Category: สาระรอบตัว
-
สุดยอดข้อคิดจากเน็ตไอดอลฝรั่งเศสถึงสาวๆ ทุกคน “ไม่ว่าร่างกายเป็นยังไง ก็จงภูมิใจกับมัน!!”
ความใฝ่ฝันของสาวๆ หลายคนคือการมีรูปร่างที่ดูดี และเป็นคนเพอร์เฟค นั่นก็ทำให้พวกเธอพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำให้ตัวเองเป็นผู้หญิงที่ดูสมบูรณ์แบบ แต่สำหรับ Louise Aubery ฟิตเนสไอดอลสายสุขภาพชาวฝรั่งเศส ที่มีคนติดตามในอินสตาแกรมมากกว่า 78,000 คนนี้ กลับมองในสิ่งที่ต่างออกไป เพราะไม่ร่างกายของตัวเองจะเป็นอย่างไรเธอก็จะภูมิใจกับมัน เมื่อเร็วๆ นี้ Louise ได้เผยภาพการเปรียบเทียบรูปร่างของเธอลงในอินสตาแกรม เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เธอเชื่อว่า คนอื่นเห็นเธอเป็นอย่างไรและเธอเห็นตัวเองเป็นอย่างไร ทางด้าน Louise ได้ออกมาเผยว่าคนที่ได้เห็นภาพเธอ (ภาพด้านซ้าย) จะมุ่งเน้นไปที่รอยยิ้ม แขนขา และก้นของเธอ แต่สิ่งที่เธอเห็น (ภาพด้านขวา) ก็คือ เซลลูไลท์ ไขมันส่วนบริเวณหลัง และจมูกที่ใหญ่ “ฉันตระหนักถึงการรักและยอมรับตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ในบางครั้งฉันก็พยายามต่อสู้กับภาพ เพราะเมื่อใดก็ตามที่ฉันเห็นภาพของตัวเอง สิ่งแรกที่ฉันจะต้องจับตาดูก็คือ ข้อบกพร่อง และฉันก็มักจะเห็นสิ่งที่ผิดพลาดเสมอ” Louise กล่าว อย่างไรก็ตาม Louise ยังได้ออกมาเผยอีกว่า “การวิจารณ์ตนเองมาจากหลายสาเหตุ สังคมที่พัฒนาขึ้นได้เน้นย้ำถึงลักษณะทางกายภาพของเรา การแก้ไขตัดต่อภาพเพื่อทำให้ตัวเองดูดี มันเป็นการหล่อหลอมความรู้สึกของการไม่เห็นค่าตัวเอง… ฉันคิดว่าในอินสตาแกรมเป็นอะไรที่หลอกลวง ซึ่งในตอนนี้ผู้หญิงได้เปิดเผยความเป็นตัวตนที่แท้จริง และแสดงให้เห็นถึงการรักตัวเองผ่านโลกออนไลน์มากขึ้น และฉันก็รู้สึกดีใจมาก…
-
18 ข้อสรุปประเด็น “กราดยิง Las Vegas” ตั้งแต่ต้นจนจบ และรวมทุกสิ่งที่คุณควรรู้…
1. เหตุการณ์เกิดขึ้นในงานเทศกาลดนตรี Route 91 Harvest ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 29 กันยายนถึง 1 ตุลาคม 2017 2. งานในปีนี้มีผู้คนเข้าร่วมประมาณ 22,000 คน 3. ผู้ก่อเหตุเช่าห้องหัวมุมบนชั้น 32 ของโรงแรม Mandalay Bay Hotel ที่มองเห็นพื้นที่จัดงานคอนเสิร์ตได้เป็นอย่างดี 4. ก่อนลงมือ เขาทุบกระจกหน้าต่างของโรงแรม 2 ด้านให้แตก แล้วติดขาตั้งปืน 2 จุด เพื่อใช้สำหรับกราดยิงลงมา 5. ภายหลังเข้าตรวจสอบห้องพัก พบว่าปืนที่ใช้คือ Ak-47 และ AR-15 ซึ่งเป็นปืนกลกึ่งอัตโนมัติ และตัว Ak-47 สามารถปรับเป็นปืนกลอัตโนมัติได้ด้วยเช่นกัน . 6. เสียงปืนนัดแรกดังขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.08 7. ผู้คนต่างแตกตื่น พากันวิ่งหนีการยิง ซึ่งแทบไม่มีใครรู้ว่ากระสุนปืนมาจากทิศทางใดกันแน่ 8.…
-
16 เรื่องจริงทางวิทย์ฯ ของ ‘ร่างกายมนุษย์’ ที่ทำให้รู้ว่าเราน่ะ… มีพลังวิเศษกันจริงๆ นะ!!
ถ้าพูดถึงพลังวิเศษอะไรซักอย่าง หลายคนอาจจะนึกถึงพลังอะไรซักอย่างที่มันดูเว่อร์วังอลังการเหมือนในหนังซูเปอร์ฮีโร่ต่างๆ ซึ่งอันที่จริงเราไม่จำเป็นต้องเป็นฮีโร่เราก็มีพลังวิเศษได้เหมือนกัน เพราะทั้งหมดนี้คือ 16 เรื่องจริงเกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์เราเอง ที่จะทำให้รู้สึกว่านี่ร่างกายของเราก็มีพลังวิเศษเหมือนกันนะเนี่ย!! 1. สมองมนุษย์เก็บความจุได้ทั้งหมด 1 petabyte นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเท็กซัส ได้ทำการค้นพบพื้นที่ในส่วนที่เรียกว่า ‘synapse’ (ช่องว่างระหว่างเซลล์ประสาท) และได้ค้นพบว่าสมองเรามีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้มากถึง 1 petabyte หรือเท่ากับ 1,000 terabyte เลยทีเดียว 2. โรคหัวใจมีโอกาสเกิดขึ้นในวันจันทร์มากกว่าวันอื่นๆ งานวิจัยจากนักวิทย์ฯ ชาวสวีเดน ได้ทำการเก็บข้อมูลและพบว่าความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจจะมีโอกาสขึ้นในวันจันทร์ และช่วงเทศกาลสำคัญอย่างคริสต์มาสหรือวันหยุดปีใหม่ ในขณะที่วันเสาร์ และช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ถือว่าเป็นช่วงที่มีโอกาสเกิดโรคหัวใจได้น้อยที่สุดเช่นกัน 3. ตามหลักโครงสร้างแล้ว…กระดูกเราแข็งแกร่งกว่าคอนกรีต!! กระดูกมนุษย์เรามีความวิเศษอย่างหนึ่งก็คือ มันมีความแข็งที่สามารถยืดหยุ่นได้ภายในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งส่วนประกอบหลักของกระดูกกว่า 60% มาจาก แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทท์และคอลลาเจนนั่นเอง 4. ต้องเบิร์นแคลอรี่มากถึง 7,700 กิโลแคลฯ เพื่อที่จะลดน้ำหนัก 1 กิโลกรัม เมื่อเราปรับโหมดร่างกายเข้าสู่การออกกำลังกาย ไขมันส่วนเกินต่างๆ จะถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ ก่อนจะถูกขับออกมาจากการใช้พลังงานในร่างกาย และถ้าคุณอยากจะลดน้ำหนัก 1…
-
แพทย์เป็นห่วง… พฤติกรรมการ “บวชชีขนลับ” ของสาวๆ อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้
จากรายงานฉบับล่าสุดของวารสารวิชาการ JAMA Dermatology พวกเขาได้ทำการสำรวจหญิงสาว 3,316 คน และพบว่าสาวๆ 62 เปอร์เซ็นทำการบวชชีขนลับของตนเองอย่างเป็นประจำ และ สาวๆ 82 เปอร์เซ็นกล่าวว่า แม้จะไม่ได้โกน แต่พวกเธอก็ทำซาลอนให้ขนลับของตัวเองอยู่บ่อยๆ…แต่การทำแบบนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วหรือ? คุณหมอ Tami S. Rowen กล่าวว่าสาวๆ มักเชื่อว่าการปล่อยให้ป่าผืนน้อยของตนเองรกรุงรังนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยผู้หญิง 59 เปอร์เซ็นของคนที่ทำการโกนขนลับบอกว่า พวกเธอทำไปเพราะเป็นเรื่องของสุขลักษณะ ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ถูกต้อง ป่าผืนน้อยทำหน้าที่สำคัญบางอย่าง จริงๆ แล้วขนลับของเราทำหน้าที่ดักแบคทีเรียอันตรายบางอย่างไม่ให้เข้าไปในอวัยวะเพศของเรา รวมทั้งทำหน้าที่เหมือนถุงลมนิรภัยให้กับกระดูกที่อยู่แถวนั้น ฉะนั้น ถ้าคุณเอาพวกมันออกไป คุณอาจเกิดอาการแพ้ อักเสบ หรือแม้กระทั่งเกิดอาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะก็เป็นได้ อย่างไรก็คุณหมอ Jennifer Gunter กล่าวว่า “การโกนขนลับเป็นเรื่องปกติและเป็นสิ่งที่ต้องทำ ถ้าคุณทำเพราะคุณชอบและคุณไม่ได้รับผลกระทบทางด้านสุขภาพอะไรก็ทำไปเถอะ แต่อย่าคิดว่านั่นคือสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต้องทำเพื่อทำให้สุขภาพดี เพราะมันไม่จริง” ที่มา hellogiggles
-
จำได้ไหม… ‘พี่นัท & น้องนพ’ เหล่าไอดอลปีกกางในตำนาน ปัจจุบันพวกเค้าเป็นไง!!?
วันนี้จะพาเพื่อนๆ ไปย้อนวัยกันหน่อย หรือจะเรียกให้ถูกต้องบอกว่าดักแก่!!! อิอิ ว่าแล้วก็ขอพาไปพบกับ 2 บุคคลผู้ทรงอิทธิพล และมีผลกับช่วงชีวิตในวัยเด็กของเรากันเป็นอย่างมากๆ นั่นก็คือ พี่นัท – น้องนพ แห่งช่อง 9 การ์ตูนนั่นเอง!!! แหมมม ร้องอ๋ออออ กันขึ้นมาเลยล่ะสิ ถึงภาพมันจะเบลอ เพราะเธอไม่ชัดเจนแค่ไหน ก็เชื่อว่าเพื่อนๆ จำกันได้ใช่มั้ย อิอิ และแน่นอน เผื่อใครยังนึกไม่ค่อยออกล่ะก็ ลองนี่เลย มาเต็ม ฟิลลิ่งล้วนๆ!!! ‘ออกอาวุธ’ หรือ ‘ปีกกาง’ นี่แพล่มเข้ามาในหัวเลยทีเดียว เชื่อว่ามาถึงจุดนี้ทุกๆ คนคงจำกันได้แล้ว ฮร่าๆๆๆ สองพี่น้อง ธนัท-ธนพ ตันอนุชิตติกุล หรือเรียกอย่างติดปากกันว่าพี่นัท กับ น้องนพนั่นเอง อิอิ มีใครสงสัยกันมั้ยล่ะว่าจากอดีตจนถึงตอนนี้ พวกเขาเป็นยังไง ทำอะไรกันอยู่?? วันนี้จะพาไปดูชีวิตของพวกเขากัน เริ่มด้วยพี่นัทของเราก่อนเลย นัท ธนัท ตันอนุชิตติกุล (พี่ชาย)…
-
วีรกรรมของนายแพทย์ผู้สร้างโรคระบาดปลอมๆ ช่วยชีวิตชาวยิวกว่า 6,000 คนจากกองทัพนาซี
เป็นที่ทราบกันดีกว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพนาซีได้สร้างค่ายกักกันชาวยิวและชนกลุ่มน้อยอันแสนโหดเหี้ยมขึ้นมาทั่วยุโรป จนมีผู้เสียชีวิตนับล้านคนจากค่ายกักกันเหล่านั้น แต่ท่ามกลางความโหดร้ายที่เกิดขึ้นโลกได้รู้จักฮีโร่ผู้ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไม่ว่าจะเป็น ออสการ์ ชินด์เลอร์ นายทหารนาซีผู้แอบช่วยชาวยิวนับพันให้รอดชีวิตจากค่ายกักกัน หรือ ชิอุเนะ ซุงิฮะระ เจ้าหน้าที่กงศุลญี่ปุ่นผู้ออกวีซ่าช่วยชาวยิวหลายพันคนให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของนาซี และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับนายแพทย์อีกท่านที่ช่วยชีวิตชาวยิวกว่า 6,000 คนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ด้วยการสร้างโรคระบาดปลอมๆ ขึ้นมา เรื่องราวจะเป็นอย่างไรเราไปติดตามพร้อมๆ กันเลยดีกว่า คุณหมอคนนี้มีชื่อว่า ยูจีน ลาซอฟสกี้ เขาเป็นนายทหารเสนารักษ์ประจำกองทัพโปแลนด์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขาและเพื่อนทหารเสนารักษ์อีกคนชื่อว่า สแตนิสลอว์ มาตูเลวิช ค้นพบว่าหากพวกเขาฉีดแบคทีเรียที่ตายแล้วเข้าไปในตัวคนไข้ คนไข้จะมีผลเลือดเหมือนคนเป็นโรคไข้รากสาดใหญ่ โดยตอนแรกเขาใช้วัคซีนนั้นกับเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่อยากกลับเข้าไปทำงานในแคมป์นรกของพวกนาซี ซึ่งเมื่อกองทัพนาซีได้ทำการตรวจเลือดของเพื่อนคนดังกล่าว เขาก็ถูกสั่งห้ามไม่เข้าให้มาทำงานในแคมป์อีกต่อไปเพราะหวั่นเกรงว่านำโรคระบาดไปแพร่สู่แรงงานและทหารคนอื่นๆ หลังจากนั้นเขาก็ฉีดวัคซีนโรคปลอมให้กับคนไข้ทุกคนที่เข้ามารักษากับเขา ทำให้พวกเขาไม่ต้องกลับเข้าไปในค่ายนรก ซึ่งสถานการณ์โรคระบาดดังกล่าวสร้างความหวาดกลัวให้กับกองทัพนาซีเป็นอย่างมาก จนเมื่อจำนวน “ผู้ติดเชื้อ” เพิ่มสูงขึ้น ทางกองทัพนาซีก็สั่งปิดเมืองดังกล่าวทันทีทำให้ชาวเมืองไม่ต้องไปค่ายกักกันหรือเข้าแคมป์ทำงานอีก และกองทัพนาซีก็ไม่กล้าเข้ามายุ่งกับเมืองดังกล่าวอีกด้วย แม้ภายหลังกองทัพนาซีจะส่งทีมแพทย์เข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง แต่ด้วยฝีมือการแสดงละครอันแสนแนบเนียนของคุณหมอทำให้แผนการนี้สามารถดำเนินไปได้เรื่อยๆ นอกจากนี้เขายังฝ่าฝืนคำสั่งของกองทัพนาซีที่ห้ามให้ความช่วยเหลือแก่ชาวยิว ด้วยการทำการรักษาชาวยิวที่ป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้เขาเกือบตายหลายต่อหลายครั้ง แต่ด้วยความดีที่เขาทำ ทำให้มีคนคอยช่วยเหลือเขาโดยตลอดแม้กระทั่งทหารนาซีเองก็ตาม ว่ากันว่าเขาสามารถช่วยชีวิตชาวยิวได้มากกว่า 6,000 คนในช่วงที่มีการสู้รบ หลังสงครามจบลงเขาได้อพยพไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและใช้ชีวิตอย่างสงบสุขจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต…
-
11 ความลับแปลกๆ เกี่ยวกับเครื่องบิน ที่ผู้โดยสารหลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน
การเดินทางด้วยเครื่องบินถือว่าเป็นหนึ่งในวิธีกาารเดินทางที่สะดวกสบายที่สุดในปัจจุบัน เพราะมีความปลอดภัยค่อนข้างสูงและสามารถพาเราไปถึงจุดหมายได้อย่างรวดเร็ว แต่คุณเคยสังเกตกันบ้างไหมว่าเราที่ใช้บริการอยู่หลายต่อหลายครั้งยังคงไม่รู้จักเครื่องบินกันดีพอเลย ซึ่งความจริงมันเต็มไปด้วยเรื่องที่น่าสนใจและความลับเล็กๆ น้อยๆ ที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อน สิ่งเหล่านั้นจะมีอะไรกันบ้างเราลองไปดูกันเลย 1. เครื่องบินถูกออกแบบให้เผชิญหน้ากับฟ้าฝ่าได้ เครื่องบินนั้นต้องถูกออกแบบให้ทนกับฟ้าผ่า ตามข้อมูลระบุว่าเครื่องบินแต่ละลำจะโดนฟ้าผ่าแน่ๆ ปีละ 1 ครั้ง หรือไม่ก็ทุกๆ 1,000 ชั่วโมงบินก็จะโดนผ่า 1 ครั้ง ซึ่งทุกลำนั้นจะออกแบบให้เมื่อเกิดฟ้าผ่าแล้วกระแสไฟฟ้าจะวิ่งผ่านตัวเครื่องบินไปจนออกนอกเครื่อง โดยไม่เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์เด็ดขาด 2. ไม่มีที่นั่งที่ปลอดภัยที่สุดบนเครื่องบิน แม้ก่อนหน้านี้จะมีผลการศึกษาออกมาบอกว่าสามแถวด้านหลังสุดคือที่นั่งที่ปลอดภัยมากที่สุดบนเครื่องบิน เมื่อเครื่องบินชนกับอะไรเข้า แต่สิ่งนั้นแทบไม่มีทางเกิดขึ้นและ สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา(FAA) ได้ออกมาบอกว่าไม่มีที่นั่งตรงไหนเลยที่จะปลอดภัยที่สุด เพราะว่ามันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยของอุบัติเหตุ 3. เครื่องบินบางลำจะมีห้องนอนลับสำหรับลูกเรือ เครื่องบินบางลำอย่างเช่น Boeing 777 หรือ 787 จะมีที่นอนให้กับลูกเรือเพราะการต้องทำงานอยู่บนเครื่องเป็นเวลานานในการเดินทางระยะไกลจะต้องพบกับความเหนื่อยล้าเป็นธรรมดา โดยบันไดขึ้นไปบนห้องจะถูกซ่อนเอาไว้และภายในนั้นประกอบด้วยเตียง ห้องน้ำ หรือบางครั้งก็จะมีสิ่งให้ความบันเทิงอยู่บ้าง 4. ยางตรงล้อถูกออกแบบมาให้มีความคงทนเป็นพิเศษ ยางสำหรับล้อเครื่องบินสามารถรับน้ำหนักได้มากถึง 38 ตันและทนกับการลงจอดด้วยความเร็ว 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้มากกว่า 500 ครั้ง นอกจากนั้นแรงดันที่ต้องเติมเข้าไปจะอยู่ที่…
-
ชายผู้เกิดมาไม่มีแขนและขา แต่เรียนรู้ทุกสิ่งด้วยตัวเอง จนได้เป็น “ช่างภาพมืออาชีพ”
ถ้าเลือกเกิดได้ทุกคนคงอยากจะเกิดมาสมบูรณ์แบบกันอยู่แล้ว คงไม่มีใครอยากจะเกิดมาจน หรือเป็นคนพิการหรอก และเมื่อชีวิตจริงมันไม่ได้เป็นดั่งฝัน ดังนั้นทุกคนก็จะต้องดิ้นรนและสู้ชีวิตกันต่อไป เหมือนดังเช่น Achmad Zulkarnain ชายชาวอินโดนีเซีย ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นคนพิการไม่มีแขนขามาตั้งแต่กำเนิด แต่อย่างน้อยเขากลับไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา จนสามารถก้าวเข้ามาสู่การเป็นช่างภาพมืออาชีพที่สร้างผลงานเจ๋งๆ เอาไว้มากมาย สำหรับ Achmad หรือชื่อในวงการเรียกว่า DZOEL เขาเริ่มหันมาสนใจการถ่ายภาพในขณะทำงานอยู่ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ที่มีบริการถ่ายภาพ และนั่นจึงทำให้เขาได้ตัดสินใจซื้อกล้อง พร้อมกับพยายามเรียนรู้และพัฒนาในสิ่งที่สนใจอยู่เสมอ จนในที่สุด Achmad ก็เริ่มกลายเป็นที่รู้จักในฐานะช่างภาพและนักแต่งภาพ แถมยังเป็นครูสอนถ่ายภาพอีกด้วย “ผมมีวิธีการทำงานในแบบของผมเอง แม้ผมจะไม่มีนิ้วมือ แต่ก็สามารถปิดเปิดกล้องด้วยปาก และใช้ผิวหนังบริเวณแขนเพื่อกดชัดเตอร์” Achmad กล่าว นอกจากนี้ เขายังสามารถขับรถยนต์แบบโกคาร์ทที่เพื่อนๆ และครอบครัวช่วยกันออกแบบและสร้างให้เขา คุณสามารถรู้จักเขาผ่านทางเป็นคลิปวีดีโอความยาว 2 นาทีนี้ได้เลย และนี่คือตัวอย่างภาพผลงานของเขา . . . . . . . . . คุณสามารถเข้าไปติดตามและรับชมผลงานภาพถ่ายสวยๆ…
-
ภาพถ่ายที่หาชมได้ยาก ของเหล่าทหารใน “ชุดเกราะเหล็ก” ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1
การทำสงครามนอกจากจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการวงแผนการรบและความสามารถของทหารแล้ว หนึ่งในตัวแปรสำคัญที่อาจจะช่วยให้คว้าชัยชนะในสงครามได้นั้นก็คืออาวุธยุทโธปกรณ์ในการรบ และวันนี้เราก็จะขอพาทุกคนย้อนไปชมหนึ่งในยุทโธปกรณ์ทางทหารในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่หาชมได้ยาก และเป็นหนึ่งในต้นแบบของชุดเกราะในสมัยนี้ นั้นก็คือชุดเกราะเหล็กของเหล่าทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 นั่นเอง เจ้าชุดเกราะเหล็กนี้ถูกออกแบบมาสำหรับทหารแนวหน้าได้สวมใส่ เพื่อป้องกันลูกกระสุนและอาวุธของฝ่ายตรงข้าม และแต่ละกองทหารนั้นก็จะมีรูปแบบของชุดเกราะที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่นชุดของหน่วยจู่โจมของเยอรมันนายนี้ ที่ประกอบไปด้วยชุดเกราะและระเบิดมืออีก 2 ลูก โดยชุดเกราะนี้สามารถช่วยป้องกันกระสุนปืนกล กระสุนจากปืนไรเฟิล และอาวุธอื่นๆ ได้อีกด้วย ชุดเกราะของนายทหารที่ทำมาจากแผ่นเหล็ก มันช่วยป้องกันช่วงหน้าอกและท้องของเขาในปี 1914 ชุดเกราะหนักของทหารอเมริกันที่ใช้ในสมรภูมิฝรั่งเศสในปี 1917 นายทหารอเมริกัน ที่กำลังลองสวมชุดเกราะของทหารฝ่ายเยอรมันในปี 1918 หมวกเหล็กต้นแบบที่ถูกคิดค้นโดยบริษัท E J Codd จากรัฐแมริแลนด์ แผงโซ่ที่ห้อยลงมานั้นจะคอยป้องกันตาของทหารจากเศษหิน ปลอกระสุน และชิ้นส่วนอื่นๆ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 นายทหารติดอาวุธนายหนึ่งพร้อมกับปืนไรเฟิล กำลังทักทายกับนายทหารในชุดเกราะแบบเต็มยศที่ใช้ขวานเป็นอาวุธ ภาพถ่ายเดือนตุลาคมปี 1917 นักรบชาวจอร์เจียของชนเผ่า Khevsur ในชุดเกราะแบบดั้งเดิมของพวกเขา ภาพถ่ายเดือนพฤษภาคมปี 1918 นายทหารชาวไอริชสามคน ในชุดเกราะของทหารเยอรมันที่กำลังตรวจสอบปืนกล ในสนามรบ Pilckem…
-
สาวใหญ่ตัดสินใจฉีดแบคทีเรียอายุกว่า 3.5 ล้านปีเข้าผิวหน้า เพื่อความอ่อนเยาว์
อาจมีหลายวิธีที่จะช่วยให้ผิวหน้าของคุณดูอ่อนวัยและไร้ริ้วรอย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกครีมดีๆ มาบำรุงผิวหน้า การฉีดโบท็อก หรือการพอกหน้าด้วยขมิ้น แต่คุณผู้หญิงท่านนี้กลับเลือกวิธีเพื่อความอ่อนเยาว์แตกต่างออกไป นั่นก็คือเธอเลือกที่จะฉีดแบคทีเรียอายุโบราณเข้าไปในผิวหน้าตัวเอง!! คุณ Manoush ได้ให้สัมภาษณ์กับทางช่อง This Morning ถึงเคล็ดลับความอ่อนเยาว์ของเธอว่า เธอเลือกที่จะใช้เจ้าแบคทีเรีย Bacillus F แบคทีเรียที่มีอายุกว่า 3.5 ล้านปี ที่ค้นพบในเขตหนาวเย็นของประเทศรัสเซีย ฉีดเข้าไปในผิวหน้าเพื่อทำให้ดูเด็กลง คุณ Manoush สาวใหญ่วัย 48 ปีใช้เงินกว่า 2 ล้านบาทในการทำศัลยกรรมครั้งนี้ แต่อย่างไรก็ตามเธอยอมรับว่าหน้าของเธอนั้นไม่ได้ดูเด็กลงถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ “พวกเขาค้นพบแบคทีเรียตัวนี้ มันเป็นตัวที่ช่วยซ่อมแซมดีเอ็นเอของคุณ นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองโดยฉีดมันเข้าไปในหนู แล้วพบว่าพวกมันดูอ่อนเยาว์ลง” คุณ Manoush นอกจากนี้คุณ Manoush ยังได้บอกอีกว่าเธอเองนั้นผ่านการทำศัลยกรรมมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการยกกระชับใบหน้า การศัลยกรรมดวงตา ทำตาสองชั้น ทำจมูกอีก 2 ครั้ง ผ่าตัดหน้าอก 6 ครั้ง ทำปาก 6 ครั้ง และทำผิวหน้าอีกหลายครั้ง เมื่อถูกสัมภาษณ์ถึงความเปลี่ยนแปลงหลังจากที่ทำการฉีดแบคทีเรียตัวดังกล่าว คุณ Manoush ให้สัมภาษณ์ว่า “มันค่อนข้างอธิบายได้ยาก แต่ฉันรู้สึกว่าแข็งแรงขึ้น ฉันสามารถทำงานได้นานขึ้นและนอนหลับได้สบายขึ้น และนอกจากนี้ปัญหาไทรอยด์ของฉันยังดีขึ้นอีกด้วย” และนี่คือบทสัมภาษณ์ของเธอในรายการ This Morning …
-
ใบหน้าของผู้ป่วยเป็น ‘โรคซึมเศร้า’ ความเจ็บปวดที่มองไม่เห็นและไม่อาจสังเกตได้
โรคซึมเศร้า คือสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทำให้รู้สึกเศร้าหรือหดหู่ใจอย่างรุนแรงมากกว่าปกติทั่วไป แต่คนรอบข้างกลับดูไม่ออกว่าพวกเขาเป็นอย่างนั้นในบางครั้ง เพราะอาการของโรคไม่จำเป็นที่จะต้องมีการแสดงออกทางสีหน้าจนทำให้เราคิดว่าพวกเขาก็ดูมีความสุขดี แต่แท้จริงอาจคิดถึงเรื่องในแง่ลบอย่างเช่นการฆ่าตัวตายอยู่ก็ได้ การสนับสนุนและช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อรักษาเยียวยาให้ทุกอย่างสามารถผ่านไปได้ด้วยดี เพราะไม่อย่างนั้นบางทีทุกอย่างมันอาจสายเกินไป เหมือนกับพวกเขาเหล่านี้ เราลองไปดูกันว่าใบหน้าของคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจะออกมาเป็นอย่างไร? ในตอนที่ไปหาหมอเธอกลับต้องเจอคำพูดว่า “คุณดูไม่เหมือนเป็นโรคซึมเศร้าเลยนะ” ทำให้เธอตัดสินใจฆ่าตัวตาย เพราะเธอไม่สามารถรับการรักษาหรือสั่งยามากินได้ ตอนนั้นเธอคิดว่า “คนที่เป็นโรคนี้จำเป็นที่จะต้องมีใบหน้าอมทุกข์ด้วยอย่างนั้นหรอ?” ไม่กี่วันก่อนที่นักร้องหนุ่มชื่อดัง Chester Bennington ผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจะจากโลกนี้ไป ภาพของเด็กชายก่อนที่เขาจะเดินไปหาวิธีการแขวนคอตายในคอมพิวเตอร์ และทำมันใน 2 วันหลังจากนั้น รอยยิ้มที่ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร แต่เขากำลังเผชิญกับโรคนี้ที่ทำลายความสุขของเขาไปจนหมด หลังจากนั้นไม่นานจึงจบชีวิตตัวเองลงไปอย่างน่าเศร้า สาวน้อยวัย 8 ขวบที่แม่ของเธอบอกว่าดูไม่ออกเลยว่าเด็กคนนี้จะทำการฆ่าตัวตาย ในคืนเดียวกันกับที่เธอยังคงเล่นสนุกอยู่กับครอบครัว ถึงอย่างนั้นเธอก็ถูกพาไปโรงพยาบาลได้ทันเวลา ใบหน้าของคุณพ่อและสามีที่ดีคนหนึ่ง ไม่มีใครรับรู้ได้เลยว่าสองอาทิตย์ต่อมาเขาจะแขวนคอตัวเอง ชายเสื้อแดงวัย 60 ปีคือคุณพ่อที่คอยเตือนลูกทุกคนไม่ให้ฆ่าตัวตายอยู่เสมอ กระทั่งเขาทำสิ่งนั้นด้วยตัวเองโดยที่ลูกๆ ไม่มีสามารถรู้ล่วงหน้าก่อนได้เลย รอยยิ้มของเด็กหนุ่มที่ถ่ายรูปกับคุณแม่ในคืนก่อนที่เขาจะตัดสินใจจากโลกนี้ไปด้วยความวิตกกังวลและความเสียใจของคนในครอบครัว หน้าตาของคนที่จมอยู่กับโรคนี้มานานถึง 4 ปี ดูไม่ออกเลยว่าภายใต้รอยยิ้มนั้นเธอต้องทุกข์ขนาดไหน คนมากมายแทบไม่เชื่อเลยว่าเธอเป็นโรคซึมเศร้า…
-
ไปดูคำว่า F**k You ในแต่ละประเทศทั่วโลก รู้เอาไว้ก็ดี แต่อย่าเอาไปทำตามนะจ๊ะ!!
สำหรับใครที่มีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติ หรือมีโอกาสได้พูดคุยกับชาวต่างประเทศ พนันได้เลยว่าหนึ่งในสิ่งแรกๆ ที่คุณสอนให้พวกเขาได้รู้จักกันนั่นก็คือคำด่าใช่ไหมล่ะ!? ยอมรับมาซะดีๆ นะ ฮ่าๆ แน่นอนว่าคำหยาบนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมแน่ๆ หากจะพูดกับคนที่ไม่รู้จักหรือบางครั้งแม้แต่คนที่สนิทกันมากๆ ก็ไม่ควรพูดเช่นกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการใช้คำหยาบนั้นมีอยู่แทบจะทุกพื้นที่บนโลกใบนี้ ซึ่งถ้าหากใครที่เคยเล่นเกมออนไลน์นั้นก็คงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี อ่า… และเพื่อเป็นความรู้ไว้กันโดนชาวต่างชาติด่า วันนี้เราก็ได้นำคำว่า F**k You ในแต่ละภาษามาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลย… 1. ภาษาอาหรับ, ประเทศอียิปต์ 2. ภาษาอาหรับ, ประเทศซีเรีย, รัฐปาเลสไตน์, เลบานอน, จอร์แดน 3. ภาษาอินโดนีเซีย 4. ภาษาพม่า 5. ภาษาจีนกวางตุ้ง, ประเทศจีน และฮ่องกง 6. ภาษาอังกฤษ แบบออสเตรเลีย 7. ภาษาฝรั่งเศส 8. ภาษาเยอรมัน 9. ภาษากรีซ 10.…
-
รู้หรือไม่!? ในยุคโรมัน ‘เกลือ’ มีค่ามากกว่า ‘ทองคำ’ ซะอีก แถมยังใช้จ่ายกันแทนเงินตราด้วยนะ!!
ก็อย่างที่รู้กันดีว่าในปัจจุบันนี้ ‘ทองคำ’ เป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งและร่ำรวย นอกจากจะเป็นเครื่องประดับที่มีความหรูหราเป็นเอกลักษณ์แล้วยังเป็นหลักประกันของแทบทุกสกุลเงินบนโลก แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์ เครื่องปรุงรสราคาถูกหาซื้อที่ไหนก็ได้อย่าง ‘เกลือ’ นั้นเคยมีค่ามากกว่า ‘ทองคำ’ ซะอีก… เกลือล้ำค่ายิ่งกว่าทองในยุคโรมัน… เราได้เล่าเรียนกันมาในตำราว่าสมัยโบราณกาลมีการใช้สิ่งต่างๆ ในการแลกเปลี่ยน อย่างเช่นเปลือกหอย พืชหายาก หรือแร่ แตกต่างกับปัจจุบันที่ใช้เงินกระดาษหรือเหรียญ ย้อนกลับไปในยุคสมัยที่อาณาจักรโรมันรุ่งเรือง ‘เกลือ’ ถูกนำมาจับจ่ายใช้สอยแลกเปลี่ยนกับสิ่งของต่างๆ ราวกับว่าเป็นเงินตรากันเลยทีเดียว นั่นเป็นเพราะความหายากของมันจึงทำให้ต้องมีการขุดเหมืองลงไปเอาเกลือขึ้นมา อีกทั้งยังมีกระบวนการขนส่งที่ยุ่งยากที่ต้องทำกันในช่วงหน้าแล้งเท่านั้นเพราะความชื้นจะทำให้เกลือมีเชื้อรา แถมยังต้องคอยระวังเหล่าขโมยขโจรกันอีก นอกจากนี้เกลือยังเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันของผู้คนในยุคโบราณอีกมากมาย ทั้งถนอมอาหาร ปรุงรสอาหาร และทำยารักษาโรค จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงได้มีค่ามากมายขนาดนี้ เท่านั้นยังไม่พอ ‘เกลือ’ ยังถูกนำมาใช้เป็นสิ่งตอบแทนค่าแรงให้กับเหล่าทหาร เวลาที่พวกเขากลับมาจากการทำสงคราม ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษาศาสตร์จึงได้ตั้งข้อสันนิษฐานเอาไว้ว่ารากศัพท์ของคำว่า Salary (เงินเดือน, สินจ้าง) ก็น่าจะมาจากการจ่ายค่าแรงด้วยเกลือ (Salt) ของอาณาจักรโรมันนี่แหละ ในอดีตที่ผ่านมาต้องขอบอกเลยว่า ‘เกลือ’ นั้นเป็นแร่ที่มีความสำคัญมากจริงๆ มันเป็นตัวการที่ทำให้เกิดสงคราม อีกทั้งยังเป็นตัวชี้วัดถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจของอาณาจักรมากยิ่งกว่าทองคำ แต่ในปัจจุบันเราสามารถผลิตเกลือออกมาใช้งานกันได้อย่างแพร่หลายด้วยการทำนาเกลือ จึงทำให้การขุดเหมืองเกลือถูกยกเลิก และถูกทิ้งร้างไปมากมาย…
-
9 ความจริงที่เราอาจเคยเรียนจากในหนังสือ แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ไม่ใช่ซะแล้ว..!?
เรียกได้ว่าแทบทุกวันที่โลกเรามีการค้นพบความจริงใหม่ๆ ตลอด บ้างก็เป็นความจริงที่ลบล้างทฤษฎีอันน่าเชื่อถือต่างๆ ที่เราอาจเคยเรียนมาจากในหนังสือ ซึ่งคราวนี้เราจะพาไปส่องโลกกับ 9 ความจริง (Facts) ที่มีการยืนยันออกมาแล้วว่า เป็นทฤษฎีที่มีความน่าเชื่อถือและความเป็นไปได้สูงกว่าที่เราเคยเรียนกันมา จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย… 1. ประเทศอเมริกาได้รับอิสระภาพในวันที่ 4 กรกฎาคม ปี 1776 ทุกๆ วันที่ 4 กรกฎาคม ของทุกปี ชาวอเมริกันจำนวนมากจะออกมาเดินขบวนพาเหรดเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้แด่วันประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา ทว่าอันที่จริงในตอนนั้นสหรัฐอเมริกาเพิ่งได้รับเอกราชเพียงแค่ไม่กี่รัฐเท่านั้น อีกทั้งยังไม่ได้รับเอกราชเป็นของตนเองตามกฎของราชอาณาจักร และสงครามปฏิวัตอเมริกาก็ยืดเยื้ออยู่นานนับปี ซึ่งในความเป็นจริงแล้วอเมริกาได้รับเอกราชอย่างเต็มใบก็เมื่อครั้นปารีสเซ็นสัญญาถอยทัพในวันที่ 3 กันยายน ปี 1783 นั่นเอง 2. ฟันของ George Washington ทำมาจากไม้ มีทฤษฎีมากมายที่กล่าวอ้างว่า George Washington มีฟันปลอมที่ทำมาจากไม้ ซึ่งทางด้านนักประวัติศาสตร์ก็ได้ออกมาค้นคว้าหาข้อมูลเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง พวกเขาพบว่าในช่วงศตวรรษที่ 18 ชนชั้นทาสมักจะถอนฟันตัวเองออกและนำไปขายให้หมอฟันเพื่อหาเงินมาประทังชีวิต และมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าในปี 1784 เขาได้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากให้กับทาสชาวแอฟริกันเพื่อแลกกับฟัน 9 ซี่…
-
รู้หรือไม่? ว่าพาสปอร์ตบนโลกมีแค่ 4 โทนสีเท่านั้น และทำไมแต่ละประเทศจึงแตกต่างกัน
พาสปอร์ตหรือหนังสือเดินทางถือเป็นหนึ่งในเอกสารทางราชการที่มีความสำคัญมากๆ ซึ่งเพื่อนๆ เคยสังเกตกันไหมว่า จริงๆ แล้วพาสปอร์ตของแต่ละชาตินั้นก็จะมีสีที่แตกต่างกันนะ และรู้กันรึเปล่าว่าจริงๆ แล้วพาสปอร์ตเค้ามีกันแค่ 4 สีเท่านั้นนะเออ!! และในวันนี้เราก็มีเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับเจ้าหนังสือเดินทางนี้มาฝากกัน ซึ่งแต่ละสีนั้นจะมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้างนั้นไปชมกันเลย… เริ่มกันที่สีแดง นี่คือสีของปกของพาสปอร์ตที่เรามักจะเห็นกันอยู่บ่อยๆ โดยปกพาสปอร์ตสีแดงนี้มักจะถูกใช้ในประเทศที่ที่มีประวัติศาสตร์การปกครองที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมมิวนิสต์อย่างเช่น สโลวีเนีย จีน เซอร์เบีย รัสเซีย โปแลนด์และจอร์เจีย นอกจากนี้ยังมีบางประเทศในสหภาพยุโรปที่เปลี่ยนมาใช้ปกพาสปอร์ตสีแดงเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา อย่าง ตุรกี และแอลเบเนีย สีน้ำเงิน ต่อมาเป็นพาสปอร์ตปกสีน้ำเงิน โดยปกสีนี้มักจะใช้ในกลุ่มของ 15 ประเทศในแถบทะเลแคริบเบียน รวมทั้งบางประเทศในแถบอเมริกาใต้ ซึ่งพาสปอร์ตสีดังกล่าวยังหมายถึงการเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงาน (Mercosur) อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีประเทศอเมริกาอีกด้วยที่เปลี่ยนมาใช้พาสปอร์ตปกสีน้ำเงินนี้ ตั้งแต่ปี 1976 สีเขียว พาสปอร์ตปกสีเขียวนี้ มักนิยมใช้ในประเทศมุสลิม อย่างเช่น โมร็อกโก ซาอุดีอาระเบีย และปากีสถาน รวมถึงหลายชาติในแถบแอฟริกาตะวันตกเอง ก็มีการใช้เอกสารเดินทางปกสีเขียวนี้ ซึ่งหมาถึงธรรมชาติและบ่งบอกว่าพวกเขาเป็นสมาชิกของประชาคมเศรษฐกิจของประเทศแอฟริกาตะวันตก หรือ ECOWAS นั่นเอง และสุดท้าย สีดำ หนึ่งในสีของพาสปอร์ตที่มักไม่ค่อยได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งปกสีดำนี้มีการใช้ในบางประเทศของทวีปแอฟริกา อย่าง บอตสวานา แซมเบีย บุรุนดีและกาบองเป็นต้น นอกจากนี้ประเทศนิวซีแลนด์ เองก็ใช้พาสปอร์ตสีดังกล่าว เพราะว่าสีดำคือสีประจำชาติของพวกเขานั่นเอง…
-
10 เทคนิคการใช้โทรศัพท์จากเว็บ Brightside ที่จะทำให้ ‘แบตเตอรี่’ อยู่ได้ยาวนานยิ่งขึ้น
โทรศัพท์มือถือ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เพราะมือถือเครื่องหนึ่งนั้นไม่ได้มีไว้แค่โทรเข้าโทรออกอย่างเดียวแล้ว แต่มันยังเป็นตั้งแต่กล้องถ่ายรูปไปจนถึงไฟฉายอีกด้วย และสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้ใช้งานได้ตลอดนั่นก็คือแบตเตอรี่นั่นเอง ซึ่งหลายๆ คนนั้นก็อาจจะเคยประสบปัญหาแบตหมดในตอนเวลาสำคัญๆ กันมาบ้างแน่ๆ เลยใช่ไหมล่ะ อ่า ถ้าอย่างนั้นเราลองไปชม 10 วิธีการประยัดพลังงานแบตเตอรี่ จากเว็บ Brightside กันดูดีกว่า… 1. คุณทำความสะอาดรูชาร์จแบตบ้างหรือเปล่า?? ทุกๆ ครั้งที่คุณหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทำความสะอาด อย่าลืมเช็คช่องชาร์จแบตด้วยล่ะ เพราะบางครั้งอาจจะมีเศษกระดาษติดอยู่ และอาจทำให้คุณชาร์จแบตไม่เข้าได้นะ!! 2. ภาพหน้าจอของคุณเป็นโทนสีสว่างใช่หรือเปล่า?? เวลาที่คุณเปิดหน้าจอมือถือ เพื่อเชคอีเมลล์ เฟซบุ๊ก หรือข้อความ ภาพพื้นหลังที่มีโทนสว่างๆ หรือมีสีสันมากเกินไป ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เปลืองแบตเตอรี่ได้เช่นกันนะ 3. คุณชอบถือโทรศัพท์ไว้ตลอดเวลา การถือโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลาในวันที่อากาศร้อนนั้นก็อาจจะทำให้คุณสิ้นเปลืองแบตเตอร์รี่ไปโดยเปล่าประโยชน์เช่นกัน เพราะอุณหภูมิที่สูงนั้นจะทำให้เครื่องร้อนและเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้แบตลดลงนั่นเอง 4. เปิดโหมดหมุนหน้าจอ อัตโนมัติไว้ตลอดเวลาหรือเปล่านะ?? ฟังก์ชั่นนี้อาจจะทำให้โทรศัพท์ของคุณสิ้นเปลืองพลังงานได้โดยง่าย เพราะการทำงานของมันนั้นต้องอาศัยเซ็นเซอร์ต่างๆ ซึ่งแนะนำว่าควรปิดมันแล้วค่อยเปิดในตอนจำเป็นจะดีกว่านะ 5. อ่อ.. แล้วอย่าลืมเช็คแอพพลิเคชั่นที่เปิดค้างไว้ด้วยล่ะ บ่อยครั้งที่เมื่อคุณใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ แล้ว ก็มักจะสลับไปยังหน้าจอหลักหรือแอพพลิเคชั่นอื่นโดยทันที โดยไม่ได้ปิดแอพเหล่านั้น ซึ่งการที่โปรแกรมเหล่านั้นยังคงทำงานอยู่มันจะทำให้แบตคุณลดลงไปด้วยนั่นเอง ดังนั้นหมั่นเคลียร์แอพบ่อยๆ นะจ๊ะ…
-
7 อวัยวะในร่างกายที่ดูเหมือนจะไร้ค่า แต่มันสร้างประโยชน์ให้กับเราได้โดยที่ไม่รู้ตัว
เราทุกคนคงจะรู้จักกับอวัยวะต่างๆ ในร่างกายกันเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกเช่น ตับ ไต ม้าม แขน ขา เป็นต้น ยิ่งกว่านั้นนอกจากจะรู้จักชื่อแล้ว เกือบทุกคนก็จะรู้ว่ามันทำงานให้เราอย่างไรบ้างอีกด้วย แต่ในความเป็นจริงสิ่งที่มีประโยชน์กับตัวเราไม่ได้มาจากอวัยวะที่เรารู้จักกันดีเพียงอย่างเดียวหรอกนะ เพราะยังมีพื้นที่ที่คาดไม่ถึงบนร่างกายของเราที่แม้ว่าจะดูเหมือนไม่มีประโยชน์อะไร แต่หารู้ไม่ว่ามันสามารถช่วยเหลือเราได้ในหลายๆ ทาง เราลองไปดูกันเลย ว่าจะมีส่วนไหนกันบ้าง Grabella มันคือบริเวณตรงกลางระหว่างคิ้วสองข้างของเรา ตรงจุดนี้แพทย์สามารถวัดความตึงตัวของผิวหนังในผู้ที่เป็นภาวะอาการขาดน้ำได้ นอกจากนั้นตบตรงจุดนี้เบาๆ หลายๆ ครั้ง จนมีการกระพริบตาเกิดขึ้นก็จะบอกได้ว่าการตอบสนองของระบบประสาทเรายังทำงานได้ดีอยู่ Tragus มันคือติ่งขนาดเล็กที่ช่วงหลังมีคนนิยมไปเจาะหูตรงนั้น ซึ่งจะช่วยในเรื่องการได้ยินเสียงที่มาจากด้านหลังและแยกแยะที่มาของเสียงได้ มีความสำคัญกับการรับเสียงที่มีความถี่สูงและเพิ่มความไวในการตอบสนองอีกด้วย Span มือของเราสามารถเป็นเครื่องวัดความยาวได้ โดยมีการใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้มาตั้งแต่อดีตวัดระยะจากนิ้วโป้งถึงนิ้วชี้ และเมื่อวัดความห่างจากนิ้วโป้งถึงนิ้วก้อยจะอยู่ที่ประมาณ 7 ถึง 9 นิ้ว ช่วยเหลือเราได้แบบคร่าวๆ Levator labii superioris ชื่อที่เรียกอย่างง่ายคือกล้ามเนื้อส่วนริมฝีปากบน เป็นส่วนช่วยให้สามารถดึงริมฝีบากบนขึ้นแสดงรอยยิ้มออกมาได้ ลักยิ้มที่หลายคนมีก็มาจากกล้ามเนื้อส่วนนี้เนี่ยแหละ ส่วนที่ยึดลิ้นและริมฝีปากเอาไว้ เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นและช่วยทำให้การทำงานของสองส่วนนี้ดีขึ้น เพราะมันจะให้เราสามารถขยับลิ้นได้ตามที่ต้องการและยึดเอาไว้เพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวที่มากเกินไป คนที่มีเจ้าสิ่งนี้สั้นกว่าปกติจะทำให้พูดเป็นคำออกมาได้อย่างยากลำบาก Hallux มันคืออีกชื่อหนึ่งของคำว่าเท้าหรือเฉพาะเจาะจงก็คือส่วนของหัวแม่โป้งเท้า เป็นอวัยวะที่ช่วยให้เราสามารถรักษาการทรงตัวเอาไว้ได้…
-
นักจิตวิทยาแนะนำ 12 เทคนิคแก้ปัญหา Impostor Syndrome โรคที่ “คิดว่าตัวเองด้อยค่า”
บางคนที่ทำงานมาอย่างหนักและประสบความสำเร็จมาโดยตลอด แต่กลับไม่รู้สึกยินดีกับสิ่งนั้น มองว่าตัวเองไม่คู่ควรกับสิ่งที่ได้มา คิดว่าตัวเองไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเลย หากว่าเป็นอย่างนั้นหมายความว่าคุณอาจกำลังมีอาการของ Imposter Syndrome อยู่ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่มองตัวเองในแง่ลบและรู้สึกด้อยค่า จนบางครั้งมันอาจกระทบเข้ากับการทำงาน การเรียน หรือการใช้ชีวิตของคุณได้ ดังนั้นวันนี้เราจึงจะมาพูดถึงแนวทางการแก้ไข เพื่อให้ทุกคนที่ป่วยเป็นอาการนี้สามารถกลับมาดีขึ้นได้อีกครั้ง เราลองไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง เขียนบันทึกไดอารี่สำหรับงานหรือสิ่งที่ได้ทำลงไป เขียนสิ่งที่ได้ทำสำเร็จและเป้าหมายที่เราสามารถก้าวไปถึงแล้วลงไปในสมุดซักเล่ม เพราะบางครั้งคุณอาจปล่อยให้ความรู้สึกแง่ลบในตัวครอบงำ จนไม่สามารถรับรู้ได้ว่าในวันนั้นคุณทำสิ่งดีๆ อะไรลงไปบ้าง พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องงาน พยายามหาโอกาสที่เหมาะสมพูดคุยกับเพื่อนในที่ทำงานเดียวกันในเรื่องงานที่ได้ทำ เพราะการพูดอย่างตรงไปตรงมาถึงข้อบกพร่อง ความท้าทาย หรือความสำเร็จของแต่ละคน อาจทำให้รับรู้ได้เองว่าความสามารถและสิ่งที่ต้องเจอของคุณ ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนทั่วไปเลย วางเป้าหมายที่ต้องการจะเป็นในอนาคต การวางแผนเอาไว้ว่าในอนาคต 2 ปี, 5 ปี และ 10 ปีข้างหน้าตัวคุณอยากให้มันเป็นอย่างไร จะช่วยบรรเทาความวิตกกังวลได้ สามารถรู้ได้แล้วว่าสิ่งที่ต้องทำเพื่อไปให้ถึงแผนที่วางไว้ในอนาคตอันใกล้ต้องทำอะไรบ้าง แผนอีก 10 ปีข้างหน้าที่คุณต้องค่อยเป็นค่อยไปก็จะทำให้คุณไม่รู้สึกว่าตัวเองตกต่ำ ในเมื่อมันต้องใช้เวลาและคุณก็ยังไม่สามารถทำอะไรกับมันได้มากนัก จงพยายามและประสบความสำเร็จไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน อย่าคิดว่าไม่สามารถเปลี่ยนแผนที่วางไว้ได้ เพราะจะกลายเป็นการทรมานตัวเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกว่าแผนที่วางเอาไว้และดำเนินการอยู่ไม่สามารถทำให้ไปถึงเป้าหมายที่ต้องการได้ ก็จงกล้าตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงมันใหม่ เพราะสิ่งนั้นแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนมีวุฒิภาวะ การวางแผนสำหรับมาทดแทนอันเดิมจะช่วยให้การตัดสินใจของคุณนั้นง่ายขึ้น ถามหาคำติชม ความรู้สึกไม่แน่ใจกล้าๆ…
-
แนะนำ 8 เมืองน่าเที่ยวและปลอดภัยที่สุดในโลก สำหรับ “สาวโสด” ไปได้อย่างสบายใจ
การไปท่องเที่ยวในต่างแดนเป็นการออกไปสัมผัสโลกกว้าง เปิดหูเปิดตารับสิ่งใหม่ๆ แต่ทว่าการเดินทางไปยังที่ต่างๆ นั้น ผู้หญิงทุกคนก็ย่อมคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองอยู่เสมอ ยิ่งการไปเที่ยวคนเดียวก็ต้องระวังความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แต่เรื่องนี้จะไม่ต้องเป็นกังวลเลย หากคุณเป็นคนที่รักการท่องเที่ยว นี่คือเมืองที่สาวโสดทั้งหลาย สามารถไปคนเดียวได้แบบชิวๆ เลยล่ะ จากการศึกษาเรื่องการท่องเที่ยวของวีซ่าในปี 2015 พบว่า การเดินทางแบบหญิงเดี่ยวกำลังมีอัตราเพิ่มสูงขึ้น ในอัตรา 1 ใน 5 คนซึ่งทำให้เห้นค่านิยมที่เปลี่ยนไปว่า ปัจจุบันผู้หญิงนิยมที่จะเดินทางคนเดียว เนื่องด้วยเหตุผลก็คือความอิสระนั่นเอง 1. Reykjavik ประเทศไอซ์แลนด์ อ้างอิงจาก Global Peace Index ปี 2016 ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่มีความปลอดภัยที่สุดในโลกและได้ครองตำแหน่งนี้มายาวนานกว่า 6 ปี นอกจากนี้ไอซ์แลนด์ยังเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรมและการผจญภัยอีกด้วย 2. Copenhagen ประเทศเดนมาร์ก เป็นประเทศที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก โดยดัชนี้ชีวัดจากสหประชาชาติ มีไนท์คลับที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง แหล่งช้อปปิ้ง แหล่งวัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมที่สวยงาม 3. Stockholm ประเทศสวีเดน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ติด Top 10 ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก แต่ประเทศสวีเดนก็เป็นประเทศที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวในอัตราค่อนข้างสูง…
-
8 สิ่งที่เราทำในชีวิตประจำวัน แต่มีผลเสียต่อ “กระดูกสันหลัง” อย่างไม่น่าเชื่อ พร้อมวิธีแก้ไข
เชื่อหรือไม่ว่า การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเรานั้นส่งผลระยะยาวกับสุขภาพของเรา ไม่ว่าจะทำงานบ้าน กินข้าว หรือช็อปปิ้งก็ตามล้วนสามารถส่งผลต่อกระดูกสันหลังของเราได้ และมันก็ไม่ดีเอาซะเลย… ฉะนั้น วันนี้เราเลยจะมาดู 8 สิ่งยอดฮิตที่เราทำในทุกวันโดยไม่คิดอะไร แต่ส่งผลกับกระดูกสันหลังอย่างร้ายแรงกัน รวมถึงวิธีการจะแก้ปัญหาก่อนที่มันจะสายไป เอ้า!! อย่ารอช้ามีอะไรบ้างมาดูกัน เวลาแปรงฟัน ในตอนที่เรายืนอยู่นั้นหลายคนคงชอบที่จะก้มลงไปกับอ่างล้างหน้า จากนั้นก็บรรเลงฝีมือการใช้แปรงฟันอย่างรวดเร็วและรุนแรงอยู่นานสองนาน โดยที่ไม่คิดเลยว่าช่วงที่ก้มอยู่นั้นคือต้นเหตุของอาการกระดูกสันหลังเสื่อมและอาการปวดหลัง โดยวิธีแก้ทำได้ง่ายมาก เพียงแค่ยืนตรงและเอามือข้างหนึ่งวางไว้บนกำแพง เท่านี้ก็หมดปัญหาแล้ว… ล้างจาน เช่นเดียวกับการแปรงฟัน เวลาที่เราล้างจานนั้นเรามักจะก้มลงไปที่ซิ้งน้ำ ซึ่งแน่นอนว่าส่วนสูงหลายคนอาจจะเป็นปัญหาในการหยิบจานขึ้นมาล้าง ทำให้ช่วงหลังและไหล่ต้องรับงานหนัก ปัญหานี้ช่วยได้เพียงแค่หาอะไรมารองเข่าหนึ่งข้าง จากนั้นก็ล้างจานตัวตรงปกติ หรือเอนตัวไปนิดหน่อย ปัญหาการปวดหลังก็จะหายไปแล้วล่ะ เปลี่ยนยางรถหรือเติมลมยาง เวลาที่เราเติมลมรถหรือเปลี่ยนยางรถ เรามักจะก้มลงไปทำกิจกรรมดังกล่าวเสมอๆ โดยที่เราไม่รู้เลยว่ามันจะส่งผลเสียแค่ไหน บางคนก้มเปลี่ยนยางนานๆ อาจจะรู้เลยว่ามันปวดหลังมากๆ วิธีการแก้ไขปัญหานั้นทำได้ไม่ยาก เพียงแค่นั่งลงไปกับพื้นโดยไม่ต้องกลัวเปื้อน และจัดการปัญหาดังกล่าวให้เสร็จด้วยท่านั่งนั่นเอง หิ้วถุงใส่ของหนักๆ หลายคนเวลาไปซื้อกับแฟนสาว หรือไปซื้อของจากซุปเปอร์มาเก็ตไว้เป็นเสบียงทีละเยอะๆ ก็คงจะเจอกับปัญหาการหิ้วของหนักๆ ใช่ไหมล่ะ และเมื่อวางมันลงคุณก็จะรู้สึกปวดช่วงไหล่มาก ปัญหานี้จัดการง่ายมากเพียงแค่ ตอนที่หยิบของใส่ถุง ให้เราแบ่งออกเป็นสองถุงในน้ำหนักพอๆ กันและถือมาสองมือเพื่อแบ่งเบาน้ำหนักที่ต้องแบกด้วยมือเดียว ถูพื้นด้วยผ้า…
-
40 ภาพเซ็ต “ปิศาจในตัวหญิงสาว” สะท้อนแง่คิดสังคมปัจจุบัน ที่ต้องอยู่กับสิ่งล่อใจมากมาย
ผู้หญิงเป็นเพศที่เข้าใจยาก และยิ่งในปัจจุบันรอบตัวเต็มไปด้วยสิ่งล่อใจที่เข้ามาเปลี่ยนการใช้ชีวิต กระตุ้นความต้องการหรือจิตใต้สำนึกของคนที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ให้แสดงออกมา นั่นจึงกลายเป็นไอเดียให้กับศิลปินจากกรุงลอนดอนที่ชื่อว่า Polly Nor ได้วาดภาพสิ่งที่เธอคิดเกี่ยวกับผู้หญิงในปัจจุบัน รวมทั้งเรื่องของกิเลสตัณหาที่อยู่ในคราบปีศาจ โดยทุกภาพเกิดจากแรงบันดาลใจของข้อความตลกๆ คำบ่นหรือด่า และภาพเซลฟี่ที่เธอเห็นในโลกโซเชียล กลายมาเป็นผลงานที่ดูมืดมน สะท้อนถึงภายใต้จิตใจมนุษย์ได้อย่างชัดเจน และแม้ว่าจะถูกนำเสนอออกมาในรูปแบบตัวการ์ตูนสีสันสดใส แต่สิ่งที่สื่อออกมาจากภาพของเธอ อาจทำให้งานนี้ไม่ค่อยเหมาะให้เด็กดูซักเท่าไหร่ เราใส่เสื้อผ้าเพื่อปิดบังร่างกาย และร่างกายเองก็กำลังปิดบังปีศาจที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา ช่วงเวลาอยู่คนเดียว คือการเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด ปลดเปลื้องทุกอย่าง วันนี้จะแต่งอะไร และจะปั้นหน้าอย่างไร ยอมรับและเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับความชั่วร้ายของเราให้เหมาะสม สิ่งที่เราอยากให้คนอื่นเห็น คือเปลือกนอกที่ดูดี บางครั้งเราก็จะต้องเผชิญหน้ากับเบื้องลึกของตัวเอง ผ่อนคลายและสบายใจให้กับความต้องการของตัวเอง เป็นตัวของตัวเองเข้าไว้ อาจต้องสร้างความสุขให้กับตัณหาบ้าง อยู่กับเพื่อนสาว อยากทำอะไรก็ได้ทำ สิ่งล่อใจและปีศาจในตัวคุณ จะทำให้คุณไม่สามารถหลับลงได้เลย ความขี้เกียจที่กักขังคุณไว้ ไม่ให้ออกมาทำสิ่งต่างๆ ที่จำเป็น แต่ถ้าเราฝืน และชนะสิ่งนั้นได้ หลายอย่างจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น สิ่งที่กำลังกลืนกินเราอยู่ทุกวันนี้ ความฟุ่มเฟือย…
-
นักจิตวิทยา Harvard เผย 6 เทคนิคสำหรับพ่อแม่ เลี้ยงลูกให้เติบโตมาเป็น “Good Kids”
ว่ากันว่าเด็กนั้นเปรียบเสมือนผ้าขาว อยู่ที่ว่าคนเป็นพ่อแม่จะเติมอะไรลงไปให้ลูก สิ่งที่พ่อแม่ทำให้ดูก็จะถูกซึมซับลงไปในตัวเด็ก การเลี้ยงดูที่ดีก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะให้เด็กในวันนี้กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้า พ่อแม่แต่ละคนก็อยากให้ลูกเป็นคนดี นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Harvard ก็ได้ทำการศึกษาค้นคว้า วิจัยและสรุปผล กลยุทธ์ 6 ข้อ ที่จะทำให้ลูกของคุณกลายเป็นเด็กดี 1. ใช้เวลาอยู่กับลูกๆ ของคุณบ้าง การใช้เวลาอยู่กับบุตรหลานเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด เมื่อใช้เวลาอยู่กับเด็ก คุณก็จะได้ทราบว่า เด็กคนนั้นเขาสนใจอะไรเป็นพิเศษ งานอดิเรกที่เขาชื่นชอบ หรือแม้กระทั่งลักษณะนิสัยของเขา เมื่อคุณลองอยู่กับลูก ไม่เพียงแต่จะเป็นการสังเกตพฤติกรรมในสิ่งที่เขาทำ แต่ก็เป็นการแสดงความใส่ใจให้กับเด็กๆ อีกด้วย 2. บอกให้เด็กๆ ได้รู้ว่าเขามีความหมายสำคัญกับคุณมากแค่ไหน จากผลการวิจัยที่ดำเนินการโดยนักจิตวิทยา เด็กหลายคนไม่ทราบว่าเขาเป็นคนสำคัญสำหรับพ่อแม่มากแค่ไหน การที่บอกเขาอยู่เสมอว่าเขาเป็นคนที่สำคัญต่อคุณจะทำให้บุตรหลานของคุณมีความมั่นใจว่าเขาได้รับความรักจากคุณอย่างเปี่ยมล้น 3. เมื่อเกิดปัญหาให้ช่วยหาวิธีแก้ไขและอยู่เคียงข้างในเวลาที่เด็กๆ ต้องการ เมื่อบุตรหลานของคุณเกิดดื้อด้านขึ้นมา ตัดสินใจล้มเลิกความคิดที่จะทำกิจกรรมต่างๆ เช่น อยากจะเลิกเล่นฟุตบอล คุณต้องถามและรับฟังเหตุผลของเขา ว่าทำไมถึงตัดสินใจแบบนั้น และสอนให้เขารู้ว่าทุกๆ อย่างมีอุปสรรคเสมอ จากนั้นก็ให้กำลังใจเขา ทำให้เขารู้ว่าเขาน่ะสำคัญต่อคนอื่นๆ ด้วยแค่ไหน 4. สอนให้ช่วยงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ และขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือ การวิจัยแสดงให้เห็นว่า…
-
25 คำถามวัดความรู้ด้าน “ภูมิศาสตร์” แบบโคตรยาก.. คุณรู้รึเปล่า ว่าประเทศนี้อยู่ตรงไหน!?
หนึ่งในคำถามยอดฮิตสมัยประถมที่พวกเรามักจะถูกคุณครูถามกันบ่อยๆ นั่นก็คือ “หนูๆ รู็กันบ้างไหมคะว่าประเทศไทยอยู่ตรงไหนของแผนที่โลก” และสำหรับใครที่หาประเทศไทยบนลูกโลกเจอล่ะก็จะดูเท่ขึ้นมาทันที แต่คุณอาจจะเท่กว่านั้นอีกถ้าหากบอกคุณครูได้ว่าประเทศโซมาเลียอยู่ตรงไหน อ่า… และเพื่อเป็นการทบทวนความรู้รอบตัว วันนี้เราก็มีแบบทดสอบสนุกๆ เกี่ยวกับแผนที่โลกมาให้ทุกคนได้ประลองฝีมือกัน หากคุณมั่นใจในความรู้รอบตัวล่ะก็เราขอท้าคุณด้วยแบบทดสอบทั้ง 25 ข้อนี้เลย และถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยว่าคุณจะตอบถูกทั้งหมดหรือเปล่า?? อ๊ะๆ แล้วอย่าแอบเปิดดูเฉลยก่อนล่ะ!! เริ่มจากทวีปทวีปยุโรปก่อนเลย… 1. ประเทศเยอรมนี อยู่ไหนน้า?? เฉลย!! 2. ไหนลองหาประเทศกรีซซิ?? เฉลย 3. ประเทศโรมาเนีย เฉลย 4. ประเทศไอร์แลนด์ 5. ประเทศฟินแลนด์ เฉลย อ่า…ทวีปยุโรปอาจจะยากไป งั้นลองดูทวีปแอฟริกาบ้างดีกว่า 6. ประเทศอียิปต์ เฉลย 7. ประเทศมาดากัสการ์ เฉลย 8. ประเทศโมร็อกโก เฉลย …
-
จัดอันดับ 25 ค็อกเทลที่ขายดีที่สุดในโลก ข้อมูลเด็ดสำหรับขาดริ้งค์ ที่ไม่ควรพลาด!!
ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ คุณจะต้องรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อเครื่องดื่มอย่าง “ค็อกเทล” กันอย่างแน่นอน!! เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาทางเว็บไซต์ Drinks International ได้จัดอันดับเครื่องดื่มค็อกเทลที่มียอดขายมากที่สุดจากทั่วโลก โดยการจัดอันดับครั้งนี้ทางเว็บไซต์ได้จัดอันดับจากเครื่องดื่มที่มียอดขายในบาร์ที่ 108 แห่งที่อ้างอิงจากบาร์ดีที่สุดในโลก 50 อันดับ และนี่คือ 25 อันดับค็อกเทลที่มียอดขายดีที่สุดในโลกที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลย… 25. Caipirinha 24. TomCollins 23. GinFizz 22. AperolSpritz 21. RumOld Fashioned 20. Zombie 19. Penicillin 18. PiscoSour 17. Aviation 16. Gimlet 15. EspressoMartini 14. Dark’N’ Stormy 13. Boulevardier 12. BloodyMary 11. MaiTai 10. Sazerac ค็อกเทลที่มีส่วนผสมของ วิสกี้ บิทเทอร์ และน้ำตาล พร้อมเสิร์ฟในแก้วเคลือบแอบแซ็งธ์ 9. Mojito …
-
ผลวิจัยชี้หนุ่มสาวออฟฟิศนั่งโต๊ะทำงานทุกวัน มีโอกาสตายเร็วขึ้นถึง 2 เท่า!?!
หลายๆ คนที่เข้าสู่วัยทำงาน เมื่อทำงานไปช่วงระยะหนึ่งก็จะเริ่มมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย เหนื่อยง่าย ปวดหัว นอนไม่ค่อยหลับ ทั้งหมดอาจจะมีเหตุเนื่องมากจากงานที่ทำมีความเครียดมากเกินไป สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย สิ่งต่างๆ เหล่านี้อาจทำให้คุณรู้สึกไม่มีความสุขในการทำงานเลยใช่ไหมล่ะ จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวาร Annals of Internal Medicine พบว่า การที่เราใช้เวลาในการนั่งทำงานบนโต๊ะหรือโซฟามากเกินไปทำให้มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร โดยที่คนที่ทำงานบนโต๊ะทุกวันมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตเร็วกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า!? เรื่องนี้ถูกค้นคว้าหาข้อมูลวิจัยเพิ่มเติมจากนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Keith Diaz โคลัมเบีย ที่ได้ศึกษาติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ใหญ่วัยทำงานที่มีอายุ 15 ปี ขึ้นไป 8,000 คน โดยให้พวกเขาสวมเครื่องวัดความเร่งบนสะโพก ผลการวิจัยพบว่าวัยทำงานเหล่านี้ต้องนั่งนิ่งๆ โดยที่ไม่ขยับร่างกายเฉลี่ยถึงวันละ 12.3 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็ส่งผลต่อร่างกายของคุณทั้งส่วนสะโพก หลัง ต้น คอ และไหล่ ยิ่งสะสมทุกวันก็ยิ่งทำให้อาการร้ายแรงยิ่งขึ้น อีกทั้งความเครียดจากการทำงาน จะอาจจะทำให้ร่างกายย่ำแย่จนทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาอีกจำนวนมาก วิธีการง่ายๆ ที่จะหลีกเลี่ยงจากอาการเหล่านี้ก็คือควรลุกไปผ่อนคลายอิริยาบทบ้าง อาจจะออกไปเข้าดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำทุกชั่วโมง ทำสมองให้ปลอดโปร่ง นั่งทำงานด้วยท่าที่ถูกต้อง…
-
ความเจ๋งของ “เนเธอร์แลนด์” มีที่ดินอันดับที่ 131 แต่กลับเป็นผู้ส่งออกอาหารใหญ่อันดับ 2 ของโลก
ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมอันดับต้นๆ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งประเทศของเราเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่ หลายๆ ประเทศแถบตะวันตกได้เข้ามาลงทุนสร้างฐานการผลิตที่ไทย ด้วยความอุดมสมบูรณ์เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของบ้านเรา ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศหนึ่งที่มีคนอยากเข้ามาทำงาน สังเกตได้จากแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านที่ทยอยเข้ามาทำงานจำนวนมาก ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตยิ่งขึ้นและมีความก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ในการแข่งขันของประเทศต่างๆ บนโลก ความก้าวหน้าทางเกษตรกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศมีความเจริญ หลายๆ ประเทศให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมการเกษตรเป็นอย่างอย่างมาก ดังเช่น ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่กำลังพัฒนาและกำลังจะก้าวเข้าสู่การเป็นประเทศที่มีการส่งออกอาหารที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา ธุรกิจการเกษตรเป็นหนึ่งในแรงผลักดันทางการเกษตรของประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาเนเธอร์แลนด์ได้พัฒนาฟาร์มเล็กๆ ให้กลายเป็นฟาร์มขนาดใหญที่มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว อีกทั้งมีงบประมาณในการสนับสนุนด้านการวิจัยการเกษตร มีความใส่ใจจากทีมบริหารประเทศ ทำให้เนเธอร์แลนด์มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดด มาแรงแซงทางโค้งหลายๆ ประเทศที่กำลังพัฒนา ความล้ำสมัยของการเกษตรของเนเธอร์แลนด์ มีการบำบัดจัดการน้ำให้ใช้ประโยชน์สูงสุด ลดการใช้สารกำจัดศัตรูพืช หันมาใช้การพึ่งพาแบบธรรมชาติ อีกทั้งมีการศึกษาค้นคว้าใช้เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์มาพัฒนาการเกษตรควบคู่กันไป ยกตัวอย่างการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับการปลูกมันฝรั่งและหัวหอม โดยใช้โดรนในการสอดส่องการเจริญเติบโต บันทึกผล นำไปพัฒนา ทำให้ผลผลิตที่ได้มีอัตราเพิ่มถึง 2 เท่า อีกทั้งการใช้โรงกระจกควบคุมสภาพอากาศ ปรับสมดุลในการผลิต ทำให้ผลิตผลมีคุณภาพ นำไปใช้กับการปลูกมะเขือเทศ พริก แตงกวา และพืชผักผลไม้อื่นๆ ทำให้เนเธอร์แลนด์มียอดส่งออกผักและผลไม้เป็นอันดับ 3 ของโลก…
-
ทีมวิจัยมหาวิทยาลัย Yale เผย “ชีส” มีสารเสพติดในระดับที่ทำให้คนคลุ้มคลั่งได้!!!
ชีส ถือว่าเป็นอาหารยอดฮิตติดลมบนสุดๆ ด้วยรสชาติความมัน หอม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว พูดได้ว่าเกือบจะทุกคนบนโลกชอบกินชีส ยิ่งเป็นชีสยืดๆ หนึบๆ ใส่มาจัดเต็มแบบคอมโบละก็ #เหมียวบู้บี้ นี่อยากจะเอาหน้าจุ่มชีสแล้วเลียเลยล่ะ ความฮอตฮิตของชีสนี้ ทำให้ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัย Yale ประเทศสหรัฐอเมริกา ออกมาทำการศึกษาว่า เจ้าชีสเนี่ยมันมีสารเสพติดหรือไง ทำไมคนถึงคลั่งชีสกันขนาดนี้ ทีมวิจัยจึงได้ใช้เครื่องวัดระดับการเสพติดอาหารที่ทางมหาวิทยาลัยได้ออกแบบมาเพื่อใช้ในงานนี้โดยเฉพาะ และผลที่ได้ออกมาปรากฏว่า สาเหตุที่คนติดชีสก็เป็นเพราะว่าในชีสมีสารที่เรียกว่า เคซีอีน นั่นเอง เคซีอินเป็นชื่อของโปรตีนชนิดหนึ่งที่ทำปฏิกิริยากับนมแล้วเปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นชีส และสารชนิดนี้ก็ไปส่งผลกับสมองส่วน Opioid หากได้รับสารเคซีอินมากๆ ก็จะทำให้เกิดอาการเสพติดอาหารมากๆ จนถึงขั้นคลุ้มคลั่ง กระวนกระวายหากไม่ได้กินเลยทีเดียว นอกจากชีสแล้วก็ยังค้นพบว่าอาหารแปรรูปอื่นๆ ก็ยังทำให้เกิดอาการเสพติดอีกด้วย ยิ่งพวกอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลเยอะๆ ก็พบว่ามีคนที่เสพติดอาหารพวกนี้เป็นจำนวนไม่น้อย ทีมวิจัยก็ได้ทำการสอบถามผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจำนวน 120 คน และคนทั่วไปอีก 384 คน จากการทดลองใช้เครื่องวัดระดับการเสพติดอาหาร และขอให้พวกเขาลิสต์รายการอาหารที่คิดว่าเสพติดมากที่สุด ผลอันดับ 1 นั่นก็คือชีสนั่นเอง อันดับรองลงมาก็คืออาหารประเภทไขมันต่างๆ นั่นก็ทำให้ทีมวิจัยได้หาคำตอบต่อไปว่า…
-
ภาพวินาทีชีวิตกับบทความสุดซึ้ง ชีวิตกำลังจะเกิดขึ้นใหม่กับการช่วยเหลือของเหล่าพยาบาล
การเกิดแก่เจ็บตาย เป็นวัฏจักรของมนุษย์ที่ดำรงสืบมาบนโลกแห่งนี้ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครหลีกหนีได้ ไม่ว่าจนหรือรวยล้นฟ้า ทุกคนก็ต้องเข้าสู่วัฏจักรนี้กันทุกๆ คน อยู่ที่ว่าใครจะใช้ช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ได้คุ้มค่ากว่ากัน การให้กำเนิดมนุษย์ซักคนหนึ่งจะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดมากมายของคนที่เป็นมารดา นับตั้งแต่วันที่เริ่มรู้ว่าตั้งท้อง อาการแพ้ท้องต่างๆ ที่คอยมารบกวนร่างกาย อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างก้าวกระโดด ถือว่าเป็นความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของร่างกายมนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ให้สืบไป Jill Krause นักเขียนแห่งเมืองเท็กซัส ได้ทำการเผยแพร่ช่วงชีวิตหนึ่งของมนุษย์ที่แสนจะน่าทึ่งและหาชมได้ยาก กับการคลอดลูกผู้หญิง ความเจ็บปวดที่เธอต้องเจอ รวมไปถึงสิ่งต่างๆที่คอยช่วยเหลือทำให้สิ่งมีชีวิตน้อยๆ ได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกอย่างปลอดภัย ภาพถ่ายเหล่านี้ถูกบันทึกหลังจากได้รับการอนุญาตจากคุณแม่มือใหม่ 4 ราย ที่ยินยอมที่จะเปิดเผยให้เธอกับช่างภาพที่ชื่อว่า Katie Laecer เข้าไปถ่ายภาพและนำไปเขียนเป็นบทความ ให้ผู้อื่นได้รับรู้ว่ากว่าจะคลอดลูกออกมานั้นมีความยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง เด็กน้อยคนหนึ่งกำลังจะถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้แล้ว แต่ทว่าเด็กน้อยคนนี้ดันไม่ยอมเกิดแบบธรรมดาๆ น่ะสิ คุณแม่ก็เลยจำเป็นต้องคลอดในห้องน้ำซึ่งมันก็ดูโกลาหลเล็กน้อย ภาพถ่ายของเธอไม่ได้เน้นแสดงความเจ็บปวดของการคลอดลูก แต่เน้นไปที่การทำงานของพยาบาลที่คอยช่วยเหลือเหล่าคุณแม่ หากไม่มีพยาบาลเหล่านี้เด็กก็คงคลอดออกมาอย่างไม่ปลอดภัย พยาบาลทั้งหลายจะคอยช่วยเหลือคุณแม่ เพราะรู้ดีว่าช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่เธอกำลังต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด “ฉันจะไม่มีวันลืมใบหน้าของคุณพยาบาลที่เดินตามฉันไปช่วยคุณแม่ที่กำลังจะคลอด ตอนนั้นฉันรู้สึกกลัวมากๆ กับภาพที่อยู่ตรงหน้า ฉันรู้สึกว่าท้องมวนๆ จนแทบทนไม่ไหว” Jill ได้เขียนในบทความของเธอ “สำหรับฉัน ช่วงเวลาเหล่านี้เป็นช่วงที่รู้สึกว่าผู้หญิงมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก…
-
10 สิ่งที่คุณควรทำก่อน 9 โมงเช้า และมันจะทำให้วันทั้งวันของคุณสดชื่นสุดๆ
เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเคยมีความรู้สึกเกลียดตอนเช้ากันใช่ไหมล่ะ การที่เราต้องตื่นขึ้นมาไม่ว่าจะตื่นไปเรียนหรือตื่นไปทำงานแต่ละวันนั้น เราก็อดคิดไม่ได้ว่าเราจะต้องไปเจออะไร ดังนั้นการเตรียมตัวในช่วงเช้าก็อาจจะช่วยทำให้วันนั้นของคุณเป็นวันที่ดีก็ได้ ทางเว็บไซต์ Business Insider ก็ได้รวบรวมเคล็ดลับ 10 ข้อที่คุณควรทำก่อนเวลา 9.00 น. ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้คุณสามารถใช้ชีวิตระหว่างวันได้อย่างแฮปปี้มากขึ้น 1. เดินให้เร็วกว่านี้อีกนิดนึง เปลี่ยนวิธีการเดินแบบช้าๆ เนิบๆ ด้วยการเดินให้เร็วขึ้นอีกนิดนึงกันเถอะ เชื่อไหมว่าการเดินเร็วเป็นเวลา 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมองได้ถึงร้อยละ 35 2. เก็บเตียงให้เป็นระเบียบเรียบร้อย การเก็บที่นอนให้เข้าที่ดูสะอาดตา พร้อมนอนในครั้งต่อไปนอกจากจะทำให้ห้องนอนดูเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ยังเป็นการออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ ได้ด้วยนะ 3. ดื่มน้ำซักแก้วเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ร่างกาย ตอนที่เรานอนหลับ เราสูญเสียน้ำในร่างกายออกไปจากการหายใจ หลังจากที่นอนหลับมาหลายชั่วโมง ลองดื่มน้ำเปล่าซักแก้วดูสิ รับรองว่าสดชื่นแน่นอนจ้า 4. ช่วงเวลาว่างก่อนทำงานก็หาหนังสือซักเล่มมาอ่านฆ่าเวลา อาจจะเป็นหนังสือพิมพ์เล่มเล็กๆ หรือนิตยสารในแบบที่คุณชอบ ช่วงที่กำลังเดินทางไปทำงานหรือไปเรียนก็อ่านอัพเดตเหตุการณ์บ้านเมืองซะหน่อย เพื่อที่จะได้รู้เท่าทันบ้านเมือง เวลาเค้าเม้าท์อะไรมาจะได้ตอบได้ยังไงล่ะ 5.เขียนข้อความเล็กๆ เพื่อเตือนใจตัวเอง บางคนก็อาจจะเริ่มต้นวันด้วยการโพสต์ข้อความดีๆ เตือนใจตัวเองลงบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก เชื่อเถอะว่าถ้าคุณโพสต์แต่สิ่งดีๆ ในชีวิต…
-
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อใส่ “โซเดียม” ลงไปในแตงโม&โค้ก พร้อมคำอธิบายแบบวิทย์ๆ
หลายๆ ครั้งที่การทดลองทางวิทยาศาสตร์มักทำให้เราประหลาดใจได้บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการทดลองทางฟิสิกส์ หรือการทดลองทางเคมี ก็ดูน่าทึ่งไม่น้อยเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้เราได้นำเสนอเกี่ยวกับการนำสาร 2 ชนิดมาผสมซึ่งให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่แปลกใหม่ (อ่านข่าวเก่า ชั่วโมงวิทย์กับจารย์เหมียว 14 ภาพอันน่าสนใจ จะเป็นอย่างไร เมื่อสสาร 2 ชนิดมาเจอกัน) และวันนี้เราก็มีอีกการทดลองที่น่าสนใจมาฝากกัน นั่นก็คือการใส่ “โซเดียม” ลงไปในแตงโม&โค้ก นั่นเอง ส่วนผลที่ได้จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลย… โซเดียมพระเอกของงานนี้!! เมื่อไม่นานมานี้ทางช่องยูทูบ The Q ได้อัพเดทคลิปวิดีโอการทดลองวิทยาศาตร์ โดยการนำโซเดียมไปใส่ลงในของทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ น้ำอัดลม แตงโม และนำผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งผลที่ได้ออกมานั้นก็คือการระเบิดนั่นเอง!! เริ่มต้นจากการหย่อนโซเดียมลงในแก้วโค้กเล็กๆ ก่อน จากนั้นจึงขยับมาที่ขวดโค้กขนาดใหญ่ขึ้น และก็… บู้มม!! เกิดเป็นระเบิด จากนั้นก็มาต่อกันที่แตงโม และผลที่ได้ก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ!! ไปชมการทดลองนี้แบบเต็มๆ ได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… การทดลองนี้จะได้ผลกับกลุ่มของโลหะอัลคาไลน์ หรือพูดง่ายๆ ก็คือธาตุแถวแรกในตารางธาตุนั่นเอง โดยในธรรมชาติแล้วธาตุเหล่านี้จะมีความไวในการทำปฏิกิริยากับธาตุอื่นๆ มาก แถมยังมีความอันตรายอีกด้วย คุณ Pavel…
-
นักวิจัย Oxford เผยวิธีที่ดีที่สุด สำหรับการ “เลิกบุหรี่” จากการทดสอบกับคน 700 คน
หลายคนที่อยากเลิกบุหรี่ อาจกำลังคิดไม่ออกว่าจะใช้วิธีไหนดี ที่จะทำให้ตัวเองไม่กลับมาติดเหมือนตอนแรกอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ได้หาคำตอบมาให้คุณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากงานวิจัยของ Nicola Lindson-Hawley ผู้วิจัยแห่งมหาวิทยาลัย Oxford ได้บอกไว้ว่า วิธีการเลิกบุหรี่ที่ดีที่สุด คือให้เลิกแบบทันทีทันใด หรือที่เรียกว่าหักดิบไปเลย แม้ว่ามันจะฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่จากผลลัพธ์ของการศึกษาที่เขาได้รับ บอกได้เลยว่าวิธีการนี้จะทำให้คุณสามารถหายขาดจากอาการติดบุหรี่ได้ดีกว่าการค่อยๆ ลดจำนวนบุหรี่ที่สูบ โดยเธอทำการศึกษากับสิงห์อมควันจำนวน 700 คน ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นเป็นคนที่สูบอย่างต่ำ 15 มวนต่อวัน และเธอได้ท้าให้พวกเขาลองเลิกสูบบุหรี่ดู จึงมีการกำหนดวันสุดท้ายที่จะสูบเอาไว้ในสองสัปดาห์ข้างหน้า และได้มีการแบ่งออกเป็นสองกลุ่มเท่ากันอย่างชัดเจน คือกลุ่มหนึ่งที่จะสูบตามปกติแล้วค่อยไปหักดิบเอาทีเดียว กับอีกกลุ่มที่จะค่อยๆ ลดจำนวนลงในแต่ละวัน ก่อนที่จะไปหยุดตอนวันสุดท้าย หลังจากนั้นจึงทำการเก็บข้อมูลของทั้งสองกลุ่มพบว่า เมื่อผ่านไป 4 สัปดาห์ที่พวกเขาเลิกบุหรี่ กลุ่มที่หักดิบมีผลลัพธ์ที่ดีกว่ากลุ่มที่ค่อยๆ เลิก เมื่อดูจากสถิติ 49 เปอร์เซนต์ของคนในกลุ่มแรก สามารถหยุดสูบบุหรี่ได้สำเร็จ ในขณะที่กลุ่มสองทำได้เพียง 39 เปอร์เซนต์ และเมื่อผ่านไป 6 เดือน เหล่าผู้ที่หักดิบ 22 เปอร์เซนต์จากทั้งหมดไม่กลับมาสูบอีก ส่วนกลุ่มที่ค่อยๆ ลดจำนวนลง…
-
มารู้จักกับอาการ Philophobia หรือ ‘โรคกลัวความรัก’ สำรวจตัวเองว่า คุณก็เป็นรึเปล่า!?
หลายคนคงเข้าใจว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม แต่ก็ยังคงมีคนบางกลุ่มที่มองว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ซึ่งบางทีอาจเกิดมาจากประสบการณ์ในอดีตที่ยังคงฝังใจเรื่อยมา และไม่กล้าที่จะมีความรักกับใครอีก หากว่าคุณเป็นคนที่คิดอย่างนั้นอยู่ มันอาจเป็นสิ่งที่บอกได้ว่า คุณกำลังเป็น โรคกลัวความรัก หรือที่เรียกว่า Philophobia ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไป เป็นหนึ่งในอาการความกลัวทางจิตเวชที่มีผู้ป่วยมากเป็นอันดับต้นๆ วันนี้เราจึงจะพาไปให้ทุกคนรู้จักกันว่ามันคืออะไร เกิดจากสาเหตุใด อาการของโรคเป็นอย่างไร และจะรักษาด้วยวิธีการใดได้บ้าง Philophobia คืออะไร? คำว่า Philo ที่มาจากภาษากรีก แปลว่า ความรัก ดังนั้นมันก็คือ โรคกลัวความรัก นั่นเอง ซึ่งผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ จะพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความรัก พยายามที่จะไม่ให้ตัวเองรู้สึกว่ารักใคร หรือรู้สึกพิเศษกับใครเลยสักคน ต่อให้ในบางครั้งจะรู้สึกดีกับใครขึ้นมาบ้าง แต่สุดท้ายก็จะไม่ยอมเปิดใจและถอยห่างออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุ สาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้าง? สิ่งที่สามารถทำให้เราเป็นโรคนี้ได้ อาจเกิดขึ้นมาจากหลายปัจจัย ดังนี้ 1.เหตุการณ์ในแง่ลบที่ฝังใจมาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะคนที่โตมาในครอบครัวที่มีความแตกแยกเกิดขึ้น พ่อแม่หย่าร้าง ทะเลาะตบตีกันให้เห็น หรือคนใกล้ตัวที่มีชีวิตรักไปในทางที่ไม่ค่อยดีนัก จะทำให้เราจำภาพนั้นและฝังเข้าไปในความคิดของตัวเองได้โดยไม่รู้ตัว 2.วัฒนธรรม หรือศาสนา ที่มีข้อห้ามเกี่ยวกับความรัก ศาสนาหรือขนบประเพณีของบางแห่ง อาจมีข้อห้ามหรือกรอบกฎเกณฑ์บังคับเอาไว้ให้กับความรักอย่างชัดเจน เหมือนอย่างที่เราเคยเห็นในละคร เวลาที่พ่อแม่ของฝ่ายหญิงกีดกัน ทำให้ไม่สามารถรักกันได้ สิ่งนั้นอาจสร้างความกลัวและทำให้เราไม่กล้าเสี่ยงที่จะมีความรักกับใครอีก 3.การล้มเหลวในความรักซ้ำๆ มีรักเมื่อไหร่ก็ต้องเจ็บปวดและเลิกรากันไปทุกที เมื่อต้องเป็นอย่างนั้นอยู่ตลอด…
-
เมื่อผลการศึกษาระบุว่า 2 ใน 3 ของสาวๆ มีสเปคอย่างหนึ่งเหมือนกันคือ “ชอบหนุ่มรอยสัก”!?
เราทุกคนก็คงจะมีสเปกที่ชอบในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของความรัก กับคำถามยอดฮิตที่เราทุกคนจะต้องเคยได้ยินว่า “ชอบผู้หญิงหรือผู้ชายแบบไหนหรอ?” แต่ละคนก็คงจะมีคำตอบไม่เหมือนกันซักเท่าไหร่ ผู้หญิงบางคนอาจชอบคนสูง ขาว กล้ามเป็นมัดๆ ส่วนผู้ชายก็อาจชอบผู้หญิงสวย ขาเรียว หรือไม่ก็มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่ชัดเจน แม้ว่าจะแตกต่างกันอย่างไร แต่ได้มีผลการศึกษาออกมาแล้วว่าสาวๆ ส่วนใหญ่จะมีความชอบที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ พวกเธอจะชอบผู้ชายที่มีรอยสัก!! เมื่อแอปพลิเคชั่นหาคู่ที่มีชื่อว่า Type ได้ทำการวิจัยและพบว่า ผู้หญิงจำนวน 64 เปอร์เซนต์ หรือประมาณ 2 ใน 3 ของทั้งหมด เลือกที่จะออกเดทกับคนที่มีรอยสัก และสำหรับผู้ชายที่ชอบผู้หญิงสักจะมีอยู่ 39 เปอร์เซนต์ ซึ่งก็อยู่ในระดับที่ไม่มากไม่น้อย ค่านิยมความชอบนี้ก็ยังรวมไปถึงคู่รักที่เป็นเพศเดียวกันด้วยนะ ผู้ใช้หนึ่งในนั้นที่ชื่อว่า Steve Bryson ได้พูดว่า “ผมชอบผู้หญิงที่มีรอยสักมานานตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย ที่ผมได้ออกเดทกับสาวคนหนึ่ง ที่มีรอยสักอยู่เต็มหลัง ความรู้สึกเหมือนกับมันเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนยังไง ร่าเริง เป็นกันเอง และมีช่วงเวลาดีๆ อยู่เสมอ” เขาเสริมอีกว่าผู้หญิงที่มีรอยสักเยอะๆ จะยิ่งทำให้ดูมีเอกลักษณ์เฉพาะในตัวเอง เพราะไม่มีรอยสักไหนที่จะซ้ำกัน การสักลายถือว่าเป็นการสร้างเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง หากว่าเราได้ลองมองดูที่รอยสักของแต่ละคน เราก็จะเข้าใจความหมายและสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ รวมทั้งบุคลิกที่คนเหล่านั้นมีอยู่ในตัวได้ง่ายยิ่งขึ้น…
-
3 เคล็ดลับเด็ดในการลดน้ำหนัก ที่ทำได้ง่ายๆ นอกเหนือจากการคุมอาหารหรือออกกำลังกาย
การลดน้ำหนักนับว่าเป็นสิ่งที่ดีเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยทำให้ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานหรืออ้วน ให้กลับมามีรูปร่างสมส่วน มีความคล่องตัวมากขึ้น มีสุขภาพที่ดี และมีความมั่นใจ แต่ในการลดน้ำหนักนั้น จะต้องอยู่ในความพอดี และไม่หักโหมจนเกินไป เพราะบางคนที่อยากมีรูปร่างที่ดี ก็พยายามบังคับตัวเองให้อดอาหาร และออกกำลังกายอย่างหนัก ซึ่งมันเป็นวิธีที่ไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ จริงๆ แล้วมีวิธีการลดน้ำหนักแบบง่ายๆ มากมาย ที่อาจจะช่วยทำให้คนที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย หรือไม่อยากควบคุมอาหาร สามารถกำจัดน้ำหนักที่ไม่ต้องการออกไปได้ ครั้งนี้ เราจึงได้มาเผย 3 เคล็ดลับเด็ดในการลดน้ำหนัก นอกเหนือจากการคุมอาหาร และออกกำลังกาย มาให้เพื่อนๆ ได้ลองทำตามกัน บอกเลยว่าเป็นวิธีที่แสนง่ายใครก็ทำตามได้แน่นอน 1.การหายใจ สาวๆ รู้หรือไม่ว่ากฎหลักของการลดน้ำหนักนั้นคือ การหายใจเข้าและออกผ่านทางท้อง (ไม่ใช่หน้าอกนะจ๊ะ) เพราะเมื่อเราหมั่นฝึกการหายใจเข้าออกผ่านท้องอยู่เป็นประจำ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ เราจะได้หน้าท้องที่แบนราบ บางครั้งก็มีกล้ามเนื้อแถมมาอีกด้วย 2.สลับอุณหภูมิร้อน-เย็นของน้ำเวลาอาบน้ำ วิธีนี้เป็นวิธีที่ค่อนข้างง่าย ที่เราสามารถทำได้ในทุกๆ วัน เพราะการสลับความร้อนและเย็นของน้ำไปมาเวลาอาบน้ำ ความต่างของอุณหภูมิไม่เพียงแต่จะช่วยจำกัดน้ำหนักส่วนเกินเท่านั้น แต่มันยังช่วยเรื่องของภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ โรคอ้วน ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร โรคความดันโลหิตสูง และลดเซลลูไลต์ได้อีกด้วย 3.การนวด การนวดที่ดีที่สุดเพื่อต่อสู้กับไขมันคือ การนวดแบบถ้วย เพราะมันจะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดในบริเวณด้านหน้าของช่องท้องดีขึ้น…
-
รวม 11 ห้องลับจากสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าที่แบบนี้มันมีอยู่จริงๆ นะ
โดยปรกติแล้วตามสถานที่สำคัญๆ ต่างๆ มักจะมีเรื่องราวหรือตำนานที่ถูกเล่าต่อๆ กันมาเป็นเวลานาน และบางสถานที่ก็อาจจะมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ภายในนั้นก็ได้ และหนึ่งในความลับที่ว่านั้นก็คือ “ห้องลับ” นั่นเอง!! วันนี้เราก็จะพาทุกคนไปพบกับ 11 ห้องลับที่ถูกซ่อนไว้ในสถานที่ท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงทั่วโลก จะมีที่ไหนบ้างนั้นไปชมกันเลย… แต่!! ขอบอกไว้ก่อนนะว่าไม่มีโรงเรียนฮอกวอตส์ แน่นอนจ้า 11. อพาร์ทเม้นท์ส่วนตัวของ Gustav Eiffel, กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ห้องลับแห่งนี้ถูกสร้างไว้ในชั้นที่ 3 ของหอไอเฟล ซึ่งแต่เดิมห้องพักส่วนตัวของ Gustav Eiffel นั้นจะใช้เป็นที่พักรับรองสำหรับแขกคนสำคัญเท่านั้น แต่ปัจจุบัน ได้มีการเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปได้เข้าชมแล้ว 10. อาคารร้างกลางจัตุรัส Time Square, นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ถึงแม้ว่าเจ้าของอาคาร One Times Square จะมีรายได้มากกว่า 23 ล้านเหรียญต่อปีจากการเปิดให้เช่าพื้นที่โฆษณา แต่จริงๆ แล้วอาคารที่ถูกสร้างตั้งแต่ปี 1992 นี้เป็นแค่ตึกเปล่าๆ และมีเพียงแค่ร้านค้าที่อยู่ชั้นล่างสุดเท่านั้น 9. อาคารศูนย์ราชการที่ถูกทิ้งร้างไว้ใต้สถานีรถไฟใต้ดิน, นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา อาคารดังกล่าวถูกใช้งานระหว่างปี 1904 ถึงปี 1945 และต้องปิดตัวลงหลังจากที่หลังจากที่มีการเปิดใช้ขบวนรถไฟสายใหม่ 8. ห้องลับที่ภูเขา Rushmore, สหรัฐอเมริกา ห้องลับแห่งนี้ซ่อนอยู่ภายใต้รูปสลักหินของประธานาธิบดีทั้ง 4 คนของสหรัฐอเมริกา และว่ากันว่าห้องลับแห่งนี้เป็นที่เก็บซ่อนเอกสารสำคัญต่างๆ รวมถึงคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย 7. คุกลับในอาคาร Doge’s Palace, เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี …
-
17 ภาพจากหน่วยรบพิเศษสหรัฐ “Green Berrets” ที่จะทำให้คุณรู้จักพวกเขามากขึ้น
กองทัพสหรัฐได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งมากกองกำลังหนึ่ง และอีกหนึ่งในหน่วยรบพิเศษที่โด่ดเด่นและหน่วยที่ว่าแข็งแกร่งสุดๆ ของกองทัพสหรัฐนั่นก็คือหน่วยรบพิเศษ Green Berrets นั่นเอง หน่วยรบดังกล่าวเริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนปี 1952 โดยผ่านสมรภูมิรบมาแล้วมากมายไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม อิรัก อาฟกานิสถาน และล่าสุดซีเรีย ซึ่งกว่าที่จะเป็นหน่วยรบพิเศษและออกปฏิบัตการในสมรภูมิรบได้นั้นพวกเขาจะต้องผ่านการฝึกฝนกันมาอย่างเข้มข้น และเพื่อเป็นการรู้จักกับหน่วยรบพิเศษ Green Berrets นี้ให้มากขึ้นวันนี้เราจึงมีภาพการฝึกและภารกิจต่างๆ ของพวกเขามาฝากัน จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นไปชมกันเลย… 1. พวกเขาคือมืออาชีพและชำนาญการรบในสมรภูมิทุกรูปแบบ 2. หลังจากเหตุการณ์ 9/11 พวกเขาคือหน่วยแรกที่ถูกส่งตัวไปยังอัฟกานิสถาน 3. ภารกิจของพวกเขาคือการจู่โจมด้วยทีมเล็กๆ แบบกองโจร 4. โดยแต่ละหน่วยมักจะประกอบไปด้วยทหาร 12 นาย ซึ่งแต่ละคนจะมีหน้าที่แตกต่างกันไป และมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นหัวหน้าหน่วยย่อยๆ นั้น 5. ในทีม 12 คนจะประกอบไปด้วย หัวหน้าทีม หน่วยจู่โจม หน่วยสื่อสาร และแพทย์ทหาร 6. พวกเขาจะทำการคัดเลือกนายทหารที่ดีที่สุด จากการฝึกและคัดสรรหน่วยรบพิเศษ หรือ SFAS 7. การฝึกนั้นเข้มข้นมาก…
-
10 ประเภท “การถึงจุดสุดยอดของผู้หญิง” (Orgasm) ตามหลักวิทยาศาสตร์ สาระจัดเต็ม!!
การถึงจุดสุดยอดเป็นเรื่องที่ทุกคนมีเหมือนกันหมด ซึ่งเรื่องนั้นผู้ชายก็คงจะเข้าใจกันเป็นอย่างดี แต่สำหรับผู้หญิงบางคนอาจคิดว่ามันคืออะไร? เพราะตัวเองไม่เคยเป็นมาก่อน โดยมีงานวิจัยบอกไว้ว่า 1 ใน 3 ของผู้หญิงทั้งหมด ไม่ได้ถึงจุดสุดยอดจากการมีเพศสัมพันธ์ จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ใครหลายคนไม่เข้าใจจุดนี้ก็ได้ แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะการถึงจุดสุดยอดนั้น เมื่อแบ่งออกมาตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว มีมากถึง 10 แบบกันเลย เราลองไปดูกันดีกว่าว่าจะมีอะไรกันบ้าง และแบบไหนที่จะเป็นแบบที่ใช่สำหรับคุณกันนะ Clitoral มันก็คือการถึงจุดสุดยอดจากการถูกกระตุ้นบริเวณคริตอริสหรือปุ่มกระสันนั่นเอง เพราะมันอยู่ด้านนอกจึงทำให้สามารถเข้าใจกันได้ง่าย และเป็นการถึงจุดสุดยอดแบบพื้นฐานของใครหลายคน หากถูกกระตุ้นระบบประสาท Pudendal ก็จะทำงาน ทำให้คุณรู้สึกฟินกันไปเลย เสริมอีกอย่างคือหากมีการกระตุ้นตรงจุดนี้แบบผิวเผิน ควบคู่กับการเสียดสีในผนังช่องคลอดแล้ว ผลลัพธ์ก็จะยอดเยี่ยมเอามากๆ เลยแหละ G-spot เป็นชื่อที่คุ้นหูกันดีอยู่แล้วนะ เพราะมันก็เป็นการถึงจุดสุดยอดของใครหลายคนอีกเช่นเดียวกัน จุดที่จะต้องถูกกระตุ้นจะอยู่บริเวณผนังช่องคลอดด้านบน ลึกเข้าไปประมาณ 2 นิ้ว และหากถูกกระตุ้นอย่างสม่ำเสมอซัก 15 นาที ก็จะทำให้ระบบประสาทบริเวณกระดูกเชิงกรานกับท้องน้อย ทำงานจนเหมือนว่าทั้งร่างเราสั่นสะท้าน และอาจมีน้ำไหลออกมาจากช่องคลอด ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกนะ Blended คือจุดสุดยอดแบบผสมกันของสองแบบแรก ที่ถูกกระตุ้นทั้งส่วนภายในและภายนอก สังเกตได้ไม่ยาก เพราะเมื่อไหร่ที่รู้สึกฟินแบบจัดหนักมากกว่าปกติแล้วละก็ นั่นแหละคือการถึงจุดสุดยอดในแบบนี้…
-
14 สัญลักษณ์แบรนด์ดัง กับความหมายแฝงที่แท้ทรู ที่คุณเองก็อาจไม่เคยรู้มาก่อน..!?
โลโก้และชื่อเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้แบรนด์เป็นที่น่าจดจำ ยกตัวอย่างก็เช่น Nike ที่ใครเห็นก็เป็นอันต้องร้องอ๋อ… และรู้ได้ทันทีว่ามันคือแบรนด์ขายอุปกรณ์กีฬาอะไรประมาณนั้น มีสินค้าแบรนด์หลายชิ้นที่เรายอมควักเงินจ่าย แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าสัญลักษณ์โลโก้ และชื่อแบรนด์ที่เราคลั่งไคล้ มีความหมายที่แท้จริงอะไรแฝงอยู่? เอาเป็นว่าไปหาคำตอบพร้อมๆ กันเลย 1. Pepsi เดิมทีถูกใช้ชื่อว่า ‘Brad’s Drink’ ตามชื่อผู้คิดค้น Caleb Davis Bradham ต่อมาเจ้าตัวเปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า ‘Pepsi-Cola’ ซึ่งผันมาจากศัพท์การแพทย์คำว่า Dyspepsia หมายถึงอาการอาหารไม่ย่อยนั่นเอง 2. Google ชื่อที่เรียบง่ายแต่เกิดจากการระดมสมองของกลุ่มนักศึกษาจาก Stanford University ตอนแรกมีคนเสนอใช้ชื่อ Googolplex ทว่าชื่อนี้ก็ตกไปและเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Google แทน 3. McDonald’s Raymond Kroc อดีตเซลส์แมนขายเครื่องปั่นได้เจอกับสองพี่น้อง Dick และ Mc McDonald เจ้าของร้านเบอร์เกอร์ในแคลิฟอร์เนีย และรู้สึกติดใจในรสชาติเอามากๆ จนต่อมาพวกเขาทั้ง 3 คนได้ทำธุรกิจร่วมกัน Raymond Kroc เป็นคนที่ทำให้ร้านเบอร์เกอร์ของสองพี่น้องขยายสาขาออกไปทั่วสหรัฐฯ จากนั้นเขาก็ทำการจดทะเบียนลิขสิทธิ์ชื่อ…
-
เอ๊า.. ผลการศึกษาล่าสุด เผย “คนหน้าเหลี่ยม” อาจจะมีแนวโน้มเป็นคนคิดไม่ซื่อได้มากกว่า!?
ต้องบอกก่อนว่าผลจากงานวิจัยชิ้นล่าสุดนี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ต้องการแขวะบุคคลทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น เพราะนี่เป็นหนึ่งในผลวิจัยที่เพิ่งได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสาร Archives of Sexual Behavior โดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Nipissing ประจำประเทศแคนาดา ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมจากคน 2 กลุ่ม โดยเน้นไปที่การจับสังเกตบทบาทของค่าความกว้าง-สูง ของใบหน้า (FWHR) เพื่อหาความสอดคล้องที่มีต่อพฤติกรรมการหาคู่ และพฤติกรรมความไม่ซื่อสัตย์ สำหรับกลุ่มแรก… ทีมวิจัยได้นำอาสาสมัครจำนวน 145 คน (วัยนักเรียน) มาวัดขนาดความกว้าง – ยาว ของใบหน้าตามหลัก FWHR ซึ่งมีวิธีการวัดโดยนำขนาดความกว้างของใบหน้า ลบกับขนาดความยาวของใบหน้า นอกจากนั้นทีมวิจัยยังได้เก็บแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมความสัมพันธ์ทางเพศ แรงขับทางเพศ และได้นำข้อมูลทั้งหมดไปวิเคราะห์ประมวลผล และน่าแปลกใจมากที่ทีมวิจัยพบความเชื่อมโยงระหว่างขนาดความเหลี่ยมของใบหน้า และพฤติกรรมความสัมพันธ์ทางเพศ ในการศึกษาขั้นที่ 2 ทีมวิจัยได้นำอาสาสมัครจำนวน 314 คน ไปทำการทดสอบ โดยมีการเพิ่มบททดสอบที่เกี่ยวกับเรื่องของเพศสัมพันธ์นอกความสัมพันธ์แบบผูกมัด (Sociosexuality) และความไม่ซื่อสัตย์ที่เกิดอย่างจงใจ (intended infidelity) จากการทดสอบทั้ง 2 ขั้นตอน ทีมวิจัยได้ผลสรุปออกมาว่า ค่าสัดส่วนใบหน้า FWHR มีผลต่อการกระตุ้นทางเพศทั้งหญิงและผู้ชาย……
-
10 พฤติกรรมของเจ้าเหมียว เมื่อพยายามจะบอกคุณว่า “ฉันรักเธอนะมนุษย์!!”
ใครที่เคยเลี้ยงแมว คงทราบดีว่า พวกมันเป็นสัตว์ที่รักอิสระ มีความเป็นตัวของตัวเองสูงซะเหลือเกิน แถมเวลาสอน หรือพูดอะไร มันก็มักจะมีทีท่าเหมือนไม่สนใจ ไม่แยแสเอาซะเลย แต่สำหรับมนุษย์แล้ว แค่ได้เห็นแววตาใสแจ๋วแหวว เสียงร้องออดอ้อน และขนปุกปุยนุ่มๆ แค่นี้ก็ทำให้เราหลงรักพวกมันซะแทบบ้า แล้วเคยสงสัยกันมั้ยล่ะ ว่าลึกๆแล้วมันจะรักเรามั้ยนะ? หรือว่าพวกมันจะเห็นเราเป็นแค่ทาสรับใช้เท่านั้นเอง? และ 10 พฤติกรรมจากน้องเหมียวเหล่านี้เอง ที่น้องแมวอยากจะบอกว่า “ไม่รักไม่ทำให้หรอกนะจ๊ะ” 1. เมื่อเจ้าเหมียวแอบมานวดให้คุณ บางทีพวกมันก็อยากจะ ทำตัวนัวเนีย คลอเคลีย กับเราบ้าง เหมือนที่เรามักจะอุ้มมันมาเล่นด้วยบ่อยๆนั่นแหละ 2. เมื่อมันคาบของขวัญมาให้ และของขวัญส่วนใหญ่ที่มันเอามาโชว์ ก็มักจะเป็นสัตว์ขนาดเล็กทั้งหลายนั่นแหละ ถึงแม้บางทีจะดูน่าขยะแขยง แต่เชื่อเถอะว่า มันพยายามที่จะโชว์ทักษะการล่าของมัน และเอามาโชว์เพื่อให้คุณรู้สึกภูมิใจในตัวมัน 3. อยู่ดีๆก็เอาหัวมาโหม่งใส่ซะงั้น!! บางทีกำลังนั่งทำอะไรอยู่เพลินๆ เจ้าเหมียวก็เอาหัวมาโหม่ง ถูไถๆใส่เราซะงั้น จงภูมิใจไว้เถอะเพราะนี่คือวิธีการที่มันอยากจะบอกเราว่า “เรารักนายว่ะ เมี๊ยววว” 4. โดนพวกมันจ้องซะตาแข็งเลย!!! เคยตกใจกันมั้ยล่ะ เมื่อจู่ๆเจ้าเหมียวที่เราเลี้ยง ก็นั่งจ้องเราซะนึกว่าเห็นผี แต่ที่จริงแล้วมันกลับตรงกันข้าม เพราะการที่เจ้าเหมียวมันนั่งจ้องหน้าเรา…
-
17 ภาพสิวเสี้ยนบนใบหน้า จัดเต็มผ่านกล้องจุลทรรศน์ เปรียบเทียบก่อนและหลังล้างหน้า
ปัญหาสิวเสี้ยนที่เกิดขึ้นบนรูขุมขนตรงใบหน้าของเรามากมาย ทุกคนก็คงจะต้องเคยเจอกันมาอยู่แล้ว ไม่มากก็น้อย และแน่นอนว่าเราจะต้องส่องกระจกเห็นมันอย่างชัดเจนกันเลยทีเดียว หรือบางคนอยากเห็นชัดกว่านั้น ก็อาจใช้แว่นขยายมาเป็นตัวช่วยเสริม แต่ถ้าอยากชัดกว่านั้นอีกละคุณจะทำอย่างไร จนเมื่อมีผู้ใช้ Imgur ท่านหนึ่งโพสต์ภาพของรูขุมขนบนใบหน้าที่เห็นชัดซะเหลือเกิน เพราะว่าเขาถ่ายมันผ่านกล้องจุลทรรศน์ ชัดชนิดที่ว่าต่อให้เป็นโฆษณาโฟมล้างหน้า เขาก็คงไม่เอาภาพเหล่านี้มาใช้กันหรอกนะ โดยเขาได้ทำการเปรียบเทียบรอยสิวเสี้ยน ก่อนและหลังที่จะทำความสะอาดใบหน้าด้วยผลิตภัณฑ์กำจัดสิว เราลองไปดูกันดีกว่าว่าความแตกต่างจะเห็นชัดมากขนาดไหนกันนะ รูขุมขนบริเวณแก้ม ก่อนทำความสะอาดผิว . เห็นได้ถึงความอุดตัน และรูขุมขนที่เปิดกว้างเลย ดำๆ นั่นคือขนใช่มั้ย ต่อมาเป็นบริเวณจมูก ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเป็นส่วนที่รูขุมขนใหญ่ที่สุดบนใบหน้า . ปิดท้ายคือตรงหน้าผาก ที่แม้จะไม่ค่อยมีการอุดตัน แต่รูขุมขนก็ยังคงเปิดกว้าง เห็นแล้วคิดว่าเป็นภาพถ่ายจาก NASA บนดาวดวงหนึ่งเหมือนกันนะ หลังจากนั้นเราลองมาดูกันดีกว่าว่าหลังจากที่เขาทำความสะอาดใบหน้าแล้วจะเป็นอย่างไรกันบ้าง เริ่มจากการใช้แผ่นทำความสะอาดบริเวณจมูกก่อนเลย เห็นได้ว่ามันสามารถทำความสะอาดรูขุมขนได้ลึกๆ เลย แต่ตรงบริเวณพื้นผิวอาจไม่ดีเท่าไหร่นักนะ ต่อมาคือการใช้มาสก์ เริ่มจากแก้มหลังจากที่ลอกออกแล้ว รูขุมขนปิดและผิวเต่งตึงมากยิ่งขึ้น . บางส่วนมีการฟื้นฟูสภาพได้ชัดเจนมากเลย …
-
เมื่อคุณปู่ Tokuda เผยเคล็ดลับ “อึด ทน นาน” แม้อายุ 82 ปี ก็เป็นพระเอกเอวีแรงไม่มีตก..!!
เตรียมสมุด ปากกา และไหวพริบในการจดไว้ให้พร้อม เพราะต่อจากนี้เราจะพาทุกท่านไปเบิกเนตรวิชามารถึงเคล็ดลับที่ช่วยให้ Shigeo Tokuda ดาราเอวีวัย 82 ปี ยังซอยได้ที่ไม่มีสะดุด..!! แต่จะว่าไปแล้วชีวิตบนเส้นทางอุตสาหกรรมหนังโป๊ของคุณปู่ก็ไม่ธรรมดาเอาซะเลย เพราะสำหรับคนแก่ทั่วไปวัย 70 ปี บางคนอาจจะนกเขาไม่ขันไปแล้ว แต่นั่นเป็นปีแรกที่คุณปู่เริ่มแจ้งเกิดในวงการเอวี (สงสัยมีทีเด็ดแน่ๆ) Shigeo Tokuda ย้อนกลับไปในปี 2004 ซึ่งเป็นปีแรกที่คุณปู่ได้เดบิวต์ผลงานชิ้นแรกโดยใช้ชื่อซิงเกิ้ลขนาดความยาวเกือบชั่วโมงว่า ‘Elderly’ จากนั้นชื่อเสียงก็เริ่มโด่งดังกระแสตอบรับดีซะจนคุณปู่ต้องออกรอบถ่ายทำสารคดีกับสาวๆ ถึงปีละ 60 เรื่องเลยทีเดียว “มีหนุ่มๆ มาถามผมเยอะมากๆ ว่าต้องทำยังไงถึงจะทำได้แบบเรา เอาจริงๆ ผมไม่ได้ทำอะไรที่มันพิเศษเลย แต่ถ้าพูดถึงสิ่งที่ทำให้ร่างกายผมมีพลังงานละก็ นั่นอาจเป็นเพราะผมชอบกินไข่ทุกวัน.. ผมชอบกินข้าวหน้าไข่ดิบ” คุณปู่ให้คำแนะนำ ถ้าถามถึงจุดเริ่มต้นก่อนจะมาทำอาชีพนี้ ก็คงต้องย้อนกลับไปในปี 1974 ซึ่งเป็นช่วงที่คุณปู่ได้ทำงานอยู่กับบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง และมีวันหนึ่งระหว่างออกทัวร์เขาได้แอบดูหนังโป๊ระหว่างที่พักอยู่ในโรงแรม จากนั้นคุณปู่ก็เหมือนได้ค้นพบตัวตนอีกครึ่งหนึ่ง ที่ตามหามาเกือบตลอดแทบทั้งชีวิต ด้วยโชคดีอะไรก็ไม่ทราบได้ ทำให้คุณปู่ได้รู้จักกับ Henry Tsukamoto ผู้กำกับหนังสยิวมือดีในยุคนั้น และทั้งหมดนั้นก็คือจุดเริ่มต้นของตำนานผู้เป็นที่น่าอิจฉาของชายทั่วโลก ผลงานเรื่องแรกของเขา มนุษย์เราปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าสังขารที่โรยราลงไปจะไม่มีผลต่อการทำงานของคุณปู่ เพราะเอาจริงๆ…
-
11 สาเหตุของอาการ “เซ็กส์เสื่อม” อาจจะเกิดจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต โดยคุณไม่รู้ตัว…
อารมณ์ทางเพศเป็นเรื่องปกติที่มีอยู่ในตัวทุกคน และการมีเพศสัมพันธ์ก็ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด ต้องอย่าลืมว่าทำกันด้วยความยินยอมของทั้งสองฝ่ายเท่านั้นนะ แต่สำหรับบางคนอาจบอกว่าตัวเองไม่คิดและไม่รู้สึกถึงเรื่องนั้นเลย แม้กับคนที่คุณรัก ซึ่งสิ่งนี้ก็อาจเป็นไปได้ เกิดจากสาเหตุหลายๆ อย่างที่ทำให้คุณอยู่ในจุดที่เรียกว่า “ความต้องการทางเพศต่ำ” แบบนั้นก็อาจไม่ค่อยส่งผลดีกับชีวิตคู่ของคุณเท่าไหร่ งั้นเราลองมาดูกันดีกว่าว่า สาเหตุที่ทำให้คุณมีความรู้สึกอย่างนั้น มันเกิดมาจากอะไรบ้าง เพื่อเป็นตัวช่วยให้คุณกลับมาซู่ซ่าอีกครั้ง รู้สึกเหนื่อยแบบไม่ไหวแล้ว นี่คงเป็นสาเหตุปกติที่เรารู้ๆ กัน แต่มันกลับส่งผลมากกว่าที่คุณคิด เมื่อการศึกษาจากมูลนิธิการนอนหลับแห่งชาติ พบว่า 1 ใน 4 ของคู่แต่งงานจะรู้สึกเหนื่อยที่จะต้องมีอะไรกับคู่ของตัวเอง หลังจากที่ผ่านงานมาทั้งวัน และมีงานศึกษาในวารสารการแพทย์ที่เกี่ยวกับเรื่องเพศ ออกมาบอกว่า การพักผ่อนไม่เพียงพอจะส่งผลในแง่ลบให้กับความต้องการทางเพศ ดังนั้นนอกจากจะวุ่นวายไปกับงานแล้ว ต้องอย่าลืมมาวุ่นวายกันบนเตียงบ้างนะ ความเครียดพุ่งสูง หากคุณรู้สึกกดดัน มีปัญหากับเรื่องงานหรือคนรอบตัว จะทำให้ระดับของฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มขึ้นสูง ตามความเครียดของคุณ ซึ่งมันคือตัวทำลายอารมณ์ในทุกด้าน จนบางครั้งอาจไปยับยั้งการสร้างฮอร์โมนบางตัว ทำให้คุณไม่รู้สึกอยากจะมีอะไรกับใครเลย ฮอร์โมนของคุณหายไปหมดแล้ว หากว่าคุณมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนน้อยมาตั้งแต่เกิด สิ่งนั้นจะส่งผลให้กับความต้องการทางเพศอยู่แล้ว ไม่ว่าชายหรือหญิง แต่หากว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ใช้ยาคุมกำเนิด เปลี่ยนตัวยา หรือว่าเลิกใช้ยาเองก็ตาม สิ่งนั้นก็จะส่งผลให้กับฮอร์โมนเช่นเดียวกัน และอาจมีความแปรปรวนในเรื่องเพศสัมพันธ์อีกด้วย ปัญหาเหล่านี้ทางที่ดีที่สุดคือการพบแพทย์ เพื่อให้หมอวินิจฉัยและช่วยคุณหาทางออกต่อไป…
-
6 ท่าโพสต์สุดปังตามแบบฉบับ Kylie Jenner ถ้าอยากมีภาพสวยๆ ใน IG มาก๊อปปี้ไปได้เลย
พูดถึง Kylie Jenner เธอเป็นหนึ่งในเซเลบคนดังที่มีอิทธิพลในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก อีกทั้ง เธอยังถูกมองว่าเป็นเจ้าแม่ในเรื่องความสวยความงาม เครื่องสำอาง และแฟชั่น จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสาวๆ ทั่วโลกถึงก๊อปปี้ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเธอ นอกจากนี้ Kylie ยังเป็นเจ้าแม่ IG (kyliejenner) ที่มีคนติดตามมากถึง 97.6 ล้านคน ซึ่งถ้าหากใครที่ได้ฟอลโล่ว์เธอ คุณก็คงจะรู้ว่าเซเลบสาวคนนี้มักจะโพสต์ภาพสวยๆ ชิคๆ ในแบบฉบับของเธออยู่เสมอ และถ้าหากสาวๆ คนไหนที่ชื่นชอบการโพสต์ท่าสวยๆ แบบ Kylie ในวันนี้ เราได้นำ 6 เทคนิคการถ่ายรูปแบบเธอมาฝาก บอกเลยว่าหากทำตามแล้วมันจะช่วยทำให้ภาพของคุณดูเริ่ด ดูปังขึ้นทันทีเลยละ 1.ท่าจือปากแบบมีเทคนิค Kylie Jenner เป็นผู้หญิงที่มีริมฝีปากอวบอิ่ม ดังนั้น การโพสต์ท่าถ่ายรูปแนวเซ็กซี่ๆ จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ ยิ่งถ้านางจือปากเบาๆ บอกเลยว่าเซ็กซี่เว่อร์ สำหรับการจือปากแบบ Kylie ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแค่สาวๆ วางนิ้วก้อยไว้ตรงริมฝีปากล่าง จากนั้นก็เผยอปากบนและห่อปากล่างเล็กน้อย แค่นี้ก็จะได้ท่าจือปากที่ดูดี และมีความเก๋เบาๆ แล้วจ้า 2.ท่าชูสองนิ้วในตำนาน แต่มาในแบบฉบับ Kylie…
-
19 ภาพแสดงให้เห็นความดีงามในตัวมนุษย์ ที่แม้โลกมันจะโหดร้าย แต่ก็ยังคงสวยงาม
โลกของเราอาจไม่ได้มีเพียงแต่ความสวยงามเสมอไป อย่างที่เราได้เห็นในสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภัยพิบัติธรรมชาติ และข่าวของโศกนาฏกรรมที่มีอยู่ทุกวัน บางคนอาจกำลังคิดว่า โลกเรามันช่างโหดร้าย และทุกอย่างก็น่ากลัวเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่อยากให้คุณลืมว่า ภายใต้สิ่งแย่ๆ เหล่านั้น ก็ยังคงมีความประทับใจอีกมากที่ซ่อนอยู่ ช่วยตอกย้ำให้เข้าใจว่า การมีชีวิตอยู่บนที่แห่งนี้ มันก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ความหดหู่ไปซะทีเดียว ภาพของพวกเขาเหล่านี้ จะสร้างแรงบันดาลใจและเป็นกำลังใจให้ทุกคนก้าวเดินต่อไปพร้อมรอยยิ้ม ชายแก่คนหนึ่งกำลังตัดหญ้าอยู่ก่อนที่โรคหัวใจจะกำเริบ และได้นักผจญเพลิงเหล่านี้เข้ามาช่วยไว้ทัน อีกทั้งพวกเขายังช่วยให้งานของชายคนนั้นสำเร็จไปได้ด้วยดี ตำรวจหนุ่มคนนี้ลงแรงทำงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากเฮอร์ริเคน Harvey ในเท็กซัส โดยที่เขาไม่ได้พักเลยแม้แต่น้อย กระทั่งสลบไปเพราะความเหนื่อยล้าที่สะสมมาหลายชั่วโมง ป้ายเตือนในแอฟริกาใต้ ช่วยให้คนพิการสามารถมีที่จอด ไม่มีใครกล้ามาแย่งที่พวกเขาอีก ช่างตัดผมชื่อว่า Mark Bustos ใช้เวลาในวันหยุดของเขา มาตัดผมให้กับคนไร้บ้านทั้งหลายแบบฟรีๆ เป็นพนักงานที่ใส่ใจกับงานตัวเองมากๆ เมื่อเขาได้นำกล่องเครื่องดื่มในร้านมาเรียงต่อกันเป็นรูปตุ๊กตาหิมะ สร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้าได้อย่างดี ในช่วงคริสมาสต์ เธอคนนี้ใช้เวลา 3 ปีไปกับการทำงานในบ้านพักสำหรับน้องหมา และดูแลเจ้าตัวนี้มานานถึง 6 เดือน ก่อนที่เธอจะได้งานใหม่ แต่ต้องบอกว่าเธอทำงานที่นี่ได้ดีมากแน่ๆ เพราะเมื่อเธอกลับมาหลังจากหายไป 3 สัปดาห์ เจ้าสุนัขก็ดีใจออกนอกหน้าซะขนาดนี้เลย …
-
ผู้เชี่ยวชาญแนะ 4 สิ่งสำคัญ ที่จะทำให้ชีวิตคู่ของคุณยืนยาว จนใครๆ ต้องอิจฉา
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณตกลงปลงใจคบหากับใครซักคน ลึกๆ แล้วเราต่างก็หวังว่าอยากจะให้มันเป็นความสัมพันธ์ที่อยู่อย่างมีความสุขไปตลอด แต่จะเป็นอย่างไรล่ะถ้าทั้งหมดที่ทำมาเท่ากับการเสียเวลาเปล่า..!? ไม่ว่าใครต่างก็อยากจะมีชีวิตคู่ที่ยืนยาวและอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 4 คีย์สำคัญที่จะทำให้ชีวิตคู่ของคุณยืนยาวจนใครๆ ต่างก็รู้สึกอิจฉา จากผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ Kimberly Hershenson 1. ไว้ใจซึ่งกันและกัน มันเป็นเรื่องสำคัญมากๆ เลยละสำหรับความไว้เนื้อเชื่อใจกัน และถ้าหากคุณอยากจะมีความสัมพันธ์ที่ยืนยาวกับใครซักคนละก็.. การแสดงออกถึงความเชื่อใจก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน “มันเป็นเรื่องยากที่เราจะสามารถแชร์เรื่องราวร้ายๆ หรือปัญหาที่เจอมากับใครซักคน และเมื่อคนรักของคุณเปิดใจพร้อมจะเชื่อใจคุณ ก็จงอย่าทำให้ความไว้ใจนี้พังทลายลงมาเด็ดขาด” Kimberly กล่าว และนั่นก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง เพราะในแง่ของความสัมพันธ์นั้น ‘ความเชื่อใจ’ เป็นสิ่งที่จะส่งผลต่อพฤติกรรมหรือการกระทำต่างๆ ที่อาจแสดงออกมาได้ ลองนึกดูสิว่าเราจะมีความสุขได้ไหมถ้าหากเราต้องคอยระแวงอยู่ตลอดเวลา? 2. คอยเป็นกำลังใจและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน บางทีโลกอาจจะดูโหดร้ายไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ แต่การมีใครซักคนที่คอยอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจ ก็ช่วยทำให้เราผ่านช่วงเวลาอันย่ำแย่ไปได้เหมือนกัน ถ้าคุณรู้สึกว่าคู่รักของคุณเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณวาดฝัน หรือวางแผนไว้ และไม่ว่าคุณจะพูดเรื่องอะไรเขาก็คอยรับฟังคุณอยู่เสมอ ขอให้รู้ไว้เลยว่านี่แหละคืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของความสัมพันธ์ระยะยาว “ลืมเรื่องเหนื่อยๆ ที่คุณเจอมาซักพัก แล้วลองรับฟังปัญหาที่คนรักของคุณไปเจอมาบ้าง แสดงออกให้เขารู้ว่าคุณพร้อมที่จะรับฟังและอยู่เคียงข้างเสมอ” 3. ผ่อนปรนและคอยชี้แนะกันและกันอยู่เสมอ เป็นธรรมดาที่บางครั้งคนสองคนอาจมีปากเสียงกันบ้าง หรืออาจมีการทะเลาะกันบ้าง หรือแม้แต่การที่อีกฝ่ายทำอะไรบางอย่างที่คุณไม่ชอบโดยไม่รู้ตัว…
-
คู่รักนักวิทย์ Harvard-MIT ค้นพบอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญ ที่นำไปสู่การเป็นออทิสติก
ปัจจุบันวิทยาการทางการแพทย์นั้นเรียกได้ว่ามีความก้าวหน้าอย่างมาก และความก้าวหน้าเหล่านั้นก็นำมาซึ่งการค้นพบสิ่งใหม่ๆ อย่างเช่นการค้นพบของคู่รักนักวิทยาศาสตร์จาก Harvard คู่นี้เกี่ยวกับโรคออทิสติก เมื่อไม่นานมานี้คุณ Jun-ryeol Huh ศาสตราจารย์จากคณะแพทย์มหาวิทยาลัย Harvard และคุณ Gloria Choi ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านสมองจากมหาวทิยาลัย MIT ได้คนพบอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่โรคออทิสติก ถือเป็นการค้นพบที่ฮือฮาอย่างมาก นับตั้งแต่มีการศึกษาโรคดังกล่าวในช่วงปี 1940 เลยทีเดียว!! ทั้งสองได้ออกมายืนยันว่าความผิดปรกตินี้ไม่ได้เป็นผลมากจาการพัฒนาของสมองเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความผิดปรกตินี้อีก หลังจากที่ได้ทดลองและสังเกตุจากหนู ผลการวิจัยดังกล่าวถูกตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ Nature ผ่านทาง MIT New เมื่อวันที่ 14 กันยายนปี 2017 ซึ่งทั้งสองพบว่ามีแบคทีเรียบางสายพันธุ์ในระบบทางเดินอาหารของแม่ ที่อาจทำให้เกิดพฤติกรรมที่คล้ายกับโรคออทิสติก โดยคุณแม่ที่มีภาวะติดเชื้อที่รุนแรงและต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ในระหว่างตั้งครรภ์นั้นจะมีความเสี่ยงที่ลูกจะมีความผิดปรกติทางสมองมากกว่า ซึ่งจากการศึกษาในเด็กๆ เดนมาร์กเมื่อปี 2010 พบว่าอาการติดเชื้อรุนแรงเหล่านั้นได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ กระเพาะและลำไส้อักเสบ และการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะอย่างรุนแรงนั่นเอง นอกจากนี้คุณ Choi ยังได้อธิบายเพิ่มเติมอีกว่าพวกเขาสามารถระบุได้ว่าส่วนของสมองนั้นมีผลต่อการเกิดอาการผิดปรกตินี้ “เราระบุได้ว่ามีสมองหลายส่วนที่มีผลต่อพฤติกรรมและเกี่ยวกับการพัฒนาที่ผิดปรกติของระบบประสาท” คุณ Choi กล่าว จากผลการศึกษาที่ตีพิมเมื่อปี 2016 ของทั้งคู่ที่ศึกษาเกี่ยวกับการตอบสนองของสมองแต่ละส่วนต่อโรคดังกล่าว โดยพวกเขาแบ่งแต่ละส่วนออกเป็นส่วนย่อยๆ แล้วพบว่าในส่วนที่ได้รับผลกระทบจากโมเลกุลของเซลล์ภูมิแพ้ หรือ Th 17 Cell นั้นมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก ซึ่งถูกปล่อยออกมาระหว่างที่ผู้เป็นแม่มีอาการติดเชื้ออย่างรุนแรง…
-
12 สิ่งสำคัญที่เราทุกคน ‘ไม่ควรทำ’ เมื่อได้มีโอกาสไปเที่ยวในประเทศ ‘ญี่ปุ่น’
ประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นที่ที่พวกเราให้ความสนใจ และอยากไปเที่ยวกันในอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากที่จะไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้าเพื่อเข้าไปแล้ว ความสวยงามของธรรมชาติ สิ่งปลูกสร้าง และวัฒนธรรมต่างๆ เองก็มีผลเช่นกัน แน่นอนว่าในแต่ละที่ ก็จะมีกฎระเบียบทางสังคมที่แตกต่างกันไป เวลาไปเที่ยวไหนก็ควรศึกษากันให้ดี จะได้หลีกเลี่ยงกิริยาที่ไม่เหมาะสมออกไป วันนี้เราจึงได้นำ 12 ข้อที่คุณไม่ควรทำเมื่อได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นมาให้ได้รู้กัน ว่าแล้วก็ลองไปดูกันเลยยย อย่าแหกกฎระเบียบ มารยาทในการใช้ตะเกียบ แน่นอนว่าพวกเขาเคยชินกับการใช้ตะเกียบ และจะรู้สึกประทับใจหากคุณใช้มันได้ดี แต่ก็มีข้อห้ามบางอย่างที่คุณควรรู้ไว้ คือห้ามปักตะเกียบลงไปตรงๆ ในชามข้าว ใช้ที่วางตะเกียบจะดีกว่า เพราะมันเป็นการกล่าวถึงงานศพ การส่งต่ออาหารผ่านตะเกียบตัวเองไปใส่ตะเกียบคนอื่นก็ไม่ควร หากว่าสั่งเป็นกับข้าวมากินร่วมกัน ให้ใช้ตะเกียบหยิบอาหารมาวางบนจานเราก่อนแล้วค่อยกิน ที่สำคัญอย่าเอามตะเกียบมาถูกัน เพราะว่ามันหยาบคาย อย่าใส่รองเข้าไปในบ้าน ไม่ใช่แค่ในบ้านแต่รวมถึง โรงแรม วัด โรงเรียนหรือโรงพยาบาลบางแห่ง โดยเขาจะให้คุณเปลี่ยนไปใส่รองเท้าแตะในบ้านแทน ยกเว้นร้านอาหารบางที่ที่ต้องนั่งไปบนพื้นเสื่อทาทามิ จะต้องถอดรองเท้าอย่างเดียว ไม่มีแตะให้เปลี่ยน รวมถึงการเข้าห้องน้ำในหลายๆ ที่ คุณก็จะต้องเปลี่ยนรองเท้าแตะด้านหน้าห้องน้ำ และอย่าลืมเปลี่ยนกลับด้วยละ อย่าคิดจะแซงคิวเป็นอันขาด คุณจะได้เจอการเข้าแถวตอนเรียงหนึ่งในทุกที่ ทั้งตอนรอรถบัส การใช้ลิฟท์ หรือการขึ้นรถไฟ ซึ่งในสถานีจะมีเส้นขีดบอกไว้ตรงพื้น…
-
ผู้เชี่ยวชาญแนะ 8 เหตุผลทางจิตวิทยา ที่อาจทำให้ใครซักคนตกหลุมรักคุณได้
จริงอยู่ที่คุณอาจจะเห็นใครซักคนมีหนุ่มๆ สาวๆ มารุมล้อมตกหลุมรักให้เห็นบ่อยๆ ทว่าบางทีแม้แต่ตัวพวกเขาเองก็แทบจะไม่รู้เลยว่า… อะไรคือสาเหตุที่ทำให้มีคนอื่นมาสนใจได้มากขนาดนี้ บ้างก็อาจจะมองว่าเป็นเรื่องของหน้าตา หรือบ้างก็อาจจะโบ้ยว่าเป็นเรื่องของเงินในกระเป๋า แต่คราวนี้เรามาลองดูเหตุผลทางจิตวิทยากันดีกว่า ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า 8 เหตุผลนี้แหละที่อาจเป็นตัวสร้างเสน่ห์ให้คุณได้โดยไม่รู้ตัว 1. ผู้คนมีแนวโน้มที่จะตกหลุมรักคนที่มีความคล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกิจกรรมที่สนใจ ทัศนคติการมองโลก การวางตัว รวมไปถึงประสบการณ์ต่างๆ ที่เคยผ่านมาในชีวิต สิ่งเหล่านี้อาจเป็นตัวเชื่อมทำให้คุณมีเสน่ห์ดึงดูดต่อฝ่ายตรงข้ามได้โดยไม่รู้ตัว 2. บุคลิกภาพที่อาจคล้ายคลึงกับบุพการีเพศตรงข้ามของคนๆ นั้น บุคลิกภาพโดยรวมของเราที่อาจมีส่วนคล้ายคลึงกับบุพการี หรือผู้ปกครองเพศตรงข้ามของคนๆ นั้น เช่น.. เราอาจมีลักษณะคำพูดคำจาที่คล้ายคลึงกับบิดาของฝ่ายตรงข้าม และนั่นก็ส่งผลทำให้เรามีเสน่ห์ดึงดูดต่ออีกฝ่ายมากขึ้นจริง 3. กลิ่นมีผลต่อการดึงดูดเพศตรงข้ามมากกว่าที่คุณคิด มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายสำนักชี้ชัดแล้วว่า ‘กลิ่น’ มีผลอย่างมากต่อการดึงดูดเพศตรงข้าม เช่น ผู้หญิงจะชอบกลิ่นตัวของผู้ชายที่มีเทสโทสเตอโรนมากกว่า เช่นเดียวกับการที่ผู้ชายรู้สึกว่ากลิ่น (จากต่อมฮอร์โมน) ของผู้หญิงในช่วงที่เป็นประจำเดือน มีเสน่ห์และน่าดึงดูดมากที่สุด 4. ท่าทางการวางตัวของคุณ นักจิตวิทยาแนะว่า ปฏิกริยาท่าทางการวางตัวของคุณระหว่างอยู่ในพื้นที่ทางสังคม ส่งผลต่อการดึงดูดเพศตรงข้ามรอบตัวคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ แน่นอนว่าคนที่มีปฏิกริยาบุคลิกภาพหรือท่าทางที่ดูเก็บตัว ปิดกั้น ไม่ค่อยแสดงออก จะดึงดูดเพศตรงข้ามได้น้อยกว่ากลุ่มคนที่มีบุคลิกภาพแบบเปิดเผย 5. ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าความสูงมีผลต่อความรักจริง..!!…
-
ผลงานสุดล้ำ!!! หากสมมุติว่าความเชื่อแบบไทยไปอยู่ในยุคกรีก-โรมัน ก็คงจะเป็นแนวๆ นี้
ภาพของการถวายขนม น้ำแดง มีธูปเทียน ตุ๊กตาช้างม้าวัวควาย หรือมีผ้าเจ็ดสีพันอยู่รอบๆ คงเป็นเรื่องปกติที่เราสามารถพบเห็นได้ในสังคมไทย จากสื่อต่างๆ ไมว่าจะเป็นข่าวในทีวีหรือหนังสือพิมพ์ รวมถึงโซเชียล โลกออนไลน์เองก็ด้วย ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใหญ่แถวบ้าน จอมปลวก หลักกิโล หมาสามขา วัวสองหัว ทุกอย่างล้วนแล้วแต่สามารถเป็นสิ่งศักดิ์สิทธื์ได้ทั้งสิ้น เพราะมันเกิดจากการผสานกันระหว่างความเชื่อและศาสนาของคน โดยที่บางครั้งก็ไม่สามารถรับรู้เหตุผลได้ว่า ทำไมสิ่งเหล่านี้ถึงต้องเป็นที่เคารพกันด้วยนะ . “แต่เอ๊ะ เรื่องที่เราเห็นจนชินตาเหล่านี้ มันเกิดขึ้นแค่เพียงภายในประเทศเราหรือเปล่านะ? ประเทศอื่นเขาก็ไม่ได้มีอะไรแบบนี้กันนี่นา ถ้าอย่างนั้นนี่ก็เป็นเรื่องที่เจ๋งมากเลยน่ะสิ” นี่คือความคิดของหนุ่มวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า Sakkarin Suttisarn เขาจึงได้สร้างผลงานที่มีชื่อว่า Transformation of Object to Worshiping จากความสงสัยที่ว่า ถ้าหากนำความเชื่อไทยสไตล์เหล่านี้ไปรวมเข้ากับ รูปปั้นชื่อดังในโรม อิตาลี หรือที่อื่นๆ แล้ว มันจะออกมาเป็นอย่างไร . ที่เราได้เห็นกันนี้คือการใช้โปรแกรมตัดต่อภาพของวัตถุที่มีผู้คนสักการะ รวมเข้ากับประติมากรรมที่เลือกมาจำนวน 9 แห่ง ในตอนแรกเขาเพียงโพสต์ภาพทั้งหมดลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ก่อนที่มันจะกลายเป็นการจัดแสดงนิทรรศการในรอบ 5 ปีของเขา ร่วมกับศิลปิน Apiwat Singharach ในงานที่มีชื่อว่า…
-
20 เทคนิค “การจัดภาพ” ฉบับมืออาชีพแบบเข้าใจง่าย รับรองว่าจะถ่ายสวยขึ้นเยอะ!!
ปัจจุบันนี้มีคนหันมาถ่ายภาพกันมาขึ้น เพราะว่ากล้องถ่ายรูปเป็นอะไรที่คนเข้าถึงได้ง่าย มีราคาถูก โดยเฉพาะกล้องที่ติดมากับโทรศัพท์ในปัจจุบันก็มีคุณภาพที่สูงมากพออยู่แล้ว แต่ต่อให้เรามีกล้องที่เทพยังไง ถ้าเราถ่ายออกมาไม่ดี มันก็เป็นภาพธรรมดาๆ ภาพหนึ่ง แต่ถ้าคุณใส่เทคนิค จัดองค์ประกอบภาพให้มันสักหน่อย ปรับแสงปรับโหมดให้เหมาะกับสิ่งที่จะถ่าย ภาพภาพนั้นก็จะกลายเป็นภาพที่มีคุณค่าขึ้นมา และวันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านมารูปจักเทคนิคขั้นพื้นฐานสำหรับการถ่ายภาพ นั่นก็คือการจัดองค์ประกอบภาพนั่นเอง ถ้าเรารู้จักมัน ภาพที่เราถ่ายก็จะดูสวยขึ้น แถมยังเป็นเทคนิคที่จำง่าย และใช้ได้หลากหลายสถานการณ์ ซึ่งเทคนิคเหล่านี้มาจากช่างภาพมีอาชีพที่เขาได้เขียนแนะนำไว้ใน bocphotography.com จะมีอะไรบ้าง เราไปชมกันเลย 1. กฎแห่งสาม ถือเป็นเทคนิคง่ายๆ สำหรับคนที่อยากจะเริ่มต้นถ่ายภาพเลยก็ว่าได้ เพราะว่ากล้องใหญ่ๆ ใส่มากก็จะมีฟังค์ชั่นแบ่งภาพออกเป็น 9 ส่วนแบบนี้ ซึ่งจะได้ภาพสี่เหลี่ยมแนวนอน 3 ช่อง และแนวตั้งอีก 3 ช่อง เทคนิคนี้จะทำให้เราได้เห็นองค์ประกอบที่สำคัญของภาพนั้นๆ อาจจะมีสิ่งเดียวหรือหลายสิ่งผ่านเส้นหรือผ่านจุดที่เส้นตัดกัน ซึ่งปกติเรามักจะจัดสิ่งที่น่าสนใจไว้ตรงกลาง แต่ถ้าเราจัดให้ไม่อยู่ตรงกลางอาจจะน่าสนใจยิ่งกว่าก็ได้ เหมือนตัวอย่างภาพข้างล่างนี้ ได้ลองเอาต้นไม้ใหญ่สุดมาวางไว้ตรงเส้นแนวตั้งด้านขวา ทำให้ภาพดูมีอะไรมากกว่าการจัดเอาต้นไม้มาอยู่ตรงกลาง เช่นเดียวกับภาพโบสถ์แห่งนี้ 2. ตรงกลางและสมมาตร ก่อนหน้านี้ได้บอกไปว่าอย่างวางสิ่งที่จะถ่ายไว้ตรงกลางใช่ไหม ครั้งนี้เราจะให้มันมาอยู่ตรงกลาง แต่ตรงกลางนี้มันไม่เหมือนกับข้างบน เพราะเราต้องดูด้วยว่าถ้ามันอยู่กลางแล้วมันสมมาตรกันทั้งสองข้าง มันก็คือดี เหมือนอย่างภาพสะพานนี้ถ้าเราถ่ายจากตรงกลางจะเห็นได้ว่าทั้งสองด้านมันเท่ากันอย่างสวยงาม…
-
10 เรื่องที่คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับประเทศ “เยอรมนี” อ่านเพิ่มเติมความรู้ ไปเล่าให้เพื่อนฟังได้อีก!!
ต้องบอกตามตรงว่า นอกจากเทศกาลเบียร์ระดับโลกอย่าง Oktoberfest ในเมืองมิวนิคแล้ว เราก็ไม่รู้อะไรอีกเลยเกี่ยวกับประเทศนี้… แต่บ่อยครั้งที่เรามักจะได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างเกี่ยวกับประเทศเยอรมนีกันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็น.. ความไร้อารมณ์ขันของผู้คน หรือความจริงจังขึงขังในการใช้ชีวิต เอาเป็นว่าเราไปทำความรู้จักกับประเทศนี้ที่มีอะไรมากกว่าเรื่องราวของฮิตเลอร์ กันเลยดีกว่า 1. ภาษาเยอรมันดูรุนแรง ในความเป็นจริงแล้วภาษาเยอรมันที่ผู้คนใช้กัน ไม่ได้มีท่าทีที่ดูจริงจังเหมือนคนโมโหร้ายตลอดเวลา เพราะพฤติกรรมแบบนั้นก็คงมีแต่คนหัวรุนแรงเท่านั้นเอง ในส่วนของความเป็นจริงนั้นผู้คนก็ยังใช้ภาษาพูดกันอย่างสุภาพนุ่มนวล 2. เยอรมนีมีทางหลวงพิเศษ (autobahn) ที่ไม่จำกัดความเร็ว ที่ประเทศเยอรมนีจะมีทางหลวงพิเศษที่เรียกว่า autobahn ซึ่งตามกฎหมายแล้วบนทางหลวงเส้นนี้จะไม่มีการจำกัดความเร็วแทบทั้งหมด คนจึงคิดว่าไม่จำกัดความเร็วเลย แต่ที่จริงแล้วจะมีเพียงประมาณ 40% ของเส้นทางหลวงพิเศษเท่านั้น ที่จำกัดความเร็วอยู่ที่ประมาณ 90 – 120 กม./ชั่วโมง 3. คนเยอรมนีดูหยาบคายและดุร้าย แม้ว่าภายนอกคนเยอรมันอาจจะดูเหมือนคนหน้าบึ้ง แต่เอาจริงๆ แล้วพวกเขาไม่ใช่คนหยาบคาย กลับกันนั่นคือสิ่งที่เรียกว่าความจริงใจ ความตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม และความนับถือเชื่อใจกัน พวกเขาแค่ยิ้มยากกว่าคนไทยเท่านั้นเอง 4. คนเยอรมันชอบใส่ชุด Dirndl and Lederhosen (แบบที่เห็นในโฆษณาเบียร์นั่นแหละ) ก็คงอารมณ์คล้ายๆ กับเวลามีฝรั่งมาถามคนไทยว่า.. ‘ยูใส่ชุดไทยตลอดเลยรึเปล่า?’ เพราะเอาจริงๆ แล้วชุดดังกล่าวมาจากวัฒนธรรมฝั่งแคว้นบาวาเรีย และหากเทียบตามจำนวนประชากรแล้ว คนบาวาเรียนจะมีอยู่แค่…
-
เผย 9 ข้อดีของการเป็น ‘โสด’ แม้ไม่มีคู่ชีวิตก็ดี๊ดีได้ บอกลาความสัมพันธ์ห่วยๆ ได้เลยจ้าา
ใครบอกว่าเป็นโสดแล้วจะตาย เพราะเอาจริงๆ ความเหงามันก็ไม่เคยฆ่าใครนี่นาา แม้ว่าบางทีอาจจะมีอารมณ์อ้างว้างบ้างเป็นบางครั้ง แต่เชื่อเถอะว่าคนที่อยู่อย่าง ‘โสด’ ก็มีชีวิตดีๆ ได้เหมือนกัน และทั้งหมดนี้คือ 9 ประโยชน์ดีๆ ของการอยู่เย็นเป็นโสด แม้ชีวิตคุณจะอาจไม่มีใครมาตามอ้อนตามจับผิดอยู่ตลอดเวลา แต่สิ่งที่ได้กลับมาดูจะมีคุณค่าอย่างมหาศาลเลยล่ะ!! 1. ถ้าโสดแล้ว…. คุณจะกลับมามีตัวตนในสังคมเพื่อนฝูงอีกครั้ง คนส่วนใหญ่พอมีสถาบันแฟนแล้ว ก็มักจะทิ้งสถาบันเพื่อนไว้ข้างหลังแทบทั้งนั้น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณอยู่อย่างโสด แน่นอนว่าสังคมเดิมๆ ที่เคยมีแต่เราและเพื่อนฝูงจะกลับมา อีกทั้งคุณยังสามารถรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ ได้โดยไม่มีข้อกังวลใดๆ (ไม่ต้องกลัวใครมาหึงหวง) 2. การเงินในกระเป๋าคุณจะลื่นปรื๊ดยิ่งกว่าเดิม พอเป็นโสดปุ๊บ..!! ทั้งเวลาและการเงินของคุณก็จะเป็นอิสระทันที อ้างอิงจากการเก็บสถิติของ Debt.com พบว่า ในกลุ่มคนโสดมีเพียง 21% เท่านั้นที่เป็นหนี้บัตรเครดิต กลับกันในกลุ่มคนที่มีครอบครัวแต่ยังไม่มีลูกจะเป็นหนี้บัตรเครดิตสูงถึง 27% ในขณะที่ครอบครัวที่มีลูกแล้วจะเป็นหนี้บัตรสูงกว่าถึง 36% และเราก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าการเงินในกระเป๋าส่งผลต่อสภาพจิตใจโดยรวมของเรา ยิ่งเรามีเก็บเยอะเราก็จะยิ่งรู้สึกแฮปปี้ นี่ไง… หนทางสู่สายเปย์ในอนาคต 3. การนอนหลับของคุณจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนอนกอด นอนกรน หรือแม้แต่นอนเบียดจนตกเตียง เหล่านี้ล้วนเป็นพฤติกรรมของคนมีคู่ทั้งสิ้น แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณเป็นโสดละก็… รับรองได้เลยว่าคุณจะได้สัมผัสกับการนอนหลับอย่างเต็มอิ่มโดยไม่มีสิ่งรอบข้างมากวนใจอีกแล้ว…
-
นักโบราณคดี ค้นพบรถบรรทุกสินค้าอายุกว่า 100 ปี จมอยู่ใต้ทะเลสาบดีทรอยต์
บางครั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิประเทศก็มักจะเผยให้เห็นสิ่งต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ อย่างเช่นเมืองที่จมอยู่ใต้ทะเล หรืออารยธรรมโบราณที่ซ่อนอยู่ในหุบเขา ซึ่งนอกจากจะเผยให้ความสวยงามทางประวัติศาสตร์แล้ว บางครั้งยังมีโบราณวัตถุและเรื่องราวต่างๆ ให้พวกเราได้เรียนรู้อีกด้วย เมื่อช่วงเดือนตุลาคมปี 2015 หลังจากที่ระดับน้ำในทะเลสาบดีทรอยต์ได้ลดลง มันได้เผยให้เห็นซากของเมืองโบราณที่จมอยู่ในนั้นมาเป็นเวลานาน เมืองเก่าแห่งนี้ถูกจมลงได้ทะเลสาบ หลังจากที่มีการสร้างเขื่อนดีทรอยต์ เมื่อช่วงปี 1880 ซากของรถขนส่งสินค้าที่จมอยู่ใต้ทะเลสาบแห่งนี้ “ผมถือโอกาสมาที่ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ระดับน้ำลดลง การได้เห็นข้าวของต่างๆ ที่จมอยู่มันเหมือนกับได้เห็นขุมทรัพย์เลยทีเดียว ผมเห็นวัตถุโบราณชิ้นหนึ่งที่บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ได้ดีเลย” คุณ Dave Zahn รองนายอำเภอของเมือง Marion County กล่าว ผู้คนกว่า 200 คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ถูกอพยพออกไประหว่างปี 1880 ถึง 1952 ทิ้งไว้แต่เพียงเครื่องมือและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ และการสร้างเขื่อนในครั้งนั้นก็ทำให้ที่นี่กลายเป็นทะเลสาบดีทรอยต์ ในทุกๆ ช่วฤดูหนาวจะมีการระบายน้ำในเขื่อน ซึ่งจะเผยให้เห็นซากของเมืองเก่าที่จมอยู่ใต้ทะเลสาบแห่งนี้ ปริมาณของออกซิเจนที่ต่ำช่วยรักษาสภาพของวัตถุต่างๆ ที่จมอยู่ใต้ทะเลสาบได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามรถบรรทุกสินค้าที่พบในครั้งนี้ไม่มีบันทึกว่าเคยถูกค้นพบมาก่อนหน้านี้หรือไม่ ซึ่งระดับน้ำที่ลดต่ำนี้ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1969 เลยทีเดียว สภาพของเมืองเก่าที่ถูกทิ้งไว้ใต้ทะเลสาบ ก่อนจะมีการสร้างเขื่อน “เท่าที่ผมรู้รถบรรทุกสินค้าคันนี้ยังไม่ถูกค้นพบมาก่อน น้ำในทะเลสาบไม่เคยลดลงมาเยอะขนาดนี้มาก่อน คงไม่มีใครเคยเห็น หรือย้ายเอามันมาทิ้งไว้ที่นี่แน่ๆ ” คุณ Cara Kelly นักโบราณคดีชาวสหรัฐกล่าว…
-
17 บุคลิกของสาวๆ ที่ดาเมจรุนแรงจนเกินห้ามใจ เจอแบบนี้หนุ่มๆ ถึงกับไปไม่เป็นเลย
โดยปรกติแล้วสาวๆ ที่ดูดีมีเสน่ห์นั้น อาจจะมีแรงดึงดูดสำหรับหนุ่มๆ แต่คำว่า “เสน่ห์” สำหรับแต่ละคนนั้นก็อาจจะแตกต่างกันออกไป เพราะหนุ่มๆ คงไม่ได้ชอบสาวๆ ที่หน้าเหมือนกันหรอกจริงไหม?? และวันนี้เราก็ได้รวบรวม 17 บุคลิกของสาวๆ ที่ดาเมจรุนแรงจนทำให้หนุ่มถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว ส่วนข้อไหนจะตรงใจท่านชายกันบ้างนั้นไปชมกันเลย… 1. สาวๆ ที่ชอบกัดริมฝีปาก เวลาที่สาวๆ กำลังอยู่ในอาการตื่นเต้น หรือกำลังรู้สึกกลัวจนบางครั้งพวกเธอจะเผลอกัดที่ริมฝีปากเบาๆ อืม… ช่วงจังหวะนี้แหละคุณเอ๊ย!! มันช่างน่าดึงดูใจจริงๆ นะว่าไหมหนุ่มๆ 2. ผิวพรรณอันเรียบเนียน สำหรับหนุ่มแล้วคงจะไม่มีอะไรที่จะน่าสัมผัสไปกว่าผิวหนังอันเรียบเนียนของสาวๆ อีกแล้วสินะ และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้สาวๆ หลายคนต้องคอยดูแลผิวพรรณกันให้ดูดีอยู่ตลอด 3. ทรงผมแบบมัดรวบ บางครั้งทรงผมแบบไม่ค่อยเป็นทางการอย่างการมัดรวบ ก็สามารถดึงดูดสายตาหนุ่มๆ ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะเผยให้เห็นต้นคอและใบหูแล้ว เส้นผมที่ไม่ค่อยเรียบร้อยยังทำให้พวกเธอดูเซ็กซี่ขึ้นไปอีก 4. สาวๆ ในลุคที่โดดเด่น บางครั้งเวลาที่หนุ่มๆ สังเกตุเห็นหญิงสาวในลุคที่โดดเด่นนั้น มันยิ่งทำให้พวกเขาอยากจะทำความรู้จักกับพวกเธอมากขึ้น และบางครั้งรอยสักหรือสีผมแปลกๆ ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ก็ได้ เหมือนที่ #ประธานเหมียว เคยบอกไว้ “สาวรอยสักนี่มันน่าจริงๆ “ 5.…
-
ภาพวาด Illustrator แนวไซไฟ สู่โลกอนาคตที่อาจเกิดขึ้นจริงได้ในอีก 100 ปีข้างหน้า
ปัจจุบันเราคงจะเคยเห็นภาพวาดแนวไซไฟ ที่จะกระตุ้นความคิดและจินตนาการ ด้วยโปรแกรม Illustrator ทำให้มีความสมจริงและสวยงาม กลายเป็นผลงานที่อยู่เหนือความคิดของใครหลายคน และน้อยคนที่เชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นไปได้จริงๆ ภาพเหล่านี้เป็นฝีมือของ Jonathan Ching ศิลปินอิสระผู้วาดภาพอนิเมชั่นดิจิตอล ในแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ โดยเขาคนนี้มีสิ่งที่สามารถการันตีความสามารถของเขาได้ เพราะเขาจบด้านนี้มาโดยตรง ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 นี่เองที่ทำให้เราเข้าใจได้ว่าทำไมภาพของเขาที่ได้น่าหลงใหลขนาดนี้ ลองไปดูกันเลยดีกว่า ว่าแต่ละภาพจะออกมาเป็นอย่างไรกันบ้าง ชุดทหารในโลกอนาคต เฮลิคอปเตอร์แบบไม่มีใบพัด ภายในของสิ่งก่อสร้าง ที่เหมือนกับหลุดมาจากในหนัง ต้องขอบคุณทักษะในการสื่อภาพตัวละคร ยานพาหนะ สิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ออกมาได้อย่างสมจริงสมจัง จนทำให้เรารู้สึกเข้าถึงภาพต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม หุ่นยนต์เดินกันอยู่ในเมือง การเดินทางที่ทุกอย่างจะเริ่มเป็นไปอย่างง่ายๆ แม้จะเป็นการเดินทางออกนอกโลก คราวนี้ตำรวจก็คงจะทำงานได้ง่ายขึ้น เมื่อได้เห็นภาพของเขากันแล้ว หลายคนอาจคิดว่านี่เป็นเพียงภาพวาด ไม่น่าเกิดขึ้นได้จริงหรอก แต่ทุกอย่างมันก็ไม่แน่เสมอไปหรอก ลองคิดดูสมมุติว่าเราย้อนเวลากลับไป บอกผู้คนในอดีตเมื่อร้อยปีที่แล้วว่า ในอนาคตจะมีรถที่สามารถขับเคลื่อนได้โดยไม่ต้องมีคนขับ พวกเขาเหล่านั้นก็คงจะคิดว่ามันเหลือเชื่อไม่ต่างจากที่เราคิดตอนนี้ พงษ์ศักดิ์นายเห็นสิ่งใดข้างหน้าบ้างเล่า การสร้างหุ่นยนต์จะไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป…
-
เรื่องราวของ ‘Lucky Luciano’ ราชามาเฟียแห่งนิวยอร์ก ที่ได้ขึ้นเป็นผู้นำตั้งแต่ยังวัยรุ่น..!!
ไม่ว่าตำรวจโลกจะสามารถปราบราชายาเสพติดไปได้กี่คน ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องมีคนใหม่ขึ้นมาแทนที่เสมอ อาจจะเพราะเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่พร้อมจะหลั่งไหลเข้ามา ดังกรณีของราชายาเสพติดคนอื่นๆ ที่เคยถูกจับไป แต่คราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับเรื่องราวของ ‘Lucky Luciano’ ชายผู้ไต่เต้าจากการเป็นเด็กยากจนในสลัม สู่ราชามาเฟียแห่งมหานครนิวยอร์ก ที่ใครต่างก็ยอมก้มหัวให้ Lucky Luciano Luciano ออกมาลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ปี 1897 ท่ามกลางความเป็นอยู่อันยากลำบากของครอบครัว ที่ต้องเป็นแรงงานให้กับเหมืองกำมะถัน กระทั่งต่อมาครอบครัวได้รับโอกาสย้ายสัมโนครัวมาอาศัยอยู่บนเกาะแมนฮัตตันในปี 1907 เฉกเช่นเดียวกับครอบครัวชาวอิตาลีคนอื่นๆ ครั้น Luciano เริ่มโตเป็นหนุ่ม เขาก็เลือกเดินเส้นหาเงินจากการเป็นสมาชิกของแก๊งท้องถิ่น โดยในช่วงแรกเขาหาเงินเลี้ยงดูตัวเองจากการรับจ้างเป็นคนปกป้องเด็กชาวยิว ที่มักจะถูกแก๊งอิตาลีและไอริชกลั่นแกล้งอยู่เสมอ จากนั้นไม่นานเขาก็ได้รับฉายา ‘Lucky Luciano’ ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าฉายานี้มาจากไหน แต่หลายคนเชื่อว่าน่าจะมาจากความโชคดีที่รอดชีวิตมาได้หลายต่อหลายครั้งของตัวเขาเอง โดยในปี 1920 เขาเคยรอดชีวิตจากการฆาตกรรมสมาชิกแก๊ง อีกทั้งตลอดระยะเวลาตั้งแต่ 1916 – 1936 เขาถูกตำรวจจับกุมมากกว่า 25 ครั้ง กระทั่งต่อมาเขาได้รับโอกาสเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊ง ‘Five Points Gang’ ซึ่งนับว่าเป็นกลุ่มมาเฟียที่มีอิทธิพลสูงที่สุดในช่วงศตวรรษที่ 20…
-
ชมภาพสุดอาร์ตจากศิลปินรัสเซีย ที่เต็มไปด้วยความหมายแฝงเรื่องเพศและเสียดสีสังคม!!
นี่คือผลงานภาพวาดของศิลปินที่ชื่อว่า Waldemar von Kazak ชาวรัสเซีย ผลงานของเราเป็นแนวเซอร์เรียลและเสียดสีสังคม โดยใช้ความหมายเชิงทางเพศ ความน่ากลัวของตัวละคร เพื่อให้คนที่มองภาพได้จินตนาการ เขาได้ให้สัมภาษณ์กับ Pinup Arena ไว้ว่า “หลายปีที่ผมทำงานเป็นดีไซเนอร์ ผมทำงานทางด้านออกแบบบรรจุภัณฑ์ ออกแบบโฆษณา ออกแบบหนังสือ แต่ก่อนหน้านั้นผมเคยวาดรูปมาก่อน และตอนที่ทำงานเป็นดีไซเนอร์ ผมก็อยากกลับไปวาดมัดอีกครั้ง จนถึงวันนี้ ผมเป็นจิตรกรเต็มตัวแล้ว” เรื่องราวที่เขาเล่าผ่านภาพวาดชุดนี้ส่วนมากจะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของชายกับหญิงในเชิงที่เกี่ยวกับความต้องการทางเพศ สิ่งทางชายต้องการจากหญิง หญิงต้องการจากชาย ผ่านสัญลักษณ์ที่เป็นสัตว์และสิ่งของต่างๆ บางภาพอาจจะดูเหนือจริงไปบ้าง แต่มันก็มีความหมายแฝงอยู่ลึกๆ เหมียวอยากให้ทุกคนพยายามตีความในกรอบของเรื่องเพศดู แล้วจะรู้ความหมายที่แท้จริง ไปดูกันเลย . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . …
-
นักประวัติศาสตร์เกลาตำนาน ‘โจรสลัดเคราดำ’ เผยความจริงที่ว่า เขาไม่ได้ชั่วร้ายอย่างที่คิด…
หนึ่งในโจรสลัดมีชื่อเสียงที่เหล่าแฟนคลับในเรื่องนี้หรือคนทั่วไปบางคนจะรู้จักกันดีอย่าง เคราดำ ชื่อเสียงของเขาคือความโหดร้าย ป่าเถื่อน ไล่ฆ่าและถล่มเรือไปหลายลำ แท้จริงแล้วกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ชื่อของเขาจริงๆ คือ Edward Thatch ไม่ใช่ Teach อย่างที่ทุกคนเข้าใจมาตลอด ยิ่งไปกว่านั้นได้มีการกล่าวถึงเขาว่าในความเป็นจริงเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง ไม่เหมือนกับที่ถูกแต่งเรื่องขึ้นมามากมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เมื่อนักประวัติศาสตร์ชื่อ Collin Woodward ออกมาบอกว่า หากย้อนกลับไปดูความจริงที่เกิดขึ้นในสมัยก่อน ไม่มีหลักฐานชิ้นไหนบอกได้เลยว่า… โจรสลัดคนนี้เคยฆ่าใครมาก่อน นอกจากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่เขาถูกตัดหัวเท่านั้นเอง แถมยังเป็นคนที่สามารถใช้อำนาจจัดการปัญหาได้อย่างมีความยุติธรรมอีกด้วย ความโหดร้ายป่าเถื่อนทั้งหมด เป็นเพียงการกุข่าวขึ้นมาของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ต้องการจะจับเขาอย่างถูกกฎหมายเท่านั้นเอง ทำให้ตำนานเหล่านั้นเล่าต่อกันมาให้เขาเป็นตัวร้ายในการ์ตูน หนัง หรือแม้แต่เกมดังอย่าง Assassin’s Creed Black Flag ย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นการของชายคนนี้ที่เกิดในเมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษ ปี 1680 ชีวิตในช่วงแรกไม่มีการกล่าวถึงกันมากนัก จนเมื่อเขาตัดสินใจนำเรือของตัวเองออกทะเลในฐานะโจรสลัดที่ถูกกฎหมาย ในช่วงสงครามสืบราชบัลลังก์ของสเปน และได้เข้าปล้นเรือหลายลำแถวหมู่เกาะอินเดียตะวันตก กระทั่งกลายเป็นโจรสลัดที่ผิดกฎหมายจริงๆ เมื่อสงครามจบลงในปี 1713 การ์ตูนดังอย่าง One Piece ก็มีเคราดำเหมือนกันนะเออ ต่อมาปี 1716 ได้เข้าไปเป็นลูกน้องของโจรสลัด Benjamin…
-
เบื่อการนอนกรน!? ขอเสนอวิธีบริหารช่องคอเพียง 5 นาทีต่อวัน ช่วยขจัดปัญหาของคุณได้ง่ายๆ
ปัญหาการนอนกรนคือเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ ในคนทุกเพศทุกวัย ตามสถิติ 60 เปอร์เซนต์ของประชากรทั้งหมด จะส่งเสียงกรนออกมาในเวลากลางคืน แน่นอนว่าคนที่นอนอยู่กับคุณคงจะต้องไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ ที่ต้องถูกปลุกหรือทำให้หลับไม่ลง อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่าคุณมีสุขภาพที่ไม่ดีในช่วงนั้นๆ ด้วย เพราะว่าสิ่งนี้เกิดจากอาการติดๆ ขัดๆ ของการนำอากาศเข้าไปในเวลานอน เป็นปัญหาส่วนของเนื้อเยื่อที่อยู่ในลำคอ และบริเวณใต้ลิ้น แน่นอนว่าถ้าหากคุณมีน้ำหนักที่มากเกินไปด้วยแล้ว ก็จะเกิดปัญหานี้ได้ง่ายกว่าปกติอย่างมาก รวมทั้งการดื่มแอลกอฮอล์เองก็เช่นกัน เพราะว่ามันจะทำให้กล้ามเนื้อในส่วนนั้นของคุณผ่อนคลายมากเกินไป คนที่นอนอยู่ข้างๆ จะต้องเสียเวลาถึง 90 นาทีในช่วงของการนอนหลับ ทำให้เกิดปัญหาพักผ่อนไม่เพียงพอ ตามมาด้วยอาการป่วยทั้งกายและใจ ก่อให้เกิดอารมณ์เสียได้ง่ายๆ ดังนั้นคนที่ยังคงนอนกรนและไม่ใส่ใจในเรื่องนี้อยู่ ต้องรีบหันมาแก้ไขโดยด่วน แต่ไม่จำเป็นต้องออกไปซื้อยา หรือเครื่องมือที่บอกว่าช่วยได้มาใช้ เพราะแท้จริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องเสียเงินเลย ขอเพียงแค่คุณออกกำลังกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ หรือไม่อย่างนั้นเราขอแนะนำวิธีนี้ ที่ใช้เวลาเพียง 5 นาทีต่อวันเท่านั้นเอง นี่คือการบริหารช่องคอของคุณแบบง่ายๆ สามารถทำได้ตอนแปรงฟันเช้าเย็น เพื่อบรรเทาอาการนอนกรนได้ ซึ่งผู้ให้คำปรึกษาและคนไข้หลายๆ ราย ในอังกฤษได้ยืนยันแล้วว่ามันช่วยได้จริง ว่าแล้วก็ลองไปดูกันเลย 1.แลบลิ้นออกมาให้มากที่สุด พยายามเอาปลายลิ้นไปแตะจมูก คาง และแก้มซ้ายขวา ทำอย่างรวดเร็ว…
-
ประโยชน์ 15 อย่างของ “มะนาว” ทำให้คุณรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดในโลก
สิ่งที่เราพบเห็นกันในชีวิตประจำวันบางทีอาจมีประโยชน์ในการใช้งานมากกว่าที่คุณคิดหรือคาดไม่ถึงก็ได้ อย่างเช่นที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้คือ มะนาว ผลไม้ที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี แน่นอนว่ามันสามารถกินได้ ผ่านการประยุกต์ใช้ให้มันกลายเป็นเครื่องปรุงรสในอาหารต่างๆ มากกว่าที่จะบีบมันเข้าปากเพียวๆ ไม่อย่างนั้นก็คงจะเปรี้ยวจี๊ดขึ้นสมองกันแน่ๆ แต่หลักๆ ที่จะมาพูดในวันนี้ ไม่ได้จะบอกว่ามันสามารถนำไปกินอย่างไรได้บ้าง เราจะพูดถึงประโยชน์อีกมากมาย ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนของเจ้าสิ่งนี้ว่ามันเจ๋งขนาดไหน ว่าแล้วก็ลองไปดูกันเลย สุดยอดแห่งการเป็นน้ำยาทำความสะอาด ปอกเปลือกมะนาวแช่ไว้ในน้ำส้มสายชูปริมาณ 150 มิลลิลิตร ทิ้งไว้ข้ามคืน เช้ามานำน้ำเปล่ามาเทผสมไปอีก 150 มิลลิลิตร เท่านี้ก็เรียบร้อย แบ่งใส่ขวดฟ็อกกี้ คุณก็สามารถไล่ฉีดทำความสะอาดได้ทั่วบ้านแล้ว ทำความสะอาดเขียง หากคุณต้องการรักษาอายุการใช้งานของเขียงที่มีเอาไว้ วิธีการก็ไม่ยาก เพราะมะนาวช่วยคุณได้ เพียงแค่หั่นมะนาวครึ่งลูกใช้แทนแปรงขัด และโรยเกลือลงไปบนเขียงให้ได้ทำหน้าที่เป็นตัวจัดการความสกปรก จากนั้นขัดให้ทั่วเลย พอเรียบร้อยให้ทิ้งไว้ 10 – 15 นาที ทำซ้ำตามเดิม เป็นอันเรียบร้อย ทำให้ผ้าขาวสะอาดกระจ่างใส ถ้าอยากให้ผ้าของเราคงความขาวเอาไว้ ขอเพียงแค่คุณมีน้ำมะนาวกับเบกกิ้งโซดา นำทั้งสองอย่างมาผสมรวมกัน และเอาผ้ามาแช่ไว้ในนี้ 30 นาทีก่อนที่จะนำไปซัก เท่านี้ก็หมดปัญหาผ้าเหลืองแล้ว ดูแลเล็บให้มีสุขภาพดี การรักษาเล็บให้แข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี…
-
เรื่องจริงของ Peter Pan จากเด็ก 4 คนที่ไม่อยากโต สู่นวนิยายการ์ตูนอมตะตลอดกาล
แทบไม่น่าเชื่อเลยว่านิทานการ์ตูนที่เด็กๆ ทั่วโลกหลายคนคุ้นเคยกันดีอย่างเรื่อง ‘ปีเตอร์ แพน’ จะมีแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของเด็กคนหนึ่ง ที่เกิดความรู้สึกว่าตัวเองอยากเล่นสนุกอยู่เสมอ และไม่อยากโตเป็นผู้ใหญ่ ด้วยเหตุนี้เราจะขอพาไปรู้จักกับต้นกำเนิดที่มาของวรรณกรรม ‘The Little White Bird’ ซึ่งเป็นเรื่องราวต้นฉบับก่อนที่จะถูกนำมาเปลี่ยนชื่อเป็น ‘Peter Pan’ อย่างที่เรารู้จักกันดี… Sir James Barrie ผู้เขียนนวนิยายเรื่องดังกล่าว ได้แรงบันดาลใจมาจากเด็กๆ ทั้ง 5 คนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขานั่นเอง ย้อนกลับไปในปี 1897 ในช่วงนั้นชีวิตแต่งงานของ James ดูจะไม่เป็นอย่างที่เขาตั้งใจ แต่เขาก็ได้รู้จักกับเด็กๆ ทั้ง 5 ประกอบไปด้วย จอร์จ, จอห์น, ปีเตอร์, ไมเคิล และนิโคลัส เดวี่ส์ ทว่าพ่อที่แท้จริงของเด็กๆ กลับทำตัวยุ่งไม่มีเวลาดูแลลูก และด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจจึงทำให้ James กลายเป็นคุณลุงที่ดูจะเข้าใจเด็กๆ มากที่สุดในเวลานั้น ตลอดระยะเวลาที่ James ได้อาศัยอยู่กับเด็กทั้ง 5 คน ได้ก่อกำเนิดเป็นแรงบันดาลที่ทำให้เขาอยากจะนำเด็กๆ ทั้ง 5…
-
15 สิ่งที่คุณควรทำให้เป็นกิจวัตรในตอนเช้า เพราะมันจะช่วยให้ชีวิตของคุณดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
หลายคนมักจะตื่นมาและออกไปข้างนอกเลย โดยที่ไม่ได้ใช้เวลาช่วงเช้าอย่างเต็มที่ เพราะเพียงแค่อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันก็อาจทำให้ไปโรงเรียนหรือที่ทำงานสายเสียแล้ว แต่ในความเป็นจริงช่วงเวลาในตอนเช้ามีความสำคัญ เพราะมันคือจุดเริ่มต้นการใช้ชีวิตของคุณในแต่ละวัน ซึ่งวันนี้เรามีสิ่งที่คุณควรทำในช่วงเวลาที่ตื่นนอนขึ้นมา เพราะมันจะช่วยให้คุณกลายเป็นคนใหม่ได้ง่ายๆ ลองไปดูกันว่าจะมีอะไรกันบ้าง เข้านอนในขณะที่ผ้าม่านเปิดไว้ครึ่งนึง เปลี่ยนจากการตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก มาเป็นการรับแสงแดดกันดีกว่า เพราะว่ามันจะช่วยหยุดยั้งการหลั่งสารเมลาโทนินได้ ซึ่งเจ้าสารตัวนี้จะทำให้เรารู้สึกเฉื่อยชาและไม่ค่อยตื่นตัว ยิ่งไปกว่านั้นแสงอาทิตย์ยังจะช่วยกระตุ้นให้เราหลั่งอะดรีนาลีนอีกด้วยนะ สมองนี่แล่นปรื๊ดลื่นปรื๊ดเลย เริ่มต้นวันใหม่ให้เร็วกว่าปกติสัก 1 ชั่วโมง อย่างน้อยในวันหยุดก็ได้ โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ค่อยตื่นเช้าเท่าไหร่ด้วยแล้วจะเห็นผลได้ดีมาก เพราะคุณจะได้มีเวลามาออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ เพลิดเพลินกับอาหารเช้าได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งจะได้ลดความกระวนกระวายใจที่จะต้องรีบไปทำงาน เพื่อให้อารมณ์เราดียิ่งขึ้น ชะโลมร่างกายและจิตใจของตัวเอง และรู้สึกขอบคุณในสิ่งที่ตนมีอยู่ ช่วงเวลาที่คุณได้อาบน้ำ ทานอาหารเช้า แต่งตัว ลองพยายามคิดถึงสิ่งที่ตนเองเป็นในแง่บวก เพราะอย่างน้อยคุณก็มีงานทำ มีเงินมาซื้อข้าวและเครื่องแต่งกาย ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้รวยมหาศาล แต่คุณก็ยังมีชีวิตที่ดีกว่าหลายๆ คนนะ เริ่มต้นตอนเช้าด้วยการออกไปเดินเล่นสักนิดหน่อย ก่อนไปทำสิ่งอื่นๆ การออกไปเดินรับแสงอาทิตย์ในยามเช้าจะช่วยรีเซ็ตนาฬิกาชีวิตของคุณ ให้กลับมาเริ่มใหม่และมีพลังงานเพียงพอให้สามารถใช้ชีวิตผ่านไปได้ทั้งวัน และมากกว่านั้นคือหากว่าใน 1 สัปดาห์คุณใช้เวลาในการเดินรวมกันมากกว่า 3 ชั่วโมง จะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจได้มากถึง 35…
-
นักวิทยาศาสตร์ทำการศึกษา อธิบายว่า “การถูกบอกเลิก” แบบไหนที่ทำให้เราเจ็บที่สุด
ในตอนที่เราอกหักครั้งแรกตอนนั้นรู้สึกอย่างไรกันบ้าง กินไม่ได้นอนไม่หลับ รู้สึกทรมาน มีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างยากลำบาก ประมาณนั้นหรือเปล่า? แล้วครั้งนั้นเป็นครั้งที่เจ็บที่สุดมั้ย? เราสามารถถูกบอกเลิกได้หลากหลายเหตุผล ทว่าแล้วเหตุผลไหนที่เจ็บที่สุดล่ะ? นี่จึงกลายเป็นคำถามให้กับนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัย Cornell ได้ออกมาหาคำตอบกัน การถูกบอกเลิกก็คือการที่ถูกอีกฝ่ายบอกปฏิเสธนั่นเอง ผู้วิจัยจึงได้ทำการทดลองกับคน 600 คน โดยการทดลองแรกนั้นจะมีหน้าม้าเป็นผู้หญิงสองคน และผู้ชายอีกคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรอยู่รวมกัน จากนั้นพวกเขาจะมอบหมายงานบางอย่างให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง และเธอคนนั้นต้องเลือกว่าจะทำงานกับผู้หญิงอีกคน ทำงานกับผู้ชาย หรือว่าทำคนเดียว ซึ่งเธอเลือกที่จะทำกับผู้หญิงอีกคนหรือทำคนเดียวเท่านั้น และเมื่อผู้ชายไม่ได้อยู่ในการตัดสินใจของเธอเลย นั่นจะทำให้พวกเขาสามารถรับรู้ความรู้สึกของการถูกปฏิเสธได้ ส่วนการทดลองอื่นจะให้ผู้เข้าร่วมอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ใช้เวลาร่วมกันและกระตุ้นให้พวกเขาเหล่านั้นแสดงความรู้สึกออกมาว่า รู้สึกอย่างไรกันบ้างเมื่อตนเองต้องถูกปฏิเสธด้วยสาเหตุต่างๆ ในขณะที่ผู้วิจัยจะทำการสังเกตร่วมด้วย การศึกษาทั้งสองนี้เผยให้เห็นว่าการที่ต้องถูกปฏิเสธและไปเลือกคนอื่น สร้างความรุนแรงได้มากกว่าปฏิเสธด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่มีบุคคลที่สามมาเกี่ยวข้อง ดังนั้นหากว่าอกหักเพราะอีกฝ่ายไปกับอีกคน จะยิ่งสร้างความทรมานใจได้มากกว่าสิ่งอื่นใด นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “การถูกปฏิเสธจากการเปรียบเทียบ” เหตุผลที่มันมีความรุนแรงมากที่สุดก็เพราะ การปฏิเสธคือการทำให้รู้สึกถูกตัดทิ้งออกไปและลดความเป็นเจ้าของลง นั่นยิ่งทำให้รู้สึกแย่เมื่อพบว่าตนเองเป็นตัวเลือกที่แย่กว่า จากการสังเกตอื่นๆ ของผู้วิจัยพบว่า หากคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองถูกปฏิเสธเพราะอะไร ก็จะพยายามหาคำตอบให้ได้ แม้ว่าสิ่งที่ได้อาจทำให้เจ็บกว่าเดิมก็ตาม แต่ถ้าหากหาเหตุผลไม่ได้จริงๆ พวกเขาจะตีความไปเองว่าคนใหม่ที่โผล่มาในรูปของเธอคนนั้นคือคนที่เธอเลือก นักวิทยาศาสตร์เสริมให้อีกว่า มันเป็นเรื่องดีที่จะบอกให้ผู้ที่ถูกปฏิเสธรับรู้ว่าคุณไม่ได้เลิกกับเขาเพื่อไปมีคนอื่น ซึ่งจะทำให้เขาเหล่านั้นรู้สึกดีขึ้น แต่หากว่าไปมีคนอื่นจริงๆ การแสดงออกว่าคนๆ นั้นดีกว่าคนเดิมก็ควรจะเก็บเอาไว้เป็นความลับให้มากที่สุด…
-
10 สิ่งที่เกิดขึ้นบนร่างกาย คุณคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาๆ แต่มันกลับพบได้ยากมาก
ในปัจจุบันคนเราหันมาใส่ใจกับสุขภาพร่างกายของตัวเองมากขึ้นก็จริง แต่ในบางครั้งเราก็ลืมสังเกต และเรียนรู้ว่าร่างกายของเรานั้นมีอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจซ่อนอยู่ และนี่คือ 10 สิ่งแปลกประหลาดในร่างกายที่น้อยคนนักจะมี แม้ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องที่แสนธรรมดาๆ แต่บอกเลยว่ามันเป็นสิ่งที่พบได้ยากมาก โดยจะสามารถพบเพียงร้อยละ 5 ของมนุษย์เท่านั้น ว่าแล้วก็มาดูกันเลย 1. ยีน LRP5 กับการเป็นยอดมนุษย์กระดูกเหล็ก โรคกระดูกพรุน เป็นโรคที่ความหนาแน่นและมวลของกระดูกลดลง ทำให้กระดูกเสื่อม เปราะบาง และแตกง่าย อย่างไรก็ตาม มีการกลายพันธุ์ของยีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า LRP5 ซึ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่ามนุษย์มีมวลกระดูกที่หนาแน่นมากกว่ามนุษย์โดยทั่วไป ทำให้กระดูกของบุคคลนั้นแทบจะไม่หักเปราะง่าย นอกจากนี้ ยังทำให้ผิวของพวกเขามีริ้วรอยน้อยลงอีกด้วย แต่ข้อเสียของการกลายพันธุ์ของยีน LRP5 คือ มันอาจเป็นเหตุให้เกิดแรงกดต่อเส้นประสาทในกะโหลกศีรษะและสมอง บางครั้งอาจนำไปสู่การสูญเสียการได้ยินได้ 2. กล้ามเนื้อพาลเมอร์ยาว กล้ามเนื้อพาลเมอร์ เป็นกล้ามเนื้อที่บรรพบุรุษของมนุษย์ใช้ในการปีนไต่ต้นไม้ โดยจะถูกส่งต่อทางพันธุกรรมจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งคุณเองก็มีกล้ามเนื้อดังกล่าวเช่นกัน ไม่เชื่อก็ลองเอานิ้วหัวแม่มือและนิ้วก้อยมาประกบกัน จากนั้นก็ยกมือขึ้นเล็กน้อย แล้วคุณก็จะเห็นกล้ามเนื้อพาลเมอร์อยู่บริเวณข้อมือ 3. “Golden” blood สำหรับหมู่เลือดชนิดนี้ ได้ถูกค้นพบเมื่อปี 1961 และจนถึงขณะนี้มีเพียง 40 คนเท่านั้นที่มีหมู่เลือดดังกล่าว และเมื่อพวกเขามีโอกาสไปบริจาคเลือด…
-
ผลวิจัยชี้… หนุ่มที่มีหนวดเคราสวยงาม จะมีความดึงดูดเพศตรงข้าม ที่มากกว่าหนุ่มหน้าใส!?
ปัจจุบันกระแสการแต่งตัวแนววินเทจกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก และหนึ่งแฟชั่นที่มาพร้อมกับการแต่งตัวแบบย้อนยุคนั่นก็คือการไว้หนวดและเคราของท่านชายนั่นเอง!! และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีผลการศึกษาชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ เกี่ยวกับผมบนหน้าของคุณผู้ชายนั่นก็คือ ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัย University of Queensland จากประเทศออสเตรเลียชี้ว่า การไว้หนวดนั้นมีผลต่อการดึงดูดเพศตรงข้าม แถมมันก็มีผลต่อความสัมพันธ์ในแบบชั่วคราวและระยะยาวอีกด้วย!! โดยในการศึกษาครั้งนี้ได้ทำการเก็บข้อมูลจากผู้หญิงถึง 8,520 คน ผู้ทดสอบจะได้ดูภาพของหนวดเคราแบบต่างๆ ก็ได้ผลการศึกษาที่แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มนั้นมีความชอบในหนวดของผู้ชายที่แตกต่างกันออกไป และความยาวกับความแข็งของหนวดก็มีผลต่อแรงดึงดูดทางเพศอีกด้วย!! ซึ่งผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Evolutionary Biology กล่าวว่า ผู้หญิงส่วนมากนั้นชื่นชอบผู้ชายที่มีหนวดแข็งๆ มากที่สุด ถัดมาก็เป็นผู้ชายที่มีหนวดเป็นตอๆ คล้ายกับเพิ่งโกนเสร็จใหม่ ส่วนพ่อหนุ่มเคราดกและคนที่หนวดเครายาวเฟื้อยนั้นกลับได้รับความนิยมน้อยที่สุด นอกจากนี้หนวดเครายังมีความเกี่ยวข้องกับระดับความสัมพันธ์ จากการศึกษาพบว่าผู้หญิงส่วนมากมักจะมองหาความสนุกจากผู้ชายที่มีหนวดเคราบางๆ และตามมาด้วยผู้ชายที่มีหนวดเครารุงรังดูไม่เรียบร้อย แต่จะไม่ค่อยอยากสานสัมพันธ์ต่อสักเท่าไหร่ ในขณะที่ชายหนุ่มที่มีเคราดกและรู้จักการดูแลผมบนใบหน้าของตัวเองนั้น จะเป็นพวกที่ได้รับความมั่นใจจากฝ่ายหญิงและทำให้พวกเธออยากจะฝากชีวิตไว้ด้วยมากกว่า ศาสตราจารย์ Barnaby Dixson หนึ่งในทีมวิจัยอธิบายเพิ่มเติมว่า ชายที่ไว้หนวดนั้นจะดูเป็นคนที่มีประสบการณ์ มีความเป็นผู้ชาย ตั้งใจจริงและมีความมั่นใจในตัวเองมากกว่า รู้แบบนี้แล้ว สงสัยต้องลองหาน้ำยาปลูกหนวด มาลองใช้บ้างแล้วล่ะ!! ที่มา nytimes
-
นักวิจัยเผย… ผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์ในระยะยาว จะมีความสนใจเรื่อง ‘เซ็กส์’ ลดน้อยลง
สำหรับใครที่คบกันมานานและเริ่มรู้สึกว่ารสชาติแห่งความรักนั้นเริ่มจะจืดจางลงไปทุกที หลายๆ ครั้งเรื่องบนเตียงก็ไม่ได้รู้สึกสนุกเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถ้าหากว่าคุณกำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ล่ะก็ วันนี้เรามีคำตอบดีๆ จากงานวิจัยมาฝากกัน เมื่อไม่นานมานี้ได้มีผลการศึกษาที่น่าสนใจชิ้นหนึ่ง เผยว่าหลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่กันมาอย่างยาวนานแล้ว ฝ่ายผู้หญิงจะมีความสนใจในเรื่องบนเตียงลดลงมากกว่าฝ่ายชาย!! ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการอย่าง BMJ Open ที่ได้ทำการสำรวจจากประชากรชาวอังกฤษในช่วงอายุ 16-74 ปี โดยแบ่งเป็นชาย 4,839 คน และหญิง 6,669 คน โดยพบว่าผู้ชายมากกว่า 15 เปอร์เซ็นต์และผู้หญิงอีกกว่า 34.2 เปอร์เซ็นต์ มีความสนใจทางเพศลดลงเมื่อผ่านไปแล้ว 3 เดือนหรือหลังจากคบกันในปีแรกๆ ซึ่งสาเหตุในดังกล่าวนั้นเป็นผลมาจากเรื่องของอายุ สุขภาพ และสภาพจิตใจของกลุ่มตัวอย่าง นอกจากนี้นักวิจัยยังพบว่าผู้หญิงส่วนมาก จะหมดความสนใจเรื่องเพศหลังจากที่คบหาฝ่ายชายมาได้ประมาณ 1 ปี แต่อย่างไรก็ตามนักวิจัยแนะนำว่าปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ โดยการหันหน้าเข้าหากัน ซึ่งพวกเขาพบว่าการพูดคุยเรื่องกิจกรรมเข้าจังหวะระหว่างคู่รักนั้น จะช่วยให้ปัญหาดังกล่าวลดลงได้ ทางด้านคุณ Cynthia Graham หนึ่งในทีมวิจัยจากศูนย์วิจัยสุขภาพทางเพศของ University of Southampton ได้ออกมาอธิบายถึงปัจจัย ที่มีผลต่อความสนใจเรื่องเพศของชายและหญิงว่า “สำหรับผู้หญิงแล้วสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้เรื่องเพศนั้นยังคงเป็นที่สนใจอยู่นั้นก็คือคุณภาพและความความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน นอกจากนี้ยังรวมถึงการพูดคุยกับคู่รักอีกด้วย และอีกสิ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันก็คือ การแก้ปัญหาเรื่องความสนใจทางเพศ โดยคู่รักนั้นจะต้องมองหลายๆ…
-
11 เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถสังเกตได้ว่าคุณอ่ะ… กำลัง “ตกหลุมรัก” เข้าแล้ว
ความรักมีได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรักกันในครอบครัว รักแบบพี่น้อง รักเพื่อน รักสัตว์ รักสิ่งของต่างๆ หรือรักแบบคนรักเองก็เช่นกัน แล้วคุณจะรู้ได้ยังไงว่าได้รักใครไปแล้ว คุณคิดไปเองหรือว่ามันเกิดขึ้นจริงกันแน่นะ? นอกเหนือจากสิ่งที่คุณเดาเอาจากความคิดความรู้สึกแล้ว เรื่องนี้ยังสามารถทราบได้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ เพราะร่างกายของคุณเองก็เกิดปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน ว่าแล้วก็ลองไปดูกันซะหน่อยว่าจะมีข้อสังเกตอะไรกันบ้าง มองแต่เธอหรือเขาอยู่ตลอด หากคุณถูกจับได้ว่าแอบมองใครสักคนอยู่ อาจหมายความว่าคุณกำลังตกหลุมรักเขาหรือเธอคนนั้นไปแล้ว เพราะว่าการที่เราจ้องอะไรสักอย่างอยู่ นั่นคือกำลังให้ความสนใจกับสิ่งๆ นั้น กับคนที่เรารักเองก็เช่นกัน การศึกษาพบอีกว่าคู่รักที่มักจะสบตากันไม่ยอมละสายตาไปไหน แสดงว่าทั้งสองคนมีสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกว่าคู่ที่ไม่ได้ทำ ขณะเดียวกันหากคนแปลกหน้าสองคนสบตากันนานกว่า 1 นาที ความรักของทั้งสองอาจกำลังเบ่งบานอยู่ก็เป็นได้ รู้สึกเหมือนกำลังมึนเมา เมามายและหลงใหลไปกับความรักนั้นคือเรื่องจริง เพราะจากการศึกษาของสถาบัน Kinsey บอกไว้ว่า สมองของผู้ที่กำลังมีความรักจะดูเหมือนสมองของคนที่เสพโคเคน ส่วนหนึ่งเกิดจากสารโดพามีน (Dopamine) ที่หลั่งออกมาเหมือนกัน ข้าวใหม่ปลามันทั้งหลายถึงได้ดูเหมือนรักกันปานจะกลืนกินยังไงละ คิดถึงแต่คนคนนั้น เวลาที่รักใครสักคนก็เป็นเรื่องยากที่จะเอาเขาออกไปจากสมองของเราได้ นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะก็เป็นสิ่งที่ร่างกายทำให้เราเป็นแบบนั้น เมื่อสมองหลั่งสารฟีนิลเอธิลามีน (Phenylethylamine) หรืออีกชื่อคือสารแห่งความรัก เจ้าตัวนี้แหละที่ทำให้คุณหลงใหลในตัวของคนๆ นั้น และอาจคุ้นเคยกันดีสำหรับบางคน ในเมื่อมันเป็นสารเดียวกันกับที่มีในช็อกโกแลต ที่จะทำให้คุณไม่อาจหยุดกินมันได้เลย ต้องการให้เขาหรือเธอมีความสุข ความรักคือความเท่าเทียม…
-
เปรียบเทียบ 16 สิ่งที่เปลี่ยนไป เมื่อ “โดราเอม่อน” จากญี่ปุ่น ถูกดิสนีย์เอาไปฉายในอเมริกา
ความทรงจำในวัยเด็กเกี่ยวกับการ์ตูนเต็มไปด้วยความสนุกสนานเฮฮา แต่ถ้าหากเราลองมาดูในตอนที่โตขึ้นแล้วกลับพบว่าการ์ตูนเด็กๆ เหล่านี้… กลับซ่อนรายละเอียดอะไรบางอย่างโดยที่เราไม่ทันสังเกตเลย อย่างเช่นความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ของการ์ตูนเรื่องเดียวกันแต่มีสองเวอร์ชั่นทั้งในและต่างประเทศ กรณีที่จะหยิบยกมาให้ชมกันในครั้งนี้ก็คือเรื่อง ‘โดราเอม่อน’ คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณการ์ตูนเรื่องนี้ให้มากมาย #เหมียวเลเซอร์ เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้จักกันดี แต่รายละเอียดในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นกับอเมริกันที่ดีสนีย์ซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายนั้นมีจุดที่แตกต่างกันดังต่อไปนี้ ว่ากันด้วยเรื่องของชื่อตัวละคร 1. Nobita ซึ่งเป็นชื่อญี่ปุ่นก็ถูกเปลี่ยนเป็น Noby ปกติตัวละครเอกของเราจะมีชื่อว่า ‘โนบิตะ’ มีนามสกุลว่า ‘โนบิ’ ซึ่งถ้าหากให้ชาวตะวันตกอ่านออกเสียงจะเป็น Nobi หรือ Noby ทำให้เข้าใจผิดเป็น Nobody ไปซะงั้น แต่ก็ยังเรียกว่า Noby นั่นแหละ อีกทั้งยังเปลี่ยนชื่อตัวละครอื่นๆ ด้วยเช่น ชิซูกะ – Sue, ซึเนโอะ – Sneech, ไจแอ้นท์ – Big G ส่วนน้องสาวไจแอ้นท์ ไจโกะ เปลี่ยนเป็น Little G 2. Suneo ก็มีชื่ออเมริกันเก๋ๆ ว่า Sneech …
-
25 เหตุผลดีๆ จากงาน Open House ที่ทำให้ “ม.กรุงเทพ” เป็นสถาบันน่าเรียนแห่งยุค
สำหรับใครที่ได้มีโอกาสผ่านไปแถวๆ มหาวิทยาลัยกรุงเทพเมื่อช่วงประมาณวันที่ 31 สิงหาคมถึง 2 กันยายนที่ผ่านมา อาจะเกิดความสงสัยว่าทำไมช่วงนี้คนเยอะเป็นพิเศษ ไม่ต้องแปลกใจกันหรอกก็เพราะว่าที่นี่เค้าเพิ่งมีงานมหกรรมการศึกษาที่น่าสนใจอย่าง Open House ประจำปี 2560 ของชาว BU ที่มีน้องๆ นักเรียนและผู้ที่สนใจมาร่วมงานกว่า 20,000 คนกันเลยทีเดียว และในงานนี้ก็เป็นโอกาสอันดีให้ทางนักศึกษา ม.กรุงเทพ ได้แสดงศักยภาพ และนำเสนอสิ่งดีๆ ที่ทางสถาบันได้ให้แก่พวกเขา มาถ่ายทอดให้น้องๆ อีกต่อหนึ่ง ได้เห็นภาพบรรยากาศในงานแล้วหลายคนอาจจะอยากไปเรียนสถาบันแห่งนี้ก็เป็นได้ 1. เริ่มต้นกันที่หนุ่มหล่อสาวสวยจากคณะมนุษยศาสตร์และการจัดการการท่องเที่ยวที่ออกมาเดินอวดโฉมให้กับน้องๆ ผู้ร่วมงานได้ชมกันอย่างจุใจ 2. สาวๆ และหนุ่มๆ ที่มาในมาดของแอร์โฮสเตส สจ๊วต และพนักงานภาคพื้นดิน ดูดีไม่เบา 3. ยังมีเชฟจากพี่ๆ สาขาวิชาการจัดการการโรงแรม มาแจกขนมอร่อยที่พวกเขาทำขึ้นมาเอง 4. ข้ามมาที่ฝั่งของภาควิชาศิลปะการแสดง งานนี้พี่ๆ เค้าลงทุนเนรมิต Black Box Theater โรงละครของคณะให้กลายเป็นเวทีคอนเสิร์ตขนาดย่อมๆ เพื่อโชว์ศักยภาพ 5. พี่ๆ ชาว BU ขนฝีมือการแสดง ออกมาให้เหล่าน้องๆ ที่สนใจได้ดูเป็นทั้งความบันเทิงและแรงบันดาลใจ …
-
หนุ่มจืดมีเฮ!! งานวิจัยล่าสุดเผย ผู้หญิงยุคใหม่ชอบ “ผู้ชายไม่ค่อยหล่อ” มากขึ้นแล้วนะ
นี่อาจจะเป็นข่าวดีสำหรับหนุ่มจืดผู้ที่ไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นมาเท่าไหร่ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ได้มีผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Florida State University ได้เผยว่าชีวิตคู่หลังจากการแต่งงานนั้นจะราบเรียบและไม่มีปัญหาถ้าสำหรับหญิงที่แต่งงานกับหนุ่มจืด!! ในงานวิจัยครั้งนี้ได้ทำการเก็บข้อมูลจากคู่รักจำนวน 113 คู่ที่แต่งงานแล้วอย่างน้อย 4 เดือนในพื้นที่ของเมือง Dallas ซึ่งการวิจัยครั้งนี้ได้ทำการสำรวจโดยใช้แบบสอบถามเกี่ยวกับความพอใจและความรักหลังจากแต่งงานแล้ว จากการสำรวจพบว่าผลลัพธ์ที่น่าสนใจอยู่ 2 แบบ อย่างแรกนักวิจัยพบว่าชายหนุ่มมักจะรู้สึกมีความสุขเมื่อพวกเขาได้คู่รักที่ดูดี ในงานวิจัยกล่าวว่าสามีดูเหมือนจะมีความมุ่งมั่นและตั้งใจในเรื่องต่างๆ มากขึ้นเมื่อพวกเขาได้คู่ครองที่พอใจ ส่วนผลการศึกษาอีกข้อนั่นก็คือ พวกเขาพบว่าฝ่ายผู้หญิงที่ได้สามีที่เพอร์เฟ็คนั้นพวกเธอจะต้องพยายามอย่างมากเพื่อให้ตัวเองดูดี และมีความกดดันที่จะต้องพยายามทำตัวให้เซ็กซี่ตลอดเวลา คุณ Tania Reynolds หนึ่งในทีมวิจัยกล่าวว่า “ผลการศึกษาพบว่าสามีที่ดูดีและน่าดึงดูดนั่นอาจส่งผลเสียต่อภรรยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากฝายหญิงเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ ที่ไม่น่าสนใจ ซึ่งอาจมีบทบาททางสังคมอื่นๆ ที่ทำให้พวกเธอมีพฤติกรรมที่แปลกไป” นอกจากนี้ฝ่ายชายที่ดูดีเมื่อคบกับผู้หญิงที่ธรรมดานั้นก็อาจจะมีผลในเรื่องของแรงจูงใจในการทำบุคลิกให้ดูดี “ผู้ชายดูเหมือนจะไม่มีแรงจูงใจที่จะช่วยภรรยาเมื่อพวกเขาดูดีกว่าเธอ” คุณ Tania กล่าว ที่มา thechive
-
จ่า John Clem ทหารหนุ่มวัย 10 ปี ผู้เป็นฮีโร่ในสงครามกลางเมืองของสหรัฐอเมริกา
ขึ้นชื่อว่าสงครามแล้ว แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมานั้นต้องไม่ใช่เรื่องที่น่าดีใจแน่ๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่ชนะหรือว่าผู้แพ้นั้นก็ย่อมต้องสูญเสียด้วยกันทั้งนั้น และหนึ่งในสงครามที่มีเป็นอีกหนึ่งความสูญเสียของชาวอเมริกันนั่นก็คือสงครามกลางเมืองนั่นเอง ในสงครามครั้งนี้สงผลกระทบต่อพลเมืองชาวอเมริกันทุกๆ คน ไม่เว้นแม้แต่พวกเด็กๆ วัยรุ่นนับพันคนถูกเกณฑ์เข้าร่วมรบในสงคราม หลายคนมีอายุไม่ถึง 18 ปีและหนึ่งในนั้นก็คือเจ้าหนู John Clem ทหารหนุ่มที่มีอายุเพียงแค่ 10 ขวบเท่านั้น!! และนี่ก็คือโฉมหน้าของหนูน้อยผู้นี้ เมื่อตอนอายุได้เพียง 9 ขวบเจ้าหนู Johnny ได้แอบหนีออกจากบ้านเพื่อมาสมัครเข้ากับกองทัพเพื่อร่วมรบในสงครามกลางเมือง ถึงแม้ว่าในตอนแรกความต้องการของเจ้าหนูจะถูกปฏิเสธ แต่ด้วยความพยายามอยู่หลายครั้งในที่สุดเด็กน้อยก็ได้เข้าร่วมกับกองทหารราบที่ 22 ของมิชิแกน จนกระทั่งเมื่อปี 1862 เจ้าหนูได้เข้าสังกัดในกองดุริยางค์ทหาร เขาทำหน้าที่เป็นพลลั่นกองและได้รับเงินเดือนครั้งแรกประมาณ 450 บาท จากนั้นจึงได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมกองทัพอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1863 สมรภูมิแรกที่เขาได้มีส่วนร่วมคือสมรภูมิไชโลห์ เขาได้เข้าไปอยู่ในจุดที่มีการปะทะดุเดือนที่สุด และทันใดนั้นเอง บังเอิญมีกระสุนลูกหนึ่งพุ่งมาตกใกล้ๆ เขา แม้เขาจะไม่ได้ถูกโจมตีโดยตรง แต่สะเก็ดกระสุนก็พุ่งทะลุกลองและปะทะเข้ากับตัวเขาจนสลบเหมือดไป โชคดีเขาถูกช่วยเหลือได้ทันเวลาและถูกนำตัวออกนอกสมรภูมิไป นับแต่นั้นมาเขาก็ถูกตั้งฉายาว่า จอห์นนี่แห่งไชโลห์ (Johnny Shiloh) แต่การต่อสู้ของเจ้าหนูน้อยคนนี้ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ หนึ่งในวีรกรรมอันกล้าหารของเจ้าหนูก็คือการไม่ยอมจำนนต่อคำสั่งของฝ่ายศัตรู ครั้งหนึ่งในสมรภูมิแห่งชิคามัวกา เขาได้เข้าไปอยู่ในกองทหารปืนคาบศิลาแทนการถือกลอง ในระหว่างการสู้รบ…
-
บทเรียนจาก The Rock หมาป่วยเพราะกินเห็ดพิษ พร้อมแนะ 10 อาหารที่หมาควรเลี่ยง
สำหรับใครที่ติดตามอินสตราแกรมของ Dwayne Johnson หรือพี่ The Rock ของเราอยู่ ก็คงจะทราบกันเป็นอย่างดีว่าพ่อหนุ่มกล้ามโตท่านนี้ได้เลี้ยงเจ้าตูบไว้เป็นเพื่อนเช่นกัน!! และเมื่อไม่นานมานี้ก็เกิดเรื่องอันแสนเศร้าขึ้นกับเจ้าตูบของเขา หลังจากที่มันถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนและจากโลกนี้ไปอย่างน่าเศร้า เพราะดันเผลอกินเห็ดพิษเข้าไป!! สำหรับใครที่เลี้ยงเจ้าตูบอยู่นั้นก็อาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า ไม่ใช่อาหารทุกประเภทหรอกนะที่จะเอาเข้าปากสุนัขได้ และเพื่อเป็นการย้ำเตือนหรือเผื่อใครที่ยังไม่รู้วันนี้เราก็มีอาหาร 10 ชนิดที่ควรเอาออกห่างๆ น้องหมามาฝากกัน 1. ช็อกโกแลต นี่อาจจะเป็นอาหารต้องห้ามพื้นฐานที่คนเลี้ยงสุนัขทุกคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้ว สาเหตุที่ทำให้ขนมหวานชนิดนี้เป็นอันตรายสำหรับเจ้าตูบนั่นก็คือส่วนผสมของคาเฟอีนและธีโอโบรมีนที่อยู่ภายในนั่นเอง ซึ่งอาจจะทำให้น้องหมาอาเจียร ชัก และอาจเสียชีวิตได้ 2. ต้นปาล์มสาคู พืชชนิดนี้เป็นอันตรายต่อเหล่าน้องหมาอย่างมาก เพราะเพียงแค่เม็ดเดียวก็อาจทำอันตรายให้กับตับของพวกเจ้าตูบได้แล้ว 3. แป้งโดว์สำหรับทำขนมปัง โดยทั่วไปแล้วกระเพาะอาหารของน้องหมาหรือเจ้าเหมียวนั้นมีอุณหภูมิที่พอเหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของยีสต์ ดังนั้นถ้าหากว่าพวกมันเผลอกินแป้งโดว์สำหรับทำขนมปังหรือยีสต์เข้าไปล่ะก็ อาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืด และทำให้เลือดไหลเวียนได้ยาก 4. ฮ็อป สำหรับใครที่กำลังตื่นเต้นกับการทำคราฟเบียร์ล่ะก็ เราขอเตือนให้คุณเก็บฮ็อปเอาไว้ไกลๆ เหล่าเจ้าตูบและน้องเหมียวกันเลย เพราะพืชที่มีกลิ่นหอมนี้อาจจะทำให้พวกมันมีอุณหภูมิร่างกายที่สูงในระดับอันตรายได้เลย 5. ถั่วแมคาเดเมีย ถั่วแสนอร่อยนี้อาจจะเป็นของโปรดสำหรับใครหลายๆ คน แต่ไม่ใช่สำหรับเหล่าเจ้าตูบแน่ๆ เพราะมันสามารถทำให้พวกน้องหมามีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาเจียร และอุณหภูมิร่างกายสูงในระดับอันตรายได้ภายใน 12 ชั่วโมง 6.…
-
เอาใจคนรักการอ่านกับ 12 หนังสือชุดน่าสะสม อ่านสนุกไม่รู้จบ หนอนหนังสือควรมีเก็บไว้!!
สำหรับใครที่เป็นหนอนหนังสือตัวจริง การได้ใช้เวลาในวันหยุดกับหนังสือเล่มโปรดสักเล่มนี่มันสวรรค์ชัดๆ และยิ่งถ้าหากได้อ่านนวนิยายดีๆ ซักหนึ่งชุด ก็สามารถนั่งอ่านเพลินๆ ได้ทั้งวันโดยที่ไม่ต้องลุกไปไหนเลยล่ะ ถ้าหากว่าคุณเป็นหนอนหนังสือ รักการอ่าน แต่ไม่รู้ว่าจะอ่านอะไรในช่วงนี้ #เหมียวมู่ทู่ ก็มีหนังสือชุดเหมาะแก่การอ่านและเก็บสะสมไว้มาแนะนำกัน ส่วนจะมีเรื่องไหนที่น่าซื้อมาสะสมบ้างนั้นไปชมกันได้เลย… 1. A Song of Ice and Fire ผู้แต่ง George R. R. Martin (ต้นกำเนิดทีวีซีรีส์ Game of Thrones อันโด่งดัง) ถ้าหากใครที่เป็นแฟนซีรีส์เรื่องดังอย่างมหาศึกชิงบัลลังก์ ขอแนะนำเลยว่าห้ามพลาดหนังสือชุดนี้เด็ดขาด เพราะมันจะทำให้คุณได้รู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ในเนื้อเรื่อง 2. Harry Potter ผู้แต่ง J.K. Rowling เรื่องราวของพ่อมดน้อยแฮร์รี่ และการผจญภัยในโลกเวทย์มนตร์ คงไม่ต้องเล่าถึงความสุดยอดของหนังสือเล่มนี้กันให้เสียเวลา เอาเป็นว่าชาวมักเกิ้ลอย่างเราๆ ควรมีเก็บไว้ก็แล้วกัน!! 3. Sherlock Holmes ผู้แต่ง Sir Arthur Conan Doyle เรื่องราวของยอดนักสืบและคู่หูของเขาคุณหมอ จอห์น เอช. วอตสัน ที่จะคอยไขคดีความยากๆ ทั้งสนุกและน่าตื่นเต้น ใครที่ชอบนิยายแนวสืบสวนสอบสวนล่ะก็บอกเลยว่าห้ามพลาด…
-
8 สิ่งที่เราเคยได้ยินมาตลอด แต่กลับไม่เคยเห็น “หน้าตาที่แท้จริง” ของมันซะอย่างนั้น
บนโลกของเราใบนี้มีสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ มากมาย ที่เรารู้จัก และเคยได้ยิน แต่ทว่าเรากลับไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าหน้าตาที่แท้จริงของมันเป็นอย่างไร และในครั้งนี้ #เหมียวขี้อ้อน ก็จะขอยกตัวอย่าง 8 สิ่งที่เราเคยได้ยินมา แต่กลับไม่เคยเห็นหน้าตาของมันเลย ว่าแล้วก็มาดูกันดีกว่า ว่ามีอะไรบ้าง 8. กล่องดำ หลายคนคงรู้จักกล่องดำ ซึ่งในปัจจุบันนั้น กล่องดำจะมีลักษณะเป็นลูกกลมๆ สีส้ม โดยที่มาของชื่อกล่องดำก็มีหลายอย่างด้วยกัน เช่น -เครื่องบันทึกการบินเครื่องแรกจะมีกล่องสีดำและเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า -ข้อมูลที่อยู่ในกล่องดำยังคงเป็นปริศนาสำหรับทุกคนมาจนถึงทุกวันนี้ -เครื่องบันทึกการบินครั้งแรกเคยถูกปกคลุมด้วยเขม่าดำ หลังจากที่เครื่องบินตก 7. DNA เพื่อนๆ คงรู้จัก DNA และเคยเห็นหน้าตาของมันในหนังสือเรียน ที่จะมีลักษณะบิดเป็นเกลียว แต่ในความจริงแล้วมันกลับมีหน้าตาต่างจากที่เราเคยเห็นมาโดยสิ้นเชิง และมีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าเราสามารถมองเห็น DNA ได้ด้วยตาเปล่า เพราะโมเลกุลของมันมีความยาว DNA อาจมีลักษณะที่คล้ายกับเส้นด้าย ที่สามารถเอาพันรอบไม้เสียบเนื้อได้ หรือไม่มันก็อาจจะแห้งแล้วกลายเป็นเส้นใยเหมือนในภาพ 6. ช้างมาสโตดอน ช้างมาสโตดอนเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ ที่มีงวงและงาที่ใหญ่ยักษ์ โดยเจ้าช้างเหล่านี้ได้อาศัยอยู่บนโลกของเราก่อนที่จะมีแมมมอธซะอีก ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว พวกมันก็มีความคล้ายแมมมอธเช่นกัน บางครั้งก็ทำให้เราสับสนระหว่างเจ้าสองตัวนี้ได้ 5. ยิบรอลตาร์…
-
ผู้เชี่ยวชาญศึกษาเหล่า “เศรษฐีอายนุ้อย” เป็นเวลากว่า 5 ปี เพื่อไขเคล็ดลับว่า พวกเขามีอะไรเหมือนกัน!?
ในยุคปัจจุบันเรามักจะเห็นหนุ่มสาวมากมายที่ประสบความสำเร็จกันตั้งแต่อายุน้อยๆ หลายคนที่ก้าวขึ้นมาเป็นเศรษฐีกันตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30 ปีก็มีให้เห็นอยู่มากมาย และแน่นอนว่าพวกเราก็คงอยากจะรู้กันใช่ไหมล่ะว่าวัยรุ่นเหล่านั้นเค้ามีเคล็ดลับอะไรกันนะ?? เมื่อไม่นานมานี้คุณ Thomas C. Corley นักข่าวจาก ฺBusinessinsider ได้สัมภาษณ์เศรษฐีอายุน้อยถึง 233 คน และมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์นั้นสามารถสร้างทรัพย์สินขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเศรษฐีแต่ละคน ที่เข้ามารับการสัมภาษณ์นั้น มีรายได้ขั้นต่ำต่อปีมากกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไป และมีทรัพย์สินมากถึงหนึ่งหมื่นล้านบาทเลยทีเดียว!! คุณ Thomas กล่าวว่าเขาได้เรียนรู้จากเศรษฐีหลายๆ คนว่าการประสบความสำเร็จนั้นจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน และคุณลักษณะนิสัยก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ ซึ่งหนึ่งในคุณสมบัติที่หลายๆ คนมีนั่นก็คือ นิสัยของการมองไปที่อนาคต นั่นเอง การตัดสินใจและการเลือกทำอะไรบางสิ่งบางอย่างจะส่งผลถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของพวกเขา และการเสียสละบางสิ่งบางอย่างในปัจจุบัน เพื่อผลลัพธ์ในอนาคตนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย และอาจต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด บางครั้งพวกเขาอาจจะต้องเสียสละความสุขในปัจจุบันอย่างเช่นการใช้จ่าย การใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อน เพื่อทำตามความฝันของตัวเอง พวกเขาเลือกที่แลกเพราะว่ามันจะได้ในสิ่งที่คุ้มค่า การเลือกที่จะประสบความสำเร็จนั้นคุณจำเป็นจะต้องออกจากพื้นที่ปลอดภัย คุณจะต้องเอาชนะอุปสรรค์มากมายที่เข้ามา และอาจจะมีหลายอย่างที่ไม่เป็นไปตามแผนของคุณ สิ่งที่คุณกำลังตั้งใจอยู่ในทุกวันนี้ส่งผลกระทบกับอนาคตคุณหรือไม่ และสิ่งที่คุณกำลังจะตั้งใจผ่านมันไปให้ได้ในวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ มันส่งผลกับอนาคตในระยะยาวของคุณอย่างไร?? สำหรับใครที่กำลังพุ่งเป้าไปที่วันพรุ่งนี้ และเดิมพันกับความสำเร็จในอนาคตของคุณ ซึ่งสิ่งที่ใช้ในการเดิมพันกับอนาคตนั้นอาจจะเป็นเงิน เวลา หรือความสุขทางใจ คุณ Thomas กล่าวว่าเหตุผลที่ทำให้คนส่วนน้อยก้าวขึ้นมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จและเป็นคนที่ร่ำรวยนั้นก็เพราะว่าพวกเขากล้าที่จะวางเดิมพันเพื่ออนาคตตัวเอง ซึ่งอันที่จริงแล้วเดิมพันที่ว่านี้อาจจะไม่ใช่เงินที่คุณต้องจ่ายเพียงอย่างเดียว แต่มันคือสิ่งที่คุณแลกมันเพื่อความฝันของตัวเองและเพื่อทำให้ฝันนั้นเป็นความจริงในที่สุด…
-
เก็บตกบรรยากาศงาน Open House ม.กรุงเทพ จัดเต็มแบบไม่มีกั๊ก จนรู้สึกน่าไปเรียนม๊ากมาก!!
ปิดฉากลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับงาน Open House ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพประจำปี 2560 เรียกได้ว่างานนนี้ชาว ม.กรุงเทพ เค้าได้ยกมหกรรมความรู้คู่ความบันเทิงมาเสิร์ฟให้น้องๆ นักเรียนแบบจัดเต็มกันเลยทีเดียว ถึงแม้ว่างานจะผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ความอลังการและนิทรรศการต่างๆ นั้นยังคงเป็นที่พูดถึงกันอย่างไม่ขาดสาย และวันนี้เราก็ได้รวบรวมภาพกิจกรรมต่างๆ จากงานวันนั้นมาฝากทุกคนกัน จะอลังกาลงานสร้างแค่ไหนนั้นไปชมกันเลย… เริ่มต้นกันที่โชว์จากคณะมนุษยศาสตร์และการจัดการการท่องเที่ยวกันที่ยกขบวนพาเรดของหนุ่มหล่อสาวสวยของคณะ มาเดินแฟชั่นโชว์เครื่องแบบอาชีพต่างๆ ให้ผู้ร่วมงานได้ชมกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชุดเป็นแอร์โฮสเตส สจ๊วตและพนักงานภาคพื้นดิน รวมไปถึงชุด Front Officer ชุดบาร์เทนเดอร์ และชุดเชฟ ที่ขนมากันแบบจัดเต็มสุดๆ หนุ่มหล่อสาวสวยจากที่ออกมาเดินอวดโฉมให้กับน้องๆ ผู้ร่วมงานได้ชมกันอย่างจุใจ ว้าววว!! น้องๆ จากภาควิชาการจัดการธุรกิจสายการบิน ที่มาในชุดของแอร์โฮสเตส สจ๊วตและพนักงานภาคพื้นดิน เท่านั้นยังไม่หมดนะ!! ยังมีชุดเชฟจากน้องๆ สาขาวิชาการจัดการการโรงแรมอีกด้วย ส่วนอีกหนึ่งโชว์ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่แพ้กันเลยนั่นก็คือคณะนิติศาสตร์ ที่งานนนี้พวกเขาได้จำลองการพิจารณาคดีฆาตกรรมสุดระทึกมาให้ชมอย่างสมจริง เพื่อให้น้องๆ ได้สัมผัสบรรยากาศห้องพิจารณาคดีในศาลและการชิงไหวชิงพริบกันเหมือนเป็นหนังแนวสืบสวนเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว และเท่านั้นยังไม่พอ ยังมีโชว์ของภาควิชาศิลปะการแสดงที่เนรมิต Black Box Theater โรงละครของคณะนิเทศศาสตร์ ให้กลายเป็นเวทีคอนเสิร์ตแสงสีตระการตา พร้อมกับการแสดงของน้องๆ นักศึกษา เรียกได้ว่าจัดเต็มทุกรอบการแสดงเพื่อแขกผู้เข้าชมกันเลยทีเดียว การแสดงบนเวทีแบบจัดเต็ม เหมือนกับอยู่ในห้องส่งรายการประกวดร้องเพลงเลยนะเนี่ย นอกจากการแสดงสุดอลังการแล้ว งานนี้ยังมีการขนผลงานทางวิชาการและสิ่งประดิษฐ์เจ๋งๆ มากมายออกมาให้น้องๆ และผู้ร่วมงานได้ชมกันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ได้ขนสุดยอดนวัตกรรมมออกมาแสดงให้เห็นเพียบ ทั้ง ไม้เท้าตาวิเศษสำหรับผู้พิการทางสายตา ที่จะส่งสัญญาณเตือนเมื่อเจอสิ่งกีดขวาง…
-
มาดูกันว่า “พายุ” แต่ละลูกที่เคยเกิดขึ้นบนโลก มันยิ่งใหญ่และรุนแรงขนาดไหน
ช่วงนี้เพื่อนๆ คงได้ยินข่าวพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์และเออร์ม่าที่ได้เข้าโจมตีหลายๆ ประเทศในช่วงที่ผ่านมากันไปแล้ว จนสร้างความเสียหายมูลค่านับไม่ถ้วน แล้วเราเคยรู้กันบ้างหรือเปล่าว่าเจ้าพายุที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง มีขนาดและความรุนแรงขนาดไหน เมื่อเทียบกับที่เคยเกิดขึ้นมาบนโลกของเราทั้งหมด แชนแนลยูทูปที่มีชื่อว่า Reigarw Comparisons ก็ได้ออกมาให้คำตอบ และเรียงลำดับให้เราดูกันไปเลย ว่าพายุที่ใหญ่ที่สุด มันจะซักแค่ไหนกันเชียว ดูจากด้านบนเริ่มจากขนาดเล็กที่สุดคือพายุโซนร้อน Marco เส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 37 กิโลเมตร นับว่าอยู่ในกลุ่มที่ 1 ทำได้เพียงแค่ ถอนรากต้นไม้เล็กๆ ส่วนเฮอร์ริเคน Andrew ใหญ่สุดในรูปด้านบน เส้นผ่านศูนย์กลางยาว 300 กิโลเมตร เพิ่มขึ้นมาเกือบ 10 เท่า และอยู่ในระดับ 5 เป็นกลุ่มที่รุนแรงที่สุด สามารถยกรถบรรทุก ทำลายอาคารขนาดเล็ก และทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ได้ ทว่าที่น่ากลัวที่สุดในภาพนั้นคงเป็นไซโคลน Bhola แม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า เส้นผ่านศูนย์กลาง แต่มันก็ได้คร่าชีวิตคนไปมากถึง 5 แสนคน ซึ่งสูงที่สุดที่เคยมีมาแล้ว ตอนนี้เราก็จะได้เห็นขนาดของเฮอร์ริเคน Harvey กันแล้ว เส้นผ่านศูนย์กลาง 400 กิโลเมตร…
-
นักสถิติเผย มนุษย์ไม่สามารถมีอายุยืนได้ถึงหมื่นๆ ปี แต่สูงสุดได้แค่ 115 ปีเท่านั้น!!
หนึ่งในคำถามที่หลายๆ คนมักจะสงสัยเกี่ยวกับชีวิตของคนเรา นอกจากตายแล้วไปไหน ก็น่าจะเป็นคำถามที่ว่าคนเราสามารถมีอายุอยู่บนโลกใบนี้ได้นานแค่ไหน และเพื่อเป็นการคลายข้อสงสัยที่ว่านี้ วันนี้เราก็มีผลการศึกษาเกี่ยวกับอายุของมนุษย์ที่น่าสนใจมาฝากกัน จากการศึกษาของ John Einmahl ศาสตราจารย์ทางสถิติได้ชี้ให้เห็นว่าจริงๆ แล้วมนุษย์เรานั้นสามารถมีอายุยืนได้สูงสุดถึง 115 ปีเลยทีเดียว!! โดยงานวิจัยชิ้นนี้ได้ศึกษาเกี่ยวกับอายุขัยของชาวดัตช์ถึง 75,000 คนในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา และพวกว่าจริงๆ แล้วคนเราสามารถมีอายุยืนได้ร้อยกว่าปีเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าในช่วงกว่า 3 ทศวรรษที่ผ่านมาค่าเฉลี่ยของอายุมนุษย์จะมีการเพิ่มขึ้น แต่เขาเชื่อมนุษย์นั้นมีอายุยืนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว นอกจากนี้ในการศึกษายังพบว่าผู้หญิงสามารถมีอายุยืนได้ถึง 115.7 ปี ในขณะที่ผู้ชายนั้นสามารถมีอายุยืนได้ที่ 114.1 ปี “โดยเฉลี่ยแล้ว มนุษย์สามารถมีอายุที่ยืนยาว และค่าเฉลี่ยของอายุคนในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด คนที่มีอายุยืนที่สุดในตอนนี้ ก็มีอายุพอๆ กับเมื่อ 30 ปีก่อน” ศาสตราจารย์ John Einmahl กล่าว แต่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าคุณปู่ Mbah Gotho จากประเทศอินโดนีเซียท่านหนี่งมีอายุมากถึง 146 ปีเลยทีเดียวโดยจากข้อมูลที่ปรากฎในเอกสารบอกว่าคุณปู่ท่านนี้เกิดเมื่อวันที่ 31 มกราคมปี 1870 แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการพิสูจน์ถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เพราะทางอินโดนีเซียนั้นเพิ่งเริ่มมีการเก็บข้อมูลประชากรเมื่อปี 1900…
-
8 วิธีที่คนฉลาดมักจะใช้จัดการกับ “คนที่ไม่ชอบ” ลองทำตามดูได้ ไม่ยากอย่างที่คิด!!
ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูสิว่า หากคุณมีคนที่ไม่ชอบอยู่ในใจ คุณจะมีวิธีรับมือ หรือจัดการกับคนเหล่านั้นได้อย่างไร? บางคนก็อาจจะคิดหาวิธีแก้แค้นต่างๆ นาๆ ในขณะที่หลายคนมีแผนการในการจัดการที่ดีกว่านั้น และนี่คือ 8 วิธีที่คนฉลาดจะนำมาใช้จัดการกับผู้คนที่เขาไม่ชอบ และมันก็ได้ผลดีซะด้วย ลองมาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง 1. พวกเขายอมรับว่าไม่มีทางที่เราจะชอบทุกคน บางครั้งเราก็มักจะคิดว่าเราเป็นคนดี และชื่นชอบทุกคนที่เข้ามาในชีวิต แต่ความจริงแล้วไม่มีทางที่เราจะชื่นชอบทุกคนหรอก เพราะผู้คนเหล่านั้นอาจไม่ได้ทำให้เรารู้สึกพอใจได้ตลอดเวลา แล้วคุณจะมีวิธีจัดการกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร แต่สำหรับคนฉลาดแล้ว พวกเขามักจะตระหนักว่าแต่ละคนย่อมมีความคิดเห็นต่อสิ่งๆ หนึ่งแตกต่างกันออกไป และความแตกต่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าคนเหล่านั้นเป็นคนไม่ดี ดังนั้น หากคุณสามารถยอมรับได้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบคุณ และคุณก็ไม่ได้ชื่นชอบทุกคน คุณก็สามารถยอมรับกับความแตกต่างได้ และนั่นอาจจะทำให้ความรู้สึกแย่ๆ ที่มีต่อกันลดน้อยลงไปด้วย 2. เผชิญหน้ากับคนที่พวกเขาไม่ชอบ การหลบหน้าคนที่ไม่ชอบอาจไม่ใช่วิถีของคนฉลาด เพราะแทนที่พวกเขาจะหลบหน้า แต่กลับเผชิญหน้ากับคู่ปรับซะเลย ยิ่งถ้าหากเจอกันแล้วมีความเห็นไม่ตรงกันก็สามารถพูดคุยกันในขณะนั้นได้ทันที แถมบางทีคนเหล่านั้นยังทำให้เราได้รู้และเข้าใจในบางสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน 3. คนฉลาดมักจะปฏิบัติต่อคนที่ไม่ชอบด้วยความสุภาพ ไม่ว่าความรู้สึกของคุณจะเป็นอย่างไรต่อคนที่ไม่ชอบ แต่ถ้าหากคุณสามารถปรับทัศนคติ และพฤติกรรมของคุณไปในทางที่ดีได้มันจะเป็นประโยชน์ต่อตัวของคุณมากเลยละ และถ้าหากคุณหยาบคาบกับผู้คนเหล่านั้น พวกเขาก็อาจจะทำกลับมาบ้าง ดังนั้น คุณควรจะปฏิบัติต่อเขาด้วยความสงบ และสุภาพหากได้เจอกัน 4. ตรวจสอบความคาดหวังของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนเราจะชอบหวังให้คนอื่นคิด…
-
7 วิธีการปลุกให้ตื่นในอดีต ก่อนมนุษย์จะรู้จัก ‘นาฬิกา’ คนสมัยก่อนมีวิธีการปลุกยังไงกันนะ?
สำหรับเราๆ ท่านๆ ที่เกิดขึ้นมาหลังยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เราก็จะถูกสอนให้รู้จักกับคำว่า ‘เวลา’ ซึ่งมันก็ไปสอดคล้องกับภาระหน้าที่ๆ ต้องทำในแต่ละวัน โดยมีตัวเลขที่มนุษย์เป็นผู้สมมุติขึ้นนี่แหละ ที่ถูกเป็นตัวกลางเพื่อใช้บอกถึงเวลาและการนัดแนะต่างๆ ทว่าก่อนที่มนุษย์จะรู้จักคำว่า ‘นาฬิกา’ วิธีการปลุกนอนยามเช้าเพื่อไปทำภาระหน้าที่ต่างๆ ของผู้คนก็ค่อนข้างแปลกใช้ได้เลย และทั้งหมดนี้คือ 7 วิธีการที่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ตอนที่ไม่มีนาฬิกามนุษย์เคยพึ่งสิ่งเหล่านี้มาแล้ว 1. ดื่มน้ำเยอะๆ ก่อนเข้านอน เคยมีโมเม้นท์ที่แบบว่า… กำลังนอนเพลินๆ แล้วรู้สึกปวดฉี่จนต้องลุกมาเข้าห้องน้ำมั้ย? นั่นแหละคือสิ่งที่คนในยุคสมัยก่อนทำกันเพื่อใช้ปลุกตัวเองยามเช้า วิธีการก็ง่ายมาก แค่ดื่มน้ำให้เยอะเข้าไว้ก่อนเข้านอน แค่นี้คุณก็จะสะดุ้งตื่นมากลางดึกเพราะอยากชิ๊งฉ่อง แต่วิธีนี้ดูจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับสุขภาพซักเท่าไหร่ และทุกวันนี้ก็ยังมีชนเผ่าดั้งเดิมหลายเผ่าที่เลือกใช้วิธีนี้อยู่ 2. ใช้เครื่อง The Clepsydra หลังจากที่มนุษย์เริ่มรู้จักประดิษฐ์ดัดแปลงมากขึ้น ก็มีการสร้าง The Clepsydra ขึ้นมาเมื่อเกือบ 2,000 ปีก่อน ซึ่งเดิมทีมันถูกใช้ให้สร้างเสียงรบกวนจากปริมาณน้ำที่เรากำหนดลงไป กระทั่งต่อมาในยุคสมัยของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ก็ได้มีการนำเครื่องนี้มาปรับเปลี่ยนดัดแปลงอีกครั้ง ทำให้มันมีกลไกความเป็นนาฬิกามากขึ้น แต่ก็ยังต้องใช้น้ำเป็นตัวแปรอยู่ดี 3. ปลุกด้วยเสียงจากศาสนา เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงยุคกลาง (ยุคมืด) เรียกได้ว่าในช่วงเวลานั้นศาสนาเป็นเหมือนเครื่องมือที่คอยกำหนดแทบจะทุกบริบทของผู้คนเลยก็ว่าได้ ในฝั่งตะวันตกผู้คนจะต้องตื่นตอนเช้าพร้อมกับเสียงระฆังจากโบสถ์ เพื่อไปทำพิธีทางศาสนา…
-
10 กฎเหล็กอันแสนประหลาดสำหรับโจรสลัดในยุคก่อน เพื่อให้มีชีวิตรอดในแต่ละวัน
โจรสลัด เป็นสิ่งที่แทบทุกคนจะต้องรู้จักในฐานะของหัวขโมยแห่งท้องทะเล โดยยุคที่โจรสลัดได้รับความนิยมอย่างมากคือในช่วงศตวรรษที่ 16 จนมีโจรสลัดนับร้อยนับพันออกโลดแล่นบนท้องทะเล แม้โจรสลัดจะเหมือนมีอิสระแต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว การอยู่ร่วมกันย่อมต้องมีกฎสร้างขึ้นมาเป็นธรรมดา โดยทุกข้อพวกเขาทั้งหมดต้องปฏิบัติตามอย่างเข้มงวด ความไม่ธรรมดาก็คือสำหรับบางข้อ เราก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามีไว้เพื่อโจรสลัดจริงๆ ลองไปดูกันว่าจะมีอะไรบ้าง ยิ่งมีอันดับสูงๆ ก็จะยิ่งได้รับสิทธิพิเศษ ทุกครั้งที่ออกไปปล้นสะดมกลับมา สมบัติและของที่ขโมยมาทั้งหมด จะถูกแบ่งและแจกจ่ายให้กับแต่ละคน มากน้อยแล้วแต่อันดับที่ถือครองอยู่บนเรือ หากเป็นกัปตันก็ย่อมได้มากกว่าคนอื่นเป็นธรรมดา หนึ่งคน หนึ่งเสียง ทุกครั้งที่มีการตัดสินใจร่วมกันบนเรือ คนทั้งหมดจะมีสิทธิ์ออกเสียงกันอย่างเท่าเทียม แต่ไม่ได้แปลว่านี่คือความเป็นประชาธิปไตย เพราะยังคงมีการลงโทษซึ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกัปตันอยู่ดี อาหารและน้ำมีไว้เพื่อทุกคน ในท้องทะเลสิ่งที่น่ากังวลใจและสำคัญที่สุดคืออาหารและน้ำดื่ม เป็นเหตุผลที่ต้องแบ่งให้ทุกๆ คนเท่ากันหมด รวมถึงเหล้าสุราทั้งหลายอีกด้วย เพราะว่าบางครั้งความเมามายก็สำคัญกว่าการมีชีวิตอยู่ของพวกเขา การขโมยของจะต้องถูกปล่อยเกาะ หรือไม่งั้นก็ต้องพบกับความตาย หากว่าสามารถบุกปล้นได้สำเร็จ ทุกคนจะได้รับสิทธิ์ในการหยิบของบนเรือลำนั้นไปได้ตามต้องการ ยกเว้นของมีค่าอย่างทอง เพชรพลอยต่างๆ ที่ต้องใส่รวมกันไว้และไปแบ่งทีหลัง ซึ่งหากว่าไปหยิบของพวกนั้นเข้ากระเป๋าตัวเองเมื่อไหร่ละก็ จงเตรียมใจรับผลที่จะตามมาได้เลย ห้ามต่อสู้กัน การต่อสู้กันระหว่างโจรสลัดบนเรือลำเดียวกัน เป็นเรื่องต้องห้ามที่สำคัญอย่างมาก หากฝ่าฝืนจะต้องโดนกัปตันฟาดด้วยแส้ถึง 40 ครั้ง…
-
‘Leo Fender’ ชายผู้สร้างแบรนด์กีต้าร์อันดับหนึ่งตลอดกาล แต่เล่นเขากีต้าร์ไม่เป็น..!?
สำหรับนักดนตรีแล้วคงไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์ ‘Fender’ ซึ่งถ้าว่ากันด้วยเรื่องของเนื้อเสียงแล้ว นับว่าเป็นอีกแบรนด์ที่สร้างสรรค์ออกมาได้อย่างลงตัวมากที่สุด แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเบื้องหลังของ Leo Fender ชายผู้สร้างงานศิลปะเป็นกีต้าร์ที่ต่อมาได้รับความนิยมสูงที่สุด กลับเล่นกีต้าร์ไม่เป็นเลยแม้แต่นิดเดียว..!? เอาเป็นว่าเรารู้จักกับเรื่องราวของเขาพร้อมๆ กันเลย จริงอยู่ที่ Fender ไม่ใช่บริษัทผลิตกีต้าร์ตัวแรกของโลก หากแต่เป็นบริษัทที่เขามาพลิกโฉมวงการดนตรีนับตั้งแต่เปิดตัวกีต้าร์รุ่น Fender Telecaster ในปี 1951 แม้ว่าจะมีบริษัทกีต้าร์ยักษ์ใหญ่มากมายคุมตลาดอยู่แล้วในช่วง 20 ปีก่อนที่จะประสบความสำเร็จ แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดความใฝ่ฝันของเขาได้ ย้อนกลับไปตอนอายุ 13 ปี เฟนเดอร์ได้รับกล่องเศษซากชิ้นส่วนวิทยุที่ใช้งานไม่ได้แล้ว พร้อมกับแบตเตอรี่อีกหนึ่งก้อนที่คุณลุงให้มา จากนั้นเขาก็รู้ตัวทันทีว่าตนเองหลงใหลในกลไกการทำงานของสิ่งเหล่านี้มากขนาดไหน จนไม่กี่ปีต่อมาเขาก็ได้เริ่มธุรกิจเล็กๆ ครั้งแรกในชีวิต… การเป็นพนักงานรับซ่อมวิทยุให้เพื่อนบ้านในละแวกนั้น ในช่วงปี 1928 เป็นช่วงเดียวกับที่ Leo Fender เพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมปลาย ก่อนจะเข้าไปศึกษาต่อในระดับชั้นมหาวิทยาลัยในสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์บัญชี แต่ในระหว่างเรียนเขาก็ไม่ลืมที่จะศึกษาระบบวงจรไฟฟ้าใหม่ๆ อยู่เสมอ จนวันหนึ่งงานแรกสุดในชีวิตที่เกี่ยวกับเครื่องเสียงก็ได้เริ่มขึ้น เขาได้รับการจ้างวานจากเพื่อนให้ช่วยติดตั้งเครื่องกระจายเสียงภายในงานคอนเสิร์ต ซึ่งอันที่จริงตอนนั้นเขายังรับงานประจำเป็นพนักงานขับรถส่งของอยู่ หลังเรียนจบเขาใช้ชีวิตระหกระเหินไปเรื่อยๆ เหมือนเด็กรุ่นใหม่ที่กำลังแสวงหาความหมายของชีวิตในยุคนั้น เขาเข้าออกการเป็นพนักงานประจำเป็นว่าเล่น ก่อนจะแต่งงานกับ Esther…
-
ผู้เชี่ยวชาญชีวิตคู่ เผย 4 สาเหตุ ‘ที่คุณควรเลิกกับอีกฝ่าย’ เจอแบบนี้ก็เซย์กู๊ดบายได้เลย~
ในความเป็นจริงแล้ว.. ชีวิตคู่ที่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรักเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และชีวิตรักแย่ๆ ก็อาจจะทำให้คนที่เคยดูแลตัวเองอย่างดี กลายสภาพเป็นเหมือนผีดิบเลยก็ว่าได้ และเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาชีวิตคู่ที่อาจไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด Linda Carroll ผู้เชี่ยวชาญด้านชีวิตคู่จึงออกมาเผย 4 สาเหตุคำเตือนที่บอกเราเป็นนัยยะว่า ถ้าเจอคนแบบนี้ละก็อย่าไปเสียทั้งเวลาและความรู้สึกให้เลยจะดีกว่านะ 1. เมื่อคู่รักของคุณมีนิสัยชอบเหยียดหยามทั้งทางคำพูด และการกระทำ ไม่สำคัญว่าจะเป็นการทำร้ายจิตใจด้วยคำพูด หรือทางร่างกาย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเจอคนที่ทำให้คุณเกิดความรู้สึกถูกกลั่นแกล้งหรือเหยียดหยามใส่ ขอแนะนำให้คุณตีตัวออกห่างจากคนแบบนั้นซะตั้งแต่เนิ่นๆ 2. คู่รักของเรามีพฤติกรรมสื่อถึงการโกหก และความอิจฉาริษยา ความจริงใจเป็นเรื่องสำคัญของการคบหากัน และ Carroll ก็ได้ย้ำว่า ไม่ใช่แค่กับบางโมเม้นท์ที่เรารู้สึกไม่มั่นใจเท่านั้น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเริ่มรู้สึกว่ามีการโกหกอะไรทำนองนั้นเกิดขึ้น ผู้เชี่ยวชาญแนะว่าถอยออกมาให้ห่างจะดีกว่านะ 3. คุณพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ แต่สุดท้ายผลออกมาก็ไม่เวิร์คอย่างที่ควรจะเป็น สำหรับกรณีนี้มันไม่ได้เป็นความผิดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จุดแรกเริ่มสุดที่ทำให้คนสองคนมาคบกันอาจเป็นเพราะทั้งความเหงา และความต้องการใครซักคน อะไรบางอย่างที่คุณเคยชอบตอนอายุ 22 คุณอาจจะเกลียดมากตอนอายุ 40 ก็ได้ เพราะฉะนั้นพึงระลึกไว้เสมอว่า ชีวิตคู่ที่ดีต้องเกิดจากน้ำพักน้ำแรงของทั้งสองฝ่าย หากไม่มีสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกมั่นใจได้ละก็ คงจะถึงเวลาแล้วล่ะที่เราต้องตัดอะไรบางอย่างออกจากชีวิต 4. คนรักของคุณไม่ได้ให้ความรู้สึกพิเศษอะไรเลย… เป็นอีกหนึ่งคำแนะนำจากคุณป้า Carroll ซึ่งเธอเล่าว่าสำหรับข้อนี้ดูจะเป็นข้อที่สำคัญที่สุด เพราะเมื่อไหร่ที่คนรักไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า และหลายๆ อย่างที่คุณเคยชอบกับกลายเป็นความรำคาญใจ นี่แหละคือสัญญาณเตือนถึงความสัมพันธ์ที่อาจไปต่อได้ไม่นานนัก…
-
จากการเดินทางรอบโลก ของเด็กหนุ่มวัย 15 ปี คือแรงบันดาลใจสู่ Tintin ที่ตีพิมพ์กว่า 200 ล้านเล่ม!!
สำหรับใครที่ชื่นชอบการอ่านวรรณกรรมสำหรับเด็ก คงจะคุ้นเคยกับเจ้าหนู Tintin กันเป็นอย่างดี หนุ่มน้อยผู้ทำหน้าที่เป็นนักข่าวสายสืบสวนสอบสวนที่มาพร้อมกับเจ้า Snowy หมาน้อยคู่ใจ ที่พร้อมออกไปผจญภัยและสืบหาความจริงกับเขาทุกๆ ที่ Tintin และ Snowy ออกปรากฎตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มกราคมปี 1929 ในหน้าเสริมสำหรับเด็กของหนังสือพิมพ์ Le Vingtième Siecle จากนั้นเขาและเจ้าตูบก็กลายเป็นที่นิยมอย่างมาก จนกระทั่งกลายมาเป็นหนังสือนิยาย การ์ตูนและ ภาพยนตร์ในที่สุด Tintin และเจ้า Snowy Georges Prosper Remi หรือรู้จักกันในนามปากกา Hergé ได้เริ่มให้กำเนิดตัวการ์ตูนนี้ในปี 1929 และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมคอมมิคในยุโรป ตั้งแต่ปี 1929 การ์ตูนในชุด Tintin ผจญภัยนั้นถูกตีพิมพ์มาแล้วมากว่า 200 ล้านเล่ม และกลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับคอมมิคอีกหลายเรื่อง ซึ่งแรงบันดาลใจจากการเขียนเรื่องราวของ Tintin นั้นยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า Hergé นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากไหนกันแน่ บางคนก็บอกว่าเป็นนักข่าวชื่อดัง แต่ส่วนมากแล้วกลับยอมรับว่ามาจากเรื่องราวของเจ้าหนู Palle Huld เด็กหนุ่มชาวเดนมาร์กวัย 15 ปีมากกว่า โดยก่อนหน้าที่ Tintin จะออกมาปรากฎตัวในหนังสือพิมพ์ Le Vingtième Siecle…
-
Rudolph Valentino ดาราหนังยุคเงียบที่โด่งดังที่สุด กับเรื่องราวการตายที่กลายเป็นตำนาน
การจากไปดาราดังนับว่าเป็นข่าวที่สร้างความสะเทือนใจให้กับสังคมเป็นอย่างมาก ดังที่เราจะเห็นได้ว่าเมื่อเหล่าคนดังในบ้านเราหรือคนดังระดับโลกเสียชีวิต ก็ทำให้บรรดาแฟนๆ รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก บางคนที่คลั่งไคล้หนักและเป็นแฟนคลับตัวยงอาจถึงขั้นเสียใจเป็นปีๆ ในขณะที่บางคนก็อยากที่จะฆ่าตัวตายตามกันเลยทีเดียว Rudolph Valentino ก็เป็นหนึ่งในคนดังระดับตำนาน ที่ได้สร้างความเศร้าโศกให้กับบรรดาแฟนๆ อย่างมาก เพราะภายหลังจากที่เขาเสียชีวิตลงในปี 1926 ก็มีผู้คนได้เข้ามาร่วมเดินขบวนงานศพของเขาที่นครนิวยอร์กมากกว่า 100,000 คน ว่ากันว่ามีหญิงสาวหลายๆ คนที่เสียใจหนักจนอยากจะตายตามเขาไปเลยทีเดียว สำหรับ Valentino เขาเป็นนักแสดงชาวอิตาลีที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งในทศวรรษ 1920 ในยุคที่หนังหนังส่วนใหญ่ยังเป็นหนังเงียบอยู่ ผลงานที่โด่งดังเขาก็อย่างเช่น The Four Horsemen of the Apocalypse, The Sheik, Blood and Sand และ The Eagle and The Son of the Sheik นอกจากนี้ เขายังได้รับการขนานนามจากบรรดาแฟนๆ ว่าเป็น “เซ็กซ์ซิมโบล” สัญลักษณ์ในวัฒนธรรมป็อปในยุคแรกๆ ที่เป็นที่รู้จักในชื่อ ละตินเลิฟเวอร์ หรือนักรักชาวละติน…
-
ชวนตีความจากสิ่งที่เห็นในภาพ ว่าแท้จริงแล้วมีอะไรซ่อนอยู่ในบุคลิกภาพของคุณกันแน่
การตีความภาพกำกวม กำลังได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้คนในโลกโซเชียล และนั่นก็ทำให้นักจิตวิทยาดึงเรื่องนี้มาให้เราทดสอบกันบ่อยๆ หลักการของมันก็ง่ายมาก ขอเพียงแค่คุณให้ความสนใจกับสิ่งที่เห็นในตอนแรกก็พอ และที่คุณจะได้เห็นต่อไปนี้ก็ใช้วิธีเดียวกัน มันจะช่วยให้รับรู้ได้ว่าในบุคลิกภาพของคุณมันมีอะไรซ่อนอยู่ด้านใน หมายความว่ามันก็ไม่ได้บอกทุกอย่างที่เป็นคุณ เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง อย่าลืมว่าให้ยึดมั่นกับสิ่งที่เห็นในตอนแรกเท่านั้นนะ! ว่าแล้วก็ลองไปดูกันเลย สิงโต แสดงว่าคุณชอบที่จะมองเข้าไปถึงเบื้องลึกหรือรอจุดเริ่มต้นของสิ่งต่างๆ กล้าที่จะเผชิญหน้ากับความกลัวของตัวเอง นี่แหละคนจริง! นกแปลกๆ คุณเป็นคนที่เวิ่นเว้อ ชิลล์ๆ ซะจนบางทีก็ขาดความรับผิดชอบในบางเรื่อง ขณะเดียวกันคุณเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ และคอยตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของเราให้มันดีขึ้น เป็ด เป็นไปได้ว่าชีวิตของคุณจะเต็มไปด้วยแรงกระตุ้นทางอารมณ์ ทำให้รู้สึกว่ามันขึ้นๆ ลงๆ หรือว่าแปรปรวนอยู่บ่อยครั้ง และมีแนวโน้มที่จะตัดสินใจเรื่องต่างๆ อย่างรวดเร็วในทันที กระต่าย คุณชอบที่จะพิจารณาถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในทุกๆ การกระทำ เหตุและผลคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเป็นคนที่เย็นชาหรือว่าตายด้านหรอกนะ จระเข้ 2 ตัว ชอบที่จะพุ่งเข้าใส่ในทุกเรื่องและพยายามให้สถานการณ์ต่างๆ อยู่ภายใต้การควบคุมของคุณ อย่างไรก็ตามคุณก็ไม่ใชคนเผด็จการอะไร แต่เป็นผู้นำที่เอาใจใส่กับสิ่งรอบข้าง นก คุณไม่แคร์ว่าจะต้องเจอกับอุปสรรคหรือความเหน็ดเหนื่อยเพื่อไปให้ถึงฝั่งฝัน บ่อยครั้งที่จะอ่อนข้อและสร้างความประนีประนอมกับคนรอบข้าง แต่ไม่ได้แปลว่าคุณเป็นคนที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง นั่นจึงทำให้มีความตรงไปตรงมาและเข้าสังคมได้เก่ง ใบหน้าสุนัข แสดงว่าคุณวิเคราะห์รูปภาพตามปกติจากซ้ายไปขวา ไม่ใช่ว่าคุณเป็นคนธรรมดา…
-
ความน่ากลัวของแบคทีเรียและพยาธิทั้ง 5 ชนิด มาพร้อมกับความสยดสยองจนคุณรู้สึกขนลุก…
พยาธิอาจะเป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการเจ็บป่วยต่างๆ และบางครั้งพวกมันก็อาจจะอยู่ใกล้ๆ ตัวคุณก็ได้เกินกว่าที่คุณคิดก็ได้ ศาสตราจารย์ James Maguire ศาสตราจารย์ทางด้านการแพทย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวจากเว็บไซต์ BuzzFeed ไว้ว่า บางครั้งอาหารและน้ำดื่มก็อาจเป็นแหล่งที่มาของการติดเชื้อจากพวกวายร้ายตัวเล็กเหล่านี้ และวันนี้เราก็จะขอพาทุกคนไปรู้จักกับเหล่าปรสิตจอมวายร้ายทั้ง 5 ชนิด ที่ต้องขอบอกไว้เลยว่าแต่ละประเภทนั้นอันตรายสุดๆ 1. พยาธิในสมอง พยาธิชนิดนี้สามารถพบได้ในเขตร้อนชื้น อย่างเช่นในทวีป เอเชีย ออสเตรีเลีย กลุ่มประเทศในแถบแคริบเบียน และในหมู่เกาะแปซิฟิก ศาสตราจารย์ Sue Jarvi จากมหาวิทยาลัยฮาวายกล่าวว่า เจ้าพยาธิเหล่านี้จะติดอยู่ในตัวของหอยทาก และพวกมันอาจจะออกมาพร้อมกับเมือกของหอยทากและติดอยู่ที่ใบของพืชผัก จากนั้นจะเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์และไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายตามกระแสเลือดจนกระทั่งเข้าไปอยู่ในสมอง ความผิดปกติของร่างกายนั้นอาจเกิดได้หลายอาการ ตั้งแต่อาการปวดท้อง ยกแขนลำบาก ไปจนกระทั่งถึงขั้นเนื้อเยื่อสมองอักเสบเลยทีเดียว 2. เชื้ออะมีบาในสมอง โดยปรกติแล้วเจ้าสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวนี้จะอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำจืด และมันมักจะเข้าสู่ร่างกายของเราทางปากและจมูก จากนั้นจะตรงไปที่สมองเพื่อทำลายเนื้อเยื่อและทำให้เกิดอาการสมองอักเสบ ส่วนอาการหลังจากที่เจ้าพวกมันเข้าไปในร่างกายแล้ว จะเริ่มต้นจากการมีไข้ รู้สึกคลื่นไส้ และอาจรุนแรงถึงขั้นโคม่าได้เลยทีเดียว โดยจากสถิติพบว่ามีผู้รอดชีวิตเพียงแค่ 1 ใน 4 เท่านั้น พวกปรสิตเหล่านี้อาจจะพบได้ยาก แต่จากการรายงานของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค (CDC) กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 1962…
-
Didier Drogba บุรุษนักฟุตบอล ผู้ดับไฟสงครามกลางเมืองไอวอรีโคสต์ อันยาวนานกว่า 5 ปี
สำหรับแฟนๆ สิงห์บลู “เชลซี” คงไม่ต้องอธิบายถึงความเก่งกาจของนักเตะจากทวีปแอฟริกาคนนี้ให้ยืดยาว แต่นอกจากจะเป็นดาวเตะขวัญใจมหาชนแล้ว Didier Drogba ยังเป็นขวัญใจของชาวโกตติวัวร์ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อไอวอรีโคสต์ หลายๆ สิ่งที่เขามอบให้กับบ้านเกิดของตัวเองนั้น นอกจากจะเป็นการบริจาคเงินเพื่อการกุศลต่างๆ แล้ว ตัวเขาเองยังมีส่วนในการช่วยหยุดยั้งสงครามกลางเมืองของประเทศที่ยาวนานถึง 5 ปีอีกด้วย หลังจากที่ประเทศเริ่มเข้าสู่สภาวะถดถอยในปี 2002 ปัญหาต่างๆ ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเศรษฐกิจ และเชื้อชาติ จนนำไปสู่ความขัดแย้งและกลายเป็นสงครามกลางเมืองในที่สุด หลังจากที่ต้องทนกับปัญหาความขัดแย้งอยู่นานหลายปี ก็เริ่มมีชาวโกตติวัวร์บางส่วน ที่เริ่มเบื่อหน่ายกับเรื่องนี้และออกมาทำอะไรบางอย่างเพื่อประเทศชาติของพวกเขา และหลังจากที่ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมันได้อย่างปาฏิหาริย์ Didier Drogba และเพื่อนร่วมทีมของเขาก็ถือโอกาสส่งข้อความถึงเพื่อนร่วมชาติและขอร้องให้ยุติความขัดแย้งครั้งนี้ หลังจากจบการแข่งขันรอบคัดเลือกนัดสุดท้าย ดาวเตะสิงโตน้ำเงินได้กล่าวผ่านคลิปวิดีโอ เพื่อเรียกร้องให้มีการหยุดสงครามกลางเมืองและรวมกันเป็นหนึ่งเดียว “ชายและหญิงชาวโกตติวัวร์ ไม่ว่าจะทางเหนือ ทางใต้ ภาคกลาง หรือภาคตะวันออก วันนี้เราได้พิสูจน์แล้วว่าชาวไอโวรีโคสต์ทุกคนนั้นสามารถอยู่ร่วมกัน เล่นฟุตบอลร่วมกัน และมีเป้าหมายเดียวกันได้ โดยการผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลกครั้งนี้ เราสัญญาว่าการเฉลิมฉลองนั้นจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นปึกแผ่นของพวกเรา และวันนี้เราจะขอคุกเข่า และอยากให้พวกคุณพูดว่า ‘ให้อภัย’ หนึ่งในประเทศที่ยิ่งใหญ่และมั่งคั่งแห่งแอฟริกา ไม่สมควรจะมีสงครามแบบนี้ ได้โปรดวางอาวุธลง แล้วจัดการเลือกตั้งเสียเถิด เพื่อชีวิตที่ดีของพวกเราทุกคน” …
-
มีแบบนี้ด้วยเหรอ…รวมกฎ 9 ข้อของราชวงศ์อังกฤษที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
หลายคนอาจจะคิดว่าการเกิดมาในราชวงศ์อังกฤษ จะต้องเป็นชีวิตที่สุดแสนจะเพอร์เฟคเลิศเลอ แต่อันที่จริงแล้วพวกเขาก็ต้องมีกฎระเบียบข้อบังคับที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเช่นกันนะ ด้วยเหตุนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 9 กฎเหล็กที่ทางเว็บไซต์ Brightside ได้รวบรวมมาให้เรารับรู้กันว่า การเติบโตมาในราชวงศ์อังกฤษนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย 1. หากเจ้าชายยังไม่โตเป็นหนุ่ม จะต้องสวมกางเกงขาสั้นเสมอ ชาวเน็ตหลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเจ้าชายจอร์จ ถึงต้องใส่ขาสั้นอยู่ตลอดเวลาแม้ว่าอากาศจะหนาวเท่าไหร่ก็ตาม ซึ่งเหตุผลนั้นก็เพราะเดิมทีวัฒนธรรมการใส่ขายาวจะเป็นของชนชั้นสูงในยุโรปเท่านั้น อีกทั้งยังมีกฎที่ว่าจะต้องเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วเท่านั้นถึงจะใส่ได้ 2. คนในราชวงศ์มักจะไม่โหวตให้การเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถึงแม้ตามบัญญัติกฎหมายราชวงศ์จะสามารถยื่นคะแนนเสียงโหวตเลือกนักการเมืองเหมือนประชาชนได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขามักจะไม่ทำ ส่วนเหตุผลนั้นก็เพราะ พวกเขาไม่ต้องการให้มีการเอาราชวงศ์ไปเกี่ยวโยงกับการเมือง และต้องทำตัวเป็นกลางอยู่เสมอ 3. จะไม่ใส่ชุดดำหากไม่ใช่ช่วงเวลาของการไว้อาลัย สำหรับในราชวงศ์นั้นสีดำถือว่าเป็นสีที่ถูกใช้ในการไว้อาลัย และนั่นอาจเป็นเหตุผลที่เรามักจะไม่เห็นราชวงศ์ใส่ชุดดำออกสื่อบ่อยนัก 4. ราชวงศ์อังกฤษมักจะไม่รับประทานหอย ในหนังสือข้อห้ามของราชวงศ์ มีการระบุไว้ว่าพระราชินี และพระราชาไม่ควรรับประทานหอย ซึ่งอาจเป็นเพราะสารพิษที่เสี่ยงทำให้พระองค์ท้องเสียได้ง่าย แต่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ก็ได้เลือกที่จะทำลายกรอบประเพณีนี้ลง เมื่อพระองค์ได้ไปเยือนที่ Whitstable Oyster Festival และได้ลองเสวยหอยนางรม 5. ผู้สืบทายาทจะไม่เดินทางพร้อมกัน เป็นอีกข้อห้ามที่เราพอจะเข้าใจได้ว่า เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียทายาทผู้สืบราชบัลลังค์พร้อมกันทั้ง 2 คน 6. ราชวงศ์ไม่สามารถแจกลายเซ็นได้ แม้ว่าราชวงศ์จะเป็นขวัญใจพสกนิกรชาวอังกฤษประเทศ แต่ถึงกระนั้นราชวงศ์ก็ไม่สามารถแจกลายเซ็นให้แฟนๆ ตามท้องถนนได้…
-
10 อันดับการฆ่าสุดโหด ที่จะทำให้คุณขวัญผวา ขนลุกขนพองและนอนไม่หลับเลยทีเดียว
บางครั้ง เรื่องราวผีๆ หรือเรื่องเร้นลับก็อาจไม่น่ากลัวเท่ากับเรื่องของการฆาตกรรมโหด เพราะเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ใช่แค่ตำนานแต่มันคือเรื่องจริงๆ ที่เคยเกิดขึ้นแล้ว และเผลอๆ บางครั้งมันก็อยู่แถวๆ บ้านคุณนั่นเอง!! และสำหรับใครที่ชื่นชอบเรื่องราวหลอนๆ ล่ะก็ บอกไว้ก่อนเลยว่าท่านจะไม่ผิดหวังกับเรื่องราวที่เรานำมาฝากกันวันนี้แน่นอน อ่า… ถ้าพร้อมแล้วล่ะก็ไปชมกันเลยย แต่!! ถ้าอยากได้อารมณ์ล่ะก็ลองอ่านแบบโทนเสียงพี่ป๋องดูนะ ฮ่าๆ 10. Carl Panzram ฆาตกรโหดผู้นี้ให้สารภาพว่าเขาได้ทำการฆาตกรรมเหยื่อไปมากกว่า 21 ราย พร้อมกับข่มขืนเด็กและผู้ชายไปอีกกว่า 1,000 คน หนึ่งในการฆ่าที่โหดร้ายที่สุดของเขาก็คือ เมื่อปี 1920 เขาได้ฆ่าลูกจ้างชายทั้ง 6 คนด้วยปืนจากนั้นก็โยนพวกเขาให้จระเข้กิน 9. Christopher Porco ในปี 2004 พ่อของ Porco ถูกพบอยู่ในสภาพนอนจมกองเลือดของตัวเองในบ้าน และถัดจากนั้นไม่ไกลเจ้าหน้าที่ก็พบแม่ของเขานอนร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่บนเตียง พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยขวาน ซึ่งสาเหตุนั้นมาจาการแก้แค้นของ Porco ที่ถูกพ่อแม่ตำหนิเรื่องปลอมแปลงลายเซ็นต์เพื่อกู้เงินและซื้อรถคันใหม่ 8. Paul Bernardo และ Karla Homolka ฐานะที่ร่ำรวยและบุคลิกที่ดูดี ก็ไม่อาจจะแยกระหว่างคนดีและฆาตกรได้ ทั้งสองคนได้ทำการฆ่าข่มขืนหญิงสาวไปถึง 3 คน รวมถึงน้องสาวตัวน้อยของ Homolka ด้วย…
-
7 ข้อสังเกตสุดอัศจรรย์ที่บอกได้ว่าแท้จริงแล้วคุณอาจเป็น “คนฉลาด” อยู่ลึกๆ
เราอาจเคยเห็นแบบทดสอบวัดผลระดับสติปัญญามาหลายแบบ บางอันแค่ต้องการให้เราตอบคำถาม บางอันอาจให้เราแก้ปัญหารูปภาพ บางอันอาจถามปัญหาเชาว์ แต่มันจะดีขนาดไหน หากเรามีหลักการณ์ง่ายๆ ที่ช่วยให้เรารู้ได้ทันทีว่าใครเป็นอัจฉริยะตัวจริง ล่าสุดเว็บไซต์ต่างประเทศได้รวบรวม 7 ข้อสังเกตสุดอัศจรรย์ ที่จะทำให้คุณรู้ทันทีว่านี่แหละคืออัจฉริยะที่โลกตามหามานาน จะมีอะไรบ้าง ลองไปชมกันเลย เป็นคนใช้ยาเสพติด คุณคงเคยได้ยินพ่อแม่หรือพวกผู้ใหญ่พูดว่าการเล่นยาในช่วงมหาลัยเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ แต่อ้างอิงจากงานวิจัยของ James White และ David Batty เรื่องนั้นอาจไม่จริงเท่าไหร่ พวกเขากล่าวว่า คนที่เล่นยามักเป็นคนที่เปิดกว้างพร้อมรับประสบการณ์ใหม่ๆ และเป็นพวกขี้เบื่อ แต่อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ใช้ได้กับเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ฉะนั้น หนุ่มๆ ควรเชื่อฟังที่พ่อแม่ผู้ปกครองบอกหน่อยล่ะนะ เป็นพวกลิเบอร่อล มีการบอกว่าพวกลิเบอร่อลจะมี IQ สูงกว่าคนที่เป็นอนุรักษ์นิยม เพราะว่าความเชื่อเสรีนิยมจะเป็นการสวนกระแสสัญชาตญาณวิวัฒนาการของพวกเรา ด้วยความรู้ที่มากกว่า นั่นหมายความว่าคุณมีโอกาสมากกว่าที่จะเอาชนะพวกเขาเหล่านั้นได้ เป็นคนสันโดษ คนส่วนใหญ่มองว่าความสุขเกิดจากการเข้าสังคม พบปะเพื่อนฝูง ใช้ชีวิตร่วมกัน หัวเราะไปด้วยกัน แต่สำหรับคนอัจฉริยะแล้ว การเข้าสังคมอาจทำให้พวกเขาเป็นทุกข์ยิ่งขึ้น งานวิจัยพบว่ายิ่งคนเหล่านั้นอยู่ในสังคมกลุ่มเพื่อนมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้ความสุขในชีวิตของพวกเขาลดน้อยลงมากเท่านั้น ดังนั้นอัจฉริยะจึงชอบอยู่อย่างสันโดษมากกว่า เป็นคนนอนดึก สำหรับพนักงานบริษัทแล้ว การตื่นสายอาจไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ แต่สำหรับอัจฉริยะแล้ว…
-
วิทยาศาสตร์เผย… การไปชมคอนเสิร์ต เสพดนตรีสด ส่งผลให้ระดับความสุขของชีวิตเพิ่มขึ้นได้!!
‘ดนตรี’ ไม่ได้แค่ช่วยทำให้เราผ่อนคลายเท่านั้น เพราะล่าสุดวิทยาศาสตร์เผยว่าการชมการแสดงสดก็ช่วยให้ความสุขเพิ่มขึ้นได้เหมือนกันนะ โดยทีมวิจัยจากออสเตรเลียได้เข้าไปเก็บข้อมูลและสำรวจพฤติกรรมจากคน 1,000 คน ประกอบไปด้วยคนที่ชื่นชอบการไปชมคอนเสิร์ตเรื่อยๆ และคนที่เคยไปแต่น้อยครั้งมากๆ จากการสำรวจพฤติกรรมและระดับความสุขในสมอง ก็ได้พบถึงความเชื่อมโยงระหว่างพฤติกรรมการเสพดนตรีสด ที่สอดคล้องกับคุณภาพความสุขในการเป็นอยู่ของชีวิต “จากงานวิจัยเราพบว่าพฤติกรรมการเสพดนตรีสดไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่คอนเสิร์ตใหญ่ ศิลปินเปิดหมวกข้างถนน หรือแม้แต่วงดนตรีในบาร์เหล้า สิ่งเหล่านี้ล้วนสร้างประสบการณ์ด้านความสุขให้กับสมองของเรา และสิ่งที่สำคัญที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของการได้ดื่มด่ำกับความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่การแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินในดวงใจ ผู้คนจะได้แสดงออกความสนุกสนานไปพร้อมๆ กับเพื่อนร่วมโลกคนอื่นๆ นี่แหละคือความพิเศษอย่างหนึ่งของการเป็นมนุษย์” หัวหน้าทีมวิจัยกล่าว ซึ่งอันที่จริงไม่จำเป็นต้องมีงานวิจัยออกมารองรับ เราทุกคนต่างก็ดีอยู่แล้วว่าการได้ไปชมการแสดงสดช่วยทำให้เราลืมเรื่องเครียดๆ ไปได้จริง ไม่ว่าจะเป็นอกหัก รักคุด โดนตุ๊ดทิ้ง หรือแม้แต่ถูกหวยรับประทาน ลึกๆ แล้วเราทุกคนต่างก็มีจิตใจที่เปราะบางและอ่อนไหวไปกับสิ่งต่างๆ รอบตัว และการไปชม ‘คอนเสิร์ต’ ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้เราได้ออกไปเจอผู้คนที่ชื่นชอบแนวทางเดียวกัน สนใจอะไรคล้ายๆ กัน อีกทั้งเรายังได้ปลดปล่อยไปกับแสงสีเสียงที่ถูกสาดเข้ามาอีกด้วย สรุปได้ง่ายๆ ว่า การชมคอนเสิร์ต ก็ถือเป็นอีกสิ่งที่ช่วยลดระดับความเครียด และสร้างความสุขให้เราได้เยอะเลย ที่มา: Noisey
-
เปิดบทบาทชีวิตของนักแสดงหนังโป๊ หลังจากอำลาวงการ แต่ละคนไปทำอะไรกันบ้างนะ..!?
คำว่า ‘เกษียณ’ ไม่ได้มีแค่เฉพาะสายงานทั่วไปเท่านั้น เพราะอันที่จริงเหล่าสาวๆ ในวงการหนังโป๊ที่เราคุ้นหน้าคร่าตาดี ก็มีการเกษียณเหมือนกันนะ แต่คำถามก็คือ… หลังออกจากวงการบันเทิงสยิวไปแล้ว พวกเธอแต่ละคนจะมีแพลนชีวิตไปทำอะไรกันต่อบ้าง? แม้ว่าเราอาจจะติดภาพเดิมของพวกเธออยู่ก็ตาม ชีวิตต่อจากนี้แทบจะพลิกไปเป็นคนละเรื่องกันเลยล่ะ… Jenna Jameson หนึ่งในดาวหนังโป๊ที่เคยโด่งดังมากที่สุดแห่งยุค ในปี 2003 เธอได้ประกาศให้โลกรู้ถึงความสามารถในการเขียนที่เธอมี หลังตีพิมพ์หนังสือเรื่อง ‘How to Make Love Like a Porn Star: A Cautionary Tale’ และทำยอดขายได้อย่างถล่มทลาย จากนั้นเธอก็ตีพิมพ์หนังสือนิยายอีโรติค ‘Sugar’ ในปี 2013 และประสบความสำเร็จตามมาติดๆ ก่อนที่เธอจะปรากฎตัวบนจอโทรทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นในมิวสิควิดีโอ ในรายการโชว์ หรือแม้แต่ซีรีย์การ์ตูนเรื่อง Family Guy Lisa Ann Lisa Ann เริ่มเป็นที่โด่งดังในวงการสื่อกระแสหลักเมื่อปี 2008 ซึ่งเป็นช่วงที่เธอเป็นดาวเด่นในวงการหนังสยิวล้อเลียน จากนั้นเธอก็เกษียณวิชาชีพตัวเองในปี 2014 ก่อนจะผันตัวมาเป็นเมนเทอร์คอยให้คำแนะนำ และปั้นเด็กใหม่ในวงการให้เฉิดฉายเจิดจรัสไปทั่วโลก…
-
เปิดจดหมาย “รักต้องห้าม” ของทหารหนุ่ม 2 นาย ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ความรักนั้นเป็นสิ่งที่สวยงามและพร้อมจะเบ่งบานได้ทุกๆ ที่ แม้แต่ควันปืนจากสงครามเองก็ไม่อาจจะขัดขวางสิ่งที่สวยงามนี้ได้ เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการค้นพบจดหมายของนายทหารหนุ่มท่าหนึ่งนามว่า Gilbert Bradley ที่เขียนโต้ตอบกับคู่รักของเขาโดยใช้ลายเซ็นต์ว่า G ซึ่งภายหลังมีการสืบจนทราบว่าตัวอักษรดังกล่าวนั้นหมายถึงชายที่ชื่อว่า Gordon และทหารหนุ่มผู้นี้กำลังตกหลุมรักเพศเดียวกันอยู่ โดยจดหมายดังกล่าวถูกนำมาเปิดเผยหลังจากที่ Bradley เสียชีวิตไปเมื่อปี 2008 จากข้อมูลที่ปรากฎบอกว่า Bradley นั้นไม่ได้ต้องการที่จะเป็นทหารตั้งแต่แรก เขาแกล้งป่วยเป็นโรคลมชักเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นทหาร แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้น ในปี 1939 เขาถูกส่งตัวไปประจำอยู่ที่ Park Hall Camp ในเมือง Shropshire ประเทศอังกฤษ แต่ก่อนหน้าที่เขาจะถูกส่งไปประจำการในพื้นที่ดังกล่าว ในปี 1938 เขาและนาย Gordon Bowsher ได้พบรักกันก่อนแล้วหลังจากที่ทั้งสองไปท่องเที่ยวในวันหยุดด้วยกัน ฝ่าย Bowsher นั้นมาจากครอบครัวนักธุรกิจ โดยพ่อของเขาได้เปิดบริษัทขนส่งและเป็นเจ้าของไร่ชา ในช่วงสงคราม Bowsher ได้เข้ารับการฝึกทหารและถูกส่งไปประจำการทั่วประเทศ สาเหตุที่พวกเขาต้องสื่อสารกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ ก็เพราะว่า ณ เวลานั้นการรักร่วมเพศถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และถ้าหากมีการสืบทราบว่าชายในกองทัพมีพฤติกรรมดังกล่าวอาจมีโทษสูงถึงขั้นถูกยิงเป้าเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ความรักของพวกเขาจบลงแบบที่ไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ เพราะในระหว่างการรบ Bradley ถูกส่งตัวไปยังสก๊อตแลนด์ และที่นั่นเขาได้พบรักกับนายทหารหนุ่มคนอื่นอีก 2 คน ชายหนุ่มเขียนเล่าถึงความรักครั้งใหม่ของเขาให้คุณ Bowsher…
-
ชมหนังสั้นสุดประทับใจ เมื่อไฟรักมันสุมอก จนชายหนุ่มไม่สามารถเก็บซ่อนไว้ได้…
เวลาที่เราแอบรักใครเราก็คงจะเขินไม่กล้าที่จะพูดด้วยหรือมองหน้าตรงๆ แต่ว่าบางทีพฤติกรรมที่เราแสดงออกมันอาจยังดูไม่ชัดเจน แต่ถ้าหากคุณได้เป็นตัวละครในการ์ตูนสั้นเรื่องนี้ละก็ รับรองว่าคุณคงไม่อาจปิดความความรู้สึกเอาไว้ได้ง่ายๆ เลยแหละ กับอนิเมชั่นความยาวไม่ถึง 4 นาทีที่มีชื่อเรื่องว่า Extinguished ที่เพียงแค่เปิดเข้าไปดูปุ๊ปก็จะสามารถรู้ได้เลยว่า นี่มันต้องเป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี้แน่นอน จากลายเส้นและฉากต่างๆ ที่ทำออกมาได้สนุกสนานและน่ารัก สรรค์สร้างขึ้นมาโดย Ashley Anderson และ Jacob Mann เหมือนกับหนังสั้นส่วนใหญ่ที่มักจะไม่มีบทให้ต้องพูดอะไรกันเลย แต่เราสามารถเข้าใจเนื้อเรื่องได้ผ่านท่าทางของตัวเอก และการนำเสนอในรูปแบบต่างๆ ที่ชัดเจน โดยเรื่องมันมีอยู่ว่าทุกคนจะมีช่องอยู่ตรงกลางอก และหากว่าใครกำลังมีความรักแล้วละก็จะมีดวงไฟผุดขึ้นมาที่ช่องนั้น และทุกคนสามารถสังเกตเห็นได้ง่ายเอามากๆ ทีนี้พระเอกของเรื่องก็กำลังเจ็บปวดกับความรักที่ไม่สมหวังจากคนเก่า เพราะเป็นการรักเขาข้างเดียว ตอนเอาดอกไม้ไปให้ก็มีแค่เพียงพนะเอกที่มีดวงไฟติดขึ้นมา ทว่าขณะที่กำลังทุกข์ใจอยู่ก็ได้มีหญิงสาวมาเคาะประตูห้องของเขา เมื่อเปิดออกไปก็ต้องยืนงงกับท่าทีที่ไม่รู้จักกันของทั้งคู่ ที่แท้เธอคนนี้ต้องการมาหาคุณยายที่อยู่ห้องข้างๆ แต่เมื่อจังหวะที่กำลังจะเข้าห้องของทั้งคู่ก็ได้สบตากัน จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้กับรักครั้งใหม่และนางเอกของเรื่อง เรื่องราวก็ดำเนินไปเรื่อยโดยแสดงออกมาว่าพระเอกยังคงไม่กล้าที่จะบอกรักนางเอก เพราะกล้วว่าจะเจ็บปวดเหมือนรักก่อนหน้านี้ ทำให้ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ ทำตัวเปิ่นๆ ดูแล้วก็ชวนให้อมยิ้มกับท่าทีเหล่านั้น ท้ายที่สุดแล้วเมื่อนางเอกกำลังจะกลับบ้านโดยนั่งแท็กซี่ออกไป เพราะเอกก็ฮึดสู้ไล่ตามเธอไปสารภาพเสร็จสรรพ พร้อมกับจัดให้อีกหนึ่งดอก..ไม้ และนั่นเองก็ได้จุดประกายไฟให้กับนางเอก จนจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง คลิปวิดีโออนิเมชั่นหนังสั้นเรื่อง Extinguished…
-
รู้จักกับความหมายของคำว่า “Roger That” มันคืออะไรกันนะทำไมถึงได้ยินบ๊อยบ่อย!!
โดยปรกติแล้วแฟนๆ หนังสงครามหรือหนังที่เกี่ยวกับตำรวจ อาจจะคุ้นเคยกันกับประโยคที่พวกเขามักจะพูดกันบ่อยๆ เวลาวิทยุสื่อสารกัน อย่างคำว่า “Roger That” และหลายๆ คนก็อาจจะงงกันใช่ไหมล่ะว่าคำนี้มันความหมายว่าอย่างไร ซึ่งวันนี้เพื่อเป็นการคลายความสงสัยของเพื่อนๆ เราจึงได้ไปค้นหาข้อมูลที่มาของคำคำนี้มาฝากกัน… หลังจากที่มีการคิดค้นเครื่องบินเครื่องแรกของโลกขึ้นโดยสองพี่น้องตระกูลไรท์เมื่อปี 1903 จากนั้นการเดินทางในอากาศของมนุษย์ก็ไม่ใช่เรื่องในฝันอีกต่อไป และสิ่งที่ตามมาพร้อมกับการบินนั่นก็คือการสื่อสารกันระหว่างนักบินและศูนย์ควบคุมภาคพื้น ในยุคแรกๆ ที่เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ยังไม่ทันสมัยนั้น การสื่อสารระหว่างการบินนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก ดังนั้นการที่จะแทนคำพูดยาวๆ ให้ได้ใจความที่สำคัญนั้นจึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องสร้างรหัสต่างๆ เพื่อมาสื่อสารกัน ในช่วงแรกๆ ของการติดต่อสื่อสารนั้นจะมีการใช้รหัสมอสในการรับส่งข้อความ และตัว R จะแทนคำว่า Received หรือได้รับข้อความแล้ว และโดยก่อนหน้านี้การออกเสียงแทนตัวอักษรในการวิทยุสื่อสาร หรือ phonetic alphabet จะมีการใช้คำว่า Romeo แทนตัว R แต่หลังจากนั้นในปี 1927 องค์กรวิทยุแห่งสหประชาชาติได้ใช้คำว่า Roger แทนตัวที่ตัว R และจากนั้นคำว่า Roger และจากนั้นเป็นต้นมาคำว่า Roger จึงหมายความว่าได้รับข้อความแล้วนั่นเอง จากนั้นในช่วงสงครามโลกคำว่า Roger จึงกลายเป็นคำที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการสื่อสารวิทยุการบินและไม่ใช่แค่ทหารที่พูดภาษาอังกฤษเท่านั้นแต่ยังเป็นทหารในหลายๆ เชื้อชาติอีกด้วย …
-
หญิงสาวแชร์ประสบการณ์ ชีวิตที่ไม่เรียบง่าย กับการเติบโตมาจากครอบครัวเลสเบี้ยน…
แม้ว่าปัจจุบันจะมีเทรนด์ครอบครัว LGBT หรือ กลุ่มความหลากหลายทางเพศ มีให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทว่าบางครอบครัวก็ยังต้องต่อสู้กับอะไรหลายๆ อย่าง และมันก็อาจจะไม่ได้สวยงามเหมือนอย่างที่คนนอกคิดเสมอไป ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวการเติบโตในครอบครัวเลสเบี้ยนของ Millie Fontana สาววัย 24 ปี ชาวออสเตรเลีย ที่เธอได้ออกมาปราศัยผ่านงานขององค์กร Australian Christian Lobby (องค์กรเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มชาวคริสต์ขวาจัด) และทั้งหมดนี้คือคำปราศัยของเธอ เกี่ยวกับความรู้สึกส่วนหนึ่งที่เธอเก็บอัดอั้นมาตลอด “ฉันต้องยอมรับว่าฉันเกิดมาในครอบครัวที่มีทั้งพ่อและแม่เป็นผู้หญิง แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกมาตลอดตั้งแต่วัยเด็กนั่นก็คือ… ท้ายที่สุดแล้วเด็กทุกคนย่อมต้องการพ่อ จริงอยู่ที่ฉันได้รับความรักและความอบอุ่นอย่างดีจากคุณแม่ทั้ง 2 แต่ให้พูดเป็นนัยก็คือยังไงพวกเราก็เป็นลูกที่กำพร้าพ่อคนหนึ่งดีๆ นั่นเอง” “ครั้งแรกที่ฉันได้พบกับพ่อที่แท้จริงคือตอนอายุ 14 ปี ฉันกล้าพูดเลยว่ามันส่งผลต่อลักษณะนิสัยอะไรหลายๆ อย่าง และมันก็ทำให้ช่วงวัยเด็กฉันรู้สึกไม่อยากตอบรับใครเข้ามาในโลกของฉัน ฉันสารภาพตามตรงว่ามันมีผลทำให้เรารู้สึกขาดความอบอุ่นอยู่ลึกๆ และมันก็ทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยอยากอยู่บ้านเท่าไหร่ จนต้องออกไปร่วมกลุ่มสังคมต่างๆ เหมือนว่าเราต้องหาที่พักพิงทางจิตใจ” “ฉันต้องขอพูดตามตรงว่า หากคุณกำลังจะวางแผนมีลูกและคุณเป็นเพศเดียวกันละก็ ทางที่ดีก็ควรจะมีคุณพ่อจริงๆ ที่คอยให้คำแนะนำ และไม่ทำให้เด็กรู้สึกบกพร่องทางสังคมด้วย เชื่อฉันเถอะค่ะว่าเด็กทุกคนพวกเขาไม่รู้หรอกว่าตัวเองเกิดมาในครอบครัวแบบไหน พวกเขาต้องการก็แค่ความรักและการเอาใจใส่จากทั้งพ่อ และแม่ ซึ่งการได้รับการดูแลจากคนทั้งสองเพศจะช่วยทำให้พวกเขารู้สึกมีความอบอุ่นมากกว่า” “ลึกๆ…
-
10 กิจกรรมที่ถูกจำกัดสิทธิ์ในเกาหลีเหนือ หากใครฝ่าฝืนเสี่ยงถูกลงโทษ และประหารชีวิต
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การฟังเพลง การดูทีวี การแสดงความเห็น หรือแม้กระทั่งดูหนังโป๊ เป็นสิ่งที่เราทุกคนสามารถทำได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากใคร แต่คุณรู้หรือไม่ว่า สิ่งที่เราได้กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นสิ่งต้องห้ามที่ชาวเกาหลีเหนือไม่มีสิทธิ์ทำได้ เพราะถ้าหากเผลอทำลงไปแน่นอนว่าจะต้องได้รับโทษ หรือถึงขั้นประหารชีวิตกันเลยทีเดียว และนี่คือ 10 ข้อห้ามของประเทศเกาหลีเหนือที่ไม่ควรทำเด็ดขาด มาดูกันเลยว่าจะมีอะไรบ้าง 1.ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จริงๆ แล้วการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเกาหลีเหนือเป็นสิ่งที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าหากช่วงไหนที่ประเทศมีการไว้ทุกข์ไม่ว่าจะนานถึง 100 วัน ต้องห้ามดื่มเด็ดขาด เพราะถ้าหากจับได้อาจจะได้เจอโทษหนักเช่นเดียวกับ นายทหารเกาหลีเหนือรายหนึ่ง ที่ถูกประหารชีวิตไปเมื่อปี 2013 ในข้อหาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาไว้ทุกข์ คิม จอง อิล 2.ดูทีวี ในประเทศเกาหลีเหนือ ประชาชนจะต้องดูรายการโทรทัศน์ตามที่ทางการนำมาเสนอให้รับชม เพราะถ้าหากใครไปรับชมรายการจากประเทศเกาหลีใต้ คุณอาจจะได้รับโทษถึงตาย เพราะเมื่อปี 2014 ทางเกาหลีเหนือมีรานงานว่า ประชาชนกว่า 80 คน ได้รับชมรายการโทรทัศน์ของเกาหลีใต้ และนั่นจึงทำให้พวกเขาได้รับโทษถึงขั้นประหารชีวิต โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ให้ผู้คนประมาณ 10,000 คนรวมทั้งเด็ก มาดูการประหารชีวิตของผู้คนเหล่านั้นอีกด้วย 3.ขับรถ เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่า ในประเทศเกาหลีเหนือ เฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของรถ…
-
นักจิตวิทยาเผย 25 พฤติกรรมทั่วไป ที่นำพาเราไปสู่ ‘ความสุขง่ายๆ’ ที่คุณก็สร้างเองได้
เราทุกคนต่างโหยหาชีวิตที่เป็นความสุข ไม่ว่าจะสุขด้านร่างกาย ด้านเงินทอง หรือแม้กระทั่งด้านความฝันที่อยากจะทำ ทว่าบางทีกลไกทางสังคมก็ไม่ได้เอื้อให้อะไรๆ ในชีวิตเราเป็นไปตามที่คาดหมายมากนัก นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนักจิตวิทยาถึงออกมาเผย 25 พฤติกรรมง่ายๆ ที่เราเริ่มต้นได้ที่ตัวเรา และมันก็ส่งผลต่อระดับปริมาณความสุขในสมองเรามากขึ้นจริง จะมีอะไรบ้างตามไปชมกันเลย 1. เขียน 3 สิ่งที่เรารู้สึกว่าปลื้มปิติมากที่สุดในชีวิต เพราะสิ่งเหล่านี้จะยังทำให้คุณเห็นคุณค่าในตัวเองอยู่บ้าง 2. ไปเดินขึ้นเขา หรือไปนอนดูดาวกลางป่าซักคืน ไม่ต้องเชื่อก็ต้องเชื่อแหละว่าจักรวาลมีผลต่อตัวมนุษย์เราจริงๆ 3. ย้ายไปอยู่สวิตเซอร์แลนด์ ต้องบอกก่อนว่า.. สวิตเซอร์แลนด์อาจไม่ใช่ที่ๆ ทำให้คุณมีความสุข แต่คนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นั่นเป็นคนมีความสุขมากที่สุดในโลกต่างหากล่ะ 4. ดื่มกาแฟร้อนๆ ชาร้อนๆ ซักวันละนิด (ไม่ต้องร้อนเกินนะ แค่พอดีๆ ก็พอแล้ว) 5. ทำสมาธิ… อันที่จริงคุณไม่ต้องเข้าชานถึงขั้นระดับพระโพธิ์สัตว์หรอก แต่แค่ทำเพื่อเป็นการฝึกสมาธิตัวเองวันละนิดๆ หน่อยๆ ก็โอเคแล้ว 6. อ่านเรื่องราวการผจญภัยของคนอื่น มีงานวิจัยยืนยันแล้วว่าการได้รับรู้เรื่องน่าตื่นเต้นของคนอื่น ช่วยทำให้เรามีความสุขขึ้นจริง 7. ออกไปข้างนอกซะบ้าง อย่าลืมว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมนะ อย่าเอาแต่หมกตัวไว้ในห้องมืดๆ…
-
สื่อต่างชาติแนะนำ 15 แอพสุดเจ๋งบน iPhone ใช้ดีกว่าแอพที่ Apple ให้ติดเครื่องมาซะอีก!!
มือถือสมาร์โฟนชื่อดังจากค่าย Apple อย่างเจ้า iPhone เป็นที่นิยมกันอย่างมากและหลายคนก็คงจะต้องใช้ยี่ห้อนี้กันอย่างแน่นอน และด้วยเหตุผลว่าแอพพื้นฐานที่ทางผู้ผลิตให้มาในตอนแรกอาจไม่ได้ตอบโจทย์การใช้งานทั้งหมดสำหรับคุณ ทางเว็บไซต์ BusinessInsider ก็เลยแนะนำแอพเด็ดๆ โดนๆ ให้คุณมาใช้แทนแอพพื้นฐานติดเครื่องเหล่านั้น ใช้ Google Calendar แทนแอพปฏิทิน แอพนี้สามารถใส่ข้อมูลจากใน Google, Facebook และ iCloud ได้เหมือนกับแอพปฏิทินที่ติดเครื่องมาแต่แรก ทว่าความเจ๋งของมันก็คือหน้าตาที่ดูง่ายยิ่งขึ้นแบ่งเป็นสัดส่วน ช่วงบนคือของทั้งเดือน เลื่อนลงมาคือสำหรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น กดมุมขวาบนกลับมาดูว่าวันนี้มีอะไรที่สำคัญอีกบ้าง เรียกว่าสะดวกสบายกว่ากันมากพอควร ส่วนราคาของแอพนี้ก็คือฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ใช้ Email (แอพของ Edison) แทนแอพ Mail ความพิเศษที่มีมากกว่าแอพดูอีเมล์ทั่วไปก็คือ มันสามารถสแกนเมล์ของคุณได้ว่าเป็นการใช้จ่าย สลิปเงินสด สิ่งที่แนบมา ปฏิทิน และอีกมากมาย พร้อมทั้งแยกหมวดหมู่ให้ชัดเจนเรียบร้อยง่ายดายสะดวกรวดเร็ว และแอพนี้ก็ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ อีกเช่นกัน ใช้ Evernote แทนที่แอพโน้ตที่ติดมากับเครื่อง ความสุดยอดในการจัดการไม่ว่าจะเป็นการเตือนความจำ รูปภาพ สิ่งที่พิมพ์บันทึกเอาไว้ต่างๆ และแค่คุณถ่ายรูปไฟล์ข้อมูลลงอัพลงไปในแอพ มันก็จะช่วยหาไฟล์ที่ใกล้เคียงกันหรือเหมือนกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แน่นอนว่าแอพนี้สามารถใช้กับเครื่องอื่นๆ ได้ด้วยไอดีเดียวกัน …
-
11 นิสัยการบริโภคของคนยุคใหม่ ซึ่งต่างจากคนเมื่อ 100 ปีก่อน อย่างน่าวิตกกังวล!!
ในโลกยุคใหม่ เราสามารถเลือกหาอาหารการกินได้ง่ายขึ้น เพียงแค่เดินเข้าร้านสะดวกซื้อปากซอยก็มีอาหารเต็มชั้นวางที่รอเราอยู่แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า… มีหลายหน่วยงานที่วิจัย และพบว่าพฤติกรรมการบริโภคของเราเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างสุดขั้ว และน่าเป็นกังวลมากอีกด้วย…. 1. เราบริโภคน้ำตาลพุ่งสูงขึ้นแบบติดจรวด ในช่วง 160 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะคนในประเทศแถบตะวันตกซึ่งอาจจะมากถึง 67 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ซึ่งเฉลี่ยแล้วเราได้รับ 500 แคลอรี่จากน้ำตาลในแต่ละวัน เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ รวมถึงมะเร็งอีกด้วย (อ้างอิง American Journal of Clinical Nutrition) 2. อัตราบริโภคน้ำอัดลมและน้ำหวานรสผลไม้ เพิ่มสูงขึ้น น้ำผลไม้ที่บรรจุวางขายกันทั่วไป หลายๆ คนอาจจะคิดว่ามีประโยชน์เหมือนน้ำผลไม้สด แต่ที่จริงแล้วประกอบไปด้วยน้ำตาลและสารให้ความหวานที่สูงมาก อาจจะไม่ต่างกันกับน้ำอัดลม ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอ้วนตามมา และเพิ่มโอกาสเป็นโรคเบาหวานกว่า 60% 3. ตั้งแต่ปี 1970 คนเราบริโภคมากขึ้นประมาณ 400 แคลอรี่ต่อวัน จากกราฟจะเห็นได้ชัดว่าเราบริโภคในปริมาณที่มากขึ้น และรับแคลอรี่ต่อวันมากขึ้นราวๆ 20% เป็นผลมาจากอาหารสำเร็จรูป ที่มีน้ำตาลและไขมันสูงขึ้น (อ้างอิง Dr. Stephan…
-
เผย 12 ท่ากามสูตร ช่วยเผาผลาญพลังงานและสร้างกล้ามเนื้อ เหมือนแข่งกีฬาโอลิมปิก!!
การออกกำลังการอาจจะป็นเรื่องยากสำหรับหลายๆ คน แต่เชื่อหรือไม่ทุกๆ การเคลื่อนไหวของเรานั้นก็สามารถช่วยเผาผลาญพลังงานได้ ไม่ต่างจากการออกกำลังกายเช่นกัน โดยสิ่งที่ #เหมียวเวจจี้ กำลังพูดถึงก็คือ กิจกรรมเข้าจังหวะบนเตียงนั่นแหละ รู้หรือไม่ว่านอกจากการเผาผลาญพลังงานแล้ว ก็ยังเป็นการสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อด้วย เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ก็คือ เหมือนกำลังลงแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่มีเหรียญทองเป็นเดิมพันกันเลยทีเดียว ฮร่าาาา… เอ๊า!! ทีนี้การเข้าจังหวะในท่วงท่าต่างๆ ก็จะเปรียบเทียบเท่ากับกีฬาแต่ละประเภท ต้องใช้เวลามากน้อยแค่ไหน จะได้อะไรบ้าง มาดูกันเถอะ… 1. ท่า Squatting 3 นาที เท่ากับการลงแข่งวิ่งข้ามรั้ว 100 เมตร กล้ามเนื้อส่วนที่ได้: กล้ามเนื้อท้อง ก้น สะโพก และต้นขา 2. ท่า Missionary 2.5 นาที เท่ากับการลงแข่งวิ่ง 100 เมตร กล้ามเนื้อส่วนที่ได้: ก้น สะโพก และต้นขา 3. ทำท่า Legs in the air 25 นาที เท่ากับการลงแข่งยิมนาสติก…
-
14 เหตุผลดีๆ ที่ทำให้ “ระบบการศึกษาฟินแลนด์” ได้รับยกย่องว่าดีที่สุดในโลก
ถ้าหากให้เดาชื่อของประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องของคุณภาพการศึกษาแล้ว เชื่อว่าชื่อของประเทศฟินแลนด์คงจะผุดขึ้นมาในหัวของหลายๆ คนอย่างแน่นอน เพราะอาจจะเคยได้ยินหรือได้เห็นกันมาบ้างว่าที่นี่นั้นดียังไง… และทางเว็บไซต์ brightside ได้รวบรวม 14 เหตุผลดีๆ ที่จะช่วยยืนยันว่าระบบการศึกษาของฟินแลนด์นั้นยอดเยี่ยมจริงๆ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลย… 1. ทุกๆ อย่างที่นี่ฟรี!! อย่างที่หลายๆ คนเคยทราบกัน การศึกษาของประเทศนี้ฟรี!! และไม่เฉพาะค่าเทอมเท่านั้นแต่ยังรวมถึงค่าบริการต่างๆ อย่างเช่นการไปทัศนศึกษาและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในการเรียนอีกด้วย นอกจากนี้นักเรียนที่อยู่ห่างจากโรงเรียนเกิน 2 กิโลเมตรก็ยังมีรถรับส่งฟรีอีกด้วย โดยในแต่ละปีพวกเขาจะจัดสรรงบประมาณ 12.2% จากงบประมาณทั้งหมดของประเทศเพื่อการศึกษา 2. เด็กๆ สามารถมีอิสระได้แบบที่เขาต้องการ เด็กๆ ทุกคนสามารถเลือกกิจกรรมและการเรียนได้ตามที่พวกเขาสนใจและตามความสามารถของตนเอง นอกจากนี้พวกเขายังมีคุณครูที่จะคอยให้ความรู้และความเข้าใจอย่างใกล้ชิด นั่นหมายความว่าบางวิชาที่ไม่น่าสนใจสำหรับพวกเขา เด็กๆ สามารถเลือกทำกิจกรรมอย่างอื่นได้ อย่างเช่นการอ่านหนังสืออื่นๆ ที่ไม่ใช่ตำรารเรียน หรือการเรียนเย็บผ้าได้ 3. ที่นี่จะไม่มีการตัดเกรดจนกว่าเด็กๆ จะขึ้นป. 3 ระบบการคิดคะแนนผลการเรียนของที่นี่จะมีด้วยกัน 10 คะแนน โดยพวกเขาจะไม่มีการให้เกรดเด็กๆ จนกว่าพวกเขาจะขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และสำหรับการให้คะแนนเกรด ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 1 จะมีเพียงคำว่า “พยายามอีกนิด”…
-
นี่คือ 5 เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ที่จะช่วยอธิบายว่า ทำไมคุณถึง ‘หิว’ อยู่ตลอดเวลา…
ในขณะที่หลายๆ คนกำลังบ่นว่าตัวเองน้ำหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่ยอมลด เชื่อไหมว่ายังมีอีกกลุ่มคนหนึ่งที่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำม๊ายยทำไมถึงรู้สึก ‘หิว’ อยู่ตลอดเวลา วันนี้เราจะพาไปค้นหาคำตอบพร้อมๆ กัน กับ 5 เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่อ้างอิงข้อมูลมาจากวารสารคลีนิคด้านโภชณาการ (EJCN) ที่ถูกตีพิมพ์ในยุโรปเมื่อไม่นานมานี้… 1. พักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นข้อเท็จจริงที่ทุกคนควรรู้ไว้ว่า พฤติกรรมการนอนหลับส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมทั้งหมดของเรา และมันก็มีความเชื่อมโยงกันอยู่ระหว่างการกินที่มากเกินไป กับการนอนหลับที่ไม่เพียงพอ หลายคนอาจคิดว่าเมื่อไหร่ที่รู้สึกเหนื่อยล้า เราต้องกินให้มากเพื่อพลังงานในรอบถัดๆ ไป แต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งเหล่านั้นกลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าหากคุณยังไม่เริ่มต้นพักผ่อนให้เพียงพอ 2. รับประทานคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี ไม่ได้งั้นงี้นะแต่เชื่อเถอะว่าถ้าคุณเป็นอีกคนที่ชอบทานฟาสต์ฟู๊ด หรือชอบทานอาหารหนักเช่น พิซซ่า พาสต้า หรือแม้แต่ขนมปังที่ไม่ใช่โฮลเกรน ขอบอกเลยว่าคุณอาจจะเสพติดสิ่งเหล่านี้ได้โดยไม่รู้ตัว เพราะในความเป็นจริงอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสีมักจะย่อยสลายได้ไวกว่า และทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเราสูงกว่า ซึ่่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำไมบางทีคุณถึงรู้สึกโหยหาอาหารเหล่านี้ซะเหลือเกิน 3. ดื่มน้ำไม่มากพอ เราอาจจะได้ยินคำแนะนำที่ว่า ‘ให้ดื่มน้ำเยอะๆ ร่างกายจะได้แข็งแรง’ กันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เชื่อเถอะว่านี่แหละคือปัจจัยแรกสุดที่จะทำให้สุขภาพคุณแข็งแรง จากงานวิจัยของ NCBI พบว่ากว่า 60% ของมนุษย์โลกไม่สามารถแยกแยะความรู้สึกที่แท้จริงระหว่างหิวข้าวและกระหายน้ำออกจากกันได้ ดังนั้นถ้าครั้งหน้าคุณรู้สึกหิวทั้งๆ ที่เพิ่งทานอาหารไป พึงรู้ไว้ว่าการดื่มน้ำก็ช่วยได้เหมือนกันนะ 4. ได้รับไขมันดีไม่เพียงพอ…
-
นี่คือเหตุผลและแนวทางว่าทำไม “คนโรคจิต” ถึงประสบความสำเร็จในการทำสิ่งต่างๆ
คำว่าโรคจิตคงเป็นคำที่เกือบทุกคนเข้าใจตรงกัน กับพฤติกรรมที่ดูแล้วจะต่อต้านกับสิ่งที่สังคมเป็นอยู่ ซึ่งไม่มีใครชอบเรื่องแบบนั้นซักเท่าไหร่ แต่มันมีความจริงที่น่าเหลือเชื่อจากสิ่งที่เป็นนั้นอยู่ ในประชากรทั้งหมดบนโลกของเรานั้นจะมี 1 เปอร์เซ็นต์ที่มีแนวโน้มจะมีอาการดังกล่าว เกิดจากการพัฒนาที่ผิดปกติของสมอง แต่เรื่องที่น่าตกใจจริงกลับไม่ใช่เรื่องนี้ มันคือเรื่องที่ว่าคนเหล่านั้นมีโอกาสสูงที่จะประสบความสำเร็จ อย่างน้อยก็คือการมีชื่อเสียง ทำเงินได้มากมาย หรือได้อยู่ในตำแหน่งสูงๆ ของบริษัท สิ่งที่พอบอกเราได้ว่านั่นอาจหมายถึงการสะท้อนให้เห็นสถานะของมนุษย์ ไม่ได้เป็นเรื่องที่สำคัญอะไร แต่เรามาลองทำความเข้าใจกันดีกว่าว่าทำไมพวกเขาถึงประสบความสำเร็จ และนำมาพัฒนาตัวเราเองกันเถอะ อย่างแรกขอให้ทุกคนเข้าใจก่อนว่าคนโรคจิตนั้นหมายถึงคนที่บกพร่องในการทำความเข้าใจกับบางสิ่งบางอย่าง ดังนั้นจึงไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นโรคจิตจะต้องเป็นฆาตกรต่อเนื่อง หรือคนบ้าเหมือนที่เราเห็นกันในหนัง อาการโดยสรุปที่สามารถเข้าใจได้ง่ายคือ ไม่มีความรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำ ขาดความเห็นใจผู้อื่น มีแนวโน้มชอบที่จะชักใยและใช้ประโยชน์จากคนรอบข้าง มีความมั่นใจและมั่นหน้าที่สูง รักตัวเองมองว่าตัวเองมีคุณค่า ขาดความรู้สึกและอารมณ์ของตัวเอง จึงอาจมีทักษะในการเลียนแบบความรู้สึกและอารมณ์ของผู้อื่นที่สูงมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือมีแนวโน้มที่จะเป็นคนหุนหันพลันแล่นและมองว่ากฎเกณฑ์ บรรทัดฐานของสังคมเป็นเรื่องที่ไร้สาระ เมื่อเราพอเข้าใจอาการของโรคดังกล่าวแบบคร่าวๆ แล้ว ก็มาดูเหตุผลที่พวกเขามักจะประสบความสำเร็จกันเลย ความมั่นใจคือทุกสิ่ง คนกลุ่มนี้จะมีความมั่นใจที่สูงมาก ด้วยสิ่งนั้นจะทำให้ผู้คนรู้สึกไว้ใจและเชื่อใจพวกเขาได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถพูดจูงใจผู้อื่นในการเจรจาต่อรองได้ดี แน่นอนว่ามันจะทำให้พวกเขาดูฉลาดและมีความสามารถมากกว่าผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือผู้อยู่เบื้องล่าง การพัฒนาเรื่องนี้นั้นไม่ยาก เราเพียงแค่แสดงความมั่นใจออกมาเวลาที่อยู่ข้างนอก ก็จะสามารถสร้างความเคารพจากเพื่อนร่วมงานได้เป็นอย่างดี และหากกลัวว่าจะดูมั่นใจในตัวเองมากเกินไปก็ไม่ต้องกังวล เพราะความมั่นใจยังคงแตกต่างกับความเย่อหยิ่งอย่างเห็นได้ชัด รู้วิธีการเข้าหาผู้อื่น คนประเภทนี้จะมีทักษะในการชักใยผู้อื่น โดยการแสร้งทำเป็นเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ…
-
ไขข้อสงสัยทำไม “น้ำผึ้ง” เป็นอาหารชนิดเดียวที่ไม่มีวันบูด แม้จะผ่านไปนานก็ตาม!?
เมื่อพูดถึงน้ำผึ้ง ใครๆก็คงจะนึกถึงรสชาติที่แสนหอมหวาน โดดเด่น ไม่เหมือนใครใช่ไหมล่ะ มีคนจำนวนมากที่ชื่นชอบและหลงใหลในรสของน้ำผึ้งจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วเคยสงสัยกันไหมล่ะว่า “ทำไมน้ำผึ้งแท้ถึงไม่มีวันหมดอายุ?” ไม่ว่าจะแช่เย็นหรือเก็บไว้ในห้องปกติ ผ่านไปเป็นปีก็ยังเอากลับมากินได้หอมหวานอร่อย ไม่ได้มีความรู้สึกว่ามันบูดเลย #เหมียวบู้บี้ ก็เลยไปค้นหาและรวบรวมข้อมูลมาไขข้อสงสัยให้กับทุกคนกันค่ะ ก่อนอื่นเรามาเรียนรู้กระบวนการทำน้ำผึ้งกันก่อน… กระบวนการในการผลิตน้ำผึ้งแท้ตามธรรมชาติ เริ่มจากผึ้งงานออกไปเก็บน้ำหวานจากดอกไม้ดูดลงเก็บไว้ในกระเพาะน้ำหวาน เอนไซม์ที่อยู่ในปากผึ้งก็จะถูกขับออกมาคลุกเคล้ากับน้ำหวาน เพื่อช่วยย่อยน้ำตาลกลูโคสและฟรุกโทสให้กลายเป็นน้ำตาลเด็กโทรสและน้ำตาลอื่นๆ อ้อ!! แล้วรู้รึเปล่าว่าการกระพือปีกบินกลับรังของมันจะช่วยเร่งการทำงานของเอนไซม์ ตลอดจนช่วยลดความชื้นในน้ำหวานได้อีกด้วย พอกลับถึงรังมันก็จะคายน้ำหวานให้กับผึ้งงานที่อยู่ประจำรังแบบปากต่อปาก ทำให้เกิดการสร้างกระบวนการเคมีอีกทอดหนึ่ง เสร็จแล้วก็จะนำน้ำหวานที่ได้นี้ไปบรรจุลงในหลอดรวงผึ้ง และพวกผึ้งก็จะช่วยกันกระพือปีกเพื่อช่วยในการระเหยของน้ำหวานจนทำให้ได้น้ำผึ้งแท้ ที่มีน้ำเหลืออยู่เพียง 18 % เท่านั้น แล้วทำไมน้ำผึ้งจึงไม่เน่าเสีย!? ด้วยเอนไซม์จากน้ำลายผึ้งที่เติมลงในน้ำหวานคือ กลูโคสออกซิเดส เอนไซม์ตัวนี้จะช่วยชะลอการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ยิ่งเก็บไว้นานๆ เอนไซม์ตัวนี้ก็จะทำให้ไม่เกิดการเน่าเสีย โดยการเปลี่ยนกลูโคสให้กลายเป็นกรดกลูโคนิกกับไฮโดรเจนเปออ็อกไซด์ที่มีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรีย สาเหตุที่สำคัญที่สุดที่ทำให้น้ำผึ้งไม่มีวันหมดอายุนั่นก็เพราะว่า ในน้ำผึ้งมีปริมาณน้ำตาลและความเป็นกรดสูงทำให้แบคทีเรียและยีสต์ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ และถ้าเก็บน้ำผึ้งไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทก็จะทำให้น้ำผึ้งแท้บริสุทธิ์สามารถเก็บไว้ได้นานแสนนานทีเดียว ประโยชน์ของน้ำผึ้งมีอะไรบ้าง? มาปิดท้ายกันด้วยประโยชน์กันบ้าง ประโยชน์ของน้ำผึ้งมีมากมายหลายอย่าง เช่น เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ใช้ในด้านของความงาม ช่วยชะลอและป้องกันริ้วรอยแห่งวัย ช่วยบำรุงผิวพรรณ ลดสิวเสี้ยน ทำให้หน้าชุ่มชื่น และช่วยในด้านของการรักษาโรคต่างๆ อีกทั้งช่วยสมานแผลให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย เมื่อรู้คุณประโยชน์ของน้ำผึ้งแบบนี้แล้ว…
-
เรื่องจริงของ ‘Anneliese Michel’ หญิงสาวที่ถูกผีสิงนานถึง 10 เดือน ผ่านพิธีกรรมกว่า 67 ครั้ง
สำหรับใครที่เป็นแฟนๆ หลังสยองขวัญคงจะรู็จักหนังเรื่อง The Exorcism of Emily Rose กันเป็นอย่างดี โดยได้รับได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของ Anneliese Michel เด็กหญิงที่ว่ากันว่าถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงนานกว่า 10 เดือน และได้รับพิธีกรรมไล่ผีถึง 67 ครั้งจนถึงขั้นเสียชีวิต ครอบครัวตระกูล Michel Anneliese Michel เกิดเมื่อวันที่ 21 กันยายน ปี 1952 ในชุมชน Leiblfing ทางตะวันตกของประเทศเยอรมนี เธอเติบโตในครอบครัวของคุณพ่อ Josef และคุณแม่ Anna ผู้เคร่งครัดศาสนาคริสต์ นิกายคาโรมันคาทอลิก พร้อมกับพี่สาวและน้องสาวอีกสามคน เธอใช้ชีวิตอย่างปกติจนกระทั่งในปี 1968 เมื่อเธอมีอายุ 16 ปี เธอเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ อย่างเช่นเป็นลมล้มลงไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ปัสสาวะบนที่นอน และอาการก็เริ่มแย่ลงขึ้นเรื่อยๆ ทางครอบครัวจึงพาเธอเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล จนได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นโรคลมชักชนิดรุนแรง โดยพักรักษาในโรงพยาบาลเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะถูกส่งตัวกลับมารักษาต่อที่บ้าน ภาพของ Anneliese Michel ในช่วงที่ยังมีชีวิตปกติ จากนั้นเธอก็ได้รับประทานยาเพื่อประคองตัวให้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติ…
-
ผู้เชี่ยวชาญการนอน ระบุถึงบุคคล 4 ประเภท คุณเป็นประเภทไหน และควรจัดตารางชีวิตยังไง…
วันนี้เราจะขอทำตัวแบบมี ‘จังหวะชีวภาพ’ (Chronobiology) กันบ้าง เมื่อไหร่ที่พูดถึงเรื่องการนอนหลับ เราจะไม่ขอทำเป็นเรื่องเล่นๆ เพราะคนขี้เกียจมักจะรู้ดีว่า ‘การนอนหลับ’ คือสวรรค์ที่สุดแล้ว นาฬิกาชีวิตภายในร่างกายของเรานั้น มีส่วนสำคัญในการส่งผลถึงการปฏิบัติกิจวัตรต่างๆ ในแต่ละวันของเราด้วย ถ้าหากว่านอนผิดเวลากับนาฬิกาชีวิต ก็อาจจะส่งผลทำให้อีกครั้งที่ตื่นขึ้นมามีอาการแปรปรวนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทางด้านผู้เชี่ยวชาญด้านเวลาชีวิต Dr. Michael Breus ก็ได้แบ่งประเภทของการลักษณะนิสัยการนอนหลับไว้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ เราลองมาดูกันว่าคุณเป็นประเภทไหน และเราควรจะจัดตารางชีวิตยังไงให้ดีต่อตัวเราเองมากที่สุด 1. โลมา ลักษณะนิสัยของคนที่มีพฤติกรรมในกลุ่มโลมาก็คือ พวกเขามักจะนอนหลับน้อย และมีปัญหากับอาการนอนไม่หลับอยู่เสมอ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็ได้แนะว่าช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00 คนกลุ่มนี้ควรจะปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด และรีบเข้านอนตั้งแต่ช่วง 23.30 ส่วนเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการตื่นนอนคือช่วง 6.30 น. 2. สิงโต สำหรับใครที่มีลักษณะตื่นนอนเช้าพร้อมกับพลังงานที่เต็มเปี่ยม แต่ในช่วงบ่ายแก่ๆ กลับรู้สึกหมดแรงอย่างหนัก ขอบอกเลยว่าคุณถูกจัดอยู่ในกลุ่มสิงโต และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้มีเรี่ยวแรงในการทำงานตลอดวัน ผู้เชี่ยวชาญแนะว่าเราควรเข้านอนตั้งแต่ 22.30 และตื่นนอนให้ไวในช่วงเช้ามืดประมาณ 5.30 น. 3. หมี (คนส่วนใหญ่)…
-
อดีตเชฟส่วนพระองค์ เปิดเผย 9 อาหารที่ “ควีนอลิซาเบธ” ทรงไม่โปรดเสวยเลย
เคยสงสัยกันไหมว่าคนระดับควีนอลิซาเบธนั้น พระองค์ทรงไม่โปรดปรานอะไรกันบ้างนะ อะไรที่พระองค์ไม่เสวยเลย อย่างถ้าเป็นคนทั่วไปก็อาจจะไม่ชอบ พริก หรืออะไรทำนองนี้ แต่เราก็คงไม่อยากรู้เรื่องของคนทั่วไปจริงไหม ด้วยเหตุนี้ทาง Darren McGrady ผู้เคยทำงานเป็นเชพส่วนพระองค์ ก็เลยออกมาบอกเล่าให้เราได้รู้กันว่าควีนไม่ชอบอะไร ทีนี้ล่ะ เราจะได้รู้กันแล้วว่าคนระดับครีนเขาไม่กินอะไรบ้าง ต่างจากคนปกติแบบเราไหมมาดูกัน… พาสต้า ควีนทรงเล่าว่า เวลาที่พระองค์ทรงเสวยอาหารเที่ยงคนเดียว พระองค์จะไม่ยอมเสวยแป้งอย่างแน่นอน เพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ แทนที่จะเป็นสลัดอะไรทำนองนี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าพาสต้าจึงกลายเป็นเมนูที่ควีนไม่ปลื้ม มันฝรั่ง แน่นอนว่าเมื่อแป้งเป็นสิ่งที่ควีนไม่ทรงโปรด ทางเชฟจึงบอกว่ามันฝรั่งจึงตกไปอยู่ในหมวดเดียวกันทันที เนื้อแบบแรร์ ถ้าคุณคิดว่าเนื้อแบบกึ่งสุกนี้มันจะทำให้คุณดูดีเวลาที่สั่งหรือกิน นั่นเปนความที่ควีนไม่เห็นด้วยอย่างแรง เพราะควีนจะกินเนื้อเฉพาะแบบสุกจริงๆ เท่านั้น โดยเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ควีนไม่ชอบก็คือเลือดนั่นเอง ไข่เปลือกสีขาว ควีนไม่ชอบไข่เปลือกสีขาว โดยให้เหตุผลว่าไข่เปลือกสีน้ำตาลอร่อยกว่า กระเทียมและหัวหอม ควีนไม่ปลิ้มกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์ ฉะนั้นควีนจะไม่เสวยอาหารที่มีกระเทียมและหัวหอมเป็นส่วนผสมมากนัก แต่ก็ไม่ถึงกับไม่เสวยซะทีเดียว ขอบขนมปัง ควีนไม่ได้เกลียดขอบขนมปังซะทีเดียว แต่ควีนจะเก็บขอบไว้ให้vkskiนก ซึ่งเวลาที่พระองค์จะเสวยขนมปัง พระองค์จะตัดขอบมันออกก่อนเสมอ ผลไม้นอกฤดูกาล ควีนไม่เสวยผลไม้ที่อยู่นอกฤดูกาลเด็ดขาด เช่นสตรอเบอร์รี่ ถ้าส่งมาให้ควีนในช่วงฤดูกาลควีนก็จะเสวยปกติ แต่ถ้าส่งมาในช่วงนอกฤดูกาลควีนจะไม่เสวยทันที เพราะพระองค์ทรงกลัวว่าจะเป็นผลไม้ที่มีการดัดแปลงพันธุกรรม ไม่กินกล้วยตรงๆ…
-
17 เหตุผลชวนว๊าว ว่าทำไมใครๆ ก็อยากไปอยู่ “ประเทศเยอรมนี” มันมีดีอะไรน๊อ!?
หากพูดถึงประเทศที่มีความเจริญเป็นอันดับต้นๆ ของโลกแล้ว เชื่อว่าจะต้องมี “เยอรมนี” ติดเข้ามาอย่างแน่นอน และด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง ที่ทำให้ประเทศนี้มีเสน่ห์ดึงดูดและน่าไปมากเลยทีเดียว ทำไมคุณถึงอยากจะไปอยู่เยอรมนีนะ..!? 1. จากข้อมูลในปี 2016 ประเทศเยอรมนีมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากร อยู่ที่ประมาณ 41,936 ดอลลาร์ต่อปี (1,400,000 บาท) มากกว่าของประเทศไทยที่อยู่ราว 200,000 บาทอยู่ประมาณ 7 เท่า 2. ในส่วนของการคมนาคมขนส่ง ประเทศเยอรมนีมีความก้าวหน้าเรื่องรถไฟเป็นอย่างมาก และด้วยเส้นทางรถไฟกว่า 35,000 กิโลเมตรทั่วประเทศ ทำให้คุณเดินทางไปมาในประเทศ และประเทศอื่นๆ ในยุโรปได้อย่างสบาย 3. โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูงที่ไม่ต้องรอถึงปี 2020 ก็มีให้ใช้มาตั้งแต่ปี 1991 ภายใต้ชื่อ ICE (InterCityExpress) ซึ่งในปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 3 ซึ่งสามารถวิ่งให้บริการได้ในความเร็วถึง 330 กม./ชม. 4. นอกจากนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องทางหลวงคุณภาพเยี่ยม โดยเฉพาะทางด่วนออโตบาห์น (Autobahn) ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่จำกัดความเร็ว และแนะนำให้วิ่งที่ 130…
-
10 ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ที่ต้องแลกมาด้วย “ความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน” ของเหล่าคนดัง…
ใช่ว่าชีวิตของคนเรานั้นจะเกิดมาพร้อมกับความสำเร็จตั้งแต่ต้น เพราะต้องเจอกับอุปสรรคและความยากลำบากมากมาย กว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่เราต้องการ ไม่ต่างไปจากเหล่าคนที่ประสบความสำเร็จ จนมีชื่อเสียงโด่งดังหลากหลายท่าน กับเบื้องหน้าที่เราได้รู้ว่าชีวิตของพวกเขานั้นถึงจุดสูงสุดของชีวิตแล้ว แต่ทว่าในระหว่างทางกลับต้องแลกหลายสิ่งหลายอย่างมา กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้… ดั่งเช่นเรื่องราวของ 10 ผู้โด่งดังกับความล้มเหลวที่ต้องเจอเพื่อสิ่งที่เรียกว่า ‘ความสำเร็จ’ 1.Elvis Presley ราชาเพลงร็อคแอนด์โรลคนนี้คงเป็นที่รู้จักของใครหลายคน การแสดงครั้งแรกที่ทำให้ผู้คนได้เห็นท่าทางการสะบัดเอวของเขาในปี 1954 นั้นไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบซักเท่าไหร่ และเขาถูกโห่ใส่อย่างหนักหลังจากที่ได้ทำการร้องเพลงที่มีชื่อเสียงในอดีตอย่าง Blue Moon of Kentucky นั่นจึงทำให้เขาสัญญากับตัวเองว่าจะไม่กลับไปที่นั่นอีก จนกระทั่งเขาได้เข้าร่วมการแข่งขันร้องเพลงที่ใหญ่ที่สุดของดนตรีแนวนี้ หลังจากการแสดงครั้งนั้นเขาจึงได้เซ็นสัญญาการแสดงถึง 52 แห่ง และได้รับการยอมรับเพื่อเข้าสู่วงการดนตรีในที่สุด 2.Vincent Van Gogh ผลงานของจิตรกรชื่อดังคนนี้สามารถหาชมได้ตามพิพิธภัณฑ์ แต่แท้จริงแล้วในตอนที่ยังมีชีวิตเขาได้ขายภาพเพียงแค่ภาพเดียว ก่อนที่ภรรยาของน้องชายเขา จะนำรูปทั้งหมดออกมาเผยแพร่ให้ทั่วโลกได้เห็น ในตอนที่เขาเสียชีวิตลงไปแล้ว จึงทำให้เขาไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่า ผลงานของเขานั้นมีคุณค่ากับทุกคนมากแค่ไหน 3.Harland David Sanders ผู้พันแซนเดอร์ที่เรารู้จักกันดีนั้นได้ใช้เวลา 50 ปี ในการทำงานหลายๆ อย่าง และประสบกับความล้มเหลวมาหลายร้อยพันครั้ง จนเมื่ออายุได้…
-
ผลวิจัยเผย “พักเล่นเกม” ระหว่างทำงาน ดีกว่าการ พักเบรกเฉยๆ เป็นไหนๆ ไม่เชื่อลองดู…
เชื่อว่าในชีวิตการทำงาน หลายคนเวลาที่รู้สึกอยากจะพักผ่อนนั้น คงจะเลือกที่จะไปกินกาแฟสักแก้ว เพราะคิดว่ามันจะช่วยผ่อนคลายสุดๆ แต่จากการวิจัยล่าสุดนั้นได้ออกมาแล้วว่า ถ้าจะพักให้พักไปเล่นเกมจะสบายตัวกว่า… Rupp หนึ่งในทีมวิจัยจาก University of Central Florida ได้บอกว่าจากผลสำรวจทั้งหมด 66 คน ที่ได้เข้าร่วมทดสอบการเบรกจากงานด้วยวิธีต่างๆ คนที่เล่นเกมจะมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นและผ่อนคลายมากกว่าการทำอย่างอื่น ซึ่งการวิจัยนั้นแบ่งออกเป็นสามกลุ่มหลักๆ ด้วยกัน โดยกลุ่มแรกจะได้เล่นเกมที่ชื่อว่า Sushi Cat กลุ่มที่สองจะได้รับการแนะนำให้ทำสมาธิ ส่วนกลุ่มสุดท้ายนั้นให้พักเบรกเฉยๆ 5 นาที โดยผลที่ได้นั้นพบว่าคนที่ไปพักเฉยๆ จะมีอาการเครียดเหมือนเดิม ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายแต่อย่างใด เพราะในขณะที่พักเฉยๆ พวกเขาก็จะยังคงคิดเรื่องงานหรือเรื่องอื่นไปเรื่อยๆ ไม่ได้หยุด ส่วนคนที่ทำสมาธิก็จะมีผลที่ดีกว่าเพราะจิตใจปลอดโปร่ง แต่กลุ่มที่ได้ผลดีที่สุดกลับเป็นกลุ่มคนเล่นเกม เพราะจากผลชี้ว่าหลังจากที่พวกเขาพักเล่นเกม พวกเขาจะจดจ่ออยู่กับเกมและลืมเรื่องงานหรือเรื่องอื่นๆ ไปในทันที ซึ่งนั่นทำให้ความเครียดลดลงอย่างเห็นได้ชัดมากๆ ฉะนั้นไปแนะนำเจ้านายซะ ว่าเนี๊ยะ เขาบอกว่าเล่นเกมคลายเครียดกว่าเป็นไหนๆ เวลาพัก ฉะนั้นก็โหลดเกมแคชชวลเบาๆ มาเล่นกันที่ทำงานช่วงพักดู หายเครียดแน่นอน…แต่อย่าชวนกันตี ROV หรือ เกมที่ชวนหัวร้อนนะ จากจะผ่อนคลายเครียดกว่าเดิมเห็นๆ…
-
งานวิจัยเผย.. “จิ๋ม” ของเราถ้าไม่ได้รับการใช้งาน อาจทำให้ฝ่อ และตึงเครียด
สาวๆ รู้หรือไม่ว่า หากน้องสาวของเราไม่ได้รับการใช้งานเป็นเวลานานนั้น สภาวะของช่องคลอดอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา ส่งผลให้ภาวะช่องคลอดหย่อนยาน และการรับรู้ความรู้สึกพึงพอใจทางเพศก็จะลดน้อยลง ซึ่งเกิดผลในด้านลบต่อความพึงพอใจทางเพศอย่างแน่นอน ทางด้าน Mayo Clinic องค์กรด้านบริการสุขภาพได้ออกมาเผยว่า เมื่อสาวๆ ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เป็นเวลานาน อาจจะทำให้จุ๋มจิ๋มของเรามีอาการ “ตึงเครียด” และเสี่ยงต่อการเป็นภาวะช่องคลอดหย่อนยานได้ สำหรับช่องคลอดหย่อนยาน ถือเป็นภาวะปกติที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงทุกวัย โดยเฉพาะหญิงที่มีแนวโน้มว่าใกล้จะหมดประจำเดือน หรือผ่านวัยหมดประจำเดือนมาแล้ว เนื่องจากร่างกายได้ผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยกว่าปกติ ซึ่งจะมีผลต่อผนังช่องคลอด อย่างไรก็ตาม ภาวะดังกล่าวสามารถรักษาได้ แต่อาจส่งผลทำให้ผนังช่องคลอดบางลง นอกจากนี้ ภาวะช่องคลอดหย่อนยาน ยังสามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ที่ได้รับการรักษาโรคมะเร็งบางชนิดโดยเฉพาะโรคมะเร็งเต้านม อีกด้วย ส่วนสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะช่องคลอดหย่อนยาน อาจขึ้นอยู่กับสภาพของแต่ละบุคคล โดยจะมีอาการที่พบมากมาย ได้แก่ อาการปวดแสบปวดร้อน อาการปวดเมื่อยตามอวัยวะเพศ เป็นต้น ด้าน Louise Mazanti นักบำบัดโรคทางเพศในกรุงลอนดอน ได้กล่าวว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราควรมีเพศสัมพันธ์กับคู่รัก หรือกับตัวเราเอง คนส่วนใหญ่มักพูดว่า ‘ฉันไม่มีเพศสัมพันธ์เพราะฉันไม่มีคู่ครอง’ แต่ความจริงแล้ว คุณสามารถเลือกที่จะช่วยตัวเองได้ โดยการนวดและการสัมผัสเนื้อเยื่อ เพื่อให้น้องสาวมีชีวิตชีวา และมีการไหลเวียนของเลือดจะดีขึ้นนั่นเอง”…
-
หญิงสาวกลับมายิ้มได้อีกครั้ง หลังถูกเพื่อน “จุดไฟเผา” จนเสียโฉมเมื่อห้าปีก่อน เพราะเธอไม่ยอมไปเดทด้วย
กลายเป็นที่ประทับใจของชาวเน็ตเลยทีเดียว สำหรับหญิงสาวคนหนึ่งที่เคยถูกเพื่อนชายจุดไฟเผา เนื่องจากเธอปฏิเสธไม่ยอมไปเดทกับเขา จนทำให้เธอเกิดแผลไฟไหม้กว่า 30 เปอร์เซ็นบนร่างกาย หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป 5 ปี ตอนนี้เธอกลับมาเข้มแข็งและพร้อมจะเผชิญกับโลกภายนอกอีกครั้งหนึ่ง หญิงสาวคนนี้มีชื่อว่า Zhou Yan เมื่อห้าปีก่อนขณะที่เธออายุเพียง 16 ปี เธอถูกเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งชื่อว่า Tao Rukun ซึ่งแอบหลงรักเธอ ราดน้ำมันแล้วจุดไฟเผา หลังจากเธอปฏิเสธไม่ยอมไปเดทกับเขา ผลจากไฟไหม้ครั้งนั้น ทำให้เธอมีแผลไฟไหม้กว่า 30 เปอร์เซ็นบนร่างกาย รวมถึงสูญเสียใบหูข้างหนึ่งไป (Zhou Yan ในวัย 16 ปี) หลังจากนั้นไม่นาน Tao Rukun ก็ถูกจับกุมและศาลตัดสินให้เขาต้องจำคุก 12 ปี พร้อมทั้งจ่ายค่าเสียหายทั้งหมด 1.6 ล้านหยวนหรือราว 8 ล้านบาท แต่ยังไง เงินก็ไม่สามารถย้อนเวลาและนำสิ่งที่เธอสูญเสียไปให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ล่าสุดเธอได้ปล่อยภาพชุดใหม่ออกมาบนเครือข่ายโซเชียล Weibo แสดงให้เห็นถึงใบหน้าและแววตาอันสดใส หลังจากผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายมาแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมที่จะเผชิญกับโลกภายนอกอีกครั้งหนึ่ง เธอบอกว่าเธอยังคงเชื่อมั่นในความรักเหมือนเดิม และเธอกำลังตั้งหน้าตั้งตารออนาคตที่สดใสที่กำลังจะมาถึงอย่างใจจดใจจ่อ…
-
13 สิ่งประดิษฐ์สุดคูล ที่จะเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของเราให้ “สะดวกสบาย” ยิ่งขึ้น
โลกของเรานั้น อะไรต่างๆ ก็พัฒนาและวิวัฒนาการกันต่อไปเรื่อยๆ เหมือนกับพวกสิ่งประดิษฐ์ทั้งหลายที่ได้มีคนคิดค้นขึ้นมาให้เราได้รู้สึกแปลกใหม่อยู่ตลอด และบางอย่างก็ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันด้วย เราลองมาดูสิ่งประดิษฐ์ 13 สิ่ง ที่ตอนนี้มวลมนุษยชาติได้ทำขึ้นและออกแบบมาให้เราเห็นกันบ้างดีกว่า ว่ามันจะอำนวยความสะดวกของพวกเราในเรื่องอะไรได้บ้าง 13.The Third Thumb อุปกรณ์ชิ้นนี้ถูกออกแบบโดยศิษย์เก่าสถาบันศิลปะที่มีชื่อว่า Dani Clode ซึ่งจะมีเซ็นเซอร์การเคลื่อนไหวอยู่ที่รองเท้า มีความคล้ายกับอวัยวะเทียมแต่ไม่ได้เอามาใช้ทดแทนส่วนที่ขาดหายไป ในทางตรงกันข้ามมันมีไว้เพื่อเพิ่มความสามารถของพวกเราไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีต้าร์ การใช้เครื่องมือและการหยิบจับสิ่งของที่ง่ายยิ่งขึ้น 12.Paqsule เจ้าสิ่งนี้ก็คือกระเป๋าอัจฉริยะที่เพียงแค่คุณกดปุ่มที่ควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน ก็จะสามารถฆ่าเชื้อโรคและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ให้หมดไปได้ จากการใช้แสงอัลตร้าไวโอเล็ตและโอโซน กระบวนการนี้จะใช้เวลา 35 นาที ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีอีกกว่า 20 ฟังก์ชันพิเศษๆ รอให้เราไปลองใช้มันอยู่ 11.Water Walker and Spa ใครที่ชื่นชอบการลดน้ำหนักด้วยการไปวิ่งหรือออกกำลังกายในน้ำแล้วละก็ คุณจะต้องชอบสิ่งนี้อย่างแน่นอนเพราะมันจะทำให้คุณสามารถทำทั้งสองอย่างได้พร้อมๆ กัน ในการวิ่งในน้ำเพื่อช่วยในเรื่องของหัวใจอีกทั้งยังสามารถทำได้ที่บ้านของคุณเอง เจ้าเครื่องนี้มีหลากหลายรูปแบบเป็นได้แม้กระทั่งการทำสปาให้กับตัวคุณ 10.Amabrush แน่นอนว่ามันคือแปรงสีฟันที่จะช่วยให้ฟันของคุณสะอาดได้ใน 10 วินาที มันถูกออกแบบมาให้มีลักษณะคล้ายกับฟันยางที่เมื่อคาบไว้ในปากก็จะสามารถตั้งค่าการสั่นและเวลาการแปรงได้ด้วยสมาร์ทโฟน ส่วนประกอบป้องกันแบคทีเรียอีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการกรอฟันให้ได้อีกด้วย โดยราคาของเจ้าสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้อยู่ที่ราวๆ 3,500 บาท…
-
น่าสน!! 17 ไอเดียการดัดแปลง “ขวดน้ำ” ให้กลายเป็นของใช้สุดเจ๋งที่ดูคาดไม่ถึงสุดๆ
หนึ่งในสิ่งที่ใช้เวลานานในการย่อยสลายก็คือ “พลาสติก” ดังนั้น เราจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนบางกลุ่มถึงให้ความสำคัญในการรณรงค์ นำขยะพลาสติกมารีไซเคิลใหม่ให้กลายเป็นของใช้มากประโยชน์ ถ้าหากที่บ้านของเพื่อนๆ มีขยะพลาสติกโดยเฉพาะขวดพลาสติกเก่าๆ ละก็ คุณสามารถนำมาดัดแปลงให้กลายเป็นของใช้สุดคูลได้แบบง่ายๆ และทั้งหมดนี้คือ 17 ไอเดียการดัดแปลง “ขวดน้ำ” ให้กลายเป็นของใช้ที่โคตรเจ๋ง มาดูกันว่าจะมีอะไรบ้าง ทำเป็นที่ใส่โทรศัพท์ขณะกำลังชาร์จแบต และคุณก็จะได้ไม่ต้องวางโทรศัพท์ไว้บนพื้นอีกต่อไป ฝาขวดพลาสติก ก็สามารถนำมาดัดแปลงให้เป็นฝาสำหรับถุงพลาสติกได้ เปลี่ยนถังน้ำขนาดใหญ่ให้กลายเป็นถุงขวดแบบเก๋ๆ ลำโพงรีไซเคิลก็สามารถทำได้นะ ที่ใส่ฟองน้ำ อุปกรณ์ป้องกันมีดบาด ทำเป็นเครื่องชงชาก็ยังได้ หรือจะเป็นที่ใส่ดินสอก็เจ๋งฝุดๆ กระถางดอกไม้ขนาดจิ๋ว เรือนกระจกขนาดเล็กที่จะช่วยปกป้องต้นไม้ต้นเล็กให้พ้นจากความหนาวเย็น และแห้งแล้ง ทำสปริงเกอร์ก็เจ๋งไม่น้อย กันชนจักรยาน เห้ย!! คือดีย์ ฝาครอบเลนส์กล้อง ก๊อกน้ำ DIY ลองทำดูแล้วจะรู้ว่าน้ำไม่กระเด็นไปทั่วอ่างแน่นอน ขวดเก่าๆ ที่สามารถนำมาแยกไข่แดงและไข่ขาวได้ และนี่คือพลั่วฉบับแฮนเมด…
-
จิตแพทย์เผย 10 วิธีในการสร้าง “ความสุข” ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ โดยเริ่มจากตัวเราเอง…
ความสุขคือสิ่งที่ใครก็อยากจะมี และแต่ละคนก็จะเกิดความสุขได้จากหลายสิ่งที่แตกต่างกันไป แต่แน่นอนว่าสิ่งกระตุ้นเหล่านั้น ไม่ใช่เพียงเหตุผลเดียวที่จะสร้างความสุขให้กับเราได้ เพราะเรื่องเล็กน้อยบางอย่างที่เราสามารถสร้างขึ้นได้จากตัวเราเองก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งได้เหมือนกัน เมื่อ Max Pemberton จิตแพทย์จากบริการด้านสุขภาพแห่งชาติของประเทศอังกฤษ ได้ออกมาเผยความลับ 10 วิธีสู่การมีความสุขของตัวเราเอง ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ยุ่งยากทุกคนสามารถทำได้ และเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้นกันไปในการใช้ชีวิตแต่ละวัน เราลองมาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง 1.ลดความกังวล คุณหมอ Max นึกถึงคนไข้ที่มีอาการวิตกกังวลและเขียนเป็นรายชื่อสิ่งที่เธอรู้สึกกังวลใจว่ามีอะไรบ้าง แม้ว่าจะไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นก็ตาม แต่ด้วยวิธีการเดียวกัน เขาก็อยากให้ทุกคนได้ลองทำบ้าง จากนั้นก็ค่อยกลับมาอ่านรายชื่อเหล่านี้ ในอีกเดือนหรือปีผ่านไป ก็จะรู้ได้เลยว่ามันไม่มีสิ่งใดที่เกิดขึ้นเลย 2.ตระหนักว่า อะไรกันแน่ที่รบกวนจิตใจคุณ เมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งโมโหสามีอย่างมากที่ไม่ได้ซักผ้า นั่นคือการแสดงออกอย่างชัดเจนถึงเรื่องสามีที่ไม่สนใจภรรยา ดังนั้นการที่เราสามารถรับรู้ได้ว่า อะไรกันแน่ที่เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของเรา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ควรระบุได้ขณะต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ๆ 3.ปฏิบัติต่อตัวเองด้วยความเมตตา คนไข้ของเขานั้นมักจะตัดสินตัวพวกเขาเองอย่างหนักหน่วงและรุนแรง มากกว่าตอนที่ตัดสินคนอื่น เขาจึงแนะนำว่า “ถ้าสิ่งเหล่านั้นคุณไม่ได้ใช้พูดกับคนที่คุณรัก คุณก็ไม่ควรที่จะนำมันมาพูดกับตัวเองเเช่นเดียวกัน” 4.มั่นใจว่าคุณดีต่อผู้อื่นอีกเช่นเดียวกัน เขาต้องการให้ทุกคนได้พิจารณาถึงสิ่งที่คนอื่นจัดการกับสิ่งต่างๆ ในชีวิตของพวกเขาเหล่านั้น และต้องให้แน่ใจว่าคุณได้ให้พวกเขาเห็นถึงประโยชน์ของการมีข้อสงสัยกับเรื่องราวเหล่านั้น 5.งานของคุณ อาจก่อให้เกิดความทุกข์ เราต้องลองถอยหลังมาก้าวหนึ่ง…
-
21 เรื่องจริงเกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์ ใกล้ตัวเรามากๆ แม้แต่คุณเองก็อาจไม่เคยรู้มาก่อน!!
เคยคิดกันบ้างมั้ยว่าชีวิตที่เราได้ใช้กันมาตลอดจนถึงปัจจุบันนั้น ยังมีเรื่องไหนบ้างที่เรายังไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับมันอยู่อีก แถมบางทีมันอาจเป็นเรื่องใกล้ตัวเราเอามากๆ อย่างเช่นในเรื่องร่างกายของมนุษย์ ที่ยังคงมีสิ่งที่น่าอัศจรรย์ภายในตัวเราเองอีกเพียบเลยล่ะ และนี่เป็นเรื่องราวทั้ง 21 ข้อ ที่จะทำให้คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์ ให้เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นไปอีก!! 1.ลายลิ้นนั้นมีความเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไปในแต่ละคน แน่นอนว่ามันยากที่จะลอกเลียนอีกด้วย 2.ผมเพียงเส้นเดียวสามารถรับน้ำหนักของแอปเปิ้ลได้ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้ระบุว่าแอปเปิ้ลนั้นมีขนาดเท่าไหร่ 3.จำนวนของแบคทีเรียในช่องปากนั้น มีจำนวนเท่ากับประชากรของคนบนโลก หรือบางทีอาจจะมีมากกว่าเสียอีก 4.หากเล็บเรามีความอ่อนนุ่มเปราะบางและไม่มีลักษณะโค้งตามรูป ก็อาจบอกได้ว่าคุณนั้นมีปัญหากับต่อมไทรอยด์ได้ 5.ความเร็วของการรับรู้ที่จะเข้าไปกระตุ้นให้สมองทำงานนั้นอยู่ที่ประมาณ 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 6.ความจริงแล้วกรุ๊ปเลือดของเราไม่ได้มีเพียง 4 แบบเท่านั้น แต่มันมีมากถึง 29 แบบเลยทีเดียว ซึ่งที่หายากสุดๆ ก็คือกรุ๊ปเลือดย่อยที่มีชื่อว่า Bombay ซึ่งเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติในกลุ่มเล็กๆ ที่ประเทศญี่ปุ่น 7.ในหนึ่งวัน เลือดของเราจะวิ่งอยู่ในร่างกายเป็นระยะทางถึง 19,312 กิโลเมตร 8.ความยาวของเส้นประสาทในร่างกายทั้งหมดรวมกันนั้นจะอยู่ที่ 75 กิโลเมตร 9.มนุษย์นั้นจะหายใจเข้าออกอยู่ที่ประมาณ 20,000 ครั้งต่อวัน 10.แทบทุกคนนั้นจะมีไรชนิดพิเศษอยู่ตรงขนตาที่เรียกกันว่า Demodex 11.ดวงตาของเรานั้นสามารถเห็นความแตกต่างของสีได้มากถึง 10,000,000…
-
10 อันดับความเสียหายจาก ‘ภัยพิบัติทางธรรมชาติ’ ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์…
หนึ่งสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมได้เลยนั่นก็คือ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทำได้แค่เพียงคาดเดาที่ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน 100% ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่อย่างน้อยๆ ก็เป็นการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายและคร่าชีวิตผู้คนก่อนที่จะสายเกินไป… ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ เกิดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วนไม่ว่าจะเป็นพายุไซโคลน แผ่นดินไหว น้ำท่วม หรือโรคระบาดก็ตาม และวันนี้เราก็ได้รวบรวม 10 อันดับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในประวัติศาสตร์มาฝากทุกคนกัน ซึ่งทั้ง 10 อันดับนั้นจะมีอะไรกันบ้างไปชมกันเลย 10. แผ่นดินไหวที่เมืองอะเลปโป ประเทศซีเรีย ปี 1138 แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ตุลาคมปี 1138 ในเมืองอะเลปโป ประเทศซีเรีย ซึ่งปัจจุบันคือเมืองฮาลับ โดยมีการบันทึกจำนวนผู้เสียชีวิตไว้ที่ 230,000 คน และนอกจากนี่ยังมีอาคารและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ที่พังทลายไปพร้อมกับเหตุการณ์นี้ด้วย 9. แผ่นดินไหวที่เมืองถังชาน ประเทศจีน ปี 1976 แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมปี 1976 มีระดับความรุนแรงอยู่ที่ 7.8 แมกนิจูด พบจำนวนผู้เสียชีวิตมากถึง 240,000 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 164,000 คน ซึ่งมีจุดศูนย์กลางมาจากรอยเลื่อนที่ยาวถึง…
-
26 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ “ประเทศออสเตรเลีย” ที่คุณอาจไม่เคยได้ยินจากในห้องเรียนมาก่อน
นับว่าประเทศออสเตรเลียเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของคนรุ่นใหม่ทั่วโลกเลยก็ว่าได้ และบนแผ่นทวีปขนาดใหญ่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยเรื่องราวต่างๆ มากมาย วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 26 เรื่องจริงน่ารู้ของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเราเชื่อว่าหลายๆ ข้อคุณอาจจะไม่เคยได้ยินจากในห้องเรียนมาก่อน จะเป็นยังไงบ้างตามไปชมกันเลย… 1. กว่า 85% ของชาวออสเตรเลีย อาศัยอยู่ใกล้กับชายฝั่งในระยะ 50 กิโลเมตร 2. ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ 2 ของโลก ที่เปิดให้ผู้หญิงสามารถใช้สิทธิในการโหวตลงคะแนนเสียงได้ (ตามหลังจากนิวซีแลนด์) 3. อดีตประธานาธิบดี Bob Hawke ของออสเตรเลีย เคยสร้างสถิติดวดเบียร์ 1 ลิตร ในเวลา 11 วินาทีมาแล้ว ซึ่งภายหลังเจ้าตัวให้สัมภาษณ์ว่า “นี่แหละคือเบื้องหลังความสำเร็จทางการเมืองของผม” 4. หากเทียบกับประเทศอังกฤษจะพบว่า ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีความแออัดต่ำมาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2.66 คน/ ตารางกิโลเมตร ในขณะที่อังกฤษมีความแออัดสูงถึง 248.25 คน/ตารางกิโลเมตร 5. ประเทศออสเตรเลียมีอัตราค่าไฟสูงที่สุดในโลก 6. ในอดีตเคยมีอูฐอาศัยอยู่มากกว่า 1,000,000…
-
จริงหรือไม่!? คนที่ชอบอวดแฟนบนโลกโซเชียล จริงๆแล้วไม่ค่อยมั่นใจในความรัก
เวลาที่เราเล่นโซเชียลต่างๆเราก็มักจะเจอคนลงรูปคู่ สวีทหวานกันจนมดขึ้น ทำให้คนโสดแบบเราอิจฉาตาร้อนกันบ้างใช่ไหมล่ะ แหม คนมีคู่ไม่รู้หรอก… แล้วเคยสงสัยไหมว่า พวกเขาเหล่านั้นยังรักกันหวานแหววอย่างที่ลงรูป หรือแท้จริงแล้วอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาสร้างภาพขึ้นมากันนะ และพอกดเข้าไปส่องแบบเพลิน รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นสมาคมคนชอบเผือกซะแล้ว งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น, มหาวิทยาลัยมิซซิสเซากา, มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน เมดิสัน และวิทยาลัยฮาเวอร์ฟอร์ด 4 มหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนนาดา ได้ร่วมเปิดเผยผลวิจัยว่า คนที่ชอบอวดแฟนบนโลกโซเชียลบ่อยๆ นั้น ลึกๆข้างในจิตใจ ไม่ค่อยมั่นใจในความรัก แตกต่างจากคู่รักที่ไม่ค่อยถ่ายรูปหรืออวดกิจกรรมที่ทำร่วมกัน ที่แฮปปี้ในความรักกว่าซะอย่างนั้น!? ในสรุปของบทวิจัยกล่าวไว้ถึงเรื่อง “ความสัมพันธ์ที่ทำให้ผู้อื่นมองเห็นได้” ว่าคนที่ไม่ค่อยจะแสดงความสัมพันธ์หรืออวดเรื่องแฟนให้ชาวบ้านรู้ ส่วนมากจะมีความสุขกับเรื่องความรักดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ ซึ่งตรงกันข้ามกับคนที่พยายามจะโพสต์รูปคู่รักของตนหรือเรื่องราวที่ทำด้วยกันบ่อยๆ ต้องการประกาศให้คนอื่นรู้ว่าความสัมพันธ์ของตนกับแฟนยังดีอยู่ ทั้งๆที่ในใจพวกเขาอาจไม่ได้คิดแบบนั้นเลย และในบทความยังกล่าวอีกว่า เมื่อฝ่ายหนึ่งเริ่มหวาดระแวงในความสัมพันธ์ของคู่รัก พวกเขามีแนวโน้มที่จะแสดงออกให้ผู้อื่นรับรู้เรื่องราวของระหว่างคู่ของตนด้วยการใช้ทฤษฎี “ความสัมพันธ์ที่ทำให้ผู้อื่นมองเห็นได้” ด้วยการสร้างเรื่องหรือพยายามถ่ายรูปคู่มาลงในโซเชียลบ่อยๆ หรือบ่อยมาก เพื่อเป็นการย้ำว่าฉันรักกันดีมากเลยนะ ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องจริง ถ้าคุณมีความสุขในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว คุณก็จะไม่สนใจโลกโซเชียลด้วยซ้ำ แต่นานๆทีจะอัพเดตความสัมพันธ์กับคู่รักให้คนอิจฉาเล่นก็ไม่แปลก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความ 100% ว่าคนที่ลงรูปบ่อยๆ จะกำลังร้าวฉาน แท้จริงพวกเขาอาจจะรักกันมากๆ มากซะจนเก็บไว้ไม่ไหวอยากจะป่าวประกาศให้โลกรู้…
-
ร่วมทายลักษณะบุคลิก ด้วยภาพซ้อนของเหล่าสรรพสัตว์ สิ่งแรกที่เห็นบ่งบอกตัวตนของคุณ…
พวกเราส่วนใหญ่ในปัจจุบันนั้นก็จะใช้ชีวิตกันอยู่ในเมือง รายล้อมไปด้วยสิ่งปลูกสร้างมากมายที่อำนวยความสะดวกให้กับเราทุกคน แต่แท้จริงแล้วนั้นมนุษย์ก็ยังคงมีความผูกพันอยู่กับธรรมชาติอย่างน่าประหลาด แม้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในผืนคอนกรีต แต่ก็ยังคงโหยหากลิ่นอายของความเป็นธรรมชาติอยู่เสมอ และด้วยความผูกพันอันซับซ้อนเหล่านั้น ก็อาจจะบอกตัวตนของเราได้จากภาพของเหล่าสัตว์ป่า เพียงแค่เมื่อเราเห็นภาพด้านล่างปุ๊ปแล้วเราเห็นสัตว์ชนิดไหนก่อนเป็นตัวแรก ก็จะสามารถเผยความเป็นคุณที่ซ่อนอยู่ออกมาได้… เห็นสัตว์อะไรเป็นตัวแรกกันเอ่ย? หลังจากที่มองเห็นสัตว์ที่ขึ้นมาในใจคุณเป็นตัวแรกแล้ว จะมีการทำนายบุคลิกของเราที่สอดคล้องกับสัตว์ชนิดนั้นออกมา อาจจะมีความเป็นไปได้สูงว่าจะตรงกับตัวตนของคุณจริงๆ ก็เป็นได้!! นกพิราบ คือตัวแทนของสันติภาพ ความหวัง และความกลมเกลียว หากคุณเห็นนกพิราบก่อนสัตว์ชนิดอื่น นั่นแสดงถึงจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์และไม่ชอบการโต้แย้ง มีแนวโน้มที่จะเข้าหาสิ่งที่ดีกว่าโดยปราศจากการแสวงหาส่วนประกอบ คุณมุ่งความสนใจไปที่มนุษย์ที่มีความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง มากกว่าการวิ่งตามสิ่งต่างๆ บนโลก หรือความรักในความสงบนั่นเอง ผีเสื้อ ผีเสื้อแสดงให้เห็นถึงความสวยงามและความสุข ใบ้ให้ได้เลยว่าคุณเป็นคนที่แสวงหาความสุขในชีวิตอยู่เสมอโดยไม่กังวลเรื่องของอดีตหรืออนาคตแต่อย่างใด คุณเชื่อว่าชีวิตมันสั้นเกินกว่าที่จะมาคิดจุกจิก เกลียดการพูดคุยเจ๊าะแจ๊ะ และรู้สึกเบื่อเวลาที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับประสบการณ์ชีวิตอย่างเต็มที่ เพราะว่าชีวิตนี้เกิดมาแค่ครั้งเดียว ก็จงเต็มที่กับมันซะ เหยี่ยว สัญลักษณ์แห่งอิสระ หากคุณเห็นเหยี่ยวก่อน คุณคือคนที่มองหาการผจญภัยอยู่ คุณมีแนวโน้มที่จะบินไปได้สูงกว่าคนอื่นๆ และคุณก็เชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้น มีความภาคภูมิใจและนับถือในตัวเองสูง สิ่งที่คุณไม่ชอบนั้นจะไม่เกิดขึ้น หากว่าคุณได้ใช้ชีวิตไปตามเงื่อนไขของตัวคุณเอง สุนัข สุนัขกับความจงรักภักดีนั้นเป็นของคู่กัน คุณเป็นผู้ให้ที่ยอดเยี่ยมโดยไม่สนใจถึงตัวคุณเองเลย…
-
HR ของบริษัท Google เผย 2 กฎเหล็ก ที่จะทำให้พนักงานอยู่กับคุณไปได้นานที่สุด
การทำงานในบริษัทนั้นปัญหาเรื่องการลาออกคงจะเป็นเรื่องปกติที่สามารถเจอได้ในทุกที่ แต่แล้วบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงอย่าง Google ได้ออกมาบอกว่าต้องทำยังไงจึงจะสามารถรักษาบุคลากรที่ดีไว้กับบริษัทได้ เมื่อผู้ปรึกษาอาวุโสของบริษัท Laszlo Bock ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับรายการ Bloomberg เอาไว้ว่า หลายคนมักไม่สามารถรั้งพนักงานที่ดีเอาไว้กับตัวได้ พนักงานนั้นไม่ได้จะอยู่จะไปเพราะเม็ดเงิน แม้ว่าทางบริษัทจะทำเงินไว้ในตลาดหลักทรัพย์เป็นจำนวนมากก็ยังคงสามารถรักษาพนักงาน 100 คนแรกเอาไว้ได้ เขาจึงแนะนำ 2 แนวคิดที่จะช่วยในการรักษาพนักงานเอาไว้ อย่างแรกเลยก็คือ “คุณภาพของเพื่อนร่วมงาน” นั่นจึงทำให้การคัดเลือกคนเข้าบริษัทมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทำให้มาตรฐานในเรื่องนี้ของบริษัทนั้นถือว่าสูงเลยทีเดียว เพื่อให้ได้พนักงานที่มีประสิทธิภาพดีทุกคน โดยผู้ที่มีสิทธิ์ได้เป็นพนักงานของที่นี่นั้นจะต้องผ่านการคัดกรองจากหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน และฝ่ายบุคคลที่มีคุณภาพ ท้ายสุดแล้วก็ต้องได้รับการยอมรับจาก CEO ซึ่งก็คือ Larry Page อีกด้วย อีกเรื่องคือ “ความรู้สึกว่างานที่พวกเขาทำนั้นมีความหมาย” เงินจึงไม่ใช่ทุกอย่าง เพราะการที่มนุษย์ทำอย่างหนึ่งเพื่อบางสิ่งนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเพียงเงินเสมอไป โดยมีงานวิจัยหนึ่งพบว่าคนที่สามารถเชื่อมโยงงานขอตัวเองให้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่มีความหมาย ก็จะทำให้ผลลัพธ์ดีมากขึ้นถึง 5 เท่าเลยทีเดียว จากสิ่งเหล่านั้นจึงสังเกตได้ว่าไม่แปลกเลยที่บริษัทนี้จะอำนวยความสะดวกให้กับพนักงานในหลายด้าน ทั้งเรื่องของอาหารดีๆ ที่ไม่ต้องเสียเงินซักบาท บริการนวดหรือซักรีดก็ยังมี เพื่อสร้างความหมายให้กับงานที่ทำของทุกคน หากทำได้อย่างสองแนวคิดนี้เขาก็เชื่อว่าจะทำให้สร้างบรรยากาศการทำงานได้ดียิ่งขึ้น การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้พนักงานต้องหยุดความคิดที่จะลาออกไป หากใครชื่นชอบก็ลองเอาไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของเราได้นะ…
-
ศิลปินครีเอท 11 ภาพเหนือความเป็นจริง กับเรื่องราวแห่งความฝัน และเบื้องลึกภายในจิตใจ
งานศิลปะต่างๆ มากมายนั้นสามารถสื่อเรื่องราวออกมาให้เข้าใจได้มากกว่าคำพูดเสียอีก นั่นจึงทำให้ศิลปินหลากหลายคนตั้งใจลงทุนลงแรงสรรค์สร้างผลงานทุกชิ้นออกมาอย่างมีความหมาย เพื่อสะท้อนสิ่งที่ต้องการจะสื่อหรือสะท้อนสิ่งที่อยู่ในใจของผู้สร้าง ผลลงานของกราฟิกดีไซน์เนอร์ชื่อว่า Pulkit Kamai ที่ใช้เวลาถึง 8 เดือนในการแต่งภาพให้เหมือนดั่งความฝันเหนือจินตนาการ ผลงานเหล่านี้ได้ถ่ายทอดเรื่องราวจากตัวเขาเองและผู้คนมากมาย ทั้งเหตุการณ์จริงและนิยามของบุคคล อีกทั้งภาพยังเป็นการช่วยเยียวยาโรคใจลอยของตัวเขาเองอีกด้วย ว่าแล้วก็ลองไปชมกันเลย… #1 Bhola ‘ฉันรู้ว่าเสียงที่เกิดขึ้นในหัวของฉันนั้นมันมีอยู่จริง และมันไม่หยุดที่จะร้องถึงความล่องลอยในเพลงกล่อมเด็กของคุณ’ #2 Laura ‘มีเพียงแค่ขี้เถ้าและเปลวเพลิงก่อนที่ฉันและเธอจะมาอยู่ที่ตรงนี้ ฉากหน้าไร้ซึ่งสิ่งใดและเปลือยเปล่า ขณะที่แสงจากดวงอาทิตย์มากระทบเข้าที่ปลายตาของคุณ เราตกลงมาที่โลกด้วยกันเหมือนกับดาวตกที่ร้อนแรงจากที่ที่ห่างไกล ฉันยังคงไม่ลืมสัมผัสจากคุณและไม่อยากที่จะห่างปลายนิ้วอันเย็นเฉียบของคุณแม้เพียงนิดเดียว คุณคือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉัน เปรียบเสมือนชามที่มีวิญญาณของฉันแหวกว่ายอยู่ด้านใน’ #3 Akele ‘เธอเรียกฉันในความฝัน เธอเรียกฉันเมื่อจำเป็น’ #4 Melinda ‘ผมที่ปลิดปลิวของเธอทำเอาลมหายใจของฉันจมไปอยู่กับสิ่งที่ไม่ใช่ความเป็นจริง เธอคือดวงดาวที่ปราศจากดวงจันทร์ อาบแดดท่ามกลางแสงแห่งจักรวาล ฉันตกลงไปอยู่ในเวทีที่มีชื่อเสียงแห่งความมึนงง วิญญาณของเธอหันมาที่ฉัน ฉันหยุดและมองดูส่วนต่างๆ ของร่างกายแต่มันก็ไม่มีอยู่ตั้งนานแล้ว ฉันหันหน้าไปหาเธอที่อยู่ห่างกันนิดเดียว เธอมองฉันอย่างแผ่วเบาพร้อมรอยยิ้ม และฉันก็เป็นลมไปหลังจากที่ฉันสูญเสียการมีชีวิตอีกครั้ง’ #5 Puneet …
-
18 เรื่องที่คนก้ำๆ กึ่งๆ จะเข้าสังคมดี หรือไม่เข้าสังคมก็ดี จะรู้สึกได้ว่านี่แหละ คือถูกเผงเป๊ะ!!
จริงอยู่ที่สังคมอาจจะแบ่งคนไว้เป็นสองประเภทหลักๆ คือคนที่ชอบเข้าสังคม (Extrovert) และคนที่ชอบเก็บตัว (Introvert) แต่จะว่าไปก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่มั่นใจว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ ระหว่างเข้าสังคมหรือเก็บตัว และนี่คือ 18 พฤติกรรมที่คนก้ำๆ กึ่งๆ แบบนี้จะเข้าใจได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ 1. คุณอาจเป็นคนที่พูดมากที่สุดในกลุ่มเพื่อน แต่เวลาไปเจอคนแปลกหน้าก็มักจะอายจนไม่กล้าพูดทุกที 2. ภายนอกอาจจะดูเหมือนว่าคุณเป็นคนเปิดเผย แต่ที่จริงแล้ว… คุณรู้ตัวดีว่ายังเปิดเผยไม่หมดหรอกนะ 3. แม้แต่เพื่อนที่ดูเหมือนจะสนิทกับคุณที่สุด บางทีก็ไม่สามารถเข้าใจอะไรคุณได้เลย 4. แม้ว่าลึกๆ คุณจะชอบเข้าสังคมอยู่บ้าง แต่ยังไงก็ขอเลือกที่จะอยู่บ้านดีกว่า 5. แม้ว่าภายนอกคุณอาจจะดูไม่สนใจคนรอบข้าง แต่ลึกๆ แล้วก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคุณก็ยังแอบแคร์พวกเขาอยู่ 6. คุณชอบที่จะพูดคุยกับผู้คน แต่กลับรู้สึกเกลียดการคุยกันผ่านโทรศัพท์มากที่สุด 7. ถึงคุณจะรู้สึกดีที่ได้มีบทสนทนากับคนอื่น แต่เอาเข้าจริงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดว่าอะไรดี… (ก็เลยได้แต่ตอบตามน้ำไป) 8. คุณชอบที่จะอยู่ท่ามกลางคนเยอะๆ นะ แต่บางทีก็ไม่ชอบเหมือนกัน เอ๊ะยังไง!? 9. เวลาส่วนตัวดูมีคุณค่ามากที่สุดสำหรับคุณเสมอ 10.…
-
นี่คือ 7 สาเหตุง่ายๆ ที่จะทำให้ตกเป้าหมายของยุงร้าย เข้ามากัดคุณมากกว่าคนอื่นๆ!?
รู้สึกไหมว่าพวกยุงบางทีนี่ก็แปลก ดูเหมือนมันจะเลือกกัดเฉพาะคนหน้าตาดี หรือคนเนื้อหอมหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ เพราะบางทีนั่งทีเดียวกันแต่คนนึงโดนยุงกัด อีกคนกลับไม่โดนเลย โอ๊ยยอะไรของแกเนี่ย!? ดังนั้นเราจะมาชี้แจ้งแถลงไขกันซักนิด ถึง 7 เหตุผลที่เป็นปัจจัยทำให้ยังบินโฉบมาดูดเลือดเราไปได้ ถ้าใครไม่อยากโดนกัดก็ต้องเลี่ยงสาเหตุทั้งหมดนี้ไว้ให้ดีล่ะ 1.คาร์บอนไดออกไซด์ที่คุณปล่อยออกมา ช่างหอมหวลสำหรับยุงเหลือเกิน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์มาแล้วว่า ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากร่างกายเราส่งผลต่อรสชาติของพวกยุงด้วย ดังนั้นในกลุ่มคนที่ตัวใหญ่กว่า และคนท้อง มักจะปล่อยก๊าซ CO2 ออกมามากกว่าคนทั่วไป จึงไม่น่าแปลกที่พวกเขาจะโดนกัดเยอะกว่าชาวบ้าน 2. อุณหภูมิของร่างกายที่สูงกว่าก็อาจจะโดนกัดได้มากกว่า เช่นเดียวกันกับกรณีแรก ในกลุ่มคนที่ตัวใหญ่กว่าและคนท้องมักจะมีอุณหภูมิร่างกายที่มากกว่า แต่ก็ใช่ว่าอุณหภูมิจะส่งผลต่อคุณกลุ่มนี้เท่านั้น เพราะทุกคนก็สามารถกลายเป็นคนเนื้อหอมให้ยุงมาตอมได้ เพียงแค่คุณไปทำกิจกรรมอะไรบางอย่างที่ทำให้ร่างกายอุณหภูมิสูงขึ้น เช่นการออกกำลังกาย หรือการมีเซ็กส์ 3. กรุ๊ปเลือดก็มีผลเหมือนกันนะ งานวิจัยจาก NCBI อ้างว่า กรุ๊ปเลือดของมนุษย์เราก็มีผลต่อรสชาติที่พวกมันต้องการเช่นกัน จากการศึกษาอย่างคร่าวๆ พบว่า คนเลือดกรุ๊ป O จะเป็นคนเนื้อหอมที่รักใคร่ของบรรดายุงมากกว่าคนเลือดกรุ๊ป A 4. สารเคมีในร่างกายอาจช่วยเรื่องยุงได้ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบอีกหนึ่งปัจจัยที่น่าใจหาย เพราะสารเคมีบางอย่างที่เราอาจรับเข้ามาจากภายนอกโดยไม่รู้ตัว ก็อาจส่งผลให้พวกยุงไม่กล้าบินมากัดเราได้เหมือนกัน 5. เชื้อจุลินทรีย์บนผิวหนังเราก็มีส่วนนะ เราทุกคนต่างมีเชื้อจุลินทรีย์เดินไต่ยั้วเยี้ยอาศัยอยู่บนผิวหนัง…
-
23 ภาพความสุขของสาวๆ ที่ “อยู่ตัวคนเดียว” จริงๆ แล้วมันก็ไม่เหงาเท่าไหร่นะ…
การที่เราต้องอยู่คนเดียวนั้นหลายคนก็คิดแตกต่างกันไป บ้างก็บอกว่าเหงา บ้างก็บอกว่าไม่รู้จะทำอะไร แต่ภาพเหล่านี้จะช่วยให้เราได้เข้าใจความสุขที่เราสามารถหาได้จากการอยู่คนเดียวได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นี่คือภาพของศิลปินในลอสแอนเจลิส ที่มีชื่อว่า Yaoyao Ma Van As ที่ได้วาดและทำการตกแต่งให้มีความเป็นการ์ตูนที่สื่อถึงการใช้ชีวิตคนเดียวได้อย่างมีความสุขและน่ารักไปกับสิ่งต่างๆ รอบตัว ลองไปดูกันได้เลย มีเวลาว่างเล่นกับสัตว์เลี้ยงสุดรัก ผ่อนคลายกับบรรยากาศที่เงียบสงบ หลุดออกมาจากโลกความเป็นจริง ทำงานได้ในทุกที่ทุกเวลา ดื่มด่ำกับกาแฟสักถ้วยในเวลาที่ฝนพรำ จงกินทุกอย่างที่คุณอยากกินซะให้เต็มที่ ไม่ต้องทำอะไรเลยไปทั้งวันก็ยังได้ เต้นแร้งเต้นกาโดยไม่ต้องสนใจสายตาใคร มีความซุ่มซ่ามซุกซนบ้างก็ไม่ใช่ปัญหา จัดปาร์ตี้ด้วยตัวคนเดียวไปเลย มีความสุขอยู่กับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ อาบน้ำนานสักชาติเศษก็ไม่เป็นปัญหา นั่งสมาธิผ่อนคลายจิตใจโดยไม่มีสิ่งใดรบกวน อยากจะกินตอนไหนก็กินได้ หรือว่าจะทำอาหารทำขนมให้ตัวเองกินเยอะแค่ไหนก็ได้ตามสบาย ออกไปเดินเล่น ไม่ต้องสนใจอะไร ทำงานในแบบที่คุณต้องการ มีความสุขกับยามเช้าได้อย่างเต็มที่ จะทำความสะอาดบ้านอย่างไรก็แล้วแต่เลย ตื่นมาตอนเช้าเพลิดเพลินกับช่วงเวลาได้อย่างเต็มที่…
-
ไปดูเหตุผลที่ว่าทำไม “ฉลามขาว” ไม่เคยถูกนำมาโชว์ในที่สาธาณะเหมือนกับสัตว์น้ำอื่นๆ
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคือสถานที่ที่จะจัดแสดงให้เห็นการใช้ชีวิตของสิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่ตามปกติแล้วเราแทบจะไม่โอกาสได้เห็น แต่ละที่ก็จะมีพยายามรวบรวมสัตว์น้ำจากที่ต่างๆ มารวมเอาไว้ อย่างเช่นการนำวาฬเพชฌฆาตมาไว้ในตู้โชว์ก็เคยมีมาให้เห็น แต่หลังจากนั้นก็ได้ถูกสั่งห้ามเนื่องจากกฎหมายเรื่องการละเมิดสิทธิของมันที่มากเกินไป แต่ก็ได้มีบางทีที่สามารถจัดแสดงโชว์เอาไว้ได้ รวมถึงฉลามอีกหลากหลายสายพันธุ์ที่คุณก็สามารถเห็นกันได้ภายในตู้ที่ถูกจัดแยกกันเอาไว้ แต่ว่าทำไมเราถึงไม่เคยเห็นฉลามขาวกันเลยละ ซึ่งเราจะสามารถทราบคำตอบได้จากเรื่องนี้ ครั้งแรกที่มีการนำเจ้าฉลามขาวมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์นั้นเกิดขึ้นในปี 1950 แต่แล้วมันก็ตายในวันเดียวกัน และได้มีพิพิธภัณฑ์อีกแห่งที่พยายามกับการนำมันมาจัดแสดงในบางครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งมันก็จะตายหรือไม่ก็ต้องปล่อยมันกลับไปสู่มหาสุมทร จนเมื่อปี 2004 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Monterey Bay สามารถนำมันมาจัดแสดงได้นานเกิน 16 วันเป็นครั้งแรก และพวกมันสามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายเดือน โดยส่วนใหญ่นั้นจะถูกจับมาตั้งแต่ยังเด็กด้วยตาข่ายตกปลา แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีตัวไหนตายเลย แต่ก็ต้องปล่อยพวกมันกลับไปเพราะบางตัวไม่ยอมที่จะกินอาหาร จนเมื่อล่าสุดปีที่แล้วที่ญี่ปุ่นได้มีการจัดแสดงพวกมันอีกเหมือนกันก่อนที่จะตายไปในสามวันต่อมาและมีคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นถึงการแหวกว่ายอย่างกระตือรือร้นที่ไม่มีการหยุดพัก คลิปวิดีโอการจัดแสดงฉลามขาวในอควาเรียมประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจากเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเหตุผลที่การตายมีอยู่สองเรื่องหลักๆ ก็คือเรื่องการกินของพวกมันที่จะกินเฉพาะเหยื่อที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น ซึ่งขัดกับจรรยาบรรณของอควาเรียมและแน่นอนว่าการทำอย่างนั้นต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก อีกเหตุผลหนึ่งก็คือขนาดของตู้ปลา ฉลามขาวนั้นจะมีความเหมือนกับวาฬเพชฌฆาตตรงที่มันจะว่ายในระยะทางที่ไกลเอามากๆ แต่ความพิเศษที่เพิ่มขึ้นของมันก็คือมันจะว่ายไปข้างหน้าอย่างเดียวเท่านั้น ก็ถ้าอยากให้ตอบโจทย์จุดนี้ก็คงต้องมีตู้ปลาที่ใหญ่เอามากๆ เลยทีเดียว . และในบางที่ก็มีการพูดว่าตัวรับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของพวกมันนั้นไม่สามารถใช้ได้ในตู้ที่ล้อมรอบไปด้วยกระจก ฉลามจึงเกิดความรู้สึกสับสนกับสิ่งกระตุ้นใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวมัน ทฤษฎีจึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมฉลามขาวที่ถูกจับมาถึงไม่ยอมกินอาหารแม้จะเป็นเหยื่อที่มีชีวิตอยู่ก็ตาม จากที่เล่ามาทั้งหมดนั้นแล้วก็คงจะรับรู้กันได้ว่าการจะนำมันมาจัดแสดงนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีเอาซะเลย ควรจะปล่อยให้มันได้ใช้ชีวิตในที่ที่มันคุ้นชินและเปรียบเสมือนบ้านของมัน เพราะคงไม่มีที่ใดสุขใจเท่าบ้านเราแล้วละ…
-
วิทยาศาสตร์เผย เพราะเหตุใดเราจึงรู้สึก ‘ฟินน์’ เมื่อยัดคัตต้อนบัดเข้าไปในรูหู อ่าาาาห์~
ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าการใช้คัตต้อนบัดในรูหู เป็นอะไรที่ช่างให้ความรู้สึกฟินแบบแปลกๆ ถึงแม้เราจะรู้ว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพหู แต่เผลอเมื่อไหร่เป็นอันต้องแยงทุกที แล้วเคยสงสัยกันไหมล่ะว่า ทำไมนะทำไม ทุกครั้งที่เราเอาคัตต้อนบัดชอนไชในรูหู เราถึงรู้สึกฟินแบบแปลกๆ และวันนี้เราจะพาไปไขข้อข้องใจด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์กัน ทำไมเราถึงฟินน์ได้ขนาดนี้นะ!? ไม่ต้องแปลกใจไปหรอกว่าเพราะเหตุใดเราถึงรู้สึกเสียวซ่านแบบแปลกๆ โดยข้อมูลจากสถาบันโสตอนาสิกของอเมริกาได้เผยว่า ในรูหูของคนเรานั้นจะมีเยื่อแว๊กซ์บางๆ ที่เรียกว่า ‘Cerumen’ ซึ่งจะทำหน้าที่คอยป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรก หรือเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายเราได้ และเจ้าแว๊กซ์ Cerumen นี่ิเองแหละที่ทำให้เรารู้สึกเสียวแบบแปลกๆ เพราะทุกครั้งที่เราทำความสะอาดรูหู ก็เท่ากับว่าเรากำลังเช็ดแว๊กซ์ส่วนนี้ออกอยู่นั่นเอง แล้วมันดีหรือไม่ดีล่ะ!? อันที่จริงแล้วแว๊กซ์ Cerumen ที่เคลือบอยู่ในโพรงหูของเรานั้นมีประโยชน์อย่างมาก มันช่วยป้องกันสิ่งสกปรกหรือเชื้อแบคทีเรียต่างๆ อีกทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้น้ำเข้าหูมากจนเกินไป (ถึงกับตายได้เลยนะเธอ) ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า แม้การใช้คัตต้อนบัดชอนไชหูอาจจะทำให้คุณรู้สึกดี แต่อันที่จริงแล้วคราบที่ออกมาไม่ใช่สิ่งสกปรก แต่เป็นแว๊กซ์ของหูเราต่างหากล่ะ “ต้องยอมรับว่าการใช้คัตต้อนบัดเป็นการทำร้ายหูทางอ้อมอย่างหนึ่ง เพราะเนื้อเยื่อหูชั้นในมีความเบาะบางมาก เมื่อไหร่ที่คุณทำให้มันอักเสบหรือเกิดบาดแผล มันก็อาจส่งผลต่ออาการแพ้แบคทีเรียจากสิ่งรอบตัวในอนาคตได้” Dr. Erich Volgt กล่าว แล้วเราควรจะทำความสะอาดรูหูยังไงดี? ในความเป็นจริงแล้วการใช้คัตต้อนบัดไม่ได้ช่วยทำให้หูเราสะอาดขึ้นเลย (แถมได้ผลตรงกันข้าม) แต่ถ้าหากคุณรู้สึกคันมากจริงๆ ทางแก้เบื้องต้นที่ดีที่สุดจากคุณหมอคือ ให้เราใช้นิ้วกดไปที่บริเวณ Tragus (กระดูกอ่อนข้างรูหู) จะเป็นวิธีการแก้คันได้ดีที่สุด…
-
ญี่ปุ่นเผยผลสำรวจ 10 ความจริงของผู้หญิง “หน้าอกเล็ก” คุณเป็นหนึ่งในนั้นหรือเปล่า?
ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นถูกจับตามองมาโดยตลอดว่าผู้หญิงประเทศนี้มีหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่สะบึ้ม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ญี่ปุ่นไม่ได้เต็มไปด้วยผู้หญิงที่มีขนาดหน้าอกใหญ่ทั้งหมดหรอกนะ เพราะผู้หญิงหน้าอกเล็กก็มีเหมือนกัน และที่สำคัญดูเหมือนว่าจะมีจำนวนคนอกเล็กจะมีเพิ่มมากขึ้นซะด้วยสิ เพราะหน้าอกเล็ก นในบางครั้งมันก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้สาวๆ ทั้งหลายไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งก็มีหลายเหตุผลด้วยกัน และด้วยเหตุนี้ ทางเว็บไซต์ Goo Ranking ซึ่งเป็นเว็บไซต์สำรวจผลของญี่ปุ่น จึงได้ทำการออกสำรวจโดยการสอบถาม 10 ความจริงของผู้หญิงนมเล็ก ซึ่งก็สามารถรวบรวมคำตอบทั้งหมดได้มากถึง 1,343 คำตอบ ว่าแล้วก็มาดูกันเลยว่าคำตอบไหนจะถูกเลือกมากที่สุด 10. อย่างน้อยมันก็มีข้อดีว่า หน้าอกเล็กสามารถหยิบของในกระเป๋าเสื้อได้ง่ายกว่าคนอกใหญ่มาก (35 คำตอบ) 9. เป็นเรื่องยากสำหรับฉันที่จะเติมเต็มทรวงอกให้มันเด้งเต่งตึงในเสื้อชั้นในแบบ T-shirt bra (39 คำตอบ) 8. ต่อให้ฉันเอาหน้าอกทั้งคู่ของฉันรวมไว้ข้างเดียวกัน มันก็ยังคงเล็กอยู่ดี (46 คำตอบ) 7. ฉันไม่สามารถสวมเสื้อเกาะอกหรือเสื้อเปิดไหล่ได้เลย เพราะฉันกลัวว่ามันจะหลุดเข้าสักวันหนึ่ง (52 คำตอบ) 6. แม้ว่าฉันจะกระโดดหรือวิ่ง หน้าอกของฉันมันไม่ได้กระเด้งขึ้นเลย ฮ่าาาาา (55 คำตอบ) …
-
จาก “ข้าวโพดสีรุ้ง” ที่เมื่อก่อนเป็นภาพตัดต่อ ตอนนี้ถูกพัฒนาสายพันธุ์จนกลายมาเป็นจริงแล้ว!!
ข้าวโพดที่เราเห็นกันทั่วไปตามท้องตลาดนั้นเราก็คงจะจำได้ว่ามันออกเป็นสีเหลืองนวลๆ ก็เหมือนผักผลไม้หลากหลายชนิดที่มักจะมีอยู่เพียงสีเดียว แต่ในครั้งนี้เราลองมารับรู้ความสวยงามจากข้าวโพด ที่จะช่วยให้คุณได้เปลี่ยนความจำเกี่ยวกับข้าวโพดที่เคยเห็นกันมา มารู้จักกับข้าวโพดอัญมณีแก้วที่เคยเป็นที่โด่งดังอย่างมากในโลกอินเทอร์เน็ตเมื่อปี 2012 จากที่มีคนได้นำรูปฝักอันเปล่งประกายของมันไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก . จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้บริษัทจำหน่ายเมล็ดพันธุ์หายากที่มีชื่อว่า Native Seeds/SEARCH ในรัฐแอริโซนา ประเทศอเมริกา รับรู้ว่าผู้คนมีความต้องการในข้าวโพดสายพันธุ์นี้ จึงได้ทำการขายเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดอัญมณีแก้วในเว็บไซต์ของตัวเอง แต่เรื่องราวที่มาของเจ้าข้าวโพดชนิดนั้นมีความโดดเด่นอยู่อย่างมากเมื่อมันเกิดจากคนคนเดียวคือชายหนุ่มที่ชื่อว่า Carl Barnes ปัจจุบันอายุประมาณ 80 ปี และเรื่องราวนี้ถูกบอกเล่าผ่านลูกบุญธรรมของเขา Greg Schoen เกี่ยวกับเรื่องราวที่มาของข้าวโพดชนิดนี้ เรื่องราวเริ่มจากที่ Barnes ผู้ที่มีสายเลือดเป็นลูกครึ่งชนพื้นเมือง และเป็นชาวไร่ในรัฐโอคลาโฮมาที่คอยปลูกข้าวโพดสายพันธุ์เก่าแก่มาตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่น เพื่อเป็นมรดกให้กับชีวิตของตัวเอง เขามีความสามารถในการแยกแยะสายพันธุ์อันเก่าแก่ต่างๆ จากการที่เขาเป็นชนพื้นเมืองของอเมริกามาก่อน และมีการแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ต่างๆ มากมายกับคนที่เขาได้พบเจอหรือเพื่อนเขาที่อยู่กันทั่วประเทศ ในช่วงที่มีการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานซึ่งในปัจจุบันสถานที่สุดท้ายที่เขาเลือกก็คือโอคลาโฮมานั่นเอง ในเวลาเดียวกันนั้น เขาได้เริ่มที่จะคัดเลือก ดูแลรักษา และเพาะปลูกเมล็ดพันธุ์ทั้งหลายโดยเฉพาะซังข้าวโพดที่มีสีสันสวยงามสะดุดตา จนเมื่อเวลาผ่านไปจากการปลูกข้าวโพดสีต่างๆ ผลลัพธ์จึงออกมาเป็นข้าวโพดที่มีสีสายรุ้ง . ต่อมา Schoen ก็ได้มาเจอกับเขาในปี 1994 ตอนที่กำลังเก็บเกี่ยวพืชพื้นเมืองจึงได้โชว์ข้าวโพดสีรุ้งให้ผู้มาเยือนดู จนทำให้ต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก…
-
15 ภาพสื่อความหมาย ถึงสภาวะจิตใจและการเยียวยา ของคนผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า…
การบอกเล่าหรือสื่ออารมณ์ออกมาให้ได้เห็นและสามารถรับรู้กันได้นั้น มีวิธีที่สามารถทำได้อยู่มากมายซึ่งแต่ละคนไม่จำเป็นที่จะต้องมีวิธีที่เหมือนกัน เพราะต่างคนก็ต่างความสามารถต่างความถนัดและความชอบ ครั้งนี้เราจะได้มาชมภาพที่ต้องการสื่ออกมาถึงอารมณ์ความรู้สึกผ่านภาพวาดของคนคนหนึ่ง เราจะได้มาชมภาพส่วนหนึ่งของจิตรกรที่มีชื่อว่า Alice De Ste Croix หญิงสาวชาวอังกฤษที่ได้นำผลงานของเธอเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Deviant Art พร้อมกับเรื่องราวที่ได้ถ่ายทอดลงไปในแต่ละภาพ เพื่อช่วยเยียวยาเหล่าคนที่วิตกกังวลหรือเป็นโรคซึมเศร้าในปัจจุบัน ความเชื่อใจที่สำคัญ คือเชื่อแม้จะเป็นตอนอยู่ลับหลังกันก็ตาม การดูแลที่ดีที่สุด คือการดูแลตัวเอง ยังคงมีส่วนที่ขาดหายแม้จะเป็นส่วนเล็กๆ แต่ก็ต้องการการเติมเต็ม แม้จะถูกปิดกั้นในความคิด ก็ไม่ได้แปลว่าจะไร้ซึ่งจินตนาการ ตลอดไปย่อมมีจุดสิ้นสุด ใจเรามันซับซ้อนเกินกว่าที่จะเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ ความสุขไม่อาจเข้าหา หากเรายังคงกังวลกับสิ่งรอบตัว แม้จะไม่มีใคร แต่ยังมีตัวเราเอง เราสามารถเติบโตขึ้นมาใหม่ได้เสมอ ออกมาจากป่าอันมืดมิดที่ขังเราไว้ แล้วก้าวต่อไปใต้แสงสว่าง โรงเรียนคือกรงขัง แต่เพื่อนก็จะช่วยให้พบกับอิสระ การเสพติดที่ไม่จำเป็นต้องเกิดจากสารเสพติด สิ่งที่เห็นเป็นเพียงผิวเผิน จิตใต้สำนึกที่ต้องเผชิญและยอมรับนั้นสำคัญกว่า เราเลือกที่จะไม่ปล่อยสิ่งที่ทำร้ายเราไปเอง ทุกคนไม่จำเป็นต้องตีความได้เหมือนๆ กันเพราะภาพแต่ละภาพนั้นไม่ได้มีความหมายในตอนที่ถูกวาดขึ้นมา…
-
รวม 10 อาการสภาวะทางจิตอันแปลกประหลาด ความนึกคิดที่แตกต่างไปจากคนธรรมดา…
จากสถิติ 1 ใน 4 ของประชากรทั้งโลกจะมีอาการผิดปกติในเรื่องของจิตใจหรือพฤติกรรม แต่ในความผิดปกติที่มากมายแตกต่างกันไปเหล่านั้น เราลองมาดูอาการที่ให้ความรู้สึกว่าแปลก พิลึกกว่าที่เราเคยได้ยินมาก่อน… กับความผิดปกติทางด้านจิตใจที่ส่งต่อไปยังการทำงานของร่างกาย ที่ออกมาในรูปแบบของพฤติกรรมความคิดแปลกๆ ทั้ง 10 ความผิดปกติ 1.Quasimodo Syndrome โรคนี้ถือว่ามีอาการที่น่ากลัวอยู่มากเลยทีเดียว เพราะจะคิดว่าตัวเองนั้นมีร่างกายที่ผิดปกติหรือมีความบกพร่องที่เกินจริง จะส่องกระจกอยู่ตลอดเพื่อพยายามจับผิดตัวเอง ถึงขนาดไม่ชอบที่จะถ่ายรูปเพราะกลัวว่าจะเห็นในข้อบกพร่องของตัวเองในภาพ มีความภูมิใจในตัวเองน้อยมาก และกลัวการเข้าสังคมเพราะคิดว่าคนอื่นจะหัวเราะเยาะในความผิดปกติที่ตัวเองคิดไว้ 2.Erotomania ผู้ป่วยจะคิดว่ามีคนตกหลุมรักตัวเองอยู่ แล้วคนคนนั้นก็คือบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมเช่น ดารานักร้อง จินตนาการเอาว่าเหล่าคนดังนั้นจะส่งสัญญาณแสดงความรักมาให้อยู่ตลอด และจะพยายามติดต่อกลับไปหาด้วยวิธีต่างๆ เพื่อเป็นการแสดงถึงความรัก ถึงแม้ว่าคนดังเหล่านั้นจะตอบปฏิเสธ แต่ก็ยังคิดว่านั่นคือการเก็บให้เรื่องของพวกเขาเป็นความลับต่อสาธารณชนเพียงแค่นั้น 3.Capgras Delusion อาการก็คือจะมีความเชื่อว่าตัวเองหรือคนใกล้ตัวนั้นถูกแทนที่ด้วยร่างฝาแฝด และจะคิดว่าเรื่องแย่ๆ ที่ได้ทำลงไปนั้นไม่ใช่ฝีมือของตน แต่เป็นฝีมือของอีกร่างหนึ่งที่ไม่ใช่ตัวเองแต่มีลักษณะเหมือนกันมากๆ โรคนี้มักจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กับโรคจิตเภท 4.Fregoli Delusion เขาจะเชื่อว่าคนแปลกหน้ารอบตัวคือคนที่พวกเขารู้จัก แต่แค่ปลอมตัวมาเพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่าง ซึ่งโรคดังกล่าวนั้นได้รับการอธิบายครั้งแรกในปี 1927 เมื่อเด็กสาวคนหนึ่งเชื่อว่าตัวเองถูกติดตามจากนักแสดงในโรงละครที่เธอไปบ่อยครั้ง ทำการปลอมตัวมาเป็นคนที่เธอรู้จักหรือเคยเห็นหน้า …
-
10 สิ่งที่จะมาทำให้ประหลาดใจขั้นสุด เมื่อรู้ว่าร่างกายมนุษย์มีความอัศจรรย์มากขนาดไหน
ไม่มีอะไรที่เจ๋ง และน่ามหัศจรรย์ไปกว่าร่างกายของมนุษย์แล้วล่ะ ซึ่งก่อนหน้านี้ #เหมียวขี้อ้อน จำได้ว่าเคยนำเสนอบทความสาระความรู้เกี่ยวกับ 9 สิ่งแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย แท้จริงแล้วมันคือ ‘กลไกการป้องกันตัวเอง’ และนั่นก็ทำให้เราได้เห็นว่า ร่างกายของเรามันนาทึ่ง และสร้างความประหลาดใจในแบบที่เราไม่เคยรู้มาก่อนได้มากขนาดไหน ในครั้งนี้ เราก็จะขอกลับมานำเสนอความมหัศจรรย์บนร่างกายของมนุษย์กันอีกครั้ง และครั้งนี้มันก็จะน่าทึ่งยิ่งกว่าเดิม เพราะเพื่อนๆ จะได้รู้ว่าไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ และยอดเยี่ยมไปกว่าร่างกายของเราอีกแล้ว 10.เมกะพิกเซล ในมุมมองทางวิทยาศาสตร์ ไม่ได้มีการเปรียบเทียบดวงตากับกล้องดิจิตอลเอาไว้ชัดเจน แต่ถึงกระนั้นก็มีการคาดการณ์เอาไว้ว่า ในจุดศูนย์กลางรูม่านตาของเรา สามารถเทียบได้ความคมชัดของกล้องได้ถึง 126 เมกะพิกเซล 9.เมื่อเทียบกับขนาดของวีดีโอ หากเปรียบเป็นการบันทึกวีดีโอ เพียง 1 วินาทีจากสายตาของเราจะมีขนาดเท่ากับ 21.45 กิกะไบต์ แต่เมื่อเทียบกับกล้อง iPhone จะมีขนาดเพียงแค่ 375 เมกะไบต์เท่านั้น 8.ความจุของสมอง สมองของเราจะมีเซลล์ประสาทมากถึง 100 พันล้านเซลล์ โดยแต่ละเซลล์จะสามารถสร้างส่วนของการเก็บข้อมูลได้มากถึง 1,000 แห่ง นอกจากนี้ สมองของมนุษย์เรายังสามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 100 เทราไบต์ ซึ่งถ้าหากเปรียบเทียบกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลกอย่าง “ไททัน”…
-
สังเกต 10 สัญญาณเตือน ที่ช่วยบ่งบอกได้ว่า คุณเสี่ยงจะเป็นโรคอารมณ์สองขั้วหรือไม่…
ป่วยกายยังรับรู้ได้ง่ายกว่าการป่วยใจ เพราะสังเกตได้จากอาการภายนอก แต่สำหรับอาการจิตใจที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นจะสังเกตได้ยากมากๆ ด้วยความซับซ้อนของความคิดหรือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในตัวเรา จึงทำให้อาการป่วยทางจิตใจนั้นมีมากมายหลายรูปแบบ แต่ถึงอย่างนั้นในความเป็นจริงแล้ว การที่จะชี้ว่าเป็นอะไรได้อย่างชัดเจนนั้นมันเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโรค Bipolar หรือ โรคอารมณ์สองขั้ว “ความแปรปรวนของอารมณ์กลุ้มอกกลุ้มใจกับการทำงาน หรือว่าความรู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนแรงนั้น คือเรื่องปกติที่เกิดขึ้น แต่ในความผิดปกตินั้นจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและแตกต่างกันไป” นี่คือคำพูดของ Dr. Carrie Bearden ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาจิตเวช พฤติกรรมศาสตร์และจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย UCLA ในแคลิฟอร์เนีย โรค Bipolar หรืออารมณ์สองขั้วนั้นคือความผิดปกติทางอารมณ์อย่างหนึ่ง ที่ผู้ป่วยจะมีลักษะอารมณ์สลับช่วงไปมาระหว่างอารมณ์ซึมเศร้า สลับกับช่วงที่อารมณ์ดีมากกว่าปกติ โดยแต่ละช่วงอาจอยู่เป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนๆ งั้นเราลองมาดู 10 สัญญาณที่สามารถสังเกตได้ว่าคุณมีความใกล้เคียงกับความเสี่ยงที่อาจเป็นโรคนี้หรือไม่ 1. อารมณ์ดี อย่าเพิ่งคิดกันว่าทำไมอารมณ์ดีก็เป็นอาการหนึ่ง แต่อย่างที่บอกคือโรคนี้คือการสลับช่วงกันจากเศร้าไปเป็นอารมณ์ดี ในช่วงอารมณ์ดีนั่นแหละที่ผู้ป่วยบางคนอาจเป็นมากจนเกินไปถึงขั้นทำลายความเป็นจริงไปเลย แต่นอกจากนั้นก็ยังมีช่วงที่เรียกว่า Hypomania ที่จะทำให้คุณรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานและความคิดสร้างสรรค์ทำให้มีความรู้สึกสบายผ่อนคลาย รู้สึกสนุกไปจนจบช่วงนั้นๆ 2. ไร้ความสามารถในการทำภาระหน้าที่ให้สำเร็จ เป็นอีกหนึ่งสัญญาณสังเกตได้จากการที่ไม่สามารถทำงานหนึ่งต่อไปอีกงานหนึ่ง วางแผนไว้อย่างยิ่งใหญ่หรือโปรเจคในหัวที่ไม่มีความเป็นไปได้ และเมื่อคิดเอาไว้ก็ไม่สามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้สำเร็จซักอย่าง แต่ก็ยังจะก้าวไปทำเรื่องอื่นต่อไป เริ่มเป็นล้านสิ่งแต่ไม่สำเร็จสักอย่างนั่นเอง …
-
11 ฟังก์ชั่นที่คุณไม่เคยทำกับ iPhone แต่พอได้รู้แล้ว จะต้องลองทำตามอย่างแน่นอน!!
มือถือสมาร์ทโฟนชื่อดังอย่าง iPhone นั้น ก็ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมจากท้องตลาดอยู่ ด้วยฟังก์ชั่นที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้อย่างมากมาย โดยปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนามาจนถึงรุ่น 7 เข้าไปแล้ว แล้วคุณคิดว่ามือถือที่คุณมีอยู่ตอนนี้คุณสามารถใช้งานมันได้ครบหรือยัง!? เพราะยังมีฟังก์ชั่นอีกหลากหลายสิ่ง ที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้หรือไม่เคยใช้ ถ้าหากได้ลองแล้วมันจะช่วยให้คุณสบายขึ้นได้อีกเยอะเลยแหละ… หารูปโดยพิมพ์สิ่งที่อยู่ในนั้น หลายคนอาจจะไม่รู้ แต่เราสามารถหาในแอพรูปภาพได้ ด้วยการพิมพ์สิ่งที่อยู่ในรูปไป เช่น ในรูปมีสุนัข เราก็พิมพ์คำว่า Dog ก็จะสามารถหาเจอได้ง่ายขึ้น สะดวกและอัจฉริยะจริงๆ ทางลัดสำหรับแบตเตอรี่และการใช้ข้อมูล คนไหนที่ได้ใช้รุ่นที่ใหม่ตั้งแต่ 6s เป็นต้นไปแล้ว ก็จะเจอกับความสามารถของ 3D Touch ที่จะช่วยให้สะดวกสบายยิ่งขึ้นเช่นการจะปิดการใช้งานข้อมูล เราก็เพียงแค่กดค้างที่แอพตั้งค่ามันก็จะมีตัวเลือกขึ้นมาให้เราใช้กันได้แล้ว ตั้งค่าทางลัดให้กับ Emojis ของคุณด้วยตัวเอง การอัพเดตในช่วงล่าสุดที่ผ่านมานั้นทำให้เจ้าไอโฟนเนี่ยสามารถเดา Emojis ที่คุณต้องการสื่อออกมา หรือยังสามารถตั้งเป็นทางลัดให้มันเดาไปในคำที่คุณต้องการได้อีกด้วย เช่น กด “@@” จะทำให้มันเดาว่าคุณจะพิมพ์อีเมล์ อย่างนี้ก็ตั้งค่าได้เช่นกัน โดยเข้าไปที่แอพตั้งค่า เลือก General > Keyboard…
-
นี่คือ 10 สิ่งที่เหล่าพนักงานร้านอาหารรู้สึก ‘รำคาญ’ มากที่สุด แต่ต้องเก็บให้ลึกสุดใจ…
สิ่งหนึ่งที่มักจะทำให้เหล่าพนักงานบริการรู้สึกปวดหัว และหมดกำลังใจในการทำงานมากที่สุด ก็คือการที่พวกเขาต้องเผชิญกับลูกค้าที่มาพร้อมกับทิฐิอันสูงส่งซะจนแทบจะลืมความเป็นมารยาททางสังคมไปซะแล้ว จากประเด็นถกเถียงบนเว็บไซต์ Quora เกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้พนักงานร้านอาหารรู้สึกรำคาญใจมากที่สุด ก็ทำให้ชาวเน็ตต่างออกมาระบายความในใจกันยกใหญ่ ด้วยเหตุนี้เราจึงรวบรวม 10 พฤติกรรมที่เหล่าพนักงานร้านอาหารจากทั่วโลกพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘นี่คือพฤติกรรมที่พวกเขารังเกียจ และรำคาญมากที่สุด!!’ 1. ทำให้พวกเขาต้องวิ่งหัววุ่นไปมา หากคุณเป็นคนจู้จี้จุกจิกละก็.. ทางที่ดีควรจะสั่งพนักงานในรอบเดียว เพราะหากมัวแต่ให้พนักงานวิ่งบริการคุณไปมามีหวังพวกเขาไม่ต้องไปบริการโต๊ะอื่นกันแล้วแน่ๆ ลองจินตนาการดูสิว่าคุณจะรู้สึกรำคาญใจขนาดไหนถ้ามีคนมาบอกให้คนเอานู้น เอานี้ เอานั่น มาให้ทีละอย่างสองอย่าง 2. ใช้น้ำเสียงคำพูดที่ไม่ให้เกียรติกัน ควรตระหนักไว้เสมอว่า ‘พนักงานเสิร์ฟ’ ก็เป็นอาชีพหนึ่งที่มีความเท่าเทียมกับคนอื่นๆ ในสังคม ที่ทำให้กลไกลเศรษฐกิจมันหมุนเวียนไปได้ ลึกๆ แล้วพวกเขาต่างก็อยากให้คุณได้รับการบริการที่ได้ จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ ดังนั้นการเลือกใช้คำพูดและน้ำเสียงที่ให้เกียรติกัน จะช่วยทำให้บรรยากาศรอบตัวเราดูน่ารื่นรมย์กว่าเยอะเลย 3. ทำเป็นดีดนิ้วเพื่อเรียกพนักงานเสิร์ฟ คุณอาจจะไปจำจากมาดเท่ห์ๆ ของมาเฟียอิตาลีในหนังฮอลลีวู้ด หรือไปจำมาจากละครหลังข่าวที่มีพระเอกใส่สูทชี้นิ้วสั่งคนนั้นคนนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่มีมารยาทเอามากๆ เพราะฉะนั้นแล้วเราขอแนะนำว่าอย่าทำเลยนะ 4. ปล่อยให้ลูกที่น่ารักของคุณวิ่งป่วนไปทั่วร้าน จริงอยู่ที่เด็กเป็นวัยน่ารัก แต่ต้องไม่ลืมว่าลูกของเราไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน และร้านอาหารก็ไม่ใช่สนามเด็กเล่นด้วยเช่นกัน ลองนึกถึงภาพของพนักงานภายในร้านดูสิว่า หากเขาต้องเสิร์ฟอาหารจารโปรดของคุณให้ไวที่สุด พร้อมกับต้องคอยบริการลูกค้าคนอื่นๆ แล้วต้องมารับมือกับเด็กซนโดยที่ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเขาอีก แหม่… หนักเลยนะนั่น…
-
วิทยาศาสตร์เผย 11 ของกินในชีวิตประจำวัน ที่ปลิดชีพเราได้ หากทานมากเกินไป..!!
เคยรู้สึกไหมว่าบางทีถ้าเรากินอาหารมากจนเกินไป เราก็จะรู้สึกอิ่มซะจนเกินเลยคำว่าความสุข กลายเป็นความทุกข์ทรมานเพราะอาหารมันแน่นจุกอกไปแทน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าอาหารบางชนิดก็มีระดับ ‘โอเวอร์โดส’ ของมันเหมือนกัน เช่นเดียวกับ 11 ของกินที่อาจฆ่าเราได้เลย ถ้าหากเรารับประทานมันมากเกินไป เอาเป็นว่าเราลองตามไปดูข้อมูลที่เปิดเผยจาก AsapSCIENCE กันเลยดีกว่า 1. กาแฟ จากค่าเฉลี่ยน้ำหนักคนทั่วๆ ไป หากเราดื่มกาแฟมากถึง 70 แก้วภายในวันเดียว สารคาเฟอีนก็จะกลายเป็นสารพิษและทำให้ร่างกายเกิดอาการช็อคได้ 2. น้ำตาล ใครที่ชอบความหวานอาจต้องระวังให้ดี เพราะเมื่อไหร่ที่คุณเผลอทำน้ำตาลหกใส่อาหารไปมากกว่า 10.5 ถ้วยตวง (16 ออนซ์/ถ้วยตวง) ก็อย่าเผลอไปทานอาหารจานนั้นละ เพราะเดี๋ยวฉากจบจะไม่สวยอย่างที่เราคิดไว้ 3. ผลเชอร์รี่ ของโปรดของหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ ไปเจอตามต้นเมื่อไหร่เป็นต้องเด็ดมากินตลอด แต่ระวังนะ..!! เพราะวิทยาศาสตร์เตือนว่า หากคุณทานผลเชอร์รี่ในปริมาณที่โค่นมาจากทั้งต้น ก็อย่าให้ควรเกิน 2 ต้นละกัน ไม่อย่างนั้นร่างกายอาจช็อคได้ 4. เครื่องปรุงต่างๆ ไม่น่าเชื่อว่าเครื่องปรุงที่ทำให้อาหารเราอร่อยจัดจ้าน ก็สามารถฆ่าเราได้เหมือนกันในปริมาณที่มากกว่า 48 ช้อนชาในครั้งเดียว (แล้วใครมันจะไปกินเครื่องปรุงมากขนาดนั้น) 5.…
-
ผลวิจัยเผย “การเล่นเกมส์ในโหมด Easy” สามารถสร้างผลเสียให้กับสมองส่วนความจำได้
หลายคนคงชื่นชอบในการเล่นเกมส์และชื่นชอบในความท้าท้ายกับความยากของเกมส์นั้นๆ เพื่อให้ผ่านอุปสรรคไปก็ต้องพยายามกันหน่อย หรือบางคนก็อาจชอบที่จะเล่นเพื่อให้สนุกสนานตรงที่สามารถผ่านด่านไปได้อย่างง่ายดาย แต่ทว่าการเล่นเกมส์ในรูปแบบนั้นจะสร้างผลกระทบให้กับสมองของคุณได้ เมื่อนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาลัย Montreal ได้ทำการศึกษาและเชื่อว่าการเล่นเกมส์ที่ไม่มีแผนที่นำทางในเกมส์ให้นั้น จะทำให้สมองสามารถอยู่เล่นเกมส์ต่อไปได้อีกเป็นชั่วโมง แต่หากว่าทุกสิ่งทุกอย่างสิ่งนำทางให้เห็นจนหมดก็จะทำให้ทุกอย่างมันกลายเป็นง่ายเกิน การศึกษานั้นเผยว่าเหล่าสาวกเกมส์ยิงปืนมุมมองบุคคลที่หนึ่งหรือที่เรียกกันว่า FPS โดยเฉพาะแนวกองกำลังติดอาวุธจะจะมีระบบนำทางบ่อยๆ และนั่นจะสร้างความเสี่ยงเป็นอย่างมาก การวิจัยนี้ได้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Molecular Psychiatry โดยผู้เขียนคือ Greg West ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาจิตวิทยา เขาได้บอกเอาไว้ว่าผู้ที่เล่นเกมส์แนวแอคชั่นจนติดเป็นนิสัยนั้นจะทำให้เกิดเนื้อเทาในสมองส่วนฮิปโปแคมปัสได้น้อยลง หากจะอธิบายเกี่ยวกับฮิปโปแคมปัสแบบคร่าวๆ ก็คือส่วนที่ช่วยในเรื่องของความทรงจำในอดีตและความทรงจำเชิงพื้นที่ แกนกลางของนิวเคลียสก็มีส่วนที่เกี่ยวข้องช่วยในการเตือนว่าเรากิน ดื่ม หรือนอนในเวลาไหน และเนื้อเทาจะมีความสัมพันธ์กับความสามารถในการจำเรื่องเหล่านี้ เขากล่าวว่า “วิดีโอเกมส์แสดงให้เห็นถึงข้อดีที่ช่วยระบบความรู้ความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้สิ่งรอบตัวและความจำระยะสั้น แต่มันก็ได้มีหลักฐานทางพฤติกรรมว่าจะต้องแลกมาด้วยบางสิ่งบางอย่าง ในแง่ของผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสมองส่วนฮิปโปแคมปัส” และทั้งหมดนั้นคือเหตุผลในการศึกษาการสร้างภาพประสาทด้วยการสแกนสมองของคนที่เล่นเกมส์อยู่เสมอกับคนที่ไม่ได้เล่นเกมจนเห็นความแตกต่างในเรื่องของเนื้อเทาที่น้อยกว่าในกลุ่มคนเล่นเกมส์ นั่นจึงทำให้พวกเขาทำการศึกษาระยะยาวตามมาเพื่อหาความเป็นเหตุเป็นผล จนพบได้ว่าเกมส์มีส่วนในการเปลี่ยนแปลงของสมอง เมื่อผลการศึกษาออกมาเป็นอย่างนี้ก็คงต้องไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะสนับสนุนเด็กๆ หรือแม้แต่วัยรุ่นในการเล่นเกมส์เพื่อเสริมสร้างความจำระยะสั้นและการสังเกตสิ่งรอบตัวให้กับพวกเขากันบ้างแล้ว เพราะหากเล่นมากไปก็อาจทำให้เกิดผลกระทบตามมาอีกได้ด้วย สิ่งต่างๆ มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ขอแค่ให้ได้ใช้มันอย่างเหมาะสมก็จะสามารถสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับตัวเรา ที่มา: comicbook
-
21 ความทรงจำดีๆ ในยุคก่อนที่โลกใบนี้จะมี “สมาร์ทโฟน” เคยทำกันมาแล้วใช่มั้ย!?
ในชีวิตประจำวันทุกวันนี้ต้องขอบอกเลยว่า ‘สมาร์ทโฟน’ นั้นถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยทีเดียว แล้วหากย้อนกลับไปในตอนที่ยังไม่มีสมาร์ทโฟน เพื่อนๆ ยังคงจำได้หรือไม่ว่าแหล่งความสุขนั้นมาจากไหนกัน… ขอพาเพื่อนๆ หวนคำนึงคิดถึงวันวาน กับความทรงจำดีๆ เรื่องที่เราเคยทำในยุคที่ยังไม่มีสมาร์ทโฟนเหมือนอย่างทุกวันนี้ จะเป็นอย่างไรบ้างลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า 1. ย้อนกลับไปในยุคที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ความสุขของเรานั้นดูจะอยู่ที่สิ่งต่างๆ รอบตัว มากกว่าหน้าจอในมือของเรา 2. การออกไปเล่นข้างนอกบ้านเป็นอะไรที่ทำบ่อยยยยมาก จนเรียกได้ว่าแทบจะไม่อยู่ติดบ้านเลยทีเดียว 3. คุณมีแหล่งรวมตัวของชาวก๊วน และสำหรับเด็กผู้ชาย ตรงนั้นคือ “สามแยกปากหมา” ไว้แซวสาวสวยทุกคนที่เดินผ่าน โดยแก๊งคุณจะต้องมีคนปากหมาสักคน ที่พร้อมจะแซวทุกคนโดยไม่เลือกเพศ วัย และอายุ -*- 4. โทรไปแกล้งตำรวจ หรือสถานีดับเพลิงจากตู้โทรศัพท์ (โตมาเพิ่งรู้เนี่ยว่าเป็นเด็กเลว) เพราะว่าหมายเลขเหล่านี้โทรฟรีด้วย 5. การขูดบัตรเติมเงิน เป็นอะไรที่โคตรจะฟิน ราวกับว่ากำลังเปิดกล่องสมบัติอันล้ำค่า 6. ไม่มีการขอไลน์หรือขอพิน ต้องใช้สมุดจดเบอร์โทร + ที่อยู่ ของสาวที่เราอุตส่าห์แบกความกล้าหน้าด้านเข้าไปขอ (แล้วต้องขอเบอร์บ้านมาด้วยนะเออ!!) 7. ทำให้ทุกคนต้องเคยเผชิญกับการปลอมเสียงเป็นผู้หญิง…
-
รวม 15 ทรงผมสุด “บรรเจิด” แกไปตัดร้านไหนมา เดี๋ยวจะตามไปตัดเอาให้เฟี้ยวกว่าเลย!!
ทุกคนคงจะต้องเคยเข้าไปใช้บริการร้านตัดผมเพื่อเสริมหล่อเสริมสวยกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว การที่เราตัดให้มันสั้นลงแล้วต้องรอให้มันยาวหรือว่าจะแก้ทรงก็อาจเป็นไปได้ยาก จึงทำให้เราต้องเลือกทรงผมกันให้ดีๆ แต่ทรงผมที่จะนำมาให้ดูในวันนี้ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจของเจ้าของหัวหรือว่าช่างตัดผมแค้นเคืองอะไรใครมารึเปล่า ทรงมันจึงออกมาได้เฟี้ยวซะจนไม่กล้าตัดตามเลย ไปดูกันดีกว่าว่าจะเป็นยังไง ครูบอกว่าตรงไหนผิดก็ให้วงเอาไว้ก่อน ค่อยกลับมาแก้ เหลืองกว่านี้หน่อยนี่ฟักทองนะครับ เข้าร้านค้าคงต้องมีสแกนบาร์โค้ดผิดๆ ถูกๆ กันบ้างแหละ ตัดทรงนี้มาตั้งแต่กี่ขวบกันละเนี่ย เห็นเหมือนตัวเองอยู่ในห้องขังตลอดเวลา ก็คิดว่าเอาชามสีฟ้ามาครอบหัวไว้ เหลือไว้ให้รู้ว่าไม่ใช่คนหัวล้าน วิธีการใส่คือต้องดึงลงไปให้สุดโคนนะไอ้หนุ่ม เครียดที่แพ้หรือเพราะว่าทรงผม ถ้ามัดจุกก็คงเป็นกุมารทองไปแล้ว เผื่อไว้ให้มอไซเข้าไปจอด ช่างครับผมขอนาขั้นบันได ไม่รู้ว่าควรจะต้องรู้สึกยังไงดีจริงๆ เมดูซายังไม่น่าจะมีเยอะเท่าเลยนะ Surprise MOTHERFU*KER !! เป็นงั้นบ้างกับเหล่าทรงผมเจ๋งๆ ที่เรียกว่าขัดใจแม่เสียจริงเชียว หากใครชอบทรงไหนก็แคปรูปไว้เอาไปให้ช่างแถวบ้านตัดกันได้เลยนะ ที่มา: thechive
-
นักวิทย์เผย สาเหตุที่แท้จริงของโรค ‘Trypophobia’ อาการกลัวรู ไม่แน่นะคุณอาจเป็นหนึ่งในนั้น
หนึ่งในอาการกลัวหรือการวิตกกังวลต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เรามักเรียกว่าอาการ “โฟเบีย” ต่างๆ นั้น อาจมีสาเหตุมาจากเหตุการณ์ที่มากระทบจิตใจของผู้ป่วยตั้งแต่ช่วงวัยเด็ก จนทำให้เกิดความกลัว อย่างเช่นอาการ Thalassophobia หรือโรคกลัวทะเล (อ่านข่าวเก่า พาไปรู้จักกับโรค Thalassophobia หรือ ‘อาการกลัวทะเล’ แล้วคุณเป็นหนึ่งในนั้นด้วยรึเปล่า!!?) และนอกจากนี้ยังมีอาการกลัวที่หลายๆ คนรู้จักกันเป็นอย่างดี อย่างเช่นอาการกลัวรู (Trypophobia) ถึงแม้จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการดังกล่าว แต่ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์เริ่มค้นพบทฤษฎีที่น่าสนใจเกี่ยวกับโรคที่ว่านี้แล้ว การศึกษาของ Geoff Cole และ Arnold Wilkins ที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Psychological Science บอกว่าผู้ที่มีอาการกลัวรูนั้น อาจจะไม่ได้รู้สึกกลัวรู แต่มีสาเหตุมาจากการกลัวสิ่งแปลกปลอมที่อาศัยอยู่ในรูเหล่านั้น ผู้ป่วยอาจเกิดอาการสั่นและรู้สึกกลัวเมื่อเห็นภาพของรังผึ้ง ฟองน้ำ หรือปะการัง นอกจากนี้ทั้งคู่ยังได้วิเคราะห์ภาพถ่ายของรูปหลุมต่างๆ และเขียนอธิบายไว้ในเว็บไซต์ Trypophobia.com โดยการศึกษาดังกล่าวพูดถึงความแตกต่างของรูต่างๆ ในภาพถ่าย มีผลต่อความกลัวของผู้ป่วย คุณ Cole ได้ทดลองให้ผู้ป่วยดูภาพของหมึกสายวงน้ำเงินซึ่งมีจุดวงกลมต่างๆ ที่ชัดเจน แต่เค้ากลับพบว่าพวกเขาก็กลัวภาพถ่ายรูปรูภาพอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ทั้งสองสรุปผลการศึกษาว่าอาการ Trypophobia นั้นเกิดจากการเห็นภาพของหลุมหรือรูต่างๆ เป็นตัวกระตุ้น “ประสบการณ์ที่ฝังอยู่ในสมองของพวกเขา จะเชื่อมโยงกับภาพที่เห็น และทำให้รู้สึกว่ากำลังจะได้รับอันตรายเมื่อมองไปที่ภาพที่เป็นตัวกระตุ้น” คุณ Cole กล่าวกับทาง NPR’s Shots blog …
-
13 เรื่องจริง เกี่ยวกับ “โดราเอมอน” ที่หลายๆ คนอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน
หากเราจะพูดถึงการ์ตูนญี่ปุ่นดังๆ สักเรื่อง การ์ตูนที่ดูได้ทุกเพศทุกวัย ดูได้ไม่เบื่อตั้งแต่เด็กจนโต หลายๆ คนคงจะตอบว่าโดราเอมอน อย่างแน่นอน เพราะมันเต็มไปด้วยเรื่องราวใกล้ตัว มีของวิเศษที่ช่วยเติมเต็มความฝัน และมิตรภาพดีๆ จากเจ้าหุ่นยนต์แมวสีฟ้าจนเราอยากจะมีเพื่อนแบบนั้นในชีวิตจริงเลย ถ้านับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันแล้ว ตอนนี้การ์ตูนเรื่องโดราเอมอนก็มีจำนวนตอนปาเข้าไปหลายร้อยหลายพันตอน รวมกับฉบับมูฟวี่อีกกว่า 37 ตอน มีข้อมูลและเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าแมวสีฟ้าตัวนี้ออกมากมาย และด้วยความที่มันเป็นแมวเหมือนกับเรา #เหมียวฟิ้น เลยนึกครึ้มใจอยากจะรวบรวมข้อมูลเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับเจ้าแมวอ้วนตัวนี้มาให้แฟนๆ ได้อ่านกัน บางข้อคุณอาจจะยังไม่เคยได้ยินมันจากที่ไหนเลยก็ได้ 1. ตามท้องเรื่องแล้วโดราเอมอนถูกสร้างโดยบริษัทที่ชื่อ Matsushiba Robot Factory เมื่อวันที่ 3 กันยายนปี 2112 หรืออีกประมาณ 95 ปีข้างหน้า 2. โดราเอมอนมีรหัสประจำตัวด้วยนะ รหัสคือ MS-903 3. หลายๆ คนคงรู้ว่าโดราเอมอนมีน้องสาวที่ชื่อโดเรมี จากข้อมูลระบุว่าเธอมีพละกำลังเทียบเท่ากับม้า 10,000 ตัว ในขณะที่โดราเอมอนมีพละกำลังเทียบเท่าม้าแค่ 129.3 ตัวเท่านั้น 4. หลายคนคงคุ้นเคยกับเพลงเปิดโดราเอมอนที่ชื่อ Doraemon no uta แต่ทางญี่ปุ่นได้มีการยกเครื่องซีรี่ส์โดราเอมอนใหม่ ปรับเปลี่ยนลายเส้นและเพลงเปิดตั้งแต่ปี…
-
“รูทเบียร์” เครื่องดื่มที่ไม่ใช่เบียร์ รสชาติเหมือนยาหม่องซ่า แต่จริงๆ มันคืออะไรกันแน่!?
เมื่อกล่าวถึงเครื่องดื่มที่มีชื่อว่า รูทเบียร์ แล้ว ต้องขอบอกเลยว่าเพื่อนๆ หลายคนคงต้องเคยซื้อมาดื่มตอนสมัยเด็กๆ เพราะคิดว่ามันผสมแอลกอฮอล์เอาไว้เพราะชื่อของมันมีคำว่า ‘เบียร์’ อยู่ด้วยแน่ๆ เลยใช่มั้ยล่ะ?? ฮร่าๆ สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับเจ้าเครื่องดื่มชนิดนี้กัน ว่าจริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่? แล้วทำไมถึงชื่อว่า Root Beer ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เบียร์ รวมไปถึงรสชาติที่คล้ายกับยาหม่องนั่นอีก Root Beer นั้นถือได้ว่าเป็นเครื่องดื่มแบบซอฟท์ดริ้ง ที่ผลิตขึ้นมาจากการหมักสมุนไพรที่เป็นรากไม้ และเปลือกไม้นานาชิด เช่น วานิลลา, เปลือกของต้นเชอร์รี่, รากชะเอม, เปลือกของต้น Sassafras, อบเชย, ฮ็อปส์, ผักชี เป็นต้น โดยจะมีทั้งแบบมีแอลกอฮอล์หรือไม่มีก็ได้ ตัวรสสัมผัสก็จะมีความหนาข้น ส่วนกลิ่นที่เหมือนกับยาหม่องนั้นก็มาจากส่วนผสม ‘น้ำมันระกำ’ หรือ Wintergreen Oil ที่เค้าใช้นวดบริเวณปวดเมื่อย หรือ เคล็ดขัดยอกนี่เอง ในส่วนของชื่อนั้นก็คาดว่าน่าจะเป็นเพราะการตลาด ซึ่งตอนแรกผู้คิดค้นขึ้นมาอย่าง Charles Elmer Hires…
-
งานวิจัยชี้… “ความเหงา” ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว ร้ายแรงเทียบเท่าได้กับโรคอ้วน..!!
ครั้งหนึ่ง #เหมียวหง่าว เคยกล่าวเอาไว้แบบลอยๆ ว่า “ความเหงาไม่เคยฆ่าใคร” ซึ่งดูเผินๆ ก็เหมือนกับคำพูดเท่ๆ ที่เอามาปลอบประโลมคนไม่มีคู่นั่นแหละ… แต่น่าเสียใจสำหรับคนโสดและคนขี้เหงาเป็นอย่างยิ่ง เพราะล่าสุดนี้มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้เผยออกมาแล้วว่า ความเหงาและความโดดเดี่ยว ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร..!! โดยก่อนหน้านี้ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Brigham Young University ได้ทุ่มเทเวลาหลายปี ไปกับการเก็บข้อมูลพฤติกรรมอาสาสมัครกว่า 3,400,000 คนทั่วโลก ผลจากการสำรวจก็ทำให้ทีมวิจัยแปลกใจมากๆ เมื่อพวกเขาพบว่าในกลุ่มคนที่มีการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในสังคมอย่างสม่ำเสมอ จะมีตัวเลขการเสียชีวิตที่ต่ำกว่ากลุ่มคนที่มักจะแยกตัว และอยู่อย่างโดดเดี่ยวมากถึง 50% นอกจากนี้ทีมวิจัยยังพบว่าในกลุ่มคนที่เข้าสังคมน้อยกว่า หรืออยู่อย่างโดดเดี่ยว มีโอกาสที่จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร โดยเทียบเท่ากับคนที่ป่วยเป็นโรคอ้วนได้เลยทีเดียว แม้ว่างานวิจัยดังกล่าวจะไม่ได้ชี้ชัดว่า ความเหงาเป็นตัวแปรสำคัญในการคร่าชีวิตผู้คน แต่ทางนักวิจัยก็ได้ค้นพบเหมือนกันว่า การเข้าสังคมเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตมนุษย์ที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้โดยสิ้นเชิง “เราได้ค้นพบว่า การเข้าสังคมเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์ซึ่งส่งผลไปถึงพฤติกรรมในระยะยาว ในกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมปิดกั้นตัวเอง หรือมักปลีกแยกตัวออกจากสังคม มักจะมีความเสี่ยงต่อสุขภาพต่างๆ มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่อยู่ในวัยชรา หรือวัยเกษียณ สังคมควรตระหนักถึงปัญหาเรื่องนี้มากขึ้น โดยเฉพาะในยุคสมัยที่ผู้คนเริ่มสนใจในโลกออนไลน์ มากกว่าการหันมาให้ความสนใจกับคนที่อยู่ข้างๆ กัน” Dr. Holt-Lunstad ให้สัมภาษณ์ สรุปแล้ว.. จากพื้นฐานที่เราทราบกันดีว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ความเหงา…
-
‘Guevedoces Syndrome’ โรคประหลาด จากเด็กหญิงกลายเป็นชายเมื่ออายุ 12 ขวบ
เมื่อไม่นานมานี้ทางเว็บไซต์ Metro ได้รายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดของเหล่าเด็กๆ ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งแถบทะเลแคริบเบียน ว่าร่างกายของพวกเขามีการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางเพศเมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น!! เรื่องเหลือเชื่อนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้านห่างไกลในเมือง Salinas ประเทศสาธารณรัฐโดมินิกัน โดยพบว่าเด็กผู้หญิงกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ จะมี ‘จู๋’ งอกออกมาเมื่อพวกเธออายุได้ 12 ขวบ ปรากฏการณ์นี้พบได้กับเหล่าเด็กๆ ที่มีอาการ Guevedoces Syndrome หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่าโรค pseudo hermaphrodites การเป็นโรคดังกล่าวในเมืองนี้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา และเด็กป่วยก็จะได้รับการยอมรับว่าพวกเธอมีสองเพศในคนเดียว หนึ่งในสารคดีของทาง BBC เคยพาไปทำความรู้จักกับโรคนี้แล้ว โดยรายการดังกล่าวได้พาไปรู้จักกับ Johnny ชายวัย 24 ปีที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นเด็กผู้หญิงที่รู้จักกันในชื่อ Felicitia Johnny เล่าผ่านรายการว่า “ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยใช่ชุดกระโปรงสีแดง ตอนผมเกิดมาพวกเขาไม่รู้ว่าผมมีเป็นเพศอะไร ตอนไปโรงเรียนผมใส่กระโปรง แต่ผมไม่เคยชอบของเล่นเด็กผู้หญิงและชุดพวกนั้นเลย” โรคดังกล่าวเกิดจากความผิดปรกติของเอนไซม์ ที่ไม่สามารถสร้างฮอร์โมนเพศตั้งแต่ในครรภ์ได้ เมื่อแรกเกิดพวกเขาจะดูเหมือนเด็กผู้หญิง แต่เมื่อถึงช่วงวัยรุ่นจะมีการพัฒนาฮอร์โมนเพศชายและทำให้ร่างกายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งอาการเสียงแตก และมีอวัยวะเพศชายที่ค่อยๆ โตขึ้น ดอกเตอร์ Michael Mosley ผู้ดำเนินรายการสารคดีของทาง BBC กล่าวว่า “บางครั้งเราเรียกโรคนี้ว่าอาการ machihembras ซึ่งหมายความว่าเด็กมีการเปลี่ยนเพศจากหญิงไปเป็นชาย เมื่อแรกเกิดพวกเขาจะมีอวัยวะเพศที่เหมือนกับเด็กผู้หญิงและไม่มีลูกอัณฑะ แต่เมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์ทุกอย่างจะเริ่มเปลี่ยนไปอวัยวะเพศจะเริ่มโตขึ้น จนกลายเป็นผู้ชายในที่สุด” ที่มา metro
-
นี่คือ 20 วิธีการออกกำลังกายเผาผลาญไขมันให้ได้มากที่สุด ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมง
หลายคนอาจจะกำลังหาวิธีออกกำลังกายที่สามารถเผาผลาญแคลอรี่ให้ได้มากที่สุด Mayo Clinic เป็นผลงานวิจัยที่ถูกนำมาตีพิมพ์โดย National Institutes of Health โดยได้ทำการจัดอันดับ 39 วิธีการออกกำลังกายเผาผลาญแคลอรี่ให้ได้มากที่สุดภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมง โดยได้ทำการเรียงอับดับกีฬาที่สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้น้อยที่สุดไปจนถึงมากที่สุด ว่าแล้วก็มารับชมกันเลย อันดับที่ 20 เดินเล่น และ Hatha Yoga (โยคะเบสิคทั่วไป) สามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 183 – 228 แคลอรี่ต่อชั่วโมง อันดับที่ 19 ไทชิ (การออกกำลังกายที่นำการฝึกลมปราณและสมาธิมารวมกัน) เต้นรำบอลรูม และโบว์ลิ่ง สามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 219 – 273 แคลอรี่ต่อชั่วโมง อันดับที่ 18 พายเรือแคนู สามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 256 – 319 แคลอรี่ต่อชั่วโมง อันดับที่ 17 โยคะ วอลเลย์บอล และปั่นจักรยานช้าๆ (10…
-
สาวบันทึกการเปลี่ยนแปลงหลังรักษา “โรคการกินที่ผิดปกติ” จากอ้วนฉุกลับมาสวยอีกครั้ง
การที่จะมีสุขภาพที่ดีหรือหุ่นที่ดีนั้นคงจะเป็นเรื่องที่ทุกคนถ้าเลือกได้ก็อยากจะมีกัน เพื่อการใช้ชีวิตที่สามารถทำให้เราพึงพอใจได้ แต่ทั้งหมดนั้นก็จะต้องแลกมาด้วยความพยายามและไม่ย่อท้อ เพื่อรับผิดชอบกับทุกการใช้ชีวิตเหมือนอย่างเธอคนนี้ หญิงสาวคนนี้มีชื่อว่า Morgan Bartley ซึ่งเมื่อเธอมีอายุได้ 12 ปีนั้นเธอก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดและได้ทำให้เธอพบว่าตัวเองไม่สามารถมีลูกได้ในอนาคต เมื่อเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้ถึงกับต้องช็อกนี้จึงกลายเป็นการสร้างให้เธอมีพฤติกรรมการกินที่ผิดไปจากปกติ สิ่งนั้นจึงทำให้เธอมีน้ำหนักถึง 136 กิโลกรัมในตอนที่เธออายุได้ 17 ปีแน่นอนว่าร่างกายนั้นต้องทำให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากแน่นอน เธอจึงได้ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง และได้ทำการโพสต์ภาพพัฒนาการในแต่ละช่วงของเธอในการตั้งเป้าหมายและไม่ให้หลุดออกจากความตั้งใจนี้ เป้าหมายของเธอก็คือให้น้ำหนักเหลือเพียง 65 กิโลกรัมซึ่งแน่นอนว่านั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เธอได้โพสต์รูปลงในอินสตาแกรมที่แสดงให้เห็นว่าเธอจะต้องเข้ารับการผ่าตัด พร้อมกับเขียนความรู้สึกลงไปในแคปชั่นภาพนั้น “วันเดียวกันเมื่อหนึ่งปีก่อนเดือนสิงหาคมปี 2015 วันที่ฉันได้เริ่มการเปลี่ยนแปลงเข้ารับการผ่าตัดเพื่อลดน้ำหนักที่เรียกว่า VSG นั่นเป็นเครื่องมือที่จะช่วยชีวิตของฉัน ในชีวิตของเราทุกคนจะต้องต่อสู้กับบางสิ่งสำหรับฉันแล้วมันคือสุขภาพ ที่ฉันจะต้องพยายามลงแรงผ่านมันไปให้ได้ชั่วชีวิต เพื่อรักษาสุขภาพเอาไว้และค้นพบความสุข” เธอกล่าว การเปลี่ยนแปลงของเธอได้เริ่มขึ้นแล้ว ท่าโพสต์เหมือนเดิมแต่ความเปลี่ยนแปลงช่างมากมาย . จากตอนนั้นหนัก 129 กิโลกรัมจนเหลือแค่ 78 กิโลแล้ว . ไม่ใช่แค่ผอมลงแต่ต้องได้สุขภาพที่ดีกลับคืนมาด้วย น่ารักไม่หยอกนะจะบอกให้ . . …
-
ไขปริศนาที่สงสัยมานาน ทำไม “หรรมส์-จิ๊มิ๊” จึงดำคล้ำ ทั้งที่ไม่เคยโดนแดดเลยสักนิด!?
หนุ่มๆ หลายคนคงเคยคิดว่าผิวเราก็ไม่ได้ดำคล้ำอะไร แต่ทำไม๊ทำไมเจ้าจุ๊ดจู๋สุดที่รักของเรามันกลับมีความคล้ำที่แทบจะดำไปอย่างนั้น ไม่ต้องห่วงเลยครับเพราะเรื่องนี้มีคำตอบให้ทุกคนได้รู้กันแล้ว อย่างแรกที่ทุกคนควรรู้ไว้คือผิวหนังที่ห่อหุ้มอวัยวะเพศทั้งหมดของเรานั้นมันจะมีความบาง ปราศจากชั้นไขมันจึงทำให้มีความไวต่อการรู้สึก และถูกสร้างมาพร้อมกับความยืดหยุ่นเพื่อตอบรับกับการแข็งและหดตัวของอวัยวะเพศ เพื่อนๆ ลองคิดถึงเวลาที่ต้องเจอกับอากาศเย็นแล้วตรงส่วนอัณฑะของเราจะมีการหดตัวตึงมากกว่าปกติ แถมสีจะคล้ำกว่าผิวหนังส่วนอื่นและอัณฑะสองข้างอาจไม่เท่ากันอีกด้วย นั่นก็คือความยืดหยุ่นของผิวหนังนั่นเอง ดังนั้นความดำที่เกิดขึ้นก็คือเกิดจากการเสียดสีนั่นเองไม่ว่าจะเป็นตอนที่คุณช่วยตัวเอง หรือตอนมีเพศสัมพันธ์ นั่นก็จะทำให้ผิวมันคล้ำมากขึ้นไปเรื่อย ซึ่งถือเป็นความคล้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และมันก็อาจเกิดขึ้นจากพันธุกรรมของแต่ละคนด้วยนะ แต่ก็เหมือนจะมีความหวังเพราะบางคนอาจเคยเห็นโฆษณาครีมหรือโลชั่นไว้ทาจุดซ่อนเร้นให้ขาวกระจ่างใส หากกำลังคิดอยู่ว่าควรซื้อมาใช้ดีมั้ยนะ แนะนำว่าอย่าเลย เพราะส่วนผสมในสิ่งเหล่านั้นอาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือการระคายเคืองเอาได้ ก็ต้องลองคิดดูนะครับว่ามันจะคุ้มเสี่ยงมั้ย ถึงแม้ว่าสีของมันอาจไม่ทำให้หลายๆ คนพึงพอใจซักเท่าไหร่ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย มันไม่ได้มีผลต่อสมรรถภาพทางเพศของคุณ เราควรจะหันมาดูแลความสะอาดเพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคจะดีกว่านะครับ การทำความสะอาดทุกวันเช้าเย็นด้วยการอาบน้ำก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่ก็อย่าลืมที่จะดึงหนังหุ้มปลายองคชาตของเราลงมาให้สุดเพื่อที่จะทำความสะอาดภายในให้สะอาดหมดจด เพราะว่าสิ่งที่หมักหมมอยู่อาจก่อให้เกิดมะเร็งที่อวัยวะเพศชาย หรือมะเร็งปากมดลูกให้กับคู่นอนของคุณได้ด้วย การขลิบอวัยวะเพศซึ่งเป็นการตัดเอาหนังหุ้มปลายองคชาตออกนั้นก็จะช่วยแก้ปัญหาเจ็บเมื่อมีการแข็งตัวได้ และสำหรับผู้ที่มีหนังหุ้มปลายไม่เปิดก็จะช่วยในเรื่องของการทำความสะอาดอวัยวะเพศได้ดีขึ้นอีกด้วย อย่างที่บอกไปว่าอย่าไปห่วงเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกกันเลย แต่หันมาดูแลเอาใจใส่สุขภาพน้องชายของเรากันดีกว่า จะได้เป็นประโยชน์ให้กับตัวคุณและคนที่คุณรัก ที่มา: talkaboutsex.thaihealth sanook
-
อยากสุขภาพดีขอแค่ออกไปดูนกบ้างก็พอ กับงานวิจัยที่บอกคุณได้ว่า “ชมนกชมไม้” มันดียังไง
เวลาที่เราต้องทำงานหรือต้องอยู่กับหน้าจอคอมนานๆ หลายคนอาจมีวิธีการพักสายตาอย่างการมองไปยังต้นไม้ใบหญ้าเพื่อให้สายตาได้ผ่อนหลาย แต่นอกจากนั้นแล้วกับเจ้าสัตว์มีปีกอย่างเจ้านกทั้งหลาย ก็สามารถช่วยคุณได้อีกด้วย เมื่อได้มีการตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Bioscience ว่าการได้มองออกไปดูนกหรือดูต้นไม้ใบหญ้านั้น จะสามารถช่วยเรื่องสุขภาพจิต ลดความเครียดและความวิตกกังวล เมื่อมีการศึกษากับคนจำนวน 270 คนในบริเวณรอบๆ เมือง Bedford ประเทศอังกฤษ พบว่าระดับความซึมเศร้า ความเครียด และความวิตกกังวลจะลดลงได้ขึ้นอยู่กับจำนวนนกที่ได้เห็นในช่วงกลางวัน โดยไม่เกี่ยวกับสายพันธุ์ของนกที่ได้เจอ เมื่อด็อกเตอร์ Daniel Cox ผู้วิจัยแห่งมหาวิทยาลัย Exeter ได้พูดไว้ว่าการศึกษาในครั้งนี้นั้นมีเพื่อการรับรู้ถึงความสามารถขององค์ประกอบทางธรรมชาติที่จะช่วยให้สุขภาพจิตของเราเป็นไปในทางที่ดีขึ้นได้ ผู้วิจัยได้อ้างอิงหลักการมาจากองค์กรอนุรักษ์นกแห่งมหาวิทยาลัย Queensland ประเทศอังกฤษ ที่พบว่าคนที่ใช้เวลาออกมาสูดอากาศด้านนอกน้อยลงจากที่เคยทำมักจะเกิดความวิตกกังวลและรู้สึกซึมเศร้าได้ ผลลัพธ์ที่ดีที่เกิดขึ้นระหว่างนกหรือต้นไม้กับสุขภาพจิตของเรานั้น เกิดขึ้นได้แม้ว่าจะมีความแตกต่างของบริเวณที่พักอาศัย รายได้ในบ้าน อายุ หรือสิ่งต่างๆ ที่เป็นความแตกต่างของกลุ่มประชากร Daniel ยังกล่าวเสริมอีกว่า “นกที่อาศัยอยู่รอบๆ บ้านและธรรมชาติโดยทั่วไปนั้น สามารถแสดงประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในการป้องกันและดูแลสุขภาพของเรา ทำให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นและทำให้สถานที่นั้นสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข” จากการศึกษาก่อนหน้านี้ก็ได้พูดถึงว่าการชมนกชมไม้นั้นจะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย และทำให้เราผัสได้กับความเกี่ยวโยงกับธรรมชาติรอบๆ ตัว ทำให้เรามีชีวิตเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็อย่าลืมหาเวลาออกไปนั่งพักผ่อนหย่อนใจ เดินเล่นนอกบ้านนอกอาคารกันบ้างนะครับ เราจะได้มีสุขภาพดีไปพร้อมๆ กัน…
-
ภาพเปรียบเทียบจากอดีตสู่ปัจจุบันกับ 10 ของสิ่งของใช้ในชีวิต ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา…
ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาโดยเฉพาะสิ่งของต่างๆ ที่เราจะต้องได้เห็นเป็นชีวิตประจำวันแทบตลอด แล้วจำกันได้บ้างไหมว่าสมัยก่อนโน้น รูปร่างหน้าตามันเป็นยังไงบ้าง หากใครจำได้ก็คงจะรู้เลยว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปมากเลยจริงๆ จะว่าไปแล้วเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าเพิ่มมากขึ้น การผลิตสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ก็ถูกปรับเปลี่ยนให้มีขนาดที่เล็กและกระทัดรัด แตกต่างจากอดีตที่เคยถือกำเนิดมาจากหน้ามือเป็นหลังมือไปเลย… ตำนานเครื่องคิดเลข ถ้าต้องพกเข้าไปในห้องสอบนี่คงไปสอบสายอ่ะ หนักจัด!! . โรลเลอร์เบลดของเก่ามันก็เท่ ดูดีมีสไตล์อยู่แล้วนะ… . สว่านเจาะกำแพง ถ้าใช้แบบเก่านี่ อาจจะเป็นเครื่องออกกำลังแขนไปในตัว . ถุงเท้าทรงเก่า… ใส่คู่กับช้างดาวนี่กำลังเหมาะเลย . บอกได้เลยว่ามันคือ เครื่องซักผ้า!! . หน้าตาของกระดาษทิชชู่สมัยก่อน มีลวดลายด้วยนะเออ . หน้าตาของกล้องดิจิตอลยุคแรกถือกำเนิดบนโลก . แว่นตากันแดดในอดีตกับปัจจุบัน แทบจะทำให้ตาตี่ได้เลย ฮร่าาา . โทรทัศน์สมัยก่อนกับสมัยนี้ ขนาดจอกับขนาดเครื่องแทบจะคนละเรื่องเลย . ฮาร์ดดิกส์สมัยก่อนกับสมัยนี้ ขนาดตัวกับความจุก็ต่างกันอย่างไม่น่าเชื่อแล้ว!! . เป็นไงกันบ้างกับของที่เปลี่ยนไปตามเวลาที่เปลี่ยนแปลง แล้วเพื่อนๆ ทันใช้หรือจำชิ้นไหนกันได้บ้างละ…
-
สำรวจตัวตนของคุณ ด้วยแบบวัดเชิงจิตวิทยา ‘Myer-Briggs’ จากทั้งหมด 16 บุคลิกภาพ…
เคยสงสัยเรื่องบุคลิกภาพเรากันบ้างไหมว่ามันออกมาเป็นแบบไหนทั้งในมุมมองของเราและของคนอื่น เราคิดว่าเราเป็นอย่างไร จะประมาณไหนนะ ลองมาดูผลสรุปบุคลิกภาพในแบบต่างๆ กันได้เลย Myer-Briggs Type Indicator หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า MBTI เป็นแบบวัดบุคลิกภาพที่ถูกสร้างขึ้นโดยแนวทฤษฎีของนักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียง Carl Jung Carl Gustav Jung นักจิตวิทยาชาวสวิส ซึ่งแบบวัดนี้จะแบ่งออกเป็นด้านตรงข้าม 4 ด้านได้แก่ Extravert (E) เข้าสังคม – Introvert (I) เก็บตัว , Sensing (S) ใช้ประสาทสัมผัส – Intuition (N) หยั่งรู้ , Thinking (T) ใช้ความคิด – Feeling (F) ใช้ความรู้สึก และสุดท้ายคือ Judgement (J) ตัดสิน – Perception (P) รับรู้ เมื่อนำแต่ละด้านมาเรียงกันได้เป็นอักษรภาษาอังกฤษ 4…
-
หญิงสาวเป็นโรคทางพันธุกรรม เล่าประสบการณ์ “ป่วยใกล้ตาย” ได้อย่างมีความสุข…
ลองคิดดูว่าถ้าคุณเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ต้องพกถังออกซิเจนตลอดเวลา และไม่รู้ว่าคุณจะตายเมื่อไร คุณจะยังมีความสุขแบบนี้หรือไม่.. เรื่องราวของ Claire Wineland หญิงสาววัย 20 ปี ผู้ป่วยเป็นโรคซิสติกไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis) โรคเรื้อรังที่่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งจะทำให้ปอดและระบบย่อยอาหารเกิดความสียหายอย่างรุนแรง ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วผู้ป่วยจะมีอายุเพียงแค่ 37 ปีเท่านั้น โรคดังกล่าวทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเธอต้องเข้ากับการผ่าตัดหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 13 เมษายน ปี 2010 เธอเกิดอาการปอดล้มเหลวถึงขั้นโคม่า และต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน หลังจากผ่านเรื่องร้ายๆ ในวันนั้นมา หญิงสาวตัดสินใจที่จะมอบแรงบันดาลใจและกำลังใจให้กับผู้ป่วยคนอื่นๆ จากการถ่ายทอดประสบการณ์เฉียดตายของเธออย่างมีความสุข ในคลิปวิดีโอหนึ่ง เธอเล่าถึงวิธีการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขถึงแม้ว่าจะรู้ว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายแล้วก็ตาม Claire เล่าว่า ในแต่ละวันเธอต้องใช้บำบัดการหายใจประมาณ 4-5 ชั่วโมง และต้องทานยาประมาณ 50 เม็ด แต่เธอก็ยังคงออกไปใช้ชีวิตแบบคนปกติได้ “เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกทรมานกับความเจ็บปวด คุณไม่ควรคิดว่ามันคือจุดจบของชีวิต แต่คุณควรจะคิดว่าจะผ่านมันไปได้อย่างไรต่างหาก ยังมีอะไรอีกมาในโลกภายนอกที่ให้เราได้เจอ” Claire กล่าว “ในตอนแรกที่ฉันเกิดมา หมอบอกว่าฉันจะมีอายุได้แค่ 10 ปีเท่านั้น…
-
งานวิจัยพบ ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณพอเหมาะ เสี่ยงสมองเสื่อมน้อยกว่าคนดื่มหนัก…
ต้องบอกก่อนว่าสำหรับงานวิจัยชิ้นนี้ ทีมวิจัยไม่ได้ค้นพบว่าการดื่มมากจะช่วยให้สุขภาพดีแต่อย่างใด หากแต่นี่เป็นงานวิจัยที่ใช้เวลากว่า 30 ปี ในการสำรวจพฤติกรรมของกลุ่มผู้สูงอายุ… อ้างอิงจากงานวิจัยของ University of California พวกเขาได้ข้อสรุปมาแล้วว่า ในกลุ่มผู้สูงอายุวัยประมาณ 65 ปีขึ้นไป ที่ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณ 2 – 3 แก้วต่อวัน จะมีความเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อมในระยะยาวน้อยกว่า โดยกลุ่มวิจัยได้เข้าไปบันทึกพฤติกรรมของกลุ่มผู้มีอายุ 1,344 คน ซึ่งประกอบไปด้วยหญฺิง 728 คน ชาย 616 คน ตั้งแต่ปี 1984 – 2013 ในทุกๆ 4 ปี ทีมวิจัยจะทำการสำรวจหลายๆ ด้าน เช่น พฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงมีการวัดผลการทำงานของสมอง โดยมีการแบ่งพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์เป็น 2 ระดับ คือกลุ่มคนที่ดื่มปานกลาง (1 – 2 แก้วต่อวัน) และคนที่ดื่มอย่างหนัก (3 – 4…
-
ศิลปินหนุ่มถ่ายภาพ “ทะเลสาบเกลือ” ให้เหมือนหลุดออกไปอีกมิติ แถมไม่ใช้โฟโต้ช็อป!?
หากใครชอบภาพที่เรียบง่าย มองสบาย ผสมกับความมินิมอลเล็กๆ แบบภาพวิวทิวทัศน์ที่สามารถนำเอาไปทำเป็นภาพพื้นหลังตกแต่งบ้านหรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ คุณก็น่าจะชอบซีรีส์ภาพถ่ายชุด Vanity ของช่างภาพชาวออสเตรเลียชุดนี้ ผลงานที่เราพูดถึงอยู่นี้เป็นฝีมือของช่างภาพที่มีชื่อว่า Murray Fredericks เขาได้ถ่ายภาพทิวทัศน์อันสวยงามของทะเลสาบ Eyre ในประเทศออสเตรเลีย โดยภาพชุดนี้นั้นเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ Salt ที่เขาทำอยู่นั่นเอง . ชื่อชุดผลงานนั้นมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาต้องการสื่อออกมา ภาพที่เห็นคือการถ่ายแนว Salt Flat ทั้งตอนพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก และในตอนกลางคืนในทะเลสาบซึ่งใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย ทำให้ภาพที่ได้ออกมาสวยงามราวกับภาพแต่งในโฟโต้ช็อปยังไงยังงั้นเลย . นอกจากนั้นจะเห็นภาพสะท้อนขนาดเล็กจากกระจกที่เขาได้นำไปวางไว้ในน้ำ จนได้ภาพที่มีลักษณะเปรียบเหมือนโต๊ะเครื่องแป้งที่สะท้อนภาพของทิวทัศน์รอบข้างออกมาอย่างสวยงาม มีความเป็นนามธรรมน่าค้นหา และทำให้เห็นเป็นมุมมองที่เหนือความเป็นจริง . ทั้งหมดนั้นได้สร้างความประทับใจติดตรึงไปยังผู้ที่ได้เห็นมากมาย ด้วยเรื่องของสี มุมของภาพ และความเรียบง่าย สบายตา โดยที่แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทั้งหมดนี้นั้นไม่ได้ผ่านการใช้โปรแกรมแต่งรูปใดๆ เลยนะเออ . . . . . . . เห็นแล้วก็รู้สึกผ่อนคลายสบายตากันไป . . หากใครชื่นชอบผลงานของช่างภาพคนนี้ ก็สามารถไปติดตามดูกันได้ในอินสตาแกรม murrayfredericks ได้เลยจ้า…
-
9 วิธีในการหลีกเลี่ยง ‘ความขัดแย้ง’ กับคนรักหรือคู่แต่งงาน เพื่อชีวิตคู่ที่เข้าใจกันมากขึ้น
การใช้ชีวิตคู่ หรือชีวิตแต่งงานนั้นเป็นการที่เราจะะต้องใช้ชีวิตอยู่กับคนคนหนึ่ง ที่เราและเขาได้ยอมรับในสิ่งที่มีให้กัน ซึ่งก็คือ ‘ความรัก’ ของคนทั้งสอง อาจมีทะเลาะกันบ้าง เถียงกันบ้างแต่ไม่ได้แปลว่าเราจะหลีกเลี่ยงมันไม่ได้เลย กับบางอย่างมันก็ง่ายมากที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในชีวิตของคนทั้งสอง และนี่ก็คือ 9 วิธีที่สามารถนำไปใช้ได้ครับ 1.พูดอย่างเปิดเผย และซื่อสัตย์ในเรื่องของการเงิน ไม่ว่าจะเป็นเงินในบัญชีรวมถึงหนี้สินที่มีอยู่อีกด้วยควรพูดไปให้หมด เพราะการแต่งงานกันไปก็จะสามารถหาทางจัดการกับเรื่องนี้ร่วมกันได้ขึ้นมาเอง 2.หากว่าเถียงกันเรื่องบ้านรกอยู่ตลอด ก็ให้จ้างแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด คิดซะว่าค่าจ้างแม่บ้านให้มาทุกสัปดาห์ ยังถูกกว่าเงินที่ต้องเสียไปกับการขอคำปรึกษาเรื่องชีวิตคู่ 3.ขอโทษก่อนบ่อยๆ แต่อย่าแสดงออกมาเป็นการดื้อเงียบ ทำใจตัวเองให้เย็นก่อนที่จะพูดคุย อย่าร้อนไปตามอีกฝ่าย และพูดขอโทษออกไปก่อนในหลายครั้ง แต่ต้องไม่แสดงออกมาเป็นการดื้อเงียบ แต่ต้องเข้าใจยอมรับ และหมั่นบอกรักอีกซะหน่อย 4.หากว่าไม่ลงรอยกับพ่อตาแม่ยาย ก็หาเหตุผลดีๆ มาจำกัดเวลาในการไปเยี่ยม อย่างเหตุผลที่ว่า “มันน่าจะสะดวกกว่าถ้าเราพักโรงแรมแทนนะ” หรือพยายามชักชวนให้กลับกันในชั่วโมงหลังอาหารเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะสม 5.หาเวลาที่จะได้พูดคุยกันอย่างเป็นส่วนตัว ไม่มีสิ่งอื่นมารบกวน ทำยังไงก็ได้ให้อยู่ในสถานการณ์ที่จะไม่มีอะไรมาดึงความสนใจคู่ของคุณไป อาจใช้เวลาขากลับเดินคุยเล่นกันไป 6.หากคนรักทำให้คุณต้องเจ็บ ก็ต้องให้โอกาสเขาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น จงคิดเอาไว้ว่าคนรักเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้คุณต้องเจ็บปวดหรอก ดังนั้นจงเปิดโอกาสฟังคำอธิบายของเขาก่อน …
-
หมดกันความสัมพันธ์… เมื่องานวิจัยพบว่า ผู้ชายกับผู้หญิง ‘เป็นเพื่อนกัน’ ไม่ได้หร๊อกกก
เราก็มีเพื่อนมากมายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะคบกันมานานตั้งแต่ประถมหรือเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันในสังคมใหม่ๆ แล้วเพื่อนต่างเพศกันละคุณมีเยอะหรือเปล่า แล้วคุณคิดกับเขาแค่เพื่อนจริงหรือเปล่า? เมื่อได้มีแบบสำรวจหนึ่งผุดขึ้นมาในโซเชียลเน็ตเวิร์คที่มีชื่อว่า MeetMe โดยสอบถามผู้ใช้จำนวน 6,500 คน ซึ่งจำนวนเกินกว่าครึ่งยอมรับว่าคิดจะมีอะไรกับเพื่อนเหล่านั้น มองลึกลงไปก็คือ 4 ใน 10 ต้องการที่จะมีอะไรกับเพื่อนต่างเพศ อีก 2 ใน 3 ที่เหลือก็คิดว่าน่าจะได้ทำแบบนั้นหากมีโอกาส และสุดท้ายคือกลุ่มคนที่คิดว่านั่นจะเหมือนกับการหักหลังให้กับความรู้สึกของคำว่าเพื่อน ศาสตราจารย์ Robin Dunbar นักจิตวิทยาพัฒนาการได้บอกว่า ผู้หญิงนั้นจะมองเพื่อนสนิทเป็นเนื้อคู่ แต่กับผู้ชายจะมองว่าเป็นความเข้ากันมากกว่า และได้เสริมอีกว่า สิ่งที่ยืนยันการเป็นมิตรภาพกับเพศตรงข้ามที่แน่นอนสำหรับผู้หญิง คือการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ ซึ่งการพูดคุยกันนั้นจะไม่สร้างผลกระทบอะไรให้กับความรู้สึกของผู้ชาย แต่การที่จะรักษาความสัมพันธ์ของผู้ชายเอาไว้ได้คือการออกไปทำโน่นนี่ร่วมกัน เตะบอล กินเหล้า นั่นคือการได้ลงมือทำ โดยทั่วไปหนุ่มๆ ที่ออกไปดื่มกับเพื่อนผู้หญิงที่สนิทกัน ก็จะสามารถพูดคุยเรื่องต่างๆ หรือทำกิจกรรมร่วมกันทั่วไป หากเธอคนนั้นดูแล้วไม่มีความเป็นผู้หญิงซะเท่าไหร่ ฟังดูแล้วก็คงบอกได้ว่ายากอยู่นะที่จะเป็นเพื่อนกันได้ ก็หลายๆ อย่างมันดูไม่ค่อยจะเหมือนกันซักเท่าไหร่เลยนี่เนาะ แล้วทุกคนคิดยังไงกับเพื่อนสนิทที่ไม่ได้มีเพศเดียวกับเราตอนนี้บ้างล่ะ เอามาแชร์ให้กันฟังได้นะ ที่มา: unilad
-
ใช่เหรอแว๊!? นี่คือ 20 สิ่งของในชีวิตประจำวัน ที่ชวนให้คุณนึกถึงสิ่งอื่นมากกว่าตัวมันเอง
เคยแหงนหน้ามองท้องฟ้าเห็นก้อนเมฆแล้วจินตนาการเป็นโน่นเป็นนี่กันบ้างหรือเปล่า รูปร่างต่างๆ ก็อยู่ที่เราจะจินตนาการในแต่ละคน แต่กับเจ้าสิ่งต่างๆ ที่จะได้เห็นนี้นั้นคือแทบจะเหมือนกับสิ่งอื่นไปโดยปริยายไปเลยทีเดียว คาราบาวมั้ยละครับ เป็นได้ทั้งของตกแต่งและโคมไฟไว้สำหรับตรวจฟัน ยืนหนาวในตอนวันหิมะตก เห็นตอนกลางคืนนี่หลอนแน่นอน มังกรไม่ได้มีเพียงในเทพนิยาย เมื่อพบได้ตามป่าเขาลำเนาไพร สุดยอดวาฬแหวกว่ายไปกับสายลม ช่วยด้วยยย !! ลงไม่ได้ ทำเครื่องดื่มยังไงให้มีแมลงเข้าไปเกาะ มีความสุขอะไรขนาดนั้นน่ะเจ้าลิง นี่สินะที่เค้าเรียกว่า ‘เกาะช้างน้ำ’ เจ้าเป็ดน้อยพร้อมออกบิน เทพซูสเสด็จแล้ว เอ็งไปแอบอะไรอยู่ในนั้นห๊ะ!? ขนาดประมาณนี้ใส่คัพอะไรดีล่ะเนี่ย หากคุณมองดูดีๆ ก็จะได้เจอกับเจ้ากระต่าย ไปวิ่งเล่นอะไรอยู่ตรงนั้นเล่า เอาจริงๆ ที่บ้านไม่ได้เลี้ยงแมวนะ บาบูนขี้โมโห นี่ควรจะเป็น โคนม หรือ โคเนื้อ ดีละเนี่ย หุ่นยนต์สุนัขจิ้งจอก ในสายตาผมนั่นมันแมวนะครับ…
-
หนุ่มนักประดิษฐ์สร้าง ‘หมัดโลกันตร์’ ปล่อยไฟพวยพุ่งออกมาได้ เหมือนดั่งในการ์ตูน!!
หนังหรือการ์ตูนต่อสู้กำลังภายในหลายๆ เรื่องคงทำให้หลายคนได้เห็นกับเอฟเฟกต์สุดตระการตาอย่างสร้างลมพายุ ปล่อยลำแสงตูมตาม โน่นนี่นั่น แต่ถ้าเป็นหมัดไฟล่ะก็มันจะไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่เราเห็นเพียงในจอภาพอีกต่อไปแล้วล่ะ ตัวอย่างการปล่อยหมัดไฟในการ์ตูนเรื่อง Legend of Korra หรือไม่ก็จะเป็น Ace จาก One Piece ที่สามารถปล่อยหมัดไฟได้เหมือนกัน!! ในเมื่อจินตนาการของมนุษย์มีไม่สิ้นสุด มนุษย์เราก็สามารถสร้างสิ่งที่เกิดขึ้นในการ์ตูนให้เกิดขึ้นจริงได้ อย่างการควบคุมธาตุไฟในการ์ตูนชุดอวตาร ให้กลายมาเป็นหมัดแห่งโลกันตร์!! ด้วยแรงบันดาลใจเหล่านี้ทางด้านหนุ่มนักประดิษฐ์ Allen Pan ได้ทำการสร้างอุปกรณ์พ่นไฟติดมือขึ้นมา ควบคุมด้วยแผงวงจรพิเศษ เมื่อออกแรงปล่อยหมัดปุ๊บไฟก็พวยพุ่งทันที แบบว่าโคตรเท่ จ๊าบปิ๊งนุ๊ก!! โดยคนที่ได้มาทดสอบหมัดไฟก็คือ Oscar Perez ผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชากังฟูมาอย่างแท้จริง พร้อมกับการโชว์สกิลเล็กๆ น้อยๆ พอหอมปาหอมคอ คลิปวิดีโอทดสอบอุปกรณ์หมัดไฟสุดเท่!! อย่างไรก็ตามอุปกรณ์เหล่านี้ควรมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลเพราะความอันตรายของมัน แต่มันก็ได้เติมเต็มความฝันสุดคูลของนักประดิษฐ์ผู้คลั่งไคล้การ์ตูนหรือหนังในทำนองนี้ไปแล้ว และถ้าว่าหากใครอยากจะลองศึกษาว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้มีกระบวนการอย่างไร ก็สามารถเข้าไปดูวิธีการทำในเว็บไซต์ hackster ได้เลยครัช ที่มา: Sufficiently Advanced
-
วิทยาศาสตร์เผยสาเหตุที่… ‘แมวเหมียวทำเสียงกรน’ มันต้องการจะสื่ออะไรกับเรากันแน่?
สำหรับทาสแมวทั้งหลายแล้ว คงไม่มีสิ่งใดจะทำให้เราเป็นสุขได้มากกว่าเสียงกรนเพลินๆ ของเจ้านายเหนือหัว (คร๊อกก.. คร๊อกก…) หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่า เพราะเหตุใดแมวเหมียวผู้น่ารักทั้งหลายชอบทำเสียงกรนใส่ทาสมนุษย์อย่างเราๆ และเพื่อเป็นการไขข้อสงสัย วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบพร้อมๆ กัน นายเหนือหัวเราทำเสียงกรนได้ยังไงกัน? ก่อนอื่นเราต้องรู้จักกลไกการทำงานของเจ้านายเราซะก่อน ซึ่งเสียง ‘คร่อก.. คร่อก..’ ที่เราได้ยินนั้น มันเริ่มต้นมาจากกล้ามเนื้อกล่องเสียงที่เกิดการสั่นสะเทือน และผลักเอาลมจากในช่องท้องออกมา ก่อนที่จะกระทบกันจนเป็นเสียงที่เราได้ยิน กล้ามเนื้อส่วนนั้นสามารถเคลื่อนที่ได้ 20-30 ครั้ง/นาที ซึ่งหลังจากที่เจ้าเหมียวสูดอากาศหายใจเข้าไป ลมหายใจจะเข้าไปสัมผัสกับกล้ามเนื้อที่สั่นสะเทือน จนออกมาเป็นเสียงกรน แมวอาจส่งเสียงกรน/เรียก เฉพาะกับมนุษย์เท่านั้น เรียกว่าเป็นหนึ่งในพรสวรรค์การเอาชีวิตรอดของพวกมันเลยก็ว่าได้ เพราะเสียงกรนของพวกมันสามารถบ่งบอกได้ว่ามันต้องการอาหาร หรือแค่อยากจะอ้อนเราเท่านั้น เสียงกรนของแมวดังกล่าว เราจะเรียกว่า ‘solicitation purr’ (กรนเรียกร้องความสนใจ) บวกกับประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ของมนุษย์และแมวเหมียวที่มีมาอย่างยาวนาน ทำให้นักวิจัยสันนิษฐานว่าพวกมันเรียนรู้ที่จะส่งเสียงนี้ให้มนุษย์ เพราะมีความคล้ายคลึงกับเสียงของเด็กทารก และนั่นอาจทำให้พวกมันได้เรียนรู้ว่า ‘เสียงกรน’ เป็นเสียงที่ช่วยทำให้มันสื่อสารกับเราได้ เนื่องจากมีย่านความถี่อยู่ที่ประมาณ 220-520 เฮิรทซ์ ซึ่งใกล้เคียงกับของเด็กทารกที่มีย่านความถี่อยู่ที่ 300-600 เฮิรทซ์ ทาสแมวอย่างเราควรทำยังไงดี? เราต้องยอมรับว่าความอัจฉริยะอย่างหนึ่ง…
-
สาวอเมริกันครองแชมป์อกใหญ่ที่สุดในโลก ในขณะที่ไทยอยู่ในอันดับที่ 101 จาก 108 ประเทศ
อกใหญ่เรื่องเล็ก อกเล็กสิเรื่องใหญ่ กับสิ่งที่รบกวนใจสาวๆ มากมายมาโดยตลอด ทำไงได้ก็มารดาหนูให้มาแค่นี้ จบความสงสัยไร้ซึ่งข้ออ้าง เพราะตอนนี้งานวิจัยได้ออกมาชี้ชัดแล้ว!! เมื่อ Journal of Female Health Sciences ได้ตีพิมพ์งานวิจัยที่ทำการศึกษาขนาดหน้าอกของผู้หญิง จากข้อมูลของสาววัย 28-30 ปีจำนวน 11,682 คน จาก 108 ชนชาติทั่วโลก ผู้วิจัยได้กล่าวว่า “ผลการศึกษาทำให้เห็นได้อย่างแน่ชัดแล้วว่าขนาดหน้าอก กับประเทศที่เกิดนั้นมีความสัมพันธ์กัน เช่น ผู้หญิงที่เกิดในอเมริกาจะมีขนาดหน้าอกที่ใหญ่มากที่สุด ในขณะที่หากเกิดในแอฟริกาและเอเชีย โดยเฉพาะฝั่งเอเชียตะวันออก ก็จะมีขนาดหน้าอกที่เล็กที่สุด” โดยเฉลี่ยแล้วขนาดหน้าอกของสาวอเมริกันจะอยู่ที่คัพ D (ระบบขนาดอเมริกัน) และผู้หญิงจากหลากหลายประเทศในแอฟริกาและเอเชียจะเฉลี่ยอยู่ที่แค่คัพ A หรือน้อยกว่านั้น ซึ่งประเทศไทยเราไม่น้อยหน้าชิงอันดับ 101 จาก 108 มาได้ ถึงเราจะได้อันดับต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ หรือลาวก็แทบจะไม่ได้ต่างกันเลย เมื่อดูตามขนาดหน้าอกที่ว่าแล้ว แต่อย่างอเมริกาที่มีค่าเฉลี่ยสูงมากนั้นก็เพราะว่า หน้าอกสาวอเมริกันมีแนวโน้มที่จะมีทรงกลม ซึ่งสามารถเติมเต็มขนาดของหน้าอกได้มากกว่าทรงอื่นๆ นั่นเอง …
-
20 ยอดมนุษย์อัจฉริยะ 2017 จัดการแก้ไขปัญหาง่ายๆ อย่างมีประสิทธิภาพ พลิกแพลงตะแคงล้ำอีกขั้น!!
มนุษย์เรายังคงสามารถคิดค้นเพื่อตอบโจทย์ให้กับการใช้ชีวิตไปได้ในแต่ละยุคสมัย แต่สำหรับคนเหล่านี้ที่จะได้เห็นนั้น กลับมีวิธีการที่ล้ำหน้าและก้าวข้ามความคิดเราไปมาก ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งรอบตัวมันจะสามารถทำให้เจ๋งได้ขนาดนี้จริงๆ นะเออ สงสัยจะเย็นจัด ดูดไปไอออกปาก สายตาดีเกิ๊นนนนนนน เล่น Fidget Spinner อย่างไรให้ได้กล้ามแขน ไม่พ่วงสเก็ตบอร์ดกับ BMX ไปด้วยเลยล่ะ หัวก็เย็น เห็นก็ชัด กันแดดซะขนาดผมยังไม่ดำเลย ใช้เชือกฟางดีกว่ามั้ย เพื่อนโทรหามันจะลำบากเอานะ หมวกใบนี้รักจริง จะพับจะงอไม่ได้เลยเดี๋ยวเสียทรง รบกวนผลิตขวดใหญ่ออกมาทีเถอะครับ รีบกลับบ้านเร็ว เมียจะเอาหมวกกันน็อคไปล้างผักแล้ว แม่จ๋า หนูมองไม่เห็นพื้น รองเท้าสุดมหัศจรรย์สามารถเดินบนน้ำได้ มะเร็งจะถามหา ฝนฟ้าก็ไม่อาจห้ามได้ เรียกว่าครบกันทั้งตระกูลจริงๆ ถ้าจะขนาดนี้ ก็เอาไปต้มเถอะ ใส่คอนแทคเลนส์ยี่ห้ออะไรน่ะ ตาเป็นประกายเชียว สูบบุหรี่เยี่ยงผู้ดีเขาทำกัน ไม่มีปัด ไม่มีหลุดโค้ง แต่อย่าโดนน้ำนะดอกยางหายหมด หนุ่มหล่อ ขอคู่ ถึงไม่ห่วงสุขภาพปอด แต่ควรใส่ใจเรื่องกลิ่นปาก กล้องใหม่จอใหม่รวมกันไม่กี่หมื่น ประหยัดค่าตัดผมไปได้หลายร้อยเลย เป็นไงกันบ้างกับ 20 ไอเดียแหวกๆ ที่เราสามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน เพื่อนๆ ชอบอันไหนก็บอกกันได้นะ ที่มา: buzzfeed
-
สุดยอดกระเป๋าตังค์ เสริมฟังก์ชั่นความปลอดภัยสูงสุด ทั้งแจ้งเตือน ทั้งกล้องยัดไว้หมด!!
เคยทำกระเป๋าตังค์หายเพราะลืมเอาไว้หรือถูกขโมยบ้างหรือเปล่า ? หาไม่เจอหรือจับไม่ได้ก็ต้องมานั่งทำบัตรใหม่เยอะแยะมากมายวุ่นวายไปหมด สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้เนี่ยแหละที่จะมาช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นให้หมดไปอย่างง่ายดาย เมื่อบริษัทในประเทศอาร์มีเนียได้คิดค้นกระเป๋าตังค์ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกที่มีชื่อว่า Volterman Smart Wallet ขึ้น ซึ่งมีฟังก์ชันหลากหลายมากมาย ทำให้คุณไม่ต้องกังวลกับปัญหาขี้หลงขี้ลืม หรือถูกขโมยอีกต่อไป มันไม่ใช่แค่ไว้ใช้เก็บเงินหรือบัตรเครดิตทั่วไปแต่ไฮเทคกว่านั่นเยอะ ใครจะไปคิดว่ากระเป๋าตังค์จะมีระบบปฏิบัติการ RAM 512MB ระบบติดตาม GPS ระบบแจ้งเตือน กล้องในตัว หรือแม้แต่ระบบป้องกัน RFID และยังสามารถเป็นแบตสำรองให้คุณได้อีกด้วย บ้าไปแล้ว!! โดยฟังก์ชั่นหลักนั้นคุณสามารถเชื่อมต่อกระเป๋าตังค์เข้ากับสมาร์ทโฟนไว้ด้วยกัน ถ้าหากคุณลืมกระเป๋าตังค์เอาไว้ หรือเมื่อคุณเริ่มออกห่างจากกระเป๋าตังค์มากเกินไป ก็จะมีการแจ้งเตือนขึ้นที่มือถือให้คุณได้รู้ตัวทันที นอกจากนั้นยังสามารถตามหากระเป๋าตังค์ได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นไหนของโลก ผ่านระบบติดตาม GPS และตัดปัญหาการถูกโจรกรรมข้อมูลข้อมูลบัตรเครดิต หรือหนังสือเดินทางที่อยู่ในกระเป๋า ด้วยระบบการป้องกัน RFID ในตัว และยังสามารถถ่ายรูปของโจรที่ขโมยกระเป๋าเงินคุณได้ผ่านกล้องหน้าเล็กจิ๋วเมื่อเปิด “Lost Mode” หากกระเป๋าเงินถูกเปิดปุ๊บ ก็จะถ่ายหน้าของโจรปั๊ป และส่งรูปเข้ามือถือที่เชื่อมต่อไว้ทันที นอกเหนือจากความปลอดภัยก็ยังสามารถเป็นแบตสำรองให้กับมือถือของคุณโดยความจุจะอยู่ที่ 2,000 – 5,000mAh ซึ่งเพียงพอให้สามารถชาร์จเต็มได้ครั้งถึงสองครั้ง และสามารถเปิดโรมมิ่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ถึง…
-
10 เคล็ดลับ “ตกแต่งห้อง” สุดคูล เปลี่ยนพื้นที่ขนาดเล็กให้กลายเป็นมุมสุดฮิปประจำห้อง
สำหรับวัยรุ่นยุคใหม่อย่างเราๆ หลายคนคงมีความรู้สึกเบื่อห้องพักอันจืดชืดที่ดูไม่มีสีสันเอาซะเลยใช่มั้ยล่ะ!? แต่จะให้ลงทุนแต่งห้อง มีหวังงบคงบ้านปลายแน่ๆ ด้วยเหตุนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ 10 เคล็ดลับการตกแต่งห้องเล็กๆ น้อยๆ จากสถาปนิกตกแต่งภายในผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งวิธีการทั้งหมดนี้เองที่จะช่วยให้เราแต่งห้องสุดฮิปได้ในราคาสบายกระเป๋า… 1. เปลี่ยนกำแพงแสนน่าเบื่อด้วยวิธีง่ายๆ ถ้าอยากจะเปลี่ยนกำแพงห้องของคุณให้แตกต่างออกไป คุณไม่จำเป็นต้องทาสีทุกผนังเสมอไปหรอกนะ… แต่หนึ่งในเคล็ดลับง่ายๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำก็คือ ก่อนที่คุณจะทาสีรอบห้อง ให้เหลือกำแพง 1 ฝั่งไว้สำหรับใช้สีที่แตกต่าง หรืออาจจะเปลี่ยนจากการทาสีเป็นติดวอลเปเปอร์รูปแผ่นไม้ก็ดูโก้เก๋ได้อีก 2. เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์วัสดุโปร่งแสง เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ยังคงใช้ได้ดีเสมอสำหรับห้องพักขนาดเล็ก เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกผลิตขึ้นมาจากวัสดุโปร่งแสง จะช่วยทำให้สายตาเรารู้สึกว่ามีพื้นที่ภายในห้องกว้างมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยทำให้ห้องโปร่งแสงได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย 3. DIY เฟอร์นิเจอร์สุดแสนจะธรรมดา ให้ไม่ธรรมดา สำหรับใครที่อยากจะละเลงความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองลงไปในเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้าน การ DIY เฟอร์นิเจอร์ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมสูง ยกตัวอย่างเช่น… โต๊ะสี่ขาธรรมดาๆ เราอาจจะนำชิ้นส่วนไม้อัดมาติดเพิ่มให้ออกมาเป็นรูปทรงต่างๆ เหมือนอย่างเช่นรูปตัวอย่าง 4. เปลี่ยนกระจกบานเก่าให้กลายเป็นหน้าต่างสุดเก๋ บางคนอาจจะเผชิญปัญหากระจกบานเก่าที่ไม่รู้จะตกแต่งยังไงดี สถาปนิกออกแบบภายในได้ให้ความเห็นว่า เราสามารถเพิ่มแสงสว่างของห้องได้ด้วยการถอดกระจกออก และทำให้มันกลายเป็นหน้าต่างแทน (อาจจะหาต้นไม้หรือดอกไม้มาตกแต่งเพิ่ม) 5. ต้นไม้ก็สำคัญนะ เพราะต้นไม้คือชีวิต ไม่ว่าห้องพักของคุณจะดูน่าเบื่อหรือคับแคบเพียงใด…
-
จากแบกแดดถึงเคมบริดจ์… การเดินทางของ “หนุ่มลี้ภัยผู้พิการ” สู่บัณฑิตระดับเกียรตินิยม
บางครั้งโชคชะตาอาจจะไม่เข้าข้างเรา แต่ความพยายามและการฝ่าฟันก็สามารถทำให้เราเอาชนะโชคร้ายเหล่านั้นได้ พบกับเรื่องราวของหนุ่มลี้ภัยชาวอิรัก ที่พิการทางสายตาแต่สุดท้ายเขากลับเอาชนะอุปสรรคและคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 ทางด้านกฎหมายจาก Cambridge ได้สำเร็จ ย้อนไปเมื่อปี 1995 สมัยที่อิรักถูกปกครองด้วยผู้นำเผด็จการ Saddam Hussein ความสงบที่เคยมีมากลายเป็นเพียงแค่เรื่องเล่า ประชาชนต่างตกเป็นผู้รับกรรมจากสิ่งที่พวกเขาไม่ได้เป็นผู้ก่อและต้องอพยพออกจากบ้านเกิด หลังจากความรุนแรงของสงครามอ่าวเปอร์เซีย เด็กชายตาบอด Allan Hennessy และครอบครัวที่ของเขาเป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบ ครอบครัวดังกล่าวต้องหนีออกเข้ามาในประเทศอังกฤษและอาศัยอยู่ในแฟลตที่รัฐบาลจัดหาให้สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ คุณ Allan เติบโตมาในครอบครัวชนชั้นกลาง เขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่สะดวกสะบาย ถึงแม้จะมีฐานะแต่โชคร้ายที่เขาต้องเกิดมาพร้อมกับความไม่สมประกอบของร่างกาย ครอบครัวพยายามหาหนทางเพื่อรักษาดวงตาของเขา จนในที่สุดหนุ่มน้อยก็ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ และแล้วดวงตาของเด็กน้อยก็เริ่มกลับมามองเห็นได้เล็กน้อย ในระหว่างที่รักษาตัวอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบที่บ้านเกิดของพวกเขา จึงทำให้ครอบครัวไม่สามารถกลับไปที่อิรักได้และจำเป็นต้องลี้ภัยอยู่ที่นี่ แม่และพี่น้องของคุณ Allan ต้องอาศัยอยู่ในลอนดอน “พวกเราชอบอยู่ที่อิรักมากกว่า แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปทำให้พวกเราจึงจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ ชีวิตตอนนั้นยากลำบากมากๆ พวกเราไม่มีใครพูดอังกฤษได้เลย” ชายหนุ่มเล่าถึงความหลังของเขา คุณแม่และพี่น้องของคุณ Allan คุณ Allan (เสื้อสีชมพู) ชายหนุ่มที่เติบโตมาด้วยความไม่พร้อม เหตุการณ์ภายใต้ความไม่สงบในบ้านเกิด ทำให้ชายหนุ่มจำเป็นต้องย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ จนกระทั่งในปี…
-
ชีวิตของ Mikami Yua จากไอดอลสาวคนดังแห่งญี่ปุ่น สู่การเป็นนางเอกหนัง AV
การเป็นดารา AV ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไปในปัจจุบัน และหนังผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงในบ้านเราที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหลายๆ คนก็คงจะมีดาราในดวงใจที่ตนเองชื่นชอบ อย่างเราเองก็มีในดวงใจอยู่หลายคน แต่วันนี้จะขอพูดถึง Mikami Yua ที่อาจมีใครจดจำเธอได้จากหลายผลงาน Kito Momona หรือชื่อในวงการที่หลายๆ คนรู้จักคือ Mikami Yua เธอเกิดในปี 1993 ที่จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น เธอนั้นมีเลือดกรุ๊ป A ส่วนสูง 159 ซม. และสัดส่วน 33 -22 -35 หน้าอกของเธอนั้นคัพอี เรียกได้ว่าเต็มไม้เต็มมือจริงๆ จากไอดอล สู่เส้นทางหนังผู้ใหญ่… เธอได้เข้าร่วมกับกลุ่ม SKE48 ในปี 2008 (ซึ่งวงนี้ก็คือวงรุ่นน้องของ AKB48) กลุ่มไอดอลชื่อดังของญี่ปุ่น โดยตอนนั้นเธออายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้นเอง ซึ่งหากพูดถึงวงที่เธออยู่นั้นคงจะไม่พ้นเรื่องการเต้นซึ่งเป็นความสามารถสำคัญของกลุ่มนี้เลย เพื่อจะแสดงออกให้เห็นถึงความกระตือรือร้น และเต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานร่าเริง แต่สิ่งเหล่านั้นก็ต้องแลกมาด้วยการซ้อมที่หนักหน่วง และเธอคือหนึ่งในคนที่สามารถผ่านมาได้ จนมีชื่อเสียงในเวลาต่อมา โดยที่เมื่อเธอออกจากวงแล้วก็ได้ผันตัวเองเข้าสู่วงการ AV…
-
นักจิตวิทยาเผย นี่แหละคือ 5 เคล็ดลับในการทำให้คนอื่นประทับใจคุณ ตั้งแต่เจอกันไม่กี่วินาที!!
เคยหวังที่จะได้เจอกับรักแรกพบกันบ้างไหม!? หรืออยากให้ใครจดจำหน้าเราไว้ได้อย่างตอนไปสมัครงานบ้างรึเปล่า!? ผลลัพธ์จากงานวิจัยนี้อาจช่วยคุณประสบความสำเร็จในเรื่องเหล่านี้ได้นะ นี่เป็นงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่มีอิทธิพลสำคัญต่อการจดจำซึ่งก็คือใบหน้าของมนุษย์โดยนักจิตวิทยา Alexander Todorov โดยนำผลลัพธ์มันมาเป็น 5 วิธีที่จะช่วยคุณให้สร้างความประทับใจที่ดีตั้งแต่แรกเห็นได้ง่ายยิ่งขึ้น 1. จัดระเบียบคิ้วของคุณซะ คิ้วนั้นสร้างลูกเล่นให้เห็นได้มากกว่าดวงตา ซึ่งสามารถทำให้จดจำการแสดงออกได้มากกว่าด้วยขอบเขตที่กว้างกว่าหากพูดถึงการจดจำ เราจะสามารถจดจำคิ้วได้มากกว่าดวงตา เหมือนกับถ้าเราเห็นแค่ดวงตาเราจะจำไม่ได้ แต่ถ้าเห็นคิ้วไม่เห็นดวงตาเราก็จะจำได้ ซึ่งมันสามารถใช้ได้จริงกับใบหน้าที่คุ้นเคยมากมายอย่าง ดาราหรือศิลปิน 2. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นเรื่องปกติที่หากเรามีความสุข และได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอแล้ว จะทำให้ผู้อื่นมองเราดูดีมากยิ่งขึ้น โดยมีการศึกษาที่ได้เปรียบเทียบระหว่างรูปถ่ายของคนที่พักผ่อนเพียงพอและไม่เพียงพอ ซึ่งความแตกต่างนั้นสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนที่นอนหลับเพียงพอจะมีใบหน้าดูสร้างความประทับใจได้มากกว่า 3. อยากดูน่าเชื่อถือ ก็ต้องเพิ่มความเป็นสาวให้กับใบหน้า รูปร่างใบหน้าของชายกับหญิงมันต่างกันอยู่แล้ว แต่ที่สำคัญคือสีผิวของใบหน้าซึ่งได้มีหลายข้อมูลที่บ่งบอกว่าผู้ชายจะมีผิวที่เข้มกว่า ดังนั้นเราจึงต้องปรับความสว่างของผิวบนใบหน้าของเราซะหน่อย วิธีง่ายๆ อย่างการแต่งหน้าก็ช่วยได้ ซึ่งการที่ผู้ชายดูมีความสาวเล็กน้อย หรือกระทั่งผู้หญิงดูมีความเป็นหญิงสาว ก็คือเสน่ห์ดึงดูดอย่างหนึ่ง 4. แต่งตัวในชุดที่ทำให้คุณรู้สึกสบายมากที่สุด มีการทดลองโดยให้สาวๆ ได้ใส่ทั้งชุดที่เธอชอบ และไม่ชอบ เมื่อได้ถ่ายรูปใบหน้าของเธอนั้นก็กลับเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าหน้าในตอนที่แต่งตัวที่เธอชอบนั่นแหละที่ทำให้เธอดูน่าดึงดูดได้มากกว่า 5. อย่าตัดสินใครในทันที Todorov กล่าวว่าเวลาที่เราได้เริ่มพบกับใคร จิตสำนึกของคนเราจะมุ่งความสนใจไปในแง่ลบซะก่อน อย่างแรกที่ควรเป็นคือเราต้องรับรู้ให้ได้ซะก่อนว่าอาจมีหลายสถานการณ์ที่เราตัดสินใครไปในทันที และนั่นเป็นเพียงการหลอกตา…
-
10 ความจริงเกี่ยวกับอาการ “น้ำพุ่ง” ของสาวๆ ที่เราไม่รู้และเข้าใจผิดมาโดยตลอด
สำหรับใครที่ชื่นชอบการดูหนังผู้ใหญ่ อาจจะคุ้นเคยกับภาพของสำธารจำลองที่ออกมาจากตรงนั้นของคุณผู้หญิงกันเป็นอย่างดี แต่หลายๆ คนก็อาจะยังเกิดความเข้าใจผิดกับอาการดังกล่าวได้ ซึ่งอันที่จริงแล้วอาการที่มวลน้ำปริมาณมหาศาลที่ถาโถมออกมานั้นไม่ใช่การถึงจุดสุดยอดอย่างที่เราคนเข้าใจหรอกนะ อ่า… งงอะดี้!! ถ้าอยากเข้าใจเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นละก็ ไปพบกับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากกันวันนี้ได้เลย… 1. อาการน้ำกระฉอกนั้นเกิดแค่ในหนังโป๊เท่านั้นนะ ผิดจ้าา จากการศึกษาของนักจิตวิทยาคุณ Havelock Ellis ในปี 1904 พบว่าผู้หญิงทั่วไปนั้นนั้นมีอาการน้ำพุ่งได้เช่นเดียวกับที่คุณเห็นในหนังนั่นแหละ แต่ในปี 1984 พบว่าส่วนประกอบอื่นๆ ในของเหลวที่ไหลออกมานั้นไม่เหมือนกับน้ำกามของท่านชายหรอกนะ 2. จริงๆ แล้วมันก็เหมือนกับการกระฉูดของผู้ชายนั่นแหละ ผิดจ้าา ของเหลวที่ปริ๊ดออกมาจากผู้ชายจะมีอสุจิเป็นส่วนประกอบหลัก แต่ในปี 2015 มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์พบว่าของเหลวจากการน้ำพุ่งนั้นส่วนมากจะเป็นฉี่ต่างหาก 3. แต่การกระฉูดนี้ไม่เหมือนกับการถึงจุดสุดยอดของพวกเธอหรอกนะ ถูกต้องครับผม!! ด็อกเตอร์ Madeleine Castellanos ผู้แต่งหนังสือ Wanting to Want บอกว่าของเหลวที่พุ่งกระฉูดออกมานั้นจะถูกขับออกมาทางท่อปัสวะ แต่น้ำหนืดๆ เวลาถึงจุดสุดยอดนั้นจะออกมาจากทางช่องคลอดต่างหาก 4. การที่จะกระฉูดออกมาได้นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อมีเพศสัมพันธ์กันเท่านั้นใส่เข้าไปก่อน ผิดน้าา จากการศึกษาพบว่า อาการเขื่อนแตกนั้นไม่จำเป็นต้องเกิดจากการอึ๊บเพียงเท่านั้นนะ แต่การถูกกระตุ้นจากของเล่นหรือนิ้วมือก็ที่ช่องคลอดและกระเพาะปัสสาวะพร้อมๆ กันจนเสียวซาบซ่าน ก็ทำให้น้ำกระฉูดออกมาได้นะ 5. ผู้หญิงจำเป็นจะต้องถึงจุดสุดยอดก่อนที่จะเกิดอาการน้ำพุ่งออกมา ผิดเช่นกันจ้า แอดๆ !! การน้ำพุ่งนั้นสามารถเกิดได้โดยที่ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องถึงจุดสุดยอดก่อน…
-
8 เหตุผลที่ทำไม “ยุง” ถึงตกหลุมรักคุณ แหม่.. ตอมแต่เราลูกเดียวเลยนะไอ่สองงง!!
ยุงหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่สุดแสนจะน่ารำคาญ ด้วยอาการคันและเสียงหวี่ๆ ของพวกมันช่างยั่วโมโหพวกเรายิ่งนัก และไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน บ่อยครั้งที่เรามักจะตกเป็นเป้าหมายการโจมตี ทั้งๆ ที่อยู่กับเพื่อนตั้งหลายคน และถ้าหากใครอยากลองหาคำตอบว่าเหตุใดพวกยุงถึงได้ชอบตอมคุณนักหนาละก็ ลองไปพบกับ ‘8 ปัจจัยที่ทำให้น้องยุงหลงรักคุณ’ กันได้เลย แต่บอกใบ้เอาไว้ก่อนนะที่มันชอบกัดคุณน่ะไม่ใช่เพราะว่าเลือดหวานหรอกนะจะบอกให้!! 1. กรุ๊ปเลือด จากงานวิจัยพบว่า กรุ๊ปเลือดที่แตกต่างกันจะมีปริมาณของโปรตีนที่แตกต่างกันด้วย ซึ่งเจ้าโปรตีนในเลือดนี้เองเป็นหนึ่งสิ่งที่ดึงดูดเจ้ายุงเข้ามา โดยผลการศึกษาพบว่ากรุ๊ปเลือดที่ยุงชอบมาที่สุดคือกรุ๊ป O ส่วนรองลงมาคือกรุ๊ป A น้อยที่สุดก็คือกรุ๊ป B นั่นเอง 2. บริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ พวกยุงสามารถรับรู้ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากลมหายใจเราได้ พวกมันมีอวัยวะที่สามารถตรวจจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ไกลถึง 50 เมตรเลยทีเดียว ดังนั้นผู้ที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามากจึงเป็นที่ชื่นชอบของยุงนั่นเอง 3. การออกกำลังกายและปริมาณการเผาผลาญ นอกจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว ยังมีกรดแลคติก กรดยูริค แอมโมเนียร์และสารประกอบต่างๆ ที่ออกมากับเหงือซึ่งพวกยุงนั้นชื่นชอบมาก นอกจากนี้ยุงยังชอบคนที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงๆ อีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมหลังจากออกกำลังกายคุณจึงมักจะถูกยุงตอม 4. แบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนัง จากงานวิจัยหลายๆ ชิ้น ชี้ให้เห็นว่าชนิดและปริมาณของแบคทีเรียที่อาศัยอยู่บนผิวหนังนั้นมีผลต่อการดึงดูดพวกยุงให้เข้ามาชิมเลือดของเรา 5. การดื่มเบียร์…
-
ผลสำรวจพบหนุ่มเกือบ 30% แกล้ง “ถึงจุดสุดยอด” เพราะเหนื่อยเกิ๊น ไปต่อไม่ไหว!!
โดยทั่วไปแล้ว ดูเหมือนว่าเรื่องเซ็กส์กับคุณผู้ชายนั้นเป็นของที่คู่กันใช่ไหมล่ะ?? สาวๆ หลายคนอาจจะคิดว่าพวกผู้ชายเนี่ยเป็นขาหื่น แต่จริงๆ แล้วพวกคุณรู้กันไหมว่าบางครั้งคุณผู้ชายเนี่ยก็เหนื่อยล้าและอ่อนแรงจนบ้างครั้งต้องแกล้งหลอกว่ากระฉูดกันเลยทีเดียว เมื่อไม่นานมานี้มีผลสำรวจที่น่าสนใจจากบริษัท Ann Summers พบว่าผู้ชายส่วนมากมีการถึงจุดสุดยอดแบบหลอก หรือพูดง่ายๆ ว่าแกล้งบรรลุนั่นเอง บริษัทเซ็กส์ช็อปชื่อดังพบว่า 26 เปอร์เซ็นต์ของคุณผู้ชายจากกลุ่มตัวอย่าง 3,000 คน แกล้งถึงจุดสุดยอด โดย 35 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่าพวกเขาเหนื่อยเกินกว่าจะสานต่อได้แล้ว และในขณะที่อีก 40 เปอร์เซ็นต์บอกว่าสาเหตุที่ต้องแกล้งนั้นเพราะไม่อยากให้ฝ่ายหญิงต้องเสียอารมณ์ระหว่างทำกิจกรรม “มันเป็นเรื่องน่าทึ่งมากที่เราพบว่ามีผู้คนจำนวนมากที่แกล้งถึงจุดสุดยอด ฉันคิดว่าคุณควรหยุดการกระทำแบบนี้ถ้าหากอยากให้ชีวิตคู่ของคุณราบรื่น เรื่องแบบนี้มีความละเอียดอ่อน มันควรจะเป็นสิ่งที่ทำให้คุณและคู่รักมีความสุข” บริษัท Ann Summers เจ้าของผลสำรวจกล่าว ถึงแม้ว่านี่อาจจะเป็นเพียงแค่ผลสำรวจคร่าวๆ แต่อย่างไรก็ตาม อย่างที่ผู้สำรวจกล่าว การมีเพศสัมพันธ์นั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ดังนั้นการจัดการและปรับสมดุลของเรื่องบนเตียงในชีวิตประจำวันก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกันนะ ที่มา unilad
-
คนนอนดึกต้องผวา งานวิจัยเผยการนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงอาจทำให้ “รอบเอว” เพิ่มได้
การดูแลรูปร่างและการควบคุมน้ำหนักนั้น นอกจากจะต้องอาศัยการทานอาหารอย่างถูกหลักและการออกกำลังกายแล้ว ยังมีอีกปัจจัยที่ละเลยไม่ได้เลยนั่นก็คือ การพักผ่อนที่เพียงพอนั่นเอง เมื่อเร็วๆ นี้ มีงานวิจัยชิ้นใหม่ได้เผยให้เห็นว่าการนอนหลับน้อยกว่า 6 ชั่วโมงนั้นอาจทำให้รอบเอวของคุณเพิ่มขึ้นได้ หรือเรียกง่ายๆ ก็อ้วนนั่นแหละ!! จากการศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 1,615 คน พบว่าผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอมีความเสี่ยงต่ออาการดังกล่าวมากกว่าผู้ที่นอนหลับในช่วง 7-9 ชั่วโมงต่อวัน อันที่จริงแล้วความต้องการการนอนหลับให้เพียงพอสำหรับแต่ละคนนั้นอาจจะแตกต่างกัน แต่เวลาในการนอนที่เหมาะสมของผู้ใหญ่แต่ละคนนั้นอยู่ประมาณ 7-9 ชั่วโมงนั่นเอง ด็อกเตอร์ Laura Hardie หัวหน้าทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย University of Leeds กล่าวว่า “เราพบว่าผู้ใหญ่ที่มีการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอนั้นจะมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอนั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการลดน้ำหนักด้วย” นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยชิ้นก่อนหน้าที่เผยให้เห็นว่าการนอนหลับน้อยนั้นจะเพิ่มความอยากทานอาหารฟาสต์ฟู้ดหรือพวกอาหารขยะเพิ่มขึ้นอีกด้วย รู้แบบนี้แล้ว ใครที่กำลังลดน้ำหนักอยู่ก็อย่าลืมใส่ใจเรื่องการพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะเหมียว ที่มา unilad
-
เรื่องแปลกที่เคยเกิดขึ้น เมื่อเด็กนักเรียนหญิง 17 คนตั้งใจ “ท้อง” พร้อมๆ กัน?!?!
การตั้งครรภ์ในวัยเรียนถือว่าเป็นเรื่องที่เด็กหญิงวัยรุ่นส่วนมากไม่ต้องการ เพราะการตั้งครรภ์อย่างไม่พร้อมเช่นนี้ มีผลเสียตามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านชีวิต การเรียน และสังคม แต่รู้หรือไม่ ครั้งหนึ่งในโลก เคยเกิดเหตุการณ์ประหลาดที่เด็กหญิงนักเรียน 17 คนของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ตั้งใจ “ท้อง” พร้อมๆ กัน ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง? เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันดีกว่า ภาพประกอบ ไม่ใช่บุคคลในเหตุการณ์จริง เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2008 ในโรงเรียนมัธยมปลายกลูเชสเตอร์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อนักเรียนหญิงจำนวน 17 คน ตั้งครรภ์ขึ้นมาพร้อมๆ กันจนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ หลายคนอาจคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้เป็นอุบัติเหตุ แต่เปล่าเลย ทั้งหมดเป็นความตั้งใจของพวกเธอล้วนๆ!! สำนักข่าวได้รายงานว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคมในปีนั้น เกิดเรื่องราวประหลาดขึ้นมา เมื่อนักเรียนหญิงจำนวน 17 คน ได้เข้ามาขอทำการทดสอบการตั้งครรภ์ภายในคลีนิกในโรงเรียนอยู่บ่อยๆ Joseph Sullivan อาจารย์ท่านหนึ่งเล่าว่า เด็กหญิงเหล่านั้นเมื่อได้ยินว่าผลออกมาเป็น “ไม่ตั้งครรภ์” พวกเขาก็มีท่าทีผิดหวัง ในขณะที่ บางคนพบว่าผลตรวจตัวเองของตัวเองออกมาเป็น “ตั้งครรภ์” ก็มีการแสดงความดีใจกับเพื่อนๆ ที่มาร่วมฟังผลอย่างออกรสออกชาติ …
-
ดื่มแล้วลืมมีที่ไหน? งานวิจัยต่างชาติเผย การดื่มเพียงเล็กน้อยจะช่วยเพิ่มความจำให้ดีขึ้น
หลายๆ คนอาจจะมีความเชื่อว่าการดื่มนั้นจะช่วยทำให้ลืมความเศร้าและความทุกข์ทั้งหลายแหล่ที่ถ้าโถมเข้ามาในชีวิตได้ แต่เราอยากจะบอกว่าสิ่งที่พวกคุณกำลังเชื่ออยู่นั้นมันผิดแล้วพวก แอดดด!!! เมื่อไม่นานมานี้ได้มีผลงานวิจัยที่ออกมาชี้ให้เห็นผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามของการดื่มนี้ โดยงานชิ้นนี้กล่าวว่าการดื่มนั้นจะยิ่งช่วยให้คุณจำเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นได้ดีขึ้นต่างหากล่ะ จากการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างของนักดื่ม 90 คน โดยนักวิจัยได้แบ่งพวกเขาออกเป็นสองกลุ่ม คนกลุ่มแรกจะได้รับอนุญาตให้ดื่มเท่าไหร่ก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ ในขณะที่อีกกลุ่มนั้นถูกสั่งห้ามไม่ให้ดื่ม จากนั้นให้ทั้งสองกลุ่มเรียนรู้และจดจำคำศัพท์ต่างๆ ใหม่ โดยผลการศึกษาพบว่าผู้เข้าร่วมการทดสอบกลุ่มแรกสามารถจดจำคำสั่งต่างๆ ที่พวกเขาเรียนรู้ใหม่ได้ดีกว่ากลุ่มตัวอย่างในกลุ่มที่สอง “การศึกษาของเรานั้นไม่ได้แสดงให้เห็นเพียงแค่ว่าแอลกอฮอล์มีผลต่อความจำ แต่ยังทำให้พบอีกว่ายิ่งพวกเขาดื่มมากเท่าไหร่ ก็สามารถเรียนรู้และจดจำคำศัพท์ใหม่ๆ ได้ดีขึ้นเท่านั้น” ศาสตราจารย์ Celia Morgan จาก University of Exeter หนึ่งในทีมวิจัยกล่าว ผลการวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสาร Scientific Reports ทว่ายังไม่สามารถสรุปถึงสาเหตุที่แท้จริงนั้นเกิดจากอะไร แต่ผู้วิจัยคาดว่าน่าจะมาจากการที่เซลล์สมองถูกทำร้ายทำให้เราไม่สามารถรับรู้ข้อมูลใหม่ๆ ได้ ดังนั้นสมองจึงพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นออกมาและทำให้เราจำเรื่องเก่าๆ ได้ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามผลการวิจัยนี้ไม่ได้ชีให้เห็นว่าการดื่มเหล้านั้นจะส่งผลดีต่อร่างกาย แต่นี่คือการค้นพบเรื่องราวที่น่าสนใจบางอย่างสำหรับการดื่ม และเกิดเป็นประเด็นที่พวกเขาจะต้องหาคำตอบถึงสาเหตุดังกล่าวนี้ต่อไป ทางที่ดีถ้าอยากลืมเรื่องราวความทุกข์ #เหมียวเวจจี้ ว่าลองหาวิธีอื่นดีกว่านะเหมียว!! ที่มา forbes
-
18 เรื่องที่คนถูกเลี้ยงโดย “คุณย่าคุณยาย” จะเข้าใจได้อย่างกระจ่างชัดแจ้งแจ่มแมว!!
ว่ากันว่ามนุษย์มักจะมีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตได้เป็นอย่างดี และบางครั้งความทรงจำดีๆ เหล่านั้นก็อาจมาจากการเลี้ยงดูก็เป็นได้ และสำหรับหลายๆ คนที่ได้มีโอกาสเติบโตมาในอ้อมกอดของคุณย่าคุณยายก็คงจะมีประสบการณ์ที่น่าจดจำหลายเรื่องเลยใช่ไหมละ?? 1. การไปอยู่กับคุณย่าคุณยายนั้น คุณจะคุ้นเคยกับการถูกพาไปวัดเป็นอย่างดี 2. ถึงจะได้เจอพระบ่อยๆ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณยายต้องชอบขู่ให้เรากลัวผีอยู่ตลอดเช่นกัน!? (โตมาก็เพิ่งรู้ว่าแค่ต้องการจะสอนเราในทางอ้อมเท่านั้นแหละ) 3. คุุณจะถูกตามใจหนักมาก เพราะคุณย่าคุณยายจะรักยิ่งกว่าพ่อแม่ของคุณซะอีก!! 4. คุณจะได้ทานอาหารรสชาติอร่อยแทบจะทุกมือ เพราะคุณย่าคุณยายน่ะฝีมือปลายจวักโคตรเทพ 5. ของเล่นที่งอแงแทบตายพ่อแม่ก็ไม่ซื้อให้ แต่คุณจะได้มันง่ายๆ เมื่อมาอยู่กับคุณย่าคุณยาย 6. คุณแอบไปร้องไห้ในห้องน้ำเมื่อต้องกลับมาอยู่กับแม่ เพราะกลัวแม่รู้ว่าคิดถึงยาย 7. คุณจะได้เห็นภาพวาบๆ หวิวๆ ขณะที่คุณย่าหรือคุณยายเปลี่ยนยกทรงโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ 8. พื้นบ้านจะเต็มไปด้วยแป้ง เพราะพวกเขาชอบปะแป้งเย็นกันซะเหลือเกิน 9. และกลิ่นยาหอมสารพัดยี่ห้อที่ตลบอบอวล นี่พวกเธอเป็นนักสะสมยาหอมในตำนานหรือยังไง!! 10. ช่วงเวลาน่าเบื่อคือตอนคุณยายพาไปบ้านเพื่อนของแก แล้วก็นั่งเมาท์กัน ไอ้เราก็ไม่รู้จะเข้าร่วมวงสนทาได้อย่างไร งานนี้ก็ได้แน่นั่งเงียบๆ คอยไปสิครับ 11. ตอนไปตลาดก็เช่นกัน…
-
นี่คือความแท้ทรูของ ‘9 สิ่งของในชีวิตประจำวัน’ ที่ซ่อนกิมมิคเล็กๆ แต่ไม่ค่อยมีใครรู้
ปกติแล้วในชีวิตประจำวันของเราแต่ละวัน เราจะได้หยิบจับสิ่งของต่างๆ โดยที่บางทีเราแทบจะไม่ทันได้สังเกตเลยว่า สิ่งของพวกนั้นก็ได้แฝงกิมมิคเล็กๆ ไว้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นโดนัทเอย หูฟังเอย หรือแม้แต่แว่นตาเอย นี่คือ 9 ความจริงจากสิ่งของที่หลายคนแทบจะไม่รู้มาก่อนเลยว่า เออมันมีความลึกซึ้งจริงๆ เว่ยเฮ้ย!! 1. รูตรงกลางโดนัท อันที่จริงแล้วโดนัทก็เป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่ไปปรากฎอยู่ในประวัติศาสตร์วัฒนธรรมหลายๆ ชาติ และก็เคยมีประเด็นถกเถียงทางปรัชญามาแล้วเหมือนกันว่า ‘โดนัทมีรูไว้ทำไม?’ บางทฤษฎีก็บอกว่าสาเหตุที่โดนัทมีรูตรงกลางก็เพราะ ในสมัยยุคกลางภูมิปัญญาการทำขนมปังของคนยุคนั้นยังไม่สามารถเจาะรูตรงกลางโดนัทได้ แต่เอาจริงๆ นะ… เป็นข้อสันนิษฐานที่ดูไม่น่าเชื่อถือสุดๆ แต่เมื่อเราได้ไปค้นข้อมูลก็พบทฤษฎีที่น่าสนใจกว่า เพราะอันที่จริงแล้วสาเหตุที่โดนัทต้องมีรูตรงกลางก็เพราะ โดนัทเกิดจากการนำแป้งลงไปทอด และรูตรงกลางก็จะช่วยทำให้ขนมปังสุกอย่างทั่วถึงนั่นเอง 2. ลูกศรตรงหน้าปัดเกจบอกน้ำมัน หลายคนอาจจะยังไม่เคยสังเกตเห็นจุดเล็กๆ ตรงนี้มาก่อน และรถบางคันก็อาจจะไม่ได้มีสัญลักษณ์ลูกศรติดกับรูปตู้เติมน้ำมันเสมอไป และในความเป็นจริงแล้วมันเป็นสัญลักษณ์ที่จะบอกเราว่าฝาเติมน้ำมันอยู่ฝั่งไหนนั่นเอง 3. แว่นกันแดด แค่พูดชื่อ ‘แว่นกันแดด’ แต่ละคนก็ต้องรู้อยู่แล้วว่ามันถูกออกแบบมาเพื่อใช้ป้องกันสายตาจากแสงแดด แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าเดิมทีมันถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ที่แตกต่างออกไป มีทฤษฎีหนึ่งบอกว่า แว่นกันแดดสีดำเข้มถูกคิดค้นขึ้นโดยชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในแถบขั้วโลกเพื่อป้องกันแสงสะท้อนจากแสงแดดที่ตกกระทบลงบนพื้นหิมะ แต่ก็มีอีกทฤษฎีหนึ่งที่กล่าวว่า แว่นกันแดดเริ่มเป็นที่นิยมแพร่หลายมาจากประเทศจีนในช่วงศตวรรษที่ 12 ซึ่งเดิมทีจะมีเพียงแค่ขุนนางหรือชนชั้นสูงเท่านั้นที่ใส่เพื่อปกปิดความรู้สึกลึกๆ ที่อาจแสดงออกมาจากทางสายตา …
-
9 เรื่องที่คุณเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “เป๊ป กวาร์ดิโอล่า” โค้ชกระจอกๆ คนนี้มาโดยตลอด…!?
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2017-2018 ใกล้จะเปิดฉากเข้ามาทุกที และหลายทีมต่างก็เร่งเสริมทัพด้วยนักเตะใหม่เพื่อหวังจะมีสุดยอดทีมที่จะไปคว้าแชมป์ให้ได้ อีกทีมที่ถูกพูดถึงอย่างมากก็คือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้ผู้จัดการทีม “เป๊ป กวาร์ดิโอล่า” ซึ่งทำการทุ่มซื้อนักเตะในหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะแผงเกมรับ ซึ่งนั่นก็ตามมาด้วยแรงกดดันมหาศาลว่าจะต้องประสบความสำเร็จ แรงกดดันนี้ยังมาจากฤดูกาลก่อนซึ่งเจ้าตัวพาทีมเรือใบปิดฤดูกาลโดยไม่ได้แชมป์สักถ้วยเดียว จนมีกระแสครหาว่าเขาคือของปลอม เป็นโค้ชไร้น้ำยา และความเข้าใจผิดต่างๆ มากมายก็ตามมา ไม่แน่คุณอาจจะเป็นอีกคนที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นมา และเข้าใจเขาผิดอยู่ในบางเรื่องก็ได้ 1. มาคุมบาร์เซโลน่า ที่ใครคุมก็แชมป์!? เป๊ปก้าวจากโค้ชทีมเยาวชนบาร์เซโลน่า มาสู่สโมสรชุดใหญ่ในปี 2008 หลังจากพาทีมประสบความสำเร็จ แชมป์ลีก 3 สมัยติดกัน โคป้าเดลเรย์ 1 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก 2 สมัย ซึ่งอาจจะคิดว่าใครคุมก็คงได้แชมป์ หากย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นทีมสโมสรบาร์เซโลน่าเป็นทีมที่ไม่ได้แชมป์อะไรเลยมาถึง 2 ปีติดต่อกัน แถมยังจบอันดับ 3 ในลีก มีคะแนนตามหลังแชมป์อย่างเรอัล มาดริดถึง 18 คะแนน จนเป็นเหตุให้ต้องเปลี่ยนผู้จัดการทีมและปรับทัพนักเตะใหม่อีกครั้ง ขณะที่พอเขาออกไป แม้ทีมจะได้ผู้ช่วยอย่างติโต้มาทำให้ได้แชมป์ลีกอีก 1 ครั้ง แต่เมื่อติโต้ออกจากงานเพื่อรักษาโรคมะเร็ง ทีมเปลี่ยนโค้ชเป็นมาร์ติโน่…
-
ภาพจากสมรภูมิ ‘ดันเคิร์ก’ เรื่องราวของทหารกว่า 80,000 นาย ผู้ไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน…
นับว่าเป็นหนึ่งในสมรภูมิรบในประวัติศาสตร์ที่มนุษยชาติต้องจารึกเลยก็ว่าได้ เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรและนาซีเยอรมันได้เปิดฉากโจมตีกันที่ดันเคิร์ก ประเทศฝรั่งเศส ในช่วงบั้นปลายสงครามฝ่ายเยอรมันได้บุกเข้าดันเคิร์ก และนั่นก็ทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรมีเวลาเพียงแค่ 3 วันในการอพยพทหารมากกว่า 300,000 นาย ทว่าโชคร้ายกลับมีส่วนหนึ่งที่ไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน และตกอยู่ในเงื้อมมือของฝ่ายนาซีเยอรมัน จากภาพที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน คาดว่ามีทหารกว่า 80,000 นายที่กลายเป็นเชลยศึกของฝ่ายนาซี ภาพถ่ายทั้งหมดนี้ถูกบันทึกไว้โดยทหารฝ่ายเยอรมัน และถูกนำมาเผยแพร่โดย Matthew Smaldon เพื่อบอกเล่าเรื่องราวอีกส่วนหนึ่งที่กำลังจะถูกลืม หลังเหตุการณ์ครั้งสำคัญ ชายหาดบนเกาะดันเคิร์กก็เต็มไปด้วยเศษซากจากภัยสงคราม ทหารฝรั่งเศสเชื้อสายแอฟริกันหลายคนที่ติดอยู่ในนั้น ถูกทหารเยอรมันเข้ามาถ่ายรูปเล่นด้วย เพราะพวกเขาถูกมองว่าเป็นของแปลก ในขณะที่ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรอีกหลายๆ คน ถูกบังคับให้เดินทางเท้าไปยังเขตชายแดนที่ติดกับเบลเยียม “หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น ปู่เคยเล่าให้ฟังว่าทุกอย่างรอบตัวเต็มไปด้วยความอ้างว้าง และเศษซากสงคราม” Matthew เล่า ในภาพเป็นกลุ่มทหารเข้ามาเก็บกวาดเศษซากจากสงคราม และจะเห็นซากเรือพิฆาต L’Adroit ของฝรั่งเศสอยู่เบื้องหลัง ทหารอังกฤษและฝรั่งเศสหลายคน ถูกบังคับให้เดินไปทั่วถนนทุกมุมเมือง เช่นเดียวกับภาพนี้ที่ทหารฝ่ายสัมพันธมิตร ถูกบังคับให้เดินเรียงแถวไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง หลังเสร็จสิ้นสงครามทางฝั่งของเยอรมันก็ได้ส่งทหารมาเก็บกวาด และกอบกู้เศษซากจากสงครามด้วยเช่นกัน ที่เก็บเศษซากรถของทหารเยอรมัน…
-
ผลวิจัยใหม่ล่าสุด พิสูจน์ให้เห็นว่า ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ สามารถช่วยให้ผู้คนเลิกบุหรี่ได้จริง..!!
ดูเหมือนว่าในหลายๆ ประเทศ เทรนด์การหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะมาแรงซะจนรัฐบาลหลายๆ ประเทศต้องเริ่มหันมาเปลี่ยนมาตรการรองรับให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปของประชาชน ในขณะที่บ้านเราอาจจะยังเถียงกันอยู่ว่ามันดีจริงหรือไม่ ล่าสุดนี้ The BMJ (British Medical Journal) วารสารการแพทย์แห่งบริติช ได้ตีพิมพ์เนื้อหาจากผลวิจัยที่พิสูจน์มาแล้วว่า บุหรี่ไฟฟ้าสามารถช่วยให้เราเลิกบุหรี่ได้จริง!! โดยทีมวิจัยได้เข้าไปศึกษาพฤติกรรมของทั้งผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่จริงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผลสำรวจจาก 160,000 คนทั่วสหรัฐฯ พบว่า ตัวเลขของประชากรวัยผู้ใหญ่ที่หันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกเหนือจากนั้นในงานตีพิมพ์ยังระบุว่า นโยบายรณรงค์ให้คนเลิกบุหรี่ของรัฐบาล และภาษีบุหรี่ที่เพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ปี 2009 ส่งผลให้ผู้บริโภคเริ่มหันไปใช้บุหรี่ไฟฟ้ากันมากขึ้น Christopher Bullen หัวหน้าทีมวิจัยได้ชี้แจงว่า “จากการศึกษาของเราร่วมกับงานวิจัยชิ้นอื่นๆ พบว่าบุหรี่ไฟฟ้าช่วยทำให้ผู้บริโภคได้รับสารนิโคตินโดยตรงในราคาที่ถูกกว่าบุหรี่ธรรมดา ซึ่งนั่นก็เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้คนหันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น” ตารางเปรียบเทียบเปอร์เซ็นต์ของประชากรที่สามารถเลิกบุหรี่ได้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าการเข้ามาของเทรนด์บุหรี่ไฟฟ้า อาจจะทำให้เยาวชนเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น แต่ผลจากงานวิจัยกลับได้สิ่งที่น่าแปลกใจตรงกันข้าม เมื่อพบว่ากลุ่มวัยรุ่นที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน หลังจากได้ลองสูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้วพวกเขามีเปอร์เซนต์ที่จะไม่แตะต้องบุหรี่จริงสูงกว่า Independent British Vape Trade Association ก็ได้ชี้ชัดเช่นกันว่า บุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้ผู้บริโภคได้รับสารนิโคตินโดยไม่ต้องรับสารที่เกิดจากการเผาไหม้เข้าสู่ร่างกาย และทำให้ร่างกายปรับตัวจากการเสพติดบุหรี่ได้ดีขึ้นในระยะยาว …
-
ผู้เชี่ยวชาญเผย.. ถึงสาเหตุที่ว่า ทำไม ‘แมวเหมียว’ มักจะนั่งจ้องนานๆ ราวกับว่าเห็นผี!!
ถ้าคุณเป็นคนที่ผูกพันและสนิทสนมกับแมวมานานหลายปี คุณคงพอจะทราบได้ว่าหนึ่งในความสามารถพิเศษที่มันมีเหนือมนุษย์เราก็คือ.. สัมผัสที่ 6 นั่นเอง บรึ๋ยยย!! วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญกันว่า เพราะเหตุใดอยู่ดีๆ เจ้าเหมียวถึงนั่งจ้องบางสิ่งบางอย่างราวกับว่าพวกมันมองเห็นผี จนบางทีก็เล่นเอาทาสมนุษย์อย่างเราๆ รู้สึกกลัวไปตามๆ กันเลยทีเดียว มีงานวิจัยที่เคยศึกษาในปี 2014 ระบุไว้ว่า สำหรับสุนัขและแมวเหมียวนั้นพวกมันมีคุณสมบัติหนึ่งที่คล้ายกัน นั่นก็คือสายตาที่สามารถแยกสเปคตรัมของแสงได้แตกต่างจากมนุษย์เรา เมื่อทีมวิจัยได้นำสายตาของมนุษย์และแมวเหมียวมาเปรียบเทียบกัน พวกเขาก็พบว่าสายตาของแมวเหมียวสามารถตรวจจับความละเอียดของแสงได้ดีกว่ามนุษย์ถึง 6 เท่า ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกมันสามารถมองเห็นสีได้มากกว่าในระดับแสงที่ต่ำกว่า Katie Armour หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์เลี้ยงได้ให้ความเห็นว่า “เราเชื่อว่าแมวมีพฤติกรรมบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากสัตว์ทุกชนิดบนโลก และสิ่งที่เรารู้แน่ชัดก็คือ.. พวกมันเป็นสัตว์ที่มีประสาทการรับรู้ที่สูงมาก” จากประสบการณ์ที่ได้เฝ้าดูแลแมวเหมียวมานานกว่าหลายสิบปี ทำให้เธอพอจะเข้าใจในพฤติกรรมที่ไร้ซึ่งคำอธิบายของพวกมันอยู่บ้าง “มันมีการทำงานของสมองที่เราไม่อาจเดาได้เลยว่าพวกมันกำลังคิดอะไรกันอยู่ ยกตัวอย่างเช่นเจ้าเหมียวที่บ้านของฉัน บางทีพวกมันก็นั่งจ้องมองกำแพงที่มีแสงจากทีวีตกกระทบ หรือบางทีพวกมันก็มักจะเล่นจับฝุ่นจนดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาซะมากกว่า” สุดท้ายคุณอาจจะพบว่าเจ้าเหมียวหันจากการจ้องบางอย่าง มานั่งจ้องหน้าคุณแทน ซึ่งถ้าโดนแบบนี้ก็ไม่ต้องตกใจว่าจะมีผีขี่คอหรืออะไรหรอกนะ เพราะสิ่งที่เจ้าเหมียวต้องการ ก็คงจะเป็นแค่ความรู้สึกไม่มั่นใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น (ต้องเข้าใจว่าแมวเป็นพวกขี้ตกใจ) และสิ่งที่เราควรจะทำก็แค่อยู่เคียงข้างพวกมันด้วยความรักก็เท่านั้นเอง ที่มา: TheDodo
-
นี่คือ 16 วิธีการสุดเซอร์ไพรส์ที่ทำให้คุณ “ตั้งครรภ์” ได้ แม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม…!!
จะว่าไปแล้วปัญหาวัยรุ่นตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรเนี่ย นับว่าเป็นปัญหาเบอร์ใหญ่ต้นๆ ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจจะมาจากการให้ความรู้ด้านเพศศึกษาอย่างไม่เปิดเผย และเพื่อเป็นการมอบความรู้คู่คุณธรรมประจำใจให้เพื่อนๆ วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 16 วิธีการที่ทำให้คุณท้องได้ จากคุณหมอ Mary Jane Minkin จากมหาวิทยาลัยเยล ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นสิ่งที่เรามักอ้างกันว่า ‘ก็คนอื่นทำแล้วไม่เห็นเป็นไรเลยนี่..!!’ 1. เข้าทางประตูหลัง อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่เป็นเรื่องจริง โดยคุณหมอให้เหตุผลว่า แต่ละคนจะมีลักษณะร่างกายภายในที่ค่อนข้างต่างกันอยู่บ้าง และสำหรับการหลั่งในประตูหลังก็อาจทำให้อสุจิหลุดเข้าไปผสมกับรังไข่ของพวกเธอได้เช่นกัน 2. ใช้ฟันหรือของมีคมแกะห่อถุงยางอนามัย จงจำเอาไว้ให้ดีว่า.. ใจเย็นๆ!! จริงอยู่ที่ ณ เวลานั้นใครๆ ก็ต้องใจร้อนเป็นฟืนเป็นไฟกันทั้งนั้น แต่หนึ่งในความผิดพลาดที่อาจส่งผลถึงอนาคตคุณได้เลย ก็คือการแกะห่อถุงยางอนามัยโดยใช้ของมีคมนี่แหละ 3. ถึงแม้จะใส่กางเกงใน แต่ถ้าบริเวณนั้นเสียดสีกันก็มีโอกาสท้องได้นะ คุณหมอ Minkin ได้อธิบายไว้ว่า หลายคนอาจจะเชื่อว่าถ้าหากใส่กางเกงในแล้วอาจจะช่วยลดโอกาสการท้องหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย และโอกาสท้องก็ยังมีอยู่เท่าเดิมนั่นเอง 4. คุณอาจจะท้องซ้ำได้อีกครั้ง… แม้ว่าคุณจะท้องอยู่แล้ว อาจจะฟังดูขัดกับหลักเหตุผลและวิชาการที่เราเคยเรียนกันมา แต่ในกรณีนี้เคยเกิดขึ้นจริงๆ ซึ่งภาษาทางการแพทย์เรียกว่า ‘Superfetation’ เกิดจากการที่อสุจิเข้าไปปฏิสัมพันธ์กับรังไข่ที่อยู่ในครรภ์ และผลที่ได้ก็คือลูกแฝดนั่นเอง …
-
18 ภาพที่จะทำให้คุณรู้จัก Thalassophobia หรือ ‘อาการกลัวทะเล’ ไม่แน่คุณอาจจะเป็นก็ได้นะ
ในปัจจุบันเรามักจะพบเห็นอาการหวาดกลัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการกลัวรู กลัวที่สูง หรือแม้แต่กลัวพริกก็ตาม!! (มันมีคนกลัวพริกอยู่จริงๆ นะ ในออฟฟิศแคทดั๊มบ์นี่แหละ) ผู้ที่มีอาการเหล่านั้นเมื่อเห็นสิ่งเร้าต่างๆ ที่ว่านี้จะเกิดอาการหายใจไม่ถนัด เหงื่อออก ท้องใส้ปั่นป่วนหรือบางรายถึงขั้นเป็นลมกันเลยทีเดียว และหนึ่งในอาการกลัวที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักกันนั้นก็คืออาการ Thalassophobia หรือโรคกลัวทะเลนั่นเอง คุณกลัวอะไรที่อยู่ภายใต้น้ำนั่นไหม!? โดยคำว่า Thalassophobia นั้นมาจากภาษากรีก นั่นก็คือ ‘Thalassa’ ซึ่งหมายถึงภูตผีในทะเลตามความเชื่อโบราณ และอย่างที่เราทราบกัน ‘Phobia’ แปลว่าอาการกลัว ซึ่งผันมาจากภาษากรีก ‘Phobos’ อีกนั่นน่ะแหละ รวมๆ แล้วก็คืออาการกลัวทะเลนั่นเอง และวันนี้เราก็ได้รวบรวมลักษณะอาการต่างๆ ของผู้ที่เป็นโรค Thalassophobia นี้มาฝากกัน โดยโรคกลัวทะเลที่ว่านี้จะมีอาการอย่างไรบ้างนั้นไปชมกันเลย… อย่างแรกคุณมักกลัวว่าใต้ทะเลอาจมีสิ่งแปลกๆ อยู่ใช่ไหมล่ะ?? อย่างเช่น ปลานักล่า หรือสิ่งแปลกปลอมอย่างเจ้าสิ่งนี้!! ปลาวาฬขนาดยักษ์?? หรือซากของเรือที่จมอยู่ใต้มหาสมุทร ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะทำให้คุณนั้นไม่กล้าที่จะลองเล่นน้ำทะเลเลย และนอกจากอาการกลัวสิ่งที่อยู่ใต้ทะเลแล้ว บางครั้งคุณก็อาจจะสงสัยก็ได้ว่า พื้นที่คุณเหยีบลงไปนั้นมันคือพื้นทรายจริงๆ รึเปล่านะ?? และอาการข้อต่อมาก็คือ คุณจะรู้สึกเป็นกังวลหรือไม่กล้าออกมานอกชายหาดไกลๆ แต่นอกจากจะกลัวไม่ได้กลับเข้าฝั่งแล้ว เมื่อเห็นท้องทะเลที่กว้างใหญ่คุณก็เกิดอาการอ่อนแรงได้เหมือนกัน …
-
กอดกันก็เสร็จได้!? เรื่องราวคู่รักที่สามารถ “ถึงจุดสุดยอด” เพียงแค่กอดหรือหายใจใกล้กันเท่านั้น
จากผลการศึกษาพบว่า 1 ใน 3 ของผู้หญิงนั้นจะมีปัญหาในการถึงจุดสุดยอดในระหว่างการมีเซ็กส์ หรือพูดง่ายๆ ก็คือพวกเธอนั้นแทบจะไม่ได้ฟินเหมือนกับเหล่าหนุ่มๆ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็นับเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก แต่ปัญหานี้อาจไม่สร้างความเดือดร้อนสำหรับคู่รักคู่นี้เลย คุณ Scott และคุณ Melanie Mcclure สองสามีภรรยากล่าว่าพวกเขาสามารถถึงจุดสุดยอดได้เพียงแค่ “กอดกัน” หรือแม้กระทั่งอยู่ใกล้ๆ กันเท่านั้น คู่รักจากรัฐเท็กซัส สามารถมอบประสบการณ์ความรักแบบเสียวซาบซ่านและถึงจุดสุดยอดโดยการกอดกันนานถึง 8 ชั่วโมง ทั้งสองบอกว่าเมื่ออยู่ในห้องเดียวกันพวกเขารับรู้การสำเร็จความใคร่ของอีกคนและเสียวได้ ถึงแม้บางครั้งจะไม่ต้องโดนตัวกันเลยก็ตาม คุณ Scott และภรรยาของเขาคุณ Melanie เปิดคลาสสอนการรับรู้ถึงความรักแบบนี้ให้กับผู้อื่นๆ ในชื่อว่า ‘Ecstatic hearts’ โดยภายในห้องเรียนจะเป็นการสอนเกี่ยวกับ Tantra (การฝึกโยคะแบบโบราณ) ซึ่งจะช่วยหลอมรวมร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณของผู้ฝึกเข้าด้วยกัน ผู้ฝึกจะมีความสุข การทำโยคะช่วยเพิ่มความสนิทสนมของคู่รัก พลังงานทางเพศและทำให้การสำเร็จความใคร่นั้นยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้น คุณ Scott กล่าวว่า “หลังจากที่ผ่านการฝึก Tantra มา ผมและภรรยาสามารถค้นพบอีกขั้นของการถึงจุดสุดยอด เราสามารถถึงสวรรค์ได้ด้วยการหายใจใกล้กัน การกอด การสัมผัส ซึ่งผมคิดว่ามันดีกว่าการมีเซ็กส์ซะอีก นอกจากนี้ผมยังรับรู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบๆ…
-
เหล่าทหารผ่านศึกดันเคิร์ก ร่วมรำลึกความบนเรือลำเล็ก ที่ช่วยให้รอดชีวิตจากสมรภูมิมาได้
เรื่องราวของทหารผ่านศึกจากยุทธการไดนาโม ที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้งบนเรือเล็กๆ ลำหนึ่ง และร่วมรำลึกถึงความหลังของเหตุการณ์สำคัญที่ผ่านเข้ามาใช้ชีวิตของพวกเขาเมื่อ 77 ปีที่แล้ว คุณ Ted Oates วัย 97 ปี และคุณ George Purton วัย 98 ปี คือหนึ่งในจำนวนผู้รอดชีวิต 338,000 คนจากการอพยพออกจากหาดดันเคิร์กเมื่อปี 1940 เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทหารผ่านศึกทั้งสองก็ได้ออกมาร่วมกันย้อนรำลึกถึงปฏิบัติการไดนาโม ในงานเทศประเพณีล่องเรือในแม่น้ำ Thames ประเทศอังกฤษ คุณ Ted บอกกับผู้สื่อข่าวว่า “ตอนนั้นเราทั้งคู่นั่งเรือผ่านที่โรงนาตรงนี้ ผมจำได้ว่าเรือที่เรานั่งมาวันนั้นมีลักษณะคล้ายๆ กับเรือลำนี้แหละ แต่ตอนนั้นมีพวกเราเต็มไปหมดเลย บางคนก็นั่งอยู่บนหลังคา บางคนก็นั่งอยู่ที่ระเบียง หรือบางคนก็อยู่ด้านในเรือ” “ตอนนั้นมีเรือลำหนึ่งถูกโจมตี ผมจำได้ว่าผมเห็นเรือถูกระเบิดต่อหน้าต่อตาเลย” โดยในช่วงนั้นคุณ Ted ถูกส่งตัวไปยังฝรั่งเศสในฐานะพลเปล และได้ช่วยเหลือนายทหารคนหนึ่งพาขึ้นไปยังเรือพยาบาล และทำการหลบหนีเอาชีวิตรอดด้วยเรือเสบียง ส่วนทางด้านคุณ George จากหน่วย Royal Army Service Corps ก็ได้รับความช่วยเหลือสำหรับการหลบหนีในครั้งนั้นด้วยเช่นเดียวกัน จากการรวมตัวของเหล่าทหารผ่านศึกในครั้งนี้ จัดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกับการเปิดตัวภาพยนตร์ ‘ดันเคิร์ก’ ของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลนด์ ด้วย โดยทหารผ่านศึกจากปฏิบัติการไดนาโม…
-
สื่อต่างชาติเผย กว่า 50% ของผู้หญิงในอินเดีย ใช้ชีวิตยากลำบากและเสี่ยงถูกข่มขืน!?
ถ้าพูดถึงประเทศ ‘อินเดีย’ หลายคนอาจจะไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าวีถีชีวิตของผู้คนที่นี่จะเป็นอย่างไร และน้อยคนนักที่จะรู้ว่า… กว่า 636 ล้านคน (โดยเฉพาะผู้หญิง) ในอินเดีย ไม่มีห้องน้ำใช้และต้องเสี่ยงถูกข่มขืนอีกด้วย โดยข้อมูลทั้งหมดถูกนำมาเผยแพร่โดย Channel4News เพื่อเป็นการตระหนักให้ทั่วโลกรู้ถึงปัญหา และหวังว่าหญิงสาวทุกคนในอินเดียจะมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น Bhumi Pednekar นักแสดงสาวจากอินเดีย ได้ออกมาเรียกร้องต่อสื่อต่างชาติถึงเรื่องนี้ว่า ปัจจุบันในอินเดียมีผู้หญิงเกินกว่าครึ่งประเทศต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ประการแรกคือพวกเธอไม่มีห้องน้ำใช้ และประการที่สองเมื่อพวกเธอเข้าห้องน้ำกลางดึก พวกเธอก็เสี่ยงที่จะถูกข่มขืนด้วยเช่นกัน เด็กสาวชาวอินเดียเมื่อถึงวัยที่มีประจำเดือน พวกเธอมักจะลาออกจากโรงเรียน เนื่องจากไม่มีห้องน้ำ หรือในบางพื้นที่ๆ ยากจนจริงๆ พวกเธอไม่มีแม้แต่ผ้าอนามัย “มันเป็นปัญหาหลายเรื่องที่ทับซ้อนกันมายาวนานหลายสิบปี เนื่องจากในชนบทไม่มีห้องน้ำที่เพียงพอ ต่อมาสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเมื่อหญิงสาวไปใช้ห้องน้ำยามค่ำคืน พวกเธอมักจะถูกข่มขืน และนั่นก็ทำให้หญิงสาวในอินเดียหลายๆ คน ต้องปรับตัวตื่นนอนแต่เช้ามืดเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ก่อนที่พวกเธอจะไม่ได้ใช้ห้องน้ำอีกเลยตลอดทั้งวัน” ถึงแม้ว่าบนฉากเวทีโลก อินเดียจะเป็นประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียเป็นอันดับ 3 และประธานาธิบดีอินเดียได้ออกมาชี้แจงว่าในเวที G20 ว่าจะแก้ปัญหาสุขลักษณะให้หมดไปภายในปี 2019 แต่ดูเหมือนว่ารากฐานของปัญหาในอินเดียจะหยั่งรากลึกลงไปมากกว่านั้น เพราะอินเดียเป็นประเทศที่ประชากรยึดถือและยึดมั่นในความเชื่อดั้งเดิมของพวกเขาสูงมาก อีกทั้งยังมีเรื่องของการแบ่งชนชั้นวรรณะ ที่แม้จะเคยมีการออกกฎหมายห้ามปรามเรื่องการแบ่งชนชั้นมาแล้ว แต่ด้วยความที่ยังยึดถือในประเพณีดั้งเดิม ทำให้กฎหมายก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ทั้งหมดอยู่ดี …
-
ถ้ำน้ำท่วมไม่น่าเที่ยว แต่สวนสาธารณะแห่งนี้ เมื่อน้ำท่วมจะเปลี่ยนเป็น “ทะเลสาบสุดงาม”
วันนี้เหมียวขออาสาพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวทะเลสาบแห่งหนึ่งในประเทศออสเตรีย ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่ทะเลสาบหรอกนะ แต่เป็นเฉพาะช่วงๆ หนึ่งของปีเท่านั้น ฟังดูอาจจะงง ลองมาชมกันดูก่อนดีกว่า อิอิ Green Lake คือชื่อของที่นี่ รายล้อมไปด้วยหมู่บ้านรอบๆ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับภูเขา Hochschwab ในออสเตรีย กรีนเลค หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ทะเลสาบกรูเนอร์ ตั้งอยู่ในรัฐสติเรีย ประเทศออสเตรีย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักดำน้ำเป็นอย่างมาก เพราะที่แห่งนี้มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว เป็นทะเลสาบสีเขียวมรกต ใต้น้ำก็ใสแจ๋ว ซึ่งในช่วงฤดูหนาวทะเลสาบแห่งนี้จะมีความลึกเพียง 1-2 เมตรเท่านั้น สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ใต้น้ำได้ชัดเจน ซึ่งเมื่อหิมะตกในฤดูหนาว และมาถึงช่วงฤดูร้อน หิมะพื้นที่รอบๆ จะละลายมารวมที่นี่ ทำให้มันกลายเป็นทะเลสาบ แต่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ น้ำในทะเลสาบก็จะเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะหิมะเริ่มละลายนั่นเอง โดยจะมีความลึกประมาณ 12 เมตร ทำให้พื้นที่รอบๆ ทะเลสาบกลายเป็นพื้นที่ใต้น้ำ ทั้งต้นไม้ สะพาน และม้านั่งก็โดนน้ำท่วมจมอยู่ในทะเลสาบ เรียกได้ว่าตั้งแต่ราวๆเดือนกรกฎาคม พื้นที่จะมีสภาพเป็นแบบนี้เลย โดยความลึกจะอยู่ราวๆ 3…
-
ผู้เชี่ยวชาญเผย 10 สิ่งที่ ‘ผู้หญิงเก่งเรื่องบนเตียง’ มักจะทำกัน แล้วคุณล่ะเก่งระดับไหน!?
ใครว่าผู้ชายเท่านั้นที่รู้เรื่องเซ็กส์ดี ผู้หญิงอย่างเราๆ ก็ใช่ว่าจะไร้เดียงสาไม่รู้อะไรเลยนะ ยิ่งสาวมั่นๆ แบบเราบอกได้เลยว่าอย่าได้มาหยามเด็ดขาด!! ว่าแต่คุณล่ะเก่งเรื่องอย่างว่ามากน้อยแค่ไหน ถ้ายังไม่รู้ระดับเลเวลของตัวเองละก็ ลองไปเช็คกับ 10 สิ่ง ที่ผู้หญิงเก่งเรื่องบนเตียงมักจะทำกันเป็นประจำกันก่อน จะมีอะไรบ้างน้าาาา!? 1. พวกเธอจะเริ่มบรรเลงรักก่อน สาวๆ ที่เก่งเรื่องบนเตียงนั้น จะเป็นทั้งผู้นำและผู้ตามที่ดี นอกจากเธอจะทำทุกอย่างโดยไม่ต้องบอกแล้ว จังหวะการบรรเลงต่างๆ นั้นเธอช่างดูเชี่ยวชาญซะเหลือเกิน 2. พวกเธอไม่เคยพูดคำว่า “ไม่” พวกเธอพร้อมที่ทำทุกอย่างที่เป็นข้อเสนอของคู่รัก เพื่อให้ไม่คุณนั้นสูญเสียบรรยากาศการร่วมรัก 3. พวกเธอชอบความหลากหลาย ในสถานการณ์การร่วมรักนั้น ไม่ต้องมีแค่ทำอย่างว่าก็ได้ การใส่ชุดที่แปลกไป หรือการมีของเล่นอย่างอื่น ก็ช่วยเพิ่มอรรถรสได้นะ 4. เธอมักรู้ว่าคุณต้องการอะไร การเป็นผู้ตามก็เพื่อให้ผู้ชายรู้สึกมั่นใจในตัวเอง จะทำให้การร่วมรักนั้นดูแฟร์ๆ ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกเขินอาย 5. เธอไม่เคยเกี่ยงเรื่องขนาด พวกเธอจะไม่ทำให้คุณอายกับขนาดน้องชายที่มี แถมยังกล่าวชมเชยอีกด้วย 6. พวกเธอรู้จักการควบคุมอารมณ์ เรื่องการใช้เสียงของพวกเธอนั้น ต้องมีระดับที่พอดีพอเหมาะ ไม่ดังและไม่เบาจนเกินไป ในแต่ละช่วงก็จะส่งเสียงให้สอดคล้องกับจังหวะที่ได้รับเป็นอย่างดี 7. พวกเธอรู้ดีเรื่องออรัลเซ็กส์ เรียกได้ว่าเป็นอีกตัวช่วยที่จะทำให้การร่วมรักของคุณนั้น มีสีสันมากขึ้น สาวๆ…
-
เว็บต่างชาติยกย่อง “เชียงใหม่” เมืองน่าอยู่อันดับ 3 ของโลก เคียงคู่ เกียวโต-ฟลอเรนซ์
ไม่นานมานี้เว็บไซต์ Traveland Leisure ได้มีการเปิดให้ผู้อ่านในเว็บไซต์ของพวกเขาโหวตเมืองที่สุดยอดที่สุดในโลกกัน ซึ่งพวกเขาก็จะทำการโหวตกันเป็นประจำทุกปี แต่ใครจะเชื่อว่าผลโหวตนี้กลับมีเมืองจากประเทศไทยติดด้วย!!? ซึ่งอันดับที่ว่านี้ถูกจัดในหัวข้อที่ว่า 15 อันดับเมืองที่คนคิดว่าดีที่สุดในโลก ถ้าให้เพื่อนๆ ลองคิดเล่นๆ คิดว่าเมืองไหนในไทยจะติดอันดันกัน? แล้วอันดับที่จะติดมันจะเท่าไหร่กันนะ? ซึ่งทาง Traveland Leisure ก็ได้บอกใบ้ว่าอันดับส่วนใหญ่ที่ติดมา ก็ล้วนจะเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเสียส่วนใหญ่ ยกตัวอย่างเช่นเมือง San Miguel de Allende จากประเทศ Mexico ซึ่งเป็นเมืองที่ที่ประวัติศาสตร์อันยาวนานพอสมควร แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนไปทันสมัยขึ้นแค่ไหน แต่ก็จะมีหลายส่วนของเมืองที่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์และเสน่ห์ของประวัติศาสตร์นั่นเอง เอาล่ะ เกริ่นกันมาเยอะแล้ว เรามาดูกัน 15 อันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลก ที่ถูกจัดอันดับโดนผู้อ่านจาก Traveland Leisure กันเลยดีกว่า ว่าแต่ละเมืองจะได้คะแนนเท่าไหร่กัน… 15. Barcelona, Spain ได้คะแนนเฉลี่ย 89.52 14. Udaipur, India ได้คะแนนเฉลี่ย 89.54 13. Siem Reap, Cambodia ได้คะแนนเฉลี่ย 89.57 12. Rome, Italy ได้คะแนนเฉลี่ย 89.73 …
-
10 เมืองสำคัญ ในต่างประเทศ ที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าเป็น “เมืองหลวง”
โดยส่วนมากแล้วถ้าหากใครที่มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวของประเทศต่างๆ ก็คงจะคุ้นเคยกับชื่อเมื่องใหญ่ๆ กันเป็นอย่างดี และบางคนก็อาจจะเข้าใจกันผิดว่าเมืองใหญ่ๆ ที่พวกเราคุ้นหู คือเมืองหลวงของประเทศเหล่านั้น แต่ในความจริงๆ เมืองใหญ่ๆ อย่าง นิวยอร์ก อิสตันบลู หรือรีโอเดจาเนโร นั้นไม่ใช่เมืองหลวงแต่อย่างใดนะ อ่า.. แล้วจะมีเมืองไหนอีกบ้างนะที่พวกเรามักจะเข้าใจกันผิดไปชมกันเลย… 10. Ho Chi Minh ประเทศเวียดนาม หนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ที่นี่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม และเป็นเมืองที่มีขนาดประชากรมาร้อยละ 7.5 ของประชากรทั้งหมด ซึ่งนั่นอาจทำให้หลายๆ คนเข้าใจผิดว่านี่เป็นเมืองหลวงของเวียดนาม แต่จริงๆ แล้วเมืองของของประเทศนี้คือ ฮานอย ต่างหากล่ะ 9. Mumbai ประเทศอินเดีย หนึ่งในเมืองที่มีความสำคัญของประเทศอินเดีย มหานครแห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอาหรับ ซึ่งความเก่าแก่และชื่อที่คุ้นหูอาจทำให้หลายๆ คนคิดว่ามุมไป หรือ บอมเบย์ นั้นเป็นเมืองหลวงของประเทศอินเดีย แต่แท้ที่จริงแล้วเมืองหลวงของประเทศนี้คือ นิวเดลี ต่างหากล่ะ 8. Los Angeles ประเทศสหรัฐอเมริกา เมืองใหญ่ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ถูกหลายคนเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่าเป็นเมืองหลวง เพราะมีผู้คนเยอะมากหลากหลายเชื้อชาติ แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างเช่น Hollywood ที่เรารู้จักกันดี …
-
รวม 10 ประเทศจากทั่วโลก ที่รัฐบาลอยากให้ประชาชน ป๊าบๆ แล้วมีลูกกันให้มากที่สุด!!
ทรัพยากรมนุษย์นั้นนับว่าเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยในการขับเคลื่อนประเทศชาติ และยิ่งประชากรมีคุณภาพประเทศชาติก็จะไปได้ไกลกว่าชาติอื่นๆ ทว่าหลากหลายประเทศในโลกตอนนี้กำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนประชากรอย่างเลี่ยงไม่ได้ สาเหตุนั้นก็เพราะว่าคนรุ่นใหม่นั้นไม่นิยมที่จะมีบุตรกันเท่าที่ควร ด้วยความคิดที่ว่าการมีบุตรจะสร้างภาระให้ และเป็นโซ่ตรวนพวกเขา นี่ยังไม่นับปัญหาของการมีคู่ที่คนส่วนใหญ่มักจะนกแล้วนกอีก ด้วยเหตุนี้ประชากรเกิดใหม่ในหลายประเทศจึงลดลงแล้วลดลงอีก แต่ประชากรสูงอายุกลับเพิ่มเอาๆ ทำให้ปัญหาในเรื่องของแรงงานและอื่นๆ ก็ตามมาไม่หยุดหย่อน ทำให้รัฐบาลหลายประเทศหันมารณรงค์ให้ชาวเมืองของพวกเขามีลูกกันมากขึ้นด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งมีลูกแล้วแจกของ มีลูกแล้วได้สิทธิ์พิเศษและอื่นๆ อีกเพียบ ฉะนั้นวันนี้เราจึงจะมาดู 10 ประเทศที่มีปัญหาเรื่องประชากรซึ่งถูกรวบรวมโดย Businessinsider กัน ว่าแต่จะมีประเทศอะไรบ้างนั้นมาดูกันเลย ประเทศเดนมาร์ก เดนมาร์กนั้นกำลังประสบปัญหาประชาชนไม่ยอมมีลูกเสียที จนตอนนี้ประชากรผู้สูงอายุก็สูงขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด ซึ่งมันหนักขนาดที่พวกเขาจะต้องออกแคมเปญมาสนับสนุนให้คนมีลูกโดยใช้ชื่อว่า Do it for Denmark เลยทีเดียว ซึ่งถ้าใครมีลูกจะได้รับข้าวของเครื่องใช้สำหรับลูกๆ ฟรีถึง 3 ปีเลยล่ะ ประเทศรัสเซีย ใครจะคิดว่าประเทศโหดสัสแห่งนี้ก็จะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีปัญหาประชกรเช่นกัน โดยประเทศนี้ประสบปัญหาเพราะว่าผู้ชายส่วนใหญ่ในประเทศติดเชื้อ HIV กันเป็นจำนวนมาก รวมถึงปัญหาการติดสุราด้วย ด้านผู้หญิงก็ไม่ค่อยจะนิยมมีลูกกันเท่าไหร่นัก ทางการจึงจัดตั้งวันหยุดขึ้นมาหนึ่งวัน ซึ่งเป็นวันที่จะให้ประชากรเน้นมีเซ็กส์กันและถ้าใครเกิดคลอดลูกถัดจากวันดังกล่าวไปอีก 9 เดือน คนๆ นั้นก็จะได้รับตู้เย็นไปใช้ฟรีๆ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องประชากรลดเป็นจำนวนมาก…
-
“คุณอยู่ในประเทศที่ขี้เกียจหรือไม่!?” บีบีซีจัดอันดับประเทศที่คน “ก้าวเดิน” น้อยที่สุดในโลก
เมื่อไม่นานมานี้ทางศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาได้เก็บข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือของผู้คนเพื่อ ดูว่าในแต่ละวันพวกเขามีการทำกิจกรรมต่างๆ มากน้อยแค่ไหน การวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ของมหาวิทยาลัย Stanford University ที่ศึกษาปริมาณกิจกรรมของประชากรทั่วโลกในแต่ละวันกับจำนวนก้าวเดิน พบว่าโดยเฉลี่ยแล้วคนทั่วๆ ไปจะมีก้าวเดินเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4,961 ก้าวต่อวัน โดยประเทศที่มีจำนวนก้าวเฉลี่ยสูงสุดนั้นได้แก่ฮ่องกง 6,880 ก้าวต่อวัน ส่วนประเทศอินโดนีเซียนั้นมีจำนวนก้าวเฉลี่ยของประชากรน้อยที่สุดอยู่ที่ 3,513 ก้าวต่อวันเท่านั้น ในส่วนของประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 4,500-5,000 ก้าวต่อวัน นอกจากนี้ยังพบว่าจำนวนก้าวเดินนั้นมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับโรคอ้วนอีกด้วย การศึกษาดังกล่าวใช้ข้อมูลจากแอพลิเคชั่นบันทึกกิจกรรมอย่าง Argus activity ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 7 แสนคนทั่วโลก ศาสตราจารย์ Scott Delp ผู้ทำการศึกษาเรื่องนี้ออกมาเผยว่า “การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาที่ใหญ่มากๆ เราได้ผลสำรวจจากประเทศอื่นๆ ด้วย ซึ่งมันทำให้งานวิจัยชิ้นนี้มีขนาดใหญ่แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน” และนี่คือกราฟแสดงจำนวนก้าวเดินเฉลี่ยของประชากรแต่ละประเทศ ผลการศึกษาดังกล่าวได้ถูกตีพิมพ์ลงวารสาร The Journal Nature โดยผู้วิจัยได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ตามจำนวนก้าวเดินนั้นอาจไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะบ่งบอกถึงระดับของคนอ้วนภายในประเทศแต่ยังมีเรื่องของคุณภาพกิจกรรมที่สัมพันธ์กับหลายๆ ปัจจัยภายในประเทศด้วยเช่นกัน ความแตกต่างของการทำกิจกรรมนั้นมีผลเกี่ยวกับปริมาณคนอ้วน อย่างเช่นสหรัฐอเมริกากับเม็กซิโก ที่มีจำนวนก้าวเฉลี่ยที่เท่ากันแต่สหรัฐอเมริกากลับมีปริมาณคนอ้วนสูงกว่า ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากความแตกต่างกันของกิจกรรม อาหาร หรือไลฟ์สไตล์นั่นเอง นอกจากนี้นักวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า การออกแบบผังเมืองที่ดีและมีพื้นที่ในการเดินที่มากขึ้นนั้น ก็จะช่วยให้จำนวนเฉลี่ยของก้าวเดินนั้นเพิ่มขึ้นด้วย และเป็นหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณของคนอ้วนภายในประเทศเช่นกัน ส่วนตัว #เหมียวเวจจี้ คิดว่า…
-
หนุ่มวัย 18 บันทึกการลดน้ำหนักจาก 133 กิโล เหลือเพียง 69 กิโล ภายในเวลา 1 ปี 5 เดือน
การเอาชนะใจตัวเองถือเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิตแล้ว ยิ่งหากคุณเป็นคนรูปร่างอ้วนการจะเอาชนะใจตัวเอง ฝึกความมีวินัยในการกินและออกกำลังกาย ดูจะเป็นเรื่องหนักหน่วงพอสมควร แต่เชื่อเถอะว่าคุณต้องทำได้!! นี่เป็นเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจดีๆ จากน้องตี๋ วัย 18 ปี ผู้ที่เคยมีน้ำหนักตัวมากถึง 133 กิโลกรัม แต่ตอนนี้สามารถลดน้ำหนักจนเหลือเพียง 68 กิโลกรัมภายในเวลา 1 ปี 5 เดือน อดีตเคยอ้วน น้องตี๋เล่าว่าตัวเองเคยพยายามลดน้ำหนักมาแล้วตอนอยู่ม.ต้น ด้วยการกินอาหารเสริมแต่ก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อย เพราะเมื่อหยุดกินอาหารเสริมน้ำหนักก็กลับมาเท่าเดิมอีก น้องตี๋เลยพยายามลดน้ำหนักอีกครั้งด้วยการลดของมัน ของทอด ของหวาน แม้จะดูเป็นการหักดิบแต่ก็ต้องพยายามทำให้ได้ เริ่มออกกำลังกาย น้องตี๋ใช้เวลาหลังเลิกเรียนตั้งแต่ 15.00-19.00 น. ไปเข้าฟิตเนสเป็นประจำ โดยช่วงแรกใช้การเดินเป็นหลัก ก่อนจะหันมาปั่นจักรยานและการวิ่ง ในระหว่างนั้นเขาก็เปิดอินเตอร์เน็ตเพื่อดูท่าออกกำลังกายอื่นๆ ไปด้วย ในตอนนั้นน้ำหนักของน้องตี๋ลดลงมาอยู่ที่ 98 กิโลกรัม แต่เนื่องจากเน้นเวทเทรนนิ่งมากไปในช่วงแรก ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ผิวหนังเลยย้วยไปหน่อย น้องตี๋ลดน้ำหนักและออกกำลังกายมาเรื่อยๆ จนมาอยู่ที่ 75 กิโลกรัม จากที่เคยใส่เสื้อผ้าไซส์ 4XL ก็เหลือเพียงไซส์ L เอวที่เคยใหญ่ถึง 54…
-
ผลวิจัยชี้… “ลูกคนที่สอง” มีแนวโน้มจะเป็นผู้สร้างปัญหา มากกว่าลูกพี่น้องคนอื่นๆ!?
เมื่อไหร่ที่พูดถึงเรื่องความเป็นพี่น้อง หลายคนอาจจะเคยถูกถามว่าระหว่างตัวเราเองกับพี่น้องเราใครดื้อมากกว่าเกิน แน่นอนละว่าคงไม่มีใครยอมรับหรอกว่าตัวเองหน่ะดื้อ และสร้างปัญหาให้มากกว่าคนอื่นๆ ทว่างานวิจัยล่าสุดของ Joseph Doyle จากสถาบัน MIT สาขาเศรษฐศาสตร์ ได้ค้นพบแล้วว่า ลูกคนที่สอง (โดยเฉพาะผู้ชาย) มีแนวโน้มที่จะเป็นตัวสร้างปัญหาให้มากกว่าพี่น้องร่วมสายเลือดคนอื่นๆ โดย Joseph Doyle ได้ทำการสำรวจและพบว่า พฤติกรรมของลูกคนโตในวัยเด็กส่งผลต่อพฤติกรรมของลูกคนที่สองด้วยเช่นกัน อีกทั้งนักวิจัยยังพบว่าส่วนใหญ่แล้วในช่วงวัยเด็ก พ่อแม่มักจะทุ่มทุนในการเลี้ยงลูกคนแรกมากกว่า ซึ่งอาจทำให้ลูกคนที่สองรู้สึกได้ถึงการถูกปฏิบัติที่แตกต่างกัน แต่ที่น่าสนใจก็คือพฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลมาถึงพวกเขาในตอนโต สองพี่น้องคู่ป่วนโลก หลังจากค้นพบสมมุติฐานที่อาจนำไปสู่คำตอบแล้ว Joseph Doyle จึงได้ทำการสำรวจพฤติกรรมจากคู่พี่น้องกว่า 1,000 คู่ทั่วสหรัฐอเมริกาและในโซนยุโรป ผลปรากฎว่ากว่า 25 – 40% ของลูกคนที่สอง มีแนวโน้มที่จะสร้างปัญหาที่โรงเรียน หรือทำผิดกฎหมายมากกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นงานวิจัยไม่ได้ระบุว่าลูกคนที่สองจะต้องเป็นเด็กไม่ดี หากแต่เป็นเพียงผลสำรวจจากคนส่วนใหญ่เฉยๆ เท่านั้น ที่มา: Ladbible
-
ผลวิจัยชี้ ‘การนอนหลับไม่เพียงพอ’ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็น ‘โรคสมองเสื่อม’ มากขึ้น!!
อย่างที่รู้ๆ กันดีว่า การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการมีสุขภาพแข็งแรง แต่ในขณะเดียวกันถ้าหากว่าละเลยเรื่องนี้ไป ก็อาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน!! เรื่องต่อไปนี้อาจจเป็นข่าวร้ายสำหรับบุคคลที่นอนดึกตื่นเช้า หรือนอนหลับในระยะเวลาที่น้อยเกินไป เพราะเมื่อไม่นานมานี้ได้มีรายงานว่าการนอนหลับไม่เพียงพอนั้นจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคความจำเสื่อม การนอนหลับไม่เพียงพอหรือการนอนไม่เต็มอิ่มนั้น อาจทำลายความจำระยะสั้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ อีกหลายชนิด ซึ่งการศึกษาดังกล่าวนั้นถูกตีพิมพ์ในวารสาร Neurology โดยนักวิจัยได้ทำการศึกษาและพบว่า ผู้ใหญ่ในช่วงวัยกลางคนส่วนมากที่มีการนอนหลับไม่เพียงพอ มักจะมีอาการโรคของความจำเสื่อมในส่วนของ Cerebrospinal fluid จากการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ใหญ่อายุเฉลี่ยไม่เกิน 63 ปี จำนวน 101 คน โดยการนำเนื้อเยื่อในส่วนของไขสันหลังมาทำการตรวจหาการสะสมของโปรตีน อาการอักเสบ และเซลล์ที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคความจำเสื่อม โดยผู้เข้าร่วมการศึกษาทุกคนจัดอยู่ในกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงทั้งปัจจัยทางด้านกรรมพันธุ์ และประวัติครอบครัว แต่ไม่มีปัญหาทางด้านสุขภาพเลย นักวิจัยพบว่าปัจจัยทางด้านอายุนั้นไม่มีผลต่อการสะสมของก้อนโปรตีนดังกล่าว แต่กลับพบว่าการนอนหลับไม่เพียงพอนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดอาการสะสมของโรคนี้แทน การนอนหลับที่ดีนั้นจะช่วยในการซ่อมแซมเซลล์สมอง ด้วยการขจัดสิ่งที่เรียกว่า neurotoxins ออกไป โดยสารพิษพวกนี้ จะมีส่วนที่จะทำให้เกิดการสะสมของโปรตีน ที่นำไปสู่อาการโรคความจำเสื่อมนั่นเอง งานวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอนั้นทำเกิดการสะสมของ แอมีลอยด์ บีตา หนึ่งในสารที่พบในผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมนั่นเอง รู้แบบนี้แล้วก็อย่าลืมนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอกันด้วยนะครับ… ที่มา businessinsider
-
13 ความจริงเกี่ยวกับ “หมึกยักษ์” ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันน่าสะพรึงขนาดไหน!?
หมึกยักษ์อาจเป็นที่รู้จักตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความลึกลับมากมายเกี่ยวกับปลาหมึกยักษ์ที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อน หรือเพิ่งรู้เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมานี้เอง จะมีอะไรบ้างไปดูกันค่ะ 1. หมึกยักษ์มีขนาดตาเท่าจานร่อน เส้นผ่าศูนย์กลางของปลาหมึกยักษ์จะอยู่ที่ 10.5 นิ้ว แต่เมื่อมันตาย ดวงตาของมันก็ยุบลงไปเหมือนถุงพลาสติก อย่างไรก็ตามหมึกยักษ์ก็ไม่สามารถมองเห็นสีได้ 2. ตัวเมียจะตัวใหญ่กว่าตัวผู้ โดยเฉลี่ยแล้วหมึกยักษ์ตัวเมียจะมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ถึง 2 เท่า หรือยาวกว่าประมาณ 3 เมตร 3. ปุ่มดูดของพวกมันสามารถใช้เป็นอาวุธที่รุนแรงได้ ปุ่มดูด (sucker) บนแขนมีขนาดเฉลี่ยประมาณ 2.5 เซนติเมตร ซึ่งปุ่มดูดอันใหญ่ที่สุดบนหนวดจับมีขนาดถึง 5-5.5 เซนติเมตร เมื่อถูกโจมตี ปลาหมึกยักษ์จะตอบโต้การขยายปุ่มดูดให้กว้างเพื่อจู่โจมศัตรู 4. หมึกยักษ์มีความยาวเฉลี่ย 13 เมตร ขนาดโดยไม่รวมหนวดคือ 5 เมตร ถ้าวัดรวมหนวดด้วยตัวเมียจะมีขนาดประมาณ 13 เมตร และหนัก 15 กิโลกรัม แต่เชื่อกันว่าจริงๆ แล้วอาจจะมีขนาดใหญ่ได้ถึง 20 เมตร แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน …
-
โฉมหน้า 6 มหาเศรษฐี ที่บริจาคเงินให้การกุศล เพราะรวยไปก็ไลฟ์บอย ช่วยสังคมดีกว่า!!
เคยลองจินตนาการกันเล่นๆ มั้ยว่า? ถ้าวันหนึ่งจู่ๆ เรากลายเป็นเศรษฐีพันล้านชื่อดังระดับโลกขึ้นมา เราจะเอาเงินทั้งหมดนั้นไปทำอะไรบ้าง? แต่สำหรับเศรษฐีระดับโลกทั้ง 6 คนนี้ เชื่อว่าพวกเขาน่าจะได้ทำในสิ่งที่อยากทำไปหมดแล้ว เลยนำเงินที่หามาได้บริจาคให้กับการกุศลเป็นจำนวนมาก และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของเศรษฐีที่รวยไปก็ไลฟ์บอย หันมาช่วยสังคมบ้างอะไรบ้างดีกว่า!! Bill Gates – 28 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หากพูดถึงคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ก็ต้องมีรายชื่อของชายคนนี้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเสมอ จากการรายงานพบว่าเขายอมบริจาค 95% ของรายได้ตัวเองให้แก่มูลนิธิ Bill and Melinda Gates Foundation ถ้าตีเป็นตัวเลขกลมๆ จาก 95% ของรายได้ที่เขาบริจาคไป ก็จะได้ตัวเลขทั้งหมดเท่ากับ 28 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา หรือราวๆ 955 พันล้านบาทนั่นเอง Warren Buffet – 14 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ชายผู้รวยเป็นอันดับ 3 ของโลก ก่อนหน้านี้เขาเคยบริจาคเงินกว่า 14 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กับมูลนิธิของ Bill Gates อีกทั้งเจ้าตัวยังเคยให้สัมภาษณ์ว่าจะบริจาครายได้ 99%…
-
ทหารหนุ่มช่วยหญิงจากค่ายกักกัน ครองรักกันมานานนับ 71 ปี จากสงครามโลกครั้งที่ 2!!
อีกเรื่องราวความรักบันลือโลก ที่เกิดขึ้นท่ามกลางไฟสงครามอันร้อนระอุในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และเราก็มั่นใจว่าความรักของทั้งคู่อาจเป็นความฝันในบั้นปลายชีวิตของใครหลายๆ คน เพราะนี่คือตำนานรักดอกเหมยระหว่าง John Mackay อดีตทหารสก็อตแลนด์ผู้เข้าไปช่วยเหลือ Edith Steiner หญิงสาวชาวยิวที่ถูกจับตัวอยู่ในค่ายกักกัน John Mackay คุณปู่วัย 96 ปี และ Edith Steiner คุณย่าวัย 92 ปี ตอนนี้ทั้งคู่อยู่กินด้วยกันมามากกว่า 70 ปีแล้ว ย้อนกลับไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นช่วงเวลาที่จักรวรรดินาซีเริ่มแพร่ขยายอิทธิพลไปทั่วยุโรป มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นก็มีหญิงสาวที่ชื่อว่า Edith Steiner อยู่ด้วยเช่นกัน พวกเขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าเหตุการณ์ครั้งนั้น จะเป็นจุดเริ่มต้นของพรหมลิขิต เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ John Mackay ทำหน้าที่เป็นหนึ่งในหน่วยคอมมานโดของประเทศสก็อตแลนด์ และหนึ่งในผลงานการสงครามของเขา คือการบุกเข้าไปช่วยเหลือเชลยศึกชาวยิวในค่ายกักกัน Auschwitz ในปี 1944 หลังเสร็จสิ้นสงครามทั้งคู่ไม่ได้พบกันอีกเลย จนกระทั่งเมื่องานเต้นรำเฉลิมฉลองแด่อิสระภาพมาถึง… ทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้งและตัดสินใจที่จะจับมือกันเข้าสู่พิธีวิวาห์ ในวันที่ 17 มิถุนายน 1946…
-
12 พฤติกรรมแปลกๆ ของมนุษย์ ที่เราอยากจะอธิบายให้เพื่อนๆ จากนอกโลกได้รู้…
จักรวาลของเราช่างกว้างใหญ่ไพศาล จึงไม่แน่ว่านอกจากพวกเราแล้วอาจจะมีมนุษย์ต่างดาวอยู่ก็เป็นได้ และถ้าสมมตินะครับ สมมุติว่าวันหนึ่งเหล่ามนุษย์ต่างดาวบุกมายังโลกล่ะก็ พวกเขาอาจจะรู้จักเราก็ได้นะ แต่บางครั้งก็มีหลายๆ พฤติกรรมแปลกๆ ที่มนุษย์เราชอบทำอยู่บ่อยๆ และต่อไปนี้คือคู่มือสำหรับศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์โลกฉบับย่อ จะมีอะไรแปลกๆ บ้างนั้นไปชมกันเลย… 1. มนุษย์ต้องอุ่นอาหารก่อนกินทุกครั้งนะรู้ป่าว?? 2. ชีวิตส่วนมากของพวกเรามีไฟเข้ามาเกี่ยวข้อง 3. พวกเรามีฟัน 2 ชุดนะ 4. บางครั้งพวกเราก็ชอบทำอะไรน่ารักๆ นะ 5. จุดอ่อนของพวกเราก็คือ แพ้แมว 6. พวกเราส่วนใหญ่หน้าคล้ายกันนะอย่าสับสนล่ะ!! 7. ไม่ต้องตกใจนะถ้าเห็นสีผมของพวกเราเปลี่ยนไป 8. พวกเราไม่ได้ใส่กางเกงแค่ตัวเดียวนะ 9. บ่อยครั้งที่พวกเราชอบทำอะไรแปลกๆ อย่างเช่นอาบน้ำอุ่นในหน้าร้อน 10. และมนุษย์ ไม่ชอบให้ใครมาลอกเลียนแบบด้วย 11. ไม่ว่าจะเจอสถานะการณ์ยากลำบากแค่ไหน พวกเราก็เอาตัวรอดได้ 12. และจริงๆ แล้วพวกเรานั้นคาดเดาอะไรไม่ได้เลย ฮ่าๆ…
-
ผลวิจัยชี้ คู่รักที่ออกไป “ดื่ม” ด้วยกันบ่อยๆ จะเสริมสร้างความสำพันธ์ที่ดีให้มากขึ้น
การเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครสักคนนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย และการที่จะรักษาความสัมพันธ์ให้อยู่ยืนยาวนั้นก็อาจจะยากไม่แพ้กัน แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้เรามีเคล็ดลับในการรักษษความรักของคุณและคู่รักให้หวานเจี๊ยบไปอีกนานมาฝากกัน… เมื่อไม่นานมานี้ทางเว็บไซต์ ladbible ได้รายงานว่ามีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร The Journals of Gerontology Series B: Psychological Series พบว่าการออกไปดื่มกับคู่รักด้วยกันบ่อยๆ นั้นจะช่วยทำให้ความรักของคุณยั่งยืนยิ่งขึ้น จากการศึกษาในคู่แต่งงานกว่า 4,864 คู่พบว่ามีคู่รักมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นหลังจากที่พวกเขาออกไปดื่มด้วยกัน แต่ถ้าหากสามีภรรยาที่ปล่อยให้คู่ของพวกเขาดื่มเหงาๆ อยู่ลำพังเพียงคนเดียวจะมีความสัมพันธ์ที่แย่ลง ด็อกเตอร์ Kira Birditt จากมหาวิทยาลัย University of Michigan กล่าวว่า “พวกเรายังไม่แน่ใจถึงสาเหตุที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าการทำกิจกรรมยามว่างด้วยกันของคู่รักทำให้ความสำพันธ์ของพวกเขาดีขึ้น” “แต่การศึกษานั้นไม่ได้บอกว่าพวกเขาจะต้องดื่มมากแค่ไหน แต่มันเป็นการศึกษาระหว่างคู่รักที่ดื่มและไม่ดื่มต่างหาก” ด็อกเตอร์กล่าวเสริม นั่นหมายความว่าพวกคุณไม่จำเป็นต้องออกไปเมาด้วยกันแทบจะทุกวัน แต่ควรจะหาเวลาออกไปดื่มด้วยกันบ้างต่างหาก “การดื่มจนเมายับนั้นไม่เป็นผลดีต่อความสำคัญของคู่รักแน่นอน แต่อีกหนึ่งสิ่งที่จะทำให้ความรักราบเรียบก็คือการมองไปข้างหน้าด้วยกัน” ด็อกเตอร์ Fred Blow กล่าวทิ้งท้าย อื่ม… ถ้าหากใครไม่ถนัดดื่ม หรือไม่ชอบเข้าร้านเหล้าก็ลองหากิจกรรมอย่างอื่นทำร่วมกันก็ได้นะเหมียว ที่มา ladbible
-
ป๊าบเข้าให้!! เมื่อ “เทพเจ้าสายฟ้า” พาลูกๆ ไปเสพธรรมชาติ ดั๊นเจอหมูบั๊มลูกกันซะนี่
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคู่รักที่มีความมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกันไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับคู่รักของพระเอกกล้ามโตจากแอสการ์ด Chris Hemsworth และภรรยาสุดสวย Elsa Pataky นอกจากความรักที่สุดแสนจะหวานแหววแล้ว ทั้งคู่ยังมีพยานรักเป็นเจ้าตัวเล็กด้วยกันถึง 3 คนด้วยกัน และบ่อยครั้งที่พวกเรามักจะเห็น Chris นั้นชอบใช้เวลากับลูกๆ ของเขาอยู่บ่อยๆ อย่างการทำเค้กฉลองวันเกิดให้ลูกสาวด้วยตัวเอง พ่อธอร์ของเราก็จัดมาแล้ว (อ่านข่าวเก่า เมื่อไปซื้อเค้กวันเกิดให้ลูกสาวที่ร้านแล้วไม่มี Chris Hemsworth เลยลงทุนอบด้วยตัวเองซะเลย!!!) และเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Chris และลูกๆ ของพวกเขาก็ได้ไปเที่ยวชมฟาร์มแห่งหนึ่ง และเพลิดเพลินกับเหล่าสัตว์ต่างๆ ที่กำลังทำกิจกรรมของพวกมันอยู่ และนี่คือภาพของการท่องเที่ยวในวันหยุดของพวกเขา ดูเหมือนเจ้าหนูทั้งสามกำลังสนุกกับการดูเจ้าหมูเลยนะเนี่ย แต่เดี๋ยวๆ ภาพนี้มันแปลกๆ อยู่นะว่าไหม?? ไหน ขอดูแบบชัดๆ ดิ๊… อื่ม… ชัดเจนเลย โถ่ เจ้าหมูดั๊นมาทำอะไรกันตรงนั้นเนี่ย สงสารหนูน้อยทั้ง 3 จริงจริ๊ง ฮ่าๆ นอกจากเขาจะเป็นคุณพ่อที่ชอบพาลูกเที่ยวแล้ว หนุ่ม Chris ก็ทำหน้าที่คุณพ่อแสนน่ารักกับลูกๆ อีกมากมาย และนี่คือภาพของ Chris Hemsworth ที่จะมาพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นคุณพ่อที่ดี และน่ารักมากขนาดไหน ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้นอนบนอ้อมแขนอันแสนอบอุ่นของพ่อแล้ว…
-
ผลวิจัยชี้ คู่รักที่ออกไป “ดื่ม” ด้วยกันบ่อยๆ จะช่วยเสริมสร้างความสำพันธ์ที่ดีให้มากขึ้น
การเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครสักคนนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย และการที่จะรักษาความสัมพันธ์ให้อยู่ยืนยาวนั้นก็อาจจะยากไม่แพ้กัน แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้เรามีเคล็ดลับในการรักษษความรักของคุณและคู่รักให้หวานเจี๊ยบไปอีกนานมาฝากกัน… เมื่อไม่นานมานี้ทางเว็บไซต์ ladbible ได้รายงานว่ามีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร The Journals of Gerontology Series B: Psychological Series พบว่าการออกไปดื่มกับคู่รักด้วยกันบ่อยๆ นั้นจะช่วยทำให้ความรักของคุณยั่งยืนยิ่งขึ้น จากการศึกษาในคู่แต่งงานกว่า 4,864 คู่พบว่ามีคู่รักมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นหลังจากที่พวกเขาออกไปดื่มด้วยกัน แต่ถ้าหากสามีภรรยาที่ปล่อยให้คู่ของพวกเขาดื่มเหงาๆ อยู่ลำพังเพียงคนเดียวจะมีความสัมพันธ์ที่แย่ลง ด็อกเตอร์ Kira Birditt จากมหาวิทยาลัย University of Michigan กล่าวว่า “พวกเรายังไม่แน่ใจถึงสาเหตุที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าการทำกิจกรรมยามว่างด้วยกันของคู่รักทำให้ความสำพันธ์ของพวกเขาดีขึ้น” “แต่การศึกษานั้นไม่ได้บอกว่าพวกเขาจะต้องดื่มมากแค่ไหน แต่มันเป็นการศึกษาระหว่างคู่รักที่ดื่มและไม่ดื่มต่างหาก” ด็อกเตอร์กล่าวเสริม นั่นหมายความว่าพวกคุณไม่จำเป็นต้องออกไปเมาด้วยกันแทบจะทุกวัน แต่ควรจะหาเวลาออกไปดื่มด้วยกันบ้างต่างหาก “การดื่มจนเมายับนั้นไม่เป็นผลดีต่อความสำคัญของคู่รักแน่นอน แต่อีกหนึ่งสิ่งที่จะทำให้ความรักราบเรียบก็คือการมองไปข้างหน้าด้วยกัน” ด็อกเตอร์ Fred Blow กล่าวทิ้งท้าย อื่ม… ถ้าหากใครไม่ถนัดดื่ม หรือไม่ชอบเข้าร้านเหล้าก็ลองหากิจกรรมอย่างอื่นทำร่วมกันก็ได้นะเหมียว ที่มา ladbible
-
หนุ่มบราซิลรับการผ่าตัดมือที่เสียหาย ด้วยการ ‘เย็บติดไว้ในท้อง’ จนกลับงอกขึ้นมาใหม่ได้!?
[บทความต่อไปนี้อาจมีเนื้อหาและภาพที่รุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม] หากใครยังจำกันได้ เมื่อราวๆ ต้นปี 2016 ได้เคยมีการรายงานข่าวเกี่ยวกับหนุ่มชาวบราซิล Carlos Mariotti ที่ทำงานเป็นคนควบคุมเครื่องจักร แต่กลับเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อเขาดันถูกเครื่องจักรดูดมือเข้าไปจนเนื้อที่มือของเขาแทบไม่เหลือ นาย Carlos ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วน และที่โรงพยาบาลเขาก็ได้พบกับคุณหมอ Boris Brandao ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดและตกแต่งผิวหนัง เขาเลยเกิดไอเดียในการผ่าหน้าท้องของคนไข้แล้วนำมือที่ได้รับบาดเจ็บใส่เข้าไปในกระเพาะอาหาร เพื่อให้ร่างกายสร้างกล้ามเนื้อ สารอาหารและผสานเส้นเลือดขึ้นมาใหม่ อีกทั้งยังเป็นการป้องกันการติดเชื้อที่มือของคนไข้ด้วย เขาต้องทนทรมานอยู่แบบนี้ราวๆ 6 สัปดาห์ เพื่อให้มือกลับมามีสภาพที่สมบูรณ์ ในระหว่างนั้นเขาก็ต้องใช้ชีวิตประจำวันไปด้วย โดยมีภรรยาและลูกคอยช่วยเหลือดูแล แต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้ว่าตัวเองจะเผลอดึงมือออกจากหน้าท้อง เมื่อเวลาผ่านไป 6 สัปดาห์ มือของ Carlos ก็เริ่มกลับมาเป็นรูปเป็นร่างอีกครั้งและพร้อมที่จะถูกผ่าออกจากหน้าท้องของเขาแล้ว และมันก็ออกมาดีทีเดียวเมื่อเทียบกับตอนที่เขาได้รับอุบัติเหตุใหม่ๆ เมื่อนำมือออกมาได้แล้วก็ต้องรักษาเพื่อให้แผลเข้าที่เข้าทางต่ออีกสักพัก ก่อนที่คุณหมอ Boris จะวางแผนผ่าตัดครั้งต่อไป เพื่อแยกมือที่เป็นก้อนของเขาออกให้กลายเป็นนิ้วมือแบบปกติ ในระหว่างนั้น Carlos ต้องฝึกใช้มือข้างซ้ายของเขาในการทำกิจวัตรประจำวันแบบง่ายๆ อยู่เสมอ ทั้งการจับมือถือ…
-
‘Paddy’ Mayne จากนักกีฬารักบี้ทีมชาติ ชีวิตเมาหัวราน้ำสุดกู่ สู่ฮีโร่ในสงครามโลกครั้งที่ 2
ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ Blair ‘Paddy’ Mayne อดีตนักกีฬารักบี้ทีมชาติอังกฤษ ที่ผันตัวมาเป็นทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกลายเป็นฮีโร่ผู้รับหน้าที่ทำภารกิจที่เสี่ยงอันตรายมาแล้วมากมาย Paddy เป็นชายที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะมีร่างกายที่แข็งแรง ตัวสูง หน้าตาหล่อเหลา เล่นกีฬาเก่ง ทั้งกอล์ฟ คริกเกต และการยิงปืนไรเฟิล นอกจากนี้ก็ยังมีความเฉลียวฉลาดแบบสุดๆ เพราะเขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านกฎหมายและเตรียมตัวที่จะเป็นทนายความแล้ว แต่เนื่องจากว่าสกิลในการเล่นรักบี้ของพี่แกนั้นช่างโดดเด่นซะเหลือเกินจนได้เข้าไปเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษเมื่อปี 1938 แต่ข้อเสียของพี่ Paddy นั้นมีเพียงข้อเดียวคือเป็นคนที่ติดเหล้าอย่างหนัก แถมเวลาเมาแล้วก็ชอบระรานคนอื่นไปทั่ว มีครั้งหนึ่งที่นาย Harry McKibbin เพื่อนร่วมทีมเล่าว่าหลังจากจบการแข่งขันที่แอฟริกาใต้ พี่แกก็ออกไปเที่ยวจนดึกดื่นพอกลับมาที่โรงแรมก็พังห้องซะเละเลย นอกจากนี้ก็ยังไปต่อยตีกับเพื่อนร่วมทีมอยู่หลายครั้งหลังจากที่ดื่มจนหนัก จนมาถึงปี 1939 Paddy ก็ได้ถูกเชิญชวนให้ไปเข้ากองทัพกับหน่วยปืนใหญ่ Royal Artillery ก่อนที่ความสามารถในการยิงปืนและการรบของเขา จะไปเตะตาท่านนายพัน David Stirling ผู้ก่อตั้งหน่วย SAS (Special Air Service) SAS เป็นหน่วยรบพิเศษที่มีชื่อเสียงของประเทศอังกฤษ (เช่นเดียวกับหน่วย Delta Force และ Navy…
-
เจ้าสาวสุดติสต์ ลงมือถ่ายภาพงานแต่งงานเอง ด้วยสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์!!!
โดยปกติแล้ว ในวันสำคัญอย่างงานแต่งงานนั้น คู่บ่าวสาวมักจะจ้างช่างภาพฝีมือดีมาถ่ายรูปให้ เพราะอยากได้รูปที่มันดูอบอุ่นโรแมนติก มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งอะไรก็ว่ากันไป แต่สำหรับ Liisa Luts เธอเป็นช่างภาพอยู่ที่ Tallinn และตอนนี้เธอก็ได้มีงานแต่งงานเป็นของตัวเอง มีหรือที่เธอจะไม่เก็บภาพความงดงามของวันนี้ไว้ แต่ที่เด็ดที่สุดก็คือ เธอเป็นคนลงมือถ่ายรูปด้วยตัวของเธอเองทั้งหมด งานแต่งงานของเธอจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา ทั้งคู่ได้ทำธุริกิจเล็กๆเกี่ยวกับการถ่ายภาพและวิดีโอ และในวันแต่งงานเธอก็ได้การเก็บรูปทั้งหมด อาจจะใช้กระจกบ้างเมื่อยามจำเป็น “ฉันรู้สึกว่าอยากจะทำอะไรที่มันต่างออกไป ไม่ใช่แค่โพสภาพสวยๆ หรือต้องผ่านกระบวนการตกแต่งมากมาย ด้วยความเคารพต่อช่างภาพในวันแต่งงาน ฉันต้องการอะไรที่มันเป็น ‘เรา’ และมันก็ไม่มีอะไรจะจริงได้เท่าที่ฉันเป็นคนถ่ายมันเอง” เธอกล่าวกับ PetaPixel . . . . . . . . . . . . . . . . . . ที่มา petapixel
-
ผู้เชี่ยวชาญเผย 4 เคล็ดลับการป้องกันอาการ “แฮงค์โอเวอร์” เพื่อเช้าวันใหม่ที่ดีกว่า..!!
สำหรับนักดื่มทั้งหลายแล้ว เราเชื่อว่าหนึ่งในปัญหาที่กวนใจมากที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องอาการเมาค้าง แฮงค์โอเวอร์ที่เกิดขึ้นในเช้าวันใหม่นี่แหละ มันช่างทรมานซะเหลือเกิ๊นน และด้วยเหตุนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ 4 เคล็ดลับป้องกันอาการแฮงค์โอเวอร์ จาก Dr. Ralph Holsworth ซึ่งเรามั่นใจว่าเคล็ดลับทั้งหมดนี้จะช่วยทำให้คุณไม่ต้องตื่นมาแล้วรู้สึกเหมือนเป็นคนตายอีกต่อไป…!! 1. มั่นใจว่าร่างกายของคุณมีปริมาณน้ำที่เพียงพอก่อนออกไปปาร์ตี้ จากผลการวิจัยของ Dr. Holsworth พบว่ากว่า 70% ของประชากรทั่วโลกอยู่ในสภาวะขาดน้ำโดยไม่รู้ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคน้ำเปล่าที่น้อยเกินไป และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณดื่มแอลกอฮอล์ ร่างกายของเราจะพยายามขับสารเคมีออกมาเพื่อยับยั้งแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไปซึ่งนั่นเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะขาดแคลนน้ำมากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นเราควรดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย ก่อนจะออกไปปาร์ตี้ให้สุดเหวี่ยงยามค่ำคืน ซึ่งปริมาณน้ำในร่างกายนั้นสามารถบ่งบอกได้จากความเข้มข้นของปัสสาวะเช่นกัน 2. ดื่มน้ำตามเป็นระยะๆ ในขณะที่เรากำลังดื่มแอลกอฮอล์อย่างเมามันส์ อีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหาอาการเมาค้างได้ดีที่สุดก็คือ พยายามดื่มน้ำเปล่าให้มากเท่ากับแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไป และอาจจะดูแปลกไปหน่อยถ้าหากคุณเป็นพวกชอบดื่มเหล้าช็อต เพราะปริมาณแอลกอฮอล์ในเหล้าช็อตมีมากกว่าเบียร์หรือไวน์ ดังนั้นคุณอาจจะต้องดื่มน้ำตามมากกว่าปกติ ยกตัวอย่างเช่นถ้าหากคุณดื่มเหล้า 2 ช็อต คุณก็ควรจะดื่มน้ำเปล่าตามในปริมาณ 2 แก้ว นอกจากนั้นผู้เชี่ยวชาญยังแนะว่า วิธีนี้ช่วยให้คุณแก้อาการเมาค้างได้สองทาง อย่างแรกคือร่างกายของคุณจะไม่เสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ และประการที่สองปริมาณน้ำที่รับเข้าไปจะช่วยชะลอการดูดซับแอลกอฮอล์ในร่างกายอีกด้วย 3. ทานอาหารที่มีปริมาณไขมันดีสูงก่อนดื่มแอลกอฮอล์ สาเหตุที่เราต้องรับประทานอาหารที่มีไขมันดีสูง นั่นก็เพราะว่าไขมันชนิดนี้สามารถชะลอการดูดซับแอลกอฮอล์เข้าสู่ระบบร่างกายเราได้ ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าไขมันเหล่านี้จะไปเกาะติดอยู่ตามลำไส้ใหญ่ของเรานั่นเอง…
-
วิทยาศาสตร์แนะ 10 เหตุผลว่าทำไมคุณถึงต้อง ‘นอนแก้ผ้า’ บอกเลยว่าประโยชน์เพียบ!!
โดยปกติแล้วการนอนนั้นถือเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ เพราะหากเราไม่นอนหลับ ก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายมากมาย จนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียวล่ะ แต่กลับกันหากเรานอนหลับอย่างเป็นประจำทุกวัน เข้านอนให้เป็นเวลา ก็จะส่งผลดีต่อร่างกาย และชีวิตประจำวันในวันต่อไปของเราได้ด้วยเช่นกัน แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่า เราสามารถทำให้การนอนของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการ ‘นอนแก้ผ้า’!? ต้องขอออกตัวไว้ก่อนเลยนะว่า #เหมียวหง่าว ไม่ได้ลามก การันตีด้วยผลการศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญมาแล้วมากมายทั่วโลก ที่ช่วยยืนยัน นอนยัน และนั่งยันว่าการนอนแก้ผ้านั้นมันดีจริงๆ นะเออ!! 1. ช่วยในเรื่องการเจริญพันธุ์ของเพศชาย จากการศึกษาจากสถาบัน Child Health ร่วมกันกับมหาวิทยาลัย Stanford University พบว่าผู้ชายที่นอนหลับโดยไม่ใส่อะไรเลยจะมีสร้างความเสียหายให้กับ DNA ในน้ำอสุจิ น้อยกว่าคนที่ใส่บ็อกเซอร์หรือกางเกงในตอนนอนถึง 25% ซึ่งสาเหตุที่เป็นแบบนั้นก็เพราะความแตกต่างของอุณหภูมินั่นเอง 2. ช่วยให้ผิวพรรณของเราดีขึ้น เมื่อเราสวมใส่เสื้อผ้าขณะนอนหลับ จะทำให้ผิวหนังส่วนต่างๆ ไม่สามารถระบายความร้อนออกไปได้เท่าที่ควร ซึ่งอาจก่อให้เกิดการอับชื้นขึ้นและยิ่งเป็นช่วงฤดูร้อนก็อาจจะก่อให้เกิดโรคผิวหนังได้เลยทีเดียวล่ะ 3. ช่วยควบคุมฮอร์โมน Cortisol ที่มีความเชื่อมโยงกับความเครียดไม่ให้เพิ่มสูงจนเกินไป Cortisol นั้นเป็นฮอร์โมนที่มีความเชื่อมโยงกับความกังวล และความเครียด ซึ่งโดยปกติแล้วมันมักจะเพิ่มขึ้นตอนที่เราหลับอยู่ อันเนื่องมาจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นของร่างกาย แต่ถ้าเรานอนแก้ผ้ามันจะช่วยให้ร่างกายของเราสามารถควบคุมอุณหภูมิของร่างกายเราได้ง่ายกว่า…
-
รู้จักชื่อทั้ง “220 เฉดสี” ในภาษาอังกฤษ ชื่อของแต่ละโทนสีก็เพราะพริ้งทั้งนั้น!!
ใช่ว่าจะมีแต่คนไทยเราเท่านั้นที่มีคำศัพท์ไว้เรียกสีโทนเดียวกันแต่เฉดสีที่ต่างกัน เช่น เขียวขี้ม้า ม่วงเม็ดมะปราง หรือแดงแบบเลือดหมูอะไรประมาณนั้น ซึ่งทางฝั่งของภาษาอังกฤษก็มีคำศัพท์ที่เป็นชื่อเฉพาะของสีต่างๆ ด้วยเช่นกัน เอาเป็นว่าเราลองไปชมรายละเอียดที่อาจจะทำให้คุณรู้สึกมึนตึ๊บกับค่าของสีกันเลยดีกว่า (คำแนะนำ: ปรับจอแสงสว่างของหน้าจอให้ดี เพื่อที่จะได้เห็นความแตกต่างของสีที่ชัดเจน) ชื่อของเฉดสีในโทนสีดำ ชื่อของเฉดสีในโทนสีน้ำเงิน ชื่อของเฉดสีในโทนสีน้ำตาล ชื่อของเฉดสีในโทนสีเขียว ชื่อของเฉดสีในโทนสีเทา ชื่อของเฉดสีในโทนสีส้ม ชื่อของเฉดสีในโทนสีชมพู ชื่อของเฉดสีในโทนสีม่วง ชื่อของเฉดสีในโทนสีแทน ชื่อของเฉดสีในโทนสีแดง ชื่อของเฉดสีในโทนสีขาว ถ้าให้ท่องจำทั้งหมดนี้ต้องอ้วกออกมาเป็นสีแน่ๆ เลย ที่มา: Scholarship
-
ไม่ว่าจะแก้บนหรือแก้ล่าง เราได้รวม 9 อีเว้นท์ “แก้ผ้า” จากทั่วโลกมาให้ดูกันแล้ว!!
เราอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเทศกาลแปลกๆ จากทั่วทุกมุมโลกมาแล้ว โดยหนึ่งในเทศกาลที่แปลกๆ นั่นก็คือ “งานแก้ผ้า” ซึ่งชุดที่จะใส่ไปเข้าร่วมงานแน่นอนว่าเป็น “ชุดหนังตัวเรานี่แหละ!!” ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ งานประเภทนี้ไม่ได้จัดเพียงแค่ที่เดียวหรือประเทศเดียว มันได้ถูกจัดขึ้นรอบโลก!? #เหมียวปั๊ก ได้รวบรวม 9 งานแก้ผ้าจากทั่วโลกมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันว่าแต่ละที่แตกต่างกันหรือเปล่า 1.) World Naked Bike Ride เทศกาลนี้จัดขึ้นที่ London โดยเหล่าผู้รักการแก้ผ้ากว่า 70 ประเทศได้รวมตัวกันเพื่อปั่นจักรยานไปตามท้องถนน ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อเรียกร้องให้รถที่สัญจรไปมาในท้องถนนให้ความสำคัญกับจักรยานเพื่อนร่วมทางด้วย 2.) การแสดงเต้นเปลือยเปล่า (ออสเตรเลีย) นอกจากการแสดงที่จะเปลือยแล้ว คนที่เข้าชมก็เปลือยด้วย!? ซึ่งการแสดงนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Sydney Festival โดยบัตรเข้าชมขายหมดภายใน 1 วัน นอกจากมารยาทในการรับชมแบบทั่วไปแล้ว ผู้ชมจะต้องเปลือยเพื่อรับชมการแสดงนี้ด้วยนะ 3.) ชั้นเรียนการอาบน้ำ (ญี่ปุ่น) เพื่อการอาบน้ำที่ถูกวิธีเลยมีการเปิดสอนเป็นชั้นเรียนให้เสียเลย โดยเจ้าของไอเดียนี้คือคุณ Yuichi Tamura วัย 36 ปี เจ้าของโรงอาบน้ำ Hinodeyu เพื่อเป็นการรักษาธรรมเนียมการอาบน้ำของญี่ปุ่นไว้ เขาจึงได้ผุดไอเดียเปิดคลาสสอนวิธีการอาบน้ำแบบญี่ปุ่นเสียเลย…
-
10 เพลงที่จะ “เปิดประสบการณ์ใหม่” ให้กับคุณ แนวนี้ก็มี และคุณอาจจะชอบมากก็ได้!!
การฟังเพลงคงจะเป็นหนึ่งในกิจกรรมโปรดของใครหลายๆ คนในเวลานั่งทำงาน หรือเดินทางไปต่างจังหวัด แต่การฟังเพลงเดิมๆ ซ้ำๆ มันก็น่าเบื่อเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?? และถ้าหากใครอยากจะหาอะไรใหม่ๆ มากระแทกหูแต่ก็ยังไม่รู้จะฟังอะไรดี วันนี้เราได้เลือกเพลงเจ๋งๆ มาฝากทุกคนแล้วจะมีเพลงอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลย… 1. The Ginkz – ปลิงดอง หลายๆ คนคงจะคุ้นเคยกับวงนี้เป็นอย่างดี กับเพลงสุดดังอย่าง แอบรักสาวมุสลิม แต่รู้หรือไม่ The Ginkz เค้ายังมีเพลงเจ๋งๆ ซ่อนอยู่อีกมากมาย และเพลงนี้คือหนึ่งในนั้น ดีอย่างไรเชิญเสพย์เลย… 2. ขอ – Cover by บูมเดี่ยว สำหรับใครที่เบื่อเพลง Cover แบบเดิมๆ เราขอแนะนำเพลงนี้เลย ผลงานจากมือกีตาร์แห่งวงร๊อคที่ร่ำรวยที่สุดประเทศ “ไปส่งกู บ.ข.ส. ดู๊” ได้ปล่อยผลงานเดี่ยวมาเอาใจแฟนเพลง และต้องบอกเลยว่าเพลงขอเวอร์ชั่นนี้เป็นอีกขั้นของเพลง Cover จริงๆ ไม่เชื่อก็ลองฟังดู 3. บอยจ๊อส – อีสาวเห้อ การผสมผสานกันระหว่างภาษาใต้ ภาษายาวี และดนตรีแบบ…
-
รวมผลสำรวจ 5 ความในใจของ “สาวญี่ปุ่น” กับสิ่งที่อยากบอก “พ่อ” ตัวเองเหลือเกิน…
วันพ่อของญี่ปุ่นนั้นตรงกับวันที่ 18 มิถุนายนของทุกปี โดยในวันนี้จะเป็นโอกาสที่เหล่าคุณลูกๆได้แสดงความรักให้กับคุณพ่ออย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นการเฉลิมฉลอง รวมไปถึงการซื้อของขวัญให้เหล่าคุณพ่อที่ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อครอบครัวมาทั้งปี และเมื่อไม่นานมานี้ทางบริษัทเสื้อผ้าชื่อดังของญี่ปุ่นอย่าง Uniqlo ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของสาววัยรุ่นชาวญี่ปุ่นที่อยู่บ้านเดียวกับคุณพ่อจำนวน 200 คน โดยสอบถามในเรื่องที่เกี่ยวกับคุณพ่อของพวกเธอเอง จากผลการสำรวจนี้ได้เผยถึงข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เหล่าคุณลูกสาวอยากจะบอกกับพ่อของเธอเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ โดยจัดเป็น 5 อันดับได้ดังนี้ อันดับที่ 5 อยากให้คุณพ่อหวีผมบ้าง (ตอบข้อนี้ 21%) ถึงแม้ในญี่ปุ่นการอาบน้ำในตอนดึกจะเป็นเรื่องปกติ แต่ด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบตอนเช้า เหล่าคุณพ่อก็มักจะไม่สระผม เลยทำให้ผมของพวกเขานั้นชี้โด่เด่ไปในทิศทางต่างๆ อันดับ 4 อยากให้คุณพ่อจัดการเกี่ยวกับเหงื่อ (ตอบข้อนี้ 27%) ด้วยจำนวนเหงื่อที่ออกมาเยอะ เหล่าคุณพ่อก็ควรที่จะมีการจัดการอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการพกผ้าซับ หรือใส่เสื้อซับเพื่อลดการเกิดเหงื่อขึ้นมานั่นเอง อันดับ 3 อยากให้คุณพ่อใส่เสื้อผ้าเท่ๆ (ตอบข้อนี้ 34%) ไม่มีใครอยากที่จะแต่งตัวเฉยๆ ไม่เข้ากับสมัย โดยเหล่าคุณลูกส่วนใหญ่นั้นบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณพ่อควรจะใส่เสื้อผ้าที่ดูดีหรือมีความเท่บ้าง คือช่วยใส่ใจกับการแต่งตัวหน่อยเถอะ!! อันดับ 2 อยากให้คุณพ่อได้ออกกำลังกายบ้าง (ตอบข้อนี้ 36%) แม้ว่าอายุจะร่วงโรยไปตามวัย แต่ร่างกายก็ไม่ควรร่วงโรยไปตามอายุ เหล่าลูกสาวก็เลยอกกมาบอกกับเหล่าคุณพ่อว่าควรที่จะออกกำลังกายบ้างเพื่อทำให้ตัวเองมีสุขภาพที่แข็งแรง …
-
ผลวิจัยชี้ ถ้าชายหนุ่ม “ขัดจรวด” 21 ครั้งต่อเดือน ลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
การช่วยตัวเอง อาจจะเป็นการผ่อนคลายยามว่าของท่านชายหลายๆ คน แต่การทำบ่อยๆ นั้นอาจจะทำให้คุณถูกมองว่าเป็นพวกหมกหมุ่นทางเพศได้ง่ายๆ อ๊ะๆ..อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น คนที่ชอบแบบทำนี้เนี่ย เขาอาจต้องการลดความเสี่ยงโรคมะเร็งต่อมลูกหมากก็ได้นะเออ!! เมื่อไม่นานมานี้ทางสื่อนอกได้รายงานว่า มีผลการวิจัยชิ้นหนึ่งบอกว่าการปั๊ดว้องหรือการช่วยตัวเองนั้นช่วยลดความเสี่ยงของโรคร้ายนี้ได้ มะเร็งต่อมลูกหมากถือว่าเป็นหนึ่งในโรคที่พบมากในเพศชาย ในปี 2014 มีผลสำรวจออกมาว่าชายชาวอังกฤษมากกว่า 45,000 คนป่วยด้วยโรคร้ายนี้ ซึ่งสร้างความทรมานและความลำบากในการใช้ชีวิตของพวกเขาอย่างมาก แต่ล่าสุดนักวิจัยจากทางมหาวิทยาลัย Harvard พบว่าการทำกิจกรรมทางเพศนั้นจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ จากการศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 32,000 คนพบว่า ชายที่มีอัตราการหลังน้ำอสุจิสูงมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคนี้น้อยกว่า นอกจากนี้ผลวิจัยยังพบว่า การหลังน้ำอสุจิ 21 ครั้งต่อเดือนช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดโรคได้ถึง 33 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว แต่ถ้าหากจะออกไปซุกซนข้างนอกบ่อยๆ ก็อาจะเลี่ยงติดโรคอย่างอื่นมาแทนได้ ดังนั้นการนั่งซ้อมน้องชายอยู่บ้านน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่อย่างไรก็ตามนอกจากการสาวแหนแล้วอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญในการหลีกเลี่ยงมะเร็งก็คือการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์นั้นเอง ด๊อกเตอร์ James Balch กล่าวว่า “ถ้าหากคุณต้องการที่จะหลีกเลี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมากคุณต้องงดทานอาหารที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอย่างเช่นพวกอาหารขยะต่างๆ หรือความเครียด และควรทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย” “นอกจากนี้อาหารอย่างมะเขือเทศ หรือกาแฟ และไขมันจากพืชก็ช่วยลดความเสี่ยงได้เช่นกัน” คุณหมอกล่าวทิ้งท้าย แหม่… รู้แบบนี้แล้วเวลาใครหาว่าหมกมุ่นก็ตอบกลับด้วยความมั่นใจได้เลยว่า “กำลังลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากอยู่” ฮ่าๆ …
-
10 Facts เกี่ยวกับ “เมกาโลดอน” ยอดนักล่าแห่งตำนานที่สูญพันธุ์ไปแล้ว โหดจนไม่กล้าลงทะเล
ในปัจจุบันหากเรานึกถึงสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยรู้จักมานั้นก็คงไม่พ้นเจ้า “วาฬ” สัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารแต่ใครจะไปรู้ว่าในอดีต ชื่อของมันก็คือ “ฉลามเมกาโลดอน” เจ้าฉลาม Megalodon เป็นสัตว์นักล่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยรู้จักมา ขึ้นชื่อว่าเป็นจ้าวแห่งท้องทะเลมีอายุอยู่ในช่วง 20-2 ล้านปีก่อน และตอนนี้ก็ได้สูญพันธุ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (สามารถติดตามอ่านข่าวเก่า น่าล่าวาฬในตำนาน Megalodon ได้ที่นี่) แต่ถึงแม้มันจะสูญพันธุ์ไปแล้ว ความน่าสนใจของมันทำให้นักวิจัยหยิบเรื่องของมันมาศึกษาจนเกิดเป็น 10 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเจ้าฉลามตัวนี้ 1.) นักล่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ดั่งที่ได้เกริ่นมาข้างต้น เจ้าฉลามเมกาโลดอนนี้เป็นสัตว์นักล่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยรู้จักมาในประวัติศาสตร์โลกด้วยลำตัวของมันที่มีความยาวถึง 20 เมตรนี้ ทำให้มนุษย์อย่างเราๆ ดูตัวเล็กลงไปถนัดตาเลย 2.) ขนาดของฟัน และด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ “ฟัน” ของมันจึงมีขนาดที่ใหญ่โตไปด้วย ซึ่งฟันของมันนั้นมีความยาวกว่า 10 – 14 เซนติเมตร จากสถิติขนาดของฟันเมกาโลดอนที่ใหญ่ที่สุดที่ค้นพบมาคือ 17 เซนติเมตร!! 3.) พวกมันกินวาฬเป็นอาหารเช้า ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่โต ทำให้มันต้องกินอาหารเป็นจำนวนมากเพื่อความอยู่รอด แล้วอาหารที่มันกินคืออะไรหล่ะ? วาฬถือว่าเป็นอีกอาหารหลักของเมกาโลดอนที่พวกมันโปรดปราน สังเกตได้จากเศษกระดุกของวาฬที่ติดอยู่ตามฟันของมัน 4.) พวกมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับฉลามขาว แม้ว่าจะมีชื่อเป็นฉลามเหมือนกัน แต่พวกมันก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับฉลามขาวเลยอย่างที่งานวิจัยในปี 1843…
-
บริษัทสหรัฐเตรียมขาย “เนื้อเพาะแลป” ในปี 2018 ไม่ต้องเลี้ยงไม่ต้องฆ่า ให้เสียเวลาอีกแล้ว!!
เราคงจะคุ้นเคยกับการกินพืชผักที่เก็บได้จากการเพาะปลูกในพื้นที่ต่างๆ หรือจะเก็บได้ตามธรรมชาติก็ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าปัจจุบันนี้เราสามารถที่จะ “เก็บเนื้อ” จากการเพาะปลูกเขาเราได้ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติอเมริกาอย่าง Hampton Creek ได้ออกมาประกาศเปิดตัวว่าพวกเขาจะจะนำเนื้อที่ได้จากการเพาะออกมาจำหน่ายเพื่อการบริโภคในปี 2018 ที่จะถึงนี้ ซึ่งนี่สามารถที่จะเรียกเสียงฮือฮาให้แก่เหล่าชาววีแกนที่ใส่ใจต่อสัตว์เป็นอย่างมาก Hampton Creek ไม่ได้เป็นบริษัทเดียวที่มีแนวคิดในการวางขายเนื้อเพาะ แต่ยังมีบริษัทอย่าง Memphis Meat ที่ออกมาประกาศว่าจะวางขายเนื้อเพาะในปี 2021 ด้วยสัญญาณการเปลี่ยนแปลงจาก 2 บริษัทนี้ นี่อาจจะเป็นผลกระทบต่อวงการธุรกิจอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ก็เป็นไปได้ แนวคิดการเพาะเนื้อเพื่อการบริโภคนั้นมีโอกาสที่จะสามารถเข้ามาแทนที่การเลี้ยงสัตว์เพื่อบริโภคแบบเก่าได้ เนื่องจากจำนวนสัตว์ที่ต้องทำการเลี้ยงเป็นจำนวนมากนั้น ทำให้ใช้พื้นที่ในการผลิตมากตามไปด้วยเช่นกันในขณะที่การเพาะเนื้อสามารถที่จะลดปัญหาเรื่องพื้นที่ลงไปได้ เรื่องโรคระบาดในสัตว์ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งเช่นกัน เนื่องจากการเลี้ยงที่แออัดสามารถทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้เร็วอีกทั้งเชื้อโรคเหล่านี้สามารถดื้อยาและกลายพันธุ์ติดต่อมาสู่คนได้อีกด้วย การเลี้ยงแบบเก่าที่แออัดสามารถทำให้เชื้อดื้อยาได้ นอกจากนั้นการอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์เพื่อบริโภคแบบเก่านั้นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโลกร้อนหรือภาวะเรือนกระจก เนื่องจากการเลี้ยงนั้นสามารถที่จะปล่อยก๊าซมีเทนที่มาจากการผายลมของสัตว์ โดยก๊าซมีเทนนี้สามารถสร้างภาวะเรือนกระจกได้มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์หลายเท่า อุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์สามารถปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศจำนวนมาก ถึงแม้ว่าทางบริษัท Hampton Creek จะยังไม่ประกาศวันและสถานที่สำหรับการปล่อยผลิตภัณฑ์แน่นอน แต่นี่ก็ถือเป็นอีกสัญญาณที่น่าจับตามองเช่นกัน และสำหรับใครทีต้องการจะติดต่อผลงานและข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท Hampton Creek ก็สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ที่นี่ได้เลย ที่มา: smart-farm , businessinsider
-
ผู้เชี่ยวชาญเผยถึง ‘การกลืนหมากฝรั่งลงท้อง’ จริงๆ แล้วมันไม่ได้พันลำใส้หรอกนะ!!
หมากฝรั่งขนมเคี้ยวสุดโปรดของหลายๆ คน บางคนชอบที่จะเคี้ยวหมากฝรั่งแทบทั้งวันกันเลยทีเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องพึงระวังไว้เสมอว่าอย่ากลืน เมื่อหมดหวานหรือไม่อยากเคี้ยวแล้วก็ให้ทิ้ง แต่บางครั้งบางคราวก็เผลอกลืนลงไปจนทำให้รู้สึกเป็นห่วงภายในร่างกายตัวเอง!? เราคงอาจจะเคยได้ยินว่าการกลืนหมากฝรั่งลงไปในท้องนั้นอาจจะอยู่ในท้องเราประมาณ 6-7 เดือนหรือบางทีอาจใช้เวลาเป็นปีกันเลยทีเดียว หรือบางคนก็บอกว่ามันจะไปพันลำใส้เอาไว้และอาจทำให้ตายได้เลยทีเดียว แต่ไม่ต้องเดากันอีกต่อไป เพราะตอนนี้ทางผู้เชียวชาญได้ออกมาเผยความจริงแล้ว!! คุณหมอ Lisa Ganjhu อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินอาหารจาก NYU Langone Medical Center ในนิวยอร์ก ได้ออกมาเปิดเผยถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่คุณกลืนหมากฝรั่งลงไปแล้ว คุณหมอบอกว่าโดยทั่วไปแล้วการกลืนหมากฝรั่งนั้น ก็คล้ายกับการกลืนอาหารธรรมดาทั่วไป มันจะผ่านตามทางเดินอาหารแต่ไม่อาจจะย่อยสลายในร่างกายของเราได้หมด “กระเพาะอาหารของเราแข็งแรงมาก มันสามารถที่จะย่อยสลายเนื้อเหนียวๆ ได้ ดังนั้นมันก็สามารถที่จะย่อยหมากฝรั่งได้ด้วย แต่ด้วยคุณสมบัตทางเคมีของมันจึงทำให้เจ้าขนมที่ว่านี้ไม่สามารถย่อยสลายได้หมด” คุณหมอ Ganjhu กล่าว นอกจากนี้คุณหมอยังเสริมอีกว่า “เมื่อมันไม่สามารถย่อยสลายได้หมด ดังนั้นมันจึงจะถูกขับออกไปพร้อมกับอึของคุณ ซึ่งระยะเวลาในการขับออกไปนั้นก็ขึ้นอยู่กับการทำงานของสำใส้ของแต่ละคน” ภาพของหมากฝรั่งหลังจากที่คุณกลืนมันลงไป!! แบบนี้ก็คงไม่ต้องกังวลกันแล้วใช่ไหมล่ะว่า หมากฝรั่งจะติดอยู่ในร่างกายเรา สิ่งเดียวที่จะทำให้มันติดอยู่ในนั้นได้ก็คือขนาดที่ใหญ่เกินไป ซึ่งอาจจะไปอุดตันหลอดอาหารและทำให้คุณกลืนอาหารได้ลำบากเท่านั้นเอง แต่อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญก็ไม่แนะนำให้คุณกลืนหมากฝรั่งอยู่ดี “หมากฝรั่งนั้นไม่มีคุณค่าทางอาหาร ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่เราจะกลืนมันเข้าไป และการกลืนหมากฝรั่งที่มีขนาดใหญ่ลงไปนั้น อาจจะไปติดที่หลอดลมของคุณได้” คุณหมอกล่าว รู้แบบนี้แล้วก็คงสบายใจขึ้นแล้วใช่ไหมล่ะ…
-
ภาพถ่ายโคลสอัพของ “ด้วงงวงมะพร้าว” ลักษณะเหมือนสวมนวม พร้อมจะต่อยให้ตาบวม
นี่เป็นภาพถ่ายระยะปะชิดของ “ด้วงงวงมะพร้าว” ที่นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงรายละเอียด และสีสันอันงดงามของมันแล้ว เรายังได้เห็นว่าเจ้าด้วงดังกล่าวกำลังทำท่าทางต่อสู้เหมือนกับ Anthony Joshua สุดยอดนักมวยแชมป์โลกแห่งเกาะอังกฤษอีกด้วย สำหรับภาพถ่ายดังกล่าว ทางเว็บไซต์ The Sun ได้นำมาเผยแพร่ลงบนโลกออนไลน์ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2560 โดยระบุว่า ภาพถ่ายดังกล่าวถูกถ่ายขึ้นโดย Javier Ruperez ชายวัย 56 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพมาโคร จาก Almachar ประเทศสเปน ภาพถ่ายของด้วงงวงมะพร้าว ที่กำลังทำท่าทางเหมือนกับ Anthony Joshua เหมือนไหมละ ทางด้าน Javier ได้ออกมาเผยว่า “แมลงสายพันธุ์นี้ เป็นแมลงชนิดหนึ่งที่มีขนาดใหญ่และสามารถเจริญเติบโตได้ยาวถึง 4 เซนติเมตร อีกทั้งมันยังมีลักษณะที่โดดเด่น โดยสามารถยืดขยายศีรษะที่มีรูปแบบคล้ายกับจะงอยปากได้ ซึ่งหนวดของมันจะอยู่ในรูปแบบของคทา เมื่อเราได้มองเห็นมันใกล้ๆ หนวดจะมีลักษณะคล้ายกับนวมของนักมวยนั่นเอง” สำหรับด้วงงวงมะพร้าว เป็นดวงขนาดกลางที่แพร่กระจายอยู่ทั่วเอเชีย แต่ปัจจุบันได้แพร่กระจายเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นไปในทวีปต่าง ๆ ของโลก โดยด้วงงวงชนิดนี้ถือเป็นแมลงศัตรูพืชที่สำคัญอีกชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะพืชจำพวกปาล์ม…
-
12 เกร็ดความรู้เกี่ยวกับ “คนโลกส่วนตัวสูง” และทำให้เรา เข้าใจพวกเขามากยิ่งขึ้น!!
เชื่อว่าหลายๆ คนต้องเคยคลุกคลีหรือรู้จักกับคนที่ชอบปลีกตัวไม่ชอบยุ่งกับใครบ้างแน่ ซึ่งเรามักจะเรียกพวกเขาเหล่านั้นว่า พวกโลกส่วนตัวสูง และก็มักจะคิดว่าพวกเขารังเกียจเราหรือ ไม่อยากที่จะรู้จักกับเราแน่ๆ แต่วันนี้เราจะมาทำให้คุณเปลี่ยนความคิดที่มีต่อพวกเขาใหม่ โดย 12 ข้อต่อไปนี้เป็นสิ่งที่คนรักสันโดษอยากที่จะบอกให้คุณรู้และเข้าใจพวกเขา จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลย 1. คนที่โลกส่วนตัวสูงไม่ใช่คนขี้อาย แต่พวกเขามักจะมีลักษณะเป็น “มนุษย์เงียบ” มากกว่า จากข้อมูลระบุว่า เหล่าคนโลกส่วนตัวสูง จะมีอาการ “กลัวถูกตัดสินจากสังคมรอบข้าง” นั่นทำให้พวกเขาไม่ค่อยกล้าแสดงออกตัวตนในที่ไม่คุ้นเคย เป็นที่มาของอาการชอบเก็บตัว 2. นั่นหมายถึงว่า พวกเขามักจะเป็นผู้ฟังที่ดี และจะไม่พูดขัดกับคุณ 3. เวลาที่มีการประชุมหรือถกเกียงกัน พวกเขามักจะถูกลืม เพราะพวกเขาจะนั่งนิ่งๆ เพื่อคิดให้รอบครอบก่อนที่จะพูดออกมา นั่นคือสิ่งที่คุณควรจะซักถาม เพื่อเปิดโอกาสให้เขาพูดด้วย 4. ถึงแม้จะเป็นคนที่โลกส่วนตัวสูงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นคนที่เฉยชา เอาแต่อยู่กับที่นะ 5. จริงๆ แล้วพวกเขามักจะพูดหรือนำเสนองาน ต่อคนจำนวนมากได้เป็นอย่างดี เพราะเหล่าคนโลกส่วนตัวสูง มีแนวโน้มที่จะพยายามเตรียมงานอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะก่อนการขึ้นนำเสนองานต่อหน้าคนหมู่มาก 6.แต่เมื่อพูดเสร็จแล้ว พวกเขามักจะไม่อยากพบปะกับใคร พวกเขาจะชอบการสนทนายืดยาวในเรื่องเฉพาะด้าน และไม่ค่อยอยากจะสนทนาแบบสั้นๆ ทั้งการทักทายกับผู้ฟังในงาน หรือการถูกชมว่านำเสนอดี พวกเขาจะพยายามบอกปัดมันด้วยการเขินอาย…
-
นักช้อปออนไลน์ 4 ประเภท – ตัวคุณเองล่ะเป็นแบบไหน!?
บทความนี้สนับสนุนโดย: Shopcoupons ปัจจุบัน อตุสาหกรรม E-Commerce เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเติบโตอย่างมากใน 6-7 ปีที่ผ่านมา โดยมีสิงคโปร์เป็นประเทศผู้นำด้านนี้ ประเทศอื่นใน ASEAN อย่างประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนิเซียและฟิลิปปินส์ก็ลงทุนทั้งเงินและเวลาไปมากพอสมควรในอุตสาหกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์นี้ ในขณะที่อุตสาหกรรมเติบโตขึ้น จำนวนลูกค้าก็มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้นักช้อปออนไลน์ก็มากขึ้นเช่นเดียวกัน เราได้กำหนดประเภทหลักๆ ของนักช้อปออนไลน์ คุณคิดว่าตัวเองเป็นนักช้อปแบบไหน นักช้อปคุ้มค่า นอกจากชื่อสินค้าแล้ว นักช้อปประเภทนี้ไม่ได้มองหาแค่ของถูกเท่านั้น เพราะของราคาถูกไม่ได้หมายถึงคุณภาพที่ดีเสมอไป ปัจจุบัน ลูกค้าที่มองหาแค่ของที่ถูกที่สุดมีให้เห็นน้อยลงเรื่อยๆ เพราะทุกคนรู้ดีว่าของที่ถูกมากๆ อาจเป็นของปลอมก็ได้ นักช้อปคุ้มค่ามักมองหาโปรโมชั่นซื้อคู่กัน 1 แถม 1 สำหรับสินค้าและรับของฟรีต่างๆ นักล่าดีล คล้ายๆ กับนักช้อปคุ้มค่าเมื่อสักครู่ นักช้อปประเภทนี้จะรู้ดีกันว่าเป็นนักช้อปที่มีประสิทธิภาพมากๆ ในโลกการช้อปปิ้งออนไลน์ พวกเขารอเทศกาลลดครั้งใหญ่เพื่อมองหาดีลที่ดีที่สุด แต่นักช้อปหน้าใหม่หลายคนไม่รู้เว็บไซต์อย่าง Shopcoupons ที่มี Voucher และคูปองส่วนลดให้เลือกมากมายจากร้านค้าออนไลน์ชื่อดังในประเทศไทย ซึ่งคุณสามารถหา ส่วนลด Lazada, ส่วนลด Konvy และอีกมากมาย ด้วยโอกาสเหล่านี้ นักล่าดีลจะประหยัดเงินทุกสตางค์ที่เขาช้อปและได้สินค้ามาด้วยส่วนลดมากมาย …
-
10 เรื่องจริงเกี่ยวกับการคลอดลูก ที่ถึงจะดูน่ากลัว แต่คุณก็อยากรู้เกี่ยวกับมันใช่มั้ยล่ะ?
เชื่อว่าสาวๆ หลายคนอาจจะวาดภาพความฝันในอนาคตไว้เป็นภาพของครอบครัว โดยมีตัวเองเป็นคุณแม่ที่คอยเลี้ยงดูลูกๆ และสามีด้วยความรัก หากแต่ว่าการคลอดลูกเนี่ยสิที่จะทำให้สาวๆ หลายคนรู้สึกกลัว และวันนี้เราจะพาทุกคนไปอ่าน 10 เรื่องจริงเกี่ยวกับการคลอดลูกที่ถูกเปิดเผยโดยคุณหมอ Mary Jane Minkin ผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินารีจากมหาวิทยาลัยเยล 1. เรื่องขับถ่ายระหว่างการคลอด สาวๆ หลายคนอาจจะกังวลว่าระหว่างที่เรากำลังเบ่งลูกน้อยออกมา ร่างกายของเรามันจะเบ่งสิ่งปฏิกูลจากช่องทวารหนักออกมาด้วยรึเปล่า? คำตอบคือ.. ‘ใช่’ โดยคุณหมอได้อธิบายว่า “เป็นเรื่องธรรมชาติที่การคลอดบุตรหญิงสาวจะเบ่งอุจจาระออกมาด้วย ซึ่งนั่นถือว่าเป็นสัญญาณของการคลอดลูกที่ดี” 2. ความกังวลถึงรูปร่างของน้องสาวที่อาจเปลี่ยนไป เป็นเรื่องจริงที่ลักษณะภายนอกของน้องสาวเราอาจเปลี่ยนไปหลังการคลอดลูก แต่ปัจจุบันมีคอร์สที่เรียกว่า ‘perineal massage’ ซึ่งก็คือการนวดบริเวณตรงนั้นนั่นแหละ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณหมอก็ให้ความเห็นว่า ถึงแม้ว่าหมอผู้ทำคลอดจะไม่เปิดบริเวณช่องคลอดให้ ตามธรรมชาติแล้วอวัยวะส่วนนั้นก็จะขยายตัวและฉีกขาดได้เองอยู่ดี 3. อาจจะต้องมีการสอดท่อเพื่อช่วยปัสสาวะ ถ้าหากว่าระหว่างคลอดคุณหมอได้ต่อสายยาแก้ปวดให้ ส่วนใหญ่แล้วหลังคลอดกล้ามเนื้อส่วนนั้นจะไม่สามารถขยับได้หากเราต้องการปัสสาวะ เพราะฉะนั้นในบางกรณีหญิงสาวบางคนอาจจะจำเป็นต้องสอดท่อปัสสาวะ เพื่อช่วยให้พวกเธอสามารถขับถ่ายได้หลังคลอด 4. หญิงสาวหลายคนอาเจียนระหว่างทำคลอด ระหว่างการทำคลอดสาวๆ หลายคนอาจจะมีความรู้สึกพะอืดพะอมและอยากจะอาเจียนออกมา ถ้าหากคุณรู้สึกแบบนี้ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะในทางการแพทย์นั้นถือว่าเป็นสัญญาณความพร้อมสำหรับการทำคลอดนั่นเอง 5. หลังจากที่คุณคลอดลูกแล้ว ร่างกายคุณจะคลอดพลาเซนต้าออกมาด้วย คุณหมอเล่าว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้หญิงที่หลังจากคลอดลูกแล้ว ร่างกายจะทำการขับสิ่งที่เรียกว่า…
-
10 ความจริงเกี่ยวกับหน่มน๊ม ที่แม้แต่คุณผู้หญิงทั้งหลายเอง ก็อาจจะไม่เคยรู้มาก่อน!?
หน้าอกหน้าใจ เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นผู้หญิงได้อย่างชัดเจน และแน่นอนว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ก็คงจะให้ความสำคัญกับจุดๆ นี้มากที่สุด เพราะมันเป็นสิ่งที่สร้างความสนใจ และสร้างความมั่นใจให้กับสาวๆ ยังไงละ แม้ว่า “นม” จะเป็นหนึ่งในอวัยวะที่ผู้หญิงต้องดูแล และให้ความสำคัญเป็นพิเศษ แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีเรื่องราวต่างๆ อีกมากมายของนมที่เราไม่เคยรู้มาก่อน และนี่คือ 10 ความจริงเกี่ยวกับหน่มน๊ม ที่แม้แต่ผู้หญิงเองก็อาจจะไม่เคยรู้ มาดูกันว่าจะมีอะไรบ้าง!! 1.เรื่องของหัวนม รู้หรือไม่? 2 ถึง 6 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิง และ 1 ถึง 3 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชาย จะมีหัวนมที่ 3 ด้วยนะเออ และมันก็สามารถปรากฏได้ในที่ต่างๆ ตามร่างกายรวมถึงเท้าด้วยนะ 2.นมแม่มีความหวานมากกว่านมวัว มีผู้คนจำนวนมากที่ได้ลิ้มรสนมจากเต้า และค้นพบว่านมแม่มีรสชาติคล้ายกับแคนตาลูปหวานๆ 3.ทรวงอกของผู้หญิงมีขนาดไม่เท่ากัน ผู้หญิงส่วนใหญ่เผยว่า พวกเธอสามารถมองเห็นความแตกต่างระหว่างขนาดของหน้าอกทั้งสองข้างได้ และแน่นอนว่ามันสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเลยล่ะ 4.ขนาดของยกทรง จากการศึกษาพบว่า กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงมักจะสวมชุดชั้นในผิดไซส์ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่นอาการปวดหลัง และอาการท้องอืดท้องเฟ้อ 5.กาแฟสามารถทำให้หัวนมไวต่อความรู้สึกมากขึ้น…
-
รวมภาพ 10 ปีให้หลัง เหล่าทหารผ่านศึกชาวอเมริกัน กับความสูญเสียจากสมรภูมิตะวันออกกลาง
สำหรับทหารที่ออกรบมาแล้วนั้น สงครามของพวกเขาก็มีทีท่าที่ไม่จบสิ้นเสียที เพราะในทุกๆ วันของพวกเขาต้องต่อสู้กับบาดแผลที่ได้รับมาจากสงครามไม่ว่าจะหนักหรือเบาเพียงใด ทั้งภายนอกทางด้านร่างกายรวมไปถึงภายในจิตใจด้วย David Jay และ James Nachtwey สองตากล้องได้บันทึกภาพของเหล่าทหารอเมริกันที่กลับจากสมรภูมิในอิรักและอัฟกานิสถาน โดยชุดภาพนี้มีชื่อว่า “Unknow Soldier” ซึ่งได้เข้ารอบสุดท้ายประเภท Portrait ของ Magnum Photography Awards ในปี 2016 ที่ผ่านมาด้วย Bobby Henline ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวหลังจากที่รถลาดตระเวนที่เขาโดยสารโดนระเบิดโจมตี Jerral Hancock เป็นพลขับรถถัง เขาเสียแขนทั้งสองข้าง ด้วยแรงระเบิดจากการปะทะของศัตรู Jason Park สูญเสียขาทั้งสองข้าง อันเป็นผลจากระเบิดแสวงเครื่อง แต่มันไม่อาจทำให้เขาสูญเสียความร่าเริงแต่อย่างใด Shilo Harris รอดชีวิตจากการลาดตระเวน เขาสูญเสียคนในทีมไป 3 คนจากแรงระเบิดครั้งนั้น Joel Tavera ตาบอด มีบาดแผลไฟไหม้ และสูญเสียขาไปจากสงครามนี้ Bo Reichenbach เคยอยู่หน่วย…
-
เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ อธิบายว่าทำไมคุณถึงรู้สึก “เหงา” และจะส่งผลอย่างไรบ้าง!?
เป็นธรรมดาที่เราอาจจะรู้สึก ‘เหงา’ ในบางเวลา น่าแปลกเหมือนกันนะ… เพราะโลกเรามีประชากรตั้งไม่รู้กี่หลายล้านคน แถมในชีวิตเราได้รู้จักผู้คนก็อีกตั้งมากมาย ทว่าสุดท้ายความเหงาก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ในใจเราเสมอ แต่ใช่ว่าเรื่องของความเหงาจะเป็นเพียงความรู้สึกลอยๆ ที่จับต้องไม่ได้เท่านั้น เพราะงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิคาโก ที่ศึกษากันมาตั้งแต่ปี 2006 จะมาช่วยอธิบายให้เราเห็นภาพว่าทำไมเราถึงรู้สึกเหงา และจะแก้ไขความอ้างว้างที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างไร งานวิจัยของ Stephanie Cacioppo และ Hsi Yuan Chen นักประสาทวิทยาที่ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Personality and Social Psychology Bulletin โดยทีมวิจัยได้ได้ใช้เวลานานกว่า 11 ปี ในการเก็บข้อมูลระดับความรู้สึกเหงา และสังเกตระดับนิสัยการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ของอาสาสมัครชาวเมืองชิคาโก 230 คน ซึ่งอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 50 – 68 ปี จากการตามเก็บข้อมูลเป็นประจำทุกปีทีมวิจัยได้ค้นพบว่า กลุ่มคนที่มีระดับความเหงาเพิ่มขึ้นในแต่ละปี มีแนวโน้มที่จะมีลักษณะนิสัยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางมากขึ้นในปีต่อๆ ไป นอกจากนั้นในกลุ่มคนที่มีลักษณะนิสัยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางอยู่แล้ว ทีมวิจัยพบว่าในปีต่อๆ ไประดับความเหงาของคนกลุ่มนี้ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นเดียวกัน ความเหงาในระดับที่พอดีอาจเป็นแรงกระตุ้นให้เราทำกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องใช้สมาธิส่วนตัวสูง แต่กลับกันถ้าความเหงาที่มากเกินไปก็อาจจะส่งผลต่อทั้งสภาพจิตใจ ร่างกาย สมอง ฮอร์โมน หรือแม้กระทั่งในระดับพฤติกรรมได้เลย…
-
10 สิ่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในแต่ละประเภท (ไม่มีกระปู๋หรอก อันนั้นของ #ประธานเหมียว ใหญ่สุด)
หลายๆ คนคงจะเคยได้ยินเกี่ยวกับการจัดอันดับต่างๆ บนโลกมาแล้วบ้างแน่ๆ ไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก หรือรถที่เร็วที่สุดในโลกก็ตาม การจัดอันดับต่างๆ เหล่านั้นช่วยให้เราได้เห็นถึงความน่าทึ่งของธรรมชาติ และความสามารถของมนุษย์ และวันนี้เราก็ได้รวบรวมเอาสิ่งที่ใหญ่ที่สุดจากแต่ละประเภทมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกับความน่าทึ่งของมัน ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลย… 1. เครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก เครื่องบิน Antonov An-225 Mriya จากประเทศยูเครนลำนี้ได้ชื่อว่าเป็นเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาดของปีกที่กว้างถึง 88 เมตร ความยาว 84 เมตร และต้องใช้ผู้ช่วยนักบินอย่างน้อย 6 คน มันสามารถลำเลียงสินค้าหรือสิ่งของขนาดใหญ่ อย่างเวทีคอนเสิร์ตได้สบายๆ 2. สระว่ายน้ำกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก สระว่ายน้ำกลางแจ้งแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของรีสอร์ท San Alfonso Del Mar ในประเทศชิลี สระว่ายน้ำที่ว่านี้มีความกว้างเกือบหนึ่งกิโลเมตร และมีพื้นที่ถึง 50 ไร่เลยทีเดียว 3. ถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถ้ำแห่งนี้ถูกค้นพบในอุทยานแห่งชาติ Vietnam’s Phong Nha-Ke Bang เมื่อปี 2009 โดยคณะสำรวจชาวอังกฤษ มันมีความกว้างถึง 4 กิโลเมตรและมีความสูงกว่า 300 เมตร…
-
เหล่าเด็กๆ ผิวเผือกแทนซาเนีย ที่ถูกตัดแขนเพื่อนำไปขาย ได้รับอวัยวะเทียมทดแทนอีกครั้ง
มนุษย์เผือก หรือ Albinism นั้นเป็นความผิดปกติของสีผิวภายในตัวบุคคลที่เกิดมาแล้วตัวจะเป็นสีขาวเผือกทั้งตัว รวมไปถึงสีผมและนัยน์ตา (สามารถอ่านข่าวเก่า สะเทือนใจ!! แทนซาเนียล่า “มนุษย์เผือก” ถูกตัดแขนตัดขา และเอาอวัยวะไปขาย ได้ที่นี่) มีคนที่ป่วยเป็นมนุษย์เผือกในแทนซาเนียบางส่วนนั้นถูกช่วยเหลือออกมาได้ แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ถูกตัดออกไปบางส่วนก็สร้างบาดแผลลึกในจิตใจให้พวกเขาได้เช่นกัน มนุษย์เผือกส่วนใหญ่จะถูกตัดอวัยวะของพวกเขาตอนนอนตั้งแต่เด็กๆ มนุษย์เผือกเหล่านี้มักจะถูกล่าเพื่อนำขาย ส่งต่ออวัยวะเหล่านั้นไปใช้สำหรับการเป็นเครื่องรางของขลัง ปัญหาของการล่ามนุษย์เผือกในประเทศแทนซาเนียนั้นมีการแพร่ระบาดมากที่สุดในโลก ซึ่ง Baraka Cosmas วัย 7 ขวบ Mwigulu Matonange , Emmanuel Festo วัย 15 ปีและ Pendo Sengerema วัน 16 ปี คือกลุ่มเด็กที่ถูกช่วยเหลือให้รอดพ้นมาจากนักล่ามนุษย์เผือก ได้รับอวัยวะเทียมจากโรงพยาบาลในเมืองฟิลาเดเฟีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เด็กๆ มนุษย์เผือกจะได้รับอวัยวะเทียมเพื่อใช้ในการดำเนินชีวิต ในช่วงระหว่างที่พวกเขาย้ายมาอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ได้อาศัยอยู่ในมหานครนิวยอร์กภายใต้การดูแลของ Elissa Montanti ด้วยการช่วยเหลือของ Global Medical Relief Fund องค์กรไม่หวังผลกำไรช่วยเด็กจากพื้นที่แทนซาเนียของเธอเอง Elissa Montanti พบกับเด็กๆ…
-
ผู้เชี่ยวชาญแนะ 9 เรื่องผิดๆ ที่ไม่ควรทำระหว่าง ‘จูบ’ เพื่อรักที่สดใสเชื่อพี่เถอะน้อง…!!
เราทุกคนต่างล้วนเคยมีประสบการณ์การจูบยอดแย่กันมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นจูบแล้วไปเจอกลิ่นอาหารบ้าง เจอเศษอาหารบ้าง หรือไม่บางทีก็ต้องเจอกับคนที่จูบได้แบบว่า… ช่างไม่รู้งานเอาซะเลยโว้ย!! และเพื่อเป็นการแก้ปัญหานิสัยการจูบอันไร้ซึ่งศิลปะ เราจะขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ 9 เรื่องผิดๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญเค้าออกมาแนะนำแล้วว่า ถ้าอยากทำให้การจูบมันดูดดื่มละก็ควรเลิกซะเถอะนิสัยแบบนี้ แล้วหันมาเชื่อพี่เถอะนะน้องเอ๋ย 1. ไม่จำเป็นต้องใช้ลิ้นนำเสมอไป โมเม้นต์แห่งการจูบอาจเป็นช่วงเวลาที่เหมือนสะกดเราให้อยู่ในมนตราได้เลย ทว่ามนตรานั้นอาจหายไปทันทีเมื่อคุณรู้สึกได้ถึงการรุกเร้าที่เร่งรีบเกินไป ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรจะใจเย็นๆ เริ่มต้นจากการใช้ริมฝีปากสัมผัสกันก่อน และเมื่อจังหวะมาถึง (คุณจะรู้ได้เองแหละ) ค่อยเพิ่มกิมมิคด้วยการใช้ลิ้นเล่นเสริม แค่นี้ก็ทำให้ทุกอย่างออกมาดูนุ่มนวลน่าหลงใหลสุดๆ 2. อย่าทำให้ปากตัวเองกลายเป็นก๊อกน้ำเด็ดขาด!! เป็นธรรมชาติที่ร่างกายมนุษย์เราถูกออกแบบมาให้สามารถผลิตน้ำลายได้ ทว่าบางทีการจูบกันเราก็อาจจะต้องคอยควบคุมปริมาณน้ำลายในปากไว้บ้างเพื่อความพอดี คำแนะนำคือพยายามอย่าทำให้ปากของคู่รักคุณเปียกมอมแมมจนเกินไป และไม่ควรอ้าปากกว้างจนเกินไปเช่นกัน ควรจำเอาไว้ว่านี่คือการจูบ ไม่ใช่การกินบุฟเฟ่ต์ ถ้าไม่รีบร้อนสวาปามมากเกินไปเดี๋ยวเมนูโปรดก็มาเสิร์ฟให้เองแหละ 3. จำเอาไว้ว่าคู่ของคุณคือคนรักไม่ใช่เหยื่อ เชื่อว่าพอจูบกันไปได้เรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่งเราอาจจะรู้สึกร้อนรนใจจนอยากสานกิจกรรมต่อให้ไปถึงฝั่งฝัน แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าไม่ควรทำตัวเหมือนสิงโตตะครุบเหยื่อโดยเด็ดขาด สิ่งที่คุณควรจะทำก็คือ.. ใจเย็นๆ ค่อยๆ ใช้เวลาไปกับมันอย่างช้าๆ ให้จินตนาการภาพของคนสองคนที่จะจับมือเข้าสู่ประตูสวรรค์ไว้ ไม่ใช่ภาพของนักวิ่งชายเดี่ยวที่ไม่สนใจเพื่อนร่วมทีมและสักแต่จะวิ่งเข้าเส้นชัยอย่างเดียว 4. ค่อยเป็นค่อยไป… อย่าใจร้อนถามหาแต่ตอนจบ สำหรับผู้ชายแล้วการจูบอาจเป็นเหมือนหนทางที่จะนำไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าคือ ‘เซ็กส์’ แต่งานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารการพัฒนาทางจิตวิทยาได้ค้นพบว่า สำหรับหญิงสาวแล้วพวกเธอคิดว่าการจูบนั้นไม่ใช่หนทางที่ต้องทำเพื่อเซ็กส์เสมอไป เพราะฉะนั้นแล้วผู้เชี่ยวชาญจึงอยากจะแนะนำว่า ไม่จำเป็นว่าจูบกันแล้วจะต้องลงเอยด้วยเรื่องนั้นเสมอไป…
-
หากเจ้าของสุนัขตาย สุนัขจะ “กิน” ศพของเราไหม วิเคราะห์สถิติทางวิทยาศาสตร์
#เหมียวปั๊ก บางครั้งก็ต้องออกไปทำธุระต่างจังหวะกับครอบครัวเป็นระยะเวลานาน บางครั้งอาหารที่เราให้ไว้ในชามของมันก็ไม่เพียงพอจนเจ้าหมาปั๊กที่เลี้ยงไว้แอบไปตะกุยกินอาหารแมวที่เก็บไว้ จากกรณีนี้ เพื่อนๆ เคยสงสัยเหมือน #เหมียวปั๊ก ไหมว่าถ้าเปลี่ยนจากอาหารสุนัขเป็นเจ้าของที่ตายอยู่ในบ้านล่ะ เจ้าสุนัขที่เราเลี้ยงไว้จะกล้ากินเราหรือเปล่า? ใครจะไปรู้ ~ พวกมันอาจจะกล้ากินเราก็ได้นะ จากการรวบรวมข้อมูลที่ถูกตีพิมพ์กว่า 20 กรณี มาผนวกเข้ากับการศึกษาที่เกี่ยวข้องในปี 2015 และคดีที่มีรูปแบบที่เกี่ยวข้องกว่า 63 คดี แสดงให้เราเห็นถึงพฤติกรรมสัตว์เลี้ยงหลังเจ้าของตายและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ นักมานุษยวิทยานิติเวช Carolyn Rando จาก University College London กล่าวว่า “แมวนั้นมีแนวโน้มที่จะกินศพของเจ้าของโดยเริ่มจากส่วนที่นุ่มก่อนอย่างเช่นริมฝีปาก จมูก” สุนัขเริ่มกัดกินจากใบหน้าก่อน? แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่สันนิษฐานเท่านั้น จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2010 ที่ถูกตีพิมพ์ผ่านวารสารนิติเวช หญิงชราผู้หนึ่งเสียชีวิตจากหลอดเลือดสมองโป่งพองภายในห้องน้ำ จากการทดสอบทางนิติเวชพบว่า สุนัขของเธอนั้นได้กัดกินใบหน้าของเธอในขณะที่แมวทั้งสองตัวของเธอไม่ทำอะไรกับศพเธอเลย “สุนัขนั้นมีพัฒนาการมาจากหมาป่า ดังนั้นหากพวกมันกำลังหิวโหย พวกมันก็อาจจะหาอาหารที่เป็นเนื้อในบริเวณนั้นก็เป็นได้” Stanley Coren นักจิตวิทยาผู้เขียนหนังสือและจัดรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับสุนัขกล่าว หน้าตาน่ารักๆ แบบนี้ ก็มีพัฒนาการมาจากหมาป่าแสนดุร้ายนะ มีหลากหลายกรณีที่สามารถยืนยันคำพูดนี้ได้เช่นในปี 2007…
-
หลักวิทยาศาสตร์ ว่าทำไมเราถึง “เกลียดเสียงตัวเอง” เมื่อฟังจากการบันทึกเสียงต่างๆ
เพื่อนๆ เคยสังเกตไหมว่าทำไมเวลาที่เราพูดคุยกันนั้น เราจะได้ยินเสียงตัวเองชัดแจ๋ว แต่พอเราบันทึกเสียงของเราที่เปล่งออกมาแล้วนำมันมาฟัง เรากลับได้ยินเสียงอีกอย่างหนึ่งเหมือนไม่ใช่เสียงของเราเอง จากการอ้างอิงของนิตยสาร TIME ได้ให้เหตุผลว่าเสียงที่เราได้ยินจากการพูดหรือจากบันทึกนั้นเป็นคลื่นเสียงที่กระดูกค้อน ทั่ง โกลน ของเราทำการสั่นสะเทือนส่งต่อไปยังสมอง ทำไมเสียงที่เราได้ยินจากเทปมันไม่เหมือนเราเลย!? เมื่อคุณพูดเสียงนั้น จะถูกแบบเป็นสองประเภทนั้นคือคลื่นเสียงที่คุณทำตอนพูดและเสียงที่เกิดจากเส้นเสียง ซึ่งเสียงทั้งสองประเภทนี้จะถูกบิดเบือนเมื่อคุณได้ยินเสียงตัวเองจากเทปที่บันทึกไว้ เสียงที่เราได้ยินนั้นจะถูกบิดเบือนเล็กน้อยเมื่อบันทึกลงเทป Martin Birchall ศาสตราจารย์วิชาโสตศอนาสิกที่ University College London กล่าวว่า “เราคุ้นเคยกับเสียงที่เราเปล่งและได้ยินอยู่ในหัวของเรา ไม่ว่าเสียงของเราจะบิดเบี้ยวขนาดไหนก็ตาม เราสร้างภาพลักษณ์ของเราล้อมรอบเสียงที่เราได้ยินมากว่าความเป็นจริง และสำหรับคนที่มีประเด็นเกี่ยวกับ การได้ยินเสียงตัวเองจากเทปที่บันทึกไว้อาจส่งผลกระทบทางจิตใจแก่พวกเขาได้” ศาตราจารย์ Martin Birchall ดังนั้นคนที่เป็น Transgender ก็อาจจะตกใจกับเสียงที่ตนเองได้ยินเมื่อฟังผ่านเทปบันทึกได้เนื่องจากการเสียงที่ถูกบิดเบือนจากเทปที่บันทึกไว้ บุคคลที่เป็น Transgender อาจจะตกใจกับเสียงที่ตัวเองได้ยินก็ได้ ก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องเสียงนะ #เหมียวปั๊ก กะจะลองบันทึกเสียงตัวเองมาฟังดูบ้างดีกว่า ดูซิว่าเสียงจะเป็นยังไง ที่มา: unilad
-
ครั้งหนึ่งกับสงครามเย็น เมื่อสหรัฐกับโซเวียตแข่งกันผลิต “รถยนต์” กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
สงครามเย็น เป็นสงครามที่เกิดขึ้นหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้จะไม่มีเวลาเริ่มที่แน่ชัด แต่นี่เป็นสงครามของ 2 ขั้วมหาอำนาจนั่นคือ สหภาพโซเวียต และ สหรัฐอเมริกา ที่ห้ำหั่นกันเพื่อชิงความเป็นเจ้ามหาอำนาจบนโลกนี้ ความเป็นเลิศที่ทั้ง 2 ชาติมหาอำนาจแข่งกันนั้นมีอยู่หลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการทหาร ด้านแฟชั่น ด้านการสำรวจอวกาศ ด้านยนตกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทั้งสองประเทศแข่งกัน อเมริกามีแนวคิดรวบยอดเกี่ยวกับรถยนต์มาตั้งแต่ปี 1938 โดย Harley Earl หลังจากที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง GM (General Motors) ก็พร้อมกลับสู่สังเวียนยนตกรรมอีกครั้ง รถยนต์ The LeSabre ออกสู่ตลาด เขาได้รถยนต์ The LeSabre และออกสู่สาธารณะในปี 1951 โดยรูปทรงของรถยนต์นี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของเครื่องบิน โดยส่วนหน้ามีส่วนที่คล้ายกับไอพ่นและตัวรถยนต์ที่เป็นอลูมิเนียมสามารถสร้างความประทับใจจากประชาชนได้เป็นจำนวนมาก มันถูกออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากส่วนต่างๆ ของเครื่องบิน ในขณะที่ฝั่งโซเวียตก็ได้ผลิตรถยนต์จากโรงงาน ZIL โรงงานที่ผลิตรถลิมูซีนชื่อดัง โดย ZIS-112 นี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก LeSabre อย่างเห็นได้ชัดโดยจำลองรูปลักษณ์ของรถในรูปแบบไซโคลโลว์ให้ดูเรียบง่ายแม้กระทั่งกระจกหน้ารถที่บิดเบี้ยว …
-
ลุงวัย 49 ปี ถูกจับฐานสั่งซื้อตุ๊กตายางคล้ายเด็กวัย 4 ขวบ พร้อมสื่ออนาจารเด็กอีกเพียบ!?
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ณ ประเทศผู้ดีอย่างอังกฤษ เมื่อผู้เชี่ยวชาญทางด้านพลังงานนิวเคลียร์อย่าง Andrew Dobson วัย 49 ปี ถูกจับในข้อหาลักลอบนำตุ๊กตายางแบบเด็กเข้ามาในอังกฤษ คดีนี้ดูเหมือนจะเป็นกรณีแรกในสหราชอาณาจักร โดยนาย Andrew ชาวมณฑล Cheshire ได้ทำการสั่งตุ๊กตายางเด็กผ่านช่องทาง Ebay มูลค่าประมาณ 6,500 บาทซึ่งมีฐานผลิตอยู่ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง สภาพตุ๊กตายางเด็กและโฉมหน้าของ Andrew Dobson สินค้าชิ้นนี้ถูกสกัดได้โดยเจ้าหน้าที่ เมื่อถูกขนส่งผ่านมาถึงสนามบิน East Midlands ในเมือง Leicestershire ซึ่งนอกเหนือจากตัวตุ๊กตาแล้ว ก็ยังมีอุปกรณ์อื่นๆ อย่างเสื้อคลุมผู้หญิง ผ้าปิดตา ถุงมือ ฯลฯ ที่ใช้ในการสนองอารมณ์ทางเพศให้เหมือนกับคนจริงๆ ภายหลังตำรวจได้ขยายผลโดยการตรวจค้นบ้านของนาย Andrew ในหมู่บ้าน Wistaston ใกล้กับเมือง Crewe มณฑล Cheshire และได้พบกับวิดีโอและภาพอนาจารของเยาวชนรวมแล้วกว่า 26 รายการ Andrew กำลังเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา เขาถูกยึดของกลางและถูกตัดสินให้จำคุก 2 ปี 8…
-
ชาวเมืองเทใจร่วมโหวตให้ “หมา” ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน!!
การเลือกตั้งเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยที่ประชาชนมีสิทธิในการเลือกผู้นำของตนได้อย่างเสรีตามกรอบที่ได้วางไว้ ถึงจะสามารถขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำได้ บางที่ก็อาจจะไม่มีการเลือกตั้งเลย ลัดเข้าสู่การแต่งตั้งมอบตำแหน่งให้ตัวเองก็ยังมี แต่สำหรับนายกเทศมนตรีเมือง Rabbit Hash ในรัฐ Kentucky ประเทศสหรัฐอเมริกานั้น สามารถที่จะชนะใจคนมาได้ถึง 4 สมัยแล้ว!! Brynneth Pawltro เจ้าหมานายกเทศมนตรีแห่งเมือง Rabbit Hash Brynneth Pawltro เจ้าสุนัขสุดน่ารักตัวนี้ (เดี๋ยวนะ!?) สามารถที่จะเอาชนะใจชาวเมือง และได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองมากว่า 4 สมัยแล้ว ขอบคุณทุกเสียงโหวตนะคะ >.< เจ้า Brynneth นั้นสามารถที่จะชนะผู้ลงสมัครตัวอื่นๆ อันได้แก่ ไก่ ลาและเด็ก ได้อย่างโปร่งใส และดูเหมือนว่าชาวเมืองก็จะมีความสุขมากกับผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ด้วย ถึงแม้ว่านี่จะเป็นส่วนหนึ่งของธรรมเนียมเมืองในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีแบบปลอมๆ แต่มันก็สามารถที่จะสร้างเสียงหัวเราะและความฮือฮาให้แก่ชาวเมืองได้เป็นอย่างมาก เธอกำลังเดินตรวจตราทั่วเมือง ธรรมเนียมการเลือกตั้งนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 1990 สำหรับใครที่ต้องการจะร่วมโหวตนั้น ก็สามารถทำได้เพียงแค่บริจาคเงิน 1 ดอลลาร์หรือ 30 บาท สามารถโหวตได้ 1 เสียง และหากต้องการที่จะโหวตอีกก็จ่ายเพิ่ม 30 บาทไปเรื่อยๆ เงินที่ได้จากการบริจาคทั้งหมดนี้จะนำไปเป็นเงินทุนสำหรับการพัฒนาเมืองต่อไปในอนาคต ซึ่งธรรมเนียมนี้สามารถที่จะช่วยชาวเมืองซ่อมแซมหรือพัฒนาส่วนต่างๆ…
-
ถึงบางอ้อ!! เผยเบื้องหลังการถ่ายโฆษณาสินค้าต่างๆ ด้วยเทคนิค Visual Engineering
ในโลกของการถ่ายทำโฆษณานั้นมีอยู่ด้วยกันหลากหลายรูปแบบในการทำถ่ายเช่นกัน อย่าง Computer Graphic ก็เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาก แต่สำหรับ Visual Engineering ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน Visual Engineering เป็นเทคนิคการนำวิศวกรรมประยุกต์ทางด้านหุ่นยนต์ไฮบริดมาใช้กับการถ่ายภาพเพื่อให้ได้ภาพวิดิโอหรือภาพถ่ายที่มีความแตกต่างและน่าสนใจ ขั้นตอนและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทำ Visual Engineering การใช้เทคนิคนี้เข้ามาถ่ายทำโฆษณาทำให้เราได้ภาพที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ และเมื่อเรานำคอมพิวเตอร์และเจ้าหุ่นยนต์มาผสมผสานกัน ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นเป็นสิ่งที่คูลมากๆ เลย ~ อุปกรณ์ที่แปลกตาเหมือนอยู่ในห้องทดลอง . ด้วยเทคนิคนี้ทำให้เรามีวิธีที่หลากหลายที่จะถ่ายทำให้ตัวสินค้าเกิดความโดดเด่นขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการสาด หมุน ระเบิด กระโจน ปั่น และอื่นๆ อีกมากมาย ก็สามารถทำได้ รองเท้ากันน้ำ เบื้องหลังใครจะไปรู้ว่านี่เป็นการสาดน้ำจริงๆ การทำงานในฐานะช่างภาพหรือช่างถ่ายทำภาพยนตร์ทำให้ศิลปินต้องพยายามปรับตัวเข้าทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่รวดเร็วใจปัจจุบัน การที่เราปฏิเสธเทคโนโลยีจะส่งผลให้งานที่ถ่ายออกมานั้นมีความล้าสมัยและไม่น่าสนใจ ความสามารถในการปรับตัวให้ทันเทคโนโลยีการถ่ายทำแบบนี้นอกจากจะทำให้ภาพถ่ายหรือวิดิโอออกมามีความโดดเด่นแล้ว ยังสามารถที่จะตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ดีเลยทีเดียว ดูผงโกโก้ที่ทรงพลังนี่สิ! เบื้องหลังการถ่ายทำโฆษณารองเท้า เบื้องหลังการถ่ายทำโฆษณาขนมหวาน เบื้องหลังการถ่ายทำโฆษณาแฮมเบอเกอร์ พบกับเทคนิคการถ่ายทำแบบ Visual…
-
‘David Glasheen’ คุณปู่อดีตเศรษฐีวัย 73 ปี ผู้ใช้ชีวิตบนเกาะร้างเพียงลำพัง มานานกว่า 20 ปี
สำหรับใครที่ชื่นชอบการชมภาพยนตร์คงจะรู้จักกับหนังเรื่อง Cast Away กันเป็นอย่างดี ในหนังพูดถึงเรื่องราวการเอาชีวิตรอดของ Chuck Noland บนเกาะร้างแห่งหนึ่ง พร้อมกับลูกวอลเลย์บอลที่ชื่อ Wilson ความสนุกและความตื่นเต้นของหนังทำให้เรื่องนี้กลายเป็นหนังเรื่องโปรดของหลายๆ คนเลยทีเดียว ซึ่งการใช้ชีวิตแบบ Chuck นั้น ถ้าหากเป็นพวกเราคนธรรมดาๆ ก็คงจะไม่มีใครอยากทะลึ่งไปอยู่ในเกาะร้างคนเดียวหรอก แต่ทว่าอดีตเศษฐีท่านนี้กลับไม่เหมือนกัน เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่บนเกาะเพียงลำพังได้อย่างมีความสุข… David Glasheen วัย 73 ปี อาศัยอยู่บนเกาะร้างมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว โดยทุกอย่างนั้นเริ่มต้นจากที่เขาได้ตัดสินใจเดินทางมายังเกาะ Restoration ทางตอนเหนือของออสเตรเลียแห่งนี้ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 1997 หลังจากที่ประสบปัญหาทางการเงินเมื่อปี 1987 อตีดเจ้าของเหมืองทองและนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ผู้นี้ เคยเป็นหนึ่งในบุคคลที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จมากๆ เขาเคยมีทรัพย์สินมูลค่าโดยรวมเกือบพันล้านบาท ก่อนที่จะมาอยู่ที่เกาะแห่งนี้โดยมีเพียงแค่ไม้เท้าหนึ่งอันกับสุนัขคู่ใจอีกหนึ่งตัวเท่านั้น ที่นี่คุณปู่จะต้องอาศัยอยู่โดยลำพังพร้อมกับเหล่าสัตว์ป่าที่ดุร้าย แต่ถึงอย่างไรก็ตามคุณปู่ David กลับมีความสุขที่อยู่ที่นี่และรู้สึกปลอดภัยดี “ที่นี่อาจจะเต็มไปด้วยสัตว์ที่เป็นอันตรายอย่างแมงมุม หรือจระเข้ แต่มันก็ปลอดภัยกว่าที่อื่นๆ บนโลกเพราะคุณไม่ต้องกังวลกับการก่อการร้าย ผมรักที่นี่มาก ผมสามารถนอนหลับได้อย่างไม่ต้องกังวล” คุณปู่กล่าว …
-
เผยรายชื่อ 11 นักแสดงดังที่ ‘เกือบ’ จะได้เป็นซุปเปอร์ฮีโร่อยู่แล้วเชียว อีกนิดเดียวจริงๆ!!
ช่วงหนึ่งของชีวิตการเป็นนักแสดง เราก็ไม่รู้หรอกว่าลึกๆ แล้วแต่ละคนมีความอยากเป็นเจ้าของบทบาทซูเปอร์ฮีโร่กันมากขนาดไหน (ใครมันจะไปรู้ได้ล่ะ!?) แต่อย่างน้อยเราก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเหล่านักแสดงคนดังทั้ง 11 คนนี้ พวกเค้าต้องรู้สึกเซ็งบ้างแหละหน่าา เพราะดันไปพลาดบทซูเปอร์ฮีโร่ที่อาจยกระดับผลงานเส้นทางการแสดงของตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย… 1. Dougray Scott กับบทบาท Wolverine เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องยากที่เราจะจินตนาการภาพของวูล์ฟเวอรีนให้เป็นหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่ป๋า Hugh Jackman และบางทีชีวิตก็ใช่ว่าจะยุติธรรมกับคนที่มาก่อนเสมอไป เพราะก่อนหน้านี้ทีมงานผู้สร้างได้เล็งให้บทนี้ตกเป็นของ Dougray Scott แต่โชคร้ายที่ตอนนั้นเจ้าตัวติดคิวถ่ายภาพยนตร์เรื่อง Mission: Impossible II ทำให้บุญนี้ตกเป็นของป๋าฮิวจ์ไปอย่างน่าเสียดาย 2. John Krasinski กับบทบาท Captain America ยกแรกของการคัดเลือกนักแสดงผู้ที่จะมาเป็นขวัญใจอเมริกันชน กรรมการได้เทคะแนนใจไปให้ John Krasinski อย่างหมดหน้าตัก แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าตัวเองที่ปฏิเสธบทนี้ไปโดยให้เหตุผลว่า ครั้งหนึ่งตอนที่เขาได้ลองใส่ชุดกัปตันและได้พบกับ Chris Hemsworth ในชุดธอร์ เจ้าตัวก็รู้สึกทันทีว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองถนัดซักเท่าไหร่ 3. Jake Gyllenhaal กับบทบาท Spider-Man (และ Batman) ไม่รู้ว่างานนี้ใครควรจะเสียใจดี เพราะในช่วงการถ่ายทำ Spider-Man…
-
นิตยสาร Shonen Jump แจก App วาดการ์ตูน “ฟรี” เปิดโอกาสให้คุณได้เป็นนักวาดคนใหม่
สำหรับใครที่มีความชื่นชอบในการวาดการ์ตูน หรือมีความฝันว่าอยากจะเขียนการ์ตูนเป็นของตัวเองซักเรื่องให้เหมือนกับการ์ตูนเรื่องโปรดในดวงใจ วันนี้เรามีข่าวดีมาบอก เพราะล่าสุดทางนิตยสาร Shonen Jump เค้าใจดีได้ปล่อยโปรแกรม ‘Jump Paint’ ออกมาให้เหล่านักวาดทั้งมือใหม่และมือเก่าดาวน์โหลดไปใช้กันได้เลยแบบฟรีๆ ไม่มีเก็บตังแน่นอน โดยทางเว็บไซต์ mediabangpaint ได้จับมือกับนิตยสาร Shonenjump เปิดให้นักเขียนจากทางบ้านสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมดังกล่าวได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบ iOS, Android หรือคอมพิวเตอร์ ด้วยความน่าสนใจเราจึงลองโหลดมาเล่นดู ข้อมูลเบื้องต้นพบว่าภายในโปรแกรมมีตัวช่วยต่างๆ ให้อย่างครบครันไม่ว่าจะเป็นรูปแบบเส้นปากกา ฟอนท์ตัวหนังสือ รูปแบบฉากหลัง และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าโปรแกรมเดียวครบจบในตัว วาดการ์ตูนออกมาเป็นเรื่องเป็นราวได้เลย สำหรับผู้ที่สนใจจะลองโหลดโปรแกรมนี้มาใช้ แต่กลัวว่าจะใช้ไม่เป็นก็ไม่ต้องกังวลไป… เพราะทางค่ายก็ได้ใส่ทั้งแบบฝึกหัด และคำแนะนำการใช้เบื้องต้นให้อีกด้วย นับว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางดีๆ สำหรับผู้ที่มีความสนใจอยากจะเริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักวาดการ์ตูน นักวาดมืออาชีพ หรือแม้แต่แม่บ้านที่อยากจะวาดรูปในเวลาว่างก็ใช้ได้เหมือนกัน อ้อ.. และที่สำคัญมีเวอร์ชั่นภาษาไทยด้วยนะจ๊ะ นอกจากนี้ทางค่ายยังมีการประกวดการ์ตูนจากนักเขียนหน้าใหม่ทั่วโลก เพื่อชิงเงินรางวัลสูงถึง 1 ล้านเยน โดยมี อ. มาซาชิ คิชิโมโตะ (ผู้เขียนนารูโตะ) มาเป็นกรรมการตัดสินด้วยตัวเอง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมทั้งหมดและตัวโปรแกรม…
-
อียิปต์ไม่ได้มีพีระมิดมากที่สุดในโลก แต่กลับกลายเป็น “ซูดาน” ที่มีพีระมิดมากถึง 255 องค์
หากเราพูดถึงพีระมิด เราก็คงนึกถึงประเทศ “อียิปต์” อันเป็นประเทศต้นกำเนิดเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมเหล่านี้ และทุกคนคงจะคิดว่าประเทศอียิปต์นี่แหละคือประเทศที่มีจำนวนของพีระมิดเยอะที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับไม่ใช่!? “ซูดาน” เพื่อนบ้านของอียิปต์กลับกลายเป็นประเทศที่มีพีระมิดที่เยอะที่สุด โดยมีมากถึง 255 องค์กันเลยทีเดียว แต่อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านนี้มีพีระมิดที่เยอะกว่าประเทศต้นกำเนิดอย่างอียิปต์ล่ะ? ย้อนกลับไปเมื่อ 4,700 ปีก่อนนั้น สถาปัตยกรรมพีระมิดนี้ถูกคิดค้นขึ้นโดยชาวอียิปต์นามว่า “อิมโฮเทป” เพื่อเป็นสุสานให้ฟาโรห์โจเซอร์ราชวงศ์ที่ 3 ของอียิปต์ อิมโฮเทป ชาวไอยคุปต์ผู้ออกแบบพีระมิด หลังจากที่อิมโฮเทปได้สร้างพีระมิดเป็นครั้งแรก ชาวไอยคุปต์ (ชาวอียิปต์โบราณ) ได้นำสถาปัตยกรรมนี้มาเป็นต้นแบบในการสร้างสุสานแก่กษัตริย์ของพวกเขาเรื่อยมา ตลอดระยะเวลา 3,000 ปี ซูดานตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอียิปต์ ในขณะนั้นชาวนูเบีย (ชาวซูดานโบราณ) ตกอยู่ใต้อาณัติของชาวไอยคุปต์ เนื่องจากความอ่อนแอของตนเอง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวนูเบียไม่ค่อยมีความโดดเด่นในหน้าประวัติศาสตร์เท่ากับชาวไอยคุปต์ เรื่องขึ้นชื่อของชาวนูเบียคือการส่งบรรณาการ “ทองคำ” แก่ชาวไอยคุปต์เป็นระยะเวลาติดต่อกันอย่างยาวนาน จนมาถึงช่วงรอยต่อระยะที่ 3 ของประวัติศาสตร์ ชาวไอยคุปต์อ่อนแอลงเนื่องจากการยึดครองจากต่างชาติที่สับเปลี่ยนกันเข้ามา รูปแบบที่โดดเด่นของพีระมิดอียิปต์ที่สมส่วน ในช่วงที่ชาวไอยคุปต์กำลังอ่อนแอ ก็ทำให้ชาวนูเบียกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง จนทำให้ชาวนูเบียสามารถที่จะสถาปนาราชวงศ์ตนเองขึ้นมาได้และรับเอาสถาปัตยกรรมการออกแบบนี้ขึ้นมาปรับเปลี่ยนเป็นของตนเอง ในขณะที่พีระมิดของชาวไอยคุปต์มีความกว้างและเตี้ยกว่า ชาวนูเบียก็จะสร้างพีระมิดที่แคบและสูงกว่าจนกลายเป็นลักษณะเด่นของพวกเขา…
-
หนุ่มตากล้องเก็บภาพชนพื้นเมืองไซบีเรีย ในช่วงเวลา 6 เดือน ระยะทางกว่า 25,000 กม.!!
เราอาจจะเห็นตากล้องอยู่หลากหลายคนที่ออกเดินทางท่องโลกกว้างเพื่อให้ได้มุมมองใหม่ๆ มาแบ่งปันให้กับเพื่อนร่วมโลกอย่างเราๆ ซึ่งนาย Alexander Khimushin ก็เป็นหนึ่งในตากล้องประเภทนั้นเช่นกัน เขาได้เดินทางไปเยี่ยมชมกว่า 84 ประเทศทั่วโลกและค้นพบว่า “ผู้คน” เป็นสิ่งที่น่าสนใจและสวยงามที่สุด เขาเลยตัดสินใจที่จะถ่ายภาพผู้คนที่เป็นชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆ ในเขตไซบีเรียกลับมา ความท้าทายที่สุดไม่ใช่เพียงแค่ระยะทาง 25,000 กิโลเมตร หรือ ระยะเวลากว่า 6 เดือนในการเก็บภาพ แต่เป็นสภาพอากาศที่โหดร้าย โดยขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเขตที่หนาวที่สุดในโลกและการเดินทางที่แสนลำบากกว่าจะได้ภาพเหล่านี้มา ชนเผ่า Dolgan ชนเผ่า Sakha เด็กน้อยจากชนเผ่า Evenki สาวน่ารักจากชนเผ่า Ulchi ท่านผู้เฒ่าประจำเผ่า Evenki เด็กน้อยผู้ร่าเริงจากเผ่า Uilta การแต่งกายแบบเผ่า Sakha เด็กน้อยจากเผ่า Buryat สาวยิ้มสวยจากเผ่า Soyot ชนเผ่า Negidal หมอผีประจำเผ่า Buryat เสื้ออีกแบบประจำเผ่าของ…
-
ศิลปินนำเสนอ “ความจริง” ของภาพอาหารสวยๆ ในเน็ต เบื้องหลังมันวุ่นวายกว่าที่คิด
ถ้าใครจำได้ ทางสำนักข่าวแมวเหมียวของเราเคยนำเสนอประเด็น “ความจริง” กับ “สิ่งที่เห็น” บนโซเชียลไปแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งทำให้เราได้รู้ว่า ความจริงแล้วภาพแนวสโลวไลฟ์บนโซเชียล อาจไม่ได้สวยงามอย่างที่เราเห็นกัน คราวนี้เป็นอีกกครั้งที่ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม “ความจริง” ของห้องครัวบนโซเชียล ที่ความจริงแล้วอาจไม่ได้สมบูรณ์แบบงดงามขนาดเหมือนที่ถ่ายออกมาบนอินสตาแกรมเลย โดยผลงานของชิ้นนี้เป็นแคมเปญจากเว็บไซต์ Wren Kitchens ที่ต้องการทำให้เห็นว่ากว่าจะมาเป็นภาพสวยๆ บนไอจีให้เราเห็น มีอะไรอยู่เบื้องหลังบ้าง Wren Kitchens บอกว่า ‘หลายครอบครัวพยายามทำให้โลกเห็นว่าพวกเขาเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นด้านการทำอาหารและการใช้ชีวิต พวกเราจึงอยากให้พวกเขาแสดงให้เห็นว่า แท้ที่จริงแล้ว ภาพอันแสนดูดีเหล่านั้น มีเบื้องหลังเป็นอย่างไร’ แต่ละภาพนั้นผ่านการใส่ฟิลเตอร์ แต่งสี และตัดภาพบางส่วนออก จนเหลือเพียงความสวยงามที่อยากจะนำเสนอเท่านั้น ลองไปชมภาพอื่นๆ กัน แล้วเพื่อนๆ คิดว่าจริงอย่างที่เขาว่าหรือเปล่า . . สารภาพกันซะดีๆ ว่าใครเคยทำแบบนี้บ้าง…. ทีนี้เห็นภาพอะไรบนโซเชียลก็อย่าเพิ่งเชื่อนะ บางทีอาจมีการตกแต่งดัดแปลงโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าแบบนี้ก็เป็นได้ (ฮา) ที่มา Wrenkitchens
-
#เหมียวฟิ้น ชวน DIY รองเท้าสีซีด ให้กลายเป็นรองเท้า “กาแล็กซี่” ไม่เคยทำก็มั่วไปด้วยกันได้
#เหมียวฟิ้น เป็นคนที่ชื่นชอบรองเท้าผ้าใบมาก เห็นสวยๆ หน่อยก็ซื้อทันที และเนื่องจากซื้อบ่อยเลยมีรองเท้าเก่าๆ ที่ใส่จนสีซีด พอจะซื้อใหม่ก็เสียดายเงินเราก็เลยคิดหาวิธีในการดัดแปลงมันให้กลับมาสวยงามสดใสอีกครั้ง เมื่อไปค้นตามอินเตอร์เน็ตเราก็พบว่ามันมีหลายคลิปในยูทูบที่นิยมเอารองเท้ามาทำลาย “กาแล็กซี่” กันเยอะ แต่ดูจากสีสันและอุปกรณ์แล้ว #เหมียวฟิ้นก็เลยไม่มั่นใจว่าจะทำได้ด้วยตัวเองหรือเปล่า? แต่เอาน่ะ ลองดูสักตั้ง!! ตัวอย่างที่เห็นมาจากในอินเตอร์เน็ต อุปกรณ์ 1. รองเท้าผ้าใบที่ต้องการทำสี 2. พู่กัน 3. เทปย่น (หรือเทปนิตโต้) 4. สเปรย์เคลียร์ด้าน 5. สีอะคริลิค สีน้ำเงิน, ม่วง, ดำ, ขาว 6. ฟองน้ำ (หรือสก็อตไบร์ทก็ได้) 7. แปรงสีฟัน ขั้นแรกให้เราเอาเทปย่นมาแปะส่วนที่เป็นยางรองเท้าก่อน และหากมีโลโก้หรือป้ายแบรนด์ตรงส่วนอื่นๆ ของรองเท้าก็แปะมันเข้าไปด้วย เพื่อกันสีไปเลอะบริเวณนั้น เมื่อแปะเทปแล้วก็จะออกมาเป็นงี้ จากนั้นให้เราลงสีพื้นๆ ไปก่อน หากรองเท้าดำก็ลงสีดำไปในส่วนที่สีมันซีดๆ แต่หากรองเท้าที่นำมาทำเป็นสีขาวก็ลงสีอื่นๆ ได้เลย เมื่อลงดำแล้ว ก็นำสีนำเงินและสีม่วงมาละเลงตามใจชอบ ใช้ฟองน้ำจุ่มสีแล้วแปะๆ ถูๆ ลงไปให้รองรองเท้า …
-
12 ช่องทางทำเงินในโลกออนไลน์ ของเหล่า “ศิลปิน” ที่คุณสามารถเอาผลงานตัวเองไปขายได้!!
ในอดีตศิลปินนักสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะต่างๆ อาจจะคุ้นเคยกับการขายงานศิลปะของพวกเขาผ่านแกลลอรี่ หรือพ่อค้าคนกลางซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาจากการขายเหล่านี้ แต่ในปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เหล่าศิลปินสามารถที่จะขายผลงานของพวกเขาสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งนี่ทำให้เหล่าศิลปินสามารถที่จะลดต้นทุนในการขายเพื่อสร้างกำไรเพิ่มเติมได้ แต่ช่องทางการขายแบบ “Online” อยู่ที่ไหนหล่ะ!? สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจ นี่คือ 12 ช่องทางการทำเงินจากผลงานของเหล่าศิลปินที่สามารถทำได้ครับ Shopify สำหรับบางคนที่มีสินค้าเก๋ๆ อยู่แล้ว และต้องการที่จะขายออนไลน์แต่ไม่อยากจ้างโปรแกรมเมอร์มาเขียน เว็บไซต์ก็สามารถใช้เจ้า Shopify สร้างเว็บไซต์ซื้อขายสินค้าของตัวคุณเองได้นะเออ ด้วยขั้นตอนที่ง่ายเพื่อนๆ สามารถเข้าไปเรียนรู้ได้ที่ เว็บไซต์ ได้เลย Amazon เพื่อนๆ บางคนอาจจะสงสัยว่า เห้ย Amazon มันขายหนังสือไม่ใช่หรอ ปัจจุบัน Amazon ได้เปิดตัวส่วนของ Art Section ขึ้นมาให้ศิลปินได้ขายผลงานภาพวาดของตนเองกันแล้ว Etsy นอกจากงานภาพวาดแล้วเว็บไซต์ Etsy เป็นอีกช่องทางสำหรับเหล่าศิลปินที่ทำผลงานจำพวกแฮนด์เมด และของวินเทจทั้งหลาย ให้เข้ามาขายสินค้ากันภายในเว็บไซต์นี้ได้ด้วยคติประจำเว็บว่า “Shop for anything from creative people anywhere” Ebay เป้นอีกช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจ เพื่อให้ได้ราคาที่สูงที่สุด “การประมูล” อาจจะเป็นทางเลือกที่ดี โดยภายใน…
-
ลาครั้งสุดท้าย… ชาวเมืองนับพันร่วมไว้อาลัยงานศพ Otto Warmbier ผู้ถูกจับขังในเกาหลีเหนือ
หากเราได้ติดตามข่าวต่างประเทศในช่วงนี้ ข่าวของนาย Otto Warmbier นักศึกษาวัย 22 ปีที่ถูกจับ ณ ประเทศเกาหลีเหนือได้รับความสนใจไม่น้อย (สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติ่มได้ที่ Otto Warmbier หนุ่มมะกันที่เดินทางไปเที่ยวเกาหลีเหนือ ถูกตัดสินจำคุกและทำงานอย่างหนัก 15 ปีเต็ม) หลังจากที่เขารับโทษจากประเทศเกาหลีเหนือในข้อหาพยายามล้มล้างสถาบันด้วยการขโมยโปสเตอร์แล้ว เขาก็ถูกส่งกลับมาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยสภาพสมองที่บอบช้ำและได้รับการกระทบกระเทือน จนกระทั่งเสียชีวิตในวันจันทร์ ที่ 19 มิถุนายน 2017 Otto Warmbier นักศึกษาชาวอเมริกันผู้ถูกจับเพราะขโมยโปสเตอร์ของเกาหลีเหนือ หลังจากการเสียชีวิตของนาย Otto งานศพของเขาได้รับความสนใจจากชาวเมืองเป็นอย่างมาก ทำให้มีผู้เข้าร่วมงานศพของเขาหลายพันคนเมื่อวันพฤหัสที่ 22 มิถุนายน 2017 และยังมีผู้คนอีกจำนวนหนึ่งที่ต้องอยู่โซนข้างนอก เนื่องจากหอประชุมของโรงเรียน Wyoming High School นั้นสามารถจุคนได้เพียง 2,100 คนเท่านั้น ผู้คนเรียงแถวรอส่งเขาในงานศพ ภายในห้องประชุมใหญ่ของโรงเรียนมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก “เป็นเรื่องยากที่ผมจะดำเนินรอยตามเขาไม่ว่าจะเป็นเรื่องกีฬา เรื่องการเรียน เขาเป็นคนดี มันไม่สำคัญว่าเขาจะอยู่ที่ไหน แต่เขาจะอยู่ภายในหัวใจของพวกเราตลอดไป” Austin…
-
ไปลองดูหนัง AV ในแบบ VR จะสยิวกิ๋วถึงใจแค่ไหน!? (#ประธานเหมียว in Japan EP. 1)
สวัสดีครับชาวเว็บไซต์แคทดั๊มบ์ทุกท่าน ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่ #ประธานเหมียว ได้เดินทางไปเที่ยวยังประเทศญี่ปุ่น ก็เลยไม่พลาดที่จะเขียนรีวิวทริปครั้งนี้มาฝากทุกท่าน แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าการไปเที่ยวรอบนี้อาจจะไม่ได้ไปทำบุญเข้าวัดเข้าวา รีวิวขนมดีๆ หรือย่านช็อปปิ้งที่หลายคนรู้จักดี แต่มีความหลุดกรอบ ทะลึ่งตึงตัง และเป็นญี่ปุ่นในอีกมุมมองที่คุณอาจจะไม่เคยสัมผัส ถ้าพร้อมกันแล้วมาตามติดบทความ #ประธานเหมียว in Japan ในตอนแรกกับการรีวิวไปชมหนังโป๊แบบ VR ของทางค่าย SOD AV กันได้เลยคร้าบบบบบบ เอาล่ะครับทุกท่าน วันนี้จะขอมาที่ย่านอากิฮาบาระ อากิฮาบาระอีกหนึ่งย่านขึ้นชื่อสำหรับนักสะสมของเล่น เกม หรือกระทั่งเมดคาเฟ่ที่มีอยู่เรียงรายเต็มไปหมด แต่เราจะไม่ได้พาไปร้านพวกนั้นหรอกนะ เพราะเป้าหมายของเราคือที่นี่ต่างหากกกกกกก ร้าน Soft on Demand เชื่อว่าคอหนังญี่ปุ่นหลายๆ คน คงจะคุ้นเคยกับชื่อนี้เป็นอย่างดี มันก็คือค่าย SOD ที่เรารู้จักนั่นแหละครับ ภาพด้านหน้าร้าน ร้านนี้ที่จริงแล้วเหมือนศูนย์เช่า DVD ซึ่งก็มีบริการห้องดูส่วนตัวไว้ให้เสร็จสรรพ ลูกค้าก็จะมาเลือกทั้งภาพยนตร์ การ์ตูน หรือกระทั่งหนังโป๊และใช้บริการในห้องส่วนตัวที่ทางร้านจัดเอาไว้ให้ สำหรับค่าบริการนั้นจะไม่แพงมาก แต่สำหรับบริการห้องที่มี VR ก็จะแพงขึ้นมาหน่อย อยู่ที่ 1,500 เยน (450…
-
ดีจนต้องแชร์ต่อ… รวม 9 เทคนิค ขึ้นเครื่องบินอย่างไร ให้ “นอนหลับ” ได้สบายมากที่สุด
เชื่อว่าหนึ่งในปัญหาที่จากการเดินทางด้วยเครื่องบินที่คนส่วนใหญ่มักจะเจอกันก็คือ… ความรู้สึกเหนื่อยล้าหลังการเดินทาง โดยเฉพาะไฟลท์ไหนที่นานๆ ด้วยแล้ว พยายามจะหลับบนเครื่องทีไรก็หลับไม่ลงซักที ด้วยความปรารถนาดีจากชาวเหมียวที่มีถึงผู้อ่านทุกท่าน วันนี้เราจะแนะนำให้รู้จักกับ 9 เทคนิคที่จะช่วยให้หลายๆ คน ไม่ต้องรู้สึกเหนื่อยล้า หรือหมดแรงจากการเดินทางบนเครื่องอีกต่อไป 1. ไฟลท์ตอนกลางคืนดีที่สุด หนึ่งในคำแนะนำง่ายๆ ก็คือการเลือกไฟลท์ให้ตรงกับช่วงเวลานอนของเรา และเมื่อถึงวันเดินทางอาจจะตื่นนอนก่อนซัก 2 – 3 ชั่วโมง เพื่อที่จะได้สามารถไปนอนต่อบนเครื่องบินได้ 2. วันอังคาร และวันพุธ คือวันที่ดีที่สุด ถ้าคุณรู้สึกไม่ชอบการเบียดเสียด หรือความแออัดจากผู้โดยสารจำนวนมากละก็ มีผลสำรวจออกมาแล้วว่าวันอังคาร และวันพุธ เป็นวันที่ได้รับความนิยมในการเดินทางน้อยที่สุด 3. ที่นั่งติดกับหน้าต่างคือทำเลที่ดีที่สุด พยายามเลือกที่นั่งให้ติดกับหน้าต่างเข้าไว้ เพื่อที่ว่าเราจะได้ใช้พื้นที่ด้านข้างสำหรับพิงศรีษะได้ อ้อ.. และที่สำคัญอย่าจองที่นั่งใกล้กับห้องน้ำเด็ดขาด 4. เอนเบาะไปข้างหลังให้สุด ถ้าคุณรู้สึกว่าร่างกายต้องการพักผ่อนแล้วละก็ ให้ปรับเบาะเอนไปข้างหลังให้สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะการนอนหลับที่ผิดสรีระอาจทำให้คุณเกิดอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อตามมาได้เช่นกัน 5. เลือกชุดที่ใส่สบายเข้าไว้ หากคุณไม่ได้รีบไปติดต่อธุรกิจ หรือไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแต่งตัวให้ดูเป็นทางการแล้วล่ะก็ เก็บชุดเสื้อผ้าเหล่านั้นยัดใส่กระเป๋าไปได้เลย เพราะเสื้อผ้าที่ใส่สบายจะช่วยทำให้คุณรู้สึกสบายกับการเดินทางได้ดีกว่าหลายเท่าเลยล่ะ 6. รัดเข็มขัดนิรภัยไว้เหนือเสื้อผ้า…
-
Donyale Luna นางแบบผิวสีคนแรกเมื่อ 50 ปีก่อน กล้าที่จะแตกต่างและยืนหยัดให้ได้
ในสมัยก่อนในยุคที่การเหยียดผิวยังคงเข้มข้นในโลกตะวันตก การยอมรับคนผิวสีจากสังคมนั้นค่อนข้างเป็นไปได้ยาก แต่หลังจากนั้นเมื่อโลกเปลี่ยนไป ทุกๆ อย่างก็ค่อยเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย… Donyale Luna นางแบบแฟชั่นผิวสีคนแรกที่ได้ถ่ายรูปลงปกนิตยสารแฟชั่นชื่อดังอย่าง Vogue ผลงานการถ่ายแบบของเธอได้รับการพูดถึงอย่างมากในสมัยนั้น รวมถึงการปรากฏภาพของเธอในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียด้วย นางแบบผิวสีชาวอเมริกันผู้นี้เกิดเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมปี 1945 ในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน เธอเป็นลูกสาวคนสุดท้องของครอบครัว เธอใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นทั่วไปก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่วงการนางแบบเมื่อปี 1966 นอกจากนี้เธอยังมีผลงานภาพยนต์อีกหลายเรื่องด้วยกันอย่างเช่นเรื่อง Fellini Satyricon ในปี 1966 หรือเรื่อง Salomè ในปี 1972 นางแบบสาวผู้มากความสามารถนี้ยังถือได้ว่าเป็นนางแบบผิวสีคนแรกอีกด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตามเธอกลับต้องจากไปด้วยวัยเพียง 33 ปีในปี 1979 จากการเสพยาเกินขนาด ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงและสภาพจิตใจของเธอนั้นไม่ได้มีการพูดถึงเอาไว้มากนัก และเพื่อเป็นการรำรึกถึงความสามารถของเธอ วันนี้เราจึงได้รวบรวมผลงานบางส่วนของเธอมาให้ได้ชมกัน . . . . . . . . . . . Luna ทำให้เห็นถึงการ เริ่มยอมรับในความแตกต่างของสีผิว .…
-
9 คำพูดเด็ดจาก “วลาดิเมียร์ ปูติน” แสดงตัวตนและความเด็ดขาด ของท่านผู้นำแห่งรัสเซีย
ในปัจจุบันคงไม่มีใครไม่รู้จัก “วลาดิเมียร์ ปูติน” ประธานาธิบดีคนที่ 4 และผู้นำคนปัจจุบันของประเทศรัสเซีย นอกจากได้ชื่อว่าเป็นผู้นำที่น่าจับตามองคนหนึ่งของโลกแล้ว เขายังมีประวัติที่น่าสนใจมากมายไม่ว่าจะเคยเข้าร่วมหน่วยข่าวกรองของ KGB ร่วมไปถึงกิจกรรมยามว่างของเขา โดนเขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของรัสเซียมาแล้ว 2 สมัยเขาได้นำพาความเสถียรภาพมาสู่การเมืองหลายครั้ง รวมไปถึงวาทะของเขาอีกมากมาย #เหมียวปั๊ก เลยขอแปลมาให้ได้อ่านกัน “ผมไม่ใช่ผู้หญิง ดังนั้นผมจึงไม่มีวันที่แย่ของเดือน” เป็นอีกวาทะที่ท่านผู้นำได้พูดออกมา ทำให้บางคนตีความว่าอาจจะเหยียดผู้หญิง แต่ในขณะเดียวกันคนบางกลุ่มก็มองว่านี่เป็นวาทะที่เซ็กซี่เหมือนกัน โดยวาทะนี้เขาได้พูดกับ Oliver Stone สำหรับการเก็บข้อมูลเพื่อทำหนังสารคดีของเขา “หน้าที่ของรัฐบาลนอกจากจะให้ยาดีแล้วต้องให้ยาขมด้วย” หลังจากการประกาศเจตนารมณ์ที่จะลงสมัครเลือกตั้งเมื่อปี 2012 เขาได้กล่าววาทะนี้ ซึ่งสื่อความเกี่ยวโยงกับนโยบายการรับมือผมกระทบวิกฤตการเงินเมื่อปี 2008 ที่เริ่มต้นจากสหรัฐอเมริกาและสั่นสะเทือนไปทั้งโลก “เป็นการอันตรายหากเราจูงใจคนกลุ่มหนึ่งว่าตนเองพิเศษ ไม่ว่ากรณีใดๆ “ ท่านผู้นำต้องการจะบอกว่าไม่ว่าเราจะเป็นเช่นไร เราทุกก็มีสิทธิเหมือนกันและล้วนมีหน้าที่ที่จะต้องกระทำเหมือนกัน และในสังคมแบบคอมมิวนิสต์ ประชาชนจะไม่พิเศษไปกว่ากัน เขากล่าวกับ New York Times เมื่อปี 2013 “มันได้จมลงไปแล้ว” ในปี ค.ศ.2000 เรือดำน้ำ Kursk ของรัสเซียจมลงในทะเล…
-
รวมภาพประวัติศาสตร์ “การพรางตัว” ของทหารหญิงฝ่ายสัมพันธมิตร ในสงครามโลกครั้งที่ 1
สงครามโลกครั้งที่ 1 เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในมหาสงครามที่เรียกได้ว่ารุนแรงและมีความสูญเสียมากที่สุดของมวลมนุษยชาติเลยก็ว่าได้ เทคโนโลยีและยุทธการการรบต่างๆ ถูกคิดค้นเพื่อมาพิชิตเหล่าฆ่าศึก และหนึ่งในนั้นก็คือสายลับหญิงนั่นเอง และวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับหน่วยนักรบหญิงที่มีชื่อว่า The Women’s Reserve Camouflage Corps กองกำลังทหารหญิงที่มีความเชี่ยวชาญในการสืบเสาะและพรางตัว ในปี 1918 พื้นที่ของอุทยาน Van Cortlandt Park ในพื้นที่ของมหานครนิวยอร์ก ซึ่งเต็มไปด้วยป่าไม้ ทุ่งหญ้า และโขดหินมากมาย แต่ใครจะรู้ว่าในพื้นที่กว่า 4,000 ตารางเมตรนั้นได้มีเหล่าของนักรบหญิงซ่อนตัวอยู่ในนั้น เหล่าผู้หญิงที่ซ่อนตัวอยู่ในที่อุทยานแห่งนี้ คือหนึ่งในนักเรียนวิชาศิลปะการพรางตัวหรือที่เรียกว่าเป็นหนึ่งในคอร์สการฝึกหน่วยลับของฝ่ายพันธมิตร ที่จะใช้ในสงคราม การฝึกดังกล่าวจะรวบรวมศิลปินหญิงจากทั่วสหรัฐอเมริกาเพื่อมาทำการฝึกร่วมกับหน่วยรบพิเศษในนิวยอร์ก และหลังจากนั้นพวกเธอจะถูกส่งตัวเพื่อเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 1 สาเหตุที่ต้องเป็นเหล่าศิลปินหญิงนั้นก็เนื่องจากว่าทางการนั้นต้องการอาศัยความสามารถในการประดิษฐ์ การวาดภาพ การลงสีของพวกเธอเพื่อช่วยในการพัฒนารูปแบบของชุดสำหรับพรางตัว ให้มีความสมจริงมากที่สุดนั่นเอง การฝึกในอุทยาน Van Cortlandt Park นั้นเป็นการทดสอบชุดพรางต่างๆ และให้พวกเธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับลักษณะของภูมิประเทศเพื่อใช้ในการวาดลายพรางบนชุดในคล้ายกับลักษณะภูมิประเทศต่างๆ อย่างเช่น ก้อนหิน หรือสนามหญ้า เพื่อใช้ในสนามรบ ภาพของเหล่าจิตรกรหญิงที่กำลังฝึกสเก็ตภาพภูมิประเทศเพื่อนำไปปรับใช้กับการออกแบบชุดพรางตัว ภาพถ่ายการฝึกชุดนี้ถูกเปิดเผยโดยสำนักงานหอจดหมายเหตุแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ซึ่งบางภาพนั้นคุณจะเห็นภาพของพวกเธออยู่ใกล้ๆ กับโขดหินหรือต้นไม้ และหลังจากนั้นในภาพต่อมาพวกเธอกลับพรางตัวได้แนบเนียนสุดๆ…
-
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ “8 ภาษากาย” ที่คุณสามารถเรียนรู้ได้ และทำให้ตัวเองดูคูลขึ้นได้จริงๆ
ภาษาที่เราใช้สื่อสารนั้นมีอยู่มากมายทั่วโลก นอกจากภาษาที่เราใช้พูดกันแล้วนั้น “ภาษากาย” เป็นอีกสิ่งสำคัญที่สามารถสื่อสารได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ภาษากายมีความพิเศษอยู่หลายอย่าง มันสามารถเป็นตัวเสริมที่ทำให้ภาษาพุดของเรามีความน่าเชื่อถือ หรือในขณะเดียวกันมันก็สามารถที่จะลดความน่าเชื่อถือได้ ซึ่งคราวนี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญในสาขาอาชีพต่างๆ จะเป็นคนมาแนะนำ 8 ภาษากายที่คุณควรฝึกและนำไปใช้อย่างสม่ำเสมอนั่นเอง… 1. ลอกเลียนแบบท่าทางของอีกฝ่าย – Rosemary Haefner หัวหน้าฝ่ายบุคคล เว็บไซต์ CareerBuilder แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องลอกเลียนแบบให้เหมือนเสียทีเดียวนะ นั่นจะดูเป็นการล้อเลียนเกินไป การที่เราค่อยๆ “Mimic” อย่างช้าๆ จะเป็นการแสดงถึงความเห็นด้วย หรือเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้พวกเขารู้สึกคล้อยตามและถูกจูงใจได้ 2. เดินอย่างมั่นใจ – อ้างอิง Scientific American การเดินหลังห่อ หรือไร้แรงเป็นการแสดงถึงความเศร้าและขาดแรงบันดาลใจ ลองเปลี่ยนมาเป็นการเดินแบบมีชีวิตชีวาสิ เดินหลังตรงส้นเท้าลงเต็มพื้น นี่คือการแสดงถึงความมั่นใจและการมีเป้าหมายซึ่งจะทำให้คุณกลายเป็นคนที่มีบุคลิกน่าเชื่อถืออีกด้วยนะ 3. การใช้สายตา – Leil Lowndes พยายามสบตาผู้พูดหรือคู่สนทนาเป็นประจำ แต่ไม่ใช่การจ้องเขม็งไปที่พวกเขานะ การสบตานอกจากแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจแล้ว ยังแสดงให้เห็นความสนใจในคู่สนทนาอีกด้วย สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยมั่นใจ สามารถฝึกง่ายๆ ด้วยการหมั่นสบตากับคู่สนทนาของคุณทุกคน อย่างตั้งใจและแสดงถึงความอบอุ่น คุณจะค่อยๆ พัฒนาทักษะนี้ไปใช้ในสถานการณ์อื่นๆ ได้ 4.…
-
ช่างภาพออกผจญภัยกับหมาคู่ใจ เก็บภาพสัตว์ป่าและธรรมชาติอันสวยงาม ของโลกใบนี้…
การออกไปผจญภัยนั้นสามารถทำได้ทุกช่วงโอกาสของชีวิตเรา เหมือนกับชายหนุ่มชาวสเปนคนนี้ที่ตัดสินใจหลุดจากการถ่ายรูปเดิมๆ ของเขาสู่การออกเดินทางในที่ซึ่งไม่เคยไปมาก่อน การออกเดินทางไปยังที่ต่างๆ เริ่มต้นเมื่อ 4 ปีก่อนหลังจากสูญเสียภายในครอบครัวของเขา และในครั้งนี้ Fran Mart ตัดสินใจที่จะหิ้วกล้องคู่ใจ ออกจากกรอบการถ่ายรูปแบบพอร์เทรตเดิมๆ เดินทางสู่เมือง Edinburgh ประเทศสกอตแลนด์ เขาเริ่มต้นถ่ายภาพวิวทิวทัศน์และชีวิตของสัตว์ในแถบชนบทของเมืองโดยมีเจ้า James สุนัขขนสั้นสีดำเป็นเพื่อนร่วมผจญภัยของเขาตลอดทริปนี้ เจ้านาย ตื่นรึยังครับ ~ ผมพร้อมจะลุยแล้วครับบ ~ “สำหรับผมแล้ว การถ่ายรูปก็เหมือนความสุขที่เราได้นั่งข้างกองไฟ จิบกาแฟหอมกรุ่นหรือเหล้าแล้วแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ กับเพื่อน” Fran กล่าว บ้านกลางที่ราบ ถนนในชนบทสามารถบอกเล่าอารมณ์และความรู้สึกได้ด้วย บรรยากาศขมุกขมัวชวนพิศวง นอกจากการถ่ายรูปของเขาแล้ว ในบางครั้งเขาก็ได้พบกับประสบการณ์อันพิเศษเช่นการที่สัตว์ป่าที่เข้ามาหาเขาอย่างเป็นมิตร ด้วยท่าทีที่เป็นมิตรของ Fran สัตว์ป่าจึงไว้ใจ พวกมันสงสัยว่าสิ่งที่อยู่ในมือของ Fran คืออะไร ว่าไงมนุษย์ ~ ภาพเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงชีวิตธรรมชาติที่ยังมีพื้นที่ในโลกนี้ “เป้าหมายของผมในการถ่ายภาพคือการที่ภาพสามารถสร้างแรงบันดาลใจและความตระหนักเกี่ยวกับโลกที่เราอาศัยอยู่มากขึ้น” เขากล่าว เรียงแถวเร็วพวก!! …
-
ผลวิจัยใหม่ชี้ การหยิบมือถือขึ้นมาเช็คระหว่างพูดคุยกัน มีผลทำให้คู่รักเลิกกันเร็วขึ้น!?
ในปัจจุบันเราล้วนติดต่อสื่อสาร ทำงาน หรือกิจกรรมต่างๆ นานาด้วยมือถือของเรา นอกจากการทำงานแล้วการพักผ่อนของเราส่วนหนึ่งนั้นก็สามารถทำได้กับเจ้ามือถือนี้ เราอาจจะบอกว่าปัจจุบันมือถือมีอิทธิพลและกลายมาเป็นอีกปัจจัยจำเป็นในชีวิตของเราก้ไม่ผิด งานวิจัยใหม่ได้รายงานว่า โดยเฉลี่ยแล้วเรามักจะหยิบมือถือขึ้นมาเช็ตเป็นจำนวน 150 ครั้งต่อวัน และรู้หรือไม่ว่าการที่เราหยิบมือถือขึ้นมาเช็คระหว่างการสนทนากับคนอื่นอยู่นั้นเป็นการลดความสัมพันธ์กับคู่สนทนาอีกด้วย เป็นเรื่องเล็กๆ ที่เราทำกันประจำ เกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างให้ข้อมูลว่าได้รับผลเชิงลบจากการกระทำเช่นนี้ เพราะการหยิบมือถือขึ้นมาเช็คเป็นการลด “คุณภาพ” ของเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับคนที่เรารักหรือคู่สนทนาของเราตรงนั้น นอกจากเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันจะลดลงแล้ว การให้ความสนใจในตัวคู่สนทนาก็จะลดตามเช่นกัน “การมีบทบาทของมือถือในปัจจุบันทำให้เราไม่สามารถที่จะแยกเรื่องงานและเรื่องอื่นๆออกจากชีวิตส่วนตัวได้ ซึ่งมันส่งผลต่อความโรแมนติคในชีวิตคู่ที่จางลงเรื่อยๆ “ ดร. James Roberts และดร. Meredith David จาก Baylor University กล่าว มือถือมีบทบาทมากขึ้นแม้กระทั่งในวัยรุ่น และด้วยบทบาทของมือถือ “การเช็ค” พวกมันจึงเป็นอะไรที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ในปัจจุบัน จากกลุ่มตัวอย่าง 70% ได้ให้ข้อมูลว่าพวกเขามักจะเช็คมือถือตอนที่อยู่ระหว่างช่วงเวลาโรแมนติค ทีมนักวิจัยได้ทำการสำรวจจากผู้คน 450 คน กว่า 40% ของจำนวนนี้กล่าวว่าคู่สนทนาของพวกเขามักจะหยิบมือถือขึ้นมาดูระหว่างการสนทนาเสมอ และอัตราการเช็คมือถือในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามพฤติกรรมของผู้ใช้ในปัจจุบัน การไม่ให้ความสนใจคือบ่อเกิดของความเฉยชา …
-
หรูหราดูดีมีระดับ กับบ้านสุนัขราคา 6.5 ล้านบาท แค่รักหมาไม่พอนะ… ต้องมีตังค์ซื้อด้วย!!
ใครที่เลี้ยงเจ้ามะหมาไว้ข้างนอกก็อาจจะต้องซื้อ “บ้านสุนัข” เอาไว้ให้พวกมันพักอาศัย โดยราคานั้นก็ขึ้นอยู่กับขนาดและลักษณะของบ้าน แต่สำหรับบ้านสุนัขที่ #เหมียวปั๊ก นำมาให้เพื่อนๆ ดูวันนี้ จัดว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ นอกจากราคาที่ไม่ธรรมดาโดยราคาเริ่มต้นนั้นอยู่ที่ 1 ล้านไปจนถึงหลังละ 6.5 ล้านบาท ที่มันแพงขนาดนั้นเพราะมันถูกทำมาเป็นบ้านระดับไฮเอนด์โดยเฉพาะ ภายในบ้านสุนัขนี้ประกอบไปด้วยเครื่องทำความร้อน ห้องโถงที่ใหญ่โต เครื่องมือสื่อสารระหว่างเจ้าตูบกับเจ้านาย เป็นต้น ราคาบ้าน (หรือคฤหาสน์) เริ่มต้นอยู่ที่ 1-6 ล้านบาท!! ทางผู้ผลิตบอกว่าตัวบ้านนั้นถูกออกแบบโดยช่างทำเรือยอร์ชและพื้นที่ทำด้วยไม้เนื้อแข็งอย่างดีที่ทนต่อการขีดข่วนโดยกรงเล็บของเจ้าตูบ ส่วนของเสาบ้านแต่ละต้นนั้นถูกออกแบบและทำอย่างประณีต พื้นที่ใช้สอยถูกแบ่งเป็นส่วนต่างๆ อย่างชัดเจน นอกจากนี้ห้องที่แบ่งไว้แล้ว ส่วนของหน้าตาได้ถูกเติมแต่งเข้าไปเพื่อให้เจ้าตูบสามารถมองเห็นทัศนียภาพภายนอกได้อย่างชัดเจนและปลอดโปร่ง หรูหราและสวยงาม สามารถตั้งพื้นที่ไหนก็ได้ตามสะดวก แต่อาจจะต้องมีบริเวณบ้านนิดนึงนะ มีหลากหลายรูปแบบ ตั้งไว้ในสวนก็เท่ห์ไม่หยอก เสาและระเบียงมีรายละเอียดเหมือนบ้านคนจริงๆ Alice Williams ผู้อำนวยการสร้างบ้านสุนัขหรูหรานี้กล่าวว่า “วัตถุประสงค์ของเราคือการสร้างคฤหาสน์สุนัขที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของสุนัขและเจ้าของของมัน” นอกจากความหรูหราแล้ว การตอบสนองต่อความต้องการก็จำเป็นด้วย . นอกจากสุนัขจะได้รับความสะดวกสบายและความผ่อนคลายจากการดูวิวสวยงามภายในบ้านอันหรูหรา…
-
WEF จัดอันดับยกให้ “ประเทศไทย” ติด 20 ประเทศที่อันตรายสุดสำหรับนักท่องเที่ยว!?
ประเทศไทยเป็นประเทศที่สวยงามทั้งทางวัฒนธรรมรวมไปถึงอาหารการกินจนกลายเป็นอีกหนึ่งประเทศจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวตั้งใจจะเดินทางมาเพื่อพักผ่อนในรูปแบบต่างๆ ด้วยอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดทำให้นักท่องเที่ยวต้องการที่จะมาเที่ยวประเทศไทยเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อไม่นานมานี้ WEF หรือ The World Economic Forum ได้เผยรายงานเกี่ยวกับ รายงานการแข่งขันและการท่องเที่ยว ซึ่งวิเคราะห์สถานะการท่องเที่ยวใน 136 ประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยส่วนหนึ่งของรายงานนั้น ทาง WEF มีการจัดอันดับความปลอดภัยของแต่ละประเทศไว้ โดยวัดจากความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับอันตรายร้ายแรงต่อผู้คน (ความรุนแรงและการก่อการร้าย) โดยไม่นับคดีหรือความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายทางอาญา ในขณะที่ประเทศปากีสถานนั้นอยู่ในอันที่ 4 เนื่องมาจากความรุนแรงของกลุ่มคลั่งศาสนาที่ยังคงต่อต้านเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งรัฐบาลปากีสถานยังจำกัดเสรีภาพในการพูด รวมไปถึงห้ามไม่ให้ชาวต่างชาติเข้าถึงสถานที่ต่างๆ หลายแห่งทั่วประเทศ ประเทศโคลอมเบียนั้น พุ่งทะยานสู่อันดับ 1 แม้ว่าจะเป็นประเทศปลายทางของนักท่องเที่ยว แต่ความอันตรายของกลุ่มติดอาวุธ Bacrim ที่ไม่ว่าจะเป็นการวางระเบิดในเมืองใหญ่ๆ รวมไปถึงกิจกรรมที่ผิดกฎหมายทั่วประเทศอย่างเช่นการขนยาและอาวุธสงคราม จึงทำให้ประเทศโคลอมเบียนั้นครองอันดับ 1 ไปอย่างไม่น่ากังขา กลุ่มติดอาวุธ BACRIM มีอุปกรณ์และระบบการบัญชาที่พร้อมต่อการล้มรัฐบาล แต่ด้วยสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้แก่ จังหวัด ปัตตานี…
-
อดีตหน่วยรบพิเศษสหรัฐฯ ตัดสินใจฝ่าดงกระสุน ISIS เพื่อเข้าไปช่วยเหลือเด็กกลางสมรภูมิ!!
เราอาจจะเคยได้เห็นฉากที่พระเอกฝ่าดงกระสุนเพื่อช่วยเหลือนางเอกหรือผู้บริสุทธิ์จากในจอโทรทัศน์ แต่สำหรับเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องจริงของอดีตนายทหารคนหนึ่งที่ฝ่าดงกระสุนเพื่อเข้าไปช่วยชีวิตเด็กน้อยกลางสมรภูมิ Mosul ประเทศอิรัก นาย David Eubank อดีตนายทหารหน่วย Ranger และ หน่วยรบพิเศษของกองทัพสหรัฐ (US Special Forces) ได้ก่อตั้งกลุ่ม The Free Ranger Burma เพื่อทำการช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับความทุกข์ยากในประเทศต่างๆ ได้แก่ เมียนมาร์ อิรัก และซูดาน นาย David Eubank วัย 56 ปี เขาได้ทำการลงพื้นที่สมรภูมิ Mosul กับหน่วย Ranger เพื่อทำการช่วยเหลือพลเรือนที่กำลังเดือดร้อน ในขณะที่หน่วย Ranger กำลังปะทะกับกองกำลังของ ISIS ก็มีเด็กหญิงคนหนึ่งที่ติดอยู่กลางพื้นที่สู้รบของทั้ง 2 ฝ่าย ด้วยเลือดนักสู้ในตัว… เขาจึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปช่วยเด็กหญิงคนนั้น โดยได้รับความคุ้มกันจากหน่วย Ranger และในขณะที่ David กำลังวิ่งอยู่นั้นเขาต้องเจอกับอันตรายจากระเบิดและสไนเปอร์ของฝั่ง ISIS เขาวิ่งฝ่ากระสุนเพื่อช่วยเหลือเด็กน้อยที่ติดอยู่กลางวงล้อม .…