Category: สาระรอบตัว
-
งานวิจัยชี้ ผู้ใช้กัญชามีแนวโน้มประสบความสำเร็จ และพึงพอใจในชีวิตมากกว่า…!?
ปกติแล้วถ้าพูดถึงคนเสพกัญชาเราคงเห็นภาพของคนที่มีลักษณะนิสัยขี้เกียจ บางคนอาจจะลามไปถึงขั้นมองว่าคนๆ นั้นล้มเหลว และไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทว่างานวิจัยเชิงการตลาดจาก BDS Analytics (บริษัทวิจัยกัญชา) ได้ทำการสำรวจกลุ่มผู้ใช้กัญชาจากหลายเงื่อนไของค์ประกอบในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสุขในชีวิต คุณภาพทางจิตใจ การเข้าสังคม และรวมไปถึงปัจจัยทางการเงิน โดยข้อมูลทั้งหมดเก็บรวบรวมมาจากกลุ่มผู้ใช้กัญชาในรัฐแคลิฟอร์เนีย และโคโลราโด ซึ่งเป็นรัฐที่การซื้อขายกัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ผลสำรวจจากรัฐแคลิฟอร์เนียก็ยิ่งชวนให้ทึ่งเข้าไปอีก เมื่อพบว่า 20% ของผู้ใช้กัญชาเรียนจบถึงระดับปริญญาโท นอกจากนั้นในเรื่องของรายได้เฉลี่ยพบว่า ผู้ใช้กัญชาจะมีรายได้เฉลี่ย 93,800 เหรียญ/ปี ในขณะที่กลุ่มผู้ปฏิเสธกัญชามีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 70,000 เหรียญ/ปี เท่านั้น เช่นเดียวกับรัฐโคโลราโดผลสำรวจทางการตลาดพบว่า 64% ของกลุ่มผู้ใช้กัญชามีงานฟูลไทม์ประจำทำ ในขณะที่กลุ่มผู้ปฏิเสธการใช้กัญชามีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าอยู่ที่ 54% ในส่วนของความพึงพอใจในชีวิต จากการสำรวจพบว่ากว่า 5 ใน 10 ของกลุ่มผู้ใช้กัญชารู้สึกมีความพึงพอใจในชีวิตมากกว่าที่เคยเป็นอยู่ ตรงกันข้ามกับกลุ่มคนไม่ใช้กัญชามีความพึงพอใจในชีวิตเพียง 4 ใน 10 เท่านั้น และปัจจัยทางสังคมผลสถิติจากรัฐโคโลราโดชี้แจงว่า 36% ของกลุ่มคนใช้กัญชาอธิบายตนเองว่ามีลักษณะนิสัยเข้าสังคมง่าย ในขณะที่กลุ่มผู้ไม่ใช้กัญชามีเพียง 28% เท่านั้น …
-
เมื่อลูกว่าแม่ตัวเองว่า “อ้วน” คุณแม่เลยสั่งสอนลูกของเธอ จนกลายเป็นกระแสในโซเชียล!?
เราส่วนใหญ่คิดว่าไขมันนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับสุขภาพที่ดี แต่การมีไขมันในร่างกายนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งเพราะนอกจากจะให้พลังงานแล้ว มันยังสามารถที่จะกักเก็บความร้อนของร่างกายได้ แต่การมีมันมากไปก็อาจจะทำให้คุณกลายเป็นคนอ้วนได้ และแน่นอนว่าไม่มีใครที่อยากโดนเรียกหรือถูกล้อว่า “อ้วน” เพราะมันคือการเหยียดในรูปแบบหนึ่ง เช่นเดียวกับคุณแม่ Allison Kimmey คนนี้ที่โดนลูกของเธอเองด่าว่าอ้วน!! คุณแม่ Allison Kimmy ผู้เป็นเจ้าของเรื่องราว หลังจากที่เธอบอกลูกให้ขึ้นจากสระน้ำ หลังจากที่เล่นเป็นเวลานานและจะต้องกลับบ้านแล้ว ดูเหมือนว่าลูกของเธอจะหัวเสียพร้อมกับว่าคุณแม่ของเธอว่า “แม่อ้วน!!” เมื่อกลับมาถึงบ้าน คุณแม่ Allison ตัดสินใจที่จะประชุมครอบครัวพร้อมกับสอนลูกตัวน้อยของเธอว่า “ไม่มีใครในโลกนี้อ้วนหรอกนะ แต่ทุกคนในโลกนี้ล้วนมีไขมันที่คอยให้พลังงานกับเราและกล้ามเนื้อ และการมีไขมันหรืออ้วนไม่ใช่สิ่งที่แย่อย่างที่คิดนะ” ก่อนที่จะจบการอบรมลูกๆ ของเธอ เธอปิดท้ายการอบรมของเธอว่า “มันเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะสร้างการยอมรับและมุมมองบวกในด้านนี้” หลังจากนั้นเธอก้ได้นำเนื้อหาการสั่งสอนลูกของเธอทั้งหมดนี้มาอัพลงใน Facebook ซึ่งได้รับความสนใจกว่า 32,000 ไลค์เลยล่ะ . มีหลายคนที่สนับสนุนความคิดของเธอว่าเป็นการสอนให้เห็นถึงคุณค่าต่อคนอื่นและตัวเอง ขณะเดียวกันก็มีเสียงค้านจากชาวเน็ตบางส่วนว่าเป็นการสอนที่ผิด สุดยอด! นี่จะเป็นการสอนไม่ให้เด็กละอายตัวเองและไม่ทำให้ผู้อื่นละอายใจ บางคนคิดว่าคนอ้วนเป็นคนขี้เกียจ ที่จริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไปหรอก คุณแม่ท่านนี้ไม่สนใจที่จะสอนเรื่องสุขภาพเลย นี่เป็นการสอนที่ผิด เธอไม่ได้สอนเกี่ยวกับโรคอ้วนหรือโรคหัวใจที่มาจากไขมันเลย…
-
งานวิจัยเผย 7% ของคนอเมริกัน ยังคงเชื่อว่า ‘นมช็อคโกแลต’ มาจากวัวสีน้ำตาล..!?
ถ้าพูดถึงนมเราค่อนข้างมั่นใจว่าหลายคนชอบดื่มนมช็อคโกแลต เพราะมันทั้งหวานทั้งอร่อยไม่จืดชืดจนเกินไป และเป็นอย่างที่เรารู้กันนั่นแหละว่า กระบวนการมันเกิดมาจากการนำน้ำนมวัวกับช็อคโกแลตมาผสมกัน แต่เชื่อไหมล่ะว่าผลจากงานวิจัยล่าสุดของ Innovation Center of US Dairy ได้ทำการสำรวจแล้วพบว่ากว่า 7% ของคนอเมริกันยังเชื่อว่านมช็อคโกแลต ผลิตมาจากน้ำนมของวัวสีน้ำตาล!? โดยทีมวิจัยได้ทำการเก็บข้อมูลจากกลุ่มผู้มีอายุมากกว่า 18 ปี จำนวน 1,000 คน พบว่ากว่า 48% ของกลุ่มคนจำนวนนี้ไม่ทราบว่านมช็อคโกแลตนั้นมีที่มาจากอะไร และยังคงเชื่อว่านมช็อคโกแลตสีน้ำตาล ก็ต้องมาจากนมของวัวสีน้ำตาล!! ทีมวิจัยได้รายงานเพิ่มเติมว่า หากเทียบเป็นจำนวนประชากรทั้งหมดของสหรัฐฯ จะเท่ากับว่ามีชาวอเมริกันมากกว่า 16.4 ล้านคนที่ยังไม่รู้ว่านมช็อคโกแลตนั้นจริงๆ แล้วมีที่มาจากอะไรกันแน่ (เยอะกว่าจำนวนประชากรในรัฐโอไฮโอซะอีก) จะว่าไปนี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เกิดขึ้นซักเท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านี้ได้มีงานวิจัยเกี่ยวกับที่มาของเนื้อในการทำเบอร์เกอร์ และพบว่า 1 ใน 5 ของประชากรอเมริกาไม่ทราบว่าเนื้อในเบอร์เกอร์ส่วนใหญ่นั้นทำมาจากเนื้อวัว Cecily Upton ผู้ก่อตั้งองค์กร FoodCorps ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักที่คนสมัยนี้จะเริ่มมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับอาหารที่พวกเขารับประทานบ่อยๆ น้อยลง คุณลองคิดดูสิสมัยนี้ถ้าเราต้องการอาหารก็แค่ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือไม่ก็ร้านอาหารฟาสต์ฟู๊ด มันสะดวกและง่ายซะจนคุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับอาหารเลยก็ว่าได้” “ความรู้ยังเป็นเรื่องที่สำคัญต่อประชาชน…
-
หลักฐานทางวิทย์ชี้ คนที่เป็น “คนที่เกลียดคนรักร่วมเพศ” มีโอกาสเป็นเกย์มากกว่าคนปกติ
Homophobia คืออาการที่บุคคลเหล่านั้น เกลียดชัง หรือกลัว “คนรักร่วมเพศ” อย่างไม่มีเหตุผล ซึ่งอาการนี้ถูกบัญญัติมาตั้งแต่ปี 1971 โดยคำนี้เป็นคำกำจัดความของบุคคลที่เหยียดหยามกับกลุ่มที่มีทัศนะคติทางเพศที่แตกต่างกัน จากงานวิจัยในปี 2014 ที่ถูกตีพิมพ์โดยวารสาร Journal of Personality and Social Psychology ได้แสดงข้อเท็จจริงว่า บุคคลที่ไม่ยอมรับหรือไม่ให้ความสนใจการรักร่วมเพศ จะมีระดับของความเป็นผู้รักร่วมเพศที่สูงกว่าปกติ โดยลักษณะนี้จะเพิ่มสูงมากขึ้นไปอีกในครอบครัวที่มีอาการ Homophobia Netta Weinstein ผู้นำทีมวิจัย ได้กล่าวว่า “ถึงแม้ว่าบุคคลที่มีอาการ Homophobia จะบอกว่าตนเองนั้นมีเพศสภาพที่ตรงกับร่างกาย แต่ผลจากการทดสอบทางจิตวิทยาแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมที่คนเหล่านี้แสดงออกมา มีเหตุมาจากกลุ่มคนที่เป็น Homosexual ได้เข้าไปกระตุ้นบุคลิกเบื้องลึกภายในจิตใจของพวกเขา” Richard Ryan หนึ่งในผู้นำของทีมวิจัยได้กล่าวเสริมว่า “คนที่เป็น Homophobia ก็เหมือนกับกำลังต่อสู้กับตัวเองเพื่อนำความขัดแย้งภายในตัวนี้ระบายออกสู่โลกภายนอก” ผลจากการวิจัยทั้งหมดนี้ถูกวัดโดยแบบสอบถามและการสัมภาษณ์เกี่ยวกับการนิยามเพศของตนเองในผู้ทำแบบสอบถาม รวมไปถึงความรวดเร็วในการตอบสนองต่อคำถามอีกด้วย ผลจากการทดสอบแสดงให้เห็นว่าบุคคลที่มีความสนใจในเพศตรงข้ามน้อย มีอัตราการเข้าหาเข้าหากลุ่มที่เป็นเกย์มากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าข้อสมมติฐานนี้อาจจะยังไม่สมบูรณ์ อันเนื่องมาจากกลุ่มทดสอบยังเป็นเพียงแค่นักศึกษา แต่หากมีการนำกลุ่มผู้สูงอายุเข้ามาทดสอบในอนาคต ด้วยก็จะทำให้ผลของงานวิจัยนี้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ที่มา: indy100 , nytimes
-
บริษัทชุดชั้นในเผย สถิติของสาวญี่ปุ่นมีขนาดหน้าอกใหญ่ขึ้น ยอดขายคัพใหญ่พุ่งปรี๊ด..!!
ถ้าหากคุณเป็นอีกคนที่ชอบมองหน้าอกสาวญี่ปุ่นไม่ว่าจะในหนังติดเรท หรือหนังไม่ติดเรทก็ตามแต่ ดูเหมือนว่าตอนนี้เรากำลังจะมีข่าวดีที่ไม่ค่อยเกี่ยวกับประเทศชาติบ้านเมืองเราเท่าไหร่มาบอก โดยล่าสุดงานวิจัยและรวบรวมสถิติจากบริษัทชุดชั้นในรายใหญ่ Triumph ประจำประเทศญี่ปุ่นได้เผยถึงสถิติล่าสุดอ้างอิงจากยอดขายที่ชี้ชัดว่า ปัจจุบันหน้าอกของสาวญี่ปุ่นใหญ่ขึ้น และก็มีแนวโน้มว่าจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย!! บริษัทได้รวบรวมสถิติการซื้อ-ขาย มาตั้งแต่ปี 1980 อ้างอิงจากสถิติล่าสุดที่เผยออกมาพบว่า ตั้งแต่ช่วงปี 2015 – 2016 ตัวเลขยอดขายของชุดชั้นในไซส์เล็กเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัดดังนี้… จากภาพนี้จะสังเกตเห็นว่าตัวเลขยอดขายของคัพ A – C ลดลง แต่ในขณะเดียวกันยอดขายของคัพ D ไปจนถึงคัพ F กลับเพิ่มขึ้นอย่างน่าตื่นเต้น… และหากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ยอดขายมวลรวมของสินค้าทั้งหมดแล้ว บริษัทพบว่ายอดขายชุดชั้นในคัพ D, E และ F มีมูลค่าเท่ากับ 51.3% ของยอดขายบริษัทเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบริษัทก็ได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่า ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคด้วย ยกตัวอย่างเช่น ในกลุ่มสาวๆ ที่มีหน้าอกไซส์ใหญ่มักจะมีแนวโน้มซื้อชุดชั้นในบ่อยกว่าสาวๆ กลุ่มที่มีหน้าอกไซส์เล็ก ทว่าเปอร์เซนต์ยอดขายชุดชั้นในคัพใหญ่ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นไปอีก ก็สามารถชี้วัดได้ว่า… สาวๆ ญี่ปุ่นอาจจะไม่ได้มีขนาดหน้าอกเล็กอย่างที่คุณคิดเสมอไป…
-
หากว่าการสอบเข้า Harvard มันยากแล้ว… ขอบอกเลยว่า 10 เรื่องต่อไปนี้ยากยิ่งกว่าซะอีก!!
มหาวิทยาลัย Harvard University ถือเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก จึงไม่แปลกเลยที่จะมีผู้คนมากมายจากทั่วโลกต่างก็อยากเข้ามาสมัครเรียนที่นี่กันทั้งนั้น ในแต่ละปีมียอดตัวเลขผู้สมัครสูงถึง 34,000 คนเลยทีเดียว!! แต่ในจำนวนผู้สมัครที่มากมายขนาดนี้จะมีผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าเรียนเพียง 5.9% หรือถ้าคิดเป็นจำนวนคนก็ประมาณ 1,700 คนเท่านั้น แน่นอนว่าอีก 32,000 กว่าคนที่เหลือก็ต้องผิดหวังและกลับบ้านไปทั้งหมด แหม่ ฟังดูแล้วเพื่อนๆ อาจจะคิดว่าการเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Harvard เป็นอะไรที่หินแบบสุดๆ แล้วใช่มั้ยล่ะ? แต่ขอบอกเลยว่านายคิดผิด!! เพราะยังมีเรื่องที่ยากยิ่งกว่านี้ซะอีก ถ้าไม่เชื่อล่ะก็ลองตามไปชมพร้อมๆ กันที่ข้างล่างได้เลย…กับ 10 เรื่องที่ยากยิ่งกว่าการสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย Harvard 1. การสมัครเข้าทำงานในบริษัทกองทุนบริหารความเสี่ยงขนาดยักษ์อย่าง Citadel LLC การหางานเกี่ยวกับการเงินใน Wall Street ว่ายากแล้ว การเข้าทำงานในบริษัท Citadel ก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้เลย แต่ล่าสุดผู้ก่อตั้งและ CEO Ken Griffin ที่เป็นศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัย Harvard ก็ได้มีการเปรยๆ ออกมาถึงแผนการในอนาคตของ Citadel ว่าเขาต้องการที่จะเปิดรับสมัครและสัมภาษณ์คนมากกว่า 10,000…
-
ครบรอบ 33 ปี “Studio Ghibli” ด้วย 51 ภาพสุดงดงาม เอาไปเป็นภาพหน้าจอมือถือได้เลย!!!
ถ้าพูดถึง Studio Ghibli เราก็คงนึกถึงการ์ตูนค่ายหนึ่งของญี่ปุ่นที่ทำการ์ตูนแต่ละเรื่องออกมาได้ดีงามมากๆ ถึงแม้ว่าเราจะเกิดไม่ทัน แต่เราก็ตามเก็บ ตามดูทุกเรื่องที่ค่ายนี้ทำจนหมด เรียกได้ว่าเป็นค่ายที่ครองใจใครหลายคนเลย Studio Ghibli ก่อตั้งเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ปี 1985 หลังจากประสบความสำเร็จจากการ์ตูนเรื่อง “Nausicaä of the Valley of the Wind” แนวไซไฟแฟนตาซี เขียนและกำกับโดยผู้ก่อตั้ง ฮายาโอะ มิยาซากิ ในปี 1984 ไม่น่าเชื่อว่าในตอนนี้อายุของค่ายจะครบ 33 ปีแล้ว แก่กว่า #เหมียวสามสี อีกนะเนี่ย วันนี้เว็บไซต์ต่างประเทศเลยรวมภาพสวยจากการ์ตูนค่ายนี้มาฝากแบบจุใจ 51 ภาพกันเลย ซึ่งท่านสามารถนำเอาไปเป็นภาพหน้าจอมือถือได้ เพราะว่ามันเป็นสัดส่วนนั้นอยู่แล้ว รับรองว่าสวยเช้ง 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. …
-
เผยการทดลองจากปี 1950 ให้ศิลปินเสพ LSD เพื่อวาดภาพเดิมถึง 9 ครั้ง ยิ่งนานยิ่งสติแตก…
ในช่วงปี 1950 รัฐบาลสหรัฐได้ทำการทดลองเกี่ยวกับยาเสพติดที่มีฤทธิ์ต่อประสาทอย่างรุนแรง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการทดลองเกี่ยวกับยา LSD นั่นเอง ในการทดลองดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์จะทำการศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้ยา LSD โดยพวกเขาได้ให้ผู้เข้าร่วมการทดลองเสพยาตัวดังกล่าวเข้าไปและหลังจากนั้นจะคอยเฝ้าสังเกตพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง ศาสตราจารย์ Oscar Janiger จากมหาวิทยาลัย California-Irvine ได้ทำการทดลองยา LSD กับศิลปิน โดยเขาให้ศิลปินเสพยาเข้าไปแล้วทำการวาดภาพเดิมซ้ำๆ กัน 9 ภาพ ซึ่งภาพที่คุณจะได้เห็นต่อไปนี้คือภาพวาดของศิลปินหลังจากที่เขาได้ใช้ยาเข้าไปแล้ว 20 นาทีหลังจากการเสพย์ LSD ปริมาณ 50 ไมโครกรัม ศิลปินเริ่มจับดินสอขึ้นมาและวาดภาพ ยายังไม่ออกฤทธิ์ ทุกอย่างยังคงปกติ 1 ชั่วโมง 15 นาทีหลังจากเสพย์ยาครั้งแรก และหลังจากนั้น 20 นาทีเพิ่มยาอีก 50 ไมโคกรัม (รวม 100 ไมโคกรัม) ศิลปินเริ่มมีอาการร่าเริง “ผมเริ่มเห็นทุกอย่างชัดขึ้น และชัดขึ้นเรื่อยๆ ผมเริ่มควบคุมดินสอไม่ได้ แต่ยังคงพยายามวาดภาพออกมา” เขากล่าว 2 ชั่วโมง 30 นาทีหลังจากเสพย์ยา ศิลปินยังคงมุ่งมั่นในการวาดภาพ เขาบอกว่า “เส้นโครงต่างๆ…
-
หนังสือเรียนโบราณ ” How a Baby is Made ” หรือการทำเด็กที่บอกซะทุกขั้นตอน!!!
ประเจิดประเจ้อเกินไป…อาจจะใช้คำพูดนั้นได้ แต่ก็แน่ล่ะนั่นเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องเลยทีเดียวสำหรับวิธีการให้ความรู้ เพราะวันนี้เหมียวจะพาไปชมหนังสือเรื่อง How a Baby is Made ซึ่งเป็นหนังสือของปี 1975 หรือพูดง่ายๆ คือ วิธีการทำเด็กนั่นเอง!!! How a Baby is Made ภาพรวมของหนังสือ มีตั้งแต่เริ่มต้น เริ่มถอด… มีวิธีการบอกด้วยแหละ เหมียวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร อธิบายหน่อยเถอะ อธิบายไว้อย่างละเอียด ขั้นตอนการปฏิสนธิ การเติบโตของเด็กอ่อน ไปโรงพยาบาล ไปหาคุณหมอ มาแล้วเด็กน้อยของเรา Surprise!!! ขณะที่แม่ได้อุ้มลูกของเธอที่พึ่งคลอด และมีพ่อเด็กอยู่ข้างๆ พวกเขามีความสุขและภูมิใจมากๆ เลยล่ะ อิอิ มีบางส่วนนะเนี่ยที่เหมียวไม่เข้าใจเล้ยยยย ยังไงมาอธิบายให้เหมียวหายงงหน่อยก็ดีนะ >< ที่มา: Buzzfeed
-
โหดอีกขั้น… รัฐในอเมริกาเริ่มขึ้นรายชื่อ “ผู้กระทำความรุนแรงกับสัตว์” เพื่อแจ้งให้คนอื่นได้ทราบ
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีกฎหมายที่ออกมาคุ้มครองสัตว์มากมาย แต่นี่ก็ไม่สามรถที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากพอ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทางการรัฐในหลายแห่งของประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มมีมาตรการที่จัดทำ “ทะเบียนรายชื่อผู้กระทำความผิดต่อสัตว์” เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหาการทารุณกรรมสัตว์ลงได้ ซึ่งรัฐแรกที่เริ่มกระบวนการการลงทะเบียนดังกล่าวไปแล้ว ก็คือรัฐเทนเนสซีตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2016 หลังจากนั้นจึงเริ่มใช้ในพื้นที่เล็ก ๆ ในรัฐนิวยอร์กและพื้นที่อื่นๆ ในรัฐอิลลินอยส์ โดยการขึ้นทะเบียนนี้ จะทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบข้อมูลพื้นฐานของผู้กระทำผิด ทั้งชื่อ ที่อยู่ รวมไปถึงความผิดที่เคยกระทำต่อสัตว์ ซึ่งจะช่วยให้ข้อมูลที่สำคัญแก่ผู้ค้นหาได้ และในเดือนกันยายนของปีที่แล้ว เมือง Tampa ในรัฐฟลอริดา ก็ได้เข้าร่วมกับฐานข้อมูลของทะเบียนนี้แล้ว ซึ่งในปัจจุบันดูเหมือนว่าจะมีอีกหลายเมืองในอเมริกา กำลังวางแผนจะใช้ฐานข้อมูลทะเบียนนี้เช่นเดียวกัน “ทะเบียนนี้ไม่เพียงช่วยปกป้องสัตว์ แต่สามารถที่จะระบุและอาจป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงต่อสัตว์ รวมไปถึงมนุษย์เช่นกัน” Kevin Beckner ผู้บัญชาการมณฑล Hillsborough เขตฟลอริดากล่าว หลังจากที่เมือง Tampa เห็นชอบกฎหมายนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และด้วยไอเดียแบบนี้จึงทำให้ประชาชนในสหราชอาณาจักรเริ่มลงรายชื่อเพื่อนำระบบทะเบียนนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ ซึ่งมีรูปแบบที่ไม่ต่างกับทะเบียนผู้ล่วงละเมิดหรือกระทำผิดทางเพศ หากระบบทะเบียนนี้ได้นำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย ก็จะทำให้การทำงานของตำรวจและการตรวจสอบจากประชาชน เกี่ยวกับผู้กระทำความผิดในเรื่องการทารุณกรรมสัตว์นั้น สามารถที่จะทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ข้อดีของระบบทะเบียนนี้คือนอกจากการบันทึกข้อมูลต่างๆ แล้ว ยังสามารถที่จะกรอกสถานะของผู้กระทำผิดด้วยว่าเป็นโรคจิตเภทหรือบุคคลธรรมดาอีกด้วย ที่มา: independent , ladbible
-
ชายตาบอดมองเห็นภรรยาเป็นครั้งแรก ด้วยอุปกรณ์พิเศษ และจัดงานแต่งครบรอบ 15 ปีอีกครั้ง
สำหรับคนที่พิการทางสายตานั้น “การมองเห็น” ถือเป็นปัญหาหลักที่ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันนั้น กลายป็นความยากลำบากรวมไปถึงโอกาสพิเศษต่างๆ อีกด้วย สำหรับชายผู้พิการทางสายตาอย่าง Andrew Airey ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่พบกับปัญหาแบบนี้ทุกวัน แต่วันครบรอบแต่งงานปีที่ 15 ปีนี้จะเป็นอะไรที่พิเศษกว่าปีก่อนๆ เนื่องด้วยปัญหาทางสายตาจากโรค Stargardt โรคทางสายตาหายากที่ทำให้เขาสูญเสียการมองเห็นไป ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นภรรยาแสนสวยของเขาได้ชัดเจนในวันแต่งงาน… . . เมื่อไม่นานมานี้ทางบริษัท eSight ซึ่งเป็นบริษัทที่ประดิษฐ์แว่นสำหรับผู้พิการทางสายตา ได้ช่วยให้ความฝันที่จะเห็นภรรยาของเขานั้นกลับมาเป็นจริงอีกครั้ง ด้วยการสวมแว่นที่ทางบริษัทได้ประดิษฐ์ขึ้น “ตอนนั้นผมแทบที่จะไม่เห็นอะไรเลย แต่ตอนนี้ผมเห็นเธอชัดขึ้น ผมรู้สึกตื้นตันมาก” เขากล่าว ภาพจากมุมมองของอุปกรณ์ . นอกจากเขาจะสามารถเห็นภรรยาของเขาได้แล้ว เขายังสามารถที่จะเห็นหน้าลูกๆ ของเขาได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิตของเขาต่อไป เขาสามารถมองเห็นลูกได้ชัดเจนอีกครั้ง ชมคลิปวิดิโอตัวเต็มได้ที่นี่ ก็เป็นเรื่องราวที่ดีอีกเรื่องหนึ่ง ที่สามารถเป็นกำลังใจให้เราได้นะ ที่มา: businessinsider
-
ผู้เชี่ยวชาญเผย การใช้ “สารสกัดกัญชา” ร่วมกับบำบัดคีโม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพรักษามะเร็งได้!!
อย่างที่ทราบกันว่า “กัญชา” นั้นเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันในปัจจุบันเป็นวงกว้างว่า มันสามารถจะนำมาสกัดเป็นยาเพื่อรักษาโรค รวมไปถึงมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง… งานวิจัยใหม่จาก St. George’s University ในกรุงลอนดอนได้ยืนยันว่าสารเคมี cannabinoids ที่อยู่ในกัญชา มีประสิทธิภาพในการฆ่าเซลล์มะเร็งเมื่อใช้ควบคู่ไปกับการทำเคมีบำบัดของผู้ป่วยมะเร็ง การใช้กัญชาสำหรับรักษาผู้ป่วยมะเร็งนั้นสามารถที่จะทำได้ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายตามสายพันธ์ เช่น สายพันธุ์ Indica สามารถใช้เป็นยาแก้ปวดตามธรรมชาติ โดยมีผลข้างเคียงที่เป็นศูนย์และช่วยในการปรับปรุงความอยากอาหารในผู้ป่วยได้อีกด้วย ด้วยรายงานวิจัยนี้เราสามารถที่จะนำ “สารสกัดจากกัญชา” มาประยุกต์ใช้สำหรับการรักษามะเร็งได้ด้วยการลดเคมีบำบัดสำหรับผู้ป่วยที่ทรมานและเพิ่มการใช้สารสกัด cannabinoids เข้าไปแทน Dr. Wai Liu หนึ่งในทีมนักวิจัยด้านเนื้องอกวิทยา อธิบายว่า “การใช้สาร cannabinoids ร่วมกับเคมีบำบัดนั้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาโรคมะเร็ง อีกทั้งยังเป็นข้อมูลที่ช่วยให้เราพัฒนาวิธีการรักษาให้ดีขึ้นในอนาคตข้างหน้าอีกด้วย” Dr. Wai Liu หนึ่งในทีมนักวิจัย อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าการสูบมวนกัญชาจะสามารถรักษามะเร็งได้นะ แต่สิ่งที่จะช่วยรักษามะเร็งได้นั้น เป็นสารสกัดเข้มข้นจากกัญชาที่ชื่อว่า “cannabisnoid” ต่างหาก ถึงแม้จะมีเอกสารยืนยันออกมาแล้ว แต่จะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมให้มากกว่านี้ ก่อนที่จะมีการใช้ cannabinoids ในขั้นตอนการทำเคมีบำบัดในลำดับต่อไป ชมคลิปข่าวได้ที่นี่ ที่มา: distractify,…
-
ทีมสำรวจพบซากนกดึกดำบรรพ์ ใต้ก้อนอำพันอายุกว่า 100 ล้านปี อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด!!
ก้อนอำพัน วัตถุจากยุคดึกดำบรรพ์ที่มีความสำคัญอย่างมากในการศึกษาเกี่ยวกับโลกยุคโบราณ นอกจากซากของแมลงที่ติดอยู่ภายในแล้ว ยังมีซากของสัตว์อื่นๆ อย่างเช่นนกโบราณหรือไดโนเสาร์ติดอยู่ในก้อนยางไม้เหล่านี้ด้วย และเมื่อไม่นานมานี้ทีมนักสำรวจได้ค้นพบอำพันที่มีอายุเก่าแก่ ซึ่งภายในนั้นมีซากของลูกนกโบราณที่สภาพสมบูรณ์มากๆ ก้อนอำพันนี้มีอายุประมาณ 100 ล้านปี ถูกค้นพบที่ประเทศพม่า โดยภายในนั้นพวกเขาพบส่วนหัว คอ ปีก หาง และเท้าของลูกนก ซึ่งคาดว่าน่าจะมีอายุประมาณ 1 วันเท่านั้น ส่วนสาเหตุการตายนั้นทางทีมสำรวจคาดว่า เจ้าลูกนกอาจจะหล่นลงมาจากต้นไม้และตกลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยยางสน สถานที่ค้นพบก้อนอำพันดังกล่าว คุณ Ryan McKellar จากพิพิธภัณฑ์ Royal Saskatchewan ประเทศแคนาดา หนึ่งในทีมสำรวจกล่าวว่า “มันอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก และมีรายละเอียดครบถ้วนอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน มันน่าตื่นเต้นมาก” ภายในก้อนอำพันเผยให้เห็นผิวหนังที่แท้จริงและส่วนเนื้อของลูกนก คุณ McKellar บอกว่าการค้นพบก่อนหน้านี้พวกเขาไม่สามารถเห็นตัวอย่างของเนื้อสัตว์ดึกดำบรรพ์ได้ เนื่องจากมันถูกทำลายด้วยคาร์บอนและไม่สามารถตรวจหา DNA ของมันได้ แต่ถึงแม้ว่าซากลูกนกที่พบในก้อนอำพันนั้นจะไม่สามารถบ่งบอกถึงสีขนได้ แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณ McKellar และทีมสำรวจแต่อย่างใด ซากของลูกนกดังกล่าวจัดอยู่ในกลุ่มของนกที่เรียกกันว่า “opposite birds” ถือว่าเป็นบรรพบุรุษของนกที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน พวกมันการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสูญพันธุ์ไปพร้อมกับไดโนเสาร์เมื่อ 66 ล้านปีที่แล้ว “ก่อนหน้านี้มีการค้นพบปีกของลูกนกในก้อนอำพันเช่นกัน ซึ่งปีกดังกล่าวอยู่ในช่วงแรกเกิดของลูกนกและเริ่มมีขนปกคลุมที่ปีก แต่การค้นพบในครั้งใหม่นี้ซากของลูกนกนั้นมีพัฒนาการที่ดีกว่า แต่ดูเหมือนว่าขนในช่วงลำตัวของมันจะขาดหายไป…
-
32 สุดยอดผลงาน “สถาปัตยกรรม” จากรอบโลก ที่ควรค่าแก่การไปเห็นด้วยตาสักครั้งในชีวิต!!
สิ่งปลูกสร้างทุกแห่งล้วนแต่เป็นผลงานทางด้านศิลปะทั้งสิ้น ทุกอย่างเกิดจากการวางแผนตั้งแต่ระดับโครงสร้าง จนไปถึงตอนตกแต่ง ทางเราก็ไม่อยากให้ท่านพลาดสิ่งดีๆ เหล่านี้ไป ก็เลยนำเอา 32 สถาปัตยกรรมที่เรียกได้ว่าเป็นระดับผลงานชิ้นเอกจากเว็บไซต์ Business Insider ที่เขาได้รวบรวมเอาไว้มาให้ทุกท่านได้ชื่นชม แต่ถ้าเป็นไปได้ ชีวิตนี้ควรค่าแก่การไปเห็นด้วยตาตัวเองมากๆ เราไปชมกันเลย!! นี่คือสิ่งปลูกสร้างที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่รู้มา มันมีชื่อว่า Göbekli Tepe ตั้งอยู่ในประเทศตุรกี คาดว่าสร้างประมาณ 9500 ปีก่อนคริสตศักราช นักโบราณคดีไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าสร้างมาเพื่อจุดประสงค์ได้ แต่คาดว่าน่าจะเกี่ยวกับความเชื่อและศาสนา นั่นคือจุดเริ่มต้นของการสร้าง จนมาถึงปัจจุบัน มนุษย์มีเทคโนโลยีก้าวไกล ทำให้สร้างอะไรได้มากกว่าเดิม อย่างตึก Fulton Center ในนิวยอร์กที่เหมือนหลุดมาจากอนาคต และโรงเรียน Penleigh and Essendon Grammar School ในเมือง Melbourne ประเทศออสเตรเลียก็ออกแบบมาได้ล้ำไม่แพ้กัน ตึกทรงแปลกนี้ชื่อว่า “Dancing House” ในเมืองปราก ออกแบบโดย Frank Gehry และ Vlado Milunic ในปี 1996 ซึ่งตึกนี้มีชื่อเล่นว่า “Fred and Ginger” เพื่อเป็นเกียรติให้กับสองนักเต้นคู่หู Fred Astaire…
-
ภาพถ่ายหายากถ่ายทอดชีวิต เด็กกำพร้าและคนไร้บ้าน ต้องดิ้นรนในสหภาพโซเวียตช่วงปฏิวัติ
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1922 การปฏิวัติของรัสเซียและสงครามกลางเมืองได้ส่งผลให้เกิดการสูญเสียอย่างน้อย 16 ล้านคนภายในเขตแดนของสหภาพโซเวียต เหตุการณ์นี้ทำให้เด็กกว่า 7 ล้านคนกลายเป็นเด็กกำพร้าและไร้บ้าน ความอดอยากครั้งใหญ่ในปี 1921 – 1922 ส่งผลทำให้เด็กๆ กว่า 5 ล้านคนเสียชีวิตด้วยความหิวโหย ในขณะที่เด็กๆ บางส่วนถูกทอดทิ้งโดยพ่อแม่ที่ไม่สามารถเลี้ยงดูได้ นอกจากความอดอยากแล้ว โรคอหิวาต์และโรคร้ายแรงอื่นๆ ก็คร่าชีวิตคนไปเป็นจำนวนมาก แม้จะมีความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ รวมไปถึง The American Relief Administration (ARA) ได้เข้าไปช่วยเหลือ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่เพียงพอ กลุ่มเด็กกำพร้าต่อคิวเพื่อขึ้นรถไฟ . กลุ่มเด็กกำพร้ารอรอบรถไฟไปสถานรับเลี้ยงเด็กที่ต่างๆ เด็กกำพร้ากับการแต่งตัวของเขา วิถีชีวิตบางวันของพวกเขาคือการนั่งจับกลุ่มเล่นไพ่ แม้ว่าจะอดอยาก แต่เด็กบางคนเลือกที่จะไม่ทิ้งเพื่อนคู่ใจของพวกเขา โต๊ะลงทะเบียนสำหรับเด็กๆ ที่จะเข้าโรงเรียนวิชาชีพที่จัดตั้งขึ้นโดยกรุงมอสโกว . ชั้นเรียนต่างๆ ในโรงเรียนถูดจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย เด็กๆ ล้อมวงกันฟังข่าวสารจากวิทยุ มื้ออาหารแต่ละมื้อที่พวกเขาต้องช่วยกันบริการเพื่อนๆ และตัวเอง .…
-
เจ้าปลาหมึก Bobtail อาจช่วยให้มนุษย์ ค้นพบวิธีรักษาแบคทีเรีย “กินเนื้อ” ในร่างกายได้
เจ้าหมึก Bobtail ตัวน้อย ตัวน้อยน่ารักนี้นอกจากจะน่ารักจิ้มลิ้ม มันอาจเป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่กุมกุญแจสำคัญเกี่ยวกับการรักษาแบคที่เรียที่กินเนื้อมนุษย์ได้ โดยเจ้าหมึกน้อยตระกูล Bobtail นี้สะสมเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่จะทำการตอบสนองต่อแสงโดยการเปล่งประกายระยิบระยับ ซึ่งเจ้าแบคทีเรียที่ชื่อว่า V. fischeri นี้มีความสามารถในการตรวจจับกรดไขมันชนิดสั้นหรือแบบสายโซ่ได้ เจ้าตัวเล็กนี่คือ ปลาหมึก Bobtail ที่มีสีสันที่สวยงาม ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหมึก Bobtail และแบคทีเรีย V. fischeri อยู่ในลักษณะที่เกื้อกูลกัน ในขณะที่แบคทีเรียได้สารอาหาร เจ้าปลาหมึกก็สามารถที่จะพรางตัวในพื้นที่ที่มีแสงต่างๆ ได้อีกด้วย เราพรางตัวได้ด้วยนะพวก!! ด้วยข้อเด่นของแบคทีเรีย V. fischeri นั้นทำให้นักวิทยาศาสตร์สนใจที่จะนำมันมาศึกษาเพื่อขับไล่แบคทีเรียจำพวก Vibrioi (ที่เป็นสาเหตุของอหิวาตกโรค) และเชื้อ Vibrio vulnificus ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่กินเนื้อมนุษย์ (เพื่อนๆ คนไหนอยากรู้ว่าโรคดังกล่าวเป็นอย่างไร สามารถค้นหาได้จากคำว่า Necrotizing fasciitis หรือ แบคทีเรียกินเนื้อคน) นอกจากในเรื่องการยับยั้งแบคทีเรียและเชื้อร้ายต่างๆ แล้ว นี่อาจจะเป็นองค์ความรู้ที่สามารถนำไปต่อยอดเพื่อพัฒนาให้มนุษย์มีความสามารถ “เรืองแสง” ในที่มืดได้อีกด้วย นอกจากมันจะมีสีสันที่สวยงามแล้ว มันยังกุมกุญแจสำคัญในการรักษาโรคบางอย่างไว้อีกด้วย ที่มา: mymodernmet
-
บทความน่ารู้… 3 สัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่า คุณเสี่ยงเป็นผู้ป่วย “จิตเภท” เต็มทีแล้วนะ
วันนี้ขอทำตัวมีสาระพาไปพูดคุยกันถึงเรื่องของ ‘โรคจิตเภท’ กันบ้างดีกว่า เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่รู้จัก หรือไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้เท่าไหร่นัก โรคจิตเภทเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของความคิด ทำให้ผู้ป่วยมีความคิดและการรับรู้ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ดังนั้นวันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับ 3 สัญญาณอันตราย ที่อาจบอกได้ว่าคุณมีสิทธิป่วยเป็นโรคจิตเภทด้วยเหมือนกัน ข้อมูลทั้งหมดนี้อ้างอิงงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ผ่านวารสาร ‘JAMA Psychiatry’ ของ University College London จิตแพทย์ Joseph F. Hayes ได้ศึกษาหาความเชื่อมโยงเกี่ยวกับตัวแปรที่เป็นสาเหตุจากผู้ป่วยโรคจิตเภท ผู้ป่วยโรคจิตอารมณ์ และผู้ป่วยโรคไบโพล่าร์ จากการศึกษาและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอาการผิดปกติ นักวิจัยได้ค้นพบ 3 ปัจจัยหลักที่เป็นได้ทั้งสาเหตุ และสัญญาณอันตรายในกลุ่มผู้มีภาวะความเสี่ยงประกอบไปด้วย ‘พลังงานทางจิตใจ’, ‘วุฒิภาวะทางสังคม’ และ ‘ความสามารถในการจัดการกับอารมณ์’ ‘พลังงานทางจิตใจ – เกี่ยวกับความสามารถในการใช้สมาธิต่อสิ่งรอบตัวต่างๆ รวมไปถึงความสามารถในการโฟกัสในสิ่งที่ทำ และปฏิกริยาการตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆ ‘วุฒิภาวะทางสังคม’ – ความสามารถในการจัดการกับอารมณ์และพฤติกรรมของตัวเราเอง เพื่อให้กลมกลืนต่อผู้คนในที่สาธารณะ รวมทั้งการจัดการกับความคาดหวังจากคนรอบข้างด้วยเช่นกัน ‘ความสามารถในการจัดการกับอารมณ์’ – หมายถึงศักยภาพในการจัดการกับอารมณ์ของตัวเองให้ไปในทางที่ดีขึ้นยกตัวอย่างเช่น คนที่อ่านข่าวชวนให้เครียดตั้งแต่เช้า แต่ยังสามารถไปทำงาน และใช้ชีวิตได้ปกติ ซึ่งตรงกันข้ามกับคนที่มีความสามารถในการจัดการต่ำ หากพวกเขาได้รับรู้เรื่องชวนให้เครียดหรือผิดหวัง อาจทำให้พวกเขาหมดกำลังใจในการใช้ชีวิตได้ แน่นอนว่าถ้าหากคนใกล้ตัวคุณ…
-
งานวิจัยเผย ‘ลูกคนเดียว’ มีพัฒนาการทางด้านลักษณะนิสัย แตกต่างไปจาก ‘เด็กที่มีพี่น้อง’
เราคงจะเข้าใจกันดีว่าอุปนิสัยของลูกๆ นั้นจะเกิดขึ้นจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ และสภาพแวดล้อม ที่เป็นปัจจัยให้พวกเขาเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ในรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่จากผลงานวิจัยล่าสุดก็พบว่า จริงๆ แล้วการเป็นลูกคนเดียว หรือมีพี่น้อง ก็อาจจะส่งผลกับสมองที่เป็นส่วนสำคัญในการกำหนดอุปนิสัย และบุคลิกของเด็กด้วยเช่นเดียวกันนะ!? งานวิจัยชิ้นนี้มาจากมหาวิทยาลัยซีหนาน ที่ตั้งอยู่ในเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน โดยนักวิจัยได้ทำการศึกษาจากอาสาสมัครที่อยู่ในวัยนักศึกษาทั้งหมด 250 คน ซึ่งแบ่งออกเป็นคนที่เป็นลูกคนเดียว 50% และอีก 50% ก็เป็นเด็กที่เกิดมามีพี่น้อง โดยศึกษาถึงในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถในการเข้าสังคม และบุคลิกภาพ ด้วยวิธีการสแกนสมองและให้เข้าร่วมตอบบทสัมภาษณ์ จากการศึกษาก็พบว่ามันมีความแตกต่างกันที่เห็นได้อย่างชัดเจนระหว่างเด็กที่เป็นลูกคนเดียวกับเด็กที่มีพี่น้อง… เด็กที่เป็นลูกคนเดียวจะมีความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นเลิศกว่า แต่พวกเขาจะมีลักษณะทางบุคลิกภาพที่น่าพอใจน้อยกว่า หรือกล่าวคือพวกเขาแสดงให้เห็นว่ามีความเห็นแก่ตัว ต้องการที่พึ่งพิง และเข้าสังคมได้ยากกว่า เท่านั้นยังไม่พอนักวิจัยยังเปิดเผยอีกว่า ความแตกต่างของพวกเขาไม่ได้แสดงให้เห็นผ่านการตอบคำถามในการสัมภาษณ์เท่านั้น แต่สมองของพวกเขาก็ยังมีการพัฒนาการที่แตกต่างกันด้วย นักวิจัยพบว่าเด็กที่เป็นลูกคนเดียวนั้น จะมีส่วนที่เป็นสีเทาอยู่ในสมองส่วนข้างมากกว่าเด็กที่เกิดมามีพี่น้อง ซึ่งส่วนนี้จะมีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับเรื่องของจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของคอร์เทกซ์กลีบหน้าผากส่วนหน้า (Prefrontal Cortex) กลับมีส่วนสีเทาน้อยกว่า และส่วนนี้เองก็เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ช่วยในเรื่องของการทำความเข้าใจกับตนเอง และการปฏิบัติต่อผู้อื่น ที่มา :…
-
ชาวเน็ตร่วมด้วยช่วยรีวิว #แอพดีบอกต่อ ไล่ตามไปโหลดมาใช้ วันๆ ก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว!!
ถือได้ว่า “มือถือ” เป็นอะไรที่คู่กับการใช้ชีวิตประจำวันของเราๆ มั่กมากก สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่ชอบดาวโหลดแอพพลิเคชั่นมาใช้เวลาว่าง #เหมียวปั๊ก ก็ได้รวบรวมแอพพลิเคชั่นที่ใช้ดีใช้เพลินใช้ได้ทุกโอกาส จากแฮชแท็ก #แอพดีบอกต่อ ที่ชาวเน็ตต่างมาร่วมด้วยช่วยกันรีวิว มาให้เพื่อนๆ ลองโหลดกันดูนะ!! R4VE (iOS) แอพแต่งภาพสไตล์ผสมแบบร่วมสมัย ให้โทนสีแบบฟุ้งเฟ้อจนจะเป็นสีรุ้งกันเลยทีเดียว Palette Nara (iOS), (Android) แอพแต่งภาพและคุมโทนสีในสไตล์ญี่ปุ่น Macaron Cam (iOS), (Android) แอพแต่งรูปอีกหนึ่งตัวที่มีฟิลเตอร์ให้เลือกใช้หลากหลาย และมีสีสวยมากๆ อีกหนึ่งแอพแต่งรูปยอดนิยม VSCO (iOS), (Android) ที่ใครๆ ก็ต้องมีติดเอาไว้ Retro Brick Game Simulator (Android) หากใครนึกหวนถึงเครื่องเล่นเกมสมัยก่อน ที่มีแต่เกมบล็อคสี่เหลี่ยมๆ ต้องตัวนี้เลย!! ตระกูลแอพ Analog ทั้ง Wedding, Paris และ Budapest…
-
OXFAM เผยไทยติดอันดับ 3 ประเทศที่เหลื่อมล้ำมากที่สุดในโลก จริงแค่ไหนลองดูข้อมูล…
ก่อนหน้านี้เราได้นำเสนอรายชื่อ 14 อันดับเศรษฐีในประเทศไทยที่ถูกจัดอันดับโดยสื่อต่างชาติอย่าง Forbes กันมาแล้ว ลิ้งค์ข่าวเดิม: ฟอร์บสเผย 14 อันดับเศรษฐีรวยที่สุดของไทย มาดูกันว่าใครมีทรัพย์สินเท่าไรกันบ้าง? องค์การ OXFAM ประเทศไทย ได้เปิดรายงานเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย ผ่านงานเสวนาหัวข้อเรื่อง “เท่าไหร่(ถึง)เท่ากัน” และทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่ทางอ๊อกซ์แฟมได้วิเคราะห์เอาไว้ ซึ่งเราจะขออธิบายแบ่งเป็นข้อๆ ดังนี้ 1. ไทยติดอันดับ 3 ประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำมากที่สุดในโลก โดยอันดับ 1 ได้แก่รัสเซีย และตามมาด้วยอินเดีย 2. ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา มีคนรวยเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ในขณะที่ความมั่งคั่งของคนรวย 1 คนสามารถกระจายรายได้ให้คนจนทั่วประเทศได้เกือบทั้งประเทศ 3. ตั้งแต่ปี 2551 – 2558 มีจำนวนเศรษฐีระดับพันล้านในไทยเพิ่มมาเป็นทั้งหมด 28 คน 4. ทรัพย์สินรวมกันทั้งหมดของเศรษฐีไทยเท่ากับ 91.42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 5. โฉนดที่ดินกว่า 61% ในประเทศไทยอยู่ในมือประชากร…
-
เปิดบทสัมภาษณ์ 10 คำถามที่คุณอยากรู้ แต่ไม่กล้าถามเกี่ยวกับ “ผ้าโพกหัว” ชาวซิกข์!?
เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีความรู้สึกสงสัย และอยากจะเข้าไปสอบถามเกี่ยวกับวิถีชีวิต หรือความศรัทธาของกลุ่มชาวซิกข์ หากแต่กลัวว่ามันจะเป็นการลบหลู่ความเชื่อ และทำให้เราไม่กล้าที่จะถามเค้าไปตรงๆ ทางสื่อ The Mash-Up Americans จึงได้ทำการสัมภาษณ์ Rupinder Singh ชายชาวซิกข์สัญชาติอเมริกัน ที่จะมาไขข้อข้องใจกับ 10 คำถามที่หลายคนอยากรู้ แต่ไม่มีใครกล้าถาม ทำไมถึงต้องใส่ผ้าโพกหัว? “สำหรับชาวซิกข์ผ้าโพกหัวเป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความเชื่อของพวกเขา วัฒนธรรมการโพกหัวมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 และจุดประสงค์หลักก็เพื่อให้ผู้ศรัทธาตระหนักถึงความเท่าเทียมกัน” ผู้หญิงต้องใส่ผ้าโพกหัวด้วยรึเปล่า? “สำหรับชาวซิกข์แล้ว จะมีแค่ผู้ชายเท่านั้นที่ใส่ผ้าโพกหัว ส่วนผู้หญิงจะมีผ้าคลุมที่เรียกว่า chunni หรือ dupatta แต่ปัจจุบันก็มีผู้หญิงหลายคนหันมาใช้วิธีการโพกหัวแทน” บางครั้งเราเห็นชาวซิกข์ที่ไม่โพกหัวก็มี? “เหมือนกับวัฒนธรรมอื่นๆ ผู้ศรัทธาไม่จำเป็นต้องโพกหัวเพื่อแสดงออกถึงความเชื่อเสมอไป และมีหลายคนที่ไม่โพกหัวแต่ก็ยังคงศรัทธา และยึดมั่นในความเชื่อของตัวเอง” สีของผ้าโพกหัวสามารถบอกให้แก่เราได้บ้าง? “ไม่มีการระบุว่าผ้าโพกหัวจะต้องเป็นสีอะไร ซึ่งอันที่จริงมันจะเป็นสีอะไรก็ได้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ส่วนตัวผมมีผ้าโพกหัวทั้งหมด 20 สีด้วยกัน” ผ้าโพกหัวของชาวซิกข์ แตกต่างจากหมวกทั่วไปอย่างไร? “แตกต่างจากหมวกทั่วไปก็ตรงที่ เราใช้ผ้าที่มีขนาดค่อนข้างยาวมาโพกหัวเราเอง อย่างของผมก็เป็นผ้าที่มีขนาดยาว 640…
-
เมื่อตากล้องให้นางแบบถือแท่งแสง ถ่ายรูปกับสายฟ้า ภาพมันโคตรทรงพลังเลย!!
การที่เราจะได้ภาพถ่ายที่สวยงามนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคอนเซ็ปต์ที่ดีรวม องค์ประกอบของแสงรวมไปถึงการโพสท่าถ่ายของนางแบบ Eric Paré ช่างถ่ายภาพอิสระได้เกิดไอเดียบบรรเจิดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ โดยเขาได้ติดต่อให้ Kim Henry ให้มาเป็นนางแบบสำหรับชุดภาพถ่ายนี้ของเขา หลังจากที่ได้ติดต่อนางแบบเป็นที่เรียบร้อย เขาและทีมงานทั้งหมดได้มุ่งหน้าสู่พื้นที่โล่งของสนามบินในเมือง Albuquerque รัฐนิวเม็กซิโกเพื่อทำการถ่ายภาพ หลังจากที่พวกเขาตั้งตารอช่วงเวลาเหมาะสำหรับการถ่ายรูป ทันใดนั้นก็เกิดพายุและมีฟ้าผ่าเป็นฉากหลังอย่างที่เขาต้องการ ด้วยความมืออาชีพของ Eric และ Kim ทำให้ภาพถ่ายที่ได้นั้นดูสวยงามและมีพลัง แท่งแสง ท้องฟ้าและสายฟ้า สัดส่วนที่ลงตัวทำให้ภาพนั้นดูโดดเด่น นอกจากนั้น Eric ยังได้รูปภาพที่เธอเหวี่ยงแท่งแสงทำให้เกิดภาพถ่ายที่ดูแปลกตาไปอีกแบบ ก่อนที่ช่วงหลังพวกเขาจะหยุดถ่ายเนื่องจากสภาพอากาศลมแรงที่ไม่เอื้อต่อการถ่ายภาพอีกต่อไป หลังจากเฝ้ารอเวลาที่เหมาะสม ทำให้ได้รูปแบบนี้ออกมา เมื่อนำแท่งแสงมาเหวี่ยงเป็นพื้นหลังก็ทำให้ได้ภาพที่ดูแปลกตา นี่เป็นภาพสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะปิดกองเนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ เวลาที่จะถ่ายได้นั้นมีน้อยมากเลยทีเดียว… และเพื่อนๆ คนไหนที่ชื่นชอบผลงานของพ่อหนุ่ม Eric ก็สามารถที่จะติดตามเขาได้ทาง อินสตาแกรม ของเขาได้ที่นี่เลยนะ ภาพถ่ายของคุณ Eric และการโพสท่าของคุณ Kim ทำให้ #เหมียวปั๊ก คิดถึงเจไดเลยนะเนี่ยะ ทั้งเท่ห์ทั้งเป็นเอกลักษณ์ ที่มา: petapixel
-
เปิดตัว Stratolaunch เครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดย Paul Allen ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์
ปัจจุบันเราอาจะคิดว่าเครื่องบินอย่าง A380 คือเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่อันที่จริงแล้ว เครื่องบินอย่าง Antonov An-225 นั้นถือเป็นเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่เคยทำการบินมา ด้วยขนาดของมันที่สามารถขนรถถังและเครื่องบินได้ จึงทำให้ตำแหน่งยักษ์จ้าวเวหานี้ไปครอง แต่เมื่อไม่นานมานี้ Paul Allen ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Microsoft เศรษฐีวัย 64 ปีผู้นี้ ได้ทำการเผยเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่เขาเป็นคนร่วมทุนอีกด้วย ด้วยความใหญ่ของมัน ทำให้คนดูตัวเล็กไปเลย . . เครื่องบินลำเลียง Stratolaunch นี้ได้ออกจากโรงเก็บของมันที่สนามบิน Mojave Air and Space Port ในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันพุธ ที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมาเพื่อรับการทดสอบการเติมเชื้อเพลิง โดยขนาดของปีกนั้นก็มีความยาวพอๆกับสนามฟุตบอลหนึ่งสนามเข้าไปแล้ว เครื่องบินยักษ์นี้มีปีกที่กว้างถึง 117 เมตร ยาว 72 เมตรและมีความสูงกว่า 72 เมตร ซึ่งขนาดของมันนั้นถูกออกแบบขึ้นเพื่อปฎิบัติภารกิจส่งจรวดขึ้นสู่วงโคจรในระดับความสูง 30,000 ฟุต ด้วยลักษณะของมัน ทำให้ Stratolaunch สามารถลำเลียงอากาศยานได้หลายรูปแบบ บริษัทผู้ผลิตอย่าง…
-
16 การดีไซน์ “บ้านแปลก” จากรอบโลก บางหลังก็อยู่ได้ แต่บางหลังแค่ดูเฉยๆ ก็พอ!!!
เราส่วนมากก็ฝันอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น และเชื่อว่าหลายคนก็ไม่ค่อยออยากได้บ้านที่สร้างเสร็จมาเป็นหลังแบบพร้อมอยู่กันหรอก บ้านที่เราออกแบบเองว่าอยากจะให้มันออกมาเป็นอย่างไรมันน่าจะตอบโจทย์เราได้มากกว่า แต่บางครั้งเราก็ไม่อาจเข้าถึงการออกแบบบ้านของเหล่าศิลปินหรือสถาปนิกสุดติสต์ที่เราไม่รู้ว่านึกอะไรอยู่ถึงดีไซน์บ้านทรงแปลกๆ ออกมา และวันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปท่องโลกดูไอเดียการออกแบบบ้านแปลกๆ นี้กัน บ้านบางหลังก็ได้แรงบันดาลใจมากจากสถานที่แปลกๆ เหมือนอย่างบ้านหลังนี้ที่ออกแบบโดยนักกิจกรรมในเมืองซูวอน ประเทศเกาหลีใต้ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากห้องน้ำ คนที่อาศัยอยู่บ้านหลังนี้ในเมือง Abuja ประเทศไนจีเรีย เขารักการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เขาเลยรีโนเวทบ้านตัวเองโดยข้างบนนั้นจะมีเครื่องบินประดับอยู่ ศิลปินชื่อว่า Moussa Kalo ได้ออกแบบบ้านจระเข้นี้ในปี 2008 แต่เป็นที่น่าเศร้า เมื่อเขาได้จากไปก่อนสองเดือน ที่จะสร้างบ้านหลังนี้เสร็จ ซึ่งภายในบ้านจระเข้ก็กว้างขวางพอสมควร โดยบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในเมืองอาบีจาน ประเทศไอวอรี่โคสต์ หรือ โกตดิวัวร์ บ้านหลังนี้ในเยอรมนีถูกออกแบบมาให้ทุกอย่างกลับหัวไปหมด แม้แต่ในห้องนอน ทุกอย่างก็ดูกลับหัว ตู้เสื้อผ้าก็ยังทำออกมาให้ดูต้านทานแรงโน้มถ่วงได้ ซึ่งเอาจริงๆ ไม่มีใครอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนแทบทุกวัน อันนี้เป็นบ้านกลับหัวอีกหลังที่อยู่ในรัสเซีย มีแม้กระทั้งรถยนต์แปะอยู่ด้วย มาดูในประเทศจีนกันบ้าง มีบ้านสองหลังถูกอย่างอยู่บนตึกที่เป็นโรงงานในปี 2013 ซึ่งจริงๆ แล้วการสร้างแบบนี้ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายที่นั่น บ้านทรงโค้งในประเทศอังกฤษ ถูกออกแบบโดยศิลปิน Alex…
-
23 ตู้กดมหัศจรรย์จากรอบโลก สากกระเบือยันเรือรบ ก็สามารถยัดเข้าไปขายในตู้ได้!!!
เทคโนโลยีตู้กดอัตโนมัตินั้นมีมานานแล้ว แต่ไม่ค่อยนิยมมากนักในบ้านเราเพราะว่าปัจจัยหลายๆ อย่าง แต่ถ้าพูดถึงประเทศที่เต็มไปด้วยตู้กดมากมายก็คงจะหนีไม่พ้นญี่ปุ่น สินค้าที่ขายในตู้นั้นก็มีมากมาย แต่ส่วนมากมักจะเป็นของกินมากกว่า อย่างเช่นน้ำอัดลม ชา กาแฟ หรือแม้กระทั่งไอศกรีม แต่รู้หรือไม่ว่าทั่วโลกนั้นก็มีตู้กดที่แตกต่างกันออกไป และสินค้าแต่ละชนิดมันก็แปลกซะจนคิดว่าของอย่างนี้ก็สามารถเอามาขายในตู้ได้ด้วยเหรอ!? เราไปดูกันเลยว่าแต่ละประเทศจะมีของที่เอามาขายในตู้แปลกขนาดไหน… ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ขึ้นชื่อเรื่องคนรวย จึงไม่แปลกที่โรงแรมในเมืองอาบูดาบีจะมีตู้กดทองแท่ง แบบใส่เงินปุ๊บได้ทองปั๊บ Marvin Kilgore ผู้ประกอบการในฟิลาเดเฟีย ได้ทำตู้ที่บรรจุผมของคนจริงๆ เอาไว้ ว่าง่ายๆ ก็คือวิกนั่นเอง โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะเอายาวเท่าไหร่ ราคาก็อยู่ที่ประมาณ 2,100 – 8,700 บาทเลยทีเดียว บอกแล้วว่าตู้กดไม่ใช่เรื่องใหม่ ย้อนกลับไปในปี 1949 ได้มีบริษัทหนึ่งผลิตตู้หยอดเหรียญ แล้วเราก็จะได้โลชั่นมา แต่ไม่ได้มาเป็นขวดนะ มันจะพ่นออกมาตามสายอย่างที่นางแบบคนนี้ถืออยู่ ทาง Amazon ก็มีตู้กดกับเขาเหมือนกัน โดยตู้กดนี้ชื่อว่ Kindle Fire ซึ่งแน่นอนว่าเอาไว้ขายแท็ปเล็ต Kindle และอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับนักท่องเที่ยวในสนามบิน McCarran Airport ในลาสเวกัส สำหรับสาวๆ ออฟฟิศที่เลิกงานดึก แล้วต้องใส่ส้นสูงตลอดเวลา อาจจะทำให้เมื่อยล้าและเดินลำบาก…
-
งานวิจัยชิ้นใหม่ชี้… “เตกีลา” มีส่วนผสมของต้นอะกาเว ช่วยลดน้ำหนักและคุมน้ำตาลได้!!
ใครที่กำลังรู้สึกว่าตัวเองเริ่มอ้วน พุงเริ่มย้วย แถมไข่ก็เริ่มยาน (ไม่ใช่แล้ว!!) แล้วกำลังจะหาสูตรลดน้ำหนักละก็ วันนี้เรามีงานวิจัยชิ้นใหม่มาบอกต่อ โดยทีมวิจัยได้ทำการสำรวจสารประกอบของ “เตกีลา” ส่วนผสมสำคัญในการทำค็อกเทลที่หลายคนรู้จักดี และได้ค้นพบว่ามันมีส่วนผสมของต้นอะกาเวอยู่!! นอกจากจะเป็นการค้นพบสารสำคัญที่ในเตกีลาแล้ว ยังนับว่าเป็นงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานในอนาคตอีกด้วย จากการศึกษาทำให้ค้นพบว่าน้ำตาลที่ได้จากต้นอะกาเว เป็นน้ำตาลธรรมชาติแท้ที่เรียกว่า ‘Agavins’ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยหลักการทำงานของน้ำตาลตัวนี้ มันจะไม่ถูกย่อยสลายโดยน้ำย่อยในร่างกาย แต่มันจะทำหน้าที่เป็นเส้นใยอาหาร และไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น อีกทั้งยังช่วยทำให้เรารู้สึกอิ่มได้นานขึ้น และส่งผลทำให้เรากินได้น้อยลง “เราเชื่อว่า Agavins จะเป็นสารให้ความหวานที่จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ในอนาคต ถึงแม้ว่าน้ำตาลจากโรงงานจะให้รสชาติที่ดีกว่า แต่สิ่งเหล่านั้นกลับส่งผลเสียต่อร่างกายเรามากกว่า” Dr. Mercedes G. López ให้สัมภาษณ์ และทีมวิจัยจะนำสารตัวนี้ ไปศึกษาเพิ่มเติมเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ต่อไป จะว่าไปแล้วจริงๆ ต้องบอกว่างานนี้เป็นการค้นพบสารให้ความหวานจากต้นอากาเว่ซะมากกว่า แต่ก็คงไม่มีใครอยากเสียเวลาซื้อต้นไม้มาสกัดทำน้ำตาลกินกันเองหรอกจริงไหม? และตอนนี้เราก็ได้รู้แล้วว่าน้ำตาลธรรมชาติแท้ที่ดีต่อสุขภาพของเรา มันบรรจุอยู่ในขวดเตกีลาที่เราคุ้นเคยกันดีนี่เอง เพราะฉะนั้นหลังจากนี้ถ้ามีคนมาด่าว่าขี้เมา เราก็อ้างกลับได้เลยว่า “นี่ตูกำลังพยายามลดน้ำหนักด้วยน้ำตาลธรรมชาติแท้อยู่นะโว้ยย!!” ที่มา: Dailymail
-
สวรรค์เหล่าสนีกเกอร์!! แนะนำ 9 ร้านขายรองเท้าผ้าใบบนเฟซบุ๊ก เพียงแค่มองตังค์ก็ปลิว
ต้องบอกเลยว่า #เหมียวฟิ้น เป็นคนที่ชื่นชอบรองเท้าผ้าใบมาก ทุกครั้งเวลาไปเดินห้างก็จะต้องแวะร้านขายรองเท้าแบรนด์ต่างๆ เพื่อแวะดูว่ามีรุ่นใหม่ๆ ออกมาบ้างหรือเปล่า และถึงจะไม่ได้เข้าไปซื้อจริงๆ แต่ขอให้ได้ดูได้จับได้ดมก็แฮปปี้เกินบรรยายแล้ว และเนื่องจากเราเป็นคนที่ชอบรองเท้าผ้าใบมาก ก็มักจะกดติดตามเหล่าเพจขายรองเท้าบนเฟซบุ๊กไว้ตลอด กดจนบางครั้งก็หน้ามืดตามัวโอนเงินซื้อไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว… เราก็เลยอยากจะมาแบ่งปันความวู่วามแบบนั้นให้กับเพื่อนๆ ทุกคนที่รักรองเท้าผ้าใบหรือสนีกเกอร์กันดู กับ 9 ร้านขายรองเท้าผ้าใบออนไลน์ ไม่แน่ว่าพอคุณอ่านจบแล้วอาจจะต้องเสียเงินเหมือนกับเราก็ได้นะ 1. NEA Shoe Shop : รองเท้า Converse และ Vans ร้านนี้เป็นร้านที่ #เหมียวฟิ้น ติดตามมานานพอสมควร รองเท้าส่วนใหญ่ที่ขายก็ตามชื่อร้านเลย คือมี Converse กับ Vans เยอะมากๆ แต่ในระยะหลังมานี้ก็จะมี Adidas เข้ามาขายด้วย มีตั้งแต่รุ่นล่างๆ ไปยันรุ่นกลางๆ รุ่นท็อปเลย รองเท้าของร้านนี้มีมีหลากหลายแบบหลายสี มีงานแรร์เข้ามาบ้าง บางรุ่นที่หมดไปแล้วแต่มีรีสต็อกกลับเข้ามาก็จะเอามาแจ้งผ่านหน้าเพจให้สาวกได้รู้กัน ข้อดีของร้านนี้คือถ่ายภาพรองเท้าเอง ถ่ายสวย ถ่ายหลายมุม เห็นรองเท้าชัดเจนอย่างกับไปเลือกเอง และมีบอกราคาทุกรุ่นไม่ต้องอินบ็อกซ์ไปถาม (แต่บางทีราคาจะไม่ได้อยู่ในภาพแรกๆ นะ…
-
เอาดีๆ “วิสกี้” หรือ “รัม”?? เหล้าเหมือนกัน แต่ทำไมฝรั่งเรียกต่างกัน??
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อยู่คู่กับประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติกันอย่างยาวนาน เนื่องจากสมัยก่อนหาน้ำสะอาดยาก สุราจึงถือเป็นเครื่องดื่มที่สะอาดที่สุดที่คนสมัยนั้นผลิตได้ และมักจะถูกใช้เป็นเครื่องดื่มเฉลิมฉลอง และในพิธีกรรมต่างๆ ชนิดของสุรานั้นมีชื่อเรียกกันหลากหลาย แต่ในศัพท์ภาษาไทย เราต่างเรียกรวมกันไปว่า เหล้า เหล้า เหล้า และก็เหล้า แต่หากใครเคยได้ดูภาพยนตร์ฝรั่งหรือโฆษาต่างๆ ก็อาจจะคุ้นหูกับคำศัพท์อื่นๆ อย่างเช่น บรั่นดี วิสกี้ รัม รวมถึง วอดก้า ก็มี คงจะสงสัยแล้วล่ะสิว่ามันแตกต่างกันอย่างไร!? วันนี้เราจะมาชี้แจง 2 สิ่งที่เป็นที่นิยมในไทย ได้แก่ วิสกี้ และ รัม ว่าต่างกันตรงไหน 1. วัตถุดิบ – วิสกี้ ทำมาจากธัญพืช จำพวกข้าว มอลต์ ข้าวโพด นำไปหมักให้เกิดแอลกอฮอล์ หลังจากกลั่นแล้วจะไปบ่มในถังไม้โอ๊ก เพื่อให้ได้กลิ่น สี และรสชาติที่เหมาะสม (สีน้ำตาลๆ ทองๆ ก็มาจากถังไม้ที่ที่ใช้หมักนั่นเอง) – รัม ทำมากจากกากน้ำตาล นำมาหมักและกลั่นให้ได้แอลกอฮอล์บริสุทธิ์…
-
เผยชุดภาพถ่ายติดวิญญาณของ William Hope หรือเนื้อแท้คือการหลอกลวงผู้คน…
William Hope ชายหนุ่มผู้อ้างว่าสามารถเป็นสื่อกลางในการติดต่อกับวิญญาณ และสามาถถ่ายภาพของพวกเขาได้ ผลงานการถ่ายภาพของถูกวิจารณ์ไปในวงกว้าง บางคนก็บอกว่าภาพภ่ายติดวิญญาณของเขาเป็นของปลอม แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้เขา ยังคงเชื่อในความสามารของเขาและถ่ายรูปเหล่านั้นเรื่อยมา ล่าสุดได้มีการเผยแพร่ชุดภาพถ่ายของเขาในชื่อว่า Spirit Photographs ซึ่งถูกค้นพบที่ประเทศอังกฤษ ภาพถ่ายชุดดังกล่าวเป็นภาพที่มีวิญญาณของคนตายสิงอยู่พร้อมกับภาพของญาติที่หวังว่าจะได้พบกับพวกเขาอีกครั้ง William Hope เริ่มต้นจากการเป็นช่างไม้ก่อน และหลังจากนั้นเขาก็เริ่มมีความน่าสนใจให้กับภาพถ่าย จนกระทั่งในปี 1905 ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปหลังจากที่เขาเชื่อว่าสามารถถ่ายรูปติดวิญญาณได้ระหว่างที่ถ่ายรูปของเพื่อนเขา และไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ก้าวเข้าสู่โลกของวิญญาณ Hope ได้ก่อตั้งกลุ่มของช่างถ่ายภาพติดวิญญาณโดยใช้ชื่อว่า Crewe Circle กลุ่มดังกล่าวมีชื่อเสียงอย่างมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ในสมัยนั้นผู้คนส่วนมากต้องการที่จะติดต่อสื่อสารกับวิญญาณของญาติหรือคนรักที่เสียชีวิตจากสงคราม ดังนั้นกลุ่ม Crewe Circle จึงได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ในช่วงปี 1920 เริ่มมีกระแสวิพากษ์ วิจารณ์กลุ่มของ Hope จนกระทั่งในปี 1992 Hope และกลุ่ม Crewe Circle ถูกตรวจสอบโดยสมาคมนักจิตวิทยา สมาคมดังกล่าวอ้างว่า Hope และพวกของเขาเป็นนักต้มตุ๋น พวกเขาไม่ได้ถ่ายภาพติดวิญญาณได้ แต่ภาพถ่ายของพวกเขานั้นเป็นแต่งเติมภาพให้ดูเหมือนกับว่ามีวิญญาณอยู่ในนั้น ถึงแม้ว่าจะถูกกล่าวหาว่าเป็นแค่การหลอกลวง แต่ก็ยังคงมีผ็คนบางส่วนที่ยังเชื่อว่า Hope นั้นสามารถติดต่อสื่อสารกับคนตายได้…
-
นี่คือ 15 ความจริงของเหล่ามนุษย์ฟรีแลนซ์ที่ว่า ไม่ได้ง่ายและไม่ได้อิสระอย่างที่คิด!!
เชื่อว่าเด็กจบใหม่ยุคนี้หลายคนอาจจะตั้งเป้าหมายตัวเองไว้ว่าอยากทำงานแบบฟรีแลนซ์ นั่นก็คือการไม่ต้องเป็นมนุษย์ออฟฟิศคอยตอกบัตรเช้า – เย็น อันสุดแสนจะน่าเบื่อ ไหนจะต้องถูกบ่นเซ้าซี้จากหัวหน้าอีก… แต่จะว่าไปแล้วอิสระภาพก็ต้องแลกมาด้วยความรับผิดชอบเหมือนกัน และนี่คือ 15 ความจริงที่เหล่าฟรีแลนซ์ทั่วโลก อยากจะบอกให้ทุกคนได้รู้ว่า การใช้ชีวิตแบบพวกเรานี่มันไม่ง่ายเอาซะเลยนะเธอเอ๋ย 1. ไม่ว่าจะวันหยุด วันเสาร์ หรือวันอาทิตย์ ก็ต้องตื่นมาเช็คอีเมล์อยู่ตลอด 2. ปวดหัวสุดๆ เมื่อเจอลูกค้าที่คิดว่า.. ฟรีแลนซ์สามารถรับโทรศัพท์ได้ 24 ชั่วโมง โอ่ยยจะบ้าตาย!! 3. เป็นพนักงานออฟฟิศยังมีสิทธิ์ใช้วันลาป่วยได้ แต่ฟรีแลนซ์น่ะเหรอ? ป่วยปุ๊บ รายได้หายปั๊บเลยจ้า 4. ถึงกับไปไม่ถูกเมื่อลูกค้ามาถามว่า.. “แล้วนี่คิดราคาเท่าไหร่ล่ะ?” บางทีพวกเราก็กลัวว่าถ้าเสนอราคาสูงไปลูกค้าก็อาจจะงอนได้ 5. บางวันก็คิดว่าจะจัดการสะสางเคลียร์งานให้หมด พอทำไปทำมาเท่านั้นแหละ… สมาธิหลุดลอยไปแล้วจ้า 6. ส่วนเรื่องนิสัยผลัดวันประกันพรุ่งน่ะ.. ไม่มี๊ ไม่มี จริงๆ 7. พวกเราทำงานตอนไหนก็ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะว่างพอให้เพื่อนๆ ทักแชทมาปรึกษาได้ตลอดทั้งวันทั้งคืนหรอกนะ 8. พวกเราค้นพบพลังแห่งการอยู่คนเดียว……
-
ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์หมัดต่อหมัด หาก “อเมริกา-จีน-รัสเซีย” เปิดสงครามตอนนี้ ใครจะชนะ!?
ในปัจจุบันที่สถานการณ์โลกนั้นมีความร้อนระอุทั้งด้านการก่อการร้าย การขาดดุลทางการค้า อาวุธนิวเคลียร์ รวมไปถึงสถานการณ์ตึงเครียดในแต่ละประเทศ ล้วนเป็นปัจจัยที่สามารถนำไปสู่สงครามได้ทั้งสิ้น เพื่อนๆ เคยคิดเล่นๆ กันใหม่ว่าหากประเทศมหาอำนาจทั้ง 3 อันดับ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน และ สหพันธรัฐรัสเซีย ทำสงครามรบพุ่งกันแบบตรงๆ ไปสนสุนัขสนแมว มันจะเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่าประเทศไหนจะสามารถกุมชัยชนะเด็ดขาดได้ แต่วันนี้เลยลองทำการแปลข้อมูลข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกำลังทางทหารของทั้ง 3 ประเทศโดยแบ่งเป็น 4 หัวข้อจากผู้เชี่ยวชาญ มาเป็นอาหารสมองให้เพื่อนๆ อ่านกันครับ 1. เครื่องบินขับไล่ ฝูงบินของอเมริกามี F-22 ที่มีความโดดเด่นในเรื่องการพรางตัวที่ดี ถึงขั้นที่เรียกกันว่าเครื่องล่องหน จนถูกขนานนามว่าเป็นเครื่องบินขับไล่ที่ดีที่สุดในโลก จึงทำให้อเมริกามีอำนาจในน่านฟ้ามากกว่า 2 ประเทศอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่รัสเซียไม่น้อยหน้าใช้ Su-35BM ที่หน้าจอแสดงผลมีความชัดเจนและยังเชื่อมต่อฐานข้อมูลกับดาวเทียมได้ และจีนที่ใช้ J20 เป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นล่าสุดที่โดดเด่นในความปราดเปรียวแม้จะมีขนาดที่ใหญ่ก็ตาม 2. รถถัง รถถัง M1 Abrams แม้จะประจำการมานานในกองทัพสหรัฐแต่ก็ผ่านการอัพเกรดทั้งเกราะและอาวุธจนมีความทันสมัย ในขณะที่ประเทศจีนมีรถถัง Type 99 ยังไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ ดูเหมือนว่าดาวเด่นทางด้านนี้จะตกไปอยู่ที่รัสเซียที่มีรถถังอย่าง T-90 ที่มีอุปกรณ์ทันสมัยอย่าง เครื่องสร้างคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ระบบรบกวนสัญญาณจรวดนำวิถีต่อต้านรถถังอินฟราเรด…
-
กว่าจะมาเป็นภาพสุดอลังการ เรามาดูวิธีสร้างมันกันดีกว่า โดย Erik Johansson
ถ้าใครติดตามเว็บเหมียวบ่อยๆ คงเคยเห็นภาพการใช้ Photoshop ตัดต่อภาพธรรมดาให้กลายเป็นภาพที่ดูเหนือจริงกันมาบ้าง ซึ่งบางรูปเรียกได้ว่าเล่นกับความคิดเราได้ดีทีเดียวเชียว ว่าแต่ภาพเหล่านี้ใครเป็นคนทำ และทำได้ยังไง เรามาเจาะลึกไปพร้อมๆกันเลย ศิลปินท่านนี้มีชื่อว่า Erik Johannsson ถนัดทางด้าน Photoshop แบบขั้นเทพที่หาตัวจับได้ยากมาก เขาได้สร้างผลงานมากมายที่เห็นแล้วก็คงคุ้นหน้าเป็นอย่างดี แต่วันนี้เราจะมาดูเบื้องหลังของเขากันว่าผ่านกระบวนการอะไรมาบ้าง กว่าจะมาเป็นภาพนี้ได้ ตอนแรกเราก็คงจะคิดว่าเขาใช้โปรแกรมเพียงอย่างเดียว แต่พอดูแล้วก็รู้เลยว่าเขาต้องทำการดีไซน์มันออกมาด้วยการดราฟต์และถ่ายภาพเพิ่มเพื่อที่จะเอาเป็นแบบอีกด้วย อย่ารอช้า เราไปดูเบื้องหลังทุกภาพที่เขาได้ทำออกมากันเลยดีกว่า ภาพ Landfall เบื้องหลัง Landfall ภาพ Endless Stories เบื้องหลัง Endless Stories ภาพ Closing Out เบื้องหลัง Closing Out ภาพ Soundscapes เบื้องหลัง Soundscapes ภาพ Cut & Fold เบื้องหลัง Cut & Fold …
-
15 ของเล่นในช่วงปี 2000 ที่เคยฮิตตูมตามมากๆ ก่อนที่เราจะรู้จักกับ Fidget Spinner
การเข้ามาของกระแส Fidget Spinner ที่กำลังฮิตสุดๆ ณ ตอนนี้และกำลังโด่งดังไปหลายวงการอีกด้วย แม้แต่วงการหนังผู้ใหญ่ก็ไม่เว้น (อ่านข่าวเก่า Pornhub เผย เทรนด์หนังโป๊แนว ‘Fidget Spinners’ มาแรง ยอดค้นหาพุ่งทะลุเพดาน ) และเพื่อนๆ ยังจำกันได้รึเปล่าว่าก่อนการมาถึงของเจ้าเครื่องหมุนๆ นี้ ก็เคยมีของเล่นอื่นๆ ที่เคยฮิตมาก่อน อ่า.. และเพื่อเป็นการย้อยความหลังเราลองไปชมของเล่นในอดีตทั้ง 15 ชิ้นกันเลยดีกว่า!! 1. Finger Board สเก็ตบอร์ขนาดจิ๋วที่ต้องใช้นิ้วในการเล่นท่าทางต่างๆ 2. สัตว์เลี้ยงทามาก็อตจิที่เคยฮิตมากๆ 3. การ์ดเหรียญการ์ตูนต่างๆ ที่แถมมากับขนมถุง หลายคนคงจะจำกันได้ 4. สาวๆ คงจะคุ้นเคยกับหนังยางหลากสีนี้กันเป็นอย่างดี 5. ไม้บรรทัดที่เป็นกำไลข้อมือได้ ต้องมีติดกระเป๋าของเด็กๆ แทบจะทุกคน 6. 3 2 1 Go Shoot!! คำพูดติดปากเด็กๆ ในช่วงที่เบย์เบลดกำลังฮิตสุดๆ 7.…
-
เรื่องวิทย์ๆ ที่เราเข้าใจผิดจากภาพยนตร์ ความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้นนะเออ!!
หลายๆ ครั้งที่ภาพยนตร์ได้นำหลักการ และทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่พอจะเป็นไปได้เข้ามาใส่ เพื่อให้มันดูสนุกแลได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น… แน่นอนว่าบางครั้งมันก็อาจจะดูเกินจริงไปบ้างทั้งหมดนี้ก็เพื่อความบันเทิง แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยกันบ้างมั้ยว่าในโลกแห่งความเป็นจริงมันจะเป็นแบบนั้นได้รึเปล่า? หากเราต้องพบเจอเหตุการณ์เดียวแบบในหนังไซไฟจะทำให้เรารอดมาได้มั้ย? ก็ลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… The Martian ในหนัง : บนดาวอังคารนั้นจะมีพายุทรายที่มีความรุนแรง ที่สร้างความเสียหายให้กับยานของตัวเอกอันเป็นเหตุให้เขาต้องติดอยู่บนดาวอังคาร ความจริง : เนื่องจากว่าบนดาวอังคารนั้นมีความหนาแน่นของชั้นบรรยากาศน้อยมาก ถ้าเทียบกับโลกแล้วจะมีความเบาบางเพียงแค่ 1 ต่อ 200 ฉะนั้นพายุฝุ่นบนดาวอังคารจะมีความรุนแรงแบบสุดๆ ก็เพียงแค่พัดให้ผมของ Matt สะบัดได้เท่านั้น Andy Weir ผู้เขียนนิยายเรื่อง The Martian ได้ยอมรับว่าที่ต้องเสริมให้มันดูเวอร์ก็เพื่อเพิ่มความดราม่าให้กับงานเขียนของตัวเอง ในหนัง : Matt Damon สามารถเดินไปรอบๆ ดาวอังคารได้แบบสบายๆ ความจริง : เขาจะเดินแบบเด้งดึ๋งๆ ทุกก้าว คล้ายกับมนุษย์อวกาศที่อยู่บนดวงจันทร์แต่เด้งต่ำกว่า เพราะแรงดึงดูดบนดาวอังคารนั้นจะอ่อนแอกว่าของบนโลกมาก แต่ก็ยังคงมากกว่าแรงดึงดูดบนดวงจันทร์เล็กน้อย Interstellar …
-
ยังพอมีเวลา… ผลสำรวจชี้ ช่วงเวลาที่ผู้หญิงเหมาะจะมี ‘เซ็กส์’ มากที่สุด คือช่วง 36 ปี
โดยทั่วไปแล้วคนส่วนมากมักจะเข้าใจว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมีเซ็กส์ น่าจะอยู่ที่ช่วงอายุ 20 ปลายๆ ซึ่งเป็นช่วงวัยเจริญพันธุ์ และด้วยความเชื่อแบบนี้ อาจทำให้สาวๆ หลายคนที่เลยช่วงพีคหรือกำลังย่างเข้าเลข 3 แล้วแต่ยังหาคู่ไม่ได้คงจะรู้สึกเศร้าใจกันแน่ๆ เลยใช่ไหมล่ะ?? แต่ไม่ต้องเสียใจกันหรอก เพราะล่าสุดมีผลสำรวจออกมาเปิดเผยว่าช่วงอายุที่เหมาะสมมากที่สุดในการมีเซ็กส์ของผู้หญิง ก็คือตอนอายุ 36 ปี!! การศึกษาครั้งนี้ได้ใช้แอพพลิเคชั่น Natural Cycles ในการเก็บข้อมูลจากสาวๆ ถึง 2,600 คน โดยการสำรวจจะเป็นคำถามที่เกี่ยวกับเรื่องของความดึงดูดทางเพศและความสุขในการมีเซ็กส์ ในการสำรวจจะแบ่งช่วงอายุของสาวๆ ออกเป็นสองช่วงคือ วัยรุ่น (อายุต่ำกว่า 23 ปี) วัยกลาง (อายุ 23-35 ปี) และวัยผู้ใหญ่ (อายุ 36 ปีขึ้นไป) จากผลสำรวจทางด้านความดึงดูดทางเพศพบว่าผู้หญิงวัยผู้ใหญ่ถึง 80% มีความรู้สึกว่าพวกเธอเซ็กซี่และมีความมั่นใจในผิวพรรณของตัวเองอย่างมาก ส่วนผู้หญิงในกลุ่มวัยรุ่นมีความรู้สึกดี 70% และช่วงวัยกลางนั้นมีเพียงแค่ 40% เท่านั้น ส่วนในด้านของการมีความสุขระหว่างมีเซ็กส์นั้น พบว่าผู้หญิงในวัยผู้ใหญ่มากถึง 60% มีความสุขและรู้สึกดีเมื่อถึงจุดสุดยอด ซึ่งมากกว่าทั้งสองกลุ่มที่เหลือประมาณ 5…
-
5 ลักษณะนิสัยของคนจาก “รูปโปรไฟล์” ไม่ใช่หลักสูตรหมอดู เป็นงานวิจัยจริงๆ จังๆ!!
สำหรับเฟซบุ๊คก็เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่แสดงและยืนยันตัวตนของบุคคลนั้นๆ โดยเฉพาประเทศไทยนี่เรียกได้ว่าแทบจะเล่นกันทุกคนเลยทีเดียว วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีบทความดีๆ ที่จะทำให้เพื่อนๆ สังเกตบุคลิกต่างๆ ของคนแต่ละประเภทในเฟซบุ๊ค จากรูปโปรไฟล์ของพวกเขากัน สำหรับงานวิจัยนี้ก็ได้ถูกตีพิมพ์ลงใน AAAI Digital Library ซึ่งทำการวิจัยโดยวิเคราะห์จากรูปของผู้ใช้ทวิตเตอร์หลายพันคน (ซึ่งในกรณีนี้ก็เป็นรูปโปรไฟล์เหมือนกันนั่นแหละ) ซึ่งหลักๆ แล้วแบ่งออกได้เป็น 5 ลักษณะแหละ อ่านนิสัยคนจากรูปโปรไฟล์ ลักษณะของคนที่มีความซื่อตรง รูปถ่ายของเขาจะดูมีความเป็นธรรมชาติสูง มีสีสัน และจะค่อนข้างดูสว่างๆ แถมมักจะชอบแสดงอารมณ์ในภาพ และหลากหลายบุคลิกที่พวกเขามี อาจกล่าวได้ว่าคนเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะทำในสิ่งที่ผู้คนรอบข้างคาดหวังและคิดว่าเขาจะทำ ลักษณะของผู้ที่เปิดกว้าง และรับประสบการณ์ใหม่ๆ คนเหล่านี้จะมีแนวโน้มในการใช้ภาพที่ดีที่สุดที่พวกเขาเลือกสรรมาเป็นอย่างดี มีความคมชัด และมักมีความแตกต่างกับภาพก่อนๆ สูง แถมมีความอาร์ท แนวๆ ต้องอินดี้ไม่เหมือนใคร แต่ใบหน้าของพวกเขาจะเป็นสัดส่วนหลักของภาพเกือบทุกภาพที่เอาขึ้นรูปโปลไฟล์ล่ะ ลักษณะของคนที่ชอบเข้าสังคม พวกเขาจะชอบใช้รูปภาพที่มีสีสันที่หลากหลาย และมักจะใช้ภาพที่ไม่ได้มีแต่พวกเขาคนเดียว อาจจะมีเพื่อนสักคนสองคน หรือทั้งกลุ่มรวมอยู่ในภาพ และลักษณะสำคัญที่สุดก็คือ มักจะฉีกยิ้มจนกว้างถึงใบหูเกือบทุกๆ ภาพเลยล่ะ ลักษณะของผู้ที่มีความมั่นคงทางอารมณ์สูง มักจะใช้ภาพที่สีสันไม่ฉูดฉาดจนมากเกินไป และไม่แสดงออกทางสีหน้ามาก บางภาพอาจมีการปิดบังใบหน้าของพวกเขาไว้ส่วนหนึ่งอีกด้วย ลักษณะของผู้ที่มีความพึงพอใจกับอะไรได้ง่ายๆ…
-
รู้จัก “จิม โจนส์” เจ้าลัทธิสุดสยอง ผู้เคยหลอกให้คน 900 คนฆ่าตัวตายพร้อมๆ กัน!!
ตลอดระยะเวลากว่า 5,000 ปีของประวัติศาสตร์มนุษย์ มีศาสนาและลัทธิต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย หลายๆ ศาสนาก็สร้างคุณประโยชน์ให้กับมวลมนุษยชาติ แต่ก็มีบางศาสนาที่นำผู้ศรัทธาไปพบกับโศกนาฏกรรมอันน่าสยอดสยอง อย่างเช่นลัทธิสุดสยอง “Peoples Temple หรือ วิหารแห่งปวงชน” ที่เคยหลอกให้ผู้ศรัทธากว่า 900 คนฆ่าตัวตายพร้อมๆ กัน จนกลายเป็นข่าวสุดสะเทือนใจไปทั่วโลก จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ดังกล่าวต้องย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1931 “จิม โจนส์” เด็กชายชาวรัฐอินเดียแอน่าถือกำเนิดขึ้นมาในครอบครัวอันอบอุ่นครับครัวหนึ่ง ในสมัยเด็กเขาชอบอ่านงานเขียนของนักปรัชญายุคเก่าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะงานของ คาร์ล มาส์ก หรือ เซอร์โทมัส มอร์ โดยเฉพาะเรื่อง “ยูโทเปีย” หรือ “ดินแดนในอุดมคติ” ที่ทุกคนเท่าเทียมกัน และความเชื่อนี้เอง ทำให้เขารู้สึกขัดแย้งกับพ่อของตนเองอย่างรุนแรง โดยเฉพาะที่พ่อของเขาเป็นสมาชิกของกลุ่ม “คู คลักซ์ แคลน (Ku Klux Klan)” กลุ่มเหยียดสีผิวชื่อดัง โดยครั้งหนึ่ง จิม พาเพื่อนผิวสีมาที่บ้าน แต่พ่อของเขากลับไม่อนุญาตให้เพื่อนผิวสีคนนนั้นเข้าไปภายในบ้าน ทำให้เขาเกิดความรู้สึก…
-
จัดหนัก 61 คีย์ลัดของ Microsoft Word เส้นทางสู่ปรมาจารย์ แห่งการพิมพ์งานเอกสาร!!
เมื่อกล่าวถึงโปรแกรม Microsoft Word แล้วเพื่อนๆ หลายคนคงจะเคยใช้งานกันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์รายงานเพื่อส่งอาจารย์ หรือใช้ในการพิมพ์เอกสารต่างๆ ในการทำงาน สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะพาเพื่อนๆ ทุกคนไปเทิร์นโปร เป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้งานโปรแกรม Microsoft Word ไปพร้อมๆ กัน ด้วยคำสั่งคีย์ลัดต่างๆ ที่ไม่ต้องไปหากดบนแถบเครื่องมือกันให้เมื่อยตุ้ม 1. Alt + Ctrl + D → แทรกคำอธิบายเพิ่มเติมลงไปตรงข้อความที่ต้องการอธิบาย (Endnote) 2. Alt + Ctrl + F → แทรกคำอธิบายเพิ่มเติมลงทางด้านล่างของหน้ากระดาษ (Footnote) 3. Alt + Ctrl + I → แสดงหน้าต่าง Print Preview 4. Alt + Ctrl + Page Down → ไปทางด้านล่างของหน้าต่างเอกสาร…
-
งานวิจัยยืนยัน การหลับนอนไม่เพียงพอ ส่งผลทำให้สมองมีประสิทธิภาพที่ด้อยลง..!!
สำหรับใครที่ชอบอดหลับอดนอนอยู่เป็นประจำ หรือชอบทำกิจกรรมถึงดึกดื่น พอตอนเช้าก็ตื่นไปทำงานสายทู๊กกที วันนี้มีงานวิจัยออกมายืนยันถึงผลเสียของพฤติกรรมดังกล่าว ที่มีผลต่อสมองของเราแล้วนะ อ้างอิงผลทีมวิจัยจาก Marche Polytechnic University ประเทศอิตาลี พวกเขาพบว่าสมองส่วนที่เรียกว่า ‘ซิแนปส์’ จะถูกเซลล์ที่เรียกว่า ‘แอสโทรไซต์’ กลืนกินจากสาเหตุเพราะการหลับนอนที่ไม่เพียงพอ โดยทีมวิจัยได้ทำการศึกษากับหนูทดลอง เกี่ยวกับประสิทธิภาพสมองของพวกมัน โดนเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มหนูทดลองที่ได้นอนหลับอย่างเพียงพอ และกลุ่มหนูทดลองที่ถูกกระตุ้นให้ได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ พวกเขาค้นพบว่า.. เซลล์ส่วนที่เรียกว่า ‘แอสโทรไซต์’ ซึ่งใช้สำหรับการจัดการกับสมองจะส่งผลร้ายมากกว่า ในสภาวะของหนูที่ได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ เซลล์ดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า ‘แอสโทรไซต์’ ซึ่งมันจะทำหน้าที่คอยกำจัดเซลล์ส่วนอื่นๆ และส่งผลให้สมองอ่อนแอลง มีประสิทธิภาพการทำงานที่น้อยลง “ในสมองส่วน ซิแนปส์ ก็เปรียบได้กับเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ ที่ต้องได้รับการดูแล และทำความสะอาด เพื่อการทำงานของสมองที่ดีในระยะยาว” Michele Bellesi หัวหน้าทีมวิจัยให้สัมภาษณ์ เมื่อพวกเขาได้ลองวิจัยกับสมองของอาสาสมัคร 1,344 คน โดยมีการตรวจวัดระดับความดันในเลือด ระดับน้ำตาล และระดับคลอเรสเตอรอลในเลือด ทำให้พบว่าการนอนหลับไม่ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน จะส่งผลเสียในระยะยาวต่อทั้งสมอง และระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกายจริง จากสถิติพบว่าโดยเฉลี่ยแล้วคนที่หลับนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงเป็นประจำ…
-
ไปรู้จักกับ 17 อาชีพไม่ธรรมดาจากทั่วโลก ไม่คิดเลยว่าจะมีอยู่จริง รายได้ก็ดีด้วยนะ!?
ถ้าพูดกันถึงเรื่องของอาชีพทำมาหากิน บางคนอาจจะทำตรงสายกับที่เรียนจบมา หรือบางคนอาจจะกำลังเดินตามความฝัน ค้นหาสิ่งที่ชอบกันอยู่ (เราก็ขอเป็นกำลังใจให้ด้วย) ซึ่งก็แตกต่างกันไปตามนานาทัศนะของแต่ละคน แต่คราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 17 อาชีพแปลกๆ จากทั่วโลก ซึ่งรวบรวมโดยเว็บไซต์ Thisisinsider.com เพื่อไม่ให้เสียเวลาเราตามไปดูกันเลย 1. นักสกัดเซรุ่มงู เป็นอาชีพที่ต้องคอยสกัดพิษของงูสายพันธุ์อันตรายทั้งหลาย เพื่อเอามาทำเป็นเซรุ่ม โดยเฉลี่ยสามารถขายได้กรัมละ 30,000 บาท เลยทีเดียว 2. นักทดสอบกลิ่นกาย ส่วนใหญ่แล้วตำแหน่งนี้จะถูกจ้างโดยบริษัทผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับกลิ่นทั้งหลาย ไม่ว่าจะน้ำหอม หรือน้ำยาปรับผ้านุ่ม ว่ากันว่าในช่วงการทำงานของหนึ่งคน จะได้ดมเท้ามากถึง 5,600 คู่เลยทีเดียว 3. เพื่อนเจ้าสาวรับจ้าง Jen Glantz คือผู้ริเริ่มก่อตั้งบริษัทรับจ้างเป็นเพื่อนเจ้าสาว หน้าที่คือทำทุกอย่างที่เพื่อนเจ้าสาวควรทำ ซึ่งทำเงินได้ตั้งแต่ 9,000 บาท – 60,000 บาท ต่องานเลยล่ะ 4. เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายภูเขาน้ำแข็ง นับตั้งแต่เหตุการณ์ไททานิคล่ม อาชีพนี้ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น หน้าที่ก็ไม่มีอะไรมากแค่คอยดูแลเส้นทางการเดินเรือ ไม่ให้ไปชนกับภูเขาน้ำแข็งนั่นเอง 5. รับจ้างเป็นญาติผู้ตาย…
-
Pornhub เผย เทรนด์หนังโป๊แนว ‘Fidget Spinners’ มาแรง ยอดค้นหาพุ่งทะลุเพดาน..!!
ไม่ว่าจะเนื้อเรื่องแบบไหน หนังแนวอะไร เชื่อว่ามันก็สามารถโยงเข้ามาเป็นหนังโป๊ได้หมดแหละ เพราะขนาดแม้แต่หนังดังระดับโลกหลายๆ เรื่อง เขายังเอามาทำเป็นหนังโป๊กันได้เลย… ทว่าข้อมูลล่าสุดที่ได้มาก็ทำให้เราตกใจอยู่ไม่น้อย เมื่อเว็บไซต์เพื่อนซี้คนเหงาทั่วโลกอย่าง Pornhub ได้ออกมาเผยว่าตอนนี้เทรนด์ที่กำลังมาแรงติดอันดับท็อปสุด คือหนังโป๊แนว Fidget Spinners (มันจะเป็นยังไงฟร๊ะ!?) ลองนึกภาพว่าทีมงานสามารถเชื่อมโยงจักรวาลหนังโป๊ และเจ้าเครื่อง Fidget Spinners ของเล่นที่กำลังมาแรง บอกตรงๆ ว่าเราก็นึกไม่ออกเหมือนกันภาพมันจะเป็นยังไงนะ โดยข้อมูลจากการสำรวจของ Pornhub พบว่า ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายอดค้นหาคำว่า ‘Fidget Spinner’ ในเว็บไซต์พุ่งขึ้นสูงถึง 282% เมื่อเทียบจากค่าเฉลี่ยของคำค้นหาอื่นๆ จากการสำรวจพบว่ายอดค้นหาเริ่มพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนั้น 10 วัน ยอดค้นหาคำดังกล่าวก็เพิ่มขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่ รวมๆ แล้วมีคนค้นหามากกว่า 2.5 ล้านครั้งเลยทีเดียว กราฟจาก Pornhub แสดงให้เห็นว่ายอดค้นหาหนังโป๊แนวดังกล่าว เพิ่มสูงขึ้นมากขนาดไหน ด้วยความสงสัยว่ามันจะออกมาเป็นแนวไหน ทีมงานเราจึงลองเข้าไปสำรวจดู ก็พบว่า.. เป็นการประยุกต์ใช้เครื่องหมุนขนาดเล็กที่เป็นของเล่น มาเปลี่ยนให้กลายเป็นเซ็กส์ทอยได้อย่างไม่น่าเชื่อ…
-
16 สิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้ เบื้องหลังของ “บาร์บี้” จากของเล่นธรรมดา สู่ต้นแบบหญิงงาม!!
“บาร์บี้” ถือเป็นของเล่นที่มีมานาน ส่วนมากกลุ่มเป้าหมายก็จะเป็นเด็กผู้หญิงไปจนถึงผู้หญิงวัยทำงานเลย โดยเฉพาะคนที่ชอบสะสมก็จะมีคอลเล็คชั่นบาร์บี้มากมาย ซึ่งถ้านับจากเมื่อก่อนถึงปัจจุบัน บาร์บี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ไปมาก ตุ๊กตาสาวน้อย สร้างปรากฏการณ์ให้กับโลกมาตั้งแต่เมื่อก่อน เพราะว่ามันคือภาพของผู้หญิงที่ถูกมองว่าสวย แต่เมื่อโลกเราก้าวไป เราไม่ได้มองว่าผู้หญิงต้องผอม ผิวขาว เหมือนกับบาร์บี้ ทำให้ปัจจุบันได้มีบาร์บี้ที่ผลิตออกมาหลากหลายรูปลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นบาร์บี้ผิวสี บาร์บี้ที่มีเนื้อมีไขมันขึ้นกว่าเดิม เป็นต้น แต่ใครจะรู้บ้างว่าภูมิหลังของบาร์บี้มีประวัติในส่วนที่ไม่ค่อยได้เปิดเผยที่ไหน และในวันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปดูกันว่าจะมีอะไรบ้าง 1. ชื่อเต็มๆ ของบาร์บี้ก็คือ Barbara Millicent Roberts 2. บาร์บี้เกิดวันที่ 9 มีนาคม ปี 1959 ดังนั้นเธอจึงเป็นชาวราศีมีนนั่นเอง 3. หลายคนอาจคิดว่าเธอมาจากเมือง Malibu แต่จริงๆ แล้วเธอมาจากเมืองแห่งนิยาย Willows ในรัฐ Wisconsin นั่นเอง 4. จริงๆ แล้วเธอมีครอบครัวที่ใหญ่มากๆ นะ เธอมีพี่น้องถึง 7 คน ได้แก่ Skipper, Stacie, Chelsea, Krissy, Kelly,…
-
วิดีโอสุดประทับใจ “วันธรรมดา” ผ่านมุมมองของแม่และลูก จะทำให้หัวใจของคุณพองโต
การจะเป็นแม่คนนั้นไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความสามารถ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่านเหมือนกันที่ใครๆ จะเป็นกันได้ ต้องดูแลสามี ลูกๆ และคนรอบข้าง ต้องเรียนรู้ต้องอดทนและไม่สามารถเลิกกลางคันได้ด้วย เช่นเดียวกับเรื่องราวของ Esther Anderson เธอเป็น Vlogger (คล้ายกับการเขียนบล็อค แต่อยู่ในรูปแบบของวิดีโอ) ที่ต้องทำหน้าที่คุณแม่เลี้ยงลูก 2 คน เธอพยายามสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับครอบครัวของเธอ แต่ในทุกๆ วันเธอก็ยังต้องรับมือกับเรื่องปวดหัวที่ลูกๆ ของพวกเธอก่อเอาไว้ วันหนึ่ง Anderson ได้ลองทำคลิปวิดีโอตัวหนึ่งขึ้นมา เธอตั้งชื่อมันว่า A Normal Day (วันธรรมดา) ซึ่งเผยให้เห็นกิจวัตรประจำวันในวันหนึ่ง โดยผ่านมุมมองของทั้งแม่และตัวลูกเอง ในส่วนของเธอตั้งแต่ตื่นนอน แก้ปัญหาให้ลูกๆ เปลี่ยนผ้าอ้อม ห้ามเด็กๆ ทะเลาะกัน ทำบ้านเลอะเทอะ พาไปซื้อของนอกบ้านก็ยังต้องเหนื่อยไม่เว้นแม้แต่วินาทีเดียว ปลุกแม่ตื่นแต่เช้า เด็กๆ แกล้งกัน ก็ต้องเหนื่อยคุณแม่เข้าไปห้ามอีก ไปห้างก็ต้องปวดหัวกับเด็กๆ อีก ทำข้าวของหล่นจนกลายเป็นเรื่องปกติ แม้ว่ากิจกรรมและภาพทั้งหมดนี้จะดูเหมือนว่าเธอล้มเหลวในการเป็นแม่คน เพราะต้องเจอแต่เรื่องแย่ๆ ตลอดวัน แต่เธอก็ได้นำเสนออีกแง่มุมให้เราเห็นผ่านมุมมองของลูกเธอในช่วงครึ่งหลังของวิดีโอ ว่าแท้จริงแล้วเธอเปรียบเสมือนนักมายากลที่ทำให้ลูกๆ มีความสุขผ่านการกระทำเล็กๆ…
-
8 บทเรียนจาก Phil Knight ชายผู้ก่อตั้งบริษัท Nike จนยิ่งใหญ่ ที่คุณนำไปใช้ได้จริงๆ
Phil Knight เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทรองเท้ากีฬาชื่อก้องโลกอย่าง Nike ทุกคนคงจะจดจำภาพลักษณ์ของบริษัทนี้ไปแล้วว่าเป็นแบรนด์รองเท้าที่ยิ่งใหญ่ มีรองเท้าเป็นพันเป็นหมื่นรุ่น มีร้านค้าสาขาไปทั่วโลก และเป็นที่ต้องการของลูกค้าไม่ว่าจะกลุ่มไหนก็ตาม แต่ใครจะรู้ว่ากว่าที่ Nike จะดำเนินกิจการมาได้จนถึงทุกวันนี้ Phil Knight ต้องเผชิญกับอะไรมาบ้าง และใช้หลักการใดในการดำเนินธุรกิจ? วันนี้เขาได้เปิดเผยออกมาให้เราได้รับรู้แล้วและมันอาจจะเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณในอนาคตก็ได้นะ 1. ใช้เวลาในช่วงวัยรุ่น (20-29) ในการเรียนรู้และสำรวจให้มากที่สุด หลังจากที่เรียนจบในระดับมัธยมศึกษาและเข้ารับการฝึกกับกองทัพเรือ ในตอนนั้น Phil Knight วัย 24 ปี ได้ตัดสินใจที่จะออกไปท่องโลกกว้างด้วยการไปเที่ยวตามประเทศต่างๆ แต่เนื่องจากในสมัยก่อนการไปเที่ยวยังเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และใช้เงินมาก เขาก็เลยขอเงินพ่อแม่เพื่อไปเที่ยวต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ฮ่องกง เวียดนาม เคนย่า อังกฤษ ฝรั่งเศส เพื่อเก็บเกี่ยวเอาประสบการณ์ ศึกษาวัฒนธรรมและเศรษฐกิจในแต่ละที่ และนำมาเป็นองค์ความรู้ต่อไปในอนาคต 2. เฮ็ดในสิ่งที่เซื่อ เซื่อในสิ่งที่เฮ็ด นาย Phil Knight เล่าว่างานแรกที่เขาได้ทำคืองานขายหนังสือสารานุกรมในรัฐฮาวาย งานต่อมาคือการขายหลักทรัพย์ แต่ดูเหมือนมันอาจจะไม่เหมาะกับเขาเพราะว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัวเลยอาจจะไม่เหมาะกับงานขายเท่าไหร่ แต่เมื่อเขาได้ลองเป็นพนักงานขายรองเท้าเข้าจริงๆ เขากลับขายดีอย่างไม่น่าเชื่อ และเขาก็ได้กลายเป็นปรมาจารย์ด้านการขายตั้งแต่นั้นมา ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะสมัยเรียนที่มหาลัยเขาเป็นนักกีฬาวิ่งมาก่อน เขาชอบวิ่งและวิ่งได้ดีด้วย นั่นจึงทำให้เขาเชื่อในสิ่งที่ตัวเองขาย และกลายเป็นพนักงานขายรองเท้าที่เก่งกาจ 3. Just do it…
-
การผจญภัยแสนน่ารัก พาแก๊งค์มะหมาไปบริจาคเลือด ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งตรวจสุขภาพฟรี!!
คนเราสามารถบริจาคเลือดได้ เรามักจะเห็นการไปบริจาคเลือดอยู่บ่อยๆ เผื่อเวลามีผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน จะสามารถใช้เลือดนั้นได้ทันที และสำหรับสุนัขก็เช่นกัน ส่วนตัว #เหมียวบ็อบ ก็เพิ่งรู้มาไม่นานนี้เองว่าเหล่าน้องหมาคู่ซี้ประจำบ้านของเรา สามารถไปบริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือเพื่อนสุนัขตัวอื่นๆ ได้เหมือนกัน จนกระทั่งเราได้มาเจอกับเรื่องราวจากเพจ Ninja and the Gang ที่จะพาเราไปรีวิวเปิดประสบการณ์พาน้องหมาไปบริจาคเลือด เอาเป็นว่าเราตามไปชมกันเลย ก่อนอื่นต้องขอแนะนำสมาชิกชาวแก๊งค์ทั้ง 6 ที่ตั้งใจมาบริจาคเลือดกันก่อน แต่ก่อนที่จะพาไปบริจาคได้ คุณสมบัติของน้องหมาต้องมีร่างกายแข็งแรง ฉีดวัคซีนครบถ้วน อายุ 1 ขวบขึ้นไปแต่ไม่เกิน 7 ขวบ และต้องหนัก 17 กิโลกรัมขึ้นไปเท่านั้น (สำหรับเพศเมียต้องรอให้หมดช่วงประจำเดือนก่อนนะจ๊ะ) ดูไม่ค่อยตื่นเต้นกับการไปบริจาคเลือดกันเท่าไหร่เล๊ยย มีช่วยถือของให้ด้วย โดยคราวนี้ชาวแก๊งค์ก็มาบริจาคเลือดกันที่โรงพยาบาลสัตว์ ม.เกษตร มาถึงก็ขึ้นลิฟท์ไปที่ธนาคารเลือดชั้น 3 ได้เลย พอขึ้นมาก็จะเจอกับแก๊งตูบมารอบริจาคเลือดกันให้เพียบ!! แต่ก่อนจะบริจาคได้ก็ต้องมีการเจาะเลือดเพื่อนำไปตรวจคุณสมบัติกันก่อน ในการเจาะเลือดเพื่อตรวจคุณสมบัติ เจ้าของกระทู้เล่าว่าพยาบาลจะเจาะที่เส้นเลือดบริเวณขาขวาของน้อง แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะเจ็บนะ เพราะขนาดงานนี้โมจิยังบอกเลยว่าจิ๊บๆ เจ็บน้อยกว่ามดกัดซะอีก หลังจากเจาะเลือดเสร็จแล้ว…
-
Nintendo ตอบกลับจดหมายเด็กชายตาบอด ที่ส่งไปขอบคุณบริษัทอย่างสุดซึ้ง…
บ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ที่มีฐานลูกค้ามากมายออกมาตอบรับเสียงตอบรับจากลูกค้าผู้ที่ชื่นชอบหรือส่งจดหมายต่างๆ ไปหาต้นสังกัด พร้อมกับตอบแทนลูกค้าเหล่านั้นด้วยวิธีการต่างๆ ตามเหมาะสม… เรื่องนี้ได้ถูกเล่าผ่านทวิตเตอร์ของผู้ใช้ที่ชื่อว่า @kentarock1020 ซึ่งเป็นเรื่องราวของลูกชาย Hibiki Sakai ได้ส่งจดหมายไปยังบริษัท Nintendo เพื่อขอบคุณที่ทางบริษัทผลิตเกมดีๆ ออกมาให้เขาเล่น แต่ว่าเรื่องมันเศร้ากว่าตรงที่หนูน้อย Hibiki นั้นตาบอด ซึ่งตัวจดหมายที่ส่งไปหนูน้อยก็ไม่ได้ร้องขออะไรจากทาง Nintendo แต่เป็นการขอบคุณบริษัทที่ผลิตเกมดีๆ ออกมาให้เขาได้สัมผัส “สวัสดีครับ ผมชื่อ Hibiki Sakai ตอนนี้ผมเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และผมก็ตาบอด แต่ผมก็ยังคงอยากจะเล่นเกมเหมือนกับคนอื่นๆ แถมเกมส่วนใหญ่ก็มีไม่มากที่จะให้คนแบบผมเล่นได้ ทว่าก็มีอยู่เกมหนึ่งที่ผมเล่นได้จริงๆ นั่นก็คือ Rhythm Tengoku ซึ่งเกมนี้เป็นเกมเดียวที่ผมสามารถเล่นและสนุกไปพร้อมกับคนอื่นๆ ได้ แถมผมยังได้คะแนนเพอร์เฟ็กในทุกภาคด้วยนะ ทั้งเครื่อง Game Boy Advance, Nintendo DS, Wii, และ 3DS ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผมจึงอยากขอให้พวกคุณช่วยทำเกม Rhythm Tengoku ออกมาอีกด้วยนะครับ และจะดีกว่านี้มากถ้าทำให้เกมมันยากขึ้นมาหน่อย ส่วนตัวผมยังคิดว่าคงมีเด็กๆ อีกมากมายนอกจากผมที่มีปัญหาเรื่องการมองเห็นแล้วอยากจะเล่นเกมแต่ก็ทำไม่ได้ ผมอยากจะขอให้พวกคุณช่วยผลิตเกมที่เป็นมิตรกับคนที่มีปัญหาทางร่างกายด้วยนะครับ” …
-
Uluburun ซากเรืออัปปางอายุกว่า 3,300 ปี และสินค้าบางอย่างในเรือที่ยังคงกินได้…
สถาบันโบราณคดีทางทะเลเริ่มขุดซากเรือ Uluburun ขึ้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2527 ภายใต้การดูแลของผู้ก่อตั้ง George F. Bass และจากนั้นก็ส่งต่อวาระให้กับรองประธานาธิบดีตุรกี Cemal Pulak ให้เป็นผู้กำกับการขุดค้นระหว่างปีพ. ศ. 2528 ถึง พ.ศ. 2537 โดยซากของเรือที่ค้นพบนั้นอยู่ระหว่างความลึก 44 และ 52 เมตรลึกลงไปบนผาลาดสูงชันที่ปกคลุมด้วยทราย กราฟภาพแสดงระดับความลึกและความชันของซากเรือที่ค้นพบ ซากของเรือและสินค้าที่กระจัดกระจายบ่งชี้ว่า เรือมีความยาวระหว่าง 15 ถึง 16 เมตร มันถูกสร้างขึ้นโดยวิธีการที่คล้ายกับของเรือ Graeco-Roman ในศตวรรษต่อมา นักวิจัยกำลังรวบรวมวัตถุโบราณจากซากเรือ เรือถูกสร้างขึ้นด้วยไม้จากต้นเลบานอนซีดาร์และต้นโอ๊ก ซึ่งต้นเลบานอนซีดาร์เป็นต้นสนพื้นเมืองที่เติบโตอยู่แถบภูเขาเลบานอน ตุรกีทางตอนใต้ และไซปรัสกลาง เมื่อทางสถาบันได้นำซากเรือที่ฝังอยู่ในทรายขึ้นมาตรวจสอบ ผลปรากฎว่าสินค้าที่เรือบรรทุกมาไม่ว่าจะเป็น มะเดื่อ องุ่น มะกอก รวมไปถึงอัลมอนด์ นั้นอยู่ในสภาพที่ยังคงรับประทานได้!? เนื่องมาจากแรงดันของน้ำภายในทะเลและความเค็มที่หมักสินค้าเหล่านี้ไว้ไม่ให้เน่าเสีย เหลือเชื่อว่าสินค้าหลายอย่างในไหพวกนี้ ยังสามารถกินได้อยู่!? สินค้าที่ถูกพบบนซากเรือนั้นหากใช้เกณฑ์ทางภูมิศาสตร์พิจารณา…
-
เรื่องราวของ “Chang” ชายผู้ยับยั้งการสร้างนิวเคลียร์ในไต้หวัน และถูกตราหน้าเป็นกบฎ!!
อะแฮ่ม… วันนี้เราจะขอทำตัวมีสาระกันบ้าง โดยเราจะพาไปรู้จักกับเบื้องหลังเรื่องราวของ Chang Hsien-yi นักวิทยาศาสตร์ชาวไต้หวัน ผู้ยับยั้งการสร้างนิวเคลียร์ในประเทศไต้หวันได้สำเร็จ แต่ทว่าเขากลับถูกทางการตราหน้าว่าเป็นกบฎ!! ย้อนกลับไปเมื่อปี 1949 ได้เกิดเหตุที่ทำให้ไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่ ต้องแยกตัวออกจากกัน แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาก็คือการแข่งขันทั้งทางการทหารและเศรษฐกิจ Chang Hsien-yi จนกระทั่งในช่วงปี 1960 จีนแผ่นดินใหญ่มีโครงการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ขึ้น ส่งผลทำให้รัฐบาลไต้หวันตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก และเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ Hau Pei-tsun ดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำแห่งเกาะไต้หวัน ทำให้ไต้หวันมีโครงการที่จะสร้างอาวุธนิวเคลียร์ด้วยเช่นกัน ท่ามกลางยุคสงครามเย็นเช่นนี้ มีหลายฝ่ายที่เห็นด้วยกับการสร้างนิวเคลียร์ ทว่ากลับมี Chang Hsien-yi นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้านหัวชนฝา และเชื่อว่านิวเคลียร์ไม่อาจนำมาซึ่งสันติภาพที่แท้จริงได้อย่างที่หลายคนคิด โรงงาน 221 เชื่อว่าเป็นสถานที่ทำการวิจัย และทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของจีน Chang เป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกคัดเลือกให้เป็นหัวหน้าประจำสถาบันศูนย์วิจัยพลังงานนิวเคลียร์แห่งไต้หวัน ในช่วงแรกเขามีความสุขกับการได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าที่ได้รับการคัดเลือกจากทางการไต้หวัน ทว่าต่อมา… เจ้าตัวก็เริ่มตั้งคำถามว่า แท้จริงแล้วเกาะไต้หวันต้องการนิวเคลียร์จริงๆ หรือ? บวกกับเหตุการณ์ระเบิดหายนะที่เชอร์โนบิล ประเทศรัสเซีย ก็ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่า การไม่มีนิวเคลียร์จะเป็นผลดีต่อทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ และไต้หวัน มากกว่า ด้วยอุดมการณ์ที่ค้านอย่างหัวชนฝา ทำให้ Chang…
-
เอาหน่า เรื่องธรรมชาติ… 11 วิธีการมี ‘เซ็กส์’ ของเหล่าสัตว์โลก สารพัดความพิศดารทั้งนั้น!!
ว่าด้วยเรื่องของ ‘เซ็กส์’ นั้นเป็นเรื่องของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ต่างก็ต้องมีเซ็กส์เพื่อเป็นการดำรงเผ่าพันธุ์กันทั้งนั้น สำหรับมนุษย์อย่างเราๆ ก็จะรู้กันดีว่าการมีเพศสัมพันธ์นั้นจะมีวิธีการอย่างไรบ้าง แต่สำหรับเหล่าสัตว์ทั้งหลายจะมีวิธีการที่เหมือนกันกับมนุษย์หรือไม่นะ? สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับวิธีการสืบพันธุ์ของสัตว์ต่างๆ ที่มันช่างแปลกซะเหลือเกิน จะเป็นอย่างไรบ้างลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… 1. นกตัวผู้ไม่มีกระปู๋!? นกตัวผู้ส่วนใหญ่จะมีทวารร่วม (เป็นช่องเปิดร่วมกันของระบบขับถ่ายของเสียทั้งปัสสาวะ อุจจาระ และน้ำอสุจิใช้ช่องนี้ช่องเดียวหมดเลย) แทนที่จะมีอวัยวะเพศเป็นรูปแบบภายนอกคล้ายกับมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ เมื่อนกตัวผู้รู้สึกปึ๋งปั๋งก็จะมีน้ำอสุจิไหลออกมาจากช่องทวารร่วม และเมื่อถึงเวลาผสมพันธุ์ นกตัวผู้จะขึ้นไปอยู่ด้านบนของตัวเมียจัดท่าทางและฉีดน้ำอสุจิเข้าไปในช่องทวารร่วมของนกตัวเมีย น้ำอสุจิก็จะเข้าไปทำการปฏิสนธิกับไข่ที่อยู่ในรังไข่ของนกตัวเมียจนเกิดเป็นไข่ในที่สุด 2. ผึ้งตัวผู้นับพันตัวจะรุมผึ้งราชินีในครั้งเดียว จากนั้นผึ้งตัวผู้ทั้งหมดก็จะตายหลังจากผสมพันธุ์ได้ไม่นาน หน้าที่ของเหล่าผึ้งตัวผู้นั้นมีเพียงอย่างเดียวก็คือการผสมพันธุ์กับผึ้งนางพญา เมื่อเธอพร้อมที่จะผสมพันธุ์แล้วก็จะบินออกไปสู่สถานที่สำหรับผสมพันธุ์ จากนั้นผึ้งเพศผู้นับพันตัวก็จะบินกรูเข้ามาล้อมรอบตัวของนางพญาเพื่อทำการผสมพันธุ์ เหล่าผึ้งตัวผู้แต่ละตัวจะมีโอกาสในการเสพสมร่วมกับนางพญาเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น พอเสร็จสมอารมณ์หมายมันก็จะร่วงลงสู่พื้นและตายไป แต่น่าเศร้าที่นางพญาผึ้งจะสามารถมีเซ็กส์ได้กับผึ้งเพศผู้เพียงครั้งละ 12 – 14 ตัวเท่านั้น จากนั้นเธอก็จะเก็บสะสมน้ำอสุจิเอาไว้เพื่อนำไปใช้ผสมไข่เมื่อต้องการ เท่ากับว่าตลอดชีวิตเธอจะมีเซ็กส์เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามไข่ที่ผสมแล้วจะฟักออกมาเป็นผึ้งเพศเมียเท่านั้น และผึ้งเพศผู้จะเกิดมาจากไข่ที่ยังไม่ได้ทำการผสมน้ำอสุจิเข้าไป นั่นหมายความว่าผึ้งเพศผู้เป็นผึ้งกำพร้ามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว 3. หอยทากจะทำการ ‘แผลงศรแห่งความรัก’ ใส่กันเพื่อผสมพันธุ์ หอยทากส่วนใหญ่จะมีอวัยวะเพศทั้งของชายและหญิงอยู่ (แต่ไม่ใช่ทุกตัว) เพราะฉะนั้นเรื่องของเพศเกี่ยวกับพวกมันจะเป็นอะไรที่ซับซ้อนมาก พวกมันมีอวัยวะเพศเป็นลักษณะแบบรูเล็กๆ หลายรูคล้ายรูขุมขน…
-
รวม 16 เรื่องจริงจากเหตุการณ์ ‘เรือไททานิคล่ม’ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน!!
เมื่อกล่าวถึงชื่อ Titanic แล้ว ต้องขอบอกเลยว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก เพราะนอกจากจะเป็นหนังรักโรแมนติคในตำนานแล้วยังเป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นเมื่อในอดีตอีกด้วย เหตุการณ์เรือสำราญขนาดยักษ์ Titanic ล่มทำให้ผู้เสียชีวิตมากกว่าพันคน และกลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่มีความร้ายแรงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวอันน่าตกใจเกี่ยวกับเรือไททานิคที่รับรองเลยว่าเพื่อนๆ ไม่เคยรู้มาก่อนอย่างแน่นอน!! จะมีอะไรบ้างลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยยย 1. ตั๋วเฟิร์สคลาสของเรือไททานิคมีราคา 88,000 บาท ถ้าเทียบกับค่าเงินในปัจจุบันจะมีราคาสูงถึง 2.1 ล้านบาทเลยทีเดียว สำหรับราคาค่าตั๋วนี้ผู้โดยสาร Charlotte Drake Cardeza ได้รับห้องสูทที่มีทั้งหมด 3 ห้อง เป็นห้องนอน 2 ห้องพร้อมห้องน้ำในตัว และห้องนักเล่น 1 ห้อง แถมยังมีระเบียงทางเดินข้างเรือขนาดกว้าง 15 เมตรให้ชมวิวอีกด้วยนะเออ!! 2. มีจดหมายบันทึกที่เขียนขึ้นในวันเกิดเหตุเรือไททานิคล่ม และยังอยู่รอดมาจนถึงปัจจุบัน จดหมายนี้ถูกเขียนโดยผู้รอดชีวิต Esther Hart ในจดหมายเล่าว่าใน ‘วันพรุ่งนี้’ คุณ Hart และลูกสาวจะได้ขึ้นร้องเพลงบนเวทีคอนเสิร์ตในงานไททานิค 3. ไวโอลินที่ใช้เล่นบนเรือไททานิคถูกประมูลขายไปเมื่อปี 2013…
-
นักวิจัยทดสอบสารในกัญชา ทดลองกับหนูแล้วพบว่า “ฟื้นฟูการทำงานของสมอง” ได้ดีขึ้นจริง!!
ต้องบอกก่อนนะว่านี่เป็นงานวิจัยชิ้นล่าสุดที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร Nature Medicine ซึ่งเป็นการทดลองใช้สาร THC ที่พบได้ในกัญชากับสมองของหนูทดลอง เป็นการวิจัยร่วมกันของทีมผู้เชี่ยวชาญจาก Harvard Medical School และทีมวิจัยจาก University of Bonn โดยพวกเขาได้ให้สาร THC แก่หนูทดลอง แบ่งเป็นวัยเด็ก (2 เดือน) วัยโตเต็มที่ (12 เดือน) และวัยแก่ (18 เดือน) หลังจากที่ได้ใช้สาร THC กับหนูทดลองครบ 5 วันแล้ว ทางทีมวิจัยก็ได้นำหนูทั้ง 3 ช่วงอายุไปทำการทดสอบทางพฤติกรรม เพื่อสังเกตว่าพวกมันสามารถจดจำสภาพแวดล้อมรอบข้างได้ดีขึ้นหรือไม่ ทีมวิจัยพบว่าหนูวัยแก่ที่ได้รับสาร THC มีปฏิกริยาตอบสนองจากสมองเทียบเท่ากับหนูโตเต็มวัยที่ไม่ได้รับสาร THC นั่นหมายความว่าสารดังกล่าวสามารถช่วยฟื้นฟูการทำงานในสมองของหนูวัยแก่ได้มากขึ้นจริง Onder Albayram หนึ่งในทีมวิจัยให้สัมภาษณ์ว่า ‘ในสมองของหนูที่เด็กกว่า จะมีสารเอ็นโดแคนนาบินอยด์ในสมองมากกว่าหนูที่แก่กว่า เมื่อเราเพิ่มสารดังกล่าวที่ได้จากกัญชาลงไปในสมองหนูทั้งสองช่วงวัย เราพบว่ามันให้ผลดีกับสมองของหนูที่มีอายุมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด’ นักวิจัยยังให้กล่าวเสริมว่า การทำงานของสมองในระบบเอ็นโดแคนนาบินอยด์ มีความใกล้เคียงกันอย่างมาก แต่เราต้องขอย้ำอีกครั้งนะว่า… การทดลองครั้งนี้เป็นคนละเรื่องกับการนำมาสูบอย่างที่เราเข้าใจกัน เพียงแค่สกัดสาร THC…
-
การ์ตูนชุด ‘ความรักระยะไกล แต่ใจเราไม่เคยจะห่างกัน’ รอวันที่เราจะได้พบกันอีกซักครั้ง
เรื่องของความรักนั้นเป็นอะไรที่ซับซ้อนมากๆ เพราะกว่าที่คนสองคนจะตกลงคบกันได้ จะต้องผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย และช่วงที่คบกันก็จะต้องเจอกับอุปสรรคข้างหน้าอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นความคิดถึง ความไม่เข้าใจ ฯลฯ เพราะอยู่ด้วยรักและคิดถึง และในเรื่องของความรัก จะให้ดีก็ควรที่จะอยู่ด้วยกัน ดูแลซึ่งกันและกัน แต่หากว่าวันใดวันหนึ่ง มีบางสิ่งที่ทำให้ระหว่างสองเราต้องแยกจากกันไปไกล ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของหน้าที่การงานหรืออะไรก็แล้วแต่ ความรักระยะไกลแบบนี้ จะยังคงอยู่ต่อไปได้นานแค่ไหน สุขสันต์วันเกิดนะ : อยากให้เธอมาอยู่ตรงนี้จัง การ์ตูนชุด ‘Long Distance Relationship’ สร้างสรรค์โดย Stylish Wanderers บอกเล่าความรู้สึกของความรักที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน อยู่ห่างไกลกันคนละที่ อาจจะทำให้รู้สึกว่ามันยากที่จะประคองรักให้ตลอดรอดฝั่ง แต่ด้วยทั้งหมดทั้งมวลนี้แล้ว มันจะทำให้เรารู้ว่าระยะทางไม่ได้เป็นปัญหาเลย เพราะใจของทั้งสองนั้นผูกพันกัน ต่างที่ ต่างเวลา แม้จะมีเทคโนโลยีช่วย แต่สัญญาณไม่ดี พาลทำให้อารมณ์เสีย แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม เพราะช่วงเวลาที่ได้คุยกัน ทำให้มีความสุขได้มากที่สุดเช่นกัน และในบางครั้ง บางสิ่งก็ทำให้เรานึกถึงอีกฝ่ายขึ้นมา ถ้าคิดถึงก็จะไปหา แต่ว่าจะบินไปหาแต่ละทีก็ยุ่งยากเสียเหลือเกิน แต่หลังจากที่จัดการเที่ยวบินได้เรียบร้อยแล้ว…
-
11 อาหารต้องห้ามสำหรับ “สุนัข” ที่เจ้าของจะต้องเก็บเอาไว้ให้ห่างๆ เพื่อความปลอดภัย
สำหรับคนรักน้องหมา เรื่องอาหารการกินของพวกมันถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เพราะอาหารบางอย่างก็ถือเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับพวกมันเลยทีเดียว พวกเราคงจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วว่าสุนัขนั้นห้ามกินช็อคโกแลต เพราะอาจจะทำให้ถึงขั้นช็อคได้เลย และเพื่อนๆ ยังทราบหรือไม่ว่ายังมีอาหารอีกหลายอย่างเลยนะที่เป็นของต้องห้ามสำหรับเจ้าตูบแสนรัก และเพื่อเอาใจคนเลี้ยงหมา เราจึงได้นำ “11 อาหารต้องห้ามสำหรับน้องหมา” มาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลย… 1. หัวหอม หัวหอมและต้นหอมนั้นเป็นพิษกับสุนัขและแมว ซึ่งจะทำให้พวกมันเกิดอาเจียนและเบื่ออาหาร อาการจะเกิดขึ้นทันทีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณที่น้องหมากินเข้าไป ภูมิคุ้มกันร่างกาย และน้ำหนักตัวของพวกมันด้วย 2. อะโวคาโด ในอะโวคาโด มีสารที่เรียกว่า “Persian” ซึ่งอาจทำให้เจ้าตูบท้องร่วงหรืออาเจียนได้ 3. ข้าวโพดต้ม ข้าวโพดต้มและข้าวโพดหวาน มักจะไปอุดตันทางเดินอาหารและอาจทำให้น้องหมาเกิดอาการท้องผูก 4. นมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว นมและผลิตภัณฑ์จากนม อาจทำให้เจ้าตูบเกิดอาการท้องร่วง เนื่องจากพวกมันไม่สามารถย่อยแลคโตสได้ 5. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์มีผลต่อน้องหมามากกว่าคน หากสนุัขได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมอาจทำให้พวกมันอาเจียน เมา หายใจลำบาก เลือดเป็นกรด และผลร้ายแรงที่สุดอาจทำให้ตายเลยทีเดียว 6. ถั่วแมคคาเดเมีย ถั่วชนิดนี้อาจเป็นของโปรดสำหรับใครหลายๆ คนแต่เชื่อหรือไม่ว่าถ้าหากน้องหมากินเข้าไปจะทำให้พวกมันมีอาการขาสั่น ไม่มีแรง และไม่สามารถขยับตัวได้ มักมีอาการประมาณ 12-48 ชั่วโมง…
-
25 ไอเดีย DIY ชิคๆ คลูๆ ที่จะมาช่วยสร้างสีสันและทำให้อพาร์ทเม้นท์ของคุณดูมีสไตล์มากขึ้น
หลายๆ คนคงจะชื่นชอบการใช้เวลาว่างกับการทำงาน DIY กันบ้างแน่นอน เพราะนอกจากจะสนุกและได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์แล้ว เรายังได้ของใช้ที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย และวันนี้เราก็มีไอเดีย DIY เจ๋งๆ คลูๆ ที่จะช่วยเพิ่มความสวยงามและเพิ่มพื้นที่ใช้สอยสำหรับชาวหอหรือใครที่อยู่อพาร์ทเม้นท์ จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมพร้อมๆ กันเลย… 1. ทำสวนลอยฟ้าง่ายๆ ในห้อง หากใครอยากจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวในห้องแต่ขนาดของอพาร์ทเม้นท์นั้นไม่เป็นใจ ลองทำสวนลอยฟ้าสวยๆ จากราวเหล็ก เส้นเอ็นและกระถางต้นไม้ดูก็สวยและดูแปลกตาดีเหมือนกันนะ 2. ทำชั้นวางของจากท่อเหล็ก ท่อเหล็กถือเป็นอีกวัสดุหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมในการใช้นำมาตกแต่ง นอกจากเราจะสามารถสร้างสรรค์รูปทรงต่างๆ ได้ตามใจแล้วยังเพิ่มสไตล์เท่ๆ ให้ห้องเราด้วย และใครอยากได้ที่วางของติดผนังแบบคูลๆ ลองใช้ท่อเหล็กมาทำดูก็ได้นะ 3. นำชั้นวางของเล็กๆ มาทำเป็นโต๊ะ ลองหาชั้นวางของเล็กๆ ในร้านขายอุแกรณ์แต่งบ้านมาดัดแปลงเป็นโต๊ะวางของเล็กๆ ข้างหัวเตียงดูสิ 4. บาร์เครื่องดื่มจากกระเป๋าเดินทางใบเก่า การได้นั่งดื่มในบาร์สวยๆ กับแสงไฟแบบสลัวๆ หลังจากเลิกงานนี่มันสวรรค์ชัดๆ แต่การจะตกแต่งบาร์ให้มันดูแปลกตา หลายๆ คนก็อาจจะยังไม่มีไอเดียที่แปลกใหม่ ถ้าอย่างนั้นลองหากระเป๋าเดินทางหนังใบเก่าๆ มาใช้เป็นกล่องใส่เครื่องดื่มดูสิ อาจจะยิ่งเพิ่มความแมนให้กับบาร์เครื่องดื่มของคุณก็ได้นะ 5. ทำชั้นใส่เอกสารจากตะกร้าถูกๆ การจัดการเอกสารหรือบิลต่างๆ เป็นเรื่องที่ปวดหัวมาก เชื่อแน่ว่าแม่บ้านหลายๆ คนคงจะกำลังมองหาไอเดียแจ่มๆ ที่จะมาช่วยในการจัดการกับเรื่องนี้อยู่…
-
ผลวิจัยชี้ ‘การออกกำลังกายมากเกินไป’ จะส่งผลให้สุขภาพย่ำแย่ มากกว่าที่เราคิดไว้ซะอีก!!
การออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องใดที่มันมากจนเกินไป มันก็ไม่ดีต่อตัวเราทั้งนั้นแหละเนอะ!! โดยปกติแล้วคนส่วนมากจะเชื่อว่าการออกกำลังกายมากๆ นั้นจะมีผลเสียต่อร่างกายกับแค่ส่วนของกล้ามเนื้อ และข้อต่อต่างๆ แต่จริงๆ แล้วมันอันตรายยิ่งกว่านั้น เพราะจากผลการศึกษาล่าสุดพบว่าการออกกำลังกายนานๆ อาจส่งผลให้ส่วนประกอบของแบคทีเรียที่อยู่ในส่วนลำไส้ของเราเปลี่ยนแปลงไป จนนำไปสู่อาการ ‘ลำไส้รั่ว’ ได้เลยทีเดียว งานดังกล่าวมีการเผยแพร่ลงในวารสาร American Journal of Physiology ซึ่งระบุว่านอกจากเรื่องของกล้ามเนื้อที่มีผลจากการออกกำลังกายแล้ว อวัยวะภายในของร่างกาย โดยเฉพาะลำไส้ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน หากการออกกำลังกายมากจนเกินขีดจำกัด จากการวิจัยนั้นได้ทำการศึกษากับเหล่าทหารที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักหน่วง และก็พบว่าการออกกำลังกายโดยใช้เวลานานๆ จะส่งผลให้ตัวป้องกันในระบบลำไส้นั้นอ่อนแอลงจนทำให้แบคทีเรียสามารถซึมเข้าไปได้ง่าย นักวิจัยทดลอง โดยการให้ทหารจากกองทัพของนอร์เวย์ 73 คน มาฝึกหนักด้วยการวิ่งเป็นระยะทาง 51 กิโลเมตร และระหว่างนั้นก็ต้องแบกน้ำหนักที่มากถึง 45 กิโลกรัมด้วย เป็นระยะเวลาทั้งหมด 4 วัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการเจาะตรวจเลือดเหล่าทหารทั้งก่อนและหลังการออกกำลังกายเอาไว้ด้วย ก็พบว่าจุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้ ปฏิกิริยาทางเคมีที่อยู่ในเลือด และอุจจาระของทหารนั้นได้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่ได้รับการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง โดยปกติแล้วแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ของเราจะมีส่วนสำคัญในการย่อยอาหารเป็นอย่างมาก แต่หากเกิดความเปลี่ยนแปลงในส่วนของเชื้อแบคทีเรียและการทำปฏิกิริยาเคมีต่างๆ ก็จะส่งผลกับสุขภาพของเราอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้แปรปรวน เบาหวาน ความดันเลือดสูง ซึมเศร้า โรคอ้วน หอบหืด และมะเร็งลำไส้ใหญ่ …
-
จากผลวิจัยพบว่า “คนชอบอ่านหนังสือ” มีแนวโน้มเป็นคน “มีน้ำใจ” มากกว่าคนไม่อ่าน
เคยคิดบ้างไหมว่าเราจะเป็นคนที่ดีขึ้นได้ยังไง หลายคนอาจจะคิดถึงวิธีการช่วยเหลือคนอื่น การไม่โกงกิน หรือจะต้องมีน้ำใจมากขึ้น อะไรทำนองนี้ แต่พวกคุณรู้กันไหมว่าการอ่านหนังสือก็จะส่งผลอ้อมๆ ให้คุณกลายเป็นคนที่ดีและมีน้ำใจได้ด้วยนะ!!? งงกันแล้วละสิว่ามันเกี่ยวอะไรกัน แต่เรื่องที่ว่ามานี้ไม่ได้มีการพูดกันออกมาส่งๆ หรอกนะ เพราะจากการศึกษาของทางมหาวิทยาลัย Kingston จากกรุงลอนดอนได้ความว่า คนทีอ่านหนังสือจะมีวิธีการแสดงออกทางสังคมที่ดีกว่าคนที่ไม่ได้อ่านหนังสืออีกด้วย ผลวิจัยดังกล่าวถูกทดลองในกลุ่มคน 123 คน จากกลุ่มคนที่อ่านหนังสือ และดูทีวี ซึ่งทั้งหมดจะได้รับการทดสอบเกี่ยวกับทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์รวมถึงความรู้สึกของคนอื่นและเห็นสังเกตว่าพวกเขาทำเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นหรือไม่ จากผลที่ได้คนที่ชอบดูทีวีจะมีท่าทีเป็นมิตรและเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น น้อยกว่าคนที่ชอบอ่านหนังสืออย่างเห็นได้ชัด แต่ใช่ว่าจะเป็นหนังสืออะไรก็ได้ เพราะหนังสือที่เราอ่านกันจะส่งผลต่ออารมณ์และการติดสินใจด้วยเช่นกัน ฉะนั้นจากผลการศึกษาก็ได้ผลว่าหนังสือประเภทนวนิยายจะส่งผลดีในด้านการเข้าสังคมและเป็นมิตรที่สุด ในขณะที่คนอ่านหนังสือแนวดราม่าหรือรักโรแมนติกจะเป็นคนที่เอาใจใส่คนอื่นเป็นพิเศษ มากกว่าคนที่อ่านแนวอื่นๆ และจากการทดลองคล้ายๆ กันก็จะพบว่า คนที่ชอบอ่านหนังสือจะมีความคิดและความสามารถที่จะมองเห็นมุมมองที่แตกต่างจากคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด แต่ทว่าคนที่สามารถทำคะแนนทดสอบได้มากที่สุดจะเป็นคนที่ตลกต่างหาก นักวิจัยยังบอกอีกว่านวนิยายจะส่งผลกับความสามารถในการเข้าใจสิ่งต่างๆ พอสมควร และยิ่งเป็นคนที่ชอบนวนิยายกับหนังสือแนวตลกควบคุ่กัน คนพวกนี้จะมีความสามารถในการเข้าถึงคนอื่นและมีน้ำใจมากที่สุด ท้ายที่สุดแล้ว #เหมียวมู่ทู่ อยากจะบอกว่าต่อให้ผลวิจัยว่ายังไง สุดท้ายก็ยังคงอยู่ที่ตัวเราเอง การอ่านหนังสืออาจจะช่วยในบางจุดและนับว่าเป็นส่วนเสริม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความการไม่อ่านหนังสือเราก็ไม่ใช่คนดีหรือไม่มีน้ำใจ แต่การกระทำของเราน้่นแหละจะบ่งบอกว่าเราเป็นคนยังไงนั่นเอง ถึงแม้อาจจะไม่สามารถชี้วัดได้อย่างทันทีทันใด แต่อย่างน้อยการเป็นคนรักการอ่านหนังสือมันดีจริงๆ นะ ที่มา independent
-
นักวิจัยชี้… พฤติกรรม “พูดกับตัวเอง” ไม่ได้เป็นบ้าเสมอไป แต่ช่วยทำให้ฉลาดขึ้นได้จริง!!
สำหรับใครที่ชอบพูดคุยอยู่กับตัวเองบ่อยๆ จนทำให้คนรอบข้างรู้สึกว่าตัวเองเป็นบ้า ไม่ต้องกลัวว่าตัวเองจะเป็นคนสติไม่สมประกอบ เพราะหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุดได้ชี้ให้เราเห็นแล้วว่า มันเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งของอัจฉริยะ และมีส่วนช่วยทำให้เราฉลาดขึ้นจริงๆ ทีมนักวิจัยจาก Bangor University ในสหราชอาณาจักร ได้ทำการทดลองกับอาสาสมัครจำนวน 28 คน เพื่อดูความแตกต่างของสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการพูดกับตัวเองแบบออกเสียง และการพูดกับตัวเองแบบไม่ออกเสียง ขั้นตอนของการทดสอบนั้น ทีมวิจัยทำการทดสอบโดยให้อาสาสมัครทั้ง 28 คน อ่านหนังสือออกมาเป็นเสียงดังฟังชัด สลับกับการอ่านหนังสือแบบเงียบๆ ผลปรากฎว่าทั้งสมาธิ และความสามารถ ของอาสาสมัครทั้ง 28 คน จะทำงานได้ดีขึ้นจริง จากการอ่านหนังสือแบบเสียงดังฟังชัด มากกว่าการอ่านหนังสือแบบเงียบๆ Ms. Mari-Beffa หนึ่งในผู้ดำเนินการวิจัยได้กล่าวถึงการค้นพบว่า… ‘จากผลทดสอบของเราชี้ให้เห็นว่า มนุษย์เราทุกคนจะมีระดับสมาธิ ความตั้งใจ และขีดความสามารถเพิ่มมากขึ้น เมื่อคนๆ นั้นพูดออกเสียงดังฟังชัดกับตัวเอง ยกตัวอย่างเช่นกรณีของนักกีฬาเทนนิส ในระหว่างการแข่งขันเรามักจะสังเกตเห็นนักกีฬาพูดกับตัวเองด้วยเสียงดังฟังชัด โดยเฉพาะในช่วงที่การแข่งขันเป็นไปอย่างสูสี แ ละพฤติกรรมแบบนี้มันก็ช่วยทำให้เขามีสมาธิจดจ่อกับการทำสิ่งนั้นๆ เพิ่มมากขึ้นจริง’ นอกจากนักวิจัยจะค้นพบว่า พฤติกรรมดังกล่าวช่วยทำให้เรามีประสิทธิภาพในการจดจ่อสิ่งนั้นๆ มากขึ้นแล้ว พวกเขายังค้นพบว่า แม้แต่การพูดคุยกับตัวเองในระดับที่ไม่ได้เปล่งเสียงออกมา (พูดในหัว) ก็เป็นอีกคุณสมบัติสำคัญของมนุษย์…
-
ชุดภาพเพอร์เฟคช็อต จากการปะทุของภูเขาไฟ ที่มีฉากหลังเป็นทางช้างเผือกอันแสนงดงาม…
การบันทึกภาพความประทับใจและความสวยงามในธรรมชาตินั้น ต้องอาศัยช่วงเวลาที่เหมาะสม บางเหตุการณ์นั้นอาจเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบหลายสิบปี หรือบางปรากฎการณ์อาจเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิตของช่างภาพคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ และวันนี้เราจะขอพาทุกคนไปชมภาพความสวยงามของละอองฝุ่นควันที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ ที่มีฉากหลังเป็นทางช้างเผือก ที่ช่างภาพคนหนึ่งสามารถบันทึกเอาไว้ได้ ภาพปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่แสนสวยนี้ ถูกบันทึกโดยช่างภาพหนุ่มชาวดัตช์คุณ Albert Dros โดยเขาได้ทำการตั้งแคมป์ในป่าเพื่อรอคอยภาพเพอร์เฟคช็อตการปะทุของลาวาจากภูเขาไฟ Fuego ในประเทศกัวเตมาลา ช่างภาพหนุ่มวัย 31 ปีกล่าวว่า “ผมถึงกับช็อคเลยทีเดียวเมื่อเห็นภาพของละอองฝุ่นควันที่พุ่งออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟ และผสานรวมกับหมู่ดาวบนท้องฟ้า” ภูเขาไฟ Fuego มีความสูงประมาณ 3.7 กิโลเมตร ตั้งอยู่นอกเมือง Antigua ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศ Guatemala ภูเขาไฟแห่งนี้มีการประทุหลายครั้งต่อวัน แต่คุณ Dros บอกว่าช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดนั้นจะเป็นช่วงเวลาตอนเย็นและตอนกลางคืน “การแสดงที่แท้จริงของ Fuego จะเกิดขึ้นจริงๆ ตอนกลางคืน มันสวยงามแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่น่าอัศจรรย์และความน่าพิศวงของธรรมชาติ ผมประทับใจกับภาพที่ได้เห็นมากๆ “ คุณ Dros กล่าวเสริม และนี่คือภาพผลงานบางส่วนของช่างภาพหนุ่มผู้นี้… การระเบิด: ภาพของลาวาที่พวยพุ่งออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟ ที่มีฉากหลังเป็นทางช้างเผือก ช่างภาพหนุ่มต้องตั้งแค้มป์อยู่เป็นเวลานานเพื่อเก็บภาพที่แสนจะสวยงามนี้ ช่างภาพต้องรอวันที่ท้องฟ้าไม่มีเมฆเพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามแบบนี้ นอกจากนี้ยังมีภาพที่ถ่ายในเวลาใกล้เช้า ซึ่งทำให้เห็นความสวยงามอีกแบบหนึ่ง ภาพของกลุ่มฝุ่นควันที่เคลือนตัวลงต่ำในเวลากลางวัน…
-
คู่สามีภรรยาใช้เวลากว่า 25 ปี เปลี่ยนพื้นที่เสื่อมโทรม ให้กลายเป็นป่าเขียวขจี 750ไร่
การเป็นผู้ให้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เมื่อไหร่ที่เราได้มอบหรือแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่นถึงแม้ว่ามือเราจะว่างเปล่า แต่เชื่อแน่ว่าหัวใจเราจะเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจอย่างแน่นอน และวันนี้เราก็มีอีกหนึ่งเรื่องราวที่แสดงให้เห็นถึงการให้ที่ยิ่งใหญ่มามาฝากกัน โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ประเทศอินเดีย เมื่อสองสามีภรรยาได้ทำการซื้อพื้นที่ว่างเปล่าผืนใหญ่และเปลี่ยนพื้นที่นั้นให้กลายเป็นป่าได้ในที่สุด… ในปี ค.ศ. 1991 สองสามีภรรยาคุณ Anil และคุณ Pamela Malhotra ได้ซื้อพื้นว่างเปล่ากว่า 55 เอเคอร์หรือประมาณ 137 ไร่ในเมือง Karnataka ประเทศอินเดีย เพื่อทำการปลูกพันธุ์ไม้พื้นเมือง ผ่านมาแล้วกว่า 25 ปี ต้นไม้ที่ทั้งคู่ปลูกไว้ได้กลายเป็นผืนป่าที่มีพื้นที่กว่า 750 ไร่ ที่นี่กลายเป็นบ้านหลังใหม่ของพวกสัตว์ป่าน้อยใหญ่และยังเต็มไปด้วยพืชพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์อีกมากมาย หลังจากที่ได้มีโอกาสไปอันนีมูนกันที่ฮาวาย พวกเขาได้พบกับต้นไม้ที่เขียวขจีและสัตว์ป่าพันธุ์แปลกๆ มากมาย จึงเป็นสาเหตุให้ทั้งสองคนเริ่มหลงรักธรรมชาติตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา “พวกเราตระหนักถึงความสำคัญของป่า และปัญหาโลกร้อนที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ แต่ทว่าทางรัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่มีท่าทีจะมีมาตรดูแลป่าไม้ซักเท่าไหร่” คุณ Anil กล่าว ในปีค.ศ. 1986 ทั้งคู่เดินทางกลับมายังประเทศอินเดียเพื่อร่วมงานศพของพ่อคุณ Anil ในตอนนั้นปัญหาเรื่องมลพิษและการลักลอบตัดไม้ทำลายป่ากำลังเกิดขึ้นอย่างรุนแรงมาก และไม่ค่อยได้รับความสนใจจากภาครัฐเท่าที่ควร ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจขายทรัพย์สมบัติที่ฮาวาย และเริ่มต้นที่จะสร้างผืนป่าที่บ้านเกิด หลังจากที่ใช้เวลาคนหาพื้นที่ที่ต้องการอยู่นาน พวกเขาก็พบกับพื้นที่ที่เหมาะสมจะใช้ปลูกป่าของพวกเขา ซึ่งอยู่ในเมือง Kodagu ทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย “ผมพบที่แห่งนี้ได้จากการแนะนำของเพื่อนว่ามีชาวนาคนหนึ่งต้องการที่จะขายไร่กาแฟพื้นที่ 137 ไร่นี้เนื่องจากที่นี่ไม่สามารถที่จะเพาะปลูกกาแฟหรือพืชอื่นๆ ได้เลย” คุณ Anil บอก เนื่องจากฝนที่ตกอย่างหนักเกินไปจึงทำให้พื้นที่แห่งนี้ไม่เหมาะที่จะเป็นพื้นที่เกษตกรรม…
-
ช่างภาพมือฉมัง เปลี่ยนสถานที่ทิ้งร้าง ให้สวยงามตามคอนเซปท์ “เทพนิยายด้านมืดสุดลึกลับ”
การถ่ายภาพในที่ว่าง หรือตึกที่ถูกทิ้งร้างเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน ช่างภาพนามว่า Karen Jerzynk ได้คิดต่อยอดเกี่ยวกับการถ่ายภาพในที่รกร้างมากกว่านั้น เธอเปลี่ยนพื้นที่ในตึกรกร้างต่างๆ หรือกระทั่งสถานที่ซึ่งถูกทิ้งไปและไม่มีคนอาศัยอยู่ ให้ดูลึกลับมากขึ้น ไม่ต่างอะไรกับฉากในเทพนิยายน่ากลัวๆ ฉากนึงเลย Karen เริ่มการถ่ายรูปตั้งแต่ปีค.ศ. 2009 โดยการถ่ายรูปงานคอนเสิร์ต หรือตามงานดนตรีต่างๆ ก่อนที่จะเริ่มออกมาถ่ายภาพด้วยไอเดียของเธอเอง Karen Jerzynk กับภาพที่เธอสร้างขึ้น ในปีค.ศ. 2011 หลังจากที่พ่อของเธอเสียชีวิตลง เธอจมอยู่กับความเศร้าช่วงเวลาหนึ่ง ต่อมาเธอนำเอาไอเดียของเธอมาผสมผสานเข้ากับทักษะในการถ่ายภาพของเธอ เพื่อสื่อความรู้สึกการสูญเสียผ่านภาพถ่ายของเธอ “ฉันเริ่มเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์และความคิดของฉันก่อนที่จะเริ่มนำมันมาเรียบเรียงเป็นไอเดีย และในที่สุดฉันก็ใช้ไอเดียนี้มาสร้างความเชื่อมโยงกันระหว่างจินตนาการและอารมณ์ความรู้สึกเพื่อมาใช้ในภาพถ่ายของฉัน ฉันรู้สึกภูมิใจมากในงานที่ฉันสร้างสรรค์ขึ้นมา” เธอกล่าว . . ความสูญเสียและอ้างว้างที่ถูกถ่ายทอดผ่านภาพถ่ายของเธอ . บางเวลามักจะมีความรู้สึกแปลกๆ มาเยี่ยมเยือนเธอเสมอ . . . . บางคืนที่ต้องทนอยู่กับฝันร้าย . . . สำหรับภาพชุดที่ #เหมียวปั๊ก มานำเสนอนี้มีชื่อว่า Last days…
-
4 สาวพี่น้อง ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันกว่า 40 ปี เวลาเปลี่ยนไป แต่ความรักไม่เคยเปลี่ยนเลย…
การถ่ายรูปเป็นการเก็บภาพทรงจำในช่วงเวลาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวันเกิด วันแต่งงาน หรือแม้กระทั่งวันรวมญาติ ด้วยเหตุนี้ คุณ Nicholas Nixon จึงได้ผุดโปรเจคสุดเจ๋ง นั่นคือโปรเจคถ่ายรูปหมู่ของภรรยาและพี่น้องของเธอในวันรวมญาติขึ้นมา และเขาตั้งใจจะทำมันให้ได้ทุกปี ภรรยาคุณ Nixon และพี่น้องของเธอ โปรเจคนี้เริ่มถ่ายตั้งแต่ปีค.ศ.1976 ถึง 2014 นอกจากจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของแต่ละบุคคลแล้ว ยังเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของช่วงบุคคลเทียบกับบุคคลอื่นในภาพ ขณะที่พี่น้องของเธอบางคนกำลังย่างเข้าวัยรุ่น บางคนก็อยู่ในช่วงกลางของวัยรุ่นแล้ว อายุครั้งแรกที่ถ่ายมีตั้งแต่ 16-26 ปี ซึ่งตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็มีความเปลี่ยนแปลงไปมากทีเดียว 1976 1977 1978 1979 1980 1981 1982 1983 1984 1985 1986 1987 1988 1989 …
-
เรื่องบนเตียงขอสู้ตาย!! 9 เรื่องราวการผสมพันธุ์ของ “หมึก” ที่ทั้งซึ้ง ทั้ง 18+ และชวนสยอง
ทุกสรรพสิ่งบนโลกล้วนต้องมีการสืบพันธุ์เพื่อออกลูกออกหลานมาเรื่อยๆ ไม่ให้สายพันธุ์ของพวกมันสูญพันธุ์ไปจากโลก สัตว์บางชนิดมีการผสมพันธุ์ข้ามเพศ บางตัวสามารถผสมพันธุ์และให้กำเนิดลูกๆ ได้ด้วยตัวของมันเอง แต่มีสัตว์อยู่ชนิดหนึ่งอย่างหมึกที่ทุกวันนี้#เหมียวฟิ้นก็ยังเกิดคำถามสงสัยอยู่เลยว่าพวกมันมีพฤติกรรมหรือผสมพันธุ์กันยังไง!? เชื่อว่าคำถามนี้หลายๆ คนก็คงสงสัยเหมือนกัน เราเลยไปขุดคุ้ยหาข้อมูลลับเฉพาะแบบ 18+ ของพวกมันมาให้ทุกคนอ่านกัน ลองมาดูกันไปทีละข้อๆ เลย 1. หมึกตัวผู้จะความจำเสื่อมหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์แล้วก็ตายจากไป แม้ว่าหมึกตัวผู้และตัวเมียจะผสมพันธุ์เสร็จโดยที่ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน แต่ทั้งคู่จะเริ่มเข้าสู่สภาวะแก่ชราและมีอาการคล้ายกับสมองเสื่อม ตัวผู้จะเริ่มใช้ชีวิตอยู่อย่างสันโดษ กินอาหารน้อยลงจนล่องลอยไปตามท้องทะเลแบบไร้จุดหมาย ซึ่งจะกลายเป็นเป้านิ่งให้นักล่าจับมันกินเป็นอาหาร ส่วนตัวเมียจะยังคงดูแลไข่ของลูกๆ อยู่ มันช่างน่าเศร้าอะไรขนาดนี้ 2. การผสมพันธุ์บางครั้งนำไปสู่โศกนาฏกรรม นักวิจัย Richard Ross จากสถาบันวิจัยสัตว์น้ำ California Academy of Science’s Steinhart Aquarium ได้เคยศึกษาพฤติกรรมการใช้ชีวิตคู่ของหมึก พวกเขาพบว่าบางครั้งถ้ามีอาหารไม่เพียงพอ พวกหมึกตัวเมียจะจับตัวผู้กินเป็นอาหาร ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง…อึ๋ยยย… 3. หมึกเพศผู้ได้รับความเสี่ยงสูงเวลามีเพศสัมพันธุ์ การผสมพันธุ์ของหมึกมีความซับซ้อนและค่อนข้างรุนแรง แต่หมึกตัวผู้ก็ยังต้องแบกรับความเสี่ยงอันตรายทั้งหลายไว้ หมึกตัวเมียอาจรัดคอตัวผู้จนบาดเจ็บสาหัส ดึงหนวดตัวผู้จนขาด ฉะนั้นหมึกตัวผู้จะรู้ดีว่าไม่ควรจะไปแหยมกับตัวเมียถ้าไม่จำเป็น 4. หมึกตัวผู้จะตัดแขนตัวเองจนขาด เพื่อสะบัดหนีออกจากตัวเมียก่อนจะโดนทำร้ายจนตาย บางครั้งหมึกตัวผู้จะรับรู้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาในระหว่างที่กำลังผสมพันธุ์อยู่ พวกมันจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการตัดหนวดของตัวเองทิ้งแล้วผละจากตัวเมียเพื่อหนีเอาตัวรอด แต่ถึงจะหนีไปแบบหน้าตั้งแต่ก็ถือว่าการผสมพันธุ์นั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว…
-
18 ภาพก่อน-หลังลดน้ำหนัก ของหนุ่มสาวหลากหลายวัย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่คุณ
คงปฎิเสธไม่ได้ว่าเราอยากจะมีหุ่นและสุขภาพที่ดีกันทั้งนั้น สำหรับบางคนนั้นการลดน้ำหนักถือเป็นเรื่องที่ยากมาก อาจเนื่องมาจากไม่มีเวลาว่าง ขออ้างอีกสารพัด หรือ น้ำหนักตัวที่เยอะเกินไปจนขี้เกียจ แต่อย่าเพิ่งท้อนะ! เพราะ #เหมียวปั๊ก อยากจะพาทุกคนไปดูภาพบุคคลก่อนและหลังการลดน้ำหนัก ที่เห็นแล้วจะทำให้ทุกๆ คนมีแรงบันดาลใจแน่นอน ~ การลดน้ำหนักนอกจากจะทำให้หุ่นดีแล้ว หน้ายังดูเด็กอีกด้วย!? ชาวเน็ตคนหนึ่งบอกว่า… ครบรอบ 1 ปีที่คู่หมั้นของฉันตัดสินใจที่จะลดน้ำหนัก เขาลดได้ 65 กิโลกรัม เมื่อคุณเพิ่งรู้ตัวว่าเสื้อตัวเก่าของคุณสามารถนำมาเป็นผ้าปูเตียงได้ หลังจากที่ลดน้ำหนักไป 50 กิโลกรัม เธอคนนี้ลดน้ำหนักโดยการวิ่งและยกน้ำหนักมาตลอด 1 ปี เธอลดได้ตั้ง 56 กิโลกรัม! สาวร่างท้วมคนนี้ลดน้ำหนักได้ 31 กิโลกรัม ไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มาก่อนเลย หลังจากการลดน้ำหนัก เขาก็ยังใส่กางเกงตัวเดิมได้นะ ช่องเดียวใส่ได้สองขาเลย ~ จากตัวเกือบเท่าตู้เย็น มาสู่ตัวเล็กแค่ 1/3 ของตู้เย็นเอง เจ้าหนุ่ม Andy ภายในปีเดียว เขาสามารถลดน้ำหนักจาก 143 กิโลกรัม เป็น 63…
-
พาไปดูภาพมื้ออาหารระหว่างคนรวย VS คนจน มันช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!!
ภาพเหล่านี้ถูกถ่ายโดยช่างภาพที่ชื่อ Henry Hargraves โดยเขาต้องการนำเสนอภาพอาหารแต่ละมื้อ ของประเทศแห่งความเผด็จการในแต่ละยุคในแต่ละสมัยยังไงล่ะ ซึ่งภาพเหล่านี้จะแสดงให้เราเห็นว่า ระบอบเผด็จการไม่ว่าจะสมัยไหนก็ตาม มักใช้อาหารเป็นอาวุธในการกดขี่ข่มเหง และสามารถฆ่าผู้คนจากความอดอยากได้เสมอ และนี่คือภาพเปรียบเทียบอาหารการกินทั้งหมด 1.เกาหลีเหนือ นี่คือภาพมื้ออาหารสุดโปรดของ Kim Jong-un ในขณะที่ 1 ใน 4 ของเด็กเกาหลีเหนือ กำลังได้รับความทุกข์ทรมาน จากการขาดสารอาหารเรื้อรัง ช่างเป็นภาพที่ดูแล้วหดหู่จริงๆ 2.ฝรั่งเศส ศตวรรษที่ 18 มื้ออาหารสุดหรูนี้เป็นของกษัตริย์ และราชินี Marie-Antoinette และเศษขนมปังที่เห็นนี้ เป็นของคนยากจนที่ใช้เงินค่าจ้างเกือบทั้งหมดของตัวเอง มาแลกกับเศษขนมปังเพื่อความอยู่รอด 3.กรุงโรม ยุคโบราณ เชื่อหรือไม่ว่า ชาวโรมันเพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ ที่ได้กินดีอยู่ดี และมีฐานะร่ำรวย แต่ถ้าหากเป็นชาวโรมันทั่วไป ก็จะได้กินแค่ข้าวฟ่าง หรือไวน์ในบางครั้งเท่านั้น 4.อเมริกาเหนือ ประชากรส่วนใหญ่ของอเมริกา มักจะพบเจอกับปัญหาโรคอ้วน ซึ่งมันจะคร่าชีวิตของชาวอเมริกันไปมากกว่า 1 ใน…
-
งานแต่งงานแนว Harry Potter ที่จะทำให้ทุกคนอิจฉา เพราะโลกเวทมนต์มีอยู่จริง!!
บอกได้เลยว่าแฟนๆ ของหนังและนิยายซีรีส์ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” นั้นมีอยู่ทั่วโลกทั่วจักรวาล บางคนก็ชอบเพราะความสนุก บางคนก็ลงลึกไปถึงรายละเอียดต่างๆ ของเรื่อง แต่ก็ยังไม่มีใครที่จะกล้าทำงานแต่งงานให้ออกมาได้อลังการราวกับมีเวทมนตร์เท่าคู่รัก Cassie และ Lewis Byrom แล้ว กว่างานแต่งครั้งนี้จะเกิดขึ้นได้ ทั้งคู่ใช้เวลาเป็นปี ในการเตรียมงาน ซื้อของจาก Ebay เพื่อรายละเอียดของงานจะได้เป๊ะ อีกทั้งยังมีแขกกว่า 130 ชีวิตที่จะมาร่วมเป็นสักขีพยาน และทุกคนจะได้รับไม้กายสิทธิ์เพื่อให้เข้ากับธีมของงาน ส่วนที่สำคัญที่สุดของงานแต่งก็คือแหวนนั่นเอง โดยแหวนแต่งงานนั้นจะสื่อถึง “เจ้าชายเลือดผสม” หรือก็คือเซเวอรัส สเนป ชายผู้มีความรัก “ตลอดกาล” นั่นก็หมายความว่าความรักของทั้งคู่จะมีให้กันตลอดนั่นเอง Cassie และ Lewis Byrom ตัดสินใจที่จะมีงานแต่งงานที่มาจากสิ่งที่พวกเขาชอบนั่นก็คือ… …แฮร์รี่ พอตเตอร์!! เริ่มตั้งแต่ป้ายประกาศจับในวันแต่งงาน.. รองเท้า… และเครื่องประดับ . เจ้าสาวยังทาเล็บเป็นเครื่องรางยมทูตด้วย รายละเอียดเยอะจริงๆ แม้กระทั่งกางเกงในก็ยังเป็นลายแฮร์รี่ ช่อดอกไม้ของเจ้าสาวนั้นทำมาจากกระดาษของหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ฉบับนิยายจำนวน 20…
-
สุดยอดคัมภีร์เลือกที่นั่ง ในการโดยสาร “ขนส่งมวลชน” ให้มีโอกาสรอดชีวิตมากที่สุด!!
การเดินทางไม่ว่าจะมีวิธีไหนก็ล้วนเกิดความเสี่ยงต่อภัยอันตรายต่างๆ ได้เสมอ ไม่ว่าจะด้วยตัวเอง หรือแม้แต่การเดินทางด้วยระบบขนส่งอื่นๆ อย่างเครื่องบินหรือรถไฟก็ตาม ฉะนั้นวันนี้ #เหมียวมู่ทู่ ก็เลยจะมานำเสนอคัมภีร์ลับสำหรับการเลือกที่นังยังไง ให้เซฟมากที่สุดถ้าต้องเกิดอุบัติเหตุ ว่าแต่จะมีวิธีไหนบ้าง แล้วใช้ได้กับระบบขนส่งชนิดไหนบ้างมาดูกันเลย 1. รถเก๋ง รถแท็กซี่ จุดปลอดภัย: เบาะหลังคนขับและเบาะหลังตรงกลางจะเป็นจุดที่ปลอดภัยที่สุดเพราะถ้ารถต้องชนจุดนี้จะได้รับผลกระทบน้อยที่สุดนั่นเอง จุดอันตราย: ที่นั่งข้างๆ คนขับจะอันตรายมากที่สุดเพราะในรถบางรุ่นจะไม่มีถุงลมนิรภัยสำหรับที่นั่งจุดนี้ ทำให้เวลาชนมีโอกาสที่จะหัวฟาดอย่างรุนแรงไม่ก็ทะลุออกจากรถไปได้ 2. รถตู้ จุดปลอดภัย: บางรุ่นจะมีจุดที่นั่งสวนทางกับทางที่รถเคลื่อน ที่จุดนี้ปลอดภัยที่สุดก็เพราะสามารถเข้าออกจากรถได้ง่าย และแรงกระแทกจะไม่ทำให้หน้าต้องพุุ่งไปทิศทางเดียวกับจังหวะที่ชน จุดอันตราย: เช่นเดียวกับรถเก๋ง ที่นั่งข้างคนขับเป็นอะไรที่อันตรายมากที่สุด ยิ่งกับรถตู้ด้วยแล้วกระจกที่แตกสามารถทำอันตรายกับตัวเราได้ง่ายมากๆ แถมยังสามารถนั่งได้ถึงสองคน คนที่อยู่ตรงกลางจะหนีออกมาได้ยากมากๆ 3. รถเมล์ จุดปลอดภัย: ควรจะนั่งในจุดที่จุดตรงข้ามกับทางขึ้นลงและโล่งเพื่อสะดวกในการหนีออกจากตัวรถ ที่สำคัญควรนั่งให้ห่างจากระจกเพื่อลดอัตราได้รับบาดเจ็บในจังหวะที่กระจกแตก จุดอันตราย: จุดที่อันตรายที่สุดก็จะเป็นที่นั่งข้างหลังสุดของตัวรถ เพราะว่ารถเมล์มีตัวป้องกันส่วนหลังที่ต่ำมากๆ ส่วนที่นั่งติดกระจกและทางออกก็ถือว่าอันตรายเช่นกัน 4. รถไฟ จุดปลอดภัย: ควรจะเลือกนั่งตรงกลางโบกี้และนั่งในโบกี้ที่จะกลางขบวนมากที่สุด เพราะในยามที่มีปัญหาจุดนี้จะเป็นจุดที่รับรู้ทุกอย่างได้รวดเร็วรวมถึงอันตรายต่างๆ จะเข้ามาถึงยาก จุดอันตราย: นั่งทิศทางเดียวกับตัวรถ จะเป็นจุดที่อันตรายที่สุด เพราะจะมีโอกาสที่กระเด็นไปข้างหน้ามากที่สุด ส่วนโบกี้ที่อันตรายก็จะเป็นโบกี้หัวและท้ายขบวน 5.…
-
สื่อนอกเผยสถิติคนไทยแต่งงานอายุ 26 ปี ไปดูกันว่าแต่ละประเทศ แต่งงานตอนอายุเท่าไรบ้าง!?
ทุกๆ ปีหลายคนอาจจะเจอคำถามจากคุณพ่อคุณแม่หรือญาติๆ ว่า “เมื่อไหร่จะแต่งงาน” จนอาจจะทำให้ต้องคิดหนัก ซึ่งมีหลากหลายเหตุผลไม่ว่าจะเป็น ไม่มีเวลาหาแฟน , สนใจงานมากกว่าชีวิตคู่ , ยังเจอคนไม่ถูกใจ หรือแม้กระทั่งอยากอยู่เป็นโสดเสียมากกว่า ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอะไร แต่คุณไม่ใช่คนเดียวที่ยังไม่ได้แต่งงาน วันนี้ #เหมียวปั๊ก จะพาทุกท่านไปดูสถิติช่วงอายุคนแต่งงานของหนุ่มสาวรอบโลกกัน เพื่อดูซิว่าคุณเข้าสู่ช่วงวัยที่จะต้องแต่งงานในประเทศของคุณแล้วหรือยัง? ในปัจจุบันอายุการแต่งงานมีแนวโน้มที่มากขึ้นหรือไม่แต่งงานเลย ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างรวมไปถึงปัจจัยทางด้านสภาพสังคมในแต่ละประเทศที่อยู่อาศัย ซึ่งสามารถสังเกตได้จากข้อมูลที่ทาง United Nation ที่ได้รวบรวมเป็นข้อมูลทางสถิติไว้ แผนที่แสดงอายุเฉลี่ยที่คนจะแต่งงานกันทั่วโลก สีอ่อน = อายุน้อย สีเข้ม = อายุมาก จากแผนที่แสดงให้เห็นถึงอายุเฉลี่ยที่คนจะแต่งงานกันในแต่ละประเทศซึ่งมีความสัมพันธ์กับความมั่งคั่งในประเทศนั้นๆ ประเทศในแถบนอร์ดิคเช่น ประเทศฟินแลนด์และประเทศสวีเดน อายุเฉลี่ยของคนที่แต่งงานอยู่ที่ 30 ปี ในขณะที่ประเทศแถบแอฟริกากลางอยู่ที่ 19 ปี ซึ่งเป็นค่าที่ต่ำที่สุดในแผนที่นี้ ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างรายได้กับการแต่งงานนั้นไม่ได้เป็นความบังเอิญ ถึงแม้ว่าประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีความั่งคั่งมากกว่าประเทศชิลี แต่อายุเฉลี่ยในการแต่งงานในแต่ละประเทศก็ยังคงเป็นอายุ 28 ปี แต่ก็ใช่ว่าแผนที่นี้จะแสดงให้เห็นถึงข้อมูลที่แท้จริงทั้งหมด เนื่องมาจากบางประเทศนั้นมีข้อจำกัดในเรื่องของการทำแบบสอบถามและสำรวจทางด้านสัมโนประชากรทุกปี ทำให้ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เป็นตัวแทนของกรอบเวลาเดียวกันสำหรับทุกประเทศ แต่ข้อมูลนี้ก็ยังคงแสดงความจริงของอายุเฉลี่ยในการแต่งงานของแต่ละประเทศในห้วงเวลาที่ไล่เลี่ยกัน ภาพแสดงอันดับ 20 ประเทศอายุเฉลี่ยที่แต่งงานมากที่สุด…
-
นักวิจัยชี้.. การทำกิจกรรมเข้าจังหวะก่อนนอน ช่วยรักษาอาการ “นอนไม่หลับ” ได้จริง!!
ทุกคนคงทราบดีอยู่แล้วว่า การเล่นจ้ำจี้ปูไต่กันแต่ละครั้งต้องใช้พลังงานมากอยู่พอสมควร เอาง่ายๆ แค่ไม่ต้องเล่นท่ายากผาดโผนอะไรให้มาก ก็เล่นทำให้เหนื่อยจนสลบได้เหมือนกัน และล่าสุด Laura Berman ผู้อำนวยการ Berman Center ศูนย์ดูแล และให้คำปรึกษาด้านสุขภาพทางเพศของหญิงสาว ได้ออกมาเผยว่า.. การมีเซ็กส์ก่อนนอน ช่วยรักษาโรคนอนไม่หลับได้จริง Laura Berman ได้ชี้แจงว่า โดยปกติแล้วหลังมนุษย์เสร็จกิจจากเพศสัมพันธ์ ร่างกายจะปล่อยสารที่ชื่อว่า neuropeptides หรือที่รู้จักกันว่าเอ็นโดรฟินนั่นเอง เป็นอย่างที่เรารู้กันว่าเอ็นโดรฟิน คือสารที่ช่วยทำให้เรารู้สึกมีความสุข เช่นเดียวกับการที่นักวิ่งรู้สึกเสพติดการออกกำลังกาย และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงรู้สึกผ่อนคลายสบายตัว ยิ้มแย้มมีความสุขหลังเสร็จกิจกรรมกับคู่รัก จากการเก็บสถิติระยะเวลาในการนอนหลับของหญิงสาวในอังกฤษ ทีมวิจัยพบว่าผู้หญิงส่วนใหญ่จะเฉลี่ยนอนคืนละ 6 ชั่วโมง 40 นาทีเท่านั้น ซึ่งทีมวิจัยก็ได้ไปสำรวจพฤติกรรมการนอนหลับ ของผู้หญิงที่มีเซ็กส์ก่อนนอน และพบว่าพวกเธอสามารถนอนหลับได้ไวขึ้น และหลับได้ลึกมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งหมายความว่า… ร่างกายได้รับการพักผ่อนที่ดีกว่าเดิม ‘จากงานวิจัยเราพบว่า ในขณะที่อวัยวะเพศมีการสอดใส่ร่างกายของผู้หญิงจะผลิตสารที่ชื่อว่า เอสโตรเจน ซึ่งช่วยให้พวกเธอเข้าสู่สภาวะ REM ระหว่างการนอนหลับได้ดีขึ้น’ Saralyn Mark ให้สัมภาษณ์ ในขณะที่ฝั่งของผู้ชาย…
-
นี่คือ 10 แบรนด์มหาอำนาจ ที่ควบคุมสินค้าบริโภคทั่วโลก โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว!?
ลองคิดดูสิว่าทุกวันนี้มีสินค้าบริโภคอะไรบ้าง ที่เรามักจะซื้อทุกครั้งที่แวะเข้าร้านสะดวกซื้อ บางคนอาจจะชอบซื้อขนมขบเคี้ยวที่มีแต่ลมอย่างเลย์ หรือบ้างก็น้ำอัดลมอย่างโค้ก เป๊ปซี่ แม้ว่าในร้านสะดวกซื้อจะเต็มไปด้วยสินค้านับพันให้เราเลือกซื้อ แต่รู้มั้ยล่ะว่าเกือบทั้งหมดนั้นส่วนใหญ่แล้วมาจาก 10 บริษัทยักษ์ใหญ่มหาอำนาจทั้งหมดนี้ต่างหากล่ะ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นบริษัทที่ผลิตสินค้าบริโภคเช่นขนม น้ำเปล่า อาหารสำเร็จรูป เรียกได้ว่าอาจจะควบคุมนิสัยการบริโภคเราอยู่ โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยก็ว่าได้ 1. Kellogg’s นอกจากป้ายยี่ห้อ Kellogg’s ที่เรามักจะได้เห็นบนกล่องซีเรียลแล้ว พวกเขายังเป็นบริษัทแม่ของขนมดังอย่าง Pringles หรือ Eggo ที่ได้รับความนิยมสูงในประเทศตะวันตก 2. Associated British Foods นับว่าเป็นบริษัทที่มีสินค้าบริโภคน้อยที่สุด แต่ก็ค่อนข้างครอบคลุมเลยทีเดียว เพราะนี่คือบริษัทแม่ของ Twinnings Tea ชาจากลอนดอนที่ส่งออกไปทั่วโลก หรืออาหารเช้าซีเรียลยี่ห้อ Dorset 3. General Mills ถ้าพูดชื่อบริษัทนี้อาจจะไม่มีใครรู้จัก แต่ถ้าบอกว่าเป็นบริษัทแม่ของไอศครีมชื่อดังอย่าง Haagen-Dazs หลายคนอาจจะร้องอ๋อทันที หรือแม้แต่สินค้าอาหารสำเร็จรูปยี่ห้อ Hamburger Helper ก็มาจากบริษัทนี้เหมือนกัน 4. Danone อีกหนึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ที่น่าจะคุมตลาดโยเกิร์ตเกือบทั่วทั้งโลก เพราะสินค้าที่เค้าส่งออกไปทั่วโลกก็มีทั้ง…
-
สุดยอดวิธีบล็อค “ช่องยูทูบไม่พึงประสงค์” ที่อาจจะเป็นภัยต่อเด็กน้อย ทำได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว
ในยุคสมัยที่ยูทูบถือเป็นช่องทางรับรูปสื่อหลัก และโทรศัพท์มือถือหรือแทปเล็ตก็เป็นอะไรที่พ่อแม่ยุคนี้มักจะโยนให้ลูก ใช้งานกันบ่อยๆ เพราะมันง่ายและสามารถจัดการลูกได้อยู่หมัดสุดๆ แต่ใช่ว่าพ่อแม่ทุกคนจะอยากให้ลูกได้เสพสื่อไม่ดีจากยูทูบกันเสมอไป ยิ่ง #เหมียวมู่ทู่ ได้เจอกระทู้บนเว็บไซต์พันทิป ที่ถามถึงวิธีป้องกันไม่ให้ลูกเข้าถึงเนื้อหาไม่ดี ฉะนั้นเราจะมาดูวิธีการบล็อคเข้าเข้าถึงเนื้อหาของลูกๆ แบบง่ายๆ กันว่าแต่จะทำยังไงนั้นลองมาดูกัน เริ่มกันที่วิธีแรกกันก่อนเลย วิธีนี้จะสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เข้าไปที่หน้ายูทูบของคุณแล้วเข้าไปในยูทูบแล้วเลือกช่องที่ต้องการ แล้วเลื่อนลงไปข้างล่างสุดให้สังเกตุที่ปุ่มตามภาพ จากนั้นก็เลือกเป็น “เปิด” เพื่อให้ยูทูบกรองเนื้อหาที่มีคนรายงานว่าไม่เหมาะสมให้ จากนั้นก็ทำการกดเซฟ เป็นอันเรียบร้อย วิธีต่อมาจะเป็นสำหรับในโทรศัพมือถือ ซึ่งมีวิธีทำที่ต่างกัน แต่ให้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน เริ่มจากการเข้าไปที่หน้ายูทูบของท่าน แล้วก็เลือกปุ่มจุดสามจุดตรงมุมบนขวา จากนั้นให้เลือกที่ตั้งค่า . จากนั้นก็จะเข้ามาในเมนูตั้งค่า ให้เราเลือกไปที่ตัวเลือก “การกรองโหมดที่จำกัด” จากนั้นก็เลือกเป็น “เข้มงวด” เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว วิธีสุดท้าย วิธีนี้จะเป็นการใช้แอพยูทูบตัวอื่นเข้ามาช่วย ซึ่งออกแบบโดยตัวยูทูบเอง และมีชื่อเรียกว่า YouTube Kids โดยตัวแอพที่ว่านี้จะมีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่ายเหมาะสำหรับเด็กๆ และผู้ใหญ่ที่ไม่ค่อยเข้าใจในเทคโนโลยี แถมยังแบ่งหมวดหมู่คลิปที่มีประโยชน์ออกเป็นหมวดๆ อย่างชัดเจนเพื่อให้เด็กๆ เข้าถึงได้ง่าย ส่วนถ้าผู้ปกครองกลัวว่าจะลูกๆ จะไปเจอช่องที่ไม่ดีก็รับรองได้ว่าไม่มีแน่นอน เพราะใน YouTube Kids จะได้รับการกลั่นกรองจากยูทูบแล้วว่าปลอดภัยหายห่วง …
-
“ฉลาดเหมือนแม่” นักวิจัยพิสูจน์แล้วว่า ลูกจะสืบทอดสติปัญญาจากแม่ได้มากกว่าพ่อ!!
นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบมานานแล้วว่า ยีนส์ความฉลาดของมนุษย์เรา จะอยู่ในโครโมโซม X ซึ่งเป็นโครโมโซมที่ผู้หญิงจะมีสอง ส่วนผู้ชายจะมีแค่โครโมโซมเดียว ทำให้อาจได้ข้อสรุปว่าระดับสติปัญญาจากแม่ จะตกทอดสู่รุ่นลูกได้มากกว่าจากพ่อ ซึ่งงานวิจัยชิ้นล่าสุดของมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ ก็ได้ออกมาช่วยยืนยันแล้วว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องจริง! โดยทีมนักวิจัยได้ทำการสำรวจจากกลุ่มคนอายุ 14 – 22 ปี จำนวน 30,000 คน เป็นประจำทุกปีมาตั้งแต่ปี 1994 โดยจะมีการทดแบบทดสอบ และการสัมภาษณ์ต่างๆ ระหว่างลูก แม่ และพ่อของผู้เข้าร่วมวิจัย ซึ่งพวกเขาก็ได้คำตอบว่าสติปัญญาของลูกจะได้จากแม่ มากกว่าพ่อเป็นเรื่องจริง แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าก็คือ การเข้าไปศึกษาเกี่ยวกับยีนสติปัญญาของหนูทดลอง โดยทีมวิจัยได้ค้นพบว่าหนูที่มียีนตกทอดจากแม่มากกว่า จะมีขนาดสมองที่ใหญ่กว่า แต่ลำตัวจะเล็กกว่า ตรงกันข้ามกับหนูที่มียีนจากพ่อมากกว่า ซึ่งจะมีขนาดสมองที่เล็กกว่า แต่ลำตัวจะใหญ่กว่า และยีนความฉลาดที่ตกทอดจากแม่มาสู่ลูกจะพบได้มากในบริเวณ Cerebral Cortex (เปลือกสมอง) ซึ่งเป็นส่วนที่คอยสั่งการใช้ความคิดเชิงตรรกะ เช่น การเรียนรู้ภาษาหรือการวางแผน และเมื่อเปรียบเทียบกับ ยีนที่ตกทอดมาจากรุ่นพ่อแล้ว นักวิจัยพบว่ายีนชนิดนี้จะพบได้มากในบริเวณระบบลิมบิค (Lymbic System) ซึ่งเป็นส่วนที่ทำงานเกี่ยวกับกลไกการสืบพันธุ์ อาหาร และความโกรธเกรี้ยว จากการค้นพบดังกล่าวทำให้ทฤษฏีที่ว่า…
-
อธิบดีจากหน่วย MI5 เผยขั้นตอนการเป็นสายลับอังกฤษ ถ้ามีความสามารถมากพอก็เป็นได้
หลายๆ คนที่ชื่นชอบหนังสายลับไม่ว่าจะเป็น Jason Bourne, James bond หรือองค์กรอย่าง Kingsman คงจะคุ้นเคยกับบทบาทของสายลับกันเป็นอย่างดีทั้งลีลาการเอาตัวรอด การต่อสู้ และไหวพริบของพวกเขา และในตอนเด็กๆ พวกเราก็คงจะต้องแอบหวังอยากจะเป็นสายลับกันบ้างใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆ และตอนนี้ความฝันของพวกเรากำลังจะเป็นจริงแล้ว เพราะใครๆ ก็สามารถเป็นสายลับได้!! แต่… แต่ว่าต้องผ่านเงื่อนไขกันนิดนึงนะ อ่า และเราก็ได้นำเงื่อนไขในการเป็นสายลับ จากผู้ที่อยู่ในวงการสายลับตัวจริงอย่างหน่วย MI5 มาฝากกัน คุณ Andrew Parker อธิบดีจากหน่วย MI5 (Military Intelligence, Section 5) ได้เปิดเผยถึงวิธีการที่จะเป็นสายลับของประเทศอังกฤษ โดยเขาได้บอกว่า “เพื่อเป็นการรักษาความลับสูงสุดของประเทศเรา ดังนั้นสายลับของหน่วย MI5 จะต้องเป็นคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้และเป็นผู้ที่มีความสามารถสูง เราต้องการทำงานกับผู้ที่มีศักยภาพที่แท้จริง” และสิ่งที่สำคัญที่สุดของสายลับอังกฤษควรมี นั่นก็คือการเก็บความลับในระดับสุดยอด คุณไม่สามารถเปิดเผยเรื่องนี้กับคนอื่นๆ นอกจากคนที่ไว้ใจได้เท่านั้น คุณอาจจะบอกกับภรรยาว่าคุณเป็นสายลับได้แต่ต้องมั่นใจจริงๆ ว่าเธอก็ไม่ใช่สายลับของฝั่งตรงข้ามเช่นกัน การที่จะสมัครเข้ามาเป็นสายลับ MI5 นั้นคุณอาจจะไม่ต้องจบปริญญา หรือเป็นชาวอังกฤษแต่อย่างใด โดยคุณ Andrew Parker บอกว่า “สายลับคือหน่วยข่าวกรองลับที่เป็นมนุษย์ โดยพวกเขาจะเป็นคนที่สืบหาความลับสุดยอดจากแหล่งต่างๆ ซึ่งการสมัครนั้นไม่มีขั้นตอนที่แน่ชัด…
-
การนอนน้อยส่งผลทำให้ร่างกาย อยากอาหารมากขึ้น ปัจจัยที่ทำให้คุณอ้วนได้โดยไม่รู้ตัว!!
ปัจจัยหลักที่ทำให้คนอ้วนล้วนมีมากมายหลายเหตุผล หนึ่งในนั้นก็คือการนอนน้อยนั่นเอง แต่หลายคนก็คงสงสัยว่า เอ๊ะ อ้วนมันต้องเกี่ยวกับการกินสิ แล้วนอนน้อยมันทำให้อ้วนได้ยังไงล่ะ? ถ้าเอาเหตุผลแบบบ้านๆ ก็จะอธิบายได้ว่าเป็นเพราะเรานอนน้อยแล้วพอตื่นมาเราก็จะรู้สึกเพลียจากการนอนในรูปแบบการนอนไม่พอ แล้วพอรู้สึกเหนื่อยจากการนอนไม่พอ เราก็จะรู้สึกว่าอยากจะหาอะไรกระเดือกลงท้อง อะไรก็ได้ที่กินแล้วรู้สึกมีพลังงานทำให้รู้สึกหายเหนื่อย แต่ถ้าอธิบายแค่นั้นยังไม่พอ จากผลการวิจัยในปี 2013 พบว่าคนที่นอนน้อยจะมีร่างกายที่อ่อนแอและไม่สามารถต้านทานอาหารที่มีแคลอรี่สูงได้ นอกจากนี้ผลวิจัยเมื่อปี 2016 ได้บอกว่าปัญหาการนอนน้อยจะเกิดการสะสมของสารที่ชื่อว่า 2-Arachidonoylglycerol หรือ 2-AG ซึ่งสารตัวที่ว่านี้จะส่งผลเหมือนกับกัญชาที่กระตุ้นให้เรารู้สึกอยากอาหาร ตามด้วยผลวิจัยที่เพิ่งปล่อยมาไม่นานในปีนี้ จากงานประชุมประจำปีของ Cognitive Neuroscience Society โดยทางทีมนักวิจัยได้นำเสนอว่า เมื่อตอนที่เราเหนื่อยประสาทการรับรู้กลิ่นจะพุ่งสูงขึ้น แต่ก็เฉพาะตอนที่เราได้กลิ่นของอาหารเท่านั้น เมื่อประสาทการรับรู้กลิ่นของเราเพิ่มจนถึงขั้นนั้นแล้ว มันก็ยากมากๆ ที่จะเปลี่ยนใจจากการไม่กินหรือตามหาที่มาของกลิ่น ซึ่งกลิ่นถือเป็นหนึ่งในวิธีหลักที่เราใช้รับรู้ถึงประสบการณ์การกินอาหาร และยิ่งกลิ่นหอมเราก็จะยิ่งอยากกินมากขึ้น สุดท้ายแล้วถ้าประสาทรับรู้กลิ่นของเรามันไปถึงจุดนั้น ต่อให้เรานอนอยู่เราก็ยังสามารถที่จะรับรู้ถึงกลิ่นหอมของอาหารได้ และจะทำให้เราตื่นจนต้องลุกมาให้อะไรกินเพื่อเติมเต็ม และลดความอยากที่เกิดขึ้นกับเรา ยังไงก็ตามคำแนะนำที่ดีที่สุดทั้งทางด้านวิชาการและระยะเวลาความเหมาะสมของการนอน นั่นก็คือนอนให้พอซะ เป็นวิธีการจัดการที่เรียบง่ายที่สุดแล้ว ส่วนปัญหานอนไม่หลับ นอนยากนี่คงต้องหาเหตุผลกันอีกทีล่ะนะ ที่มา nymag
-
อย่าอั้นตดนะ!! นี่คือ 8 เหตุผลว่าทำไมคุณถึงไม่ควรอั้น “ตด” และมันดีต่อคุณยังไงบ้าง?
ถ้าพูดถึงเรื่องตด อันที่จริงมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครอยากพูดถึงกันซักเท่าไหร่ และเวลาเราอยู่ในที่สาธารณะถ้าใครปวดตดละก็ สิ่งที่ต้องทำก็คือการอั้นใช่ไหมล่ะ? ทว่าล่าสุดเว็บไซต์ข้อมูลเชิงสุขภาพ RemedyDaily ได้ออกมาเผยถึง 8 เหตุผลที่มนุษย์เราไม่ควรจะอั้นตด แบบว่า…ก็ปล่อยๆ มันไปบ้างเถอะ มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ 1. ช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ถึงแม้ว่าอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้วย่อมรู้สึกไม่สนุกแน่นอน และสาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกอืดท้อง ก็เพราะมีกรดในกระเพาะมากเกินไป นึกภาพออกแล้วใช่ไหมว่าตดช่วยได้ยังไง 2. ช่วยทำให้เราควบคุมอาหารได้ดีขึ้น สำหรับคนที่กำลังอยู่ในช่วงไดเอทการควบคุมอาหารเป็นสิ่งสำคัญ และกลิ่นจากการผายลมนี่แหละที่ช่วยบอกเราได้ว่าในแต่ละวันเราทานเนื้อ หรือผักมากเกินไปหรือไม่ เกร็ดควรรู้: ถ้าวันไหนเราทานเนื้อเยอะลมที่ผายออกมาจะน้อยแต่คับแน่นไปด้วยกลิ่น แต่ถ้าทานผักเยอะลมที่ผายออกมาจะเยอะและมีกลิ่นที่ไม่เป็นอันตรายต่อรอบข้าง 3. ช่วยลดอาการปวดท้องได้ คล้ายๆ กับข้อแรกนั่นแหละ ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ส่งผล 100% แต่ถ้าเรามีกรดแก๊สในกระเพาะมากเกินไป ก็อาจทำให้รู้สึกปวดท้องตามมาได้ และสำหรับคนที่รู้สึกว่าต้องตดแต่ลมไม่ยอมออกมา ผู้เชี่ยวชาญก็แนะนำให้ใช้มือลูบไปที่หน้าท้องช้าๆ 4. ถ้าอั้นตดไว้ละก็… ส่งผลเสียต่อลำไส้ได้เลยนะ ลองนึกภาพนะว่ากลไกการทำงานของร่างกาย ต้องการที่จะกำจัดแก๊สของเสีย ทว่าเรากลับเลือกที่จะอั้นและไม่ยอมให้มันปล่อยออกมา ซึ่งก็เท่ากับว่าเราไปฝืนการทำงานของระบบร่างกาย และในระยะยาวมันอาจส่งผลเสียต่อปัญหาด้านลำไส้ในอนาคตได้อีกด้วย 5. การดมกลิ่นตดเป็นสิ่งที่ดี…
-
5 บทเรียนชีวิตอันล้ำค่าของ Keanu Reeves ที่สามารถใช้ดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข…
Keanu Reeves พระเอกมาดเท่ผู้โด่งดังจากหนังเฟรนไชรน์ The Matrix จนล่าสุดก็มีผลงานฮิตอย่าง John Wick ซึ่งทำรายได้ไปอย่างมหาศาล แต่ถึงแม้จะมีรายได้มากขนาดนั้น ตัวเขากลับเป็นคนที่ใจดี สุขุมและไม่ลุ่มหลงกับชื่อเสียงที่เขามี เหมือนกับดาราคนอื่นๆ ในวงการเดียวกัน นั่นจึงทำให้เขาดูเหมือนจะเป็นคนที่ผ่านอะไรมากมายหลายอย่างในชีวิตสุดๆ ไม่ว่าจะทั้งการทำงานหลากหลายอาชีพ การสูญเสียคนรอบตัว และเรื่องราวร้ายๆ ในวัยเด็ก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้ได้ เพราะอะไร? และนี่ก็คงจะเป็นคำตอบที่เราตามหากับ 5 บทเรียนชีวิตจาก Keanu Reeves ที่ทุกคนควรเรียนรู้และนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อมีชีวิตที่ดีแบบพระเอกมาดเท่คนนี้ 1. การเริ่มต้นอันยากลำบาก ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตที่เหลือ Keanu Reeves เกิดที่เมืองเบรุต ประเทศเลบานอนเมื่อปี 1964 เขาต้องใช้ชีวิตที่ยากลำบากตั้งแต่วัยเด็ก พ่อของเขาทิ้งเขาไปเมื่อตอนอายุได้ 3 ขวบ และยังต้องโทษค้ายาเสพติดอีก ส่วนแม่ของเขาตั้งแต่หย่ากับพ่อของเขา ก็พาลูกๆ เดินทางไปทั่ว จนสุดท้ายจบลงที่เมืองโตรอนโต้ ประเทศแคนาดา เขาป่วยเป็นโรค ‘Dyslexia‘ ทำให้เขามีปัญหาด้านการอ่าน จึงทำให้เขาถนัดการเล่นกีฬามากกว่าเรียนจนเขาวางแผนจะเล่นกีฬาระดับอาชีพ แต่ภายหลังเขาบังเอิญบาดเจ็บจนต้องเลิกเล่นกีฬาไป แถมยังเคยถูกไล่ออกจากโรงเรียนอีกต่างหาก แต่สุดท้ายเขาก็กลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ด้วยความที่เขามีความรับผิดชอบและรู้วิธีการตัดสินใจด้วยตัวเอง ฉะนั้นไม่ว่าเราจะเริ่มต้นได้ลำบากขนาดไหน…
-
ชาวเน็ตแห่ชื่นชม!! สามีภรรยาที่ทำเสื้อทีมมาเชียร์ลูกสาว ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะหย่ากันแล้ว..
ชีวิตในช่วงวัยเด็กเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ ในช่วงนี้เด็กจะมีการพัฒนาทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเด็กนั้น มีผลต่อพัฒนาการของลูกน้อยเป็นอย่างมาก ตัวอย่างของการดูแลเอาใจใส่ลูกสาวของสามีภรรยาคู่หนึ่ง ที่ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะต่างแยกย้ายไปมีครอบครัวใหม่แล้วก็ตาม แต่ก็ยังรักและดูแลลูกของพวกเขาอยู่เสมอ… ครอบครัวของ Maelyn Cazeau สาวน้อยวัย 4 ขวบจากรัฐจอร์เจีย ได้ทำเรื่องราวที่สุดแสนจะน่ารักและได้รับคำชมเชยจากชาวเน็ตเป็นอย่างมาก เมื่อพวกเขาทำชุดฟุตบอลเป็นทีมของครอบครัว โดยใส่เบอร์ 37 ซึ่งเป็นหมายเลขประจำตัวของสูกสาว เพื่อไปเชียร์เจ้าตัวน้อยในการแข่งฟุตบอล ถึงแม้ว่าคุณ Clara Cazeau และสามีของเธอจะหย่ากันและทั้งสองต่างมีคู่ชีวิตใหม่แล้ว แต่ก็ยังคงมาให้กำลังใจหนูน้อย Maelyn ในการแข่งฟุตบอล นอกจากนี้ทั้งสองครอบครัวยังช่วยกันเลี้ยงดูลูกสาวของพวกเขาอีกด้วย Maelyn เป็นเด็กที่โชคดีมาก เธอได้รับความรักจากพ่อแม่ถึง 2 คู่ด้วยกันซึ่งทั้งพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงก็รักและเอ็นดูสาวน้อยมาก คุณ Clara บอกกับนักข่าวอย่างภาคภูมิใจเกี่ยวกับการร่วมกันเลี้ยงดูลูกน้อยของเธอว่า “มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่ลูกของเราควรจะเติบโตมาและเข้าใจว่าพ่อและแม่ ได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเค้า” และนี่คือชุดทีมฟุตบอลที่ครอบครัวของเธอทำขึ้นมา เมื่อรูปชุดทีมฟุตบอลที่มีทั้งแม่กับพ่อเลี้ยง และพ่อกับแม่เลี้ยงของสาวน้อยได้ถูกเผยแพร่ในทวิตเตอร์ ก็มีชาวเน็ตเข้ามาชื่นชมและแสดงความคิดเห็นมากมาย ภาพดังกล่าวทำให้หลายๆ คนรู้สึกดีและซาบซึ้งกับสิ่งที่พวกเขาทำอย่างมาก อย่างสาวคนนี้บอกว่า “ฉันหวังว่าพ่อแม่จะดูแลฉันแบบนี้หลังจากที่พวกเขาหย่ากันนะ เด็กคนนี้โชคดีจริงๆ” บางคนก็เข้ามายกย่องพวกเขา หรือบางคนถึงขั้นซึ้งจนร้องไห้กันเลยทีเดียว!! และผู้ใช้งานเฟซบุ๊คที่ใช้ชื่อ Emilee Plaayer ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงของ Maelyn…
-
นักวิจัยค้นพบ คนที่ “หาวยาวๆ” อาจเข้าข่ายเป็นคนฉลาด มากกว่าเป็นคนขี้เซา…
“หาวววว ง่วงจังเลยยย” อาการแบบนี้มักเกิดขึ้นบ่อยๆ ในช่วงบ่ายหลังจากที่เติมพลังด้วยข้าวเที่ยงกันมาอย่างเต็มที่ และบางทีการหาวเนี่ยก็เหมือนกับโรคติดต่อเลยนะ ไม่เชื่อลองมีคนมาหาวใกล้ๆ คุณสิ อีกซักพักคุณจะรู้สึกอยากจะหาวขึ้นมาทันทีเลยละ การหาวคือกลไกอย่างหนึ่งของร่างกาย ที่มีขั้นตอนการเกิดที่ซับซ้อน ถ้าหากจะให้เล่าก็คงจะต้องยาวเป็นหลายหน้าแน่นอน แต่พักเรื่องการทำงานของร่างกายไว้ก่อนดีกว่า เพราะวันนี้มีอะไรที่น่าสนใจกว่ามาฝากกัน เพื่อนๆ รู้ไหมว่ายิ่งเราหาวนานขึ้นเราก็ยิ่งฉลาดขึ้นด้วยนะ!! เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการศึกษาเกี่ยวกับการหาวที่น่าสนใจมากเรื่องหนึ่ง โดยงานวิจัยพบว่าการหาวที่ยาว แสดงถึงจำนวนของเซลล์สมองที่มากตามไปด้วย นั่นหมายถึงว่าสัตว์ที่หาวได้ยาวก็จะมีขนาดของสมองที่ใหญ่ตามไปด้วย โดยงานวิจัยชิ้นนี้ถูกตีพิมพ์แล้วในนิตยสาร Biology Letters เมื่อไม่นานมานี้ด้วย นักวิจัยได้ทำการศึกษาโดยดูคลิปวีดีโอของสัตว์ต่างๆ อย่างมนุษย์ สุนัข แมว ลิงชิมแปนซี และ ลิงกอริลล่า เพื่อทำการเปรียบเทียบความยาวในการหาวของพวกมัน พวกเขาศึกษาการหาวอย่างเต็มรูปแบบกว่า 205 ครั้งของสิ่งมีชีวิต 177 ชนิดจาก 24 สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน ผลวิจัยพบว่ามนุษย์เป็นสัตว์ที่มีระยะเวลาการหาวเฉลี่ยที่ยาวที่สุดคือ 7 วินาทีและน้ำหนักของสมองมากที่สุด เฉลี่ยประมาณ 1.3 กิโลกรัม และรองลงมาคือ ช้างแอฟริกา 6 วินาที ส่วนลิงชิมแปนซี กับอูฐ อยู่ที่ 5 วินาที และระยะเวลาเฉลี่ยในการหาวสั้นที่สุดได้แก่…
-
15 อันดับเมนู “สตาร์บัค” ที่มีแคลอรี่เยอะที่สุด ข้อมูลดีๆ สำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนักอยู่
ช่วงนี้เทรนด์สุขภาพกำลังมาแรง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่โฆษณาอาหารเสริมยาลดน้ำหนักกันทั้งนั้น และหนึ่งในวิธีการลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นก็คือ การควบคุมปริมาณแคลอรี่ของอาหารที่เรากินเข้าไปนั่นเอง และถ้าพูดถึงเมนูเครื่องดื่มยี่ห้อดังที่ได้รับความนิยมชมชอบจากหลายคนทั่วโลก ก็คงจะหนีไม่พ้นสตาร์บัคอย่างแน่นอน เพราะแบรนด์นี้มีเครื่องดื่มที่หลากหลาย และยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบอีกด้วย วันนี้เราได้นำ 15 เมนูที่ให้พลังงานเยอะที่สุดมาฝากกัน เอาไว้เผื่อเป็นตัวเลือกสำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังลดน้ำหนัอยู่ เมนูไหนจะมีปริมาณพลังงานเท่าไหร่ไปชมกันเลย… 1. Green Tea Latte (นม 2 %): ปริมาณแคลอรี่ 240 Cal 2. Chai Latte (นม 2% ): ปริมาณแคลอรี่ 240 Cal 3. Vanilla Latte (นม 2%): ปริมาณแคลอรี่ 250 Cal 4. Caramel Macchiato (นม 2%): ปริมาณแคลอรี่ 250 Cal 5. Iced Caramel Macchiato (นม 2%): ปริมาณแคลอรี่…
-
ข้อคิดดีๆ จากการปราศัยของ แจ๊ค หม่า “ถ้าหากอยากจะมีชีวิตที่เรียบง่าย ก็จงอย่าเป็นผู้นำ”
หลายๆ คนคงจะรู้จักและคุ้นเคยกับ Jack Ma กันเป็นอย่างดี จากผู้ที่ไม่มีอะไรเลย สามารถพาบริษัท Alibaba พุ่งทะยานสู่ความสำเร็จและความรุ่งเรืองได้ คงไม่มีใครสงสัยในความเก่งของนักธุรกิจชาวจีนท่านนี้อย่างแน่นอน และเมื่อไม่นานมานี้ เขาเพิ่งได้กล่าวคำปราศัยที่สำคัญมากอีกครั้งหนึ่ง Alexa von Tobel ผู้ก่อตั้งและ CEO ของบริษัท LearnVest ผู้ที่เข้าใจถึงความหมายของคำปราศัยนี้อย่างสุดซึ้ง และเธอจะมาให้คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ต้องการจะเติบโตและประสบความสำเร็จในชีวิต เธอบอกว่า “บางครั้งการที่อยู่ในบทบาทของผู้นำอาจทำให้การพัฒนาตัวเองของคุณหยุดลง ในบางวันคุณอาจจะทำได้ดีมาก แต่บางวันมันก็อาจจะไม่เป็นเช่นนั้น ดังนั้นคุณต้องพัฒนาตัวคุณเองและพร้อมจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา” และนี่ก็คือ 3 ข้อสำคัญที่จะช่วยคุณในการพัฒนาตนเอง จากทัศนคติของแจ๊ค หม่า เอง 1.คุณต้องมีความรัก เธอบอกว่าในการปราศัยนั้น แจ๊ค หม่า กล่าวถึง IQ 3 แบบที่ผู้นำควรจะมี ซึ่งประกอบไปด้วย IQ, EQ และ LQ สำหรับสองอย่างแรกนั้น หมายถึงความฉลาดทางด้านสติปัญญาและความฉลาดทางด้านอารมณ์ แต่สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ผู้นำควรจะมีก็คือ ความฉลาดทางด้านความรัก หรือ LQ (Love Quotient)…
-
หนุ่มน้ำหนักกว่า 100 กิโล ถูกแฟนสาวขอเลิก เกิดแรงฮึดสร้างซิกแพคภายในไม่กี่เดือน
ภาวะน้ำหนักเกิน อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราได้ และแน่นอนว่าคนที่มีน้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐานย่อมจะเกิดภาวะเสี่ยงต่างๆ ตามมาแน่นอนทั้งโรคความดัน หัวใจ เบาหวานและอีกสารพัดโรค นั่นจึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ใครหลายๆ คนกำลังพยายามอย่างมากที่จะลดน้ำหนักเพื่อให้ตัวเองดูดีและไม่ป่วย เรื่องราวของ Miro Judt หนุ่มวัย 33 ปีนี้อาจเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังลดน้ำหนักได้บ้าง เพราะเขาเคยเป็นคนที่อ้วนกว่า 133 กิโลกรัมและตอนนี้น้ำหนักเขาลดลงไปแล้วกว่า 41 กิโลกรัมแล้ว หลังจากที่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับอาหารฟาสต์ฟู้ดจนน้ำหนักเกินและถูกแฟนสาวบอกเลิก Miro Judt ก็ทำการลดน้ำหนักจนมีหุ่นดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ!! หลังจากที่ต้องเสียใจกับอาการอกหักเนื่องจากน้ำหนักตัวที่มีมากเกินไป เขาก็ได้พบกับโค้ชฟิตเนส Joe Wicks ผู้อยู่เบื้องหลังที่คอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลร่างกาย รวมไปถึงการวางแผนการออกกำลังการและการกินอาหารที่มีประโยชน์ และเมื่อเวลาผ่านไปเพียงแค่ปีเดียว หนุ่มผู้นี้ก็ทำการลดน้ำหนักได้มากถึง 41 กิโลกรัม จนกลับมาดูดีมีกล้ามได้อีกครั้ง เขากำลังมีความสุขกับร่างกายใหม่กับแฟนสาวนางแบบ ตอนนี้เขาก็กำลังทำงานเป็นเทรนเนอร์ให้กับเว็บไซต์ออกกำลังกายด้วย เขาทำคาร์ดิโออย่างหนักวันละ 2 ครั้งและมีตารางเวทเทรนนิ่งที่เคร่งครัด จนสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 41 กิโลกรัมภายในหนึ่งปี เขาพบรักกับนางแบบสาว Victoria Wilson จากเว็บไซต์หาคู่ซึ่งเธอประทับใจในความแข็งแรงของพ่อหนุ่มคนนี้มาก จนทำให้ทั้งคู่เริ่มใกล้ชิดกันจนคบหาดูใจมาปีกว่าแล้ว พวกเขาทั้งสองยังชอบที่จะไปออกกำลังกายด้วยกันอยู่บ่อยๆ พวกเขาคอยเป็นเทรนเนอร์ให้กันและกัน ดูแล้วน่ารักมาเลยนะเนี่ย Miro บอกว่า “เมื่อตอนผมเด็กผมไม่เคยใส่ใจกับการกินเลย ผมกินทั้งอาหารที่ไม่มีประโยชน์และดื่มน้ำอัดลมเยอะมาก ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอะไรคือสารอาหารที่มีประโยชน์สำหรับการควบคุมน้ำหนัก” หลังจากที่เลิกกับแฟนเก่าที่คบกันมาถึง…
-
ไปไม่ถึงฝั่ง!! เว็บไซต์นอกจัด 10 อันดับการตายที่น่าเศร้าที่สุดในซีรีส์ Game Of Thrones
ใกล้ถึงบทสรุปเข้ามาเต็มทีแล้วสำหรับมหาสงครามชิงบัลลังค์ หนังแนวหนังจักรๆ วงศ์ๆ ของฝรั่งที่ฮิตกันไปทั่วโลกอย่าง Game Of Thrones ที่อีกไม่กี่เดือนซีซั่น 7 ก็จะเริ่มฉายแล้ว เป็นธรรมดาที่ซีรีส์เรื่องนี้อยู่แล้วที่ชอบกำจัดตัวละครอยู่บ่อยๆ ตัวไหนเด่นๆ ต้องมีอันเป็นไปทุกที และก็ไม่รู้ว่าซีซั่นที่กำลังจะเข้าฉายนี้ตัวละครไหนจะตายอีกนะเนี่ย แต่ใครจะตายหรือไม่ก็ไม่สำคัญเราไปลุ้นเอากันในซีซั่นหน้ากันดีกว่า สำหรับวันนี้เราจะขอพาคุณไปย้อนชม “10 อันดับการตายที่น่าเศรา้ที่สุดในซีซั่น 1-6” ที่จัดอันดับโดยเว็บไซต์ Businessinsider การตายของใครน่าเศร้าที่สุดนั้นไปชมพร้อมๆ กันเลย 10. Ygritte ตายตอนไหน: ซีซั่น 4 ตอน: 9 “The Watchers on the Wall” สาเหตุการตาย: เธอถูกธนูยิ่งเข้าที่หน้าอก ระหว่างการต่อสู้ใน Castle Black คะแนนความเศร้า: 8 คะแนน ทั้งคู่ได้กลับมาพบกันอีกครั้งระหว่างการต่อสู้ใน Castle Black ขณะที่คนดูกำลังจิ้นกับการพบกันอีกครั้งของทั้งสองคน หนุ่มตัวแสบ Olly (เด็กที่แทง Jon Snow ตาย) ก็ดันยิงธนูใส่เธอจนตาย เป็นฉากที่น่าเศร้าและทำร้ายจิตใจคนดูอย่างมาก และสุดท้าย Jon ก็ได้แก้แค้นให้กับหญิงสาวผู้เป็นที่รัก โดยการแขวนคอ Olly ในซีซั่น 5 9.…
-
สื่อนอกจัดอันดับ 10 เมือง “โคมแดง” ที่ขึ้นชื่อเรื่องของการค้าประเวณีและแหล่งโลกีย์
โสเภณีอาจเป็นอาชีที่ผิดกฏหมายในหลายๆ ประเทศ แต่ในบางประเทศอาจเป็นอาชีพที่ถูกกฏหมาย การค้าประเวณีถือว่าเป็นเรื่องที่ขัดต่อศีลธรรมอันดี เพราะนอกจากจะเป็นการส่งเสริมการค้ามนุษย์แล้ว การซื้อบริการทางเพศจากเด็กก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ดีอีกด้วย เมื่อไม่นานมานี้สื่อต่างชาติ Therichest ได้จัดอันดับเกี่ยวกับประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการค้าประเวณีอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว ลองไปดูมุมมองของพวกเขาดีกว่า ว่าประเทศใดบ้างที่พวกเขาจัดให้เป็น “เมืองเซ็กส์ทัวร์” อันดับ 10. สาธารณรัฐโดมินิกัน เป็นอีกหนึ่งประเทศในแถบทะเลคาร์ริเบียนที่การค้าประเวณีเป็นสิ่งถูกกฏหมาย มีผู้หญิงขายบริการที่นี่กว่า 60,000 ถึง 100,000 คนและโดยส่วนมากเป็นชาวเฮติ แต่สิ่งที่น่าเศร้ามากที่สุดก็คือหญิงขายบริการของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน สิ่งที่ทำให้ผู้คนสนใจมาเที่ยวที่โดมินิกัน อาจเป็เพราะการเดินทางที่ง่ายเนื่องจากที่นี่ตั้งอยู่ระหว่างอเมริกาและยุโรป อันดับที่ 9. ประเทศ กัมพูชา ถึงแม้ว่ากัมพูชาจะมีกฏหมายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการค้าประเวณี แต่ในความจริงนั้นตรงกันข้าม ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการมาเที่ยวเซ็กส์ทัวร์ ปัจจุบันกัมพูชากำลังประสบกับปัญหาการค้าประเวณีเด็กอยู่ ความยากจนของครอบครัวบีบให้พ่อแม่ต้องส่งลูกเข้าสู่วงการด้านมืดนี้ อันดับที่ 8. ประเทศ เนเธอร์แลนด์ กรุงอัมสเตอร์ดัมเป็นอีกเมืองที่มีการค้าประเวณีสูงที่สุดของประเทศเนเธอร์แลนด์ หลายคนคงจะคุ้นเคยกับป้ายไฟสีแดงริมถนนที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้เป็นอย่างดี มันเป็นสิ่งที่จะทำให้คุณทราบว่าร้านที่ประดับด้วยป้ายไฟนีออนสีแดง มีการขายบริการอยู่หลายรูปแบบเช่นการอาบน้ำโชว์ เต้นอะโกโก้ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ที่นี่อาชีพโสเภณีเป็นสิ่งถูกกฎหมายและได้รับการดูแลด้านสวัสดิการอย่างดี อันดับที่ 7. ประเทศ เคนย่า สำหรับคนที่ชอบความเสี่ยงที่นี่อาจจะเหมาะกับคุณ เคนย่าก็เหมือนกับประเทศต่างๆ…
-
นักสำรวจพบหลักฐานบนแท่นศิลา โยงไปถึงเหตุการณ์อุกกาบาตตก ครั้งใหญ่ของโลก!!
ล่าสุดสำนักข่าว Dailymail ได้รายงานว่า ทีมนักสำรวจได้ค้นพบหลักฐานที่บ่งบอกถึงเหตุการณ์อุกกาบาตพุ่งชนโลกครั้งใหญ่ เมื่อ 11,000 ปีก่อนคริสตกาล บนแท่นศิลาจารึกจากประเทศตุรกี หลักฐานทางโบราณคดีชิ้นนี้จะช่วยพาเราย้อนกลับไปในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ The Younger Dryas ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อุณหภูมิของโลกต่ำลงอย่างสุดขั้ว และเป็นช่วงเวลาที่ทำให้มนุษย์รู้จักที่จะพัฒนาการเกษตรกรรม เพื่อการดำรงอยู่ซึ่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ ศิลาดังกล่าวถูกเรียกว่า The Vulture Stone ถูกค้นพบที่ Gobekli Tepe ประเทศตุรกี โดยทีมสำรวจจากมหาวิทยาลัย Edinburgh ได้ค้นพบรูปสัญลักณ์ของสัตว์ต่างๆ บนแท่นศิลา ซึ่งเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ตามหลักดาราศาสตร์ของมนุษย์ยุคโบราณ และมีอีกหลายสัญลักษณ์ที่ดูเหมือนว่ามนุษย์ยุคนั้นต้องการจะบันทึกอะไรบางอย่าง ทีมสำรวจได้นำสัญลักษณ์ดังกล่าว มาเปรียบเทียบกับกลุ่มดาวตามจักราศีต่างๆ ด้วยซอฟท์แวร์บนคอมพิวเตอร์ ผลลัพธ์คือช่วยทำให้เราเข้าใจในความเป็นไปของมนุษย์ในยุคนั้นมากยิ่งขึ้น เปรียบเทียบสัญลักษณ์บนศิลา กับจักราศีต่างๆ ตามหลักดาราศาสตร์ จากเหตุการณ์อุกกาบาตพุ่งชนโลกเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ทำให้สิ่งมีชีวิตหลายชนิดที่ไม่สามารถปรับตัวได้ต้องสูญพันธุ์ไป แต่กลับทีมสำรวจค้นพบว่าสำหรับมนุษย์แล้ว ภัยพิบัติครั้งนี้กลับนำพามาซึ่งการเรียนรู้ครั้งใหญ่ และการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของมนุษย์ เปรียบเทียบตำแหน่งของดวงดาวต่างๆ ในวันก่อนเกิดเหตุภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ การสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสุดขั้ว ทำให้มนุษย์เริ่มรู้จักที่จะออกล่าสัตว์เป็นกลุ่ม มีการเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนวิถีการทำเกษตรกรรมให้สอดคล้องกับสภาพอากาศมากขึ้น Dr. Martin Sweatman หนึ่งในทีมสำรวจได้ให้สัมภาษณ์ว่า ‘การค้นพบหลักฐานชิ้นดังกล่าวนับว่ามีความสำคัญเอามากๆ…
-
ผลวิจัยเผย การให้เด็กอายุ 6-11 เดือน เล่นทัชสกรีน อาจส่งผลให้พวกเขานอนหลับน้อยลง
วัยเด็ก เป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต โดยนอกจากอาหารจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเขาแล้ว “การนอนหลับ” ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากเช่นกัน เพราะเมื่อเด็กๆ ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ จะทำให้เซลล์สมองของพวกเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่เด็กสมัยใหม่ที่เกิดมาลืมตาดูโลกในยุคที่เทคโนโลยีกำลังเจริญก้าวไกล เช่น คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นหน้าจอทัชสกรีน ก็อาจจะทำให้พวกเขาได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้มากขึ้น ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ที่เป็นพ่อแม่ทั้งหลายรู้หรือไม่ว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่นี่แหละ ที่เป็นตัวการสำคัญที่ส่งผลให้พวกเขานอนหลับได้น้อยลง มีผลวิจัยจากมหาวิทยาลัย Birbeck University of London ได้ออกมาเผยว่า เด็กที่มีอายุ 6-11 เดือน ที่เล่นสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ที่เป็นทัชสกรีน จะนอนหลับพักผ่อนได้น้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้เล่นเลย โดยงานวิจัยดังกล่าว ได้ทำการศึกษาจากกลุ่มผู้ปกครองมากถึง 715 ครอบครัว เมื่อเฉลี่ยแล้วผลของการการเล่นสมาร์ทโฟนทุกหนึ่งชั่วโมงต่อคืน จะส่งผลให้เด็กนอนน้อยลงไป 15.6 นาทีเลยทีเดียว ทางด้านผู้ร่วมเขียนงานวิจัยอย่าง Dr. Tim Smith ได้ออกมาเผยว่า “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลยหากผู้ใหญ่อย่างเรานอนน้อย แต่สำหรับเด็กแล้วทุกวินาทีคือการสร้างเซลล์สมอง และมันก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ที่พวกเขาควรจะได้รับการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ” แม้ว่างานวิจัยจะชี้ให้เห็นว่า สมาร์ทโฟนและแทบเล็ต ส่งผลกระทบต่อการนอนของเด็ก แต่ทางด้านนักวิจัยก็คิดว่า มันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกนักที่เราจะต้องไปห้ามปรามไม่ให้พวกเขาเล่นอุปกรณ์เหล่านี้…
-
นักโภชนาการแนะนำ 14 อาหารแคลอรี่ต่ำ จะกินมากเท่าไหร่ก็ได้ ไม่อ้วนแน่น๊อนน!!
สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีลดไขมันส่วนเกิน ลดความอ้วน เรามีคำแนะนำมาฝากจากผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ Dr. Lisa R. Young โดยทั้งหมดนี้เป็นรายชื่อ 14 อาหาร ที่ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาแนะนำผ่าน ThisisInsider ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผัก และผลไม้ ที่มีแคลอรี่ต่ำ ไฟเบอร์สูง พูดง่ายๆ ว่ากินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนนั่นเอง 1. ผักชีฝรั่ง 95% ของผักเป็นน้ำ แถมยังอุดมด้วยโพแทสเซียม ไฟเบอร์ แต่ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 7 วันนะ จะทำให้เสียคุณค่าทางโภชนาการได้ 2. ผักเคล ผักเคลมีแคลอรี่ต่ำมาก ในปริมาณ 1 ถ้วยชาม จะมีแคลอรี่ประมาณ 33 แคลอรี่ แต่มีโปรตีนสูงถึง 3 กรัม และไฟเบอร์อีก 5 กรัม อุดมไปด้วยกรดโอเมก้า 3 อีก โอ้ยดีมากอ่ะเธอเอ๋ย 3. บลูเบอร์รี่ จัดว่าเป็นผลไม้ที่มีสารแอนตี้อ๊อกซิแด๊นท์สูงมาก ที่สำคัญมันอร่อยมากด้วย เอามาทำเป็นน้ำปั่นกินหน้าร้อนก็ฉ่ำได้อีก…
-
สะเทือนวงการแพทย์!! หมอชาวจีนประสบความสำเร็จ ในการปลูกถ่ายหูเทียมไว้ที่แขนผู้ป่วย
ปัจจุบันการแพทย์ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว การรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ในปัจจุบันมีความเข้าใกล้กับหนังแนววิทยาศาสตร์ที่เราเคยได้ชมกัน เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวใหญ่อีกข่าวหนึ่งที่ถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์เลยทีเดียว เมื่อแพทย์ชาวจีนประสบความสำเร็จในการปลูกถ่ายหูเทียมลงบนแขนมนุษย์!! เมื่อวันที่ 31 มีนาที่ผ่านมาทางเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานข่าวว่ามีศัลยแพทย์ชาวจีน ได้ปลูกถ่ายหูเทียมลงบนแขนของชายผู้หนึ่งหลังจากที่เขาประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรงในปี 2015 คุณ Ji หนุ่มจีนผู้ได้รับการทำศัลยกรรมในครั้งนี้ เขาประสบอุบัติเหตุอย่างร้ายแรงในปี 2015 จนทำให้เสียหูด้านขวาไป แพทย์ไม่สามารถที่จะทำให้หูของเขาให้กลับคืนมาได้อย่างเดิม ต้องพึ่งการศัลยกรรมเท่านั้น หลังจากนั้นดอกเตอร์ Guo Shuzhong ศัลยแพทย์จากโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย Xi’an Jiaotong ได้รับคุณ Ji ผู้เคราะห์ร้าย เข้ามาเป็นคนไข้ในการดูแลและได้ทำการปลูกถ่ายหูเทียมที่ต้นแขนของเขาเพื่อนำไปติดที่เดิม คุณหมอได้ทำการสร้างหูเทียมขึ้นมาจากเครื่องปริ้นสามมิติ โดยใช้กระดูกอ่อนจากกระดูกซี่โครงของผู้ป่วยเป็นวัตถุดิบในการสร้างอวัยวะเทียมในครั้งนี้ “หูเทียม” ถูกปลูกถ่ายไว้ยังต้นแขนของเขาและสามารถเติบโตได้ดี ผู้ป่วยต้องนอนพักในโรงพยาบาลอีกเป็นเวลา 2 อาทิตย์เพื่อดูการทำงานของอวัยวะเทียมที่ได้รับการปลูกถ่ายครั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าหูที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่นี้ สามารถเข้ากับเซลร่างกายของเขาได้ ก่อนที่มันจะถูกนำไปติดยังที่ศีรษะของเขาแทนหูเดิมที่สูญเสียไปจากอุบัติเหตุ หูเทียมถูกปลูกถ่ายลงในแขนของนาย Ji และสำเร็จในเดือนพฤศจิกายน 2015 คุณหมอ Guo Shuzhong กำลังตรวจสอบแผลการผ่าตัดหลังจากที่ปลูกถ่ายหูเทียมลงที่แขนของผู้ป่วย การตรวจสอบหูเทียมที่ปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วย โอโหการแพทย์สมัยนี้ก้าวหน้ามากเลยนะเนี่ย ไม่ว่าอวัยวะอะไรแพทย์ก็สามารถสร้างของเทียมขึ้นมาทดแทนได้ สุดยอดมากๆ ที่มา dailymail
-
คุณหมออายุกว่า 105 ปี ผู้ผ่านโลกมาแล้วมากมาย และเคยบอกให้ “ซัดดัม” เลิกบุหรี่!!
“อาบน้ำร้อนมาก่อน” คงเป็นสุภาษิตที่หลายคนคุ้นหูกันเป็นอย่างดี เพราะผู้ที่มีอายุมากนั้นมักจะผ่านเหตุการณ์สำคัญๆ และมีประสบการ์ในการใช้ชีวิตที่มากกว่า การเรียนรู้หรือทำความรู้จักกับชีวิตของผู้มากประสบการณ์เหล่านั้นก็เหมือนกับเราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปด้วยในตัว หลายๆ คนที่มีอายุร่นคุณปู่คุณย่าของเรานั้นก็คงจะผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มามากมาย ถ้าหากใครเคยดูหนังรางวัลออสก้าเรื่องดังอย่าง ฟอร์เรสท์ กัมพ์ ที่พระเอกของเรานั้นผ่านเหตุการณ์สำคัญๆ มาอย่างมากมายเหลือเกิน และต่อจากนี้เราจะขอพาทุกคนไปรู้จักกับฟอร์เรสท์ ในโลกแห่งความเป็นจริง พร้อมทั้งเรียนรู้ประวัติศาสตร์กับแพทย์อาวุโสท่านหนึ่งที่มีอายุถึง 105 ปีและมีประสบการการใช้ชีวิตอย่างโชคโชนมากมาย ทั้งเคยผ่านค่ายกักกันทหารที่เกาะนรกของญี่ปุ่มมาแล้ว เคยสั่งให้ซัดดัม ฮุสเซนงดบุหรี่!! และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ ทุกวันนี้เค้ายังคงเป็นคุณหมออยู่ นายแพทย์อาวุโสท่านนี้มีชื่อว่า คุณหมอ Bill Frankland เป็นลูกของนายอำเภอ เกิดเมื่อวันที่ 19 มีนาคมปี 1912 ในรัฐเท็กซัส ประเทศอเมริกาและย้ายตามครอบครัวมายังประเทศอังกฤษมี คุณหมอพี่น้องทั้งหมด 4 คนและเขาเป็นคนสุดท้อง เมื่อไม่นานมานี้คุณปู่เพิ่งได้รับการ์ดอวยพรวันเกิดครบ 105 ปีจากราชินีอังกฤษ ถึงแม้ว่าจะอายุมากกว่า 100 ปีแล้วแต่เขายังคงทำงานวิจัยทางการแพทย์อยู่และเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา งานวิจัยชิ้นล่าสุดของเขาเพิ่งจะถูกตีพิมพ์ ในชื่อ “การศึกษาแผลไฟไหม้เรื้อรังของเชลยสงครามในช่วงปี 1942 ถึง 1945” คุณหมอผู้เชี่ยวชาญทางด้านการรักษาเกี่ยวกับทางเดินหายใจท่านนี้ถูกยกย่องให้เป็น “Grandfather of Allergy” หรือคุณปู่แห่งโรคภูมิแพ้เลยทีเดียว…
-
ผลวิจัยเผย ผู้ชอบโพสต์ “ความสัมพันธ์ของตัวเอง” ลงโซเชียล ที่จริงแล้วมีปมเรื่องความรัก??
ต้องยอมรับเลยนะว่า ในปัจจุบันสื่อสังคมออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น เพราะไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็เป็นอันต้องโพสต์ภาพต่างๆ อวดเพื่อนๆ บนโลกโซเชียลอยู่เสมอ นั่นอาจจะเป็นเพราะหลายคนอยากจะเผยไลฟ์สไตล์และชีวิตความเป็นอยู่ในแต่ละวันของตัวเองให้คนอื่นได้รู้ หรือบางคนก็โพสต์อะไรหลายๆ อย่างเพื่อแอบแฝงเจตนาเอาไว้ เช่น การอวดของกิน อวดสิ่งของเครื่องใช้ รวมไปถึงอวดแฟน ก็มีเช่นกัน และเมื่อไม่นานมานี้ มีผลการวิจัยร่วมจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ที่ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Personality and Social Psychology Bulletin ซึ่งได้กล่าวถึงกลไกทางจิตวิทยาว่า… การที่ผู้คนเหล่านั้นได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาลงบนสื่อออนไลน์ นั่นหมายความว่า พวกเขากำลังรู้สึกกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตน อีกทั้งพวกเขายังต้องการย้ำเตือนให้คนรู้จักได้เห็นว่า ความสัมพันธ์ของเขากับคนรักยังดีอยู่ ทั้งที่จริงๆ แล้ว พวกเขาไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย ทางด้านผู้วิจัยได้ออกมาเผยว่า “ในชีวิตประจำวันหากผู้คนรู้สึกไม่มั่นใจในความรักของตัวเอง พวกเขาก็จะมีแนวโน้มในการทำให้ความสัมพันธ์ของตัวเองสามารถมองเห็นได้ ซึ่งเหมือนกับเป็นการวาดภาพตนเองในแบบที่อยากให้ผู้อื่นมองเห็นนั่นเอง” และก่อนที่จะสรุปเป็นผลการศึกษาดังกล่าว ทางด้านนักวิจัยเคยได้ทำการทดสอบถึง 3 ครั้ง โดยในการทดสอบครั้งแรกเกี่ยวข้องกับผู้ที่รู้สึกกังวลใจ และแรงจูงใจที่ทำให้พวกเขาโพสต์ความสัมพันธ์ของตัวเองลงบนเฟสบุ๊ค ซึ่งจากผลวิจัยพบว่า พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงความกังวลเหล่านี้ได้ เพราะคิดว่าความสัมพันธ์ของตนกำลังไม่มั่นคง ดังนั้น จึงต้องทำการโพสต์อวดความสัมพันธ์ของตัวเอง อวดความรักกันดี เพื่อเน้นย้ำให้ผู้อื่นรู้ว่าความรักของตนยังคงดีอยู่ อีกทั้ง Lydia…
-
เรื่องราวประวัติศาสตร์ ที่หลายคนไม่รู้ของ “รถถัง” ยักษ์หุ้มเกราะสุดแกร่ง แห่งสงครามโลกครั้งที่ 1
สงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามขนาดใหญ่ในยุโรป เป็นการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตร( อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย อิตาลี) และฝ่ายมหาอำนาจกลาง (เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี จักรวรรติออตโตมัน) ว่ากันว่ามันคือหนึ่งในสงครามที่มีการสูญเสียมากที่สุด มีทหารกว่า 70 ล้านนายถูกเกณฑ์เข้าร่วมสงครามนี้ มีผู้สูญหายและเสียชีวิตระหว่างสงครามกว่า 40 ล้านคน อาวุธต่างๆ มากมายถูกพัฒนาขึ้นในช่วงสงคราม และหนึ่งในอาวุธที่ถูกพัฒนาขึ้นมาในการทำสงครามของทั้งสองฝ่าย ที่เรียกได้ว่าทรงพลังและแข็งแกร่งมากชนิดหนึ่งนั้นก็คือ “รถถัง” เรื่องราวและประวัติศาสตร์ของมันจะเป็นอย่างไรนั้นไปชมพร้อมๆ กันเลย รถถังรุ่นแรกๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ลักษณะคล้ายกับรถไถ สร้างโดย Rustin และ Hornsby ปี 1902 รถถังคือสิ่งที่ตอบสอนองและพัฒนาแนวการรบของชาติตะวันตกให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น อาวุธต่างๆ มากมายเช่น เกราะเหล็ก ปืน และการเคลื่อนที่ที่สามารถไปได้ในทุกพื้นผิวภูมิประเทศ ถูกเอามารวมเข้าไว้ในรถเหล็กคันใหญ่ เมื่อมันถูกนำมาใช้ในสงคราม โดยกองทัพ อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมายจากอาวุธสงครามชนิดนี้ รถถังคันแรกของประเทศอังกฤษชื่อว่า Little Willie ผลิตโดยบริษัท William Foster…
-
ผู้เชี่ยวชาญเผยทำไม “กลิ่นตด” มันเหม็นไม่เท่ากัน พร้อมแนะนำวิธีผายลม ให้เหม็นน้อยที่สุด
อาการท้องอืดท้องเฟ้อคงจะเป็นปัญหากวนใจหลายๆ คนแน่ เพราะแก๊สที่สะสมอยู่ในกระเพาะอาหารของเรานั้นมันพร้อมจะปะทุออกมาเป็น “ตด” ได้อยู่ตลอดเวลา ถ้าเกิดมีแต่ลมไม่มีเสียงและกลิ่นก็รอดตัวไป แต่ถ้าบังเอิญมีเสียงออกมาก็อาจะเขินนิดหน่อย หรือถ้าหนักมากมาทั้งกลิ่นทั้งเสียงนี่สิ ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ เราก็เลยมีคำแนะนำดีๆ จากผู้เชี่ยวชาญที่จะทำให้การผายลมของเราปราศจาคกลิ่นไม่พึงประสงค์เหล่านั้นมาฝากกันในวันนี้… Myron Brand แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารจากสถาบันที่ปรึกษาระบบทางเดินอาหาร Connecticut Gastroenterology Consultants ได้มาเผยเกี่ยวสิ่งที่ทำให้คุณท้องอืดอย่างรุนแรง คุณหมอบอกว่า “ที่จริงอาการท้องอืดนั้นมาจากการทำงานของแบคทีเรียที่อยู่ภายในกระเพาะอาหารของเรา ซึ่งกลิ่นของลมที่ผายออกมาทุกคนจะแตกต่างกัน แต่กลิ่นที่เหม็นที่รุนแรงนั้นมาจากการหมักของอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตในกระเพาะอาหารของคุณนั่นเอง” การทานอาหารที่มีประโยชน์และมีเส้นใยเยอะๆ อย่างผักบรอกโคลี กระหล่ำปลี หรือพวกธัญพืชก็เป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับแบคทีเรียในลำไส้ของเรา นอกจากนี้ยังจะทำให้กลิ่นผายลมของเรานั้นไม่เหม็นมากอีกด้วยและโปรตีนก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร โดยจะทำให้เกิดแก๊สมีเทนขึ้นมานั่นเอง แต่สิ่งที่ทำให้ลมจากก้นของเราเหม็นนั้นไม่ใช้ก๊าซมีเทนหรอกนะ แต่มันคือก๊าซกำมะถันต่างหากล่ะ!! ด็อกเตอร์ Brand ยังเสริมอีกว่า “กลิ่นของการผายลมนั้นจะช่วยเตือนว่าคุณกินอาหารประเภทไหนมากเกินไป บางคนสร้างแก๊สมีเทนขึ้นมามาก หรือบางคนก็สร้างแก๊สไฮโดรเจนซัลเฟสขึ้นมา ซึ่งมันขึ้นอยู่กับอาหารที่คุณทานเข้าไป” ผู้เชียวขาญยังแนะนำอีกด้วยว่าถ้าหากคุณไม่อยากจะผายลมบ่อยๆ ล่ะก็ควรที่จะเลือกบริโภคอาหารที่มีโปรตีนสูงกว่า เพราะมันจะทำให้เกิดการสร้างแก๊สในกระเพาะอาหารได้น้อยกว่าอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เป็นอย่างไรกันบ้างล่ะ คงจะได้วิธีการเอาไปใช้ดูแลตัวเองกันบ้างแล้วใช่ไหม และนอกจากนี้เรายังมีเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ มาบอกกันด้วยนะ รู้รึเปล่าว่าโดยปกติแล้วคนเราจะมีการตดโดยเฉลี่ย 10-20 ครั้งต่อวันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ หากใครเพิ่มเป็นวันละร้อยครั้ง หรือไม่มีการตดสักครั้งเลย แสดงว่าอาจจะมีอะไรผิดปกติก็ได้นะ…!! ที่มา unilad
-
ถ้าคุณคือคนที่เสียใจกับการสังหารโหดในซีเรีย นี่คือ 3 วิธี ที่จะช่วยพวกเขาเหล่านั้น…
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเราคงได้ยินข่าวความไม่สงบในซีเรียกันมาเยอะพอสมควร และเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะมีข่าวใหญ่อีกข่าวนั่นก็คือการใช้อาวุธชีวภาพในเมืองอิดลิบ ทางตอนเหนือของประเทศซีเรีย ซึ่งภาพข่าวที่ออกมา สร้างความเศร้าใจให้กับคนทั่วโลกอย่างมาก จากการรายงานข่าวของ CNN ระบุว่าการโจมตีนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 70 คนและบาดเจ็บอีกมากกว่าร้อยคน ทุกครั้งๆ ที่มีข่าวเกี่ยวกับการสู้รบในซีเรีย พวกเราก็ได้แต่เฝ้าหวังภาวนาให้เหตุการณ์นั้นจบลงในเร็ววัน หรือขออย่าให้มีใครเป็นอะไรไปมากกว่านี้เลย แต่ตอนนี้ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ในแถบเดียวกันกับประเทศซีเรียแต่เราก็สามารถที่จะยื่นมือเพื่อช่วยเหลือพวกเขาได้แล้ว โดยคุณสามารถที่จะช่วยสนับสนุนและร่วมบริจาดได้ผ่าน 3 ช่องทางต่อไปนี้… คุณสามารถที่จะร่วมบริจาคเงินผ่านองค์กรทั้ง 3 นี้ได้ โดยเงินทุนที่เราบริจาคไปนั้นจะถูกนำไปซื้ออุปกรณ์และครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อช่วยเหลือเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ใช้อาวุธชีวภาพถล่มกลางเมือง ซึ่งแน่นอนว่าก็ไม่ใช่องค์กรที่คุณจะสงสัยว่าจะเอาเงินคุณไปทิ้งๆ ขว้างๆ เพราะพวกเขาคือหน่วยงานซึ่งลงพื้นที่ปฏิบัติงาน และทำให้คุณรู้สึกว่าเงินคุณส่งไปถึงพวกเขาจริงๆ 1. The Union of Medical Care and Relief Organizations (OUSSM) OUSSM คือองค์กรที่มอบช่วยเหลือทางด้านการแพทย์และช่วยเหลือทางด้านสุขภาพของผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ความไม่สงบในซีเรีย ตอนนี้เค้ากำลังระดมทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสงครามอยู่ถ้าใครอยากสนับสนุนเงินก็สามารถร่วมบริจาตได้ ที่นี่ เลย 2. องค์กร The Syrian American Medical Society (SAMS) พวกเขามีเครื่องมือและสิ่งอำนวจความสะดวกทางการแพทย์อย่างมากมายเพื่อพร้อมที่จะช่วยเหลือเหยืื่อผู้เคราะห์ร้ายในพื้นที่ความไม่สงบนี้ ถ้าหากใครอยากที่จะร่วมสนับสนุนเงินหรืออยากทราบรายละเอียดการช่วยเหลือเพิ่มเติมก็เข้าไปเยี่มชมเว็บไซต์ขององค์กรได้ ที่นี่ เลย 3.…
-
ความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยกับการก่อสร้างอาคาร โชคลางเป็นหลัก ความสวยงามเป็นผลพลอยได้…
หลักฮวงจุ้ย ความเชื่อในการออกแบบของสถาปัตยกรรมแบบจีน ที่เชื่อว่าโลกของเรามีการไหลเวียนของพลังงานอยู่ ดังนั้นสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่อยู่บนพื้นโลกก็เช่นกัน ย่อมได้รับผลของการไหลเวียนพลังงานนั้น ถ้าหากมีการก่อสร้างที่เป็นการขวางพลังงานที่ดี ก็อาจจะส่งผลเสียต่ออาคารนั้นรวมไปถึงผู้อยู่อาศัยภายในได้ หลักฮวงจุ้ยนี้ได้รับความนิยมในการนำไปปรับใช้กับการสร้างอาคารต่างๆ ในปัจจุบันอย่างมาก เพื่อให้ผู้ที่อยู่อาศัยประสบกับความโชคดีและร่มเย็นเป็นสุข นอกจากเรื่องของความโชคดีแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นผลพลอยได้จากการทำตามหลักฮวงจุ้ยนั่นก็คือ รูปแบบของอาคารและสิ่งก่อสร้างที่สวยงามและแปลกตา ทำไมถึงต้องออกแบบตึกให้มีรูกลางอาคารด้วย!? ประเทศฮ่องกง ได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีตึกระฟ้าที่สวยงามอยู่มากมาย การออกแบบและก่อสร้างอาคารสูงเหล่านั้นถูกออกแบบและก่อสร้างโดยคำนึงถึงหลัก “ฮวงจุ้ย”เป็นสำคัญ การจัดตำแหน่งของทางเข้าอาคารและเฟอร์นิเจอร์ภายในตามหลักของฮวงจุย มีความเกี่ยวข้องกับความเจริญรุ่งเรืองของเจ้าของอาคาร ความเชื่อนี้ถูกพิจารณาเป็นอันดับแรกๆ ในการสร้างบ้านหรือซื้อขายอาคารส่วนมากในเกาะฮ่องกง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความเชื่อไม่มีหลักการทางวิทยาศาตร์ยืนยันได้ หลักฮวงจุุ้ยเคยถูกปราบปรามครั้งใหญ่ในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรมของประเทศจีนช่วงปี 1960 แต่กลับมาได้รับความนิยม อย่างมากในช่วงที่ผ่านมา มีหลายบริษัทถึงขั้นจัดสรรงบเพื่อไว้สำหรับปรึกษาเกี่ยวกับฮวงจุ้ย โดยคำแนะนำของการวางฮวงจุ้ยก็มีตั้งแต่ การจัดวางตำแหน่งของโต๊ะผู้บริหาร การเอาเหรียญมาวางไว้ใต้พรม หรือแม้กระทั่งการวางรูปแบบของอาคารใหม่เลยทีเดียว ตัวอย่างของความเชื่อนี้ที่ถูกนำไปประยุกต์ใช้กับการจัดวางอาคารต่างๆ เช่น ตึกสำนักงานใหญ่ของธนาคารระดับโลกอย่าง HSBC ได้นำรูปหล่อของสิงห์โตสองตัวมาตั้งที่หน้าสำนักงาน มีการปรับทิศทางของบันไดเลื่อนเพื่อป้องกันวิญญาณชั่วร้ายจากจากอ่าว Victoria เข้าสู่ออฟฟิส และสร้างสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะคล้ายกับปืนใหญ่ไว้ด้านบนสุดของอาคารเพื่อเป็นการยิงส่งชั่วร้ายที่มาจากอาคารตรงข้ามอีกด้วย อาจเป็นเพราะการแก้ฮวงจุ้ยนี้เองที่ยังคงทำให้ธนาคาร HSBC ยังคงดำเนินกิจการได้ถึงจนทุกวันนี้ เพราะอาคารที่อยู่บริเวณเดียวกันที่ละเลยการวางฮวงจุ้ยต่างก็ต้องพบกับโชคร้าย อย่างเช่น ธนาคารพาณิชย์ที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ อย่าง Bank of China ก็มีผลประกอบการที่ไม่ดี หรือ…
-
นักบินอธิบายความหมายของ “11 โค้ดคำพูด” ที่ผู้โดยสารได้ยินแล้วอาจจะงง…
สำหรับผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับด้านการบิน อาจจะคุ้นเคยกับโค้ดคำพูดต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้งานระหว่างนักบิน และลูกเรือ แต่กับชาวบ้านอย่างเราๆ พอได้ยินทีไรก็งงเป็นไก่ตาแตกทุกที ทางเว็บไซต์ BusinessInsider จึงได้ไปสัมภาษณ์ Patrick Smith หนุ่มนักบินที่จะมาบอกเราว่า 11 โค้ดคำพูดที่มักได้ยินบ่อยๆ เหล่านี้ จริงๆ แล้วมันมีความหมายอะไรกันแน่? 1. Doors to arrival and crosscheck เป็นประโยคคำพูดของหัวหน้าเที่ยวบินตอนที่เครื่องบินลงจอดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ลูกเรือตรวจเช็คทางออกฉุกเฉินที่ติดกับประตูทางออกของผู้โดยสาร ก่อนที่ประตูจะเปิดออกหลังเครื่องลงจอดอีกทีนึง 2. All-call คำว่า ‘All-call’ มักจะถูกใช้สำหรับการขั้นตอนการสั่งการณ์ให้ลูกเรือเตรียมพร้อมสำหรับประตูทางออก ก่อนที่เครื่องจะลงจอด โดยมักจะมาคู่กับประโยค ‘Doors to arrival and crosscheck’ 3. Holding Pattern ใช้สำหรับการรายงานสภาพจราจรบนท้องฟ้าที่อาจทำให้เกิดการดีเลย์เช่น เจอพายุทำให้ลงจอดไม่ได้ และคำนี้อาจจะถูกปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ต่างๆ 4. Last minute paperwork สำหรับผู้โดยสารแล้วถ้ามีการประกาศแบบนี้อาจหมายถึงความล่าช้าที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งคำว่า ‘paperwork’…
-
สาวญี่ปุ่นร่วมตอบแบบสอบถาม 11 สิ่งที่อยากให้หนุ่มๆ ได้รู้เกี่ยวกับ ‘หน่มน้ม’ มากยิ่งขึ้น!!
เรื่องร่างกายของคนเรานั้นเองก็มีความลับอีกมากมายที่เรายังไม่รู้ ยิ่งเป็นร่างกายของเพื่อนต่างเพศนี่ยิ่งแล้วใหญ่ และสำหรับเหล่าชายหนุ่มทั้งหลายก็คงหนีไม่พ้นส่วน ‘หน้าอก’ ของสาวๆ นี่แหละ ที่ดูจะน่าสนใจมากที่สุด สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว ก็จะขอพาเพื่อนๆ ไปหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ‘หน้าอกของผู้หญิง’ ที่เหล่าผู้ชายเข้าใจผิดมาตลอด ผ่านทางแบบสอบออนไลน์ถามจากเว็บไซต์ MyNavi Woman ของประเทศญี่ปุ่น ที่มีเหล่าสาวๆ เข้ามาร่วมตอบในหัวข้อ “11 สิ่งที่สาวญี่ปุ่นๆ อยากให้หนุ่มๆ เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องหน้าอกของพวกเธอมากยิ่งขึ้น” จะมีอะไรบ้างลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… อันดับ 10 (ร่วม) หน้าอกเล็กทำให้การใส่บราดูน่ารักมากยิ่งขึ้น (14.4 เปอร์เซ็นต์) อันดับ 10 (ร่วม) ไม่ได้รู้สึกดีใจ หรือมีความสุข ที่ผู้ชายคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่แฟนมาชมว่าหน้าอกของตัวเองสวย (14.4 เปอร์เซ็นต์) ก็แหงล่ะสิ ใครๆ ก็อยากให้แฟนของตัวเองชมทั้งนั้นแหละเนอะ แต่จะให้คนอื่นมาชมล่ะพักก่อนนนน อันดับที่ 9 การถูกสัมผัสหน้าอก ไม่ได้ทำให้รู้สึกมีอารมณ์ขึ้นมาหรอกนะ (14.8 เปอร์เซ็นต์) พวกเธอน่ะดูหนัง AV กันมากไปแล้วนะ!! …
-
งานวิจัยเผย ‘พืชผัก’ สามารถรับรู้ได้ว่าตัวเองกำลังถูกกัดกิน และมีปฏิกิริยาต่อต้าน!!
สำหรับหลายๆ คนที่ชื่นชอบทานอาหารจำพวกพืชผัก จะรู้กันดีว่าพวกมันมีความกรอบ มีความกรุบ และการทานผักนั้นส่วนใหญ่เราก็จะมักทานกันแบบสดๆ ทุกครั้งที่กัดกร้วมเข้าไปเราก็มักจะไม่ได้คิดถึงอะไรเลยเพราะเชื่อว่ามันไม่ได้มีความรู้สึกอะไร แต่ล่าสุดมีงานวิจัยออกมาแล้วว่าเหล่าพืชผักทั้งหลายนั้นสามารถได้ยิน และรับรับรู้ ว่าตัวเองกำลังถูกกินอยู่!? จากงานวิจัยชิ้นล่าสุดจากมหาวิทยาลัย University of Missouri ได้ค้นพบว่าต้นไม้สามารถแยกแยะเสียงที่อยู่ใกล้ๆ ได้ อย่างเช่นเสียงของการกิน จากนั้นมันก็จะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อภัยคุกคามที่กำลังเกิดขึ้น “พวกเราค้นพบว่าสัญญาณการสั่นสะเทือนของเสียงในการกิน จะทำให้เซลล์ของระบบเมตาบอลิซึมของต้นไม้เปลี่ยนแปลงไป มีการสร้างสารเคมีเพื่อป้องกันตัวเองมากยิ่งขึ้น เพื่อขับไล่หนอนผีเสื้อที่กำลังกัดกินร่างกายของมันออกไป” Heidi Appel นักวิจัยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ต้นไม้จากมหาวิทยาลัย University of Missouri กล่าว ในการศึกษานั้นนักวิจัยได้นำเหล่าหนอนผีเสื้อไปวางไว้บนใบของต้น Arabidopsis เพื่อทำการเก็บเสียงตอนที่เจ้าหนอนผีเสื้อที่กำลังค่อยๆ กัดใบไม้เอาไว้ด้วย จากนั้นก็นำเสียงที่บันททึกเอาไว้ไปเปิดในกล่องที่มีต้น Arabidopsis อยู่ ส่วนอีกกล่องไม่ได้เปิดอะไรให้ฟัง ซึ่งที่ใบก็ได้มีการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงเอาไว้ ผลปรากฎว่าใบของต้น Arabidopsis ที่ได้ยินเสียงกัดใบไม้มีการปล่อยสารเคมีที่เรียกว่า Mustard Oil ออกมา ซึ่งเหล่าหนอนผีเสื้อไม่ชอบสารเคมีชนิดนี้เท่าไหร่นัก นอกจากนี้เหล่านักวิจัยก็ได้ทำการทดลองนำเสียงอื่นๆ มาเปิดให้ฟังเช่น เสียงของแมลงชนิดอื่น เสียงลมพัด เสียงฝนตก เป็นต้น แต่ก็พบว่าเสียงเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ใบไม้ปล่อยสารเคมีออกมาได้มากเท่าเสียงกัดกินของหนอนผีเสื้อ ทำให้สรุปได้ว่าเหล่าพืชทั้งหลายเองก็มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อปัจจัยภายนอก อย่างการถูกกระทำโดยสัตว์ต่างๆ แถมยังใช้วิธีที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วยนะ!!…
-
เปิดตำนานวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของ “เกอิชา” ตัวแทนความงาม ตามแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ๆ
เชื่อว่าเราคงเคยได้ยินคำว่า “เกอิชา” กันมาบ้างแล้ว แต่หลายๆ คนก็อาจจะมีความเข้าใจที่ผิดกับคำคำนี้ บ้างก็หาว่าพวกเธอเป็นนางรำ หรือหนักมากถึงขนาดเข้าใจว่าเป็นหญิงขายบริการเลยทีเดียว ซึ่งนับวันอาชีพเกอิชานี้ เริ่มที่จะถูกวัฒนธรรมในปัจจุบันกลืนไปแล้ว ยังคงเหลือให้เห็นเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นในญี่ปุ่น และก่อนที่ศิลปะอันงดงามนี้จะหายสาบสูญไป เรามาทำความรู้จักกับวัฒนธรรมอันเก่าแก่นี้กันดีกว่า เกอิชาทำหน้าที่ต้อนรับซามูไรผู้เป็นแขก, ประมาณปี 1880 เกอิชา เป็นอาชีพบริการที่เก่าแก่ที่สุดอาชีพหนึ่งของญี่ปุ่น ผู้ที่จะเป็นเกอิชาได้นั้นต้องได้รับการฝึกฝนศิลปะโบราณต่างๆ ของญี่ปุ่นเช่น การเล่นดนตรี การเต้นรำ การจัดดอกไม้ หรือการชงชา เป็นต้น การเป็นเกอิชาถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้หญิงญี่ปุ่นภูมิใจมาก เมื่อเด็กหญิงเริ่มฝึกเป็นเกิอิชา เธอจะถูกเรียกว่า “ไมโกะ” และหลังจากอายุ 21 ปีเธอก็จะกลายเป็นเกอิชาแบบเต็มตัวและถูกเรียว่า “กิโกะ” ผู้หญิงทุกคนสามารถที่จะเป็นเกอิชาได้ ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเป็นเกอิชาฝึกหัดหรือ “ไมโกะ” มาก่อน แต่อาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงเท่ากับคนที่เป็นเกอิชามาตั้งแต่เด็กๆ นี่เป็นภาพของเกอิชาสองคน ที่กำลังฝึกฝนศิลปะการเล่น Samisen เครื่องดนตรีเก่าแก่ของญี่ปุ่น เกอิชาถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพวกหญิงขายบริการ เนื่องจากพวกหญิงโคมแดงมักจะแต่งชุดเหมือนพวกเธอและเรียกตัวเองว่าเกอิชา แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เกอิชาแตกต่างจากสาวขายบริการก็คือการแต่งตัว ชุดกิโมโน ที่พวกเธอใส่นั้น จะมีการผูกผ้าคาดเอวหรือ “โอบิ” ไว้ที่เอวโดยพวกเกอิชาจะผูกโอบิของพวกเธอไว้ด้านหลัง ส่วนสาวขายบริการจะผูกไว้ด้านหน้า เนื่องจากพวกเธอต้องแกะและถอดชุดอยู่บ่อยๆ ดังนั้นการที่ผูกโอบิไว้ข้างหน้าจึงทำให้เธอถอดและผูกมันด้วยตัวเองได้ง่ายขึ้น การแต่งกายด้วยชุดกิโมโนของ “เกอิชา” และอีกสิ่งที่แตกต่างกันก็คือการทำหน้าที่ในการบริการ…
-
งานวิจัยล่าสุดชี้ คนที่ชอบพูดคุยกับสัตว์เลี้ยงบ่อยๆ มีแนวโน้มที่จะฉลาดมากกว่า!?
เป็นกิจวัตรประจำวันเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าเราจะไปทำธุระอะไรมาก็ตาม เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วเจอหน้าเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวน้อย เราก็มักจะพูดคุยกับมันเสมอ ไม่ว่าจะเป็น ‘สบายดีมั้ยลูก?’ หรือ ‘โอ๊ยย…คิดถึงจังเลย’ ก็ไม่ต้องแปลกใจไป คุณไม่ได้บ้าหรอก!! เพราะล่าสุดงานวิจัยจาก ศาสตราจารย์ Nicholas Epsey แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก ได้ออกมายืนยันถึงพฤติกรรมดังกล่าวแล้วว่า มันไม่ใช่เรื่องของคนบ้า หรือความผิดปกติแต่อย่างใด นักวิจัยกล่าวว่าพฤติกรรมดังกล่าว มันก็มีลักษณะเหมือนพฤติกรรมที่เรามักจะเผลอคุยกับของเล่น ตอนที่เราเป็นเด็กๆ นั่นแหละ โดยพฤติกรรมนี้มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า ‘anthropomorphizing’ (แอนโธรโพมอไฟซิ่ง จะอ่านยากไปไหน) ‘เป็นปกติที่เรามักจะตั้งชื่อให้กับสิ่งของที่เรารู้สึกผูกพันธ์เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นรถ เครื่องดนตรี กล้อง หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยง ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถสะท้อนความเป็นตัวตนของเราได้ ถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพชัดๆ ก็คือ ตอนที่คุณคุยกับเจ้าหมา หรือเจ้าแมวที่บ้าน สมองของคุณได้สร้างจินตนาการที่เชื่อมโยงกับสิ่งนั้นๆ ขึ้นมา เช่นการที่เราคุยกับแมว แล้วเราก็คิดว่ามันรู้สึกรำคาญ หรือหิวข้าว จากการสังเกตพฤติกรรม ซึ่งทำให้สมองของเรามีการกระตือรือร้น ในการทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ รอบตัว มากยิ่งขึ้น’ Nicholas Epsey กล่าว เพราะฉะนั้นเวลาที่เราคุยกับสัตว์เลี้ยง สมองของเราก็จะเกิดการเรียนรู้ และรับรู้ สิ่งใหม่ๆ…
-
หญิงสาวผู้มีความผิดปกติบนใบหน้า ได้พบรักแท้อีกครั้ง หลังทนกับการดูถูกมาแสนนาน…
เรื่องความผิดปกติของรูปร่าง หลายครั้งทำให้เกิดเป็นปมด้อยและถูกกีดกันจากสังคม คนที่มีร่างกายผิดปกติมักจะถูกรังแกและล้อเลียนอยู่บ่อยๆ เหมือนเช่น Sophia Walker หญิงสาววัย 22 ปี ผู้ที่มีใบหน้าผิดปกติ แต่ถึงแม้จะถูกล้อและรังแกยังไง แต่ก็ยังมีคนที่มองเห็นความดีและตกหลุมรักเธออยู่นะ…วันนี้ #เหมียวเวจจี้ ได้นำเรื่องราวความรักของเธอมาฝากกัน จะสุดแสนโรแมนติกส์ขนาดไหน เป็นเวลากว่าครึ่งชีวิตของ Sophia Walker หญิงสาววัย 22 ปีผู้ที่มักจะถูกเพื่อนแกล้ง เธอต้องอดทนต่อคำดูถูกเหยีดหยามจากความผิดปกติของใบหน้าเธอ ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานที่ผิดพลาดของระบบประสาทส่วนกลางทำให้เกิดเนื้องอกที่บริเวณใบหน้าเธอ แต่เมื่อไม่นานมานี้เธอได้พบรักกับเพื่อนเก่าของเธอ Christian Dibden ชายหนุ่มวัย 22 ปี ที่เรียนคณะเดียวกับเธอ Sophia Walker และแฟนหนุ่มของเธอ เธอบอกว่า “หลังจาที่โดนดูถูกอย่างมากและเจอประสบการณ์เดทที่ไม่ค่อยดี ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเจอผู้ชายดีๆ กับเค้าบ้าง” “ผู้ชายที่ฉันเคยคบมักจะไม่พาฉันออกไปพบปะกับใคร และเขามักจะทำให้ฉันอับอาย แต่วันนี้ฉันได้พบกับใครคนหนึ่ง ที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีคุณค่า และรักที่ฉันเป็นตัวของตัวเอง” Sophia Walker กล่าว ปัจจุบันทั้งคู่คบกันมา 5 เดือนแล้ว เขาทั้งสองเคยพบกันก่อนหน้านี้แล้วเมื่อตอน อายุ 16 ปีแต่ต้องแยกกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย แต่เมื่อเดือนกันยาที่แล้วทั้งคู่ก็ได้พบกันอีกและรื้อฟื้นความหลังเกี่ยวกับความสัมพันธ์เมื่ออดีต Christian Dibden แฟนหนุ่มผู้ที่เข้ามาเติมเต็มความมั่นใจให้กับเธออีกครั้ง …
-
12 อดีตผู้ติดยาเสพติด แชร์ภาพก่อน-หลังเลิกยา และชีวิตที่เปลี่ยนไปราวกับได้เกิดใหม่…
ขึ้นชื่อว่ายาเสพติด ย่อมเป็นสิ่งไม่ดีต่อผู้ที่เสพมันอยู่แล้ว เพราะนอกจากจะทำร้ายร่างกายของผู้เสพแล้ว มันยังทำลายอนาคตและครอบครัวอีกด้วย หลายๆ คนพยามอย่างมากที่จะเลิกมัน และเพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังต่อสู้กับการเลิกสิ่งไม่ดีพวกนี้อยู่ #เหมียวเวจจี้ ก็ได้นำภาพและเรื่องราวของ ผู้ที่สามารถเอาชนะยาพวกนี้ได้ มาให้ได้ชมกัน นี่คือภาพของ Dejah Hall หญิงสาววัย 26 ปี หลังจากที่เธอเลิกเฮโรอีนและเมตแอมเฟตามีน (สารเสพติดที่รุนแรงกว่าแอมเฟตามีน) มาได้4 ปี ได้แชร์เรื่องราวการบำบัดของเธอผ่าน Facebook “ทุกวันนี้ เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้วที่ฉันเลิกจากยาเสพติด ภาพทางด้านซ้ายคือภาพของฉันตอนที่โดนจับ แต่ฉันกำลังจะเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยให้ฉันผ่านเรื่องราวร้ายๆเหล่านั้นมา” สภาพของหญิงสาวที่หันหลังให้กับยาเสพติดย์อย่างเมตแอมเฟตามีนมาได้ 10 ปีแล้ว เธอบอกว่า “ตอนนี้ฉันอายุ 32 ปี ภาพทางด้านซ้ายคือภาพของฉัน 2 ปีก่อนที่จะเลิกยา เมื่อก่อนฉันเป็นคนที่แย่มากฉันขโมยทุกอย่างเพื่อนำเงินไปเสพยา 10 ปีที่ผ่านมาฉันภูมิใจในตัวเองมากที่เลิกยาได้” สาวคุณแม่ลูกสองที่เลิกเฮโรอีนมาได้ 8 เดือนแล้ว เธอลงรูปของเธอใน อินสตาแกรม และบอกว่า “8 เดือนมหัศจรรย์ ฉันรอเวลานี้มานานแล้ว” หน้าตาดูเปลี่ยนไปมากเลยนะเนี่ย ภาพของหญิงสาวที่หลังจากที่เลิกเฮโรอีนมาได้ 2 ปี 3 เดือน…
-
นักวิทย์ฯ เผย…การงีบหลับแค่ 30 นาที ช่วยส่งผลทำให้ชีวิต มีความสุขขึ้นได้เป็นอย่างมาก!!
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบแล้วว่าการงีบหลับแบบสั้นๆ นั้นมันมีความเชื่อมโยงกันกับความสุขของมนุษย์… จากการศึกษาครั้งก่อนๆ ได้ข้อสรุปออกมาว่าการนอนหลับยาวนั้นจะช่วยในเรื่องของการป้องกันการเกิดโรคหัวใจล้มเหลว แต่ปัจจุบันก็มีการศึกษาเพิ่มขึ้นมาอีก และได้ผลว่าการงีบหลับเป็นระยะสั้นๆ จะช่วยให้เกิดประโยชน์ที่ดีกับร่างกาย ศาสตราจารย์ Richard Wiseman จากมหาวิทยาลัย University of Hertfordshire กล่าวว่า “จากงานวิจัยชิ้นก่อน ได้แสดงให้เห็นว่าการงีบหลับเป็นเวลาน้อยกว่า 30 นาที จะช่วยให้คุณมีความมุ่งมั่น มีความคิดสร้างสรรค์ และช่วยให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และจากการศึกษาเพิ่มเติมแล้วก็พบว่าการงีบหลับจะส่งผลให้คุณมีความสุขมากขึ้นอีกด้วย ในทำนองเดียวเดียวกัน ยิ่งงีบหลับยาวเท่าไหร่ก็จะมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงทางสุขภาพ และนี่ก็เป็นการคาดหวังถึงบทสรุปของงานวิจัยชิ้นนี้แล้ว” งานวิจัยนี้ดำเนินการโดย Edinburgh International Science Festival ด้วยการถามคำถามทางจิตวิทยากับผู้ให้ความร่วมมือมากกว่า 1,000 คน ผ่านทางแบบสอบถามออนไลน์ ที่เป็นคำถามเกี่ยวกับการงีบนิสัยในการงีบหลับ พบว่าคนที่เป็นนักงีบหลับจะมีคะแนนความสุขที่สูงกว่าคนที่ไม่ชอบงีบ โดยคนที่งีบหลับน้อยๆ ในตอนกลางวันได้คะแนนความสุขเฉลี่ยที่ 3.67 คะแนน จาก 5 คะแนนเต็ม คนไม่งีบได้คะแนน 3.52 และคนงีบหลับนานกว่านั้นได้ 3.44 คะแนน แบบนี้ต้องงีบช่วงหลังบ่ายซักวันละ…
-
เผย 10 ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับวงการอุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่ ถ้าคุณดูบ่อยๆ ก็ควรรู้เอาไว้!!
ถ้ามีคนมาบอกเราว่า ตั้งแต่เกิดมาเขาคนนั้นไม่เคยเข้าเว็บโป๊มาก่อนเลย เรากล้าพูดเลยว่าคนนั้นแม่มต้องโม้แน่นอน เพราะยังไงๆ เราก็มั่นใจว่าอย่างน้อยคนเราก็ต้องเคยเข้าไปเยือนเว็บโป๊กันซักครั้งแหละว๊าาา และสำหรับคนที่ชอบเข้าไปเยี่ยมชมเว็บโป๊อยู่บ่อยๆ อาจจะไม่เคยรู้ความจริงบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับวงการนี้ เอาเป็นว่านี่แหละคือ 10 ข้อเท็จจริงของอุตสาหกรรมหนังโป๊ ที่สรุปโดยเว็บไซต์ Scoopwhoop รู้ก็ได้ไม่รู้ก็ได้ แต่รู้ไว้เถอะเดี๋ยวจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง! 1. ทุกๆ ช่วงเวลา (ตอนนี้ก็ด้วย) มีผู้เข้าชมเว็บโป๊จากทั่วโลกเฉลี่ยรวมกันมากถึง 30 ล้านคนเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นไม่ต้องรู้สึกผิดไปถ้าหากคุณอยากจะทำให้โลกสวยด้วยมือของตัวเอง 2. มีหนังโป๊มากถึง 13,000 เรื่องที่ถูกผลิตออกมาในแต่ละปี ถ้าคิดเป็นรายวันก็เฉลี่ยเท่ากับว่ามีหนังโป๊เรื่องใหม่ๆ ออกสู่ท้องตลาดวันละกว่า 36 เรื่อง! 3. 12% จากจำนวนเว็บไซต์ทั้งหมดทั่วโลก เป็นเว็บโป๊ 4. ที่ออสเตรเลียมีการสั่งห้ามไม่ให้ผู้หญิงที่มีไซส์หน้าอกคัพเอ แสดงหนังผู้ใหญ่ แล้วกลุ่มคนที่ชอบสาวอกเล็กล่ะ จะทำยังไง? 5. ด้วยลักษณะเนื้องานที่แตกต่างกัน ทำให้ในวงการนี้ผู้หญิงจะได้รับค่าจ้างสูงกว่าผู้ชาย 6. ที่ประเทศเกาหลีเหนือ การดูหนังโป๊ หรือการเข้าเว็บโป๊ มีโทษร้ายแรงถึงประหารชีวิตเลยทีเดียว แล้วหนุ่มๆ ที่นั่นเค้าจะรู้จักคำว่า…
-
15 เรื่องจริงของ “ยากูซ่า” กลุ่มชนทรงอิทธิพลแห่งอาทิตย์อุทัย ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
ถ้าใครติดตามสื่อญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ จะต้องเคยได้ยินชื่อของ “ยากูซ่า” อย่างแน่นอน โดย “ยากูซ่า” เป็นชื่อของกลุ่มที่มีอิทธิพลอยู่ในประเทศญี่ปุ่น (คล้าย แก๊งมาเฟียของอิตาลี อะไรทำนองนั้น) โดยพวกเขาอยู่เบื้องหลังของธุรกิจผิดกฎหมายมากมาย ทั้งค้ามนุษย์ ค้าอาวุธ หรือแม้กระทั่งมือปืน และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 15 เรื่องจริงเกี่ยวกับ “ยากูซ่า” ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน จะมีอะไรบ้าง เราไปชมกันดีกว่า 1.แก๊งยากูซ่าทั่วประเทศญี่ปุ่นมีจำนวนสมาชิกถึง 100,000 คน ทำให้ยากูซ่าเป็นกลุ่มอาชญากรรมที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุดในโลก 2. คำว่า “ยากูซ่า” นั้นเดิมทีมาจากการเล่นไพ่ของญี่ปุ่น “โออิโช-คาบุ” (เล่นกับไพ่ดอกไม้ (ฮานะฟุดะ) หรือไพ่ kabufuda) คล้ายคลึงกับไพ่บาคารา 3. โครงสร้างขององค์กรยากูซ่าจะเป็นรูปพีระมิด โดยหัวหน้าจะอยู่จุดสูงสุดเรียกตนเองว่า “โอยะบุน” และรองลงมาด้วยลูกน้องคนสนิทไปเรื่อยๆ ซึ่งลูกน้องระดับล่างสุดจะถูกเรียกว่า “โคะบุน” 4. จำนวนของยากูซ่าเพิ่มขึ้นเป็น 184,000 คน ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนตำรวจทั้งหมดของญี่ปุ่น 5.…
-
ผลการศึกษาชี้ว่าเด็กที่ ‘ทำงานบ้าน’ เป็น… มีแนวโน้มประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่า!!
สำหรับพ่อแม่ทั้งหลายแล้ว การได้เห็นลูกๆ ประสบความสำเร็จนั้นก็ถือเป็นการเติมเต็มความฝันอย่างหนึ่งเลยทีเดียวล่ะ แน่นอนว่าการจะทำให้ลูกๆ ประสบความสำเร็จได้นั้น พ่อแม่เองก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่คอยสนับสนุน และให้การช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังเท่าที่จะสามารถทำได้ สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว ก็จะขอมาแนะนำวิธีในการที่จะช่วยให้ลูกๆ ประสบความสำเร็จในอนาคต เผื่อว่าจะเกิดประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายไม่มากก็น้อย เป็นคำแนะนำของ Julie Lythcott-Haims นักเขียน และอดีตผู้นำนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Stanford University ที่ได้มากล่าวบนเวที TED Talk ในหัวข้อ “วิธีการเลี้ยงลูกให้เขาประสบความสำเร็จ โดยไม่บงการมากจนเกินพอดี” จากการศึกษาพบว่าเด็กที่ทำงานบ้านมาตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ จะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือกับผู้อื่นมากกว่า และจะช่วยให้พวกเขามีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเพราะว่าตัวเองเคยผ่านความยากลำบากมาแล้ว ซึ่งการทำงานบ้านในตอนเด็กๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับพวกเขา และจะช่วยให้พวกเขาสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและตรงตามต้องการ เพราะคนที่ทำงานบ้านเป็นมักจะคอยฟังคำแนะนำอย่างใจจดใจจ่อ นอกจากนี้จากการศึกษายังได้ผลอีกว่าเด็กที่ทำงานบ้านมาตั้งแต่เด็กๆ และยิ่งทำมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้พวกเขามีความสุขกับชีวิตครอบครัวมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทิ้งขยะ การซักผ้า การล้างจาน ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของ ‘ครอบครัว’ และหากพวกเขาได้ทำงานบ้าน ก็เท่ากับว่าเขาได้ใกล้ชิดและเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ทำให้พวกเขามองเห็นความสำคัญของมักมากยิ่งขึ้นไปอีก ที่มา : distractify
-
สื่อญี่ปุ่นเผยเหตุผลที่ว่า ทำไมคนญี่ปุ่นมักจะใส่ผ้าปิดปาก นอกเหนือจากด้านสุขภาพ
ใครที่มีโอกาสเคยไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น หรือใครที่ชอบติดตามเรื่องราวข่าวสารบ้านเมืองแดนปลาดิบอยู่เป็นประจำ เคยสังเกตมั้ยว่าทำไมประชาชนญี่ปุ่นไม่ว่าจะวัยรุ่น หรือวัยทอง พวกเขามักจะสวมผ้าปิดปากในที่สาธารณะอยู่เสมอ ทุกคนคงทราบดีอยู่แล้วว่าผ้าปิดปาก เป็นอุปกรณ์ช่วยป้องกันเชื้อโรคจากผู้ที่มีอาการป่วย ให้ไม่สามารถแพร่กระจายสู่ที่สาธารณะได้ ทว่านี่ไม่ใช่เหตุผลเพียงข้อเดียวที่ทำให้คนญี่ปุ่นนิยมใส่ผ้าปิดปากกันหรอกนะ โดยข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ Rocketnews24 ได้ระบุว่า เหตุผลอันดับแรกที่ทำให้คนญี่ปุ่นหันมาสวมใส่ผ้าปิดปากก็คือเหตุผลด้านสุขภาพนั่นแหละถูกต้องแล้ว ทว่าผลสำรวจจากประชาชนชาวญี่ปุ่นก็ทำให้พวกเขาได้ทราบว่า นอกเหนือจากเรื่องสุขภาพแล้ว คนส่วนใหญ่ยังเลือกที่จะสวมผ้าปิดปากเพราะไม่ต้องการให้คนแปลกหน้าเข้ามายุ่งเกี่ยว หรือมีปฏิสัมพันธ์ด้วย (ประมาณว่าเก็บตัวในที่สาธารณะ) Jun Fujikake อาจารย์ภาคจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยโตเกียว ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ‘เวลาที่คนเรามีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน เราสามารถเลือกได้ว่าจะนำเสนออารมณ์เชิงบวก หรือเชิงลบออกไป แต่การสวมใส่ผ้าปิดปากเป็นอีกวิธีที่จะหลีกเลี่ยงการแสดงออกเหล่านั้น บวกกับเทรนด์ของโลกสมัยใหม่ที่ผู้คนมักจะสนใจโลกโซเชียลมากกว่า ทำให้เด็กรุ่นใหม่ต่างมีลักษณะพฤติกรรมที่ค่อนข้างจะเก็บตัว และปลีกตัวออกจากสังคม โดยมีผ้าปิดปากเป็นเหมือนสัญลักษณ์ชนิดหนึ่งเลยก็ว่าได้’ นอกจากเหตุผลเรื่องความเป็นส่วนตัวในที่สาธารณะแล้ว นางแบบชื่อดังผู้ไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่ง ได้ให้ข้อมูลกับเว็บไซต์ดังกล่าวว่า หลังจากที่เธอถ่ายงานเสร็จ และต้องล้างเครื่องสำอางออก เธอก็มักจะใช้ผ้าปิดปาก ปกปิดใบหน้า (สด) ที่แท้จริงของตัวเองด้วยเช่นกัน และดูเหมือนว่าเทรนด์ผ้าปิดปากในญี่ปุ่นจะได้รับความนิยมสูงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะตอนนี้พวกเขามีทั้งผลิตภัณฑ์ ‘ผ้าปิดปากลดน้ำหนัก’ หรือแม้แต่ ‘ผ้าปิดปากแฟชั่นหลากสีสัน’ ออกมาวางขายจนกลายเป็นเหมือนแฟชั่นหลักอย่างหนึ่งเลยแหละ ตัวอย่างสินค้าผ้าปิดปากหลากสีสัน สรุปแล้วก็คือด้วยความที่สังคมสมัยใหม่ในญี่ปุ่นผู้คนมักจะชอบเก็บตัว และมีความเป็นโลกส่วนตัวสูง…
-
งานวิจัยเผย คนที่เคยนอกใจคนรักมาแล้ว ยังไงก็ไม่ซื่อสัตย์กับคนรักอย่างแน่นอน…
เป็นปัญหาใหญ่สุดที่ทำให้คนรักต้องเลิกรากันไปเลยก็ว่าได้ เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งคิดไม่ซื่อแอบไปมีกิ๊ก (ชู้) พอโดนจับได้ส่วนใหญ่ก็มักจะอ้างไปว่า ‘เค้าจะไม่ทำอีกแล้วว T^T’ หรือไม่จริง!? และล่าสุดเว็บไซต์ Nature ได้รายงานเรื่องงานวิจัยที่ยืนยันถึงพฤติกรรมดังกล่าวแล้วว่า ของแบบนี้ถ้ามีครั้งแรกแล้ว เดี๋ยวมันก็จะมีครั้งที่ 2… 3… 4… 5… ตามมาอีกนั่นแหละ จากงานวิจัยที่ชื่อว่า ‘The Brain Adapts To Dishonesty’ ของ Neil Garret และทีมงาน จากสถาบันวิจัยและทดลองด้านจิตวิทยาแห่งกรุงลอนดอน พวกเขาได้มีขั้นตอนการวิจัยดังนี้… ทีมงานได้นำอาสาสมัครที่เป็นคู่รักกันมาแบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งมองเห็นภาพไม่ชัดจะต้องคอยเดาว่ามีเหรียญในขวดโหลอยู่กี่เหรียญ ส่วนอีกฝั่งที่มองเห็นภาพชัดจะต้องคอยช่วยเหลือคนรักที่เป็นคนเดาจำนวนเหรียญ แต่นักวิจัยได้ตั้งข้อแม้ไว้ว่า ถ้าหากอาสาสมัครฝั่งที่ต้องเดาจำนวนเหรียญทายผิด อีกฝั่งหนึ่งจะได้รางวัลเยอะกว่า แน่นอนว่าอาสาสมัครส่วนใหญ่เลือกที่จะพูดโกหกคนรักของตัวเองมากกว่า อีกทั้งพฤติกรรมดังกล่าวยังเกิดขึ้นได้กับทั้งผู้ปกครอง และเพื่อนฝูงด้วย จากการทดลองกับอาสาสมัครกลุ่มดังกล่าว และการเฝ้าสังเกตผลการทำงานของสมองส่วน Amygdala ทำให้ทีมวิจัยได้คำอธิบายถึงพฤติกรรมของคนที่มีนิสัยขี้โกหกคู่รักว่า… ‘เมื่อคนเรารู้จักที่จะโกหกครั้งแรกแล้ว ครั้งต่อไปเมื่อพวกเขาโกหกจะรู้สึกผิดน้อยลง ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานในสมองของส่วนที่เรียกว่า Amygdala ซึ่งเป็นส่วนที่คอยตอบสนองต่อปฏิกริยา และพฤติกรรมในเชิงลบของมนุษย์ แต่เมื่อทุกครั้งที่เราพูดโกหก งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าบริเวณส่วนนี้ของสมองจะมีปฏิกริยาตอบสนองที่ด้อยลงเรื่อยๆ’ สรุปได้ว่าถ้าคนเรามันได้นอกใจครั้งหนึ่งแล้ว…
-
10 ที่มาและประโยชน์จากสิ่งรอบตัว รู้ก็ได้ไม่รู้ก็ได้ แต่เก็บไปโม้กับเพื่อนก็ไม่เลวนะ
เป็นประจำทุกวันที่เรามักจะได้หยิบจับสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ และเชื่อว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราหลายคนสังเกตเห็น แต่ไม่ยักกะรู้ว่าความหมายของมันจริงๆ คืออะไร เพราะเหตุนี้เองเราจะพาไปรู้จักกับ 10 สิ่งของรอบตัวเรา ที่บางครั้งเราก็ไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์ยังไง แต่รู้ไว้โม้กับเพื่อนก็เจ๋งไม่เบานะ 1. พู่บนหมวกไหมพรม หน้าหนาวทีไรมีหมวกไหมพรมมาให้เราเห็นกันตลอด อันที่จริงแล้วต้นกำเนิดของพู่บนหมวกไหมพรมต้องย้อนกลับไปในสมัยศตวรรษที่ 18 โดยกะลาสีชาวฝรั่งเศสได้คิดค้นพู่บนหมวกนี้ขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้ศรีษะของพวกเขากระทบกับเพดานเรือระหว่างออกเดินทาง 2. รูสี่เหลี่ยมบนไม้จุ๊บปาจุ๊บ ใครที่เคยกินจุ๊บปาจุ๊บคงเกิดความสงสัยเหมือนๆ กัน ว่าไอ้รูสี่เหลี่ยมบนแท่งไม้นั้นมีไว้ทำอะไรกันแน่? ซึ่งอันที่จริงแล้วมันมีไว้เพื่อทำให้ลูกอมยึดติดกับไม้ได้ง่ายขึ้นในขั้นตอนการผลิตแค่นี้เอง 3. รอยจีบบนกางเกง สาเหตุที่กางเกงส่วนใหญ่มีรอยจีบนั้นไม่ใช่เพราะเป็นแฟชั่นหรอก แต่ต้องย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 19 สมัยนั้นอุตสาหกรรมเสื้อผ้าส่วนใหญ่ถูกส่งออกมาจากแถบยุโรป และเพื่อพื้นที่ในการขนส่ง พวกเขามักจะพับกางเกงเป็นชั้นๆ ซึ่งการพับนี้แหละที่ทำให้เกิดรอยจีบขึ้นมา จนกลายมาเป็นแฟชั่นที่ติดมากับกางเกงไปโดยปริยาย 4. ช่องกระเป๋าน้อยที่กางเกงใน ลองกลับไปสังเกตดูสิว่ากางเกงลิงตัวน้อยของเรามีช่องกระเป๋าน้อยแบบในรูปนี้รึเปล่า… ซึ่งสาเหตุที่มีช่องน้อยนี้ไม่ใช่เพราะเค้าให้เอาไว้ใส่ของอะไรหรอกนะ แต่มันเป็นเพราะเนื้อผ้าที่แนบกับอวัยวะของเรา จะต้องมีความเบาบางมากกว่าโดยเฉพาะกางเกงในของผู้หญิง ทำให้เกิดเป็นช่องน้อยๆ คล้ายกระเป๋าแบบนี้แหละ 5. ป้ายกลมๆ ที่ติดมากับกระเป๋า เชื่อว่าหลายคนคงเคยสังเกตเห็นแผ่นป้ายที่มีลักษณะกลมๆ พร้อมกับมีรูเหมือนเอาไว้ผูกของอะไรบางอย่างที่ติดบนกระเป๋า จริงๆ แล้วเราสามารถประยุกต์ใช้เชือกมัดกับสิ่งของอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าผ้าใบ หรือของใช้จำเป็นเวลาเดินทาง …
-
คุณเองก็สามารถร่วมค้นหา ขุมทรัพย์ทองคำ 200,000 ล้านบาท ที่หายไปในช่วงสงครามโลกได้…
ทองคำ วัตถุสีเหลืองอร่ามที่มีค่ามากมายมหาศาล ทำให้ใครหลายๆ คนต้องตกเป็นทาสของมันมาแล้ว ทองมอบอำนาจให้กับผู้ที่มีมันครอบครอง ดลบันดาลหลายสิ่งหลายอย่างให้เขาทั้งสิ่งของ ฐานะมั่งคั่งและบริวารมากมาย #เหมียวเวจจี้ เพิ่งได้ข่าวเกี่ยวกับทองและสมบัติที่มีมูลค่าถึง 4,500 ล้านปอนด์ และกำลังจมอยู่ใต้ทะเล หลายตาโตขึ้นมาทันทีเลยใช่มั้ยล่ะ งั้นลองไปชมเรื่องราวนี้พร้อมๆกันเลย เว็บไซต์ TheLadBible ในอังกฤษ เปิดเผยเรื่องราวว่าในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 มีเรือบรรทุกสินค้ากว่า 7,500 ลำที่สูญหายไปและไม่สามารถพบเจอได้อีกเลย และในจำนวนนั้นกว่า 700 ลำบรรทุกทองคำกำลังจะนำไปมอบให้กับรัฐบาลอังกฤษ ถูกโจมตีและจมลงก้นมหาสมุทรพร้อมกับทองและสมบัติมูลค่ามหาศาล และเป็นเวลากว่า 25 ปีแล้วที่ทีมค้นหาจากความร่วมมือของประเทศ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และแคนาดา หรือที่เรียกว่าทีม Britannia’s Gold ได้ช่วยกันค้นหาทองคำมูลค่ามหาศาลนี้ มูลค่าของทองคำทั้งหมด!? ทองทั้งหมดนี้ Bank of England เป็นผู้ดำเนินการในการขนส่ง ประเมินมูลค่าการขนส่งทองคำระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ประมาณ 1,250 ล้านปอนด์ ส่วนระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อีก ประมาณ 1,750 ล้านปอนด์ รวมมูลค่าของทองคำที่จมอยู่ใต้ทะเล ณ…
-
พาส่อง 25 สถาปัตยกรรมงดงามจากทั่วโลก ที่คุณจะต้องทึ่งในความสร้างสรรค์ของมนุษย์!!
ตั้งแต่มนุษย์เริ่มสร้างอารยธรรมของตนเองขึ้นมาเมื่อหมื่นกว่าปีก่อน ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนการตลอดช่วงเวลานั้น โดยเฉพาะเรื่องสถาปัตยกรรมที่พัฒนาขึ้นมาอย่างน่าตกใจ ลองนึกภาพว่าเมื่อไม่กี่พันปีก่อน เรายังอาศัยอยู่ในถ้ำ แต่ปัจจุบัน เรากลับสามารถตึกสูงนับร้อยเมตรได้โดยที่ไม่พังถล่มลงมา วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ เลยจะพาเพื่อนๆ ไปชม 25 สถาปัตยกรรมหลายๆ แบบในหลายๆ ยุค ที่อาจจะทำให้เพื่อนๆ ได้เปิดหูเปิดตา และคิดว่ามนุษย์เรานี่ช่างมีความสร้างสรรค์แบบไม่จำกัดจริงๆ Göbekli Tepe ในประเทศตุรกี สร้างเมื่อ 9,500 ปี ก่อนคริสตกาล ลองคิดดูว่านับหมื่นปีที่แล้ว การสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้มันยากเพียงใด… กลับมาที่สมัยปัจจุบัน Fulton Center ในเมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา โรงเรียน Penleigh and Essendon Grammar School ในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย The Golden Temple ในเมืองอมฤตสาร์ ประเทศอินเดีย วิหาร Taktsang Palphug ในภูฐาน โบสถ์ Las Lajas ในประเทศโคลอมเบีย…
-
14 ทริคการใช้งานคอมพิวเตอร์ ที่ชาวเน็ตทุกคนควรรู้ไว้ ใช้ได้ทั้ง Mac และ Windows นะ!!
เชื่อว่าทุกวันนี้ คอมพิวเตอร์ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของมนุษย์ส่วนใหญ่ บางคนอาจต้องใช้ในการทำงาน บางคนอาจใช้ในการหาความบันเทิง จนแทบกลายเป็นสิ่งของที่ทุกบ้านต้องมีไปเสียแล้ว แต่รู้หรือไม่ จริงๆ แล้วบนคอมพิวเตอร์ของเรา มีเคล็ดลับเจ๋งๆ อีกมากมาย ที่จะทำให้การใช้คอมพิวเตอร์ของคุณเป็นเรื่องง่ายขึ้น วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ เลยจะพาเพื่อนๆ ไปชม 14 ทริคการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ชาวเน็ตทุกคนควรรู้ไว้ รับรองว่าเป็นประโยชน์แน่นอน จะมีอะไรบ้าง เราลองไปชมกันเลย เผลอกดปิดแท็ปไปเหรอ? กด Ctrl (ปุ่ม Command ถ้าเป็น Mac)+Shift+T สิ แล้วแท็ปที่ปิดไปจะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง อยากทำภาพหน้าจอแค่บางส่วน? ไปที่ Start แล้วเสิร์ชหา Snipping Tool แค่นี้เอง ส่วนถ้าใครใช้ Mac ให้กด Command + Shift+ 4 กด F4 ใน Excel จะเป็นการทำคำสั่งล่าสุดอีกครั้งหนึ่ง กดปุ่มกลางของเมาส์ที่ลิ้งค์ จะทำการเปิดลิงค์นั้นขึ้นแท็ปใหม่ทันที และถ้าเรากดปุ่มกลางที่แท็ป มันจะเป็นการปิด…
-
ย้อนเวลาชมภาพนคร “ซานฟรานซิสโก” ตั้งแต่อดีตยันปัจจุบัน ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
“ซานฟรานซิสโก” เป็นเมืองในรัฐแคลิฟอร์เนียของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีความทันสมัยและก็เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง เช่น สะพานโกลเดนเกต หรือเกาะอัลคาทราซ ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี วันนี้ #เหมียวหน่า จะพาเพื่อนๆ ไปชมวิวัฒนาการของ “ซานฟรานซิสโก” ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันกันเลย ดูสิว่ามันมีรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปมากขนาดไหน ก่อนที่ซานฟรานซิสโกจะกลายเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีที่ทันสมัย ใครจะไปรู้ว่าในสมัยอดีตนั้นกลับเคยถูกปกคลุมด้วยเนินทรายมาก่อน ก่อนที่ซานฟรานซิสโกจะมีผู้คนมาอาศัยอยู่แบบทุกวันนี้ เมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล มีชนเผ่าที่ชื่อว่า Yelamu ซึ่งเป็นชนเผ่าแรกเริ่มที่มาพำนักอาศัยอยู่ก่อน โดยปัจจุบันหลงเหลือเพียง 150-300 คนเท่านั้นที่ยังอาศัยอยู่ในซานฟรานซิสโก กลุ่มนักสำรวจชาวสเปนนำโดย Don Gaspar de Portolà เดินทางมาถึงซานฟรานซิสโกในปี 1769 และเป็นครั้งแรกที่ชาวยุโรปมาเยือนอ่าวซานฟรานซิสโก นี่คือภาพในอดีตที่แสดงให้เห็นถึงพิ้นที่เนินทรายที่ทอดยาวกว้างใหญ่ประมาณ 11 กิโลเมตรจากทางตะวันออกไปทางตะวันตก นี่เป็นอีกรูปถ่ายของเนินทรายในต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งในปัจจุบันก็ได้กลายเป็น Golden Gate Park ที่มีขนาดกว่า 4 ตารางกิโลเมตร ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวสเปนได้ก่อตั้งกองทหารรักษาการณ์ของซานฟรานซิสโกในชื่อ “Royal Fortress of Saint Francis” ในปี 1776 …
-
บริษัท Lightning เปิดตัว “บิ๊กไบค์พลังงานไฟฟ้า” วิ่งได้ 800 กิโลฯ ด้วยการชาร์จครั้งเดียว
ทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากพยายามลดการใช้พลังงานฟอสซิล (หรือเรียกง่ายๆ ว่าน้ำมัน) แล้วเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดอย่างไฟฟ้าแทน อย่างที่เราได้เห็นจำนวนของ “รถพลังงานไฟฟ้า” ที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี (ยี่ห้อดังๆ ก็อย่าง Tesla) แต่ถึงอย่างนั้น ข้อจำกัดทางด้านระยะทาง ความสะดวกสบาย และราคาทำให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ายังไม่สามารถแทนที่รถยนต์พลังงานสันดาปได้อย่างเต็มที่ ล่าสุด Richard Hatfield ประธานบริษัท Lightning Motorcycles ได้เปิดตัวมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ของบริษัทที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็น แถมยังสามารถวิ่งได้มากกว่า 800 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง! Lightning Motorcycles เปิดตัวมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของบริษัทเมื่อปี 2006 และสามารถวิ่งขึ้นเขาความสูง 1,500 เมตรเป็นระยะทางกว่า 20 กิโลเมตรได้อย่างสบายๆ และเป้าหมายต่อไป พวกเขาตั้งใจจะให้รถมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้าของพวกเขา วิ่งได้ถึง 800 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ปัจจุบันสถิติรถพลังงานไฟฟ้าที่สามารถวิ่งได้ไกลที่สุดที่มีขายในตลาดเป็นของ Tesla ซึ่งสามารถวิ่งได้ 506 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เพื่อที่จะทำลายสถิตินั้นเอง Lightning Motorcycles จึงได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยแบตเตอรี่ในรัฐอินเดียน่า เพื่อคิดค้นแบตเตอรี่ที่สามารถพารถของพวกเขาไปได้ไกลกว่า 800…
-
รวม 18 เทคนิคสุดเจ๋งๆ แก้ปัญหาทรงผมและการจัดทรง ที่สาวๆ ทุกคนควรรู้เลย!!
สาวๆ หลายคนคงเบื่อกับการทรงผมเดิมๆ ในแต่ละวัน ที่คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าวันนี้จะทำทรงผมอะไรดี #เหมียวหน่า จึงได้ไปหาข้อมูลเกี่ยวทรงผมใหม่ๆ และทริคต่างๆ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาเส้นผมที่จะทำให้สาวๆ นั้นไม่เบื่อกับการทำผมทรงเก่าๆ แน่นอนจ้า 1. หากคุณมีปัญหาลอนผมคลายเร็วเกินไป ทำให้ระหว่างวันนั้นหมดความมั่นใจไปได้ ลองม้วนผมแล้วใช้กระดาษฟอยล์ห่อไว้ จากนั้นค่อยใช้เครื่องหนีบให้ความร้อนดูสิ แค่นี้ผมคุณก็จะลอนสวยยาวนานแล้วล่ะ 2. หากคุณอยากได้ผมหยิกที่เป็นธรรมชาติ ลองเปียผมก่อนแล้วค่อยใช้เครื่องหนีบดูสิ แค่นี้ก็จะได้เส้นผมที่มีวอลลุ่มมากๆ 3. หากคุณแสกผมบ่อยเกินไปทำให้ผมส่วนนั้นดูบาง ลองใช้วิธีนี้ดูสิเพียงแค่หยิบมาสคาร่าในกระเป๋าของคุณ มาปัดตรงที่แสกผมก็จะดูหนาดำขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ 4. คนผมบางอย่าน้อยใจ ไปเรามีวิธีเพิ่มความหนานุ่มให้ทรงผมของคุณได้ โดยการม้วนผมของคุณขึ้นไปก่อนหลวมๆ แล้วฉีดสเปรย์จัดแต่งทรงผมทิ้งไว้ซักพักจากนั้นค่อยปล่อยผมลงมา ผมของคุณก็จะดูหนาแน่นขึ้นมาได้เลย 5. ใครที่ไม่ยอมสระผมก็ต้องเจอกับปัญหาผมมัน เราสามารถใช้กระดาษไข (ทิชชู่ในห้องน้ำของห้างก็ได้นะ) มาซับๆ ได้นะ เพราะมันมีความบางและซึมซับความมันได้ดีเลยทีเดียว 6. มาทำผมหางม้าของคุณให้ดูพิเศษขึ้นมาดีกว่า แค่มีกิ๊บหนีบ 2 ตัว หนีบตรงโคนผมหางม้าด้านล่าง แค่นี้ก็ทำให้ให้ผมดูหนาและเด้งขึ้นมากเลยนะ 7. หากคุณเปียผมแล้วอยากได้ลุคที่ดูเซอร์ๆ คล้ายกับเด็กน้อยน่ารักลองใช้แปรงสีฟันนี้แหละมาแปรงๆ หวีๆ…
-
กินอย่างไรให้สวย แนะนำ 10 ผลไม้ที่จะทำให้คุณสาวๆ ผิวใสเปล่งปลั่งได้จากภายใน!!
อาหารแต่ละชนิดมีประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป เราควรจะเลือกทานอาหารที่มีคุณประโยชน์อย่างเพียงพอเสมอ ยิ่งถ้าเป็นผลไม้ล่ะก็เป็นแหล่งของวิตามินชั้นดีเลยล่ะ แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่าผลไม้แต่ละชนิดนั้นมีคุณประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป เราไปทำความรู้จักประโยชน์ดีๆ ของผลไม้ดีกว่า 1. ราสเบอร์รี่ – สำหรับฟื้นฟูผิว ราสเบอร์รี่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ไฟเบอร์ และวิตามินซี ส่วนประกอบเหล่านี้ช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นและยังดีต่อผิวของคุณช่วยชะลอความแก่ วิตามินซีจะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวของคุณให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น 2. แอปเปิ้ล – ฟื้นบำรุงจากธรรมชาติ นอกเหนือจากประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายแล้ว ผลไม้ยังเป็นที่รู้จักในหลายๆ ด้านเช่น การนำแอปเปิ้ลไปทำที่มาร์คหน้าโฮมเมด จะทำให้ผิวของคุณชุ่มชื่นและปรับผิวโดยรวมให้ดีขึ้น แอปเปิ้ลเขียวยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันสิว และแอปเปิ้ลยังช่วยกำจัดรอบคล้ำใต้ตาได้อีกด้วย ในขณะที่วิตามินเอและวิตามินซีก็จะช่วยให้ผิวของคุณแลดูกระจ่างใสขึ้น 3. องุ่น – ทำให้ผิวเรียบเนียน องุ่นอุดมไปด้วย ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ซึ่งเหมาะสำหรับผิวและสุขภาพของคุณ และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระและคุณสมบัติต้านการอักเสบ นอกเหนือจากนั้นยังช่วยการป้องกันสิวและรอยแผลเป็นจากสิวแผลเป็นจากผิวหนัง อีกทั้งมีกรดไฮดรอกซิลที่ช่วยให้ผิวของคุณเรียบเนียนและไม่มีริ้วรอยอีกด้วย 4. มะละกอ – ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง มะละกอมีเส้นใยวิตามินซีและแคลเซียมมากมายซึ่งช่วยให้กลไกของร่างกายทำงานได้อย่างราบรื่น นอกจากนั้นยังช่วยในการล้างสารพิษในเลือดของคุณและอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งจะทำให้ผิวของคุณนั่นเปล่งปลั่ง 5. ลูกพรุน – จะช่วยคุณลดน้ำหนัก ลูกพรุนเป็นผลไม้ที่อยู่ในตระกูลลูกเกดซึ่งมีเส้นใยอยู่มาก…
-
รวมภาพถ่ายเข้ารอบสุดท้าย Sony World Photography Awards 2017 สวยและสื่อความหมายเยี่ยม…
การถ่ายภาพคือการทำงานศิลปะอย่างหนึ่ง เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงสนใจในการถ่ายภาพอยู่ไม่น้อย ส่วนใครที่กำลังมองหาแรงบันดาลใจในการถ่ายภาพ ลองมาชมภาพถ่ายเจ๋งที่เข้ารอบจากงานประกวดภาพถ่ายที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก Sony World Photography 2017 โดยงานนี้จะเปิดโอกาสให้ช่างภาพทุกคนทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ ได้ส่งผลงานของตัวเองเข้าประกวดกัน ซึ่งงานนี้จัดติดต่อกันมาแล้วถึง 10 ปี และภาพที่เข้ารอบในปีนี้จะสวยงามแค่ไหนนั้น ไปชมกันเลย 1. ประเภททั่วไป สาขาธรรมชาติ ภาพจากคุณ Masayasu Sakuma จากประเทศญี่ปุ่น 2. ประเภททั่วไป สาขาสถาปัตยกรรม คุณ Barry Tweed-Rycroft จากประเทศอังกฤษ 3. ประเภททั่วไป สาขาการท่องเที่ยว คุณ Rob Wilson จากประเทศแคนนาดา 4.ประเภททั่วไป สาขาการท่องเที่ยว คุณ Zhu Jianxing จากประเทศจีน 5.ประเภทมืออาชีพ สาขาธรรมชาติ คุณ Christian Vizl จากประเทศแม็กซิโก 6.ประเภททั่วไป สาขาสัตว์ป่า คุณ Andreas Hemb จากประเทศสวีเดน …
-
แม่โพสต์อาลัยลูกสาววัย 4 ขวบ จากไปด้วยโรค ‘เนื้องอกในสมอง’ ชาวเน็ตแห่ให้กำลังใจคับคั่ง
ชีวิตของหนูน้อย Ellie Walton นั้นก็เหมือนกับเด็กทารกคนอื่นๆ ทั่วไป จนกระทั่งอายุได้ 4 เดือนก็พบว่าเธอป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมอง… ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาหนูน้อย Ellie ต้องสร้างความประหลาดใจให้กับคุณหมอเพราะเธอต้องผ่านการรักษามาอย่างหนักหน่วง แม้ว่าจะต้องเข้ารับการผ่าตัดถึง 17 ครั้ง ทำคีโม 28 ครั้ง และฉายรังสีมากกว่า 42 วัน ชีวิตของเธอต้องอยู่ในโรงพยาบาลแทบจะตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงเป็นเด็กที่มีนิสัยร่าเริงอยู่ตลอด “เธอต้องการที่จะออกไปจากโรงพยาบาลเร็วๆ เพราะว่าเธออยากจะกิน Slurpee มากๆ” คุณแม่ Sarah Walton กล่าว ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี ช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาดูเหมือนว่า Ellie จะแข็งแรงมากกว่าที่ผ่านมา แต่แล้วเรื่องร้ายก็เกิดขึ้น เพราะจู่ๆ เธอก็หยุดทานอาหาร คุณหมอบอกกับครอบครัว Waltons เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้ว จนมาถึงเช้าของวันที่ 15 เดือนมกราคม ก็พบว่าหนูน้อย Ellie นั้นหายใจแผ่วลงมาก ทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่าถึงเวลาที่เธอจะต้องไปแล้ว ทั้งครอบครัวก็เดินเข้ามายืนล้อมรอบเตียงของเธอ และพูดถึงเรื่องราวของ…
-
รู้จัก “หอยเต้าปูน” เพชฌฆาตผู้เลอโฉมแห่งท้องทะเล แฝงมาพร้อมพิษอันแสนร้ายกาจ!!
พูดถึงหอย เราอาจนึกถึงสิ่งมีชีวิตอันแสนเปราะบางแห่งท้องทะเลที่ทั้งเคลื่อนไหวช้าและแทบไม่สามารถป้องกันตนเองจากอันตรายได้ แต่เชื่อหรือไม่ ในโลกของเรามีหอยชนิดหนึ่งที่แม้ภายนอกแม้จะดูงดงามเต็มไปด้วยสีสัน แต่ภายในมันกลับมีหนึ่งในพิษที่ร้ายแรงที่สุดในโลก เราลองไปติดตามเรื่องราวของพวกมันกันเลย หอยเต้าปูน หรือ Cone Snail/Shell เป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง มีรูปร่างเป็นทรงกรวยหัวป้านปลายแหลม ขนาดประมาณ 10-20 เซนติเมตร มีสีสันสดใส ส่วนมากจะพบได้ตามแนวปะการัง แต่เห็นสีสันงดงามแบบนี้ อย่าคิดว่าจะทำอะไรกับมันก็ได้นะฮะ เพราะมันมีหนึ่งในพิษที่ร้ายแรงที่สุดในโลกเลยทีเดียว โดยเฉพาะสายพันธุ์ Conus geographus ที่กินปลาเป็นอาหาร เจ้าพวกนี้มีพิษที่สามารถฆ่าคนตายได้เลยทีเดียว โดยมันจะล่อเหยื่อเข้ามาใกล้ๆ จากนั้นก็จะใช้ “เข็ม” ที่ฉาบพิษที่มีชื่อว่า “โคโนทอกซิน” อยู่แทงเข้าไปที่ตัวเหยื่อจนเหยื่อเกิดอาการอัมพาตโดยฉับพลัน และเสียชีวิตในเวลาไม่กี่นาทีต่อมา ที่สำคัญ ปัจจุบันมนุษย์ยังไม่สามารถคิดค้นยาต้านพิษดังกล่าวได้ ฉะนั้นถ้าใครโชคร้ายถูกพิษนี้เข้าไป ก็บอกลาจากโลกนี้ได้เลย แต่ถึงกระนั้น ด้วยเปลือกอันงดงาม ทำให้นักสะสมเปลือกหอยต่างพยายามขวนขวายหาเปลือกหอยชนิดนี้มาครอบครองให้จงได้ ลองไปชมเจ้าหอยตัวนี้กันเลยดีกว่า บอกได้คำเดียวว่าโหดจริงๆ น่ากลัวจริงๆ นะเนี่ย ใครอย่าเผลอไปโดนเชียวล่ะ ไม่งั้นล่ะกู๊ดบายของจริง ที่มา Wikipedia
-
ชมถ่ายภาพ “ความแตกต่างในชีวิต” ของเด็กๆ ทั่วโลกจาก Sony World Photography 2017
ภาพของเด็กชายชาวโปแลนด์กำลังร้องไห้กับการบ้านที่อยู่ตรงหน้า หรือ ภาพของเด็กชายไร้บ้านชาวฟิลิปปินส์กำลังมีความสุขที่ได้เล่นกับลูกโป่ง หรือว่าจะเป็นภาพที่เด็กชายชาวฮอนดูรัสกำลังหัวเราะ ทั้งๆ ที่ถือปืนอยู่ในมือ ล้วนเป็นภาพที่ตากล้องระดับพระกาฬได้ส่งเข้ามาประกวดในรายการ Sony World Photography Awards ประจำปี 2017 ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการทั้งหลายกำลังทำการให้คะแนนภาพนับร้อยที่ถูกส่งเข้ามา โดยพวกเขาจะให้คะแนนตามอารมณ์และความรู้สึกที่ถูกส่งผ่านเข้ามาในภาพ และจะทำการประกาศผลในวันที่ 20 เมษายนที่จะถึงนี้ เราลองไปชมตัวอย่างภาพที่ส่งกันเข้ามาเลย เด็กจากมณฑลมณฑลกุ้ยโจวกำลังรอพ่อแม่ที่กำลังทำการเกษตรอยู่ เด็กชายไร้บ้านชาวฟิลิปปินส์เล่นกับลูกโป่ง เด็กชายชาวจีนกำลังลดน้ำหนักด้วยวิธีการแบบดั้งเดิม เด็กชายชาวจีนผู้ป่วยด้วยโรค Prader-Willi Syndrome ที่หมายความว่าเขาไม่สามารหยุดกินได้ เด็กหญิงชาวอินเดียกำลังเข้าพิธี Navjote ซึ่งคล้ายๆ กับศีลจุ่ม ของศาสนาโซโลอาสเตอร์ นั่นทำให้เธอไม่สามารถแต่งงานนอกศาสนาได้ พิธีทางศาสนาซิกส์ ในประเทศอิตาลี ภาพของเด็กชายชาวอิรักในเมือง Qayyarah ทางตอนใต้ของเมืองโมซุล ซึ่งสูญเสียพ่อไปในสงครามกับไอซิส คู่แฝด Liu Bingqing และ Liu Yujie กำลังฝึกยิมนาสติกในโรงเรียนกีฬาในประเทศจีน เด็กชายจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ถูกตากล้องขอให้ยิ้ม แต่เขากลับไม่สามารถยิ้มได้ เด็กชายชนเผ่า Soma ในประเทศโตโก ที่มีร่องรอยแผลเป็นทั่วร่างกายซึ่งเป็นประเพณีดั้งเดิมของชนเผ่า…
-
ประสบการณ์ของหญิงขายบริการ “แบบถูกกฏหมาย” ในต่างแดน อีกหนึ่งแง่มุมที่เราไม่รู้มาก่อน!?
เพิ่งเป็นข่าวไปหมาดๆ หลังจากที่รัฐบาลประกาศปรับขึ้นเพดานภาษีสถานบริการอาบอบนวด ซึ่งก็กลายเป็นที่ฮือฮาของคนไทยไปทั่วประเทศ เพราะไม่น่าเชื่อว่าเมืองพุทธอย่างเราๆ จะมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วยเหรอเนี่ย ไม่รู้มาก่อนเล๊ยย!! แต่คราวนี้เราจะพาไปเปิดประสบการณ์เรื่องราวของ อาสาสมัครหญิงขายบริการจากเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งใกล้กับลาสเวกัส เธอคร่ำวอดในวงการนี้มานานกว่า 6 ปี และวันนี้เธอจะมาให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์ Unilad ถึงเรื่องราวที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน Alissa คุณแม่ลูก 1 ผู้เดินทางบนสายอาชีพนี้มานานกว่า 6 ปี ปัจจุบันเธอทำงานอยู่ที่ Sheri’s Ranch สถานให้บริการในรัฐที่การค้าประเวณี เป็นเรื่องถูกกฏหมายมาตั้งแต่ปี 1970 โดยเธอเล่าว่ากิจวัตรประจำวันทุกเช้า เธอจะตื่นมาเพื่อทำความสะอาดอุปกรณ์เซ็กส์ทอยทั้งหลายแหล่ ไม่ให้มีคราบสกปรกตกค้าง พร้อมทั้งทำความสะอาดห้องของเธอเพื่อรองรับลูกค้าในแต่ละวัน ซึ่งในสถานบริการที่เธอทำงานอยู่ก็มีการออกกฏอย่างเข้มงวดเหมือนกัน เช่น ห้ามมีการบันทึกวิดีโอใดๆ การร่วมกิจกรรมทุกครั้งต้องใช้ถุงยางอนามัย รวมไปถึงห้ามมีการใช้สารเสพติดในสถานที่แห่งนี้ และด้วยความที่มันถูกกฏหมายเมื่อไหร่ที่มีปัญหา พวกเธอสามารถแจ้งตำรวจท้องถิ่นให้เข้ามาดูแลได้อย่างเปิดเผย แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะดูขัดกับศีลธรรมบ้านเราไปซักหน่อย แต่เธอเล่าว่าเรื่องพวกนี้มันไม่ใช่แค่การสำเร็จความใคร่เท่านั้น ‘บางคนอาจจะคิดว่าลูกค้าที่มาใช้บริการเป็นพวกผู้ชายไม่เอาไหน พวกลูเซอร์ที่จีบผู้หญิงไม่ได้ แต่เปล่าเลยค่ะ ฉันเจอลูกค้ามาหลากหลายรูปแบบ บางทีพวกเขาก็แค่รู้สึกเหงา บางทีก็ต้องการประสบการณ์แปลกใหม่ และก็เป็นหน้าที่ของฉันที่จะมอบประสบการณ์การมีเซ็กส์แบบแปลกใหม่ และเร้าใจมากกว่าให้พวกเขาได้สัมผัส คุณรู้มั้ยล่ะว่าลูกค้าบางคนเป็นพวกเศรษฐี และบางทีเขาก็ไม่ต้องการอะไรนอกจากใครซักคนที่นอนกอดกับเขายอมค่ำคืนแค่นั้นเอง’ …
-
รวม 8 เหตุการณ์ประทับใจ แฟนคลับ Feat. กับศิลปินบนกลางเวที ทำเอาคนดูอึ้งไปทั้งงาน!!
หนึ่งในความใฝ่ฝันของแฟนเพลงที่มีต่อตัวศิลปิน คงไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่เท่าการได้มีทแอนด์กรีต ไม่ว่าจะหลังเวทีก็ดี แต่ถ้าให้เยี่ยมที่สุดก็คงเป็นการได้ขึ้นไปร่วมแจมกับศิลปินบนเวที สำหรับศิลปินระดับโลกทั้งหลาย เป็นเหมือนเรื่องธรรมดาไปซะแล้วที่บางโชว์พวกเขาจะต้องเชื้อเชิญแฟนเพลงให้ขึ้นมาร่วมร้องเพลง ทว่าบางทีแฟนเพลงก็กลับทำให้ตัวศิลปินทึ่งในความสามารถได้ไม่แพ้กัน วันนี้เราจึงรวบรวม 8 เหตุการณ์อันน่าประทับใจจากแฟนเพลงให้ได้ชมกัน สุดยอดไปเล๊ยยย 1. ในคอนเสิร์ตของ Beyonce ไม่มีใครรู้ว่าสาวนิรนามคนในคลิปวิดีโอเป็นใคร แต่ทันทีที่เจ๊บียอนเซ่ได้ส่งไมค์ให้เธอ คนดูก็ถึงกับต้องอึ้งกันไปทั้งคอนเสิร์ต 2. คอนเสิร์ตของ Jason Mraz ที่กรุงไทเป เรื่องมันมีอยู่ว่าระห่างทำการแสดงพ่อหนุ่มเจสัน ได้เหลือบไปเห็นแฟนเพลงคนหนึ่งเอาที่เขย่ามาเล่นด้วยระหว่างที่เจ้าตัวกำลังขับกล่อมบทเพลง ทันใดนั้นเขาก็ได้ชวนหนุ่มไทเปคนนี้ขึ้นมาแจมบนเวที แต่พอทั้งคู่ได้ร้องประสานเสียงให้กันเท่านั้นแหละ กลายเป็นอีกหนึ่งโชว์ที่ติดตราตรึงใจแฟนเพลงไปทั่วโลก 3. คอนเสิร์ต Adele เมื่อคุณแม่ Adele ได้เชื้อเชิญแฟนเพลงหนุ่มชาวไอริชสองคนขึ้นมาร้องเพลงร่วมกันบนเวที คนหนึ่งเล่นเปียโนได้ไพเราะเพราะพริ้งสุดๆ ส่วนพ่อหนุ่มอีกคนก็มีเนื้อเสียงที่เล่นเอาแม้แต่คุณแม่ก็ต้องทึ่งไปไม่แพ้กัน 4. แฟนเพลง Ariana Grande เซอไพรส์เธอหลังเวที ระหว่างที่เธอกำลังไปทัวร์ที่ญี่ปุ่น จู่ๆ ก็มีแฟนเพลงหนุ่มชาวมาเลเซียคนหนึ่งเข้ามาที่หลังเวที พร้อมกับร้องบรรเลงบทเพลงออกมาจากใจให้เธอได้ฟัง ซึ่งความไพเราะจากพ่อหนุ่มคนนี้เล่นเอาสาว Ariana อึ้งไปไม่น้อยเหมือนกัน 5. คอนเสิร์ตของ Jessie…
-
แนะวิธีการนอนหลับอย่างไรให้ตื่นตอน 7 โมงเช้า โดยไม่มีอาการงัวเงีย และไม่อยากหลับต่อ…
ก็อย่างที่รู้กันดีว่า ‘การตื่นนอน’ ในตอนเช้านั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากๆ… แต่ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปเพราะวันนี้ #เหมียวหง่าว มีวิธีการคำนวณให้ตื่นนอนในตอน 7 โมงเช้าแบบสดชื่นโดยไม่มีอาการงัวเงียอยากนอนต่อแต่อย่างใดมาฝากเพื่อนๆ กัน จะเป็นอย่างไรลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… หลายๆ คนอาจจะคิดว่าการเข้านอนเร็วๆ จะช่วยให้ตื่นเช้ามาพร้อมกับความสดชื่นมากยิ่งขึ้น แต่ขอบอกเลยว่ามันมีอะไรที่มากกว่านั้น เพราะมันขึ้นอยู่กับ ‘ประสิทธิภาพ’ ในการนอนด้วยยังไงล่ะ!! ซึ่งหากเราได้รับการนอนหลับที่มีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยให้เราไม่รู้สึกงัวเงีย หรือเกิดอาการขี้เซาในวันถัดไป ซึ่งการนอนหลับดีๆ นั้นมันขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรียกว่า ‘วงจรการนอนหลับ’ และจากการคำนวณแล้วก็พบว่ามันมีประมาณ 5 ถึง 6 วงจร ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง จากการคำนวณจากเว็บไซต์ Sleep Calculator แล้วก็พบว่าหากเพื่อนๆ ต้องการจะตื่นนอนตอน 7 โมงเช้า ต้องเข้านอนในเวลา 21.46 น., 23.16 น., 00.46 น., และ 2.16 น. และหากเพื่อนๆ ต้องการจะตื่นนอนใน 6…
-
D.I.Y. “ลิปบาล์มบีทรูท” เปลี่ยนผักมาเป็นเครื่องสำอาง สีสวยแถมทำเองง่ายมากกก!!!
เพื่อนๆ ที่ชอบทานผักคงไม่มีใครไม่รู้จัก “บีทรูท” ผักสีแดงสดที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย วันนี้ #เหมียวหน่า ไม่ได้ชวนเพื่อนมาทำอาหารหรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจากบีทรูทกันหรอกนะ แต่จะพาไป DIY บาล์มสีเเดงที่ได้จากสดจากบีทรูทแท้ๆ จะเป็นอย่างไรเราไปรับชมกันเลยจ้าาา “บีทรูท” ผักที่มีหัวสีแดงสดน่ารักและอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย มีทั้งสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยล้างสารพิษในร่างกายและประโยชน์อีกมากมายกว่าที่คุณคิด ด้วยประโยชน์เหลือหลายของบีทรูทเราจึงหยิบมาทำลิปบาล์มสีสวย ที่บอกได้เลยว่าไม่เหมือนใครแถมยังดีต่อริมฝีปากของสาวๆ อีกด้วย งานนี้ต้องขอขอบคุณเว็บ HumblebeeandMe ที่แชร์สูตรเก๋ๆ นี้มาด้วย… ขั้นแรกเริ่มจากการนำผงบีทรูทที่สามารถหาซื้อได้หรือจะทำเองก็ได้มา 1 ช้อนชา นำมาละลายกับน้ำ คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเนียนเพื่อที่จะได้สีลิปสวยสดใสปิ๊งๆ นำลิปบาล์มที่ไม่ใช้แล้วหรือจะซื้อมาใหม่ก็ได้นะ มาละลายในไมโครเวฟหรือจะใช้ไดร์เป่าผมก็ได้นะ เป็นการทำให้ร้อนเพื่อละลายลิปบาล์มของเรา ทริคเล็กๆ น้อยๆ : ลิปที่ใช้สามารถเลือกได้ตามชอบไม่ว่าจะเป็นลิปกรอส ลิปบาล์ม อาจจะมี Glitter เพื่อให้ความเเวววาวมากขึ้น เมื่อลิปบาล์มละลายดีแล้ว อาจจะใส่น้ำผึ้งไปนิดหน่อยก็ได้นะเพราะจะช่วยบำรุงปากเราเนียนนุ่มมากขึ้น จากนั้นก็นำทั้งสองส่วนผสมมาคนให้เข้ากัน อาจจะใช้เวลานิดนึงนะแต่เราต้องอดทนเพื่อลิปสวยๆ ของเรานะจ๊ะ คราวนี้ก็ตักใส่ภาชนะเล็กๆ ที่มีฝาปิดสะดวกต่อการใช้งาน แค่นี้ก็เสร็จแล้วล่ะ “ลิปบาล์มบีทรูท” สีสวยมากๆ ไม่แพ้ลิปแพงๆ เลยนะ แถมทำเองด้วยมันเก๋ที่สุดเลย…
-
อดีตนักวิจัย Harvard ออกไอเดียบ้านฟาสต์ๆ คอนเซ็ปท์เรียบง่ายน่าอยู่ ใช้เวลาสร้างแค่ 3 สัปดาห์!?
เมื่อโลกพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การที่จะก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ถ้าหากทำได้รวดเร็ว ก็จะยิ่งตอบสนองต่อการพัฒนาได้เป็นอย่างดี ซึ่งทุกวันนี้ก็มีนวัตกรรมเกี่ยวกับการสร้างที่พักอาศัยใหม่ๆ ออกมาเหมือนกับโปรเจคของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Harvard ท่านนี้ Jeff Wilson คืออดีตนักวิจัยดุษฎีบัณฑิตจาก Harvard โดยก่อนหน้านี้เขาเคยดำรงตำแหน่งคณบดีของมหาวิทยาลัย Huston-Tillotson University มาก่อน และได้ทำการทดลองใช้ชีวิตในถังขยะขนาดใหญ่เป็นเวลา 1 ปีเต็ม จากประสบการณ์ในครั้งนั้น ก็ทำให้เขาเข้าใจในคอนเซปท์ของการอยู่อาศัยแบบเรียบง่าย จึงเกิดเป็นเป็นแรงบันดาลใจในการริเริ่มโปรเจค Kasita ขึ้นมาในปี 2015 อันเป็นโครงการที่พักอาศัยขนาดเล็ก โดยเขากล่าวว่า “ในปลายปีที่ผ่านมา ผมได้ทำการออกแบบที่พักอาศัยที่มีขนาดเล็ก ที่สวยงามและน่าอยู่ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาของการเติบโตอย่างมากของที่พักอาศัยในปัจจุบันนี้” โดยบริษัทของเขามีสำนักงานตั้งอยูใน เมือง Austin รัฐ Texas บ้านที่เขาผลิตออกมานั้น สามารถที่จะตั้งเป็นบ้านเดี่ยวๆ หรือเอามาต่อกันเป็นอพาร์ทเม้นท์ได้!! ซึ่งบ้านเหล่านี้จะถูกประกอบและจัดส่งไปยังลูกค้าภายใน 2-3 อาทิตย์เท่านั้น โดยในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเปิดให้จองล่วงหน้า และพร้อมที่จะจัดส่งในช่วงเดือนมิถุนายน ปีนี้ บ้านหลังแรกที่เขาออกแบบมีขนาด 352 ตารางฟุต มูลค่า 139,000 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 4 ล้าน 5 แสนบาท…
-
เพราะหน้าตาไม่ใช่ประเด็น ฝ่ายหญิงมีใบหน้าเสียโฉม แต่หนุ่มก็ยังคงรักเธอในแบบที่เธอเป็น…
หลายๆ ครั้งที่ความรักมักจะเกิดขึ้นจากแรงดึงดูดของหน้าตาหรือบุคลิก ที่เป็นตัวเปิดทางให้คนทั้งสองคนได้มาพบและสานความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน แต่ไม่ใช้สำหรับความรักของหนุ่มสาวคู่นี้แน่ นี่คือเรื่องของ Xu Qinqin สาวชาวจีนวัย 21 ปีที่ประสบอุบัติเหตุในวัยเด็กจนทำให้เธอมีใบหน้าที่เสียโฉมและเป็นที่รังเกียจของเพื่อนบ้าน คนในครอบครัว หรือแม้แต่เพื่อนในที่ทำงาน แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค์ต่อความรักของเธอ เพราะยังมี Lin Zhouqiang ชายหนุ่มวัย 23 ปี ที่มองเห็นความดีของเธอมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก และตกลงที่จะแต่งงานกับเธอ ความรักพิชิตทุกอย่าง Lin Zhouqiang และ Xu Qinqin พึ่งแต่งงานกันเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพราะอุบัติเหตุในวัยเด็ก จึงทำให้เธอถูกเยาะเย้ยจากคนรอบข้าง จากการรายงานของ Chongqing Morning Post ระบุว่าทั้งคู่อาศัยอยู่ในเมือง Yuechi ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมลฑลเสฉวน หลังจากที่ทั้งคู่แต่งงานกันแล้ว เรื่องราวของพวกเขาก็ได้ถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายภายในหมู่บ้าน ทำให้หลายๆ คนออกมาแสดงความยินดีกับความรักของพวกเขาทั้งคู่ Xu Qinqin บอกกับผู้สื่อข่าวว่าเมื่อตอนที่เธออายุได้ 29 วัน เธอถูกหนูกัดจมูกและลามไปถึงหนังบริเวณดวงตาด้านขวาจนทำให้เธอต้องเสียจมูกและดวงตาไป ซึ่งเหตุการ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่แม่ของเธอกำลังออกไปทำงานในไร่และทิ้งเธอไว้ในห้องนอนเพียงลำพัง จิตใจที่งดงามและการมองโลกในแง่ดี คือสิ่งที่มัดใจสามีเธอเอาไว้ เธอถูกเพื่อนในห้องเรียนแกล้งอย่างหนัก จึงทำให้ต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่ชั้น ป.6 และหลังจากนั้นเมื่ออายุ 17 ปี เธอได้เดินทางออกจากบ้านเกิดเพื่อไปทำงานในโรงงานทอผ้า แต่ก็ทำงานได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นเนื่องจากความผิดปกติของใบหน้าทำให้เธอ…
-
ชาวอเมริกันเริ่มใช้ ‘กัญชา’ บรรเทาความเจ็บปวดให้สัตว์เลี้ยง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษา
ถ้าหากใครกำลังติดตามข่าวของการนำกัญชามาใช้เป็นยาหรือข่าวที่กำลังจะผลักดันให้มีการปลูกกัญชาเพื่อใช้ในการศึกษาทางการเเพทย์ในบ้านเรานั้น ก็พอที่จะทราบถึงประโยชน์ของกัญชากันมาบ้างแล้ว ทั้งการใช้รักษาผู้ป่วยโรคลมชัก การรักษาอาการปวดหัวไมเกรน หรือถึงขั้นใช้ในการรักษามะเร็งได้กันเลยทีเดียว แต่นอกจากจะมีการวิจัยเกี่ยวกับการใช้ในคนแล้ว วันนี้#เหมียวเวจจี้ จะพาไปพบกับการนำสารสกัดจากพืชสีเขียวชนิดนี้ไปใช้กับพวกสัตว์กัน หนุ่มอเมริกันนามว่า Brett Hartmann ได้ใช้น้ำมันที่สกัดจากกัญชาเพื่อใช้ในการรักษาอาการความเจ็บปวดให้กับสุนัขของเขา นั่นก็คือเจ้า Kallie และ Brutus โดยเขาจะหยอดมันให้มันทุกวันหลังอาหาร ตามรายงานบอกว่าสุนัขทั้งสองตัวของเขากำลังทุกข์ทรมานกับอาการเจ็บปวดอย่างมาก จากการโดนสุนัขพิทบูลทำร้าย “สุนัขทั้งสองตัวของผมกำลังทุกข์ทรมานกับอาการเจ็บปวดนี้ และพวกมันก็เริ่มมีอาการดีขึ้นหลังจากที่ได้รับสารสกัดจากกัญชา” นาย Brett กล่าว ในปัจจุบันสหรัฐอเมริการมีรัฐที่กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายทางการแพทย์แล้วทั้งหมด 28 รัฐ ด้านนาง Alison Ettel ผู้ผลิตสารสกัดจากัญชาตัวนี้ รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากเมื่อทราบว่ามีการนำสารสกัดของเธอไปใช้กับสัตว์ โดยเธอบอกกับสำนักข่าว CNN ว่า “ฉันดีใจมากที่ได้ทราบว่าสารสกัดจากกัญชาของฉัน สามารถใช้ได้ผลกับสัตว์” แต่อย่างไรก็ตาม Ken Pawlowski ผู้ก่อตั้ง California Veterinary Medical Association ได้บอกว่า ตอนนี้จำนวณของสัตว์ที่ป่วยเนื่องจากได้รับกัญชาเข้าไปกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมากในสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกัน อ่า คงจะถูกใจชาวซอยหญ้าผู้รักสัตว์ทั้งหลายกันเลยใช่มั้ยล่ะ แต่ก่อนที่จะเอาสารสกัดหรือสมุนไพรอะไรมาใช้เป็นยาก็ควรที่จะศึกษาให้ดีๆ ก่อนนะ ที่มา metro
-
เปิดภาพหายาก “คอนสแตนติโนเปิล” ยุคปี 1890 ที่ตอนนั้นเป็นเมืองหรูหราที่สุดแห่งยุโรป!!
“ไม่มีชัยชนะที่แท้จริงในสงคราม” หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินคำพูดแบบนี้มาบ้าง เพราะไม่ว่าผู้แพ้หรือผู้ชนะต่างก็ต้องสูญเสียด้วยกันทั้งนั้น เหมือนอย่างเช่นจักรวรรดิออตโตมัน ที่เกิดการล่มสลายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ในช่วงปลายปี 1918 จักรวรรดิออตโตมันนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่และร่ำรวยที่สุดในยุโรป มีพื้นที่กว้างใหญ่และมีสถาปัตย์กรมที่สวยงามมากมาย โดยก่อนการล่มสลายได้มีการบันทึกภาพความสวยงามเหล่านั้นไว้อยู่มากมาย แต่น่าเสียดายที่มันถูกถ่ายเป็นภาพขาวดำ จนทำให้ยากต่อการจินตนาการว่าบ้านเมืองในสมัยนั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร? ในบทความนี้#เหมียวเวจจี้ก็เลยจะพาไปชมภาพถ่ายที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของผู้คนในยุคสมัยนั้น แต่เป็นในเวอร์ชั่นที่ถูกศิลปินนำมาแต่งเติมสีสันให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น อยากรู้ว่าเป็นไงลองมาดูกันนะ เริ่มต้นกันที่ภาพแรก ภาพของมัสยิตและถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนของเมือง Scutari ในกรุงคอนสแตนติโนเปิล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตประจำวันของผู้คน ภาพของสะพาน Galata ในมุมต่างๆ ที่นอกจากจะเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างสองเมืองแล้วยังเป็นจุดที่ใช้ขนส่งสินค้าที่สำคัญของยุโรปอีกด้วย และที่สำคัญสะพานแห่งนี้ก็ยังคงเปิดใช้งานอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้!! ภาพพระอาทิตย์ตกดินสุดแสนจะโรแมนติก ณ เมืองเฟเนบาร์เช่ซึ่งตั้งอยู่ในทะเล Marmara ในกรุงคอนสแตนติโนเปิล ภาพของเมืองที่ตั้งอยู่บริเวณของช่องแคบ Bosphorus ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่และร่ำรวยที่สุดในยุปโรป ก่อนที่จะถูกเข้าครอบคองโดยจักวรรดิออตโตมัน นักเขียนชาวฝรั่งเศษ Pierre Gilles ในศตวรรษที่ 16 เคยกล่าวถึงกรุงคอนสแตนติโนเปิลเอาไว้ว่า “นครแห่งนี้จะมีอายุยืนยาวและเป็นอัมตะ” แต่แล้วจักรวรรดิออตโตมันที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1299 ก็ล่มลายในเดือนพฤษจิกายน ปี 1922 ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากภัยของสงครามโลกครั้งที่ 1 และการรุกรานของจักวรรดิอังกฤษ ที่เข้ายึดครองกรุงแบกแดดและเยรูซาเลม ภาพด้านซ้ายคือภาพของสุลต่าน Pertevniyal Valide ในเมือง Aksaray ในยุคก่อนล่มสลายของ จักวรรดิออตโตมัน ส่วนภาพทางด้านขวาเป็นภาพหลังจากที่ถูกเผา บางคนอาจสงสัยว่าทำไมภาพเหล่านี้ถึงมีสีสันขึ้นมาได้? นั่นก็เพราะว่าภาพทุกภาพถูกนำเอาไปผ่านกระบวนการ Photochrom…
-
ศิลปินเติม “สิว” ลงในโฆษณา เพื่อให้คนมองข้าม “ความเพอร์เฟ็ค” ยอมรับความเป็นจริงมากขึ้น!!
หลายครั้งที่เราเห็นเหล่านางแบบนายแบบตามนิตยสารหรือป้ายโฆษณาต่างๆ แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมพวกเขาเหล่านั้นถึงได้หน้าใสไร้สิว? ยิ้มทีไรตีนกาก็ไม่โผล่ ผิวนี่ก็เนียนซะไม่มี เมื่อถึงจุดหนึ่งก็เริ่มมีคนที่เบื่อกับภาพนางแบบเดิมๆ พวกนั้น แล้วหันมาเติมสิ่งที่ทำให้ภาพมันดูสมจริงมากยิ่งขึ้น เมื่อไม่นานมานี้มีผู้ใช้อินสตาร์แกรมที่ชื่อว่า un.photoshop ได้ทำการนำสิว ริ้วรอย จุดต่างดำ และร่องรอยต่างๆ ที่ทุกคนควรจะมี มาแต่งเดิมให้กับภาพของนายแบบและนางแบบโฆษณาต่างๆ ดู เมื่อนางแบบมีสิวและริ้วรอยต่างๆ ภาพก็ดูสมจริงเหมือนคนทั่วๆ ไปมากยิ่งขึ้น ริ้วรอยจุดด่างดำต่างๆ ถูกทำให้มีสีใกล้เคียงกับภาพต้นฉบับ แม้แต่ดาราดังก็อาจจะมีสิวได้เหมือนกันนะ . . โปรเจคนี้ก็ไม่ได้ทำขึ้นมาเล่นๆ นะ เพราะพวกเขาต้องการที่จะสื่อสารให้ทุกคนรู้ว่าการมีสิวหรือริ้วรอยต่างๆ นั้นเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ทุกคน และพวกเขายังหวังอีกด้วยว่าโปรเจคนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่องของมาตรฐานความงาม ที่ปัจจุบันมักจะนำเสนอแต่ความเพอร์เฟค ผู้ชายก็มีสิวเหมือนกัน ไม่ใช่ทุกคนแน่ๆ ที่จะมีหลังเนียนใสไร้สิวจริงไหม แหม่ในโลกความจริงก็คงไม่มีใครจะหล่อสวยเพอร์เฟคไปหมดจริงไหม มันก็ต้องมีร่องรอยของกาลเวลาบนใบหน้ากันบ้างแหละน่า แต่ถ้าเราก็ดูแลตัวเองให้ดีๆ ร่องรอยพวกนั้นก็จะไม่เยอะมากไปนะจ๊ะ ที่มา boredpanda
-
คู่แฝด “ผมหยิกฟู” ผู้ได้รับฉายา “ราชินีผมธรรมชาติ” สร้างความสวยในแบบของเธอเอง…
เมื่อพูดถึงเรื่องเส้นผมชาวสาวๆอย่างเราคงไม่มีใครอยากที่จะมีเส้นผมที่หยิกงอเป็นหย๋อยๆแน่ๆ เช่นเดียวกันกับสองสาวคู่แฝดนี้ เเต่พวกเธอกลับได้ฉายา “ราชินีเเห่งผมธรรมชาติ” ได้อย่างไร?? ใครอยากรู้เเล้วไปชมใบหน้าสวยๆพร้อมกับผมธรรมชาติที่สง่างามอลังการของพวกเธอ กันได้เลยค่าาา!! สาวๆคู่แฝด Cipriana Quann เเละ TK Wonder ทีแรกพวกเธอเกลียดผมของตัวเองมาตั้งเเต่เด็ก พวกเธอคิดว่ามันเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้เธอดูแย่ลง พวกเธอตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการยืดผม เเต่เมื่อเวลาผ่านไปทำให้พวกเธอรู้ว่า พวกเธอควรภูมิใจเเละยอมรับในสิ่งที่พวกเธอเป็น ผมหยิกงอตามธรรมชาติของพวกเธอนี้แหละทำให้พวกเธอได้ฉายา “ราชินีแห่งเส้นผมธรรมชาติ” ที่โด่งดังในอินสตาแกรม จนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก และพวกเธอก็อยู่เบื้องหลังบล็อกทรงผมตามธรรมชาติของ “Urban Bush Babes” พวกเธอได้ทำลายทัศนคติที่ว่าการมีผมหยิกนั้นดูไม่สวยไปได้อย่างราบคาบ . Cipriana กล่าวว่า “ตอนแรกนั้นฉันเกลียดผมของตัวเองมาก และมองว่ามันคืออุปสรรคใหญ่ของชีวิต ต่อมาฉันไม่มีความคิดสร้างสรรค์เลย ต้องเป็นนางแบบตามอย่างที่ใครๆ ให้เป็น ฉันเลยหันหลังให้กลับมัน มาอยู่กับตัวเอง มีผมแบบที่ตัวเองมี และยอมรับธรรมชาติของตัวเองอีกครั้ง” . . และแทนที่สาวๆจะยืดผมให้ตรง พวกเธอเลือกที่จะสวยในแบบที่พวกเธอเป็น . . นี่สิราชินีแห่งผมธรรมชาติ สวยเริศ โดดเด่นจริงๆ . พวกเธอโด่งดังมากๆ ในอินสตาแกรม รวมทั้งคู่แล้วมีผู้ติดตามราวๆ…
-
ศิลปินรัสเซียนำหลายภาพ มาตัดต่อรวมเป็นองค์ประกอบ กลายเป็นภาพสุดแฟนตาซี!!
ทุกวันนี้งานศิลปะไม่ได้จำกัดอยู่แค่ปลายผู่กันหรือปลายปากกาเท่านั้น แม้แต่บนคอมพิวเตอร์เราก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานสุดอลังการออกมาได้ ขอเพียงแค่มีทักษะการใช้โปรแกรมตัดต่อซักนิดหน่อย และความคิดสร้างสรรค์อีกเล็กน้อย เท่านี้งานศิลปะระดับเทพออกมาได้แล้ว อย่างเช่นผลงานของ Mister Indigo ศิลปินดิจิตอลชาวรัสเซีย เขาได้นำภาพหลายๆ ภาพ มาตัดต่อรวมกันแล้วสร้างเป็นภาพอลังการราวกับเทพนิยายออกมา ลองไปชมผลงานของเขากันเลย รับรองว่าเพื่อนๆ จะต้องชอบอย่างแน่นอน เต่าภูเขา ราชินีแห่งป่า ถ้ำมังกร เทพแห่งหนังสือ ผู้พิพากษา เดอะวิชเชอร์ ดินแดนแห่งภูติ นักบินอวกาศ โฉมงามกับเจ้าชายอสูร ซากอารยะธรรม ลองไปชมผลงานที่เหลือของเขากันเลย . . . . . . . . . . . สุดยอดจริงๆ ใครชื่นชอบผลงานของเขาได้ที่เว็บไซต์ indigomr.deviantart เลยนะฮะ มีผลงานเจ๋งๆ อีกเพียบให้ชมกันเลยฮะ ที่มา…
-
รู้จักกับ 10 อาการ ‘โฟเบีย’ ในหมวดหมู่อาหาร เป็นเพียงแค่ของกินก็รู้สึกน่ากลัวได้นะเออ…
ถ้าพูดถึงอาการ Phobias (โฟเบีย) เรียกได้ว่ามันอาจจะเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้ บางคนอาจจะรู้สึกกลัวความสูงมากเป็นพิเศษ หรือบางคนอาจจะกลัวแมลงสาบชนิดที่ว่าเห็นแล้วเป็นต้องกรีี๊ดดด และล่าสุดเราก็เพิ่งรู้มาเหมือนกันว่าอาการโฟเบียในอาหารก็มีเหมือนกัน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็น 10 อาการที่วิทยาศาสตร์ยืนยันแล้วว่า ถึงแม้จะเป็นกรณีที่หาเจอได้ย๊ากยาก แต่มันก็มีอยู่จริงๆ และผู้ป่วยเหล่านี้เขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ แบบไม่ได้โอเว่อร์ไปเองแต่อย่างใด… 1. Xocolatophobia อาการกลัวช็อคโกแลต – เป็นเรื่องยากสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ ที่จะทำให้พวกเขารู้สึกตกหลุมรักช็อคโกแลตเหมือนอย่างเราๆ 2. Arachibutyrophobia อาการกลัวเนยถั่ว – ผู้ป่วยกลุ่มนี้ให้เหตุผลว่ามันมักจะไปติดอยู่บนเพนดานปาก ให้ความรู้สึกยึ๋ยๆ อย่างบอกไม่ถูก และมันก็น่ากลัวสุดๆ 3. Thermophobia อาการกลัวของร้อน – ผู้มีอาการนี้มักจะรู้สึกไม่ดีถ้าได้อยู่ใกล้ของที่มีความร้อน รวมทั้งอาหารด้วยไม่ว่าจะเป็น ซุปร้อนๆ มันฝรั่งอบร้อนๆ หรือแม้แต่กาแฟร้อนๆ 4. Acerophobia อาการกลัวของที่มีรสเปรี้ยว – คนกลุ่มนี้มักจะไม่อยากอยู่ใกล้อะไรที่มันมีรสเปรี้ยวอย่างมะนาว หรือแตงกวาดองเป็นต้น 5. Lachanaphobia อาการกลัวผัก (ทุกชนิด) – เชื่อว่าเด็กหลายคนอาจหยิบยืมชื่อนี้ไปอธิบายพ่อแม่ เพื่อตัวเองจะได้ไม่ต้องกินผักเขียวๆ ซึ่งในขณะเดียวกันก็มีคนที่รู้สึกกลัวสิ่งเหล่านี้อยู่จริง…
-
สื่อนอกยกให้ “เชียงใหม่” ติด 1 ใน 14 สถานที่ที่ควรไป ถ้าหากว่าวันสิ้นโลกมาถึง…
ด้วยเทคโนโลยีทางการทหารที่พัฒนาขึ้นทุกวันๆ รวมทั้งหุ่นยนต์ที่กำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของมนุษย์ และสภาพภูมิอากาสที่เลวร้ายลงในทุกๆ ปี ทำให้หลายๆ คนกังวลว่า อาจเกิดเหตุการณ์วันเสิ้นโลกเหมือนในหนังที่เราเคยดูกัน ล่าสุดทางเว็บไซต์ Business Insider ได้นำเสนอ 14 สถานที่ที่ควรไป หากเกิดวันสิ้นโลกขึ้นจริงๆ ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ของประเทศไทยของเรา ก็ติดอันดับกับเขาด้วยนะ!! สถานที่ทั้ง 14 แห่งประกอบไปด้วย ประเทศไอซ์แลนด์, เกาะกวม, เกาะทริสตอง ดา คุนย่า, จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย, เมืองเดนเวอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา, ทวีปแอนตาร์กติกา, เกาะปุนจักจายา ประเทศอินโดนีเซีย, เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ เมืองเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์, เกาะเน็กเกอร์ ของ ริชาร์ด แบรนสัน เจ้าของกลุ่มเวอร์จิ้น, หมู่เกาะเตียร์ราเดลฟวยโก ในทวีปอเมริกาใต้, รัฐยูคอน ประเทศแคนาดา, เมืองแคนซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา, และเกาะลูอิส ประเทศสก็อตแลนด์ โดยทางบทความได้ให้เหตุผลว่า Marc Faber นักลงทุนขาจรและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการหลบภัยในวันสิ้นโลก…
-
รู้จักกับ Apeirophobia โรคกลัว “ความเป็นอมตะ” และ “ความไม่มีที่สิ้นสุด”
สำหรับหลายๆ คน การได้ค้นพบความลับของความเป็นอมตะ หรือ การได้ไปอยู่ในดินแดนที่มีความสุขนิรันดร์ (เช่นการไปอยู่กับพระเจ้าในศาสนาคริสต์) ถือว่าเป็นความสุขสูงสุดของชีวิต แต่สำหรับหลายๆ คน ความเป็นอมตะหรือความสุขนิรันด์ใช่เป้าหมายในชีวิตของพวกเขา แถมมันยังทำให้พวกเขากลัวอีกด้วย อาการดังกล่าวมีชื่อว่า Apeirophobia แม้จะไม่ค่อยมีรายงานหรือวิจัยเกี่ยวกับโรคนี้มากมายเท่าไหร่นัก ไม่มีแม้กระทั่งหน้าวิกิพีเดียของตนเอง แต่มีการพบว่า มีการพูดถึงโรคดังกล่าวในโซเชียลมีเดีย บล็อก และในเว็บบอร์ดต่างๆ หลายต่อหลายเว็บ โดยผู้ที่มีอาการของโลกดังกล่าวเล่าว่า พวกเขารู้สึกกลัวการมีชีวิตอมตะและกลัวสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด จนมีอาการตื่นตระหนก วิตกกังวล นอนไม่หลับ และมีอาการของโรคซึมเศร้า โดยชีวิตอมตะดังกล่าวไม่ได้หมายถึงการมีชีวิตอมตะบนโลกเท่านั้น แต่ยังหมายถึงชีวิตบนสวรรค์หรือดินแดนหลังความตายอีกด้วย “หากผมเป็นอมตะ มันจะต้องมีจุดหนึ่งที่ผมได้มีประสบการณ์กับทุกๆ สิ่ง เรียนรู้ทุกๆ สิ่ง ทำทุกๆ อย่าง รู้จักทุกๆ คน จนสุดท้ายผมก็เบื่อ แต่ผมก็ไม่สามารถทำอย่างอื่น หรือ ตายเพื่อให้พ้นๆ ไปได้” Pual หนึ่งในผู้มีอาการโรค Apeirophobia เล่าบนเว็บไซต์ Phobia Fear Release “สำหรับชาวคริสต์ ชีวิตนิรันด์กับพระเจ้าอาจเป็นเป้าหมายสูงสุดของพวกเขา แต่มันไม่ใช่กับผม ผมนอนอยู่บนเตียงแล้วก็คิดถึงเรื่องชีวิตอมตะ…
-
รู้จักกับ ‘ทฤษฏี 90/10’ ที่จะทำให้เราเข้าใจ ในความเป็นไปของชีวิตมากยิ่งขึ้น…
เป็นธรรมดาที่วัยรุ่นยุคใหม่อย่างเราๆ มักจะหาคำคม คำนิยาม หรือทฤษฎีต่างๆ มาใช้เป็นคำอธิบายถึงความเป็นไปของปรากฏการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในชีวิต และคราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับฤษฎีที่เรียกว่า ‘กฏ 90/10’ จากนักเขียนชื่อดัง Stephen Covey โดยเจ้าตัวเคลมว่าถ้าเราเข้าใจหลักทฤษฎีนี้แล้ว มันจะช่วยเปลี่ยนมุมมองการมองโลกของเรา และรับมือกับสถานการณ์แย่ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันได้ดียิ่งขึ้น ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้น มีเพียงแค่ 10% เท่านั้นที่เราไม่สามารถควบคุมมันได้ เช่น เราไม่สามารถซ่อมกระจกแตกได้ แต่ทว่าเราสามารถควบคุมท่าทีที่มีต่อเหตุการณ์นั้นๆ ได้ และอีก 90% ก็คือผลของการกระทำที่เราเป็นคนเลือกเอง ลองจินตนาการตามสถานการณ์ดังกล่าว สมมุติว่าคุณเป็นพ่อ เช้าวันที่ทุกคนนั่งทานอาหารเช้าร่วมกันจู่ๆ ลูกสาวก็ดันทำกาแฟหกใส่เสื้อของคุณ และสิ่งที่คุณทำก็คือ ‘ตะโกนดุด่าเรื่องความซุ่มซ่ามของลูกสาว พร้อมทั้งหันไปด่าภรรยาว่าทำไมถึงปล่อยให้แก้วกาแฟวางตรงนั้นได้’ คุณโมโหมากจนรีบไปเปลี่ยนเสื้อในห้องนอน ก่อนจะออกมาพบว่าลูกสาวร้องไห้เสียใจอย่างหนัก… จากเหตุการณ์ดังกล่าวลูกสาวของคุณไปไม่ทันรถโรงเรียน คุณต้องไปส่งเธอและเข้างานสาย คุณโมโหตั้งแต่เช้าและขับรถอย่างหัวเสีย และดูเหมือนว่าทั้งวันนี้จะเป็นวันที่แย่ที่สุดของคุณ คำถามคือ… ทำไมคุณถึงหัวเสียทั้งวัน? นั่นก็เพราะคุณเลือกที่จะแสดงปฏิกริยาที่ไม่ดีให้กับคนรอบข้างยังไงล่ะ เราแก้ไขเรื่องเสื้อเปื้อนไม่ได้ แต่เราควบคุมอารมณ์ที่ส่งผลต่อตัวเราเองได้ คราวนี้ลองมาจินตนาการจากอีกเหตุการณ์เพื่อให้เห็นความต่างกันดู เช้าวันเดียวกันลูกสาวทำกาแฟหกใส่คุณ (อีกแล้ว) เธอรู้สึกผิด และกลัวจนอยากจะร้องไห้ แต่คุณเลือกที่จะพูดกับเธอได้น้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า ‘ไม่เป็นไรจ๊ะลูก ต่อไปครั้งหน้าหนูก็ต้องระวังให้ดีหน่อยนะ’ จากนั้นคุณกลับไปเปลี่ยนชุด ออกมาพบภรรยา…
-
สื่อสหรัฐฯ จัดอันดับ 23 ประเทศที่ “ทรงอำนาจ” มากที่สุดของโลกในยุคปัจจุบัน
อย่างที่ทราบกันดีกว่า ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาถือว่าเป็นประเทศที่ทรงพลังและทรงอำนาจที่สุดในโลก แม้ในช่วงหลังจะเสื่อมความนิยมและน่านับถือไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่าเป็นประเทศที่ทรงอำนาจอยู่ดี ล่าสุดทางสำนักข่าว News and World Report ได้ตีพิมพ์บทความ “ประเทศที่ดีที่สุดในรอบปี” ออกมา โดยพวกเขาได้ใช้หลักเกณฑ์หลายอย่างในการวัดคุณภาพประมาณกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ประวัติศาสตร์ คุณภาพชีวิต สิทธิพลเมือง อิทธิพลทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง อำนาจทางการทหารและการฑูต นอกจากนี้พวกเขายังทำการสำรวจความเห็นนักธุรกิจชั้นนำ คนชั้นสูงและประชาชนทั่วไปกว่า 10,000 คน เพื่อดูว่าพวกเขามองโลกในยุคปัจจุบันอย่างไร และนี่คือ 23 อันดับประเทศที่ทรงพลังที่สุดในยุคปัจจุบัน จะมีประเทศอะไรบ้าง เราไปชมกันเลย 23. การ์ต้า 22. สเปน 21. เนเธอร์แลนด์ 20. ปากีสถาน 19. สวีเดน 18. อิตาลี 17. ออสเตรเลีย 16.…
-
“นาซิโน แอฟแฟร์” เหตุการณ์ของคน 6,000 คน เข่นฆ่าเพื่อเอาชีวิตรอด บนเกาะร้างอันห่างไกล
เราอาจได้เห็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวของกับการปล่อยให้ผู้คนเข่นฆ่ากันเพื่อเอาชีวิตรอดในสถานที่ปิดตายมาหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น “Battle Royale” หรือ “The Hunger Game” ซึ่งหลายๆ คนคงคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้คงมีแต่ในหนัง แต่เชื่อหรือไม่ว่าครั้งหนึ่งบนโลกของเรา เคยมีเหตุการณ์สุดสยองแบบนี้เกิดขึ้นในชื่อว่า “นาซิโน แอฟแฟร์ (Nazino Affair)” จนทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 4,000 คน เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วง 7 ปี ก่อนที่สงครามโลกครั้งที่สองจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อ “โจเซฟ สตาลิน” ผู้นำของสหภาพโซเวียตขณะนั้นคิดแผนที่จะจัดการ “คนที่ใช้การไม่ได้” ของสหภาพโซเวียตออกไป ซึ่งคนเหล่านั้นประกอบไปด้วย คนไร้บ้าน คนจน คนพิการ (ง่ายๆ คือคนที่ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศดูไม่ดี) พวกเขาได้รวบรวมคนเหล่านั้นได้ประมาณ 6,000 คน จากนั้นก็ส่งขึ้นเรือที่มีทหารอาวุธครบมือคอยควบคุมไปยัง “เกาะนาซิโน” เกาะร้างอันห่างไกลในแถบไซบีเรีย ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่ได้นอกจากหมีขั้วโลก ซึ่งแต่ละคนมีสเบียงติดตัวเป็นแค่ขนมปังคนละนิดละหน่อยเท่านั้น แต่ยังไม่ทันถึงเกาะ ระหว่างการเดินทางก็มีผู้เสียไปแล้วถึง 27 คน เนื่องจากความหิวโหย และพอถึงเกาะพวกเขาก็ถูกปล่อยให้ใช้ชีวิตอย่างตามมีตามเกิด หากมีผู้ใดพยายามหนีกลับขึ้นเรือ ทหารผู้คุมก็จะสังหารพวกเขาทันที …
-
นักวิทย์ฯเผยความรู้สึกของสุนัข เมื่อเห็นเจ้านายที่เป็นคู่รัก ได้เลิกราจากกันไป….
จะว่าไปแล้วเรื่องของความรัก บางทีก็เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถคาดการณ์อนาคตได้เหมือนกัน ช่วงที่ยังรักกันหวานแหววหลายคู่ก็เลือกที่จะรับสุนัขมาเลี้ยง เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจพยานรักของทั้งคู่ แต่ทว่าวันหนึ่งถ้าคนสองคนมีเหตุจำเป็นต้องเลิกรากันไป แน่นอนว่าต้องมีฝ่ายหนึ่งต้องเดินออกจากประตูบ้านหลังนั้นไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมา แล้วสิ่งที่สุนัขผู้เป็นตัวกลางของความรักละ ลึกๆ แล้วพวกมันจะรู้อย่างไรบ้างนะ? Angie Johnson หนึ่งในทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเยล ได้ศึกษาและค้นพบแล้วว่า หลังจากที่คู่รักเลิกรากันไปสุนัขส่วนใหญ่มักจะเกิดอาการสับสน งุนงง และบางตัวก็อาจจะมีนิสัยขี้โมโหมากยิ่งขึ้น ‘เพราะสุนัขเป็นสัตว์สังคมที่ผูกพันธ์กับมนุษย์มากที่สุด เมื่อคู่รักต้องแยกทางกัน พวกมันอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอกับเจ้านายคนนั้นๆ อีก พวกมันจะรู้สึกได้ถึงกลิ่น บรรยากาศ และความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปของคนในบ้าน’ Angie กล่าว นอกจากนั้นทีมวิจัยยังได้ค้นพบเพิ่มเติมอีกว่า ความสัมพันธ์ที่ต้องจบลงของคนสองคน ทำให้พวกมันรู้สึกกังวล สับสน และบางตัวอาจจะรู้สึกเศร้าใจ เพราะพวกมันรู้ว่าตัวเองอาจจะไม่ได้พบเจ้านายคนนั้นอีกต่อไป แต่ในขณะเดียวกันด้วยความที่มันเป็นสัตว์สังคม Julie Hecht ก็ได้ค้นพบว่า สิ่งที่พวกมันจะสนใจ และรู้สึกเป็นห่วงมากที่สุด ไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์ของคนสองคน แต่เป็นความรู้สึกของเจ้านายที่ยังอยู่เคียงข้างมัน ซึ่งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกมันก็พร้อมจะอยู่เป็นเพื่อนซี้เคียงข้างเราเสมอ สรุปได้ว่า… ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกมันก็ยังคงรักเราเสมอนั่นแหละ ขอแค่เราไม่ลืมที่จะดูแลมันก็พอ ที่มา: Nymag
-
นี่คือผลลัพธ์ เมื่อลองถามทั้งชายและหญิงว่า “ผู้ชายในอุดมคติ” ของผู้หญิงต้องเป็นยังไง!?
เราทุกคนล้วนมีคนในฝันกันทั้งนั้น คนที่เราคิดว่าคนนี้แหละ สเปคเราเลย ต้องมีรูปร่างแบบนี้ นิสัยแบบนี้ ถึงจะเป็นคู่ชีวิตของเราได้ และอีกฝ่ายหนึ่งก็พยายามที่จะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนในฝันเพื่อให้เขามาชอบเรา แต่เราอย่าไปคิดแทนคนอื่นเลย วันนี้เหมียวมีผลการศึกษาจาก Jacamo แบรนด์เครื่องแต่งกายจากอังกฤษ ได้ทำการสำรวจคนที่คบกันเป็นเวลายาวนาน พบว่า 72% นั้น ต้องการชายในฝันที่ไม่ใช่หนุ่มล่ำบึ๊กแต่อย่างใด “ผู้ชายมักจะคิดว่าผู้หญิงชอบผู้ชายที่มีทรงผมเหมือน Justin Bieber ,โครงหน้าแบบ Gerard Butler, กล้ามแขนแบบ Hugh Jackman และขาแน่นๆแบบ Cristiano Ronaldo” และนี่คือสิ่งที่ผู้ชายอังกฤษคิดว่าผู้หญิงจะชอบ… แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อเขาได้ไปสำรวจความคิดเห็นจากผู้หญิง แล้วก็พบว่าชายในฝันของผู้หญิงมีรูปร่างหน้าตาแบบนี้ต่างหาก ความจริงแล้วผู้หญิงอังกฤษต้องการผู้ชายที่ยิ้มแบบเจ้าชายแฮร์รี่ และมีทรงผมแบบ James Corden และนี่คือภาพเปรียบเทียบของชายทั้งสองที่ผู้หญิงหลายคนหมายปอง ถึงแม้ว่ารูปแรกมันจะดูดึงดูดมากกว่า แต่ยังไงก็ยังแพ้ชายในรูปที่สองอยู่ดีนั่นแหละนะ แต่นี่คือสเปคของสาวๆจากอังกฤษนะ แล้วสาวๆบ้านเราสเปคเป็นอย่างไรกันบ้าง แชร์ให้ฟังหน่อย ที่มา Daily Mail
-
เคยสงสัยกันหรือไม่ หลังเสพ “สารเสพติด 7 ชนิด” มันจะอยู่ในร่างกายเรานานแค่ไหน!?
พูดถึงสารเสพติดแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงรู้อย่างแน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะมันส่งผลกระทบโดยตรงต่อร่างกาย ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะเลี่ยง แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยหรือไม่ว่า สารเสพติดเหล่านั้นจะอยู่ในร่างกายของเรานานขนาดไหน หากผู้เสพได้เสพพวกมันเข้าไป ล่าสุดทางเว็บไซต์ BusinessInsider ทำการทดลองว่าสารเสพติดเหล่านั้น จะสามารถอยู่ในร่างกายของเราได้นานขนาดไหน เราไปชมพร้อมๆ กันเลย แอลกอฮอล์ เวลาเราดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป มันจะอยู่ในเลือดของเราประมาณ 10 ถึง 12 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะอยู่ในปัสสาวะของเราประมาณ 3 ถึง 5 วัน และพบอยู่ในเส้นผมอีกราวๆ 90 วัน กัญชา เมื่อเสพกัญชาเข้าไป มันจะอยู่ในเลือดของเราประมาณ 2 สัปดาห์ และในปัสสาวะของคุณประมาณ 30 วัน และในเส้นผมของคุณประมาณ 90 วัน โคเคน สารเสพติดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในสหรัฐอเมริกา มันสามารถอยู่ในเลือดได้ 1 ถึง 2 วัน ในปัสสาวะประมาณ 3 ถึง 4 วัน และอยู่ในเส้นผมประมาณ…
-
10 ทฤษฏีตามหลักวิทย์ หลอกสมองเพื่อให้เรา “กินน้อยลง” สำหรับคนอยากลดความอ้วน
เมื่อพูดถึงเรื่อง “อาหาร” หลายคนอาจจะยอมรับว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมการกินได้สักเท่าไหร่ พอรู้ตัวอีกทีก็น้ำหนักเพิ่มขึ้นหลายกิโลกรัมซะแล้ว ในขณะเดียวกันมีการพิสูจน์หลักฐานออกมาแล้วว่า 1 ใน 10 ของประชากรผู้ใหญ่ทั่วโลกมันจะเจอกับปัญหาโรคอ้วน เหตุนี้ทำให้หลายอาจจะรู้สึกกังวลขึ้นมา บางคนถึงขั้นหักดิบ โดยการอดอาหารซะเลย แต่นั่นอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก ดังนั้น เราจะขอมานำเสนอ 10 ทฤษฏีตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ กับวิธีการหลอกสมองให้กินอาหารน้อยลง งานนี้บอกเลยว่าเอาใจคนอยากลดความอ้วนโดยเฉพาะ 1.ใช้จานและชามขนาดเล็ก ผลการวิจัยที่ถูกนำมาเผยแพร่ในเดือนมกราคม 2012 จากวารสารวิจัยผู้บริโภค พบว่า เวลาที่ทานอาหารผู้คนมักจะใช้จานที่มีขนาดเล็กมากกว่าขนาดใหญ่ และนี่คือเหตุผลที่นักวิจัยคิดว่า เป็นผลมาจากภาพลวงตา Delboeuf โดยการใช้จานที่มีพื้นที่ขอบกว้างๆ จะทำให้คนกินรับรู้ปริมาณอาหารมากกว่าความเป็นจริง นอกจากนี้ การศึกษาวิจัยในปี 2006 ยังพบอีกว่า แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ก็ได้ทดลองการกินไอศกรีมโดยใช้ชามใบใหญ่ ซึ่งก็พบว่ามันทำให้พวกเขากินไอศกรีมได้มากกว่า เมื่อเทียบกับคนที่ใช้ชามใบเล็กกว่า 2.ตรวจสอบให้แน่ใจว่าจานหรือชามของคุณ มีสีที่ตรงข้ามกับอาหาร จากผลการวิจัยผู้บริโภคในปี 2012 พบว่า สีของจานชามก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะความแตกต่างระหว่างสีของอาหารกับสีของจาน ทำให้สมองอาจจะถูกหลอกให้คุณกินได้น้อยลงได้ ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า หากคุณตักซุปมะเขือเทศลงในชามสีขาว นั่นอาจจะทำให้คุณมีแนวโน้มที่จะตักอาหารมากกว่าคนที่ใช้จานสีแดง 3.ใช้อุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร และผ้าปูโต๊ะสีลวงตา จากการศึกษาของผู้วิจัยพบว่า…
-
เรื่องราวของชายหนุ่มอินเดีย มุ่งมั่นปั่นจักรยานไปยุโรป เพื่อพบกับรักแท้เมื่อ 30 ปีก่อน
เมื่อปี 1975 ขณะที่หนุ่มอินเดียคนหนึ่งชื่อว่า P.K. Mahanandia กำลังหารายได้ด้วยการเป็นศิลปินวาดภาพอยู่ข้างถนนในย่าน Connaught Place ซึ่งเป็นย่านธุรกิจในเมืองเดลี ประเทศอินเดีย เขาบังเอิญได้พบกับ Charlotte Von Schedvin หญิงสาวชาวสวีเดนคนหนึ่งที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังดินแดนภารตะแห่งนี้ และใครจะรู้ว่าหญิงสาวจากดินแดนอันห่างไกล จะกลับกลายเป็นรักแท้ของเขา Charlotte เล่าว่าขณะที่เธอเดินเล่นอยู่ในเมืองนั้น เธอก็พบกับ Mahanandia กำลังรับวาดภาพเหมือนอยู่ข้างถนน เขาโฆษณาว่าเขาสามารถวาดเสร็จภายใน 10 นาทีโดยมีค่าบริการอยู่เพียงแค่ 10 รูปีเท่านั้น เธอจึงตัดสินใจเข้าไปใช้บริการ แต่ระหว่างนั้นเธอก็พบว่า Mahanandia กลับมีอาการมือสั่นตลอดเวลา จนแทบไม่สามารถวาดภาพได้ เธอแอบคิดว่าเขาป่วยหรือเปล่า เธอจึงบอกว่าไม่เป็นไร แล้วเธอจะมาใหม่ในอีกวัน พออีกวันมาถึง Mahanandia ก็ยังมือสั่นเหมือนเดิม สุดท้ายเขาก็วาดภาพไม่สำเร็จ ภายหลังเธอได้ทราบว่า ทันทีที่เขาเห็นเธอ เขาก็ย้อนนึกถึงคำทำนายของแม่ของเขาที่บอกว่า เขาจะได้แต่งงานกับหญิงสาวที่อยู่ในราศีพฤษที่มาจากดินแดนอันห่างไกล เธอคนนั้นจะชื่นชอบในเสียงดนตรีและมีผืนป่าไว้ในครอบครอง ซึ่งแทบจะตรงกับเธอทุกอย่าง ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาเล่าว่า เขาเกิดในวรรณะจัณฑาล ทำให้โดนดูถูกดูแคลนมาตั้งแต่เด็กๆ และเขาหวังเสมอว่าหญิงสาวในคำทำนายนั้น จะมาทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปจากเดิม “ผมไม่ได้ถามชื่อเธอด้วยซ้ำ ผมเอาแต่ถามคำถามเกี่ยวกับคำทำนายและเธอก็ตอบใช่ๆ ทุกอย่าง ตอนนั้นผมรู้เลยว่าฟ้าส่งให้เรามาพบกัน ผมบอกเธอว่า…
-
เเนะนำ 6 แนวทางทรงผมสุดชิคสำหรับ “สาวผมสั้น” ให้ไปรอดในซัมเมอร์นี้
สาวๆ คนไหนเบื่อกับทรงผมเดิมๆ หน้าร้อนนี้เป็นโอกาสดีที่ ตัด! หั่น! ซอย! ทรงผมเก่าให้กลายร่างเป็นสาวสุดชิค ที่จะสะบัดบ๊อบ ท้าลมร้อน ให้เป็นสาวสุดเท่ห์ได้ง่ายๆ ในครั้งนี้ #เหมียวหน่า จะพาสาวๆไปพบทรงผมท้าลมร้อน ที่เห็นเเล้วต้องอยากตัดผมให้สั้นจู๋เผื่อจะสวยชิคเหมือนเขาบ้างเเล้วล่ะ 1. สาวติ่งผมสั้น สาวติ่งผมสั้นที่เปลี่ยนจากสาวเนิร์ดเป็นสาวสุดชิค ผมดำธรรมชาติของสาวเอเชียนี่แหละที่ดูสุขภาพดี แถมดูเด็กลงอีกดวย เป็นทรงที่ไม่ต้องดูเเลให้ยุ่งยากเหมาะกับอากาศร้อนเป็นอย่างดี . . 2. สาวผมสั้นบลอนด์ สีผมที่ดูโดดเด่นทุกสถานการณ์ การกัดสีผมให้มีโทนสีที่สว่างขึ้นทำให้ดูทันสมัยขึ้นมาทันที ดูเป็นสาวมั่น ปราดเปรียว น่ารักไม่เบาเลย . . 3. หน้าม้าสั้น ทรงที่ฮิตตลอดการไม่ว่าเอาแมทกับทรงไหนชุดไหน ก็ดูเท่ห์มีสไตล์ . . 5. ทรงบ๊อบดัด การดัดผมนั้นทำให้ผมดูมีวอลลุ่มเพิ่มมากขึ้น หากผมเบื่อบ๊อบแบบธรรมดาแค่ลองดัดเล็กน้อยผมก็ดูมีมิติมากขึ้น . . 6. เปลี่ยนสีผมบ๊อบ ทรงบ๊อบจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไปเมื่อผมของคุณมีสีสันที่สดใส ละม้ายคล้ายการ์ตูนพอทำทรงนี้เเล้วก็ดูเปรี้ยวไปเบา สาวๆ น่าลองเปลี่ยนลุคเป็นแบบนี้บ้างนะ . .…
-
5 วิธีการรีดประสิทธิภาพ ‘ยางลบ’ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ง่ายๆ แต่ได้ผลลัพธ์ดีเยี่ยม!!
เวลาถามว่ายางลบสามารถใช้ทำอะไรได้บ้าง เราก็แทบนึกไม่ออกว่ามันสามารถทำอะไรได้อีกนอกจากการนำไปลบข้อความต่างๆ ที่เขียนด้วยดินสอ แต่รู้หรือไม่ จริงๆ แล้วเราสามารถประยุกต์ใช้ยางลบได้หลากลายมาก จนหลายคนอาจไม่รู้เลยว่า ทำแบบนี้ได้ด้วยหรือเนี่ย วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 5 วิธีการใช้ยางลบให้เกิดประโยชน์สูงสุด จะมีอะไรบ้าง เราไปชมพร้อมๆ กันเลย 1.เป็นแท่นวางเครื่องดื่ม เชื่อว่าหลายๆ คนต้องเคยประสบปัญหาเหล่านี้ เผลอทีไร เป็นอันต้องทำความสะอาดบ้านยกใหญ่ทุกที เราสามารถแก้ปัญหาด้วยการนำยางลบมาติดตั้งแบบนี้ วางเป็นรูปวงกลมแบบนี้ แค่นี้ก็หมดปัญหา (แต่จะมียางลบติดบนโต๊ะนะ) 2. เป็นที่แขวนกุญแจ ปักหมุดลงไป แล้วนำยางลบไปติดกับผนัง แค่นี้ก็เป็นที่แขวนกุญแจเก๋ๆ แล้ว 3. ใช้ทำความสะอาดเลนส์กล้อง 4. เป็นที่กันลื่นเขียง ตัดยางลบ แล้วติดที่มุมของเขียงแบบนี้ เท่านี้เขียงของคุณก็จะนิ่งสนิท ไม่มีขยับอีกแล้ว 5. เป็นที่วางโทรศัพท์ วางยางลบไว้บนโต๊ะแบบนี้ …
-
กายไม่พร้อมแต่ใจพร้อม หนุ่มดาวน์ซินโดรม เปิดร้านขายถุงเท้า เพื่อหาเงินช่วยผู้อื่น
ในหลายครั้งที่ความผิดปรกติของร่างกาย อาจสร้างปัญหาให้กับการใช้ชีวิตและทำให้หลายๆ คนต้องยอมแพ้กับโชคชะตาที่เลือกเกิดไม่ได้ แต่ไม่ใช่กับเค้าคนนี้แน่ John Cronin เด็กวัยรุ่นอายุ21 ปีที่ป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรมผู้ไม่ยอมแพ้ แถมเขายังสนใจในมหกรรมกีฬา The Special Olympics หรือกีฬาโอลิมปิกสำหรับผู้ที่มีความพิเศษทางร่างกาย และนี่นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้มีธุรกิจดีๆ ของตัวเอง วันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปรู้จักกับเค้ากัน นอกจากจะสนใจการแข่งขันแล้ว เขายังเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันอีกด้วย ซึ่งในทุกๆปีตัวเขาเองจะลงแข่งขันกระโดดน้ำ Polar Plunge ซึ่งเป็นการกระโดดน้ำในฤดูหนาว เพื่อหาเงินมาสนับสนุนกีฬาโอลิมปิคสำหรับผู้พิเศษทุกปี แต่ไม่เพียงเท่านั้นเขาและพ่อยังเปิดร้านขายถุงเท้าเพื่อเป็นการหารายได้สำหรับนำมาบริจาคอีกทางหนึ่ง ถือว่าน่าชื่นชมมากๆ นะครับเนี่ย ซึ่งร้านถุงเท้าที่เขาและพ่อตั้งขึ้นมานั้นชื่อว่าร้าน ‘John’s Crazy Socks‘ โดยจะมอบเงิน 5% ของกำไรให้กับการแข่งกีฬาสำหรับผู้มีความพิเศษทางร่างกายด้วย นอกจากนี้ถุงเท้าบางรุ่นยังมีการออกแบบพิเศษ และมอบรายได้จากการจำหน่ายให้กับองค์กรการกุศลอีกด้วย เช่นถุงเท้ารุ่น “Autism Awareness” ที่มอบเงินให้กับองค์กรช่วยเหลือผู้ป่วยออทิสติก จำนวน 2 เหรียญในทุกครั้งที่มีการจำหน่ายถุงเท้าคู่นี้ John บอกว่า “ร้านถุงเท้าของพวกเรา ไม่ได้เป็นเพียงแค่ร้านขายถุงเท้าเท่านั้น ถุงเท้าที่พวกเราขายจะสร้างความแตกต่างให้กับผู้ใส่ และมอบร้อยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับพวกเขา เราหวังว่าถุงเท้าของเราจะเข้าไปอยู่ในใจคุณและมอบความสุขให้กับชีวิตของคุณได้บ้าง” ปัจจุบันร้านขายถุงเท้าของ Johnขายถุงเท้าไปแล้วมากกว่า 1,000 คู่ และทุกคู่ที่จำหน่ายออกไป เขาจะมอบการ์ดที่เขียนด้วยลายมือของตัวเองกับขนมหวานแถมไปด้วย …
-
พาไปรู้จัก “ต้นไม้กระต่าย” สุดคาวาอิ้จากญี่ปุ่น หน้าตาเหมือนกระต่ายกำลังชู 2 นิ้ว!?
ถ้าหากพูดถึงญี่ปุ่นหลายๆ คนก็คงนึกถึงความน่ารักใสๆ และความคิขุแบบสาวคาวาอี้อย่างแน่นอน ซึ่งความน่ารักคิขุสไตล์ญี่ปุ่นนี้ก็ได้รับความนิยมและแทรกซึมไปทุกอณูของวัฒนะธรรมแบบญี่ปุ่นๆ เลย ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับต้นไม้ต้นหนึ่งจากญี่ปุ่น ที่มีความน่ารักคิขุได้อย่างไม่น่าเชื่อ เริ่มสงสัยกันแล้วละสิว่ามันคือต้นอะไรกันแน่!? ภาพที่ทุกคนกำลังเห็นอยู่นี้ถูกเผยแพร่มาจากทวิตเตอร์ของคุณ @celely1128 เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งต้นไม้ที่ว่านี้มีลักษณะคล้ายกับกระต่ายน้อยสุดน่ารักกำลังชูสองนิ้วอยู่นั่นเอง ซึ่งถ้าหากเราปลูกพวกมันไว้ด้วยกันหลายๆ ต้นล่ะก็จะดูเหมือนพวกกระต่ายน้อยเหล่านี้กำลังโพสต์ท่าชูสองนิ้วให้กับเรา ดูน่ารักสุดๆ ไปเลย และความน่ารักของพวกมันนั้นก็ทำให้มีชาวทวิตเตอร์บางคนนำไปวาดเป็นภาพแฟนอาร์ตด้วยนะ อย่างภาพด้านล่างนี้มาจากคุณ @KarasugiTabasco หน้าตาดูเหมือนมาจากการ์ตูนสักเรื่องเลยนะเนี่ยะ โดยเจ้าต้นไม้สุดน่ารักที่ว่านี้จริงๆแล้วมันคือต้น Monilaria obconica ซึ่งส่วนที่เหมือนหูกระต่ายนี้ จะยาวขึ้นแล้ว กลายเป็นดอกไม้สีขาวสวยที่ช่วยในการกักเก็บน้ำและความชุ่มชื้นไว้ภายในตัวของมันเองได้หลายสัปดาห์ นั่นหมายความตัวของมันเองสามารถอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องรดน้ำมันบ่อยๆ นั่นเอง และเมื่อมีการทวีตข้อมูลที่เกี่ยวกับต้นไม้นี้ออกมา ก็ยิ่งทำให้มีคนชื่นชอบและต้องการปลูกมันมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็มีคอมเม้นต์ต่างๆ ในวิตเตอร์เกี่ยวกับเจ้าต้นไม้นี้มากมายเช่น “มันดูเหมือนกระต่ายจริงๆนะ” “ฉันอยากได้มันจังเลย” “โอ้วพระเจ้า!! ทำไม่มันน่ารักขนาดนี้” ซึ่งเราก็หวังว่าคนที่ซื้อมันไปจะดูแลมันได้อย่างถูกวิธี และรดน้ำกับเท่าที่จำเป็น เพราะไม่อย่างงั้นเราอาจทำให้กระต่ายน้อยน่ารักตายได้จ้า ที่มา rocketnews24.com
-
นี่คือ 15 เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับสิ่งของรอบตัว ที่ไม่รู้ก็ได้ แต่อ่านไว้โม้กับเพื่อนก็ดีนะ!!
ทุกวันนี้โลกเราพัฒนามาไกลมาก มีอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้เพื่อความสะดวกมากมาย แต่คุณรู้หรือไม่ว่าข้าวของแต่ละอย่างรอบๆ ตัวของเรามันมีประวัติศาสตร์หรือเรื่องราวบางอย่างที่เราไม่เคยรู้มาก่อนด้วยนะ อย่างในบทความนี้ #เหมียวฟิ้นได้คัดเอาสาระเกี่ยวกับ 15 ของใช้รอบตัวมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน ลองดูกันว่าคุณจะอึ้งกันขนาดไหน? 1. รหัสของตู้ ATM การใส่รหัสตู้กดเงินแบบอัตโนมัติถูกประดิษฐ์ขึ้นโดย John Shepherd-Barron ในตอนแรกมันถูกออกแบบให้มีรหัสถึง 6 หลัก แต่เนื่องจากภรรยาของเขาจำมากขนาดนั้นไม่ได้ เลยต้องลดลงเหลือแค่ 4 หลัก 2. รูเล็กๆ ข้างกุญแจ เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมถึงมีรูเล็กๆ อยู่ที่ตัวแม่กุญแจ? นั่นก็เพื่อให้สามารถระบายน้ำออกจากแม่กุญแจได้หากคุณนำมันไปใช้ล็อคนอกบ้าน ทำให้แม่กุญแจของคุณไม่เกิดสนิมขึ้นได้ง่ายๆ 3. ไรบนที่นอน ในช่วงระยะเวลา 10 ปี เตียงนอนของคุณจะเต็มไปด้วยไรฝุ่น และน้ำหนักของมันจะเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว นั่นก็เพราะว่าพวกมันเพิ่มจำนวนมากขึ้นและปล่อยเศษอึเล็กๆ ออกมาโดยที่พวกเราไม่รู้ตัวหรือมองเห็นเลย ฉะนั้นหมั่นทำความสะอาดเตียงบ้างก็ดีนะ อึ๊ยย… 4. การถือกำเนิดของเสื้อยืด แรกเริ่มเดิมทีเสื้อยืดนั้นถูกคิดค้นขึ้นเมื่อปี 1904 เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายไปที่หนุ่มๆ ที่เย็บผ้าเย็บกระดุมไม่เป็น หรือไม่มีภรรยาเย็บเสื้อผ้าให้ใส่ 5. ยาช็อคโกแลต ความจริงแล้วช็อคโกแลตไม่ได้ถูกนำมาทำเป็นขนมตั้งแต่แรก แต่จริงๆ…
-
10 อาการป่วยแปลกประหลาด ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักกับมนุษย์ แต่มันมีอยู่จริงบนโลกนี้!!
*บทความนี้อาจมีภาพที่ดูรุนแรง หากใครขวัญอ่อนก็คิดดูดีๆ ก่อนจะเลื่อนลงไปอ่านนะจ๊ะ โลกของเรามันช่างกว้างใหญ่ยิ่งนัก กว้างจนขนาดที่ว่าขนาด ‘ร่างกาย’ ของเราเองก็ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เรายังไม่รู้ และในวันนี้เอง #เหมียวหง่าว ก็เลยอยากจะขอพาเพื่อนๆ ไปชม ‘อาการป่วย’ แบบแปลกๆ ที่ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่ามันจะมีอยู่จริงๆ บนโลกใบนี้ จะมีอะไรบ้างลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… 1. อาการ Sleepy Sickness หรืออีกชื่อก็คือ Encephalitis Lethargica เกิดจากอาการอักเสบของสมองอย่างกะทันหัน ทำให้คนกลายเป็นรูปปั้นที่มีชีวิต ไม่สามารถขยับไปไหน หรือพูดได้เลย ซึ่งเจ้าโรคนี้เคยคร่าชีวิตประชากรโลกไปมากกว่า 500,000 คนเลยทีเดียว!! แม้ว่าจะรอดมาได้ผู้ป่วยก็จะยังคงอยู่ในภาวะซึมเศร้า และจะนั่งอยู่ที่จุดเดิมทั้งวันโดยที่ไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว 2. โรคสมองผิดปกติ หรือที่เรียกว่า Chiari Malformation เกิดขึ้นเมื่อกะโหลกมีขนาดเล็กเกินไป หรือมีรูปร่างที่ผิดแปลกออกไปจากกะโหลกทั่วๆ ไปจนดันสมองลงไปข้างล่าง และผลของมันก็จะทำให้สมองขยายตัวเข้าไปอยู่ในโพรงกระดูกสันหลัง ซึ่งมันจะทำให้คนที่มีความผิดปกตินี้เกิดขึ้นกับร่างกาย ไม่สามารถหลับได้ แต่ถือเป็นโชคดีที่มันสามารถใช้การผ่าตัดรักษาให้หายได้ 3. ภาวะเสียการระลึกรู้ หรือที่เรียกว่า Pure Alexia เป็นอาการผิดปกติที่จะทำให้รสูญเสียความสามารถในการรู้จำวัตถุ…
-
8 สามีคนดังตัวอย่าง ที่ครองรักกับภรรยามาอย่างเนิ่นนาน ทั้งๆ ที่หลายคู่คบกันได้แค่ชั่วคราว
เราอาจเห็นเหล่าดาราที่มีชื่อเสียงหลายคนต้องประสบความล้มเหลวในชีวิตคู่ จนต้องหย่ากันหลังจากแต่งงานได้ไม่นาน แต่ละคู่ก็อาจมีเหตุผลในการแยกทางต่างกันออกไป บางคนอาจเรื่องงาน บางคนอาจเรื่องชู้สาว หรืออาจเป็นเรื่องของทัศนคติที่ไม่ตรงกัน แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีดาราอีกหลายคู่ที่ครองรักกันอย่างยาวนาน โดยไม่มีสิ่งใดมาพรากพวกเขาจากกันได้ อย่างเช่น 8 คู่รักดาราที่เรานำมาให้ชมวันนี้ รับรองว่าเพื่อนๆ จะรู้ทันทีว่า รักแท้ยังมีอยู่จริงบนโลก Denzel และ Paulette Washington พระเอกหนุ่มนักบู๊คนนี้แต่งงานกับภรรยามาแล้วกว่า 33 ปี พวกเขาต้องผ่านอุปสรรค์และความยากลำบากมากมาย แต่ความรักของพวกเขาก็ยังมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งทาง Paulette กล่าวว่า “ความรักไม่ได้หมายถึงเซ็กส์หรือความหลงไหลเท่านั้น แต่มันหมายถึงว่าคุณจะเป็นอย่างไร หากคุณเจอเรื่องราวยากลำบากต่างหาก” Goldie Hawn และ Kurt Russell นับตั้งแต่แสดงด้วยกันในหนังเรื่อง Swing Shift เมื่อปี 1983 พวกเขาก็อยู่ด้วยกันมาตลอดและยังรักกันเหมือนเดิม “พวกเราไม่ได้แต่งงานกัน เราไม่ได้สนใจขนบธรรมเนียมอะไรเท่าไหร่ แต่เราแค่เคารพซึ่งกันและกัน ทำให้ตลอด 33 ปีที่ผ่านมา มีเพียง 2 เปอร์เซ็นเท่านั้นที่แย่ ส่วนที่เหลือน่ะ มีแค่ความสุขเท่านั้น” Kurt กล่าว Oprah…
-
ผู้เชี่ยวชาญเผยสาเหตุ ทำไมเจ้าหญิงดิสนี่ย์จึงต้องสวมชุด “โทนสีฟ้า” แทบทุกคน…
เชื่อว่าหลายๆ คนต้องเคยดูและชื่นชอบเจ้าหญิงดิสนี่ย์เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น Elsa (Frozen), Belle (Beauty and the Beast), หรือกระทั่ง Jasmine (Aladdin) แต่มีใครเคยสังเกตหรือไม่ว่า เจ้าหญิงของดิสนี่ย์แทบทุกตัว จะต้องมีสีฟ้าบนเครื่องแต่งกาย (พอมาสังเกตดีๆ แล้วเจ้าหญิงแทบทุกคนมีสีฟ้าอยู่บนร่างกายทั้งนั้นเลยนะเนี่ย) ซึ่งเรื่องดังกล่าวทาง Leatrice Eiseman จากสถาบันสีแพนโทน (Pantone Colour Institute) อธิบายปรากฎการณ์ดังกล่าวว่า สีฟ้าหรือสีโทนน้ำเงินจะช่วยส่งเสริมพลังให้กับตัวละครผู้หญิง “คุณสามารถเพิ่มพลังให้กับตัวละครหญิงได้ด้วยการใส่สีฟ้าเข้าไปให้กับตัวละคร อาจจะฟังดูไร้สาระ แต่มันเป็นเรื่องจริงนะ ทั้งหญิงสาว ทั้งเด็กสาว เมื่อมีสีฟ้าแล้วพวกเขาจะดูเข้มแข็งขึ้น” Eiseman กล่าว “อย่างที่เราเห็นว่าชุดสีฟ้าของ Belle ได้นำพาเธอไปพบกับการผจญภัยครั้งใหม่นอกหมู่บ้านเล็กๆ ของเธอ ส่วน Jasmine ก็รอดชีวิตได้เพราะชุดสีฟ้าของตนเอง และ Cinderella พอสวมชุดสีฟ้าก็มีชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนี้สีฟ้ายังแสดงถึงความสดใสของท้องฟ้าอีกด้วย” “ฉะนั้นที่บอกว่าสีฟ้าเป็นของเด็กผู้ชาย ส่วนสีชมพูเป็นของเด็กผู้หญิงคงต้องตกไปแล้วล่ะ” (Belle ในเวอร์ชั่นหนังโรงล่าสุดก็สวมชุดสีฟ้าเช่นกัน) …
-
14 ข้อมูลน่าสนใจของ “วาฬสีน้ำเงิน” ทำให้เรารู้ว่ามันเป็นสัตว์ที่ยิ่งใหญ่เพียงใด
เป็นที่รู้กันว่า วาฬสีน้ำเงิน เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่ทว่านั้นไม่ใช่แค่ความจริงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีความลับอีกมากมายเกี่ยวกับวาฬสีน้ำเงินที่เราอาจจะรู้หรือบางคนก็ไม่รู้อยู่ ฉะนั้นวันนี้เราจะมาดู 14 ข้อมุลที่น่ารู้ของวาฬสีน้ำเงินกันว่าเจ้าสัตว์ยักษ์ใหญ่แห่งทะเลนี้มีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง 1. วาฬสีน้ำเงินสามารถพ่นน้ำได้สูงถึง 9 เมตร หรือให้เทียบความสูงของตึก ก็เท่ากับตึก 3 ชั้นเลยทีเดียว 2. ตามปกติแล้ว วาฬสีน้ำเงินจะว่ายน้ำด้วยความเร็ว 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ถ้าพวกมันว่ายเต็มสปีด มันจะว่ายได้เร็วถึง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 3. แค่ลิ้นของวาฬสีน้ำเงินเพียงอย่างเดียว มีน้ำหนักพอๆ กับช้างตัวหนึ่งเลยทีเดียว 4. หัวใจของวาฬสีน้ำเงิน มีน้ำหนักราวๆ เกือบ 1 ตัน และถ้าเทียบง่ายๆ ก็มีขนาดที่ใหญ่พอๆ กับรถยนต์มินิคูเปอร์ 1 คันเลยทีเดียว 5. เส้นเลือดของวาฬสีน้ำเงินมีขนาดที่ใหญ่มากๆ ใหญ่พอที่จะให้คนเข้าไปอยู่ข้างในได้เลยล่ะ 6. ถ้าวาฬสีน้ำเงินโตเต็มที่จะมีความยาวถึง 31.2 เมตร ซึ่งเทียบเท่ากับสนามบาสเก็ตบอล NBA เลยล่ะนั้น…
-
นาซ่ากำลังวางแผนการใหญ่ เพื่อจะทำให้ “ดาวอังคาร” เหมาะสมสำหรับมนุษย์อาศัยอยู่ได้
ช่วงนี้เราอาจได้ยินใครหลายคนบ่นว่า “โลกนี้ไม่น่าอยู่เหมือนเดิม” ทั้งอากาศก็ร้อนขึ้น ค่าครองชีพก็สูง แถมยังมีปัญหาอาชญากรรม อุบัติเหตุ ก่อการร้าย จนอยากย้ายไปที่อื่น ตอนนี้พวกท่านกำลังจะมีทางเลือกใหม่ เพราะนาซ่ากำลังจะทำให้ “ดาวอังคาร” อยู่อาศัยได้แล้ว James Green ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์กล่าวว่า ตอนนี้ทางนาซ่ากำลังวางแผนที่จะใช้แม่เหล็กขนาดใหญ่ไปติดตั้งบนดาวอังคาร เมื่อติดตั้งแม่เหล็กขนาดใหญ่แล้ว มันจะช่วยทำให้เกิดสนามแม่เหล็กรอบๆ ดาวอังคาร ซึ่งสนามแม่เหล็กนั้น จะช่วยป้องกันรังสีอันตรายจากดวงอาทิตย์ และทำให้พื้นผิวของดาวอุ่นขึ้นจนสิ่งมีชีวิตสามารถอยู่อาศัยได้ โดยดาวอังคารได้สูญเสียชั้นบรรยากาศไปเมื่อ 3,000 ล้านปีก่อนเนื่องจากรังสีของดวงอาทิตย์ จนทำให้ทั้งดวงดาวแปรสภาพเป็นทะเลทรายไร้ที่สิ้นสุด “ระบบสุริยะเป็นของเรา เราจะครอบครองให้ได้ รวมถึงดาวอังคารก็เช่นกัน เราจะต้องทำให้ดาวอังคารกลายเป็นสถานที่ที่มนุษย์อยู่อาศัยได้ เราต้องการสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าปัจจุบัน” “นี่ไม่ใช่การปรับปรุงดาวเคราะห์ พวกเราแค่ใช้เทคนิคนิดหน่อยและให้ธรรมชาติจัดการส่วนที่เหลือ พวกเราใช้แค่ความรู้ฟิสิกส์ที่เรามีในปัจจุบันเท่านั้นเอง” Green กล่าว พวกเขาคาดว่าแผนการดังกล่าวจะสามารถเป็นจริงได้ในช่วง ค.ศ 2050 หรืออีกเกือบๆ สามสิบปีข้างหน้านี้ ใครรอได้ก็รอกันเลยนะฮะ ที่มา metro
-
เรื่องราวของ 5 สุดยอดนินจาระดับตำนาน ผู้มีตัวตนอยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น!!
หนึ่งในอาชีพที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่นนอกจากนักรบซามูไรแล้วก็มี ‘นินจา’ นี่แหละที่ดูจะน่าสนใจและมีความลึกลับไม่แพ้กัน โดยปกติแล้วตามตำนานเหล่าซามูไรจะทำหน้าที่เป็นนักรบที่ฆ่าสังหารศตรูซึ่งๆ หน้า ใช้ความสามารถในเพลงดาบสยบศัตรู แต่สำหรับนินจาแล้วจะมีเป้าหมายในการฝึกและการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก็คือการ ‘ลอบสังหาร’ ทั้งสองอาชีพนี้ก็จะมีวัฒนธรรม ความเชื่อ ประเพณี ที่แตกต่างกันออกไป สำหรับในวันนี้ #เหมียวหง่าว ก็จะขอมาเล่าเรื่องราวของนินจาในตำนาน ที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น เรื่องราวจะเป็นอย่างไร และจะมีใครบ้างลองไปติดตามชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า… 1. Fujibayashi Nagato (藤林長門) Fujibayashi Nagato นั้นเป็นผู้นำของสำนักนินจา Iga ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 16 เขาและทีมนินจาของเขาอยู่ภายใต้การรับใช้ไดเมียวของแคว้น Oomi (ปัจจุบันคือจังหวัด Shiga) ที่ต่อสู้กับ Oda Nobunaga ซึ่งการสนับสนุนของเขาและคนในสำนักนินจาทำให้ Nobunaga ถึงกับจ้องจะบุกทำลายสำนักนินจา Iga และ Koga เพื่อจัดการเหล่านินจาให้หมดสิ้นเพราะต้องการชัยชนะเหนือสงคราม ด้วยความที่ครอบครัว Fujibayashi ต้องการที่จะทำให้ชื่อเสียงและวิชานินจาของสำนักไม่สูญสลายหายไปตามกาลเวลา ลูกหลานของเขาซึ่งก็คือ Fujibayashi Yastake ได้ทำการเขียนบันทึกที่ชื่อว่า Bansenshukai หรือ สารานุกรมนินจาขึ้นมา …
-
10 ภาพยนตร์ที่ดีที่สุดของ Huge Jackman ที่คุณควรหามาชมให้ได้ซักครั้งในชีวิต…
เป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้วที่ Hugh Jackman ได้ก้าวสู่วงการฮอลลีวูดด้วยบทบาท Wolverine จากหนังเฟรนไชน์ X-Men จนล่าสุดเขาได้รับบทดังกล่าวเป็นครั้งสุดท้ายในหนังเรื่อง Logan ที่กำลังเข้าโรงฉายขณะนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการปิดฉากได้อย่างสมศักดิ์ศรีเลยทีเดียว วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ เลยจะพาเพื่อนๆ ไปชม 10 หนังที่ดีที่สุดของ Hugh Jackman นับตั้งแต่เข้าวงการฮอลลีวูดโดยเว็บไซต์ Rottentomatoes จะมีเรื่องอะไรบ้าง เราไปชมกันเลย 10. REAL STEEL (2011) เรื่องราวของนักมวยตกอับที่บังเอิญได้กลับมาอยู่กับลูกชายอีกครั้ง จนทั้งสองค่อยๆ สร้างสายสัมพันธ์กันขึ้นมา พร้อมทั้งพาหุ่นซ้อมธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง คว้าแชมป์ดวลกำปั้นหุ่นยนต์เหล็กสำเร็จ 9. LES MISÉRABLES (2012) ดัดแปลงจากละครเวทีชื่อก้องโลก สะท้อนถึงความไม่เท่าเทียม และความยากลำบากของผู้คนในสังคมในฝรั่งเศสช่วงศตวรรษที่ 19 8. THE WOLVERINE (2013) วูล์ฟเวอรีนถูกเชิญไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อพบปะกับเพื่อนเก่าคนหนึ่ง และที่นั่นเองเขาก็ได้พบกับความจริงอันน่าตกใจ รวมทั้งศัตรูที่เขาคาดไม่ถึง 7. THE PRESTIGE…
-
ครอบครัวอังกฤษทำสถิติ มีสมาชิก 6 รุ่นที่มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันเป็นครอบครัวใหญ่!!
สำหรับครอบครัวทั่วไปแล้ว การมีสมาชิกสามรุ่น (ปู่ย่า – พ่อแม่ – ตนเอง) อยู่ในช่วงเดียวกันคงถือว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้ามี 4 รุ่นก็ถือว่าพิเศษหน่อย (อาจเพิ่ม หลาน หรือ ทวด เข้าไป) แต่ครอบครัวชาวอังกฤษครอบครัวนี้กลับมีสมาชิกถึง 6 รุ่นอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน ครอบครัวดังกล่าวมาจากเมืองแบรดฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ความพิเศษของครอบครัวนี้อยู่ตรงที่ พวกเขามีสมาชิกถึง 6 รุ่นในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งแทบจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ครอบครัวบนโลกที่มีลักษณะเช่นนี้ โดยทั้งหกรุ่นประกอบไปด้วย Ruby Snowling วัย 100 ปี, Dorothy Matthews วัย 79 ปี, Sandra Smith วัย 60 ปี, Samantha Smith วัย 40 ปี, Porsche Smith วัย 22 ปี, และ…
-
หญิงกลายเป็นเพื่อนฆาตกรผู้สังหารพ่อของเธอเมื่อ 36 ปีก่อน และเขาก็อยากชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป….
การเป็นเพื่อนกับฆาตกรฆ่าคนไม่ใช่เรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป ยิ่งเป็นฆาตกรที่เคยพรากชีวิตคนสำคัญในครอบครัวไป มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ญาติผู้สูญเสียจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฆาตกร แต่นั่นไม่ใช่กับเธอคนนี้ เพราะเธอสามารถให้อภัยและกลายเป็นเพื่อนฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเธอได้ หญิงคนนี้มีชื่อว่า Margot Van Sluytsman วัย 55 ปี จากเมืองโทรอนโต ปัจจุบันเธอเปิดสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งในแคนาดา จู่ๆ วันหนึ่งก็มีบุรุษปริศนาบริจาคเงินเข้าบริษัทของเธอ ทันทีที่เธอเห็นชื่อผู้บริจาคเธอก็จำได้ในทันที เพราะชื่อนั้นคือชื่อของฆาตกรผู้สังหารพ่อของเธอ เมื่อ 36 ปีก่อน Theodore พ่อของ Margot ในวัย 40 ปี ได้ออกเดินทางไปยังร้านขายเสื้อผ้าผู้ชายที่เขาทำงานอยู่ เพื่อเตรียมของสำหรับเทศกาลลดราคาที่กำลังจะมาถึง เขาบอกกับลูกสาวว่าเขาจะกลับมาในอีกไม่กี่ชั่วโมง แต่สุดท้าย เขาก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย… เย็นวันนั้นเอง ตำรวจได้แจ้งกับครอบครัว Van Sluytsman ว่า มีโจรก่อเหตุปล้นร้านขายเสื้อผ้าผู้ชายดังกล่าว และ Theodore ถูกหนึ่งในแก๊งโจรยิงเสียชีวิต เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ Margot และครอบครัวเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก เธอบอกว่าได้ตอนที่ได้ยินข่าว เหมือนเธอกำลังอยู่ในฝันร้ายที่ไม่มีวันตื่นเลยทีเดียว หลังจากนั้นไม่นาน Glen Flett ฆาตกรที่สังหารพ่อของ Margot และแก๊งโจรอีกสองคนก็ถูกจับ เขาถูกศาลตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต ส่วนอีกสองคนก็โดนโทษหนักไม่ต่างกัน…
-
รู้จัก Barnaby Dixon หนุ่มหน้ามนคนหน้าหล่อ เจ้าแห่งหุ่นเชิดพริ้วไหวดั่งสายน้ำ!!
ในยุคปัจจุบันการเชิดหุ่นหรือละครหุ่นอาจไม่ใช่สิ่งที่ได้รับความนิยมเหมือนดั่งเมื่อก่อนแล้ว เพราะปัจจุบันเรามีสื่อบันเทิงชนิดอื่นๆ มากมายให้รับชมกัน แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ก็ยังมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่พร้อมทุ่มเทและฝึกฝนตนเอง จนกลายเป็นเจ้าแห่งการเชิดหุ่นระดับเทพเลยทีเดียว หนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Barnaby Dixon วัย 26 ปี จากประเทศอังกฤษ เขาเล่าว่าเขาเริ่มศึกษาการทำหุ่นเชิดเมื่อประมาณสองปีก่อน จากนั้นเขาก็พยายามพัฒนาฝีมือตนเองเรื่อยมา จนสามารถเชิดได้อย่างมีชีวิตชีวาขนาดนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า ทักษะแบบนี้สามารถพัฒนาได้ภายในสองปีเองเหรอ Dixon กล่าวว่า การเชิดหุ่นไม่ใช่เรื่องยาก ขอเพียงแค่ฝึกทุกวัน จากมืออันหยาบกร้าน ก็สามารถสร้างการเคลื่อนไหวที่ละเอียดอ่อนได้แล้ว . สำหรับตัวหุ่นหุ่นเชิดทั้งหมด เขาทำเองขึ้นมากับมือโดยหาซื้ออุปกรณ์จากอินเตอร์เน็ต ซึ่งเขาบอกว่า หุ่นแต่ละตัวใช้เวลาทำอย่างน้อยๆ หนึ่งถึงสองเดือน และเขาต้องผ่านการทดลองและความล้มเหลวหลายต่อหลายครั้งกว่าจะประสบความสำเร็จ . ล่าสุดเขาได้เข้าร่วมรายการเกมโชว์แสดงหุ่นเชิด Die Puppenstars และเขาสามารถเอาชนะการแข่งขันพร้อมเงินรางวัล 50,000 ยูโร หรือราว 2.5 ล้านบาทไปครอง “ผู้รู้ตัวดีว่าผมชอบอะไร หลายคนมองว่าผมเป็นผู้ชายอายุ 26 ปีที่ชอบเล่นของเล่น มันอาจดูแปลก แต่ผมสนุกกับมัน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันต้องทำไง ฮาาา”…
-
ศิลปินสาวเปลี่ยนภาพบน “แผ่นป้ายโฆษณา” ให้ไม่ธรรมดา และสวยกลมกลืนธรรมชาติเบื้องหลัง
ทุกวันนี้เราไปที่ไหนเราก็ต้องเห็นแผ่นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทั่วไปหมด โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งหลายๆ ครั้ง แผ่นป้ายโฆษณาเหล่านั้นก็ได้บดบังทิวทัศน์อันงดงามของธรรมชาติเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้ Jennifer Bolande ศิลปินสาวชาวอเมริกัน จึงได้มีไอเดียสุดเจ๋ง ด้วยการเปลี่ยนป้ายโฆษณาบิลบอร์ดเหล่านี้ ให้กลมกลืนกับธรรมาชาติเบื้องหลังแบบแนบเนียนสุดๆ เธอนั้นได้เปลี่ยนป้ายโฆษณาบิลบอร์ดจำนวนหนึ่งระหว่างเส้นทางจาก Gene Autry Trail ไปยัง Vista Chino ในรัฐแคลิฟอร์เนีย จนเกิดเป็นภาพอันน่าตื่นตะลึงเหล่านี้ ลองไปชมผลงานของเธอกันดู แล้วจะรู้ว่าสวยงามแปลกตาจริงๆ . เมื่อภูเขาด้านหลังดูแห้งแล้ง เธอก็ทำภาพนั้นให้ออกมาแบบเดียวกัน . ผลงานของเธอคล้ายคลึงกับผลงานของ Brian Kane ที่เปลี่ยนภาพบนป้ายบิลบอร์ดดิจิตอล ให้กลมกลืนกับฉากหลัง . . คลิปผลงานของ Brian Kane ถือว่าเป็นไอเดียเจ๋งๆ อีกไอเดียหนึ่งเลยทีเดียว ถ้ามีคนเอามาปรับใช้กับป้ายโฆษณาบ้านเรา มันคงจะเจ๋งไม่น้อยเลยนะเนี่ย ที่มา thisiscolossal
-
เผย 10 เทคนิคเม๊กอัพง่ายๆ แต่งหน้าให้ดูเป็นสาวตาโต โดยไม่ต้องพึ่งบิ๊กอาย อู้วว๊าววว!!
เคยมีคนบอกเราว่า ‘ผู้หญิงและความสวยงามคือของคู่กัน’ แหม่…จะไม่ให้คู่กันได้ยังไงล่ะ เวลาสาวๆ จะออกบ้านทีก็ต้องแต่งหน้าแต่งตาเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง แม้ว่าต้องนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเป็นชั่วโมงๆ พวกเธอก็ไม่เคยหวั่น และเราก็มั่นใจว่าสาวๆ ส่วนใหญ่ใฝ่ฝันอยากจะมีดวงตาที่กลมโต ชวนให้หนุ่มๆ อยากจะหันมาสบตา ดังนั้นเราจึงขอแนะนำ 10 เทคนิคการแต่งตาแบบง๊ายง่ายที่ช่วยทำให้สาวๆ ทุกคนมีดวงตาที่กลมโตน่ามองได้โดยไม่ต้องพึ่งบิ๊กอาย 1. เพิ่มสีสันตรงเปลือกตา ด้วยการทาอายแชโดว์สองครั้ง Jake Bailey ช่างแต่งหน้าชื่อดังจากกองถ่ายฮอลลีวูดแนะนำว่า ให้สาวๆ ทาอายแชโดว์ทับกันสองครั้ง โดยเลือกใช้สีที่มีเฉดต่างกัน แต่ยังอยู่ในตระกูลสีเดียวกัน 2. เลือกใช้เฉดสีให้ถูกต้อง อีกหนึ่งช่างแต่งหน้าระดับโลก Sarah Lucero ได้แนะว่าการเลือกเฉดสีเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าอยากจะมีดวงตาที่ดูโดดเด่นกว่าเดิม ให้เพิ่มเฉดสีไปบริเวณตรงกลางของขนตา และไล่ระดับเฉดสีเพื่อทำให้ดูมีความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น 3. อย่ากลัวที่จะใช้ดินสอเขียนขอบตา และอายไลน์เนอร์โทนสว่าง ‘สาวๆ ควรทดลองใช้โทนสีสว่าง เช่นสีน้ำเงิน หรือโทนสีม่วง สำหรับทาบริเวณขอบตาดูบ้าง ซึ่งโทนสีสว่างจะช่วยทำให้ดวงตาเราดูใหญ่ขึ้น และมีมิติมากขึ้น’ Laura Geller ช่างแต่งหน้าชื่อดังได้แนะนำไว้ 4. จัดการกับรอยเหี่ยวย่นซะ Joanna Schlip ช่างผู้แต่งหน้าให้มาดอนน่า และแองเจลีน่า…
-
ลองพาเด็กๆ รุ่นใหม่มาฟังเพลงของ “Guns N’ Roses” จะโยกหรือจะอ๊าาาาาาา….
เพิ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ กับคอนเสิร์ตของ Guns N’ Roses ที่จัดขึ้นในบ้านเรา จะว่าไปแล้วแฟนเพลงหลายคนก็แทบจะไม่เชื่อใช่ไหมล่ะว่านักร้องนำ Axl Rose และมือกีต้าร์หัวฟู Slash จะกลับมาคืนดีและออกทัวร์รอบโลกด้วยกันอีกได้ และด้วยความที่วงนี้เคยโด่งดังสุดๆ ในยุค 80s ซึ่งมันก็นานมาแล้วแหละ เด็กรุ่นใหม่หลายคนอาจจะไม่รู้จัก ดังนั้นทางรายการ FBE จากแชนแนลยูทูป จึงได้ทำการทดลองพาอาสาสมัครเด็กรุ่นใหม่วัย 6 – 13 ขวบ มาฟังผลงานเพลงของวงนี้ เพื่อทดสอบว่าเด็กรุ่นใหม่จะมีปฏิกริยาอย่างไรต่อเพลงยุคเก่าเหล่านี้ เผื่อบางคนอาจไม่รู้จัก นี่คือโฉมหน้าของสมาชิกวง Guns N’ Roses สมัยที่พวกเขาโด่งดังสุดๆ ก่อนจะแยกวงกันไปในเวลาต่อมา เริ่มแรกรายการให้เด็กๆ ลองฟังเพลง Welcome to The Jungle ซึ่งสำหรับเพลงนี้เด็กๆ หลายคนรู้สึกชอบ บางคนก็เคยฟังมาก่อนแล้ว ในขณะที่เด็กบางคนก็กลับรู้สึกไม่ชอบเอาซะเลย เด็กหลายคนถึงกับอดใจไม่ไหว ต้องโยกหัวตามจังหวะเพลงกันเลยทีเดียว ‘อะไรหน่ะ? ภาษาของเขารุนแรงจัง ดูไม่เท่เอาซะเลย’ ความเห็นจากสาวน้อยคนในภาพ …
-
แนะนำวิธีการลบตัวตนของคุณ ให้หายออกจากโลกของ “Facebook” ไปตลอดกาล…
ต้องยอมรับเลยว่าในปัจจุบัน สื่อสังคมออนไลน์อย่าง “Facebook” ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของมนุษย์อย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็นการรับชมข่าวสาร ความบันเทิงต่างๆ รวมถึงเป็นสื่อกลางในการพูดคุยติดต่อกับเพื่อนฝูง และครอบครัว แม้ว่า Facebook จะมีประโยชน์มากมาย แต่ในขณะเดียวกันบางคนก็ถึงขั้นเสพติด Facebook เอามากๆ ถึงขั้นต้องเปิดเข้าไปดู Newsfeed อยู่ตลอดเวลา และนั่นก็อาจจะส่งผลให้การทำงาน หรือการใช้ชีวิตของเราช้าลงไปด้วย เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ Telegraph มีรานงานว่า ทางนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยในวินเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ได้ออกมาเผยว่า การเล่น Facebook ก็เหมือน “ติดยาเสพติด” โดยพวกเขาได้ทดลองการหยุดใช้บัญชีเฟสบุ๊คของตัวเองเป็นเวลานานกว่า 4 สัปดาห์ และนั่นก็ทำให้รู้ว่า เมื่อไม่ได้เล่นเฟสบุ๊คมันทำให้รู้สึกเหมือนกับได้แยกออกจากเพื่อน ครอบครัว และเหมือนกำลังถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก และถ้าหากคุณรู้สึกว่าการเล่นเฟสบุ๊คนั้นทำให้เราเสียเวลาในการทำอะไรหลายๆ อย่าง คุณสามารถกำจัดบัญชีผู้ใช้ของคุณได้ โดยมี 2 ตัวเลือก คือ คุณสามารถยกเลิกการใช้งาน Facebook ของคุณแบบชั่วคราว…
-
หน่วยนาวิกมะกันเผย 4 เคล็ดลับจัดการกับภาวะ “อดหลับอดนอน” อย่างมีประสิทธิภาพ
เราทุกคนรู้ดีว่าร่างกายมนุษย์ต้องการๆ นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 6 – 8 ชม. ทว่าในบางเวลาก็มีงานกองเป็นภูเขารอให้เราจัดการ ทำให้บางคนถึงกับต้องอดหลับอดนอนเพื่อสะสางงานค้างกันเลยทีเดียว แต่อดนอนทีไร ดูเหมือนร่างกายมันจะฝืนไม่ค่อยไหว ดังนั้นเราจะพาไปอ่าน 4 เคล็ดลับวิธีการจัดการกับภาวะ ‘อดหลับอดนอน’ ให้มีประสิทธิภาพ โดยเป็นคำแนะนำจากหน่วยนาวิกโยธิน จากประเทศอเมริกา 1. หาเพื่อนมาดูแลใกล้ๆ ไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นทหารลาดตระเวณ หรือเป็นพี่เลี้ยงเด็ก นาวิกโยธินแนะนำมาว่าหนึ่งในเคล็ดลับที่ได้ผลก็คือ การหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนเราในวันที่เราอดหลับอดนอน เพราะการที่เราไม่ได้หลับอาจจะทำให้สมองเราเบลอ และสื่อสารกับคนอื่นไม่รู้เรื่องได้ 2. อย่าฝืนมากเกินไป ถ้าหากวันนั้นคุณต้องอดหลับอดนอนทั้งวันละก็ หน่วยนาวิกฯ แนะนำมาว่าให้พยายามงีบมากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ ไม่ว่าจะ 5 นาที หรือ 10 นาที เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดอาการภาพตัดระหว่างวันได้ 3. รู้ลิมิตตัวเอง เราต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า หลังจากที่เราคร่ำเคร่งอดหลับอดนอนแล้ว เราไม่ควรเอาตัวเองไปอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงเช่นการขับรถ ด้วยเบาะที่ทำให้รู้สึกสบายคุณอาจจะหลับใน และกลายเป็นอุบัติเหตุโดยไม่ทันรู้ตัวได้ 4. คอยย้ำตัวเองไว้ว่าเดี๋ยวทุกอย่างก็เสร็จสิ้นลง เพราะในช่วงการอดหลับอดนอนเราจะรู้สึกได้ถึงความทรมาน และความเหนื่อยล้า อีกสิ่งหนึ่งที่นาวิกฯ ได้แนะนำมาก็คือการย้ำเตือน…
-
“ชมรมผักกาดหอม” ชมรมแปลกๆ สมาชิกต้องมากินผักกาดหอมทั้งลูก แต่ได้สุขภาพนะเออ
สำหรับประเทศไทยแล้วอาจไม่ใช่เรื่องที่คุ้นเคยกันเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นในมหาวิทยาลัยอเมริกาแล้วล่ะก็ ถือว่าเป็นเรื่องปกติเลยทีเดียว ที่จะมีการตั้งชมรม (Club) ที่รวมคนที่มีความชอบเหมือนๆ กันมาอยู่ด้วยกัน ซึ่งบางครั้งก็มีชมรมแปลกๆ เกินขึ้นมากมาย อย่างเช่น ชมรมผักกาดหอม!? ชมรมผักกาดหอมนี้เป็นชมรมจากมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ ในสหรัฐอเมริกา เพิ่งก่อตั้งในปี 2017 นี้เอง กิจกรรมของชมรมนี้ไม่มีอะไรมากมาย ก็แค่สมาชิกของชมรมจะต้องนำผักกาดหอมของตนเองมา แล้วก็แข่งกันว่าใครจะกินผักกาดหอมหมดเป็นคนแรก ใครที่เป็นผู้ชนะ ก็จะได้เป็นประธานชมรมผักกาดหอม และจะได้สิทธิ์ในการเลือกวันแข่งขันกินผักกาดหอมครั้งต่อไป การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นแล้ว จะใส่ซอสหรือเครื่องปรุงอะไรก็ได้ตามใจชอบ อื้อหือ น้ำสลัดซักหน่อยจะดีมั้ย และผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้ คือพ่อหนุ่มที่ชื่อว่า Jonah คนนี้ ยินดีด้วยกับตำแหน่งประธานชมรมผักกาดหอมคนใหม่ ไปดูการแข่งขันของพวกเขากันเลย แค่เห็นก็รู้สึกเหม็นเขียวในปากแล้ว ใครสนใจก็ลองเอาไปตั้งชมรมกันได้ เผื่อจะได้กิจกรรมสนุกๆ มาทำกับเพื่อนๆ ฮาาา ที่มา Ethan Gandler
-
เลอค่ามากๆ!! นี่คือ 27 สิ่งประดิษฐ์สุดเจ๋งสำหรับมนุษยชาติ ที่น่าจะมีใช้กันอย่างทั่วถึง
สิ่งที่มนุษย์คิดค้นขึ้นว่าเหมียวว่ามันก็ดีอยู่แล้วนะ แต่มันก็ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของมนุษย์ที่ยังมีอยู่ไม่จบสิ้่นเวียที ซึ่งมันก็ต้องมีการปรับและพัฒนากันอยู่ตลอดเวลา โ ดยที่สิ่งประดิษฐ์ที่ชาวเน็ตช่วยกันรวบรวมมานำเสนอต่อไปนี้ ถือว่าตอบสนองไลฟ์สไตล์มนุษย์ยุคปัจจุบันได้อย่างดีเลยล่ะเมี๊ยวววว 1. จอภาพยนตร์ติดพื้นในห้องน้ำ ดูไปปลดทุกข์ไป โอ้ย!! ฟิน 2. โรงหนังพร้อมหลับ 3. ไฟจราจรที่มีตัวนับเวลาให้ด้วย 4. หมวกจักรยานที่สามารถพับเก็บได้ 5. ปลั๊กไฟมีช่อง USB 6. หรือไม่ก็เป็นปลั๊กไฟที่มีไฟส่องสว่างในตัว 7. ปล๊กไฟที่สามารถยืดออกมาจากกำแพงได้ เก็บสายได้สบายมาก 8. แถบเล็กๆ ที่สามารถเก็บไว้กับกระเป๋าตังค์หรือกุญแจได้ ติดตามตำแหน่งได้จากสมาร์ทโฟน 9. ตู้พิซซ่าหยอดเหรียญ 10. ม้านั่งที่สามารถทำให้แห้งได้ตลอดเวลา 11. ถ้วยกาแฟรองรับหยดกาแฟที่ไหลออก 12. ที่จอดรถ ที่มีไฟบอกว่าช่องไหนว่าง 13. บันไดพร้อมกับสไลดเดอร์ 14.…
-
‘Pixar’ เปิดคอร์สออนไลน์ฟรี สอนเรื่องมุมกล้อง เรียนรู้เองได้ง่ายๆ จากที่บ้าน โฮลี่ชีท!!
อย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่าโปรดัคชั่นจาก ‘Pixar’ ถือว่าเป็นทีมงานโปรดัคชั่นระดับโลก ผลงานที่ค่ายนี้ฝากไว้ก็มีมากมายอย่างเรื่อง Inside Out หรืออย่าง Toy Story คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคุณภาพจะขนาดไหน และตอนนี้เราก็มีข่าวดีสำหรับคนที่สนใจด้านการถ่ายภาพมาฝาก เพราะล่าสุดค่ายพิกซาร์ ได้จับมือกับสถาบัน Khan เปิดคอร์สสอนมุมกล้องฟรีทางออนไลน์ส่งตรงความรู้จากทีมงานระดับโลก วะ วะ วะ ว๊าววว!! คลาส ‘Virtual Camera’ จะช่วยสอนให้ผู้รักในการถ่ายภาพทุกคน มีความเข้าใจถึงหลักการหามุมกล้อง และการใช้อุปกรณ์ ทั้งในแง่ของเชิงวิทยาศาสตร์ และเชิงศิลปะมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการสอน Depth of Field ชัดลึก ชัดตื้น รายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย เอาเป็นว่าถ้าใครสนใจอยากจะลองเข้าไปศึกษาคอร์สออนไลน์นี้ สามารถคลิกเข้าไปที่ลิงค์ KhanAcedemy โดยจะแบ่งเป็นตอนๆ รับประกันว่าเด็กเรียนได้ ผู้ใหญ่เรียนดี รู้สึกไม่น่าเบื่อแน่นอนจ้า ตัวอย่างคอร์สดีๆ จาก Patrick Lin และ Adam Habib ผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ Inside Out ที่มา:…
-
สัมภาษณ์แนวคิดดีๆ จาก “คุณทากะ” หนุ่มญี่ปุ่นผู้ศรัทธาพุทธศาสนา จึงมาบวชในประเทศไทย
ปกติแล้วในประเทศไทยเราจะได้เห็นว่าพระส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนไทย ส่วนน้อยมากๆ ที่จะมีชาวต่างชาติมาบวชเป็นพระเพื่อศึกษาพระธรรมอย่างจริงจัง #เหมียวเลเซอร์ เองได้มีโอกาสสัมภาษณ์ชาวต่างชาติท่านหนึ่ง อันเป็นผู้ศรัทธาพระพุทธศาสนาและรักประเทศไทยมากๆ คนหนึ่ง เขาก็คือ คุณทากะ จากเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นท่านนี้นั่นเอง คุณทากะ เพิ่งจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของการเป็นพระในประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งปัจจุบันลาสิกขาและกลับภูมิลำเนาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เราจะมาเรียนรู้มุมมองของชาวต่างชาติต่อการบวชเป็นพระในไทยกันสักหน่อย ว่าเขาจะมีความคิดและความรู้สึกอย่างไรบ้างกับการบวชในครั้งนั้น (บทสัมภาษณ์ดังกล่าวได้รับการอนุญาตให้เผยแพร่แล้ว) ก่อนอื่นเลยต้องกล่าวถึงคุณทากะสักนิดหน่อย เขาเป็นชาวญี่ปุ่นจากเมืองโอซาก้า เลือกเรียนเอกภาษาไทยจากมหาวิทยาลัยโอซาก้า อันเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางมาประเทศไทยของเขา เหมียวเลเซอร์: สวัสดีครับ #เหมียวเลเซอร์ จากเว็บไซต์แคทดั๊มบ์ ตามที่คุยไว้ว่าอยากจะนำเรื่องราวและแนวคิดของคุณทากะ ไปเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ของเราครับ คุณทากะ: สวัสดีครับ ผมชื่อทากะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ เหมียวเลเซอร์: ยินดีที่รู้จักครับ ขออนุญาตคุณทากะ ช่วยแนะนำตัวให้ฟังหน่อยจะได้มั้ยครับผม คุณทากะ: ได้ครับ บ้านเกิดอยู่โอซาก้าใกล้ๆ สนามบินคันไซครับ ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยผมเริ่มเรียนภาษาไทยเป็นวิชาเอกที่มหาวิทยาลัยโอซาก้าครับ เหมียวเลเซอร์: โอ้ ตั้งใจเรียนภาษาไทยมาเลยเหรอครับ คุณทากะ: จริงๆ แล้ว ตอนแรกไม่ได้สนใจเรียนภาษาไทยครับ เเต่ผมเลือกภาษาไทยก็เพราะว่าคะแนนสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยไม่ดี คิดว่าการเรียนเอกภาษาไทยคงมีอัตราแข่งขันต่ำกว่าภาษาอื่นๆ ก็เลยสมัครไปครับ …
-
รวม 20 เรื่องเล็กๆ แต่น่ารัก ของผู้ชายที่ชื่อ Ed Sheeran แฟนพันธุ์แท้ควรจะรู้เอาไว้…
บทความเขียนเมื่อเดือนมีนาคม 2017 เชื่อว่ายุคปัจจุบันคนมีน้อยคนนักที่จะไม่มีรู้ Ed Sheeran นักร้องหนุ่มชาวอังกฤษที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยผลงานเพลงยอดฮิตมากมายไม่ว่าจะเป็น Photograph, Thinking Out Loud, Lego House ซึ่งตอนนี้อัลบั้มใหม่ Divide ของเขาก็วางแผงเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จึงจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จัก 20 เรื่องจริงเกี่ยวกับ Ed Sheeran ที่เพื่อนๆ อาจไม่เคยรู้มาก่อน จะมีอะไรบ้าง เราไปชมกันเลย 1.ชื่อจริงของ Ed Sheeran คือ Edward Christopher Sheeran 2. เขาเกิดเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ปี 1991 ซึ่งปีนี้ก็อายุ 26 ปีแล้ว 3. อัลบั้มแรกของเขาไม่ใช่ อัลบั้ม “+” (Plus) แต่เป็นอัลบั้มที่ชื่อว่า Ed Sheeran…
-
Big Show เผยความประทับใจหลัง John Cena ช่วยลดน้ำหนักจนมีซิกแพ็กขึ้น!!
ถ้าพูดถึงนักมวยปล้ำที่มีชื่อเสี่ยงมากที่สุด เชื่อว่าหลายๆ คนต้องนึกถึง “Big Show” หรือ “Paul Wight II” อย่างแน่นอน ด้วยส่วนสูงกว่า 210 เซนติเมตร และน้ำหนักตัวกว่า 220 กิโลกรัม ทำให้เขากลายเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ มวยปล้ำมากว่า 20 ปี แต่รู้ไม่ จริงๆ แล้วเขาไม่เคยภาคภูมิใจในร่างกายของตัวเองแม้แต่น้อย แม้เขาจะมีชื่อเสียงจากมันก็ตาม และเขาก็คิดว่าคนอย่างเขาคงไม่มีวันลดน้ำหนักจนมีซิกแพ็คได้อย่างแน่นอน จนกระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่กลุ่มนักมวยปล้ำกำลังนั่งคุยเล่นกันเกี่ยวกับกล้ามหน้าท้องและขนาดร่างกาย Big Show ก็พูดขึ้นมาว่า “คนตัวใหญ่ๆ อย่างฉันคงไม่มีทางมีกล้ามท้องได้แน่ๆ” John Cena ได้ยินแบบนั้นจึงเดินเข้ามาจ้องหน้าเขา แล้วพูดว่า “ใช่ ไอ้ยักษ์ที่มีซิกแพ็คคงไม่ได้รับความนิยมแหงๆ” จากนั้นเขาก็เดินจากไป “ตอนแรกผมแอบรู้สึกไม่พอใจเหมือนกัน แต่หลังจากนั้นเขาก็เข้ามาช่วยเหลือ พร้อมทั้งให้กำลังใจผม จนในที่สุดผมก็สามารถสร้างกล้ามท้องได้สำเร็จ คำพูดของเขามีความหมายกับผมมาก” “Cena เขาเป็นสุดยอดมนุษย์จริงๆ ถ้าคุณเห็นวินัยของเขากับร่างกายของตนเอง การที่เขาให้กำลังใจทำช่วยให้ผมมีแรงผลักดันขึ้นเยอะ” Big Show…
-
เรื่องราวของครอบครัว McCaughey ที่ให้กำเนิดแฝด 7 ที่สมบูรณ์ครั้งแรกของโลก
ในปี 1997 ครอบครัว McCaughey เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ Bobbie McCaughey ให้กำเนิดแฝดเจ็ดที่ประกอบไปด้วยเด็กชาย 4 คน และ เด็กหญิง 3 คน ซึ่งพวกเขากลายเป็นครอบครัวแรกที่สามารถให้กำเนิดแฝดเจ็ดได้อย่างปลอดภัย โดยแฝดทั้งหมดประกอบไปด้วย Kenny, Kelsey, Natalie, Brandon, Alexis, Nathan และ Joel พวกเขาถูกเรียกว่า “บุตรแห่งสวรรค์ทั้ง 7” และในปีนี้ พวกเขากำลังจะมีอายุครบรอบ 19 ปีกันแล้ว ย้อนกลับไปเมื่อปี 1997 Bobbie และ Kenny ต้องการมีบุตรคนที่สอง พวกเขาจึงไปขอความช่วยเหลือจากศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก ในที่สุดพวกเขาก็ตั้งครรภ์สำเร็จในเวลาต่อมาด้วยการผสมเทียม ต่อมาพวกเขาก็ได้ทราบว่าบุตรคนที่สองนั้นกลายเป็นแฝดเจ็ด ทางแพทย์ได้เสนอให้ทำแท้งเด็กบางส่วน เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับคุณแม่ ด้วยความที่ทั่งสองเป็นชาวคริสต์ที่เคร่งศาสนา ทำให้พวกปฏิเสธการทำแท้ง และยืนยันที่จะเก็บเด็กทั้งหมดไว้ สุดท้ายแฝดทั้งเจ็ดก็สามารถคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัย แม้จะมีน้ำหนักตัวที่น้อยกว่าทารกทั่วไปอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็เติบโตขึ้นมาได้อย่างแข็งแรง ยกเว้นแต่ Alexis และ Nathan ที่มีอาการของโรคสมองพิการ แต่พวกเขาก็ได้รับการผ่าตัดรักษาจนเกือบจะหายเป็นปกติ …
-
ความจริงอันน่าตกใจ นักวิทย์ฯ เผยในสระว่ายน้ำมี “ปัสสาวะ” ปะปนเฉลี่ยมากถึง 77 ลิตร!!
เชื่อว่าเพื่อนๆ คงทราบกันดีว่าในสระว่ายน้ำที่เราใช้งานกันนั้น จะต้องมี “ปัสสาวะ” ปะปนอยู่ไม่มากก็น้อย เพราะหลายๆ คนก็เคยแอบถ่ายปัสสาวะลงสระว่ายน้ำกันคนละครั้งสองครั้งอย่างแน่นอน แต่เพื่อนๆ เคยสงสัยหรือไม่ว่า จริงๆ แล้วในสระว่ายน้ำแต่ละที่นั้น มีปัสสาวะปะปนอยู่มากน้อยแค่ไหน ทางนักวิทยาศาสตร์เขาได้ไขปัญหาออกมาให้เราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นักวิทยาศาสตร์ได้ใช้การวัดค่าสารให้ความหวานเทียมที่พบในปัสสาวะ นำมาเป็นตัวชี้วัดหาสารปัสสาวะที่ปนเปื้อนในสระว่ายน้ำมีมากแค่ไหน ซึ่งพวกเขาพบว่าในสระว่ายน้ำขนาด 41,000 ลิตร จะมีปัสสาวะปะปนอยู่ประมาณ 26 ลิตร ในขณะเดียวกัน สระว่ายน้ำขนาด 831,000 ลิตร ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานที่ใช้ในการแข่งขันโอลิมปิก จะมีปัสสาวะปะปนอยู่ราว 77 ลิตร ซึ่งอัตราส่วนที่นักว่ายน้ำหรือผู้ที่มาเล่นน้ำปล่อยปัสสาวะออกมาจะอยู่ที่ 77 มิลลิลิตรต่อคน แม้ตัวปัสสาวะจะผ่านการฆ่าเชื้อโรคในร่างกายมาแล้ว แต่สารประกอบในปัสสาวะอาจทำปฏิกิริยากับคลอรีน จนกลายเป็นพิษและทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังและดวงตาของผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ก็เป็นได้ Dr Xing-Fang Li จากมหาวิทยาลัยอัลเบอร์ต้า ประเทศแคนาดา ได้กล่าวว่า ควรจะมีการทบทวนเกี่ยวกับการใช้สารเคมีในสระว่ายน้ำรวมทั้งรณรงค์เกี่ยวกับสุขอนามัยในการใช้สระว่ายน้ำสาธารณะอีกด้วย ลองนึกภาพน้ำในสระว่ายน้ำที่กระจายตัวออกมากระทบผิวหนังของเรา อย่างน้อยๆ น้ำในสระก็ต้องมีปัสสาวะปนเปื้อนแน่นอน อ่านแล้วรู้สึกขมคอยังไงชอบกล คราวหลังไปสระว่ายน้ำก็อย่าขับถ่ายลองสระกันเลยนะ มันไม่ถูกสุขอนามัยจริงๆ ที่มา…
-
16 เกร็ดความรู้เกี่ยวกับหนังดังจากยุค 2000s ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนสักนิดเดียว!!
ในช่วงยุคต้นของปี 2000 เราได้ดูหนังเจ๋งๆ มากมายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นซีรี่ย์ Pirate of The Caribbean หรือ Lord of the Rings ซึ่งแต่ละเรื่องต่างเบียดกันเข้าไปอยู่ในลิสต์หนังที่ควรดูตลอดกาลไปเป็นที่เรียบร้อย และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 16 เกร็ดความรู้ & เรื่องจริงของหนังดังช่วงยุค 2000 ที่เพื่อนๆ อาจไม่เคยรู้มาก่อน จะมีอะไรบ้าง เราไปชมกันเลย วิกของ Rachel McAdam ในเรื่อง Mean Girls ทำมาจากผมจริงๆ แถมมีราคาถึง 350,000 บาทแหนะ หลังจากเปิดดูไปมาหลายรอบ ทางผู้บริหารของดิสนี่ย์คิดว่า หนัง Pirate of the Caribbean จะไม่รอดก็เพราะการแสดงบทเพี้ยนๆ ของ Johnny Depp เอาเข้าจริง ส่วนที่ดีที่สุดของหนังก็มาจากการแสดงของ Johnny Depp…
-
เผยสาเหตุที่ว่า ทำไมสาวเซเลบฯ ฮอลลีวู้ด ถึงต้องใส่ส้นสูงใหญ่กว่าเท้าของตัวเอง!?
ปกติแล้วตามงานประกาศรางวัล หรืองานที่มีเซเลบฯ ชื่อดังระดับโลกมารวมตัวกัน เรามักจะได้เห็นเหล่าซุปตาร์มาปรากฏตัวบนพรมแดงด้วยชุดแฟชั่นที่ดูสวยงามอลังการ จนเป็นเหมือนธรรมเนียมปฏิบัติอย่างหนึ่ง แต่คงมีน้อยคนนักที่จะทันสังเกตเห็นว่า รองเท้าส้นสูงที่พวกเธอใส่มาเปิดตัวในงานนั้น มักจะมีขนาดไซส์ที่ใหญ่กว่าเท้าอยู่นิดนึง เอ๊ะ..แล้วทำไมไม่ใส่ให้มันพอดี หรือนี่จะเป็นเทรนด์แฟชั่นใหม่กันแน่นะ? ลองสังเกตดูที่ส้นเท้าของเธอสิ เหมือนรองเท้าจะใหญ่กว่านิดนึงนะ ความจริงแล้วเหตุผลแรกที่ทำให้พวกเธอส่วนใหญ่ เลือกใส่ส้นสูงที่มีขนาดใหญ่กว่าเท้ามาเดินบนพรมแดง ก็เพื่อป้องกันไม่ให้รองเท้ากัด จนเกิดเป็นรอยแผลแดงๆ บริเวณข้อเท้า ก็แหม่…คนดังระดับโลกเขาก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเป็นธรรมดาอยู่แล้ว บวกกับการที่พวกเธอต้องใส่รองเท้าคู่นั้นๆ ตลอดการโชว์ตัวในงาน ส่วนใหญ่พวกเธอจึงเลือกไซส์ที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 เบอร์ เพื่อไม่ให้บีบรัดเท้าแน่นจนเกินไป และไม่สร้างแรงกดทับบนปลายเท้าของพวกเธอ หลายคนอาจจะเริ่มสงสัยว่า ถ้าใส่รองเท้าโอเว่อร์ไซส์แล้วจะไม่เกิดอุบัติเหตุลื่นล้มอะไรทำนองนั้นบ้างหรือ? ซึ่งวิธีแก้ก็คือ พวกเธอจะใส่แผ่นซิลิโคนกันลื่นเอาไว้ด้านในรองเท้านั่นเอง แค่นี้รองเท้าที่โอเว่อร์ไซส์ก็จะกระชับเข้ากับรูปทรงเท้าของพวกเธอ ในขณะที่พวกเธอก็ไม่ต้องทนเจ็บจากการถูกรองเท้าบีบรัดจนมีผลต่อการไหลเวียนของเลือดอีกด้วย นอกจากแผ่นกันลื่นแล้ว เทปกาวสองหน้าก็เป็นอีกไอเท็มลับที่พวกเธอเลือกใช้สำหรับแก้ปัญหานี้เหมือนกัน หวังว่าทริคนี้จะเป็นประโยชน์ให้แก่สาวๆ ที่ต้องใส่ส้นสูงเป็นเวลานานทั้งวันนะเมี๊ยววว ที่มา: BrightSide
-
19 ไอเดียสุดเจ๋งที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น บอกเลยว่าเมก้าเคลฟเวอร์ ฉลาดล้ำทะลุกาแลคซี่!!
หลายๆ ครั้งชีวิตเราต้องพบกับความยุ่งยากที่บางทีเราก็แอบคิดไม่ได้ว่า ทำไมไม่มีคนสร้างอุปกรณ์ขึ้นมาอำนวยความสะดวกให้เราน้า ไม่อย่างงั้นชีวิตของเรามันคงจะง่ายขึ้นเยอะ งั้นวันนี้เราลองไปชม 19 ไอเดียเทพๆ ที่ทำง่ายๆ แบบไม่ต้องลงทุนเยอะ แต่ใช้ประโยชน์ได้จริง นี่มันเมก้าเคลฟเวอร์ชัดๆ จะมีอะไรบ้าง เราไปชมกันเลย จะถ่ายรูปไม่เคยนิ่ง เจอเทคโนโลยีล้ำๆ เข้าไป นั่งนิ่งเลยทีนี้ ไม่มีตกซี่ท่อระบายน้ำแน่นอน หากระจกเหรอ อยู่ตรงนี้ไง ที่จอดสุนัขของห้างอิเกียในกรุงเบอร์ลิน สีทาเล็บที่จะเปลี่ยนสีเวลามีคนใส่ยาลงไปในเครื่องดื่ม เหมาะสำหรับสาวๆ ที่เที่ยวคนเดียว แชร์ไวน์เย็นๆ ไว้ที่ช่องกดน้ำ อุปกรณ์หาไอเดียเสื้อผ้าจากธรรมชาติ ไอเดียช่วยให้อยากอ่านหนังสือ นัดบอดกับหนังสือ จะได้ไม่ต้องเลือกหน้าปก ว่าอยากอ่านเรื่องไหน วีธีการวางโทรศัพท์ระหว่างเข้าห้องน้ำ คุ๊กกี้อร่อยๆ สำหรับคนนอนดึก รถซาวน่าเคลื่อนที่ เหมาะสำหรับเมืองหนาว ที่อยากหาที่อุ่นๆ อยู่ เครื่องกดเงินคัพเค้ก เครื่องช่วยทาเล็บ ไม่มีเลอะเทอะแน่นอน…
-
ผลวิจัยชี้ คนรุ่นใหม่เสี่ยงเป็นมะเร็งในลำไส้มากกว่าคนรุ่นก่อน เนื่องจากพฤติกรรมการกิน!!
โรคมะเร็งนับเป็นโรคที่พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย และอยู่ในทุกยุคของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตาม จากการวิจัยล่าสุดพบว่า ‘คนหนุ่มสาวปัจจุบันเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้มากกว่ารุ่นพ่อแม่’ ทั้งนี้ผลการวิจัยชิ้ว่า สาเหตุที่คนหนุ่มสาวมักเป็นโรคมะเร็งลำไส้นั้น มีสาเหตุมาจากการขาดการออกกำลัง และอีกสาเหตุเหนึ่งคือ การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพนั่นเอง Millennials คือกลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี 1980 และ 1995 ที่ได้รับการวิจัยล่าสุดว่า เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มจะเป็นเนื้องอกในทวารหนัก ซึ่งมีสาเหตุหลักจากลำไส้ใหญ่โดยเทียบกับคนที่เกิดในช่วงปี 1950 3 ใน 10 ของการวินิจฉัยเนื้องอกในทวารหนักขณะนี้ พบว่า ผู้ป่วยที่มีอายุต่ำกว่า 55 ปี มีโอกาสเสี่ยงที่เป็นมะเร็งในลำไส้ใหญ่ ซึ่งมากกว่าวัยอื่นๆ ถึงสองเท่า นอกจากนี้ การวิจัยยังเตือนอีกว่า โรคมะเร็งลำไส้นี้ มักมากับโรคทางเดินอาหาร ดังนั้น ควรจะทำการคัดกรองผูป่วยตั้งแต่อายุ 20 ปี มากกว่าในช่วงอายุ 60 ปี Dr Rebecca Siegel จากสมาคม American Cancer Society กล่าวว่า “คนหนุ่มสาวรุ่นนี้ มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้สูงขึ้นมากในอนาคต” อย่างไรก็ตาม การวิจัยครั้งนี้ก็เพื่อกระตุ้นให้คนหนุ่มสาวหันมาดูแลตัวเอง ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายให้มากขึ้น ในปี 2013 พบผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่จำนวน 10,400…
-
นักวิทยาศาสตร์เผย สามารถฝึก “ผึ้ง” ให้ทำตามคำสั่งมนุษย์ และสอนกันเองได้เป็นครั้งแรก
การฝึกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอาจเป็นเรื่องที่เราพบเห็นกันได้ทั่วไปทั่วโลก เพราะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมส่วนมากมักมีมันสมองขนาดใหญ่ ทำให้มันสามารถเรียนการคำสั่งที่ซับซ้อนได้ ผิดกับเหล่าแมลงที่มีสมองขนาดเล็ก จนทำให้หลายๆ คนคิดว่า มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ แต่ล่าสุด นักวิจัยจากอังกฤษได้เผยคลิปสุดน่าทึ่งออกมา เมื่อพวกเขาแสดงให้เห็นว่า สามารถฝึก “ผึ้ง” ให้สามารถทำตามคำสั่งได้เป็นครั้งแรก งานวิจัยดังกล่าวถูกตีพิมพ์ลงวารสาร Science โดยทีมวิจัยรายงานว่า พวกเขาสามารถฝึกฝนให้ “ผึ้ง” กลิ้งลูกบอลเข้าไปอยู่ในวงกลมได้สำเร็จ Olli Loukola หนึ่งในทีมวิจัยกล่าวว่า “งานวิจัยก่อนๆ บอกว่า เราสามารถฝึกผึ้งได้หากเราให้พวกมันทำสิ่งที่คล้ายๆ กับพฤติกรรมตามธรรมชาติของพวกมัน แต่ล่าสุดเราได้แสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่า พวกเขาสามารถทำสิ่งที่ไม่เป็นธรรมชาติอย่างกลิ้งลูกบอลได้” ในส่วนการทดลองนั้น พวกเขาได้บังคับให้ผึ้ง 10 ตัวดูการสอนกลิ้งบอลไปที่เป้าหมายซ้ำๆ จากนั้นพวกเขาก็ทดลองให้พวกมันลองทำ ผลคือ 9 ใน 10 ตัวทำได้สำเร็จ ขณะที่ผึ้งอีก 10 ตัว ที่ไม่ได้ดูการสอนมาก่อน ไม่สามารถทำได้สำเร็จแม้แต่ตัวเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผึ้งตัวที่ทำเสร็จ เมื่อให้ทำใหม่อีกหลายๆ ครั้ง พวกมันก็ทำได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ภายหลังพวกเขาได้ทำการทดลองอีกครั้ง ด้วยการจับผึ้งตัวที่ทำสำเร็จมาสอนผึ้งตัวอื่นๆ เหมือนกับเป็นคุณครูสอนลูกศิษย์ ผลปรากฎว่าอัตราความสำเร็จเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ …
-
15 คำพูดธรรมดาๆ แต่ไม่ควรนำพูดกับผู้ป่วย “โรคซึมเศร้า” เพราะมันอาจจะทำให้แย่ลงกว่าเดิม
“โรคซึมเศร้า” เป็นสิ่งที่หลายๆ คนมักจะมองข้ามไป แต่ที่จริงแล้วใครจะรู้ละว่าโรคนี้ใกล้ตัวกว่าที่เราคิด เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพทางจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก และความคิด ดังนั้น หากใครที่มีเพื่อน หรือคนในครอบครัวที่ป่วยเป็นโรคดังกล่าว ควรพยายามที่จะเข้าใจคนเหล่านี้ให้มากขึ้น เพราะพวกเขาเป็นผู้ป่วยที่ต้องได้รับการดูแลการฟื้นฟูจิตใจ ไม่ให้รู้สึกเศร้า หม่นหมอง หงุดหงิด หรือกังวลใจ แต่ถ้าหากไม่ได้รับการรักษา อาการก็จะเริ่มรุนแรงขึ้น จนเป็นเหตุให้ผู้ป่วยถึงขั้นพยายามฆ่าตัวตายขึ้นมาก็เป็นได้ วันนี้ #เหมียวขี้อ้อน แปลบทความรวบรวม 15 ประโยคที่ไม่ควรพูดกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ที่บางคนอาจคิดว่ามันจะช่วยรักษาพวกเขาได้ แต่จริงๆ แล้วมันกลับเป็นคำพูดที่ฟังใจแทงใจยิ่งกว่าเดิม และเน้นไปที่คำพูดซึ่งช่วยพวกเขาได้มากกว่า 1.มีคนที่แย่กว่าคุณเยอะ สิ่งที่คุณควรจะพูดแทนคำว่ามีคนที่แย่กว่าคุณเยอะ ก็คือ “ฉันขอโทษที่ทำร้ายคุณ ฉันจะช่วยคุณได้อย่างไร” มันน่าจะช่วยให้พวกเขาได้ระบายความรู้สึกมากกว่า 2.พรุ่งนี้คุณจะรู้สึกดีขึ้น แม้คำพูดนี้อาจจะทำให้หลายๆ คนรู้สึกดีขึ้น แต่สำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าแล้ว มันไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นเลย ในทางกลับกันหากลองพูดว่า “คุณต้องใช้เวลาหนึ่งวันให้เต็มที่ และผมก็จะอยู่กับคุณจนกว่าจะผ่านวันนั้นไป” 3.ชีวิตมันไม่ยุติธรรมเลย นี่เป็นอีกประโยคหนึ่งที่ไม่ควรพูดกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเป็นอย่างมาก เพราะหากคุณบอกว่าชีวิตมันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย นั่นอาจทำให้พวกเขารู้สึกแย่กว่าเดิม ดังนั้นคุณอาจจะต้องพูดว่า “ฉันขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ แต่เราสามารถที่จะผ่านมันไปได้” 4.เพียงแค่คุณจัดการกับมัน แม้อาจจะเป็นคำธรรมดาๆ…
-
พาไปพบ 12 เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับ “สเปิร์ม” ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน
พูดถึง “สเปิร์ม” เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ใครหลายๆ คนคุ้นเคยกันดี (ในหลายๆ สาเหตุ ฮ่า ฮ่า) ซึ่งว่ากันตามวิทยาศาสตร์แล้ว เจ้าสเปิร์มนี้เอง คือสิ่งที่ทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถดำรงอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน แต่ถึงจะเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวขนาดนี้ เชื่อหรือไม่ว่าหลายๆ คนกลับไม่ค่อยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ “สเปิร์ม” ซักเท่าไหร่ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ เลยจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักสเปิร์มมากขึ้นด้วย 12 เรื่องจริงเกี่ยวกับสเปิร์มที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน จะมีอะไรบ้าง ลองไปชมกันเลย 1.ไม่ใช่ทุกคนที่จะแตะต้องสเปิร์มได้ บางคนมีอาการแพ้สเปิร์ม พอผิวหนังหรืออวัยวะบางส่วนไปโดนสเปิร์ม ก็จะมีอาการคันหรือเปลี่ยนสี (ยิ่งอวัยวะเพศแล้วนี่ ถึงขั้นแดงเป็นวันๆ ได้เลย) 2. อาหารบางอย่างที่กินเข้าไป จะช่วยให้สเปิร์มมีรสชาติดียิ่งขึ้น หลังจากการเก็บข้อมูล ระบุว่าอาหารบางส่วนมีความเกี่ยวข้องกับรสชาติของสเปิร์มจริงๆ โดยเฉพาะสับปะรด จะช่วยให้สเปิร์มของคุณรสชาติดีที่สุดเท่าที่มันจะดีได้เลย 3. ในทางกลับกัน ของบางอย่างก็ทำให้สเปิร์มของคุณรสชาติแย่แบบสุดๆ ด้วย อย่างเช่นกาแฟหรือเนื้อ จะทำให้สเปิร์มของคุณมีรสชาติขมขึ้นกว่าเดิม 4. รู้รึเปล่าว่าคุณปล่อยสเปิร์มออกมาเยอะขนาดไหนแต่ละครั้ง ไม่เยอะหรอก แค่ประมาณครึ่งช้อนชาเท่านั้นเอง 5. สภาพอากาศแบบสุดขั้ว…
-
รู้จัก Belle Gunness ฆาตกรต่อเนื่องสุดโหด ที่ใช้เวลาทั้งชีวิตฆ่าคนรอบกายไปกว่า 40 คน!!!
เราอาจคิดว่าเพศหญิงเป็นเพศที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความเมตตา แต่รู้หรือไม่ ในประวัติศาสตร์โลก เคยมีฆาตกรหญิงสุดโหดอยู่คนหนึ่ง ที่ตลอดชีวิตของเธอ ฆ่าคนที่อยู่รอบๆ กายไปนับ 40 คน เธอคนนั้นเป็นใครกัน ไปทำความรู้จักกับเธอกันเลยดีกว่า Belle Gunness เกิดเมื่อปี 1859 ที่เมือง Selbu, Norway ต่อมา Belle เดินทางมายังเมือง Chicago และเธอก็ได้แต่งงานกับชายคนหนึ่งชื่อว่า Mads Ditlev Anton Sorenson เธอมีลูกกับเขาทั้งหมด 4 คน โชคร้าย 2 คนเสียชีวิตตั้งแต่ยังเป็นทารก และต่อมาตัว Sorenson ก็เสียชีวิตในปี 1900 ที่น่าแปลกคือ ตอนนั้นสามีของเธอทำประกันชีวิตไว้หลายบริษัทมาก และเธอก็ไปเรียกร้องเอาเงินประกันทันทีหลังจากที่งานศพของสามีเธอเสร็จสิ้น ในปี 1902 Belle ได้แต่งงานกับ Peter Gunness หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ ลูกติดของ Peter ก็ตายอย่างไรสาเหตุ และ Peter เองก็เสียชีวิตในอีกสองสามเดือนต่อมา Belle…
-
เล่ห์กลใหม่ของ ISIS ใช้ระเบิดมัดติดกับสุนัข โชคดีที่ชาวอิรักเห็นก่อนและช่วยไว้ได้ทัน!!
อย่างที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบัน กลุ่มประเทศตะวันออกกลางหลายๆ ประเทศไม่ว่าจะเป็นซีเรีย อิรัก กำลังเผชิญกับกลุ่มก่อการร้ายไอซิส (ISIS) จนทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างกองทัพฝ่ายต่อต้านและฝ่ายไอซิสกันอย่างรุนแรง ซึ่งทางกองทัพไอซิสนั้นขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมและมีการคิดค้นยุทธวิธีแปลกๆ มากมาย ล่าสุดกลุ่มกองทหารอิรักได้เผยแพร่คลิปลูกเล่นใหม่ของกลุ่มไอซิส ด้วยการนำระเบิดแสวงเครื่องจุดระเบิดระยะไกลมัดติดตัวสุนัข แล้วปล่อยเข้าไปยังแนวหลังของข้าศึก เพื่อหวังจะก่อกวนและสร้างความเสียหาย โดยระบิดดังกล่าวประกอบไปด้วยขวดสามใบ พร้อมทั้งสายไฟและตัวรับสัญญาณ ทางทหารในคลิปกล่าวว่า ระเบิดดังกล่าวสามารถสร้างความเสียหายให้กับกลุ่มคนจำนวนมากได้ โชคดีที่พวกเขามาเจอซะก่อน จึงได้ทำการถอดชนวนและช่วยชีวิตของเจ้าหมาน้อยตัวนี้ได้สำเร็จ โชคดีไปนะเนี่ย เกือบเป็นเครื่องมือสังหารซะแล้วเจ้าหมาน้อย ตอนนี้กองทัพไอซิสกำลังตกที่นั่งลำบาก หลังกองทัพอิรักได้ทยอยปลดปล่อยเมืองที่อยู่ในการควบคุมของไอซิสจนเกือบหมด และตอนนี้กำลังปิดล้อมเมืองโมซุลซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้ายของไอซิสในอิรัก และทางนายกรัฐมนตรีของอิรักมั่นใจว่าจะยึดเมืองดังกล่าวได้ภายในสามเดือนข้างหน้านี้ ยังไงก็รอติดตามข่าวสารกันต่อไปนะฮะ ที่มา dailymail
-
อดีตทหารผ่านศึก พยายามฮึดสู้เปลี่ยนชีวิตตัวเอง เพื่อที่จะสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง!!
เชื่อว่าไม่ว่าใครก็ต้องเคยมีช่วงเวลาที่ท้อแท้และหมดกำลังใจในชีวิต สำหรับชายคนนี้ก็เช่นกัน เขาเคยท้อแท้หมดหวัง กับการที่จะต้องเดินด้วยไม้ค้ำไปตลอดชีวิต แต่วันหนึ่งเขาก็ฮึดสู้ จนกลับมาเดินได้อีกครั้ง ชายคนนี้มีชื่อว่า Arthur Boorman เขาเคยเป็นทหารในช่วงสงครามอ่าว (Gulf War) มาก่อน แต่โชคร้าย เขาได้รับอุบัติเหตุระหว่างการโดดร่มจนกระดูกสันหลังได้รับความเสียหาย หมอบอกว่าเขาจะต้องใช้ไม้ค้ำในการเดินไปตลอดชีวิต . เมื่อได้ยินผู้เชี่ยวชาญบอกดังนั้น เขาก็ยอมรับชะตากรรมและปล่อยเนื้อปล่อยตัว น้ำหนักของเขาค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ . . อยู่มาวันหนึ่ง Diamond Dallas Page อดีตนักมวยปล้ำและเทรนเนอร์ชื่อดังได้ยินเรื่องราวของอดีตทหารผ่านศึกผู้โชคร้ายคนนี้ เขาจึงตัดสินใจเข้ามามอบความช่วยเหลือ เขาแนะนำให้ Boorman รู้จักกับ โยคะ รวมทั้งสอนให้เขาควบคุมน้ำหนัก . ตอนแรก Boorman ก็ไม่เชื่อว่าการทำแบบนี้จะช่วยอะไรได้ แต่หลังจากผ่านไปสองสามเดือน เขาก็พบว่าน้ำหนักของเขาลดลงเป็นอย่างมาก หลังจากนั้น เขาจึงพยายามเล่นโยคะต่อไปเรื่อยๆ แม้จะล้มบ้าง เจ็บบ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาท้อแท้แต่อย่างใด เขาเริ่มเดินด้วยไม้ค้ำอันเดียวได้ เพียงไม่นานเขาก็ไม่ต้องใช้ไม้ค้ำอีกแล้ว แถมน้ำหนักก็ลดลงไปกว่า 50 กิโลกรัม…
-
“Abu Tahseen” สไนเปอร์รุ่นเก๋าชาวอิรักวัย 63 ปี ปลิดชีพ ISIS มาแล้วกว่า 321 ราย
ถึงแม้กองกำลังของ ISIS จะออกมาสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวโลกและก่อสงครามไม่เว้นแต่ละวัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครรับมือกับพวกเขาได้เลย ย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 2 ปีที่แล้ว นาย Abu Tahseen ได้เข้าร่วมกับกองกำลังต่อต้าน ISIS และนับตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้าร่วมจนถึงวันนี้ เขาได้สังหารเหล่า ISIS ไปแล้วกว่า 321 ราย นับตั้งแต่ปี 2015 และยังต่อสู้เพื่อปลดปล่อยชาวบ้านจากกลุ่มกองกำลังจีฮัดด้วย สิ่งที่คุณได้เห็นอยู่นี้มาจากส่วนหนึ่งของสารคดีที่ไปตามถ่ายชีวิตของนาย Tahseen ทหารรุ่นดึกผู้เคยผ่านประสบการณ์ในสมรภูมิมาแล้วกว่า 5 ปี และเคยอาสาเป็นหน่วยรบเคลื่อนที่ให้กับกองกำลังอิรักเพื่อต่อต้าน ISIS ในวีดีโอสารคดีตัวนี้ได้เผยให้เห็นถึงตอนที่เขากำลังปฏิบัติหน้าที่ในสนามรบจริงๆ มีการซุ่มโจมตีและการสื่อสารบริเวณภูเขามัคคู ทางตอนเหนือของอิรัก นาย Tasheen ได้เผยถึงแนวคิดของตัวเองผ่านวิดีโอตัวนี้ว่า “คุณเห็นพื้นที่นั่นไหม? ผมกล้าการันตีกับพระเจ้าเลยว่าไม่มีใครโผล่ขึ้นมาหรอก ตอนนี้ผมรู้สึกสบายๆ มาก” “เมื่อผมได้กลับไปพัก ผมก็อยากจะกลับมาตรงนี้อีก ครั้งสุดท้ายที่พวกหัวหน้าให้ผมไปพักเป็นเดือน ผ่านไปแค่ 12 วันผมก็กลับมาประจำการตรงนี้แล้ว” หลังจากที่ Tasheen ได้รับการยืนยันจากสายลับว่ามี ISIS โผล่ออกมาในระยะยิง เขาก็ตั้งลำและยิงสังหารเป้าหมายของเขาทันที นอกจากนี้เจ้าหน้าที่รุ่นเก๋ายังได้บอกกับนักข่าวด้วยว่าปืนไรเฟิลของเขาสามารถเป่าสมองของเหล่า…
-
ชม 10 การออกแบบสถานีขนส่งและป้ายรถเมล์จากทั่วโลก สวยเกินไม่น่าเป็นสถานีขนส่ง
เราชาวไทยโดยเฉพาะชาวกทม. น่าจะคุ้นเคยกับการไปรอขึ้นรถบัส รถเมล์ หรือรถประจำทาง ที่สถานนี ซึ่งเราก็จะเห็นเก้าอี้สีสันต่างๆ พร้อมกับมีหลังคาบังแดด หรือถ้าที่เป็นสถานีขนส่งใหญ่ๆ หน่อยก็จะเป็นอาคารมีห้องแอร์สำหรับให้เรารอรถกัน แต่สิ่งที่#เหมียวฟิ้นจะพาไปชมกันในวันนี้ไม่ใช่การพาไปดูสถานีรถประจำทางเหล่านั้น แต่เราจะพาไปดูของต่างประเทศกัน นี่คือ 10 สถานีขนส่งที่ได้รับการยกย่องจากเว็บไซต์ Designcurial ว่ามีการออกแบบที่สวยงามที่สุดในโลก เราลองไปชมกันเลย 10. Preston Bus Station ประเทศอังกฤษ สถานีแห่งนี้ถูกออกแบบโดย Keith Ingham และ Charles Wilson และสร้างโดยบริษัทอารัป ถูกออกแบบให้หรูหราและมีประโยชน์ใช้สอยทั้งด้านนอกและด้านใน มีที่จอดรถในทุกๆ ชั้น สามารถจอดรถได้มากถึง 1,100 คันเลยทีเดียว . . 9. Norwich Bus Station ประเทศอังกฤษ แม้ว่าการออกแบบโดยรวมจะแหลมคมอะไรมาก แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมองจากด้านบนลงมาจะพบว่ามันสวยงามและมีมิติมาก มันถูกออกแบบโดย Michael Spicer และสร้างขึ้นในปี 2005 8. Arriva Headquarters Guimarães ประเทศโปรตุเกส สถานีขนส่งที่ดูมีความเรียบง่ายและร่วมสมัยแห่งนี้ถูกออกแบบโดย Ricardo Vieira…
-
11 สิ่งที่เรามักจะทำเป็นประจำ แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆ แล้ว…เจ้าหมามันไม่ชอบเอาซะเล๊ยย!!
สำหรับใครที่เลี้ยงหมา เชื่อว่าตลอดเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน ก็มักจะมีกิจกรรมหลายๆ อย่างเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกอดรัดฟัดเหวี่ยง หรือพามันออกไปเดินเล่นนอกบ้านเป็นประจำวัน ทว่าล่าสุดทางเว็บไซต์ BrightSide ได้ออกมาเผยถึง 11 พฤติกรรมของมนุษย์ที่มักจะเผลอทำกันเป็นประจำกับเจ้าหมา แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆ แล้วพวกมันไม่ช๊อบ ไม่ชอบ เอาซะเลยนะเธอ ส่วนตัว #เหมียวบ็อบ ก็ไม่เคยเลี้ยงหมาเหมือนกัน งานนี้คงต้องให้คนเลี้ยงหมาช่วยดูแล้วแหละ ว่ามันจริงรึเปล่าน๊าา… 1. กอดเจ้าตูบ เราอาจจะคิดว่าการกอดเจ้าตูบเป็นเรื่องธรรมด๊า ธรรมดา ใครๆ เค้าก็ทำกัน แต่อันที่จริงเชื่อไหมว่าพวกมันไม่ชอบเอาซะเลย ซึ่งบางทีมันอาจจะยอมทนให้เรากอด หรือบางทีการกอดอาจจะทำให้พวกมันคิดได้ว่า เราพยายามแสดงถึงอำนาจที่มีเหนือตัวมัน 2. ใช้คำพูดมากกว่าภาษากาย แน่นอนว่าเอาเข้าจริงเจ้าตูบส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจหรอกว่าเราพยายามพูดอะไรให้มันฟัง หรืออาจจะฟังออกแค่เพียงไม่กี่คำ และผู้เชี่ยวชาญก็ได้แนะว่าบางทีการที่เราใช้ทั้งคำพูด และภาษากายในเวลาเดียวกัน อาจจะทำให้พวกมันเกิดอาการสับสนได้ 3. ลูบหัวแรงไปนิด จริงๆ แล้วพวกมันก็ชอบให้เราลูบหัวนั่นแหละ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความรัก ในขณะที่บางคนอาจจะลูบหัวพวกมันแรงไปนิด (แบบในรูป) ซึ่งก็อาจจะทำให้พวกมันไม่ชอบได้เหมือนกัน 4. จ้องตาพวกมัน การจ้องตาเจ้าตูบที่เราดูแลมาตั้งแต่เล็ก ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไรหรอก หากแต่ว่าถ้าเราไปจ้องตาสุนัขที่ไม่รู้จักเรามาก่อนเป็นเวลานานๆ อาจทำให้พวกมันรู้สึกโกรธได้เหมือนกันนะ…
-
9 แนวคิดทางจิตวิทยาที่ทำให้คุณเป็นคนมีเสน่ห์ และสามารถดึงดูดคนอื่นได้มากยิ่งขึ้น
ในสังคมของเราจะมีคนอยู่ประเภทหนึ่งที่ไม่ว่าจะทำอะไรหรืออยู่ที่ไหนก็จะได้รับความสนใจจากผู้อื่นอยู่เสมอ หลายคนอาจบอกว่าที่คนเหล่านั้นมีแต่คนสนใจเพราะพวกเขาหน้าตาดี ซึ่งว่ากันตามตรงแล้วมันไม่เกี่ยวเสมอไป เพราะการจะเป็นคนที่น่าสนใจต้องมีอะไรที่มากกว่าความสวย/หล่อ และถ้าใครอยากเป็นคนแบบนั้นล่ะก็ นี่คือ 9 แนวคิดทางจิตวิทยาจากเว็บไซต์ BrightSide ที่คุณควรรู้เอาไว้ หากอยากมีเสน่ห์ดึงดูดใจผู้อื่นมากยิ่งขึ้น ภาพลักษณ์ส่วนบุคคล คุณต้องมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร และต้องทำให้จุดๆ นั้นเป็นที่จดจำของผู้อื่น มันอาจไม่ใช่ความสวยงามหรือความหล่อเหลา แต่อาจเป็นอะไรก็ได้ อย่างเช่นเวลาเราพูดถึง ชาร์ลี แชปลิน เราจะนึกถึงหนวดของเขา เหมือนกับที่เรานึกถึง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เราก็นึกถึงภาพลักษณ์ดุๆ กับหนวดของเขา ฝันให้ใหญ่ จะทำให้คนจดจำคุณได้ คุณต้องมีความทะเยอทะยาน มีความฝันอันยิ่งใหญ่ ไม่อย่างนั้นคุณก็เป็นเหมือนหนังสือที่ปกสวย แต่ข้างในกลับว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย ใครจะอยากสนใจล่ะจริงมั้ย มั่นใจ จนมั่นใจในตัวเอง ทั้งเรื่องความคิด การตัดสินใจ และการกระทำ อย่ารอให้ใครมาถามความเห็น คุณจงมั่นใจที่จะออกความเห็นของตัวเองออกไป และพยายามอย่าใช้คำว่า “ฉันคิดว่า” “ฉันหวังว่า” เพราะมันแสดงถึงความไม่มั่นใจของตนเอง เลิกบ่น คุณชอบคนที่บ่นโน่นบ่นนี่ตลอดเวลาหรือเปล่า? แน่นอนว่าไม่ คนที่เป็นที่รักของผู้อื่นจะมีความคิดด้านบวกเสมอ และเขาจะปล่อยพลังด้านบวกนั้นออกมาให้คนรอบข้าง เลิกบ่น เลิกวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น แล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องดีๆ…
-
รู้จัก Kevin Baugh ชายผู้เป็นประธานาธิบดีแห่ง Molossia ทั้งประเทศมีแค่ 32 คน?!?!
โดยหลักการแล้ว การจะเป็นประเทศๆ หนึ่งได้ต้องงประกอบไปด้วยสิ่งของ 4 อย่างได้แก่ ประชากร ดินแดน อำนาจอธิปไตย และรัฐบาล ขอเพียงมีครบ 4 อย่างนี้ คุณก็สามารถมีประเทศของตนเองได้แล้ว อย่างเช่นชายวัยกลางคนๆ นี้ เขามีชื่อว่า Kevin Baugh วัย 55 ปี เขาเป็นผู้ก่อตั้งและประธานาธิบดีคนปัจจุบันของประเทศเล็กๆ ที่มีชื่อว่า Molossia (ซึ่งลุงแกคิดเอง แล้วก็แต่งตั้งตัวเองนั่นแหละ) ประเทศ Molossia ตั้งอยู่บริเวณเมืองเนย์ตั้น รัฐเนวาด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา มีพื้นที่ราว 0.0053 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรอยู่ประมาณ 32 คน โดยประเทศ Molossia นี้ก่อตั้งเมื่อปี 1999 ตามความฝันในวัยเด็กของ Kevin ที่อยากจะมีประเทศเป็นของเขาเอง และเขาก็ทำตามความฝันนั้น ซึ่งภายในประเทศแบ่งออกเป็นสองเมืองได้แก่ เมืองหลวงชื่อว่า Baughston และจังหวัดที่เรียกว่า Harmony Province (จังหวัดสามัคคี) ในเมืองหลวงนี้ประกอบไปด้วยทำเนียบรัฐบาล (ซึ่งก็คือบ้านของ Kevin เอง) และพื้นที่บริเวณโดยรอบของบ้าน …
-
30 ภาพน่าสนใจของผัก-ผลไม้ ก่อนที่จะถูกเก็บเกี่ยว มันมีหน้าตาเป็นแบบนี้เองหรือนี่…
เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าผักผลไม้แต่ละชนิดที่ถูกนำมาวางจำหน่ายในท้องตลาด หรือซูเปอร์มาร์เก็ต มีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่คุณเคยสงสัยบ้างหรือไม่ว่า ผัก ผลไม้เหล่านั้น มีหน้าตาอย่างไหร่ก่อนที่พวกมันจะถูกเก็บเกี่ยว และในวันนี้เราจะพาทุกๆ คนไปรับชม 30 ภาพผัก-ผลไม้ ก่อนที่จะเจริญเติบโต และกลายมาเป็นอาหารของมนุษย์ มาดูเลยกันเลยดีกว่า ว่าจะมีอะไรกันบ้าง 1.เมล็ดงา 2.ถั่วลิสง 3.แครนเบอร์รี่ 4.เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 5.ถั่วพิสทาชิโอ 6.กะหล่ำดาว 7.สัปปะรด 8.ต้นโกโก้ 9.วานิลลา 10.อัลมอนด์ 11.กีวี่ 12.หญ้าฝรั่น 13.อบเชย 14.กาแฟ 15.ทับทิม 16.อาร์ติโช้ค 17.กล้วย 18.วาซาบิ 19.พริกไทยดำ 20.อาโวคาโด…
-
14 เรื่องราวน่ารู้ หลังจากการค้นพบระบบดาวเคราะห์ TRAPPIST-1 ที่ทุกคนควรอ่าน…
กระแสการค้นพบ TRAPPIST-1 System นั้นเป็นที่จับตามองไปทั่วโลก ส่วนหนึ่งเพราะนี่คือการค้นพบระบบดวงดาวซึ่งใกล้เคียงกับระบบสุริยะของเรามาก และมันมีโอกาสอย่างสูงที่เราจะค้นพบดาวซึ่งมีสภาวะคล้ายโลกที่อยู่อาศัยได้ รวมถึงอาจจะเจอสิ่งมีชีวิตอยู่อีกด้วย หลายคนอาจจะกำลังงๆ ว่าที่ค้นพบกันอยู่นี้มันคืออะไรกันแน่ และในคราวนี้ #เหมียวหง่าว อยากจะสรุปเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ เพื่อมาให้ได้อ่านกันแบบเข้าใจง่ายๆ กันครับ… 1. ระบบดาวเคราะห์ที่ค้นพบนี้มีชื่อว่า TRAPPIST-1 System ที่มีดาวฤกษ์เพียงดวงเดียว มีความคล้ายคลึงกันกับระบบสุริยจักรวาลของเรามาก จึงทำให้กลายเป็นประเด็นที่พูดถึงเป็นวงกว้าง 2. การเรียกชื่อ TRAPPIST-1 System ก็เหมือนกับการเรียกชื่อ Solar System โดยใช้ดาวฤกษ์ที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลางเป็นชื่อของระบบดาวเคราะห์ 3. ชื่อ TRAPPIST-1 ถูกตั้งตามชื่อของกล้องโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ใน Atacama Desert ประเทศชิลี ที่นักดาราศาสตร์ใช้ส่องพบเจ้าดาวฤกษ์ดวงดังกล่าว 4. ระบบดาวเคราะห์นี้มีดาวเคราะห์ทั้งหมด 7 ดวงด้วยกัน ซึ่งแต่ละดวงจะมีขนาดพอๆ กับดาวศุกร์ 5. เมื่อเทียบกับขนาดของดาวเคราะห์ในระบบ TRAPPIST-1 System และดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ จะเห็นได้ว่าแม้จะมีขนาดพอๆ กันกับโลก แต่ระยะเวลาโคจรรอบดาวแคระศูนย์กลางนั้นกลับสั้นมาก แค่ราวๆ 1 วันครึ่ง…
-
ชีวิตของ Najat Belkacem จากฐานะผู้ลี้ภัย สู่ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาฯ ฝรั่งเศส
เรื่องราวชีวิตของคนเราบางครั้งก็เป็นอะไรที่ไม่แน่นอน อาจจะเกิดเรื่องดีหรือร้ายขึ้นกับเราก็ไม่มีอาจคาดเดาได้ สิ่งที่ต้องทำก็คือก้มหน้าก้มตาใช้ชีวิตกันต่อไปหวังเพียงแค่ ‘โอกาส’ ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตของเรา เช่นเดียวกับเรื่องราวชีวิตของรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการของประเทศฝรั่งเศสคนปัจจุบัน Najat Belkacem ที่อดีตเคยเป็นผู้ลี้ภัยมาก่อน คุณ Najat เกิดในปี 1977 ที่หมู่บ้าน Nador ที่ตั้งอยู่ในเขตชนบทของประเทศโมร็อกโก พ่อของเธอทำงานเป็นคนงานก่อสร้าง และอาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส และภายหลังก็ได้ตัดสินใจที่จะพา Najat และครอบครัวคนอื่นๆ อพยพเข้ามายังประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี 1982 ครอบครัวของเธออาศัยอยู่ในเขตรอบนอกของเมือง Amiens Najat ตั้งใจเรียนด้วยความมานะบากบั่น จนในที่สุดก็จบการศึกษาด้านรัฐศาสตร์จากสถาบัน Paris Institute of Political Studies เมื่อปี 2002 จากภูมิหลังของเธอที่เคยเป็นผู้แพยพมาก่อนจึงทำให้เข้าใจถึงหัวอกของพวกเขาได้เป็นอย่างดี หลังจากที่จบการศึกษาแล้ว Najat ก็เข้าร่วมกับพรรคสังคมนิยมเพื่อต่อสู้เรียกร้องสิทธิให้กับประชาชน ต่อต้านการแบ่งแยก และอุทิศตนเพื่อสังคมมากมาย หลังจากที่ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงช่วยเหลือผู้คนมากมายในสังคมได้ไม่นาน ต่อมาก็ได้เข้ามาทำงานให้กับสภาของแคว้น Rhône-Alpes เมื่อปี 2008 เป็นการนั่งทำงานในออฟฟิศ และในปีนั้นเอง Najat…
-
รวม 10 เรื่องจริงที่ “ผู้ป่วยโรคสมองพิการ” อยากให้ทุกคนรู้ไว้ ไม่ใช่อย่างที่คิดเฟร้ย!!
หลายคนอาจเคยได้ยิน “โรคสมองพิการ” มาก่อน ซึ่งโรคดังกล่าวเป็นสิ่งที่สร้างความยากลำบากให้กับผู้ที่ป่วยเป็นอย่างมาก โรคสมองพิการ (Cerebral Palsy) เกิดจากความบกพร่องของเนื้อสมองส่วนที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดปัญหาในการเคลื่อนไหว ซึ่งแต่ละคนจะมีลักษณะที่แตกต่างกัน เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง เกร็ง งุ่มง่าม เคลื่อนไหวช้า ทรงตัวได้ไม่ดี สมองส่วนที่ใช้ควบคุมกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งของเด็กสมองพิการเกิดบกพร่องหรือสูญเสีย ทำให้มีปัญหาในการเคลื่อนไหว แต่แม้จะดูหนักหนาขนาดไหน แต่เหล่าผู้ป่วยโรคสมองพิการก็มี 10 เรื่องจริงที่พวกเขาอยากให้ทุกคนได้รู้เหมือนกัน โดยนักเขียนชื่อดัง Zach Anner จะมีอะไรบ้าง เราลองไปชมกันเลย 1.พวกเราไม่ใช่สุนัข ถึงพวกผมจะนั่งรถเข็น ชอบฉี่แตกนอกบ้านบ้าง แต่อย่าทำเหมือนพวกผมเป็นสุนัข ผมก็ยังเป็นคนที่สถานะเท่าๆ พวกคุณอยู่นะ 2. ออกเสียงให้ถูกเถอะ ชื่อโรคพวกผมอ่านว่า ซี-รี-บรอล พาลซี (Cerebral Palsy) ไม่ใช่ เซเรเบิ้ล (Sereble) นะ 3. นับนิ้วไม่ได้ คนป่วยเป็นโรคสมองพิการจะนับนิ้วไม่ได้ ฉะนั้นอย่ามาขอให้พวกเขาทำ เพราะมันยาก …
-
15 เหตุผลที่จะมาพิสูจน์ให้เห็นว่า “การเลี้ยงแมว” ดีกว่ามีแฟนเป็นไหนๆ เช๊อะ!!
เมื่อบอกว่า “แมว” เป็นสัตว์ที่น่ารักมาก หลายคนอาจจะเห็นด้วยกับเรา ซึ่งนอกจากความน่ารักแล้ว แมวไม่ได้เป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยงธรรมดาๆ ทั่วไป แต่บางทีมันก็อาจเป็นเพื่อนที่ดีให้กับเราได้เหมือนกันนะ แล้วจริงหรอที่ว่า แมวสามารถช่วยแชร์ปัญหาชีวิตของเราได้ถึงขนาดที่ว่าดีกว่าการมีแฟนเสียอีก และถ้าหากใครยังสงสัยว่ามันดีขนาดนั้นเลยหรอ นี่คือ 15 เหตุผลที่บอกว่าเลี้ยงแมวยังดีกว่ามีแฟนนนนนนน 1. แมวจะให้ความสนใจเรา โดยที่ไม่ต้องเอาใจมันมากมาย คุณไม่จำเป็นต้องพามันไปเดท หรือซื้อของแพงๆ ให้ เพราะมันไม่เล่นหรอกของแพงๆ พวกนั้นน่ะ!! 2. เวลาที่ได้กอด หรือคลอเคลียกับพวกมัน เป็นอะไรที่มีความสุขที่สุดแล้ว และแน่นอน แมวมันก็แค่กอดคุณ มันจะไม่คิดล่วงเกินทำให้คุณเสียความบริสุทธิ์ที่สั่งสมมานาน 3.หากพวกมันกำลังโกรธ หรือต้องการเวลา เราจะเห็นได้ชัดเลยว่าพวกมันจะชอบทำเสียงขู่ และจะชอบข่วน แต่เดี๋ยวสักพักมันก็จะกลับมากอดเราอีกครั้ง แน่นอนว่า สุดท้ายถึงมันไม่หายโกรธ แต่ถ้ามันหิวมันก็จะมาง้อคุณเอง 4. ถึงแมวจะชอบกรน แต่ก็น่ารักกว่าใครบางคนมาก ฮร่าๆ แน่นอน เสียงกรนของมันคือเสียงแห่งความสุข 5. ถ้าต้องการอะไร พวกมันก็จะเข้ามาขอเจ้านายดีๆ และแน่นอน คุณต้องหามาปรนเปรอมัน 6. เรื่องของห้องน้ำ…
-
เว็บโป๊ชื่อดัง Pornhub เผยสถิติของคนเหงาในช่วง “วาเลนไทน์” พวกเขาดูอะไรกัน?
สำหรับนักท่องอินเตอร์เน็ตอย่างเราๆ คงไม่มีใครไม่รู้จักเว็บโป๊ชื่อดังอย่าง Pornhub และแน่นอนว่าบ้านเราเข้าไม่ได้ เพราะขัดต่อศีลธรรมอันดีงาม อ่าห์ แต่สำหรับที่เมืองนอกแล้ว เว็บแบบนี้เป็นเรื่องที่ปกติสำหรับคนเหงา เพราะมันจะทำให้เขาได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่างออกมา ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงต่างก็ใช้วิธีนี้เป็นเรื่องธรรมดา และเมื่อวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก คนมีคู่เขาก็คงไปมีความสุขกัน แต่สำหรับคนโสดก็คงต้องพึ่งอะไรแบบนี้แหละ ทางเว็บไซต์ Pornhub จึงได้เผยสถิติอันน่าตกใจในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เริ่มจากช่วงเวลาการเข้าเว็บก่อน โดยสถิติเหล่านี้วัดเฉพาะในเขตอเมริกานะ จากกราฟเราจะเห็นได้ว่าเส้นมันจะหล่นทิ้งดิ่งลงมา เริ่มจากตอนประมาณ 6 โมงเย็น จนไปต่ำสุดที่ 3 ทุ่ม ที่ติดลบ -17% ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเพราะสาเหตุสถิติการเข้าเว็บที่หล่นฮวบแบบนี้แสดงว่าผู้คนอาจจะเจอรักแท้ก็เป็นได้ เพราะกว่าคนจะกลับมาเข้าเว็บก็เลยเที่ยงคืนแล้ว แต่ก็ยังไม่เท่าช่วงปกติ จากสถิติข้างบน ถ้าเรามาแบ่งตามเพศแล้ว จะเห็นได้ว่าผู้หญิง(เส้นสีม่วง) จะมีอัตราการเข้าเว็บต่ำถึง -22% ต่างจากผู้ชายที่ลดลงไปแค่ -16% และที่น่าสนใจคือของผู้หญิงนั้นมีช่วงที่ลดลงไปตอนบ่าย 2 ด้วย ซึ่งเราก็ไม่สามารถทราบได้ว่าเขาไปไหนกัน จะว่าไปกินข้าวก็ไม่น่าใช่ เพราะว่าของผู้ชายก็ยังปกติดีอยู่นั่นเอง เรามาดูช่วงอายุกันบ้าง ซึ่งอิงจากกราฟข้างบน เราจะเห็นได้ว่าช่วงอายุ 18 ถึง…
-
“โรเบิร์ต” ลูกชาย “สตีฟ เออร์วิน” สืบทอดตำแหน่ง “นักล่าจระเข้” ของพ่ออย่างยิ่งใหญ่!!
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ได้มีเรื่องราวการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เมื่อได้ยินข่าวของ สตีฟ เออร์วิน เจ้าของรายการ Crocodile Hunter อันโด่งดัง ที่จะพาเราไปรู้จักกับสัตว์น้อยใหญ่ และได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2549 จากการปลาถูกกระเบนธงแทงเพียงครั้งเดียว จากตอนนั้นก็เป็นเวลาที่นานพอสมควร แต่ชื่อของเขาก็ยังเป็นที่จดจำอยู่ จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “โรเบิร์ต เออร์วิน” ได้ไปออกรายการ The Tonight Show with Jimmy Fallon และได้เสียงตอบรับอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากว่ามีความคล้ายกับคุณพ่อของเขา “สตีฟ เออร์วิน” มาก โรเบิร์ต เออร์วิน วัยเพียง 13 ปี สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมอีกครั้ง หลังได้พาเอาหลังสัตว์ที่ทั้งอันตรายและน่ารักจริงๆ มาโชว์ในรายการ จนหลายคนบอกว่าเขาเหมือนพ่อจริงๆ บินดี้ เออร์วิน พี่สาวของเขาได้โพสต์ภาพนี้ในอินสตาแกรมส่วนตัวหลังจากที่น้องชายได้ไปออกรายการ พร้อมกับแคปชั่นว่า “เธอช่างเหมือนพ่อไปทุกวันแล้ว น้ำตาฉันไหลเลย” ซึ่งภาพนี้เป็นภาพเปรียบเทียบของเขาและพ่อที่ไปออกรายการคล้ายๆ กัน ในตอนนั้นโรเบิร์ตอายุได้เพียง 2 ขวบ ตอนที่พ่อของเขาเสียชีวิต …
-
พาชมวัฒนธรรมการดูหนังของคนอินเดีย โคตรบันเทิงตั้งแต่กรีดร้อง ลุกเต้นในโรง ยันจุดพลุ!!
เมื่อพูดถึงการดูหนังทุกคนน่าจะนึกถึงภาพของโรงหนังที่มีคนนั่งดูเรียงรายกันอย่างเงียบเชียบพร้อมกับป็อปคอร์นและน้ำอัดลมในมือ แต่คุณเชื่อ #เหมียวฟิ้น ไหมว่ามีโรงหนังในบางประเทศเหมือนกันที่ไม่ได้นั่งดูหนังกันแบบนิ่งๆ แถมยังลุกออกมาร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนานเลยด้วย ในบทความนี้เราจะพาทุกๆ คนไปชมวัฒนธรรมการดูหนังของชาวอินเดียกัน เพราะที่นี่เขาอินกับหนังเอามากๆ ไม่มีใครจะดูหนังได้สนุก หรืออินกับนักแสดงไปมากกว่าพวกเขาอีกแล้ว!! ส่วนหนึ่งที่ชาวอินเดียลุกออกมาร้องรำทำเพลงก็เพราะว่าหนังส่วนใหญ่มีฉากที่เหล่าตัวละครออกมาร้องเพลงวิ่งไปมา ซึ่งดูจะกลายเป็นเครื่องหมายทางการค้าของหนังอินเดียไปแล้ว และยิ่งเพลงไหนฮิตๆ ติดลมบนก็ยิ่งทวีคูณความสนุกเข้าไปอีก สมาชิกเว็บไซต์ Reddit ที่ชื่อ LetMeBeGreat ได้อธิบายว่าเขาคือลูกครึ่งอินเดียอเมริกัน และบอกว่าวัฒนธรรมการดูหนังของพวกเขาแตกต่างจากที่อื่นๆ ในโลกมาก “มันเป็นเรื่องปกติมากที่คนอินเดียจะไม่ได้ดูหนังทั้งเรื่อง บางคนเข้าโรงหนังมาตอนที่หนังเริ่มไปแล้วครึ่งเรื่องก็มี บางคนก็โทรศัพท์ระหว่างดูหนังแถมไม่มีใครใส่ใจด้วย ไม่มีใครถือมารยาทแบบชาวอเมริกันเมื่อพวกเขามาดูหนัง แถมตั๋วหนังก็ยังถูกแสนถูกเมื่อเทียบกับตั๋วของอเมริกา ฉะนั้นเลยไม่ค่อยมีใครสนใจอะไรมากนัก” ถึงแม้ว่ามารยาทการดูหนังของพวกเขาจะไม่เหมือนใครแต่การดูหนังในโรงหนังของอินเดียเองก็ยังคงเป็นเรื่องที่น่าสนุกอยู่ เพราะผู้คนจะเอาแต่ผิวปากส่งเสียงเชียร์ กรี๊ดกระจาย เมื่อพระเอกออกโรง แต่ก็ไม่ได้โกลาหลอะไรมาก อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ชาวอินเดียคลั่งไคล้การดูหนัง (ในสไตล์ของเขา) มาก ก็เพราะว่านักแสดงมีความใกล้ชิดกับชาวอินเดียมากกว่าของฮอลลีวูด อย่างเช่นพระเอกในหนังหลายคนอาศัยอยู่ในเมืองเดียวกับชาวบ้าน พวกเขาก็จะออกมาดูหนังเรื่องนั้นและเชียร์อย่างออกนอกหน้า ถ้ายังไม่เห็นภาพงั้นไปแดนซ์กับพวกเขากันเลย อินกับหนังให้มันสุดๆ แบบพวกเขา เต้นยับยิ่งกว่าในผับ และถ้าคุณคิดว่าทั้งหมดนี้มันอเมซิ่งแล้วล่ะก็ยังน้อยไป เพราะบางโรงมีการจุดพลุด้วยนะเออ!! (ใครดูคลิปไมได้กดตามลิ้งนี้ไปเลยนะ)…
-
เปิดชุดภาพถ่ายที่ไม่ได้รับการเปิดเผยของ “มาริลิน มอนโร” ในช่วงที่เธอตั้งครรภ์อย่างลับๆ
ในยุค 50 สาวในฝันที่ชายหนุ่มทั่วโลกหมายปอง เห็นจะหนีไม่พ้น “มาริลีน มอนโร” สัญลักษณ์ทางเพศที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ภาพของหญิงสาวผมบลอนด์ ทาลิปสติกสีแดง กับชุดสีขาว ได้กลายเป็นภาพที่หลายๆ คนยกขึ้นมาเมื่อพูดถึง “สาวเซ็กซี่” แม้กระทั่งปัจจุบัน เรายังสามารถพบเห็นภาพของเธอได้จากสื่อหรือสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก และอย่างที่ทราบกันดีว่า มาริลิน มอนโร นั้นไม่มีทายาทแม้แต่คนเดียว แต่ล่าสุดอดีตเพื่อนสนิทมาริลินได้เผยภาพลับที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนออกมา ซึ่งเป็นภาพขณะที่เธอตั้งครรภ์ในช่วงปี 1960!! เจ้าของภาพถ่ายชุดดังกล่าวมีชื่อว่า เฟรยด้า ฮัลล์ เธอบอกว่าช่วงนั้นเธอทำงานให้กับสายการบินแพนอเมริกาแอร์ไลน์ ทำให้เธอได้ใกล้ชิดกับเหล่าคนดังและดาราหลายๆ คน ซึ่งมาริลินก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งพวกเธอเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ตอนนั้น มาริลินแต่งงานกับดาราชาวฝรั่งเศส “อีฟ มงต็อง” ขณะที่ร่วมงานในภาพยนตร์เรื่อง Let’s Make Love ภาพชุดดังกล่าวเป็นภาพที่มาริลินสวมชุดสีเนื้อ ซึ่งบริเวณหน้าท้องของเธอ มีความนูนเหมือนกับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ซึ่งเรื่องราวดังกล่าว ถูกเฟรยด้าเก็บเป็นความลับเสมอมา จนกระทั่งเธอเสียชีวิต “โทนี่ ไมเคิล” เพื่อนบ้านซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเธอ ได้นำภาพชุดดังกล่าวออกมาเผยต่อสาธารณะชน “เฟรยด้าภูมิใจในภาพถ่ายชุดนี้มาก…
-
งานวิจัยเผย… เจ้าหมาจะเกลียดหน้าคนที่ไม่เป็นมิตร หรือคนที่คิดร้ายกับเจ้าของ
หลายๆ คนอาจจะคิดว่าเหล่ามะหมาทั้งหลายนั้นเป็นพวก ‘เห็นแก่กิน’ เมื่อใครก็ตามที่เอาอาหารให้มันมันก็จะส่ายหางดุ๊กๆ ดิ๊กๆ ญาติดีกับคนๆ นั้น แต่ขอบอกเลยว่าทุกคนกำลังเข้าใจผิด!! เพราะจากการศึกษาล่าสุดจากทางนักวิจัยในประเทศญี่ปุ่นได้พบว่าเหล่าสัตว์เลี้ยงนั้นจะปฏิเสธอาหารจากคนที่ไม่ถูกกับเจ้าของของพวกมัน ทีมงานวิจัยนำโดย Kazuo Fujita จากมหาวิทยาลัย Kyoto University ได้ทำการทดสอบกับหมาทั้งหมด 18 ตัว โดยที่เหล่ามะหมาจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ทั้งหมด 3 แบบ พวกมันจะได้เห็นเจ้าของของมันที่ติดอยู่ในกล่องและร้องขอความช่วยเหลือ เจ้าหมากลุ่มแรก จะได้เห็นเจ้าของของมันร้องขอความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้า ซึ่งคนแปลกหน้าจะปฏิเสธ ในกลุ่มที่สอง เจ้าของจะขอความช่วยเหลือ และคนแปลกหน้าก็จะให้ความช่วยเหลือ และในกลุ่มที่สาม ไม่มีคนแปลกหน้าคนไหนสนใจในเสียงเรียกของเจ้าของเลยแม้แต่คนเดียว หลังจากที่ได้ชมเหตุการณ์แล้วเหล่าคนแปลกหน้าทั้งหลายจะต้องเดินเข้าไปให้อาหารกับเหล่ามะหมา และผลปรากฏว่าเจ้าหมาจะมีทีท่าที่จะปฏิเสธรับอาหารจากคนที่ไม่ยอมให้การช่วยเหลือกับเจ้าของของมัน นาย Fujita ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Thegurdian ว่า “เป็นการค้นพบครั้งแรกว่าเหล่าสุนัขทั้งหลายนั้นจะมีการสร้างความสัมพันธ์และประมวลผลทางอารมณ์ต่อผู้คนโดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์โดยตรงที่มันจะได้รับ” “เพราะถ้าเหล่าสุนัขมีการประมวลผลทางอารมณ์โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของตนเอง ก็จะไม่สร้างความแตกต่างอะไรในกลุ่มสุนัขทั้งสามกลุ่มเลย” “ซึ่งความสามารถนี้เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม และการศึกษาในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าเหล่ามะหมานั้นใช้ความสามารถนั้นกับมนุษย์ด้วย” แหม่ ถ้าเป็นเจ้าเหมียวล่ะก็คงจะตรงกันข้ามเลยล่ะนะ ฮร่าๆๆ ที่มา : theguardian, metro
-
จากชายมาเป็นสาวข้ามเพศ 17 เดือนแห่งการเปลี่ยนแปลงหลังกิน “ฮอร์โมนเพศหญิง”
ปัจจุบันนี้ สังคมมนุษย์เราให้การยอมรับ “คนข้ามเพศ” มากขึ้นกว่าสมัยก่อนเป็นอย่างมาก และด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ทำให้กลุ่มคนข้ามเพศเหล่านั้น มีทางเลือกที่จะเป็นในสิ่งที่พวกเขาต้องการมากขึ้น อย่างเช่นการทานฮอร์โมน ล่าสุด มีผู้ใช้งานเว็บไซต์ Imgur ท่านหนึ่งได้นำภาพความเปลี่ยนแปลงตลอด 17 เดือนที่ เขา (เธอ) ได้ทานฮอร์โมนเพศหญิงเพื่อปรับเปลี่ยนร่างกายของเธอ รับรองว่าเพื่อนๆ จะต้องตกตะลึงแน่นอน ผู้ใช้งานคนนี้มีชื่อว่า Selgal รัฐโอไฮโอ เธอกล่าวว่า เธอใช้เวลาเกือบสองปีในการเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นในสิ่งที่เธอต้องการ ด้วยการทานฮอร์โมนเพศหญิง และตอนนี้เธอก็มีแฟนหนุ่มที่รักเธอมากกว่าชีวิตซะอีก เธอกล่าวว่า “ความสุขมีอยู่จริง คุณแค่ต้องเสี่ยงเพื่อที่จะได้มันมาเท่านั้น” *การรับประทานฮอร์โมนคือการทานฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนของเพศหญิงเข้าไป รวมทั้งฮอร์โมนชนิดอื่นๆ เพื่อให้ร่างกายดึงยีนส์เพศด้อย ซึ่งไม่ได้รับการพัฒนาต่อออกมา เธอบอกว่าเธอเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองตอนอายุ 18 ปี ตอนที่จบจากชั้นไฮสคูล ด้วยการไว้ผมยาวและกินฮอร์โมนเพศหญิง แต่หลังจากผ่านไปสองสามเดือน ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย ทำให้เธอเริ่มรู้สึกเครียด แต่เธอก็รู้ว่า กระบวนการเหล่านี้ต้องใช้เวลา ช่วงเดือนแรก ระหว่างนั้นเธอก็เข้ารับการบำบัดเสียงพูด ให้ดูนุ่มและเป็นผู้หญิงมากขึ้น จนเวลาผ่านไปสามเดือน ผลของฮอร์โมนก็ค่อยๆ ออกฤทธิ์ เธอค่อยๆ มีหน้าอกและผิวหนังก็ค่อยๆ บางลงและดูกระจ่างขึ้น สามเดือนผ่านไป …
-
ไขปริศนาระดับชาติ!! เหตุใด ‘เส้นผม’ ถึงมีความยาวมากกว่าขนส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
เมื่อกล่าวถึงผม หรือเส้นขน บนตัวของพวกเรา เพื่อนๆ เคยสงสัยกันบ้างมั้ยว่าเอ๊ะ ทำไมขนส่วนอื่นๆ ถึงมีความยาวที่จำกัด พอถึงจุดๆ หนึ่งแล้วทำไมมันถึงไม่ยาวต่อ กลับกันกับเส้นผมที่ยาวขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้จักจบจักสิ้นซักที ในวันนี้เรามาไขปริศนานี้ให้กระจ่างไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า!! ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า เส้นผมและขนของคนเราจะมีวงจรอยู่ 3 ขั้น คือ ขั้นแรก ช่วงเจริญเติบโต ช่วงนี้ขนจะงอกต่อเนื่อง ขั้นที่สอง ช่วงหยุดการเจริญเติบโต ช่วงนี้ขนพร้อมที่จะหลุดร่วง ช่วงสุดท้าย ช่วงขนเริ่มหลุดร่วง พอครบวงจรดังกล่าวแล้ว ก็จะกลับไปวนเป็นลูปใหม่ ก็คือเริ่มงอกเส้นใหม่ออกมาและเส้นเก่าก็หลุดออกไป เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ขนแต่ละที่จะถูกกำหนดลักษณะโดย ‘ต่อมขน’ ตามปัจจัยทางพันธุกรรมและฮอร์โมน มีอัตราการยาวขึ้นต่อวันไม่เท่ากัน และมีอายุขัยหรือช่วงเจริญเติบโต รวมถึงช่วงต่างๆ แตกต่างกันด้วย ยกตัวอย่างเช่นเส้นผมจะมีช่วงเจริญเติบโตนานถึง 4-7 ปี ทำให้มันยาวไปได้เรื่อยๆ กว่าที่จะเข้าสู่ช่วงหยุดเจริญเติบโต ซึ่งกินเวลาไปประมาณ 2-4 เดือน จากนั้นก็จะร่วงไป ทำให้ ‘เส้นผม’ เป็นขนที่ยาวที่สุดในร่างกาย ส่วนขนที่อื่นๆ เช่น…
-
แนะนำ 9 สูตรค็อกเทลแบบง๊าย ง่าย ที่ขาเมาทั้งหลายควร(จะ)ทำให้เป็น!!
สำหรับใครที่ชอบออกไปปาร์ตี้ยามค่ำคืน ตกดึกกลับมานอนแฮงค์โอเวอร์อยู่ที่ห้อง พร้อมกับบ่นว่า ‘พรุ่งนี้จะไม่กินเหล้าอีกแล้วๆๆ..’ แต่ตกเย็นก็ออกไปดื่มเหล้าอยู่ดี ดังนั้นเราจะขอพาไปรู้จักกับ 9 สูตรค็อกเทล ที่คุณควรฝึกทำไว้ รับประกันเลยว่างานปาร์ตี้สังสรรค์ครั้งต่อไป จะสนุกมากขึ้นอีกหลายเท่าด้วยค็อกเทลฝีมือเรานี่แหละ!! 1. Old Fashioned สูตรนี้ง่ายมากใช้เบอร์เบิน (อเมริกันวิสกี้) 2.5 ออนซ์ + น้ำตาลแดง ครึ่งออนซ์ + เหล้าบิทเทอร์ 3 ฝา + น้ำแข็งก้อนเย็นๆ เตรียมใส่แก้วให้พร้อม + ผสมมะนาว และส้มลงไปเล็กน้อยเพื่อความลงตัว 2. Mint Julep เบอร์เบิน 2 ออนซ์ + น้ำตาลทรายแดงประมาณ 3/4 ของ 1 ออนซ์ + ใบมิ้นท์หอมๆ + คนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน + ตกแต่งเครื่องดื่มด้วยใบมิ้นท์หอมๆ พร้อมดื่มแล้วจ้า …
-
รู้จัก ‘Schwere Gustav’ ปืนใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดของกองทัพนาซี เท่าที่มนุษย์เคยผลิตมา!!
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้กองทัพนาซีเยอรมันจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในสงคราม แต่ก็ต้องยอมรับว่า ผลงานทางวิศวกรรมของพวกเขานั้นถือว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้ชาติใดๆ ในโลก อย่างที่เราได้เห็นเครื่องจักรอันแปลกประหลาดมากมาย อย่างเช่น ปืนใหญ่ Schwere Gustav ลำนี้ Schwere Gustav ถือว่าเป็นปืนที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เคยถูกนำมาใช้งานจริงๆ ในสมรภูมิ (มีฝาแฝดอีกลำชื่อ Dora) มีความยาวกระบอกปืน 32.5 เมตร ใช้กระสุนขนาด 800 มิลลิเมตร วิสัยการยิงอยู่ที่ 47 กิโลเมตร น้ำหนักรวมทั้งลำกว่า 1,350 ตัน ผลิตโดยบริษัท Krupp ผู้มีชื่อเสียงจากการสร้างปืนใหญ่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และด้วยความหนักขนาดนี้จึงไม่มีล้อรถที่ไหนสามารถรับน้ำหนักขนาดนี้ได้ มันจะถูกออกแบบมาใช้บนทางรถไฟเท่านั้น และนั่นถือว่าเป็นจุดด้อยอันร้ายแรงของปืนใหญ่ Schwere Gustav เลยทีเดียว ตอนแรก กองทัพเยอรมันตั้งใจใช้ปืนใหญ่นี้ในการบุกฝรั่งเศส แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถสร้างให้เสร็จทันใช้งาน (แต่กองทัพเยอรมันก็บุกฝรั่งเศสสำเร็จอยู่ดี) ต่อมาเมื่อสร้างเสร็จ กองทัพเยอรมันได้นำปืนใหญ่ลำนี้ไปใช้ในสมรภูมิบาร์บารอสซ่า ซึ่งในสมรภูมินั้น มันได้ทำลายคลังอาวุธใต้ดินของกองทัพโซเวียตไปเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นมันถูกเคลื่อนย้ายไปยังเลนินกราด และตั้งใจจะใช้งานในปฏิบัติการ Warsaw Uprising แต่ไม่ทันได้ใช้ กองทัพเยอรมันก็ถูกกองทัพฝ่ายต่อต้านโจมตีซะก่อน พวกเขาจึงทำลายปืนใหญ่นี้ทิ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของศัตรู…
-
ไขข้อข้องใจ… ทำไมเสียงของระบบ AI ผู้ช่วยเหลือ ถึงต้องเป็นเสียงของผู้หญิงมาก่อน!?
ในปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่ ‘หุ่นยนต์’ หรือระบบ AI ต่างๆ ถูกพัฒนาจนสามารถนำมาใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่างเช่น Siri (Apple), Cortana (Microsoft), S Voice (Samsung) หรือระบบให้ความช่วยเหลือในรถยนต์ เป็นต้น ซึ่งระบบ Assistant ที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ใช้งานเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีเสียงโต้ตอบเป็นผู้หญิงทั้งสิ้น!? เออแฮะ ทำไมต้องเป็นเสียงผู้หญิงกันนะ มันมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่? วันนี้ #เหมียวหง่าว จะมาไขข้อข้องใจนี้ให้กระจ่างเอง!! ก็เพราะว่าทางบริษัทผู้สร้างเหล่านี้ได้ทำการวิจัยกันออกมาเรียบร้อยแล้ว โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ ศาสตราจารย์ Karl F. MacDorman และทีมงานจากมหาวิทยาลัย Indiana University ได้ดำเนินงานวิจัยด้วยการเปิดคลิปเสียงผู้ชายและผู้หญิงให้กับกลุ่มตัวอย่างที่มีทั้งเพศชายและหญิงฟัง จากนั้นก็ตั้งคำถามว่าพวกเขาชอบเสียงแบบไหนมากกว่ากัน ผลปรากฏว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ตอบว่า ‘ผู้หญิง’ และไม่ใช่เพียงแค่การตอบคำถามเท่านั้นเหล่าทีมงานนักวิจัยยังสังเกตปฏิกิริยาและการตอบสนองต่อคลิปเสียงของกลุ่มตัวอย่างด้วย ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาสามารถตอบสนองต่อเสียงของผู้หญิงได้อย่างเป็นธรรมชาติมากกว่า นอกจากนี้จากผลงานการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร ศาสตราจารย์ Clifford Nass จากมหาวิทยาลัย Stanford ก็ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “สมองของมนุษย์เรานั้นจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเสียงของผู้หญิงมากกว่าเสียงของผู้ชาย” …
-
พาส่องอุปกรณ์ “สายลับอังกฤษ” ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ยังหาซื้อได้ในปัจจุบัน
เชื่อว่าหลายคนคงเคยคิดว่า ถ้าตัวเองเป็น “เจมส์ บอนด์” จะต้องใช้ชีวิตแบบไหนกันนะ เอาจริงๆ แล้วสายลับในชีวิตจริง ไม่ได้เท่เก๋เหมือนในหนังหรอก และสิ่งที่ช่วยให้พวกเขาสามารถทำภารกิจสำเร็จหรือมีชีวิตรอดออกมา ก็คืออุปกรณ์ต่างๆ นั่นเอง วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมอุปกรณ์ของ “สายลับอังกฤษ” ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งถ้าคุณรู้แหล่งและมีเงินซักนิด คุณจะหาซื้อมาครอบครองได้อย่างง่ายดาย อุปกรณ์เหล่านี้เป็นของหน่วย SOE หรือ Special Operations Executive ซึ่งเป็นกองกำลังที่ก่อตั้งขึ้นมาช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี วินสตัน เชอร์ชิล เพื่อต่อต้านการยึดครองยุโรปของกองทัพนาซี มีดสารพัดประโยชน์ ราคาอยู่ที่ 25,000 ถึง 50,000 บาท (ลิ้ง) ตราทหารอากาศซ่อนเข็มทิศ ราคาอยู่ที่ 4,000 บาท ถึง 6,000 บาท (ลิ้ง) กระดุมซ่อนเข็มทิศ ราคาอยู่ที่ประมาณ 2,000 ถึง 3,000 บาท (ลิ้ง) …
-
เรื่องราว Lina Medina เด็กหญิงวัยเพียง 5 ขวบแต่ตั้งท้องได้ จนให้กำเนิดบุตรชายขึ้นมา!!
ตามที่เราเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และสุขศึกษามา มนุษย์เพศหญิงจะพร้อมสืบพันธุ์เมื่ออายุประมาณ 11-15 ปี ซึ่งก็คือวัยที่พวกเธอเริ่มจะมีประจำเดือน แต่เชื่อหรือไม่ ครั้งหนึ่งเมื่อแปดสิบปีก่อน เคยมีเด็กหญิงคนหนึ่งตั้งท้องมีลูกตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบเท่านั้น?!?! เด็กหญิงคนนั้นมีชื่อว่า Lina Medina จากประเทศเปรู ขณะที่เธออายุห้าขวบ เธอมีอาการท้องบวมเป็นอย่างมาก ครอบครัวของเธอจึงพาไปหาหมอ หมอวิเคราะห์ว่าเธอมีเนื้องอกขนาดใหญ่ในช่องท้อง แต่หลังจากทำการตรวจอย่างละเอียด ทางแพทย์ก็ต้องตกตะลึงเพราะแท้จริงแล้ว เด็กหญิงคนนี้ตั้งครรภ์มาแล้วกว่า 7 เดือน และหลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เธอก็ให้กำเนิดเด็กชายคนหนึ่ง ตอนแรกทางแพทย์ก็หวั่นเกรงว่า ร่างกายของเธอจะเด็กเกินกว่าที่จะคลอดลูกตามวิธีทางธรรมชาติ แต่สุดท้ายทั้งเธอและลูกก็ปลอดภัย เด็กชายคนนั้นถูกตั้งชื่อว่า Gerardo หลังจากนั้นแพทย์ได้ทำการตรวจร่างกายของเธออย่างละเอียดอีกครั้ง และพบว่าอวัยวะสืบพันธ์ของเธออยู่ภาวะสมบูรณ์ไม่ต่างจากผู้ใหญ่ทั่วไป ซึ่งเป็นเรื่องที่พบได้ยากเป็นอย่างมาก พ่อของ Lina ถูกตั้งข้อหาและจับกุม เนื่องจากอาจเป็นพ่อของเด็ก แต่ภายหลังเขาก็ถูกปล่อยตัวออกมาเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ ทำให้จนกระทั่งตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครทราบว่า พ่อของเด็กจริงๆ คือใคร Gerardo เติบโตมาพร้อมๆ กับ Lina โดยเขาคิดว่า เธอเป็นพี่สาวของเขา จนกระทั่งเขาอายุได้ 10 ขวบ เขาก็ได้ความจริงว่า เธอเป็นแม่ของเขาต่างหาก…
-
รู้จักกับ “Prepex” นวัตกรรมขลิบปลายจู๋สุดล้ำ เพื่อชีวิตยุคใหม่ รับรองโดยองค์กรอนามัยโลก
ต้องบอกก่อนว่าในทางการแพทย์เนี่ย ‘การขลิบปลายอวัยวะเพศชาย‘ ไม่ใช่เรื่องที่ลามกอะไรเลย แถมยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพผู้ชายสุดๆ เพราะมันช่วยลดปัญหาเชื้อโรคสะสมในบริเวณนั้น และยังเป็นแนวทางช่วยลดการติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ได้อีกด้วยนะ คราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับ ‘Prepex’ นวัตกรรมทางการแพทย์ที่ดูเรียบง่าย และใช้งานได้จริง อีกทั้งยังได้รับการการันตีจากองค์กร WHO มาแล้วด้วยว่ามันมีประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติจริงๆ นะเออ ‘Prepex’ Steven Kaplan หนึ่งในผู้ร่วมตรวจสอบเครื่องมือดังกล่าวได้อธิบายว่า ‘Prepex’ ถูกออกแบบมาเพื่อใช้บีบรัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศด้วยวงแหวน 2 อัน โดยมันจะทำหน้าที่คอยบีบรัด (แบบไม่เจ็บ) ไม่ให้เลือดสามารถไปหล่อเลี้ยงบริเวณนั้นได้ จากนั้นทิ้งไว้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ ผิวหนังบริเวณนั้นจะไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกได้ และใช้เครื่องมือตัดหนังบริเวณนั้นออก ข้อดีของการใช้เครื่องมือชนิดนี้คือ สามารถทำได้กับทุกสภาพแวดล้อม ไม่จำเป็นต้องเข้าห้องผ่าตัด และลดความเจ็บปวดจากวิธีเดิมได้หลายเท่า ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าเครื่องนี้ได้นำไปใช้กับผู้ชายในประเทศรวันด้า เพื่อลดปัญหาการติดเชื้อเอชไอวีมาแล้ว เราไปดูขั้นตอนการใช้เครื่องมือชนิดนี้แบบละเอียดยิบกันบ้างดีกว่า… (คำเตือน: ภาพอาจจะดูล่อแหลมไปบ้าง แต่นี่คือตัวอย่างทางการแพทย์นะจ๊ะ) อันดับแรกแพทย์ต้องเลือกขนาดอุปกรณ์ให้พอเหมาะก่อน จากนั้นให้นำอุปกรณ์ด้านหนึ่งมาสวมไว้ที่โคนของอวัยวะเพศชาย แล้วนำอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งมาใส่ด้านบน เพื่อบีบรัดบริเวณหนังหุ้มปลาย สอดอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งไปที่บริเวณด้านนอกของหนังหุ้มปลาย จากนั้นก็นำอุปกณ์ที่ยึดตรงโคนอวัยวะเพศออก เพื่อให้ผิวหนังด้านบนถูกยึดไว้ เมื่อผ่านไปประมาณ…
-
17 ภาพถ่ายที่ดั๊นได้จังหวะพอดีเป๊ะ จนคุณต้องหันมาดูอีกรอบ อ่าวใช่เหรอ!?
บางครั้งภาพเจ๋งๆ หลายๆ ภาพที่เราเห็นกัน ล้วนเกิดจากความบังเอิญทั้งสิ้น แต่ความบังเอิญไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้เกิดภาพเจ๋งๆ เหล่านั้นขึ้นมาได้ คุณต้องมีทั้งความคิดสร้างสรรค์และมุมมองที่แตกต่างจากคนทั่วไปด้วย อย่างเช่น 15 ภาพความบังเอิญเจ๋งๆ ที่ #เหมียวอ๊อดโด้ นำมาให้ชมวันนี้ บอกได้เลยว่า แค่โชคดีอย่างเดียว สร้างผลงานแบบนี้ขึ้นมาไม่ได้หรอกนะ เพราะมันอาจจะต้องใช้ทั้งความสามารถ จังหวะ เวลา โอกาสที่เหมาะสม มุมกล้อง รวมไปถึงสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ “ดวง” นั่นเอง เจ้าหมาในฟองสบู่ บินไปเลย!! คุณปู่สยายปีก หมาเรนเดียร์ งับ….. วันนี้หนูจะมาแข่งวิ่งข้ามเครื่องกีดขวาง เรือปิศาจ “เดอะ ฟลายอิ้ง ดัชแมน” งานแต่งนกฮูก เครื่องบินและไทม์สแควร์ รอยสัก หรือ เงาของแมลงปอ ซุปเปอร์มูนในดูไบ วางอยู่บนแท่นพอดีเป๊ะ ปิศาจไฟ ขอร่วมฝูงบินด้วยอีกตัว …
-
จังหวัดในญี่ปุ่นใช้ “ซามูไร” มาเป็นป้ายการ์ตูนคาวาอิ๊ บอกข้อมูลให้นักท่องเที่ยว
อย่างที่ทราบกันดีว่า ประเทศญี่ปุ่นกำลังจะกลายเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมกีฬาโอลิมปิกในปี ค.ศ. 2020 ที่กรุงโตเกียว ซึ่งแน่นอนว่า นักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลจากทั่วโลกจะต้องหลั่งไหลเข้าในดินแดนอาทิตย์อุทัยอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ ทางรัฐบาลกลาง รัฐบาลท้องถิ่น รวมทั้งบริษัทเอกชน ต่างให้ความร่วมมือร่วมกันปรับเปลี่ยน ปรับปรุง สิ่งต่างๆ ในประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากเหล่านั้น เช่น การเปลี่ยนสัญลักษณ์บนส้วมใหม่ของบริษัทผู้ผลิตสุขภัณฑ์ และล่าสุด ทางจังหวัดอิวาเตะก็ได้มีไอเดียใหม่มานำเสนอกันอีก จากการคิดวางแผนที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้เข้าใจอะไรง่ายๆ โดยยังมีเสน่ห์ของความเป็นญี่ปุ่นอยู่ด้วย พวกเขาก็เลยปล่อยแผ่นป้ายให้ข้อมูลนักท่องเที่ยว ให้ห้างร้านต่างๆ ในจังหวัดได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน ที่เจ๋งคือพวกเขาได้นำ “ซามูไร” ยอดนักรบในอดีตของพวกเขามาเป็นพรีเซนเตอร์ บอกได้คำเดียวว่าทั้งฮา และน่ารักแบบสุดๆ เลย ลองไปชมกันดูว่ามีอะไรบ้าง เพื่อมารยาทที่ดี ควรอาบน้ำก่อนลงบ่อน้ำพุร้อน ขณะอาบ ระวังคนอื่นด้วย อย่าสระผมในบ่อน้ำร้อน เครื่องดื่มก็ห้ามนำเข้าไป เช็ดตัวก่อนออกมาจากบ่อน้ำร้อน อาหารเผ็ดนะ อาหารเผ็ดมาก อาหารเผ็ดสุดๆ ไปเลยยยย มังสาวิรัตกินได้ ชาร์จไฟได้…
-
เด็กน้อยตั้งโต๊ะบริจาค “ของเล่น” หน้าบ้าน กับเป้าหมายเพื่อแบ่งปันให้ “เด็กยากไร้”
เด็กชายคนนี้มีชื่อว่า เบลค วัย 6 ขวบ วันหนึ่งเขาบ่นว่าห้องของเขาเต็มไปด้วยของเล่นมากเกินไปจนอยากเอาไปทิ้ง เมื่อแม่เขาได้ยินดังนั้นจึงบอกว่า เขาควรจะดีใจนะที่มีของเล่นเยอะขนาดนี้ ยังมีเด็กอีกมากที่ไม่มีโอกาสที่จะมีแม้แต่ของเล่นซักชิ้นเดียว เมื่อได้ยินแบบนั้น เขาถึงกับสะเทือนใจของชะตากรรมของเด็กอีกหลายคน เขาจึงเกิดไอเดียขึ้นมาว่า จะนำของเล่นทั้งหลายมาตั้งบริจาคหน้าบ้าน เขาได้เลือกของเล่นที่เขามาตั้งโชว์ พร้อมตั้งป้ายว่า “ของเล่นแจกฟรี” ให้กับคนที่เดินผ่านไปมา หรือคนที่อยากจะเอาไปบริจาคให้กับเด็กผู้ยากไร้ไม่มีของเล่น และในวันแรกเขาได้มอบของเล่นให้กับผู้รับเหมาที่กำลังทำงานให้กับบ้านฝั่งตรงข้าม ซึ่งผู้รับเหมาคนนั้นสัญญาว่า จะนำของเล่นดังกล่าวไปให้กับหลานชายของเขาอย่างแน่นอน เพราะหลานชายของเขาก็ต้องการของเล่นอยู่เช่นกัน… หลังจากนั้น ก็มีหลายครอบครัวแวะเวียนมารับของขวัญ ซึ่งสิ่งที่ดีไปกว่านั้นก็คือบางครอบครัวก็นำของมาบริจาคเพิ่ม บางครอบครัวก็นำของเล่นมาแลกเปลี่ยน เพื่อจะได้ของเล่นที่พวกเขาอยากได้ เด็กๆ ก็จะได้ไม่ต้องซื้อใหม่ และเอาบางชิ้นที่ไม่ต้องการเพื่อบริจาคต่อไป แม้กระทั่งครูในโรงเรียนอนุบาลของเขา ก็นำของมาร่วมบริจาคกับเขาเช่นกัน ซึ่งเธอบอกว่า เธอภูมิใจในตัวเขามากๆ สุดท้ายแล้ว เขาก็บริจาคของเล่นทั้งหมดให้กับทางโรงเรียน เพื่อเป็นรางวัลให้กับเด็กที่มีความประพฤติดีต่อไป จิตใจดีแบบนี้ ต้องเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีแน่นอน สุดยอดไปเลย!! ที่มา boredpanda
-
เว็บไซต์ฝรั่งเผยข้อมูล “ภาษาที่สอง” ของแต่ละประเทศ ส่วนของไทยเป็นภาษาพม่า!?
โลกทุกวันนี้ได้เข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ ที่โลกทั้งโลกเชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นดาวเทียม หรือ อินเตอร์เน็ต ซึ่งผู้คนสามารถเข้าถึงข้อมูล ภาษา หรือวัฒนธรรมต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย และแน่นอนว่า เมื่อผู้คนสามารถเข้าถึงหรือเดินทางหากันได้อย่างง่ายดายแบบนี้ สิ่งที่กลายเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือภาษาที่สองนั่นเอง ซึ่งใครก็ตามที่สามารถพูดได้มากกว่าหนึ่งภาษา พวกเขาก็จะสามารถเข้าถึงโอกาสได้มากกว่าผู้ที่พูดได้เพียงภาษาเดียวอย่างแน่นอน ล่าสุดทางเว็บไซต์ MoveHub เว็บไซต์เกี่ยวกับข้อมูลการย้ายถิ่นที่อยู่ ได้ปล่อยแผนที่ “ภาษาที่สอง” ของโลกออกมา ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นนี่บอกได้คำเดียวว่า น่าสนใจมากๆ เลยล่ะ เริ่มจากส่วนแรก อย่างในยุโรป ก็มีภาษาแตกต่างกันออกไปตั้งแต่ ภาษาอังกฤษ ภาษาสเปน ภาษารัสเซีย แอฟริกาก็มีทั้งภาษาพื้นเมืองของคนท้องถิ่น แล้วก็ภาษาจากยุโรปปะปนไปด้วยเช่นกัน เชื่อหรือไม่ว่าภาษาที่สองของสหรัฐอเมริกาคือสเปน เพราะมีคนเม็กซิโกอยู่เยอะนั่นเอง สำหรับประเทศไทย ทางเว็บไซต์ MoveHub รายงานว่า ภาษาที่สองของประเทศไทยคือภาษาพม่า สาเหตุน่าจะเป็นเพราะแรงงานชาวพม่าที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในไทยเป็นจำนวนหลายล้านคน ตั้งแต่การเข้ามาเป็นแรงงานรับจ้างทั้งที่ถูกหรือผิดกฎหมาย จนปัจจุบันก็มีหลายรายที่เริ่มเป็นเจ้าของกิจการต่างๆ นั่นทำให้ภาษาพม่ากลายเป็นภาษาหลักอีกภาษาที่มีการใช้งานในไทยอย่างมาก จนเว็บน้จัดอันดับให้มาเป็นภาษาที่สองของประเทศไทย เราลองไปชมส่วนอื่นๆ ของโลกกันดีกว่าว่ามีภาษาอะไรกันบ้าง อย่างอเมริกากลาง และปิดท้ายด้วยอเมริกาใต้ ความเห็นส่วนตัวของ #เหมียวอ๊อดโด้…
-
เปิดกรุภาพหาดูยากของ “มัมมี่” อียิปต์โบราณ เปิดให้เห็นกันชัดๆ ว่าข้างในมีอะไรบ้าง!!?
เราคงเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวของมัมมี่กันมาบ้าง แต่ส่วนมากก็คงมาจากภาพยนตร์ ซึ่งเราก็จะติดภาพว่ามัมมี่คือศพที่ได้รับการพันด้วยผ้า แล้วเก็บไว้ในโลงที่สวยงาม แต่วันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปเปิดโลงดูกันว่าจริงๆ แล้วภายในเป็นอย่างไรกันบ้าง!? ภาพเหล่านี้เป็นภาพที่มาจากพิพิธภัณฑ์ Cairo Museum ในประเทศอียิปต์ ซึ่งได้เก็บเอาซากมัมมี่ไว้เยอะแยะมากมาย นี่คือภาพของฟาโรห์ทาโอที่ 2 ถูกถูกฆ่าจากการสู้รบ ซึ่งเราจะได้เห็นรอยขวานและหอกบนใบหน้าของร่าง ภาพของหญิงไม่ทราบชื่อ(ซ้าย) และราชินี Anhapou(ขวา) ซึ่งในภาพเราก็จะได้เห็นผ้าที่พันไว้หยาบๆ สำหรับมัมมี่ที่ไม่ได้รับการพันด้วยผ้าไว้ ในช่วงย่างเข้าศตวรรษที่ 20 ภาพของการเปิดโลงมัมมี่ที่พันด้วยผ้าลินิน และมีรอยที่สร้างโดยโจร ซึ่งตอนนั้นมีความเชื่อว่าต้องมีของที่ทำจากทองและของล้ำค่าอื่นๆ นี่คือมัมมี่ที่ชื่อว่าจะเป็นเจ้าชาย Ouabkhousenou ซึ่งได้มีโจรตัดผ้าพันออก เพราะคิดว่าข้างในจะมีของล้ำค่าอยู่ ฟาโรห์แรเมซีสที่ 6 ซึ่งในภาพนี้ทำให้เห็นการพันคร่าวๆ สำหรับมัมมี่ที่ไม่ได้พันผ้าไว้ ในช่วงย่างถึงศตวรรษที่ 20 มัมมี่ของ Dame Rai ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นแม่ของฟาโรห์ Sethi I มัมมี่ไม่ทราบชื่อถูกวางไว้พิงกำแพงเพื่อถ่ายภาพ ภาพนี้ถ่ายโดย Discovery Channel เป็นภาพของยายของกษัตริย์ตุตันคาเมน ซึ่งถูกนำมาทดสอบดีเอ็นเอ ซึ่งใช้เวลากว่า 2 ปี อีกทั้งร่างนี้มีอายุกว่า 3,300…
-
รวม “สะพานเพื่อชีวิต” สร้างให้สัตว์ป่าปลอดภัย อยู่ร่วมกับความเจริญอย่างเป็นสุข…
แนวคิดการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และธรรมชาตินั้นกำลังแพร่ขยายไปทั่วโลก เนื่องจากว่าหากมนุษย์ยังคงอยู่อาศัยในแบบที่เป็นอยู่ ไม่ชีวิตทางธรรมชาติหรืออาจจะเป็นชีวิตของมนุษย์เองที่ต้องพบกับการสูญเสีย สะพานลอยสำหรับสัตว์ป่า อุทยานแห่งชาติแบมฟ์ รัฐแอลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา ดั่งเช่นในเรื่องของปัญหาการสัญจรผ่านเส้นทางหลวง ที่มีรถยนต์แล่นผ่านไปมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งในบางเส้นทางจะตัดผ่านกับอุทยานแห่งชาติอันเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า และนั่นก็คือสาเหตุของอุบัติเหตุอันนำพาชีวิตและทรัพย์สินที่ต้องแลกไป สะพานข้ามสำหรับสัตว์ป่าในประเทศเบลเยี่ยม บรรดานักอนุรักษ์พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องสัตว์ป่าเหล่านี้มาอย่างช้านาน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของอุบัติเหตุรถชนหรือไม่ถูกพรากไปจากแหล่งที่อยู่อาศัยทางธรรมชาติ เพราะฉะนั้นแล้ว แนวคิดของ Wildlife Crossing จึงถือกำเนิดขึ้นมา สะพานเพื่อความปลอดภัยของทั้งมนุษย์และสัตว์ป่า มีประสิทธิภาพมากกว่าป้ายเตือนลดระดับความเร็วหลายเท่าตัว สะพานลอยสำหรับสัตว์ป่าในรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา เพียงแค่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ระบบถนนหนทางส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศถึง 1 ใน 5 พื้นที่ของประเทศ และอุบัติเหตุรถยนต์ชนสัตว์ป่าคิดเป็นมูลค่าเสียหายสูงถึง 8 พันล้านดอลลาร์ต่อปี (280 พันล้านบาท) สะพานทางข้ามทางลอดสามารถช่วยสัตว์ป่าให้เดินข้ามถนน จากท้องถนนอันวุ่นวายได้อย่างปลอดภัย เพื่อให้พวกมันสามารถใช้ชีวิตตามวิถีธรรมชาติได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่ถูกมนุษย์รบกวนแม้แต่น้อย สะพานสำหรับสัตว์ป่าในรัฐมอนแทนา สหรัฐอเมริกา สะพานข้ามสำหรับสัตว์ป่า สะพานลอดสำหรับรถยนต์ ในประเทศเนเธอร์แลนด์ สะพานข้ามสำหรับสัตว์ป่านั้นเริ่มขึ้นเป็นที่แรกในประเทศฝรั่งเศส ในช่วงปี 1950…
-
อาชีพแบบนี้ก็มี… พาไปรู้จัก “นักทดสอบเซ็กส์ทอย” รายได้ต่อเดือนสูงถึง 650,000 บาท
หากคุณฝันอยากจะมีงานที่น่าสนุก งานที่ทำให้คุณมีความสุข งานที่ไม่เหนื่อยมาก และงานที่ทำให้คุณถึงจุดสุดยอดล่ะก็ งานนี้นี่แหละที่เหมาะกับคุณ บอกไปคุณอาจจะไม่เชื่อเราว่ามีงานแบบนี้อยู่ในโลกด้วย แต่ Cara Houiellebecq เธอยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเธอทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ทดสอบอุปกรณ์ “เซ็กส์ทอย” มืออาชีพ แถมยังมีรายได้ดีด้วยนะเออ Cara บอกว่าภายในออฟฟิศของเธอมีเซ็กส์ทอยมากกว่า 2,000 ชิ้น ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเธอเคยผ่านมือและการทดสอบจากเธอมาแล้วทั้งนั้น… จะถามว่าทดสอบแบบไหน ก็… ทดสอบแบบนั้นแหละ นักทดสอบเซ็กส์ทอยมืออาชีพบอกว่าเธอเริ่มต้นงานนี้เมื่อประมาณปี 2009 แต่ใช่ว่าอุปกรณ์เหล่านั้นจะถูกซื้อมาใช้เล่นๆ แล้วทิ้ง เพราะมีบริษัทผลิตของเล่นพวกนี้คอยสนับสนุนเธออยู่และจ่ายเงินเพื่อให้เธอเขียนรีวิวลงบล็อคของตัวเองแบบชิ้นต่อชิ้นเลย ในแต่ละสัปดาห์จะมีเซ็กส์ทอยถูกส่งตรงมายังบ้านของเธอประมาณ 4-5 ครั้ง และคุณแม่ลูกสองก็จะใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เพื่อทดสอบอุปกรณ์พวกนี้จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่เธอชินชาไปแล้ว ธุรกิจการรีวิวเซ็กส์ทอยเริ่มเติบโตในอเมริกาขึ้นมาก บริษัทผู้ผลิตของเล่นเหล่านี้จะพยายามมองหาผู้ชายหรือผู้หญิงเพื่อมาทดสอบอุปกรณ์ของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา Cara บอกว่า “ของเล่นพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของฉันเลย มันทำให้ฉันมีไอเดียเพื่อที่จะเขียนเกี่ยวกับเซ็กส์ของฉันและฉันมีไอเดียที่จะเริ่มทดสอบเซ็กส์ทอย มันเป็นงานที่ยอดเยี่ยมมาก ฉันเคยทำงานในธนาคารมาก่อน แต่ฉันไม่เคยกลับไปทำอีกเลย งานที่ฉันทำตอนนี้มันไม่เคยน่าเบื่อเลย” เพื่อนๆ ของเธอมักจะถามเธอเสมอเกี่ยวกับพวกเซ็กส์ทอย เพราะเธอคือคนที่รู้จักของเล่นพวกนี้ดีที่สุดและรู้ว่าชิ้นไหนราคาถูกที่สุด งานที่เธอทำไม่ใช่เพียงแค่ทดสอบเพื่อบอกว่าอันไหนทำให้รู้สึกดีที่สุด แต่ยังรวมไปถึงการรีวิวรูปร่าง ราคา อายุการใช้งาน…
-
Amakusa Airline สายการบินญี่ปุ่นที่มีเครื่องลำเดียว แต่ทุ่มเททั้งใจ CEO ก็มาช่วยบริการด้วย!!
เมื่อพูดถึงกิจการทางด้านการคมนาคมอย่างธุรกิจการบิน ที่จะต้องรองรับผู้โดยสารเป็นจำนวนมากนั้น เรามักจะนึกถึงสายการบินใหญ่ๆ ที่เติบโตมาอย่างช้านาน มีระบบการทำงานที่แบ่งหน้าที่กันชัดเจน ตั้งแต่ระดับผู้บริหารที่คอยวางแผนต่างๆ ในออฟฟิศ ไปจนถึงพนักงานต้อนรับหน้าเคาท์เตอร์เช็คอิน Amakusa Airline สายการบินโลมายิ้มจากประเทศญี่ปุ่น แต่เราไม่เคยได้ยินเรื่องราวของสายการบินที่เล็กที่สุดในประเทศญี่ปุ่นมาก่อนเลย ไม่เคยรู้ระบบการทำงานที่แตกต่างไปจากสายการบินใหญ่ๆ เพราะพวกเขานั้นแทบจะไม่สามารถสู้ในเรื่องของการรองรับจำนวนผู้โดยสารได้มากมายเท่าไหร่ ทว่าหากคุณได้อ่านเรื่องราวของสายการบินนี้แล้ว คุณอาจจะรู้สึกถึงความอบอุ่นที่สายการบินนี้มอบให้ผู้โดยสารได้ก็คงจะไม่แปลกอะไรเลย สำหรับสายการบินที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่นนี้มีชื่อว่า Amakusa Airline (AMX) เป็นสายการบินในประเทศญี่ปุ่น แห่งจังหวัดคุมาโมโตะ เปิดให้บริการสำหรับผู้ที่จะเดินทางระหว่างเกาะ Amakusa ไปยังหัวเมืองใหญ่ต่างๆ และกำลังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้นในขณะนี้ แต่ก่อนที่ทุกคนจะรู้จัก Amakusa Airline นั้นเมื่อประมาณ 7 ปีก่อน สายการบินนี้เกือบจะล้มละลายมาแล้ว เนื่องจากจำนวนเครื่องบินมีไม่เพียงพอต่อ บวกกับเกิดวิกฤติทางการเงิน จำนวนผู้โดยสารจึงลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัดตลอดระยะเวลา 4 ปีที่เพิ่งเปิดให้บริการ นั่นทำให้บริษัทนั้นไม่สามารถหากำไรมาจุนเจือในส่วนที่ขาดทุนได้ หนำซ้ำยังถูกผู้บริหารในเวลานั้น ลดต้นทุนแทบทุกอย่าง รวมไปถึงการลดจำนวนพนักงาน แม้จะมีการนำเสนอแนวทางเพื่อปรับปรุงก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป แต่ก็ถูกผู้บริหารปฏิเสธทุกแนวคิดจนหมดสิ้น ทำให้ทุกคนในบริษัทหมดกำลังใจที่จะทำงาน ถึงขั้นวางแผนลาออกเพื่อหางานใหม่ เพราะถ้าอยู่แบบนี้ต่อไป…
-
“อะเดล” หักรางวัลอัลบั้มยอดเยี่ยมกลางเวที เพราะเธอคิดว่าไม่คู่ควรเท่า “บียอนเซ่”
เมื่อช่วงค่ำคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา “อะเดล” ศิลปินสาวจากอังกฤษได้แสดงความยอดเยี่ยมด้วยการคว้า 5 รางวัลในงานแกรมมี่อวอร์ดครั้งล่าสุด ทั้งอัลบั้มยอดเยี่ยม เพลงยอดเยี่ยม บันทึกเสียงยอดเยี่ยม แซงหน้าตัวเก็งอย่าง “บียอนเซ่” ที่ได้ชนะไปเพียงสองรางวัล หลายๆ คนคงคิดว่าเธอคงภาคภูมิใจกับมัน แต่ในระหว่างการประกาศนั้นเอง เธอกลับทำในสิ่งที่ใครก็ต้องตะลึง นั่นก็คือเธอได้หักถ้วยรางวัลอัลบั้บมยอดเยี่ยมนั้นทิ้ง สาเหตุที่เธอทำเช่นนั้น เพราะเธอคิดว่า เธอไม่คู่ควรกับมันนั่นเอง!! เธอกล่าวระหว่างขึ้นรับรางวัลว่า “ฉันไม่สามารถรับรางวัลนี้ได้จริงๆ ฉันรู้สึกภูมิใจมาก แต่ศิลปินในดวงใจของฉันคือบียอนเซ่ และสำหรับฉัน อัลบั้บ “Lemonade” ของเธอคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากๆ” “มันถูกสร้างอย่างปราณีต งดงาม และเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ เราได้เห็นอีกด้านของคุณ (พูดกับบียอนเซ่ที่นั่งอยู่ในงาน) ที่คุณไม่ค่อยแสดงให้ใครเห็น ศิลปินทุกคนที่นี่ต่างรักคุณ คุณคือแสงสว่างที่นำทางพวกเรา” หลังลงจากเวที เธอได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร People ว่า “ตอนที่ฉันได้ยินผล บางส่วนในจิตใจของฉันได้ตายลงไป ฉันรู้สึกว่ามันเป็นเธอที่ควรจะเป็นผู้ชนะ เธอต้องทำยังไงถึงจะได้รางวัลอัลบั้มแห่งปีเหรอ?” อนึ่ง บียอนเซ่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอัลบั้มแห่งปีมาแล้ว 4 ครั้ง แต่ก็แห้วทุกครั้ง จนทำให้อะเดลหักรางวัลดังกล่าว…
-
เว็บโป๊ชื่อดังเปิดสอน “เพศศึกษา” ด้วยตนเอง หลังพบว่าระบบการศึกษาทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร!?
นี่อาจจะกลายเป็นข้ออ้างใหม่ในการเปิดเว็บโป๊ในที่ทำงานก็ได้นะ (เหรอ?) เพราะหลังจากที่เว็บไซต์ xHamster ได้เริ่มต้นโปรเจคสอนเพศศึกษาด้วยตนเอง เราอาจจะเอาไปอ้างกับบอสได้ว่า ‘ป่าวอนาจารนะครับ ผมแค่หาความรู้เพิ่มเติมเฉยเฉ๊ยย!?’ ล่าสุดเว็บไซต์ Distractify ได้รายงานว่า เว็บไซต์หนังผู้ใหญ่ชื่อดังอย่าง ‘xHamster’ ได้เริ่มต้นสอนเพศศึกษาแก่สมาชิกทุกคนที่อยู่ในรัฐยูท่าห์ หลังจากที่ทางการได้สั่งยกเลิกงบประมาณส่วนหนึ่ง ที่จะถูกนำไปใช้เกี่ยวกับการให้ความรู้ด้านเพศศึกษา อย่างถูกต้องแก่นักเรียนทุกคน ประมาณว่าถ้าทางการไม่สอนไม่เป็นไร เดี๋ยวเว็บไซต์พี่จะสอนน้องให้รู้งานเอง!! โดยทางเว็บไซต์ได้เริ่มต้นสร้างวิดีโอสื่อการสอนภายใต้ชื่อว่า ‘The Box’ ซึ่งเป็นแชนแนลวิดีโอที่พร้อมจะตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเพศ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ชมทางบ้านสามารถส่งคำถามที่ตัวเองสนใจเข้าไปถามในรายการได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ การมีเซ็กส์ทางทวารหนัก การคุมกำเนิดที่ถูกต้อง หรือการจัดการกับตดที่ดันผายออกมาตอนกำลังเข้าได้เข้าเข้ม คือเรียกง่ายๆ ว่าพร้อมจะไขข้อสงสัยในทุกคำตอบ ภาพจากรายการ ‘The Box’ นอกจากนั้นแล้วทางเว็บไซต์ได้นำร่องโครงการดังกล่าว โดยจะทำการลิ้งค์บัญชีผู้ใช้งานทุกคนที่มาจากรัฐยูท่าห์ ไปยังแชนแนลดังกล่าวให้โดยอัตโนมัติ และอ้างอิงจากผลการสำรวจเมื่อปี 2009 พบว่า รัฐยูท่าห์ เป็นรัฐที่มีประชากรใช้งานเว็บโป๊สูงที่สุดในสหรัฐฯ และถ้าหากว่าเพื่อนๆ สนใจอยากจะเรียนวิชานี้กับอาจารย์ xHamster บ้างล่ะก็ สามารถไปกดติดตามแชนแนลทางยูทูปได้ที่ ‘TheBox’ แต่ถ้าไม่ติดตามละก็ ระวัง…จะคุยกับเค้าไม่! รู้! เรื่อง!…
-
นักวิจัยค้นพบชีวิตซ่อนเร้นของต้นไม้ มีความรู้สึก มีความทรงจำ และสามารถดูแลต้นอื่นๆ ได้!!
สิ่งสำคัญที่ช่วยทำให้ทุกสรรพสิ่ง และทุกชีวิตในโลกสามารถดำเนินต่อไปได้ก็คือ ‘ต้นไม้’ ไม่ว่าจะเป็นไม้พันธุ์ไหนก็แล้วแต่ เพราะอย่างที่เรารู้กันดีจากวิชาวิทยาศาสตร์สมัยเด็กๆ ว่าพวกมันล้วนเป็นผู้ผลิตออกซิเจน ที่ช่วยต่อลมหายใจให้กับทุกชีวิตบนโลกใบนี้ และล่าสุดกลุ่มนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ได้ออกมาเผยแพร่งานวิจัยที่พวกเขาได้ค้นพบแล้วว่า ต้นไม้ทุกต้นมีความรู้สึก มีความทรงจำ อีกทั้งพวกมันยังช่วยดูแลต้นไม้กันและกันอีกด้วย ภายใต้ชื่อโครงการว่า ‘The Hidden Life of Trees’ หนึ่งในทีมวิจัย Peter Wohlleben Peter Wohlleben ได้อธิบายไว้ว่า ‘ความสัมพันธ์ของต้นไม้นั้น เรียกได้ว่าพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องอยู่ร่วมอาศัยกันเป็นกลุ่มสังคม ต้นตัวแม่จะมีการดูแลทายาทของมัน ไม่ต่างจากคนเราเลยครับ’ ‘ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเข้าใจว่า สิ่งสำคัญของต้นไม้ก็คือสิ่งที่โผล่ขึ้นมาบนดิน แต่ความเป็นจริงแล้วรากที่อยู่ใต้ดินของพวกมันนั้นสำคัญกว่ามากครับ เพียงดินแค่ 1 ช้อนชา ก็สามารถทำให้รากเจริญเติบโตไปได้ไกลหลายกิโลเมตร’ Dr. Suzanne Simard ผู้วิจัยด้านการทำงานของระบบราก ‘จากการศึกษาค้นคว้ามาอย่างยาวนาน ฉันได้ค้นพบว่า ต้นไม้ทุกต้นในบริเวณเดียวกัน ถึงแม้จะต่างสายพันธุ์กัน แต่ในช่วงเวลาเติบโตพวกมันจะผูกรากเข้าไว้ด้วยกัน อาจกล่าวได้ว่าต้นไม้ทุกต้นในผืนป่าเดียวกัน ได้เชื่อมต่อกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว เพื่อที่พวกมันจะได้ดูแลกันอย่างทั่วถึง’ Dr. Suzanne กล่าว …
-
งานวิจัยเผย… คนที่อายุเยอะ มีแนวโน้มติด ‘สื่อโซเชียล’ มากกว่าวัยหนุ่มสาวซะอีก!!
ในทุกวันนี้ผู้คนเริ่มหันมาสนใจโซเชียลมีเดียกันมากยิ่งขึ้นทุกวันๆ และหากเพื่อนๆ คิดว่าคนที่หันมาเล่นโซเชียลมีเดียจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นหรือวัยเด็กล่ะก็ขอบอกเลยว่าคิดผิด!! เพราะจากรายงานของ Nielsen ที่เพิ่งประกาศออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อนพบว่า ชาวอเมริกันช่วงอายุ 18 ถึง 34 ปี นั้นมีแนวโน้มที่จะสนใจโซเชียลมีเดียน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นที่แก่กว่า จากการศึกษาพบว่าผู้คนที่มีอายุช่วง 35 ถึง 49 จะใช้เวลา 6 ชั่วโมง 58 นาที ต่อสัปดาห์ในการท่องโลกโซเชียล ขณะเดียวกันกับกลุ่มของคนที่มีอายุ 18 ถึง 34 ปี จะใช้เวลาท่องโลกโซเชียล 6 ชั่วโมง 19 นาที ต่อสัปดาห์ ข้อมูลดังกล่าวนั้นเก็บมาจากผู้ใช้สมาร์ทโฟน 9,000 คน และผู้ใช้แท็ปเล็ตอีกว่า 1,300 คน ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน นอกจากนี้ผลการเก็บข้อมูลก็ทำให้ทราบว่าโซเชียลเน็ตเวิร์คนั้นจะนิยมใช้งานบนสมาร์ทโฟนมากกว่า โดย Facebook นั้นเป็นโซเชียลมีเดียที่มีผู้คนใช้งานมากที่สุด เป็นจำนวนกว่า 178.2 ล้านคนที่มีบัญชีใช้งานในช่วงเดือนกันยายนเพียงอย่างเดียว รองลงมาก็คือ Instagram 91.5 ล้านบัญชีผู้ใช้ ตามมาด้วย…
-
สัตวแพทย์แนะ วิธีทำให้เจ้าเหมียวหยุดทำลายเฟอร์นิเจอร์แสนรักของทาสมนุษย์!!
ทาสแมวต่างรู้ดีว่า พวกเจ้านายเนี่ยมักจะมีนิสัยเอาแต่ใจมากๆ แถมยังอีโก้สู๊งสูงห้ามทีไรก็ไม่เคยฟัง เผลอทีไรเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงของเราก็มักจะโดนเจ้านายใช้เป็นที่ฝนเล็บอยู่เรื่อยเลย ด้วยความที่เราสงสัยว่า เอ๊..มันจะมีทางแก้ไหมน้อ เลยได้ไปเจอกับคำแนะนำจากคลีนิครักษาสัตว์ ‘Clays Mill Veterinary Clinic’ จากรัฐเคนตักกี้ ได้ออกมาให้คำแนะนำถึงวิธีจัดการนิสัยชอบทำลายข้าวของ ของเจ้านายเรา 8 ข้อดังนี้ 1. ถ้าสังเกตเห็นเจ้านายของเราเลือกทำลายเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหน ให้ห่อหุ้มเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นด้วยแผ่นผ้า ฟอยล์อลูมิเนียม หรือกาวสองหน้าก็ได้ จะช่วยให้เจ้านายของเราได้เรียนรู้ว่าจุดที่มันชอบไปขีดข่วนบ่อยๆ เป็นจุดที่เราต้องใช้งาน 2. เมื่อห่อหุ้มเฟอร์นิเจอร์แล้ว ให้หาที่ข่วนเล็บแมวไปตั้งไว้ใกล้ๆ กับบริเวณนั้น 3. ต้องมั่นใจว่าที่ข่วนเล็บแมวมีความแข็งแรง และกว้างพอที่จะไม่ทำให้พวกมันหงายเงิบตกลงมา 4. หรือจะใช้เป็นที่ข่วนเล็บแมวแบบแนวนอนก็ได้ผลเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นรูปทรงขอนไม้ ที่พบได้ตามร้านขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงทั่วไป 5. เช็คดูให้ดีว่าเจ้านายเราชอบที่ข่วนเล็บอันใหม่หรือไม่ เพราะโดยปกติแล้วพวกมันจะชอบอะไรก็ตามที่มันสามารถทำลายได้ เพราะพวกมันจะได้รู้สึกภาคภูมิใจในผลงานของตัวเอง 6. ในอุ้งเท้าของมันก็มีต่อมสร้างกลิ่นเหมือนกัน บางทีที่พวกมันขีดข่วนข้าวของก็เพื่อสร้างอาณาเขตให้ตัวเอง ให้ใช้สเปรย์ฟีโรโมนแมว (Feliway) ฉีดไปที่บริเวณเฟอร์นิเจอร์ จะช่วยทำให้พวกมันคิดว่าได้สร้างกลิ่นไว้เป็นเครื่องหมายเรียบร้อยแล้ว 7. เหล่าทาสมนุษย์ควรฝึกตัดเล็บให้เจ้านาย และคอยสังเกตความยาวของเล็บอย่างสม่ำเสมอ 8. ถ้าวิธีทั้งหมดไม่ได้ผล…
-
งานวิจัยชี้ ในช่วงวัยเด็กของลูกคนแรก จะมีสติปัญญาและความฉลาด สูงกว่าน้องๆ ทุกคน!?
หมดปัญหาความน่าสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้สักที เมื่อล่าสุดกลุ่มนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Edinburgh ได้ทำการพิสูจน์แล้วว่า ลูกคนแรกในครอบครัวจะมีระดับ IQ ที่สูงกว่าบรรดาน้องคนอื่นๆ ในช่วงวัยเด็ก โดยทีมวิจัยได้อธิบายเพิ่มว่า จากการทดสอบพบว่าลูกคนแรกจะได้รับการกระตุ้นทางจิตใจ ซึ่งส่งผลให้ในช่วงขวบปีแรกของเด็ก จะมีพัฒนาการด้านความคิดได้ดีกว่า การวิจัยครั้งนี้ได้ทำการสำรวจเด็กช่วงวัยแรกเกิด ไปจนถึงอายุ 14 ปี จำนวน 5,000 คน โดยทุกๆ 2 ปี จะมีการประเมินทักษะด้านการอ่าน โดยทีมวิจัยได้นำข้อมูลที่พวกเขาได้รับจากการสำรวจ มาเชื่อมโยงกับข้อมูลเชิงเศรษฐศาสตร์ และสถิติ ของครอบครัวนั้นๆ เพื่อเชื่อมโยงพฤติกรรมต่างๆ ของพ่อแม่ สาเหตุส่วนหนึ่งก็เพราะว่า หลังจากที่ลูกคนแรกเกิดมา พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะยอมทุ่มเทเวลาเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับลูกคนแรก ในขณะที่กิจกรรมที่คล้ายกันนี้จะลดน้อยลงหลังจากที่ได้ให้กำเนิดลูกคนที่สอง หรือที่สามตามมา จากการสำรวจยังพบว่าช่วงเวลาที่พ่อแม่จะเห่อลูกคนแรกนั้น จะอยู่ในช่วงเวลาประมาณ 2 – 3 ปีแรกเท่านั้นเอง Dr Ana Nuevo-Chiquero หนึ่งในทีมวิจัยกล่าวว่า ‘จากการวิจัยดังกล่าว เราพบว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้ลูกคนแรกมีระดับ IQ สูงกว่าในช่วงวัยเด็ก นั้นก็มาจากพฤติกรรมของตัวพ่อแม่เอง และดูเหมือนความสนใจที่จะกระตุ้นจิตใจ หรือทักษะต่างๆ…
-
อ่านแล้วยิ้มสินะแหม่… นักวิจัยเผยทดลองใช้ “เจลคุมกำเนิด” ในลิงตัวผู้ได้ผลสำเร็จ
เรียกได้ว่านี้คือหนึ่งในงานวิจัยที่ส่งผลต่อเรื่องการคุมกำเนิดในเพศชาย ของมวลมนุษยชาติเป็นอย่างยิ่ง เพราะปกติแล้วการคุมกำเนิดในคน มักจะใช้ถุงยางอนามัย หรือยาคุมกำเนิด แต่ตอนนี้วิทยาศาสตร์ได้พาเราก้าวไปอีกขั้น โดยทีมนักวิจัยจากมูลนิธิพาร์ซีมัส ซึ่งเป็นองค์กรผู้ไม่แสวงหาผลกำไร จากประเทศสหรัฐฯ ได้นำผลการทดลองดังกล่าวตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการ ‘Basic and Clinical’ เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยเช่นกัน การทดลองดังกล่าวใช้เวลาติดตามผลมาอย่างยาวนานถึง 2 ปีเต็ม โดยกลุ่มนักวิจัยได้ทำการฉีดเจลคุมกำเนิดสำหรับเพศชาย ‘วาซาลเจล’ ให้กับลิงตัวผู้ทั้งหมด 16 ตัว ผลปรากฏว่าไม่มีลิงตัวไหนที่ให้กำเนิดลูกน้อยในช่วงเวลาต่อมา โดยเจลดังกล่าวจะถูกฉีดเข้าไปในท่อลำเลียงอสุจิ ทำให้เชื้ออสุจิถูกเจลอุดไว้ ไม่สามารถออกมาผสมกับไข่ของลิงตัวเมียได้ ถึงแม้ว่าทั้งลิงตัวผู้ และตัวเมีย จะอยู่ในช่วงที่พร้อมจะสืบพันธุ์สุดๆ ก็ตาม นอกจากนั้นแล้วนักวิจัยได้ออกมากล่าวเสริมว่า เนื้อเจลคุมกำเนิดดังกล่าวทำหน้าที่เป็นเพียงตัวกั้นขวางเชื้ออสุจิ ในขณะที่เรายังสามารถปล่อยให้ของเหลวอื่นๆ ไหลออกไปได้อยู่ และไม่เป็นพิษทำลายตัวอสุจิ อีกทั้งหากจะยกเลิกการคุมกำเนิด อยากจะมีลูกตามปกติ ผู้ใช้สามารถแก้การคุมกำเนิดได้ด้วยการฉีดเจลซ้ำเข้าไปอีกรอบ เพื่อไปละลายเจลที่อุดอยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มีการคิดค้นเจลคุมกำเนิดผู้ชายที่ชื่อว่า ‘RISUG’ มาแล้ว และตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการทดลองใช้ในมนุษย์อยู่ โดยมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างจากเจลอันแรก แต่โดยรวมแล้วทั้งสองก็มุ่งเน้นไปที่การคุมกำเนิดระยะยาวในเพศชายเป็นหลัก ซึ่งจะเห็นได้ว่าช่วงหลังมานี้มีการพยายามหาทางคุมกำเนิดจากทางฝั่งเพศชายโดยไม่ต้องทำหมัน เนื่องจากทางฝ่ายหญิงนั้น มีทั้งวิธีการทำหมัน กินยาคุมกำเนิด ฝังยาคุมกำเนิด…
-
ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของ ‘รองเท้าส้นสูง’ ไอเท็มสำคัญของสาวๆ ที่ขาดไม่ได้!!
จะว่าไปแล้วรองเท้าส้นสูงเนี่ย มันช่างเป็นรองเท้าที่ช่วยทำให้หญิงสาวผู้สวมใส่ดูขาเรียวยาวขึ้น และยังดูเซ็กส์ซี่ขึ้นมากอีกหลายเท่า เรียกได้ว่ากลายเป็นหนึ่งในไอเท็มชิ้นสำคัญของหญิงสาวเกือบทุกคนทั่วโลก อย่างน้อยก็ต้องมีติดไว้ซัก 1 คู่แหละจริงไหม? แล้วรู้ไหมว่าก่อนจะมาเป็นแฟชั่นรองเท้าส้นสูงสุดชิคให้กับคุณผู้หญิง ย้อนกลับไปในอดีตกาลเทรนด์นี้มันเกิดขึ้นโดยผู้ชายนะย่ะหล่อน เอาเป็นว่าตามไปดูประวัติศาสตร์พร้อมกันเลยจ๊ะพวกเธอทั้งหลาย ย้อนกลับไปอดีตกาลมีการค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่าเทรนด์การสวมใส่รองเท้าส้นสูงในยุโรป มาจากกลุ่มคนขี่ม้า ที่เดินทางจากเปอร์เซีย เข้ามายังดินแดนยุโรป เป็นครั้งแรก Elizabeth Semmelhack ผู้เชี่ยวชาญจากพิพิธภัณฑ์รองเท้าได้กล่าวว่า ‘บริเวณส้นรองเท้าที่ถูกเสริมขึ้นในยุคแรกนั้น ช่วยทำให้เท้าของคนขี่ม้าพอดีกับโกลนมากขึ้น และยังช่วยทำให้พวกเขายิงธนูได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย’ ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 16 รองเท้าส้นสูงถูกทำให้กลายเป็นสัญลักษณ์เครื่องแต่งกายอย่างหนึ่งของคนชนชั้นสูงในยุคนั้น โดยมาจากพื้นฐานแนวคิดที่ว่า ยิ่งใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะกับการทำกิจกรรม ยิ่งแสดงให้เห็นว่าคนนั้นมีฐานะมั่งคั่งพอที่จะไม่ต้องทำงานอะไรเลย ภาพวาดของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 กับการสวมใส่รองเท้าส้นสูง ทว่าต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 17 รองเท้าส้นสูงกลับได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้หญิงที่ขายบริการ ในยุคนั้นผู้หญิงเริ่มที่จะปรับเปลี่ยนเทรนด์การแต่งตัวให้ดูเข้ากับผู้ชายมากยิ่งขึ้น เช่นการตัดผม การเอาหมวกของผู้ชายมาสวมใส่ และการสวมรองเท้าส้นสูง หลังจากที่เทรนด์รองเท้าส้นสูงเริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มประชากรชนชั้นล่าง ทางฝั่งของกลุ่มชนชั้นสูงก็ได้มีการสร้างความแตกต่างโดยเลือกที่จะทำส้นของรองเท้าให้สูงมากกว่าเดิม เพื่อแสดงถึงอำนาจทางการเงินที่มั่งคั่งกว่า ต่อมามีการแบ่งประเภทของส้นสูงไว้อย่างชัดเจน โดยรองเท้าที่มีส้นเล็กเรียวจะเป็นสำหรับผู้หญิง ส่วนรองเท้าที่มีส้นหนากว่าจะถูกใช้สำหรับผู้ชาย ฝั่งซ้ายของผู้หญิง ฝั่งขวาของผู้ชาย เมื่อกาลเวลาผ่านไปสิ่งต่างๆ…
-
สาระน่ารู้เรื่องวัฒนธรรม “สินสอด” มาจากไหน ใครให้สินสอดบ้าง แล้วถ้าไม่ให้จะได้ไหม?
เศรษฐกิจยุคนี้มันช่างฝืดเคือง ค้าขายก็ไม่ค่อยจะดี แถมความรักก็ดูจะไปไม่รอด เพราะพ่อตาเล่นเรียกค่าสินสอดซะสูงเหลือเกิน แล้วลูกผู้ชายชนชั้นกลางอย่างเราๆ จะไปหาเงินหลายแสนจากไหนมาแต่งงานดีล่ะน้อ… เรียกได้ว่าวัฒนธรรมการให้สินสอด เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยเรามาอย่างยาวนาน นานซะจนคนรุ่นใหม่อย่างเราๆ บางคนอาจจะไม่เข้าใจว่า มันมีที่มาจากไหน? หรือทำไปเพื่ออะไร? ด้วยความสงสัยดังกล่าว เราจึงไปค้นข้อมูลผ่านอากู๋ผู้รู้ใจ และได้พบว่าอันที่จริงแล้ว วัฒนธรรมสินสอดเนี่ย ไม่ได้มีแค่ในประเทศฝั่งเอเชียอย่างบ้านเราเท่านั้น แต่มันมีมานานมากแล้ว ตั้งแต่สมัยยุคอารยธรรมเมโสโปเตเมีย นู้นแน่ะ นักมานุษยวิทยาชาวฝรั่งเศส Philippe Rospabé ได้ระบุไว้ว่า วัฒนธรรมสินสอดแบบใช้เงินตราเนี่ย เพิ่งปรากฏขึ้นเมื่อช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งมันมาจากรากฐานความคิดเรื่องของความมั่นคงในชีวิตคู่หลังการแต่งงาน และอาจแตกต่างกันไปตามบริบทการเป็นอยู่ของแต่ละสังคม เมโสโปเตเมีย อ้างอิงจากตำราฮัมมูราบี ได้กล่าวไว้ว่า สินสอดในอดีตของวัฒนธรรมชาวเมโสโปเตเมีย นั้นจะถูกกำหนดโดยญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย โดยมีกฏร่วมกันอยู่ว่า ถ้าหากฝ่ายชายมีชู้จะไม่ได้รับค่าสินสอดคืน ยกเว้นก็แต่ว่าพ่อตาจะไม่เอาเรื่อง วัฒนธรรมชาวยิว จากคัมภีร์ฮิบรูของชาวยิวได้มีการกำหนดเรื่องสินสอดไว้ตั้งแต่อดีตกาลนานมาแล้ว โดยมีบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า ‘ชายใดที่เกี้ยวพานราศีกับหญิงบริสุทธิ์ ต้องจ่ายค่าสินสอดทองหมั้น และแต่งงานกับเธอ แต่ถ้าหากพ่อของฝ่ายหญิงปฏิเสธยกลูกสาวให้ ฝ่ายชายต้องจ่ายค่าสินสอดเพื่อชดใช้พรหมจรรย์ที่เสียไป’ กฏของชาวอิสลาม สำหรับวัฒนธรรมการแต่งงานของผู้นับถือศาสนาอิสลามนั้น ได้มีกฏบัญญัติไว้ว่า ฝ่ายชายจะต้องจ่าย ‘มะฮัร’ ซึ่งถือเป็นของขวัญ และสินน้ำใจที่ฝ่ายชายมอบให้ โดยจะแตกต่างจากสินสอด…
-
เคยสงสัยหรือไม่ว่า “อาการหมั่นเขี้ยว” เกิดขึ้นจากอะไร ทุกๆ ครั้งที่เราเจอสิ่งของน่ารัก?
เชื่อว่าหลายๆ คนต้องเคยเกิดอาการหมั่นเขี้ยวอยากเข้าไปกัดสิ่งของน่ารักต่างๆ เช่น เด็กทารก สัตว์เลี้ยงต่างๆ ซึ่งบางทีเวลารู้สึกแบบนี้ก็แอบคิดไม่ได้ว่า ตัวเองมีอาการโรคจิตรึเปล่าที่อยากกัดคนอื่นไปทั่ว (ฮา) แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยหรือเปล่าว่าอาการแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง เราไปฟังผู้เชี่ยวชาญกันดีกว่า น่ารักมั้ยอ่ะงับ ไม่น่ารักเดี๋ยวจิ้มเลยนะ นักวิจัยเผยว่า ในบางครั้ง สมองของเราตอบสนอง “การได้รับรู้สิ่งน่ารัก” สับสนกับ “ความอยากอาหาร” จิตใต้สำนึกของเราจึงทำให้เรารู้สึกอยากกัดสิ่งของเหล่านั้น แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวเท่านั้น…. ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม Susan Perry กล่าวว่า อาการอยากงับหรือกัดสิ่งของที่น่ารักของมนุษย์ อาจเป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่เรียกว่า “การแกล้งกัด” ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยเธอและทีมงานนักวิจัยได้สังเกตเห็นว่า ลิงคาปูชินมักกัดลิงตัวอื่นอย่างนุ่มนวลโดยไม่สร้างความเจ็บปวด เพื่อแสดงความเป็นมิตรซึ่งกันและกัน ซึ่งพฤติกรรมนี้สามารถพบได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ ด้วย นั่นแปลว่าการกัดไม่ได้แสดงถึงความหิวและความโกรธเกรี้ยวเท่านั้น นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่า การกัดของสัตว์หลายชนิดๆ เทียบได้กับการเลีย การนำหัวมาถู หรือการดม เพื่อแสดงความเป็นมิตรของสัตว์หลายๆ ชนิด ซึ่งอาจจะสรุปโดยรวมได้ว่าเป็นพฤติกรรมที่แฝงไปด้วยความเอ็นดู เพื่อเป็นการแสดงความสนิทสนมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนั่นเอง และเหล่ามนุษย์ทั้งหลายที่แสดงอาการเหล่านี้ก็เป็นอาการปกติจ๊ะ แบบนี้นี่เอง อย่างนี้เราคงไม่ได้โรคจิตแล้วสินะ ฮาาา ที่มา scientificamerican
-
วันเกิดเด็กออทิสติกเกือบล่มเพราะไม่มีคนมา คุณแม่เลยโพสโซเชียล คราวนี้แห่มาเพียบ!!
สำหรับเด็กๆ หลายคนแล้ว การได้มีปาร์ตี้วันเกิดถือว่าเป็นสิ่งที่พวกเขาเฝ้ารอมาตลอดทั้งปี ลองนึกถึงวันที่บ้านเต็มไปด้วยเพื่อนๆ และญาติพี่น้อง มาร่วมกินขนมเค้กฉลองวันเกิดกัน มันจะเป็นเรื่องที่มีความสุขขนาดไหน สำหรับเด็กหญิงริฮานน่าวัย 9 ขวบคนนี้ก็เช่นกัน ด้วยความที่เธอป่วยเป็นโรคออทิสติก ทำให้เธอไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่นัก ทำให้เธอตั้งหน้าตั้งตารอว่าเมื่อไหร่จะถึงวันเกิดของเธอซักที เพราะวันนั้นคือวันที่เธอจะมีคนมาร่วมยินดีและมาสนุกกับเธอมากที่สุดนั่นเอง เมื่อวันเกิดของริฮานน่าใกล้จะมาถึง แคนดี้ บุชเชอร์ คุณแม่ของริฮานน่า ก็ได้ชวนเพื่อนๆ ของเธอเพื่อมาร่วมวันเกิดของลูกสาวสุดที่รัก ซึ่งมีประมาณ 10 ครอบครัวตอบตกลงว่าจะมาร่วมวันเกิดอย่างแน่นอน ด้วยความวางใจ เธอจึงจัดเตรียมขนมและบ้านเพื่อต้อนรับแขกในวันนั้น แต่เรื่องราวกลับตาลปัตร เมื่อแขกทั้งหมดที่บอกว่าจะมาร่วมงานกลับส่งข้อความมาบอกว่าไม่สามารถไปร่วมงานได้แล้ว นั่นแปลว่าเธอต้องฉลองวันเกิดเพียงลำพัง “ฉันเดินออกไปนอกบ้าน แล้วนั่งอยู่เป็นชั่วโมงเพื่อคิดว่า ฉันจะบอกเธอยังไงดีว่า ไม่มีใครมาร่วมงานวันเกิดเธอแล้ว ลองนึกภาพสิ คุณจะบอกเด็กเก้าขวบที่เป็นออทิสติกยังไงว่าไม่มีใครมาเลย มันน่าเศร้ามาก ฉันรู้สึกว่าเป็นแม่ที่แย่มาก” บุชเชอร์กล่าว ด้วยความอัดอั้นไม่รู้จะทำยังไง เธอจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนกลุ่มเฟสบุ๊ก Midnight Mums ที่เธอเป็นสมาชิกอยู่ฟัง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความมหัศจรรย์ “โทรศัพท์ของฉันสั่นไม่หยุดตลอดทั้งเช้าเลย มีคอมเมนต์เข้ามาให้กำลังใจและอวยพรวันเกิดให้กับริฮานน่าเป็นจำนวน พวกเขาให้เด็กๆ ของพวกเขาเขียนคำอวยพร แล้วโพสผ่านเฟสบุ๊กมาให้” บุชเชอร์กล่าว .…
-
ไม่ใช่เล่นๆ นะคร้าบ จีนกลายเป็นเจ้าแห่งการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์มากที่สุดไปแล้ว
ในยุคที่พลังงานถ่านหินกลายเป็นแหล่งพลังงานที่ล้าหลังและเต็มไปด้วยมลพิษ หลายๆ ประเทศต่างพยายามพัฒนาและผลักดันพลังงานทางเลือกให้กลายเป็นแหล่งพลังงานใหม่ ไม่ว่าจะเป็นพลังงานจากเขื่อน พลังความร้อนใต้พิภพ พลังงานลม และที่ขาดไม่ได้เลยคือพลังงานแสงอาทิตย์ ถึงแม้พลังงานแสงอาทิตย์จะสะอาดและหาได้ทั่วไป (ขอเพียงท่านมีพื้นที่และแสงอาทิตย์เท่านั้น) แต่ต้องยอมรับว่า พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานที่ใช้ต้นทุนค่อนข้างสูงและยังไม่มีจุดคุ้มทุนเสียด้วย แต่ล่าสุดในปี 2016 ที่ผ่านมา ประเทศจีนได้แสดงความเป็นผู้นำโลกยุคใหม่ หลังกระทรวงพลังงานของจีนได้ออกมาประกาศว่า พวกเขาได้กลายเป็นประเทศที่ผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ได้มากที่สุดในโลก ตลอดทั้งปี 2016 พวกเขาสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 77.42 กิกะวัตต์ (77,420 เมกกะวัตต์ ขณะที่ประเทศไทยใช้พลังงานไฟฟ้าปีละ 28,000 เมกกะวัตต์) และภายในสามปีข้างหน้า พวกเขาจะเพิ่มกำลังการผลิตไปให้ได้ที่ 110 กิกะวัตต์ต่อปี ซึ่งจะนับเป็น 20 เปอร์เซ็นของการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งประเทศ ด้วยภูมิประเทศที่เหมาะสม ทำให้จีนสามารถตั้งแผงโซลาร์เซลได้เป็นจำนวนมากในแถบมณฑลเหอหนาน ซินเจียง ซางตง รวมถึงมองโกเลียอีกด้วย สาเหตุที่ประเทศจีนผลักดันการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เนื่องจากต้องการลดการนำเข้าพลังงานฟอสซิลจากต่างประเทศ และทางการจีนคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ (10 ล้านล้านบาท) ในการปรับปรุงระบบการผลิตไฟฟ้าภายในประเทศทั้งหมด ในขณะที่สหรัฐอเมริกายังเอาแน่เอานอนไม่ได้ และยุโรปยังอยู่ในช่วงขาลง ไม่แน่เราอาจได้เห็นพญามังกรกลายเป็นผู้นำโลกยุคใหม่ก็เป็นได้ ที่มา digitaltrends
-
เบื่อแล้วป็อปคอร์นแล้วยัง!? ไปดูสิ่งที่ผู้คนทั่วโลกเขา “กินระหว่างดูหนัง” มีอะไรอีกบ้าง…
ถ้าพูดถึงขนมที่ผู้คนมักนำไปทานระหว่างชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ เชื่อว่าสิ่งแรกที่ทุกคนคิดขึ้นมาจะต้องเป็นป๊อปคอร์นหรือข้าวโพดคั่วอย่างแน่นอน อาจเป็นเพราะป๊อปคอร์นของแห้ง น้ำหนักเบา แถมกินได้เพลินๆ มันจึงกลายเป็นของโปรดของเหล่านักดูหนังกันไป แต่รู้หรือไม่ ในหลายๆ ประเทศทั่วโลก พวกเขาไม่ได้นิยมการรับประทานป๊อปคอร์นระหว่างชมภาพยนตร์เท่าไหร่ และอาจจะมีอาหาร หรือของทานเล่นอย่างอื่นได้ด้วย… อ้าว แล้วพวกเขาทานอะไรกันล่ะ? เราไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า กรีซ ชาวกรีซชอบทานอาหารพื้นเมืองของพวกเขาที่เรียกว่า Souvlaki เป็นอย่างมาก ซึ่งเราสามารถหาได้ทั่วไปแทบทุกที่ รวมทั้งหน้าโรงภาพยนตร์ดว้ยเช่นกัน อิสราเอล ชาวอิสราเอลชอบทานขนมลูกบอลที่ทำมาจากถั่วชิกพีเป็นอย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาจะเสิร์ฟมาให้รูปแบบคล้ายๆ แซนวิซที่มีผักและแผ่นแป้งห่อ เม็กซิโก ทุกวันนี้ชาวเม็กซิโกสามารถซื้อของกินที่เรียกว่า Tostilocos ได้หน้าโรงภาพยนตร์ ซึ่งทางเทคนิคแล้วมันคือแป้งทอทิลย่า แตงกวา ถั่วสองสามชนิด มะนาว แล้วก็ซอสเผ็ดผสมรวมกัน ว่าแต่มันจะไม่เละเทะเหรอ ฟินแลนด์ ชาวฟินแลนด์ดูท่าทางจะไม่ชอบอะไรยุ่งยากเท่าไหร่ อาหารที่พวกเขาทานประจำเวลาดูหนังคือเยลลี่หรือไม่ก็หมากฝรั่งพวกนี้ จีน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าชาวจีนชอบกินบ๊วยเค็มระหว่างดูหนัง นอกจากบ๊วยเค็มแล้วยังมีหมึกแห้ง เมล็ดทานตะวันอบอีกด้วย เนเธอร์แลนด์ ชาวเนเธอร์แลนด์ชอบกินลูกอมชะเอมเทศระหว่างดูหนัง ใครไปอยู่ที่นี่แรกๆ ต้องมีการปรับตัวซักหน่อยล่ะ …
-
อาหารเสริมสกัดมาจาก “ช็อคโกแลต” ทั้งเม็ด สรรพคุณช่วยเลือดลมดี ห่างไกลโรคหัวใจ
หลายคนอาจจะรู้มาบ้างว่า “ช็อคโกแลต” เป็นสิ่งของที่ค่อนข้างจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพของมนุษย์เราๆ พอสมควรเลย โดยในช็อคโกแลตนั้นมีส่วนประกอบที่สามารถช่วงลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคความจำเสื่อมได้ แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องกินช็อคโกแลตจำนวนมากพอดู กว่าจะได้สารอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน ซึ่งด้วยปริมาณขนาดนั้น เราก็อาจได้โรคอื่นแถมมาแทน เช่น โรคอ้วนที่มาจากน้ำตาล ล่าสุดทางบริษัทยาจากประเทศอังกฤษ ได้เปิดตัวอาหารเสริมชนิดใหม่ที่สกัดมาจากช็อคโกแลตล้วนๆ คราวนี้ได้แต่ประโยชน์ ไม่มีโทษอย่างแน่นอน ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้มีชื่อว่า BloodFlow+ ภายในประกอบไปด้วย สารฟลานาโนลและสารต้านอนุมูลอิสระที่สกัดจากดาร์กช็อคโกแลต ซึ่งพวกเขาอธิบายว่า เพียงหนึ่งเม็ด มีคุณค่าทางสารอาหารเทียบเท่ากับการกินดาร์กช็อคโกแลต 400 กรัมเลยทีเดียว โดยพวกเขาหวังว่ายาชนิดนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคหัวใจทั่วโลก ด็อกเตอร์ Alf Lindberg จากบริษัทวิจัยทางการแพทย์ Cambridge Nutraceuticals กล่าวว่า “พวกเราเชื่อว่านี่คือความก้าวหน้าของมนุษยชาติ จากการวิเคราะห์เราพบว่า ส่วนประกอบเหล่านี้จะช่วยสงเสริมสุขภาพที่ดีให้กับทุกคน พวกเราทุ่มเทกับการวิจัยครั้งนี้มาก และเราก็ได้ Blood Flow+ ตัวนี้มา” “ส่วนประกอบหลายๆ อย่างในช็อคโกแลตมีส่วนช่วยในการบำรุงเส้นเลือด ซึ่งมันส่วนที่สำคัญในร่างกายของมนุษย์เป็นอย่างมาก เมื่อเส้นเลือดดี ทุกอย่างก็จะดีไปด้วย” แบบนี้ก็ดีนะ ได้ประโยชน์แบบเต็มๆ ว่าแต่มีช็อคโกแลตแบบได้ประโยชน์แถมกินแล้วไม่อ้วนมั้ยนะ น่าจะดีกว่าเยอะเลย ฮาาา…
-
นักวิทย์ฯ อธิบายการทำงานของสมอง ว่าทำไมเราถึงชอบ “ความน่ารัก” ของสัตว์และเด็ก?
หากจะถามว่าทำไมคนเราถึงชอบอะไรที่มันน่ารักๆ ถ้าตอบแบบกวนๆ ก็คือ “ก็เพราะมันน่ารักยังไงล่ะ” เออ ก็มันน่ารักอ่ะ จะเอาอะไรอีก!? แต่ความจริงแล้วมันมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์เรื่องความน่ารัก รวมไปถึงรูปแบบสัตว์ต่างๆ ที่สมองเราจะทำให้รู้สึกว่าน่ารักหรือไม่น่ารักด้วยนะ ทำไมเราถึงชอบความน่ารัก? นักชีววิทยา Konrad Lorenz ได้ทำการศึกษาเรื่อง “kinderschema” (รูปแบบของเด็ก) แล้วพบคุณลักษณะเด่นๆ ของเด็กที่เราจะบอกได้ว่าเด็กคนนั้นน่ารักหรือไม่ เช่น หน้าผากใหญ่ ตาโต หน้ากลม หัวใหญ่เมื่อเทียบกับสัดส่วนของร่างกาย รูปร่างโดยรวมกลมๆ และมีผิวสัมผัสที่นุ่มนิ่ม รูปแบบที่ว่านี้ยังสามารถใช้กับลูกสุนัขได้ด้วย โดยมนุษย์จะพิจารณาสิ่งเหล่านี้อยู่ในสมองแบบอัตโนมัติแม้ว่าเราจะไม่ทันรู้ตัวก็ตามว่าเรากำลังพิจารณาสิ่งใดสิ่งหนึ่งว่าน่ารักหรือเปล่า หากมองกันตามจริงแล้ว มนุษย์ถือเป็นสัตว์ที่โตช้ากว่าสัตว์สายพันธุ์อื่นๆ อยู่มาก นั่นก็เพื่อเป็นการกระตุ้นให้มนุษย์ที่แก่กว่า (พ่อแม่) เกิดความ “อยากดูแล” หรือ “อยากเลี้ยงดู” นานขึ้นนั่นเอง สัญชาตญาณในการดูแลของมนุษย์จะควบคุมให้เราต้องดูแลทะนุถนอมสิ่งใดก็ตามที่มีหน้าตาคล้ายกับเด็ก รวมไปถึงสิ่งที่ไม่มีชีวิตแต่มีความ ‘น่ารัก’ ด้วย เมื่อมนุษย์ได้เห็นภาพน่ารักๆ สมอง 2 ส่วนของเราจะทำงาน ส่วนแรก Nucleus Accumbens ในส่วนนี้จะปล่อยสารเคมีที่ชื่อโดปามีนออกมา มันคือสารเคมีที่กระตุ้นให้เราไวต่อความรู้สึกหรือกระฉับกระเฉง ส่วนที่สอง Orbitofrontal Cortex บริเวณนี้เป็นสมองส่วนที่รับผิดชอบเรื่องการตัดสินใจ มันจะทำงานโดยอัตโนมัติ…
-
หมั่นเขี้ยว!! คลายข้อสงสัยที่ว่า ทำไมคุณถึงเกิดอาการ “อยากบีบ” เวลาดูอะไรน่ารักๆ
คุณเคยรู้สึกอยาก “บีบ” อะไรที่มันน่ารักๆ บ้างไหม? เช่นเห็นแมวน่ารักๆ ก็อยากจะเข้าไปขย้ำ เห็นเด็กทารกก็อยากเข้าไปกอดแรงๆ สักที? อาการเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งผิดปกตินะ และคุณไม่ได้เป็นอยู่คนเดียวแน่ๆ งานวิจัย ในปี 2015 นักจิตวิทยา Oriana Aragon จากมหาวิทยาลัย Yale University ได้ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วพบว่าคนที่มีปฏิกิริยาอย่างรุนแรงกับภาพเด็กน่ารักๆ จะมีการแสดงอารมณ์ความก้าวร้าวอย่างรุนแรงด้วย อย่างเช่นความอยากหยิกแก้มเด็กๆ เหล่านั้น เมื่อพูดถึงการ “หยิก” เมื่อไม่นานมานี้ทีมวิจัยได้มีการศึกษากับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง โดยการจับกลุ่มผู้เข้าร่วมมาแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกนั้งดูวิดีโอลูกสัตว์น่ารักๆ ส่วนกลุ่มที่สองดูสัตว์แก่ๆ จากนั้นก็ให้ผู้เข้าร่วมถือแผ่นกันกระแทก (Bubble Wrap) เอาไว้ในมือ ผลปรากฎว่ากลุ่มคนที่ดูวิดีโอลูกสัตว์น่ารักๆ จะบีบแผ่นกันกระแทกมากกว่ากลุ่มคนที่ดูวิดีโอสัตว์แก่ๆ การผลการทดลองนี้แสดงให้เห็นว่าถ้าพวกเขามีโอกาสที่จะบีบบางสิ่งบางอย่างขณะดูภาพน่ารักๆ ได้ พวกเขาก็จะทำ แต่ก็ไม่ได้หวังจะทำอันตรายให้สิ่งมีชีวิตจริงๆ ข้อดี ข้อเสีย และความน่ารัก แล้วอะไรล่ะที่มันจะสามารถอธิบายแรงกระตุ้นความอยาก “บีบ” สัตว์หรือเด็กน่ารักๆ ได้? Aragon กล่าวว่า…
-
ศิลปินจีนสร้างภาพสะท้อนสังคม ให้ได้รู้ว่าเราถูก “บงการ” จากสิ่งรอบตัวจนเราไม่ทันคิด!!!
ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตไปวันๆ โดยบางทีเราก็ไม่รู้ว่าเราได้ทำสิ่งที่มันอาจจะกลายเป็นสิ่งที่กลับมาทำร้ายเราได้ในอนาคต ซึ่งมันก็ต้องได้การทำให้ฉุกคิดอย่างเร่งด่วนว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย อีกหนึ่งช่องทางที่จะทำให้เราได้คิดก็คืองานศิลปะ ซึ่งศิลปินที่ชื่อว่า Chunlong Sun เขาเป็นกราฟฟิคดีไซเนอร์ในปักกิ่งได้เห็นสังคมในมุมมองแห่งความเป็นจริง จึงได้ทำการสร้างผลงานชิ้นนี้ขึ้นมาเป็นภาพแนวเซอร์เรียล เกี่ยวกับการที่เราถูกสิ่งแวดล้อมครอบงำจนเราเคยเห็นเป็นเรื่องชินชาไปแล้ว ใครที่มีบัตรเครดิตก็คงสบายกับการใช้จ่าย แต่ระวังไว้ เพราะเงินมันไปไวมาก รถเหมือนเป็นบ้านหลังที่สองสำหรับวัยทำงาน ทั้งกิน ทั้งนอน หรืออาจจะทำงานในนั้นเลย อย่าให้ที่ทำงานมาหล่อหลอมเราให้กลายเป็นอีกคน หรือจะเป็นทางผ่านให้คนอื่น พยายามค้นหาตัวเองให้เจอ ถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่ที่ไม่น่าอยู่ หรือเราจะอยู่ในบ่อแห่งความจำเจนี้ตลอดไป เราอาจจะเป็นแค่ผลผลิตจากที่ใดที่หนึ่ง แล้วคุณล่ะ ตอนนี้กำลังโดนสิ่งพวกนี้ครอบงำอยู่หรือเปล่า ?? ที่มา designyoutrust
-
ครั้งหนึ่งในนคร “Los Angeles” ยุคอันธพาลครองเมือง มีทั้งปืนและยาเสพติดเกลื่อน!!
ถ้าพูดถึงนคร Los Angeles หลายคนก็คงนึกถึงเมืองที่เต็มไปด้วยแสงไฟ มีฉากเป็นต้นมะพร้าวอยู่ข้างถนน พร้อมกับป้าย Hollywood อันใหญ่ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าทุกที่มันก็ต้องมีมุมที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน และเป็นมุมที่แปลกตาสุดๆ นี่คือภาพถ่ายในช่วงปี 90s ซึ่งช่วงนั้น ที่นี่เหมือนเป็นที่รวมกลุ่มของแก๊งที่ชื่อว่า Crips มีสมาชิกกว่า 30,000 คน เป็นการรวมกลุ่มของคนอัฟฟริกัน-อเมริกัน ที่ทำสงครามกับคู่อริที่ชื่อว่า Bloods มาตั้งแต่ปี 60s แก๊งนี้พยายามทำมือเป็นรูปตัว G กับ W เพื่อแสดงความภักดีต่อกลุ่ม Grape Street Watts ที่พวกเขาอยู่ สมาชิกของกลุ่ม Grape Street Watts Crips กำลังถือปืนลูกซอง ภาพของสมาชิกกลุ่ม Dodge City Crips กำลังถือก้อนโคเคน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย บางคนก็พยายามปกปิดใบหน้าเอาไว้ด้วยผ้าเช็ดหน้า พร้อมกับทำมือเป็นตัว C ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแก๊งค์ Crips ชาวแก๊งค์จัดฉากเหมือนพยายามจะประหารเด็กชายโดยการเอาปืนลูกซองจ่อไว้ สมาชิกกลุ่มกำลังยืนอยู่หน้ากำแพงที่พ่นชื่อของสมาชิกกลุ่มคนอื่นๆ ไว้อยู่ การทำมือแบบนี้เหมือนเป็นการแสดงตัวว่าเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ …
-
ช่วงสาระความสามารถในการ ‘กระดิกหู’ ทำไมบางคนทำได้ แต่บางคนดันทำไม่ได้!!?
ทำตัวไร้สาระมามากละ วันนี้ #เหมียวบ็อบ ขอทำตัวหาสาระน่ารู้มาให้ทุกคนได้อ่านกันบ้าง เชื่อว่าถ้าถามถึงเรื่องความสามารถพิเศษล่ะก็ หลายคนอาจจะบอกว่าตัวเองห่อลิ้นได้ ตัวเองกระดิกจมูกได้ หรือบางคนอาจจะ ‘กระดิกหูได้’!! ทว่าการกระดิกหูดุ๊กดิ๊กๆ เนี่ย บางคนกลับทำไม่ได้เนี่ยสิ จะพยายามเพ่งจิต บังคับลมปราณไปควบคุมหูให้กระดิก ยังไงมันก็ไม่ยอมไป ด้วยความสงสัยเราจึงไปค้นหาข้อมูลจาก LiveScience เพื่อหาเหตุผลว่าทำไมการกระดิกหูถึงได้เป็นความสามารถพิเศษเฉพาะคนกันน้อ? ต้องบอกก่อนว่าเดิมทีการขยับกล้ามเนื้อส่วนหู ถือว่าเป็นคุณสมบัติของสัตว์เลี้ยงลูกทั่วไป ไม่ว่าจะแมว หมา หรือ ม้า ล้วนทำได้ทั้งนั้น โดยส่วนใหญ่แล้วตามสัญชาติญาณสัตว์ หูมักจะกระดิกไปตามทิศทางที่มาของเสียง บริเวณกล้ามเนื้อที่รับผิดชอบส่วนนี้เรียกว่า ‘Auriculares’ โดยมันจะประกอบไปด้วยกล้ามเนื้ออีก 2 มัดแยกกัน ส่วนหนึ่งบังคับทิศทางขึ้นลง และอีกส่วนบังคับทิศทางซ้ายขวา นักวิทยาศาสตร์ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า การกระดิกหูของมนุษย์นั้นเดิมทีจัดว่าเป็นหนึ่งในวิวัฒนาการสิ่งมีชีวิตของพวกเรา มาตั้งแต่ยุคบรรพบุรุษโบราณ ทว่าต่อมากลไกการทำงานส่วนนี้ของร่างกายไม่ได้ถูกใช้งาน อาจเพราะวิวัฒนาการทางสังคม และดำรงชีวิตของเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา (พูดง่ายๆ คือไม่ได้เป็นคนป่าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว) พร้อมทั้งเคยมีการรายงานว่า จากจำนวนประชากรทั้งหมดทั่วโลก มีเพียง 10% – 20% เท่านั้นที่สามารถกระดิกหูได้โดยธรรมชาติ (แบบไม่ต้องฝึก) …
-
คุณเกลียดเสียงเคี้ยวอาหารของคนอื่นบ้างหรือเปล่า? ถ้าใช่แปลว่าคุณมีปัญหาด้านสมองอยู่
เมื่อคุณได้ยินเสียงเคี้ยวอาหาร “แจ๊บๆๆ” จากคนรอบข้าง แล้วเกิดความรู้สึกรำคาญ นั่นถือเป็นเรื่องปกติมากๆ นะ แต่ถ้าคุณรู้สึกรำคาญจนทนไม่ได้ แม้ว่าพวกเขาจะเคี้ยวเบาลงแล้วล่ะก็ คุณอาจจะต้องเช็คตัวเองหน่อยแล้วล่ะ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณที่บอกคุณว่าคุณมีอาการผิดปกติทางสมอง อาการที่#เหมียวฟิ้นพูดถึงอยู่นี้มันมีชื่อเรียกว่า Misophonia เป็นความผิดปกติทางสมอง มันถูกค้นพบเมื่อราวๆ ปี 2001 เป็นอาการผิดปกติทางสมองที่มักพบได้ในวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เกิดความรำคาญเสียงรอบๆ ตัวเช่นเสียงเคี้ยวอาหาร หายใจ หรือเสียงกดแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์หรือกดปาก บุคคลที่มีอาการนี้จะเกิดความรำคาญ รู้สึกหงุดหงิดหรือขยะแขยง นอกจากนี้ยังค้นพบว่าคนที่มีประสบการณ์กับอาการ Misophonia มีอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้นและมีเหงื่อออกมากกว่าปกติ เมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับเสียงเหล่านั้นด้วย Olana Tansley-Hancock วัย 29 ปี จากเมืองแอชฟอร์ด รัฐเคนท์ คือหนึ่งในคนที่มีอาการป่วยแบบที่เรากล่าวมา ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เธออายุได้ 8 ขวบ เธอเริ่มมีความรู้สึกรำคาญกับเสียงการรับประทานอาหารของครอบครัวเธอมาก “เสียงน่ารำคาญระหว่างที่ครอบครัวของฉันกำลังกินข้าว มันทำให้ฉันทนไม่ได้จนต้องกลับเข้าไปอยู่ในห้องนอนของตัวเองเพื่อกินอาหารคนเดียวเงียบๆ ฉันบอกได้แค่เพียงว่ามันเป็นความรู้สึกที่โมโหจนอยากจะต่อยหน้าใครสักคน” Olana กล่าว หลังจากที่ต้องทนกับอาการที่คนอื่นมองว่าแปลกมานาน เธอก็เริ่มศึกษาค้นคว้าเพื่อให้เข้าใจถึงอาการ Misophonia เธอจึงเปลี่ยนวิถีชีวิตเสียใหม่ เธอลดคาเฟอีนและแอลกอฮอล และใช้ที่ครอบหูเพื่อกันเสียงน่ารำคาญออกไป ในปัจจุบันยังคงไม่มีทางรักษาให้หายขาด แต่ก็พอจะบรรเทาอาการได้ด้วยการไปขอคำปรึกษาจากแพทย์ หรือขอคำแนะนำจากคนที่มีอาการเดียวกันนี้ หรือสะกดจิตในรูปแบบต่างๆ…
-
ญี่ปุ่นเผยสาเหตุที่ผู้หญิงบิดฝาขวดไม่ได้ จากสถิติระบุว่าเจ้าหล่อนมีแรงบิดไม่พอจริงๆ!!
นับว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นโลกแตกที่เคยถกเถียงกันมาไม่รู้จบสิ้น อย่างเช่นการที่ผู้หญิงขอร้องให้ผู้ชายช่วยบิดฝาขวดน้ำให้ เป็นเพราะว่าพวกเธอบิดเองไม่ได้จริงๆ หรือเป็นเพียงแค่การใช้คำหว่านล้อมให้อีกฝ่ายบิดฝาขวดให้ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ทำได้เหมือนกัน… ในเรื่องนั้น #เหมียวเลเซอร์ จะไม่ขอพูดถึงอีกว่าสรุปแล้วมันเป็นที่อะไรกันแน่ เพราะว่าทางด้านประเทศญี่ปุ่นได้มีการทำเก็บสถิติสรุปผลออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อหาคำตอบมาคลายข้อสงสัยนี้ซะ ฝาขวดน้ำพลาสติกเจ้าปัญหา ประเด็นของผู้หญิงบิดฝาขวดน้ำเองไม่ได้นั้น ไม่ใช่ว่าพวกเธอหลอกใช้หนุ่มๆ หรอกนะ แต่ว่าเป็นเรื่องของแรงบิดที่มีไม่มากพอนั่นแหละ ทางเว็บไซต์ unlimit-j ได้อธิบายไว้คร่าวๆ ว่า สำหรับการบิดฝาขวดพลาสติกนั้นจะต้องใช้แรงบีบมือตั้งแต่ 12 kgf ถึง 45 kgf (kiloforce) ทั้งนี้ก็จะมีปัจจัยภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องอีกก็คือ สภาพของฝาขวด อุณหภูมิของฝาขวด ณ ขณะนั้น ขนาดของนิ้วมือ ระดับความแห้งของนิ้วมือ และปัจจัยอื่นๆ (นิ้วมัน นิ้วอ่อนแรง ฯลฯ) การบิดฝาขวดทั่วไปที่ใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งเป็นหลัก เมื่อนำปัจจัยทุกอย่างมารวมกันในการบิดฝาขวดพลาสติกด้วยนิ้วมือปุ๊บ ก็จะเกิดปัญหาที่ว่าบิดและหมุนฝาขวดไม่ได้ เนื่องจากจับไม่แน่นและนิ้วไม่แห้งพอ (ชื้น) ซึ่งในการบิดฝาขวดให้เปิดออกมาได้จะต้องอาศัยแรงบีบมือ ยิ่งสัมผัสกับฝาได้มากเท่าไหร่ ก็จะมีแรงที่เกิดขึ้นกับนิ้วมือและฝามากขึ้นเท่านั้น และแรงทั้งหมดจะกระจายมาเป็นแรงบิดฝาขวดนั่นเอง ‘แรงในการจับฝาขวดกับแรงในการบิดจะต้องสัมพันธ์กันถึงจะบิดฝาขวดให้เปิดออกมาได้’ กล่าวคือ…
-
แบบสำรวจล่าสุดเผยว่า” สาววัย 33 ปี” จะเป็นช่วงที่มีเซ็กส์ได้แซ่บกว่าวัยอื่นๆ!!
ขอบอกเลยว่างานวิจัยนี้จะทำให้สาวๆ ทั้งหลายกล้าพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า ผู้หญิงที่ขึ้นวัยเลขสาม ยังไม่แก่หรอกนะจ๊ะ เพราะไม่อย่างนั้นจะแซ่บสุดๆ ได้ยังไงกันเล่า!! โดยล่าสุดมีการสำรวจจากแบบสอบถามโดยกลุ่มอาสาสมัครผู้หญิง 1,000 คน และทีมวิจัยได้ผลสรุปแล้วว่า ช่วงวัย 33 ปี เป็นช่วงวัยที่พวกเธอรู้สึกว่าการมีเซ็กส์ มันช่างเต็มที่กว่า แซ่บกว่า และดีกว่า เมื่อเทียบกับช่วงวัยอื่น “อู๊วว ดิฉันก็คิดว่ามันตรงนะคะ!!” (ไม่มีใครกล่าวไว้ #เหมียวบ็อบ มโนจากภาพ) เหตุผลว่าทำไม!? สาเหตุที่ทำให้ช่วงวัยนี้รู้สึกแซ่บ และจัดจ้านกว่าวัยอื่น มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์มาด้วย นั่นก็เพราะเมื่อย้อนกลับไปในช่วงวัยประมาณ 20 ปี สาวๆ ส่วนใหญ่มักจะยังมีความกังวลใจในชีวิตของตัวเองอยู่ ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงที่เต็มไปด้วยพลังขับเคลื่อนทางเพศที่มาจากฮอร์โมนก็ตาม แต่จุดพีคสุดจะอยู่ในช่วงวัย 30 ปีขึ้นไป ปัจจัยก็มาจากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าที่การงานที่เริ่มมั่นคง ความสัมพันธ์ และบวกกับเป็นช่วงวัยที่เริ่มเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตมากยิ่งขึ้น จึงไม่แปลกที่สาววัยนี้จะรู้สึกเต็มที่กับเรื่องเซ็กส์มากกว่า ทีมวิจัยยังให้ข้อมูลเสริมอีกว่า อันที่จริงแล้วเซ็กส์ของสาวๆ ในช่วงวัยรุ่นนั้นจากการสำรวจพบว่ามีเพียง 30% ของสาวๆ เท่านั้นที่จะมีโอกาสสำเร็จความใคร่ มันเลยดูเหมือนว่าเป็นช่วงวัยที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่านก็จริง แต่ความสุขเรื่องเซ็กส์ก็อาจจะยังไปไม่ถึงขีดสุด นอกจากนั้นเมื่อปี 2016…
-
เด็กสาว ม.ต้น เขียนเรียงความสุดซึ้ง ‘ปฏิเสธคนจังหวัดฟุกุชิมะ’ ชนะใจคนญี่ปุ่นทั้งประเทศ
ย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์อันน่าเศร้าภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2011 ณ จังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นเหตุทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ปลดปล่อยสารกัมมันตรังสีออกมา และถือว่าเป็นภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เชอร์โนบิลในปี 1986 สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาต่อจากนั้นก็คือ ความเกลียดชังของผู้คนรอบข้างที่มีต่อจังหวัดฟุกุชิมะและชาวบ้านที่อยู่อาศัยเติบโตภายในจังหวัดนี้ ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่ได้เป็นคนเลือกให้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และไม่อยากให้เกิดความหายนะเช่นนี้ด้วย เพื่อให้ผู้คนได้ตระหนักถึงความเกลียดชังที่เกิดขึ้นในใจของชาวญี่ปุ่น Ruzo Maoma อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมปี 3 ได้ส่งเรียงความเรื่อง ‘ปฏิเสธตัวตนของจังหวัดฟุกุชิมะ’ เข้าประกวดในงาน การเขียนเรียงความสิทธิมนุษยชนจากนักเรียนชั้นมัธยมต้นทั่วประเทศครั้งที่ 36 โดยมีใจความดังต่อไปนี้ ปฏิเสธตัวตนของจังหวัดฟุกุชิมะ นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ฉันช็อคมาก สำหรับการเป็นคนจังหวัดฟุกุชิมะอย่างฉัน ฉันเกิดและเติบโตในเมืองมินะมิโซมะ จังหวัดฟุกุชิมะ จนถึงกระทั่งชั้น ป. 3 เมื่อพูดถึงเมืองมินะมิโซมะ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านเทศกาลและวัฒนธรรม ให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์ในอดีตมาอย่างช้านาน ฉันรักผู้คนและเมืองมินะมิโซมะในแบบที่เป็นอยู่อย่างนี้… แต่ทว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เกิดเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และนั่นก็ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะสารกัมมันตรังสีที่ถูกปลดปล่อยออกมา ทำให้เมืองมินะมิโซมะกลายเป็นเมืองที่ผู้คนอยู่อาศัยไม่ได้อีกต่อไป และตัวฉันเองก็ต้องย้ายหลบภัยไปอยู่กับญาติพร้อมกับครอบครัวที่จังหวัดโทะชิงิแทน เมื่อไปถึงที่นั่น ก็พบกับข้อความสติ๊กเกอร์บนรถยนต์คันหนึ่ง ในลานจอดรถร้านค้าที่แวะข้างทางว่า…
-
นักเรียนญี่ปุ่นไอเดียแหวก แปลทวิตเตอร์ Donald Trump เพื่อเรียนภาษาอังกฤษและสังคม
การเปลี่ยนผ่านอำนาจจาก Barack Obama มาสู่ Donald Trump ดูจะเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจมาก เพราะทุกๆ การตัดสินใจของสหรัฐจะส่งผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่งไปยังประเทศต่างๆ รอบโลก ฉะนั้นนักข่าวและผู้คนทั่วโลกจึงต้องจับตามองทุกๆ ความเคลื่อนไหวของ Trump ว่ากำลังคิดหรือเตรียมจะตัดสินใจเรื่องใดต่อไป โดยเฉพาะทางทวิตเตอร์ @realDonaldTrump ที่เขามักจะทวีตความคิดของตัวเองออกมา แต่คนที่ติดตาม Trump เองใช่ว่าจะมีแต่คอการเมืองเท่านั้น คนที่สนใจเรื่องการศึกษาและภาษาอังกฤษก็ติดตามเขาอยู่เหมือนกันนะ บางคนอาจงงว่าติดตามดูประธานาธิปดีแล้วจะได้การศึกษายังไง? งั้นเรามาดูข่าวนี้กัน เมื่อไม่นานมานี้เราได้ไปเจอเข้ากับทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า @DonaldTrumpJPN เป็นทวิตเตอร์ที่จะหยิบเอาข้อความต่างๆ จาก @realDonaldTrump มาแปลจากอังกฤษเป็นญี่ปุ่น เพื่อช่วยให้คนญี่ปุ่นสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษและเข้าใจสิ่งที่ผู้นำสหรัฐผู้นี้ทวีตออกมานั่นเอง ทวิตเตอร์ @DonaldTrumpJPN ถูกสร้างขึ้นมาด้วยสโลแกนว่า Make English-learning Great Again (ทำให้การเรียนรู้ภาษาอังกฤษกลับมายอดเยี่ยมอีกครั้ง) ซึ่งเป็นการล้อข้อความของ Trump ตอนหาเสียง Make America Great Again (ทำให้อเมริกากลับมายอดเยี่ยมอีกครั้ง) เพราะอย่างที่รู้กันว่าชาวญี่ปุ่นนั้นไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษ การสื่อสารส่วนใหญ่จึงมีแต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น การสร้างทวิตเตอร์นี้จึงเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ดีทางหนึ่งเลย บัญชีทวิตเตอร์นี้ดำเนินการโดยแอดมินที่ใช้นามแฝงว่า K・T-san วัย 17 ปี เขาจะแปลทุกๆ ข้อความที่ Trump ทวีตออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นเพื่อให้คนเข้าใจ ปัจจุบันทวิตเตอร์ @DonaldTrumpJPN มีผู้ติดตามแล้วกว่า…
-
10 อันดับสถานที่ “ชื่อยาว” ที่สุดในโลก งานนี้อุฟุฟวยฟวยฟวย ถึงกับต้องชิดซ้าย…
หลังจากที่ช่วงนี้มีกระแสเฮฮากับชื่อยาวแสนยาว ตั้งแต่คอนเท้นท์ รู้จักตัวจริง ‘อูวู้โวยวั่ยวอย โอเยทเทนเย่วัย อุวิมมุวิม โอซาซ’ ชายผู้ดังเพราะชื่อเรียกยากที่สุดในโลก!! ซึ่งเป็นเน็ตไอดอลที่ทุกคนรู้จักดี มาจนถึงเรื่องของเมืองที่มีชื่อยาวแสนยาวอย่าง รู้จักชื่อเมืองยาวเฟื้อย ‘Llanfairpwllgwyngyll’ ของจริงไม่ได้ล้อเล่นนะ โอ้ซาสสสส!? เป็นเรื่องของนักพยากรณ์อากาศที่อ่านชื่อเมืองแสนยาวได้อย่างง่ายดายจนถึงกับตะลึงไปตามๆ กัน อะไรนะ มีชื่อยาวกว่าตรูอีกเร๊อะ!? คราวนี้ #ประธานเหมียว เลยลองค้นข้อมูลเพิ่มเติมดูว่าจะมีเมืองชื่อยาว หรือสถานที่ซึ่งมีชื่อยาวแบบนี้อยู่ในโลกเราอีกหรือไม่ และก็ได้ไปเจอมาอีกเพียบเลย เราลองมาดูกันว่า ถ้าจัดอันดับ 10 สถานที่ชื่อยาวที่สุดในโลก จะมีที่ไหนติดเข้ามาบ้าง…. 10. Mamungkukumpurangkuntjunya ชื่อของ มามุงกูกุมปูรางกุนจุนย่า คือภูเขาแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของออสเตรเลีย มีความหมายตามภาษาอะบอริจินว่า “สถานที่ฉี่ของปิศาจ” 9. Bovenendvankeelafsnysleegte สถานที่แห่งนี้คือฟาร์มทางตอนเหนือของ Karoo ในประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งชื่อฟาร์มก็มาจากภาษาแอฟริกัน ความหมายว่า “จุดสิ้นสุดของหุบเขาแคบ” ภาพจากกูเกิ้ลแมพ แสดงความแห้งแล้งของพื้นที่ 8. Venkatanarasimharajuvaripeta นี่คือชื่อของสถานีรถไฟแห่งหนึ่งในประเทศอินเดีย ซึ่งถือเป็นชื่อสถานีรถไฟยาวที่สุดในระบบรถไฟของประเทศนี้ด้วย ถ้าใครคิดว่ายาวไม่พอ บางคนก็เรียกและเขียนด้วยคำว่า Sri ข้างหน้า เพิ่มไปอีก 3 ตัวอักษรซะอีก 7. Pekwachnamaykoskwaskwaypinwanik เป็นชื่อของทะเลสาบแห่งหนึ่งในรัฐแมนิโทบา…
-
“เฉินหลง” หลั่งน้ำตา หลังได้พบทีมสตั๊นท์แมนที่ทำงานเสี่ยงตายให้เขามานาน ในรอบ 10 ปี
#เหมียวฟิ้นคิดว่าคงจะมีน้อยคนมากๆ ที่ไม่รู้จักชื่อเสียงและความโด่งดังของ “เฉินหลง” นักแสดงชาวฮ่องกงที่แสดงหนังเสี่ยงตายมาแล้วเป็นร้อยๆ เรื่อง แต่ใครจะรู้บ้างว่าเบื้องหลังความสำเร็จของฉากเสี่ยงตายเหล่านั้น ยังมีทีมสตั๊นท์แมนที่คอยแสดงแทนเขามามากมายไม่รู้กี่ชีวิต? เรื่องราวที่เราหยิบมานำเสนอในวันนี้ มาจากส่วนหนึ่งของรายการ 王牌对王牌 (หวังไผตุ้ยหวังไผ) ที่ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา โดยทางรายการได้เชิญเฉินหลงมาออกรายการแล้วเปิดคลิปวิดีโอตัวหนึ่งให้เขาได้ดู โดยในวิดีโอนั้นเป็นการนำเสนอภาพของเหล่าสตั๊นแมนหลายชีวิต ที่เคยร่วมงานกับเฉินหลงในสมัยก่อน ซึ่งตัวเฉินหลงเองก็ไม่เคยได้เจอกับพวกเขาบางคนมานานนับ 10 ปีแล้ว นักแสดงสตั๊นกลุ่มนี้มีชื่อว่า JC Stunt Team ได้ออกมากล่าวถึงการทำงานกับเฉินหลงตั้งแต่ก่อนที่จะโด่งดังแบบทุกวันนี้ บางคนมีครอบครัวแล้วแต่ก็ต้องแสดงฉากสุดอันตรายไปด้วย จนทำให้ทางครอบครัวเป็นกังวลใจเหมือนกันว่าบางทีอาจจะกลับบ้านมาในร่างอันไร้วิญญาณก็เป็นได้ แต่พวกเขาก็ยังคงแสดงหนังกับเฉินหลงต่อไปด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้า เฉินหลงเป็นที่รักของทีมงานมาก เขาทั้งแบ่งเงินค่าจ้างตัวเองให้กับเพื่อนร่วมงาน จ่ายเงินค่าเช่าหรือซื้อรถให้ ซึ่งพวกเขาทั้งหมดซาบซึ้งในน้ำใจและโอกาสที่พี่ชายคนนี้หยิบยื่นให้มาก บางคนบอกว่าหากคุณจะเข้ารวมกับ JC Stunt Team คุณจะต้องเป็นคนที่มีจิตใจเมตตา ไม่อย่างงั้นเฉินหลงจะไม่ให้คุณเข้าร่วมทีม ถ้าคุณขาดความจงรักภักดีหรือความกตัญคุณก็จะถูกไล่ออก ทีมงานทั้งหมดไม่ได้เจอหน้าพี่ชายที่ชื่อว่าเฉินหลงมานานนับสิบปีแล้ว อาจเป็นเพราะหน้าที่การงานที่ทำให้พวกเขาไม่ได้เจอกันง่ายๆ และพวกเขาก็คิดถึงพี่ชายคนนี้มากๆ “ผมชื่อหวัง เหยา ผมอยู่กับพี่เฉินหลงมาตั้งแต่ก่อตั้งทีมสตั๊นเมื่อปี 1977 ผมเป็นสมาชิกรุ่นแรกของ JC…
-
วิธีการนอนหลับพักผ่อนของฉลาม คือการว่ายน้ำแบบโยโย่ หรือลอยนิ่งๆ แต่ไม่หลับตา…
เคยสงสัยหรือเปล่าว่า “ฉลาม” หรือสัตว์จำพวกปลา มันนอนหลับกันหรือเปล่า แล้วเวลาพวกมันหลับ พวกมันนอนหลับนอนแล้วทิ้งตัวลงกับพื้นเหมือนกับมนุษย์รึเปล่า วันนี้เราไปดูข้อมูลจริงๆ กันดีกว่า ว่าพวกมันนอนหลับหรือไม่ แล้วหลับอย่างไร George Burgess กล่าวว่า “การนอนหลับเป็นสิ่งที่เรามองจากมุมมองมนุษย์ มันไม่มีหลักฐานยืนยันว่าฉลามนอนหลับเหมือนที่มนุษย์ทำ มันไม่ได้หลับตา ทิ้งตัวลงนอน แล้วก็ปิดสวิซท์ตัวเองไปหลายชั่วโมง พวกมันแค่ลดการทำงานของร่างกายลง แต่นั่นไม่ได้ว่ามันหยุดทำทุกสิ่งทุกอย่าง” แทนที่จะนอนหลับแบบมนุษย์ ฉลามหลายๆ พักผ่อนด้วยพฤติกรรมที่เรียกว่า “การว่ายน้ำแบบโยโย่” การว่ายน้ำแบบโยโย่คือการที่ฉลามจะหยุดอยู่นิ่งๆ แล้วปล่อยให้ตัวเองไหลลงไปจนถึงพื้นทะเล และเมื่อถึงพื้นทะเล มันก็จะว่ายขึ้นมาข้างบนอีก แล้วก็ทำแบบเดิมซ้ำๆ ซึ่งช่วงเวลาที่มันไหลลงนั่นแหละ คือช่วงเวลาที่มันพักผ่อน ส่วนฉลามบางชนิดที่ใช้ชีวิตอยู่ใกล้กับพื้นทะเล พวกมันก็จะหยุดทำกิจกรรมทุกสิ่งแล้วลอยนิ่งๆ โดยลืมตาไว้ เพื่อเป็นการพักผ่อน ซึ่งปลาหลายๆ ชนิด ก็มีวิธีการพักผ่อนแบบนี้เช่นกัน ในที่สุดก็รู้แล้วนะว่าพวกมันนอนหลับยังไง บางทีเราก็ไม่สามารถใช่มาตรฐานของมนุษย์ไปตัดสินทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกได้ ที่มา thedodo
-
ผู้เชี่ยวชาญเผย 11 ทริคทางจิตวิทยา เพื่อโน้มน้าวให้คนอื่นทำตามในสิ่งที่เราขอ!?
เชื่อไหมว่าไม่จำเป็นต้องเป็นถึงระดับ CEO เราก็สามารถทำให้คำพูดเรามีน้ำหนักพอที่จะจูงใจคนฟังได้!! เพราะล่าสุดผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาได้ออกมาเผยถึง 11 ทริคไม่ลับ ที่จะช่วยทำให้เราสามารถสื่อสารกับฝ่ายตรงข้ามให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้ง่ายขึ้น โดยที่บางทีพวกเขาอาจจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ 1. ใช้ตัวล่อช่วยทำให้คนหันมาซื้อสินค้าเรามากขึ้น นักเศรษฐศาสตร์ ‘Dan Ariely’ เคยกล่าวบนเวที Ted Talk ถึงเทคนิคการขายของสองสิ่งที่อาจจะมีราคาสูงใกล้เคียงกัน ให้ผู้ขายใช้สินค้าตัวที่ 3 เข้ามาเป็นตัวล่อ ยกตัวอย่างเช่น ร้านแห่งหนึ่งขายเค้กช็อคโกแลตปอนด์ละ 500 บาท เค้กกล้วยปอนด์ละ 1,000 บาท แต่ถ้าเอาทั้งเค้กกล้วย และเค้กช็อคโกแลต ราคาก็จะยังคงอยู่ที่ 1,000 บาท จะทำให้ดูเหมือนว่าตัวเลือกที่ 3 น่าสนใจมากที่สุด และดูคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งเขาได้อธิบายเพิ่มว่านั่นก็คือการสร้างตัวเลือกที่ 3 โดยให้กลุ่มคนซื้อรู้สึกว่าคุ้มค่าที่สุด 2. เปลี่ยนบรรยากาศการพูดคุยให้อยู่ในที่ๆ คนรู้สึกเห็นแก่ตัวน้อยลง บรรยากาศคือสิ่งสำคัญในการต่อรอง ถ้าหากเราต้องต่อรองกับเพื่อนร่วมงานละก็ บางทีอาจจะเปลี่ยนจากห้องประชุมที่แสนจะน่าเบื่อ ย้ายมาคุยกันที่บรรยากาศร้านกาแฟสุดแสนจะร่มรื่นย์ หรือสวนสาธารณะ สถานที่ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมความก้าวร้าวของมนุษย์ได้น้อยกว่า 3. ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือผู้อื่นก่อน Robert Cialdini นักจิตวิทยาได้กล่าวว่า อีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยทำให้คนๆ…
-
กลุ่มวิจัยติดตามฝูงชิมแปนซีอึ้ง เมื่ออดีตจ่าฝูงกลับมา ก็โดนฆาตกรรมและเอาไปกินแทน!?
ลองคิดดูสิว่าโลกของเราจะเป็นยังไง ถ้าหากว่าประชากรบนโลกทุกตัวกลายร่างจาก ‘คน’ เป็น ‘ลิงชิมแปนซี’ แทน รวมทั้งตัวเราเองด้วย มันคงเป็นอะไรที่วุ่นวายสุดๆ อย่างกับ Planet of The Ape แหน่ะ แต่มีกลุ่มนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยไอโอว่า ประเทศสหรัฐฯ ได้ทำการติดตามฝูงลิงชิมแปนซีกลุ่มนี้มาได้ช่วงระยะเวลานึง พวกเขาก็ต้องพบกับความจริงที่ชวนอึ้งยิ่งกว่า เรียกได้ว่าเป็นองค์ความรู้ชุดใหม่ที่จะช่วยทำให้เราเข้าใจสังคมลิงได้มากขึ้นเลยล่ะ โดยนักวิจัยกลุ่มนี้ได้ติดตามฝูงลิงชิมแปนซีสายพันธุ์ Senegalese มาตั้งแต่ปี 2001 มีการศึกษาค้นพบพฤติกรรมแปลกๆ มากมายที่เกิดขึ้นในสังคมของพวกเจ้าจ๋อกลุ่มนี้ ทว่าพฤติกรรมล่าสุดที่ชวนให้อึ้งไปตามๆ กัน เมื่ออดีตจ่าฝูงที่ชื่อว่า ‘Foudouko’ ที่ครั้งหนึ่งเคยมีอำนาจสูงที่สุดในฝูง แต่กลับถูกกลุ่มลิงตัวเมียรุมฆ่าทั้งเป็น และกินซากศพนั้นเป็นอาหาร ศาสตราจารย์ Julia Pruetz ให้สัมภาษณ์กับ NewScientist ว่า “เจ้า Foudouko มีนิสัยปกครองแบบเผด็จการ เดิมทีจ่าฝูงคือเจ้าลิง Mamadou แต่ด้วยอาการบาดเจ็บทางร่างกายทำให้มันต้องออกไปพักรักษาตัว หลังจากนั้น Foudouko จึงเข้ามาเป็นจ่าฝูงแทน” “ซึ่งจากการที่รวมสอดส่องพฤติกรรมของพวกมันมาตลอดพบว่า ในช่วงแรกที่ Fudouko เป็นผู้นำ…
-
นักวิทย์ฯ เผย คนที่ไม่ชอบฟังเพลงนั้นไม่ได้เพี้ยน แต่เกิดจากความผิดปกติของสมอง!!?
เชื่อว่าหลายคนต้องเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ‘ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก’ กันมาบ้างล่ะ ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็มีอยู่จริงๆ นั่นแหละ คนที่รู้สึกว่าการฟังเพลงไม่ได้เป็นเรื่องผ่อนคลาย แถมยังไม่พอบางคนอาจจะรู้สึกว่าเสียงดนตรี เป็นเสียงที่สร้างความรำคาญใจให้พวกเขาเหลือเกิน ถ้ายึดตามหลักคำกล่างข้างต้น เราคงจะมองว่าคนนั้นต้องเป็นคนบ้า หรือไม่ก็เพี้ยนมากแน่ๆ มีอย่างที่ไหนไม่ชอบฟังเพลง แต่ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ผิดอะไร เพราะล่าสุดกลุม่นักวิจัย และทีมนักวิทยาศาสตร์ ได้ร่วมกันออกมาเผยแล้วว่า อาการดังเกิดจากความผิดปกติของการทำงานในสมองต่างหากล่ะ!? อ้างอิงจากข้อมูลที่ถูกตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการทางวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐ ได้มีการทำวิจัยเกี่ยวกับทำงานที่เชื่อมต่อกันระหว่าง สมองส่วนกลางบริเวณที่เรียกว่า ‘Rewards Center’ (ศูนย์การให้รางวัลในสมอง) และก้านสมอง (ส่วนที่ทำให้เรารับฟังเสียงได้) จากการวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่มีอาการไม่ชอบฟังเพลง หรือที่เรียกว่า ‘Musical Anhedonia’ จะมีการเชื่อมต่อกันของทั้งสองส่วนในสมองน้อยกว่าคนปกติทั่วไป เมื่อคนที่มีอาการนี้ได้ฟังเพลงแล้ว พวกเขาจึงมีความรู้สึกว่ามันเป็นเสียงที่สร้างความรำคาญให้มากกว่าความไพเราะเหมือนที่คนอื่นๆ รู้สึก ทางด้านของ Dr. Robert Zatorre นักประสาทวิทยาจาก มหาวิทยาลัย McGill ได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่า “จากการวิจัยทำให้เราพบความแตกต่างส่วนนี้ในสมองของคนบางส่วน ถึงแม้ว่าจะเป็นอาการที่พบได้ยาก แต่มันก็มีอยู่จริง ผลกระทบก็คือพวกเขาเหล่านั้นจะมีการรับรู้ทางด้านดนตรีน้อยกว่าคนอื่นๆ” Dr. Robert Zatorre …
-
19 ภาพการ “รียูเนี่ยน” ของเหล่านักแสดงจากหนังดัง รวมตัวนอกบทก็ชวนคิดถึงเลย!!
เชื่อว่าทุกคนต้องมีภาพยนตร์ที่ตนเองชื่นชอบอยู่แล้ว บางเรื่องอาจเก่าหน่อย บางเรื่องอาจยังใหม่ และเชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่ทุกคนหลงรักในภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ ก็คือเหล่านักแสดงนั่นเอง ซึ่งนักแสดงหลายๆ คนก็ไม่ได้ร่วมงานกันอีกเลย นับตั้งแต่แสดงหนังเรื่องหนึ่งด้วยกัน และเมื่อพวกเขามารวมตัวกันอีกครั้ง ก็เกิดเป็นภาพสุดพิเศษที่ใครๆ ก็อยากเห็น วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จึงรวบรวม 19 การรียูเนี่ยนของเหล่านักแสดงจากหนังดัง ที่เพื่อนๆ เห็นแล้วจะต้องย้อนรำลึกถึงอดีตอย่างแน่นอน จะมีเรื่องอะไรบ้าง เราไปชมกันเลยดีกว่า #1 Lord Of The Rings: 2001 Vs. 2017 #2 Forrest Gump: 1994 Vs. 2014 #3 About Thelma & Louise: 1991 Vs. 2014 #4 Friends: 1994 Vs. 2004 Vs. 2016 #5…
-
คุณหมอผ่าตัดอายุมากสุดในโลก 90 ปี และเธอก็เป็นคนรัสเซีย เรื่องฝีมือถึงใจแน่นอน!!
ถ้าถามว่าอาชีพไหนที่ต้องใช้ “ความนิ่ง” และ “ฝีมือ” มากที่สุดในโลก เชื่อว่า “ศัลยแพทย์” หรือ “หมอผ่าตัด” จะต้องเป็นอาชีพแรกๆ ที่หลายคนนึกถึงอย่างแน่นอน เพราะทุกครั้งที่พวกเขาทำการผ่าตัด นั่นหมายความชีวิตของคนไข้ต้องฝากไว้ที่ปลายมีดของพวกเขาแล้ว ยิ่งพวกเขานิ่งและเก่งเท่าไหร่ โอกาสรอดของคนไข้ก็มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งว่ากันตรงๆ แล้ว “ความนิ่ง” กับ “อายุ” เป็นสิ่งที่สวนทางกันเสมอ เพราะเมื่อมนุษย์อย่างเราๆ แก่ตัวลง การควบควมกล้ามเนื้อให้ดีเหมือนเดิมคงเป็นไปได้ยาก นั่นแปลว่าเมื่อหมอผ่าตัดมีที่อายุมากขึ้น จุดสูงสุดของอาชีพของพวกเขากำลังจะมาถึงแล้ว แต่นั่นไม่ใช่กับคุณหมอ Alla Ilyinichna Levushkina ชาวรัสเซียคนนี้ เพราะแม้เธอจะมีอายุจะเฉียดหลักร้อย (ด้วยวัย 89 ปี) แต่เธอก็ยังทำหน้าที่หมอผ่าตัดอย่างแข็งขันอยู่เสมอ แถมยังรับผ่าตัดวันละ 3 -4 เคสแทบทุกวันอีกด้วย!! ตลอดสามสิบปีที่ผ่านมา เธอทำงานเป็นแพทย์ทางอากาศ (ที่คอยรับคนไข้ด่วนพิเศษทางเฮลิคอปเตอร์ นึกภาพออกใช่มั้ย) และเมื่อวันหนึ่งเธอรู้สึกเบื่องานนั้น เธอจึงย้ายกลับมายังบ้านเกิด ที่เมืองไรยาซาน และทำงานในโรงพยาบาลประจำเมือง ด้วยส่วนสูงเพียง 150 เซนติเมตร ทุกครั้งที่เธอทำการผ่าตัด…
-
สาวปวดหัวหนัก หมอวินิจฉัยเป็นไมเกรน 14 ครั้ง แต่สุดท้ายจากไปเพราะ “เนื้องอกในสมอง”
อาการผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเรานั้น แม้ว่าบางทีอาจจะดูไม่รุนแรงสาหัสเท่าไหร่ แต่น้อยคนนักที่จะทันสังเกตเห็นว่า นี่แหละคือสัญญาณเตือนภัยก่อนที่จะเกิดโรคร้ายตามมา และนี่ก็ถือเป็นอีกอุทาหรณ์ที่เราอยากจะนำเสนอให้ทุกคนได้ตระหนักถึงสุขภาพตัวเองอีกครั้ง ‘Stephanie Dickson’ สาววัย 24 ปี ผู้มีอาการปวดหัวอย่างผิดปกติ เธอได้เข้าพบแพทย์มาแล้วมากถึง 14 ครั้ง ด้วยอาการดังกล่าว และทุกครั้งหมอกลับวินิจฉัยความปวดนั้นมาจากอาการไมเกรน!? Stephanie Dickson ก่อนหน้านี้เธอมีอาการปวดบริเวณคอ รู้สึกเจ็บหัวหลายต่อหลายครั้ง และมีอาการเวียนหัวตลอดเวลา 9 เดือน ทุกครั้งที่เธอเข้าพบแพทย์ คุณหมอได้ทำการจ่ายยาแก้ปวด และยาลดภาวะความเครียดให้เธอมาโดยตลอด โดยคุณหมอวินิจฉัยได้ว่าเธอเป็น ‘ไมเกรน’ ทว่าคืนวันหนึ่งหลังจากที่เธอกลับจากการเข้ารับการรักษาได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ครอบครัวของเธอก็ต้องพบว่าเธอได้เสียชีวิตลงอย่างน่าสลดใจ บนที่นอนของเธอเอง ภาพถ่ายของเธอและเพื่อนสนิท “พวกเราทุกคนเสียใจกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น มันไม่ควรจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ ประวัติการเข้าพบแพทย์ของเธอชี้ชัดว่าเธอต้องการรักษาอาการดังกล่าวให้หาย แต่กลับได้รับการรักษาผิดวิธี” Aberdour เพื่อนสนิทของเธอให้สัมภาษณ์ เพราะจากผลการวินิจฉัยหลังเธอเสียชีวิตพบว่า เจ้าตัวจากโลกนี้ไปด้วยโรคเนื้องอกในสมอง ซึ่งช่วยพิสูจน์ให้เห็นว่าโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่อายุยังน้อยเช่นกัน จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้กลุ่มเพื่อน และครอบครัวของเธอได้ร่วมกันก่อตั้งมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเนื้องอกในสมอง อีกทั้งยังต้องการให้ทุกคนตระหนักถึงปัญหาสุขภาพที่เราอาจะมองข้ามโดยไม่รู้ตัวด้วยเช่นกัน “แม้ว่าตอนนี้พวกคุณหลายคนอาจจะยังดูเหมือนแข็งแรงอยู่ แต่เราไม่รู้เลยว่าลึกๆแล้วร่างกายเราเผชิญกับโรคร้ายโดยที่เราไม่รู้ตัวรึเปล่า เพราะฉะนั้นด้วยความที่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ฉันขอเตือนทุกคนเลยว่า ถ้าคุณรู้สึกผิดปกติอย่างต่อเนื่อง ให้รีบเข้าพบแพทย์…
-
โปแลนด์เผยภาพทหารนาซีในค่าย “เอาชวิทซ์” คร่าชีวิตชาวยิวไปกว่า 1.1 ล้านคน…
ถ้าถามว่าเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งไหนเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ เชื่อว่าเหตุการณ์แรกๆ ที่หลายๆ คนนึกถึง จะต้องเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวโดยกลุ่มทหารนาซีเยอรมัน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองอย่างแน่นอน โดยในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตกว่า 6 ล้านคนเลยทีเดียว ชุดนอนลายขวางอันคุ้นเคย ล่าสุดทางการโปแลนด์ได้เผยชื่อเหล่าทหารนาซีผู้ที่ประจำการในค่ายกักกันเอาชวิตซ์จำนวน 9,686 นายออกมา ซึ่งค่ายดังกล่าวเป็นหนึ่งในค่ายกักกันที่สังหารชาวยิวและชนเผ่าเล็กๆ ในยุโรปไปกว่า 1.1 ล้านคน โดยในการเปิดเผยครั้งนี้ มีการเผยภาพของเหล่าทหารนับร้อยนายออกมาด้วย ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการเผยภาพของทหารเหล่านี้ออกสู่สาธารณะชน ค่ายเอาชวิตซ์ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 1940 หลังจากกองทัพนาซีได้บุกยึดประเทศโปแลนด์ ช่วงแรกกองทัพนาซีได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นคุกสำหรับขังนักโทษทางการเมืองเท่านั้น แต่ภายหลังก็ได้เปลี่ยนเป็นห้องทดลองและสถานที่สังหารหมู่ชาวยิว เมื่อสงครามจบลง ทางกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรได้เข้ายึดค่ายกักกันแห่งนี้ และได้ตัดสินโทษประหารชีวิตเหล่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงในค่ายแห่งนี้กว่า 40 คน ส่วนนายทหารที่เหลือถูกสินจำคุกและได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา ซึ่งส่วนใหญ่ก็กลับไปใช้ชีวิตในประเทศเยอรมัน และนี่คือทหารนาซีทั้งหมดผู้ทำการปลิดชีวิตชาวยิวในค่ายดังกล่าว… ที่มา dailymail
-
22 ภาพเซลฟี่ที่จะทำให้รู้ว่า “การโชว์เรือนร่างสุดเพอร์เฟ็ค” อาจไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป
อย่างที่รู้กันดีกว่า เราไม่ควรเชื่อทุกอย่างที่เราเห็นบนอินเตอร์เน็ต (เอาจริงๆ ก็ทุกสือนั่นแหละ) แม้หลายๆ ครั้งมันจะดูน่าเชื่อถือมากๆ แต่ใครจะรู้เล่า บางทีมันอาจเป็นการบิดเบือนอย่างแนบเนียนก็เป็นได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ชอบโชว์ “เรือนร่างอันแสนเพอร์เฟ็ค” บนโซเชียลมีเดียต่างๆ เราอาจได้เห็นมุมดีๆ กล้ามท้องสวยๆ อยู่ตลอด แต่ความจริงแล้ว มันอาจไม่ได้เป็นอย่างนั้น และพวกเขาเลือกที่จะนำเสนอแต่ “มุม” ดีๆ ให้เราได้เห็น ล่าสุดฟิตเนสบล็อกเกอร์บนโลกออนไลน์ทั้งหลาย ได้ร่วมกันโพสภาพ “ตัวตนจริงๆ” ของพวกเขาลงบนอินเตอร์เน็ต เพื่อทำให้ทุกคนได้ตระหนักรู้ว่า บนโลกอินเตอร์เน็ตไม่ได้มีแต่ความจริงเสมอไป และทุกคนล้วนมีจุดบกพร่องของตนเอง บางคนอาจไม่เชื่อว่าทั้งสองภาพคือคนๆ เดียวกัน และถ่ายในช่วงเวลาเดียวกัน พวกเขาต่างอยากให้ทุกคนเห็นในมุมดีๆ ทั้งนั้น ทุกความสมบูรณ์แบบที่เราเห็น ล้วนเกิดจากมุมกล้องล้วนๆ ใครๆ ก็มีซิกแพ็คได้ง่ายๆ เพียงแค่หามุมที่เหมาะสมเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเห็นบนโซเชียล คือภาพที่ผ่านการคัดกรองมาแล้ว สิ่งที่พวกเขาต้องทำมีเพียงแค่ กลั้นหายใจ แขม่วพุง เท่านั้นก็เรียบร้อยแล้ว หรือไม่ก็หามุมกล้องดีๆ มีพุงเหรอ? ลองยืนขึ้นสิ…
-
20 สุดยอดคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว ยอมทำทุกอย่างเพื่อความสุขของเจ้าตัวเล็กที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!!
การเป็นคุณพ่อหรือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอาจไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก โดยเฉพาะคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว พวกเขาต้องทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและเป็นทั้งแม่ในคนๆ เดียวกัน และยิ่งถ้ามีลูกสาวล่ะก็ พวกเขาก็ต้องรับบทหนักยิ่งกว่าเดิม แต่ 20 คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวเหล่านี้จะทำให้ทุกคนเห็นว่า การเป็นพ่อไม่ใช่เรื่องยากเลย ขอเพียงแค่พวกเขามีความพยามยามและทุ่มเทพอเท่านั้นเอง จะเป็นยังไง เราไปติดตามชมกันเลย!! คุณพ่อทำคนนี้ทำผมให้ลูกสาวไม่เป็น เขาจึงเข้าคอร์สโรงเรียนเสริมสวยซะเลย คุณพ่อทำเค้กวันเกิดครบ 4 ปี ให้ลูกสาวของตนเอง หวังว่าเธอจะชอบนะ คุณพ่อชอบสีเขียว ลูกสาวเลยเตรียมนี่ไว้ให้หลังเลิกงาน เมื่อลูกสาวอยากได้คนแต่งชุดเป็นนางฟ้าให้กับเธอ คุณพ่อก็เลยจัดให้ แอรอน เป็นพ่อคนตั้งแต่อายุ 19 และนี่คือชีวิตของเขา คุณแม่เสียชีวิตระหว่างคลอดลูก คุณพ่อเลยพาลูกสาวเที่ยวสถานที่ที่แม่เคยอยากไป คุณพ่อที่ยอมทำทุกสิ่งเพื่อลูก คุณลูกอยากรู้ว่าจะโกนขนหน้าแข้งยังไง คุณพ่อเลยต้องมาเป็นแบบจำเป็นซะอย่างนั้น คุณพ่อเป็นนักบินเลยไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้าน เพื่อจะดูแลลูก เขาจึงพาลูกเดินทางไปด้วยทั่วโลก คุณพ่อเซลฟี่ภาพลูกสาวตอนตื่นทุกวัน จนกลายเป็นภาพสุดฮาเหล่านี้ คุณพ่อวาดการ์ตูนชีวิตประจำวันของเขากับลูกสาว คุณพ่อเตรียมของขวัญไปให้ลูกสสาวหลังเข้าโรงเรียนวันแรก ลูกสาวทำสร้อยข้อมือให้คุณพ่อ จากนั้นคุณพ่อก็ใส่ทุกครั้ง…
-
เลี้ยงลูกตามหลักวิทยาศาสตร์… 7 นิสัยของ ‘พ่อแม่’ ที่ทำให้ลูกๆ ล้มเหลวในการใช้ชีวิต
สำหรับคนที่มีลูกนั้นจะรู้กันดีว่าจะการเลี้ยงพวกเขาให้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ พ่อแม่จะต้องมีการวางแผนมากมายในการเลี้ยงดูลูกๆ แน่นอนว่ามันเป็นงานที่ไม่ง่ายเลย สำหรับในวันนี้ #เหมียวหง่าว ก็อยากจะหยิบยกบทความดีๆ มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน เผื่อไว้ว่าวันหน้าหากมีลูก จะได้นำไปเป็นแนวทางเพื่อปรับใช้ในการเลี้ยงลูกของเพื่อนกันนะจ๊ะ นั่นก็คือ 7 พฤติกรรมที่พ่อแม่ไม่ควรทำเพราะจะทำให้ลูกๆ ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต โดยด็อกเตอร์ Tim Elmore ผู้เชี่ยวชาญในด้านการเลี้ยงดูเด็กและนักเขียน แถมยังเป็นผู้ก่อตั้งองค์กร Growing Leaders เพื่อช่วยให้คำปรึกษากับพ่อแม่ในการเลี้ยงดูลูกๆ ให้กลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต 1. ไม่ปล่อยให้ลูกได้มีประสบการณ์เสี่ยงๆ บางครั้งการโอ๋มากเกินไปโดยหวังให้ลูกรู้สึกปลอดภัยกลับส่งผลร้ายต่อลูกเอง นักจิตวิทยาในยุโรประบุว่า “การไม่ปล่อยให้ลูกเล่นนอกบ้านเลย หรือการที่เขาไม่เคยเจอกับแผลหัวเข่าถลอก จะทำให้เกิดอาการโฟเบียในตอนเป็นผู้ใหญ่ นอกจากนี้ การให้ลูกได้ลิ้มรสชาติอกหักสักครั้งก็จะส่งผลดีต่อเขาเช่นกัน” 2. ช่วยเหลือพวกเขาเร็วเกินไป เด็กๆ ในยุคปัจจุบันมีการพัฒนาการเกี่ยวกับการใช้ชีวิตน้อยลงกว่าเด็กเมื่อ 30 ปีก่อนมาก เพราะผู้ใหญ่ในปัจจุบันนี้เข้ามาจัดการและก้าวก่ายในการแก้ไขปัญหาในชีวิตของพวกเขามากเกินไป เมื่อผู้ใหญ่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเร็วเกินไป หรือนำความช่วยเหลือไปมอบให้ถึงที่ จะทำให้เราลบความสามารถในการเผชิญกับความยากลำบากและความสามารถในการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองออกไป 3. ปล่อยให้ความรู้สึกผิดเข้ามาครอบงำมากเกินไป ลูกๆ ไม่จำเป็นที่จะต้องรักเราตลอดเวลา พวกเขาจะต้องก้าวผ่านความผิดหวังไปให้ได้ แต่เขาจะไม่ได้รับผลร้ายที่มาจากการตามใจของพ่อแม่ เพราะฉะนั้นพ่อแม่ทั้งหลายจะต้องหัดพูดคำว่า…
-
พิธี ‘อุบะสึเทะ’ นำคนแก่ไปทิ้งในป่า อาจกลับมาในรูปแบบสมัยใหม่ หลังญี่ปุ่นประสบปัญหาเศรษฐกิจ
เมื่อหลายร้อยปีก่อนชาวญี่ปุ่นจะมีพิธีกรรมที่มีชื่อว่า ‘Ubasute’ (อุบะสึเทะ) ตามตำนานเล่าว่าในสมัยเอโดะนั้น ประเทศญี่ปุ่นมีการปกครองด้วยระบบขุนนอง ทำให้เหล่าเจ้าเมืองและผู้ปกครองนั้นมีอำนาจในการกดขี่ข่มเหงชาวประชา ส่งผลให้เกิดความยากลำบาก รวมกับความแห้งแล้ง ส่งผลให้ความอดอยากตามมา เหล่าขุนนางจึงได้ออกคำสั่งให้ครอบครัวใดที่มีผู้สูงอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป จะต้องนำพวกเขาไปปล่อยในป่าลึก สถานที่รกร้างห่างไกลจากเมือง หรือบนภูเขา เหล่าผู้สูงอายุที่ความจำเริ่มเลอะเลือนและโรยรา ถูกทิ้งให้อดน้ำ อดอาหารกลางป่าลึกอย่างน่าเวทนา สาเหตุที่ต้องทำแบบนั้นก็เพราะความแก่ชราของพวกเขานั้นนอกจากจะไม่สร้างประโยชน์ให้กับเหล่าขุนนางแล้ว ยังเป็นตัวถ่วงทำให้เหล่าแรงงานไม่ยอมทำงานกันอีก จนเวลาล่วงเลยผ่านไป ในปัจจุบันเจ้า พิธีกรรมอันแสนโหดร้าย Ubasute นั้นกำลังจะกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และจำนวนประชากรผู้สูงอายุที่มากเกินไป และคราวนี้ไม่ได้เป็นในรูปแบบของการเอาไปทิ้งในป่า หรือบนภูเขาแต่อย่างใด แต่เป็นการนำไปทิ้งไว้ที่โรงพยาบาล องค์กรการกุศลที่อยู่ใกล้บ้าน หรือ ทิ้งเอาไว้เฉยๆ รอให้คนมารับไปอุปการะ “ยังมีผู้คนอีกมากมายที่มีรายได้เป็นที่แน่นอน แต่ก็ยังคงมีฐานะยากจนอยู่เพราะต้องคอยดูแลเหล่าญาติผู้สูงอายุที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ และที่เป็นแบบนี้ก็เพราะพวกเขากระอักกระอ่วนใจที่จะร้องขอความช่วยเหลือ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอาย” Takanori Fujita เจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านสังคมกล่าว ภาพจำลองคุณลุงแก่ๆ (ที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตา อิอิ) ดูเหมือนว่าเทรนด์นี้จะยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงในเร็วๆ นี้ เพราะจำนวนผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีในประเทศญี่ปุ่นนั้นคิดเป็น 26.7% จากจำนวนประชากร…
-
10 ท่าออกกำลังกายง่ายๆ สำหรับสาวๆ ทำได้ เช้า-ก่อนนอน โดยไม่ต้องลุกจากเตียง
ทุกวันนี้เทรนด์สุขภาพกำลังมาแรง ทำให้สาวๆ หลายคนอยากหันมาออกกำลังฟิตแอนด์เฟิร์มหุ่นให้เชปบ๊ะเหมือนกับนางแบบ แต่หลายๆ ครั้ง เวลาและหน้าที่การงานก็ทำให้พวกเธอไม่สามารถเข้ายิมหรือฟิตเนสเซ็นเตอร์เพื่อไปออกกำลังกายได้ แต่วันนี้สาวๆ ไม่ต้องกำลังวลใจอีกต่อไปแล้ว เพราะวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ เจอข้อมูลดีๆ บนเว็บไซต์ Cosmopolitan ซึ่งรวบรวม 10 ท่าออกกำลังกายสำหรับสาวๆ ที่นอกจากจะทำตามไม่ยาก ยังหาที่ทำง่ายๆ อย่างบนเตียงของเราเองอีกด้วย นอกจากนี้ เขายังได้แนะนำเทคนิคเล็กนอย ว่าให้เลือกท่ามาซักสองสามท่า แล้วทำให้ได้จำนวนครั้งมากที่สุดใน 30 วินาที รับรองว่าเบิร์นกว่าการกดเลื่อนนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์อย่างแน่นอน Marching Hip Raises (ส่วนที่ได้ : หน้าท้อง ก้น ต้นขา) ยกก้นขึ้น ยกขาสลับข้าง ห้ามก้นแตะพื้น Side Plank With Twist (ส่วนที่ได้ : หน้าท้อง ท้องข้าง หลังแขน) ทำท่าแพล้งด้านข้าง แล้วใช้แขนข้างที่อยู่ด้านบน เอื้อมไปแตะเอวอีกด้าน และย่อตัวเล็กน้อย Leg Lift With…
-
ความแตกต่างระหว่าง “การมองเห็น” ของเด็กแรกเกิด ไปจนถึง 1 ขวบ พวกเขามองเห็นอย่างไร!?
เกือบทุกครั้งที่มีเด็กเกิดออกมา พ่อแม่ของพวกเขาก็อยากจะทำเรื่องดีๆ เพื่อสร้างความทรงจำดีๆ ให้กับลูกน้อยได้เห็นแต่ว่าเราเคยสังสัยกันไหม แล้วเด็กในช่วงแรกเกิดจนถึง 1 ขวบ พวกเขาจะมองเห็น หรือเห็นอย่างที่เราอยากให้เห็นหรือไม่!? ล่าสุด Mr. Romesh Angunawela ผู้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการผ่าตัดตา ประจำ Moorfields Eye Hospital ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการมองเห็นของเด็ก ตั้งแต่ช่วงแรกเกินไปจนถึง 1 ขวบ ว่าจริงๆ แล้วเมื่อเด็กเกิดออกมาจะมีการมองเป็นยังไง Mr.Romesh ยังได้บอกอีกว่า เมื่อเด็กๆ เกิดออกมาแล้วพวกเขาจะยังไม่สามารถมองเห็นหน้าของพ่อแม่เด็กได้ แต่ว่าจะเป็นเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกเท่านั้น หลังจากนั้นสมองส่วนการมองเห็น จะเริ่มสั่งการให้เด็กเรียนรู้และรับข้อมูลการมองเห็นให้ดียิ่งขึ้น “เด็กแรกเกิดจะมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดในระยะ 10 เซนติเมตร เพียงเท่านั้น พวกเขาจะค่อยๆ มองเห็นได้ชัดขึ้นเมื่อพวกเขาโตขึ้น” Mr.Romesh ได้กล้าวเสริม นี้คือภาพที่เด็กมองเห็น ในช่วงแรกเกิด จะเห็นได้ว่าในระยะไกลกว่า 10 เซนติเมตรนั้น เบลอจนแทบจะไม่เห็นอะไรเลย นี้คือภาพการมองเห็นของเด็กช่วงอายุ 6 เดือน จะเห็นว่าเด็กเริ่มที่จะมองเห็นรอบข้างได้เยอะขึ้น และยังรับรู้ถึงสีได้ด้วย แต่ก็ยังไม่ชัดทั้งหมด ภาพนี้เป็นภาพที่เด็กมองเห็นหลังจากมีอายุครบ 1…
-
นักวิจัยเปิดตัว “เลนส์แบบเหลว” ปรับระยะการมองเห็นได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแว่น!!
สำหรับคนที่ต้องใส่แว่นเพราะปัญหาสายตาแล้ว การต้องพกแว่นหลายๆ อันคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะแว่นแต่ละอันนั้น ก็ใช้ในสถานการณ์แตกต่างกันออกไป บางอันอาจใช้ในการใช้ชีวิตประจำวัน บางอันอาจใช้สำหรับอ่านหนังสือ ซึ่งคนที่มีเงินหน่อย อาจซื้อแว่นแบบมัลติเลนส์ ที่มีเลนส์หลายระยะในแว่นอันเดียว ก็ช่วยให้สะดวกขึ้นหน่อย แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ประสิทธิภาพของมันก็ไม่ดีเท่าเลนส์เดี่ยวๆ คุณภาพดีๆ เท่าไหร่หรอก แต่ท่านไม่ต้องกังวลกับปัญหานี้อีกต่อไปแล้ว เพราะล่าสุด นักวิจัยได้เปิดตัว “เลนส์แบบเหลว” ที่ท่านสามารถปรับระยะการได้ตามต้องการเพียงเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน หมดปัญหาพกแว่นหลายอันไปอย่างแน่นอน! แว่นตาดังกล่าวเป็นผลงานของวิศกรไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยยูทาห์ นำโดยศาตราจารย์คาร์ลอส มาสแทรนเจโล่ และนักศึกษาปริญญาเอก นาซมูล ฮาซาน พวกเขาได้ร่วมกันออกแบบแว่นตาอัจฉริยะพร้อมเลนส์แบบเหลว ที่สามารถปรับระยะได้ตามต้องการ โดยผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อแว่นเข้ากับโทรศัพท์สมาร์ทโฟนผ่านเทคโนโลยีบลูทูธ จากนั้นก็ปรับระยะให้เหมาะสมผ่านทางแอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์ ซึ่งผู้คิดค้นทั้งสองบอกว่า ตัวเลนส์สามารถปรับระยะได้ในเวลาเพียง 14 มิลลิวินาทีเท่านั้น สำหรับตัวเลนส์ทำมาจากกลีเซอรีน ของเหลวใส และเยื่อหุ้มลักษณะเหมือนยางลบทั้งด้านหน้าและด้านหลังของเลนส์ และมีการติดตั้งกลไกลหัวฉีดที่ใช้สำหรับปรับองศาเลนส์ นอกจากนี้ตัวแว่นยังติดตั้งแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จใหม่ได้ โดยการชาร์จแต่ละครั้งจะใช้งานได้ประมาณ 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ในงาน CES…