จริงๆ แล้วเจ้าเหมียวทุกตัวไม่ได้ทำแบบนั้นหรอกนะ ที่มันทำแบบนั้นก็เป็นเพราะการมองเห็นของเหมียวนั้น ไม่เหมือนกับมนุษย์เรา พวกมันจะมีการมองเห็นระยะใกล้แย่กว่าระยะไกล เพราะฉะนั้นจะทำให้มันไม่สามารถรู้ได้ว่าระดับน้ำนั้นอยู่สูงแค่ไหน   จึงต้องทำการขยับถาดใส่น้ำไปมาก่อนเพื่อให้น้ำกระเพื่อม จึงจะทำให้มันรู้ถึงระดับน้ำที่แน่นอน และสามารถกะระยะความห่างของลิ้นที่จะทำการกวักน้ำเข้าปากได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ Webvet ถึงสาเหตุที่ว่าไมเจ้าเหล่าเหมียวถึงชอบขยับถาดน้ำไปมาอีกด้วย   1. มันเพียงแค่อยากเล่นเฉยๆ เป็นเพราะมันเห็นถาดใส่น้ำเป็นของเล่น จึงทำการขยับไปมาเพื่อแก้เบื่อ   2. เป็นเพราะความเคยชินจากการดื่มน้ำก๊อก เนื่องจากว่าการดื่มน้ำก๊อกนั้นน้ำจะไหลตลอดเวลา และเมื่อมาเจอน้ำที่นิ่งสงบอยู่ในถาดมันก็คิดว่านี่ไม่ใช่น้ำและมันจะรู้สึกไม่สบายใจที่จะดื่ม ฉะนั้นมันก็เลยต้องทำให้น้ำกระเพื่อมหรือไหลไปมาก่อนที่จะลงมือดื่ม   3. อาจเป็นเพราะระดับน้ำที่มันเคยดื่มจากถาดใส่น้ำไม่เท่ากันในทุกๆ วัน พวกมันก็เลยรู้สึกว่าบางครั้งระดับน้ำอาจจะน้อยหรือมากเกินไปจนทำให้มันรู้สึกไม่สบายใจที่จะก้มเอาหัวลงไปดื่ม ก็เลยตัดสินใจที่จะเขย่าถาดน้ำไปมาให้น้ำหก และดื่มจากพื้น หรือไม่ก็เอาอุ้งเท้าจุ่มลงไปในน้ำและค่อยเลียดื่มจากอุ้งเท้า   4. เห็นเงาสะท้อนเจ้าเหมียวตัวอื่นจากถาดน้ำ ก็เลยใช้มือตะปบซะเลย   5. ระดับน้ำต่ำเกินไปอาจทำให้มันรู้สึกไม่สบายใจที่จะเอาหัวมุดเข้าไปในที่แคบๆ ที่มันไม่รู้จัก ก็เลยคิดว่าการทำให้น้ำหกออกมาแล้วค่อยดื่มจากบนพื้น…

ก็แน่นอนว่าถ้าเลือกเกิดได้ หลายๆ คงก็คงอยากจะเกิดมาครบ 32 ไม่อยากเป็นคนพิการหรอกใช่มั้ยล่ะ? แต่ถึงกระนั้น ถ้าโชคร้ายเกิดมาพร้อมกับความพิการแล้วล่ะก็ มันก็ไม่ได้เป็นเหตุผลที่จะหยุดรั้งเราในสิ่งที่อยากทำ และที่สำคัญ การมีความสุขกับชีวิตซะหน่อย!!! เรื่องราวน่ารักๆ นี้เป็นของเจ้าหนูที่ชื่อว่า Quaden Bayles วัย 5 ขวบชาวออสเตรเลีย ที่เกิดมาพร้อมกับอาการ Achondroplasia หรืออาการแคระที่สามารถพบได้ทั่วไป กับหมาพันธุ์ชิสุของเขา Buddy ที่ดันมีอาการนี้เช่นเดียวกัน…   Quaden และเจ้า Buddy ที่มีอาการแคระเหมือนกัน   แม่ของ Quaden เล่าให้ฟังว่า ลูกชายของเธอตกเป็นเหยื่อของการถูกล้อเลียนทั้งตามท้องถนน และในโลกอินเตอร์เน็ทหลายต่อหลายครั้งเพราะความพิการของเขา จนคำว่า ‘แคระ’ กลายมาเป็นคำต้องห้ามที่ห้ามพูดกันเลยทีเดียว แต่เรื่องราวทั้งหมดก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาได้เจอกับเจ้า Buddy   เขาเริ่มมีความสุขมากขึ้น ยอมรับการเป็นตัวเองมากขึ้น เพราะราวกับว่าเพื่อนซี้ของเขา ก็มีอาการนี้เช่นเดียวกัน และตอนนี้เขาก็ไม่อายที่จะบอกใครแล้วล่ะว่าเขามีอาการนี้   และถึงจะอยู่ด้วยกันมาไม่ถึง 1 อาทิตย์เท่านั้น…ทั้งคู่ก็เรียกได้ว่าไม่สามารถแยกออกจากกันได้เลย ไปไหนก็ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋   ทั้งครอบครัวพยายามบอกกับ Quaden ว่า มันเป็นเรื่องปกติที่เราเกิดมาแตกต่างและไม่เหมือนคนอื่น…แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ   จนกระทั่งเขาได้พบกับเจ้าตูบ ทำให้เขารู้ซึ้งถึงเรื่องจริงในข้อนี้…

แม้ว่ามนุษย์จะใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้มาเป็นเวลากว่า 100,000 ปีแล้วก็ตาม แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีบางเรื่องที่มนุษย์ยังมีเรื่องราวอีกมากมายเกี่ยวกับโลกใบนี้ที่มนุษย์ยังไม่รู้ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้แล้วแต่เพื่อนๆ ยังไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้ #เหมียวหง่าว จะพาเพื่อนๆ ไปชมสาระน่ารู้เกี่ยวกับโลกใบนี้กัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   1.  การเปลี่ยนขั้วของสนามแม่เหล็ก มนุษย์เราใช้งานสนามแม่เหล็กของโลกกันมาอย่างยาวนาน และเพื่อนๆ จะรู้กันอยู่ว่าขั้วแม่เหล็กมันจะมีขั้วเหนือขั้วใต้ และจริงๆ แล้วมันสามารถสลับด้านกันได้ด้วยนะ แต่ครั้งล่าสุดนี่เกิดเมื่อประมาณ 780,000 ปีที่แล้ว โดยเกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของแกนโลก โดยการสลับขั้วแม่เหล็กนี้จะก่อให้เกิดผลอย่างไรกับมนุษย์นั้นนักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่ได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่าอาจก่อให้เกิดการรบกวนระบบสายส่งกำลังไฟฟ้า และการสื่อสารด้วยคลื่นวิทยุเท่านั้นเอง   2. ภูเขาไฟที่ปะทุอย่างต่อเนื่อง ยาวนานถึงกว่า 2,000 ปี ภูเขาไฟ Strombi Volcano ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี เป็นภูเขาไฟที่ขึ้นชื่อว่ามีการปรทุบ่อยครั้งที่สุดในโลก โดยเกิดการปะทุอย่างรวดเร็วต่อเนื่องมายาวนานถึง 2,000 ปีแล้ว   3. โลกเป็นดาวดวงเดียวที่ไม่ถูกตั้งชื่อตามพระเจ้าในยุคโรมัน แน่นอนว่าดาวดวงอื่นๆ ในระบบสุริยะนี้จะถูกตั้งชื่อตามเทพเจ้า และเทพธิดาของโรมัน แต่ยกเว้นโลกเท่านั้นที่มีชื่อเป็นของตัวเอง   4. บนโลกใบนี้มีน้ำสะอาดน้อยมาก!! จากจำนวนน้ำทั้งหมดบนพื้นโลก มีเพียง 3% เท่านั้นที่มนุษย์สามารถดื่มได้ ส่วนอีก…

เชื่อว่าใครๆ ก็ต่างอยากมีร่างกายและสุขภาพที่แข็งแรงทั้งนั้น แต่บางครั้งด้วยความจำเป็นบางอย่าง ทำให้หลายๆ คนไม่สามารถหาเวลาไปออกกำลังกายนอกบ้านอย่างเป็นกิจลักษณะได้ แต่ต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่ทำให้การเข้าถึงการออกกำลังกายง่ายกว่าเดิม เพียงแค่คุณเปิดเว็บไซต์ Youtube คุณก็สามารถเปิดวีดีโอสอนออกกำลังง่ายๆ ภายในบ้านของคุณได้ และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 11 แชนแนลบนเว็บไซต์ Youtube ที่จะช่วยให้คุณฟิตแอนด์เฟิร์มได้ แม้ยามเล่นคอมอยู่บ้าน!! จะมีใครบ้าง ไปชมกันเลย   Blogilates ใครอยากออกกำลังกายแบบแอโรบิก พร้อมๆ กับฟังเพลงป๊อปร่วมสมัยไปด้วย แชนแนลนี้ถือว่าแนะนำเลย แถมแต่ละวีดีโอ ความยาวไม่เกิน 5 นาทีทั้งนั้น รับรองว่าแก้เบื่อได้ แถมสุขภาพดีด้วยนะ     Official Barstarzz ถ้าใครไม่อยากซื้อเครื่องออกกำลังกายแพงๆ Youtuber คนนี้จะสอนให้คุณสามารถออกกำลังกายได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ด้วยซ้ำ อย่างนี้อ้างไม่ได้แล้วนะว่าไม่มีเวลา   Strength Camp เจ้าของช่องนี้เค้าบอกว่า เขาจะสอนให้คุณแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่คุณจะแข็งแกร่งได้ อาจจะต้องมีอุปกรณ์เพิ่มเติมซักเล็กน้อย แต่รับรองว่าเกร่งขึ้นแน่นอน (อ้อ ก่อนจะเล่นพิจารณาน้ำหนักของสิ่งที่จะยกด้วยนะ ไม่งั้นอาจได้รับบาดเจ็บได้)   Clubfitz ถ้าใครไม่ชอบออกกำลังกายเป็นท่าๆ ไป งั้นลองแชนแนลนี้ดูมั้ยละ เขาจะสอนให้คุณเต้นเพื่อออกกำลังกาย…

ปัจจุบันนี้หลายคนกำลังเข้าใจผิดเกี่ยวกับการลดความอ้วนเยอะมาก คนที่ลดความอ้วนนั้นไม่จำเป็นว่าจะลดเพื่อให้ดูดีเสมอไป แต่มันเป็นเรื่องของสุขภาพ คนที่มีน้ำหนักเกินก็คงจะรู้ดีว่ามันเหนื่อยแค่ไหนกับการเป็นคนอ้วน การลดความอ้วนนั้นต้องใช้วินัยเป็นอย่างสูงมาก เราต้องควบคุมการใช้ชีวิตทุกอย่างให้ตรงแบบแผน กินได้เท่านี้ ออกกำลังกายเท่านี้ ไม่กินอันนั้น ไม่ทำกิจกรรมอันนี้ ทุกอย่างอยู่ที่ใจล้วนๆ บางคนมาถึงครึ่งทางก็เริ่มถอดใจแล้ว เพราะว่ามันค่อนข้างฝืน แต่วันนี้ #เหมียวสามสี มีภาพของคนที่ประสบความสำเร็จทางด้านการลดความอ้วนมาให้ทุกท่านได้ชื่นชม หวังว่าบุคคลเหล่านี้จะช่วยให้ทุกท่านผ่านมันไปได้ด้วยดีนะ   คู่รักคู่นี้ตัดสินใจว่าจะยังไม่แต่งงานถ้ายังลดความอ้วนไม่ได้ 5 ปี ต่อมา พวกเขาก็ได้แต่งงานกัน   1 ปี กับ 50 กิโลกรัมที่หายไป   น้ำหนักหายไป 31 กิโลกรัม ทำให้หน้าผอมและดูหล่อขึ้นด้วยนะเนี่ย   จากคนที่เคยหนัก 200 กิโลกรัม ตอนนี้เหลือเพียง 81 กิโลกรัม โดยใช้เวลาทั้งหมด 2 ปี พร้อมกับชีวิตที่มีความสุข   จากหนุ่มที่เคยหนัก 250 กิโลกรัม ตอนนี้เหลือ 100 กิโลกรัมแล้วจ้า   คู่รักคู่นี้น้ำหนักหายไปกว่า 60…

เชื่อว่าทุกคนคงทราบว่าตอนนี้อุณหภูมิของโลกกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ และหากเราปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ วันหนึ่งน้ำแข็งที่อยู่ตามขั้วโลกอาจจะละลายจนส่งผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นบนโลกได้ หลายคนอาจนึกภาพไม่ออกว่าเป็นอย่างไร วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมแผนที่จำลองจาก National Geographic หากน้ำแข็งทั่วโลกละลายหมด แล้วระดับน้ำทะเลสูงขึ้นกว่าเดิม 65 เมตร แผ่นดินที่เราอาศัยอยู่จะเป็นอย่างไรบ้าง ไปชมกันเลย   ทวีปอเมริกาเหนือ   ทวีปอเมริกาใต้   ทวีปแอฟริกา   ทวีปเอเชีย   ทวีปออสเตรเลีย   ทวีปยุโรป   ทวีปแอนตาร์กติก้า .   เมืองใหญ่ๆ จมลงไปใต้น้ำแทบทั้งหมดเลยนะเนี่ย ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าเกิดขึ้นจริงๆ ผลกระทบมันจะใหญ่หลวงขนาดไหน อย่างนี้เราคงต้องช่วยกันรักษ์โลกกันซักหน่อยแล้วละ ไม่งั้นลูกหลานเราลำบากอย่างแน่นอน ใครสนใจมากกว่านี้ สามารถไปดูแผนที่เต็มๆในเว็บ National Geographic ได้เลย…!!

สำหรับเรื่องกลิ่นปากในตอนเช้า แน่นอนว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์ปุถุชนคนทั่วไปเขาก็มีกันทุกๆ คน แต่เชื่อหรือไม่ว่ามันสามารถป้องกันได้ และวันนี้เราก็มีเคล็ดลับดีๆ จากงานวิจัยที่น่าสนใจมาฝากกันล่ะ!!! หลักๆ แล้วสาเหตุที่เกิดกลิ่นปากขึ้นในตอนเช้าก็เพราะว่าร่างกายของเรานั้นประกอบไปด้วยจุลินทรีย์จำนวนหลายร้อยล้านตัว และแน่นอนพอจุลินทรีย์ได้เข้ามาอยู่ในช่องปาก ที่อับและชื้นระหว่างที่เรากำลังนอนหลับนั้นก็จะเกิดการสะสมและแพร่กระจายไปทั่วจนเกิดเป็นกลิ่นปากอย่างที่เรารู้กัน ต่างจากตอนกลางวันที่เรามักจะเปิดปากไว้ตลอด ทำให้อากาศช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย พอเรานอนหลับแล้วตื่นขึ้นมาเลยเกิดกลิ่นปากในยามเช้าที่ป้องกันได้ยากมากๆ   กลิ่นปากในตอนเช้า!!   ล่าสุดเหล่านักวิจัยก็ได้สันนิษฐานว่า ทางออกสำหรับปัญหานี้อาจจะต้องใช้ Streptococcus salivarius K12 ที่เป็นสารชนิดหนึ่ง โดยวางแผนกันว่าจะใส่ลงไปในพวกสเปรย์ เพื่อฉีดเข้าไปในช่องปาก ลดการสะสมของแบคทีเรีย โดยเฉพาะชนิดที่ก่อให้เกิดกลิ่นปากในยามเช้า!!! แต่ถึงแม้ว่าจุลินทรีย์จะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น กลิ่นปากที่รุนแรง แต่เราก็ลืมไม่ได้ว่าจุลินทรีย์บางชนิดก็มีประโยชน์ต่อร่างกายเช่นกัน แต่ถ้าใช้สารพวกนี้ที่ขจัดจุลินทรีย์ไปจนหมดแล้วล่ะก็ จะเกิดปัญหาในด้านของสมดุลจุลินทรีย์ในร่างกายอย่างแน่นอน ดังนั้นเหล่านักวิจัยเลยได้ทดลอง โดยใช้สาร S. salivarius K12 นี้ ให้กับผู้ที่มีกลิ่นปากในยามเช้ากว่า 23 ราย ซึ่งเห็นผลแตกต่างได้ชัดเจนเลยล่ะว่าพวกเขามีกลิ่นปากตอนเช้าที่ลดความรุนแรงลงเป็นอย่างมาก   เพราะฉะนั้นเราต้องทำยังไงดีล่ะ!?   หลักการแล้วก็คือมันมีคุณสมบัติเหมือนน้ำยาบ้วนปากที่ฆ่าจุลินทรีย์ที่อยู่ในปากคุณทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นชนิดที่ส่งผลดี หรือส่งผลเสียต่อร่างกาย ซึ่งทาง Andrea Azcarate-Peril ผู้อำนวยการแห่ง University of North Carolina ก็ได้กล่าวว่า ‘การกระทำแบบนี้อาจไม่ส่งผลดีต่อร่างกายมากนัก เพราะคุณสะอาดเกินไป…’ ‘และการใช้น้ำยาบ้วนปากและสารเหล่านี้ที่ทำการกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ก็ไม่ใช่ทางออกทั้งหมด เพราะความรู้ทางด้านแบคทีเรียของเรายังไม่ทั่วถึง…

กลายเป็นข่าวน่าสะเทือนใจระดับโลกเลยทีเดียว เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมาที่ประเทศชิลี เกิดเหตุการณ์ชายหนุ่มคนหนึ่งกระโดดลงไปในกรงสิงโตเพื่อให้ถูกกิน จนเจ้าหน้าที่ต้องวิสามัญสิงโตสองตัวเพื่อช่วยชีวิตชายหนุ่มคนนั้นขึ้นมา อ่านข่าวที่:หนุ่มแก้ผ้ากระโดดลงไปในกรงสิงโตหวังฆ่าตัวตาย สุดท้ายสวนสัตว์ต้องจำใจฆ่า 2 สิงโตเพื่อช่วยคน   หลายคนอาจสงสัยวว่าเขาเป็นใคร และมีเหตุผลอะไร เขาจึงทำเรื่องเหล่านี้ลงไป เพียงเพราะเขาเป็นคนบ้าคนหนึ่งเท่านั้นหรือ!? ไม่หรอก เขาก็เป็นคนคนหนึ่งนี่แหละ… ชายหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Franco Ferrada วัย 20 ปี เขาเป็นชาวชิลีโดยกำเนิด เกิดในครอบครัวที่มีพี่น้อง 9 คน ครอบครัวมีความสุขดี จนกระทั่ง… เมื่อเขาอายุได้ 11 ปี แม่ของเขาก็เสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยโรคมะเร็งเต้านม และนั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเขา!!     หลังจากเหตุการณ์นั้น พ่อของเขาก็เสียศูนย์ไปเลย พ่อกลายเป็นคนติดเหล้าและไม่ยอมเลี้ยงดูลูกทั้ง 9 คน จนทั้งหมดต้องถูกส่งไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ด้วยเหตุนี้ Franco ไม่เคยให้อภัยพ่อตัวเองที่ทิ้งเขาและพี่น้องไปอย่างนั้น Franco ใช้ชีวิตอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าจนถึงอายุ 18 ปี เขาก็สมัครเข้ารับราชการทหารและได้ไปประจำการที่ฐานทัพ Coyhaique ในเขต Aysen ที่น่าแปลกใจก็คือ เพื่อนๆ ทุกคนในค่ายทหารบอกว่า เขาเป็นคนที่มีความสุขและร่าเริงอยู่เสมอ!!!     “เขาเป็นคนที่ท่าทางมีความสุขมาก ผมแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเขามีอาการทางประสาท”  Gonzalo Molina…

นอกจากชื่อบริษัทแล้ว โลโก้ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำของผู้คน ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาก็ต้องมีโลโก้แล้ว แต่พอถึงตอนนี้โลโก้มันก็ต้องเปลี่ยนไปตามยุคและสมัยด้วย โลโก้นอกจากจะเป็นรูปที่สวยงามแล้ว มันต้องมีความหมายและหลักการคิดบางอย่างที่ทำให้ออกมาเป็นแบบนั้นได้ วันนี้ #เหมียวสามสี ก็เลยจะพาทุกท่านไปย้อนอดีตชมโลโก้ของบริษัทดัง จนถึงโลโก้ปัจจุบันว่ามันเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน   Shell โลโก้แรกนั้นวาดเมื่อปี 1900 หลังจากนั้นก็พยายามที่จะทำให้โลโก้เป็นที่น่าสนใจโดยการเพิ่มสีสันและทำให้จำง่ายยิ่งขึ้นจนกลายมาเป็นโลโก้ในปัจจุบันซึ่งเริ่มใช้ในปี 1999   Apple โลโก้แรกของ Apple นั้นออกแบบมาในปี 1976 โดย Ronald Wayne โดยเป็นภาพของนิวตันที่กำลังนั่งอยู่ใต้ต้นแอปเปิ้ล และนี่คือโลโก้ล่าสุดที่ใช้ในปี 2013 อีกทั้งยังใช้โลโก้รูปเดียวกัน แต่เป็นสีดำทั้งหมดในบางครั้ง ซึ่งโลโก้นี้เริ่มใช้ในปี 1998   Discovery Channel โลโก้อันแรกนั้นถูกใช้ในปี 1985 และโลโก้ใหม่ถูกทำให้ทันสมัยยิ่งขึ้นและใช้ในปี 2009   Mozilla Firefox เดิมทีนั้นเป็นรูปนกฟีนิกซ์ ซึ่งใช้ในปี 2002 ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น Firefox ในปี 2004 และยังเหลือความเป็นไฟไว้อยู่ ซึ่งโลโก้ล่าสุดนั้นใช้ในปี 2009   General Electric โลโก้แรกถูกออกแบบอย่างเรียบง่ายในปี 1892…

ต้องถามก่อนเลยว่าคุณเป็นคนเก็บตัวรึเปล่า เก็บตัวในที่นี้เหมียวหมายถึงบุคลิกภาพแบบ Introvert ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ไม่ค่อนออกไปไหนมาไหน ซึ่งปัจจุบันคนเป็นแบบนี้กันเยอะมาก จริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเรื่องไม่ดีหรอกนะ เพียงแต่ว่าบางทีเราอาจจะชอบอยู่กับตัวเองมากกว่า แต่ไม่ได้ต่อต้านสังคมหรือไม่เข้าสังคมเลยซะทีเดียว วันนี้ #เหมียวสามสี ก็เลยเอาการ์ตูนที่สะท้อนชีวิตของผู้คนเหล่านั้นมาให้ทุกท่านได้ดู ลองดูว่าคุณจะเป็นแบบนั้นรึเปล่า   เขาว่าคนเข้าสังคมจะครองโลกได้ แต่คนที่เก็บตัวสามารถสร้างโลกเองได้นะ   เมื่อ Introvert ไปงานปาร์ตี้   การแตะเนื้อต้องตัวเป็นอะไรที่ไม่กล้า   อารมณ์ของ Introvert และ Extrovert ตอนไปงานปาร์ตี้   ในมุมความรัก พวกเขาก็ชอบ “อยู่คนเดียวด้วยกัน”   การโทรศัพท์หาใครสักคนต้องใช้ความกล้า   ต้องหาเรื่องไม่ออกนอกบ้านตลอด   แต่คนเก็บตัว ไม่ได้หมายความว่าอยากอยู่คนเดียวนะ   บางก็ทีวางแผนจะออกไปข้างนอกตั้งหลายวัน พอถึงวันจริงๆก็นอนอยู่บ้านนี่แหละ   เครื่องมือเอาตัวรอดของคนชอบเก็บตัว   เมื่ออยู่งานปาร์ตี้   การอยู่กับตัวเองช่างมีความสุข   เมื่อมีเพื่อนเป็น Introvert เหมือนกัน   ช่างเป็นวันที่สวยงาม   แค่คิดว่าจะไปเจอผู้คน ก็ไม่อยากทำอะไรแล้ว…

หลายคนอาจบอกว่าเทคโนโลยีทำให้เกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นมากมายบนโลกนี้ แต่ก็ต้องบอกว่า หากไม่มีเทคโนโลยีเหล่านั้น เรื่องดีๆ หลายๆ เรื่องก็อาจไม่สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน อย่างเช่นเรื่องราวอันน่าประทับใจของคุณพ่อผู้เป็นอัมพาตเรื่องนี้ ในปี 2012 หลังจากพบว่าตนเองเป็นมะเร็งขั้นรุนแรง Chris Palmer ต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน แม้การผ่าตัดเนื้อร้ายจะสำเร็จลงได้ด้วยดี แต่หมอบอกว่า เขาคงไม่สามารถเดินได้อีกต่อไป     แน่นอน เมื่อได้ยินว่าตนเองจะเดินไม่ได้ เขาก็รู้สึกเสียใจมาก และที่สำคัญที่สุด เขากลัวว่าเขาจะไม่สามารถเดินเคียงข้างลูกสาวในวันที่เธอแต่งงานได้ จนกระทั่งเมื่อราวๆ หนึ่งปีที่ผ่านมา Heather ลูกสาวของเขาได้รู้จักกับบริษัทหนึ่งที่ผลิตเกี่ยวกับชุดสูทไฮเทคเพื่อช่วยเหลือคนพิการให้สามารถเดินได้ เธอจึงติดต่อบริษัทนั้นทันที     บริษัทดังกล่าวชื่อว่า Rex Bionics หลังจากได้ฟังเรื่องดังกล่าว พวกเขาก็ยินดีที่จะให้ยืมชุดสูทสุดไฮเทคมูลค่ากว่า 90,000 ปอนด์หรือ 5 ล้านบาท สำหรับวันพิเศษของครอบครัวของเธอในทันที ด้วยเหตุนี้ความฝันที่จะสามารถเดินเคียงข้างลูกสาวในวันแต่งงาน ก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอีกต่อไปแล้วสำหรับ Chris Palmer จึงเริ่มฝึกใช้งานชุดสูทดังกล่าวทันที     และเมื่อถึงวันแต่งงาน Chris ก็สามารถเดินเคียงข้างลูกสาวได้อย่างใจหวัง และครอบครัวของเขาก็มีความสุขกับเรื่องนี้มาก     “ฉันดีใจมากที่พ่อสามารถเดินกับฉันในวันแต่งงานได้ ฉันภูมิใจในตัวเขามาก และฉันขอบคุณทุกๆ…

เวลาคนทั่วไปเลือกซื้อรถ สิ่งแรกๆ ที่พวกเขาจะพิจารณาคืออะไร? อาจจะเป็นเทคโนโลยีไฮเทคๆ หรือไม่ก็เครื่องยนต์แรงๆ หรือรูปลักษณ์สวยๆ แต่หลังจากที่เพื่อนๆ ได้ชมคลิปนี้แล้ว เพื่อนๆ จะต้องเปลี่ยนความคิดอย่างแน่นอน     หลายคนอาจไม่เคยทราบว่า บรรดาสิ่งของที่ติดอยู่บนรถยนต์หลายๆ อย่าง ไม่ได้เกิดมาพร้อมๆ กับรถยนต์ตั้งแต่แรก อย่างเช่น เข็มขัดนิรภัย ก็เพิ่งมีการบัญญัติในกฎหมายเมื่อช่วงทศวรรษที่ 60 นี่เอง รวมถึงมาตรฐานและการทดสอบความปลอดภัยอื่นๆ ด้วย แต่แม้จะมีกฎหมายบังคับความปลอดภัยมากมาย แต่รู้หรือไม่ ในปัจจุบันก็ยังมีรถที่ได้รับคะแนนความปลอดภัยระดับ 0 (แปลว่าไม่ป้องกันการชนแม้แต่นิดเดียว) จากองค์กร Global New Car Assessment Program อยู่มากมาย จนเพื่อนๆ ต้องตะลึงเลยว่า มันมีเยอะขนาดนี้เลยเหรอ   ลองไปชมกันเลย   เห็นได้ชัดเลยว่า แต่ละรุ่นที่เรานำมาให้ชมนั้น แทบไม่ปกป้องผู้ขับขี่กับผู้โดยสารแม้แต่น้อย งั้นเราไปลองชมหลายๆ รุ่นที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยมามั่งดีกว่า   อื้อหือ เห็นได้ชัดเลยว่ารุ่นที่มีถุงลมนิรภัยมีความปลอดภัยกว่ามาก อย่างนี้จากนี้ไปเลือกซื้อรถ อย่าลืมเลือกรุ่นที่มีถุงลมนิรภัยมาให้นะฮะ แพงกว่าไม่กี่บาทเท่านั้นเอง ความปลอดภัยของเรามีค่ามากกว่านั้นเนอะ อิอิ…

การที่มีใครคนหนึ่งหายไปจากชีวิตเราโดยที่เราไม่ได้เตรียมใจมันย่อมเจ็บปวดเป็นธรรมดา เหมือนอย่างชายหนุ่มคนนี้ชื่อว่า Jose เขาต้องพรากจากสุนัขที่เขาเลี้ยงไว้ ” Chaos” โดยไม่รู้เลยว่ามันหายไปไหน Jose ได้เลี้ยงเจ้า Chaos มาตั้งแต่มันยังเป็นหมาน้อย มันคอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอ และเขาก็พามันไปไหนมาไหนด้วย แต่แล้วเรื่องราวก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อเพื่อนของเพื่อนได้เอาเจ้า Chaos ไปจากเขาเป็นเวลา 3 เดือน และไม่มีท่าทีว่าจะคืน ตอนนี้เขารู้สึกท้อแท้ และไม่คิดว่าจะได้เจอมันอีกครั้ง ผ่านไปสองปีแล้ว ที่เขายังรอคอยมันกลับมา เขาต้องหย่ากับภรรยา ไม่มีบ้าน และกลายเป็นคนไร้บ้านในที่สุด ที่อยู่ของเขาก็คือรถ     อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าหน้าที่จาก Winnebago County Services ได้พบกับสุนัขที่กำลังเดินข้างถนนและเหมือนจะหลงทางที่ South Beloit เขาลงไปดูแล้วก็พบว่าเป็นสุนัขที่มีปลอกคอที่มีหมายเลขแสดงเจ้าของ และนั่นทำให้เจ้า Chaos กำลังจะได้กลับบ้านอีกครั้ง   ในวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา Jose ได้รับอีเมล์เกี่ยวกับการอัพเดตไมโครชิฟที่ติดอยู่กับตัวเจ้า Chaos ทำให้เขานึกถึงมันมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ขณะที่เขากำลังเศร้าและกลับไปดูรูปเก่าๆ ของมันอยู่นั้น จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ในวันนั้นตอนบ่าย เจ้าหน้าที่จากสถานรับเลี้ยงได้โทรมาถามเกี่ยวกับหมายเลขที่ติดอยู่กับปลอกคอหมาที่เขาได้เจอ แล้วก็พบว่ามันตรงกับเจ้า Chaos เจ้าหน้าที่ก็เลยบอกไปว่าตอนนี้หมาอยู่ที่ Winnebago County Animal Services ทันใดนั้นเอง…

คู่รักหลายๆ คู่ล้วนแล้วแต่ก็มีชีวิตรักที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็สวีทกันหวานแหว บ้างก็เงียบๆ เก็บงำไม่แสดงออกความรู้สึกต่อกัน ซึ่งอย่างหลังนี้อาจจะทำให้คนรักรู้สึกอึดอัด และสงสัยว่าเค้ารักเราจริงรึเปล่า? วันนี้ #เหมียวหง่าว มีวิธีสังเกตแบบง่ายๆ ว่าคู่รักของเพื่อนๆ นั้นรักเราจริงหรือหรือเปล่ามาฝากเพื่อนๆ กัน จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… 1. แสดงความรักต่อกัน เขาหรือเธอมักจะยื่นมือมากุมมือซึ่งกันและกัน ลูบไล้บริเวณส่วนต่างๆ ของร่างกาย และกอดจูบกัน (อาจจะนานๆ ครั้ง หรือบ่อยครั้งก็ได้)   2. แบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ให้แก่กัน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเขาต้องเอามาเล่าให้เราฟังอยู่เสมอ ไม่ว่าจะไปเจอเพื่อนของเราคนนู้นคนนี้มา หรือไปดูฟุตบอลแมตช์ที่ชื่นชอบก็มาเล่าให้ฟัง เป็นต้น   3. ชอบเวลาที่อยู่กับคุณ หลายๆ คนต่างก็ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตของตัวเอง แต่ก็อย่าลืมว่าต้องแบ่งมันมาให้กับคู่รักด้วยนะ   4. เข้าใจว่าเรื่องของเซ็กส์นั้นไม่ใช่เป็นเพียงสนองความต้องการของตัวเอง แต่เป็นการสนองความต้องการของทั้งคู่ต่างหาก จะทำให้ชีวิตเซ็กส์ของทั้งคู่นั้นมีความสุขได้เป็นอย่างมาก เพราะทั้งสองคนต่างเอาใจใส่ซึ่งกันและกันในการดำเนินเกมรักไปให้ถึงจุดหมายพร้อมๆ กันอีกด้วย   5. ไม่รู้สึกมีปัญหาหรือคลางแคลงใจว่าคุณไปมีคนอื่นรึเปล่าถึงไม่รับโทรศัพท์หรือตอบข้อความ ใช่แล้วทุกคนต่างก็มีชีวิตส่วนตัวเป็นของตัวเองเพราะฉะนั้นการไม่รับโทรศัพท์หรือไม่ตอบข้อความก็ไม่ได้หายความว่าเขาหรือเธอ กำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่ เพราะฉะนั้นการเชื่อใจก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งเพื่อชี้วัดความรักที่มีต่อกัน   6. ทำให้คุณมั่นใจในตัวเอง เขาหรือเธอจะต้องไม่ทำให้คุณรู้สึกแย่ และจะคอยเชียร์ให้คุณมีกำลังใจในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข…

เป็นการกระทำเพื่อสังคมที่ดีเลยทีเดียวของภาคธุรกิจ เพราะไม่ใช่ว่าจะต้องตั้งหน้าตั้งตาเก็งกำไรแต่เพียงอย่างเดียว การแบ่งปันความโชคดีและผลกำไรที่ได้มาให้สังคมก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือทั้งด้านธุรกิจ ภาพลักษณ์ และมนุษยธรรมเช่นกัน ล่าสุดทาง Amazon เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์รายใหญ่ของโลกก็ได้ประกาศว่าตอนนี้พวกเขาได้เปลี่ยนโรงแรมเก่าแห่งหนึ่งใน Seattle ประเทศสหรัฐอเมริกาให้กลายเป็นที่พักสำหรับเหล่าคนไร้บ้านแล้ว   เปลี่ยนจากโรงแรมเก่าๆ ให้เป็นที่พักคนไร้บ้าน โดยเงินทุนส่วนตัวของ Jeff Bezos ซีอีโอของบริษัท   สำหรับโรงแรมแห่งนี้เดิมมีชื่อว่า Travelodge hotel ตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์ใหญ่ของทางบริษัท   ถึงแม้ว่า Amazon จะลงทุนเรื่องการตกแต่งภายใน แต่องค์กรไม่แสวงผลกำไรท้องถิ่น Mary’s Place ได้เข้ามาจัดการดูแลที่นี่ต่อ ซึ่งทาง Amazon ก็ได้บริจาคเงิน 1 ล้านเหรียญ ให้พวกเขาไว้ใช้ดูแลที่นี่   มีทั้งหมดกว่า 60 ห้อง สามารถจุคนได้ทั้งหมดกว่า 200 คนด้วยกัน   สำหรับตอนนี้ก็มีผู้มาพักอาศัยอยู่ราวๆ 100 คนแล้วล่ะ และคาดการณ์ว่าจะเต็มปลายๆ เดือนพฤษภาคมนี่แหละ   แต่ละห้องมีห้องน้ำ และห้องอาบน้ำในตัว   ฟรีอาหารเช้าและอาหารเย็น   และแน่นอนว่าครอบครัวที่ไร้บ้านสามารถอยู่ที่นี่ ทำงานเก็บเงิน จนสามารถผ่อนบ้านของตัวเองได้ แต่ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนนะจ๊ะ  …

สาวๆ เคยสงสัยตัวเองบ้างหรือไม่? ว่ากางเกงในที่คุณเลือกใส่นั้น ทำไมมันถึงรู้สึกอึดอัด ใส่แล้วคับ หรือใส่แล้วหลวมจนเกินไป เรียกได้ว่ามันทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเอาซะเลย แต่ความจริงแล้วคุณรู้หรือไม่ว่า กางเกงในที่เลือกซื้อมาเพราะความสวยงาม หรืออาจจะเป็นเพราะทรงสวยนั้น บางทีมันอาจจะไม่เข้ากับบั้นท้ายของเราก็ได้นะ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้รู้สึกไม่สะดวกสบาย และอึดอัดนั่นเอง     ที่สำคัญผู้หญิงแต่ละคนก็มีรูปทรงของบั้นท้ายที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นเราจึงจำเป็นจะต้องมีวิธีการเลือกทรงกางเกงในให้เข้ากับบั้นท้าย และรูปร่างของสาวๆ ให้มากที่สุด ว่าแต่คุณจะมีบั้นท้ายในลักษณะไหนบ้างนั้น มาดูได้เลย   1.ก้นทรงสี่เหลี่ยม สำหรับสาวๆ ที่มีก้นทรงสี่เหลี่ยม คุณจะเหมาะกับกางเกงในขาสั้น ที่มีลักษณะกับกางเกงในของผู้ชาย หรือกางเกงในแบบบิกินี่ ซึ่งเวลาที่ใส่จะทำให้คุณรู้สึกสบายตัวมากขึ้นนั่นเอง   2.ก้นรูปตัววี (V-Shape) สังเกตดูสิว่าบั้นท้ายของคุณเป็นทรงวีเชพหรือไม่? ถ้าหากใช่ คุณควรจะเลือกใส่กางเกงในแบบเกาะขอบสะโพกเอวต่ำ หรือทรงบิกินี่ที่ไม่เว้าสูงมากเกินไป เพราะหากเอวสูงมากไปจะทำให้บั้นท้ายของสาวๆ ดูหย่อน และไม่กระชับ   3.ก้นรูปตัวเอ (A-Shape) สำหรับใครที่มีก้นเป็นรูปตัวเอ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าก้นทรงลูกแพรนั้น ควรเลือกทรงกางเกงในที่เว้าขาสูงอย่างทรงบิกินนีหรือตอง และกางเกงในที่มีขากางเกงค่อนข้างกว้าง เพราะเวลาใส่มันจะทำให้คุณรู้สึกสบายตัวขึ้น   4.ก้นทรงกลม สาวๆ บางคนที่มีก้นใหญ่ อย่าใส่กางเกงในทรงเอวต่ำโดยเด็ดขาด เพราะมันอาจจะทำให้คุณอึดอัด และไม่สบายตัว โดยทรงกางเกงในที่คุณควรเลือกใส่ก็คือ…

เชื่อว่า “ทุเรียน” ต้องเป็นผลไม้ของโปรดของใครหลายๆ คนอย่างแน่นอน แต่ปัญหาหนึ่งของคนรักทุเรียนคือ “การปอก” ด้วยเปลืองที่แข็งและมีหนามอยู่รอบๆ หากไม่ใช่ผู้ชำนาญแล้ว การปอกทุเรียน คงไม่ต่างจากการเอามือไปให้หนามแทงแน่ๆ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จึงนำ 7 ขั้นตอนปอกทุกเรียนแบบ ‘ง่ายมาก’ มือใหม่แค่ไหนก็ทำได้ของคุณ Meaw Meetangk จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย   โพสต์โดย Meaw Meetangk บน 17 พฤษภาคม 2016   เริ่มจากเตรียมอุปกรณ์กันก่อน จะขาดมีดไปไม่ได้   จากนั้นก็ปาดบริเวณขั้วให้เรียบเนียนแบบนี้ เห็นเส้นบางๆ มั้ยเอ่ย   จากนั้นก็ค่อยๆ ผ่าตามแนวเส้นจนออกมาเป็นสภาพนี้   ใช้มือเปล่าๆ นี่แหละ แหวกเปลือกทุเรียนออกจากกัน   ท๊าด๊าาาา เราก็จะได้ทุเรียนเรียงสวยงาม น่ารับประทานเป็นอย่างยิ่ง   ไม่ยากใช่มั้ยล่ะ   แค่นี้ก็ได้ทุเรียนแบบเนียนๆ มาทานกันแล้วจ้า   ใครที่ชื่นชอบทุเรียนก็ลองไปฝึกทำกันได้ รับรองว่าการปอกทุเรียนจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปอย่างแน่นอน ที่มา Meaw Meetangk

บางครั้งเรามักจะประสบปัญหาโรลออนหรือสเปรย์ดับกลิ่นหมดโดยไม่ทันตั้งตัว บางคนไม่รู้จะแก้ไขปัญหายังไงก็เลยออกไปเรียน/ทำงาน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทาอะไรลงไปบนรักแร้ ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้     แต่#เหมียวฟิ้นมีทางออกมาให้กับทุกๆ คนแล้ว เพราะเมื่อไม่นานมานี้ Farah Dhukai บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดังของต่างประเทศ ได้เผยเคล็ดลับในการนำมะนาวฝาน มาทาลงบนรักแร้ ช่วยทำให้ไม่มีกลิ่นเต่าออกมาอีกเลย!?     Farah ยืนยันว่ามันช่วยให้รักแร้แห้งสุดๆ แม้อากาศจะร้อนแค่ไหนก็ตาม “มันเป็นเรื่องยากมากที่จะหาโรลออนที่ทำให้รักแร้แห้งตลอดทั้งวัน โดยที่ไม่ต้องทาซ้ำ การดัดแปลงของฉันครั้งนี้ช่วยทำให้รักแร้ของฉันแห้งสบาย แม้สภาพอากาศแถวนี้จะร้อนและชื้นก็ตาม มันทำให้ฉันหอมไปทั้งวันเลย”     แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมีข้อแม้ว่ารักแร้ของคุณจะต้องไม่มีรอยแผลจากการโกนขนรักแร้ หรือออกกลางแดดเด็ดขาดนะ เพราะมันจะทำให้รู้สึกแสบสุดๆ ไปเลย     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย   อู้หูววว ง่ายแค่นี้เอง เดี๋ยวไปหามะนาวแป็บ ที่มา dailymail , NewsWetVideos

เครื่องบันทึกประวัติศาสตร์ที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งก็คือกล้องถ่ายรูปนั่นเอง ถึงแม้ว่ามันไม่ได้บอกเล่าเป็นตัวหนึ่งสือ แต่ภาพปก็สามารถตีความและศึกษาอะไรได้มากมายเช่นเดียวกัน ช่างภาพชาวรัสเซียคนหนึ่งชื่อว่า Sergey Chilikov เขาได้ทำการเก็บภาพสังคมในรัสเซียในช่วงที่ยังเป็นโซเวียดตอนปลาย ทั้งตอนปาร์ตี้ รูปตามถนนหนทางต่างๆ และรูปภาพเหล่านั้นก็ถูกจัดแสดงในงาน Photo London ในวันที่ 19-22 พฤษภาคมนี้ด้วย     เขาเกิดในปี 1953 และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มครีเอทีฟชื่อว่า Fact ในปี 1976 ช่วงชีวิตของเขาก็มีแต่กล้องถ่ายรูปไปจนถึงสหภาพโซเวียตไม่มีอีกแล้ว แต่สิ่งที่เขาถ่ายมานั้นก็สามารถถ่ายทอดเรื่องขาวของโซเวียตในมุมมองที่ใครหลายคนไม่เคยเห็นมาก่อนได้ เขาเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อไปศึกษาผู้คนและเมืองที่อยู่อาศัย และแอบถ่ายภาพมา ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกคนอยู่กัยแบบอิสระเป็นอย่างมาก อยากทำอะไรก็ได้ทำ เราไปชมภาพที่เขาถ่ายมากันเลย (บางรูปอาจติดเรทนิดนึงนะจ๊ะ)   . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .…

โลโก้แบรนด์ ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของบริษัทเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากชื่อที่ทำให้คนสามารถจำแบรนด์ได้แล้ว โลโก้ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนจดจำได้ด้วย การออกแบบโลโก้นั้นไม่ใช่ว่าวาดๆ ออกมาก็เสร็จแล้ว เพราะทุกขั้นตอนล้วนผ่านการคิดมาแล้วทั้งนั้น อีกทั้งยังสอดแทรกข้อความหรือความลับเล็กๆ น้อยๆ ไว้ข้างในโดยที่เราไม่ทันสังเกต วันนี้ #เหมียวสามสี ก็เลยจะพาทุกท่านมาไขความลับที่อยู่ในแบรนด์ดังเหล่านี้กันว่าจะเจออะไรกันบ้าง เราไปดูกันเลย   FedEx – โลโก้จะซ่อนลูกศรไว้ตรงระหว่างตัวอักษร E และ x เพื่อสื่อให้เห็นถึงการส่งต่อไปข้างหน้า   Gillette – ให้ดูดีๆ ที่ตัวอักษร G และ i ที่มีความรู้สึกเหมือนใบมีดโกนมันสามารถเฉือนได้คมมากๆ ซึ่งแสดงถึงสินค้าได้อย่างดี   NBC – เป็นช่องสถานีโทรทัศน์ เราจะเห็นช่องสีขาวตรงกลาง ที่กินพื้นที่เข้าไปในสีม่วงหน่อยๆ จริงๆ แล้วมันคือรูปนกยูงที่เป็นตัวแทนแห่งชื่อเสียงและความภาคภูมิใจ   Vaio – แบรนด์คอมพิวเตอร์ของโซนี่ที่ทำเพื่อสื่อถึงการผสมผสานของอนาล็อกและดิจิตอล โดยตัวอักษร VA นั้นทำให้ออกมาเหมือนคลื่นธรรมชาติ และ IO ก็คือไบนารี่โค้ดนั่นเอง   Tostitos – แบรนด์ขนมที่ทำออกมาให้ตัว T…

เชื่อว่าสาวๆ หลายคนคงเคยเปิดนิตยสารหรือเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อดูลักษณะร่างกายภายนอก ที่สามารถบอกนิสัยหรือตัวตนบางอย่างของเรา ซึ่งก็มีตั้งแต่ดูใบหน้าโดยรวม ดูคิ้ว ดูดวงตา แต่วันนี้#เหมียวฟิ้นจะพาไปดูลักษณะนิสัยผ่านริมฝีปากกัน   เพื่อนๆ เชื่อหรือไม่ว่าริมฝีปากของเรานั้นมันสามารถบอกอะไรเราได้ด้วยนะ เช่นริมฝีปากบางๆ ริมฝีปาก หน้า ริมฝีปากแบบการ์ตูน เราลองไปดูกันดีกว่าว่าริมฝีปากแบบไหนเป็นยังไงกันบ้าง?   1. ริมฝีปากแบบตุ๊กตา หญิงสาวที่มีริมฝีปากเล็กๆ แบบนี้ มักจะมีความขี้เล่น สนุกสนาน บางครั้งเลยเถิดไปถึงขั้นเจ้าชู้เล็กๆ (อาจจะเช็คเรทติ้ง) มีจิตวิญญาณและความตั้งใจในการทำสิ่งต่างๆ   2. ริมฝีปากแบบอวบอิ่ม มีความมั่นใจในตัวเองสูง ทำอะไรมักมีความแน่วแน่   3. ริมฝีปากกว้าง ผู้หญิงที่มีริมฝีปากแบบนี้จะมีความสมดุลที่สุด มักประสบความสำเร็จและชื่นชอบความสมบูรณ์แบบ หากมีคนแบบนี้เป็นเพื่อนล่ะก็รับรองว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีแน่นอน   4. ริมฝีปากแบบกามเทพ ผู้ที่เป็นเจ้าของริมฝีปากแบบนี้มักจะเป็นคนโรแมนติก มีเสน่ห์ และมีความคิดสร้างสรรค์   5. ริมฝีปากบาง ผู้หญิงที่มีริมฝีปากแบบนี้มักจะลงมือทำมากกว่าพูด ห่วงใยคนรอบข้าง แถมยังมีแนวโน้มที่จะเป็นคนขี้อายด้วย   6. ริมฝีปากเอียงลง หญิงสาวเหล่านั้นจะมีความรอบคอบ ไตร่ตรองทุกอย่างให้ถี่ถ้วน ถ่อมตัวหน่อยๆ   7. ริมฝีปากเล็ก…

“กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ ฮาไฮ๊ ฮาไฮ๊” เชื่อว่าเพลงนี้เพื่อนๆ แทบทุกคนต้องเคยฟังเคยร้องมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งหากพูดถึงกีฬาแล้ว เราคงนึกถึงภาพการต่อสู้ของเหล่านักกีฬาเพื่อให้ได้ซึ่งชัยชนะ แต่อย่างนั้นก็ต้องไม่ลืมสปิริต และการรู้แพ้รู้ชนะรู้ให้อภัย แต่ในความเป็นจริงแล้ว บางครั้งการแข่งกีฬาก็เป็นเหมือนสงครามที่ต่างฝ่ายต่างทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ชัยชนะมา แม้จะต้องใช้กลวิธีในการโกงก็ตาม ซึ่งในการแข่งขันระดับนานาชาติ บางครั้งก็มีเหตุการณ์เช่นนี้เช่นกัน วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 7 มหโกงกีฬาระดับโลกสุดอื้อฉาว ที่ทำให้ “กีฬา” ไม่ใช่ “ยาวิเศษ” อีกต่อไป     7. บอสตันมาราธอน 1980   เริ่มจากการโกงในมหกรรมวิ่งมาราธอนระดับโลก Boston Marathon เมื่อ Rosie Ruiz นักวิ่งโนเนมจากที่ไหนไม่รู้ สามารถวิ่งทำลายสถิติการแข่งขันได้อย่างราบคาบ จนมีการมอบเหรียญรางวัลเป็นที่เรียบร้อย แต่ปรากฎว่าหลังจากนั้นมีการจับได้ว่า Rosie Ruiz ขึ้นรถไฟใต้ดินแล้วแอบเข้าเส้นทางแข่งขันก่อนถึงเส้นชัย จนเธอสามารถทำลายสถิติในที่สุด   6. ซู ชิ หมิง กับ แก้ว พงษ์ประยูร   เชื่อว่าหลายคนคงจะจดจำชื่อของซุปเปอร์สตาร์ชาวจีนคนนี้ได้อย่างขึ้นใจ หลังจากที่โอลิมปิกเกมส์ที่ลอนดอน “ซู…

การวัดค่าความสุขให้ออกมาเป็นรูปธรรมถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะหลายครั้งมีเรื่องที่เราไม่คาดฝันเกิดขึ้น ทำให้ความสุขของเราลดน้อยลงไป แต่ทางสหประชาชาติก็พยายามใช้วิธีการทางจิตวิทยาและสังคมศาสตร์ในการวัดค่าความสุขของผู้คนในแต่ละเมืองออกมา และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 10 ประเทศที่ดัชนีความสุขมากที่สุดในโลก บ้านเมืองของเขาจะน่าอยู่ขนาดไหน ไปชมกันเลย   อันดับ 10 สวีเดน ดินแดนแห่งป่าหิมะ แสงเหนือ และปราสาทแสนงดงาม .   อันดับ 9 ออสเตรเลีย หนึ่งในดินแดนที่มีชายฝั่งและหาดที่สวยงามที่สุดในโลก .   อันดับ 8 นิวซีแลนด์ ดินแดนแห่งมัชฌิมโลกอันงดงามที่ครองใจใครหลายๆ คนมาอย่างยาวนาน .   อันดับ 7 เนเธอร์แลนด์ ประเทศแห่งกังหันลม คลอง จักรยาน และแกะน้อยแสนน่ารัก .   อันดับ 6 แคนาดา ดินแดนแห่งสะพานแขวน สิ่งปลูกสร้างอันเป็นเอกลักษณ์ และน้ำตกไนแองการ่า .   อันดับ 5 ฟินแลนด์ บ้านเกิดของซานตาคลอส…

เพื่อนๆ หลายคนคงเคยประสบกับปัญหาที่ว่าทำไมยุงถึงกัดเรา แต่ทำไม๊ไม่ไปกัดเพื่อนของเราบ้าง วันนี้ #เหมียวหง่าว จะมาเฉลยให้ฟังกันว่าเหตุใดยุงจึง ‘เลือก’ ที่จะกัดเฉพาะบางคน เอาล่ะถ้าพร้อมแล้วก็ไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าเป็นเพราะรสชาติของเลือดแต่ละคนไม่เหมือนกันนะ แต่เอาจริงๆ แล้วมันเป็นเพราะสารเคมีที่เกิดจากแบคทีเรียของผิวหนังเราต่างหากล่ะ   ซึ่งมันจะส่งกลิ่นไปยั่วยวนเหล่ายุงทั้งหลายให้มาเกาะและดูดเลือดไปโดยปริยาย ซึ่งบนผิวหนังของแต่ละคนนั้นจะมีเชื้อแบคทีเรียที่ไม่เหมือนกัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบางคนถึงโดนกัด แต่อีกคนกลับไม่โดน เพราะกลิ่นของผิวหนังไม่ไปเตะจมูกของมันก็เท่านั้นเอง   นอกจากนี้คนที่ออกกำลังกายก็จะถูกยุงกัดมากกว่าปกติอีกด้วย เพราะการที่เลือดถูกสูบฉีดคล้ายกับว่าเป็นเสียงกระดิ่งเรียกให้พวกมันมาทานอาหาร แล้วพวกยุงทั้งหลายรู้ได้ไงน่ะเหรอ? ก็เพราะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกขับออกมามากกว่าปกติทางจมูกยังไงล่ะ นอกจากนี้ก็ยังเป็นเพราะกลิ่นของกรดแลคติคที่ปนมากับเหงื่ออีกด้วย   ยังไม่พอพวกยุงทั้งหลายก็ชื่นชอบเลือดของเหล่านักดื่มเบียร์ทั้งหลายด้วย เพราะการดื่มเบียร์ทำให้เลือดสูบฉีดและทำให้เราหายใจแรงกว่าปกติจนทำให้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาดึงดูดเหล่ายุงทั้งหลาย และวิธีการที่จะป้องกันการถูกยุงกัดนั้นก็ง่ายๆ เลย ให้ทาผลิตภัณฑ์ป้องกันยุงไว้ตามบริเวณผิว หรือไม่ก็ฉีดสเปรย์ไล่ยุงในบริเวณนั้นเพื่อใช้กลิ่นไล่พวกมันออกไปไกลๆ เท่านั้นเอง   ลองไปชมคลิปเพิ่มเติมที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… แหม่ ถึงบางอ้อเลยทีเดียว ไอ้เราก็นึกว่าเลือดของเราอร่อย ที่แท้อยู่ที่กลิ่นตัวกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นี่เอง ที่มา : lifebuzz

ประวัติศาสตร์ของมนุษย์เริ่มต้นเมื่อหลายหมื่นปีก่อน นับตั้งแต่ตอนนั้น มนุษย์ได้สร้างประดิษฐ์สิ่งของสถานที่สำคัญๆ ขึ้นมามากมาย บางแห่งนั้นเมื่อพิจารณาถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์แล้ว แทบจะไม่สามารถประเมิณได้เลยทีเดียว แต่โชคร้าย ตลอดช่วงเวลาประวัติศาสตร์นั้นเอง ก็มีเหตุการณ์มากมายที่ทำให้โบราณสถานและโบราณวัตถุเหล่านั้นเสียหายไป บ้างก็เป็นเพราะภัยธรรมชาติ บ้างก็เป็นเพราะภัยสงครามซึ่งเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง และวันนี้เอง #เหมียวอ๊อดโด้ จะมาพาเพื่อนๆ ไปชม 20 สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่เสียหายและโดนทำลายไปเนื่องจากความขัดแย้งและภัยสงคราม จะมีที่ไหนบ้าง ไปชมกันเลย   Palmyra, Syria   เมืองโบราณที่มีโอเอซิสแห่งนี้มีอายุกว่า 4 พันปีแล้ว จนองค์กร UNESCO ได้ประกาศให้เป็นมรดกโลก โชคร้ายตอนนี้มันอยู่ในการครอบครองของกลุ่ม ISIS และพวกเขาได้ทำลายรูปปั้น และสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาบางส่วนไปแล้ว   2. Great Mosque of Samarra   สถานที่แห่งนี้เคยเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถูกสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงแบกแดด แต่ช่วงปี 2005 บางส่วนของมัสยิดนี้ถูกทำลายด้วยการทิ้งระเบิด ของเหล่าผู้ที่ต้องการทำลายฐานทัพ NATO   3. The Buddhas of…

วันนี้เราก็มีเรื่องราวของมิตรภาพอันสุดประทับใจของเจ้าหนูน้อยออทิสติกคนหนึ่ง ที่ถึงเขาจะมีความผิดปกติทางสมอง แต่จิตใจของเขานั้นเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบจนคนปกติหลายๆ คนต้องอายและตั้งคำถามกับตัวเองกันเลยทีเดียว… ทุกๆ ปีมีจำนวนสุนัขจรจัดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งบางตัวก็ไม่ได้เป็นสุนัขจรจัดมาตั้งแต่กำเนิด มันเคยมีบ้าน มีครอบครัวที่อบอุ่น และเจ้าของที่มันรักและซื้อสัตย์มาก่อน แต่กระนั้น หลายๆ ตัวก็ดันมาถูกเจ้านายที่มันเคารพรักที่สุด ทิ้งแบบไร้เยื่อใย แน่นอนว่าไม่มีใครหรอกที่อยากจะอยู่คนเดียว ยิ่งคนที่ไม่เคยอยู่คนเดียวมาก่อนแล้วล่ะก็ จะเข้าใจดีเลยล่ะ ก็เหมือนเจ้าหมาตัวนี้ เจ้า Pirate ที่ถูกเจ้านายของมันทิ้งให้ไปอยู่ที่  Carson Animal Shelter ในลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา   และนี่คือเจ้าหนู Jacob เด็กชายวัย 6 ขวบในละแวก ที่ไปอ่านหนังสือให้มันฟังทุกๆ สัปดาห์เพื่อให้มันคลายเหงาและเศร้า   ทุกๆ 1 วันในสัปดาห์ Jacob จะถือหนังสือที่เขาชอบ มานั่งหน้ากรงของเจ้า Pirate และจะเริ่มอ่านหนังสือเรื่องนั้นๆ ให้เจ้าตูบฟัง และไม่ได้มีเฉพาะเจ้า Pirate หรอกนะ เจ้าตูบกรงข้างๆ ก็เหมือนมีอาการสนสนใจเจ้าหนูน้อยอีกด้วย และที่สำคัญจากอาการเศร้าซึมที่มันถูกทิ้งก่อนหน้านี้ กลับกลายเป็นว่ามันดูกระปรี้กระเปร่า ตั้งอกตั้งใจฟังและสะบัดหางไปมาอย่างมีความสุข ราวกับว่าชั่วขณะนั้นมันได้ลืมความเหงาหงอยที่กัดกินจิตใจของมันมาทั้งสัปดาห์   โดยเฉพาะเจ้าตูบ…

TripAdvisor คือเว็บไซต์ท่องเที่ยวที่โด่งดังเป็นอย่างมาก และรู้จักกันไปทั่วโลก ซึ่งล่าสุดได้มีการประกาศผู้ชนะของ Travelers’ Choice Awards ในหมวดหมู่ของแลนด์มาร์ก ซึ่งแต่ละที่นั้นล้วนแต่เป็นจุดสนใจ สถานที่ที่ชนะนั้นอ้างอิงมาจากปริมาณและคุณภาพของคนที่มารีวิวและให้เรตติ้งในช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมาในเว็บไซต์ ซึ่งแน่นอนว่าน่าเชื่อถือเป็นอย่างมากนอกจากนี้ยังดูค่าเฉลี่ยของการเข้าถึงสถานที่นั้นๆ จากการจองโรงแรมอีกด้วย และแล้วก็ถึงเวลาที่จะไปดูว่าแต่ละสถานที่นั้นมีอะไรบ้าง สำหรับใครที่ชอบเที่ยวก็อย่าลืมจดไว้ด้วยล่ะ จะได้ไม่พลาด   10. Duomo di Milano คือโบสถ์สไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอิตาลี สร้างมานานแล้วกว่า 6 ศตวรรษ และยังเป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย มียอดหินอ่อนกว่า 135 จุด แล้วรูปปั้นอีกนับพัน นักท่องเที่ยวจึงจะได้รับความประทับใจเมื่อมาเยือนที่แห่งนี้   9. อนุสรณ์สถานลินคอล์นอันงดงามที่สะท้อนลงบนผืนน้ำในกรุงวอร์ชิงตัน ดีซี ออกแบบโดย Henry Bacon โดยที่สร้างน้ำนั้นได้ทำการออกแบบใหม่ในปี 2012 เพื่อดึงน้ำจากแม่น้ำ Tidal Basin มาสู่สระแห่งนี้   8. Alhambra ในเมือง Granada ประเทศสเปน ก็เป็นอีกที่หนึ่งที่คนนิยมไป เพราะเป็นป้อมปราการและพระราชวังที่งดงาม ดูภายนอกแล้วเป็นสิ่งก่อสร้างที่สลับซับซ้อน แต่เต็มไปด้วยต้นไม้ตามทางเดิน ภายในมีการออกแบบที่ปราณีต และถ้ามองจากปราสาทนี้ คุณจะได้เห็นวิวของทั้งเมือง   7.…

เป็นเวลากว่าเกือบ 80 ปีแล้วที่โลกไม่ได้พบกับสงครามขนาดใหญ่นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงไปเมื่อปี 1945 แต่รู้หรือไม่ โลกเราเคยตกอยู่ในสภาวะสุ่มเสี่ยงที่จะมีสงครามโลกครั้งที่ 3 มาหลายต่อหลายครั้ง แต่โชคดีที่มี “ฮีโร่” มาช่วยเอาไว้ อย่างเช่นเรื่องราวของนายทหารหนุ่มชาวรัสเซีย Vasili Alexandrovich Arkhipov คนนี้ ที่โลกต้องขอบคุณเขาจริงๆ ไม่อย่างนั้น เราอาจต้องผจญกับสงครามโลกอีกครั้งแล้วก็เป็นได้     เรื่องราวเกิดเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ปี 1962 ในตอนนั้นถือว่าเป็นช่วงที่วิกฤติและล่อแหลมที่สุดของสงครามเย็นระหว่างสหรัฐอเมริกาและโซเวียต เมื่อเครื่องบินสอดแนมของสหรัฐลำนึงถูกยิงตกในประเทศคิวบา และอีกเครื่องสูญหายไปในน่านฟ้าโซเวียต ทั้งสองประเทศใกล้จะเปิดสงครามกันเต็มที (เครื่องบินสอดแนม U2 ที่หายไปในน่านฟ้าโซเวียต)   ในวันนั้นเอง เรือดำน้ำ B-59 ที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ของฝ่ายโซเวียตที่มีกัปตัน Valentin Savitsky เป็นผู้บัญชาการถูกเรือพิฆาตของสหรัฐ USS Beale เข้าโจมตี เป้าหมายการโจมตีนั้นไม่ได้ต้องการทำลายล้างให้สิ้นซาก แต่เพียงต้องการให้เรือดำน้ำดังกล่าวโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำเท่านั้น (เรือดำน้ำ B-59 ของโซเวียต)   ฝ่าย B-59 ไม่ได้ทราบเรื่องดังกล่าวแม้แต่น้อย พวกเขาอยู่ในสภาวะตึงเครียดไม่รู้จะทำอย่างไรดี หากพวกเขายิงหัวรบตอบโต้กลับไป สงครามโลกครั้งที่ 3 จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และโลกก็จะตกอยู่ในความวุ่นวายอีกครั้ง ในขณะที่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะทำอย่างไร…

ในยุคที่กล้องดีๆ มีราคาถูกลงมาก ทำให้ใครๆ ก็สามารถ “ดูเหมือน” ตากล้อง เพียงแค่สะพายกล้องตัวโตๆ บนบ่า แต่ต่อให้ “ท่าทาง” เหมือนขนาดไหน หากให้ลองถ่ายภาพจริงๆ แล้ว คงไม่มีทางสวยงามเท่า ตากล้องตัวจริงอย่างแน่นอน แต่ถ้ามีการจัดองค์ประกอบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแสง กล้อง ตัวนายแบบนางแบบให้เหมือนกัน เพื่อนๆ คิดว่าเราจะแยกออกหรือไม่ ว่าภาพไหนมาจากตากล้องตัวจริง ภาพไหนมาจากคนที่ไม่ใช่ตากล้อง?   ตากล้องชาวสหรัฐอเมริกา Ben Lucas คนนี้จึงมาทำการทดลองให้เราดู เขาได้จ้างนักแสดงอาชีพชื่อว่า Mary ผู้ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์ในการถ่ายรูปอาชีพมาก่อนเลย มาถ่ายภาพในสตูดิโอที่เขาจัดแสงและองค์ประกอบทุกอย่างไว้แล้ว (ซ้าย Mary, ขวา Lucas)   จากนั้นเขาก็จะถ่ายรูปด้วยตัวเองอีกชุดหนึ่งด้วยองค์ประกอบเดียวกัน ภาพที่ออกมาจะเป็นอย่างไร? ไปชมกันเลย! . . . . . .   ลองไปชมคลิปการทดลองกันเลย   เฉลยคือ ภาพทางซ้ายถ่ายโดยคนที่ไม่ใช่ตากล้อง ส่วนภาพทางขวามาจากตากล้องมืออาชีพ เห็นได้ชัดเลยว่าต่างกันเรื่องการจัดองค์ประกอบของภาพ ยิ่งไปกว่านั้น เหล่านายแบบนางแบบยังบอกอีกว่า ตากล้องอาชีพจะทำให้ผู้ถูกถ่ายผ่อนคลายกว่าคนที่ไม่ใช่ตากล้อง…. เห็นแบบนี้แล้วใครต้องการภาพถ่ายดีๆ ก็อย่าลืมจ้างตากล้องมาถ่ายนะฮะ…

อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่อยากให้มีใครเกิดขึ้นทั้งนั้น แต่บางทีมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ความประมาทของตัวเองก็อาจจะเป็นลูกหลงจากคนอื่นที่มาโดนใส่เรา ทางที่ดีที่สุดคือเราต้องรู้จักการเตรียมตัวเผื่อว่าจะได้รับมือกับสถานการณ์ต่างๆได้ ซึ่งวันนี้ #เหมียวสามสี มีวิธีการเอาตัวรอดจากอุบัติเหตุรถตกน้ำมาให้ทุกท่านได้ชมกัน   เคยสงสัยไหมว่าเวลารถของเราจมน้ำ ต้องทำอะไรเป็นอันดับแรก มันอาจจะดูน่ากลัว แต่จริงๆ แล้วมีทางออกอยู่   หลายคนไม่รู้วิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ และอาจทำให้เสียชีวิตได้   ถ้าคุณเกิดตกลงไปในน้ำและจมลงไปแล้ว ในทุกๆ 1 ฟุต ที่จมลงไป จะมีแรงดันกดทับกว่า 385 กิโลกรัม ที่ดันประตูรถไว้อยู่ ซึ่งหมายความว่าคุณจะเปิดประตูออกไม่ได้   แต่ยังมีทางรอด ซึ่งทั้งหมดนี้คุณต้องอดทนและมีสติ   ถ้าต้องการจะเปิดประตู คุณต้องรอให้น้ำอยู่ในรถจนเต็มเสียก่อน เพราะว่าถึงตอนนั้นแรงดันมันจะเท่ากัน   แต่ก่อนที่จะทำแบบนั้นได้ คุณก็ต้องเก็บลมหายใจไว้ให้มากที่สุด และพยายามอย่าตื่นตระหนก ถ้าออกมาแล้วเห็นอะไรไม่ชัดดูฟองอากาศว่าลอยขึ้นไปทางทิศไหน และว่ายกลับขึ้นไปทางทิศนั้น   หรือ….. อีกทางเลือกหนึ่งในการหนีออกมาก็คือเมื่อรถตกน้ำ ให้คุณรีบเปิดประตูทันทีเลย เพราะตอนนั้นแรงดันยังไม่มาก แต่วิธีนี้จะเสี่ยงกว่า เพราะทุกอย่างมันรวดเร็วมาก จนบางทีเราก็ไม่ทันได้สติ   แต่ถ้าหมดหนทางแล้วจริงๆ การหนีออกมาทางหน้าต่างก็เป็นอีกทางเลือก แต่จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีคนช่วยหรือเรามีอุปกรณ์ทุบกระจกได้เท่านั้น และรถยังไม่จมลงมาก   ลองไปดูแบบคลิปวิดีโอที่ทาง ABC…

ค้าว่ากันว่ากินอะไร เราก็จะเป็นอย่างนั้น (You are what you eat) ฉะนั่นการเลือกอาหารที่จะรับประทานในแต่ละช่วงวัน จึงเป็นเรื่องสำคัญ บางอย่างเราคิดว่าไม่เป็นไร แต่หากกินผิดเวลา ก็อาจเกิดโทษแก่ร่างกายได้ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมบทความดีๆ จากเว็บไซต์ Brightside ที่จะมาให้ความรู้ว่า อาหารชนิดใด ควรกินเวลาไหน ถึงจะได้ประโยชน์สูงสุด จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย!!   ดาร์คช็อกโกแลตควรกินตอนเช้าเพื่อเพิ่มสารแอนตี้อ็อกซิแดนซ์ มีผลดีต่อหัวใจด้วย แต่ไม่ควรกินเป็นของว่าง โดยเฉพาะเกินวันละ 25 กรัม เพราะ….อ้วน คำเดียวเลยจ้าาา   เนื้อควรกินช่วงกลางวันเพราะมีธาตเหล็กสูง แถมช่วยลดอาการอ่อนล้า แต่อย่ากินตอนเย็นหรือดึกนะ เพราะเนื้ออาจจะใช้เวลาย่อยได้ถึง 5 ชั่วโมง   ถั่วควรกินช่วงกลางวันเพราะมีพลังสูงแถมดีต่อระบบเลือด แต่ควรงดช่วงเย็น เพราะไขมันและพลังงานสูง   ไม่ควรกินส้มช่วงท้องว่างเพราะอาจท้องเสียได้ แต่ควรกินระหว่างมื้อเพราะมีส่วนช่วยต่อระบบขับถ่าย     มะเขือเทศควรกินตอนเช้าเพื่อบำรุงระบบการย่อยและการขับถ่าย แต่ไม่ควรทานตอนเย็นเพราะอาจทำให้ท้องอืดได้   มันฝรั่งเหมาะแก่การรับประทานตอนเช้าเพราะช่วยลดคอเรสเตอรอลในเลือด แต่ถ้ากินช่วงอื่นอาจอ้วนได้ เพราะพลังงานมันสูงมากจริงๆ   กินกล้วยช่วงเที่ยงจะช่วยให้ระบบเผาผลาญและขับถ่ายดีขึ้น…

ถึงแม้ว่าเวลาจะเปลี่ยน และไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถบันทึกเรื่องราวต่างๆไว้ได้ นั่นก็คือ รูปถ่าย  ซึ่งวันนี้ #เหมียวสามสี มีภาพที่สุดแสนประทับใจในอดีตที่แสดงถึงความรัก ที่ต้องพลัดพรากจากกันเนื่องจากสิ่งที่เรียกว่า สงคราม โดยปกติแล้ว  การบอกลานั้นเป็นเครื่องหมายอย่างดีว่าซักวันหนึ่งเราต้องกลับมาพบกันอีก แต่สำหรับหลายๆคน ในภาพที่เหมียวนำมาให้ดูในวันนี้ ไม่อาจรู้ได้เลยว่า พวกเขาจะได้เจอคนรักอีกครั้งหรือไม่  เนื่องจากสงครามอาจจะพรากชีวิตของพวกเขาไปได้ รูปภาพเหล่านี้เป็นเหมือนเครื่องบันทึกความทรงจำของชีวิต ที่เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า อนาคตจะเป็นอย่างไร  ดังนั้นไม่ต้องรอให้ถึงวันแห่งความรัก จงรีบไปบอกรักคนรักซะ   จูบลาสามีที่จะไปรบที่สงครามเกาหลีที่ลอสแองเจิลลีส (6 กันยายน 1950)   ทหารอเมริกันจูบลาครั้งสุดท้ายก่อนออกเรือไปรบที่อียิปต์ ปี 1963   ภาพอันโด่งดังเมื่อกะลาสีเรือเจ้าจูบพยาบาลสาว ซึ่งเป็นการฉลองเนื่องจากว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงแล้ว ปี 1945   หญิงสาวเขย่งจูบคนรักในชุดยูนิฟอร์มและกอดแน่หน้าสถานีรถไฟที่ Connecticut  ปี 1945   กอดลาที่นิวยอร์ค เดือนเมษายนปี 1943   หญิงสาวโน้มตัวไปจูบที่รั้วกั้นรางรถไฟ กับสามีทหารอังกฤษที่เพิ่งกลับมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในลอนดอน ปี 1940   Jean…

ในปัจจุบันมีงานวิจัยและการศึกษามากมายที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมขิงมนุษย์ โดยใช้วิธีการศึกษาด้วยการเก็บสถิติและสังเกตุการณ์ การศึกษานั้นครอบคลุมไปทั้งเรื่องของความรัก การใช้เงิน หรือแม้แต่การนอกใจ วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปดูผลการศึกษาเกี่ยวกับคนที่มีแนวโน้มที่จะนอกใจมากที่สุด จะมีอะไรบ้างนั้นลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้าา…   1. คนที่เคยนอกใจมาก่อน (อ่ะแหนะ) จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัย University of Alabama ในประเทศอังกฤษได้ผลลัพธ์ว่าคนที่เคยมีประวัติการนอกใจมาก่อนมักจะทำซ้ำอีกเป็นครั้งที่สองหรือสามสี่ หรือทำไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นรู้สินะว่าถ้าจับได้ครั้งแรกควรทำยังไง!??   2. แฟนเพลง Rock-N-Roll เว็บไซต์อื่นๆ มากมายได้สรุปผลการศึกษาอย่างไม่เป็นทางการออกมาว่า 41% ของคนที่นอกใจมักจะเป็นแฟนเพลง Rock-N-Roll ส่วนแฟนเพลง Rap เป็นกลุ่มคนที่ซื่อสัตย์ที่สุด   3. คนที่มีอาชีพครู-ติวเตอร์ ถึงจะฟังดูแปลก แต่ก็มีการศึกษาออกมาจริงจากเว็บไซต์หาคู่ชื่อดังอย่าง Ashley Madison ได้ผลการศึกษาออกมาว่าคุณครู (โดยเฉพาะครูผู้หญิง) มีโอกาสที่จะนอกใจคู่รักมากกว่า   4. มีเงินเยอะ ชายที่ร่ำรวยมักจะมีแนวโน้มที่จะนอกใจมากกว่าปกติ   5. ผู้หญิงยากจน ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าผู้หญิงยากจนมีโอกาสที่จะนอกใจคู่รักของตัวเอง นักชีววิทยาวิวัฒนาการชี้ว่ามันเกี่ยวข้องกับระบบพันธุกรรม และโอกาสในการก้าวหน้าทางสถานะทางการเงิน   6. ชาวฝรั่งเศส แบรนด์ของเล่นเซ็กส์ทอยชื่อดังอย่าง LELO ชี้ให้เห็นถึงผลการศึกษาว่า 75% ของชาวฝรั่งเศสยอมรับว่านอกใจคู่รักของตนเอง  …

สำหรับการล้างหน้า แน่นอนว่าเป็นกิจกรรมที่เราทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว ยิ่งอากาศร้อนๆ แบบนี้ด้วยแล้วล่ะก็ ล้างบ่อยๆ สดชื่นไม่พอยังเป็นการล้างเหงื่อไคล และฝุ่นที่เราเจอมาในอากาศเวลาเราไปไหนมาไหน แต่เพื่อนๆ เคยรู้กันมั้ยล่ะว่า การล้างหน้าบ่อยๆ นั้นไม่ได้ส่งผลดีต่อเราเสมอไป เพราะล่าสุด Dr. Terrence Keaney ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังของผู้ชายที่ขณะนี้กำลังทำงานอยู่กับบริษัท Dove ได้แนะนำว่า คนเราควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง และเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น!!!   ล้างหนึ่งครั้งในตอนเช้า และอีกครั้งตอนก่อนเข้านอน   การออกมาแนะนำขนาดนี้ผู้เชี่ยวชาญของเราก็ต้องมีคำอธิบายประกอบกันอยู่แล้ว หลักๆ แล้วก็เพราะว่า ‘เวลาที่คุณล้างหน้าด้วยสบู่หรือโฟมล้างหน้านั้น คุณไม่ได้เพียงชะล้างความมันและคราบเหงื่อไคลออก แต่จะชะล้างไขมันชนิดดีที่ผิวหน้าสร้างขึ้นไปด้วย ทำให้เกิดการระคายเคืองและสำหรับบางคนอาการจะรุนแรงกว่าคนอื่นๆ ‘ Dr. Terrence Keaney กล่าว     และ ดร. ของเราก็ยังฝากคำเตือนไปเหล่าท่านชายอีกด้วย ไม่ใช่เฉพาะผิวหน้าเท่านั้น การอาบน้ำก็เช่นกัน โดยการถูตัวหรืออาบน้ำแรงๆ เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้ผิวหนังเกิดอาการระคายเคืองขึ้นได้ และสุดท้ายเขาก็ยังได้แนะเพิ่มว่า ตารางที่ดีที่สุดในการล้างหน้าและอาบน้ำก็คือ 1 ครั้งตอนตื่น และอีก 1 ครั้งก่อนเข้านอน ไม่รุนแรงเกินไป และถ้าจะให้ดีหลังจากการอาบน้ำก็ทาครีมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลดการระคายเคืองกันหน่อยนะจ๊ะ…

กลายเป็นว่าไม่ใช่เฉพาะคุณแม่ซะแล้ว เหล่าว่าที่คุณพ่อก็ต้องระวังเรื่องลูกในครรภ์กันด้วยนะเนี่ย โดยเฉพาะเรื่องการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ระหว่างที่คุณแม่ตั้งครรภ์ จากผลงานวิจัยล่าสุดของทาง  Georgetown University จากงานวิจัยใหม่นี้ชี้ให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องกันของอสุจิจากฝ่ายชายกับอาการ ‘Foetal alcohol spectrum disorder’ (FASD) หรืออาการที่เหล่าทารกได้รับความผิดปกติจากการได้รับแอลกอฮอล์ตอนอยู่ในครรภ์ ที่เรียกได้ว่ามีอัตราการเกิดที่ค่อนข้างสูง 1 : 100 เลยทีเดียว   ไลฟ์สไตล์ของคุณพ่อก็มีผลเช่นกัน!?   และอาการที่เด่นชัดของ FASD คืออะไรน่ะเหรอ!? ก็มีทั้งอาการความผิดปกติทางสมอง การเกิดมาแล้วปัญญาอ่อน รวมถึงพัฒนาการที่ช้าและรูปร่างที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นที่รู้กันในวงการแพทย์ว่าเด็กๆ จะมีโอกาสเกิดภาวะนี้ถ้าคุณแม่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่ตอนนี้คุณพ่อก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยด้วยล่ะ!!!   สำหรับงานวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ไว้ในวารสาร American Journal of Stem Cells และระบุไว้ชัดเจนว่าทั้งพ่อและแม่มีส่วนทำให้เกิดอาการนี้ในเด็กทารก นักชีววิทยาผู้ศึกษาเรื่องนี้ ศาสตราจารย์ Joanna Kitlinska ก็ได้กล่าวว่า ‘เรารู้มาก่อนหน้านี้กันแล้วว่าแม่เป็นปัจจัยหลักในการกำหนดความสมบูรณ์ของเด็กๆ แต่ตอนนี้เราค้นพบว่าไลฟ์สไตล์ของคุณพ่อก็ส่งผลเช่นกันในระดับยีนส์ ไม่เพียงแค่รุ่นลูกเท่านั้น อาจลามไปถึงรุ่นหลานเลยทีเดียว’   เพราะฉะนั้นแม้คุณแม่จะไม่ดื่มเหล้า เด็กๆ ก็ยังมีโอกาสเป็นได้นะจ๊ะ ถ้าคุณพ่อดื่ม!!!   แถมจากการสำรวจและเก็บข้อมูลก็พบว่าร้อยละ 75 ของเด็กๆ ที่มีอาการ FASD ล้วนแต่มีคุณพ่อที่ติดสุรา…

มนุษย์กับสงครามถือว่าเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมานานหลายพันปี แม้เราจะได้รับบทเรียนมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ดูเหมือนมนุษย์จะไม่เคยเรียนรู้เลยว่า ทุกครั้งที่มีสงคราม แม้จะได้รับบางอย่างกลับมา แต่สิ่งที่สูญเสียไปก็ใหญ่หลวงไม่แพ้กัน และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ชม ภาพถ่ายจาก “สงคราม” จริงๆ ที่แสดงให้เห็นว่า เรื่องสงครามสนุกๆ คงมีแต่ในหนังเท่านั้น จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย   *คำเตือน ภาพค่อนข้างรุนแรง ถ้าใครใจไม่แข็ง ขอให้ปิดตั้งแต่ตรงนี้นะฮะ       ภาพทั้งหมดนี้มาจากสงครามเวียดนามในช่วงปี 1965   ในสงครามแต่ละครั้ง ก็อาจมีเหตุผลแตกต่างกันออกไป   แต่สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับสงครามก็คือความสูญเสีย   ไม่ว่าจะเป็นเด็ก   ผู้หญิง   หรือผู้ชาย   ก็ต่างได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน   สงครามทำให้เรามองอีกฝ่ายเป็นศัตรู จนบางครั้งแทบไม่นับว่าเป็นคนด้วยซ้ำไป   หากไม่ฆ่า ก็อาจถูกอีกฝ่ายฆ่าได้   แม้สุดท้ายเราอาจได้อะไรกลับมา   แต่สิ่งที่สูญเสียไปก็มากมายเช่นกัน . . . .…

เจ้าหมา เป็นสัตว์เลี้ยงที่ใครหลายคนต่างก็ชื่นชอบ เพราะพวกมันมีความน่ารักเป็นอย่างมาก และมีความจงรักภักดี คอยเชื่อฟังและช่วยเหลือมนุษย์มาอย่างช้านาน และวันนี้ #เหมียวหง่าว จะพาเพื่อนๆ ไปชมสาระน่ารู้เกี่ยวกับเจ้าหมา ที่เพื่อนๆ อาจไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็ได้ มาเล่าให้ฟังกัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   1. ความไว้ใจ มนุษย์และเจ้าหมาเป็นเพียงสองสปีชีส์ที่สามารถสื่อใจถึงกันได้   2. เซ้นส์การดมกลิ่น สุนัขสามารถจำแนกกลิ่นได้มากกว่ามนุษย์ถึง 10,000 เท่าเลยทีเดียว   3. เหงื่อ เหงื่อของเจ้าหมานั้นจะมีอยู่แค่บริเวณจมูก และอุ้งเท้าเท่านั้น   4. ติดคุก ในรัฐ South Carolina การทำร้ายร่างกายเจ้าหมานั้นจะทำให้คุณติดคุกนานกว่าการทำร้ายคู่สมรสของคุณเสียอีก   5. Nazi Nazi เคยพยายามที่จะฝึกให้เจ้าหมาอ่านหนังสือและพูดเป็น   6. เจ้า Fido เจ้า Fido สุนัขของประธานาธิบดี Abraham Lincoln ก็ถูกลอบสังหารด้วย   7. สวนสัตว์ ในช่วงศตวรรษที่ 18 ผู้คนสามารถจ่ายค่าผ่านทางด้วย หมา…

หลายๆ คนอาจจะคิดว่าเรื่องโชคลางนั้นเป็นเรื่องที่มีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น#เหมียวฟิ้นอยากจะบอกคุณว่าคุณคิดผิดแล้วล่ะ เพราะทั่วโลกเขามีความเชื่อหลายๆ แบบ ที่พอทำแล้ว อาจจะทำให้คุณโชคดีไปตลอดทั้งวัน ทั้งเดือน หรือทั้งปีเลยก็ได้นะ   วันนี้เราจะพาไปดู 13 ความเชื่อเกี่ยวกับ “โชคดี” ในแต่ละประเทศกัน เราลองไปดูกันซิว่าทำอะไรแล้วโชคดีกันบ้าง?   1. เลข 8 ถ้าคุณถามคนจีน พวกเขาจะบอกว่าเลข 8 เป็นเลขมงคลที่สุด เพราะเลข 8 ในภาษาจีนออกเสียงคล้ายกับคำว่า “โชคลาภ” และ “มั่งคั่ง” เลขนี้จึงเป็นเลขมงคลที่สุด   2. คนสวิสเซอร์แลนด์ปลูกต้นไม้ฉลองเวลาแต่งงาน ชาวสวิสเซอร์แลนด์มีความเชื่อกันว่าหากปลูกต้นไม้ไว้ที่นอกบ้านหลังจากแต่งงานกันแล้ว มันจะนำมาซึ่งความโชคดีและความอุดมสมบูรณ์   3. ชาวอาร์เจนตินากินถั่วเสริมโชค ตามคำบอกเล่าของชาวอาร์เจนตินาบอกว่าการกินถั่วในช่วงปีใหม่จะทำให้หน้าที่การงานมั่นคงและประสบความสำเร็จในชีวิต (อันที่จริงถั่วมีโปรตีนและสารอาหารหลายอย่าง กินไปก็ได้ประโยชน์แล้ว)   4. เดินผ่านควันแล้วจะโชคดี ถ้าคุณมีโอกาสได้เดินทางไปยังศาลเจ้าอาซากุสะในประเทศญี่ปุ่น คุณจะพบกับกระถางธูปขนาดใหญ่นอกประตูด้านหน้า หากเดินผ่านกลุ่มควันเหล่านั้นพวกเขาเชื่อว่ามันจะช่วยให้สุขภาพร่างกายของคุณแข็งแรงขึ้น   5. พูดคำว่ากระต่ายก่อนลุกจากเตียงแล้วจะโชคดี ความเชื่อนี้เริ่มปรากฏในช่วงก่อนศตวรรษที่ 20 ว่ากันว่าหากพูดคำว่ากระต่ายก่อนจะลุกจากเตียง จะทำให้เดือนหน้าของคุณพบแต่ความโชคดี   6.…

สาวๆ หลายคนคงเคยมีปัญหากับชุดชั้นในกันมาบ้างแล้ว ซึ่งบางครั้งมันก็สร้างความเจ็บปวดและรู้สึกไม่สบายตลอดทั้งวันเลยทีเดียว จะไม่ใส่ก็ไม่ได้เดี๋ยวเค้าหาว่าอนาจารอีก เอาล่ะวันนี้ #เหมียวหง่าว มีทริคดีๆ เกี่ยวกับเรื่องบรามาฝากสาวๆ ทั้งหลายเพื่อให้การสวมใส่บรานั้นสบายมากยิ่งขึ้น…   1. ทำให้บราของเพื่อนๆ นุ่มขึ้นด้วยการซักด้วยมือ การซักบราด้วยมือ (ใช้น้ำอุ่นซัก) หรือถ้าใช้เครื่องซักผ้าก็ได้ (ใช้น้ำเย็นซัก) จะช่วยให้เนื้อผ้าของบรานั้นนุ่มขึ้น ทำให้รู้สึกสบายเวลาสวมใส่ ลองไปชมวิธีการซักได้ ที่นี่ เลย   2. ใช้ตัวช่วยเพื่อลดการขยับเขยื้อนของสายบรา รูปภาพที่โพสต์โดย SecretFashionFixes (@secretfashionfixes) เมื่อ เม.ย. 24, 2014 เวลา 10:59am PDT เจ้าสิ่งนี้เรียกว่า Bra Strap Cushion โดยใช้งานด้วยการนำมาติดที่สายบราบริเวณไหล่ จะทำให้สายบราไม่ขยับเขยื้อนไปไหน แถมยังช่วยลดอาการระคายเคืองจาการเสียดสีของสายบราด้วย สามารถไปสั่งซื้อใน Amazon มีราคาอยู่ที่ประมาณ 80 บาท     3. การปรับสายบราบ่อยๆ ช่วยคุณได้ (หมายถึงทุกครั้งที่จะสวมใส่นะ ไม่ใช่ตลอดเวลา ฮร่า)   ดูแปลกใช่มั้ยล่ะ แต่จริงๆ แล้วขนาดหน้าอกของเหล่าสาวๆ…

ปกติเวลามองหาสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ หลายคนอาจนึกถึงญี่ปุ่น อเมริกา หรือยุโรปเป็นที่แรกๆ แต่รู้หรือไม่ ในเขคอาเซียนของเรา ก็มีที่เที่ยวเจ๋งๆ อยู่เหมือนกันนะ และเพื่อนต้อนรับการเปิด AEC  #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 13 อันซีนอาเซียน ที่เที่ยวเจ๋งๆ ที่อยู่ใกล้เมืองไทย แต่หลายคนอาจไม่รู้จัก จะมีที่ไหนติดบ้าง ไปชมกันเลย!!   1. ถ้ำเซิ่นดอง ประเทศเวียดนาม หลายคนอาจไม่รู้ว่า ถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยู่ที่ประเทศเวียดนามเพื่อนบ้านของเรานี่เอง โดยถ้ำเซินดอง ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติ Phong Nha-Ke Bang เขต Bo Trach จังหวัด Quang Binh ประเทศเวียดนาม ใกล้กับพรหมแดนระหว่างเวียดนามและลาว โดยถ้ำแห่งนี้ถูกค้นพบครั้งแรกโดยชาวบ้านเมื่อปี 1991 ก่อนจะมีการสำรวจอย่างเป็นทางการโดยนักวิทยาศาสตร์จากอังกฤษในปี 1999 ส่วนที่ใหญ่ที่สุดของถ้ำ มีความยาวกว่า 4,000 เมตร กว้างกว่า 200 เมตร และสูงกว่า 150 เมตร   2.…

หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นหรือมังงะ (Manga) ถือว่าเป็นอีกสิ่งที่อยู่คู่สังคมไทยมาอย่างยาวนาน เด็กๆ แทบทุกคนอย่างน้อยๆ ต้องเคยอ่านการ์ตูนมาคนละหนึ่งเรื่อง และในบรรดาการ์ตูนเหล่านั้น ก็มีหลายเรื่องที่เป็นตำนาน วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 14 อันดับหนังสือการ์ตูนระดับเทพ ที่ชาตินี้ต้องหาอ่านให้ได้ซักครั้ง จะมีเรื่องอะไรบ้าง และเรื่องที่เพื่อนๆ เชียร์จะติดหรือไม่ ไปชมกันเลย   14. Claymore   เริ่มจากอันดับสุดท้ายของเรากันก่อนกับเรื่อง Claymore หรือในชื่อไทย อสูรสาวพิฆาตมาร เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับดินแดนอันห่างไกลแห่งหนึ่งที่มักมีปิศาจร้ายออกอาละวาดฆ่าผู้คน ทางการจึงก่อตั้งองค์กรหนึ่งขึ้นมา เพื่อสร้างนักรบหญิงจากพลังของเหล่าปิศาจร้ายในชื่อนามว่า เคลย์มอร์ ด้วยฉากต่อสู้ที่ทรงพลังและเนื้อเรื่องที่ลุ่มลึก ทำให้ Claymore เข้ามาติดในลำดับที่ 14 อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะช่วงท้ายของเรื่อง ที่ใครที่อ่านต้องรับรองว่ามีน้ำตาไหลด้วยความปลื้มปิติอย่างแน่นอน ไม่เชื่อก็ลองมาหาอ่านกันได้เลยนะเหมียวววว   13. Naruto   ถือว่าเป็นการ์ตูนที่โด่งดังที่สุดในโลกอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว สำหรับนารูโตะ นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ (ชื่อไทยฉบับหนังสือการ์ตูนประหลาดมาก) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ อุสึมากิ นารูโตะ นินจาเด็กจอมนอกคอกที่มี ปิศาจจิ้งจอกเก้าหาง ผนึกอยู่ในร่างกาย จนทุกคนในหมู่บ้านหวาดกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้ เขามีความฝันว่าวันหนึ่งจะต้องได้รับการยอมรับและกลายเป็นโฮคาเงะหรือหัวหน้าหมู่บ้านให้จงได้ ตอนนี้การ์ตูนเรื่องนี้ได้จบลงไปแล้ว แม้ในช่วงท้ายจะถูกวิจารณ์ไปบ้างว่าเนื้อเรื่องเละเทะและหาจุดจบไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่า…

กลายเป็นเรื่องราวอันโด่งดังไปทั่วอินเตอร์เน็ตเลยทีเดียว หลังจากเด็กหนุ่มวัย 15 ปีจากประเทศแคนาดา ได้กลายเป็นผู้คนพบเมืองโบราณของชาวมายันเป็นคนแรกของโลก จากการคำนวณเล่นๆ ภายในห้องนอนของตนเอง เด็กชายคนนี้มีชื่อว่า William Gadoury วัย 15 ปี เขาชื่นชอบและหลงไหลในเรื่องราวของดาราศาสตร์และเมืองโบราณของชาวมายันเป็นอย่างมาก ซึ่งหลังจากที่เขาได้พยายามศึกษาเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งของเมืองมายา เขาพบว่าเมืองโบราณเหล่านั้น ตั้งตามตำแหน่งดวงดาวบนท้องฟ้า  (วิหารบูชาเทพเจ้าของชาวมายัน ตั้งอยู่ในเขตที่ราบยูคาตัน ประเทศเม็กซิโก)   “ผมรู้สึกประหลาดใจแล้วก็ตื่นเต้นมาก เมื่อผมพบว่าตำแหน่งของดาวที่สว่างที่สุด จะตรงกับเมืองใหญ่ๆ ของชาวมายัน” William กล่าว ต่อมาเขาสังเกตเห็นหมู่ดาวหมู่หนึ่ง ซึ่งมีเมืองสองเมืองอยู่ในตำแหน่งเดียวกับหมู่ดาวนั้น แต่หมู่ดาวนั้นกลับมีอยู่สามดวง นั่นแปลว่าต้องมีเมืองของชาวมายันซ่อนอยู่อีกแห่งแน่ๆ     เขาจึงเปิด Google Map แล้วก็เทียบตำแหน่งดาวกับแผนที่ดู และเขาก็พบว่า มีเมืองของชาวมายันที่ยังไม่เคยถูกค้นพบ ซ่อนอยู่ในป่าของประเทศเม็กซิโก เขาจึงนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งกับทางการของแคนาดา หน่วยงานทางด้านอวกาศของแคนาดา จึงใช้ดาวเทียมความละเอียดสูง ส่องลงไปยังพื้นที่ดังกล่าว แล้วก็พบว่า บริเวณนั้นมีเมืองโบราณตั้งอยู่จริงๆ รวมถึงปิรามิดแบบชาวมายันอีกด้วย!!     อย่างไรก็ตาม การจะเข้าไปสำรวจเมืองดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะต้องใช้งบประมาณสูงมาก รวมถึงต้องทำเรื่องขออนุญาตรัฐบาลท้องถิ่นอีกต่างหาก แต่ถึงอย่างงั้น William ก็ฝันว่าวันหนึ่ง เขาจะได้ไปเห็นเมืองมายาที่เขาค้นพบด้วยตาของตนเอง…

หากสาวๆ รู้สึกว่าหน้าดูหมอง ไม่บริ๊งเหมือนสาววัยรุ่นละก็ ลองใช้ไฮไลท์มาบันดาลความสดใสให้กับใบหน้าของคุณดูสิ บอกเลยว่าไฮไทล์นี่แหละ ที่จะช่วยให้ใบหน้าของคุณดูสวยเปล่งปลั่งขึ้นทันตาเห็น และในวันนี้เหมียวขี้อ้อนก็จะมาแนะนำมี 6 เคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับวิธีแต่งหน้าให้ดูสวยเปล่งปลั่ง ซึ่งตัวช่วยสำคัญในที่ขาดไม่ได้ในครั้งนี้ก็คือ “แป้งไฮไลท์” นั่นเอง ว่าแล้วก็มาอ่านเคล็ดลับกันเลยดีกว่า รับรองว่าหากได้ทำตามสาวๆ จะต้องสวยแบบไม่มีพลาดแน่นอน   1.ไฮไลท์เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความสว่างบนใบหน้าของคุณ หากสาวๆ อยากให้หน้าดูสว่างสดใส เพียงแค่ใช้ไฮไลท์สีสว่าง มาทาตรงบริเวณจมูก และเหนือโหนกแก้ม เพียงเท่านี้ใบหน้าที่ดูหมองก็สว่างสดใสขึ้นมาทันตาเห็น อ้อ!! ลืมบอกว่าการปาดไฮไลท์มากเกินไปอาจจะทำให้ใบหน้าดูมันเยิ้มได้ ดังนั้นควรทาให้พอดีๆ นะจ๊ะ   2.ปัดไฮไลท์บริเวณหน้าผาก โหนกคิ้วและโหนกแก้ม เพื่อให้หน้าดูไบรท์ขึ้น ถ้าอยากหน้าดูไบรท์ขึ้น เพียงแค่สาวๆ นำไฮไลท์สีโทนสว่าง หรือมีประกายนิดหน่อย มาทาบริเวณหน้าผาก โหนกคิ้วมาจนถึงบริเวณโหนกแก้ม เท่านี้ก็จะช่วยให้ใบหน้าดูพุ่ง และโดดเด่นแล้ว   3.สร้างแสงและเงาบนใบหน้าด้วยบรอนเซอร์ หากสาวๆ อยากทำให้ใบหน้าดูมิติมากขึ้น ให้ใช้บรอนเซอร์เนื้อแมท หรือที่มีซิมเมอร์น้อยที่สุด มาทาบริเวณโหนกแก้มเบาๆ แล้วเกลี่ยให้ดูเนียน เพียงเท่านี้ใบหน้าของคุณก็ดูมีเคาโครงมากขึ้นแล้ว   4.หากอยากให้ใบหน้าดูสว่าง อายชาโดว์เนื้อชิมเมอร์สามารถช่วยได้ นอกจากไฮไทล์ หรือบรอนเซอร์จะเป็นตัวช่วยในการทำให้ใบหน้าดูสว่างสดใสแล้ว สาวๆ…

เมื่อกล่าวถึงอวัยวะที่มีความน่าสนใจที่สุดในร่างกายเราแล้วก็คงไม่พ้น หน่มน้มนี่เอง เป็นอวัยวะส่วนที่มีปริศนามากมายทั้งเรื่องของขนาด รูปร่าง และการทำงานของมัน และในวันนี้ #เหมียวหง่าว มีสาระน่ารู้เกี่ยวกับเรื่อง หน่มน้ม มาฝากเพื่อนๆ กัน ซึ่งบางข้อนี้อาจจะทำให้เพื่อนๆ กึงกับเหวอไปเลยก็ได้ ฮร่า   1. เรื่องจริงของหัวนม 2-6 % ของผู้หญิง และ 1-3% ของผู้ชายมีหัวนม 3 อัน และมันสามารถขึ้นอยู่ที่ไหนก็ได้บนร่างกาย รวมไปถึงบนฝ่าเท้า!?   2. รสชาติของนมคน มีความหวานกว่านมวัว มีผู้คนจำนวนมากทดลองชิมนมจากเต้าของวคน และพบว่ามันมีรสชาติคล้ายกับแคนตาลูปหวานๆ   3. ขนาดหน่มน้มของสาวๆ ทั้งสองข้างไม่เท่ากัน ผู้หญิงส่วนใหญ่บอกว่าพวกเธอสามารถมองเห็นความแตกต่างของขนาดหน่มน้มทั้งสองข้างของเธอ ซึ่งมันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน   4. เรื่องของขนาดบรา 80% ของสาวๆ มักเลบลือกใส่บราที่มีขนาดไม่พอดีกับขนาดหน้าอกของตัวเอง ซึ่งมันสามารถสร้างปัญหาได้ อย่างเช่นอาการเจ็บปวดที่หลังเพราะถูกบรารัด   5. กาแฟสามารถทำให้หัวนมไวต่อความรู้สึกมากยิ่งขึ้น มีการศึกษาวิจัยว่าคาเฟอีน สามารถทำให้หัวนมไวต่อความรู้สึกมากยิ่งขึ้น   6. การสูบบุหรี่ทำให้หน่มน้มยาน!?…

นับตั้งแต่เว็บไซต์ Youtube เปิดตัวเมื่อปี 2005 และถูกบริษัท Google ซื้อไปในปี 2006 มีคลิปหลายสิบล้านคลิปถูกอัพโหลดขึ้นเว็บไซต์ดังกล่าว ซึ่งมีทั้งคลิปที่มีประโยชน์และไร้สาระมากมาย หากเป็นวันปกติแล้ว เราคงมองหาเรื่องดีๆ มาจัดลำดับกัน ซึ่งเชื่อว่าทุกคนคงรู้กันหมดแล้ว แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 10 วีดีโอที่มียอด Dislike (ไม่ชอบ) มากที่สุดบนเว็บไซต์ Youtube จะมีใครเข้าวินในการจัดอันดับครั้งนี้บ้าง ไปชมกันเลย!!   อันดับ 10 (8.2 แสนดิสไลค์) เป็นเอ็มวีเพลง Stupid Hoe ของนักร้องแร็ปสาวผิวสี Nicki Minaj ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนกดดิสไลค์ให้เธอเพราะหน้าตานิ่งๆ ตอนร้องเพลง หรือตากลมโตในช่วงท้ายกันแน่ ยังไงก็ลองพิสูจน์ดูละกัน   อันดับ 9 (8.3 แสนดิสไลค์) เป็นคลิปวีดีโอชื่อว่า Strong ของนักการเมืองชาวอเมริกัน Rick Perry เมื่อเขาพยายามหาเสียงลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ แต่ดันไปเหยียดชาวรักร่วมเพศ และคลั่งศาสนาไปแบบสุดโต่ง จึงได้รับดิสไลค์ไปกว่า 8.3 แสนครั้งเลยทีเดียว   อันดับ 8 (1.16…

สำหรับบางคนแล้ว การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถือเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ บางคนดื่มมาก บางคนดื่มน้อย บางคนดื่มทุกวัน แต่แน่นอนว่าการดื่มมากๆ มันย่อมส่งผลเสียต่อร่างกาย ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เลยลองเลิกดื่มมันดูสัก 500 วัน ผลปรากฏว่าหน้าของเขากลับดูเด็กลงอย่างเหลือเชื่อ!?   เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา สมาชิกเว็บไซต์ Reddit ที่ใช้นามแฝงว่า Meatteo ได้เล่าประสบการณ์การเลิกดื่มแอลกอฮอล์ โดยเจ้าตัวบอกว่าเขาได้ดื่มแอลกอฮอล์มาตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา และมันเกือบจะฆ่าเขาอยู่แล้ว เขาเลยเลิกดื่มมันเป็นเวลา 500 วัน     หลังจากที่เวลาผ่านไป 500 วันอย่างรวดเร็ว เขาก็ได้ถ่ายภาพตัวเองเปรียบเทียบกับเมื่อตอนที่ยังไม่ได้เลิกดื่ม เห็นได้ชัดเลยว่าเขารูปร่างที่ดีขึ้น น้ำหนักลดลง  และที่สำคัญหน้าดูเด็กลงด้วย!? นาย Meatteo ได้บรรยายว่า “ผมดื่มเบียร์ทุกวัน ผมพยายามเลิกเป็นไม่รู้กี่ครั้งแล้ว นี่คือระยะเวลาที่นานที่สุด”   หลังจากที่เริ่มทำใจแข็งงดดื่มแอลกอฮอล์ไปได้ประมาณ 3 เดือน เขาก็เริ่มออกวิ่งเพื่อช่วยให้น้ำหนักลงเร็วขึ้น ทำให้น้ำหนักของเขาลดลงไปได้ถึง 36 กิโลกรัมทีเดียว     ทั้งนี้เขาได้ให้คำแนะนำกับคนอื่นๆ ที่อยากจะลดน้ำหนักว่า ให้เริ่มจากการวางเป้าหมายเล็กๆ ก่อน เช่นการเก็บเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกจากบ้านให้หมด…

ไม่มีใครอยากเกิดมาพร้อมกับความพิการทางร่างกายอยู่แล้ว แต่ในเมื่อเกิดมาเราก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ และการ “อยู่เป็น” ก็ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ แต่กับหญิงสาวผู้พิการที่#เหมียวฟิ้นอยากจะหยิบมาเล่าในวันนี้ เธอแทบจะไม่เคยใช้ชีวิตแบบผู้พิการเลย แถมยังทำอะไรๆ ได้ดีกว่าคนปกติด้วยนะ     หญิงสาวที่พูดถึงเธอมีชื่อว่า Aimee Mullins วัย 39 ปี เกิดและโตในรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอเกิดมาพร้อมกับความพิการที่ไม่มีกระดูกช่วงน่อง ทำให้หมอต้องตัดขาของเธอออกตั้งแต่ 1 ขวบ แต่ Aimee ก็ไม่ได้ย่อท้อ เธอใส่ขาเทียมและใช้ชีวิตแบบเด็กๆ ทั่วไป     Aimee กลายเป็นที่สนอกสนใจของคนทั้งประเทศในฐานะนักกีฬา เพราะเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยไปแข่งวิ่งในระดับชาติและสามารถคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ   จากนั้นเธอก็ได้รับทุนการศึกษาจากกระทรวงกลาโหมและเข้ารับใช้ชาติตอนอายุ 17 ปี ในฐานะนักวิเคราะห์ข้อมูล ทำให้เธอสามารถเข้าถึงข้อมูลลับต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย     ต่อมาในปี 1999 เธอเริ่มหันหน้าเข้าสู่วงการนางแบบโดยการเริ่มต้นเดินบนรันเวย์ในงานแฟชั่นโชว์ ณ กรุงลอนดอนของดีไซน์เนอร์ชาวอังกฤษ Alexander Mcqueen โดยเขาได้ออกแบบขาเทียมไม้ให้เธอใส่โชว์ จนเธอเริ่มค้นพบว่าเธอเองก็ชอบงานด้านแฟชั่นเหมือนกัน       Aimee รู้สึกว่าตัวตัวเองชอบงานด้านการแสดงเมื่อตอนที่เธอเป็นเด็ก และความฝันอีกอย่างของเธอก็เป็นจริง เพราะเธอได้รับบทบาททางการแสดงเล็กๆ เมื่อปี 2002 จากนั้นก็มีงานแสดงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง  …

เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถตกลงไปในคลองหรืออ่างน้ำผู้โดยสารและคนขับมักจะไม่รอด หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เพราะน้ำทำให้ระบบไฟฟ้าภายในรถเสียหายจึงทำให้เปิดกระจกออกไม่ได้ ประตูเองก็เช่นกันเพราะถูกแรงดันน้ำดันไว้ วันนี้ #เหมียวหง่าว จะมาแนะนำวิธีการเอาตัวรอดจากการเกิดอุบัติเหตุ เมื่อรถของเพื่อนๆ ตกลงไปในน้ำมาให้เพื่อนๆ ได้เอาไปใช้ป้องกันตัวเองกัน   โดยในการสาธิตนี้จะเป็นรถยนต์ที่ใช้ระบบอัตโนมือในการเปิดกระจก แต่ระบบอัติโนมัติก็ใช้ได้ผลเช่นกัน เพราะต้องใช้ความรวดเร็วเป็นอย่างมาก ก่อนที่รถจะจมน้ำลงไป   ขั้นแรกเลยเพื่อนๆ จะต้องตั้งสติไว้ให้ดี หากรู้ว่าไม่พ้นจะต้องตกน้ำแน่ๆ แล้วก็ให้ปลดเข็มขัดนิรภัยออก จากนั้นก็เปิดกระจกโดยด่วน อย่างน้อยไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง และรีบออกจากรถให้เร็วที่สุด   หากมีเด็กให้ช่วยเหลือเด็กออกไปข้างนอกรถก่อน แล้วเราค่อยตามออกไปทีหลัง   ที่สำคัญภายในรถของเพื่อนๆ จะต้องมีการพกที่ทุบกระจกรถไว้ด้วยเผื่อกรณีฉุกเฉิน หากระบบไฟฟ้าในรถเกิดไม่ทำงานขึ้นมาจะได้ทุบกระจกให้แตกอย่างทันท่วงที   และขอย้ำอีกครั้ง สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เพื่อนๆ รอดจากเหตุการณ์นี้ได้ คือ ‘สติ’ และ ‘ความรวดเร็ว’ เอาล่ะลองไปชมคลิปแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้กันได้เลยจ้า…   หวังว่าบทความนี้จะช่วยเหลือเพื่อนๆ ได้ไม่มากก็น้อยนะจ๊ะ ^^ ที่มา : ABC News, viralnova

แน่นอนว่าในชีวิตหลายๆ คนก็ต้องเจอกับอะไรแย่ๆ มากมายไม่เว้นแต่ละวัน บางครั้งก็อาจทำให้เราเหนื่อ เราท้อ จนอยากลาออกจากการเป็นตัวเองก็มี เหมือนกับชายหนุ่มคนนี้ Thomas Thwaites ที่ใช้เวลาในช่วงวันหยุดของเขาลาออกจากการเป็นตัวเองโดยสิ้นเชิง แล้วไปเป็นแพะภูเขาซะเลย!!! ฟังดูอาจจะไม่เข้าท่าเข้าทางและไม่สามารถเป็นไปได้ แต่ Thomas ทำเรื่องนี้จริงๆ โดยอาศัยความช่วยเหลือจากศูนย์ชีวการแพทย์ลอนดอน Wellcome Trust ที่วิจัยอย่างจริงจังและสร้างอุปกรณ์ที่จะเปลี่ยนให้เขาเป็นแพะอย่างสมบูรณ์แบบ!!!   เพราะการจะเป็นแพะ ไม่ได้เป็นแพะแค่กายเท่านั้น ต้องเป็นแพะทางจิตใจอีกด้วย!!!   นี่คือพ่อหนุ่ม Thomas Thwaites ของเรา เขาเป็นนักออกแบบ มีผลงานการันตีจนได้ไปพูดในเวทีใหญ่ระดับโลกอย่าง TED Talk และล่าสุดเขาก็อยากจะลาออกจากการเป็นตัวเองบ้า่ง เพราะเหนื่อยเหลือเกิน   ตอนแรกเขามีไอเดียที่จะเป็นช้างล่ะ แต่มันก็ออกจะลำบากไปหน่อยเพราะด้วยน้ำหนักตัว การเป็นแพะภูเขาหรือสัตว์สี่เท้าที่ตัวเล็กๆ กว่านั้นก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า   เขาได้ทำการวิจัยและค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับจิตวิทยา ความเข้าใจ และการเป็นแพะอย่างแท้จริงมานานพอสมควร ก่อนที่จะให้ทีมวิจัยของ University College London ช่วยให้เขากลายเป็นแพะได้อย่างแท้จริง (ในด้านจิตใจ) โดยใช้ทั้งกระบวนการทางจิตวิทยาและเทคโนโลยีต่างๆ ช่วยปิดระบบความคิดแบบมนุษย์ของเขา แต่ก็ยังไม่มีเทคโนโลยีไหนที่ทำเรื่องนั้นได้จริงๆ (ณ ตอนนี้) เลยให้ทีมวิจัยช่วยเปลี่ยนร่างกายของเขาให้มีลักษณะแบบแพะภูเขาแทน   พ่อหนุ่มของเรากับทีมนักวิจัย   ทั้งการมีรูปร่างลักษณะแบบแพะภูเขาเป๊ะๆ…

‘เจ้าเหมียว’ เป็นสัตว์ที่มีผู้คนชื่นชอบอยู่ทั่วโลก และอยู่ร่วมกับมนุษย์มากว่า 9,500 ปีแล้ว มันเป็นสัตว์นักล่าที่มีความฉลาด และมีมากมายหลากหลายสายพันธุ์กระจายไปทั่วโลก วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมสาระน่ารู้แปลกๆ เกี่ยวกับเจ้าเหมียวกัน ว่าจริงๆ แล้วพวกมันสามารถทำอะไรได้หลายอย่างเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของเจ้าทาสอย่างเราๆ ได้มากมายเลยล่ะ   1. เยียวยานักโทษ เรือนจำในรัฐ Indiana ประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้แมวในการช่วยเยียวยาอารมณ์ของเหล่านักโทษ เพื่อให้อยู่ในห้องขังได้อย่างมีความสุข   2. ส่งจดหมาย ประเทศเบลเยียม เคยทดลองใช้เหล่าแมวเหมียวในการส่งจดหมาย โชคร้ายสำหรับมนุษย์ที่ไม่สามารถทำสำเร็จได้   3. ความไว้ใจ เจ้าเหมียวจะเอาหัวถูๆ กับคนหรือสัตว์ที่มันไว้ใจและรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ด้วย ><   4. แมวมีความเป็นผู้นำ (จริงๆนะ) เจ้าเหมียวชื่อว่า Stubbs เคยได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรีในเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่า Talkeetna รัฐ Alaska เป็นเวลากว่า 15 ปี   5. นอนหลับ เหล่าเหมียวทั้งหลายนั้นชื่นชอบการนอนเป็นชีวิตจิตใจ โดยจะใช้เวลาหลับ 70% ของช่วงชีวิตทั้งหมดของมัน กลับกันมนุษย์ใช้เพียงแค่ 30% เท่านั้น  …

เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่า เสื้อผ้าสวยๆ หรือชุดชั้นในที่เราซื้อมานั้น เมื่อถูกนำไปวักในเครื่องอบผ้าแห้ง ทำไมมันถึงออกมาเสียรูปทรง หรือเปลี่ยนสภาพไปซะอย่างนั้น ความจริงแล้วยังมีหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าเสื้อผ้า หรือของใช้บางอย่างนั้น ไม่สามารถนำมาเข้าเครื่องอบผ้าแห้งได้นะ เนื่องจากมันอาจจะทำให้เสื้อผ้า หรือสิ่งต่างๆ เปลี่ยนสภาพ และถึงขั้นนำมาใส่ต่อไม่ได้เลยก็มี     และนี่คือ 7 สิ่งที่คุณแม่บ้าน และสาวๆ ทั้งหลายไม่ควรนำเข้าเครื่องอบแห้งเด็ดขาด   1.ชุดว่ายน้ำ เริ่มจากชุดว่ายน้ำกันเลยจ้า เพราะความที่ชุดว่ายน้ำมันเป็นชุดที่บอบบาง ดังนั้นเมื่อคุณนำเข้าเครื่องอบผ้าแห้งงปุ๊บ มันก็จะทำให้ความร้อนในเครื่องอบผ้า เข้ามาทำลายความยืดหยุ่น อีกทั้งแรงปั่นของมันก็จะทำให้ชุดว่ายน้ำของสาวๆ ฉีกขาดได้ง่ายอีกด้วย   2.ถุงน่อง อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าถุงน่องนั้นบอบบาง และฉีกขาดง่าย ดังนั้นเมื่อใดที่นำเข้าเครื่องอบผ้าแห้ง แรงปั่นก็จะทำให้ถุงน่องพันอุรังตุงนังไปหมด แถมยังทำให้ถุงน่องหดตัว และหมดสภาพโดยไม่สามารถนำไปใช้งานต่อได้นั่นเองจ้า   3.พรมยาง และอีกหนึ่งสิ่งที่ห้ามนำเข้าเครื่องอบแห้งโดยเด็ดขาดนั่นก็คือ พรมยาง นั่นเอง จริงๆ แล้วพรมยางนั้นสามารถนำไปซักด้วยมือได้ แต่ขอเลยว่าอย่านำมันไปทิ้งในเครื่องอบแห้งเด็ดขาด เพราะมิเช่นนั้นความร้อนจะทำให้แผ่นยางหดตัวได้จ้า   4.บรา บรา ที่เราซื้อมานั้น หากนำไปใส่ในเครื่องอบแห้งแล้วละก็ บอกเลยว่าแค่ลองซักครั้งแรกมันจะทำให้รูปทรงสวยๆ หมดสภาพภายในพริบตา แถมความร้อน…

สำหรับหลายๆ คนคงจะเคยสงสัยว่าการมีเซ็กส์นั้นควรใช้เวลากี่นาทีกันแน่? จากที่ทราบกันมาจากภาพยนตร์ผู้ใหฐ่ หรือโฆษณาที่ต่างก็บอกว่ายิ่งนาน ยิ่งอึด ยิ่งดี แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้วเวลาเฉลี่ยของคนส่วนใหญ่เค้าไม่ได้อึดทนนานกันแบบนั้นทุกคนนะ วันนี้ #เหมียวหง่าว จะมาเฉลยให้เพื่อนๆ ว่าแท้จริงแล้วการมีเซ็กส์เนี่ย แท้จริงแล้วควรจะใช้เวลาเท่าไหร่ โดยประมาณ และช่วงเวลาส่งผลต่อความสุขกับการมีเซ็กส์หรือไม่? อย่างไร? ไปดูกัน…   แน่นอนว่าทุกๆ คนต่างสงสัยกันว่าการมีเซ็กส์ในแต่ละครั้งนั้นมีเวลาเฉลี่ยหรือไม่?   จริงๆ แล้วการรับรู้ตัวเลขค่าเฉลี่ยนี้ไม่สามารถส่งผลต่อความสุขในเรื่องของเรื่องบนเตียงของเพื่อนๆ ได้เลย แต่ก็ไม่เสียหายที่จะรู้ไว้ใช่มั้ยล่ะ?   จากการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัย University of Queensland ในประเทศออสเตรเลีย ได้ทำการเก็บข้อมูลค้นหาค่าเฉลี่ย   โดยศึกษาจากคู่รักกว่า 500 คู่ จากทั่วโลก   เป็นที่น่าสนใจมาก เพราะเวลาเฉลี่ยที่ได้ออกมามีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก   ซึ่งช่วงเวลาที่เร็วที่สุดคือ 33 วินาที   และนานที่สุดคือ 44 นาที   อันที่จริงแล้วการหาค่าเฉลี่ยมันควรจะอยู่ตรงที่จุดกึ่งกลาง คือ ประมาณ 20 นาทีใช่มั้ยล่ะ?   ข้อมูลเพิ่มเติมจากงานวิจัย…

เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะชินกับภาพของชาวนาก้มลงไปปลูกข้าวกันที่ละต้นๆ กว่าจะเต็มนาสักผืนก็ใช้เวลากันเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว แต่วันนี้#เหมียวฟิ้นจะพาเพื่อนๆ ไปชมเครื่องปลูกข้าวแบบหย่อนกล้า ที่ใช้เวลาเพียงไม่นาก็สามารถปลูกได้เต็มแปลงเลยทีเดียว!!     เทคโนโลยีที่จะนำเสนอต่อไปนี้ไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใด เพราะเจ้าเครื่องหย่อนกล้าที่ว่านี้เริ่มมีใช้กันในต่างประเทศมาได้สักพักแล้ว และในไทยเราเองก็มีใช้เช่นกัน มันจะช่วยให้เกษตรปลูกข้าวได้พร้อมกันทีละหลายๆ ต้นในเวลาอันรวดเร็ว แถมยังช่วยลดอาการปวดหลังที่มักจะเกิดขึ้นด้วย     หลักการทำงานของเจ้าเครื่องปลูกข้าวแบบหย่อนกล้านี้ก็คือ ให้เราใส่ต้นกล้าลงไปในเครื่อง จากนั้นมันก็จะดึงต้นกล้าลงไปในนาทีละ 4 แถว (หรือมากกว่านั้น) มันจะช่วยให้ต้นกล้าเจริญเติบโตได้ดี ลดการสูญเสียของต้นกล้าได้มากกว่าใช้มือปลูก และในบางรุ่นสามารถโรยปุ๋ยไปพร้อมๆ กันได้อีกด้วย   อย่างเช่นคลิปด้านล่างนี้ เป็นการทำนาในจังหวัดเชียงใหม่นี่เอง   แต่ด้วยความที่เจ้าเครื่องหย่อนกล้าที่ว่านี้มีราคาอยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นกว่าบาทไปจนถึง 7 หมื่นบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลยทีเดียว อาจจะทำให้ชาวเกษตรกรในบ้านเราบางคนไม่อยากซื้อมาใช้นั่นเอง ที่มา thechive , Shamblesguru Smith

การท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้นเริ่มกลายเป็นสิ่งที่อันตรายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด (แม้แต่กับคนไทยด้วยกันเอง) เพราะในช่วง 2-3 ปีมานี้ เริ่มมีข่าวเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว ที่มาประสบอุบัติเหตุ ถูกล่อลวงชิงทรัพย์ต่างๆ นานา   วันนี้#เหมียวฟิ้นก็เลยจะมาพูดถึงภาพรวมนักท่องเที่ยวและอุบัติเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับพวกเขา ว่ามีปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ประเทศนี้ดูอันตรายสำหรับพวกเขา และอาจจะไม่กลับมาเหยียบที่ดินแดนสยามเมืองยิ้มอีกเลย?     เริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาเหยียบสนามบิน เรามักจะได้เห็นข่าวคราวเกี่ยวกับคนขับแท็กซี่ (หรือตุ๊กๆ) หน้าเลือดบางคนที่เก็บค่าโดยสารแบบแพงสุดกู่อยู่บ่อยๆ โดยหลายรายมักอ้างว่าเป็นการเหมารถ หรือมิเตอร์เสีย ทั้งที่จริงแล้วก็สามารถคิดราคาเป็นธรรมหรือตัวเลขตามจริงได้ และแม้ว่าชาวต่างชาติจะมีค่าเงินที่แพงกว่าไทยจริง แต่พวกเขาก็ต้องการการบริการที่เป็นธรรมเช่นกัน     หลายครั้งที่เหมียวฟิ้นได้มีโอกาสนั่งคุยกับนักท่องเที่ยวหลายคน พวกเขามักจะบ่นเกี่ยวกับวัฒนธรรมการขับรถของคนไทย เพราะในหลายๆ ประเทศมักจะให้สิทธิ์กับคนข้ามถนนก่อน หากคนขับรถเห็นคนยืนรอเพื่อข้ามถนนตรงทางม้าลายพวกเขาก็มักจะเบรกให้คนไปก่อนเสมอ   แต่ทางม้าลายในประเทศไทยดูเหมือนจะมีไว้เพื่อให้รู้ว่ามันคือทางม้าลายเท่านั้น เพราะคนขับรถส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยจะเบรกกันสักเท่าไหร่ จึงเกิดทางม้าลายแบบกดรอสัญญาไฟขึ้นมา นั่นก็พอจะช่วยให้รถหยุดได้บ้าง แต่ก็ยังฝ่าไฟแดงกันจนเกิดอันตรายกับผู้ข้ามถนนอยู่ดี     นอกจากอุบัติเหตุบนท้องถนนแล้ว ผู้คนในท้องถิ่น (บางกลุ่ม) เองก็ดูจะไม่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ อย่างเช่นเมื่อปลายปี 2014 ที่เกิดข่าวใหญ่โตไปทั่วโลก เกี่ยวกับคดีนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 ราย Hannah Witheridge และ David Miller…

มีบ้านหลังหนึ่งในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ที่เวลาใครผ่านไปเห็นเป็นต้องมอง เพราะการตกแต่งบ้านของเขานั้นมันสวยงามมากๆ แต่กว่าจะมาเป็นบ้านแบบนี้ได้นั้น ต้องดูส่วนประกอบที่เขาเอามาทำซะก่อนนน บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยของเก่าๆ เช่นประตู หน้าต่าง ซึ่งประตูพวกนี้เขาก็ไม่ได้เอามาทำเป็นประตูนะ แต่เอามาทำเป็นผนังบ้านแทน ทำให้เห็นเป็นเอกลักษณ์ของการตกแต่งบ้านที่ไม่เหมือนใคร   สตูดิโอที่ชื่อว่า S+PS Architects ได้ออกแบบบ้านสไตล์คอลลาจ(แบบตัดแปะ) ซึ่งภายในประกอบไปด้วยการตกแต่งแบบ 4 ยุค 4 สมัย   เป็นบ้านที่อยู่ริมผาในมุมไบ   บ้านสไตล์คอลลาจที่นำเอาวัสดุต่างๆ มาประติดประต่อกัน   SP+S Architects อธิบายว่าการอาศัยอยู่ที่มุมไบนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้เจอสิ่งก่อสร้างแปลกๆ   วัสดุต่างๆ ก็ถูกนำมาตกแต่งใหม่ทั้งสองฟากของห้องนั่งเล่น   ประตูและหน้าต่างบางอันก็ยังสามารถเปิดได้ด้วย   ห้องนอนก็มีระเบียงให้ออกไปรับชมวิวข้างนอกได้   ห้องนอนอีกแห่งก็ตกแต่งให้ออกมาคนละสไตล์กัน   แต่ก็สามารถมองเห็นสวนเล็กๆ พร้อมกับกำแพงท่อที่ดูเหมือนไม้ไผ่ด้วย   ท่อเหล่านี้ก็เป็นตัวลำเลียงน้ำมาสู่สระ   อีกส่วนหนึ่งที่เด่นของบ้านหลังนี้คือห้อง Puja ซึ่งเป็นห้องสวดมนต์   ในบ้านมีลิฟต์ด้วยนะ แนะนอนว่ากรงนั่นก็เป็นของเก่า   ไม่ว่าจะมองจากข้างในหรือข้างนอก การออกแบบมันก็น่าเหลือเชื่อจริงๆ   ไม่ว่าจะเดินไปส่วนไหนของบ้านก็เหมือนได้ไปที่ใหม่ๆ…

ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ชาวจีนแผ่นดินใหญ่จำนวนมากได้ออกเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในเอเชีย ยุโรป หรืออเมริกา และด้วยความแตกต่างทางวัฒนธรรมและความคิดอย่างสุดกู่ ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเหล่านั้นกลายเป็นที่เอือมระอาของชาวบ้านประเทศเจ้าถิ่นเป็นอย่างมาก     เมื่อคนจีนมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น…. พฤติกรรมแย่ๆ เรามักพบเห็นในเหล่านักท่องเที่ยวจีนก็อย่างเช่น การแซงคิว การขับรถที่น่าหวาดเสียว การตักอาหารในร้านบุฟเฟ่แบบเกินความจำเป็น การพูดคุยเสียงดังในที่สาธารณะ และอื่นๆ อีกมากมายที่ต่อให้เล่าภายในหนึ่งวันก็อาจไม่หมด หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมพฤติกรรมเหล่านั้น จึงมักปรากฏในตัวของชาวจีน พวกเขาใช่เป็นกลุ่มชนที่ไร้อารยะอย่างที่พวกเราตราหน้าจริงหรือ!? แล้วทำไมพวกเขาจึงมีพฤติกรรมเช่นนั้น เราลองไปหาสาเหตุกันดีกว่า??     ประเทศที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน… อย่างที่ทราบกันดีว่า ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาวกว่า 4,500 ปี ตลอดช่วงเวลานั้น มีนักปราชญ์ชื่อก้องโลกหลายต่อหลายคนถือกำเนิดขึ้นมาบนแผ่นดินมังกรแห่งนี้ และประเทศจีนก็เป็นดินแดนแรกๆ ที่เริ่มประดิษฐ์กระดาษและดินปืนขึ้นมาใช้อีกด้วย แน่นอน ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานขนาดนี้ พวกเขาย่อมเป็นดินแดนที่มีประเพณีและวัฒนธรรมงดงามไม่แพ้ชนชาติใดๆ ในโลกอย่างแน่นอน อย่างเช่นลัทธิเต๋าและขงจื้อที่เป็นหลักจริยธรรมและวิถีการดำเนินชีวิตให้กับชาวฮั่นมาตลอดหลายร้อยปี     เรดการ์ด และ การปฏิวัติวัฒนธรรม แต่จนกระทั่งช่วงปี 1960 ประเทศจีนเข้าสู่ยุคคอมมิวนิสต์ ที่มี เหมาเจ๋อตุง เป็นผู้นำสูงสุด ตอนนั้นเขาเริ่มสูญเสียฐานอำนาจในพรรคคอมมิวนิสต์ของตนเอง ด้วยความกลัวที่จะเสียอำนาจนั้น เขาใช้ข้ออ้างในการ…

ผลงานศิลปะสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา หากมนุษย์รู้จักสร้างจินตนาการ และนำความคิดเหล่านั้นมาสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นผลงานศิลปะเจ๋งๆ ได้ ผลงานศิลปะน่ารักๆ จากนิ้วมือเหล่านี้ก็เช่นกัน หลายคนอาจจะคิดว่าคงไม่เหมาะเท่าไหร่นัก หากจะนำนิ้วมือมาทำให้เกิดเป็นงานศิลปะ แต่หารู้ไม่ว่าเมื่อลองนำศิลปะมาสร้างสรรค์บนนิ้วมือแล้ว มันกลับเกิดเป็นผลงานเจ๋งๆ ได้อย่างหลากหลายแบบนี้…     ศิลปะที่ไร้ขีดจำกัด สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา หากคุณกล้าที่จะลงมือทำ   คุณก็สามารถเนรมิตผลงานเหล่านี้บนนิ้วมือของคุณได้   และผลลัพธ์ที่ออกมา ก็น่ารักมุ้งมิ้งซะเหลือเกิน   เป็นงานศิลปะบนนิ้วมือที่สามารถสร้างให้เกิดเป็นอารมณ์ต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น….ความรัก   มีความสุข   โกรธ   และอีกมากมาย   งานซอมบี้ก็มานะ   สร้างสรรค์ไหมละเหมียว   ดูไปก็ยิ้มไป เพลินตาจริงๆ   นิ้วมือ คงไม่ใช่อวัยวะธรรมดาๆ ที่อยู่บนร่างกายอีกต่อไป เพราะมันสามารถสร้างงานศิลปะเจ๋งๆ ได้มากมายเลยทีเดียว     ถ้าใครอยากรู้ว่าตัวเองมีจินตนาการที่สร้างสรรค์มากน้อยแค่ไหน ก็ลองสร้างผลงานศิลปะแบบนี้ลงบนนิ้วของคุณได้เลย ดูสิ…ว่าคุณจะทำมันออกมาในรูปแบบไหนกันบ้าง ที่มา : multyshades

ว่ากันว่าเมื่อคุณผู้หญิงมีสามีและมีลูกแล้ว ความรู้สึกอยากดูแลตัวเองจะลดน้อยลง จากที่เคยผอมก็ปล่อยตัวจนน้ำหนักพุ่งทะยานจนแทบกู่ไม่กลับ (เหล่าพ่อบ้านใจกล้าคงเข้าใจดี) Sarah Reynolds วัย 31 ปีคนนี้ก็เช่นกัน หลังจากที่เธอคลอดลูกคนที่ 3 เมื่อปี 2001 เธอก็ปล่อยตัวปล่อยใจให้กับของหวานและขนมขบเคี้ยว จนน้ำหนักพุ่งทะยานไปถึง 102 กิโลกรัม ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเลวร้ายอันใด     จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอเห็นภาพตัวเองที่แท็กมาโดยคนอื่น เธอก็ต้องตกใจจนสิ้นสติ เพราะผู้หญิงในภาพ ไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดไว้ในหัวเลยแม้น้อย “ฉันรู้สึกอายมากตอนที่เห็นภาพในเฟสบุ๊ก มันไม่ใช่ภาพที่ฉันคิดไว้ในหัวเลย มันแย่มากๆ จนฉันไม่อยากจะเชื่อเลย”     “เมื่อฉันไปพบแพทย์ แพทย์บอกว่าฉันเป็นโรคเสพติดการกินอาหาร ฉันกินทั้งๆ ที่ฉันไม่หิวและเกินความจำเป็น ฉันต้องได้รับการบำบัดโดยด่วน” Sarah กล่าว     เธอจึงเริ่มควบคุมอาหาร ลดคาร์โบไฮเดรตและหันไปทานผักผลไม้แทน พร้อมๆ กับออกกำลังกายวันละอย่างน้อย 30 นาที หลังจากผ่านไปสามปี ผลลัพธ์ที่เธอต้องการก็มาถึง เธอสามารถลดน้ำหนักลงมาได้ถึง 45 กิโลกรัม!!   ว้าวววววววววววว สวยเช้งไปเลยนะเนี่ย!!  …

หลายคนมักบอกว่าเด็กเป็นเหมือนผ้าขาวที่ยังไม่ผ่านการลงสี พวกเขานั้นไร้เดียงสาและบริสุทธิ์เหนือสิ่งอื่นใด แต่เรื่องจริงเป็นแบบนั้นจริงหรือ? พวกเขาไม่มีความอันตรายใดๆ จริงหรือ? งั้นเพื่อนๆ ลองไปชม 10 เด็กที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์เหล่านี้ดู รับรองว่าเพื่อนๆ ต้องสยดสยองไปกับพฤติกรรมของพวกเขาอย่างแน่นอน จะเป็นอย่างไร ไปชมกันเลย (ยิ้มอ่อน อิอิ)   10. Michael Carneal วัย 14 ปี   Michael Carneal นำปืนลูกซองมาโรงเรียน โดยหลอกพ่อแม่ว่าจะนำไปจัดแสดงงานศิลปะ ซึ่งเขาบรรจุกระสุนไปเต็มอัตรา จากนั้นเขาก็กราดยิงไปที่เพื่อนนักเรียนผู้โชคร้าย ในการโจมตีครั้งนั้น มีเด็กหญิงเสียชีวิตทันที 3 ราย และบาดเจ็บอีก 5 ราย จากนั้นเขาก็หันปืนเข้าจ่อตัวเองแล้วบอกว่า “ฆ่าผมที ไม่อยากเชื่อว่าผมทำสิ่งเหล่านี้ลงไป” หลังจากนั้นเขาก็ถูกจับกุมและนำไปสืบสวน เขาถูกวิเคราะห์ว่ามีอาการทางจิตอย่างหนัก และถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต   9. Mary Bell วัย 11 ปี   Marruy Bell เป็นเด็กมีปัญหาที่เติบโตมาในครอบครัวที่ใช้ความรุนแรง ตอนที่เธออายุได้ 11…

จะว่าไปแล้วเรื่องนี้นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ สำหรับพัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีของมนุษย์ เพราะถ้าพัฒนาได้ในตอนนั้นนี่ไม่รู้ว่าตอนนี้โลกของเราจะก้าวไกลขนาดไหนเลยทีเดียว ก็อย่างที่เราทราบๆ กันแล้วว่าปัจจุบันอินเตอร์เน็ทนั้นเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ แทบจะขาดไม่ได้กันเลยล่ะ เพราะอำนาจทางการติดต่อสื่อสารได้อย่างรวดเร็วนั้น คือหัวใจของทุกๆ ด้านในปัจจุบัน แต่เพื่อนๆ รู้ไหม ในช่วงปี 1960 นั้น หน่วยเทคโนโลยีของทาง AT&T’s Bell สามารถสร้างวิดีโอคอลขึ้นมาได้และเรียกมันว่า Picturephone หรือ โทรศัพท์รูปภาพ และด้วยเทคโนโลยีนี้ บริษัทเกือบคิดค้นระบบอินเตอร์เน็ทขึ้นมาได้!!?   Picturephone   แต่หลังจากคิดค้นได้ไม่นาน พวกเขาก็เจอโจทย์ที่แก้ไขไม่ได้ ทำให้โครงการต้องหยุดชะงักและถึงขั้นล้มเลิกกันไปเลยทีเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง เรื่องราวทั้งหมดเริ่มขึ้นในประเทศเยอรมนี โดย Dr. Goerg Schubert เป็นผู้จดสิทธิบัตรการวิดีโอคอลขึ้นในยุคนั้น ไม่นานหลังจากนั้นการไปรษณีย์เยอรมนีก็เริ่มการวิดีโอคอลกันมากขึ้น ในเมืองใหญ่ๆ ทั้ง Berlin, Leipzig, Nuremberg, Hamburg, และ Munich ล้วนแต่มีบูธสำหรับให้ผู้คนได้วิดีโอคอลกันในปี 1936 – 1940 แต่อนิจจา สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้การวิดีโอคอลในเยอรมนีนั้นยุติลงอย่างสิ้นเชิง ซึ่งก็มีวิดีโอคอลบางแห่งหลงเหลืออยู่เช่นกันในประเทศฝรั่งเศส แต่ก็ไม่ได้ชุกชุมมากนักเหมือนเมื่อก่อน จนในปี 1964 บริษัทโทรคมนาคมของสหรัฐฯ ก็สามารถสร้าง Picturephone เป็นของตัวเองได้สำเร็จ และเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ใน New York…

อีกหนึ่งเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพของสาวๆ ที่ #จ่าสิบเหมียว ได้ไปอ่านเจอมาเลยอยากจะมาให้ความรู้และให้สาวๆ ได้ระวังกัน Jason James ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของสถาบันสุขภาพสตรีแห่งไมอามี่ได้ออกมากล่าวกับทาง Glamour ว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ที่สาวๆ จะต้องทำให้ภายนอกของจุดซ่อนเร้นแห้งเสียก่อน ที่จะแต่งตัวหรือใส่อะไรลงไป   แล้วการทำให้แห้งก่อนนั้นสำคัญไฉน!?   เพราะถ้าปล่อยให้จุดซ่อนเร้นเปียกอับชื้นอยู่แบบนั้น หลังจากการอาบน้ำ เป็นสภาวะที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของแบคทีเรียอย่างยิ่ง จนอาจนำไปสู่อาการช่องคลอดอักเสบกันได้เลยทีเดียว   และแน่นอนว่าอาการนี้ไม่มีสาวๆ คนไหนอยากเป็นหรอก   ‘เพราะเชื้อโรคนั้นจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่อับชื้น ผสานกับความอบอุ่นจากร่างกาย การเสียดสี การเปลี่ยนแปลงของค่า pH ในจุดซ่อนเร้น ทำให้เชื้อเจริญเติบโตได้รวดเร็วมาก และอาจเกิดอาการติดเชื้อและอักเสบรุนแรงได้’ Jason James กล่าว แล้วต้องทำอย่างไรล่ะถึงจะปลอดภัย!? ผู้เชี่ยวชาญของเราก็แนะมาด้วยว่า ก่อนอื่นให้ใช้ผ้าขนหนูเช็ดบริเวณภายนอกเบาๆ แค่นี้ก็โอเคแล้วล่ะ และถ้าจะให้ดี ตอนสาวๆ กำลังแต่งหน้าแต่งตัวกินกาแฟล่ะก็ เปลือยกายทำกิจกรรมเหล่านี้ เพื่อรอให้จุดซ่อนเร้นแห้งและอากาศถ่ายเทไปในตัวล่ะ   ได้ยินแบบนี้แล้วสาวๆ ก็อย่ารีบกันจนลืมดูแลในส่วนนี้นะจ๊ะ สุดท้ายก็หวังว่าสาวๆ ทุกคนจะมีสุขภาพที่ดีกันน้อออ ^^ ที่มา: Metro

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหล้าที่เรารู้จักกันดีนั้น ถือเป็นเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเอาไว้ดื่มฉลอง หรือดื่มเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น บางที่ก็ดื่มเป็นยาก็มี ทำให้บนโลกนี้มีเหล้าอยู่หลายแบรนด์เป็นอย่างมาก วันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปพบกับ 25 อันดับของแบรนด์เหล่าที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก มูลค่าที่ว่าก็คือมูลค่าของแบรนด์นะ ไม่ใช้มูลค่าต่อขวด ซึ่งตัววัดนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความนิยมและคุณภาพได้อีกด้วย เราไปดูกันเลยว่าทั่วโลกนี้จะมีแบรนด์ไหนกันบ้าง   25: Havana Club ประเภท: รัม มูลค่าแบรนด์: 19,000 ล้านบาท เรตติ้งแบรนด์: AA+   24: Gujing Gong Jiu ประเภท: ไป๋จิ่ว มูลค่าแบรนด์: 20,000 ล้านบาท เรตติ้งแบรนด์: A+   23: Old Parr ประเภท: วิสกี้ มูลค่าแบรนด์: 20,000 ล้านบาท เรตติ้งแบรนด์: AAA-   22: Cîroc ประเภท: วอดก้า มูลค่าแบรนด์: 21,000…

เมื่อพูดถึงการว่ายน้ำ เพื่อนๆ หลายคนอาจจะยังว่ายน้ำไม่เป็น เพราะฉะนั้นจึงทำให้เกิดอาการกลัวเมื่ออยู่ใกล้กับแหล่งน้ำต่างๆ เพราะถ้าหากพลัดตกลงไปนี่โอกาสรอดมีน้อยมากเลยทีเดียว ยิ่งเป็นที่น้ำลึกๆ ด้วยแล้วยิ่งอันตราย วันนี้ #เหมียวหง่าว มีวิธีการง่ายๆ ในการป้องกันการจมน้ำสำหรับเพื่อนๆ ที่ว่ายน้ำไม่เป็นมาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   1. ตั้งสติไว้ให้ดี หากเกิดอาการตกใจ จะทำให้สติของเราเตลิดเปิดเปิงจนทำให้ใช้แรงไปอย่างสิ้นเปลืองจนหมด จนไม่สามารถประคองตัวเข้าหาฝั่งได้   2. ใช้ทักษะในการลอยตัวเหนือน้ำ หลังจากที่ตั้งสติดีแล้วต่อไปก็มาถึงวิธีการในการพยุงตัวให้ลอยอยู่เหนือน้ำ โดยร่างกายของเราจะมีจุดศูนย์ถ่วงอยู่ที่ท้องน้อย ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยก็จะทำให้เราจม แต่การยกมือขึ้นหรือกางแขนกางขาออกไปจะทำให้เราลอยตัวอยู่เหนือน้ำได้   และอีกส่วนที่ทำให้ร่างกายของเราลอยน้ำได้ก็คืออากาศที่อยู่ภายในปอดของเรายังไงล่ะ หลังจากที่จัดท่าทางได้แล้วก็อย่าลืมสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่จังหวะที่หายใจออกอากาศที่อยู่ในปอดก็จะลดลงจนทำให้รับน้ำหนักของร่างกายไม่ไหวและจมลงไป เพราะฉะนั้นจะต้องกะจังหวะตอนหายใจให้ดีด้วย   3. ถอดเสื้อผ้าที่สามารถดูดซับน้ำได้ดีและโยนสัมภาระที่มีน้ำหนักเยอะทิ้งไปก่อน เพราะสิ่งของพวกนี้จะถ่วงน้ำหนักของเพื่อนๆ ให้มากขึ้น และทำให้ขยับตัวลำบาก โดยเฉพาะเสื้อยีนส์ กางเกงยีนส์ แต่ถ้าเป็นผ้ายืดธรรมดาๆ ก็ไม่เป็นไร ส่วนรองเท้านั้นถ้าเป็นประเภทรองเท้าบูธหรือรองเท้าหนังก็จะทำให้มีน้ำหนักมากจนทำให้เป็นภาระได้ เพราะฉะนั้นถอดออกดีกว่า แต่ถ้าเป็นพวกรองเท้าแตะ หรือรองเท้าวิ่งที่มีโฟมหรือฟองน้ำเป็นส่วนประกอบก็ไม่จำเป็นต้องถอด เพราะมันจะช่วยให้ลอยน้ำได้   #เหมียวหง่าว หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ เป็นอย่างยิ่งเลยนะจ๊ะ แต่ทางที่ดีถ้าไม่มีอุปกรณ์ชูชีพก็ควรหลีกเลี่ยงในจุดที่มีน้ำลึกดีกว่าเนอะ ^^ เรียบเรียงโดย #เหมียวหง่าว

เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวสุดประทับใจของ Simon Rowe ชายคนหนึ่งที่ประเทศออสเตรเลีย เขาประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างหนักในปี 1993 จนทำให้ไม่มีที่ซุกหัวนอนเลยทีเดียว และสิ่งเดียวที่เขามีไว้นอนตอนกลางคืนก็คือรถเพียงคันเดียวที่เขามีเท่านั้น… วันเวลาผ่านไปอย่างกับเรื่องโกหก 20 ปีต่อมา Rowe ก็ไม่ได้เป็นคนไร้บ้านอีกต่อไป ตอนนี้เขามีบ้าน มีฐานะดี แต่ก็ไม่เคยจะลืมเรื่องราวที่เขาพบเจอมา เลยคิดหาวิธีการที่จะช่วยเหลือเหล่าผู้ไร้บ้านของประเทศออสเตรเลีย บ้านเกิดของเขา   ทีนี้เขาก็เกิดปิ๊งไอเดียในการซื้อรสบัสขึ้นมา แล้วตั้งชื่อว่า Sleep Bus เพื่อให้เหล่าผู้ไร้บ้านได้นอนพักยามค่ำคืน   ตามแผนการของเขานั้น เขาหวังว่าจะสามารถซื้อรถบัสเพื่อให้เป็นที่พักพิงต่อเหล่าคนไร้บ้านในออสเตรเลีย เป็นจำนวนทั้งหมด 300 คันด้วยกัน ซึ่งจำนวนประชากรคนไร้บ้านทั้งหมดมีจำนวนอยู่ราวๆ 105,000 คน และกว่า 6,000 คน ไม่มีที่ซุกหัวนอน   กราฟคนไร้บ้านในออสเตรเลีย   เขาเลยเข้าไประดมทุนในเว็บไซต์ GoFundMe ซึ่งได้รับเงินบริจาคจากรอบโลกเลยทีเดียว ไม่เพียงแต่สามารถซื้อรถบัสได้อย่างเพียงพอเท่านั้น แต่เกือบครอบคลุมค่าโครงการของเขาทั้งหมดเลยล่ะ ตามหลักการแล้วรถบัสคันนึงจะสามารถนอนได้ 22 คนด้วยกัน มีระบบรักษาความปลอดภัย ล็อคเกอร์ของแต่ละคน ห้องน้ำ 2 ห้อง และที่พักสำหรับสัตว์เลี้ยงจำนวน 8 ที่ด้วยกัน   เรียกได้ว่าปลอดภัยพอสมควรเลยล่ะ…

เป็นที่รู้กันดีว่าอาหารที่เราซื้อมาจากข้างนอก หากเราทานไม่หมดก็มักที่จะเลือกเก็บไว้เพราะเสียดายของที่ยังเหลืออยู่ แต่บางกรณีก็ทิ้งไปเลย แม้ว่าจะเหลือมากน้อยแค่ไหนก็ตาม     ทีนี้เรามาพูดถึงกรณีการเก็บอาหารที่เหลือกันดีกว่า เนื่องจากว่าอาหารที่เหลืออยู่นั้นมักจะถูกเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อรักษาสภาพให้นานเท่าที่จะนานได้ เมื่ออยากรับประทานก็ต้องนำมาอุ่นเสียก่อนผ่านไมโครเวฟ ถ้าไม่คิดอะไรมาก อุ่นเสร็จก็กินได้ไม่มีปัญหา     แต่มันเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เลย เพราะมันจะกลายมาเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคชั้นดีเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะข้าวที่เหลือเอาไว้จะมีเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า บาซิลลัส ซีเรียส ต้นเหตุของท้องเสียและอาเจียน (โรคอาหารเป็นพิษ) ซึ่งหากจะให้ปราศจากเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ก็ต้องอุ่นด้วยอุณหภูมิที่สูงถึง 82 องศาเซลเซียส     เอาเป็นว่าหากใครมีแผนที่จะเก็บอาหารเหลือเอาไว้ ก็ควรเก็บในภาชนะที่สะอาดภายในเวลา 1 ชั่วโมง อีกทั้งอาหารที่เหลือนั้นไม่ควรนำมาอุ่นเกินมากกว่า 1 ครั้ง และในการอุ่นอาหารเหลือแต่ละครั้งต้องมั่นใจด้วยว่าทุกส่วนของอาหารได้รับความร้อนจากการอุ่นที่เพียงพอแล้ว     ที่มา : rrune, gosocial, Brit Lab

สำหรับคนที่รักการท่องเที่ยวแล้ว การได้ไปชมสถาปัตยกรรมต่างๆ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดมุ่งหมายของการเดินทาง เพราะมันเหมือนเป็นการเปิดหูเปิดตาให้ได้เห็นอะไรใหม่ๆ แบบที่ประเทศเราไม่มี วันนี้ #เหมียวสามสี ก็จะพาทุกท่านไปเยี่ยมชม 26 สถาปัตยกรรมอันงดงามจากทั่วโลกที่คัดสรรค์มาอย่างดี สำหรับคนที่ชอบเดินทางและวางแผนกำลังจะไปประเทศนั้นๆ ก็เตรียมสมุดมาจดไว้ได้เลย   เท่าที่ทราบมานี่คือสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดในตุรกี มันมีชื่อว่า Göbekli Tepe สร้างมาตั้งแต่ 9500 ปีก่อนคริสต์ศักราช นักโบราณคดียังไม่รู้ว่ามันใช้ทำอะไร   หลังจากนั้นมา คนก็เริ่มก่อสร้างด้วยโครงสร้างที่สวยงามยิ่งขึ้น อย่างเมื่อปีที่แล้วก็ได้มีการเปิดตัว Fulton Center ในนิวยอร์ก   และโรงเรียน Penleigh and Essendon Grammar School ในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย   สถาปนิกสมัยใหม่อย่าง Antoni Gaudí ก็ไม่ทันได้อยู่ดูงานของเขานั่นก็คือ Sagrada Família สร้างเสร็จ ดูจากภายนอกแล้วเหมือนอยู่ในโลกนาร์เนียเลย   …และภายในก็ดูเหนือจริงมากๆ   ตึก Flatiron ในนิวยอร์กก็ถือเป็นตึกระฟ้าตึกแรก…   …หลังจากนั้นก็มีตึก Woolworth ที่คงสถิติตึกสูงที่สุดตั้งแต่ปี 1913 ถึง 1930   อพาร์ตเมนต์ Marina City ในชิคาโก้…

สำหรับคนที่ติดตามภาพยนตร์ซีรีส์แฮร์รี่ พอตเตอร์ มาก็คงรู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้มาบ้าง แต่ครั้งนี้ #เหมียวสามสี ไม่ได้มีเกร็ดอะไรมากมายหรอก แต่ครั้งนี้จะให้ทุกคนได้เสพภาพอันงดงามที่เกิดขึ้นในหนัง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม” ถ้าพูดถึงแฮร์รี่ที่เหมียวคิดว่าสนุกที่สุดก็คงยกให้ภาค 3 นักโทษแห่งอัซคาบัน ซึ่งกำกับโดย Alfonso Cuarón ผู้กำกับดีกรีรางวัลออสการ์ แต่ถ้าถามว่าภาคไหนภาพสวยที่สุด ก็คงต้องยกให้ภาคเจ้าชายเลือดผสม ซึ่งกำกับโดย David Yates แต่เรื่องงานภาพนั้นต้องยกความดีความชอบให้กับชายที่ชื่อว่า Bruno Delbonnel ผู้กำกับงานภาพนั่นเอง   ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม นั้นจะมีงานภาพที่แตกต่างจากหนังแฮร์รี่ภาคอื่นๆ อยู่พอสมควร   นั่นก็เพราะว่าได้ผู้กำกับงานภาพฝีมือดีอย่าง  Bruno Delbonnel มาช่วยนั่นเอง   ในหลายๆ ฉากนั้นก็ใช้งานภาพสื่อแทนการใช้คำพูด นั่นก็เป็นเพราะฝีมือของผู้กำกับภาพคนนี้นี่เอง   ก่อนหน้านี้เขาได้กำกับงานภาพให้กับภาพยนตร์เรื่อง Amélie และ Inside Llewyn Davis ซึ่งถ้าใครเคยดูก็ต้องรู้ว่างานภาพของสองเรื่องนี้สวยแค่ไหน ยิ่งถ้ามาอยู่ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม ด้วยแล้วเป็นอะไรที่สวยงามมากๆ   เขามักจะถ่ายช็อตในมุมมองที่แปลก เพื่อให้ฉากนั้นแสดงโทนและอารมณ์ออกมาได้อย่างสวยงาม   และช็อตของรถไฟด่วนฮอกวอตส์นี้…   ก็แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ที่แตกต่างกัน อย่างภาพบนก็เป็นภาพที่สดใส แต่ภาพข้างล่างนี้เป็นรถไฟขากลับ ซึ่งเต็มไปด้วยความเศร้าและหม่นหมอง   นี่คือช็อตทางเดินในฮอกวอตส์ในช่วงต้นเรื่อง…

คุณผู้ชายทั้งหลายรู้หรือไม่ว่า ในทุกๆ วันผู้หญิงต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย  ซึ่งปัญหาเหล่านั้นคุณอาจจะมองว่ามันธรรมดาๆ ไม่หนักหนาอะไร แต่ถ้าหากคุณลองมาสลับร่างเป็นผู้หญิง คุณจะเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นเป็นอย่างดี และนี่คือ 11 ภาพที่จะมาอธิบายความยากในการใช้ชีวิตของผู้หญิงในแต่ละวัน ว่ามันเป็นอย่างไร งานนี้หากสาวๆ คนไหนได้เห็นคุณจะต้องร้องอุทานขึ้นมาทันทีว่า “นี่มันตรงชีวิตเราชัดๆ  เลย”   1.ทาลิปในวันที่ลมแรง ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ผมมาแปะอยู่ที่ปากซะงั้น มันน่ารำคาญมากนะ   2.สิ่งที่คิด : โรลผมทิ้งไว้พอตื่นมาผมก็จะสวยๆ ไงละ แต่ความเป็นจริงผมกลับพันกันยุ่งเหยิงไปหมด   3.พยายามแต่งหน้าตามเมคอัพชื่อดัง แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันต่างกับความจริงมาก   4.ความจริงที่จะเกิดขึ้น นี่หากคุณเป็นผู้หญิงผมหนาและพยายามจะจัดแต่งทรงผม   5.ไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไม ครีมนวดผมมักจะหมดก่อนยาสระผมเสมอ   6.ชอบหลอกตัวเองว่ามันพอดี แต่สุดท้ายก็หนีความจริงไม่พ้น ถูกปะ?   7.สิ่งที่แย่และเจ็บปวดมากที่สุด ยิ่งกว่าถูกผู้ชายทิ้งเสียอีก   8.แม้จะไม่มีตาที่หลัง แต่ก็สามารถทำบางสิ่งได้อย่างง่ายดายจนน่าเหลือเชื่อ   9.รองเท้าสวยๆ มันมีเบื้องหลังความสวยที่แสนทรมานแบบนี้นี่เอง   10.เหตุผลที่ผู้หญิงเกลียดท่อ เพราะเวลาใส่รองเท้าส้นสูงมักจะเดินตกไปติดที่รูฝาท่อเป็นประจำ   11.และนี่คืองานศิลปะบนฝ่ามือของผู้หญิง  …

ไม่ว่าใครก็ต้องเคยมีของเล่นสมัยเด็กใช่มั้ยละ ถ้าบ้านใครมีเงินหน่อย ก็อาจจะมีของเล่นดีๆ ถ้าบ้านใครฐานะปานกลาง ก็อาจมีของเล่นดีบ้าง ธรรมดาบ้างสลับกันไป ซึ่งบางครั้งของเล่น ก็สามารถสะท้อนถึงความไม่เท่าเทียมกันในสังคมได้อีกด้วย ทางตากล้อง Gabriele Galimberti จึงได้ถ่ายภาพของเล่นเด็กจากทั่วโลก เพื่อแสดงให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมในสังคม จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย   เคนย่า   อินเดีย   คอสตาริกา   อัลเบเนีย   โมร็อกโก   อิตาลี   ไทย   บอสวาน่า   จีน   แทนซาเนีย   ยูเครน   อิตาลี   มาลาวี   สหรัฐอเมริกา     นอร์เวย์     สหรัฐอเมริกา   เฮติ   แม้เราจะพยายามขนาดไหน แต่สุดท้ายความไม่เท่าเทียมก็ยังคงมีอยู่ในโลกจริงๆ #เหมียวอ๊อดโด้…

แว่นตาถือว่าเป็นหนึ่งในเครื่องประดับที่สามารถทำให้เราดูดีขึ้นได้ไม่ต่างจากเสื้อผ้าหรือรองเท้า แต่เชื่อว่าหลายๆ ท่านประสบปัญหาว่า ตนเองควรใส่แว่นทรงไหนถึงจะเหมาะสมกับตนเอง วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมเทคนิคการเลือกแว่นให้เข้ากับรูปหน้าของตนเอง จากเว็บไซต์ Bright Side ที่หนุ่มๆ สาวๆ ควรจะรู้ว่า จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย   คนหน้ากลมพยายามเลือกแว่นที่มีมุมหรือแว่นสไตล์ Aviator เพื่อเน้นความเป็นมุมบนใบหน้า   คนหน้ารูปไข่นี่สบายมาก ใส่แบบไหนก็ได้ ขอแค่แว่นมีความกว้างเท่าขนาดใบหน้าก็โอเคละ   หน้าเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส (เหมือนคนที่คุณก็รู้ว่าใคร) พยายามหาแว่นที่เป็นวงกลมที่ออกกว้างๆ หน่อย อย่าใส่แว่นที่เป็นเหลี่ยม เพราะหน้าเราเหลี่ยมอยู่แล้ว   หน้าสี่เหลี่ยมผืนผ้า พยายามเลือกแว่นคล้ายๆ คนที่หน้าเหลี่ยมจัตุรัส แต่ให้ขอบด้านบนเป็นเส้นตรง และความกว้างของแว่นต้องเท่ากับหน้าของเรา   หน้ารูปหัวใจเลือกแว่นที่เป็นเหลี่ยมๆ เพื่อตัดกับใบหน้าของตนเอง หลีกเลี่ยงแว่นที่เป็นทรงหยดน้ำ เพราะจะคล้ายกับทรงหน้าเราเกินไป   หน้าทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดจะใส่แว่นทรงไหนก็ได้ ขอเพียงแค่ด้านสูงยาวกว่าด้านกว้างก็พอ   หน้ารูปสามเหลี่ยมกลับด้าน หาแว่นทรงหยดน้ำมาใส่เพื่อให้สมดุลย์กับทรงหน้า หรือไม่ก็ใช้แว่นทรงสี่เหลี่ยมก็ได้เหมือนกัน   เป็นไงล่ะเทคนิคดีๆ ในการเลือกแว่นของ #เหมียวอ๊อดโด้ วันนี้ หวังว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ…

สาวๆ หลายคนอาจจะคิดว่า ทรงผมสั้น เป็นทรงผมที่ดูสวย และดูดีได้แค่ทรงเดียว อีกทั้งผมสั้นยังเป็นทรงผมที่ตัดโอกาสการทำผมทรงสวยๆ หลายๆ ทรง ดังนั้นสาวๆ ส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะไว้ผมยาว เนื่องจากสามารถทำทรงผมได้อย่างหลากหลาย หากคุณคิดเช่นนั้นละก็ คิดผิดแล้ว เพราะการไว้ผมสั้น นอกจากจะทำให้คุณดูคล่องแคล่ว เป็นตัวของตัวเอง ยังสามารถทำทรงผมสวยๆ ได้อีกตั้งหลายอย่าง เช่น 22 ไอเดียทรงผมเปียสำหรับสาวผมสั้น ที่เราได้หยิบมาให้รับชมในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นทรงผมเปียน่ารักๆ ในสไตล์ของสาวผมสั้น ที่ทำแล้วดูสวยเก๋ และดูดีเป็นที่สุด ทีนี้คุณจะรู้ว่าผมสั้นก็สามารถทำทรงสวยๆ ได้เยอะแยะเลย     ใครว่าสาวผมยาวสามารถเปียผมได้อย่างเดียว   สาวๆ ผมสั้นก็สามารถทำผมเปียได้   แถมยังดูน่ารักในสไตล์ของตัวเองอีกด้วย   อีกทั้งยังมีไอเดียทรงผมเปียให้เลือกตั้งมากมายหลากหลายรูปแบบ   ไม่ว่าจะเป็นเปียด้านข้างแบบเก๋ๆ   หรือจะเป็นถักเปียเป็นแบบโมฮอคก็ดูเท่ไปอีกแบบ   ดูดีมีสไตล์   เพิ่มความกิ๊บเก๋โดยการถักเปียแบบคาดผม   หรือจะเป็นทรงนี้ บอกเลยว่าทำแล้วเกิดเกิดเกิด   แบบนี้ก็แหวกแนวไม่เหมือนใคร   น่ารักดีนะ   หรือจะเป็นการถักเปียแบบยุ่งๆ…

สำหรับวันนี้เราก็มีบทความดีๆ อ้างอิงจากหนังสือหลักในการเจรจาของอาจารย์ Deepak Malhotra แห่งมหาวิทยาลัย Harvard หนึ่งในมหาวิทยาลัยระดับแนวหน้าของโลก ที่บอกเล่าเกี่ยวกับหลักในการเจรจาและต่อรองกับผู้อื่นให้ประสบความสำเร็จมากที่สุด!? สำหรับการต่อรองหรือเจรจานั้น นับเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ โดยเฉพาะในส่วนของภาคธุรกิจ และที่น่ากลัวมากกว่านั้นก็คือ สำหรับหลายๆ คนแล้ว การติดต่อ เจรจาและต่อรองนั้น คือจุดอ่อนของพวกเขาเลยก็ว่าได้ แต่วันนี้เราจะมารับประสบการณ์ดีๆ จากหนึ่งในเซียนเจรจาระดับโลกอย่าง ดร. Deepak กันล่ะ ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันหน่อยดีกว่า ศาสตราจารย์ Deepak Malhotra นั้น เป็นศาสตราจารย์ผู้สอนศาสตร์และศิลป์ในด้านบริหารธุรกิจของ Harvard Business School และบทความของเขา “Negotiating the Impossible” หรือ ‘การเจรจาคือสิ่งที่เป็นไปได้’ ที่จะมาบอกเล่าให้เราได้ฟังกันว่าการประสบความสำเร็จในการเจรจานั้นไม่ได้มาจากความดื้อรั้นเพียงอย่างเดียว   1. เรียบเรียงให้ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง   จากการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ ศาสตราจารย์ท่านนี้ได้สอนเกี่ยวกับการเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ และจะต้องไม่ลืมเป้าหมายในตอนต้น และนี่คืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของการเจรจาและต่อรองเลยล่ะ ก่อนอื่นเราต้องรอบรู้เกี่ยวกับกฎและระเบียบต่างๆ เรื่องราวของผู้คนที่เราจะเจรจาด้วย และที่สำคัญขอบเขตของสิ่งที่เราจะสามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้ และสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่คุณจะต้องรู้ก่อนที่จะเริ่มการเจรจา เพื่อลดอัตราความเสี่ยงในการเจอสิ่งที่คุณคาดไม่ถึงในการเจรจากับอีกฝ่ายขณะที่คุณกำลังจะได้เปรียบในการต่อรอง หลายๆ อย่างที่กล่าวมานี้อาจดูเหมือนขัดกับความรู้สึกและสิ่งที่เรารู้มาเล็กน้อย แต่ที่จริงแล้วมันไม่ได้ขัดเลย และถึงการถามคำถามต่างๆ ระหว่างการเจรจาและต่อรองจะทำให้คุณดูอ่อนแอในสายตาของอีกฝ่าย เพราะดูเหมือนคุณไม่รู้ลึก รู้จริง แต่ศาสตราจารย์ของเราก็ยังแนะให้ถามไปเลยอยู่ดี…

หากพูดถึงนิยายหรือนิทานที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ที่ถูกเก็บมาเลี้ยงโดยสัตว์ป่า เราก็คงจะนึกอมตะนิทานอย่าง “ทาร์ซาน” หรือ “เมาคลี” อย่างแน่นอน ด้วยเนื้อเรื่องที่สนุกสนานและความสัมพันธ์อันน่าประทับใจระหว่างคนกับสัตว์ ทำให้ทั้งสองเรื่องครองใจคนทั่วโลกมาอย่างยาวนาน แล้วในความเป็นจริง สัตว์สามารถเลี้ยงดูมนุษย์จนเติบใหญ่ได้จริงๆ หรือ? หรือว่าเป็นเพียงนิทานหลอกเด็กประโลมโลกเท่านั้น? เราไปค้นหาความจริงกันดีกว่า     เรื่องราวของมนุษย์ที่ถูกเลี้ยงดูโดยสัตว์ มีการพูดถึงมาอย่างยาวนานแล้ว อย่างเช่นในตำนานของชาวโรมัน มีพี่น้องคู่หนึ่งนามว่า Romulus และ Remus ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งด้วยเหตุผลจำเป็น ก่อนจะถูกเลี้ยงดูมาโดยหมาป่าและนกหัวขวาน ซึ่งต่อมาทั้งสองก็กลายผู้สร้างกรุงโรมขึ้นมานั่นเอง     แน่นอน เรื่องราวดังกล่าวเป็นเพียงแค่ตำนานที่เล่าสืบต่อๆ กันมาเท่านั้น คงไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริงหรือไม่ งั้นเราลองไปดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้กันดูบ้าง อย่างเช่นเรื่องราวของ Oxana Malaya เด็กหญิงชาวยูเครนคนนี้ ในปี 1991 มีคนพบเด็กหญิง Oxana Malaya อาศัยอยู่กับฝูงสุนัขจรจัด หลังจากถูกพ่อแม่ของเธอทิ้งไปเมื่อห้าปีก่อน     หลังจาก Oxana ได้รับความช่วยเหลือ พวกเขาก็พบว่าเธอไม่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้เลย แถมเธอยังเดินสี่เท้าเหมือนกับหมา และยิ่งไปกว่านั้น เธอยังมีวิธีการทำความสะอาดร่างกายที่เหมือนกับหมาโดยการใช้ลิ้นเลียอีกด้วย เมื่อเรื่องราวของเธอถูกเผยแพร่ออกไป เธอถูกเรียกว่า “เด็กหญิงสุนัข” รายงานเล่าว่าเธอถูกเลี้ยงดูโดยสุนัขมาตลอด พวกมันไม่เพียงจะหาอาหารมาให้เธอเท่านั้น…

เชื่อว่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา มีการแชร์ภาพๆ หนึ่งจากเพจ easyBills ซึ่งบอกพลังงานของอาหารชนิดเส้นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวุ้นเส้น เส้นเล็ก เส้นบะหมี่ ขนมจีน   กลางวันนี้กินเส้นอะไรดี?? ——————————————- #easyLife #easyTips #easyBills ขอบคุณข้อมูลจาก www.healthandtrend.com และ www.kapook.com โพสต์โดย easyBills บน 19 เมษายน 2016   ภาพดังกล่าวบอกว่าวุ้นเส้นให้พลังงานถึง 330 กิโลแคลลอรี่ต่อปริมาณ 100 กรัม ซึ่งทำให้ชาวเน็ตต่างรู้สึกตกใจ เพราะหลายคนมีความเชื่อว่า วุ้นเส้นเป็นอาหารชนิดเส้นที่ให้พลังงานน้อยที่สุด ด้วยเหตุนี้เอง ทางจารย์เจษฎ์ เจษฏา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง   “เส้นไหน กินเยอะ ก็อ้วนทั้งนั่นแหล่ะ” ถามกันมาเยอะว่า ภาพนี้จริงหรือเปล่า เข้าใจผิดมาทั้งชีวิตว่ากินวุ้นเส้นแล้วไม่อ้วน… โพสต์โดย Jessada Denduangboripant บน 25 เมษายน 2016   โดยจารย์เจษฎ์ กล่าวว่า วุ้นเส้นให้พลังงานสูงจริงเช่นนั้นจริง…

ชีวิตก็เหมือนกับรถไฟเหาะ บางครั้งก็ขึ้นสูงจนน่าตกใจ และบางครั้งก็ลงต่ำจนน่าใจหาย สิ่งเดียวที่เราทำได้คือการเตรียมตัวและเตรียมใจให้พร้อมรับในทุกสถานการณ์ และวันนี้เหมียวอ๊อดโด้ มีข้อความเตือนใจดีๆ ที่ถ้าใครคนไหนกำลังอยู่ในช่วงขาลงของชีวิต ลองอ่านข้อความเหล่านี้ดู รับรองว่าจะทำให้รู้สึกดีขึ้นมากอย่างแน่นอน จะมีอะไรบ้าง ไปชมกันเลย     คุณมีความหมายสำหรับใครบางคนบนโลกนี้เสมอ รอยยิ้มของคุณสามารถทำให้คนที่ไม่ชอบคุณมีความสุขได้     ทุกๆ คืน มีคนที่คิดถึงคุณทุกครั้งก่อนที่เขาจะนอน ถ้ามีใครซักคนเกลียดคุณ ส่วนมากเพราะพวกเขาอยากจะเป็นเหมือนคุณทั้งนั้นแหละ     อย่างน้อยๆ ก็มีคนสองคนบนโลก ที่พร้อมจะให้คุณพักพิงเสมอ โดยทั่วไปแล้ว มีคนอย่างน้อยๆ 12 คนบนโลกนี้ ที่รักคุณในแบบของพวกเขา ชีวิตของเราสั้นเกินกว่าที่จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเสียใจ รักคนที่ทำดีกับคุณ และลืมคนที่ทำไม่ดีกับคุณไปซะ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นมาอย่างมีเหตุมีผลเสมอ     แม้กระทั่งในความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต ก็ยังมีเรื่องดีๆ ออกมาให้คุณได้ชื่นชม เวลาคุณรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่เป็นใจให้คุณเลย ลองมองจากมุมอื่นดูสิ แล้วจะรู้ว่ามันไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่เลย     จำไว้เสมอว่า เวลาคุณได้โอกาสในการแก้ตัวอีกครั้ง บอกตัวเองเสมอว่าครั้งนี้เราต้องทำสำเร็จ หากโอกาสครั้งใหม่ปรากฏขึ้นมา และชีวิตของคุณต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงเพราะโอกาสนั้น จงปล่อยให้มันเป็นไป หลายคนบอกชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เชื่อเถอะ ทุกอย่างที่ทำไปนั้นคุ้มค่าแน่นอน…

ไม่น่าเชื่อว่าห้องน้ำที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้มันสามารถสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมต่างๆ ของประเทศนั้นๆ ได้ ถ้าใครเคยไปเข้าห้องน้ำที่ต่างประเทศ เอาที่แบบห้องน้ำที่มันธรรมดา หาได้ทั่วไปสุดๆ อันนั้นแหละที่สามารถบ่งบอกอะไรได้หลายๆ อย่าง วันนี้ #เหมียวสามสี ก็ได้พาทุกท่านไปเยี่ยมชมห้องน้ำที่สร้างออกมาได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และดูสร้างสรรค์แบบที่ที่ไหนก็ทำไม่ได้ โดยครั้งนี้ได้หนังสือ Lonely Planet มาจัดอันดับให้ รับรองว่าคัดมาแบบเน้นๆ   1. Barafu Camp, ทานซาเนีย การได้นั่งอึบนยอดเขาคีรีมันจาโรในประเทศทานซาเนีย สูงประมาณ 4,600 เมตรนั้นคงเป็นอะไรที่น่าจะทำให้เราตายตาหลับได้แล้วล่ะ เพราะที่ Barafu Camp นั้นจะให้เราปล่อยปลาโลมาให้อยู่ที่สูงจนใครๆ ต้องอิจฉา   2. ห้องน้ำสาธารณะ, Matakana, นิวซีแลนด์ ใช้เวลากว่า 7 ปีและเงินอีกกว่า 9.8 ล้านบาทในการสร้างห้องน้ำแห่งนี้ขึ้นมา ซึ่งคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นบางคนก็เห็นดีเห็นงาม และบางคนก็คัดค้านการสร้าง โดยการออกแบบก็ทำมาให้เหมือนกับด้านหน้าของเรือ ซึ่งตรงกับเมืองนี้ที่เป็นเมืองผลิตเรือ   3. Krafla, ไอซ์แลนด์ ส้วมแห่งนี้โดดเด่นเป็นอย่างมาก ซึ่งอยู่ใก้ลกับสถานีจ่ายพลังงาน Geothermal Power Station ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนเอามาติด และเอามาติดทำไม แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนที่ปีนเขามาแล้วมาเจอกับส้วมแห่งนี้ จะได้ถ่ายรูปไปลงในอินสตาแกรมได้   4. Thiksey…

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่น่ารัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าสยองอยู่นิดๆ เหมือนกันนะเนี่ย ฮ่าๆๆ เอาเป็นว่าจะน่ารัก หรือสยอง เพื่อนๆ ลองมาตัดสินใจดูกันนะจ๊ะ ButAnywayHeresWonderwall ผู้ใช้ Imgur เว็บไซต์ฝากภาพชื่อดัง ได้โพสต์ภาพของข้อความ ที่พ่อของเขาได้เขียนไว้ที่โต๊ะทำงานของแม่ตอนมีชีวิตอยู่ ถึงแม้เขาจะเสียชีวิตไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตอนนี้เขาเจอเข้ากับข้อความนี้โดยบังเอิญและบอกได้เลยว่ามันซาบซึ้งสุดๆ   ข้อความใต้โต๊ะทำงานของแม่     “I love you Becca. Whatever day this is, I hope it’s a good one. God truly answered my prayers the day he gave me you. I know that these days are the best I’ll ever have,…

ว่ากันว่าสมองเราต้องหัดทำพัซเซิลหรือเล่นเกมที่ต้องใช้ตรรกะบ้าง เพื่อให้สมองได้แล่น เพราะถ้าทิ้งไว้นานๆ ก็จะเหมือนรถที่ไม่ได้ใช้นาน พอจะใช้อีกทีก็ต้องเอาไปซ่อมใหม่ วันนี้ #เหมียวสามสี ก็เลยจัดเกมปริศนา 4 ข้อ ที่ต้องใช้ทักษะการเชื่อมโยงนิดหน่อย ซึ่งมันเป็นอะไรที่สนุกมากๆ สำหรับคนที่ชอบอะไรแบบนี้ เราไปดูกันเลยว่าจะยากแค่ไหน (เฉลยมีตอนท้ายนะจ๊ะ)   Puzzle 1 – จุดจอดรถ เริ่มข้อแรกแบบง่ายๆ ก่อนแล้วกันเนอะ อันนี้เป็นบททดสอบเอาไว้ให้เด็กป.1 ที่ฮ่องกงทำกัน ให้หาเลขมาเติมตรงช่องจอดรถ จะเป็นเลขอะไรน้าาา   Puzzle 2 – 4 เลขมหัศจรรย์ เด็กประถมสามารถแก้โจทย์นี้ได้ในเวลา 5-10 นาทีเท่านั้น ดูกันว่าคุณจะทายถูกไหม   Puzzle 3 – ตัวเลขพีระมิด เพิ่มระดับความยากขึ้นมาอีกนิด บอกเลยว่าอันนี้มีมึนแน่นอน หาตัวเลขที่ต้องไปอยู่ที่ช่อง E กับ D   Puzzle 4 – กล่องช็อกโกแลต ปริศนานี้เคยอยู่ในแบบฝึกหัดของเด็ก 12 ปีในอเมริกา โจทย์คือ “มีลูกอมช็อกโกแลต 50 อันอยู่ในกล่อง มี…

หากคุณทราบว่าคนรักของคุณกำลังป่วยหนัก และกำลังจะเสียชีวิตในเวลาอีกไม่นาน คุณจะทำอย่างไร บางคนอาจทำใจ บางคนอาจเศร้าเสียใจ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอคนนี้ทำอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่เธอทำนั้น ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งเหล่านั้นมากมายนัก เรื่องราวอันน่าประทับใจ (และน่าเศร้าไปพร้อมๆ กัน) เป็นของคู่รัก Craig และ Joan Lyons ทั้งสองเล่าว่าพวกเขารู้จักกันมากว่า 30 ปีแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา Craig แอบหลงรัก Joan มาตลอด แต่เธอไม่เคยรู้เลยแม้แต่น้อย   “ครั้งแรกที่ผมเจอหน้าเธอตอนอายุ 14 ผมตกหลุมรักในทันที” Craig กล่าวกับ Dailymail   จนกระทั่งเมื่อ 18 เดือนก่อน Craig ตัดสินใจบอกความรู้สึกจริงๆ ของเขาออกไป แน่นอน Joan ก็ตอบรับความรู้สึกนั้น และพวกเขาวางแผนที่จะแต่งงานกัน…   ตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะแต่งงานในปีถัดมา โชคร้าย Craig ตรวจพบมะเร็งตับอ่อนซึ่งอยู่ในระยะสุดท้ายแล้ว พวกเขาจึงเลื่อนงานแต่งงานให้เร็วกว่าเดิม   และในงานแต่งงาน Joan ตัดสินใจโกนผม เพื่อเป็นการให้กำลังใจการสามีที่กำลังป่วยหนักของเธอ   “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเธอในสภาพที่ไม่มีผม เธองดงามมาก…

นับตั้งแต่มนุษย์เริ่มปกครองโลกเมื่อราวสามหมื่นปีก่อน มนุษย์มีการใช้ประโยชน์จากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มากมาย ไม่ว่าจะเพื่อเป็นอาหาร เครื่องนุ่งห่ม เครื่องมือในการทำงาน รวมถึงในการป้องกันภัย ซึ่งบางครั้ง มันก็เป็นการทำร้ายสัตว์เหล่านั้นไม่ทางตรงก็ทางอ้อม แต่จะเป็นอย่างไรหากมนุษย์และสัตว์เหล่านั้นกลับต้องสลับบทบาทกัน จนผู้กระทำก็กลายเป็นผู้ถูกกระทำซะเอง จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย   เมื่อมนุษย์ต้องไปอยู่บนเขียงแทน   ลองเป็นเครื่องรางดูมั้ย   ถลกหนัง   หากมนุษย์ถูกนำมาเซลฟี่จนตายบ้างจะเกิดอะไรขึ้น?   เมื่อมนุษย์ไร้อิสรภาพ   มนุษย์ทดลอง   ลองมาเป็นคนเฝ้าบ้านดูมั้ย   เมื่อมนุษย์กลายเป็นเครื่องประดับ..   ถ้าพวกมันใช้ปืนเป็น..   นักล่าสิ้นลาย   อาหารแช่แข็ง..   จากนักสู้จะกลายเป็นเหยื่อแทน   ถ้าเป็นอย่างในภาพจริงๆ โลกเราคงจะน่ากลัวพิลึกนะ แต่อย่างน้อยภาพเหล่านี้ ก็น่าจะทำให้เราเห็นอกเห็นใจสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มากขึ้นนะ ใช่มั้ยละเพื่อนๆ ที่มา Ernesto Chavana

บ่อยครั้งที่เราเห็นข่าว คนสองคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน กลับบังเอิญมีหน้าตาคล้ายกันจนนึกว่าเป็นฝาแฝด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ประหลาดมากๆ แถมบางคนยังมีหน้าตาคล้ายกับคนในอดีตซะอีก วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 15 คนดังจากทั่วโลก ที่บังเอิญไปหน้าคล้ายกับคนในอดีตอย่างกับแกะ เอ๊ะ หรือว่าพวกเขาข้ามกาลเวลามาอยู่ในยุตปัจจุบันกันแน่ จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย   ประธานาธิบดีคนที่ 13 ของสหรัฐอเมริกา Millard Fillmore และนักแสดง Alec Baldwin   ศิลปินชาวสก็อตแลนด์ Sir David Wilkie และนักแสดงสาวสุดเซ็กซี่ Scarlett Johansson   จักรพรรดิโรมัน Severus Alexander  กับ นักร้องเพลงแรปชื่อดัง Eminem   ตลกหลวง Sebastián de Morra และนักแสดงชื่อดัง Peter Dinklage   กษัตริย์ Phillip ที่ 4 แห่งสเปนกับผู้ร่วมก่อตั้งเฟสบุ๊ค Mark Zuckerberg   สองนักแสดงชื่อดัง Lily Elsie และ…

เวลาไม่เคยหยุดนิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงตามเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมรอบกาย สิ่งปลูกสร้าง ค่านิยม หรือแม้กระทั่งตัวเราเอง ซึ่งหากเทียบกับเมื่อ 10 ปีก่อนแล้ว บางทีอาจไม่มีสิ่งใดเหมือนกันเลยก็เป็นได้ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 10 ภาพเปรียบเทียบ “อดีต” กับ “ปัจจุบัน” ที่จะทำให้เพื่อนๆ ทุกคนเห็นว่า ทุกวันนี้โลกเราเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย   ของเล่นแมวเมื่อก่อนกับปัจจุบัน   การทำเทคนิคพิเศษในหนัง   ขนาดของหน่วยความจำสมัยก่อนอันเท่าบ้าน เดี๋ยวนี้อันกระจิ๊ดเดียวเอง   การออกกำลังกายสมัยก่อนกับปัจจุบัน   การท่องเที่ยวสมัยก่อนกับปัจจุบัน   ของเล่นเด็กยุคก่อนกับยุคปัจจุบัน   คำว่า “เพื่อน” สมัยก่อน กับคำว่า “เพื่อน” สมัยนี้   เกมเมื่อก่อนมีสีก็กรี๊ดแล้ว ปัจจุบันนี่แทบจะเข้าไปเล่นในโลกจริงๆ   โทรศัพท์ยุคก่อนใครจอสีคือเทพสุดๆ เดี๋ยวนี้เครื่องไหนก็เข้าอินเตอร์เน็ตได้   ทีวีเมื่อก่อนแมวนอนสบายเลย เดี๋ยวนี้แมวนอนต้องจุกตายแน่นอน   ก็อย่างว่าทุกสิ่งทุกอย่างพัฒนาและเปลี่ยนไปในทุกๆ วัน…

ทุกๆ ความสัมพันธ์ย่อมวันที่เสื่อมลงไป แม้จะรักกันอยู่ด้วยกันมานานแค่ไหน ก็อาจจะจบลงได้ง่ายๆ หากไม่มีเติมเต็มความรักให้กันและกันอย่างสม่ำเสมอ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 6 วิธีที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของคู่รัก กลับมาสดใหม่เหมือนเดิม จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย     1. พาไปออกเดท จำช่วงแรกๆ ที่คบกันได้หรือเปล่า ลองพาเธอไปทำอย่างนั้นอีกครั้งสิ บางทีมันจะรู้สึกแปลกๆ หน่อย แต่รับรองว่าคุณจะได้หวนถึงความรู้สึกเดิมๆ อย่างแน่นอน   2. หาโปรเจคทำร่วมกัน บางทีอาจไปเรียนเต้นด้วยกัน ปั่นจักรยานด้วยกัน ตกแต่งบ้าน ทำสวนด้วยกัน พยายามให้มีปฏิสัมพันธ์กันให้มากที่สุด อ้อ อย่าทำทุกอย่างจริงจังเกินไปนะ พยายามช่วยเหลือกันเสมอล่ะ ไม่งั้นแทนที่จะดีกัน จะกลายเป็นทะเลาะกันแทนนะ   3. หาเวลาว่างอยู่ด้วยกันสองต่อสองทุกวัน ไม่ต้องมีเพื่อน ไม่ต้องมีพ่อแม่ ไม่ต้องมีลูกมาอยู่ด้วย ไม่ต้องเล่นมือถือ หรืออินเตอร์เน็ต แค่คนสองคนอยู่ด้วยกันเท่านั้น   4. แชร์สิ่งที่ตนเองชอบ ถ้าคุณมีงานอดิเรกอะไร พยายามชวนคนรักของคุณมาทำด้วย อย่างเช่นตกปลา ทำอาหาร ให้เค้าได้เข้ามาอยู่ในโลกของคุณบ้าง และสร้างความทรงจำดีๆ…

มาเข้าเรื่องสาระน่ารู้ของวันนี้กันบ้าง ว่าด้วยเรื่องของ ‘รอยสัก’ ที่แน่นอนว่าหลายๆ คนปรารถนาที่จะมีกัน ก็เรียกได้ว่าฝังรากลึกอยู่ในวัฒนธรรมต่างๆ ของมนุษย์มานับพันๆ ปีเลยทีเดียว แต่เพื่อนๆ เคยสงสัยกันมั้ยว่า ผิวหนังของมนุษย์นั้นหลุดลอกและสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ตลอด แต่ทำไมรอยสักถึงไม่หลุดลอกหรือจางหายไป วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีคำตอบของเรื่องนี้มาฝากกันล่ะ!!!   ทำไมรอยสักจึงไม่หลุดลอก!?   ซึ่งจะว่าไปแล้วรอยสักยังคงอยู่หลังจากที่เราตายไปด้วยนะเออ เพราะมีหลักฐานชี้ชัดทางวิทยาศาสตร์ว่า มีมัมมี่อายุกว่า 5,300 ปีที่ยังมีรอยสักติดอยู่บนตัวด้วย!!! น่าแปลกประหลาดจริงๆ ก็อย่างที่เราเห็นจากภาพสโลโมชั่นของการสักจากด้านบน หัวใจหลักของเรื่องนี้เลยก็คือแรงกระทำจากปลายเข็ม ที่ผลักหมึกให้ทะลุผิวหนังกำพร้าชั้นนอกสุด (Epidermis) ทะลุเข้าไปยังผิวหนังชั้นใน (Dermis) นั่นเอง   ผิวหนังชั้นในนั้นจะไม่มีการหลุดลอกและสร้างเซลล์ใหม่เหมือนหนังกำพร้า รอยสักจึงไม่หลุดลอกออกมาล่ะ   และนั่นก็อธิบายถึงความเจ็บได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว     และเมื่อเข็มเจาะและผลักหมึกให้ทะลุชั้นหนังกำพร้าลงไป นั่นราวกับว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกายและจะไปกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวออกมาจัดการกับหมึก แต่เพราะโมเลกุลของหมึกที่ใหญ่เกินไปทำให้ไม่สามารถจัดการได้ เพราะฉะนั้นการลบรอยสักโดยการใช้เลเซอร์ก็คือการสลายโมเลกุลของหมึกเพื่อให้เม็ดเลือดขาวมาจัดการมันล่ะ   และนี่ก็คือเคล็ดลับของการสักและการลบรอยสักนะจ๊ะ เป็นการเปิดหูเปิดตาให้กับเพื่อนๆ ที่ยังไม่รู้กันเนาะ ไหนใครอยากได้รอยสักสวยๆ กันบ้างเอ่ยยยย?? อิอิ ที่มา: Aplus

วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีเรื่องราวของ Adrianne Haslet-Davis สาวผู้เคราะห์ร้ายในเหตุการณ์ระเบิด Boston Marathon ในปี 2013 ที่ผ่านมา จนทำให้เธอต้องเสียขา แต่กระนั้นเธอก็ไม่ได้ยอมแพ้กับโชคชะตา ว่าแล้วเรามาฟังเรื่องราวของเธอกัน ก่อนหน้าที่เธอจะเข้าร่วมงานมาราธอนและสูญเสียขาจากการก่อการร้าย เธอเคยเป็นนักเต้นมาก่อน แต่จากเหตุการณ์นั้น ‘ฉันไม่รู้ตัวว่าถูกระเบิด ฉันลากตัวเองไปเรื่อยๆ ตามพื้น ไปเคาะประตูที่บ้านหลังหนึ่ง พวกเขาก็เปิดประตูและอุ้มฉันเข้าข้างใน’   ในงานมาราธอนปี 2013 เธอได้รับอุบัติเหตุจนต้องสูญเสียขาของเธอไป   แต่ต้องบอกว่าเธอแข็งแกร่งจริงๆ ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี เธอก็สามารถกลับมาทำได้อีกครั้ง สภาพจิตใจของเธอแข็งแกร่งมาก   ตอนนี้การเต้นไม่ได้ท้าทายพออีกแล้วสำหรับเธอ การวิ่งด้วยระยะทางไกลๆ ต่างหาก!!!   แต่ขาเทียมสำหรับวิ่งนั้นแตกต่างจากขาเทียมที่เธอใช้สำหรับเต้นรำ และนั่นกลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เธอพยายามจะเอาชนะมันอีกครั้ง   เธอได้ฝึกวิ่งด้วยขาเทียมชนิดนี้ 6 เดือนเต็ม เพื่อไปเข้าร่วมวิ่งมาราธอนในงานของ Boston อีกครั้งในปีนี้ และอีกครั้ง ที่เธอสามารถทำได้!!!   นอกจากนี้เธอยังตั้งแคมเปญการวิ่งนี้ขึ้น ทำให้เธอได้เงินไปบริจาคการกุศลกว่า 10,000 เหรียญอีกต่างหาก สำหรับผู้พิการที่อยากวิ่ง เธอจะได้นำเงินส่วนนี้ไปซื้อขาเทียมให้  …

ปัญหาสุนัขจรจัดในบ้านเรานั้นมีมานานมากๆ และยากที่จะจัดการ เพราะว่าต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูง อีกทั้งคนไทยยังเป็นคนเห็นอกเห็นใจ เห็นสุนัขข้างทางก็อยากให้มันได้กินอะไรดีๆ เลยทำให้สุนัขจรจัดเหล่านี้มีที่อยู่เป็นแหล่งมากยิ่งขึ้น แต่วันนี้ #เหมียวสามสี จะพาไปรู้จักกับคุณลุง Michael J. Baines วัย 48 ปี ผู้ที่เลี้ยงดูสุนัขจรจัดกว่า 80 ตัว ในจังหวัดชลบุรี ซึ่งเขาทำแบบนี้มานานกว่า 5 ปีแล้ว และยังทำต่อไปเรื่อยๆ มาจนถึงปัจจุบัน   ลุง Michael ได้ทำอาหารเพื่อเลี้ยงสุนัขเหล่านี้ โดยการนำเอาอาหารมา ข้าว ปลา และไก่คลุกเข้าด้วยกัน แล้วนำเอาไปให้สุนัขระหว่างทางที่เขาไปทำงาน หรือไม่ก็เป็นช่วงที่เขากลับบ้าน   เขาเล่าว่าเขารู้สึกแย่มากๆ ที่ได้เห็นหมาจรจัด ก็เลยอยากจะช่วยเหลือพวกมัน   โดยเฉพาะตอนที่ได้เห็นหมาอยู่ตัวคนเดียว ไม่ได้อยู่กับฝูง ยิ่งถ้ามันถูกทิ้งมาด้วย ถือเป็นอะไรที่เห็นได้บ่อยมากๆ ที่นี่   เขามักจะพกอาหารและน้ำดื่มประจำไว้ที่รถเสมอ ดังนั้นเมื่อเห็นสุนัขเมื่อไหร่ เขาก็จะหยุดรถแล้วนำเอาอาหารไปวางไว้ให้มันกิน และบางครั้งก็พาไปหาหมอบ้าง ตามความจำเป็น   ปกติแล้วเขาใช้เงินไปประมาณ 40,000-50,000 บาทต่อเดือนในการช่วยเหลือสุนัขเหล่านี้   ซึ่งยังไม่รวมกรณีฉุกเฉิน ซึ่งเงินเหล่านี้ส่วนมากก็ได้รับมาจากการบริจาค…

สิ่งหนึ่งที่สามารถอธิบายคำเป็นล้านๆ นั่นก็คือภาพวาดนั่นเอง ศิลปินชาวโปแลนด์คนหนึ่งนามว่า Igor Morski ได้สร้างภาพแนวเซอร์เรียลขึ้นมา เพื่อซ่อนข้อความบางอย่างไว้ให้คนทั่วไปได้ตีความกันเอาเอง โดยภาพที่เขาวาดมานั้นพยายามจะเสียดสีสังคมปัจจุบัน โดยภาพชุดนี้ได้วาดลงในนิตยสาร Wprost ซึ่งแต่ละภาพนั้นก็สื่อความหมายได้หลากหลายมากๆ บางภาพก็ตีความยากสุดๆ เราไปชมผลงานของเขากันเลย   1.   2.   3.   4.   5.   6.   7.   8.   9.   10.   11.   12.   13.   14.   15.   16.   17.   18.   19.   20.   21.   22.…

ความฝันในการเดินทางไปในอวกาศอย่างง่ายดายกำลังจะเป็นจริงแล้ว หลังจากจรวดในโครงงาน SpaceX ของนักธุรกิจชื่อก้องโลก Elon Musk เจ้าของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า Tesla สามารถ”ลงจอด” บนฐานยิงในมหาสมุทรแอตแลนติกได้อย่างงดงาม โดยยานลำดังกล่าวชื่อว่า Falcon 9 ถูกปล่อยขึ้นจากฐานยิงจรวดในรัฐฟลอริด้าเพื่อนำสัมภาระไปส่งยังสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) หลังจากนั้นจรวด Falcon 9 ก็กลับมาลงจอดได้อย่างปลอดภัยบนฐานในมหาสมุทธแอตแลนติก     ซึ่งการลงจอดครั้งนี้ ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญในการเดินทางไปในอวกาศเลยทีเดียว เพราะจะสามารถลดต้นทุนของการผลิตจรวดที่ใช้แล้วทิ้งไปได้เป็นจำนวน ฉะนั้นความฝันที่ทุกคนจะสามารถเดินทางไปอวกาศได้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ล้อเล่นอีกต่อไปแล้ว   เมื่อเกือบ 60 ปีก่อน เคยมีหนังเรื่องหนึ่งชื่อ The Sky Call ซึ่งมีฉากจรวดลงจอดแบบนี้เช่นกัน ใครจะเชื่อว่าไม่ถึงร้อยปี เราจะสามารถทำแบบในหนังได้แล้ว?!         ลองชมคลิปที่ทาง SpaceX ทำออกมาดู     อื้อหือ Elon Musk นี่สุดยอดจริงๆ คราว Tesla ก็ทีหนึ่งแล้ว ต้องรอดูต่อไปว่าชายคนนี้ จะทำอะไรที่พลิกโฉมหน้าโลกอีกบ้าง #เหมียวอ๊อดโด้…

สำหรับคนที่เป็นพนักงานบริษัท เชื่อว่าเวลา 80% ของชีวิตนั้นใช้อยู่ในออฟฟิศล้วนๆ ซึ่งชีวิตของเหล่าพนักงานออฟฟิศนั้นถือว่ามีเอกลักษณ์และความทุกข์สุขที่ไม่เหมือนอาชีพใดๆ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 11 ภาพการ์ตูนผลงานของเว็บไซต์ Bright Side ที่สะท้อน “ชีวิตจริง” ของเหล่าพนักงานออฟฟิศ จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย   เช้าวันจันทร์ทีไร ทุกคนนี่หน้าตาเนือยๆ ตลอด   หัวหน้าไม่อยู่ หนูร่าเริง   อยากจะโยนงานทิ้ง แต่สุดท้ายก็ต้องกลั้นใจทำอยู่ดี   กล่องข้าวต้องวางเรียงกันสูงๆ   ผู้ตรวจงานมาที เหมือนตัวเล็กลง 10 เท่า   วันหยุดกะจะพักสบายๆ แต่สุดท้ายก็ต้องแก้งาน T^T   งานอยู่กับเราทุกที่ทุกเวลา   ต้นเดือนเหมือนราชา ปลายเดือนนี่กินมาม่าตลอด   งาน…ถ้าไม่ถึงวันเดดไลน์ ก็ไม่ค่อยมีแรงทำเท่าไหร่   ใครที่ขรึมๆ พอมีงานปาร์ตี้นี่คือสุดเหวี่ยง   หน้าหม่นหมองมาทั้งอาทิตย์ พอถึงวันศุกร์ปุ๊บนี่ร่าเริงเลย    …

แฟชั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกยุคทุกสมัย ตราบใดที่เรายังมองคนจากการแต่งตัวนั้น การให้กำเนิดแฟชั่นและกระแสใหม่ๆก็จะมีออกมาเรื่อยๆ ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านการแต่งแตัวมาแล้วมากมาย ซึ่งบอกได้เลยว่ามันแตกต่างกันอย่างสุดๆ อาจจะมีบางยุคที่มีการนำเอาของเดิมมาประยุต์ใหม่ด้วย เราไปชมกันว่า 100 ปีที่ผ่านมานั้นมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง   1916 — 1926   1926 — 1936   1936 — 1946   1946 — 1956   1956 — 1966   1966 — 1976   1976 — 1986   1986 — 1996   1996 — 2006   2006 — 2016     ถือเป็นการเรียนรู้ประวัติศาสตร์แฟชั่นไปในตัวเลยละกัน เหมียวคิดว่าถ้าเราเอาแฟชั่นยุกเก่าๆ มาใส่ตอนนี้ก็ดูไม่แปลกเท่าไหร่นะ เพราะคนเดี๋ยวนี้ก็แต่งตัวกันหลากหลายมากๆ ดูฮิปๆ ขึ้นไปอีก ที่มา brightside

ในส่วนของการมีกระนั้น ตอนนี้กำลังเป็นแฟชั่นและเกิดกระแสนิยมในต่างประเทศอย่างมาก แต่ในประเทศเราก็ต้องหน้าใสไร้สิวกันนี่แหละ ถือเป็นสุดยอดล่ะ กลายเป็นว่ากระคือสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ไปซะงั้น หลากหลายค่านิยมล่ะเนาะ แต่วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่ว่า ทำไมคนเราถึงมีกระมาฝากกัน ใครที่ชอบหรือไม่ชอบก็มาดูกันได้เลยนะจ๊ะ เผื่อจะได้หาทางสร้าง หรือทางป้องกันเพื่อไม่ให้กระเกิดขึ้น   กระเกิดจากเมลานิน     เมลานิน (Melanin) ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเม็ดสีของผิว โดยทาง SciShow ได้อธิบายไว้ว่าจุดที่เกิดกระก็คือการที่ผิวส่วนนั้นมีสารเมลานินมากกว่าที่อื่นๆ นั่นเอง ส่วนสารเมลานินนั้นทำหน้าที่เหมือนกับครีมกันแดดแบบธรรมชาตินี่แหละ ทำให้ผิวหนังส่วนนั้นมีสีเข้มขึ้น ซึ่งจะทำให้ภูมิคุ้มกันต่อแสงแดดเพิ่มขึ้นตาม คนที่มีกระก็คือคนที่มีการกระจายของเมลานินไม่สม่ำเสมอนั่นเอง   ด้วยเหตุนี้กระจึงเข้มขึ้นเมื่อตากแดดบ่อยๆ     และจะจางหายไปเมื่อไม่ได้ตากแดด นั่นคือเหตุผลว่าเวลาช่วงฤดูฝน ฤดูหนาว หรือช่วงที่เพื่อนๆ ไม่ได้ตากแดดนั้นกระจะมีความเข้มลดลง   กระไม่ได้มีมาตั้งแต่เกิด     มีใครเคยเห็นเด็กทารกมีกระมั้ยล่ะ!? ที่เรามีกระขึ้นก็เพราะว่าการตากแดดนั่นเอง เด็กๆ ที่อยู่ในครรภ์ไม่ได้ตากแดดแน่นอนว่าย่อมไม่มีกระ   แต่พันธุกรรมมีส่วนในเรื่องนี้!!!     ยีนที่ควบคุมในเรื่องนี้คือ MC1R ที่ส่งผลต่อทั้งสีผมและสีผิว ยีนนี้จะควบคุมการผลิตสารเมลานิน โดยจะมีสองแบบคือ Eumelanin สีน้ำตาล-ดำ และ…

หากพูดถึงสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน เราจะนึกถึงอะไรขึ้นมา เทพีเสรีภาพ, รูปปั้นพระเยซูในริโอ เดอ จาเนโร, หอไอเฟล และอื่นๆ อีกมากมายใช่มั้ยละ ทุกวันนี้เราเห็นสิ่งเหล่านั้นในสภาพที่เสร็จสมบูรณ์สวยงามอลังการ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มต้นเสมอ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมภาพหายากสุดอลังการของเหล่าสถานที่สำคัญทั่วโลก ในช่วงที่กำลังก่อสร้างอยู่ จะน่าตื่นเต้นขนาดไหน ไปชมกันเลย   สะพานโกลเด้นเกต สร้างเสร็จเมื่อปี 1937 . . . .   หอไอเฟล สร้างเสร็จเมื่อปี 1889 . . .   ตึกฝั่งตะวันตกของทำเนียบขาว สร้างเสร็จ 1933   รูปปั้นพระเยซูในริโอ เดอ จาเนโร สร้างเสร็จเมื่อปี 1931 .   สะพานแมนฮัตตั้น สร้างเสร็จเมื่อปี 1912 . .   ตึกอะตอมในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม สร้างเสร็จเมื่อปี 1958…

โดยปกติเวลาเราคิดที่จะไปเที่ยวต่างแดน เราก็มักจะนึกถึงสิ่งที่เราจะเจอ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่ต่างออกไปจากที่เราเคยเห็น วัฒนธรรมใหม่ๆ ที่เราไม่รู้จักมาก่อน และจุดหมายปลายทางคือสิ่งที่เราอยากจะเห็นมากที่สุด แต่วันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปเที่ยวผ่านกาลเวลากัน!! ช่างภาพ Dheera Venkatraman ได้ทำการท่องเที่ยวไปยังประเทศจีน เพื่อไปเยือนสถานที่ต่างๆ เป็นการตามรอยภาพที่เขาเคยเจอจากหนังสือและเว็บไซต์ ซึ่งแต่ละภาพนั้นอายุก็ร่วม 100 ปีแล้ว เขาก็เลยไปตามถ่ายให้ได้มุมเดิมเหมือนในภาพเพื่อมาเปรียบเทียบกัน แต่ละภาพนั้นก็ทำให้เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงตามสภาพสังคมของประเทศจีนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ละที่ก็เปลี่ยนไปมากน้อยต่างกัน เราไปดูกันว่าจะแตกต่างกันแค่ไหน   Xi’an city (1921; 2016) Xi’an ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของจีน อีกทั้งยังเป็นเส้นทางสายไหมไปยังเมืองอิสตันบูล์อีกด้วย ตอนนี้ก็ยังอนุรักษ์กำแพงและบูรณะอาคารนิดหน่อย   Shanghai (1920 ; 2009) จากที่เป็นพื้นที่เรียบๆ ตอนนี้มีตึกสูงเต็มไปหมด   Wuhan (1931; 2016) เคยมีน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เมืองนี้ในปี 1931 ตอนนี้กลายเป็นเมืองแห่งการค้าขายแห่งใหญ่เลยก็ว่าได้   Lanzhou (1910; 2016) จากเส้นทางเดินของอูฐ ตอนนี้ก็มีแต่คนที่เดิน   Guangzhou (1980; 2016) ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองแห่งจักรยาน แต่ตอนนี้ก็ยังมีคนใช้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากเท่าเมื่อก่อน…

เวลาที่ได้เห็นบรรดาเจ้าหญิงดิสนีย์ใส่ชุดราตรีสวยๆ เต้นรำกับเจ้าชาย สาวๆ ก็อาจจะอยากใส่ชุดเหล่านั้นขึ้นมาบ้าง แต่จงตื่นจากความฝันได้แล้ว เพราะใครกันละจะหยิบชุดสุดอลังการแบบเจ้าหญิงในการ์ตูน มาสวมใส่ในชีวิตจริง ถ้ามีก็คงจะใส่ในงานปาร์ตี้ หรืองานเลี้ยงสังสรรค์เท่านั้น แล้วถ้าหากเราลองนำเอาเสื้อผ้าที่สามารถใส่ได้ในชีวิตจริง มาลองดัดแปลงมาอยู่ในสไตล์เจ้าหญิงดูละ แบบนี้มันน่าจะเป็นไปได้หน่อยนะ แต่ถ้าหากใครที่ยังคิดไม่ออกว่าจะหยิบอะไรมามิกซ์ถึงจะเข้ากัน เรามี 8 ไอเดียการแต่งตัวสไตล์เจ้าหญิงดิสนีย์ ที่แต่งได้จริงมาเป็นตัวอย่างให้คุณแล้ว   1.Belle   2.Ariel   3.Merida   4.Pocahontas   5.Rapunzel   6.Snow White   7.Cinderella   8.Jasmine   จริงๆ แล้วเราอาจจะไม่ต้องแต่งให้เหมือนในรูปทั้งหมด เพียงแค่หาไอเท็มที่ใช่ หรือคล้ายๆ กัน ก็สามารถนำมาแต่งให้กลายเป็นลุคเจ้าหญิงได้แล้ว ที่มา : dailydish.today

 “พ่อ” ถึงจะเป็นคำสั้นๆ แต่ก็มีความหมาย และยิ่งใหญ่สำหรับลูกๆ ทุกคนเสมอ และเหมียวก็เชื่อว่าลูกๆ ทุกคนก็คงจะเคยมีประสบการณ์ที่ดี และน่าประทับใจกับคุณพ่อกันมาแล้ว ในวันนี้เราก็เลยอยากจะนำเสนอภาพวาดธรรมดาๆ ของความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและลูก แต่แฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งกินใจ จากผลงานของจิตกรสาวนามว่า  Snezhana Soosh โดยภาพวาดทั้งหมดนี้ เธอได้วาดขึ้นอย่างมาตั้งใจ และใส่ความหมายดีๆ ลงไปในภาพเหล่านั้น จนทำให้คนดูรู้สึกตื้นตันใจ และคิดถึงพ่อขึ้นมาทันทีเลยละ ถ้าอย่างนั้นไปชมผลงานของเธอกัน   1.ภาพของคุณพ่อตัวโต ที่จะยอมย่อขนาดตัวให้เล็กลง เพื่อลูกสาวของเขาเสมอ   2.พ่อของคุณคือฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ และพร้อมจะปกป้องคุณเสมอ ทั้งยามหลับ และยามตื่น   3.เวลาที่ได้อยู่กับพ่อ เขาจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้อยู่จุดที่สูงที่สุด   4.เขาคือคนที่ทำให้คุณอบอุ่นอยู่เสมอ   5.พ่อสามารถทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เสมอ แม้กระทั่งการถักเปีย   6.เมื่อเราชอบ หรือต้องการอะไร พ่อก็มักจะรู้อยู่เสมอ   7.เขาจะยอมเสียสละเวลามาเล่นกับคุณ แม้ว่าจะยุ่งมากก็ตาม   8.หากคุณอยากเล่นอะไร พ่อก็จะยอมทำตามสิ่งที่คุณต้องการเสมอ   9.และสุดท้ายสิ่งที่พ่อจะทำใจยากในทุกๆ ครั้ง ก็คือการที่ได้จากคุณไป   เป็นภาพที่มีความหมายลึกซึ้งกินใจซะเหลือเกิน เชื่อว่าหลายคนที่ได้รับชมภาพเหล่านี้…

สงครามนอกจากจะทำลายล้างชีวิตของทั้งทหารและเหล่าผู้บริสุทธิ์แล้ว บางครั้งสถานที่สำคัญที่ไม่อาจประเมิณค่าได้ ก็อาจได้รับผลกระทบเช่นกัน อย่างเช่นเหล่าสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในประเทศซีเรียนี้ ที่เพื่อนๆ เห็นแล้วต้องสะเทือนใจอย่างแน่นอน อย่างที่เราทราบกันดีว่า ประเทศซีเรียบางส่วนถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายในชื่อ ISIS เข้ายึดครอง รวมถึงเมือง Palmyra ที่เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมายนี้ก็เช่นกัน และล่าสุดทางมหารของซีเรียได้ยึดเมืองนี้กลับคือจากเหล่า ISIS ได้ด้วยความช่วยเหลือจากกองทัพอากาศรัสเซีย แต่ทันทีที่พวกเขาไปถึง พวกเขาก็ต้องสะเทือนใจไปกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเหล่าโบราณสถานเหล่านั้น เพราะมันช่างหนักหน่วงเหลือเกิน ซึ่งเห็นได้ชัดยิ่งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับภาพถ่ายของ Joseph Eid ตากล้องจากสำนักข่าว APF ที่ถ่ายเมื่อสองปีก่อน จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย     อื้อหือ เสียหายหนักมากจริงๆ   เห็นแล้วน้ำตาจะไหล   อย่างไรก็ตาม Mamoun Abdulkarim ผู้อำนวยการสถาบันโบราณคดีของซีเรียกล่าวว่า พวกเขาจะพยายามบูรณะโบราณสถานเหล่านี้ให้ได้มากที่ซึ่งพวกเขาได้เชิญนักโบราณคดีเก่งๆ จากทั่วโลกมาแล้ว และจะได้รับการสนับสนุนจากองค์การ UNESCO อีกด้วย   ก็ได้แต่หวังว่า พวกเขาจะสามารถรักษาบูรณะโบราณสถานล้ำค่าเหล่านี้ให้ได้มากที่สุดนะฮะ   สงครามไม่เคยมอบอะไรนอกจากความสูญเสียจริงๆ และก็ไม่รู้ว่า ต้องมีผู้คนและสถานที่สำคัญอีกเท่าไหร่ ที่ต้องสูญเสียไปกับสงครามครั้งนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ ก็ได้แต่หวังว่าสงครามจะจบในไม่ช้า และความสงบจะกลับมาสู่แผ่นดินโดยเร็วนะฮะ ที่มา Boredpanda

เคยรู้สึกท้อแท้กับการทำอะไรบางอย่างไหม เชื่อว่าคนก็คงจะเคยผิดหวัง หรือท้อแท้กับสิ่งที่จะตั้งใจทำอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากคุณหมั่นฝึกฝน และมีความพยามยาม สักวันหนึ่งคุณก็จะมาสู่หนทางแห่งความสำเร็จเอง ก็เหมือนกับบรรดาศิลปินนักวาดการ์ตูนชาวญี่ปุ่นเหล่านี้ กว่าที่เขาจะสามารถวาดการ์ตูนให้ออกมาได้อย่างสวยงาม จนกลายเป็นผลงานบนหนังสือที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ เขาก็ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักเหมือนกัน แถมบางคนก็ใช้เวลานานหลายสิบปี กว่าจะสามารถรังสรรค์ผลงานการวาดภาพสวยๆ เหล่านี้ขึ้นมาได้     จากปี 2005-2015   ส่วนภาพนี้…จากปี 2013-2016   และทั้งหมดนี้ก็คือผลงานของเหล่าศิลปินนักวาดการ์ตูนจากญี่ปุ่น ที่ได้มาอวดพัฒนาการการวาดภาพก่อนและหลังของพวกเขา พร้อมกับร่วมใจกันทวีตผลงานภาพวาดของพวกเขา     เพื่อแสดงให้เห็นว่าการวาดภาพที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นพรสวรรค์มากกว่าพรแสวงนั้น แท้จริงแล้วมันก็ต้องใช้เวลาฝึกฝนเหมือนกันนะ   ทีนี้คุณเห็นหรือยังละว่า การวาดภาพนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย   เพราะกว่าจะออกมาเป็นผลงานสวยๆ ที่เห็นกันนี้ เหล่าศิลปินจะต้องฝึกฝน และพัฒนาการฝีมือการวาดภาพของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา บางคนก็นานเป็น 10 กว่าปีเลยทีเดียว     และที่สำคัญภาพวาดเหล่านี้ ยังเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าอายุที่มากขึ้น ก็ยิ่งมีประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น และการที่ทุกคนหมั่นฝึกฝนตนเองอยู่ตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในชีวิตได้     หากใครที่อยากเป็นนักวาดการ์ตูนก็อย่าเพิ่งท้อแท้ละ   หมั่นฝึกฝน และพยายามเข้านะ   เมื่อเราคาดหวังว่าอยากจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน…

จะว่าไปแล้วเรื่องนี้ราวกับว่าฝังรากลึกในสังคมไทยไปแล้วนะเนี่ย กับเรื่องการ ‘ปล้ำ’ การ ‘ข่มขืน’ ที่มีให้เห็นกันอย่างบ่อยๆ ทั้งในข่าวและละคร จนบางทีคนอาจนึกว่าเป็นเรื่องธรรมดากันไปซะแล้ว…ซึ่งที่จริงเป็นสิ่งที่ผิดอย่างมาก!!! สำหรับวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็ไปเจอบทความดีๆ ของอาจารย์ชาวต่างชาติคนหนึ่งที่มาสอนในเมืองไทย และก็ต้อง ‘อึ้ง’ กับคำพูดที่นักเรียนกลุ่มหนึ่งของเธอใช้ ถึงแม้จะเป็นเรื่องล้อเล่นก็เถอะ เพราะมันแสดงออกให้เห็นถึงความคิดหลายๆ อย่างเลยทีเดียว…   โดยนักเรียนชายที่เธอสอนได้กล่าวกับเธอว่า ‘ถ้าจารย์ไม่ให้ผมผ่านวิชานี้ผมปล้ำจารย์เลยน้าาา’ ซึ่งเจ้าหน้าที่หญิงคนอื่นก็อยู่ในเหตุการณ์และก็หัวเราะคิกคักกับการล้อเล่นที่เกิดขึ้น อาจารย์ท่านนี้เธอก็แปลกใจอย่างมาก ไม่ใช่ว่าเธอไม่เข้าใจภาษา แต่สิ่งที่เธอไม่เข้าใจคือเรื่องแบบนี้มาเป็นมุกตลกได้ยังไงเสียมากกว่า…   ภาพจากเรื่องเสน่หาสัญญาแค้น นาคินทร์ข่มขืนปานตะวัน   เธอจึงศึกษาลงไปในเรื่องนี้ให้ลึกขึ้น ก็พบว่าในประเทศไทยสองคำที่มีความหมายในเชิงล่วงละเมิดบังคับขืนใจทางเพศก็คือ ‘ปล้ำ’ และ ‘ข่มขืน’ ซึ่งปล้ำจะฟังแล้วดูซอฟต์กว่า ส่วนข่มขืนจะดูรุนแรงและกลายเป็นความผิดมากกว่า กระนั้นคำว่า ‘ปล้ำ’ เหมือนจะเป็นคำที่ถูกยอมรับโดยสังคมไทย เพราะหลังจากการปล้ำจะเกิดความผูกพันซึ่งกันและกันมากขึ้น โดยเฉพาะในละครไทยเกือบจะทุกๆ เรื่อง ที่นางเอกจะต้องถูกปล้ำ…   ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง กร้าวพยายามข่มขืนอร   ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นมาหลังจากนั้นจะกลายเป็นว่านางเอกรู้สึกว่าตัวเองถูกครอบครองโดยผู้ชายที่ปล้ำเธอ และพระเอก (ผู้ปล้ำ) จะรู้สึกผิดที่กระทำการล่วงเกินเธอเลยทำให้เกิดเป็นข้อผูกมัดที่ต้องดูแลห่วงหาอาทรนางเอก ซึ่งอาจเป็นได้เพราะประเพณีไทยที่ให้ผู้หญิงรักนวลสงวนตัวถึงแม้จะชอบเขาก็ตาม บทละครเลยต้องให้ผู้ชายต้องปล้ำพวกเธอ เพื่อกรุยทางสู่ความสัมพันธ์ของพวกเขาหลังจากนั้น  …

ในแต่ละวันนั้น เรามักจะเจอเรื่องราวมากมายที่เข้ามา ซึ่งแต่ละเรื่องก็ไม่ซ้ำหน้ากันเลย บางเรื่องก็ทำให้เรามีความสุข บางเรื่องก็ทำให้เราไม่สบายใจ ศิลปินท่านหึ่งชื่อว่า Pascal Campion เขาได้วากภาพชุดหนึ่งขึ้นมา ซึ่งภาพเหล่านี้เผยให้เห็นว่าชีวิตคนเรานั้นมันสวยงามมากเพียงใด แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกจะมองส่วนไหนด้วย ในแต่ละภาพก็จะบอกเล่าเรื่องราวที่ไม่เหมือนกัน แล้วแต่ประสบการณ์ของแต่ละคน หวังว่าจะมีสักภาพหนึ่งที่ทำให้วันนี้ของคุณเป็นวันที่ดีนะ   ตื่นมาพร้อมกับเช้าที่สดใส   ได้แบ่งปันอาหารเช้ากับคนที่คุณรัก   ถูกเด็กๆ ปลุกให้ตื่นในตอนเช้า   ครอบครัวที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ   เล่นน้ำฝนด้วยกัน   แอบทำเซอร์ไพรส์ให้คนรัก   ทำของขวัญด้วยตัวเอง แล้วมอบให้คนที่คุณรัก   จมเข้าไปในหนังสือดีๆ สักเล่ม จนแทบจะลืมว่าต้องลงสถานีไหน   นั่งผ่อนคลายพร้อมกับดูรูปเก่าๆ   มีคืนที่ดี นอนดูหนังกับเพื่อนสี่ขา   ฟังเพลงที่ชอบแล้วร้องดังๆ ให้คนข้างบ้านได้ยิน   มีช่างทำผมมืออาชีพมาทำให้   เห็นดาวตกพร้อมกันแล้วรีบขอพร   ผ่อนคลายกับการแช่อ่างอาบน้ำ   ดูคนที่สำคัญหลับ   เตรียมตัวสำหรับชาร้อนๆ   หลีกหนีจากเรื่องที่วุ่นวาย   มองไปรอบๆ…

เพื่อนๆ หลายคนน่าจะชื่นชอบการรับประทานส้ม ผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและมีกลิ่นหอม แต่#เหมียวฟิ้นอยากจะบอกทุกๆ คนว่าอย่างเพิ่งทิ้งเปลือกของมันนะ เพราะเราสามารถนำเอาเปลือกของมันมาดัดแปลงเป็นของใช้หรือส่วนประกอบต่างๆ ได้ล่ะ ถ้าอยากรู้ว่ามันทำอะไรได้ลองไปชมกันเลย   1. เอาเปลือกส้มมาทำเป็นเทียน แค่เทน้ำมันมะกอกลงไปแล้วจุดไฟ   2. เอาเปลือกมาใช้ปลูกต้นกล้าแล้วนำลงดิน (เปลือกส้มก็จะค่อยๆ สลายไปเอง)   3. นำเปลือกส้มมาถูกับใบไม้ กันเจ้าเหมียวเอาเล็บมาข่วนใบ   4. หั่นเปลือกส้มเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วชงกับน้ำร้อน ทำเป็นชาเปลือกส้ม   5. นำเปลือกส้มมาผสมกับน้ำส้มสายชู ใช้เช็ดทำความสะอาดของใช้ในบ้านได้   6. นำเปลือกส้มมาคลุกน้ำตาล ทำเป็นขนมได้   7. ผสมเปลือกส้มลงไปในปุ๋ยหมัก เพื่อลดกลิ่นเหม็น   8. ใส่เปลือกส้มลงไปในกระปุกน้ำตาล เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำตาลเกาะตัวกันเป็นก้อน   9. นำเปลือกส้มไปตากแดด จะทำให้มันกลายเป็นเชื้อไฟอย่างดี   10. นำเปลือกส้มมาทำเป็นจานใส่อาหารสำหรับนก (และกะรอกบางตัว)   11. ถ้าคุณอยากทำให้อากาศในบ้านมีกลิ่มหอมล่ะก็ ลองนำเปลือกส้มมาเคี่ยวน้ำร้อนร่วมกับส่วนผสมใดก็ได้ตามต้องการ แค่นี้ก็ทำให้บ้านหอมสดชื่นแล้ว   12. สามารถนำเปลือกส้มมาทำเป็นสบู่ชำระล้างไขมันตามร่ายกายได้นะ   13. เปลือกส้มยังสามารถนำมาทำเป็นสครับขัดผิวได้ด้วยนะ   14. นำเปลือกส้มไปทำเป็นผงน้ำตาล ใช้โรยบนหน้าขนมชนิดต่างๆ…

สำหรับเรื่องการเข้าครัวและเสน่ห์ปลายจวักนั้นอาจจะเป็นเรื่องยากของใครหลายๆ คน แต่ที่จริงแล้วมันมีทริคและเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ อยู่ แค่เราไม่รู้กันเองล่ะ ฮ่าๆๆๆ วันนี้ #จ่าสิบเหมียว เลยอยากจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับทริคต่างๆ ที่สามารถทำได้ในครัวของคุณ และที่สำคัญมันจะทำให้เพื่อนๆ ดูเหมือนเป็นมาสเตอร์เชฟกระทะเหล็กมาเองเลยทีเดียว ลองมาดูกันเลย   อยากกินป็อปคอร์นเหรอ แค่ทำแบบนี้แล้วนำเอาไปใส่ในไมโครเวฟราวๆ 3 นาทีก็ได้ทานกันแล้วล่ะ   วัดระดับน้ำที่ใช้หุงข้าวกันง่ายๆ แค่ 1 ข้อนิ้วก็พอแล้ว   นำเนื้อไปแช่แข็งก่อนสัก 2 ชั่วโมง จะได้หั่นออกมาสวยๆ   หั่นผักแนวเฉียง จะได้สุกไวๆ   วิธีซอยหอมแบบไม่ทำให้น้ำตาไหล ทำแบบนี้ปลอดภัยมาก ปอกเปลือกแล้วซอยแต่ละด้านมาประจบกันที่ตรงกลาง   ล้างกลิ่นหัวหอมติดมือง่ายๆ ด้วยการล้างกับช้อนสแตนเลส   ป้องกันไม่ให้อาหารที่อุ่นในไมโครเวฟแห้งเกินไปด้วยการนำทิชชู่ทำอาหารมาคลุมไว้   ผสมแป้งทำแพนเค้กง่ายๆ ในเครื่องปั่นซะเลย   ต้มน้ำให้เดือดเร็วขึ้นโดยการใช้กระทะหรือหม้อใหญ่ๆ ปิดฝา แล้วเติมเกลือลงไป   ย่นระยะเวลาการปรุงมันฝรั่งให้สุกด้วยการนำไปเวฟก่อน   อุ่นอาหารสองอย่างในไมโครเวฟได้ง่ายๆ แค่ตั้งไว้ต่างระดับกัน  …

ปัจจุบันนี้ประเทศอื่นๆ ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นประเทศเล็กๆ ต่างก็พัฒนาประเทศจนทำให้ติดอันดับประเทศที่ร่ำรวยได้อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเทียบกับสถิติปีที่แล้ว และในปีนี้ทางนิตยสาร Global Finance Magazine ก็ได้ทำการจัดอันดับอีกครั้ง โดยใช้ของมูลของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในการวัดค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP ต่อจำนวนประชากร (GDP per capita) และนี่คือ 25 รายชื่อของประเทศที่มีค่า GDP per capita มากที่สุด เราไปดูกันเลยว่าจะมีประเทศอะไรบ้าง   25. ฝรั่งเศส — GDP per capita: $41,396 (ประมาณ 1.4 ล้านบาท)   24. เบลเยี่ยม — GDP per capita: $42,923 (ประมาณ 1.5 ล้านบาท)   23. ไอซ์แลนด์ — GDP per capita: $44,575 (ประมาณ 1.6 ล้านบาท)   22.…

การสูญเสียอวัยวะบางอย่างไป นับว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยทีเดียว โดยเฉพาะอวัยวะที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวร่างกาย จนบางครั้งคนที่เสียอวัยวะไปนั้น ถึงกับสูญเสียแรงใจในการดำเนินชีวิตต่อไป..แต่นั่นไม่ใช่เรื่องราวของหญิงสาวคนนี้   Li Juhong หญิงสาวชาวเมืองฉงชิงวัย 37 ปีคนนี้ ได้สูญเสียขาทั้งสองข้างไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เธออายุได้เพียง 4 ขวบ หลายคนอาจคิดว่าอุบัติเหตุครั้งนั้น อาจทำให้เธอเสียผู้เสียคน แต่เปล่าเลย นั่นกลับกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เธอทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อมา     หลังจากที่เธอเสียขาไป เธอก็ใช้เวลาหลายร้อยชั่วโมง ฝึกใช้เก้าอี้เล็กในการเคลื่อนที่แทนขา จนในที่สุด เมื่อเธออายุได้ 8 ขวบ เธอก็สามารถใช้มันได้อย่างคล่องแคล่ว     และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ เธอได้ตั้งมั่นในใจว่า โตขึ้นเธอจะเป็นหมอให้ได้ และในที่สุดเธอก็สามารถเข้าเรียนหมอได้ และได้เปิดคลีนิกเป็นของตัวเองเมื่อปี 2001     ชาวบ้านเล่าว่า ตลอด 15 ปีที่เธอทำหน้าที่หมอประจำหมู่บ้านมา เธอเปลี่ยนเก้าอี้ไปแล้วกว่า 30 ตัว และเธอออกตรวจคนไข้มาแล้วกว่า 6,000 ครั้ง และทุกครั้งที่เธอตรวจเสร็จ สามีของเธอก็จะมาช่วยอุ้มเธอกลับบ้านไป     “เทียบกับคนอื่นแล้ว ฉันมีอุปสรรคมากกว่าก็จริง…

ปัญหาเด็กจมน้ำเสียชีวิต ถือว่าเป็นปัญหาที่สำคัญที่เกิดขึ้นทั่วโลก อาจเป็นเพราะความคึกคะนองและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็กเหล่านั้น ที่กว่าจะรู้ตัวว่าอันตราย ก็อาจจะสายไปเสียแล้ว อย่างเช่นในประเทศไทย มีเด็กจมน้ำเสียชีวิตถึงปีละเกือบ 1,500 คนเลยทีเดียว และในช่วงปี 1970 ตัวเลขของเด็กที่จมน้ำเสียชีวิตพุ่งขึ้นสูงมากในประเทศอังกฤษ ทำให้รัฐบาลขณะนั้น ตัดสินใจทำโฆษณา “Lonely Water” รณรงค์ไม่ให้เด็กไปเล่นน้ำที่ไหนตามลำพัง ซึ่ง #เหมียวอ๊อดโด้ บอกได้คำเดียวเลยว่า หลอนสุดๆ จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย   ข้าคือวิญญาณแห่งท้องน้ำที่พร้อมจะพรากชีวิตของพวกคนโง่ พวกชอบโชว์ไปจากโลกนี้   พวกท่านคิดว่าจะพบข้าได้ในที่แบบนี้สินะ..   เปล่าเลยท่านเข้าใจผิดแล้ว ในที่อื่นๆ ข้าก็อยู่เช่นกัน   เด็กคนนี้กำลังพยายามโชว์ออฟให้เพื่อนๆ ได้เห็นว่าเขาเจ๋งขนาดไหน แต่เขาไม่เคยรู้เลยว่า บ่อน้ำตรงนี้ลึกแค่ไหน…   แถมที่เขายืนอยู่ ก็เป็นโคลนลื่นๆ อีกด้วย   กว่าเขาจะรู้ตัว ข้าก็ได้วิญญาณเขามาครอบครองแล้ว   การเอาชีวิตพวกชอบโชว์ว่าง่ายแล้ว พวกไม่ค่อยระวังก็ง่ายยิ่งกว่า เด็กคนนี้กำลังโหนกิ่งไม้เพื่อเขี่ยสิ่งของบางอย่าง   แต่เขาไม่รู้เลยว่ากิ่งไม้อันนี้ทั้งเปราะ ทั้งบาง และมันไม่สามารถรับน้ำหนักของเขาได้ทั้งหมด สุดท้ายเขาก็ตกเป็นของข้าอีกราย   และเวลาเจอป้ายแบบนี้…

สำหรับหลายๆ คนแล้ว การมีบ้านเป็นของตัวเองซักหลังถือว่าเป็นหนึ่งในความฝันสูงสุด แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัด ทำให้บางครั้งบ้านในฝันของพวกเขา อาจต้องมีพื้นที่ที่จำกัดซักหน่อย แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ทุกคนไปชม 12 ไอเดียการตกแต่งบ้าน ที่จะทำให้เราสามารถใช้ประโยชน์พื้นที่ทุกตารางนิ้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด เหมาะสำหรับคนที่กำลังจะสร้างบ้านใหม่เป็นอย่างยิ่ง จะมีประโยชน์ขนาดไหน ไปชมกันเลย   1. ติดกระจกบนเพดานหรือผนังจะทำให้ห้องดูกว้างขวางขึ้น    2. ใช้ผนังสีอ่อนก็ทำให้สบายตาขึ้นเช่นกัน    3. ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นกระจกหรือโปร่งแสง จะทำให้ห้องดูโล่งขึ้น    4. เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่สามารถแปลงเป็นอย่างอื่นได้ เช่น เตียงโซฟา    5. ใช้ผ้าม่านแบบบางๆ จะช่วยสร้างความรู้สึกโปร่งสบายให้กับในห้อง   6. เลือกใช้ไฟให้เหมาะสม พยายามใช้ไฟติดผนัง แล้วทำให้ห้องสว่างอย่างเพียงพอ ยิ่งสว่างมากเท่าไหร่ ห้องก็ยิ่งดูกว้างมากขึ้นเท่านั้น แต่ไม่ต้องสว่างขนาดสตูดิโอถ่ายภาพหรอกนะ   7. กำจัดเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่จำเป็นออกไปบ้าง เหลือเอาไว้ที่จำเป็นก็พอ แค่นี้ห้องก็กว้างขึ้นอีกโขแล้ว   8. อยากทำให้ห้องดูสะอาดขึ้น แต่ไม่อยากทิ้งของหลายๆ อย่างไป งั้นลองหาชั้นวางของเก๋ๆ มาวางในห้องสิ…

มีสาวๆ หลายคนรู้สึกว่าตัวเองตื่นยากตื่นเย็น แม้ว่าคนอื่นๆ ในบ้านจะตื่นกันไปหมดแล้วแต่ตัวเองก็ยังไม่ยอมลุกจากเตียงดูดวิญญาณสักที แต่นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกนะ เพราะมีผลวิจัยจากต่างประเทศออกมาแล้วว่าหญิงสาวต้องการเวลาพักผ่อนมากกว่าผู้ชายจริงๆ   ในปี 2008 มีการศึกษาโดยศูนย์การแพทย์ Duke Medical Center รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีการสำรวจชายและหญิงวัยกลางคนกว่า 210 คนเพื่อศึกษาพฤติกรรมการนอนของพวกเขา     โดยเงื่อนไขของผู้เข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ก็คือ จะต้องไม่สูบบุหรี่ ไม่ใช้ยาประเภทต่างๆ และไม่เป็นโรคนอนไม่หลับ   แรกเริ่มนักวิจัยจะมีการเก็บแบบสอบถามกับผู้เข้าร่วมทุกคน จากนั้นก็นำเอาตัวอย่างเลือดของพวกเขาไปตรวจสอบเพื่อดูว่ามีใครเป็นโรคเบาหวานหรือโรคหัวใจหรือไม่     ผลสรุปออกมาว่า ราวๆ 40% ของผู้เข้าร่วมโครงการ มีภาวะพักผ่อนไม่เพียงพอ แถมยังมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องเพศด้วย เพราะผู้หญิงที่นอนหลับไม่เพียงพอ มีแนวโน้มที่จะโมโหง่าย ซึมเศร้าและเกลียดชังกว่าผู้หญิงที่นอนหลับเพียงพอ   แต่พฤติกรรมเหล่านี้กลับไม่ปรากฏในเพศชายเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าพวกเขาจะหลับได้น้อยก็ตาม ฉะนั้นจึงสรุปได้ง่ายๆ ว่า หญิงสาวที่นอนหลับไม่เพียงพอ จะส่งผลให้สมองของพวกเธอทำงานหนักขึ้นในวันถัดไป และเหวี่ยงวีนคนรอบข้างได้ง่ายกว่า     เรื่องนี้น่าจะบอกหนุ่มๆ ได้ว่า หากวันไหนสาวๆ นอนมาน้อย คุณอย่าได้ไปแหยมกับพวกเธอเชียว เพราะอาจจะโดนแยกเขี้ยวใส่ได้นะ ที่มา lifehack

แม้จะสนิทสนมกันแค่ไหน แต่บางครั้งเราก็อาจจะเข้าใจคำพูดของคนที่เราสนิทด้วยผิดไป บางทีอาจเป็นอารมณ์ของเราตอนนั้น หรืออาจเป็นเพราะอคติ แต่สิ่งที่แน่นอนคือ เราไม่สามารถรู้ได้หรอก ว่าจริงๆ แล้วพวกเขาหรือเธอคิดอะไรอยู่ ดังนั้นวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมกับ 9 ภาพวาด ที่จะแสดงให้เพื่อนๆ เห็นว่า อย่าคิดไปเองจากคำพูดของคนอื่น เพราะมันอาจไม่ได้หมายความอย่างที่เราคิดก็เป็นได้ จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย   ใจเย็นๆ / ทำตัวเป็นคนบ้าไปได้   นายคิดมากไปแล้วน่า / อย่าทำตัวน่ารำคาญได้มั้ย   อย่าแบกทุกอย่างไว้เองสิ / นายมันไอ้ขี้แพ้   เธอต้องผ่านมันไปได้แน่ๆ ฉันแน่ใจ / จะหยุดคร่ำครวญได้หรือยัง?   ผมไปสังสรรค์กับเพื่อนนะ ไม่ต้องรอล่ะ / ผมมีผู้หญิงคนอื่นแล้ว   ไว้คุยกันทีหลังนะ / ฉันมีอย่างอื่นที่สำคัญมากกว่าการฟังนายบ่นเยอะ   ใช่ ฉันเพิ่งเจอเพื่อนคนนั้นมา / ใช่ ฉันเจอเพื่อนคนนั้นมา แต่ฉันไม่ชวนเธอ เพราะเธอน่ารำคาญไงล่ะ   ขอโทษนะที่รัก…

ปกติเวลาเรากินผักผลไม้ เราก็มักจะซื้อกินเอาเพราะว่ามันสะดวกกว่าการปลูกเองเป็นไหนๆ ซึ่งแต่ละชนิดนั้นก็จะมีรูปร่างแตกต่างกันไป แต่เราเคยนึกไหมว่าก่อนที่มันจะมาเป็นผลเป็นใบอันใหญ่ๆ ให้เรากินได้นั้น ก่อนหน้านี้มันมีรูปร่างยังไงมาก่อน วันนี้ #เหมียวสามสี ก็เลยจะพาลุยสวนไปชมภาพของเหล่าผักผลไม้ตอนที่ยังเป็นเบบี้ดอกไม้ ก่อนที่จะกลายร่างมาเป็นสิ่งที่เรากินกัน เห็นแล้วไม่น่าเชื่อเลยว่ามันกลายร่างได้ถึงเพียงนี้เลยเหรอ ไปดูกันเลย!!   ลูกแพร์   แครอท   มันฝรั่ง   ต้นหอม   มะเขือม่วง   แบล็กเบอร์รี่   มะละกอ   ส้ม   แอปเปิ้ล   มะกอก   ลูกพลัม   ถั่วเหลือง   มะนาว   สตรอว์เบอร์รี่   ลูกพีช   ไม่น่าเชื่อเลยว่าดอกสวยๆ เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่เราใช้ประกอบอาหารหรือทานเล่น ถ้าเราไม่ได้ปลูกเองก็ไม่มีทางรู้เลยว่ามันเป็นแบบนี้มาก่อน ที่มา brightside

หากพูดถึงเมืองที่เจริญที่สุดเมืองหนึ่งในแถบตะวันออกกลาง ชื่อของนครดูไบ แห่งประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตต้องโผล่มาเป็นชื่อแรกๆ อย่างแน่นอน ด้วยตึกสูงนับร้อยแห่งและสิ่งปลูกสร้างเจ๋งๆ มากมาย ทำให้หลายๆ คนต่างอยากไปเที่ยวเมืองเจ้าของฉายาแมนฮัตตันแห่งตะวันออกกลางนี่ซักครั้ง แต่รู้หรือไม่ ถ้าใครมีโอกาสได้เห็นนครดูไบเมื่อสี่สิบปีก่อนละก็ จะต้องไม่มีใครคิดแน่นอน ว่าเมืองแห่งนี้จะกลายเป็นเมืองที่เจริญที่สุดเมืองหนึ่งในเอเชีย จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย   . ภาพชุดนี้ถูกถ่ายเมื่อช่วงยุค 1960s และปัจจุบันถูกเก็บไว้ที่  Sheikh Mohammed Centre for Cultural Understanding เป็นที่นครดูไบ เกิดการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดช่วงหนึ่ง   . ในตอนแรกดูไบเป็นเพียงเมืองท่าเล็กๆ ที่ชาวเมืองต่างดำรงชีวิตด้วยการประมงเท่านั้น จนกระทั่งเจ้าผู้ครองนคร ได้ประกาศให้ดูไบ เป็นเมืองที่ไม่เก็บภาษีแม้แต่สตางค์เดียว ทำให้มีผู้คนจำนวนมากเริ่มเข้ามาอาศัยในเมืองท่าแห่งนี้   . จากเมืองท่าเล็กๆ ค่อยๆ พัฒนาเป็นเมืองท่าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ในช่วงยุค 1950s ดูไบมีท่าเรือขนาดใหญ่มากมาย ทำให้มีเงินสะพัดหลายล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว   . แต่เมื่อถึงช่วงยุค 1960s ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมีการค้นพบแหล่งน้ำมันดิบขนาดใหญ่ใต้แผ่นดินนครดูไบแห่งนี้ จากเมืองท่าธรรมดาๆ ก็กลายเป็นหนึ่งในเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในโลก   . แต่ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นเสมอไป…

ก็เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมที่เราทุกคนชื่อชอบที่จะทำกันล่ะ สำหรับการนำมือถือเข้าห้องน้ำ แต่บอกตรงๆ ว่าค่อนข้างเป็นกิจกรรมที่สุ่มเสี่ยงเลยทีเดียว เพราะอะไรน่ะเหรอ วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกัน!!! เพราะว่าการนำมือถือไปเล่นในห้องน้ำถือว่าเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ไม่ถูกสุขลักษณะที่สุดเท่าที่คุณสามารถทำได้เลยล่ะ โดยเฉพาะห้องน้ำสาธารณะ ที่จะมีแบคทีเรียมากกว่าห้องน้ำที่อยู่ตามบ้านเสียอีก   การนำมือถือไปเล่นในห้องน้ำ   มาถึงจุดนี้เราก็คงต้องไปหาคำแนะนำดีๆ จากเหล่าผู้เชี่ยวชาญแล้วล่ะ นั่นก็คือศาสตราจารย์ Charles Gerba และ Kelly Reynolds ซึ่งทั้งสองเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเชื้อโรคและจุลชีววิทยาแห่ง University of Arizona ล่ะ กล่าวคือ ในห้องน้ำน่ะมีแบคทีเรียอยู่เต็มไปหมด เพราะถึงเราจะล้างมือแล้วอย่างดี เรายังอาจไปจับต้องสิ่งที่มีเชื้อโรคอยู่ทั้งลูกบิดประตู หรือก๊อกน้ำ ถ้าห้องน้ำที่ไม่ค่อยได้รับการทำความสะอาดล่ะก็ ยิ่งมีแบคทีเรียอยู่มาก   และนอกจากนี้ยังมีละอองน้ำจากแบคทีเรีย (โดยเฉพาะที่เกิดจากการกดชักโครก) กระจายไปทั่วห้องน้ำเลยทีเดียว   เพราะอะไรต้องบอกถึงเรื่องนี้น่ะเหรอ เพราะบางครั้งในห้องน้ำ เราก็ต้องหาที่วางโทรศัพท์มือถือน่ะสิ ทีนี้ก็เคลือบไปด้วยเชื้อโรคแล้วล่ะ แถมอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องน้ำ อาจเรียกได้ว่าทั้งห้อง ต่างก็ถูกเคลือบไปด้วยแบคทีเรียนานาชนิด ที่มาจากระบบการขับถ่ายของมนุษย์   แถมเชื้อโรคเหล่านี้ยังสามารถส่งผลเสียต่อร่างกาย เป็นที่มาของหลายๆ โรค รวมถึงอาการท้องร่วงด้วยล่ะ ใครที่มีอาการนี้บ่อยๆ ต้องสังเกตพฤติกรรมการเข้าห้องน้ำกันแล้ว   และถึงแม้ว่าโทรศัพท์มือถือจะอยู่กับคุณตลอดเวลา นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่สกปรกนะจ๊ะ เพราะมือถือนี่แหละแหล่งรวมเชื้อโรคเลยทีเดียว…

เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวของพลังแห่งความรักและความผูกพันธ์ ที่สามารถช่วยชีวิตให้คนๆ หนึ่งรอดชีวิตจากสถานการณ์อันยากลำบากมาได้ ถึงจะมองไม่เห็นแต่สัมผัสได้จริงๆ Lily และ Summer คือสาวน้อยฝาแฝดที่เกิดก่อนกำหนดถึง 3 เดือน ที่โรงพยาบาลใน Adelaide ประเทศออสเตรเลีย ขณะที่ Summer มีน้ำหนัก 840 กรัม น้องสาวฝาแฝดของเธอกลับมีน้ำหนักเพียง 390 กรัมเท่านั้น เป็นสถานการณ์ที่วิกฤตสุดๆ   ลิลี่และซัมเมอร์ (ลิลี่ตัวเล็กกว่า)   ในตอนนั้นคุณแม่ของทั้งสอง Michelle Roberts-Cobbing ก็เตรียมทำใจที่จะต้องสูญเสีย Lily แล้วล่ะ เพราะคุณหมอบอกว่าไม่สามารถช่วยชีวิตของเธอไว้ได้จริงๆ ด้วยการที่เธอมีน้ำหนักที่น้อยและอ่อนแอเกินไป แต่คุณแม่ก็คิดไอเดียเจ๋งๆ ออก โดยการนำ Summer ไปนอนเตียงเดียวกับ Lily เหมือนกับที่พวกเธอเคยอยู่ด้วยกันในครรภ์ ตั้งแต่วินาทีแรกที่ทั้งสองได้เจอกัน ก็กอดกันกลมเลยทีเดียว   และเชื่อมั้ยล่ะ!? Lily ก็สุขภาพดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้น 8 เดือนทั้งสองก็ได้กลับมาอยู่ที่บ้าน สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์เหมือนเด็กๆ คนอื่นๆ   ตอนนี้ทั้งคู่อายุ 5 ขวบแล้วล่ะ   ‘พวกเธอเติบโตมาเป็นเด็กสาวที่น่ารัก แถมชอบ…

เชื่อว่าเหตุการณ์ซึนามิถล่มและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2011 ยังคงติดตรึงอยู่ในห้วงความคิดของใครหลายคน ชาวบ้านจำนวนมากต้องสูญเสียทั้งคนที่รักและถิ่นที่อยู่ของตนเองไปจากภัยธรรมชาติที่โหดร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในมนุษย์เคยเผชิญหน้ามา ในช่วงเวลานั้น ชาวบ้านกว่า 80,000 คนต้องอพยพออกไปยังบริเวณที่ปลอดภัยจากกัมมัตรังสี หลังจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เมืองฟุกุชิมาเกิดวิกฤติขึ้นมา จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ชาวบ้านเหล่านั้นก็ยังไม่สามารถกลับไปอาศัยยังถิ่นพำนักเดิมของพวกเขาได้ จนฟุกุชิม่า กลายสภาพเป็นเมืองร้างอันเงียบเหงาและวังเวงเป็นที่สุด     ล่าสุดตากล้องชาวฝรั่งเศส Carlos Ayesta และ Guillaume Bression ได้ทำโปรเจคถ่ายภาพชุดใหม่ขึ้นมา พวกเขาได้พาอดีตชาวเมืองฟุกุชิม่าหลายคน กลับไปยัง “บ้าน” ของพวกเขา แล้วให้พวกเขา แสร้งใช้ชีวิตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกลายเป็นภาพสุดสะเทือนใจชุดนี้ จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย     Midori Ito พบว่าซุปเปอร์มาเก็ตแห่งนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย นับตั้งแต่วันที่เกิดแผ่นดินไหว แม้กระทั่งป้าย “ของสด” ก็ยังอยู่เหมือนเดิม ปัจจุบันเธอย้ายไปอยู่ในเมืองที่ตั้งห่างออกไป 60 กิโลเมตรกับลูกๆ ของเธอ   Rieko Matsumotoest ได้กลับมายังร้านซักผ้าที่เธอมักนำมาซักเป็นประจำ สมัยที่ยังทำงานอยู่ในเมืองนี้ ปัจจุบันเธอเป็นนักโภชนาการและผู้ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ   Kanoko Sato กล่าวว่า ถ้าเธอไม่ได้เข้าร่วมโปรแกรมนี้ เธอคงไม่มีวันได้เห็นกับตาว่า…

ในปัจจุบัน เชื่อว่าหลายคนเคยได้ยินเรื่องการดีท็อกส์ (Detox) มากันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตามสื่ออินเตอร์เน็ตหรือว่าทางโทรทัศน์ มีการปล่อยสูตรอาหารหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่อ้างว่าสามารถขับสารพิษในร่างกายออกมาได้อย่างหมดจด จนหลายๆ คนนำไปทดลองทำ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การดีท็อกส์สามารถทำได้ง่ายๆ แบบนั้นเลยเลยหรือ? วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ ได้ไปเจอบทความที่น่าสนใจจากสำนักข่าว The Guardian ว่าด้วยเรื่องการดีท็อกส์ การดีท็อกส์นั้นมีประโยชน์จริงหรือไม่? หรือว่าเป็นแค่การตลาดของเจ้าของผลิตภัณฑ์เท่านั้น? เราไปติดตามกันเลยดีกว่า การดีท็อกส์ (Detox) มาจากคำว่า Detoxification แปลว่าการกำจัดสารพิษออกจากร่างกายหรือว่าการถอนพิษ ซึ่งอาจหมายถึงการขับเหงื่อ การปัสสาวะ หรือแม้กระทั่งการอุจจาระก็เช่นกัน แล้วการ “ดีท็อกส์” ที่เราเห็นบ่อยๆ ล่ะ หมายความว่าอย่างไร? ศาสตราจารย์ นายแพทย์ Edzard Ernst จากมหาวิทยาลัย Exeter จากประเทศอังกฤษกล่าวว่า “การดีท็อกส์มีอยู่สองแบบ แบบแรกคือดีท็อกส์ของจริง อีกแบบคือเรื่องโกหก” “การดีท็อกส์ที่แท้จริงที่ผมหมายถึงนั้นก็คือ การเข้ารับการรักษาทางการแพทย์อย่างต็มรูปแบบ เพราะเวลาร่างกายของคุณมีสารพิษที่ไม่สามารถขับออกมาได้ ร่างกายคุณจะค่อยๆ ตายลงไปอย่างช้าๆ ซึ่งถ้าคุณไม่ให้แพทย์ช่วยเอามันออก ก็โบกมือบ้ายบายโลกนี้ได้เลย”     “ส่วนอีกแบบเป็นสิ่งที่เหล่าผู้ผลิตสินค้าคิดกันขึ้นมาเอง มันไม่มีอะไรที่กินเข้าไป แล้วสามารถล้างพิษในร่างกาย และทำให้ร่างกายคุณกลับมาสมบูรณ์อีกครั้งได้หรอก”…

#จ่าสิบเหมียว คิดว่าข้อมูลนี้น่าสนใจมากทีเดียว เหมือนคำกล่าวที่ว่า ‘ยิ่งคาดหวังน้อย ความผิดหวังที่เกิดขึ้นก็จะน้อยลงตามนั่นเอง’ สำหรับเรื่องนี้ก็เช่นกัน… สำหรับคู่แต่งงานใหม่หลายๆ คู่ ปัญหาคาใจที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องที่ว่าพวกเขาจะอยู่กันรอดรึเปล่า? วันนี้เราก็เลยมีงานวิจัยจากทาง Florida State University มาตอบปัญหาเรื่องนี้กันล่ะ ลองมาดูกันเลย Dr. James McNulty นักจิตวิทยาจากทางมหาวิทยาลัยดังกล่าวได้ทำการสำรวจและเก็บข้อมูลของคู่แต่งงานใหม่กว่า 135 คู่ด้วยกัน ส่วนมากผู้เข้าร่วมวิจัยจะมีอายุราวๆ 25-26 ปี และมีรายได้รวมกันแล้วไม่เกิน 1,400,000 บาทต่อปี   ยิ่งคาดหวังน้อยยิ่งอยู่กันยืด   โดยงานวิจัยนี้จะเน้นหนักไปในเรื่อง ‘คู่แต่งงานควรจะคาดหวังชีวิตหลังแต่งงานให้น้อยลงหรือเปล่า?’ ซึ่งถูกตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ Personality and Social Psychology Bulletin หลักๆ แล้วก็คือเหล่าคู่แต่งงานที่คาดหวังเกี่ยวกับชีวิตคู่ของพวกเขาไว้สูง มักจะรู้สึกไม่มีความสุขกับชีวิตหลังแต่งงาน ผิดกับเหล่าที่คาดหวังไว้น้อย พวกเขาจะมีความสุขมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด แถมงานวิจัยก็ออกจะชี้ชัดไปในทิศทางนี้เลยล่ะว่า ยิ่งความคาดหวังต่ำโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตคู่จะยิ่งสูงขึ้น!! เพราะว่าสามารถเติมเต็มความคาดหวังเหล่านั้นได้ง่ายนั่นเอง   คาดหวังต่ำ โอกาสสำเร็จสูง!!?   และหลังจากศึกษาวิดีโอแล้วเขาก็พบว่าสิ่งที่สามารถทำลายความสัมพันธ์ได้ดีที่สุดก็คือ ‘ความก้าวร้าวภายใน’   โดยศาสตราจารย์สรุปว่า ถ้าคู่แต่งงานกล้าที่จะพูดปัญหาของพวกเขาขึ้นมาแบบตรงๆ จะทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกดีและมีความสุขกับชีวิตคู่มากกว่า ส่วนคู่ที่ไม่กล้าพูดกันตรงๆ จะมีความสุขน้อยลงเรื่อยๆ ตามกาลเวลาที่ผ่านไป…

สำหรับคนที่เริ่มมีอายุขึ้นมาหน่อยนั้น การดื่มระหว่างการออกเดทแต่ละครั้ง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ธรรมดา แต่ล่าสุดนักจิตวิทยาก็ได้ออกมาอธิบายว่า การดื่มระหว่างเดทนั้นมีผลที่แตกต่างกันไปในเพศชายและหญิงล่ะ จากงานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Journal of Personal Relationships การดื่มเครื่องดื่มชนิดที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมระหว่างเดทนั้นจะทำให้ผู้หญิงมีความรู้สึกใกล้ชิดกับชายหนุ่มที่ออกเดทด้วยมากขึ้น แต่ในชายหนุ่มนั้นจะรู้สึกต่างกันออกไป… สำหรับงานวิจัยนี้นักจิตวิทยาของทาง Australian National University ได้ทำการเก็บข้อมูลระหว่างการเดทของคู่เดทจำนวนกว่า 300 คนด้วยกัน     ซึ่งอาสาสมัครในจำนวนกว่า 300 คนนั้น ส่วนใหญ่ยอมรับว่ามีการดื่มระหว่างที่พวกเขาออกเดทในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยการเดทเกือบครึ่งนั้นเกิดขึ้นที่ร้านอาหาร ร้อยละ 28 เกิดขึ้นในบาร์ ร้อยละ 9 ไปเดทกันที่โรงหนัง ร้อยละ 6 เดทที่บ้าน และที่เหลืออีกราวๆ ร้อยละ 4 เดทกันในปาร์ตี้ของเพื่อนๆ ในส่วนของค่าเฉลี่ยในการดื่มแอลกอฮอล์ต่อการเดท 1 ครั้งนั้นจะอยู่ที่ประมาณประมาณ 6 แก้วด้วยกันต่อคน จะว่าไปแล้ว 6 แก้วนี่ก็พอกรึ่มๆ เลยนะเนี่ย เอิ๊กๆๆ โดยนักวิจัยได้ขอให้อาสาสมัครให้คะแนนความสนิทสนมของพวกเขาก่อนไปออกเดท และหลังจากออกเดทที่มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปด้วย ‘ค่าความสนิทสนม’ ในที่นี้นักวิจัยได้เขียนอธิบายเอาไว้เช่นกัน หมายถึงความรู้สึกถึงความใกล้ชิด รักใคร่ และความชื่นชอบในตัวของอีกฝ่าย…

แอพฯนาฬิกาปลุกทุกวันนี้นับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นมาไปขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่มีแอพฯที่จะให้คุณบวกเลขให้เสร็จ แล้วเสียงปลุกจะดับลงหรือจะเป็นแอพฯ ที่จะใช้เสียงเพลงที่ปรี๊ดจนคุณแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้ง แต่วันนี้ #เหมียวสามสี มีแอพฯนาฬิกาปลุกที่เรียกได้ว่าสร้างสรรค์ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย แอพฯนี้มีชื่อว่า Wakie โดยหลักการของมันก็แสนจะง่าย เพียงแค่คุณตั้งเวลาปลุกแล้ว พอถึงเวลาก็จะมีคนแปลกหน้าโทรมาปลุกคุณให้ตื่นเอง   ตอนเริ่มเปิดแอพฯมา มันจะให้คุณล็อกอินพร้อมกับใส่วันเกิด เราก็ใส่ๆ ไปตามใจมันไปก่อน แล้วสุดท้ายมันก็จะพาเรามาหน้านี้ซึ่งก่อนจะเริ่ม เหมียวขอบอกพี่น้องชาวไทยก่อนว่าตอนนี้ฝรั่งเริ่มงงๆ ว่าทำไมคนพิมพ์ไทยเยอะจัง ตรงนี้เวลาเราจะเล่นแอพฯ ให้ไปตั้งค่าตามนี้เลย   มาในส่วนของภาษากันบ้าง แอพฯนี้ให้คุณเลือกว่าคุณถนัดภาษาอะไรบ้าง ซึ่งเหมียวก็ตั้งค่าไว้ว่าภาษาไทยนั้นเราเป็น Native คือคนไทยนั่นเอง ส่วนภาษาอังกฤษ พูด อ่าน เขียนได้   มาที่หน้าแรก เราจะเจอกับหมวดต่างๆ ซึ่งถ้าอยากให้มีคนโทรปลุกเราตอนกี่โมงก็เข้าไปตั้งที่ “Ask far a wake up call” ได้เลย พร้อมกับเลือกเวลาและวันที่จะให้มันปลุกซ้ำ เพียงเท่านี้ก็จะมีคนโทรมาปลุกแล้ว   ตอนคนโทรมาปลุกก็จะมี Noti เด้งขึ้นพร้อมเสียงเหมือนมีคนไลน์มานั่นแหละ เพียงแค่คุณกดรับก็จะมีเสียงคนแปลกหน้ามาปลุกคุณแล้ว คราวนี้ก็ต้องลุ้นว่าจะเป็นชายหรือหญิง จะปลุกเราดีหรือไม่ ถ้าปลุกไม่ดี เราก็สามารถเข้าไปรายงานที่หน้าโปรไฟล์ของเขาได้เลยว่าคนนี้พูดจาไม่เหมาะสม วิธีดูว่าเราคุยกับใครไป…

สำหรับการสอบวัดผลทั้งประเทศนั้น แน่นอนว่านักเรียน-นักศึกษา ในเกือบทุกๆ ประเทศย่อมเคยผ่านกันมาก่อน แถมบางครั้งโรงเรียนก็จริงจังซะมากจนกลายเป็นสงครามการแข่งขันกันระหว่างโรงเรียนเลยทีเดียว และผลกรรมเหล่านั้นก็ตกมาที่เด็กๆ เพื่อการแข่งขันด้านชื่อเสียงนี้ ตามปกติแล้วเด็กๆ ก็ตั้งใจสุดความสามารถของเค้าแหละ แต่ท้ายที่สุดแล้วทุกคนก็ล้วนต้องการกำลังใจกันใช่มั้ยล่ะ โดยเฉพาะจากครู จากอาจารย์ผู้ประสิทธิประสาทวิชาให้กับพวกเขา ที่รู้จักพวกเขาดีกว่าใครๆ เรื่องนี้ก็เช่นกัน เกี่ยวกับเจ้าหนูน้อย Rylan ลูกของ Abby Martin ที่ร้องไห้กลับมาจากโรงเรียน พอแม่ถาม เขาก็บอกว่าเพราะจดหมายของคุณครูก่อนการสอบวัดผล ISEP ที่เขาได้รับ… มาถึงจุดนี้เพื่อนๆ อาจจะมองครูผิดไป ฮ่าๆๆ แต่ลองมาดูจดหมายของคุณครูกันก่อนนะจ๊ะ!!!   จดหมายจากคุณครูที่มอบให้สำหรับการสอบที่จะเข้ามา…   ถึงนักเรียนที่รักทุกคน… อาทิย์หน้า ทุกๆ คนก็ต้องสอบ ISEP กันแล้ว สำหรับวิชาคณิตศาสตร์และการอ่าน และอีกสองอาทิตย์หลังจากนั้นทุกคนก็จะได้รู้คะแนนสอบ ครูเข้าใจว่าทุกคนตั้งใจเป็นอย่างมากกับการสอบนี้ แต่ก็มีเรื่องสำคัญมากๆ ที่นักเรียนทุกๆ คนจะต้องรู้ตระหนักไว้เสมอ และสำคัญกว่าการสอบเสียอีก การสอบ ISEP และการอ่านนี้ ไม่ได้วัดผลไปเสียหมดในทุกๆ ด้าน ที่พวกเธออาจจะทำได้ดีหรือโดดเด่นกว่าคนอื่น คนที่ออกข้อสอบนี้ไม่รู้จักพวกเธอเหมือนที่ครูและครอบครัวของเธอรู้จัก พวกคนออกข้อสอบน่ะไม่รู้ว่าพวกเธอบางคนพูดได้ถึง 2 ภาษา หรือว่าร้องเพลงได้ไพเราะขนาดไหน หรือวาดภาพสวยงามปานใด…

อีกหนึ่งเรื่องราวน่ารักๆ ของคนที่มีไอเดียดีๆ และคิดจะทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อโลกใบนี้ และวันนี้ #จ่าสิบเหมียว จะพาเพื่อนๆ ไปพบกับเรื่องราวของ Jennifer Grove สาวธรรมดาๆ คนหนึ่งที่สร้างความสดใสเล็กๆ ให้กับโลก ในงานแต่งงานครั้งหนึ่งนั้น ก็อย่างที่เราเห็น ของต่างๆ ที่นำไปตกแต่งประดับประดาก็ล้วนแต่เหลือใช้และถูกนำไปทิ้งทั้งนั้น นั่นรวมถึงดอกไม้ที่นำมาใช้ตกแต่งในงาน แถมดอกเหล่านี้ก็มีจำนวนมากซะด้วยสิ นั่นทำให้ Jennifer Grove เกิดไอเดียก่อตั้งบริษัท Repeat Roses ขึ้น เพื่อรับช่วงต่อเก็บกวาดดอกไม้ที่เหลือในงานเหล่านี้ แล้วเธอก็ได้นำไปรีไซเคิลเป็นช่อดอกไม้สำหรับไว้เยี่ยมคนไข้ คนชรา และเด็กๆ   Jennifer Grove กำลังมอบดอกไม้ให้กับคนชรา   ซึ่งข้อดีของการได้บริจาคดอกไม้ที่เหลือจากงานแต่งของคุณก็คือ คุณได้ทำความดี…แน่ะๆๆ ยังไม่หมดๆ   แถมคุณจะได้เกียรติบัตรด้วยนะจ๊ะว่าได้ทำการบริจาคเพื่อสังคม แต่จุดพีคที่สุดก็คงเป็นการที่คุณสามารถนำใบรับรองของบริษัทไปลดหย่อนภาษีได้ด้วยล่ะ อื้อหืออออ!!! เริ่มน่าสนใจแล้วล่ะสิ เอิ๊กๆๆๆ ‘ฉันชอบเช้าวันจันทร์ตลอดเลย เพราะเราจะได้รับอีเมล์มากมายที่ส่งมาขอบคุณจากทั้งคู่แต่งงานใหม่ พ่อแม่ของคู่แต่งงาน คนไข้ คนชรา และเด็กๆ มันเป็นอะไรที่ทำให้ฉันและทีมงานรู้สึกดีมากๆ’ Jennifer กล่าว   ลองมาดูวิดีโอของเธอกันได้ที่นี่เลยจ้า They made this wedding beautiful,…

ถ้าเผื่อใครยังไม่ทราบ หนึ่งในโรคที่คร่าชีวิตมนุษย์มากที่สุดก็คือโรคหัวใจและคอเลสเตอรอลสูงนี่แหละ เพราะมันคือสาเหตุหลักๆ ที่นำพาไปสู่โรคร้ายอีกหลายรูปแบบเลยทีเดียว ลองคิดถึงโลกที่จะไม่มีใครเสียชีวิตเพราะต้องรอคอยผู้บริจาคอวัยวะสิ? มันคงจะดีไม่น้อยเลยใช่รึเปล่า แทนที่จะต้องเสียเวลารอเป็นเดือนๆ เรากลับใช้เซลล์ของคนไข้เพาะอวัยวะให้กับพวกเขาเพียงเวลาไม่กี่สัปดาห์!? #จ่าสิบเหมียว บอกเลยว่าตอนนี้มีโอกาสที่เข้าใกล้ความเป็นจริงมากๆ เลยทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องการ ‘เพาะเลี้ยงหัวใจ’ ที่วงการแพทย์กำลังศึกษากันอย่างจริงจังนี้!!! สำหรับงานวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ Circulation Outreach ของทาง Harvard Medical School แห่งสหรัฐอเมริกาซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นการมอบความหวังให้คนทั่วโลกเลยทีเดียวที่ต้องการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายหัวใจ และไม่ต้องกลัวว่าจะไม่แมชต์กัน เพราะหัวใจดวงใหม่นี้มาจากเซลล์ของเราเองล้วนๆ !!!   การเพาะเลี้ยงหัวใจ   หลายๆ คนอาจจะงงว่าการเพาะเลี้ยงหัวใจคืออะไร? หลักๆ แล้วก็ต้องการหัวใจของผู้บริจาคอวัยวะเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ต้องนำไปผ่านกระบวนการการล้างแบบพิเศษเสียก่อน เพื่อให้เซลล์และ DNA ทั้งหมดที่มีในหัวใจที่ได้รับบริจาคมานั้นจางหายไปให้หมด เพราะร่างกายของผู้ป่วยอาจไม่ยอมรับหัวใจดวงใหม่นี้ พอผ่านกระบวนการล้างเสร็จก็จะเหลือโครงสร้างทางโปรตีนรูปหัวใจแบบเปล่าๆ หรือเหลือแต่โครงมันนั่นเอง ทีนี้ก็นำเซลล์ของผู้ป่วยไปเพาะเลี้ยงและโตในโครงสร้างทางโปรตีนนี้อยู่ในตู้เพาะเลี้ยงราวๆ 2 สัปดาห์ ซึ้งในตู้นี้กล้ามเนื้อหัวใจจะได้รับการกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าอยู่ตลอด เพื่อให้อวัยวะสามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง   การผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายหัวใจ   แล้วข้อดีของโปรเจ็คต์นี้ล่ะ!? นั่นก็คือไม่ได้เฉพาะเจาะจงในส่วนของ ‘หัวใจ’ เท่านั้น แต่ยังมีแนวโน้มที่จะทำได้กับ ไต หลอดลม และกล้ามเนื้อของตับ ซึ่งการทดลองนี้นับเป็นครั้งแรกที่ทำกับหัวใจของมนุษย์แบบเต็มๆ ทั้งดวง!!…

สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรานั้น ก็เรียกได้ว่าเป็นภูมิภาคที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน มีอาณาจักรหลายๆ อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในแถบนี้ ผู้คนก็มีความเป็นมาและวัฒนธรรมที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็อยากจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับคนกลุ่มหนึ่ง กลุ่มคนแห่งอาณาจักรจามปาที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ปัจจุบันนี้เหลืออยู่แต่เพียงความทรงจำและร่องรอยความเจริญในยุคก่อนเท่านั้น พวกเขาใช้ชีวิตอยู่แถบตอนกลางของประเทศเวียดนามในปัจจุบัน ครอบครองและค้าขายแถบทะเลจีนใต้ไว้กว่าพันปี!!!   สำหรับชาวจามแล้ว เหล่าผู้อาวุโสมีความสำคัญในสังคมอย่างมาก ในภาพคือผู้อาวุโสชาวจามที่ Ninh Thuan   ในภาพคือประเพณีโบราณ สำหรับรับขวัญ-เปลี่ยนผ่าน ในกระบวนการนี้ผู้อาวุโสจะอบรมเด็กๆ เกี่ยวกับประเพณีโบราณดั้งเดิมของเผ่า   การละเล่นบนเนินทราย หนึ่งในประเพณีที่ได้รับความนิยมมากของชาวจาม   หญิงชาวจามที่เนินทราย Nam Cuong ใน Ninh Thuan   อีกหนึ่งการละเล่นบนเนินทราย   ภาพเหล่าหญิงสาวของชนเผ่ากำลังเดินไปตักน้ำที่แม่น้ำ การเล่นสาดน้ำถือเป็นกิจกรรมประจำของพวกเธอเช่นกัน   โบราณสถานของอาณาจักรจามปาในอดีตใกล้ๆ กับ Phanrang   สาวชาวจามที่ไปเก็บดอกบัว   เจ้าหนูกำลังตกปลากับคุณตา   ส่วนมากผู้อาวุโสของชนเผ่าจะมีหน้าที่ดูแลเหล่าเด็กๆ และแน่นอนนั่นหมายถึงการเล่านิทานและเรื่องราวความเป็นมาของบรรพบุรุษ   การตระเตรียมอาหารในเทศกาล Kate จังหวัด Ninh Thuan ในประเทศเวียดนาม   ช่างปั้นหม้อ หนึ่งในอาชีพยอดนิยมของชาวจาม…

ในโลกยุคปัจจุบัน การศึกษาถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากไม่มีการศึกษาที่ดีถึงระดับหนึ่งแล้ว การใช้ชีวิตในภายภาคหน้า ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม การจะผ่านการศึกษานั้น ก็ต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งทำให้เด็กยากไร้หลายคน ต้องพลาดโอกาสในการศึกษาไปอย่างน่าเสียดาย และเมื่อไม่มีการศึกษา การจะพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ก็อาจเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว     เรื่องดังกล่าวทำให้  Kamal Parmar เจ้าของโรงงานแห่งหนึ่งในประเทศอินเดียรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก และนั่นเป็นแรงบันดาลใจ ให้เขาทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่และน่ายกย่องขึ้นมา เขาเล่าว่า เมื่อสิบห้าปีก่อน เขาเห็นเด็กจากสลัมแถวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังเดินทางกลับมาจากโรงเรียน เด็กกลุ่มนั้นดีใจมากที่สอบผ่าน เขาจึงเขาไปสอบถาม และเขาก็ต้องพบกับความจริงที่น่าตกใจว่า เด็กกลุ่มนั้น ไม่มีใครอ่านออกเขียนได้ซักคนเลย     เขารู้สึกว่าเขาต้องทำบางอย่างกับเรื่องนี้แล้ว เขาเริ่มจากการคุยกับเด็กเกือบ 400 คนในสลัมแถวบ้านของเขา เขาพบว่ามีเด็กเพียง 4-5 คนเท่านั้นที่อ่านหนังสือออก ดังนั้นเขาจึงชวนเด็กเหล่านั้น ให้มาที่บ้านของเขาทุกๆ เย็น เพื่อเรียนหนังสือเบื้องต้น โดยเขาใช้ที่บริเวณข้างบ้าน สร้างเป็นห้องเรียนข้างถนนขึ้นมา เริ่มแรกเขามีนักเรียนเพียง 15 คนเท่านั้น เขาพยายามสอนทุกอย่างที่เขารู้ให้กับเด็กสลัมผู้ยากไร้ เหล่านั้น และทุกๆ เย็น พวกเขาจะทำอาหารมาเลี้ยงเด็กๆ ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี เขาก็มีนักเรียนเพิ่มขึ้นมาอีกหลายสิบคนเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น…

ถ้าคุณรู้กฎล่ะก็ เวลาไปช็อปปิ้งเราก็มักจะซื้อพืชผักมาแบบเยอะมากกกก และต้องการเก็บมันให้สดและคงอยู่ในสภาพแบบนั้นได้ยาวนานที่สุด วิธีการที่ดีที่สุดที่เรามีตอนนี้ก็คือยัดมันใส่ตู้เย็นซะ!!! แน่นอนว่ามันเป็นวิธีการที่เฉลียวฉลาด เป็นเหตุเป็นผล และในหลายๆ แง่ทางมันเป็นไอเดียที่ดีมากๆ แต่มันมีผักอยู่ชนิดหนึ่งที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่ควรนำไปใส่หรือเฉียดเข้าใกล้เลยนั่นก็คือ ‘มันฝรั่ง’ !!!   ห้ามเอามันฝรั่งใส่ตู้เย็นเด็ดขาด   มันฝรั่งในที่นี้คือมันฝรั่งที่ยังไม่ได้นำไปปรุงอาหาร หรือมันฝรั่งสุดๆ นั่นแหละ ห้ามเอาไปเก็บไว้ในตู้เย็นเด็ดขาด หลักๆ แล้วก็เพราะจะทำให้มันเสียรสชาติ เพราะความเย็นจะทำให้แป้งในมันฝรั่งเปลี่ยนเป็นน้ำตาลไวขึ้น ทำให้มันฝรั่งทั้งหวานทั้งแข็ง แซ๊ดสุดๆ ไปเลย -*- เหตุผลที่รองลงมาแต่สำคัญมากนั่นก็คือเมื่อแป้งกลายสภาพเป็นน้ำตาลแล้วล่ะก็ อาจเกิดอันตรายต่อตัวคุณพอนำไปปรุงเป็นอาหารได้ หน่วยงาน Food Standards Agency ได้อธิบายว่าเมื่อนำมันฝรั่งที่แช่เย็นมาปรุงอาหารเช่นอบหรือทอด น้ำตาลที่แปลงสภาพมาจากแป้งจะไปรวมตัวกับกรดอะมิโน Asparagine ซึ่งเป็นประเภทที่ไม่จำเป็นต่อร่างกาย   พอรวมตัวกันแล้วก็จะเกิดเป็นสาร Acrylamide ที่ทางวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นสารก่อมะเร็ง!!!   การเก็บมันฝรั่งที่ดีที่สุดล่ะ!!?   ในส่วนของการเก็บมันฝรั่งสดๆ นั้น แค่เก็บมันใส่ตู้หรือตะกร้าก็พอแล้วล่ะ ถ้าจะให้ดีที่สุดนำมันมารวมกันไว้ในถุงกระดาษ เก็บไว้ในที่เย็นธรรมดาๆ แบบไม่ต้องใส่ตู้เย็น…   และนี่ก็คือสาเหตุที่เพื่อนๆ ไม่ควรเก็บมันฝรั่งไว้ในตู้เย็นกันนะจ๊ะ อันตรายอย่างไม่คาดคิดเลยทีเดียวเชียว ไว้วันหลังใครที่เก็บไว้ในตู้เย็นอย่าทำแบบนั้นกันอีกน้าาา ที่มา: Metro, Food Standards…

อย่างที่เราทราบกันดีว่า บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของโลก นอกจากจะจ่ายค่าแรงสูงแล้ว สวัสดิการเบื้องต้นของพวกเขา ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแบบสุดๆ เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ครบครันในออฟฟิศ และโรงอาหารที่มีอาหารดีๆ มาให้ได้ทานฟรีๆตลอด วันนี้ล่าสุดทางเว็บไซต์ New USA Today ได้นำภาพของโรงอาหารจากบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของโลกมาให้เราได้ชมกัน จะเจ๋งขนาดไหน ไปชมกันเลย   Google   สำนักงานใหญ่ของบริษัท Google นั้นตั้งอยู่ที่ใจกลางเมือง New York พนักงานทุกคนสามารถไปทานอาหารฟรีได้ที่โรงอาหารกลางของบริษัท ซึ่งจะมีพวกสลัด ขนม ของหวานต่างๆ มากมายให้เลือกทานกัน เรียกได้ว่าถ้ามีคนหายไปจากออฟฟิศ ไปตามหาที่โรงอาหารคงเจอแน่นอน   Apple   ต่อไปเราไปชมของบริษัท Apple กันบ้าง สำนักงานใหญ่ของ Apple ตั้งอยู่ที่ Cupertino รัฐ California แน่นอน ที่นี่ก็มีอาหารฟรีบริการให้พนักงานเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารเม็กซิกัน ญี่ปุ่น อิตาลี  สเปน ฝรั่งเศส เรียกว่าครบทุกชาติจริงๆ รวมถึงของหวานพวกไอศกรีมหรือว่าขนมปังด้วย   Facebook   สำนักงานใหญ่ของ…

สำหรับคนที่ยังไม่มีลูก แต่มีเพื่อนที่มีลูกแล้ว อาจกำลังคิดว่าเพื่อนมีชีวิตที่สุขสบาย วันๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่เลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน ต่างจากตัวเองที่ต้องออกไปทำงานหาเงินตามวิถีมนุษย์เงินเดือนทั่วไป ชีวิตประจำวันของคุณคืออะไร ตื่น 6 โมงเช้า อาบน้ำแต่งตัว ทานข้าวเก็บกระเป๋าออกไปทำงาน ฟังเพลงบนรถไฟฟ้าชิวๆ พอไปถึงที่ทำงานก็ก้มหน้าก้มตาทำงาน เหนื่อยก็เม้ามอยกับเพื่อนๆ บ้างเป็นบางครั้ง ทำงานเสร็จกลับบ้าน หมดแรง แล้วก็นอน ช่างเป็นวันที่เหนื่อยจริงๆ ต่างจากคุณแม่ที่แค่อยู่บ้าน เลี้ยงลูก ไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ เหรอ?… การเป็นแม่นั้นมันไม่ได้ง่ายเหมือนที่เราเห็นกันผ่านๆ เพราะการใช้ชีวิตของคนเป็นแม่นั้นมันคนละขั้วกับชีวิตคนปกติเลย ตั้งแต่การตื่นนอนจนไม่ถึงการนอนหลับ มันไม่เคยเหมือนกันซักวัน คุณแม่ท่านหนึ่งชื่อว่า Skorobogatova Yuliya ชาวรัสเซีย ได้ทำการใช้ไม่เซลฟี่ บันทึกเรื่องราวการเป็นแม่ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่าการเลี้ยงลูกนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่ใครก็สามารถทำได้เลย เราไปดูกันว่าในแต่ละวันเธอต้องเจออะไรบ้าง   บางวันตื่น 9 โมง บางวันก็ต้องตื่นตั้งแต่ตี 5   ตื่นมาแล้วก็ต้องพบกับความว่างเปล่า เพราะเจ้าลูกนั้นเล่นดิ้นไปดิ้นมา แล้วก็ต้องไปตามเก็บ   คุณแม่ยังต้องใช้ของต่างๆ ที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ เพื่อให้ลูก Vasilisa ได้สิ่งที่ดีที่สุด   บอกเลยว่าไม่เคยเหงา   ช่วงเวลาที่ลูกหลับจากความเหนื่อยในตอนเช้านั้นก็เป็นช่วงที่คุณแม่จะสามารถมีเวลาทำอะไรอย่างอื่นได้…

โลกเราเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง แม้กระทั่งวิถีชีวิตของเราก็เปลี่ยนตาม ลองนึกภาพสิ่งที่เราทำเมื่อหลายปีก่อน ปัจจุบันนี้เราอาจไม่ได้ทำแล้ว ซึ่งบางทีเรามองย้อนกลับไป เราก็ได้แต่ถอนหายใจว่า เราเคยทำอะไรแบบนั้นด้วยเหรอเนี่ย วันนี้เหมียวจะพาเพื่อนๆ ไปชมความแตกต่างของสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต กับสิ่งที่เราทำกันในปัจจุบัน ที่เห็นแล้วเราต้องย้อนนึกถึงวัยเด็กอย่างแน่นอน จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย   เมื่อก่อนพอถึงงานวันเกิด มีของขวัญมากมาย   ปัจจุบันคงเหลือแต่บนเฟสบุ๊ค   เมื่อก่อนบอกว่าจะออกไปเล่นบอล   เดี๋ยวนี้บอกแม่ว่าจะเล่นบอล   ดูทีวีเมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ   เดี๋ยวเด็กนั่งดูทีวีทั้งวัน อ้วนตั๊บเลยทีนี้   สนามเด็กเล่นเมื่อก่อน   สนามเด็กเล่นสมัยนี้     เมื่อก่อนได้อีเมล์ทีตื่นเต้นมาก   เดี๋ยวนี้ได้จดหมายจริงๆ ตื่นเต้นกว่าอีก   เมื่อก่อนไปเล่นหิมะนอกบ้าน     เดี๋ยวนี้เล่นบนแท็ปเล็ตได้เหมือนกัน   ออกกำลังกายสมัยก่อนคือออกกำลังกายจริงๆ     สมัยนี้กว่าจะได้ออกวิ่ง หลายขั้นตอนเหลือเกิน   ไปทะเลเมื่อก่อน   ไปทะเลสมัยนี้   เมื่อก่อนกลัวหมอมาก…

ความสำเร็จบางครั้งกว่าจะได้มาต้องแลกด้วยความพยายาม ความทุ่มเท และความอดทนมากมายขนาดไหน หลายคนอาจสงสัยว่า คนที่ประสบความสำเร็จ กับคนที่ล้มเหลวในชีวิต มีความต่างกันอย่างไร วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมภาพวาดแสดงความแตกต่างระหว่าง “ผู้ประสบความสำเร็จ” กับ “ผู้ไม่ประสบความสำเร็จ” จากเว็บไซต์ Bright Side จะจริงขนาดไหน ไปชมกันเลย   คนที่ไม่ประสบความสำเร็จจะเก็บความแค้นไว้ ส่วนคนที่ประสบความสำเร็จมักรู้จักคำว่าให้อภัย   คนที่ไม่ประสบความสำเร็จจะหวังให้ทุกคนล้มเหลว ส่วนคนที่ประสบความสำเร็จจะหวังให้ทุกคนประสบความสำเร็จไปด้วยกัน   คนที่ไม่ประสบความสำเร็จไม่ชอบตั้งเป้าหมาย ส่วนคนที่ประสบความสำเร็จจะตั้งเป้าหมายไว้เสมอ   คนที่ไม่ประสบความสำเร็จจะทำให้คนรอบข้างอึดอัด ส่วนคนที่ประสบความสำเร็จจะทำให้คนรอบข้างมีความสุขไปด้วย   คนที่ไม่ประสบความสำเร็จจะเก็บงำความรู้เอาไว้ ส่วนคนที่ประสบความสำเร็จจะพยายามเผยแพร่ความรู้ของตนเอง   คนที่ไม่ประสบความสำเร็จชอบดูทีวี ส่วนคนที่ประสบความสำเร็จชอบอ่านหนังสือ   คนที่ไม่ประสบความสำเร็จชอบยึดติดกับอดีต ส่วนคนที่ประสบความสำเร็จจะใช้ชีวิตในปัจจุบัน   คนที่ไม่ประสบความสำเร็จมักไม่รู้ว่าตนเองต้องการอะไร ส่วนคนที่ประสบความสำเร็จจะรู้เสมอว่าตนเองต้องการอะไร   คนที่ไม่ประสบความสำเร็จคิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างแล้ว ส่วนคนที่ประสบความสำเร็จจะพยายามหาความรู้ใหม่ๆ เสมอ   คนที่ไม่ประสบความสำเร็จมักจะโทษคนอื่นเวลาตัวเองทำผิด ส่วนคนที่ประสบความสำเร็จจะรับผิดชอบทุกสิ่งที่ตัวเองกระทำ   ก็ถือว่าเป็นอีกมุมมองที่น่าสนใจ แล้วเพื่อนๆ คิดว่าเรื่องจริงเป็นอย่างในภาพที่เขาวาดหรือเปล่า ลองแสดงความคิดเห็นกันเข้ามาได้นะเหมียว ที่มา Brightside

การเลี้ยงสัตว์ในมุมมองของคนทั่วไป อาจจะเป็นเพียงแค่ความรักความชอบหรืออาจจะช่วยในแง่ของสุขภาพจิต ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหนต่างก็มีประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น สำหรับใครที่ไม่เคยเลี้ยงหรือไม่เคยสนใจที่จะเลี้ยงเลยนั้น จะให้มองยังไงก็คงไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าซักวันหนึ่งได้เลี้ยงสัตว์ขึ้นมาอาจจะช่วยพลิกชีวิตของเราไปเลยก็ได้ อย่างเช่นในเรื่องราวของคุณ Eric หนุ่มอ้วนร่างท้วมที่มีน้ำหนักตัวรวมทั้งสิ้น 154 กิโลกรัม!! ซึ่งคุณหมอก็ได้วินิจฉัยร่างกายของเขาแล้ว พบว่ามีคอเลสเตอรอลสูง, มีความดันโลหิตสูง และเป็นโรคเบาหวานชนิดที่สองด้วย   ย้อนกลับไปในปีค.ศ. 2010 คุณหมอบอกว่าเขามีเวลาเหลืออยู่เพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น จากโรคต่างๆ ที่มีมากมายอยู่ภายในร่างกาย เวลาของเขาจึงมีไม่มากแล้ว   นอกจากน้ำหนักตัวที่มากถึง 154 กิโลกรัม เขาก็เป็นทั้งความดันสูง คอเลสเตอรอลสูง และเป็นโรคเบาหวาน   สิ่งที่ทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาได้นั้น เริ่มต้นมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเครื่องบิน   ในช่วงที่เตรียมความพร้อม เขาไม่สามารถรัดเข็มขัดนิรภัยได้ เจ้าหน้าก็พยายามหาสายรัดที่มีขนาดพอดีตัวกับ Eric แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหาให้ได้   ผู้โดยสารรายหนึ่งบนเครื่องเกิดอาการไม่พอใจ ตะโกนด้วยความรังเกียจว่า ทุกอย่างต้องล่าช้าเพราะความอ้วนของ Eric   แล้วจะปล่อยให้ความอ้วนมาฉุดรั้งตัวเองอีกต่อไปอย่างงั้นหรือ? Eric จึงตัดสินใจโทรไปหานักโภชนาการแล้วก็ได้รับคำแนะนำที่ว่า ‘ให้หาสุนัขมาเลี้ยงซักตัว’   แม้ฟังดูแล้วจะเป็นคำแนะนำที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ต้องการ Eric ก็ตัดสินใจไปที่สถานสงเคราะห์สัตว์ทันที  …