Category: สาระรอบตัว
-
รู้รึเปล่าว่าถึงมนุษย์จะมีทีวีมานานแล้ว แต่หมาเพิ่งสนุกกับการดูทีวีได้ไม่นานนี้เอง
มนุษย์เราเริ่มประดิษฐ์โทรทัศน์หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่าทีวีใช้มาเกือบ 100 ปีแล้ว และก็ได้รับความบันเทิงจากสื่อชนิดนี้มาตั้งแต่มันยังเป็นภาพขาวดำอยู่เลย ทว่าหากคุณเกิดในช่วงปี 1980 หรือ 1990 คุณอาจจะคิดว่าหมาดูโทรทัศน์ไม่รู้เรื่องก็ได้ แต่จริงๆ แล้วมันมีเหตุผลที่ทำให้หมาดูทีวีไม่รู้เรื่องอยู่ อันที่จริงแล้วปัจจัยหลักเลยที่ทำให้สุนัขดูทีวีในสมัยก่อนไม่รู้เรื่อง เป็นเพราะความละเอียดของภาพในสมัยก่อนมีคุณภาพต่ำต่างหาก ทีวีในอดีตมีเฟรมเรท หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า fps (frames per second) ต่ำ แต่ก็เพียงพอให้มนุษย์ซึ่งต้องการเฟรมเรทเพียงแค่ประมาณ 20 ก็ดูทีวีรู้เรื่องได้แล้ว แต่สำหรับสุนัขที่ต้องการเฟรมเรทประมาณ 70 นั้น ทีวีสมัยก่อนก็เป็นเหมือนกับตู้กะพริบไฟที่ส่งเสียงได้ดีๆ นี่เอง พวกมันเลยดูภาพไม่รู้เรื่อง แต่เมื่อเทคโนโลยีพัฒนามากยิ่งขึ้นจนมีทีวีความละเอียดสูงหรือ HDTV (High Definition Television) ที่มีเฟรมเรทสูง เจ้าหมาก็เลยสามารถดูภาพในทีวีได้รู้เรื่องสักที จากนั้นเจ้าหมาก็เริ่มรับความบันเทิงจากการดูทีวีได้เหมือนกับเจ้าของแล้ว ทีนี้เรากับเจ้าหมาก็สามารถสนุกไปด้วยกันได้จากการรับชมรายการโปรด โดยไม่ต้องกลัวว่ามันจะดูไม่รู้เรื่องอีกต่อไป เจ้าหมาดูการ์ตูนเรื่อง Bolt ซึ่งเป็นเรื่องโปรดของมัน หมาอินไปกับการดูหนังเรื่องคิงคอง …
-
ผู้สร้างอนิเมะอธิบาย ฉากสาวน้อย “นมกระเพื่อม” มันไม่ได้ทำง่ายๆ รายละเอียดเยอะมาก!!
สำหรับเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบการดูการ์ตูนอนิเมะของญี่ปุ่น คงจะเคยเห็นตัวละครหญิงหลายๆ ตัวที่มีหน้าอกหน้าใจใหญ่สะบึ้ม แถมมันก็เด้งดึ๋งชวนจินตนาการอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งภาพเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่หนุ่มๆ หลายคนปรารถนา หารู้ไม่ว่า กว่าจะได้ภาพ หน้าอกกระเพื่อม สุดเซ็กซี่เย้ายวนชวนความกระหายของชายหนุ่มได้นั้นมันไม่ง่ายเลย ล่าสุดทางผู้สร้างการ์ตูนเรื่อง How Not to Summon a Demon Lord ก็ได้ออกมาอธิบายสั้นๆ ว่าการสร้างฉากที่ตัวละครสาวหน้าอกเด้งนั้นต้องทำยังไง การ์ตูนเรื่องนี้มีพล็อตเรื่องประมาณว่า ชายหนุ่มคนหนึ่งหลุดเข้าไปในโลกแห่งแฟนตาซี และก็ได้พบกับตัวละครสาวๆ มากมายที่เขาจำเป็นต้องทำความรู้จัก แถมตัวละครจำนวนมากในโลกแฟนตาซีนี้ก็สะบึ้มมากๆ เลยล่ะ ชมวิดีโอเปิดเรื่องกันก่อนเลยก็แล้วกัน จากคลิปวิดีโอจะเห็นตัวละครหนึ่ง (เอลฟ์ชุดสีเขียว) เธอมีชื่อว่า Shera จับตาดูให้ดีในนาทีที่ 0.55 ของวิดีโอจะมีฉาก Close up เข้าไปที่หน้าอกของตัวละครตัวนี้ ทำให้เห็นการเคลื่อนไหวสุดพลิ้วของหน้าอกขนาดมหึมา ทั้งนี้ทางผู้สร้างออกมาอธิบายว่า เพียงฉากสั้นๆ สองวินาทีนี้มันไม่ได้ทำขึ้นมาง่าย มันมีการใช้ Storyboard ถึง 4 หน้า แถมต้องโน้ตรายละเอียดให้เหล่าแอนิเมเตอร์สามารถสร้างฉากนี้ออกมาได้เด้งดึ๋งถึงใจสุดๆ อีกด้วย ตัวอย่างโน้ตที่ถูกจดลงมาใน Storyboard ให้เหล่าแอนิเมเตอร์…
-
10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ ‘สัตว์โลก’ เพื่อนบ้านแสนน่ารัก มันมีอะไรมากกว่าที่เราคิด!!
‘สัตว์โลก’ ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ร่วมบนโลกใบเดียวกันกับเรา แต่เพื่อนจะรู้จักกับพวกมันมากน้อยแค่ไหนกัน? สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับ ‘สัตว์โลก’ มาฝากเพื่อนๆ กัน แล้วเราจะได้รู้จักกับเพื่อนร่วมโลกให้มากกว่านี้กันครับ 1. มีตุ่นชนิดหนึ่งที่มีกระปู๋ 4 แฉก!? การมีอวัยวะเพศแปลกๆ นั้นถือเป็นเรื่องปกติในโลกของสัตว์ เช่นเดียวกันกับเจ้าตุ่น Echidna หรือที่รู้จักกันในชื่อของ ‘เม่นกินมด’ เองก็เป็นหนึ่งสัตว์ที่มีกระปู๋แปลกที่สุด เพราะมันมีถึง 4 แฉกด้วยกัน ซึ่งในแต่ละแฉกก็จะมีความสามารถในการหลั่งน้ำอสุจิทั้งหมด ขณะเดียวกันเจ้าตุ่น Echidna เพศเมียก็จะมีอวัยวะเพศ 2 อัน 2. ไก่ตัวเมียสามารถแปลงร่างกลายเป็นไก่ตัวผู้ได้โดยธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงเพศของตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ แต่สัตว์ที่สามารถทำได้ก็คือ ‘ปลาการ์ตูน’ ที่เปลี่ยนจากเพศผู้ไปเป็นเพศเมียเพื่อการสืบพันธุ์นั่นเอง ขณะเดียวกันไก่เองก็ทำได้นะเออ และจะเกิดขึ้นกับเฉพาะ ‘ไก่ตัวเมีย’ เท่านั้น โดยที่ไก่ตัวเมียจะมีรังไข่ 1 อัน และอวัยวะสืบพันธุ์ที่ไม่ได้ใช้งานอยู่อีกอันหนึ่ง ถ้าเป็นเรื่องปกติโดยทั่วไปแล้วการผสมไข่จะเกิดขึ้นกับรังไข่เท่านั้นโดยที่อวัยวะสืบพันธุ์อีกอันหนึ่งไม่ต้องทำงานเลยก็ได้ และเมื่อเป็นแบบนั้น แม่ไก่ก็จะเป็นแม่ไก่ต่อไปไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่หากว่าแม่ไก่เกิดป่วยเป็นซิสต์ ซีสต์ หรือเนื้องอก จนทำให้รังไข่ของแม่ไก่ถูกทำลายลงไป…
-
ชมชุดนักเรียนจาก 15 ประเทศทั่วโลก แต่ละที่จะน่ารักคาวาอี้กันแค่ไหนกันนะ
ชุดนักเรียน เป็นอีกหนึ่งชุดที่หลายๆ คนคุ้นเคยกันดี ชุดนักเรียนจัดทำขึ้นมาเพื่อให้เด็กนักเรียนได้สวมใส่เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม บ่งบอกให้รู้ว่านี่คือนักเรียนนักศึกษา ชุดนักเรียนแต่ละที่ก็มีความแตกต่างกันไป อาจจะเป็นไปตามแบบนิยม หรือจัดทำขึ้นตามสภาพอากาศ สภาพภูมิประเทศในแต่ละพื้นที่ มาดูกันดีกว่าว่า ชุดนักเรียนจากแต่ละที่ทั่วโลกนั้นจะดูดี ดูน่ารักมากแค่ไหน 1. สหราชอาณาจักร ภาพหมวกสานที่เป็นอีกส่วนหนึ่งของชุดนักเรียนขณะไปทัศนศึกษาที่พิพิธภัณฑ์ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ 2. แอฟริกาใต้ ชุดยูนิฟอร์มของนักเรียนโรงเรียนคริสเตียน Rainbow-hill ขณะที่กำลังรอร้องเพลงต้อนรับประธานาธิบดี เนลสัน เมดัลลา ที่เมือง Houghton แอฟริกาใต้ 3. โซมาเลีย ชุดนักเรียนของโรงเรียน Bustaale ในเมือง Mogadlshu ประเทศโซมาเลีย 4. อินเดีย เณรน้อยโรงเรียนวัดในเมือง Ladakh ประเทศอินเดีย 5. ประเทศเซียร์ราลีโอน ชุดนักเรียนสีสันสดใสในโรงเรียน Every Nation เมือง Makenl ประเทศเซีนร์ราลีโอน 6. รัสเซีย ชุดนักเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมือง…
-
นักวิจัยค้นพบ ‘เต่า’ อายุ 228 ล้านปี ‘ไม่มีกระดอง’ กับการวิวัฒนาการอันน่าฉงนของมัน!?
หลายคนคงจะเข้าใจกันดีว่า ‘เต่า’ เป็นสัตว์ที่มี ‘กระดอง’ เป็นอวัยวะของร่างกาย หากขาดกระดองไปมันก็อาจจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าเมื่อราวๆ 228 ล้านปีก่อนมี ‘เต่า’ ที่ไม่มีกระดองอาศัยอยู่บนโลกของเรา ก่อนที่จะวิวัฒนาการมาเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นเต่าที่มีกระดองจนถึงทุกวันนี้ จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ลงในวารสารเกี่ยวกับธรรมชาติเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ได้มีการระบุว่าค้นพบฟอสซิลของสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Eorhynchochelys หรือแปลได้ว่า ‘เต่าจงอยปากพระอาทิตย์จากเมืองจีน’ (Dawn beak turtle from China) เป็นเพราะมันมีเต่าสปีชีส์แรกที่มีจงอยปากนั่นเอง มันมีรูปร่างลำตัวเป็นลักษณะจานร่อน มีกระดูกซี่โครงกว้าง แต่ซี่โครงเหล่านั้นไม่ได้ก่อตัวสร้างเป็นกระดองเหมือนกับเต่าในยุคปัจจุบัน “สิ่งมีชีวิตชนิดนี้น่าจะมีความยาวประมาณ 1.8 เมตร มีรูปร่างคล้ายแผ่นซีดี และหางยาว ส่วนปากของมันมีลักษณะเป็นจงอย” “มันน่าจะอาศัยอยู่ในหนองน้ำตื้น และใช้ปากเพื่อขุดหาอาหารในดินโคลน จึงทำให้ปากของมันต้องมีลักษณะแบบนั้น” Olivier Rieppel ผู้ชำนาญวิชาที่ว่าด้วยสัตว์และพืชดึกดำบรรพ์กล่าว ถือเป็นเรื่องที่น่าฉงนใจเป็นยิ่งนัก กับการวิวัฒนาการของเต่า เพราะเต่าที่มีชีวิตก่อนหน้านี้ประมาณ 240 ล้านปี ชื่อว่า Pappochelys กลับเป็นเต่าที่มีกระดองแต่เป็นกระดองที่อยู่ตรงใต้ท้องเท่านั้น แถมไม่มีปากเป็นจงอยอีกด้วย พอวิวัฒนาการต่อมากลับไม่มีกระดองอยู่เลย กลับกันเต่าในยุคปัจจุบันที่มีทั้งจงอยปาก และกระดองที่อยู่ด้านใต้ท้องและด้านบนหลัง ทำให้เห็นว่าการวิวัฒนาการของมันนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงไปมาได้แทนที่จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เป็นเหมือนเส้นตรง…
-
8 ตัวอย่างแรงบันดาลใจ ‘เริ่มต้นลดน้ำหนัก’ หากไม่ใช่วันนี้แล้วเมื่อไหร่จะเห็นผล!?
น้ำหนักส่วนเกินทำให้รูปร่างของบุคคลเปลี่ยนไป ความมั่นใจที่เคยมีหายวับตามกาลเวลา เสียสูญความเป็นตัวเองจากการถูกทักบ้าง หรือเกิดเป็นความไม่สะดวกในระหว่างออกไปทำกิจกรรมต่างๆ การปล่อยให้ตัวเองมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เช่นเดียวกันกับการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร จุดแรกที่ยากที่สุดคือ ‘การเริ่มต้น’ หากใจไม่แข็งหรือไม่มีแรงบันดาลใจที่มากพอ ผลลัพธ์ก็ไม่อาจเฉิดฉายออกมาได้ 1. เลิกส่องกระจกเต็มตัว ไม่ต้องมองภาพสะท้อนของตัวเอง Penny N. ในวัย 31 ปี ลดน้ำหนักได้ 36 กิโลกรัมภายใน 4 ปี เธอเลิกส่องกระจกที่มองเห็นเต็มตัว ไม่สนใจว่าตัวเองจะมีสภาพเป็นแบบไหน เนื่องจากมีความอดทนน้อย ลดน้ำหนักเร็วเกินไปก็ยิ่งทำให้มีสภาวะโยโย่ เพราะฉะนั้นแล้วจะทำให้รู้สึกถดถอยจนยอมแพ้ได้ แต่การไม่มองภาพสะท้อนของตัวเองจะไม่ทำให้หลุดโฟกัสในการลดน้ำหนัก 2. ออกกำลังกายจนสุดสัก 1 ครั้ง ต่อให้เป็นความพยายามครั้งที่ล้านก็ตาม Jason Nelson อายุ 42 ปี ลดได้ 33 กิโลกรัมภายใน 1 ปี เขาเริ่มต้นกลับมาวิ่งเพราะอาการเบื่อ อากาศภายนอกที่ร้อนมีแดดส่อง แค่วิ่ง 15 วินาทีก็ถือว่ายากแล้ว…
-
สายเม้าท์ต้องรู้: แชร์วิธีการแคปหน้าจอไลน์แบบไม่ต้องเสียเวลาเซนเซอร์ชื่อกับเบลอรูปคนส่ง
ในยุคแห่งโลกออนไลน์นี้มักจะมีเรื่องมาให้เราได้บันเทิงกันอยู่ในทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดารา เรื่องของชาวบ้าน ผัวเมียทะเลาะกันยันประจานลูกหนี้ หลายสิ่งหลายอย่างเหล่านี้ที่มักจะมาสะกิดต่อมเผือกให้เราได้เกิดความอยากรู้อยากเห็นอยู่เสมอ (จริงๆ ไม่ได้เป็นคนขี้เผือกเลย จริงจริ๊งงงงง) มีคำเคยกล่าวไว้ว่า “คนที่ไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก” เมื่อมีประเด็นเด็ดขึ้นมา ใครจะไปอดใจไหว การแคปหน้าจอก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะแชร์ข่าวสารได้ดีที่สุด แต่ๆๆๆ บางทีแหล่งข้อมูลเราก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ไง จะทำไงล่ะทีนี้ ทางแอปพลิเคชัน Line ก็ดูเหมือนจะเข้าอกเข้าใจเราเป็นอย่างดีว่าสายเผือกสายแคปนี้มันมีเยอะซะเหลือเกิน ก็เลยออกฟีเจอร์ใหม่ออกมาให้เราได้ใช้กัน (แต่ได้ข่าวว่าออกมานานแล้วนะ) #เหมียวบู้บี้ จึงจะมาแชร์วิธีการแคปหน้าจอไลน์แบบไม่ต้องเสียเวลามานั่งเซนเซอร์ชื่อกับเบลอรูปคนส่ง เป็นวิธีที่เจ๋งสุดๆ ไปเลย ว่าแล้วเรามาลองทำตามทีละขั้นตอนกันดีกว่า **ปล. ตอนนี้ทำได้เฉพาะ Line ในระบบปฏิบัติการ iOS เท่านั้นนะ แอนดรอยด์ก็รอไปก่อนเนาะ** 1. เข้าแอปพลิเคชัน Line ไปที่การตั้งค่า กดตรงคำว่า Line Lab 2. กดเปิดตรงที่จับภาพข้อความแชทให้เป็นสีเขียว 3. ไปที่ข้อความแชทของคนที่เราต้องการจะแคป กดค้างตรงข้อความไว้จะขึ้นคำว่าจับภาพขึ้นมา 4. กดตรงนี้เลยจ้า 5. กดเสร็จสิ้น 6.…
-
สาระควรรู้! 8 อาหารที่ควรทานก่อน “ดื่มเหล้า” เพื่อช่วยให้ร่างกายรับแอลกอฮอล์น้อยลง!!
ชีวิตคนเรา เรียนหรือทำงานมากันเหนื่อยๆ มันก็ต้องมีพักผ่อนสังสรรค์กันบ้าง อย่างเช่นในคืนวันศุกร์ที่หลายๆ คนมักเลือกที่จะออกไปท่องราตรีและดื่มเหล้าเมามายให้ลืมความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งอาทิตย์ แต่สิ่งสำคัญอยู่ตรงที่การเตรียมตัวสำหรับความเมาต่างหาก บางครั้งฤทธิ์ของแอลกอฮอล์อาจทำให้ปวดหัว อาเจียน หรือสติดับวูบ ฉะนั้น ไม่ผิดนักหากจะมีใครมาเตือนเราว่าควรทานอาหารรองท้องก่อนดื่มสุรา วันนี้เราจึงมานำเสนอถึง อาหารที่เหมาะสมสำหรับทานก่อนไปเมา หากมีการเตรียมตัวที่ถูกต้องแล้วล่ะก็ คืนวันศุกร์ของคุณรับรองว่าต้องสนุกสุดเหวี่ยงอย่างแน่นอน 1. โยเกิร์ตไขมันต่ำ เจ้าอาหารทานเล่นเมนูนี้มีธาตุอาหารหลักอยู่อย่างครบครัน โดยอาจจะเพิ่มกราโนลาลงไปด้วยก็ได้ ซึ่งจะทำให้มื้อก่อนเมาของคุณมีคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันที่เพียงพอ นอกจากนี้โยเกิร์ตสามารถถูกย่อยได้ช้ามากใช้เวลาราวๆ 6 ชั่วโมง ฉะนั้น มันจะทำหน้าที่เคลือบกระเพาะอาหารของคุณเอาไว้ไม่ให้แอลกอฮอล์ทำอันตรายคุณได้ ที่มา: Kim Larson, RDN, CD, CSSD 2. อาหารเมนูไก่ อาหารจำพวกโปรตีนมีประโยชน์สำหรับการดื่มแอลกอฮอล์มาก เพราะมันจะช่วยให้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเพิ่มขึ้นช้าลง คุณจะเมาช้าลง ที่มา: Claudia T. Felty, PhD, RDN 3. ปลาแซลมอน การที่คนเราสามารถเมาค้างได้ถึงหนึ่งหรือสองวันก็เพราะว่าแอลกอฮอล์นั้นได้ไปขจัดวิตามินบี 12 ออกจากร่างกาย ฉะนั้น การรับประทานเนื้อปลาแซลมอนที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 12 นั้นจะช่วยให้สมองของเราได้รับผลกระทบจากแอลกอฮอล์น้อยลง ที่มา: Marina Chaparro,…
-
17 ภาพสะท้อน “ความเป็นจริงในปัจจุบัน” เสียดสีอย่างเจ็บแสบ โดยที่เราไม่อาจปฏิเสธได้
กาลเวลาผ่านไป หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตของเราก็ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันพวกเราบางคนอาจลืมไปแล้วว่าในยุคที่ยังไม่มี “สมาร์ทโฟน” หรือ “โลกโซเชียล” เมื่อก่อนเราใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไร? และเพื่อที่จะทำให้ทุกๆ คนได้ซึมซับค่านิยมหรือการใช้ชีวิตในยุคนี้ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น Pawel Kuczynski ศิลปินชาวโปแลนด์ เขาจึงสร้างผลงานภาพวาดสะท้อน เสียดสีความเป็นจริงในปัจจุบันขึ้นมา เราลองไปตีความถึงสิ่งที่เขาสื่อออกมากันดีกว่า แล้วเราจะรู้ว่ามันเป็นอะไรที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลย พื้นที่ของฉัน ความโดดเดี่ยว กำลังโหลด ผู้สังเกตการณ์ รถถัง ไข่ นักเขียน จูบ คำมั่นสัญญา การเห็นชอบ พรมแดง คู่มือ อาหาร… การแต่งงาน คนรักสัตว์ อรุณสวัสดิ์ สมบัติล้ำค่า หากเพื่อนๆ คนไหนอยากติดตามผลงานของศิลปินคนนี้ สามารถเข้าไปได้ที่อินสตาแกรม pawel_kuczynski1 หรือหากใครอยากมีผลงานของเขาอยู่บนผืนผ้าใบ…
-
10 ความจริงเกี่ยวกับ ‘ท้องทะเล’ ที่เต็มไปด้วยความลึกลับ ยังมีเรื่องที่ไม่รู้อีกมากมาย!!
อย่างที่รู้กันดีว่า ‘โลก’ ของเรานั้น ประกอบไปด้วยทะเลมากกว่า 70% แน่นอนว่าแม้จะทำการศึกษาอย่างจริงจังมาแล้วก็ยังคงมีเรื่องราวอีกมากที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่ แต่ถึงกระนั้น บุคคลธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้เข้าไปศึกษาความจริงเกี่ยวกับท้องทะเล ก็คงจะมองว่าทะเล ก็เปรียบเสมือนสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ มีหาดทรายสวยๆ มีน้ำเค็มๆ แล้วก็มีสัตว์ทะเล แต่จริงๆ แล้วโลกของท้องทะเลนั้นมีเรื่องราวที่เราอาจจะคาดไม่ถึงอยู่ ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปอ่านเรื่องราวเหล่านี้กันดูครับ แล้วคุณจะรู้จักกับทะเลมากยิ่งขึ้น!! 1. ในท้องทะเลยังมีสิ่งมีชีวิตอีกมากมายอาศัยอยู่ 94% ของสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้เป็นสัตว์ทะเล และอีก 2 ใน 3 ของทั้งหมดนี้ ยังคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นปริศนาอยู่ ขณะเดียวกันนับวันมนุษย์ก็ยิ่งทำการศึกษาและค้นพบสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลใหม่ๆ ได้เรื่อยๆ 2.จุดที่ลึกที่สุดของทะเลนั้นมันลึกจริงๆ นะ Mariana Trench เป็นร่องลึกก้นสมุทรที่มีความลึกมากที่สุดเท่าที่มนุษย์ค้นพบ และมันมีความลึกถึง 11 กิโลเมตรเลยทีเดียวเมื่อวัดจากระดับน้ำทะเล หากเทียบกับจุดที่สูงที่สุดอย่างยอดเขาเอเวอร์เรสต์แล้วล่ะก็จะอยู่ที่ราวๆ 8.8 กิโลเมตรเท่านั้น 3. มีแม่น้ำและทะเลสาบอยู่ในทะเลด้วยนะ 4. มีทองอยู่ใต้ท้องทะเลอีกกว่า 20 ล้านตัน จากการสำรวจขององค์กร NOAA’s National…
-
Kola Superdeep Borehole โครงการสำรวจขุดเจาะผิวโลก ลึกที่สุดเท่าที่มนุษย์จะทำได้…
การออกสำรวจต่างๆ นอกจากจะเป็นการเรียนรู้ในสิ่งที่เรายังไม่ค้นพบแล้ว ก็ยังเป็นอีกหนึ่งการทดลองที่ท้าทายความสามารถและขีดจำกัดของมนุษย์ในแต่ละช่วงเวลาด้วย เมื่อพูดถึงการสำรวจที่กำลังได้รับความสนใจมากที่สุด ส่วนมากจะเน้นไปยังนอกโลก อวกาศ ดาวเคราะห์ต่างๆ ด้วยความกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุดที่รอคอยให้มนุษย์ออกไปค้นพบ แต่หารู้ไม่ว่าบนโลกที่เราอยู่นั้น ก็ยังไม่มีใครรู้เลยว่าใต้ผิวดินที่ลึกลงไปจะมีอะไรซ่อนอยู่บ้าง? อาคารขุดเจาะของโครงการ Kola Superdeep Borehole (KSDB) สิ่งที่กำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ก็คือ Kola Superdeep Borehole (KSDB) หนึ่งในโครงการสำรวจทางด้านวิทยาศาสตร์ ที่เลือกใช้การขุดเจาะลึกลงสู่ใต้ผิวโลก อันเป็นผลงานของสหภาพโซเวียตในอดีต โดยตั้งเป้าหมายในการสำรวจไว้ก็คือ “พยายามเจาะให้ลึกมากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้” โครงการนี้ถูกเสนอขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1962 และเลือกสถานที่ขุดเจาะในปี ค.ศ. 1965 บริเวณคาบสมุทร Kola ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหภาพโซเวียต ห่างจากเมือง Zapolyarny ไปทางตะวันตกเป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร และการเจาะได้เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 1970 อาคารโครงการขุดเจาะในปี 1974 (ที่มา) ก่อนหน้าที่จะทำการขุดเจาะนั้น นักวิทยาศาสตร์ต่างต่างคาดการณ์ว่าจะพบชั้นรอยต่อระหว่างหินแกรนิตและหินบะซอลต์…
-
แมงกะพรุนนั้นมีพิษ เคยถูกต่อยจนปวดแสบร้อน แต่เคยเห็นเข็มพิษของมันบ้างรึเปล่า!?
ผู้ที่ชื่นชอบทะเลมักจะรู้สึกกังวลกับศัตรูขัดความสุขระหว่างลงเล่นน้ำตัวนี้แน่ๆ หากเจอและโดนเมื่อไหร่จะต้องรู้สึกปวดแสบปวดร้อนจนหมดความสุขไปเลย แน่นอน สิ่งที่กำลังถูกเอ่ยถึงก็คือ แมงกะพรุน สัตว์น้ำไร้กระดูกสันหลังสีใสดุกดุ๋ยตัวนี้ ถือว่ามีพิษสงที่ร้ายกาจพอตัว เพราะเราจะไม่รู้เลยว่ามันจะมาตอนไหน รู้อีกทีก็โดนต่อยไปแล้ว สำหรับแมงกะพรุนถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสัตว์กินเนื้อ โดยที่แมงกะพรุนขนาดเล็กจะกินสาหร่ายและแพลงก์ตอนขนาดเล็ก ส่วนแมงกะพรุนขนาดใหญ่จะกินจำพวกสัตว์น้ำที่มีเปลือกแข็ง และสัตว์น้ำขนาดใหญ่อื่นๆ โดยปกติแล้วแมงกะพรุนจะไม่มุ่งประสงค์ร้ายต่อมนุษย์ เนื่องจากระบบประสาทของพวกมันไม่ได้ชาญฉลาดขนาดนั้น เพียงแต่การต่อยเป็นระบบการป้องกันตัว และใช้ในการล่าหาอาหารเท่านั้นเอง… ตัวอย่างหนวดที่ถูกตัดมาส่องผ่านกล้องจุลทรรศน์ โดยแชแนล SmarterEveryDay และในส่วนหนวดของมันที่ใช้ในการต่อย มันไม่ได้ปล่อยพิษออกมาผ่านผิวหนัง แต่จะมีเข็มพิษซ่อนอยู่ภายใต้หนวดเหล่านั้น ถ้าสังเกตแบบผิวเผินเราแทบจะมองไม่เห็นได้ด้วยตาปล่อย และในช่วงจังหวะที่มันปล่อยเข็มออกมานั้นก็รวดเร็วเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น เมื่อหนวดถูกกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้า ปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการปล่อยเข็มพิษออกมา พร้อมกับปล่อยพิษออกมา หลังจากที่แมงกะพรุนรับรู้ได้ถึงอันตราย ก็จะเกิดการกระตุ้นเซลล์เข็มพิษให้พุ่งออกมาเหมือนกับลูกดอกขนาดเล็ก และลำเลียงพิษ Neurotoxin ที่ส่งผลต่อระบบประสาทของเหยื่อให้เป็นอัมพาต หากสัตว์น้ำขนาดเล็กได้รับพิษเข้าไปอาจตายได้ แต่พิษของแมงกะพรุนนั้นไม่มีอันตรายถึงชีวิตของมนุษย์ เพียงแค่ก่อให้เกิดความปวดแสบ ปวดกล้ามเนื้อ ผื่นคันบนผิวหนัง และมีอาการป่วยไข้ ระยะเวลาที่ใช่ในการปล่อยพิษทั้งหมดเฉลี่ยแล้วเพียง 11 มิลลิวินาที!! มีการฉีดพิษออกมาจากเข็ม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ระดับความเจ็บปวดและปฏิกิริยาต่อเนื่องของพิษแมงกะพรุน ก็ขึ้นอยู่กับสายพันธ์ุของแมงกะพรุนด้วย…
-
รู้จักกับ 9 สถานที่ ‘ต้องห้าม’ บนโลกใบนี้ ที่ทั้งลึกลับและน่ากลัว อย่าเข้าไปเชียวล่ะ…
บนโลกของเรานั้นมี สถานที่ต้องห้าม อยู่ไม่น้อยเลยล่ะ สถานที่เหล่านั้นพวกเราไม่มีวันได้เข้าไปเยือนแน่นอน นอกเสียจากว่าเราจะเป็นคนพิเศษเพียงไม่กี่คนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ก่อนหน้านี้ #เหมียวโลลิ ได้นำเสนอ 10 สถานที่ต้องห้าม ไปเรียบร้อยแล้ว แต่บอกเลยว่าบนโลกเรามันไม่ได้มีสถานที่ต้องห้ามแค่ 10 แห่งหรอกนะ มันมีมากกว่านั้นอีก… วันนี้เราจึงจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ สถานที่ต้องห้ามแสนลึกลับ จากประเทศต่างๆ รอบโลกอีก 9 แห่ง จะมีสถานที่ไหน ณ ประเทศอะไรบ้าง เราไปชมพร้อมๆ กันเลย 1. Ploutonion At Hierapolis (ประตูแห่งเทพพลูโต), ประเทศตุรกี สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่นครโบราณเฮียราโพลีส ประเทศตุรกี เป็นที่ซึ่งเคยอุทิศให้กับเทพความตายแห่งโรมันนามว่า พลูโต ความลึกลับของสถานที่แห่งนี้ก็คือ “สิ่งมีชีวิตใดที่ผ่านประตูแห่งนี้จะพบกับความตายทันที” นักประวัติศาสตร์โบราณเคยทดลองด้วยการปล่อยนกให้บินเข้าไป ผลปรากฏว่านกตัวนั้นก็ตายลง จากนั้นในปี 1965 จึงมีการทดลองทางวิทยศาสตร์แล้วคำอธิบายก็คือ ภายในมีการรวมตัวของก๊าซ CO2 ที่ผิดปกติที่สามารถดับลมหายใจสิ่งมีชีวิตได้ภายในไม่กี่นาที การเข้าไปเยี่ยมชมใกล้ๆ สำหรับมนุษย์นั้นถือว่าไม่มีอันตรายใดๆ แต่หากต้องการผ่านประตูเข้าไปด้านใน เป็นสิ่งที่สถานที่แห่งนี้ “ห้าม” เป็นอันขาด 2. Vatican Secret Archives (หอเอกสารลับนครวาติกัน), นครวาติกัน โบสถ์คาทอลิกในนครวาติกันถือว่าเป็นสิ่งลึกลับพอสมควร…
-
ชาวเน็ตฮือฮา!! ทหารประยุกต์ใช้ ‘ผ้าอนามัย’ ใส่ในรองเท้า ‘นุ่มสบาย – ดูดกลิ่นเหม็น’ หายห่วง…
ขึ้นชื่อว่าเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับคุณผู้หญิงอย่างแท้จริงสำหรับ ‘ผ้าอนามัย’ ที่ปกติแล้วสาวเจ้าก็จะเอาไว้ใช้ในช่วงที่มีประจำเดือน แต่ว่าก็มีผู้ค้นพบประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของมันนั่นคือการเอาไปใส่ไว้ในรองเท้าเพื่อความนุ่มสบาย แถมมันยังช่วยดูดซับกลิ่นเหม็นได้อย่างน่ามหัศจรรย์อีกด้วย ถ้าใครเคยเรียนรด. ก็ยังจะรู้กันดีว่าการเอาผ้าอนามัยยัดไว้ในรองเท้ามันให้ความรู้สึกดีขนาดไหน แต่สำหรับชาวเน็ตต่างประเทศแล้วล่ะก็ นี่เป็นเรื่องที่แปลกใหม่และฮือฮากันมากเลยทีเดียว โดยเรื่องนี้ได้เป็นประเด็นขึ้นมาจากความที่ทหารเวียดนามได้โพสต์ภาพการใช้ผ้าอนามัยเช่นนี้ โดยเจ้าโพสต์ที่ว่านี้ได้อยู่ในกลุ่ม 羽軒粉絲團 Yu Xuan Fan Group พร้อมกันนี้พวกเขาก็ได้ใส่แคปชั่นเป็นภาษาจีนที่แปลได้ว่า “ในความเป็นจริงแล้ว ผู้หญิงอาจจะใช้สิ่งๆ นี้มากกว่า แต่สำหรับชายฉกรรจ์อย่างเราๆ ก็ได้ค้นพบอีกประโยชน์หนึ่งของมันแล้ว” ในภาพจะเห็นว่าทหารหลายคนเอาแผ่นผ้าอนามัยใส่ไว้ในรองเท้าบู๊ทของพวกเขา ซึ่งทั้งนี้พวกเขาก็บอกว่าเพื่อความสบายและอีกเรื่องก็คือเรื่องของความสะอาด เพราะนอกจากมันจะช่วยถนอมเท้าของพวกเขาไม่ให้เจ็บปวดจากการใส่รองเท้าอันหนักอึ้งนี้แล้ว มันยังสามารถช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และมีคุณสมบัติในการลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียอีกด้วย ในเรื่องนี้ทางนี้แม้ว่าจะดูเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกประหลาด แต่ก็มีรายงานว่าวิธีนี้ได้ทำโดยทหารในหลายๆ ประเทศของเอเชียมานานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นชาวเน็ตก็ชื่มชมความฉลาดนี้อย่างไม่ขาดสาย “มันช่างเป็นอะไรที่หลักแหลมจริงๆ” นี่คือเหตุผลว่าทำไมเวียดนามชนะสงครามทั้งๆ ที่ไม่มีเทคโนโลยี ถ้าใครที่เคยเป็นทหาร เรื่องนี้อาจไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ว่าประเทศใดก็ตาม! ที่มา: nextshark, Yuxuan.FC
-
10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ ‘โลกของเรา’ ที่จะทำให้เพื่อนๆ รู้จักกับดาวเบี้ยวๆ ดวงนี้มากขึ้น!!
‘โลก’ก็เปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังใหญ่ของเรา ที่มีสิ่งมีชีวิตมากมายเป็นล้านๆ ชีวิตอาศัยอยู่ แน่นอนว่าโลกของเรานั้นกว้างใหญ่ไพศาลและมีเรื่องราวอีกมากมายที่เราอาจจะยังไม่เคยรู้ สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว อยากจะขอพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับ ‘โลก’ ที่เป็นเสมือนกับบ้านของเรากันสักหน่อยดีกว่า รับรองว่าเพื่อนๆ จะต้องว้าวอย่างแน่นอน!! 1. แผ่นเปลือกโลก ช่วยให้โลกของเรารู้สึกสบายยิ่งขึ้น โลกนั้นเป็นดาวเพียงดวงเดียวในระบบสุริยะที่มี ‘แผ่นเปลือกของดวงดาว’ และมันก็กระจายกันออกไปแบ่งเป็นทวีปต่างๆ เจ้าแผ่นเปลือกโลกนี้จะมีกระบวนการในการเคลื่อนที่อยู่แทบจะตลอดเวลา และเจ้ากระบวนการนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้โลกของเราสามารถถ่ายเทก๊าซคาร์บอนออกไปสู่นอกชั้นบรรยากาศได้อีกด้วย เพราะสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในมหาสมุทรเมื่อตายไป ก็จะตกลงไปสู่ที่ก้นของมหาสมุทร และเวลาผ่านไปนานหลายปีก็จะทับถมจนเกิดเป็นคาร์บอน จากนั้นมันก็จะถูกส่งขึ้นไปยังชั้นบรรยากาศและทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ หากแผ่นเปลือกโลกไม่เคลื่อนไหว กระบวนการระบายคาร์บอนออกไปก็จะไม่เกิดขึ้นและทำให้โลกร้อนระอุ กลายเป็นดวงดาวที่เต็มไปด้วยเปลวไฟก็เป็นได้ 2. จริงๆ แล้วโลกของเราไม่ใช่ทรงกลม แต่เป็นทรง ‘เกือบกลม’ ต่างหาก!! หลายๆ คนคิดว่าโลกของเรานั้นเป็นทรงกลม แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แบบนั้น เพราะจากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ได้ข้อสรุปมาแล้วว่าโลกของเรามีลักษณะเป็นทรงวงรี นั่นเป็นเพราะโลกของเรามีการหมุนรอบตัวเองอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้รูปร่างของมันปรับเปลี่ยนไปตามแกนหมุน ซึ่งหากวัดขนาดจากขั้วโลกเหนือไปขั่วโลกใต้จะมีความแตกต่างกับวัดจากเส้นศูนย์สูตรเพียงแค่ 43 กิโลเมตรเท่านั้น 3. ในโลกของประกอบไปด้วยธาตุเหล็ก ออกซิเจน และ ซิลิคอน เกือบจะทั้งหมด…
-
รู้จักกับ 10 สถานที่ ‘ต้องห้าม’ บนโลกใบนี้ ที่ทั้งลึกลับและน่ากลัว อย่าเข้าไปเชียวล่ะ…
เราอาจสามารถท่องเที่ยวไปยังทุกๆ ประเทศของโลก แต่เราไม่อาจเข้าไปเที่ยวได้ทุกซอกมุมของโลกนี้อย่างแน่นอน เพราะว่าสถานที่หลายแห่งของโลกก็เป็น สถานที่ต้องห้าม ที่เราจะไม่มีวันได้เข้าไปชม วันนี้เราจึงจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ 10 สถานที่ต้องห้าม (บางที่ก็หลอน) พร้อมสาเหตุที่ว่า ทำไมพวกเราถึงถูกห้ามไม่ให้เข้าไปยังสถานที่นั้นๆ จะมีสถานที่ไหน ณ ประเทศอะไรบ้าง เราไปชมพร้อมๆ กันเลย 1. Svalbard Global Seed Vault (โรงเก็บพันธุ์พืช), ประเทศนอร์เวย์ สถานที่แห่งนี้บ้างจะเรียกกันว่า “คลังสมบัติวันโลกแตก” เพราะมันได้เก็บรวบรวมเอาสายพันธุ์พืชที่จำเป็นต่อการดำรงอยู่ของมนุษชาติเอาไว้ทั้งหมดมาเป็นเวลาราวๆ 200 ปีแล้ว มันตั้งอยู่ในหุบเขาน้ำแข็งส่วนลึกของวงแหวนอาร์กติก แม้จะมีภัยพิบัติจากธรรมชาติเกิดขึ้นมันก็ไม่เคยไหวติงสักครั้ง และสถานที่นี้ได้เก็บเมล็ดพืชที่ใช้เป็นอาหารของมนุษย์ไว้ถึง 100 ล้านสายพันธุ์ เลยทีเดียว 2. North Sentinel Island (เกาะเซนทิเนลเหนือ), ประเทศอินเดีย เกาะแห่งนี้เป็นที่อาศัยของชนเผ่าลึกลับที่ตัดขาดจากโลกมนุษย์ภายนอก พวกเขาจะใช้กำลังและความรุนแรงโจมตีผู้ที่บุกรุกเกาะของพวกเขา ในปี 2006 พวกเขาได้ฆ่าชาวประมง 2 รายที่บังเอิญเข้ามายังเกาะนี้ นอกจากนี้พวกเขายังปฏิเสธความช่วยเหลือจากรัฐบาลและผู้คนจากโลกภายนอก จึงทำให้เกาะเซนทิเนลแห่งนี้ต้องกลายเป็นสถานที่ต้องห้ามที่จะไม่มีใครรับผิดชอบหากผู้ฝ่าฝืนเข้าไปแล้วถูกฆ่าโดยชาวเกาะ 3. The Catacombs, กรุงปารีส…
-
22 ความมหัศจรรย์ของ ‘ธรรมชาติ’ ราวกับมาจากหนังแฟนตาซี แต่มีอยู่บนโลกจริงๆ นะ!!
โลกของเรานั้นช่างกว้างใหญ่ไพศาล ยังคงมีเรื่องราวที่เราไม่รู้อีกตั้งมากมาย… บางครั้งภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่ดูน่าอัศจรรย์ใจ ราวกับว่าหลุดออกมาจากโลกแฟนตาซี แบบที่เราอาจจะเคยแต่ในภาพยนตร์ แต่หารู้ไม่ว่ามันมีอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ!! ถ้าไม่เชื่อล่ะก็ลองไปชมภาพเหตุการณ์ทางธรรมชาติเหล่านี้ไปพร้อมๆ กัน แล้วเพื่อนๆ จะรู้ว่า โลกของเราน่ะ มีแต่ความมหัศจรรย์ 1. แมงมุม Wrap Around ชื่อของมันถูกตั้งเพราะสามารถทำตัวให้แบนราบไปกับกิ่งไม้ได้ 2. สาหร่ายทะเลที่อยู่ในเคลื่อน 3. เจ้าแมงมุมที่ช่วยปกป้องมนุษย์จากโรคไข้เลือดออก 4. ต้น Xylaria Polymorpha หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘นิ้วของคนตาย’ เป็นเชื้อราที่เหมือนกับเห็ด 5. หิ่งห้อยที่ยังคงส่องแสงได้อยู่แม้จะถูกกบกินเข้าไปแล้วก็ตาม 6. โครงกระดูกของปลาปักเป้า 7. ซากกบแห้งที่ดูเหมือนตายแล้ว แต่พอราดน้ำใส่มันกลับมีชีวิตขึ้นมาซะได้!? 8. ท้องฟ้าของกรุงโรมที่เต็มไปด้วยนกกิ้งโครงนับล้านตัว 9. ต้นไม้ที่เติบโตจากกระโหลกของสัตว์ 10. ชักโครกที่บ้านหลังจากผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมมา 11. ผลของต้น Snapdragon…
-
ชีวิตใหม่ของหญิงสาวคิดสั้น ผู้ยิงเข้าหน้าตัวเอง ปลูกถ่ายใบหน้าสำเร็จในเวลา 31 ชั่วโมง
*ภาพประกอบเนื้อหามีบางส่วนอาจไม่จรรโลงใจ โปรดใช้วิจารณาญาณในการอ่าน* ชีวิตที่หลงทางของหญิงสาววัย 21 ปี ทำให้เธอได้กลายเป็นบุคคลที่มีอายุน้อยที่สุดในสหรัฐอเมริกาที่ได้รับการปลูกถ่ายใบหน้าสำเร็จ หลังจากการที่เธอยิงปืนเข้าใบหน้าของตัวเองเพื่อฆ่าตัวตายเมื่อ 3 ปีก่อน ในปี 2014 Katie Stubblefield ลงมือใช้ปืนไรเฟิลขนาด .308 ของพี่ชาย ลั่นไกใต้คางของตัวเอง หลังจากที่ผิดหวังในเรื่องของความรัก เมื่อจับได้ว่าแฟนหนุ่มของตน แอบแชตคุยกับหญิงอื่น และตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ Katie Stubblefield ภายใต้ความกดดันของครอบครัวและแพทย์ ต่างต้องช่วยกันยื้อชีวิตของเธอเอาไว้ ตลอดระยะเวลาในช่วงปี 2014 ถึง 2016 เธอต้องย้ายไปรับการรักษาและซ่อมแซ่มใบหน้าในโรงพยาบาลถึง 3 แห่งด้วยกัน ศัลยแพทย์ต่างลงความคิดเห็นว่า บาดแผลที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของเธอ ไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์ได้ เนื่องจากทั้งภายในและภายนอกได้รับความเสียหายอย่างหนัก แม้จะมีการตัดชิ้นส่วนเนื้ออื่นๆ มาปกปิด แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ยังไม่พร้อม บาดแผลต่างๆ จึงทำได้เพียงแค่บรรเทาเท่านั้น ปัญหาของการรักษาสภาพใบหน้าและสภาพภายในนั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดเลือดคั่งภายในสมอง บาดแผลเปิด โครงใบหน้า กรามและโหนกแก้มผิดรูป ต้องเย็บเปลือกตาให้ปิดไม่ให้เกิดการขยับเพื่อคงสภาพใบหน้าเอาไว้ รวมไปถึงการซ่อมแซมส่วนจมูกและทางเดินหายใจ หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ใบหน้าของ…
-
Halle Berry ในวัย 52 แต่ยังแซ่บ เผยเคล็ดไม่ลับในการดูแลตัวเองให้เหมือนสาวอายุ 25
#เหมียวบู้บี้ เคยคิดว่าคนที่อายุเข้าเลข 5 แล้วจะต้องเป็นคนที่ดูแก่มากๆ แล้วอย่างแน่นอน แต่ก็ต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อในยุคสมัยนี้ คนอายุ 50+ เค้าไม่ได้ดูแก่เหมือนอย่างสมัยก่อนแล้วเด้อ เซเลบ ดารา นักร้อง นักแสดงจากวงการบันเทิงต่างประเทศที่อายุ 50+ แต่ยังดูเป๊ะอยู่ก็มีอยู่หลายคนเช่น Brad Pitt, Robert Downey Jr. และคนอื่นๆ อีกมากมายต่างก็ย่อมมีวิธีการดูแลตัวเองที่แตกต่างกันไป แต่ในวันนี้เราจะมาพูดถึงนักแสดงสาวชื่อดังอย่าง Halle Barry กับวิธีการดูแลตัวเองให้ยังเชพบ๊ะ ฟิตแอนด์เฟิร์มเหมือนอย่างกับตอนเป็นสาวๆ คุณ Halle เพิ่งจะเทิร์นตัวเองเข้าสู่อายุ 52 ปีอย่างเต็มตัว แต่ว่าความแซ่บ ความหน้าหุ่นนี่ไม่ได้แก่ไปตามอายุนะจ๊ะ ยังคงเปรี๊ยะๆ เหมือนสาวอายุ 25 ไม่มีผิด แซ่บเบอร์ไหน ดูก่อน เธอได้มาแชร์เคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ในการดูแลตัวเองลงในอินสตาแกรมของเธอเอง ถ้าใครอยากดูสวยเป็นสาว 2,000 ปีต้องเซฟไปทำตามด่วนๆๆๆ วิธีการก็ไม่มีไรมาก ก็แค่ออกกำลังกาย การออกกำลังกายนั้นส่งผลดีต่อร่างกายมากกว่าที่เราคิดซะอีกนะ บางคนอาจจะลองเริ่มต้นแบบเบาๆ…
-
งานวิจัยจาก University of Birmingham ชี้ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ อันตรายต่อ ‘ระบบภูมิคุ้มกัน’
หลังจากที่มีการถกเกถียงกันมาอย่างยาวนานว่า ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ นั้นปลอดภัยต่อสุขภาพจริงๆ หรือไม่… แน่นอนว่าองค์กรเกี่ยวกับสุขภาพของประเทศที่มีการเปิดให้ใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าอย่างถูกกฎหมายก็ดำเนินการทำการวิจัยถึงอันตรายต่างๆ ที่ได้รับผลมาจากเจ้าบุหรี่ไฟฟ้านี้ จากงานวิจัยก่อนๆ ของสาธารณสุขประเทศอังกฤษ ที่ได้ผลว่า ‘บุหรี่ไฟฟ้าสามารถช่วยให้คนสูบบุหรี่จริง หันมาเลิกบุหรี่ได้‘ แต่ก็ยังไม่ได้มีงานวิจัยว่ามันปลอดภัยต่อร่างกายของเราจริงหรือไม่อย่างไร สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว มีงานวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัย University of Birmingham ประเทศอังกฤษ ที่ระบุว่า ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ส่งผลอันตรายของร่างกายเรา มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน งานวิจัยนี้นำโดยศาสตราจารย์ David Thickett โดยมุ่งเป้างานวิจัยไปที่ ‘ผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้า ต่อเนื้อเยื่อในปอด’ วิธีการวิจัยก็คือให้อาสาสมัครทำการสูบบุหรี่ไฟฟ้า จากนั้นก็นำเนื้อเยื่อในปอดมาตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือทางการแพทย์ แล้วก็นำไปเปรียบเทียบกับเนื้อเยื่อในปอดของคนที่ไม่สูบบุหรี่ จากการศึกษาพบว่าคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าจะมีเนื้อเยื่อปอดที่มีการอักเสบ รวมไปถึงเซลล์ที่มีชื่อว่า Alveolar Macrophages มีการลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเจ้าเซลล์ตัวนี้จะทำหน้าที่ในการลบล้างสารพิษต่างๆ เช่นฝุ่น แบคทีเรีย และสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ออกไปจากเซลล์ อย่างไรก็ตามศาสตราจารย์ David ระบุว่ายังคงต้องทำการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมถึงผลข้างเคียงต่างๆ จนกว่าจะได้ข้อสรุปที่แน่นอนกว่านี้ “ในแง่ของการก่อให้เกิดเซลล์มะเร็งของการสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้นยังคงตรงกันข้ามกับการสูบบุหรี่จริง…
-
ร่วมพิสูจน์ความกะจิดริดด้วย 17 สิ่งขนาดใหญ่มหึมา ล้วนทำให้รู้ได้ว่าเราเล็กจ้อยขนาดไหน
การที่มนุษย์ถือกำเนิดสร้างสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ ทั้งที่มีขนาดเล็กกว่าและใหญ่กว่าตัวเรา หารู้ไม่ว่าบนโลกและนอกโลกของเรานั้นกว้างและใหญ่โตมโหฬารเสียเหลือเกิน… เพราะยังมีหลากหลายสิ่งที่มีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์หลายเท่าตัว ถ้าหากได้เห็นภาพรวมแบบไกลๆ ก็อาจจะทำให้คุณรู้สึกได้ว่าตัวเรามันเล็กแค่นิดเดียวเองจริงๆ นะ เปรียบเทียบมือมนุษย์กับกอลิล่า ปกติเคยได้ยินแต่ชื่อกวางมูส ตัวเป็นๆ มันก็จะมีขนาดประมาณนี้ เห็นไฟจราจรอยู่ไกลๆ ยังมองเห็นชัด เพราะมันมีขนาดเท่านี้ยังไงล่ะ ป้ายจราจรบอกเส้นทางเทียบกับคนแล้ว เล็กกกกกนิดเดียวเอง มหาพีระมิดแห่งกิซา เห็นคนในภาพมั้ยเอ่ย? ต้นไม้ขนาดยักษ์ สิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง เปรียบเทียบขนาดของดาวหางกับเมืองลอสแอนเจลิส ลองยกทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาไปเทียบกับดวงจันทร์ จำลองขนาดของโลกเข้าไปยัดอยู่ในดวงอาทิตย์ ไททานิคที่ว่ายิ่งใหญ่ในอดีต เทียบกับเรือสำราญในปัจจุบันไม่ได้เลย รถโรงเรียนที่ว่าใหญ่ๆ นำมาเทียบชั้นกับรถเหมือง วอมแบทเมื่อโตเต็มที่มันก็จะน่าอุ้มแบบนี้แหละ หมาป่ากับไคโยตี้แตกต่างกันมากแค่ไหน ปอดม้ามันเป็นยังไง ถ้าหากว่าสูบลมเข้าไปเต็มๆ รถสำรวจดาวอังคารก็ไม่ใช่เล่นๆ นะเออ เมื่อเทียบขนาดตัวมนุษย์กับรูปปั้นเดวิด เลารี มาร์กคาเนน สูง 213…
-
นี่คือแผลเป็นที่คุณจะได้รับ หลังถูก ‘ฟ้าผ่า’ ราวกับเป็นรอยสักที่ถูกออกแบบอย่างงดงาม!!
‘การถูกฟ้าผ่า’ ถือเป็นหนึ่งในภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่เกิดกับมนุษย์ได้ยากมากๆ ราวๆ 1 ใน 300,000 เลยทีเดียว แต่ถึงอย่างไรก็ตามมีผู้คนมากมายที่ถูก ‘ฟ้าผ่า’ มาก่อน และบาดแผลจากการถูกฟ้าผ่านั้นขอบอกเลยว่ามันไม่เหมือนใครและ ‘แปลก’ มากๆ เลยทีเดียวล่ะ เพราะส่วนใหญ่แล้วคนที่รอดชีวิตจากการถูกฟ้าผ่า จะมี ‘รอยแผลเป็น’ ที่คล้ายกับรอยสักรูปดอกไม้ หรือกิ่งไม้เลยทีเดียวเชียว เจ้ารอยแผลเป็นนี้มีชื่อเรียกว่า Lichtenberg นั่นเป็นเพราะว่ากระแสไฟฟ้าจากฟ้าผ่านั้นจะสร้างความร้อนต่ออากาศที่อยู่รอบๆ ได้สูงถึง 27,760 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่าอุณหภูมิพื้นผิวของพระอาทิตย์ถึง 5 เท่า!? และเมื่อมันเข้าไปสู่ร่างกายของเรา จะทำให้เกิดสัญญาณไฟฟ้าเล็กๆ วิ่งเข้าไปที่หัวใจ ปอด และระบบประสาท กระแสไฟฟ้านี้สามารถทำให้เกิดอาการหัวใจหยุดเต้น, ชัก, สมองได้รับบาดเจ็บ, ไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ และความจำเสื่อม นอกจากนี้เมื่อกระแสไฟฟ้าวิ่งไปตามผิวหนังของเรา จะทำให้เส้นเลือดฝอยแตกหรือฉีกขาด จนเซลล์เลือดกระจายออกไปภายใต้ผิวหนังกำพร้า จนเป็นเหตุให้เกิดริ้วรอยแผลเป็นที่มีชื่อว่า Lichtenberg อย่างที่กล่าวไปข้างต้น นอกจากนี้ความร้อนจากกระแสไฟฟ้ายังสามารถทำให้เกิดแผลพุพองจากความร้อน และทำลายการมองเห็นของเราได้อีกด้วย…
-
ช่างภาพถ่ายนางแบบใน “สระน้ำแบบเป่าลม” ผลลัพธ์ออกมาโคตรสวยซะงั้น!!?
การถ่ายภาพ หากต้องการถ่ายออกมาให้สวยๆ นอกจากจะต้องมีฝีมือและอุกรณ์ที่ดีแล้ว โลเคชัน หรือสถานที่ก็ยังสำคัญมากๆ ด้วยเช่นกัน เพราะหากสถานที่ไม่เอื้ออำนวยสำหรับการถ่ายภาพ ภาพของคุณก็คงจะออกมาสวยได้ยาก แต่การหาโลเคชันดีๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย บางครั้งเราอาจจะต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อมองหาโลเคชันเหมาะๆ สำหรับการถ่ายภาพ แต่วันนี้ช่างภาพนามว่า Kyle Braun ได้ออกมาโพสต์วิธีการถ่ายภาพสวยๆ ผ่านทางเฟซบุ๊ก เธอแสดงให้เราเห็นว่า โลเคชันดีๆ ไม่จำเป็นต้องออกไปหาที่ไหนไกล ใช้เพียง สระว่ายน้ำแบบเป่าลม สำหรับเด็กเนี่ยแหละ บอกเลยว่าเวิร์กมาก!! กล้องที่ใช้เป็นกล้อง Nikon D750 พร้อมเลนส์ 50 มม. f/1.4G ประกอบกับใช้ปริซึมราคาถูกๆ ราคา 200 กว่าบาทที่วางขายใน eBay เริ่มจากการเซ็ตสถานที่ นำสระเป่าลมคลุมด้วยผ้าสีดำแล้วเติมน้ำลงไป ตกแต่งสระด้วยใบไม้และดอกไม้ พร้อมแล้วนางแบบก็ลงไปในสระได้เลย และนี่คือภาพถ่ายที่ได้ ภายใต้งบประมาณไม่ถึง 1,000 บาท งดงามตามสมัย เก๋ไก๋และดูแพง มุมไหนก็ดูสวย ภาพสวย ง่ายๆ…
-
ทำไมต้องใช้คำว่า “โลลิ” คนรักเด็กกลุ่มนี้คืออะไร แล้วเป็นคนดีหรือคนไม่ดีกันแน่นะ!!?
ปัจจุบันหลายๆ คนคงเคยได้ยินคำว่า โลลิ อย่างแน่นอน เพราะคำนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลาย เช่น ใช้เรียกตัวการ์ตูนเด็กหญิงน่ารักๆ หรือคำว่า โลลิคอน ที่ใช้เรียกชายอายุมากที่ชอบหญิงอายุน้อย เป็นต้น แล้วไอ้คำว่า “โลลิ” แท้จริงแล้วมันแปลว่าอะไรกันแน่ และมันมีความหมายเชิงบวกหรือว่าลบ ไอ้เจ้า #เหมียวโลลิ มันเป็นคนไม่ดีหรือเปล่านะ? เราคงต้องลองมาเจาะลึกกันสักหน่อยแล้วล่ะวันนี้!! เมื่อพูดคำว่า “โลลิ” หลายคนอาจนึกภาพอะไรประมาณนี้ (ซึ่งถูกแล้ว 55) อะไรคือโลลิ? คำว่า “โลลิ” หรือ “โลลิคอน” เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่มีอาการ โลลิตาคอมเพล็กซ์ (Lolita complex) กล่าวคือ ชายที่มีความรู้สึกสเน่หาและรักใคร่เด็กสาวที่มีอายุน้อยกว่าตน โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นที่จะให้ความหมายของ “โลลิคอน” ว่าเป็นชายที่มีความรู้สึกลึกซึ้งส่วนตัวกับหญิงที่มีอายุตั้งแต่ก่อน 10 ปีจนถึง 20 ปี ไม่เกินกว่านี้ ในหลายประเทศยังให้ความหมายของคำว่า “โลลิ” ว่าเป็น เด็กสาววัยกระเตาะ ที่มักทำตัวเย้ายวนและเซ็กซี่เกินวัยอีกด้วย โลลิต่างจากโรคใคร่เด็กอย่างไร? โรคใคร่เด็ก (Pedophilia) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติทางจิตและทางเพศที่ทำให้ผู้ป่วยมี ความต้องการทางเพศ อย่างเฉพาะเจาะจงและสม่ำเสมอกับเด็กก่อนวัยเริ่มเจริญพันธุ์…
-
10 วัฒนธรรมเกี่ยวกับเรื่องของ “เซ็กส์” จากทั่วทุกมุมโลก อ่านแล้วต้องมีอึ้ง ทึ่ง เสียววว
วัฒนธรรมความเชื่อในแต่ละท้องที่จะมีความแตกต่างกันอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ทั้งเรื่องของการกิน การใช้ชีวิตโดยรวม หรือแม้แต่เรื่อง “เพศ” บทความนี้จึงเป็นการรวบรวมเอาวัฒนธรรมในเรื่องเซ็กส์ จากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งแต่ละเรื่องนั้นอาจเป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้กันมาก่อน แถมมันยังเป็นอะไรที่แปลกมากๆ จนอาจไม่เคยคาดคิดว่ามีอะไรแบบนี้อยู่บนโลกของเราด้วย?! 1. The Sambians – การดื่มอสุจิของผู้สูงอายุ (ประเทศปาปัวนิวกินี) พวกเขาเชื่อว่าน้ำอสุจิของผู้สูงอายุในชนเผ่าเป็นสิ่งที่ช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตและความแข็งแรงของร่างกาย รวมถึงความเชื่อแปลกๆ อีกหลายอย่าง เช่น ผู้ชายต้องเลือดมีเลือดกำเดาไหลในตอนที่ภรรยามีประจำเดือน เป็นต้น 2. The Mardudjara – การเฉือนอวัยวะเพศชาย เพื่อให้เป็นชายที่แท้จริง (ประเทศออสเตรเลีย) เมื่อโตขึ้น เด็กผู้ชายจะถูกตัดหนังหุ้มปลายให้กินก่อนเป็นอย่างแรก พอแผลหายดีแล้วพวกเขาก็จะถูกเฉือนบริเวณด้านล่างของอวัยวะเพศ คนใกล้ชิดจะใช้มีดผ่าไปเป็นแนวยาวจนอาจถึงบริเวณถุงอัณฑะ โดยจะปล่อยให้เลือดไหลลงไปในกองไฟเหมือนเป็นการชำระล้างตามความเชื่อ ทำให้หลังจากนั้นพวกเขาต้องฉี่ผ่านทางรอยแผลด้านล่าง แทนท่อปัสสาวะตามปกติ 3. The Trobrianders – เริ่มมีเพศสัมพันธ์กันตั้งแต่อายุ 6 ขวบ (ประเทศปาปัวนิวกินี) ผู้หญิงในชนเผ่ามีความต้องการทางเพศมากพอๆ กับผู้ชาย โดยจะเริ่มมีเพศสัมพันธ์กันตั้งแต่ตอนที่หญิงสาวอายุราวๆ 6-8 ขวบ ส่วนฝ่ายชายเฉลี่ยอยู่ที่ 10-12 ขวบ…
-
สาวเผยวิธีเจ๋งๆ “ตอกกลับ” คนที่ชอบส่ง “รูปไอ้จ้อน” มาให้ดู เอาให้เสียเซลฟ์ไปเลย!!
เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีประสบการณ์การแชตกับบุคคลบนโลกออนไลน์มาแล้วไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะสาวๆ ที่หลายครั้งมักจะเจอกับกรณีที่ฝ่ายชายเข้ามาทำทีจะคุยด้วย แต่กลับส่งรูป อวัยวะเพศ ตัวเองมาให้ดูเสียอย่างนั้น วันนี้เราขอนำเสนอ วิธีแก้เผ็ด ชายโรคจิตที่ชอบส่งรูปไอ้จ้อนให้คนอื่นดู เผื่อคุณต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้จะได้นำไปใช้ตอกหน้าไอ้หนุ่มโรคจิตได้อย่างมีชัย วิธีนี้ถูกเผยผ่านอินเทอร์เน็ตโดยนักแสดงสาวนามว่า Ginger Banks ที่โพสต์ภาพการสนทนาของเธอและหนุ่มโรคจิตลงบนทวิตเตอร์พร้อมคำบรรยายภาพเก๋ๆ ว่า “นี่คือการตอบโต้แบบใหม่ เมื่อฉันได้รับรูปจู๋จากคนโรคจิต” นี่คือ Ginger Banks ผู้ที่เผยวิธีการตอกกลับรูปภาพอวัยวะเพศชายไม่พึงประสงค์ นี่คือโพสต์บนทวิตเตอร์ของเธอ “นี่คือการตอบโต้แบบใหม่ เมื่อฉันได้รับรูปจู๋จากคนโรคจิต” Ginger Banks: “นายส่งภาพจู๋ของเด็กมาให้ฉันดูทำไม?” ชายโรคจิต: “โอ้ ไม่นะ เธอเป็นบ้าอะไรของเธอเนี่ย” Ginger Banks: “คือดูยังไงมันก็จู๋เด็กชัดๆ อะ เอาล่ะฉันจะรีพอร์ตเรื่องนี้” และแล้วเธอก็รีพอร์ต แถมรีพอร์ตในข้อหา “สื่ออนาจารเด็ก” จริงๆ เสียด้วย 555 หลังจากที่เธอแชร์วิธีตอบโต้สุดเจ๋งนี้ลงบนทวิตเตอร์ ชาวเน็ตก็เข้ามาชื่นชมอย่างมากมาย เช่น… “ฉันว่าฉันต้องเอาวิธีนี้ไปใช้บ้างแล้วล่ะ! คนพวกนี้สมควรโดน” …
-
เคยสังเกตไหมว่าหมาชอบมองหน้าเจ้านายตอน ‘ปลดทุกข์’… มันมีสาเหตุนะเออ!
ไม่รู้ว่าเจ้าของสุนัขเคยสังเกตกันบ้างรึเปล่า แต่สุนัขหลายตัวเวลาที่กำลังจู้ดจู้ดอยู่ พวกมันชอบมองมาที่หน้าของเจ้าของระหว่างทำธุระส่วนตัว ถ้าหมาของตัวเองเป็นแบบนั้น เคยสงสัยไหมว่าทำไมพวกมันต้องมองหน้าเราด้วย? เราจะบอกให้ว่ามันไม่ให้มองหน้าเราเพราะทำให้รู้สึกอึ๊ง่ายขึ้นหรอกนะ มันมีเหตุผลที่ลึกซึ้งกว่านั้น #เหมียวอาตี๋ ก็เคยเห็นหมาของเพื่อนมองหน้าเจ้าของตอนมันเบ่งเหมือนกัน แล้วก็สงสัยว่าทำไมมันถึงต้องมองแบบนั้น หรือว่ากำลังรอให้ทาสไปเก็บกวาดให้รึเปล่า? พอลองค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมดู ก็มีผู้เชี่ยวชาญออกมาให้เหตุผลไว้ว่า พวกมันต้องการให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัยตอนที่ตัวเองไม่มีทางป้องกันตัวต่างหาก Madeline Friedman ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมของสุนัขบอกว่า “ท่าตอนที่น้องหมากำลังอึ๊อยู่เป็นท่าที่พวกมันรู้สึกไม่ปลอดภัย ความรู้สึกนี้ติดตัวมาจากบรรพบุรุษของพวกมันซึ่งก็คือหมาป่า เพราะพวกมันต้องป้องกันตัวเองจากภัยตลอดเวลา” นอกจากนี้สัตวแพทย์ Dr. Kathryn Primm ก็บอกในทำนองเดียวกันว่าเมื่อพวกมันรู้สึกไม่ปลอดภัย พวกมันก็เลยมองมาที่เจ้าของ เพราะพวกมันไว้ใจเราและรู้สึกอุ่นใจขึ้นเมื่อมีเราคอยช่วยปกป้องมันจากอันตรายอยู่ข้างๆ ที่จริงมันมองหน้าเราเพราะว่ามันไว้ใจเรานี่เอง เราก็หลงคิดว่าพวกมันสะใจที่เห็นเราต้องตามเก็บกวาดซากอารยธรรมให้มันตลอด ขอโทษด้วยนะเจ้าตูบ แต่หมาทุกตัวก็ไม่ได้เป็นแบบนี้หมดหรอกนะ แค่ส่วนใหญ่เท่านั้น หมาบางตัวก็อยากได้ความเป็นส่วนตัวก็เลยมองขอให้เราออกไปเหมือนกัน หรือบางตัวก็หันหลังให้เราเลยก็มี ต้องสังเกตกันเป็นตัวๆ ไปนะ ที่มา: BuzzFeed
-
งานวิจัยพบ “ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า” มักมีสารเคมีบางตัวในร่างกายน้อยกว่าคนทั่วไป
เมื่อพูดถึงโรคซึมเศร้า เชื่อว่าหลายๆ คนจะนึกถึงอาการทางจิต หรือเรื่องละเอียดอ่อนที่อธิบายได้ยาก และคงมีไม่กี่คนที่เข้าใจว่าสารเคมีในร่างกายจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคซึมเศร้า แต่แล้วในงานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences ก็ได้มีการค้นพบว่า คนเป็นโรคซึมเศร้ามักมีสารเคมีบางตัวในร่างกายน้อยกว่าคนทั่วไป โดยเจ้าสารเคมีตัวนี้มีชื่อว่า “Acetyl-L-Carnitine” หรือ LAC ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ที่ช่วยนำพาไขมันเข้าสู่เซลล์เพื่อนำไปเปลี่ยนเป็นพลังงาน และมีบทบาทสำคัญในส่วนของการผลิต Acetylcholine สารเคมีในสมองที่ทำหน้าที่รับส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาทในสมอง การวิจัยในครั้งนี้เป็นการศึกษากลุ่มคนอายุระหว่าง 20-70 ปีในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งประกอบไปด้วย ผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าระดับกลาง 28 คน และป่วยเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง 43 คน และมีการเก็บตัวอย่างเลือดไปตรวจปริมาณ LAC ผลการวิจัยพบว่าโดยรวมแล้ว คนในกลุ่มที่เป็นโรคซึมเศร้าจะมีปริมาณ LAC ที่น้อยกว่าคนทั่วไป อีกทั้งยิ่งมีอาการซึมเศร้ามากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีปริมาณ LAC ในเลือดน้อยลงไปเท่านั้น นอกจากนี้คนที่มีประสบการณ์ความรุนแรงในวัยเด็ก หรือเคยถูกทอดทิ้ง และยากจน ก็มักจะมีระดับ LAC ที่ต่ำกว่าคนทั่วไปอีกด้วย การทดลองในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าเราอาจจะสามารถช่วยเหลือผู้เป็นโรคซึมเศร้าได้ด้วยการรักษาโดยใช้ LAC…
-
18 ภาพถ่ายเรื่องราวแปลกๆ ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ มุมมองที่เราอาจไม่เคยเห็นกันมาก่อน
ในสมัยอดีตกาล มีเรื่องราวเกิดขึ้นมาอย่างมากมายไม่รู้จบ ชนิดที่ว่าถ้าเราจะนำมาเรียนกันในวิชาประวัติศาสตร์ ต่อให้เรียนไปจนจบปริญญาเอกก็ยังคงพูดถึงเรื่องราวนั้นกันไม่หมดเลย แต่นับว่าเป็นความโชคดี ที่ส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ทั้งหมดนั้น ได้ถูกเก็บภาพความทรงจำเอาไว้ด้วยสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกกันว่า “กล้องถ่ายรูป” ทำให้เรามีโอกาสได้เห็นเศษเสี้ยวของสิ่งที่เกิดขึ้นในสมัยนั้นกันได้บ้าง และนี่ไม่ใช่เพียงแค่เป็นภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว แต่มันยังมีความแปลกพิสดารในแบบที่เราทุกคนอาจไม่เคยมีโอกาสได้เห็นกันมาก่อน เหตุการณ์แปลกๆ ในยุคนั้นจะมีเรื่องอะไรกันบ้าง ไปชมพร้อมๆ กันเลยยย ชายหาบเร่นั่ง “ขายมัมมี่” อยู่ในประเทศอียิปต์ (1865) Robert Ladlow คือ “เด็กชายผู้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์” มีส่วนสูงถึง 182 เซนติเมตร ด้วยวัยเพียงแค่ 8 ปี (ยืนเทียบกับพ่อของเขา) (1926) เด็กนักเรียน “ฝึกว่ายน้ำ” โดยที่ไม่มีน้ำ (1920) “การประกวดข้อเท้า” โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นกรรมการ (1930) เจ้าหน้าที่ตำรวจกับ “รถลากคู่ใจสุดเท่” (ใช้ไปกี่แรงม้าไม่รู้) ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย รถ Pontiac เวอร์ชั่น “กระจกทั้งคัน” จัดแสดงในงาน…
-
ภาพของ Meme 8 คน+ 2 ตัว ชื่อดังบนโลกอินเตอร์เน็ต ปัจจุบันเปลี่ยนไปเยอะเลยนะเนี่ย!!
ในโลกอินเตอร์เน็ตของเรามีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น และ Meme เองก็เป็นหนึ่งในนั้น!! Meme ต่างๆ ที่ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกอินเตอร์เน็ตนั้นได้สร้างเสียงหัวเราะและความฮาให้กับพวกเรามาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน แน่นอนว่าเหล่า Meme ทั้งหลายก็มาจากภาพภาพหนึ่ง ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง แล้วก็เอาภาพเหล่านั้นมาใส่ข้อความมุกตลกต่างๆ หรือข้อความที่บอกความรู้สึกและมันเข้ากันได้ดีกับภาพเหล่านั้น และ Meme ที่เป็นที่รู้จักกันในบ้านเรานั้นก็มีอยู่มากมายเช่น ไบรอันเดอะซวย, เด็กกำมือประสบความสำเร็จ, เด็กสาวจอมวางเพลิง เป็นต้น วันเวลาผ่านมาก็นานแล้ว แต่ภาพเหล่านั้นยังคงโลดแล่นอยู่ในโลกออนไลน์ แล้วตอนนี้เหล่าบุคคลที่เป็นเจ้าตัวในภาพมีมต่างๆ ที่มีชื่อเสียงปัจจุบันพวกเขาจะเป็นอย่างไรกันบ้าง ลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… 1. ไบรอันเดอะซวย Fact : ภาพนี้มันเริ่มต้นจากเพื่อนสนิทของ Kyle Craven (หนุ่มไบรอันนั่นแหละ) เป็นคนอัปโหลดภาพของเขาตอนอยู่เกรด 7 ลงในเว็บไซต์ Reddit แล้วก็ถูกเอาไปใช้เป็น Meme มาตั้งแต่นั้น 2. แฟนสาวโรคจิต Fact : Meme นี้เริ่มต้นมาจากการที่ Laina Morris อัดคลิปวิดีโอเพื่อส่งประกวดในหัวข้อ…
-
3 สุดยอดจดหมายในตำนานของคนมีชื่อเสียงในอดีต ที่อาจเปลี่ยนโลกนี้ได้ทั้งใบ
ในปัจจุบันการเขียนจดหมายนั้นลดลงจากแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด เนื่องด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เราแทบจะไม่ได้เห็นคนที่เต็มใจมานั่งเขียนจดหมายไปหยอดตู้ไปรษณีย์อีกต่อไปแล้ว อย่างไรก็ตามคำพูดที่ทรงพลังที่สุดของมนุษย์นั้นมักจะถูกจารึกไว้ด้วยน้ำหมึก เพราะสิ่งที่ดูจะไม่จำเป็นในปัจจุบันนั้น ในสมัยก่อนเป็นสิ่งที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหมายเหลือเกิน เฉกเช่นสุดยอดจดหมายในตำนานของคนมีชื่อเสียงในอดีตที่อาจเปลี่ยนโลกได้ทั้งใบเหล่านี้ จดหมายจากคานธีถึงฮิตเลอร์ นี่เป็นจดหมายที่ถูกเขียนขึ้นโดย มหาตมา คานธีเมื่อปี 1939 โดยจ่าหน้าซองไปถึง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ความว่า “เพื่อนเอ๋ย ท่านเป็นชายผู้เดียวในโลกที่จะหยุดยั้งสงครามที่จะเปลี่ยนมนุษยชาติไปสู่ความป่าเถื่อนได้ ท่านจะฟังคำของผู้ที่รังเกียจการทำสงครามไร้ประโยชน์อย่างถึงที่สุดหรือไม่” โชคร้ายที่จดหมายฉบับนี้ไม่เคยถูกส่งออกไปจากประเทศ เนื่องจากถูกทางอังกฤษหยุดเอาไว้ก่อน และสุดท้ายฮิตเลอร์ก็โจมตีโปแลนด์จนนำไปสู่สงครามอยู่ดี ไม่แน่นะว่าหากจดหมายฉบับนี้ถูกส่งออกมา ประวัติศาสตร์อาจจะต่างไปจากที่เรารู้มากก็เป็นได้ จดหมายจากไอน์สไตน์ ไปยัง โรสเวลต์ ในเดือนสิงหาคมปี 1939 พลังงานปรมาณูยังเป็นเรื่องที่ไม่แพร่หลายมากนัก อย่างไรก็ตามนักฟิสิกส์นามลีโอ ซิลาร์ด ได้รับรู้ถึงความก้าวหน้าของนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน เขาจึงได้ขอให้อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ส่งจดหมายไปเตือนประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาแฟรงคลิน ดี โรสเวลต์ ไอน์สไตน์เห็นด้วยและส่งจดหมายเตือนที่ว่า “ยูเรเนียมอาจจะกลายเป็นแหล่งพลังงานใหม่” และ “ฮิตเลอร์อาจสามารถพัฒนาระเบิดชนิดใหม่ที่ทรงพลังมาก” ซึ่งส่งผลให้ประธานาธิบดีโรสเวลต์ที่เห็นจดหมายก่อตั้ง “โครงการแมนฮัตตัน” ที่พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ในเวลาต่อมา จดหมายจากคุกของ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ นี่เป็นจดหมายที่เขียนขึ้นหลังจากที่เขาถูกจับขังไว้ในคุกที่เบอร์มิงแฮม หลังจากที่มีการประท้วงในปี 1963 โดยตัวจดหมายต้นฉบับนั้นถูกเขียนไว้บนเศษกระดาษทุกชนิดที่เขาหาได้…
-
ดาราสาวเผย 10 ประโยคที่ “ผู้ชายไม่ควรพูดตอนจีบสาว” เพราะมันจะดูแย่ เชื่อถือไม่ได้
แน่นอนว่ายุคนี้เวลาหนุ่มๆ จะเข้าไปจีบหญิง พวกเขาคงไม่ได้ใช้วิธีการเอาหินทุบหัวลากเข้าถ้ำเหมือนดั่งยุคดึกดำบรรพ์ แต่หลักๆ นั้นมันจะต้องเริ่มจากการพูดคุยกันเสียก่อน แต่หนุ่มๆ หลายคน (รวมถึง #เหมียวตะปู) อาจติดปัญหากับการที่จะเริ่มคุยกับใครสักคน ซึ่งหากคุณคือหนึ่งในนั้น เราเชื่อว่าคำแนะนำจากดาราสาวชาวอังกฤษ Brooke Burfitt จะสามารถช่วยคุณได้ เธอได้ออกมาพูดเกี่ยวกับประโยคพูดคุยของหนุ่มๆ ทั้งหลายที่เธอเคยเจอมา โดยเธอบอกว่ามันเป็นคำพูดที่ไม่ควรพูดออกมามากที่สุด โดยเฉพาะในเวลาที่กำลังเริ่มเข้ามาจีบ หรือเริ่มคบหากันแรกๆ นั่นมันเป็นเพราะว่าคำพูดเหล่านี้อาจทำให้สาวๆ มองคุณแย่ ดูเจ้าชู้ หรือดูเป็นคนขี้โม้ขี้โกหก มากกว่าจะมองว่าคุณดูดีน่าสนใจน่ะสิ แล้วมันมีประโยคอะไรที่เราคุ้นๆ กันอยู่บ้าง ลองไปชมกันเลย 1. “แฟนคนล่าสุดของผมเป็นถึงนางแบบเลยนะ” Brooke มองว่าประโยคแบบนี้ไม่น่าเอามาพูดกับคนที่เพิ่งเริ่มคุยกันหรอก อย่างนั้นมันยิ่งทำให้เธอและสาวๆ เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย มองว่าเป็นเพียงคำโอ้อวดที่ดูเหมือนอยากปิดบังอะไรบางอย่าง (แต่บางทีคนที่พูดออกมาในทิศทางตรงกันข้ามกับประโยคนี้ ก็อาจจะดูน่ากลัวกว่าก็ได้นะ) 2. “ผมนอนกับผู้หญิงมาเยอะแล้ว” ไม่ต้องมาบอกหรอกว่าคุณมีประสบการณ์เรื่องบนเตียงมาอย่างโชกโชนมากแค่ไหน เพราะสิ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องการคือการที่พวกเธอได้เป็นคนพิเศษเพียง 1 เดียวในใจคุณต่างหาก และการที่ได้ไปเจอกับผู้ชายซึ่งดูแล้วอาจจะเที่ยวไปทั่ว มั่วไปหมดแบบนั้น มันก็คงรู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่ 3. “ผมยังโสดอยู่นะ” ทั้งชายและหญิง บางครั้งมักจะบอกออกมาโต้งๆ…
-
คนขี้อายก็เป็นแบบนี้!! ศิลปินวาดภาพระบายความในใจ สิ่งที่คนขี้อายต้องเจอในชีวิตประจำวัน…
มนุษย์บนโลกใบนี้มีมากมายหลากหลายล้านคน แน่นอนว่านิสัยใจคอของแต่ละคนย่อมที่จะไม่เหมือนกัน บางคนนิสัยกล้าได้กล้าเสีย บางคนมีความมั่นใจสูง บางคนอาจจะเงียบๆ ส่วนบางคนก็อาจจะขี้อาย และถ้าหากคุณเป็นคนขี้อายเหมือนกับ #เหมียวโคบี้ แล้วล่ะก็ ต้องเข้าใจฟีลลิ่งของการเป็นคนขี้อายดีเลยใช่มั้ยล่ะ ว่าบางทีการเป็นคนขี้อายมันก็ลำบากในการใช้ชีวิตอยู่เช่นกัน วันนี้จึงมีศิลปินชื่อ Jenny-Jinya ได้วาดภาพสื่อความในใจสิ่งที่คนขี้อายต้องเผชิญในชีวิตประจำวันมาให้ได้ดูกันครับ จะจริงแท้ขนาดไหนนั้นเราต้องไปชมด้วยกันแล้วล่ะ ไปดูกันเล้ย เมื่อเป็นคนขี้อายหรือไม่มั่นใจในตัวเอง เวลาจะถูกเรียกชื่อในห้องทีไรก็ต้องเตรียมคำรับขานรอไว้เสมอ ซึ่งบางทีเตรียมไว้อย่างดีก็เหลวไม่เป็นท่า เรียกได้ว่าใช้พลังงานกับเรื่องนี้ไปเยอะ ฮ่าๆ คนขี้อายมักปากไม่ตรงกับใจ เวลาใครเอาขนมอะไรมาให้ก็มักปฏิเสธตามมารยาท ทั้งที่ใจจริงแล้วอยากกินมว๊ากกกก จะยืมของคนอื่นก็คิดอยู่นานว่าจะยืมดีมั้ย ควรจะยืมมั้ยนะ สักพักมีคนอื่นมายืมของเราก่อนก็เศร้ากันไปตามระเบียบ (ความรักก็เช่นกัน) ชอบมีคนอื่นมาถามว่าทำไมถึงเงียบตลอดเวลา ทำไมไม่พูดบ้างเลย อื้มมมม…คนขี้อายก็สงสัยว่าทำไมตัวเองเป็นแบบนี้นะ เมื่อแขกมาหาที่บ้านทีไร คนขี้อายก็มักจะทำตัวเป็นนินจาไม่ไปรบกวนแขก ขนาดไปเข้าห้องน้ำยังต้องไปแบบย่องๆ เล้ย!! เมื่อคนที่อายที่ไม่ค่อยได้คุยกับใคร ต้องจับกลุ่มทำงานทีไรก็งานเข้าเลย ไปพูดขอเข้ากลุ่มกับใครเขาเป็นที่ไหน ก็ทำได้เพียงแค่ส่งสายตาบอกปิ๊งๆๆ ชวนเราเข้ากลุ่มหน่อยน้า… เห็นคนเขาคุยกันสนุกดี ไอ้เราก็อยากจะเข้าไปแจมบทสนทนาบ้าง แต่ไม่รู้ว่ามันควรพูดอะไรและพูดเวลาไหนกัน!? เวลาจะที่ต้องพูดอะไรสักอย่าง ก็อยากพูดไปมากๆ แต่ก็ไม่ได้พูดสักที แล้วก็มานั่งคิดในใจว่าทำไมเราไม่พูดไปสักทีนะ…
-
18 ภาพจากประวัติศาสตร์อายุกว่า 100 ปี ถูกเนรมิตให้กลายเป็นภาพสี ที่น่าตื่นตาตื่นใจ!!
ภาพหนึ่งภาพ สามารถบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ได้มากมาย และยิ่งเป็นภาพที่บันทึกเหตุการณ์หรือบุคคลสำคัญของประวัติศาสตร์ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย ผลงานภาพถ่ายจากประวัติศาสตร์ที่ถูกนำมาเติมสีเหล่านี้ คือผลงานภาพที่จะปรากฏในหนังสือ The Colour Of Time’ โดย Dan Jones และ Marina Amaral หนังสือรวมภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์ซึ่งจะตีพิมพ์ในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ และนี่คือภาพบางส่วนจากหนังสือเล่มนี้… 1. ภาพของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ในช่วงปี 1920 ขณะสวมเครื่องแบบ 2. ฮาวเวิร์ด คาร์เตอร์ นักโบราณคดี ระหว่างค้นพบหลุมศพของฟาโรห์ทุตอังค์อามุน เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 1922 3. ภาพของนักโทษจากค่ายกักกันบูเคนวัลด์ ก่อนที่จะถูกช่วยเหลือโดยฝ่ายอเมริกัน 4. กริกอรี รัสปูติน ชายผู้มีอิทธิพลในรัสเซีย และมีส่วนสำคัญกับราชวงศ์โรมานอฟ 5. ชาลส์ ดาร์วินนักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ ผู้ปฏิวัติความเชื่อเดิม ๆ เกี่ยวกับที่มาของสิ่งมีชีวิต 6. งานนิทรรศการวัตถุโบราณมากกว่า 100,000 ชิ้น…
-
รู้จักกับ Turrion Borrallo พี่เลี้ยงเด็กหลวงแห่งราชวงศ์อังกฤษ บอกเลยว่า ‘ไม่ธรรมดา’!!
เพื่อนๆ เคยรู้กันไหมว่า การจะเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้กับราชวงศ์แห่งอังกฤษจะต้องทำอะไรเป็นบ้าง ลองไปชมเรื่องราวต่อไปนี้พร้อมๆ กันเลยดีกว่า… ขอแนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักกับ Maria Teresa Turrion Borrallo พี่เลี้ยงหลวงแห่งราชวงศ์อังกฤษ ที่ทำหน้าที่เลี้ยงดูเจ้าชายและเจ้าหญิงตัวน้อยๆ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าเธอไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กธรรมดาๆ เพราะนอกจากจะต้องมีความรู้ที่รอบด้าน ความเชี่ยวชาญในการดูแลเด็ก และยังต้องมีเทคนิคในการรับมือกับการก่อการร้ายอีกด้วย เพราะเด็กๆ ที่เธอต้องดูแล จะกลายเป็นว่าที่ราชาและราชินีในอนาคตเลยทีเดียว!! Turrion Borrallo เป็นหญิงสาวชาวสเปนที่ถูกจ้างงานโดยเจ้าชายวิลเลียม และดัชเชสเคท มิดเดิลตัน เนื่องจากภารกิจต่างๆ ที่รัดตัวมากจนเกินไปทำให้พวกเขาต้องมองหาพี่เลี้ยงเด็กสักคนหนึ่งมาดูแลเจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ รวมไปถึงเจ้าชายหลุยส์ แต่การจะเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้กับราชวงศ์นั้นไม่ง่ายเลย เพราะต้องเรียนจบมาจากวิทยาลัย Norland ที่เป็นหนึ่งในโรงเรียนเฉพาะของประเทศอังกฤษ ที่มีไว้ผลิตพี่เลี้ยงเด็กที่มีคุณภาพออกมาโดยเฉพาะ คนที่มาเรียนที่นี่จะได้รับการฝึกป้องกันตัวเอง ให้มีเทคนิคในการรับมือกับการก่อการร้าย รวมถึงการฝึกขับรถที่อยู่ในขั้นผู้เชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างการพาเจ้าชายและเจ้าหญิงไปส่งที่โรงเรียน นอกจากนี้คนที่เรียนจบมาจากวิทยาลัย Norland ส่วนใหญ่แล้วจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กเพื่อเลี้ยงดูเหล่าลูกท่านหลานเธอกันทั้งนั้น แน่นอนว่าการเป็นพี่เลี้ยงหลวงของราชวงศ์ ทำให้เธอต้องอาศัยอยู่ที่พระราชวังเคนซิงตันร่วมกับเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ ด้วย แถมยังต้องเดินทางไปไหนมาไหนร่วมกับเจ้าชายวิลเลียมและดัชเชสอยู่เสมอ ทั้งแคนาดา โปแลนด์ เยอรมนี และออสเตรเลีย เป็นต้น…
-
10 อันดับจุดหมายปลายทางยอดนิยมของ “ชาวจีน” น่าดีใจ ประเทศไทยติดไปตั้ง 3 แห่ง!!
ปัจจุบัน “ชาวจีน” เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่ช่วยส่งเสริมรายได้ทางด้านการท่องเที่ยวในบ้านเรา โดยเราจะสังเกตเห็นได้ว่าในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มักจะมีคนจีนรวมอยู่ด้วยไม่มากก็น้อย และนั่นมันอาจไม่ใช่เรื่องแปลกสักเท่าไหร่ เพราะจากผลการสำรวจของ Ctrip บริษัทเอเจนซี่ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของจีน บอกว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งประเทศที่ติดอันดับ “จุดหมายปลายทาง” ที่คนจีนนิยมไปมากที่สุด ในปี 2018 สถาบันวิจัย Ctrip Hotel College Data ได้เก็บรวบรวมข้อมูลจากปริมาณการจองห้องพักโรงแรมในต่างประเทศของประชาชนชาวจีน จนพบว่าในบ้านเราได้รับความนิยมติดอันดับต้นๆ ไปด้วยกันถึง 3 จังหวัดเลยทีเดียว!! ว่าแล้วเราก็ลองไปดูกันเลยดีกว่าว่า 10 อันดับสถานที่ยอดนิยมของชาวจีนในการเดินทางมาเที่ยวต่างประเทศ และทั้ง 3 จังหวัดในบ้านเรานั้นจะมีจังหวัดอะไรบ้าง แล้วติดอันดับที่เท่าไหร่กันหนอ?! อันดับที่ 10 เมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น อันดับที่ 9 จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย อันดับที่ 8 เมืองโกตากีนาบาลู ประเทศมาเลเซีย อันดับที่ 7 เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น อันดับที่…
-
ให้ตายเถอะ!! นี่มันคือสถานที่เก็บตัว นักกีฬา eSport จริงๆ หรือนี่!? นึกว่าฉากในหนังไซไฟ
กระแสของการแข่งขันเกม หรือที่เราได้ยินกันจนชินหูว่า eSport นั้นดูเหมือนว่าจะร้อนแรงขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว และอย่างที่หลายๆ คนทราบกันดีว่า ที่ประเทศจีนนั้นกระแสที่ว่านี้ก็รุนแรงไม่แพ้ที่อื่นเลย และ Oh My God ยอดทีมจากแดนมังกร ที่ขึ้นชื่อในการแข่งขันเกม League of Legends (LOL) และ PlayerUnknown’s Battlegrounds (PUBG) ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในทีมแนวหน้าของวงการนี้เลยก็ว่าได้ การก้าวมาเป็นทีม eSport ชั้นนำของประเทศจีน หลังจากที่เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2012 และใช้เวลาเพียงแค่ 6 ปี ก็สามารถคว้าความสำเร็จมากมายไม่ว่าจะเป็น Top 4 ของโลกในเกม LOL หรือล่าสุดที่เพิ่งคว้าแชมป์ PGI 2018 PUBG Global Invitational first-person tournament มาหมาดๆ และเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ได้มีการเผยโฉมที่เก็บตัวนักกีฬาของพวกเขา ซึ่งได้เปิดใช้เมื่อราวๆ เดือนมีนาคมปี 2017 ที่ผ่านมา ซึ่งบอกเลยว่า ใครที่คิดว่าการเล่นเกมเป็นเรื่องไร้สาระนั้น อาจจะต้องมานั่งคิดกันใหม่แล้ว!! ที่เก็บตัวสุดหรูนี้ตั้งอยู่ในนครเซียงไฮ้ ถูกออกแบบโดยบริษัท GuTeng ซึ่งได้ทำการเนรมิตพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร…
-
แม่ “บิน ลาเดน” ให้สัมภาษณ์ครั้งแรกในรอบ 17 ปี เผยเหตุผลว่าทำไมเขาก่อเหตุ 9/11
เวลาผ่านมานานกว่า 17 ปี ที่โลกได้ประสบกับเหตุการณ์ก่อการร้ายที่เรียกได้ว่าร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของโลก หลังจากที่เครื่องบินทั้ง 4 ลำที่ถูกจี้โดยผู้ก่อการร้าย ได้พุ่งเข้าชนตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ในนครนิวยอร์กเมื่อเช้าวันที่ 11 กันยายน 2001 เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 3,000 ราย และผู้อยู่เบื้องหลังความสูญเสียครั้งนี้ก็คือกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงอย่างอัลกออิดะฮ์ ที่นำโดยนายอุซามะฮ์ บิน ลาเดน อุซามะฮ์ บิน ลาเดน ถูกสังหารเมื่อปี 2011 ทางครอบครัวของบิน ลาเดน ไม่เคยให้สัมภาษณ์สื่อเลยตลอดระยะเวลา 17 ที่ผ่านมา จนกระทั่งล่าสุด นาง Alia Ghanem แม่ของหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายผู้นี้ ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อเป็นครั้งแรก ปัจจุบัน Alia Ghanem อาศัยอยู่กับครอบครัวของเธอในเมืองญิดดะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย เธอให้สัมภาษณ์กับ The Guardian เกี่ยวกับเรื่องของลูกชายเธอ พร้อมเผยเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เขากลายเป็นหัวหน้ากลุ่มก่อการร้าย อัลกออิดะฮ์ หญิงวัย 70 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า เดิมทีลูกชายของเธอเป็นคนขี้อายและเป็นเด็กดีมาก บิน ลาเดนเป็นคนที่เคร่งศาสนาตั้งแต่เด็กๆ “เขาเป็นคนมีระเบียบมาก และเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน…
-
ที่มาของ “บุฟเฟต์” รูปแบบการบริการสุดคุ้มที่หลายๆ คน กินกันประจำ แต่ไม่เคยรู้มันมาจากไหน
เชื่อว่าในสมัยนี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักอาหารแบบ “บุฟเฟต์” อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหมูกระทะ หมูจุ่ม หรือบุฟเฟต์ตามโรงแรม มันเป็นคำที่คนไทยใช้เรียกอาหารแบบที่สามารถทานไปได้เรื่อยๆ จนกว่าจะอิ่ม (ภาษาอังกฤษบางทีก็เรียก All You Can Eat) แน่นอนว่าอาหารที่จ่ายแค่ครั้งเดียวทานได้เรื่อยๆ นั้นมีหรือว่าจะหลุดรอดการไปเยี่ยมเยือนของเหล่าผู้คนที่หิวโหย จนหลายๆ ครั้งก็อาจจะมีการกินกันจนไขมันออกข้างตัวเลยก็มี ว่าแต่เคยสงสัยกันไหมว่า ไอ้เจ้าอาหารบุฟเฟต์เนี่ยมันมาจากไหนกัน? การกินอาหารแบบบุฟเฟต์เชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดมาจากประเทศสวีเดนในช่วงเวลาประมาณศตวรรษที่ 16 ซึ่งในยุคนั้นที่สวีเดนกำลังมีชื่อเสียงเรื่องชาวไวกิง สุดยอดนักรบแห่งท้องทะเลนั่นเอง เมื่อใดที่ชาวไวกิงขึ้นฝั่งหลังจากปฏิบัติภารกิจสำเร็จ พวกเขาก็จะมีการจัดทำอาหารแบบ Brännvinsbord ซึ่งเป็นการนำอาหารที่มีหลายๆ ชนิดมาวางรวมกันบนโต๊ะ และทานกันหลายๆ คน โดยให้แต่ละคนเลือกกินตามใจชอบ ในปริมาณที่ไม่จำกัด การกินอาหารแบบ Brännvinsbord ถูกชาวฝรั่งเศสรับไปใช้จนเป็นที่โด่งดังขึ้นในศตวรรษที่ 18 โดยได้มีการใช้ตู้เก็บช้อนส้อมในการนำอาหารมาเพิ่มบนโต๊ะเพิ่ม ซึ่งเจ้าตู้เก็บช้อนส้อมนี้ถูกเรียกกันว่า “Buffet” หรือ “บุฟเฟต์” และกลายเป็นชื่อเรียกของวิถีการทานอาหารที่ทานได้ไม่อั้นอย่างที่เรารู้จักกันนั่นเอง ในปัจจุบันกินอาหารแบบบุฟเฟต์ ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากสมัยก่อนไปค่อนข้างมาก ทั้งประเภทอาหารที่ใช้ วิธีการปรุงอาหาร หรือแม้กระทั่งการรับประทานที่ต้องจ่ายเงิน (เพราะในสมัยก่อนบุฟเฟต์ จะมีลักษณะคล้ายกับงานเลี้ยงเพื่อแสดงความร่ำรวยมากกว่า) …
-
บินไปไหนก็อุ่นใจ!! กับ 10 อันดับสายการบินที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีความปลอดภัยมากที่สุดในโลก
“เครื่องบิน” ถือว่าเป็นหนึ่งในการบริการขนส่งสาธารณะ จุดเด่นของเครื่องบินคือความรวดเร็ว แต่ก็แรกมาด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงหากเทียบกับการเดินทางชนิดอื่นๆ อีกหนึ่งอย่างที่คนไม่เคยนั่งเครื่องบินมีคำถามอยู่ในใจ ก็คือความปลอดภัยของเจ้ายานพาหนะชนิดนี้ วันนี้เราจึงได้หาข้อมูลของ 10 สายการบินที่มีความปลอดภัยสูงสุดในโลกมาให้ได้ชมกันครับ 10. สายการบิน Virgin Australia จากประเทศออสเตรเลีย https://www.instagram.com/p/BkuGSDzHfEY/?utm_source=ig_embed นี่คือสายการบินต้นทุนต่ำที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศออสเตรเลีย ถึงจะเป็นสายการบินต้นทุนต่ำก็ตาม แต่ตั้งแต่ที่ Vigin Asutralia ได้ก่อตั้งขึ้นมาในปี 1999 ไม่เคยมีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นเลยสักครั้งเดียว 9. สายการบิน Emirates จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ https://instagram.com/p/BlCibYglz7N/?utm_source=ig_embed ตลอดเวลาให้บริการมา 37 ปี สายการบิน Emirates ไม่เคยมีอุบัติเหตุเครื่องบินพังเลยสักครั้งเดียว แถมยังเป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลางที่มีเที่ยวบินมากถึง 2,500 เที่ยวต่อสัปดาห์ 8. สายการบิน Virgin Atlantic Airways จากสหราชอาณาจักร Virgin Atlantic Airways ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 1984 โดยที่เที่ยวบินของพวกเขาส่วนมากจะเน้นไปที่เที่ยวบินระยะยาวและแม้ว่าสายการบินนี้จะเคยเกิดอุบัติเหตุมาบ้าง แต่ก็ไม่มีผลลัพธ์ที่ร้ายแรงสักเท่าไหร่ …
-
แม่วาฬเพชฌฆาตอุ้ม ‘ซากลูก’ ของมันนานถึง 7 วัน ราวกับเศร้าใจที่เสียลูกไป
สัตว์โลกทั้งหลายนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าพิศวงยิ่งนัก เพราะมันไม่สามารถสื่อสารกับมนุษย์อย่างเราๆ ให้เข้าใจได้… เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่แม่วาฬเพชฌฆาตอุ้มซากลูกของมันเป็นเวลานานกว่า 7 วัน หลังจากที่เสียชีวิตจากการคลอด ทางด้านผู้เชี่ยวชาญจากพิพิธภันฑ์วาฬในเกาะ San Juan ได้ทำการติดตามและเฝ้าดูพฤติกรรมของเจ้าวาฬตัวนี้ที่รู้จักกันในชื่อ J35 ตั้งแต่วันที่ลูกของมันเสียชีวิต ผู้บอำนวยการพิพิธภัณฑ์ Jenny Atkinson เล่าว่ามันอุ้มซากลูกของมันเป็นเวลานานกว่า 7 วันไม่ยอมห่างไปไหน ราวกับว่ามีอาการเศร้าโศกเสียใจกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น หลังจากที่พบกับเหตุการณ์อันน่าสลดใจเจ้าแม่วาฬเพชฌฆาตก็โผล่หัวขึ้นมาเหนือน้ำทะเลแล้วก็ใช้หน้าผากดันซากลูกของมันไม่ให้จมลงสู่ก้นทะเลว่ายวนไปเรื่อยๆ ในอ่าววิคตอเรีย รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา อย่างไรก็ตามมีการศึกษาจากองค์กรไม่หวังผลกำไรระบุเอาไว้ว่าวาฬ หรือโลมา จะเฝ้าซากของวาฬหรือโลมาที่ตายแล้ว เพื่อไม่ให้ตกเป็นอาหารของเหล่านักล่า แต่อย่างไรก็ตามมันจะเฝ้าเอาไว้เป็นเวลาแค่ไม่กี่วันเท่านั้น แต่สำหรับแม่วาฬเพชฌฆาตตัวนี้ กลับใช้เวลานานมากที่สุด ถ้าให้เราคิด (เอาเอง) ก็อาจจะเป็นเพราะมันกำลังเสียใจที่ลูกของมันเสียชีวิตไปแล้วก็ได้ จากข้อมูลพบว่าปัจจุบันเหล่าวาฬเพชฌฆาตกำลังประสบกับปัญหา ‘ใกล้สูญพันธุ์’ เข้าไปทุกที จนประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาประกาศให้เป็นสัตว์สงวนเมื่อสิบปีก่อน บวกกับปัญหาการให้กำเนิดลูกของพวกมันที่มักจะไม่เป็นผลสำเร็จ (คลอดลูกออกมาแล้วตาย) นั่นเป็นเพราะว่าปัญหาเรื่องแหล่งอาหารอย่างปลาแซลแมอนที่ลดน้อยลงไปทุกที จึงทำให้พวกมันรู้สึกเป็นกังวลจนไม่สามารถให้กำเนิดลูกออกมาได้ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยวอชิงตันในช่วงปี 2007 ถึง 2014…
-
ทำนายอนาคต 20 ปี ข้างหน้า จากปี 2018 ถึงปี 2038 จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
ในปัจจุบันเราอาจจะคิดว่า เทคโนโลยีที่คอยอำนวยความสะดวกสบายให้กับเราในทุกวันนี้นั้นน่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ตอบสนองความต้องการของเราได้มากที่สุด แต่เรื่องของเทคโนโลยีนั้นไม่ได้หยุดนิ่ง ยังคงมีการพัฒนาอยู่เสมอเพื่อมนุษยชาติ เวลาเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องมีการเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา เรามาดูกันดีกว่าว่า ถ้าในอีก 20 ปีข้างหน้านี้เราจะมีเทคโนโลยีอะไรเพิ่มขึ้นมาบ้าง กระจกมองข้างรถยนต์ 2018: กระจกมองข้างรถยนต์เป็นแบบธรรมดาทั่วไป บริษัทรถยนต์ Audi มีแผนจะเปิดตัวรถยนต์ที่ไร้กระจกมองข้างในปี 2019 โดยจะกลายเป็นรถยนต์ต้นแบบให้รถบริษัทอื่นๆ ทำตาม รถทุกคันจะมีกล้องในตัวและมีระบบเซนเซอร์อัจริยะที่เตือนให้ผู้ขับขี่ระมัดระวังด้วย นอกจากนี้ระบบเกียร์ธรรมดาและเครื่องยนต์เบนซินก็จะเริ่มลดการผลิตหันมาใช้รถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในปี 2035 รีโมทคอนโทรล 2018: รีโมทคอนโทรลแบบเดิมทั่วไปไม่ว่าจะเป็นรีโมทโทรทัศน์ รีโมทแอร์ รีโมทรถยนต์ที่มักจะหาไม่เจอบ่อยๆ รีโมททั้งหมดจะถูกเปลี่ยนมาใช้การสั่งการด้วยเสียงหรือการสั่งการผ่านทางโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตแทน จบทุกอย่างภายในเครื่องเดียว กุญแจ 2018: หลายๆ บ้านยังคงใช้กุญแจสำหรับไขประตูแบบเดิม 2038: ทุกอย่างสามารถสั่งการผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยคำสั่งเสียงหรือสแกนม่านตา เข็มฉีดยา 2018: เข็มฉีดยาผ่านเส้นเลือด 2038: ในอนาคตจะไม่มีการใช้เข็มฉีดยาผ่านเส้นเลือดแล้ว แต่จะมีการรักษาแบบใหม่ที่ได้คิดค้นขึ้นคือการฉีดแบบเจ็ทหรือการยิงของเหลวผ่านผิวหนังด้วยความเร็ว และยาแบบแคปซูลเล็กๆ การส่งของ 2018: การส่งของตามบ้านยังคงใช้คนเดินทางไปส่ง …
-
NASA ประกาศผลงานชนะเลิศ “การออกแบบที่พักอาศัยบนดาวอังคาร” เตรียมนำไปสร้างจริง!!
ภารกิจสำรวจดาวอังคารนั้นดูเหมือนว่าจะยังอยู่ในความสนใจของทาง NASA อยู่ หลังจากที่ล่าสุดได้มีการคัดเลือกแบบที่พักอาศัย 3 มิติซึ่งจะเอาไปต่อยอดเป็นที่พักอาศัยบนดาวอังคาร ทาง NASA ได้มอบเงินรางวัลให้กับผลงานการออกแบบที่พักอาศัยบนดาวอังคาร ที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 5 แบบ เพื่อเป็นการช่วยสนับสนุนภารกิจสร้างที่พักอาศัยบนดาวอังคาร โดยผลงานดังกล่าวได้รับการคัดเลือกจากทางผู้เชี่ยวชาญของ NASA ผลงานของทีม Zopherus of Rogers หนึ่งใน 5 ทีมจากผู้ชนะ ทางคณะกรรมการได้คัดเลือกผลงานผู้เข้ารอบทั้งสิ้น 18 ทีมด้วยกัน ก่อนจะคัดเหลือผู้ชนะเพียง 5 รางวัล โดยเงินรางวัลสำหรับ 5 ทีมนั้นรวมมูลค่าสูงถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3 ล้าน 3 แสนบาท “เรารู้สึกตื่นเต้นมาที่ได้เห็นผลงานของผู้เข้าร่วมประกวดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละทีม นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่การออกแบบสิ่งปลูกสร้างเท่านั้น แต่พวกเขายังคำนึงถึงพฤติกรรมของผู้ใช้งาน ซึ่งช่วยในภารกิจสำรวจและอาศัยอยู่ในดาวอังคารของเราได้อย่างมาก” Monsi Roman เจ้าหน้าที่จากทาง NASA ให้สัมภาษณ์ ผลงานการออกแบบจากทีม SEArch+/Apis บริษัท AI Space Factory จากนิวยอร์ก คือหนึ่งใน 5…
-
8 เทคนิคการใช้ “สมาร์ทโฟน” แบบเจ๋งๆ รู้แล้วชีวิตจะสะดวกสบายขึ้นเยอะ!!!
คงยากที่จะปฏิเสธได้ยากทีเดียวว่าปัจจุบันโทรศัพท์มือถือแบบธรรมดานั้นมันไม่เพียงพอต่อความต้องการของพวกเราแล้ว สมาร์ทโฟน จึงเข้ามาเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้ ปัจจุบันสมาร์ทโฟนนั้นเข้าถึงผู้คนได้แทบจะทุกภูมิภาค หากจะพูดว่าคนส่วนใหญ่ใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนก็คงจะไม่ผิดนัก วันนี้เราจึงขอเสนอ เคล็ดลับต่างๆ ในการใช้งานสมาร์ทโฟน ให้เป็นประโยชน์และอำนวยความสะดวกได้มากที่สุด เพราะสมาร์ทโฟนนั้นมีอะไรเจ๋งๆ ซ่อนเอาไว้มากกว่าที่คุณคิด 1. เปิดใช้งานโหมดเครื่องบินแล้วปิดเพื่อเพิ่มความแรงสัญญาณ หากสัญญาณโทรศัพท์ของคุณอ่อน ลอง เปิดโหมดเครื่องบิน สัก 2-3 วินาทีแล้วปิดดู เพราะโทรศัพท์ของคุณจะเริ่มจับสัญญาณใหม่โดยหาเอาสัญญาณที่ใกล้และแรงที่สุด 2. ถ่ายวิดีโออย่างไรให้เสียงมีคุณภาพ การป้องมือในลักษณะหันฝ่ามือเข้าหาตัวเครื่องจะช่วยให้ไมโครโฟนของสมาร์ทโฟนได้รับเสียงที่ดีขึ้น ลดการกระจายของเสียง และช่วยตัดเสียงรบกวนได้อีกด้วย 3. ใช้คำสั่งลัดให้เป็นประโยชน์ การพิมพ์ของคุณจะรวดเร็วขึ้น เมื่อคุณเข้าไปตั้งค่าคำสั่งลัดที่คุณเพียงพิมพ์คำสั้นๆ มันก็จะกลายเป็นประโยคยาวๆ ที่คุณใช้บ่อยๆ ได้แล้ว เช่น ตัง = “นี่นายมีเงินให้เรายืมสัก 200 ไหม ช่วงนี้เราเดือดร้อนมากเลย” เป็นต้น 4. ถ่ายรูปเผลอๆ ด้วย “หูฟัง” หลายคนอยากถูกถ่ายรูปแบบที่ไม่ใช่ตัวเองเป็นคนถ่าย แต่การเซลฟี่มันไม่เนียน ทำยังไงมันก็จะถ่ายติดแขนของคุณไปด้วยเสมอๆ ข่าวดีคือหากใครใช้ iPhone ล่ะก็คุณสามารถตั้งมือถือเอาไว้แล้วใช้ หูฟัง กดถ่ายรูปคุณได้โดยไม่ติดแขนของคุณเลยล่ะ 5.…
-
พาย้อนอดีต!! จากวันนั้น จนถึงวันนี้ 18 สิ่งของเหล่านี้ เปลี่ยนไปขนาดไหนกันนะ!?
เมื่อวันเวลาผ่านไป สิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้ย่อมมีการพัฒนาตามๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา ความรู้ ประชากร สิ่งของหรือเทคโนโลยีต่างๆ วันนี้ #เหมียวโคบี้ ได้ไปเจอกับรูปภาพน่าสนใจเกี่ยวกับการเทียบสิ่งต่างๆ ในสมัยก่อนกับในสมัยปัจจุบัน ซึ่งด้วยเทคโนโลยีหลายๆ อย่างที่มีการพัฒนามากขึ้น สิ่งเหล่านั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน ของที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันในวันนี้จะมีอะไรกันบ้างนั้น เราไปรับชมพร้อมๆ กันเลยครับ 1. ชุดว่ายน้ำสมัยก่อน vs ชุดว่ายน้ำปัจจุบัน 2. ลานโบว์ลิ่งสมัยก่อน vs ลานโบว์ลิ่งปัจจุบัน 3. อาบน้ำฝักบัวแบบสมัยก่อน vs อาบน้ำฝักบัวแบบปัจจุบัน 4. ถุงยางสมัยก่อน vs ถุงยางปัจจุบัน 5. เครื่องหนีบผมสมัยก่อน vs เครื่องหนีบผมปัจจุบัน (สมัยก่อนเอาเตารีดมาหนีบผมงั้นรึ!?) 6. ภาพแรกที่เห็นนี้ไม่ใช่หม้อนึ่งแต่อย่างใด มันคือเครื่องซักผ้าสมัยก่อน vs เครื่องซักผ้าปัจจุบันนั่นเอง 7. ชุมสายโทรศัพท์สมัยก่อน vs เสาโทรศัพท์ปัจจุบัน …
-
10 ประโยคช่วยเหลือ “คนที่คิดจะฆ่าตัวตาย” พูดอย่างไรให้ถูก ให้พวกเขาอยากมีชีวิตต่อ
ปัจจุบันโรคภัยที่มาแบบเงียบๆ แต่แฝงความอันตรายเอาไว้คือ โรคทางจิต เพราะเราไม่สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนเหมือนกันโรคทางกายที่เพียงปวดศีรษะหรือปวดท้องก็ไปพบแพทย์ได้ แต่อาการทางจิต บางครั้งคนเราไม่รู้ว่าแบบไหนที่เรียกว่าผิดปกติหรือเข้าข่ายมีอาการทางจิต ประกอบกับบางคนก็กลัวว่าสังคมจะไม่ยอมรับหากเข้าพบจิตแพทย์ จึงทำให้ผู้ที่มีเพียง “อาการทางจิต” หลายคนอาจพัฒนาจนเป็น “โรคทางจิต” ได้ ปัจจุบัน โรคทางจิตที่แพร่หลายและค่อนข้างใกล้ตัวผู้คนกว่าโรคอื่นก็คือ โรคซึมเศร้า ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมอง รวมทั้งอาจเกิดจากการประสบกับเหตุการณ์สะเทือนใจอย่างรุนแรง ผู้ป่วยอาจมีอาการเซื่องซึม เบื่อหน่าย ไม่สามารถทำกิจกรรมที่เคยชอบหรือเคยทำได้ กินน้อยหรือมากผิดปกติ นอนไม่หลับ รู้สึกไร้ค่า โทษตัวเอง ซึ่งหากอาการรุนแรงก็จะเกิดความคิดอยาก ฆ่าตัวตาย ขึ้นมาด้วย อาการซึมเศร้า โรคซึมเศร้า และความคิดที่จะฆ่าตัวตายที่ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดกับตนเองหรือคนใกล้ชิด ฉะนั้นหากใครที่ต้องรับมือกับคนที่กำลังอยาก “ฆ่าตัวตาย” ก็ควรรู้วิธีช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้สักนิดก็ยังดี วันนี้เราจึงขอเสนอ 10 ประโยคที่ควรพูด กับคนที่กำลังคิดจะฆ่าตัวตาย ให้พวกเขาได้คิดดีๆ อีกครั้ง 1. “ดีใจนะที่คุณบอกฉันว่าคุณกำลังคิดจะฆ่าตัวตาย” (หรือประโยคที่ความหมายใกล้เคียง) แทนที่จะพูดด้วยอารมณ์รุนแรงหรือพูดแบบไม่ใส่ใจ หันมาพูดกับเขาอย่างเปิดใจและยอมรับความคิดของเขาดีกว่า 2. “ฉันรู้สึกไม่ดีเลยที่เห็นคุณต้องเจ็บปวดแบบนี้” ประโยคทำนองนี้นอกจากจะแสดงความใส่ใจแล้วยังช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกคลายเหงาได้ด้วย อย่าพยายามปฏิเสธความคิดของเขาหรือทำให้ความเจ็บปวดของเขาดูเล็กน้อย เช่น “ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง” หรือ “อย่าลืมว่าคุณมีอะไรต้องทำอีกเยอะ”…
-
ตะลึง!! ภาพสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินกว่า 70,000 ตร.กม. ที่ฟินแลนด์ นักวิทย์ชี้ แบบนี้ไม่ดีแน่
ทุกๆ ช่วงหน้าร้อน เหล่าแพลงก์ตอนพืชที่กระจายตัวอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือและแถบอาร์กติก จะมีการเจริญเติบโตอย่างมาก จนอาจเปลี่ยนให้ผืนน้ำกลายเป็นสีเขียวยาวหลายกิโลเมตรเลยทีเดียว และดูเหมือนว่าหน้าร้อนในปีนี้ที่ประเทศฟินแลนด์เองก็ไม่แพ้กัน หลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมของเหล่าแพลงก์ตอนที่ดูคล้ายกับอ่างน้ำวนขนาดยักษ์ ภาพถ่ายดังกล่าวถูกบันทึกโดยดาวเทียม Landsat-8 เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเผยให้เห็นการขยายตัวของแพลงก์ตอนขนาดยักษ์ บริเวณอ่าวฟินแลนด์ จากรายงานเผยว่า แม้จะไม่สามารถระบุชนิดของแพลงก์ตอนได้อย่างชัดเจน แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าน่าจะเป็นแบคทีเรียในกลุ่มของไซยาโนแบคทีเรีย หรือ สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การเจริญเติบโตของสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินในทะเลบอลติกนั้นมีการเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากน้ำเสียจากการทำการเกษตรนั่นเอง การเพิ่มขึ้นของสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เพราะมันจะทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลง นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยในประเทศฟินแลนด์คาดว่าพื้นที่ของสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินที่เราเห็นในภาพนี้ น่าจะกว้างประมาณ 70,000 ตารางกิโลเมตร นอกจากนี้ทีมวิจัยจากฟินแลนด์และเยอรมันยังเผยอีกว่า ปริมาณออกซิเจนในทะเลบอลติกเมื่อปีที่ผ่านมาลดต่ำลงอย่างมาก ซึ่งมีปริมาณน้อยที่สุดในรอบ 1,500 ปีเลยทีเดียว!! การเจริญเติบโตของสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินปริมาณมหาศาลนี้ ไม่ได้ส่งผลเสียแค่ปริมาณออกซิเจนในน้ำเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในทะเลอีกด้วย ที่มา earthobservatory
-
ภาพหาชมยาก ของสถานีรถไฟใต้ดินที่ “เกาหลีเหนือ” จากสื่อต่างประเทศ
ความสวยงามของงานศิลปะแบบคอมมิวนิสต์ ถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของประเทศเกาหลีเหนือ ที่ดึงดูดเหล่านักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ The Guardian ได้เผยภาพความสวยงามของสถานีรถไฟใต้ดินหลายๆ สถานี ณ กรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งภาพถ่ายเหล่านี้ถือเป็นภาพที่หาชมไม่ได้ง่ายๆ เลย!! โคมไฟรูปพวงองุ่น และภาพวาดของคิม อิล-ซ็อง ในสถานี Hwanggumbol ที่แปลว่าทุ่งสีทองเหมือนกับภาพที่อยู่ด้านหลัง ด้านล่างคือภาพจากสถานีรถไฟใต้ดิน Puhung ถือเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟใต้ดินที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของเกาหลีเหนือ เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 1987 ที่นี่เป็นปลายทางของทางรถไฟสายชอลลีมา (สายสีแดง) และยังเป็นหนึ่งในสถานีที่มีความหรูหรามากที่สุดแห่งหนึ่งของเกาหลีเหนืออีกด้วย โคมไฟระย้าหนักกว่า 4 ตันในสถานี Puhung ที่ส่องสว่างอยู่กลางห้องโถงของสถานีรถไฟใต้ดินแห่งนี้ ส่วนด้านหลังคือภาพวาดของคิม อิล-ซ็อง อดีตผู้นำเกาหลีเหนือ เจ้าหน้าที่จากสถานี Konguk พร้อมกับเครื่องแบบชุดสีดำของเธอ ภาพผู้คนมากมายที่กำลังใช้บริการที่สถานี Yonggwang (ความรุ่งโรจน์) ซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1987 ภาพคนเล่นกีฬาจากสถานี Samhung ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1975 ภาพวาดของคิม อิล-ซ็อง ที่สามารถพบเห็นได้ทุกสถานี ส่วนนี่คือภาพจากสถานี Tongil ซึ่งสื่อความหมายว่าเขาคือแสงอาทิตย์สำหรับชาวเกาหลีเหนือ…
-
เปิดประวัติจอมยุทธ์ชุดแดง ชายปริศนาผู้กระอักเลือดจนเป็นมีมให้เราล้อกันบ่อยๆ
“มีม (Meme)” เป็นคำที่เราไว้ใช้เรียกแทนสัญลักษณ์อะไรอย่างหนึ่ง ซึ่งปกติเราจะใช้เรียกภาพล้อเลียนที่กลายเป็นกระแสในโซเชียลมีเดีย ซึ่งเจ้ามีมตามอินเตอร์เน็ตก็ถือว่ามีเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นภาพของ Yao Ming, Liam Neeson หรืออีกมากมาย แต่เพื่อนๆ เคยเห็นภาพของชายจีนชุดแดงกระอักเลือดกันบ้างหรือไม่? แล้วทราบกันหรือเปล่าว่าจริงๆ แล้วรูปภาพนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันนะ!? อ่ะหื้อ…!! ภาพนี้แหละที่เราหมายถึง ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2551 สมาชิกหมายเลข 1079477 ได้ตั้งกระทู้เปิดประวัติของชายชุดแดงคนดังกล่าวชื่อ “เปิดที่มาของภาพชายกระอักเลือดในตำนาน” โดยที่มีเนื้อความในกระทู้ดังนี้ “เปิดที่มาของภาพชายกระอักเลือดในตำนาน สวัสดีครับเพื่อนๆ สมาชิก นี่เป็นกระทู้แรกที่ตั้ง และล็อกอินนี้ก็ยืมของเพื่อนมา 555 เมื่อไหร่ที่เกิดการแซวกรณี ‘ช้ำใจ’ ภาพของจอมยุทธ์ชุดแดงปริศนาคนหนึ่ง ก็มักจะถูกเอามาล้อประจำ เพราะสีหน้าและฟีลลิ่งของเฮียแก มันอธิบายความ ‘ช้ำ’ ได้ตรงนัก!! ซึ่งหลายท่านคงเคยเห็นผ่านตามาบ้าง พร้อมกับข้อความต่างๆ ตามแต่กาลเทศะ ความจริงเบื้องหลังการกระอักเลือดนี้เศร้ายิ่งนัก โดยชายในภาพคือ “เหลียงซานป๋อ” (นำแสดงโดย เหอยุ่นตง) แม้เราจะมาใช้กันขำๆ แต่ความจริงชีวิตเหลียงซานป๋อนั้นโคตรรันทด เขาปรากฏในหนังจีนกำลังภายในเรื่อง Butterfly Lovers รู้จักกันในชื่อไทยว่า ม่านประเพณี…
-
หญิงผู้เสพติดยอดเอเวอเรสต์ ทุบสถิติพิชิต 9 ครั้ง เตรียมพร้อมกายและใจจากงานล้างจาน!!
Lhakpa Sherpa คือชื่อของหนึ่งในผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ และเป็นผู้หญิงที่สามารถทำสถิติปีนถึงยอด 9 ครั้งด้วยกัน นับว่าเป็นสถิติที่มากกว่านักปีนเขาหญิงทุกคนไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม ความกระหายในการพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ของเธอยังไม่หมดเสียทีเดียว ด้วยอายุ 45 ปีในปัจจุบัน เธอได้ตั้งเป้าหมายในการพิชิตยอดครั้งที่ 10 เอาไว้ในปี 2019 แล้ว ในระหว่างที่กลับมาใช้ชีวิตตามวิถีปกติ Sherpa นั้นไม่ได้เข้ายิมหรือฝึกฝนร่างกายให้ทนกับสภาพอากาศแบบสุดขั้ว แต่เธอเลือกที่จะทำงานตามปกติ ด้วยงานล้างจานและเก็บกวาดขยะ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ภายในร้าน Whole Foods รัฐคอนเนตทิคัต สหรัฐอเมริกา ภาระของเธอนั้นยังมีลูกสาว 2 คนที่ต้องดูแล ปัจจุบันในวัย 11 และ 16 ปี ค่าแรง 11.50 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง (384 บาท) นั้นไม่ได้เป็นปัญหาในการส่งลูกสองคนเรียนหนังสือและช่วยยังชีพให้กับครอบครัวได้ แถมยังมีเงินเหลือเดินทางไปปีนเขาได้อีก ในวัยเด็กของ Sherpa ตอนที่ยังอาศัยอยู่ในประเทศเนปาล จากครอบครัวที่มีพี่น้องทั้ง 10 คน แม้จะไม่ได้รับการศึกษาตามระบบปกติทั่วไป แต่ธรรมชาติก็เป็นครูสอนวิถีการใช้ชีวิตให้กับเธอ เรียนรู้วิธีการปีนเขาและเอาตัวรอดมาได้…
-
ผู้เสพความเร็วห้ามพลาด!! กับ 17 สิ่งที่เร็วสุดที่สุดในโลก หาเร็วกว่านี้ได้ก็ The Flash แล้ว!!
เพื่อนๆ คนไหนเป็นคนที่ชื่นชอบในความเร็วบ้างมั้ย?? ไม่ว่าความเร็วรถ ความเร็วของเครื่องบินหรือจะเป็นขีดจำกัดความเร็วของมนุษย์และสัตว์ต่างๆ หากเป็นคนที่ชื่นชอบความเร็วอย่างที่เราได้กล่าวมาแล้ว วันนี้เพื่อนๆ มาถูกที่แล้วครับ เพราะ #เหมียวโคบี้ จะนำสุดยอดความเร็วในแขนงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลิฟต์ เครื่องบิน รถยนต์ คนและสัตว์มาให้ได้ชมกันครับ จะมีอะไรบ้างนั้นเอาดูพร้อมๆ กันเล้ย 1. ลิฟต์ที่เร็วที่สุดในโลกอยู่ที่ตึก อ้างอิง 2. การเล่นกีตาร์ที่เร็วที่สุดในโลกโดย Nirvana Bista ด้วยความเร็วทั้งหมด 1,600 BPM อ้างอิง 3. นกที่เร็วที่สุดคือเหยี่ยวเพเรกริน มันสามารถบินได้เร็วถึง 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว อ้างอิง 4. รถไฟที่เร็วที่สุดในโลกได้แก่ SCMaglev ที่สามารถวิ่งได้ถึง 603 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อ้างอิง 5. Florence Griffith Joyner คือผู้หญิงที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก ด้วยระยะ 100 เธอสามารถวิ่งได้ในเวลาเพียง 10.49 วินาที…
-
ใครว่าฤดูฝนไม่น่าเที่ยว!! พบกับ “6 ป่าฝน” จากเอเชีย ที่น่าออกไปสัมผัส
และแล้วก็มาถึงคิวของฤดูฝน เชื่อแน่ว่าในช่วงที่บ้านเราถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศแบบอึมครึมของเมฆฝนแบบนี้ หลายๆ คนอาจจะอยากนอนอยู่ในห้องแบบชิวๆ หรือนั่งพักผ่อนที่ระเบียงนั่งดูสายฝน และไม่อยากออกไปไหนให้เนื้อตัวเปียกกันใช่ไหมล่ะ!? แต่สำหรับคนที่มีใจรักการผจญภัยแล้วล่ะก็ น้ำแฉะๆ ที่ขังอยู่บนผืนหญ้า และกลิ่นอันสดชื่นของสีเขียวขจีมันช่างยั่วยวนให้เราคว้าเสื้อกันฝน ออกไปเก็บภาพความสวยงามธรรมชาติจริงๆ และถ้าหากว่าคุณอดใจกับความชุ่มชื่นของหน้าฝนไม่ไหวแล้วล่ะก็ เราขอแนะนำให้รู้จักกับ 6 ป่าฝนจากทวีปเอเชีย ที่น่าไปสัมผัสเหล่านี้เลย!! 1. ป่าฝน Harapan ประเทศอินโดนีเซีย หนึ่งในพืนที่ป่าฝนที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามมที่สุดแห่งหนึ่งในหมู่เกาะสุมาตรา ที่นี่เต็มไปด้วยความหลากหลายของธรรมชาติ และเป็นบ้านของเหล่าสัตว์ป่านานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นเสือสุมาตรา อุรังอุตัง หมีคน และเจ้าช้าง นอกจากนี้มันยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อของ “ป่าแห่งความหวัง” ด้วย!! 2. พื้นที่อนุรักษ์ Danum Valley ประเทศมาเลเซีย พื้นที่อนุรักจากเกาะบอร์เนียว ที่นี่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าและพันธุ์พืชหายากมากมาย รวมทั้งพืชในสกุลบัวผุด ดอกไม้ขนาดใหญ่สีสันสวยงามอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์ และรีสอร์หรูคอยบริการนักท่องเที่ยวอีก 3. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ประเทศไทย อุทยานจากบ้านเราที่ถูกก่อตั้งตั้งแต่ปี 2505 มีพื้นที่มากกว่า 2,166 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 11 อำเภอของ 4 จังหวัดได้แก่ นครราชสีมา ปราจีนบุรี…
-
“ชูโด ดอกไม้แห่งจิตวิญญาณซามูไร” การร่วมเพศระหว่างชายและชาย สู่ประเพณีอันทรงเกียรติ
ในขณะที่การเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศนั้น กำลังเกิดขึ้นอย่างมากมายทั่วทุกมุมโลก และทำให้หลายๆ คนเริ่มให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากขึ้น แต่เพื่อนๆ ทราบกันหรือไม่ว่า เรื่องของรสนิยมทางเพศที่มาความหลากหลายอย่างที่เราเห็นในปัจจุบันนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ หรือเพิ่งเกิดขึ้น แต่มันมีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว แถมอย่างที่ประเทศญี่ปุ่นยังถูกยกให้เป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย!! และวันนี้ #เหมียวเวจจี้ ก็จะขอพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับการรักร่วมเพศของเหล่าซามูไรญี่ปุ่น ที่เรียกว่าพิธี “ชูโด (衆道)” นั่นเอง… ย้อนกลับไปในช่วงสมัยโบราณของญี่ปุ่น การรักร่วมเพศนั้นเริ่มต้นขึ้นในระหว่างยุคเซ็งโงกุถึงยุคเอะโดะ มันมีจุดเริ่มต้นมาจากพระรูปหนึ่งชื่อ Kukai หรือ Kobo Daishi ซึ่งว่ากันว่าเขาได้รับวัฒนธรรมแบบนี้มาจากประเทศจีน ในช่วงปีคริสต์ศักราช 806 นอกจากนี้เหล่า Chigo ซึ่งหมายถึงเด็กผู้ชายที่เป็นลูกหลานของขุนนางเชื้อราชวงศ์ หรือเด็กที่มีความสามารถด้านการแสดง ที่มีผู้นำไปฝากให้ฝึกมารยาทและเรียนหนังสือกับพระที่วัดนิกายชินโต ก็ยังมีส่วนในการทำให้พฤติกรรมร่วมเพศนี้กระจายไปในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย การรักร่วมเพศเริ่มเข้ามาสู่หมู่ซามูไรเมื่อราวๆ ศตวรรษที่ 16 ซึ่งนักประวัติศาสตร์หลายคนคาดว่าน่าจะมาจากข้อจำกัดทางด้านเสรีภาพในการมีเพศสัมพันธ์ในสมัยก่อน ชูโดได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงสงครามของญี่ปุ่น ซึ่งการร่วมรักของเหล่าซามูไรด้วยกันเองนั้น นอกเหนือจากเรื่องของอารมณ์แล้ว ยังมีเรื่องของความสัมพันธ์ และการถ่ายทอดความเป็นนักรบรวมทั้งคุณค่าของซามูไรรวมอยู่ด้วย พิธีชูโดได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายมาก จนกระทั่งมีคำกล่าวที่ว่านี่คือวิถีที่เปรียบได้ดัง “ดอกไม้แห่งจิตวิญญาณของซามูไร” เลยก็ว่าได้ แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป ค่านิยมทางตะวันตกเริ่มเข้ามาสู่ญี่ปุ่น บวกกับหลักคำสอนของขงจื๊อที่เริ่มแพร่หลาย ทำให้วิถีดังกล่าวเสื่อมความนิยมลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหายไปพร้อมกับซามูไรคนสุดท้าย…
-
อาชีพเปลี่ยนหลอดไฟในสหรัฐ ทำงานจริงจังแค่ปีละ 2 ครั้ง แต่ได้เงินปีนึงเป็นล้าน!!
อาชีพที่มีความเสี่ยงสูงๆ ในบางครั้งอาจจะตามมาด้วยค่าตอบแทนที่สูงไปด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นอาชีพเปลี่ยนหลอดไฟบนเสาที่มีความสูงเกือบ 500 เมตร จากสหรัฐอเมริกาแบบนี้…. อาชีพที่คุณเห็นนี้คืออาชีพที่เรียกได้ว่าได้รับผลตอบแทนที่ค่อนข้างคุ้มค่าเลยทีเดียว โดยใน 6 เดือนพวกเขาจะทำงานเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และในการปีนแต่ละครั้ง จะได้รับค่าตอบแทนประมาณ 20,000 เหรียญ หรือประมาณ 600,000 บาทเลยทีเดียว!! แน่นอนว่าผลตอบแทนที่สูงแบบนี้ย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงและความชำนาญที่ต้องสูงตามไปด้วย โดยพวกเขาจะต้องผ่านการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยและมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องไฟฟ้า แถมบางครั้งยังต้องเจอกระแสลมแรงในระหว่างที่กำลังปีนอีกด้วย จากรายงานเผยว่ามีชาวอเมริกันที่ประกอบอาชีพนี้มากถึง 9,900 คน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 12,000 คนในปี 2020 นี้ คลิปวิดีโอจากช่องยูทูบ Prairie Aerial ได้เผยให้เห็นการทำงานของพวกเขา “ใครบางคนต้องปีนขึ้นไปเพื่อเปลี่ยนหลอดไฟที่ด้านบนของเสาสัญญาณทีวีนี้ Kevin Schmidt ชายที่ทำหน้าที่นี้ เขาดูแลเสาสัญญาณของ KDLT TV ใกล้ๆ กับเมือง Salem รัฐเซาท์ดาโคตา” ข้อความจากคลิปวิดีโอดังกล่าว และนี่คือการทำงานของ Kevin ScHmidt ที่มา wholesomeposts, usatoday
-
หน่วยวัด “เซลเซียส” “ฟาเรนไฮต์” และ “เคลวิน” ความแตกต่างนี้มีที่มา หาใช่เพียงตัวเลข
พูดถึงหน่วยวัดอุณหภูมิเชื่อว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครก็รู้จัก มันคือหน่วยที่ให้วัดความร้อนความเย็นของอาการในพื้นที่ต่างๆ และในแต่ล่ะประเทศก็อาจจะให้หน่วยวัดอุณหภูมิที่แตกต่างกันไป มีอยู่หลักๆ สามแบบได้แก่หน่วย องศาเซลเซียส องศาฟาเรนไฮต์ และเคลวิน ว่าแต่เพื่อนๆ เคยสงสัยกันหรือไม่ว่าทำไมเราถึงเรียกชื่อหน่วยวัดอุณหภูมิแบบในปัจจุบัน และความแตกต่างของตัวเลขของหน่วยวัดอุณหภูมินั้นมันมาจากไหน? ฟาเรนไฮต์ หน่วยวัดอุณหภูมิอันนี้ถูกตั้งชื่อตามนักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน “กาเบรียล ฟาเรนไฮต์” โดยเป็นหน่วยวัดอุณหภูมิอันแรกที่มีการใช้อย่างแพร่หลาย โดยเชื่อกันว่า 0 องศาฟาเรนไฮต์เป็นอุณหภูมิของน้ำที่ผสมกับเกลือ และน้ำแข็งในปริมาณเท่าๆ กัน แต่ในความเป็นจริงแล้วองศาฟาเรนไฮต์มีที่มามากกว่านั้น เพราะในอดีตฟาเรนไฮต์ได้พบกับนักดาราศาสตร์คนหนึ่งซึ่งมีชื่อว่าโรเมอร์ และได้ทราบว่าโรเมอร์เลือกที่จะตั้งอุณหภูมิที่น้ำเดือดบนเทอร์โมมิเตอร์ของเขาให้เป็นเลข 60 เพราะความเคยชินของหลักการคำนวณเวลา นั่นทำให้จุดเยือกแข็งของน้ำอยู่ที่ 7.5 องศานั่นเอง ต่อมากาเบรียล ฟาเรนไฮต์ได้นำระบบของโรเมอร์มาปรับใช้ ด้วยการปัดตัวเลขที่เป็นทศนิยมขึ้นก่อนจะคูณด้วย 4 จนทำให้ออกมาเป็นหน่วยวัดอุณหภูมิที่มีจุดเยือกแข็งอยู่ที่ 32 องศาอย่างในปัจจุบันนี่เอง เซลเซียส องศาเซลเซียสเป็นหน่วยวัดอุณหภูมิที่ตั้งตามชื่อของนาย แอนเดอร์ เซลเซียส นักดาราศาสตร์ชาวสวีเดนที่เสนอระบบที่ใกล้เคียงกับระบบนี้ในปี 1742 โดยระบบองศาเซลเซียสกำหนดให้จุดเยือกแข็งของน้ำอยู่ที่ 0 องศา และจุดเดือดอยู่ที่ 100 ซึ่งนับว่าง่ายกว่าระบบฟาเรนไฮต์มาก ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่องศาเซลเซียสจะกลายเป็นหน่วยวัดอุณหภูมิที่มีคนนิยมใช้งานกันมากที่สุดไป เคลวิน เคลวินเป็นหน่วยวัดอุณหภูมิที่แตกต่างกับหน่วยอื่นๆ อยู่มาก โดยเป็นการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่นักฟิสิกส์และวิศวกรชาวอังกฤษ “วิลเลียม ทอมสัน” มียศเป็นบารอนที่หนึ่งแห่ง เคลวิน…
-
5 ของเล่นโบราณที่ยังเหลือมาถึงปัจจุบัน เด็กในสมัยก่อนเขาเล่นอะไรเหมือนกับเราบ้างนะ?
เชื่อว่าหลายๆ คนยังคงจำของเล่นในสมัยเด็กของตัวเองได้ สำหรับเด็กๆ ในสมัยนี้อาจจะไม่พ้นมือถือ แต่ถ้าเป็นคนมีอายุหน่อยก็อาจจะเป็นทามาก็อตจิ หรือดิจิไวซ์เรื่อยไปยันหนังยางหรือไพ่ยูกิ แต่เพื่อนๆ เคยสงสัยกันไหมว่า ถ้าย้อนกลับไปอีกหลายๆ รุ่น เหล่าเด็กๆ เขาจะเล่นอะไรกัน? แล้วไอ้ของพวกนั้น ในปัจจุบันเรายังเล่นกันอยู่ไหม? ในวันนี้ #เหมียวศรัทธา จะพาเพื่อนๆ ไปชมของเล่นในยุคโบราณ ที่ได้รับการบันทึกไว้ว่านี่ล่ะ สิ่งที่คนในสมัยก่อนเขาเล่นกัน แถมยังเหลือมาถึงปัจจุบันด้วยนะ ห่วงฮูล่าฮูป นี่เป็นของเล่นที่อยู่คู่กับเด็กๆ มาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ โดยในสมัยนั้นเจ้าห่วงนี้จะทำจากก้านองุ่นแห้ง ส่วนเจ้าชื่อ “ฮูล่าฮูป” ที่เราคุ้นเคยกันนั้นมาจากลูกเรือชาวอังกฤษที่ไปเห็นท่าเต้นฮูล่าของชาวฮาวายที่คล้ายกับการหมุนห่วงด้วยเอว ลูกแก้ว ในประวัติศาสตร์นั้นลูกแก้วเป็นของเล่นที่คู่กับเด็กๆ มาอย่างช้านาน และมีการขุดพบลูกแก้วรุ่นแรกๆ ตั้งแต่เมื่อ 3000 ปีก่อนคริสตกาลเลยทีเดียว โดยลูกแก้วในสมัยก่อนมักทำจากของที่หาได้ในพื้นที่อย่างหิน หรือเม็ดพืช และมีกฎการเล่นที่แตกต่างกันไปในแต่ล่ะที่ ส่วนลูกแก้วใสๆ ที่เราเห็นกันในปัจจุบันเริ่มใช้กันแพร่หลายในปี 1902 นั่นเอง โยโย่ แม้เหมือนเป็นของในยุคใหม่ก็จริง แต่โยโย่กลับเป็นสิ่งที่มีอายุมากกว่าที่เราคิดมาก โยโย่โผล่ออกมาครั้งแรกในสมัยกรีกโบราณเมื่อ 500 ปีก่อนคริสตกาล โดยมักจะทำจากไม้ เหล็ก หรือดินเหนียว ส่วนโยโย่ที่หน้าตาและการใช้งานเหมือนกับในปัจจุบันนั้น สร้างขึ้นในปี 1929…
-
ขอเชิญพบ Caitlin เด็กเก้าขวบผู้แพ้แสงอาทิตย์ จนต้องใช้ชีวิตอย่างกับนักบินอวกาศ
เชื่อว่าคนที่เคยเป็นภูมิแพ้มาก่อนคงจะเข้าใจกันว่าอาการแพ้นั้นมันทรมานแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นหมา แมว หรือแม้แต่ฝุ่น หากโดนของที่แพ้เข้าไปคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ หากไม่แพ้แรงมากอาจจะแค่คันๆ แต่หากหนักเข้าอาจจะถึงขั้นที่ต้องเข้าโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว ดังนั้นของนึกดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากสิ่งที่เราแพ้นั้นดันเป็นสิ่งที่ลอยอยู่บนฟ้าทุกๆ วันอย่างดวงอาทิตย์ แถมยังแพ้หนักขนาดที่ว่าออกไปไหนไม่ได้เลยด้วย นั่นคือสิ่งที่ Caitlin McCabe เด็กสาววัย 9 ขวบจาก รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกาเป็น เธอเป็นผู้มีอาการโรคเซลล์ผิวหนังไวต่อแสงแดดผิดปกติหรือ Xeroderma Pigmentosum ซึ่งทำให้ผิวของเธอนั้นไม่สามารถรักษาเซลล์ผิวที่เสียไปจากแสง UV ได้เลย หากผิวของเธอโดนแสงอาทิตย์เพียงแค่ 90 วินาทีทั่วร่างกายของเธอจะมีแผลไหม้รุนแรง แถมแผลที่ว่ายังมีโอกาสที่จะกลายเป็นมะเร็งสูงกว่าคนทั่วไปถึง 10,000 เท่า ในตอนเด็กๆ Caitlin ได้รับแผลไหม้ขนาดใหญ่จากการโดนแดดเพียง 5 นาที ด้วยเหตุนี้เองเมื่อเด็กสาวจะออกไปข้างนอกเธอจึงจำเป็นต้องให้ชุดป้องกันแบบพิเศษ และทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 อยู่ตลอดเพื่อไม่ให้แสงแดดโดนร่างกายโดยเด็ดขาด Ann-Marie มารดาของเธอเล่าว่า “เธอต้องมีเครื่องป้องกันแสงสะท้อนจากทางเดิน ไม่อย่างนั้นเธอจะโดนลวกที่คาง และแม้แต่ในฤดูหนาวหากปล่อยเธอไว้ เธอก็จะถูกลวกจากแสงสะท้อนของหิมะเช่นกัน” จริงอยู่ที่ว่ามีผู้คนมากมายที่รู้สึกว่าการใส่ชุดเหมือนนักบินอวกาศมันเป็นเรื่องน่าสนุก และบางครั้งก็พูดกับ Caitlin ด้วยความอิจฉาว่าชุดเท่ดีนะ แต่ในความเป็นจริงแล้วการต้องใส่ชุดป้องกันอยู่ตลอดเวลานั้น มันไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุกเลยแม้แต่น้อย เพราะหากการใส่ชุดมีความผิดพลาดแม้เพียงนิดเดียว มันก็อาจจะทำไปสู่ความเจ็บปวดแสนสาหัสได้เลยนั่นเอง…
-
ปรสิต Toxoplasma gondii มาอีกแล้ว คราวนี้เปลี่ยน “ทาสแมว” ให้เป็นคนกล้าเสี่ยงมากขึ้น
สำหรับหลายๆ คนที่เลี้ยงแมว หรือติดตามข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงแมวกันมา อาจจะเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับปรสิตที่ชื่อ Toxoplasma gondii กันมาบ้าง เจ้าปรสิตตัวนี้แม้จะสืบพันธุ์ได้เฉพาะในร่างกายสัตว์ตระกูลแมว แต่ก็สามารถพบได้ในตัวสัตว์อื่นๆ เช่นหนูและมนุษย์ โดยเจ้าปรสิตชนิดนี้เมื่อหลายปีก่อนก็มีข่าวออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำให้คนที่เลี้ยงแมวมีรสนิยมทางเพศรุนแรงขึ้น หรืออาจจะทำให้มนุษย์ป่วยได้ แต่ล่าสุดนี้เองในงานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร “Proceedings of the Royal Society B” ได้ออกมาเปิดเผยว่าปรสิต Toxoplasma gondii นั้นจะทำให้ผู้ที่ติดเชื้อมีพฤติกรรมกล้าได้กล้าเสียมากขึ้นต่างหาก!! นี่เป็นผลการวิจัยที่มาจากผลวิเคราะห์น้ำลายของนักศึกษาชาวอเมริกา 1,300 คน ซึ่งได้ผลออกมาว่า ผู้มีปรสิต Toxoplasma gondii นั้นมีแนวโน้มจะเลือกเรียนในสายบริหารธุรกิจมากกว่าคนปกติถึง 1.4 เท่า รวมทั้งมีแนวโน้มที่จะลงเรียนด้านการบริหารและการลงทุนมากกว่าคนทั่วไปอีกถึง 1.7 เท่า ซึ่งทั้งสองสายวิชานี้เป็นสายวิชาที่ถูกมองว่ามีความเสี่ยงสูงจากทางสังคม นอกจากนี้จากข้อมูลของ 42 ประเทศทั่วโลก ยังมีการพบอีกว่า ประเทศที่มีการแพร่ของปรสิต Toxoplasma gondii สูงมักจะมีตัวเลขการลงทุนใหม่ๆ ที่สูงขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความกล้าได้กล้าเสียของผู้คนที่มีมากยิ่งขึ้น แม้ว่าตามปกติแล้วหากสัตว์จำพวกหนูติดปรสิต Toxoplasma gondii เจ้าปรสิตตัวนี้จะทำให้หนูมีความกล้ามากขึ้นจนไม่เกรงกลัวแมว จนหนูตัวดังกล่าวถูกแมวจับกิน เพื่อให้ปรสิตสามารถเข้าไปผสมพันธุ์ในตัวแมวได้ต่อไป แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการยืนยันว่าปรสิต Toxoplasma gondii…
-
กรกฎามรณะ!! 5 ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วโลก เพียงเดือนเดียวคนตายเป็นร้อย
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ถ้าหากใครที่ติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด ก็อาจจะทราบถึงเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นแทบจะทั่วทุกมุมโลก อย่างเช่นเหตุการณ์เขื่อนแตกที่ประเทศลาวเป็นต้น แต่เพื่อนๆ รู้สึกกันบ้างไหมว่า ช่วงเดือนกรกฎาคมที่กำลังจะผ่านพ้นไปนี้ ถ้าหากสังเกตดีๆ แล้วล่ะก็ข่าวภัยพิบัติทางธรรมชาตินั้นดูเหมือนจะมีความรุนแรง และเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งไม่น้อยเลยยกตัวอย่างเช่น 5 เหตุการณ์ต่อไปนี้… 1. เขื่อนแตกที่แขวงอัตตะปือ สปป.ลาว ผู้เสียชีวิตล่าสุด: 27 ราย, สูญหาย 131 ราย เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่สร้างความเศร้าสลดให้พวกเราหลายๆ คนไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นใกล้ๆ กับบ้านเรา โดยต้นตอของเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นจากเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย เขื่อนไฟฟ้าพลังงานน้ำที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เกิดพังทลายลงมา อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้นายคำมะนี อินทิรัด รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ของ สปป.ลาว ได้กล่าวระหว่างการแถลงข่าวว่าต้นเหตุครั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากปริมาณน้ำฝนที่ตกหนัก และdkiก่อสร้างเขื่อนดินย่อยกั้นช่องเขาที่ต่ำกว่ามาตรฐาน 2. ภูเขาไฟระเบิดที่ฮาวาย สหรัฐอเมริกา ผู้บาดเจ็บ: 23 ราย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา สื่อต่างประเทศได้รายงานว่าเกิดเหตุสะเก็ดลาวาจากภูเขาไฟคีลาเวอาที่กำลังปะทุ ตกใส่หลังคาเรือของนักท่องเที่ยว มีผู้โดยสารรายหนึ่งบาดเจ็บจากอาการขาหัก และหลายคนได้รับบาดเจ็บจากแผลไฟไหม้ 3. ไฟไหม้ป่า ที่ประเทศกรีซ ยอดผู้เสียชีวิตอย่างน้อย: 83 ราย…
-
พาชม Mangyongdae โรงเรียนของชนชั้นนำแห่งเกาหลีเหนือ ซ้อมขับรถถัง-ซ้อมยิงปืน มีให้ครบ!!
มีเพียงไม่กี่โรงเรียนในโลกที่จะมีอุปกรณ์สื่อการเรียนการสอนทางด้านรถถังและเครื่องบินขับไล่ ไหนจะมาพร้อมกับเครื่องยิงระเบิด และโรงเรียน Mangyongdae Revolutionary School ก็เป็นเพียงโรงเรียนแห่งเดียวที่มีของที่กล่าวมาทั้งหมด โรงเรียน Mangyongdae แห่งนี้ก่อตั้งโดย คิม อิล-ซ็อง อดีตผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ผู้มีศักดิ์เป็นบิดาของ คิม จ็อง‑อิล และปู่ของ คิม จ็อง‑อึน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การศึกษาแก่เด็กกำพร้าผู้สูญเสียครอบครัวจากการต่อสู้ยึดครองอาณานิคมจากญี่ปุ่น จนกระทั่งพัฒนากลายมาเป็นโรงเรียนอันดับต้นๆ ของเกาหลีเหนือ และเป็นหนึ่งในสถาบันที่รวบรวมประชากรระดับสูงของประเทศเอาไว้ ภายในห้องเรียนจะประกอบไปด้วยอาวุธปืนขนาดเล็ก บางห้องจะมีรถถังพร้อมจำลองตีนตะขาบให้ขับ ซึ่งวิชาหลักที่จะต้องเรียนในหลักสูตรคือ ‘การยิงปืน’ โดยจะมีห้องซ้อมแยกออกมาโดยเฉพาะ การฝึกขับรถถังผ่านเครื่องจำลอง สำหรับนักเรียนชายที่เข้ามานั้น จะต้องผ่านการโกนหัวทั้งหมด ปรับทรงผมให้เป็นในรูปแบบทหารพร้อมทั้งรับเครื่องแบบที่ออกแบบโดย คัง พัน-ซ็อก ภรรยาของคิม อิล-ซ็อง เป็นชุดที่มีลักษณะไม่แตกต่างไปจากชุดทหาร และจะมีแถบเส้นสีแดงบนกางเกงเพื่อสื่อถึงสัญลักษณ์แห่งการปฏิวัติ ห้องซ้อมยิงปืน ในแต่ละวันจะมีการเรียนการสอน 6 คลาส แบ่งเป็นคลาสละ 45 นาที โดยครึ่งหนึ่งของหลักสูตรจะเป็นเรื่องของการเมือง คตินิยม…
-
นักวิทย์ฯ ฟื้นคืนชีพ ‘หนอนตัวกลม’ ที่ถูกแช่แข็ง 40,000 ปี กลับมามีชีวิตอีกครั้ง!!
ว่ากันว่าหากสิ่งมีชีวิต ‘ถูกแช่แข็ง’ เอาไว้ จะทำให้มีชีวิตยืนยาวได้เป็นร้อยๆ หรือพันๆ ปี!? ดังที่เรามักจะเห็นกันในหนังแนวไซไฟ หรือแนววิทยาศาสตร์ที่มีตัวร้ายถูกแช่แข็งเอาไว้ พอเอามาละลายก็ทำให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่านักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองและสามารถทำให้หนอนที่ถูกแช่แข็งมาตั้งแต่ยุคแมมมอธ ให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง!! จากรายงานล่าสุดของเว็บไซต์ Dailymail ทำให้ทราบว่าตอนนี้นักวิทยาศาสตร์สามารถทำให้หนอนที่ถูกแช่แข็งมาตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง หรือราวๆ 42,000 ปีก่อน ให้มันสามารถกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง เจ้าหนอนชนิดนี้มีชื่อว่า ‘หนอนตัวกลม’ (Nematodes) ที่ถูกแช่แข็งและหยุดเวลาชีวิตเอาไว้ในยุคน้ำแข็ง Pleistocene หรือยุคที่แมมมอธขนยาวยังมีชีวิตอยู่ การทดลองนี้ทำขึ้นที่ห้องแล็บของสถาบัน Physico-Chemical and Biological Problems of Soil Science ณ กรุงมอสโกประเทศรัสเซีย ทีมนักวิจัยได้ร่วมมือกันกับนักธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัย Princeton University จากรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ลงมือชุบชีวิตเหล่าหนอนที่เก็บตัวอย่างมาได้มากกว่า 300 ตัว แต่สุดท้ายแล้วมีเพียง 2 ตัวเท่านั้นที่ฟื้นคืนชีพกลับมาได้ เจ้าหนอนเหล่านี้ถูกเจ้าหน้าที่ธรณีวิทยาเก็บสะสมมาเป็นระยะเวลายาวนาน และตัวที่ฟื้นขึ้นมาก็เก็บได้จากแม่น้ำ Alazeya เมื่อปี 2015 จากการตรวจสอบคาดว่าพวกมันอาจมีชีวิตมานานกว่า 41,700 ปี…
-
ไขข้อสงสัยเพลง ‘Happy Birthday’ ที่เราร้องกันมีที่มาที่ไปยังไงแล้วใครเป็นคนแต่งกันนะ??
‘Happy Birthday to You’ ประโยคสุดคลาสสิคนี้อาจจะเป็นอะไรที่ใครๆ ต่างก็คุ้นหูกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นเพลงที่ได้ยินมาตั้งแต่สมัยเท้าเท่าฝาหอย แต่เคยสงสัยกันบ้างไหมว่าเจ้าเพลงที่ใครๆ ก็ร้องได้เพลงนี้ มันที่มาที่ไปอย่างไร หรือใครเป็นคนแต่งกันนะ?? ถ้าหากยังไม่รู้ล่ะก็ในวันนี้ #เหมียวจิวยี่ จะพาเพื่อนๆ ไปขุดค้นถึงประวัติของเพลงนี้กันให้รู้ไปเลยว่ามันเป็นยังไง และมาจากไหนกันแน่นะถึงได้แพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างนี้!! โดยในตอนแรกนั้นเพลงที่ว่านี้ได้ถือกำเนิดขึ้นจากความที่พี่น้องสองสาว แพตตี ฮิลและมิลเดร็ด เจ. ฮิล อยากจะแต่งเพลงเอาไว้ทักทายนักเรียนที่ทั้งคู่สอนอยู่ในปี 1893 แน่นอนว่ามีอาชีพของพวกเธอก็คือคุณครู โดยทั้งคู่ได้ทำหน้าที่อยู่โรงเรียน Louisville Experimental Kindergarten School ในรัฐเคนตักกี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้ช่วยกันประพันธ์เพลงนี้ด้วยกัน โดยมิลเดร็ด เป็นคนแต่งทำนอง ส่วนแพตตีเป็นคนแต่งเนื้อร้อง เพลง Happy Birthday ฉบับดั้งเดิม และรู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วเนื้อเพลง Happy Birthday ที่เราร้องกันอย่างสุขสันต์นี้ ไม่ได้มีเนื้อร้องอย่างนี้ตั้งแต่แรก!! ก็อย่างที่บอกไปว่าผู้แต่งสองสาวนี้อยากจะทำเพลงขึ้นมาเพื่อทักทายกับเด็กๆ ในยามพบหน้ากัน พวกเขาจึงได้แต่งเพลงที่มีชื่อว่า “Good Morning to All” ซึ่งมีเนื้อเพลงดังนี้ “Good morning to you…
-
10 ความเชื่อพื้นบ้านจากรอบโลก ตามตำนาน ‘พระจันทร์สีเลือด’ บ่งบอกถึงลางร้าย
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) เชิญชวนคนไทยชมปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงยาวนานที่สุดในรอบ 100 ปี ตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ 27 กรกฎาคม ถึงเช้ามืดวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 (วันนี้-พรุ่งนี้) ทางสดร. ระบุว่าปรากฏการณ์จันทรุปราคาที่เกิดขึ้นนี้ จะเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปีนี้ ซึ่งจะกินเวลานานถึง 1 ชั่วโมง 43 นาที ถือเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดในศตวรรษที่ 21 เลยก็ว่าได้ อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์จันทรุปราคาพระจันทร์สีเลือดในอดีต มักจะถูกเชื่อมโยงกับความเชื่อพื้นฐานทางด้านดวงชะตา-ไสยศาสตร์ ตามตำนานพื้นบ้านในแต่ละท้องถิ่น และทั้ง 10 ความเชื่อจากรอบโลกจะไปในทิศทางไหนได้บ้าง มาดูกัน ชนเผ่าอินคา (ที่มา) ชาวอินคาเชื่อว่าพระจันทร์สีเลือด เป็นผลพวงมาจากปิศาจเสือจากัวร์ผู้ชั่วร้าย ได้ทำการจู่โจมและกลืนกินพระจันทร์เข้าไป ส่งผลทำให้พวกเขาเชื่อว่าปิศาจจากัวร์จะลามมาสู่โลก ชาวอินคาจึงร่วมใจกันตะโกนคำรามและโบกหอกไปมา หวังเพื่อขู่ให้ปิศาจตนนี้เกรงกลัวจนหนีไป ชนเผ่าฮูปา (ที่มา) ชนเผ่าผู้ตั้งรกรากทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย เชื่อว่าพระจันทร์มีบริวารนางสนมถึง 20 นางพร้อมกับสัตว์เลี้ยงอีกนานาชนิด…
-
ผลวิจัยเยอรมนีชี้ คนเราจะสามารถโกหกในภาษาต่างประเทศ ได้เนียนกว่าภาษาแม่
ว่ากันตามตรงแล้ว การโกหกแท้จริงแล้วทำได้ยากกว่าที่คิดมาก เพราะนอกจากที่จะต้องปั้นเรื่องให้น่าเชื่อถือแล้ว ยังต้องคอยระวังไม่ให้อีกฝ่ายสงสัยในคำโกหกที่พูดออกไปอีก เอาเข้าจริงๆ จะบอกว่ามันทำได้ลำบากกว่าการพูดความจริงมากๆ ก็ไม่ผิดนัก ดังนั้นถ้ามีคนมาบอกให้คุณโกหกเป็นภาษาต่างประเทศมันก็ไม่แปลกเลยที่คุณจะคิดว่าการโกหกมันต้องทำได้ยากขึ้นแน่ๆ เพราะแค่โกหกให้เนียนมันก็ยากพอแล้ว นี่ยังจะต้องมาแปลภาษาอีก ใครมันจะไปทำไหวใช่ไหมล่ะ แต่เชื่อไหมล่ะว่าการโกหกเป็นภาษาต่างประเทศนั้นง่ายดายกว่าที่เราคิด เพราะผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยวูร์ซบวร์ก ในประเทศเยอรมนี ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Experimental Psychology บอกว่า คนเราจะโกหกได้ดีขึ้นหากพูดโกหกเป็นภาษาต่างประเทศ การทดลองนี้จัดทำขึ้นโดยมีผู้เข้าร่วม 50 คน ซึ่งแต่ละคนจะต้องตอบคำถามที่กำหนดให้ ในรูปแบบความเป็นจริง และด้วยการโกหก ซึ่งการตอบคำถามจะแบ่งเป็นสองรอบ ได้แก่รอบภาษาแม่ และภาษาต่างประเทศ หลังจากนั้นข้อมูลที่ได้มาจะถูกนำไปเปรียบเทียบเกี่ยวกับความว่องไวในการตอบคำถาม อัตราการเต้นของหัวใจ รวมทั้งปฏิกิริยาการนำไฟฟ้าที่ผิวหนัง ผลการทดลองพบว่าการตอบคำถามในภาษาต่างประเทศนั้นกินเวลามากกว่าภาษาแม่มาก แต่การโกหก และพูดความจริงในภาษาต่างประเทศกลับใช้เวลาใกล้เคียงกันมาก ทั้งที่ตามปกติแล้ว การพูดโกหกมักกินเวลานานกว่าการพูดความจริง ผลการทดลองนี้ชี้ให้เห็นว่าจับการโกหกในภาษาต่างประเทศจะทำได้ยากกว่าในภาษาแม่ เนื่องจากไม่สามารถจับการโกหกด้วยเวลาที่ใช้ในการพูดได้ โดยทางทีมวิจัยได้อธิบายผลการทดลองที่ออกมาว่า คนเรามักไม่รู้สึกผูกพันกับภาษาต่างประเทศ ทำให้สมองมีภาระในการพูดโกหกน้อยลง และสามารถพูดโกหกออกมาได้เร็วขึ้น นี่อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับผลการวิจัยก่อนๆ ที่บอกว่าคนส่วนมากมักจะเชื่อคำพูดที่พูดด้วยภาษาแม่ของตนมากกว่าภาษาต่างประเทศก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ต้องติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติบ่อยๆ ข้อมูลนี้อาจจะมีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจทางธุรกิจ เพราะนี่หมายความว่าในการติดต่อธุระกันด้วยภาษาต่างประเทศนั้น อาจจะนำไปสู่ปัญหาความน่าเชื่อถือก็เป็นได้ ที่มา bbc, languagemagazine, psycnet
-
สรุปเข้าใจง่ายๆ 7 ข้อ เกิดอะไรขึ้นเมื่อหุ้น FACEBOOK ตกลงเกือบ 20% หรือคือสัญญาณล้มเหลว??
ข่าวใหญ่ที่สุดของแวดวงธุรกิจในสหรัฐอเมริกา คือการปรับตัวลดลงของหุ้นบริษัทโซเชียลเน็ตเวิร์กชื่อดัง Facebook ที่หลังจากเปิดซื้อขายในเช้าวันพฤหัสบดี (ตามเวลาท้องถิ่น) ปรับตัวลดลงไปเกือบ 20% เลยทีเดียว หลายสำนักวิเคราะห์รีบนำเสนอข้อมูลต่างๆ คาดการณ์ไปต่างๆ นานา ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ยังไม่ฟันธงว่าเกิดจากอะไรกันแน่ เราจะขอสรุปข้อมูลมาเพื่อให้ทางผู้อ่านได้เข้าใจง่ายๆ ครับ 1. มูลค่าบริษัทลดลงกว่า 3.8 ล้านล้านบาท การปรับตัวลงอย่างหนักครั้งนี้ ทำให้มูลค่าของ Facebook ลดลงในวันเดียวถึง 1.19 แสนล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 3.8 ล้านล้านบาท นับเป็นการปรับตัวลดลงที่มากที่สุดตั้งแต่บริษัทนี้เข้าทำการซื้อขายในตลาดหุ้นมาอีกด้วย 2. ทั้งที่เพิ่งประกาศว่ามีกำไรเพิ่มมากขึ้นเนี่ยนะ!? Facebook ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 เทียบกับปีที่แล้ว ทำกำไรได้เพิ่มขึ้นกว่า 30% และมีคนใช้งานมากขึ้นทุกวัน รวมในทุกแพลตฟอร์มที่พวกเขามีประมาณ 5,000 ล้านบัญชีผู้ใช้เข้าไปแล้ว 3. การเติบโตที่ลดลง!? อย่างที่บอกให้ข้อที่แล้วว่า แม้จะมีผู้ใช้งานสูงถึง 5,000 ล้านบัญชี ในแพลตฟอร์มหลักทั้ง Facebook, Messenger, Instagram, Whatsapp…
-
ชีวิตของ Adam Rainer ชายผู้เกิดมาด้วยภาวะแคระ และเสียชีวิตด้วยภาวะยักษ์
คาดว่าจะเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไป เมื่อชีวิตของคนเราประสบกับภาวะความผิดปกติทางร่างกาย เมื่อเกิดมาแคระก็จะแคระจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต แต่สำหรับชายคนนี้เขากลับมีร่างกายที่ขยายใหญ่เกินขีดจำกัดของตัวเอง ในปี 1899 ชายผู้มีชื่อว่า Adam Rainer ได้กำเนิดขึ้นมาในประเทศออสเตรีย จากพ่อแม่ผู้มีความปกติทางร่างกาย แต่ตัวเขานั้นกลับประสบกับภาวะแคระแกร็น Adam Rainer ในวัยเด็ก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น Adam อยากจะเข้าร่วมรบกับทางกองทัพ แต่กลับถูกปฏิเสธเนื่องจากความสูงเพียง 137 เซนติเมตรของเขา ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มอ่อนแอและเตี้ยกว่าเกณฑ์ จนหนึ่งปีให้หลังเขากลับมาสมัครอีกครั้งและถูกปฏิเสธอีกรอบจากเหตุผลด้านความสูง แม้จะมีความสูงเพิ่มมา 5 เซนติเมตรก็ตาม ช่วงอายุ 19 ปี กับความสูง 142 เซนติเมตร เขาก็ยังคงถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มแคระเพราะมาตรฐานความสูงนั้นอยู่ที่ 147 เซนติเมตร แม้ว่า Adam จะขาดคุณสมบัติทางด้านความสูง แต่รายงานด้านสุขภาพในช่วงนั้นเริ่มสังเกตความผิดปกติในร่างกายของเขา เนื่องจากพัฒนาการเท้าและมือนั้นไม่สัมพันธ์กับความสูงเลย เขาสวมใส่รองเท้าเบอร์ EU 43 ตอนไปสมัครทหารครั้งแรก 3 ปีผ่านไป เขาต้องใส่รองเท้าเบอร์ EU 53…
-
หญิงสาวทดลองใช้เวลา 1 สัปดาห์เพื่อทานอาหารมังสวิรัติตาม Ariana Grande
Ariana Grande นักร้องซูเปอร์สตาร์สาวชาวอเมริกัน เจ้าของเพลงสุดฮิตอย่าง Side to Side และ No tear left to cry เป็นอีกหนึ่งนักร้องสาวที่โด่งดังมากๆ จนมีแฟนคลับทั่วโลก ด้วยความสวยและความเก่ง รวมถึงตัวตนที่เธอเป็นอยู่มันดูน่าสนใจและน่าหลงใหลมากๆ ทำให้หลายๆ คนยึดถือเธอให้เป็นไอดอลในการใช้ชีวิตในด้านต่างๆ เช่นเดียวกับ Marilyn La Jeunness ที่อยากจะลองทานอาหารตามฉบับ Ariana สักครั้งหนึ่ง เธอรู้มาว่า Ariana ทานแต่อาหารมังสวิรัติ เธอได้ทำการทดลองทานอาหารมังสวิรัติบ้างสักอาทิตย์หนึ่ง และนี่คือสิ่งที่เธอทานในแต่ละวัน ถึงแม้จะไม่ตรงตามสูตรของนักร้องสาวเป๊ะๆ ก็ตาม วันที่ 1 เธอไปชอปปิงที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อเตรียมอาหารที่จะทานใน 1 สัปดาห์ อาหารเช้าของเธอเป็นธัญญาพืชแอปเปิ้ลซินนามอนแบบปราศจากกลูเตนกับอาหารว่างเป็นบลูเบอรี่แช่แข็ง . วันที่ 2 เธอตั้งใจจะทานอาหารมังสวิรัติให้ครบ 3 มื้อ เมนูเด็ดวันนี้คือโจ๊กข้าวโอ๊ต เสริมท็อปปิ้งด้วยกล้วยหั่นบางๆ แถมสตรอว์เบอร์รี่และบลูเบอร์รี่ด้วย มื้อกลางวันเป็นเบอร์ริโตมังสวิรัติ เครื่องดื่มคือลาเต้นมถั่วเหลืองแบบไม่ใส่น้ำตาล ส่วนอาหารมื้อเย็นเป็น Tortillas…
-
อ่าวเฮ้ย… ภาพลวงตาหลากสีสัน Munker Illusion แต่บอกใบ้ให้รู้นะว่ามันมีแค่สีเดียว!!
หนึ่งในเรื่องที่โลกอินเทอร์เน็ตมักจะหยิบมาถกเถียงกันได้ตลอด นั่นก็คือการนำภาพลวงตาสักชุดหนึ่งมาวางกลางวง แล้วถกเถียงกันว่า มองเห็นในสิ่งเดียวกันหรือใหม่ และเมื่อไม่นานมานี้ก็โผล่ภาพลวงตา Munker’s illusion ที่เผยให้เห็นว่าวงกลมภายใต้เส้นสีต่างๆ ที่พาดผ่านนั้น มีสีที่แตกต่างกัน แต่รู้หรือไม่ว่ามันมีเพียงแค่สีเดียวนั่นก็คือสีเนื้ออ่อนๆ (RGB 250, 219, 172) ภาพดังกล่าวชื่อว่า Confetti โดยอาจารย์วิศวกรรม David Novick จาก University of Texas El Paso A new Munker illusion, which I call confetti. All the dots in the background are the same color (RGB 250, 219, 172) but are perceived as four…
-
5 ยอดวีรบุรุษนักรบในตำนานเรื่องเล่า ต้นแบบนักรบที่เราพบในเกม การ์ตูน หรือภาพยนตร์
มนุษย์เรานั้นอยู่คู่กับเรื่องเล่าและตำนาน ไม่ว่ายุคไหนๆ คนเราก็จะมีตำนานอยู่เสมอ ทั้งตำนานของความรัก ภูตผีปีศาจ และที่ขาดไม่ได้เลย “วีรบุรุษนักรบ” ดังนั้นในวันนี้ #เหมียวศรัทธา จึงได้นำสุดยอดวีรบุรุษนักรบในเรื่องเล่าและตำนานทั้ง 5 มาให้เพื่อนได้รู้จักกัน เพราะพวกเขานี่เอง ที่เป็นต้นแบบของนักรบมากมายหลากหลาย ที่เพื่อนๆ พบในเกม การ์ตูน หรือภาพยนตร์ เบวูล์ฟ มหาวีรบุรุษแห่งสแกนดิเนเวีย เคยได้ยินตำนานที่ว่าผู้กล้าไปปราบมังกรแล้วได้เจ้าหญิงมาเป็นรางวัลไหม? จะบอกว่าเบวูล์ฟเป็นเรื่องจำพวกนั้นเรื่องแรกๆ เลย เนื้อเรื่องคร่าวๆ ของเรื่องนี้คือเกรนเดลบุกมาที่อาณาจักรแห่งหนึ่ง ราชาจึงเรียกเบวูล์ฟนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดที่หาได้ไปปราบ ซึ่งเขาก็ทำได้สำเร็จก่อนที่จะได้ครองเมืองเป็นรางวัล ต่อมามีมังกรมาบุกเมือง เบวูล์ฟจึงออกไปต่อสู้อีกครั้ง เขาฆ่ามังกรได้ก็จริง แต่ก็ต้องตายเพราะบาดแผลจากการต่อสู้ เรียกได้ว่าเป็นฮีโร่ตั้งแต่ต้นจนจบชีวิตก็ไม่ผิดนัก กรรณะ จากมหาภารตะ กรรณะเป็นบุตรชายของเทพแห่งดวงอาทิตย์ ผู้ถูกมารดาทอดทิ้งและกลายเป็นนักรบ เขาออกรบเพื่อรวบรวมโลกทั้งใบให้เป็นปึกแผ่นเดียวกัน และได้ชื่อว่าเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในสมัยนั้น อย่างไรก็ตามในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเขา กรรณะได้ถูกสังหารโดยอรชุนที่เป็นน้องตนเองในระหว่างที่ล้อรถม้าติดหล่ม ปิดตำนานของยอดนักรบผู้มีคุณธรรมลงเพียงเท่านั้น เดร์มุด โอ เดน่า ยอดนักรบชาวไอริช เดร์มุดมีฉายาว่า “เดร์มุดผู้มีไฝมหาเสน่ห์” จากการที่เขาได้รับพรให้สตรีทุกคนที่เห็นไฝของเขาจะต้องหลงรักเขาหมดใจ เขามีชื่อเสียงในฐานะนักรบที่เก่งกาจและสหายสงครามที่ดีของเพื่อนทหาร นอกจากนี้เขายังแกร่งพอที่จะสามารถสังหารทหารกว่า 3,400 นายได้ด้วยตัวคนเดียวเลยด้วย ซิเกิร์ด…
-
สำรวจตัวเอง “Hoarding Disorder” โรคขี้เสียดาย ทิ้งของไม่ได้ สะสมจนเป็นภัยต่อตัวเอง…
เมื่อคนเรามีความชื่นชอบในบางสิ่งบางอย่าง สิ่งของที่มีมูลค่าราคาแพงทั้งทางด้านการเงินและจิตใจ ก็มักจะมีการเก็บสะสมเอาไว้เชยชมเป็นธรรมดาทั่วไป ใครๆ เขาก็ทำกัน สิ่งของธรรมดาๆ ก็เช่นเดียวกันที่มักจะมีคนเก็บสะสมไว้ แต่เมื่อมีจำนวนมากในระดับหนึ่ง บางคนก็ต้องมีการโล๊ะบางส่วนออกไป ส่วนบางคนอาจจะเก็บเพิ่มต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นล้นจนแทบไม่มีทางเดินในบ้านกันเลยทีเดียว อาการเก็บสะสมของแบบไม่ยอมโละทิ้งก็คือ Hoarding Disorder ที่มักจะเห็นประจำกันผ่านโทรทัศน์อยู่บ่อยๆ ยังถือว่าเป็นโรคทางจิตเวชชนิดใหม่ในประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ยังไม่มีชื่อเรียกภาษาไทยอย่างเป็นทางการแต่ด้วยลักษณะของโรคมักจะเรียกว่า “โรคเก็บสะสมของ โรคทิ้งไม่ลง โรคทิ้งไม่เป็น” ฯลฯ จากผลการศึกษาในต่างประเทศ โรคเก็บสะสมของนี้จะพบในบุคคลทั่วไปประมาณ 2-5% และบุคคลที่ประสบกับโรคนี้ส่วนใหญ่มักจะเป็นโสด (แน่นอนว่าลักษณะนิสัยแบบนี้จะเข้าใจได้ว่าทำไมถึงโสด) อาการของโรค การเก็บสิ่งของเป็นจำนวนมากจนหาที่เก็บไม่ได้ ล้นออกมาถึงทางเดินภายในบ้าน รู้สึกตัดสินใจยากที่จะเลือกทิ้งของที่เก็บมา คือสัญญาณแรกของและเป็นอาการเบื้องต้นของโรค จะเริ่มเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่ต้นๆ ยิ่งอายุมากขึ้น บุคคลที่เป็นโรคนี้จะเริ่มเก็บของที่ไม่จำเป็นต่อชีวิต เอามาวางกองไว้ในบ้านมากขึ้น เพราะมักคิดว่าเดี๋ยวต้องได้ใช้ เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยกลางคนอาการของโรคก็ยิ่งหนักจนยากแก่การรักษาให้หายได้ ปัญหาทางจิตดังกล่าวจะเรื้อรังจนกลายเป็นนิสัย สัญญาที่บ่งบอกว่าเป็นโรค – เก็บสิ่งของที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตเอามาไว้ในบ้าน หรือเก็บสิ่งของมาเพิ่มทั้งๆ ที่ไม่มีที่เก็บ – ตัดสินใจลำบากที่จะทิ้งของที่เก็บ ไม่ว่าจะมีค่าหรือไม่ก็ตาม – มีความรู้สึกอยากเก็บของเหล่านี้เอาไว้ตลอด…
-
เพจเกี่ยวกับครู แชร์ภาพเลขอารบิก 0 – 9 นับตามมุม ถูกสวนกลับยับ ‘มั่วและไม่ควรแชร์’
เรื่องไวรัลที่มีผู้คนแชร์กันเป็นกระแสอยู่พักหนึ่ง อย่างภาพที่มาของตัวเลขอารบิก ซึ่งตัวเลขแต่ละตัวจะนับตามจำนวนมุมตั้งแต่เลข 0 – 9 ซึ่งหลายคนก็หลงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง คนทั่วไปก็ยังรู้สึกคลุมเครือว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง มีการถกเถียงเกิดขึ้นทั้งฝั่งคนที่เชื่อและไม่เชื่อเถียงกันไม่จบไม่สิ้น จนกระแสซาไปได้สักพักหนึ่งก็กลับมาอีกครั้งและเป็นเพจที่เกี่ยวกับครูเป็นฝ่ายโพสต์ภาพดังกล่าว เพจดังกล่าวโพสต์ภาพพร้อมใจความว่า ‘เรียนมาจนจะแก่ตายอยู่แล้ว เพิ่งรู้ว่าเลขอารบิคเขานับจำนวนตามมุมของมัน’ และภาพที่มีก็เป็นเลข 1 – 0 และจำนวนมุมตามตัวเลข ด้านความคิดเห็นจากชาวเน็ตที่พบ ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นในทิศทางที่ไม่เห็นด้วยเยอะมากๆ แรกๆ พอจะเชื่อได้ว่ามีเหตุผล แต่เลขหลังๆ เริ่มพยายามเกินไป . จนต้องมาแย้งว่า เลขอารบิก ไม่ได้คิดตามจำนวนมุม แล้วความจริงของเลขอารบิกในปัจจุบันมากจากไหนล่ะ? จุดแรกเริ่มของตัวเลขอารบิกที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้รับอิทธิพลมาจากนักคณิตศาสตร์อินเดียในระหว่างช่วงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล และคริสต์ศตวรรษที่ 3 จากการพบหลักฐานในคัมภีร์ Bakhshali บันทึกทางคณิตศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของอินเดีย ตัวเลขโบราณชุดแรกเริ่ม ตัวเลขโบราณพรามมิ โดยภายในบันทึกดังกล่าวได้เขียนเชิงอธิบายตัวอย่างแรกของการใช้ตัวเลขในระบบ 0 – 9 จะเห็นได้ถึงความใกล้เคียงของการออกแบบตัวเลขโบราณพรามมิ และตัวเลขฮินดู-อารบิก…
-
14 ภาพการรักษาสุดแปลกในสมัยอดีตกาล ครั้นวิทยาการแพทย์ ยังไม่ก้าวหน้าเหมือนปัจจุบัน
ภาพถ่ายในอดีตช่วยให้เราเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ได้ เพราะที่ผ่านมานั้นกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ คนในยุคสมัยเก่าแก่จะต้องพบเจอกับอะไรมาบ้าง มีการลองผิดลองถูกหลายอย่างเพื่อให้ได้วิธีการที่ถูกต้องและดีที่สุด วิทยาการความก้าวหน้าทางการแพทย์ในอดีตคืออีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจ อย่างเช่นการใช้เครื่องเอกซเรย์ที่ปลอดภัย Dr. Maxime Menard นายแพทย์ชาวฝรั่งเศส ถึงกับต้องสละนิ้วตัวเอง เนื่องจากเทคโนโลยีรังสีเอกซ์ในสมัยนั้นทำให้เขาได้รับรังสีมากเกินไป การเอกซเรย์ในแผนกรังสีวิทยาของ Dr. Maxime Menard ณ โรงพยาบาล Cochin ประเทศฝรั่งเศส ทั้งนี้กลวิธีในการรักษาแปลกๆ เหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี บางวิธีอาจจะดูแปลกเกินไปหน่อยจนอาจจะเกินเลยทำให้ผู้ป่วยได้รับผลกระทบที่แย่มากกว่าเดิม เมื่อพบว่าไม่ก่อให้เกิดผลดีจึงต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ให้ดีขึ้น Gerald Blackburn เด็กหญิงผู้ป่วยภายในเต้นท์ให้ออกซิเจนของโรงพยาบาล Princess Beatrice Hospital กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ รถพยาบาลในอดีตของออสเตรีย ซ้อนผู้ป่วยเป็นชั้นอยู่ภายในห้องโดยสาร เครื่องนวดเอวของสหรัฐอเมริกาปี 1928 หนึ่งในกรรมวิธีคลอดให้เจ็บปวดน้อยที่สุดด้วยการสูดดมยาแก้ปวด ในปี 1939 การแช่แขนและเท้าในอ่างพร้อมกับปล่อยกระแสไฟฟ้า เพื่อช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ปี 1938 ‘ปอดเหล็ก’ ต้นกำเนิดของเครื่องช่วยหายใจในปัจจุบัน ใช้งานในปี 1938…
-
วัยรุ่นหนุ่มถึงกับงง ตื่นเช้ามา “บิดขี้เกียจ” ตามปกติ ไปๆ มาๆ “ปอดแตก” เกือบได้ไปหาบรรพบุรุษ!!
#เหมียวตะปู เป็นคนหนึ่งที่เวลาตื่นเช้าขึ้นมาอากาศแจ่มใส ก่อนจะไปอาบน้ำก็มักจะบิดขี้เกียจ ยืดเส้นยืดสายไปมาสักหน่อย แต่หลังจากนี้อาจไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว เพราะกลัวว่าจะเป็นเหมือนชายคนนี้ เด็กหนุ่มแซ่ Wu คนที่ว่านั้น ตื่นขึ้นมารับอากาศยามเช้าในวันที่ 16 กรกฎาคม 2018 แล้วเขาก็บิดขี้เกียจตามปกติอย่างที่เคยทำเป็นประจำ แต่ในวันนั้นกลับมีอาการเจ็บปวดขึ้นที่บริเวณหน้าอกอย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน การรายงานข่าว เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กหนุ่มคนนี้ อาการเจ็บนั้นเริ่มทำให้เขาหายใจติดๆ ขัดๆ รู้สึกเหมือนคันยิบๆ ที่ปอดทั้ง 2 ข้างจนเกิดเป็นอาการไอถี่ๆ ทำให้อาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไม่อาจทนความเจ็บที่เกิดขึ้นได้ เขาจึงรีบตรงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้ๆ ภายในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน และพอได้ทำการเอ็กซเรย์ ก็พบว่าเขามีอาการของ “ภาวะโพรงเยื่อหุ้มปอดมีอากาศ” หรือที่เรียกว่า โรคปอดแตก ภายในปอดของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยของเหลว เขาจึงถูกส่งตัวไปทำการผ่าตัดฉุกเฉินที่โรงพยาบาล Longgang Central โดยแพทย์สามารถนำเลือดปริมาณกว่า 1.5 ลิตรภายในนั้นออกมาได้สำเร็จ ช่วยชีวิตเด็กหนุ่มเอาไว้ได้ ขณะที่กำลังรักษาตัวอยู่ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลได้อธิบายให้เขาฟังว่าทำไมถึงมีอาการของโรคนี้ได้ แพทย์บอกว่าเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่มีร่างกายซูบผอมเหมือนอย่างเขา มีแนวโน้มที่จะเกิดอาการนี้ได้จากการทำกิจกรรมหลายๆ อย่าง อาทิเช่น การยืดเส้นยืดสาย ยกน้ำหนัก ปีนเขา หรือดำน้ำ…
-
รู้จักกับ “หลินชิ่วฮุย” ผู้คิดค้น “ชานมไข่มุก” คนแรกของโลก พวกเราจึงมีกินทุกวันนี้!!
ขึ้นชื่อว่า “ชานมไข่มุก” เชื่อว่าในยุคนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก มันเป็นเครื่องดื่มที่ฮิตของหลายๆ ประเทศทั่วโลก ด้วยมุกเม็ดเล็กพอดีคำ เหนียวนุ่ม เคี้ยวสนุก ของแบบนี้ใครกันจะไปทนไหว ว่าแต่เพื่อนๆ เคยสงสัยกันไหมว่าไอ้เจ้าชานมไข่มุกแสนอร่อยนี่มันเกิดขึ้นมายังไง วันนี้ #เหมียวศรัทธา ไขข้อข้องใจของทุกคนเอง ชานมไข่มุกเชื่อกันว่าเกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศไต้หวัน ด้วยชื่อ “Boba Tea” หรือ 波霸奶茶 ส่วนคนคิดค้นสูตรชานมไข่มุกเป็นคนแรกนั้น จากผลการโหวตของประชาชนในประเทศ ได้ผลออกมาเป็นคุณ “หลินชิ่วฮุย” แห่งร้านชา “ชุนสุ่ยถัง” นั่นเอง คุณหลินชิ่วฮุย แห่งร้านชาชุนสุ่ยถัง โดยจากคำบอกเล่าของคุณหลินชิ่วฮุย ชานมไข่มุกเกิดขึ้นจากการที่ในปี 1988 ที่ร้านชุนสุ่ยถังได้มีการประชุมหาไอเดียชาเย็นแบบใหม่ๆ มาขาย และคุณหลินชิ่วฮุย กำลังทำขนมแบบใหม่อยู่พอดี เจ๊แกก็เลยลองเทขนมที่ทำลงใส่ในชาเย็นเสียเลย เกิดเป็นชานมไข่มุกแบบที่เราคุ้นเคยกันนั่นเอง คุณหลินชิ่วฮุยเล่าว่า “ทุกคนในที่ประชุมชอบมันมาก และหลังจากวางขายมันก็ขายได้แซงชาแบบอื่นๆ ทั้งหมดในเวลาแค่สองเดือน และแม้ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นสิบๆ ปี ชานมไข่มุกก็ยังทำรายได้เป็น 80-90% ของยอดขายทั้งหมดอยู่ดี” และแม้ว่าในตอนนี้ชานมไข่มุกจะโด่งดังไปทั่วโลกแล้วก็ตาม แต่คุณหลินชิ่วฮุยก็ยังไม่หยุดที่จะพัฒนาและคิดค้นชารูปแบบใหม่ๆ อยู่เสมอๆ และเชื่อว่าสักวันหนึ่งเธออาจจะคิดค้นชานมไข่มุกแบบใหม่ขึ้นมาอีกก็เป็นได้ เพราะสำหรับเธอ…
-
ระวัง 9 วิธีคลายเครียดแบบผิดๆ อาจส่งผลกระทบทำให้ ‘เครียดหนักยิ่งกว่าเดิม’
หลังจากที่ผ่านพ้นวันอันแสนยากลำบากมาได้ คนเราจะต้องพักผ่อนสมองและร่างกาย เพื่อกำจัดความเครียดที่ส่งผลลบต่อสภาพจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง กิจกรรมอะไรก็ได้ที่เรียกได้ว่าเป็นการพักผ่อนหย่อนใจ แต่รู้หรือไม่ว่าวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปคิดว่าเป็นการพักผ่อน ช่วยลดความเครียดได้ อาจจะกลับกลายมาเป็นผลลัพธ์ในทางตรงกันข้าม ทำให้รู้สึกแย่และหนักยิ่งกว่าเดิม… การนั่งดูโทรทัศน์ วิธีการแรกที่ใครๆ อาจจะเลือกใช้ก็คือการนั่งพักผ่อนอยู่หน้าจอโทรทัศน์เพื่อเปิดชมรายการต่างๆ หรือนั่งเล่นเครื่องเล่นวิดีโอเกม นักวิจัยจากเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์พบว่าผู้คนที่เหนื่อยจากการทำงานมักจะรู้สึกผิด เนื่องจากจะก่อให้เกิดนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง และการเสพสื่อที่แพร่หลายจะกลายมาเป็นภาระและความเครียดมากกว่าการพักผ่อน การคิดย้ำๆ และซ้ำๆ การคิดถึงเรื่องประชุมอยู่ในหัว หรือจดรายการดีและแย่ที่ไม่มีวันจบ เหมือนจะเป็นการช่วยกระตุ้นความคิด แต่อาจจะนำไปสู่ลักษณะนิสัยการครุ่นคิดที่บีบบังคับตัวเอง ผู้คนส่วนใหญ่มักจะเชื่อว่าการคิดเยอะๆ จะทำให้มองเห็นวิธีแก้ไขปัญหา แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่แบบนั้น ถ้าหนีความเครียดในจิตใจไม่ได้ ให้เลือกออกกำลังกายหรือฟังเพลงเร้าจังหวะแทนจะดีกว่า (ที่มา) การเลิกใส่ใจ การเลิกสนใจบางอย่างที่ทำให้เราเครียดก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด เพราะการเลือกที่จะไม่คิดหรือไม่สนไม่ได้ทำให้ความเครียดหายไป เพราะเมื่อหนีปัญหา คุณจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไรอยู่ ถ้าหากเลือกจะเผชิญกับปัญหาที่ยากต่อการแก้ไข จะช่วยพัฒนาทักษะการวางแผนเพื่อหาทางที่ดีที่สุดได้มากกว่า หรือทำการปรึกษาและขอให้คนอื่นที่ไว้ใจช่วย (ที่มา) พูดคุยถกปัญหากับเพื่อน ผลวิจัยเผยว่าเมื่อผู้หญิงพูดคุยกับเพื่อนเรื่องปัญหาต่างๆ จะรู้สึกเหมือนมีหนามทิ่มระดับฮอร์โมนความเครียด เพราะจะเป็นการพูดคุยวิเคราะห์ในเชิงลึกแทบทุกมุม ทุกความย่ำแย่ที่ทำให้เกิดขึ้น และจะวนเป็นแบบนี้เรื่อยๆ แนะนำว่าควรพูดถึงแค่ครั้งเดียว และโฟกัสที่การหาทางออกที่ดีที่สุด (ที่มา)…
-
Vans Style 36 ‘Patchwork’ รองเท้ารุ่นใหม่ ในสไตล์ย้อนยุคที่น่าเป็นเจ้าของ
ข่าวดีสำหรับสาวกรองเท้า Vans และคนที่ชื่นชอบสนีกเกอร์ หลังจากที่เมื่อเร็วๆ นี้ Size? ร้านสนีกเกอร์ชื่อดังจากอังกฤษ ได้ปล่อยคอลเลคชั่นใหม่ที่เป็นการร่วมมือกันระหว่างทางร้านกับแบรนด์รองเท้าชื่อดัง โดยรองเท้าที่จะปล่อยออกมานั้นจะใช้ชื่อรุ่นว่า Vans Style 36 ‘Patchwork’ – size? Exclusive ซึ่งจะใช้โมเดลรุ่น Style 36 พร้อมออกแบบด้วยสีสันสวยงาม รองเท้ารุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสีสันของ Vans ในยุคแรกๆ ที่ทางโรงงานได้สร้างรองเท้าเปล่าๆ ขึ้นมาและให้ลูกค้าสามารถเลือกสีในส่วนต่างๆ ของรองเท้าได้ตามใจชอบ กลายเป็นรองเท้าที่สร้างเอกลักษณ์ให้ผู้สวมใส่อย่างมาในยุคนั้น สีสันของรองเท้ารุ่นใหม่ล่าสุดจากทางร้านสนีกเกอร์จากอังกฤษรายนี้ ก็ได้นำเอารูปแบบและสีที่บ่งบอกถึงยุคนั้นมาใช้ในการออกแบบรองเท้ารุ่นใหม่ของพวกเขา เรียกได้ว่าทำเอาเงินในกระเป๋าของเหล่าสาวกถึงกับสั่นกันเลยทีเดียว รองเท้ารุ่น Vans Style 36 ‘Patchwork’- size? Exclusive จะวางจำหน่ายเฉพาะทางหน้าร้าน Size? ที่ประเทศอังกฤษ และทางเว็บไซต์เท่านั้น โดยจะจำหน่ายพร้อมกันวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ สนนราคาคู่ละ 90 เหรียญ (ประมาณ 3,000 บาท) ซึ่งใครที่อยากเป็นเจ้าของล่ะก็ติดตามความเคลื่อนไหวที่หน้าเว็บไซต์ size.co.uk กันให้ดีล่ะ!! แต่ในระหว่างที่รอ เราไปเพิ่มความอยากกับมุมต่างๆ ของรองเท้าคู่นี้กันก่อนดีกว่า……
-
5 เกร็ดความรู้ที่น่าสนใจ เรื่องราวประหลาดๆ แต่ก็เกิดขึ้นจริงๆ แล้วบนโลกใบนี้
คนเรานั้นแสวงหาความรู้มาตั้งแต่ในสมัยก่อนแล้ว ด้วยความเชื่อที่ว่ายิ่งมีความรู้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งได้เปรียบเท่านั้น แต่ความรู้นั้นไม่ได้ใช้เพื่อให้ได้เปรียบคนอื่นเสมอไป เพราะบางครั้งคนเราก็หาความรู้เพียงเพราะสนใจในความรู้เหล่านั้นเฉยๆ เช่นกัน เพราะเวลาเราเห็นอะไรที่น่าสนใจ เราก็มักจะอยากรู้ความจริงเบื้องหลังเรื่องราวเหล่านั้นใช่ไหมล่ะ เหมือนกับเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจทั้ง 5 ข้อข้างล่างนี้ ที่จะมาทำให้คุณสงสัยว่า ของแบบนี้มันเคยเกิดขึ้นจริงๆ ดิ? ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นเคยทำการทิ้งระเบิดตัวหมัดใส่ประเทศจีน มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในปี 1940 โดยตัวหมัดที่ใช้ในการทิ้งระเบิดครั้งนี้เป็นพาหะของโรคกาฬโรค และทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างต่ำ 2,100 คน ฟาโรห์ตุตันคาเมน เป็นฟาโรห์เพียงองค์เดียวที่ถูกฝังโดยมีอวัยวะเพศแข็งตัว Salima Ikram ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยในอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์อียิปต์บอกว่า การกระทำเช่นนี้มาจากความพยายามที่จะให้ฟาโรห์มีลักษณะใกล้เคียงกับเทพโอซิริสที่สุด ดังนั้น ฟาโรห์ตุตันคาเมน (หรือตุตันคามุน) จึงถูกทำเป็นมัมมี่โดยทาผิวเป็นสีดำ ไม่มีหัวใจ และอวัยวะเพศชายแข็งตัว แผลเป็นบางประเภทนั้น ไม่มีเมลานิน เนื่องจากเซลล์ Melanocytes ที่ผลิตเมลานินถูกทำลายไป นั่นเป็นเหตุผลที่แผลเป็นแบบนี้มักจะมีสีต่างไปจากส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ซึ่งจะไม่เปลี่ยนเป็นสีแทนเหมือนผิวส่วนอื่นและยังไหม้แดดได้ง่ายอีกด้วย Armin Meiwes เคยลงโฆษณาในอินเตอร์เน็ตเพื่อหาคนที่จะยอมโดนเขาฆ่าและกิน ไม่น่าเชื่อที่มีชายคนหนึ่งติดต่อมาหาเขาจริงๆ โดยชายคนดังกล่าวมีชื่อว่า Bernd Brandes โดยหลังจากที่ฆ่าและกินนาย Brandes แล้ว Meiwes ก็ถูกจับเข้าคุกก่อนจะผันตัวไปทานมังสวิรัติ…
-
เมื่อรถกระบะ ต้องมาแข่งกับ Nissan GTR งานนี้บอกเลยความแรงไม่เกี่ยวกับรุ่น!!
“อย่าตัดสินหนังสือจากหน้าปก” กันมาบ้าง สำนวนที่ว่านี้มักจะแวบขึ้นมาเวลาที่คุณกำลังจะตัดสินบางอย่างที่อยู่ตรงหน้าคุณ โดยที่ไม่ได้รู้จักมันจริงๆ หรือเปิดดูด้านในของหนังสือเล่มนั้น อย่างที่เรารู้กันดีว่าความแรงของรถยนต์นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่รูปทรงภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีในส่วนของเครื่องยนต์อีกด้วย ที่เป็นส่วนสำคัญทำให้รถคันนั้นพุ่งทะยานได้เหมือนกับรถแม็กนั่มของเซบะ โกเลยก็ว่าได้… คลิปวิดีโอจากช่อง That Racing Channel ได้ทำลายภาพความแรงของรถยนต์ที่มีอยู่ในหัวของหลายๆ คน หลังจากที่พวกเขาได้แสดงให้เห็นว่า รถกระบะบ้านๆ ธรรมดานั้นก็แรงไม่แพงรถสปอร์ตเหมือนกันนะ แถมเผลอๆ ยังแรงว่ารถบางรุ่นอีก!! “นี่คือรถกระบะที่จะทำให้คุณประหลาดใจ มันคือรถที่สามารถต่อกรกับ McLaren 720s, Nissan GTR E85 และ Nissab 300 ZX ที่แปลงเครื่องเป็น 2JZ มา” ข้อความจากโพสต์ของวิดีโอดังกล่าว ในการประลองความเร็วครั้งนี้ รถกระบะบ้านๆ ของเรานั้นมาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ 2JZ ที่ทำการปรับแต่ง เสริมแรงม้าและเพิ่มเทอร์โบมาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในยกแรกนั้นเป็นการพบกันระหว่างกระบะพระเอกของเรากับ Nissan GTR E85 และผลปรากฏว่า งานนี้ทำเอารถสปอร์ตจากญี่ปุ่นของเราถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว . ไม่ใช่ชนะแบบฉิวเฉียด แต่ห่างเกือบ 2 ช่วงคัน!! …
-
10 คำตอบจากใจจริงของเด็ก โจทย์ถามมาแบบไหนก็ตอบแบบนั้น พยายามแล้วนะ!!
ความคิดความอ่านของเด็ก เค้าว่ากันว่าคือความคิดที่ออกมาจากใจจริง ไม่มีสิ่งใดเจือปน เป็นความคิดอันบริสุทธิ์ผุดผ่องดั่งผ้าขาวที่ยังไม่เปื้อนดิน ทำให้เราได้รู้ได้ว่าในบางจังหวะชีวิตที่เราโตขึ้น เรามักจะคิดอะไรมากเกินไป ทั้งที่ความจริงแล้วมันก็ไม่น่าจะซับซ้อนอะไรขนาดนั้น อย่างเช่น 10 โจทย์คำถามง่ายๆ ของเด็ก กับคำตอบที่ง่ายพอๆ กัน ฮร่าาาา ดูเหมือนอะไรจ๊ะ กางเกงในไงงงงง!! นึกคำที่ขึ้นต้นด้วยตัว F = Fart (ตด) แต่ภาพประกอบนี่ขรี้แตกแล้ว จงเติมน้อยกว่าหรือมากกว่า ไม่ใช่คำว่า or โว้ยยย คนขับรถควรเปิดไฟจ้าตอนไหน ก็ตอนที่อยากเป็นไอ้งั่งยังไงล่ะ… จำนวนต่างระหว่าง 180 กับ 158 คือ 22 แล้วหาคำตอบได้ยังไง ‘ก็ใช้คณิตศาสตร์สิ’ 100 วันในโรงเรียนอนุบาล ผมสะสมจู๋ มันกินไม่ได้ ขนาด 68 นิ้ว น้ำหนัก 22 บล็อก มีสีน้ำตาล… ใครคือฮีโร่:…
-
“คาเกะมะ” ชายขายบริการจากสมัยเอโดะ เรื่องราวในมุมมืดของญี่ปุ่นโบราณ
คงจะปฏิเสธได้ยากว่า ในสังคมของเรานั้นมีเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องที่ดีหรือไม่ดีก็ตาม เช่นเดียวกันกับโลกเบี้ยวๆ ใบนี้ ที่เต็มไปด้วยสีสันมากมายหลายเฉดทั้งสีขาว สีดำ สีเหลือง สีแดง หรือแม้แต่สีม่วงอมน้ำเงิน ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน และวันนี้เราก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งมาฝากเพื่อนๆ กัน เพื่อให้ทุกๆ คนได้เห็นว่าในอีกมุมหนึ่งของโลกก็ยังมีเฉดสีอื่น ที่เรายังไม่เคยรู้จักเช่นกัน ย้อนกลับไปในช่วงสมัยเอโดะ มีเด็กหนุ่มมากมาย ที่ใช้ร่างกายของพวกเขาเพื่อแลกกับเงิน หรือที่เรียกว่า “Kagema” (คาเกะมะ) จุดเริ่มต้นของ Kagema มักจะมาจากเด็กที่ฝึกงานอยู่กับคณะการแสดงคาบูกิ ซึ่งการขายบริการทางเพศนั้นเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือจากการทำงานของพวกเขา และจะมีลูกค้าทั้งเพศหญิงและเพศชาย สิ่งที่น่าสนใจของ Kagema คือเหล่าลูกค้าผู้ชาย ซึ่งจากเอกสารของในช่วงเอโดะไม่ได้มีการกล่าวถึงเรื่องรักร่วมเพศ แต่มีข้อมูลบอกว่าการร่วมเพศทางทวารหนักนั้นเป็นการเสริมพลังทางเพศ เนื่อจากตามความเชื่อของจีนโบราณในจุดนี้คือจุดศูนย์รวมของพลังนั่นเอง โดยการติดต่อ Kagema นั้นไม่ได้ทำการติดต่อผ่านทางคณะคาบูกิแต่อย่างใด แต่จะติดต่อผ่านซ่องโสเภณี หรือร้านน้ำชาแทน ซึ่งหลังจากที่ติดต่อเรียบร้อยแล้ว เจ้าของโรงน้ำชาจะเป็นคนที่นำธูปไปปักที่หน้าป้ายชื่อของ Kagema เพื่อเป็นการบอกเวลาของลูกค้า แขกของ Kagema นั้นมีหลากหลายชนชั้น ไม่ว่าจะเป็นเหล่าขุนนางทั้งชายและหญิง แม่หม้าย ซามูไร…
-
ตายแล้วเป็นอย่างไร?! “15 การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย” หลังจากที่เราได้จากโลกนี้ไป
เราคงไม่อาจรู้ได้ว่าโลกหลังความตายแท้จริงแล้วนั้นมันเป็นอย่างไร (เพราะไม่มีใครเคยกลับมาเล่าให้ฟัง) แต่อย่างน้อยเราก็พออธิบายได้ว่าหลังจากที่เราตายไป ร่างกายของเราจะเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งหมดนี้คือ 15 การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของเรา เมื่อถึงวันที่เราตายไป สาระน่ารู้ที่พวกเราอาจไม่เคยรู้กันมาก่อน เราไปดูกันดีกว่าว่าถ้าเราสิ้นใจจะมีอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายเราบ้าง 1. หัวใจหยุดเต้น เลือดไหลไปรวมกัน เราคงทราบกันดีว่าพอตายไป หัวใจก็จะหยุดเต้น และนั่นเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ที่จะตามมาทีหลัง อย่างแรกเลยคือไม่มีการไหลเวียนของเลือดภายในร่างกายอีกต่อไป 2. ร่างกายเปลี่ยนสี เมื่อไม่มีการไหลเวียน เลือดในร่างกายของเราก็จะลงไปรวมตัวกันอยู่ตรงบริเวณต่ำสุดของร่างกาย (ตามแรงโน้มถ่วง) ทำให้อวัยวะบริเวณนั้นกลายเป็นสีช้ำๆ ม่วงๆ ในขณะที่ร่างกายส่วนอื่นๆ ซีดขาว 3. ร่างกายเย็นเฉียบ อุณหภูมิในร่างกายของเราจะลดลงไปเรื่อยๆ โดยอาจเปลี่ยนไปเท่ากับอุณภูมิห้องหรือบรรยากาศโดยรอบ เฉลี่ยแล้วลดลงไปราวๆ 0.8 องศาเซลเซียส ต่อชั่วโมง (หลังจากที่เราตาย) 4. ร่างกายแข็งทื่อ หลังจากที่เราตายไปไม่กี่ชั่วโมง ทั่วทั้งร่างของเราจะเริ่มแข็งเกร็ง (โดยเริ่มจากบริเวณเปลือกตาและกล้ามเนื้อคอ) รวมถึงระดับ อะดีโนซีนไตรฟอสเฟต ก็จะลดลงตามไปด้วย 5. แต่ร่างกายยังขยับได้อยู่ แม้ว่าเลือดจะไหลไปรวมตัวกันอยู่บริเวณเดียว แต่ช่วงเวลาหลังจากที่เราตายไป ร่างกายกลับยังมีความยืดหยุ่นและสามารถชักกระตุกขึ้นมาได้บ้าง ในช่วงเวลาหลายชั่วโมงให้หลัง…
-
นักบินอวกาศเผยสาเหตุ ทำไมถึงไม่มีใครไปดวงจันทร์อีกเลย ทั้งที่เทคโนโลยีก้าวหน้า
ภารกิจอะพอลโล 11 ในวันที่ 20 กรกฎาคมปี 1969 เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของนาซ่า ที่สามารถส่งนักบินอวกาศไปถึงดวงจันทร์ได้สำเร็จ และสามารถเก็บหินตัวอย่างบนดวงจันทร์ ถ่ายรูปภาพ ทำการทดสอบต่างๆ รวมถึงปักธงลงบนดวงจันทร์ และเดินทางกลับมายังโลกได้อย่างปลอดภัย ผ่านมากว่า 45 ปีแล้วที่ภารกิจเยือนดวงจันทร์ครั้งล่าสุดในเดือนธันวาคม ปี 1972 ของอะพอลโล 17 ก็จบลงอย่างสมบูรณ์ และไม่มีการส่งมนุษย์ขึ้นไปบนดวงจันทร์อีกเลย… มันเกิดอะไรขึ้นกับยุคปัจจุบัน ที่มีเทคโนโลยีทางอวกาศก้าวหน้ากว่า 4 ทศวรรษที่แล้ว การจะขึ้นไปสร้างอาณานิคมบนดวงจันทร์เพื่อสร้างเป็นสถานีเติมเชื้อเพลิงบนอวกาศ คงมีความเป็นไปได้มากขึ้นหากมีการสำรวจที่มากกว่านี้ และไม่แน่ว่าอาจจะส่งเสริมการท่องเที่ยวดวงจันทร์เพิ่มขึ้นมาด้วย “การวิจัยการอยู่อาศัยอย่างถาวรของมนุษย์บนดวงจันทร์คือก้าวต่อไปในทางตรรกะ เรามีข้าวของมากมากที่สามารถสร้างขึ้นมาได้ จากนั้นก็เอามาทดสอบตามลำดับขั้นเพื่อเรียนรู้ก่อนจะออกไปข้างนอกนั่น” Chris Hadfield อดีตนักบินอวกาศ กล่าวกับทาง Bussiness Insider Chris Hadfield แต่นักบินอวกาศและผู้เชี่ยวชาญหลายคนต่างชี้ว่า อุปสรรคในการตั้งถิ่นฐานบนดวงจันทร์ตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมานั้นเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากปัญหาของงบประมาณที่บานปลายและปัญหาทางการเมือง ซึ่งไม่ใช่เรื่องปัญหาความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเลย… ภารกิจที่จะต้องส่งคนขึ้นไปในอวกาศนั้นจะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล ด้วยข้อกฎหมายบังคับในปี 2017…
-
จีนใช้ระบบ AI ตรวจจับสิ่งก่อสร้างผิดกฎหมาย ด้วยภาพถ่ายดาวเทียม รู้ผลภายใน 1 นาที!!
ปัญหาการใช้ที่ดินผิดประเภท หรือการรุกล้ำพื้นที่ของเพื่อนบ้านนั้น มักจะเป็นปัญหาที่ชาวเมืองหลายๆ คนต้องเคยประสบมากับตัวเองบ้างแน่ๆ และบางครั้งการจัดการปัญหาที่ว่านี้ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็มักจะเป็นไปด้วยความล่าช้า สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ทุกที่รวมถึงประเทศจีน และดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้นิ่งนอนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงได้รวมเทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมกับระบบ AI เพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ!! ที่เมืองจือป๋อ มณฑลซานตง ประเทศจีนได้มีการนำระบบปัญญาประดิษฐ์มาช่วยในการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียม เพื่อตรวจหาสิ่งก่อสร้างที่ผิดกฎหมาย นวัตกรรมดังกล่าว เป็นการนำภาพถ่ายจากดาวเทียมเกาเฟิน-6 ดาวเทียมสำรวจที่เพิ่งปล่อยขึ้นสู่อวกาศเมื่อไม่นานมานี้ โดยพวกเขาจะนำภาพถ่ายความละเอียดสูงที่ได้จากดาวเทียมดวงนี้มาเปรียบเทียบกับภาพถ่ายเก่า และใช้ระบบ AI ในการวิเคราะห์ ดาวเทียมเกาเฟิน-6 ที่ถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา วิธีการสุดล้ำนี้ได้รับความร่วมมือจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างอาลีบาบา และมันสามารถช่วยให้เจ้าหน้าที่ตรวจพบสิ่งก่อสร้างที่ผิดกฎหมายได้ภายใน 1 นาทีเท่านั้น จากเดิมที่อาจต้องใช้เวลาในการตรวจนานถึง 3 เดือน วิธีการนี้ช่วยให้เจ้าหน้าที่พบสิ่งก่อสร้างที่ผิดกฎหมาย และสามารถดำเนินการยับยั้งได้ทันเวลา เจ้าหน้าที่จากสำนักงานทรัพยากรที่ดินเมืองจือป๋อให้สัมภาษณ์ว่า การเปรียบเทียบภาพถ่ายด้วยระบบ AI นั้นช่วยได้มาก “แต่เดิมเราใช้การเปรียบเทียบภาพด้วยสายตา ซึ่งต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญถึง 2 คนในการทำงานและใช้เวลานานหลายสัปดาห์กว่าจะพบการสิ่งก่อสร้างที่ผิดกฎหมาย” เมืองจือป๋อเป็นแห่งแรกที่ใช้วิธีการนี้ และภายในปีนี้ ทางรัฐมีแผนที่จะทำวิธีดังกล่าวไปปรับใช้ทั่วประเทศ ทางด้านทีมพัฒนาระบบ AI จากอาลีบาบาให้สัมภาษณ์ว่า ภาพถ่ายดาวเทียมนั้นสามารถนำไปประยุกต์ในการวิเคราะห์ได้หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านทรัพยากร…
-
‘Silver Snipers’ ทีมอีสปอร์ตคนรุ่นปู่ ที่จะพร้อมพิสูจน์ว่าอายุเป็นเพียงตัวเลขสำหรับ ‘เกมเมอร์’
“วิดีโอเกม” แต่เดิมแล้วเป็นของที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเอาไว้ใช้ฝึกซ้อมรบในสงครามเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปด้วยความสนุก ความเพลิดเพลินของมันทำให้มันพัฒนากลายมาเป็นสิ่งที่เอาไว้เอนเตอร์เทนผู้คน แต่กระนั้นแล้ว มุมมองในสายตาของผู้ใหญ่มักจะมองวิดีโอเกมว่าเป็นเรื่องของเด็กๆ เป็นเรื่องไร้สาระ เป็นสิ่งเสพติดที่มีแต่ให้โทษและไม่สร้างประโยชน์แก่ลูกหลานของพวกเขาแต่อย่างใด แต่ในวันนี้ เราจะมาเปิดโลกทัศน์ใบใหม่ให้แก่คุณ ว่าไม่ใช่มีแต่เด็กๆ เพียงเท่านั้นที่ชื่นชอบการเล่นเกม แต่หากใจคุณรักความเป็นเกมเมอร์แล้วล่ะก็ จะอายุเท่าไหร่ก็สามารถเป็นเกมเมอร์ได้!! เหมือนอย่างกับทีม Silver Snipers ทีมวัยรุ่น(เหลือน้อย) ที่จะแสดงให้เห็นว่าอายุเป็นเพียงแค่ตัวเลขสำหรับเกมเมอร์!! Silver Snipers เป็นทีม E-Sports ที่แข่งเกม Counter Strike: Global Offensive หรือ CSGO ที่สร้างความฮือฮาให้แก่วงการได้อย่างใหญ่หลวง เพราะว่าสมาชิกในทีมนั้นไม่มีคนที่อายุต่ำกว่า 55 ปีเลยแม้แต่คนเดียวและแทบไม่เคยเล่นวิดีโอเกมมาก่อนเลยทั้งนั้น โดยที่สมาชิกทั้งหมดได้แก่ 1. Oivind “Windy” Toverud อายุ 75 ปี 2. Monica “Teen Slayer” Idenfors อายุ 62 ปี 3. Abbe “BirDie” Drakborg…
-
โปรดระวัง! คุณแม่ชาวอังกฤษถูก “ตัวเหลือบ” กัดจนเป็นตุ่มเท่าลูกกอล์ฟบริเวณเท้า…
(คำเตือน: บทความอาจมีภาพไม่จรรโลงใจ ควรใช้วิจารณญาณในการรับชม) ตัวเหลือบ แมลงที่เราอาจหลงลืมกันไปเพราะดูเหมือนไม่มีภัยร้ายแรง แต่อย่างไรเราก็ควรระวังแมลงพวกนี้โดยเฉพาะบ้านใครที่มีต้นไม้ ป่า หรือสวน อยู่ในบริเวณบ้าน มิฉะนั้น คุณอาจมีชะตากรรมแบบหญิงรายนี้ Jodie Jeffries คุณแม่ลูกสองวัย 38 ปี ต้องพบกับอาการตุ่มบวมพองที่เกิดขึ้นบริเวณเท้าของเธอ หลังจากเธอพบ “ตัวเหลือบ” ในสวน Jodie Jeffries คุณแม่ลูกสองวัย 38 ปี ผู้ถูกตัวเหลือบดูดเลือด เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2018 ณ บ้านในเมืองรอมฟอร์ด เขตเอสเซกซ์ ประเทศอังกฤษ ขณะที่ Jodie กำลังพักผ่อนอยู่ในสวนของเธอนั้น แมลงที่เรียกว่าตัวเหลือบก็บินเข้ามาเกาะและดูดเลือดของเธอ “ในคืนวันเสาร์นั้นฉันกำลังพักผ่อนอยู่ในสวน ทีแรกฉันคิดว่าหญ้าแห้งลอยมาทิ่มบนเท้าของฉัน” Jodie เล่า “แต่เมื่อฉันตื่นขึ้นมาในเช้ามืดของอีกวัน ฉันรู้สึกคันอย่างมาก และตุ่มสองตุ่มก็บวมขึ้น” เกิดอาการตุ่มบวมพองขนาดพอๆ กับลูกกอล์ฟที่บริเวณข้อเท้าขวา Jodie เล่าต่อว่า “ในวันอาทิตย์ตุ่มพองเพิ่มมากขึ้น…
-
7 เรื่องสุดว้าวของ “ประเทศเอสโตเนีย” ดินแดนเล็กๆ ในยุโรป แต่สุดยอดมากกว่าที่คิด
รู้จักประเทศเอสโตเนียกันไหม? สาธารณรัฐเอสโตเนียเป็นประเทศเล็กๆ บนทะเลบอลติก และมีประชากรเพียงแค่ 1.3 ล้านคน นับเป็นประเทศที่มีประชากรน้อยที่สุดในสหภาพยุโรปเลยก็ไม่ผิดนัก แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็เป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากๆ ประเทศหนึ่งของโลกเลยทีเดียว ว่าแต่ประเทศนี้มีดีอย่างไรบ้างนั้น คงต้องให้ตามมาดูกันที่ข้างล่างนี้ เมืองหลวงของเอสโตเนียมีชื่อว่าทาลลินน์ เอสโตเนีย เริ่มสอนการเขียนโปรแกรมตั้งแต่ประถม 1 ที่ประเทศเอสโตเนียได้เปิดระบบการศึกษารูปแบบใหม่ในปี 2012 โดยจะมีการให้เด็กๆ ตั้งแต่ประถม 1 เรื่อยไปยันมัธยมหก ได้มีโอกาสเรียนวิชาการเขียนโปรแกรมตั้งแต่ยังเด็ก โดยเป็นการสอนคณิตศาสตร์และตรรกะ ก่อนที่จะประยุกต์ใช้ความรู้ของพวกเขาในการเขียนโปรแกรมนั่นเอง เอสโตเนีย มีบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ เอสโตเนียเริ่มการใช้บัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2002 ซึ่งเจ้าบัตรที่ว่านี้ก็มีความสามารถไม่ต่างกับบัตรประชาชนของคนไทยมากนัก มันเก็บข้อมูลต่างๆ ของเจ้าของอย่างลักษณะรูปร่างและลายเซ็น เอาไว้ในชิปอัจฉริยะ แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือบัตรของประเทศนี้ถูกนำไปใช้งานจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้แทนหนังสือเดินทางในทวีปยุโรป เรื่อยไปยันเก็บข้อมูลทางราชการและใช้ในการเลือกตั้ง ที่นี่เลือกตั้งจากที่บ้านได้เลย อย่างที่บอกไปข้างบนว่าเอสโตเนีย ใช้บัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ในการเลือกตั้ง แต่นั่นไม่ได้หลายความว่าเอาบัตรไปโชว์ที่คูหาหรอกนะ แต่เป็นการลงข้อมูลจากบัตรในอินเตอร์เน็ต และเลือกตั้งจากที่บ้านเลยต่างหาก โดยระบบนี้ถูกใช้งานมาตั้งแต่ปี 2005 และจัดเป็นประเทศแรกที่มีการเลือกตั้งออนไลน์อีกด้วย ที่นี่มีบริการรถสาธารณะฟรี ที่เมืองหลวงของเอสโตเนียมีบริการรถสาธารณะฟรี ตั้งแต่ปี 2013 แถมไม่ใช่ฟรีแค่บางสาย แต่เป็นรถฟรีสำหรับทุกๆ…
-
ป๊าดโท๊ะ… Milly ชิวาว่าตัวเล็กที่สุด พร้อมรับสถิติโลก มีร่างแยกด้วยการโคลนนิ่ง 49 ตัว!!
คุณคงจะเคยได้ยินเรื่องราวการโคลนนิ่ง “ดอลลี” แกะตัวแรกของโลกมาแล้ว ซึ่งเจ้าดอลลีถือเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวแรกของโลก ที่มีแฝดมาจากการโคลนนิ่งได้สำเร็จ นับว่าข่าวคราวการโคลนนิ่งนั้นก็หายไปจากโลกนานพอสมควร แต่แล้วก็ต้องตะลึงกันอีกรอบจาก มิลลี เจ้าชิวาว่าวัย 6 ขวบจากปวยร์โตรีโก ที่ได้รับการบันทึกสถิติโลกเป็นสุนัขที่มีร่างโคลนมากถึง 49 ตัว!! ร่างโคลนของน้องหมา 49 ตัวนี้มาจากมูลนิธิโคลนนิ่ง Sooam Biotech Research กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ที่เปิดรับโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2006 จนเมื่อปีที่แล้วทางมูลนิธิได้พบกับ Vanesa Semler เจ้าของมิลลี ได้หารือกันถึงความเป็นไปได้ที่จะโคลนนิ่งน้องหมา และขจัดความลึกลับทางด้านพันธุกรรมที่ทำให้น้องเป็นหนึ่งในสุนัขที่พิเศษกว่าใคร เพราะว่าเจ้ามิลลีนั้น ได้รับบันทึกสถิติว่าเป็นสุนัขที่ตัวเล็กที่สุดในโลกในปี 2012 และทางนักวิทยาศาสตร์ต้องการที่จะรู้ว่าสิ่งใดทำให้น้องตัวเล็กได้ขนาดนี้ ฉะนั้นในเดือนสิงหาคม 2017 นักวิจัยจึงทำการโคลนนิ่งมิลลี จนจำนวนร่างโคลนทะลักเป็น 49 ตัว โดยพวกเขาอาศัยเทคโนโลยีเดียวกันที่ใช้กับแกะดอลลีเมื่อ 50 ปีที่แล้ว (โอนถ่ายนิวเคลียส) ด้วยการเก็บตัวอย่างเซลล์และนิวเคลียสจากร่างต้น และนำเซลล์ไข่จากสัตว์ที่รับบริจาคมาผสมกัน เซลล์ไข่ที่ได้รับการผสมมาจะถูกกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ จนเกิดเป็นตัวอ่อนที่ฝังอยู่ในท้องของแม่อุ้มบุญ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นสายพันธุ์เดียวกัน…
-
รู้จักกับ Ghost Army กองกำลังผีไร้ตัวตน ใช้กลยุทธ์ลวงนาซี ไม่ต้องพึ่งไสยศาสตร์…
ท่ามกลางความสูญเสียในสงครามโลกครั้งที่ 2 การบุกตามตำแหน่งในพื้นที่ต่างๆ ของฝ่ายพันธมิตร จะเจาะเข้าดินแดนศัตรูที่ต้องเน้นจำนวนกำลังพลเข้าสู้ ยิ่งทำให้สูญกำลังและพลังใจในการรบยิ่งกว่าเดิม ในปี 1944 ฝ่ายพันธมิตร ได้จัดตั้งกองกำลัง Ghost Army กองพลทหารไร้ตัวตน ที่มีเพียงแค่รถถังลมและอากาศยานบรรทุกปลอมๆ ใช้ลวงฝ่ายนาซีเยอรมันในภารกิจลาดตระเวน การที่สามารถยกกองกำลังเข้าบุกนอร์มังดีช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สำเร็จนั้น จะขาดกองกำลังที่ไม่มีตัวตนนี้ไปไม่ได้ เพราะ Ghost Army ช่วยหลอกล่อฝ่ายเยอรมันให้ย้ายแนวป้องกันไปยังทิศอื่น ปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด คือการบุกเข้ายึดนอร์มังดี และต้องใช้กองทหารมากถึง 1 ล้านนายจากทั้งหมด 5 ประเทศพันธมิตร ปฏิบัติการระดับใหญ่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และทางฝ่ายพันธมิตรต่างรู้ดีว่าจะสำเร็จได้ต้องใช้ทั้ง กึ๋น ความกล้าหาญ และการหลอกล่อ… ทางด้าน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ได้คาดการณ์ถึงการบุกตามแนวชายฝั่งและทางอากาศจากฝั่งประเทศอังกฤษ เลยมอบหน้าที่ให้นายพล แอร์วิน รอมเมิล ทำการตั้งรับไปสร้างป้อมปืน บังเกอร์ แนวอุปสรรคป้องกันรถถัง รวมถึงท่อนไม้โยงสายกว่าล้านท่อนป้องกันพลร่มที่จะเคลื่อนพลสู่ภาคพื้นดิน โชคดี…
-
7 ทริคผิดๆ!! สำหรับการเอาตัวรอด เมื่อคุณตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน…
การเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เป็นเรื่องที่สำคัญและไม่ควรละเลยอย่างยิ่ง เพราะคุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าวันหนึ่ง คุณอาจจะกลายเป็นผู้ประสบภัยได้แบบไม่รู้ตัว การเรียนรู้ทริคในการเอาตัวรอดนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่!! ในบางครั้งเทคนิคต่างๆ ที่คุณเข้าใจมาตลอดนั้นอาจจะเป็นเรื่องผิดพลาดก็ได้ อย่างเช่นความเชื่อในการเอาตัวรอดแบบผิดๆ เหล่านี้… 1. เจอหมีให้แกล้งตาย ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อคุณเผอิญต้องพบปะกับพี่หมีล่ะก็ วิธีที่เหมาะที่สุดก็คือพยายามหนีออกมาอย่างเงียบๆ หรือถ้าหากพวกมันมาป้วนเปี้ยนรอบๆ แคมป์ของคุณล่ะก็ พยายามส่งเสียงดังและทำให้พวกมันกลัวจนหนีเข้าป่าไป เพราะการแกล้งตายนั้นอาจใช้ได้กับหมีบางประเภทอย่างหมีกริซลี่ แต่ถ้าหากเป็นหมีชนิดอื่นวิธีนี้อาจไม่ได้ผล 2. เจองูกัด ให้ใช้ปากดูดพิษ เมื่อคุณถูกงูกัดจะทำให้พิษแล่นเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว และการใช้ปากดูดพิษนั้นก็จะยิ่งเพิ่มเชื้อแบคทีเรียบริเวณปากแผลอีกด้วย แถมเผลอๆ พิษยังอาจไหลเข้าร่างกายของคนดูดได้อีกด้วย ทางที่ดีก็คือการปิดบาดแผล และพยายามอย่าให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหว เพื่อเป็นการลดอัตราการสูบฉีดเลือดเป็นวิธีที่ดีกว่า 3. น้ำจากต้นกระบองเพชร ดื่มได้ ถ้าหากว่าคุณไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤกษศาสตร์ล่ะก็ การเลือกดื่มน้ำจากต้นกระบองเพชรให้ปลอดภัยนั้นอาจไม่ใช่เรื่องง่าย (ถึงแม้พวกมันจะให้ปริมาณน้ำที่มากก็ตาม) เพราะบางสายพันธุ์อาจเป็นพิษทำให้คุณท้องร่วง อาเจียนและอาจสูญเสียน้ำในร่างกายมากขึ้น 4. เจอฉลามพุ่งเข้าใส่ ให้ต่อยจมูก ถ้าหากคุณไม่ใช่มนุษย์เงือกล่ะก็ การต่อยตรงจมูกของฉลามอาจไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจทำให้คุณเสียแขนไปฟรีๆ ดังนั้นถ้าหากตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ล่ะก็ หาของแข็งๆ มากั้นที่ปากของมันเอาไว้ หรือถ้าหากไม่มีล่ะก็ ให้โจมตีไปที่ดวงตา หรือเหงือกของมันจะดีกว่า …
-
8 ท่าโยคะง่ายๆ ช่วยป้องกันปัญหา “ผมร่วง” บรรเทาความกังวล กลัวว่าหัวจะล้านตอนแก่
พวกเราอาจทราบกันดีอยู่แล้วว่าการเล่น โยคะ เป็นกิจกรรมหนึ่งที่สามารถช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด เสริมสร้างความแข็งแรง และส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม นอกจากนั้น การที่มันช่วยลดความเครียดและทำให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีขึ้น นั่นจึงส่งผลให้มันสามารถช่วยป้องกัน อาการผมร่วง ของเราได้อีกด้วย และนี่คือ 8 ท่าโยคะที่จะสามารถช่วยป้องกันเรื่องนั้นได้ บอกเลยว่าง่ายเพียงนิดเดียว ว่าแล้วก็ลองไปทำตามกันเลยจ้า 1. Camel Pose เป็นท่าหนึ่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนโลหิตบริเวณหนังศีรษะของเรา เริ่มจากการคุกเข่าลงไปกับพื้น ให้สะโพกตั้งฉากกับน่อง จากนั้นเอามือทั้งสองข้างไปจับไว้ที่บริเวณข้อเท้า ทิ้งน้ำหนักให้ไหล่เข้าหากันมากที่สุด (ไม่ต้องฝืน) แหงนหน้ามองบน ลำตัวโค้งไปด้านหลัง ดันสะโพกมาด้านหน้า สูดหายใจเข้า-ออกช้าๆ สัก 5 ลมหายใจ จากนั้นค่อยหายใจเข้ากลับมาที่ท่าทางคุกเข่าตามปกติ ชมคลิปได้ใน ยูทูบ 2. Downward-facing dog pose เห็นเลยว่าท่านี้สามารถช่วยให้เลือดไปไหลเวียนที่บริเวณหนังศีรษะของเราได้เป็นอย่างดี เริ่มจากทำท่าคลานสี่ขากับพื้น ให้มือทั้งสองข้างห่างจากกันเท่ากับความกว้างของสะโพก จากนั้นให้ดันสะโพกขึ้นไปเป็นตัว V เหยียบพื้นเอาไว้โดยพยายามให้ส้นเท้าอยู่ติดกับพื้น ค้างไว้อย่างนั้น 1-3 นาที จากนั้นค่อยๆ กลับลงมาในท่าคลานสี่ขาเหมือนตอนแรก ชมคลิปได้ใน ยูทูบ…
-
หนุ่มมะกัน โดนยางต้น “ฮอกวีดยักษ์” จนผิวหนังพุพอง เทียบเท่าแผลไฟไหม้ระดับ 3
ถ้าหากคุณเป็นคนที่ชอบการเที่ยวต่างประเทศแล้วล่ะก็ นอกจากการหลีกเลี่ยงอาหารแปลกๆ แล้ว การอยู่ให้ห่างจากต้น Giant Hogweed (ฮอกวีดยักษ์) ก็ยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะไม่อย่างนั้นล่ะก็อาจถูกหามส่งโรงพยาบาลแบบหนุ่มอเมริกันรายนี้ก็ได้ Alex Childress หนุ่มวัย 17 ปีจาก Spotsylvania รัฐเวอร์จิเนีย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน หลังจากถูกยางของต้น Giant Hogweed จนทำให้เกิดแผลไฟไหม้ระดับ 3 ที่บริเวณใบหน้าและแขนของ อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างที่ Alex กำลังทำงานพิเศษเกี่ยวกับการดูแลสวนในช่วงหน้าร้อน เด็กหนุ่มเล่าว่ามันเกิดขึ้นหลังจากที่พุ่มของต้นไม้ดังกล่าวตกมาใส่หน้าและลำตัวของเขา “ตอนนั้นผมกำลังตัดต้นวัชพืชสูงๆ ต้นหนึ่ง พุ่มของมันหล่นมาใส่หน้าและตัวผม แต่ตอนนั้นผมไม่รู้สึกอะไร แต่หลังจากที่ผมกลับบ้านมาอาบน้ำอุ่นที่บ้าน ผิวหนังของผมก็เริ่มลอก แม่บอกผมว่าผิวของผมลอกเหมือนกับแผลไฟไหม้ระดับ 3 ” เด็กหนุ่มให้สัมภาษณ์ แผลบริเวณแขนของเด็กหนุ่ม ที่ทำให้เขาต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานถึง 3 วันด้วยกัน ต้น Giant Hogweed คือวัชพืชขนาดใหญ่ ที่ค้นพบในสหรัฐอเมริกาเมื่อประมาณปี 1990 มันมีขนาดลำต้นที่สูงใหญ่ประมาณ 2-5 เมตร และมีดอกลักษณะคล้ายกับร่ม โดยยางของมันจะทำให้ผิวหนังของเราเกิดการระคายเคือง และเป็นแผลพุพองได้เมื่อโดนความร้อนได้ …
-
ช่องยูทูบ “ใช้ชีวิตในป่า” แสนธรรมดา แต่ทำไมคนชอบดูกันจัง หรือมันมีพลังงานบางอย่าง!!?
การที่จะได้รับความนิยมมากๆ ใน เว็บไซต์ยูทูบ นั้น เราจำเป็นจะต้องมีการนำเสนอคลิปวิดีโอที่น่าสนใจ โดยเฉพาะคลิปวิดีโอที่สอน “ทักษะ” ต่างๆ ในการใช้ชีวิต เช่น สอนแต่งหน้า สอนทำอาหาร หรือสอนเล่นเกม เป็นต้น เช่นเดียวกัน วันนี้เราบังเอิญได้เจอกับยูทูบแชแนลหนึ่งที่เรียกได้ว่า “น่าสนใจ” อย่างมาก มีคนเข้ามากดติดตามช่องนี้กว่า 5 แสนคนเลยทีเดียว! ช่องยูทูบดังกล่าวเป็นช่องที่นำเสนอการใช้ชีวิตในป่าโดยไม่พึ่งเทคโนโลยี เช่น การจับปลา และการทำอาหาร เป็นต้น และแชแนลยูทูบที่ว่านี้ก็คือช่องที่ชื่อว่า Emma’s Fishing นั่นเอง ตัวเอกของแต่ละคลิปก็จะเป็นหญิงสาวคนนี้ คาดว่านี่แหละคือ Emma ชาวเวียดนาม (เหมือนจะมองเห็นพลังงานแล้วล่ะ…) หลักๆ จะเป็นการสาธิตวิธีการใช้ชีวิตในป่าที่ไร่ซึ่งความเจริญทางเทคโนโลยี ข้าวของที่หาได้ง่ายๆ แถวนั้นก็สามารถนำมาก่อไฟเพื่อเตรียมทำอาหารได้ ส่วนปลาก็ดักจับมาเอาตามแหล่งน้ำแถวนั้นแหละ อะ… สาธิตวิธีการหาปลา ถ้าใส่กางเกงหรือกระโปรงลงน้ำแบบนี้มันก็จะเปียก ใส่ขาสั้นแบบนี้ก็จะเปียกได้ยากหน่อย อะฮึ่ม! หญ้านี่มันรกจริงๆ!! เมื่อได้ปลามาแล้วก็จะมีการสาธิตวิธี “ทำปลา” ให้ดูกันชัดๆ…
-
5 “อาหารการกิน” สำหรับการลดน้ำหนัก หากินง่าย ปลอดภัยได้ผล ไม่ต้องพึ่งสารเคมี
อาหารการกิน ถือว่าเป็นส่วนสำคัญต่อการดำรงชีพของเราทุกคน รวมไปถึงในเรื่องของสุขภาพ และรูปร่างสัดส่วนที่จะแปรผันตามการบริโภค แต่ถ้าตอนนี้ เพื่อนๆ คือคนหนึ่งที่กำลังกังวลกับน้ำหนักที่มากจนเกินไป นี่แหละคือบทความที่คุณกำลังตามหาอยู่ ไม่พูดถึงการออกกำลังกาย แต่ขอแนะนำเกี่ยวกับเรื่องของการกินที่จะช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ ว่าแล้วเราก็ลองไปอ่านสาระน่ารู้เหล่านี้พร้อมๆ กันเลย 1. อโวคาโด สิ่งนี้ถูกจัดให้เป็นผลไม้ที่มี คุณค่าทางโภชนาการมากที่สุดในโลก เลยก็ว่าได้ อุดมไปด้วยแอลคาร์นิทีน สารที่ดีต่อการเผาผลาญพลังงาน รวมถึงกรดอะมิโนธรรมชาติ และวิตามินบี ยิ่งไปกว่านั้นคือมันยังมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มการเผาผลาญไปอีกขั้นหนึ่ง แถมกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีอยู่มากในผลไม้ชนิดนี้ ยังช่วยในเรื่องของการลดไขมันที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าท้องของเราได้ดีอีกด้วย 2. บรอคโคลี่ หากถามว่าผักชนิดนี้มันดีต่อการลดน้ำหนักอย่างไร เหตุผลง่ายๆ ก็คือมันมีแคลอรี่ที่ต่ำและให้ไฟเบอร์ที่สูงมาก ซึ่งไฟเบอร์จะไปดูดซึมน้ำในร่างกาย และทำให้เรารู้สึกอิ่มได้นานกว่าเดิม ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง ไม่หิวได้ง่ายๆ 3. น้ำมันปลา ไม่ว่าจะมาจากปลาชนิดไหน แต่ น้ำมันปลา นั้นคือสิ่งที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ส่งผลโดยตรงต่อระบบเซลล์ต่างๆ ให้มีสุขภาพดีกว่าเดิม ช่วยให้ร่างกายดึงเอาน้ำตาลและไขมันออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. ไข่ สุดยอดอาหารใกล้ตัวอย่างแท้จริง (บริโภคกันแทบทุกวัน) อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ…
-
6 เหตุประหลาดทางธรรมชาติ ที่ยังไม่อาจฟันธงทางวิทยาศาสตร์ แต่ก็ชัดเจนเกินไสยศาสตร์
โลกของเรานั้นเต็มไปด้วยความลึกลับ ยังมีอะไรอีกมากมายหลายสิ่งที่เกิดขึ้นโลก แต่ยังไม่อาจฟันธงได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ แต่ในขณะเดียวกันก็ชัดเจนเกินว่าที่จะเป็นเรื่องไสยศาสตร์ อย่างปรากฏการณ์ธรรมชาติ 6 อย่างต่อไปนี้ 1. ทะเลสาบขนาดใหญ่หายตัวไปในชั่วข้ามคืน นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในปี 2016 ที่ทะเลสาบรีสโก ในชิลี โดยน้ำทั้งหมดในทะเลสาบขนาด 14 ตารางกิโลเมตรนั้น หายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมๆ กับปลาในน้ำ ทิ้งไว้เพียงทะเลทราย เท่านั้น ทางนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการหายไปครั้งนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานใดๆ ที่มายืนยันได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทะเลสาบรีสโกกันแน่ 2. ฝนตกเป็นปลา และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ การที่ฝนตกลงมาเป็นสัตว์นั้นเกิดขึ้นหลายครั้งบนโลก โดยมากแล้วจะเป็นสัตว์น้ำอย่างปลา กบ หรือปลาหมึก แม้ว่าก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์จะยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก แต่หลังจากที่เกิดขึ้นหลายๆ ครั้งเข้า พวกเขาก็เริ่มหาเหตุผลของสิ่งที่เกิดขึ้น โดยมากแล้วนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าฝนเหล่านี้เกิดขึ้นจากการที่พายุหอบเอาสัตว์ในน้ำขึ้นไปในอากาศ อย่างไรก็ตามความคิดนี้ยังต้องมีการพิสูจน์กันต่อไป 3. สัตว์แช่แข็ง ข้อนี้ต่างจากข้ออื่นๆ เล็กน้อย เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่อธิบายได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามมันก็เป็นภาพที่น่าอัศจรรย์ใจอยู่ดี ภาพที่เห็นนี้เกิดจากการที่สัตว์ตกลงไปแข็งตายในธารน้ำแข็ง ก่อนที่จะมีคนไปขุดขึ้นมาพร้อมๆ กับน้ำแข็งรอบๆ นั่นเอง 4. “โซนแห่งความเงียบ” ในเม็กซิโก แม้ไม่แน่ใจว่าเกิดขึ้นเพราะเรื่องใดก็ตาม แต่ในเม็กซิโกช่วงยุค…
-
หนุ่มแชร์ประสบการณ์ ‘ดื่มน้ำเย็น’ ตอนอากาศร้อนจัด นำไปสู่การช็อกหมดสติล้มหน้าฟาด!!
โดยปกติแล้วเมื่อเราเจออากาศร้อนๆ ก็มักจะไปหาอะไรเย็นๆ ดื่มเพื่อคลายร้อน แต่หากเพื่อนๆ ได้อ่านเรื่องราวต่อไปนี้อาจจะทำให้ความคิดเปลี่ยนไปเลยก็ได้… เรื่องมีอยู่ว่านาย Adam Schaub จากเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เกิดช็อกหมดสติหลังจากที่ดื่มน้ำเย็นจัดเพื่อแก้ร้อนจากการทำงานกลางแจ้ง ตามรายงานระบุว่าเขาทำงานกลางแจ้งกับคุณพ่อ 2 คนในอุณหภูมิที่สูงถึง 37 องศาเซลเซียส จนใบหน้าของเขามีสีชมพูเพราะความร้อน จากนั้นคุณพ่อก็บอกให้ Adam ไปพักสักหน่อย เขาก็เลยเดินไปหยิบขวดน้ำเย็นมาดื่มเพื่อดับร้อน ก่อนที่จะกลับไปทำงานอีกครั้ง หลังจากที่ทำไปได้สักพักเขาก็เดินเข้าไปนั่งในรถเพื่อแช่แอร์ แล้วดื่มน้ำเย็นเข้าไปอีกขวด และแล้วในตอนนั้นเองที่เขาเริ่มรู้สึกถึงความ ‘แปลกประหลาด’ “ผมเริ่มเห็นจุดต่างๆ จากนั้นก็รู้สึกว่าท้องไส้กำลังปั่นป่วน และมือของผมก็เริ่มชา” Adam เล่า “ผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะอาเจียนเลยเปิดประตูรถออกมา และพอรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าหน้าของผมฟาดลงไปที่พื้นแล้ว พ่อของผมเห็นเหตุการณ์ก็เลยวิ่งเข้ามาช่วยพลิกตัวของผมขึ้น พ่อบอกว่าตอนนั้นตาของผมเหลือกขึ้นไปด้านบน และไม่ได้สติไป 2-3 นาที” คุณพ่อได้โทรแจ้งรถพยาบาล และเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง ก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาแจ้งว่าการดื่มน้ำเย็นในขณะที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงอาจจะทำให้ร่างกายของเราช็อกได้ และมันจะเหมือนกับว่าคุณถูกน็อกเอาต์โดยไมค์ ไทสันเลยทีเดียว!! ทางด้านคุณหมอ Sarah Jarvis ผู้อำนวยการของหน่วยให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วย ได้ให้ข้อมูลว่า นี่เป็นอาการที่คล้ายกับ…
-
คนทำงานในสวนสัตว์เผย พวกสัตว์มีความลับแปลกๆ อีกหลายอย่างที่คุณยังไม่รู้
คงไม่มีใครได้ใกล้ชิดกับสัตว์มากมายเหมือนกับคนที่ทำงานในสวนสัตว์อีกแล้ว แถมจากการที่พวกเขาใกล้ชิดกับพวกมันบ่อยๆ ทำให้มีโอกาสได้เห็นความลับที่คนอื่นไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับพวกมันด้วย วันนี้ผู้ให้ความรู้ประจำสวนสัตว์ Columbus Zoo and Aquarium จากประเทศโคลัมเบียก็เลยอยากจะมาแชร์ความลับเล็กน้อยที่เขารู้มาจากการทำงาน และอาจจะทำให้หลายคนอึ้งกับสิ่งที่เขากำลังจะบอกด้วย เรนเดียร์ของซานต้ามีแค่เพศเดียว หลายคนอาจไม่รู้ว่ากวางเรนเดียร์ของซานต้านั้นมีอยู่จริงๆ พวกมันเป็นแค่สายพันธุ์หนึ่งของกวางซึ่งมีเขาทั้งตัวผู้และตัวเมียเท่านั้นเอง แต่ตัวผู้เขาจะผลัดเขาช่วงเดือนธันวาคม ส่วนตัวเมียจะผลัดเขาช่วงฤดูใบไม้ผลิ นั่นหมายความว่ากวางเรนเดียร์มีเขาของซานต้าจะมีแต่ตัวเมียเท่านั้น ฟังเรื่องซานต้ากันมาก็นานแล้วเพิ่งรู้นะเนี่ย เข่าของนกฟลามิงโก้ไม่ได้อยู่ตรงน๊าน ปกติแล้วเข่าของสัตว์ทุกตัวจะต้องพับงอมาด้านหน้า หลายคนที่เห็นนกฟลามิงโก้งอเข่าไปด้านหลังได้ก็เลยประหลาดใจ แต่ไม่ต้องตกใจไปหรอก เพราะจริงๆ แล้วส่วนนั้นมันไม่ใช่เข่าสักหน่อย มันเป็นส่วนข้อเท้าต่างหาก ส่วนเข่าของมันอยู่ติดกับลำตัวโน่น ก็งอไปข้างหลังไม่ได้เหมือนคนนั่นแหละ ช้างแยกแยะตัวตนของตัวเองได้ เราคนไทยคงรู้อยู่แล้วว่าช้างเป็นสัตว์ที่เฉลียวฉลาดมากๆ แต่รู้กันรึเปล่าว่ามันเป็นหนึ่งในสัตว์ไม่กี่ชนิดบนโลกนี้ที่รู้ว่าเงาของตัวเองในกระจกไม่ใช่สัตว์อื่น ก่อนหน้านี้เคยมีคนทดลองเอาชอล์กไปขีดบนหัวช้างแล้วให้มันส่องกระจกดู ซึ่งมันก็รู้ว่าเงาในนั้นคือตัวเอง แล้วใช้งวงลบรอยชอล์กบนหัวได้เหมือนคนลบรอยเลอะบนหน้าตอนส่องกระจกไม่มีผิด แมวพันธุ์ใหญ่ครางได้แค่บางสายพันธุ์ วิทยากรจากสวนสัตว์บอกว่าสัตว์ตระกูลแมวแบ่งประเภทได้หลายอย่าง อย่างหนึ่งคือการแบ่งจากเสียงครางของมัน โดยสิงโตกับเสือจะครางหึ่มๆ เหมือนแมวไม่ได้ แต่แมวป่าและสิงโตภูเขาครางแบบนั้นตอนพวกมันมีความสุขได้เหมือนกัน แถมเสียงจะดังเหมือนกับมอร์เตอร์รถมอเตอร์ไซค์เลยล่ะ ได้ยินแล้วจะรู้สึกฟินยิ่งกว่าอยู่กับแมวอีก ขนหมีขาวไม่ใช่สีขาว ที่เราเห็นว่าหมีขาวมีสีขาวนั้น จริงๆ แล้วเป็นสีหลอกตา สีขนของมันจริงๆเป็นสีโปร่งแสงต่างหาก ถ้าให้เปรียบล่ะก็ขนของพวกมันก็สีเหมือนกับเส้นใยไฟเบอร์ออพติกเลย แถมภายใต้ขนสีขาวนั้นยังซ่อนหมีผิวสีดำเอาไว้ด้วย…
-
ย้อนยุคด้วยบรรยากาศภาพถ่าย “ห้างสรรพสินค้า ยุค 80s” แฟชั่นและทรงผม ที่เคยรุ่งโรจน์มาก่อน
หนึ่งในสถานที่พบปะกับกลุ่มเพื่อนในเมืองใหญ่ หรือการออกไปพักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ออกตามหาสินค้าใหม่ๆ เพื่อนำมาใช้งาน แน่นอนว่าสถานที่แห่งนี้คือ “ห้างสรรพสินค้า” อันเป็นแหล่งรวมตัวของกลุ่มคนหลายประเภทในที่เดียวกัน และแน่นอนว่าสินค้าประเภทแฟชั่นมีขายอยู่ในห้างมากมาย ซึ่งจะกลายมาเป็นสถานที่โชว์สไตล์การแต่งตัวของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี แต่ด้วยลักษณะการใช้ชีวิตในปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ผู้คนเริ่มเดินห้างน้อยลง หันมาเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์แทน เราอาจจะเห็นการออกมาเดินด้วยลักษณะไฮแฟชั่นลดลงตามไปด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการย้อนบรรยากาศห้างยุคเก่าๆ ที่เราจะได้เห็นผู้คนมากมายมาเดินเล่น จากผลงานภาพถ่ายของ Michael Galinsky ช่วงบรรยากาศปลายยุค 80 เผยถึงบรรยากาศภายในห้างหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา สะท้อนถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมในยุคเก่าได้เป็นอย่างดี ลิฟต์ใสมีกระจก แฟชั่นการแต่งตัวที่คุ้นตา ยีนส์จะนิยมเป็นพิเศษ ทรงผมแบบกระเซิงๆ และแก้วโค้กใบโต . ชุดสูทสำหรับพนักงานขาย การแต่งตัวหลากหลายแนว . . สูบบุหรี่ในอาคารได้ไม่มีใครว่า . . . . พาลูกมาเที่ยวห้าง ระวังงอแงจะเอาของเล่น . ยีนส์ เสื้อลายตาราง ทรงผมกระเซิง…
-
นายแพทย์ทหารลงมือ ‘ผ่าตัดไส้ติ่ง’ ด้วยตัวเอง เพราะทั้งทีมไม่มีใครสามารถทำได้เลย
คุณหมอ Leonid Rogozov แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปและเป็นอดีตนายแพทย์ทหารแห่งโซเวียต ผู้ที่ “ผ่าตัดไส้ติ่ง” ตัวเองหลังเกิดอาการอักเสบในช่องท้องอย่างรุนแรง ในปี 1961 ในระหว่างการออกปฏิบัติภารกิจสำรวจทวีปแอนตาร์กติก ด้วยสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่ประกอบกับความยากลำบากหลายประการ ทำให้เขาเกิดอาการอักเสบระหว่างทาง… Leonid Ivanovich Rogozov Rogozov รู้สึกเจ็บปวดบริเวณด้านล่างของช่องท้องอย่างหนักหน่วง เขาจึงตัดสินว่านั่นคืออาการ “ไส้ติ่งอักเสบ” ในยุคที่เทคโนโลยียังไม่อำนวยความสะดวกมีเพียงการผ่าตัดเท่านั้นที่จะช่วยเขาได้ โชคไม่ดีที่ทั้งคณะเดินทางมีหมออยู่เพียงคนเดียวซึ่งก็คือตัวของ Rogozov เองเท่านั้น หากเสียเขาไปทั้งคณะจะไม่สามารถเดินทางต่อหรือกระทั่งเดินทางกลับได้อย่างแน่นอน Rogozov จึงตัดสินใจคว้ามีดผ่าตัดเตรียมผ่าตัดช่องท้องของตัวเอง เขาเริ่มให้ยาชากับตัวเองในปริมาณที่น้อย เพราะเขาเองก็ต้องทำหน้าที่เป็นหมอผู้ทำการผ่าตัดด้วยเช่นกัน การควานในช่องท้องตนเองเพื่อค้นหาจุดที่เรียกว่า “ไส้ติ่ง” นั้นทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก แต่หลังจากเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง 45 นาที เขาก็ตัดไส้ติ่งออกมาได้สำเร็จ จากนั้นเขาให้ยาปฏิชีวนะกับตนเองและเย็บแผลปิดเป็นอันสิ้นสุดกระบวนการ เพื่อนๆ ของเขาได้เก็บภาพเอาไว้ เป็นภาพที่ถึงแม้ว่าดูน่ากลัว แต่กลับน่ายกย่องในความกล้าของคุณหมอ Rogozov ที่เลือกจะเสี่ยงผ่าตัดตัวเองเพื่อกลับมาเป็นหมอประจำทีมให้ได้ สิ่งที่น่าอัศจรรย์กว่านั้นก็คือ หมอ Rogozov…
-
เปรียบเทียบปริมาณอากาศที่มีในถุงขนมแต่ละยี่ห้อ ยี่ห้อไหนมีอากาศมากกว่ากัน
มันฝรั่งทอดและขนมอบกรอบ อาหารว่างสุดโปรดของใครหลายๆ คน เพราะสามารถทานได้ทุกที่ ทุกเวลา แถมยังมีหลากหลายรสชาติให้เลือก กรอบๆ มันๆ อร่อยจนลืมอ้วนกันไปเลย สังเกตกันหรือไม่ว่า พวกมันฝรั่งทอดและขนมอบกรอบที่วางขายตามร้านค้าทั่วไปนั้นจะมีขนาดถุงที่ใหญ่ แต่ทว่าปริมาณขนมข้างในนั้นมีอยู่น้อยมากๆ จนเริ่มชักจะสงสัยแล้วว่า นี่ซื้อขนมแถมอากาศ หรือซื้ออากาศแถมขนมกันแน่เนี่ย Ross Hudgens เจ้าของบริษัทผลิตคอนเทนต์เกี่ยวกับการตลาด ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับหัวข้อเรื่องของปริมาณอากาศในถุงขนมเหล่านี้โดยเฉพาะ มาดูกันดีกว่าว่า ขนมแต่ละยี่ห้อมีปริมาณอากาศบรรจุอยู่เท่าไหร่กันบ้าง แต่บางยี่ห้อบ้านเราไม่มีขายนะ Cheetos ประกอบด้วยอากาศ 59% มากกว่าปริมาณขนมอีกนะเนี่ย Ruffles อากาศ 50% ของถุง ครึ่งต่อครึ่ง Stacy’s Pita Chips อากาศก็มาในปริมาณ 50% เช่นกัน Terra อากาศ 49% Doritos ประกอบไปด้วยอากาศ 48 % Kattle Brand ประกอบด้วยอากาศ 47% …
-
10 เหตุผลที่ทำให้ผู้หญิงหย่าร้างกับผัว ซึ่งอันดับ 1 ไม่ได้มาจากการนอกใจ
จุดจบที่แฮปปี้เอ็นดิ้งของเหล่าคู่รักทั้งหลายอาจจะไม่ใช่การแต่งงานเสมอไป และชีวิตหลังการแต่งงานนั้นก็อาจไม่ได้สวยหรูเหมือนดั่งนิยาย หลายครั้งที่สุดท้ายจบลงด้วยการหย่าร้าง www.nextlove.com เว็บไซต์สำหรับการหาคู่โดยเฉพาะผู้ที่หย่าร้างหรือเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวในยุโรป ได้เปิดเผยข้อมูลหลังจากที่ได้ทำการสำรวจผู้หญิงกว่า 43,000 คนทางออนไลน์ ถึงเรื่องของสาเหตุของการหย่าร้างที่เกิดขึ้น และนี่คือ 10 อันดับเหตุผลที่ทำให้ผู้หญิงหย่ากับสามี 1. เป้าหมายในชีวิตแตกต่างกัน 2. การนอกใจ ไม่ซื่อสัตย์ 3. การทะเลาะวิวาทกันอย่างต่อเนื่อง 4. ขาดความสนิทสนม 5. อาการทางจิต 6. การประพฤติผิด 7. ความเบื่อหน่าย 8. การทำร้ายร่างกาย 9. ปัญหาในบ้าน 10. ปัญหาเรื่องเงิน สาเหตุที่ทำให้คู่รักหย่าร้างกันอันดับ 1 เลยนั่นก็คือการที่เป้าหมายในชีวิตของทั้ง 2 ฝ่ายไม่ตรงกัน นำไปสู่การหย่าร้างและการหาความสัมพันธ์ครั้งใหม่ในโลกออนไลน์ Sigured vedal ผู้ก่อตั้งของเว็บไซต์ Nextlove กล่าวว่า “การขาดความสนใจที่ตรงกันของทั้ง 2 ฝ่ายในระยะยาวอาจนำไปสู่เหตุผลที่ 2 ตามมา” จากข้อมูลพบว่าคู่หย่าร้างร้อยละ…
-
ภรรยาเก่าเผย กว่าจะประสบความสำเร็จอย่าง Elon Musk ได้ จะต้องเป็นคนแบบไหน!?
หากใครได้ติดตามข่าวคราวถ้ำหลวง ในระหว่างการช่วยเหลือทีมหมูป่าออกมา ทางด้าน Elon Musk ได้เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อทดสอบเรือดำน้ำขนาดเล็กที่จะนำมาช่วยภารกิจในครั้งนี้ โดยที่แทบจะไม่น่าเชื่อว่าชายผู้เปรียบได้เหมือนดั่ง Tony Stark ในชีวิตจริง ผู้เป็นเจ้าของบริษัท SpaceX และ Tesla Motor จะยืนมือเข้ามาช่วยเหลือด้วยตนเอง Elon Musk แม้ก่อนหน้านี้ เราจะไม่ค่อยรู้จักชายคนดังกล่าวเท่าไหร่นัก จนกระทั่งเขาได้ยื่นความช่วยเหลือมาให้ ก็เริ่มมีผู้คนให้ความสนใจกับเขามากขึ้น กับเจ้าแห่งเทคโนโลยีที่เรียกได้ว่าล้ำหน้าที่สุด ณ เวลานี้ อย่างไรก็ตาม กว่าที่ Elon Musk จะประสบความสำเร็จและยิ่งใหญ่ถึงขนาดนี้ เขาก็เคยประสบความล้มเหลวมานักต่อนัก ทั้งบริษัทเกือบจะล้มละลาย ตัวเองแทบจะไม่มีเงินใช้ รวมไปถึงปัญหาชีวิตครอบครัวด้วย Justine Musk ภรรยาคนแรกที่แต่งงานกับ Elon Musk ทั้งนี้ Justine Musk ภรรยาเก่าคนแรกผู้เป็นนักเขียน ได้ออกมาตอบคำถามผ่านเว็บไซต์ Quora เมื่อปี 2015 เกี่ยวกับ Elon ว่าการที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างเขานั้น คุณจะต้องเป็นบุคคลแบบไหน… …
-
7 แนวคิดอัจฉริยะของ Elon Musk เพื่อสร้าง “โลกสุดล้ำ” ในยุคอนาคต!!
เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้จัก Elon Musk และธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ของเขา จากทั้งแนวคิดเรื่องต่างๆ ของเขาทั้งในด้านธุรกิจและเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ทำให้เราต่างก็ทึ่งกันแล้ว แนวคิดเรื่องโลกในอนาคตของเขามันยิ่งน่าทึ่งไปใหญ่ คราวนี้ผมเลยอยากจะให้ทุกคนได้เรียนรู้ในแนวทาง “การวางแผนธุรกิจในโลกอนาคต” ที่เราอาจจะหาไม่ได้จากตำราเล่มไหนๆ แต่สามารถศึกษาได้อย่างดีจากสิ่งที่เขากำลังทำและแผนงานของเขาที่จะทำให้มันเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ 1. โปรเจ็คท์ Machine that makes the Machine จะเห็นว่าเขาใส่ใจในเรื่องของ AI มาก และภาพที่เขาคิดเอาไว้คือการสร้างโรงงานการผลิตรถยนต์ที่ใช้แต่หุ่นยนต์ในสายการผลิตล้วนๆ นั่นคือการสร้างตัวแทนคนงานที่ได้มาตรฐาน ทำงานได้ตลอดเวลา และเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ตรงตามเป้า ซึ่งแนวคิดโรงงานหุ่นยนต์ล้วนๆ นี่คงต้องพึ่งพาระบบสมองกลอัจฉริยะกว่าที่มีอยู่ทุกวันนี้มาก 2. จึงเป็นที่มาของ OpenAI OpenAI คือบริษัทพัฒนาระบบอัจฉริยะ ที่มุ้งเน้นไปที่ Artificial Intelligence (AI) โดยเฉพาะ ซึ่งหากสมองกลพัฒนาไปอีกระดับหนึ่ง นอกจากจะมีประโยชน์ด้านการผลิตในโรงงานแล้ว ยังส่งผลถึงเครือข่ายขนส่งของเขาที่จะพูดถึงในข้อต่อๆ ไปด้วย 3. ผลิตรถยนต์ 1,000,000 คันต่อปี ปัจจุบัน…
-
ภาพพิสูจน์ “โรคกลัวรู” สิ่งที่ใครหลายๆ คนอาจเป็น และมันคงจะไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่…
***คำเตือน ใครที่เป็นโรคกลัวรูอย่าเลื่อนลงไปเด็ดขาด*** Trypophobia คือชื่อของ โรคกลัวรู ที่หลายๆ คนบนโลกเป็นกัน ทำให้เราเกิดความหวาดกลัวทุกครั้งเวลาที่ได้เห็นรูเรียงกันเยอะๆ หรือหนักๆ เข้าบางคนอาจถึงขั้นกลัวรูบนร่างกายของตัวเอง แต่เพื่อนๆ เคยลองพิสูจน์กันบ้างมั้ยว่าตนเองมีอาการของความกลัวอย่างที่ว่านี้หรือเปล่า นั่นแหละจึงเป็นที่มาของภาพเหล่านี้ที่จะช่วยยืนยันให้เองว่าคุณเป็นโรคกลัวรูจริงๆ (คนที่มีอาการกลัวรูจะไม่สามารถรับมือกับภาพเหล่านี้ได้เลยแม้แต่น้อย ถ้าเพียงแค่รู้สึกขยะแขยงทั่วไป อันนั้นไม่ใช่อาการของมันนะ) ภายในของแป้งโด ซุปมันฝรั่ง บอลลูนหลากสี ยางรถยนต์ มือที่แบบ… ก็นะ เนื้อสอดไส้สปาเกตตี แว่นตากันแดด แผ่นมาสก์หน้า พืช… อะไรหว่า?? โต๊ะ พายที่ยังไม่ได้อบ แตงกวาดอง ลำต้นต้นไม้ แตงโม ปลูกถ่ายเส้นผม ถ้าใครกลัวรูนี้ บอกเลยว่าอย่ากังวล เพราะ #เหมียวตะปู เองก็กลัวเหมือนกัน “This…
-
โลกนี้ไม่ได้มีแต่บุรุษ!! 4 วีรสตรียอดนักรบ ที่ถูกจารึกชื่อไว้ในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์
ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของโลกใบนี้ ได้สร้างสรรค์นักรบมีชื่อมาก็มากมายหลายคน ไม่ว่าจะเป็นคนอย่างริชาร์ดใจสิงห์ เจงกิสข่าน หรืออเล็กซานเดอร์มหาราช สำหรับผู้คนของพวกเขาแล้ว คนเหล่านี้ล้วนแต่ได้รับการขึ้นชื่อว่าเป็นวีรบุรุษทั้งนั้น แต่ในอีกด้านหนึ่งของตำนานวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่นั่นเอง บนโลกใบนี้ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่พร้อมต่อสู้เพื่อพวกพ้อง และสละชีวิตเพื่อเหล่าผู้คนที่ตนรัก พวกเธอคือเหล่านักรบ ที่แม้จะถูกมองว่าด้อยกว่าบุรุษ แต่ก็ยังยืนหยัดในสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่นเรื่อยมา พวกเธอคือเหล่าวีรสตรีผู้ที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ อาร์ทีมีเซียแห่งคาเรีย หญิงสาวผู้ได้รับการตั้งชื่อตามเทพธิดาแห่งการล่า “อาร์ทิมิส” เธอคือราชินีแห่งฮาลิคานาคัส ผู้มีชื่อเสียงในฐานะ ผู้บัญชาการนาวิกโยธิน พันธมิตรของจักรพรรดิเซิร์กซี กษัตริย์แห่งเปอร์เซียในระหว่างสงครามกับรัฐๆ หนึ่งของกรีก (คุ้นๆ ไหม… ใช่แล้วสปาร์ตานั่นเอง) ชื่อเสียงของเธอนั้นมาจากการรบทางเรือที่ซาลามิส ด้วยยุทธนาวีสุดชาญฉลาดและการเอา รวมไปถึงการชีวิตรอดที่ยอดเยี่ยม อย่างการบังคับเรือเข้าใส่พวกตัวเองเพื่อหลอกให้ชาวกรีกคิดว่าเธอเป็นพวกเดียวกัน ในขณะที่เซิร์กซีที่มองจากฝั่งคิดว่าเธอจมเรือของศัตรูเป็นต้น โจนออฟอาร์ค เชื่อเถอะว่าพูดถึงวีรสตรี หลายๆ คนก็คงจะคิดถึงเธอเป็นคนแรก โจนออฟอาร์ค หรือ “ฌาน ดาร์ก” เป็นหนึ่งในยอดนักรบและนักบุญหญิงของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 เธอเป็นผู้ที่ขับไล่ชาวอังกฤษออกไปจากฝรั่งเศสในช่วงปลายของสงครามร้อยปี และได้รับชื่อเสียงในฐานะผู้เอาชนะสงครามที่เมืองออเลียนส์ได้ในเวลาเพียง 9 วัน อย่างไรก็ตามวีรสตรีคนนี้กลับต้องมาจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า เพราะในปี 1430 เธอได้ตกเป็นเชลยของฝั่งอังกฤษ และถูกเผาทั้งเป็นหลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด จบชีวิตเด็กสาวยอดนักรบไปด้วยวัยเพียงประมาณ 19 ปีเท่านั้น …
-
6 เรื่องที่เราเรียนรู้ จากเหตุ “น้ำท่วมใหญ่ญี่ปุ่น” แม้จะสูญเสีย แต่พร้อมรับมืออยู่เสมอ
เชื่อว่าพวกเราคงได้ทราบข่าวฝนตกหนักทางฝั่งตะวันตกของ ประเทศญี่ปุ่น กันไปแล้ว ซึ่งมันได้ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งใหญ่ ดินถล่ม ประชาชนเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 112 คน สูญหายอีกเป็นจำนวนมาก แต่แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นต้องเจอกับภัยพิบัติอันใหญ่หลวง แดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ผ่านการสูญเสียมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะตั้งแต่หลังการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ในฮิโรชิม่า ปี 1945 เป็นต้นมา ถึงแม้ว่าญี่ปุ่นจะถูกจัดเป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่ต้องเจอกับความสูญเสียครั้งใหญ่มามากที่สุดในโลก แต่ทุกครั้งพวกเขาก็สามารถก้าวผ่านมันมาได้อย่างไม่ย่อท้อ ฟื้นฟู และเรียนรู้ที่จะพัฒนาสิ่งต่างๆ ต่อไป จนมาถึงในวันนี้ เมื่อน้ำท่วมครั้งใหญ่ก่อปัญหาสร้างความเดือดร้อน คร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมาก แต่ภายใต้ความโศกเศร้าเสียใจที่เกิดขึ้น ทั่วโลกก็ยังคงได้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ยอมแพ้และยังคงพยายามที่จะก้าวผ่านมันไป #เหมียวตะปู จึงขอพูดถึงสิ่งต่างๆ ที่เราได้เรียนรู้จากประเทศญี่ปุ่น ว่าทำไมพวกเขาถึงนับว่าประสบความสำเร็จกับการรับมือภัยพิบัติต่างๆ ลดการสูญเสียให้ได้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ 1. ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพวกเขานั้น อาจไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถสังเกตเห็นได้โดยทั่วไป แต่เมื่อไหร่ที่เกิดภัยพิบัติ คนญี่ปุ่นจะไม่ละทิ้งกันแต่จะคอยช่วยกันพยุงให้รอดผ่านวิกฤตครั้งนั้นๆ ไป เราจะเห็นจากสื่อในต่างประเทศแทบทั้งหมดว่าพวกเขามักอยู่รวมกัน ส่วนไหนที่หยิบยื่นให้กันได้ พวกเขาก็พร้อมที่จะแบ่งปัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของน้ำ อาหาร หรือที่พักอาศัย/ที่หลบภัย 2. ความเห็นอกเห็นใจคนแปลกหน้า จากบทความหนึ่งของนักเขียน Robert…
-
อี๋วววว~ นี่คือสาเหตุที่เราไม่ควรเข้าใกล้ “ศพปลาวาฬ” ทั้งแก๊สทั้งกลิ่นมาเต็ม!!
วาฬ หรือ ปลาวาฬ หลายคนอาจทราบกันดีว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สัตว์ชนิดนี้ถึงแม้จะมีขนาดมหึมาแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นสัตว์อันตรายหรือดุร้ายแต่อย่างใด แต่เมื่อพวกมันสิ้นชีพลงมันกลับอันตรายต่อมนุษย์เสียยิ่งกว่าตอนมีชีวิตอยู่เสียอีก ศพของปลาวาฬย่อมเป็นจุดสังเกตของผู้คนเนื่องจากขนาดตัวที่ใหญ่โต บางครั้งศพของมันก็ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ บางครั้งมันก็เกยตื้นอยู่ตามชายหาด แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ศพของปลาวาฬไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์อย่างเราควรเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย ต่อไปนี้คือ เหตุผล ที่ทำไมเราถึงไม่ควรเข้าใกล้ศพปลาวาฬ… เมื่อปลาวาฬตายลงภายในศพจะมีแก๊สอัดแน่อยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะในส่วนท้องที่อัดจนพองรอเวลาระเบิดออก เมื่อเซลล์เริ่มเสื่อมสลายลงทีละนิด แก๊สภายในจึงเหมือนระเบิดเวลาที่รอให้เซลล์รับแรงดันไม่ไหวหรือมีอะไรมากระตุ้นจนเกิดการระเบิดออกมา เครื่องในของปลาวาฬสามารถระเบิดออกมาได้ภายในเสี้ยววินาทีโดยไม่มีสัญญาณเตือน หากชายคนนี้ต้องการหลบระเบิดให้ทันต้องใช้ความเร็วออกตัวที่ 70 กม./ชม. เลยล่ะ แถมแรงระเบิดยังทำให้เครื่องในและไขมันของปลาวาฬสามารถปลิวได้ไกลกว่า 50 เมตรอีกด้วย ที่น่าขนลุกยิ่งกว่าแรงระเบิดของแก๊สภายในศพปลาวาฬก็คือ กลิ่นของมันที่เลื่องลือกันว่าเป็นกลิ่นที่เหม็นเน่าที่สุดเท่าที่คนเราเคยสัมผัสมา บึ้ม! เผละ… อี๋… ขอสาบานเลยว่าชาตินี้จะไม่ขอเข้าใกล้ศพปลาวาฬอย่างแน่นอนเลยล่ะจ้า!! ที่มา: thechive
-
Howard Berg ชายผู้อ่านหนังสือไวที่สุดในโลก 25,000 คำภายใน 1 นาที!!
การอ่านถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราเข้าใจโลกและสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น และแน่นอนว่าการอ่านได้อย่างรวดเร็วแถมยังเข้าใจใจความสำคัญทั้งหมดได้ในระยะเวลาอันสั้นนั้นก็เป็นประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียว!! เพราะในบางครั้งมันอาจช่วยให้คุณเข้าใจเนื้อหาของเอกสารสำคัญกว่า 1,000 หน้าได้ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็ได้!! ความสามารถที่เรายกตัวอย่างไปนั้นอาจจะดูเหมือนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์ธรรมดาๆ แต่เชื่อหรือไม่ว่าในโลกของเราก็ยังมีชายผู้หนึ่งที่สามารถทำเรื่องที่น่าเหลือเชื่อนี้ได้…. พบกับเรื่องราวอันน่าทึ่งของ Howard Berg ชายเจ้าของสถิติโลกจาก Guinness Book of World Records ที่สามารถอ่านหนังสือได้ถึง 25,000 คำภายใน 1 นาที แถมยังจำรายละเอียดทั้งหมดได้อีกด้วย!! ศาสตราจารย์วัย 84 ปีผู้นี้สามารถคว้าสถิติโลกดังกล่าวได้ในปี 1990 จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Binghamton University ในรัฐนิวยอร์ก ปัจจุบัน Howard คือผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเรียนรู้บนพื้นฐานการพัฒนาสมองในระดับนานาชาติ เขาเผยว่าเคล็ดคลับของการอ่านอย่างรวดเร็วก็คือการพัฒนาสมอง และเปิดศักยภาพการเรียนรู้อย่างเต็มที่ เพื่อให้เก็บข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว “โลกปัจจุบันของเรา จะมีข้อมูลข่าวสารเพิ่มมากเป็น 2 เท่าในทุกๆ 6 เดือน และคงจะเป็นเรื่องดีมากถ้าหากเราย่นระยะเวลาการรับข้อมูลต่างๆ ได้ การเรียนรู้ที่น้อยลง สามารถทำให้เรามีเวลาทำอย่างอื่นได้มากขึ้น” Howard กล่าว Howard ค้นพบความสามารถอันน่าทึ่งของสมองนี้ระหว่างตอนที่เขาเรียนมหาวิทยาลัย เขาเล่าว่าตอนนั้นเขาสามารถอ่านหนังสือได้เร็วกว่า…
-
ชมภาพแฟนบอลอังกฤษ หลังทีมรักเข้าสู่รอบรองฯ ได้สำเร็จ หลังรอมานานเกือบ 30 ปี!!
“และแล้วก็เป็นทีมชาติอังกฤษครับ ที่สามารถทำได้สำเร็จ!!” เสียงของผู้บรรยายดังขึ้น พร้อมกับความดีใจของเหล่าพลพรรคสิงโตคำราม ที่สามารถผ่านเข้าไปเล่นรอบก่อนรองชนะเลิศในฟุตบอลโลกได้สำเร็จ หลังจากที่พวกเขาต้องรอมานานเกือบ 30 ปี การเอาชนะทีมชาติสวีเดนในรอบ 8 ทีมได้สำเร็จ ทำให้แฟนๆ อังกฤษหลายๆ คนนึกถึงเวิร์ดคัพเมื่อปี 1966 ที่พวกเขาสามารถคว้าแชมป์โลกในบ้านตัวเองได้สำเร็จเป็นสมัยแรก และแน่นอนว่าชัยชนะนัดสำคัญครั้งนี้ของพวกเขา เราก็มีภาพของเหล่าแฟนๆ สิงโตคำรามที่ออกมาฉลองหลังจากทีมรักสามารถผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ จากสื่อต่างประเทศมาให้ได้ชมกัน… จากรายงานของสื่อต่างประเทศเผยว่า เมื่อวานมีชาวอังกฤษมากกว่า 32 ล้านคนที่ชมเกมนัดสำคัญนี้ทางทีวี และนอกจากนี้อีกจำนวนมากยังออกมาชมเกมที่นอกบ้าน หรือตามสถานที่ต่างๆ อีกจำนวนมาก หนุ่มชาว Birmingham ที่ขึ้นไปยืนอยู่บนรถบัส พร้อมกับทำท่าดีใจที่ทีมรักของเขาสามารถผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ . “ผมเกิดไม่ทันดูทีมชาติของเราเล่นฟุตบอลโลกนัดรองชนะเลิศ พวกเรามักจะพูดกันเสมอว่าการเล่นแต่ละนัดของเราคือการสร้างประวัติศาสตร์” Jordan Pickford ผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษให้สัมภาษณ์ ภาพของเหล่าแฟนบอลที่ดีใจสุดขีด หลังรู้ว่าทีมรักสามารถผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ หลังจากนัดสุดท้ายที่พวกเขาทำได้คือเมื่อ 28 ปีที่แล้ว . แฟนบอลส่งเสียงเฮลั่น Croydon Boxpark หลังจากที่ Dele Alli โหม่งประตูชัยได้ในนาทีที่ 58 แฟนบอลที่ขึ้นไปนั่งบนป้ายทางรถไฟใต้ดินอังกฤษ สัญลักษณ์หนึ่งของกรุงลอนดอน …
-
จีนตั้งค่าหัว “มวนเพชฌฆาต” สิ่งมีชีวิตอันตราย แจ้งเบาะแสปั๊บ รับไปเลยตัวละ 40 บาท!!
Kissing Bug หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ มวนเพชฌฆาต เป็นแมลงที่มีถิ่นกำเนิดมาจากฝั่งลาตินอเมริกา ก่อนที่จะแพร่ขยายไปสู่อเมริกาเหนือ ยุโรป โอเชียเนีย และเอเชีย หน้าตาของแมลงชนิดนี้ ความน่ากลัวของเจ้าแมลงชนิดนี้คือพวกมันมักจะเข้าจู่โจมเราในตอนหลับ กัดบริเวณใบหน้าหรือฝีปากเพื่อดูดเลือดและปล่อยเชื้อที่มีชื่อว่า Chagas เชื้อ Chagas จะเป็นในรูปแบบของปรสิตที่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดของมนุษย์ อยู่ในร่างกายของเราได้นาน 20-30 ปีโดยไม่รู้ตัว อาการหลังได้รับเชื้อนี้ได้แก่ หน้าบวม มีไข้ อ่อนแรง ก่อนที่จะส่งผลไปยังระบบประสาท ระบบย่อยอาหาร การทำงานของหัวใจ หรืออาจทำให้เราเสียชีวิตได้ในทันที ปัจจุบันยังคงไม่มีวัคซีนสำหรับการรักษาเชื้อ Chagas ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้เจ้ามวนเพชฌฆาตถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นภัยอันตรายกับชีวิตของเรา มักพบเจอได้ในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ กองท่อนไม้ หรือเล้าไก่ ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2018 ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเมืองกว่างโจว ประเทศจีน จึงได้ออกประกาศบนสื่อโซเชียลมีเดีย ขอให้ประชาชนช่วยกันแจ้งเบาะแสของแมลงชนิดนี้ พวกเขาแจ้งว่าหากชาวบ้านคนไหนพบเห็นและแจ้งเบาะแสให้ทราบจะมอบเงินรางวัลให้ 8 หยวนต่อ 1 ตัว (40 บาท) ส่วนใครที่นำมันมาส่งมอบด้วยตัวเองก็จะได้รับการตรวจสุขภาพฟรีเพิ่มเติม …
-
ผ่อนคลายความเครียดกับ Muon Meditation Studio โรงฝึกสมาธิ ใจกลางกรุงโตเกียว
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณกำลังเจอเรื่องที่บั่นทอนจิตใจ หรือภาระงานที่มันหนักอึ้งจนทำให้คุณปวดหัวและเกิดความเครียดล่ะก็ การหลับตา สูดหายใจเข้าออกช้าๆ ที่เรียกว่าการทำสมาธินั้นก็สามารถช่วยผ่อนคลายสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว และวันนี้ก็จะขอพาทุกคนเดินทางไปยังกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อทำความรู้จักกับ Muon Meditation Studio สถานที่ที่จะช่วยคลายความเครียด… ที่ Muon นั้นค่อนข้างที่จะแตกต่างจากสตูดิโอฝึกสมาธิทั่วๆ ไปที่มักจะประกอบด้วยการทำโยคะ และการนั่งสมาธิ แต่ที่นี่จะมุ่งเน้นให้ผู้ใช้บริการ ได้สัมผัสกับการทำสมาธิที่แท้จริง และอาจจะเป็นที่แรกในญี่ปุ่นอีกด้วย!! การใช้บริการของที่นี่ สามารถจองล่วงหน้าได้จากทางเว็บไซต์ muon เท่านั้น และสามารถยกเลิกการจองได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง . Anji จากเว็บไซต์ SoraNews ที่ได้มีโอกาสทดลองใช้บริการของที่นี่เล่าว่า เมื่อมาถึงที่นี่คุณจะได้พบกับบรรยากาศอันเงียบสงบ แถมยังไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเข้ารับบริการอีกด้วย สิ่งแรกที่คุณจะได้รับเมื่อมาถึงก็คือ การนั่งจิบชาร้อนๆ เพื่อผ่อนคลายก่อน จากนั้นคุณจะถูกพาเข้าไปที่ห้องทำสมาธิ ที่ประดับด้วยแสงไฟนวลๆ ชวนผ่อนคลาย ที่ห้องนี้คุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้นำอุปกรณ์สื่อสารใดๆ ติดตัวเข้าไป การฝึกสมาธิของที่นี่จะมีให้เลือกถึง 4 คอร์สด้วยกัน ซึ่งคุณ Anji ได้เลือกคอร์สสำหรับผู้เริ่มต้น ซึ่งจะใช้เวลาในการฝึก 30 นาทีด้วยกัน ซึ่งในคอร์สสำหรับผู้เริ่มต้นนี้…
-
Jarawa เผ่าพันธุ์ที่แยกจากโลกมากว่า 55,000 ปี และอาจหายไปเพราะอารยธรรมยุคใหม่
ในยุคที่ประเทศต่างๆ ล้วนแต่ติดต่อสื่อสารกันผ่านเทคโนโลยี จนถูกเรียกกันว่ายุคแห่งการสื่อสารนั้น ยังมีชนเผ่าเผ่าหนึ่งที่ยังคงรักษาชีวิตที่โดดเดี่ยวและมิได้ถูกแตะต้องโดยอารยธรรมสมัยใหม่เอาไว้ ถิ่นฐานของพวกเขานั้น ห่างออกไปทางตะวันตกของประเทศไทย บนหมู่เกาะอันดามัน ซึ่งอยู่ในอาณาเขตส่วนหนึ่งของประเทศอินเดีย พวกเขาคือเผ่าพันธุ์ Jarawa เผ่าโบราณที่ใช้ชีวิตอยู่บนเกาะแยกตัวจากโลกภายนอกมากว่า 55,000 ปี และยังคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตที่ได้รับการขัดเกลามาตั้งแต่จุดเริ่มต้นของอารยธรรมมนุษยชาติ พวกเขายังคงใช้ภาษาซึ่งเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครประจำชนเผ่า มีศาสนาความเชื่อเป็นของตัวเอง และใช้ชีวิตอยู่กับผืนป่า เฉกเช่นบรรพบุรุษในอดีต นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากเชื่อว่าพวกเขาลูกหลานของเผ่า Jangil ซึ่งสูญพันธุ์ไปแล้วในปัจจุบัน และมีสมาชิกทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 380 คน (จากข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากรของอินเดีย) ส่วนคำว่า Jarawa ที่เป็นชื่อเผ่านั้น มาจากคำว่า “ศัตรู” หรือ “คนนอก” ในภาษา Aka-Bea ซึ่งเป็นภาษาของเผ่าที่เป็นศัตรูของเผ่าคนป่าเหล่านี้ และนั่นทำให้เผ่าพันธุ์ที่ว่านี้ได้รับชื่อเสียงผิดๆ ในฐานะเผ่าพันธุ์ที่ป่าเถื่อน หรือในบางครั้งก็รุนแรงมากถึงขั้นเชื่อว่าพวกเขานั้นกินมนุษย์ แต่แม้ว่าชนเผ่า Jarawa นั้น จะเคยเป็นเผ่านักรบมาก่อน แท้จริงแล้วพวกเขาก็เป็นมิตรกว่าที่เห็น เพราะแม้พวกเขาจะแยกตัวออกจากสังคมโลก แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะฆ่าคนไม่เลือกหน้า อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในสมัยก่อนจะมีการใช้พยายามกำลังในการสยบชนเผ่าที่ว่านี้ก็ตาม แต่จุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของวิถีชีวิตของชนเผ่าที่ว่านี้กลับมาจากการเผยแพร่ของเทคโนโลยีและวัฒนธรรม จากคนภายนอกในนามของ…
-
บทเรียนชีวิตแสนง่าย…จากเด็กที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรง กับ ‘สิ่งสำคัญในชีวิต’ ของพวกเขา
เด็กก็เปรียบเสมือนกับผ้าขาว หากเราแต่งแต้มอะไรลงไปพวกเขาก็จะเติบโตมาเป็นแบบนั้น…. แล้วเพื่อนๆ เคยคิดกันบ้างไหมว่าเหล่าเด็กๆ ที่เกิดมาพร้อมกับโรคร้าย และได้ใช้ชีวิตอยู่เพียงไม่นาน พวกเขาจะมีความคิดต่อโลกใบนี้อย่างไรกันบ้าง? นี่เป็นเรื่องราวที่คุณหมอ Alastair McAlpine จะมาเล่าให้พวกเราฟัง เขาได้ทำการพูดคุยกับเด็กๆ ที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรง และพวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นาน ถึงประเด็นของสิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุขในชีวิต และความสำคัญของสิ่งเหล่านั้น และคำตอบของเด็กๆ กลายเป็นบทเรียนอันแสนล้ำค่า ที่สามารถสอนวิธีคิดการมองโลกแบบง่ายๆ ให้กับหลายๆ คนที่ยังมีชีวิตอยู่และเพื่อนๆ อาจจะคาดไม่ถึงเลยทีเดียว 1. ไม่มีใครที่อยากจะใช้เวลาบนโลกอินเตอร์เน็ตมากไปกว่านี้ “พวกเขาไม่ได้ต้องการที่จะดูทีวี ไม่มีใครอยากจะเล่นเฟซบุ๊ก ไม่มีใครอยากจะต่อสู้กับคนอื่นๆ และไม่มีใครที่ชอบโรงพยาบาลเลย” 2. สัตว์เลี้ยง ทำให้ชีวิตของพวกเขามีความสุข “หลายคนพูดถึงสัตว์เลี้ยงของตัวเอง : ‘ผมรักลูฟัส เสียงเห่าตลกๆ ของมันทำให้ผมหัวเราะได้’, ‘หนูชอบมากเวลาที่จินนี่มากอดหนูตอนกลางคืนและหายใจเป็นเสียงเพอร์’, ‘หนูมีความสุขมากเมื่อได้ขี่เจ้าเจคบนชายหาด’” 3. พวกเขารักพ่อแม่ของพวกเขา “หลายคนพูดถึงพ่อแม่ของตัวเอง บ้างก็แสดงออกให้เห็นถึงความเป็นห่วง : ‘หวังว่าแม่จะสบายดี ดูเหมือนว่าเธอจะเศร้ามากๆ เลย’,…
-
นักวิทยาศาสตร์คิดค้นแบบจำลอง การมองเห็นของตัวต่อ เพื่อศึกษาการบินของพวกมัน
ในวัยเด็ก หลายๆ คนอาจจะมีความใฝ่ฝันที่แตกต่างกันมากมาย บางคนอยากเป็นดารา บางคนอยากเป็นตำรวจ บางคนอยากเป็นนายกรัฐมนตรี และเด็กๆ บางคนก็อาจจะอยากลองเป็นแมลงด้วยก็ได้ เรื่องราวที่ #เหมียวเวจจี้ นำมาฝากเพื่อนๆ ในวันนี้ อาจจะโดนใจหลายๆ คนที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นแมลงก็ได้ เพราะเราจะให้คุณได้สัมผัสกับภาพในมุมมองของเจ้าตัวต่อ นั่นเอง!! นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลียได้ทำการศึกษาการเคลื่อนไหวของพวกต่อ โดยการติดกล้องเอาไว้ที่ศีรษะของพวกมัน โดยการจับทิศการจ้องมองของพวกมันด้วยกล้องความเร็วสูง ก่อนจะนำไปสร้างแบบจำลองมุมมองของตัวต่อ Jochen Zeil นักวิทยาศาสตร์หัวหน้าทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Australian National University ให้สัมภาษณ์ว่าทีมวิจัยของเขาใช้เวลามากกว่า 10 ปีในการสร้างแบบจำลองนี้ https://i.kinja-img.com/gawker-media/image/upload/zcmnr531saikbkszzaxe.mp4 มุมมองของตัวต่อจากการศึกษาในครั้งนี้ สามารถช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ศึกษาสิ่งที่ตัวต่อทำในระหว่างที่พวกมันกำลังเรียนรู้เส้นทางการบินได้ ซึ่งจะช่วยอธิบายข้อสงสัยที่ว่าพวกตัวต่อนั้นบินไปกลับรังของมันได้อย่างไร การศึกษานี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถนำเอาความรู้ที่ได้ มาพัฒนาหุ่นยนต์บินสำรวจที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น “มันน่าสนใจมากที่จะนำผลการศึกษานี้ไปใช้ในการพัฒนาหุ่นยนต์ พวกเราต้องการรู้เทคนิคการบินกลับรังของพวกมันเพื่อใช้ในการพัฒนา” ดอกเตอร์ Zeil ให้สัมภาษณ์ ที่มา gizmodo
-
“โรคกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ” โรคที่คนทำงานมักจะเป็น และการป้องกันเบื้องต้น
เคยเป็นไหม รู้สึกว่าปวดข้อแขน ข้อมือรู้สึกตึงๆ ชาที่ฝ่ามือ หรือกำมือได้ไม่แน่น นี่คือสัญญาณของอาการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ ซึ่งถ้าปล่อยไว้อาจจะทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อมือของเรานั่นเอง ดังนั้นในวันนี้ #เหมียวศรัทธา จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของอาการปวดข้อมือเหล่านี้ รวมทั้งวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้อาการเหล่านั้นดีขึ้นด้วยตัวเอง การกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือคืออะไร “การกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ” หรือ Carpal tunnel syndrome เป็นหนึ่งในกลุ่มอาการที่เรารู้จักกันในชื่อ Office syndrome ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยๆ กับเหล่าผู้ที่ต้องนั่งทำงานในท่าเดิมๆ เป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะกับคนที่ต้องทำงานที่เกี่ยวกับการพิมพ์คีย์บอร์ด การกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมืออันตรายอย่างไร การกดทับประเภทนี้จะทำให้ประสาทหลักของมือถูกบีบอัด ทำให้รู้สึกชา ปวด เจ็บ หรือเป็นเหน็บบริเวณมือกับแขน โดยอาการอาจจะค่อยๆ หนักขึ้นได้ตามกาลเวลา จนบางครั้งอาจจะต้องมีการรักษาด้วยการใช้ยา เข้าเฝือก หรือแม้แต่การผ่าตัดหากอาการรุนแรงจนเกินไป การป้องกันและลดอาการปวดเบื้องต้น หากยังไม่มีอาการรุนแรงอาการของการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ สามารถป้องกันได้โดย 1. พักมือบ่อยๆ เพราะว่าการทำงานที่อาศัยการเคลื่อนไหวมือซ้ำๆ อย่างการพิมพ์ จะมีผลกระทบที่ข้อมือเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากต้องทำงานเป็นเวลานาน การให้เวลาพักข้อมือจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยควรจะมีการพักออกกำลังกายง่ายๆ ทุกๆ 2-3 ชั่วโมงนั่นเอง 2. ทำข้อมือให้ตรงเวลาทำงาน กดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือนั้นมักจะมาจากการพับงอของข้อมือโดยที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้นการพิมพ์โดยทำให้ฝ่ามือขนานกับคีย์บอร์ดจึงเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุได้เป็นอย่างดี 3.…
-
5 เรื่องเกี่ยวกับ “กระปู๋” ที่จะทำให้รู้ว่ามันพิเศษกว่าแค่ ชิ้งฉ่อง ช่วยตัวเอง หรือสืบพันธุ์เท่านั้น!!
สำหรับผู้ชาย สิ่งที่ติดตัวเรามาตั้งแต่กำเนิดนอกจากแขนขาหรืออวัยวะต่างๆ แล้ว สิ่งที่จะทำให้เราแยกเพศสภาพได้อย่างชัดเจน ก็คงหนีไม่พ้นอวัยวะเพศชาย หรือที่เราอาจเรียกว่า จุ๊ดจู๋ กระปู๋ หรรมส์ งวงช้าง หนอนด้วง ฯลฯ แต่เราอาจไม่เคยรู้กันมาก่อนเลยว่าเจ้าอวัยวะขนาดเล็กจิ๋วของเรานี้ (หรืออาจบิ๊กเบิ้ม ขึ้นอยู่กับแต่ละคน) มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับมันมามากมาย ทั้งแปลก ทั้งน่าประหลาดใจ จนอาจทำให้เรามองมันผิดไปจากปกติได้เลย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราลองไปรับรู้ความเจ๋งพิลึกๆ เหล่านี้พร้อมๆ กันเลยยย 1. กระปู๋เคยมีกระดูกเป็นแกนกลางมาก่อน เมื่อนานมาแล้วน้องชายของพวกเราเคยมีกระดูกเป็นแกนกลาง เหมือนกับพวกสัตว์บางชนิด เช่น ลิง และหนู เป็นต้น ซึ่งที่เป็นอย่างนั้นก็เพื่อทำให้แข็งตัวได้ไว ใช้สำหรับการสืบพันธุ์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Stanford สหรัฐอเมริกา บอกว่า เราได้สูญเสียแกนนั้นไปนับตั้งแต่ที่เราวิวัฒนาการจาก Neanderthals มาสู่ Homo Sapiens (ราวๆ หลายแสนปีก่อน) 2. ผู้ชายสามารถเกิดมามี 2 กระปู๋ได้ ความผิดปกติดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า Diphallus เป็นเรื่องหายากที่จะพบได้แค่จากผู้ชาย 1 ใน 6…
-
13 ไลฟ์แฮ็ก วิธีการเลี้ยงลูกฉบับพ่อแม่มือโปร แค่นี้ชีวิตก็สบายขึ้นเยอะ
สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ทั้งหลาย การเลี้ยงลูกก็กลายเป็นเรื่องที่ยากไปซะหมด นับว่าเป็นเรื่องสุดแสนจะปวดหัวและวุ่นวายไม่ใช่น้อยเลยใช่ไหม เหล่าคุณพ่อคุณแม่มือฉมังก็มีไลฟ์แฮ็กวิธีการเลี้ยงลูกมาแบ่งปันกัน ซึ่งแต่ละวิธีคุณพ่อคุณแม่มือใหม่สามารถทำตามได้ง่ายๆ ลองไปดูกันเลย 1. ป้องกันไม่ให้ลูกสามารถบิดลูกบิดได้ นำไหมพรมถักมาครอบตรงลูกบิดประตู เด็กจะไม่สามารถบิดลูกบิดเข้าหรือออกห้องเพราะว่ามันลื่น 2. ป้องกันถุงเท้าลื่น ใช้ปืนกาวยิงทำลวดลายใต้พื้นถุงเท้า ช่วยเพิ่มแรงเสียดสี https://instagram.com/p/Bd3_VMJnOFj/?utm_source=ig_embed 3. อุปกรณ์ช่วยจับขวดนม 4. กิจกรรมช่วยเหลือพ่อแม่ทำงานบ้าน สุ่มให้ลูกช่วยเหลืองานเล็กๆ น้อย 5. วิธีทำให้ลูกเลิกติดจุกนม ตัดปลายจุกนมทุกอัน จะทำให้เด็กไม่อยากดูดจุกนมอีกต่อไป 6. ลดความร้อนสายคาดเข็มขัดคาร์ซีทด้วยฟ็อกกี้ เวลาจอดรถทิ้งไว้กลางแจ้งนานๆ อาจทำให้คาร์ซีทในรถมีความร้อนสะสมโดยเฉพาะสายคาด ใช้ฟ็อกกี้ฉีดน้ำพรมเพื่อลดความร้อน 7. วิธีหลอกล่อให้ทานยารูปแบบใหม่ https://instagram.com/p/BBBkgcoliLU/?utm_source=ig_embed 8. หากิจกรรมง่ายๆ เอาไว้ เพื่อหลอกล่อขณะขึ้นเครื่องบิน เด็กส่วนมากจะกลัวการขึ้นเครื่องบิน ผู้ปกครองควรเตรียมกิจกรรมที่เด็กชอบเอาไว้อย่างเช่นระบายสี ปั้นดินน้ำมันเอาไว้เล่นฆ่าเวลาบนเครื่อง https://instagram.com/p/BLTA31JjWT-/?utm_source=ig_embed 9. ป้องกันเชื้อราเข้าสู่น้องเป็ด ของเล่นลอยน้ำอย่างเช่นน้องเป็ดเหลืองอาจเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราภายใน ใช้ปืนยิงกาวอุดรูเอาไว้ไม่ให้น้ำเข้า …
-
นี่คือเหตุผลว่าทำไม “ไอซ์แลนด์” ถึงเป็นเหมือนแดนสวรรค์ของคนรักการถ่ายภาพ
ตลอดระยะเวลาเกือบ 15 ปีที่ผ่านมา ดินแดนจากเกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนืออย่างประเทศไอซ์แลนด์ ถือว่าได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยเลยทีเดียว จากข้อมูลเผยว่าตั้งแต่ปี 2000-2014 ที่นี่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นถึง 3.8 ล้านคน และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเหตุผลหลักนั่นก็คือความสวยงามราวกับสวรรค์ของที่นี่นั่นเอง คุณ Albert Dros ช่างภาพมืออาชีพผู้ถ่ายทอดความสวยงามของที่นี่ ได้เผยให้เห็นว่าที่นี่นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว มันยังเป็นเหมือนกับโอเอซิสของคนที่รักการถ่ายภาพอีกด้วย ผลงานภาพถ่ายของช่างภาพวัย 32 ปีผู้นี้ได้เผยให้เห็นความมหัศจรรย์ที่อัดแน่นอยู่ในพื้นที่กว่า 103,000 ตารางกิโลเมตร ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก แสงเหนือ หรือเหล่าสัตว์ป่านานาชนิด เหล่าสัตว์นานาชนิดที่ออกมาต้อนรับผู้มาเยือน . . และนอกจากสัตว์นานาชนิดแล้ว ธรรมชาติของที่นี่ก็สวยงามไม่แพ้กันเลย ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก . หรือทิวทัศน์ที่แปลกตา และหาชมได้ยาก . คุณก็สามารถเก็บภาพสวยๆ เหล่านี้ได้ที่นี่เลย… . นอกจากนี้ ในหลายๆ พื้นที่ของไอซ์แลนด์ ยังถูกใช้เป็นฉากในซีรีย์เรื่องดังอย่าง Game Of Throne อีกด้วยนะ…
-
17 ภาพถ่ายมุมสูงสุดน่าทึ่ง จากหลายๆ พื้นที่ในประเทศจีน ที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อน
ประเทศจีน ดินแดนที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์มากมาย จากรายงานของ The Guardian เผยว่ามีเมืองกว่า 100 เมืองในประเทศจีนที่มีประชากรมากกว่า 1 ล้านคน หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นภาพความยิ่งใหญ่ และอลังการของดินแดนมังกรนี้ผ่านภาพถ่ายของช่างภาพมากฝีมือมากมาย แต่เชื่อแน่ว่า ยังมีภาพถ่ายในมุมอื่นๆ ที่สามารถถ่ายทอดความสวยงามของประเทศจีนนี้ได้ไม่แพ้กัน และภาพที่ว่านั้นก็คือ ภาพถ่ายมุมสูงจากเว็บไซต์ Business Insider ที่เรานำมาฝากเพื่อนๆ กันวันนี้ยังไงล่ะ… 1. ภาพมุมสูงของนาข้าวจากพื้นที่เพาะปลูกนอกเมืองเซี่ยงไฮ้ 2. ลานตากพริกแห้งในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีน 3. เหล่านักเรียนจากโรงเรียนสอนศิลปะการป้องกันตัวในมณฑลเหอหนาน ที่กำลังฝึกกังฟูอยู่ 4. โซล่าร์ฟาร์มรูปแพนด้า จากเมืองต้าถง มณฑลซานซี ประเทศจีน 5. ควันจากการเผาของเซ่นไหว้ ในเทศกาลเช็งเม้ง ที่มณฑลเจียงซี ประเทศจีน 6. ภาพของผู้คนที่กำลังเดินชมความสวยงาม ในเขตป่าสงวน Zhangjiajie 7. แผ่นชาที่กำลังตากไว้ที่มณฑลฝูเจี้ยน 8.…
-
Honda อังฤษประกาศ เตรียมพัฒนารถตัดหญ้าขนาด 150 แรงม้า!! แรงกว่ารถเก๋งบ้านๆ ซะอีก
นี่อาจจะเป็นข่าวที่ทำเอาคุณพ่อบ้านหลายๆ คนถึงกับอึ้งเลยก็ว่าได้ หลังจากที่ทางบริษัท Honda ได้ออกมาประกาศว่าขณะนี้พวกเขากำลังวางแผนพัฒนารถตัดหญ้าที่มีกำลังมากถึง 150 แรงม้าอยู่!! ความแรงระดับนี้สำหรับรถตัดหญ้านั้นถือเป็นเรื่องที่ฮือฮาอย่างมาก เพราะมันมีกำลังมากกว่ารถเก๋งบ้านๆ ของพวกเราที่มีแรงม้าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 100 แรงม้าซะอีก!! นวัตกรรมใหม่จากทาง Honda นี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำสถิติรถตัดหญ้าที่เร็วที่สุดในโลก หลังจากที่ก่อนหน้านี้พวกเขาสามารถสร้างรถตัดหญ้าที่สามารถทำความเร็วเฉลี่ย 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำความเร็วสูงสุดได้มากถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว รถตัดหญ้าเวอร์ชันใหม่ของพวกเขาจะปรากฏตัวในชื่อ Mean Mower V.2 ที่จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 999 CC ที่ใช้กับ CBR 1000 RR ที่สามารถรีดแรงม้าได้สูงสุดที่ 190 แรงม้าที่ 13,000 รอบต่อนาที ทาง Honda UK อ้างว่ารถตัดหญ้ารุ่นดังกล่าวนี้สามารถทำความเร็วจาก 0-100 ได้ภายใน 3 วินาที และที่สำคัญคือมันยังคงเป็นรถที่สามารถใช้ตัดหญ้าได้จริงๆ ลองไปฟังเสียงเครื่องยนต์กันดูเลย… …
-
ชาวเน็ต 20 อาชีพ เผยความจริงที่ใครหลายคน “เข้าใจผิด” เกี่ยวกับอาชีพของพวกเขา!!
อาชีพต่างๆ บนโลกนี้มีมากมายหลายอาชีพ ซึ่งแต่ละอาชีพนั้นก็มีหน้าที่ ความรับผิดชอบ และความสามารถที่แตกต่างกันไป มันจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คนเราจะรู้จักอาชีพครบทุกอาชีพ และด้วยความหลากหลายทางอาชีพนี้เองที่ทำให้คนเรา หลายครั้งก็เกิดความเข้าใจผิดว่าอาชีพนี้ต้องมีหน้าที่แบบนี้ เช่น นักจิตวิทยาต้องอ่านใจคนได้ เป็นต้น ซึ่งนั่นเป็นแค่การเดาเอาเองทั้งนั้น วันนี้เราจึงขอเสนอ “ความในใจ” จากผู้ประกอบอาชีพต่างๆ พวกเขาออกมาเผยความจริงของแต่ละอาชีพที่หลายคนอาจจะยังเข้าใจผิดอยู่ เราไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอาชีพอะไรบ้าง และพวกเขาต้องการบอกอะไรพวกเราบ้าง… 1. ผู้จัดการ “การที่คุณทำงานของตัวเองได้ดี ไม่จำเป็นว่าจะสามารถบริหารจัดการคนที่ทำงานนั้นๆ ได้ดีหรอกนะ” 2. โปรแกรมเมอร์ “โปรแกรมเมอร์ส่วนใหญ่ไม่รู้สาเหตุหรอกว่า เพราะอะไรเครื่องปรินเตอร์ถึงใช้การไม่ได้” 3. บรรณารักษ์ “ความจริงก็คือ ยังมีอาชีพบรรณารักษ์อยู่บนโลกนี้นะ” 4. ช่างถ่ายภาพ “ภาพถ่ายไม่ได้เป็นสาธารณะเพียงเพราะคุณพบมันบนอินเทอร์เน็ตหรอกนะ” 5. นักบำบัดชีวิตคู่ ครอบครัว และเพศ “สถานการณ์แต่งงานของฉันไม่ได้ส่งผลต่อความรู้ที่ฉันมีหรอกนะ การบำบัดบางครั้งต้องใช้เวลา อาจจะเป็นสัปดาห์หรือกระทั่งเป็นเดือน ฉะนั้น จะมาเร่งให้บำบัดสิ่งที่คุณทำเสียมาเป็นปีๆ ภายในคอร์สเดียวไม่ได้ ส่วนใหญ่ ปัญหาเรื่องเซ็กส์ไม่ได้เกิดจากเซ็กส์” 6. บรรณาธิการ “การแก้ไขบทความคือการแก้ไขเนื้อหาและภาษาที่ทำให้เกิดความขัดแย้งมากกว่าการแก้ไขโครงสร้างประโยค…
-
5 รูปแบบ “ตุ่ม” หรือ “ผดผื่น” บนใบหน้า ห้ามบีบเอง!! แนะนำให้ไปพบแพทย์ซะจะดีกว่า
เชื่อว่าเกือบทุกคนจะต้องเคยเผชิญกับปัญหา สิว บนใบหน้า และทางออกที่เรามักจะเลือกทำในทันทีก็คือบีบมันออกมา ด้วย 2 นิ้ว หรือ 2 มือของเราเอง แต่ตุ่มที่ขึ้นมาบนใบหน้าของเรานั้นมันไม่ได้มีแค่สิวธรรมดาทั่วๆ ไปเพียงอย่างเดียว แต่มันอาจเป็นความผิดปกติของผิวหนังที่เราไม่ควรเข้าไปยุ่งกับมันด้วยตัวเอง และนี่คือ 5 ผดผื่นหรือตุ่มนูนบนใบหน้าที่เราควรปล่อยมันเอาไว้ หรือไม่ก็ไปพบแพทย์จะดีกว่า มีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยยยยย 1. ขนคุด (ตุ่มนูนบริเวณรูขุมขน) แม้มันจะเป็นตุ่มเหมือนสิว ดูล่อตาล่อใจให้บีบออก แต่แพทย์หญิง Natasha Cook ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังบอกว่าเราไม่ควรจะไปยุ่งกับมัน เพราะอาจทำให้เกิดแผลอักเสบหรือแผลเป็นได้ ทางที่ดีคือควรปล่อยให้มันหายไปเอง แต่ถ้าขนตรงตุ่มนั้นฝังรากลึกลงไปก็ควรพบแพทย์ เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญใช้เข็มปลอดเชื้อจิ้มมันออก 2. เริมริมฝีปาก นี่คือหนึ่งในโรคติดต่อที่หลายๆ คนอาจเกิดความเข้าใจผิดในตอนแรก คิดว่าเกิดสิวขึ้นตรงริมฝีปาก แต่เมื่อไหร่ที่เราไปยุ่งกับมัน ก็อาจทำให้โรคนี้แพร่กระจายไปหาคนรอบข้างได้ง่ายๆ แพทย์หญิง Natasha บอกถึงวิธีการแยกแยะระหว่างสิวกับเริมไว้ว่า ถ้าเป็นเริมมันจะเป็นตุ่มเหมือนมีหนองอยู่ข้างในและจะแสบๆ คันยิบๆ แต่สิวนั้นจะมีลักษณะเป็นตุ่มแดงๆ เหลืองๆ หากใครคิดว่าตนเองมีอาการของเริมริมฝีปาก แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด 3. สิวหัวข้าวสาร ลักษณะของมันคือจะเป็นตุ่มๆ เล็กๆ ซึ่งไม่สามารถบีบออกมาได้…
-
ภาพโฟโต้ชอปสุดทึ่ง จากศิลปินชาวสวิส ที่ผสมผสานสองสิ่งเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
ภาพผลงานจากศิลปินสาวชาวสวิสต์ที่เรานำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ อาจจะทำให้หลายๆ คนรู้สึกถึงความสมจริง และทึ่งกับภาพตัดต่อที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างสิ่งของรอบตัว และร่างกายของมนุษย์ได้อย่างลงตัว Monica Carvalho เล่าว่าการสร้างงานศิลปะแบบนี้คือหนึ่งในความหลงใหลของเธอ และเป็นสิ่งที่เธอชื่นชอบมาตั้งแต่เด็กๆ “ผลงานของฉันเป็นการรวมภาพถ่ายของตัวฉันและเพื่อนๆ กับภาพสถานที่ต่างๆ ที่ฉันเดินทางผ่านมา ฉันชอบการผสมผสานระหว่างพื้นผิวและสีสัน” ศิลปินสาวกล่าว… 1. ภาพตัดต่อที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก การแต่งหน้าแบบธรรมชาติ 2. การพักผ่อนสายตา กับธรรมชาติที่สวยงาม 3. ผืนทราย คลื่น ที่หลอมรวมกับร่างกายของหญิงสาว 4. เมืองเวนิส ในขวดโหล 5. บางครั้งเราอาจจะนึกถึงภาพการเดินทาง ได้จากเสื้อยืดที่มีสีคล้ายถนนคอนกรีต 6. ขนมปังและร่างกายมนุษย์ 7. ความทรงจำของสถานที่ท่องเที่ยว 8. บางครั้งฉากหลังของภาพวิวสวยๆ ก็ทำให้เราจินตนาการถึงภาพวาดบนผืนผ้าใบขนาดยักษ์ 9. ไอโฟนรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับจอแบบโฮโลแกรม 10. เพลงดังของคณะ America อย่าง A horse with…
-
ปัญหาที่ทั้ง ‘สาวตัวสูง’ และ ‘สาวตัวเตี้ย’ ต้องเจอ อธิบายผ่านภาพการ์ตูนเหล่านี้ได้เป๊ะ!!
เรื่องของรูปร่างนั้นยังคงเป็นประเด็นสำคัญสำหรับสาวๆ อยู่เสมอ นอกจากความอ้วนความผอมแล้ว ก็มี ความสูง นี่แหละที่สำคัญไม่แพ้กัน สาวที่ตัวสูงก็อยากลดความสูงลงบ้าง ส่วนสาวๆ ที่ไม่สูงก็อยากสูงเช่นกัน หลายครั้งเราเห็นผู้คนแชร์ ข้อเสียของการเป็นสาวตัวสูง และข้อเสียของสาวตัวเตี้ย อะไรทำนองนี้อยู่ทั่วโลกอินเทอร์เน็ต แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้สาวๆ เลิกคิดถึงเรื่องของความสูงได้เลยแม้แต่น้อย วันนี้ ศิลปินสาว Sara Pocock จึงออกมาช่วยเสนออีกแรงผ่านภาพวาดการ์ตูนถึง ข้อเสียของสาวๆ ที่ตัวสูง และสาวๆ ที่ตัวเตี้ย เพื่อให้เห็นว่า ไม่ว่าจะรูปร่างแบบไหนก็หนีไม่พ้นปัญหาอยู่ดี งานนี้เรียกได้ว่าให้ข้อมูลความรู้ประกอบกับความฮาสไตล์น่ารักๆ ไปพร้อมๆ กัน ว่าแล้วก็ลองไปชมผลงานของ Sara กันเลยดีกว่า… ปัญหาสาวตัวสูง ปัญหาสาวตัวสูง ปัญหาที่ 1: ตัวสูงเลยฝักบัวอาบน้ำ ปัญหาสาวตัวสูง ปัญหาที่ 2: ตัวสูงกว่ากระจกในห้องน้ำ ปัญหาสาวตัวสูง ปัญหาที่ 3: ขายาวจนเท้ามักจะเลยที่นอน ปัญหาสาวตัวสูง ปัญหาที่ 4: เสื้อผ้าที่ใส่ก็จะดูสั้นไม่พอดีตัวไปเสียหมด…
-
7 เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ แต่น่าสนใจของโลกใบนี้ กับเรื่องราวที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
โลกของเรานั้นเต็มไปด้วยสิ่งลี้ลับที่รอให้เราเข้าไปค้นหา บ่อยครั้งที่โลกจะทิ้งเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ไว้ตามซอกมุมต่างๆ อย่างละนิด เรื่องเล็กๆ เหล่านั้นอาจจะดูไม่ได้มีความสำคัญ แต่บ่อยครั้งที่ความรู้เล็กๆ พวกนี้ล่ะ ที่จะเติมเต็มความคิดของคนคนหนึ่ง ดังนั้นวันนี้ #เหมียวศรัทธา จึงนำเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ มาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันอีกครั้ง และหวังว่าสักวัน ความรู้เหล่านี้อาจจะมีประโยชน์ขึ้นมาก็ได้นะ 1. แกะสามารถจดจำใบหน้าของผู้คนได้แม้จากในรูปถ่ายก็ตาม จากงานวิจัยในวารสารของ Royal Society Interface แกะสามารถแยกแยะรูปของบุคคลที่มันคุ้นเคยออกมาจากรูปบุคคลอื่นๆ ได้ถูกต้องถึงราวๆ 72% แม้ไม่ได้มีการฝึกมาก่อน 2. ปลาวาฬกระโดดขึ้นจากน้ำเพื่อสื่อสาร จากบทความในวารสาร “Marine Mammal Science” วาฬหลังค่อมกระโดดขึ้นจากน้ำ และส่งเสียงร้องเพื่อเรียกวาฬตัวอื่นให้มาชุมนุม โดยเสียงของมันนั้นสามารถกระจายไปได้ไกลถึงเกือบ 3.8 กิโลเมตรเลย 3. พื้นด้านล่างของมหาสมุทรมีรูปร่างเปลี่ยนไปตามน้ำหนักของน้ำ วารสาร Geophysical Research Letters ฉบับที่ 44 อ้างว่า มวลของน้ำในมหาสมุทรนั้นมีผลต่อรูปร่างของพื้นมหาสมุทร โดยพื้นมหาสมุทรจะจมลงเมื่อมวลของน้ำมากขึ้น และในขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงรูปร่างนี้ ก็อาจส่งผลมาถึงระดับน้ำทะเลได้ด้วยเช่นกัน 4. “ตุ๊กตาบาร์บี้”…
-
ญี่ปุ่นเผยเซตข้อคำถามที่ตัดสินแล้วว่า “ไม่เหมาะสม” ในการใช้ถามในการสัมภาษณ์งาน
ประเทศญี่ปุ่นนั้นได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เข้มงวดในเรื่องของการทำงานอย่างมาก การทำงานนั้นจะต้องตรงเวลาและมีความรับผิดชอบสูง พนักงานจะต้องมีความสามารถในการทำงานที่หัวหน้าสั่ง ฉะนั้น การว่าจ้างพนักงานในบริษัทของประเทศญี่ปุ่นก็จะมุ่งเน้นไปที่ตัวผู้สมัครว่าสามารถเข้ากันกับวัฒนธรรมขององค์การได้หรือไม่ การสัมภาษณ์จึงเป็นกระบวนการที่สำคัญอย่างยิ่งซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละอาชีพ แต่หลายครั้งการสัมภาษณ์ก็มีคำถามต่างๆ ที่อาจดูเป็นการคุกคามตัวผู้สมัครงานและอาจดูไม่เหมาะสม ล่าสุดกระทรวงแรงงานของจังหวัดคุมะโมโตะ ประเทศญี่ปุ่นได้เป็นกังวลถึงเรื่องนี้และขอให้แต่ละองค์การมีการสัมภาษณ์งานด้วยข้อคำถามที่เหมาะสม ทางกระทรวงแรงงานได้เผยข้อคำถามต่างๆ ที่มองว่า “ไม่เหมาะสม” ในการสัมภาษณ์หรือเป็นคำถามที่ไม่เกี่ยวกับงาน เช่น ครอบครัว สถานะทางบ้าน ภูมิลำเนา และปรัชญาทางการเมืองของผู้สมัคร เป็นต้น โดยตัวอย่างข้อคำถามที่ไม่เหมาะสมในการสัมภาษณ์งานมีดังนี้: -คุณเกิดที่ไหน? -พ่อแม่ของคุณทำงานประเภทไหน? -คุณเป็นลูกคนเดียวหรือไม่? -รถที่คุณขับเป็นรถประเภทใด? -คุณนับถือศาสนาพุทธหรือไม่? -พรรคการเมืองใดมีความคิดใกล้เคียงกับคุณมากที่สุด? -คุณต้องการแต่งงานในวันใดวันหนึ่งหรือไม่? -บุคคลในประวัติศาสตร์คนใดที่คุณชื่นชอบ? -คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับลัทธิมากซ์ -คุณเป็นสมาชิกกลุ่มหรือองค์กรใดอยู่หรือไม่? -หนังสือพิมพ์ของสำนักข่าวใดที่คุณอ่าน? คำถามเหล่านี้ บางข้อเป็นการถามถึงความเชื่อและค่านิยมทางศาสนาและการเมืองโดยตรง บางครั้งคำตอบของผู้สมัครอาจทำให้ผู้สมัครถูกตัดสิทธิ์ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีคำถามที่เกี่ยวกับรถที่ขับ และบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ชื่นชอบ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่สามารถพูดคุยกันได้ในชีวิตประจำวัน หากคำถามเหล่านี้มีส่วนตัดสินการเข้ารับทำงาน จะสามารถแปลได้ว่าบริษัทดังกล่าวประเมินค่าของผู้สมัครที่สถานะทางสังคมและอุดมคติ ซึ่งไม่เกี่ยวกับฝีมือและความสามารถในการทำงานเลยแม้แต่น้อย การสัมภาษณ์งานนั้นสำคัญอย่างมากที่จะทำให้บริษัทได้รับคนที่มีความสามารถเข้าทำงานตามที่ต้องการ ฉะนั้น ควรมีผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบข้อคำถามในการสัมภาษณ์โดยเฉพาะ ที่มา: soranews24
-
ความโรแมนติกของผู้ชาย!! มารู้จักดาบในตำนาน 5 เล่ม ที่เคยมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้กัน
ว่ากันว่าดาบนั้นเป็นความโรแมนติกของลูกผู้ชาย (และผู้หญิงบางคน) ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงจะเคยได้ยินเรื่องราวของดาบมีชื่อมากันคนล่ะเล่มสองเล่ม มันเป็นสัญลักษณ์ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาของเหล่านักรบ และภาพภาพลักษณ์อันยิ่งใหญ่ของผู้กล้า ที่หลายๆ คนใฝ่ฝัน ดังนั้นในวันนี้ #เหมียวศรัทธา จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับดาบในตำนานทั้ง 5 เล่ม ที่เคยมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้กัน Goujian ดาบจีนที่อยู่เหนือกาลเวลา นี่เป็นดาบที่มีอายุกว่า 2,000 ปีซึ่งถูกค้นพบโดยนักโบราณคดี ภายในสุสานจีนในประเทศ มันเป็นดาบที่มีความพิเศษอยู่ที่มันไม่เคยเป็นสนิมเลยตลอดเวลา 2,000 ปีที่ผ่านมาแถมยังคมมากถึงขั้นที่มันบาดนิ้วของนักโบราณคดีคนหนึ่งที่ไปพบมันเลยด้วย นี่เป็นดาบชั้นยอดสุดหายากที่เป็นความภูมิใจที่สุดเล่มหนึ่งของจีนเลยก็ว่าได้ โดยเจ้าสมบัติของชาติเล่มนี้เชื่อกันว่าเป็นของจักรพรรดิโกวเจี้ยน แห่งรัฐเยว่ นั่นเอง ดาบ 7 ปลาย สำหรับงานพิธี ดาบประหลาดที่มีปลาย 7 ปลาย ปัจจุบันถูกเก็บไว้ที่จังหวัดนารา ประเทศญี่ปุ่น ว่ากันว่าถูกตีขึ้นในสมัยราชวงศ์แพ็กเจ เจ้าของอาณาจักรทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาหลี และมอบให้แก่ประเทศญี่ปุ่นในเวลาต่อมา จากรูปแบบของดาบ เชื่อกันว่านี่เป็นดาบที่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับให้ต่อสู้ แต่น่าจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในงานพิธีเสียมากกว่า ดาบต้องสาปของ Muramasa ในช่วงยุค Muromachi ของญี่ปุ่น (แถวๆ ศตวรรษที่ 14 – 16) ยังมีช่างตีเหล็กนามว่า Muramasa Sengo อยู่ ว่ากันว่าเขาเป็นช่างตีดาบที่เก่งกาจที่สุดคนหนึ่งในสมัยนั้น ปัญหาคือเขานั้นเป็นคนที่ค่อนข้างก้าวร้าว…
-
รู้จักกับ Mexican Wave การเชียร์กีฬาแบบไร้พรมแดน และความสนุกของเหล่าแฟนๆ
หลายๆ คนที่ชื่นชอบการชมกีฬา อาจจะคุ้นเคยกับการเล่นเวฟของบรรดาแฟนๆ บนอัฒจันทร์กันมาบ้างใช่ไหมล่ะ และเพื่อนๆ รู้ไหมว่าอันที่จริงแล้ว เจ้ากิจกรรมที่สามารถทำร่วมกันได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นกองเชียร์ฝั่งไหนนี้ มีต้นกำเนิดมานานเกือบ 60 ปีแล้ว!! และในวันนี้เราจะขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับการเล่นเวฟ หรือที่เรียกเต็มๆ ว่า Mexican Wave การเชียร์แบบไร้พรมแดนนี้กัน… Mexican Wave คือการเล่นคลื่นมนุษย์ของเหล่าผู้ชม โดยจากข้อมูลเผยว่ากิจกรรมการลุกขึ้นลงของเหล่าแฟนกีฬานี้ ปรากฏครั้งแรกที่ประเทศเม็กซิโกเมื่อประมาณปี 1960 และประมาณปี 1970 ที่แคนาดา มันแพร่หลายได้อย่างไร?? ในปี 1981 George Henderson แฟนกีฬาชาวอเมริกันคนหนึ่งที่ได้ทำให้มันกลายเป็นที่แพร่หลาย หลังจากที่เขาทำมันครั้งแรกในเกมเมเจอร์ลีคระหว่าง Oakland A’s กับ New York Yankees ในวันที่ 15 ตุลาคมปี 1981 “ทีม A’s กำลังจะแพ้เป็นเกมที่ 2 ในอินนิ่งที่ 3 ผมคิดว่าผมเลยคิดว่าน่าจะลองทำอะไรที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ผมเริ่มอธิบายมันกับคนที่นั่งถัดๆ ไป” Henderson ให้สัมภาษณ์กับ BBC…
-
10 อาหารที่เป็นอันตรายต่อ “หมา-แมว” อย่างมาก รักน้องอย่าให้น้องกินเด็ดขาด!!
รู้หรือไม่ว่า เจ้าตูบเจ้าเหมียว ของเรานั้นถึงแม้มันจะกินอยู่อย่างง่ายๆ แต่มันก็มีอาหารหลายชนิดที่ “เป็นภัย” ต่อร่างกายของมันอยู่นะ บางครั้งก็เป็นอาหารธรรมดาที่เราคาดไม่ถึง เราอาจจะคิดว่าให้หมาแมวของเรากินได้ แต่อันที่จริงมันมีผลเสียมากกว่าที่คิด กว่าจะรู้ตัวเจ้าหมาเจ้าแมวก็อาจเกิดอันตรายไปแล้วก็ได้ ฉะนั้น วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า ของธรรมดาๆ อะไรบ้างที่หมาแมวไม่ควรกิน เพราะมันจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี 1. หัวหอมและกระเทียม หัวหอม กระเทียม และต้นหอมจะมีสารทำให้เกิดกลิ่น สารดังกล่าวจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดแดงของสัตว์ซึ่งนำไปสู่ภาวะ โลหิตจาง บางกรณีอาจทำอันตรายต่ออวัยวะภายในอย่างรุนแรงได้ นอกจากนี้ยังมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ความเบื่ออาหาร ความบาดเจ็บ และหัวใจเต้นเร็ว ซึ่งอาการเหล่านี้จะเกิดไม่กี่วันหลังจากทานพืชจำพวกหัวหอมไปแล้ว ที่มา: http://www.petpoisonhelpline.com/poison/onion/ 2. ดอกลิลลี่ ถึงดอกลิลลี่จะเป็นดอกไม้ที่สวยงามแต่มันอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงของคุณอย่างมาก ในดอกลิลลี่นั้นมีสารที่เป็นพิษหากเข้ากระบวนการย่อยอาหารของหมาแมว สารดังกล่าวนั้นเป็นอันตรายต่อไตอย่างมาก อาการเมื่อสัตว์เลี้ยงของคุณได้รับพิษจากดอกลิลลี่ก็คือ มันจะเริ่มเบื่ออาหาร อาเจียน ฉี่และมีน้ำลายไหลออกมามากกว่าปกติ ที่มา: http://www.pethealthnetwork.com/cat-health/cat-toxins-poisons/easter-lily-poisoning-cats 3. องุ่นและเรซิน องุ่นเพียงไม่ถึง 15 กรัม ก็สามารถทำให้สุนัขติดพิษได้ เพราะองุ่นนั้นเป็นภัยต่อไตของสุนัขอย่างมาก สัตว์เลี้ยงที่แข็งแรงเมื่อทานองุ่นเข้าไปก็อาจทำให้เกิดอาการท้องร่วง เฉยเมย เบื่ออาหาร และอาเจียนได้ ที่มา: https://www.petmd.com/dog/emergency/digestive/e_dg_grape_raisin_toxicity…
-
อ่าห์… รวม 7 เหตุผล ที่บอกเราว่าทำไมผู้ชายถึงควร “นั่งฉี่” แม้ไม่ได้ถ่ายหนักก็ตาม
ชายหนุ่มโดยทั่วไปแล้ว เวลาที่พวกเขาเข้าห้องน้ำเพื่อฉี่ พวกเขาจะใช้วิธีที่ง่ายและรวดเร็วอย่างการยืนฉี่ เพราะแค่รูปซิป ควักอาวุธ ยิง เก็บอาวุธ จบ น้อยคนนักที่จะถอดกางเกงและลงไปนั่งเลยเพราะมันเสียเวลาและไม่ใช่สัญชาตญาณแบบที่ผู้ชายเขาทำกัน แต่จากประสบการณ์แล้วเราอยากจะบอกว่าแม้จะเป็นการฉี่ธรรมดาๆ แต่หากเรานั่งลงไปแล้ว มันก็สามารถช่วยเราได้ในหลายๆ ด้านมา ไม่ว่าจะเป็นความสะบาย และความสะอาด ซึ่งวันนี้เราจะมาแจกแจงกันทีละข้อๆ ว่าทำไมผู้ชายถึงควรจะลองนั่งฉี่ดูบ้าง? 1 มันเข้าเป้าแบบ 100% แน่นอนว่าการยืนฉี่นั้นสะดวกกว่า แต่เชื่อเถอะว่ามันต้องมีบ้างที่คุณฉี่ไม่ตรงเป้า มีเฉียงออกด้านข้างจนเลอะบ้าง ซึ่งการนั่งฉี่คุณแทบจะไม่ต้องกังวลกับอะไรแบบนี้เลย 2. การนั่งฉี่สามารถช่วยป้องกันปัญหาต่อมลูกหมากได้ ในปี 2014 มหาวิทยาลัยในประเทศเนเธอร์แลนด์ Leiden University Medical Centre ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการนั่งฉี่ แล้วพบว่ามันช่วยให้คนที่ต้องทุกข์ทรมานจากอาการของโรคระบบทางเดินปัสสาวะส่วนล่างมีแรงมากขึ้นในการฉี่ และยังป้องกันโรคต่อมลูกหมากได้ดีอีกด้วย 3. ผู้ชายที่นั่งฉี่จะมีเพศสัมพันธ์ที่ดีและยืนยาวกว่า ตามรายงานจากเว็บไซต์ Telegraph เมื่อปี 2015 บอกว่าการยืนฉี่นั้นจะไปกระตุ้นการใช้กล้ามเนื้อบริเวณกระดูกเชิงกรานและกระดูกสันหลัง ซึ่งจะไปป้องกันการขับถ่ายที่เหมาะสม ว่าง่ายๆ ก็คือทำให้ฉี่ยากขึ้นเล็กน้อย นั่นจึงทำให้มีโอกาสเป็นโรคต่อมลูกหมากได้ ส่งผลให้มีเซ็กส์ได้น้อยลง 4.…
-
ผอมจนกลัวตัวปลิว?! เปลี่ยนได้ง่ายๆ ด้วย 7 วิธี “เพิ่มน้ำหนัก” โดยไม่อ้วนจนเกินไป
พวกเราหลายๆ คนทราบกันดีว่าถ้ามีน้ำหนักมากจนเกินไปก็อาจเสี่ยงที่จะตายก่อนวัยอันควรจากโรคร้าย แต่รู้หรือไม่ว่าถ้าเรามีน้ำหนักน้อยจนเกินไป เราก็อาจมีโอกาสป่วยเป็นโรคร้ายได้ไม่ต่างกัน ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะยังมีอีกหลายคนที่กังวลในความผอมของตัวเองที่มันมากจนเกินไป ในวันนี้ #เหมียวตะปู จึงอยากชวนให้เพื่อนๆ ได้มารับเกร็ดความรู้เกี่ยวกับ “วิธีการเพิ่มน้ำหนักยังไง ให้ไม่อ้วนจนเกินไป” ว่าแล้วเราก็ลองไปทำตามวิธีเหล่านี้กันดูเลยจ้าาา 1. อย่างแรก ต้องตรวจสอบค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ของตัวเองเสียก่อน หากค่าดัชนีมวลกายต่ำกว่า 18.5 นั่นถือว่าผอมจนเกินไป แต่หากมากกว่า 30 ก็ถือว่าอ้วนจนเกินไปเช่นเดียวกัน วิธีการคิดง่ายๆ ก็คือให้นำเอา น้ำหนักตัว (หน่วยกิโลกรัม) หารด้วย กำลังสองของค่าส่วนสูง (หน่วยเป็นเมตร) ถ้าอยากให้ง่ายกว่านั้นก็แค่เข้าไปที่ลิงก์ Honestdocs 2. กินเยอะๆ อยากอ้วนก็กินเยอะๆ ไงไม่เห็นยากเลย อยากกินอะไรก็กินให้เต็มที่ สั่งพิเศษไปทุกมื้อซะเลย กฎง่ายๆ ก็คือจงกินให้มากกว่าที่เผาผลาญในแต่ละวัน 3. ใช้จานใหญ่กว่าเดิม มันเป็นเหมือนกับทริคหลอกตัวเอง ให้เราเข้าใจว่ากินเท่าเดิม แต่แท้จริงแล้วเรากลับกินเยอะขึ้น ทำให้เรายังคงรู้สึกว่ามีกำลังใจในการกินอาหารได้ตามปกติ 4. กินให้มากกว่า 3 มื้อต่อวัน ในแต่ละวันให้เรากินอาหารตามปกติครบ…
-
14 ภาพที่แสดงให้เห็นว่า ‘มนุษย์’ ได้เปลี่ยนแปลงโลกนี้ไปมากน้อยขนาดไหน…
มนุษย์ ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างผลกระทบให้กับโลกมากที่สุด เพราะปัจจุบันนั้นโลกของเราได้เปลี่ยนแปลงไปมากมาย จากนวัตกรรมต่างๆ ที่พัฒนาขึ้น หรือการทำฟาร์ม ทำการเกษตร การขุดหาทรัพยากรจากธรรมชาติเพื่อนำไปใช้งาน แต่บางครั้งเราอาจจะหลงลืมอะไรไปรึเปล่า เพราะทุกวันที่เราก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ กลับกลายเป็นว่าโลกของเราได้ถูกทิ้งเอาไว้อยู่เบื้องหลัง และนี่คือภาพถ่ายจากดาวเทียมของ NASA ที่เผยให้เห็นว่าทุกวันนี้มนุษย์ได้เปลี่ยนโลกไปแล้วมากมายแค่ไหน จะเป็นอย่างไรลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… 1. ป่าฝนที่ถูกกลืนกินโดยการทำเกษตรกรรมในบราซิล 2. การเจริญเติบโตของเมือง Cancún ในประเทศเม็กซิโก 3. การสร้างเกาะเทียมของดูไบ 4. การขุด ‘ทรายน้ำมัน’ ในรัฐอัลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา 5. การฟื้นฟูตัวเองในพื้นที่ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิล 6. ไฟป่าที่เกิดขึ้นโดยมนุษย์ ในประเทศนามิเบีย 7. แม่น้ำโคโลราโด ที่กำลังจะเหือดแห้งไป เพราะการสร้างเขื่อน 8. ทะเลสาบ Aral Sea ที่ในอดีตนั้นอุดมสมบูรณ์ แต่ปัจจุบันใกล้จะสูญสลายหายไป 9. ธารน้ำแข็งโคลัมเบีย…
-
ชาวเน็ตฝรั่งเปิดโพล 10 อันดับ “สี” ที่มีคนไม่ชอบมากที่สุด…
ถ้าหากพูดถึงสีสันแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับภาพวาด หรือผลงานทางศิลปะ แต่สำหรับบางครั้งสีที่ถูกเติมเข้ามาอย่างไม่เข้าที่เข้าทางก็อาจจะทำให้ความสวยงามของภาพกลายเป็นหน้ามือหลังมือเลยก็ว่าได้!! แน่นอนว่าในโลกของเรานั้นก็มีสีสันอยู่มากมายเช่นกัน แต่ก็นั่นแหละมันจะต้องมีอย่างน้อยสักศรี เอ้ย!! สี ที่คุณไม่ชอบบ้างใช่ไหมล่ะ และวันนี้เราก็มีโพลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องสี จากต่างเว็บไซต์ Thetoptens มาฝากกัน ไปดูกันเลยว่าสีไหนที่คนไม่ค่อยชอบกันบ้างนะ!? 10. สีเขียว ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสีที่ดูแล้วสบายตา และทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ก็มีคนไม่น้อยที่ไม่ค่อยชอบเจ้าสีนี้ ชาวเน็ตคนหนึ่งให้เหตุผลว่า “บางครั้งสีเขียวก็มักถูกใช้แสดงถึงอาการเจ็บป่วย หรือสารพิษด้วยเช่นกัน” 9. สีเขียวมะกอก “เอาจริงๆ นะ ฉันว่าสีนี้มันคล้ายกับสีของอ้วกเลยก็ว่าได้” ความเห็นจากชาวเน็ตรายหนึ่ง ส่วนอีกคนก็มีสภาพไม่ต่างกัน เขาบอกว่า “พูดถึงมันแล้วฉันจะอ้วก!!” 8. สีน้ำตาล “ฉันคิดว่าสีน้ำตาลเป็นสีที่แย่ มันดูน่าเบื่อและแสนจะธรรมดา” ความเห็นจากชาวเน็ตรายหนึ่งเกี่ยวกับสีน้ำตาล 7. สีส้ม “ฉันไม่ชอบสีส้มเลย มันทำให้ฉันรู้สึกปวดหัวทุกครั้ง และมันก็ใกล้เคียงกับสีเหลืองมาก บางครั้งเมื่อฉันจ้องมันนานๆ ท้องไส้ของฉันก็เริ่มปั่นป่วน” ชาวเน็ตรายหนึ่งพูดถึงสีส้มที่เขาเกลียด 6. สีเหลืองมัสตาร์ด ถึงแม้ว่าหลายคนจะชอบเติมซอสที่ว่านี้ลงในอาหาร แต่ก็ยังมีบางคนที่ไม่ชอบความเหลืองของมัน “ฉันจะอ้วก” ชาวเน็ตรายหนึ่งคอมเมนต์ 5. สีเขียวอ้วก “จริงๆ ฉันว่าสีนี้น่าจะเป็นที่…
-
ภาพรถในสไตล์คัสตอม จากศิลปินชาวรัสเซีย ที่จะทำให้หนุ่มๆ น้ำลายไหล
รถยนต์อาจจะเป็นหนึ่งในความชื่นชอบของผู้ชายหลายๆ คน และเชื่อแน่ว่าถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบรถยนต์เป็นชีวิตจิตใจล่ะก็ ตอนเด็กๆ คุณจะต้องเคยหยิบสมุดและปากกามานั่งออกแบบรถในฝันแน่ๆ เลยใช่ไหมล่ะ Andrey Tkachenko ศิลปินจากเมือง Nizhiy Novgorod ประเทศรัสเซีย ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่หลงใหลรถยนต์ด้วยเช่นกัน โดยเขาวาดภาพของรถในสไตล์คัสตอมออกมาได้อย่างน่าสนใจและสวยงามไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งบอกเลยว่า ผลงานของศิลปินชาวรัสเซียผู้นี้ อาจจะทำให้ภาพของรถที่คุณออกแบบในวัยเด็ก ได้หวนกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน…. รถจากรัสเซียหลายคันที่ถูกจับมาออกแบบในสไตล์คัสตอม อันมีเอกลักษณ์ . . GAZ Chaika รถคลาสสิคจากรัสเซีย ในรูปโฉมที่แปลกตา และนี่คือผลงานบางส่วนจากศิลปินผู้นี้ที่เรานำมาให้ได้ชมกัน . . . . . อ่า… เช็ดน้ำลายกันหน่อย!! . . . RAF-2203 รถตู้ที่ถูกแปลงโฉมออกมาในสไตล์สายลุย . ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ผลงานบางส่วนเท่านั้น ถ้าหากใครอยากชมผลงานอื่นๆ เพิ่มเติมล่ะก็ สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ artstation กันได้เลย… ที่มา designyoutrust
-
นักศึกษาเยอรมัน คิดค้น “ร่มนิรภัยสมาร์ทโฟน” กางออกอัตโนมัติเมื่อกำลังตกพื้น
เจ้าสิ่งนี้อาจจะเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ถูกคิดค้นเพื่อเอาใจคนที่ชอบทำโทรศัพท์ตกพื้นบ่อยๆ สุดยอดนวัตกรรมที่เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างเคสมือถือและระบบถุงลมนิระภัย จากมันสมองของหนุ่มนักศึกษาชาวเยอรมันผู้นี้ Philip Frenzel หนุ่มจากมหาวิทยาลัย Aalen University ได้ทำการออกแบบเจ้า ADCASE เคสมือถืออัจฉริยะที่จะปล่อยระบบกันกระแทกออกมา ก่อนที่โทรศัพท์ของคุณจะกระแทกพื้น และนี่ก็คือหน้าตาของเจ้า ADCASE เคสมือถือกันกระแทก สิ่งประดิษฐ์จากหนุ่มมหาลัยชิ้นนี้ สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศจากการประกวดนวัตกรรมในงาน German Society for Mechatronics “นวัตกรรมของเขาเริ่มต้นเมื่อ 3 ปีก่อน ในตอนนั้น Frenzel กำลังมองหาบางอย่างเพื่อมาใช้ป้องกันโทรศัพท์ของเขาที่มักจะตกแตกบ่อยๆ ” Peter โฆษกจาก ADCASE กล่าว ในตอนแรก Frenzel เริ่มต้นการออกแบบกลไกที่ทำงานพร้อมกับเซ็นเซอร์ ซึ่งจะตรวจจับโทรศัพท์เวลาที่มันกำลังร่วงลงพื้น หลังจากได้กลไกแล้ว เขาก็ลองหาวัสดุต่างๆ เพื่อมาใช้ในการลดแรงกระแทก จนในที่สุดเขาก็พบว่าการใช้สปริงนั้นเหมาะสมที่สุด Frenzel และทีมของเขา ใช้เวลามากกว่า 2 ปีในการคิดค้นเคสโทรศัพท์ชิ้นนี้ จนกระทั่งในที่สุดก็สามารถทำได้สำเร็จ ส่วนประกอบและรายละเอียดของเคสมือถือชิ้นนี้ ไปดูการทำงานของมันได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้… ใครสนใจในผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ล่ะก็ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ ad-case ได้เลย… …
-
เมื่อเพื่อนร่วมทางหลับปล่อยให้เราขับรถเหงาๆ คนเดียว เลยต้องจัดเบาะพิเศษไว้เอาคืนซะหน่อย!!
เคยเบื่อกันบ้างไหมที่เวลาขับรถไกลๆ แล้วอยากได้เพื่อนร่วมทางเอาไว้ชวนคุยแก้ง่วงสักคน แต่ว่าคนที่เราชวนเมื่อขึ้นรถมาแล้วกลับหลับยาวเข้าเฝ้าพระอินทร์ซะจนเหมือนเรามาคนเดียว หลายคนที่ประสบกับชะตากรรมเช่นนี้คงจะเซ็งกันเป็นแถวพร้อมกับอยากจะหาวิธีแก้เผ็ดคนเหล่านั้นให้มันสะใจจริงๆ ที่ทิ้งเราขับรถคนเดียวได้ลงคอ ในวันนี้มีวิธีแกล้งอย่างหนึ่งที่ต้องบอกว่าทั้งสะใจ ทั้งฮาจนน้ำตาเล็ด แถมคนที่โดนอาจจะไม่กล้าหลับไปอีกตลอดทั้งทาง เพราะว่ามีวิดีโออันหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงเบาะนั่งมหาภัยที่ถ้าหลับปุ๊บโดนปั๊บจนต้องร้องให้ช่วยแน่ๆ โดยผู้ที่จะมาสาธิตครั้งนี้ก็คือสาวสวยชาวไต้หวันคนหนึ่ง ที่บังเอิญไปนั่งรถแล้วเกิดเผลอหลับอย่างไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นมาง่ายๆ ดั่งที่เราจะเห็นได้จากในวิดีโอในช่วงเริ่มแรก แต่ว่าในวินาทีต่อมานั้นเอง ขณะที่สาวคนนี้กำลังจะเข้าสู่แดนหิมพานต์เบาะนั่งก็เกิดทรุดตัวลงมาอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้สาวคนนี้ต้องตกไปอยู่ที่พื้นแทนที่เบาะนุ่มๆ และแน่นอนว่าเธอตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหันพร้อมกับท่านั่งใหม่ด้วยการเอาขาชี้ฟ้าหน้าทิ่มดิน พร้อมกับมือที่แหวกว่ายไปมาเพื่อจะขึ้นมาที่เดิมให้ได้ นับได้ว่าเป็นอีกมิติใหม่ของการแกล้งเพื่อนจริงๆ สำหรับการแกล้งคนกำลังหลับสบายอย่างนี้ ซึ่งไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าวิดีโอนี้มียอดชมแล้วกว่าเกือบ 9 ล้านครั้ง และชาวเน็ตก็แสดงความคิดเห็นต่อการเอาคืนเพื่อนร่วมทางอย่างออกรสออกชาติ ดั่งเช่นความคิดเห็นเหล่านี้ “ฉันจะลองเอาวิธีนี้ไปใช้บ้าง ถ้ามีคนหลับเป็นตายตอนที่ฉันขับรถอะนะ” “ฉันดูคลิปนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ที่แปลกก็คือมันทำฉันหัวเราะได้แทบจะทุกครั้งเลย” “มันฮามากจริงๆ จนทำให้ฉันหัวเราะทั้งน้ำตาเลยแหละ” “ตอนแรกนึกว่าจะเป็นวิดีโอที่เซ็กซี่ๆ แต่ฉันคิดผิดจริงๆ” “เธอคงจะเซอร์ไพรส์และโกรธในเวลาเดียวกันเลย แต่นี่ก็เป็นความผิดของเธอที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยไงล่ะ” คลิปการแกล้งแบบเต็มๆ ตา https://twitter.com/10ntyan_/status/1006942417767895040?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1006942417767895040&ref_url=https%3A%2F%2Fsoranews24.com%2F2018%2F06%2F29%2Fprank-on-sleeping-beauty-in-car-passenger-seat-goes-viral-%25e3%2580%2590video%25e3%2580%2591%2F ถ้าหากใครสนใจอยากจะเอาวิธีนี้ไปใช้บ้างก็ควรระวังจะโดนโกรธหรือโดนตบเอาได้ถ้าไม่สนิทกันจริงๆ แต่อีกทางหนึ่งก็เป็นการเตือนสติเพื่อนร่วมทางได้ดีเช่นเดียวกันถึงเรื่องความปลอดภัยว่าควรจะคาดเข็มขัดนิรภัย และควรตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาขณะที่รถกำลังแล่น เพราะอย่าลืมว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอยังไงล่ะ… ที่มา: soranews24, hachima kiko
-
26 ลายเซ็นของคนดังมีชื่อเสียงระดับโลก บ่งบอกถึงความเป็นตัวของพวกเขาได้อย่างดี
เมื่อกล่าวถึง ‘ลายเซ็น’ หลายๆ คนก็จะรู้กันดีว่ามันเป็นสิ่งที่เราใช้ในการลงนามแบบเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อยืนยันหรือแสดงตัวตนในเอกสารต่างๆ ซึ่งเจ้าลายเซ็นนี้ก็เป็นสิ่งที่เราต้องคิดขึ้นมาเอง ฉะนั้นในลายเซ็นนั้นก็จะมีความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนแฝงอยู่ และในวันนี้เอง #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมลายเซ็นของเหล่าคนดังจากทั่วโลก ทั้งของดารานักแสดงชื่อดัง ศิลปินที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ นักคิดนักกิจกรรมชื่อดัง และเจ้าของบริษัทที่รวยล้นฟ้า แต่ละคนจะเป็นอย่างไรกันบ้างลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…. 1. Vincent Price นักแสดงชาวอเมริกัน เขาเป็นคนให้เสียงหลอนๆ ในหนังแนวสยองขวัญหลายเรื่องมาก จนกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง 2. Walt Disney ผู้ก่อตั้ง Walt Disney 3. Keiji Inafume ผู้สร้างวิดีโอเกมชาวญี่ปุ่น และเป็นผู้ให้กำเนิด Megaman 4. มหาตมะ คานธี นักกิจกรรมชาวอินเดียที่เป็นผู้นำมาซึ่งอิสระจากการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ 5. Martin Luther King นักกิจกรรมที่มีชื่อเสียงในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เคยเรียกร้องความเท่าเทียมกันให้กับคนผิวสี 6. John Lennon…
-
หนทาง “บำรุงสมอง” ง่ายๆ ให้มันทำงานได้ดี แม้ร่างกายอ่อนล้า หรือจะแก่ชราไปแล้วก็ตาม
เราอาจเคยกังวล กลัวว่าพอเราแก่ตัวไปสมองของเราจะเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา อาจนำไปสู่ความผิดปกติบางอย่างหรืออาการหลงๆ ลืม เพื่อป้องกันและทำให้สมองของเราทำงานได้อย่างเต็มที่อยู่เสมอ ตัวช่วยของเพื่อนๆ ได้มาถึงแล้ว!! กับวิธีการที่ง่ายแสนง่าย ช่วยให้สมองของทุกคนยังคงความเยาว์วัยได้อยู่เสมอ มันมีวิธีการอะไรบ้างนั้น เราลองไปอ่านสาระน่ารู้เหล่านี้พร้อมๆ กันเลย 1. ลองใช้มือข้างที่ไม่ถนัด ถ้าคุณถนัดขวา ก็ลองเปลี่ยนไปใช้มือซ้ายดูบ้าง อย่างตอนกิน ตอนเขียน หรือตอนหยิบจับสิ่งต่างๆ ทำอย่างนี้เพื่อ กระตุ้นสมองข้างที่เราไม่ค่อยได้ใช้ ยืดอายุการใช้งานของสมอง รวมไปถึงส่วนเยื่อหุ้มสมอง 2. ทำกิจวัตรประจำวันในขณะที่หลับตาอยู่ พวกเรามักจะไม่สามารถเรียกคืนความจำของการใช้ชีวิตประจำวันได้ ซึ่งนั่นเป็นผลมาจากการที่เราทำสิ่งเหล่านั้นจนเคยชิน กลายเป็นความไม่เอาใจใส่ในเรื่องเหล่านั้นไปแล้ว ข้อแนะนำคือให้เราลอง หลับตาทำสิ่งต่างๆ เช่น ตอนอาบน้ำสระผม ตอนเดินจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่ง และอื่นๆ เพื่อให้ประสาทสัมผัสของเราส่งข้อมูลไปยังสมอง กระตุ้นให้เกิดความคิด มากกว่าการใช้แค่ตามอง 3. สับเปลี่ยนกิจกรรมยามเช้า เราเคยชินกับการตื่นขึ้นมาทำอะไรซ้ำ แต่ข้อแนะนำนี้คืออยากให้เพื่อนๆ เปลี่ยนกิจกรรมยามเช้าไปเรื่อยๆ เพราะความแปลกใหม่คือตัวกระตุ้นสมองให้มีความเฉียบแหลมมากกว่าเดิม อาจเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น เปลี่ยนจากแต่งตัวก่อนกินข้าว เป็นแต่งตัวหลังกินข้าวแทน หรืออาจลองเปลี่ยนไปดูการ์ตูนแทนข่าวเช้าอะไรทำนองนี้ 4. มองสิ่งต่างๆ…
-
5+1 เรื่องราวแปลกๆ แต่น่าสนใจเกี่ยวกับโลก ที่ไม่แน่ว่าคุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยสักนิด
โลกของเรานั้นเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะไม่เพียงแต่โลกใบนี้จะมีสิ่งที่เราไม่เคยเห็นอยู่อีกมาก แต่บางครั้งนั้นโลกก็สร้างสรรค์เรื่องใหม่ๆ ที่เราไม่เคยรู้มาก่อนออกมาให้เราได้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ เช่นกัน ราวกับว่าโลกนั้นไม่อยากให้คนเราหยุดเรียนรู้เลยก็ไม่ผิดนัก ดังนั้นในวันนี้ #เหมียวศรัทธา จะพาเพื่อนๆ ไปพบกับเรื่องจริงอันไม่น่าเชื่ออีกชุดหนึ่งของโลกใบนี้ ไม่แน่นะว่าสักวันหนึ่งข้อมูลเหล่านี้อาจจะมีประโยชน์ขึ้นมาก็เป็นได้ รู้ไหมว่า Steven Spielberg เคยอยากกำกับหนังเรื่อง James Bond แต่ก็ถูกปฏิเสธไป นั่นทำให้เขาเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ George Lucas ฟัง ก่อนที่พวกเขาจะสร้างหนัง James Bond ที่เหนือยิ่งกว่า James Bond ขึ้นมา หนังเรื่องนั้นมีชื่อว่า Indiana Jones เช่นเดียวกับที่ทารกของมนุษย์ดูดจุกนมหรือนิ้วของตัวเอง ลูกช้างก็มีการดูดงวงของตัวมันเองในลักษณะเดียวกัน แถมยังดูดด้วยเหตุผลเดียวกับมนุษย์อีกด้วย นั่นคือการหาอะไรดูดเพื่อทดแทนนมแม่นั่นเอง ในปี 1982 Michael Fagan สามารถแอบเข้าไปในราชวัง Buckingham ได้สำเร็จ เขาเข้าไปทำอะไรอย่างนั้นเหรอ? ชายหนุ่มเข้าไปทานชีสแล้วก็เดินไปเดินมาอยู่ราวๆ 30 นาที ก่อนที่จะไปนั่งจิบไวน์บนบัลลังก์ และออกจากราชวังไป คนที่อาศัยอยู่ใน Kalachi ที่คาซัคสถานเป็นโรคประหลาด พวกเขามักรู้สึกเหนื่อยและบางครั้งก็หลับไปนานมากถึง 1 สัปดาห์ นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากพยายามหาหลักฐานมาไขปริศนานี้ โดยข้อสันนิษฐานที่น่าเชื่อถือมากที่สุดบอกว่า…
-
สื่อนอกเผยขนาด “กระปู๋” ท่านชายจากชาติที่ได้ไปบอลโลก ใครจะได้แชมป์สังเวียนนี้ไปครอง?!
ถ้าจะพูดถึงข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับบอลโลกเพื่อนๆ จะนึกถึงอะไร? เชื่อว่าก็คงจะไม่พ้นตัวเลขการแพ้ชนะ หรือไม่ก็จำนวนการยิงประตูของนักเตะใช่ไหมล่ะ? แต่ดูเหมือนว่าเว็บไซต์ Hims แบรนด์สินค้าสุขภาพชายจะไม่ได้คิดแบบนั้นสักเท่าไหร่ เพราะว่าข้อมูลทางสถิติของ 32 ประเทศที่เข้ารวมบอลโลกจากพวกเขานั้น ไม่ใช่เลขการแพ้ชนะ แต่เป็นขนาดโดยเฉลี่ยของ “กระปู๋” คนในประเทศต่างหาก ตารางเปรียบเทียบขนาดกระปู๋ ของทั้ง 32 ประเทศแบบ “หัวต่อหัว” ดูเหมือนว่าขนาดของกระปู๋นั้นจะไม่ได้สัมพันธ์กับความเก่งกาจของทีมที่เข้าแข่งสักเท่าไหร่ เพราะอย่างที่เห็นว่าประเทศที่มีน้องชายที่ใหญ่ยาวที่สุดในตารางอย่างโคลอมเบียนั้น ก็แพ้ให้กับประเทศที่มีขนาดอยู่ท้ายสุดของตารางอย่างญี่ปุ่นมาแล้วนั่นเอง (เผลอๆ มันอาจจะใหญ่จนเกะกะเวลาวิ่งก็ได้) แต่เอาเข้าจริงๆ การที่คนทางเอเชียจะมีขนาดของร่างกายและขนาดของน้องชายเล็กกว่าคนทางยุโรปและแอฟริกานั้นเป็นเรื่องที่คนส่วนมากพอที่จะรู้กันดีอยู่แล้ว ดังนั้นหลายๆ คนก็อาจจะคิดว่าการวัดครั้งนี้นั้นจัดทำมาเพื่ออะไรใช่ไหม เรื่องนี้เองทาง Hims นั้นได้อธิบายว่าผู้ชายส่วนมากนั้นมักที่จะมีอาการกระวนกระวายกับขนาดของกระจู๋ตัวเอง เนื่องจากไม่สามารถเอาไปเทียบกับคนอื่นแบบเปิดเผยได้ ส่วนมากจึงมักเทียบเอาจากในหนังผู้ใหญ่นั่นเอง ซึ่งก็อย่างที่รู้กันว่าในหนังพวกนั้น เขามีการคัดตัวแสดงกันมาอย่างดีแล้ว ดังนั้นด้วยตัวเลขค่าเฉลี่ยนี้เองก็น่าจะทำให้เหล่าหนุ่มๆ รู้ตัวแล้วว่าของของเขานั้นอาจจะไม่ได้เล็ก (หรือใหญ่) อย่างที่คิดนั่นเอง ฟังแล้วหลายๆ คนอาจจะมีกำลังใจมากขึ้นเลยทีเดียว แถมจากผลสำรวจจาก Health Bridge Limited เว็บออนไลน์สำหรับบริการด้านสุขภาพยังบอกอีกว่า 67% ของผู้หญิงนั้นสนใจขนาดของกระปู๋ “แค่เพียงเล็กน้อย” เท่านั้น แถมสาวๆ ถึง 21% ยังบอกอีกว่าขนาดนั้นมันไม่ได้สำคัญเลยสักนิดอีกด้วย มันก็คล้ายๆ กับการเล่นฟุตบอลนั่นล่ะ…
-
นักวิจัยเผย พฤติกรรมที่เป็นสัญญาณบอกว่าคู่รักของคุณกำลัง “นอกใจ”
การถูกหักหลังโดยคนรัก อาจจะเป็นอะไรที่เจ็บปวดไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ความเจ็บปวดที่ว่านั้นอาจจะพอทุเลาลงไปได้ ถ้าหากคุณรู้ตัวก่อนว่ากำลังถูกหลอก… แต่ก็อย่างว่าแหละ เราจะรู้ได้อย่างไรล่ะ ว่าตอนนี้กำลังถูกคู่รักของเราสวมเขาอยู่!? จากผลการศึกษาในคู่รักมากกว่า 1,000 คู่พบว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คู่รักของคุณเริ่มมีพฤติกรรมรักสวยรักงามแบบไม่เคยเป็นมาก่อนอย่างเช่นเริ่มดูแลหนวดเคราเป็นพิเศษ หรือเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมล่ะก็นั่นแหละคือสัญญาณที่ไม่ค่อยจะดีแล้ว นอกจากนี้อีกสัญญาณหนึ่งที่พบได้บ่อยในคู่รักที่นอกใจกันก็คือ การออกไปเที่ยวกลางคืนกับกลุ่มเพื่อนใหม่ หรือเพื่อนร่วมงานบ่อยๆ นั่นเอง ผลการศึกษายังเผยอีกว่าถ้าหากคู่รักของคุณมีความต้องการทางเพศมากกว่าปรกติล่ะก็ บางครั้งพวกเขาอาจจะกำลังปกปิดความผิดอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้ 44% ของคู่รักที่มักจะมีสายเรียกเข้าหรือได้รับข้อความตอนกลางคืนมักจะมีการนอกใจเกิดขึ้น ในขณะที่ 41% ของคู่รักที่เก็บโทรศัพท์ไว้กับตัวตลอดเวลาก็พบว่ามีการนอกใจด้วยเช่นกัน นอกจากนี้พวกเขายังพบว่ามีอีกหลายพฤติกรรมที่มีผลต่อกการนอกใจด้วยเช่นกันตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนรหัสโทรศัพท์พบการนอกใจถึง 33% การเก็บรหัสผ่านต่างๆ ไว้เป็นความลับ 30% การซ่อนข้อความที่ได้รับ 27% และการมีบัญชีของโซเชียลมีเดียมากกว่า 1 บัญชี 23% แล้วเราจะทำอย่างไรเมื่อรู้ว่าคนรักกำลังแอบนอกใจอยู่?? จากผลสำรวจพบว่าผู้คนมากถึง 79% รู้สึกเฉยๆ ถ้าหากรู้ว่าคู่รักของพวกเขากำลังนอกใจทางโทรศัพท์ และบางครั้งก็ไม่ได้จบลงด้วยการยุติความสัมพันธ์ ผู้คนกว่า 48% ยอมรับว่าพวกเขาไม่มีทางให้อภัยกับสามีหรือภรรยาที่เคยนอกใจ แต่ในขณะที่ 39% พบว่าพวกเขาพยายามทำทุกอย่างให้กลับมาเหมือนเดิม แม้จะรู้ว่าถูกนอกใจ…
-
ศิลปะบนเรือนร่าง เทรนด์เจาะผ่านผิวด้วย “หัวเข็มฉีดยา” สถิติสูงสุดกว่า 4,700 เล่ม!!
เราอาจเคยเห็นศิลปะบนเรือนร่างในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเพนท์สี การสักลาย หรือเจาะส่วนต่างๆ ของร่างกาย สิ่งนั้นรวมไปถึง การฝังเข็ม ในแบบที่เรียกว่า Needle Play เจาะผ่านผิวหนังของเราไป ความแปลกใหม่ สวยงาม และเป็นเอกลักษณ์ คำเตือน: ภาพเนื้อหาอาจมีความรุนแรง กระทบต่อจิตใจ เหมาะสำหรับคนจิตแข็ง Jilf ศิลปินผู้ศึกษาและทำผลงานเกี่ยวกับการฝังเข็ม มานานหลายปี การฝังเข็มในลักษณะนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มของคนที่มีความอภิรมย์ทางเพศแบบ BDSM (คนที่นิยมการร่วมรักแบบรุนแรง เจ็บปวด) และสำหรับ Jilf ศิลปินสาววัย 43 ปี ในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย สิ่งนี้คือความท้าทายสำหรับเธอในการสร้างผลงานให้ลูกค้าแต่ละคน เธอศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของการเจาะและฝังเข็มมายาวนานกว่า 20 ปี รวมไปถึงเรื่องของกายวิภาค ผิวหนัง ซึ่งเป็นส่วนจำเป็นต่อการสร้างผลงานต่างๆ ของเธอ . Jilf บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับการฝังเข็มลงบนผิวหนัง โดยสิ่งสำคัญก็คือเรื่องความปลอดภัยของผู้ที่รับการฝังเข็ม เธออธิบายว่าวิธีการนี้ช่วยเติมเต็มความรู้สึกและอารมณ์ทางเพศให้กับคนบางกลุ่ม มันสามารถทำให้พวกเขารู้สึกราวกับอวัยวะเพศกำลังถูกกระตุ้น หรืออาจรู้สึกเหมือนได้รับอาหารสมอง หรืออาจเป็นพร้อมๆ กันทั้งสองอย่าง …
-
ผลวิจัยชี้!! การมีลูกมากกว่า 2 คน เพิ่มความเสี่ยง “โรคหัวใจ” ให้กับคุณแม่
คุณพ่อคุณแม่หลายๆ คนอาจจะเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่า การมีเจ้าตัวเล็กในบ้านนั้น เป็นอะไรที่ดูดพลังงานไม่น้อยเลยทีเดียว แต่นอกจากความเหนื่อยที่ต้องคอยดูแลเหล่าเจ้าตัวเล็กแล้ว การมีลูกเยอะๆ ก็อาจส่งผลต่อสุขภาพของคุณด้วย!! งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Cambridge เผยว่าการมีลูกมากกว่า 2 คนนั้นจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณแม่อย่างมีนัยสำคัญ ส่วนการมีลูก 5 คนหรือมากกว่าจะเพิ่มอัตราการป่วยเป็นโรคหัวใจได้มากถึง 40 เปอร์เซ็นต์เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่มีลูกเพียง 1 หรือ 2 คน จากรายงานอ้างว่าการตั้งครรภ์และการคลอดลูกนั้นส่งผลเกี่ยวกับหัวใจ ดอกเตอร์ Clare Oliver-Williams หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่า “เราพบว่าการตั้งครรภ์และการคลอดลูกนั้นส่งผลเกี่ยวกับหัวใจอย่างมาก และการเลี้ยงลูกก็เพิ่มความเครียดให้กับคุณแม่ด้วยเช่นกัน การศึกษานี้ได้ตั้งใจที่จะเพิ่มความเครียดให้กับพวกเขา แต่เราอยากเสนอแนวทางเท่านั้นเอง” การศึกษาดังกล่าว ได้ทำการเก็บข้อมูลจากผู้หญิงมากถึง 8,000 คน ในสหรัฐอเมริกา ที่มีอายุระหว่าง 45-64 ปี ซึ่งนอกจากผลการศึกษาข้างต้น พวกเขายังพบว่าผู้หญิงอีก 25 % ที่มีลูก 5 คนหรือมากกว่า มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหลอดเลือดสมอง และอีก 17 % มีโอกาสที่จะเป็นโรคหัวใจล้มเหลว ส่วนผู้หญิงที่แท้งลูกนั้น จากการศึกษาพบว่ามีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหัวใจมากถึง 60 %…
-
แนะนำ 5 แอปฯ น่าใช้ สำหรับคนที่มีปัญหาในการอ่านภาษาอังกฤษ
การอ่านนิตยสารต่างประเทศนั้น อาจจะเป็นอุปสรรคสำหรับใครที่มีทักษะทางด้านภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง หรือไม่ค่อยได้ฝึกฝนสักเท่าไหร่ ซึ่งในยุคที่โลกกำลังหมุนไปอย่างรวดเร็วแบบนี้ การติดตามข่าวสารจากต่างประเทศก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว และถ้าหากว่าใครอยากที่จะเริ่มอ่านข่าว บทความ หรือนิตยสารจากต่างประเทศ แต่ยังมีปัญหาเกี่ยวกับคำศัพท์ที่แสนยากจนอาจทำให้ท้อใจล่ะก็ เราก็มีแอปพลิเคชันดีๆ ที่จะช่วยให้คุณเสพเนื้อหาจากต่างประเทศได้ง่ายขึ้นมาฝากกัน 1. Google Translate แอปฯ สุดเบสิคที่เชื่อว่าหลายๆ คนจะต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีแน่ แอปฯ แปลภาษาจากทาง Google นี้ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมาก และสามารถแปลได้มากถึง 90 ภาษา แถมยังมีโหมดกล้องที่สามารถให้เราแปลได้อย่างทันใจเพียงแค่หันกล้องไปยังข้อความที่ต้องการอีกด้วย ดาวน์โหลดได้ที่นี่เลย iOS: Google Translate Android: Google Translate 2. iTranslate เป็นอีกหนึ่งแอปฯ ที่มีการใช้งานง่ายๆ ไม่ซับซ้อน และสามารถช่วยให้คุณแปลข้อความหรือวลีได้มากถึง 90 ภาษา นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยในการออกเสียง ให้คุณได้ฟังการออกเสียงที่ถูกต้องอีกด้วย แถมยังอัผเกรดในเวอร์ชันพรีเมียมได้ในราคาเพียงแค่ 165 บาทเท่านั้น ดาวน์โหลดได้ที่นี่เลย iOS: iTranslate …
-
17 ข้อแนะนำ เกี่ยวกับการจัด “ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน” เพื่อช่วยลดความเครียด
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการทำงานในทุกๆ วัน ถึงแม้ว่าจะเป็นงานที่เราชื่นชอบ แต่บางครั้งการนั่งทำงานนานๆ ก็อาจจะทำให้เราเกิดความเครียดแบบไม่รู้ตัวก็ได้ แน่นอนว่าหลายๆ คนก็อาจจะมีวิธีรับมือกับความเครียดที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการแฮงค์เอาท์หลังเลิกงาน การหลบออกมาหามุมผ่อนคลาย หรือการหาของสวยๆ มาตั้งที่โต๊ะทำงาน แต่นอกเหนือจากวิธีเหล่านั้นแล้ว ยังมีอีกวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณผ่อนคลายความเครียดในการทำงานได้ นั่นก็คือ การจัดโต๊ะงานตามหลักฮวงจุ้ยทั้ง 17 ข้อที่เรานำมาฝากกันวันนี้ยังไงล่ะ!! 1. ภาพของครอบครัว สัตว์เลี้ยง เพื่อทำให้คุณเกิดแรงบันดาลใจในการทำงาน 2. หาภาพงานศิลปะ หรือสถานที่สัก 1-2 ภาพมาแขวน โดยพยายามหลีกเลี่ยงภาพที่ทำให้คุณเกิดความรู้สึกสับสนวุ่นวาย 3. หลีกเลี่ยงการทำงานโดยที่มีแสงไฟส่องอยู่เหนือศีรษะ เพราะจะทำให้ไม่สบายตา และทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ 4. แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ล่ะก็ ลองหาโคมไฟติดผนังหรือโคมไฟตั้งโต๊ะมาใช้ 5. ถ้าหากเป็นไปได้ลองหาสิ่งของตั้งโต๊ะที่เป็นสีม่วง แดง หรือส้ม เพื่อทำให้เรามีความกระตือรือร้นในการทำงาน 6. หาพรมเล็กๆ มาวางไว้ที่ด้านล่างของโต๊ะ เพื่อทำให้รู้สึกผ่อนคลาย 7. เลือกพืชที่ทำให้อากาศสดชื่นมาไว้ที่ข้างๆ โต๊ะทำงานของคุณ เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณมีสมาธิในการทำงานแล้ว ตามความเชื่อมันยังช่วยให้งานของคุณผ่านไปได้ด้วยดีอีกด้วย 8. ลองหาพันธุ์ไม้แปลก…
-
คุณแม่ลูกห้า ถูกโซเชียลต่อว่า กับการที่เธอ “ให้นมลูกชายวัย 7 ขวบ” เธอจึงอธิบายในเรื่องนี้
พวกเราส่วนใหญ่คงเข้าใจกันว่าเด็กๆ จะหย่านมแม่กันตั้งแต่เล็กๆ แต่สำหรับคุณแม่คนนี้เธอกลับให้นมลูกอยู่ตลอด แม้ว่าลูกชายของเธอจะอายุ 7 ขวบแล้วก็ตาม คุณแม่ลูกห้าวัย 46 ปีคนนี้มีชื่อว่า Lisa Bridger ครอบครัวของเธออาศัยอยู่ในเมือง Adelaide ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเธอให้ลูกดูดเต้านมมานานรวมกันกว่า 20 ปี Lisa คุณแม่ลูกห้า และเธอยังคงให้ลูกชายดูดจุกนมต่อมาเรื่อยๆ แม้ว่าลูกๆ ของเธอจะอายุมากจนหลายๆ คนมองว่าสามารถหย่านมแม่ได้แล้วก็ตาม ลูกชายที่ยังคงดูดเต้านมของเธออยู่นั้นมีชื่อว่า Chase วัย 7 ปี และ Phoenix วัย 4 ปี Chase และ Phoenix การให้นมลูกทั้ง 2 ของเธอนั้น ได้กลายเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงในโลกโซเชียล บางคนมองว่าสิ่งที่เธอทำเป็นเหมือนกับการทารุณเด็ก บีบบังคับให้ทั้งสองต้องดูดนมจากเต้าของเธออยู่ และบางครั้งมันก็ดูน่าอายสำหรับพวกเขา ด้วยเหตุนั้นเอง Lisa จึงได้อธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมเธอถึงยังคงให้ลูกชายทั้งสองทำอย่างนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ Lisa บอกว่า Chase…
-
สื่อนอกแนะ 8 สิ่งควรรู้เกี่ยวกับวิธีการทานซูชิที่ถูกต้อง ที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้
ซูชิ หนึ่งในอาหารจากประเทศญี่ปุ่นที่หลายๆ คนอาจจะชื่นชอบมากๆ กับการรับประทานข้าวขนาดพอดีคำปรุงรสนิดหน่อย โปะหน้าด้วยปลาสดๆ หรือวัตถุดิบต่างๆ เป็นอาหารที่ดูเรียบง่ายและสามารถรับประทานได้ทั่วไป แต่การรับประทานซูชิก็มีกฎกติกามารยาทในการทานเหมือนกัน เนื่องจากว่าซูชิมาจากประเทศญี่ปุ่นและคนญี่ปุ่นนั้นมีความเคร่งครัดและเป๊ะมากๆ ในการจะทำอะไรแต่ละอย่าง ทางเว็บไซต์ Thisisinsider ก็เลยนำมารยาท 8 ข้อควรรู้ในการทานซูชิมาฝากกัน ไปชมกันเลย 1. อย่าจุ่มซูชิของคุณลงไปในซอสโชยุ ใครที่ชอบเอาข้าวจิ้มซอสโชยุแบบฉ่ำๆ เลยล่ะก็ บอกเลยว่ามันเป็นวิธีการที่ผิดอย่างแรง นอกจากจะทำให้ซูชิเสียรสชาติแล้วยังจะทำให้กินลำบากขึ้นด้วย ก็เพราะข้าวจะเต็มไปด้วยซอสและแหลก หากต้องการเพิ่มรสชาติจริงๆ ให้หันทางส่วนที่เป็นปลาจิ้มลงไปในซอสไม่ใช่จิ้มส่วนที่เป็นข้าวลงไป 2. อย่าผสมวาซาบิกับซอสโชยุเข้าด้วยกัน หลายๆ คนอาจจะประหยัดเวลาด้วยการนำวาซาบิและซอสโชยุผสมเข้าด้วยกันแล้วจิ้มทีเดียว การทำแบบนี้ก็ผิดเช่นกันเพราะจะทำให้วาซาบิเสียรสชาติไปจากเดิมเยอะเลย 3. อย่าขอวาซาบิเพิ่ม เพราะซูชิบางชิ้นถูกกำหนดปริมาณที่เหมาะสมมาอยู่แล้ว อย่างที่บอกไปในขั้นต้น เชฟทำซูชิมักจะกำหนดปริมาณวาซาบิที่พอเหมาะกับการทานซูชิในแต่ละคำมาให้อยู่แล้วเพื่อไม่ให้เป็นการสูญเสียรสชาติที่ดี 4. เวลาทานนิกิริซูชิให้ใช้มือแทนตะเกียบ เพื่อสัมผัสแห่งการทานที่ดีขึ้นควรใช้มือและการใช้มือทานนิกิริซูชิถือว่าเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง 5. ถ้าไปทานอาหารที่ร้านซูชิบาร์ควรสั่งมาทานทีละชิ้น ทั้งนี้ก็เพื่อความสดใหม่ของซูชิแต่ละคำถ้าหากสั่งมาในปริมาณมากๆ แล้วอาจจะทำให้ซูชิเสียรสชาติได้ ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆ นะ 6. ถ้าไปร้านซูชิบาร์ ควรสั่งซูชิเป็นอันดับแรก ถึงแม้ว่าเมนูอื่นจะดูน่ากินมากๆ แต่ตามมารยาทแล้วควรสั่งซูชิก่อน 7.…
-
6 สิ่งประดิษฐ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่อาจไม่เคยรู้เลยว่า คนคิดเป็น “ผู้หญิง” นะเออ
เวลาที่เรานึกถึงผลงานการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ดังๆ ส่วนมากเราก็มักจะนึกออกแต่ผู้คิดค้นที่เป็นผู้ชายกันใช่ไหมล่ะ คนแบบ Thomas Edison หรือ Nikola Tesla เป็นต้น แต่รู้หรือไม่ว่าในโลกของเรานั้นยังมีสิ่งประดิษฐ์อีกหลายสิ่งเลยที่ไม่ได้คิดค้นขึ้นมาโดยผู้ชาย แถมบางสิ่งนั้น ยังเป็นสิ่งที่เราใช้กันจนชินชาในชีวิตประจำวันอีกด้วย อะไรแบบสิ่งประดิษฐ์ 6 อย่างต่อไปนี้ ระบบโชว์เบอร์ คิดค้นโดย Dr Shirley Ann Jackson Dr Shirley Ann Jackson คือผู้หญิงชาวแอฟริกันอเมริกันคนแรกที่จบปริญญาเอกจาก MIT โดยนอกจากระบบโชว์เบอร์แล้ว งานวิจัยของเธอยังเป็นที่มาของระบบสายซ้อนที่เราใช้กันในปัจจุบันอีกด้วย Kevlar คิดค้นโดย Stephanie Kwolek ในปี 1965 Stephanie ได้กลายเป็นนักเคมีผู้ค้นพบวัสดุน้ำหนักเบาซึ่งแข็งแรงกว่าเหล็กถึง 5 เท่าที่มีชื่อหลังจากนั้นว่า Kevlar มันถูกใช้ในอุปกรณ์ป้องกันหลายชนิดในปัจจุบัน ตั้งแต่เกราะกันกระสุนไปจนถึงถุงมือกันมีดเลยทีเดียว เหล็กดัดผม คิดค้นโดย Theora Stephens แม้ว่าจะมีเครื่องดัดผมมาเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว แต่ Theora Stephens ช่างตัดผมชาวแอฟริกันอเมริกัน กลับรู้สึกว่าเครื่องที่ผู้คนใช้อยู่นั้นมันยุ่งยากสิ้นดี ดังนั้นเธอจึงได้คิดค้นเหล็กดัดผมแบบปัจจุบันขึ้นมาในปี 1980 นั่นเอง ทางหนีไฟ คิดค้นโดย Anna Connelly แทบไม่มีใครรู้ว่า Anna Connelly นั้นเป็นใครมาจากไหน…
-
โด่งดังในทันที…หลังชายหนุ่มดันพูดเรื่อง “การดื่มน้ำร้อน” ตอนกล่าวสุนทรพจน์ วันจบการศึกษา?!
เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายๆ คนคงต้องเคยมีโอกาสได้ฟังหรือได้ขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์ในวันจบการศึกษากันมาบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นเรื่องของแรงบันดาลใจ สังคม หรือเป้าหมายชีวิตในวันข้างหน้า แต่สำหรับการกล่าวสุนทรพจน์ในมหาวิทยาลัย Shanghai’s East China Normal กลับต่างออกไป เมื่อตัวแทนบัณฑิตดันขึ้นไปพูดเกี่ยวกับ “การดื่มน้ำร้อน” ให้ทุกคนฟังซะอย่างนั้น?! เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2018 บัณฑิตหนุ่มชาวอิตาลีที่ชื่อว่า Carlo ได้ขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์ในวันจบการศึกษา หลังจากได้ใช้เวลาอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยที่ประเทศจีนมานานถึง 4 ปี สิ่งที่เขาพูดนั้นมีความแตกต่างไปจากเรื่องที่เรามักจะได้ยินจากการกล่าวสุนทรพจน์ เพราะเขาได้หยิบเอาเรื่อง “การดื่มน้ำร้อน” หนึ่งในวัฒนธรรมที่สำคัญของชาวจีนขึ้นมาพูด บัณฑิตหนุ่มนามว่า Carlo เขาเล่าว่าตนเองได้ใช้ชีวิตอยู่ที่หอพักกับเพื่อนรูมเมทชาวจีน โดยเมื่อไหร่ที่เขารู้สึกไม่ค่อยสบาย เพื่อนร่วมห้องของเขาก็จะแนะนำให้ดื่มน้ำร้อนอยู่เสมอ Carlo บอกว่า ”ทำอย่างไรเมื่อเป็นไข้? ดื่มน้ำร้อน!! หากมีอาการปวดท้อง? ดื่มน้ำร้อน!! หรือถ้ามีความเครียดมากจนเกินไป? เพื่อนก็จะบอกให้ดื่มน้ำร้อน!!” และเพราะอย่างนั้น มันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาสามารถสรุปได้ว่าน้ำร้อนในประเทศจีนเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์มากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็สามารถเยียวยาได้หมด คลิปการกล่าวสุนทรพจน์ของเขา ฟังดูคล้ายๆ บ้านเราที่มักจะบอกกันว่า…
-
เด็กหนุ่มแพ้หมึก “เฮนน่า” จนเป็นรอยแผลพุพอง แพทย์คาดอาจติดไปตลอดชีวิต
หลายๆ คนอาจจะรู้จักกับศิลปะบนเรือนร่างจากยุคโบราณอย่างการสัก “เฮนน่า” กันมาบ้าง ซึ่งรอยสักที่สามารถจางออกได้เองนี้ และกำลังได้รับความนิยมอย่างมากจากเหล่านักท่องเที่ยว แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นงานศิลปะบนเรือนร่างที่สามารถลบออกได้เอง แต่ในบางครั้ง การเลือกสักเฮนน่านั้น ก็อาจจะต้องเพิ่มความระมัดระวัง และเลือกร้านที่ได้มาตรฐานกันนิดหน่อย เพราะไม่เช่นนั้นอาจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้… ภาพของแผลเป็นที่คุณเห็นนี้ คือร่องรอยของสารเคมีที่กัดผิวหนังของ Nathaniel Hainsworth หนุ่มน้อยวัย 13 ปี และ Kane Archibald น้องสาววัย 7 ขวบของเขา หลังจากที่ทั้งสองได้มีโอกาสสักเฮนน่าที่เกาะมัลยอร์กา ประเทศสเปนในช่วงวันหยุด “ในวันหยุดที่ผ่านมา เราได้พบกับชายคนหนึ่งในร้านสัก เขาทำการสักเฮนน่าให้พวกเรา ในตอนแรกมันดูดีมากๆ แต่หลังจากผ่านไป 8 วันลูกๆ ของเราเริ่มมีแผลพุพองเกิดขึ้นที่บริเวณรอยสัก” คุณ Carrie Archibald ผู้เป็นแม่ให้สัมภาษณ์ 8 วันให้หลัง ลูกๆ ของเธอกลับมาจากโรงเรียน Nathaniel บอกกับแม่ของเขาว่าเขามีอาการแสบร้อนที่แขน ทางครอบครัวตัดสินใจไปพบแพทย์ และได้ทราบว่าอาการดังกล่าวเกิดจากการแพ้สารเคมีในหมึกสัก “เมื่อเข้าวันที่ 9 แผลของลูกๆ เริ่มแดงขึ้นอีกครั้ง มันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเราต้องกลับไปหาหมออีก” แม่ของเด็กให้สัมภาษณ์ รอยเสือดาวที่บริเวณหลังของเด็กหนุ่ม…
-
การ์ตูนคูลๆ ที่ทำให้เห็นว่า “เจ้านาย (Boss) VS หัวหน้า (Leader)” มันต่างกันอย่างไร!?
ทุกวันนี้ในโลกของการทำงาน บุคคลสำคัญที่เราหลีกเลี่ยงที่ไม่ได้ก็คือ หัวหน้างานหรือเจ้านาย นั่นเอง แค่พูดคำว่า “หัวหน้า” หรือ “เจ้านาย” ออกมาหลายคนก็ถึงกับขนลุกซู่ แต่ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร คำสองคำนี้มีความแตกต่างกันอยู่ โดยคำว่า เจ้านาย (Boss) นั้นว่ากันตามตรงมักใช้ในเชิงลบ ความหมายก็คือผู้ที่ใช้อำนาจควบคุมทุกคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชา แต่คำว่า หัวหน้า (Leader) นั้นจะหมายถึงผู้ที่เข้าใจในผลประโยชน์ของการกระตุ้นให้พนักงานเกิดความสามัคคีแข็งขัน และทำงานจนบรรลุผลสำเร็จ อ่านข้อความอาจเข้าใจได้ยาก วันนี้เราจึงขอนำภาพการ์ตูนสุดเจ๋งจาก yukbisnis.com ที่วาดขึ้นเพื่ออธิบายความแตกต่างระหว่าง “หัวหน้า VS เจ้านาย” ได้เข้าใจง่ายสุดๆ แถมน่ารักอีกด้วย เราไปชมพร้อมกันเลยดีกว่า… เจ้านาย (Boss) จะเอาแต่ผลประโยชน์ให้ตัวเอง แต่ หัวหน้า (Leader) จะคอยส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของลูกทีมให้ทำงานได้ดีขึ้น เจ้านาย (Boss) มักจะดุด่าว่ากล่าวหากผิดพลาด แต่ หัวหน้า (Leader) มักจะสอนและหาทางแก้ไข เจ้านาย (Boss) มักออกคำสั่ง เช่น “ไปทำให้สำเร็จ!” แต่ หัวหน้า (Leader) มักจะชักชวนหรือกระตุ้น เช่น “เรามาทำให้สำเร็จกันเถอะ!”…
-
ชวนคิดถึง… สัตว์ 17 ชนิดที่เคยอยู่ร่วมกับมนุษย์แต่ต้อง “สูญพันธุ์” ไปอย่างน่าเศร้า
เหล่าสรรพสัตว์บนโลกของเรานั้นมีมากมายหลายชนิดเสียเหลือเกิน แต่ถึงแม้จะมีมากอย่างไรมันก็มีการลดจำนวนลงไปเนื่องจากการสูญพันธุ์ สัตว์หลายชนิดที่สูญพันธุ์ไปก็เป็นอันตรายต่อมนุษย์อย่างมหาศาล แต่ขณะเดียวกันสัตว์หลายๆ ชนิดก็เป็นส่วนสำคัญต่อสภาพแวดล้อมและห่วงโซ่อาหาร แต่สุดท้ายมันก็กลับต้องสูญพันธุ์ไปอย่างน่าเศร้า วันนี้ เราจึงอยากเสนอ สัตว์ 17 ชนิดที่เคยอยู่ร่วมกับมนุษย์แต่ต้อง สูญพันธุ์จากไปอย่างน่าเศร้า จะมีสัตว์ชนิดไหนบ้างนั้น ไปชมกันเลย… 1. เสือโคร่งชวา, เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย สูญพันธุ์ไปเมื่อปี 1993 ที่มา: Javan_tiger 2. นกพิราบพาสเซนเจอร์, ทวีปอเมริกาเหนือ สูญพันธุ์เมื่อวันที่ 1 กันยายน 1904 ที่มา: Passenger_pigeon 3. แมวน้ำมังค์แคริบเบียน, หมู่เกาะแคริบเบียน สูญพันธุ์เมื่อปี 2008 ที่มา: Caribbean_monk_seal 4. คางคกสีทอง, ประเทศคอสตาริกา สูญพันธุ์เมื่อปี 1989 ที่มา: Golden_toad 5. นกโดโด, ประเทศมอริเชียส ทวีปแอฟริกาตะวันออก สูญพันธุ์เมื่อปี 1662 ที่มา: Dodo 6. วัวทะเลชเตลเลอร์, หมู่เกาะคอมมานเดอร์…
-
เด็กไทยสุดเจ๋งคิดค้นชุดตรวจมะเร็งปากมดลูก ‘LadyKit’ ไม่ต้องตรวจภายใน รู้ภายใน 5 นาที
ข้อมูลจากสำนักงานวิจัยมะเร็งนานาชาติเผยว่า มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งร้ายอันดับ 2 ที่คร่าชีวิตผู้หญิงไทยรองมาจากมะเร็งเต้านม องค์การอนามัยโลกระบุว่า ในแต่ละปีผู้หญิงไทยเป็นมะเร็งปากมดลูกเฉลี่ยวันละ 27 คน หรือปีละประมาณ 10,000 คนเลยทีเดียว มะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV) จากการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งปกติแล้วเชื้อนี้จะถูกภูมิคุ้มกันในร่างกายกำจัดออกไปถึงร้อยละ 90 แต่อาจมีอีกร้อยละ 10 ที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างกาย เปลี่ยนแปลงเซลล์บริเวณปากมดลูกให้กลายเป็นมะเร็งในที่สุด การตรวจมะเร็งปากมดลูกมีวิธีการตรวจด้วยวิธีแพปสเมียร์ (Pap smear) โดยจะสามารถตรวจได้โดยการตรวจภายใน ซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่กลัวและไม่กล้าไปพบแพทย์ ทำให้การเป็นมะเร็งปากมดลูกเป็นอันดับ 2 ที่ทำให้ผู้หญิงไทยเสียชีวิต เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2018 เว็บไซต์ Hfocus ได้เผยแพร่ข้อมูลถึงเรื่องของ เด็กนักศึกษาไทย คิดค้นนวัตกรรมใหม่ ชุดตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตัวเอง ที่ไม่ต้องตรวจภายใน แต่สามารถรู้ผลได้ภายใน 5 นาที นับได้ว่าเป็นสุดยอดนวัตกรรมที่เจ๋งมากๆ เลยทีเดียว นายชาวิน แดนมะตาม นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 1 คณะแพทย์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พญ.ฝนทิพย์ วัชราภรณ์…
-
ทันตแพทย์เสนอ “แปรงฟันแบบแห้ง” แปรงแบบไม่ใช้น้ำ แต่ป้องกันฟันผุได้ดีเยี่ยม!!
กิจวัตรประจำวันของเราช่วงเช้าหลังตื่นนอนของพวกเราทุกๆ คน แน่นอนว่าต้องหนีไม่พ้นการอาบน้ำและล้างหน้าแปรงฟันอย่างแน่นอน ทุกคนคงหยิบแปรงสีฟันขึ้นมาล้างน้ำหนึ่งครั้ง บีบยาสีฟัน (บางคนก็จุ่มน้ำอีกครั้ง) แล้วแปรงเพื่อให้เกิดฟองเยอะๆ พอแปรงเสร็จแล้วก็บ้วนทิ้งด้วยน้ำเกือบเต็มช่องปาก กลั้วไปมาแล้วบ้วนจนกว่าคราบยาสีฟันจะหมดใช่ไหมล่ะ? แต่ต้องขอบอกเอาไว้เลยว่า วิธีที่กล่าวไปด้านบนนั้น มันผิด!! อันที่จริงก็ไม่เชิงว่าผิด แต่มันได้ประโยนช์น้อยมากๆ เพราะปัจจุบันทางเหล่าทันตแพทย์ได้เสนอวิธีการแปรงฟันแบบใหม่ “แปรงแห้ง” ซึ่งป้องกันฟันผุได้ดีกว่าเดิม วิธีการแปรงฟันแบบแห้ง ก็คือ การแปรงฟันที่ไม่ใช้น้ำในการแปรงฟันเลย ถึงใช้ก็ใช้น้อย (แต่ไม่ใช้เลยก็จะดีที่สุด) ที่วิธีการแปรงฟันแบบแห้งนี้ยังไม่เป็นที่นิยมในไทยก็เพราะว่าเป็นวิธีที่ค่อนข้างใหม่และขัดกับวิธีที่ชาวไทยปฏิบัติสืบต่อกันมานานแสนนาน รวมไปถึงความรู้สึกไม่คุ้นชินหากไม่ใช้น้ำบ้วนปากออกหลังแปรงฟัน ที่จริงข่าวคราวเรื่องวิธีการแปรงฟันแบบแห้งนั้นมีออกมาน่าจะราวๆ 5-6 ปีที่แล้วเห็นจะได้ แต่ปัจจุบันในปี 2018 ทันตแพทย์หลายคนเริ่มออกมาสนับสนุนให้คนไทยกันมาใช้วิธีนี้มากขึ้น ขั้นตอนการแปรงฟันแบบแห้งนั้นไม่ยากเลย ลองมาดูกันตามนี้… ขั้นตอนที่หนึ่ง: เพียงแค่บีบยาสีฟัน (ผสมฟลูออไรด์) ลงบนแปรงสีฟันที่สะอาดโดยไม่ชุบหรือจุ่มน้ำ แล้วแปรงฟันตามปกติราว 2 นาที ขั้นตอนที่สอง: บ้วนหรือถ่มยาสีฟันและฟองทิ้งให้หมด “โดยไม่ใช้น้ำบ้วนปาก” หรือถ้าใครทนไม่ไหวจริงๆ ก็สามารถบ้วนด้วยน้ำได้ แต่แค่จิบเดียวเท่านั้น (ประมาณ 1 ช้อนชา) ขั้นตอนที่สาม: เมื่อบ้วนออกหมดแล้ว ให้เว้นทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีก่อนรับประทานอาหาร…
-
มาดู! งานวิจัยทางสถิติเผย จำนวนครั้งของการ “มีเซ็กส์” ที่เหมาะสมกับช่วงอายุคุณ!
การมีเซ็กส์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตอย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะนั่นคือปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สิ่งมีชีวิตต้องกระทำเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ของตนเองให้อยู่รอด อย่างไรก็ตาม เซ็กส์ ก็ยังคงเป็นปัญหาในสังคมมนุษย์อยู่อย่างต่อเนื่อง อาจจะด้วยสาเหตุที่ว่าคนเรามีพฤติกรรมการมีเซ็กส์ที่ไม่เหมาะสม แต่ถ้าหากคนเรารู้จักป้องกันตัวเองจากผลเสียที่จะตามมา การมีเซ็กส์ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว วันนี้เราลองมาดูสถิติของ ผู้คนในแต่ละช่วงอายุ กันดีกว่า ว่าพวกเขามีเซ็กส์โดยเฉลี่ย บ่อยขนาดไหน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่า อายุอย่างเราๆ ควรมีเซ็กส์บ่อยครั้งเท่าไหร่ถึงจะอยู่ในค่าเฉลี่ยได้ ข้อมูลการศึกษาจากสถาบันวิจัยทางเพศ Kinsey Institute เผยว่าคนวัยรุ่นหนุ่มสาวใน ช่วงอายุ 18-29 ปี นั้นมีอัตราการมีเซ็กส์โดยเฉลี่ยบ่อยครั้งที่สุด นั่นคือ 112 ครั้งต่อปี หรือประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ รองลงมาก็จะเป็น ช่วงอายุ 30-39 ปี ที่มีอัตราการมีเซ็กส์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 86 ครั้งต่อปี หรือเท่ากับราวๆ 1.6 ครั้งต่อสัปดาห์ และใน ช่วงวัย 40-49 ปี นั้นจะมีอัตราการมีเซ็กส์ลดลงมาเหลืออยู่ที่ 69 ครั้งต่อปี ถือว่าน้อยกว่ากลุ่มวัยรุ่น 18-29 ปีเกือบครึ่งเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี ผู้ที่อยู่ในวัย 40 อัปไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องของค่าสถิติไป…
-
Clovis Fernandes ผู้เล่นคนที่ 12 ของบราซิล กับเรื่องราวอันน่าเศร้าของเขา
ในที่สุดมหกรรมฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซียก็ได้เปิดฉากขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และก็เป็นทีมเจ้าภาพที่ทำผลงานได้อย่างสุดยอด ที่ต้องบอกเลยว่าโหดสัสรัสเซียของจริงกันเลยทีเดียว!! ในฟุตบอลโลกแบบนี้ นอกจากผลงานในสนามของเหล่านักเตะแล้ว สิ่งที่เป็นสีสันและน่าสนใจไม่แพ้กันเลยนั่นก็คือบรรดาเหล่ากองเชียร์ของแต่ละประเทศนั่นเอง… ซึ่งในวันนี้เราก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจของ Clovis Fernandes ชายที่เป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ของกองเชียร์แซมบ้า และสีสันของฟุตบอลโลกในหลายๆ ครั้ง มาในเพื่อนๆ ได้รู้จักกัน คุณปู่หนวดงามชาวบราซิลผู้นี้อาจจะเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของหลายๆ คนที่ติดตามฟุตบอลโลกในหลายๆ ปีที่ผ่านมา ชายเจ้าของฉายา “Gaucho da Copa” คือแฟนบอลตัวยงที่ติดตามเชียร์ทีมชาติของเขามามากกว่า 150 นัด ตลอดชีวิต Clovis ติดตามเชียร์ทีมรักมามากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก และเข้าชมเกมฟุตบอลโลกนัดสุดท้ายมาแล้วถึง 7 ครั้งด้วยกัน แต่เป็นเรื่องเศร้าที่ฟุตบอลโลกครั้งนี้ เราจะไม่ได้เห็นภาพของเขาแล้ว หลังจากที่ Clovis ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งมานานถึง 9 ปี ก่อนจะเสียชีวิตในวัย 60 ปีเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2015 ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่บราซิลเมื่อปี 2014 คือฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของ Clovis…
-
ไขข้อสงสัย เหตุใดสมองของเจ้านกหัวขวาน ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนเวลาเจาะต้นไม้
นกหัวขวาน นกตัวเล็กๆ ที่นอกจากสีสันอันสวยงามแล้ว พวกมันยังมีพฤติกรรมอันน่าสนใจอย่างการเจาะรูที่ต้นไม้ ด้วยจะงอยปากอันแข็งแรงของมัน พฤติกรรมที่ว่านี้จะเป็นการทำเครื่องหมายแสดงอาณาเขต และเป็นการประกาศหาคู่เพื่อผสมพันธุ์ของพวกมัน แต่ถ้าหากใครเคยเห็นการเจาะต้นไม้ของเจ้านกชนิดนี้แล้วล่ะก็ อาจจะเกิดความสงสัยกันใช่ไหมล่ะว่า พฤติกรรมแบบนี้ทำให้สมองของพวกมันได้รับการกระทบกระเทือนบ้างไหมนะ?? จากผลการศึกษาพบว่า ร่างกายของนกเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ปัจจัยแรกที่ทำให้สมองของพวกมันไม่ได้รับการกระทบกระเทือนถึงแม้ว่าจะเจาะเข้าไปในเนื้อไม้แข็งๆ ก็คือกระดูกชิ้นเล็กๆ ในกะโหลกศีรษะ ที่ทำหน้าที่คล้ายฟองน้ำคอยซับแรงกระแทก ส่วนปัจจัยต่อมาก็คือช่องว่างระหว่างกะโหลกศีรษะ ที่ไว้สำหรับสอดลิ้นอันแสนยืดยาวของพวกมัน เพื่อทำหน้าที่คล้ายๆ กับเข็มขัดนิรภัยที่คอยรัดหุ้มกะโหลกศีรษะนั่นเอง และสิ่งสุดท้ายที่ทำให้เจ้านกหัวขวานแตกต่างจากพวกเราก็คือ การจับตัวกันอย่างแน่นหนาของสมองเพื่อลดการสั่นสะเทือน ซึ่งไม่เหมือนกับสมองของพวกเราที่จะสั่นไปมาเวลาที่เกิดแรงกระแทก การศึกษากะโหลกของนกหัวขวานมีส่วนอย่างมากในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อนำมาพัฒนาเทคโนโลยีการป้องกันศีรษะของมนุษย์เรา อืม… แบบนี้สินะที่เค้าเรียกว่าเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ ที่มา Bird Vet Melbourne, bbc
-
ญี่ปุ่นเสนอ วิธีเช็กด้วยการ “จับข้อมือ” ว่าใครมีหุ่นนางแบบ หุ่นนักกีฬา หรือหุ่นซูโม่!!
รูปร่างของคนเรานั้นสามารถจัดกลุ่มออกได้หลายประเภทแล้วแต่วิธีการจำแนก บางคนตัวผอมบาง กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนสักที หรือบางคนก็อาจจะรูปร่างใหญ๋ ลดน้ำหนักอย่างไรหุ่นก็ไม่เพรียวสักที นั่นเป็นเพราะลักษณะรูปร่างที่แตกต่างกันนั่นเอง วันนี้ เราจะมาเสนอวิธีการตรวจเช็กง่ายๆ ว่าเรามีรูปร่างแบบไหนกันแน่ระหว่าง หุ่นนาง/นายแบบ หุ่นนักกีฬา หรือ หุ่นซูโม่ เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วบีบเข้าที่ข้อมือเท่านั้นเอง ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นชื่อว่า @KMarisa0606 ได้ออกมาเผยถึงวิธีการตรวจเช็กง่ายๆ ว่าเรามีรูปร่างแบบไหนกันแน่เพียงแค่ใช้นิ้วบีบรัดเข้าที่ข้อมือของเราเท่านั้น ภายในทวิตเตอร์ดังกล่าว อธิบายวิธีการเช็กเอาไว้ดังนี้ “ใช้นิ้วโป้งและนิ้วกลางข้างที่ถนัดบีบรัดข้อมือแขนอีกข้างเอาไว้ แล้วมาดูกันว่าเป็นอย่างไร หากนิ้วโป้งและนิ้วกลางเหลื่อมเกินกันมาอย่างง่ายดาย แสดงว่าคุณมีรูปร่างผอมบางอ้วนยากและเพิ่มกล้ามเนื้อยาก (Ectomorph) เรียกง่ายๆ ว่า รูปร่างนาง/นายแบบ ถ้าหากนิ้วโป้งและนิ้วกลางชนกันพอดี แปลว่าคุณเป็นคนที่มีรูปร่างแบบลดไขมันได้ง่ายแถมเพิ่มกล้ามเนื้อง่าย (Mesomorph) เรียกง่ายๆ ว่า รูปร่างนักกีฬา แต่ถ้าหากว่านิ้วโป้งและนิ้วกลางของคุณไม่สัมผัสกัน หรือสัมผัสกันด้วยความยากลำบากก็อาจแปลว่า คุณมีรูปร่างชนิดที่ว่าเพิ่มไขมันและกล้ามเนื้อได้ง่ายดาย อ้วนง่าย (Endomorph) เรียกง่ายๆ ว่า รูปร่างซูโม่“ ถึงจะฟังดูเป็นเทคนิคมั่วๆ ที่คิดขึ้นเอง แต่ที่จริงมันมีพื้นฐานมาจากหลักวิทยาศาสตร์ เรื่องของการจำแนกลักษณะของรูปร่างที่ริเริ่มขึ้นโดย Dr. William H. Sheldon ในช่วงปี 1940 วิธีการตรวจเช็กแบบวัดข้อมือยังถูกนำมาใช้ในการคัดเลือกผู้เหมาะสมที่จะเป็นนักกีฬาอีกด้วย อย่างไรก็ตามคนเราก็จะมีรูปร่างที่ผสมผสานเสียส่วนใหญ่…
-
ไอเดีย ‘มนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ’ ของนักวิทย์ โดยยืมจุดเด่นของสัตว์…และนี่คือสิ่งที่ได้!!
ร่างกายของมนุษย์เรานั้นได้รับการพัฒนาการมาแล้วมากกว่าหลายล้านปี จนกลายมาเป็นมนุษย์อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้… แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยกันมั้ยว่าที่เราพัฒนาการจนถึงทุกวันนี้ เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบแล้วรึยัง? แน่นอนว่าในแง่ของวิทยาศาสตร์นั้นมองว่ามันยังไม่ได้สมบูรณ์จนถึงที่สุด สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมการวิวัฒนาการของมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบของนักวิทยาศาสตร์กัน จะเป็นมนุษย์ที่มีรูปร่างหน้าตาแบบไหนลองไปชมกันได้เลยจ้า จากข้อมูลของสารคดีเรื่อง Can Science Make Me Perfect? จากช่อง BBC4 ได้ทำการนำข้อดีของสัตว์ชนิดต่างๆ เพื่อนำมาใช้เสริมสร้างจินตนาการเพื่อสร้างมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดออกมา Alice Roberts นักวิทยาศาสตร์สาวผู้ออกแบบมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบได้กล่าวว่า “ในอีกนัยหนึ่ง มนุษย์ตกเป็นเหยื่อของความสำเร็จของตัวเรา เพราะสิ่งที่จำเป็นเพื่อเอาชนะในการวิวัฒนาการก็คือ การมีชีวิตอยู่ให้นานพอที่จะถ่ายทอดยีนส์ของตัวเอง” “เมื่อคุณทำการ ‘สืบพันธุ์’ สำเร็จ การวิวัฒนาการก็ไม่ได้สนใจอะไรกับตัวคุณอีกต่อไปแล้วล่ะ” “มันทำให้เราอ่อนแอลง และเราไม่สามารถวิวัฒนาการไปต่อได้แล้ว เราไม่สามารถหลีกหนีให้ห่างไกลจากโรคปวดหลัง ซึ่งเป็นโรคที่คุณไม่เคยต้องเผชิญกับมันมาก่อนจนกระทั่งมีอายุได้ 50 ถึง 60 ปี เป็นระยะเวลาที่คุณได้หลุดพ้นจากกระบวนการสืบพันธุ์ไปแล้ว” คุณ Roberts เริ่มศึกษาเกี่ยวกับเภสัชศาสตร์เมื่อ 25 ปีก่อน และเธอก็เกิดสงสัยว่าเหตุใดมนุษย์ถึงอ่อนแอกับโรคต่างๆ มากมาย ยกตัวอย่างเช่น ไข้หวัด กับโรคหัวใจ เธอก็เลยออกแบบมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ…
-
10 วิธีที่ช่วยลดอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัว ที่เราทำได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน ง่ายเกินไปป่าว!!
ว่ากันว่าความไม่มีโรคเป็นดั่งลาภอันประเสริฐ ซึ่งก็คงเป็นเรื่องที่จริงอย่างที่เขาว่ากัน เพราะว่าคงไม่มีใครอยากจะมีอาการเจ็บป่วยเมื่อยล้าเกิดขึ้นหรอกใช่ไหมล่ะ แต่ถ้าอยากจะมีสุขภาพแข็งแรงและไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวนแล้วล่ะก็ ลองทำสิ่งต่างๆ ให้ถูกหลักทางการแพทย์จนติดเป็นนิสัยดูสิ แต่ถ้าหากยังไม่รู้ว่าในชีวิตประจำวันจะต้องทำอะไรเพื่อให้ไม่มีความเจ็บปวดส่วนต่างๆ เกิดขึ้นแล้วล่ะก็ ลองมาดูสิ่งง่ายๆ ที่ #เหมียวจิวยี่ นำมาฝากกันดู ซึ่งขอรับรองเลยว่าเพื่อนๆ สามารถทำตามได้อย่างแน่นอน เพราะเป็นเรื่องง่ายๆ ในชีวิตประจำวันของเรายังไงล่ะ… วิธีแก้ปัญหาปวดหัว 1. หลีกเลี่ยงการจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน อาการปวดตาเป็นอีกหนึ่งอาการที่อาจทำให้เกิดการปวดหัวขึ้นมาได้ เพราะว่ากล้ามเนื้อดวงตาก็เป็นเหมือนกับกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ ที่หากใช้งานเป็นเวลานานก็อาจเกิดความล้าขึ้นมาได้ ดังนั้นแล้วเรามีทริคมาฝากเพื่อนๆ นั่นคือ 20-20-20 หรือหากต้องหน้าจอเป็นเวลาติดต่อกัน 20 นาที ก็ควรจะหาสิ่งอื่นๆ ในระยะ 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร) มองเป็นเวลา 20 วินาที ซึ่งมันจะช่วยได้มากเลยแหละ 2. หลีกเลี่ยงแสงแดดร้อนๆ บ้าง การสัมผัสกับความร้อนของดวงอาทิตย์ อาจทำให้หลอดเลือดในสมองของคุณขยายตัวขึ้นแถมยังทำให้มีอุณหภูมิที่ร้อนเกินระดับปกติของเราด้วย แต่มากไปกว่านั้นมันยังทำให้ดวงตาของเราเกิดการระคายเคืองจนส่งผลให้ปวดหัวได้อีก ทางที่ดีควรหาหมวกหรือแว่นกันแดดมาใส่หากจำเป็นต้องออกกลางแจ้งจะดีกว่านะ 3. อาบน้ำอุ่น รู้หรือไม่ว่าการอาบน้ำอุ่นนอกจากจะสบายตัวแล้ว มันยังช่วยในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงให้คลายลงและลดอาการปวดหัวลงได้ และนอกจากนี้การใช้แผ่นความร้อนหรือห่ออะไรก็ได้ที่ร้อนๆ ก็ได้ผลดีเช่นเดียวกัน…
-
10 ปรากฏการณ์อันแปลกประหลาด ที่จะเกิดขึ้นตอนคุณกำลัง “มีความรัก”
เราอาจเคยได้ยินว่า “เวลาที่เรามีความรัก โลกก็จะกลายเป็นสีชมพู” แต่ใครจะไปคิดว่าสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า รัก นั้น กลับสามารถส่งผลกับตัวเราได้มากกว่านั้นเยอะ และนี่คือปรากฏการณ์สุดพิเศษที่จะเกิดขึ้นกับคุณในตอนที่กำลังมีความรัก ลองไปอ่านกันดู ไม่แน่ว่าตอนนี้คุณอาจกำลังตกหลุมรักใครสักคนโดยที่ไม่รู้ตัวอยู่ก็ได้นะ 1. คนกำลังมีความรัก จะมีอาการเหมือนคนเมา เมื่อเรามีความรัก ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน อ๊อกซิโตซิน ส่งผลให้เรามีอาการเหมือนตอนเมาเหล้า และทำให้เราอยากกอดคนอื่นไปทั่ว (เหมือนตอนเมาน่ะแหละ) เพราะฮอร์โมนนี้ส่งผลให้เราอยากใกล้ชิดกับคนอื่นมากกว่าปกติ 2. คนมีความรักจะผอมลง ไม่ก็อ้วนขึ้น Love Pounds คือรูปแบบทางจิตวิทยาที่บอกว่าคู่รักส่วนใหญ่มักจะอ้วนขึ้นกว่าเดิมในช่วงแรกของความสัมพันธ์ และงานวิจัยยังบอกอีกว่าคู่รักที่อ้วนขึ้นนั้นจะมีความพึงพอใจในความรักมากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ยังมี งานวิจัยในสหรัฐอเมริกา ที่บอกว่าฮอร์โมนอ๊อกซิโตซินที่หลั่งออกมาจะลดระดับความหิว และควบคุมการเผาผลาญในร่างกาย ทำให้ร่างกายของเราอาจผอมลงกว่าเดิมได้ด้วย 3. เสียงเปลี่ยน นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันทำการทดลอง ให้คนมีความรักคุยโทรศัพท์กับคู่รักของตัวเอง และเพื่อน/คนรู้จักของพวกเขา จากนั้นลองให้ผู้ร่วมทดสอบคนอื่นๆ แยกแยะว่าเสียงที่ได้ยินนั้น ผู้พูดกำลังคุยอยู่กับใคร ผลออกมาว่าพวกเขาสามารถแยกได้เลยว่าตอนไหนคุยกับเพื่อน ตอนไหนคุยกับคนรัก เพราะผู้หญิงจะเสียงต่ำลง และผู้ชายจะเสียงสูงขึ้น ในตอนที่คุยกับคนที่ตัวเองชอบ (คาดว่าเป็นผลมาจากการที่เราต้องการเป็นเหมือนอีกฝ่าย) 4. ความรักเปรียบดั่งการถูกครอบงำ หรือการเสพติด…
-
ความจริงเกี่ยวกับ “ตัวการ์ตูนในวัยเด็ก” ที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อน ดูแล้วคิดถึงสมัยเอ๊าะๆ 55
สมัยก่อนความบันเทิงที่มาเสิร์ฟให้เด็กๆ ได้ชมถึงบ้านก็คงจะหนีไม่พ้น การ์ตูนทีวี ทั้งหลายอย่างแน่นอน พวกเราเหล่าวัยรุ่นตอนปลายเองก็เช่นกัน เห็นทีไรก็นึกถึงสมัยเด็กที่ตื่นเช้ามารอดูการ์ตูนสุดโปรดในทุกๆ วันอยู่เสมอ ในวันนี้เรามาย้อนรำลึกถึงความทรงจำเกี่ยวกับตัวการ์ตูนสมัยเด็กของเรากันเถอะกับ ความจริงที่หลายคนยังไม่เคยทราบ เกี่ยวกับตัวละครจากการ์ตูนฝั่งตะวันตกสุดโด่งดังที่อาจทำให้เราคิดถึงวัยเด็กก็เป็นได้ 1. Transformers กับชื่อสุดเท่ หลังจากบริษัท Hasbro ซื้อลิขสิทธิ์ Transformers ไปทางบริษัทจึงคิดมาตรการสร้างรายได้ด้วยการ ตั้งชื่อตัวละครที่เด็กๆ จะต้องร้องว้าว และการจะทำเช่นนั้นได้บริษัทจึงจ้างให้ Denny O’Neil และ Bob Budiansky แห่งค่าย Marvel Comics มาเป็นผู้ตั้งชื่อตัวละคร เช่น Megatron และ Optimus Prime นั่นเอง ที่มา: https://tfwiki.net/wiki/Denny_O%27Neil ที่มา2: https://tfwiki.net/wiki/Bob_Budiansky 2. ทิกเกอร์ (Tigger) ผู้มอบหัวใจดวงใหม่ หากใครเคยดูเรื่อง Winnie the Pooh ก็คงจะรู้จักเจ้าเสือสุดเฟี้ยวตัวนี้อย่างแน่นอน ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษผู้ให้เสียงพากย์เจ้าทิกเกอร์คือ Paul Winchell นอกจาก Paul Winchell จะมอบความสนุกสนานให้กับเด็กๆ ผ่านเสียงพากย์เจ้าเสือทิกเกอร์แล้ว…
-
หนุ่มใช้วิธีแสนง่าย ตอกหน้าความเชื่อ “โลกแบน” ลูกบาสกลมๆ ซูมดูผิวมันยังแบนเล้ย!
ช่วงปีหลังๆ มานี้ ความเชื่อที่ว่า “โลกแบน” นั้นยิ่งทวีความนิยมมากขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งที่ก็มีผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายออกมาพิสูจน์ด้วยทฤษฎีว่าโลกไม่ได้แบน แต่ก็ไม่สามารถทำลายความเชื่อของชาวโลกแบนได้ วันนี้วิศวกรซอฟต์แวร์วัย 36 ปีคนหนึ่งชื่อว่า Jeff จึงขอออกมาทำการพิสูจน์กันให้เห็นภาพชัดมากขึ้นไปอีก เพื่อยืนยันนั่งยันนอนยันเลยว่า โลกของเรามีทรงกลม การพิสูจน์ของเขาไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแค่ใช้กล้องเลนส์ขยายถ่ายพื้นผิวลูกบาสเก็ตบอลที่มีทรงกลม เพื่อจำลองความโค้งเว้าของผิวโลกที่หลายคนอาจมองเห็นว่ามันแบน Jeff บอกว่าใช้เพียงลูกบาส แสงไฟจำนวนมาก และกล้องใส่เลนส์ขยายพร้อมขาตั้ง ปรับกล้องให้เป็นโฟกัสแบบปรับเอง แล้วซูมไปที่ผิวลูกบาสด้วยเลนส์ขยาย (Micro Lens) ปรับโฟกัสในระดับที่ต่างกันแล้วถ่าย จากนั้นนำแต่ละภาพมารวมกัน ผลลัพธ์ออกมาก็จะได้แบบนี้ นี่คือผิวความกว้าง 6 มม. ของลูกบาสทรงกลมๆ เปรียบเสมือนเส้นขอบฟ้าที่เราเห็นว่าตรง แต่ที่จริงมันเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของลูกโลกขนาดใหญ่ ภาพลูกบาสที่ถ่ายออกมาได้ 6 มม. เทียบได้กับพื้นผิวโลกที่มีความกว้าง 147 กม. ซึ่งถ้าเราสามารถถ่ายภาพที่มองเห็นเส้นขอบฟ้าเป็นระยะ 147 กม. ได้ก็จะเห็นความโค้งเท่าๆ กับภาพลูกบาสภาพนี้ อย่างไรก็ตาม Jeff ได้ออกมาอธิบายผลลัพธ์เพิ่มเติมไว้ดังนี้: “ขอให้เข้าใจว่าภาพของผมไม่ได้บอกว่าโลกมีทรงกลม…
-
เรื่องลับอัจฉริยะ ก่อนสนับสนุนความเท่าเทียม “ไอน์สไตน์” เองก็เคยเหยียดเชื้อชาติมาก่อน
เป็นเรื่องที่รู้กันว่า อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ สุดยอดอัจฉริยะแห่งยุค ผู้เป็นเจ้าของทฤษฎีสัมพัทธภาพนั้น เป็นผู้หนึ่งที่สนับสนุนเรื่องความเท่าเทียมและเคยพูดไว้ว่า เหยียดเชื้อชาติเป็นโรคอย่างหนึ่งของคนขาวอีกด้วย แต่รู้กันหรือไม่ว่าย้อนไปจากวันนั้น ในปี 1922 ปีเดียวกับที่เขาได้รับรางวัลโนเบล ไอน์สไตน์ได้ออกเดินทางเป็นเวลา 5 เดือนครึ่งพร้อมกับภรรยาของเขาไปยังซีกโลกตะวันออก ดินแดนแห่งใหม่ที่เขาไม่เคยไปมาก่อน ไอน์สไตน์ได้พบกับกษัตริย์แห่งสเปน แถมยังได้เข้าพบจักรพรรดิญี่ปุ่นในการเดินทางครั้งนี้ โดยตลอดการเดินทางนี้ เขาได้บันทึกสิ่งที่พบลงบนบันทึกการเดินทางส่วนตัวอยู่ตลอด เพียงแต่เจ้าบันทึกนี่ล่ะ ที่กลายเป็นหลักฐานอย่างดีของแนวคิดเหยียดเชื้อชาติที่เขามี บันทึกที่ว่าแสดงให้เห็นถึง การเหมารวมเอาเองต่อผู้คนในประเทศต่างๆ และการเหยียดเชื้อชาติของไอน์สไตน์เอาไว้ ตั้งแต่การที่ไอน์สไตน์กล่าวถึงชาวอียิปต์ว่า “พวกอาหรับทุกรูปแบบ…ราวกับผุดจากนรก” หรือการพูดถึงซีลอน (ศรีลังกาในปัจจุบัน) ว่า “อาศัยอยู่กับสิ่งสกปรกและกลิ่นเหม็นมาก” แต่ดูเหมือนประเทศที่ไอน์สไตน์มีอคติด้วยมากที่สุดก็คงไม่พ้นประเทศจีนนั่นเอง โดยเขาพูดถึง เด็กชาวจีนว่า “โง่และขี้ขลาด น่าเศร้ามากถ้าคนเหล่านี้จะมาแทนที่เชื้อชาติอื่นๆ” และบอกว่าชาวจีนโดยทั่วไปนั้น “เหล่าคนที่ต้องทุบหินทุกวันแลกเงินเพียงน้อยนิด” “เหมือนหุ่นมากกว่าคน” และ “แทบแยกระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายไม่ออก” อย่างไรก็ตามบันทึกเล่มนี้นั้นเขียนเอาไว้ก่อนที่ไอน์สไตน์จะย้ายมาอยู่ในสหรัฐอเมริกาในปี 1933 หลังอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และพรรคนาซี ขึ้นปกครองเยอรมนี และพูดประโยคที่ว่า “การเหยียดเชื้อชาติเป็นโรคอย่างหนึ่งของคนขาว” ในปี 1946 ดังนั้นไม่แน่ว่าการเดินทางครั้งนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้มุมมองของเขาเปลี่ยนไปก็เป็นได้ หรือไม่ก็อาจจะเกี่ยวข้องกับการที่เขาได้มาเป็นการปฎิบัติต่อคนดำในอเมริกาก็เป็นได้ เพราะเขาเองเคยตกใจที่รู้ว่ามีการแบ่งแยกโรงเรียนและโรงภาพยนตร์ของคนดำและคนขาวออกจากกัน เป็นไปได้ว่าการเดินทางในครั้งนี้มีส่วนที่ทำให้คนๆ หนึ่งเติบโตขึ้นมามีมุมมองต่อโลกที่ดีขึ้นก็เป็นได้ คล้ายกับการที่ตอนเด็กๆ เราเคยทำผิดมาก่อน…
-
12 คุณประโยชน์จาก “ตีนไก่” อาหารที่หลายคนอาจมองข้ามไป ทั้งๆ ที่มันดีต่อร่างกายเหลือเกิน!!
ไก่ คงถือว่าเป็นเนื้อสัตว์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยพวกเราแต่ละคนก็จะมีความชอบในเนื้อของมันตามส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อน่อง สะโพก หรืออก แต่ส่วนที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้คือ “ตีนไก่” อวัยวะที่หลายๆ คนอาจมองข้ามไป โดยไม่รู้มาก่อนเลยว่ามันมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายของเรามากกว่าที่คิด ว่าแล้วเราก็ลองไปดู 12 ประโยชน์จากตีนไก่ มันส่งผลดีต่อร่างกายของเราได้มากแค่ไหนกันเชียว 1. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ตีนไก่นั้นอุดมไปด้วย คอลลาเจน และแร่ธาตุนานาชนิด อาทิเช่น ทองแดง แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และ แคลเซียม ซึ่งแร่ธาตุบางตัวมีคุณสมบัติพิเศษช่วยยับยั้งการเกิดโรคของเราได้ 2. ทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง คอลลาเจนจำนวนมากในตีนไก่จะส่งผลดีต่อผิวพรรณของเรา ช่วยในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิว เพิ่มความยืดหยุ่นของผิวหนัง ทำให้ผิวสวยดูมีความเรียบเนียนมากกว่าเดิม 3. ทำให้ดูเด็กลง ด้วยคุณประโยชน์ของคอลลาเจนที่กล่าวไป มันยังช่วยป้องกัน ฟื้นฟู และลดริ้วรอยเหี่ยวย่นต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ทำให้ผิวพรรณของเราดูอ่อนกว่าวัยไปมากกว่าเดิม 4. เพิ่มความแข็งแรงของข้อต่อ และป้องกันกระดูกเปราะ อย่างที่บอกไปว่าตีนไก่อุดมไปด้วยแร่ธาตุหลากหลายชนิด โดยเฉพาะ คอลลาเจน แคลเซียม…
-
แพทย์ชี้ รอยแดงปริศนาบนเพดานปาก ของชายวัย 47 ปี เกิดจากการ “อมนกเขา” มากจนเกินไป?!
การใช้ปากสนองความต้องการทางเพศให้กับอีกฝ่ายถือว่าเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างการร่วมรัก แต่หากทำอย่างนั้นมากจนเกินไป อาจส่งผลต่ออวัยวะที่เราใช้ได้อย่างไม่รู้ตัวเหมือนชายคนนี้ นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหนุ่มเม็กซิกันวัย 47 ปี เมื่อทันตแพทย์พบว่ามีรอยแดงประหลาดเกิดขึ้นบริเวณเพดานปากของเขา จนได้ทราบว่าสิ่งนั้นเกิดจากการ “อมนกเขา” ที่มากจนเกินไป?! รอยแดงปริศนาบนเพดานปาก (จากการรายงานเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2018) หมอฟันจากคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Montemorelos ในประเทศเม็กซิโก รายงานว่ารอยแดงที่เกิดขึ้นในปากของชายคนนั้นคือสิ่งที่เรียกว่า Erythema แพทย์คาดการณ์ว่ามันเกิดขึ้นจากการที่ชายหนุ่มใช้ปากอมนกเขาให้กับคู่นอนของตนมากจนเกินไป ซึ่งเมื่อสอบถามกับคนไข้ก็พบว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หนุ่มเม็กซิกันเล่าว่าเขามักจะทำอย่างนั้นให้กับอีกฝ่ายอยู่เสมอ และครั้งล่าสุดที่ทำก็คือ 3 วันก่อนที่จะเข้ามาพบหมอ คนไข้ไม่รู้มาก่อนเลยว่าตนเองมีรอยแดงๆ นี้อยู่ตรงผนังปาก เพราะมันไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไรเลย ทางด้านแพทย์ออกมาชี้แจงว่าเจ้ารอยที่เห็นนี้มักจะเกิดจากการที่อวัยวะเพศเข้าไปกระทบกับเพดานปากมากจนเกินไป ทำให้เกิดอาการห้อเลือด และหนักเข้าก็อาจกลายเป็นรอยบวมขึ้นมาในที่สุด นอกจากนั้นอาการนี้ยังสามารถเกิดจากการเล่นเครื่องดนตรีจำพวกเครื่องเป่าบางชนิดได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามหากปล่อยไว้รอยดังกล่าวก็จะสามารถหายไปได้เอง คือต้องพักการนำของแข็งแทงเข้าปากไปสักระยะหนึ่ง ปล่อยไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ รอยที่ว่านั้นก็เลือนลางหายไปเอง พอได้ฟังอย่างนี้แล้ว มีความรู้สึกอยากลองเช็กช่องปากเพื่อนที่นั่งข้างๆ เลย ดูสิว่าจะมีรอยแบบนี้อยู่บ้างหรือเปล่าน้าาาา ที่มา: mirror , thesun , dailymail
-
10 แฟชั่นและอุปกรณ์สุดแปลกแหวกแนวจากแดนปลาดิบ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ามีจริง!!
ดินแดนอาทิตย์อุทัยหรือประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มักมีอะไรออกมาให้เราประหลาดใจได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน คาเฟ่ เสื้อผ้าหรือจะเป็นนวัตกรรมต่างๆ ก็ตาม เช่นกันกับ “แฟชั่น” ของประเทศญี่ปุ่น เราทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้วว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีแฟชั่นหลากหลายแนวมากๆ และถ้าไปอยู่แถวย่านฮาราจูกุ เราก็จะเจอกับกลุ่มวัยรุ่นที่จัดเต็มกับการแต่งตัวของพวกเขาเป็นอย่างมาก วันนี้เราเลยจะนำเทรนด์แฟชั่นและอุปกรณ์สุดแปลกที่มีจริงอยู่ในประเทศญี่ปุ่นมาให้ชมกันครับ จะหลุดโลกขนาดไหนนั้นไปชมกันเลย 1. Decora https://instagram.com/p/BetOfwGjMsd/?utm_source=ig_embed “Decora” เป็นแฟชั่นที่เริ่มต้นช่วงยุค 90 และได้รับความนิยมมากในยุค 00 Decora เป็กการย่อคำมาจากคำภาษาอังกฤษว่า “Decoration” ที่แปลว่าเครื่องประดับ สไตล์การแต่งตัวแบบนี้เป็นการทำให้เราดูเหมือนกับเด็ก มีการใช้สีสันสดใสและใส่เครื่องประดับจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นสติ๊กเกอร์ กากเพชร หรืออย่างอื่น 2. Ganguro https://instagram.com/p/zyX47SrA-r/?utm_source=ig_embed Ganguro เป็นแฟชั่นสุดแปลกที่เป็นนิยมในหมู่วัยรุ่นอยู่ช่วงหนึ่ง พวกเธอจะทำการแต่งหน้าให้ตัวเองผิวสีแทนหรือเข้มๆ และทำสีผมสีสว่างๆ อย่างเช่นสีบลอนด์ ส้มหรือเทา 3. ฟิลเตอร์หน้าฟรุ้งฟริ้ง https://www.instagram.com/p/Bjw5yHKj74W/?utm_source=ig_embed เอาจริงๆ นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแค่ในญี่ปุ่นนะ แต่น่าจะเป็นทั้งเอเชียเลย กับฟิลเตอร์ฟรุ้งฟริ้ง แต่หากเราจะบอกว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นคนเริ่มต้นเทรนด์นี้ก็คงไม่แปลกสักเท่าไหร่ ดูได้จากตู้ถ่ายรูปสติ๊กเกอร์ที่เมื่อเข้าไปถ่ายแล้วหน้าตาที่ออกมานี่อย่างกับไม่ใช่คนเดียวกัน 4.…
-
สาวใช้กล้องจุลทรรศน์ “ส่องผิวหน้า” หลังลงเครื่องสำอาง จากความงามสู่ความน่ากลัว
เครื่องสำอางนั้นเป็นสิ่งที่สาวๆ ทั้งหลายคงขาดไม่ได้กันเลยทีเดียว จะมีสักกี่คนเชียวที่จะหน้าสดออกไปทำงานและพบปะผู้คน? แน่ล่ะ ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง เครื่องสำอางนั้นทำให้สาวๆ ดูสวยใสได้อย่างใจต้องการ ไม่ว่าจะมาในสไตล์คมๆ ญี่ปุ่น หรือว่าเกาหลี ก็สามารถเนรมิตได้ด้วย “เครื่องสำอาง” แต่วันนี้ ยูทูบเบอร์สาว Tina Yong ได้ออกมาพิสูจน์ให้เห็นว่าเจ้าเครื่องสำอางเพื่อนเลิฟของสาวๆ นั้นแง่หนึ่งมันก็กลายเป็น ศัตรูตัวฉกาจ ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้มหาศาล เธอได้โพสต์วิดีโอที่เธอใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูภายใต้ผิวหนังที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอาง เอาล่ะ ก่อนอื่นเธอก็จะให้ผู้ชมลองชมหน้าสดของเธอกันก่อน ลองใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องไปที่ผิวหนังที่ยังแต่งหน้า นี่เป็นส่วนของแก้ม นี่คือส่วนคิ้วที่ยังสดๆ อยู่ นี่คือส่วนขนตาแบบสดๆ ไม่ผ่านเครื่องสำอาง และนี่ก็คือสิวบนใบหน้า ตรงนี้ก็เป็นรอยกระบนใบหน้า แบบยังไม่ผ่านการแต่งหน้าใดๆ หลังจากนั้นการทดลองก็จะเริ่มขึ้น เธอเริ่มการแต่งหน้าในแบบที่เธอทำเป็นกิจวัตร จะมีการเขียนคิ้ว แมสคารา รองพื้น อายแชโดว์ และไฮไลท์ต่างๆ ตอนนี้ Yong ก็แต่งหน้าเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องอีกครั้ง…
-
9 ประโยคไม่ควรพูดกับ “เจ้านาย” ในที่ทำงาน เพราะมันอาจส่งผลต่ออนาคตคุณเลยก็ได้
ในบริบทของการทำงานในบริษัทหรือว่าองค์กรต่างๆ ความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นๆ นั้นเป็นสิ่งที่ควรมี โดยเฉพาะระหว่างตัวคุณกับหัวหน้าก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ควรรักษาเอาไว้ให้ดี เพราะถึงแม้ว่าเราจะมีฝีมือและผลงานที่ยอดเยี่ยม แต่ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับผู้อื่นอาจทำให้เกิดอคติในตัวเราได้ โดยเฉพาะกับหัวหน้างานที่อาจมองว่าเราเป็นพนักงานที่ไม่รู้จักทีมเวิร์กและไม่รู้จักใช้ชีวิตในสังคม วันนี้เราจึงอยากเสนอ 9 ประโยคที่ไม่ควรพูดอย่างแรง หากไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับหัวหน้า ไปดูพร้อมๆ กันเลยว่า มีประโยคไหนบ้าง และทำไมถึงไม่ควรพูด… 1. “ผมอยากได้เงินเดือนเพิ่ม เพราะผมต้องใช้มันสำหรับซ่อมแซมบ้าน” การขอขึ้นเงินเดือนเป็นสิ่งที่ขอได้ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก หากคุณเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวเพื่อขอให้เห็นใจนั่นจะยิ่งทำให้การขึ้นเงินเดือนเป็นไปได้ยาก หัวหน้าจะมองว่าให้เงินไปแล้วทางบริษัทจะได้อะไรเป็นการตอบแทน ลองเปลี่ยนเป็นเอาความสามารถเข้าสู้ดีกว่า โชว์ผลงานที่เหมาะสมกับการขึ้นเงินเดือนให้หัวหน้าดูเพื่อพิจารณา แน่นอนว่าบริษัทไหนๆ ก็ย่อมอยากได้คนทำงานเก่ง ฉะนั้นมันจะดีกว่าหากเปลี่ยนเป็นพูดว่า “ผมทำยอดการผลิตได้มากกว่าเดิมถึง 3 เท่าจากรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ผมจึงมาขอให้หัวหน้าพิจารณาขึ้นเงินเดือนครับ“ 2. “ช่วงบ่ายผมขอกลับบ้านได้ไหมครับ? งานผมไม่มีอะไรให้ทำแล้ว” เมื่อคุณทำงานจนครบเป้าหมายในแต่ละวันเรียบร้อยแล้ว คุณก็อาจจะอยากกลับบ้านไปพักผ่อน แต่คุณไม่ควรขอกับหัวหน้าตรงๆ แบบนั้น เพราะมันทำให้คุณกลายเป็นคนที่ไม่สนใจจะทำงาน แถมยังได้งานมาทำเพิ่มอีกด้วย จะดีกว่าหากพูดว่า “ช่วงบ่ายผมขอกลับบ้านได้ไหมครับ?“ เฉยๆ โดยไม่ต้องบอกเหตุผล (แต่งานก็ต้องทำให้เสร็จก่อนนะ) พยายามอย่าพูดหรือแสดงความเบื่อหน่ายออกมา 3. “ทั้งหมดมันเป็นความผิดของนพพลต่างหากครับ” การยอมรับความผิดโดยไม่ตัดสินผู้อื่นนั้นเป็นคุณสมบัติของผู้ที่มีวุฒิภาวะ…
-
11 รูปทรงของ “เท้า” ที่จะบ่งบอกถึงลักษณะนิสัย เท้าแบบไหน นิสัยอย่างไร มาดูกัน!!
เคยสังเกตนิ้วเท้าตัวเองและคนรอบข้างบ้างหรือเปล่าว่ามันต่างกัน? บางคนนิ้วหัวแม่เท้าใหญ่ บางคนนิ้วก้อยเล็กจิ๋ว หรือแม้แต่บางคนก็มีนิ้วที่ความยาวเท่ากันทุกนิ้วเลย รู้กันหรือเปล่าว่ารูปทรงของนิ้วเท้านั้นมันเป็นมากกว่าการเลือกรองเท้าให้เหมาะสม แต่มันสามารถบอกลักษณะนิสัยของแต่ละคนได้ด้วยต่างหาก วันนี้เราขอเสนอ 11 รูปแบบของนิ้วเท้า ที่สามารถบ่งบอกได้ถึงลักษณะนิสัย มาดูกันว่าใครมีนิ้วเท้าแบบไหนและนิสัยจะตรงกับที่บอกหรือเปล่าน้าา… 1. Flame Foot ใครที่มีนิ้วเท้านิ้วที่ 2 ยาวกว่าหัวแม่เท้าจะถูกจัดว่ามีรูปเท้าแบบ Flame Foot สามารถบ่งบอกได้ว่าคุณเป็นคนที่ คล่องแคล่ว เล่นกีฬา และ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความกระตือรือร้นในการคิดหาไอเดียใหม่ๆ คุณมีความเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ แต่อารมณ์ก็จะแปรปรวนบางครั้งเมื่อเกิดความเครียด 2. Roman Foot เป็นรูปเท้าโดยทั่วไปของคนสมัยนี้ ความยาวของนิ้วจะไล่ลงมาตั้งแต่หัวแม่เท้าจนถึงนิ้วก้อย คนที่มีเท้าลักษณะนี้จะเป็นคนที่ มีความสมดุล ชอบออกเที่ยว และ ชอบเข้าสังคม คนประเภทนี้จะมีความสุขกับการได้ท่องเที่ยว ได้สำรวจวัฒนธรรมต่างๆ และได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ 3. Wiggly Little Toe ใครที่นิ้วก้อยเท้าชี้ออกไปทางอื่นจะถือว่ามีลักษณะนิ้วเท้าอยู่ในประเภทนี้ คนที่นิ้วเท้ามีลักษณะแบบนี้ (หรือคนที่สามารถขยับนิ้วก้อยได้) จะเป็นคนที่ ยังไม่พบความสงบ ชอบอยู่นอกกรอบ และ มักมองหาการเปลี่ยนแปลง…
-
นักวิทย์ฯ แก้ไขหน้าตา “บุคคลสำคัญ” ในประวัติศาสต์เสียใหม่ เอาซะหน้าไม่คุ้นเลย!!
บุคคลที่มีอยู่จริงซึ่งได้สร้างวีรกรรมอันน่าจดจำในประวัติศาสตร์ หากเป็นยุคที่ยังไม่มีกล้องถ่ายรูป เราก็ไม่ทราบใบหน้าที่แท้จริงของพวกเขาได้เลย เหล่านักวิทยาศาสตร์และนักโบราณคดีจึงพากันสันนิษฐานใบหน้าของพวกเขาจากหลักฐานที่หลงเหลืออยู่ เช่น กะโหลกศีรษะหรือภาพวาด เป็นต้น แต่วันนี้ ในยุคที่มีวิทยาการสร้างภาพสามมิติเสมือนจริง นักวิทยาศาสตร์และศิลปินทั้งหลายได้วาดภาพใบหน้าของคนดังในประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่ อาจลบภาพเดิมๆ ที่เราเคยเห็นกันไปเลยทีเดียว 1. พระเจ้าอ็องรีที่ 4 แห่งฝรั่งเศส (ครองราชย์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1589-1610) โดย Philippe Froesch 2. เอวา (Ava) มนุษย์เพศหญิงในยุคทองแดงเมื่อราวๆ 3,700 ปีก่อน โดย Maya Hoole และ Hew Morrison 3. ชายชาวไอร์แลนด์เมื่อ 500 ปีก่อน 4. โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค (คีตกวีและนักออร์แกนชาวเยอรมันยุค 1685-1750) โดย Caroline Wilkinson 5. เมอริทามุน คู่สมรสของฟาโรห์แรเมซีสที่ 2 (2,000 ปีทีแล้ว) โดย University of Melbourne…
-
มารู้จักกับ 6 โปรเกมเมอร์สาวแสนสวยสุดแซ่บ แถมรายได้ไม่ธรรมดาเสียด้วย
อันเนื่องจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี ทำใหเกิดอาชีพใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีขึ้นมาเยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นคนทดลองใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรืออื่นๆ อีกมากมาย แม้แต่งานอดิเรกยอดฮิตของหลายๆ คนอย่างการเล่นเกม ก็ยังสามารถกลายมาเป็นอาชีพนักเล่นเกมมืออาชีพหรือที่เรียกกันว่าโปรเกมเมอร์ได้ แถมสร้างรายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยส่วนมากคนจะมองว่าคนที่เล่นเกมมักจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเกมเมอร์จะต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น วันนี้เราจะนำเสนอ 5 สาวโปรเกมเมอร์ สุดแซ่บ แถมรายได้ไม่ใช่น้อยๆ ให้เพื่อนๆ ได้ดูกันครับ 1. Katherine “Kat” Gunn หรือสั้นๆ ว่า Kat Gunn สาวโปรเกมเมอร์ท่านแรกได้แก่ Kat Gunn สาวชาวอเมริกัน รู้จักในชื่อที่ใช้ในวงการว่า Mystik เกมที่เล่นเป็นหลักคือ Dead or Alive 4 และ Halo: Reach โดยที่เธอนั้นมีรายได้ต่อปีมากกว่า 5 ล้านบาทเสียอีก ในปี 2016 เธอได้ถูกบันทึกโดย Guiness Book of World Records ว่าเป็นเกมเมอร์หญิงที่ได้รับรายได้สูงที่สุดตลอดกาล และแม้ว่าเธอตัดสินใจที่จะไม่ถ่ายทอดสดการเล่นเกมของตัวเองอีกต่อไปแล้ว แต่เธอก็ยังคงอยู่อันดับสองในรายชื่อนักเล่นเกมหญิงของโลก .…
-
งานวิจัยเผย ระยะเวลานอนหลับของแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่มันขึ้นอยู่กับอายุต่างหาก
เป็นเรื่องที่หลายๆ คนน่าจะรู้กันแล้วว่าการที่คนเรานอนนานเกินไปนั้นไม่ได้มีผลที่ดีต่อร่างกาย ดังนั้นคนส่วนจึงมักที่จะคิดว่าการนอนที่ดีที่สุดนั้นอยู่ที่ 7-8 ชั่วโมง ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ผิดเสียทีเดียว แต่ก็ไม่สามารถใช้ความคิดแบบนี้ได้ตลอดเช่นเดียวกัน เพราะการนอนหลับสำหรับแต่ละคนนั้น แท้จริงแล้วไม่เหมือนกัน แต่มันขึ้นอยู่กับอายุของแต่ละคนต่างหาก และเชื่อเถอะว่าต่อให้รู้แบบนี้แล้วก็ตาม คนส่วนมากก็นอนไม่พอกับที่ร่างกายต้องการอยู่ดีนั่นล่ะ การขาดการนอนหลับมีผลเสียอย่างไร การขาดการนอนหลับเพียงครั้งเดียวนั้นสามารถส่งผลในระยะยาวต่อวงจรการนอนหลับของผู้คนได้ เพราะมันจะทำให้พวกคุณไปหลับในเวลาที่ไม่ควร และนอนไม่หลับในเวลาที่ควรจะหลับจริงๆ ได้ นอกจากนี้การขาดการนอนหลับยังนำมาซึ่งโอกาสที่จะเกิดโรคภัยไข้เจ็บ และอาการอย่าง การรู้สึกอ่อนเพลีย การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ความบกพร่องทางการมองเห็น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย การนอนหลับที่ดีควรจะนอนกี่ชั่วโมง จากงานวิจัยจาก National Sleep Foundation การปริมาณการนอนหลับที่ร่างกายของคนเราต้องการนั้น จะขึ้นอยู่กับช่วงอายุของแต่ล่ะคนโดย เด็กที่อายุ 0-3 เดือนควรที่จะนอน 14-17 ชั่วโมง เด็กที่อายุ 4-11 เดือนควรที่จะนอน 12-15 ชั่วโมง เด็กที่อายุ 1-2 ปีควรที่จะนอน 11-14 ชั่วโมง เด็กที่อายุ 3-5 ปีควรที่จะนอน 10-13 ชั่วโมง เด็กที่อายุ 6-13 ปีควรที่จะนอน 9-11 ชั่วโมง…
-
ไปส่งเต้าหู้กันที่ “ภูเขาฮารุเนะ” เทือกเขา “อากินะ” ในตำนานจาก Initial D
สำหรับใครที่เป็นแฟนๆ การ์ตูนแนวแข่งรถจากญี่ปุ่น คงจะมีน้อยคนนักที่ไม่รู้จักกับการ์ตูนรถส่งเต้าหู้ในตำนานแห่งเทือกเขาอากินะอย่าง Initial D – ดริฟท์ติ้ง ซิ่งสายฟ้า กันแน่ๆ นอกจากรถของพระเอกที่โด่งดังอย่าง TOYOTA AE-86 แล้ว สิ่งที่แฟนๆ พูดถึงมากไม่แพ้กันนั่นก็คือเทือกเขาอากินะ นั่นเอง และวันนี้เราก็จะขอพาเพื่อนๆ ไปตามรอยการ์ตูนเรื่องนี้กันถึงภูเขาฮารุเนะ ภูเขาที่ใช้เป็นฉากดริฟในเรื่องนั่นเอง ภูเขาฮารุเนะคือภูเขาไฟที่ดับแล้ว ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะฮอนชู เกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น มีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,149 เมตรด้วยกัน เส้นทางที่คดเคี้ยวของภูเขาลูกนี้ ทำให้มันถูกนำไปใช้เป็นสถานที่หลักในการ์ตูนเรื่องดัง รวมทั้งฉากในเกมยอดฮิตในเครื่อง Play Station 2 อย่าง Tokyo Xtreme Racer: Drift และ Tokyo Xtreme Racer: Drift 2 ด้วย เส้นทางบนภูเขาแห่งนี้ และนี่คือบรรยากาศความตื่นเต้นในการนั่งรถในถนนของภูเขาฮารุเนะ แต่นอกจากเส้นทางอันเป็นที่ท้าทายของเหล่านักซิ่งแล้ว ภูเขาแห่งนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของธรรมชาติที่สวยงามและบ่อน้ำพุร้อนอีกด้วย ทะเลสาบที่ขึ้นชื่อของภูเขาแห่งนี้ก็คือ ทะเลสาบฮารุเนะที่อยู่บนยอดเขา ซึ่งเป็นจุดนั่งเรือชมวิวและตกปลายอดฮิตของที่นี่เลยก็ว่าได้ และนอกจากนี้ยังมีบริการให้เช่าเรือสำหรับชมความงามของทะเลสาบด้วย ในราคาครึ่งชั่วโมงละ 700-1,500 เยน (ประมาณ…
-
ดูบอลโลก ทำไมนามสกุลชาวสแกนดิเนเวียน ถึงลงท้าย ‘สั้นๆ’ คงไม่ใช่เพราะอะไรสั้นหรอกมั้ง!?
เออเนาะ ไม่เคยสังเกตกันเลยนะเนี่ย ถ้าเพื่อนๆ เป็นแฟนฟุตบอลกัน (หรือไม่ได้เป็นก็ตามแต่) หรืออาจจะเคยไปยังประเทศแถบยุโรปเหนือหรือทางสแกนดิเนเวียแล้วล่ะก็ จะรู้สึกว่าคำต่อท้ายพวกเขานั้นส่วนใหญ่แล้วมักจะมีคำว่า ‘son’ หรือ ‘สั้น’ กันทั้งนั้นเลยนะเนี่ย!!? และล่าสุดทางเว็ปไซต์พันทิป ก็ได้มีคนตั้งข้อสังเกตนี้ขึ้นมาและตั้งกระทู้ถามไถ่กันเกิดขึ้นของ สมาชิกหมายเลข 700359 และ dr-jackass ที่กล่าวถึงกรณีนี้ พร้อมยกตัวอย่างประกอบได้น่าสนใจเลยทีเดียว #จ่าสิบเหมียว คิดว่ามันเป็นเกร็ดความรู้เลยนะเนี่ย ลองมาช่วยวิเคราะห์กันดูเนาะ ฮ่าๆๆ จากกรณีนี้เราจะยกตัวอย่างชื่อนักเตะของประเทศไอซ์แลนด์ ส่วนมากขื่อจะลงท้ายด้วยคำว่า ‘สั้น’ หรือ ‘ซั่น’ แทบจะทั้งหมด คนสุดท้ายคนเดียวเท่านั้นที่มีคำว่า ‘เซ่น’ ซึ่งก็ไม่ค่อยแตกต่างออกไปมากนัก ทีนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็เลยเข้าไปหาความรู้มาล่ะ ในกรณีนี้นะชื่อของชาวเดนมาร์กซึ่งเป็นหนึ่งในชาวสแกนดิเนเวียจะสามารถเห็นได้ว่า… นามสกุลเค้ามีแต่ เซ่น เซ่น เซ่น ทั้งนั้นเลย อีกหนึ่งเคสจากชาวนอร์เวย์ ประเทศนอร์เวย์ก็ เซ่น อีกแล้ว และกรณีสุดท้ายจากชาวสวีเดน สวีเดนนี่ออกไปในทางไอซ์แลนด์ เพราะ สัน สัน กันเยอะมาก แต่สังเกตุคำอธิบายด้านหลังนั่นใช่ไหม… หลักๆ แล้วเราสามารถเห็นได้ชัดๆ…
-
10 สัตว์ (หน้าตา) ประหลาดจากทะเลน้ำลึก สิ่งมีชีวิตปริศนาที่รอการค้นหามาอย่างยาวนาน
ว่ากันว่านอกจากอวกาศอันกว่าใหญ่แล้ว อีกสถานที่หนึ่งที่มนุษย์เรายังแทบจะไม่รู้จักก็คือใต้ท้องทะเลลึกของโลกใบนี้นั่นเอง มันคือพื้นที่อันมืดมิดที่อยู่ลึกลงไปราวๆ 4,000-6,000 เมตรที่แทบจะไร้ซึ่งอาหาร และอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 2-3 องศาเซลเซียสเท่านั้น ถึงอย่างนั้นในพื้นที่อันน่าหวาดผวากลับยังมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ พวกมันทั้งวิวัฒนาการ กระเสือกกระสน และทำทุกสิ่งเพื่อเอาตัวรอด เกิดเป็นสายพันธุ์ของสัตว์ที่เต็มไปด้วยปริศนา และน่าค้นหายิ่งกว่าใครๆ อย่างสัตว์ 10 ตัวต่อไปนี้ 1. Red Spiny Crab ปูชนิดนี้วิวัฒนาการกระดองหนามแหลมของมันเพื่อปกป้องตัวเองจากเหล่านักล่า แต่ที่น่าแปลกคือถึงจะถูกเรียกว่าปู แต่เอาเข้าจริงๆ มันใกล้เคียงไปทางปูเสฉวนมากกว่า เจ้าตัวที่เอาเปลือกหอยอื่นๆ (หรือเศษขยะในบางครั้ง) มาทำเป็นกระดองของตัวเองนั่นล่ะ 2. Glass Sponge มันคือฟองน้ำชนิดหนึ่งที่มีเปลือกสร้างขึ้นจากเส้นใยซิลิกา มันกินอาหารโดยการกรองเชื้อแบคทีเรียและสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวอื่นๆ จากในน้ำ และอาจจะมีความยาวได้มากถึง 1 เมตร 3. Peanut Worm เจ้านอนทะเลลึกตัวนี้ได้ชื่อมาจากรูปร่างของมัน แม้ว่าตามปกติแล้วดูยังไงก็เหมือนกับไอ้นั่นมากกว่าก็เถอะ แต่ถ้าหากว่ามันรู้สึกถึงอันตราย มันจะหดหัวของตัวเองทำให้รูปร่างออกมาคล้ายกับถั่วลิสงจริงๆ ได้ 4. Coffinfish มันเป็นหนึ่งในปลาน้ำลึกสุดลึกลับที่ยังคงต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมกันอยู่ มันมีตาสีฟ้า ครีบสีแดง เชื่อกันว่าอยู่ในตระกูล Anglerfish อย่างไรก็ตามมันอาจจะเป็นปลาสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยก็ได้เช่นกัน 5.…
-
9 สุดยอดดาบชื่อดังจากทั่วโลก ที่จะนำความแตกต่างที่งดงามของอาวุธโบราณมาให้ชม
ดาบคืออาวุธที่อยู่คู่กับประวัติศาสตร์ของมนุษย์มาอย่างยาวนาน เป็นเครื่องมือการรบที่มีชื่อเสียงที่สุดชิ้นหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ที่ให้บ่งบอกฐานะของผู้ครอบครองได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะมีรูปร่างพื้นฐานใกล้เคียงกัน แต่ในแต่ล่ะที่ของโลกนั้นก็มีดาบอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอยู่ และนั่นก็เป็นที่มาของ 9 ดาบชื่อดังจากทั่วโลกต่อไปนี้ ที่จะนำความแตกต่างที่งดงาม มาให้ทุกคนได้ชมกัน แต่ดาบแบบไหนที่เจ๋งที่สุดนั้น เป็นเรื่องที่ต้องไปเถียงกันเอาเองอีกทีนะ Khopesh นี่คืออาวุธมีคมที่ใช้กันมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ เอาเข้าจริงๆ แทนที่จะเรียกว่าดาบ Khopesh นั้นมีความใกล้เคียงไปทางขวานผสมกับเครื่องมือการเกษตรมากกว่า แต่ใช่ว่าทุกคนจะได้ใช้เจ้าเครื่องมือชิ้นนี้หรอกนะ เพราะมันคือสัญลักษณ์ของพลังและอำนาจ ที่ถูกครอบครองโดยคนใหญ่คนโตอย่างรามเสสที่ 2 และตุตันคาเมนเลยนะ Ulfberht swords ดาบโบราณที่เคยถูกใช้โดยเหล่าไวกิ้ง หนึ่งในยอดนักรบที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ แม้ว่าขนาดจะดูใหญ่ แต่กลับมีน้ำหนักเบากว่าที่คิดและมีจุดเด่นที่เหล็กที่ใช้ มันมีชื่อว่า “Crucible Steel” เหล็กซึ่งเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ของช่างตีดาบจำนวนมากในปัจจุบันเลยทีเดียว Khanda นี่คืออาวุธที่แลดู หนาหนักที่ถูกใช้โดย Rajput ยอดนักรบจากอินเดียในการสับ และฟาดใส่ศัตรู เป็นอาวุธที่ผสมผสานระหว่างคมดาบและการทุบไว้ด้วยกันเป็นอย่างดี Hook Sword ดาบรูปร่างประหลาดที่มากันเป็นคู่จากประเทศจีน มีที่กั้นมือเป็นใบมีดโค้งคมกริบที่ใช้ในการต่อยหรือเกี่ยวเอาศัตรูเข้ามาในระยะประชิดได้อย่างดี Flammard Swords ดาบสองมือที่มีตัวดาบโค้งเป็นคลื่น มีชื่อเสียงมากในช่วงยุคเรอเนสซองซ์ ตัวดาบนั้นออกแบบมาให้เมื่อแทงเข้าไปในร่างของศัตรู ความโค้งของดาบจะทำให้แผลที่ออกมานั้นยากที่จะรักษาได้ อีกทั้งยังยากที่จะรับมือในการประดาบอีกด้วย The Kilij…
-
เผยโปสเตอร์โฆษณายาขัดรองเท้าในยุค 50’s กับความงงๆ ว่าเกี่ยวกันตรงไหนเนี่ย!!
สำหรับสินค้าชิ้นไหนที่อยากจะให้ผู้คนรู้จักและขายได้ดียิ่งขึ้น ก็จะต้องมีการโฆษณาผ่านวิธีต่างๆ เพื่อให้เป็นที่จดจำว่าผลิตภัณฑ์ของเราเอาไว้ทำอะไร รวมถึงจุดยืนของสินค้าเราเป็นแบบไหนกันแน่ ซึ่งอันที่จริงแล้วการโฆษณาก็มีมานมนานตั้งแต่สมัยก่อนโน่นเลย แต่ว่ามีโฆษณาอยู่ตัวหนึ่งที่ดูไม่น่าจะเกี่ยวกับสินค้ากับเท่าไหร่นัก แต่น่าจะเกี่ยวกับความชอบของเจ้าของผลิตภัณฑ์มากกว่า และผลิตภัณฑ์นั้นก็คือยาขัดรองเท้ายี่ห้อ ‘The Griffin Microsheen’ ในยุค 1950!! และที่บอกว่าไม่เกี่ยวกับสินค้าเท่าไหร่ นั่นก็เป็นเพราะว่าโฆษณายาขัดรองเท้าตัวนี้ดันมีภาพผู้หญิงวาบหวิวที่น่าขัดซะยิ่งกว่ารองเท้าซะอีก แล้วถ้าเราลองคิดความเกี่ยวเนื่องระหว่างผู้หญิงสาวๆ วับๆ แวมๆ กับยาขัดรองเท้ามันก็ไม่น่าเกี่ยวกันสักเท่าไหร่ใช่ไหมล่ะ แต่ถึงอย่างไงก็ตามการโฆษณานี้ก็เป็นที่จดจำและฮือฮามากๆ ในช่วงนั้นเลยแหละ.. ยาขัดยี่ห้อนี้มันน่าซื้ออย่างนี้นี่เอง สวยจริงนะแม่คุณเอ๋ย รู้สึกอยากเป็นคนกางร่มขึ้นมาทันที ทรวดทรงองค์เอวนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ขนาดเป็นภาพขาวดำยังดูดีขนาดนี้ แหม่ยาขัดรองเท้าเอ๋ยย ไปครับพี่สุชาติ เห็นรองเท้าแล้วมันน่าจับจริงๆ หลังเข้าแล้วครับ ฟาวล์รึเปล่าไม่รู้นะ จะยิงธนูมาเหรอ รู้จักดาบปลายปืนเปล่า… เฮเฮ๊ ฮาฮ๊า ไปขโมยรองเท้าใครเค้ามารึเปล่านะ… ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม ถูๆ ขัดๆ จะได้เงาวับ ที่มา:…
-
เดนมาร์กออกแบบ “เกาะเทียม” สถานที่พักผ่อนกลางน้ำ ตอบสนองการขยายตัวของเมือง
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งการใช้ประโยชน์พื้นที่ที่มีประสิทธิภาพไม่น้อยเลย สำหรับนวัตกรรมจากเมืองหลวงของประเทศเดนมาร์กที่เรานำมาให้ได้ชมกันนี้ เกาะไม้ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือของกรุงโคเปเฮเกนแห่งนี้ เป็นผลงานการออกแบบและสร้างโดยบริษัทท้องถิ่น ซึ่งมันถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้คนได้มาพักผ่อนหย่อนใจกลางแม่น้ำในท่าเรือแห่งนี้ เกาะเทียมขนาดเล็กนี้มีขนาดประมาณ 25 ตารางเมตร ทีมออกแบบเลือกใช้ไม้เป็นวัสดุในการสร้างเกาะเล็กๆ แห่งนี้และทำให้มันลอยอยู่เหนือน้ำได้คล้ายๆ กับเรือ อย่างไรก็ตามเกาะเทียมนี้ยังเป็นเพียงแค่ต้นแบบเท่านั้น ซึ่งทางนักออกแบบกำลังพัฒนารูปแบบต่างๆ ของมัน ให้มีความหลากหลาย และตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น เกาะต้นแบบที่มาพร้อมกับต้นไม้ขนาดเล็กตรงกลาง มันจะลอยอยู่ในท่าเรือของเมืองหลวงแห่งนี้ เพื่อให้ผู้คนได้ใช้ประโยชน์อย่างทั่วถึง เกาะแห่งนี้คือโปรเจกต์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองการขยายตัวของเมือง ซึ่งทำให้พื้นที่สาธารณะลดลงเรื่อยๆ และนอกจากเกาะต้นแบบแล้ว พวกเขายังวางแผนให้เกาะชิ้นต่อๆ ไปสามารถใช้ประโยชน์อย่างอื่นที่แตกต่างกันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเกาะที่เป็นสวนลอยน้ำ เกาะสำหรับกิจกรรมต่างๆ หรือแม้แต่เกาะสำหรับการทำประมงด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกแนวคิดที่ตอบโจทย์กับโลกสมัยใหม่ไม่น้อยเลยนะเนี่ย… ที่มา designyoutrust, copenhagenislands
-
รวม 15 ภาพสุดท้ายก่อนเกิดโศกนาฏกรรม ที่เป็นข่าวดังระดับโลก…
ว่ากันว่าภาพหนึ่งภาพสามารถแทนคำพูดได้นับล้านคำ บางภาพอาจจะอัดแน่นไปด้วยเรื่องราวต่างๆ มากมาย และบางครั้งมันอาจจะเป็นภาพสุดท้ายของบุคคลในภาพนั้นก็ได้ และวันนี้เราก็ได้นำภาพก่อนเกิดโศกนาฏตกรรมที่เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะเคยผ่านได้ยินเหตุการณ์เหล่านี้มากันบ้างแล้ว… 1. ภาพเถ้าจากภูเขาไฟเซนต์เฮเลนส์ โดย Robert Landsberg ช่างภาพหนุ่มของเรายอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องภาพนี้ 2. ภาพของเจ้าหญิงไดอาน่า ในคืนวันที่ 31 สิงหาคมปี 1997 ในวันที่พระองค์ประสบอุบัติเหตุ 3. ลูกเรือจากกระสวยอวกาศแชลเลนเจอร์ ก่อนที่จะเสียชีวิตเนื่องจากเหตุขัดข้อง หลังจากถูกปล่อยเพียงแค่ 73 วินาที เป็นเหตุให้ลูกเรือทั้ง 7 รายเสียชีวิต 4. Keith Sapsford หนุ่มวัย 14 ปีที่ซ่อนตัวในล้อเครื่องบินที่ออกจากเมืองซิดนีย์ ไปยังประเทศญี่ปุ่น John Gilspin ช่างภาพมือสมัครเล่นถ่ายภาพของเขาได้โดยบังเอิญ ในระหว่างที่กำลังร่วงลงมาจากความสูง 60 เมตรและเสียชีวิต 5. รถคันสีแดงในภาพ คือรถที่ใช้ระเบิดในเมือง Omagh เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 1998 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 29 รายและบาดเจ็บ 220 ราย ชายหนุ่มเสื้อสีเหลืองและลูกสาวของเขารอดชีวิต…
-
10 อันดับประเทศ “สงบสุข” ที่สุดในโลก แล้วคิดว่า “ไทย” ติดอันดับเท่าไหร่ ใน 163 ประเทศ?
เรื่องของ สันติภาพ หรือ ความสงบสุข นั้นเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนต่างคาดหวังให้เกิดขึ้นในทุกที่ ทุกสังคมที่เราต้องเผชิญ วันนี้เราอาจไม่ได้มาให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของสันติภาพที่ว่ามานั้น แต่เรากำลังจะพูดถึงการจัดอันดับ “ประเทศที่มีความสงบสุขมากที่สุดในโลก” จาก 163 ประเทศ โดย สถาบันเศรษฐศาสตร์และสันติภาพแห่งชาติ (IEP) พื้นที่สีฟ้าเขียวคือสงบสุขมาก สีแดงคือน้อย สีขาวคือไม่ถูกรวมในการจัดอันดับ ดัชนีสันติภาพโลก (GPI) ในปี 2018 ที่เรากำลังพูดถึงนี้ ถูกวัดด้วยตัวแปรหลัก 3 ตัว ได้แก่ 1. ระดับความปลอดภัยและมั่นคงของสังคม 2. ขอบเขตของความขัดแย้งในประเทศและระหว่างประเทศที่กำลังดำเนินอยู่ 3. ระดับการเกิดสงคราม ทั้งสามอย่างนั้นถูกอ้างอิงมาจากข้อมูลที่เชื่อถือได้ทั่วโลกรวมกันคิดออกมาเป็นคะแนน ยิ่งมีคะแนนน้อยมากเท่าไหร่ยิ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศมีความสงบสุขมากเท่านั้น ว่าแล้วเราก็ลองไปดู 10 อันดับประเทศที่มีความสงบสุขมากที่สุดในโลกกันเลย 10 อันดับประเทศที่สงบสุขมากที่สุดในโลก ที่ 1 คือ ประเทศไอซ์แลนด์ พอมาถึงตรงนี้เพื่อนๆ อาจเกิดความสงสัยว่า “แล้วประเทศไทยติดอันดับที่เท่าไหร่จาก 163 ประเทศ?” คำตอบคืออันดับ 113 นั่นเอง…
-
แบบทดสอบสายตาเบื้องต้น มาเช็กกันว่า สายตาของคุณดีแค่ไหน?
ดวงตา คืออีกหนึ่งอวัยวะที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ ดวงตาคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยการมองเห็น ถ้าหากว่าสูญเสียดวงตาไป ก็อาจจะทำให้ใช้ชีวิตยากลำบากขึ้นมากกว่าเดิม ดวงตาเป็นอวัยวะที่ถูกใช้งานหนักเป็นอันดับต้นๆ ของอวัยวะในร่างกาย จึงมักมีปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับดวงตาที่ตามมาอยู่เสมอ อย่างเช่น สายตาสั้น สายตายาว หรือตาบอดสีที่เกิดขึ้นจากกรรมพันธุ์ คุณอยากรู้หรือไม่ว่า สายตาของคุณนั้นมีความผิดปกติหรือไม่ ลองทำแบบทดสอบสายตาเบื้องต้นด้วยการตอบคำถามต่อไปนี้ อย่าแอบดูเฉลยใต้ภาพก่อนล่ะ คุณเห็นอะไรในภาพนี้? เฉลย: ถ้าคุณเห็นผีเสื้อในภาพนี้ แสดงว่าคุณไม่ได้ตาบอดสีแดง-เขียว คุณเห็นเลขอะไรในภาพนี้? เฉลย: เลข 7 และ เลข 16 แล้วเห็นเลขอะไรในภาพนี้? เฉลย: เลข 13 และ 8 คนตาบอดสีแดงจะเห็นว่าเป็นเลข 1 คนตาบอดสีเขียวจะเห็นเป็นเลข 3 คนตาบอดสีแดง-เขียว จะเห็นเป็นเลข 3 แทน 8 แล้วนี่ล่ะเลขอะไร? เฉลย: 12 กับ…
-
10 วิธีแก้ง่วงระหว่างการเข้าประชุม อ่านเถอะจะได้ไม่โดนแอบถ่ายรูปอีก!!
บ่อยครั้งที่การประชุมนานๆ อาจจะทำหน้าที่ไม่ต่างกับยานอนหลับ และมักจะทำให้เราได้พบกับพระอินทร์ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่ถ้าหากเราจะหลับเอาดื้อๆ ไม่สนสิ่งแวดล้อมใดๆ ภายในห้องก็ดูจะไม่ค่อยดีถูกต้องนะว่าไหมล่ะ เพราะนอกจากจะทำให้เราพลาดเรื่องสำคัญๆ คุณอาจจะโดนแอบถ่ายรูปมาแซว หรือหนักถึงขั้นเจ้านายต้องออกมาขู่ว่า “ถ้าหลับอีกจะไม่ให้เข้าประชุมแล้วนะตัวเอง!!” ก็เป็นได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้กับหลายๆ คน เราก็มีวิธีแก้ง่วงเมื่อคุณต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จากเว็บไซต์ Wikihow มาฝากกัน… 1. พยายามตั้งใจ ถ้าหากว่าการประชุมนั้นมีความสำคัญกับคุณหรือสิ่งที่คุณรับผิดชอบอยู่ล่ะก็ จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องตั้งใจให้มาก เพราะถ้าหากคุณพลาดสาระสำคัญไปล่ะก็คงจะไม่ดีแน่ๆ 2. มีส่วนร่วม นอกจากจะช่วยให้หายง่วงแล้ว การมีส่วนร่วมกับที่ประชุมยังช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับตัวคุณ และช่วยให้การประชุมสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีอีกด้วย 3. หาอะไรมาจด อย่างที่เรามักจะเคยได้ยินกันมาว่า “จำไว้ดีกว่าจด แต่ถ้าจำไม่หมด ก็จดดีกว่าจำ” การจดช่วยบันทึกสิ่งต่างๆ ในการประชุมได้เป็นอย่างดี แถมมันยังทำให้คุณจดจ่อกับการประชุมได้ง่ายๆ อีกด้วย 4. เปิดหน้าต่าง ห้องที่อุดอู้อาจทำให้สมองขาดออกซิเจนและไม่รู้สึกปลอดโปร่ง การเปิดหน้าต่างจะช่วยให้คุณได้รับอากาศที่แสนสดชื่น และทำให้คุณรู้สึกตื่นตัว 5. บีบๆ นวดๆ การนวดบริเวณหว่างคิ้ว กล้ามเนื้อระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ และท้ายทอยของคุณจะช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้า และช่วยให้คุณตื่นตัวได้เป็นอย่างดี 6. ลูกอมและผลไม้รสเปรี้ยว…
-
7 เรื่องแมวๆ ที่ทาสแมวหลายคนอาจกำลังเข้าใจผิดอยู่ จะเป็นทาสต้องรู้ให้จริง
ข้ารับใช้อย่างเราย่อมไม่ามารถเข้าใจพระเจ้าแมวได้ซะทุกอย่าง ก็มันดูเข้าใจยากจะตายนี่นา แถมบางทียังทำตัวลึกลับทำให้เราเข้าไม่ถึงจิตใจมันสักที แต่ก็มีบางเรื่องที่นักวิทย์ได้ค้นคว้าเกี่ยวกับเจ้าเหมียว ซึ่งพิสูจน์มาแล้วว่าเป็นความจริง และเราควรจะรู้เอาไว้ จะได้เอาใจเจ้านายได้อย่างถูกต้อง 1. แมวชอบดื่มนม ถ้าหากคิดว่านมเป็นอาหารโปรดของแมวทุกตัวล่ะก็ คุณคิดผิดแล้วล่ะ พวกมันจะดื่มนมตอนเด็กเพราะนมเป็นอาหารหลักของลูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแทบทุกชนิด แต่เมื่อโตมาแมวจะเลิกผลิตเอนไซม์ที่ใช้ย่อยนม ทำให้มันย่อยนมไม่ได้ แต่ก็ยังมีแมวบางตัวที่ชอบกินนมเพราะชอบรสชาติอยู่นะ ถ้าเจ้านายชอบกินนมทาสก็ต้องไปหาซื้อนมเฉพาะที่แมวสามารถกินได้จากร้านขายอาหารสัตว์เอา 2. หนวดของแมวใช้รักษาสมดุล ความเชื่อที่ว่าแมวใช้หนวดรักษาสมดุลของร่างกายนั้นไม่จริงซะทีเดียว หนวดมีไว้เพื่อช่วยรับรู้สิ่งรอบตัวแมวต่างหาก พวกมันจะรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของอากาศได้เมื่อเข้าใกล้สิ่งกีดขวางผ่านทางหนวดนี่แหละ ดังนั้นถ้าไม่มีหนวด พวกมันจะรับรู้ถึงสิ่งรอบตัวได้ไม่ดี ทำให้บางทีอาจจะเดินชนนั่นนนี่ ดูเหมือนเสียสมดุลร่างกายไปทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วสูญเสียประสาทรับรู้ส่วนหนึ่ง 3. แมวกระโดดลงพื้นท่าสวยเสมอ จริงอยู่ว่าแมวมีกลไกในร่างกายที่ช่วยให้พวกมันทรงตัวและพลิกตัวมายืน 4 ขาลงพื้นได้เวลาที่ตกจากที่สูง แต่ถ้าเกิดมันตกจากที่ต่ำ มันอาจจะพลิกตัวไม่ทันแล้วเอาสีข้างลงแทนก็ได้นะ ก็มีพลาดกันบ้างแหละน่า 4. แมวเป็นสัตว์สันโดษ แมวสามารถอเอาตัวรอดตามลำพังได้อย่างสบายๆ ก็จริง แต่ถ้าพวกมันได้อยู่เป็นกลุ่ม พวกมันก็สานสัมพันธุ์กันได้เหมือนกัน เราจะเห็นว่าแมวจรจัดมักจะอยู่ร่วมกันเป็นสังคม แถมยังแบ่งหน้าที่กันในกลุ่มด้วย 5. สีขนของแมวบ่งบอกนิสัย มีความเชื่ออยู่ว่าแมวสีดำเป็นแมวอัปมงคล…
-
ไม่ต้องมีลูกก็สุขได้ นักวิทย์บอก “น้องหมา” ช่วยให้เราหลั่งฮอร์โมนเดียวกับตอนเลี้ยงลูก!?
ข่าวดีสำหรับคนที่อยากสัมผัสความสุขของการเลี้ยงลูก แต่ยังไม่สามารถมีลูกได้ด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม วันนี้นักวิทยาศาสตร์ยืนยันมาแล้วว่าเลี้ยงหมาก็ทำให้มีความสุขเหมือนเลี้ยงลูกได้ ตอนที่เราเลี้ยงลูกน้อย จะทำให้ร่างกายของเราหลั่งสาร ออกซิโทซิน ซึ่งเป็นสารที่หลั่งเวลาเราได้กอดหรือสัมผัสลูก จากนั้นก็จะทำให้ร่างกายหลั่งสาร โดฟามีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุขตามมาด้วย ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ Meg Olmert ได้ยืนยันแล้วว่าการเลี้ยงหมาก็ทำให้เราหลั่งสารออกซิโทซินและโดฟามีนออกมาได้เหมือนกันไม่ต่างจากตอนเลี้ยงลูกเลย Olmert บอกว่า “ตอนที่เราอยู่กับเจ้าหมา อัตราการเต้นของหัวใจจะช้าลง ความดันเลือดต่ำลง และอัตราการเต้นของหัวใจจะมีความหลากหลาย ซึ่งส่งผลให้เรามีความเครียดน้อยลง แล้วร่างกายก็จะปล่อยสารออกซิโทซิน โอปิออยด์ อะดรีนาลีน แบะเซโรโทนิน สารเคมีมหัศจารรย์เหล่านี้เป็นตัวต่อต้านความเครียดที่จะถูกปล่อยออกมาทั้งในตัวคุณและเจ้าหมา” นอกจากสารโดฟามีนที่หลั่งออกมาจะช่วยลดความเครียดได้แล้ว มันยังช่วยให้เรามีความจำระยะยาวที่ดีมากขึ้นด้วย ถือว่าได้ประโยชน์สองต่อเชียวนะ Olmert เสริมอีกว่าน้องหมาแต่ละสายพันธุ์มีโอกาสทำให้เราหลั่งสารออกซิโทซินและโดฟามีนไม่เท่ากัน เนื่องจากนิสัยโดยพื้นฐานของพวกมันต่างกัน สุนัขที่เป็นมิตรและมีนิสัยเข้าสังคมมากกว่าจะช่วยกระตุ้นให้หลั่งสารดังกล่าวได้ดี โดยสุนัขอันดับต้นๆ ที่ช่วยให้เราหลั่งสารเหล่านี้ได้คือพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์และลาบราดอ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสายพันธุ์อื่นทำให้เราหลั่งสารแห่งความสุขไม่ได้นะ แค่มีโอกาสน้อยกว่าเท่านั้นเอง ดังนั้นใครที่อยากรู้ว่าเลี้ยงลูกรู้สึกมีความสุขยังไง แต่ยังไม่มีแฟน หรือมีปัญหาในการมีลูก ก็ลองหาเจ้าหมามาเลี้ยงดูได้นะ นอกจากมันจะช่วยให้เรามีความสุขแล้ว เราเองก็ได้ช่วยมอบความสุขให้มันเหมือนกัน ที่มา: Daily Mail
-
“iFIT บัณฑิตพันธุ์ใหม่” นวัตกรรมการเรียนรู้จาก ม.กรุงเทพ อยากเรียนต้องได้เรียน อยากเป็นต้องได้เป็น!
เบื่อกันหรือยังกับการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยที่ถูกจำกัดด้วย Degree Plan ตายตัว ตารางสอนรัดแน่น อยู่ในห้องเรียนสี่เหลี่ยมแคบๆ ที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่คนหน้าเดิมๆ และอาจารย์ที่เอาแต่สอนอยู่หน้ากระดาน ส่วนเราก็คอยจดเลคเชอร์ ความน่าเบื่อที่ฝังลึกในวงการศึกษาไทยจะถูกถอนรากถอนโคน มหาวิทยาลัยกรุงเทพจึงเปิดมิติใหม่ทางการศึกษา พลิกโฉมรูปแบบการเรียนรู้ด้วยโครงการ “iFIT บัณฑิตพันธุ์ใหม่” iFIT หรือ Individual Future Innovative Learning of Thailand เป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองความต้องการของนักศึกษาเป็นรายบุคคลหรือ Personalized Learning อย่างแท้จริง ม.กรุงเทพ ตระหนักว่า เด็กแต่ละคนต่างก็มีความสามารถ ความสนใจ และความถนัดเฉพาะตัวที่ต่างกัน ไม่มีใครเก่งกว่าใคร แต่ทุกคนมีความเก่งในทางของตัวเอง และสมควรได้รับการผลักดันให้ไปในทางที่เขาถนัด ไม่ใช่ใช้แผนการเรียนรูปแบบเดียวกันทั้งหมดเหมือนในอดีต iFIT จึงเหมาะมากสำหรับเด็ก Gen Z ผู้ไม่ชอบยึดติดกับอะไรแบบเดิมๆ ด้วยหลักสูตรที่ตอบโจทย์ตลาดงานในอนาคต ผสมผสานศาสตร์และศิลป์อันหลากหลาย ทลายกำแพงคณะวิชา ด้วยการเปลี่ยนการนั่งเรียนเป็นการทำงานจริง เปลี่ยนการบ้านเป็นโปรเจ็กต์ระดับมืออาชีพ เปลี่ยนตารางสอนเป็นช่วงเวลาเรียนรู้โดยมีครูเป็นพี่เลี้ยง เน้นการทำงานกลุ่ม หมุนเวียนหน้าที่ ฝึกฝนทักษะรอบด้าน เปิดประสบการณ์ Work/Learn/Play ทำเรื่องงาน…
-
21 วิธีไลฟ์แฮ็คสุดเจ๋งแห่งยุค แค่เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตก็ง่ายขึ้นเยอะเลย
หนึ่งในทักษะพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนมีอยู่ในตัว นั่นก็คือวิธีการแก้ปัญหาและการสรรหาวิธีการอำนวยความสะดวกสบายให้กับชีวิตในฉบับของตัวเอง ซึ่งบางวิธีที่ใช้ในการแก้ปัญหาเหล่านั้นมันกลับได้ผลดีเกินคาด จึงได้มีการนำวิธีที่เรียกว่า ไลฟ์แฮ็คเหล่านี้มาเผยแพร่ให้กับบรรดาชาวโลกออนไลน์ได้นำไปใช้กัน อย่างเช่นตัวอย่าง 21 วิธีไลฟ์แฮ็คดังต่อไปนี้ 1. เขียนวันที่ประกันหมดอายุเอาไว้ที่เครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละอัน 2. ทำที่ใส่เครื่องปรุงแบบง่ายๆ ด้วยแม่พิมพ์คัพเค้ก 3. ทำแซนด์วิชสุดอร่อยด้วยการดัดแปลงเอาพิซซ่าเหลือๆ สองชิ้นมาประกบกัน 5. โคมไฟจากขวดนมเปล่า 6. กระป๋องมันฝรั่งทอด นำมาดัดแปลงเป็นที่วางโทรศัพท์มือถือ 7. ใช้ยางลบทำความสะอาดกล้องโทรศัพท์ให้กลับมาใสปิ๊ง 8. ไม่มีที่วางคุกกี้ ใช้ไม้เสียบลูกชิ้นแทนก็ได้ 9. ใช้ถุงพลาสติกคลุมอ่างอาบน้ำไว้ตอนโกนหนวด เศษขนจะได้ไม่ตกลงไปในท่อ 10. จุกคอร์กไม้เก่าๆ เอามาทำเป็นที่เก็บต่างหู 11. เติมน้ำ 1/5 ของขวดแล้วนำไปแช่แข็ง เวลาอยากดื่มน้ำเย็นๆ ก็เติมน้ำลงไป 12. ใช้หนังยางมัดขวดแบบปั๊มเอาไว้ ป้องกันการหกเลอะเทอะ 13. อยากได้พัดลมเพดานไม่ต้องไปซื้อใหม่ให้เปลืองเงิน…
-
18 ภาพเทศกาลดนตรีแห่งยุค 90’s แล้วจะรู้ว่าในยุคนั้นมันส์ถึงใจขนาดไหน!!
หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อของเทศกาลดนตรีอย่าง Woodstock กันมาบ้างว่ามีความฮิปปี้และเสรีขนาดไหน แต่อาจจะไม่เคยเห็นภาพว่าจริงๆ แล้วในอดีตยุค 90 เรื่องของเทศกาลดนตรีมันให้อารมณ์ได้ถึงขนาดไหน ถ้าอยากรู้ล่ะก็ #เหมียวจิวยี่ จะพาไปส่องเทศกาลดนตรีสุดมันส์แห่งยุค 90 อย่าง Woodstock, Glastonbury หรือแม้กระทั่ง Lollapalooza อันสุดแสนจะโด่งดังเมื่อครั้งสมัยก่อน ให้เห็นกันไปเลยว่ามันสุดขนาดไหน แถมมีเสน่ห์แห่งความบริสุทธิ์ที่ไม่มีเทคโนโลยีสมัยใหม่ผสมอยู่ด้วย สิ่งเดียวที่มีในงานเหล่านี้นี้ก็คือเสียงเครื่องดนตรีอย่างกีตาร์ เบส กลอง เสียงกรี๊ด และความเมามันส์อย่างไม่คิดชีวิตเท่านั้น!! ภาพมุมสูงของเทศกาลดนตรี Glastonbury ในปี 1995 ภาพของแฟนดนตรีที่เอาโคลนมาทาตัวอย่างบ้าคลั่งใน Woodstock ปี 1994 โดยจัดขึ้นในนครนิวยอร์ก คอคอนเสิร์ตเติมพลังกันก่อนไปมันส์กันในงาน Lollapalooza ปี 1993 วง Rancid ขณะกำลังขึ้นแสดงในเทศกาล Lollapalooza ปี 1996 ที่รัฐอิลลินอยส์ Flavor Flav กับแฟนเพลงที่พูดคุยภาษาเดียวกันในเทศกาลดนตรี Pukkelpop ที่จัดขึ้นในประเทศเบลเยียมเมื่อปี 1999 รถโฟล์คสวาเก้นสุดแนวใน Woodstock’94 พ่อค้าแม่ค้าก็มาขายสมุนไพรในงาน…
-
โปรแนะเทคนิคถ่ายภาพสวยๆ ด้วย “กล้อง และ โทรศัพท์มือถือ” ได้ภาพสะท้อนสุดงาม
เชื่อแน่ว่าหนึ่งในภารกิจสำหรับหนุ่มๆ หลายคนที่ออกไปเที่ยวกับแฟนสาวในวันหยุด ก็คือการเป็นตากล้องส่วนตัวให้กับพวกเธอนั่นเอง และในวันนี้เพื่อช่วยให้การถ่ายภาพแฟนสาวสุดน่ารักของคุณให้ดูสวยเหมือนกับมืออาชีพมากยิ่งขึ้น เราก็มีเทคนิคดีๆ ที่ใช้อุปกรณ์ง่ายๆ มาแนะนำกัน… เทคนิคที่ว่านี้ก็คือการถ่ายภาพสะท้อน ซึ่งนอกจากจะทำภาพถ่ายที่ได้ดูสวยงามขึ้นมาแล้ว มันยังช่วยให้องค์ประกอบของภาพดูดีขึ้นด้วย โดยสิ่งที่คุณจำเป็นต้องใช้ในการถ่ายภาพด้วยเทคนิคนี้ก็คือโทรศัพท์มือถือ และกล้องถ่ายภาพเท่านั้นเอง ถ้าหากเตรียมอุปกรณ์พร้อมแล้วล่ะก็ไปดูวิธีการง่ายๆ จากเว็บไซต์ petapixel ได้เลย!! ขั้นตอนแรก จับโทรศัพท์ของคุณหงายหน้าจอขึ้นและวางในแนวขวางกับเลนส์แบบนี้ . 2. และทีนี้คุณจะมองเห็นภาพสะท้อนแล้ว จากนั้นค่อยๆ ปรับโทรศัพท์ของคุณให้ได้ภาพสะท้อนแบบนี้ . . . . และทั้งหมดนี้ก็คือขึ้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณไได้ภาพสะท้อนที่สวยงามแล้ว แต่!! นอกจากวิธีการแล้วยังมีเทคนิคเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยที่คุณควรจะรู้ อย่างแรกคือ คุณควรถอดเคสมือถือออก เพื่อให้ได้ภาพสะท้อนที่สมจริงมากยิ่งขึ้น 2. ภาพสะท้อนที่ได้มักจะมีสีเข้มหรืออ่อนกว่าภาพจริง ดังนั้นคุณควรปรับภาพอีกนิดหน่อยเพื่อให้ดูสมจริงขึ้น . 3. การเลือกใช้ส่วนประกอบต่างๆ ของอาคารเช่นเสา ขอบหน้าต่าง หรือซุ่มประตู เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย และมันก็ใช้ได้ดีกับเทคนิคนี้ด้วย . 4.…
-
ลาออกจากการเป็นผญ.ได้ไหม? 13 ภาพความจริงแห่งชีวิต เมื่อวันนั้นของเดือนมาถึง
เมื่อวันนั้นของเดือนมาถึง สาวๆ แต่ละคนน่าจะรู้ดีว่าชีวิตได้เดินทางมาถึงจุดที่ยากลำบากอีกครั้งแล้ว ชีวิตมันลำบากจนบางครั้งต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมต้องสร้างให้ผู้หญิงเกิดมาแล้วมีประจำเดือนด้วย ภาพการ์ตูนต่อไปนี้ น่าจะบ่งบอกชีวิตของชะนีในวันนั้นของเดือนได้เป็นอย่างดี ใครที่ไม่เข้าใจว่าผู้หญิงเวลาเป็นเมนส์ทำไมทำตัวแปลกๆ นี่อาจจะช่วยคลายความสงสัยของคุณได้ ช่วยเข้าใจผู้หญิงแบบเราๆ หน่อยนะ 1. ข้างนอกดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร แต่ข้างใน (มดลูก) เหมือนมีสงครามอยู่ภายใน 2. 2 วันแรกของการมีประจำเดือนคือวันที่เหมือนนรกแตกที่สุด 3. ดูเหมือนว่าแค่ปวดท้อง แต่มันเป็นการปวดท้องที่เหมือนมีใครเอาเลื่อยมาปั่น 4. อาการปวดนี้ไม่สามารถบอกให้กับใครได้ แม้แต่คนที่เข้าใจเรื่องนี้ดีก็ไม่สามารถบอกให้เข้าใจได้ 5. ไม่สามารถบอกกับคนอื่นไปตรงๆ ว่าเป็นอะไร ทั้งๆ ที่ในใจอยากจะโวยวายมากๆ 6. ช่วงเป็นเมนส์ อย่าสะกิด เดี๋ยวต่อมน้ำตาแตก มันช่างเปราะบางเหลือเกิน 7. อะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้หัวร้อนได้ง่ายๆ เผลอทำลายข้าวของแบบไม่รู้ตัว 8. อาหารที่กินในวันนั้นของเดือน มันจะแปลกๆ หน่อย 9. ชอปปิ้งวันเป็นเมนส์…
-
10 ภาพการเปลี่ยนแปลงของบุคคลที่อ้างว่า เลิกดื่มแอลกอฮอล์แล้ว ชีวิตเปลี่ยน!!
ว่ากันว่าถ้าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากๆ อาจจะทำให้เกิดอาการบวมหรืออาจทำให้อ้วนขึ้นแบบสังเกตเห็นได้ ถ้าดื่มไปนานๆ อาจจะเกิดอาการบวมจนหุ่นคล้ายกับถังเบียร์ได้ (หยอกๆ) เรื่องการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นก็อยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละคนซึ่งมันก็มีข้อดีและข้อเสียคนละแบบ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากๆ ก็ส่งผลร้ายกับร่างกายเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ลด ละ เลิกกันดีกว่านะจ๊ะ นี่คือ 10 ภาพของการเปลี่ยนแปลงของบุคคลที่อ้างว่า เลิกดื่มแล้วมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างเห็นได้ชัด เผื่อใครจะเอาไว้เป็นแรงบันดาลใจในการเลิกดื่ม ฮั่นแน่ หล่อเฟี้ยวเลย 3 ปีหลังจากเลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปลี่ยนไปแบบแพ็คคู่ หน้าตาดูสดใสขึ้นนะเนี่ย เสื้อตัวเดิม แต่ที่เปลี่ยนไปคือหุ่น เลิกเหล้าแล้วก็ควบคุมอาหารด้วย เปลี่ยนไวน์มาเป็นน้ำ หน้าตาก็ดูสดใสขึ้น ดูผลของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้านหลังนั่นสิ เปลี่ยนพุงให้เป็นแพ็คได้ด้วยการงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเบียร์ ชุดเดิม แต่ดูมีทรวดทรง มีเอวด้วย แค่เลิกหน้าตาก็ดูสดใสขึ้นมาทันที เปลี่ยนไปเยอะเลย แค่เลิกดื่มเท่านั้น ถึงแม้ว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบางครั้งจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ลดการดื่มให้น้อยลง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พร้อมกับการออกกำลังกายก็สามารถทำให้หุ่นดี และมีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นได้นะ …
-
CyberBully หรือเพียงแค่ Criticism เราเห็นอะไรบ้าง จากกรณีชาวเน็ตดราม่า ‘ไข่มุก BNK48’
ในโลกยุคสมัยใหม่ที่มาพร้อมกับอินเทอร์เน็ต ทุกคนต่างมีพื้นที่เป็นของตัวเองและพื้นที่สาธารณะสำหรับทุกคน เปรียบได้เหมือนกับโลกอีกใบที่ทุกคนมีตัวตน เพียงแต่ว่าจะเป็นตัวจริงหรือเพียงแค่ร่างอวตารเท่านั้น… เมื่ออยู่ในโลกออนไลน์ ทุกคนต่างมีอิสระ สิทธิเสรีภาพ ในการแสดงออกทางความคิดในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน การแชร์ หรือแม้แต่กระทั่งการเขียน การกล่าวถึง และวิจารณ์ในประเด็นต่างๆ จากกรณีล่าสุดที่ชาวเน็ตจุดประเด็นเกี่ยวกับการตอบคำถามของน้อง ‘ไข่มุก BNK48’ ในรายการดาวินชี่ ด้วยคำตอบสั้นๆ เพียงแค่ 3 พยางค์ อ๊บใสไม้ และ ป้ายเป่าหลง จนเกิดเป็นข้อสงสัยถึงตัวตนจริงๆ ของน้อง พร้อมทั้งตั้งคำถามในระดับสติปัญญา ลามไปจนถึงการด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรง บานปลายไปทั่วอาณาจักรโซเชียลไทย ทั้งนี้ ฝ่ายที่ออกมาว่ากล่าวนั้น ต่างบอกว่าเป็นการวิจารณ์ ติเพื่อก่อ บุคคลสาธารณะควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น แต่ทว่าในบางความคิดเห็นวิจารณ์ด้วยคำด่า คำที่รุนแรงต่อผู้อ่านท่านอื่นๆ ที่ไม่ได้เห็นด้วยไปเสียหมด และนำมาสู่คำถามอีกครั้งว่าเป็นการ ‘วิจารณ์’ หรือเป็นการ ‘บูลลี่’ กันแน่ ก่อนอื่นนั้น เรามาทำความเข้าใจกันเสียก่อนว่า หลายคนมักจะสับสนในความแตกต่างระหว่าง เสรีภาพทางการแสดงความคิดเห็น และ การบูลลี่…
-
มาดูสาเหตุของ 8 พฤติกรรม “จิตๆ” ของมนุษย์ที่ทำไปเป็นประจำโดยไม่รูตัว
คนเราบางครั้งก็ทำอะไรแปลกๆ เช่น ลานจอดรถตั้งกว้าง ทำไมต้องเลือกไปจอดติดกับรถคันใดคันหนึ่งด้วยนะ? อะไรทำนองนี้เป็นต้น ซึ่งบางครั้งมาคิดดูแล้วก็อธิบายไม่ค่อยได้เหมือนกัน แต่วันนี้ ทุกท่านอาจจะต้องตกใจเพราะว่าคำอธิบายอาการเหล่านี้จะทำให้ทุกคนรู้ว่า ตัวเองก็มีแปลกๆ ที่เกี่ยวกับ อาการทางจิตและสมอง กับเขาเหมือนกัน เราไปดูกันเถอะว่ามีพฤติกรรมแปลกๆ แบบไหนบ้างที่คนเราทำโดยอธิบายไม่ได้ แล้วผู้เชี่ยวชาญเขาอธิบายเหตุผลของพฤติกรรมเหล่านั้นกันว่าอย่างไรบ้าง… 1. ทำไมต้องเบาเพลงหรือปิดเพลงเมื่อกำลังขับรถอยู่บนเส้นทางที่ไม่เคยไป? บางคนก็จะเริ่มเงียบ ลดการพูดคุย เบาเพลง หรือปิดเพลงไปเลย เพื่อโฟกัสกับเส้นทางข้างหน้าไม่ให้หลง ซึ่งไอ้พฤติกรรมแบบนี้ก็มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์เรียบร้อยแล้ว Dr. Steven Yantis ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาและสมองแห่งมหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ อธิบายว่า ในยามที่เราฟังเพลงหรือฟังเสียงสนทนาต่างๆ สติของเราจะรับข้อมูลภาพและเส้นทางน้อยลง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเราถึงเบาเสียงต่างๆ ลงเพื่อโฟกัสกับเส้นทางที่ไม่คุ้นชิน ที่มา: https://sharpbrains.com/blog/2006/11/11/why-do-you-turn-down-the-radio-when-youre-lost/ 2. ทำไมเวลาพูดคุยเราถึงต้องขยับไม้ขยับมือ? ศาสตราจารย์ Andrew Bass จากมหาวิทยาลัยคอร์เนล พบในงานวิจัยของเขาว่าการโยกไม้โยกมือขณะพูดคุยตามสัญชาติญาณของมนุษย์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของการวิวัฒนาการ เมื่อลองสืบย้อนกลับไปถึงเรื่องของสมองพบว่าสัตว์ปีกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจะมีการใช้สัญญาณสื่อสารทางร่างกายที่พัฒนามาจากสมองส่วนหลังของปลา จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเมื่อพูดคุยสื่อสารจึงมีท่าทางของมือติดไปด้วย ที่มา: https://www.eurekalert.org/pub_releases/2013-07/sfeb-wdw062813.php 3. ทำไมต้องจอดรถใกล้กับคันอื่น ขณะที่ลานจอดรถก็ออกจะโล่ง? อันที่จริงมันเป็นสัญชาติญาณการอยู่รวมกลุ่มและการเข้าสังคมของมนุษย์ Rob Henderson ผู้ช่วยวิจัยจากมหาวิทยาลัยเยล ลองค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วพบหลายสาเหตุที่มนุษย์มักเข้าร่วมกลุ่มสังคม…
-
6 พฤติกรรมชวนปวดท้องที่หลายคนทำประจำ แต่อาจกลายเป็น “โรคร้ายแรง” ในอนาคตได้!!
“ปวดท้อง” พฤติกรรมที่เราทั้งคุ้นชินและคุ้นเคยกันดี จนบางทีก็ละเลย ปวดท้องก็ปล่อยไว้..ไม่ต้องทำอะไรเดี๋ยวก็หาย โดยหารู้ไม่ว่า เจ้าอาการปวดท้องธรรมดานี่แหละอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงอาการร้ายแรงบางอย่าง แต่รู้มั้ยว่าอาการปวดท้องทั้งหลายก็เกิดมาจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเรานี่แหละ!! วันนี้ Catdumb ได้ไปสืบเสาะข้อมูลดี ๆ มาจากคุณหมอศูนย์โรคปวดท้อง โรงพยาบาลสินแพทย์ มาฝาก นี่อาจเป็นพฤติกรรมที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน ใครไม่แน่ใจว่ากำลังทำร้ายสุขภาพอยู่โดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า.. 1. สายบุฟเฟ่ต์..กินมากเกินไป ใครที่ชอบจัดหนักจัดใหญ่ กระหน่ำกินบุฟเฟ่ต์อาทิตย์ละ 3 วันละก็ ระวังไว้ให้ดี เพราะการกินอาหารที่มากเกินไปทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้ทำงานหนัก แถมประสิทธิภาพการทำงานยังช้าลง ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารส่งผลให้มีอาการปวดท้องตามมา หากยิ่งทำบ่อย ๆ เข้าล่ะก็อาจส่งผลต่อให้กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบได้ง่าย เพราะนอกจากระเพาะอาหารจะทำงานหนักแล้ว การกินอย่างไม่บันยะบันยั้งของเรายังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและระบบไหลเวียนเลือดให้ทำงานแย่ตามไปอีกด้วย 2. สายแอสไพริน…กินยาแก้ปวดกระดูกและกล้ามเนื้อ งงกันเป็นแถวล่ะสิ ว่ายาแก้ปวดเข้ามาเกี่ยวข้องกับอาการปวดท้องได้ยังไง?? จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า ยาแก้ปวดอย่างพวกแอสไพรินเนี่ย เมื่อทานเข้าไป ยามีฤทธิ์กัดกระเพาะอาหาร และยายังทำให้สารเมือกที่เคลือบกระเพาะอาหารมีการสร้างลดลง น้ำย่อยหรือกรดในกระเพาะจึงกัดทำให้เกิดแผลได้ง่าย หากยังไม่ได้กินอะไรรองท้อง หรือทานยาพวกนี้บ่อยๆก่อนล่ะก็ มีหวังได้กลายเป็นโรคกระเพาะแน่ 3. สายปิ้งย่าง คนที่ชอบกินอาหารปิ้งย่างบ่อยๆ ชอบกินสเต็ค กินผักน้อย ปล่อยให้ท้องผูกบ่อยๆ จะเป็นเหตุให้ลำไส้ขับสารก่อมะเร็งมากขึ้น มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ในที่สุด 4.…
-
มาเช็ก!! 7 สัญญาณเตือนจากร่างกายที่บ่งบอกว่าหัวใจของคุณทำงานผิดปกติไปจากเดิม
‘หัวใจ’ ถือว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดอีกชิ้นหนึ่งของร่างกายเรา เพราะว่าถ้าปราศจากมันไปแล้วเราก็คงจะไม่มีชีวิตอยู่ได้ ดังนั้นแล้วการดูแลรักษาหัวใจให้แข็งแรงทำงานเป็นปกติ จึงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับตัวคุณเองใช่ไหมล่ะ แต่ถ้ามันทำงานผิดปกติไปล่ะก็ร่างกายของเราก็อาจจบ่งบอกผ่านทางสัญญาณต่างๆ เหล่านี้ ที่ #เหมียวจิวยี่ นำมาฝากให้เพื่อนๆ ได้ตรวจเช็คกันดูว่ามีอาการเหล่านี้กันบ้างหรือเปล่า เพื่อที่จะได้มีการรักษาหรือป้องกันให้หัวใจของเราแข็งแรงได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะบางทีหากปล่อยไว้นานเกินไปอาจจะไม่ทันการณ์ก็เป็นได้… 1. มีอาการปวดแขนเกิดขึ้น นี่เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะดูเกี่ยวกันใช่ไหมล่ะ แต่ว่ามีผู้หญิงบางคนที่เคยกล่าวไว้ว่าพวกเธอมักจะเผชิญกับอาการปวดบริเวณท่อนแขนหรือข้อศอกก่อนที่จะมีหัวใจวายเกิดขึ้น นั่นก็เป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้เพราะว่าอาจจะมีความเจ็บปวดจากหัวใจที่ผิดปกติเดินทางผ่านกระดูกไขสันหลัง ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมเส้นประสาทและทำให้ร่างกายอาจเกิดความสับสนส่งความเจ็บปวดไปส่งส่วนอื่นๆ นั่นเอง 2. การไอ การไออาจมีสาเหตุมาได้จากหลายอย่าง แต่ว่ามันก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งจากโรคหัวใจและหลอดเลือดเช่นเดียวกัน โดยการไออย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ พร้อมกับมีน้ำลายที่มีสีชมพูหน่อยๆ (สีปนเลือด) อาจเป็นภาวะของโรคหัวใจล้มเหลว ขณะเดียวกันการไอก็อาจเป็นอาการย่อยที่นำไปสู่อาการที่มีความรุนแรงอย่าง หายใจติดขัดหรือหายใจไม่ออกได้ 3. บริเวณขา ข้อเท้า หรือเท้า มีอาการบวมขึ้น เมื่อหัวใจของคุณไม่สามารถสูบฉีดได้ดีอย่างที่ควรเป็น ของเหลวที่อยู่ในเส้นเลือดจะแพร่ซึมไปตามเนื้อเยื่อต่างๆ และบริเวณขาและเท้าจะเป็นจุดที่พบได้บ่อยที่สุดว่ามีของเหลวนั้นๆ สะสมอยู่เพราะว่าเป็นจุดที่อยู่ต่ำสุดของร่างกาย อาการนี้จะมีชื่อเรียกว่า การบวมส่วนปลาย (Peripheral Edema) โดยสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจหรือไม่ก็ได้ แต่ทางที่ดีคุณควรจะให้ความสนใจกับอาการนี้มากๆ 4. เบื่ออาหารและมีคลื่นไส้อาเจียน ผู้ป่วยหลายรายที่เป็นโรคหัวใจ มักจะมีอาการเบื่ออาหารและคลื่นไส้อยู่เสมอแม้ว่าจะกินอาหารเพียงน้อยนิดก็ตาม นั่นเป็นเพราะสาเหตุว่ามีการสะสมของเหลวเกิดขึ้นบริเวณรอบๆ ตับและลำไส้ และของเหลวเหล่านี้เองที่จะไปรบกวนระบบการย่อยอาหารให้ผิดปกติออกไป…
-
เผยกระบวนการทำ “ช็อกโกแลต” จากเมล็ดโกโก้จนกลายเป็นขนมที่ทานกันทุกวันนี้…
ช็อกโกแลตแท่งที่เราชอบซื้อมาทานเป็นขนมในแต่ละวันนั้น บางคนอาจทราบว่ามันทำมาจากผลโกโก้ แต่รู้หรือไม่ว่า จากผลโกโก้ แล้วมันกลายมาเป็นของเหลวสีน้ำตาลๆ ที่เรียกว่า ช็อกโกแลต ได้อย่างไร วันนี้คุณ Dom Ramsey นักทำช็อกโกแลตแบรนด์ Damson ในกรุงลอนดอนได้ออกมาเผยกระบวนการทำช็อกโกแลตจากผลโกโก้จนกระทั่งกลายเป็นแท่งอย่างที่เราทานกันเลยล่ะ ดอกไม้ที่เห็น นี่แหละคือจุดเริ่มต้องของช็อกโกแลต มันผลิดอกออกมาจากจากลำต้นหรือกิ่งใหญ่ๆ ของต้นโกโก้โดยตรง แล้วก็จะเติบโตกลายเป็นฝักโกโก้ ภาพนี้ถ่ายที่ฮาวาย สถานที่เดียวในสหรัฐอเมริกาที่ต้นโกโก้สามารถเติบโตได้ นี่แหละคือผลโกโก้ หรือฝักโกโก้ ฝักโกโก้เก็บเกี่ยวมาในฮาวายมีสีสันหลากหลาย (ดูแล้วไม่น่ากลายเป็นช็อกโกแลตได้) สีของฝักโกโก้ที่ต่างกันนั้นเป็นเพราะความแตกต่างทางพันธุกรรมนั่นเอง ภายในฝักก็จะเป็นเนื้อผลไม้สีขาวๆ ซึ่งภายในจะมีเมล็ดโกโก้ราว 25-40 เมล็ดเลยทีเดียว ว่ากันว่าไอ้เจ้าเนื้อขาวๆ นี้มีรสชาติหวานเสียด้วย (เห็นแล้วคิดถึงมังคุด) แต่ว่าภายในเมล็ดของมันเป็นแบบนี้… สีด้านในเมล็ดอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละพันธุ์ โดยส่วนมากจะมีสีออกม่วงๆ ซึ่งถ้าเป็นเมล็ดโกโก้ที่รสชาติดีขึ้นมาหน่อยก็จะมีสีออกขาวๆ หลังจากที่เก็บผลโกโก้มาแล้ว ก็นำตัวฝักและเนื้อของมันออก คัดเอามาแต่เมล็ด เสร็จแล้วนำไปใส่กล่องไม้แล้วปิดคลุมด้วยใบตองเพื่อหมัก ทิ้งไว้ราว 5-7 วัน ซึ่งกระบวนการนี้สำคัญต่อรสชาติของช็อกโกแลตมากๆ หลังจากการหมัก…
-
หืมม!? โพลออกมาว่า สาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เคย “ซั่ม” กับพนักงานหนุ่มในที่ทำงานเดียวกัน!!
ในบรรยากาศของการทำงานที่หนักหนาและเคร่งเครียด มันอาจทำให้คุณเหงา เคว้งคว้าง และไร้ที่พึ่ง ยิ่งในสำนักงานของประเทศญี่ปุ่นที่ได้ชื่อเรื่องความเคร่งด้วยแล้ว พนักงานก็อาจขาดความอบอุ่นได้เป็นเรื่องธรรมดา ด้วยเหตุนี้ จากสถิติจึงพบว่า หญิงสาวชาวญี่ปุ่นจำนวนมากหลงใหลในความอบอุ่นของอ้อมแขนเพื่อนร่วมงานต่างเพศ ซึ่งจากการสำรวจล่าสุดก็ยังคงพบว่า พนักงานหญิงและชายที่มีสัมพันธ์สวาทต่อกันนั้นเป็นเรื่องปกติ มีการทำโพลจาก Aikatu เว็บไซต์สำหรับหญิงสาววัย 20-30 ปีขึ้นไป ถามผู้ใช้งานเว็บไซต์ของตนเองว่า “มีความสัมพันธ์ทางกายกับเพื่อนร่วมงาน” บ่อยแค่ไหน? คำตอบที่ได้คือ จากผู้ใช้ 1,162 คนที่ตอบเข้ามา มากกว่า 3 ใน 4 ตอบว่า เคยหลับนอนกับเพื่อนร่วมงาน ผู้ตอบแบบสำรวจ 45.5 เปอร์เซ็นต์ เผยว่า ไม่ได้มีเซ็กส์กันกับเพื่อนร่วมงานเพศชายเพียงเท่านั้น บางทียังทำกับคนที่ไม่ได้รู้สึกรักใคร่อีกด้วย ส่วนอีก 32.2 เปอร์เซ็นต์ บอกว่า พวกเขามีการล้ำเส้นหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์กันแล้วกลายเป็นความรักใคร่เกิดขึ้น แต่อีก 22.3 เปอร์เซ็นต์ บอกว่า การมีเซ็กส์ที่จริงก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของการงานเลย แต่ก็ไม่อาจพูดได้ว่าสถานที่ทำงานของประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นแหล่งนัดแลกเซ็กส์หรือว่าอะไรก็ตามที่เป็นทำนองเดียวกัน แต่นั่นเป็นเพราะว่าสังคมการทำงานที่จริงจังและเคร่งครัดของญี่ปุ่นทำให้ผู้คนมีเวลาพบปะและสานสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ค่อนข้างน้อย ดังนั้น ตราบใดเท่าที่ผลงานในที่ทำงานยังคงดี เรื่องความรักที่เกิดขึ้นหากจัดการอย่างรอบคอบแล้วก็ไม่ได้เป็นผลเสียในมุมมองของบริษัท อีกอย่างคือในวัยทำงานสำหรับชาวญี่ปุ่นก็คือวัยที่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้…
-
6 วิธีการนอกเหนือจากการ “ทำสมาธิ” ที่จะช่วยให้คุณเอาชนะความต้องการทางเพศได้
อย่างที่เราพอจะทราบกันดีว่ามนุษย์กำเนิดมาจากความกำหนัด แต่ทว่าในบางครั้งความกำหนัดที่มากจนเกินไปนั้นก็อาจจะส่งผลเสียต่อคุณในหลายๆ ด้านจนลุกลามกลายเป็นปัญหาสังคมได้เช่นกัน และถ้าหากว่าคุณรู้สึกว่ากำลังเป็นอีกหนึ่งคนที่มีความต้องการทางเพศสูงผิดปรกติ และไม่อาจจะยับยั้งชั่งใจได้ด้วยการเล่นกีฬาหรือทำสมาธิล่ะก็ นี่อาจจะเป็นตัวช่วยให้คุณผ่านเรื่องนี้ไปได้… 1. หลีกเลี่ยงสารเสพติดและแอลกอฮอล์ อย่างที่เรารู้กันดีว่ายาเสพติดและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์นั้นจะทำให้ขาดสติ และที่สำคัญมันจะทำให้คุณต่อสู้กับความกำหนัดได้ยากขึ้น ดังนั้นถ้าหากเวลาที่คุณต้องออกไปข้างนอกกับเพื่อนล่ะก็ ระมัดระวังเรื่องการดื่มให้ดีด้วยล่ะ 2. รู้ความต้องการของตัวเอง มีหนังสือเกี่ยวกับเรื่องเพศมากมายที่ให้คุณได้ศึกษา และไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดเมื่อคุณเกิดความต้องการทางเพศ แต่ขอเพียงแค่เรียนรู้และทำความเข้าใจมัน เพราะการพยายามข่มมันอาจจะทำให้แย่ลงได้ 3. ลองมองหามุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับความต้องการทางเพศ อันที่จริงแล้วความต้องการทางเพศมีหลากหลายแบบ และมีหลายมุมมองด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่นถ้าหากความต้องการทางเพศของคุณกำลังทำร้ายใครบางคน นั่นคือสิ่งที่ไม่ถูกต้องและจำเป็นต้องแก้ไข แต่ถ้าหากว่ามันเป็นความต้องการของคนสองคนที่บรรลุนิติภาวะแล้วล่ะก็ นั่นคือเรื่องธรรมชาติ 4. จัดการกับตัวเองให้ดีเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่กระตุ้นความกำหนัดของคุณ ถึงแม้ว่าตัวคุณเองจะรู้จักตัวเองมากพอและมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการทางเพศแล้ว แต่ถ้าหากขาดปฏิบัติล่ะก็อาจจะไม่เกิดผลดีแน่ๆ ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณต้องออกไปข้างนอกและเห็นบางอย่างที่กระตุ้นต่อมอยากของคุณ พยายามหลบสายตาและหันไปมองอย่างอื่นทันที 5. พยายามมองตาคู่สนทนา แทนการจ้องมองที่อื่น เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณพูดคุยกับใครสักคน ให้แน่ใจเสมอว่าคุณกำลังจ้องมองที่ตาของเขา พยายามอย่ามองส่วนอื่นที่ทำให้คุณเกิดความกำหนัด นอกจากนี้การมองตายังทำให้คุณรู้สึกเคารพพวกเขามากขึ้น และมันจะคอยเตือนว่าคุณควรปฏิบัติตัวอย่างไรกับพวกเขา 6. หาตัวช่วย ถ้าหากว่าคุณพยายามมาหลากหลายวิธีแล้ว แต่ยังคงกังวลว่าตัวเองจะหมกมุ่นเกินไปล่ะก็ ทางที่ดีที่สุดก็คือการยอมรับตรงๆ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับปัญหานั้น ที่มา wikihow
-
รู้จักกับ Villa Les Cedres คฤหาสน์อายุ 187 ปี ที่ถูกประกาศขายในราคา 13,000 ล้านบาท
กลายเป็นกระแสในต่างประเทศอีกครั้ง หลังจากที่เว็บไซต์ Daily mail ได้รายงานว่ามีการประกาศขายคฤหาสน์ขนาด 14 ห้องนอน ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์ Leopold ที่ 2 แห่งเบลเยียม ในราคา 410 ล้านเหรียญ (ประมาณ 13,097 ล้านบาท) Villa Les Cedres จากทางตอนใต้ของฝรั่งเศสแห่งนี้ ถูกยกให้เป็นบ้านที่แพงที่สุดในโลก หลังจากมีการตั้งราคาสูงหลายร้อยล้านเหรียญ และแน่นอนว่าความหรูหราของคฤหาสน์ระดับหลายหมื่นล้านบาทแห่งนี้ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ภาพถ่ายภายในของที่นี่ได้เผยให้เห็นการตกแต่งที่หรูหรา ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของกษัตริย์เบลเยียม นอกจากกษัตริย์แห่งเบลเยียมแล้ว คฤหาสน์อายุกว่า 187 ปีหลังนี้เคยตกเป็นของมหาเศรษฐีถึง 2 คนด้วยกันนั่นก็คือตระกูล Marnier-Lapostolle ในปี 1924 และเศรษฐีชาวอิตาเลี่ยนเจ้าของบริษัท Campari ก่อนที่เขาจะนำมันขายทอดตลาดในเดือนตุลาคมปี 2017 คฤหาสน์หลังนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1830 ซึ่งประกอบด้วยห้องนอนทั้งหมด 14 ห้องนอน และสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อีกหนึ่งสระ นอกจากนี้มันยังตั้งอยู่ใกล้ๆ กับชายฝั่งที่สวยงามของเมืองนี้อีกด้วย ในส่วนของพื้นที่ด้านนอกนั้น ประกอบไปด้วยสวนสไตล์ยุโรปในพื้นที่กว่า 88 ไร่ที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้มากกว่า 15,000 ชนิด และห้องกระจกอีก 20…
-
วิธีแก้เมื่อพบเจอกับ 11 สถานการณ์อันตราย ต้องทำอย่างไรถึงเอาชีวิตรอดได้!!?
ในชีวิตของคนเราอาจจะต้องพบเจอปัญหาต่างๆ ที่ทำให้เราต้องบาดเจ็บและเสี่ยงต่ออันตราย ซึ่งวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์เสี่ยงอันตรายนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากหากจำได้ แต่หลายๆ คนนั้นหลงลืมและมองข้ามไป วันนี้เราจึงขอเสนอ วิธีแก้ไขเมื่อพบกับ 11 สถานการณ์อันตราย เมื่อใดที่ร่างกายบาดเจ็บหรือเจออุปสรรคเราก็สามารถนำวิธีเหล่านี้มาใช้ได้ยังไงล่ะ 1. กระแสน้ำย้อนกลับ เมื่อเราลงเล่นน้ำในทะเล ถึงแม้ว่าจะเป็นบริเวณชายหาด แต่มันก็อาจจะเกิดกระแสน้ำที่พัดตัวเราออกจากฝั่งได้ กระแสน้ำนี้เรียกว่า กระแสน้ำย้อนกลับ ซึ่งทำให้ผู้คนต้องจมน้ำกันมานักต่อนักแล้ว โดยปกติกระแสน้ำย้อนกลับจะเกิดขึ้นเป็นบริเวณแคบๆ ฉะนั้น หากพบเจอ ควรรีบว่ายไปยังกระแสน้ำนิ่งโดยการว่ายขนาบไปกับแนวชายหาด โดยพยายามอย่าว่ายสวนกระแสน้ำย้อนกลับมันทำให้เสียแรงเปล่า เมื่อว่ายออกจากจุดอันตรายได้แล้วจึงค่อยว่ายกลับขึ้นฝั่ง ที่มา: https://www.nytimes.com/2017/07/31/us/riptide-rip-current-drowning-safety.html 2. อาหารติดคอ ปกติถ้าเพื่อนของเรามีอาการอาหารติดคอเราอาจจะเอามือตบหลัง แต่ที่จริงแล้วมันมีวิธีที่ดีและปลอดภัยกว่านั้น ลองวิธีนี้ดู ให้ไปยืนข้างหลังเพื่อนที่มีอาหารติดคอ โอบกอดจากด้านหลัง สองมือจับกันไว้ โดยที่มือข้างหนึ่งต้องยกนิ้วโป้งขึ้นมาดังภาพด้านล่างซ้าย ค่อยๆ กดลงพร้อมดึงขึ้นที่บริเวณหน้าท้องของเพื่อนอย่างรวดเร็ว ทำซ้ำๆ จนกว่าอาหารที่ติดคอจะหลุดออก ที่มา: https://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-choking/basics/art-20056637 3. ถูกไฟช็อต อย่างที่เราทราบกันดีว่าเมื่อเพื่อนถูกไฟฟ้าช็อต เราไม่ควรไปจับตัวหรือดึงเพื่อนออกมาด้วยมือเปล่า เพราะกระแสไฟฟ้าอาจทำอันตรายให้กับเราอีกทอดหนึ่งได้ ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ให้รีบถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าออก ใช้สิ่งของไม่นำไฟฟ้าผลักตัวเพื่อนที่ถูกไฟฟ้าช็อตออกห่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้า (ใช้ไม้หรือพลาสติก เช่น…
-
รถนะไม่ใช่เตาอบ!! อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น ถ้าหากคุณยังไม่ได้รู้จักเจ้ารถคันนี้…
การเข้าไปนั่งในรถหลังจากจอดตากแดดเป็นเวลานาน อาจจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังเข้าไปอยู่ในเตาอบเลยทีเดียวใช่ไหมล่ะ (ถ้าหากว่ารถคุณไม่มีฟิล์มกรองแสงคุณภาพเยี่ยมอย่าง… อ่ะนะ) แต่บางครั้งความเลวร้ายที่เกิดขึ้นนั้น ก็อาจจะเป็นไอเดียเจ๋งๆ ที่ทำให้เกิดสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ขึ้นมาก็ได้!! รถเตาอบที่เราได้เห็นกันนี้ เป็นฝีมือการออกแบบของคุณ Benedetto Bufalino ศิลปินชาวฝรั่งเศสที่มักจะนำของใช้ต่างๆ มาปรับเปลี่ยนให้สามารถใช้งานได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นโต๊ะปิงปองจากรถยนต์ หรือตู้ปลาจากตู้โทรศัพท์หนุ่มรายนี้ก็ทำมาแล้ว และคราวนี้เขาเองก็ได้กลับมาอีกครั้งพร้อมกับการแปลงโฉมรถยนต์คันเก่าให้กลายเป็นเตาอบพิซซ่าที่แปลกและไม่เหมือนใคร แถมมันยังใช้งานได้จริงๆ อีกด้วย ว่าแล้วเราลองไปชมรายละเอียดต่างๆ ของเจ้ารถ เอ๊ย!! เตาอบจากฝีมือของศิลปินชาวฝรั่งเศสผู้นี้เลย… ไม่ใช่ธรรมดาๆ นะ มันใช้งานได้จริงๆ ด้วย!! . แบบนี้ใครที่เคยคิดว่ารถนะไม่ใช่เตาอบ อาจจะต้องคิดใหม่แล้วหล่ะ ฮ่าๆ และนี่คือขั้นตอนการเดินทางของเจ้ารถคันนี้ ก่อนที่มันจะถูกเปลี่ยนให้เป็นเตาอบ . . โครงต่างๆ และฉนวนกันความร้อนที่อยู่ด้านในรถคันนี้ และในที่สุดก็ได้รถเตาอบแล้ว!! ที่มา designyoutrust
-
ทนายความชี้ ในปัจจุบันคุณภรรยายอม “ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น” เรื่องสามีนอกใจมากขึ้น
ของของใครของใครก็ห่วง ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงไม่อยากให้คนรักของเราหนีไปอยู่กับคนอื่นหรอกใช่ไหมล่ะ… แต่ดูเหมือนว่าจากการรายงานล่าสุดของสำนักข่าว Daily Mail นั้น คุณภรรยาส่วนใหญ่จะยอม “ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น” กับการที่สามีนอกใจกันมากขึ้นนะ ข้อมูลนี้มาจากไหน? จากข้อมูลทางสถิติมีการส่งแบบร้องการหย่าร้างโดยภรรยาน้อยลง โดยในปี 2006 ที่อังกฤษมีการหย่าร้างจากทางภรรยาถึง 90,375 ราย แต่ในปี 2016 กลับลดลงเหลือเพียง 65,290 ราย ซึ่งถ้าเทียบกับในปี 1993 ที่มีอัตราการหย่ามากถึง 165,018 รายแล้ว ในปี 2016 นั้นมีอัตราการส่งใบหย่าโดยภรรยาลดลงถึง 45% เลยทีเดียว จากคำบอกเล่าของทนายความแล้ว เหล่าสาวๆ บอกว่าพวกเธอนั้นพยายามที่จะไม่หย่าร้าง แต่จะใช้วิธีอื่นในการ “ซ่อมแซม” ชีวิตรักแทน ตราบใดที่สามียังไม่ “ข้ามเส้น” อะไรถึงจะนับว่าข้ามเส้น? จากการสอบถามเหล่าภรรยาการข้ามเส้นที่ว่าคือการที่สามีของพวกเธอทำผิดซ้ำๆ หรือทำอะไรที่เห็นได้ชัดเกินไปว่าเป็นการนอกใจ ทนายความอ้างตัวอย่างการข้ามเส้นนี้ว่า การสมรสส่วนใหญ่จะจบลงในตอนที่สามีพาผู้หญิงอื่นที่ตนคบหามานานมาที่บ้าน หรือใช้บัตรเครดิตจนต้องมีการดำเนินการทางกฎหมาย เรื่องนี้บอกอะไรกับเรา? Ellen Walker จาก Hall Brown Family Law กล่าวว่าผู้หญิงมักจะพบว่ามันเป็นไปได้ที่จะอยู่กับปัญหา…
-
มาลองรู้จักกับ ‘ฉลามอาบแดด’ ปลาหน้าแปลกแบบที่หลายคนไม่คิดว่ามีอยู่บนโลก
มีปลาฉลามอยู่สายพันธุ์หนึ่งที่อ้าปากได้กว้างมว๊าก แถมยังตัวใหญ่เบ้อเริ่ม ภาพตอนมันอ้าปากดูกว้างจนบางทีเห็นแล้วคิดว่าเป็นภาพตัดต่อเลย แต่มันมีอยู่จริงๆ นะ มันคือ ปลาฉลามอาบแดด หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ ปลาฉลามยักษ์น้ำอุ่น (Basking Shark: Cetorhinus maximus) เป็นปลาฉลามที่อาศัยอยู่ในทะเลน้ำอุ่นทุกมุมโลก เมื่อโตเต็มวัยจะมีขนาดยาวเฉลี่ย 6-8 เมตรเชียวนะ น้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4,700 กิโลกรัม นับว่าเป็นปลาที่ตัวใหญ่มากๆ ยิ่งเวลาอ้าปากกว้างกินอาหารนี่ดูน่ากลัวอย่าบอกใครเชียว อย่างไรก็ตามมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลย เพราะมันไม่ได้กินคนหรือปลาตัวอื่นหรอก อาหารหลักของมันคือแพลงตอนตัวจิ๋วต่างหาก เวลาที่มันจะกินอาหาร มันก็แค่เปิดปากกว้างแล้วว่ายน้ำไปมาแค่นั้นแหละ ตอนไม่ได้อ้าปาก จะอ้าปากเพื่อกินแพลงตอนเท่านั้น เราไม่กินคนหรอก ปลาฉลามอาบแดดไม่ทำร้ายคน พวกมันออกจะกลัวคนด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่ครีบของมันคล้ายครีบของปลาฉลามขาวซึ่งเป็นนักล่าแห่งท้องทะเล เวลาเห็นครีบของมันบนผิวน้ำเลยทำให้เราเข้าใจผิดได้ พวกมันเป็นสัตว์รักสงบที่หลีกเลี่ยงคน เราจึงไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นมัน ครีบของมันเหมือนปลาฉลามขาว ถ้าเห็นก็หนีไว้ก่อนดีกว่าเพื่อความชัวร์ สิ่งที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งของปลาฉลามอาบแดดก็คือสังคมของมัน ปกติแล้วปลาฉลามสายพันธุ์อื่นมักจะอยู่ตามลำพัง ทว่าปลาฉลามอาบแดดอยู่ด้วยกันเป็นฝูง เคยมีคนเห็นพวกมันอยู่ด้วยกันมากสุดฝูงละ 1,400 ตัวแน่ะ เป็นปลาสังคมนะจ๊ะ อยู่เป็นฝูง ไม่ชอบฉายเดี่ยว พอได้รู้จักกับปลาฉลามอาบแดดดีๆ แล้วก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดใช่ไหมล่ะ…
-
มิจฉาชีพเผย 9 วิธีที่ช่วยให้บ้านของคุณไม่ตกเป็นเป้าหมายของการถูกงัด
ทุกครั้งเวลาที่เราต้องจากบ้านไปเป็นเวลานานๆ อาจจะไปทำงาน ไปเที่ยว หรือไปที่ไหนก็ตามแต่ เราคงมีความรู้สึกกังวลว่าจะมีขโมยขโจรมางัดบ้านแล้วขนเอาทรัพย์สินไปในระหว่างที่เราไม่อยู่ ซึ่งจะว่าไปแล้วมันเป็นอะไรที่น่าเจ็บใจมาก ด้วยเหตุนี้อดีตหัวขโมย 2 คนที่เคยถูกจับในอังกฤษ จึงได้รวบรวมข้อมูลแล้วกลั่นมันออกมาเป็น “9 วิธีช่วยป้องกันหัวขโมยขึ้นบ้าน” เพื่อเผยแพร่ให้ผู้คนตื่นตัวและทำตาม เพื่อลดโอกาสที่บ้านจะถูกงัดระหว่างที่เราไม่อยู่บ้าน บางข้อเผยถึงวิธีลดความน่าสนใจของบ้าน การสร้างเสียงแจ้งเตือนปลอมๆ ในบ้านเพื่อให้โจรตกใจ หรือการลดการโพสต์รูปกิจกรรมต่างๆ บนโซเชียลเพื่อไม่ให้โจรรู้ว่าเราอยู่บ้านหรือไม่ โดยข้อมูลเหล่านี้ได้รับความร่วมมือจากเว็บไซต์ Bark.com เว็บไซต์ที่รวบรวมเอาข้อมูลผู้เชี่ยวชาญด้านบริการต่างๆ มาไว้ให้คนอ่านกัน มีอะไรบ้างเราลองมาไล่ดูกันทีละข้อๆ เลย 1. พกพาสปอร์ต บัตรประชาชน และใบขับขี่ไว้กับตัวเสมอ เวลาที่คุณออกไปไหนมาไหน คุณควรจะพกมันติดตัวไว้ตลอดเวลา แม้บางครั้งคุณจะไม่ได้ใช้มันก็ตาม เพื่อลดโอกาสที่เหล่าหัวขโมยจะรู้ตัวตนของคุณ เนื่องจากทุกวันนี้โลกเราสามารถหาข้อมูลบุคคลใดก็ได้เพียงแค่คลิก Google 2. หากไม่มีสุนัขเฝ้าบ้าน ลองบันทึกเสียงสุนัขเห่าดู เสียงสุนัขเห่าจะทำให้หัวขโมยต้องคิดหนักหากจะงัดบ้านของคุณ เพราะพวกเขาจะคิดว่ามีคนอยู่ภายในบ้าน และหากจะบุกเข้ามาก็อาจสร้างความตื่นตกใจและเสียงดังได้ 3. ติดตั้งกลอนประตูคุณภาพดี การตรวจสอบว่ากลอนประตูของคุณยังแน่นหนาดีอยู่หรือเปล่า เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้บ้านของคุณไม่ถูกงัดได้โดยง่าย หากเบ้าเริ่มหลวมแล้วก็หากลอนที่มีคุณภาพดีๆ มาติดแทน หรืออาจจะเพิ่มจุดล็อกที่ 2 ที่ 3 เพิ่มเข้ามา เพื่อให้หัวขโมยรู้สึกว่าการงัดบ้านของคุณไม่ใช่เรื่องง่าย…
-
หนุ่มญี่ปุ่น DIY สร้าง “มีด” จาก “เมล็ดข้าว” แถมยังคม ตัดแตงกวาขาดในครั้งเดียว!!
ก่อนหน้านี้เราได้นำเสนอเรื่องราวของหนุ่มญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญในการลับมีดผู้หนึ่งที่ใช้ชื่อในยูทูบว่า kiwami japan ชายผู้สามารถนำวัตถุดิบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปลาแห้ง หรือเส้นพาสต้า มาสร้างเป็นมีดได้อย่างไม่น่าเชื่อ (อ่านข่าวเก่า อะไรก็เป็นมีดได้ แม้แต่ “เส้นพาสต้า” ก็ยังกลายเป็น “มีดสุดคม” ได้ไม่ยาก) ล่าสุดพ่อหนุ่มคนนี้ได้กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับนำวัตถุที่พวกเราไม่คิดว่าจะทำให้กลายเป็นมีดได้อย่าง “ข้าวญี่ปุ่น” มาใช้ในการสร้างมีดของเขาได้อย่างเหลือเชื่อ โดยตลอดเวลา 12 นาทีในคลิปวิดีโอของเขา ได้เผยให้เห็นขั้นตอนต่างๆ ในการทำตั้งแต่การนำข้าวสารไปป่นให้เป็นผง จากนั้นนำผงมาป่นให้ละเอียดขึ้นด้วยลูกบอลอะลูมิเนียม 2 ลูกนาน 12 ชั่วโมง ก่อนที่จะนำผงแป้งที่ได้ไปใส่ในซองพลาสติกใส และขึ้นรูปเป็นมีด จากนั้น Kiwami ก็ได้ใช้ความสามารถในการลับมีดของเขา เปลี่ยนให้แท่งข้าวกลายเป็นมีดได้อย่างไม่น่าเชื่อ เริ่มจากการปั่นแป้งให้กลายเป็นผง และกรองจนละเอียด จากนั้นใช้ลูกบอลอะลูมิเนียม 2 ลูกช่วยป่นนาน 12 ชั่วโมงให้ผงที่ได้ละเอียดยิ่งขึ้น เสร็จแล้วนำผงที่ได้ไปผสมน้ำ และนวดให้กลายเป็นก้อนแบบนี้ จากนั้นนำใส่ซองและดูดอากาศ และแกะแบบออกมา แอ่นแอ๊น!! แต่ยังไม่เสร็จนะ ต้องนำมีดที่ได้ไปต้มและอบให้แห้งก่อน …
-
เปิดภาพอุตสาหกรรมกัญชาในยุค 70 จากหนังสือที่เป็นเหมือนคัมภีร์ของสายเขียว
ชื่อของ Mel Frank อาจจะไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ติดตามข่าวสารของแวดวงกัญชาล่ะก็ จะต้องรู้จักชื่อของชายคนนี้แน่นอน เพราะเขาได้รับการขนาดนามว่า “Godfather” แห่งการปลูกกัญชาเลยทีเดียว!! ความเชี่ยวชาญของ Mel นั้นคงจะไม่ใช่แค่คำยกยอธรรมดาๆ เท่านั้น เพราะนอกจากฉายาที่ได้รับแล้ว ตัวเขาเองยังเป็นผู้แต่งหนังสือ Marijuana Grower’s Guide Deluxe หนังสือที่รวบรวมวิธีเกี่ยวกับการปลูกพืชแห่งความสุขนี้เป็นเล่มแรกๆ ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 1978 หนังสือของ Mel เหมือนเป็นตำราเล่มสำคัญสำหรับการปลูกกัญชา จนมันได้รับการขนานนามว่า “The Grower’s Bible” แต่ภายในหนังสือเล่มนั้นไม่ได้มีเพียงแค่วิธีการปลูกเท่านั้น แต่ยังมีภาพหาชมได้ยากของ Mel Frank เมื่อ 30 ปีที่แล้วอีกด้วย ภาพของดอกกัญชาแบบใกล้ๆ ภาพบางส่วนจากหนังสือ Marijuana Grower’s Guide Deluxe หนังสือที่เปรียบเหมือนคัมภีร์ของการปลูกกัญชา . . . ภาพภายในหนังสือเล่มนี้ได้เผยให้เห็นอุตสาหกรรมกัญชาในช่วงยุค 70 ซึ่งในขณะนั้นกัญชายังถือเป็นสิ่งที่ทั่วโลกต่อต้าน . . . …
-
เซฟเก็บไว้เลย!! 15 สถานที่ท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่คนชอบเที่ยวอย่างคุณห้ามพลาด
ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวล่ะก็ บอกเลยว่าเรื่องราวที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ จะทำให้หัวใจของคุณเต้นอย่างแรงแน่นอน เพราะวันนี้เรามีสถานที่ท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่นักเดินทางต่างลงความเห็นกันว่าเป็นสถานที่ที่คุณควรไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งหนึ่ง!! 1. เมือง Strasbourg ประเทศฝรั่งเศส “นี่เป็นเมืองที่งดงามมาก มันเหมือนกับว่าคุณได้ก้าวเข้ามาในโลกแห่งเทพนิยายเลยทีเดียว และมันไม่ได้สวยงามแค่ในภาพถ่ายเท่านั้น แต่สถานที่จริงๆ ก็ไม่แพ้กันเลย” ความเห็นจากนักเดินทางรายหนึ่ง 2. อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี สหรัฐอเมริกา อุทยานแห่งชาติอันเก่าแก่ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันขึ้นชื่อของรัฐแคลิฟอร์เนีย “เมื่อฉันมาถึงที่นี่ ฉันแทบหยุดหายใจเลย ฉันรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กมากๆ เมื่อเทียบกับธรรมชาติรอบๆ” ความเห็นจากชาวเน็ตรายหนึ่ง 3. Rarotonga เกาะในหมู่เกาะคุก หมู่เกาะในเขตปกครองตนเองของนิวซีแลนด์แห่งนี้ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดสำหรับคนรักทะเลเลย “น้ำทะเลที่นี่ใสสะอาดและเต็มไปด้วยสัตว์ทะเลจำนวนมาก” ความเห็นจากชาวเน็ตรายหนึ่ง 4. เมืองเซบิยา ประเทศสเปน “ไม่ว่าจะเป็น Plaza de España, Seville Cathedral และ Metropol Parasol ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่ทำให้เซบิยาเป็นเมืองที่น่าทึ่ง” นักเดินทางผู้หนึ่งที่เคยไปเยือนที่นี่กล่าว 5. Ring of Kerry ประเทศไอร์แลนด์ ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการขับรถชมธรรมชาติล่ะก็ เส้นทางที่ Ring of Kerry ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่ไม่ควรพลาด เพราะนอกจากความสวยงามที่ไม่เหมือนที่อื่นแล้ว คุณยังได้ชมวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ และพบกับน้องแกะที่ออกมาต้อนรับอีกด้วย …
-
จงบอกนามแท้มาเหล่าดาราเอ๋ย 17 คนดังผู้ใช้นามแฝงทำงาน พร้อมที่มาของนามแฝงนั้นๆ
ใช่ว่าทุกๆ คนจะได้รับความรู้จักด้วยชื่อจริงของตัวเอง บ่อยครั้งคนเราก็มักจะเลือกที่จะให้ชื่ออื่นๆ ที่เป็นที่จดจำมากกว่า หรือจดจำได้ง่ายกว่าในการเรียกคนอื่น หรือตัวเอง นั่นเป็นเหตุผลที่นักเขียนมีนามปากกา คนธรรมดามีฉายาชื่อเล่น หรือว่านักแสดงมีอีกชื่อหนึ่งที่ไม่ใช่ชื่อจริงๆ แต่ก็ใช่ว่าเหล่าดาราเหล่านั้นจะปิดชื่อจริงๆ ของตัวเองเอาไว้ หลายๆ ครั้งพวกเขาก็แค่ตามน้ำเรียกตัวเองตามที่คนอื่นเรียกก็เท่านั้น ดังนั้นในวันนี้พวกเราจะมาทำความรู้จักกับชื่อจริงๆ ของเหล่าดาราคนมีชื่อเสียงที่พวกเราคุ้นหน้ากันเป็นอย่างดี มาดูกันดีกว่าว่า ภายใต้ชื่อเล่นที่พวกเขาใช้ แท้จริงแล้วพวกเขามีชื่อจริงๆ ว่าอะไรกัน Rihanna ชื่อจริง Robyn Rihanna Fenty อย่างที่เห็นกันว่า Rihanna นั้นแท้จริงแล้วเป็นชื่อกลางของเธอ โดยเธอเลือกใช้ชื่อนี้ในการทำงาน เมื่อตอนที่เธอย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกานั่นเอง Woody Allen ชื่อจริง Allan Stewart Konigsberg ในตอนที่เขายังเป็นวัยรุ่น Allan Stewart Konigsberg ก็ได้เขียนบทละคร ลองเขียนบทภาพยนตร์ และเคยขึ้นแสดงบนเวทีด้วย และก็เป็นในตอนนั้นเองที่เขาคิดชื่อ Woody Allen มาจากนักดนตรีแจ๊สที่เขาชอบ Woody Herman Mila Kunis ชื่อจริง Milena Markovna Kunis ชื่อของเธอนั้นมีที่มาง่ายๆ เมื่อเธอย้ายไปอเมริกา เธอก็ย่อชื่อเดิมของเธอเพื่อให้ออกเสียงดูเป็นอเมริกันมากขึ้นนั่นเอง …
-
Razan Al-Najjar เทพธิดาแห่ง ‘ฉนวนกาซา’ จากฮีโร่บนดินสู่นางฟ้าบนสรวงสวรรค์
‘ฮีโร่’ ไม่จำเป็นต้องมีพลังวิเศษหรือผ้าคลุมหลากสี เฉกเช่นเดียวกันกับเรื่องราวของแพทย์อาสาหญิงนามว่า Razan Al-Najjar เธอเป็นทั้งลูก เป็นทั้งพี่สาว ภรรยา แม่ เพื่อร่วมงาน เป็นเพื่อน แต่ที่มากกว่านั้นคือเธอเป็น ‘ฮีโร่’ ในชีวิตจริง Razan เป็นแพทย์อาสาที่ทำงานอย่างหนักอยู่ในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นอาณาบริเวณเล็กๆ ที่ติดต่อกับประเทศอิสราเอลและอียิปต์ ที่เรียกว่าเป็นฉนวนกาซาเพราะว่าเป็นอาณาเขตที่กำหนดขึ้นจากข้อตกลงระหว่างอิสราเอลกับอียิปต์ หลังที่สงครามของทั้งสองประเทศจบลง ให้เป็นเขตกันชนระหว่างคู่อริทั้งสองฝ่ายก็ว่าได้ แต่ฉนวนกาซากลับกลายเป็นพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และปัจจุบันก็มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในพื้นที่นี้ โดยชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในฉนวนกาซาพยายามเรียกร้องให้ประเทศอิสราเอลเปิดให้พวกเขาได้กลับคืนสู่มาตุภูมิของชาวปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน หลังบรรพบุรุษของพวกตนถูกขับไล่ออกมาเมื่อ 70 ปีก่อน Razan เป็นแพทย์อาสาวัย 21 ปี ที่เสี่ยงชีวิตเข้ามาช่วยเหลือเหล่าผู้ประท้วงเหล่านั้น เธอต้องวิ่งหลบห่ากระสุนที่ยิงมาจากฝั่งอิสราเอลเพื่อช่วยเหลือพวกเขา มีเพื่อนร่วมงานของเธอไม่ต่ำกว่า 100 คนต้องเสียชีวิตไปจากเมื่อเดือนที่ผ่านมา แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดเธอจากการช่วยเหลือผู้คนได้ ในทุกๆ วันเธอยังคงออกไปช่วยเหลือเหล่าผู้ประท้วงอย่างต่อเนื่องโดยไม่ย่อท้อ ยังคงมีผู้ถูกคุมขัง และคนที่ได้รับความลำบากอีกมากมายในฉนวนกาซาแห่งนี้กว่า 2…
-
ความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวอันขึ้นชื่อ ที่ถูกถ่ายทอดผ่านภาพเขียนสีน้ำ
Maja Wrońska สถาปนิกสาวและนักวาดภาพอิสระชาวโปแลนด์ ได้เลือกวิธีการบันทึกความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านั้นด้วยสีน้ำ ผลงานภาพวาดสีน้ำของเธอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เต็มไปด้วยสถานที่น่าสนใจมากมายทั่วทั้งอเมริกาและยุโรป ไม่ว่าจะเป็นย่านไทม์สแควร์ จากนิวยอร์ก สะพานโกลเด้นเกต หรือเมืองเวนิส จากประเทศอิตาลี ซึ่งแต่ละที่ต้องบอกเลยว่าเต็มไปด้วยความสวยงามไม่น้อยเลยทีเดียว… เริ่มที่ย่านไทม์สแควร์ จากมหานครนิวยอร์ก สะพานโกลเด้นเกต จากซานฟรานซิสโก . นิวยอร์กซิตี้ ตึกเอ็มไพร์สเตต สัญลักษณ์ของมหานครนิวยอร์ก เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี เมืองเซบิยา ประเทศสเปน หอไอเฟล สัญลักษณ์ของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี . . เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ซานโตรินี ประเทศกรีซ เมืองบิลเบา ทางตอนเหนือของประเทศสเปน อาสนวิหารโคโลญ เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี…
-
ตุ๊กตายางที่มาพร้อมกับระบบ AI และสามารถปรับอุณหภูมิได้ สมจริงสุดๆ
ในขณะที่โลกเรากำลังมีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งทางด้านการก่อสร้าง ทางการแพทย์ หรือแม้กระทั่งด้านความบันเทิงส่วนตัวอย่างเซ็กส์ทอยเองก็ด้วย ที่เมืองเซินเจิ้นประเทศจีน ตลาดของเล่นเพื่อความบันเทิงทางเพศก็กำลังเติบโตอย่างมาก และมีการพัฒนาไปอีกขั้นด้วยการนำระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมเข้ากับตุ๊กตายาง จนกลายเป็นเซ็กส์ทอยที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ หุ่น AI Sex Doll จากโรงงาน Shenzhen Atall Intelligent Robot Technology ในเมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง Sex Robots ทำงานด้วยระบบประมวลผลหลายชั้นที่มีความซับซ้อนไม่แพ้ระบบปฏิบัติการณ์ที่เราใช้กันอยู่ และนอกจากนี้มันยังมาพร้อมกับผิวสัมผัสที่ให้ความรู้สึกเหมือนคนจริงๆ พร้อมกับปรับอุณหภูมิให้ใกล้เคียงกับมนุษย์ได้อีกด้วย หุ่นยนต์เพื่อความเพลิดเพลินสำหรับผู้ชายนี้ได้รับความนิยมอย่างมากจากลูกค้าทั้งในและนอกประเทศ โดยสนนราคาต่อตัวอยู่ที่ประมาณ 3,136 เหรียญ (ประมาณ 100,000 บาท) จอที่อยู่ตรงด้านหัวของหุ่น ที่ให้ผู้ใช้ได้ป้อนคำสั่งต่างๆ Chen หนุ่มชาวจีนที่มีอาชีพเป็นเซลล์ขายยา และต้องเดินทางตลอดเวลาทำให้ไม่มีเวลาในการหาคู่ เขาได้มีโอกาสใช้งานหุ่นยนต์จากบริษัท Shenzhen Atall และพบว่าหุ่นยนต์สามารถให้ทุกสิ่งที่เขาต้องการได้ แต่ยังคงมีบางส่วนที่ทางผู้ผลิตต้องปรับปรุง . . . ส่วนหัวของตุ๊กตาจากโรงงาน ก่อนประกอบ คนงานชายกำลังจัดโครงเหล็กของตุ๊กตายาง ก่อนที่จะส่งมันไปยังขั้นตอนต่อไป หลังจากที่ได้ตุ๊กตาออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนการตกแต่ง…
-
บันไดจากร้านอาหารในกรุงลอนดอน ที่ได้แนวคิดจากการเติบโตของสิ่งมีชีวิต
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานการออกแบบจาก Atmos Studio บริษัททางด้านสถาปนิกและการออกแบบชื่อดังจากประเทศอังกฤษ หลังจากที่พวกเขาได้ฝากผลงานบันไดอันมีเอกลักษณ์ไว้ที่ร้าน HIDE ร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน การออกแบบบันไดชิ้นนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเติบโตของพืชและสิ่งมีชีวิต ที่มีการเจริญเติบโตที่ไม่สามารถคาดเดาได้ และแผ่กระจายไปทั่ว นอกจากนี้ถ้าหากเรามองบันไดในร้านอาหารแห่งนี้จากทางมุมสูงล่ะก็ มันยังดูคล้ายกับเกลียวคลื่นที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เลยทีเดียว นักออกแบบเรียกบันไดแห่งนี้ว่า StairStalk ใช้ไม้และเหล็กเป็นโครงสร้างหลัก นอกจากนี้ยังมีไม้ลามิเนตที่ถูกอัดจนขึ้นรูปจากประเทศโปแลนด์อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นงานสถาปัตยกรรมที่เต็มไปด้วยรายละเอียดจริงๆ นี่คือภาพมุมสูงของบันไดในร้าน HIDE ร้านอาหารจากกรุงลอนดอน . . ทีมออกแบบเล่าว่า การเดินขึ้นบันไดนี้จะให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าคุณกำลังเดินขึ้นไปในเถาวัลย์ที่คดเคี้ยวในป่า ไปชมความสวยงามอันน่าทึ่งของบันไดนี้กันเต็มๆ ได้เลย… . . . . ที่มา designyoutrust
-
นักวิทย์พบวิธีการตรวจเลือดแบบใหม่ ที่คาดการณ์มะเร็งได้ถูกต้องถึง 90 เปอร์เซ็นต์
ถือเป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์อีกขั้นหนึ่ง หลังจากที่นักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐอเมริกา สามารถค้นพบวิธีการตรวจหาโรคมะเร็งจากการตรวจเลือดแบบง่ายๆ ได้ โดยวิธีการนี้ทำให้ทราบโอกาสการเกิดมะเร็งถึง 10 ชนิดจากผลตรวจเลือด หลักการทำงานของผลวิเคราะห์ครั้งนี้คือ การเก็บเนื้อเยื่อ DNA ของเซลล์มะเร็งที่กำลังเจริญเติบโตในกระแสเลือดนั่นเอง โดยจากผลการศึกษาในผู้คนมากกว่า 1,400 คน พบว่ามีความถูกต้องมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน จากรายงานเผยว่าผู้เข้าทดสอบ 4 คนที่ไม่มีอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งมีผลการทดสอบที่เป็นบวก พบว่าหญิง 2 รายจากผู้เข้าทดสอบทั้ง 4 ป่วยเป็นมะเร็งรังไข่และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกหลังจากการตรวจ 1 เดือน Cleveland Clinic จากรัฐโอไฮโอได้นำเสนอการค้นคว้านี้ในการประชุม American Society of Clinical Oncology ในเมืองชิคาโก และหวังว่าเทคโนโลยีนี้จะสามารถใช้ได้ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ทางด้านดอกเตอร์ Eric Klein หัวหน้าทีมวิจัยได้กล่าวว่า วิธีการนี้จะช่วยให้แพทย์สามารถค้นหาวิธีการรับมือกับมะเร็งได้ก่อนและมันอาจจะช่วยชีวิตผู้ป่วยได้เพิ่มมากขึ้น “มะเร็งส่วนมากจะถูกตรวจพบในระยะสุดท้าย แต่วิธีการ liquid biopsy นี้จะช่วยให้เราตรวจพบล่วงหน้าก่อนอย่างน้อยเป็นเดือนหรือเป็นปี ก่อนที่ผู้ป่วยจะมีอาการ” ดอกเตอร์ Eric Klein กล่าว การตรวจเลือดด้วยวิธีนี้จะทราบผลภายในสองสัปดาห์หลังจากการตรวจ…
-
10 ความรู้ทาง “ชีววิทยา” ที่โรงเรียนสอนมานับศตวรรษ แต่มันดันผิด!!!
การศึกษาใครบอกว่าจะต้องมาจากโรงเรียนเท่านั้น ยิ่งนับวันวิทยาการยิ่งก้าวหน้า การศึกษาสิ่งต่างๆ จึงทำได้มากและลึกยิ่งขึ้น และนั่นทำให้บางครั้งความรู้ที่เราเรียนมาจากโรงเรียนอาจเป็นข้อมูลที่ เก่าและผิด ไปแล้วก็ได้ โดยเฉพาะวิชาชีววิทยาที่หลายคนชื่นชอบ (ยกเว้น #เหมียวโลลิ) ที่เนื้อหาของมันก็เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิต เช่น คนเราวิวัฒนาการมาจากลิง เป็นต้น ซึ่งก็เป็นความรู้ที่ผิดเช่นกัน เอาล่ะ งั้นวันนี้เราไปชมกันเลยดีกว่ากับ 10 ความรู้ทางชีววิทยาจากโรงเรียน ที่คนเรายังเชื่อว่ามันถูก… 1. มนุษย์วิวัฒนาการมาจากลิง ความเชื่อที่ว่ามนุษย์เราวิวัฒนาการมาจากลิงนั้นกลายเป็นข้อมูลที่ผิดไปเสียแล้ว ลิงในปัจจุบันต่อให้เหมือนกับคนเราขนาดไหน แต่ที่จริงแล้วมนุษย์เองก็มีบรรพบุรุษของเราอยู่จริงๆ เมื่อหลายล้านปีที่แล้ว เราเพียงแค่มีบรรพบุรุษร่วมกัน แต่ไม่ได้เปลี่ยนจากลิงเป็นมนุษย์แต่อย่างใด อ้างอิง: www.skeptic.com/downloads/top-10-evolution-myths.pdf 2. มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนยอดห่วงโซ่อาหาร กลุ่มนักวิจัยชาวฝรั่งเศสได้ช่วยกันจัดลำดับห่วงโซ่อาหารใหม่ มนุษย์กลับกลายเป็นว่าไม่ได้อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อีกต่อไปแล้ว เพราะการจะอยู่บนยอดของห่วงโซ่อาหารได้นั้น ต้องกินเฉพาะเนื้อสัตว์ที่อยู่ต่ำกว่าลงไปเท่านั้น แต่พฤติกรรมการกินของมนุษย์ที่กินทั้งเนื้อสัตว์และพืชนั้นถือว่าไม่ได้อยู่บนยอดของห่วงโซ่อาหาร อ้างอิง: http://www.pnas.org/content/110/51/20617 3. หมากับแมวตาบอดสี เป็นความเชื่อกันมายาวนานนับแต่การทดลองในปี 1915 ว่าหมาและแมวนั้นมองเห็นเพียงสีขาว-ดำ แต่ปัจจุบันการทดลองครั้งใหม่ได้ทำให้ทราบว่า พวกมันก็มองเห็นไม่ต่างกับมนุษย์เพียงแค่จะบอดสีแดงหรือไม่ก็เห็นสีแดงได้น้อยที่สุด แต่พวกมันไม่ได้มีปัญหากับสีอื่นเลย อ้างอิง: http://www.todayifoundout.com/index.php/2012/01/both-cats-and-dogs-can-see-color/ 4. มนุษย์มีสัมผัสเพียงแค่ 5…
-
ราชาหนังโป๊แห่งแดนอาทิตย์อุทัย เผยเทคนิค “แตกช้า” ที่หนุ่มๆ สามารถทำเองได้ที่บ้าน
เราทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าดาราชายในวงการหนังผู้ใหญ่จะมีความสามารถในการร่วมรักได้อย่างยอดเยี่ยม หนึ่งในนั้นก็คือ Ken Shimizu หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Shimiken เจ้าของฉายา ราชาหนังโป๊แห่งแดนอาทิตย์อุทัย ดาราหนุ่มคนนี้ได้รับฉายาดังกล่าวเมื่อตอนอายุ 35 ปี (ปัจจุบันอายุ 38 ปี) เพราะว่าเขานั้นได้ทำการร่วมรักกับนักแสดงสาวมามากกว่า 7,500 คน ตลอดช่วงอายุการทำงาน 18 ปี พ่อหนุ่ม Shimiken ชายที่หลายๆ คนต่างพากันอิจฉา ไม่ว่าจะเป็นอดีตไอดอลสาว นักเรียนแลกเปลี่ยนชาวฮังการี หรือแม้แต่ฝาแฝดวัย 72 ปี ทั้งหมดต่างเคยร่วมแสดงกับเขามาแล้วทั้งนั้น พล็อตหนังกว่า 7,000 เรื่องที่หยิบยื่นมาให้ เขาแทบจะไม่เคยปฏิเสธงานเหล่านั้นเลย ยกเว้นเพียงพล็อตเดียวที่เขาต้องไม่โอเค นั่นคือ… การที่จะให้เขามีอะไรกับดาราสาว หลังจากที่เธอเพิ่งไปมีอะไรกับสุนัขมา ด้วยความโด่งดังขั้นสุดยอดในวงการนี้ ทำให้นักแสดงหนุ่มมักจะถูกถามอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับวิธีการร่วมรัก และคำถามที่พบบ่อยที่สุดคือ “ทำอย่างไรให้อึด ทน นาน หลั่งช้า?” Shimiken เลยตอบคำถามนั้นผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว โดยเขาได้เผยถึงวิธีการที่จะทำให้หนุ่มๆ แตกช้า ด้วยวิธีการง่ายๆ ที่เราสามารถปรับใช้ทำเองได้ที่บ้าน…
-
10 ทริค “แก้ปัญหาความงาม” สำหรับสาวๆ ทำง่ายได้ที่บ้าน ไม่ต้องหาหมอเลยล่ะ~
วันนี้เรากลับมายังเรื่องที่สาวๆ ขาดไม่ได้กันสักหน่อยดีกว่า นั่นก็คือเรื่องของ ความสวยความงาม นั่นเอง สำหรับผู้หญิงแล้วการดูแลตัวเองให้มีรูปร่างและเรือนร่างที่ดีนั้นจะช่วยเสริมความมั่นใจในการใช้ชีวิตได้มากมายทีเดียว ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรมาก วันนี้เราจะมานำเสนอ 10 เคล็ดลับการขจัดปัญหาด้านความงาม ที่สามารถทำได้เองง่ายๆ ที่บ้านไม่ต้องพึ่งคุณหมอเลยล่ะ มีอะไรบ้างไปดูกันเล้ยยย… 1. สตรอว์เบอร์รี่บดใช้รักษาอาการผื่นแดงหลังโกนขน (Razor Burn) ได้ เมื่อผิวหนังถูกความคมของมีดโกนก็อาจทำให้ระคายเคืองและเป็นผื่นแดงได้ ซึ่งการแก้ไขง่ายๆ ก็เพียงแค่ บดสตรอว์เบอร์รี่เข้ากับซาวร์ครีม แล้วนำไปทาลงบนผื่นทิ้งไว้ 10-15 นาที ข้อดีของสตรอว์เบอร์รี่ก็คือมันมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระและต่อต้านอาการบวมพอง แถมมีวิตามินซีเยอะอีกด้วย 2. เบคกิ้งโซดาผสมมะนาวสามารถขจัดรอยบนเล็บได้ เล็บของคุณอาจจะเปลี่ยนสีหรือมีรอยต่างๆ ได้ด้วยสาเหตุนานาประการ เช่น การทาสีเล็บ การสูบบุหรี่ และอื่นๆ ซึ่งอันที่จริงคุณควรต้องปรึกษาแพทย์ แต่ว่าถ้าอยากให้เล็บกลายเป็นสีสวยแบบธรรมชาติง่ายๆ ก็สามารถทำได้ดังนี้ ผสมเบคกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ เข้ากับน้ำมันมะกอกครึ่งช้อนโต๊ะ และน้ำมะนาวอีก 1 ช้อนโต๊ะ แล้วใช้แปรงสีฟันขนนุ่มทาลงบนเล็บของคุณ ทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วล้างออก ทำซ้ำๆ ทุกสองสัปดาห์ สารกัดสีในมะนาวจะช่วยให้คุณมีสีเล็บที่สว่างขึ้น…
-
นี่แหละ อันดับของสาว 10 ประเทศที่เรียกได้ว่า สวยสุดๆ สวยจัด สวยจริงๆ นะน้อง
เรื่องความสวยของผู้หญิงคืออีกเรื่องสำคัญที่ไม่ว่าใครต่างก็ให้ความสนใจ แต่ก็ไม่มีใครสามารถสรุปได้ว่าความสวยที่แท้จริงแล้วคืออะไร แบบไหนที่เรียกว่าสวย #เหมียวบู้บี้ เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมีความสวยอยู่ในตัว นั่นก็คือความสวยที่อยู่ในจิตใจ แต่เรื่องหน้าตาก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนเลือกจะมอง จึงได้มีการจัดอันดับลงความเห็นกันว่า สาวชาติไหนที่สวยที่สุดอยู่เป็นประจำ และนี่ก็คือสาวแต่ละประเทศที่ได้รับการลงความเห็นส่วนมากว่า สาวๆ เหล่านี้สวยที่สุดเลย 10. บราซิล สาวบราซิลนอกจากจะสวยแล้วยังมีมารยาททางสังคมและไลฟ์สไตล์ที่ไม่ธรรมดา นอกจากนี้ยังรู้วิธีที่จะทำให้ตัวเองโดดเด่นขึ้นมาได้ ผิวเข้มๆ หุ่นเซ็กซี่ กับแววตายั่วยวนนี้ เข้าทางสาวบราซิลเลย 9. ยูเครน สาวยูเครนก็ติดอันดับสาวที่สวยที่สุดในโลกเหมือนกัน สวยแบบลงตัว หน้าเป๊ะ ตาเป๊ะ จมูกเป๊ะ 8. รัสเซีย สาวรัสเซียสาวที่เป็นศูนย์รวมความงามแห่งตะวันตก อกใหญ่ สูง โหนกแก้มชัด ผมสีบลอนด์ธรรมชาติแบบนี้แหละ ลงตัวที่สุด 7. ตุรกี สาวตุรกีเพียบพร้อมไปด้วยรูปลักษณ์ที่สวย คม เข้ม ตามฉบับ ผิวเนียนจัดทุกสัดส่วน 6. เวเนซุเอลา ความสวยของสาวเวเนซุเอลาสวยแค่ไหนคงจะการันตีได้จากมงกุฎที่ได้มาจากการประกวดสาวงามระดับโลก สูง ยาว เข่าดี พร้อมกับผมลอนคลื่นแบบธรรมชาตินี่แหละสาวเวเนซุเอลา …
-
20 ภาพอธิบาย “คำพ้องเสียง” ในภาษาอังกฤษได้อย่างดี มีความสร้างสรรค์อีกด้วย!!
วันนี้เรามาเรียนภาษาอังกฤษแบบเบาสมองกันหน่อยดีกว่า ที่ต้องบอกว่าเบาสมองนั่นก็เพราะว่า ถ้าพูดว่าเรียนภาษาอังกฤษแล้วล่ะก็ หลายคนอาจจะกลัวจนไม่อยากอ่านเลยก็เป็นได้ อีกอย่างเนื้อหาในวันนี้ไม่ได้เป็นคอร์สเรียนภาษาอังกฤษเข้มข้นอะไรแบบนั้น เราเพียงนำเสนอคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ ออกเสียงเหมือนกัน แต่ต่างความหมายเท่านั้นเอง เพื่อนๆ จะได้นำไปใช้ได้ถูกต้องยังไงล่ะ ผลงานภาพของ Bruce Worden เจ้าของบล็อกที่ชื่อว่า Homophones ได้ทำภาพสุดเจ๋งขึ้นมา เป็นภาพสองภาพสองความหมายที่มันดันออกเสียงเหมือนกัน แถมแต่ละภาพยังเกี่ยวโยงกันอีกด้วย แหม แต่พูดคงไม่เห็นภาพ เราไปชมกันเลยดีกว่า… 1. Peace, Piece อ่านว่า “พีซ” Peace แปลว่า ความสงบ ส่วน Piece แปลว่า ชิ้น 2. Bare, Bear อ่านว่า “แบร์” Bare แปลว่า เปลือย, เปล่า ส่วน Bear แปลว่า หมี 3. Hole, Whole อ่านว่า “โฮล” Hole แปลว่า หลุม, รู…
-
หุ่นยนต์กระเป๋าลาก นวัตกรรมโลกอนาคตจากบริษัท Vespa ให้คุณไม่ต้องเมื่อยอีกต่อไป
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนโฉมวิถีชีวิตของมนุษย์เราในอนาคตเลยก็ว่าได้ หลังจากที่บริษัท Piaggio ผู้ผลิตรถสกู๊ตเตอร์ชื่อดังสุดเท่อย่าง Vespa เตรียมปล่อย Gita หุ่นยนต์ช่วยขนของ ที่จะช่วยให้คุณพกสัมภาระออกบ้านได้เยอะๆ แบบไม่ต้องกังวลเลย… Gita คือหุ่นยนต์รูปร่างกลมสูงขนาด 60 เซนติเมตร ที่มาพร้อมกับล้อขาดใหญ่ 2 ล้อที่ด้านข้าง และช่องเก็บของภายใน ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงการทดสอบ และคาดว่าจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ในปี 2019 หุ่นยนต์ขนาดเล็กตัวนี้ถูกสร้างขึ้นมาภายใต้แนวคิด “อิสรภาพสำหรับมนุษย์” หรืออีกนัยหนึ่งก็คือผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ ไม่ใช่เพื่อทำงานแทนมนุษย์นั่นเอง Gita เป็นภาษาอิตาลีหมายถึงการท่องเที่ยวหรือเดินทาง มันถูกออกแบบมาเพื่อให้มนุษย์สามารถพกของติดตัวออกจากบ้านได้ง่ายขึ้น ช่องวางภายในมีความจุได้มากกว่า 32 ลิตร และสามารถรับน้ำหนักได้มากถึง 19 กิโลกรัม คุณสามารถใส่สัมภาระได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นของกิน หรือเอกสารต่างๆ มันไม่จำเป็นต้องใช้รัศมีในการเข้าโค้ง นั่นหมายความว่าไม่ว่าจะซอกมุมเล็กแค่ไหนเจ้า Gita ก็สามารถไปได้ นอกจากนี้เจ้าหุ่นยนต์ของเรายังมีกล้องและเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับการเดินของเจ้านาย เพื่อไม่ให้มันหลงและหายตัวไปพร้อมกับสัมภาระของคุณอีกด้วย นอกจากนี้จากรายงานยังเผยว่า เจ้า Gita ยังสามารถเรียนรู้เส้นทางและมีไฟ LED สำหรับส่องสว่างในที่มืดด้วยกันถึง 4 สีคือเหลือง เขียว…
-
24 ภาพถ่ายจากแดนอาทิตย์อุทัย ที่จะทำให้คุณประทับใจในประเทศญี่ปุ่นขึ้นอีกเยอะ!!
มีหลายๆ คนที่ได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นแล้วให้ความคิดเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าประทับใจในประเทศนี้จังและเที่ยวเพียงครั้งเดียวไม่เพียงพอและไม่สาแก่ใจอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นนิสัยของคนญี่ปุ่นที่เป็นคนที่มีระเบียบทุกนิ้วทุกตารางและยังเป็นที่ซื่อสัตย์เป็นอย่างมาก รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่ล้ำหน้าหลายๆ ประเทศ พร้อมกับใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จนถึงขนาดทำนวัตกรรมแปลกๆ ออกมาให้เราได้เห็น วันนี้เราจึงนำรูปภาพจากประเทศญี่ปุ่นที่จะแสดงให้คุณเห็นว่า ญี่ปุ่นนี่มันญี่ปุ่นจริงๆ เลย 1. โรงเรียนที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่มีเจ้าหน้าที่คอยทำความสะอาด นักเรียนทุกคนต้องรู้จักที่จะทำความสะอาดเอง ซึ่งที่ทำแบบนี้ก็เพื่อให้เด็กเรียนรู้การกลายเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมนั่นเอง 2. รถไฟประเทศญี่ปุ่น แม้จะวิ่งได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็นิ่งจนรู้สึกได้ 4. ฝาท่อของแต่ละเมืองก็มีลวดลายที่มีเอกลักษณ์ต่างกันไป 5. เก้าอี้รถไฟสามารถหมุนเปลี่ยนมุมเพื่อหามุมที่เราชอบได้ 6. ชักโครกที่คุณสามารถล้างมือก่อนเพื่อที่จะเอาน้ำล้างมือของคุณไปใช้ในการกดชักโครกต่อไปได้ แหม… เรียกได้ว่าประหยัดน้ำแบบเห็นผลชัด 7. หมากฝรั่งที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งในแพ็คเกจมีการบรรจุกระดาษแผ่นเล็กๆ มาให้เราใช้หุ้มเศษหมากฝรั่งเมื่อกินเสร็จนั่นเอง 8. ในห้องน้ำมีที่นั่งเด็ก เอาไว้สำหรับฝากลูกไว้ยามที่คุณแม่เข้าห้องน้ำ 9. แม้ว่าคนจะเยอะและเบียดเสียดกันขนาดไหน ก็ไม่มีใครมักง่ายไปใช้บันไดฝั่งลงหรอก 10. ห้องน้ำที่จอบอกว่าห้องไหนว่างอยู่หรือมีคนใช้อยู่ 11. ล็อคเกอร์สำหรับร่ม สำหรับเวลาที่ร่มเปียกแล้วต้องเข้าไปในอาคาร ซึ่งก็ไม่ต้องกลัวที่จะถูกขโมยอีกต่อไป …
-
กลิ่น “จิ๊มิ” ที่ดีควรเป็นอย่างไร!? พร้อม 5 วิธีดูแลสุขภาพน้องน้อยให้หอมสดชื่น~
สำหรับสาวๆ แล้วเรื่องของกลิ่นกายนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและก็ยังเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลิ่นของจุดซ่อนเร้น เรียกได้ว่าเป็นจุดที่ส่งผลต่อความมั่นใจของสาวๆ เขาอย่างมาก เชื่อว่าหลายคนต้องตั้งคำถามว่า “แล้วของอิชั้นถือว่าเหม็นหรือเปล่า? แล้วปกติมันควรมีกลิ่นอย่างไร?” ถ้าว่ากันตามที่ Alisa Vitti ผู้เชี่ยวชาญด้านฮอร์โมนได้กล่าวไว้ใน Mind Body Green กลิ่นที่ควรจะเป็นก็คือ “กลิ่นชะมดที่ดี” ส่วนกลิ่นชะมดก็คือสารบางอย่างที่สกัดมาจากตัวกวางชะมดหรือสัตว์อื่นที่มีกลิ่นคล้ายกัน นิยมนำมาใช้ผลิตน้ำหอมเลยทีเดียว Alisa Vitti ยังบอกอีกว่า ถ้าหากจิ๊มิมีกลิ่นคล้ายๆ ปลาหรือบ้านเราเรียกว่ากลิ่นปลาเค็มเมื่อไหร่ล่ะก็ ถือว่าในน้องน้อยของสาวๆ น่ะมีแบคทีเรียอยู่เยอะเกินไป สาวๆ หลายคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพและกลิ่นของน้องน้อยอย่างจริงจัง แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าไม่ควรใช้น้ำหอมหรือสบู่บ่อยๆ เพราะวิธีการที่จะทำให้จิ๊มินั้นสะอาดและสดใสอยู่เสมอมีด้วยกันดังนี้… 1. ทานอาหารให้ถูก ทานอาหารที่มีอัลคาไลน์สูงเช่น มะนาวและผักใบเขียว เพราะจะทำการขจัดสารพิษในจิ๊มิแถมเพิ่มกลิ่นที่หอมหวานให้น้องน้อยด้วยนะ นอกจากนี้ควรลดเนื้อสัตว์ น้ำตาล และกาแฟ 2. ทำความสะอาดให้ดี ที่จริงคุณไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ เลยด้วยซ้ำ ปล่อยไว้เฉยๆ จิ๊มิก็จะมีการทำความสะอาดตัวเองแล้ว แต่ถ้าหากอย่างล้างจริงๆ ใช้เพียงน้ำเปล่าและสบู่อ่อนๆ ก็พอ และต้องล้างรอบๆ ด้วยนะ…
-
หนุ่มใหญ่เผยเรื่องราวชีวิตที่แม้จะมี ‘กระปู๋เล็ก’ แต่เขาก็มีความสุขไปกับมันได้
เรื่องของ ‘ขนาดกระปู๋’ ถือเป็นเรื่องใหญ่ของบรรดาหนุ่มๆ เลยทีเดียว เพราะหากมีคนมาล้อว่าคุณจู๋เล็กๆ เนี่ย เป็นเหตุให้ต้องเลือดตกยางออกกันมานักต่อนักแล้ว แม้ว่าของของคนนั้นจะไม่ได้เล็กตามคำด่าก็ตาม แต่การถูกด่าแบบนั้นมันเหมือนกับการดูถูกที่ยอมไม่ได้เลยทีเดียว แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยหรือไม่ว่า ‘คนที่มีกระปู๋เล็ก’ ที่เล็กแบบเล็กจริงๆ เขาจะใช้ชีวิตกันอย่างไร? ในวันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวนี้มานำเสนอให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันครับ ขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับนาย Ant Smith เขาเป็นคุณลุงอายุ 50 ปี ที่มีขนาดกระปู๋ยาว 1 นิ้ว ขณะไม่แข็งตัว เขากลายเป็นที่รู้จักทั่วโลกจากการแต่งกลอนที่มีชื่อว่า ‘Shorty’ หรือ ‘เล็กๆ’ ในปี 2015 หุ่นจำลองขนาดกระปู๋ของ Smith ตนอนยังไม่แข็งตัวกับตอนที่แข็งตัวแล้ว ปล. กลุ่มคนจำพวกที่ถูกเรียกว่ามีขนาดกระปู๋เล็กหรือ Micropenis จะต้องมีขนาดกระปู๋ตอนที่ยังไม่แข็งตัวน้อยกว่าความยาวเฉลี่ย 2 เท่า หรือราวๆ 2.75 นิ้ว (7 เซนติเมตร) นั่นเอง ตั้งแต่ตอนนั้น Smith…
-
ข้อเท็จจริง 21 ประการ จากการใช้ชีวิตใน 21 รัฐทั่วอเมริกา รัฐไหนเป็นอย่างไร มาลองอ่านกัน
“สหรัฐอเมริกา” เป็นที่ที่เรารู้กันอยู่ว่าที่มีพื้นที่กว้างมากๆ และชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นการรวมตัวของหลายๆ รัฐ โดยที่มีรัฐต่างๆ ถึง 50 รัฐประกอบเข้าด้วยกัน ซึ่งแต่ละรัฐนั้นก็จะมีภูมิประเทศ สภาพอากาศและจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันไป วันนี้เราจึงจะนำข้อเท็จจริงที่มีใน 21 รัฐในอเมริกามาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันครับ 1. รัฐ Alabama เป็นรัฐที่ยากจนที่สุดในประเทศที่พัฒนาแล้ว อ้างอิง 2. รัฐ Alaska เป็นรัฐที่มีการตายจากการดื่มแอลกอฮอล์ 3 เท่าของค่าเฉลี่ยในอเมริกา อ้างอิง 3. รัฐ Arizona เป็นรัฐที่อาชีพอาจารย์มีอัตราการออกจากงานสูงที่สุด อ้างอิง 4. รัฐ California เป็นรัฐที่อากาศและน้ำดื่มมีคุณภาพแย่ อ้างอิง 5. ที่รัฐ Florida การใช้ยาเกินขนาดถือว่าเป็นเรื่องปกติ ว่าตามอัยการสูงสุด Pam Bondi ได้กล่าวว่าการใช้โอปิออยด์ (สารเคมีที่มีโครงสร้างและคุณสมบัติคล้ายมอร์ฟีน) เกินขนาดได้คร่าชีวิตชาวฟลอริดาไป 15 ชีวิตต่อวัน 6.…
-
เบื้องหลัง 11 แบรนด์ดังระดับโลก กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ได้ พวกเขามีอดีตอย่างไรกันบ้าง!?
แบรนด์ดังระดับโลกทั้งหลาย แน่นอนว่ากว่าจะมีชื่อเสียงอย่างที่เห็นกันทุกวันนี้ได้ พวกเขาย่อมมีเคยมีประวัติทั้งดีและแย่กันมาทั้งนั้น บางแบรนด์ก็มีอดีตอันขมขื่น ขณะเดียวกันบางแบรนด์ก็อาจจะมีอดีตที่ทำให้เราต้องตกใจก็เป็นได้ ฉะนั้นวันนี้เราจึงขอนำเสนอ เบื้องหลัง 11 แบรนด์ดังระดับโลก ที่อาจทำให้คุณต้องตกใจก็เป็นได้… 1. Häagen-Dazs ที่จริงแล้วเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันแท้ๆ ส่วนชื่อของแบรนด์ที่ดูไม่เหมือนภาษาอังกฤษนั้น เป็นคำพูดลอยๆ ที่ทำให้ฟังดูเหมือนเป็นบริษัทของประเทศฝั่งยุโรปเท่านั้นเอง 2. Corn Flakes นั้นถูกผลิตมาเพื่อหยุดยั้งการช่วยตัวเองและการมีเซ็กส์ที่มากเกินไป John Harvey Kellogg นายแพทย์ที่ต่อต้านการมีเซ็กส์และการช่วยตัวเอง ได้พยายามช่วยเหลือ “ผู้ป่วย” ที่เสพย์ติดเซ็กส์ด้วยการใช้โภชนาการบำรุงสุขภาพ เขาจึงสร้างธัญญาหารที่ทำจากข้าวโพดมาช่วยยับยั้งอาการเหล่านี้ 3. Coca Cola ปัจจุบันก็ยังคงผลิตมาจากใบโคคาใช้แล้วที่มีสารโคเคน บริษัทนี้เป็นเพียงบริษัทเดียวในอเมริกาที่ได้รับอนุญาตให้สกัดโคเคนออกมาจากใบโคคาได้ สารโคเคนนั้นจะถูกจำหน่ายให้กับวงการแพทย์ ส่วนใบโคคาที่ใช้แล้วก็ถูกจำหน่ายให้กับบริษัท Coca Cola นั่นเอง 4. Puma และ Adidas ถูกก่อตั้งขึ้นโดยสองพี่น้องท้องเดียวกัน ทั้งคู่เริ่มก่อตั้งบริษัทผลิตรองเท้าด้วยกันแต่สุดท้ายก็แตกหักกันกลายเป็น 2 แบรนด์นี้นั่นเอง 5. เครือ Marriott กว่าจะมาเป็นโรงแรมหรูยักษ์ใหญ่นั้นเริ่มจากการเป็นแบรนด์แผงตั้งขายเบียร์มาก่อน …
-
15 ความจริง ที่น้อยคนนักจะรู้ เกี่ยวกับมนุษย์และธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ใจ!
ต่อให้เราเกิดมาแล้วสักกี่ปี ไปเที่ยวมาแล้วสักกี่ที่ หรืออ่านหนังสือมาแล้วไม่รู้กี่เล่ม มันก็ยังคงมี “ความจริง” อีกหลายเรื่องบนโลกที่เรานั้นอาจจะยังไม่รู้มาก่อน ฉะนั้นเราต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนักวิจัยของแต่ละสาขา ที่ทำการค้นพบความจริงอันน่าอัศจรรย์ต่างๆ แล้วนำมาบอกให้พวกเราได้รับรู้ วันนี้ เราจึงทำการรวบรวม 15 ความจริงอันน่าอัศจรรย์บนโลก ที่พวกเราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนมาให้ทุกคนได้อ่านกัน 1. สิวทำให้แก่ช้าลง นักวิจัยชาวอังกฤษพิสูจน์แล้วว่าสิวเกิดขึ้นจากระบบต่อต้านความชรา ต่อให้คนที่เป็นสิวจะมีอายุมากขึ้น เขาก็จะยังดูอ่อนเยาว์กว่าคนที่ไม่มีสิวนั่นเอง 2. ร้องไห้มีสำเนียงด้วยนะ เด็กทารกจะร้องไห้ตามเสียงและสำเนียงของผู้เป็นแม่ เพราะทารกจะได้ยินเสียงแม่มาตั้งแต่อยู่ในครรภ์แล้ว ผลการศึกษาครั้งนี้มาจากการวิเคราะห์ทารก 60 คนที่เกิดในครอบครัวชาวฝรั่งเศสและเยอรมัน 3. ไอคิวสูง ส่วนโค้งเว้าจะชัด! การศึกษากับผู้หญิง 16,000 คนเผยให้เห็นว่าสาวๆ ที่มีหุ่นรูปนาฬิกาทรายจะมีความฉลาดทางสติปัญญามากกว่าคนที่มีส่วนโค้งเว้าน้อย นั่นเป็นเพราะร่างกายของคนหุ่นนาฬิกาทรายจะผลิต “โอเมกา3” มาก ทำให้สมองพัฒนาได้เร็ว 4. ยิ่งมีหนวด ยิ่งหัวล้าน การวิจัยเผยว่ายิ่งหนุ่มๆ ไว้หนวดหนาและไว้นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสหัวล้านมากขึ้นเท่านั้น นั่นเป็นเพราะ ผมที่ขึ้นบนศีรษะจะถูกดึงความร้อนไปยังบริเวณหนวด ร่างกายเลยลดความร้อนบริเวณศีรษะโดยการลดจำนวนเส้นผม 5. แมลงสาบก็กัดได้เหมือนกัน ปกติแล้วแมลงสาบจะไม่กัดคนหากมันมีอาหารของมันอยู่แล้ว แต่ถึงกระนั้นการถูกแมลงสาบกัดนั้นเกิดขึ้นได้ แถมแผลที่ถูกกัดยังระคายเคืองและพองอีกด้วย…
-
33 ฉายาลักษณ์ในแต่ละช่วงชีวิต ของเจ้าชายพระนาม “แฮร์รี่ ดยุกแห่งซัสเซกส์”
เมื่อไม่นานมานี้ มีการนำเสนอและพูดถึงอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงในราชวงศ์อังกฤษ หลังจากที่เจ้าชายแฮร์รี่ และ เมแกน มาร์เคิล ร่วมพิธีเสกสมรสอย่างเป็นทางการ… แต่กว่าจะมาถึงในวันนี้ได้ เจ้าชายแฮร์รี่ทรงผ่านอะไรมาบ้างในแต่ละช่วงพรรษาของพระองค์ ซึ่งในช่วงเริ่มต้นตั้งแต่ประสูตินั้น พระราชประวัติของพระองค์ทรงบากบั่นมากในแต่ละครั้ง ทรงออกผจญโลกกว้างครั้นพระเยาว์ รวมไปถึงทรงร่วมพิธีและกิจกรรมทางการกุศลต่างๆ ร่วมกับทางราชวงศ์ และพระองค์ทรงประสบกับปัญหาทางด้านสภาพจิตใจ เนื่องจากสูญเสียพระมารดา ‘ไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์’ ในปี 1997 พระองค์ประสูติเมื่อ 15 กันยายน 1984 ฉายาลักษณ์ระหว่างพระองค์ พระมารดา เจ้าหญิงไดอาน่า และพระเชษฐา เจ้าชายวิลเลี่ยม อายุ 1 ปี: เจ้าชายแฮร์รี่ พบกับ สมเด็จพระราชินีโซเฟียแห่งสเปน และสมเด็จพระราชาธิบดีควน การ์โลสที่ 1 แห่งสเปน พร้อมกับพระบิดา เจ้าชายชาลส์ และพระมารดา เจ้าหญิงไดอาน่า 9 กรกฎาคม ปี 1986 อายุ 2 ปี: เจ้าหญิงไดอาน่าทรงอุ้มเจ้าชายแฮร์รี่ ณ…
-
9 ความจริงเกี่ยวกับ “ร่างกายผู้หญิง” ที่ควรรู้ เพราะมันสำคัญกับสุขภาพ (มากกกกก)
เรื่องของสุขภาพนั้นสำคัญอย่างยิ่ง ต่อให้ชีวิตพบเจอปัญหาอะไรก็ตาม สุขภาพที่ดีจะต้องมาก่อน! โดยเฉพาะคุณผู้หญิงทั้งหลาย ที่ร่างกายนั้นดูแลยากเสียเหลือเกิน เอะอะเดี๋ยวเป็นอันนั้นเจ็บอันนี้ วันนี้เราจึงมาเสนอ ข้อเท็จจริง 9 ประการเกี่ยวกับร่างกายของสาวๆ ที่รู้ไว้แล้ว ปัญหาสุขภาพจะน้อยลงทันตาเห็นเลยล่ะ!! 1. การออกกำลังกายหนักๆ สามารถทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติได้ อันที่จริงการออกกำลังกายนั้นทำให้อาการปวดประจำเดือนลดลง แต่ถ้าหากว่าออกกำลังกาย “หนักเกินไป” ล่ะก็ มันอาจจะส่งผลตรงกันข้าม เพราะหากหญิงสาวที่กำลังเป็นประจำเดือนใช้ร่างกายหนักจนเกินไปจะทำให้ฮอร์โมนในร่างกายขาดความสมดุล และส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกตินั่นเอง ฉะนั้น ควรออกกำลังกายแต่พอดี ไม่ควรหักโหมนะจ๊ะสาวๆ 2. สุขภาพเป็นอย่างไร เต้านมบอกคุณได้ เต้านมสามารถบอกสถานะของสุขภาพได้ เช่นเมื่อต่อมน้ำนมเกิดแข็งตัว อาจแปลได้ว่าฮอร์โมนในร่างกายกำลังขาดความสมดุล และอาจมีโรคเกี่ยวกับรังไข่ซึ่งต้องปรึกษาแพทย์โดยด่วน แต่หากมีอาการคันบริเวณหัวนม หรือสังเกตเห็นอาการแสบระคายเคืองบริเวณใต้ราวนม ก็อาจแปลได้ว่าคุณกำลังแพ้เสื้อชั้นในหรือแพ้ผงซักฟอกที่ใช้ซักนั่นเอง 3. น้ำหนัก ไม่สามารถบอกได้ว่าคุณสุขภาพดีหรือไม่ ถึงคุณจะมีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาสักหน่อย ก็ใช่ว่าคุณจะมีปัญหาด้านสุขภาพเสมอไป น้ำหนักของคุณที่เพิ่มขึ้นนั้นมันขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการกิน พันธุกรรม และโครงสร้างทางร่างกายของคุณต่างหาก ดีเสียอีก อวัยวะภายในของผู้ที่มีร่างกายท้วมนั้นมีสุขภาพดีกว่าอวัยวะภายในของคนที่มีรูปร่างผอมบางเสียด้วยนะ 4. เต้านมอาจหย่อยยานได้หากดื่มน้ำไม่เพียงพอ …
-
มหัศจรรย์โลกมนุษย์กับ 15 ข้อเท็จจริงสุดแปลกแสนพิศดาร แบบนี้ก็มีด้วย!?
โลกของเรานั้นยังมีความลับและข้อเท็จจริงแปลกประหลาดที่เราไม่สามารถคาดเดาได้อยู่เยอะแยะไปหมด ซึ่งบางอันแปลกจนเราอาจจะคิดว่ามันมีเรื่องแบบนี้จริงๆ ด้วยหรอ เพื่อให้รู้ว่ามันมีข้อเท็จจริงแปลกๆ อยู่เต็มไปหมดในโลกนี้ วันนี้เราจึงได้ทำการรวบรวม 15 ข้อเท็จจริงสุดแปลกที่น่าสนใจมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันครับ อ่านจบแล้วเพื่อนก็น่าจะได้ความรู้ไปเยอะอยู่เชียวล่ะ 1. การแต่งงานกับคนตายถือว่าเป็นเรื่องถูกกฎหมายในประเทศฝรั่งเศส ในฝรั่งเศสการแต่งงานกับคนที่มรณะไปแล้วถือว่าเป็นเรื่องถูกกฎหมาย ซึ่งการแต่งงานแบบนี้ยังมีขึ้นอีกด้วยในประเทศจีนและซูดาน 2. สมองของนกกระจอกเทศมีขนาดเล็กกว่าลูกตาของมันเสียอีก สมองของนกกระจอกเทศจะมีขนาดเท่ากับไซส์ของลูกวอลนัท ซึ่งเล็กเป็นสองเท่าของตาของมันเลยล่ะ 3. เลื่อนไฟฟ้าถูกคิดค้นมาเพื่อช่วยให้คลอดลูกง่ายขึ้น ใครจะไปรู้ว่าแต่เดิมแล้วเครื่องมือน่ากลัวอย่างเลื่อยไฟฟ้านี้จะถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยตัดกระดูกในกรณีที่คุณแม่มีการคลอดลูกที่ติดไหล่ ทำให้ไม่สามารถคลอดออกมาได้อย่างปกติ 4. น้องหมาเคยถูกแบนไม่ให้เลี้ยงในไอซ์แลนด์เป็นเวลา 60 ปี โดยที่ข้อห้ามนี้ถูกตั้งขึ้นในปี 1924 เพื่อป้องกันโรคพยาธิไฮดาติดที่หมาเป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการติดโรค ก่อนที่จะมายกเลิกในปี 1984 5. Anatidaephobia คือชื่อเรียกของโรคกลัวเป็ดมอง โดยที่โรคนี้ผู้คิดค้นคือ Gary Larson ซึ่งเป็นการรวมคำระหว่าง Anatidae และ Phobia 6. Napoleon เคยถูกกระต่ายโจมตี ในปี 1807 ฮีโร่ของฝรั่งเศษอย่าง Napoleon Bonaparte ตัดสินใจที่จะเฉลิมฉลองโดยการล่าสัตว์ โดยที่ในครั้งนี้เป็นกระต่าย แต่เมื่อสัญญาณแห่งการล่าเริ่มขึ้น แทนที่กระต่ายจะวิ่งหนีมนุษย์ที่มีปืน แต่มันดันหันกลับมาและเข้าจู่โจมใส่เขา…
-
พ่อแม่ที่ไม่ดีมันเป็นยังไง? 10 ลักษณะผู้ปกครองป่วยๆ ที่จะทำร้ายชีวิตลูกๆ โดยที่ไม่รู้ตัว
พ่อแม่ที่ไม่ดีมันเป็นยังไง? ถ้าถามคำถามแบบนี้เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็คงตอบว่าพ่อแม่ที่ตามใจลูกมากเกินไป หรือว่าพ่อแม่ที่ปล่อยให้ลูกขาดความอบอุ่นอะไรแบบนั้น แต่คุณรู้กันรึเปล่าว่าการเป็นพ่อแม่มันมีอะไรมากกว่านั้น เพราะต่อให้คุณมั่นใจว่าตัวเองสั่งสอนลูกตัวเองมาดีแล้วก็ตาม บางครั้งคุณก็อาจจะเผลอทำลายชีวิตลูกๆ โดยไม่รู้ตัวได้เหมือนกัน มันมีเส้นกั้นบางๆ ที่แบ่งคำว่าการสั่งสอนของพ่อแม่ออกจาก การกระทำที่ทำร้ายลูกทางอ้อมอยู่ โดยนักจิตวิทยา Seth Meyers และ Preston Ni ได้ออกมาบอก 10 ลักษณะผู้ปกครองที่จะทำร้ายชีวิตลูกๆ โดยที่ไม่รู้ตัวไว้ดังนี้ 1. จงกลัวฉัน แต่จงรักฉันด้วย สำหรับพ่อแม่บางคนการทำให้เด็กกลัวตัวเองนั่นอาจถูกมองเป็นการสั่งสอน หรือให้ความรักอย่างหนึ่ง คนจำพวกนี้มักจะมีอาการโมโหในตัวเด็กหากถูกลูกๆ ส่งสัยในการกระทำ แต่การทำแบบนี้นั้น จะทำให้เด็กๆ ต้องอยู่กับความหวาดกลัวไปแทบทั้งชีวิต และกลายเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออกไปในอนาคต 2. ลูกต้องรับมือกับปัญหาผู้ใหญ่ให้เป็น แต่ลูกก็ยังไม่มีสิทธิ์พูดอะไร หลายๆ ครั้งที่พ่อแม่จะให้ลูกรับมือกับปัญหาของผู้ใหญ่ไปพร้อมๆ กับตัวเองไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันกลับมักจะไม่ให้โอกาสให้ลูกได้ทำตามใจของตัวเองหรือแสดงความเห็น เพราะว่าพวกเขานั้น “เด็กเกินไป” ซึ่งการกระทำแบบนี้อาจจะนำไปสู่การที่เด็กๆ คิดว่าตัวเองไร้ซึ่งพลัง และเอาแต่สร้างปัญหาได้ไม่ยากเลย 3. จงเป็นที่หนึ่ง แต่อย่าคิดว่าตัวเองพิเศษ พ่อแม่ที่หลงตัวเองมักจะคาดหวังให้บุตรหลานของตนเป็นที่หนึ่งอยู่เสมอ พวกเขามักจะคิดว่าความสำเร็จทั้งหมดที่ลูกได้รับนั้นเป็นเรื่องธรรมดาๆ กลับกันหากลูกทำอะไรไม่ดีจะถูกดุด่าอย่างแรง การดุด่าพวกนี้สามารถทำลายชีวิตของเด็กได้เลยทีเดียว เพราะมันจะนำไปสู่การที่เด็กๆ คิดว่าตัวเองนั้นทำให้พ่อแม่ผิดหวังอยู่ตลอดนั่นเอง 4.…
-
9 เกร็ดความรู้ที่ไม่น่าเชื่อของโลกใบนี้ เกร็ดความรู้ดีๆ ที่จะมาเสริมความรู้ของคุณ
ตอนเด็กๆ เคยได้ดูพวกเกร็ดความรู้ที่ฉายตามโทรทัศน์กันบ้างไหม? แบบที่จะมาแบบสั้นๆ วันละข้อตอนแถวๆ หัวค่ำ #เหมียวศรัทธา จะบอกว่าตอนเด็กๆ นี่ชอบมากเลยล่ะ (แต่ดันจำชื่อรายการไม่ได้ซะงั้น) ก็พวกเกร็ดความรู้แปลกๆ มันน่าสนใจจะตายไป ดังนั้นจะเอาเกร็ดความรู้ไปอ่านเพลินๆ กันอีกสักนิดสักหน่อยก็ดีใช่ไหมล่ะ เพราะงั้นเราไปดูอีก 9 เกร็ดความรู้ที่ไม่น่าเชื่อของโลกใบนี้กันดีกว่า แล้วก็เหมือนเดิม ถ้าเพื่อนๆ อยากได้ขอมูลเพิ่มเติมให้กดดูได้ที่ใต้รูปเลย ตัวเรือดตัวผู้จะผสมพันธุ์ด้วยการเจาะร่างของตัวเมียและฉีดน้ำเชื้อเข้าไปในกระแสเลือด ก่อนที่ตัวเมียจะนำน้ำเชื้อไปผสมต่อไป หนึ่งในโทษประหารของซูดานคือการตรึงกางเขน อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปการลงโทษจะกระทำโดยการแขวนคอ อาการระคายเคืองตาจากการเล่นน้ำในสระไม่ได้มาจากคลอรีน แต่เป็นฉี่ในน้ำต่างหาก โดยไนโตรเจนในปัสสาวะจะรวมกับคลอรีน และก่อตัวเป็นสารที่เรียกว่าคลอรามีน ซึ่งเจ้าตัวนี้ล่ะที่ทำให้เราตาแดง และระคายเคือง กระจู๋จระเข้แข็งอยู่ตลอดเวลา แต่มันจะเก็บกระจู๋เอาไว้ใต้เกล็ดแข็งๆ จนกว่าจะถึงเวลาผสมพันธุ์ ตามข้อมูลของวารสารสรีรวิทยาฉบับหนึ่ง การเลิกรากับคนรัก มีผลต่ออารมณ์ของผู้คนแบบเดียวกับการเลิกเสพยาเสพติดเลย อาจจะพูดได้อีกอย่างว่าคนเราเสพติดความรักก็ไม่ผิด สิ่งที่สกปรกที่สุดในโรงแรม โดยเฉลี่ยแล้วมักจะเป็นรีโหมดทีวี ซึ่งเป็นผลมาจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮูสตัน โดยเก็บตัวอย่างเชื้อแบคทีเรียจากห้องพักของโรงแรมหลายแห่งทั่วสหรัฐอเมริกา โลมาจะข่มขืนโลมาตัวอื่นเพื่อแสดงความเป็นผู้นำ นอกจากนี้พวกมันยังมีพฤติกรรมรุมโทรมตัวเมีย และช่วยตัวเองด้วยซากปลาอีกด้วย หอยนางรมดิบส่วนมากจะยังมีชีวิตอยู่ตอนที่คุณกินมัน โดยที่ Julie Qiu…
-
ตำนานมันฝรั่งแผ่นบาง เกิดขึ้นได้เพราะฉุนลูกค้าขี้บ่น ‘ข้าไม่ชอบหนา มันแฉะ มันไม่กรุบ’
นับว่าเป็นตำนานของอาหารการกินอย่างแท้จริง และยังคงเป็นตำนานที่มีลมหายใจมาจนถึงทุกวันนี้ แม้จะผ่านมานานกว่า 165 ปีแล้ว ‘มันฝรั่งแผ่นบาง’ ก็ยังคงได้รับความนิยม และมีขายเกลื่อนไปทั่วโลก!! รู้หรือไม่ว่าเมื่อปี ค.ศ. 1853 ชายนามว่า George Crum ผู้ดำรงตำแหน่งเชฟแห่งร้าน Cary Moon’s Lakehouse ณ เมือง Saratoga Spring ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ให้กำเนิดเมนูยอดฮิตตัวใหม่โดยบังเอิญ… George Crum และการให้กำเนิดมันฝรั่งทอดแผ่นบาง หลังจากการมาของ เฟรนช์ฟรายส์ ที่ได้รับความนิยมสูงในขณะนั้น ร้านอาหารทุกแห่งหนในอเมริกาต่างต้องมีเมนูนี้ แต่จะอยู่รอดได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือการทอดที่จะถูกปากลูกค้าด้วยรึเปล่า ภาพถ่ายร้านอาหาร Carey Moon’s Lakehouse ในปี 1896 และเมนูเฟรนช์ฟรายส์ อันเป็นเอกลักษณ์ของร้านที่ชื่อ Moon’s Fried Potatoes อ้างว่าเสิร์ฟพร้อมธรรมเนียมแบบฝรั่งเศส (มันก็คือเฟรนช์ฟรายส์ใส่จานนี่แหละ) กลับโดนตำหนิต่อว่าไม่พอใจจากลูกค้ารายหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า… ชายคนนั้นว่ากันว่าคือ Cornelius…
-
23 ภาพถ่ายจากประวัติศาสตร์ ส่งต่อจากคนรุ่นก่อน เพื่อให้เราได้เรียนรู้ชีวิตคนในสมัยนั้น
ประวัติศาสตร์นั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์เราพยายามเป็นอย่างมากที่จะรักษามันเอาไว้ให้คนรุ่นหลัง เรามักจะพยายามทิ้งเรื่องราวการใช้ชีวิตเอาไว้ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นภาพพนังถ้ำ หนังสือ หรือว่าภาพถ่าย โดยเฉพาะภาพถ่ายนั้น ว่ากันว่าเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชัดเจนที่สุดชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้ ดังนั้นในวันนี้พวกเราจะมาดู 23 ภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์ที่เปี่ยมไว้ด้วยความทรงจำของคนในสมัยนั้น ไม่แน่นะว่ามันอาจจะทำให้เรารู้สึกอยากจะทำอะไรให้เป็นประวัติศาสตร์ก็เป็นได้ ทหารเยอรมันตะวันออกช่วยเด็กชายข้ามกำแพงเบอร์ลินใหม่ เพื่อไปพบกับครอบครัวของเขา ในปี 1961 นักศึกษาพรินซ์ตันหลังจากการแข่งปาหิมะรับน้อง ในปี 1893 ถ้าไม่บอกนึกว่าต่อยกันมาเลยนะนั่น ตอนปั้นหิมะใส่ก้อนหินรึไง Salvador Dali พาตัวกินมดของเขาไปเดินเล่นในปารีสปี 1969 เจ้าสาวสวมกระเช้าระหว่างทางไปงานแต่งงาน ที่จีน ในปี 1911 นี่เป็นวิธีที่ผู้คนใช้ในการเป่าผม เมื่อปี 1937 และนี่คือวิธียืดผมในตอนนั้น เตารีดเลยเรอะ กองกำลังเสริมกองทัพที่เป็นผู้หญิง 15 พฤษภาคม 1942 คนที่กำลังอ่านหนังสือในห้องสมุดเก่าแก่ของ Cincinnati ซึ่งถูกทำลายในปี 1955 เด็กๆ ข้ามแม่น้ำไปโรงเรียนในอิตาลี ปี 1959 สมัยก่อนนี้ ไปเรียนยากเขาก็ดั้นด้นไปเรียนกันนะ อุปกรณ์ที่อ้างว่าจะเพิ่มความสูงได้…
-
ขอแนะนำให้รู้จัก 4 สัตว์โลกน่ารัก ที่เปลี่ยนสัตว์อื่นให้กลายเป็นซอมเบ้ ซอมเบ้ เหเหเห
เวลาดูหนังซอมบี้กันแล้ว เพื่อนๆ เคยคิดกันไหมว่า ถ้ามีซอมบี้อยู่ในชีวิตจริงจะเป็นอย่างไร ถึงแม้ว่าจะมีคนจำนวนมากที่ออกมาอ้างกันว่าตัวเองเคยพบซอมบี้หรือว่ามีโรคร้ายอะไรที่เปลี่ยนคนให้กลายเป็นซอมบี้กันอยู่บ่อยๆ ก็ตาม แต่ซอมบี้ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้จริงอยู่ดีนั่นแหละ แต่ความจริงในเรื่องนี้กลับใช้ไม่ได้กับสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่ไม่ใช่มนุษย์ เพราะบนโลกใบนี้นั้น ดันมีสัตว์สายพันธุ์ที่สามารถเปลี่ยนเหยื่อของตัวเองเป็นซอมบี้ได้จริงๆ อยู่เสียอย่างนั้น ว่าแต่สัตว์ที่ว่านั้นเป็นสัตว์แบบไหนกัน ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยดีกว่า 1. เพรียง Sacculina ตัวอ่อนของเพรียง Sacculina จะแอบเขาไปในร่างกายของปูเพื่อดูดซับสารอาหารและใช้เปลือกของปูในการป้องกันตัวก่อนจะสร้างที่อยู่จนมีลักษณะคล้ายเนื้องอกติดอยู่ที่เปลือกด้านร่างของตัวปู โดยมันจะทำลายอวัยวะสืบพันธุ์ของปูตัวนั้นๆ ก่อนค่อยๆ แพร่กระจายไปทั่วตัวปูและเปลี่ยนปูตัวนั้นๆ ให้กลายเป็นซอมบี้ที่มีชีวิตอยู่เพียงเพื่อเลี้ยงดูมัน 2. Spinochordodes tellinii Spinochordodes tellinii หรือที่ในไทยรู้จักกันในชื่อหนอนแส้ม้า เป็นปรสิตสายพันธุ์หนึ่งที่อาศัยอยู่ในน้ำจืด มันจะเข้าไปในตัวสัตว์น้ำหรือแมลงอย่างตั๊กแตน ก่อนจะค่อยๆ กินร่างที่มันเข้าไปอยู่ไปเรื่อยๆ ในกรณีที่มันเข้าไปในตั๊กแตน หนอนแส้ม้าจะผลิตสารเคมีชนิดหนึ่งซึ่งจะควบคุมระบบประสาทของแมลงและบังคับให้ตั๊กแตนไปหาแหล่งน้ำ เพื่อที่ตั๊กแตนจะได้จมน้ำ และออกจากตัวตั๊กแตนเพื่อไปผสมพันธุ์ต่อไป 3. Ampulex compressa Ampulex compressa หรือต่ออัญมณี จะออกล่าแมลงสาบ เพื่อนำกลับมาเป็นอาหารให้ลูกๆ โดยการต่อยและปล่อยพิษใส่แมลงสาบเพื่อให้แมลงสาบไม่สามารถขยับตัวได้ จากนั้นมันจะปล่อยสายเคมีเข้าไปทำลายระบบประสาทของแมลงสาบ และค่อยๆ จูงมันกลับไปยังรังเพื่อวางไข่ไว้ที่ตัวแมลงสาบ โดยหลังจากฝักตัวแล้วตัวอ่อนของต่อจะกัดกินร่างของแมลงสาบที่มันฟักออกมาต่อไป Ophiocordyceps Ophiocordyceps คือเชื้อราประเภทหนึ่งที่มีชื่อเล่นว่า “เชื้อราผีดิบ” ซึ่งจะลอยไปติดกับแมลง (โดยเฉพาะมด)…
-
ชายหนุ่มซื้อภาพเก่ามาในราคา 70 บาท แต่จริงๆ แล้วมันคือภาพหายากมูลค่ากว่า 175 ล้าน!!
บางครั้งสิ่งของที่ดูเหมือนจะไม่มีค่าอย่างเช่นเศษเหล็กเก่าๆ อาจจะกลายเป็นของที่มีมูลค่ามากขึ้นได้ ถ้าหากเรารู้ที่มาที่ไปของเจ้าเศษเหล็กชิ้นนั้น Randy Guijarro ชายหนุ่มที่กลายเป็นเศรษฐีเงินล้านไปในทันที หลังจากภาพเก่าๆ ขนาด 4*5 นิ้วที่เขาซื้อจากร้านขายของเก่ามาในราคาเพียงแค่ 2 เหรียญ(ประมาณ 70 บาท) กลับกลายเป็นภาพหายากที่มีมูลค่ามากกว่า 5 ล้านเหรียญ (175 ล้านบาท) . หลังจากการตรวจสอบโดยศาสตรจารย์ Jeff Aiello ผู้เชี่ยวชาญจาก National Geographic พบว่าภาพดังกล่าวคือภาพของ Billy the Kid มือปืนในตำนานที่สังหารศัตรูไปมากถึง 21 ราย และเป็นสมาชิกของแก๊ง Regulators ภาพของ Billy the Kid จากรูปของ Randy Guijarro ภาพดังกล่าวเผยให้เห็นกลุ่มคนที่กำลังยืนกระจายกันอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งทางทีมประวัติศาสตร์ได้ค้นพบบันทึกของหญิงที่มีชื่อว่า Sally Chisum ในบันทึกเล่มนั้นมีการพูดถึง Billy และแก๊ง Regulator ในพิธีแต่งงานของ Charlie Bowdre ในไร่ของหัวหน้าแก๊ง John Tunstall ซึ่งคาดว่าเป็นสถานที่ในภาพ …
-
เผย 10 คำพูดจากปากของฆาตกรต่อเนื่อง ที่เผยถึงแรงจูงใจและคำสารภาพ
เหล่าฆาตกรต่อเนื่องถือเป็นอาชญากรที่สร้างความหวาดกลัวให้กับสังคม โดยส่วนมากแล้วกว่าที่พวกเขาจะมาถึงจุดนี้ได้มักจะมีปมในใจตั้งแต่เล็กๆ หรือความผิดปรกติทางจิตบางอย่างที่ทำให้พวกเขาสามารถลงมือกับเหยื่อหลายๆ รายได้อย่างอำมหิต และวันนี้เพื่อให้เพื่อนๆ ได้ทำความรู้จักเหล่าฆาตกรต่อเนื่องให้มากขึ้น เราจึงได้รวบรวมเรื่องราวของพวกเขา พร้อมกับคำพูดที่สะท้อนให้เห็นแรงจูงใจ คำรับสารภาพของพวกเขา… 10. Aileen Wuornos “เมียและลูกของพวกแกจะต้องโดนข่มขืนทางประตูหลัง” Aileen ถูกประหารชีวิตโดยการฉีดยาพิษเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2002 เธอเป็นฆาตกรต่อเนื่องหญิงที่ร่วมกับคู่หูของเธอสังหารชายที่มีประวัติก่อเหตุข่มขืนถึง 7 ราย ในวัยเด็กไอลีนถูกพ่อแม่ทิ้งให้อยู่กับตายายตั้งแต่ 4 ขวบ เธอถูกตาแท้ๆ ทำร้ายและข่มขืนตั้งแต่อายุยังน้อย จนกระทั่งอายุ 15 ปีก็หนีออกจากบ้าน ก่อนผันตัวมาเป็นหญิงขายบริการ เธอเคยแต่งงานกับชายแก่คนหนึ่งแต่ก็ถูกสามีทำร้ายร่างกายจนในที่สุดก็กลายมาเป็นฆาตกรต่อเนื่อง 9. Albert Fish ฆาตกรต่อเนื่องชาวอเมริกันที่ชื่นชอบการกินเนื้อมนุษย์ และข่มขืนเด็กๆ Albert ถูกตัดสินประหารชีวิตข้อหาลักพาตัวและฆาตกรรมเด็กหนุ่มวัย 10 ขวบก่อนที่จะนำเนื้อของเขาไปเป็นอาหาร ฆาตกรสุดอำมหิตเคยพูดเอาไว้ว่ามันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมากๆ “ผมชอบเด็กเพราะพวกเขามีรสอร่อย” 8. Arthur Shawcross ฆาตกรต่อเนื่องที่มีอาการทางจิต และชื่นชอบการกระทำความรุนแรงต่ออีกฝ่ายจนสำเร็จความใคร่ เขาได้รับฉายาว่า The Genesee River Killer เขาเคยถูกจำคุกข้อหาฆาตกรรมเด็ก 2 คน ก่อนที่จะพ้นโทษออกมาและสังสารโสเภณีอีก 11…
-
18 สาระน่ารู้เรื่อง ‘ชา’ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน นอกจากหอมอร่อยก็มีประโยชน์อื่นด้วยนะ!!
นอกจากน้ำเปล่าแล้ว เชื่อเลยว่าเครื่องดื่มที่หลายคนโปรดปรานจะต้องมีชื่อของ ‘ชา’ ติดอยู่ด้วยแน่ๆ เพราะใครล่ะจะไปทนรสชาติอันละมุนลิ้นที่มาพร้อมกับกลิ่มหอมๆ อย่างนี้ได้ไหวใช่ไหมล่ะ แต่ถึงอย่างนั้นแล้วเราก็อย่าดื่มเพียงอย่างเดียว มาลองทำความรู้จักกับพืชฟ้าประทานนี้ซะหน่อย ด้วยความจริงเกี่ยวกับมันที่ #เหมียวจิวยี่ นำมาฝาก ไม่แน่นะว่าคุณอาจจะหลงรักมันเพิ่มขึ้นก็เป็นได้ 1. ชาชื่อว่า ‘ต้าหงเผา’ คือชาที่มีราคาแพงมากโดยมีค่าตัวอยู่ที่ 32 ล้านบาทต่อหนึ่งกิโลกรัม 2. การดื่มชาสามารถลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ถึง 24 % 3. การดื่มชาเขียวก่อนนอนจะทำให้ร่างกายของคุณเผาผลาญแคลอรี่ได้ในระหว่างที่นอน เพราะมันไปเพิ่มระบบการเผาผลาญนั่นเอง 4. ในสหราชอาณาจักรมีการดื่มชาอยู่ที่ประมาณ 165 ล้านแก้วต่อวัน และ 62,000 แก้วต่อปี 5. ชาเป็นเครื่องดื่มที่มีผู้คนนิยมบริโภคมากที่สุดในโลก รองลงมาจากน้ำเปล่า 6. โดยเฉลี่ยแล้วมีการดื่มชากว่า 3 พันล้านแก้วต่อวันในทั่วทั้งโลก 7. การวางถุงชาในรองเท้าหรือกระเป๋าที่เหม็นอับ สามารถช่วยให้กลิ่นที่มีลดลงได้ 8. การสระผมด้วยชาสามารถทำให้เส้นผมดูเงางามเปล่งประกายขึ้นได้ 9. กาแฟหรือชาประเภท…
-
เช็กตัวเองกับ 8 สัญญาณที่จะบอกว่า คุณกำลังป่วยเป็นโรคซึมเศร้า!!
โรคซึมเศร้าอาการป่วยที่กำลังเล่นงานผู้คนในยุคนี้อย่างมาก และถึงแม้ว่าปัจจุบันโรคที่ว่านี้จะสามารถรักษาได้โดยการใช้ยาและความร่วมมือจากคนรอบข้างก็ตาม แต่บางคนก็อาจจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังป่วยด้วยโรคซึมเศร้า และวันนี้เพื่อเป็นการตรวจสอบตัวเองว่าคุณกำลังเข้าข่ายอาการซึมเศร้าหรือเปล่า เราก็ได้นำ “8 สัญญาณที่บอกว่าคุณกำลังป่วยเป็นโรคซึมเศร้า” จากเว็บไซต์ Webmd มาฝากกัน 1. คุณรู้สึกเหนื่อยล้า อาการเหนื่อยล้าและอ่อนแรงติดต่อกันหลายๆ วันแบบไม่เคยเป็นมาก่อนถือเป็นหนึ่งในสัญญาณของโรคซึมเศร้า และบางครั้งคุณอาจจะรู้สึกเหนื่อยตั้งแต่ตื่นนอนเลยก็ได้ 2. คุณรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าและไม่อยากมีชีวิตอยู่ คุณอาจจะเริ่มคิดและเชื่อว่าตัวเองไร้ค่า ความคิดในการฆ่าตัวตายมักจะผ่านเข้ามาในหัวของคุณและคุณกล้าที่จะทำมันด้วยความกล้า 3. เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับสมาธิและความจำ มันอาจจะเริ่มต้นจากการลืมสิ่งสำคัญ และในบางครั้งการตั้งใจฟังใครบางคนพูดหรือการมีสมาธิในการอ่านหนังสือก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยากขึ้นด้วยก็ได้ 4. คุณมีปัญหาเกี่ยวกับการนอน คุณอาจจะเริ่มรู้สึกว่านอนไม่พอ ถึงแม้ว่าเมื่อคืนคุณอาจจะเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำก็ตาม นอกจากนี้คุณยังรู้สึกไม่กระปี้กระเปร่าหลังจากตื่นนอนอีกด้วย 5. น้ำหนักเปลี่ยน น้ำหนักตัวของคุณอาจจะลดลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน นอกจากนี้คุณยังมีอาการหิวตลอดเวลา หรือไม่สามารถควบคุมความรู้สึกหิวของตัวเองได้เลย 6. ไม่มีอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกมีความสุขได้เลย คุณจะรู้สึกไม่มีความสุขถึงแม้ว่าจะทำกิจกรรมที่คุณชอบ หรือได้พบปะกับเพื่อนๆ ที่คุณมักจะพูดคุยด้วยบ่อยๆ คุณจะรู้สึกเบื่อและไม่มีแรงจูงใจที่จะทำกิจกรรมต่างๆ เหมือนเมื่อก่อน 7. รู้สึกแย่ คุณอาจจะรู้สึกเศร้า วิตกกังวล หรือหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลาโดยที่คุณไม่ทราบสาเหตุว่าอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกแบบนั้น 8. สุขภาพของคุณเริ่มแย่ คุณจะเริ่มมีอาการปวดเมื่อยหรือเจ็บบริเวณหลังและข้อต่อต่างๆ นอกจากนี้คุณอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารด้วย…
-
เพื่อสุขภาพ!! นักวิทย์บอก ‘นมแมลงสาบ’ อาจเป็นสุดยอดอาหารมีประโยชน์กว่านมวัว 4 เท่า!!
แม้ว่าสัตว์อย่างแมลงสาบจะเป็นที่น่ารังเกียจของใครหลายคน ด้วยลักษณะตัวและหนามหยุมหยิมๆ ของมัน แต่ไม่แน่เหมือนกันว่าในวันข้างหน้าเราอาจจะต้องพึ่งมันเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดก็ได้ เพราะนักวิทยาศาสตร์ได้ออกมาเปิดเผยว่าในอนาคต ‘นมแมลงสาบ’ อาจจะเป็นสุดยอดอาหารแห่งยุค เพราะว่ามันอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ อย่างมากมายจนถูกยกให้เป็นอาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดในดาวโลกเราเลย!! แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นแมลงสาบบ้านๆ ทั่วไป เพราะสายพันธุ์ที่นักวิทยาศาสตร์ระบุเอาไว้ก็คือสายพันธุ์ The Pacific Beetle Cockroach ซึ่งความพิเศษของสายพันธุ์นี้ก็คือ มันจะออกลูกเป็นตัวแทนการออกลูกเป็นไข่เหมือนกับแมลงสาบสายพันธุ์ทั่วๆ ไปนั่นเอง โดยการค้นพบสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นของแมลงสาบสายพันธุ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2-3 ปีก่อน เมื่อนักวิทยาศาสตร์ได้พบว่าตัวอ่อนที่เจริญเติบโตอยู่ในร่างกายของแม่แมลงสาบตัวเมียจะได้รับนมลักษณะสีอ่อนๆ ปนเหลืองจางๆ ต่อมาเมื่อนักวิทยาศาสตร์ได้นำน้ำนมนี้ไปตรวจสอบก็พบว่ามันสามารถให้พลังงานได้มากกว่าน้ำนมควายถึง 3 เท่าและมีประโยชน์มากกว่านมวัว 4 เท่าด้วยกัน และทำให้มันกลายเป็นอีกหนึ่งอาหารที่มีคุณค่ามากที่สุดในโลก นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ก็ยังได้ทำการเปิดท้องที่มีตัวอ่อนของแมลงสาบดู และก็พบว่ามีของเหลวจากตัวแม่แมลงสาบที่ได้สร้างเกล็ดผลึกสีใสเพื่อเลี้ยงตัวอ่อน ซึ่่งก็แน่นอนว่านักวิทย์ฯ ไม่พลาดที่จะเอามันไปตรวจสอบแล้วก็พบว่ามันสามารถเอาเป็นอาหารได้จริงๆ “มันมีสารอาหารที่สิ่งมีชีวิตหนึ่งต้องการอย่างครบถ้วนจริงๆ ทั้ง โปรตีน กรดอะมิโนจำเป็น ไขมัน และน้ำตาล” Leonard Chavas นักวิทยาศาสตร์ที่มีส่วนกับการวิจัยนี้กล่าว มาลองดูการทดลองกันซะหน่อย มากไปกว่านั้นนักวิทยาศาสตร์ยังบอกอีกด้วยว่า ด้วยสุดยอดอาหารที่มีคุณค่านี้เองจึงทำให้ตัวอ่อนของแมลงสาบ Pacific Beetle Cockroach โตไวกว่าและมีตัวที่ใหญ่กว่าแมลงสาบสายพันธุ์อื่นมากๆ เลยด้วย แต่ว่าการจะเอาผลึกสารของมันมาสกัดเป็นน้ำนมให้เราดื่มกินนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆ…
-
ความเป็นมาของคำว่า Lil ในชื่อ “แร็ปเปอร์” ทำไมพวกเขาถึงใช้ชื่อนี้ มีเยอะซะจนจำแทบไม่หมด..
หากใครชื่นชอบและติดตามผลงานของศิลปินในวงการเพลงแร็ปหรือฮิปฮอป เชื่อว่าคงจะต้องเคยสังเกตเห็นชื่อในวงการของพวกเขาเหล่านั้น จนได้ไปเห็นคำว่า Lil (ย่อมาจากคำว่า Little) ที่ชอบนำหน้าอยู่ในฉายาของพวกเขาหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็น Lil Wayne , Lil Yachty , Lil Peep หรือ Lil Pump ทำไมพวกเขาเหล่านั้นถึงต้องมีคำว่า Lil มานำหน้าด้วยล่ะ? ด้วยเหตุนั้นเอง #เหมียวตะปู จึงขอเสนอบทความที่มาที่ไปของคำว่า Lil ในฉายาของแร็ปเปอร์ ว่าศิลปินแต่ละคนนั้นเขามีที่มาที่ไปกันอย่างไรบ้าง (แม้ว่าจะไม่ครบทุกคน แต่อย่างน้อยก็มีตัวอย่างมาให้ดูกันนะ) ว่าแล้วก็ลองไปอ่านกันดูเลย Lil Jon เขาถูกเรียกว่า Lil ตั้งแต่มัธยม เพราะชอบใส่แว่นตาที่ดูเหมือนกับผู้กำกับ Spike Lee จึงถูกเรียกว่า Lil Spike ต่อมาเขาก็มีเพื่อนที่ชื่อ John เหมือนกันอีก 2 คน และด้วยความที่เขาตัวเล็กสุดเลยถูกเรียกว่า Lil Jon นับแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็ใช้ชื่อนี้มาโดยตลอด Lil…
-
ประวัติศาสตร์จากเปลวเพลิง กับคำถามที่ว่าทำไม “อากิฮาบาระ” ถึงมีชื่อย่อว่า “อากิบะ”
เชื่อว่าคงมีเพื่อนๆ หลายคนที่น่าจะอยากเดินทางไปที่อากิฮาบาระกันบ้างสักครั้งในชีวิตใช่ไหมล่ะ โดยเฉพาะกับคนที่มีความชอบในมังงะ และอนิเมะอะไรพวกนี้แล้วด้วย ก็แหม ที่ “อากิบะ” น่ะมีของที่พวกเราหลงใหลมันอยู่ทุกอย่างเลยนี่นะ ว่าแต่เคยสงสัยไหมว่าทำไมย่านนี้ถึงมีชื่อย่อว่าอากิบะกันล่ะ ในเมื่อถ้าดูตามหลักการย่อชื่อของญี่ปุ่นแล้ว มันน่าจะเป็น “อากิฮะ” หรือไม่ก็ “อากิระ” ไม่ใช่เหรอ เกี่ยวกับเรื่องนี้เราคงต้องย้อนกันไปนานพอสมควรเลยล่ะ ย้อนไปในสมัยที่อากิฮาบาระยังไม่กลายเป็นย่านของเทคโนโลยีและความโมเอะ เอาง่ายๆ ก็ในช่วงก่อนศตวรรษที่ 20 ในสมัยที่โตเกียวยังถูกเรียกกันว่าเอโดะอยู่โน้น ในช่วงปี 1600 ไปจนถึงปี 1855 นั้นมีเหตุการณ์ที่เรียกว่า “เพลิงไหม้ครั้งใหญ่” เกิดขึ้นมากกว่า 14 ครั้ง และฆ่าคนในเมืองไปเป็นจำนวนมาก (บางตำราบอกว่าตายเป็นแสนคน) ดังนั้นในปี 1869 ทางรัฐบาลเมจิจึงได้ตั้งเขตๆ หนึ่งในเอโดะและเรียกกันว่า “Chinkabara” ซึ่งแปลว่า “พื้นที่ดับเพลิง” โดยสร้างขึ้นมาเป็นพื้นที่ป้องกันเพลิงโดยเฉพาะ สถานที่ตั้งของเขตที่ว่านี้แน่นอนว่ากลายเป็นอากิฮาบาระในปัจจุบันนั่นเอง และเพื่อให้ประชาชนในสมัยนั้นมั่นใจ ทางรัฐบาลยังได้ทำการอัญเชิญ Akiba Daigongen เทพแห่งการป้องกันเพลิงจากเอนชู (ชิสึโอกะในปัจจุบัน) มาประดิษฐานที่นี่อีกด้วย โดยได้มีการสร้างศาลเจ้าที่ชื่อศาลเจ้า Chinka เอาไว้ให้…
-
25 อันดับสิ่งที่สามารถ “คร่าชีวิต” มนุษย์ไปได้ง่ายๆ เจอเข้าไปงี้ บอกเลยว่ารอดยาก!!
ถ้าสมมุติว่าเราไม่ได้แก่ตาย เพื่อนๆ คิดว่าจะมีอะไรที่สามารถทำให้เพื่อนตายได้อีก รถชน? ตกเขา? ถูกยิง? สิ่งที่กำลังคิดอยู่มันสามารถพรากชีวิตเราไปได้ทั้งนั้น แต่เราเคยสงสัยมั้ยว่าโอกาสตายจากสิ่งเหล่านั้นมันมีมากน้อยแค่ไหน วันนี้ #เหมียวตะปู จึงอยากนำเสนอ 25 อันดับ สิ่งที่ทำให้เรามีโอกาสตายได้มากที่สุด จากข้อมูลสถิติของ ศูนย์สถิติสุขภาพแห่งชาติ , สภาความมั่นคงแห่งชาติ และ องค์การอนามัยโลก (WHO) สิ่งที่ทำให้เรามีโอกาสตายได้ง่ายนั้นคืออะไรกันบ้าง เราลองไปชมพร้อมๆ กันเลยยย อันดับที่ 25 โดนสะเก็ดพลุ หรือถูกพลุยิงใส่ (โอกาสตาย 1 ใน 615,488) ในสหรัฐอเมริกา จะมีคนได้รับบาดเจ็บเพราะพลุอยู่เกือบ 10,000 คน ต่อปี หนักจนต้องถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉิน และเคยมีคนตายเพราะเหตุการณ์นี้มาแล้ว อันดับที่ 24 สึนามิ (โอกาสตาย 1 ใน 500,000) คลื่นสึนามิสามารถคร่าชีวิตคนได้หลายร้อยคนในแต่ละครั้ง ซึ่งโอกาสรอดของคุณก็ขึ้นอยู่ว่าในตอนเกิดเหตุนั้น คุณอยู่ใกล้กับชายฝั่งมากขนาดไหน อันดับที่ 23 ดาวเคราะห์น้อยตกใส่โลก…
-
10 อันดับประเทศที่ “ผลิตน้ำมัน” มากที่สุดในโลก ไทยมีน้ำมันเท่าซาอุฯ จริงหรือ!?
กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันในโลกโซเชียลบ้านเราอยู่ในขณะนี้ กับเรื่องของ ‘น้ำมัน’ ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการขึ้นราคาของน้ำมันนั่นเอง หลายๆ คนก็ตั้งข้อสงสัยกันไปต่างๆ นานาว่าจริงๆ แล้วประเทศเราก็มีบ่อน้ำมันนี่นา ทำไมราคาน้ำมันถึงแพงล่ะ? หรือเพราะเราเอาราคาน้ำมันไปเทียบกับของเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ว่าทำไมมันถึงถูกจัง สำหรับบทความนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมความสามารถในการผลิตน้ำมันต่อวันของแต่ละประเทศทั่วโลกกันว่าพวกเขาผลิตน้ำมันได้มากน้อยแค่ไหน ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลประจำปี 2016 ในปีนั้นมีการผลิตน้ำมันทั้งโลกอยู่ที่ 80,622,000 บาเรลล์ต่อวัน อันดับ 10 ประเทศบราซิล ผลิตได้ 2,515,459 บาเรลล์ต่อวัน อันดับที่ 9 ประเทศคูเวต ผลิตได้ 2,923,825 บาเรลล์ต่อวัน อันดับที่ 8 ประเทศสาธารณรัฐ อาหรับ เอมิเรตส์ ผลิตได้ 3,106,077 บาเรลล์ต่อวัน อันดับที่ 7 ประเทศแคนาดา ผลิตได้ 3,662,694 บาเรลล์ต่อวัน อันดับที่…
-
ภาพกราฟิตี้จากปี 1970 ที่สะท้อนให้เห็นถึงที่ที่กำลังเกิดขึ้นเมื่อเกือบ 50 ปีที่แล้ว
หลายๆ คนอาจจะคุ้นชินกับภาพงานศิลปะที่มีพื้นหลังเป็นกำเพิงตึก หรือสถานที่ต่างๆ ตาม 2 ข้างถนน ซึ่งเรามักจะเรียกกันว่า “สตรีทอาร์ต” งานศิลปะที่มีจุดเริ่มต้นมาจากวัฒนธรรมการขีดเขียนข้อความต่างๆ ตามสถานีรถไฟใต้ดินเมืองนิวยอร์กในช่วงปลายปี 1960 ก่อนที่จะกลายเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบันนี้ เป็นสิ่งที่บ่งบอกและสะท้อนสิ่งต่างๆ ที่ศิลปินต้องการจะสื่อสารออกมาได้เป็นอย่างดี และเพื่อให้เพื่อนๆ ได้เห็นภาพของจุดเริ่มต้นงานศิลปะที่ว่านี้ เราก็มีภาพถ่ายของกราฟิตี้จากช่วงปี 1970 จากกรุงลอนดอนโดย Roger Perry ช่างภาพจากนิตยสารชื่อดังมาให้ได้ชมกัน ภาพที่เราจะได้ชมกันต่อไปนี้ เป็นบางส่วนของผลงานที่ถูกตีพิมพ์ในหนังสือ Writing On The Wall ภาพถ่ายของงานกราฟิตี้เหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นปัญหาต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกในขณะนั้นไม่ว่าจะเป็นสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ปัญหาการขาดแคลนที่พักอาศัย หรือความเสื่อมโทรมของเมือง “ทุกอย่างบนโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นร้านซูเปอร์มาร์เก็ต สถานที่ทำงาน กระบวนการแปรรูปไก่ แบบฟอร์มเรียกภาษี คอมพิวเตอร์ และอื่นๆ อีกมากมายที่มีการเปลี่ยนแปลงและการเคลื่อนไหวจะถูกแสดงออกมาโดยกราฟิตี้” George Melly นักร้องชื่อดังเขียนเอาไว้ในบทนำของหนังสือเล่มนี้ ข้อความต่างๆ ที่สะท้อนออกมาถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในยุคนั้น “ฉันเคยเดินไปที่ถนน Basing Street ที่นั่นมีกราฟิตี้มากมาย และที่นั่นก็ยังเต็มไปด้วยพวกอันธพาลอีกด้วย ถ้าหากว่าคุณเดินอยู่ตรงถนนตอนตี…
-
เทียบกันชัดๆ ‘ขายกาแฟ vs ขายน้ำมัน’ ปตท. รวยจากอะไรมากกว่ากัน!?
จากที่กล่าวไปแล้วในบทความก่อน ถึงข้อมูลของบริษัทในเครือของ ปตท. จะทราบว่าปตท.นั้นไม่ใช่บริษัทที่ขายแต่น้ำมันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น รายได้นั้นยังรวมไปถึงธุรกิจขายกาแฟอย่าง ‘คาเฟ่อเมซอน’ ที่ปตท.เองก็เป็นเจ้าของอยู่ด้วย ซึ่งพักหลังๆ มานี้กาแฟจากคาเฟ่อเมซอนก็ขายดิบขายดี จนมีรายได้แซงแบรนด์กาแฟชื่อดังอย่าง สตาร์บักส์ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ เรามาลองเทียบกันดูดีกว่าว่า ยอดขายของคาเฟ่อเมซอนจะเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับยอดขายของ ‘น้ำมัน’ ของบริษัทปตท. จากข้อมูลของเว็บไซต์ ลงทุนแมน ระบุเอาไว้ว่า ในปี 2559 คาเฟ่อเมซอนนั้นทำยอดขายได้มากถึง 140 ล้านแก้ว มีรายได้เป็นมูลค่า 8,000 ล้านบาท คิดเป็นกำไรแล้วประมาณ 2,000 ล้านบาทเลยทีเดียว!! หากนำมาเทียบกับข้อมูลจากเว็บไซต์ ลงทุนศาสตร์ พบว่า ยอดขายน้ำมันแบบปลีกของ บริษัท PTTOR และบริษัทย่อยอื่นๆ ที่อยู่ในเครือ ปตท. ในปี 2559 มีรายได้สูงถึง 51,503 ล้านบาท แต่ส่วนที่เป็นกำไรมีเพียง 821 ล้านบาทเท่านั้น นั่นหมายความว่าหากมองในเรื่องของยอดกำไรในปี 2559 แล้วจะพบว่า คาเฟ่อเมซอนนั้นทำได้ดีกว่าการขายปลีกน้ำมันเสียอีก!!…
-
เทคนิคง่ายๆ แค่เลือกใช้ “จาน” ให้ถูกก็ผอมได้… อะไรมันจะง่ายปานนั้น!?
บางทีเราก็สงสัยตัวเองว่าทำไมถึงลดน้ำหนักได้ยากเย็นเสียจริงๆ จะออกกำลังกายก็ขี้เกียจ แต่ลดปริมาณอาหารก็ดันไม่อิ่มอีก เฮ้อ เกิดเป็นคนชอบกินมันลำบากจริงเหวยย… บังเอิญมาเห็นวิธีการควบคุมอาหารที่ง่ายแสนง่าย อยากแนะนำให้ท่านผู้อ่านลองนำไปใช้กันดู มันง่ายจริงๆ นะ เพราะว่าเราไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ต้อง “เลือกจาน” ให้เป็นเท่านั้นเอง ประเด็นสำคัญๆ มันจะมีอยู่แค่ 2 เรื่องเท่านั้นเอง นั่นก็คือ ขนาด และ สี 1. ขนาด มีการศึกษาทางฟิสิกส์การอาหาร ว่าบริบทแวดล้อมนั้นมีผลต่อพฤติกรรมการกินของคุณ ทั้งน้ำหนัก รูปร่าง ขนาด และสีของ จาน นั้นมีส่วนกำหนดปริมาณอาหารที่คุณจะทานเข้าไปได้ ก่อนอื่น ในเรื่องของ ขนาด พยายามอย่าใช้จานที่มีขนาดใหญ่กว่าปริมาณอาหารจนเกินไป ลองเลือกจานที่มีขนาดพอดีกับอาหาร ซึ่งหากเลือกจานใหญ่เกินไป มันจะส่งผลเหมือนภาพลวงตาที่ทำให้สมองของเราคิดว่า อาหารนั้นยังมีปริมาณน้อยอยู่ เราอาจจะเติมอาหารอีก และนั่นทำให้เรากินมากกว่าปกติ ขณะที่ปริมาณอาหารเท่าเดิมแต่คุณใช้จานที่เล็กลงมา มีขนาดพอๆ กับปริมาณอาหารในจาน มันจะทำให้คุณทานได้หมดจานโดยที่คิดว่าเพียงพอแล้ว ภาพลวงตาที่เกิดจากขนาดที่เปลี่ยนไปนี้ ถูกเรียกว่า Delboeuf Illusion 2. สี …
-
วิเคราะห์จริงจัง!! หากทุกคน ‘แบน’ ไม่เติมน้ำมันปั๊ม ปตท. จะส่งผลให้เจ๊งได้หรือไม่!?
จากบทความที่แล้ว #เหมียวหง่าว ได้เสนอข้อมูลเกี่ยวกับ ‘โครงสร้างราคาน้ำมัน ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาของน้ำมันที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้’ ไปแล้ว ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงส่วนของ ‘รายได้ของบริษัทปตท.’ กันบ้าง ว่าถ้าหากเราทำร่วมมือกันบอยคอต ไม่เติมจากปั๊มน้ำมันของ ปตท. จะส่งผลกระทบถึงรายได้ของบริษัทหรือไม่อย่างไร ถ้าพร้อมแล้วลองไปชมพร้อมๆ กันครับ ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าบริษัทในเครือของบริษัท ปตท. นั้นมีเยอะมาก โดยแบ่งออกเป็นสายหลักๆ 3 สายได้แก่ กลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและบริหารความยั่งยืน, กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ, และกลุ่มปิโตรเลียมขั้นปลาย และที่เราจะต้องพูดถึงก็คือในส่วนของ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้น และธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย เป็นหลัก ภาพโครงสร้างเครือธุรกิจของ ปตท. ธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้น ในส่วนนี้จะทำธุรกิจเกี่ยวกับการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ซึ่งจะทำการซื้อสัมปทานในการค้นหาแหล่งน้ำมันเพื่อขุดเจาะออกมาจำหน่าย รวมไปถึงจัดหาและจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ในส่วนนี้จะทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงกลั่น ปิโตรเคมี และขายพลังงาน คือการนำน้ำมันดิบที่ขุดได้มากลั่นลำเป็นลำดับส่วน และนำไปแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ และส่วนสุดท้ายที่เป็นส่วนที่หลายๆ คนกำลังให้ความสนใจก็คือการขายพลังงาน ซึ่งแบ่งออกได้เป็นสองส่วน คือการขายพลังงานให้กับภาคธุรกิจด้วยกัน เช่น หน่วยงานราชการ ตลาดต่างประเทศ หรือ ‘ปั๊มน้ำมันอื่น’ และอีกส่วนก็คือการขายพลังงานให้กับผู้บริโภคโดยตรงผ่านหน้าปั๊มนั่นเอง…
-
ทำความเข้าใจ ‘โครงสร้างราคาน้ำมัน’ ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาของน้ำมัน ที่เราใช้ทุกวันนี้!!
กำลังกลายเป็นเรื่องที่สังคมบ้านเราให้ความสนใจกันอยู่ ณ ขณะนี้ กับเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นมา ซึ่งมันส่งผลกระทบต่อไปถึงราคาสินค้าและบริการต่างๆ ให้ขึ้นราคาตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้เองทำให้ประชาชนมากมายหลากหลาย คนตัดสินใจที่จะออกมาประท้วง ไม่เติมน้ำมันกับปั๊ม ปตท. เพื่อเป็นการแก้เผ็ด และสำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับ ‘โครงสร้างของราคาน้ำมัน’ กันสักหน่อย เพื่อเป็นการเข้าใจให้ตรงกันว่า จริงๆ แล้วที่มาที่ไปของราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นนั้น มันเกิดจากอะไรกันแน่!? โครงสร้างราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศไทย จะมีองค์ประกอบที่แบ่งแยกออกไปทั้งหมด 8 ส่วน ดังนี้ 1. ราคาหน้าโรงกลั่น หรือราคาน้ำมันสำเร็จรูปแบบเพียวๆ ที่ยังไม่รวมภาษี กองทุน และค่าการตลาดต่างๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเราไปรับน้ำมันมาจากแหล่งใด (ส่วนใหญ่แล้วจะอ้างอิงจากราคาน้ำมันโลก) ยกตัวอย่างราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ E20 หน้าโรงกลั่นวันที่ 25 พฤษภาคมนี้อยู่ที่ 19.9130 บาท หลังจากที่รับน้ำมันจากราคาหน้าตลาดมาเสร็จสรรพ น้ำมันดังกล่าวก็จะเข้ามาสู่กระบวนการดังต่อไปนี้ 2. ภาษีสรรพสามิต คือภาษีที่จัดเก็บสินค้าที่มีผลกระทบต่อสังคม เป็นเครื่องมือในการจำกัดการใช้ของสินค้า…
-
รู้จักกับ ‘ปลาปอดแอฟริกา’ ที่สามารถอยู่รอดได้เป็นเดือนๆ แม้ไม่มีน้ำสักหยด!?
อย่างที่รู้กันดีว่า ‘ปลา’ เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้ำ และเมื่อไหร่ก็ตามมันไปอยู่ในที่ที่ไม่มีน้ำ นั่นอาจเป็นจุดจบของพวกมัน แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่ามีปลาบางชนิดที่สามารถมีชีวิตรอดได้ แม้น้ำจะแห้งแบบแห้งสนิทแล้วก็ตาม แถมยังอยู่ได้นานเป็นเดือนๆ ด้วยนะเออ!! ขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับ ปลาปอดแอฟริกา หรือที่รู้จักกันในชื่อ African Lungfish เป็นปลาน้ำจืดจำพวกหนึ่ง และเป็นปลาจำพวกเดียวที่ในปัจจุบันที่สามารถหายใจด้วยอวัยวะที่คล้ายกับปอดของสัตว์ทั่วๆ ไป โดยไม่ใช้เหงือกเหมือนปลาชนิดอื่น ปลาปอดนั้นเป็นสัตวที่สืบสายพันธุ์มาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์มาจนถึงปัจจุบัน และเพราะเหตุนี้เองจึงสามารถยืนยันได้ว่าปลาวิวัฒนาการมาจากสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เจ้าปลาปอดนี้จะมีลักษณะเป็นปลาโบราณ มีรูปร่างคล้ายกับปลาไหล ลักษณะกระดูกส่วนแขนขาคล้ายกับสัตว์ชั้นสูง กล่าวคือครีบทั้งสี่ของมันนั้นทำหน้าที่เป็นแขนและขามาก่อนที่จะวิวัฒนาการกลายเป็นครีบในภายหลังนั่นเอง ที่พิเศษก็คือเจ้าปลาปอดนี้จะมีอวัยวะที่ชื่อว่า “กระเพาะลม” ที่หนามากตั้งอยู่ใกล้ๆ กับหน้าอกของมัน และมีท่อเชื่อมกับส่วนล่างทางด้านหน้าของกระเพาะอาหารทำหน้าที่เป็นปอดคอยดูดซับออกซิเจน ซึ่งปลาทั่วไปนั้นจะใช้กระเพาะลมในการพยุงตัวในขณะที่ว่ายน้ำเท่านั้น ไม่ได้มีไว้หายใจเหมือนกับปลาปอดแต่อย่างใด อีกความแตกต่างหนึ่งที่ทำให้มันไม่เหมือนกับปลาธรรมดาทั่วไปก็คือ มีท่อที่เชื่อมต่อระหว่างกระเพาะลมกับช่องปาก นั่นหมายความว่ามันมี “จมูก” ที่ใช้หายใจนั้นเอง จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงสามารถอยู่รอดได้นานเป็นเดือนๆ แม้ไม่มีน้ำให้มันเลยสักหยด!! ในช่วงหน้าแล้ง เจ้าปลาปอดแอฟริกานี้จะทำการขุดโพรงไว้ใต้โคลน จากนั้นก็ปิดผนึกปากทางด้วยเมือก ระหว่างนั้นพวกมันจะหายใจเอาอากาศโดยตรงผ่านทางจมูก ในระหว่างนั้นมันก็ต้องลดการเผาผลาญพลังงานลงอย่างรวดเร็ว เพราะต้องอยู่รอดเป็นระยะเวลานานโดยไม่พึ่งพาอาหาร ขณะเดียวกันเจ้าปลาปอดนี้สามารถจมน้ำตายได้…
-
เมื่อ ‘คนญี่ปุ่น’ ได้ลองชิม ‘ซูชิ’ แบบต่างประเทศ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนะ!?
‘ซูชิ’ ถือเป็นหนึ่งในอาหารที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก แน่นอนว่าในต่างประเทศนั้นก็ต้องมีการ ‘เปลี่ยนแปลง’ รสชาติ หรือวิธีการทำซูชิให้เข้ากับวัฒนธรรมการกินของแต่ละที่อีกด้วย แล้วจะเป็นอย่างไรเมื่อ ‘คนญี่ปุ่น’ ที่เป็นเจ้าของต้นตำรับซูชิแบบดั้งเดิม ได้ลองมาชิมซูชิของต่างประเทศ ที่มีการเปลี่ยนสูตรให้ต่างจากซูชิแบบดั้งเดิม ลองไปชมความเห็นของพวกเขาไปพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… เรื่องมีอยู่ว่าแชแนลยูทูบ Asian Boss ได้ถ่ายทำคลิปวิดีโอถามความเห็นของชาวญี่ปุ่น ถึงซูชิแบบอเมริกัน ว่าพวกเขาคิดอย่างไรกันบ้าง? โดยทำการสัมภาษณ์ชาวญี่ปุ่นที่สัญจรไปมาบนถนนในกรุงโตเกียว จากการสัมภาษณ์พิธีกรได้ถามคนญี่ปุ่นว่า “พวกเขารู้หรือไม่ว่าซูชินี้ถูกนำทำขายในต่างประเทศด้วย?” ซึ่งพวกเขาก็ตอบว่า “เคยเห็นผ่านทางทีวีมาบ้างแล้ว” ซึ่งก็มีชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งบอกว่า “มันดูแปลก เพราะใส่อะไรต่อมิอะไรเข้าไปเยอะเหลือเกิน อีกทั้งยังดูแตกต่างจากซูชิธรรมดาไปมากโขเลยทีเดียว” มาถึงคราวที่ต้องชิมกันบ้าง ชิ้นแรกเป็น แคลิฟอเนียร์ โรล พอกินเข้าไปแล้วชาวญี่ปุ่นถึงกับตั้งคำถามออกมาเลยว่า “มันคือซูชิจริงๆ ใช่ไหม?” อีกทั้งยังมองว่ามันเหมือนกับข้าวปั้น (Onigiri) มากกว่าที่จะเป็นซูชิ มาถึงคราวให้คะแนนกันบ้าง ซึ่งคะแนนก็จะแตกต่างกันออกไป ทั้ง 3 บ้าง 2 บ้าง 5 บ้าง แต่บางคนก็ให้เยอะถึง 9 เลยทีเดียว แต่ทั้งหมดนี้เป็นคะแนนในแง่ของความเป็น…
-
ไขความลับ ทำไมคนเราชอบดูคลิปบีบสิว? แล้วชอบดูถือเป็นเรื่องผิดปกติหรือเปล่า?
[บทความต่อไปนี้เต็มไปด้วยภาพสิวชวนขยะแขยง แต่หากชอบดูก็จัดไป] บนโลกใบนี้มีบุคคลอยู่ 2 ประเภท นั่นคือ “คนที่ชอบดูคลิปบีบสิว” กับ “คนที่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นชอบดูคลิปบีบสิว” สำหรับคนที่ไม่ชอบเราก็รู้สาเหตุกันอยู่แล้วว่ามันชวนให้ขยะแขยง และสิวบางชนิดก็มีภาพที่ไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ ว่าง่ายๆ ก็คือสิ่งปฏิกูลบนใบหน้าเรานั่นแหละ แต่สำหรับคนที่ชอบ หลายๆ คนอาจจะรู้สึกแค่เพียงว่าตัวเอง “ชอบ” มันเฉยๆ อาจจะรู้สึกดีที่ได้ดู มัน แต่ก็อธิบายไม่ได้ว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน? หรือว่าเราอาจจะเกิดความผิดปกติในสมองหรือเปล่า? เราจะมาหาคำตอบกันในบทความนี้กัน จากการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาปริญญาเอก และผู้ช่วยศาสตราจารย์ Heather Berlin ได้ให้ความเห็นว่าทุกครั้งที่คุณบีบสิวออกจากใบหน้า สมองของคุณจะหลั่งสารโดปามีนออกมา ซึ่งโดปามีนเป็นสารสื่อประสาทที่จะทำให้คุณรู้สึกมีความสุขหรือรู้สึกดีในชั่วระยะเวลาหนึ่ง “มันมีวงจรของความวิตกกังวลหรือความตื่นเต้นก่อนการบีบสิวและความรู้สึกผ่อนคลายเมื่อบีบไปแล้ว” Berlin กล่าว โดยทั่วไปแล้วคุณจะมีความรู้สึกที่ผสมปนเปกันอยู่ ระหว่างความกดดันทางร่างกายและความผ่อนคลายในจิตใจเมื่อคุณบีบสิว สมองและร่างกายของคุณจะรู้สึกชอบเวลาบีบสิวแม้ว่าคุณจะไม่ควรรู้สึกแบบนั้นก็ตาม และถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้บีบสิวของตัวเอง แต่ไปดูคนอื่นบีบสิวหรือดูคลิปบีบสิว ร่างกายคุณก็จะรู้สึกแบบเดียวกัน การดูคลิปบีบสิวนี้เป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ ในโลกออนไลน์ จนแพทย์ผิวหนัง Sandra Lee สร้างช่องยูทูบ Dr. Pimple Popper แล้วลงแต่คลิปบีบสิว แม้จะมีเนื้อหาเพียงแค่นั้นแต่ก็เพียงพอที่คนจะกดติดตามดูเธอถึง 3.7 ล้านคน “ฉันคิดว่าการดูคลิปบีบสิวเหมือนการดูหนังผี…
-
ย้อนมอง ‘เจ้าสาว’ ในงานพระราชพิธีเสกสมรสของราชวงศ์ต่างๆ ในรอบศตวรรษ
Royal Wedding หรือพระราชพิธีเสกสมรส ที่จะใช้เรียกการแต่งงานของเชื้อพระวงศ์ของแต่ละประเทศที่ยังมีระบอบกษัตริย์อยู่ และที่เพิ่งมาในวันที่ 19 พฤษภาคม 2018 นี้เองก็ได้มีงานพระราชพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชาย Harry และ Meghan Markle ขึ้น ซึ่งเป็นภาพที่เหล่าประชาชนคนอังกฤษและคนต่างชาติต่างเฝ้ารออยากเห็นมาตลอด เมื่อมีงานพระราชพิธีเสกสมรสจบลง ทำให้เราก็สงสัยว่าในช่วงศตวรรษที่ผ่านมานี้ มีพิธีเสกสมรสของเจ้าหญิงเจ้าชายจากประเทศไหนบ้างนะ เรามาดูกันดีกว่า เจ้าหญิง Elizabeth (สมเด็จพระราชินีนาถ Elizabeth ที่ 2) เธอแต่งงานเมื่อในปี 1947 และเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2017 เธอและเจ้าชาย Philips ได้เฉลิมฉลองให้แก่การแต่งงานครบรอบ 70 ปี ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สำหรับการแต่งงานของเชื้อพระวงศ์เลยล่ะ Grace เจ้าหญิงแห่งโมนาโก เดิมทีแล้ว Grace Kelly เป็นนักแสดงชาวอเมริกันธรรมดาๆ ต่อมาในปี 1956 เธอก็ได้แต่งงานกับเจ้าชาย Rainier แห่ง Monaco หลังการแต่งงานเธอจึงได้ศักดิ์เป็นเจ้าหญิงแห่งโมนาโก Diana เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ในปี…