Category: สาระรอบตัว
-
ถ้าไม่อยากผิวเสีย “แพทย์ผิวหนัง” แนะนำให้เลิกใช้ 6 ผลิตภัณฑ์ความงามนี้ซะ!
ผู้คนนั้นสนใจเรื่องความงามมาตั้งแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะ “ผู้หญิง” ที่ต้องคู่กับความงามอย่างแยกออกมิได้ หลายคนจึงต้องหาวิธีที่ทำให้ตัวเองนั้นดู “งดงาม” ที่สุด ทั้งนี้ จึงทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ช่วยให้สาวๆ สามารถใช้ดูแลเรือนร่างของตนเองให้งดงามได้ ของเหล่านี้เราเรียกมันว่า ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม นั่นเอง แต่ก็ใช่ว่าทุกสิ่งอย่างจะเสริมความสวยให้คนเราได้เสมอไป บางอย่างมันประกอบไปด้วยสารเคมีนานาชนิด ซึ่งอาจจะมีชนิดที่ทำร้ายผิวและเรือนร่างอยู่ด้วยก็เป็นได้ ฉะนั้น วันนี้เรามาดูกันดีกว่า ผลิตภัณฑ์ความงามแบบไหนบ้างที่ แพทย์ผิวหนังแนะนำว่าไม่ควรใช้ เพราะแทนที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดี มันอาจทำให้ได้ผลตรงกันข้าม 1. โลชั่นทาตัวและมือ ที่จริงแล้วแพทย์ผิวหนังแนะนำว่าหากผิวแห้งจริงๆ ควรใช้เป็น ครีม แทน เพราะมันแรงกว่า เก็บความชุ่มชื้นไว้ได้ดีกว่า แต่โลชั่นจะผสมน้ำเยอะกว่า จึงเจือจางกว่าและเก็บกักความชุ่มชื้นได้ไม่ดี แต่ถ้าใครไม่อยากผิวเหนอะหรือผิวมัน ก็ใช้โลชั่นแทนได้ 2. มาส์กหน้าชาร์โคล ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า มาส์กหน้าประเภทนี้นั้นแรงเกินไป นอกจากจะทำให้ผิวเจ็บแล้วยังทำลายโครงสร้างเซลล์ผิวหนังอีกด้วย ส่วนผสมของมาส์กหน้าชาร์โคลนั้นรุนแรงมาก มันสามารถทำลายเซลล์ผิว ขนอ่อน และน้ำมันในผิวหน้าได้เลยทีเดียว 3. สเปรย์กันแดด ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าใช้ ครีมกันแดด ดีกว่าสเปรย์กันแดด เพราะมันซึมได้ลึกถึงผิวชั้นใน…
-
สาระน่ารู้!! 7 สาเหตุของการเกิด ‘รอยช้ำ’ บนผิวหนัง ที่บ่งบอกถึงสุขภาพได้ด้วย
รอยฟกช้ำ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องเคยประสบกับตัวเอง อาจจะเกิดจากอุบัติเหตุเล็กๆ น้อย ที่ทำให้เกิดอาการฟกช้ำบนผิวหนัง สีม่วงบ้าง สีเขียวบ้าง แต่บางครั้งสาเหตุมันก็ไม่ได้มาจากอุบัติเหตุ แต่เป็น 7 สาเหตุดังนี้ 1. การยกของหนัก การยกของหนักก็เป็นหนึ่งสาเหตุในการเกิดรอยช้ำได้ ซึ่งที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าเส้นเลือดของคุณอาจจะมีความอ่อนแอ เมื่อออกแรงยกน้ำหนักมากเกินไปก็อาจจะทำให้ช้ำได้ แต่รอยช้ำที่เกิดนี้ไม่ค่อยเป็นอันตรายมากนัก เวลาจะยกของหนักก็ระมัดระวังกันด้วยนะ 2. การทานยา ยาบางส่วนอาจมีฤทธิ์ต่อเส้นเลือด อย่างเช่น แอสไพริน เป็นเหตุทำให้เกิดอาการฟกช้ำเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าหากว่าทานแล้วมีอาการฟกช้ำมากเกินไปควรพบแพทย์ 3. โรคเลือด สำหรับคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับเลือดมักจะมีปัญหามีรอยฟกช้ำบ่อยครั้ง ถ้าเกิดว่าคุณมีอาการปวด บวม เลือดออกตามไรฟัน มีจุดห้อเลือดหรือเลือดคั่งบ่อยๆ ล่ะก็ควรปรึกษาแพทย์โดยด่วน 4. ขาดสารอาหาร ถ้าคุณมักจะเกิดรอยฟกช้ำบ่อยๆ ล่ะก็คุณอาจจะกำลังขาดวิตามินอยู่ก็ได้นะ วิตามินที่คุณควรจะหามาเสริมก็คือพวกวิตามินบี 12 วิตามิน เค และวิตามิน ซี แหล่งอาหารที่พบ วิตามิน บี 12 คือ ตับ ไต นม…
-
20 ภาพของชนเผ่าจากพื้นที่ห่างไกล ที่เผยให้เห็น “ความหลากหลายอันงดงาม” ของโลกใบนี้
นี่คือภาพถ่ายที่หาชมได้ยากของเหล่าชนเผ่าจากพื้นที่ห่างไกลจากทั่วทุกมุมโลก โดยฝีมือของคุณ Jimmy Nelson ช่างภาพวัย 51 ปี จากสหราชอาณาจักร ภาพของชนเผ่าเหล่านี้ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือ Before They Pass Away เมื่อปี 2013 ซึ่งช่างภาพของเราต้องการสื่อให้เห็นถึงความแตกต่างที่อยู่ในโลกของเรา และนี่คือภาพบางส่วนที่เรานำมาให้ได้ชมกันในวันนี้… 1. ชนเผ่าจากประเทศภูฏาน 2. แม่น้ำคงคา ประเทศอินเดีย 3. ชาว Himba จากประเทศนามิเบีย 4. ชาว Huli Wigman ประเทศปาปัวนิวกินี 5. เทือกเขา Koh Yor Tolgoi ประเทศมองโกเลีย 6. ชาว Karo ประเทศเอธิโอเปีย 7. ชนเผ่าจากปาตาโกเนีย ประเทศอาร์เจนตินา 8. หมู่บ้าน Likekaipia Tribe Ponowi จากพื้นที่รายสูงทางด้านตะวันตก ประเทศปาปัวนิวกินี 9. ชาวม้ง จากมณฑลกุ้ยโจว…
-
5 สัญญาณเตือนจากร่างกาย ที่บอกว่าคุณ(และคนใกล้ตัว) มีแนวโน้มเป็น “อัลไซเมอร์”
โรคอัลไซเมอร์ คือสภาวะสมองเสื่อมที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้สูงอายุ จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณะสุขเผยว่า ในปี 2558 ประเทศไทยมีผู้ป่วยด้วยโรคนี้มากถึง 600,000 ราย โรคนี้มักจะใช้เวลานานหลายปีก่อนที่จะแสดงอาการป่วยให้เห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งคุณเองสามารถตรวจสอบได้ง่ายๆ จากอาการทั้ง 5 ข้อนี้ 1. การสูญเสียความทรงจำ อาการขี้หลงขี้ลืมอาจจะไม่ใช่สัญญาณเตือนสำหรับโรคอัลไซเมอร์เสมอไป แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเริ่มมีอาการสูญเสียความทรงจำล่ะก็ นั่นแหละคือสัญญาณเตือนที่คุณต้องเริ่มกังวลแล้ว โรคนี้มักจะส่งผลกระทบต่อความทรงจำระยะสั้น ซึ่งจะทำให้คุณลืมสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 10 นาทีที่แล้ว หรือลืมบทสนทนาที่เพิ่งจบไป นอกจากนี้คุณอาจจะพูดเรื่องเดิมซ้ำๆ หรือมีปัญหาในการนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นด้วยก็ได้ 2. กิจกรรมธรรมดาๆ ก็กลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้น กิจกรรมง่ายๆ อย่างการเล่นมือถือ หรือการชงกาแฟอาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้ความคิดซับซ้อน แต่ถ้าหากว่าคุณมีอาการโรคสมองเสื่อมล่ะก็ เรื่องพวกนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยากขึ้นมาทันที คุณจะสังเกตุตัวเองได้จากความยากลำบากที่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่นการเลือกคำที่เหมาะสมในการสื่อสารได้ยากขึ้น รวมถึงการทำกิจวัตรประจำวันด้วย 3. ฉันมาที่นี่ได้อย่างไร?? หนึ่งในอาการที่บอกว่าคุณมีความเสี่ยงในการป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมก็คือคุณมักจะสับสนว่าคุณอยู่ที่ไหน หรือทำไมถึงมาอยู่ที่นั่น และมักจะสับสนได้อยู่บ่อยๆ เช่นคุณมักจำไม่ได้ว่าหลังจากเดินขึ้นบันไดมาแล้วคุณกำลังอยู่ตรงส่วนไหนของบ้าน 4. อารมณ์เปลี่ยนแปลง คุณอาจจะเกิดความไม่พอใจและรำคาญได้ง่ายขึ้น หรือหงุดหงิดและเสียความมั่นใจในตัวเองด้วย นอกจากนี้มันยังทำให้คุณรู้สึกไม่มีความสนใจในกิจกรรมต่างๆ ไม่พร้อมที่จะปรับแผน หรือลองอะไรใหม่ๆ …
-
ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐ ระบุนำ “เนื้อดิบไปล้างน้ำ” ฆ่าเชื้อโรคไม่ได้ แถมทำเชื้อกระจายไปอีก!!
พวกเราทุกคนมักจะเคยชินกับการล้างน้ำทำความสะอาด เนื้อดิบ ก่อนที่จะนำไปประกอบอาหาร เพื่อต้องการล้างเอาเชื้อโรคและแบคทีเรียออกไปให้หมด แต่ว่าวิธีการที่เราทำต่อๆ กันมานั้น มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงๆ หรือเปล่า? ข้อสงสัยนี้ถูกไขให้กระจ่างในที่สุด เมื่อ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ได้ออกมาชี้แจงว่าแท้จริงแล้วพวกเรา “ไม่ควร” ที่จะนำเนื้อดิบไปล้างน้ำ เพราะวิธีการนั้นจะทำให้เชื้อโรคกระจายตัวออกไปได้มากกว่าเดิม CDC อธิบายไว้ว่าการที่เรานำเนื้อดิบไปล้างน้ำจะทำให้เชื้อโรคหรือแบคทีเรียต่างๆ อาทิเช่น เชื้อ Salmonella ในสัตว์ปีก หรือเชื้อ E. coli ในเนื้อวัว กระจายตัวออกไปอยู่ตามอ่างล้างจานหรืออ่างล้างมือที่เราใช้ อีกทั้งยังรวมไปถึงจุดที่เรานำเนื้อดิบดังกล่าวไปวางเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นบนเขียง ในจาน แม้แต่หยดน้ำที่ไหลซึมออกมาจากเนื้อก็สามารถสร้างอันตราย กระจายโรคได้ไม่ต่างกัน Daniel Green ผู้ช่วยผู้อำนวยการของจุลชีววิทยาทางคลินิก แห่งมหาวิทยาลัยแพทย์ New York – Presbyterian – Columbia บอกว่า “การล้างน้ำไม่ใช่วิธีที่ดีสักเท่าไหร่สำหรับการฆ่าเชื้อแบคทีเรียในเนื้อดิบ เพราะแบคทีเรียจำนวนมากจะฝังลึกอยู่ในตัวเนื้อ นำไปล้างน้ำก็ไม่สามารถนำเชื้อเหล่านั้นออกไปได้แต่อย่างใด” เพราะฉะนั้นวิธีการนี้จึงเป็นแค่สิ่งที่ทำให้เชื้อโรคกระจายไปอยู่รอบๆ ตัวของเราเท่านั้น เราจึงมีโอกาสที่จะรับเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ผ่านการสัมผัสพวกของใช้ในห้องครัวได้ง่ายยิ่งขึ้น …
-
8 สัญญาณหรืออาการที่ร่างกายส่งมาเตือน คุณผู้หญิงไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด!!
ร่างกายของเรานั้นไม่มีระบบส่งเสียงเตือนล่วงหน้าเวลาจะเจ็บไข้ได้ป่วย จะทำได้ก็เพียงส่งสัญญาณบางอย่างบอกให้เรารู้ว่าร่างกายเรากำลังมีปัญหานะ อย่างเช่น น้ำหนักลดไวหรือรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา แม้จะพักผ่อนเพียงพอ วันนี้เพื่อให้เพื่อนๆ รู้จักสังเกตอาการที่ร่างกายตัวเองบอกมาแบบอ้อมๆ เราจึงได้นำ 8 สัญญาณอาการที่ผู้หญิงไม่ควรจะละเลยหรือมองข้ามมันไป เพราะนั่นมันหมายถึงสุขภาพของคุณมาให้ได้รับชมกันครับ 1. น้ำหนักลดโดยที่หาสาเหตุไม่ได้ ผู้หญิงหลายๆ คนนั้นอยากที่จะลดน้ำหนักมากเหลือเกิน แต่มันก็ทำได้ยากเย็นมากๆ แต่ถ้าวันหนึ่งน้ำหนักของคุณลดลงมาเองโดยหาสาเหตุไม่ได้ล่ะ บางคนอาจจะดีใจนะ แต่รู้มั้ยว่าอาการนั้นอาจเป็นสาเหตุของความเครียดสะสม โรคเบาหวาน มะเร็งหรืออย่างอื่น ทางที่ดีคุณควรไปหาแพทย์โดยด่วน 2. เหนื่อยสะสม มนุษย์มักจะแสดงอาการเหนื่อยออกมาหลังจากที่พักผ่อนไม่เพียงพอ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่พักผ่อนเพียงพอแล้วก็ยังรู้สึกเหนื่อยติดต่อกันมามากกว่า 2 อาทิตย์แล้วแสดงว่าร่างกายคุณอาจจะมีปัญหา ให้รีบไปหาแพทย์จะดีกว่า เพราะอาการที่เกิดขึ้นอาจเป็นไปได้ทั้งปัญหาต่อมไทรอยด์ โรคหัวใจหรืออาการขาดวิตามินดี 3. หน้าอกเปลี่ยนแปลง คุณผู้หญิงแต่ละคนควรที่จะตรวจสอบหน้าอกของตัวเองอยู่อย่างน้อยครั้งละเดือนและหากสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอาทิ สี รูปร่าง หรือมีก้อนอะไรขึ้นมา คุณควรไปพบนรีแพทย์จะดีกว่า 4. เวลาออกกำลังกายมักหายใจถี่และวิงเวียนศีรษะง่ายๆ หากการที่คุณเดินขึ้นบันไดเพียงชั้นสองชั้นแล้วทำให้คุณหายใจสั้นและถี่ แถมยังรู้สึกเหนื่อยมากๆ คุณก็ควรไปพบแพทย์เช่นกัน เพราะนั่นอาจจะเป็นสาเหตุของโรคหอบหืดหรือโรคหัวใจ 5. หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นเร็วในที่นี้ไม่ได้หมายถึงตอนที่คุณกำลังออกกำลังกายหรืออะไรก็ตามที่ใช้แรงกาย หากคุณรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย คุณควรจะให้ความสนใจเกี่ยวกับอาการนี้ให้มากๆ …
-
นักจิตวิทยาแนะนำกฎ 3 นาทีในการดูแลเด็ก ที่จะทำให้ลูกไว้ใจคุณแม้ว่าพวกเขาจะโตขึ้น
หลังจากการทำงานอันเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน คุณเคยคิดรึเปล่าว่าคุณใช้เวลาอยู่กับลูกจริงๆ มากเท่าไหร่ บางคนอาจจะบอกว่ามากเป็นหลายชั่วโมง บางคนอาจจะบอกว่าแทบไม่ได้คุยกัน หรือบางคนอาจจะขอคำจำกัดความที่ว่าการ “อยู่กับลูกจริงๆ” คือแบบไหน แต่รู้รึเปล่าว่าเวลาที่เด็กๆ ต้องการจากคุณ แบบจริงๆ จังๆ และสำคัญมากนั้น มันก็เพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้นเอง กฎ 3 นาที สิ่งสำคัญที่ง่ายกว่าที่คุณคิด นักจิตวิทยา Nataliya Sirotich บอกว่า สิ่งสำคัญในการเลี้ยงดูลูกนั้นคือกฎที่ว่า คุณจะต้องไปอยู่กับลูกและพูดคุยกับพวกเขาเป็นเวลาสามนาทีทุกครั้งที่พวกคุณจากกันเป็นระยะเวลานาน (นานในที่นี้คือ ต่อให้เดินไปหน้าปากซอย 10 นาทีก็ต้องทำนะ) ให้คุณลดระดับของสายตาลงไปให้เสมอกับเด็กๆ ให้ความรักแก่พวกเขา จะด้วยการกอด จูบ หรือลูบหัวก็แล้วแต่ หลังจากนั้นให้ถามพวกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างตอนที่คุณไม่อยู่ เป็นเวลาราวๆ 3 นาที โดยเฉพาะหลังจากกลับจากโรงเรียน หรือตอนคุณกลับมาจากงาน ทำไมต้องทำแบบนั้น? ตามที่นักจิตวิทยากล่าว ในช่วงนาทีแรกหลังจากที่คุณคุยกับลูกๆ พวกเขาบอกข้อมูลทั้งหมดที่พวกเขาจำได้ให้แก่คุณ ซึ่งหากปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่พูดคุยกับพวกเขา เด็กๆ อาจจะหมดโอกาสที่จะได้พูดอะไรสำคัญๆ หรือลืมจุดสำคัญของเรื่องที่พวกเขาจะพูด ทำให้พวกเขาพูดไปเรื่อยเปื่อยทั้งวันไม่ยอมหยุด นั่นอาจจะทำให้พ่อแม่พลาดข้อมูลสำคัญๆ ที่เด็กๆ ควรจะบอก อย่างเห็นควันขึ้นที่ปลั๊กไฟ…
-
ทดสอบสายตา! บททดสอบง่ายๆ เช็กดูว่าสายตาของคุณ “เห็นสี” ได้ปกติหรือไม่!!?
เรื่องของสายตา นับว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากของร่างกายมนุษย์เรา หากสายตาของเราเกิดความผิดปกติ หรือใช้การไม่ได้ นั่นอาจทำให้เราใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อย่างยากลำบาก วันนี้เราจึงขอชักชวนเพื่อนๆ มาทดสอบสายตากันสักหน่อย เป็นการทดสอบในเรื่องของการ “มองเห็นสี” บททดสอบนั้นง่ายมาก เพียงแค่มองมาที่ 8 ภาพต่อไปนี้ แล้วอ่านคำศัพท์ที่อยู่ในภาพ หากใครสามารถอ่านได้ทั้ง 8 ภาพ 8 คำศัพท์ จะถือได้ว่า สายตาของคุณมองเห็น “สี” ได้อย่างสมบูรณ์ เอาล่ะ เรามาเริ่มกันเลย… (เฉลยคำตอบท้ายบทความ) #1 #2 #3 #4 #5 #6 #7 #8 ตอนนี้ก็ครบทั้ง 8 ภาพแล้ว ถ้าใครที่ไม่สามารถอ่านคำศัพท์ได้ครบทุกภาพ คำตอบของแต่ละภาพ มีดังนี้ 1. TREE 2. EAT…
-
สื่อญี่ปุ่นลงสำรวจพร้อมลิสต์รายชื่อ 10 อันดับ ‘คนญี่ปุ่น’ ที่ชาวไทยรู้จักมากที่สุด
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่หลายๆ อย่างในประเทศนั้นมีเสน่ห์ ซึ่งก็ทำให้หลายๆ คนหลงใหลในประเทศญี่ปุ่น ไปเที่ยวรอบเดียวไม่เคยพอ และก็เป็นที่รู้กันว่าหลายๆ คนในไทยก็ชื่นชอบญี่ปุ่นเช่นกัน รายการ Rikukaiku Konna Jikan ni Chikyu Seifuku Suru Nante ที่ฉายผ่านทางช่อง TV Asahi จึงได้ทำออกมาทำการสำรวจประชาชนคนไทยว่า พวกเขานั้นรู้จักคนญี่ปุ่นคนไหนกันบ้าง ซึ่งก็ลิสต์มาเป็น 10 อันดับที่คนตอบมากที่สุด ซึ่งอันดับก็ออกมาตามข้างล่างนี้เลยครับ จะมีใครติดบ้างนะ เพื่อนๆ นึกออกกันไหม ถ้านึกไปออกลองไปชมพร้อมๆ กันเลยครับ 10. Yamada Nagamasa หลายคนอาจงงว่าเขาเป็นใคร ต้องขอย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ. 2164 กันเลยครับ เพราะว่าเขาคือซามูไรชาวญี่ปุ่นที่เข้ามารับราชการในไทยตั้งแต่สมัยอยุธยานั่นเอง 9. Makoto สมาชิกวง Lucifer Lucifer เรียกได้ว่าเป็นวง J-Rock ที่ดังในบ้านเรามากในสมัยก่อน แต่คนที่แฟนๆ ชาวไทยจดจำได้มากที่สุดก็คงไม่พ้นมาโกโตะนี่แหละ 8. Aoyama Naoaki สำหรับอันดับแปดตกเป็นของนักฟุตบอล อาโอะยามะ นาโอะกิ ตำแหน่งกองหลังตัวกลางผู้เล่นให้กับทีมเอสซีจี…
-
ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง 7 ทรงผมมาแรงแห่งปี 2018 สำหรับสาวๆ ที่อยากจะเปลี่ยนมาแซ่บ
สำหรับสาวๆ แล้วการจะเปลี่ยนแปลงทรงผมแต่ละครั้งก็ต้องคิดแล้วคิดอีกว่า ถ้าทำทรงนี้แล้วจะเข้ากับเราหรือไม่ เพราะความสวยมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของผู้หญิง ในวันนี้เหมียวบู้บี้ก็เลยจะมาแนะนำทรงผมที่มาแรงสุดๆ ในปี 2018 นี้ เผื่อว่าใครอยากจะเปลี่ยนทรงผม จะได้เซฟเอาไว้เป็นไอเดียกัน 7. ย้อมสีแบบขั้นๆ ไล่ระดับและดัดลอนปลาย ย้อมสีแบบไล่ระดับกำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก ย้อมสีเดียวทั่วทั้งหัวมันเอาท์ไปแล้ว จัดไปหลายๆ สี สวยยยย ดัดลอนปลายด้วยลอนใหญ่ๆ เพิ่มความเซ็กซี่สำหรับสาวๆ ที่ผมยาว https://instagram.com/p/BfZzOhSBkrn/?utm_source=ig_embed . https://www.instagram.com/p/BIZ31jEgTOW/?utm_source=ig_embed 6. ผมบ๊อบเปิดหน้าผาก เปิดเหม่งรับทรัพย์กันไปเลยค่ะสาวๆ ผมประมาณประบ่าเป็นอีกทรงที่น่าสนใจสำหรับใครที่ยังใจไม่กล้าตัดสั้นจนเกินไป เปิดหน้าผากและย้อมสี พร้อมกับลอนให้เป็นคลื่นเล็กๆ แซ่บมาก https://www.instagram.com/p/BZPEIQMn8Mu/?utm_source=ig_embed เซฟรูปเก็บไว้ให้ช่างตัดผมเลยค่ะ https://instagram.com/p/BcRZSt7Dhn5/?utm_source=ig_embed 5. ผมสั้นสุดมั่น เปรี้ยวสุดๆ การตัดผมทรงสกินเฮดไม่ได้มีไว้สำหรับผู้ชายเสมอไป สาวๆ ก็สามารถตัดได้ เพิ่มความเผ็ดด้วยการย้อมสีแบบสดใส https://instagram.com/p/Bg-1my6gLx1/?utm_source=ig_embed . https://www.instagram.com/p/Bc6kTSiD1YZ/?utm_source=ig_embed 4. ผมสั้นป้าย ผมสั้นมาแรงแซงทางโค้งจริงๆ ในปีนี้ สาวๆ อาจจะเพิ่มความแปลกใหม่ให้กับทรงผมสั้นด้วยการไถเกรียนข้างๆ…
-
10 อาชีพที่ “คนมีอาการทางจิต” เลือกทำมากที่สุด จากการเปิดเผยของนักจิตวิทยามือโปร
ก่อนอื่นเลยเรามาทำความเข้าใจกับคำว่าโรคจิตกันก่อน เพราะหลายๆ คนได้ยินคำว่าโรคจิต ก็คงจะคิดถึงฆาตรกรที่อยู่ในหนัง แต่จริงๆ แล้วโรคจิตมีหลายประเภท คนเป็นโรคหวาดระแวง หรือย้ำคิดย้ำทำก็จัดเป็นโรคจิตแบบหนึ่งได้ ดังนั้นถ้าจะให้พูดจริงๆ พวกเขาก็เหมือนคนปกติแบบเรานี่แหละ เพียงแค่มีกระบวนการความคิดบางอย่างต่างจากเราแค่นั้นเอง อ้างอิงข้อมูลจากนักจิตวิทยาชาวอังกฤษ Kevin Dutton ซึ่งเขียนหนังสือที่ชื่อว่า The Wisdom of Psychopaths ภายในนั้นมีข้อมูลของอาชีพต่างๆ ที่มีคนเข้าข่ายมีอาการทางจิต ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม สามารถจัดอันดับอาชีพเหล่านั้นได้ดังนี้… อันดับที่ 10 ข้าราชการ เปิดมาข้อแรกก็ไม่น่าเชื่อแล้วใช่ไหมล่ะ แต่เชื่อไหมล่ะว่าในปี 2014 รัฐบาลอังกฤษเองยังมีการพิจารณารับคนที่มีแนวโน้มดังกล่าวมาทำงานในด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยเลยด้วย เพราะว่าตามปกติแล้วคนเหล่านี้มักจะรับมือกับวิกฤตการณ์ได้ดี พวกเขาสามารถตัดสินอะไรได้เป็นกลางกว่าคนทั่วไป เพราะใช้หลักเหตุผลในการตัดสินไม่ใช่หลักอารมณ์ความรู้สึก แถมยังมีแนวโน้มที่จะฉลาดและมีเหตุมีผลกว่าคนทั่วไปอีกด้วย อันดับที่ 9 กุ๊ก คนโรคจิตมีแนวโน้มที่จะรับมือกับความวุ่นวายได้ดี ดังนั้นนี่จึงอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่พวกเขาทำงานในห้องครัวที่ต้องทำอะไรหลายๆ อย่างได้ดี และส่วนมาก อาการทางจิต ไม่ได้หมายถึงฆาตกร คนเหล่านี้ที่จริงจะไม่มีความคิดเกี่ยวกับการฆ่าคนเลย ดังนั้นจึงสามารถทำงานกับมีดได้โดยไม่มีปัญหาอะไรผิดกับความเชื่อฝังหัวของคนส่วนมาก อันดับที่ 8 งานศาสนา Joe Navarro ตำรวจเอฟบีไอ อธิบายว่าเหตุผลที่คนมีอาการทางจิตมักจะทำงานเกี่ยวกับศาสนาได้ดีนั้น เป็นเพราะในความคิดของพวกเขาแล้ว องค์กรทางศาสนาสามารถใช้เป็นเครื่องมือในขอความร่วมมือจากคนอื่นๆ ได้ง่าย ในขณะที่ยังให้ความชอบธรรมกับการกระทำหลายอย่างของพวกเขา อีกทั้งงานรูปแบบนี้ยังช่วยให้พวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของคนที่ทำงานให้พวกเขาได้ง่ายด้วยนั่นเอง…
-
งานบ้าน ความสวยงาม ได้หมด!! นี่คือ 7 ประโยชน์ของ “กากกาแฟ” ที่คุณไม่ควรรู้มาก่อน
กาแฟ เครื่องดื่มยอดฮิตที่ช่วยปลุกพลังยามเช้าของหลายคน และเพื่อนๆ รู้กันหรือไม่ว่า เจ้าเครื่องดื่มสีดำที่มาพร้อมกับสารเคมีที่ช่วยกระตุ้นระบบประสาทเหล่านี้ นอกจากจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นแล้ว มันยังมีประโยชน์อีกมากมายด้วยนะ และนี้คือ ” 7 คุณประโยชน์จากกากกาแฟ เครื่องดื่มยอดฮิตที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน” 1. กากกาแฟสามารถช่วยดับกลิ่นในตู้เย็นได้ กลิ่นในตู้เย็นนั้นไม่ใช่เรื่องตลกพอๆ กับกลิ่นปากหรือกลิ่นตัวเลย หลายๆ คนอาจจะเลือกใช้ “ถ่าน” หรือ “ผงฟู” ในการกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์นี้ แต่รู้หรือไม่ว่านอกจาก 2 อย่างที่ว่ามาแล้ว กากกาแฟก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยนะ 2. กากกาแฟยังค้างกลิ่นคาวปลาที่มือได้อีก โอ้!! เมื่อไหร่ก็ตามที่เหล่าแม่บ้านจำเป็นต้องทำเมนูปลาล่ะก็ สิ่งที่คุณไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้เลยนั่นก็คือกลิ่นคาวปลาที่ติดมือนั่นเอง ถ้าอย่างนั้นลองใช้กากกาแฟล้างมือดูสิ นอกจากจะช่วยดับกลิ่นแล้ว ยังช่วยขัดผิวและทำให้มือนุ่มอีกด้วยนะ 3. อยากให้ผมสวยเงางามลองใช้กากกาแฟดูสิ ถ้าคุณหมดปัญญากับการหาผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยให้ผมสวยเงางามแล้วล่ะก็ ลองใช้กากกาแฟเป็นตัวช่วยของคุณดูสิ แค่ใช้มันสระผมเท่านั้นเอ๊ง!! เพราะกากกาแฟชิ้นเล็กๆ นี้จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ผมออกได้ย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นคราบเจล หรือสเปรย์ใส่ผมก็ขจัดออกได้อย่างหมดจด 4. ขัดผมแล้ว ใช้ขัดผิวก็ได้นะ ประโยชน์ของกากกาแฟกับความสวยงามนั้นยังมีอีกมากมายหลายอย่างด้วยกัน รวมถึงการช่วยให้ผิวของคุณสวยงามขึ้นอีกด้วย เพราะกากกาแฟจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และคืนความสดใสให้กับผิวสวยๆ ของคุณผู้หญิงยังไงล่ะ…
-
11 กริยาท่าทาง “ไม่เหมาะสม” ในที่ทำงาน ใครเป็นแบบนี้ ควรเลิกทำได้แล้ว!
สำหรับวัยทำงาน หลายท่านคงทราบดีว่ามันต่างจากสมัยเรียนมาก ทั้งเรื่องของหน้าที่การงานและการวางตัว ขณะที่มารยาททางสังคมต่างๆ เองก็เพิ่มมากขึ้นกว่าตอนเรียนอีกเสียด้วย วันนี้เราจะมากันด้วยเรื่องของ กิริยาท่าทางที่ดีในที่ทำงาน ซึ่งอาจมีหลายคนยังเข้าใจผิดอยู่ วันนี้เราจะได้รู้กันแล้วว่าท่าทางแบบไหนควรทำหรือไม่ควรทำ ถ้าอยากมีได้เลื่อนขั้นเร็วๆ ก็ไม่ควรพลาดบทความนี้เลยล่ะ… 1. การนั่งทำงานแบบปล่อยตัวสบายเหมือนอยู่บ้าน แน่นอนว่าหลายคนอาจจะติดวิธีการนั่งสบายๆ มาจากที่บ้าน แต่สำหรับที่ทำงานแล้ว หากคุณปล่อยตัวสบายๆ แบบนั้น นอกจากมันจะทำให้กระดูกสันหลังบาดเจ็บแล้ว มันยังทำให้ ภาพลักษณ์คุณเสีย อีกด้วย หัวหน้าอาจมองว่าคุณไม่ใส่ใจกับงาน และขี้เกียจ เปลี่ยนเป็นท่านั่งที่ทะมัดทะแมงมากขึ้น เพื่อให้คนเห็นว่างานทุกงานคือสิ่งที่คุณสนใจและทุ่มเทให้กับมันอย่างเต็มที่ 2. มองบน การมองบนอาจใช้เล่นกับเพื่อนๆ ได้ แต่อย่าใช้ในที่ทำงานเด็ดขาดเพราะมันไม่สุภาพเอามากๆ ต่อให้ไม่มีใครเห็นก็ตาม แต่การกลอกตาหรือมองบนนั้นเป็นการไม่ให้เกียรติผู้อื่นอย่างยิ่ง ถ้าหัวหน้างานคุณมาเห็นคุณอาจจะต้องพบกับความซวยที่แท้จริง 3. ยืนกุมเป้า การยืนกุมเป้านั้นเป็นท่าประจำของหนุ่มๆ เลย แต่อยากบอกไว้สักหน่อยว่าในบริบทของการทำงาน การยืนด้วยท่ากุมเป้านั้นจะทำให้เพื่อนร่วมงานของคุณรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจ ฉะนั้น ลองยืนท่าปกติ ปล่อยมือออกจากบริเวณเป้า 4. รุกรานความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น ไม่ว่าหัวหน้างานของคุณจะเป็นคนอัธยาศัยดีและเป็นมิตรขนาดไหน คุณก็ไม่ควรเข้าไปรุกรานพื้นที่ส่วนตัวของเขา…
-
นักวิทย์เผย แท้จริงแล้ว “หมึกยักษ์” เป็นสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก ตกลงมาเมื่อหลายล้านปีก่อน
พวกเราเกือบทุกคนเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตต่างๆ ถือกำเนิดขึ้นตามธรรมชาติบนโลกของเรา แต่เอ๊ะ ความจริงแล้วมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่า? เพราะอย่างนั้นจึงทำให้มีนักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มได้ข้อสรุปมาในแบบที่เราอาจไม่เคยคาดคิดกันมาก่อน นักวิทยาศาสตร์กว่า 33 คนจากทั่วทุกมุมโลกได้ข้อสรุปออกมาว่า หมึกยักษ์ (Octopus) นั้น แท้จริงแล้วเป็นสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก หรือก็คือเป็นมนุษย์ต่างดาวนั่นเอง หน้าตาของเจ้าหมึกยักษ์ (Octopus) การศึกษาในครั้งนี้ได้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Progress in Biophysics and Molecular Biology อธิบายเอาไว้ว่าหมึกยักษ์คือสิ่งมีชีวิตที่เดินทางมาจากนอกโลก เริ่มมาอาศัยอยู่บนดาวของเราในตอนที่เกิดการระเบิดช่วงยุค Cambrian (ยุคเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิต) เมื่อราวๆ 540 ล้านปีก่อน นักวิจัยเชื่อว่าเชื้อไวรัสเอเลี่ยนเข้ามาสู่โลกของเราในตอนนั้น โดยติดมากับอุกกาบาตจำนวนมาก ทำให้ปลาหมึกดั้งเดิมบนโลกของเราติดเชื้อดังกล่าวเข้าไป และพัฒนากลายเป็นหมึกยักษ์ในที่สุด พวกเขายังกล่าวถึงข้อสันนิษฐานอีกอย่างหนึ่งว่า พวกหมึกเหล่านี้อาจติดมากับอุกกาบาตในตอนนั้นหรือไม่ก็อาจมีไข่ของพวกมันติดมา แล้วค่อยมาเพาะพันธุ์ในโลกของเรา ผลสรุปจากการวิจัยในครั้งนี้มีความเชื่อมโยงกับทฤษฎี Panspermia ที่กล่าวเอาไว้ว่า สิ่งมีชีวิตหลายๆ ชนิดบนโลกของเราเดินทางมาจากนอกโลก เป็นเหมือนกับฝุ่นละอองในอวกาศที่มาเติบโตบนโลกของเรา เอาให้เห็นภาพก็คือเหมือนกับเป็นปรสิตต่างดาว เข้ามาอาศัยอยู่ร่วมกันกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ บนโลกของเราอย่างเป็นมิตร จนกระทั่งเริ่มมีการปรับตัวและสามารถมีชีวิตอยู่มาได้ถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชิ้นนี้กลับทำให้นักวิจัยกลุ่มอื่นๆ…
-
18 ภาพเบื้องหลังสิ่งของหลายๆ ที่เราเห็นกันบ่อยๆ โอ้!! ที่แท้มันก็เป็นแบบนี้นี่เอง
เคยสงสัยกันไหมว่าไอ้สิ่งที่เราใช้งานหรือเห็นกันอยู่ทุกวันนั้นมันทำมาอย่างไร หรือว่ามีการทำงานแบบไหนบ้างรึเปล่า? จริงอยู่ว่าของบางอย่างก็มีการทำงานแบบที่เราคุ้นเคยกัน อย่างที่คั้นน้ำผลไม้ก็ใช้แรงกดในการบีบน้ำออกมาจากตัวผลไม้ที่ใส่เข้าไป แต่ด้วยความที่เทคโนโลยีของเรานั้นมันพัฒนาไปจากสมัยก่อนมาก ทำให้หลายๆ สิ่งนั้นมีวิธีการทำงานที่เปลี่ยนไปไม่ใช่น้อย ดังนั้นในวันนี้ #เหมียวศรัทธา จึงได้นำ 18 ภาพเบื้องหลังการทำงานสิ่งของที่เราเห็นกันในชีวิตประจำวัน มาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันแล้วที่นี่ เคยเห็นผนังปูนที่ทำออกมาเป็นลายอิฐไหม นี่คือวิธีที่ช่างใช้ทำ เชื่อไหมว่าลายไม้บนโต๊ะมันปลอมกันได้ แบบนี้เลย อันนี้การทำงานของเครื่องตอกไข่ ที่สามารถแยกไข่ขาวกับไข่แดงในตัว การทำงานของอุปกรณ์เก็บลูกเทนนิส ที่คนเก็บแทบจะไม่ต้องก้มเลยด้วยซ้ำ เวลาจุกไม้ตกลงไปในขวด เขามีวิธีเอาออกกันแบบนี้ นี่คือการเติมดินลงใส่ถุงอย่างรวดเร็ว นี่คือภาพเปรียบเทียบการทำงานของเฟรมต่อวินาทีหรือ FPS การทำงานของรถเก็บแครอท ส่วนอันนี้เครื่องคัดแยกผลไม้ อันนี้การทำงานของเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบช้าๆ ชัดๆ ร่องๆ ที่เห็นนั่นคือสิ่งที่อยู่บนแผ่นเสียงจริงๆ นะ การใส่ลูกตาให้ตุ๊กตา ของเกี่ยวกับตุ๊กตานี่มีอะไรให้หลอนเยอะดีนะ การทำงานของเครื่องสไลด์ปลาแซลมอน การถอนฟันคุดในกรณีที่ฟันนอน ส่วนอันนี้หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นจากวิดีโอ นี่คือการพิสูจน์กฎพีทาโกรัสที่เราเคยเรียนกัน…
-
เผย “ใบสมัครงาน” ของ Steve Jobs ที่ยื่นหางานก่อนที่เขาจะสร้างบริษัท Apple
ถ้าพูดถึงหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก Steve Jobs คงเป็นหนึ่งในรายชื่อที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะเขาเป็นถึงผู้ก่อตั้ง Apple บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้เลยทีเดียว แต่ก่อนหน้าที่เขาจะประสบความสำเร็จนั้น เขาก็เป็นเพียงคนธรรมดาเหมือนอย่างกับเราๆ นี่แหละ ต้องมีการสมัครงานเพื่อหาเลี้ยงปากท้องเช่นกัน ในปี 1973 นักธุรกิจในตำนานและคนก่อตั้ง Apple คนนี้ได้ออกจากวิทยาลัย Reed College กลางคัน ซึ่งด้วยอายุ 18 ปีเพียงเท่านั้น เขาก็ได้ไปสมัครงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งภายหลังใบสมัครงานของเขาได้ถูกนำมาเปิดเผยผ่านการประมูลที่ RRAuction โดยที่เขากรอกลงในใบสมัครงานว่า ชื่อ: Steve Jobs, เกิดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1955, ที่อยู่: Reed College, เอก: English Lit, โทรศัพท์: ไม่มี, ใบขับขี่: มี, เข้าถึงขนส่งมวลชนหรือไม่: เป็นไปได้ แต่ไม่ค่อยสะดวก ทักษะ: คอมพิวเตอร์: ได้ เครื่องคิดเลข: ได้, สนใจใน:…
-
12 เกร็ดความรู้น่าสนใจ ความจริงอันไม่น่าเชื่อที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนของโลกใบนี้
โลกเรานั้นเต็มไปด้วยความลับที่รอคอยการเปิดเผย ว่ากันว่ามนุษย์นั้นเป็นสัตว์ที่จะกลัวในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จักอยู่เสมอ แม้ว่าหลายๆ คนจะบอกว่าไม่ชอบเรียนในโรงเรียนก็ตาม แต่บ่อยครั้งพวกเราก็พยายามที่จะเรียนรู้ในเกมที่เล่น หรือประวัติของดาราที่ชอบอยู่ดี นั่นเพราะว่าการหาความรู้ใหม่ๆ มันเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในสามัญสำนึกของมนุษย์เป็นทุนเดิมแล้วนั่นเอง ดังนั้นในวันนี้ #เหมียวศรัทธา จึงได้นำเกร็ดความรู้ใหม่ๆ มาฝากกันอีกครั้ง กับ 12 ความจริงที่ไม่น่าเชื่อของโลกใบนี้ ซึ่งถ้าเพื่อนๆ อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมของเรื่องไหน ก็สามารถกดดูได้ที่ลิงก์ด้านล่างรูปแต่ละรูปเลย ทุกๆ 6 วินาที จะมีเด็กตายเพราะน้ำที่ปนเปื้อน มนุษย์กับกล้วยมี DNA ที่ใกล้เคียงกันถึง 50% องค์การอนามัยโลกบอกว่าการไม่สามารถหาคู่ร่วมเพศได้เป็นความพิการอย่างหนึ่ง ในปี 2015 มีสาวจีนคนหนึ่งถูกพบอยู่ในร้านเกมหลังจากที่หายตัวไป 10 กว่าปี ดูเหมือนว่าเธอจะเล่นเกมอยู่ที่นั่นตลอดเวลาที่หายไปเลย การเอาเหงื่อจากใต้วงแขนผู้ชายมาทาที่ปากสามารถลดความเครียดจากประจำเดือนได้ ความหดหู่นั้นไม่ใช่อาการของความเศร้า แต่เป็นความว่างเปล่า ราวกับการล่องลอยไร้จุดหมายตลอดไป การนั่งนานกว่า 3 ชั่วโมงต่อวันสามารถลดอายุขัยของคุณได้ถึง 2 ปี Anna Jarvis ผู้ก่อตั้งวันแม่สากล ไม่เคยแต่งงานหรือมีลูกเลย แม้จะโดนตัดออกจากร่างไปแล้ว…
-
11 เรื่องที่คุณยังไม่รู้ เกี่ยวกับชุดแต่งงาน “เมแกน มาร์เคิล” สะใภ้คนใหม่แห่งราชวงศ์อังกฤษ
จากงานแต่งงานสุดยิ่งใหญ่ระหว่างเจ้าชาย Harry และฝ่ายเจ้าสาว Meghan Markle ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2018 ที่ผ่านมานี้ แน่นอนว่าต้องมีแขกผู้เกียรติเข้าร่วมงานกันเต็มไปหมด แต่คนที่เด่นที่สุดและเป็นที่จับตามองกันมากที่สุดก็ต้องไม่พ้นคู่บ่าวสาวเป็นอย่างแน่นอน ถ้าหากพูดถึงงานแต่งงานชุดเจ้าสาวนั้นก็ย่อมเป็นที่สนใจกันมากๆ แน่นอน ยิ่งเป็นงานแต่งของคนมีชื่อเสียงอย่างคู่ที่เรากล่าวถึงแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่พูดถึงชุดแต่งงานนี้ วันนี้เราจึงได้รวบรวมข้อเท็จจริง 12 ประการเกี่ยวกับชุดแต่งงานของดัชเชส Meghan Markle มาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันครับ 1. มีข่าวลือถึงผู้ที่จะมาออกแบบชุดแต่งงานให้เธอมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Ralph & Russo ผู้ที่ออกแบบเครื่องแต่งกายให้เธอถ่ายรูปกับเจ้าชาย Harry ก่อนหน้านี้ หรือจะเป็น Roland Nouret ดีไซเนอร์ผู้ที่เป็นเพื่อนกับ Meghan มานาน รวมถึง Burberry หัวหน้าทีมดีไซน์ของ English Fashion House 2. แต่ถึงแม้ว่าจะมีข่าวลือมากมาย แต่แบรนด์ GIVENCHY ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับชุดแต่งงานของ Meghan แม้แต่ข่าวลือก็ยังไม่มี 3. แต่สุดท้ายชุดนี้สร้างโดย Clare Waight Keller ดีไซเนอร์ของแบรนด์ Givenchy ซะอย่างนั้น ซึ่งเธอและ…
-
8 ข้อเท็จจริงที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับ “Meghan Markle” ดัสเชสแห่งซัสเซกส์
วันที่ 19 พฤษภาคม 2018 ที่เพิ่งผ่านมานี้เองก็มีเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งเกิดขึ้น นั่นคือการพิธีเสกสมรสของราชวงศ์ระหว่างเจ้าชาย Harry กับ Meghan Markle ณ โบสถ์ St George กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งก็เป็นที่ปลาบปลื้มของประชาชนทั่วราชอาณาจักรเป็นอย่างมาก ทางด้านเจ้าชาย Harry เพื่อนๆ น่าจะรู้จักและได้ยินชื่อเสียงบ่อยๆ อยู่แล้ว แต่สำหรับ Meghan เพื่อนๆ อาจจะยังไม่รู้จักเธอดีเท่าไรนัก ฉะนั้นวันนี้เราจึงได้รวบรวมข้อเท็จจริง 8 ประการเกี่ยวกับ Meghan Markle ที่ ณ เวลานี้กลายเป็นดัสเชสแห่งซัสเซกซ์แล้ว มาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันครับ ไปดูกันเลย 1. ชื่อจริงๆ ของเธอคือ Rachel หญิงงามวัย 36 ปี ที่สร้างชื่อเสียงมาจากการเป็นนักแสดงในบท Rachel Zane ในซีรีส์ Suits แต่เพื่อนๆ รู้มั้ยว่า Rachel ยังเป็นชื่อจริงของเธออีกด้วย โดยที่จะกล่าวชื่อเธอเต็มๆ ยศล่ะก็ต้องเป็น Rachel Meghan Markle…
-
ไขข้อสงสัย ทำไมโลโก้ของร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ถึงต้องเป็นสีแดงด้วยนะ??
ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ชอบกินอาหารฟาสต์ฟู้ดแล้วล่ะก็ เคยสงสัยกันบ้างไหมว่านอกจากทุกเมนูที่แทบจะมีขนมปังหรือของทอดเป็นส่วนประกอบแล้ว ทำไมนะ โลโก้ของร้านเหล่านี้ส่วนมากจะต้องมีสีแดงเป็นส่วนประกอบ!! ไม่ว่าจะเป็นเบอร์เกอร์คิง แมคโดนัลด์ เคเอฟซี ล้วนแล้วแต่จะต้องมีสีแดงอยู่ในโลโก้ด้วยกันทั้งนั้น อ่า… ถ้าหากว่าคุณกำลังเกิดความสงสัยจนไม่เป็นอันแทะไก่ทอดในมือ หรือกินแฮมเบอร์เกอร์ที่อยู่ตรงหน้าล่ะก็ เราไปหาคำตอบเรื่องนี้พร้อมกันเลย… เหตุผลที่โลโก้ของร้านเหล่านี้ต้องมีสีแดงนั้นก็ไม่มีอะไรที่ซับซ้อนเลย เพราะสีแดงนั้นเป็นสีที่สะดุดตามากที่สุดนั่นเอง ว่ากันว่ามนุษย์เรานั้นสามารถจำแนกสีได้มากกว่า 10 ล้านเฉดสี แต่สีแดงจะเป็นสีที่โดดเด่นมากที่สุดสำหรับพวกเรา ความโดดเด่นนี้มีที่มาที่ไปจากยุคสมัยโบราณ เนื่องจากสีแดงนี้เป็นสีแรกๆ นอกจากสีดำและสีขาวที่มนุษย์เราสามารถคิดค้นขึ้นมาได้ อย่างที่เรามักจะเห็นตามภาพเขียนฝาผนัง หรือลวดลายบนโบราณวัตถุ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มนุษย์เรามีความรู้สึกเชื่อมโยงกับสีแดงมากกว่าสีอื่นๆ นอกจากนี้สีแดงยังสื่อความหมายถึงความเร่งด่วน และกระตุ้นความอยากอาหารได้อีกด้วย ซึ่งนั่นเลยทำให้ร้านฟาสต์ฟู้ดส่วนมากเลือกใช้สีแดงเป็นส่วนประกอบของโลโก้ ร้าน รวมไปถึงภาชนะใส่อาหารต่างๆ แต่อย่างไรก็ตามสีแดงเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่สีที่ส่งผลทางบวกต่อลูกค้า บริษัทเหล่านี้มักจะให้ความสำคัญกับการออกแบบโลโก้ เพราะนั่นเป็นสิ่งแรกๆ ที่ลูกค้าจะได้เห็น และส่งผลต่อประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของลูกค้ามากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ จากข้อมูลของบริษัทด้านการตลาดเผยว่า มากกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคมักจะเลือกซื้อสินค้าโดยดูจากสีของผลิตภัณฑ์ก่อน และนอกจากนี้สียังช่วยให้ลูกค้ามากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์จดจำยี่ห้อของผลิตภัณฑ์ได้ดีอีกด้วย ที่นี่รู้แล้วหรือยังล่ะว่า ทำไมร้านฟาสต์ฟู้ดที่เราเห็นกันส่วนมากถึงมีสีแดง …
-
จิตแพทย์เผยผลสำรวจพบว่า ผู้คนพยายามหาทางรักษาอาการ “ติดหนังโป๊” กันมากขึ้น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความเร็วของอินเตอร์เน็ตดูจะเป็นสิ่งที่พัฒนาอย่างเห็นได้ชัด จากที่แต่ก่อนต้องมาต่อเน็ตบ้านทุกๆ 2 ชั่วโมง ก็กลายมาเป็นไฮสปีดอินเตอร์เน็ต ที่รวดเร็วจนเราไม่ต้องรอคอยอะไรอีกแล้ว และเมื่อมันมีความเร็วมากขึ้น ก็ทำให้เหล่าหนุ่มสาวทั้งหลายสามารถเข้าถึงสื่ออย่างภาพเซ็กซี่หรือหนัง AV ได้ง่ายขึ้น โดยที่เราไม่ต้องไปหายืมจากเพื่อนแล้วส่งต่อให้เพื่อนคนอื่นๆ ได้ดูต่อไป ยิ่งยุคนี้มีเทคโนโลยีหนังโป๊แบบ VR ที่ช่วยให้คุณรู้สึกเหมือนได้มีอะไรกับนักแสดงในหนังจริงๆ ยิ่งทำให้หลายคนเสพติดมันเข้าไปใหญ่ แต่ปัญหาก็คือหลายๆ คนอาจไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีอาการเสพติดหนังโป๊อยู่ เมื่อผู้คนเข้าถึงสื่อเหล่านี้ได้ง่ายๆ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดอาการเสพติดหนังโป๊มากขึ้น ด้านนักจิตบำบัด Rob Watt ได้ออกมาเปิดเผยว่าในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ได้มีผู้ป่วยจำนวนมากที่มีอาการเสพติดหนังโป๊เข้ามาปรึกษาที่คลินิกของเขา ซึ่งตัวเลขของผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเกือบ 100% “อาการเสพติดเซ็กส์ในวันนี้แทบจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้ป่วยเมื่อ 10 ปีที่แล้วได้เลย” Watt กล่าว “พวกเรากำลังเผชิญหน้ากับผู้คนที่มีพฤติกรรมเสพติดหนังโป๊โดยไม่รู้ตัวมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งเป็นเด็กรุ่นใหม่ยิ่งเห็นได้ชัดขึ้น คุณสามารถหาหนังโป๊ได้เร็วขึ้น ดีขึ้น ชัดขึ้นไปเรื่อยๆ” นอกจากนี้เขายังเปรียบเทียบการดูหนังโป๊ ว่าช่วยให้สมองหลั่งสารเคมีที่ชื่อว่าโดปามีนได้เหมือนกับการเสพโคเคน 1 แถว ในรอบหลายปีมานี้ได้มีดาราคนดังหลายคนออกมายอมรับว่าตนเองมีพฤติกรรมเสพติดหนังโป๊เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น Terry Crews นักแสดงจากซีรีส์ Brooklyn Nine-Nine และผลงานล่าสุด Deadpool 2 …
-
หนูออสเตรเลีย เสี่ยงสูญพันธุ์ เพราะ “เซ็กส์จัด” จนเกินไป ตัวผู้มัวแต่อึ๊บมาราธอนจนตาย!!
คุณคิดว่าตัวเองสามารถมีอะไรกับแฟนได้นานที่สุดกี่นาที? หากคุณคิดว่านั่นก็เป็นการใช้เวลาที่นานมากแล้ว เราขอให้ลองมาทำความรู้จักกับเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนี้เสียก่อน เพราะมันใช้เวลาในการมีเพศสัมพันธ์แต่ละครั้งยาวนานกว่า 14 ชั่วโมงเลยทีเดียว นี่คือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสุดหายากที่ชื่อว่า Antechinus ลักษณะคล้ายกับหนูตัวเล็กๆ มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศออสเตรเลีย มันเคยถูกขนานนามเอาไว้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฆ่าตัวตายด้วยการมีเพศสัมพันธ์ หน้าตาของเจ้า Antechinus นักวิจัยบอกว่าเมื่อตัวผู้อายุครบ 1 ปี พวกมันก็จะเริ่มออกหาคู่ โดยในแต่ละปีจะมีช่วงติดสัดของพวกมันอยู่ ซึ่งกินเวลาไปประมาณ 2 อาทิตย์ ความแปลกในการหาคู่ของพวกมันนั้นก็คือตัวผู้จะไม่หลับ ไม่กินอาหารใดๆ และจะทุ่มเทเวลา 2 สัปดาห์ไปกับการร่วมรักกันกับเพศเมีย โดยใช้เวลาต่อครั้งนานกว่า 14 ชั่วโมง และจะเปลี่ยนตัวเมียไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ำหน้า พฤติกรรมดังกล่าวจึงทำให้ร่างกายของตัวผู้อ่อนแอลง ระดับฮอร์โมนความเครียดในเลือดพุ่งสูงจนน่าเป็นห่วง ระบบภูมิคุ้มกันหยุดทำงานเพราะความเหนื่อยล้าซึ่งเกิดจากการหักโหม ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ปรสิต เป็นแผลเรื้อรัง เริ่มมีขนร่วงออกมาเป็นหย่อมๆ และสุดท้ายอาจต้องตายลงในที่สุด ด้วยเหตุนั้นเอง นักวิจัยจึงสันนิษฐานว่ามันเป็นการฆ่าตัวตายของตัวผู้ที่ต้องการให้เพศเมียมีอาหารกินในตอนที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่ปัจจุบัน นักวิจัยได้เล็งเห็นว่าแท้จริงแล้วมันเป็นผลมาจากการที่สิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีความต้องการทางเพศและการแข่งขันที่สูง พวกเขาคาดว่าตัวผู้ต้องการแพร่กระจาย DNA ของตัวเองออกไปให้มากที่สุด แข่งขันกับตัวผู้ตัวอื่นๆ อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมทางเพศที่หักโหมในลักษณะนี้ กลับเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พวกมันเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์…
-
ย้อนชม “ชุดแต่งงานเลอค่า” แห่งราชวงศ์อังกฤษ ก่อนงานแต่งเจ้าชายแฮร์รี่ในวันพรุ่งนี้!!
ใกล้เข้าไปทุกทีกับเหตุการณ์ที่ผู้คนทั่วโลกต่างรอคอย งานอภิเษกสมรสของเจ้าชายแฮร์รี่ และ เมแกน มาร์เคิล พระคู่หมั้น ที่จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม 2018 นี้ แน่นอนว่าการจัดงานจะต้องยิ่งใหญ่อลังการ พร้อมทั้งมีผู้เข้าร่วมงานมากมายจนถึงกับต้องมีการจับจองที่นั่งเพื่อเข้าชมงานเลยทีเดียว และก่อนจะถึงวันงาน #เหมียวหง่าว ก็อยากจะขอพาเพื่อนๆ ย้อนรอยไปชมชุดเจ้าสาวที่ใช้ในงานอภิเษกสมรสของราชวงศ์อังกฤษ ว่าจะมีความเลิศหรูอลังการขนาดไหน ไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… ชุดเจ้าสาวของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 พระราชพิธีอภิเษกสมรสของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบาระ ถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤจิกายน ปี 1947 ชุดเจ้าสาวของพระองค์ออกแบบโดยท่านเซอร์ นอร์แมน ฮาร์ตเนลล์ เป็นชุดสีงาช้างที่ทำขึ้นมาจากผ้าซาติน ประดับประดาไปด้วยไข่มุก และอัญมณีชิ้นเล็กๆ รวมแล้วกว่า 10,000 ชิ้น ที่นำเข้ามาจากอเมริกา ตัวผ้าชายกระโปรงที่มีความยาวกว่า 13 ฟุต (4 เมตร) ตัวผ้ามีการนำอัญมณีและไข่มุกต่างๆ รวมทั้งดอกกุหลาบ มาปักเป็นรูปดวงดาวตลอดทั้งผืน…
-
9 ท่าโยคะแก้ออฟฟิศซินโดรม ปวดหลัง ปวดคอ ไม่ต้องง้อคุณหมอ(นวด)อีกต่อไป
สำหรับใครที่ชอบนั่งทำงานท่าเดิมเป็นเวลานาน หรือทำงานหนักมากๆ ล่ะก็ อาจจะเกิดอาการปวดหลัง ปวดเอว กันได้ง่ายๆ หรือที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆ ว่าออฟฟิศซินโดรมนั่นเอง แน่นอนว่า หลายๆ คนก็อาจจะมีวิธีแก้ปัญหาที่ว่านี้แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการนวดเพื่อคลายเส้น หรือการทำท่าการบริหารเป็นตัวช่วย และวันนี้สำหรับหลายๆ คนที่กำลังเผชิญปัญหานี้อยู่ เรามีท่าโยคะแบบง่ายๆ ให้คุณสามารถทำเองที่บ้าน แถมยังใช้เวลาไม่มากอีกด้วยมาฝากกัน 1. ท่า Child’s poes คุกเข่าเท้าชิดหรือแยกเท้าเล็กน้อย เหยียดปลายขาและข้อเท้าไปข้างหลัง นั่งลงบนส้นเท้า หายใจเข้าพร้อมชูมือขึ้นเหนือศรีษะ หายใจออกพร้อมกับค่อยๆ ก้มตัว และวางหน้าผากลงบนพื้น คอตรงไม่เอียงคอไปข้างหนึ่งข้างใด ก้นอยู่บนส้นเท้า(หากก้มไม่ได้ให้ยกก้นเล็กน้อย) เหยียดแขนทั้งสองไปเหนือศีรษะ คืบนิ้วไปให้ไกลที่สุด แล้วกดฝ่ามือทั้งสองให้แนบกับพื้นหรือ ทำท่าค้างท่านี้ไว้ประมาณ 30 วินาที 2. ท่า Figure-four pose นอนหงายราบไปกับพื้น งอเข่าขวาของคุณขึ้นมาเล็กน้อยให้ขนานกับสะโพกของคุณ จากนั้นนำขาซ้ายมาขัดไว้กับเข่าขวา และค่อยๆ เอื้อมมือดึงต้นขาซ้ายเข้าหาลำตัวช้าๆ ค้างไว้ประมาณ 30 วินาที และจากนั้นทำสลับข้างกัน ในระหว่างทำท่านี้ หัวของคุณจะราบไปกับพื้นตลอด และจะรู้สึกตึงๆ…
-
คำถามที่อยากรู้!! ผลสำรวจสาวๆ 2,000 คน “ช่วยตัวเอง” ด้วยเหตุผลอะไรกันบ้าง…
ไม่รู้ว่าสาวๆ รอบตัวคุณได้เผยความจริงอะไรให้คุณฟังบ้างหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ จากการสำรวจ สาวๆ เองก็มีช่วงเวลาแห่งความใคร่ ที่สุดท้ายต้องลงเอยด้วยการ “ช่วยตัวเอง” อยู่เหมือนกันนะ โดยปกติแล้ว สำหรับหนุ่มๆ ความใคร่ก็มักจะเกิดขึ้นเมื่อพบสาวๆ เซ็กซี่ๆ หรือไม่ก็เป็นเพราะว่าเกิดความรัก ความเหงา รวมๆ กันกลายเป็นความกระเหี้ยนกระหือรืออะไรทำนองนั้น แต่สำหรับสาวๆ ต่อให้เราอยากรู้ เราก็คงไม่กล้าไปถามว่าทำไมพวกเขาถึงต้อง ช่วยตัวเอง และตอนที่ทำพวกเขาคิดอะไรกันอยู่บ้าง? บริษัท Tenga จึงได้ทำการสำรวจเกี่ยวกับการช่วยตัวเอง โดยถามสาวๆ ชาวอังกฤษจำนวน 2,000 คน ถึงสิ่งที่ทำให้เธอต้อง “ช่วยตัวเอง” หนังโป๊? ก็มีอยู่บ้างแต่ก็ไม่เท่าหนุ่มๆ หรอกนะ เพราะจากการสำรวจหนุ่มๆ 66 เปอร์เซ็นต์เผยว่าใช้หนังโป๊เป็นตัวช่วยสำเร็จความใคร่ ขณะที่มีสาวๆ เพียง 35 เปอร์เซ็นต์ที่บอกว่าดูหนังโป๊แล้วช่วยตัวเอง จินตนาการ? จากการสำรวจพบว่า 54 เปอร์เซ็นต์มักใช้จินตนาการในการช่วยตัวเอง ต่างจากผู้ชาย ที่มีเพียง 44 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ใช้จินตนาการในการสำเร็จความใคร่ ภาพการมีเซ็กส์ครั้งก่อนๆ ? หนุ่มๆ…
-
9 ความจริงของร่างกาย ที่คาบเรียนวิทยาศาสตร์ไม่ได้บอกไว้ และเราอาจไม่เคยรู้กันมาก่อน
สิ่งต่างๆ ที่เราต้องเจอในชีวิตประจำวัน ทุกอย่างนั้นยังคงเต็มไปด้วยความลับหรือความเป็นจริงที่เราอาจไม่เคยได้ยินกันมาก่อน ไม่เว้นแม้แต่ร่างกายของเราเอง คุณคิดว่ารู้จักมันดีมากสักแค่ไหนกันเชียว? มาวันนี้เราจึงอยากชวนให้เพื่อนๆ ได้มารับรู้ความจริงเกี่ยวกับร่างกายที่เราอาจไม่เคยรู้กันมาก่อน ว่าแล้วก็อย่ารอช้า เราลองไปอ่านสาระน่ารู้เหล่านั้นกันดูเลย 1. ผู้หญิงขยับคอได้มากกว่า เคยสังเกตกันมั้ยว่าเวลาเรียกใครให้หันมา ถ้าเป็นผู้ชายจะหันมามองทั้งตัว ในขณะที่ผู้หญิงหันมาเพียงแค่หน้าเท่านั้น นั่นเป็นเพราะว่าโครงสร้างคอของผู้หญิงจะมีความยืดหยุ่นมากกว่า อย่างไรก็ตาม การที่ผู้หญิงมีแนวโน้มใช้งานช่วงลำคอมากกว่าผู้ชาย จึงทำให้ผลจากการศึกษาของ มหาวิทยาลัยแพทย์ Loyola สหรัฐอเมริกา บอกว่าเพศหญิงมักจะมีอาการเจ็บปวดบริเวณคอได้มากกว่าเพศชาย 2. ในตอนหลับ ผู้หญิงจะมีความไวต่อเสียงมากกว่าผู้ชาย ขณะกำลังหลับอยู่นั้น ผู้หญิงจะมีความไวต่อเสียงมากกว่าผู้ชาย สังเกตได้ง่ายๆ ว่าเธอมักจะได้ยินเสียงลูกร้องไห้ในตอนดึกก่อนสามีเสมอ แต่ว่าความจริงข้อนี้สามารถใช้ได้แค่กับเสียงแหลมสูงเท่านั้น หากหนุ่มๆ ไม่อยากปลุกพวกเธอขึ้นมาในยามค่ำคืนก็ให้พยายามใช้เสียงทุ้มต่ำแทน ด้วยเหตุนั้นเองจึงทำให้หญิงสาวมีแนวโน้มที่จะป่วยเป็น โรคนอนไม่หลับ หรือนอนหลับยากกว่าผู้ชาย 3. หน้าอกของผู้หญิงทั้งสองข้างไม่เท่ากัน ตามธรรมชาติแล้ว ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะมีความสมมาตรของขนาดหน้าอกทั้งสองข้าง ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ หนึ่งในนั้นคือ ปริมาณความต่างของเนื้อเยื่อในเต้านมที่ส่งผลกับขนาดและรูปร่าง 4. ผู้หญิงมีความเป็นเหตุเป็นผลมากกว่าผู้ชาย ผู้หญิงจะมีความหนาของเยื่อหุ้มสมองมากกว่าเพศชาย ซึ่งจะส่งผลทำให้พวกเธอมีทักษะที่ดีเกี่ยวกับเรื่องของ ความรู้ความเข้าใจและสติปัญญาทั่วไป กล่าวคือพวกเธอมีความเป็นเหตุเป็นผลมากกว่านั่นเอง ถึงอย่างนั้น เพศชายกลับมีรูปแบบของสมองที่เอื้อไปกับบทบาทของการใช้อารมณ์ รวมถึงการตัดสินใจในสิ่งต่างๆ…
-
ปริศนาลับสมองจากญี่ปุ่น “จะแบ่งแอปเปิล 2 ผลให้คน 3 คนเท่าๆ กันได้อย่างไร?”
เล่นทวิตเตอร์อยู่ดีๆ ก็มีปัญหามาให้ได้ลับสมองกันซะอย่างงั้น… เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งจู่ๆ ก็โพสต์ภาพออกมาให้ได้ชาวเน็ตได้ขบคิดกันว่า “จะแบ่งแอปเปิลสองผลให้กับคน 3 คนเท่าๆ กันได้อย่างไร โดยใช้มีดเพียงเล่มเดียวและใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น” ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @omahuko ได้ออกมาโพสต์ภาพพร้อมทายปัญหาดังกล่าว ปัญหานี้ทำให้ชาวเน็ตผู้ไม่ชอบความท้าทายต้องเข้ามาให้คำตอบกันจำนวนมาก เช่น: “เอาแอปเปิลไปปั่นและคั้นทำเป็นน้ำแอปเปิลซะ” “เอามีดไปขาย แล้วเอาเงินไปซื้อแอปเปิลเพิ่มอีกลูก” “เป่ายิงฉุบกัน ใครชนะก็เอาแอปเปิลทั้งหมดไป” แล้วคนนี้ก็มาตอบด้วยคำตอบสุดโหดว่า “ทำให้มันเหลือ 2 คนซะสิ” และนั่นทำให้ชาวเน็ตอีกคนจุดประกายคำตอบใหม่ขึ้น ซึ่งก็โหดไม่แพ้กัน แต่มีความสร้างสรรค์เพิ่มมาหน่อย เขาตอบว่า “นำแอปเปิลทั้งสองมาตั้งเป็นแนวตั้งไว้บนหัวของคนใดคนหนึ่ง แล้วใช้มีดผ่าครึ่งตั้งแต่แอปเปิลลงมาจนถึงตัวคน จะทำให้คุณได้รับ แอปเปิล 4 ชิ้น แถมตอนนี้คุณก็มีคน 4 คนพอดี” เรียกได้ว่าคำตอบของแต่ละคนเริ่มดาร์กลงเรื่อยๆ บ้างก็บอกให้นำมีดมาแทงตัวเอง อะไรทำนองนั้น จนกระทั่งได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่งเข้ามาตอบด้วยวิธีที่เป็นผู้เป็นคน แบบที่ไม่ต้องมีใครตายเลยสักคน คุณ @SF64052250 เข้ามาตอบว่าแบ่งแอปเปิลแต่ละผลเป็น 3 ส่วนสิ แล้วผ่าแอปเปิลทั้งสองผลภายในครั้งเดียวให้ออกมาเป็น 1 ส่วน 3 ผล ที่นี้มันก็จะออกมาเป็น…
-
13 สิ่งของภายในบ้าน ที่หากคุณไม่ยอมเปลี่ยน มันอาจทำให้ ‘บ้านหรู’ กลายเป็น ‘บ้านรก’
แน่นอนว่าหากใครมีบ้านเป็นของตัวเอง ก็ย่อมไม่ต้องการให้บ้านอันเป็นที่รักของเราต้องรกอย่างแน่นอน หลายคนก็มีการจัดการกับความสะอาดภายในบ้านอยู่บ่อยครั้ง และมันก็ทำให้บ้านสะอาดขึ้น แต่มันก็ยังดูรกอยู่ดี จะจัดบ้านอย่างไรหนอถึงไม่รก นอกจากไม่รกแล้วยังต้องเป็นบ้านในสไตล์สบายๆ (Cozy) ด้วย วันนี้เว็บไซต์ Brightside ได้เสนอถึงสิ่งของภายในบ้าน ที่หากมีมันอยู่มันจะทำให้บ้านคุณดู รก และไม่เป็นบ้านสไตล์ Cozy 1. เตียงโซฟา เตียงโซฟาที่หลายคนคิดว่ามันประหยัดพื้นที่ แท้จริงแล้วมันไม่ได้ประหยัดเลย แถมนอนก็ไม่สบาย หากจะซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่จริงๆ ให้เลือกเป็นเตียงธรรมดาพร้อมที่นอนนุ่มๆ หรือไม่ก็โซฟาเพียวๆ ที่มีเบาะนุ่มๆ ไปเลยดีกว่า ดู Cozy กว่าเยอะ 2. ถุงพลาสติกทั้งหลาย เรามักจะเก็บถุงพลาสติกเอาไว้มากมายเพราะคิดว่าอาจจะต้องได้ใช้ จนกระทั่งวันหนึ่งมันกลายเป็นสิ่งที่รกบ้านคุณที่สุด ทางที่ดีคือการเก็บมันไว้ในกล่องสักกล่อง ที่ไม่จำเป็นจะต้องจุได้เยอะมากนัก ส่วนถุงชอปปิงก็อาจจะนำติดตัวหรือติดรถไปด้วยเผื่อใช้ชอปปิงจะได้ถือเป็นการเอาถุงที่มีอยู่มาใช้แทนที่จะเก็บไว้เฉยๆ 3. กล่องที่เกลื่อนกลาด ว่ากันว่าเก็บของต่างๆ เข้ากล่องจะทำให้สะดวกสบายมากขึ้น แต่หากว่าของมีเยอะเกินไปคุณอาจต้องเสียเวลาหาว่ากล่องใบไหนใส่อะไรเอาไว้บ้าง เอาเป็นว่าเสื้อผ้าควรแขวนในตู้จะได้หยิบสะดวก ส่วนกล่องเอาไว้ใส่ของที่ไม่ค่อยได้ใช้ก็พอแล้ว พร้อมเขียนป้ายแปะกล่องเอาไว้ด้วยว่ากล่องใบไหนเอาไว้ใส่อะไร 4. แขวนเสื้อจนล้น ในแง่ของการใช้งานการแขวนเสื้อบนตะขอข้างผนังจนล้นอาจมีประโยชน์ แต่ในแง่ของความ Cozy…
-
อย่างนี้ก็มีด้วยเหรอเนี่ย!? กับ 12 กีฬาสุดพิสดารจากทั่วมุมโลก ที่ดูเหมือนบ้าแต่มีจริงๆ นะ
หากเราพูดถึงการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักหรืออะไรอย่างนี้ หลายๆ คนคงรู้สึกเบื่อและไม่มีแรงจูงใจ แต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งนะที่เราสามารถทำให้เรารู้สึกสนุกไปกับการออกกำลังกายได้นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “กีฬา” กีฬานั้นคือคำจำกัดความของกิจกรรมที่ได้ให้ผู้เข้าแข่งขันกันมาลงแรงกันเพื่อแย่งชิงชัยชนะ ซึ่งตามที่เราเห็นกันปกติก็จะเป็นพวกฟุตบอล กรีฑาอะไรประมาณนี้ใช่หรือไม่ ซึ่งนั่นถือว่าเป็นกีฬาแบบปกติมากๆ แต่เพื่อนๆ รู้กันบ้างมั้ยว่าในความจริงกีฬาแบบพิสดารก็มีอยู่ด้วยนะ และวันนี้เราก็ได้รวบรวมมาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันแล้ว ลองไปชมกันเลยครับผม 1. วิ่งไล่จับชีสลงเขา กีฬานี้เป็นกีฬาที่จัดขึ้นในประเทศอังกฤษ ในทุกๆ ปี จะมีคนมาเข้าร่วมกันเพื่อวิ่งไล่ตามจับเจ้าก้อนชีสที่กลิ้งลงมาจากเขา Cooper ด้วยความเร็วสูงสุดมากกว่า 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจริงๆ แล้วโอกาสไล่ตามชีสทันนั้นแทบจะไม่มีเลย แต่คนที่เข้าเส้นชัยคนแรกก็จะถือว่าเป็นผู้ชนะเหมือนกัน 2. มวยหมากรุก กีฬาประเภทนี้เป็นกีฬาที่ผสมผสานระหว่างมวยสากลและหมากรุกสากล ซึ่งจะแบ่งออกเป็นเล่นหมากรุก 6 ยก ต่อยมวย 5 ยกสลับกันไปทั้งหมด 11 ยกนั่นเอง 3. แข่งล่อไส้เดือน การแข่งล่อไส้เดือนนี้เป็นกีฬาที่จะแบ่งพื้นที่ให้ผู้เข้าแข่งขันและผู้เข้าแข่งขันต้องพยายามที่จะหาไส้เดือนในพื้นที่ของตัวเองให้ได้มากที่สุดใน 30 นาที ซึ่งสถิติโลกนั้นเป็นของเด็กชายวัย 10 ขวบเท่านั้นโดยที่หนูน้อยทำไปได้ทั้งหมด 567 ตัว 4. Bubble soccer หากคุณเบื่อกับฟุตบอลเดิมๆ แล้วล่ะก็…
-
โคตรเทพ!! มาดูการใช้ Visual Effects สร้างแต่ละฉากในเรื่อง Avengers: Infinity War
ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่แสนตื่นตาตื่นใจนั้นแน่นอนว่าคอมพิวเตอร์กราฟิกหรือ Visual Effect (VFX) นั้นมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพยนตร์เหนือจินตนาการเรื่องต่างๆ จากค่าย Marvel ต้องบอกเลยว่ากว่าจะออกมาเป็นฉากต่อสู้สุดมันส์หรือฉากใช้พลังสุดเท่นั้นต้องผ่านความยากลำบากของเหล่าทีมงาน VFX มาก่อนทั้งนั้น โดยวันนี้เราจะมาพูดถึงภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง Avengers: Infinity War โดยผู้นำทีม VFX ของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ Dan Deleeuw โดยกว่าจะออกมาเป็นฉากสุดเท่แต่ละฉากได้นั้นต้องผ่านกระบวนการร่างและเรนเดอร์เก็บรายละเอียดต่างๆ มากมาย วันนี้จึงขอนำเสนอตัวอย่างการสร้าง VFX ในแต่ละฉากมาให้ชมเป็นน้ำจิ้มๆ แล้วคุณจะรู้ว่าคอมพิวเตอร์กราฟิกนั้นเป็นหัวใจสำคัญของภาพยนตร์เลยจริงๆ Iron Man ฉบับร่าง และนี่คือ Iron Man ที่ปรากฏในหนัง องค์ประกอบรายละเอียดภายในหน้ากาก Iron Man เมื่อหน้ากากมีรอยแตกจะเห็นโครงสร้างแสนละเอียดอยู่ภายใน Thanos เวอร์ชันเกือบสมบูรณ์ ขาดเพียงแต่งแสงและเงาให้สมจริง และนี่คือผลงานที่ทำออกมาให้พวกเราได้รับชมกัน สมจริงสุดๆ ดูการร่างใบหน้าของ Thanos หากทำเป็นเกม ภาพนี้ถือว่าทำได้โอเคทีเดียว แม้ว่าแสงเงายังไม่สมจริงและดูมันๆ ไปหน่อย…
-
ข้อเท็จจริง 10 ประการเกี่ยวอวกาศ สถานที่ที่มีความลึกลับรอให้เราได้ค้นหาอยู่
นอกจากท้องทะเลแสนลึกลับที่เป็นที่ที่มนุษย์ยังสามารถค้นพบอะไรใหม่ๆ ในนั้น “อวกาศ” ก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ยังคงความลึกลับและมีอะไรหลายๆ อย่างรอให้เราได้ไปค้นหาอยู่ วันนี้เราเลยจะนำข้อเท็จจริงหลายๆ ประการที่เพื่อนๆ ยังไม่รู้เกี่ยวกับอวกาศมาให้ได้ชมกัน ฟังดูก็อยากรู้แล้วใช่มั้ยล่ะ งั้นเราไปฟังพร้อมๆ กันเลยครับ 1. NASA สามารถบันทึกเสียงแปลกประหลาดจากอวกาศได้ โดยที่การบันทึกเสียงครั้งนี้ได้ใช้ทั้งคลื่นวิทยุ คลื่นพลาสม่าและสนามแม่เหล็กเพื่อแปลงมันให้การมาเป็นสัญญาณเสียงเพื่อสามารถฟังได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในอวกาศ ซึ่งเสียงที่พวกเขาได้รับฟังมานั้นก็มีตั้งแต่เสียงเหมือนสัญญาณรถพยาบาลไปจนถึงเสียงที่เหมือนกับแตรของยานอวกาศเอเลี่ยน 2. พระอาทิตย์ตกบนดาวอังคารเป็นสีน้ำเงิน ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าฝุ่นบนชั้นบรรยากาศของดาวอังคารนั้นมีอนุภาคละเอียดเป็นสีฟ้า ซึ่งส่งผลให้เราเห็นแสงเป็นสีฟ้านั่นเองครับ 3. การขนส่งของบางอย่างขึ้นไปบนอวกาศนั้นมีต้นทุนที่โคตรแพง Ravi Margasahayam วิศวกรสถานีอวกาศกล่าวว่าการส่งสินค้าขึ้นสู้อวกาศนั้นมีต้นทุนสูงถึง 300,000 บาทต่อน้ำหนักสินค้า 0.5 กิโลกรัม 4. ในอวกาศเต็มไปด้วยขยะอวกาศมากมาย โดยที่ในปี 2017 รัฐบาลอเมริกาได้รายงานว่าในอวกาศอาจมีจำนวนเศษขยะอวกาศสูงถึง 308,984 ชิ้น 5. ในอวกาศไม่ได้เย็นเสมอไป เราจะเห็นว่าในหนังที่เกี่ยวกับอวกาศหลายๆ เรื่องหากมีเหตุการณ์ที่ต้องออกไปนอกยานโดยที่ไม่ได้สวมชุดคลุม คนๆ นั้นจะค่อยๆ กลายเป็นน้ำแข็ง ซึ่งก็มีส่วนจริงในอวกาศอุณภูมิที่เย็นที่สุดสามารถเย็นได้ถึง -270 องศาเซลเซียส แต่ถ้าคุณโคจรอยู่ใกล้ๆ โลกภายใต้แสงอาทิตย์ล่ะก็ อุณภูมิอวกาศอาจจะสูงถึง 121…
-
อีกมุมของประวัติศาสตร์ ชีวิตของ ‘คนผิวสี’ ในเยอรมนี กับยุคที่ ‘นาซี’ เรืองอำนาจ
ในยุคที่นาซีเรืองอำนาจ ‘ชาวยิว’ ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยกันมั้ยล่ะว่าเกิดอะไรขึ้นกับ ‘คนผิวสี’ ในประเทศเยอรมันบ้าง? เหล่านาซีจะทำอย่างไรกับพวกเขาในฐานะที่เป็นพลเมืองชั้นสอง ที่มักจะถูกกดขี่อยู่เสมอสำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว มีข้อมูลมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน จะเป็นอย่างไรไปรับชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… ในช่วงยุค 1930 ประเทศเยอรมนีมีประชากรคนผิวสีไม่มากนัก เพียงแค่หลักไม่กี่พันคนเท่านั้นเอง หรือหากจะเทียบเป็นจำนวนเปอร์เซนต์แล้วล่ะก็พวกเขามีเพียงแค่ 1 เปอร์เซนต์จากประชากรทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นลูกหลานของทหารฝรั่งเศส-แอฟริกันที่ประจำอยู่บริเวณริมแม่น้ำไรน์ ทางตะวันตกของประเทศเยอรมนี เด็กผิวสีเหล่านี้มักจะถูกกดขี่โดยนาซี พวกเขาตั้งชื่อให้กลุ่มคนผิวสีเหล่านี้ว่า ‘Rhineland Bastards’ หรือ ‘ไอ้งั่งที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำไรน์’ กลุ่มคนผิวสีทั้งหลายเหล่านี้จะถูกบังคับให้ทำหมันตั้งแต่อายุยังน้อย รวมไปถึงตั้งกฎหมายขึ้นมาเพื่อแบ่งแยกชนชั้นอย่างชัดเจน โดยที่คนผิวสีจะอยู่ในระดับเดียวกับชาวยิวและชาวโรมาเนีย และเมื่อประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว คนผิวสีถูกกีดกันจากการจ้างงาน การเป็นเจ้าของที่ดิน และการศึกษา เรียกได้ว่าการใช้ชีวิตในประเทศเยอรมนีของพวกเขานั้นคือการตกนรกทั้งเป็นก็ไม่ปาน แม้ว่าจะมีบางส่วนที่ดิ้นรนจนได้เข้ารับการศึกษาในโรงเรียน แต่ก็จะถูกกลั่นแกล้ง บางส่วนก็ถูกจับไปไว้ในค่ายกักกันเพียงเพราะสีผิวของพวกเขา บ้างก็ถูกจับเข้าคุกเพราะมีผิวสีดำ เป็นต้น เช่นเดียวกันกับชีวิตของนาย Hans Massaquoi ที่เป็นชาวผิวสี เขาเกิดในปี 1926 ที่เมืองฮัมบูร์ก มีพ่อเป็นชาวไลบีเรียและแม่เป็นชาวเยอรมันผิวขาว เขาต้องการที่จะเข้าร่วมกับฮิตเลอร์เช่นเดียวกันกับเด็กเยอรมันคนอื่นๆ…
-
นี่คือสิ่งที่คุณควรรู้สักนิด ถ้าอยากไปจบชีวิตที่ “สวิตเซอร์แลนด์”
ในช่วงก่อนหน้านี้ถ้าหากใครติดตามข่าวของนายเดวิด กู้ดออล นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลียวัย 104 ปี ที่เดินทางไปจบชีวิตตัวเองที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จนกลายเป็นข่าวดังทั่วโลก ก็พอจะทราบถึงความปราถณาของเขากันไปแล้ว ซึ่งสวิตเซอร์แลนด์นั้นเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลก ที่อนุญาตให้ประชากรของพวกเขารวมถึงชาวต่างชาติเลือกจบชีวิตตัวเองได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งมีเงื่อนไขบางอย่างที่เราจำเป็นจะต้องรู้กันสักนิด… การฆ่าตัวตายที่นี่ถูกกฎหมายจริงๆ หรือ?? ถ้าหากจะตอบสั้นๆ ก็คือถูกต้อง แต่ตามประมวลกฎหมายของที่นี่ระบุเอาไว้ว่า “ผู้ที่มีความประสงค์นั้นจะต้องระบุเหตุผลด้วยตัวเอง โดยไม่ใช่การตัดสินใจภายใต้อิทธิพลของผู้อื่น” ซึ่งภายหลังจากที่คุณจากโลกนี้ไปแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจหรืออัยการสามารถมีสิทธิ์ชันสูตรศพของคุณได้ ถ้าหากว่าคุณตกเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับคดีอาชญากรรม แต่อย่างไรก็ตามจากรายงานของเว็บไซต์ที่ให้บริการด้านนี้เรื่องของการชันสูตรศพผู้ตายหลังจากเข้ารับบริการนั้นเกิดขึ้นน้อยมากๆ แล้วใครที่ให้บริการเหล่านี้บ้าง?? ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีองค์กรที่ให้บริการด้านนี้อยู่ 3 องค์กรด้วยกันประกอบด้วย Exit ก่อตั้งปี 1982, Dignitas ก่อตั้งปี 1998 และ Life Circle ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2011 ซึ่ง 2 องค์กรแรกคือองค์กรที่ใหญ่และได้รับความนิยมมากที่สุด โดย Exit นั้นจะเน้นการให้บริการกับชาวสวิตเซอร์แลนด์ หรือคนที่อาศัยอยู่ในประเทศมาเป็นเวลานาน ส่วน Dignitas จะเน้นให้บริการกับชาวต่างชาติมากกว่า ขั้นตอนการเตรียมตัวล่ะ… ในแต่ละองค์กรนั้นจะมีรายละเอียดการให้บริการที่แตกต่างกัน แต่เงื่อนไขการใช้บริการนั้นก็ไม่ได้ง่ายเหมือนเดินเข้าไปซื้อไอศกรีมในร้านสะดวกซื้อแน่นอน…
-
13 เรื่องมหัศจรรย์ซึ่งพบได้ในญี่ปุ่น ที่จะบอกว่าประเทศญี่ปุ่นนี้มันญี่ปุ่นจริงๆ เล๊ย!!
ประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ ชอบมีอะไรแปลกๆ ให้กับชาวต่างชาติได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ รวมถึงนิสัยของประชากรที่เป็นคนเคร่งครัดต่อกฎและระเบียบวินัยเอามากๆ จนทำให้เหมือนว่าพวกเขาอยู่ในประเทศที่มาจากดาวอื่นกันเลยทีเดียว และเพื่อพิสูจน์ว่าที่เราพูดก่อนหน้านี้เป็นจริง เราจึงได้รวบรวมเรื่องราวน่าทึ่งสุดพิเศษที่คุณจะเห็นได้เฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น มาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันครับ ไปชมพร้อมๆ กันเลย 1. คนขับรถโดยสารทำการประท้วงโดยให้ผลประโยชน์แก่ผู้โดยสาร เมื่อไม่นานมานี้ รถขับรถเมล์ที่เมือง Okayama ได้ทำการประท้วงต่อบริษัท ซึ่งฟังดูก็เหมือนจะเป็นเรื่องปกติทั่วๆ โลกใช่มั้ยครับ แต่การประท้วงครั้งนี้คนขับรถประท้วงโดยการที่ยังให้บริการประชาชนอยู่ แต่ว่าจะไม่มีการเก็บค่าโดยสารซักแดงเดียว ผู้โดยสารแฮปปี้แต่บริษัทต้องไม่แฮปปี้ด้วยแน่นอน 2. มีพนักงานพิเศษยืนเตือนเมื่อบันไดเลื่อนเสีย ตามประเทศทั่วๆ ไป เวลาบันไดเลื่อนเสียก็จะอาจจะการนำป้ายมาวางเตือนด้านหน้าเพียงเท่านั้น แต่ในประเทศญี่ปุ่นจะพิเศษกว่านั้น เพราะเขาจะมีพนักงานพิเศษที่จะมายืนอยู่ทางขึ้นหรือลงบันไดทั้งวันเพื่อเตือนผู้ที่จะเข้ามาใช้งาน สุดยอดจริงๆ !! 3. การจัดแถวรอรถไฟ หลายๆ คนคงรู้อยู่แล้วว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นประชาชนมักจะเดินทางโดยรถไฟกันเป็นส่วนมากและนั่นทำให้ปริมาณของคนที่มารอรถไฟเยอะมากๆ แต่พวกเขาก็ยังมีวิธีการจัดแถวที่เป็นระเบียบเอามากๆ ทำให้การเข้าและออกตู้รถไฟเป็นไปได้ด้วยดี 4. โต๊ะโคทัตสึมีอยู่ทุกที่ ไม่เว้นโรงหนัง ถ้าหากคุณเป็นคนที่ชมหนังหรืออนิเมชั่นจากฝั่งญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ ก็จะเห็นได้ว่าโต๊ะโคทัตสึนั้นเป็นที่นิยมมากๆ ถามว่ามากขนาดไหนงั้นหรอ ก็มากขนาดที่ในโรงหนังถึงกับมีที่นั่งพิเศษที่เตรียมเอาโต๊ะโคทัตสึเข้ามาวางเลยล่ะ 5. ที่คาดผมเจ้าเหมียว ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ถือว่าคลั่งไคล้แมวเป็นประเทศต้นๆ เลย ดังนั้นทุกๆ อย่างถึงสามารถออกแบบมาให้เกี่ยวกับเจ้าเหมียวได้หมดไม่เว้นแม้แต่เครื่องประดับอย่างที่คาดผม…
-
18 เหล่าผู้คนที่มากับดวงสุดซวย รู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ดีใช่ไหม มาดูคนพวกนี้เสียก่อน!!
ดวงและโชคลาภเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร วันหนึ่งนั่งอยู่ดีๆ คุณก็อาจจะถูกหวยหรือวันหนึ่งก็อาจจะมีรถบินทะลุเข้ามาในบ้านของคุณ ไม่ว่าคุณจะพร้อมรับมือกับมันหรือไม่ บนโลกใบนี้นั้นไม่มีใครที่โชคดีหรือโชคร้ายตลอดไปหรอก และแม้ว่าคุณจะคิดว่าวันนี้เป็นวันแย่ๆ ของคุณแล้ว ก็ไม่แน่ว่าบนโลกนี้จะยังมีคนที่ดวงเลวร้ายยิ่งกว่าคุณอีก อะไรแบบเหล่าคน 18 คนต่อไปนี้ ลาก่อนน้ำเมา ตกขนาดนี้ท่าทางค่าจ้างจะหายหมด ถ้ายังฝืนกิน อาจจะเห็นนรกในการเข้าห้องน้ำครั้งหน้า นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่แม่จะวานหนูถือของ เจอแบบนี้อาจจะมีกลัวรถไฟกันบ้างล่ะ เห็นแล้วเสียดายแทน ยังดีนะที่เท่าที่เห็นขวดไม่แตก แต่อันนี้ไม่รอด ลูกค้าทำยังพอเก็บตังค์ได้ แต่ทำเองนี่มันเศร้า ไม่เป็นไรยังเอาไปแลกราคาเต็มได้ ถ้าเจอแบบนี้ตอนเช้าๆ จะโทรไปลางานแล้วนอนเฉยๆ ทั้งวัน ส่วนถ้าเจอแบบนี้อาจจะเลิกขับรถสักสองสามวัน นี่ตรูยังควรจะดูหนังอยู่ไหมเนี่ย พยายามดีนะ ว่าแต่ไหงไปติดตรงนั้นได้ ดูยังไงก็ไม่ถึงน้ำ… ลาก่อนใบหน้าอันหล่อเหลาของตรูข้า เจอแบบนี้ไม่รู้ใครจะเหนื่อยใจกว่ากัน คนหรือหมา น่าสงสัยตั้งแต่คิดยังไงถึงได้เปิดกระป๋องแบบนี้แล้ว ทำงานเป็นยามมันเหนื่อย… …
-
แหม… ทำไปได้!! กับ 11 สุดยอด ‘สถิติโลกสุดแปลก’ แหวกแนวจากปกติไปซะไกล
บนโลกใบนี้นั้นมีการแข่งขันกันอยู่ตลอดเวลา อะไรที่คว้าได้ก็ให้รีบไขว่คว้าเอาไว้ การบันทึกสถิติโลกก็เช่นกันมีการแข่งขันกันทำลายสถิติอยู่ตลอดเวลา ซึ่งคนที่มุ่งเป้าไปที่การทำลายสถิติโลกก็อาจจะเพื่อชื่อเสียงหรือความภูมิใจ ซึ่งสถิติโลกก็มีด้วยกันมากมายหลายอย่าง รวมถึงสถิติแปลกๆ ที่เราได้นำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ด้วยครับ เพื่อนๆ คิดว่าจะสถิติอะไรที่ว่าแปลกแล้ว ที่เราเอามาให้ชมแปลกกว่าอีกครับ ไปรับชมกันเลย 1. พ่นนมออกจากดวงตาได้ระยะไกลที่สุด เริ่มกับสถิติแรก ใครจะคิดว่าชีวิตประจำวันคุณจะต้องมานั่งพ่นนมออกมาทางตาเพื่อทำลายสถิติโลก โดยที่เจ้าของสถิตินี้คือ Ilker Yelmaz พ่นนมไปได้ระยะ 279.5 เซนติเมตร 2. กลืนดาบได้ยาวที่สุด สถิตินี้ถูกทำลายลงโดย Natasha Veruschka ไปด้วยระยะการกลืนดาบ 53 เซนติเมตร 3. นิ่วก้อนใหญ่ที่สุดในโลก ในปี 2004 Vilas Ghuge ได้รับการผ่าตัดนำนิ่วในไตออกมาและพบว่านิ่วของเขานั้นมีขนาดกว้างถึง 13 นิ้ว ซึ่งถือว่าเป็นก้อนนิ่วที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยล่ะ 4. มีดชิ้นใหญ่ที่สุดที่ถูกนำออกจากกระดูกของมนุษย์ โดยที่ผู้ครองสถิติแสนประหลาดนี้คือ Michael Hill ผู้ที่ถูกนำมีดยาวกว่า 20 เซนติเมตรออกจากหัวกะโหลกจากการผ่าตัด ซึ่งเขานั้นรอดชีวิตแต่ต้องสูญเสียความทรงจำไป 5. หมุนตัวขณะห้อยด้วยสว่านไฟฟ้าได้มากที่สุด Huy Giang เป็นเจ้าของสถิตินี้ โดยที่เขาได้หมุนตัวจากการห้อยตัวโดยใช้สว่านไฟฟ้าไปทั้งหมด 148…
-
7 พฤติกรรมที่หลายๆ คนมองว่าสกปรกและอุบาทว์ แต่จริงๆ แล้วมีประโยชน์กว่าที่คิด
เคยไหมที่ตอนเด็กๆ จะถูกพ่อแม่ห้ามไม่ให้กัดเล็บหรือห้ามถุยน้ำลายเพราะว่ามันสกปรก ไม่สุภาพ หรือว่าไม่เหมาะสม ซึ่งถ้ามองตามมุมมองของคนในสังคมมันก็ถูกต้อง ดังนั้นพวกเราส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยจะเถียงอะไรกลับไปเท่าไหร่ และมักที่จะยอมทำตามแต่โดยดี ว่าแต่รู้รึเปล่าว่าการกระทำที่ถูกหาว่าสกปรก อุบาทว์ ไม่เหมาะสมเหล่านั้น ในทางร่างกายของมนุษย์แล้วนั้น บางอย่างมันกลับมีประโยชน์มากกว่าที่คิดเยอะ อย่างที่ 1 ฉี่ในระหว่างอาบน้ำ การฉี่ในห้องน้ำนั้นอาจจะดูเป็นเรื่องไม่เหมาะสมสำหรับบางคน แต่รู้ไหมว่าคนมากกว่า 75% นั้นเคยทำมัน แถมจริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องที่มีประโยชน์อีกด้วย เพราะกรดที่อยู่ในฉี่ของเรานั้นสามารถที่จะช่วยป้องกันเชื้อราบนนิ้วเท้าของคุณได้ด้วย อย่างที่ 2 การถ่มน้ำลาย การถ่มน้ำลายอาจจะดูน่าขยะแขยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าทำในสถานที่สาธารณะ อย่างไรก็ตามเมื่อคุณออกกำลังกาย การถ่มน้ำลายจะช่วยให้คุณหายใจได้ง่ายขึ้น เพราะเมื่อเราออกกำลังกาย พวกเราจะมักหายใจด้วยปากมากกว่าจมูกและทำให้มีการผลิตน้ำลายมากขึ้น การถ่มน้ำลายทิ้งจึงเป็นการกำจัดน้ำลายส่วนเกินและทำให้เราหายใจทางปากได้ง่ายขึ้นนั่นเอง อย่างที่ 3 การผายลม แม้ว่าคุณอาจจะไม่รู้ตัวแต่ ร่างกายของคุณจะปล่อยก๊าซออกมาประมาณ 14 ครั้งต่อวัน และประมาณ 3-5 ครั้งระหว่างการนอน โดยตามปรกติระบบทางเดินอาหารจะเริ่มผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซมีเทนประมาณ 6 ชั่วโมงหลังจากการรับประทานอาหาร การผายลมช่วยให้ร่างกายของคุณกำจัดก๊าซเหล่านี้ออกไปจากร่างกาย ดังนั้นหากคุณพยายามกลั้นการผายลมไว้อาจทำให้เกิดอาการปวดท้องหรือท้องอืดได้ อย่างที่ 4 การเรอ การเรอยาวๆ หลังจากรับประทานอาหารมื้อใหญ่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับกระเพาะอาหาร เนื่องจากมันเป็นการช่วยปล่อยอากาศที่คุณรับเข้าไประหว่างการทานอาหารออกมา กลับกันหากไม่ยอมที่จะเรอออกมาอาจจะทำให้อากาศไปดันกรดในกระเพาะอาหารกลับขึ้นไปยังหลอดอาหาร ทำให้มีอาการเจ็บหน้าอกได้…
-
7 เหตุผลที่เราตื่นขึ้นมากลางดึกทุกคืน ทั้งๆ ที่อยากจะนอนยาวๆ ให้เต็มอิ่มแท้ๆ
เคยเป็นกันไหม? ตอนกลางคืนให้เวลาเป็นชั่วโมงๆ ในการข่มตาให้หลับ แต่สุดท้ายก็ตื่นขึ้นมาในอีก 2-3 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่กะว่าจะนอนให้เต็มอิ่ม จนทำให้แม้ว่าจะอยากนอนให้ครบ 7-8 ชั่วโมง สุดท้ายกลับได้นอนไม่ถึง 6 ชั่วโมงด้วยซ้ำ แล้วก็ต้องไปหาวอยู่ในที่ทำงาน ถ้าคำตอบคือใช่ล่ะก็ ขอให้ดีใจไว้เลยคุณมาถูกที่แล้ว เพราะนี่คือ 7 เหตุผลที่เราตื่นขึ้นมากลางดึกทุกๆ คืน ทั้งๆ ที่อยากจะนอนยาวๆ ให้สบายๆ ข้อที่ 1 นอนผิดท่า เชื่อไหมว่า อาการเช่นความเหนื่อยล้าเรื้อรัง ปวดศีรษะ ปวดคอ ปวดหลังอาจเกิดจากการนอนบนเตียงด้วยท่าที่ไม่เหมาะสม เตียงนิ่มหรือแข็งเกินไป ซึ่งความไม่สบายตัวเหล่านี้สามารถทำให้คุณตื่นขึ้นมากลางดึกได้ Dr. John Douillard ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพบอกว่าท่านอนที่ดีที่สุดนั้นคือการนอนตะแคงซ้าย การนอนท่านี้จะสามารถปรับปรุงการย่อยอาหารและการไหลเวียนโลหิต เสริมสุขภาพทางอารมณ์ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยให้ระบบน้ำเหลืองของคุณทำงานอย่างถูกต้องและป้องกันโรคหัวใจอีกด้วย ข้อที่ 2 เสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อม หากคุณอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ จะมีโอกาสสูงมากที่คุณจะต้องเผชิญกับเสียงรบกวนต่างๆทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะรถ เครื่องบิน ห้องข้างๆ หรือเพื่อนบ้านที่นอนดึก เสียงเหล่านี้อาจทำให้คุณภาพการนอนหลับของคุณลดลงอย่างมาก และแน่นอนว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุที่คนเราจะตื่นขึ้นในกลางดึก วิธีแก้ที่ง่ายที่สุดของเรื่องนี้คือการใช้ปลั๊กอุดหูในขณะนอนหลับ แต่อย่าลืมว่าปลั๊กอุดหูแบบโฟมนั้นมีอายุการใช้งานที่ไม่มากและต้องทำความสะอาดเป็นประจำด้วย การติดตั้งผนังเก็บเสียงก็เป็นอีกหนึ่งความคิดที่ดี จริงอยู่ว่าราคาอาจจะแพงอยู่บ้างแต่สุขภาพก็สำคัญกว่าเงินอยู่ดี…
-
ตบมันเลยค่ะพี่!! ชมการแข่งขันสุดโหด “แข่งตบหน้า” การแข่งขันที่เหมาะกับตัวร้ายในละคร
เดี๋ยวนี้โลกของเราชักมีการแข่งขันแปลกๆ ขึ้นเรื่อยๆ หากใครยังจำกันได้ เมื่อคราวที่แล้วเราได้นำเสนอการแข่งขัน Air Sex ไปแล้ว (อ่านเรื่องราว Air Sex ได้ที่นี่) วันนี้เราเลยอยากจะมานำเสนอการแข่งขันแปลกๆ อีกอันที่ชวนอึ้งไม่แพ้กัน นั่นคือ Slaping Contest หรือการแข่งตบหน้านั่นเอง ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการแข่งขันตบหน้านั้นเริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อไหร่และที่ประเทศไหนเป็นที่แรก แต่มีคำบอกเล่าว่าการแข่งขันตบหน้านี้ เคยเป็นที่นิยมของเหล่าทหารโซเวียตในสมัยที่ยังไม่ล่มสลาย เพื่อใช้เป็นเกมกีฬาแก้เบื่อในค่ายทหาร การแข่งขันตบหน้าเกิดขึ้นในหลายๆ แห่ง ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ รัสเซีย หรืออินเดียก็ตาม แต่สิ่งที่มีเหมือนกันคือกติกาที่กำหนดไว้ว่าต้องตบให้คู่ต่อสู้ล้มลงไปหรือน็อคเอาต์จึงจะเป็นผู้ชนะและผ่านเข้าสู่รอบต่อไป หากทั้งสองฝ่ายยังคงทนแรงตบได้ก็จะสลับกันตบไปเรื่อยๆ ในการแข่งขันหลายครั้ง มักจะมีผู้เข้าแข่งขันที่แข็งแกร่งมากจนสามารถน็อคคู่ต่อสู้ได้ในการตบครั้งเดียว ทำให้พวกเขาเหล่านั้นลงไปนอนหมดสติอยู่ที่พื้นท่ามกลางเสียงโห่ร้องของผู้ชมมากมาย และเมื่อการแข่งขันจบลงพวกเขาก็จะลุกขึ้นมาแล้วจับมือกันเพื่อแสดงน้ำใจนักกีฬา (จะเรียกว่ากีฬาก็ทะแม่งๆ อยู่) ตัวอย่างการแข่งขันตบหน้าในอินเดีย ที่ดูมีการออกแอกชั่นมากกว่าที่อื่นๆ ตัวอย่างการแข่งขันตบหน้าในสหรัฐเมื่อปี 2015 ส่วนนี่เป็นภาพการแข่งขันตบหน้าปีล่าสุดที่จัดกันในรัสเซีย เห็นแล้วน่าจะส่งตัวร้ายในละครบ้านเราไปร่วมแข่งขันกับพวกเขาด้วยจริงๆ แต่ใครจะเอาก็เอาเถอะ เราขอบายนะ ที่มา Beasts of Gym , unilad
-
สาระล้วนๆ!! คนจากวงในเผยวิธีการคัดเลือก ‘พระเอกหนังโป๊’ ไม่ใช่แค่หล่อก็เป็นได้นะ
หนึ่งในอาชีพในฝันสำหรับหนุ่มๆ อยากเป็นมากที่สุดในโลกใบนี้ก็คงหนีไม่พ้น ‘พระเอกหนังโป๊’ นี่แหละ (จะเพราะอะไรนั้นก็รู้ๆ กันอยู่ อิอิ) แล้วการจะไปให้ถึงฝั่งฝันได้นั้น จะต้องผ่านอะไรบ้าง ก็คงเป็นเรื่องที่เพื่อนๆ หลายคนอยากรู้ใช่มั้ยล่ะ? และวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมจากปากของวงในกันว่าการทดสอบสำหรับการเป็นนักแสดงหนังโป๊ชาย ว่าพวกเขามีหลักการในการคัดเลือกอย่างไรกันบ้าง เรื่องมีอยู่ว่าสมาชิกเว็บไซต์ Reddit ท่านหนึ่งชื่อว่า Carnageeleven ได้มาเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกในการสัมภาษณ์งานเพื่อเป็นดาราหนังโป๊ชาย พร้อมทั้งแนะวิธีเตรียมตัวเพื่อผ่านการทดสอบ โดยเขาอ้างว่าตัวเองนั้นทำงานอยู่วงใน และสิ่งที่ทำให้กระทู้นี้ดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นไปอีก ก็คือมีชาวเน็ตคนหนึ่งที่ได้รับเลือกให้เป็นนักแสดงหนังโป๊ชายในบริษัท BangBros ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่ามันใช่เลย!! จะมีอะไรบ้างเราลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า ข้อแรกเลย คุณต้องมีไซส์ของกระปู๋อยู่ที่ 8-9 นิ้วเป็นอย่างต่ำ (แค่ข้อแรกก็คอตกกันเป็นแถบๆ แล้วล่ะสิ) เอาล่ะ ถ้าใครผ่านข้อแรกไปได้ก็มาดูกันที่สเต็ปต่อไป คือคุณจะต้องทำให้มันแข็งตัวได้อย่างรวดเร็ว และสามารถบังคับการหลั่งได้อย่างอิสระ คุณจะต้องไม่มีปัญหากับการทำอะไรที่ดูเหมือนเป็นเกย์กับผู้ชายคนอื่นๆ การที่ไข่ของคุณถูกกับไข่ของคนอื่น ในช่วงเข้าฉากชาย 2 หญิง 1 ถือเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก คุณจะต้องมีพอร์ตฟอลิโอแนะนำตัวที่ดูมีความเป็นมืออาชีพ ภาพตอนถ่ายแบบ หรืออาจจะระบุประสบการณ์ที่เคยทำมาก่อนหน้านี้…
-
รวม 17 รีวิวและสูตรชงเหล้าไทย นักดื่มตัวจริงไม่ควรพลาด ใครคิดว่าแข็งต้องลอง!!
สายแข็งและนักดื่มบางคนอาจเบื่อกับการดื่มเบียร์ทั่วๆ ไป หรือเหล้าผสมโซดาที่กินอยู่ประจำ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะหาสูตรชงแนวไหนที่มันถูกคอดี ในวันนี้ #เหมียวตะปู เลยอยากมาพูดถึงสูตรการชงเหล้าที่เพื่อนๆ อาจไม่เคยลองกันมาก่อน รวมถึงรีวิวเบียร์ใหม่ๆ ที่ไม่ได้มีแค่ ช้าง สิงห์ หรือ ลีโอ อย่างที่เรากินกัน สูตรไหนหรือยี่ห้อใดน่าสนใจบ้างนั้น เราลองไปชมกันเลย เริ่มด้วยการรีวิวและสูตรชงเหล้าจากแฮชแท็ก #รีวิวขี้เมา ในทวิตเตอร์ เพื่อนๆ ในโลกโซเชียลเขาแนะนำอะไรกันมาบ้าง . . . สำหรับขวดนี้ #เหมียวตะปู เคยลองมาแล้ว ส่วนตัวนั้นไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะมันมีรสชาติค่อนข้างหวาน (พอดีเราไม่ชอบกินหวานอ่ะ แหะๆ) แต่สำหรับใครชอบรสหวานหอมก็ถือว่าไม่ควรพลาดนะ . บอกเลยว่าถ้าใครชอบดื่มเบียร์หอมๆ มีความละมุนดื่มง่าย กระป๋องนี้จะต้องเป็นที่ถูกปากอย่างแน่นอน . . จากนั้นก็ตามมาด้วยสูตรชงเหล้าง่ายๆ ที่สามารถซื้อวัตถุดิบได้จาก 7-Eleven สูตรนี้เหมาะสำหรับสายแข็งที่เบื่อการผสมแค่น้ำเปล่ากับโซดา ซึ่งสูตรเหล่านี้มาจากเว็บไซต์ Spiceee.net เราลองไปดูทั้ง 5 สูตรพร้อมๆ กันเลย 1. Rootbeer…
-
มารู้จักกับ Humblebrag วิธีการทางจิตวิทยา สำหรับคนที่ชอบ “อวดตัวเองอย่างถ่อมตน”
พวกเราส่วนใหญ่อาจเคยเห็น คนขี้อวด ที่ชอบโชว์ภูมิ โชว์ความสามารถหรือสิ่งที่ตัวเองมี เหมือนอยากประกาศให้โลกรู้ว่า “ข้ารวย” “ข้าเก่ง” อะไรทำนองนั้น แต่รู้หรือไม่ว่ามันยังมีการอวดตัวเองแบบเนียนๆ อยู่ สิ่งนั้นเรียกว่า Humblebrag ถ้าจะให้แปลเข้าใจง่ายๆ Humblebrag ก็คือ “การอวดตัวเองอย่างถ่อมตน” หมายถึงวิธีการอวดโชว์ความสามารถหรือสิ่งที่ตัวเองมีโดยไม่ได้แสดงออกมาอย่างโผงผาง ตัวอย่างคำพูดในแบบ Humblebrag “เซ็งจังเลย วันนี้ต้องไปกินซูชิในร้านหรูๆ อีกละ เบื่อจะแย่แล้วเนี่ย” “เทอมก่อนได้เกรด 4.00 มา ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ นี่เราก็ว่าเราทำไม่ได้นะ สงสัยจะฟลุ๊คตอบถูกเยอะละมั้ง” “ไม่น่าซื้อ Ducati มาขี่เลยเอาจริง เปลืองน้ำมันมากๆ เลย” แล้วเราทำอย่างนั้นไปจะได้อะไรขึ้นมาล่ะ? ตามหลักจิตวิทยาอธิบายไว้ว่าทุกๆ คนต่างต้องการการตอบสนองที่ดีต่อสิ่งที่เรามี ความสามารถ หรือความสำเร็จของเรา ทุกคนมีความอยากแสดงความภาคภูมิใจในสิ่งนั้นๆ คาดหวังการตอบรับที่ดีจากผู้อื่น แต่ว่าการที่เราจะอวดตัวเองออกมาตรงๆ มันก็จะทำให้เราเกิดความรู้สึกขัดแย้ง รู้สึกไม่ดีกับพฤติกรรมที่เราแสดงออกไป เพราะฉะนั้นแล้ววิธีการ Humblebrag จึงช่วยให้เราลดความรู้สึกแย่ๆ เหล่านั้นไปได้ มีความกล้าที่จะแสดงความภาคภูมิใจของตัวเองได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นการใช้วิธี Humblebrag…
-
“ถังข่าหนังมนุษย์” งานศิลปะที่แสนทารุณ ซึ่งต้องแลกมาด้วยชีวิตของทาสชาวทิเบต
((บทความต่อไปนี้อาจมีภาพและเนื้อหาที่ทำให้คุณไม่สบายใจ และอาจกินหมูจุ่มไม่อร่อย)) “ถังข่า” งานพุทธศิลป์อันมีเอกลักษณ์ของชาวทิเบต ซึ่งเป็นการวาดภาพของพระโพธิสัตว์หรือสถานที่ต่างๆ ตามความเชื่อของพุทธศาสนานิกายวัชรยาน และถูกนำประดับตกแต่งอยู่ทั่วไปตามศาสนสถานนั่นเอง งานศิลปะนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในดินแดนหลังคาโลก และไม่น่าเชื่อว่าในอดีตความสวยงามแบบนี้ไม่ได้ถูกวาดเอาไว้บนผืนผ้าใบเท่านั้น แต่มันยังถูกวาดเขาไว้บนผิวหนังมนุษย์ด้วยเช่นกัน… นี่อาจจะเป็นเพียงแค่งานศิลปะธรรมดาๆ คล้ายกับรอยสักถ้าหากว่ามันไม่ได้ถูกเขียนเอาไว้บนตัวของทาส ก่อนที่เจ้าของทาสรายนั้นจะใช้วิธีถลกหนังออกมาอย่างทารุน ถังข่าหนังมนุษย์ คืองานศิลปะที่สะท้อนให้เห็นถึงสังคมและความโหดร้ายของทาสเกษตรกรรมของทิเบตในสมัยก่อน ซึ่งพวกเขามีฐานะเป็นหนึ่งในสมบัติของนายจ้าง . ว่ากันว่างานทาสเกษตรในทิเบตนั้นขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายและทารุณไม่น้อยเลยทีเดียว โดยกรรมวิธีให้ได้มาซึ่งถังข่าหนังมนุษย์นี้ นายจ้างจะนำทาสที่ถูกคัดเลือกแล้วมาวาดลวดลายต่างๆ ลงไป . จากนั้นพวกเขาจะทำการเจาะรูที่ผิวหนังลึกประมาณ 2 เซนติเมตร และค่อยๆ หยอดปรอทลงไปทีละนิดเพื่อให้ผิวหนังกับร่างกายแยกออกจากกัน และถลกหนังออกมากลายเป็นถังข่าหนังมนุษย์อย่างที่เราได้เห็นกัน ปัจจุบันถังข่าหนังมนุษย์ที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี ผืนหนึ่งได้ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งเหอหนาน ในประเทศจีน นับว่าเป็นงานศิลปะที่แลกมาด้วยความโหดร้ายทารุณจริงๆ ที่มา blog.sina, Thangka
-
หญิงสาวผู้เกิดมาพร้อมกับ ‘กระดูก’ อันแสนบอบบาง แค่สะอึก / จาม ก็ทำให้หักได้
Marie Holm Laursen สาววัย 21 ปี ผู้เกิดมาเป็นโรคกระดูกเปราะกรรมพันธุ์ ซึ่งเป็นความผิดปกติของยีนที่ผลิตสารที่พบในข้อต่อ และเป็นส่วนสำคัญในการสร้างกระดูก Marie อาศัยอยู่ในเมือง Aarhus ประเทศเดนมาร์ก เธอป่วยเป็นโรคนี้ตั้งแต่อายุได้ 1 สัปดาห์ เธอเล่าถึงตอนที่รู้ตัวว่าป่วยเป็นโรคนี้ว่า วันนั้นเธอไปหาหมอเพราะเวลาเธอขยับขาไปมาก็จะมีเสียงแตกคล้ายกับว่ากระดูกหัก คุณหมอจึงพาเธอเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์แบบเต็มตัว และพบว่ามันเป็นเสียงกระดูกของเธอที่หัก รวมไปถึงมีร่องรอยของกระดูกหักเต็มไปหมดทั้งตัว เขาจึงสรุปว่าเธอเป็นโรคกระดูกเปราะบาง ตั้งแต่เกิดมาเธอเคยกระดูกหักไปแล้วมากกว่า 500 ครั้ง เพียงแค่ขยับผิดท่า ไอ จาม สะอึก หรือถูกกอดแรงเกินไป ก็ทำให้กระดูกของเธอหักได้แล้ว “ประสบการณ์ที่แย่ที่สุดในชีวิตของฉันคือการตกเก้าอี้รถเข็นเมื่อปี 2013 กระดูกในร่างกายของฉันหักเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงมีเลือดออกในสมอง แม้แต่คุณหมอก็ไม่แน่ใจว่าฉันจะรอดจากอุบัติเหตุในครั้งนั้นได้หรือเปล่า” Marie เล่า ชีวิตในวัยเด็กของ Marie นั้นเป็นอะไรที่ยากลำบากเป็นอย่างมาก เธอเล่าว่าผู้คนมักจะมองเธอด้วยสายตาประหลาด แถมยังมีคนแอบซุบซิบนินทาอยู่บ่อยครั้ง แต่ปัจจุบันเธอเลือกที่จะมองข้ามสิ่งเหล่านั้น “ผู้คนไม่มีความรู้เกี่ยวกับโรคนี้ และฉันจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อบอกให้พวกเขารู้” Marie กล่าว “โรคที่ฉันเป็นมันส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของฉัน เพราะความเปราะบางของมัน ทำให้ฉันต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ” “ส่วนสำคัญที่ทำให้ฉันสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขเหมือนในทุกวันนี้ก็คือครอบครัวและเพื่อนๆ…
-
Fabian Thylmann ชายผู้เปลี่ยนประวัติศาสตร์วงการเว็บโป๊ เพื่อให้เราดูกันแบบฟรีๆ!!
หากย้อนกลับไปในอดีต การจะหา ‘เว็บโป๊’ เอาไว้ดูเล่นเพลินๆ สักเว็บหนึ่งจะพบว่ามันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน เพราะแต่ละเว็บก็เก็บเงินค่าสมาชิกไปเสียหมด ไม่เหมือนกับในยุคปัจจุบันที่เพียงแค่เข้าเว็บก็ดูได้แล้ว แต่ขอบอกเลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันมีเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่ และหากเพื่อนๆ ได้รู้ละก็จะต้องรู้สึกขอบคุณชายคนนี้อย่างแน่นอน ขอแนะนำให้รู้จักกับนาย Fabian Thylmann นักธุรกิจชาวเยอรมัน ผู้เปลี่ยนประวัติศาสตร์วงการหนังโป๊ ด้วยการสร้างเว็บโป๊สไตล์ยูทูบขึ้นมา ที่ผู้คนสามารถสตรีมสด อัปโหลด หรือดาวน์โหลดวิดีโอแบบฟรีๆ ไม่เสียเงินสักบาท เขาตั้งบริษัทที่ชื่อว่า MindGeek ขึ้นมา พร้อมกับระบบที่มีชื่อว่า NATS (Next-Generation Affiliate Tracking Software) ที่ใช้ทำการตลาดและลงโฆษณาในเว็บโป๊ในเครือของเขา หลังจากที่ตั้งบริษัทขึ้นมา Fabian ก็พยายามอย่างหนักเพื่อหาเงินทุนมาช่วยสนับสนุนบริษัทของตัวเอง จนกระทั่งธนาคารตกลงให้เขากู้ยืมเงินเพื่อไปซื้อกิจการเว็บโป๊ชื่อดังอย่าง Redtube, YouPorn, และ PornHub Fabian ตัดสินใจยกเลิกระบบเก็บเงินทั้งหมด และเปิดให้ชมกันแบบฟรีๆ โดยหาเก็บเงินจากค่าโฆษณาที่ลงในเว็บไซต์แทนที่จะเป็นการเก็บค่าดูเพียงอย่างเดียว ในปี 2012 จำนวนผู้ใช้บริการเพื่อดูเว็บโป๊ออนไลน์มากกว่า 80% อยู่บนเว็บโป๊ของเขา ใน 1 วันมีคนกดคลิกในหน้าเว็บเฉลี่ยกว่า 10…
-
ร้องอ๋อ!! 16 ดาราดังที่แสดงหนังแล้วถูก Make Up “กลบ” จนคนดูจำไม่ได้!!
การแสดงภาพยนตร์ในปัจจุบันนี้บางครั้งนักแสดงก็ต้องแสดงออกมาในคราบของตัวละคร “ที่ไม่เหมือนตัวจริง” และนั่นทำให้เหล่านักแสดงจำเป็นต้องเข้ารับการแต่งหน้าและแต่งกายให้เหมาะสมกับบทบาทที่สุด มีภาพยนตร์หลายเรื่อง ตัวละครหลายตัว ที่เราไม่ได้สังเกตว่านั่นคือ ดาราดัง เพราะว่าแต่งหน้าเยอะเสียจนดูไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร วันนี้เราจึงนำตัวอย่าง ดาราดัง 16 คนที่ถูกการแต่งหน้าบดบัง เสียจนผู้ชมไม่สังเกตเลยว่าเป็นใคร รับรองเลยว่าบางคนต้องทำให้คุณร้องออกมาว่า “อ้าว คนนี้แสดงเองหรอกเหรอเนี่ย!?” 1. พ่อหนุ่มแฮรี่ Daniel Radcliffe ในเรื่อง Horns (ไม่บอกก็ไม่รู้เลยว่าใครแสดง) 2. แม่ Charlize Theron ในเรื่อง Monster (จำแทบไม่ได้) 3. หื๊มม? คุณแม่ Cate Blanchett จากเรื่อง Manifesto (เปลี่ยนไปเยอะ!) 4. Bill Skarsgård จากเรื่อง It (แกนี่เอง ที่ทำฉันหัวใจจะวาย) 5. สาว Margot Robbie ใน Suicide Squad…
-
24 ความจริงเกี่ยวกับ “อายุขัย” ของมนุษย์ พวกเรา…ใช้อายุขัยที่มี ไปกับอะไรบ้าง!?
ชีวิตของคนเราตั้งแต่เด็กจนโตนั้นถือว่าเป็นเวลาที่ไม่น้อยเลยทีเดียว แน่นอนว่าหลายคนมักเกิดคำถามต่างๆ มากมายเกี่ยวกับชีวิตของมนุษย์ คงเป็นไปได้ยากหากจะให้ตอบคำถามที่เกิดขึ้นในหัวของมนุษย์ทั้งหมด เอาเป็นว่า วันนี้เราขอนำเสนอ 24 ความจริงเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ ที่อาจมีหลายคนสงสัย และมีอีกหลายคนที่ไม่เคยรู้มันมาก่อน 1. คนเราสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานที่สุด 2 เดือนโดยไม่ทานอาหาร แต่หากไม่นอนหลับเลย จะอยู่ได้เพียงแค่ 11 วันเท่านั้น 2. อายุขัยโดยเฉลี่ยของมนุษย์เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมานั้นเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงเวลา 2 แสนปีนับแต่มนุษย์กำเนิดขึ้นบนโลกเสียอีก 3. ผู้คนที่วิ่งเป็นประจำจะมีอายุโดยเฉลี่ยยืนยาวกว่าผู้ที่ไม่วิ่งถึง 6 ปี 4. ผู้คนที่มีปฏิสัมพันธ์กับคนกลุ่มใหญ่จะมีอายุโดยเฉลี่ยยืนยาวกว่าผู้ที่อยู่โดดเดี่ยวถึง 3.7 ปี 5. การนั่ง 3 ชั่วโมงต่อวันจะทำให้คนเรามีอายุขัยลดลง 2 ปี 6. ผู้หญิงมีอายุขัยมากกว่าผู้ชาย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะระบบการป้องกันการแก่ชราในตัวผู้หญิงนั่นเอง 7. ทั้งชีวิตของผู้ชาย โดยรวมแล้วอาจใช้เวลาไปกับการโกนหนวดถึง 6 เดือนเลยทีเดียว 8. หญิงสาวชาวอังกฤษโดยเฉลี่ย…
-
9 เรื่องจริงอันน่าทึ่งของสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ที่อาจทำให้คุณร้องว้าวด้วยความแปลกใจ
จำนวนนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกมีอยู่ประมาณ 8 ล้านคน ดังนั้นต่อให้แต่ละคนใช้เวลาหาข้อมูล 10 ปี ทุกๆ วันพวกเขาก็จะค้นพบสิ่งใหม่ๆ เป็นร้อยๆ อย่างอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับยา สัตว์ เทคโนโลยี หรือว่าทฤษฎีใหม่ๆ ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่บนโลกใบนี้จะมีเรื่องราวใหม่ๆ ที่เราไม่เคยรู้เกิดขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้น การที่ได้ตามไปเรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ นั้น ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับหลายๆ คนอยู่ดี ดังนั้นในวันนี้ #เหมียวศรัทธา จึงได้นำเรื่องจริงที่น่าสนใจ มาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันอีก 9 เรื่อง แต่จะน่าสนใจขนาดไหนนั้น ก็เชิญไปรับชมกันได้ข้างล่างนี้ ตามสถิติแล้ว “เมืองที่อันตรายที่สุดในโลก” คือเมืองวาติกัน ความขัดแย้งที่น่าแปลกใจนี้เกิดขึ้นเนื่องจากวิธีการคำนวณคะแนนจำนวนอาชญากรรมทั้งทางแพ่งและทางอาญาที่เกิดขึ้นระหว่างปีหารด้วยจำนวนประชากรในเมือง และด้วยความที่จำนวนประชากรของเมืองวาติกันอยู่ในระดับต่ำกว่าเมืองเซาเปาโล ลากอส หรือแม้แต่เมืองบรองซ์ นั่นทำให้อัตราการเกิดอาชญากรรมทางสถิติของวาติกันสูงที่สุดในโลกที่ 1.68 คดีต่อผลเมืองหนึ่งคน ตัวสลอธสามารถกลั้นหายใจได้ถึง 40 นาทีเพื่อการดำน้ำ แม้ว่าสลอธจะเดินได้เพียง 2 เมตรต่อนาทีบนพื้นดิน แต่มันกลับว่ายน้ำได้เร็วกว่าเดินถึง 5 เท่า และเนื่องจากอัตราการเผาผลาญที่ช้าสุดๆ ของมัน สลอธจะอยู่โดยไม่มีอากาศได้นานอย่างไม่น่าเชื่อเลย ลิ้นของมนุษย์ไม่ได้แยกโซนการรับรสอย่างที่พวกเราเข้าใจ เราอาจจะเคยได้ยินมาว่าเรารับรสหวานด้วยปลายลิ้นอะไรแบบนั้น…
-
นวัตกรรมใหม่แห่งอาหาร “ผักแผ่น” จากญี่ปุ่น กินเปล่าๆ ก็ได้ แช่น้ำแล้วห่ออาหารก็ได้
คุณยังจำความรู้สึกสะอิดสะเอียดตอนแรกๆ ที่ฝึกกินผักตอนเด็กได้ไหม? หรือแม้แต่ทุกวันนี้ก็ยังคงมีผู้ใหญ่ที่ไม่ชอบกินผักอยู่ อาจจะเพราะกลิ่นและรสสัมผัสของมันที่ไม่ได้อร่อยเหมือนกับการเคี้ยวเนื้อสัตว์นั่นเอง นี่อาจเป็นตัวช่วยสำหรับคุณในอนาคตก็ได้นะ เพราะนี่คือ VEGHEET (หรือแปลง่ายๆ ก็คือผักแผ่นนั่นแหละ) เกิดจากการนำผักไปบดแปรรูป แล้วอบแห้ง ทำให้กลายเป็นแผ่นๆ อย่างที่เห็น มันถูกคิดค้นโดยบริษัท Isle Corporation ตั้งอยู่ในเมืองฮิราโดะ จังหวัดนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น ผักแผ่นนี้มีส่วนผสมของวุ้น (AGAR) มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ไม่ละลายในน้ำเย็น และมีความยืดหยุ่น ฉะนั้นคุณจึงสามารถนำมันไปแช่ในน้ำเพื่อให้อ่อนตัวแล้วนำไปห่ออาหาร ผักแผ่นนี้จะมีลักษณะเป็นแผ่นบางๆ กรอบๆ (หากไม่ได้แช่น้ำ) และเมื่อเคี้ยวก็จะเกิดรสหวานที่มาจากผักที่แผ่ซ่านไปทั่วปาก แต่หากคุณนำเอาผักแผ่นไปแช่น้ำ มันก็จะนุ่มและยืดหยุ่นได้ สามารถนำเอามันไปห่อข้าว หรือเอาไปทำก๋วยเตี๋ยวหลอดได้ และแม้จะเป็นเด็กก็สามารถกินเจ้าผักแผ่นนี้ได้ง่ายๆ และยังเหมาะกับการนำไปจัดปาร์ตี้ต่างๆ ด้วย หากสนใจอยากจะซื้อผักแผ่นมาลองกินล่ะก็ สามารถหาซื้อได้ที่ร้าน Ito Yokado Oimachi หรือจะซื้อผ่านเว็บไซต์ yokaro-bussan ในราคา 350 เยน (ราวๆ 102 บาท) 1 ห่อบรรจุ 5…
-
น่าอ่านมว๊าก!! กับ 13 ข้อเท็จจริงผสมปนเปจากหลายๆ เรื่องราว ที่เพื่อนๆ อาจยังไม่ทราบ
บนโลกใบนี้ มีความลับหรือข้อมูลอะไรหลายๆ อย่างที่ยังไม่เปิดเผยให้เรารู้ หรืออาจจะเปิดเผยแล้วแต่เราก็ยังไม่รู้ก็เป็นไปได้ และวันนี้ #เหมียวโคบี้ ก็ได้หาข้อเท็จจริงจากในหลายๆ เรื่องที่เพื่อนๆ ไม่น่าจะทราบกันมาก่อนมาให้ได้ดูกันครับ ซึ่งบางอันเพื่อนๆ ก็อาจจะทราบกันมาบ้างแล้ว แต่หลายๆ อันต้องไม่เคยรู้มาก่อนแน่นอน ว่ากันมาขนาดนี้แล้ว เอาล่ะ!! เราไปชมพร้อมๆ กันเลยจ้า 1. เมื่อออกจากรังไป อีกาจะกลับมาเยี่ยมพ่อแม่อยู่เป็นครั้งคราวและช่วยเลี้ยงเหล่าน้องตัวน้อยๆ ด้วย อ้างอิง 2. หลายๆ ครั้งหัวใจของปลาหมึกจะเต้นไม่เป็นจังหวะหากมันเจอตัวที่คิดว่าเป็นคู่แท้ อ้างอิง 3. ผู้พากย์เสียงให้ Spongebob (Tom Kenny) และ Karen (Jill Talley) ในชีวิตจริง แต่งงานกัน อ้างอิง 4. ทารกไม่ได้ยิ้มเพราะมีความสุข แต่พวกเขายิ้มเพราะชอบที่พ่อแม่ยิ้มเมื่อเห็นเขามีความสุข อ้างอิง 5. เวลากอริลลาได้กินของที่มันชอบ มันจะฮัมเพลงไปด้วย และยังสามารถบอกกอริลลาตัวอื่นได้อีกว่ามันกำลังยุ่งอยู่กับการกินนะ อ้างอิง 6. ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี มีเครื่องแลกขวดพลาสติกกับอาหารหมาและแมว โครงการนี้มีเพื่อหมาและแมวจรจัด อ้างอิง…
-
10 การค้นพบทางโบราณคดี แบบโชคช่วย บางชิ้นก็อยู่ “ในบ้านเราเอง” นี่แหละ!!
นักโบราณคดีถือว่าเป็นอาชีพที่มีความสำคัญอาชีพหนึ่ง ที่จะทำให้มนุษย์ทั้งหลายสามารถรับรู้ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาบนโลกนี้ได้ และเวลาที่ผ่านมานี้ หลายๆ คนก็จะเห็นมีการขุดค้นพบนู่นหรือค้นพบนี่ ที่เป็นโบราณวัตถุหรือโบราณสถานกันมากมาย แต่รู้กันหรือไม่ว่าบางทีแล้วไอ้การถูกค้นพบครั้งนั้นมันมาจากความบังเอิญล้วนๆ!! ถ้าหากไม่เชื่อกันล่ะก็ วันนี้เราก็ได้ยกตัวอย่าง 10 ครั้งที่มีการค้นพบทางโบราณคดีที่มาจากความฟลุ๊คมาให้ได้ดูกัน ไปดูกันเลยดีกว่า 1. ชาวนาค้นพบซากแมมมอธที่สวน James Bristle และเพื่อนชาวนาคนอื่นได้มาทำการขุดพื้นที่ปลูกถั่วเหลืองตามปกตินี่แหละ แต่อยู่ดีๆ ก็เหมือนขุดไปเจอกับอะไรแข็งๆ เข้า และนั่นก็ทำให้พวกเขาเจอซากของแมมมอธอายุกว่า 15,000 ปี ซึ่งตอนนี้ตั้งโชว์อยู่ที่รัฐมิชิแกน 2. คนงานเจอขุดดินแต่ไม่ได้ดิน ได้สมบัติของ Childeric แทน ย้อนกลับไปในปี 1653 คนงานชื่อ Adrien Quinquin ได้ทำงานขุดพื้นที่ของโบสถ์ Saint-Brice ก่อนที่จะเจอเข้ากับเหรียญทองพร้อมกับแหวนที่เป็นส่วนหนึ่งของสมบัติแห่ง Childeric 3. มัมมี่ Grauballe Man ในบริเวณบึงที่มีการขุดหาถ่านหิน จู่ๆ คนงานคนหนึ่งก็รู้สึกว่าตัวเองขุดไปโดนอะไรที่ไม่ใช่ถ่านหิน ซึ่งพอขุดก็พบเจอกับ Grauballe Man มัมมี่ที่มีผมและเล็บมืออยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งถือว่าเป็นมัมมี่ตัวแรกเลยที่สามารถรักษาร่างกายไว้ได้อย่างครบถ้วน 4. หรือฮอบบิทจะมีอยู่จริง ทีมโบราณคดีจากประเทศออสเตรเลียและอินโดนีเซียที่กำลังค้นหาหลักฐานของการย้ายถิ่นของมนุษย์จากเอเซียไปออสเตรเลีย แต่พวกเขากลับเจอเข้ากับกระดูกรูปร่างคล้ายกับมนุษย์แต่สั้นกว่า ซึ่งเชื่อว่าเป็นของเผ่า Hominin หรือบรรพบุรุษสายพันธ์สุดท้ายก่อนที่จะวิวัฒนาการมาเป็นมนุษย์ 5. คฤหาสน์โรมันอันหรูหรา…
-
หนุ่มๆ โปรดรู้ไว้ นี่คือ 10 อาการที่สาวๆ มักจะเป็น เมื่อวันนั้นของเดือนมาถึง
ช่วงที่มีประจำเดือน สำหรับสาวๆ แล้วมันคือช่วงเวลาที่สุดแสนจะทรมานที่สุดเลยก็ว่าได้ แถมยังต้องมาเป็นทุกๆ เดือนอีก เป็นผู้หญิงนี่มันลำบากจริงๆ นะ สิ่งหนึ่งที่สาวๆ อยากจะบอกให้คุณผู้ชายทั้งหลายเข้าใจก็คือช่วงที่เป็นเมนส์นั้นผู้หญิงแบบเราๆ จะมีอาการหลายสิ่งหลายอย่างที่มันคอยประเดประดังเข้ามาพร้อมกัน #เหมียวบู้บี้ จึงอยากจะเป็นตัวแทนสาวๆ มากล่าวถึงอาการที่พวกเราเป็นตอนช่วงนั้นของเดือน หวังว่าหนุ่มๆ จะเข้าใจเราบ้างนะ 1. สาวๆ ช่วงวันนั้นของเดือนจะเกิดปรากฏการณ์ ‘นมบวม’ อ่าาาา ช่วงนี้แหละมันจะดูอึ๋มๆ นิดๆ นะฮะ 2. ไม่ต้องตกใจไปค่ะ ทุกอย่างมีขึ้นและก็ต้องมีลง นมก็เช่นกัน หลังเมนส์หมดมันก็กลับมาแฟบเหมือนเดิม (เศร้าใจจุง T^T) 3. อารมณ์มันจะแปรปรวนยิ่งกว่าพายุหิมะท่ามกลางทะเลทราย พูดได้ว่า 3 นาที 125 อารมณ์เลยก็ว่าได้ (อันนี้เรียกว่าบ้าแล้ว) 4. ช่วงที่เป็นประจำเดือน สาวๆ จะขี้หงุดหงิดมากๆ อึดอัดไปหมด บางคนจะเกิดอาการรำคาญทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า ถึงขั้นไม่ใส่บราทั้งวันเลยก็มี 5. เรื่องการกิน ช่วงเป็นเมนส์จัดไปของคาวของหวานอย่าให้ขาด น้ำหวาน ไก่ทอด…
-
ท่านชายคิดอย่างไรกับ ‘หมออ้อย’ ของสาวๆ ควรเลี้ยงเอาไว้ หรือโกนออกไปให้หมดดี!?
มีสาวๆ คนไหนเคยไม่มั่นใจกับ “ขน” ช่วงล่างของตนเองบ้างหรือไม่? อยากรู้กันหรือเปล่าว่า ท่านชายคิดอย่างไรกับขนตรงนั้นของของคุณ? ต้องมีคนที่ไม่มั่นใจแบบนี้แน่นอน บางคนก็โกนมันออกเสียหมด บางคนก็แว็กซ์ ถอน หรือหาวิธีกำจัดในแบบต่างๆ ขณะเดียวกันบางคนก็ไม่ทำอะไรกับมันเลย ปล่อยให้มันเติบโตเป็นธรรมชาติ สรุปแล้วผู้ชายคิดอย่างไรกับขนตรงนั้นของผู้หญิงกันแน่? ปัจจุบัน ในประเทศอังกฤษได้มีผลการวิจัยออกมาแล้วว่า 2 ใน 3 ของชายชาวอังกฤษ ชอบ ให้ผู้หญิงมีขนตรงน้องสาวนิดหน่อย จากการสอบถามชายอังกฤษ 1,000 คนโดยผลิตภัณฑ์ดูแลท่านชายแบรนด์ Manscape พบว่า 63 เปอร์เซ็นต์ของชายเหล่านี้ คิดว่าผู้หญิงที่มีพื้นที่บริเวณน้องน้อยที่ดูเป็น ธรรมชาติ หรือ มีขนนิดหน่อย นั้นจะดูน่าดึงดูดมากกว่าคนที่มีมากเกินไป แต่ขณะเดียวกัน ชายอีก 20 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่า “แค่คิดว่าต้องเห็นขนบนร่างกายหญิงสาว มันก็ทำให้ผมหมดอารมณ์แล้ว” สำหรับผู้หญิง จำนวน 20 เปอร์เซ็นต์บอกว่าพวกเธอชอบที่จะเข้าไปยุ่งกับสวนหย่อมของท่านชาย เพราะถือว่าเป็นการกระตุ้นอารมณ์ให้กับคู่รัก และอีก 25 เปอร์เซ็นต์ก็ยอมรับว่ามีการเล็มขนน้องน้อยของตัวเองบ้าง ส่วนอีก 10 เปอร์เซ็นต์นั้นยอมรับเลยว่า โกนให้ใสสะอาดอยู่เสมอ…
-
จากสาวอ้วนเสพติดอาหาร เปลี่ยนชีวิตตัวเองด้วยการลดน้ำหนักกว่า 92 กิโลกรัม!!
เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของสาวชาวนิวซีแลนด์ที่ชื่อว่า Simone Anderson กับชีวิตใหม่หลังจากที่เธอตัดสินใจเปลี่ยนชีวิตตัวเองด้วยการลดน้ำหนักมากกว่า 92 กิโลกรัม!!! Simone อายุ 27 ปี สาวนิวซีแลนด์ออกมาเปิดเผยชีวิตของตัวเองบนเว็บไซต์ Dailymail เรื่องเริ่มต้นที่ว่า เธอนั้นเคยอ้วนมากๆ น้ำหนักตัวของเธออยู่ที่ 169 กิโลกรัมเลยทีเดียว ซึ่งสาเหตุที่เธออ้วนขนาดนี้เธอบอกว่า เธอนั้นมีอาการเสพติดอาหาร อาการเสพติดอาหารของเธอนั้นอยู่ในขั้นรุนแรง เธอกินตลอดเวลาจนกระทั่งร่างกายของเธอเริ่มแย่ลงจนเธอฉุกคิดได้ว่า ก่อนที่จะอายุ 30 ปี เธอจะปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ไม่ได้แล้วแน่นอน เดือนสิงหาคม 2014 เธอตัดสินใจลดน้ำหนักและเลิกอาการเสพติดอาหารของเธอด้วยการผ่าตัดกระเพาะอาหารให้เล็กลง หลังจากนั้นก็เริ่มการควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัด อาหารเช้าคือ โปรตีน กล้วย นม อาหารกลางวันเป็นไข่เจียวและผัก มื้อเย็นเป็นข้าวซ้อมมือ แซลมอน อะโวคาโด และไข่ต้ม ส่วนเครื่องดื่มเธอเลือกเป็นชาเพื่อลดความอยากอะไรหวานๆ นอกจากนี้เธอก็ยังดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายเบาๆ จนกระทั่งเธอสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 92 กิโลกรัมภายในระยะเวลาไม่กี่ปี ซึ่งมันก็โอเคที่เธอไม่พยายามลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วเกินไป เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพได้ หลังจากที่เธอลดน้ำหนักประสบความสำเร็จแล้ว แต่สิ่งที่ร่างกายของเธอฝากเอาไว้คือผิวที่เหี่ยวย่นตามร่างกายที่มันสร้างความทรมานให้เธอไม่น้อย …
-
อยากผอมต้องทำยังไง 10 ตัวช่วยนอกจากออกกำลังกาย ที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริง
เชื่อไหมล่ะว่า จำนวนคนที่เป็นโรคอ้วนได้เพิ่มขึ้นถึงสามเท่าระหว่างช่วงปี 1975 ถึง 2017 ด้วยจำนวนผู้มีน้ำหนักเกินมาตรฐานถึงประมาณ 1,900 ล้านคน และ 650 ล้านคนในนั้นเป็นโรคอ้วน ดังนั้นการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก แน่นอนว่าการลดน้ำหนักที่ดีและปลอดภัยที่สุดนั้นย่อมไม่พ้นการออกกำลังกาย แต่ถ้าหากว่าการออกกำลังกายอย่างเดียวมันดูไม่มากพอล่ะ ในวันนี้ #เหมียวศรัทธา จึงได้นำ 10 ตัวช่วยลดน้ำหนักนอกจากออกกำลังกาย ที่พิสูจน์โดยนักวิทยาศาสตร์แล้วว่าช่วยลดน้ำหนักได้จริง ทานอะไรร้อนๆ ก่อนทานอาหาร ไม่น่ามานี้มีงานวิจัยตัวใหม่ที่ได้ค้นพบแล้วว่า การทานซุปสักถ้วยก่อนมื้ออาหารสามารถช่วยลดความหิว และปริมาณการกินของคุณได้ ทางงานวิจัยอธิบายว่า เพราะต้องรอให้ซุปเย็นพอจะทานได้ คุณจึงต้องกินมันช้าๆ ทำให้สมอง และกระเพาะมีเวลามากพอที่จะส่งสัญญาณความอิ่มได้ ทำอาหารให้รสเผ็ดขึ้น การรับประทานอาหารรสเผ็ดสามารถช่วยเพิ่มการเผาผลาญอาหารของคุณได้ถึง 8% ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญแคลอรีของร่างกาย และการกินอาหารรสเผ็ดยังช่วยให้กินอาหารช้าลง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเผาผลาญด้วย กินขนมที่ดีต่อสุขภาพ คุณสามารถทานขนมได้แม้อยากให้น้ำหนักลด เพียงแต่ต้องเป็นขนมที่มีประโยค เพราะการที่ไม่ทานอะไรเมื่อหิวจะทำให้คนเราทานอาหารเมื่อต่อไปมากขึ้น ดังนั้นแทนที่จะทานอาหารมากๆ สู้ทานขนมที่มีประโยชน์อย่าง เมล็ดทานตะวัน อัลมอนด์ ถั่ว หรือแอปเปิลสักชิ้นจึงอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า นอนให้มากขึ้น การพักผ่อนที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับร่างกายของคุณที่จะทำงานได้ดี การศึกษาพบว่าผู้ที่นอนหลับเพียงพอ จะรับประทานปริมาณแคลอรีลดลงถึง 6% เมื่อเทียบกับคนที่นอนน้อย ดื่มชา จากงานวิจัยในวารสารโรคอ้วน ชา (โดยเฉพาะชาเขียว) มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด…
-
คนไทยมีบัญชีรวมกันกว่า 83 ล้านบัญชี แต่ 88 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดมีเงิน “ไม่เกิน 5 หมื่นบาท”
เชื่อว่าเกือบทุกคนจะต้องมีบัญชีเงินฝากเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่ช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตในแต่ละวันได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่ต้องพกเงินจำนวนเยอะๆ ออกไปไหนมาไหนให้พะรุงพะรัง เพียงแค่พกบัตร ATM หรือบัตร DEBIT ไปก็พอ เพราะอย่างนั้นเอง ข้อมูลจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย ถึงได้บอกเอาไว้ว่า ในประเทศของเรามีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์มากถึง 83,310,209 บัญชีเลยทีเดียว (1 คน อาจมีหลายบัญชี) แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือ 88 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดนั้น กลับมีเงินอยู่ในบัญชีไม่ถึง 50,000 บาท จำนวนเงินในบัญชี กับจำนวนของบัญชีออมทรัพย์ จากข้อมูลบอกว่าบัญชีออมทรัพย์จำนวน 73,331,462 บัญชี มีเงินไม่เกิน 50,000 บาท ในขณะที่สัดส่วนของบัญชีที่มีเงินเก็บมากกว่า 50,000 บาทขึ้นไป มีอยู่เพียงแค่ 9,978,747 บัญชี ตัวเลขดังกล่าวอาจแสดงให้เราเห็นได้ในหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเก็บออม รายได้ในแต่ละเดือนที่ทำให้เราไม่สามารถออมเงินไว้ใช้ได้ในยามจำเป็น หรือแม้แต่เรื่องของจำนวนคนฐานะปานกลางไปจนถึงยากจนที่มีสัดส่วนแตกต่างจากจำนวนคนรวยในประเทศเราค่อนข้างมาก สะท้อนให้เห็นไปจนถึงเรื่องของเศรษฐกิจและการเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่ในสังคม โดยหวังว่าในอนาคตตัวเลขมันจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีมากกว่านี้ ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย
-
19 ความเป็นจริงของชีวิต จริงในจริง จริงซะยิ่งกว่าจริง ขนาดลิงยังเห็นด้วย!!
ชีวิตเต็มไปด้วยเรื่องราวที่มีสีสัน หลากหลายอารมณ์ปนกันไป มีทั้งสุข ทั้งเศร้า เสียงหัวเราะ และรอยน้ำตา ก่อเกิดขึ้นมาอย่างไม่รู้จบ ในวันนี้เราอาจไม่ได้มาพูดถึงสิ่งที่จะทำให้เพื่อนๆ ได้มีความสุขมากที่สุดในชีวิต แต่ #เหมียวตะปู ต้องการนำเสนอ “ความเป็นจริงของชีวิต” ที่เป็นไปอย่างสุขปนเศร้า จนอาจทำให้เราเผยอยิ้มมุมปากแล้วบอกกับตัวเองว่า “ชีวิตมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ น่ะแหละนะ” บทสรุปความจริงเกรียนๆ จากเว็บไซต์ Truthfacts.Com มีเรื่องอะไรกันบ้าง เราลองไปชมกันดูเลย คนเราจะอยู่ได้นานเท่าไหร่ หากต้องขาดสิ่งเหล่านี้ไปในชีวิต หากเราขาดอาหารไปเราจะอยู่ได้สักเดือนหนึ่ง หากเราขาดน้ำคงได้ประมาณสัปดาห์หนึ่ง ถ้าอดหลับอดนอนก็ประมาณ 4-5 วัน แต่อินเตอร์เน็ตนั้นคือสิ่งที่ขาดได้แค่ 2 ชั่วโมง ผู้ชายช่วยเหลือสาวๆ มากแค่ไหน? คำตอบของคำถามนี้ขึ้นอยู่กับอะไร ก็ลองดูที่ภาพสิ… ปริมาณการใช้ยาสีฟัน 90 เปอร์เซ็นต์แรกสามารถใช้ได้แค่ 5-8 วัน แต่ 10 เปอร์เซ็นต์หลังสามารถใช้ได้นานถึง 4 เดือน แผนผังที่อยู่อาศัย สีขาวคือบ้านของคนปกติทั่วไป น้ำเงินเข้มสุดคือบ้านของเรา ซึ่งน่าแปลกใจอย่างมาก เพราะเรามักจะกลายเป็นบ้านหลังเดียวที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยเพื่อนบ้านแปลกๆ…
-
จ่าพิชิตแนะนำ “สูตรชาสมุนไพรเพื่อสุขภาพ” รสชาติอร่อย คนเป็นเบาหวาน-นิ่ว ก็ดื่มได้
สำหรับคนที่เป็นนิ่วแล้ว การดื่มน้ำเยอะถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยให้คุณมีโอกาสเสี่ยงน้อยลง เพราะน้ำจะไปช่วยล้างสารต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดโรคนิ่วในไต แต่หากคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยจะชอบดื่มน้ำเปล่าๆ สักเท่าไหร่ เรามีตัวช่วยที่คุณอาจจะชอบก็ได้นะ ตัวช่วยที่ว่านี้ก็คือการชงชาที่ผสมหญ้าหวานแล้วดื่มแทนน้ำ สูตรนี้แนะนำโดยจ่าพิชิตจากเพจ Drama-addict โดยจ่าพิชิตได้เล่าว่าเมื่อไม่นานมานี้ได้มีเพื่อนมาปรึกษาตนเองว่าเป็นนิ่ว แต่ไม่ชอบดื่มน้ำเปล่าๆ เนื่องจากติดนิสัยการดื่มน้ำหวาน จ่าพิชิตจึงแนะนำสูตรชาที่ทางบ้านใช้ดื่มเป็นประจำ โดยในชาที่ว่านี้มีส่วนผสมของตะไคร้ ใบเตย เก๊กฮวย มะตูม ขิง ดอกคำฝอย และมีการเติมหญ้าหวานเข้าไป ทำให้มีรสชาติหวานทานง่าย สามารถหาซื้อได้ตามร้านไดโซะ โดยปกติแล้วถ้าเป็นชาทั่วๆ ไป จะต้องมีการต้มในน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสม และหากต้มนานเกินไปจะทำให้ชามีรสขม แต่กับชาประเภทนี้กลับไม่มีรสขมแบบนั้น ยิ่งต้มนานก็ยิ่งดี นอกจากคนเป็นนิ่วแล้ว คนเป็นโรคเบาหวานก็สามารถดื่มได้เช่นกัน เพราะใช้ส่วนผสมของหญ้าหวานแทนน้ำตาลนั่นเอง ใส่ถุงชาแล้วเอาลงไปต้มในน้ำร้อน . . พร้อมดื่ม อ่านโพสต์เต็มๆ ได้ที่นี่ ที่มา Drama-addict
-
7 สัญญาณเตือนว่าคุณอาจเสี่ยงเป็น ‘โรคอ้วนลงพุง’ จะมีอะไรบ้างลองมาเช็กกันดูนะ!!
“นี่เธอน่ะอ้วนจนลงพุงแล้วนะ!!” นี่เป็นคำกล่าวที่ถ้าใครได้ยินเข้าคงจะไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก แต่ว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าความอ้วนของเราน่ะมันล้นพิกัดจนลงพุงแล้วจริงๆ ยังไม่รู้กันล่ะสิใช่ไหมล่ะ เรื่องของความอ้วนไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นัก เพราะนอกจากรูปร่างจะไม่สมส่วนแล้วมันยังได้นำพาโรคร้ายต่างๆ เข้ามาในร่างกายเราได้อีกด้วย แล้วถ้ายิ่งถ้าเป็นโรค ‘อ้วนลงพุง (Metabolic Syndrome)’ แล้วล่ะก็มันอาจจะเป็นเรื่องอันตรายสำหรับร่างกายของเราได้เลย เพราะว่าโรคนี้สามารถทำให้หลอดเลือดเราอุดตัน หรือเป็นอัมพฤกษ์ได้เลยด้วย และนี่คือ 7 สัญญาณบ่งบอกว่าคุณอาจจะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนลงพุงได้ ทางที่ดีถ้าคุณมีสัญญาณเหล่านี้แล้วล่ะก็ลองไปปรึกษากับทางแพทย์ก็เป็นการดีที่สุดนะ.. 1. กางเกงของคุณมีไซส์ที่ใหญ่เอามากๆ ลองสังเกตกางเกงที่คุณใส่ดู ถ้าหากว่าเอวของกางเกงมีขนาดใหญ่กว่า 40 นิ้วสำหรับผู้ชาย และ 35 นิ้วสำหรับผู้หญิงแล้วล่ะก็ คุณอาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นเพราะการที่น้ำหนักตัวส่วนใหญ่อยู่ที่บริเวณกลางลำตัวอย่างนี้ มันเป็นสัญญาณสำคัญของโรคอ้วนลงพุงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ 2. คุณหิวน้ำอยู่ตลอดเวลาและไม่สามารถหยุดฉี่ได้ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่คอแห้งผากจนต้องดื่มน้ำอยู่ตลอดเวลาแล้วต้องเข้าห้องน้ำอยู่บ่อยๆ ล่ะก็ นี่อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง และยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนลงพุงด้วย ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติจนกว่าพวกเขาจะพบว่ามีบางอย่างแปลกๆ เกิดขึ้นอยู่ในตัว 3. คุณมักจะมีอาการปวดหัว รู้สึกวิงเวียนและมีสายตาที่พร่ามัว “เรื่องของความดันโลหิต เป็นเหมือนกับฆาตกรเงียบเพราะคุณมักจะไม่สังเกตว่ามีความผิดปกติจนกว่ามันจะสูงขึ้นอย่างที่ไม่ทันตั้งตัว” Dr. Ahmed นายแพทย์เกี่ยวกับโรคหัวใจที่ Cleveland Clinic รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าว การที่มีความดันโลหิตสูงจะทำให้คุณมีอาการปวดหัว วิงเวียนศีรษะ สายตาพร่ามัว เจ็บแน่นหน้าอก รวมถึงทำให้หายใจติดขัดอีกด้วย…
-
เปิดตำนาน ‘ผีกัดอย่ากัดตอบ’… กับคำตอบว่าทำไมผีต้องกระโดดดึ๋งๆ – มีเสียง กอยๆๆ
หากย้อนกลับไปเมื่อช่วงเมื่อ 20 ปีก่อน ต้องขอบอกเลยว่าหนังเรื่อง ‘ผีกัดอย่ากัดตอบ’ เป็นหนังที่สร้างความบันเทิงให้กับเราเป็นอย่างมาก และจุดที่น่าสนใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นตัว ‘ผีดิบ’ ในหนังนี่แหละ ที่เวลาเดินไปไหนมาไหนต้องยกมือตรงยื่นไปข้างหน้า แล้วก็กระโดดดึ๋งๆ พร้อมกับร้องว่า “กอยๆๆๆ” พอเอายันต์แปะที่หน้าก็จะหยุดนิ่งไม่ขยับไปไหน แล้วเพื่อนๆ สงสัยกันไหมว่าทำไมผีจีน ถึงมีท่าทางการเดินแบบนั้น ทำไมไม่เดินเหมือนคนปกติธรรมดา หรือใช้วิธีการลอยไปลอยมา นั่นเพราะว่าจริงๆ แล้วมันมีความเชื่อของประเทศจีนที่อยู่เบื้องหลัง!! ข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก ไม่เชื่อจึงสงสัย ไม่ใช่การลบหลู่ – Resist Credulity & Swindler ระบุเอาไว้ว่าผีดิบดังกล่าวนั้นมีชื่อเรียกเป็นภาษาจียว่า ‘เจียงซือ’ และเรื่องของเจียงซือนี้ก็มีที่มาจากพิธีที่เรียกกันว่า ‘ส่งศพพันลี้’ ซึ่งเป็นพิธีกรรมพาศพคนตายกลับบ้าน เนื่องจากว่าสมัยก่อนนั้นยังไม่มีรถยนต์ ทำให้การเดินทางไกลๆ ยังไม่สะดวกสบายเท่ากับปัจจุบัน ทำให้เมื่อมีคนเสียชีวิตในต่างถิ่น จึงต้องมีการจ้างนักพรตให้ไปนำศพของคนตายกลับมา โดยนักพรตจะนำศพกลับมาในเวลากลางคืน ในระหว่างการเดินทางก็จะมีกระดิ่งสั่นตลอดทางเพื่อให้คนที่ได้ยินรู้ว่ากำลังทำพิธีส่งศพคนตายอยู่ จะได้ไม่ต้องเข้ามาใกล้และเดินไปทางอื่นเสีย เพราะพิธีดังกล่าวนี้ถือเป็นพิธีอัปมงคลสำหรับผู้พบเห็น นอกจากนี้พิธีการส่งศพกลับบ้านยังมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ‘ขนศพในเซียงซี’ เพราะเป็นที่นิยมมากในเมืองเซียงซี เพราะผู้คนมักจะออกไปทำงานต่างถิ่น เมื่อเกิดการเสียชีวิตขึ้นจึงต้องมีพิธีการพากลับมาที่บ้านโดยการจ้างนักพรต วิธีการขนศพกลับมาต้องแบกศพในท่ายืน และให้ศพยื่นมือทั้งสองข้าออกไปข้างหน้า ด้วยการเอาไม้ไผ่ดามเอาไว้ คนแบกจะมีสองคนประกบด้านหน้าและด้านหลัง (แต่จริงๆ แล้วศพจะถูกขนส่งในหลายท่าทาง…
-
ภาษาดอก….ไม้ 10 ความหมายของดอกไม้แต่ละประเภท คุณก็จะกลายเป็นคนโรแมนติกได้ง่ายๆ
ภาษาดอกไม้ (Language of Flowers) หรือ Floriography คือการสื่อสารแบบเข้ารหัสที่มีการใช้ดอกไม้ต่างๆ เป็นตัวกลาง เชื่อกันว่าภาษาดอกไม้เกิดขึ้นที่ที่เมืองคอนสแตนติโนเปิลของกรุงโรม ที่ประเทศอิตาลีในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 แต่มาดังในยุโรปเมื่อปี 1717 โดยการนำเข้ามาใช้ในอังกฤษของ Mary Wortley Montagu และการนำไปใช้ในสวีเดนของ Aubry de La Mottraye อย่างไรก็ตามหนังสือเล่มแรกที่มีการรวบรวมภาษาดอกไม้เอาไว้นั้น มีชื่อว่า Dictionnaire du language des fleurs ซึ่งเขียนโดย Joseph Hammer-Purgstall ในปี 1809 โดยมีการรวบรวมความหมายของดอกไม้ไว้มากกว่า 8,000 อย่าง ซึ่ง #เหมียวศรัทธา ได้คัดเลือกชื่อที่น่าสนใจ และเกี่ยวข้องกับพวกเรามาแล้วดังนี้ ดอกกุหลาบ (Rose) ดอกกุหลาบสีแดง หมายถึง ฉันรักคุณ ฉันต้องการคุณ ดอกกุหลาบขาว หมายถึง เสน่ห์ และความไร้เดียงสา ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึง ความอิจฉา ดอกกุหลาบไร้หนาม หมายถึง รักแรกพบ ดอกทิวลิป (Tulip) ดอกทิวลิป หมายถึง ความรักและการอดทน…
-
หนุ่มชาวดัตช์ผู้คิดค้นวิธีการ ‘ทำความสะอาดมหาสมุทร’ ด้วยการกำจัดขยะพลาสติก
ปัจจุบันโลกของเรานั้นสภาพแวดล้อมย่ำแย่ลงไปมาก ซึ่งสาเหตุที่สภาพแวดล้อมและธรรมชาติรอบตัวแย่ลงนั้นก็มาจาก ‘มนุษย์’ ที่เป็นผู้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างด้วยน้ำมือของตัวเอง เมื่อสิ่งแวดล้อมถูกทำลายเยอะขึ้น ก็เริ่มจะส่งผลกระทบต่อมนุษย์ จึงทำให้มนุษย์ต้องเริ่มหาวิธีที่จะรักษาธรรมชาติไม่ให้ถูกทำร้ายไปยิ่งกว่านี้ Boyan Slat หนุ่มดัตช์อายุ 23 ปี เป็นนักประดิษฐ์ผู้ที่ชื่นชอบการคิดค้นสิ่งต่างๆ เพื่อนำมันมาใช้ประโยชน์ เขาชื่นชอบเรื่องการสร้างสรรค์และสนใจเรื่องวิศวกรรมมาตั้งแต่อายุ 2 ขวบ เขามีพรสวรรค์และเหมือนเกิดมาเพื่อสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ตอนที่เขาอายุ 14 ปี ก็ได้สร้างสถิติ Guinness World Record ด้วยการปล่อยจรวดขวดน้ำ 213 ลูกพร้อมๆ กัน เมื่อปี 2011 ในขณะที่ Boyan ได้ไปดำน้ำที่ประเทศกรีซ เขาสังเกตเห็นว่า ในน้ำมีเศษขยะพลาสติกเป็นจำนวนมาก มากกว่าปลาที่อยู่ในทะเลเสียอีก เขาจึงเริ่มที่จะคิดค้นสิ่งใหม่ๆ และอุทิศตัวเองเพื่อที่จะช่วยโลกแก้ปัญหาเหล่านี้โดยเฉพาะ 2 ปีต่อมาเขาก่อตั้ง The Ocean Cleanup เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีในการช่วยกำจัดขยะพลาสติกในมหาสมุทร เริ่มศึกษาหาวิธีการที่จะกำจัดขยะ โดยได้รับการสนับสนุนเงินจากการระดมทุนมากกว่า 69 ล้านบาท …
-
17 ความจริงที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวประเทศ ‘อินเดีย’ มันเป็นอย่างนี้เองเหรอนายจ๋า!!
‘อินเดีย’ หนึ่งในประเทศที่มีผู้คนเยอะมากที่สุดในโลก แถมยังเต็มไปด้วยวัฒนธรรมต่างๆ อย่างมากมาย สำหรับที่นี่แล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้ และที่สำคัญคือคุณต้องรู้เรื่องของพวกเขาเอาไว้มากๆ จะเป็นการดีที่สุด!! และนี่คือ 17 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับดินแดนภารตะแห่งนี้ ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนทั้งชีวิต ต้องบอกเลยว่าพวกเขามีเรื่องให้เราประหลาดใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งมันจะเป็นยังไงนั้นไปลองดูข้างล่างเลยดีกว่า.. 1. ชาวอินเดียคนหนึ่งในเวลา 9 ปีในการปลูกป่าบนพื้นที่กว่า 1,360 เอเคอร์ ซึ่งต่อมาป่าแห่งนี้ได้กลายเป็นส่วนสำคัญต่อระบบสิ่งแวดล้อม 2. ในปี 2013 นายกรัฐมนตรีของประเทศอินเดีย ได้รับเงินเดือนเพียงแค่ 2,400 ดอลลาร์ (ประมาณ 76,000 บาท) เท่านั้น 3. ผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูในประเทศอินเดียเชื่อว่ามีพระเจ้ามากกว่า 300 ล้านองค์ ดังนั้นแล้วแต่ละหมู่บ้านจึงมีพระเจ้าเป็นของตัวเอง 4. ในประเทศอินเดีย มีคุกที่นักโทษสามารถเดินเข้าเดินออกไปไหนก็ได้ แถมนักโทษเหล่านั้นยังสามารถทำงานเฉกเช่นคนปกติธรรมดาได้อีกด้วย 5. ระบบนายจ้างที่ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศคือ ‘การรถไฟ’ เพราะพวกเขามีพนักงานมากกว่า 1.6 ล้านคน 6. มีการจัดงานศพสำหรับช้างที่ถูกรถไฟชนในอินเดีย …
-
เมื่อถูกหมาเห่า ผู้เชี่ยวชาญแนะ 5 วิธีง่ายๆ ในการป้องกันตัวไม่ให้ถูกสุนัขกัด
ทุกวันเราเสี่ยงต่อการเผชิญหน้ากับสุนัขจรจัด ไม่ว่าจะเป็นขณะเดิน วิ่ง หรือแม้ตอนปั่นจักรยาน บางตัวอาจจะแค่เห่า แต่บางตัวอาจจะทำอะไรมากกว่าที่คิดจนเราอาจตกอยู่ในอันตรายได้ ด้วยเหตุนี้ผู้เชี่ยวชาญจึงได้ออกมาแนะนำวิธีการป้องกันตัวเองให้ปลอดภัย และไม่ให้ถูกสุนัขกัด… มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ 1. อย่าตื่นกลัว ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าสุนัขรวมทั้งสัตว์อื่นๆ สามารถสัมผัสถึงความกลัวของมนุษย์ได้ ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำเมื่อเจอสุนัขเห่าคืออย่าแสดงความกลัวออกมาให้มันเห็นเด็ดขาด ถ้าคุณกรีดร้อง โบกมือไล่มัน หรือวิ่งหนี จะยิ่งเป็นการกระตุ้นสุนัขให้แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวหนักขึ้นและจู่โจมคุณในที่สุด 2. เปลี่ยนจากวิ่งเป็นเดิน ถ้าคุณเจอสุนัขระหว่างวิ่ง ให้ค่อยๆ วิ่งช้าลง จนเปลี่ยนเป็นเดิน จากนั้นก็เลี่ยงเดินไปอีกทางที่ไม่มีสุนัขอยู่ โดยใช้หางตาเฝ้ามองมันตลอดเวลา นอกนี้ หากคุณยืนอยู่กับที่ โดยแนบมือทั้งสองข้างไว้ที่ข้างลำตัว สุนัขจะเลิกสนใจคุณและเดินจากไปเอง 3. อย่าสบตากับหมา การจ้องตาโดยตรงกับสุนัขเป็นการกระตุ้นให้พวกมันแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมา เพราะการมองตา ทำให้สุนัขตีความว่าเป็นการคุกคาม จนกลายเป็นเหตุผลให้มันจู่โจมคุณได้ ดังนั้นการหลีกเลี่ยงสบตากับมันจึงเป็นสัญญาณว่าคุณไม่ได้เป็นภัยคุกคาม สักพักมันจะหันไปอีกทางและเดินจากไป 4. หันเหความสนใจสุนัขด้วยสิ่งอื่น สิ่งที่อยู่ในมือของคุณช่วยคุณได้ ทำให้พวกมันสนใจสิ่งนั้น เช่น รองเท้า ขวดน้ำ หรือกระเป๋า สิ่งเหล่านี้จะทำให้สุนัขเปลี่ยนความสนใจ และจะทำให้คุณมีเวลาหนีมากขึ้น 5. สั่งให้สุนัขไปที่อื่น ถ้าทำ…
-
“ความเหงา” อาจไม่ได้ฆ่าเรา แต่ผลลัพธ์มันเลวร้าย ไม่ต่างกับดูดบุหรี่วันละ 15 มวน
เราอาจเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ความเหงาไม่เคยฆ่าใคร” แต่ว่ามันก็อาจเป็นสิ่งที่ทำร้ายสุขภาพกายและใจของเราได้เป็นอย่างมาก ยิ่งสำหรับเด็กรุ่นใหม่ในปัจจุบันด้วยแล้ว คำพูดที่ว่ามานั้นได้รับการอธิบายโดยมหาวิทยาลัย California Los Angeles (UCLA) เมื่อพวกเขาจัดทำเกณฑ์การประเมินระดับความเหงาของคน โดยผลสำรวจบอกว่าเด็ก Gen Z (อายุ 18-22 ปีในยุคนี้) ต้องเผชิญกับความเหงามากยิ่งกว่าคนสูงอายุซะอีก การสำรวจโดยบริษัทประกันชีวิต Cigna ชี้ให้เห็นว่า วัยรุ่นในช่วง Gen Z มีคะแนนระดับความเหงาอยู่ที่ 42 คะแนน ในขณะที่ผู้สูงอายุ (อายุมากกว่า 72 ปี) มีเพียง 39 คะแนนเท่านั้น David Cordani ประธานบริษัท Cigna บอกว่าสาเหตุของความเหงาในวัยรุ่นนั้น เกิดจากการที่พวกเขามักจะเล่นโซเชียลมีเดียมากจนเกินไป ซึ่งคนที่เล่นโซเชียลมีเดียมากๆ จะมีความรู้สึกโดดเดี่ยว อ้างว้าง เหมือนกับคนที่แทบไม่ได้เล่นโซเชียลมีเดียเลย เขาอธิบายว่าสิ่งที่จะช่วยทำให้เรารู้สึกหลุดพ้นจากความเหงา คือการที่เราต้องสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนในสังคมอย่างมีความหมาย ไม่ใช่การที่เราแค่เลื่อนดูเฟซบุ๊กไปมาหรือเข้าไปเช็กโปรไฟล์ของคนรู้จักอย่างที่เราทำกันในปัจจุบัน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เรามีความเหงาและโดดเดี่ยวจะส่งผลเสียไปยังสุขภาพกายและใจของเราได้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความเครียด อาการซึมเศร้า นำไปสู่โรคเรื้อรังหลายต่อหลายอย่าง ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าหากจะเปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ…
-
ตำนานทวยเทพ “ธอร์” เทพเจ้าสายฟ้า ในตำนานท่านจะเฟี้ยวเหมือนในหนังหรือเปล่านะ…
ธอร์ ที่เรารู้จักกันในคอมมิคส์หรือภาพยนตร์ในฐานะซูเปอร์ฮีโร่ชาวแอสการ์ดนั้น ในอีกบริเวณหนึ่งของโลก ธอร์ เป็นเทพแห่งสายฟ้าที่อยู่ในตำนานปรัมปราของชาวนอร์สด้วยเช่นกัน วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องราวของธอร์ เทพสายฟ้าเวอร์ชันตำนานทวยเทพของชาวนอร์สให้ฟังกัน แต่จะเหมือนหรือต่างกับธอร์ที่เห็นในภาพยนต์หรือไม่ ก็ต้องขอให้ผู้ชมรับชมกันเอาเอง ในตำนานทวยเทพของนอร์ส ธอร์ เป็นชายวัยกลางคนที่มีสีผมและหนวดเคราสีแดง ถืออาวุธประจำกายเป็นค้อนทรงอานุภาพที่เรียกว่า “โยเนียร์” ธอร์เป็นนักรบที่แข็งแกร่ง แถมยังมาพร้อมกับพลังแห่งสายฟ้า เขามักเข้าต่อสู้กับ โยตุน เผ่าพันธุ์ประหลาด และ จอร์มันแกรน งูยักษ์ที่ถูกทำนายว่าจะทำให้เหล่าทวยเทพถึงคราวินาศ เทพเจ้าแห่งสายฟ้า ในตำนานทวยเทพของนอร์ส ธอร์นั้นถือเป็นคนสำคัญอันดับสองรองลงมาจากโอดินผู้เป็นบิดา แต่นอกจากชาวนอร์สแล้ว ยังมีชาวเยอรมันอีกบางส่วนที่นับถือว่าธอร์เป็นเทพเจ้าแห่งสายฟ้า แต่อาจจะเรียกด้วยชื่อที่แตกต่างกัน แต่ไม่ว่าจะเรียกด้วยชื่อไหน ต่างก็แปลว่า “สายฟ้า” ทั้งสิ้น ในส่วนรูปลักษณ์ของธอร์ ว่ากันว่าเขาเป็นชายวัยกลางคนมาพร้อมหนวดเคราและดวงตาสีแดง เขาเป็นบุตรแห่งโอดินและโยโรเทพีแห่งผืนดิน ส่วนภรรยาของธอร์ ก็กล่าวกันว่าคือ ซิฟ นอกจากนี้ ธอร์ยังถูกยกย่องให้เป็นเทพเจ้าที่เก่งกาจที่สุดในบรรดาเทพของนอร์สอีกด้วย แต่จะถูกมองว่าสติปัญญาไม่สูงเท่าใดนัก โยตุนผู้เป็นศัตรูมักกลั่นแกล้งให้ธอร์ใช้ปัญญาอยู่เสมอ ธอร์ยังมีอารมณ์ฉุนเฉียว โมโหง่าย หากใครกล้าหยอกล้อ หรือล้อเลียน เขาจะหยิบโยเนียร์ไปฟาดทันที และชาวนอร์สก็เชื่อว่าที่มีสายฟ้าฟาดลงมายามฝนตก ก็เพราะว่าธอร์กวัดแกว่งค้อนโยเนียร์นั่นเอง อาวุธศักดิ์สิทธิ์…
-
18 โรคกลัวสิ่งต่างๆ บางอันก็ดูปกติ แต่บางอันอันก็ดูแปล๊กแปลก คุณล่ะเป็นไหม!?
Phobia เป็นคำที่เอาไว้เรียกโรคที่กลัวบางสิ่งบางอย่างมากๆ โดยที่ส่วนมากหลายๆ คนน่าจะคุ้นๆ มาจากเพลง Acrophobia ของวง Penguin Villa นั่นเอง ซึ่งจริงๆ แล้วไอ้อาการ Phobia นี้มันมีหลายอย่างเอามากๆ เลยล่ะ ซึ่งหากคนที่เป็นโรค Phobia จริงๆ แล้วล่ะก็พวกเขาจะกลัวสิ่งเหล่านั้นมากๆ แบบที่ว่าแค่ได้เห็นไกลๆ ก็สามารถจะกระสับกระส่าย วิตกกังวล ตัวสั่น ช็อก หมดสติ หนักเข้าอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย ดังนั้นทางที่ดีหากรู้ว่าใครเป็นโรคกลัวอะไรแล้วอย่าไปแกล้งพวกเขาจะดีกว่านะครับ วันนี้เราจึงได้รวบรวมอาการกลัวหลากหลายอาการมาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันครับ ไม่แน่นะ เพื่อนๆ อาจจะมีอาการกลัวบางอาการที่เราเอามาให้ดูกันก็ได้ ไปชมกันเลยครับ 1. Pediophobia หรือโรคกลัวตุ๊กตา //ก็ตุ๊กตาบางตัวมันน่ากลัวจริงๆ ง่ะ 2. Phasmophobia โรคกลัวผี บึ๋ยยยย 3. Philophobia หรือโรคกลัวการตกหลุมรักคนที่ไม่รักเรากลับ //เศร้าจัง 4. ก็ผมนั้นกลัวความสูง ได้ยินไหมคุณ~ ใช่แล้ว Acrophobia คือโรคกลัวความสูงนั่นเอง…
-
ตำนาน ‘หญิงญี่ปุ่นคนแรก’ ที่ได้ศึกษาระดับวิทยาลัย และวางรากฐานการศึกษาให้กับประเทศ!!
ในปี 1868 ประเทศญี่ปุ่นเริ่มเข้าสู่ยุคเมจิ อันเป็นยุคเปลี่ยนผ่านจากประเทศปิดสู่การเปิดรับความเจริญจากนานาประเทศทั่วโลก ยุคเมจิถือว่าเป็นยุคที่วางรากฐานการเปลี่ยนโครงสร้างสังคม เศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการศึกษา ในช่วงเวลาดังกล่าว การเดินทางข้ามประเทศของการทูตเริ่มมีความเป็นไปได้มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์แล้ว ยังเป็นการศึกษาระบบการศึกษา โครงสร้างสังคมของสหรัฐอเมริกาและยุโรปด้วย โดยจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มี ‘ผู้หญิงชาวญี่ปุ่น’ คนแรกที่ได้สำเร็จการศึกษาในระดับวิทยาลัยคนนี้ เธอมีชื่อว่า Sutematsu Yamakawa (ชื่อเดิม Sakiko) เกิดในปี 1860 ในช่วงเวลานั้นเธอมีอายุได้เพียง 12 ปี และได้กลายเป็นหนึ่งในห้าของผู้หญิงชาวญี่ปุ่นกลุ่มแรก ที่ได้เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้สมัครใจไป เธอถูกบีบบังคับ เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นในยุคสมัยนั้นพ่ายแพ้ต่อการรุกรานของต่างชาติ ถูกห้อมล้อมไปด้วยข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ญี่ปุ่นจึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้จากประเทศคนเถื่อนเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติ และจากน้ำมือของพี่ชายที่เซ็นสัญญามอบตัวไปอเมริกาโดยที่ไม่ถามเธอสักคำ มีเหตุผลเพียงสองข้อนั่นก็คือ เพื่อยกระดับชื่อเสียงของครอบครัว และไม่ต้องมาคอยเลี้ยงดูให้เป็นภาระของครอบครัวอีกต่อไป… กลุ่มผู้หญิงชาวญี่ปุ่นกลุ่มแรก ที่ได้เดินทางออกนอกประเทศสู่สหรัฐอเมริกา ด้วยการบีบบังคับทั้ง 5 คน สำหรับ Sutematsu นั้น ไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศญี่ปุ่น เธอพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แม้แต่คำเดียว และจะต้องออกไปเผชิญโลกภายนอกพร้อมกับผู้หญิงอีก…
-
9 ผู้ก่อตั้งแบรนด์ดังระดับโลก ที่ไม่ค่อยจะโผล่หน้ามาให้คนอื่นๆ ได้เห็นกันสักเท่าไหร่
หลายๆ คนที่สนับสนุนสินค้าหรือบริการของแบรนด์ดังๆ มาหลายครั้ง เคยสงสัยกันบ้างหรือเปล่าว่าผู้ก่อตั้งแบรนด์เหล่านั้นหน้าตาอย่างไร เพราะบางแบรนด์นี่ผู้ก่อตั้งแทบไม่โผล่หน้ามาให้สื่อเห็นสักเท่าไหร่ อย่างเช่น Nike บริษัทอุปกรณ์กีฬาที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี จะมีสักกี่คนที่นึกหน้าของผู้ก่อตั้งบริษัทออกในทันที ไม่เหมือนพี่มาร์กแห่งเฟซบุ๊ก หรือ ลุงเกตส์แห่งไมโครซอฟท์ ที่แค่ได้ยินชื่อ หน้าของทั้งสองก็ลอยมาในทันที วันนี้เราจึงได้ทำการรวบรวมหน้าตาของผู้ก่อนตั้งแบรนด์ดังระดับโลกมาเสิร์ฟถึงที่เลยล่ะ เอ้า!! ไปชมกันครับ 1. Phil Knight ผู้ก่อตั้ง Nike เมื่อตอนสมัยหนุ่มๆ Phil Knight กับโค้ช Bill Bowerman ต่างรักการวิ่งเป็นที่สุด แต่คุณภาพรองเท้าวิ่งในอเมริกาตอนนั้นไม่ดีเอาเสียเลย จึงได้สร้างแบรนด์ Blue Ribbon Sports ที่ตอนนี้คือแบรนด์ Asics ต่อมาจากความยากลำบากต่อการจัดการทรัพยากร Phill และ Bill จึงตัดสินใจสร้างแบรนด์ของตนเองขึ้นและนั่นก็คือ Nike นั่นเอง 2. Howard Schultz เจ้าของ Starbucks ตอนเริ่มต้น Starbucks นั้นก่อตั้งในปี 1971 แต่เป็นเพียงร้านขายเมล็ดกาแฟและอุปกรณ์การทำเพียงเท่านั้น ก่อนที่ในปี…
-
10 วิธีง่ายๆ บ้านๆ ในการรักษา “หัวเข่าหมองคล้ำ” ให้กลับมาขาวใส เปล่งประกาย
เชื่อว่าสาวๆ หรือแม้แต่หนุ่มๆ หลายคนกำลังประสบปัญหา ผิวหนังหัวเข่าคล้ำ กันอยู่ใช่ไหมล่ะ? ผู้ที่ประสบปัญหาเข่าคล้ำหรือเข่าดำส่วนมากก็มักจะหาครีมหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ มาใช้เพื่อทำให้หัวเข่ากลับมาดูขาวเนียนอีกครั้ง แต่จะให้พูดก็คงยาก ว่าผลิตภัณฑ์อะไร ยี่ห้อไหน ใช้แล้วดีที่สุด ฉะนั้น เราตัดเรื่องพวกนี้ไปก่อน เราหันมาพึ่งวิธีธรรมชาติที่หามาทำกันเองได้ง่ายๆ ที่บ้านดีกว่า รับรองว่าช่วยให้เข่าหายดำได้แน่นอน เอาล่ะ ไปชมกันเลยกับ 10 วิธีการธรรมชาติที่ช่วยแก้เข่าดำคล้ำ ได้อย่างดีเยี่ยม 1. แตงกวา เนื่องจากคุณสมบัติการกัดสีของแตงกวา นี่จึงเป็นวิธีรักษาเข่าดำหรือศอกดำที่ได้ผลดีที่สุดวิธีหนึ่ง มันช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายและช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวเอาไว้ ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะวิตามินเอและซีในแตงกวานั่นเอง ใช้แตงกวาหั่นหนาถูๆ นวดๆ ที่บริเวณศอกและเข่าเป็นเวลา 15 นาที จากนั้น ปล่อยทิ้งไว้ 5 นาที ก่อนจะล้างออกด้วย น้ำเย็น นอกจากนี้คุณยังสามารถผสมน้ำแตงกวาเข้ากับน้ำมะนาว แล้วทาลงไปที่เข่า ศอก หรือรักแร้ ได้อีกด้วย เมื่อทาแล้วทิ้งไว้ 20 นาทีก่อนจะล้างออก ทำแบบนี้ทุกวันก็แล้วจะเห็นผลลัพธ์ 2. มะนาวและเบกกิ้งโซดา มะนาวเป็นผลไม้ที่ช่วยเพิ่มความเปล่งปลั่งให้กับผิว ในมะนาวจะมีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซีอยู่มากที่จะช่วยให้ผิวได้ฟื้นฟูตัวเองและเร่งสีที่คล้ำให้ขาวได้ ส่วนเบกกิ้งโซดาจะเป็นตัวช่วยในการขจัดความคล้ำบนผิว ผ่ามะนาวเป็น 2 ซีก…
-
ส่องเกาะลับแห่งมหาสมุทรอินเดีย “เซนทิเนล” ที่อาศัยของชนเผ่าดุร้าย ใครอยากลองดี เชิญ!!
มนุษย์นักสำรวจจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่ชื่นชอบการสำรวจพื้นที่ที่ยังไม่มีใครเคยไป เช่น ป่าเขาลึก เกาะร้าง หรือพื้นที่ทุรกันดาร เป็นต้น หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่ชื่นชอบการสำรวจลักษณะนี้ล่ะก็ เราขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ เกาะเซนทิเนลเหนือ หนึ่งในหมู่เกาะอันดามันแห่งมหาสมุทรอินเดีย เกาะแห่งนี้ ถือเป็นเกาะต้องห้าม เพราะบนเกาะเป็นที่อยู่อาศัยของ ชนเผ่าเซนทิเนล ที่ว่ากันว่าดุร้าย ไม่เป็นมิตร และปิดกั้นตัวเองจากคนนอก หากใครฝ่าฝืนเข้าไปใกล้ หรือเข้าไปข้างในเกาะ จะถูกโจมตีใส่ในทันที บนเกาะไม่มีชนกลุ่มอื่นเลย นอกจากเผ่าเซนทิเนล ทั้งนี้ด้วยความเป็นห่วงเรื่องสุขภาพและปัญหาทางธรรมชาติ รัฐบาลอินเดียจึงพยายามติดต่อกับชนเผ่านี้ให้ได้ ครั้งหนึ่งเคยส่งฑูตนามว่า T.N. Pandit เข้าไปยังเกาะ เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจเขานำมะพร้าวและของใช้ต่างๆ เข้าไปมอบให้กับชนเผ่า ในครั้งแรก ชาวเผ่าเซนทิเนลก็ต้อนรับเขาโดยไม่มีการคำนับหรือการทักทายใดๆ แต่ T.N. Pandit ก็พบว่าชาวเผ่านั้นมีสุขภาพและชีวิตการเป็นอยู่ที่ดี เติบโตได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือจากภายนอก ภารกิจนี้จึงหยุดลง เกาะเซนทิเนลเป็นหนึ่งในหมู่เกาะอันดามัน ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย เกาะเซนทิเนล เป็นเกาะต้องห้ามเนื่องจากเป็นที่อาศัยของชนเผ่าดุร้ายไม่เป็นมิตร เผ่าเซนทิเนล ปฏิเสธการติดต่อกับโลกภายนอก และจะโจมตีอย่างไม่ยั้งมือ กับทุกคนที่กล้ารุกล้ำเขตแดนของเกาะ เพราะฉะนั้นอย่าอยากรู้อยากเห็นแล้วพยายามเฉียดเข้าไปใกล้จะดีกว่า การติดต่อกับโลกภายนอก อาจทำให้พวกเขาได้รับเชื้อโรคจากมนุษย์ภายนอก และนั่นอาจทำให้…
-
รวม 26 ภาพประวัติศาสตร์ในอดีต ที่ผ่านมามนุษยชาติได้เรียนรู้อะไรบ้าง จากสิ่งที่หลงเหลืออยู่
มนุษยชาตินั้นถือกำเนิดมาอย่างยาวนานบนโลกใบนี้ และยังคงสืบทอดวิถีชีวิตจากในอดีต ดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน และกำลังมีแนวโน้มที่จะต้องเปลี่ยนแปลงในอนาคตภายภาคหน้าอีกมากมาย แต่เมื่อพูดถึงประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติในอดีตที่ผ่านมา เมื่อได้เห็นภาพถ่ายของคนในยุคเก่าที่เคยพบเจอ มันจะแตกต่างจากชีวิตในยุคปัจจุบันแค่ไหน และความยากลำบากที่เคยเกิดขึ้น ได้สอนให้เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง… กัปตัน Nieves Fernandez กำลังแสดงวิธีที่เธอใช้เชือดทหารญี่ปุ่นอย่างเงียบๆ ให้แก่ทหารอเมริกันในปี 1944 ทางหลวงแห่งความตาย ผลพวงจากกองทัพอเมริกันเลือกใช้วิธีระเบิดปูพรมใส่กองกำลังอิรักในประเทศคูเวต ปี 1991 การเดินอันแสนยาวไกล ของหน่วยเก็บกู้ระเบิดกองทัพอังกฤษ กำลังเดินตรงไปยังรถตู้ต้องสงสัยในไอร์แลนด์เหนือ ช่วงปี 1970 ทหารเยอรมันแบ่งอาหารบางส่วนให้กับคุณแม่ชาวรัสเซีย ปี 1941 สภาพของทหารชาวออสเตรเลีย หลังหลุดพ้นจากการเป็นเชลยศึกจากฝั่งญี่ปุ่นในประเทศสิงคโปร์ ปี 1945 กองกำลังทหารชนเผ่าเมารี กำลังทำพิธีฮากา (การเต้นโบราณของชนเผ่า) ในประเทศอียิปต์ ปี 1941 สภาพบ้านเมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี หลังสิ้นสุดสงคราม ปี 1945 กองกะโหลกควายไบซันสำหรับใช้เป็นปุ๋ยหมัก ปี 1870 Conrad Schumann ทหารฝั่งตะวันออกกำลังก้าวข้ามผ่านไปยังแดนตะวันตกในเบอร์ลิน…
-
เขาถ่ายกับแบบนี้!! มาดูกันว่าเบื้องหลังการทำ CG จาก 14 หนังดังเขาถ่ายทำกันยังไง!?
ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้วงการภาพยนตร์หรือวงการเกมสามารถทำ Computer Graphic (CG) ได้อย่างแนบเนียนสมจริงขึ้นกว่าแต่ก่อนมากๆ หรือบางทีเราอาจจะไม่รู้เลยก็ได้ว่าหนังที่เราดูอยู่นั้นไม่ใช่ของจริง แต่ก็มีหลายๆ คนที่ยังไม่รู้ว่าก่อนที่จะทำ CG นี้ ในวงการภาพยนตร์เค้าต้องมีขั้นตอนการถ่ายทำแบบไหน อย่างไรมาก่อน ซึ่งวันนี้เองเราก็จะมาแถลงไขปัญหาข้องใจ ว่าใน CG งามๆ ใน 14 หนังดัง ก่อนที่จะมาเป็นภาพสวยๆ แบบนี้ให้เราเห็นนั้นเบื้องหลังมันเป็นอย่างไร ไปรับชมกันเลย 1. สำหรับ Beauty and the Beast แน่นอนว่าต้องทำ CG ใส่เจ้าชายอสูรแน่ๆ แต่เบื้องหลังมันจะเป็นยังไงกันนะ ผ่าม!! พ่ออสูรของเรา Dan Stevens ก็ต้องมาใส่เสื้อหนาๆ แบบนี้เต้นสิครับ 2. อย่างฉากวัตถุปริศนาจาก Arrival นี้เองเพื่อนๆ คิดว่าตรงไหนที่ทำ CG บ้างล่ะ? เฉลย!! มีแค่เจ้าวัตถุนั่นอย่างเดียวที่ทำ CG ที่เหลือของจริงนะจ๊ะ ต้องบอกเลยว่าเป็นฉากที่งดงามมั่กๆ 3. ฉากเศร้าๆ ที่ Drax…
-
มาดู 10 ตัวละคร นอกจาก Thanos ที่เคยใช้ถุงมือ Infinity Gauntlet ป้าเมย์!! ไม่เคยใช้…
สำหรับท่านที่ไปรับชมภาพยนตร์เรื่อง Avengers: Infinity War มาแล้วก็คงจะทราบกันดีว่าเจ้า ธานอส นั้นมันเก่งกาจขนาดไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมันได้รับพลังแห่งจักรวาลจากอัญมณีทั้ง 6 เม็ดแล้ว ยิ่งเรียกได้ว่าไร้เทียมทานเลยทีเดียว ทั้งนี้กุญแจสำคัญของเรื่องก็อยู่ที่ถุงมือสุดเกรียนชื่อว่า Infinity Gauntlet นั่นเอง ถุงมือสีทองที่ธานอสสวมใส่เพื่อใช้ควบคุมพลังของอัญมณีทั้ง 6 เม็ดใครคราเดียว เรียกได้ว่า ใครได้ครอบครองก็สามารถใช้พลังระดับเทพได้เลยทีเดียวเชียวล่ะ จากในภาพยนตร์เราคงได้เห็นแล้วถึงอานุภาพของถุงมือสุดเกรียนที่เจ้าธานอสสวมใส่ คราวนี้ลองมาดูกันหน่อยซิว่า นอกจากไอ้หัวมันม่วงธานอสแล้ว มีใครอีกบ้างที่เคย สวมถุงมือ Infinity Gauntlet มาแล้ว 1. Nebula (เนบิวลา) ในเหตุการณ์ Infinity Gauntlet ธานอสได้ไปพบกับเนบิวลาหลานสาวของเขา (ในภาพยนตร์เป็นลูกสาว) เขาก็เสกให้เนบิวลากลายเป็นศพที่เดินได้เพื่อสนองความสะใจของตนเอง จากนั้นใน Infinity Gauntlet เล่มที่ 5 ธานอสก็เอาชนะได้ทุกสิ่ง ทำลายล้างทุกชีวิตในจักรวาลรวมไปถึงเหล่าเซเลสเชียลที่เปรียบเสมือนเทพและตั้งตนเป็นหนึ่งเดียวแห่งจักรวาล ขณะเดียวกันมีสิ่งหนึ่งที่เขาทำลายไปไม่ได้ก็คือ เนบิวลาผู้ที่ถูกสาปให้ไร้ชีวิตเป็นเพียงศพเดินได้ ธานอสคงลืมหลายสาวคนนี้ไปแล้ว เนบิวลาจึงแอบไปขโมยถุงมือ Infinity Gauntlet ของธานอสมาสวมใส่และแก้ทุกอย่างที่ธานอสทำลงไปกลับคืนสู่สภาพปกติ 2.…
-
25 วิธีเอาใจคุณสามีสุดที่รัก มัดใจให้อยู่หมัด ด้วยวิธีง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้แน่นอน
ช่วงนี้ชีวิตคู่ของคุณกำลังขาดความหวานอยู่หรือเปล่านะสาวๆ ทั้งหลาย จากที่เคยรักกันดี แต่เดี๋ยวนี้ดูเหมือนว่าอะไรๆ ก็เปลี่ยนไป ความหวานที่เคยมีก็กลับหายไปซะงั้น อย่าได้เป็นกังวลไปในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันแก้ไขได้เสมอ ในเมื่อใช้ชีวิตคู่กันมาสักพักความหวานมันเริ่มลดลง เราก็ต้องเติมความหวานให้กับความรักให้กลับมาสดใสอีกครั้ง ด้วยวิธีง่ายๆ แบบที่ #เหมียวบู้บี้ จะมาแนะนำต่อไปนี้ ไม่เชื่อก็ลองทำตามกันดู 1. ส่งข้อความตลกๆ หยอกล้อคุณแฟน ใช้ข้อความหวานๆ หรือจะหยอดมุกตลกเหมือนตอนจีบกันใหม่ๆ หรืออาจจะเป็นรูปตลกๆ เพื่อเรียกรอยยิ้มก็ได้นะ 2. ทำความสะอาดห้อง ให้คุณพ่อบ้านใจกล้าได้พักผ่อนด้วยการทำความสะอาด แบ่งเบาหน้าที่คุณแฟนสักวัน เท่านี้ก็แฮปปี้ 3. เซอร์ไพรส์ด้วยกิจกรรมที่เขาชื่นชอบ กิจกรรมแบบผู้ชายถึงแม้ว่าผู้หญิงแบบเราๆ จะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ถ้าลองเปิดใจทำดูบ้างมันก็ไม่เสียหายนะ หรือจะทำกิจกรรมง่ายๆ อย่างเช่นจูงหมาไปเดินเล่นก็น่าสน 4. ปล่อยให้คุณพ่อได้อยู่เงียบๆ ตามลำพังหลายๆ ชั่วโมง คุณพ่ออาจจะต้องการเวลาที่เป็น ลองพาลูกออกไปข้างนอกแล้วปล่อยให้คุณพ่อได้อยู่เงียบๆ พักผ่อนสมองสักพัก 5. ล้างจาน คงไม่มีใครชอบงานล้างจานสักเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณแม่บ้านช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ก็คงจะดีไม่น้อย >< 6. จัดแจงแต่งตัวให้คุณผู้ชายดูดี ก่อนที่จะแยกย้ายกันออกไปทำงาน เรื่องง่ายๆ ในการดูแลกันและกันเบื้องต้น…
-
[18+] ชมการแข่งขัน Air Sex (สมมติว่าคุณมีเซ็กส์) ใครเหมือนและได้อารมณ์ที่สุด ชนะไปเลย!!
หลายคนอาจจะเคยเห็นกางแข่งขัน Air Guitar มาบ้างแล้ว มันคือการแข่งขันดีดกีตาร์โดยไม่มีกีตาร์ หากใครดีดหรือลีดได้มันสุดๆ ก็จะเป็นผู้ชนะไป การแข่งขันแนวนี้ไม่ได้มีเฉพาะแค่การดีดกีตาร์เท่านั้น แต่ยังลามไปถึงการแข่งขันแนว 18+ อย่างการมีเพศสัมพันธ์แบบล่องหนด้วย!? กางแข่งขันที่ว่านี้มีชื่อว่า Air Sex เดิมทีแล้วมันมีต้นกำเนิดมาจากโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2006 โดยหนุ่มๆ กลุ่มหนึ่งผู้เบื่อหน่ายและไม่มีแฟนไว้ข้างกาย โดยการแข่งขันนี้จะให้หนุ่มสาวสวมเสื้อผ้าและทำท่าทางเหมือนกำลังมีเพศสัมพันธ์ โดยที่ต้องจินตนาการว่ามีคู่ขาล่องหนอยู่ตรงหน้า บ่อยครั้งที่มักจะมีการเตรียมเพลงมาเปิดก่อนที่จะทำการแสดง เพื่อปลุกเร้าผู้ชม (คล้ายๆ เพลงเปิดตัวนักมวยปล้ำ) จากการแสดงครั้งนั้นทำให้เกิดความสนใจในผู้คนวงกว้าง ลามไปจนถึงนิตยสารในญี่ปุ่นอย่าง Weekly Playboy ที่นำเอาเรื่องนี้ไปตีพิมพ์ในปี 2006 ต่อมาในเดือนมกราคมปี 2007 ได้มีคนนำเอาคลิปการแข่งขัน Air Sex World Championship ไปอัปโหลดลงใน Youtube ทำให้การแข่งขันนี้เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ จนช่อง BBC ของอังกฤษได้หยิบเอาเรื่องนี้ไปใส่ไว้ในสารคดีที่ชื่อว่า Japanorama และออกอากาศเดือนมีนาคม 2007 วิดีโอเกี่ยวกับ Air Sex นั้นถูกนำมาเปิดโชว์ในงาน JACON 2007…
-
10 ข้อควรระวังสำหรับผู้หญิง กับเหตุการณ์เล็กน้อยที่อาจทำให้คุณ “เซ็กซี่” แบบไม่รู้ตัว
เพศหญิง เป็นเพศที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างสีสันและความสวยงามให้กับโลก ความอ่อนหวานและเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในตัวของผู้หญิงถูกนำมาเพื่อดึงดูดให้มนุษย์เพศชายได้เข้ามาทำความสัมพันธ์ ตามวิถีของมนุษย์โลก เสน่ห์ในเพศหญิงนั้นมีหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถดึงดูดมนุษย์เพศชายได้ ยกตัวอย่างเช่น ความเซ็กซี่ ที่ถือว่าเป็นไม้ตายสำคัญของผู้หญิงที่ทุกคนนั้นมีอยู่ในตัว ความเซ็กซี่ ถือว่าเป็นดาบสองคมสำหรับผู้หญิง ถ้ามีมากไปก็อาจจะเป็นภัยสำหรับตัวเอง แต่ถ้าหากใช้ความเซ็กซี่ให้ถูกวิธีก็จะสามารถทำประโยชน์ให้กับตัวเองได้ แต่ทว่าผู้หญิงทั้งหลายก็คงจะไม่รู้เท่าไหร่ว่า สิ่งที่เราทำไปอาจจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม บางครั้งมันทำให้ผู้หญิงดูเซ็กซี่แบบที่เราคาดไม่ถึง #เหมียวบู้บี้ จึงรวมรวบ 10 สถานการณ์ที่สาวๆ ควรระวัง เพราะมันอาจจะทำให้คุณเซ็กซี่แบบไม่รู้ตัว 1. น้องลิงแอบมาโผล่ทักทายผู้อื่นเวลานั่ง 2. เรื่องจุกก็สำคัญ ไม่มีใครรู้ว่ามันจะทักทายชาวโลกเมื่อไหร่ ทางที่ดีใส่บราไว้จะช่วยเซฟตัวเองได้เยอะ 3. สาวๆ ที่เปียกน้ำแล้วใส่เสื้อผ้าสีขาวหรือเสื้อผ้าแบบบางแนบเนื้อ 4. ร่องอก ร่องกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ทำให้เซ็กซี่แบบไม่ได้ตั้งใจ 5. สายรัดบรา บางครั้งมันช่างล่อแหลม 6. กินกล้วยแบบพิลึกต่อหน้าผู้ชาย 7. กระโปรงบานพลิ้ว 8. สาวๆ ที่ใช้กระเป๋าแบบมีสาย ถ้าใช้คาดผ่านร่องอก อาจจะเซ็กซี่เกินไปแบบนี้ 9.…
-
สถิติแสดงให้เห็นกันชัดๆ ว่า “การใช้ห้องน้ำ” ทำให้เสียเวลาชีวิตไปมากขนาดไหน
แน่นอนว่าทุกคนจำเป็นต้องใช้ห้องน้ำในการทำกิจวัตรประจำวันหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแปรงฟัน อาบน้ำ ล้างหน้า ปลดทุกข์เบาหนัก ซึ่งดูๆ แล้วแต่ละครั้งเราก็ไม่ได้เข้าไปนานอะไรมากมาย แต่ความจริงแล้วการใช้ห้องน้ำของเรามันอาจยาวนานกว่าที่เราเคยคาดคิดกันมาตลอด วันนี้จึงอยากนำเสนอสถิติเวลาที่เสียไปกับการทำกิจกรรมต่างๆ ในห้องน้ำตลอดช่วงชีวิตของเรา (สถิตินี้อิงจากประชากรในสหราชอาณาจักร อายุเฉลี่ย 81.5 ปี) เราสิ้นเปลืองเวลากันไปมากขนาดไหน ต้องลองไปดู 1. การอาบน้ำ รวมแล้วตั้งแต่เกิดจนถึงอายุประมาณ 81 ปีครึ่ง ผู้ชายใช้เวลาอาบน้ำไปมากถึง 185.4 วัน (เฉลี่ย 9 นาทีต่อวัน) ในขณะที่ผู้หญิงจะเท่ากับ 195.7 วัน (เฉลี่ย 9.5 นาทีต่อวัน) แต่ในปัจจุบันผู้หญิงอาจใช้เวลาไปมากถึง 391.4 วัน (เฉลี่ย 19 นาทีต่อวัน) เลยก็ได้ 2. การเช็ดตัว ในหนึ่งสัปดาห์ เราจะใช้เวลาในการเช็ดตัวไปประมาณ 30 นาที รวมตลอดชีวิตแล้วก็จะเท่ากับ 88.2 วัน 3.…
-
ผู้ว่าฯ ลงแสดงเอง.. ในคลิปหนังสั้นอบอุ่นหัวใจ อธิบายเรื่อง “ผู้ป่วยจิตเวช” กับการอยู่ร่วมกันในสังคม
หากพูดถึง ผู้ป่วยจิตเวช พวกเราก็มักจะคิดว่าคนเหล่านั้นคือคนที่มีสติฟั่นเฟือน เป็นคนบ้า ไม่สามารถอยู่ร่วมกันกับคนในสังคมได้ ในขณะที่ความจริงแล้วมันอาจไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป เพราะผู้ป่วยเหล่านั้นแบ่งออกได้เป็นหลายระดับ และส่วนมากก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ตามปกติ เพื่อให้ทุกๆ คนเข้าใจในเรื่องของผู้ป่วยจิตเวชมากยิ่งขึ้น ทาง โรงพยาบาลจิตเวชเลยราชนครินทร์ จังหวัดเลย จึงนำเสนอหนังสั้นความยาวประมาณ 14 นาที ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ให้ทุกคนได้ฟังและเห็นภาพไปพร้อมๆ กัน หนังสั้นเรื่อง หมวกกันน๊อค . หนังสั้นเรื่องนี้ได้อธิบายเอาไว้ว่าผู้ป่วยจิตเวชมีลักษณะอย่างไร มีการยกตัวอย่างสถานการณ์ขึ้นมาโดยกล่าวถึงครอบครัวหนึ่งที่มีลูกชายเป็นผู้ป่วย และสื่อให้เห็นว่าความรักความอบอุ่นจากครอบครัว และความเข้าใจของคนในสังคม เป็นสิ่งที่จะช่วยให้ผู้ป่วยเหล่านี้อยู่ร่วมกันกับทุกคนได้อย่างมีความสุข นอกจากนั้น ความพิเศษของหนังสั้นเรื่องนี้ก็คือการที่ นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ลงมาแสดงเป็นพ่อของผู้ป่วยในเรื่องด้วยตัวเอง แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจที่มีต่อปัญหาของชาวบ้านทุกๆ คน ผู้ว่าฯ รับบทเป็นพ่อของผู้ป่วยในเรื่อง เราลองไปชมหนังสั้นเรื่องนี้กันเลย หวังว่าหนังสั้นเรื่องนี้จะทำให้เพื่อนๆ ทุกคนเข้าใจเกี่ยวกับผู้ป่วยจิตเวชมากขึ้น พวกเขาอาจไม่ได้น่ากลัวหรือแย่อย่างที่เราคิดเสมอไป เพียงแค่เราเปิดใจ เข้าใจ และมอบความรักให้แก่กัน เพียงเท่านั้นพวกเราก็จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ที่มา: สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดเลย
-
11 อสุรกายดึกดำบรรพ์ ที่เคยแหวกว่ายอยู่จริงใต้มหาสมุทร แค่คิดก็สยิวแล้ว!!
ภายใต้ผืนน้ำและมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ เพียงแค่ความลึก ความดำมืด และแรงดันมหาศาล ก็ทำให้คนเราเกิดความกลัวได้อย่างมากโขแล้ว ทั้งที่ยังมีสิ่งมีชีวิตปริศนามากมายที่ยังไม่ถูกค้นภพภายใต้มหาสมุทรอันแสนมืดมน แต่มหาสมุทรกลับทำให้เราต้องขนหัวลุกอีกครั้ง เมื่อในอดีตกาล “มหาสมุทร” เคยเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าสัตว์ประหลาดยักษ์ หากใครย่างกรายเข้าไปในผืนสมุทรก็อาจถูกอสุรกายเหล่านี้ฆ่าได้อย่างง่ายดายราวกับเป็นแมลง แต่ถือว่าโชคดีที่ปัจจุบันมันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว เรามาสัมผัสความน่ากลัวเหล่านั้นกันดีกว่ากับ 11 อสุรกายใต้น้ำ ที่ครั้งหนึ่งเคยแหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทรจริงๆ 1. Megalodon อสุรกายตัวนี้มีฉายาว่า ฉลามที่ตัวเท่าวาฬ มันมีความยาวมากกว่า 15 เมตร มันล่าวาฬเป็นอาหาร ความโหดของมันคือ เมื่อจับวาฬเป็นเหยื่อได้แล้วมันจะฉีกหางและครีบของวาฬออก ปล่อยให้ดิ้นทุรนทุรายพร้อมกับกัดกินไปด้วย โชคดีที่ Megalodon สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ 2.6 ล้านปีที่แล้ว 2. Dunkleosteus เจ้าตัวนี้มีฉายาว่า อสุรกายหุ้มเกราะ เคยอาศัยอยู่บนโลกเมื่อราวๆ 400 ล้านปีที่แล้ว ปลาตัวนี้มีพลังกัดมหาศาล กัดได้รุนแรงยิ่งว่าไดโนเสาร์ T-Rex เสียอีก อาหารของมันก็คือ อะไรก็ตามที่มันอยากกิน ลำตัวของมันมีเปลือกแข็งห่อหุ้มตั้งแต่หัวจรดหาง ลำตัวของมันมีความยาวราวๆ 10 เมตร 3. Mosasaurus …
-
20 ความจริงเกี่ยวกับ “เบียร์” เครื่องดื่มที่เป็นมากกว่าน้ำมึนเมา อ่านแล้วก็รู้สึกเปรี้ยวปาก
เบียร์ คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทุกคนบนดาวดวงนี้จะต้องเคยได้ยินชื่อกันมาก่อนอย่างแน่นอน หรือบางคนอาจจะได้ลิ้มลองจนติดใจกันไปแล้วก็ได้ แต่ในวันนี้เรามาพูดถึงความจริงอันน่าทึ่งของเบียร์ ที่ต่อให้คุณดื่มมาตั้งแต่ 3 ขวบก็อาจไม่เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้กันมาก่อน เรื่องที่ #เหมียวตะปู นำมาวันนี้จะเจ๋งและทำให้เพื่อนๆ ประหลาดใจมากขนาดไหน ลงไปอ่านเอาเองเลยละกัน 1. รัฐบาลในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ จะจ้างเหล่านักดื่มให้ทำความสะอาดเมือง โดยมีค่าจ้างเป็นเงิน 10 ยูโร (ประมาณ 380 บาท) ยาเส้นมวนประมาณครึ่งซอง และเบียร์อีก 5 กระป๋อง 2. ในปี 1977 Steven Petrosino หนุ่มอเมริกันจากรัฐเพนซิลเวเนีย สามารถดื่มเบียร์ 1 ลิตร (ประมาณขวดครึ่ง) แบบชิลๆ หมดในเวลา 1.3 วินาที เป็นผู้ครองสถิติโลก “แชมป์ดื่มเบียร์อย่างค่อยเป็นค่อยไปไวที่สุดในโลก” และถูกบันทึกลงในกินเนสบุ๊ค 3. เบียร์คือหนึ่งในเครื่องดื่มแปรรูปที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มันเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ 9500 ปีก่อนคริสตกาล 4. ในปี 1814 ถนนหลายเส้นในกรุงลอนดอนต้องจมอยู่ใต้เบียร์ปริมาณกว่า 400,000…
-
คุณหมอมะกันเผย บีบสิวแบบทั่วไปน่ะผิด ต้องจิ้มต้องแทงแบบที่ผมบอกนี่!!
ที่เห็นในคลิปนี้คงเป็นวิธีที่เราๆท่านๆ ผู้ผ่านช่วงวัยรุ่นมาแล้วเคยทำกันบ้างนะ แต่แท้ที่จริงแล้ววิธีการบีบสิวด้วยแรงดันเช่นนี้น่ะ มันไม่ดีต่อผิวเราซะเลย จนคุณหมอ Mehmet Oz ได้ไปออกรายการที่วีชื่อดังของมะกัน Oprah Winfrey show เขาเผยว่า 1 ใน 5 ของคนที่เป็นสิว ชอบนักหนากับการบีบสิวแบบในคลิปนี้ (ซาดิสต์เล็กๆนะ แต่เหมียวก็ชอบ อิอิ) ทว่ายุทธศาสตร์หลักที่ถูกต้องนั้น เราไม่ควรบีบแบบนั้น ควรใช้เข็มเล็กๆทิ่มไปที่ผิวตามรูปนี้ตะหาก “อย่าได้บีบสิวแบบนั้นอีกล่ะ เพราะมันจะทำให้เนื้อเยื้อเราเปื่อยยุ่ยหมด” เขากล่าว การบีบแบบที่เขาทำกันน่ะ คือการทำลายเนื้อเยื่อดีๆ รอบข้างไปด้วย ที่ควรทำคือสอดเข็มเข้าไปในแนวขนานกับผิวเรา จากข้างหนึ่งสู่ข้างหนึ่ง แล้วสิวอุดตันก็จะออกมาเอง ทำแบบนี้นะ อย่าทำแบบนี้นะ ที่มา Metro
-
รู้หมือไร่!? ว่าบิดาแห่งบ้านมาร์เวลอย่าง Stan Lee เคยโผล่มาเป็นนักแสดงรับเชิญกี่เรื่องแล้ว?
หากเป็นคนที่ติดตามภาพยนตร์หรือคอมมิคฮีโร่ของ Marvel คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้จักบิดาแห่ง Marvel อย่าง Stan Lee ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของเหล่าฮีโร่นี่เอง และหากเราได้ดูภาพยนตร์ในจักรวาลภาพยนตร์ของมาร์เวล (Marvel) แล้วล่ะก็เราก็มักที่จะได้เห็นปู่แก่เข้ามาเป็นนักแสดงรับเชิญในบทสั้นๆ อยู่เป็นนิจ แต่ปู่ Stan Lee ของเราจะออกมาโผล่ในหนังหรือซีรีส์เรื่องไหนและรับบทอะไรบ้างนั้น เพื่อนๆ จำได้กันหรือไม่ ถ้าหากจำไม่ได้ล่ะก็วันนี้ เราก็ได้รวบรวมข้อมูลของหนังที่ปู่ลีแกไปเป็นนักแสดงรับเชิญมาแหละ เชื่อมั้ยปู่แกไปมา 45 เรื่องแล้วนะ!! จะมีเรื่องไหนกันบ้าง เราไปชมกันเลย 1. ย้อนกับกลับไปเรื่องแรกเลย ปี 1989 นู่น กับเรื่อง The Trial of the Incredible Hulk 2. ต่อข้ามมาไกลหน่อยกับบทคนขายฮอตดอกใน X-Men ปี 2000 3. ปรากฏตัวในฐานะผู้ช่วยเหลือสาวน้อยใน Spider-Man ปี 2002 4. และก็มาโผล่มา Daredevil ปี 2003 ในฐานะชายที่กำลังข้ามถนนกับ Matt Murdock …
-
ความจริงที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนอีก 10 ข้อ มาหาเกร็ดความรู้ไว้เล่าให้เพื่อนฟังกันเถอะ
ความรู้คู่ปัญญา… ว่ากันว่าคนเรานั้นยิ่งเรียนรู้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งได้เปรียบคนอื่นเท่านั้น โลกใบนี้ยังมีเรื่องที่เรายังไม่รู้อีกมากมาย ความรู้นั้นไม่ใช่เรื่องที่จะหาได้จากในห้องเรียนเท่านั้น บนโลกใบนี้นั้นยังมีความรู้อีกมากมายที่น่าค้นหา และที่สำคัญมันไม่น่าเบื่อเหมือนกับการนั่งเรียนเฉยๆ ในห้องอีกด้วย และนี่คือความจริงที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนอีก 10 ข้อ เพื่อให้สมองของพวกเราได้รับรู้สิ่งใหม่ๆ ที่น่าสนใจกันอีกครั้ง ถ้าเรื่อง Finding Nemo เหมือนกับธรรมชาติจริง ปลา Marlin พ่อของ Nemo จะเปลี่ยนเพศของตัวเองหลังจากที่คู่รักตนเองตาย และผสมพันธุ์กับ Nemo เรื่องมันก็จะอีโรติกหน่อยๆ ล่ะนะ เด็กๆ มีโอกาสจะถูกลักพาตัวโดยคนรู้จัก มากกว่าคนแปลกหน้า 20 เท่า ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 Disney เคยผลิตหน้ากากกันแก๊สพิษสำหรับเด็กรูป Mickey Mouse ด้วย สหรัฐอเมริกามีจำนวนคุก มากกว่าจำนวนมหาวิทยาลัยเสียอีก Charles Bonnet Syndrome (CBS) เป็นโรคที่เกิดขึ้นกับคนที่เสียการมองเห็นไปได้ไม่นาน โดยพวกเขาจะเห็นภาพหลอนที่ไร้เสียง ซึ่งมักจะเป็นอะไรบางอย่างที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในขณะที่ยังมีชีวิต ฆาตกรต่อเนื่อง Robert Hansen จะลักพาตัวเหยื่อไปยังบ้านในป่าที่…
-
16 ดินสอดีไซน์ล้ำๆ ที่สร้างความคิดบรรเจิดให้คุณ จนอยากจะเขียนอะไรตลอดเวลา
เมื่อเราเริ่มเข้าสู่วัยมัธยมหรือมหาลัย สิ่งหนึ่งที่จะเริ่มห่างหายไปจากชีวิตของเราก็คือดินสอเนี่ยแหละ เพราะการใช้ปากกามันดูเป็นทางการมากกว่าและเห็นได้ชัดเจนกว่านั่นเอง แต่ใช่ว่าดินสอจะหมดประโยชน์ไปเสียทีเดียว เพราะมันลบได้ง่ายกว่า จึงเหมาะกับการขีดเขียน จดบันทึก และการวาดรูป หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบใช้ดินสอเหมือนเรา (เราจดงานด้วยดินสอตลอดเลย) ล่ะก็ เราอยากจะแนะนำดินสอดีไซน์แปลกๆ สีสันโดดเด่น ให้คุณได้ดูกัน เพราะมันอาจจะทำให้คุณเข้าถึงไอเดียสร้างสรรค์ได้ง่ายกว่าดินสอสีเรียบๆ นั่นเอง และทุกๆ แบบมีลิงก์ไปยังร้านค้าด้วยนะ ไปดูกันเลยจ้า 1. ดินสอเรนโบว์ ดูสวยงามทุกครั้งที่คุณหยิบมันมาเหลา (ร้านค้า) 2. ดินสอกิ่งไม้ (ร้านค้า) 3. ดินสอดอกไม้ญี่ปุ่น สวยงามทุกครั้งที่หยิบมาเหลา (ร้านค้า) 4. ดินสอที่สามารถเอาไปปลูกได้ (ร้านค้า) 5. ชุดดินสอตารางธาตุ (ร้านค้า) 6. ดินสอแมว (ในกล่อง) (ร้านค้า) 7. ดินสอไลต์เซเบอร์ (ร้านค้า) 8. ดินสอซากุระ (ร้านค้า) 9. ดินสอไม้กายสิทธิ์ (ร้านค้า) 10. ดินสอไม้กลอง (ร้านค้า) 11. ดินสอสลอต (ร้านค้า) …
-
11 ตำนานสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติสุดแปลกของประเทศญี่ปุ่น ที่จะทำเอาคุณขนหัวลุกไปเลย!!
ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนบนโลกนี้ก็ตาม ย่อมมีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติแฝงอยู่ทุกหนทุกแห่ง และแน่นอนว่าประเทศญี่ปุ่นก็มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับนี้เช่นกัน ซึ่งในญี่ปุ่นนั้นจะเรียกภูติ ผี ปิศาจหรือสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติว่า “โยไก” (妖怪 ) ซึ่งโยไกแต่ละแบบก็จะมีความพิเศษแตกต่างกันไป บางชนิดก็สามารถนำโชคลาภ ในขณะที่อีกชนิดก็สามารถทำโชคร้ายมาให้กับเราได้ และโยไกบางประเภทก็มีนิสัยแปลกๆ ซ่อนอยู่ด้วย วันนี้เราก็ได้รวบรวมมาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันครับ ไปชมพร้อมๆ กันเลย 1. Nyoijizai มาถึงตัวแรกของเราก็เป็นสุดยอดความแปลกแล้วครับ กับ Nyoijizai ภูติประหลาดที่มีนิสัยชอบเกาหลัง มีความสามารถพิเศษเพียงอย่างเดียว นั่นคือสามารถเกาหลังในจุดที่ผู้คนอย่างเราๆ ไม่สามารถเกาได้ถึงนั่นเอง แหม่…เรียกได้ว่าอยากให้มาอาศัยอยู่ที่บ้านจังเลย 2. Betobeto-San Betobeto-San ภูติที่จะคอยเดินตามนักเดินทางในตอนกลางคืนพร้อมส่งเสียง “เบโตะ เบโตะ” พร้อมด้วยรองเท้าเกี๊ยะ ผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออาจจะมีบาดแผล แต่ว่า Betobeto-San ก็ไม่อันตรายมาก เพราะเราสามารถหนีเขาได้ง่ายๆ เพียงแค่เดินไปข้างหน้าพร้อมกับส่งเสียงว่า “Betobeto-San” เท่านั้นเอง 3. Mokumokuren Mokumokuren คือภูติที่เกิดจากการกระทำชำเราประตูบานเลื่อนญี่ปุ่น (Shoji) และเมื่อประตูพรุนเต็มไปด้วยรู ก็จะมีตาออกมาสอดส่องผ่านหนูนั้นๆ แต่อย่างไรก็ตามภูติตัวนี้ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด แต่มันก็น่าขนลุกสุดๆ อยู่ดี 4.…
-
13 ความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับการพัฒนาของสมองและทักษะความคิดของเรา
สมองของคนเรา ถือว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญที่เปรียบดังกับห้องควบคุมของร่างกายเราและยังมีหน้าที่ต่างๆ อีกมากมาย และเพื่อที่จะสนับสนุนให้สมองได้ทำงานได้ยอดเยี่ยมอยู่ตลอด หลายๆ คนจึงพยายามหาวิธีพัฒนาและข้อเท็จจริงของสมองอยู่ตลอดเวลา แต่เพื่อให้เพื่อนๆ ได้รู้จักสมองของมนุษย์ดียิ่งขึ้น วันนี้ #เหมียวโคบี้ จึงได้นำความเชื่อที่หลายๆ คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับสมองมาให้ได้ฟังกันครับ 1. ความเชื่อ: สมองไม่เคยเหน็ดเหนื่อย ข้อเท็จจริง: สมองไม่เหนื่อยต่อการใช้ความคิดก็จริง แต่ทางด้านร่างกายและจิตใจยังคงเหนื่อยอยู่ดี โดยที่มีงานวิจัยออกมาว่า สมองนั้นจะทำงานได้ดีขึ้นเมื่อคุณอยู่ในที่ที่สามารถได้ยินเสียงคลื่น รู้สึกถึงสายลมเค็มๆ และสามารถเห็นสีโทนน้ำเงินรวมถึงรู้สึกถึงทรายอุ่นๆ 2. ความเชื่อ: การวาดรูปไม่สามารถทำให้เก่งคณิตได้ ข้อเท็จจริง: จากการศึกษาพบว่าเด็กจะสามารถเรียนรู้คณิตศาสตร์และมีความจดจำได้ดีและรวดเร็วขึ้นหากพวกเขามีการวาดภาพต่างๆ หรือดูเดิลลงในสมุดของพวกเขา 3. ความเชื่อ: การเล่นชิงช้ามีไว้สำหรับเด็กๆ เท่านั้น ข้อเท็จจริง: การเล่นชิงช้าจะทำให้มีการพัฒนาสมองในบางส่วนที่เกี่ยวกับด้านการพูดและการประมวลผลข้อมูล รวมยังช่วยพัฒนาในด้านการรับรู้ทิศทาง ระยะใกล้-ไกล้ได้ดีขึ้นอีกด้วย 4. ความเชื่อ: สัมผัสที่หกไม่มีอยู่จริง ข้อเท็จจริง: จริงๆ แล้วสิ่งที่เรียกว่าสัมผัสที่หกนั้นมีอยู่จริง แต่มีอยู่ในเหล่าผู้คนที่มีความจำเป็นต้องพัฒนาอวัยวะอย่างอื่นเพื่อนมาทดแทนอวัยวะที่หายไป อย่างเช่นคนตาบอดสามารถรับรู้ที่ว่างต่างๆ รอบตัวของเขาได้ จากการที่สมองจะมุ่งเน้นไปที่ประสาทสัมผัสการได้ยิน ได้กลิ่นหรือการรับรู้ทางผิวหนังแทน 5. ความเชื่อ: หมากรุกคือกีฬาที่บริหารสมองได้ดีที่สุด ข้อเท็จจริง:…
-
ไม่ได้ใช้วินโดวส์!! รีวิว “Red Star 3.0” ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ที่ใช้ในเกาหลีเหนือ
เคยสงสัยไหมว่า คอมพิวเตอร์ในเกาหลีเหนือนั้นทำงานอย่างไร จะใช้ Windows หรือว่า Apple macOS กันนะ!? Will Scott อดีตพนักงานของกูเกิ้ล ได้มีโอกาสไปเที่ยวเกาหลีเหนือ รวมถึงเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งกรุงเปียงยาง ที่แห่งนี้ทำให้เขาได้สัมผัสระบบคอมพิวเตอร์ที่คนส่วนใหญ่ในประเทศเกาหลีเหนือใช้งานกัน ภายใต้ชื่อ Red Star 3 ก่อนหน้านี้ประเทศเกาหลีเหนือก็ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows เป็นหลักเหมือนเมืองไทยนี่แหละ จนกระทั่งมีการพัฒนา Red Star 3 เสร็จสมบูรณ์ ก็เลยเปลี่ยนมาใช้กันทั่วประเทศ งานนี้ Will ได้โอกาสซื้อระบบปฏิบัติการดังกล่าวกลับมาใช้ในคอมพิวเตอร์ของเขาที่สหรัฐอเมริกา และเขาจะพาเรามารีวิวว่ามันเป็นอย่างไร… นี่คือหน้าจอแรกหลังจากการบูตเครื่อง ระหว่างติดตั้ง Red Star 3 จะมีหน้าจอให้เราตั้งค่าประเทศที่อยู่ และโซนเวลา มันเด็ดตรงที่ไม่มี “เกาหลีใต้” มาให้เลือกนี่แหละ อิอิ หน้าจอล็อกอิน Will บอกว่าพอเข้ามาแล้ว หน้าจอมันช่างดูละม้ายคล้าย macOS ของ Apple ซะจริงๆ เวอร์ชั่น…
-
เอาไป 5 ดาว!! เมื่อคะแนนรีวิวกลายเป็นสิ่งสำคัญในธุรกิจ การซื้อขายคะแนนรีวิวจึงเกิดขึ้น
ในโลกของการซื้อขายออนไลน์นั้น การที่เว็บไซต์มีคะแนนรีวิวในระดับสูง หมายความว่าพวกเขาจะได้รับความเชื่อถือมากขึ้น รัฐบาลคาดการณ์ว่าคะแนนวิจารณ์พวกนั้นสามารถส่งผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวอังกฤษในแต่ละปีในมูลค่าสูงถึง 23 พันล้านปอนด์ (ราวๆ 1 ล้านล้านบาท) เลยทีเดียว แม้ว่าการให้ความเห็นพวกนี้อาจจะดูน่าเชื่อถือ แต่จากการสำรวจของชาวอังกฤษจำนวน 1,600 คนที่ดำเนินการโดย Chartered Institute of Marketing 3 ใน 4 ของผู้ใช้ เว็บไซต์นักวิจารณ์นั้นพบเห็นรีวิวปลอมกันเป็นประจำ นักวิเคราะห์สหรัฐบางแห่ง คาดว่าครึ่งหนึ่งของความเห็นของผลิตภัณฑ์ใน Amazon อาจไม่น่าเชื่อถือด้วยซ้ำ การซื้อขายคะแนนรีวิว นั้นทำได้ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ตั้งแต่การสร้างบัญชีปลอมขึ้นมาเพื่อรีวิวสินค้าของตัวเอง การแจกสินค้าฟรีแก่คนที่เข้ามาให้คะแนนรีวิวแก่ร้าน หรือการสร้างเพจที่จะชวนคนให้สั่งสินค้าจาก Amazon และรีวิวสินค้า ก่อนที่ทางร้านจะทำการคืนสินค้าแบบเต็มราคา ดูเหมือนว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนสาวไปถึงตัวบริษัท เพจโซเชียลมีเดียเหล่านี้จึงออกมาเป็นตัวกลางของการซื้อขายคะแนนรีวิว พวกเขาจะได้รับเงินจากทางบริษัทเพื่อให้ “ช่วยสนับสนุน” และพวกเขาจะ “เชิญชวน” คนมารีวิวสินค้า และจ่ายเงินค่าสินค้าที่ว่าให้ จริงอยู่ว่าเว็บซื้อขายสินค้าจำนวนมากจะมีนโยบายไม่อนุญาตให้มีการรีวิวแลกกับเงินหรือสินค้า และมีมาตรการลงโทษการซื้อขายคะแนนรีวิว หรือรีวิวปลอมอย่างหนัก แต่แม้ในปัจจุบันเอง ก็ยังมีการซื้อขายคะแนนรีวิวให้เห็นกันอยู่มากมายอยู่ดี แม้แต่ในเว็บชื่อดังอย่าง Trustpilot, eBay หรือ Amazon ก็ตาม ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำได้ในเวลานี้ ก็มีเพียงแค่การตรวจสอบสินค้าที่จะซื้อให้ดีก็เท่านั้น…
-
ชะนีฟังไว้.. 6 นิสัยของ “ผู้ชาย” ที่เหมาะจะเป็น “คู่ชีวิต” ใครมีครบอย่าปล่อยให้หลุดมือ!!
ผู้ชายที่ดี ต้องเป็นแบบไหนกัน!? ผู้ชายที่ดี ไม่จำเป็นต้องมีคำจำกัดความที่ว่า ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ หรือเข้าวัดฟังธรรมทุกอาทิตย์แล้วจะเป็นคนดี ถ้าหากสตรีคนไหนยังไม่แน่ใจ ลองมาเช็คลักษณะนิสัยต่างๆ เหล่านี้ ถ้าเขามีครบ 6 ข้อ ถึงเขาอาจจะกินเหล้าบ้าง เล่นเกมหนักไปนิด ชอบซื้อของเล่นเปลืองไปบ้าง แต่เขาก็คือผู้ชายที่ไม่ควรปล่อยหลุดมือเลย… 1. เคารพผู้หญิงของเขา ไม่ได้หมายความว่าจะต้องคลานไปกราบเท้า หรือซื้อของกิน กระเป๋าแบรนด์เนมมาถวายเช้าเย็น แต่เคารพในที่นี้คือการให้เกียรติซึ่งกันและกัน รู้ว่าควรวางตัวอย่างไร ที่สำคัญคือการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงมีส่วนตัดสินใจในบางเรื่อง เช่น การจะซื้อของเล่นชิ้นใหม่ หรือรถยนต์คันใหม่ ก็บอกไว้บ้าง ไม่ใช่จู่ๆ เอาเข้าบ้านเฉยเลย (แต่ผู้หญิงก็ไม่ควรจะถึงขั้นห้ามไม่ให้ซื้อ หากเป็นเงินของเขาและมีพอจะใช้จ่ายได้เช่นกัน) 2. มีเวลาว่างให้บ้าง เป็นไปไม่ได้หรอกที่คนเราจะทำงาน 100% ตลอดทั้งวัน ย่อมมีช่วงว่าง ช่วงเบรก หรือช่วงเลิกงานนิดหน่อย ซึ่งหากคุณเป็นคนเดียวสำหรับเขาแล้ว เวลาในส่วนนั้นเขาก็จะแบ่งมาให้คุณบ้าง ถึงแม้ว่าบางครั้งจะต้องไปหาเพื่อน หาลูกค้า หาญาติ หรือหาอะไรก็ตาม แต่อย่างที่บอกไปว่า คนเราจะมี “เวลาว่าง” นิดหน่อยอยู่แล้วในแต่ละวัน ถ้าเขายังยืนยันคำเดิมว่า “ไม่มีเวลาเลย”…
-
8 เรื่องน่ารู้ ที่จะทำให้การสนทนาของคุณประสบความสำเร็จมากขึ้น ตามหลักจิตวิทยา
เคยสงสัยไหมว่าทำไมเวลาคนบางคนพูด เราถึงได้รู้สึกว่าเรื่องที่เขาพูดนั้นมันช่างน่าสนใจ หรือเวลาอาจารย์หยุดพูดเสียกลางคัน เสียงในห้องเรียนถึงได้เงียบลงอย่างไม่น่าเชื่อ… เรื่องราวเหล่านั้นเป็นเรื่องที่อธิบายได้ในทางจิตวิทยา และบ่อยหลังที่การกระทำที่เราคิดว่าเราทำไปโดยไม่รู้ตัวนั้นจะมาจากการใช้จิตวิทยาของอีกฝั่งก็เป็นไปได้ อะไรแบบ 8 จิตวิทยาต่อไปนี้ ที่จะทำให้คุณสามารถควบคุมการสนทนาได้ดีขึ้น และนำไปสู่ความสำเร็จในการสื่อสารมากกว่าที่เคยเป็นมาก็เป็นได้ เมื่อกลุ่มคนหัวเราะพร้อมๆ กัน พวกเขาจะมองไปที่คนที่พวกเขาสนิทที่สุด เคล็ดลับนี้สามารถทำให้คุณสังเกตความสัมพันธ์ในกลุ่มได้เป็นอย่างดี คุณจะสามารถบอกได้ว่าสมาชิกในทีมของคุณเชื่อมโยงกันแบบไหน ไม่แน่นะคุณอาจจะจับได้ว่าใครในกลุ่มแอบเดตกันอยู่ หรือใครแอบชอบใครได้เลยด้วย การที่ใครทำอะไรให้คุณ มันจะทำให้เขาชอบคุณมากขึ้น ฟังดูแปลกใช่ไหมล่ะ แต่เวลาที่คุณสามารถโน้มน้าว (ไม่ใช่บังคับนะ) ให้ใครทำอะไรให้คุณได้ พวกเขาจะหาเหตุผลที่พวกเขาทำสิ่งที่คุณขอโดยไม่รู้ตัว อะไรอย่าง ฉันอยากช่วยเขานะ หรือ เขาดูเป็นคนดีคงไม่เป็นคนลืมบุญคุณหรอก ซึ่งนั่นจะทำให้ภาพลักษณ์ของคุณในหัวพวกเขาดูดีขึ้นด้วยนั่นเอง สิ่งสำคัญคือเขาต้องทำมันด้วยความตั้งใจของตัวเอง ดังนั้นการโน้มน้าวที่ว่าจึงต้องไม่ใช่การขู่หรือบังคับเด็ดขาด ความเงียบจะทำให้ได้คำตอบ เมื่อคุณถามคำถามกับคนอื่น และพวกเขาตอบช้ามากๆ แทนที่จะถามซ้ำๆ ลองเงียบดูสิ ช่วงเวลาแห่งความเงียบทำให้คนรู้สึกราวกับว่าพวกเขาควรจะพูดอะไรสักอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเขาถูกถามอะไรสักอย่างอยู่ การผายมือจะสร้างความเชื่อถือได้ เนื่องจากท่าทางการผายมือ แทนที่จะชี้บอกทิศทางด้วยนิ้ว บ่งบอกถึงความไว้วางใจ ทำให้ผู้คนมีแนวโน้มที่จะเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณกำลังพูด และคิดว่าคุณเป็นมิตร ในทางกลับกันการชี้จะถูกเห็นว่าเป็นการก้าวร้าว และไม่สุภาพ การพยักหน้าในระหว่างการพูดคุย จะทำให้อีกฝ่ายเห็นด้วยกับคุณมากขึ้น คนมักจะทำตามภาษากายของคนรอบข้างโดยไม่รู้ตัว เพื่อทำความเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายรู้สึก ดังนั้นเมื่อคุณพยักหน้าศีรษะขณะที่คุณพูด คุณจะแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่คุณพูดนั้นเป็นความจริง…
-
เปิดประวัติศาสตร์ “ขันที” พวกเขาเป็นใครมาจากไหน ไม่ใช่แค่ต่างประเทศ ในไทยก็มี!?
ขันที คือชื่อเรียกที่เรานิยมใช้เรียกชายที่มีการตอนอวัยวะเพศ ซึ่งมักมีการนำไปทำงานในวังใน ว่ากันว่ามีที่มามาจากคำว่า Eunuch ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษากรีกที่ว่า Eunouchos แปลว่าผู้ดูแลรักษาเตียง ประวัติของขันที ประวัติที่เก่าแก่ที่สุดของขันทีนั้นย้อนไปได้ในช่วงราวๆ ช่วง 2000 ปีก่อนคริสตกาลที่เมืองละกาสช์ ของชาวสุเมเรียน ในเมโสโปเตเมีย ขันทีในสมัยนั้นมีหน้าที่หลากหลายภายในราชวังตั้งแต่ข้าราชบริพาร นักร้องเสียงแหลม ผู้เชี่ยวชาญทางศาสนา ทหาร ผู้คุ้มกันเจ้าหน้าที่ ผู้พิทักษ์สตรี หรือคนรับใช้ในฮาเร็ม ขันทีในยุคแรกๆ นั้นมักที่จะมาจากคนรับใช้หรือทาสที่ถูกนำมาตอน และออกแบบมาไม่ให้มีความสัมพันธ์กับทหาร ขุนนาง หรือแม้แต่ครอบครัวของตนเอง (อย่างน้อยๆ ก็ไม่มีทายาท) เนื่องจากสภาพร่างกายสถานะทางสังคมของพวกเขาต่ำ และสามารถหาคนมาแทนที่ได้อย่างง่ายดาย หรือถูกฆ่าได้โดยไม่มีผลกระทบมากนัก วัฒนธรรมการใช้ขันทีแตกแขนงออกไปสู่จีน เอเชียตะวันตก เอเชียใต้ เปอร์เซียโบราณ และจักรวรรดิโรมันตะวันออก และในเวลาต่อมา ออตโตมาน ซาฟาวี และโมกุล การที่พวกเข้ามาสู่จีนนั่นเองซึ่งทำให้ขันทีกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในปัจจุบัน และพวกเขาก็กลายเป็นชายถูกตอนที่ได้รับความไว้วางใจให้ทำงานในพื้นที่ใกล้เคียงกับเบื้องสูงได้ โดยไม่ต้องกังวลถึงความสัมพันธ์ชู้สาวมากนัก ขันทีในไทย ดร. วินัย พงศ์ศรีเพียร ได้สันนิษฐานว่า “ขันที” น่าจะมาจากคำว่า ขณฺฑ ในภาษาสันสกฤต…
-
6 สงครามแปลกๆ ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ นี่เราเคยรบกันแบบนี้ด้วยเหรอ?
การทำสงครามนั้นมักจะเกิดขึ้นจากเหตุผลที่ยิ่งใหญ่ และนำมาซึ่งความตายของคนจำนวนมาก จนมีคนที่พูดออกมาว่าสงครามนั้นมีแต่การสูญเสีย หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองมานั้น ประเทศต่างๆ ก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงสงครามใหญ่กันอย่างเต็มที่ เพราะไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร สงครามมันก็ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย แต่ก็ใช่ว่าสงครามจะเกิดขึ้นจากเหตุผลยิ่งใหญ่เสมอไป เพราะในโลกใบนี้ ยังมีสงครามแปลกๆ ที่เกิดจากเรื่องไม่น่าเชื่อให้เห็นอยู่เรื่อยไป ดั่งเช่นสงครามสุดแปลก ต่อไปนี้ สงครามแองโกล-แซนซิบาร์: สงครามที่สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่กินเวลาเพียง 40 นาที นี่เป็นสงครามระหว่างอังกฤษ และแซนซิบาร์ ที่เกิดขึ้นในวันที่ 27 สิงหาคม 1896 โดยมีเหตุผลมาจากความตายของ Sultan Hamad bin Thuwaini และการขึ้นครองราชย์ของ Sultan Khalid bin Barghash อย่างไรก็ตามทางอังกฤษต้องการให้ Hamud bin Muhammed ขึ้นครองราชย์ตามสนธิสัญญาในปี 1886 แน่นอนว่า Khalid ไม่ยอม และขังตัวเองกับองครักษ์บางส่วนอยู่ในพระราชวัง ส่วนทางอังกฤษตอบโต้โดยส่งเรือ 5 ลำ ทหารเรือ 150 คน และทหารอาสาแซนซิบาร์ 900 คนเข้าปิดล้อมและยิงถล่มพระราชวัง จนกระทั่ง Khalid ยอมแพ้ไปในเวลา 40 นาทีต่อมา ผลของสงครามทาง Khalid มีผู้เสียชีวิตราวๆ 500 คนส่วนอังกฤษมีผู้ได้รับบาดเจ็บ…
-
เชื้อโรคมากกว่าที่เราคิด… และนี่คือ 7 เรื่องควรรู้ ปฏิบัติตัวยังไง เมื่อต้องใช้ห้องน้ำสาธารณะ
เชื่อว่าหนุ่มๆ สาวๆ หลายๆ คนคงเคยรู้สึกไม่อยากที่จะเข้าห้องน้ำสาธารณะกันบ้างล่ะ เพราะไม่อาจจะทราบได้ว่าห้องน้ำที่เราจะเข้านั้นผ่านมือผ่านตูดใครต่อใครมามากขนาดไหน สกปรกรึเปล่า คนทำความสะอาดไว้ใจได้เหรอ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะคิดแบบนั้น แถมยังมีงานวิจัยออกมาแล้วว่าของใช้ส่วนรวมนั้น มีโอกาศมีเชื้อโรคมากกว่าจริงๆ แต่ถ้าทนไม่ไหวต้องใช้ห้องน้ำสาธารณะขึ้นมาจริงๆ จะต้องทำอย่างไรดีล่ะ… ในวันนี้ #เหมียวศรัทธา ได้นำเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการใช้ห้องน้ำสาธารณะ มาให้เพื่อนๆ ดูกันแล้ว ที่นี่… จำไว้ว่าที่ๆ เหมือนจะปลอดภัยที่สุด คือที่ๆ อันตรายที่สุด ลองเดาสิว่าที่ๆ มีเชื้อโรคมากที่สุดในห้องน้ำคือที่ไหน? เชื่อว่าหลายๆ คนคงคิดว่าเป็นที่ฝาชักโครก ไม่ก็ด้านในของชักโครกสินะ แต่รู้รึเปล่าว่ามีเชื้อโรคเพียงแค่ 19% ที่อยู่ที่ชักโครก ส่วนที่เหลือนั้นส่วนมากจะพบได้ที่อ่างอาบน้ำ (ถ้ามี) และอ่างล้างมือนั่นเอง ใส่ใจในรายละเอียด เมื่อคุณไปที่ห้องน้ำสาธารณะ และอยากได้ห้องน้ำที่สะอาดจริงๆ การใส่ใจในรายละเอียดจะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ห้องน้ำที่เหมาะสมควรมีสบู่ กระดาษชำระ และตารางการทำความสะอาดบนผนัง แล้วก็ตรวจสอบวันทำความสะอาดให้ดีๆ ด้วยล่ะว่าการทำความสะอาดครั้งสุดท้ายนั้น ไม่ควรห่างจากเวลาในปัจจุบันเกิน 2-3 ชม. เลือกห้องน้ำห้องที่ควรเข้า ในกรณีที่สามารถเลือกห้องน้ำได้ คนส่วนมากมักจะเลือกห้องน้ำห้องด้านในก่อน ทำให้ห้องน้ำที่ว่ามีการสะสมของแบคทีเรียที่มากว่าห้องอื่น ดังนั้นหากเลือกได้คุณจึงควรที่จะหลีกเลี่ยงห้องน้ำห้องในสุดนั่นเอง ปรับตัวเข้ากับพื้นที่ ถ้าคุณต้องการวางถุงหรือกระเป๋าของคุณในสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด…
-
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหมาจากคนละประเทศมาเจอกัน พวกมันจะคุยกันรู้เรื่องรึเปล่า!?
เท่าที่เราเคยเห็นเจ้าหมามา มันไม่มีภาษาพูดเป็นของตัวเองเลย จะมีก็แค่เสียงเห่าเสียงครางเท่านั้น เราก็เลยเกิดความสงสัยขึ้นว่าพวกมันจะคุยกับหมาต่างประเทศรู้เรื่องหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นคนเราล่ะก็แค่อยู่คนละประเทศภาษาก็ไม่เหมือนกันแล้วนะ เพื่อทำให้ความสงสัยนี้กระจ่างขึ้น เราก็เลยลองหาข้อมูลเกี่ยวกับพวกมันดู แล้วก็มาแบ่งให้เพื่อนๆ ได้รู้กันด้วยว่าหมาจากคนละฟากโลกมันสื่อสารกันได้ไหม ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าหมาแต่ละประเทศมีเสียงเห่าไม่เหมือนกัน อย่างที่คนไทยเรามักจะติดว่าหมาเห่า ‘โฮ่งๆ’ แต่ฝรั่งจะได้ยินมันเห่าว่า ‘วูฟๆ’ นั่นแหละ เพราะสภาพแวดล้อมที่มันเกิดมีผลต่อสำเนียงการเห่าด้วย นอกจากนี้หมาต่างสายพันธุ์และต่างขนาดก็ยังมีเสียงเห่าที่แตกต่างกันออกไปอีกต่างหาก แล้วเสียงก็อาจจะต่างกันไปตามช่วงวัยอีกด้วย เรียกได้ว่าพวกมันมีเสียงการเห่าที่หลากหลายและไม่ค่อยเหมือนกันนักหรอก ยังไงก็ตามถึงสำเนียงจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่ Stanley Coren ผู้เขียนหนังสื่อเกี่ยวกับการสื่อสารของสุนัข ก็บอกว่าพวกมันมีภาษาที่ใช้สื่อสารกันนั้นเหมือนกันหมดทั้งโลก เขาชี้แจงว่าเสียงที่ใช้สื่อสารของพวกมันนั้นแบ่งเป็นประเภทหลักๆ ได้เช่น เสียงเห่า เสียงคราง เสียงขู่ และเสียงหอนเป็นต้น ถึงสำเนียงจะไม่เหมือนกันแต่ก็จะเป็นเสียงในประเภทพวกนี้เท่านั้น พวกมันก็เลยเข้าใจตรงกันว่าหมาอีกตัวรู้สึกยังไง ยกตัวอย่างเช่น เสียงขู่จะใช้ตอนที่ต้องการเตือนให้อีกฝ่ายออกไปห่างๆ เสียงเห่าใช้เพื่อเรียกหาสุนัขตัวอื่น และเสียงหอนมีความหมายว่ามันกำลังรู้สึกเหงาหงอย แล้วก็ยังมีการใช้เสียงต่ำและเสียงสูงในการสื่อสารเพิ่มเติมด้วย หมาทุกตัวจะเข้าใจว่าถ้าอีกฝ่ายใช้เสียงสูง แปลว่าพวกมันอยากผูกมิตรด้วย ในทางกลับกันเสียงโทนทุ้มต่ำจะใช้ในการข่มขู่หมาตัวอื่น อีกอย่างหนึ่งก็คือพวกมันจะใช้การดมกลิ่น และภาษากายที่คล้ายคลึงกัน เพื่อช่วยในการสื่อสารอีกทางหนึ่งด้วย จึงทำให้พวกมันเข้าใจกันได้ไม่ยากเลย แต่พวกมันจะไม่สามารถเข้าใจภาษาของมนุษย์จากต่างประเทศได้ เพราะพวกมันเรียนรู้คำพูดของมนุษย์ด้วยการจำเสียง ทำให้มันไม่เข้าใจมนุษย์ที่ใช้คำต่างกันตามภาษาของประเทศต่างๆ ได้…
-
ชาวเน็ตสงสัย… เครื่องซักผ้าพังง่ายเพราะอะไร ความจริงที่พบก็คือ ‘เครื่องซักผ้ากินเรียบ’
สิ่งที่หลายๆ คนอาจจะเคยนึกสงสัยกันมาบ้างแล้วว่า บางครั้งการซักผ้าผ่านเครื่องของเรา อาจจะไม่ได้เสื้อผ้าบางส่วนกลับมา หลายครั้งเราคิดว่าเราอาจเผลอทำตกตระกร้า หรือไม่ก็โดนพัดปลิวไปกับสายลม… แต่ต้นเหตุที่แท้จริงอยู่ใกล้ตัวจนเรานึกไม่ถึงกันเลยแหละ เพราะเมื่อชาวเน็ตนามว่า Cathy Hinz ผู้จัดการอาคารหอพัก ได้ลงมาตรวจสอบเครื่องซักผ้าประจำหอ ก็เจอกับกองขุมทรัพย์จำนวนมหาศาล เธอและสามีสังเกตเห็นว่าเครื่องซักผ้าเครื่องหนึ่งเสีย ไม่สามารถปฏิบัติตามหน้าที่ของมันเองได้ ก็เลยต้องงัดแงะเพื่อหาสาเหตุของการเสียในครั้งนี้ โดยเริ่มจากการแงะด้านล่างเครื่องก่อน จนพบว่า… กองถุงเท้านั้นอุดตันอยู่เพียบ! ทั้งถุงเท้า ชุดชั้นใน บัตรเครดิต ต่างลงมากองอยู่ส่วนใต้เครื่อง และเมื่อสามีของเธอถอดตัวปั๊มน้ำออก ก็ยังเจอกับเศษเงินอีก 7 ดอลลาร์ หากใครยังปักใจเชื่อว่าเครื่องซักผ้าจะไม่มีทางกินเสื้อผ้าของคุณไปได้ ภาพเหล่านี้อาจจะเป็นข้อพิสูจน์ให้คุณได้บ้าง ไม่มากก็น้อย บัตรเครดิตก็ยังมา!! ท้ายที่สุดแล้วเธอกล่าวปิดท้ายว่า ตลอดระยะเวลาที่ทำงานตรวจเช็กสภาพเครื่องทำความสะอาดทั้งเครื่องซักผ้า เครื่องล้างจาน และสารพัดเครื่องล้างอัตโนมัติ เพิ่งจะเจอกับกรณีนี้เป็นครั้งแรกกับตัวเองเลยล่ะ ใครที่มีเครื่องซักผ้าไว้ในครอบครอง ก็ลองไปตรวจสอบกันดูนะจ๊ะ เผื่อจะเจออะไรแบบนี้บ้าง ที่มา: boredpanda
-
รวม 7 ที่ลับ เอาไว้รับเหรียญพลังงานฟรีๆ ในเกม Harry Potter: Hogwarts Mystery
หลังจากเปิดตัวกันไปได้ไม่นานกับเกมมือถือ Harry Potter: Hogwarts Mystery ก็ได้มีเสียงตอบรับออกมามากมายทั้งแบบชอบและไม่ชอบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ล้วนแต่เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล ตัวเกม Harry Potter: Hogwarts Mystery นั้นออกแนวเกมเล่าเรื่องที่ต้องไปทำภารกิจเพื่อปลดล็อกเรื่องราวต่อๆ ไป ซึ่งการที่จะดำเนินเรื่องต่อไปได้ต้องใช้เหรียญพลังงานนี่แหละ เทคนิคหนึ่งที่คนนิยมใช้คือการรอให้พลังงานเต็มก่อน แล้วค่อยเข้าภารกิจ เพราะว่าแต่ละภารกิจมีเวลาที่จำกัด ถ้าทำไม่ทันก็อาจจะทำให้เสียคะแนนได้ จุดนี้ทำให้บางคนถึงกับต้องเติมเงินเพื่อซื้อเหรียญพลังงานนั้นๆ แต่วันนี้เราจะพาทุกท่านไปพบกับ 7 สถานที่ลับที่จะทำให้คุณได้รับเหรียญพลังงานแบบฟรีๆ ไม่เสียเงินเลย เพียงแค่แตะมันก็ได้รับพลังมาแล้ว ชั้น East Towers ให้กดตรงกรอบรูปที่เป็นภาพสีดำๆ ก็จะได้พลังงานมาใช้ 1 ดวง ชั้น West Towers กดที่ภาพทางด้านขวามือ ก็จะได้รับพลังงานมาอีก ชั้น Lower Floor West กดจุดไฟทางด้านขวาของประตูที่มันยังไม่ติด ก็จะได้รับพลังงานมา ชั้น Lower Floor West ถัดจากที่จุดไฟมานิดหน่อย กดตรงรูปปั้นนักรบคนกลาง จะได้รับพลังงานมาใช้ ชั้น Dungeons กดที่เอลฟ์ประจำบ้านที่แอบงีบอยู่ ก็จะได้พลังงานมาใช้ (บางคนบอกว่าเจอมันแอบงีบที่อื่นก็มีนะ อันนี้ยังไม่เคยเจอเหมือนกัน)…
-
รู้หรือไม่.. “การงีบหลับทับแขน” ทุกวัน อาจทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดได้!! เช่นเดียวกับเธอคนนี้
การงีบหลับโดยใช้แขนตัวเองแทนหมอน เป็นสิ่งที่พวกเราหลายๆ คนนิยมทำกันมาตั้งแต่เด็ก เวลาที่เรารู้สึกอยากพักผ่อนในห้องเรียนสักแป๊บ หรือแม้แต่ตอนพักจากการทำงาน เรียกว่าเป็นท่ายอดฮิตสำหรับการงีบหลับโดยเฉพาะ แต่รู้หรือไม่ว่า หากทำท่าทางที่ว่านั้นบ่อยๆ เป็นเวลานาน มันอาจทำลายสุขภาพร่างกายของเราได้มากกว่าที่คิด จนถึงขั้นอาจต้องเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัด เช่นเดียวกันกับหญิงสาวคนนี้ ท่าทางการงีบหลับที่คนส่วนใหญ่นิยมทำกัน สาวแซ่จาง วัย 28 ปี คือพนักงานออฟฟิศคนหนึ่งในเมืองฮาร์บิน ประเทศจีน เธอเป็นคนที่ชอบงีบหลับตอนพักเที่ยงเป็นอย่างมาก ซึ่งเธอก็จะงีบหลับทับแขนซ้ายของตัวเองอยู่ทุกวันมาเป็นระยะเวลาหลายต่อหลายปี เมื่อไหร่ที่ตื่นมาก็จะรู้สึกเจ็บและชาบริเวณปลายนิ้วอยู่บ่อยๆ แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งเมื่อช่วงต้นปี 2018 เธอตื่นขึ้นมาจากการงีบหลับและพบว่าเธอไม่รับรู้ความรู้สึกใดๆ จากแขนซ้ายของตัวเองเลย ซึ่งอาการดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่เธอเคยเจอมาก่อนและจะหายไปเองหลังจากผ่านไป 1-2 นาที แต่ทว่าในครั้งนี้มันกลับไม่หายไปจนทำให้ไม่สามารถใช้งานแขนซ้ายได้เลย แม้แต่การหยิบของเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม ด้วยเหตุนั้น Zhang จึงเข้ารับการตรวจกับแพทย์และได้รับการวินิจฉัยว่า เส้นประสาทเรเดียล (ส่วนปลายแขน ไว้ควบคุมการเคลื่อนไหวข้อมือและนิ้ว) บริเวณแขนข้างซ้ายของเธอได้รับความเสียหายอย่างหนัก อันเป็นผลมาจากการที่งีบทับแขนตัวเองทุกวัน สาวแซ่ Zhang พนักงานออฟฟิศที่งีบทับแขนตัวเองทุกวัน ในความจริงแล้วอาการเจ็บหรือชาบริเวณปลายนิ้วนั้นสามารถแก้ได้ด้วยการหมั่นบริหารร่างกายตรงบริเวณนั้นอยู่เป็นประจำ แต่ Zhang กลับไม่เคยทำอย่างนั้นและฝืนใช้งานอย่างหนัก จนกลายเป็นเพิ่มแรงบีบคั้นตรงส่วนเส้นประสาทดังกล่าว ความเสียหายทำให้เธอไม่สามารถขยับแขนซ้ายได้ในที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นอาการขั้นรุนแรงของเธอคนนี้ก็สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัดเพียงอย่างเดียวอีกด้วย สุดท้ายแล้วแพทย์หลายๆ…
-
สาวๆ ว่าไง.. รู้จัก Ilya Sutskever นักวิจัยระดับสูงด้าน AI มนุษย์เงินเดือนปีละ 60 ล้าน!!
พูดถึง Ilya Sutskever หลายๆ คนอาจจะไม่รู้จักว่าเป็นใคร แต่ถ้าเอ่ยชื่อ Elon Musk เราก็พอจะคุ้นอยู่ใช่ไหม!? Elon นอกจากจะทำรถยนต์ไฟฟ้า Tesla แล้ว เขาก็ยังมีบริษัทวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์หรือที่เรียกว่า AI โดยเฉพาะ บริษัทนั้นก็คือ OpenAI นั่นเอง มีการเปิดเผยข้อมูลการยื่นภาษีล่าสุดของบริษัท ก็พบว่า OpenAI นั้นจ่ายเงินค่าจ้างให้กับตำแหน่ง “นักวิจัยระดับสูงด้านปัญญาประดิษฐ์” สูงมาก จำนวนเงินนั้นคือปีละ 1,900,000 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 60 ล้านบาท หรือตกเป็นเงินเดือนละ 5 ล้านบาทเลยล่ะ และผู้ทำงานตำแหน่งนั้นก็คือ Ilya Sutskever พระเอกของเราในวันนี้นั่นเอง!! Ilya เป็นชาวแคนาดา จบการศึกษาทั้งปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยโตรอนโต้ จากนั้นเขาย้ายมาสหรัฐอเมริกา เข้าวิจัยกับมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด แล้วก็ร่วมงานกับบริษัท Google ในฐานะนักวิจัย สถาบันที่เจ้าตัวเรียนจบมา เมื่องานใน Google…
-
ไขความลับ 8 มายากลระดับโลก กับเทคนิคเบื้องหลัง ที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง
นักมายากลมักจะนำสิ่งลวงตามาให้เราได้ประหลาดใจกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นกลถอดหัว ถอดขา หรือว่าเสกของต่างๆ ออกมา นั่นทำให้เราสงสัยเหลือเกินว่า “พวกเขาทำกันได้อย่างไร?” สรุปแล้วพวกเขาเป็นคนธรรมดาหรือว่ามีเวทมนตร์กันแน่ ที่จริงแล้ว นักมายากลมืออาชีพบนโลกนี้ก็ ไม่ได้มีมากมาย นักหรอก มายากลที่เป็นไม้เด็ดของนักมายากลระดับโลกแต่ละคนจะมีผู้ที่รู้ถึงวิธีการแสดงอันเป็นความลับนี้ราว 25,000 คนเท่านั้น แต่ขณะนี้ คุณกำลังจะได้เป็นหนึ่งในผู้ที่ล่วงรู้ความลับของการแสดงมายากลระดับโลกเหล่านั้นแล้ว ขอเชิญไปพบกับ ความลับเบื้องหลัง 8 มายากลระดับโลก 1. กลเสกนกพิราบของ Darcy Oake ในรายการ Britain’s Got Talent กลที่นักมายากลชาวแคนาดา Darcy Oake ได้ทำการแสดงนั้นมีหลายกลที่เล่นกับ “นกพิราบขาว” แต่มันจะมีอยู่กลหนึ่งที่ ใช้ไฟเผาขนนกแล้วกลายเป็นตัวนกออกมา เบื้องหลังนั้นเป็นอย่างที่หลายคนนึกเอาไว้ เขาใช้ขนนกปลอมที่ทำจากกระดาษพิเศษที่เรียกว่า Flash Paper เป็นกระดาษที่จุดติดไฟเป็นประกายสว่างวาบได้ง่ายและรวดเร็ว เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ชม ในขณะที่สายตาผู้ชมกำลังตะลึงกับแสงสว่างจากไฟนั้น เขาก็นำตัวนกออกมาจากที่ซ่อนภายในเสื้อหรือแขนเสื้อของเขา 2. กลวางกระป๋องบนไพ่หนึ่งใบ นักมายากลจะแสดงให้เราเห็นว่า กระป๋องที่เขาหยิบขึ้นมานั้นสามารถตั้งวางลงบนไพ่เพียงหนึ่งใบได้ แน่นอน ใครๆ…
-
เส้นทางชีวิตของ Josh Brolin สู่ร่างอวตารแห่ง Thanos ใน Avengers: Infinity War
หลายท่านอาจได้ไปสัมผัสความอลังการงานสร้างมาแล้วกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง Avengers : Infinity War และคงได้ทราบกันมาแล้วว่าไอ้ตัวร้ายตัวใหม่ชื่อ ธาๆ นอสๆ อะไรเนี่ยมันช่างเก่งกาจเสียเหลือเกิน ภาคนี้ถือเป็นการเปิดตัวครั้งใหญ่ของไอ้ตัวร้ายสีม่วง Thanos หรือ “ธานอส” ที่เก่งกาจเสียจนคนดูเองยังไม่รู้เลยว่าเหล่าซูเปอร์ฮีโร่จะโค่นมันลงได้อย่างไร ต่อให้เป็นคนที่ไม่เคยรู้จักชื่อ Thanos มาก่อน ก็ยังต้องจดจำเขาได้แม่นยำแน่นอน ที่ตัวละครวายร้ายตัวนี้โลดแล่นอยู่บนจอเงินได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก็ต้องให้เครดิตนักแสดงรุ่นเก๋าอย่าง Josh Brolin อย่างมองข้ามไม่ได้ ก็พี่แกเล่นบทไอ้ม่วงจอมโหดได้อย่างถึงพริกถึงขิงขนาดนี้ เชื่อเถอะว่าโลก (ของคนชอบฮีโร่) ต้องจดจำชื่อคุณไปอีกนานเลยล่ะ แต่กว่าพี่ Josh Brolin จะมาปังเข้ากับบทบาทของ Thanos แบบนี้ได้น่ะไม่ใช่เพราะโชคช่วยหรอกนะ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ชีวิตพี่แกนั้นผ่านอะไรมาเยอะ แสดงหนังและละครมาก็แยะ เรียกได้ว่า “พี่น่ะ เดินทางสายนี้มานานแล้ว” Josh Brolin เกิดในซานตาโมนิกา รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นลูกชายของ Jane Cameron (แม่) และ James Brolin (พ่อ) ชีวิตก่อนหน้านี้ ตัวเขาและครอบครัวไม่เคยสนใจอาชีพในวงการบันเทิงเลย…
-
หมู่บ้านในนอร์เวย์มีกฎหมาย ห้าม “ตาย” ในหมู่บ้าน เนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจ
ความตายนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อเราเกิดมาและใช้เวลาอยู่บนโลกได้ระยะเวลาหนึ่ง เราก็ต้องจากไป และคนที่เหลืออยู่ก็ต้องทำใจยอมรับมันให้ได้ แต่หากคุณตายไม่ถูกที่ล่ะก็ คุณอาจจะมีความผิดทางกฎหมายได้นะ… หมู่บ้านแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ที่ชื่อว่า ลองเยียร์เบียน ได้รับการจดบันทึกว่าไม่เคยมีใครเสียชีวิตที่นี่มาตั้งแต่ช่วงปี 1950 แล้ว ในทางปฏิบัติแล้วมันก็มีคนเกิดและตายในหมู่บ้านนี้เหมือนกับที่อื่นๆ แต่การตายในหมู่บ้านแห่งนี้ถือว่าผิดกฎหมาย คนส่วนใหญ่มักจะบินออกจากถิ่นฐานก่อนที่พวกเขาจะตายเพื่อใช้ชีวิตในวันสุดท้ายของพวกเขาที่อื่นมากกว่า สาเหตุที่มันเป็นแบบนั้นก็เพราะว่าหมู่บ้านลองเยียร์เบียนนั้นตั้งอยู่ตรงหมู่เกาะสฟาลบาร์ ใกล้กับวงกลมอาร์ติก (คือวงกลมละติจูดที่อยู่เหนือที่สุด ในบรรดา 5 วงกลมละติจูดหลักบนแผนที่โลก) ซึ่งแน่นอนว่าอากาศบนนั้นจะมีความหนาวเย็นมาก แม้ว่าคุณจะเสียชีวิตและถูกฝังไปแล้ว แต่ร่างกายของคุณจะถูกแช่แข็งและไม่สลายไปง่ายๆ ย้อนไปในปี 1918 ตอนนั้นเกิดโรคไข้หวัดใหญ่ระบาดไปทั่วโลก (ตอนนั้นใช้ชื่อว่าไข้หวัดสเปน) ด้วยโรคนี้ทำให้คนราวๆ 50-100 ล้านคนป่วยและเสียชีวิต คิดเป็น 5% ของประชากรโลกเลย ซี่งในจำนวนทั้งหมดมีคนในหมู่บ้านลองเยียร์เบียนอยู่ด้วย 11 คน พวกเขาถูกฝังลงบนเกาะ แต่ชาวบ้านค้นพบว่าชั้นดินที่ฝังศพนั้นไม่ได้ทำให้ศพเน่าเปื่อยเลยตั้งแต่เมื่อปี 1950 ชาวเมืองเลยหยุดการฝังศพและเปลี่ยนกฎหมาย ว่าห้ามมีการฝังศพเนื่องจากลัวว่าโรคร้ายจะระบาด เรื่องนี้ได้เคยมีการพิสูจน์มาแล้วโดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่เดินทางไปที่เกาะนั่นในยุค 90 แล้วขุดศพขึ้นมาเพื่อสำรวจ แต่ปรากฎว่าหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ดันเสียชีวิตเนื่องจากโรคที่หลงเหลือจากศพ นอกจากกฎหมายห้ามตายบนเกาะนั่นแล้ว ยังมีกฎหมายห้ามเลี้ยงแมวบนเกาะนั้นด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะไปทำอันตรายให้กับนกบนเกาะ ถ้าหากคุณเป็นพวกรักแมวล่ะก็อาจจะต้องเสียใจกันเล็กน้อย…
-
มีปากเสียงอย่างไรให้ “จบสวย” กับคำแนะนำ 10 ประการสำหรับรับมือกับ “การทะเลาะ”
การทะเลาะ หรือการมีปากเสียงกัน ย่อมเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคู่รัก เพื่อน หรือแม้แต่คนครอบครัว แต่แน่นอนว่าไม่มีใครอยากทะเลาะกันนานๆ หรอก ดังนั้นเมื่อมีปากเสียงเกิดขึ้นเราก็ควรจะจัดการให้มันจบอย่างสวยงามที่สุด แต่เราจะจบมันอย่างไรให้ออกมาดีที่สุดล่ะ? เราจะรับมือกับอารมณ์โกรธเกรี้ยวที่เกิดขึ้นได้อย่างไร? การศึกษาทางจิตวิทยามีคำตอบ นักจิตวิทยาจึงแนะนำ 10 พฤติกรรมที่ควรทำ เมื่อต้องรับมือกับการทะเลาะ มีปากเสียง หรือความโกรธ บางข้ออาจดูไม่สมเหตุสมผล แต่เชื่อเถอะว่ามันมีประสิทธิภาพ 1. ต้องใจเย็นและคิดให้รอบคอบ จำไว้เลยว่า เมื่อคนใดคนหนึ่งโกรธ นั่นไม่ใช่ความผิดของเขา แต่มันคือความผิดของ สภาวะอารมณ์ ต่างหาก พยายาม ใช้ความใจดีและใจเย็นเข้าสู้ แสดงออกให้เขาเห็นว่าเราอยากช่วยให้เขาผ่านพ้นอารมณ์แย่ๆ นี้ไปได้ แต่!! ห้ามพูดว่า “ฉันอยากช่วยเธอนะ” เป็นอันขาด เพราะมันฟังดูเหมือนคุณอยู่เหนือกว่าเขา ทางที่ดีคือควรลดความสำคัญของตัวคุณเองลง และพยายามทำความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น 2. ควบคุมอารมณ์ของตัวคุณเอง อารมณ์ทางลบจะทำอะไรคุณไม่ได้ เว้นแต่คุณจะปล่อยให้ ความโกรธเข้าครอบงำ เวลาเจอคนโกรธหรือโมโห พยายามอย่าคล้อยตาม อย่าโกรธหรือโมโหไปด้วย ทำใจให้เย็นเข้าไว้ 3. ทำความเข้าใจปัญหา …
-
ทบทวนเนื้อเรื่อง 10 ปี จักรวาล Marvel ใน 10 นาที อ่านปุ๊บไปดู Infinity War ได้เลย!!
ใกล้เข้ามาทุกขณะกับหนังรวมฮีโร่เรื่องเยี่ยม Avengers: Infinity Wars หนังรวมฮีโร่ที่ใช้เวลาสะสมพลังและปูเนื้อมากว่า 10 ปี เพื่อที่จะทำให้หนังภาคนี้กลายเป็นหนังรวมฮีโร่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตั้งแต่มีมา แน่นอนว่าในระยะเวลา 10 ปีตั้งแต่ Iron Man ภาคแรกมาจนถึง Black Panther นั้นถือเป็นระยะเวลาที่นานมาก บางคนดูตั้งแต่เด็กจนโตเลยก็ได้ แต่ก็ยังมีบางคนที่ไม่ได้ดูสักเรื่องหรือดูเฉพาะบางเรื่องเท่านั้นอยู่ แล้วการที่กระแสหนังรวมฮีโร่ภาคล่าสุดมันแรงมากๆ จะให้ไล่ตามหนัง 18 เรื่องภายในไม่กี่วันก็ดูจะสาหัสพอสมควร ฉะนั้น ถ้าทางค่ายมาร์เวลใช้เวลา 10 ปี เพื่อสะสมพลัง #เหมียวมู่ทู่ จะขอใช้เวลาราวๆ 10 นาที เพื่อให้คนที่ไม่ว่างขนาดดูครบทั้ง 18 เรื่อง สามารถเข้าใจเรื่องสั้นๆ ไม่ต้องละเอียดมากแต่อ่านแล้วสามารถพร้อมจะลุย Avengers Infinity Wars ได้ในสัปดาห์นี้… ฉะนั้นอย่ารอช้า จับเวลา!! Iron Man พระเอกของเรื่อง โทนี่ สตาร์ค หนุ่มหล่อพ่อรวยสุดอัจฉริยะ แต่ดันบังเอิญโดนผู้ก่อการร้ายจับไป ทว่าด้วยความร่วมมือจากตัวประกอบ เขาจึงสร้างชุดไอออนแมนสำเร็จและหนีออกมาได้ จากนั้นก็นำมาต่อยอดเพื่อสู้กับตัวร้ายตามสูตร ตอนจบถูกนิค…
-
22 การเปลี่ยนแปลงจากคนไซส์บิ๊กแทบเดินไม่ไหว กลายเป็นหุ่นที่ราวกับปาฏิหาริย์
ดูจะเป็นเรื่องง่ายมากที่เราจะหาข้ออ้างเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องออกกำลังกาย ก็แหม่แค่ก้าวขาออกจากบ้านมันก็ร้อนแล้ว กว่าจะเลิกงานก็เย็นก็ค่ำ วันเสาร์อาทิตย์หยุดทั้งทีก็อยากจะพักผ่อนยาวๆ เราก็เลยปล่อยให้ร่างกายมันเป็นไปตามกลไกธรรมชาติ แต่การปล่อยเนื้อปล่อยตัวก็คงไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ต่อเมื่อร่างกายของคุณมันฟ้องด้วยตัวเองผ่านโรคต่างๆ และอาการเหนื่อยง่าย และเชื่อเถอะว่าการลุกขึ้นมาออกกำลังกาย สลัดไขมันทิ้งมันไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไรสำหรับคุณเลย ต่อไปนี้คือการเปลี่ยนแปลงตัวเองของคนไซส์บิ๊กจนกลายเป็นคนผอม มีตั้งแต่เป็นร้อยโลจนเหลือเพียง 70-80 กิโลเลยก็มี ลองไปดูกันเลย 1. Christina Philips เคยหนัก 321 กิโลกรัม แต่ลดเหลือ 83 กิโลกรัมเท่านั้น 2. Amber Rachdi เคยหนักมากถึง 299 กิโลกรัม เธอลดเหลือ 107 กิโลกรัม 3. จาก 362 กิโลกรัม Marla Mccants สามารถลดน้ำหนักลงไปจนเหลือ 136 กิโลกรัม 4. จากที่ Amber Rachdi เคยหนัก 299 กิโลกรัม เหลือ 107 กิโลกรัม…
-
ไม่ใช่ไปทำร้ายเค้า!! 8 คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เรื่องที่ควรทำ หากโดนคนรัก ‘หักหลัง – นอกใจ’
ว่ากันด้วยเรื่องของความสัมพันธ์แบบคู่รัก เมื่อวันหนึ่งมันเดินทางมาถึงจุดจบ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตามมันย่อมสร้างความเจ็บปวดใจให้กับทั้งสองฝ่าย และเมื่อถึงเวลานั้นหลายๆ คนก็มักจะมีวิธีการในการรับมือกับความรู้สึกของตัวเองแตกต่างกันออกไป บ้างก็ร้องไห้ โศกเศร้าเสียใจ ไม่เป็นอันทำอะไร บ้างก็พยายามง้อขอคืนดี แต่สำหรับเหล่าบุคคลที่ความสัมพันธ์ของตัวเองถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของอีกคนนั้นดูเหมือนจะหนักที่สุด เพราะอยู่เฉยๆ ก็ต้องมาเสียใจจากความไม่พอของอีกฝ่าย แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปอ่านคำแนะนำจากเว็บไซต์ Reader’s Digest ที่จะมาแนะนำถึงสิ่งที่ไม่ควรทำ หากคุณถูกคู่รักหักหลังหรือนอกใจ เพื่อเป็นการวางแผนในชีวิตว่าคุณจะเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็ง 1. ล้มเลิกความคิดที่จะแก้แค้นออกไปเสีย Jane Greer ผู้เชี่ยวชาญเรื่องความสัมพันธ์ มีดีกรีจบปริญญาเอกทางด้านนี้ ได้แนะนำว่าไม่ควรไปด่าหรือประจานคู่รักของคุณผ่านทางเฟซบุ๊ก หรือตามไปด่าถึงบ้าน การทำแบบนี้จะทำให้จมปลักอยู่กับความเศร้าเสียใจ และมันจะไม่ทำให้ความรู้สึกไม่ได้รับการเยียวยาอย่างที่ควรจะเป็น 2. จงอย่าจมปลักอยู่กับความเศร้า April Masini ผู้เชี่ยวชาญทางด้านความสัมพันธ์และมารยาท จากนิวยอร์ค ได้แนะนำว่า “เป็นเรื่องธรรมดาที่คุณจะร้องไห้ ครั้งหรือสองครั้งหลังจากอกหัก แต่การขลุกตัวอยู่ที่ห้อง ปิดหน้าต่างปิดผ้าม่านมิดชิด เปิดไอศกรีมกิน พร้อมกับเปิดดูคลิปวิดีโอในแล็บท็อป ไม่ยอมรับโทรศัพท์จากเพื่อนๆ เป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยและไม่ควรทำอย่างยิ่ง” สิ่งที่เกิดขึ้นมันอาจจะหนักหนาสาหัสสำหรับเราแต่สิ่งที่ต้องคิดเอาไว้เสมอคือชีวิตยังไม่จบอยู่แค่นี้ การไม่ออกไปไหนเป็นการตัดโอกาสที่จะทำให้คุณได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ และการได้พบเจออะไรใหม่ๆ ซึ่งมันอาจจะดีกว่าก็ได้ 3.…
-
20 เรื่องแสบ เกี่ยวกับ ชีวิตก่อน VS หลังแต่งงาน แต่ละเรื่องเหมือนเล่าออกมาทั้งน้ำตา…
ว่ากันว่าการแต่งงานนั้นเป็นสิ่งที่น่ายินดีที่สุดของชีวิต นอกจากตัวเราเองแล้ว พ่อแม่ก็จะปลื้มปีติไปด้วยที่ลูกสาวลูกชายของตนได้เป็นฝั่งเป็นฝากับเขาเสียที แต่ว่า ชีวิตหลังแต่งงานนี่มันจะเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างที่เขาว่ากันหรือเปล่าล่ะ? เราลองไปดูที่เรื่องเล่าจากอินเทอร์เน็ตกันดีกว่าว่า ชีวิตก่อนแต่งงาน VS ชีวิตหลังแต่งงานนั้นมันแตกต่างกันอย่างไรบ้าง 1. วิธีการเดินที่เปลี่ยนไป ตอนคบกัน: *จับมือ* พอหมั้น: *ควงแขน* หลังแต่งงาน: *คนหนึ่งเดินนำหน้าไป 2 เมตร พร้อมหันกลับมาตะโกนใส่อีกคนว่า “ทำไมจอดรถไกลจังวะ!!”* 2. ตอนคบกัน: รถบิ๊กไบก์คันโก้ กับน้องนางสุดเซ็กซี่ หลังแต่ง: ความเฟี้ยวที่หมดไป แต่ได้รถจ่ายตลาดมาแทน 3. เมื่อฉันใส่เสื้อซีทรู ทับบนชุดเดรสกระโปรง ตอนคบ: “โอ้ว อู้ว เซ็กซี่จังเลยตัวเอง” หลังแต่ง: “หืม เสื้อผ้าตัวอื่นเอาไปซักหมดแล้วหรอ?” 4. ก่อนแต่ง VS หลังแต่ง (น่าจะเพราะกินดีอยู่ดีมากขึ้นกว่าเดิมล่ะนะ) 5. การมีเซ็กส์ตอนคบกัน: ทานมื้อเย็น ต่อด้วยวาจาหวานๆ เริ่มจาให้คล้อยตาม แล้วก็เริ่มเล้าโลม การมีเซ็กส์หลังแต่งงาน:…
-
สรุปให้เข้าใจ 13 กฎหมายเช่าหอพักแบบใหม่ ‘อยู่ไม่ครบสัญญาได้-ค่าน้ำค่าไฟตามจริง’
สำหรับธุรกิจการให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัยทั้งแบบ บ้าน หอพัก และอพาร์ทเม้นท์ ส่วนใหญ่แล้วจะต้องมีการทำสัญญาก่อนเข้าพักเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งนี้ก็เป็นข้อตกลงกันระหว่างผู้ให้เช่าและผู้เช่านั่นเอง โดยส่วนมากแล้วผู้เช่าจะประสบกับปัญหาในเรื่องของค่าใช้จ่ายแรกเข้า ซึ่งจะเป็นค่าเช่าล่วงหน้าเป็นจำนวนหลายเดือน หากอยู่ไม่ครบตามสัญญาจะไม่ได้คืน หรือปัญหาในเรื่องของค่าน้ำค่าไฟที่บวกอัตราเพิ่มจากปกติ… ทั้งนี้ ราชกิจจานุเบกษา ได้ทำการประกาศข้อกฎหมายฉบับใหม่ ว่าด้วยเรื่องสัญญาของธุรกิจให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัย อันเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2561 และจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป สามารถสรุปได้เป็นข้อดังต่อไปนี้ 1. กําหนดระยะเวลาเช่าอาคาร โดยระบุวัน เดือน ปี ที่เริ่มต้น และวัน เดือน ปี ที่สิ้นสุดการเช่า 2. อัตราค่าเช่าอาคาร โดยแสดงวิธีการและกำหนดระยะเวลาชําระค่าเช่าอาคารอย่างชัดเจน 3. ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรฯ ห้ามเรียกเก็บเกินกว่าอัตราที่ผู้ให้บริการกระแสไฟฟ้าและน้ำประปา เรียกเก็บจากผู้ประกอบธุรกิจ แปลได้ว่า ห้ามเรียกเก็บเกินกว่าที่การไฟฟ้า และการประปา เรียกเก็บนั่นเอง 4. ห้ามปรับเปลี่ยนค่าเช่าอาคาร…
-
8 พฤติกรรม ‘เสี่ยง’ ที่ควรเลิกทำ หากต้องการที่จะรักษา ‘สุขภาพหลัง’ ของคุณ
อาการเจ็บป่วยของมนุษย์นั้นมีมากมายหลากหลายอาการ และมีสาเหตุแตกต่างกันไป อย่างอาการปวดหลังของเราๆ นี้มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของเราด้วยนะ เพื่อให้เพื่อนๆ สามารถลดหรือหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่ดีที่จะส่งผลเสียต่อหลังของคุณ วันนี้ #เหมียวโคบี้ จึงได้ทำการรวบรวม พฤติกรรมที่ไม่ดีที่ควรหยุดทำได้แล้ว หากไม่อยากที่จะต้องเจ็บหลัง ลองไปชมพร้อมๆ กันครับ 1. พฤติกรรมบางอย่างในที่ทำงาน อาการปวดหลังไม่จำเป็นเสมอไปที่จะพบเจอในคนที่มีอาชีพที่ใช้ร่างกายหนักเพียงเท่านั้น แต่อาชีพอื่นๆ เช่นช่างเสริมสวย คนทำเล็บ พนักงานออฟฟิศ ทุกๆ อาชีพล้วนแต่มีพฤติกรรมที่ทำร้ายหลังของตัวเอง วิธีแก้ไขง่ายๆ คือการที่ควรหาเวลาพักเบรคสั้นๆ อย่างน้อยทุกๆ ชั่วโมงออกมายืนเส้นยืนสายกล้ามเนื้อหลังเสียบ้างเพียงเท่านั้นเอง 2. จัดการพฤติกรรมระหว่างทำงานบ้าน หลายๆ คนอาจคิดว่างานบ้านนั้นไม่ได้ทำร้ายหลังเราสักเท่าไหร่ แต่จริงๆ แล้วพฤติกรรมหลายๆ อย่างทำร้ายหลังเราได้เหมือนกันนะอย่างเช่นการล้างจาน ซักผ้า สิ่งที่เราควรจะแก้ไขก็คือเราต้องรู้ว่าเรามีพฤติกรรมที่ไม่ดียังไงและปรับเปลี่ยนมันซะ หรืออาจจะเปลี่ยนสิ่งของในบ้านอย่างเช่นซิงค์ล้างจาน หากมันต่ำไปทำให้เราต้องก้มตัวเพื่อล้าง ดังนั้นเปลี่ยนให้มันสูงขึ้นมาอีกเพื่อทำให้กระดูกสันหลังเราไม่ต้องรับภาระดังกล่าว 3. สวมรองเท้าที่ไม่สะดวกสบาย เพื่อให้ดูสุภาพหรือดูหรูหราผู้หญิงหลายๆ คนอาจมักที่จะเลือกใส่รองเท้าส้นสูงกันบ่อยๆ แต่หารู้ไม่ว่านั้นเป็นความเจ็บปวดที่งดงามเลยล่ะ เพราะมันพร้อมที่จะทำร้ายกระดูกสันหลังของเรา โดยที่ตามคำแนะนำแล้วไม่ควรสวมรองเท้าส้นสูงนานเกิน 2 ชั่วโมงต่อหนึ่งวัน แต่หากเราไม่ชอบใส่ส้นสูง แต่ไปใส่รองเท้าที่พื้นราบเรียบเกินไปก็ไม่ดีเหมือนกัน เพราะมันจะทำให้การกระจายน้ำหนักนั้นไม่เป็นไปตามที่ควร สุดท้ายภาระก็จะไปตกที่หลังของคุณอยู่ดี ดังนั้นทางที่ดีเราควรเลือกใส่รองเท้าที่มีพื้นสูงพอประมาณดีกว่าเนอะ …
-
ยูทูบเบอร์สายวิทย์ ทดลองส่ง “ขนมปัง” ขึ้นอวกาศ แล้วดูว่ากลับมาจะยังกินได้ไหม!?
เวลาที่เรานึกถึงคนทำคลิปส่งสิ่งของต่างๆ ไปนอกอวกาศ ของส่วนใหญ่ที่เราจะนึกถึงนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นกล้องและโทรศัพท์ เพื่อทดสอบแรงกระแทกหรือความทนทาน แต่ว่าน้อยคนมากๆ ที่จะส่งของกินขึ้นไปและนำกลับมา ด้วยเหตุนี้เจ้าของช่องยูทูบนามว่า Tom Scott จึงขอเป็นอาสาทดสอบส่งอาหารขึ้นไปสุดขอบอวกาศ เพื่อทดสอบกันดูว่าอาหารที่ขึ้นยังจุดที่มีอากาศเย็นสุดขีดและมีออกซิเจนที่น้อยมากๆ จะส่งผลอย่างไรกับขนมปังกระเทียม!? การทดสอบนี้เป็นการร่วมมือกันของคน 3 คน แน่นอนว่าคนแรกก็คือตัว Tom Scott เอง ส่วนคนที่สองนั่นก็คือ Steve Randall จาก randomengineering.co.uk ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการส่งสิ่งของต่างๆ ไปยังอวกาศด้วยลูกโป่ง และคนที่สาม Barry Lewis ชายผู้เป็นคนอบขนมปังกระเทียมแสนอร่อยมาให้ทีมงานได้ทดสอบกัน การทดสอบนั้นเริ่มด้วยการมัดขนมปังกระเทียมหั่นครึ่งไว้กับกล่องโฟมที่ผูกติดกับลูกโป่งยักษ์ โดยตัวกล่องนั้นจะมีกล้องที่คอยบันทึกภาพที่สามารถวัดอุณหภูมิไปด้วย เพื่อที่พวกเขาจะได้ดูว่าในแต่ละช่วงความสูงนั้นสภาพอากาศเป็นอย่างไร ตัวขนมปังนั้นต้องใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงกับอีกราว 52 นาทีเพื่อไปถึงจุดสูงสุดของชั้นบรรยากาศก่อนที่ลูกโป่งจะแตก ซึ่งถือเป็นจุดสูงที่สุดก่อนจะหลุดไปนอกชั้นบรรยากาศจริงๆ ซึ่งตอนที่ลูกโป่งแตกนั้นบรรยากาศรอบๆ มีอุณหภูมิอยู่ที่ 4 องศาเซลเซียสเท่านั้น โดยหลังลูกโป่งแตกมันก็ค่อยๆ ลอยกลับสู่โลกอีกครั้ง Tom ได้บอกว่าจริงๆ แล้วเคยมีคนส่งอาหารออกไปสุดขอบจักรวาลเหมือนที่เขาเคยทำ แต่ว่าหลังจากที่ของที่พวกเขาส่งออกไปกลับมาคนที่ทดลองกลับไม่กล้ากินมัน…
-
18+1 สัตว์ทะเลน้ำลึกสุดหลอนที่จะมาทำให้คุณรู้สึก “กลัว” ในครั้งหน้าที่ไปเที่ยวทะเล
เคยรู้สึกกลัวสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลลึกไหม? แม้ว่าวันนี้ทุกคนจะชอบเรื่องเกี่ยวกับซอมบี้และเอเลี่ยน แต่สิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด และน่ากลัวที่สุดบางครั้งก็อยู่ในท้องทะเลของเราเองนั่นล่ะ ในระดับความลึกของมหาสมุทรที่มืดสนิทและมีความดันสูงกว่าบนทะเลนับสิบเท่านั้น ยังมี 18 สัตว์ทะเลน้ำลึกสุดหลอนที่จะมาทำให้คุณรู้สึกกลัวอยู่ Frilled Shark บ้างก็เรียกกันว่าเป็นปลาหัว*วย… เอ๊ย ซากฟอสซิลที่ยังมีชีวิต อาศัยอยู่ในส่วนลึกของมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิก นักวิทยาศาสตร์คิดว่ามันจับเหยื่อโดยการงอร่างและพุ่งไปข้างหน้าก่อนจะกลืนเหยื่อไปทั้งตัวเหมือนงู Vampire Squid หรือปลาหมึกแวมไพร์นั้น ในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถดูดเลือดได้แต่อย่างใด ชื่อของมันมาจากดวงตาสีแดงเข้ม และหนวดที่เหมือนกับเสื้อคลุมต่างหาก Big Red Jellyfish สมกับชื่อ มันคือแมงกะพรุนแดงขนาดยักษ์ มันมีสีออกแดงเล็กน้อย และแทนที่จะเป็นหนวดแมงกะพรุนทะเลลึกนี้ใช้เจ้าสิ่งที่ห้อยๆ ออกมาจากตัวเป็น “แขน” เพื่อจับเหยื่อของมัน Dragonfish ถึงแม้จะอยู่ในระดับความลึกเกือบ 2 กิโลเมตร ปลาตัวนี้กลับเกิดที่ผิวน้ำมหาสมุทร เพราะการลอยตัวของไข่ มันสามารถผลิตแสงด้วยตัวของมันเองได้หลังจากที่มันว่ายลงมาสู่ความลึกประดับหนึ่ง และมีจะงอยที่ใช้ล่อเหยื่อติดอยู่ที่ขากรรไกรล่าง Coffinfish พวกมันล่อเหยื่อโดยใช้ ปากส่วนล่าง และสามารถพองตัวได้เหมือนกับปลาปักเป้า Giant Isopod พวกมันจะคืบคลานไปตามพื้นด้านล่างของมหาสมุทรที่เย็น และมืดสนิทของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ และวงขั้วโลกเหนือ Stargazer ปลาตัวนี้ได้ชื่อ “ดูดาว” มาจากการที่มันมีทั้งตา…
-
ทดลองให้คนใช้สารเสพติดมาประกอบเฟอร์นิเจอร์ IKEA งานนี้กลายเป็น HighKEA ไปเลย!!
คำเตือน: การทดลองดังกล่าวอยู่ภายใต้การควบคุม และไม่แนะนำให้ใช้สารเสพติดเด็ดขาด บ่อยครั้งที่เรามักจะพูดกันว่าสารเสพติดบางชนิดนั้นมีทั้งคุณและทั้งโทษ ซึ่งแน่นอนว่าของบางอย่างนั้นถ้าใช้อย่างถูกต้องก็ย่อมให้ประโยชน์เป็นธรรมดา เพียงแต่ว่าถ้าเราใช้มันอย่างผิดวิธีผลที่ตามมาย่อมไม่สวยอย่างแน่นอนโดยเฉพาะ LSD ด้วยเหตุนี้ทางช่องยูทูบนามว่า HIKEA จึงจัดการสาธิตการเสพ LSD ที่มีฤทธิ์หลอนประสาทพร้อมกับการประกอบเฟอร์นิเจอร์จาก IKEA ที่ว่ากันว่าประกอบง่ายมากๆ ให้เราได้ดูกัน แต่จะออกมาเข้าท่าไหม จะล่องลอยขนาดไหนมาดู!! ผู้เข้าร่วมทดสอบในตอนแรกนั่นก็คือ Giancarlo และ Nicole โดยตัว Giancarlo บอกว่าเขาเคยลองเก็ตฮายมาแล้วราว 5 ครั้งด้วยกันส่วน Nicole นั้นถือว่าเป็นครั้งแรก ทีมงานได้มอบสาร LSD ให้ทั้งคู่กินซึ่งก่อนจะประกอบเฟอร์นิเจอร์ทีมงานจำเป็นจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งผลถึงจะออกฤทธิ์ และผลทดสอบของความเมานี้จึงจะเริ่มขึ้น!! ในช่วงแรกผลของมันยังไม่ออกฤทธิ์มากนัก ทั้งคู่ยังคงรู้ตัวและยิ้มเล็กๆ พร้อมกับช่วยกันประกอบเฟอร์นิเจอร์ต่อไป จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นานตัวยาเริ่มแสดงผลมากขึ้นเรื่อยๆ ทำไปหัวเราะไป พูดไม่ค่อยจะรู้เรื่องกันสักเท่าไหร่ แม้แต่ขั้นตอนการใช้ไขควงเฉยๆ ทั้งคู่ยังหัวเราะไม่หยุด แถมช่วงเวลาที่ทั้งคู่ประกอบเป็นเวลานานนั้นเพิ่งจะเป็นแค่ส่วนแรกของเฟอร์นิเจอร์เท่านั้น…จะรอดไหมเนี่ย ยิ่งเวลาผ่านไป Giancarlo นั้นเริ่มจะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาเริ่มมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง เวลาผ่านไป…
-
9 วิธีง่ายๆ สำหรับการขยายร่างกาย “น้องชาย” สุดที่รัก ให้พร้อมก่อนเริ่มสงครามบนเตียง
เราอาจเคยได้ยินประโยคสำหรับสาวๆ ที่ว่า “อกใหญ่น่ะเรื่องเล็ก แต่อกเล็กสิเรื่องใหญ่” แต่สำหรับหนุ่มๆ นั้นก็คงจะมีประโยคที่สื่อความหมายไม่ต่างกันอย่าง “จู๋ใหญ่สิเรื่องเล็ก จู๋เล็กสิเรื่องใหญ่” เพราะอวัยวะส่วนนี้ก็ถือว่ามีความสำคัญต่อความมั่นใจของผู้ชายไม่ต่างกับหน้าอกของผู้หญิงเลย ด้วยความที่ #เหมียวตะปู เองก็เป็นหนึ่งคนที่ “ผมเล็ก ผมไว ผมขอไปก่อน” เหมือนกัน วันนี้เลยอยากเสนอวิธีการง่ายๆ ในการขยายอวัยวะสืบพันธุ์ของหนุ่มๆ ว่าแล้วก็ลองไปทำตามพร้อมๆ กันได้เลย 1. จัดท่าทางการทำงานของตัวเองให้ดี สำหรับคนที่ต้องนั่งทำงานอยู่กับโต๊ะเป็นประจำ ไม่ค่อยได้ขยับตัวไปไหน พฤติกรรมเหล่านั้นจะส่งผลต่อความตึงเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณขาหนีบ ทำให้ไม่มีพื้นที่สำหรับน้องหนูในการเหยียดตรงขึ้นมาหายใจได้ ผู้เชี่ยวชาญ แนะว่าการนวดบริเวณกระดูกเชิงกรานอย่างเหมาะสม คลึงรอบๆ จุดซ่อนเร้นของเราเป็นวงกลม สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้ นอกจากนั้นเรื่องปัญหาความเครียดจากการทำงานก็สำคัญ เพราะความเครียดจะไปจำกัดการไหลเวียนโลหิตบริเวณขาหนีบ น้องชายของเราจึงมีขนาดเล็กลง ไม่แข็งตัวเต็มที่ และอยู่ได้ไม่นาน 2. อย่าสูบบุหรี่ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแพทย์ Boston สหรัฐอเมริกา พบว่าคนสูบบุหรี่จะมีค่าเฉลี่ยของขนาดจุ๊ดจู๋ที่ขยายตัวแล้ว เล็กกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ เนื่องจากว่าการสูบบุหรี่ส่งผลทำให้หลอดเลือดแดงตีบลง ลดการไหลเวียนเลือดในบริเวณอวัยวะสำคัญๆ จนไปลดขนาดและความยาวของน้องชายเรานั่นเอง 3. ปล่อยให้มันแข็งตัวบ่อยๆ น้องชายของเราจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนเพื่อความแข็งแรงไม่ต่างกับอวัยวะกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ เราจึงควรปล่อยให้มันมีการแข็งตัวตามธรรมชาติอยู่เสมอ เพื่อความแข็งแรงคงทน ซึ่งหากใครที่มีปัญหาในเรื่องของการแข็งตัวตามปกติ…
-
“คนพเนจรแห่งท้องทะเล” มนุษย์ชนเผ่าแรกที่วิวัฒนาการ “ม้ามใหญ่” ดำน้ำอึดกว่าใคร
Bajau Laut บ้างก็ถูกเรียกว่า Sama-Bajau หรือด้วยฉายา “ยิปซีทะเล” และ “คนพเนจรแห่งท้องทะเล” พวกเขาคือ ชนเผ่าจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใช้ชีวิตกว่า 60% แหวกว่ายอยู่ใต้พื้นน้ำทะเล พวกเขามีชีวิตแบบเร่ร่อนอาศัยอยู่บนเรือบ้านและ ใช้ชีวิตกับทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ของแนวปะการัง และป่าชายเลนของภูมิภาค จนกระทั่งในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ประชากรบางส่วนของ Bajau ขึ้นมาอาศัยบนฝั่ง แต่ยังคงมีวิถีชีวิตการทำงานเพียงเพื่อความอยู่รอด และใช้ชีวิตอยู่กับวิถีดั้งเดิมของการตกปลา พวกเขาสามารถดำน้ำโดยที่ไม่มีเครื่องช่วยหายใจได้ลึกที่สุดถึง 79 เมตร การให้ชีวิตอยู่กับน้ำของพวกเขานั้นน่าทึ่งมากจนคนสงสัยกันว่าพวกเขาทำไปได้อย่างไรกันเลยทีเดียว และแล้วในปี 2018 นี้เองก็ได้มีการวิจัยใหม่ตีพิมพ์ในวารสาร Cell ที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าพวกชาว Bajau Laut นั้น มีการปรับตัวทางกายภาพ และพันธุกรรมที่ช่วยให้พวกเขาสามารถทำการดำน้ำได้ดีขึ้น ทีมนักวิจัยนานาชาติได้ศึกษา Bajau และพบว่าพวกเขามีม้ามขนาดใหญ่กว่าคนในหมู่บ้านใกล้เคียงซึ่งทำฟาร์มเป็นหลักมาก ขนาดของม้ามมีความสำคัญเนื่องจากเป็นที่เก็บเซลล์เม็ดเลือดแดงไว้ ในระหว่างการดำน้ำ ม้ามจะส่งเซลล์เม็ดเลือดแดงที่เก็บไว้เหล่านี้เข้าไปเพิ่มในระบบไหลเวียนโลหิต เพิ่มความสามารถในการแลกเปลี่ยนออกซิเจน การวิเคราะห์ดีเอ็นเอยังพบอีกว่าการเปลี่ยนแปลงที่พบบ่อยที่สุดในประชากรของ Bajau อยู่ในยีนที่ช่วยในการควบคุมระดับของฮอร์โมนที่เรียกว่า T4 ซึ่งผลิตโดยต่อมไทรอยด์ ฮอร์โมนนี้ทำให้อัตราการเผาผลาญเพิ่มขึ้น (ปริมาณพลังงานที่ร่างกายสามารถใช้ในช่วงเวลาหนึ่ง) ซึ่งสามารถช่วยต่อสู้กับสภาพวะระดับออกซิเจนต่ำได้ นอกจากนี้ร่างกายของพวกเขาสามารถบีบเลือดออกจากแขนขาและบริเวณที่ไม่จำเป็นของร่างกายเพื่อให้สมองสมองและปอดคงสามารถรับออกซิเจนได้แม้ไม่ได้หายใจก็ตาม และนั่นเป็นสาเหตุให้พวกเขาดำน้ำได้นานและลึกมาก…
-
เคยสงสัยบ้างหรือไม่ว่า ‘อาหาร’ ของ ‘แต่ละอาชีพ’ ทั่วโลกนั้นแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
ปกติมนุษย์เรามีความชอบที่ไม่เหมือนกันใช่หรือเปล่า ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับอาหาร มนุษย์ย่อมมีความอยากอาหารไม่เหมือนกันและมักจะเลือกกินแต่สิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ แต่ถ้าเป็นอาหารที่เขากำหนดมาในแต่ละอาชีพที่คนประกอบอาชีพนั้นเขาเลือกไม่ได้ล่ะ เพื่อนๆ เคยนึกถึงรึเปล่าว่าแต่ละอาชีพมีการจัดอาหารกันอย่างไรบ้าง หากเพื่อนๆ สงสัยตามที่เรากล่าวไป วันนี้ #เหมียวโคบี้ ก็ได้รวบรวมข้อมูลของอาหารที่แต่ละอาชีพทั่วโลกนี้ได้กินมาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันแล้วครับ ลูกเรือดำน้ำ ประเทศรัสเซีย หากพวกเขาอยู่ในน้ำจะได้อาหารเป็นซุปถั่วและสิ่งที่เรียกว่า “พาสต้าสไตล์นาวี” แถมยังมีไวน์พร้อมคาเวียร์ให้ด้วยนะ ส่วนเวลาพวกเขาอยู่บนบกก็จะได้อาหารต่างๆ นานา แต่ส่วนมากจะเป็นพวกปลา ซึ่งในแต่ละมื้อรวมๆ แล้วต้องได้พลังงานประมาณ 1,200 แคลอรี คนงานหมุนเวียนที่พื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ประเทศรัสเซีย คนงานในพื้นที่เหน็บหนาวนี้โดยปกติแล้วจะได้รับอาหารเป็นผักและผลไม้สด รวมถึงทางโรงอาหารก็จะเสิร์ฟเมนูร้อนและเย็นที่มีความหลากหลายอีกมากมาย นักบินอวกาศ สหรัฐอเมริกาและประเทศรัสเซีย น่าแปลกที่นักบินอวกาศของแต่ละประเทศจะชอบกินอาหารของอีกฝ่าย เช่น นักบินของอเมริกาจะชอบกินชีสกระท่อมของรัสเซีย และก่อนที่นักบินอวกาศจะได้กินอาหารต้องผ่านขั้นตอนหลายขั้นมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการต้องต้มต้องผงพิเศษหรือเอาเครื่องอบพิเศษก่อน ซึ่งแต่ละวันนักบินอวกาศจะรับพลังงานประมาณ 3,500 กิโลแคลฯ ต่อวัน คนงานผลิตเครื่องมือและเครื่องจักร ประเทศเบลารุส คนงานมักจะได้ซุปที่ทำจากกะหล่ำปลี พร้อมกับซาวครีม พาสต้า เนื้อแผ่น ค็อกเทลผลไม้และขนมปัง ซึ่งแต่ละมื้อมีแคลอรี 500 และค่าใช้จ่ายเพียง 30…
-
นี่มันกาแฟหรือยาอายุวัฒนะเนี่ย!? 6 คุณสมบัติทางสุขภาพของกาแฟที่มีงานวิจัยพิสูจน์แล้ว
กาแฟเป็นของที่หลายๆ คนเลือกที่จะดื่มในเวลาง่วงๆ แต่ไม่สามารถนอนได้ ไม่ว่าจะขับรถ กำลังทำงาน อ่านหนังสือสอบ หรือเล่นเกม(!?) มันเป็นเครื่องดื่มที่เด็กๆ อาจจะบอกว่าขม แต่ก็ช่วยชีวิตการทำงานของผู้ใหญ่หลายๆ คนได้เป็นอย่างดี แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วกาแฟมีสมบัติมากกว่านั้น โดยเฉพาะในทางสุขภาพ วันนี้ #เหมียวศรัทธา จะพาทุกคนไปรู้จักกับ 6 คุณสมบัติทางสุขภาพของกาแฟมีงานวิจัยพิสูจน์แล้ว และเพื่อนๆ จะรู้ว่า กาแฟที่เราดื่มๆ กันนั้น แท้จริงแล้วมีอะไรมากกว่าที่เราคิด กาแฟจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคตับแข็งได้ นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัย Mario Negri ในอิตาลีพบว่าการบริโภคกาแฟสามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นตับแข็งได้มากถึง 50% กาแฟลดโอกาสในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ และโรคพาร์คินสันได้ นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์วิจัยโรคอัลไซเมอร์ที่เมืองแทมปา รัฐฟลอริดาได้ทำการศึกษาเพื่อตรวจสอบผลกระทบของการดื่มกาแฟต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์ และผลการวิจัยพบว่าการดื่มกาแฟ 3 แก้วต่อวันสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ถึง 65% ส่วนนักวิจัยจาก สหพันธ์มหาวิทยาลัย Santa Catarina ประเทศบราซิลก็กล่าวว่าการดื่มกาแฟเป็นประจำสามารถช่วยป้องกันโรคพาร์คินสันได้ โดยจะทำให้ความเสี่ยงของการเป็นโรคดังกล่าวลดลงได้ถึง 20% กาแฟลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้ แม้จะมีความเชื่อที่ว่าการทานกาแฟอาจจะทำให้เป็นโรคมะเร็งได้แต่จากการวิจัยที่ดำเนินการโดยกรมการศึกษาทางคลินิกเพื่อสุขภาพที่มหาวิทยาลัยมิลาน และภาควิชาโรคระบาดวิทยาของสถาบัน Mario Negri ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าการบริโภคกาแฟนั้น แท้จริงแล้วสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมากได้…
-
เปลี่ยนแก้วน้ำ “Eye of Agamotto” สุดจืด ให้สวยเหมือนหลุดออกมาจากในหนัง!!
เวลาที่เราไปดูหนังเรื่องที่ชอบในโรงภาพยนตร์ บางครั้งเราก็ต้องซื้อแก้วที่ผลิตขึ้นมาสำหรับหนังเรื่องนั้นๆ โดยเฉพาะเพื่อเก็บสะสมเอาไว้ใช่ไหมล่ะ แต่บางครั้งมันทำออกมาจืดชืดและแสนธรรมดา มองดูแล้วคิดว่า “มันน่าจะสวยได้มากกว่านี้นะเนี่ย” และด้วยเหตุนี้เอง ผู้ใช้เว็บไซต์พันทิปชื่อว่า สมหมายแมวขายไก่ จึงมาโพสต์แนะนำวิธี เปลี่ยนแก้วน้ำจากโรงหนัง ให้กลายเป็นโมเดลสะสมสุดคูล บอกเลยว่าง่าย แถมประหยัดอีกด้วย สำหรับครั้งนี้ ถือโอกาสต้อนรับภาพยนตร์ The Avengers: Infinity War สักหน่อย แก้วน้ำจากภาพยนตร์เรื่อง Dr. Strange ที่ทำขึ้นมาเป็นรูป Eye of Agamotto อัญมณีแห่งเวลานั่นเอง เรามาลองดูกันดีกว่าว่า จากแก้วน้ำ Eye of Agamotto สีจืดชืดเหมือนของเล่น เขาจะรังสรรค์ให้มันสวยสดงดงามราวกับหลุดออกมาจากในหนังได้อย่างไร… ซื้อจากโรงหนังมามันก็ไม่ใช่ไม่สวยนะ แต่มันสวยได้มากกว่านี้!! ก่อนอื่น นำแก้วไปล้างด้วยน้ำยาล้างจานให้สะอาด พร้อมตากให้แห้ง แยกส่วนไปเลย (ระวังแตกด้วยนะ) แล้วก็มาเตรียมอุปกรณ์กัน สิ่งที่ต้องใช้ก็มี… 1. สีรองพื้น เงิน ทอง แบบกระป๋อง 2. หลอดไฟแบบ มะรุม 3. อุปกรณ์บัดกรี 4. กาวร้อน เอากรอบนอกมาประกอบติดกันแล้วพ่นสีรองพื้นไปเลย (ค่อยๆ…
-
10 ไลฟ์แฮ็กแก้ปัญหาเฉพาะหน้า สำหรับเหล่าเด็กหอ ดัดแปลงไปใช้ตอนเที่ยวก็เวิร์ก!!
สำหรับใครที่เดินทางและพักในโรงแรมบ่อยๆ บางทีก็อาจจะเกิดความลำบากบ้างเนื่องจากในโรงแรมนั้นก็ไม่ได้มีข้าวของเพียบพร้อมเหมือนกับตอนอยู่ที่บ้าน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแก้ปัญหาไม่ได้ ด้วยวิธีเหล่านี้จะช่วยทำให้ชีวิตของคุณสะดวกขึ้นหากต้องพักที่โรงแรมและไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แถมบางอย่างยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันสำหรับเด็กหอได้อีกด้วยนะ 1. ต้มไข่ในกระติกน้ำร้อน ถ้าอาหารเช้าหรือบริการรูมเซอร์วิสนั้นแพงไป คุณสามารถออกไปซื้อไข่ตามร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ และนำมาต้มในกระติกน้ำร้อนของโรงแรมได้ด้วยวิธีง่ายๆ แค่ใส่ไข่ลงไปและกดให้น้ำเดือดแค่นั้นเอง 2. ขนมปังปิ้งจากเตารีด ถ้าคุณเบื่อไข่ต้ม คุณสามารถทำแซนด์วิชชีสร้อนๆ ได้ แค่มีกระดาษฟอยล์และเตารีด ห่อแซนด์วิชด้วยกระดาษฟอยล์และใช้เตารีดนาบด้านละ 30 วินาที 3. ปิดผ้าม่านโดยใช้ไม้แขวนเสื้อ ถ้าคุณมีปัญหากับการนอนเมื่อมีแสงลอดเข้ามาเล็กน้อยผ่านทางผ้าม่าน คุณสามารถใช้ตัวหนีบไม้แขวนเสื้อเพื่อยึดกับผ้าม่านให้ปิดกันสนิท 4. ลำโพงจากแก้วน้ำ หากคุณเป็นคนชอบฟังเพลงหรือต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปประชุม แต่ก็กลัวลำโพงมือถือจะดังไม่พอที่จะปลุกคุณจากการหลับใหลได้ การนำมือถือไปไว้ในแก้วจะช่วยทำให้เกิดเสียงสะท้อนที่ดังขึ้นมาอีก 5. ซักผ้าในอ่างล้างมือ บริการซักรีดบางทีก็มีค่าใช้จ่ายที่แพงเกินไป ถ้าคุณต้องพักอยู่ในโรงแรมเป็นเวลาหลายวันและต้องการที่จะซักผ้า วิธีง่ายๆ ก็คือการใช้อ่างล้างมือนั่นเอง 6. ลบเครื่องสำอางด้วยครีมนวดผม วิธีง่ายๆ สำหรับสาวๆ ที่ลืมหยิบน้ำยาลบเครื่องสำอางหรือว่าหมดพอดีในระหว่างการเดินทาง สิ่งที่จะมาทดแทนได้ก็คือครีมนวดผมนั่นเอง 7. ปกป้องแปรงสีฟันจากแบคทีเรีย ชั้นวางของในห้องน้ำมักจะเต็มไปด้วยเชื้อแบคทีเรียมากมาย การใช้ไม้หนีบผ้าหนีบแปรงสีฟันเอาไว้จะช่วยไม่ให้แปรงสีฟันสัมผัสกับพื้น 8. ปกป้องอาหารของคุณด้วยหมวกคลุมอาบน้ำ…
-
ความจริง 7 ข้อของเหล่าผู้หญิง ที่ไม่แน่ว่าแม้แต่พวกเธอเองก็ยังไม่เข้าใจมัน
ว่ากันว่าผู้หญิงนั้นเป็นเพศที่ลึกลับ เป็นเพศที่ไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และยากที่จะคาดเดาได้ แม้แต่กับเหล่าผู้หญิงด้วยกันเอง พวกเธอนั้นใส่ใจในรายละเอียดมากกว่าผู้ชายหลายเท่า และเชื่อกันว่ามีระบบความคิดที่ซับซ้อนมากกว่ามาก และบางทีแม้กระทั่งเจ้าตัวเองก็ยังไม่เข้าใจในตัวเองเลยด้วยซ้ำ และนี่คือ ความจริง 7 ข้อของเหล่าผู้หญิง ที่ไม่แน่ว่าแม้แต่พวกเธอเองก็ยังไม่เข้าใจในตัวเองเลยด้วยซ้ำ ผู้หญิงมักจะแก่งในการจดจำสิ่งที่ต้องทำ แต่มักจะลืมสิ่งที่ทำไปแล้ว ในปี 2015 Liana Palermo ได้ทำการวิจัยด้วยการให้งานที่แตกต่างกันแก่ กลุ่มผู้หญิงผู้ชาย 100 คน ผลปรากฏว่าผู้หญิงจะจดจำงานที่ต้องทำในอนาคตได้ดีกว่า ในขณะที่งานที่เสร็จไปแล้วจะถูกลืมไปในอัตราเดียวกับผู้ชาย ผู้หญิงสามารถรับกลิ่นฟีโรโมนของผู้ชายได้แม้ในฝูงชน ผู้หญิงสามารถรู้สึกถึงตัวตนของผู้ชายได้แม้กระทั่งตอนอยู่ในร้านน้ำหอม นอกจากนี้การดมกลิ่นของผู้หญิงยังสามารถระบุถึงระดับภูมิคุ้มกันของผู้ชายคนนั้นๆ ได้ภายในเวลาเพียง 3 วินาที นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบียยังได้ข้อสรุปอีกว่ากลิ่นของคนรักจะสามารถทำให้ผู้หญิงใจเย็นลงได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้หญิงที่อยู่ห่างไกลจากคู่รักของเธอบางครั้งถึงได้สวมเสื้อของแฟนเพื่อให้รู้สึกใกล้ชิดกับเขา ผู้หญิงตกหลุมรักใคร ยากกว่าผู้ชาย ผู้ชายมักตกหลุมรักได้เร็วกว่าผู้หญิง งานวิจัยพบว่ากว่า 25% ของผู้ชายจะตกหลุมรักระหว่างการเดตครั้งที่ 1 กับครั้งที่ 4 ในขณะที่ผู้หญิงเพียง 15% เท่านั้นที่จะเป็นเช่นนั้น นอกจากนี้ผู้หญิงจำนวนมากยังบอกว่าแม้จะเดตกันกว่า 20 ครั้งพวกเธอก็ยังไม่ตกหลุมรักผู้ชายด้วยซ้ำ และบอกว่าพวกเธอต้องการเวลามากกว่านี้ การแพ้ท้องเป็นสิ่งที่ดี นักวิจัยชาวแคนาดาจากเมืองโตรอนโตพบว่า อาการแพ้ท้อง และอาการปวดหัวระหว่างตั้งครรภ์เป็นผลจากกลไกการป้องกันของร่างกายที่ช่วยปกป้องทารกในครรภ์จากสารพิษที่เป็นอันตราย ดังนั้นอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้เป็นจริงที่ดีสำหรับสุขภาพของผู้หญิง ผู้หญิงที่ทุกข์ทรมานจากอาการแพ้ท้องมักจะให้กำเนิดทารกที่มีสุขภาพดี…
-
21 ความจริงอันน่าทึ่งของ ‘หนังผู้ใหญ่’ เป็นอะไรที่เหนือกว่าการได้ดู ‘คนมีอะไรกัน’ !!
หนังผู้ใหญ่ หรือ หนังโป๊ คือหนึ่งในวงการที่หลายๆ คนชื่นชอบ ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกเกือบทั้งหมดจะต้องเคยเสพหนังแนวนี้กันไปบ้างไม่มากก็น้อย เพื่อเป็นการปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศที่มีอยู่ในตัวหรืออาจจะดูเพื่อความบันเทิงอะไรประมาณนั้นก็ได้ แต่เราอาจไม่เคยรู้กันมาก่อนเลยว่าวงการหนัง 20+ เหล่านี้มันมีอะไรมากกว่าที่เราคิดอีกเยอะ วันนี้จึงขอมาพูดถึงความจริงอันยิ่งใหญ่และน่าทึ่งของวงการหนังโป๊ที่เราอาจไม่เคยคาดคิดกันมาก่อน มันมีเรื่องไหนกันบ้างนั้น เชิญชมได้เลยจ้า รถที่หลายๆ คนรู้จักกันเป็นอย่างดี 1. คลิปโป๊จำนวน 13,000 คลิปที่ถูกผลิตออกมาในแต่ละปี สามารถสร้างรายได้ได้มากกว่า 400,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับวงการหนัง Hollywood ที่ผลิตหนังออกมา 507 เรื่อง แต่กลับทำรายได้แค่ราวๆ 275,000 ล้านบาท 2. วงการหนังโป๊สามารถทำเงินได้มากกว่าการจัดแข่งขันกีฬา NFL (อเมริกันฟุตบอล) , NBA (บาสเกตบอล) และ MLB (เบสบอล) รวมกันซะอีก 3. ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะมันยังทำเงินได้มากกว่ารายได้รวมกันของ Microsoft , Google , Amazon , eBay , Yahoo…
-
สาระน่ารู้เกี่ยวกับ ‘เห็บหมา’ ในขณะที่เห็บกัด เกิดอะไรขึ้นบ้าง? ซูมดูกันชัดๆ ไปเลย
สำหรับคนที่รักสุนัขและแมวก็คงเคยพบกับปัญหาเห็บหมัดกันมาบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นศัตรูอันดับ 1 ของสุนัขและแมวเลยทีเดียว ซึ่งวิธีกำจัดและดูแลของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกันออกไป แต่เคยสงสัยกันไหมว่าทำไปเวลาเห็บกัดที่ผิวหนัง ทำไมมันถึงดึงออกยากซะเหลือเกิน? ความลับของเจ้าเห็บเหล่านี้ก็คือส่วนปากที่ยื่นออกมานั่นเอง ซึ่งภาพที่จะแสดงให้ดูนั้นอาจจะดูน่ากลัวไปนิด สำหรับคนที่กลัวแมลง เห็บสายพันธุ์ที่พบมากในประเทศไทยคือ Rhipicephalus sanguineus เป็นปรสิตที่มักจะพบในสุนัข มีรูปร่างแตกต่างกันขึ้นอยู่กับช่วงชีวิต ตัวเต็มวัยจะมี 8 ขา และมีปากยื่นออกมาข้างหน้า เมื่อมันกัดแล้ว มันสามารถแพร่เชื้อโรคและแบคทีเรียหลากชนิดที่อาจทำให้ป่วยหนักได้เลยทีเดียว โดยปกติแล้วเห็บจะมีอายุประมาณ 3 ปี แต่ในช่วงเวลา 3 ปีนั้นมันต้องการอาหารมื้อใหญ่เพียง 3 มื้อเท่านั้น ซึ่งแต่ละมื้ออาหารจะทำให้มันเติบโตจากระยะตัวอ่อน (Larva) ไปยังระยะกลางวัย (Nymph) และระยะเต็มวัย (Adult) เริ่มจากการหาเหยื่อในตอนแรกโดยการตรวจจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มนุษย์หรือสัตว์ปล่อยออกมา มันจะยื่นขาหน้าออกไป นักวิทยาศาสตร์เรียกกระบวนการนี้ว่า Questing ขาของมันจะมีตะขอที่ใช้เกี่ยวตามสิ่งต่างๆ เช่นชายผ้า หรือขนสัตว์ที่เดินผ่าน เมื่อมันหาเหยื่อได้แล้ว มันจะเดินหาจุดที่เหมาะสมในการเจาะหาเลือด ปากของมันจะมีส่วนปกคลุมที่ชื่อว่า Palps และด้านในจะมีส่วนที่คล้ายกับเลื่อยและตะขอ ปากส่วนที่คล้ายกับเลื่อยจะขุดและแหวกผิวหนังลงไปโดยมีส่วนที่คล้ายตะขอทำหน้าที่ยึดไม่ให้ปากของมันหลุดออกมาง่ายๆ เพื่อให้ส่วนที่เรียกว่า…
-
12 สิ่งที่เรามักจะทำในชีวิตประจำวันจนติดเป็นนิสัย โดยไม่รู้ว่ามันผิดมาตลอด
ในแต่ละวันของคนเรามักจะมีสิ่งต่างๆ นับร้อยนับพันที่ต้องทำ แต่บางทีเราก็ไม่รู้ว่าบางสิ่งที่เราทำเป็นประจำนั้นอาจไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าเราใส่ใจขึ้นอีกนิดหน่อย เราก็จะเห็นว่าบางสิ่งถ้าเปลี่ยนวิธีทำ ก็อาจจะทำให้รู้สึกว่าทำง่ายขึ้น แถมยังดีต่อสุขภาพมากขึ้นอีกด้วย 1. การกดปุ่มเลื่อนปลุก ทุกครั้งที่เราตื่นแต่ว่าไม่ยอมลุกโดยทันที ร่างกายของเราจะเริ่มเข้าสู่สภาวะการนอนหลับอีกครั้ง แต่ว่าจะไม่หลับลึกและผ่อนคลาย ซึ่งจะทำให้เกิดอาการเวียนหัวและอ่อนเพลียตลอดทั้งวัน เพื่อไม่ให้เกิดอาการเหล่านี้ คุณจะต้องทำให้ตัวเองลุกขึ้นมาครั้งแรกที่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกให้ได้ เพื่อให้ร่างกายรู้สึกมีพลังงานตลอดทั้งวัน 2. ปริมาณยาสีฟันที่ใช้ ไม่จำเป็นจะต้องบีบยาสีฟันออกมาในปริมาณที่มากเกินไปจนปกคลุมไปทั้งขนแปรงสีฟันเพียงเพราะว่าจำมาจากในโฆษณา ความจริงแล้วบีบแค่นิดเดียวก็เพียงพอแล้ว 3. การแขวนกระดาษชำระ เป็นที่ถกเถียงกันมานานว่าการแขวนกระดาษชำระที่ถูกวิธีนั้นควรแขวนไปด้านไหนกันแน่ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคโลราโดได้อธิบายว่าวิธีที่ถูกต้องคือการแขวนโดยหันด้านที่ดึงออกมาข้างนอกดังรูป ด้วยวิธีนี้จะช่วยลดโอกาสที่กระดาษชำระจะสัมผัสกับเชื้อโรคที่กำแพง 4. ดื่มกาแฟในตอนเช้า การตื่นเช้านั้นจะสร้างความตึงเครียดให้กับร่างกาย โดยเฉพาะเมื่อร่างกายกำลังสร้างฮอร์โมนคอร์ติซอล ถ้าคุณดื่มกาแฟทันทีหลังจากที่ตื่น คาเฟอีนจะไม่ส่งผลอะไรกับร่างกายมากสักเท่าไหร่เนื่องจากระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลในกระแสเลือด เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายจะต้องการคาเฟอีนมากขึ้น นักวิทยาศาสตร์แนะนำว่าให้ดื่มกาแฟประมาณ 9.30 น. หรือ 3 ชั่วโมงหลังตื่นนอนเมื่อระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลลดลงแล้ว 5. การล้างมือ มีคนจำนวนไม่น้อยที่กำลังล้างมือผิดวิธีอยู่ในตอนนี้ ผิวหนังแต่ละส่วนบนมือหรือแม้กระทั่งช่องระหว่างนิ้วควรถูด้วยสบู่ทั้งหมด และควรใช้เวลาอย่างต่ำประมาณ 20-30 วินาที 6. การใช้เครื่องเป่าลมอัตโนมัติ เคยสงสัยกันไหมล่ะว่าลมที่เครื่องเป่าอัตโนมัติเป่าออกมานั้นมาจากไหน…
-
11 เกร็ดความรู้น่าสนใจ ที่อาจจะทำให้คุณพูดว่า “ว้าว! ไม่เคยรู้มาก่อนเลย”
เกร็ดความรู้เป็นเรื่องอะไรที่น่าสนใจ เช่นเดียวกับที่คนเราดูสารคดีกันในยามว่างนั่นล่ะ การที่เราได้รู้เรื่องราวใหม่ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อนนั้น มักจะทำให้เรารู้สึกมีความรู้มากขึ้นได้ไม่ยาก โดยที่แทบไม่ต้องพึ่งพาโรงเรียนหรือระบบการสอนเลยด้วยซ้ำ นี่คือ 11 เกร็ดความรู้น่าสนใจ ที่จะทำให้คุณรู้ตัวว่า โลกของเรานั้น ยังมีเรื่องที่ไม่รู้มากกว่าที่เราคิด นักเรียนมัธยมปลายในปัจจุบันมีระดับความกังวลมากเท่ากับผู้ป่วยจิตเวชจากยุค 50 เลย การตกหลุมรักมักจะทำให้เราเสียเพื่อนโดยเฉลี่ย 2 คน แมลงปอตัวเมียจะแกล้งตายเพื่อหนีจากคู่ผสมพันธุ์ที่มันไม่ต้องการ ชายที่จูบภรรยาก่อนไปทำงาน จะมีโอกาสประสบอุบัติเหตุน้อยกว่าคนทั่วไป ชาวแอซเท็กเชื่อว่าการคลอดลูกถือเป็นการต่อสู้แบบหนึ่ง ดังนั้นผู้หญิงที่เสียชีวิตในการคลอดจะได้ไปอยู่ที่สวรรค์เดียวกับนักรบ ตอนที่ลูกสาวของ Pablo Escobar อยากได้ยูนิคอร์น Pablo ก็ “เย็บ” เขาติดลงไปที่หน้าผากม้าเสียอย่างนั้นเลย แน่นอนว่าม้าตัวนั้นเสียชีวิตในเวลาต่อมาเพราะติดเชื้อ เก้าอี้ไฟฟ้าคิดค้นขึ้นโดยหมอฟัน คนที่คิดค้นขึ้นชื่อว่า Alfred P. Southwick ยุงทำให้คนตายมากกว่าสงครามทั้งหมดในประวัติศาสตร์ ส่วนมากมาจากโรคไข้เหลือง และมาลาเรีย มีงานวิจัยที่บอกว่าผู้ชายที่ชอบเซลฟี่ มักจะมีโอกาสเป็นโรคจิตมากกว่าคนทั่วไป มนุษย์เป็นต้นเหตุให้สัตว์ 322 ชนิดสูญพันธุ์ในช่วง…
-
12 ความแสบ ความซ่า ความฮาของเด็กๆ ที่จะมาเรียกรอยยิ้มให้วันนี้เป็นวันที่สดใส
ว่ากันว่าเด็กๆ นั้นมักจะทำอะไรด้วยความบริสุทธิ์ใจอยู่เสมอ ดังนั้นผู้ใหญ่หลายๆ คนจึงเลือกที่จะให้อภัยเด็กๆ เวลาที่พวกเขาทำผิดได้ง่ายๆ เพราะเรื่องที่พวกเขาทำนั้น แม้ว่าจะเป็นความแสบซ่าขนาดไหน แต่มันก็มักที่จะแอบมีความฮาแฝงเอาไว้อยู่เสมอๆ ขอเพียงเราเปลี่ยนมุมมองดูก็เท่านั้น ภาพ 12 ภาพต่อไปนี้ก็เช่นกัน เพราะนอกจากจะแสดงให้เห็นถึง ความแสบ ความซ่าของเด็กๆ แล้ว มันยังทำให้เราหัวเราะท้องแข็ง กับความฮาเรียกรอยยิ้มของพวกเขาด้วย หลานของผมจู่ๆ ก็ตัดสินใจแอบกระโดดเข้าไปถ่ายรูปร่วมกับครอบครัวใครก็ไม่รู้ กลายเป็นลูกนอกสมรสไปเลย คุณพ่อได้เจ้านี่จากลูก ดูเหมือนว่าคุณลูกจะทำมันในวิชางานประดิษฐ์ ปล. คุณพ่อถือกลับด้านเลยกลายเป็นอะไรที่โหดสาสอย่างที่เห็น เจ้าลูกชายสามขวบของฉัน ทำทิชชู่หลุดออกมาทั้งม้วน “โดยบังเอิญ” และไม่ต้องห่วงนะ เพราะเขา “ซ่อม” มันแล้ว จำไว้นะหนุ่มๆ ทำอย่างไรให้ชีวิตแต่งงานเป็นไปได้ด้วยดี: จงบอกภรรยาว่าเธอสวย ต่อให้เธอจะหน้าตาอย่างกับรถบรรทุกก็ตาม – Ricky 10 ขวบ ลูกสาววัยสามขวบของฉันบอกว่าเธออยากเป็นนักบินอวกาศ ฉันเลยบอกเธอว่าถ้างั้นเธอต้องเรียนให้มากๆ เข้ามหาวิทยาลัย เรียนวิทย์เยอะๆ แล้วก็เข้าทดสอบสมรรถภาพทางกายนะ… เธอยักไหล่และตอบว่า “ก็แค่ 4 อย่างเองนิ” ลูกของฉันนี่ช่างเป็นนักพูดให้กำลังใจที่ดีจริงๆ …
-
ภัยใกล้ตัว.. หนุ่มชาร์จไฟเต็มปลั๊กพ่วง สุดท้ายลัดวงจร ไฟลุกเกือบมอดทั้งหลัง!!
ปลั๊กพ่วง คือสิ่งที่ทุกคนมักจะมีติดบ้านไว้ใช้สำหรับการชาร์จไฟหรือการเพิ่มช่องเสียบให้มากยิ่งขึ้น แต่หากว่าเราใช้ปลั๊กที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือใช้งานมันหนักจนเกินไป สุดท้ายแล้วเราอาจจะต้องเจอกับความวอดวายเหมือนกับชายคนนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2018 เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าเกิดเพลิงไหม้ที่บ้านชั้นเดียว เลขที่ 399/182 หมู่บ้านรุ่งเรืองควอลิตี้เฮาส์ ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ หมู่บ้านที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว นายเกษม ทองเอก ครูสอนภาษาวัย 30 ปี เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวเล่าว่าก่อนเกิดเหตุตนเองได้นั่งทำงานอยู่บริเวณห้องรับแขก โดยได้เสียบปลั๊กชาร์จไฟคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก พัดลมระบายความร้อน และโทรศัพท์อีก 2 เครื่อง ทั้งหมดรวมกันในปลั๊กพ่วงอันเดียว เต็ม 4 รู นายเกษม เจ้าของบ้าน หลังจากนั้นตนเองก็นั่งทำงานอยู่ได้ประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วเกิดอาการง่วงนอนจึงงีบหลับไป ก่อนที่จะสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะจู่ๆ ปลั๊กพ่วงของเขาก็เกิดระเบิดเสียงดัง ชายหนุ่มเห็นประกายไฟจากโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ลามไปไหม้จนถึงผ้าม่าน ปลั๊กพ่วงที่เกิดการลัดวงจร ไฟลุกลามไปอย่างรวดเร็ว เมื่อชายหนุ่มได้สติจึงรีบไปหยิบถังน้ำหลังบ้านมาดับไฟ พร้อมกับตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง ทำให้สามารถดับไฟได้สำเร็จด้วยเวลาประมาณ 20 นาที…
-
พิสูจน์การมีสุขภาพดี ด้วย 10 พฤติกรรมของเหล่าคนรักสุขภาพ พวกเราเคยทำมันบ้างมั้ยเอ่ย?!
บางคนอาจคิดว่าตัวเองเป็นคนสุขภาพดี แต่คำว่าสุขภาพดีนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถตัดสินได้แค่จากรูปลักษณ์ภายนอก แต่มันยังรวมถึงสุขภาพภายในหรือแม้แต่จิตใจของเรา เพราะฉะนั้นเราจะรู้ได้ยังไงว่าสุขภาพโดยรวมของตนนั้นมันดีจริงหรือเปล่า? วันนี้ #เหมียวตะปู เลยอยากชวนเพื่อนๆ ทุกคนได้ลองไปดูกันว่า คนสุขภาพดีเขาจะมีพฤติกรรมแบบไหนกันบ้าง แล้วตัวเราเองทำพฤติกรรมเหล่านั้นกันบ้างมั้ย? อย่ารอช้า ลองไปอ่านกันได้เลย 1. คนสุขภาพดีมักจะอยู่รวมตัวกัน คนที่มีสุขภาพดีทั้งกายและใจส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะจับกลุ่มรวมกับคนสุขภาพดีเหมือนๆ กัน มีลักษณะการใช้ชีวิตเหมือนกัน และมีเป้าหมายในชีวิตคล้ายคลึงกัน เพราะฉะนั้นหากเราอยากเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างในชีวิตให้มันดีขึ้น แนะนำว่าให้เราลองมองหาคนที่เป็นต้นแบบในชีวิตของเรา และขอคำปรึกษาจากเขาคนนั้น 2. พวกเขาไม่เชื่อเรื่องของการไดเอต การไดเอตเป็นเพียงแค่การแก้ปัญหาชั่วคราว ช่วยได้แค่ในระยะสั้นเพราะเราไม่อาจควบคุมการกินที่เข้มงวดไปได้ตลอด เพราะฉะนั้นให้เราสร้างความคิดว่าอาหารไหนที่เราชอบกินแต่ไม่ดีต่อสุขภาพของตัวเอง ก็หาอย่างอื่นที่ดีมาแทนที่มันไปซะ อย่างเช่นกินข้าวกล้องแทนข้าวขาว กินผลไม้แทนขนมขบเคี้ยว แต่ถ้าเราอยากกินพวกช็อกโกแลตหรือพิซซ่ามากจริงๆ ก็จงกินไปตามความต้องการ แต่ต้องควบคุมตัวเองให้กินแต่พอเหมาะพอควร ซึ่งหากเรากินอาหารที่ดีต่อสุขภาพมาตลอด เราก็จะไม่รู้สึกผิดต่อการกินอาหารขยะสักเท่าไหร่ เพียงเท่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องมาควบคุมจำกัดอาหารของตัวเองกันอย่างเข้มงวดแล้ว 3. คนสุขภาพดีมักจะมีคนที่คอยคบหาดูใจกันอยู่ ชีวิตคู่ที่เติมเต็มความสุขให้กับเราจะสามารถส่งผลต่อสุขภาพได้ทั้งกายและใจ ไม่เกี่ยวว่าเราจะต้องออกกำลังกายหรือกินผักผลไม้บ่อยแค่ไหน เพราะถ้าชีวิตส่วนตัวของเรามันยังไม่ดี เราก็จะไม่มีทางรับรู้ถึงสุขภาพและความสุขได้เลย 4. ขยับเท่ากับสุขภาพดี เหล่าคนที่มีสุขภาพดีจะขยับร่างกายให้กระปรี้กระเปร่าอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน และพวกเขายังเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายอีกด้วย วิธีการที่จะเป็นอย่างนั้นก็ง่ายๆ ให้มองหาสิ่งที่เราชอบ อย่าไปทำสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ อย่างเช่นถ้าเราไม่ชอบวิ่งก็ไม่ต้องไปวิ่ง…
-
10 สัตว์สุดน่ากลัวยุคก่อนประวัติศาสตร์ หลายคนอาจรู้สึกโชคดี ที่มันสูญพันธุ์ไปก่อนแล้ว…
ในปัจจุบันนั้นก็มีสัตว์อันตรายต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสัตว์นักล่าที่ดุร้ายไปจนถึงสัตว์ตัวเล็กๆ ที่มีพิษร้ายแรง แต่นั่นก็เทียบไม่ได้เลยกับสัตว์นักล่าในสมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ เป็นเวลากว่า 135 ล้านปีมาแล้วไดโนเสาร์นั้นเป็นผู้ครอบครองโลกและอาจจะยังครอบครองโลกจนถึงปัจจุบันหากไม่เกิดเหตุการณ์อุกกาบาตตกเมื่อ 65 ล้านปีก่อน ทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ แต่อย่างไรก็ตามโลกของเรานั้นก็มีอายุยืนยาวมามากกว่ายุคไดโนเสาร์ ซึ่งธรรมชาติก็ถือว่าเป็นนักสร้างสัตว์ประหลาดที่ค่อนข้างเก่งกาจเลยทีเดียว ถ้าคิดว่าในยุคก่อนประวัติศาสตร์นั้นมีแค่ไดโนเสาร์ที่น่ากลัวก็คงคิดผิดแล้วล่ะ เพราะสัตว์ต่างๆ เหล่านี้ที่อยู่มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์นั้นก็ถือว่าเป็นฝันร้ายสำหรับมนุษย์เลยทีเดียว ตั้งแต่สัตว์ทะเลที่มีขนาดใหญ่กว่าปลาฉลามขาว สัตว์ปีกที่มีขนาดใหญ่กว่ายีราฟไปจนถึงตัวสล็อตที่มีขนาดเท่าช้างเลยทีเดียว Titanoboa Titanoboa เป็นงูที่ตัวใหญ่ที่สุดในบรรดางูทุกชนิดที่เคยมีอยู่บนโลก มันมีความยาวประมาณ 12 เมตรและมีน้ำหนักประมาณ 1.1 ตัน ซึ่งหนักพอๆ กับยีราฟตัวเต็มวัยเลยทีเดียว Liopleurodon สัตว์กินเนื้อชนิดนี้มีน้ำหนักกว่า 1.5 ตัน และมีความยาวกว่า 10 เมตร หัวของมันนั้นมีความยาวประมาณ 1 ใน 4 ของร่างกายของมันเลยทีเดียว ซึ่งขากรรไกรที่กว้างมากๆ ของมันนั้นก็ประกอบไปด้วยฟันที่คมราวกับมีด Sarcosuchus มันมีขนาดความยาวประมาณ 12 เมตร ซึ่งยาวกว่าจระเข้น้ำเค็มที่เป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบันถึง 2 เท่าเลยทีเดียว และมีน้ำหนักประมาณ 8 ตัน…
-
15 ข้อความจิกกัดไปเรื่อย แต่อ่านแล้วต้องบอกเลยว่า “เฮ้ยยยย จริงด้วยว่ะแกรรรร”
ตั้งแต่เกิดจนโตถึงปัจจุบัน เราได้รับรู้สิ่งต่างๆ เขามาในสมองมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรู้หรือความบันเทิง ซึ่งหลายครั้งเราไม่สังเกตถึงความไม่สมเหตุสมผลของมันเลยด้วยซ้ำ แต่ประชากรโลกกลุ่มหนึ่งกลับมองเห็นความไม่สมเหตุสมผลของสรรพสิ่งต่างๆ ที่เราเคยรู้ พวกเขาจึงทำการ “เผยความจริง” โคตรจิกกัด ที่เมื่อคุณรู้แล้วต้องพูดออกมาว่า “เออว่ะ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วย” เอาล่ะ จะมีอะไรบ้าง ไปชมพร้อมๆ กันเลยยย… 1. สรุปแล้ว Batman ก็คือเศรษฐีคนหนึ่งที่ตระเวนไปทั่วเพื่อต่อยตีกับพวกโรคจิต 2. แอลกอฮอล์ไม่ได้ทำให้คุณพบคำตอบ แต่มันแค่ทำให้คุณลืมคำถามก็เท่านั้นเอง 3. คิดดูดีๆ พวกที่สร้างวิดีโอเกม อินเทอร์เน็ต และสมาร์ทโฟน มาให้พวกเราใช้ สมัยที่พวกเขาเป็นเด็กเขาก็ยังออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านกันเล้ยย 4. หนังสยองขวัญที่ชอบทำ “Jump Scare” ก็ไม่ต่างกับตัวตลกที่เล่นตลกไม่ฮา แต่กลับใช้วิธีเอานิ้วมาจั๊กจี้เราเพื่อให้เราหัวเราะแทนนั่นแหละ 5. ศัลยแพทย์นั้นเปรียบได้กับช่างยนต์ทุกอย่าง ยกเว้นว่า เขาต้องซ่อมเครื่องยนต์ที่ยังทำงานอยู่ตลอด 6. วิชาประวัติศาสตร์นั้น นับวันมันก็ยิ่งจะต้องยากขึ้นและมีเนื้อหาเยอะขึ้นเรื่อยๆ 7. ม้า คือแรงงานชนิดแรกที่ถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์…
-
ดีใจไว้ หิวข้าวตอนกลางคืนก็ทานอาหารได้ และ 8 เมนูอาหารสำหรับทานตอนกลางคืน
เคยเป็นไหม? รู้สึกหิวข้าวในตอนกลางคืนแต่ไม่กล้าหาอะไรกิน ก็แหม… ถ้ากินอะไรตอนกลางคืนบ่อยๆ เดี๋ยวก็ได้เลื่อนขั้นจากตุ่มมังกรเป็นหมูพร้อมเชือดกันพอดี ไม่เคยได้ยินหรอกเหรอว่าถ้าปล่อยอาหารคาอยู่ในท้องตอนนอนน่ะ มันจะกลายเป็นไขมันไปนะ นักโภชนาการ Abby Langer และ Despina Hyde ผู้เชี่ยวชาญโรคเบาหวาน จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์กได้ออกมาเสนอข้อมูลอันน่าสนใจที่ว่า เรื่องที่ว่าร่างกายของคุณจะไม่เผาผลาญสิ่งที่คุณกินก่อนนอนเลยนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะแม้ว่าจะไม่ได้ทำงานเท่ากับตอนตื่น แต่ร่างกายของคุณก็เผาผลาญอยู่แน่นอน การทานอาหารตอนกลางคืนนั้นก็มีข้อแม้อยู่เล็กน้อย นั่นคืออาหารที่ทานต้องเป็นอาหารเบาๆ ที่ให้พลังงานไม่เกิน 200 แคลอรี มีคาร์โบไฮเดรต กับโปรตีน และหลังทานควรจะเว้นระยะเวลาสักครู่ก่อนจะนอน โดยอาหารที่ควรจะหลีกเลี่ยงคืออาหารจำพวกของทอดของมัน ของเผ็ด ของหวาน และคาเฟอีน แต่ถ้านึกไม่ออกว่าจะทานอะไรดี ก็สามารถอ่านเมนูแนะนำได้ที่นี่ ซีเรียลเส้นใยสูง และนมจืดพร่องมันเนย ซีเรียลควรกินประมาณ 1/2 ถ้วยพร้อมกับนมอีกครึ่งถ้วย เติมผลไม้เล็กน้อยเพิ่มรสหวาน แค่นี้ก็อิ่มท้องนอนหลับสบายแล้ว อะโวคาโดหรือไข่ต้มสุกบนขนมปังกรอบ ขนมปังกรอบสองแผ่นโปะหน้าด้วยไข่ต้มสุกบดละเอียด หรืออะโวคาโด 1 ส่วน 4 ลูก ช่วยให้ท้องอิ่มได้ไม่ง้อของทอดของมันเลยล่ะ . กล้วยกับเนยถั่วลิสง กล้วย 1 ลูกพร้อมกับเนยถั่วอีกครึ่งช้อน ลองดูสิ อิ่มอร่อยแถมไม่ต้องห่วงอ้วน…
-
นักวิทยาศาสตร์ชี้.. คนชอบมาสายจะ ‘ประสบความสำเร็จ’ และ ‘อายุยืน’ กว่าชาวบ้านเขา!!
ในช่วงชีวิตของเราอาจต้องเจอกับเพื่อนสนิทหรือเพื่อนร่วมงานที่ชอบมาสาย นัด 10 โมง มา 10.30 ไม่เคยจะตรงเวลา หรืออาจเป็นตัวเราเองที่ชอบทำอย่างนั้น แต่พฤติกรรมที่ทำให้หลายๆ คนไม่ค่อยชอบนี้ ใครจะไปคิดว่ามันเป็นสิ่งที่สามารถช่วยให้เราประสบความสำเร็จและมีอายุยืนได้ นักพูดเกี่ยวกับเรื่องของการบริหารเวลา Diana Delonzor บอกเอาไว้ในหนังสือ Never be Late Again ของเธอว่า “คนมาสายส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะมองโลกในแง่บวกและรับรู้สิ่งที่ต่างออกไปจากความเป็นจริง โดยเฉพาะเรื่องของเวลา” “พวกเขาเชื่อว่าตัวเองสามารถออกไปทำธุระ แวะส่งผ้าร้านซักรีด ซื้อข้าวของ และพาลูกไปโรงเรียนได้ในเวลาแค่ 1 ชั่วโมง” เธอกล่าว อธิบายให้เห็นภาพคือคนที่ชอบมาสายจะมองเห็นว่าตัวเองมีเวลามากกว่าคนอื่น โดยจากการศึกษาของ Jeff Conte ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาในมหาวิทยาลัย San Diego State สหรัฐอเมริกา จัดว่าคนเหล่านั้นคือบุคคลที่มีบุคลิกภาพแบบ Type B การทดลองของเขาแบ่งบุคลิกภาพออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ Type A และ Type B ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้จะประมาณการถึงเวลา 1 นาทีแตกต่างกันออกไป…
-
มาดู 12 สิ่ง ที่ผู้คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการ “ออกกำลังกาย” ต้องทำแบบนี้สิถึงจะถูก!!
การออกกำลังกายถือเป็นสิ่งที่กำลังนิยมกันในปัจจุบันยุคที่ผู้คนหันมาสนใจเรื่องสุขภาพและรูปร่างกันมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายก็ได้ออกมาเผยถึงวิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้องกันมากมาย แนวทางการออกกำลังกายจึงมีออกมาให้เห็นเยอะแยะไปหมด บางคนก็บอกว่าควรออกกำลังกายตอนเช้า บางคนก็บอกว่าควรออกตอนเย็น อ้าว… สรุปแล้วจะเชื่อใครดีล่ะเนี่ย? เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เพื่อให้เข้าใจตรงกัน วันนี้เราจึงขอเสนอ 12 ความเชื่อผิดๆ ของการออกกำลังกายที่อาจทำให้คุณเสียสุขภาพได้ เราอย่ารอช้า ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง… 1. ออกกำลังกาย ถ้าจะให้ดีก็ต้องตอนเช้าสิ!! ไม่เสมอไปครับ เวลาการออกกำลังกายที่ดีที่สุดคุณเวลาไหนก็ได้ที่คุณพร้อม คุณจะพร้อมออกกำลังกายตอนเช้าหรือตอนเย็นนั่นไม่สำคัญเลย สิ่งสำคัญก็คือ ความสม่ำเสมอ ต่างหาก เพราะมีงานวิจัยออกมาแล้วว่าการออกกำลังกายตอนเช้ากับตอนเย็น ไม่ได้มีความแตกต่างกันเลย 2. การบริหารสมองที่ดี ก็คือการเล่นเกมปริศนาต่างๆ ไม่จริงเสมอไปอีกนั่นแหละ เพราะว่าการออกกำลังกายทางร่างกายเองก็สามารถบริหารร่างกายไปพร้อมกับสมองได้ด้วยเช่นกัน การออกกำลังกายที่ทำให้ เลือดไหลเวียนเร็วขึ้นย่อมดีกว่า การเล่นเกมปริศนาหลายๆ ชั่วโมง อีกอย่าง การศึกษาพบว่า การเล่นกีฬานั้นทำให้มีอารมณ์ที่ดี มีความจำดี และป้องกันสมองเสื่อม 3. พักการออกกำลังกายสัก 2-3 สัปดาห์ รูปร่างก็ยังคงเหมือนเดิม แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น คนส่วนใหญ่สูญเสียมัดกล้ามไปหลังจากพักการออกกำลังกายเพียงแค่ 1…
-
10 ประโยชน์ของพลาสติกห่ออาหาร ที่ไม่ได้มีไว้แค่ห่ออาหาร แต่ช่วยให้สบายขึ้นเยอะ
ปกติแล้วเรามักจะใช้ห่อพลาสติกในการห่อหุ้มอาหารเพื่อเก็บรักษาความสดใหม่ให้กับอาหาร แต่เคยรู้กันไหมว่าประโยชน์ของมันนั้นไม่ได้มีไว้แค่ห่ออาหารเท่านั้น มันยังมีประโยชน์สารพัดไม่ว่าจะเป็นการรักษาเครื่องครัวให้สะอาด ไปจนถึงแก้ปัญหากวนใจในห้องน้ำอีกด้วย 1. เปลี่ยนแก้วให้กลายเป็นแก้วน้ำที่ไม่มีวันหก ถ้าแก้วน้ำของคุณไม่มีฝาปิดแต่คุณอยากป้องกันไม่ให้น้ำหก ให้ใช้ห่อพลาสติกมาห่อและเจาะด้วยหลอดตรงกลาง ถ้ากลัวห่อพลาสติกไม่มั่นคง ยังสามารถใช้เทปใสช่วยพันรอบๆ อีกก็ได้เพื่อความมั่นใจ 2. ทำไข่ดาวน้ำ (Poached eggs) เดิมทีแล้วการทำไข่น้ำคือการต้มน้ำผสมน้ำส้มสายชูเล็กน้อย ตีน้ำให้เป็นน้ำวนและตอกไข่ลงไปตรงกลาง แต่ว่าวิธีการเหล่านั้นก็ถือว่าต้องใช้ความชำนาญค่อนข้างเยอะ แม้แต่เชฟก็ยังมีพลาดกันได้ แต่มีวิธีง่ายๆ ในการทำไข่น้ำก็คือการใช้ห่อพลาสติกช่วย แค่ตอกไข่ใส่ห่อพลาสติก มัดปากห่อและหย่อนลงไปในน้ำเดือด 3. เปิดฝากระปุก การเปิดฝากระปุกหรือฝาขวดนั้นบางทีก็เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ถ้าหากใช้ห่อพลาสติกพันบริเวณฝาก็จะช่วยเพิ่มแรงเสียดสี ทำให้ฝาเปิดง่ายขึ้น 4. ป้องกันไม่ให้ห้องครัวเลอะ ถ้าหากต้องใช้เครื่องปั่นอัตโนมัติกับภาชนะที่ไม่มีฝาปิด ห้องครัวของคุณก็อาจจะเละเทะโดยไม่รู้ตัว แต่ถ้าคุณห่อภาชนะด้วยพลาสติกก่อนก็จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ 5. ป้องกันไม่ให้สีแห้ง ถ้าคุณกำลังทาสีอยู่แล้วต้องการพัก แต่ก็กลัวว่าแปรงทาสีของคุณจะแห้งจนนำมาใช้ต่อไม่ได้ วิธีง่ายๆ ก็คือการนำพลาสติกมาห่อแปรงเพื่อไม่ให้สัมผัสกับอากาศ 6. กับดักแมลง กำจัดแมลงหวี่กวนใจด้วยกับดักแมลงง่ายๆ แค่หั่นชิ้นผลไม้ใส่ลงไปในแก้ว ห่อแก้วด้วยพลาสติกและเจาะรูเล็กๆ ด้านบนเพื่อให้แมลงเข้ามาได้ กลิ่นของผลไม้จะดึงดูดให้แมลงบินมาตอม พวกมันจะปีนเข้ามาผ่านรูเล็กๆ แต่มันจะไม่สามารถปีนออกได้ …
-
10 แนวคิดจิตวิทยา ที่สามารถนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ใน ‘ชีวิตประจำวัน’ ได้
ว่าด้วยเรื่องของ ‘จิตวิทยา’ เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดูเข้าใจยากสำหรับคนธรรมดาที่ไม่ได้เรียนมาโดยตรง แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมบทความน่าสนใจของเว็บไซต์ Brightside ที่นำแนวคิดทางจิตวิทยาที่สามารถนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับชีวิตประจำวันของเพื่อนๆ ได้ จะมีอะไรบ้างลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… 1. ความมั่นใจในตัวเองสำคัญกว่ารูปลักษณ์ภายนอก จาก การศึกษา หลายงานแสดงให้เห็นว่าผู้ชายที่มีความมั่นใจ และชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นสิ่งสำคัญมากกว่าการมีหน้าตาที่หล่อเหลา และสามารถเอาชนะใจสาวๆ ได้มากกว่าด้วยล่ะ นอกจากนี้ยังมี งานวิจัย ระบุเอาไว้อีกว่าคู่รักที่ประกอบไปด้วยผู้หญิงสวย ผู้ชายดูดีน้อยกว่า จะมีแนวโน้มประสบความสำเร็จเรื่องชีวิตคู่มากกว่าคู่ที่ประกอบไปด้วยผู้ชายหล่อกับผู้หญิงที่สวยน้อยกว่า หรือคู่ที่มีหน้าตาดูดีเท่าๆ กัน 2. ผู้ชายจะฟังผู้หญิงพูดเพียงแค่ 6 นาทีเท่านั้น งานวิจัย ได้ระบุเอาไว้ว่าผู้ชายนั้นเป็นคนที่เลือกฟัง พวกเขาจะตั้งใจฟังคู่รักของตัวเองพูดเพียงแค่ 6 นาทีเท่านั้น แต่หากเทียบการพูดคุยกับเพื่อนๆ พวกเขาจะตั้งใจฟังเป็นเวลา 15 นาที แต่ก่อนที่จะไปต่อว่าหนุ่มๆ ทั้งหลาย งานวิจัยก็ได้ระบุเอาไว้ว่าสาวๆ น่ะใช้เวลาตั้งใจฟังเพื่อนของเธอนานกว่ายิ่งกว่านั่งฟังคนรักของตัวเองพูดมากกว่ากรณีของผู้ชายซะอีก 3. การเขียนสิ่งที่คุณกำลังคิดลงไปในกระดาษสามารถระบายความเครียดได้ดีกว่าการกิน มี งานวิจัย มากกว่าหนึ่งงานระบุเอาไว้ว่าการเขียนเรื่องราวที่ทำให้คุณรู้สึกอึดอัดใจ จะช่วยยกระดับอารมณ์ของคุณ แถมยังช่วยลดความกังวล และช่วยให้คุณเป็นอิสระจากอาการซึมเศร้า แต่กลับกันถ้าหากคุณแก้ปัญหาเรื่องความเครียดด้วยการกิน มี การศึกษา ระบุเอาไว้ว่ามันไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเลย แถมยังแย่ลงด้วยซ้ำ…
-
เผยเบื้องหลัง ‘ธุรกิจขายบริการผิดกฎหมาย’ ที่เปิดโดยอดีตตำรวจ และคุณอาจไม่เคยรู้!!
ธุรกิจการ ‘ขายบริการทางเพศ’ ถือเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่มีเรื่องราวเบื้องหลังมากมายที่เราไม่เคยรู้มาก่อน และด้วยความที่เป็นธุรกิจสีเทา ทำให้ไม่ค่อยมีการเปิดเผยเรื่องราวภายในแบบละเอียดของธุรกิจค้าบริการทางเพศเท่าไหร่ แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวเบื้องหลังธุรกิจขายบริการทางเพศในประเทศอังกฤษ ที่มีเจ้าของเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากคำบอกเล่าของสาวขายบริการที่ทำงานอยู่ในนั้น Louise จบการศึกษาระดับอนุปริญญาด้านชีววิทยาทางทะเล แต่ชีวิตของเธอกลับพลิกผันกลายมาเป็นสาวขายบริการ และเธอจะมาเล่าเรื่องราวชีวิตของเธอผ่านทางสารคดีสั้นๆ ของช่อง BBC สถานขายบริการดังกล่าวถูกเปิดอยู่ในแฟลตสไตล์วิคตอเรีย ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษ ในห้องจะมีห้องนอนสองห้องไว้เปิดบริการ สถานบริการเหล่านี้มีการวางระบบเอาไว้อย่างดีเยี่ยม ทั้งการต้อนรับและระบบการจองเพื่อลดความเขินอายที่จะมาใช้บริการ แม้ธุรกิจการขายบริการทางเพศจะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายในประเทศอังกฤษ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าห้ามเปิดเลย เพราะทางการมักทำเป็นมองข้ามซ่องเหล่านี้ไป ตราบเท่าที่หญิงที่มาค้าบริการไม่ได้ถูกบังคับ และมีการดูแลรักษาความปลอดภัยที่ดี ซึ่งนาย Karl วัย 45 ปีเจ้าของสถานขายบริการดังกล่าวก็มั่นใจว่าเขาทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมาและได้รับการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐมาโดยตลอด เอาล่ะเรามาเข้าเรื่องของฝั่งสาวผู้ขายบริการกันบ้าง Louise เล่าว่าที่เธอเลือกทำอาชีพเป็นสาวขายบริการก็เพราะว่าเธออยากทำ “มีคนมากมายที่คิดว่าผู้หญิงขายตัวจะเป็นคนที่อยากหาเงินไปซื้อยาเสพติด หรือไม่ก็ถูกข่มขู่ ลักพาตัวมา ฉันมีความสุขกับงานแบบนี้มาก และฉันจะไม่ทำมันเด็ดขาดถ้าฉันไม่อยากทำ” ในแต่ละวัน Louise จะรับแขกประมาณ 8-9 ครั้ง ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุด ซึ่งในช่วงแรกนั้นเธอจะต้องเดินทางไปให้บริการแขกตามที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือโรงแรม และมันทำให้เธอรู้สึกกังวลถึงความปลอดภัยของตัวเอง “มันอาจจะไม่ปลอดภัย…
-
คุณแม่ทำ IG สร้างแรงบันดาลใจ แชร์เรื่องราวลูกสาววัย 10 ขวบที่ชอบออกกำลังกายสุดๆ
Carrie Miranda คุณแม่ลูกสาม อายุ 35 ปีชาวเมืองเฟรสโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากที่จะเป็นคุณแม่มีหน้าที่ดูแลลูกๆ แล้ว เธอยังเป็นช่างถ่ายรูปพร้อมกับเจ้าของบัญชีอินสตาแกรมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพที่มีผู้ติดตามมากกว่า 16,000 คน บัญชีอินสตาแกรมชื่อว่า bella_beastmode บัญชีนี้ คุณแม่สร้างเอาไว้เพื่อบันทึกเรื่องราวของลูกสาวคนกลางของเธอที่ชื่อว่า Bella อายุ 10 ปี Bella ได้รับการสนับสนุนจากคุณแม่ให้เป็นเชียร์ลีดเดอร์ตั้งแต่ 3 ขวบ แต่ว่าหนูน้อยยังไม่สนใจเท่าไหร่ จนกระทั่งอายุ 5 ขวบก็ได้เข้าสู่การฝึก เหมือนดั่งพรสวรรค์ที่ประทานมาให้ เธอสามารถทำได้ดีและพัฒนาได้อย่างรวดเร็วกว่าเด็กหญิงคนอื่นๆ Bella เริ่มฝึกเรืิ่อยๆ คุณแม่ของเธอก็บันทึกพัฒนาการของเธอลงบนอินสตาแกรมเหมือนอย่างกับที่เพื่อนๆ ของเธอมีกัน เด็กๆ ต่างแชร์รูปภาพและวิดีโอการฝึกซ้อมอย่างเข้มงวด นอกจากเรื่องการฝึกเชียร์ลีดเดอร์แล้ว Bella ยังมีความสนใจในกีฬาอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งแม่ของเธอก็ให้การสนับสนุนเต็มที่เช่นกัน คุณแม่ของเธอบอกว่า ลูกสาวของเธอถูกเทรนทั้งที่บ้าน ที่ยิม ทุกวันหลังเลิกเรียน ในวันหยุดก็ไปแข่งขันเชียร์ เธอเล่นกีฬาที่โรงเรียนหลังเลิกเรียน เริ่มตั้งแต่ 15.30 น. หลังจากนั้นก็กลับบ้านเวลา…
-
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับสัตว์ ในแบบฉบับการ์ตูนมุ้งมิ้ง อ่านง่าย ได้ความรู้ ดูน่ารัก
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเวลาเราอ่านหนังสือความรู้จะรู้สึกง่วงจนอ่านไม่ไหว ทั้งที่ถ้าเป็นหนังสือการ์ตูนนี่อ่านได้หลายเล่มสบายๆ เลยแท้ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปในหัวก็ไม่มีความรู้กันพอดี ถ้าอย่างงั้นเราก็เอาการ์ตูนมารวมเข้ากับสาระความรู้สิ แค่นี้ก็อ่านได้ไม่น่าเบื่อแล้ว แถมยังได้ความรู้เพิ่มเติมด้วย เหมือนการ์ตูนจาก Brooke Barker นักเขียนชาวเนเธอร์แลนด์ที่เอาสัตว์มาวาดการ์ตูนพร้อมแปะเกร็ดความรู้ลงไปแบบนี้ไง รู้ป่าวว่าถ้าจิ้งจอกตัวเมียตายตัวผู้จะเป็นโสดตลอดชีวิต แต่ถ้าตัวผู้ตายแทนตัวเมียจะหาแฟนใหม่เลย หนูเป็นสัตว์ที่อ่อนไหว พวกมันเห็นเพื่อนเศร้าก็จะเศร้าตามโดยไม่มีเหตุผล ฮือ หมีแพนด้าไม่มีเวลาหลับแน่นอนหรอก อยากหลับเมื่อไหร่ก็หลับเลย แถมหลับเยอะด้วย อยากรู้ไหมว่าทำไมนกบินชนกระจก? ส่วนมากไม่ได้เป็นเพราะมันไม่เห็นนะ แต่เป็นเพราะพวกมันพยายามบินชนเงาของตัวเองต่างหาก แมวก็จำเสียงของทาสได้เหมือนกัน แค่ไม่สนใจจะโต้ตอบด้วยแค่นั้นแหละ หมาจิ้งจอกอาร์กติกทนอากาศหนาวได้ดีมว๊ากกก กว่ามันจะรู้สึกหนาวสั่นก็ที่อุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียสโน่น กระรอกบางตัวช่วยปลูกต้นไม้หลาย 1,000 ต้นเลย แต่ไม่ได้เป็นเพราะมันรักโลกนะ มันแค่ลืมว่าซ่อนเมล็ดพืชไว้ตรงไหน ปลาฉลามสีน้ำเงินจะกัดเพศตรงข้ามเพื่อบอกว่า “เราชอบเธอนะ” แอบซาดิสนะเนี่ย คนเราก็เหมือนผึ้ง พวกมันจะไม่หายเครียดถ้าไม่ได้กินน้ำตาล แต่ผึ้งกินแล้วไม่อ้วนเหมือนคนนะ ทุกสิ่งที่ลูกเป็ดเห็นหลังจากเกิดมาเพียง 10 นาที จะกลายเป็นแม่ของมันทันที ไม่ว่าจะเป็น คน…
-
ตื่นตาตื่นในเมื่อ “ฉลามวาฬ” ปรากฏตัวบนผิวน้ำ แถมว่ายน้ำไปพร้อมๆ มนุษย์ด้วย
กลายเป็นภาพที่ทำให้หลายๆ คนรู้สึกตื่นตาตื่นใจ เมื่อมีการบันทึกภาพฉลามวาฬ ปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ว่ายน้ำไปพร้อมๆ กับมนุษย์ คลิปวิดีโอด้านล่างนี้ ถูกถ่ายได้ที่บริเวณนอกชายฝั่ง Baja California Sur ของประเทศเม็กซิโก ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก ฉลามวาฬมักจะปรากฏตัวให้เห็นในช่วงระหว่างต้นฤดูหนาวจนถึงปลายฤดูใบไม้ผลิ และจะกลับไปยังอ่าวใกล้เมืองลาปาซ ของประเทศโบลิเวียทุกฤดู Tarsicio Sañudo Suarez วัย 36 ปี ผู้ที่บันทึกภาพดังกล่าวนี้บอกว่า “มันเป็นช่วงเวลาที่วิเศษมาก เมื่อผมเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในน้ำทะเลสีฟ้าด้านล่าง” เขาบอกอีกว่า “ตอนนั้นผมอยู่บนเรือกับเจ้าหน้าที่จาก Whale Museum of La Paz” แม้จะเป็นปลาขนาดใหญ่ แต่มันไม่ทำร้ายมนุษย์ ตัว Tarsicio ก็มีโอกาสไปว่ายน้ำกับมันในวันนั้น และถ่ายรูปใต้น้ำกับมันด้วยกล้องโกโปร สำหรับฉลามวาฬนั้น มันสามารถมีความยาวได้ถึง 12.5 เมตร น้ำหนักมากสุด 35,833 กิโลกรัม และมีชีวิตอยู่ได้ถึง 70 ปี เชื่อกันว่าฉลามวาฬอยู่บนโลกนี้มาแล้ว 60 ล้านปี ปัจจุบันพวกมันถูกจัดอยู่ในสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายของเม็กซิกัน …
-
นางแบบสาวลูกครึ่ง ผู้บอกว่า “ไม่เคยไดเอต” หรือ “เข้ายิมอย่างหนัก” แต่หุ่นนี่เซี้ยะเชียว
ชีวิตในอุดมคติของสาวๆ ทั่วโลก ก็คงจะคิดเหมือนกันว่า คงจะดี ถ้าหากว่าเราสามารถกินทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่ต้องการโดยที่ไม่อ้วน ไม่ต้องคุมอาหาร หรือไปออกกำลังกายให้เหนื่อยเปล่าๆ แต่ก็มีหุ่นที่ดี ไม่อ้วน ไม่มีพุง ไม่มีไขมันส่วนเกินในจุดต่างๆ มากวนใจ อย่างที่ #เหมียวบู้บี้ ได้กล่าวไปในข้างต้น ใครๆ ต่างก็อยากที่จะมีหุ่นที่ดีกันทั้งนั้น ยิ่งถ้าหุ่นดีแบบไม่ต้องคุมอาหารหรือออกกำลังกายก็นับว่าเป็นโชคดีสุดๆ ซึ่งใครจะไปรู้ว่าผู้หญิงที่โชคดีแบบนั้นมีอยู่จริงๆ หาได้ยากมากๆ เลยนะเนี่ย สาวผู้โชคดีคนนั้นมีนามว่า Belle Lucia อายุ 23 ปี ลูกครึ่งโปรตุเกส-เยอรมัน นางแบบสาวที่น่าอิจฉาสุดๆ ทั้งสวย ทั้งหุ่นดี แถมมีผู้ติดตามทางอินสตาแกรม belle_lucia มากกว่า 1.2 ล้านคน อะไรจะเพอร์เฟ็กต์ปานนั้น เธอเปิดเผยชีวิตของเธอกับ Husskie สื่อออนไลน์ของต่างประเทศว่า ชีวิตของเธอไม่เคยเข้มงวดอะไร เธอมีความสุขดีกับการใช้ชีวิตที่สามารถสนุกไปกับการกินอาหารตามที่ต้องการ นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่า เธอไม่ได้ไปออกกำลังกายที่ยิมเหมือนกับคนอื่นๆ เธอไม่ใช่สาวแนวสปอร์ตจ๋า แต่ชอบเดินและวิ่งจ๊อกกิ้ง ในเรื่องของอาหาร ทุกเช้าเธอจะทานไข่เจียว ขนมปังปิ้ง กราโนล่า หรือแพนเค้ก…
-
19 ความจริงเกี่ยวกับสรรพสิ่งบนโลก ที่อาจทำให้คุณตกใจจนเข้าขั้นกลัวเลยก็ได้…
โลก มนุษย์ และสิ่งมีชีวิต ต่างดำเนินไปตามธรรมชาติ แต่หลายครั้งธรรมชาติก็นำมาซึ่งความจริงที่อาจทำให้คุณตกใจหรือสะพรึงกลัว บทความนี้จะพาคุณไปรับรู้ ความจริงของสรรพสิ่งบนโลก ที่แปลกและอาจทำให้คุณตกใจจนถึงกับกลัวเลยก็เป็นได้ ถ้าอย่างนั้นก็อย่ารอช้า ไปดูกันเลยดีกว่าว่า ความจริงเหล่านั้นเป็นอย่างไรและมีอะไรบ้าง… 1. หนึ่งในสามของจำนวนเด็กทั้งหมด สามารถใช้งานแท็บเล็ตได้ก่อนที่พวกเขาจะพูดได้เสียอีก 2. โดยเฉลี่ยแล้ว ทั้งชีวิต คนหนึ่งคนจะใช้เวลาไปกับการทำงานราว 90,000 ชั่วโมง 3. ปลาหมึกยักษ์จะมีสมองประจำอยู่ในหนวดทุกเส้นของมัน 4. หากคุณให้ยาแอสไพรินกับเด็กที่กำลังรักษาตัวจากโรคอีสุกอีใส อาจทำให้เขาเกิดอาการชัก และตายได้ 5. งูบิน สามารถร่อนตัวได้ไกลถึง 100 เมตร 6. หมูเพศผู้สามารถหลั่งน้ำอสุจิออกมาได้นานกว่า 6 นาที 7. หากคุณมองตัวเองในกระจกเป็นเวลา 10 นาที สมองของคุณจะเริ่มบิดเบือนภาพที่เห็น คุณอาจจะเห็นอะไรที่ไม่ใช่ตัวเอง ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า Troxler Effect 8. ฟันปลอมสมัยโบราณนั้นถูกทำขึ้นมาจากฟันของทหารที่เสียชีวิตไปแล้ว …
-
ถ้าเกาหลีเหนือ-ใต้รวมกันจะเป็นอย่างไร?…ย้อนกลับไปดูตอนเยอรมนีรวมชาติ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
จากกรณีที่มีข่าวว่าประเทศเกาหลีใต้และประเทศเกาหลีเหนือ กำลังจะจบสงครามที่ยาวนานกว่า 68 ปี ก็มีสื่ออีกหลายสำนักมองไกลไปถึงเรื่องของ ‘การรวมประเทศ’ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลา ภาพธงชาติเกาหลีเหนือ-ใต้ ที่ทำขึ้นมาในงานโอลิมปิกฤดูหนาว ที่นักกีฬาของทั้งสองประเทศโบกตอนเดินลงสนามร่วมกัน เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นนี้ก็เลยทำให้ #เหมียวหง่าว นึกย้อนไปถึง ‘การรวมประเทศ’ ของประเทศเยอรมนีตะวันตกและเยอรมนีตะวันออก ที่เคยแยกประเทศกันไปเมื่อปี 1949 เพราะผลกระทบจากสงครามโลก เนื่องจากว่าองค์ประกอบทุกอย่างมันช่างคล้ายคลึงกันเสียเหลือเกิน ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าหากเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้รวมประเทศกันขึ้นมาจริงๆ ก็อาจจะประสบความสำเร็จและกลายมาเป็นหนึ่งในชาติมหาอำนาจของโลกอย่างเยอรมนีก็เป็นได้ #เหมียวหง่าว ก็เลยจะนำเรื่องราวการรวมประเทศของเยอรมนีตะวันตกกับเยอรมนีตะวันออกมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน ก่อนจะกล่าวถึง ‘การรวมประเทศ’ ของเยอรมนี ก็ต้องขอย้อนกลับไปเล่าเรื่องของ ‘การแยกประเทศ’ กันก่อนก็แล้วกันนะครับเพื่อความเข้าใจเหตุการณ์อย่างถ่องแท้ ย้อนกลับไปในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองจบลงเมื่อปี 1945 ฝ่ายอักษะที่นำโดยเยอรมนีเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ สองประเทศยักษ์ใหญ่ในขณะนั้นอย่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตซึ่งเป็นผู้ชนะสงครามได้พยายามขยายอิทธิพลของตนเองเข้าสู่ประเทศเยอรมันนี ด้วยความไม่ลงรอยนี้ เยอรมันนีจึงถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนในปี 1949 ซึ่งก็คือ Federal Republic of Germany (FRG) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อเยอรมนีตะวันตก ฝั่งนี้จะถูกปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย ส่วนอีกด้านก็คือ German Democratic Republic (GDR) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อเยอรมนีตะวันออก…
-
หนุ่มอเมริกัน ใช้เวลา 3 เดือนลดน้ำหนัก เปลี่ยนพุงกลมๆ ให้กลายเป็นซิกแพ็คสุดเซ็กซี่
การมีหุ่นที่ดี คงจะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ใครต่างก็ปรารถนา เพราะการมีหุ่นที่ดี สมส่วน ไม่ผอมไปหรืออ้วนเกินไป เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าคนผู้นั้นจะมีสุขภาพร่างกายที่ดี อันเนื่องมาจากการดูแลตัวเอง หนุ่มอเมริกันชาวเมืองนอร์แมน รัฐโอคลาโฮมาที่ชื่อว่า Hunter Hobbs ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เดิมทีแล้วเป็นคนที่จะไม่ค่อยดูแลรักษาสุขภาพตัวเองสักเท่าไหร่ ทำให้ร่างกายของเขานั้นมีพุงก้อนใหญ่กับน้ำหนักตัวมากกว่า 91 กิโลกรัม เขาเริ่มหันกลับมาดูแลตัวเองตั้งแต่เดือนมกราคม 2018 เขาตั้งเป้าไว้ว่า ภายใน 12 สัปดาห์เขาจะตั้งใจออกกำลังกายอย่างหนัก พร้อมกับควบคุมอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี เมื่อเริ่มที่จะลดน้ำหนักก็ต้องถ่ายภาพเพื่อเอาไว้เปรียบเทียบความแตกต่าง เขาเลือกใช้วิธีในการออกกำลังกายทั้งคาร์ดิโอและยกน้ำหนักเป็นประจำ 5-6 วันต่อสัปดาห์ ตลอดเวลา 3 เดือน เขาสามารถออกกำลังกายได้ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือที่ยิม ฉะนั้นปัญหาเรื่องการอ้างว่าไม่มีเวลาก็ตัดออกไปได้เลย นอกจากจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว สิ่งหนึ่งที่เขาบอกว่ามันยากสุดๆ ก็คือการควบคุมอาหาร ซึ่งเมนูประจำของเขานั่นก็คือ ไก่ มันฝรั่งหวาน ข้าวโอ๊ต สลัด แอลมอนด์ เวย์โปรตีน นอกจากอาหารที่ต้องควบคุม เรื่องเครื่องดื่มก็สำคัญ เขาดื่มน้ำวันละ 1 แกลลอนหรือประมาณ 3…
-
นักวิทย์ฯ คิดค้นเอนไซม์แบบใหม่ที่ “กัดกิน” ขวดพลาสติกได้ แก้ปัญหาพลาสติกล้นโลก
นักวิทยาศาสตร์ได้คิดค้นสสารที่มีความสามารถในการ “กัดกิน” พลาสติก จนอาจนำไปสู่การแก้ไขปัญหาพลาสติกล้นโลกได้ในอนาคต ทุกวันนี้หลายๆ ประเทศพยายามหาทางที่จะลดปริมาณพลาสติกลง ซึ่งหลายๆ บริษัทก็เริ่มปรับตัวด้วยการลดปริมาณพลาสติกในบรรจุภัณฑ์ของตัวเองลงเพื่อให้ง่ายต่อการกำจัดทิ้ง แต่ล่าสุดดูเหมือนว่ามนุษย์โลกจะมีทางออกที่ดีกว่าการกำจัดทิ้งแล้ว ด้วยการใช้สสารแบบใหม่ ที่มีคุณสมบัติในการกัดกินพลาสติกจนแทบไม่หลงเหลือเศษซากเลย สารที่ว่านี้มีพื้นฐานอยู่บนเอนไซม์ที่ชื่อว่า “ตัวเร่งปฏิกิริยาทางชีวภาพ” (Biological Catalyst) ในครั้งแรกที่มีการพัฒนา เจ้าสสารตัวนี้ถูกก่อร่างสร้างตัวมาจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ภายในศูนย์วิจัยรีไซเคิลที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 2016 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้มันสามารถย่อยสลายพลาสติกได้ พลาสติกเป็นสิ่งที่ไม่ย่อยสลายตามธรรมชาติ และการค้นพบแบคทีเรียที่กินพลาสติกในปี 2016 กลายเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ยกย่องมาก เพราะมันจะกลายเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ยอดเยี่ยมและถูกนำไปใช้ต่อๆ ไป ในขณะที่พยายามยืนยันการอ้างสิทธิ์เหล่านี้ศาสตราจารย์ John McGeehan นักชีววิทยาจาก University of Portsmouth และเพื่อนร่วมงานของเขาบังเอิญสร้างเอนไซม์ที่กัดกินพลาสติกโดยบังเอิญ จนต่อยอดกลายเป็นเอนไซม์ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ เจ้าสสารตัวนี้ถูกขนานนามว่า PETase มันมีความสามารถในการย่อยสลายพลาสติก PET (Polyethylene Terephthalate หรือพลาสติกที่ถูกนำมาใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์ต่างๆ) เอนไซม์ตัวนี้จะเข้าไปเร่งปฏิกิริยาในการย่อยสลายในพลาสติกที่ปกติแล้วจะใช้เวลาหลายร้อยปี การปรับแต่งเอนไซม์ที่ผลิตตามธรรมชาตินี้ทำให้ทีมวิจัยสามารถผลิตสิ่งที่มีความสามารถในการย่อยสลายพลาสติกได้ดีกว่าสิ่งที่พบตามธรรมชาติ นักวิทยาศาสตร์แนะนำให้นำสสารใหม่นี้เข้ามาช่วยรีไซเคิลขวดพลาสติกจำนวนหลายล้านตันด้วยการทำลายขวดพลาสติกลงเป็นชิ้นๆ ระหว่างที่มีการตรวจสอบโครงสร้างของเอนไซม์ตัวนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามปรับแต่งส่วนที่คิดว่าเกี่ยวข้องกับการย่อยพลาสติกไปด้วย การทำเช่นนี้จะช่วยย่อยสลายพลาสติก…
-
ความจริงเป็นอย่างไรกันแน่ 5 ปริศนาในประวัติศาสตร์ ที่ยังไม่สามารถไขได้จนถึงทุกวันนี้
มีคนเคยพูดไว้ว่าเรื่องบางเรื่องนั้นปล่อยให้มันเป็นความลับต่อไปจะดีกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนจำนวนมากที่เชื่อในการหาคำตอบให้แก่ปริศนาที่ยังไม่มีการไขให้กระจ่าง เพราะความรู้นั้นคืออาวุธที่ดีที่สุด และคนเราจะกลัวในสิ่งที่ไม่รู้อยู่เสมอ แต่ถึงแม้ว่าจะพยายามกันมากแค่ไหน ในโลกใบนี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยปริศนาที่ยังไม่ได้รับการไขให้กระจ่างอยู่ดี เหมือนกับ 5 ปริศนาในประวัติศาสตร์ต่อไปนี้ ที่จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีใครสามารถไขได้อย่างแท้จริงเลย Jack the Ripper เป็นชื่อที่มอบให้กับฆาตกรต่อเนื่องที่ยังไม่มีใครรู้จักตัวตนที่แท้จริง ซึ่งก่อการฆาตกรรมในกรุงลอนดอนในปี 1888 ในยุคนั้นมีผู้หญิงหลายคนถูกฆาตกรรม แต่เชื่อกันว่ามีคดีฆ่าหั่นศพผู้หญิงจำนวนห้าคดี ที่น่าจะเป็นผลงานของเขาคนนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผู้คนนับไม่ถ้วนได้ออกมาอ้างว่าสามารถหาตัวตนจริงๆ ของ Jack the Ripper ได้แล้ว เช่นหนังสือ Portrait of a Killer: Jack the Ripper-Case Closed ที่อ้างว่าเขาคือจิตรกรชาวอังกฤษที่ชื่อ Walter Sickert หรือ Jack the Ripper: The Mystery Solved ที่อ้างว่าเขาคือ Aaron Kosminski อย่างไรก็ตามยังไม่มีการออกมายืนยันที่มีหลักฐานในตัวตนของเขาแต่อย่างไร เพื่อนๆ สามารถอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมของ Jack the Ripper ได้ที่ 15 เรื่องราวเกี่ยวกับ ‘Jack The Ripper’ ที่พิสูจน์ว่าเขาคือฆาตกรที่แสนโหดเหี้ยมและลึกลับ …
-
10 ความจริงเกี่ยวกับสุขภาพ คุณพระ!! ร้อยวันพันปีก็เพิ่งจะเคยได้ยินเนี่ยแหละ
ปัญหาสุขภาพของเรานั้นมักจะเกิดจากรูปแบบของการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของการเสียชีวิตเกิดจากเหตุผลดังกล่าว และเรายังอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าแท้จริงแล้วมันยังมีความลับเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจอีกหลายต่อหลายอย่าง วันนี้ #เหมียวตะปู จึงมาชวนให้เพื่อนๆ รับรู้เกี่ยวกับความจริงของสุขภาพร่างกายที่จะช่วยแก้ปัญหาสำคัญๆ ต่างๆ ได้ ทำให้เรามีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุขมากยิ่งขึ้น เราลองไปอ่านพร้อมๆ กันเลย 1. การอดอาหารเป็นครั้งคราวส่งผลดีกับระบบภูมิคุ้มกัน นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Southern California สหรัฐอเมริกา บอกว่าการอดอาหารเป็นครั้งคราวสัก 2-4 วัน จะช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันให้ดียิ่งขึ้น จากการทดลองกับอาสาสมัคร โดยให้พวกเขาอดอาหารอยู่ช่วงหนึ่งในทุกๆ 6 เดือน ระหว่างการอดอาหารนั้นพบว่าร่างกายของพวกเขาจะเริ่มดึงเอาพลังงานสำรองอย่างเช่นน้ำตาล ไขมัน และคีโทนออกมาใช้ อีกทั้งยังมีการเข้าไปทำลายตัวเม็ดเลือดขาวได้เป็นอย่างดี ผลลัพธ์ที่ได้คือส่วนต่างๆ ที่เสียไปในระบบภูมิคุ้มกันจะมีการสร้างเซลล์เหล่านั้นขึ้นมาใหม่ เหมือนเป็นการต่ออายุให้กับมันนั่นเอง ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะการอดอาหารเป็นเวลานานยังช่วยลดระดับฮอร์โมนที่ส่งผลต่อความแก่เกินวัย รูปร่าง และลดอัตราการเจริญเติบโตของเนื้องอก ซึ่งรวมไปถึงเนื้อร้ายได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม การอดอาหารถือเป็นข้อห้ามสำหรับผู้ที่มีอาการน้ำหนักลดหรือน้อยกว่าปกติ คนที่มีเนื้องอกมะเร็งอยู่ก่อนแล้ว ผู้ป่วยวัณโรค หัวใจเต้นผิดจังหวะ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในถุงน้ำดี แผลในกระเพาะอาหาร และตับแข็ง นอกจากนั้นเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมลูกก็ไม่ควรที่จะอดอาหารเช่นเดียวกัน …
-
มาดู 22 คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่คนมักสับสนว่า มันต่างกันยังไงฟระเนี่ย!!?
ต้องยอมรับเลยว่า ภาษาอังกฤษ นั้นมีความสำคัญมากจริงๆ ในปัจจุบัน เพราะเมื่อใดก็ตามที่คุณรู้ภาษาอังกฤษ ชีวิตของคุณก็จะง่ายขึ้น เช่น อ่านคู่มือต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เข้าไปหาความรู้จากเว็บต่างประเทศได้ง่ายขึ้น หรือจะเข้าไปอ่านนิยายและการ์ตูนจากต่างประเทศก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากหากเรารู้ภาษาอังกฤษ แต่ด้วยความที่มันไม่ใช่ภาษาที่ใช้แต่กำเนิดของชาวไทยอย่างเรา แถมไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวันแบบเดียวกับประเทศที่เขาใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ จึงไม่แปลกที่บางครั้งเราจะพูดผิดหรือใช้คำศัพท์ภาษาอังกฤษผิดไปบ้าง เพื่อขจัดความสับสนและเพื่อให้เข้าใจตรงกัน เราจึงขอเสนอ คำศัพท์ที่คนมักใช้ผิดๆ ถูกๆ เพราะสับสนและไม่รู้ว่ามันต่างกันอย่างไร เอาล่ะ ไปดูกันเลยว่ามีคำไหนบ้าง… 1. Alligators VS Crocodiles ถึงจะเป็น จระเข้ เหมือนกัน แต่ต้องดูให้ดีๆ นะ ทั้งสองมีความแตกต่างกันนิดหน่อย ถ้าจะให้สังเกตุง่ายๆ Alligators จะมีทรงปากโค้งเป็นรูปตัว U ส่วน Crocodiles จะมีทรงปากแหลมเป็นรูปตัว V 2. Husky VS Malamute หน้าตาของทั้ง Husky และ Malamute นั้นคล้ายกันมาก แต่ถ้าจะแยกให้ง่ายๆ ก็คือ Husky จะตัวเล็กกว่า…
-
ความจริงแปลกๆ 16 อย่างที่เกิดขึ้นโลกใบนี้ เรื่องน่าขนลุกที่เกิดขึ้นมาแล้วจริงๆ
โลกของเรานั้นเต็มไปด้วยเรื่องแปลกๆ ที่ไม่น่าเชื่อ ในมุมใดมุมหนึ่งของโลกอันกว้างใหญ่นี้ยังคงมีเรื่องราวอีกมากมายที่ยังไม่เป็นที่เปิดเผย ราวกับถูกโลกใบนี้จงใจเอาไปซ่อนไว้ด้วยตัวของมันเอง ถึงอย่างนั้นคนเราก็พยายามที่จะค้นหาในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยรู้มาก่อนอยู่ดี พวกเราคือเหล่าผู้ที่ค้นหาในสิ่งที่เป็นปริศนา และนำพามันมาอยู่แสงสว่างแห่งความรู้ และในวันนี้เอง ความจริงอีก 16 อย่างที่เกิดขึ้นโลกใบนี้ ก็กำลังที่จะถูกเปิดเผยแล้วที่นี่ ในปี 2012 มีชายชาวฟลอริด้าโดนจับในข้อหาให้อาหารจระเข้อย่างผิดกฎหมาย หลังจากที่เขายื่นปลาออกไปจากเรือเพื่อโชว์นักท่องเที่ยวก่อนที่จะโดนจระเข้งับไปทั้งปลาทั้งแขน ว่าง่ายๆ ว่าทั้งโดนงับแขนทั้งโดนปรับ 500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราวๆ 15,000 บาท) แถมยังต้องเข้าคุกด้วย หลังจากที่คุณอายุ 55 ปี DNA ของคุณจะเริ่มเสื่อมโทรมลง อายุโดยเฉลี่ยของคนในยุคโรมันโบราณ อยู่ที่เพียง 25 ปี แม้ว่าจะทำมาเพื่อรักษาศพก็ตาม แต่เหตุผลที่มัมมี่เหลือน้อยในปัจจุบันนั้น เพราะว่าในช่วงศตวรรษที่ 17 ชาวยุโรปมักจะทานมัมมี่กันเพราะเชื่อว่ามันเป็นยา คนขับรถที่มีร่างกายอ้วน จะมีโอกาสตายในอุบัติเหตุมากกว่าคนปกติถึง 78% ที่สหรัฐอเมริกามีคนไข้ร่างติดไฟในระหว่างการผ่าตัด มากถึง 600 รายในทุกๆ ปี ลูกโคอาล่าจะกินอุจจาระจากแม่ของมัน Plushophilia เป็นกลุ่มอาการของคนที่จะมีอารมณ์กับตุ๊กตายัดนุ่น …
-
ความรู้คู่ปัญญา 11 ความจริงน่าสนใจ เกร็ดความรู้แปลกๆ ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน
ในโลกใบนี้มีอะไรที่เรายังไม่รู้อีกมากมายนัก เพื่อนๆ รู้กันไหมล่ะว่าแมวนั้น มีเท้าข้างที่ถนัดเหมือนกับที่คนเราถนัดซ้ายถนัดขวาด้วยนะ เรื่องพวกนี้นั้นอาจจะดูไม่ใช่เรื่องที่มีสาระอะไรมากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องที่รู้ไว้เป็นเรื่องคุยเล่นได้เป็นอย่างดี เพราะไม่มีความรู้อะไรในโลกที่ไม่มีประโยชน์หรอก พวกเราก็แค่ไม่ได้ใช้มันก็เท่านั้น เหมือนกับสาระ 11 ข้อต่อไปนี้ แมวมีเท้าข้างที่ถนัด นักวิทยาศาสตร์จาก Queen’s University Belfast มีการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า ส่วนใหญ่แล้วแมวจะใช้อุ้งเท้าเพียงข้างเดียวในการเล่นหรือกินอาหาร แต่ตรงกันข้ามกับมนุษย์จำนวนของแมวที่ถนัดขวา และถนัดซ้ายนั้นแทบจะเท่ากัน แม้ว่าแมวตัวเมียส่วนใหญ่จะถนัดขวาก็ตาม เมื่อ 500 ปีก่อนแตงโมจะดูแตกต่างจากปัจจุบันมาก ถ้าเราดูภาพวาดของ Giovanni Stanchi จากศตวรรษที่ 17 เราจะแทบไม่เชื่อเลยว่าของที่อยู่ในภาพนั้นคือแตงโม ผลไม้ชนิดนี้เข้าไปในทวีปยุโรปจากทางทวีปแอฟริกา และเมื่อ 500 ปีก่อนมันจะมีเนื้อส่วนใหญ่เป็นสีขาวและมีส่วนที่เป็นสีแดงอยู่เพียงน้อยนิด ส่วนที่แตงโมในทุกวันนี้มีลักษณะแบบที่เราคุ้นเคย ก็เนื่องมาจากกระบวนการคัดเลือกพันธุ์ที่มีระดับของไลโคปีน (สารที่ให้สีแดง) สูงนั่นเอง คุณมีแนวโน้มที่จะพบกับแมงมุมมากขึ้นถ้าคุณกลัวพวกมัน ถ้าคุณไม่ชอบแมงมุมคุณจะมีแนวโน้มที่จะเจอกับมันมากขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะความสนใจของคนเราถูกจัดตามลำดับความสำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดมักจะถูกสังเกตเห็นเป็นอันดับแรก และสิ่งที่คนเราคิดว่าเป็นอันตรายกับตัวเองก็มักจะถูกจัดไว้ในอันดับที่สูงเสมอๆ ดังนั้นถ้าคุณกลัวแมงมุม จะทำให้แมงมุมมีลำดับความสำคัญสูง ซึ่งหมายความว่าถ้ามันอยู่ในห้องของคุณ มันก็จะเป็นสิ่งแรกที่สายตาของคุณจะมองหา ทำให้คุณจะเจอแมงมุมบ่อยกว่าคนที่ไม่ได้กลัวมัน เพราะพวกเขาไม่ได้สนใจมันและมองข้ามมันไปนั่นเอง ดวงอาทิตย์เป็นสีขาว แม้ว่าดวงอาทิตย์จะเรียกว่าดาวแคระเหลือง…
-
11 สิ่งที่ควรรู้สำหรับคนที่ชอบ ‘นอนแก้ผ้า’ มีทั้งข้อดีและข้อเสียต่อสุขภาพ
จากการสำรวจแบบว่ามีเพียงแค่ 30% ของคนทั้งหมดที่นอนหลับโดยไม่สวมใส่เสื้อผ้า ในขณะที่คนอีกกลุ่มเลือกที่จะนอนโดยสวมชุดชั้นในหรือชุดนอนที่สวมใส่สบาย ซึ่งก็มีการถกเถียงกันเกี่ยวกับการนอนสวมใส่และไม่สวมใส่เสื้อผ้าว่าแบบไหนมันดีกว่ากัน บ้างก็กล่าวว่าการนอนแบบไม่สวมใส่เสื้อผ้านั้นส่งผลดีต่อสุขภาพมากกว่าที่เราคิด ในขณะที่คนอื่นๆ กล่าวว่าไม่ใช่สำหรับทุกคน แต่การนอนหลับโดยไม่สวมใส่เสื้อผ้านั้นก็มีหลักวิทยาศาสตร์มายืนยันทั้งประโยชน์และข้อเสียอีกด้วย 1. ทำให้หลับลึก นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัมพบว่าการลดอุณหภูมิของผิวหนังนั้นจะทำให้หลับได้ดีขึ้น และลดโอกาสการตื่นขึ้นมากลางดึก ซึ่งการที่นอนหลับโดยไม่สวมใส่อะไรเลยนั้นก็เป็นวิธีที่ดีในการลดอุณหภูมิร่างกายโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในห้องนอน นอกจากนั้นการสวมใส่ชุดนอนยังทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้จำกัด ไม่เป็นอิสระ การนอนโดยไม่สวมใส่อะไรเลยนั้นหมายถึงการที่ไม่ต้องกังวลว่าจะรู้สึกอึดอัดจากการขยับร่างกายในขณะที่กำลังนอน ทำให้หลับลึกและสบายมากขึ้น 2. ทำให้น้ำหนักลด ถึงแม้ว่าเราจะไม่ผอมลงจากการนอนเพียงอย่างเดียวได้ แต่การผสมผสานทั้งการเลือกรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และการนอนอย่างเหมาะสมจะสามารถช่วยลดน้ำหนักได้อย่างดีเลยทีเดียว จากการศึกษาค้นคว้าของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ การนอนในอุณหภูมิที่ต่ำจะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญในร่างกายและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานอีกด้วย นอกจากนั้นฮอร์โมนคอร์ติซอลที่ควบคุมระดับความเครียดก็ยังส่งผลอีกด้วย การนอนในอุณหภูมิสูงนั้นจะทำให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลมีระดับสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลทำให้น้ำหนักขึ้น มีความวิตกกังวลมากขึ้นและอาจจะทำให้มีความอยากทานอาหารขยะมากขึ้นอีกด้วย 3. ช่วยในเรื่องผิวหนัง ตลอดทั้งวันร่างกายส่วนต่างๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้านั้นถูกปกคลุมไปด้วยเสื้อผ้าหลายชั้น การที่ไม่สวมใส่เสื้อผ้าตอนนอนนั้นจะทำให้ร่างกายโดยเฉพาะส่วนที่อยู่ใต้ร่มผ้าที่มักจะมีเหงื่อไหลบ่อยๆ ได้ระบายอากาศบ้าง ทำให้ลดโอกาสในการเกิดโรคผิวหนังที่เกิดจากความอับชื้นได้ นอกจากนั้นการนอนในอุณหภูมิต่ำยังช่วยปกป้องเซลล์และยังช่วยยับยั้งการแก่ชราอีกด้วย ต้องขอบคุณฮอร์โมนเมลาโตนิน หรือฮอร์โมนเพื่อการนอนหลับที่ทำหน้าที่ชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ 4. ทำให้เส้นผมงามสลวย เหงื่อนั้นสามารถทำให้ผมเสียได้อย่างหนัก เหงื่อที่แห้งแล้วมักจะเหลือคราบเกลือทิ้งไว้ที่จะทำให้หนังศีรษะเกิดอาการระคายเคืองและทำให้เส้นผมขาดง่าย การนอนในอุณหภูมิต่ำจะทำให้เหงื่อออกน้อยลง ทำให้เส้นผมนั้นสวยงามและแข็งแรงมากขึ้น 5. ดีต่ออวัยวะสืบพันธุ์ อวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงนั้นถือว่าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีสำหรับเชื้อราและแบคทีเรีย การนอนโดยไม่สวมใส่อะไรเลยทำให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวนั้นเย็น…
-
นักวิทย์ญี่ปุ่นออกมาแจ้ง สาเหตุที่อึแมวมีกลิ่นเหม็น แท้จริงแล้วเพราะกำมะถัน
เป็นที่รู้กันดีว่าสัตว์ตระกูลแมวนั้นอึเหม็นอย่างกับอะไรดี อึทีเหม็นไปทั่วบ้าน จะเป็นทรายแมวยี่ห้อไหนก็เอาไม่อยู่ ยิ่งถ้าวันไหนที่แกนึกอะไรไม่รู้ อึแล้วไม่ยอมกลบด้วยนะ โห… แทบจะย้ายบ้านกันไปข้าง ว่าแต่ทำไมมันถึงได้เหม็นโหดร้ายได้ขนาดนั้นกัน เหม็นเสียยิ่งกว่าสุนัขหรือสัตว์ประเภทอื่นๆ เลย บางคนอาจจะบอกว่ามันเป็นเพราะอาหารที่แมวกิน ไม่ก็แบคทีเรียบางชนิด แต่ในตอนนี้นั้น กลุ่มนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Iwate ในประเทศญี่ปุ่นได้ออกมาบอกแล้วว่า ที่อึแมวมันมีกลิ่นได้ขนาดนั้นไม่ได้เป็นเพราะแบคทีเรีย แต่เป็นเพราะกำมะถันต่างหาก ใช่แล้ว กลิ่นเดียวกับที่มาจากไข่เน่า หรือบ่อน้ำร้อนนั่นล่ะ ผลการวิจัยของพวกเขาได้รับการเผยแพร่ในวารสารนิเวศวิทยาทางเคมี โดยที่หนึ่งในกลุ่มนักวิจัย ศาสตราจารย์ Masao Miyazaki ได้สรุปผลการค้นพบของพวกเขาว่าจะนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อลดกลิ่นเหม็นของอึแมว นักกลุ่มวิจัยของเขาได้พบสารประกอบกำมะถันจำนวนมากในแมวเพศผู้ที่มีการทำเครื่องหมายอาณาเขต และยังพบว่าไม่มีสารกำมะถันที่ว่านี้อยู่ในอุจจาระสุนัขเลย สารประกอบที่มีกำมะถันที่ว่าจะระเหยออกมาจากอุจจาระของแมว ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นแบบสุดๆ ที่เราโดนกันเป็นประจำนั่นเอง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้เสียทีเดียว เพราะนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า เจ้าสารที่ว่านี้จะเกาะแน่นกับไอออนของโลหะ ว่าง่ายๆ ว่าหากเราสามารถผสมไอออนของโลหะเข้าไปในอุจจาระของแมวได้ กลิ่นไม่พึงประสงค์ที่ว่าก็จะลดลงไปได้ แต่การที่จะทำแบบนั้นได้อย่างไรนั้น ยังเป็นสิ่งที่ต้องศึกษากันต่อไป และต่อให้ไม่มีสารประกอบกำมะถันที่ว่านี่ในอึแมวก็ใช่ว่าจะทำให้อึแมวไม่เหม็นเลยอยู่ดี เพราะสารอื่นๆ ในอุจจาระนั้น ก็จะยังคงทำให้อึของแมวมีกลิ่นอยู่ดี แม้ว่ากลิ่นที่ว่าจะลดลงมาจนพอๆ กับสัตว์จำพวกอื่นก็ตาม ที่มา soranews24
-
12 สิ่งที่ควรเปลี่ยนจากทำตอนเช้า มาเป็นทำ “ก่อนเข้านอน” แล้วชีวิตคุณจะดีขึ้น
หลายคนอาจคิดว่า เวลากลางคืนก่อนจะนอนนั้นควรเป็นเวลาพักผ่อนจากกิจกรรมต่าง แล้วค่อยเริ่มใหม่ในเช้าวันรุ่งขึ้น แต่ที่จริงแล้ว บางอย่างหากว่าอยากได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ามันควรทำในเวลา “กลางคืน” งานวิจัยในยุคปัจจุบันแนะนำว่ามี 12 สิ่งที่คนเราควรทำ แทนที่จะเป็นเวลาเช้า ให้เปลี่ยนมาทำในเวลากลางคืนจะดีกว่า 12 สิ่งที่ว่า จะมีอะไรบ้าง ไปดูพร้อมๆ กันเลย… 1. การทานเนื้อหรือคอทเทจชีส หลายคนอาจทราบว่าการทานอาหารก่อนนอนนั้นทำให้นอนหลับได้ยาก แต่ถ้าหากเป็นอาหารให้โปรตีนสูงอย่างเนื้อหรือชีสสด (Cottage Cheese) นั้นจะ ทำให้การนอนหลับของคุณดีขึ้น เพราะว่าอาหารเหล่านี้นอกจากจะมีโปรตีนสูงแล้วยังมีสาร Tryptophan ที่ช่วยในเรื่องของการนอนหลับอีกด้วย ผัก ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักสำหรับทานก่อนเข้านอนเพราะอาจทำให้ลงพุงได้ และไม่ควรปล่อยให้ตัวเองหิว เพราะความหิวก็อาจทำให้คุณนอนไม่หลับได้เช่นกัน 2. เดิน การเดินก่อนเข้านอนจะทำให้คุณมีสมาธิอยู่กับตัวเองและ ลืมความกังวลที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ส่วนการเดินตอนเย็นนั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ช่วยลดอาการนอนไม่หลับ ได้ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กและ แจ็ค ดอว์ซีย์ ผู้บริหารทวิตเตอร์ ชื่นชอบการเดินตอนเย็นมาก เพราะไอเดียและวิธีใหม่ๆ ในการแก้ปัญหามักจะเกิดขึ้นในใจขณะกำลังเดิน 3. คิดแผนที่ต้องทำสำหรับวันต่อไป การคิดแผนในตอนเช้าจะทำให้เรารีบและอาจหลงลืมสิ่งต่างๆ ได้ง่าย แต่การคิิดวางแผนในตอนกลางคืนนั้นจะทำให้เรา…
-
ไขมูลเหตุ ‘พระเพทราชา’ ชิงอำนาจจากพระนารายณ์ เพื่อ ‘กู้ชาติ’ หรือ ‘ล้มบัลลังก์’ กันแน่!?
ต้องขอบอกเลยว่าเหตุการณ์แย่งชิงอำนาจของพระเพทราชาในละครเรื่อง ‘บุพเพสันนิวาส’ เมื่อคืนที่ผ่านมานั้นถือว่าเข้มข้นและสนุกเอามากๆ เลยล่ะ ต้องขอปรบมือให้ทีมงานเบื้องหลังและนักแสดงที่ทำออกมาได้สุดยอดจริงๆ ก็อย่างที่เพื่อนๆ รู้กันดีอยู่แล้วว่าละครนี้ถูกสร้างโดยอิงมาจาก ‘ประวัติศาตร์’ แล้วเรื่องราวของเหตุการณ์แย่งชิงอำนาจของพระเพทราชาได้กล่าวไว้ว่าอย่างไรบ้าง เราลองไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า… ในช่วงปี พ.ศ. 2231 สมเด็จพระนารายณ์มหาราชประทับ ณ ที่นั่งสุทธาสวรรค์ ขณะนั้นพระองค์ทรงประชวรด้วยโรคไอหืด (asthmatic cough) และใกล้สวรรคตเต็มที ด้วยทรงเห็นว่าพระเพทราชานั้นเป็นผู้ใหญ่ จึงได้หมอบหมายให้ว่าราชการแทน ต่อมาในวันที่ 18 พฤษภาคม ปี พ.ศ. 2231 คณะขุนนาง และทหารนำโดยพระเพทราชาและหลวงสรศักดิ์ ยกขบวนมาที่ตึกพระเจ้าเหา จากนั้นก็ทำการประกาศยึดอำนาจ ระหว่างนั้นพระเพทราชาก็ลวงพระอนุชาทั้งสองพระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์ คือเจ้าฟ้าน้อย และเจ้าฟ้าอภัยทศ ว่ามีรับสั่งให้เข้าเฝ้า และเมื่อพระอนุชาทั้งสองพระองค์ออกเดินทางมายังละโว้ (ลพบุรี) เพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์ ก็ถูกหลวงสรศักดิ์ดักจับตัวระหว่างทางก่อนที่จะได้เข้าเฝ้า แล้วพาไปสำเร็จโทษที่วัดทราก ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของลพบุรี ส่วนทางด้านพระปีย์ พระราชโอรสบุญธรรมก็ถูกพลักตกจากชาลาพระที่นั่งสุทธาสวรรค์ ก่อนที่จะถูกกุมตัวไปสำเร็จโทษ นอกจากนี้ได้รับสั่งให้เจ้าพระยาวิชเยนทร์ (คอนสแตนตอน ฟอลคอน) เข้ามาพบ และเมื่อมาถึงยังศาลาลูกขุน ก็ถูกพาตัวไปประหารชีวิตเมื่อวันที่…
-
ชาวญี่ปุ่นแชร์ กลยุทธ์เจ๋งๆ และวลีไม้ตาย ที่ไว้ใช้บอกลาเซลล์ขี้ตื๊อ ให้หายไปในบัดดล!!
เชื่อว่าเพื่อนๆ คงเคยมีประสบการณ์พบเจอเซลส์ขายของเข้ามาหาเพื่อชวนซื้อของอย่างเช่นพวกประกัน เครื่องกรองน้ำหรืออื่นๆ ก็เช่นกัน พอเจอแบบนั้นไป แน่นอนว่าหลายๆ คนมักปฏิเสธไป แต่บางทีเซลส์บางคนก็ตื๊ออยู่นั่น ซึ่งก็สร้างความรำคาญให้แก่เราเหลือเกิน คนบางทีเราอาจอยากจะตะโกนไปว่า “หุบปากและเลิกยุ่งกับฉันสักที!” แต่วันนี้เพื่อนๆ จะไม่ต้องทนกับการตื๊อต่อรองของเซล์แมนอีกต่อไป เมื่อได้มีชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งได้ออกมาเปิดเผยวิธีและประโยคเด็ดๆ ที่สามารถทำให้เซล์เลิกตื๊อไปโดยในบัดดล โดยในวันที่ 9 เมษายน 2018 ได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ @papi_pirika ได้ทวีตข้อความแนะนำสองกลยุทธ์ที่จะทำให้เซล์แมนล้มเลิกความตั้งใจ ซึ่งหนึ่งในสองวิธีนี้เป็นวิธีที่ได้ผลมากๆ คุณ @papi_pirika บอกว่าหากมีเซล์แมนโผล่มาหาที่บ้านหรือที่ห้องและเริ่มพูดโน้มน้าว เขาจะบอกกับเซลส์ไปก่อนว่า “คุณรู้มั้ย ผมก็ทำงานเป็นเซลส์เหมือนกัน มันเป็นงานที่ลำบากใช่มั้ยล่ะ?” แต่หากเซล์แมนคนนั้นยังไม่มีท่าทีที่จะล้มเลิกความตั้งใจแถมยังพูดโน้มน้าวซะอย่างยาวต่อ คุณ @papi_pirika ก็จะพูดประโยคอีกประโยคหนึ่ง ที่ถือว่าเป็นเหมือนท่าไม้ตายที่อาจจะต้องใช้โชคช่วยหน่อยก็คือ “Ima, mushoku nan desu” หรือที่แปลได้ว่า “ตอนนี้ผมว่างงานอยู่ล่ะ” แน่นอนการได้รับค่าคอมมิชชั่นจากคนบางคนที่ไม่มีรายได้ มันจะทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกับเลือดขูดเนื้อเกินไปและคงจะรู้สึกผิดกับมันแน่ๆ (ถ้าคุณได้เจอกับเซล์แมนที่ไม่รู้ผิดอ่ะนะ) แต่ @papi_pirika ยังมีกลยุทธ์หนึ่งที่ได้ผลมากๆ อีกด้วย นั่นคือเพียงแค่คุณไม่ต้องออกไปหาเซล์แมนตอนที่พวกเขามากดกริ่งหรือมายืนร้องเรียกคุณอยู่หน้าบ้านหรือหน้าห้อง แค่นี้ก็ไม่ต้องมาฟังเซลส์ตามตื๊แล้ว แต่อย่าลืมนะว่ากลยุทธ์ที่เขาแนะนำมาใช้ได้เพียงกับเซลส์ที่แวะมาหาตามบ้านเท่านั้น หากเจอเซลส์ที่เข้ามาในตอนที่ดูสินค้าในร้านค้าต่างๆ อันนี้เพื่อนๆ ต้องหาทางเอาเองแล้วล่ะ …
-
8+1 พฤติกรรม ‘การนอนหลับ’ ที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศจากทั่วโลก
การนอนหลับเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ร่างกายมนุษย์ต้องการเป็นอย่างมาก การนอนหลับถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ร่างกายของมนุษย์ได้พักผ่อนเพื่อเพิ่มพลังงานแล้วออกไปทำกิจกรรมต่างๆ ปกติมนุษย์ควรนอนหลับวันละประมาณ 6-8 ชั่วโมง รุ้ไหมว่า พฤติกรรมของการนอนหลับของคนทั่วโลกนั้นไม่เหมือนกัน ต่างพื้นที่ก็ย่อมมีพฤติกรรมที่เกี่ยวกับการนอนหลับแตกต่างกันไป เรามาดูว่าที่บอกว่าแตกต่าง มันต่างกันอย่างไร 1. ประเทศกัวเตมาลา นอนหลับกับตุ๊กตากังวล ตามความเชื่อของชาวมายันในกัวเตมาลา ถ้าคุณรู้สึกกังวลหรือเศร้าให้เอาตุ๊กตากังวลใส่ไว้ใต้หมอนที่คุณนอน พวกเขาเชื่อว่าความกังวลและความเศร้าทั้งหลายจะไปอยู่ที่ตัวตุ๊กตาแทน แล้วเราจะคลายความกังวลไว้หลังจากที่ตื่นขึ้นมา 2. ประเทศญี่ปุ่น นอนหลับในที่สาธารณะ ที่ประเทศญี่ปุ่นมีการทำงานที่หนักมาก มักจะทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมงทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า การงีบหลับในช่วงระยะเวลาสั้นๆ จะทำให้สมองตื่นตัว ดังนั้นการเห็นคนญี่ปุ่นนั่งงีบบนรถไฟไม่ใช่เรื่องแปลก 3. ประเทศเม็กซิโก นอนหลับบนเปลญวน ชาวเม็กซิโกชื่นชอบมากๆ กับการนอนพักผ่อนบนเปลญวนสบายๆ 4. ประเทศนอร์เวย์ เอาเด็กไปนอนงีบนอกบ้าน ที่นอร์เวย์พ่อแม่ทั้งหลายมักจะนำลูกใส่รถเข็นแล้วเอาไปนอนนอกบ้าน เชื่อกันว่าเด็กจะสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง และประเทศนอร์เวย์เป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลก พ่อแม่จึงกล้าที่จะปล่อยให้ลูกนอนนอกบ้านได้ 5. ประเทศสเปน นอนกลางวัน ที่ประเทศสเปนคงจะเป็นที่ถูกใจของใครหลายๆ คนเพราะที่นี่เค้าเริ่มงานกันตอน 9.00-13.30 น. จากนั้นก็ให้เวลาทานข้าวแล้วก็นอนกลางวัน แล้วตื่นมาทำงานอีกทีตอน 16.30 – 20.00 น.…
-
เพียงภาพเดียว…หนุ่มโพสต์ภาพ ‘เซลฟี่’ บนยอดเขาเอเวอร์เรสต์ เพื่อตอบโต้แนวคิด ‘โลกแบน’
โดยปกติแล้วพวกเราคงรู้กันอยู่แล้วว่า ‘โลกกลม’ จากการเรียนการสอนในวิชาวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็กๆ แต่ในช่วงหลังๆ ที่ผ่านมานี้ได้มีกลุ่มคนที่เชื่อว่า ‘โลกแบน’ ผุดขึ้นมา ซึ่งพวกเขาจะมีแนวคิด ทฤษฎีต่างๆ ที่นำมาสนับสนุนความคิดดังกล่าว จากงานประชุม Flat Earth International Conference ที่จัดขึ้นในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เหล่าบุคคลที่เชื่อว่าโลกแบนได้เข้าร่วมกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งในงานก็ได้มีการอธิบายโดยอ้างอิงหลักต่างๆ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าโลกนั้นแบน ไม่ได้กลมอย่างที่ NASA หรือนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังทั้งหลายได้กล่าวเอาไว้ บ้างก็บอกว่าคลิปวิดีโอต่างๆ หรือภาพถ่ายของโลกจากนอกอวกาศนั้นเป็นเพียงภาพตัดต่อ ไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด บ้างก็อ้างว่าถ้าโลกมันกลมจริงทำไมเส้นขอบฟ้าที่เราเห็นถึงได้ตรงล่ะ!? ในช่วงพักหลังๆ มากนี้มีข่าวว่าเหล่าคนที่เชื่อว่า ‘โลกแบน’ มากมายหลายคน พยายามที่จะพิสูจน์ความเชื่อของตัวเองว่าเป็นความจริง ด้วยการส่งจรวดออกไปนอกโลกอยู่บ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งก็ไม่เป็นผล แน่นอนว่ามันอาจจะดูเหมือนไกลเกินเอื้อม เพราะเงินทุนของคุณต้องหนา ค่าใช้จ่ายในการสร้างจรวด หรือจะอาศัยหน่วยงาน หรือบริษัทที่ทำหน้าที่ในการส่งจรวดขึ้นไป ก็สูงมากพอๆ กับความสูงของชั้นบรรยากาศโลกเลยล่ะ แต่ล่าสุดสมาชิกเว็บไซต์ Reddit ชื่อว่า amazed_spirit ได้โพสต์รูปภาพพร้อมกับใส่แคปชั่นว่า “รุกฆาตแล้ว เหล่าคนที่เชื่อว่าโลกแบนทั้งหลาย” โดยภาพดังกล่าวเป็นภาพถ่ายเซลฟี่จากบนยอดเขา Everest ของนักปีนเขาที่สามารถขึ้นไปพิชิตบนจุดที่อยู่สูงสุดบนโลกได้…
-
9 วิธีที่จะช่วยทำให้ฟันขาวสดใสแบบธรรมชาติ ด้วยวัตถุดิบง่ายๆ ใกล้ตัว
รอยยิ้มสวยงามพร้อมกับฟันที่ขาวสะอาดสดใสแบบดาราฮอลลีวูดคงจะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลายๆ คน ต้องการ แต่การฟอกสีฟันเราก็ทราบกันดีว่ามีราคาที่แพง และต้องทำซ้ำหลายๆ ครั้งกว่าจะเห็นผล #เหมียวบู้บี้ ก็เลยนำ 9 วิธีการทำให้ฟันขาวสดใสแบบธรรมชาติ ด้วยของจากธรรมชาติที่หาได้ง่ายๆ และทำได้ทุกวันที่บ้านของคุณเอง แค่นี้ก็ประหยัดเงินและทำให้ฟันขาวสดใสแล้ว 1. ขมิ้นกับน้ำมันมะพร้าว ผสมขมิ้นผง 1 ช้อนชากับน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันสะระแหน่สัก 2-3 หยด คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน จะช่วยเคลือบฟัน ฟันขาวขึ้น และทำให้ลมหายใจหอมสดชื่นด้วย 2. ที ทรี ออยล์ (Tea Tree Oil) หยดน้ำมันที ทรีออยล์ 5 หยดลงไปเจือจางกับน้ำเปล่าครึ่งแก้ว ใช้บ้วนปากหลังจากที่แปรงฟันตามปกติทุกๆ วัน หลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ก็จะสังเกตเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างไป จะให้ดีกว่านี้ให้ใช้น้ำมันทีทรีออยหยดแล้วแปรงฟันหนึ่งหรือสองครั้งต่อสัปดาห์ 3. สตรอว์เบอร์รี นำสตรอว์เบอร์รีสดมาบดให้ละเอียด ผสมเกลือทะเลเล็กน้อย แปรงๆ ถูๆ เข้าที่ฟันสักนาทีแล้วค่อยล้างออก หากทำสักครั้งต่อ 2 สัปดาห์จะช่วยเคลือบฟันเป็นอย่างดี …
-
งานวิจัยเผย.. คนฉลาดมีแนวโน้มที่จะเป็นคน ‘ดื่มเหล้า’ บ่อยและมากกว่าปกติ!!
การดื่มแอลกอฮอล์คือสิ่งที่ใครหลายๆ คนชื่นชอบ เพราะทำให้ได้ออกไปนั่งพูดคุย สังสรรค์กับเพื่อนฝูง ปลดปล่อยความเหนื่อยล้าจากการทำงานออกไปได้อย่างเต็มที่ แต่รู้มั้ยว่านอกจากเหตุผลเหล่านั้นแล้ว การดื่มเหล้ายังอาจแสดงถึงความฉลาดที่มีอยู่ในตัวคุณด้วย จากข้อมูลของสถาบัน National Child Development Study (NCDS) สหราชอาณาจักร พบว่าเรื่องของความฉลาดในวัยเด็กนั้นมีความเชื่อมโยงกับปริมาณแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไปในตอนวัยช่วง 20-40 ปี พวกเขาทำการเก็บข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่างเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี จัดระดับตั้งแต่ “กลุ่มที่ฉลาดมาก” (ไอคิวสูงกว่า 125) ไปจนถึง “กลุ่มที่หัวทื่อมากๆ” (ไอคิวต่ำกว่า 75) พอเวลาผ่านไป การศึกษานี้ก็พบว่าเด็กใน “กลุ่มที่ฉลาดมาก” เมื่อโตขึ้นพวกเขาจะดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าหรือบ่อยกว่า “กลุ่มที่หัวทื่อมากๆ” โดยกลุ่มแรกนั้นจะเมาอย่างน้อยเดือนละครั้งหรือมากกว่านั้น ในขณะที่อีกกลุ่มแทบจะไม่เคยเมากันเลย เว็บไซต์ Psychology Today ได้อธิบายความเชื่อมโยงดังกล่าวเอาไว้ว่า จุดเริ่มต้นของการดื่มแอลกอฮอล์นั้นเกิดขึ้นมาจากความบังเอิญเมื่อ 10,000 ปีก่อน ลองคิดดูว่าการดื่มสุรานั้นมีการเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องของวัตถุดิบที่ใช้ กรรมวิธีในการทำ หรือแม้แต่ลักษณะการดื่ม จากที่มนุษย์เคยกินอาหารเป็นหลัก สุราเป็นส่วนประกอบ ปัจจุบันเรากลับสามารถออกไปดื่มเหล้าเป็นหลัก โดยที่มีอาหารเป็นเพียงแค่กับแกล้มกันเล่า นับว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด …
-
บอกลาออฟฟิศแล้วมาดู 12 อาชีพแปล๊กแปลก สำหรับคนที่ต้องการสีสันในชีวิต
คุณรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตการทำงานทุกวันนี้อยู่หรือเปล่า? หัวหน้าใจร้าย เพื่อนร่วมงานเอาเปรียบ งานซ้ำจำเจ นั่งอยู่แต่ในออฟฟิศ มันคงจะน่าเบื่อใช่ไหมล่ะ? หลายๆ คนเมื่อรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตการทำงานก็มักจะมองหางานใหม่ๆ ที่สนุก และไม่จำเจ หากใครกำลังคิดแบบนี้อยู่ล่ะก็ เรามีอาชีพมาเสนอคุณ 12 อาชีพ ที่รับรองว่าแปลกใหม่ ไม่ซ้ำใครๆ รับรองว่าไม่เบื่อหน่ายแน่นวลลล ส่วนจะมีอาชีพอะไรบ้างนั้น ไปชมพร้อมๆ กันเลย… 1. นักแกะหมากฝรั่ง อาชีพนี้มีจริงๆ ในสหรัฐอเมริกา ประเทศที่ผู้คนอาศัยอยู่มากมาย ทำให้มีหลายคนที่เคี้ยวๆ หมากฝรั่งแล้วก็ไม่รู้จะทิ้งที่ไหน ก็ถ่มถุยเอาไว้แถวนั้น หรือไม่ก็เอาไปแปะเอาไว้ตามสถานที่สาธารณะ ดังนั้นจึงเกิดอาชีพ นักแกะหมากฝรั่ง ขึ้นเพื่อคอยไล่เก็บไล่แกะหมากฝรั่งออกจากที่สาธารณะ 2. นักพิสูจน์กลิ่น อย่าเพิ่งยี๊กันนะ การดมกลิ่นไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น อย่างเช่นบริษัท Proctor & Gamble ที่ต้องว่าจ้างนักพิสูจน์กลิ่นมาเพื่อทดสอบผลิตภัณฑ์ขจัดกลิ่นของบริษัท ว่าสามารถขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้หมดจดหรือไม่ 3. นักชิมอะโวคาโด หากว่าคุณชอบทานอะโวคาโดล่ะก็ ในประเทศออสเตรเลียจะมีอาชีพนักชิมอะโวคาโดที่เพียงคุณชิมเพื่อคัดเลือกอะโวคาโดชั้นดีสำหรับร้านอาหาร คุณก็จะได้รับค่าจ้าง …สุดยอดไปเลยยย 4. เพื่อนเจ้าสาวรับจ้าง…
-
สาระ!! ผลการศึกษาชี้ชัด การงดมี “เซ็กส์” นานๆ มีข้อเสียมากถึง 9 ประการเชียวนะเออ
วันนี้เรามาพูดถึงการมีเพศสัมพันธ์กันบ้างดีกว่า (เฮ้ย…พูดอะไรน่ะ น่าเกลียด) แต่ว่าเราจะพูดแบบมีสาระต่างหาก บางคนบอก ยี๋… ฉันไม่เอาด้วยหรอก กิจกรรมร่วมเพศอะไร บัดสีบัดเถลิง!! ทุกท่านใจเย็นๆ ก่อนครับ ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเผยแล้วว่า การ จั้มบ๊ะ กันเป็นประจำนั้น มันดีกว่าการที่เราไม่เล่นจ้ำจี้กันเลยเป็นเวลานาน เอาล่ะ เรามาดูกันดีกว่าว่า การที่คนเราขาดเพศสัมพันธ์เป็นเวลานานๆ นั้นจะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายอย่างไรบ้าง 1. มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหัวใจสูง งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เผยออกมาแล้วว่าการจั้มบ๊ะกันแค่ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยลดโอกาสที่หลอดเลือดแดงของฝ่ายชายจะอุดตันลงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่เล่นจ้ำจี้กันน้อยกว่าเดือนละครั้ง งานวิจัยปัจจุบันในวารสาร Sexual Medicine ยังพบอีกว่าเล่นจ้ำจี้นั้นช่วยลดระดับสาร Homocysteine สารเคมีอันตรายที่ก่อให้เกิดปัญหากับระบบหัวใจ ว่ากันว่าเมื่อผู้ชายมีเซ็กส์บ่อยๆ จะทำให้มีระบบไหลเวียนเลือดและสุขภาพหลอดเลือดที่ดี แต่สำหรับเพศหญิงอาจจะมีข้อดีน้อยกว่า เพราะไม่ค่อยเกี่ยวกับกระแสเลือดเท่าไหร่ 2. เกิดความเครียด การศึกษาวิจัยในวารสาร Biological Psychology ชี้ว่าการจั๊มบ๊ะกันมันมีผลดีกว่าการ “ช่วยตัวเอง” อย่างมาก เพราะการมีสัมพันธ์สวาทจะช่วยให้สมองทำการเพิ่มระดับฮอร์โมน เอ็นโดรฟิน และ อ็อกซีท็อกซิน ที่สามารถยับยั้ง ฮอร์โมนก่อความเครียดอย่าง คอร์ติซอล ได้ 3.…
-
รวม 9 ข้อดีเกี่ยวกับสุขภาพ ที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ จาก ‘การเดิน’ และคุณอาจจะคาดไม่ถึง!!
‘การเดิน’ ถือเป็นกิจวัตรประจำวันที่เราสามารถทำได้ง่ายๆ แต่หลายๆ คนก็มักจะหลีกเลี่ยงเพียงเพราะว่า ‘มันเหนื่อย’ แต่จริงๆ แล้วการเดินนั้นมันมีประโยชน์มากมายมหาศาลต่อสุขภาพของเราอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ และในวันนี้ #เหมียวหง่าว ก็มีงานวิจัยจากต่างประเทศ ที่จะมายืนยันว่าการเดินนั้นมันมีประโยชน์จริงๆ จะมีอะไรบ้างลองไปชมกันได้เลยจ้า… 1. มีผลดีต่อสมอง จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร PLoS One เป็นวารสารวิชาการสาขาวิทยาศาสตร์ ได้ระบุเอาไว้ว่าการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ (Lower Impact Cardio Exercise) อย่างเช่นการเดิน จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดภาวะสมองเสื่อมก่อนเวลาอันควร ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ และทำให้สภาพจิตใจดียิ่งขึ้น 2. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น แม้ว่าตามจริงแล้วตากับเท้านั้นเป็นอวัยวะที่อยู่ห่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่การเดินบ่อยๆ จะช่วยลดความเสี่ยงในการป่วยเป็นโรคต้อหินด้วยการลดความดันลูกตาที่มากเกินไป (อ้างอิง) 3. ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ จากรายงานขององค์กร American Heart Association ได้ระบุเอาไว้ว่า ‘การเดิน’ ไม่ได้มีผลดีน้อยไปกว่าการวิ่งจอกกิ้งเลยแม้แต่น้อย โดยการเดินจะช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ หรืออาการชัก ด้วยการเพิ่มแรงดันในการสูบฉีดเลือดทำให้คอเลสเตอรอลที่อยู่ในเส้นเลือดนั้นถูกชำระล้างออกไป (อ้างอิง) 4. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการหายใจ การเดินถือเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิก…
-
8 กฎสำคัญจากผู้เชี่ยวชาญ “ขับรถหน้าฝน” ให้ปลอดภัย ลดโอกาสตายน้อยที่สุด!!
ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองฝนตกชุก แม้กระทั่งฤดูร้อนก็อาจจะมีพายุจนทำให้ขับรถลำบาก ทั้งไหนจะฝนที่ตกลงมา ที่ร้ายกว่านั้นคือสภาพถนนที่ไม่ดีในบางช่วง อาจจะนำไปสู่อุบัติเหตุได้ จากข่าวคราวอุบัติเหตุทางถนนที่มากมาย เราลองมาดูคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่แนะนำเทคนิคดีๆ ให้ได้รับทราบกันว่า ควรจะขับรถอย่างไรเพื่อลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุให้เหลือน้อยที่สุด… 1. เริ่มจากรถเรา ทำความสะอาดทั้งคอนโซล-กระจก คงจะไม่ดีแน่ๆ ถ้าจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต เราเกิดอุบัติเหตุเพราะมือลื่นจากพวงมาลัยที่สกปรกเกินไป หรือกระจกที่มัวแล้วฝนตกใส่จนทำให้เรามองไม่เห็น ในหน้าฝนนั้นความสะอาดของรถถือเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรให้ความใส่ใจเป็นอันดับแรกๆ แม้ตัวรถอาจจะล้างให้ใสปิ๊งได้ยากเพราะฝนตกตลอด แต่เราต้องมั่นใจว่า พวงมาลัย แท่นเกียร์ แป้นเบรก คันเร่ง กระจก สิ่งเหล่านี้ต้องสะอาดพร้อมใจงานเสมอ 2. สภาพยาง สภาพยางแบ่งออกได้เป็น 2 เรื่อง คือสภาพของลมยางที่พร้อมกับการใช้งาน ตามคำแนะนำที่รถทุกคันจะมี และอีกเรื่องคือสภาพของยางจริงๆ ซึ่งการใช้งานยางรถยนต์นั้นปกติแล้วคำแนะนำจะอยู่ที่ 3 ปีหรือประมาณ 50,000 กิโลเมตร แต่เราสามารถเช็คยางด้วยตนเอง เช่นการจิกยางแล้วไม่ยวบเกินไป สภาพดอกยางยังดี ยางไม่มีรอยแตก และร่องยางยังคงลึกเกิน 1.6 มิลลิเมตร ก็สามารถใช้งานต่อได้ 3. ตัวเราเอง โฟกัสตลอดเวลา การขับรถโดยเฉพาะตอนฝนตก เราต้องใช้สติโฟกัสไปที่ถนนมากกว่าเดิม…
-
โอ้จอร์จมันยอดมาก 10 วิธีสุดเจ๋งที่ช่วยให้หายสะอึกได้ แถมไม่ต้องโดนทำให้ตกใจด้วย
อาการสะอึกส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยฉับพลันและหายไปอย่างรวดเร็ว แต่บางครั้งก็กลายเป็นปัญหาที่น่ารำคาญและเรื้อรัง กินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด บอกว่าการสะอึกที่นานที่สุดในโลกเกิดขึ้นกับ Charles Osborne ชายหนุ่มจาก รัฐไอโอวา เขาสะอึกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 68 ปีตั้งแต่ 1922 ถึงปี 1990 เลยทีเดียว ในแง่ของสรีรวิทยา การสะอึกเกิดขึ้นเมื่อกะบังลมเคลื่อนไหวผิดจังหวะ บวกกับกล่องเสียงก็ได้ปิดกั้นการไหลของอากาศทำให้เกิดการกระตุกของลมหายใจอันน่ารำคาญพวกนี้ขึ้น การจะให้หายสะอึกไปอย่างถาวรนั้น ในปัจจุบันยังไม่มีการค้นพบแต่อย่างใด สิ่งที่เราพอจะทำได้ในตอนนี้ มีเพียงวิธีการที่จะทำให้หายสะอึกได้เร็วขึ้นก็เท่านั้น ซึ่งในวันนี้ #เหมียวศรัทธา ก็ได้นำตัวอย่างที่ว่ามาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันแล้ว ดังต่อไปนี้ อุดหู อุดหูของคุณประมาณ 20-30 วินาที หรือกดบริเวณที่นุ่มๆ ด้านหลังติ่งหู แถวๆ ฐานด้านล่างของกะโหลกศีรษะ นี้จะเป็นการส่งสัญญาณ “ผ่อนคลาย” ผ่านระบบประสาทช่วงคอ หรือเส้นประสาทเวกัส ซึ่งเชื่อมต่อกับกะบังลม ช่วยให้การเกร็งตัวสะอึกลดลง ดื่มน้ำ การกลืนน้ำโดยใช้หลอดจะช่วยผ่อนคลายเส้นประสาทได้ การดื่มจากแก้วน้ำก็อาจมีผลเช่นเดียวกัน วิธีนี้มักจะช่วยหยุดการสะอึกได้ในหลายๆ คน แต่บางครั้งก็อาจจะต้องทำหลายๆ ครั้งหน่อย อุดหู และดื่มน้ำพร้อมกัน อาจจะฟังดูตลกเพราะมันก็เป็นเพียงการทำวิธีหยุดการสะอึกไปพร้อมๆ กันสองแบบเท่านั้น แต่ในตอนที่คุณอุดหูนั้น คุณกำลังกดประสาทเส้นประสาทเวกัสให้ผ่อนคลายจากการเกร็งไปพร้อมๆ กับการดูดน้ำที่จะทำให้มีการกลืนอย่างสม่ำเสมอจนระบบการกลืนกลับมาเป็นปกติ…
-
18 เรื่องจริงของกะจั๊วที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน เจ้ายังรู้จักพลังที่แท้จริงของกะจั๊วน้อยไป!!!
อะไรเอ่ย? มีอยู่ในบ้านของแทบทุกคน? คำตอบคือ กะจั๊ว หรือแมลงสาบของเรานั่นเอง ไม่คือก็ต้องเชื่อเพราะแม้ว่าคุณจะไม่เห็นตัวมันกับตา แต่ก็เชื่อเถอะว่ามันจะต้องอาศัยอยู่ที่ไหนสักแห่งใกล้ๆ นั่นล่ะ… โดยเฉพาะแถวๆ ท่อน้ำทิ้ง แมลงสาบนั้นเป็นสัตว์ที่ตายยาก แถมยังมีความสามารถมากมาย ไม่แน่นะว่าถ้าคุณได้อ่าน 18 เรื่องจริงของกะจั๊ว ต่อไปนี้ คุณอาจจะรู้สึกเคารพมันมากขึ้นนิดนึงก็ได้ ถึงแม้ว่าถ้าเจอกันจะต้องตายกันไปข้างเหมือนกันก็เถอะ แม้แต่ไดโนเสาร์ก็ยังต้องเจอกับแมลงสาบ แมลงสาบเป็นหนึ่งในแมลงที่มีอยู่มากในยุคเมโซโซอิก และอาจจะเคยมีอาหารหลักเป็นอึไดโนเสาร์ด้วยก็ได้ แมลงสาบโตเต็มวัยสามารถอยู่ได้ถึงหนึ่งปี วัฏจักรชีวิตจากไข่จนโตเต็มวัยใช้เวลาประมาณ 600 วันและอายุของแมลงสาบโตเต็มวัยจะในช่วงเวลาประมาณ 400 วัน แมลงสาบเพศเมียจะผลิต “แคปซูลไข่” ที่มีไข่ 30-48 ฟองต่อครั้ง และตัวเมียตัวหนึ่งมักจะผลิตแคปซูลไข่ได้ราวๆ 4-8 แคปซูลในช่วงชีวิตของมัน การศึกษาชิ้นหนึ่งได้พิสูจน์ว่าแมลงสาบตัวเมียสามารถสืบพันธุ์ได้ แม้ในกรณีที่ไม่มีตัวผู้ แมลงสาบสามารถแผ่ตัวแบนลงได้จนสูงแค่ 3 มิลลิเมตรเท่านั้น และมันยังสามารถวิ่งต่อไปได้อย่างเต็มกำลังในขณะที่ทำตัวแบน แมลงสาบสามารถรองรับแรงกดได้ถึง 900 เท่าของน้ำหนักร่างกายตัวมัน แมลงสาบสามารถอยู่ได้นานหลายสัปดาห์โดยไม่มีหัว เนื่องจากแมลงสาบไม่ใช้สมองควบคุมการหายใจและไม่ต้องกินอาหารบ่อยนัก แมลงสาบสามารถอยู่ได้ราวๆ 1 เดือนโดยไม่มีอาหาร…
-
12 สิ่งที่ไม่ควรทำ หากคุณอยากสร้างความประทับใจแรกพบ (First Impression) ที่ดี
เวลาที่เราไปสัมภาษณ์งานหรือพบเจอกับพบเจอกับลูกค้า คู่ค้า ใหม่ๆ สิ่งที่สำคัญอันดับต้นๆ ที่เราไม่สามารถมองข้ามไปได้เลยก็คือความประทับใจแรกพบ (First Impression) โดยภาพลักษณ์ของคุณจะดูดีหรือดูไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับความประทับใจแรกพบนี่แหละ ซึ่งในบางครั้งอาจจะเป็นตัวตัดสินชะตาชีวิตคุณว่าจะได้งานหรือคู่ค้าหรือไม่เลยก็ได้ และเพื่อให้เพื่อนๆ สามารถสร้างความประทับใจแรกพบได้ดี วันนี้ #เหมียวโคบี้ จึงได้นำข้อควรระวังเวลาพบใครเป็นครั้งแรก ก็หวังว่านี่จะช่วยให้เพื่อนๆ สามารถหางานหรือคู่ค้าได้ดียิ่งขึ้นครับ 1. จับมือไม่แน่น ข้อควรระวังในข้อแรกที่จะทำให้ความประทับใจแรกพบของคุณดูแย่ลงก็คือการจับมือ มีงานวิจัยได้ศึกษาพบว่าคนที่จับมือแบบหละหลวมจะถูกเหมารวมว่าเป็นคนขี้อาย กระวนกระวาย ไม่เปิดรับสิ่งอื่นและมักจะขาดความสามารถ ดังนั้นหากอยากสร้างความประทับใจที่ดีล่ะก็ อย่าได้ลืมการจับมือแบบแน่นๆ และมั่นคงนะครับ! 2. วางมือผิดตำแหน่ง เราจะถูกสอนมาบ่อยๆ ว่าในขณะพูดอย่านำมือล้วงกระเป๋าเพราะมันจะเหมือนกับคุณกำลังซ่อนอะไรบางสิ่งอยู่ รวมถึงหากคุณจะวางมือบนโต๊ะ อย่ากำมือแน่นเกินหรือวางฝ่ามือลงบนโต๊ะ เพราะนั่นจะเป็นเหมือนกับคุณต้องการที่จะควบคุมคนสัมภาษณ์อยู่ รวมถึงคุณอาจจะต้องศึกษาวัฒนธรรมของบริษัทที่คุณไปสัมภาษณ์หรือไปค้าขายด้วย เพราะบางทีการวางมือในที่ต่างๆ อาจจะเป็นสิ่งที่ห้ามธรรมในวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ 3. เคี้ยวหมากฝรั่ง การที่คนอื่นเห็นคนเคี้ยวหมากฝรั่งตั้งแต่พบกันครั้งแรก จะทำให้พวกเขาคิดว่าคุณเป็นคนที่ไม่มีนิติภาวะ เด็กน้อยหรือโลว์คลาส แต่อย่างไรก็ตามถึงมันจะทำดูไม่สุภาพ แต่ว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งจะทำให้คนคนนั้นดูเป็นมิตรและเข้าได้ถึงง่ายกว่าคนปกติ 4. ไม่สบตากับผู้พูด สิ่งหนึ่งที่สร้างความประทับใจแรกพบของคุณให้ดีขึ้นได้ ก็คือการสบตากับผู้พูด โดยที่มีการวิจัยพบว่าคนที่ให้ความสำคัญกับการสบตาในขณะพูดและฟัง มักจะถูกมองว่าเป็นคนที่มีความมั่นใจและเป็นคนฉลาด แต่ในอีกด้านหนึ่งการหลบตาผู้พูดผู้ฟัง จะถูกมองว่ามีความจริงใจและเสน่ห์น้อยลงและมีความวิตกกังวลมากขึ้น 5.…
-
9 สิ่งที่คนลดน้ำหนักส่วนใหญ่มักจะทำผิด แก้ไขซะ ก่อนที่จะกลับมาอ้วนเหมือนเดิม!!
ปกติแล้วสำหรับการลดน้ำหนักนั้นเรามักจะคิดว่าแค่ทานอาหารที่มีแคลอรีต่ำและออกกำลังกายทุกวันก็ทำให้น้ำหนักลดได้ แต่อย่างไรก็ตามวิธีการลดน้ำหนักที่ได้ผลดีไม่ได้มีแค่นั้น นอกจากสิ่งที่ควรทำแล้วก็ยังมีสิ่งที่ไม่ควรทำอีกด้วย ซึ่งสิ่งที่ไม่ควรทำนั้นอาจจะทำให้การลดน้ำหนักของคุณพังทลายลงไปได้เลย 9. ไม่อ่านฉลาก ในปัจจุบันก็มีแพ็คเกจอาหารต่างๆ มากมายที่กล่าวว่าเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพหน้าผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้บริโภคนั้นหลงเชื่อว่ามันดีต่อสุขภาพจริงๆ แต่เมื่อตรวจสอบดูที่ฉลากแล้วจะเห็นว่าคำกล่าวอ้างเหล่านั้นไม่จริงเลย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นน้ำตาลที่มีปริมาณมากเกินไป ให้สังเกตส่วนผสมที่ลงท้ายด้วย -ose เช่น fructose, glucose, dextrose, maltose และ sucrose เพราะเจ้าชื่อที่ดูวิทยาศาสตร์มากๆ พวกนี้คือรูปแบบหนึ่งของ “น้ำตาล” ทั้งนั้นเลย สิ่งที่ควรทำ อย่าลืมตรวจสอบรายชื่อส่วนผสมและคุณค่าทางโภชนาการที่ฉลากหลังผลิตภัณฑ์ และอย่าลืมดูปริมาณที่ควรบริโภคต่อคน วิธีนี้จะทำให้เรารู้ว่าควรบริโภคปริมาณเท่าใด 8. ชั่งน้ำหนักบ่อยเกินไป ถึงแม้ว่าการชั่งน้ำหนักบ่อยๆ จะไม่ส่งผลต่อน้ำหนักที่ลด แต่มันสามารถทำให้หงุดหงิดได้ จำไว้ว่าการลดน้ำหนักเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา การชั่งน้ำหนักทุกวันนั้นจะทำให้เกิดอาการท้อได้ สิ่งที่ควรทำ ใช้เทปวัดรอบเอว สะโพกหรือต้นขาแทนเพื่อเป็นการดูความคืบหน้าเป็นเวลาสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ถ้าหากต้องการชั่งน้ำหนักเพื่อเป็นแรงผลักดันให้ออกกำลังกาย ให้ชั่งสัปดาห์ละครั้งแทน 7. สนใจแต่การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ แต่ไม่สนใจเรื่องการเสริมสร้างความแข็งแรง คุณสามารถพูดได้ว่าออกกำลังกายนิดเดียวยังดีกว่าไม่ออกกำลังกายเลย แต่ถ้าคุณทั้งควบคุมอาหารการกิน ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ แต่ว่าน้ำหนักไม่ได้ลดในอย่างที่เราต้องการ สาเหตุนั้นอาจเกิดมาจากร่างกายที่ไม่แข็งแรง การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงนั้นนอกจากจะทำให้มีกล้ามเนื้อแล้วยังทำให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายมากขึ้นอีกด้วย สิ่งที่ควรทำ ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอและเสริมสร้างความแข็งแรงควบคู่กันไป…
-
15 ทริคเล็กๆ ทางลัดการใช้คอมพิวเตอร์ รู้ไว้ ประหยัดพลังงานชีวิตได้มากโข
ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้เราก้าวเข้าสู่ยุคแห่งเทคโนโลยีอย่างเต็มตัว คอมพิวเตอร์ เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ด้านการทำธุรกรรมต่างๆ เป็นต้น ในเมื่อคอมพิวเตอร์มีบทบาทสำคัญในการดำรงชีวิตของเรา เราก็ต้องเริ่มศึกษาและปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีทั้งหลายเหล่านี้ #เหมียวบู้บี้ ก็เลยมีทริคเล็กๆ สำหรับการใช้คอมพิวเตอร์มาฝาก แค่จำและนำไปใช้ก็สามารถประหยัดเวลาได้อย่างเยอะเลยนะเออ 1. เปิดแท็บที่เพิ่งปิดไป Windows: Ctrl+Shift+T macOS: Cmd +shift+T 2. บันทึกหน้าเพจเป็น PDF Windows: Ctrl+P เลือก บันทึกเป็น PDF macOS: Cmd +Shift+t . 3. ใช้การค้นหาขั้นสูงจาก Google Advance เพื่อค้นหาสิ่งที่คุณค้นหาแบบเฉพาะเจาะจง . 4.เมื่อต้องการรู้เวลาเมืองต่างๆ ในโลก พิมพ์ time+ชื่อเมืองที่ต้องการ 5.ต้องการเปลี่ยนสกุลเงินให้พิมพ์ ค่าเงินเดิม to ค่าเงินที่จะแปลง เช่น 500 Baht to…
-
ปรับนานแล้ว? เปิดกฎกระทรวงฉบับปี 2515 ระบุชัด นักเรียนชายไม่ต้องตัด “ผมเกรียน”
ภาพของเด็กนักเรียนมัธยมที่มีทรงผมสั้นติ่งหู หรือผมเกรียน หรือการลงโทษเด็กที่ผมยาวจนถูกปัตตาเลี่ยนไถหัวจนกลายเป็นทรงแหว่งๆ ยังคงเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ในสังคมไทยเรา เนื่องจากมันเป็นกฎที่หลายๆ โรงเรียนตั้งเอาไว้เพื่อใช้ควบคุมการแต่งกายของเด็กนักเรียนให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากนี้ยังมีคำบอกเล่าจากเหล่าครูบาอาจารย์บางคนอีกว่าการไว้ผมเกรียนนั้น ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเหาบนหัวนั่นเอง อีกทั้งเกรงว่าเด็กๆ จะทำทรงผมแบบแปลกประหลาดจนเกิดการเลียนแบบไปทั่ว ทำให้การไว้ผมสั้นยังคงถูกบังคับใช้ในโรงเรียนส่วนใหญ่ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราเริ่มจะได้เห็นการออกมาเคลื่อนไหวของเด็กรุ่นใหม่ เกี่ยวกับการเรียกร้องเพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบตรงนี้เสียใหม่ หรือให้มีการเปิดเสรีเกี่ยวกับทรงผม เนื่องจากมองว่าการบังคับให้เหล่านักเรียนตัดผมสั้นถึงติ่งหูหรือสั้นเกรียนนั้นเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลขั้นพื้นฐานเกินไป หนึ่งในนั้นที่บางคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาคือนาย เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ที่เคยออกมาพูดถึงเรื่องนี้เมื่อเกือบ 5 ปีที่แล้วกับเว็บไซต์ประชาไท โดยบางช่วงบางตอนของบทสัมภาษณ์นั้นเนติวิทย์กล่าวว่า “เรื่องทรงผมไม่ใช่ว่าได้รองทรงแล้วจะจบ เราจะเรียกร้องไปถึงที่สุดเลยครับ คือจำเป็นเลยที่จะต้องยกเลิกกฎระเบียบเรื่องทรงผม” “เพราะว่าผมเชื่อเลยครับถ้าสมัยก่อนเขาให้รองทรง นักเรียนก็ต้องต่อสู้อยู่ดี ก็ต้องเรียกร้องสิ่งที่มากกว่า ไม่มีใครหรอกครับที่จะต้องการโดนจำกัดเสรีภาพ และเสรีภาพที่ทางกระทรวง (ศึกษาธิการ) ให้ เป็นเสรีภาพจอมปลอมเท่านั้นเอง ทำให้เราหลงเชื่อว่าเรามีอิสรภาพ มีเสรีภาพแล้ว เสรีภาพที่แท้จริง ต้องไม่ควบคุมกันครับ นี่เป็นสิ่งที่เราเรียกร้องไปให้ถึงที่สุด” ย้อนกลับไปในปี 2556 นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ ได้เคยออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับกฎหมายที่ว่าด้วยเรื่องของทรงผมนักเรียนที่เคยออกไว้ตั้งแต่ 22 เมษายน 2515 หรือราวๆ 46 ปีที่แล้ว โดยในกฎดังกล่าวระบุเอาไว้ว่า 1. นักเรียนชายไว้ผมยาว…
-
มารู้จักเด็กๆ ให้มากขึ้นดีกว่ากับ 8 ทฤษฎีที่น่าสนใจของความแตกต่างระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่
ว่ากันว่าเด็กๆ นั้นมองโลกต่างกับผู้ใหญ่ พวกเขานั้นทำอะไรลงไปโดยที่ยังคิดว่าตัวเองนั้นเป็นศูนย์กลางของจักรวาล และทุกๆ คนเป็นเหมือนดั่งดวงดาวที่หมุนรอบตัวของพวกเขาอยู่ แต่เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมเด็กๆ ถึงเป็นเช่นนั้น นี่คือ 8 ทฤษฎีที่น่าสนใจของความแตกต่างระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ที่จะมาตอบคำถามมากมายที่อยู่ในหัวเราเกี่ยวกับเด็กๆ ตั้งแต่การจินตนาการไร้ขอบเขตของพวกเขา เรื่อยไปจนทำไมบางครั้งพวกเขาก็พูดอะไรแปลกๆ ออกมา จินตนาการของเด็กๆ จนกว่าจะโตในระดับหนึ่ง เด็กเล็กจะไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างจินตนาการกับความเป็นจริงได้ นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขามั่นใจว่าสิ่งที่พวกเขาแต่งขึ้นมาเองในหัวมีอยู่จริง อย่างไรก็ตามหากเด็กได้ยินเรื่องที่ไม่น่าเชื่อจากบุคคลอื่นพวกเขาก็จะไม่เชื่อมันเท่าไหร่นักคล้ายๆ กับผู้ใหญ่ การทดลองแสดงให้เห็นว่าเส้นแบ่งระหว่างความคิดและความเป็นจริงในการรับรู้ของเด็กน้อยนั้น มีอยู่ค่อนข้างน้อย เพราะพวกเขายังไม่เข้าใจว่าความรู้ใดเป็นความจริงนั่นเอง ขาดความคิดเชิงนามธรรม มีเรื่องที่ว่าเด็กที่อายุน้อยกว่า 11 ปีจะสามารถคิดโดยอิงถึงความเป็นจริงในปัจจุบันเท่านั้น และไม่สามารถคิดแบบนามธรรมได้ นักจิตวิทยา Rudolph Schaffer ได้ทำการทดลอง โดยถามเด็กสองกลุ่มว่าจะวางตาที่สามบนส่วนไหนของร่างกายดี เด็กทั้งหมดในกลุ่มที่อายุ 9 ปี จะชี้ไปที่หน้าผาก เพราะมีสองตาอยู่ที่บริเวณใกล้ๆ ส่วนกลุ่มที่สองที่ประกอบด้วยเด็กที่อายุ 11 ปีซึ่งสามารถคิดได้แบบนามธรรมได้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มเสนอทางเลือกที่แตกต่างกันไป เช่นการวางตาบนฝ่ามือเพราะจะทำให้พวกเขาสามารถมองเห็นด้านหลังได้ การเรียนภาษา เด็กๆ จะสามารถเรียนรู้ภาษาได้ง่าย นักภาษาศาสตร์ Noam Chomsky อธิบายว่ามีสิ่งที่คล้ายๆ กล่องเครื่องมือในสมองของมนุษย์ซึ่งเชื่อมต่อกฎไวยากรณ์ของภาษาทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีเซลล์สมองนับล้านที่รับผิดชอบต่อการรับรู้ของเด็กและการทำซ้ำคำพูดที่ก่อให้เกิดระบบการดำเนินการที่ซับซ้อน…
-
7 ผลเสียที่จะเกิดขึ้นหากไม่ออกไปรับ ‘แสงแดด’ อย่ามัวแต่กลัวดำ ออกไปทำอะไรกลางแจ้งบ้าง
หลายๆ คนไม่ชอบออกไปข้างนอกให้ร่างกายสัมผัสกับแสงแดด เพราะกลัวว่ามันจะทำให้ผิวเราคล้ำ แต่สิ่งที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อนก็คือแสงอาทิตย์นั้นถือว่าจำเป็นต่อร่างกายของเราอย่างมาก และการไม่ให้ผิวหนังกระทบกับมันเลยอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของเรามากกว่าที่คิด วันนี้ #เหมียวตะปู เลยอยากให้เพื่อนๆ ได้มารับความรู้ถึงความจำเป็นของแสงแดด ว่าถ้าหากเราหลีกเลี่ยงมันมากจนเกินไปจะส่งผลกระทบอะไรกับร่างกายของเราบ้าง เราลองไปดูกันเลยยย 1. กระดูกเปราะบาง แคลเซียมและวิตามิน D คือสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อกระดูก เพราะแคลเซียมจะสามารถดูดซึมได้ก็ต่อเมื่อได้รับการช่วยเหลือจากวิตามิน D ซึ่งเราสามารถได้รับมันจากแสงอาทิตย์ที่กระทบผิวกาย เพราะฉะนั้นการไม่ออกไปเจอแสงแดดจะทำให้การดูดซึมแคลเซียมของเราลดลง โครงสร้างของกระดูกจะมีความเปราะบางมากกว่าเดิม มันจึงกลายเป็นสาเหตุของอาการเจ็บกระดูก กล้ามเนื้ออ่อนแอลง โรคกระดูกพรุน กระดูกเปราะ และโรค Osteomalacia ซึ่งเกิดจากความอ่อนแอของกระดูก การออกไปโดนแสงแดดให้เพียงพอต่อความต้องการวิตามิน D ของร่างกายจึงถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก 2. ความผิดปกติของเท้า อย่างที่เราเข้าใจว่าการออกไปโดนแสงแดดคือการได้รับวิตามิน D เพราะฉะนั้นหากเราไม่ออกไปโดนแดดเลยจนทำให้มีวิตามิน D ไม่เพียงพอ ผลลัพธ์ที่ได้คือลดการดูดซับแคลเซียมและฟอสเฟต ส่งผลต่อกระดูกให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผิดรูปไป เพราะฉะนั้นการรักษาระดับวิตามิน D ให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ป้องกันไม่ให้เกิดอาการเจ็บเท้าเรื้อรัง โดยเฉพาะอาการที่เกิดจากข้อหรือข้อต่ออักเสบ อาการเจ็บที่เกิดจากเส้นเอ็นหรือบริเวณฝ่าเท้า 3. มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง หน้าที่หนึ่งที่สำคัญของวิตามิน D คือการช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ลดโอกาสการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง…
-
รวม 45 ประเทศที่ไม่มี “การเกณฑ์ทหาร” อยากจับใบแดงแค่ไหน ก็คงได้แค่ฝัน
สำหรับประเทศไทยแล้ว ชายสัญชาติไทยทุกคนจำเป็นจะต้องเข้ารับการคัดเลือกเข้าเป็นทหารกองประจำการได้เมื่อมีอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ การคัดเลือกก็อย่างที่ทราบกันดีว่ามีการจับสลากใบดำใบแดง ลุ้นดวงกันว่าจะรอดหรือต้องเข้ารับราชการทหาร การจับสลากได้ใบดำหมายถึงว่ารอดพ้นจากการถูกคัดเลือกเป็นทหารกองประจำการ แต่ถ้าหากจับสลากได้ใบแดง หมายถึงว่า ต้องเข้ารับราชการทหารเป็นระยะเวลา 2 ปี พอช่วงเวลาแห่งการเกณฑ์ทหารมาถึง ชายไทยที่ต้องเข้ารับการคัดเลือกก็ตื่นเต้นไปตามๆ กัน เพราะว่ามีทั้งผู้ที่อยากเป็นและไม่อยากเป็นทหาร หลายคนก็พยายามทำทุกวิถีทางให้ตัวเองรอดพ้นจากการเป็นทหารให้ได้ สำหรับประเทศไทยและอีกหลายประเทศก็ยังมีระบบการคัดเลือกเพศชายไปเป็นทหารอยู่ แต่หลายต่อหลายประเทศก็ยกเลิกระบบเกณฑ์ทหารไปเรียบร้อยแล้วหรืออาจจะไม่เคยมีระบบเกณฑ์ทหารมาก่อน วันนี้ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีประเทศใดบ้างที่ ไม่มีการเกณฑ์ทหาร 1. แอลเบเนีย การปกครองแบบ ประชาธิปไตยเกิดใหม่ ไม่มีการเกณฑ์ทหาร (ยกเลิก ค.ศ. 2010) 2. อาร์เจนตินา การปกครองแบบ สาธารณรัฐ ไม่มีการเกณฑ์ทหาร (สมัครใจได้ อาจมีการสั่งเกณฑ์ทหารได้ด้วยเหตุผลจำเพาะ ตาม Public Law No.24.429 ประกาศใช้ 5 มกราคม ค.ศ. 1995) 3. ออสเตรเลีย การปกครองแบบ ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ประชาธิปไตยระบบรัฐสภา; สหพันธรัฐ ไม่มีการเกณฑ์ทหาร (รัฐสภายกเลิก…
-
6 สิ่งที่ห้ามกดลงชักโครกเด็ดขาด ไม่งั้นถ้าเจอส้วมตันจะหาว่าไม่เตือนไม่ได้นะ
การที่ต้องมานั่งดูท่อตันนี่มันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดใช่ไหมล่ะ ดังนั้นก่อนหน้านี้ #เหมียวศรัทธา จึงได้นำเสนอ 10 สิ่งที่ห้ามทิ้งลงท่อ เพราะว่าถ้าทิ้งลงไปแล้วอาจทำให้ท่อตัน ให้กับเพื่อนๆ แต่คราวนี้เราจะมาเพิ่มเติมความรู้ ที่ทำให้ชีวิตของเพื่อนๆ ง่ายขึ้นไปอีกขั้น กับท่ออีกแบบที่ใหญ่กว่าท่อทั่วๆ ไปอีกนิด และท่อที่ว่าก็คือท่อชักโครกนั่นเอง นี่คือ 6 สิ่งที่ห้ามกดลงชักโครกเด็ดขาด เพราะว่ามีโอกาสจะทำให้ส้วมตันได้ เผื่อเอาไว้นิดนึงด้วยว่า ถ้าเป็นไปได้ ของทั้งสิบอย่างที่ไม่ควรทิ้งลงท่อ ก็ไม่ควรเอามาทิ้งลงชักโครกเช่นเดียวกันนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน 1. ทรายแมว ทรายแมวไม่ว่าจะทำจากส่วนผสมอะไรก็ไม่ควรทิ้งลงในชักโครกทั้งนั้น โดยเฉพาะแบบที่ทำจากซิลิกาเจล และแบบแบบดินเหนียว แบบซิลิกาเจลจะไม่ละลายในน้ำแถมยังดูดน้ำจนมีลักษณะเหนียวแฉะและไปติดตามพนังท่อได้ ส่วนทรายแมวแบบดินเหนียวอาจจะมีการจับตัวเป็นก้อนเมื่อเปียกน้ำ ซึ่งสามารถทำให้ส้วมตันได้อย่างรวดเร็ว 2. กากกาแฟ ของที่มีสภาพคล้ายดินนั้นจะสามารถสะสมภายในท่อได้ง่าย และเพิ่มโอกาสของการอุดตันของท่อ อีกทั้งกากกาแฟยังอาจจะไปผสมกับน้ำและสิ่งสกปรกอื่นๆ จนเกาะเต็มพนังท่อชักโครก และนำไปสู่ส้วมตันในเวลาต่อมา 3. ทิชชู่เปียก เดิมทีทิชชู่ในปริมาณมากๆ ก็อาจจะทำให้ท่อตันได้ง่ายๆ อยู่แล้ว ดังนั้นทิชชู่เปียกที่มีความหนาและคงทนกว่าทิชชู่ธรรมดายิ่งน่ากลัวยิ่งกว่า มันสามารถเข้าไปติดในท่อได้อย่างง่ายดาย และอาจนำไปสู่ส้วมที่ตันได้ 4. แพมเพิส แม้แต่ของเล็กๆ อย่างผ้าอนามัยยังเป็นศัตรูตัวฉกาจของท่อน้ำทิ้ง ของที่ใหญ่กว่าอย่างแพมเพิสยิ่งไม่ต้องพูดถึง เจลที่อยู่ภายในแพมเพิสไม่สามารถละลายในน้ำได้ ตรงกันข้ามมันอาจจะขยายตัวขึ้นจนอุดท่อแทนด้วย…
-
15 ความรู้ที่โรงเรียนไม่ได้สอน เพราะมันไม่มีประโยชน์…แต่มันเกร๋ มันเท่ มันคูลนะเว้ยยย
ยามจะหลับจะนอน เขาว่ากันว่าเป็นช่วงเวลาที่สมองโลดแล่นมากที่สุด มักจะคิดหรือตั้งคำถามปรัชญาอะไรต่างๆ ได้มากมายในเวลานั้น ทั้งๆ ที่ในระหว่างวัน ไม่เคยคิดมาก่อน ซึ่งมันก็ไม่แปลกหากเราจะเกิดคำถามต่างๆ ขึ้น เพราะว่าโลกของเรานั้นมีแต่สิ่งมหัศจรรย์ที่เราเองก็ยังไม่เคยทราบมาก่อน ฉะนั้น วันนี้ #เหมียวโลลิ จึงขอเสนอ ความจริง 15 ข้อ ที่เมื่อคุณรู้แล้ว คุณจะจำมันไปตลอด… 1. ในทุกๆ วันคุณกลืนขี้มูกเข้าไปราว 1 ใน 3 แกลลอน 2. รู้ไหมว่าเสียงร้องของเจ้า Raptor ใน Jurassic Park ใช้เสียงของเต่าที่กำลังจะเสร็จสมอารมณ์หมาย… 3. อวัยวะส่วนแรกของการกำเนิดมนุษย์คือ ก้น โดยเฉพาะ รูทวาร ที่เป็นจุดเริ่มต้นพัฒนาการ 4.การเคี้ยวหมากฝรั่งมันจะทำให้คุณ “ตด” บ่อยขึ้น เพราะว่าคุณกลืนอากาศเข้าไปเยอะนั่นเอง 5. ในทุกๆ ปี 98 เปอร์เซ็นต์ของร่างกายคุณ จะกลายเป็นคนใหม่ เพราะอะตอมของคุณได้ผลัดเปลี่ยนเป็นเซลล์ใหม่อยู่เสมอ…
-
PornHub จัด “แนวหนังโป๊” ที่แต่ละประเทศชอบดูมากที่สุด คุณว่าไทยชอบดูแบบไหน!?
โอเค เห็นหัวข้อแล้วก็เก็บคำตอบไว้ในใจ เราลองมาดูกันว่าคำตอบของคุณถูกหรือไม่!? PornHub เว็บไซต์สื่อลามกชื่อดัง (ว๊าย รับไม่ได้!!) ได้เปิดเผยข้อมูลสถิติถึงการค้นหาประเภทหนังโป๊ที่คนประเทศต่างๆ ให้ความสนใจมากที่สุด ออกมาเป็นแผนที่อินโฟกราฟิคดังกล่าว สำหรับคนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ เราจะช่วยอธิบายประเภทที่พวกเขาแบ่งออกมาให้เข้าใจอย่างคร่าวๆ นะครับ (จริงๆ #ประธานเหมียว ไม่รู้หรอก ใช้เวลาหาข้อมูลอยู่ตั้งสองวันแน่ะ!!) Lesbian – แนวผู้หญิง vs ผู้หญิง ก็เลสเบี้ยนตามชื่อน่ะแหละ School – รักใสๆ วัยมัธยม Ebony – แนวหนุ่มผิวขาวสาวผิวสี หรือไม่ก็สลับกัน MILF – แนวคุณแม่ยังแจ๋ว Anal – เล่นประตูหลัง Big Dick – แนวแบบ #ประธานเหมียว หรือว่า หรรมส์ใหญ่ นั่นเอง Hentai – แนวการ์ตูนลามก หรืออีกความหมายคือแนวพวกดมกางเกงใน ขโมยเสื้อในพวกนี้เช่นกัน Mature – หนังโป๊ผู้ใหญ่หน่อย…
-
เข้าสังคมอย่างมั่นใจ เป็นผู้ใหญ่ที่ดูดี ด้วย 14 กฎของการ “แต่งกาย” แต่งอย่างไรให้เนี้ยบ!!
การแต่งกายนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สะท้อนอะไรหลายๆ อย่างในตัวเราออกมาได้ เช่น รสนิยม ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสังคม และวุฒิภาวะ ฉะนั้น จึงไม่แปลกใจที่ทำไมเมื่อเรายังเด็กเราสวมใส่ชุดอะไรก็ได้ แต่โตขึ้นมา การแต่งกายกลับจุกจิกมากขึ้น ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่า เมื่อเราโตขึ้นเราต้องทำตัวให้มีภาพลักษณ์ที่ดีอยู่เสมอ การแต่งกายที่ผิดพลาดเล็กน้อยก็อาจจะส่งผลกระทบต่อมุมมองของบุคคลอื่นที่มีต่อเราก็ได้ วันนี้ #เหมียวโลลิ จึงขอเสนอ กฎการแต่งกายทั้ง 14 ข้อ สำหรับผู้ใหญ่ ที่หากว่าคุณจำมันได้แล้วล่ะก็ คุณสามารถแต่งกายเข้าสังคมได้สบายๆ 1. กระดุมเสื้อสูท ติดเม็ดกลางเสมอ เม็ดบนติดบางครั้ง ส่วนเม็ดล่างไม่ควรติดเลย 2. หากจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต จำไว้เสมอว่า พยายามอย่าปลดเกิน 2 เม็ด 3. ใส่เครื่องประดับที่เข้ากันเฉพาะต่างหูกับกำไล หรือสร้อยคอกับแหวนก็พอแล้ว ใส่เครื่องประดับเข้ากัน 3-4 ชิ้น ถือว่ามากเกินไป 4. ปลายของเนคไทควรอยู่ระดับเอวพอดี ทับหัวเข็มขัดเล็กน้อย อย่าสั้นหรือยาวจนเกินไป 5. ระหว่างเสื้อคอลึกกับกางเกงขาสั้นให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ใส่ทั้งสองพร้อมกันอาจจะดูไม่เรียบร้อย 6. หากคุณสวมเสื้อเชิ้ตโดยไม่มีแจ็คเก็ตคลุม…
-
แนะนำ 18 ทรงผมสุดเฟี้ยวสำหรับ “นักเรียนชาย” เผื่อวันหนึ่งไม่ต้องหัวเกรียนแล้ว…
ไหนๆ ตอนนี้ เรื่องของ “ทรงผม” ก็กำลังเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างร้อนระอุุ โดยเฉพาะทรงผมของนักเรียนที่ผู้คนต่างมีความคิดเห็นแย้งกันว่า ควรมีการบังคับทรงผมสำหรับนักเรียนหรือไม่ โดยเฉพาะนักเรียนชาย ที่หากว่าไม่มีการบังคับเรื่องของทรงผมแล้ว พวกเขาจะดูแปลกตาไปโดยสิ้นเชิง เพราะปกติโรงเรียนส่วนใหญ่จะบังคับให้นักเรียนชายตัดผมอยู่ทรงเดียว นั่นก็คือ… “ทรงนักเรียน” แบบด้านล่างนี้ อื้อหืม ไม่ไหวแล้ว คันมือออ ห้ามที!! สมมติว่าสุดท้ายแล้ว นักเรียนไทยไม่จำเป็นต้องตัดผมทรงนักเรียนอีก แล้วพวกเขาจะตัดผมทรงอะไรล่ะ ปล่อยผมรุงรังไปโรงเรียนงั้นเหรอ หรือว่าทำผมทรงตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบไปดีล่ะ? เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน วันนี้ #เหมียวโลลิ จะขอถือโอกาสนำเสนอทรงผม 18 แบบสำหรับผู้ชาย ต้อนรับกระแสทรงผมนักเรียนกันหน่อย บทความนี้สามารถใช้เป็นแนวทางในการเลือกทรงผมสำหรับผู้ชายทุกวัย (ยกเว้นเด็กนักเรียนหัวเกรียน) จะมีทรงอะไรบ้างไปดูกันเลย… 1. ทรงยุ่งแบบธรรมชาติ (ใช้โพเมดแต่งนิดหน่อยขณะผมแห้ง) 2. ปัดข้างอย่างเรียบร้อย 3. หวีเสย (ผมสั้น) 4. หวีเสย (ผมยาว) 5. ป้ายข้างนิดหน่อย ให้ผมพอปรกหน้าผาก …
-
เค้าไม่ได้หยิ่งนะ… รวมเรื่องเล่าเกี่ยวกับ “คนบุคลิกเก็บตัว (Introvert)” ให้คุณได้รู้มากขึ้น
การเข้าสังคมและสังสรรค์นั้นเป็นเรื่องสนุกสนาน เฮฮา และมีความสุข แต่ไม่ใช่สำหรับทุกคน… เพราะว่าคนเราจะมีบุคลิกภาพในการเข้าสังคมอยู่ 2 ประเภทใหญ่ๆ ก็คือ 1. พวกชอบเข้าสังคม (Extrovert) และ 2. พวกชอบเก็บตัว (Introvert) สำหรับผู้คนที่มีบุคลิกภาพชอบเก็บตัว (Introvert) นั้น คงไม่ใช่เรื่องน่าสนุก หากต้องออกไปพบเจอผู้คนเยอะๆ เสียงดังโวยวาย เพราะคนในประเภทนี้จะชอบอยู่กับตัวเอง มีความสุขกับการที่ได้อยู่คนเดียว ทำอะไรอย่างที่ใจตนเองอยากทำ ฉะนั้น คนที่มีบุคลิกแบบเก็บตัวจึงพากันออกมาโพสต์ทวิตเตอร์บอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับบุคลิกของพวกเขา เรามาดูกันดีกว่าว่าคนที่มีบุคลิกแบบเก็บตัว เขาอยากบอกอะไรให้พวกเราเข้าใจกันบ้าง… การไปปาร์ตี้ก็เหมือนกับไปเป็นคณะลูกขุนที่ศาล คุณต้องเสียการงานและเวลา เพื่อไปแสดงตัวที่ศาล โดยไม่รู้ว่ามันจะมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นจริงๆ หรือเปล่า หวังว่ามันจะมีนะจะได้คุ้มเวลาที่เสียไปหน่อย เธอ: *พิมพ์อะไรตลกๆ มา* ผม: *กำลังพิมพ์ 5555555555* *ดูอีกที ลบ 5 ออกตัวหนึ่งดีกว่า* เมื่อผมกลับถึงบ้านพร้อมกับคนข้างบ้าน… “ผมจะนั่งฟังเพลงและทำอะไรในรถก่อน จนกว่าคนข้างบ้านจะเดินเข้าบ้านไป ผมถึงเข้าบ้าน” นี่คือรถสำหรับคนเก็บตัว……
-
10 สัญญาณ บ่งบอกว่าอาหารของคุณนั้นเข้าสู่ด้านมืดไปแล้ว ทิ้งไปซะหากยังรักชีวิตอยู่
ไหนใครเคยเป็นโรคอาหารเป็นพิษบ้าง ขอเสียงหน่อย ถึงจะเป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยมากนัก เพราะที่พบบ่อยที่สุดก็คือโรคอาหารเป็นมิตร ผ่าม!! ความจริงแล้วจากข้อมูลงานวิจัยขององค์การอนามัยโลกกล่าวว่า 1 ใน 10 ของประชากรทั้งหมดบนโลกล้วนเคยเป็นโรคอาหารเป็นพิษอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี ซึ่งสาเหตุหลักนั้นไม่ได้มาจากไหนเลย นอกจากความสดของอาหารในครัวเรือนของเรานั่นเอง ในการที่จะตรวจสอบว่าอาหารของคุณหมดอายุหรือยังนั้นบางทีก็ไม่ยาก บางอย่างมีแค่น้ำแก้วเดียวก็สามารถตรวจสอบได้แล้ว ไปลองเช็กดูกันได้เลย 1. นม รู้หรือไม่ว่านมพร่องมันเนย 1-2% ยังสามารถดื่มได้หากเลยวันหมดอายุตามฉลากข้างกล่องถ้ายังไม่ได้เปิดหรือสัมผัสกับอากาศ ในการที่จะเก็บรักษานมที่เปิดกล่องหรือขวดแล้ว ต้องเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 4 องศาเซลเซียส และต้องแช่ไว้ข้างในตู้เย็นเท่านั้น ห้ามแช่ตรงประตูตู้เย็นเด็ดขาด 2. เครื่องปรุง สำหรับคนที่ชื่นชอบซอสมะเขือเทศและซอสต่างๆ ข้อมูลเหล่านี้ถือว่ามีประโยชน์มากเลยทีเดียว ซอสมะเขือเทศนั้นสามารถอยู่ได้ถึง 1 ปีหากยังไม่เปิดใช้งาน ถ้าหากเปิดแล้วมันจะมีอายุประมาณ 1 เดือนหากแช่ไว้ในตู้เย็น มายองเนสสามารถอยู่ได้ถึง 4 เดือนหากยังไม่เปิดขวด แต่ถ้าเปิดแล้วมันจะอยู่ได้ประมาณ 3 เดือนหากแช่ไว้ในตู้เย็น ถ้าหากสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงทั้งกลิ่นและรสชาติ ควรโยนทิ้งและซื้อใหม่ได้โดยไม่ต้องลังเล นอกจากนั้นยังมีซอสชนิดอื่นๆ ที่ไม่ต้องแช่ในตู้เย็นเช่น ซอสถั่วเหลือง ถ้าเปิดขวดแล้วสามารถอยู่ได้ถึง 3 ปีเลยทีเดียว มัสตาร์ด สามารถอยู่ได้ถึง 2…
-
แบบทดสอบความบริสุทธิ์ทางความคิด อันที่จริงแล้ว ความคิดของคุณอยู่ที่อายุเท่าไหร่กันนะ
“อายุที่แท้จริงกับอายุทางความคิดของคนเราไม่เท่ากัน” คุณคิดว่าประโยคนี้เป็นความจริงหรือไม่ จากที่เราได้เห็นคนรอบตัวที่ได้เจอะเจอก็คงจะรู้ว่า ยังมีมนุษย์อีกมากมายที่อายุที่แท้จริงกับอายุทางความคิดไม่สัมพันธ์กัน บางคนอายุเยอะแต่ยังมีความคิดยังเป็นเด็ก และบางคนก็อายุน้อยแต่ทว่าความคิดของเขานั้นเป็นผู้ใหญ่เกินตัว วันนี้ #เหมียวบู้บี้ ก็มีแบบทดสอบง่ายๆ มาให้คุณผู้อ่านได้ลองทดสอบดูว่า ระดับอายุทางความคิดของคุณที่แท้จริงนั้นมันเท่าไรกันแน่ ***วิธีการเล่น อ่านโจทย์แล้วตอบคำถาม เลือกตัวเลือกที่ถูกใจคุณที่สุด แล้วไปดูผลลัพธ์เฉลยด้านล่างได้เลย*** 1. เลือกกลุ่มสีที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด 1. สีโทนสดใส 2. สีโทนมืด 3. สีลายพาสเทล 4. สีแบบเรียบๆ 2. อาหารเหล่านี้ คุณอยากจะทานอะไรที่สุด 1. แฮมเบอร์เกอร์ 2. ซุป 3. พิซซ่า 4. อาหารทะเล 3. 4 สิ่งนี้คุณอยากได้อะไรมากที่สุด 1. ความรัก 2. ชื่อเสียง 3. เงิน 4. ครอบครัวที่อบอุ่น 4. ประเภทภาพยนตร์ที่คุณชื่นชอบคืออะไร 1. การ์ตูน…
-
6 ท่าออกกำลังกายง่ายๆ บนเก้าอี้ ลดไขมันต้นขา ลดพุง สำหรับชาวออฟฟิศ
ชาวพนักงานออฟฟิศทั้งหลายคงจะคุ้นชินกับการนั่งบนเก้าอี้นานๆ วันละประมาณ 8-9 ชั่วโมง ซึ่งการนั่งแบบนานๆ มันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเท่าไหร่ และมีผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากมายที่บ่งบอกอาการเสี่ยงของมนุษย์ออฟฟิศที่อาจจะเป็นโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด และโรคอ้วน ในเมื่อชีวิตของเรามีแค่ชีวิตเดียว เราก็ต้องดูแลมันให้ดีที่สุด #เหมียวบู้บี้ ก็เลยนำวิธีการออกกำลังกายแบบง่ายๆ มาฝาก เป็นการออกกำลังกายบนเกาอี้ที่สามารถทำได้ง่ายๆ ในออฟฟิศหรือที่บ้าน หากเขินที่จะทำล่ะก็ ชวนเพื่อนร่วมงานละมาออกกำลังกายง่ายๆ แบบนี้บ้างสิ 1. ท่าเข่าแตะศอก ท่านี้ดีต่อเอว กล้ามเนื้อท้องส่วนล่างทำงาน ท่าง่ายๆ แบบนี้ ไม่ทำไม่ได้แล้ว วิธีทำ 1. นั่งตัวตรงบนเก้าอี้ หลังไม่พิงพนัก เอามือประสานไว้ที่ท้ายทอย 2. ยกเข่าขวาขึ้นมาระดับหน้าอก ก้มเอาข้อศอกข้างซ้ายมาแตะบนหัวเข่าด้านขวา 3. กลับไปอยู่ท่าเดิม ทำซ้ำ 15 ครั้ง 4. เปลี่ยนข้างเป็น ยกเข่าด้านซ้ายขึ้นมาระดับหน้าอก ก้มเอาศอกด้านขวามาแตะหัวเข่าด้านซ้าย 15 ครั้ง 5. ทำ 4 เซต เซตละ 15 ครั้ง…
-
5 ปริศนาฝึกสมอง รับบทเป็นนักสืบดูบ้าง จะคลี่คลายคดีเหล่านี้ได้หรือไม่? ลองดูกันเลย!!
สำหรับคนที่ชื่นชอบในการชมภาพยนตร์หรือซีรีย์สืบสวนสอบสวนก็คงอยากจะลองรับบทเป็นเจ้าหน้าที่ FBI หรือนักสืบบ้าง แต่ก่อนหน้านั้นก็ต้องทำการทดสอบมากมายถึงจะมีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นนักสืบได้ ถ้าอยากลองรับบทเป็นนักสืบดู ก็ลองไขปริศนาเหล่านี้ดูสิ ไม่แน่เจ้าหน้าที่ FBI ที่กำลังแอบสอดส่องคุณบนเว็บไซต์อาจเห็นแววในตัวและติดต่อคุณให้รับตำแหน่งนักสืบก็เป็นได้ 1. ฆาตกรรมแอปเปิล ฆาตกรเชิญชวนให้เหยื่อมาที่บ้านเพื่อทานอาหารด้วยกัน เธอได้เสนอแอปเปิลให้กับเหยื่อโดยใช้มีดผ่าแบ่งกันคนละครึ่ง ทั้งคู่ทานแอปเปิลผลเดียวกัน แต่มีแค่เหยื่อคนเดียวที่เสียชีวิต คำถาม ถ้าทั้งคู่ทานแอปเปิลผลเดียวกัน ทำไมคนหนึ่งถึงเสียชีวิต ในขณะที่อีกคนกลับไม่เป็นอะไรเลย? 2. ปริศนานักเคมี นักเคมีชื่อดังถูกพบเสียชีวิตในห้องแลป ทางตำรวจได้ข้อมูลมาว่ามีผู้กระทำความผิดจำนวน 2 คน และพบผู้ต้องสงสัย 5 คน นามว่า Felice, Joshua, Nicolas, Nathan และ Peter ผู้ตายได้ทิ้งโน้ตข้อความที่กล่าวว่า “26-3-58/28-27-57-16” ตำรวจก็รู้ทันทีเลยว่าคนร้ายคือใคร คำถาม ใครคือคนร้ายและตำรวจรู้ได้อย่างไร? 3. ฆาตกรรมในบ้าน ชายหนุ่มถูกฆาตกรรมเมื่อตอนกลางวันในวันอาทิตย์ ขณะที่เกิดเหตุนั้นมีคนอยู่ในบ้านจำนวน 4 คนคือ ภรรยา พ่อครัว คนใช้และคนทำสวน ทางตำรวจได้สอบสวนทั้ง 4 คนดังกล่าวว่าพวกเขากำลังทำอะไรในขณะที่เกิดเหตุฆาตกรรม…
-
กำลังมีความรักอยู่รึเปล่า? มาดู 10 สัญญาณที่บ่งบอกว่าความสัมพันธ์ของคุณนั้นแย่ตั้งแต่เริ่มต้น
ใครๆ ก็ล้วนเคยมีความรักกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดก็ตาม แต่ความรักที่คุณกำลังมีอยู่ในตอนนั้น ความจริงแล้วมันอาจไม่ใช่ความรักที่ดีก็เป็นได้ ถ้าคุณตกหลุมรักใครสักคนในทันทีโดยไม่รู้จักเขาคนนั้นมาก่อน ถ้าคุณไม่สามารถหยุดคิดถึงเขาคนนั้นได้ หรือว่าถ้าอารมณ์ของคุณนั้นขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายว่าเขาจะสนใจคุณหรือไม่ นั่นแสดงว่าคุณอาจกำลังมีแนวโน้มที่จะเจอความสัมพันธ์ที่ไม่ดีอย่างที่คิดไว้ เหตุการณ์แบบนี้มักจะเกิดขึ้นกับคนที่ไม่มีความรักต่อตัวเองมากพอ จึงทำให้มีความรู้สึกที่อยากจะได้รับความรักจากคนอื่น ทำให้กลายเป็นวงจรความสัมพันธ์ที่แย่ อาจทำให้เกิดความอยากเป็นเจ้าของและพยายามที่จะเอาชนะกันมากกว่าที่จะสร้างความสุขให้แก่กันและกัน นี่คือ 10 สัญญาณที่บ่งบอกว่าความรักของคุณนั้นแย่เสียตั้งแต่เริ่ม อ่านไว้แล้วไปลองปรับตัวดูหากไม่ต้องการให้ความสันพันธ์นั้นจบลงหรือต้องทนเจอกับอะไรแย่ๆ ไปตลอด 10. คุณคิดทันทีว่าได้พบกับคู่ชีวิตของคุณแล้ว มีหลายคู่มากมายที่มั่นใจกับการเดตครั้งแรกและรีบกลับบ้านมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้พบกับคู่ชีวิตสุดแสนเพอร์เฟกต์ที่เฝ้ารอคอยมาทั้งชีวิต แต่มันจะเป็นแบบนั้นจริงหรือ? ถ้าคุณได้พบกับคนที่มอบความตื่นเต้นให้ ลองรอจนกว่าความรู้สึกนั้นจะเบาลงและดูว่ารู้สึกอย่างไรหลังจากนั้น ถ้าได้เจอกับสถานการณ์แบบนี้ ให้ลองพักอยู่กับตัวเองทุกๆ 2-3 วันและพยายามหาอะไรอย่างอื่นทำที่คอยดึงดูดความสนใจไม่ให้คิดถึงแต่คนๆ นั้น 9. คุณคิดไปเองมากเกินไป ในช่วงเริ่มต้นของความสัมพันธ์ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการฟังมากกว่าพูด ถ้าเขาพูดออกมาว่า “ฉันไม่ใช่คนง่ายๆ นะ” นั่นหมายความว่าเขากำลังบอกคุณล่วงหน้าเกี่ยวกับตัวของเขาเอง พยายามอย่ามองข้ามข้อมูลเหล่านี้ไป อย่าพยายามคิดไปเองว่า “ไร้สาระน่า เราจัดการได้” เมื่ออีกฝ่ายให้คำเตือนมาแบบนี้ แสดงว่าเขาไม่คิดว่าคุณคู่ควรกับเขาหรือไม่อยากสานต่อความสัมพันธ์ ถ้าหากได้ยินคำพูดเหล่านี้บ่อยๆ ก็คงต้องหาว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น หรือพิจารณาตัวเองอีกครั้งว่าจะสานต่อความสัมพันธ์หรือไม่ 8. คุณปฏิเสธเพื่อนของคุณเพื่อทำให้คู่ของคุณประทับใจ อย่าผลักไสไล่ส่งเพื่อนของคุณเพื่อที่จะได้มีความสัมพันธ์กับคนอื่น เมื่อคุณเริ่มคบกับใครสักคน มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะโฟกัสในการทำให้คนรักประทับใจเพียงผู้เดียวและนำเรื่องราวมาแบ่งปันกับเพื่อนๆ แต่อย่าลืมว่าเพื่อนๆ…
-
กินดีก็มีประโยชน์ 9 อาหารรักษาโรคสามัญประจำบ้านที่หาได้ง่ายๆ จากในตู้เย็น
ความเจ็บป่วยเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มนุษย์จะต้องพบเจอกันไม่ว่าใครคนไหน มันเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็ต้องมีวิธีในการรักษาและป้องกัน เพื่อไม่ให้โรคภัยต่างๆ เหล่านั้นมาทำให้ร่างกายของเราอ่อนแอ #เหมียวบู้บี้ ก็มีวิธีการเลือกทานอาหารแบบง่ายๆ ที่จะมาช่วยรักษาและป้องกันอาการเจ็บป่วยต่างๆ ด้วยอาหารที่สามารถหาได้ง่ายๆ จากในตู้เย็นที่บ้าน หรือตามตลาดทั่วไปมาฝากกัน แตงกวาช่วยลดการเกิดสิวและสิวหัวดำ ฝานแตงกวาแล้วโปะลงบนหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จะช่วยป้องกันสิวและสิวหัวดำได้ หัวผักกาดรักษาอาการท้องผูกและอาหารไม่ย่อย ก่อนอาหารเช้า เปลี่ยนมาทานหัวผักกาดปรุงสุกก่อนสักครึ่งถ้วยเพื่อรักษาอาการท้องผูก และช่วยย่อยอาหาร ป้องกันโลหิตจางด้วยนม เนย และอินทผาลัม วิธีการรักษาโรคโลหิตจางหรือขาดธาตุเหล็กเบื้องต้นด้วยการทานอินทผลัมสัก 3-4 ชิ้นพร้อมกับนมและเนยอีกสักเล็กน้อย น้ำผึ้งและขิงป้องกันอาการหวัดและเจ็บคอ ผสมน้ำผึ้ง 2 ช้อนชาและน้ำขิงในปริมาณที่เท่ากัน จะช่วยลดเสมหะและน้ำมูก บรรเทาอาการหวัดและเจ็บคอ ใบกะเพรารักษากรดไหลย้อน เคี้ยวใบกะเพราหลังมื้ออาหารจะช่วยเป็นยาแก้ท้องผูก ป้องกันกรดไหลย้อน และอาการจุกเสียดในช่องท้อง น้ำทับทิมช่วยกู้ความดันโลหิตต่ำ การดื่มน้ำทับทิมทุกวันส่งผลดีต่อหัวใจและเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีอาการความดันโลหิตต่ำ แอปเปิลรักษาไมเกรน ทานแอปเปิลตอนที่กำลังท้องว่างหรือตอนเช้าๆ จะช่วยบรรเทาอาการไมเกรน อินทผาลัมเป็นยาแก้ไอ ผ่าผลอินทผาลัม 6 ลูก…
-
เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของ ‘Moana’ แท้จริงแล้วเธอคือใครกันแน่?? มาขุดประวัติเธอกันเถอะ
หลังจากที่ #เหมียวฝึกหัด ได้ทำลายความฝันวัยเด็กของคนจำนวนไม่น้อยกับทฤษฎีเกี่ยวกับเจ้าหญิงแต่ละคนที่อาจมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ในเนื้อเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นสโนวไวท์(อ่านที่นี่) ราพันเซล(อ่านที่นี่) หรือโฉมงามกับเจ้าชายอสูร(อ่านที่นี่) ในครั้งนี้เราจึงจะมาพูดถึงทฤษฎีในเรื่องดีๆ บ้าง (ก็ได้) ซึ่งเรื่องที่หยิบมานั้นก็คืออนิเมชันเรื่อง Moana นั่นเอง เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องราวของโมอาน่าแห่งเกาะโมทูนุยที่ถูกมหาสมุทรเลือกให้เป็นผู้กอบกู้ธรรมชาติโดยการนำหัวใจของเทพเทฟิติไปคืนดังเดิม ซึ่งในตอนแรกนั้นมนุษย์ครึ่งเทพ “มาวอิ” ได้ขโมยมามอบให้เป็นของขวัญแก่มนุษย์ แต่ในระหว่างทางกลับนั้นมาวอิถูกโจมตีโดยปีศาจลาวา “เทคา” ทำให้หัวใจของเทฟิติและตะขอวิเศษของเขาหายไป สำหรับคนที่เคยอ่านเรื่องเก่าๆ ก็คงมองว่า #เหมียวฝึกหัด ผู้นี้คงจะหาเรื่องอะไรร้ายๆ มาป้ายสีโมอาน่าสุดที่รักของประชาชนจนได้ เอ๊ะ!? แท้ที่จริงแล้วโมอาน่าเป็นพี่น้องกับหมูรึเปล่านะ? หรือว่าโมอาน่าเป็นผีกันแน่? ใครจะไปรู้ (แอบยิ้มในใจ) แต่ว่าทฤษฎีที่กล่าวว่าโมอาน่านั้นตายแล้วก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน เนื่องจากในเรื่องพวกเราก็ได้เห็นหลายๆ ฉากที่บ่งบอกว่าเธอนั้นไม่ใช่คนเป็นๆ แน่ๆ อย่างเช่นฉากที่เธอกระโดดตามมาวอิลงไปใน Lalotai ดินแดนที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด ซึ่งความสูงขนาดนั้นกับแรงตึงผิวก็คงทำให้เธอไม่รอดแน่ๆ หากกระโดดลงมาด้วยความสูงมากจะทำให้ผิวน้ำแทบไม่ต่างอะไรกับพื้นคอนกรีตเลยทีเดียว แถมมาวอิยังพูดในเชิงตลกอีกด้วยว่าเธอนั้นคงตายไปแล้วแน่ๆ สำหรับมาวอิแล้วการที่เขาไม่เป็นอะไรจากการกระโดดลงมาด้วยความสูงขนาดนั้นก็เป็นเพราะว่าเขาเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ คงเป็นเรื่องยากสำหรับมนุษย์ปกติ จากการหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Lalotai ก็พบว่ามันเป็นสถานที่สำหรับวิญญาณบรรพบุรุษหรือคนที่ตายไปแล้วนั่นเอง จากการสัมภาษณ์ Ron Clements และ John…
-
คนหล่อคืออะไร แค่ไหนที่เรียกว่าหล่อ นี่คือ 10 นิยามคำว่าผู้ชายที่หล่อจาก 10 ประเทศ
คุณผู้ชายทั้งหลายเคยสงสัยกันไหมคะว่า ไอ้คำว่า “ผู้ชายหล่อ” ของสาวๆ นั่นมันคืออะไร ผู้หญิงเป็นพวกที่เข้าใจยาก เมื่อวันก่อนกรี๊ดหนุ่มเกาหลี อีกวันกรี๊ดหนุ่มสายฝอ มาวันนี้กรี๊ดพี่โป๊ป หนุ่มไทย แล้วที่พวกเธอบอกว่าหล่อน่ะ มันคือแบบไหนกันแน่ อันว่าบรรดาผู้ชายที่มีอยู่ทั่วโลกนี้ต่างก็มีความหล่อที่แตกต่างกันไป ตามพันธุกรรม ตามเชื้อชาติ และสาวๆ ก็ไม่ได้มีรสนิยมแบบเดียวกันไปซะหมดทั่วโลก วันนี้ #เหมียวบู้บี้ ก็เลยนำสาระน่ารู้เกี่ยวกับคำนิยามของคำว่า ผู้ชายหล่อ ใน 10 ประเทศทั่วโลกมาไขข้อข้องใจว่า ตกลงผู้ชายหล่อน่ะคือแบบไหน 1. สหรัฐอเมริกา ผู้ชายที่กำลังกลายเป็นที่น่าสนใจของสาวชาวอเมริกันในขณะนี้นั่นก็คือผู้ชายที่อกผายไหล่ผึ่งและผู้ชายที่ดูร่างกายแข็งแรงแทนที่จะเป็นผู้ชายมีเสน่ห์หรือผู้ชายลุคสปอร์ต นอกจากนี้ผู้หญิงอเมริกันยังชอบผู้ชายที่มีรสนิยมการแต่งตัวที่ดี มีหนวด มีกล้ามแบบเนี้ยะ ใช่เลย 2. บราซิล หนุ่มบราซิลแบบที่เราคุ้นเคยคือผู้ชายผมเข้ม ตาสีน้ำตาล และมีผิวแทน แต่ทว่าผู้หญิงในประเทศนี้กลับชอบผู้ชายที่ดวงตาสีอ่อนๆ และมีผมหยิกนิดๆ และที่สำคัญต้องมีสีผิวแทน อ้อ ถ้ามีซิกแพคจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ 3. อินเดีย หนุ่มหล่อแบบบอลลีวูดคือหนุ่มหล่อในฉบับชาวอินเดีย แบบที่เป็นที่นิยมเลยก็คือหุ่นเป๊ะๆ กล้ามเนื้อแน่นแบบกลางๆ ปาดเจลแต่งผม โกนหนวดให้เป็นตอนิดๆ และต้องหมั่นทาครีมบำรุงผิวด้วย 4.…
-
7 สัญญาณที่บ่งบอกว่าร่างกายของคุณอาจเสี่ยงต่อการเป็นภาวะขาด ‘วิตามิน ดี’
วิตามินดี เป็นวิตามินตัวหนึ่งที่มักไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจกันเท่าไหร่ เพราะว่าเราสามารถรับวิตามินดีได้ง่ายๆ จากอาหารและแสงอาทิตย์ แต่ว่าจริงๆ แล้ว Dr. Michael Holick หัวหน้าทีมวิจัยวิตามินดี เชื่อว่าประชากรประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของโลกมีความเสี่ยงที่จะเป็นภาวะขาดวิตามินดี และนี่จะทำให้เป็นต้นเหตุแก่อาการกระดูกพรุน กระดูกผิดรูป กล้ามเนื้ออ่อนแรงและอื่นๆ อีกมากมาย และนี่ก็คือเหตุผลที่เราไม่ควรมองข้ามวิตามินดีอีกต่อไป ส่วนใครที่กังวลว่าตัวเองจะเป็นภาวะขาดวิตามินดีหรือไม่ วันนี้ #เหมียวโคบี้ ก็ได้นำสัญญาณที่เสี่ยงต่อภาวะขาดวิตามินดีมาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันแล้วครับ 1. ผิวของคุณเริ่มหมองคล้ำมากขึ้น Holick กล่าวว่าบุคคลที่มีผิวคล้ำต้องได้รับแสงแดดเป็น 10 เท่าของคนที่มีผิวสว่าง เพราะว่าคนผิวคล้ำนั้นมีเม็ดสีที่มากกว่าทำหน้าที่เหมือนเป็นครีมกันแดด ซึ่งทำให้ต้องได้รับแดดมากกว่าคนผิวสว่างขึ้นไปอีก 2. คุณมีอายุ 65 ปีขึ้นไป บุคคลผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป จะมีโอกาสเสี่ยงที่จะรับวิตามินดีไม่เพียงพอ เพราะว่าพวกเขาใช้เวลาส่วนมากในพื้นที่ร่มและเมื่อออกไปรับแดดร่างกายก็สามารถสร้างวิตามินดีได้น้อยกว่าขณะที่ยังเป็นหนุ่มสาว 3. มีอารมณ์หงุดหงิดหรือซึมเศร้า จากการศึกษาผู้สูงอายุ 80 คน พบว่าผู้ป่วยที่มีระดับวิตามินดีต่ำจะมีโอกาสจะมีอาการซึมเศร้ามากกว่าผู้ที่มีวิตามินดีในระดับปกติ 4. เป็นโรคอ้วน วิตามินดี เป็นวิตามินที่สามารถถูกละลายในไขมันได้ ดังนั้นหากคุณมีเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายสูงนั่นแสดงว่าร่างกายของคุณต้องการวิตามินดีมาชดเชยให้กับวิตามินที่เสียไปมากกว่าคนที่มีเปอร์เซ็นต์ไขมันต่ำกว่า …
-
อวกาศนั้นเต็มไปด้วยเรื่องลี้ลับ 8 เรื่องประหลาดบนพื้นที่อันกว้างใหญ่ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
อวกาศเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องลี้ลับ ด้วยความที่มนุษย์เรายังไม่สามารถออกไปนอกโลกได้แบบสบายๆ ทำให้ยังมีเรื่องราวอีกมากมายบนนั้นที่เรายังไม่อาจรับรู้ถึงมันได้ ถึงอย่างนั้นคนเราก็ยังพยายามที่จะค้นหาคำตอบของสิ่งที่พวกเขายังไม่รู้เหล่านั้น และนี่คือ 8 เรื่องราวสุดประหลาดที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางในอวกาศ บ้างก็มีเหตุผลมารองรับแล้ว บ้างก็ยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ อพอลโล 10 ได้ยินเสียงเพลงจากอีกด้านของดวงจันทร์ ลูกเรือของอพอลโล 10 อ้างว่าพวกเขาได้ยิน “ดนตรีแปลกๆ” จากอีกด้านของดวงจันทร์ นักบินอวกาศสูญเสียการติดต่อกับโลก ดังนั้นเสียงเหมือนการผิวปากที่มีความถี่ต่ำในตอนนั้น จึงไม่สามารถมาจากโลกของเราได้ และปรากฏการณ์นี้ก็ยังไม่ได้รับการอธิบายแต่อย่างใด การใช้ชีวิตในอวกาศสามารถเปลี่ยนยีนของคุณ และทำให้คุณยิ่งสูงขึ้นได้ Mark Kelly และ Scott Kelly เป็นฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนกัน และยังเป็นนักบินอวกาศด้วย อย่างไรก็ตามหลังจากการเดินทางสู่อวกาศของ Scott Kelly ยีนของเขา 7% ได้เปลี่ยนไปเมื่อเทียบกับ Mark Kelly นอกจากนั้น Scott ยังสูงขึ้นพอสมควรเนื่องจากแรงดึงดูดที่น้อย ทำให้มีการขยายของกระดูกไขสันหลังมากขึ้นด้วย มีลูกกลมๆ สีเขียวเคลื่อนเข้าหายานอวกาศเมอร์คิวรี Gordon Cooper สังเกตเห็นสิ่งรบกวนนอกยานอวกาศ ในขณะที่กำลังโคจรรอบโลกในช่วงต้นของภารกิจเมอร์คิวรี เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างเล็กๆ ของยานเขาสังเกตเห็นลูกกลมๆ สีเขียวเคลื่อนที่เข้าหาเขา เขากังวลกับสิ่งที่เห็น และเริ่มขั้นตอนสถานการณ์ฉุกเฉิน…
-
ความรู้คู่ปัญญา 23 ความจริงของการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ นำมาซึ่งความรู้ที่ไม่สิ้นสุด
มีคำกล่าวที่ว่าวิทยาศาสตร์ในวันนี้จะกลายเป็นเทคโนโลยีในวันหน้า การวิจัยและวิทยาศาสตร์นั้นเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนให้มนุษย์เราพัฒนาไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องยืนยันในความก้าวหน้าของมนุษย์และจะมีสิ่งใหม่ๆ ออกมาให้มนุษย์เรียนรู้ได้เรื่อยๆ เทียบดั่งเช่นความจริงเกี่ยวกับการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ทั้ง 23 อย่างต่อไปนี้ ที่จะมาทำให้คุณรู้ว่า วิทยาศาสตร์นั้น นำมาซึ่งความรู้ใหม่ๆ อย่างไม่สิ้นสุดจริงๆ ในทุกๆ วันจะมีการค้นพบสัตว์ประมาณ 41 สายพันธุ์ อาการจี๊ดศีรษะเวลาทานของเย็นมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Sphenopalatine Ganglioneuralgia เราสามารถจุดไฟด้วยน้ำแข็งได้ มีกระบวนการชื่อว่า Toxineering ซึ่งจะสามารถเปลี่ยนพิษให้กลายเป็นยาแก้ปวดได้ สิ่งแปลกๆ ที่นักวิทยาศาสตร์สามารถทำได้ในปัจจุบัน ได้แก่ ชาร์จโทรศัพท์ด้วยฉี่ เปลี่ยนเนยถั่วลิสงเป็นเพชร และงอกฟันด้วยฉี่ นักวิทยาศาสตร์สามารถสร้างชิ้นส่วนขนาดเล็กที่ส่งออกซิเจนเข้าไปในเลือดโดยตรงได้แล้ว สิ่งสิ่งนี้จะกลายเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้พวกเรามีชีวิตอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องหายใจ นักวิทยาศาสตร์จากญี่ปุ่นระบุว่า แรงเสียดทานระหว่างรองเท้า เปลือกกล้วย และพื้นจะอยู่ที่ 0.07 หน่วย มันฝรั่งมีโครโมโซมมากกว่ามนุษย์เสียอีก มนุษย์มีโครโมโซม 46 ตัว ส่วนมันฝรั่งมี 48 ตัว มะเขือเทศมียีนมากกว่ามนุษย์เสียอีก มะเขือเทศมียีน 31,760 ตัว มากกว่ามนุษย์ราวๆ 7,000 ตัว…
-
8 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับ ‘อาหารการกิน’ แท้จริงแล้วอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราเข้าใจมาตลอด
เรื่องของ อาหารการกิน เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอกันในชีวิตประจำวัน และเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้เราดำรงชีวิตต่อไปได้ ซึ่งพวกเรามักจะถูกปลูกฝังหลายๆ ความคิดความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก ทั้งเรื่องความรู้ทางโภชนาการ หรือเข้าใจว่าอะไรดีหรือไม่ดีต่อสุขภาพเราบ้าง แต่ในวันนี้เรากำลังพูดถึงข้อเท็จจริง 8 อย่างที่เราอาจไม่เคยรู้กันมาก่อน และมันเป็นสิ่งที่จะสามารถลบล้างความเข้าใจผิดๆ ที่เราเคยมีกันมาตลอดเกี่ยวกับอาหารการกินในบางเรื่อง เอาเป็นว่าเราไปร่วมรับสาระความรู้เหล่านั้นพร้อมๆ กันเลย 1. อาหารช่วยทำให้เราเมาช้าลง หลายๆ คนเชื่อมาตลอดว่าการกินอาหารก่อนการดื่มแอลกอฮอล์ จะช่วยทำให้เราไม่เมา ซึ่งเอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นซะทีเดียว อาหารเป็นตัวช่วยที่ทำให้ร่างกายของเรา ดูดซับแอลกอฮอล์ แต่การกินจนอิ่มจะช่วยลดอัตราการดูดซับแอลกอฮอล์ให้น้อยลง ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้หยุดอาการมึนเมาของเราอยู่ดี 2. อาหารสดดีกว่าอาหารแช่แข็ง จาก การศึกษา แล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้น ผลลัพธ์ที่ได้คืออาหารแช่แข็งมีคุณค่าทางโภชนาการเทียบเท่ากับอาหารสดนั่นแหละ เพราะว่ามันถูกบรรจุเก็บเอาไว้ในตอนที่กำลังสุกงอมได้ที่แล้ว จึงไม่มีความต่างกันในเรื่องของโภชนาการแต่อย่างใด 3. กาแฟมีผลเสียต่อกระดูก ไม่มีหลักฐานใดที่สามารถพิสูจน์ได้เลยว่า กาแฟส่งผลเสียต่อกระดูกจริง เราไม่จำเป็นต้องกลัวว่ามันจะเป็นอย่างนั้น แต่ความเชื่อนี้อาจเกิดขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กกินกาแฟเท่านั้นเอง 4. โยเกิร์ตช่วยในเรื่องของระบบทางเดินอาหาร บางครั้งสรรพคุณของโยเกิร์ตที่เราเคยได้ยินมาอาจดูเกินจริงไปสักหน่อย โดยเฉพาะคำพูดที่บอกว่าโยเกิร์ตมีแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตจะช่วยในเรื่องของการย่อยอาหาร ซึ่งความจริงต่อให้เราไม่ได้กินโยเกิร์ต ร่างกายของเราก็มี แบคทีเรียมากเพียงพออยู่แล้ว ไม่ถึงกับว่าเป็นอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย 5. หากกลืนอะไรที่เป็นพิษต่อร่างกาย ให้อ้วกออกมาแล้วมันจะดีขึ้น…
-
ความจริงที่หลายคนไม่รู้ สาเหตุที่ทำให้ Nintendo ยังมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะยากูซ่า!?
เมื่อพูดถึง Nintendo ผู้เป็นเจ้าของเกมดังๆ ทั้ง Mario, Zelda, Donkey Kong และอื่นๆ อีกมากมาย เราก็มักจะคิดว่าบริษัทนี้นั้นเติบโตมาได้จากการขายเกมให้กับคนทั่วๆ ไปจนกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างทุกวันนี้ใช่ไหม? คุณคิดผิดแล้วละ เพราะว่าลูกค้ากลุ่มแรกของ Nintendo นั้นไม่ใช่ลูกค้าทั่วไปหรอก แต่ว่าเป็นเหล่ายากูซ่าขาโหดในยุคอดีตต่างหากที่คอยอุ้มชูและทำให้เรามีบริษัทปู่นินอย่างทุกวันนี้ หลายคนก็คงจะสงสัยว่าทำไมยากูซ่าถึงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบริษัทนี้ ยากูซ่าไม่ได้หากินกับเรื่องผิดกฎหมายหรอกเหรอ? ซึ่งความจริงยากูซ่าก็ทำมาหากินกันแบบนั้นแหละ เพียงกิจกรรมหลักของพวกเขานั่นก็คือการเล่นไพ่และสินค้าแรกของบริษัทก็คือไพ่นั่นเอง เรื่องราวมันเริ่มต้นเมื่อปี 1889 ในเมืองเกียวโต ซึ่งตอนนั้นบริษัท Nintendo ได้ถูกก่อตั้งขึ้นและขายการ์ดเกมที่เรียกว่า Hanfuda หรือ ไพ่ดอกไม้ โดยการ์ดเกมดังกล่าวนั้นตอนแรกก็ไม่ได้จำกัดหรอกว่ามันจะขายให้กับใคร เพราะพวกเขาออกแบบมาทั้งเวอร์ชั่นที่เป็นมิตรสำหรับเด็กและทุกคนไปจนถึงเวอร์ชั่นผู้ใหญ่ เพียงแต่ว่ายากูซ่าที่ทำธุรกิจคาซีโนในตอนนั้นจำเป็นจะต้องใช้ไพ่ของบริษัทดังกล่าว เพราะว่าทุกครั้งที่มีการเล่นตาใหม่พวกเขาจะต้องใช้ไพ่ชุดใหม่ตลอด ทำให้นับแต่นั้นยากูซ่าจึงกลายเป็นลูกค้าหลักในการซื้อไพ่จนทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ ความสำเร็จที่ว่านั้นส่งผลให้ตัวบริษัทสามารถทำรายได้อย่างงดงามเป็นเวลากว่า 70 ปี จนกระทั่งในปี 1963 ทางบริษัทได้ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อบริษัท และลองทำธุรกิจอื่นๆ เช่น แท็กซี่ ร้านอาหาร หรือแม้แต่โรงแรมม่านรูด อย่างไรก็ตาม จากการลองต่อยอดธุรกิจไปในเส้นทางต่างๆ Nintendo ก็พบว่ามันช่างไม่เข้าท่าเอาซะเลย…
-
เสี่ยงสุดๆ!! พ่อหนุ่ม ‘Spider-Man’ กับพลังของเขาที่อาจอันตรายถึงตายได้เลยทีเดียว
ใกล้เข้ามาแล้วกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ Avengers: Infinity War ที่ทุกคนกำลังรอคอยกันอย่างใจจดใจจ่อว่าเนื้อเรื่องของมันจะออกมาในลักษณะอย่างไร และที่สำคัญที่สุดจากการสัมภาษณ์ผู้กำกับที่ได้เอ่ยปากออกมาว่าจะต้องมีคนตายแน่ๆ แต่ก็ไม่ได้เฉลยว่าเป็นใคร ปล่อยให้คนดูลุ้นกันไปเอง แต่ #เหมียวฝึกหัด ก็คงไม่รอให้ถึงวันฉายเพราะว่ารู้สึกใจร้อนมากๆ จึงได้ลองทำการหาข้อมูลจนพบกับความจริงอันน่าสะพรึงของฮีโร่คนหนึ่ง ที่เราสามารถขีดกากบาทแดงๆ บนหัวได้เลยว่าเขาคนนี้ต้องตายแน่นอน แต่ขอบอกไว้นิดนึงว่าการตายของเขาคนนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่อง Avengers: Infinity War แน่นอน เพราะฉะนั้นหายห่วงเรื่องสปอยล์ได้เลย เพราะว่าการตายของเขาแทบไม่เกี่ยวอะไรกับ Thanos หรือโดนตัวร้ายตัวไหนฆ่าตายเลย แต่มาจากตัวเขาเองต่างหาก ซึ่งฮีโร่คนนั้นก็คือ Spider-Man พ่อวีรบุรุษมนุษย์แมงมุมนั่นเองที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ถึง 3 เวอร์ชันด้วยกัน ต้นกำเนิดของสไปเดอร์แมนนั้นมาจากการที่ Peter Parker ถูกแมงมุมอาบรังสีกัด ทำให้ DNA ในร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงและทำให้มีความสามารถคล้ายกับแมงมุม เช่นการปีนป่ายกำแพง ประสาทสัมผัสที่ไวเป็นเลิศและสามารถพ่นใยแมงมุมได้ (แต่ในคอมมิคส่วนใหญ่และในภาพยนตร์เวอร์ชันปัจจุบันจะใช้เป็นเครื่องพ่นใยที่เขาคิดค้นขึ้นมาเอง) แต่ครั้งนี้เราจะไม่พูดถึงความสามารถในการพ่นใยโดยไม่พึ่งพาเครื่องมือของสไปเดอร์แมนในคอมมิคและในภาพยนตร์เวอร์ชันที่ Tobey Maguire แสดงเนื่องจากมันค่อนข้างซับซ้อนและค่อนข้าง.. อี๋ย์ เนื่องจากท่อที่แมงมุมตัวผู้ใช้พ่นใยนั้นเป็นท่อที่ใช้รวมกับท่อสืบพันธุ์ ดังนั้นการที่สไปเดอร์แมนพ่นใยสีขาวขุ่นเหนียวๆ … (ไม่พูดต่อดีกว่า) ถึงแม้ว่า…
-
“วัวตัวไหนที่มีชื่อ จะให้นมมากกว่าวัวที่ไม่มีชื่อ” นี่คือสิ่งที่งานวิจัยจากอังกฤษบอกเรา
เป็นเรื่องปกติที่เราจะตั้งชื่อให้กับสัตว์ที่เราเลี้ยงเอาไว้ เพื่อที่เราจะได้จดจำมันได้ สร้างความคุ้นเคยให้กับพวกมันกับเรา แต่หากว่าสัตว์เหล่านั้นเป็นพวกไก่ วัว หมู หรือสัตว์ที่เราเลี้ยงไว้เพื่อเอาผลิตผลจากพวกมัน เราก็อาจจะไม่ได้ตั้งชื่อให้กับพวกมันสักเท่าไหร่ แต่หากว่าคุณได้อ่านงานวิจัยชิ้นนี้ล่ะก็ คุณอาจจะอยากตั้งชื่อให้กับพวกมันก็ได้ เพราะเขาบอกว่าการตั้งชื่อให้กับวัว ช่วยให้พวกมันผลิตน้ำนมได้มากกว่าตัวที่ไม่มีชื่อ!? งานวิจัยนี้ถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Telegraph เมื่อปี 2009 ที่ผ่านมา โดยผู้ทำการวิจัยนี้มีชื่อว่าดอกเตอร์ Catherine Douglas และดอกเตอร์ Peter Rowlinson จากมหาวิทยาลัย Newcastle University พวกเขาได้ทำการสำรวจฟาร์มนมกว่า 516 แห่งในอังกฤษ แล้วพบว่าการปฏิบัติต่อพวกมันแบบเฉพาะเจาะจง จะช่วยให้พวกมันผลิตน้ำนมได้มากกว่าปกติ ปริมาณเฉลี่ยของนมที่วัวจะผลิตได้ในช่วง 10 เดือนคือ 13,198 แก้ว (หรือประมาณ 7,500 ลิตร) ในขณะที่วัวมีชื่อ จะผลิตนมได้มากขึ้นไปอีกราวๆ 454 แก้ว หรือ 258 ลิตร ด้านดอกเตอร์ Douglas กล่าวว่า “เหมือนกับคนที่รู้สึกตอบสนองได้ดีกว่ากับการให้ความสำคัญ วัวก็เช่นกัน พวกมันจะรู้สึกมีความสุขมากกว่าและผ่อนคลายมากกว่าถ้าพวกมันได้รับการสนใจแบบตัวๆ ไป” “เกษตรกรหลายคนให้ความรักกับวัวของพวกเขาและดูแลพวกมัน…
-
ปรับนิดเดียวก็เฟี๊ยวได้!! 10 เทคนิคแสนง่ายเพื่อการแต่งกายให้เนี๊ยบขึ้น สำหรับท่านชาย
สำหรับ ท่านชาย การแต่งกายนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว แต่ที่จริงแล้วมันมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่หนุ่มๆ ควรใส่ใจ แต่บางครั้งกลับมองข้ามไปโดยที่ไม่รู้เลยว่า หากลองปรับมันดูสักหน่อยมันอาจจะทำให้คุณดูดึงดูดและน่าหลงใหลขึ้นมากเลยล่ะ วันนี้เราจะมาเสนอถึง รายละเอียดเล็กๆ ของการแต่งตัวสำหรับท่านชาย 10 ประการ ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างง่ายแสนง่าย ให้การแต่งตัวของคุณนั้น ดูสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น… 1. หากใส่นาฬิกาข้อมือ ควรพับแขนเสื้อ หลายคนอาจต้องการความเรียบร้อยและเป็นทางการ ขณะเดียวกันก็ต้องสวมใส่นาฬิกาข้อมือด้วย ทั้งนี้ หากไม่ต้องการความเป็นทางการมากนัก ควรพับแขนเสื้อขึ้นให้เห็นนาฬิกา เพราะบางทีการที่นาฬิกามันไปมุดอยู่ใต้แขนเสื้อ มันก็ไม่สบายตัว และดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก 2. เสื้อยืดสกรีนลาย ทุกวันนี้เสื้อยืดที่มีลายสกรีนบนเสื้อนั้นมีแนวโน้มที่จะหลุดเทรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นเวลาที่เราสวมเสื้อคลุมทับ เสื้อยืดสีพื้นแบบไม่มีลวดลายนั้นจะทำให้คุณดูดีขึ้น 3. เสื้อยืดแขนสั้นตัวโคร่ง การสวมเสื้อยืดแขนสั้น ที่ตัวโคร่งจนแขนของเสื้อยาวมาถึงข้อศอกนั้นจะไปปกปิดสัดส่วนของแขนคุณ หรือบางคนมีกล้ามมันก็จะไปบดบังกล้ามงามๆ ของคุณ ฉะนั้น เลือกเสื้อที่ความยามของแขนไม่เกินกึ่งกลางของต้นแขนจะดีกว่า 4. การสวมสายเอี๊ยมและเข็มขัดในเวลาเดียวกัน มันอาจจะดูเป็นการแต่งกายที่ดูโอเวอร์ไปหน่อย หากสวมทั้งเข็มขัดทั้งสายเอี๊ยม เพราะไอเทมทั้งสองชิ้นนี้ต่างถูกออกแบบมาเพื่อตรงกางเกงเอาไว้ในระดับที่ต้องการ ฉะนั้น…
-
ไขข้อสงสัยสิ่งที่เราเห็นในชีวิตประจำวัน แต่กลับไม่เคยรู้ว่ามันมี ‘ความลับ’ บางอย่างซ่อนอยู่?!
หากจะหาเพลงสักเพลงมาประกอบบทความนี้ เพลงที่เหมาะที่สุดอาจจะเป็นเพลง ช่างไม่รู้เลย (ศิลปิน Peacemaker) ที่ร้องว่า “ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ในความคุ้นเคยกันอยู่ มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น ~” เพราะนี่คือความลับของสิ่งที่เราเห็นกันอยู่แทบทุกวัน แต่กลับไม่เคยรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของมันกันมาก่อน เราลองไปดูกันเลยดีกว่าว่าทั้งหมดนี้มีเรื่องไหนบ้างที่เราเคยสังเกตหรือตั้งข้อสงสัย แต่กลับไม่เคยได้รับคำตอบกันมาก่อน หวังว่าบทความนี้จะสามารถช่วยไขข้อข้องใจของเพื่อนๆ กันได้นะ ป่ะ!! อย่ารอช้า ลงไปอ่านกันเลยดีกว่า 1. แผ่นปะลักษณะเหมือนรูปลั๊กไฟ บนกระเป๋าบางยี่ห้อ จุดประสงค์ดั้งเดิมและเห็นได้ชัดของมันคือ มีไว้เพื่อแขวนหรือห้อยสิ่งต่างๆ อย่างความคิดของ Jamie Cormack ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Herschel เขาติดสิ่งนี้ไว้ตรงกระเป๋าเพื่อต้องการให้มันมีไว้สำหรับห้อยขวานเจาะน้ำแข็ง 2. รูเล็กๆ ตรงแม่กุญแจ มันมีไว้ระบายน้ำออกมาเวลาที่เราไขกุญแจท่ามกลางสายฝน รวมถึงสามารถหยอดน้ำมันเพิ่มความหล่อลื่นภายในให้กับการไขกุญแจได้อีกด้วย 3. สัญลักษณ์ USB สัญลักษณ์ที่เราเห็นกันนี้มีที่มาจาก ตรีศูลอาวุธประจำกายของเทพเจ้าโพไซดอน ซึ่งแสดงถึงความทรงพลัง คนคิดค้นจึงต้องการให้เห็นว่า USB ก็ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทรงพลังไม่แพ้กัน โดยการที่มันไม่ได้มีลักษณะแหลมทั้งสามง่ามนั้น เป็นเพราะต้องการสื่อให้เห็นว่ามันสามารถใช้ร่วมกันได้กับอุปกรณ์ทุกประเภท ไม่มีการแบ่งแยก 4.…
-
อึ้งเหมือนโดนผึ้งต่อย 17 เรื่องจริงที่คุณอาจจะไม่เคยรู้ของ “ผึ้ง” สัตว์ใกล้ตัวของพวกเรา
จากข้อมูลการค้นพบล่าสุด ผึ้งน้ำหวานกำลังตกอยู่ในอันตรายจากการลดจำนวนลงอย่างมาก แม้ว่าพวกมันจะหาทางที่จะเอาชีวิตรอดมานับล้านปีแล้วก็ตาม ถ้าหากการลดจำนวนลงของผึ้งยังเป็นแบบนี้ต่อไป สิ่งที่ Albert Einstein เคยคาดการไว้ที่ว่า “หากผึ้งน้ำหวานหายไปจะทำให้เกิดหายนะไปทั่วโลกในเวลาเพียงสี่ปี” อาจจะกลายเป็นจริงก็เป็นได้ ดังนั้นเพื่อที่จะให้พวกเรารับรู้ถึงชีวิตของพวกผึ้งมากขึ้น วันนี้ #เหมียวศรัทธา จึงได้ขอนำเสนอ 17 เรื่องจริงที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับสัตว์ใกล้ตัวเราอย่างผึ้งน้ำหวาน ผึ้งน้ำหวานนั้นสื่อสารกันด้วยการเต้นรำ การเต้นรำนี้จะเป็นการส่งสัญญาณให้กันผ่านทางการเคลื่อนไหวในรูปแบบเฉพาะ ผึ้งเป็นแมลงเพียงชนิดเดียวที่ผลิตอาหารที่มนุษย์นำมารับประทาน ไม่นับพวกแมลงที่เราทานตัวของมันนะ เสียงหึ่งๆ ของผึ้งจะสร้างขึ้นจากปีกของมัน ซึ่งกระพือมากกว่า 11,400 ครั้งต่อนาที เมื่อผึ้งตัวผู้ถึงจุดสุดยอดในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ลูกอัณฑะของมันจะระเบิดออก และมันจะตาย ผึ้งนั้นฉลาด แม้ว่าสมองของผึ้งมีรูปร่างเหมือนรูปไข่ และมีขนาดเท่าเมล็ดงาก็ตาม พวกมันมีความสามารถในการเรียนรู้และจดจำสิ่งต่างๆ แถมยังสามารถคำนวณเรื่องระยะทางในการหาอาหารได้อีกด้วย นางพญาผึ้งนั้นมีอายุได้ถึง 5 ปี และมีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือการวางไข่ ในช่วงฤดูร้อนที่รังต้องการแรงงานผึ้งจำนวนมาก นางพญาผึ้งสามารถวางไข่ได้มากถึงวันล่ะ 2,500 ฟองเลยทีเดียว ถ้าหากว่านางพญาผึ้งเกิดตายขึ้นมา ผึ้งงานจะสร้างนางพญาตัวใหม่ขึ้นโดยการให้อาหารพิเศษที่เรียกกันว่า “นมผึ้ง” แก่ตัวอ่อนที่เพิ่งเกิด และทำให้ตัวอ่อนที่ว่าเติบโตขึ้นเป็นนางพญาตัวต่อไป ผึ้งงานเท่านั้นที่สามารถต่อยได้ และมันจะทำเฉพาะในกรณีที่รู้สึกว่าถูกคุกคามเท่านั้น เพราะมันจะตายหากมีการใช้เหล็กใน ส่วนนางพญานั้นแม้มีเหล็กในแต่มันไม่เคยออกจากรัง โดยมีการคาดว่าจะใช้การต่อยโดยเฉลี่ย 1,100 ครั้งในการฆ่ามนุษย์หนึ่งคน…
-
17 การ์ตูน “ดิสนีย์” น่าสนุก แต่กลับถูกยกเลิกไป ทำให้เราไม่มีโอกาสได้เชยชม…
การ์ตูนและแอนิเมชั่นที่โด่งดังหลายต่อหลายเรื่องนั้น เป็นฝีมือของค่ายผลิตยักษ์ใหญ่อย่าง Disney ที่ใครๆ ก็รู้จัก ซึ่งปฏิเสธได้ยากเลยว่าการ์ตูนหลายเรื่องของ Disney นั้นได้ตราตรึงใจผู้ชมจำนวนมาก เนื่องจากภาพและการเคลื่อนไหวที่สวยงามแล้ว เนื้อหาของแต่ละเรื่องยังมีเอกลักษณ์และสนุกสนานอีกด้วย ขณะเดียวกัน ยังมีการ์ตูนอีกหลายเรื่องของค่าย Disney ที่น่าสนใจ แต่กลับยังไม่มีโอกาสได้ออกมาให้ผู้คนรับชม วันนี้เราจึงจะพาไปรู้จักกับภาพยนตร์การ์ตูนและแอนิเมชันของทางค่าย Disney ที่วางแผนว่าจะสร้างออกมาแต่กลับ ถูกยกเลิกไป จะมีเรื่องอะไรบ้างและจะน่าสนใจสักเพียงไหน ไปชมกันเลย… 1. Gigantic เรื่องนี้ทาง Disney จะดัดแปลงมาจากนิทานเรื่อง “แจ็คผู้ฆ่ายักษ์” โดยมีกำหนดการว่าจะฉายในปี 2020 แต่ในเดือนตุลาคม ปี 2017 กลับถูกพักไว้ก่อน เพราะ Ed Catmull ประธานบริษัท Pixar และ Walt Disney Studios บอกว่า “ต่อให้เราชื่อชอบไอเดียนี้ขนาดไหน แต่เราก็กลับพบว่า Gigantic คงไม่ประสบผลสำเร็จเป็นแน่ ฉะนั้นเราจะหยุดการพัฒนาเรื่องนี้เอาไว้ก่อน” 2. Newt เป็นเรื่องแรกและเรื่องเดียวของ Pixar…
-
แบบทดสอบจิตวิทยา ‘คิดว่าเด็กคนไหนเป็นผู้หญิง?’ บ่งบอกบุคลิกภาพตัวคุณเอง
กลับมาอีกครั้ง!! กับแบบทดสอบทางจิตวิทยาที่จะสามารถบ่งบอกได้ว่าคุณมีลักษณะบุคลิกภาพไปในทิศทางใด โดยในครั้งนี้ใช้เพียงโจทย์ที่ง่ายแสนง่าย นั่นก็คือ ตามความคิดของตัวเอง คิดว่าเด็กคนไหนเป็นผู้หญิง?! ถ้าพร้อมแล้วเราเลื่อนไปดูโฉมหน้าของหนูน้อยทั้ง 4 คนกันเลย คิดว่าใครเป็นเด็กผู้หญิง? เมื่อได้คำตอบเอาไว้ในใจแล้วก็ลองไปดูผลลัพธ์กันเลยว่า คำตอบของเราสามารถอธิบายบุคลิกภาพความเป็นตัวเราไว้ว่าอย่างไรบ้าง มันตรงกับเรามากน้อยแค่ไหน เลื่อนไปดูกันตามหมายเลขได้เลยจ้า ถ้าคุณเลือกหมายเลข 1 คุณมีลักษณะเป็นคนที่มีเหตุผล เชื่อในหลักการต่างๆ และมีแนวโน้มที่จะทำตามกฎระเบียบที่มีอยู่ คุณจะวิเคราะห์ก่อนที่จะทำการตัดสินใจ พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ได้แนวทางการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ในขณะเดียวกันก็จะพยายามไม่ทำร้ายความรู้สึกของผู้อื่น ในการตัดสินใจคุณจะทำมันอย่างชาญฉลาดและมีความเป็นธรรม หลีกเลี่ยงการโต้แย้งและผลักดันความสนใจของผู้อื่นก่อนเป็นอันดับแรก แม้ว่าบางครั้งคุณไม่สมควรที่จะสละเวลาหรือความพยายามไปให้กับคนเหล่านั้นก็ตาม ถึงอย่างนั้นก็ควรที่จะหยุดสนใจผู้อื่นมากจนเกินไป แล้วหันมาหาความสุขให้กับตัวเองบ้างได้แล้ว ถ้าคุณเลือกหมายเลข 2 คุณคือผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง มีไอเดียคิดค้นสิ่งใหม่ๆ เจ๋งๆ อยู่เสมอ กระตือรือร้นและยอมรับกับความท้าทายใหม่ๆ ไม่พลาดโอกาสในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลงเพราะเชื่อว่าทุกสิ่งจะเป็นไปในหนทางที่ดีที่สุดของมันเอง ใช้ชีวิตเหมือนว่าทุกวันคือวันสุดท้าย แต่แม้คุณจะเปิดรับทุกคนทว่ากลับแทบไม่สนิทกับใครเลย สิ่งสำคัญคือต้องรู้จักเรียนรู้วิธีรับมือกับความผิดหวัง ถึงแม้ว่าบางคนอาจเข้ามาเพียงแค่ต้องการผลประโยชน์ แต่ก็ไม่ควรที่จะปฏิเสธทุกคน เพราะยังมีบางคนที่ต้องการจะรู้จักคุณจริงๆ ลองให้โอกาสเขาดูก่อนจะได้รู้ว่าชีวิตเราต้องการคนคนนั้นมั้ย ถ้าคุณเลือกหมายเลข 3 คุณคือคนของสังคมอย่างแท้จริง สิ่งที่มีอยู่ในตัวทำให้สามารถเข้ากับคนรอบข้างได้…
-
งานวิจัยล่าสุดเผย.. คนขี้เกียจมีแนวโน้มจะเป็นอัจฉริยะมากกว่าคนขยัน จริงๆ นะเออ!!
เราอาจเคยคิดกันว่าคนขี้เกียจมักจะต้องเป็นคนที่ไม่ฉลาดตามไปด้วย แต่ความจริงมันอาจเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกันเลย เมื่องานวิจัยล่าสุดได้ออกมาบอกว่าความขี้เกียจอาจเป็นสัญญาณของความฉลาด!! งานวิจัยดังกล่าวได้ใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย Florida Gulf Coast สหรัฐอเมริกา โดยผู้วิจัยจะให้นักเรียนเหล่านั้นทำแบบทดสอบเพื่อแบ่งออกเป็นสองกลุ่มได้แก่ “กลุ่มนักคิด” และ “กลุ่มที่ไม่ใช่นักคิด” คำถามที่ใช้ในการทดสอบนั้นบังคับให้นักศึกษาเลือกว่าตัวเองเห็นด้วยกับแต่ละประโยคมากน้อยแค่ไหน อย่างเช่น “ฉันรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้เผชิญกับแนวทางการแก้ปัญหาหรือปัญหาใหม่ๆ” และ “ฉันคิดแค่ว่าแต่ละสิ่งมันยากพอๆ กับที่ฉันต้องลงมือทำ” หลังจากนั้น Todd McElroy ผู้นำการวิจัยในครั้งนี้ก็จะทำการเลือกตัวแทน “กลุ่มนักคิด” และ “กลุ่มที่ไม่ใช่นักคิด” อย่างละ 30 คน เพื่อทำการศึกษาในขั้นตอนต่อไป โดยให้พวกเขาสวมใส่ที่รัดข้อมือ ซึ่งจะบอกได้ว่าแต่ละคนมีระดับการทำกิจกรรมต่างๆ มากน้อยเพียงใด ตลอดระยะเวลากว่า 1 สัปดาห์ ผลที่ได้คือ “กลุ่มนักคิด” จะมีการทำกิจกรรมน้อยกว่า “กลุ่มที่ไม่ใช่นักคิด” แสดงให้เห็นว่าอัจฉริยะมีแนวโน้มที่จะแสดงออกถึงความขี้เกียจมากกว่านั่นเอง ซึ่งผู้วิจัยมองว่ากลุ่มแรกคือคนที่มักจะทำในสิ่งที่สำคัญมากเท่านั้น ในขณะที่กลุ่มสองคือคนที่มีความเอาการเอางาน ถึงอย่างนั้นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ลักษณะการทำกิจกรรมของทั้งสองกลุ่มก็ถือว่าไม่มีความแตกต่างกันแต่อย่างใด โดยในส่วนนี้ผู้วิจัยไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลลัพธ์ นอกจากนั้นเหล่านักวิจัยยังเชื่อว่าผลลัพธ์ในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ช่วยสนับสนุนความคิดที่ว่า คนที่ไม่ใช่นักคิดมักจะเกิดความรู้สึกเบื่อได้ง่ายกว่า ทำให้พวกเขามักจะหากิจกรรมต่างๆ มาทำอยู่เรื่อยๆ…
-
พบกับสัตว์ 5 ชนิดที่มีพลังพิเศษเหนือกว่าสัตว์อื่น เหมือนกับพลังของซูเปอร์ฮีโร่เลย
ในโลกของเรามีเรื่องมหัศจรรย์มากมายที่เรายังไม่เคยรู้ และสัตว์ 5 ตัวที่เรากำลังจะนำเสนอนี้ก็คือหนึ่งในความมหัศจรรย์เหล่านั้น พวกมันแต่ละตัวมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่พูดไปแล้วก็ดูเหมือนพลังจิตหรือความสามารถพิเศษของเหล่าฮีโร่เหมือนกัน จะมีอะไรบ้างลองไปดูกันเลย 1. บัมเบิ้ลบี กับพลังมองเห็นอดีต ผึ้งสายพันธุ์บัมเบิ้ลบีมีความสามารถเฉพาะตัวอย่างหนึ่ง ก็คือพวกมันจะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาในระหว่างที่กระพือปีกด้วย ซึ่งผลวิจัยจากนิตยสารวิทยาศาสตร์ Science ได้ระบุมาแล้วว่าทุกครั้งที่พวกมันเกาะบนดอกไม้ก็จะปล่อยกระแสไฟฟ้านี้ลงไป แล้วพอมีผึ้งตัวใหม่มาเกาะ พวกมันก็จะสัมผัสได้ถึงกระแสไฟฟ้านี้แล้วรู้ว่ามีผึ้งมากินน้ำหวานไปก่อนหน้านี้แล้ว จากนั้นก็จะบินไปหาดอกไม้อื่นแทน 2. เหยี่ยวเพเรกริน กับความเร็วปานสายฟ้าแลบ เหยี่ยวเพเรกรินเป็นสัตว์ที่มีความเร็วมากกว่าเสือชีตาซะอีก ถ้าเปรียบมันเป็นซูเปอร์ฮีโร่ก็คงจะเป็น เดอะแฟลช ในชีวิตจริง มันสามารถบินได้ด้วยความเร็วเกือบ 390 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเชียวนะ ซึ่งความสามารถนี้แหละที่ทำให้มันเป็นนักล่าในธรรมชาติที่น่ากลัวมาก บินลงมาโฉบเอาเหยื่อไปได้โดยที่เหยื่อไม่ทันรู้ตัวเลย 3. ตัวสลอธ 3 นิ้ว กับสุดยอดความสามารถฟื้นฟูบาดแผล ถึงแม้สลอธจะไม่ได้รวดเร็ว แต่มันมีพลังที่น่าทึ่งอย่างหนึ่งซึ่งก็คือการฟื้นฟูบาดแผลให้ตัวเองให้หายในเวลาอันรวดเร็ว ความสามารถนี้ทำให้บาดแผลแทบทุกอย่างที่มันได้รับไม่ทำให้มันบาดเจ็บถึงตาย เพราะได้รับการฟื้นฟูก่อน ถ้าพูดให้เห็นภาพชัดเจนเราก็อาจจะบอกได้ว่ามันฟื้นฟูตัวเองได้ดีเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ เดดพูล เลย แถมหลังรักษาแล้วบาดแผลของมันยังไม่ติดเชื้อด้วยนะ ความสามารถนี้แหละเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกสลอธอายุยืน 4. กวางเรนเดียร์ กับการมองเห็นที่เหนือชั้น กวางเรนเดียร์มีความสามารถในการรับภาพที่ค่อนข้างพิเศษ พวกมันสามารถมองเห็นแสงยูวีได้…
-
จัสติน ทรูโด นายกฯ แคนาดาออกมาขอโทษแมนๆ ว่าเคยทำผิด แม้จะเป็นเรื่องในอดีต!!
ตามปกติแล้วเมื่อผู้นำประเทศต่างๆ ทำผิดในช่วงเวลาการทำงาน เรามักจะไม่ค่อยเห็นผู้นำออกมาขอโทษหรือยอมรับแบบแมนๆ ในสิ่งที่ทำผิดกันสักเท่าไหร่นักและยิ่งเรื่องในอดีตที่ผู้นำคนก่อนๆ เคยทำนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะน้อยคนมากๆ ที่จะออกมาขอโทษแทน แต่ ‘จัสติน ทรูโด‘ นายกรัฐมนตรีประเทศแคนาดา กลับเป็นผู้นำประเทศคนแรกๆ ที่ออกมาขอโทษบ่อยมากๆ นับตั้งแต่เขาเข้ามาดำรงตำแหน่งจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2015 เขาได้ออกมาขอโทษแล้วถึง 4 ครั้ง ด้วยกัน ครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งได้เพียง 6 เดือน โดยเขาได้ขอโทษต่อผู้โดยสารที่มากับเรือโกมะกะตะในปี 1914 ซึ่งเรือลำดังกล่าวนั้นได้มีผู้โดยสารชาวซิกข์ อิสลาม และฮินดูลี้ภัยมาเป็นจำนวนมากถึง 376 คน แต่ทางแคนาดาได้ปฏิเสธผู้ลี้ภัยทั้งหมดตามกฎหมายคนเข้าเมือง จัสติน ได้เรียกความผิดพลาดในอดีตดังกล่าวว่า ‘รอยด่างในอดีตของแคนาดา‘ และนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นการออกมาขอโทษต่อเรื่องที่ผู้นำประเทศในอดีตที่เคยทำผิดของเขา ซึ่งนับจากการขอโทษครั้งนี้ก็ยังมีการขอโทษตามมาอีก 2 ครั้งในปี 2017 และล่าสุดในปี 2018 แต่ทำไมกัน ทำไมเขาถึงสามารถออกมาขอโทษได้ง่ายดาย ทั้งที่ผู้นำชาติอื่นๆ นั้นยากที่จะยอมรับผิด ขนาดนาฬิกายังบอกของเพื่อนได้สบายๆ หรือแม้แต่ตัวพ่อของจัสติน ทรูโดอย่าง ‘ปิแอร์ ทรูโด‘ ก็ยังต่างกับลูกสิ้นเชิง ปิแอร์…
-
16 ความจริงอันน่าขนลุกของโลก มาค้นพบเรื่องจริงอันไม่น่าเชื่อ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
เรื่องน่าขนลุกนั้นไม่จำเป็นต้องมาจากเรื่องที่น่ากลัวเสมอไป อาจครั้งแค่เรื่องราวที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดีสักเรื่องสองเรื่องก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้เรารู้สึกหนาวไปกับสิ่งสิ่งนั้น โดยเฉพาะกับเรื่องที่เรารู้ว่าเป็นความจริงด้วยแล้ว มันจะทำให้เรารู้สึกแปลกๆ ที่สันหลังได้ไม่ยากเลย เรื่องราวในครั้งนี้คือเรื่องราวที่น่าขนลุกเหล่านั้น มาค้นพบเรื่องจริงอันไม่น่าเชื่อ… ความจริงอันน่าขนลุก ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนกันดีกว่า ชีสจะมีฤทธิ์กระตุ้นสมองส่วนเดียวกับที่ยาเสพติดทำ จากงานวิจัยบางชิ้น แอลกอฮอล์เป็นอันตรายต่อสุขภาพมากกว่ากัญชา 100 เท่า จากการที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้น จะทำให้ดอกไม้ส่งกลิ่นน้อยลง ผมของคนเราจะยาวเร็วขึ้นเมื่อร่างกายของคุณกำลังคาดหวังการมีเซ็กส์ แตนสามารถจดจำใบหน้าของผู้คนได้ วันนี้จะเป็นวันที่คุณแก่ที่สุดในชีวิต และเป็นวันที่คุณจะได้ใช้ชีวิตที่เด็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คุณนอนเป็นเวลาถึง 33% ของชีวิต 10% ของสุนัขที่ใช้ในวงการทหารจะมีภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง (PTSD) หลังจากที่พวกมันกลับมาจากจุดสู้รบ ราชินี Marie Antoinette แห่งฝรั่งเศส มีหนึ่งในวิธีเสริมความงาม ด้วยการเอาครีมที่ทำจากนกพิราบที่ตายแล้วมาถูบนใบหน้า โดยเฉลี่ยจะมีนักท่องเที่ยวตายหนึ่งคนในทุกๆ สัปดาห์ที่ฮาวาย มนุษย์เรามักจะเห็นอกเห็นใจต่อสุนัขมากกว่ามนุษย์ด้วยกันเอง Micheal Jordan ได้รับเงินจาก Nike ต่อปี มากกว่าเงินที่คนงานในโรงงาน Nike ที่มาเลเซียทั้งโรงงานรวมกันเสียอีก …
-
มารู้จักกับ 9 โรคหายาก พร้อมกับอาการแปลกประหลาดที่เราอาจไม่เคยเห็นกันมาก่อน
ความผิดปกติทางร่างกายหลายๆ อย่างในปัจจุบันนั้นสามารถอธิบายได้ด้วยกระบวนการทางการแพทย์ แต่โรคที่เรารู้จักกันทั่วไปนั้นอาจเป็นแค่เรื่องธรรมดาไปในทันที เมื่อเทียบกับโรคที่เพื่อนๆ กำลังจะได้เห็นกันต่อไปนี้ ทั้งหมดนี้คือโรคที่เราอาจไม่ได้เห็นกันในชีวิตประจำวัน เรียกว่าเป็นโรคหายากที่แทบไม่มีใครรู้จักมาก่อนเลยก็ว่าได้ ยิ่งไปกว่านั้นอาการต่างๆ ของแต่ละความผิดปกติก็ดูเหมือนจะแปลกเหนือความคาดหมายของเราอีกด้วย เราลองไปทำความรู้จักกับโรคเหล่านั้นกันดูดีกว่า ว่าแต่ละอาการมันเป็นอย่างไรบ้าง และเกิดขึ้นจากอะไร 1. โรค Fibrodysplasia Ossificans Progressive (FOP) มีอีกชื่อหนึ่งว่าโรค Stone Man Syndrome เพราะอาการของมันจะทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกาย อย่างเช่น กล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ และเอ็น เปลี่ยนเป็นเหมือนกับกระดูก มีลักษณะแข็งยึดติดกัน ทำให้ขยับตัวแทบไม่ได้เหมือนกับมนุษย์หิน ซึ่งมันจะเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงวัยเด็กตอนที่ร่างกายกำลังเกิดกระบวนการสร้างกระดูก โรคตามกรรมพันธุ์นี้มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากๆ เพียงแค่ 1 ในสองล้านคน และเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาเยียวยา หากใครพยายามที่จะผ่าตัดเอากระดูกบางส่วนออก บริเวณที่ทำการผ่าตัดนั้นก็จะยิ่งมีกระดูกงอกขึ้นมามากกว่าเดิม 2. โรค Cotard’s Delusion คืออาการทางจิตหายากที่ทำให้ผู้ป่วยเชื่อว่าตัวเองมีบางส่วนของร่างกายหายไป อย่างเช่นสมอง หรืออาจคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว ทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะไม่กิน ไม่อาบน้ำ อยู่แต่ในสุสานหรือป่าช้า เพราะการได้เจอคนตายทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าได้เจอพวกเดียวกัน โรคนี้จึงมีอีกชื่อว่า Walking Corpse…
-
12 ความรู้ประดับสมอง ความจริงอันไม่น่าเชื่อรู้ไว้ก็ไม่เสียหาย แถมยังน่าสนใจอีกด้วย
โลกใบนี้มันลึกลับยิ่งนัก คนเราที่เชื่อว่าตัวเองนั้นรู้มากแล้ว ก็ยังมีเรื่องที่ตัวเองยังไม่รู้อีกมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นความรู้ก็เป็นสิ่งที่ได้มามากเท่าไหร่ก็ไม่พอ มันเป็นการดีที่คนเราจะหาความรู้ใหม่ๆ ใส่สมองอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะกับเรื่องที่น่าสนใจแล้วด้วย ดังนั้นวันนี้ เราจะไปดู 12 ความจริงอันไม่น่าเชื่อ ความรู้ประดับสมองอันน่าสนใจที่จะมาเพิ่มความรู้ให้กับพวกเราไปอีกขั้น เคยมีผู้หญิงเอาธนบัตรหนึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐปลอม (ราวๆ สามสิบล้านบาท) ไปซื้อของใน Wal-Mart แถมยังหวังเงินทอนอีกด้วย ทุกๆ วันที่ 25 ธันวาคม เมืองในเปรูจะถือว่าวันนี้เป็นวัน “Takanakuy” ในวันนี้ใครที่เคยโกรธอะไรกันในอดีตจะมาต่อยกัน ก่อนที่จะไปดื่มกิน และใช้ชีวิตกันต่อไป ในออสเตรเลียนั้นมีแผนจะปรับราคาบุหรี่ ให้มีราคากล่องละ 40 ดอลลาร์สหรัฐ (ราวๆ 1,200 บาท) ในปี 2020 Abraham Lincoln เคยกล่าวว่า “ผู้หญิงเป็นสิ่งสิ่งเดียวที่ทำร้ายผมไม่ได้ แต่ผมกลับกลัวพวกเธอ” ชายหนุ่มในรัฐมิชิแกน คนหนึ่งตามหาแม่แท้ๆ ของตัวเองมากว่าสี่ปี ก่อนที่จะรู้ว่าคนที่ทำงานข้างๆ เขามาตลอดใน Lowes นั่นล่ะ ที่เป็นแม่แท้ๆของเขา โคเคนมีค่าใช้จ่ายในการผลิตอยู่ที่ 700 ดอลลาร์สหรัฐต่อหนึ่งกิโลกรัม (ราวๆ…
-
จะทำยังไงหากตกจากที่สูง?? รู้วิธีการรับมือเมื่อตกจากที่สูง เพิ่มโอกาสรอดชีวิต
มีใครเคยคิดบ้างว่าหากตกที่สูง ต้องทำอย่างไรถึงจะรอดได้? แต่กระโดดลงมาจากโต๊ะก็เจ็บจะแย่แล้ว นึกไม่ออกเลยว่าถ้าตกจากเครื่องบินจะเป็นยังไง ถึงแม้จะฟังดูเป็นไปได้ยาก แต่ก็มีพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเคยรอดชีวิตจากการตกจากเครื่องบิน เมื่อเครื่องบินถูกผู้ก่อการร้ายปล้นและระเบิดเครื่องบินกลางอากาศ ถึงเธอจะบาดเจ็บสาหัส แต่เธอก็ยังตัดสินใจกลับไปทำหน้าที่เดิมเมื่ออาการดีขึ้นแล้ว ถ้ารู้วิธีที่ถูกต้องก็อาจช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด แต่ก็หวังว่าคงจะไม่มีโอกาสให้เราได้นำไปใช้จริงๆ หรอกนะ ถ้าตกจากหน้าต่าง เมื่อคุณตกจากหน้าต่าง พยายามหาอะไรที่สามารถยึดเกาะได้ให้มากที่สุด เพราะจะทำให้ความเร็วในการหล่นลงมาลดลง หรือถ้ามีหลังคาพลาสติกหรือกระจกที่ยื่นออกมาก็ถือว่าโชคดีขึ้นมาหน่อยนึง เพราะมันจะช่วยทำให้เราไม่ตกลงไปที่พื้น ถึงแม้ว่าจะฟังดูเป็นเหมือนกับมุกตลก แต่พยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ชิดขาทั้งสองเข้าด้วยกันและงอเข่าไม่มากจนเกินไป เมื่อกระทบกับพื้นจะทำให้แรงกระแทกลดน้อยลง ห้ามเหยียดขาตรงเด็ดขาดเพราะจะทำให้กระดูกขอคุณหักแน่นอนหากกระแทกตรงๆ เมื่อตกลงมาให้ยกแขนขึ้นมาป้องกันศีรษะ เผื่อว่าตกลงมาบนพื้นปูน เมื่อถึงพื้นแล้วพยายามล้มตัวไปด้านข้าง การที่ยกแขนขึ้นมาป้องกันศีรษะนั้นเพื่อไม่ให้ศีรษะกระแทกกับพื้นตรงๆ นั่นเอง ถ้าคุณรอด แสดงว่าคุณโชคดี หลังจากนั้นห้ามขยับตัวจนกว่าจะมีคนมาช่วยเหลือ ถ้าตกจากเครื่องบิน หากตกจากเครื่องบินจากความสูงประมาณ 10 กิโลเมตร จะใช้เวลาประมาณ 3-6 นาทีกว่าจะตกถึงพื้นด้วยความเร็ว 19 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โชคไม่ดีที่โอกาสรอดนั้นน้อยมาก แต่ก็ถือว่ายังมีโอกาสอยู่นิดนึง ซึ่งคนที่มีโอกาสรอดที่สุดคือคนที่นั่งอยู่ส่วนท้ายของเครื่องบิน ถ้าเครื่องบินเกิดระเบิดหรือเกิดแยกชิ้นส่วนกลางอากาศ คุณจะได้ยินเสียงลมดังสนั่นหวั่นไหว และการที่มีปริมาณออกซิเจนน้อยบนความสูงขนาดนี้ก็อาจจะทำให้คุณหมดสติ แต่อย่างไรก็ตามหากคุณร่วงลงมาในชั้นบรรยากาศล่างๆ คุณอาจได้สติกลับคืนมา…
-
เปิดทฤษฎี ‘Ant-Man’ อาจจะเป็นฮีโร่ที่อันตรายที่สุดใน Avengers เลยก็ว่าได้!?
เหลือเวลาอีกไม่นานกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ทุกคนกำลังรอคอย นั่นก็คือ Avengers: Infinity War ของทางค่าย Marvel นั่นเอง ซึ่งก็เป็นที่ถกเถียงกันมานานว่า Thanos ตัวตั้งเบ้อเร่อ แถมยังมีหินวิเศษอีก ทางฝั่งพระเอกของเราจะเอาอะไรไปสู้?? ถึงแม้ว่าจะยังมีตัวละครลับที่ทาง Marvel ยังไม่ได้เปิดเผย ที่อาจมีพลังแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาฮีโร่ทั้งหมดที่พวกเราได้เคยเห็นมาในภาพยนตร์ แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆ แล้วตัวละครฮีโร่ที่มีพลังน่ากลัวที่สุดนั้นเคยโผล่ออกมาให้พวกเราได้เห็นแล้ว แถมยังมีภาพยนตร์แยกเป็นของตัวเองอีกด้วย ซึ่งเขาคนนั้นก็คือ…. Ant-Man นั่นเอง (แท่น แท๊นนน~) หลายคนที่กำลังอ่านอยู่ตอนนี้ก็คงสงสัยว่า พ่อยอดมนุษย์มดน้อยเนี่ยนะ จะมีพลังร้ายกาจที่สุดในกลุ่ม Avengers คำตอบก็คือ ใช่!! เขาคนนี้นี่แหละ ภาพยนตร์ Ant-Man นั้นถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นปมของตัวละครที่ดูดราม่าและอบอุ่น หรือฉากแอ็กชันที่ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าสนใจ แต่การที่ Marvel ได้สร้างตัวละครตัวนี้ออกมา หารู้ไม่ว่าพวกเขานั้นอาจสร้างฮีโร่ที่มีพลังที่ทรงพลังและอันตรายที่สุดในจักรวาลภาพยนตร์โดยไม่รู้ตัว ถ้าเหตุการณ์ในภาพยนตร์ได้เกิดขึ้นในชีวิตจริงล่ะก็ อาจทำให้โลกของเรานั้นถูกทำลายได้เลยทีเดียว Scott Lang หรือ Ant-Man มีความสามารถในการย่อหรือขยายขนาดของร่างกายได้ โดยใช้อนุภาค Pym Particles…
-
ศาสตราจารย์อังกฤษ เผยเหตุผลทำไม “การงีบหลับ” นี่แหละ คือกุญแจสำคัญของความสุข
ช่วงเวลาบ่ายๆ ของทุกวันดูจะเป็นช่วงที่ง่วงเหงาหาวนอนมากที่สุด ยิ่งคุณทำงานในออฟฟิศที่ต่างคนต่างทำงาน ไม่ค่อยเปิดเพลงหรือคุยกัน มีโอกาสสูงถึง 70% ที่คุณจะเผลอสัปหงกเอาได้ง่ายๆ (แต่ถ้าคุณเป็นคนสู้ชีวิตก็แล้วไป) เมื่อเกิดอาการง่วง คุณอาจจะรู้สึกผิดที่ฟุบหน้าลงไปหลับสักงีบ เพราะด้วยสายตาของเพื่อนร่วมงานและเจ้านายที่จับจ้องคุณอยู่ แต่หากมันทนไม่ไหวแล้วล่ะก็งีบลงไปเลย แล้วส่งข่าวนี้ให้กับเจ้านายของคุณอ่านทีหลังก็ได้ เมื่อราวๆ ต้นปี 2017 ได้มีนักวิทยาศาสตร์ทำการศึกษาความเชื่อมโยงระหว่างการงีบหลับสั้นๆ กับความสุข จึงทำให้พวกเขาพบว่ามันมีความสัมพันธ์กัน เพราะการงีบหลับนี่แหละที่ช่วยให้เรามีความสุขได้อย่างน่าประหลาด ศาสตราจารย์ Richard Wiseman จากมหาวิทยาลัย University of Hertfordshire ในประเทศอังกฤษ กล่าวว่า “การวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่างีบหลับภายในเวลา 30 นาทีทำให้คุณมีสมาธิ กระปรี้กระเปร่า และสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น อีกทั้งผลการวิจัยใหม่เหล่านี้ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่คุณจะมีความสุขมากขึ้นจากการงีบสั้นๆ ด้วย ในทำนองเดียวกัน การงีบยาวๆ ดันมีความสัมพันธ์กับสุขภาพที่แย่ลง” การศึกษานี้เกิดขึ้นจากการออกแบบสอบถามออนไลน์กับคน 1,000 คน เพื่อตอบคำถามทางจิตวิทยาที่ถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการนอนหลับของแต่ละคน ตามรายงานพบว่ากลุ่มคนที่ชอบงีบ (Nappers) จะมีคะแนนความสุขมากกว่าอยู่ที่ 3.67/5 คะแนน ส่วนคนที่ไม่งีบเลยมีคะแนนอยู่ที่ 3.52/5 คะแนน และกลุ่มที่งีบยาวๆ อยู่ที่ 3.44/5…
-
เผยโฉม!! ตัวร้ายที่ร้ายกาจที่สุดในดิสนีย์ แท้จริงแล้วอยู่ในเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูรนี่เอง…
เมื่อไม่นานมานี้ก็คงมีผู้อ่านจำนวนไม่น้อยที่หัวเสียจากการอ่านบทความที่ #เหมียวฝึกหัด ได้แฉเรื่องราวการจุมพิตของเจ้าชายกับเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ (อ่านได้ที่นี่) และเบื้องหลังเส้นผมของเจ้าหญิงราพันเซล (อ่านได้ที่นี่) ไปแล้ว เราก็ไม่หยุดแค่นั้น เพราะรอบนี้เป็นคิวของเรื่องของเจ้าหญิงเบลล์กับแฟนหนุ่มหน้าขนนั่นเอง ฮรี่ ฮรี่ ฮรี่… (ยิ้มกรุ้มกริ่ม) ในครั้งนี้เราจะพูดถึงการ์ตูนอนิเมชันของดิสนีย์ที่โด่งดังจนมีการนำมารีเมคเป็นเวอร์ชันคนแสดงอย่างเรื่อง Beauty and the Beast หรือโฉมงามกับเจ้าชายอสูรนั่นเอง ซึ่งในอนิเมชันก็ได้อธิบายที่มาของเรื่องราวความเป็นมาว่า เจ้าชายหนุ่มผู้หยิ่งยโสที่อาศัยอยู่ในปราสาทยิ่งใหญ่นั้นปฏิเสธที่จะต้อนรับหญิงแก่หน้าตาอัปลักษณ์ที่มาเคาะประตูเพื่อขอพักอาศัยโดยแลกกับดอกกุหลาบเป็นสิ่งตอบแทน แต่ความจริงแล้วหญิงแก่นั้นเป็นแม่มดแสนสวยแปลงกายมา เธอได้สั่งสอนเจ้าชายว่าอย่าตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกและสาปให้เขากลายเป็นอสูร นอกจากนั้นคนใช้ทั้งหมดทุกคนในปราสาทยังพลอยซวยไปด้วย ถูกสาปให้กลายเป็นข้าวของเครื่องครัวและของใช้ต่างๆ อย่างไม่มีเหตุผล และดอกกุหลาบที่แม่มดมอบให้นั้นเป็นดอกกุหลาบวิเศษ ที่จะบานจนกระทั่งเจ้าชายมีอายุ 21 ปี ในการที่จะแก้คำสาปนั้นเขาจะต้องหารักแท้ให้พบก่อนที่ดอกไม้จะเหี่ยวเฉาและร่วงโรยจนไม่เหลือสักกลีบ มิฉะนั้นเขาจะต้องอยู่ในร่างอสูรไปตลอดกาล เนื่องจากอับอายในรูปร่างหน้าตาของตนเอง ทำให้เจ้าชายเลือกที่จะเก็บตัวในปราสาทตลอดเวลา ก่อนที่เบลล์ นางเอกของเรื่องจะแอบย่องเข้ามาในปราสาทและกลายเป็นโรค Stockholm Syndrome หรือโรคที่ทำให้รู้สึกตกหลุมรักหรือมีใจให้กับผู้ร้ายที่ลักพาตัว หรือจับเป็นตัวประกันนั่นเอง เมื่อเบลล์อยู่ในปราสาทก็พบกับเหล่าข้าวของเครื่องใช้ที่มีชีวิต และพวกเขาก็ได้ร้องเพลงที่มีชื่อว่า Be Our Guest ให้เธอได้ฟัง ซึ่งก็มีเนื้อเพลงท่อนหนึ่งที่ได้กล่าวว่า “10 ปีที่สนิมกิน ได้แต่นั่งปัดฝุ่นจนชาชิน” และเราก็ได้เห็นว่าดอกกุหลาบเริ่มร่วงโรยแล้ว…
-
ไขข้อข้องใจ!! ทำไมกินข้าวเหนียวแล้วรู้สึกง่วง ? ข้าวเหนียวทำให้ง่วงจริงๆ หรือคิดไปเองกันแน่นะ ??
“ง่วงจังเล้ยยยยยย~” นี่คือสิ่งที่หลายๆ คน (รวมถึง #เหมียวฝึกหัด) กำลังคิดอยู่ในขณะที่กำลังเรียนหรือกำลังทำงานอยู่ และตอนนี้ก็ยังคงสงสัยอยู่ล่ะสิว่า เมื่อคืนเราก็พักผ่อนเพียงพอ ตื่นมากินข้าวเช้าตามปกติ ทำไมถึงได้ง่วงทุกวันกันนะ? ความจริงแล้วเจ้าตัวร้ายที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เราง่วงนอนนั้นอาจไม่ใช่คลาสเรียน หรืองานที่เรากำลังทำอยู่ก็เป็นได้ เพราะมันอาจมาจากอาหารที่คุณกินเข้าไปนั่นเอง ลองทบทวนให้ดีว่าก่อนที่จะออกมาทำหน้าที่ของตัวเองนั้น เราได้แวะซื้อข้าวเหนียวมาทานหรือไม่? ถ้าใช่ ข้าวเหนียวที่เรากำลังถืออยู่ในมือก็อาจเป็นผู้ร้ายที่มีส่วนรับผิดชอบต่ออาการง่วงของเราก็เป็นได้ จากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ก็ได้มีการค้นพบว่าข้าวเหนียวนั้นเป็นอาหารที่ทำให้ระดับของสารเคมีที่เป็นเหตุทำให้เราง่วงเร็วขึ้นได้ถึง 2 ชนิดเลยทีเดียว Dr. Chin Moi Chow จากมหาวิทยาลัย Sydney ประเทศออสเตรเลียได้กล่าวว่า “ถึงแม้ว่าข้าวเหนียวนั้นจะไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ไม่ต้องสงสัยเลยหากคุณกินเข้าไปก่อนเข้านอนเป็นเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง จะทำให้คุณหลับไวขึ้นมากกว่าปกติ” Dr. Chow และผู้ร่วมงานของเขาได้ทำการทดลองเปรียบเทียบข้าวแต่ละชนิดที่มีดัชนีค่าน้ำตาล Glycemic (ค่า Glycemic Index หรือ GI) ต่างกันกับผู้ทดลองที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนจำนวน 12 คน ผลปรากฏว่าข้าวที่มีค่า GI สูงนั้นทำให้ผู้ทดลองง่วงนอนเร็วกว่าข้าวที่มีค่า GI ต่ำ เขาเชื่อว่าข้าวที่มีค่า GI…
-
ฤา Google จะเป็นผู้กุมความลับของคนทั้งโลก? ไปดูกันว่าพวกเขาได้ข้อมูลอะไรจากเราบ้าง?
ถ้าข่าวที่ว่ามีข้อมูลผู้ใช้ Facebook กว่า 50 ล้านชุดหลุดรั่วออกไปทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวลแล้วล่ะก็ เราอยากบอกว่านั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือบริการไหนๆ พวกเขาก็มักจะคอยเก็บข้อมูลจากผู้ใช้ไปทั้งนั้น โดยเฉพาะเจ้าพ่อเสิร์ชเอนจินอย่าง Google ต้องบอกว่าข้อมูลที่พวกเขามีอยู่ในมือนั้นละเอียดยิบราวกับว่าเขาคือคนสนิทของเราคนนึง ที่คอยตามติดเฝ้าดูชีวิตคุณอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล (อย่างกับสตอล์กเกอร์) เราลองมาไล่เรียงไปเป็นข้อๆ เลยดีกว่าว่าพวกเขารู้อะไรเกี่ยวกับเราบ้าง? Google รู้ว่าคุณไปไหนมาบ้างในแต่ละวัน Google จะคอยเก็บข้อมูลทุกๆ ที่ที่คุณไป (ในกรณีที่คุณเปิดระบบ GPS) พวกเขาจะบันทึกทุกๆ ข้อมูลการใช้และรู้ว่าคุณเคยไปที่ไหนมาบ้าง ถ้าไม่เชื่อล่ะก็ ลองกดที่ลิงก์นี้ดูสิ google.com/maps/timeline แล้วคุณจะระลึกชาติได้ทันทีว่าเคยไปไหนมาบ้าง Google รู้ว่าคุณเคยค้นหาและลบอะไรบ้างในอินเตอร์เน็ต (ใช่ พวกหนังโป๊ก็ด้วย) Google เก็บข้อมูลการค้นหาบนอินเตอร์ทั้งบน PC รวมไปถึงอุปกรณ์พกพาต่างๆ และแม้ว่าคุณจะลบมันไปแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ได้ข้อมูลก่อนจะลบไปแล้วเรียบร้อย ถ้าอยากรู้ว่าคุณเคยค้นหาหรือกดลิงก์อะไรบ้าง ลองเข้าไปเช็กที่ลิงก์นี้ดูนะ myactivity.google.com/myactivity Google จะมีโฆษณาที่ตรงกับตัวตนของคุณ Google จะสร้างโฆษณาที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกับตัวตนหรือความชอบของคุณ ไม่ว่าจะเป็นถิ่นที่อยู่ เพศ อายุ กิจกรรมยามว่าง ความสนใจ ความสัมพันธ์บลาๆๆ ถ้าคุณอยากรู้ว่า Google คาดเดาสิ่งเหล่านี้ได้ยังไง ลองกดลิงก์นี้ไปเลย adssettings.google.com/authenticated…
-
นี่คือ “ชุดล่าหมี” เมื่อราวๆ 200 กว่าปีก่อน ใครกล้าแหยมมีตัวพรุนแน่ๆ
ก่อนจะเล่าถึงบทความต่อไปนี้ เราอยากลองถามทุกๆ คนว่า “ถ้าให้นึกถึงชุดล่าสัตว์ พวกคุณจะจินตนาการว่ามันควรจะเป็นยังไง?” อาจจะใส่เสื้อกั๊ก เสื้อหนัง รองเท้าบูตและถือปืนยาวสักกระบอกใช่ไหม? คำตอบในยุคนี้มันก็คือใช่แหละ แต่ถ้าเรานั่งไทม์แมชชีนไปสัก 200 กว่าปีก่อน ชุดของพวกเขาจะแปลกประหลาดกว่านั้นเยอะ ภาพที่คุณเห็นต่อไปนี้เป็นภาพของชุด Siberian bear-hunting suit (แปลตรงๆ ก็ชุดล่าหมีของชาวไซบีเรียน) ในยุค 1800s ประกอบไปด้วยกางเกงขายาว เสื้อแขนยาว และหมวกเหล็ก ที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคมความยาว 1 นิ้ว เพื่อป้องกันเวลาที่ถูกหมีเข้าจู่โจม นักวิจารณ์จากสถาบัน Foundation of the American Institute ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับชุดล่าสัตว์สุดแปลกนี้ว่า “ผมสงสัยว่ามันจะเป็นชุดต่อสู้กับหมีมากกว่าที่จะเป็นชุดล่าหมีด้วยซ้ำ คือผมไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าจะมีใครที่วิ่งไปรอบๆ ป่าด้วยชุดแบบนั้น” ดูกันชัดๆ อีกที เจ้าชุดนี้แปลกประหลาดมากจนมีการนำเอาไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ The Menil Collection ในชื่องานว่า Witnesses to a Surrealist Vision อยู่ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ใครสนใจหรือได้มีโอกาสไปเที่ยวแถวนั้นก็ลองแวะเวียนไปชมได้นะ…
-
จากการศึกษาพบว่า ภาพบน IG อาจช่วยให้เราทำนายได้ว่า ใครกำลังป่วยเป็นโรคซึมเศร้า?
โรคซึมเศร้าดูจะเป็นโรคที่ถูกพูดถึงในสังคมวงกว้างไปแล้ว หลังจากแฝงตัวเงียบๆ มานานจนสังคมเริ่มตื่นตัวขึ้น แม้แต่คนใกล้ตัวก็อาจจะป่วยเป็นโรคนี้มาตลอดโดยที่เราไม่รู้ เราจึงพยายามมองหาหนทางในการคาดเดาว่าใครบ้างที่มีโอกาสป่วยเป็นโรคซึมเศร้า? ด้วยเทคโนโลยีและงานวิจัยต่างๆ เราก็พอจะมีวิธีที่ทำให้คุณสามารถคาดเดาอาการซึมเศร้าจากปลายนิ้วของคุณได้นะ ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมปี 2016 เว็บไซต์ newscientist.com ได้มีการเผยแพร่งานวิจัยของนาย Andrew Reece จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และ Chris Danforth จากมหาวิทยาลัยเวอร์มอนต์ พวกเขาได้ทำการสำรวจสภาพจิตใจของผู้คนกว่า 166 คน จากนั้นก็นำภาพทั้งหมด 43,950 ภาพที่กลุ่มคนเหล่านี้ได้โพสต์ลงในโลกออนไลน์มาประมวลผลแล้วสร้างอัลกอริทึ่มขึ้นมา เพื่อค้นหาคุณลักษณะที่สัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้า จากการสำรวจพบว่ากลุ่มคนที่มีอาการซึมเศร้านั้นจะมีการโพสต์ภาพที่มีโทนสีฟ้าๆ หรือทึมๆ หรือใช้ฟิลเตอร์แบบขาวดำ นอกจากนี้พวกเขายังชอบโพสต์ภาพใบหน้า แต่ในหนึ่งภาพจะมีใบหน้าคนน้อยกว่าคนปกติ Danforth กล่าวว่านี่อาจจะหมายถึงการเซลฟี่หน้าตัวเองบ่อยๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขับเน้นให้เห็นว่าตัวเองอยู่ในอาการซึมเศร้า (แต่ก็อย่าเหมารวมว่าคนเซลฟี่บ่อยๆ ทุกคนจะเป็นซึมเศร้านะ) หรืออีกความหมายก็คือ กลุ่มคนเหล่านี้ใช้เวลากับครอบครัวหรือเพื่อนๆ น้อยลงนั่นเอง เจ้าตัวอัลกอริทึ่มตัวนี้ใช้คุณลักษณะที่ว่าในการทำนายว่าใครเป็นโรคซึมเศร้าได้ถูกต้องถึง 70% เลยทีเดียว ในขณะที่การตรวจสอบด้วยมนุษย์มีความถูกต้องแม่นยำอยู่ที่ 42% หากเรานำเอาเจ้าอัลกอริทึ่มตัวนี้มาประยุกต์ใช้ได้ก็หมายความว่าเราอาจช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที “มัน(อัลกอริทึ่ม)มีราคาไม่แพงมาก มันอาจจะกลายเป็นแอปฯบนมือถือของใครสักคนก็ได้” Danforth กล่าว อย่างไรก็ตามแพทย์เองอาจจะเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ยาก…
-
12 เรื่องจริงที่น่าสนใจ เกร็ดความรู้ประดับสมองที่อาจจะมีประโยชน์กับคุณมากกว่าที่คุณคิด
ในโลกเรานั้นยังมีสิ่งที่เรายังไม่รู้อีกมาก ความรู้มากมายบนโลกนั้น เป็นเรื่องที่รู้ไว้ก็ไม่เสียหายใดๆ ความรู้รอบตัวนั้นมักจะทำให้คนเราได้เปรียบคนอื่นในเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เสมอๆ และถึงจะไม่ได้ใช้อะไรมากมายแต่ก็สามารถนำมาเล่าเป็นเรื่องเล่าได้ไม่ยาก อาจจะดูเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ แต่ความรู้นั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่ตายจากไปจริงๆ เหมือนกับ 12 ความรู้ประดับสมองต่อไปนี้ที่สักวันหนึ่งอาจจะมีประโยชน์กับคุณมากกว่าที่คุณคิดก็ได้ ชาวโรมันโบราณใช้ฉี่ในการทำความสะอาดฟัน เรื่องนี้อาจจะเคยได้ยินกันไปแล้ว แต่รู้ไหมว่านอกจากฟันแล้วชาวโรมันยังใช้ฉี่ในการซักผ้าด้วย ธนบัตรของสหรัฐฯ มากกว่า 90% มีร่องรอยของโคเคน ความจริงข้อนี้ชี้ให้เห็นว่าธนบัตรส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ เคยผ่านมือตัวแทนจำหน่ายยาเสพติดหรือผู้ใช้โคเคน นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าที่เป็นแบบนี้เพราะธนบัตรมักจะถูกใช้เป็นหลอดสูดโคเคนนั่นเอง เปอร์เซ็นต์โคเคนในธนบัตรที่พบมากที่สุดอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ส่วนที่ต่ำสุดอยู่ในประเทศจีนและญี่ปุ่นราวๆ 12-20% กินลูกอมหลังจากรับประทานอาหารดีกว่าการแปรงฟันทันทีเสียอีก น้ำลายของเราเองมีเอนไซม์พิเศษที่ช่วยในการละลายเศษอาหารและล้างมันออกจากปาก นอกจากนี้สภาพแวดล้อมที่เป็นกรดของปากของเรายังทำให้เคลือบฟันนุ่มลงในบางครั้งเพื่อให้น้ำลายสามารถย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น นั่นเป็นเหตุผลที่การแปรงฟันหลังอาหารทันทีสามารถทำให้เคลือบฟันเสียได้ ถ้าอยากจะแปรงฟันแนะนำให้รออย่างน้อย 30 นาทีก่อน ส่วนการเคี้ยวหมากฝรั่งหรือกินลูกอมบางชนิดจะทำให้เราผลิตน้ำลายมากขึ้น ว่าง่ายๆ ว่าทำให้ย่อยอาหารของน้ำลายง่ายขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง สีแดงไม่ได้ทำให้วัวกระทิงโกรธแต่อย่างใด กระทิง แยกแยะความแตกต่างของสีแดงจากสีอื่นไม่ได้ เนื่องจากพวกมันตาบอดสี แต่ที่มันวิ่งไล่ผ้านั้นเป็นเพราะมันมีปฏิกิริยากับการเคลื่อนไหวของผ้าต่างหาก คล้ายๆ กับเวลาเอาหญ้าไปแกว่งล่อแมวนั่นล่ะ การนอน 8 ชั่วโมง ไม่ใช่มาตรฐานที่ถูกต้อง ระยะเวลาของการนอนหลับที่แต่ละบุคคลต้องการ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่นพันธุกรรม อายุ สุขภาพ และสภาพแวดล้อมภายนอก ในการวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้แสดงให้เห็นว่าอายุขัยเฉลี่ย…
-
โยคะบำรุงสมองง่ายๆ ภายใน 3 นาที!! จงลุกขึ้นมาทำกันซะดีๆ เชื่อพี่เถอะนะจ๊ะ
ยิ่งนานวันการทำงานของสมองของเราอาจลดประสิทธิภาพลงไป อันเนื่องมาจากสาเหตุหลายๆ อย่าง โดยสถิติในสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นเลยว่า 14 เปอร์เซ็นต์ของคนอเมริกันที่มีอายุอยู่ในช่วง 18-39 ปี จะประสบปัญหาสมองมีประสิทธิภาพลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพื่อป้องกันและพัฒนาการทำงานของสมองพวกเราทุกคน วันนี้ #เหมียวตะปู จึงมาพูดถึง Super Brain Yoga หรือท่าโยคะที่จะช่วยบำรุงสมองของทุกคนได้ง่ายๆ ภายใน 3 นาที ทำให้สมองมีพลังงาน เปล่งปลั่ง เสริมสร้างทั้งสมองซีกซ้ายและซีกขวา เราลองไปดู 7 ขั้นตอนของการทำโยคะท่านี้พร้อมๆ กันเลย 1. ตื่นเช้าและหันหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการทำโยคะบำรุงสมองคือตอนเช้า เพราะฉะนั้นพยายามตื่นขึ้นมาตอนเช้า ให้หน้าของเราตอนลุกขึ้นมาจากเตียงหันไปทางทิศตะวันออกพอดี พร้อมรับแสงอาทิตย์วันใหม่ แต่ถ้าเป็นผู้สูงอายุหน่อยให้หันหน้าไปทางทิศเหนือ เพื่อความแน่ใจก็ใช้แอปฯ เข็มทิศเช็กดูก็ได้ 2. ถอดเครื่องประดับออกให้หมด ถอดเครื่องประดับทุกชิ้น ทั้งตุ้มหู สร้อยคอ หรือแม้แต่แหวนแต่งงาน จากนั้นให้เราเริ่มใช้ลิ้นดันบริเวณเพดานปากด้านหลังฟันบนเอาไว้ ค้างอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะทำท่าโยคะเสร็จ แค่ 3 นาทีเอง 3. ลุกขึ้นมายืนตัวตรง ลักษณะท่าทางคือสิ่งสำคัญของการเล่นโยคะ ให้เรายืนตัวตรงหลังตรงโดยปล่อยให้มือแนบอยู่ข้างลำตัว…
-
เปรียบเทียบ 8 นักแสดงบุพเพสันนิวาสในละคร vs ตัวจริงในประวัติศาสตร์ ต่างกันแค่ไหน?
หากนับถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าละครบุพเพสันนิวาสได้สร้างกระแสไปต่างๆ นานาแล้วมากมาย ทั้งมีมตลกๆ ในอินเตอร์เน็ต (ซึ่งตอนนี้ลามไปยันสติกเกอร์ไลน์แล้ว) และยังกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจเรียนประวัติศาสตร์กันมากขึ้นด้วย เพราะเนื่องจากตัวละครมีการกล่าวอ้างถึงบุคคลที่มีตัวตนจริงๆ ทางประวัติศาสตร์ และแม้ว่าเราจะไม่สามารถเปิดคอร์สให้คุณมาลงทะเบียนเรียนวิชาประวัติศาสตร์กับเราได้ แต่เราก็ได้พยายามรวบรวมเอาภาพและข้อมูลของตัวละครต่างๆ ในเรื่องมาเปรียบเทียบกับบุคคลจริงๆ ในประวัติศาสตร์ให้คุณได้ดูกัน ว่าเหมือนหรือแตกต่างกันขนาดไหน? 1. ขุนศรีวิสารวาจาในละคร รับบทโดย ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ ภาพของขุนศรีวิสารวาจาที่ถูกบันทึกเอาไว้ 2. โกษาเหล็กในละคร รับบทโดย สุรศักดิ์ ชัยอรรถ ภาพวาดของโกษาเหล็กตัวจริง 3. โกษาปานในละคร รับบทโดย ชาติชาย งามสรรพ์ ภาพวาดของโกษาปานที่ถูกบันทึกเอาไว้ 4. ตองกีมาร์ หรือ ท้าวทองกีบม้า ในละคร ภาพของตองกีมาร์จากปกหนังสือท้าวทองกีบม้า 5. คอนสแตนติน ฟอลคอนในละคร ภาพวาดของคอนสแตนติน ฟอลคอนจากการวาดของคนในสมัยก่อน 6. สมเด็จพระนารายณ์มหาราชในละคร …
-
เหตุผลว่าทำไม ‘เจ้าแมลงสาบ’ ถึงอยู่ยงคงกระพัน ฆ่ายังไงก็ไม่ตาย แถมลูกดกอีกด้วย
แมลงสาบ คงเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่หลายๆ คนรู้สึกขยาดทุกครั้งที่ได้เจอ ตอนเดินว่าหนักแล้ว ถ้ามันบินใส่เรายิ่งหนักกว่า แต่ไม่ว่าเราจะพยายามอย่างไรมันก็ไม่หมดไปจากบ้านเราสักที รู้สึกว่าต้องบังเอิญเจอมันอยู่เรื่อยๆ ในวันนี้เราจึงมาพูดถึงเหตุผลว่าทำไมแมลงสาบถึงอยู่ยงคงกระพัน ตายยากตายเย็น แถมมีทายาทสืบทอดให้เราเห็นอยู่เรื่อยๆ การศึกษาล่าสุดจากสถาบันสรีรวิทยาของพืชและนิเวศวิทยาในกรุงเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งถูกตีพิมพ์ในวารสาร Nature Communications ได้ค้นพบความพิเศษในการเอาชีวิตรอดของเจ้าแมลงสาบ ผ่านลักษณะยีนที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกมัน พวกเขาได้ทำการศึกษากับแมลงสาบอเมริกัน (Periplaneta Americana) แมลงสาบบ้านที่ขึ้นชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุด มีความยาวเท่ากับถ่าน AA โดยนักวิจัยได้นำยีนของแมลงสาบชนิดนี้ไปเปรียบเทียบกับสิ่งมีชีวิตลักษณะเดียวกันอีก 2 สายพันธุ์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือแมลงที่ชื่อว่า Blattodea จากการวิเคราะห์จึงทำให้พบว่าตามประวัติการวิวัฒนาการของแมลงสาบ มีจุดชี้ชัดว่าพวกมันจะมีการวิวัฒนาการที่ทำให้เกิดการขยายกลุ่มของยีนมากขึ้นเรื่อยๆ ยีนที่มีการเพิ่มขึ้นนั้นมีอยู่ส่วนหนึ่งที่สามารถสร้างระบบกำจัดพิษภายในร่างกายได้ ปกป้องไม่ให้สารพิษที่มันกินเข้าไปทำร้ายร่างกาย ยีนส่วนต่อมามีการสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันการติดเชื้อจากการสัมผัสสิ่งต่างๆ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงเจริญเติบโตได้ แม้จะกินพวกเศษอาหารหรือเศษขยะที่เราเหลือทิ้งไว้ในบ้าน บางครั้งเราอาจเคยเห็นแมลงสาบขาขาดหรือหัวขาดแต่กลับสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้นานถึง 7 วัน งานวิจัยชิ้นนี้ได้ให้คำตอบกับปรากฏการณ์นั้นว่าพวกเขาค้นพบยีนที่สามารถช่วยทำให้พวกมันสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ขาที่ขาดไปจึงสามารถงอกกลับออกมาใหม่ได้ นอกจากนั้นยีนอีกกลุ่มที่เจ๋งมากๆ ของพวกมันคือ ยีนที่สามารถทำให้แมลงสาบสามารถปรับตัวเข้ากับทุกสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะสภาพอากาศแบบร้อนชื้น ยิ่งเป็นช่วงสภาวะโลกร้อนแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งหนักเลย เกิดเป็นการเพาะพันธุ์ที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น …
-
สาระมาแล้ว!!! 10 เกร็ดความรู้สุดน่าทึ่งเกี่ยวกับผิวหนัง ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
ผิวหนังนั้นเป็นอวัยวะที่สำคัญที่ไม่ใช่แค่ทำหน้าที่ปกคลุมร่างกายเพียงเท่านั้น ถ้าเราไม่มีผิวหนัง เราก็คงไม่สามารถทำสิ่งที่เคยทำในชีวิตประจำวันได้ เช่นการหายใจ การขยับร่างกาย และการทำให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน แต่ก็มีสิ่งต่างๆ มากมายสุดน่าทึ่งเกี่ยวกับผิวหนังของมนุษย์ที่เราอาจไม่เคยได้เรียนมาก่อนในคลาสเรียนวิชาชีววิทยา ลองไปอ่านกันได้เลย 1 . ผิวหนังมีสามชั้น ผิวหนังนั้นประกอบไปด้วย 3 ชั้นด้วยกัน ชั้นนอกสุดเป็นชั้นที่กันน้ำ เรียกว่า Epidermis ชั้นกลางเป็นชั้นที่มีเนื้อเยื่อแข็งแรงเกาะกลุ่มรวมกัน มีรากเส้นขนและต่อมต่างๆ เรียกว่าชั้น Dermis และชั้นในสุดเป็นชั้นที่มีไขมันและเป็นชั้นที่เกาะกับกล้ามเนื้อ เรียกว่าชั้น Hypodermis 2. สีของผิวนั้นขึ้นอยู่กับเซลล์ในชั้น Epidermis เซลล์เหล่านั้นมีชื่อเรียกว่า Melanocytes ซึ่งเป็นเซลล์เม็ดสี Melanin ยิ่งมีจำนวนมากเท่าไร สีของผิวก็จะเข้มขึ้นมากเท่านั้น และการที่มีเซลล์เม็ดสีมากเกินไปหรือน้อยเกินไปอาจส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพผิวหนังได้ 3. ผิวหนังทั้งหมดอาจมีน้ำหนักมากกว่า 10 กิโลกรัม ผิวหนังของเรานั้นมีน้ำหนักประมาณ 15% จากน้ำหนักตัวทั้งหมด ทำให้เป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย อ้างอิงจากศูนย์ควบคุมโรค น้ำหนักทั้งหมดของผิวหนังของผู้หญิงชาวอเมริกันนั้นเฉลี่ยได้ประมาณ 11 กิโลกรัม และของผู้ชายมีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 30 กิโลกรัม 4.…
-
หน่านิ๊!!? 15 ภาพวาด “แสนธรรมดา” ที่เด็กน้อยก็วาดได้ แต่กลับทำเงินได้มหาศาล
ภาพวาดหรือว่างานจิตรกรรมต่างๆ นั้น บางครั้งเราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงมีราคาแพงแสนแพง อย่างน้อยๆ เราก็คิดว่าคนวาดน่ะ ต้องทุ่มเทเวลาและฝีมือ บวกกับพลังความคิดและจินตนาการอย่างมาก กว่าจะได้ภาพนั้นๆ ออกมา แต่บางทีก็คิดไม่ออกและหาเหตุผลไม่ได้เหมือนกันนะว่า ทำไมภาพวาดบางภาพที่เรารู้สึกว่า “มันไม่มีอะไรเลย” หรือ “หลานชายคนเล็กอั๊วะก็วาดล่าย” แต่มันกลับทำเงินได้อย่างมหาศาล!! เราไปดูเจ้าภาพวาดพวกนี้กันเถอะ กับ 15 ภาพวาดธรรมดาแต่กลับราคาแพงลิบลิ่ว จะมีภาพไหน ของใคร และราคาเท่าไหร่กันบ้าง ไปดูพร้อมๆ กันเลยจ้า… 1. Blood Red Mirror ของ Gerhard Richter – 34 ล้านบาท 2. Concetto spaziale, Attese ของ Lucio Fontana – 47 ล้านบาท 3. Green White ของ Ellsworth Kelly – 50 ล้านบาท 4. ไม่มีชื่อ (1961)…
-
10 โลโก้แบรนดังจากรอบโลก ที่มีอะไรแฝงอยู่ภายในมากกว่าที่คุณคิด
เวลาเราจะออกโลโก้ให้กับแบรนด์ของเราสักอันหนึ่ง ปกติเราก็มักจะมีแนวคิดแตกต่างกันออกไป บ้างก็อยากจะทำให้มันดูสวยงามก็พอแล้ว บ้างก็อยากจะให้มันดูน่าจดจำ หรือบ้างก็ทำให้มันมีความหมายหรืออะไรบางอย่างแฝงอยู่ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าแบรนด์สินค้าหรือองค์กรต่างๆ ที่มีชื่อเสียงนั้น พวกเขามักจะแอบใส่อะไรเล็กๆ ลงมาในการออกแบบโลโก้เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกศรหรือตัวหนังสือแฝง ซึ่งถ้าใครคิดไม่ออกว่าแบรนด์ที่มีอะไรแบบนี้มันมีแบรนด์อะไรบ้าง งั้นเราลองมานึกถึง FedEx ดู แบรนด์ขนส่งสินค้าที่มีแค่ตัวหนังสือง่ายๆ กับโลโก้สองสี คุณคิดว่าในโลโก้ของพวกเขามีอะไรซ่อนอยู่กัน? หลายคนอาจจะหาเจอ หลายคนอาจจะหาไม่เจอ ซึ่งในความหมายของโลโก้ FedEx นั้นมีลูกศรซ่อนไว้อยู่ ซึ่งความหมายแฝงคือการส่งสินค้าที่รวดเร็วจากจุด A ไปจุด B ด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ นอกจาก FedEx แล้วโลโก้แบรนด์อื่นๆ ก็ยังมีการแฝงความหมายไว้ข้างในเช่นกัน ยกตัวอย่างๆได้เช่น Elettro Domestici แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากอิตาลีที่ดูแล้วเหมือนจะเป็นแค่ปลั๊กไฟ แต่แท้จริงแล้วพื้นที่วางๆ จะมีตัว E กับ D ซ่อนอยู่ โลโก้ amazon ที่เราจะเห็นว่าตัวลูกศรที่เราคิดว่ามันเป็นยิ้มมุมปากนั้น จริงๆ มันคือการบอกว่าที่ Amazon นั้นมีสินค้าทุกอย่างตั้งแต่ A…
-
5 เทคนิคการสอนลูก เปลี่ยน ‘เด็กดื้อ’ เป็น ‘เด็กดี’ ได้ง่ายๆ ถ้าสอนแบบถูกวิธี
ว่ากันว่าเด็กนั้นเปรียบเหมือนกับผ้าขาว เทสีไหนลงบนผ้าก็ย่อมปรากฏเป็นสีนั้น เปรียบเหมือนกับว่าเด็กนั้นมีความบริสุทธิ์มาก ถ้าเราสอนสิ่งไหนไปเด็กก็จะซึมซับสิ่งที่เราสอนและจดจำไว้เป็นเยี่ยงอย่าง พ่อแม่แต่ละคนมีวิธีการเลี้ยงลูกที่แตกต่างกันไป ไม่มีใครเลี้ยงลูกได้ถูกวิธี 100% เพราะนิสัยใจคอของคนเรานั้นช่างแตกต่างกัน แต่การเลี้ยงดูเด็กก็มีวิธีการที่ได้รับพิสูจน์ว่าสามารถจัดการกับเด็กที่ดื้อได้อย่างอยู่หมัด ด้วยวิธีการเลี้ยงลูกโดย Paul Raeburn และ Kevin Zollman ที่จะมาแนะวิธีเปลี่ยนเด็กดื้อให้เป็นเด็กดีได้แบบง่ายๆ 1.การเดินข้ามถนน วิธีการสอนแบบผิดๆ : ลูกต้องจับมือพ่อแม่ไว้ตลอดเมื่อตอนข้ามข้ามถนน วิธีการสอนที่ดี : ให้ลูกได้เหมือนมีส่วนร่วมได้ช่วยเหลือด้วยการขอร้องให้ลูกช่วยพาข้ามถนนโดยที่พ่อแม่คอยดูอยู่ใกล้ๆ 2. วิธีการลงโทษ วิธีการสอนแบบผิดๆ : รีบลงโทษเด็กโดยที่ไม่ฟังเหตุผลหรือไม่อธิบายว่าทำไมต้องลงโทษ ใช้น้ำเสียงรุนแรงและใช้อารมณ์ วิธีการสอนที่ดี : มีทางเลือกให้ลูกได้เลือกวิธีลงโทษด้วยการจ่ายเงินจากเงินออมหรือล้างจาน 1 สัปดาห์ 3. เมื่อลูกไม่ยอมทานอาหาร วิธีการสอนแบบผิดๆ : ใช้น้ำเสียงแข็งเมื่อเด็กไม่ยอมทานอาหาร พร้อมกับขู่ว่าจะงดขนม วิธีการสอนที่ดี : เสนอข้อแลกเปลี่ยนง่ายๆ ถ้ายอมทานอาหารก็จะสามารถเลือกทานขนมที่ชอบได้ 4. เด็กไม่ยอมทานอาหารด้วยตัวเอง วิธีการสอนแบบผิดๆ : บังคับให้เด็กทานอาหารเองโดยที่พ่อแม่ปล่อยปละละเลย วิธีการสอนที่ดี :…
-
เห็นฝรั่งชอบเป็นกันจั๊งงง!! สรุปแล้ว “การเป็นกระ” มันดีหรือไม่ดี เรามารู้จักกับมันกันเถอะ
ค่านิยมความงามสมัยนี้ โดยเฉพาะประเทศไทยเรา มักจะมองว่า การมีผิวพรรณเปล่งปลั่ง ขาว เนียน และไร้ริ้วรอยนั้น ถือเป็นที่สุดแห่งความงดงามของหญิงสาว ขณะเดียวกัน หากท่านใดที่มีริ้วร้อยฝ้า สิว หรือว่ากระ ก็อาจจะไม่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มคนผิวพรรณดี โดยเฉพาะ “กระ” ที่ไม่ได้รักษาให้หายกันง่ายๆ อาจจะต้องบำรุงแล้วบำรุงอีก เพื่อให้มันดูจางลงพร้อมเผยผิวพรรณเปล่งประกาย งั้นวันนี้เรามารู้จักกับ “กระ” ให้มากขึ้นกันเถอะ กับ 16 ความจริงเกี่ยวกับรอยกระ พร้อมภาพประกอบที่จะพิสูจน์ให้เห็นเลยว่า “ฉึงฉันจะมีกระ ฉันก็สวยได้ย่ะ” 1. กระ คือจุดสีเข้มจำนวนหลายจุด ที่ปรากฏบนร่างกาย ส่วนมากจะปรากฏขึ้นบนใบหน้า แต่หากส่วนอื่นๆ ของร่างกายกระทบแสงแดดมากๆ เข้าก็อาจเผยรอยกระให้เห็นได้ 2. กระ ไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกาย มันเกิดจากการที่ร่างกายของเรามีปฏิกิริยากับ รังสียูวี ในแสงแดด พูดง่ายๆ มันเป็นระบบป้องกันผิวหนังไม่ให้ได้รับความเสียหายจากแสงแดดมากเกินไปนั่นเอง 3. กระ มี 2 ประเภทคือ หนึ่ง ประเภททั่วไป (Ephelides) ที่เกิดจากแสงแดด จะเป็นๆ…
-
นักวิทย์ชี้แจง ทำไมหน้าร้อนเราถึง “หิวน้อยกว่าปกติ” นี่เรากำลังจะผอมแล้วใช่มั้ย!?
ด้วยอุณหภูมิของประเทศไทยที่ตอนนี้พุ่งสูงไปที่ 30 องศาเซลเซียส ปลายๆ เกือบจะ 40 องศาเซลเซียส ขนาดที่ยังไม่เข้าเดือนเมษาก็ร้อนจนแทบจะละลายกลายเป็นไขมันลงไปกองกับพื้นแล้ว เนื่องจากความร้อนที่พุ่งสูงจนเราไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร อยากทำแค่เพียงเปิดแอร์ฉ่ำ นอนตีพุงอยู่เฉยๆ แต่มันก็ทำไม่ได้ ด้วยภาระหน้าที่ที่จำเป็นนั้นทำให้เราต้องออกไปเผชิญกับอากาศร้อนตับแตก เหมือนกับว่าชาติที่แล้วไปทำเวรทำกรรมอะไรมา… เราเคยสงสัยกันไหมว่า “ทำไมหน้าร้อน เราถึงไม่ค่อยจะอยากกินอะไรมากนัก” เป็นเพราะอะไรที่ทำให้เราอยากกินอาหารน้อยลงในช่วงเวลาฤดูร้อน หรือนี่อาจจะเป็นสัญญานที่ทำให้เราเริ่มต้นลดน้ำหนักกันแน่นะ #เหมียวบู้บี้ ก็จะมาไขข้อสงสัยนี้ให้ทุกคนได้รู้กัน!! อ้างอิงจากข้อมูลที่ Ritesh Balri นักโภชนาการและนักสรีรวิทยา กล่าวไว้ว่า “มีอีกหลายทฤษฎีที่บ่งบอกถึงสาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกหิวน้อยลง เช่น ทฤษฎีเรื่องปริมาณของแสงที่กระตุ้นความหิวของเรา” อธิบายง่ายๆ เลยก็คือ เมื่อแสงน้อยลง ร่างกายของเราก็จะเกิดความคิดว่า เราจะไม่ได้รับอาหารอย่างเพียงพอก็เลยต้องรีบตุนอาหารไว้ในร่างกาย เราจึงหิวบ่อยกว่าปกติในฤดูหนาว (ส่วนหน้าร้อนแดดจ้า ร่างกายก็เลยไม่อยากรับอาหารมากเท่าไหร่) โดยทั่วไป ร่างกายจะมีกลไกในการขับน้ำออกจากร่างกาย นั่นก็คือขับออกมาในรูปแบบของเหงื่อ เพื่อให้อุณหภูมิในร่างกายอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ส่วนที่ควบคุมระบบนี้นั่นก็คือ ไฮโปทาลามัส ส่วนหนึ่งในสมองของเรานั่นเอง ในขณะที่ไฮโปทาลามัสควบคุณอุณภูมิในร่างกายของเราก็จะให้ความสำคัญกับความหิวน้อยลง และสั่งให้ร่างกายดื่มน้ำมากขึ้น นอกจากนี้นักโภชนาการยังบอกอีกว่า ดัชนีมวลกายของเราจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เพราะร่างกายต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อการดำรงชีพตามปกติ และนี่ก็น่าอธิบายได้ว่าทำไมร่างกายของเราถึงไม่ค่อยหิวในฤดูร้อน นี่แหละจุดเริ่มต้นของการลดน้ำหนัก!! …
-
ชาวนาเตรียมเฮ!! พบกับ “Farmder” ทินเดอร์ชาวไร่ หาคนรู้ใจสไตล์ เอ่อ…บ้านทุ่ง?
แอปพลิเคชันหาเพื่อนคุย ที่โด่งดังอย่างมากในปัจจุบัน และใช้กันอย่างแพร่หลาย ก็คงจะหนีไม่พ้น Tinder เป็นแน่ ด้วยระบบที่สามารถค้นหาผู้คนจากละแวกใกล้เคียง พร้อมกับวิธีการ ปัดขวาปัดซ้าย เพื่อบอกว่าชอบหรือไม่ชอบ ถูกใจหรือไม่ถูกใจ เมื่อคนสองคนถูกใจซึ่งกันและกัน ระบบของแอปฯ ก็จะทำการ Matching หรือว่าจับคู่ให้ได้มาแชตกันนั่นเอง แต่แหม… ถ้าเราอยู่ในละแวก ชนบท ล่ะ จะค้นหาใครเจอไหมล่ะเนี่ยยย!!? แอปพลิเคชันที่ว่ากันว่าเป็น Tinder สำหรับชาวนานั้น เป็นไอเดียของ Michelle Li ผู้ที่กล่าวว่า “มันคงจะเป็นการยาก หากจะหาคู่แท้บน Tinder เพราะข้อจำกันมันเยอะเสียเหลือเกิน” Li อธิบายเพิ่มว่า “อย่างเช่นถ้าคุณเป็นพวกนักบิดไบเกอร์ คุณก็มักจะมองหาคนที่ชอบการขับขี่รถเหมือนกัน กรณีแบบนี้ หากว่ามีแอปฯ สำหรับหาคู่ไบเกอร์ไปเลย มันก็ย่อมดีกว่ามามองหาบน Tinder อย่างเดียวใช่ไหมล่ะ? ฉะนั้น เมื่อมีแอปฯ หาคู่ที่เฉพาะเจาะจงลงไปในบางเรื่อง มันจะแปลกตรงไหนหากว่าจะมีแอปฯ หาคู่สำหรับชาวนาบ้าง” แอปฯ ดังกล่าวมีชื่อว่า Farmder มันถูกออกแบบมาคล้ายกับ Tinder เลย ทั้งระบบการค้นหาและการปัดซ้ายปัดวา…
-
นี่คืออาการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับร่างกาย ถ้าหากว่าคุณ ยั๊งไม่ได้นอนนนนนน!!
การนอนหลับเป็นอีกหนึ่งกลไกของร่างกายมนุษย์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้มนุษย์ได้พักผ่อนร่างกาย มนุษย์ควรจะนอนหลับให้ได้ประมาณวันละ 6-8 ชั่วโมงเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี แต่ด้วยเหตุจำเป็นในวิถีชีวิตของมนุษย์แต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ทำให้บางคนไม่ค่อยได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ เคยสงสัยกันไหมว่า ถ้าหากมนุษย์อดนอนร่างกายจะเกิดการตอบสนองอย่างไรบ้าง และจะส่งผลแบบไหนกับร่างกาย ถ้าหากว่ามนุษย์อดนอน นี่คือระดับอาการที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายเมื่อคุณไม่นอนในแต่ละช่วงเวลาที่เพิ่มขึ้น 6 ชั่วโมง หลังจากที่คุณผ่านค่ำคืนที่นอนไม่หลับ 6 ชั่วโมง ร่างกายจะเริ่มผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลหรือฮอร์โมนแห่งความเครียดออกมาจำนวนมาก ทำให้รู้สึกหงุดหงิดและกังวล ก่อให้เกิดความเครียดและสับสน 12 ชั่วโมงต่อมา สมองจะเริ่มปิดการทำงานในฟังก์ชันที่ไม่จำเป็นเช่นปฏิกิริยาตอบสนองเริ่มช้าลง และตัดสินใจช้าลง แต่ก็ยังสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ 24 ชั่วโมงต่อมา ร่างกายจะเริ่มทำงานแบบตรงกันข้าม แทนที่จะมีความเหนื่อยล้าแต่กลับเป็นว่าร่างกายจะตื่นตัวและมีประสาทสัมผัสที่่เฉียบแหลม ทุกอย่างดูแฮปปี้สดใส เพราะร่างกายหลั่งสารโดพามีนมาแทนที่การนอนหลับพักผ่อน จนผ่านช่วงนี้ไป ถ้ายังไม่หลับอีกร่างกายจะค่อยๆ เหนื่อยล้า ความตื่นตัวจะลดลงไปเรื่อยๆ 36 ชั่วโมงต่อมา หน่วยความจำเริ่มลด และการตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ก็เริ่มลดลง สมองอยู่ในโหมดประหยัดพลังงาน ร่างกายเริ่มปิดการทำงานบางอย่าง เช่น ลดการเผาผลาญพลังงาน เร่งให้มีความรู้สึกเหนื่อยล้ามากยิ่งขึ้น 48 ชั่วโมงต่อมา เริ่มเกิดภาพหลอน เนื่องจากการขาดสารเคมีและสารอาหารทำให้เกิดการกระตุ้นสมองมากเกินไปทำให้เห็นภาพลวงตา เริ่มได้ยินเสียงแว่วแปลกๆ ภาพหลอนแปลกๆ และลืมการใช้ชีวิตขั้นพื้นฐาน…
-
เผยเคล็ดลับ ทอดเบคอนยังไงให้ “โคตรกรอบ” เทคนิคง่ายๆ เอาไปใช้ได้นะออเจ้า!!
ใครชอบกินเบคอนยกมือขึ้นนนน!! เชื่อว่าต้องมีหลายคนแน่ๆ ที่ชื่นชอบการรับประทานเบคอนทอด เจ้าหมูแผ่นบางที่ถูกนำไปรมควันหอมๆ แล้วทอดให้กรอบๆ จนมีรสชาติสุดแสนอร่อยนี้ มันช่างเป็นอาหารเลิศรสเสียจริงๆ แต่ว่า หลายครั้งเวลาที่เราไปร้านอาหารแล้วสั่งเมนูเบคอนทอดมาทานนั้น มักจะพบว่า เกรียมเกินไป ไหม้เกินไป หรือบางทีก็อาจจะอมน้ำมันมากเกินไปนั่นเอง วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับสุดยอดมาบอก การที่จะทอดเบคอนให้กรอบอร่อย และไม่ไหม้นั้น บอกเลยว่าง่ายนิดเดียววว มันจะมีเส้นบางๆ กั้นอยู่ระหว่าง ความกรอบ และ ความเกรียม แต่มันจะมีวัตถุดิบอยู่หนึ่งอย่างที่หลายๆ คนมองข้าม เมื่อใส่ลงไปแล้ว รับรองว่า เบคอนที่คุณทอด จะกรอบอร่อย แถมไม่ทำให้ไหม้อีกด้วย และสิ่งนั้นก็คือ การพรมน้ำ นั่นเอง การพรมน้ำหรือฉีดให้ละอองน้ำฟุ้งลงไป บนกระทะ ก่อนทอดเบคอนนั้น ไม่ได้ช่วยให้เบคอนของคุณกรอบโดยตรง แต่มันจะเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันในแผ่นเบคอนกระเซ็นออกมาเท่านั้นเอง มีการทดลองจาก Delish อย่างง่าย คือการทอดเบคอนแบบปกติตั้งกระทะด้วยไฟแรง และนำมาเปรียบเทียบกับการทอดเบคอนบนกระทะที่มีการพรมน้ำลงไปซึ่งใช้ไฟแรงเท่ากัน ผลปรากฎว่า เบคอนแบบที่ทอดโดยไม่พรมน้ำนั้นเปราะเกินไป แตกหักได้ง่าย น้ำมันและไขมันของเบคอนกระเด็นเซ็นซ่านไปรอบบริเวณ แถมกระเด็นใส่คนทอดอีกต่างหาก แต่ เบคอนที่ทอดในกระทะพรมน้ำนั้น ไม่มีน้ำมันหรือไขมันกระเด็นเลย แถมชิ้นเบคอนยังแน่นกว่า เปราะน้อยกว่า และยัง มีความกรอบ มากกว่าอีกด้วย ปล.…
-
คุณครูลาออกจากโรงเรียนมาเป็นสาว Dominatrix เต็มตัว ใช้ชีวิตเป็นราชินีที่มีทาสคอยติดตาม!!
เรื่องของ ‘รสนิยม’ นั้นถือเป็นความชอบส่วนตัวของแต่ละคน ขึ้นอยู่กับว่าไลฟ์สไตล์ หรือสังคม สภาพแวดล้อมต่างๆ ที่สงผลให้เกิดความชอบนั้นๆ ขึ้นมา และรสนิยมดังที่กล่าวไปนั้นก็มีอยู่มากมายหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว ประเภทของสัตว์เลี้ยง เรื่องเพศ หรือแม้แต่เรื่องบนเตียง!! เช่นเดียวกันกับ Dahlia Rain คุณครูสาววัย 35 ปี ที่มีรสนิยมแบบ BDSM หรือ ชุดความสัมพันธ์ที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกกระทำเป็นทาส ชื่นชอบความเจ็บปวด และความตื่นเต้น จึงได้ตัดสินใจลาออกจากการเป็นครูประจำในโรงเรียน ออกมาเป็น Dominatrix หรือ สาว Mistress ที่ทำหน้าที่ลงแส้ผู้ชายแบบเต็มตัว “ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความพึงพอใจที่แตกต่างกันออกไป ฉันเองก็เคยเป็นแม่บ้านธรรมดาๆ มาก่อน แต่ก็มารู้ตัวภายหลังว่ามีบางอย่างขาดหายไปจากชีวิตของฉัน ฉันอยากให้ชีวิตมันมีเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น และนั่นเป็นสิ่งที่อดีตสามีของฉันไม่ต้องการ” Dahlia เล่า “ฉันเริ่มนัดเจอกับผู้คนแปลกๆ มากยิ่งขึ้น ไปร่วมงานปาร์ตี้ของคนที่มีรสนิยมแบบ BDSM จนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉัน” เธอเล่าเพิ่มเติม Dahlia จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนที่ยอมสมัครใจเป็นทาสแบบปลอมๆ เพื่อสนองความต้องการทางเพศของตนเอง ให้พวกเขาทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งทำอาหาร ทำความสะอาด พาหมาไปเดินเล่น เพื่อแลกกับ ‘รางวัลตอบแทน’ ที่เธอจะเป็นคนมอบให้ และตอนนี้ก็มีทาสอยู่สองคนก็คือนาย…
-
ไขความลับของเจ้าหญิงราพันเซล กับความอันตรายของเส้นผมที่ไม่มีใครเคยรู้มาก่อน
หลังจากที่ #เหมียวฝึกหัด ได้ทำลายความฝันวัยเด็กของใครหลายคนจากการแฉความจริงเรื่อง Snow White และการจุมพิตจากเจ้าชายรูปงามแล้ว (อ่านได้ที่นี่) ก็ยังมีปริศนาอื่นๆ อีกมากมายเกี่ยวกับเจ้าหญิงดิสนีย์ที่พวกเรานั้นยังไม่รู้อีกเยอะ หรือบางทีอาจจะคาดไม่ถึงก็เป็นได้ ในครั้งนี้ก็จะเป็นเรื่องราวของเจ้าหญิงราพันเซลซึ่งเป็นนิทานเทพนิยายที่เก่าแก่มากกว่า 200 ปีมาแล้ว และทางดิสนีย์ก็ได้นำมาสร้างเป็นการ์ตูนอนิเมชันโดยใช้ชื่อว่า Tangled ที่เป็นเรื่องราวของเจ้าหญิงผมยาวแสนสวยที่อาศัยอยู่บนหอคอยห่างไกลผู้คน ซึ่งก็คงผ่านหูผ่านตาใครหลายๆ คนมาแล้ว ทำให้เกิดคำถามในใจขึ้นมามากมายว่า เป็นไปได้ไหมที่จะมีผมยาวแบบนั้นได้? เส้นผมที่ราพันเซลใช้เป็นอาวุธหรือเป็นอุปกรณ์ในการเคลื่อนที่เช่นการโหนไปมา หรือใช้เป็นเชือกมัดสิ่งต่างๆ อย่างที่เราเห็นในการ์ตูน สามารถทำได้จริงหรือไม่? โดยใช้ข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์และไม่คำนึงถึงเวทมนตร์และพลังในการรักษาของเส้นผม โดยเริ่มต้นจากความยาวของเส้นผม จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Center for Disease Control and Prevention) พบว่าโดยปกติแล้วเส้นผมของมนุษย์จะเจริญเติบโตด้วยอัตราเฉลี่ยประมาณ 1 เซนติเมตรต่อเดือน เมื่อเทียบกับอายุของราพันเซลแล้ว เธอจะมีเส้นผมที่ยาวเพียง 2.9 เมตรเท่านั้น แต่จากการสัมภาษณ์ Kelly Ward หนึ่งในผู้ออกแบบตัวละครที่เป็นผู้รับผิดชอบในการออกแบบเส้นผมของราพันเซลใน Tangled ได้เปิดเผยว่าเส้นผมของราพันเซลนั้นมีความยาวถึง 70 ฟุต หรือประมาณ 21 เมตร…
-
เฮลโหลน้องนม… มาทำความรู้จักกับ “หน้าอก” ทั้ง 9 รูปทรงของสาวๆ กันเถอะ!!
วันนี้เรามาว่ากันด้วยเรื่องของ “ทรวงอก” ของสาวๆ กันหน่อยดีกว่า ถึงจะเป็นความรู้สำหรับผู้หญิง แต่คิดว่าท่านชายเองก็น่าจะสนใจด้วยเช่นกัน (เผื่อนำความรู้ไปบอกแฟนสาวต่อ) บทความนี้จะนำเสนอถึง รูปทรงของหน้าอกทั้ง 9 แบบ ให้สาวๆ มาลองเช็กตัวเองดูกันว่า หน้าอกของตัวเองนั้นมีรูปทรงแบบไหนกันแน่ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ บริษัทผลิตชุดชั้นในสตรี ThirdLove ที่ได้จำแนกรูปร่างของหน้าอกสาวๆ ออกมาเป็น 9 แบบ เพื่อให้ท่านหญิงทั้งหลายสังเกตรูปทรงหน้าอกของตัวเอง ก่อนที่จะเลือกซื้อเสื้อชั้นในได้อย่างเหมาะสมยังไงล่ะ เอาล่ะ รูปทรงหน้าอกของคุณ เป็นทรงไหนกันแน่ เรามาเช็กตัวเองกันดีกว่า!! 1. ทรงกลม (Round) หากคุณสังเกตหน้าอกตัวเองแล้วพบว่า ส่วนบนและล่างค่อนข้างเต็มทรวง นั่นถือว่าคุณมีหน้าอกทรงกลม หากคุณมีหน้าอกทรงกลมล่ะก็สบายเลย เพราะคุณจะใส่เสื้อชั้นในที่ไม่ต้องมีดีไซน์อะไรเป็นพิเศษ แถมไม่ต้องเสริมความอึ๋มอีกด้วย เพราะทรวงอกของคุณเข้าทรงเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว 2. แบบชี้ออก (East West) หากคุณสังเหตเห็นว่า “หัวนม” ของคุณชี้ออกข้างล่ะก็ชัดเจนแล้วล่ะว่า คุณมีหน้าอกทรงชี้ออก หรือ East West ที่แปลว่า “ตะวันออก ตะวันตก” นั่นเอง…
-
16 ความในใจของผู้หญิง 16 คน ถึงผู้ชายในเรื่อง “การเบิร์น” ช่วยทำความเข้าใจสักนิด!!
ปัญหาเรื่อง Sex และชีวิตคู่นั้นดูจะเป็นอะไรที่แยกจากกันไม่ได้ และทำให้ความรักของหลายคนพังทลายลงมาแล้ว… ใครที่กำลังวิตกกังวล อยากจะทำให้คุณผู้หญิงมีความสุขบ้าง ไม่กล้าหรือไม่มั่นใจที่จะทำออรัลเซ็กส์กับคู่รักของตัวเอง ซึ่งอาจจะเป็นชนวนสำคัญสู่สาเหตุเตียงหักได้ คำแนะนำทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ในบทความนี้มาจากประสบการณ์ส่วนบุคคล ซึ่งสัมภาษณ์มาจากผู้หญิงหลายๆ คน ซึ่งได้รับเสียงตอบรับบนโลกออนไลน์อย่างมหาศาล เราจึงแปลมาให้คุณได้ลองอ่านกัน… 1. จงจำไว้ว่าปุ่มกระสันอยู่ตรงไหน และจำไว้ว่ามันเป็นมากกว่ากริ่งประตู สิ่งที่คุณต้องรู้เมื่ออยากจะทำให้ดีก็คือ เข้า Google ไปเสิร์ชหาและมองดูดีๆ ว่าปุ่มกระสันมันอยู่ตรงไหน ไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอก” Lúu Novaski กล่าว 2. ปุ่มกระสันไวต่อการสัมผัส และไม่ได้มีไว้แค่ทำให้มีความสุขเท่านั้น “อย่ามัวลงลิ้นอย่างตาเหลือกตาพอง ราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว ส่วนข้างล่างน่ะ มันไวต่อความรู้สึก และมันจะไม่เพลิดเพลินเลยถ้าถูกกระตุ้นมากเกินไป“ Ana Cicino กล่าว 3. อย่าลิ้นแข็ง “ลิ้นนะ ไม่ใช่กระปู๋ การทำออรัลเซ็กส์ก็เหมือนกับการจูบ ต้องมีความชุ่มชื่น ไม่รีบร้อนและมีระเบียบ ไม่ใช่การวัดว่าลิ้นแข็งๆ ของคุณสามารถเข้าไปลึกได้แค่ไหน” Camila Leite กล่าว 4. คำว่าดูด…
-
10 สถานที่ท่องเที่ยวจริงๆ จากเกม ‘กบน้อยนักเดินทาง’ ถ้าไม่กลับบ้านก็ต้องไปตามจนถึงที่!!
ถ้าพูดถึงเกมฮิตสุดต้นปีนี้ คงต้องขอยกให้เกม ‘น้องกบน้อยนักเดินทาง’ เลยทีเดียวเชียว แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยกันหรือไม่ว่าสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ที่เจ้ากบน้อยไป นั้นมีอยู่จริงๆ หรือไม่ และในวันนี้ เพจเฟซบุ๊ก www.facebook.com/modgazine/ ก็ได้รวบรวมมาไว้ให้พวกเราได้ชม เวลาที่เจ้ากบน้อยเดินทางออกจากบ้านไปนี่แหละ เพราะเราก็ต้องมาลุ้นว่ามันจะส่งภาพของตัวเองกับสถานที่ท่องเที่ยวที่ไปกลับมาให้หรือไม่ และเราลองตามไปดูกันครับว่าแต่ละสถานที่ซึ่งเจ้ากบไปนั้น มันเป็นสถานที่จริงที่ไหนบ้าง!? 1. Oirase Keiryu ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอาโอโมริ โดยสะพานที่เห็นในภาพนี้เป็นสะพานที่พาดผ่านลำธารที่ไหลมาจากทะเลสาบโทวาดะผ่านหุบเขาโออิระเซะมา สถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม มองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียวชะอุ่ม และถ้าเป็นเป็นช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีแล้วล่ะก็ ผู้คนจะหลั่งไหลมากันที่นี่เพื่อชมความเปลี่ยนแปลงอันแสนมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ป่าทั้งป่าจะกลายเป็นสีแดงสวยสดงดงาม 2. Godaido Temple วัดโกไดโดะเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1350 กลายเป็นสถานที่ขึ้นชื่อของจังหวัดมิยางิ และจุดเด่นของวัดนี้ก็เป็นสะพานสีแดงที่เห็นในภาพ มีชื่อว่า Sukashi-bashi (สะพานสึคาชิ) โดยตัวสะพานจะมีร่องที่ค่อนข้างห่างกันมากเพื่อให้นักท่องเที่ยวก้มมองเท้าเวลาเดินเข้าวัด สื่อถึงการเตรียมความพร้อมทางจิตใจในการไปวัด ถ้าเผลอไม่ระวังสะดุดก็อาจจะแปลว่าจิตใจยังไม่เหมาะกับการเข้าวัดนั่นเอง 3. Kusatsu Onsen คุสัทสึ อนเซ็น เป็นสถานที่แช่น้ำพุร้อนอนเซ็นที่รู้จักดีในหมู่ผู้นิยมแช่น้ำร้อนมากที่สุด เพราะติดอันดับ top 10 ของประเทศญี่ปุ่นมาตลอด และเคยอยู่อันดับ 1 มากว่า 15 ปีซ้อนด้วย!! ส่วนบริเวณที่คุณกบไปนั่งกินออนเซนมันจูอยู่คือ Yubatake…
-
เว็บนอกเสนอ 12 การแฟชั่นชาย “หลุดเทรนด์” ที่ไม่แนะนำ พร้อมเทคนิคปรับให้เจ๋งขึ้น!!
แฟชั่น นั้นเป็นสิ่งที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ไม่มีความแน่นอน ฉะนั้น การจะแต่งกายอย่างไรให้ดูดีได้นั้น ก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าเมื่อกระแสการแต่งกาย และแฟชั่นเปลี่ยนไป เสื้อผ้าเก่าๆ ที่มัน “เอ้าท์” หรือว่าหลุดกระแสไปแล้ว แน่นอนว่าเราก็จำใจจะต้องทิ้งมัน โดยอาจจะมีบางอย่างจริงจริ๊งง ที่จะสามารถนำกลับมาใส่ให้เข้ากับแฟชั่นในยุคสมัยใหม่ วันนี้เรามาเอาใจท่านชายโดยเฉพาะ เราจะมาแนะนำว่าเสื้อผ้าของผู้ชายแบบไหน ที่ควรเก็บเข้ากรุ เพราะหากใส่มันในยุคนี้ล่ะก็ คุณอาจจะดู “ล้าสมัย” ในสายตาใครหลายๆ คนก็ได้ เอาล่ะ มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย… 1. เสื้อยืดที่มีสโลแกนต่างๆ สมัยก่อนคงจะนิยมกันน่าดูเลยสำหรับเสื้อที่มีตัวหนังสือใหญ่ๆ แผ่หลาอยู่กลางอก เป็นข้อความเสี่ยวๆ บ้าง คมๆ บ้างหรืออาจจะเป็นแนวตลกๆ ฮาๆ แต่สมัยนี้น่ะเขาไม่มีแล้ว มันคงไม่เหมาะสมมากนักหากคุณไปไหนต่อไหน โดยที่เสื้อของคุณมีข้อความตลก หรือลามก อะไรแบบนั้น งั้นใส่อะไรดี: แนะนำเป็นเสื้อยืดสีพื้น หรือเสื้อยืดมีลาย 2. เสื้อยืดคอวีลึก เสื้อคอวีลึกมันทำให้มองเห็นหน้าอกล่ำบึ้กของคุณก็จริง แต่ว่า สมัยนี้น่ะ เสื้อคว้านคอกว้างๆ ลึกๆ…
-
หนุ่มๆ ฟังไว้ วิจัยบอกว่าควร “ชู้กวู้ว” อย่างน้อยๆ 21 ครั้งต่อเดือน เพื่อสุขภาพตัวเองนะ!!
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคมปี 2017 Jessica Farrar นักการเมืองจากรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาเรียกร้องให้เหล่าชายหนุ่มหยุดการ “ชู้กวู้ว” เพราะมันคือการกระทำที่ต่อต้านการให้กำเนิดบุตร (ประมาณว่าถ้าทำแล้วก็จะทำให้เด็กคนนั้นๆ ไม่ได้กำเนิดมานั่นเอง) และหากใครฝ่าฝืนก็จะมีการปรับเป็นจำนวน 100 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 3,112 บาท แต่โชคดีของหนุ่มๆ เท็กซัสซะเหลือเกิน เพราะมันยังเป็นแค่การพูดคุยเฉยๆ ไม่ได้กลายเป็นข้อกฎหมายที่มีการบังคับใช้จริงๆ และเพื่อเป็นการสนับสนุนเหล่าชายหนุ่มว่าการ “ชู้กวู้ว” เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เราก็เลยเอางานวิจัยหนุกๆ ของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดมาให้ได้อ่านกัน งานวิจัยที่ว่านี้ถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ europeanurology.com เมื่อราวๆ เดือนธันวาคมปี 2016 พบว่าการการทำกิจกรรมทางเพศหรือการช่วยตัวเอง มีส่วนช่วยในการฟื้นฟูร่างกายและลดโอกาสในการป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้อย่างดี การศึกษานี้ได้ศึกษาพฤติกรรมทางเพศของชายหนุ่มกว่า 32,000 คน จนสรุปได้ว่าคนที่มีอัตราการหลั่งออกมาสูงกว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่านั่นเอง บางช่วงบางตอนของงานวิจัยเขียนเอาไว้ว่า “เราพบว่าผู้ชายที่อยู่ในรายงานของเรา เมื่อเปรียบเทียบคนที่ช่วยตัวเองบ่อยครั้งกับคนที่ช่วยตัวเองน้อยครั้ง พบว่าคนที่ช่วยตัวเองบ่อยนั้นจะมีโอกาสพบโรงมะเร็งต่อมลูกหมากได้น้อยกว่านั่นเอง การศึกษาที่มีความคาดหวังใหญ่ขนาดนี้จะเป็นหลักฐานที่แข็งแกร่งที่ชี้ว่าการช่วยตัวเองมีประโยชน์ขนาดไหนในการป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก” ส่วนจำนวนครั้งที่พอเหมาะพอดีสำหรับการช่วยตัวเองนั้นคือ 21 ครั้ง/เดือน เพราะงานศึกษาชิ้นนี้พบว่ามันช่วยลดการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้ถึง 33% เลย แต่ๆๆ นอกจากการชู้กวู้วบ่อยๆ…
-
ชมภาพการ์ตูนแสดงถึง “ความลึก” ของมหาสมุทรอันยิ่งใหญ่ เอาให้โรคกลัวทะเลกำเริบกันไปเลย!!
ทะเลและมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้นเต็มไปด้วยสิ่งลี้ลับมากมาย ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีการค้นพบสิ่งต่างๆ จากห้วงทะเลลึกให้เห็นกันบ้างแล้ว แต่เชื่อหรือไม่ว่า ยังเหลือพื้นที่ในทะเลที่ยังไม่ถูกสำรวจอีกตั้ง 95 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด และด้วยความลี้ลับของมหาสมุทรนั้นเอง ทำให้หลายๆ คนคิดว่ามันจะมีสัตว์ประหลาดอยู่ใต้ก้นมหาสมุทร จนเป็นโรคกลัวทะเลกันไปเลยทีเดียว (หากอยากรู้ว่าตัวเองเป็นโรคกลัวทะเลหรือเปล่า มาเช็กได้ที่นี่เลย) ฉะนั้น คุณ Randall Munroe จึงได้พยายามออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับห้วงทะเล เท่าที่มนุษย์จะสามารถหาข้อมูลมาได้ ผ่านการวาดออกมาเป็นภาพการ์ตูนเจ๋งๆ โดยใช้ชื่อเรื่องว่า “Lakes and Oceans” นี่คือภาพเต็มๆ ภาพอาจจะเล็กไปสักนิด ชมภาพใหญ่ๆ ได้ที่นี่ ภาพนี้แสดงความลึกของทะเลสาบต่างๆ ยังลึกไม่ถึง 1,000 เมตรเลย เรือบางลำที่ว่ากันว่าอับปางอยู่ใต้ทะเลลึก เมื่อมองเป็นภาพใหญ่ๆ แบบนี้แล้ว มันดูตื้นไปเลย เรือไททานิกที่เรารู้จัก อับปางในปี 1912 แน่นิ่งเป็นสองท่อนอยู่ใต้มหาสมุทรลึกราวๆ 3,784 เมตร รูปลูกศรคือจุดที่วาฬสเปิร์มสามารถดำลงไปได้ และกลับขึ้นมาพร้อมบาดแผลเต็มตัว สันนิษฐานว่าใต้ล่างน่าจะมีปลาหมึกยักษ์ ซึ่งมนุษย์ก็ยังมิอาจค้นพบได้ จุดที่ลึกที่ในโลกตอนนี้คือ Challenger Deep…
-
7 ยุทธวิธีสำหรับคนเลี้ยงแมวในบ้าน เพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าเหมียวของคุณจะมีความสุข
เราจะเห็นว่าเจ้าของแมวหลายคน ปล่อยให้พวกมันเดินไปมาได้ตามใจชอบทั้งในบ้านและนอกบ้าน เพื่อให้พวกมันได้มีอิสระอย่างเต็มที่ ทว่ายังมีเจ้าของแมวอีกส่วนหนึ่งเหมือนกันที่เลี้ยงแมวไว้ในบ้านอย่างเดียว อาจจะเป็นเพราะว่าพวกมันโตมาแบบนั้นตั้งแต่เด็ก หรือเป็นเพราะมันถูกเลี้ยงในพื้นที่จำกัดอย่างหอพักหรือคอนโดก็เป็นได้ หลายคนอาจเคยคิดสงสัยว่าไม่ให้แมวออกไปเล่นข้างนอกบ้างแล้วพวกมันจะมีความสุขจริงๆ เหรอ คำตอบก็คือมันขึ้นอยู่กับวิธีการเลี้ยงดูและการเอาใจใส่นั่นแหละ ถ้าหากเราเลี้ยงมันอย่างถูกต้องและเอาใจใส่มันมากพอ พวกมันก็จะมีความสุขได้ วันนี้เราเลยมีคำแนะนำง่ายๆ 7 อย่างมาฝากให้เจ้าของแมวที่เลี้ยงพวกมันไว้แต่ในห้อง ถ้าทำตามนี้แล้วรับรองว่าเจ้าเหมียวก็จะมีความสุขได้เหมือนกันแม้ว่าจะไม่ได้ออกไปนอกบ้าน 1. สร้างพื้นที่ในแนวตั้งให้พวกมัน เป็นที่รู้กันดีว่าแมวเป็นสัตว์ที่ชอบปีนป่าย ดังนั้นการสร้างพื้นที่แนวตั้งให้พวกมันโดยเอาคอนโดแมวมาตั้ง หรือทำที่พักผ่อนให้มันในที่สูงๆ ก็จะเพิ่มความสุขให้กับมันเช่นกัน นอกจากนี้มันจะได้รู้สึกว่าตัวเองมีพื้นที่ส่วนตัวนอกเหนือจากของมนุษย์ด้วย 2. มีที่ให้พวกมันชมวิว การได้เห็นวิวทิวทัศน์อย่างอื่นบ้างจะช่วยให้เจ้าเหมียวไม่เบื่อ แถมยังช่วยคลายเครียดให้พวกมันด้วย หน้าต่างชมวิวสำคัญสำหรับเจ้าแมวมาก เหมือนกับที่เราต้องการดูโทรทัศน์หรือเล่นโทรศัพท์มือถือเลยล่ะ 3. แบ่งเวลาไปเล่นกับเจ้าเหมียว แมวเหมียวเป็นสัตว์ที่ซนและต้องการความสนใจ ดังนั้นในฐานะเจ้าของที่ดีคุณก็ควรจะไปเล่นกับมันบ่อยๆ มันจะได้เล่นสนุกพร้อมกับคลายความเหงาไปในเวลาเดียว อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้มันออกกำลังกายด้วย ที่สำคัญที่สุดก็คือมันจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ของคุณและเจ้าแมวนั่นเอง 4. ทำความสะอาดส้วมของเจ้าเหมียวเป็นประจำ ข้อนี้เป็นเรื่องของสุขอนามัยของแมวเหมียวเอง และยังเป็นการรักษาความสะอาดให้ห้องของคุณอีกด้วย เพราะหากปล่อยให้ถาดทรายของเจ้าเหมียวสกปรก นอกจากมันจะส่งกลิ่นเหม็นแล้ว สัตว์เลี้ยงของคุณอาจจะไม่อยากใช้มันด้วย ทีนี้พวกมันก็จะวางกับดักบนพื้นห้องคุณแทน … คุณคงไม่อยากให้เป็นแบบนั้นหรอก 5.…
-
จับไต๋สามีด้วย 6 เทคนิคสำหรับสาวๆ เช็กหน่อยซิว่าหนุ่มๆ ของคุณแอบ “มีกิ๊ก” รึเปล่า!!?
ความสัมพันธ์ที่ดีของคู่รักนั้น จะต้องมีพื้นฐานมาจาก ความเชื่อใจ ซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะท่านหญิงทั้งหลาย บางครั้งมันก็อาจจะยากสักหน่อยที่จะเชื่อใจและไว้ใจสามีอันเป็นที่รักได้เต็มที่ เพราะใครจะไปรู้กันล่ะว่าสามีของเราจะแผลงฤทธิ์ตอนไหน จะไปแอบนอกใจบ้างหรือเปล่า วันนี้ Dr. Amy Iversen โค้ชส่งเสริมพัฒนาการด้านการทำงานจากลอนดอน จึงได้เผยถึง 6 สัญญาณที่บ่งบอกได้ว่า ความสัมพันธ์ของคุณกับคู่รักกำลังถูกรบกวนโดยมือที่สามหรือไม่ “ไม่ว่าคุณจะมั่นใจในความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคู่รักขนาดไหน มันก็ต้องมีวันหนึ่งที่คู่รักของคุณถูกเสน่ห์ใครบางคนยั่วยวนใจ” Dr. Amy กล่าว สำหรับท่านผู้หญิงทั้งหลาย Dr. Amy บอกว่า “ผู้หญิงอย่างเราๆ น่ะมีสัมผัสพิเศษนะ จงเชื่อมันซะ ถึงแม้ว่าคู่รักแต่ละคู่จะแตกต่าง แต่มันจะมีสัญญาณบ่งบอกเสมอหากมีใครนอกใจ” จากนั้นเธอก็เสนอว่า หากท่านหญิงกำลังสงสัยว่าคู่รักของตนกำลังนอกใจหรือไม่ ลองตอบตัวเองให้ได้ด้วยคำถามทั้ง 6 ข้อดังต่อไปนี้… 1. สมัยเป็นเด็ก สามีคุณถูกเลี้ยงดูมาอย่างไร? เป็นเรื่องปกติ หากเด็กที่เติบโตมาในครอบครัวที่แตกร้าว จะมีโอกาสนอกใจสูง ลองถามดูว่า ท่านชายสุดที่รักของคุณ เติบโตมาจากครอบครัวแบบไหน กดขี่หรือเปล่า เข้มงวดเกินไปหรือว่าเป็นครอบครัวที่มีปัญหาหรือไม่ หากเข้าข่าย สามีคุณก็มีโอกาสนอกใจได้ 2.…
-
อือหือ!? 17 ความเชื่อผิดๆ และอาจอันตราย เกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ ที่หลายคนยังเข้าใจผิดกันอยู่
เชื่อไหมว่าในโลกนี้นั้น มีความเชื่อที่มีการพิสูจน์ว่าไม่เป็นความจริงอยู่หลายต่อหลายครั้งแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนที่เชื่อในเรื่องพวกนี้อยู่ดี อาจเพราะความเชื่อนั้นเป็นสิ่งที่ล้มกันได้ยาก มีคนมากมายที่เชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองเชื่อมันถูกต้องที่สุดอยู่เสมอ ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรก็ขอให้ได้เชื่อก็เป็นพอ แต่ความเชื่อบางอย่างนั้นอาจจะนำมาซึ่งเรื่องอันตรายได้ ดังนั้นผู้คนก็จะยังคงพยายามออกมาบอกให้ผู้คนที่ไม่รู้นั้นเข้าใจเสียให้ได้ ดั่งเช่นความเชื่อ 17 ข้อเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ต่อไปนี้ ที่ได้รับการยืนยันแล้วยืนยันอีก ว่ามันเป็นเพียงความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง ต่อให้เสียบเข้าไปลึกขนาดไหน มันก็ไม่มีทางที่กระจู๋จะทิ่มไปโดนทารกระหว่างมีเซ็กส์ได้ เพราะกระจู๋นั้นไม่ใหญ่พอที่จะทะลวงผ่านคอมดลูก และ Mucus plug (เนื้อเยื่อหรือเมือกที่ปิดปากมดลูกไว้ป้องกันการติดเชื้อจากภายนอก) การมีเซ็กส์ก่อนการแข่งขันใหญ่ไม่ได้มีผลต่อความสามารถของนักกีฬา เซ็กส์ไม่ได้เผาผลาญแคลอรีมากพอที่จะส่งผลต่อสมรรถภาพทางร่างกายของผู้แข่ง แถมถ้ามันจะมีผลต่อนักกีฬาแล้วล่ะก็ มันก็ไม่พ้นการช่วยผ่อนคลายความเครียดนั่นเอง การสอดใส่อย่างเดียวมีโอกาสสูงมากที่ผู้หญิงจะไม่ถึง ตามสถิติแล้ว มีผู้หญิงเพียง 20-30% ที่จะถึงจากการสอดใส่อย่างเดียว ส่วน 70-80% ที่เหลือต้องมีการกระตุ้นปุ่มกระสันร่วมด้วย ออรัลเซ็กส์นั้นไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด ทั้งการทำให้ และการถูกทำนั้น สามารถทำให้ติดโรคทางเพศสัมพันธ์บางชนิดได้ เป้าตุงไม่ได้แปลว่าน้องชายจะตัวใหญ่เสมอไป งานวิจัยยืนยันแล้วว่าขนาดของน้องชายตอนตัวเล็กไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับความยาวตอนแข็งตัวเลย วัยรุ่นในปัจจุบันไม่ได้มีเซ็กส์มากขึ้น แม้ว่าจะมีพ่อแม่หลายคนเชื่อแบบนั้นก็ตาม จากงานวิจัยหลายชิ้น (ของอเมริกา) พบว่าวัยรุ่นในปัจจุบันมีเซ็กส์กันน้อยกว่ารุ่นก่อนๆ อีก ไม่ได้มีเลือดออกตอนครั้งแรกของผู้หญิงเสมอไป ผู้หญิงที่มีเลือดออกในครั้งแรกนั้น แท้จริงแล้วมีสัดส่วนต่ำกว่าครึ่งของผู้หญิงทั้งหมดด้วยซ้ำ การทำท่ากลับหัวไม่ได้ช่วยให้ตัวอสุจิเข้าไปในไข่ง่ายขึ้นแต่อย่างใด ไม่ยังไงตัวอสุจิก็จะไปหยุดที่…
-
สาระทางจิตวิทยา เรื่อง “ลำดับการเกิด” ที่สามารถใช้อธิบาย “ลักษณะนิสัย” ของคุณได้!?
เราทุกคนทราบดีว่าไม่อาจที่จะกำหนดได้ว่าอยากจะเกิดมาในครอบครัวไหน วันที่เท่าไหร่ หรืออยากเกิดมาก่อนหรือหลังใคร แต่พวกเราอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าสิ่งที่เรากำหนดไม่ได้นั้น มันกลับสามารถส่งผลต่อตัวเราได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งในวันนี้เราจึงจะมาพูดถึง ลำดับการเกิดที่มีผลต่อลักษณะบุคลิกภาพของตัวเรา หากถามว่าทำไมลำดับการเกิดถึงส่งผลต่อตัวเราได้ นั่นก็เป็นเพราะความแตกต่างในเรื่องของการเลี้ยงดูและสิ่งที่ถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่เด็ก หมายถึงลูกคนโตส่วนใหญ่จะไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาเหมือนกับลูกคนเล็ก จนกลายเป็นการสร้างรากฐานให้กับตัวเราทุกคน แล้วมันส่งไปถึงเรื่องอะไรกันบ้าง เราลองไปดูกันเลยยย ลูกคนแรก คือผู้ที่ถูกกำหนดให้เป็นผู้นำตามธรรมชาติ ลูกคนโตจะกลายเป็นผู้นำของน้องๆ ไปโดยปริยาย หรืออาจจะมองดูหัวหน้ากลุ่มในบางครั้ง ซึ่งทำให้เขามีทักษะในการควบคุมสถานการณ์หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี และจากสถิติของนิตยสาร TIME ยังบอกอีกว่า 24 เปอร์เซนต์ของลูกคนโต มักจะได้กลายเป็นผู้จัดการหรือหัวหน้าฝ่ายชั้นนำในอนาคตการทำงานของพวกเขา ลูกคนโต คือผู้ที่รักในความสมบูรณ์แบบ จากวารสาร Best Psychology Degrees บอกว่า ลูกคนโตคือคนแรกที่จะต้องตอบสนองความต้องการของพ่อแม่ ทำให้เขามักจะถูกตั้งความหวังเอาไว้สูง นั่นจึงเป็นผลให้เขามีความพยายามและเข้มงวดต่อการมุ่งไปยังจุดนั้นๆ แต่ถ้าถูกกดดันมากเกินไป อาจจะทำให้เขาเกิดอาการคลุ้มคลั่ง หลุดการควบคุมไปเลยก็ได้นะ ลูกคนกลาง มักจะรู้สึกเหมือนถูกมองข้าม การเป็นลูกคนกลางคือคนที่ต้องตกอยู่ในจุดก่ำกึ่ง จะแก่ที่สุดก็ไม่ใช่ จะเด็กสุดก็ไม่ใช่ ทำให้พวกเขามักจะรู้สึกเหมือนโดนมองข้ามไปทุกครั้ง กลายเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจจนเหมือนกับตนเองเป็นคนแปลกแยกของครอบครัว ลูกคนกลาง มีทักษะความสามารถในการเข้าสังคมได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะดูเหมือนแปลกแยกจากครอบครัว แต่การที่ได้เป็นลูกคนกลางก็ทำให้เขามีทักษะในการเจรจาต่อรอง เพราะตัวเองต้องทำหน้าที่เป็นคนประสานงานระหว่างพี่น้องมาโดยตลอด บวกกับการที่ตัวเองมักจะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ…
-
จริงหรือไม่? จุมพิตจากเจ้าชายสามารถช่วยสโนว์ไวท์ได้หรือ? มาวิเคราะห์กันเถอะ
สำหรับใครหลายๆ คนนั้น ชีวิตเจ้าหญิงดิสนีย์ที่ได้แต่งงานกับเจ้าชายรูปงามก็คงเป็นความฝันที่มีมาตั้งแต่เด็กๆ แต่สำหรับใครบางคนนั้น (รวมไปถึง #เหมียวฝึกหัด) การได้ทำลายความฝันในวัยเด็กถือว่าเป็นเรื่องที่สนุกมากเลยทีเดียว อุว่ะฮ่าฮ่าฮร่า.. (หัวเราะอย่างชั่วร้าย) และเรื่องที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ก็คือการ์ตูนอนิเมชันที่เก่าแก่ที่สุดของทางดิสนีย์อย่างเรื่อง Snow White and the Seven Dwarfs ที่ฉายครั้งแรกเมื่อปี 1937 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหญิงสาวที่ถูกวางยาพิษด้วยแอปเปิลต้องสาป ทำให้กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราเป็นเวลานาน จนกระทั่งคำสาปนั้นถูกทำลายโดยการจุมพิตจากเจ้าชาย ซึ่งคำถามที่น่าสนใจในเรื่องนี้ก็คือ เป็นไปได้ไหมที่จะทำยาพิษที่ออกฤทธิ์ในลักษณะเดียวกันกับที่เราเห็นในการ์ตูน? และ การจุมพิตนั้นสามารถช่วยให้คำสาปจากยาพิษหายไปได้อย่างไร? อย่างที่เราได้เห็นในการ์ตูนก็พบว่ายาพิษนั้นได้เคลือบอยู่ที่ผิวของแอปเปิล เมื่อสโนว์ไวท์กัดเข้าไป เธอก็พูดออกมาว่ารู้สึกแปลกๆ และหลังจากนั้นเธอก็ล้มลงไปและเข้าสู่อาการโคม่า ซึ่งก็ไม่ได้บอกอาการที่แน่ชัดมากมายนัก ทำให้ยากที่จะวินิจฉัยยาพิษที่ใช้ได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้ . จากการวิเคราะห์ระยะเวลาว่าสโนว์ไวท์หมดสติเร็วขนาดไหน ยาพิษผู้ต้องสงสัยตัวแรกก็คือ Cyanide ซึ่งเป็นสารพิษที่เข้มข้นมาก หากใช้เพียงแค่ขนาดเท่ายาพาราครึ่งเม็ดก็สามารถฆ่าคนที่มีน้ำหนัก 90 กิโลกรัมได้สบายๆ เป็นยาพิษยอดนิยมสำหรับเหล่าสายลับในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยปกติแล้วสาร Cyanide สามารถพบได้ทั่วไปตามธรรมชาติ อย่างเช่นในเม็ดถั่วอัลมอนด์ หรือในเมล็ดของแอปเปิล แต่การที่จะสกัดสาร Cyanide ออกมานั้นจะต้องใช้กระบวนการทางเคมี ซึ่งในยุคของสโนว์ไวท์เป็นยุคก่อนที่จะมีกระแสไฟฟ้าใช้เสียอีก…
-
คุณจะได้เป็น “เจ้าหญิง” ดิสนีย์องค์ไหน มาวัดตามราศีเกิดกันเถอะ!!
การ์ตูนของ ดิสนีย์ นั้นได้ครองใจเด็กหลายๆ คน รวมไปถึงสาวๆ จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะว่านอกจากการ์ตูนของค่ายดิสนีย์จะสนุกแล้ว ตัวละครในเรื่องยังมีเอกลักษณ์สุดๆ โดยเฉพาะ “เจ้าหญิง” ของเรื่องนั่นเอง ด้วยความสวยงาม น่ารัก และกล้าหาญของเจ้าหญิงดิสนีย์ หญิงสาวหลายคนจึงมักจะมีเจ้าหญิงที่ตัวเองชอบและใฝ่ฝันอยากจะเป็นอยู่เสมอ งั้นวันนี้เราลองมาสมมติจากราศีเดือนเกิดกันดูว่า หากเพื่อนๆ ได้เป็นเจ้าหญิงดิสนีย์ จะได้เป็นเจ้าหญิงองค์ไหนกันนะ ราศีเมษ (21 มีนาคม – 19 เมษายน) เป็นเจ้าหญิง เทียน่า เจ้าหญิงเทียน่าจากเรื่อง เจ้าชายกบ นั้นเป็นตัวละครที่เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมทีเดียว ที่เธอเหมาะกับคนที่เกิดในราศีเมษก็เพราะว่า นอกจากเธอจะรูปงามแล้ว เทียน่า มีความกล้าหาญมาก มีความมั่นใจ แถมยัง เข้มแข็งสุดๆ อีกด้วย ราศีพฤษภ (20 เมษายน – 20 พฤษภาคม) เป็นเจ้าหญิง ราพันเซล หากพูดถึงภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง Tangled ล่ะก็ ต้องนึกถึงเจ้าหญิงผมยาวราพันเซลองค์นี้แน่นอน นอกจากเธอจะเป็นเจ้าหญิงที่สง่างามแล้ว เธอยังมีความอดทน กล้าหาญ เป็นที่เชื่อใจของผู้อื่น…
-
9 วิธีการนอน ที่จะช่วยแก้อาการเจ็บปวดต่างๆ ได้อย่างถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์
มีผู้อ่านคนไหนที่มีงานอดิเรกคือการนอนบ้างมั้ย ส่วนตัว #เหมียวฝึกหัดหมายเลข20 เชื่อว่าการนอนคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางกายหรือปัญหาทางใจ เบื่อ เศร้า เหงา ซึม มันจะหมดไปหากได้นอน!! แต่การนอนของเพื่อนๆ อาจจะทรมานขึ้น ถ้าหากว่ามีปัญหาการบาดเจ็บไม่ว่าจะเป็นการเจ็บไหล่ เจ็บหลังหรือปวดคอเป็นต้น และเพื่อให้เพื่อนๆ ได้นอนหลับกันอย่างสบายยิ่งขึ้น วันนี้เราได้ข้อมูลจากเว็บไซต์ Businessinsider ถึงวิธีที่จะช่วยลดอาการเจ็บปวดตามหลักความถูกต้องทางวิทยาศาสตร์มาให้เพื่อนได้ชมกันครับ ไปรับชมกันเลย 1. เจ็บไหล่ หากคุณมีอาการเจ็บไหล่ วิธีที่สำคัญการหลักคือเลี่ยงการนอนตะแคงจะถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ถ้าคุณเจ็บไหล่แค่ข้างเดียวอาจจะนอนตะแคงโดยเอาด้านที่เจ็บขึ้นบนก็ทำได้นะ และอีกวิธีคือการเอาหมอนอีกใบมารองกอดเอาไว้ก็ช่วยลดความเจ็บปวดได้เหมือนกัน 2. เจ็บหลัง ปกติหากมีอาการเจ็บหลัง หลายๆ คนมักที่จะเปลี่ยนไปนอนคว่ำแทน แต่จริงๆ แล้วนั่นไม่ใช่ท่าควรทำสักเท่าไหร่ หากคุณมีอาการเจ็บหลังจริงๆ ควรจะหาหมอนมารองไว้ใต้ขาจะดีกว่าสำหรับคนที่นอนหงายหรือสำหรับคนนอนตะแคงก็ให้เอาหมอนมาสอดระหว่างขาจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บได้ 3. ปวดคอ อาการปวดคอมีสาเหตุมาจากหมอนของคุณเริ่มเก่าและไม่ได้รูปร่างแล้ว ดังนั้นเราควรที่จะเปลี่ยนหมอนใหม่ได้แล้ว อย่างน้อย 2 ปีควรจะเปลี่ยนหมอนสักครั้ง และถ้าหากยังแก้อาการปวดคอไม่ได้ ให้ลองเปลี่ยนไปใช้หมอนยางพารา เพราะจากการศึกษาพบว่าหมอนยางพาราจะให้สัมผัสการนอนที่สบายที่ดีนั่นเอง 4. นอนไม่หลับ หากคุณมีปัญหาการนอนหลับยากคุณควรจะทำสิ่งต่อไปนี้คือ 1.ลดของกินที่มีคาเฟอีนเป็นเวลาหลายชั่วโมงก่อนเวลานอนหลับ 2.ออกกำลังกายในตอนเช้าหรือบ่าย อย่าออกกำลังกายก่อนนอน 3.ให้นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือสมาร์ทโฟนออกห่างจากตัวเราอย่างน้อยเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงก่อนจะนอน …
-
สาวเล่า 14 ประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ “คนเกาหลี” หลังจากแต่งงานกับสามีชาวเกาหลีใต้
พวกเราส่วนใหญ่มักจะรู้จักกับประเทศ เกาหลีใต้ ผ่านหนังหรือละครซีรีส์ต่างๆ แต่นั่นอาจเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ที่เราได้เห็น เมื่อเทียบกับประสบการณ์โดยตรงของคุณ สมาชิกหมายเลข 3604718 ผู้ใช้เว็บไซต์พันทิปคนนี้ เธอได้ตั้งกระทู้แชร์เรื่องราวสิ่งต่างๆ ที่เธอได้ไปเจอมากับการใช้ชีวิตอยู่ในประเทศเกาหลีใต้นานกว่า 5 ปี หลังจากที่เธอแต่งงานกับสามีชาวเกาหลีใต้ ทำให้เธอได้เรียนรู้วัฒนธรรมและค่านิยมหลายๆ อย่างของที่แห่งนั้น ซึ่งแทบทั้งหมดนั้นเป็นประสบการณ์ผ่านเพื่อนๆ ชาวเกาหลี สามี และญาติๆ ของเขา มีเรื่องอะไรที่เราไม่เคยรู้กันมาก่อนบ้าง ต้องลองลงไปอ่านกันดู 1. ถ้าไปบอกว่าคนเกาหลีหน้าตาเหมือนคนจีนหรือคนไทย เขาจะคิดว่าตัวเองนั้นหน้าตาไม่ดี และจะรู้สึกไม่พอใจอย่างมากถ้าหากโดนบอกว่าหน้าเหมือนคนญี่ปุ่น (เพราะเหตุผลที่จะกล่าวในข้อ 2) 2. คนเกาหลีไม่ชอบญี่ปุ่นเพราะเคยโดนประเทศนั้นรุกรานมาก่อน เจ้าของกระทู้เล่าว่า “ที่หนักสุดคือช่วงนั้นญี่ปุ่นเอาผู้หญิงเกาหลีมากมายไปบำเรอ และญี่ปุ่นปฏิเสธมาตลอดว่าไม่เคยเกิดขึ้น” 3. คนเกาหลีไม่นิยมเครื่องสำอางของชาติตัวเอง เธอกล่าวเสริมอีกว่ายิ่งเป็นพวกตัวบำรุงผิวด้วยแล้ว คนเกาหลีมักจะมองว่ามันเป็นเพียงแค่เครื่องสำอางราคาถูก ราคาหลัก 100-1,000 วอน คิดเป็นเงินไทยประมาณไม่ถึง 30 บาท 4. คนเกาหลีค่อนข้างดูถูกประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะยากจนและมีสีผิวคล้ำกว่าตนเอง ยกเว้นประเทศสิงคโปร์ 5. สิ่งที่พ่อแม่ชาวเกาหลีใต้ให้ความสำคัญมากในการเลือกลูกเขยคือ…
-
หากคุณรู้สึกรำคาญเสียงยิบย่อย นั่นอาจเป็นอาการของ ‘โรค’ ที่คุณไม่ได้เป็นคนเดียว
อารมณ์โกรธหรือความรู้สึกหงุดหงิดสามารถเกิดขึ้นได้เวลาที่เรารับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่ชอบ แต่บางครั้งอารมณ์ในด้านลบนี้อาจเกิดขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ตัวมาก่อน ซึ่งนั่นอาจหมายความว่าเรากำลังเป็นโรค Misophonia หรือว่า โรคเกลียดเสียง อยู่ก็ได้ Misophonia มีอาการอย่างไร? อาการของโรคดังกล่าวสังเกตง่ายๆ คือ เรามักจะรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจกับเสียงต่างๆ อย่างเช่น เสียงจาม ไอ เสียงเคี้ยวหมากฝรั่ง หรือเสียงที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เช่นการกดแป้นคีย์บอร์ด เสียงเหล่านั้นมักจะไม่ได้เป็นปัญหากับคนอื่น แต่เรากลับรู้สึกว่าอยากจะเข้าไปทำลายต้นกำเนิดเสียงเหลือเกิน อาจแสดงให้เห็นแล้วว่าเรากำลังเผชิญกับโรคเกลียดเสียง แต่หากหลายๆ คนรับรู้ว่าตัวเองไม่ได้มีอาการของโรคนี้ แต่อยากจะรู้ว่าความรู้สึกของคนเหล่านั้นเป็นอย่างไร ให้ลองคิดถึงเสียงที่ทำให้เราแสบแก้วหู เช่น เสียงเล็บขูดกระดานดำที่มักจะทำให้เรารู้สึกอยากจะบ้าตายอยู่ตลอด นั่นแหละคือความรู้สึกเดียวกันกับคนที่มีอาการของโรคนี้ การที่เรา “เกลียดเสียง” ถือว่าเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดหรือเปล่า? ส่วนคนที่รับรู้ว่าตัวเองมีอาการของโรคนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเป็นเรื่องแปลกประหลาด เพราะจากการสำรวจพบว่ามีคนป่วยเป็นโรคนี้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรทั้งโลกเลยทีเดียว และโรคนี้ก็ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติในเรื่องของการฟังแต่อย่างใด เพราะงานวิจัยล่าสุดที่เกิดขึ้นอธิบายไว้ว่ามันเป็นเรื่องของกระบวนการการรับรู้ที่ส่งต่อไปยังสมอง ทำให้เราอ่อนไหวกับเสียงมากกว่าคนส่วนใหญ่ ผู้ที่มีอาการ มีแนวโน้มว่าจะเป็นอัจฉริยะ!! งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Northwestern สหรัฐอเมริกา ยังพบอีกว่า คนที่มีความอ่อนไหวต่อการรับรู้ในเรื่องของเสียงมากๆ นั้น อาจมีแนวโน้มที่จะมีความฉลาดมากกว่าคนทั่วไปอีกด้วย ซึ่งอาจถือว่าเป็นข้อดีของโรคนี้ …
-
19 ความจริงอันน่าสนใจ ที่แม้ว่าจะไม่ได้มีผลกระทบโดยตรงกับชีวิต แต่รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย
ในโลกใบนี้นั้นมีเรื่องที่น่ารู้อยู่มากมายกว่าที่เราคิด เรื่องบางเรื่องนั้นแม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเราโดยตรง มันก็ยังน่าสนใจที่จะรู้ไว้เล่าให้คนอื่นฟังต่อ มันเป็นทั้งสาระ และประวัติศาสตร์ของสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่จริง เป็นเรื่องน่าสนใจ ที่รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย เหมือนกับความจริงทั้ง 19 ข้อต่อไปนี้ ที่จะมาเติมเต็มความใฝ่รู้ของพวกเราได้เป็นอย่างดี Andre Stander เป็นทั้งโจรปล้นธนาคาร และตำรวจในเวลาเดียวกัน บางครั้งเขาจะไปปล้นธนาคารในตอนพักเที่ยง และกลับมาที่เกิดเหตุอีกครั้งในฐานะพนักงานสืบสวน เวลาในการเข้าห้องน้ำที่ดีที่สุดนั้นคือตอนเช้า เพราะร่างกายเราย่อยอาหารจากเมื่อวานในตอนที่หลับ ภาพของ George Washington บนธนบัตรของสหรัฐ มาจากภาพที่รู้จักกันในชื่อ The Athenaeum Portrait ของ Gilbert Stuart ซึ่งเป็นภาพที่วาดไม่เสร็จ การสูบกัญชาจะป้องกันไม่ให้เราฝันตอนหลับได้ เมื่อได้รับบาดเจ็บ สิงโตจะเสียแผงคอไป ดังนั้นสิงโตตัวผู้จะเลี่ยงที่จะสู้กับศัตรูที่มีแผงคอยาว เพราะมีความเป็นไปได้ว่าสิงโตตัวนั้นจะไม่เคยแพ้ใคร เคยรู้สึกไหมว่าคุณจะหลับไม่สนิทในคืนแรกที่สถานที่ใหม่ๆ นั่นเป็นเพราะสมองของคุณหลับไปเพียงครึ่งเดียวส่วนอีกครึ่งนั้น ยังคงตื่นตัวเพื่อรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อาการนี้มีเรียกกันว่า “First Night Effect” นกอินทรีหัวขาวจะใช้ขนในการคงตัว ดังนั้นหากขนที่ปีกข้างหนึ่งหลุดไป ขนในตำแหน่งเดียวกันที่ปีกอีกข้างก็จะหลุดไปด้วยเช่นกัน …
-
ระบบเศรษฐกิจประเทศ “วากันด้า” ยั่งยืนจริงหรือ? มาหักล้างด้วยทฤษฎีกันเถอะ
สำหรับแฟนๆ Marvel ทุกคนก็คงได้รับชม Black Panther ในโรงภาพยนตร์เรียบร้อยแล้ว เคยคิดกันไหมว่าระบบเศรษฐกิจของประเทศ Wakanda เนี่ยมันสุดยอดแค่ไหนกัน? แต่เมื่อเทียบกับความเป็นจริงแล้วก็อาจจะผิดหวัง เมื่อระบบเศรษฐกิจของประเทศสุดล้ำนี้อาจแขวนอยู่บนเส้นด้าย พร้อมจะทลายลงมาได้ตลอดเวลา เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าในประเทศ Wakanda นั้นอุดมไปด้วยแร่ Vibranium ที่แข็งแรงและมีมูลค่ามากที่สุดในโลก เพราะว่ามันมาจากนอกโลกนั่นเอง ซึ่งเราก็ได้เห็นความแข็งแกร่งของมันจากหลายๆ เรื่อง ตั้งแต่ร่างกายของ Ultron ร่างกายของ Vision ชุด Black Panther ของฝ่าบาท หรือโล่ของกัปตันอเมริกาที่สามารถรับแรงกระแทกจากค้อนของ Thor ได้อย่างสบายๆ ทำให้แฟนหนังและคอมมิคคิดว่าการที่ทั้งประเทศมีแร่ Vibranium ปริมาณมหาศาลอยู่ในครอบครองนั้นก็คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ประเทศมีความร่ำรวย แต่ในความจริงแล้วกลับตรงกันข้ามโดยใช้ทฤษฎี the paradox of plenty มาศึกษา ซึ่งเป็นทฤษฎีที่อธิบายว่าทำไมประเทศที่อุดมไปด้วยทรัพยากรที่มีค่ามาก แต่ดันติดอันดับประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือประเทศซาอุดีอาระเบียที่เป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันมากที่สุดในโลก แต่ก็มีประชาชนจำนวนนับล้านที่อยู่กันอย่างยากจนและมีอัตราการตกงานถึง 12.7% จากจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่มหาศาลเลยทีเดียว จากทฤษฎี the paradox of…
-
19 ความจริงสุดแปลก ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรน่ากลัวแท้ๆ แต่กลับรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
บนโลกของเรานั้นมีความลับ และเรื่องแปลกๆ อยู่มากมายเต็มไปหมด บ้างก็เป็นสถานที่สวยงาม หรือสัตว์ที่เรายังไม่เคยค้นพบ แต่ในบรรดาสิ่งเหล่านั้น บางครั้งคนเราก็อาจจะต้องพบกับเรื่องราวแปลกๆ ที่พอรู้เข้าแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยดีราวกับตอนเห็นภาพรูเยอะๆ แล้วขนลุกอย่างบอกไม่ถูก เรื่องราวบางอย่างนั้น ไม่มีอะไรน่ากลัวแท้ๆ แต่กลับรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก บางครั้งมันก็ไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นจิตใต้สำนึกที่ไม่อยากยอมรับของเราต่างหาก อะไรแบบ 19 ความจริงสุดแปลกต่อไปนี้ คนโรมันโบราณใช้ฉี่แปรงฟัน ปลาโลมาบางสายพันธุ์จะเคี้ยวปลาปักเป้าที่มีพิษ เพื่อที่จะเมา… เยิ้ม… มีความสุข… ตั้งแต่ปี 2011 มีคดีปรุงยาไอซ์ในร้าน Walmart ถึง 4 ครั้ง และนี่เป็นแค่คดีที่มีการบันทึกเอาไว้นะ อาการที่ทำให้คนอยากนอนอยู่บนเตียงทั้งวันเรียกว่า Clinomania หรือโรคติดเตียง ผู้คิดค้นวาสลีน มีชื่อว่า Robert Chesebrough เขากินวาสลีนวันล่ะหนึ่งช้อนทุกวัน และมีชีวิตอยู่ถึง 96 ปี Gerontophilia คือชื่อเรียกของความชอบทางเพศที่มีต่อผู้สูงอายุ ว่าง่ายๆ อยาก Yes คนแก่นั่นล่ะ ปลาสามารถเป็นโรคซึมเศร้าได้ การทานเนื้อที่แปรรูปแล้วทุกวัน…
-
12 ทริคการเลี้ยงลูกง่ายๆ ดีๆ ที่จะทำให้ชีวิตของพ่อแม่ทั้งหลายนั้น ง่ายขึ้นอีกหน่อย
การเป็นพ่อแม่คนนั้นมันลำบาก ไหนจะต้องเลี้ยงลูก ไหนจะต้องไปทำงาน แถมยังต้องทำงานบ้านอีก จะดีแค่ไหนนะ ถ้าเราจะสามารถหาวิธีที่จะเลี้ยงลูกได้ง่ายขึ้นหน่อย จะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่นมากขึ้น ถ้าหากว่าคุณคิดอย่างนั้นล่ะก็ ถือว่าวันนี้เป็นวันที่โชคดีของคุณเลยเพราะ #เหมียวฝึกหัด ได้นำทริคการเลี้ยงลูกดีๆ ที่จะทำให้ชีวิตของพ่อแม่ทั้งหลายง่ายขึ้นมาฝากแล้วที่นี่ ตัวบอกความเปียกบนผ้าอ้อมเด็ก ยังมีผู้ปกครองทุกคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ผ้าอ้อมมีแถบพิเศษซึ่งจะกลายเป็นสีฟ้าถ้าเปียก และเป็นสีเหลืองอยู่เสมอหากยังแห้ง เสียงของเล่นน่ารำคาญใช่ไหม สกอตเทปช่วยได้ บนของเล่นมักจะมีรูที่เป็นที่มาของเสียงอยู่ หารูที่ว่าให้เจอแล้วปิดด้วยสกอตเทปจะช่วยให้เสียงของเล่นที่เคยดัง เบาลงไปได้มาก หยุดตีกันบนรถได้แล้ว สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกที่ยังเล็กมากกว่าหนึ่งคนคงจะเคยเจอปัญหาเด็กตีกันบนรถมาบ้าง วิธีที่จะช่วยได้คือเอากล่องกระดาษเก่าๆ มาตัดทำที่กั้นเสียเลย ผมตุ๊กตาพันกันเละ มันมีวิธีแก้อยู่ มันมีวิธีแก้ผมพันกันของตุ๊กตาอยู่หลายแบบ บางคนแนะนำให้ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปในน้ำและล้างผมของตุ๊กตาในนั้น บางคนยังกล่าวว่าให้ใส่สบู่เล็กน้อยในน้ำร้อน แล้วล้างผมตุ๊กตาบาร์บี้ในนั้น ก่อนจะใช้ครีมนวดผมมานวดอีกที เลือกแบบที่ชอบได้เลย แก้ไขความหลอนแบบเฉพาะหน้า บางครั้งระหว่างที่เล่นกับตุ๊กตาเด็กๆ อาจจะรุนแรงกับมันเกินไปจนหัวหลุดไปเลยก็ได้ ถ้าหัวมันยังอยู่เราก็อาจจะซ่อมได้อยู่หรอก แต่ถ้าหัวมันหายไปด้วยล่ะก็ โห นี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ แต่จะให้ซื้อตุ๊กตาใหม่บางทีมันก็แพงไปนิดนะ เพราะฉะนั้นเราก็วาดหน้าลงไปเองเลย คิดเสียว่าดีกว่าตัวน่ากลัวไร้หัวก็แล้วกัน สติกเกอร์ห้องน้ำ การทำให้เด็กผู้ชายเข้าห้องน้ำดีๆ บางทีก็ยากเหลือเกิน แต่ทริคนี้ช่วยคุณได้ ติดสติกเกอร์เป้าปืนไว้ในโถชักโครกสิ แล้วลูกชายของคุณจะรักในการเล็งยิงไปที่มัน ราวกับเขากำลังเล่นเกมอยู่ ในรูป:…
-
8 กิจวัตรยามเช้า ที่คุณควร “หยุดทำได้แล้ว” เพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพหรอกนะ!!
นับตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมาในเวลาเช้า นั่นเป็นสัญญาณเริ่มการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ แต่งตัว และอื่นๆ โดยปกติแล้วกิจวัตรสำหรับแต่ละคนจะเป็นพฤติกรรมที่ทุกๆ คนทำซ้ำๆ ในทุกๆ วันด้วยความเคยชิน แต่หารู้ไม่ว่าช่วงเช้านั้นสำคัญมาก เพราะมันเป็นการเริ่มต้นของทุกอย่างในวันนั้นๆ ฉะนั้น กิจวัตรในยามเช้าของเราบางอย่างที่เราทำซ้ำๆ ด้วยความเคยชินก็ควรเปลี่ยนได้แล้ว เพราะมันอาจส่งผลเสียกับเราได้ อย่างเช่น 8 พฤติกรรมดังต่อไปนี้ ที่ควรเลิกทำในตอนเช้าได้แล้ว เพื่อสุขภาพของตัวคุณเอง 1. การไม่อาบน้ำตอนเช้า บางคนคิดว่าอาบน้ำตอนเช้าทำไม เพิ่งตื่นนอนตัวไม่สกปรกสักหน่อย เดี๋ยวค่อยอาบตอนเย็นก็ได้ แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความสะอาดหรอกครับ เพราะนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดบอกเอาไว้ว่าการอาบน้ำตอนเช้าจะทำให้สมองของเราตื่นตัวและมีสมาธิ นอกจากนี้การอาบน้ำยังสามารถแก้ปัญหาและตอบคำถามต่างๆ นานาได้ดี และยังทำให้สมองของเราผุดไอเดียใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนอีกด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่คุณไม่ควรมองข้ามการอาบน้ำตอนเช้า 2. การอาบน้ำอุ่น ใช่แล้ว การอาบน้ำอุ่นมันสบายตัวใช่ไหมล่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาอากาศหนาว แต่หารู้ไม่ว่า การอาบน้ำอุ่นจะทำให้คุณอยากกลับไปนอนต่อ แต่ถ้าหากว่าคุณอาบน้ำเย็นล่ะก็ คุณจะตื่นตัว สดชื่น และสมองของคุณจะถูกกระตุ้นให้พร้อมสำหรับการทำงานที่หนักขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ น้ำเย็นยังไม่ทำให้ผิวแห้งแบบน้ำอุ่นด้วยนะ ส่วนนักวิทยาศาสตร์ก็พบอีกด้วยว่า ผู้ที่อาบน้ำเย็นเป็นประจำจะมีน้ำหนักลดลงเฉลี่ย 4 กิโลกรัมต่อปี 3.…
-
10 ความจริงน่ารู้เกี่ยวกับ ‘เวลา’ ที่แม้ไม่อาจไหลย้อนกลับ แต่เราสามารถควบคุมมันได้
พวกเราทราบกันดีว่าเวลาคือสิ่งที่ทุกคนมีเท่ากันหมด และเมื่อไหร่ที่มันผ่านไปแล้ว มันจะไม่มีวันไหลย้อนกลับมาได้อีก แต่สิ่งหนึ่งที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อนคือ เราสามารถควบคุมเจ้าสิ่งนี้ได้ด้วยตัวเอง ทั้งหมดนี้คือ 10 ความจริงของเวลา กับการที่เรารับรู้ถึงมันและวิธีการควบคุมให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการ การจัดการเหล่านี้จะช่วยให้เพื่อนๆ รู้สึกเหมือนกับตัวเองมีเวลายาวนานกว่าแม้จะมีเท่ากันกับคนอื่นก็ตาม และแน่นอนว่ามันจะช่วยให้เพื่อนๆ ได้ทำสิ่งต่างๆ อย่างเต็มที่มากกว่าเดิมแน่นอน จะมีอะไรบ้างเราลองไปดูกัน 1. เวลาจะหยุดลงในตอนที่เรารู้สึกเบื่อ เมื่อไหร่ที่เราเบื่อ เราก็จะยิ่งรู้สึกว่าเวลามันช่างผ่านไปช้าซะเหลือเกิน นั่นเป็นเพราะว่าเราให้ความสนใจและคิดถึงตัวเองมากจนเกินไป เกิดการประมวลผลของข้อมูลเพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ บั่นทอนการรับรู้ในเรื่องของเวลา ในทางตรงกันข้าม ตอนที่เราให้ความสนใจกับสิ่งอื่นนอกเหนือจากตัวเองจริงๆ เรากลับจะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปไวเหลือเกิน 2. เวลาจะช้าลงเมื่อต้องเจอกับความไม่แน่นอน เวลา 10 นาทีสำหรับการเตรียมตัวออกจากบ้านนั้นช่างผ่านไปไวยิ่งนัก แตกต่างกับ 10 นาทีที่เราอาจกำลังนั่งรอผลตรวจครรภ์อยู่ ซึ่งมันช่างเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานเหลือเกิน เหตุผลที่เป็นอย่างนั้นคือ เราไม่รู้ว่าผลลัพธ์ที่รอเราอยู่นั้นมันคืออะไร เราจึงให้ความสนใจกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไปซะหมด กลายเป็นความรู้สึกว่าเวลานั้นช่างยาวนานเหลือเกิน 3. เวลาหยุดลงในตอนที่เราให้ความสนใจกับนาฬิกามากเกินไป ตื่นมาเราอาจจะขอนอนต่ออีกซัก 5 นาทีแล้วเรากลับรู้สึกว่ามันเป็นแค่ชั่วอึดใจเดียวจริงๆ ไม่เหมือนกับ 5 นาทีที่เราเฝ้าคอยให้ถึงเวลาเลิกงานหรือพักกลางวัน ทำไมมันถึงได้ผ่านไปช้าจนเหมือนกับเวลาถูกหยุดไว้แล้ว เรารู้สึกอย่างนั้นเพราะ เรามัวแต่หันไปจ้องนาฬิกา สนใจเวลาเล็กๆ…
-
นี่คือ 7 สัญญาณที่อาจจะบ่งบอกได้ว่า คุณยังคงรักและคิดถึง ‘แฟนเก่า’ อยู่เสมอ
ขั้นตอนสุดท้ายในความสัมพันธ์ของคู่รักที่เรียกว่า การเลิกรา มันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น มันเป็นเรื่องที่แสนจะเจ็บปวดและยากที่จะทำใจยอมรับได้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ต้องเป็นไปตามระยะเวลาของมัน หลังจากการเลิกรา สถานะก็เปลี่ยนจากคำว่า ‘คนรัก’ กลายเป็นคำว่า ‘แฟนเก่า’ มันเป็นถ้อยคำที่อาจจะฟังแล้วดูปวดใจนิดหน่อย เมื่อเวลาผ่านไปก็จะทำให้คุณเข้มแข็งขึ้นได้ อาจจะมีบางครั้งที่ยังนึกถึงเรื่องราวดีๆ ที่เคยทำกันมามันก็ไม่แปลกหรอก ที่คุณจะคิดถึงเขา แต่ถ้าการคิดถึงนั้นมันทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวด ลองมาเช็กกันหน่อยว่า คุณนั้นยังรักยังคิดถึงแฟนเก่าอยู่หรือเปล่า จากอาการดังต่อไปนี้ 1. คุณยังแอบไปส่องเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และทุกโซเชียลมีเดียของเขาอยู่ทุกวัน การไปส่องเฟซบุ๊ก อินสตาแกรมหรืออะไรก็ตามที่สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของแฟนเก่ามันอาจจะไม่เป็นผลดีต่อคุณนัก เลิกติดตามไปสักระยะจะดีกว่า ถ้าอยากตัดขาดให้ได้จริงๆ ก็บล็อกไปเลย 2. คุณยังโฟกัสกับเขาอยู่และไม่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือก้าวต่อไป แน่นอนว่าการที่ต้องเลิกกันมันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย แต่มันก็เป็นโอกาสอันดีที่คุณจะได้กลับมาดูแลสุขภาพ ให้ความสำคัญกับเพื่อนหรือการทำงาน และหางานอดิเรกใหม่ๆ ทำ 3. คุณยังไม่ให้อภัยตัวเองและยังรู้สึกโกรธตัวเองอยู่เสมอที่ทำมันไป หลายๆ คนเลือกที่จะเก็บความรู้สึกทั้งหมดแล้วฝังมันลงในส่วนลึกของจิตใจ แต่การปลดปล่อยความรู้สึกของตัวเองออกมามันอาจจะช่วยให้คุณรู้สึกดีมากกว่า เลิกโทษตัวเอง อย่ากลัวที่จะปลดปล่อยมันออกมา 4. คุณยังพูดถึงเขาและเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเลิกกันให้คนอื่นฟัง หลังจากเลิกรากันไปก็มักจะมีเพื่อนๆ เข้ามาถามเพื่อสะกิดแผลใจของคุณอยู่เสมอ แล้วสุดท้ายคนที่กลับมาคิดถึงแฟนเก่านั่นก็คือคุณนั่นเอง หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงจะดีกว่านะ 5. คุณเปรียบเทียบคนที่เข้ามาใหม่กับแฟนเก่าของคุณ…
-
มันคืออะไร มันมีไว้เพื่ออะไร 15 ของใช้แปลกๆ ที่น้อยคนนักจะรู้ว่ามันใช้ทำอะไร
ของใช้ที่เราใช้กันในปัจจุบันนั้น ออกแบบมาให้มีการใช้งานได้หลากหลาย และสามารถใช้ทำอะไรได้หลายอย่างในชิ้นเดียว แต่ในสมัยก่อนนั้นของใช้ส่วนมากมักจะมีประโยชน์การใช้สอยที่ชัดเจนและเป็นเอกเทศ จนหลายๆ ครั้งคนสมัยใหม่ก็จะสงสัยกับสิ่งที่พวกเขาไปเจออยู่บ่อยๆ ดังเช่นของให้ 15 อย่างต่อไปนี้ที่ที่น้อยคนนักจะรู้ว่า จริงๆ แล้วพวกมันใช้ทำอะไรกันแน่ ผมรู้จักงานทั้งหมดในนี้ ยกเว้นรูปที่สองนับจากด้านล่างขวา ตกลงมันถืออะไรอยู่ มันคือไม้พายสำหรับทำเบียร์ ที่ข้างถนนในพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีห่วงเหล็กแบบนี้อยู่ มันเอาไว้ทำอะไรเหรอ ห่วงที่ว่านี้มีไว้ผูกเชือกม้าในสมัยก่อน ส่วนในปัจจุบันนั้น บางครั้งก็จะมีคนเอาของเล่นม้าตัวเล็กๆ มาผูกไว้เช่นกัน นี่คืออะไร? มันมีรู 2 รูสำหรับติดบนผนัง และมีแม่เหล็กที่มีอะไรบางอย่างที่เหมือนฝาขวดติดอยู่ มันเป็นที่วางสบู่ ดันบริเวณที่เหมือนฝาขวดเข้าไปในสบู่เพื่อไม่ให้ลื่นตกไป ใครสามารถบอกได้บ้างว่านี่คืออะไร มันเครื่องอุ่นมือแบบวินเทจ คุณต้องจุดไฟที่ก้อนสีดำๆ แล้วก็ปิดกล่องลงเพื่อใช้อุ่นมือ มันคือช้อนอะไรเหรอ มันเป็นช้อนของวินเทจค็อกเทล สามารถใช้บดเชอร์รี่ในเครื่องดื่มได้ เจอมันในบรรดาของของคุณย่า ว่าแต่มันคืออะไรอ่ะ มันใช้ลับใบมีดของมีดเล็กๆ หรือมีดโกนหนวด เอาส่วนที่คล้ายลูกแก้วหนีบใบมีดโกนไว้แล้วก็รูดไปเรื่อยๆ พบเจ้านี่ในสิ่งของส่วนตัวของคุณปู่ เขามีชีวิตในช่วงปี 1924 ถึง 2017 แต่ฉันไม่รู้ว่ามันมาจากไหน…
-
12 เทคนิคตามหลักการทางจิตวิทยา ที่จะทำให้การใช้ชีวิตง่ายและลงตัวมากยิ่งขึ้น
การใช้ชีวิตในแต่ละวันเรามักจะต้องเจอกับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่คอยมากวนใจ แต่เรากลับไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไรกับมันดี หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่คิดไม่ตกเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ เราขอแนะนำให้ได้ลองมาอ่านเทคนิคเหล่านี้กันดู นี่คือเทคนิคตามหลักการทางจิตวิทยาที่จะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวันของเราได้ หากอยากรู้ว่าต้องทำอย่างไรแล้วมันจะช่วยในเรื่องไหน ก็จงเลื่อนเมาส์ลงไปอ่านกันได้เลยยย 1. การลดความตึงเครียด ถ้าหากว่าเราต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความกังวลใจอย่างเช่นการออกไปพูดหน้าห้อง หรือการกระโดดบันจี้จัมพ์ การเคี้ยวหมากฝรั่งสามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เพราะเมื่อไหร่ที่เรากำลังกินอะไรสักอย่าง สมองเราจะสั่งการว่า “เราคงไม่กินในเวลาที่เราตกอยู่ในอันตราย เพราะฉะนั้นตอนนี้เราจึงไม่ตกอยู่ในอันตราย” นั่นเอง 2. การเผชิญหน้า เวลาที่เราเข้าไปในห้องประชุมแล้วคิดว่ามีคนที่ประสงค์ร้ายกับเราอยู่ ให้เราไปนั่งข้างๆ คนคนนั้นเลย เพราะวิธีการนี้จะทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่กล้าที่จะพูดอะไรแย่ๆ หรือทำร้ายจิตใจเราที่นั่งอยู่ใกล้ขนาดนี้ ลองคิดดูว่าคงไม่มีใครที่จะอยากนั่งข้างๆ กับคนที่เรานินทาอยู่หรอกจริงมั้ย 3. การล้วงข้อมูลจากอีกฝ่าย หากเราต้องการให้เพื่อนบอกอะไรบางอย่างมาก ให้ลองถามเพื่อนไปสัก 1 คำถาม ถ้าหากเพื่อนคนนั้นให้คำตอบแค่กับสิ่งที่เราถามไปเพียงอย่างเดียว ให้เราเงียบแล้วจ้องตาเขากลับไปสักไม่กี่วินาที จากนั้นเดี๋ยวเพื่อนเราก็จะพูดอะไรสักอย่างขึ้นมาเอง อาจดูกวนประสาทไปบ้าง แต่มันได้ผลจริงๆ 4. การสร้างแรงดึงดูด ในบ้านเรามักจะไม่ได้ใช้การจับมือทักทาย แต่หากเรามีโอกาสได้จับมือกับใครสักคน เราควรจะต้องทำให้มือของเราอบอุ่นเข้าไว้ดีกว่าการยื่นมือเย็นๆ ไปจับ และหากเราได้เจอกับใครคนหนึ่งเป็นครั้งแรก การที่เราลอกเลียนแบบลักษณะท่าทางของฝ่ายตรงข้ามอย่างแนบเนียน…
-
13 สิ่งที่คุณอาจเคยคิดว่า ชนชาติอเมริกาเป็นผู้ให้กำเนิด แต่ความจริงแล้วไม่ใช่นะจ๊ะ!?
เมื่อพูดถึงดินแดนเสรี ดินแดนแห่งโอกาสที่ผู้คนมักจะเข้าไปแสวงโชคให้กับตน จนเกิดเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลกได้ #เหมียวเลเซอร์ กำลังกล่าวถึง สหรัฐอเมริกา ดินแดนที่เต็มไปด้วยความฝัน และความหวังในการประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ ให้กับโลก (เป็นส่วนใหญ่) ทั้งนี้ เราอาจจะเห็นได้ว่าประเทศนี้มักจะมีนวัตกรรมใหม่มาป้อนให้มนุษยชาติเสมอ ทั้งอาหารการกิน ผลิตภัณฑ์ข้าวของเครื่องใช้ รถยนต์และนวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆ แต่หารู้ไม่ว่า บางสิ่งที่เคยเกิดขึ้นนั้นไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากสหรัฐอเมริกานะจ๊ะ อันเป็นข้อมูลเปิดเผยจากทางเว็บไซต์ Insider ถ้าอยากจะรู้ว่ามีอะไรบ้าง เอาล่ะ… เลื่อนลงมาอ่านกันได้เลย พายแอปเปิล วลีเปรียบเปรยของหวานชิ้นนี้ ที่เป็นเหมือนดั่งเมนูตำรับของชนชาติอเมริกัน กลับไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากที่นี่ เพราะในอดีตโบราณ ชนชาติกรีกเป็นผู้ให้กำเนิดพายแอปเปิลมาก่อน จนกระทั่งยุคกลางของอังกฤษ เมนูนี้ได้รับความนิยมสูงมากๆ จนมาสู่การตั้งถิ่นฐานในอเมริกา (อ้างอิง) เพลงชาติอเมริการ้องด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกันกับเพลงขี้เมาชาวอังกฤษ เมื่อ Francis Scott Key นักกฎหมายชาวอเมริกันเขียนกลอนขึ้นมา จนถูกนำมาใช้เป็นเนื้อเพลงชาติ Star-Spangled Banner เขามีทำนองอยู่ในหัวแล้วแต่มันไม่สละสลวยเท่าไหร่นัก จนกระทั่งได้นำโทนเสียงจากเพลง To Anacreon in Heaven ของอังกฤษมาใช้ ด้วยเนื้อหาที่เชิดชูความเมามายมากกว่าความรักชาติ แต่ก็ถูกนำมาใช้ประกอบกับเพลงชาติอเมริกันจนถึงปัจจุบัน…
-
เราอาจเคยสงสัยว่า ‘ถ้าเครื่องบินพุ่งชนนกแล้วจะเป็นอย่างไร?’ นี่คือภาพของสิ่งที่เกิดขึ้น
พวกเราหลายๆ คนอาจเคยเกิดความสงสัยว่า ถ้าหากมีนกพุ่งเข้ามาชนเครื่องบินขณะที่อยู่บนท้องฟ้าแล้ว เครื่องบินจะได้รับผลกระทบอะไรหรือไม่? โดยในวันนี้เราจะมาเฉลยคำถามนั้นให้เพื่อนๆ ได้รู้กัน นี่คือตัวอย่างของเหตุการณ์ดังกล่าว ในวันที่ 22 มีนาคม 2018 เมื่อเครื่องบิน โบอิ้ง 737 ได้ชนเข้ากับนกตัวหนึ่ง จนเกิดเป็นรูขนาดใหญ่ที่บริเวณด้านหน้าของเครื่อง ความเสียหายที่เกิดขึ้น เพียงเพราะบินไปชนนกเพียงตัวเดียว นี่คือเที่ยวบิน CA103 ของสายการบิน Air China ในขณะที่กำลังเดินทางจากเทียนจิน ไปฮ่องกง ระหว่างนั้นกลับมีนกตัวหนึ่งบินเข้ามาชนกับด้านหน้าของเครื่องบินเข้าอย่างจัง ทางลูกเรือจึงแจ้งสถานการณ์ฉุกเฉินไปยังสนามบินฮ่องกง และทำการลงจอดได้อย่างปลอดภัยในที่สุด ไม่มีผู้โดยสารคนไหนได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย แต่เมื่อได้มาสังเกตที่บริเวณด้านหน้าของเครื่องบินจึงพบว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการชนของเจ้านกตัวนั้น สร้างความเสียหายเอาไว้ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว และจากข้อมูลของสำนักข่าว Shanghaiist บอกว่าอุบัติเหตุนกพุ่งชนเครื่องบินนั้นก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกอะไรมากมาย เพราะจากสถิติในปี 2016 บอกว่าจะมีเครื่องบิน 8 ลำในทุกๆ 10,000 ลำที่ต้องเจอกับเหตุการณ์อะไรแบบนี้อยู่แล้ว มีการอธิบายเพิ่มเติมอีกว่าเหตุการณ์ในลักษณะนี้มักจะเกิดในตอนที่เครื่องกำลังขึ้นหรือลงจอดเป็นส่วนใหญ่ และจะมีโอกาสประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ที่จะเกิดความเสียหายร้ายแรง เนื่องจากความเร็วสูงสุดของเครื่องบินทำให้การชนนก เป็นเหมือนกับการชนเข้ากับแรงที่มีน้ำหนักประมาณ 23,000 กิโลกรัมเลยทีเดียว …