Category: สาระรอบตัว
-
เพราะเหตุใดประเทศอย่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น จึงเลือกที่จะไม่ฝังสายไฟฟ้าลงใต้ดิน!?
เมื่อพูดถึงเรื่องสายไฟฟ้า เสาไฟฟ้าในประเทศที่พัฒนาแล้ว เราก็มักจะนึกถึงความเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก่อนเป็นอันดับแรก และจะตามมาด้วยความสวยงามของการจัดการระบบสายไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันหลากหลายประเทศก็เริ่มที่จะนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินแล้ว (และในบ้านเราก็เริ่มทำแล้วในบางจังหวัด) ย้อนกลับไปดูสภาพของเมือง Jersey City หลังประสบกับพายุเฮอร์ริเคนแซนดี้ ในปี 2012 แต่ทว่าการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินนั้นยังไม่อาจสามารถทำได้ครอบคลุมไปทั่วประเทศ ทั้งๆ ที่เราคิดว่าก็ประเทศเหล่านั้นน่าจะทำได้ แต่ด้วยเหตุใดที่ประเทศก้าวหน้า ยกตัวอย่างเช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นจึงไม่ทำ? ก่อนอื่นเลยต้องเกริ่นว่าประเทศเหล่านี้อยู่ในโซนที่เกิดภัยภิบัติอยู่บ่อยครั้ง อย่างสหรัฐอเมริกาจะต้องเจอกับพายุเฮอร์ริเคนและแผ่นดินไหว ส่วนทางฝั่งญี่ปุ่นก็ต้องเจอพายุไต้ฝุ่นและแผ่นดินไหวในทุกๆ ปี แผนภาพพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวของสหรัฐอเมริกา สีแดงจะเป็นระดับที่รุนแรงที่สุด ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น สิ่งที่ตามมาก็คือความเสียหายต่อระบบสายส่งไฟฟ้า ซึ่งจะต้องทำการซ่อมแซมให้รวดเร็วที่สุด โดยเมื่อเทียบกันแล้ว แม้ว่าเสาไฟฟ้ากับสายไฟฟ้าที่อยู่เหนือพื้นดินจะเสียหายมากกว่า แต่สำหรับราคาการซ่อมนั้นถูกกว่าระบบสายไฟฟ้าฝังดินหลายเท่าตัว ดังนั้นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยพิบัติสูงยังคงใช้ระบบสายส่งไฟฟ้าเหนือพื้นดินอยู่ สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายในการทำสายส่งไฟฟ้าลงดินจะแพงกว่าการทำสายส่งไฟฟ้าเหนือพื้นดินประมาณ 3 ถึง 10 เท่า ราคาของระบบสายไฟฟ้าเหนือพื้นดินจะอยู่ที่ 285,000 ดอลลาร์ต่อ 1.6 กิโลเมตร ระบบสายไฟฟ้าใต้ดินจะอยู่ที่ 1,000,000 ดอลลาร์ต่อ 1.6 กิโลเมตร (ข้อมูลล่าสุดในปี 2015)…
-
นักวิทย์ร่วมไขปริศนา ของคำถามที่ว่า ทำไมเราจึงไม่เห็น “ลูกนกพิราบ” มาอยู่ในเมืองเลย!?
เราทุกคนคงจะเคยเห็นนกที่บินมาเกาะตามหน้าต่างหรือตามเสาไฟมามากมายหลากหลายสายพันธุ์ มีทั้งนกตัวใหญ่ตัวเล็กหรือแม้แต่ลูกนกตามรังของพวกมัน แต่จะมีนกอยู่สายพันธุ์หนึ่งที่เราจะไม่ค่อย (หรือไม่มีวัน) ได้เห็นพวกมันในขณะที่ยังเป็นลูกนกเลย นั่นคือนกพิราบนั่นเอง แน่นอนว่า ทุกคนคงจะได้เคยเห็นฝูงนกพิราบอยู่บ่อยๆ บางคนเคยให้อาหารมัน บางคนเคยวิ่งไล่จับมัน หรือบางคนก็เคยนั่งดูพวกมันรวมตัวกันตามที่ต่างๆ ในเมือง ทั้งไทยและต่างประเทศก็มีคล้ายๆ กัน คำตอบง่ายๆ ดูกวนๆ แต่มันก็คือความจริง คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมคุณถึงไม่เคยได้เห็นพวกลูกนกพิราบกันเลย? ไม่ใช่แค่คุณหรอกนะ ความจริงแล้วมีการศึกษาพฤติกรรมของพวกมันมานาน กระทั่งเหล่านักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายก็พยายามหาคำตอบเรื่องนี้ ทำไมเราเห็นลูกนกอื่นๆ บินมากินอาหารกับฝูง แต่ทำไมเราไม่เห็นลูกนกพิราบ และพวกเขาก็พบว่าลูกนกพิราบก็อยู่ที่รังยังไงล่ะ… #เหมียวฟิ้นไม่ได้จะกวนหรืออะไรนะ ความจริงมันเป็นอย่างงั้นเองแต่ที่เราไม่เห็นก็เพราะพวกนกพิราบมักจะไปทำรังในที่ลับหูลับตาคนมากๆ แตกต่างจากพวกนกทั่วไปที่อาจจะมาทำรังตรงหน้าต่างบ้านคุณ แต่นกพิราบนั้นจะชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่า เพราะฉะนั้นเราเลยจะหารังของมันเจอในที่ลึกลับ เช่นตามอาคารร้าง บ้านร้าง หลังคา หรือตามใต้สะพานที่คนไม่สามารถเข้าถึงพวกมันได้ นกพิราบคือพ่อแม่จอมโอ๋ลูก ตรงข้ามกับนกสายพันธุ์อื่นที่อยากจะให้ลูกบินโดยเร็วที่สุด เพราะการที่บินได้หมายถึงพวกมันหมดภาระการเป็นพ่อแม่แล้ว จะได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างกระตู้วู้ว ราวกับเป็นนกวัยรุ่นอีกครั้ง พวกพิราบนั้นทำหน้าที่เป็นพ่อเป็นแม่ได้ดีมาก พวกมันจะไม่พยายามบังคับหรือเตะลูกๆ ของพวกมันออกมาจากรังเพื่อบังคับให้ลูกๆ บิน ส่วนบางสายพันธุ์จะใช้วิธีบังคับออกจากรัง เพื่อให้พวกลูกๆ บินได้ซะที (พิราบมันอินดี้นั่นเอง) พวกมันจะคอยประคบประหงมลูกๆ โดยการหาอาหารมาให้และให้ลูกๆ อยู่ในรังอย่างน้อย…
-
ขยับเข้าไปอีกขั้น!! งานวิจัยใหม่ค้นพบแล้วว่า ‘แมว’ มีความฉลาดเท่าๆ กันกับ ‘หมา’
เป็นคำถามที่ค้างคาใจเหล่าคนรักสัตว์มานานนับหลายพันปี กับคำถามที่ว่า “หมากับแมวอันไหนฉลาดกว่ากัน?” บางคนก็บอกว่าแมวเพียงแต่พวกมันแค่หยิ่งเฉยๆ บางคนก็บอกว่าหมาสังเกตได้จากปฏิกริยาตอบรับเวลาที่เราเล่นด้วย แต่ล่าสุดมีนักวิจัยจากญี่ปุ่นได้ค้นพบแล้วว่า จากผลการทดสอบในหลายๆด้าน ยิ่งชี้ให้เห็นชัดขึ้นว่า ‘แมว’ มีความทรงจำเท่ากันกับ ‘หมา’ แล้วนะพวกเธอทั้งหลาย งานวิจัยดังกล่าวได้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการ ‘Behavourial Processes’ โดยทีมวิจัยได้นำแมวที่ถูกเลี้ยงโดยมนุษย์ทั้งหมด 49 ตัว เพื่อทำการทดสอบ และพบว่าพวกมันสามารถจดจำประสบการณ์ต่างๆที่ชื่นชอบได้ดี เช่นอาหารที่โปรดปราณ หรือสิ่งที่มนุษย์ทำให้มันรู้สึกชอบ เป็นต้น จากการทดสอบทีมวิจัยได้สังเกตเห็นว่า พวกมันสามารถจดจำได้ว่าชามใดที่ใส่อาหารที่เพิ่งกินเข้าไป และชามใดที่ใส่อาหารที่ยังไม่ได้กิน หลังจากเวลาผ่านไปได้เพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเจ้าแมวเหมียวสามารถจำข้อมูลเกี่ยวกับชามอาหารว่าสิ่งนั้นคืออะไร? และที่ไหน? ได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นแล้วการทดสอบดังกล่าวยังพบว่า ‘แมว’ มีความสามารถในการตอบสนองกริยาท่าทางของมนุษย์ สีหน้า หรือแม้แต่อารมณ์ ได้ดีไม่แพ้ ‘หมา’ เลยล่ะ Saho Takagi หนึ่งในทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกียวโต ได้อธิบายว่า “เราค้นพบแล้วว่าทั้งแมว และสุนัข ต่างก็ใช้ความทรงจำแบบเจาะจงเกี่ยวกับประสบการณ์เดี่ยวๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต นั่นอาจหมายความว่า พวกมันมีความจำโดยอาศัยเหตุการณ์คล้ายคลึงกับมนุษย์ และอีกสิ่งที่น่าสนใจก็คือ… แมวเหมียวอาจจะชอบนึกถึงประสบการณ์ในอดีต เหมือนมนุษย์เราก็เป็นได้” …
-
ชื่นชม!! ชาวเกาหลีหลีกทางให้รถฉุกเฉินปฏิบัติหน้าที่ แม้การจราจรจะติดขัดมากแค่ไหนก็ตาม
ก่อนหน้านี้เราคงได้เห็นข่าวกรณีรถพยาบาลเฉี่ยวชนกับปิกอัพ แต่คู่กรณีไม่ยอมจนต้องขึ้นโรงพัก และสุดท้ายรถพยาบาลไปรับผู้ป่วยไม่ทัน ทำให้ถึงแก่ชีวิต ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดนนทบุรีกันมาแล้วใช่ไหม!? วันนี้เราจะขอมาพูดถึงเรื่องนี้กันซักหน่อย เพราะแม้แต่บางทีเวลาที่ #เหมียวบ็อบ ขับรถบนถนนแล้วเจอกับรถพยาบาลที่มาพร้อมกับเสียงไซเรน เราก็ยังแอบเห็นคนที่ไม่ยอมหลบทางให้รถพยาบาลอยู่บ่อยๆ (หึ่มม…มันน่านัก!!) ก่อนอื่นเลยเราจะขอพาไปชมวิดีโอจากเหตุการณ์ไฟไหม้ใต้ทางลอดแห่งหนึ่งในประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 2015 ซึ่งจากตัวอย่างดังกล่าวเราจะได้เห็นวิธีการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ถึงแม้ว่าจะเป็นถนนที่แคบมากก็ตามเถอะ… จากวิดีโอดังกล่าวเราได้เห็นถึงจิตสาธารณะของชาวเกาหลีใต้ที่มีให้กัน สังเกตได้ว่าหลังจากที่ทุกคนทราบว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นข้างหน้า ทุกคนก็พร้อมที่จะขยับรถของตัวเองไปจอดชิดริมทางให้ได้มากที่สุด เพื่อเว้นช่องว่างตรงกลางเพื่อให้ทางแก่รถฉุกเฉิน นอกจากนี้เราจะขอพาไปชมตัวอย่างการจัดการบนท้องถนน ในช่วงเวลาเร่งด่วนจากชาวโลกให้ดูกันบ้างดีกว่า กรณีผู้ชุมนุมประท้วงในเกาะฮ่องกงเมื่อปี 2014 หลีกทางให้รถพยาบาลฉุกเฉิน อีกหนึ่งตัวอย่างกรณีรถพยาบาลฉุกเฉินในญี่ปุ่น สังเกตได้ว่ารถทุกคันจะจอดนิ่ง จนกว่ารถพยาบาลฉุกเฉินจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น ตัวอย่างจากประเทศเยอรมนี ถึงแม้ว่าจะเป็นคลิปที่เก่ามากแล้ว แต่เราเชื่อว่ามันยังช่วยเตือนสติทุกคนได้ดีอยู่ ส่วนแนวทางการปฏิบัติหลังจากที่เจอรถฉุกเฉินนั้น ทางสพฉ. ได้แนะนำแนวทางมาดังนี้… 1. เมื่อประชาชนเห็นสัญญาณไฟและได้ยินเสียงสัญญาณไซเรนก็มักจะตกใจและทำอะไรไม่ถูก ดังนั้นก่อนอื่นผู้ขับขี่ควรตั้งสติ 2. พยายามมองกระจกหลังเพื่อกะระยะของรถพยาบาลที่วิ่งมา 3. เมื่อพิจารณาปริมาณรถทั้งซ้ายและขวาที่อยู่ใกล้แล้วพบว่าไม่มีอันตรายและเราสามารถเบี่ยงชิดซ้ายได้ ให้ผู้ขับขี่ลดความเร็วรถและเบี่ยงซ้ายเพื่อหลีกทางให้รถพยาบาลทันที 4. หากไม่สามารถหลีกทางได้ด้วยเพราะสภาพรถที่หนาแน่นและมีอันตรายก็ให้หยุดชะลอรถให้นิ่งเพื่อให้รถพยาบาลฉุกเฉินหาทางวิ่งผ่านเราไปให้ได้ 5. เมื่อรถพยาบาลฉุกเฉินวิ่งผ่านไปแล้วห้ามขับตามเด็ดขาด 6. กรณีรถติดและรถพยาบาลฉุกเฉินอยู่ด้านหลังพอดีให้พิจารณาว่าควรชิดซ้ายหรือชิดขวาดี ถ้าไม่มีใครหลีกทางให้ให้ผู้ขับขี่เลือกว่าจะหลบทางไหนและเปิดไฟเลี้ยว…
-
เจาะลึกที่มาของ “สัญลักษณ์ 7 อย่าง” ที่ทุกคนบนโลก ต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี!!?
ในชีวิตประจำวันแต่ละวันของเรา มักจะได้พบเห็นกับสัญลักษณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะบนป้าย ข้างถนน หรือแม้แต่บนรีโมทโทรทัศน์!! คราวนี้เราจะขอทำตัวมีสาระกับเค้าบ้าง เดี๋ยวจะหาว่า #แก๊งค์แมวเหมียว พวกนี้เป็นแต่ทำตัวหื่นอย่างเดียว ขอพาไปเจาะลึกกับที่มาที่ไปของ 7 สัญลักษณ์สากลโลก ที่ทุกคนต่างรู้จักกันดี เอาเป็นว่าเพื่อไม่ให้เปลืองสามจี เริ่มกันเลยดีกว่า… 1. สัญลักษณ์ ‘&’ ที่มาที่ไปของสัญลักษณ์ที่เราใช้แทนค่าคำว่า ‘และ’ นั้นเดิมทีเป็นภาษาละตินจากคำว่า ‘Et’ ที่แปลว่า ‘And’ นั่นแหละ ซึ่งเดิมทีมันถูกคิดค้นขึ้นโดย ‘Tiro’ เลขาส่วนตัวของกษัตริย์ซิเซโร่ ตั้งแต่สมัยกรุงโรมนู้นแล้ว หลายศตวรรษต่อมา คำดังกล่าวกลายเป็นที่นิยมไปทั่วยุโรป และอเมริกา บวกกับการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และความรวดเร็วในการเขียน ทำให้สัญลักษณ์แรกเริ่ม ‘Et’ มารวมกันเป็นตัว ‘&’ แทนซะงั้น!? 2. สัญลักษณ์รููปหัวใจ จะว่าไปแล้วสัญลักษณ์รูปหัวใจถูกเอามาใช้ในเชิงสัญลักษณ์เกี่ยวกับความรักมานานหลายทศวรรษได้แล้วล่ะมั้ง? และทฤษฏีที่มาที่ไปของมันก็มีหลักๆอยู่ 3 ข้อดังนี้ 1. เป็นสัญลักษณ์ที่เกิดจากการที่มนุษย์เห็น หงส์ สองตัวว่ายน้ำเข้าหากันกลายเป็นรูปทรงคล้ายหัวใจ ซึ่งในวัฒนธรรมต่างๆทั่วโลก หงส์ ถูกจัดให้เป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความซื่อสัตย์…
-
ญี่ปุ่นถึงกับมึน 18 คำนิยามรสนิยมทางเพศที่พบได้ในประเทศไทย จะเยอะไปไหนเนี่ย!!?
รู้กันรึเปล่าว่าประเทศไทยเราเนี่ยแหละ ที่จัดว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหลากหลายทางเพศสูงมากกว่าที่อื่น ถึงแม้ว่าในอดีตการแสดงออกถึงเพศสภาพที่แตกต่างออกไปจากความเป็นชายหรือหญิงจะดูเป็นเรื่องผิดแปลกในสังคมก็ตามเถอะ แล้วเชื่อไหมว่าเพศทางเลือกนั้นไม่ได้มีแค่เพศที่ 3 เท่านั้น เพราะล่าสุดสื่อญี่ปุ่นได้ตีพิมพ์ตารางชาร์ตเกี่ยวกับเรื่องรสนิยมทางเพศที่พบได้ในประเทศไทยซึ่งมีมากถึง 18 เพศ!! งานนี้ชาวญี่ปุ่นถึงกับมึนกันเลยทีเดียว เราตามไปดูกันเลยว่าเขาได้นิยามทางเลือกทางเพศทั้ง 18 ทางไว้อย่างไรบ้าง… ตารางอธิบายเรื่องเพศ แต่ด้วยความที่มันเป็นภาษาญี่ปุ่น เชื่อว่าหลายคนคงอ่านไม่ออก เราเลยไปแอบหาคำแปลแบบคร่าวๆมาให้ โดยในตารางเขาได้อธิบายคำนิยามของเพศสภาพต่างๆไว้ดังนี้ ชาย – ผู้ชายที่ชอบผู้หญิงทั่วไปนั่นแหละ หญิง – ผู้หญิงที่ชอบผู้ชาย ทอม – ผู้หญิงที่มีการแสดงออกใกล้เคียงกับผู้ชาย และชอบผู้หญิง หรือดี้ ดี้ – ผู้หญิงที่แสดงออกแบบผู้หญิงอยู่ แต่จะชอบผู้หญิงด้วยกันหรือชอบทอม ทอมเกย์ – ผู้หญิงที่ชอบผู้หญิงด้วยกันซึ่งรวมไปถึงดี้ และทอม ทอมเกย์คิง – ทอมที่ชอบทอมด้วยกันเอง ไบ – ผู้หญิงที่ชอบทั้งผู้ชาย ทอม หรือผู้หญิงด้วยกันเอง โบ๊ท – ผู้ชายที่ชอบทั้งผู้หญิง เกย์คิง เกย์ควีน แต่ไม่รวมถึงสาวประเภท 2 เกย์ควีน…
-
เผยเคล็ดลับทำไมเด็กเนเธอร์แลนด์ จึงเป็นเด็กที่ “มีความสุข” มากที่สุดในโลก!?
ในปี 2013 องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ ได้ทำการวิจัยและพบว่า เด็กชาวเนเธอร์แลนด์ เป็นเด็กที่มีความสุขมากที่สุดในโลก อันดับถัดมาคือนอร์เวย์และไอซแลนด์ (ส่วนประเทศไทยไม่ติดอันดับจ้า เพราะเขาจัดแค่ 29 ประเทศเท่านั้น อ้างอิง : Unicef) ซึ่งหลังจากผลสำรวจนี้ถูกนำเสนออกมา หลายๆ คนก็สงสัยว่า เพราะเหตุใด เด็กๆ จากเนเธอร์แลนด์จึงมีความสุขที่สุดในโลก พวกเขามีเคล็ดลับอะไรเป็นพิเศษ หรือทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น? ล่าสุดทาง Rina Mae Acosta และ Michele Hutchison ผู้แต่งหนังสือ “The Happiest Kids in the World” ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า สาเหตุที่เด็กๆ จากเนเธอร์แลนด์มีความสุขที่สุดในโลก เพราะครอบครัวให้ความสำคัญกับตัวเด็กเป็นอันดับหนึ่ง ใส่ใจกับเด็กๆ ให้พวกเขาเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยพวกเธอบอกว่า ครอบครัวชาวเนเธอร์แลนด์มองเด็กๆ ในบ้านเป็น “มนุษย์คนหนึ่ง” มากกว่าที่จะมองว่าเป็น “ส่วนขยาย” ของครอบครัวเท่านั้น ดังนั้น พวกเขาจึงปล่อยให้เด็กๆ…
-
จับภาพธรรมดาๆ มาเปลี่ยนเป็น “โปสเตอร์หนัง” ระดับเทพ นี่มันเจ๋งเกินไปแล้ว!!
ถ้าใครจำได้ช่วงปีก่อน ทางสำนักข่าวแค็ทดั้มของเราเคยนำเสนอเรื่องราวของชาวเน็ตท่านหนึ่งได้เปลี่ยนภาพถ่ายธรรมดาๆ ให้กลายเป็นโปสเตอร์หนังระดับเทพมาแล้ว ซึ่งก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งในไทยและต่างประเทศ สาเหตุนั้นอาจจะเป็นที่ไอเดีย หรือการจับภาพที่ดูไม่มีอะไร ภาพที่ดูน่ารักมาทำให้ดูโหด ภาพสวยๆ มาทำให้ดูยิ่งสวยเข้าไปใหญ่ ทำให้ผู้คนติดตามเขามากมาย (ย้อนอ่าน : จับเอาภาพถ่ายทั่วไป เปลี่ยนให้กลายเป็นโปสเตอร์หนัง (เจ๋งซะจนนึกว่ามีฉายจริงๆ!!)) ล่าสุดสมาชิกเว็บไซต์ Reddit เจ้าเก่า Your_Post_As_A_Movie ก็ได้ปล่อยผลงานชุดใหม่ออกมา บอกได้คำเดียวเลยว่าเจ๋งไม่แพ้ของเดิม จะเป็นยังไง เราลองไปชมพร้อมๆ กันเลย Ed’s Rules Big Puppy Love Fallout Have A Nice Day D.O.G. Under The Moon Timgad Winner Takes All Sleuth DIVA Pangea …
-
นี่คือสิ่งที่ “คนตาบอดสีแบบต่างๆ” มองเห็นในแต่ละวัน เขามองเห็นภาพต่างไปยังไงบ้าง!?
ในโลกเรามีความผิดปกติทางร่างกายอย่างหนึ่งที่สร้างความลำบากให้กับผู้ป่วยหลายๆ คนในการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ อาการตาบอดสี ซึ่งจะทำให้เหล่าผู้ป่วยมองเห็นสีผิดแปลกไปจากความเป็นจริง โดยโรคตาบอดสี เกิดขึ้นจากเซลล์ประสาทชนิดหนึ่งในม่านตา ที่มีการตอบสนองความไวต่อสีต่าง ๆ ทำงานผิดปกติ จนเกิดเป็นความบกพร่องหรือความพิการ ส่งผลให้ดวงตาไม่สามารถที่จะมองเห็นสีบางสีได้ แต่ทั้งนี้ ตาบอดสีไม่ได้มีเพียงแต่ข้อเสียเท่านั้น แต่ผู้ที่ตาบอดสีจะมีความสามารถในการแยกสีเฉดเดียวกันที่มีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยได้ดีกว่าคนปกติ สีปกติที่คนทั่วไปมองเห็น ซึ่งโรคตาบอดสียังสามารถแบ่งออกได้อีก 4 ประเภทได้แก่ Deuteranomalia หรือ ตาบอดสีเขียว Protanopia หรือ ตาบอดสีแดง Tritanopia หรือ ตาบอดสีน้ำเงิน และตาบอดสีแบบสมบูรณ์ และหลังจากที่รู้ลักษณะตาบอดสีแต่ละประเภทแล้ว ทีนี้มาดูภาพในสายตาพวกเขาบ้าง นี่คือภาพที่พวกเขาเห็น หากเทียบกับมุมมองของคนที่มีสายตาแบบปกติ หมาปั๊กในทุ่งดอกทิวลิป สัญญาณไฟจราจร ผมสีรุ้ง ภาพ Melody Of The Night โดย Leonid Afremov…
-
ชาวเน็ตช่วยระดมทุน ช่วยเหลือทหารผ่านศึกแก่ที่สุดในโลก เกือบเสียบ้านเพราะไม่มีเงิน…
ชายคนนี้ได้ชื่อว่า ‘ทหารที่แก่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่จากสงครามโลกครั้งที่ 2’ แต่ตอนนี้เขาต้องมาระดมเงินทุนเพื่อช่วยเหลือตัวเอง หลังจากอาจเสียบ้านที่เขาสร้างมากับมือเพราะไม่มีเงิน… Richard Overton ทหารผ่านศึกวัย 110 ปีที่อาศัยอยู่ในเมือง Austin รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1945 หลังจากที่เขากลับมาจากสงคราม เขาก็สร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง และอาศัยอยู่ที่นี่นับจากนั้น เพราะด้วยการที่ไม่มีญาติสนิทที่จะมาช่วยดูแลเขาในยามแก่ เลยต้องจ้างพยาบาลเพื่อมาดูแลตัวเอง ญาติสนิทเพียงคนเดียวที่เขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยมาตลอดคือ Volma Overton ซึ่งปีนี้เธอก็มีอายุ 90 เข้าไปแล้ว และต้องการคนดูแลด้วยอีกราย Richard Overton ทหารผ่านศึกวัย 110 ปี Richard เคยรับใช้ในกองทัพสหรัฐฯ ระหว่างนั้นเขาได้รับยศสิบเอกในสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้ขอความช่วยเหลือทางการเงินไปยังสมาคมทหารผ่านศึก แต่เงินที่ทางสมาคมสามารถช่วยเหลือได้นั้นสามารถจ้างพยาบาลมาดูแลได้เพียงแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น ในการจ้างพยาบาลแต่ละวันนั้นจะมีค่าใช้จ่ายคือ 480 เหรียญต่อวัน หรือราวๆ 16,800 บาท หรือไม่เช่นนั้นเขาต้องจำใจย้ายไปอยู่สถานสงเคราะห์คนชรา และจะต้องขายบ้านของเขาที่เขาสร้างมากับมือ Volma เลยเกิดไอเดียเจ๋งๆ โดยการนำเรื่องราวของเขาไปโพสต์ใน GoFundMe เพื่อระดมทุนช่วยเหลือทั้งตัวเองและทหารผ่านศึกผู้เป็นญาติผู้พี่ของเธอ โดยตั้งเป้าไว้ที่ 50,000…
-
นักวิทย์วิเคราะห์ วิถีทางลูกผู้ชายแบบ ‘จ่าฝูงหมาป่า’ ที่ไม่ได้มีแต่ความโหดและต่อยตี…
‘หมาป่า’ เป็นสัตว์ที่เหล่าชายหนุ่มชื่นชอบ และมักจะนำมาเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มหรือแก๊งของพวกเขา อย่างที่เรามักจะได้ยินว่า ‘แก๊งหนุ่มหมาป่า’ อะไรทำนองนั้น และวันนี้เราก็มีข้อมูลจากทาง Rick McIntyre ผู้เชี่ยวชาญด้านหมาป่า ที่เฝ้ามองพฤติกรรมหมาป่ามากว่า 20 ปีเต็มๆ ใน Yellowstone National Park ประเทศสหรัฐอเมริกา สิ่งหนึ่งที่เขาสังเกตได้ก็คือ เหล่าหมาป่าและมนุษย์นั้นมีพฤติกรรมทางสังคมที่คล้ายคลึงกัน กล่าวคือทั้งสองเผ่าพันธุ์นั้นอยู่กันเป็นครอบครัว หรือฝูงสำหรับหมาป่า และมีความเอื้ออารีย์กับลูกฝูงของตัวเองมากกว่าการปกครองด้วยความหวาดกลัว แก๊งหมาป่า ‘สำหรับหมาป่าแล้ว ความเป็นฝูงนั้นสำคัญมากๆ โดยเฉพาะจ่าฝูง ที่มีความมั่นใจในตัวเองและรู้ว่าควรทำอะไรที่จะส่งผลดีที่สุดสำหรับฝูง เป็นผู้นำโดยการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับตัวอื่นๆ และที่สำคัญที่สุด คือการมีบุคลิกที่สุขุม สง่างาม จนลูกฝูงสัมผัสได้’ McIntyre กล่าว McIntyre กล่าวต่อว่า ‘จ่าฝูงไม่จำเป็นต้องดุร้าย เพราะมันได้พิสูจน์ตัวเองในทุกๆ ด้านแล้ว ลองคิดถึงหมาป่าสองฝูงสิ ฝูงหนึ่งต่อสู้และแย่งชิงกันเองในฝูง ส่วนอีกฝูงช่วยเหลือและแบ่งปันซึ่งกันและกัน ระหว่างสองฝูงนี้ ฝูงไหนจะมีชีวิตรอดนั้นคาดเดาได้ไม่ยากเลย และหมาป่าก็ตระหนักรู้ถึงสิ่งนั้น’ ที่น่าแปลกใจกว่านั้น ถึงแม้ว่าเหล่าตัวผู้จะสามารถล่าเหยื่อมาได้สำเร็จ พวกมันก็อาจจะนำเหยื่อมาให้ฝูงของมันกินโดยที่พวกมันจะไม่แตะต้องก่อน จนกว่าทั้งฝูงจะกินเสร็จ พวกมันถึงจะเข้ามากินเป็นชุดสุดท้าย ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีของ McIntyre ที่ศึกษาและสังเกตพฤติกรรมของหมาป่ามาโดยตลอด…
-
ชาวเน็ตช่วยเหลือเจ้าหนู 9 ขวบที่อุ้มน้องไปเรียนด้วย เพราะบ้านไม่มีอาหารกลางวันและไม่มีใครดูแล!!
เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊คชาวฟิลิปปินส์ชื่อ Shyla Mie Brillantes Blasico ได้แชร์เรื่องราวสุดประทับใจของหนูน้อยวัย 9 ขวบ Mateo Bano ที่ต้องนำน้องชายของเขาไปเลี้ยงดูด้วยที่โรงเรียน ขณะที่เขาเรียนหนังสืออยู่… Shyla ทำงานเป็นคุณครูในโรงเรียนประถม J. Blanco ในแถบ Mindanao ประเทศฟิลิปปินส์ และตอนนี้ Mateo ก็กำลังศึกษาอยู่ราวๆ ชั้น ป.3 ของโรงเรียนแห่งนี้ ครอบครัวของ Mateo มีลูกชายทั้งหมด 3 คน และ Mateo นั้นเป็นลูกคนกลาง ด้วยการที่แม่ของเขาเสียชีวิตทำให้สถานการณ์ทางการเงินของที่บ้านย่ำแย่เข้าไปอีก เขาจึงต้องเลี้ยงดูน้องระหว่างที่ไม่มีใครอยู่บ้าน ด้วยการนำน้องมาเลี้ยงที่โรงเรียน Mateo และน้องชายของเขา ขณะที่กำลังเรียนหนังสือ พ่อของเขาทำงานเป็นช่างไม้อยู่ต่างเมือง จำเป็นต้องทิ้งลูกๆ เพื่อไปทำงาน บางครั้งพี่ชายของ Mateo ก็จะรับเลี้ยงน้องชายคนสุดท้องบ้าง แต่ส่วนใหญ่ Mateo จะนำเขามาโรงเรียนด้วยเสมอ เพราะเขาไม่อยากขาดเรียน และไม่ต้องการที่จะทิ้งน้องไว้ที่บ้านคนเดียว นอกจากสภาพของบ้านที่ซอมซ่อสุดๆ…
-
สุดยอดภาพวาดอายุ 450 ปีของ Bruegel ที่แฝง ‘สุภาษิตดัตช์’ ไว้นับร้อยในภาพเดียว!!
คำกล่าวว่าภาพวาดแค่หนึ่งภาพสามารถแทนคำพูดได้เป็นร้อยๆ คำนั้น เป็นคำที่ไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่อย่างใดเลย… ภาพวาดเก่าแก่อายุกว่า 450 ปีของศิลปินชาวดัตช์ที่ชื่อว่า Pieter Bruegel นั้นเป็นคำตอบของเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะในภาพวาดของเขาแฝงเอาสุภาษิตโบราณของชาวดัชต์กว่าร้อยสุภาษิต!! (บางอันยังใช้มาถึงปัจจุบันนี้) Bruegel นั้นเป็นศิลปินที่ขึ้นชื่อในเรื่องความละเอียดอ่อนอยู่แล้ว ตอนนี้ภาพของเขาถูกเก็บไว้ที่ Gemäldegalerie กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และนี่คือภาพของเขาใบนั้น ‘The Netherlandish Proverbs’ To bang one’s head against a brick wall หรือเอาหัวโขกกำแพง ประมาณว่าทำอะไรที่เจ็บตัว แถมไม่ได้ประโยชน์อีกต่างหาก Move like your ass is on fire! เคลื่อนไหวให้มันรวดเร็วเหมือนไฟไหม้ตูดบ้างสิ! Two fools under one hood. หรือประมาณว่ากบในกะลา คนโง่ชอบอยู่ด้วยกันในโลกแคบๆ เพราะจะยกหางกันเสมอไม่ว่าจะทำอะไร To be pissing against…
-
คำขอสุดท้ายของแม่ ‘เพื่อนบ้านช่วยดูแลลูกๆ ทั้งสามของฉันด้วย’ ถึงจะไม่สนิท แต่ก็ตกลง…
เรื่องราวของความรักและเอื้ออาทรณ์ซึ่งกันและกันก็ยังมีให้เห็นกันในสังคม และเรื่องราวเหล่านี้นี่เองที่ทำให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้น แม้ในวันที่สิ้นหวังที่สุดก็ตามที… Audrey คือคุณแม่ที่เลี้ยงดูลูกๆ ทั้ง 3 ของเธอด้วยตัวคนเดียว วันหนึ่งเธอเกิดรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในช่องท้องจึงไปตรวจที่โรงพยาบาล เธอจึงฝากลูกๆ ทั้ง 3 ไว้กับ Tisha และ Kevin สองสามีภรรยาที่เป็นเพื่อนบ้านเป็นเวลา 1 คืน ผลตรวจจากโรงพยาบาลนั้นน่าเศร้าและตกใจมาก เพราะหมอพบว่าเธอเป็นมะเร็งในกระเพาะและหลอดอาหารขั้นที่สอง และเธอเหลือเวลาน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยในการจะจัดแจงอะไรต่างๆ ให้พร้อมสำหรับลูกๆ ของเธอ Audrey ไม่มีญาติหรือเพื่อนสนิทที่จะไปขอความช่วยเหลือได้ ที่พึ่งสุดท้ายก็คือ Tisha และถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ค่อยสนิทกันมากเท่าไหร่ แต่นั่นคือทางเลือกสุดท้ายของแม่ผู้ใกล้ตาย… ถึงแม้ Tisha จะมีลูกๆ อยู่แล้ว 5 คน Audrey ก็บากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากเธอ ด้วยการขอให้เธอเป็น ‘ผู้ปกครอง’ และดูแลลูกๆ ทั้ง 3 ของเธอเมื่อเธอจากโลกใบนี้ไป Tisha อดีตพนักงานคาสิโนในเวกัสที่ถึงจะไม่ได้มีประวัติที่สวยหรูหรือร่ำรวยมากเท่าไหร่ แต่น้ำใจของเธอนั้นงดงามมาก เพราะเธอตอบรับคำขอของแม่ผู้ใกล้ตายทันที ถึงบ้านของพวกเขาจะคับแคบ เพราะอาศัยกันอยู่แล้วถึง 7 คนก็ตามที และตอนนี้พวกเขาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวใหญ่ 10 คนแล้วล่ะ หลังจากนั้นเพียงไม่นาน Audrey…
-
19 ความล้ำของนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ พิสูจน์แล้วว่ามนุษย์นี่แหละ โคตรฉลาดเลย!!
มนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถดัดแปลงสิ่งของต่างๆ เพื่อมาอำนวยความสะดวกแก่ตนเองได้ และที่ผ่านๆ มาเราก็ได้เห็นไปแล้วว่ามันเจ๋งขนาดไหน ในบทความนี้#เหมียวฟิ้นเลยขอรวบรวมเอาสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมเจ๋งๆ ที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยมนุษย์มาให้ทุกๆ คนได้ดูกัน ลองดูกันซิว่ามีชิ้นไหนบ้างที่คุณไม่เคยเห็นจนต้องร้องว๊าวกันบ้าง? 1. ปุ่มกดลิฟท์ที่ติดตั้งไว้ด้านล่าง สำหรับคนที่ถือข้าวของเยอะจนไม่สามารถกดปุ่มได้ (ใช้เท้ากดนั่นเอง) 2. ป้ายแสดงโครงสร้างของสิ่งปลูกสร้างที่เสียหายไปแล้ว เพื่อให้คนเห็นว่าเมื่อก่อนมันเคยมีหน้าตาเป็นยังไง 3. ตะกร้าของร้านขายเครื่องสำอางในเกาหลีใต้ ที่ติดป้ายสีเขียวและส้ม เพื่อแสดงให้พนักงานเห็นว่าต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขาหรือไม่ 4. ปกหนัง DVD ที่สามารถมองได้ทั้ง 2 ด้าน 5. ช้อนที่เป็นส้อมและมีไม้จิ้มฟันในเวลาเดียวกัน 6. กีต้าร์ที่ทำเป็นออดประตู 7. เปลี่ยนประตูหน้าบ้านให้กลายเป็นแอมป์กีตาร์ 8. เก้าอี้ที่สามารถพับให้กลายเป็นโต๊ะได้ 9. ป้ายเตือนในเมืองแห่งหนึ่งเขียนว่า “ถ้าคุณชนป้ายนี้ คุณก็จะชนสะพานข้างหน้าด้วย” เพื่อเพิ่มความระมัดระวังแก่คนใช้รถใช้ถนน 10. โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ นำโปสเตอร์ลายชั้นวางหนังสือมาแปะไว้ที่ประตูทางออกฉุกเฉิน เพื่อป้องกันไม่ให้คนไข้โรคอัลไซเมอร์เปิดประตูนั้นออกไป 11. โต๊ะสาธารณะที่ออกแบบมาให้เด็กเล็กสามารถนั่งด้วยได้โดยที่ไม่ต้องปีนขึ้นมานั่งที่สูงๆ…
-
นักจิตวิทยาฮาร์วาร์ดเผย ผู้คนตัดสินคุณจากการเจอครั้งแรก ด้วยหลักการ 2 ข้อเท่านั้น!!
ว่ากันว่าผู้คนจะตัดสินคุณจากการพบเจอกันในครั้งแรก แต่คุณเคยรู้จริงๆ หรือไม่ว่า “สิ่ง” ที่พวกเขาตัดสินนั้นมันคืออะไร? บทความต่อไปนี้เป็นผลมาจากการศึกษาของศาสตราจารย์ Amy Cuddy นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับ First Impressions (ความประทับใจแรกพบ) ร่วมกับ Susan Fiske และ Peter Glick มานานกว่า 15 ปี จนพวกเขาค้นพบรูปแบบบางอย่างที่น่าสนใจเข้าให้ ศาสตราจารย์ Amy ได้เขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งที่ชื่อว่า Presence โดยกล่าวว่าผู้คนมักจะมองเพียง 2 อย่างให้ครั้งแรกที่เจอกัน คือ 1. ฉันสามารถไว้ใจคนนี้ได้ไหม? 2. คนๆ นี้น่าเคารพหรือเปล่า? ทั้ง 2 อย่างที่กล่าวมานี้มีความสำคัญกับกลุ่มคนหลายๆ กลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำงานกับคนเยอะๆ หรือคนที่ต้องติดต่อธุรกิจสำคัญๆ เพื่อให้มีความมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถมากพอที่จะรับมือกับการเจรจาหรือธุรกิจของคุณนั่นเอง “จากมุมมองของการวิวัฒนาการ มันมีความสำคัญต่อการอยู่รอดของพวกเรามากที่จะรู้ว่าใครเหมาะสมที่จะไว้เนื้อเชื่อใจ” ศาสตราจารย์ Amy กล่าว หากคิดดีๆ แล้วสิ่งที่ศาสตราจารย์ Amy…
-
ชายหนุ่มแชร์ประสบการณ์ เลิก ‘เหล้า’ และ ‘กาแฟ’ ได้ 2 ปี และตอนนี้ ชีวิตเขาดีขึ้นสุดๆ !!
ทั้งการดื่มเหล้าและดื่มกาแฟนั้นสามารถทำให้คุณเกิดอาการ ‘ติด’ ได้ ถึงหลายๆ คนจะไม่เชื่อ และไม่ค่อยอยากที่จะยอมรับก็ตาม… Tobias Van Schneider คือคนที่สามารถเอาชนะความอยากนั้นได้สำเร็จ เพราะเป็นเวลากว่า 25 เดือนเต็มแล้ว โดยที่เขาใช้ชีวิตมาโดยไม่มีทั้งกาแฟหรือเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ เขาคือชายเยอรมันที่ย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ในนิวยอร์ก ซึ่งตอนนี้กำลังทำงานอยู่กับ Spotify อยู่ และวันนี้เขาจะมาบอกเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงหลังจากเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตกันล่ะ Tobias Van Schneider ‘ก่อนอื่นเลยผมเหลือเงินเก็บมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ราวๆ 1,000 เหรียญต่อเดือนเลยทีเดียว (35,000 บาท!!)’ ‘แต่สิ่งที่หายไปก็คือการเข้าสังคม เพราะการดื่มกาแฟและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์นั้นคือกิจกรรมทางสังคมที่ดีเลยล่ะ’ Tobias เล่า เพราะหลายๆ ครั้งเขาต้องพยายามอธิบายให้เพื่อนๆ ของเขาได้เข้าใจกันว่าเขาไม่ดื่มแอลกอฮอล์และกาแฟ และทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือการ ‘ปฏิเสธ’ ทุกๆ คำขอที่เพื่อนๆ ส่งมาถึงเขา หนึ่งในสิ่งที่เรียนรู้ได้มาจากการเลิกเหล้าก็คือ ‘คนเมาน่ะชอบเข้าสังคมแบบซุบซิบนินทา’ ข่าวคราวซุบซิบนินทานั้นมักจะเป็นเรื่องที่ตลกขบขันเฉพาะในวงเหล้าเท่านั้น ‘ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้ชอบเที่ยวมากมายเท่าไหร่ ยิ่งหยุดดื่มยิ่งกลายเป็นไม่เที่ยวเลย ผมค่อนข้างแปลกใจเหมือนกันว่ากิจกรรมทางสังคมของวงเหล้าก็ค่อยๆ หายไปเหมือนกัน ก็ต้องยอมรับล่ะว่าในหลายๆ ครั้งคำว่ามิตรภาพนั้น เกิดขึ้นเพราะพฤติกรรมการสังสรรค์จริง’ เขาเล่าต่อ…
-
วิศวกรเสนอ 4 วิธีการเอาตัวรอด หากอยู่ในสถานการณ์ “ลิฟท์ตก” ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้…
หลายๆ คนคงจะเคยกังวล และรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยขณะขึ้นลิฟต์ เพราะบ่อยครั้งเราจะเห็นสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะทั้งไทย และต่างประเทศ นำเสนอข่าวที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นภายในลิฟต์ ซึ่งเอาจริงๆ อุบัติเหตุจากลิฟท์มักจะเกิดขึ้นได้ยาก และค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องไกลตัว แต่เรื่องแบบนี้มันเป็นอะไรที่ไม่แน่นอน เพราะถ้าหากมันเกิดขึ้นกับเราจริงๆ จะทำอย่างไร เพราะฉะนั้นเราควรมองหาวิธีแก้ไข และเอาตัวรอดจากมันกันหน่อยดีไหม ด้วยเหตุนี้ ทาง Eliot H. Frank วิศวกรวิจัย จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology) จึงได้ออกมาเผย 4 วิธีการเอาตัวรอดจากลิฟต์ที่กำลังตก ว่าแล้วก็มาดูกันเลยดีกว่า 1.ภายใต้สถานการณ์ที่ลิฟต์กำลังตก อย่ากระโดดเป็นอันขาด เอาจริงๆ แล้วมันค่อนข้างเป็นเรื่องที่ยากมากหากคุณพยายามกระโดดขณะลิฟต์ตกอยู่กลางอากาศ และการกระโดดอาจทำให้ความเร็วในการตกเท่ากับความเร็วในการตกของลิฟต์ในตอนนั้น อีกทั้งเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าร่างกายส่วนไหนจะตกลงพื้นก่อน ดังนั้น หากอยู่ในสถานการณ์ที่ลิฟต์กำลังตก อย่ากระโดดเป็นอันขาด เพราะมีการพิสูจน์ออกมาแล้วว่ามันเป็นอันตราย และไม่ควรทำอย่างมาก ลองชมคลิปด้านล่างได้เลย… 2.อย่ายืนตัวตรง การยืนตัวตรงไม่ได้เป็นความคิดที่ดีสักเท่าไหร่ เพราะในขณะลิฟต์ตกจะทำให้น้ำหนักลงไปบนเข่าถึง 10 เท่าของน้ำหนักตัวเลยนะ นั่นก็อาจจะนำไปสู่อันตราย และการบาดเจ็บที่ร้ายแรง 3.นอนราบอยู่บนพื้นลิฟท์…
-
วิถีชีวิตชนเผ่าโบราณ Huaorani ใช้เวลาส่วนใหญ่ปีนต้นไม้ และออกล่า ‘ลิง’ เป็นอาหาร!!
ถึงแม้ในตอนนี้กระแสโลกาภิวัฒน์จะเข้าครอบคลุมอย่างทั่วถึงเกือบทั้งโลก แต่ก็ยังมีชนเผ่าโบราณที่ยังใช้ชีวิตตามแบบดั้งเพิมของบรรพบุรุษของพวกเขา หล่อเลี้ยงชีวิตโดยการเป่าลูกดอกเพื่อล่าลิงมาปรุงเป็นอาหาร!! ชนเผ่า Huaorani แห่งเอกวาดอร์ ในป่าแห่งนี้ไม่มีร้านอาหาร ร้านขายของชำ หรือแม้แต่กระแสไฟฟ้า ผู้คนต้องดำเนินชีวิตตามแบบบรรพบุรุษโบราณ ด้วยวิธีการปีนป่ายขึ้นไปซุ่มอยู่บนต้นไม้ แล้วเป่าลูกดอกอาบยาพิษใส่ลิงที่หลงเข้ามา ชนเผ่า Huaorani ทางตอนเหนือของประเทศเอกวาดอร์ ด้วยการที่มีประชากรราวๆ เพียง 4,000 คนเท่านั้น ทำให้ความแตกต่างทางพันธุกรรมและยีนส์ของคนเผ่านี้แทบจะเรียกได้ว่าน้อยมาก ทำให้คนในชนเผ่ามีเท้าที่แบน และมีนิ้วเท้า 6 นิ้วด้วยกัน และบางรายก็มีนิ้วมือ 6 นิ้วอีกด้วย!!? การล่าและกินเนื้อลิงนั้นเป็นอาหารหลักของพวกเขา นอกจากนี้ก็มีหมูป่า นกทูแคน และพืชผักสมุนไพรต่างๆ ที่สามารถหาได้ในป่า แต่การหาพืชผักจะเป็นหน้าที่ของหญิงสาวในหมู่บ้านแทน พวกเขาอาศัยอยู่ลุ่มแม่น้ำ Rio Napo ที่ไหลลงไปสู่แม่น้ำอะเมซอน Pete Oxford ผู้ถ่ายภาพกล่าวว่า ‘ชนเผ่า Huaorani คือชนเผ่าอินเดียนแดงโบราณที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงให้เห็นภายในชนเผ่าของพวกเขาแล้ว หลังจากมีการค้นพบแหล่งน้ำมันในพื้นที่’ อาหารหลักของชนเผ่านี้คือลิง ‘พวกเขาดำรงชีวิตด้วยการล่าลิงและนกเป็นส่วนใหญ่ โดยการเป่าลูกดอกอาบยาพิษ ผมมีความสุขอย่างมากที่ได้ใช้เวลาร่วมกับพวกเขา อยู่ที่นี่ ราวกับว่าผมเป็นชาวต่างชาติเลยล่ะ’ Pete กล่าวต่อ ‘ผมค่อนข้างได้รับการยอมรับจากคนในเผ่า แต่น่าเสียดายที่มีปัญหาอยู่เรื่องหนึ่งก็คือผมมักจะนอนในเต้นท์ไม่ได้…
-
คู่รักตกรถไฟต้องทนหนาว ชายไร้บ้านจึงหยิบยื่นเสื้อกันหนาวให้ และถูกตอบแทนด้วยชีวิตใหม่!!
ใครจะไปคิดว่าความมีน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของหนุ่มไร้บ้านคนหนึ่ง จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้เขาสามารถตั้งตัวและสามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อีกครั้ง เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงคืนวันที่ 4 กรกฎาคม เมื่อคู่รักชาร์ล็อต เอลลิสและเทย์เลอร์ วอลดอน ได้ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนที่เมืองเอสเซกซ์ ในประเทศอังกฤษ และเมื่องานเลิก ทั้งสองจึงเดินทางไปยังสถานีรถไฟเพื่อกลับไปยังกรุงลอนดอน คู่รัก Taylor และ Charlotte โชคร้าย เมื่อมาถึงสถานีรถไฟ พวกเขากลับพบว่าขบวนรถไฟที่จะพาพวกเขากลับไปยังลอนดอนได้ออกเดินทางไปซักพักแล้ว และรถไฟเที่ยวต่อไปจะมาอีกในสี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ ด้วยความที่พวกเขาไปงานเลี้ยงมา ทำให้พวกเขาไม่ได้พกเสื้อกันหนาวตัวใหญ่นัก และด้วยอากาศที่เย็นลง ทำให้พวกเขาต้องนั่งรถอย่างหนาวสั่นอยู่ที่สถานทีรถไฟแห่งนั้น ทันใดนั้นเอง โจอี้ หนุ่มไร้บ้านที่อาศัยอยู่ที่สถานีรถไฟแห่งนั้น ก็เดินนำเสื้อกันหนาวมาให้คู่รักทั้งสอง ทั้งสองรู้สึกขอบคุณและประทับใจมาก พวกเขาจึงชวนโจอี้ไปนอนที่บ้านแม่ของชาร์ล็อต ภาพประกอบชายไร้บ้านที่เขาลงประกอบเรื่องเล่าไว้ (ซึ่งไม่ใช่โจอี้ เป็นภาพประกอบเฉยๆ) “ตอนที่ฉันกับเทย์เลอร์นั่งหนาวสั่นอยู่นั้น โจอี้ก็เดินเอาเสื้อกันหนาวมาให้ มันมีบางสิ่งในตัวเขาที่ทำให้พวกเราเชื่อใจ และฉันไม่สามารถทิ้งเขาไว้ในสภาพแบบนั้นได้ ไม่มีใครควรมีคุณภาพชีวิตแบบบนั้น ฉันไม่ได้บอกว่าเราควรเชื่อใจคนแปลกหน้าทุกคน แต่ต้องคิดว่าคุณควรเชื่อใจใครได้บ้าง?” ชาร์ล็อตกล่าว หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายโจอี้ก็ตอบรับคำชวนของคู่รักทั้งสอง “เราดื่มกันอีกเล็กน้อย และนั่งคุยกันอีกหลายชั่วโมง เราแลกเปลี่ยนเรื่องราวชีวิตซึ่งกันและกัน สุดท้ายเราก็กลายเป็นเพื่อนกัน ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไง…
-
ลด ละ เลิก 12 พฤติกรรมในยามดึก ที่จะทำให้คุณ “อ้วน” ขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว!!
สำหรับคนที่คิดว่าตัวเองกำลังอ้วน หรืออ้วนไปแล้ว เคยสงสัยบ้างหรือไม่ว่า ความอ้วนของตนเองนั้นหนา มันมาจากที่ใดกัน บางครั้งก็พยายามควบคุมอาหาร หรือหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้อ้วนแล้ว แต่…ทะ ทะ ทำไม น้ำหนักมันถึงไม่ยอมลดลงสักทีน้า ถ้าอย่างนั้นก็ลองกลับมาสังเกตตัวเองดูใหม่สิว่า คุณเป็นคนที่นอนหลับไม่เพียงพอ ชอบทานขนมจุกจิกในตอนกลางคืน หรือทานอาหารมื้อเย็นมากเกินไปหรือเปล่า เพราะนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ “อ้วน” ได้โดยที่ไม่รู้ตัวก็เป็นได้ และในวันนี้เราจะมาเปิดเผย 12 พฤติกรรมในยามดึกที่ทำให้อ้วน มาดูกันเลยดีกว่าว่ามันจะตรงกับสิ่งที่คุณทำในชีวิตประจำวันหรือเปล่า ถ้าใช่!! ก็ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมถึงอ้วนขึ้น 1.นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หากคุณเป็นคนที่นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ผลกระทบที่จะได้รับก็คือ ระบบการเผาผลาญจะทำงานช้าลงมาก แถมยังทำให้รู้สึกหิวอยู่ตลอด ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมา และยังทำให้ออกกำลังกายได้น้อยลง เพราะรู้สึกเหนื่อยง่ายอีกด้วย เพราะฉะนั้นทางที่ดีก็คือคุณต้องนอนหลับอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง 2.ทานมื้อค่ำมากเกินไป รู้หรือไม่ การทานอาหารมื้อค่ำมากเกินไป อาจจะทำให้อ้วนได้เหมือนกันนะ เพราะถ้าหากคุณรับประทานอาหารมื้อค่ำมาก หรือหนักเกินนั้น จะทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานช้าลง โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ยิ่งถ้าดูโทรทัศน์ขณะที่กำลังรับประทานอาหาร มันก็จะยิ่งทำให้อ้วนขึ้นได้ ดังนั้น ควรเลือกทานอาหารมื้อค่ำที่ประกอบไปด้วยโปรตีน และผักจะดีกว่าจ้า 3.นอนทันทีหลังรับประทานอาหารค่ำ การนอนทันทีหลังรับประทานอาหารค่ำจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง ดูนะจ๊ะ!! 1.มันจะเกิดการสะสมเซลล์ไขมันมากขึ้น…
-
คุณแม่หอบลูกน้อยขึ้นเครื่อง มอบขนมและที่อุดหูให้กับผู้โดยสารท่านอื่น เพื่อเป็นการขอโทษ
เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนไม่อยากเจอบนเครื่องบิน คือการได้นั่งข้างๆ ครอบครัวที่มีเด็กน้อยเดินทางมาด้วย เพราะด้วยความที่เด็กยังเล็ก บางครั้งพวกเขาก็ไม่สามารถบังคับตนเองทำ ให้อาจจะส่งเสียงร้องหรือมีพฤติกรรมบางอย่างรบกวน ผู้โดยสารท่านอื่นๆ ได้ แต่ล่าสุด ผู้ใช้งานเว็บไซต์ Reddit ท่านหนึ่งชื่อว่า Fe_Mike ได้แชร์เรื่องราวอันน่าประทับใจแก่ชาวเน็ต เมื่อเขาได้รับของขวัญเล็กๆ น้อยๆ พร้อมจดหมายจากครอบครัวหนึ่ง เพื่อเป็นการขอโทษที่นำลูกน้อยวัยไม่กี่เดือนขึ้นเครื่องบินมาด้วย โดยเขาเล่าว่า คุณแม่ท่านหนึ่งได้แจกถุงถุงนี้ให้กับผู้โดยสารโดยรอบ ซึ่งภายในประกอบไปด้วยขนมเล็กๆ น้อยๆ ที่อุดหู และจดหมายฉบับหนึ่ง จดหมายมีใจความว่า “สวัสดีครับคุณคนแปลกหน้า ผมชื่อว่า Andaqi ผมจะอายุครบ 4 เดือนในวันที่ 15 มกราคมที่จะถึงนี้ และนี้เป็นการเดินทางด้วยเครื่องบินครั้งแรกของผม ผมจะพยายามทำตัวให้ดีที่สุด แต่ผมก็ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วย ถ้าผมอยู่ดีๆ ก็ทำตัวไม่ดี หรือว่ากลัว หรือว่าเจ็บหู แถมช่วงนี้ฟันผมกำลังขึ้นด้วย ดังนั้นผมจึงรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมรู้ว่าผมยังเด็กแต่ผมก็อยากให้คุณได้เดินทางอย่างมีความสุขที่สุด แม่ของผม Niqelle ได้ทำถุงนี้ขึ้นมา ภายในมีขนมเล็กๆ น้อยๆ นอกจากนี้ยังมีที่อุดหูใส่ไว้ด้วย ถ้าเกิดขนมเหล่านั้นยังไม่ทำให้คุณมีความสุขพอ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะฮะ…
-
มัสยิดในบอสเนีย เปิดให้คนไร้บ้านเข้ามาหลบภัยหนาวได้ ยินดีต้อนรับจากทุกศาสนา!?
เวลาพูดถึงมัสยิด หลายคนอาจมีความรู้สึกว่ามัสยิดเป็นสถานที่ที่คนนอกศาสนาอิสลามไม่ควรเข้าไปย่างกราย… แต่ล่าสุดในกรุงซาราเจโว ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีน มีเรื่องราวอันน่าประทับใจเกิดขึ้น เมื่ออิหม่ามคนหนึ่งได้เปิดมัสยิดให้คนจรจัดหรือนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปหลบภัยหนาวเย็นได้ โดยไม่แบ่งแยกศาสนาใดๆ ทั้งสิ้น อิหม่ามคนนี้มีชื่อว่า มูฮาเหม็ด เวลิก เขาเป็นผู้ดูแลมัสยิดแห่งหนึ่งในกรุงซาราเจโว ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีน เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ดีๆ กรุงซาราเจโวก็ถูกคลื่นความหนาวเข้าเล่นงานอย่างฉับพลัน ทำให้อุณหภูมิทั่วทั้งเมืองลดลงอย่างกะทันหัน จนทำให้ประชาชนต่างๆ เดือดร้อนไปตามๆ กัน แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นเหล่าผู้อพยพและคนไร้บ้านต่างๆ พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานจากความหนาวเหน็บที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ มูฮาเม็ด จึงประกาศออกไปว่า ใครก็ตามที่กำลังประสบภัยหนาวและต้องการสถานที่พักอาศัย พวกท่านสามารถเข้ามาหลบได้ที่มัสยิดของเขาได้เลย ไม่ว่าท่านจะนับถือศาสนาใดก็ตาม “ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือต่างตอบรับคำเชิญชวนของพวกเรา บางคนก็มาจากอีกเมืองหนึ่งเลยทีเดียว อย่างคืนนี้เรามีแขกจากเมืองบิสตริก ผมดีใจมากที่ผมได้ช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อน สีหน้าแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและความทุกข์ทรมานจากภัยหนาว แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีรอยยิ้มและความหวังอยู่ด้วยเช่นกัน” “ผมคิดว่าค่ำคืนนี้มัสยิดของเราสวยงามเป็นพิเศษเลยนะ พวกเราอยู่ที่นี่ คนดีๆ กำลังประสบปัญหา ถ้าเราสู้ไปด้วยกัน เราจะก้าวผ่านความยากลำบากไปได้ พระเจ้าพร้อมมอบความช่วยเหลือให้กับเราทุกๆ คน” มูฮาเหม็ดโพสลงบนเฟสบุ๊กของตนเอง แม้จะต่างศาสนา…
-
10 ของแปลกๆ ที่คนไม่คิดว่าจะเจอในสวนหลังบ้าน แต่ปรากฎว่าเจอซะอย่างงั้น
เวลามองเข้าไปที่สวนหลังบ้านของตนเอง เชื่อว่าหลายๆ คนต้องเคยคิดว่า “ใต้ผืนดินแห่งนี้ จะมีสมบัติหรือของมีค่าอะไรฝังเอาไว้มั้ยน้า” อย่างแน่นอน เพราะถ้าเกิดใต้นั้นมีของอยู่จริงๆ ชีวิตของหลายๆ คนจะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน (แต่ส่วนใหญ่มันก็เป็นแค่ฝันล่ะนะ) แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 10 ของที่คนไม่คิดว่าจะเจอในสวนหลังบ้าน แต่อาจจะด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจขุดก็ไม่ทราบ พวกเขากับเจออะไรแปลกๆ ซะอย่างงั้นแหละ รถเฟอร์รารี่ ในปี 1978 เด็กสองคนนั่งขุดดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตนเอง แต่ขุดไปซักพักพวกเขากลับพบว่า มีรถเฟอร์รารี่ รุ่น Dino 246 GTS ฝังอยู่ พวกเขาจึงแจ้งตำรวจทันที เมื่อตำรวจทำการสืบสวนหาที่มาก็พบว่า รถคันดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการแกล้งทำรถหาย เพื่อเรียกเงินประกันจากบริษัทประกัน ซึ่งภายหลังทางตำรวจได้คืนรถให้กับบริษัทประกันเพื่อในไปประมูลหารายได้ต่อไป กระดองกลิปโทดอน วันหนึ่ง Jose Antonio Nievas จากประเทศอาร์เจนติน่าแจ้งกับตำรวจว่า เขาขุดพบ “ไข่ไดโนเสาร์ขนาดยักษ์” ในฟาร์มของเขา จนเรื่องราวของเขากลายเป็นที่โด่งดังไปทั่วประเทศ แต่เมื่อทางนักโบราณคดีเข้ามาตรวจ แม้จะไม่ใช่ไข่ไดโนเสาร์จริงๆ แต่ก็โบราณไม่แพ้กัน เพราะมันเป็นกระดองของสัตว์สิ่งมีชีวิตยุคโบราณที่เรียกว่า “กลิปโทดอน” ขุมทรัพย์จากยุคกลาง ในปี 2007 Andreas K. จากประเทศออสเตรียพบกล่องสมบัติในสวนหลังบ้านของเขา…
-
8 วิธีทำให้เราหลุดพ้น “ความเหงา” โรคร้ายที่กำลังกัดกินคนรุ่นใหม่แบบไม่รู้ตัว…
แม้ทุกวันนี้เทคโนโลยีจะทำให้ผู้คนสามารถติดต่อและพูดคุยกันได้ง่ายขึ้น แต่ดูเหมือนว่าหลายๆ ครั้ง ความก้าวหน้าเหล่านี้กลับไม่สามารถถมที่ว่างในจิตใจของใครหลายๆ คน ทำให้ผู้คนยุคนี้ ต้องเผชิญกับ “ความเหงา” อย่างเดียวดาย ถ้าเพื่อนๆ กำลังประสบปัญหาเหล่านี้ล่ะก็ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 8 วิธีที่จะทำให้เพื่อนๆ หลุดพ้น “ความเหงา” โรคร้ายที่กำลังกัดกินคนรุ่นใหม่ จากเว็บไซต์ Wikihow ไปดูกันเลยดีกว่า! 1. ทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้ หาอะไรที่ผลาญเวลาชีวิตคุณเยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นอ่านหนังสือ หาชมรมกิจกรรมอะไรซักอย่างอยู่ เปิดอินเตอร์เน็ตหาโปรเจ็ค DIY เก๋ๆ ทำก็ได้ พอไม่ว่างปุ๊บ เราก็จะเหงาน้อยลงไปเอง 2. เปลี่ยนที่อยู่ การนั่งเฉยๆ ในบ้านและนั่งดูทีวีไปเพลินๆ อาจเป็นเรื่องที่หลายๆ คนชอบทำ แต่เชื่อเถอะ ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงคุณก็จะเริ่มเบื่อแล้ว เพราะคุณอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดิมๆ ยังไงล่ะ ลองไปหาสถานที่ใหม่ๆ ออกไปเที่ยว หรือไปนั่งในสวนสาธารณะ พบปะผู้คนบ้าง ชีวิตคุณจะดีขึ้นนะ 3. ไปอยู่ในที่ที่มีความสุข หาที่อยู่หรือกิจกรรมที่คุณอยู่ด้วยหรือทำแล้วสบายใจ เช่นร้านกาแฟเจ้าประจำที่มีบาริสต้าสุดฮา หรือไม่ก็ไปยิมที่มีเพื่อนเล่นอยู่ประจำ…
-
สาวตุ้ยนุ้ยเปลี่ยนตัวเองลดน้ำหนักกว่า 60 กิโลกรัม จนกลายเป็นนางแบบได้ในที่สุด!!
หญิงสาวคนนี้มีชื่อว่า Mathilde Broberg วัย 21 ปี จากประเทศเดนมาร์ก เมื่อก่อนเธอเคยเป็นนักกินตัวยง ทุกๆ วัน เธอจะทานอาหารวันละเกือบ 3,500 กิโลแคลอลี่ ปริมาณอาหารที่เธอทานนั้น เรียกว่าเทียบเท่ากับจำนวนที่ผู้หญิงไซส์ทั่วไปสองคนทานในแต่ละวันเลยทีเดียว จนน้ำหนักทะยานไปที่เกือบ 125 กิโลกรัม จนวันหนึ่ง จุดเปลี่ยนก็มาถึง จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน เมื่อเธอตั้งใจจะเล่นรถไฟเหาะในสวนสนุกแห่งหนึ่ง แต่เธอก็ต้องผิดหวัง เพราะเธอไม่สามารถนั่งเก้าอี้ของรถไฟเหาะขบวนนั้นได้ นับตั้งแต่นั้นมาเธอปฏิญาณว่าเธอจะลดน้ำหนักให้ได้ เธอได้เปลี่ยนพฤติกรรมการกินทั้งหมด ลดอาหารขยะ ขนม น้ำอัดลมทั้งหมด และใช้เทคนิคทางจิตวิทยาด้วยการใช้ช้อนชาในการตักอาหาร รวมทั้งออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ผ่านไปสี่ปี ตอนนี้น้ำหนักของเธอเหลือเพียงแค่ 63 กิโลกรัมเท่านั้น!! นอกจากน้ำหนักที่ลดแล้ว ชะตาชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปในอีกทิศทางเลยทีเดียว เมื่อตอนนี้เธอได้กลายเป็นนางแบบของร้านขายอุปกรณ์กีฬา เธอได้กลายเป็นคนโชว์ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออันสวยงาม นอกจากนี้ยังสร้างอาชีพใหม่ โดยการหันมาเป็นเทรนเนอร์สอนออกกำลังกายส่วนตัว คอยให้คำแนะนำกับคนที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองอีกด้วย “ถ้าเมื่อสามปีก่อนมีคนบอกว่าฉันจะกลายเป็นนางแบบและก็เป็นเทรนเนอร์สอนออกกำลังกาย ฉันคงหัวเราะจนฟันร่วงแน่ๆ” Mathilde กล่าว “มันไม่ใช่เรื่องสนุกเลยที่อ้วนตอนเด็ก เพราะฉันพลาดอะไรสนุกๆ กับเพื่อนฝูงหลายอย่างมาก…
-
ปูตินบอก “เคอร์รี่รัสเซีย” ดีที่สุดในโลก และทรัมป์ไม่จำเป็นต้องใช้บริการพวกเธอหรอก
เมื่อไม่กี่วันก่อนมีข่าวหลุดออกมาบอกว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา เคยใช้บริการโสเภณีของรัสเซีย ขณะเดินทางไปยังประเทศรัสเซีย จนกลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก ล่าสุดทางเว็บไซต์อินดิเพนเด้นท์ ได้ออกมาเปิดเผยคำพูดของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ซึ่งดูเหมอนจะแสดงความเห็นไปในแนวทางที่สนับสนุนทรัมป์ให้สู้กับข่าวที่ดิสเครดิตเขา ฝ่ายประธานาธิบดีรัสเซีย ให้ความเห็นประเด็นนี้ว่า เป็นเพียงแค่การดิสเครดิตจากผู้ที่ไม่พอใจผลชนะการเลือกตั้งของโดนัลด์ ทรัมป์เท่านั้นเอง และคนอย่างทรัมป์ไม่จำเป็นต้องใช้บริการสาวๆ พวกนี้หรอก แม้พวกเธอจะเป็นโสเภณีที่ดีที่สุดในโลกก็ตาม เขาบอกว่า “พวกที่สร้างข่าวปลอมเพื่อโจมตีอีกฝ่ายด้วยเหตุผลทางด้านการเมือง ถือว่าเลวร้ายกว่าโสเภณีซะอีก เพราะพวกเขาไม่มีศีลธรรมและกฎเกณฑ์ใดๆ ทั้งสิ้น” “นอกจากนี้ทรัมป์ยังเป็นชายหนุ่มเต็มตัว เขาเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับการประกวดนางงามทั่วโลกมาหลายต่อหลายปี แปลว่าเขาต้องเคยพบกับสาวสวยมาแล้วเป็นจำนวนมาก “ฉะนั้นผมไม่อยากเชื่อเลยว่า เขาจะพาโสเภณีของเราเข้าโรงแรม แม้ว่าพวกเธอจะยอดเยี่ยมที่สุดในโลกก็ตาม” ปูตินกล่าวปิด ทรัมป์เดินทางไปยังรัสเซียล่าสุดเมื่อปี 2013 ตั้งแตตอนที่เขาเป็นนักธุรกิจและยังไม่เล่นการเมือง สำหรับจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สรอบสุดท้ายที่เขาเป็นเจ้าของ ซึ่งครั้งนั้นเขาพยายามขอเข้าพบปูติน แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ทรัมป์พยายามตีแผ่เอกสาร (ซึ่งไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นจริง) ของเรื่องราวสายลับรัสเซียที่คอยตามเอาข้อมูลของเขา โดยคาดว่าน่าจะมาจากตั้งแต่ที่เขาอยากจะพบปูตินเมื่อเกือบ 4 ปีก่อน… ส่วนทางปูตินออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงเรื่องการที่มีข่าวว่าเขาส่งสายลับตามทรัมป์ตั้งแต่ปีนั้น โดยบอกว่ามันไร้สาระมาก เพราะตอนนั้นทรัมป์ยังไม่เล่นการเมืองเลย รัสเซียคงจะไม่ว่างส่งสายลับไปตามเศรษฐีอเมริกันทุกคนหรอก ส่วนในเรื่องของกระแสข่าวที่รุมเร้าทรัมป์นั้น…
-
เล่าเรื่องของ “บัวบุญ” เหมียวน้อยผอมแห้ง ที่มีคนเจออยู่ข้างทาง เก็บมาชุบเลี้ยงจนเป็นแมวน่ารัก…
เรื่องราวดีๆ แบบนี้ก็มักเกิดขึ้นเสมอบนโลกของเรา ซึ่ง #จ่าสิบเหมียว ก็เชื่อมาโดยตลอดเลยล่ะว่า เรื่องราวแบบนี้แหละที่ทำให้โลกของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้น… บทความดีๆ ในครั้งนี้มีต้นเรื่องมาจากคุณ d-explorer เจ้าของกระทู้ ‘ปั่นจักรยานไปเจอเจ้าเหมียวน้อยลูกแมวผอมหิวโซระหว่างทางครับ’ เมื่อสองปีก่อน ที่ระหว่างเขาไปปั่นจักรยานแถบลพบุรี ‘และอยู่ๆผมก็ได้ยินเสียงร้องแบบใกล้หมดแรง “เมี๊ยววววว” เขาเขียนบรรยายเหตุการณ์ครั้งแรกที่ทำให้ได้เจอกับเจ้าเหมียวตัวนี้… นี่คือสภาพแรกของเจ้าเหมียว ที่ผอมและอ่อนแรงมาก จนแทบไม่มีแรงจะเดิน และเขาก็ทำใจไว้ส่วนหนึ่งแล้วว่าเจ้าเหมียวอาจจะไม่รอดชีวิต… ตัวเล็กมากๆ เจ้าของกระทู้ตั้งชื่อเจ้าเหมียวว่า ‘เจ้าบัวบุญ’ สุดท้ายเจ้าเหมียวก็สามารถเอาชนะความอ่อนแอได้ และเริ่มร่าเริงมากขึ้น จำภาพเจ้าเหมียวตัวเล็กๆ ผอมๆ ขี้โรคตัวนี้ไว้นะ หึหึ สองปีผ่านไปหลังจากเจ้าของกระทู้ได้รับเลี้ยงเจ้าเหมียว…เดี๋ยวนะๆๆๆ นี่มันกลายเป็นหมูไปแล้ว!!? กลายเป็นเหมียวอ้วนพุงพลุ้ยแทบจะเป็นแมวยักษ์เรียบร้อย แถมซนสุดๆ ยังไม่หมดแค่นั้น ยังขยายเผ่าพันธุ์เหมียวอย่างขยันขันแข็ง เรียกได้ว่า เช้า-เย็น เลยทีเดียว!! มีฮาเร็มเป็นของตัวเองเลยนะเจ้าแมวอ้วน…จะฟินไปไหนนนนนนน >< แมวบ้านนี้จะยึดชื่อพื้นฐานว่า ‘บัว’…
-
ผลการวิจัยค้นพบ การโกน “ขนหมออ้อย” เพิ่มความเสี่ยงของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
เคยไหม!? ที่บางทีจู่ๆ ก็นึกรำคาญขนที่ขึ้นบริเวณที่ลับ จนหลายคนคิดอยากจะถอนรากถอนโคนมันออกไปให้หมดสิ้น แต่ถ้าหากคุณได้อ่านเรื่องราวดังต่อไปนี้ เชื่อว่าจะต้องตัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไปทันทีแน่นอน เพราะล่าสุดผลวิจัยได้เผยออกมาแล้วว่า การโกนขนในที่ลับ ถือเป็นการเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์มากขึ้น ทางบทความที่ตีพิมพ์จากทางสารสาร Journal of Sexually Transmitted ได้เผยคำสัมภาษณ์ของผู้คนอเมริกาเกี่ยวกับพฤติกรรมการตัดแต่งขนพวกพวกเขาพบว่า ผู้คนร้อยละ 80 มักจะมีการโกนขน ซึ่งจะมีโอกาสเป็นโรค STI มากกว่าผู้ที่ไม่ได้โกนขนเลย สำหรับ STI เป็นกามโรคที่เกิดจากการติดเชื้อโรคจากการมีเพศสัมพันธ์ทั้งทางปาก ทวารหนัก หรือช่องคลอดกับคนที่ติดเชื้อ ซึ่งมีหลายชนิดของเชื้อโรค โดยมีทั้งหมด 3 ชนิดที่พบบ่อยที่สุดคือ หนองในเทียม, เริมที่อวัยวะเพศ และหนองในแท้ นอกจากนี้ยังพบอีกว่า พวกเขามักจะทำการโกนขนในที่ลับของตัวเองมากกว่า 11 ครั้งต่อปี บางคนก็โกนเป็นรายวัน-รายสัปดาห์ ซึ่งมันอาจจะมีความเสี่ยงเป็นโรคดังกล่าวมากขึ้นกว่าเดิม หากสังเกตไปรอบๆ ตัว เราจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันผู้ชายมักจะกันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการดูแลรูปร่าง รักความสะอาด หันมาออกกำลังกาย เพื่อเรียกกระแสกันอยู่ในโลกโซเชียล จนถูกเรียกเป็นคำนิยามใหม่ว่า “Spornosexual” ขึ้นมา และถึงแม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องที่ดี ความจริงแล้วมันอาจจะมีด้านมืดซ่อนอยู่ก็เป็นได้ จากผลการวิจัยพบว่า…
-
ช่างแต่งหน้าเผย 7 เทคนิค “การแต่งหน้าให้ดูเด็กลง” มันอาจจะง่ายกว่าที่คุณคิดเยอะเลย!!
ถ้ามีใครมาเรียกเราว่าป้า หรือหน้าแก่ เชื่อว่าสาวๆ ส่วนใหญ่คงจะรู้สึกเคืองไม่น้อย เพราะแต่ละคนก็คงอยากจะมีใบหน้าที่ดูเด็ก และอ่อนกว่าวัยกันทั้งนั้นใช่ไหมละ เมื่อเวลาผ่านไป อายุคนเราก็มากขึ้น งานนี้ต้องยอมรับแล้วละว่าสภาพผิวของเราคงจะไม่เต่งตึงเหมือนตอนเป็นสาว แต่เอาจริงๆ แล้วมีอยู่สิ่งหนึ่งที่สามารถช่วยให้สาวๆ ดูสวย และดูเด็กลงได้นั่นก็คือ “การแต่งหน้า” นั่นเอง ช่างแต่งหน้าชาวรัสเซีย Angelina Korsakova ขอมาเผย 7 เคล็ดลับดีๆ ในการแต่งหน้า ที่จะช่วยทำให้คุณผู้หญิงทั้งหลายดูเด็กลงได้ภายในพริบตา บอกเลยว่าใครก็สามารถทำตามได้ เพราะมันไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย 1.เมคอัพเบส การใช้เมคอัพเบสเป็นอีกหนึ่งตัวช่วย ที่จะช่วยปรับใบหน้าของคุณดูเป็นประกายอย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังทำหน้าที่แก้ไข และอำพรางริ้วรอยบนใบหน้า ทำให้หน้าดูเรียบเนียนขึ้นอีกด้วย 2.รองพื้น การใช้รองพื้นจะช่วยทำให้ผิวของคุณเรียบเนียน ช่วยปกปิดรอยด่างดำ รอยสิว รอยกระ ฯลฯ ได้เป็นอย่างดี แต่ควรใช้ในปริมาณที่พอดีไม่อย่างนั้นมันอาจจะทำให้ใบหน้าดูหนาได้ 3.การเขียนคิ้ว คิ้วเป็นมงกุฎของใบหน้า และการเขียนคิ้วก็เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยทำให้ใบหน้าของคุณดูดีขึ้น การเขียนคิ้วให้โค้งสวย และเลือกสีได้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้ใบหน้าดูสดใส แต่สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือดินสอเขียนคิ้วที่เป็นสีดำ และสีเทา 4.เขียนอายไลเนอร์ใต้ขอบขนตา การเขียนเขียนอายไลเนอร์ใต้ขอบขนตา จะเริ่มจากการใช้อายไลน์เนอร์ชนิดที่เป็นดินสอ วาดลงไปในแถบบนเส้นขนตา แต่จำไว้ว่านั่นไม่ใช้การเขียนอายไลน์เนอร์…
-
NASA ตั้งเป้าไปพิชิตดาวเคราะห์น้อยโลหะ มีมูลค่าดวงดาวกว่า 1 หมื่นล้านล้านล้านล้านบาท!!
แม้โลกจะเป็นดาวเคราะห์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการใช้ชีวิตของมนุษย์ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาอวกาศก็ยังเป็นดินแดนที่มนุษย์อยากจะไปเยือนเสมอมา อย่างที่เราได้เห็นโครงการออกสำรวจอวกาศจากชาติยักษ์ใหญ่หลายสิบครั้งในช่วงหกสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละครั้ง ต่างช่วยพัฒนาองค์ความรู้ของมนุษย์ให้ก้าวไปอีกขั้นเสมอมา ล่าสุดทางนาซ่าได้มีแผนที่จะไปสำรวจดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งที่อยู่ห่างไปจากโลกราว 500 ล้านกิโลเมตร หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมพวกเราจึงต้องไปสำรวจดาวเคราะห์น้อย แทนที่จะไปสำรวจดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ก็เพราะว่าดาวดวงนี้มีมูลค่าถึง 1 หมื่นล้านล้านล้านล้านดอลลาร์เลยทีเดียว!!! ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้มีชื่อว่า “Psyche” ตั้งอยู่บริเวณแถบดาวเคราะห์น้อยระหว่างดาวอังคารและดาวพฤหัส มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 200 กิโลเมตร สิ่งที่ทำให้ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้พิเศษกว่าดาวเคราะห์น้อยดวงอื่น นั่นก็คือดาวเคราะห์น้อยดวงนี้มีส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นเหล็ก นิกเกิล และแร่ธาตุหายากอื่นๆ เช่น ทอง ทองแดง ทองคำขาว โคบอลต์ อิริเดียม และอื่นๆ อีกมากมาย Lindy Elkins-Tanton นักวิทยาศาสตร์จากนาซ่ากล่าวว่า “มันเป็นวัตถุที่ประหลาดมาก แต่เราไม่ได้คิดจะเอามันกลับมาโลกหรอกนะ เพราะเรายังไม่มีเทคโนโลยีที่จะทำแบบนั้นหรอก” แน่นอน พวกเขาเพียงแค่ต้องการสำรวจดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ โดยยานสำรวจจะถูกปล่อยในปี 2023 และจะถึงดาว Psyche ในปี 2030 จากนั้นยานสำรวจก็จะทำการรายงานผลการสำรวจกลับมา พวกเขาเชื่อว่าการสำรวจครั้งนี้ จะช่วยให้พวกเขาสามารถเข้าใจ “การกำเนิด” ของโลกได้ดียิ่งขึ้น …
-
แผล่บๆ แนะนำวิธีทำไอศกรีมโฮมเมด “โอรีโอ้กะทิ” อร่อยง่าย ทำง่ายได้ที่บ้าน
แหม่ ดูเหมือนว่าตอนนี้ไอศกรีมโอรีโอ้จะเป็นที่ต้องการของตลาดมากทีเดียว รอบๆ ตัว#เหมียวฟิ้นนี่มักจะเห็นคนซื้อมากินกันอยู่บ่อยๆ เลย ในบทความนี้เราก็เลยหาสูตรการทำไอศกรีมโอรีโอ้มาฝากเพื่อนๆ ที่คลั่งในรสชาติของไอศกรีมแบบนี้ ขอบอกว่าใช้อุปกรณ์ไม่เยอะ วัตถุดิบน้อยมาก ทำง่ายอร่อยง่าย สิ่งที่ต้องเตรียม 1. โอรีโอ้ 2. กะทิกระป๋อง 3. แม่พิมพ์ 4. ไม้ไอศกรีม ขั้นแรกให้นำโอ้รีโอ้มาทุบๆ ให้เละก่อน จากนั้นเทกะทิกระป๋องลงไปในถ้วย แล้วก็นำเอาโอรีโอ้ที่ทุบแล้วใส่ลงไปในกะทิเลย เมื่อใส่ลงไปแล้วก็คนๆ ให้เข้ากัน จากนั้นเทลงไปในแม่พิมพ์ เอาไม้ไอศกรีมมาเสียงลงไปตรงกลางโอรีโอ้ที่ยังไม่ได้ทุบ แล้วก็ปักลงไปในแม่พิมพ์เลย จากนั้นนำไปแช่ในช่องฟรีซสัก 5 ชั่วโมง เพื่อให้ไอศกรีมแข็งตัวเป็นก้อน เท่านี้ก็ได้กินแล้ว หากใครยังไม่เข้าใจอีก งั้นไปชมขั้นตอนการทำแบบ Step by step เลย Cookies and Coconut Cream Popsicles If you’re an Oreo lover,…
-
หญิงจีนขายกิจการร้านอาหาร ช่วยชีวิตสัตว์เลี้ยงไปแล้วกว่า 6,000 ตัว ในระยะเวลา 16 ปี!!
หลายๆ คนก็คงมีความฝันที่จะทำนู่นทำนี่ แต่ติดตรงที่หลายๆ อย่างทั้งมีเวลาไม่พอ ขาดทุนทรัพย์ และที่สำคัญที่สุดก็คืออาจจะไม่มีทีมงานหรือคนมาช่วย จนละเลยความฝันของตัวเองไปในที่สุด… แต่ Zhao Hua หญิงชาวจีนแห่งมณฑลเหอเป่ยวัย 54 ปีคนนี้ กลับทำสิ่งที่แตกต่างออกไป 16 ปีก่อน เธอตัดสินใจขายกิจการร้านอาหารของเธอ เพื่อทำตามความฝันสูงสุดในชีวิตของเธอ ก็คือการช่วยเหลือเหล่าสัตว์เลี้ยง!! Zhao Hua นางฟ้าของเหล่าสัตว์เลี้ยงด้อยโอกาส หลังจากขายกิจการร้านอาหารแล้ว เธอก็เปิดศูนย์ดูแลสัตว์ด้อยโอกาส และตลอด 16 ปีที่ผ่านมาเธอได้ช่วยชีวิตเหล่าน้องหมาและน้องแมวกว่า 6,000 ชีวิตแล้ว (ที่ส่วนมากกำลังจะถูกนำไปปรุงอาหารในเทศกาลกินสุนัขและแมวของประเทศจีน) และพอเหล่าสุนัขและแมวที่เธอช่วยมาพักฟื้นที่ศูนย์จนหายเป็นปกติแล้ว เธอก็จะพยายามหาบ้านใหม่ให้กับกพวกมัน ในปัจจุบันนี้มีสุนัขและแมวกว่า 400 ตัวด้วยกันที่กำลังพักฟื้นอยู่ที่ศูนย์สงเคราะห์สัตว์ของเธอ ด้วยความตั้งใจจริงของเธอทำให้ชาวบ้านในละแวกเห็นใจและมักช่วยบริจาคทั้งเงินและอาหารให้กับเหล่าสัตว์เลี้ยง เธอขายกิจการร้านอาหารของตัวเอง และนำเงินดังกล่าวมาสร้างศูนย์ดูแลสัตว์เลี้ยง กว่า 16 ปีเธอได้ช่วยชีวิตพวกมันไปแล้วกว่า 6,000 ตัวด้วยกัน จนชาวบ้านในละแวกเห็นอกเห็นใจและให้ความช่วยเหลือเธอ ขณะนี้มีสัตว์เลี้ยงกว่า 400 ตัวด้วยกัน กำลังพักฟื้นในสถานสงเคราะห์สัตว์ของเธอ…
-
รู้จัก RBF ไม่ใช่โรค แต่คือพฤติกรรม ‘เบะปาก มองบน’ ที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ RBF หรือ ชื่อเต็มๆ ว่า Resting Bitch Face เป็นพฤติกรรมชนิดหนึ่งที่เกี่ยวกับการแสดงออกทางสีหน้า โกรธ โมโห เหวี่ยง ดูถูก โดยไม่ได้ตั้งใจ แนวคิดนี้ถูกศึกษาโดยนักจิตวิทยา ถึงความเชื่อมโยงของผลกระทบทางด้านจิตใจกับการแสดงออกทางสีหน้า เพศภาวะ การตัดสินหรือมุมมอง และการตัดสินใจ เท่านั้นยังไม่พอผู้เชี่ยวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์เองก็ได้ให้ความสนใจศึกษาเรื่องนี้ด้วยเช่นกันด้วยการใช้ระบบจดจำใบหน้า และก็พบว่ารูปแบบที่เกิดขึ้นในผู้ชายกับผู้หญิงนั้นมีความคล้ายคลึงกัน แม้จะใช้คำว่า ‘Bitch’ ที่เป็นคำศัพท์ที่ใช้กับผู้หญิงอย่างเดียวมาใช้กับแนวคิดนี้ก็ตาม คำว่า RBF นั้นปรากฏขึ้นครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ New York Times จากนั้นกลุ่มนักแสดงตลก Broken People ได้ทำการอัพโหลดคลิปแสดงตลกตั้งชื่อว่า “Bitchy Resting Face” ลงบนเว็บไซต์ Funny Or Die ลองไปชมคลิปดังกล่าวกันที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… ซึ่งเนื้อหาในคลิปวิดีโอนั้นก็จะมีภาพของผู้ชายและผู้หญิงที่ทำหน้าตาไร้อารมณ์แบบสุดๆ จนโด่งดังกลายเป็นมีมไปทั่วโลกออนไลน์ ก่อนจะมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Resting Bitch Face (RBF) นักวิชาการในหลากหลายสาขาได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มาก จึงได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับเจ้า RBF…
-
ศิลปินทำโปรเจคภาพถ่าย “การจูบ” แล้วให้คุณมาทายเล่นๆ ว่าภาพไหน “เพื่อน” หรือ “คนรัก”
ถ้าใครจำได้ เคยมีศิลปินท่านหนึ่งเคยทำการทดลองทางสังคมสุดเจ๋งอันหนึ่ง เมื่อเขาจับคนแปลกหน้ามาจูบกัน จนเกิดเป็นภาพความรู้สึกที่ทั้งแปลกและน่าตื่นตาตื่นใจไปพร้อมๆ กัน ล่าสุดศิลปินชาวนิวยอร์คท่านหนึ่ง Ben Lamberty ได้ขอให้เหล่านายแบบนางแบบของเขา “จูบกัน” ซึ่งบางคู่ก็เป็นแค่เพื่อน บางคู่ก็เป็นคู่รัก แต่พวกเขาต้องพยายามจูบให้ “เนียนที่สุด” “มันเป็นเรื่องน่าสนใจมากที่จะดูว่าแต่ละคู่จะมีปฏิกิริยาอย่างไร โดยเฉพาะคู่ที่เป็นคู่รักจริงๆ การจะจูบให้ออกมาดูดีเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ในขณะที่คนที่เป็นแค่เพื่อน พวกเขาแค่เลียนแบบออกมาให้เนียนที่สุดก็ใช้ได้แล้ว” Ben กล่าว แน่นอนว่ามันคือความต้องการของศิลปิน ที่จะไม่เฉลยว่าคู่ไหนคือเพื่อน และคู่ไหนคือคนรักแล้วเพื่อนๆ ล่ะจะแยกออกหรือไม่ เราไปชมกันเลย 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดว่าคนไหนเป็นคู่รัก คู่ไหนเป็นเพื่อน ลองมาเดาสนุกๆ กันดีกว่า ที่มา Boredpanda
-
จากอดีตตำรวจรัสเซีย ผู้ผันตัวเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ฆ่า-ข่มขืนหญิงสาวกว่า 80 ราย!!
เรียกว่าเป็นคดีสะเทือนขวัญสำหรับชาวรัสเซียเลยทีเดียว สำหรับชายผู้ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่กลับผันตัวกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ก่อเหตุฆ่าข่มขืนหญิงสาวไปแล้วกว่า 50 ราย!! ฆาตกรคนดังกล่าวมีชื่อว่า มิคาอิล ป๊อปคอฟ อดีตตำรวจจากเมืองอังการสค์ ประเทศรัสเซีย เขาได้ลงมือฆ่าข่มขืนหญิงสาวอายุตั้งแต่ 18-35 ปี ด้วยอาวุธหลายชนิดตั้งแต่ขวาน มีด หรือแม้กระทั่งไขควง โดยเหตุการณ์นี้เกิดในช่วงปี ค.ศ 1992 – 2007 จนกระทั่งถูกจับในปี ค.ศ. 2012 ในตอนแรกเขานั้นถูกจับข้อหาก่อเหตุฆาตกรรมหญิงสาวรัสเซีย 22 คน และถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่หลังจากการสอบสวนเขาก็สารภาพว่าเขาก่อเหตุฆาตกรรมอื่นๆ อีก 59 ราย ซึ่งตอนนี้ทางตำรวจได้ยืนยันแล้วว่า มีเหยื่ออย่างน้อยๆ อีก 25 ราย ที่เสียชีวิตด้วยน้ำมือของเขา และถ้าทางตำรวจสามารถยืนยันได้ครบ เขาจะกลายเป็นหนึ่งในฆาตกรต่อเนื่องที่เลวร้ายที่สุดในประวัติมนุษยชาติด้วยจำนวน 81 ราย!! เมื่อไม่นานมานี้เขาได้ขึ้นศาลอีกครั้ง และเมื่อคณะผู้พิพากษาถามว่า เขาได้ฆ่าเหยื่อไปแล้วทั้งหมดกี่คน เขาเพียงตอบว่า “ผมบอกจำนวนที่แน่นอนไม่ได้ ผมไม่ได้จดบันทึกไว้” โดยเขาได้บอกกับตำรวจว่า เขาเพียงแค่ต้องการ “ทำความสะอาด”…
-
นักวิจัยชี้ ‘กัญชา’ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุ ที่ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน เพิ่มมากขึ้นจริง!!
ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ได้สนับสนุนให้เพื่อนๆ ไปสูบกัญชา หรือทำผิดกฏหมายหรอกนะ แต่ #เหมียวบ็อบ ก็มั่นใจเหมือนกันว่า มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่กำลังใช้ ‘กัญชา’ กันแบบลับๆ (ลับสายตาตำรวจ) บ่อยครั้งที่เราจะได้เห็นข่าวคราวในหน้าเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับข้อดีของมัน เรียกได้ว่าถ้าเอาไปใช้ประโยชน์จริงจังในด้านการแพทย์ มันก็สามารถที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยในหลายๆเคส ได้ดีเหมือนกัน แต่คราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับข้อเสียของมันบ้าง… จากการศึกษาของ Dr. Kennon Heard แห่งมหาวิทยาลัยโคโลราโด้ เขาได้ทำการรวบรวมเก็บสถิติมาตั้งแต่ปี 2009 และพบว่า โรงพยาบาลในรัฐที่กัญชาถูกกฏหมาย มีตัวเลขของผู้ป่วยจากการใช้กัญชาสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ย้อนกลับไปในปี 2004 นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลียคนหนึ่ง ได้ทำการวิจัยในกลุ่มผู้ป่วย 19 คน ที่มีอาการคลื่นไส้ หรืออาเจียน และพบว่าทั้ง 19 คน มีสาเหตุมาจากการใช้ ‘กัญชา’ อย่างหนัก และสะสมเป็นเวลานาน ส่วนทางด้านของ Dr. David Steinbruner ผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพจากโรงพยาบาลในรัฐโคโลราโด้ ก็ได้ออกมาให้ความเห็นว่า หลังจากที่รัฐประกาศให้กัญชาถูกกฏหมาย แน่นอนว่ามีจำนวนผู้ใช้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในขณะเดียวกัน ตัวเลขของผู้ป่วยที่เกิดจากการใช้กัญชาอย่างหนัก…
-
กว่าจะมาถึง Nokia 6 ย้อนรอยชม 10 มือถือใน “ตำนานเปลี่ยนโลก” ของค่ายนี้กันบ้าง!!
ก็ได้เปิดตัว “Nokia 6” กันไปเป็นทีเ่รียบร้อย หลังจากที่ Nokia ประกาศขายแผนกมือถือให้กับ Micorsoft ไปเมื่อปี 2014 จากนั้นก็ไม่มีมือถือรุ่นใหม่ๆ ออกมาจากแบรนด์นี้ให้เห็นอีกเลย การกลับมาครั้งนี้ก็เรียกได้ว่าทำให้แฟนๆ มือถือที่เคยใช้ก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดี พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ถ้าอยากทราบรายละเอียดก็ตามไปอ่านได้ที่: กลับมาแล้ว!! เปิดตัว “Nokia 6” สมาร์ทโฟนพร้อมระบบแอนดรอยด์ เตรียมวางจำหน่ายในจีนเร็วๆ นี้ แต่วันนี้เราจะพาไปรำลกความหลังครั้งที่เรายังเป็นเด็ก และมือถือก็เป็นอะไรที่แพงมากๆ มือถือ Nokia ถือเป็นยี่ห้อต้นๆ ที่คนอยากจะได้ ด้วยรูปร่าง การออกแบบที่แปลกไม่เหมือนใคร ซึ่งสมัยนั้นใครมีถือว่าเก๋ไก๋มากๆ ไปดูกันว่าจะมีอะไรบ้าง Nokia Cityman เป็นมือถือรุ่นแรกที่ทาง Nokia ปล่อยออกมา แถวบ้านเราก็คงเรียกว่ารุ่นปาหัวหน้านั่นแหละ เพราะด้วยตัวเครื่องที่ใหญ่ แต่สมัยนั้นก็เรียกว่าพกพาสะดวกที่สุดแล้วล่ะ Nokia 3310 เป็นอีกรุ่นที่กลายเป็นตำนานไปทั่วโลก ด้วยความที่มันทนสุดๆ จะกลายเป็นมีมต่างๆ คงไม่มีใครไม่รู้จักรุ่นนี้แหละล่ะ Nokia 3650 เริ่มมามีจอสีกันบ้าง เพราะสมัยนั้นมือถือรุ่นไหนมีจอสีก็ถือว่าเท่แล้ว แถมรุ่นนี้มีกล้อง…
-
นักวิจัยเผย ถ้าหากอยู่กับพ่อแม่นานๆ พวกเขาจะอายุยืนมากขึ้น ช่วยขจัดความเหงา…
บ่อยครั้งที่นักวิทยาศาสตร์มักจะค้นพบสิ่งใหม่ๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจขึ้นมาอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเร็วๆ นี้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (ลิงค์) ได้ค้นพบวิธีที่จะทำให้พ่อแม่ และผู้สูงวัยมีอายุที่ยืนยาว และทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น ซึ่งพวกเขาได้พบว่า ความเหงาเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คนเราแก่ไว และมีส่วนช่วยทำให้เสียชีวิตเร็วยิ่งขึ้น โดยทางนักวิทยาศาสตร์ได้พบว่า ผู้สูงวัยกว่า 1,600 รายในรัฐเดียวกัน จะมีอายุเฉลี่ยโดยประมาณ 71 ปี ซึ่งไม่ได้เกิดจากปัญหาสุขภาพ สถานะทางสังคม หรือเศรษฐกิจ แต่เกิดจากความเหงาต่างหากละ!! จากผลการวิจัยที่ได้ทำการค้นคว้ามามากกว่า 6 ปี พบว่า มีเพียงแค่ 14% ของผู้สูงอายุที่ญาติได้เดินทางไปเยี่ยมอยู่ตลอดเวลา จะมีอัตราการเสียชีวิตเพราะความเหงาน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้สูงอายุอีกกว่า 23% ที่ไม่มีญาติไปเยี่ยมเลย นอกจากนี้ ผู้สูงอายุอยากจะพูดคุยกับสมาชิกในครอบครัวของพวกเขามากขึ้น ในขณะที่ลูกหลานกลับพูดคุย หรือสื่อสารกับพวกเขาน้อยลง โดยทั่วไปแล้ว ผู้สูงอายุมักจะมีความอดทนกับข้อเสียของเพื่อน และญาติ พวกเขาพร้อมเสมอที่จะแบ่งบันประสบการณ์ และความรู้ให้กับคนรุ่นหลัง ตลอดจนมักจะบอกว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนควรหรือไม่ควรทำ ดังนั้น เราจึงต้องรีบเข้าไปขอคำแนะนำ รวมถึงพูดคุยกับพ่อแม่ และปู่ย่าตายายของเราให้มากขึ้น เพราะพวกเขาต้องการความรัก ความดูแล…
-
นักจิตวิทยาแนะ ควรมีเวลาพัก ‘สโตรก’ ระหว่างทำงาน แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นจริง!?
เชื่อว่าหลายคนกำลังเผชิญกับชีวิตการเป็นพนักงานประจำออฟฟิศ ต้องตื่นนอนแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวไปเข้างานให้ตรงเวลา พอตอนเที่ยงก็ได้เวลาพักมาแค่ 1 ชั่วโมง ที่ต้องหมดไปกับการทานอาหารเที่ยง แล้วก็ลากยาวต่อจนถึงตอนเย็น แถมบางทีงานก็มาล้นตัว จนได้กลับบ้านดึกดื่น แทบจะไม่มีเวลาพักกันเลยทีเดียว แต่อย่าได้น้อยใจไป เพราะถึงแม้ว่างานมันจะเหนื่อย เงินมันจะน้อย ถ้าลาออกก็ไม่มีกิน ด้วยเหตุนี้เองเราจะมาเสนอทางออกให้เพื่อนๆทุกคน ได้รู้จักกับวิธีการลดความเครียดระหว่างการทำงาน คงไม่ต้องบอกล่ะเนาะว่าการ ‘สโตรก’ ในที่นี้มีความหมายว่าอะไร Mark Sergeant ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา จากมหาวิทยาลัยนอตติ้งแฮม ประเทศอังกฤษ ได้ออกมาเผยว่า การแอบช่วยตัวเองระหว่างวันทำงาน มีผลด้านบวกต่อการทำงานจริง!! โดยเขาได้อธิบายเพิ่มว่า สาเหตุที่ทำให้มันส่งผลต่อการทำงานในแง่บวก ก็เพราะว่าทุกครั้งที่เราได้ทำการ ‘สโตร๊ก’ ตัวเอง ร่างกายของเราได้ปลดปล่อยความตึงเครียดออกมาด้วย และนั่นก็เป็นสาเหตุหลักที่เขาได้เสนอว่า บริษัทควรมีเวลาพัก ‘สโตรก’ ให้กับพนักงานทุกคน ซึ่งเขาเชื่อว่ามันช่วยทำให้งานของพนักงานบรรลุเสร็จตามเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ทางด้านของ Dr. Cliff Arnell หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา ก็ได้ออกมาเห็นด้วยว่า ถ้าหากพนักงานทุกคน มีสิทธิที่จะพักช่วยตัวเองระหว่างการทำงาน มันจะส่งผลให้ระดับความโมโหโกรธเกรี้ยวลดลง ประสิทธิภาพการทำงานจะเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ได้ปลดปล่อยความเครียด และอีกสิ่งที่ตามมาก็คือ บรรยากาศการทำงานจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งจะว่าไปแล้ว…
-
20 ภาพถ่ายจากอดีต อบอวลไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
เวลาเราดูภาพที่ในอดีต เรามักได้เห็นภาพของสงครามและความสูญเสีย จนหลายๆ ครั้งเราพาลคิดไปไม่ได้ว่า ในอดีตมีแต่เรื่องน่าเศร้าอย่างเดียวหรืออย่างไร แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 20 ภาพถ่ายจากอดีตที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและทำให้ท่านอบอุ่นหัวใจทุกครั้งที่ได้ชม ช่วงเวลาก่อนความสุข เป็นที่ทราบกันดีกว่าการถ่ายภาพสมัยก่อนต้องใช้เวลาในการโพสท่านานมาก ภรรยาจึงต้องพยายามกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่ขณะถ่ายภาพกับสามี ในช่วงปี 1890 เด็กชายชาวออสเตรียได้รับรองเท้าคู่ใหม่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อนรักตลอดกาล ทหารอเมริกันป้อนนมให้กับลูกแมว หลังจากที่มันเสียแม่ไปในสงคราม เด็กผู้หญิงเล่นดนตรีให้สุนัขฟัง เจ้าเหมียวกินนมสดๆ จากเต้า ในปี 1954 เด็กชายหูหนวกได้ยินเสียงเป็นครั้งแรกในปี 1974 มีการใช้สัตว์บำบัดเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาโรคของเด็กๆ เด็กหญิงชาวฝรั่งเศสกับแมวสุดที่รักของเธอ สุสานในฮอลแลนด์ของภรรยาผู้นับถือคาทอลิกและสามีที่นับถือโปรเตสแตนต์ ทหารรัสเซียนอนกับลูกสุนัขในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พนักงานต้อนรับของโรงแรมกำลังคุยกับสุนัขพันธุ์ดัชชุนในกรุงลอนดอน ช่วงปี 1938 เด็กหญิงกับสัตว์เลี้ยงของเธอ ขณะเดินทางไปยังงานแสดงสัตว์เลี้ยงที่แคลิฟอร์เนีย ในปี 1936 เด็กหญิงจับมือกับเพนกวินในสวนสัตว์ลอนดอน ปี…
-
ตามติดชีวิต Larry Page ผู้ก่อตั้ง Google และสุดยอดมหาเศรษฐีของโลก กว่าจะมาถึงวันนี้…
ถ้าพูดถึง Larry Page ชื่อนี้เพื่อนๆ คงไม่ค่อยคุ้นหูกัน แต่ถ้าพูดถึงผลงานของเขาอย่าง Google แล้ว คงไม่มีใครที่จะไม่รู้กัน และ Larry คนนี้นี่เองที่คือหนึ่งในผู้ที่ร่วมก่อตั้งบริษัทแห่งนี้ แม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้เป็นหัวเรือใหญ่ของ Google แล้ว (ไปเป็น CEO ของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google อีกที!!) แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาคือหนึ่งในคนที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกไปแล้ว และนี่คือเรื่องราวชีวิตของเขาล่ะ!! Gloria และ Carl Page คือแม่และพ่อของเขา ทั้งคู่เป็นศาสตราจารย์สอนวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่ Michigan State University สิ่งที่พวกเขาชอบทำก็คือการซื้อนิตยสารคอมพิวเตอร์มาสุมไว้เต็มบ้าน และนั่นทำให้ Larry สนใจในเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็กๆ พวกเขาส่ง Larry ไปเรียนที่โรงเรียน Montessori โรงเรียนแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องการให้อิสรภาพทางความคิดและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ให้กับเด็กๆ ซึ่ง Larry ถึงกับออกมาบอกเองเลยว่า การฝึกฝนและทัศนคติจากโรงเรียนแห่งนี้มีผลต่อความสำเร็จในชีวิตของเขาเป็นอย่างมาก อายุ 12 ปี Larry ได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับนักประดิษฐ์ท่านหนึ่ง Nikola Tesla ตอนจบของเรื่องราวของเขานั้นไม่สวยหรูนัก เพราะว่าเขาเสียชีวิตทั้งๆ ที่จน…
-
ค่าความรัก!? จีนเกิดวิกฤต ครอบครัวฝ่ายหญิงเรียกสินสอดสูงลิ่ว ฝ่ายชายกู้หนี้ยืมสินหนัก
ปัญหาความไม่เสมอภาคของประชากรในจีน เริ่มมาจากนโยบาย ‘ลูก 1 คน’ ซึ่งส่งผลให้ปัจจุบันมีจำนวนประชากรที่เป็นผู้ชาย มากกว่าผู้หญิงอยู่หลายเท่า และด้วยเหตุนี้เองกลายเป็นผลกระทบให้ต่อมา ครอบครัวของฝ่ายหญิงส่วนใหญ่มักจะเรียกค่าสินสอดที่แพงมากๆ ซึ่งจากการรายงานของเว็บไซต์ ‘OddityCentral’ ได้ระบุไว้ว่า กรณีค่าสินสอดในประเพณีการแต่งงานของชาวจีนนั้น เป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน (คล้ายกับของไทย) ซึ่งในช่วงยุคก่อนอาจนิยมให้สินสอดเป็นสิ่งของมีค่า แต่ทว่าปัจจุบันคงไม่มีอะไรจะมีค่าเท่ากับเงินตราที่จับต้องได้ เป็นเรื่องที่น่าตกใจ ค่าสินสอดโดยเฉลี่ยของหญิงสาวในเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ จะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านบาทเลยทีเดียว!! ปัจจุบันจีนมีสัดส่วนประชากรคือ ชาย 118 คน ต่อหญิง 100 คน ซึ่งนั่นหมายความว่ามีผู้หญิงน้อยกว่าผู้ชาย และด้วยเหตุนี้เองทำให้ครอบครัวของฝ่ายหญิงส่วนใหญ่ เรียกค่าสินสอดที่สูงลิบ ยกตัวอย่างเช่นในกรณีของนาย Zhang Hu ชายหนุ่มจากหมู่บ้านในชนบท ที่จำเป็นจะต้องไปกู้เงินจำนวนเกือบ 8 แสนบาท เพื่อนำมาเป็นค่าสินสอด และจัดพิธีแต่งงาน หนุ่ม Zhang ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ผู้หญิงที่เคยอยู่ตามหมู่บ้านชนบท ก็มักจะย้ายเข้าไปหางานทำในเมืองใหญ่กันหมด ไม่มีใครอยากแต่งงานกับผู้ชายจนๆ ที่อาศัยอยู่ตามชนบทอีกแล้ว และยิ่งคุณมีฐานะยากจนมากเท่าไหร่ ฝ่ายหญิงก็พร้อมที่จะเรียกค่าสินสอดให้แพงมากเท่านั้นด้วยเช่นกัน” ปัจจุบันชายที่มีฐานะไม่ได้ร่ำรวยในจีน หลายคนเลือกที่จะแต่งงานกับเจ้าสาวที่มาจากเวียดนาม…
-
15 รูปถ่ายงานแต่งแห่งปี 2016 การเดินทางครั้งใหม่ของหนุ่มสาว และจุดเริ่มต้นของครอบครัว
ตลอดปี 2016 ที่ผ่านมา คู่รักหลายๆ คู่ก็ได้เปลี่ยนสถานะจากคบหาดูใจเป็นสามีภรรยา ซึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญในชีวิตขนาดนี้ มีหรือที่พวกเขาจะพลาดเก็บภาพความประทับใจช่วงเวลาเหล่านี้เอาไว้ และทางเว็บไซต์ junebugweddings ได้เปิดโอกาสให้กับเหล่าคู่รักได้ส่งรูปงานแต่งงานที่คิดว่าสวยที่สุดมาประชันกับคู่รักจากทั่วโลก ซึ่งมีการส่งมากว่า 9,000 ภาพ ซึ่งแต่ละภาพก็สวยงามอลังการทั้งนั้น และนี่คือ 15 ภาพที่ได้รับการโหวตว่าสวยงามที่สุดของปี 2016 จะสวยขนาดไหน เราไปชมกันเลย ภาพนี้เล่นกับเงาได้สวยงามมาก รักไม่เกี่ยวข้องกับวัย ชุดพื้นเมืองสวยมาก แต่ละภาพสามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ของชีวิต จากนี้ไป พวกเขาจะมีชีวิตเดียวกัน ร่วมฟันฝ่าขวากหนามอุปสรรค์ และความทุกข์โศกไปด้วยกัน เราไปชมภาพความประทับใจของพวกเขากันเลย ถ้าชีวิตหนึ่งได้มีงานแต่งงานสวยๆ แบบนี้ มันจะน่าดีใจขนาดไหนนะ ^^ ที่มา boredpanda, junebugweddings
-
15 เรื่องราวประทับใจของ “นักดับเพลิง” ผู้ช่วยเหลือชีวิต “แมว” ให้รอดพ้นจากเหตุเพลิงไหม้
ด้วยความที่แมวเป็นสัตว์ที่อินดี้แถมยังอยู่ไม่สุข ทำให้หลายๆ ครั้งมันเข้าไปอยู่ในสถานอันตรายอย่างตึกหรือบ้านที่โดนไฟไหม้ และก็ต้องเป็นนักดับเพลิงสุดเทพที่เข้าไปช่วยออกมา และนี่คือ 15 เรื่องราวสุดน่ารักของ “นักดับเพลิง” ที่ช่วยเหลือ “แมว” จากเหตุเพลิงไหม้ 1.เจ้าเหมียว Charlie ถูกช่วงลงมาจากอพาร์ทเมนต์ที่ถูกไฟไหม้โดย Jacob Lee 2. ลูกแมวสามตัวถูกช่วยเอาไว้โดยหัวหน้าหน่วยดับเพลิง John Leahey จากเมือง Corpus Christi 3. เจ้าเหมียว Wellie ถูกช่วยจากบ่อน้ำลึก 13 เมตร โดยนักดับเพลิง Jim Cadenhead และก็เป็น Jim Cadenhead อีกครั้งที่ช่วยรับมันไปเลี้ยงก่อนจะโดนการุณยฆาต 4. ลูกแมวดู Smokey โดยนักดับเพลิง Brett Cunniff, 5. เจ้าเหมียวติดอยู่บนหลังคากว่า 18 ชั่วโมง ก่อนนักดับเพลิง Stuart MacKenzie จะไปช่วยมันลงมา 6. นักดับเพลิงช่วงลูกแมวและกระต่ายจากบ้านที่ถูกเพลิงไหม้ ในรัฐวิสคอนซิน 7. แมวติดอยู่บนชั้น 12 ของตึกที่ไฟไหม้ ก่อนจะถูกช่วยโดนนักดับเพลิงในกรุงมอสโคว…
-
นักวิทยาศาสตร์เผย การ “ทำงานก่อน 10 โมงเช้า” ไม่ต่างอะไรกับการทรมานตัวเอง!!
ใครๆ ก็ไม่อยากตื่นมาทำงานเช้าๆ กันหรอก แต่ทำไงได้ล่ะ เพราะใครๆ ก็อยากจะมีเงินเอามาหล่อเลี้ยงชีวิต จะให้เราเลือกงานที่ทำงานสายๆ มันก็ไม่ค่อยจะมีเสียด้วย แต่จะไปขอเจ้านายว่าจะมาทำงานสายๆ มันก็คงไม่ใช่เรื่อง แต่ด็อกเตอร์ Paul Kelly จากมหาวิทยาลัย Oxford University ได้ออกมาบอกเล่าข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานเช้าๆ ก่อน 10 โมง เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เพราะมันจะส่งผลต่อ “จังหวะรอบวัน” ในร่างกายของเรา และส่งผลต่อสุขภาพอีกด้วย ลองคิดว่าเราฝืนตัวเองตื่นเช้ามาทำงานตั้งแต่เมื่อไหร่ สำหรับบางคนอาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่บางคนถือเป็นเรื่องที่ยากมากๆ สำหรับการลากตัวเองให้ลุกจากเตียง (และถ้าไม่ได้กาแฟสักแก้วก็คงไม่สามารถอยู่ได้ทั้งวัน) ด็อกเตอร์ Paul ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์แบบนี้ว่า “เราไม่สามาถรเปลี่ยนจังหวะรอบวันของเราได้ เราไม่สามารถเรียนรู้การตื่นนอนที่ตรงเวลาได้ ตับและหัวใจของคุณมีรูปแบบที่แตกต่างกัน มันเหมือนกับการขอให้มันทำงานก่อนเวลา” การทำงานวันละ 8 ชั่วโมงเป็นผลพวงมาจากช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มการผลิตให้สูงขึ้น ซึ่งสมองคนเรานี้เหมือนมีนาฬิกาปลุกอยู่ การปลุกแต่ละครั้งก็มาจากสมอง ระดับพลังงาน การผลิตฮอร์โมน และการรับรู้ถึงเวลา เขายังเสริมอีกว่า “นี่เป็นประเด็นระดับนานาชาติเลย ทุกคนกำลังประสบ ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นก็ได้” เขาเลยลองทำการทดลองด้วยการทำสอบกับเด็กนักเรียนในอังกฤษ…
-
การ์ตูนน่ารักอีกด้านของแมว เมื่อ “เพื่อนหมา” ที่ไม่เคยสนใจหายตัวไป จนต้องออกตามหา…
จากประสบการณ์ที่หลายๆ คนน่าจะผ่านกันมาแล้ว กับท่าทางกิริยาการแสดงออกของแมว ที่ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะมองว่าพวกมันเป็นสัตว์ที่เย็นชา เย่อหยิ่ง ไม่เคยสนใจใยดีใครหน้าไหนทั้งนั้น เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง ทว่าลึกๆ แล้วเหล่าแมวเป็นอย่างนั้นรึเปล่าหนอ? ทางด้านศิลปินในนาม Lynol ได้วาดการ์ตูนชุดนี้ขึ้นมา เพื่อบอกเล่าอีกด้านหนึ่งของเจ้าเหมียวหน้าขน กับปฏิกิรยาที่มีต่อเพื่อนหมาที่พยายามจะเล่นด้วย แต่มันไม่เคยสนใจ จนกระทั่งเพื่อนหมาได้หายตัวไป มาเล่นกันเจ้าแมว แม้ลึกๆ แล้วเจ้าเหมียวไม่ค่อยสนใจใครเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกมันจะไร้ความรู้สึก เพราะอย่างน้อยๆ ด้านอ่อนไหวของแมวจะถูกแสดงออกมา ถึงจะไม่ได้ชอบมากมายขนาดนั้น แต่ก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ เมื่อมาถึงจุดหนึ่งที่มันคิดว่ามีบางสิ่งที่ไม่เหมือนเดิม อ๊ะ!? อย่าเพิ่งหลับสิ มาเล่นด้วยกันก่อน ผั๊วะ!? . ยังจะมาตามตื้ออีก… งั้นเล่นก็ได้ เอาไปซ่อนไว้หลังกระบะรถซะเลย!! อ้าว ลูกบอลเราอยู่ในนั้นนี่หว่า . หึ ในที่สุด… ไร้การรบกวนจากเจ้าหมาจอมป่วนซักที แต่ว่า… ทำไม… …
-
นักวิทย์ฯ เผย ‘วิธีการเอาตัวรอด’ ถ้าหากโลกของเรา เต็มไปด้วยเหล่าซอมบี้หิวสมอง!!
เคยคิดกันเล่นๆมั้ยว่า เราจะทำอะไรเป็นอย่างแรกถ้าเกิดว่าวันหนึ่งเราตื่นนอนขึ้นมา มองออกไปหน้าต่างบานเดิม และพบว่ามีแต่ซอมบี้เดินเซไปเซมาเต็มท้องถนน ยั๊วเยี้ยไปหมด บางคนอาจเลือกที่จะยอมให้มันกัด และกลายเป็นพวกเดียวกับมันไปซะเลยให้รู้แล้วรู้รอด แต่บางคนอาจเลือกที่จะสู้อย่างสุดความสามารถ พยายามเอาตัวรอดให้ได้เหมือนกับพระเอกในหนังดังทั้งหลาย เค้าเองไงจะใครล่ะ แฮร่!! ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Leicester ได้คิดคำนวณอย่างถี่ถ้วน และพบตำตอบว่า หลังจากที่มีผู้ติดเชื้อรายแรกเกิดขึ้นบนโลกเราแล้ว ในระยะเวลา 100 วัน โลกทั้งใบจะเหลือผู้รอดจากการติดเชื้อเพียงแค่ 100 คนเท่านั้น!! คำถามคือ เราจะทำยังไงให้ตัวเองได้เป็นผู้อยู่รอด สามารถหลีกหนีจากความหิวโหย และไม่ถูกเหล่าซอมบี้กัดหัวจนกลายเป็นพวกเดียวกับมันได้ นักวิทยาศาสตร์จึงได้ออกมาเผย 5 เทคนิคสำคัญที่เราควรรู้ไว้ เพื่อต่อกรกับผู้ป่วยติดเชื้อ ‘CDHD’ ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้มีนิสัยเหมือนกับซอมบี้ในหนังนั่นแหละ โดยคำแนะนำมีทั้งหมดดังนี้ ห้ามสู้: เชื่อกันว่าใครที่เปลี่ยนเป็นซอมบี้แล้ว พวกมันจะไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกใดๆได้อีกต่อไป พวกมันจะไม่รู้สึกเจ็บ เพราะฉะนั้นแล้ว อย่าเสียเวลาไปสู้กับมันเหมือนในหนังเลย เพราะจะกลายเป็นดึงความสนใจจากตัวอื่นๆ ให้มารุมที่เรามากกว่าเดิม อยู่ให้เงียบ: ซอมบี้ที่ติดเชื้อ ‘CDHD’ จะมีความทรงจำ และสมาธิที่สั้นยิ่งกว่าเด็กไฮเปอร์ ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญจึงขอแนะนำให้เราหาที่ซ่อน และอยู่อย่างเงียบๆ น่าจะดีกว่า ดึงความสนใจจากพวกมัน: ดูเหมือนว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสมองของผู้ติดเชื้อ จะทำให้พวกเขาเพ่งความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นล่าสุดเป็นหลัก ลองใช้เสียงจากประทัดเพื่อดึงความสนใจจากพวกมัน และช่วยเคลียร์ทางให้เราแอบหลบหนีออกมาได้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น …
-
Quiz: 10 คำถามที่จะบอกว่า คุณเป็นแฟนพันธุ์แท้เรื่อง “กระปู๋” มากน้อยแค่ไหน!?
“กระปู๋” คือสิ่งที่มาติดตัวกับมนุษย์เพศชาย และสัตว์ตัวผู้แทบทุกชนิด แน่นอนว่าหลายคนอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกระปู๋ แต่คุณจะรู้จักมันจริงๆ รึเปล่า… ลองมาพิสูจน์กัน [wp_quiz id=”510801″] เป็นยังไง ได้กี่คะแนนกันบ้าง ไปคอมเม้นท์บอกที่เพจเหมียว CatDumb กันด้วยนะคร้าบ #ประธานเหมียว
-
20 ภาพถ่ายในยุคปัจจุบัน ที่บังเอิญออกมาสวยงามราวกับ “ศิลปะยุคเรเนซองส์”
หากพูดถึงยุคที่งานศิลปะเฟื่องฟูที่สุดยุคหนึ่งของมวลมนุษยชาติ เชื่อว่าหลายๆ คนต้องนึกถึงยุคฟื้นฟูศิลปะและวิทยาการหรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ยุคเรเนซองส์ อย่างแน่นอน ข้อมูลจากทางวิกิพีเดีย ระบุไว้ว่า สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาเป็นการเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรมที่กินเวลาตั้งแต่ราวคริสต์ศตวรรษที่ 14-17 ประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงทางวรรณกรรม วิทยาศาสตร์ ศิลปะ ศาสนาและการเมือง การฟื้นฟูการศึกษาโดยอาศัยผลงานคลาสสิก การพัฒนาจิตรกรรม และการปฏิรูปการศึกษาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในยุคนั้นคือยุคที่ผู้คนได้ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการออกมาอย่างเต็มที่ หลังจากที่ถูกปกครองโดยศาสนจักรมาเกือบหนึ่งพันปี ล่าสุดเหล่าสมาชิก Reddit ได้ทำการรวบรวมภาพสุดเจ๋งในปี 2016 ที่บังเอิญออกมาสวยงามราวกับศิลปะยุคเรเนซองส์ มาให้เราได้ชมกัน จะสวยงามขนาดไหน เราไปชมกันเลย #1 The Baker โดย zmemetime #2 The Creation Of Catam โดย Chieres #3 A Horse Rears In The Crowd โดย wytworny #4 Looking Longingly At The Loaves…
-
17 ทักษะชีวิต ที่คุณจำเป็นต้องรู้ในวัย 20+ และมันช่วยให้ชีวิตดีขึ้นได้จริงๆ
ว่ากันว่าคนที่มีอายุช่วงตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป เขาเหล่านั้นจะเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นตอนปลาย และกำลังจะก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว แน่นอนว่ามีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ราวกับว่าเป็นช่วงแห่งลมมรสุมของชีวิตยังไงยังงั้น และเชื่อมั้ยว่า ช่วงวัยรุ่นตอนปลายนี้แหละ ที่ถือว่ามีบทบาทความสำคัญต่อชีวิตเราในอนาคตอย่างยิ่ง ดังนั้น #เหมียวบ็อบ จึงนำเอา 17 ทักษะ ที่คนวัย 20+ ควรเรียนรู้ จากเว็บไซต์ BusinessInsider มาแนะนำ แต่ละข้อจัดว่าน่าสนใจมากๆเลยล่ะ 1. เรียนรู้ที่จะเป็นคนซื่อตรง และกล้ายอมรับ เป็นธรรมดาที่เราอาจจะไปนัดสายบ้าง เข้างานสายบ้าง Michael Hoffman ผู้เชี่ยวชาญได้บอกว่า สิ่งที่เราควรทำคือการยืดอกยอมรับผิด และกล่าวคำขอโทษ ดีซะกว่าเอาเวลามาคิดว่าจะโกหกผู้ใหญ่ยังไงดีซะอีก 2. ยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์จากภายนอก ถ้าว่ากันตามตรง คงไม่มีใครที่จะชอบฟังเสียงค้านจากคนอื่นหรอกจริงไหม? แต่เชื่อมั้ยว่าสิ่งหนึ่งที่จะนำเราไปสู่เป้าหมายได้ ก็คือเสียงวิพากษ์วิจารณ์เนี่ยแหละ เรียนรู้ที่จะเปลี่ยนคำเหล่านั้นให้กลายเป็นพลังด้านบวก ด้วยการยอมรับ และนำมาปรับปรุงแก้ไข 3. รู้จักที่จะเริ่มต้นบทสนทนาให้น่าสนใจ จริงอยู่ที่บางคนอาจจะรู้สึกว่า ตนเองไม่ใช่คนที่เฟรนด์ลี่กับคนอื่นง่ายนัก แต่เชื่อเถอะว่า การได้สนทนากับบุคคลที่หลากหลาย ได้เห็นมุมมองที่แตกต่าง อีกทั้งยังได้สร้างเพื่อนใหม่ที่อาจจะกลายมาเป็นคอนเน็คชั่นด้านการทำธุรกิจให้กับเราในอนาคต เป็นอะไรที่สำคัญอย่างปฏิเสธไม่ได้เลย …
-
คลิปสารคดีต้านการข่มขืน สร้างจากเหตุการณ์จริงของ Kayleigh ดีจนชาวเน็ตร่วมใจกันแชร์
ปัญหาเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศนั้นก็เรียกได้ว่าสามารถพบเจอได้ในทุกๆ พื้นที่บนโลก และหนึ่งในเรื่องที่น่าเศร้าสลดอย่างยิ่งก็คือเรื่องราวของสาวน้อยคนนี้… Kayleigh Haywood คือสาวน้อยวัยเพียง 15 ปี ที่ถูก Stephen Beadle ข่มขืนแล้วฆ่า ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2015 ที่ผ่านมา สร้างความเศร้าสลดให้กับทุกๆ คนเป็นอย่างมาก Luke Harlow คือหนุ่มใหญ่เพื่อนบ้านที่เข้ามาจีบเธอด้วยการส่งข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ก่อนที่จะลวงไปล่วงละเมิดทางเพศ ร่วมกันกับ Stephen เพื่อนของเขา Kayleigh Haywood เหยื่อของโศกนาฏกรรมนี้ Stephen Beadle (ซ้าย) ผู้สังหาร และ Luke Harlow (ขวา) ผู้ล่อลวงเด็กสาว Beadle ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขืน และฆาตกรรม ส่วน Harlow ถูกตัดสินจำคุก 12 ปีเต็มด้วยข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวและพรากผู้เยาว์ และเรื่องราวของเธอจะถูกทำเป็นภาพยนตร์ขึ้น และจะต้องมีใบอนุญาตกว่า 15 แบบด้วยกันเพื่อที่จะได้เข้าฉายในโรง หลังจากทีเซอร์ได้ถูกแชร์ลงใน Youtube ก็มียอดวิวของผู้เข้าชมเพิ่มสูงขึ้นทุกๆ วัน เหล่าผู้ใช้ยูทูปหลายรายได้เข้ามาให้กำลังใจและชื่นชมพ่อแม่ของ Kayleigh…
-
รู้จักกับ ‘การนอนคลีน’ เทรนด์เพื่อสุขภาพปีนี้ สำคัญไม่แพ้ ‘การกินคลีน’ เลยจะบอกให้!!
หลายคนคงเบื่อกับคำว่า ‘กินคลีน’ เต็มทนแล้วใช่มั้ยล่ะ เพราะเมื่อไหร่ที่เราตัดสินใจเดินทางสายนั้นแล้ว ลิ้นของเราจะไม่ได้รับรู้รสชาติแบบจัดจ้าน ที่คุ้นเคยก่อนหน้านี้ แต่เพื่อสุขภาพที่ดี ละการลดน้ำหนัก ถือว่าเป็นอะไรที่คุ้ยใช้ได้เลย แต่คราวนี้เราจะขอพาไปรู้จักกับ ‘นอนคลีน’ สิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพของเราโดยตรง ไม่แพ้การควบคุมอาหาร อีกทั้งยังเป็นเทรนด์เพื่อสุขภาพ ที่หลายคนเชื่อว่ากำลังจะมาแรงในช่วงปี 2017′ นี้ แล้ว ‘นอนคลีน’ มันเป็นยังไง? อ้างอิงจากสื่อ Goo’ ภายใต้การดูแลของดาราสาวชื่อดัง ‘Gwyneth Paltrow’ ได้ออกมาบอกว่า การนอนคลีน ก็คือการหลับให้เต็มอิ่มครบ 7 – 8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยนั่นแหละ และที่สำคัญ ต้องเป็นช่วงระยะเวลาแห่งการหลับใหลที่ได้คุณภาพมากที่สุด ไม่มีการรบกวน และจิตใจไม่ฟุ้งซ่าน ซึ่งถือว่าเป็นเทรนด์เพื่อสุขภาพที่คนยุคใหม่ต้องการเป็นอย่างยิ่ง “เพื่อสุขภาพที่ดี เรามานอนให้เต็มอิ่มกันเถอะค่ะ” คุณแม่ไม่ได้กล่าวไว้ เราแค่เอารูปมาแปะเฉยๆ แน่นอนว่าการตระหนักให้ผู้คนพักผ่อนอย่างเพียงพอ เป็นเรื่องที่เราต่างก็รู้กันดี แล้วกล้ายอมรับมั้ยล่ะ ว่าทุกวันนี้หลายๆคน โดยเฉพาะคนยุคใหม่ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้น้อยมาก ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยเรื่องเวลา และภาระหน้าที่ๆต้องรับผิดชอบ แต่สำหรับใครที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อสุขภาพที่ดีในภายภาคหน้า…
-
จากการศึกษาพบว่า นี่คือ 5 เหตุผลที่คุณไม่ควรนั่งกินข้าว หน้าโต๊ะคอมและโต๊ะทำงาน!!
สำหรับในโลกปัจจุบันที่แสนจะเร่งรีบ โดยเฉพาะเหล่าพนักงานออฟฟิศและมนุษย์เงินเดือนนั้น การรับประทานอาหารที่โต๊ะทำงานของตัวเองนั้นก็ออกจะดูเป็นเรื่องที่สะดวกสบาย ไม่ต้องเดินไปไหน แถมยังเป็นการประหยัดเวลาอีกต่างหาก แต่เชื่อมั้ยล่ะว่า การรับประทานอาหารที่โต๊ะทำงานของตัวเองนั้น แท้จริงแล้วส่งผลเสียมากกว่าผลดีอีกนะเออ วันนี้เราจึงอยากนำเสนอ 5 เหตุผลดีๆ ที่ว่าทำไมคุณ ‘ไม่ควร’ ทานอาหารที่โต๊ะทำงานของตัวเองจากทาง FitSugar มาฝากกัน และไม่แน่ เราอาจเปลี่ยนพฤติกรรมนี้ไปตลอดกาลเลยล่ะ… 1 . โต๊ะทำงานเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะสำหรับการทานอาหารอย่างยิ่ง อย่างแรกเลยคือโต๊ะอาหารของคุณนั้นไม่ได้เป็นจุดที่มีความสะอาดและทานอาหารกัน กล่าวคือในคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ของเพื่อนๆ นั้น ใน 1 ตารางนิ้วอาจมีเชื้อโรคแฝงอยู่เฉลี่ยแล้วกว่า 719 ตัว ส่วนเม้าส์น่ะเหรอ ไม่ต้องพูดถึง ราวๆ 846 ตัวเลยทีเดียว!! 2. การลุกไปเดินทำให้สุขภาพของคุณดีขึ้น ในแต่ละวันนั้นถ้าอยากให้เดินแล้วสุขภาพดีขึ้นจริงๆ ควรมีระยะทางประมาณ 5,000 ก้าวต่อวัน แต่ก็อย่างที่ทราบกันว่ามนุษย์ในปัจจุบันนั้นมีการเดินที่น้อยลงเรื่อยๆ การลุกไปหาอะไรทานเองซะบ้าง ก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน อย่างน้อยๆ ก็ยืดเส้นยืดสายได้ล่ะเนาะ 3. คุณอาจพลาดโอกาสดีๆ ในการเข้าสังคม เป็นที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม และช่วงเวลาไหนที่จะพูดคุยกันได้ดีกว่าช่วงพักทานข้าวล่ะ?? ข้อมูลรนะบุว่า การออกไปกินข้าวด้วยกันนั้นทำให้เราพักได้ดีกว่า แถมยังเป็นการสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนร่วมงาน ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย…
-
เปิดคัมภีร์ 36 เรื่องน่าสนใจจาก Harry Potter ที่แม้แต่แฟนๆ อย่างคุณ ก็อาจจะไม่รู้มาก่อน!?
สำหรับเรื่องราวของเหล่าพ่อมดน้อยใน Harry Potter นั้น ก็เรียกได้ว่าสร้างความประทับใจให้เราได้แบบมิรู้ลืมจริงๆ และในครั้งนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มี 36 เกร็ดความรู้ดีๆ เกี่ยวกับแฮร์รี่พอตเตอร์ ที่เพื่อนๆ อาจจะไม่เคยรู้กันมาก่อนมาฝากกัน และใครที่ยังไม่รู้บางอย่างล่ะก็ มาชมไปพร้อมๆ กันได้เลย!! ในศึกฮอกวอตซ์นั้น Voldemort มีอายุ 71 ปี!! เขาเกิดในวันที่ 31 ธันวาคม 1926 เลขสำหรับกดโทรศัพท์สาธารณะเพื่อลงไปกระทรวงเวทมนตร์นั้นคือ 6-2-4-4-2 ซึ่งพอนำไปเทียบกับแป้นโทรศัพท์จะได้ออกมาว่า “Magic” ควิดดิชคือกีฬาที่พ่อมดแม่มดในยุโรปนิยมกันมากที่สุด ส่วนในทวีปอเมริกานั้นจะเป็น Quodpot หรือ ควอดพอท แตกต่างจากควิดดิชตรงที่ กีฬาชนิดนี้จะประกอบไปด้วยผู้เล่น 11 คน โดยผู้เล่นแต่ละฝ่ายจะต้องนำบอลระเบิดได้ (จริงๆ) ไปใส่ในหม้อให้เร็วที่สุด แต่ถ้านำไปใส่ไม่ทันแล้วบอลระเบิดก่อนล่ะก็ คนนั้นจะถูกตัดออกจากการแข่งขันทันที รางรถไฟที่ 7½ ในสถานีกริงกรอสต์นั้นจะไปหยุดที่หมู่บ้านพ่อมดแม่มดทุกๆ ที่ในยุโรป ศาสตราจารย์สเนปนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณครูสอนวิชาเคมีของ J.K. Rowling ด้านอาชีพของเฮอร์ไมโอนี่ หลังจากจบการศึกษา เธอทำงานในกระทรวงเวทมนตร์ ในส่วนกองออกระเบียบและควบคุมสัตว์วิเศษ…
-
ศิลปินทั่วโลกร่วมประชัน “แข่งวาดภาพในเวลา 10 นาที – 1 นาที – 10 วินาที” แต่ละคนฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ
โดยปกติแล้วศิลปินจะใช้เวลาหลายสิบหรือหลายร้อยชั่วโมงในการสร้างสรรค์งานศิลปะออกกมาชิ้นหนึ่ง เพราะงานแต่ละชิ้นต้องใช้ทั้งสมาธิ ความตั้งใจ และจินตนาการเป็นอย่างมาก แต่ล่าสุด Mark Crilley ศิลปินท่านหนึ่งได้ตั้งแคมเปญวาดภาพสนุกๆ บนอินเตอร์เน็ตขึ้นมา เพื่อให้เหล่าศิลปินทั่วโลกได้ประชันฝีมือกัน กฎง่ายๆ ก็แค่ต้องวาดด้วยมือทั้งหมดสามภาพ แต่ละภาพจะใช้เวลาไม่เท่ากันได้แก่ 10 วินาที, 1 นาที, และ 10 นาที ซึ่งศิลปินทั่วโลกก็ส่งผลงานเขามาประชันเพียบ จะเจ๋งขนาดไหน ไปชมกันเลย Igor Cheban TheBoxOfficeArtist markcrilley Draw with Jazza Joe Hogan Art markcrilley Dat Duong Joe Hogan Art Rebecca Mary Jullelin Art GabbyBites …
-
8 กุญแจรถยนต์ล้ำยุคสุดแสนไฮเทค ที่ทำให้เราเห็นว่า โลกอนาคตกำลังเกิดขึ้นจริง!!
ย้อนไปกลับเมื่อซัก 20 ปีก่อน กุญแจรถยนต์ของเรายังคงหน้าตาเหมือนกุญแจปกติ ที่ใช้ทั้งสตาร์ทรถและล็อคประตูในอันเดียวกัน แต่ในปัจจุบันรถเทคโนโลยีพัฒนาไปมาก หลายๆ คันแทบไม่ต้องเสียบกุญแจเพื่อสตาร์ทอีกต่อไปแล้ว แค่เข้ามานั่งในรถ แล้วกดปุ่มสตาร์ท แค่นั้นก็เรียบร้อย ถ้าแต่นั่นยังล้ำไม่พอล่ะก็ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาไปชม 8 8 กุญแจรถยนต์ล้ำยุคสุดแสนไฮเทค ที่ทำให้คุณเห็นว่า โลกอนาคตอยู่ไม่ไกลแล้ว ตามไปชมกันเลย กุญแจรถ BMW ซีรี่ย์ 7 ดูเผินๆ หลายคนอาจไม่คิดว่านี่คือกุญแจรถ เพราะนอกจากมันใช้ควบคุมล็อคได้แล้ว ยังประกอบไปด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 2.2 นิ้ว หน้าจอนี้จะแสดงข้อมูลต่างๆ ของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันที่เหลือ ระยะทางที่วิ่งได้ รถล็อคหรือยัง อุณหภูมิของรถ รวมถึงควบคุมแสงภายในรถได้ด้วย Tesla Model S กุญแจที่ออกแบบให้หน้าตาเหมือนตัวรถ Tesla Model S ขนาดจิ๋ว นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังสามารถบังคับให้รถถอยหรือเดินหน้า หรือขับมาหาคุณในระยะสั้นๆ ได้โดยไม่ต้องนั่งอยู่ในรถได้ด้วย (นี่มันราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์เลยไหมละ!?) ดูแบบไฮเทคไปแล้ว เบรกกลับมาดูแบบตั้งเดิมกันอีกนิด… Koenigsegg ถ้าใครกำลังอยากได้ฟีลเหมือนมีรถสายลับหรือซุปเปอร์ฮีโร่มาขับ…
-
ภรรยาอยากได้รูปถ่ายสวยๆ ของลูกน้อย เลยซื้อกล้องให้สามีพัฒนาฝีมือ และเขาก็สร้างผลงานแจ่มว้าว!!
สำหรับพ่อแม่ที่กำลังมีลูกน้อยนั้น เชื่อว่าทุกครอบครัวต้องอยากเก็บภาพช่วงเวลาการเติบโตที่สำคัญเหล่านี้ไว้ เพราะถ้าพลาดช่วงเวลาเหล่านี้ไป พวกเขาจะพลาดไปตลอดกาล สำหรับครอบครัวของ Phillip Haumesser ก็เช่นกัน ในช่วงที่ลูกน้อยของเขากำลังเติบโต ภรรยาของเขาก็คิดว่าพวกเขาควรจะถ่ายภาพช่วงเวลาเหล่านี้เอาไว้ ตอนแรกพวกเขาก็ใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือ แต่คุณภาพมันก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก วันหนึ่งภรรยาของเขาจึงซื้อกล้องคอมแพ็คธรรมดาๆ มาให้เขาถ่ายภาพลูก แรกๆ เขาก็ไม่ได้จริงจังมาก จนกระทั่งวันหนึ่งเขาบังเอิญไปเห็นเพจของตากล้องคนหนึ่งบนเฟสบุ๊ก เขารู้สึกตื่นเต้นมากที่ตากล้องคนนั้นสามารถถ่ายภาพเจ๋งๆ ออกมา เขาจึงตัดสินใจศึกษาการถ่ายภาพอย่างจริงจัง และซื้อกล้องที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น และนี่คือผลงานของเขาหลังจากฝึกฝนมาหนึ่งปีเต็มๆ . “ผมไปเจอภาพของตากล้องท่านหนึ่งบนอินเตอร์เน็ตซึ่งผมรู้สึกว่ามันเจ๋งมาก หลังจากนั้นผมเลยเปิดยูทูปเพื่อดูคลิปการสอนถ่ายรูปต่าง” . “ผมได้กล้องตัวแรกมาช่วงต้นปี 2015 ผมฝึกฝนอยู่นาน จนถึงเดือนตุลาคม ผมถึงได้เอากล้องออกไปถ่ายภาพแบบจริงๆ จังๆ” . “ทุกๆ วันผมพยายามฝึกฝนฝีมือของตัวเองให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งเรื่องความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงพยายามหาเอกลักษณ์ของตนเองไปพร้อมๆ กันด้วย” Phillip กล่าว . . . . . . . . . เห็นภาพสวยๆ แบบนี้แล้วอยากจับกล้องออกไปหาภาพเจ๋งๆ…
-
3 สิ่งที่ผมเรียนรู้ หลังรอดตายจากเครื่องบินตก บทความดีๆ ที่อยากให้ลองอ่านลองฟัง
หลายคนอาจคิดว่าความตายเป็นเรื่องไกลตัว จนหลายๆ ครั้ง เราปล่อยให้เวลาผ่านไปจนพลาดสิ่งต่างๆ ที่สำคัญในชีวิต โดยไม่ได้คาดคิดเลยว่า วินาทีสุดท้ายของเรากำลังเดินทางมาถึงแล้ว สำหรับชายคนนี้ก็เช่นกัน ตลอดเวลาเขาได้ทุ่มเทกับงาน จนละเลยหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างในชีวิตไป กระทั่งวันหนึ่ง เขาพบว่าเครื่องบินที่เขาได้เดินทางโดยสารนั้น กำลังจะพุ่งโหม่งแม่น้ำ วินาทีนั้นเขาคิดอะไรอยู่ และเมื่อเขารอดมาอย่างปาฏิหาริย์ เขาได้ข้อคิดอะไรจากเหตุการณ์นี้บ้าง เราไปติดตามกันเลยดีกว่า ชายคนนี้มีชื่อว่า Ric Elias เขาเป็นซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัทการตลาดชื่อดัง Red Ventures เขาเป็นหนึ่งในผู้โดยสารของเครื่องบิน ยูเอสแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ 1549 ที่ลงจอดฉุกเฉินกลางแม่น้ำฮัตสันได้อย่างปาฏิหาริย์ หลังเครื่องยนต์หยุดทำงานอย่างกะทันหันเพราะชนกับนกหลายครั้ง เขาเล่าว่าวินาทีที่เครื่องบินกำลังจะลงจอดฉุกเฉินนั้น เขาคิดว่าเขาคงต้องตายแน่ๆ และวินาทีนั้นเอง เขาก็ได้เรียนรู้ 3 สิ่งสำคัญที่เขาไม่ได้ตระหนักมาก่อนในชีวิต อย่างแรกเขาคิดถึงสิ่งที่เขาอยากทำแต่ยังไม่ได้ คนที่เขาอยากติดต่อไปทักทายแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ ประสบการณ์ที่อยากมีแต่ยังไม่ได้มี เขาจึงบอกกับตัวเองว่า ต่อไปนี้เขาจะไม่เป็นคนที่ผลัดผ่อนสิ่งต่างๆ อีกต่อไปแล้ว ถ้าอยากทำอะไรก็จะทำในทันที อย่างที่สองที่เขาได้เรียนรู้คือคุณค่าของความสัมพันธ์ วินาทีที่เครื่องบินพุ่งผ่านสะพานจอร์จ วอชิงตัน อย่างฉิวเฉียด เขาย้อนนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับภรรยา เพื่อน และคนอื่นๆ แม้เขาพยายามทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุดตลอด แต่ด้วยความเป็นมนุษย์ ทำให้เขายังมีอีโก้ของตนเองอยู่ หลายๆ ครั้งที่อีโก้นี้เอง ทำให้เขาต้องทะเลาะกับคนอื่นอยู่เรื่อยไป ซึ่งเขารู้สึกเสียดายเวลาเป็นอย่างมาก…
-
คุณแม่กับการสอนลูกชายให้ ‘ดื่มแอลกอฮอล์’ พร้อมแฝงแง่คิดดีๆ จนชาวเน็ตแชร์กันใหญ่
สำหรับคนเป็นพ่อหรือแม่คนนั้น ก็มีเทคนิคในการสอนลูกๆ แตกต่างกันออกไป ยิ่งเข้าสู่วัยรุ่น หรือที่หลายคนเรียกว่าช่วงเวลาในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตแล้ว ความเข้าใจของพ่อและแม่ต่อลูกๆ ของพวกเขานั้นยิ่งมีความสำคัญมากๆ เพราะช่วงเวลาดังกล่าวนั้นอาจเป็นตัวกำหนดชีวิตของเหล่าวัยรุ่นเลยทีเดียว!! Spencer Slavazza วัย 17 ปีก็เป็นหนึ่งในเด็กวัยรุ่นธรรมดาๆ คนหนึ่ง ซึ่งแม่ของเขา Cheryl ก็จับจับตาเฝ้าระวังพฤติกรรมของเขาอย่างมากในช่วงนี้… ‘แม่จับตาดูผมอยู่ตลอด’ Spencer Slavazza กล่าว ‘แต่อย่างไรแม่ก็ไม่ได้ใช้ความซีเรียสกับเรื่องนี้มากนัก นอกจากนี้แล้วคุณแม่ก็ชอบที่จะทำให้มันออกมาดูสนุกสนานอยู่เสมอ’ และแน่นอนวัยรุ่นในวัยของเขานี้ก็เริ่มที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องแอลกอฮอล์เข้ามาบ้างแล้ว ช่วงหยุดเทศกาลปีใหม่นี้ คุณแม่เลยจัดหนักซื้อวอดก้ามาให้เขา 1 ขวดใหญ่เต็มๆ (หวานปากเลยล่ะสิ) ไฮไลท์ของวอดก้าปีใหม่นี้ก็คือมันมีแถบแสดงข้อความดิจิตัล เพื่อให้เราใส่ข้อความอะไรก็ได้ลงไป โดยก่อนหน้านี้คุณแม่ได้โปรแกรมข้อความไว้ว่า “Happy holidays from the Slavazzas” หรือ ‘สุขสันต์วันหยุดยาวจากครอบครัว Slavazza’ แต่พอเวลาผ่านไป Spencer ก็สังเกตได้ว่าข้อความรอบๆ ขวดนั้นเปลี่ยนไป!? ขวดวอดก้าที่คุณแม่ซื้อมาฉลองปีใหม่ Spencer รู้เลยล่ะว่าข้อความนี้ส่งตรงถึงเขาโดยตรง!! my mom thinks she’s so clever ?.…
-
ย้อนกลับไปดูสถิติ คนตายบนท้องถนน ประเทศไทยติดอันดับ 2 ของโลก !??
ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ไม่ว่าเปิดทีวีช่องไหนหรือเลื่อนนิวฟีดบนเฟสบุ๊ก เราก็จะได้เห็นข่าวอุบัติเหตุทางรถยนต์อันน่าสะเทือนใจอยู่เต็มไปหมด โดยเฉพาะเหตุการณ์รถตู้ประสานงากับรถกระบะจนมีผู้เสียชีวิตกว่า 20 ราย จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ และถ้าใครอยู่ประเทศไทยมานานพอ ก็จะรู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านี้ถือว่าเป็นเรื่องที่พบเห็นได้อย่างชินชาบนท้องถนนในแม้แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังบอกว่าประเทศไทย มีคนตายบนท้องถนนมากที่สุดติดเป็นอันดับสองของโลก อ้างอิงจากรายงานความปลอดภัยบนท้องถนนประจำปี พ.ศ. 2558 (2015 Global Status Report of Road Safety) กล่าวว่า ในปี พ.ศ. 2555 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตบนถนนกว่า 14,059 คน แปลง่ายๆ ว่าในทุกๆ 100,000 คน จะมี 36.2 คน เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ถือว่าสูงที่สุดอันดับสองของโลก โดยสถิตินี้ เป็นรองประเทศลิเบียที่สัดส่วน 73.4 คน ต่อ 100,000 คน เท่านั้น (ซึ่งลิเบียอยู่ในภาวะสงครามกลางเมืองตั้งแต่ปี 2011 ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากเป็นพิเศษ) การพัฒนาประเทศ…
-
16 เมืองเล็กๆ อันได้ชื่อว่าสวยงามและทรงเสน่ห์ที่สุดในยุโรป แต่คุณอาจจะยังไม่รู้จัก…
สำหรับหลายๆ คนแล้ว ทวีปยุโรปถือว่าเป็นดินแดนในฝันที่ต้องไปเยือนให้ได้ซักครั้งในชีวิต ด้วยภูมิประเทศและวัฒนธรรมอันสวยงามไม่เหมือนที่ใดในโลก ทำให้มีนักท่องเที่ยวปีละหลายล้านคนเดินทางไปเที่ยวในยุโรป และถ้าเพื่อนๆ คนไหนอยากไปยุโรป แต่เบื่อเมืองใหญ่ๆ แล้ว ลองไปชม 16 เมืองเล็กๆ เหล่านี้สิ เพราะมันได้ชื่อว่าสวยงามและทรงเสน่ห์ที่สุดในยุโรป ซึ่งคุณควรจะไปให้ได้เลยล่ะ Manarola, Italy ตึกรามบ้านช่องสีสันสวยงาม แถมตั้งอยู่บนหน้าผาริมทะเล นี่อาจเป็นทางเลือกที่ดี หากท่านไม่อยากไปเผชิญกับความวุ่นวายในเมืองหลวงอย่างโรมหรือเมืองใหญ่อย่างมิลาน Reine, Norway หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ในตั้งอยู่บริเวณอ่าวริมฝั่งมหาสมุทธใกล้แถบขั้วโลก ถูกโหวตว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ น่าไปสัมผัสซักครั้ง Portree, Scotland หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีประชากรแค่ 2,500 คน มีอ่าว ท่าเรือ และตึกสีสันสดใสตั้งอยู่ หากอยากสัมผัสวิถีชีวิตแบบสก็อตแลนด์แท้ๆ ที่นี่ก็ถือว่าน่าสนใจนะ Colmar, France เมืองเล็กๆ ที่ได้รับฉายาว่าเวนิสขนาดย่อม ก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 9 แถมหมู่บ้านนี้ยังได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากเยอรมันและฝรั่งเศส ทำให้ผสมผสานกันเป็นจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร Bled, Slovenia โบสต์ที่ตั้งอยู่กลางน้ำแห่งนี้ กลายเป็นสถานที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมเมืองเล็กๆ แห่งนี้อยู่เสมอ…
-
26 อันดับ ประสบการณ์ความเฟล ในการทำครัวของชาวเน็ต ปี 2016 เห็นแล้วสงสารเลย
เชื่อว่าแต่ละคนต้องเคยมีโมเมนต์อยากลองทำอะไรทานเองภายในบ้าน บางทีอาจเป็นขนม บางทีอาจเป็นอาหารทั่วไป ก็ลองค้นหาสูตรในเน็ต แล้วก็ไปซื้อวัตถุดิบมาทำ แต่พอทำเสร็จเท่านั้นแหละ ถึงกับฝันสลายเลยทีเดียว เพราะหน้าตามันออกมาเห่ยแบบสุดๆ ไปเลยล่ะ อย่างเช่น 26 การทำครัวสุดเฟลตลอดปี 2016 ที่ชาวเน็ตได้นำมาแชร์ บอกเลยว่าเพื่อนๆ ดูแล้วจะรู้สึกสงสารเลยล่ะ เพราะมันน่าสังเวชแบบสุดๆ ไม่เชื่อไปชมกันดูสิ คุ๊กกี้ช็อคโกแลต โดยคุณ angelar63 ทาร์ดิสอันบุดๆ เบี้ยวๆ โดยคุณ cecilian4b นักเก็ตไก่ที่แสนเฟล โดยคุณ kevinkriz1 เค้กโพนี่อันแสนน่าสงสาร โดยคุณ MrsMartin3 เค้ก Frozen ที่ไม่ Frozen เอาซะเลย โดยคุณ amypaynew คุ๊กกี้นินจาแสนน่าสงสาร โดยคุณ katiehansencookgibbonswifei เค้กช็อคโกแลตหมู… โดยคุณ helloterrilowe ไข่ลูกเจี๊ยบที่น่าสงสารมาก โดยคุณ Leah Rullman ซูการี่ทำไมหน้าตาไม่เหมือนในภาพเลย โดยคุณ kaylieackerman เค้กสายรุ้ง..ตรงไหน โดยคุณ trainor85 จอลลี่แบร์ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาก…
-
17 งานภาพศิลปะ ทดแทนอารมณ์ ความรู้สึกภายในใจ ที่ไม่สามารถบอกเป็นคำพูดได้…
ตลอดชีวิตของเรามีหลายๆ ครั้งที่เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นในจิตใจ บางครั้งอาจเป็นความรู้สึกอึดอัด บางครั้งก็เป็นความเศร้า บางครั้งก็เป็นความสุข แต่สิ่งที่เหมือนกันคือเราไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูด สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยมันไว้ภายในใจจนกระทั่งความรู้สึกเหล่านั้นหายไปเอง ด้วยเหตุนี้ Ahmed Awad ศิลปินวัย 22 ปี จึงวาดภาพเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อบอกเล่าอารมณ์ที่เธอไม่อาจบรรยายด้วยความพูด เราไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า อย่าทิ้งฉันไป พื้นที่ส่วนตัว คิดมาก ค่ำคืนที่น่าจดจำ เธอคือยาเสพติดของผม ปัญหาที่ทุกคนต้องเจอ อีกค่ำคืนที่ต้องจดจำ ฉันไม่สน ภาพลวงตา ความโศกเศร้า ฟังเสียงหัวใจ คุกที่เรียกว่าบ้าน โลกนี้ไม่มีอะไรน่าดูซักนิด รอยจูบของหัวใจ ภาพความทรงจำ เล่นกับความรู้สึก ความห่างไกล เป็นภาพที่เต็มไปด้วยอารมณ์จริงๆ เพื่อนๆ ล่ะคิดเหมือนกันรึเปล่า ที่มา…
-
ศิลปินลองเสพสารทั้งหมด 24 ชนิด แล้วถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาด ผลลัพธ์จะเป็นยังไง!?
เชื่อว่าทุกคนนั้นทราบกันดีว่า ยาเสพติดถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายและเป็นอันตรายต่อร่างกายของมนุษย์ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีคนอีกหลายคนที่ยินดีเสพยาเสพติดด้วยเหตุผลบางอย่าง อย่างเช่นศิลปินหลายๆ คน สามารถผลิตผลงานระดับเทพออกมา ขณะที่ตัวเองกำลังเมายาอยู่ อย่างเช่น Bryan Lewis Saunders ศิลปินจากกรุงวอชิงตัน ดีซีท่านนี้ ตลอด 21 ปีที่ผ่านมาเขาวาดภาพออกมากว่า 8,000 ภาพ และหลายๆ ครั้งเขาก็เสพยาเสพติดหลายๆ ชนิดเพื่อช่วยในการวาดภาพ เราไปชมผลลัพธ์กันเลยดีกว่า 25I-NBOMe Abilify / Xanax / Ativan อะริพิพราโซล เหล้าแอ๊บแซ๊งธ์ ยา Adderall เหล้า Ambien 10 กรัม ยานอนหลับ ยาซอมบี้บาธซอลต์ ยา Buspar ยาบิวทอลบิทอล น้ำมันบิวเทนจากน้ำผึ้ง ยาแก้อักเสบเซฟาเลกซิน …
-
ศาสตร์แห่งการ “มีเมียเด็ก” เมื่อผลการศึกษาพบว่า “ภรรยาอายุน้อย” ทำให้ผู้ชายแก่อายุยืนขึ้น…
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนุ่มๆ หลายคนฝันอยากที่จะมีแฟนหรือภรรยาที่อายุน้อยกว่าตัวเอง ซึ่งการมีแฟนที่เด็กกว่าตัวเองก็มีข้อดีหลายๆ อย่างเช่น แฟนตัวเองจะยังดูสาวสวยกว่าแฟนเพื่อนๆ วัยเดียวกัน แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้ว หรือคุณอาจจะดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเวลาที่ต้องดูแลเทคแคร์พวกเธอ หรืออาจจะช่วยให้ความรักของคุณกระชุ่มกระชวยขึ้น เพราะพวกเธอจะเอาอกเอาใจพวกคุณได้มากกว่า ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป เพราะนั่นเป็นเพียงภาพมายาคติที่เราจำมาจากคนรอบข้างบ้าง หนังบ้าง หรือคิดเอาเองบ้าง แต่ในต่างประเทศเคยมีการศึกษาและค้นคว้ากันมาแล้ว เกี่ยวกับข้อดีของการมีแฟนอายุน้อยกว่าตัวเอง อย่างเมื่อปี 2010 นักศึกษาเรื่องประชากรศาสตร์ชาวเยอรมันที่มีชื่อว่านาย Sven Drefahl ได้นำเอาข้อมูลของประชากรชาวเดนมาร์กในช่วงปี 1990-2005 มาสำรวจอีกครั้ง เพื่อดูว่าช่องว่าระหว่างวัยของชายหญิงที่แต่งงานกันมีผลต่ออายุที่ยืนยาวขึ้นหรือไม่ นาย Drefahl พบว่าหญิงสาวที่มีสามีที่อายุน้อยกว่าพวกเธอ จะมีอัตราการเสียชีวิตที่เร็วกว่าผู้หญิงที่มีแฟนอายุมากกว่า สวนทางกับผู้ชายที่มีภรรยาที่อายุน้อยกว่า พวกเขากลับมีอายุที่ยืนยาวมากขึ้นกว่าปกติ แถมลดโอกาสเสียชีวิตน้อยลงกว่าชายที่แต่งงานกับภรรยาวัยเดียวกัน 4% จากผลในงานศึกษาของเขาได้สร้างความแปลกใจให้กับใครหลายๆ คน แต่เขาเองก็ไม่ได้ระบุถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ชายอายุยืนเพราะมีแฟนเด็กมีเพียงแต่ตัวเลขและสถิติเท่านั้น แต่คาดการณ์ว่าปัจจัยที่เป็นเช่นนั้น หากมองในแง่ของสุขภาพของคนหนุ่มสาว ก็อาจมองได้ว่าพวกเขามีพลังและความกะปรี้กะเปร่าที่มากกว่าจึงสามารถดูแล หรือชวนออกกำลังกายได้มากกว่าคนวัยเดียวกับพวกคุณนั่นเอง แต่ก็น่าคิดว่าทำไมตัวเลขอายุยืนขึ้น ถึงตกอยู่กับฝ่ายชายที่มีภรรยาอายุน้อยกว่า แต่ในขณะที่ฝ่ายหญิงชราซึ่งมีสามีอายุน้อยกว่านั้น กลับไม่มีตัวเลขเพียงพอที่จะยืนยันว่าทำให้อายุยืนแต่อย่างใด ก่อนหน้านี้เคยมีการสำรวจข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงปี 1970 (ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ Sven Drefahl ทำการศึกษานี้…
-
รายงานล่าสุด มีการพบว่า ‘ไข้หวัดนก H7N2’ สามารถแพร่จากแมวสู่คนได้แล้ว
ต้องเกริ่นก่อนว่า ‘ไข้หวัดนก’ (Bird Flu) เป็นโรคที่เกิดจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ ที่พบได้ในสัตว์ปีก ซึ่งถือว่าเป็นเชื้อไวรัสที่อันตราย เพราะถ้ามนุษย์เราได้รับเชื้อนี้เข้าไปแล้ว เราจะเกิดอาการมีไข้สูง ท้องร่วง อาเจียน และถ้าหากมีอาการแทรกซ้อน อาจส่งผลให้ระบบหายใจล้มเหลวได้เลย และล่าสุดเว็บไซต์ Seeker ได้ลงรายงานอย่างเป็นทางการจาก ‘กรมสาธารณสุขแห่งเมืองนิวยอร์ค’ ได้มีการค้นพบแล้วว่า เจ้าเชื้อไวรัส ‘H7N2’ ชนิดเดียวกันสามารถแพร่ระบาดจากแมวมาสู่คนได้!! โดยการค้นพบครั้งนี้เริ่มจาก สัตวแพทย์ประจำศูนย์ช่วยเหลือสัตว์แห่งแมนฮัตตัน (ACC) ได้ทำการตรวจสอบแมวที่ป่วย และพบว่ามีอย่างน้อย 45 ตัว ที่ได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดนก จากนั้นจึงทำการตรวจหาเชื้อดังกล่าวกับทีมเจ้าหน้าที่ ที่ต้องคลุกคลีกับแมวเป็นประจำ ผลปรากฏว่าพบเจ้าหน้าที่ซึ่งติดเชื้อดังกล่าว นอกจากนั้นทางกรมสาธารณสุข ก็ได้ทำการทดสอบตรวจหาเชื้อดังกล่าวกับแมวจรจัดจำนวน 100 ตัว และพบว่าผลตรวจออกมาเป็นบวก (ติดเชื้อ) ซึ่งหมายความว่า เชื้อไวรัสดังกล่าว ได้แพร่กระจายจากนก มาสู่แมว อีกทั้งยังแพร่จากแมว สู่แมว ได้อย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน Mary T. Bassett กรรมาธิการกรมสาธารณสุขได้ออกมาชี้แจงว่า “จากการตรวจสอบเราพบว่า โอกาสที่เชื้อไวรัสดังกล่าวจะแพร่จากแมวมาสู่คน…
-
เรื่องราวชีวิตของ Evan สะท้อนปัญหาความรุนแรง-กลั่นแกล้งในโรงเรียน นำไปสู่เหตุสะเทือนขวัญ
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา มูลนิธิ Sandy Hook Promise ได้ปล่อยหนังสั้นเรื่อง Evan เล่าถึงเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อว่า อีวาน ที่ใช้ชีวิตเหมือนกับเด็กมัธยมปลายคนอื่นทั่วไป ทุกๆ วันต้องไปโรงเรียน เรียนหนังสือ แล้วก็กลับบ้าน วันหนึ่ง ขณะที่เขานั่งอยู่ในห้องสมุด เขาก็เขียนอะไรบางอย่างลงไปบนโต๊ะของห้องสมุด แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงกิจกรรมแก้เบื่อของเขาเท่านั้น แต่นั่นกลับเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์บางอย่าง หลายวันต่อมาเขากลับมาห้องสมุดอีกครั้ง และพบว่ามีคนตอบข้อความที่เขาเขียนบนโต๊ะนั้นด้วย หลังจากนั้น เขากับคนปริศนาก็เขียนข้อความตอบโต้กันไปมาอยู่เสมอ เขาไม่รู้ว่าเธอหรือเขาคือใคร แต่นั่นกลายเป็นความตื่นเต้นครั้งใหม่ในชีวิตของเขา แต่แล้วความสนุกก็อยู่ได้ไม่นาน วันปิดเทอมก็มาถึง ห้องสมุดถูกปิด นั่นหมายความว่าเขาอาจไม่ได้คุยกับคนปริศนาคนนั้นอีกต่อไปแล้ว แต่ขณะที่เขากำลังจะกลับบ้านนั่นเอง เขาก็ได้พบกับคนปริศนาคนนั้น และดูเหมือนว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่สวยซะด้วยสิ แต่เรื่องราวมันจะจบสวยๆ ง่ายๆ แบบนี้เหรอ? อยากให้ชมเรื่องราวชีวิตของ Evan แล้วคุณอาจจะตระหนักถึงปัญหาความเครียดที่สะสมอยู่ในโรงเรียนมากขึ้น… เอาล่ะ ดูจบแล้วเรามาคุยกันดีกว่า ใครที่ยังไม่ได้ดูคลิปด้านบนก็ไปดูให้จบก่อนนะ อย่างที่เราทราบกันดีว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาถือว่าเป็นประเทศที่มีการซื้อขายและพกปืนได้อย่างอิสระเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แม้ผู้สนับสนุนการอนุญาตพกปืนเหล่านี้จะให้เหตุผลเรื่องการป้องกันตัวเอง แต่สหรัฐอเมริกาก็มีก็มีผู้เคราะห์ร้ายจากอาวุธปืนมากติดอันดับโลกเลยทีเดียว โดยเว็บไซต์ Smart Gun…
-
21 ภาพสุดงดงาม เต็มไปด้วยความหมาย ตลอดปี 2016 ควรได้เห็นซักครั้ง ก่อนที่มันจะผ่านไป
ตลอดปี 2016 ที่ผ่านมา มีเรื่องราวเกิดมากมายทั่วโลกของเรา ไม่ว่าจะเป็น สงคราม วิกฤติเศรษฐกิจ การแข่งกีฬาโอลิมปิก การเสียชีวิตของเหล่าดัง และอื่นๆ อีกมาย ที่บรรยายอีกสามวันก็อาจจะยังไม่หมด มีทั้งทุกข์และสุขปนเปกันไป วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 21 ภาพอันงดงามและเต็มไปด้วยความหมายในปี 2016 จะมีภาพไหนบ้าง ไปชมกันเลย ชายวัยทำงานคนหนึ่ง กำลังยืนชื่นชมความงามของดอกซากุระ ที่เบ่งบานสะพรั่งในช่วงเมษายน ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สมาคมกีฬา Castellers de Vilafranca ได้สร้าง “ตึกมนุษย์” ขึ้นมาในระหว่างการแข่งขันกีฬาประจำทุกๆ สองปี ในเมือง Tarragona City ประเทศ Spain คู่รักจูบกันเหนือแม่น้ำ Seine ประเทศฝรั่งเศส Taylor Swift แสดงความดีใจที่ Ed Sheeran ชนะรางวัลเพลงแห่งปี ของงาน Grammy Awards ครั้งที่ 58th พิธีเปิดสะพาน Yavuz…
-
ถ้าหากว่าโลกนี้ มีมนุษย์แค่ 100 คน ตลอด 200 ปีที่ผ่านมา โลกที่เรารู้จักจะเป็นแบบไหน?
เคยรู้สึกกันบ้างมั้ยว่า ประชากรมนุษย์บนโลกเราทุกวันนี้ มีเยอะมากเกินไป เยอะจนชนิดที่ต้องไปเบียดเบียนธรรมชาติ เบียดเบียนสัตว์ป่า และเบียดเบียนมนุษย์ด้วยกันเอง ไม่ว่าจะเพื่อทรัพยากร หรือเพื่อการเอาตัวรอด (ตัวเราก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้นแหละ) แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากว่าโลกใบนี้ที่ปัจจุบันมีมนุษย์มากถึง 7.5 พันล้านคน แต่เปลี่ยนให้เหลือเพียงแค่ 100 คน แน่นอนว่าเราอาจจะคิดถึงความสงบสุข การไม่ต้องเจอปัญหารถติดตอนเช้า ไม่ต้องแย่งกันกินกันใช้เหมือนปัจจุบัน และด้วยข้อสงสัยนี้เองทางเว็บไซต์ OurWorldInData.org จึงได้สร้างกราฟขึ้นมาว่า ตลอด 200 ปีที่ผ่านมา สภาพการเป็นอยู่ของมนุษย์เราเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน เมื่อนำประชากรทั้งหมดทั่วโลก มาเทียบให้เหลือในสเกลขนาดเล็กแค่ 100 คน เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น ด้านเศรษฐกิจ เมื่อราว 200 ปีก่อน มีจำนวนคนมากถึง 94 คนที่ต้องมีชีวิตการเป็นอยู่อย่างยากจน ในขณะที่ปัจจุบัน เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วพบว่า มีเพียงแค่ 10 คนเท่านั้นที่ยังติดอยู่กับปัญหาดังกล่าว ด้านวัคซีนการป้องกันโรค (โรคคอตีบ, โรคไอกรน และโรคบาดทะยัก) เมื่อราว 200 ปีก่อนจะเห็นได้ว่า มนุษย์เรายังไม่มีวัคซีนที่จะนำมาใช้รักษาโรคดังกล่าว แต่ปัจจุบันเมื่อเทียบกับประชากรทั้งโลก โดยตีตัวเลขให้มีแค่ 100…
-
ไขข้อข้องใจ ความแตกต่าง ‘กัญชง’ และ ‘กัญชา’ พืชตระกูลเดียวกัน แต่ไม่เหมือนกัน!!
เพิ่งมีประกาศอนุมัติจาก ครม. ไปเมื่อไม่นานมานี้ เกี่ยวกับเรื่องการจัดประเภทให้พืช ‘กัญชง’ สามารถนำมาปลูกได้อย่างถูกกฏหมาย แต่ไม่ใช่ทั่วประเทศนะจ๊ะ โดยทาง ครม. ได้ทำการนำร่องให้ถูกกฏหมายได้เฉพาะใน 6 จังหวัด 15 อำเภอ เท่านั้น มีการแชร์กันทั่วโลกออนไลน์ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของเสรีการสูบกัญชา และเหล่าสายเขียวคงจะฟินกันอย่างมาก แต่… อยากจะให้ทำความเข้าใจกันอีกนิดนึง #เหมียวบ็อบ เชื่อว่าต้องมีหลายคนที่สงสัยว่า อะไรคือ ‘กัญชง’ แล้วมันแตกต่างจาก ‘กัญชา’ ยังไง? วันนี้แหละเราจะพาไปไขข้อข้องใจให้รู้แจ้งแถลงไขกันไปเลย (ขอตัวไปเติมซัก 1 หลุม เพื่อเพิ่มความเพลินในการเขียนก่อนนะ ปรู๊ดๆๆๆ) นี่คือต้นกัญชง ส่วนนี่คือต้นกัญชา อะไรคือ ‘กัญชง’? มาว่ากันด้วยเรื่องของลักษณะทางของต้นกันก่อน กัญชง (Hemp) นั้นจะเป็นพืชที่ไม่เน้นดอกเหมือนกัญชา มีขนาดลำต้น และใบที่เรียวยาวกว่า อีกทั้งยังถูกจัดให้เป็นพืชล้มลุกที่อยู่ในตระกูลเดียวกับกัญชา (Marijuana) ด้วยเช่นกัน แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นพืชที่ดูคล้ายคลึงกัน อยู่ในตระกูลเดียวกันเหมือนญาติพี่น้อง แต่ลักษณะสำคัญที่แตกต่างกันก็คือ กัญชง จะมีสารที่เรียกว่า ‘THC’ (เตตร้าไฮโดรแคนนาบินอยด์)…
-
17 ภาพการ์ตูนที่ศิลปินทั่วโลก พร้อมใจกันวาดไว้อาลัยกับการจากไปของ Carrie Fisher
เป็นที่แน่นอนว่าการจากไปของเจ้าหญิงเลอา แครี่ ฟิชเชอร์ ได้สร้างความเศร้าเสียใจให้กับคนทั่วโลก โดยเฉพาะเหล่าแฟนๆ ของซีรี่ย์ Star Wars ที่มีความผูกพันกับเธอมานับ 40 ปี ด้วยเหตุนี้เองศิลปินจากทั่วโลก จึงพร้อมใจกันวาดการ์ตูนไว้อาลัยกับการจากไปของ แครี่ ฟิชเชอร์ เราไปชมผลงานของพวกเขากันเลยดีกว่า ขอพลังจงสถิตอยู่กับท่าน พระเจ้ารับเธอไปอยู่ด้วยแล้ว ผลงานโดย BrzS ผลงานโดย clonesstarwarsofficial “ฉันคิดถึงเธอ” “ฉันรู้” ผลงานโดย nicrobertson23 ผลงานโดย Monika เจ้าหญิงเลอาจากไปแล้ว ผลงานโดย Carlos Latuff ผลงานโดย daekazu “พวกเราเป็นแฟนสตาร์วอร์ ตัวยงเลยนะ” ผลงานโดย Chris ‘ROY’ Taylo ผลงานโดย darthfar ผลงานโดย charamath ผลงานโดย Andy Marlette “พวกเราจะระลึกถึงเธอ และสิ่งที่เธอทำตลอดไป ขอบคุณมากแครี่” ผลงานโดย marcelafrommars ผลงานโดย Bill Sienkiewicz…
-
นักวิทยาศาสตร์เผย พื้นที่ “สกปรกที่สุด” บนเครื่องบิน แท้จริงแล้วมีที่ไหนกันบ้าง??
ทุกวันนี้ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ด้วยความเร็วและความสะดวกสบาย เครื่องบินจึงกลายเป็นหนึ่งในยานพาหนะหลักที่เราใช้ในการเดินทางไปมาทั้งในและนอกประเทศ แน่นอน ด้วยปริมาณผู้โดยสารนับพันๆ หมื่นๆ คนในแต่ละปี ทำให้บนเครื่องบิน มีสถานที่สกปรกๆ อยู่หลายต่อหลายที่ หลายท่านอาจคิดว่าที่สกปรกที่สุดบนเครื่องบินคือห้องน้ำ แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือ!? ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ได้เปิดเผยออกมาแล้วว่า มีพื้นที่ใดบนเครื่องบินบ้าง ที่มีเชื้อโรคอยู่มากที่สุด เพื่อนๆ จะเดาถูกกันหรือเปล่า เราลองไปชมกันเลย 1.บริเวณหน้าจอสัมผัส ไม่ว่าใครที่นั่งที่คุณตรงนั้น ต้องเอื้อมมือไปแตะเสมอ ลองจินตนาการดูได้ว่ามันจะมีเชื้อโรคมากมายขนาดไหน 2. นิตยสารบนเครื่องบิน คุณเคยสังเกตรึเปล่าว่านิตยสารที่วางอยู่ในช่องเก็บของด้านหน้ามันอยู่มานานแค่ไหนแล้ว แล้วลองนึกว่ามีกี่คนที่หยิบมันขึ้นมาดูเวลาไม่มีอะไรทำ เชื้อโรคมันจะมากมายขนาดไหน 3. ห้องน้ำ อันนี้คงไม่ต้องบรรยาย เพราะห้องน้ำมันย่อมเต็มไปด้วยแบคทีเรียอยู่แล้ว 4. ถาดวางของ ผู้โดยสารทุกท่านเวลากินอาหารก็ต้องกางเจ้าถาดนี้ลงมา แน่นอนว่ามันต้องผ่านเศษอาหารนานาชนิดมาแล้ว และเศษอาหารเหล่านี้แหละ คือแหล่งเพาะพันธุ์แบคทีเรียชั้นยอด 5. ช่องเก็บของ จริงๆ ถ้ามันเป็นช่องเก็บของก็คงไม่เป็นอะไรมาก แต่ดูเหมือนว่าคนทั่วไปจะใช้มันในฐานะถังขยะส่วนตัวระหว่างรอพนักงานมาเก็บมากกว่า ดังนั้นคราบสกปรกจากเศษอาหารต่างๆ ต้องเพียบอย่างแน่นอน ทางเว็บไซต์ Business…
-
เกือบ 10 ปีหลังจาก iPhone เครื่องแรกวางขาย ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแค่ไหน!?
นับตั้งแต่โทรศัพท์สมาร์ทโฟน iPhone จาก Apple ได้ถูกเปิดตัวต่อสาธารณะชนเมื่อวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 2007 ตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้วที่โลกได้รู้จักกับสมาร์ทโฟนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดรุ่นหนึ่งที่โลกเคยมีมา แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ กว่า iPhone จะเป็น iPhone ในทุกวันนี้ มันผ่านการปรับปรุง เพิ่มเติม และปรับเปลี่ยนหลายต่อหลายครั้ง เราไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่าว่า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา iPhone เปลี่ยนไปยังไงบ้างนะ อย่างแรกที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยคือ “ราคา” เพราะมันแพงเสมอต้นเสมอปลาย ตั้งแต่ยุคแรก จนยุคปัจจุบัน แต่หากเทียบประสิทธิภาพและความสวยงามเทียบกับมือถือในยุคนั้น ถือว่าส แถมใน iPhone รุ่นแรกไม่มีฟังก์ชั่นหลายๆ ที่เราเห็นในปัจจุบันด้วยนะ อย่างแรกเลยคือ iPhone รุ่นแรกรองรับระบบอินเตอร์เน็ตไร้สายแค่ Edge/2G เท่านั้น ความเร็วมันก็พอๆ กันเน็ตฟรีครั้งละสามบาทสมัยก่อนนั่นแหละ แถมถ้าใช้เน็ตไปโทรไปล่ะก็ เสียงก็จะขาดๆ หายๆ…
-
12 วิธีทางวิทยาศาสตร์ ช่วยเปลี่ยนคุณให้ดึงดูดเพศตรงข้ามได้ดียิ่งขึ้น เพื่อปี 2017 ที่ดีกว่า!!
เราเชื่อว่าทุกคนต่างต้องการทำให้ตัวเองดูดีกันทั้งนั้น ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ผู้หญิงเกิดมาคู่กับความสวย’ เช่นเดียวกับความหล่อ ที่หนุ่มๆทุกคนต่างต้องการ เพื่อให้มีเสน่ห์ดึงดูดต่อเพศตรงข้าม ล่าสุดวิทยาศาสตร์ได้ออกมายืนยันแล้วว่า ถ้าหากเราดูแลตัวเองให้ดีแล้ว มันจะส่งผลให้ชีวิตเราดีขึ้นตามไปด้วย และด้วยเหตุนี้เอง เราจะพาสุภาพสตรี และสุภาพบุรุษทั้งหลาย ไปรู้จักกับ 12 เทคนิคที่ได้รับการยืนยันจากงานวิจัยแล้วว่า ช่วยทำให้เรามีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามมากยิ่งขึ้น 1. รักษาฟันให้ขาวใสอยู่เสมอ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Leeds แห่งอังกฤษได้ยืนยันแล้วว่า การที่เราดูแลสุขภาพฟันให้ขาวสะอาด ทำให้เราดูมีเสน่ห์ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งนักวิจัยกล่าวว่า เหตุผลก็คล้ายกันกับกรณีหางของนกยูง ที่ต้องโชว์ขนหางอันสวยงาม เพื่อการหาคู่นั่นเอง 2. ทานผัก และผลไม้ เพื่อสุขภาพที่ดีของผิวพรรณ ‘PLos ONE’ กลุ่มนักวิจัยที่ได้ออกมายืนยันเช่นเดียวกันว่า การทานผัก และผลไม้ ที่เต็มไปด้วยสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ช่วยทำให้สุขภาพผิวของเราดีขึ้นจริง และนั่นก็ส่งผลต่อรูปลักษณ์ภายนอกของเรา ที่ช่วยดึงดูดความสนใจจากเพศตรงข้ามได้ดีทีเดียว 3. สาวๆควรยิ้มให้มากขึ้น จากงานวิจัยที่ชื่อว่า ‘Happy Guys Finish Last’ ทำให้ได้ข้อสรุปว่า ‘รอยยิ้ม’ คือการแสดงอารมณ์ที่มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามมากที่สุดสำหรับสาวๆ เพราะฉะนั้นแล้วเรามายิ้มให้กันวันละนิดให้จิตแจ่มใสกันดีกว่าเนาะตัวเองจ๋า …
-
งานวิจัยเผย สำหรับเด็กๆ ที่ชื่นชอบ Harry Potter มีแนวโน้มที่จะเติบโตเป็นคนมีจิตใจดี!!
สำหรับคนที่ชื่นชอบนิยายเรื่อง ‘Harry Potter’ แล้วจะรู้กันดีว่าด้วยเนื้อเรื่องที่มีเสน่ห์ และตัวละครแต่ละตัวที่เป็นเอกลักษณ์แถมยังได้ข้อคิดอะไรดีๆ อีกมากมาย จึงไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดถึงถูกยกเป็นนวนิยายเยี่ยมยอดตลอดกาล เท่านั้นยังไม่พอยังมี งานวิจัย ทางด้านจิตวิทยาประยุกต์ออกมายืนยันอีกว่าสำหรับเด็กๆ ที่อ่านนวนิยาย Harry Potter นั้นจะช่วยให้พวกเขาเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเป็นคนที่มีจิตใจดี งานวิจัยได้เปิดเผยว่าเด็กๆ ที่อ่านนวนิยายเรื่อง Harry Potter นั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นคนที่ใจกว้างพร้อมเปิดใจรับสิ่งต่างๆ และมีอคติกับเหล่าเหล่าชนกลุ่มน้อยน้อยมาก ในงานวิจัยได้ทำการศึกษาจากกลุ่ม เด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ที่ค่อนๆ ไปทางหนุ่มหน่อย ที่เป็นนักเรียนอยู่ในชั้นมัธยมต้น มัธยมปลาย และนักศึกษามหาวิทยาลัย โดยให้ทำการตอบคำถามเกี่ยวกับมุมมองของพวกเขาที่มีต่อผู้อพยพ และในระหว่างการศึกษาเป็นเวลากว่า 6 สัปดาห์พวกเขาก็จะถูกชักชวนให้พูดคุยถึงเรื่องราวที่อยู่ในนิยายอีกด้วย ผลปรากฏว่านักเรียนที่มีความชื่นชอบในตัวละครหลักอย่าง ‘Harry Potter’ นั้นจะมีมุมมองที่ดีต่อเหล่าผู้อพยพ และเปิดใจยอมรับพวกเขา นั่นเป็นเพราะว่าจากเนื้อเรื่อง มุมมองของ Harry ที่มีต่อทุกคนและทุกสิ่งมีชีวิตที่เขาพบเจอในระหว่างการเดินทาง จะถูกเขาเปิดใจยอมรับ อีกทั้งยังมีความแน่วแน่ในความคิดของตนเอง จึงทำให้ผู้คนที่ชื่นชอบตัวละคร Harry นั้นมีแนวโน้มที่จะมีมุมมองและทัศนคติไปในทิศทางเดียวกัน และไม่ได้เพียงแต่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์เท่านั้น แต่จากการศึกษายังสามารถสรุปรวมไปถึงกลุ่มความหลากหลายทางเพศอีกด้วย นอกจากนี้งานวิจัยยังเผยข้อมูลที่น่าสนใจถึงกลุ่มคนเป็นผู้ใหญ่ หากพวกเขาไม่ชอบ Voldermort…
-
ช่างผมอังกฤษ แนะเทคนิคสุดเทพ ให้สาวๆ เช็คตัวเองว่าเหมาะจะเป็น “สาวผมสั้น” หรือไม่
เชื่อว่าในช่วงชีวิตหนึ่งของสาวๆ ทุกคน ต้องเคยมีโมเม้นต์อยากตัดผมสั้นกับเขาบ้าง เพราะเห็นเหล่าดาราคนดังไว้ผมสั้น มันช่างสวยและดูดีเหลือเกิน แต่สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกไปเพราะนอกจากเสียดายผมที่ไว้มาอย่างยาวนานแล้ว ยังกลัวว่าจะออกมาหน้าเด๋ออีกด้วย แต่รู้หรือไม่ จริงๆ แล้วเขามีเทคนิคที่จะสามารถวัดแบบคร่าวๆ ได้เลยว่า คุณเหมาะกับการตัดผมสั้นหรือไม่ คุณต้องทำยังไงบ้าง ลองไปติดตามพร้อมๆ กันเลย เทคนิคดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า เทคนิค 2.25 นิ้ว (5.5 เซนติเมตร) เป็นเทคนิคที่คิดค้นโดย John Frieda นักออกแบบทรงผมจากร้าน John Frieda Salons UK ในประเทศอังกฤษ โดยเขาได้ศึกษาว่ารูปหน้าแบบไหนที่เหมาะกับการตัดผมสั้น และแบบไหนเหมาะกับการตัดผมยาว วิธีการง่ายๆ เพียงแค่สาวๆ ใช้ไม้บรรทัดวัดจากติ่งหูแนวตั้งลงมาถึงคาง ถ้าที่ปลายสุดของคางมีระยะน้อยกว่า 2.25 นิ้ว หรือ 5.5 เซ็นติเมตร ถือว่าใบหน้าของท่านเหมาะกับการตัดผมสั้น “รูปร่างใบหน้าและกระดูกตรงช่วงคาง จะเป็นตัวตัดสินว่าหน้าคุณเหมาะกับผมสั้นหรือผมยาวมากกว่ากัน แน่นั้นทำให้คุณเลือกได้ว่าควรจะไว้ทรงผมอย่างไร” แต่ถ้ายาวกว่า 2.25 นิ้วล่ะ ทาง Jonh Frieda แนะนำให้ตัดผมยาวดีกว่า เพราะไม่อย่างนั้นคางของท่านจะยื่นเกินไปนั่นเอง เธอยกตัวอย่างว่า…
-
รวม 17 เครื่องมือและโปรแกรมน่าใช้งาน จากเว็บไซต์ Google ที่คุณอาจเคยรู้ว่ามีอยู่….
ทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท Google แทบจะอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันของเรา เวลานึกอะไรไม่ออกก็เข้าไปเสิร์ชหาข้อมูลในเว็บ Google อยากดูคลิปสนุกๆ ก็เข้า Youtube หลงทางก็เปิด Google Maps แถมระบบปฏิบัติการบนมือถือก็เป็น Android ของพี่กูอีกต่างหาก แต่รู้หรือไม่ นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ข้างบนแล้ว Google ยังมีเครื่องมือและแอปพลิเคชั่นเจ๋งๆ อีกมากมาย ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็นมาก่อน จะมีอะไรบ้าง เราไปติดตามพร้อมๆ กันเลย Google Keep แอปจดโน๊ตและเตือนความจำระดับเทพของกูเกิ้ลที่สามารถเชื่อมต่อข้ามแพลตฟอร์มได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและโทรศัพท์มือถือ นาฬิกาจับเวลา เพียงแค่เราพิมพ์เวลาที่เราต้องการนับถอยหลังเป็นภาษาอังกฤษ แล้วต่อด้วยคำว่า timer เท่านี้กูเกิ้ลก็จะนับถอยหลังให้เราแล้ว Google Sky แค่เพียงเราพิมพ์ Google.com/sky ลงใบบนช่อง URL เท่านี้เราก็สามารถสำรวจอวกาศได้จากรูปภาพของกล้อง NASA satellite, the Sloan Digital Sky Survey, และ the Hubble Telescope Google Books nGram…
-
10 อาหารทรงคุณค่าทางโภชนาการ ไม่ใช่แค่คน แต่ดีต่อสุขภาพ ‘สุนัข’ อีกด้วย!!
#เหมียวบ็อบ เชื่อว่าสำหรับใครก็ตามที่กำลังเป็นลูกพี่ของน้องหมาทั้งหลาย สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะหยิบยื่นให้แก่พวกมัน ก็คือการดูแลเอาใจใส่ให้มันมีสุขภาพที่แข็งแรงทั้งกาย และใจ รวมไปถึงการหุงหาอาหารให้เหล่าน้องหมาได้กินดี อยู่ดี ด้วยเหตุนี้เอง เราจะขอเอาใจคนรักน้องหมาทั้งหลาย พาไปรู้จักกับ 10 อาหารที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ จากเว็บไซต์ iheartdog แต่ละอย่างเรียกได้ว่าคนกินได้ หมากินดี แฮปปี้กันถ้วนหน้า~ (แน่นอนว่าทุกอย่างมีทั้งข้อดี แต่การกินมากเกินไปก็เป็นข้อเสียเช่นกัน แม้จะมีประโยชน์ ก็ไม่เหมาะกับเป็นอาหารจานหลักทุกวันหรอกนะ) 1. เนยถั่ว เนยถั่วที่ดีที่สุดสำหรับน้องหมา คือเนยถั่วแบบไม่มีรสเค็ม และไม่ผสมสารสร้างความหวานไซลิทอล ถ้าหากว่าปลอดภัยจากสองสิ่งที่กล่าวมาละก็ รับประกันได้เลยว่าน้องหมาของคุณจะได้รับสารอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน ไขมันดี ไนอาซิน วิตามินบี และวิตามินอี 2. แครอท จัดว่าเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ และวิตามินเอ อีกทั้งยังมีแคลอรี่ต่ำอีกด้วย เรียกได้ว่าหยิบยื่นแครอทให้น้องหมาเราเคี้ยวเล่น นอกจากจะได้สารอาหารแล้ว ยังเป็นผลดีต่อการบริหารกล้ามเนื้อส่วนกรามด้วยเช่นกัน ถ้าหากว่าเจ้าหมาที่บ้านของคุณประสบปัญหาอ้วนน้ำหนักเกิน จนเสี่ยงต่อการเป็นโรคละก็ จะนำแครอทมาเป็นขนมก็ถือว่าเป็นไอเดียที่ดีเยี่ยมเลยทีเดียว 3. โยเกิร์ต เป็นอีกอาหารที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย แต่สำหรับน้องหมาแล้ว เราอาจจะต้องเลือกโยเกิร์ตแบบที่ไม่แต่งรส ไม่หวานมากเกินไป และมีไขมันต่ำแทน รับประกันเลยว่าจะหมาน้อย…
-
10 ดาราไทยหล่อแบบอมตะ หล่อทั้งในจอและนอกจอ จนแฟนคลับติดตามไม่เสื่อมคลาย
ทุกๆ ปี เราได้เห็นดาราหน้าใหม่มีผลงานในวงการบันเทิงหลายต่อหลายคน บางคนก็สามารถเปลี่ยนสถานะจากดาวรุ่งพุ่งแรงให้กลายเป็นดาวค้างฟ้าที่ใครต่อใครก็ยกย่อง แต่ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายคน กลับกลายเป็นแค่ดาวหางที่เปล่งประกายเพียงวับเดียวแล้วก็ลับจากท้องฟ้าไป บ้างก็เป็นเพราะฝีมือไม่ถึงขั้น บ้างก็เพราะพฤติกรรมนอกจอจนทำให้หลายๆ คนรู้สึกรักน้อยลง แต่คงไม่ใช่สำหรับพวกเขาเหล่านี้หรอกนะ… วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปพบกับ 10 ดาราไทยหล่ออมตะ ทั้งในจอและนอกจอ ที่แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน ก็ยังมีแฟนคลับติดตามไม่เสื่อมคลาย 1.ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี ไม่พูดถึงไม่ได้สำหรับพระเอกหนุ่มตลอดกาลคนนี้ กับพี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี เพราะตลอดเวลาที่อยู่ในวงการมา พี่ติ๊กแทบจะไม่มีข่าวเสียเลยทีเดียว แถมพี่ติ๊กยังเป็นคนรักครอบครัว จนได้รางวัล “สุดยอดคุณพ่อต้นแบบ” จากนิตยสาร Amarin Baby & Kids มาแล้วนะ 2. เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ แม้ช่วงหลังจะห่างหายจากผลงานในวงการบันเทิงไปบ้าง แต่ต้องยอมรับว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นพระเอกอันดับต้นๆ ของเมืองไทยเลยทีเดียว ซึ่งตอนนี้ก็ผันตัวไปทำหน้าที่คุณพ่อที่ดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 3. แท่ง ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง พระเอกคนนี้นอกจากหน้าตาดีแล้ว เขายังมีจิตใจที่อยากช่วยเหลือผู้อื่นด้วย โดยเขาได้ก่อตั้งทีมฟุตบอล แมงปอล้อคลื่น ที่นอกจากเพื่อเป็นการรวมตัวของเพื่อนฝูงเพื่อออกกำลังกายแล้ว เขายังเดินสายเตะบอลการกุศลทั่วประเทศ เพื่อหาเงินมาช่วยเหลือองค์กรต่างๆ อีกด้วย 4. ก้อง สหรัถ สังคปรีชา…
-
ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘เสือชีต้าร์’ กำลังจะกลายเป็นสัตว์ ‘เสี่ยงสูญพันธุ์’ หลังประชากรลดลง 85%
นับวันยิ่งดูเหมือนว่าสัตว์โลกนานาชนิด เริ่มเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากมนุษย์ทุกคนยังคงล่าพวกมันเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางอุตสาหกรรม หรือทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของพวกมันด้วยเช่นกัน และล่าสุดจากสำนักข่าว Metro ได้ระบุว่า กลุ่มนักวิทย์ฯ และผู้เชี่ยวชาญด้านเสือชีต้าร์ ได้ออกมาเตือนแล้วว่า ถ้าหากไม่รีบแก้ปัญหาจำนวนประชากรของพวกมันที่ลดลงเรื่อยๆละก็ อีกไม่ช้าพวกมันจะต้องกลายเป็นสัตว์สูญพันธ์แน่ๆ เห็นแบบนี้เค้าเป็นญาติกับแมวเหมียวนะ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน ‘Zoological Society of London and the Wildlife Conservation Society’ ได้รายงานว่าปัจจุบันในอิหร่าน มีจำนวนประชากรเสือชีต้าร์อยู่เพียงแค่ไม่ถึง 50 ตัวเท่านั้น!! เช่นเดียวกันกับในประเทศซิมบับเว ในช่วงเวลาแค่ 16 ปี กลับส่งผลให้ประชากรของมันลดลงไปจากเดิมประมาณ 1,200 ตัว ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ 170 ตัวเท่านั้น การลดลงนั้นคิดเป็น 85% ซึ่งเป็นตัวเลขอันน่าเป็นห่วงมาก ในอดีตทั้งสองพื้นที่นี้นับว่าเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยหลักของพวกมัน และมีประชากร ‘เสือชีต้าร์’ อยู่มากเป็นอันดับต้นๆ เลยล่ะ Dr. Sarah Durant ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “สาเหตุที่ทำให้จำนวนประชากรของพวกมันลดลงอย่างน่าใจหาย มาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์…
-
ตามไปส่อง “กระเป๋าแฮ็กเกอร์” ตัวจริงเสียงจริง ว่าข้างในกระเป๋าพวกเขาใส่อะไรไว้บ้างนะ!?
ช่วงนี้กระแสแฮกเกอร์กำลังมาแรง หลายคนอาจกำลังตื่นตะลึงว่าแฮกเกอร์ในไทยนั้นมีทั้งหนังสือคู่มือ ปืน กระสุน แผ่นดีวีดี และคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีช่องใส่ไดรฟ์ดีวีดี (อ้าวละเอ็งมีแผ่นดีวีดีไว้ทำไมฟระ) แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยหรือเปล่า ว่าแฮกเกอร์ในต่างประเทศเขาพกอะไรกันบ้างในกระเป๋า? และเมื่อไม่นานที่ผ่านมานี้ Martin Haburaj ตากล้องไฟแรงจากสโลวาเกีย ได้ทำโปรเจคถ่ายภาพสุดพิเศษ ด้วยการถ่ายภาพข้าวของของ “แฮกเกอร์” จาก ชุมชนนักแฮกเกอร์ Progressbar ในประเทศสโลวาเกีย โดย Progressbar เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์และและเปลี่ยนความรู้สำหรับแฮกเกอร์ ศิลปินดิจิตอล และนักปรับแต่งฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสโลวาเกีย และตั้งอยู่ที่เมือง Bratislava เราไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า ว่าพวกเขาพกอะไรกันบ้างในกระเป๋า คนนี้มีคอมพิวเตอร์ ยาประจำตัว สายไฟ แล้วก็พวกสายต่อพ่วงทั้งหลาย คนนี้ก็คล้ายๆ กัน แต่เพิ่มเสื้อผ้าเข้ามา คนนี้มีโทรศัพท์มือถือถึง 4 เครื่อง นอกนั้นก็มาตรฐาน คนนี้เหมือนจะมีแฟลชไดรฟ์เยอะเป็นพิเศษ แล้วก็มีเครื่องคิดเลขด้วย คนนี้ผู้หญิงแน่นอน ปากกาเพียบเลย ที่น่าสงสัยที่สุดคือพกแว่นตากันน้ำไว้ทำไม คนนี้นอกจากโทรศัพท์สามเครื่องแล้ว…
-
เด็กหญิงได้รับตุ๊กตาหมี ที่มี “เสียงบันทึก” ของปู่ที่เพิ่งเสียไป คิดถึงจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่…
นี่คือ เจนนิเฟอร์ รามอส วัย 16 ปี จากรัฐโอกลาโอมา ในประเทศสหรัฐอเมริกา ทางซ้ายคือน้องสาวทั้งสอง มาเรียน่า (กลาง) และ ซาราฮี (ซ้าย) เมื่อปีที่แล้ว ครอบครัวของเจนนิเฟอร์ต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อคุณปู่ ฟลอเรนซิโอ จิเมเนส (ซ้าย) จากไปอย่างกะทันหัน ด้วยอาการหัวใจวาย ขณะเกิดการปล้นในร้านล้างรถแห่งหนึ่ง แม้ภายหลังตำรวจจะสามารถจับกุมโจรที่ก่อเหตุได้ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ชีวิตของคุณปู่ฟลอเรนซิโอกลับมา และเด็กสาวทั้งสามคนเสียใจมาก เพราะคุณปู่เป็นที่รักของทุกคนเสมอมา “พวกเราคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตช่วงวันหยุดกับคุณปู่ แต่ตอนนี้เราจะไม่มีเขาอีกต่อไปแล้ว มันน่าเศร้ามากๆ” เจนนิเฟอร์กล่าว และในปีนี้เมื่อเทศกาลคริสต์มาสมาถึง ก็เป็นธรรมเนียมที่ครอบครัวทั้งหมดจะมารวมตัวกัน และในวันนี้เอง คุณป้าแอนเดีย ก็มีของขวัญมาเซอร์ไพรซ์เด็กๆ เธอได้สั่งทำตุ๊กตาหมีแบบพิเศษขึ้นมา ซึ่งภายในบรรจุเสียงของคุณตาอันเป็นที่รักไว้… ทันทีที่เด็กสาวทั้งสองได้ยินเสียงคุณปู่อีกครั้งจากตุ๊กตาหมีตัวนี้ พวกเธอก็หลั่งน้ำตาด้วยความคิดถึงทันที โดยเสียงของคุณปู่ดังกล่าว ถูกตัดมาจากวีดีโอที่เคยถ่ายเอาไว้ ลองไปชมคลิปที่เจนนิเฟอร์เก็บภาพมาได้กันดีกว่า (ลิงค์) so my…
-
ใครว่าหอยทากไม่สู้? เผยช่วงจังหวะ หอยทากต่อสู้ด้วงดิน ป้องกันตัวเองได้ ไม่ยอมแพ้
ปกติเราเห็นหอยทาก เราก็อาจคิดว่ามันเป็นสัตว์ที่ไม่น่าจะมีพิษมีภัยอะไร เพราะตัวมันเองก็แสนจะบอบบาง แถมยังเดินช้าเสียยิ่งกว่าอะไรดีซะอีก แต่รู้หรือไม่ จริงๆ แล้วเจ้าหอยทากพวกนี้ก็ป้องกันตัวเองได้ด้วยนะ สำหรับวิธีการป้องกันตัวเองของหอยทากเหล่านี้ คือการใช้กระดอง (ที่ดูเหมือนจะเปราะบาง) ของพวกมัน ป้องกันตัวเองจากนักล่าที่พยายามเข้ามาทำร้าย หลายคนอาจสงสัยว่ามันทำยังไง? คลิปดังกล่าวเป็นหนึ่งในงานวิจัยที่ชื่อว่า Parallel evolution of passive and active defence in land snails ของนักวิทยาศาสตร์สามท่านได้แก่ Yuta Morii ,Larisa Prozorova, และ Satoshi Chiba พวกเขาได้จับหอยทากและด้วงดิน สองสิ่งมีชีวิตที่เป็นศัตรูกันโดยธรรมชาติ มาอยู่ในกล่องปิดตาย เพื่อสังเกตพฤติกรรมว่าพวกมันจะทำอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ขณะที่ด้วงดินพยายามเข้ามาโจมตี หอยทากก็ใช้กระดองของมันในการตอบโต้ไป หลังจากพยายามอยู่พักใหญ่ๆ สุดท้าย ด้วงดินก็ต้องยอมแพ้ และต่างคนต่างอยู่กันไป “เห็นได้ชัดว่าวิวัฒนาการของกระดองส่งผลต่อพฤติกรรมการป้องกันตัวของพวกมัน อย่างไรก็ตามหอยทากตัวนี้ค่อนข้างเป็นสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าสายพันธุ์อื่นๆ ซึ่งหากเป็นสายพันธ์ุที่เล็กกว่านี้ คงเสร็จเจ้าด้วงดินไปแล้ว” Yuta Morii กล่าว …
-
“ขอบคุณนะ” สามีญี่ปุ่นได้เห็นความเหนื่อยของภรรยา การเป็นแม่บ้าน ไม่ได้สบายอย่างที่คิด
หลายๆ คนอาจเคยมีความคิดว่า การเป็นแม่บ้านนั้นสบาย เพราะไม่ต้องออกไปทำงานที่ไหน ผิดกับสามีที่เป็นคนออกไปหาเลี้ยงครอบครัว ต้องทำงานหนักกว่าแน่ๆ… แต่นั่นเป็นเรื่องจริง? หรือเป็นแค่ความคิดของเราเท่านั้น? ถ้าหากอยากจะรู้ว่าจริงๆ แล้ว ใครเป็นผู้ที่รู้สึกเหนื่อยมากกว่ากัน สั้นกึ่งสารคดีจากประเทศญี่ปุ่นเรื่องจะให้อีกมุมมองหนึ่งที่แตกต่าง และอาจทำให้ความคิดของเพื่อนๆ เปลี่ยนไปก็เป็นได้นะ หนังสั้นกึ่งสารคดีเรื่องนี้มีชื่อว่า Itsumo Arigato (Thank You Always) ผลงานจากทีม Kao Corporation พวกเขาได้ตามติดชีวิตของสามีภรรยาคู่หนึ่งที่อาศัยอยู่ในกรุงโตเกียว โดยทางทีมงานได้พาสามีผู้เป็นเสาหลักของบ้าน ไปแอบดูชีวิตของภรรยาของเขาในแต่ละวัน เพื่อหาคำตอบว่าเธอมีกิจวัตรต้องทำอะไรบ้างในแต่ละวัน ตั้งแต่เช้าจรดเย็น… ทางทีมงานพาสามีมานั่งซุ่มในรถตู้และติดตามชีวิตภรรยาผ่านกล้อง ในการแอบดูครั้งนี้ เขาก็ได้เห็นชีวิตจริงๆ ของภรรยาที่ต้องตื่นตั้งแต่เช้า ทำความสะอาดบ้าน พร้อมๆ กับดูแลลูกน้อยไปด้วย เมื่อทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้ว ก็ออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต แถมต้องแบกข้าวของทั้งหมดกลับมาคนเดียว (รวมถึงการแบกอุ้มลูกไปด้วย) ซึ่งจากการสำรวจแล้ว โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้หญิงญี่ปุ่นต้องแบกของหนัก 7 กิโลกรัมทุกวัน อันเป็นข้าวของใช้ภายในบ้าน ขณะที่ผู้ชายญี่ปุ่นแบกเพียงแค่ 3 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ ปากกา หรือสมุดอะไรพวกนั้น…
-
10 สุดยอด “แฮกเกอร์” ผู้โด่งดัง ที่สร้างชื่อเสียงได้โดยไม่ต้องใช้ “ปืน+คู่มือ”!!
ตั้งแต่มีอินเตอร์เน็ตถือกำเนิดขึ้นมา การเข้าถึงข้อมูลก็เป็นไปได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น เพราะทุกอย่างเชื่อมโยงถึงกันผ่านเครือข่าย แม้แต่ข้อมูลส่วนตัวบางอย่าง ก็สามารถถูกขโมยมาได้อย่างง่ายดาย ถ้าหากไม่ป้องกันให้ดีๆ แต่ทุกวันนี้การรักษาความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถต้านทานความเก่งกาจของเหล่าแฮกเกอร์สายมืดได้ แต่แฮกเกอร์ส่วนมากที่มีชื่อเสียง เขาจะทำเพื่ออุดมการณ์ ไม่ใช่ว่าอยากแฮกก็แฮกเลย และวันนี้จะพาไปรู้จักกับ 10 แฮกเกอร์ชื่อดังที่ได้สร้างชื่อเสียงต่างๆ ไว้มากมาย โดยที่ไม่ต้องใช้อาวุธอะไรมาก มีแค่ความรู้กับความสามารถในการแฮกเท่านั้น (สำหรับหลายคนอาจจะไม่มีภาพประกอบ เพราะตัวคนของพวกเขายังคงเป็นความลับนั่นเอง) 1. Gary McKinnon เขาคนที่ถึงกับทำให้สหรัฐฯ ต้องสั่นสะเทือน เพราะสามารถแฮ็กเข้าไปถึงระบบในเพนตากอนและนาซ่า จนสุดท้ายถูกตั้งข้อหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย สาเหตุที่ทำให้เขาแฮกเข้าไปก็เพราะอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ “ยูเอฟโอ” โดยใช้คอมบ้านๆ ซึ่งการแฮ็กครั้งนี้ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยเจ๊งไปชั่วขณะ และสร้างความเสียหายไปกว่า 700,000 ล้านเหรียญ ซึ่งไม่เคยมีใครแฮกได้ลึกขนาดนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เขาถูกจำคุก 70 ปี ปรับอีก 1.75 ล้านเหรียญ 2. LulzSec ชื่อเต็มๆ ก็คือ Lulz Security เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ใน Black Hat ซึ่งเป็นกลุ่มที่พูดง่ายๆ ก็คือฝ่ายร้ายนั่นเอง วีรกรรมของกลุ่มก็คือการแฮกเข้าไปที่บริษัท Sony หรือแม้กระทั่ง News International,…
-
เรื่องราวชีวิต Gabe Newell ศาสดาเกมเมอร์ ผู้หักหลังคนซื้อเกมราคาเต็ม ได้อย่างโหดเหี้ยม
ปีใหม่ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน หลายคนก็คงมีความสุขกับการได้สังสรรค์รื่นเริงกับเพื่อนๆ แต่สำหรับเหล่าเกมเมอร์แล้ว การได้เล่นเกมข้ามปีก็กลายเป็นเรื่องปกติไปเลย ในทุกๆ สิ้นปี เกมเมอร์ทั้งหลายคงจะทราบกันดีว่าเราต้องเก็บเงินไว้ส่วนหนึ่งเพื่อที่จะเอามาซื้อเกมในช่วงลดราคา เพราะแต่ละค่ายนั้นก็จะเอาดีลต่างๆ มาล่อตาล่อใจเรา และที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ก็คงเป็นแพลตฟอร์มเจ้าใหญ่อย่าง Steam นั่นเอง Steam ถือเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการจัดจำหน่ายเกม PC ซึ่งตอนนี้พัฒนาไปได้ไกลมากๆ และผู้ใช้ Steam ส่วนใหญ่ก็คงรู้จัก Gabe Newell หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “ลอร์ดเกบ” ศาสดาผู้ที่ทำให้เราเจ็บตัวและหลังหักมากที่สุด ว่าแต่ลอร์ดเกบเขามาถึงจุดนี้ได้ยังไง วันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านมาชมการเดินทางของเขา กว่าจะมาเป็นศาสดาของเหล่าเกมเมอร์ได้นั้น เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง… Gabe Newell ผู้ก่อตั้งบริษัท Valve และแพลตฟอร์ม Steam ชีวิตของเขาเหมือนกับ CEO ชื่อดังหลายๆ คนอย่าง Bill Gates หรือ Steve Jobs โดยเริ่มจากการเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และได้ตัดสินใจลาออกหลังจากได้คุยกับ Steve Ballmer ผู้เป็นประธานบริหารของบริษัทไมโครซอฟต์ในเวลานั้น หลังจากนั้นก็เข้าทำงานที่บริษัทไมโครซอฟต์ โดยเขาเป็นพนักงานคนที่ 271 ซึ่งถือเป็นรุ่นแรกๆ…
-
ตำนานเล่าขาน Krampus ซานตาคลอสผู้ชั่วร้าย ด้านมืดในคืนวันคริสต์มาส ที่น้อยคนนักจะรู้!!
เมื่อกล่าวถึง ‘วันคริสต์มาส’ เพื่อนๆ หลายคนคงจะคิดถึงลุงซานตาคลอสใจดี สวมชุดสีแดง มีหนวดเครายาวๆ ขี่รถเลื่อนกวางเรนเดียร์ ออกไปตะลอนแจกของขวัญให้กับเด็กๆ แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่า ในทวีปยุโรปนั้นยังมีตำนานเกี่ยวกับปิศาจในวันคริสต์มาสที่แสนน่ากลัวอีกด้วยเช่นกัน Krampus หรืออีกชื่อหนึ่งถูกเรียกว่าซานตาคลอสผู้ชั่วร้าย เป็นสัตว์ประหลาดที่มีเอกลักษณ์เป็นเขาแหลม ขนสีดำ และกรงเล็บที่แหลมคม หน้าที่ของมันนั้นแตกต่างจากซานตาคลอสที่เราเคยรู้จักกันแบบชนิดที่เรียกว่าตรงกันข้ามเลยล่ะ เป้าหมายของมันก็คือการทำร้ายเหล่าเด็กๆ ที่มีนิสัยดื้อซน และลักพาตัวเด็กนิสัยไม่ดีลงไปสู่ปรโลก Krampus นั้นเป็นชื่อเรียกที่มีรากศัพท์มาจากภาษาเยอรมันซึ่งก็คือคำว่า Krampen แปลว่ากรงเล็บ ตามตำนานเล่าว่ามันเป็นลูกของเทพเจ้าแห่งความตาย Hel ในปกรนัมของชาวนอร์ส รูปร่างหน้าตาของเจ้าสัตว์ร้ายนี้มีความคล้ายคลึงกับปิศาจที่อยู่ในเทพนิยายปรัมปราของกรีกอย่างเจ้า Satyr ที่มีขาเป็นแพะและตัวเป็นคน กับเจ้า Faun ที่เป็นครึ่งคนครึ่งแพะ ย้อนกลับไปในอดีตช่วงคริสต์มาสของประเทศยุโรปในตอนกลางอย่าง ออสเตรีย, เยอรมนี, ฮังการี, สโลวีเนีย, และ สาธารณรัฐเช็ก จะทำการเฉลิมฉลองในช่วงวันที่ 6 ธันวาคมของทุกปี ทางฝั่งซานตาคลอสด้านดี ก็จะแจกของขวัญให้กับเด็กๆ ตามปกติ ส่วนทางฝั่งซานตาคลอสผู้ชั่วร้ายก็จะทำการปิดถนน 1 สาย และสวมชุดเป็นปิศาจ…
-
หญิงสาวโชว์เทพ จับของ 50 ชิ้น ยัดใส่กระเป๋าถือใบน้อย นี่จะไปเที่ยวหรือย้ายบ้าน?!?
เชื่อว่าหลายคนประสบปัญหาการจัดของลงกระเป๋าเวลาจะเดินทางไปเที่ยว เพราะบางทีก็มีของที่อยากพกไปด้วยมากมาย โดยเฉพาะคุณผู้หญิง ทั้งเครื่องสำอาง รองเท้า และเสื้อผ้าชุดโปรดอีกหลายตัว แต่สุดท้ายก็ต้องตัดใจไม่เอาบางอย่างไป แต่วันนี้ปัญหานั้นจะหมดไป เพราะเราจะพาเพื่อนๆ ไปชมเทคนิคการจัดกระเป๋าระดับเทพ ที่สามารถแพ็คของกว่า 50 ชิ้น ลงกระเป๋าถือใบเดียว จะเมพ จะเจ๋งขนาดไหน ไปชมกันเลย คลิปดังกล่าวเป็นผลงานของคุณ Rachel Grant ผู้เคยมีผลงานในการยัดของ 100 ชิ้นลงกระเป๋าเดินทางใบเดียวมาแล้ว (ย้อนอ่าน : ขี้เกียจหิ้วกระเป๋าเยอะๆ!? คลิปสอนเทคนิคการแพ็คของ 130 ชิ้น ลงใน “กระเป๋าเดินทาง” ใบเดียว) และวันนี้เธอมาโชว์เทพอีกครั้ง ด้วยการยัดเสื้อผ้าข้าวเกิน 50 ชิ้น ของลงกระเป๋าถือใบเดียว รับรองว่าเป็นประโยชน์กับสาวๆ ทุกท่านอย่างแน่นอน โดยข้าวของที่เธอยัดลงไปมีดังนี้ กางเกงขายาว 2 ตัว กางเกงถอดขาได้ 1 ตัว กระโปรง 3 ตัว รองเท้า 4 คู่ เสื้อคอเต่าแขนยาว 2…
-
ตากล้องบังเอิญค้นพบ “ชนเผ่าลึกลับ” เผ่าใหม่ กลางป่าอเมซอน ที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน..
แม้ว่าโลกของเราจะพัฒนาไปมากทั้งทางด้านเทคโนโลยีและวัฒนธรรม แต่ดูเหมือนว่ายังมีชนเผ่าลึกลับอีกมากมาย ใช้ชีวิตอยู่ดินแดนที่มนุษย์ไม่เคยเข้าไปย่างกราย และหลายๆ ชนเผ่านั้น ยังคงใช้ชีวิตเหมือนที่บรรพบุรษของพวกเขาเคยใช้เมื่อหลายพันหรือหลายหมื่นปีก่อน อย่างเช่นล่าสุด ตากล้องชาวบราซิล Ricardo Stuckert ได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับโลก หลังสามารถเก็บภาพชนเผ่าลึกลับในป่าอเมซอน ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่ชนเผ่าบนโลก ที่ยังไม่เคยมีการติดต่อกับโลกภายนอก ภาพชนเผ่าที่เขาถ่ายภาพได้นี้ ยังไม่มีการตั้งชื่อ เพราะไม่ได้มีการสำรวจในพื้นที่ตรงจุดนี้มาก่อน Ricardo เล่าว่าเขากำลังเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปยังชนเผ่าชนเผ่าหนึ่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐอากรี ประเทศบราซิล แต่บังเอิญเกิดฝนฟ้าคะนอง ทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนเส้นทางการบินหลบพายุแบบฉับพลัน และขณะที่บินอยู่นั้นเอง พวกเขาก็สังเกตเห็นถิ่นที่อยู่ของชนเผ่านี้ บริเวณป่าอะเมซอนของประเทศบราซิล เปรู โบลิเวีย และโคลัมเบีย คาดว่าจะมีชนเผ่าลักษณะนี้อยู่มากกว่า 100 เผ่า เมื่อชนเผ่าดังกล่าวเห็นเฮลิค็อปเตอร์บินต่ำลงมา พวกเขาก็พยายามจับอาวุธเช่น ธนู หอก และมีดขึ้นมาโจมตี แต่แน่นอนว่าอาวุธโบราณเหล่านั้น ย่อมไม่อาจทำอันตรายนกเหล็กยักษ์ที่บินอยู่บนท้องฟ้าได้ “แค่ลองนึกดูว่าในศตวรรษที่ 21 แบบนี้ ยังมีผู้คนที่ไม่เคยติดต่อกับโลกภายนอก และยังคงใช้ชีวิตเหมือนบรรพบุรุษเมื่อ 20,000 ปีก่อน มันช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจและน่าตื่นเต้นมากจริงๆ” Ricardo กล่าว ไม่มีใครทราบว่าพวกเขาพูดภาษาอะไร…
-
โอม เพี้ยง!! ครูเคยบ่นอยากได้รองเท้าผ้าใบ เด็กๆ จึงรวมเงินซื้อ มอบเป็นของขวัญคริสต์มาส
กลายเป็นเรื่องราวที่ทำให้ทุกคนอบอุ่นหัวใจเลยทีเดียว เมื่อนักเรียนในห้องรวบรวมเงินเพื่อซื้อรองเท้าให้เป็นของขวัญกับคุณครู หลังจากเขาเคยชมว่ารองเท้าคู่นี้สวย เล่นเอายิ้มแก้มปริไม่ยอมหุบเลยทีเดียว เรื่องราวเกิดขึ้นที่ โรงเรียนมัธยมปลายเอดจ์วู๊ด ในเมืองเวสคอบีน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อนักเรียนห้องหนึ่งได้รวบรวมเงินซื้อรองเท้ายี่ห้อแวน สีแดง คู่หนึ่งให้กับคุณครูสอนจิตวิทยา เทย์เลอร์ เคอร์บี้ หลังจากที่เขาเคยออกปากชมว่าสวยครั้งหนึ่ง ขณะที่นักเรียนคนหนึ่งใส่มาเรียน ไออานี่ เฮราดี้ วัย 17 ปี หนึ่งในนักเรียนแกนนำในการซื้อรองเท้าครั้งนี้บอกว่า เธอเคยได้ยินเขาบอกว่าอยากได้รองเท้าคู่นี้ แต่คงไม่ซื้อหรอก ดังนั้นเธอกับเพื่อนๆ จึงปิ๊งไอเดียนี้ขึ้นมา ซึ่งพวกเธอเก็บเงินคนในห้องคนละ 2 เหรียญ เคอร์บี้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบัซฟีดว่า เขารู้สึกประทับใจกับเหตุการณ์นี้มาก และเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะได้รับอะไรแบบนี้จากนักเรียน เอาจริงๆ เขาไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่านักเรียนจะ “ชอบ” เขา ตอนนี้คลิปวีดีโอขณะเปิดกล่องของเคอร์บี้กลายเป็นไวรัลบนอินเตอร์เน็ต จนมีผู้กดถูกใจแล้วกว่า 144,000 ครั้ง และมีการรีทวิตกว่า 52,000 ครั้ง “ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงชอบคลิปของผมนัก ก็แค่เด็กเนิร์ดคนหนึ่งเปิดกล่องรองเท้า แล้วด้วยเหตุผลบางอย่างก็มีคนเป็นแสนกดไลค์ แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ถ้าคลิปของผมทำให้คุณครูหลายคนกลายเป็นครูที่ดีขึ้น ผมก็ดีใจนะ” เคอร์บี้กล่าว (ดูคลิปไม่ได้กดตรงนี้นะ) …
-
ภาพประวัติศาสตร์ ปกหนังสือปลุกใจชาย ธีมคริสต์มาสในตำนาน มีมาตั้งแต่ยุค 40s – 90s!!
ตอนนี้เทศกาลคริสต์มาสกำลังใกล้เข้ามาแล้ว เราจะเห็นหนังสือ เว็บไซต์ หรือธุรกิจต่างๆ ปรับธีมของบริษัทเข้าสู่ธีมคริสต์มาส ซึ่งแต่ละแห่งก็พยายามอย่างเต็มที่ให้ผลงานออกมาดูสร้างสรรค์ที่สุด สำหรับหนังสือปลุกใจชายต่างๆ ก็เช่นกัน ในช่วงนี้พวกเขาก็จะทำปกให้เข้ากับเทศกาลมากที่สุด เช่น ให้นางแบบใส่ชุดซานตี้ หรือปรับชุดให้เป็นโทนสีแดง วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ เลยจะพาเพื่อนๆ ไปย้อนดูภาพประวัติศาสตร์ กับปกหนังสือปลุกใจเสือป่าตั้งแต่ช่วงปี 1940 จนถึง 1990 ว่ารสนิยมการมองภาพ “สาวเซ็กซี่” ในแต่ละเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง จริงๆ หนังสือเหล่านี้ถือว่ามีบุญคุณกับหนุ่มๆ ทั่วโลก ไม่งั้นคงไม่อาจเติบโตสมชายชาตรีได้ ขอกราบหนึ่ง กราบสอง กราบสาม ไว้นะที่นี้ด้วยนะฮะ ฮาาาาา ที่มา designyoutrust
-
จากหญิงสาวติดยา เปลี่ยนแปลงตัวเองเลิกเสพยามา 4 ปี สวยมากจนเป็นคนละคน…
ยาเสพติดถือว่าเป็นสิ่งของอันตรายที่มนุษย์ไม่ควรแม้แต่จะลิ้มลองแม้แต่ครั้งเดียว เพราะมันไม่เพียงจะส่งผลกระทบต่อด้านจิตใจเท่านั้น กระทั่งร่างกายก็ได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน แต่เชื่อหรือไม่ ขอเพียงท่านเลิกใช้ยาเสพติด ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายของคุณ จะต้องสร้างความตกตะลึงให้อย่างแน่นอน อย่างเช่นเรื่องราวของหญิงสาวคนนี้ เธอมีชื่อว่า เดจาห์ ฮอลล์ วัย 26 ปี เธอมีประสบการณ์การใช้ยาเสพติดมาตั้งแต่อายุเพียง 17 ปี โดยในระยะแรกเธอเริ่มจากใช้ยาแก้ปวดและรสูบบุหรี่ ก่อนจะเปลี่ยนไปใช้เฮโรอีนและยาบ้าในภายหลัง หลังจากหลายปีแห่งการใช้สารเสพติด ในปี 2012 เธอถูกตำรวจจับกุมในข้อหาครอบครองยาเสพติด และถูกบังคับให้เข้ารับการบำบัด และนั่นคือจุดเปลี่ยนของชีวิตของเธอ “ตอนที่ฉันยังเสพยาเสพติด ฉันคิดว่าตัวเองเจ๋งมาก ฉันไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง ฉันจะทำให้ใครเจ็บปวด ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นซุปเปอร์แมนที่จะทำอะไรก็ได้ ฉันหลงรักเวลาที่ฉันเมายา” “ตอนนั้น ฉันแบ่งแยกตัวเองจากครอบครัว เพื่อนฝูง และญาติพี่น้อง จนกระทั่งวันหนึ่ง ฉันได้ไปเยี่ยมคุณปู่ และนั่นคือวันที่ฉันเปลี่ยนแปลงตัวเอง” เดจาห์ กล่าว “ตอนเด็กๆ ฉันสนิทสนมกับคุณปู่มาก แต่พอฉันเริ่มติดตาตอนอายุ 17 ปี ฉันก็ไม่ค่อยไปหาเขา จนเมื่อปี 2012 ฉันได้ไปเจอหน้าเขา ตอนนั้นเขาสุขภาพไม่ค่อยดีแล้ว เขามองฉันที่อยู่ในสภาพที่ดูไม่จืดแล้วพูด…
-
Rakesh Shukla เศรษฐีชาวอินเดีย “พ่อพระของสุนัข” อุทิศชีวิต ดูแลหมาจรจัด 700 ตัว
สำหรับคนทั่วไปอาจรู้จัก Rakesh Shukla วัย 45 ปี ในฐานะเศรษฐี วิศวกร และผู้บริหารของ The Writers Block บริษัทเอาท์ซอสที่เกี่ยวข้องกับระบบการสื่อสาร ที่ร่วมงานกับบริษัทดังๆ ทั่วโลกมากมายตั้งแต่ Intel, Microsoft และ Oracle แต่ชีวิตอีกด้านของเขา เขาได้รับฉายาว่า “พ่อพระของเหล่าสุนัข” ผู้ดูแลเลี้ยงดูสุนัขที่ไม่มีใครต้องการกว่า 700 ตัว ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ เราไปติดตามพร้อมๆ กันเลยดีกว่า เมื่อ 10 ปีก่อน Rakesh และภรรยาได้ก่อตั้งบริษัท The Writers Block ขึ้นมา และประสบความสำเร็จอย่างสูงในเชิงธุรกิจ ส่งผลให้เขากลายเป็นเศรษฐีคนหนึ่งในไม่กี่ปี แน่นอนเมื่อเขาร่ำรวย เขาก็ใช้เงินไปกับรถหรู ข้าวของแพงๆ และวิถีชีวิตแบบไฮโซ แต่สิ่งเหล่านั้นกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเติมเต็มและมีความสุขแม้แต่น้อย จนกระทั่งในปี 2009 ภรรยาของเขาได้นำสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทีฟเวอร์ตัวหนึ่งเข้ามาในบ้าน ทันทีที่เขาได้สัมผัสและโอบกอดเจ้าหมาตัวนั้น เขาก็รู้ได้ทันทีว่า นี่แหละคือความหมายในชีวิตของเขา หลังจากนั้นสามเดือนเขาก็รับสุนัขอีกตัวมาเลี้ยงชื่อว่า Lucky เขาบอกว่าเขาเจอมันกำลังยืนหนาวสั่นตากฝนอยู่ข้างถนน เขาจึงพามันกลับมาบ้าน ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมา ทุกครั้งที่เขาเจอสุนัขจรจัดข้างถนน เขาจะพามันกลับบ้านด้วย…
-
รวม 15 เหตุการณ์น่าประทับใจแห่งปี 2016 ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าโลกยังสวยงามน่าอยู่
แม้ในปี 2016 นี้ โลกเราต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมและความสูญเสียหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเหตุก่อการร้าย สงคราม และการสังหารนักร้องชื่อดัง แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังได้เห็นเหตุการณ์และภาพอันน่าประทับใจหลายๆ เหตุการณ์เช่นกัน อย่างเช่น 15 เหตุการณ์อันน่าประทับใจแห่งปี 2016 ที่ #เหมียวอ๊อดโด้ รวบรวมมาให้เพื่อนๆ วันนี้ รับรองว่าจะทำให้ทุกคนอบอุ่นหัวใจและรู้ว่า โลกเรายังมีเรื่องราวดีๆ ให้เราประทับใจอยู่เสมอ หญิงเดนมาร์กช่วยป้อนน้ำให้กับเด็กชายชาวไนจีเรียกำพร้าวัย 2 ขวบที่ถูกทิ้งไว้ข้างถนน อ่านเรื่องเต็ม: เด็ก 2 ขวบที่เคยถูกชาวบ้านไล่เพราะอ้างว่าเป็นพ่อมด ตอนนี้กลับมาแข็งแรงแล้ว!! ชายคนหนึ่งได้เปลี่ยนรถบรรทุกให้กลายเป็นห้องอาบน้ำให้กับคนไร้บ้านให้สามารถได้อาบน้ำกันฟรีๆ อ่านเรื่องเต็ม: หนุ่มซื้อรถเก่าๆ ดัดแปลงเป็น ‘ห้องอาบน้ำเคลื่อนที่’ หวังช่วยคนไร้บ้าน ให้ชีวิตดีขึ้น!! สองพ่อลูกพากันออกเรือไปช่วยเหลือน้องหมาที่ติดอยู่ตามที่ต่างๆ ขณะเกิดน้ำท่วมในเท็กซัส อ่านเรื่องเต็ม: พ่อลูกใจบุญ ออกช่วยชีวิตสุนัขกว่า 40 ตัวหลังเหตุการณ์ “น้ำท่วมครั้งใหญ่” ในเท็กซัส!! เสือผอมโซถูกช่วยมาจากคณะละครสัตว์ จนภายหลังกลับมาสุขภาพดีแข็งแรงเหมือนเก่า อ่านเรื่องเต็ม: Aasha เจ้าเสือผอมแห้งในคณะละครสัตว์ มันถูกช่วยเหลือ และมีชีวิตใหม่อันสวยงาม ชาวจีนหลายคนได้ออกทุนส่วนตัว เพื่อช่วยไถ่ชีวิตน้องหมาจากเทศกาลกินหมา ที่ประเทศจีน…
-
7 เหตุการณ์ วีรกรรมโต้กลับของ ‘ชาวยิว’ ที่เอาคืนพรรคนาซี ในสงครามโลกครั้งที่ 2
ในประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลก เราทุกคนจะรู้ดีว่า ‘ชาวยิว’ ทั้งหลายนั้นเป็นฝ่ายที่ถูกเหล่า ‘นาซี’ ที่เป็นชื่อของทหารเยอรมันฆ่าล้างจนทำให้พวกเขาเกือบจะหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ และทำให้เราเข้าใจผิดว่าทางฝั่งยิวนั้นเป็นผู้ถูกกระทำแต่เพียงอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วยังมีชาวยิวจำนวนไม่น้อยที่ลุกขึ้นมาต่อต้าน และสามารถเอาคืนเหล่าทหารนาซีได้แบบชนิดที่ว่าเจ็บแสบพอดูเลยล่ะ 1. นาย William Cohen ที่ให้การช่วยเหลือในการรวมกลุ่มชาวยิวในอเมริกาเพื่อต่อต้าน Hitler ย้อนกลับไปในปี 1933 ขณะที่นักการเมืองชาวอเมริกันหลายคนพยายามหลอกตัวเองให้เชื่อว่าเหล่านาซีทั้งหลายนั้นไม่ได้ทำอะไรที่ผิด ที่พวกเขาทำก็เพียงแค่ชูแขนขวาเฉียงขึ้นไปด้านหน้าเพื่อทำความเคารพต่อท่านผู้นำเท่านั้น แต่นาย Cohen ที่เป็นชาวยิว และเป็นสมาชิกสภาคองเกรสจากนิวยอร์คได้ทำการออกมารณรงค์ไม่ให้ทำการซื้อขาย และเลิกสนับสนุนสินค้าอันจะส่งผลดีต่อเยอรมัน โดยเขียนโคว้ทข้อความที่เป็นประโยคเด็ดไว้ว่า “ชาวยิวคนใดที่ใช้เงินแม้แต่ 1 เพนนีในการซื้อของที่มาจากชาวเยอรมัน จะถือว่าเขาผู้นั้นคือผู้ทรยศต่อชาวยิวด้วยกัน” ถึงแม้ว่ามันจะไม่ส่งผลอะไรมากมายต่อเหล่านาซีมากนัก แต่มันก็ทำให้ผู้คนกลับมาให้ความสำคัญกับการกระทำของเหล่านาซีอีกครั้ง และเกิดการถกเกถียงกันว่าสิ่งที่นาซีทำนั้นมันผิดศีลธรรม!! 2. นาง Danuta Danielsson ที่เอากระเป๋าถือไปฟาดกลุ่มนีโอนาซีที่กำลังเดินขบวนเพื่อรณรงค์รับสมัครพรรคพวกขึ้นมาใหม่ จนทำให้พวกเขาหมดความน่าเชื่อถือ Danuta Danielsson เป็นลูกครึ่งระหว่างยิวและโปแลนด์ แม่ของเธอเป็นผู้รอดชีวิตมาจากค่ายกักกัน Auschwitz ซึ่งทำให้เธอรับรู้ถึงความโหดร้ายที่ชาวนาซีได้ทำกับคุณแม่ของเธอ ในช่วงปี 1985 ที่ประเทศสวีเดนได้มีการเดินขบวนของกลุ่มที่เรียกว่า Neo-Nazi โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูลัทธินาซีขึ้นมาอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ถูกทำลายความน่าเชื่อถือลงไปหลังจากที่ Danuta…
-
งานวิจัยเผย… ‘ทาสแมว’ จะมีรสนิยมทางเพศ ‘ชื่นชอบความรุนแรง’ มากกว่าคนปกติธรรมดา
หากเพื่อนๆ เคยดูหนังของต่างประเทศ ก็จะเห็นว่าพวกเขามักจะนำแมวเหมียวมาสื่อรูปแบบคาแร็คเตอร์ที่ดูเซ็กซี่ๆ สวมชุดหนัง แล้วก็ดูจะซาดิสม์ๆ ซะหน่อย ถ้าจะยกตัวอย่างง่ายๆ ก็แบบ แคทวูแมนยังไงล่ะ ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีงานวิจัยออกมาด้วยนะว่าจริงๆ แล้วเหล่าคนเลี้ยงแมวทั้งหลายน่ะจะมีแนวโน้มที่จะมีรสนิยมแบบดังที่กล่าวมา และในวันนี้เอง #เหมียวหง่าว ก็จะขอพาเพื่อนๆ ไปอ่านงานวิจัยที่ว่านี้กัน ลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… จากงานวิจัยเผยว่าคนเลี้ยงแมวนั้นจะมีพฤติกรรมที่ชื่นชอบความซาดิสม์มากกว่าคนปกติ คือมีรสนิยมทางเพศแบบ BDSM (รสนิยมทางเพศรูปแบบหนึ่งที่ชื่นชอบรุนแรง) และชื่นชอบความสัมพันธ์แบบนาย-บ่าว จากการศึกษาพบว่ามนุษย์ที่มีอาการป่วยเป็นโรค Toxoplasmosis ที่ติดมาจากเจ้านายเหมียวแล้วจะมีความต้องการทางเพศที่ประกอบไปด้วยความกลัว ความอันตรายและการมีเพศสัมพันธ์แบบบังคับขืนใจให้อีกฝ่ายยอมจำนน รายงานนี้อ้างอิงจากการศึกษาและเก็บข้อมูลจากกลุ่มคนที่ติดโรค Toxoplasmosis และคนอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นโรคนี้ กว่า 36,500 คนในสโลวาเกีย และสาธารณรัฐ เชค ซึ่งจากการศึกษาวิจัยก็ได้ข้อสรุปว่ากลุ่มคนที่มีอาการเจ็บป่วยนั้นจะมีความอันตราย ความรุนแรง และการบังคับให้ยอมจำนน เป็นแรงขับความต้องการทางเพศ ชี้ให้เห็นว่าอาการดังกล่าวนี้อาจเป็นผลมาจากการติดเชื้อ แน่นอนว่า สำหรับคนส่วนใหญ่ที่มีรสนิยมทางเพศแบบ BDSM นั้น ความรักหรือความพึงพอใจที่ต้องการจะครอบงำหรือบังคับขืนใจ หรือการเป็นฝ่ายถูกกระทำ จะถูกแรงกระตุ้นทางเพศจากธรรมชาติสกัดกั้นเอาไว้ ทาง Jaroslav Flegr ผู้วิจัยก็ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า มนุษย์นั้นมักจะมีความเชื่อมโยงกันระหว่างความกลัวและความต้องการทางเพศ…
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นสอน ‘วิธีวาดขาตัวการ์ตูน’ ด้วยเทคนิคง่ายๆ แต่ทำได้จริง จนแชร์ต่อกันเพียบ!!
สำหรับใครที่ชื่นชอบการขีดๆ เขียนๆ บนกระดาษเปล่า ให้ออกมาเป็นภาพตัวการ์ตูนตามจินตนาการละก็ #เหมียวบ็อบ ขอบอกเลยว่าเรื่องนี้มีประโยชน์สุดๆ จนต้องเอามาบอกต่อให้เพื่อนๆได้ชมกัน จากทวิตเตอร์ของชาวเน็ตญี่ปุ่นคนหนึ่ง ที่ใช้ชื่อว่า @krikri_ume ได้ออกมาสอนเทคนิคการวาดขาตัวการ์ตูนแบบอนิเมะ ด้วยเทคนิคที่ไม่ซับซ้อน ทำความเข้าใจได้ง่ายๆ และผลที่ออกมานั้นสวยจริงอะไรจริง! โดยเทคนิคการวาดมี 4 ข้อง่ายๆ ดังนี้ 1. ให้วาดวงกลมสองวงติดกันก่อน 2. วาดวงกลมอีก 2 วงข้างใน เพื่อให้ดูคล้ายๆกับดวงตา 3. ลากเส้นออกมาจากวงกลมด้านใน 4. จากนั้นเราก็จะได้ขาสองข้าง ที่ดูเหมือนกำลังนั่งอยู่ จากรูปตัวอย่างด้านบน หลายคนอาจสงสัยว่า จากขั้นตอนที่ 3 ไปขั้นตอนที่ 4 เราจะทำอย่างไรให้มันออกมาดูสวยงาม งานนี้เจ้าตัวก็บอกว่าอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่เชื่อว่ารูปนี้น่าจะช่วยให้เข้าใจการแยกองค์ประกอบของภาพได้ชัดเจนมากขึ้น และถ้าใครที่วาดตัวอย่างด้านบนได้คล่องแล้ว ลองมาดูเทคนิคการวาดรูปทรงขาในสรีระที่ต่างออกไป… เทคนิคง่ายๆคือ ให้ใช้วงกลมทั้ง 4 วง เป็นตัววางองค์ประกอบในการจัดสรีระขา ซึ่งจะช่วยทำให้เราเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น และลงเส้นได้ง่ายขึ้นด้วย ในส่วนของรูปสี่เหลี่ยมคางหมูสีแดง…
-
ผลการวิจัยชี้ว่า นี่คือ 5 วิธีในการเลือกต่อแถวแคชเชียร์ เพื่อให้เราจ่ายเงินซื้อของเร็วที่สุด…
ทุกครั้งที่เข้าไปเลือกซื้อของในร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้าต่างๆ เชื่อว่าปัญหาหนึ่งที่ทุกคนเหนื่อยหน่ายก็คือการรอคิวจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์จ่ายเงิน ซึ่งหลายๆ ครั้ง มันก็ช่างนานเหลือเกินจนรอแทบไม่ไหว (แต่ก็ต้องรอไม่งั้นก็ไปไหนไม่ได้) ถ้าเพื่อนๆ เบื่อปัญหานั้นล่ะก็ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ 5 เทคนิคดีๆ ในการเลือกต่อคิวแถวจ่ายเงิน ที่รับรองว่าจะทำให้การจ่ายเงินของเพื่อนๆ สะดวกขึ้นอย่างแน่นอน แถมแต่ละอันก็มีการวิจัยมาแล้วนะ จะมีอะไรบ้าง เราไปดูพร้อมๆ กันเลย 1. เลือกแถวสั้นแต่ของเยอะ ดีกว่าแถวยาวแต่ของน้อย เวลาเราเห็นลูกค้าที่มีของเต็มรถเข็นกำลังเข้าคิวจ่ายเงิน แม้จะมีเพียงหนึ่งหรือสองคน แต่เราจะเลือกแถวที่คนเยอะกว่า แต่มีของน้อยกว่า ซึ่งความจริงแล้วการทำแบบนี้เป็นเรื่องที่ผิด Dan Meyer อาจารย์คณิตศาสตร์ระบุว่า แม้ของจะน้อยกว่าก็จริง แต่พนักงานต้องเสียเวลาคิดเงิน ทอนเงิน พูดคำว่าขอบคุณ เฉลี่ยแล้วใช้เวลาคนละ 41 วินาที ขณะเดียวกัน พวกเขาใช้เวลาแสกนบาร์โค้ดสินค้าแต่ละชิ้นแค่ 3 วินาทีเท่านั้น นั่นแปลว่าถ้าคนหน้าคุณมีของ 100 ชิ้น คุณจะใช้เวลา 6 นาทีในการรอ แต่ถ้าคุณไปต่อแถว 5 คน คนละ 20 ชิ้น คุณจะใช้เวลาถึง…
-
15 ภาพข่าวรอยเตอร์ส ที่ได้รับการโหวตจากชาวเน็ตว่าทรงพลังที่สุดแห่งปี 2016
ตลอดปีที่ผ่านมา มีเรื่องราวต่างๆ มากมายเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ บ้างก็น่ายินดี บ้างก็น่าสะเทือนใจ และเมื่อถึงช่วงปลายปีแบบนี้ ก็จะต้องมีการจัดอันดับรวบรวมสุดยอดภาพที่ทรงพลังที่สุดแห่งปี สำหรับสำนักข่าวรอยเตอร์ก็เช่นกัน ในฐานะสำนักที่มีสำนักอยู่ทั่วโลก ตลอดปีที่ผ่านมาพวกเขาสามารถเก็บภาพเจ๋งๆ จากช่วงเวลาสำคัญที่เกิดขึ้นได้หลายภาพ และเพื่อเป็นการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้ พวกเขาจึงรวบรวมภาพที่เจ๋งที่ทรงพลังที่สุดตลอดปี 2016 มาให้พวกเราชมกัน แพนด้าตัวน้อยร่วงลงมาจากที่นอน ในศูนย์วิจัยแพนด้าเฉิงตู ในเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ประเทศจีน โดยในปีนี้มีแพนด้าเกิดใหม่แค่ 23 ตัวเท่านั้น ภาพวัวจูบหน้าผากของเจ้าเหมียวน้อยขณะที่รอการรีดนม ในเมืองแกรนบี้ รัฐควิเบก ประเทศแคนาดา นักวิ่ง Nikki Hamblin หยุดเพื่อช่วยเหลือ Abbey D’Agostino ที่หกล้มในการแข่งขันวิ่ง 5,000 เมตร ในการแข่งขันโอลิมปิกที่ริโอ ประเทศบราซิล Bjorn เด็กชายวัย 5 ขวบถูกถ่ายภาพกับผีเสื้อมอธตานกฮูกสองตัว ในระหว่างงาน Sensational Butterflies exhibition ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ผู้ประท้วงจ้องตำรวจปราบจราจลอย่างกินเลือดกินเนื้อในเมืองซานดิเอโก้ ประเทศชิลี ในวันที่…
-
แนวคิดจาก CEO บริษัทคาลบี้ เพราะการพัฒนาบุคลากรสำคัญกว่า การให้ทำโอทีจึงไม่จำเป็น…
พูดถึงในเรื่องของการทำหน้าที่การงานภายในบริษัทเอกชนต่างๆ ผู้บริหาร นายจ้างหรือหัวหน้าใหญ่ มักจะมอบหมายงานให้บุคลากรแต่ละแผนกทำอย่างแข็งขัน แบบชนิดที่ว่ายิ่งทำงานให้บริษัทมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี เพราะนั่นหมายถึงปริมาณงานที่สามารถดำเนินการได้อย่างไม่สิ้นสุด แต่ทว่าแนวคิดดังกล่าวจะนำไปสู่การทำงานล่วงเวลา โดยในปัจจุบันไม่ว่าบริษัทไหนๆ ก็มีระบบดังกล่าวเข้ามาแล้ว อาจจะเป็นการทำงานที่เร่งด่วน หรืองานสะสมคั่งค้าง แต่มองในอีกมุมหนุึ่งของคนที่ต้องทำงานล่วงเวลา การทำงานแบบนี้ส่งผลดีหรือผลร้ายกับใครกันแน่ พวกเขาเต็มใจที่จะทำหรือไม่? บังคับให้ทำงานเกินเวลาโดยไม่นึกถึงจิตใจของพนักงานเลยรึเปล่า? ด้วยเหตุนี้เองทางด้านคุณ Akira Matsumoto ประธานบอร์ดบริหาร ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัทผลิตขนมในเครือคาลบี้ แห่งประเทศญี่ปุ่น ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวประเด็นการทำงานล่วงเวลาและมุมมองการบริหารงานของบริษัทไว้น่าสนใจมากเลยทีเดียว เนื่องจากตัวเขาเองนั้นมีแนวคิดที่แตกต่างจากการบริหารงานบริษัทอื่นๆ ที่ไม่ค่อยจะมองกัน นั่นก็คือการลงทุนกับปริมาณงานนั้น แทบจะเทียบกับการลงทุนพัฒนาศักยภาพของพนักงานไม่ได้เลย โดยเฉพาะในสังคมญี่ปุ่นที่มักจะมีภาพติดตาของเหล่าพนักงานบริษัททำงานหามรุ่งหามค่ำ กลับบ้านดึกดื่นเพราะต้องทำงานล่วงเวลา จนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับคุณ Akira Matsumoto แล้วเขากลับแย้งว่า ‘เลิกซะเถอะ กับการทำงานล่วงเวลาเนี่ย’ มุมมองของเขานั้น เล็งเห็นว่าถ้าหากให้พนักงานใช้เวลาไปกับการทำงานล่วงเวลาเพียงอย่างเดียว เวลาส่วนนั้นก็จะไม่เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาศักยภาพของพนักงานเลย เพราะนั่นคือเวลาว่างของพวกเขาหลังจากการเลิกทำงานตามเวลาปกติ คุณ Akira Matsumoto ไม่กังวลในเรื่องของการจ่ายค่าโอทีเลยแม้แต่น้อย มันเป็นเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น แต่สิ่งที่เขากังวลมากกว่าก็คือ ถ้าให้พนักงานทำโอทีบ่อยๆ ก็จะกลายเป็นคนที่ด้อยประสิทธิภาพไปเรื่อยๆ…
-
ไขข้อสงสัย เมื่อท่านชายถูกกระทบกระเทือน ‘ถุงไข่ย้อย’ แต่กลับปวดแถวหน้าท้องแทน!?
จะบอกว่าเป็นฝันร้ายของผู้ชายทุกคนเลยก็ว่าได้ ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่มีสิ่งของบางอย่าง หรือการอุบัติเหตุ แล้วดันมาโดนกับ ‘ไข่ย้อย’ อันน้อยๆของเรา เพราะมันเจ็บปวดรวดร้าว สุดแสนจะทรมาน จะหาสิ่งใดมาเปรียบเปรยก็ดูจะไม่ได้ใกล้เคียงกันเลย อย่างเช่นแบบนี้ หรือจะแบบนี้… เรื่องความเจ็บปวดคงไม่ต้องพูดถึง แล้วเคยสงสัยกันมั้ยว่า เราโดนกระทบตรงนั้น แต่ทำไมพอผ่านไปไม่กี่วินาที เราถึงกลับรู้สึกจุกตรงท้องน้อยแบบหนักมาก ด้วยเหตุนี้เองทางรายการ ‘Today I Find Out’ จึงได้ออกมาไขข้อสงสัยให้พวกเราได้ตายตาหลับกันซักที อ้างอิงจากในวิดีโอ เขาได้กล่าวว่า ‘อันที่จริงแล้วระบบการทำงานหลักของถุงอัณฑะจะอยู่บริเวณท้องน้อยของเรา ใกล้กับไต เส้นประสาท และเส้นเลือดใหญ่’ ‘และเมื่อจุดสำคัญของผู้ชายถูกกระทบกระทั่ง ความเจ็บปวดจากบริเวณถุงอัณฑะ เส้นประสาทจะทำการส่งความรู้สึกนั้นไปยังบริเวณที่เรียกว่า spermatic plexus (จุดที่อยู่บริเวณท้องน้อยของเรา) อย่างรวดเร็ว และด้วยความที่มันเป็นอวัยวะส่วนที่บอบบาง เมื่อได้รับการกระทบกระทั่งอย่างรุนแรง อาจส่งผลให้เกิดอาการอยากอาเจียน หรือคลื่นไส้ได้’ ‘นอกจากนั้นแล้ว การบาดเจ็บในบริเวณดังกล่าว ยังส่งผลระยะยาวต่อต่อมผลิตอสุจิของผู้ชาย ทำให้การทำงานของมันลดลง ผลิตได้น้อยลง และนั่นก็หมายความว่า สมรรถภาพในการทำลูกด้อยลงไปด้วยเช่นกัน’ ถ้าใครอยากลองฟังคลิปการอธิบายแบบเต็มๆละก็ ลองดูจากนี้ได้เลย …
-
ต้นกำเนิดของ ‘ไก่ชุบแป้งทอด’ ไม่ใช่อเมริกัน แต่มาจากชาวสก็อต และมีมาตั้งแต่ยุคกลาง!?
ใครล่ะจะกล้าปฏิเสธว่าตัวเองไม่ชอบกิน ‘ไก่ชุบแป้งทอด’ ก็แหมบางเจ้าเล่นทอดออกมาได้หอมหวล กรอบนอก นุ่มใน แม้แต่ตอนนี้ #เหมียวบ็อบ พิมพ์ไปยังหิวไปเลยเนี่ย ทรมาณใจจริงๆ หลายๆคนอาจจะคิดว่าเมนู ‘ไก่ชุบแป้งทอด’ เนี่ยมันต้องมีที่มาจากประเทศสหรัฐฯแน่ๆ เพราะอย่างน้อยๆเราต่างรู้กันดีว่า ‘KFC’ ของผู้พันแซนเดอร์ ก็มีต้นกำเนิดจากประเทศนี้ แต่ล่าสุดจากเว็บไซต์ foodanddrinks ได้ออกมารายงานว่า แท้จริงแล้วมันไม่ใช่เมนูดั้งเดิมของอเมริกาหรอกนะ แต่ถูกคิดค้นโดยชาวสก็อตแลนด์ มาตั้งแต่ยุคกลางนู้นนนเลยต่างหาก ภาพประกอบ สำหรับยั่วต่อมความหิวเท่านั้น นักประวัติศาสตร์หลายคนได้เสนอทฤษฏีที่น่าสนใจไว้ว่า ย้อนกลับไปในยุคสมัยจักรวรรดิโรมัน ได้มีวัฒนธรรมการเอาเนื้อไปทอดนับตั้งแต่ยุคนั้นแล้ว แต่ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าการนำเอาเนื้อสัตว์ไปต้ม หรืออบ แต่สำหรับในสก็อตแลนด์ ได้มีการค้นพบว่า วัฒนธรรมการเอาของมาทอดด้วยการใช้ไขมันนั้น มีมาตั้งแต่สมัยยุคกลางแล้ว ซึ่งเป็นเมนูยอดฮิตของคนที่ฐานะไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เนื่องจากในยุคนั้น เนื้อหมู หรือเนื้อวัว มีราคาที่ค่อนข้างจะสูง ดังนั้นสำหรับผู้ที่มีฐานะยากจนในสก็อตแลนด์ จึงนิยมล่านก หรือสัตว์ปีก มาทำเป็นอาหารด้วยการทอดจากไขมันแทน เพราะมันหาได้ง่ายกว่า และมีขั้นตอนการทำที่สะดวกรวดเร็วกว่า ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 18-19 ยุคสมัยที่มีการค้าทาส และการอพยพเข้าสู่ดินแดนแห่งใหม่ จากชาวยุโรปมากขึ้น วัฒนธรรมไก่ทอด ได้ถูกนำเข้ามาเผยแพร่ให้แก่กลุ่มคนชนชั้นแรงงาน ที่ต้องทำงานให้กับชนชั้นนายทุนแบบฟรีๆ…
-
เพราะสีเราไม่เท่ากัน!? โรค ‘Heterochromia Iridum’ ภาวะผิดปกติ บ่อเกิดของตาสองสี
เชื่อว่าหลายๆคนต้องเคยเห็นดารา นักแสดง หรือศิลปินคนดัง ที่มีนัยตาสองสีกันมาบ้างแหละ แล้วเราเคยสงสัยกันมั้ยว่า จริงๆแล้วมันเกิดจากอะไร เราไปหาคำตอบพร้อมๆกันเลย อาการผิดปกตินี้ทางวิทยาศาสตร์มีชื่อเรียกว่า ‘Heterochromia Iridum’ (เฮทเทอโร-โครเมีย อิริดั้ม) ซึ่งสาเหตุก็เกิดจากการที่ค่าเม็ดสีเมลานินได้ดวงตาทั้งสองข้างมีไม่เท่ากัน และสามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นผ่านพันธุกรรม หรือบางกรณีก็อาจเกิดจากอุบัติเหตุได้ด้วยเช่นกัน แม้แต่ในแมวเหมียว ก็สามารถเกิดอาการนี้ได้เช่นกันนะ… การถ่ายทอดผ่านพันธุกรรม ต้องบอกก่อนว่าสีนัยตาของแต่ละคนนั้น จะขึ้นอยู่กับปริมาณเม็ดสีเมลานินที่อยู่ในม่านตาของเรา ซึ่งโดยปกติคนทั่วไปจะมีค่าเม็ดสีที่เท่ากันทั้งสองข้าง ทำให้มีนัยตาเหมือนกัน แต่สำหรับกรณีผู้ที่มีอาการผิดปกติ มีค่าเมลานินเม็ดสีในดวงตาสองข้างไม่เท่ากัน ก็จะส่งผลให้เกิดอาการ ‘Heterochromia Iridum’ เนี่ยแหละ ซึ่งทางการแพทย์พบว่าโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากคิดเป็น 1 ใน 1,000,000 เลยทีเดียว Kate Bosworth ดาราสาวจากเรื่อง Superman Return (2003) ผู้มีอาการผิดปกติดังกล่าว เคสที่เกิดจากอุบัติเหตุ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเคสที่เกิดขึ้นยากกว่าพันธุกรรมซะอีก ซึ่งในกรณีนี้เราขอยกตัวอย่างเคสของ David Bowie ศิลปินชื่อดังที่ล่วงลับไปแล้ว เรื่องมันมีอยู่ว่าเดิมทีเจ้าตัวมีสีนัยตาที่เหมือนคนปกติทั่วไปนั่นแหละ แต่ด้วยเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกับเพื่อนสนิทในช่วงวัยรุ่น แล้วมีการชกต่อยกันเกิดขึ้น…
-
หนุ่มไม่ยอมเปลี่ยนรองเท้า ที่ใส่ผิดไซส์สักที เพื่อนๆ เลยรวมเงินซื้อรองเท้าให้ 2 คู่เลย!!
กลายเป็นเรื่องราวอันน่าประทับใจบนอินเตอร์เน็ตเลยทีเดียว สำหรับการเซอร์ไพรซ์มอบของขวัญวันคริสต์มาสให้กับเพื่อนนักเรียนคนหนึ่ง หลังจากที่เขาไม่ยอมเปลี่ยนรองเท้าที่ใส่ผิดขนาดเท้าตัวเองมาหลายปีแล้ว เรื่องราวเกิดขึ้นที่โรงเรียนมัธยมปลายซัมเมอเรส ในรัฐเท็กซัส เมื่อ “เจ อาร์” นักเรียนคนหนึ่ง ประสบปัญหาไม่มีรองเท้าใส่ โดยเขาได้ใส่รองเท้าบูธของคุณปู่มานานหลายปี แม้ตอนนี้เขาจะต้องใส่รองเท้าไซส์ 13 (แต่รองเท้าของปู่ไซส์ 10 1/2 เท่านั้น) เขาก็ยังไม่เปลี่ยน เพราะด้วยเหตุผลทางด้านฐานะทางบ้าน เมื่อเพื่อนๆ ทราบเรื่องดังนั้น พวกเขาจึงรวบรวมเงินและซื้อรองเท้าใหม่ให้กับเจอาร์ เพื่อเป็นของขวัญในวันคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงนี้ เมื่อเจอาร์เห็นดังนั้น เขาจึงรีบเปิดกล่องของขวัญในทันที ท่าทางเขาจะดีใจมากๆ เลยนะเนี่ย เพราะได้สีเขียวที่ชื่นชอบด้วย!! และเพื่อนๆ ไม่ได้ซื้อมาเซอร์ไพรซ์แค่คู่เดียว แต่เป็นสองคู่ต่างหาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาจะดีใจขนาดไหน ไปชมคลิปเหตุการณ์กันเถอะ บอกเลยว่าน่าประทับใจมากๆ ด้วยความน่าประทับใจของคลิปดังกล่าว ทำให้ตอนนี้มีคนกดเข้ามาชมแล้วกว่า 5 ล้านครั้ง และแชร์แล้วกว่า 87,000 ครั้ง ลองไปชมความคิดเห็นบางส่วนของชาวเน็ตกัน “คุณพ่อคุณแม่ควรดูเอาไว้ เด็กๆ แบบนี้แหละที่พวกคุณควรเลี้ยงให้เติบโตมาในสังคม…
-
การค้นหาร่างลูกสาวตลอด 5 ปี จากเหตุภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ของคุณพ่อผู้ไม่เคยสิ้นหวัง…
เมื่อห้าปีก่อน โลกต้องเผชิญกับโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ นั่นก็คือเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ฟุกิชิมิ ประเทศญี่ปุ่น ความรุนแรงของแผ่นดินไหว ทำให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดยักษ์ซัดเข้าชายฝั่ง รวมทั้งทำให้เกิดภัยพิบัติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ แน่นอน ในภัยพิบัติครั้งนั้น มีหลายพันครอบครัวต้องสูญเสียสมาชิกอันเป็นที่รักไป รวมถึงคุณโนริโอะ คิมูระ วัย 50 ปี จากเมืองโอคุมะคนนี้ด้วยเช่นกัน ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ที่แล้ว เขาสูญเสียคุณพ่อ ภรรยา และ ยูนะ ลูกสาววัย 7 ขวบไปจากคลื่นสึนามิที่ถาโถมเข้ามา หลังจากเหตุการณ์สงบลง ก็พบศพพ่อและภรรยาของเขา แต่ดูเหมือนว่ายูนะ ยังไม่มีทีท่าว่าจะเจอศพแต่อย่างใด นับตั้งแต่นั้นมา เขาได้ฝ่าซากปรักหักพังและกัมมันตรังสีเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ พร้อมกับอุปกรณ์ขุดดิน และลงมือค้นหาร่างของยูนะด้วยตัวของเขาเอง ในช่วงแรก เขาได้ทำการค้นหาเพียงลำพัง แต่เมื่อข่าวเผยแพร่ออกไป ก็มีอาสาสมัครมากมายเข้ามาร่วมช่วยค้นหา ซึ่งในแต่ละปี พวกเขาจะเข้ามายังพื้นที่ 30 วัน วันละ 5 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับกัมมันตรังสีมากเกินไปจนเป็นอันตราย ล่าสุดหลักจากการค้นหากว่า 5 ปี แม้จะยังไม่เจอร่างของยูนะ…
-
นี่คือ 3 ทฤษฎีสุดมุ้งมิ้ง ที่คนหาคำตอบว่า ทำไมมะหมาชอบขึ้นไป ‘นั่งทับแมวเหมียว’ ซะเหลือเกิน
เมื่อพูดถึงแมวกับหมา หลายคนมองว่าเจ้าสัตว์สองสายพันธุ์นี้มันไม่ค่อยจะถูกกันสักเท่าไหร่ เพราะเวลาที่เจอหน้ากันทีไร ก็เป็นอันกัดกันทู๊กที แต่บางครั้งพวกมันก็ญาติดีต่อกัน กลายมาเป็นเพื่อนกัน แถมสนิทกันมากถึงขั้นไปไหนมาไหนด้วยกัน กิน นอนด้วยกัน หรือแม้กระทั่งนั่งทับกันก็มีนะจ๊ะ หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่า การที่เจ้าหมาชอบนั่งทับตัวแมวเหมียวนั้น เป็นเพราะอะไร? ทำไมมันถึงทำ? มันอาจจะแค่อยากนั่งทับเฉยๆ หรือบังเอิญไปนั่งทับกัน แต่จริงๆ แล้วมันมีเหตุผลมากกว่านั้นนะ และหลังจากการศึกษาหาข้อมูล รวมถึงการตั้งทฤษฎีความน่าจะเป็นของหลายๆ คน ทางเว็บไซต์ AwesomeDaily ได้ลองสรุป และมาเปิดเผย 3 ทฤษฎีที่ถูกวิเคราะห์ขึ้นมาว่านี่แหละคือเหตุผลที่ “เจ้าหมาชอบนั่งทับตัวแมวเหมียว” 1.หมาผู้ต้องการแสดงความเป็นใหญ่เหนือแมว ถ้าหากน้องหมาพูดได้ มันคงอยากจะบอกให้รู้ว่า “ฉันเหนื่อยกับแกแล้วนะไอ้แมวบ้า ฉันจะนั่งทับแกจนกว่าแกจะหยุดปฏิบัติต่อฉันเหมือนคนบ๊อง” และดูท่ามันจะได้ผลด้วยนะ 2.เป็นสัญลักษณ์แห่งการแสดงความรักต่อเจ้าเหมียว การนั่งทับลงบนตัวของแมวเหมียว อาจจะเป็นวิธีเดียวที่พี่หมาจะสามารถแสดงความรักที่มีต่อเจ้าเหมียวได้ โดยที่มันไม่ต้องถูกข่วนจมูก หรือถูกทำร้ายร่างกาย โดยการนั่งทับไปนี่แหละ เหมือนเรากระโดดกอดใครสักคนอย่างนั้น 3.เจ้าหมาอาจจะกำลังป้องกันตัวเอง และอยากแก้แค้น โดยปกติแล้ว สุนัขเป็นสัตว์ที่น่ารัก และบางตัวก็ไม่มีท่าทางที่จะทำร้ายใครก่อน แต่ที่มันต้องนั่งทับเจ้าเหมียว เป็นเพราะมันคงอยากจะปกป้องตัวเอง และแกล้งทำเป็นอยู่ในสภาพวะทิ้งตัว จากนั้นก็รีบนั่งทับลงไปบนตัวของแมวเหมียว แทนการทำร้ายร่างกาย เพื่อจะได้ไม่ต้องมีฝ่ายไหนเจ็บตัว…
-
นักศึกษาถูกขโมย iPhone เลยวางแผนให้ขโมยอีกรอบ ติดตามพฤติกรรมเขา สร้างเป็นสารคดี!!
ปัญหาการลักขโมยโทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งที่หลายๆ คนเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะสูญเสียทรัพย์สินที่มีค่าแล้ว บางครั้งในโทรศัพท์เหล่านั้นยังมีข้อมูล รูปภาพ หรือเบอร์โทรต่างๆ ที่อาจหาไม่ได้อีกแล้วที่ไหนบนโลก Anthony van der Meer นักศึกษาวิชาการถ่ายภาพยนตร์คนนี้ก็เช่นกัน เขาเพิ่งถูกโจรขโมยโทรศัพท์ iPhone ไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สิ่งที่เขากังวลที่สุดไม่ใช่เรื่องมูลค่าของโทรศัพท์เครื่องนี้ แต่ในนั้นมีข้อมูล วีดีโอ รูปภาพสำคัญๆ มากมาย เขาจึงทำการทดลองบางอย่างขึ้นมา เพื่อตอบคำถามว่า “คนแบบไหนถึงขโมยโทรศัพท์ของคนอื่น และโทรศัพท์ของเราสุดท้ายไปจบลงที่ไหน” วิธีการของเขาก็ง่ายๆ โดยเขาได้ดัดแปลงโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่ง ให้มีแอปพลิเคชั่น Cerberusที่สามารถตามแกะรอยและเก็บข้อมูลทุกๆ อย่างจากโทรศัพท์เครื่องนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วีดีโอ หรือแม้กระทั่งดักฟังเสียงสนทนาก็ยังได้ ซึ่งแอปดังกล่าวเป็นสปายแวร์ (เป็นอันตรายต่อเครื่อง) จะถูกฝังลงในเครื่องอย่างถาวรและไม่สามารถลบออกได้ แม้จะฟอร์แมตเครื่องก็ตาม จากนั้นเขาก็นำโทรศัพท์ไปวางล่อโจรในที่สาธารณะ สุดท้ายโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวก็ถูกขโมยไปในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินแห่งหนึ่ง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด เขาได้เริ่มแกะรอยและติดตามโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าว ซึ่งเขาพบว่าโจรคนดังกล่าวไม่ได้เก่งเทคโนโลยีซักเท่าไหร่ มีการเปิดซิมการ์ดอันใหม่เพื่อใช้งาน แต่ไม่ได้ลบข้อมูลต่างๆ ในเครื่องทิ้ง นอกจากนี้ ยังมีการใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปและโทรเข้าโทรออก เหมือนกับเป็นโทรศัพท์ของตนเอง จนสุดท้ายเขาสามารถแกะรอย ติดตามพฤติกรรม และได้พบกับคนร้ายที่ขโมยโทรศัพท์ของเขาไป .…
-
รู้จักกับ 12 ปรากฏการณ์เจ๋งๆ ที่เกิดขึ้นจริงบนโลกของเรา และบางอันก็หาคำอธิบายไม่ได้
แม้ทุกวันนี้เทคโนโลยีและทักษะความรู้ความเข้าใจต่างๆ ของมนุษย์จะพัฒนาขึ้นมามาก และมีการค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา แต่โลกเราก็ยังเป็นดาวเคราะห์ที่น่าสนใจ และยังมีอะไรอีกมากมายที่มนุษย์ยังไม่สามารถหาคำอธิบายได้ อย่างเช่น 12 ปรากฏการณ์ที่ #เหมียวอ๊อดโด้ พาเพื่อนๆ ไปชมวันนี้ คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นบนโลก แต่มนุษย์ก็ยังไม่สามารถหาคำอธิบายได้ หรือบางอันอาจจะอธิบายได้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจนเช่นกัน… แสงแห่งเซนต์เอลโม่ ในยามที่เกิดพายุในท้องทะเล นักเดินเรือมักเห็นแสงไฟลึกลับปรากฏอยู่บนเสากระโดงเรือหรือบนท้องฟ้า ซึ่งในสมัยยุคกลาง พวกเขาเชื่อกันว่านี่คือไฟของนักบุญเอลโม่ ที่ปรากฎขึ้นมาเพื่อเตือนพวกเขา แต่ในทางวิทยาศาสตร์แล้ว มีคำอธิบายว่าแสงเหล่านั้นคือกระแสไฟฟ้าสถิตที่ไหลลงสู่ที่ต่ำ ซึ่งจะไปเกาะอยู่ตามเสากระโดงเรือ และจะเกิดขึ้นบ่อยในวันที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ภูเขาไฟในทวีปแอนตาร์กติกา รู้หรือไม่ว่า จริงๆ แล้วในทวีปแอนตาร์กติก้านั้น แม้จะเป็นดินแดนที่หนาวเหน็บที่สุดในโลก แต่กลับเต็มไปด้วยภูเขาไฟมากมาย โดยเฉพาะภูเขาไฟที่ใหญ่อย่าง “เอเรบัส” ที่ยังมีพลังอยู่จนถึงทุกวันนี้ แม้จะมันจะไม่ระเบิดตูมตามเหมือนภูเขาไฟอื่น แต่เราสามารถเห็นความร้อนที่แผ่พุ่งออกมา จนก่อให้เกิดเสาไอน้ำในภาพด้านบน เสาลำแสง มองดูเผินๆ แล้วอาจเหมือนการส่งสัญญาณอะไรซักอย่างขึ้นไปในอวกาศ แต่ความจริงแล้วเสาลำแสงเหล่านี้เกิดจากการสะท้อนแสงของผลึกน้ำแข็งในอากาศ ซึ่งอาจมีแหล่งกำเนิดแสงมาจากดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรือแสงจากในเมือง จนกลายเป็นปรากฏการณ์อันน่าตื่นตาเหล่านี้ สปาเก็ตตี้น้ำแข็ง เรื่องราวสุดประหลาดนี้เกิดขึ้นในเมือง Hämeenlinna ประเทศฟินแลนด์ เมื่อชายคนหนึ่งได้พบกับหิมะที่หน้าตาเหมือนกับเส้นสปาเก็ตตี้ในทะเลสาบที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับบ้านของเขา และเจ้าหิมะเหล่านั้น…
-
รวม 17 ความรู้ทางประวัติศาสตร์และเวลาแบบเจ๋งๆ ที่เปลี่ยนมุมมองของเราไปเลย!!
มนุษย์ได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้เมื่อราวๆ 500,000 ปีก่อน แต่มนุษย์เริ่มมีการบันทึกประวัติศาสตร์จริงๆ จังๆ เมื่อราวๆ 6,000 ปีก่อนเท่านั้น ซึ่งต้องขอยกความดีความชอบให้กับชาวสุเมเรียนที่คิดค้นอักษรคูนิฟอร์มขึ้นมาเป็นอักษรแรกของโลก แต่รู้หรือไม่ ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 6,000 ปี หลายๆ ครั้งคนเราก็สับสนกับช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ บางทีเราอาจคิดว่าเหตุการณ์สองเหตุการณ์เกิดขึ้นใกล้ๆ กัน แต่ความจริงอาจไม่ได้เป็นแบบนั้น งั้นวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปดู 17 ความรู้ทางประวัติศาสตร์เจ๋งๆ ที่อาจเปลี่ยนความเข้าใจของเราไปตลอดกาล จะมีอะไรบ้าง เราไปชมกันเลย! 1.พระนางคลีโอพัตรากับมหาปีระมิดกีซ่า หลายคนอาจคิดว่าพระนางคลีโอพัตรากับปีระมิดกีซ่าเกิดขึ้นในยุคเดียวกัน แต่เปล่าเลย เอาจริงๆ พระนางใกล้กับพวกเรา ( พระนางเสียชีวิต 30 ปีก่อนคริสตกาล) มากกว่าการก่อสร้างมหาปีระมิดกีซ่าซะอีก (ปีระมิดก่อสร้างเสร็จ 2,560 ก่อนคริสตกาล) ซึ่งจริงแล้วๆ แม้แต่จักรวรรดิโรมันก็มีลักษณะทำนองเดียวกันเรื่องราวข้างบน 2.สเตโกซอรัสกับทีเร็กส์ไม่ได้อยู่ในยุคเดียวกัน แถมอายุห่างกันประมาณ 74 ล้านปีเลยทีเดียว (ไดโนเสาร์สองพันธุ์นี้ห่างเรา มากกว่ามนุษย์เราห่างจากพวกไดโนเสาร์ซะอีก) 3. คนที่แก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาตอนนี้(117 ปี) เกิดใกล้กับการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแรกที่สุด (ค.ศ. 1899)…
-
เข้าสู่ด้านมืด… 8 เอกลักษณ์ของ Darth Vader มหาวายร้าย ที่คนทั้งจักรวาลควรเกรงกลัว!!
หากพูดถึงตัวร้ายที่ร้ายที่สุดในโลกภาพยนตร์ เชื่อว่าชื่อของ Darth Vader แห่งจักรวาลของ Star Wars จะต้องติดโผมาเป็นอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน และเนื่องในโอกาสที่ Rogue One เข้าฉายอยู่ในโรงขณะนี้ #เหมียวฟิ้น เลยลองนำเอาตัวละครนี้มาวิเคราะห์ด้วยตัวเอง ว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นตัวร้ายอันทรงพลัง ที่เราและคนทั้งกาแล็กซี่ควรเกรงกลัว 1. เสียงหายใจดูน่าเกรงขาม เมื่ออยู่ใกล้ (เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากปากของ Diego Luna ผู้รับบทเป็น Cassian Andor ใน Rogue One โดยเขาเล่าขณะไปออกรายการทีวีว่า “ผมเข้าไปคุยกับผู้กำกับ แล้วก็ได้ยินเสียงหายใจ ผมหันไปแล้วก็เจอ Lord Vader ตัวจริงเสียงจริง เขามีกล่องตรงหน้าอก เป็นลำโพงแล้วก็มีเสียงหายใจดังออกมา ผมนี่ตัวสั่นเลย”) เรามีคลิปเวอร์ชั่น 10 ชั่วโมงมาให้ฟัง…เผื่อใครอยากฟังแบบยาวๆ… 2. เครื่องแต่งกาย ชุดของ Darth Vader นั้นมีสีดำทะมึน มีแผงวงจรและหมวกที่ช่วยปิดบังใบหน้า สีดำของชุดแสดงถึงความน่ากลัวและลึกลับ ไลท์เซเบอร์สีแดงแห่งความชั่วร้าย เมื่อใส่รวมกันแล้วทำให้คุณรู้สึกไม่ไว้วางใจเพราะไม่รู้ว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังตัวละครนี้กันแน่ …
-
ลองแทนที่ “ดวงจันทร์” ด้วยดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ในระบบสุริยะ ท้องฟ้ายามค่ำคืนจะเปลี่ยนไปแบบไหน!?
ด้วยระยะห่างเพียง 360,000 กิโลเมตรจากใจกลาง ทำให้ดวงจันทร์ดาวเคราะห์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางแค่ 3,474 กิโลเมตร (ประมาณ 1 ใน 10 ของโลกเท่านั้น) กลายเป็นเคหะวัตถุที่ใหญ่ที่สุดในปรากฎบนท้องฟ้ายามค่ำคืนของโลก แล้วถ้าเราลองจินตนาการเล่นๆ ว่าหากเราแทนที่ตำแหน่งของดวงจันทร์ด้วยดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ในระบบสุริยะจักรวาล ท้องฟ้ายามค่ำคืนของเราจะมีหน้าตาแบบไหนกัน ถ้าใครยังนึกภาพไม่ออก งั้นเราไปดูคลิปที่ชาแนล yeti dynamics ทำไว้กันดีกว่า และถ้าใครกลัวเปลืองเน็ต เลื่อนลงไปอ่านด้านล่างก็ได้นะ ก่อนจะไปถึงตรงนั้น เรามาดูภาพเปรียบเทียบขนาดของดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ในระบบสุริยะจักรวาลกันดีกว่า จะเห็นได้ชัดเลยว่า โลกเรานั้นกระจิ๋วริ๋วจริงๆ หากเทียบกับพี่ใหญ่อย่างดาวพฤหัส ท้องฟ้าที่มีดวงจันทร์ตามปกติ ดาวศุกร์ก็ดูไม่น่าตกใจอะไรมากเท่าไหร่นัก ดาวอังคารก็ยังธรรมดา พอเป็นดาวเนปจูนก็เริ่มรู้สึกว่าใหญ่แล้วล่ะ ดาวยูเรนัสก็ใหญ่ขึ้นไปอีก แต่พอเจอดาวพฤหัสเท่านั้นแหละ โอ้โห จะใหญ่ไปไหนเนี่ย ดาวพฤหัสว่าใหญ่โตแล้ว เจอดาวเสาร์เข้าไป รู้สึกใหญ่กว่าอีก คงเพราะวงแหวนดาวเสาร์นี่แหละ ถือว่าแปลกตาจริงๆ ถ้าท้องฟ้ายามค่ำคืนแบบนี้ หวังว่าเรื่องนี้จะถูกใจเพื่อนๆ ที่ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับโลกและจักรวาลนะฮะ แล้ววันหลัง…
-
รวม 5 คำถามสุดล้ำที่ “Google” เคยใช้สัมภาษณ์ผู้สมัครงาน คุณล่ะจะตอบได้หรือเปล่า!?
หากพูดถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกที่ใครก็อยากจะไปทำงานด้วย เชื่อว่า “กูเกิ้ล” ถือว่าเป็นหนึ่งในความฝันของใครหลายๆ คน ด้วยค่าตอบแทนที่เรียกว่าสมน้ำสมเนื้อและสวัสดิการอันดีเยี่ยม มีใครบ้างจะปฏิเสธบริษัทเจ้าพ่อเสิร์ชเอนจิ้นบริษัทนี้ได้ลง อย่างไรก็ตาม การเข้าทำงานกับกูเกิ้ลไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะพวกเขาต้องคัดแล้วคัดอีกว่าผู้ที่จะมาร่วมงานกับพวกเขา จะต้องเป็นระดับหัวกระทิคั้นสดๆ ทุกคน และหนึ่งด่านที่ผู้สมัครทุกคนต้องเจอก็คือ “การสัมภาษณ์” แน่นอนว่าระดับบริษัทอย่างกูเกิ้ล พวกเขาคงไม่ถามคำถามสัมภาษณ์ธรรมดาๆ เช่น “ทำไมคุณถึงอยากทำงานกับเรา” หรือ “ลองบอกข้อดี-ข้อเสียของคุณมาหน่อยซิ” อะไรแบบนี้หรอก มันจะต้องล้ำและประเทืองปัญญาแบบสุดๆ และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 5 คำถามสัมภาษณ์สุดล้ำที่ทางกูเกิ้ลเคยใช้ถามผู้สมัครงาน จะยาก จะเจ๋งขนาดไหน ไปดูพร้อมๆ กันเลยดีกว่า (ใครจะหยิบกระดาษขึ้นมาทำด้วยก็ไม่ว่ากันนะฮะ) 1. ลูกบิลเลียด มีลูกบิลเลียดอยู่ 8 ลูก หนึ่งในนั้นมีน้ำหนักมากกว่าลูกอื่นๆ อยู่นิดหน่อย ถามว่าเราต้องนำลูกบิลเลียดไปชั่งบน ตาชั่งสองแขน กี่ครั้ง ถึงจะรู้ว่าลูกไหนน้ำหนักไม่เหมือนเพื่อน 2. ศพในทะเลทราย มีการพบศพชายคนหนึ่งในทะเลทราย ในมือของเขาถือก้านไม่ขีดอยู่ ไม่มีเบาะแสอะไรเลย ลองจินตนาการอย่างสมเหตุสมผลหน่อยว่าเขาตายได้ยังไง 3. น้ำ…
-
รู้กันยัง? เทคนิคการใช้ F1 ถึง F12 บนแป้นพิมพ์ จำแม่น ใช้คล่อง มีประโยชน์แน่นอน
เชื่อว่าทุกวันนี้คอมพิวเตอร์ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ทุกคนต้องใช้งาน ซึ่งจริงๆ แล้วคอมพิวเตอร์เหล่านี้ มีเทคนิคเจ๋งๆ ที่เราอาจไม่เคยทราบไม่เคยได้ยินมาก่อน อย่างเช่นเทคนิคการใช้ปุ่น F1 ถึง F12 บนแป้นพิมพ์ที่ #เหมียวอ๊อดโด้ นำมาให้เพื่อนๆ ได้รู้ รับรองว่ามีประโยชน์อย่างแน่นอน จะมีอะไรบ้าง ไปชมกันเลย F1 – เปิดตัวช่วยสำหรับโปรแกรมหลายๆ โปรแกรม F2 – เปลี่ยนชื่อ F3 – เปิดการค้นหา F4 – กดปุ่ม Alt+F4 เพื่อปิดโปรแกรม F5 – รีเฟรช หรือ รีโหลดหน้านั้นๆ F6 – ทำการเลือกคลุม Address Bar F7 – เช็คตัวสะกดใน Microsoft Word F8 – เข้าหน้า Boot Menu…
-
นักวิทยาศาสตร์เผย เพราะการแข่งขันของเพศผู้มีน้อย กระดูกในเจ้าโลกของมนุษย์จึงไม่จำเป็น!?
หากพูดถึงอวัยวะที่สามารถอ่อนได้ แข็งได้ เชื่อว่าอย่างแรกที่โผล่เข้ามาในหัวของทุกๆ คนจะต้องเป็นอวัยวะเพศชายอย่างแน่นอน เพราะยามปกติ มันก็แทบไม่ต่างจากเนื้องอกอันอ่อนย้วย แต่เมื่อถึงเวลาปฏิบัติการ มันสามารถเปลี่ยนร่างเป็นอาวุธหนักที่ใครเห็นก็ต้องตะลึงได้ แต่ท่านเคยสงสัยหรือ ทำไมอวัยวะเพศชายจึงไม่มีกระดูกอยู่ภายใน ทั้งๆ ที่สัตว์อีกหลายชนิดบนโลก ต่างก็มีกระดูกอยู่ตรงส่วนนี้ทั้งนั้น และตอนนี้ดูเหมือนว่านักวิทยาศาสตร์พอจะทราบสาเหตุของเรื่องนี้แล้ว (กระดูกอวัยวะเพศผู้ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลากหลายชนิดทั่วโลก) กระดูกอวัยวะเพศเกิดขึ้นครั้งในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเมื่อราวๆ 145 – 95 ล้านปีก่อน จากการวิจัยพบว่าระยะเวลาของการมีเพศสัมพันธ์ต่อครั้ง มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระดูกอวัยวะเพศ โดยยิ่งกระดูกอวัยวะเพศยาวเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีเพศสัมพันธ์ได้นานขึ้นเท่านั้น และมันยังส่งผลต่อการวิวัฒนาการของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอีกด้วย นักวิจัยยังบอกอีกว่า สัตว์สายพันธุ์ไหนที่มีการแข่งขันในหมู่ตัวผู้มาก ก็จะมีกระดูกอวัยวะเพศยาวกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ เพราะยิ่งสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้นานขึ้นเท่าไหร่ แปลว่าโอกาสที่พวกมันจะผสมพันธุ์สำเร็จโดยไม่มีตัวผู้ตัวอื่นมาแย่งก็มากขึ้นเท่านั้น แต่สำหรับมนุษย์แล้ว พวกเราเป็นสัตว์ที่มีการแข่งขันในหมู่เพศผู้น้อยมาก เพราะเรามีประชากรเพศเมียมากกว่าในอัตรา 3 ต่อ 1 แถมมนุษย์ยังมีแนวโน้มว่าจะเป็นสัตว์ที่มีลักษณะผัวเดียวเมียเดียว หรือ หนึ่งผัวหลายเมียมากกว่า ฉะนั้น กระดูกอวัยวะเพศของเราจึงค่อยๆ เล็กลง จนในที่สุดก็จะหายไป อย่างไรก็ตามในสัตว์สายพันธุ์ญาติๆ ของเราก็ยังมีกระดูกอวัยวะเพศอยู่ อย่างเช่นลิงบาบูนหรือลิงชิมแปนซี ก็ยังมีกระดูกอวัยวะเพศอยู่ แต่ว่ามีขนาดเพียง 5-8 เซ็นติเมตรเท่านั้น…
-
เมื่อภาพธรรมดาๆ ที่ดูไม่มีอะไร แต่ทว่ามี “ไม่เข้าพวก” แอบเนียนอยู่ด้วย จะหาเจอมั้ยหว่า!?
ช่วงวันหยุดที่แสนสุขนี้ หากใครที่ว่างไม่รู้จะทำอะไรดี เราขอชวนให้คุณมาเล่นเกมหาของแปลกในภาพกันดีกว่า รับรองว่าสนุกแน่นอน ลองจับเวลาดูนะว่าใครจะตาไวสามารถเห็นสิ่งปกติในภาพเหล่านี้ได้ก่อนกัน (มีเฉลยด้านล่างนะ) 1.ค้นหาตัวอักษร T สิ 2.ภาพน้องหมาเหล่านี้แอบมีแพนดาซ่อนอยู่ด้วยนะ 3.Queen Elizabeth อยู่ไหนเอ่ย 4.เจอลูกสุนัขกันหรือยัง 5.ค้นหาใบโคลเวอร์ 4 แฉก 6.ในภาพนกฮูกนี้ มีแมวเหมียวซ่อนอยู่ 7.แพนดาอยู่ไหนน้า 8.จับเวลาหาตัว C 9.เหมือนมีมันฝรั่งแอบซ่อนอยู่หรือเปล่า 10.แพนดาที่แอบซ่อยในกลุ่ม stormtroopers 11.ในนั้นมีใบไม้ 4 แฉกซ่อนอยู่ 12.อยากรู้จริงๆ ว่าไข่ซ่อนอยู่ที่ไหน 13.เขาว่ากันว่ารูปนี้มีหมีแพนดาด้วยนะ 14.กระต่ายที่แอบทำตัวเนียนอยู่ในกลุ่มแมวเหมียว 15.เริ่มจับเวลาตามหาแพนดาในภาพนี้ ใครหาเจอเก่งฝุดๆ ต่อไปนี้เป็นเฉลยนะ… 1. 2.…
-
11 เรื่องราวการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ด้วยวิธีที่แตกต่างกัน แรงบันดาลใจดีๆ สำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก!!
สำหรับคนที่มีความคิดว่า อยากจะลุกขึ้นมาออกกำลังกาย ฟิตร่างกายให้ปึ๋งปั๋งดึ๋งดั๋ง บวกกับการได้ลดไขมันส่วนเกินในร่างกาย #เหมียวบ็อบ เข้าใจทุกคนดีว่า ตอนคิดหน่ะมันง่าย แต่ตอนจะลงมือทำหน่ะสิ ทำไมมันถึงช่างยากเย็นซะเหลือเกิ๊นนน บางคนมีความตั้งใจสุดๆในวันแรก แต่พอวันต่อไปเท่านั้นแหละ ความขี้เกียจเริ่มครอบงำทันที!! ด้วยเหตุนี้เองเราจึงขอเป็นตัวแทน นำเรื่องราวของบุคคลที่ออกมาเปิดเผยถึงวิธีการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง เพื่อที่จะได้เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้สาวๆที่อยากจะมีทรวดทรงที่งดงาม และหนุ่มๆที่อยากจะมีร่างกายแข็งแรง ดูแมนสมชายชาตรี เพื่อไม่ให้เปลืองเน็ต ไปดูกันเล้ยยย…. Rafiul ลดไป 35 กิโลฯ ใน 1 ปี “ออกกำลังกายคาร์ดิโอ 30 นาทีทุกวัน และสลับไปเล่นโยคะ กับยกเวทบ้าง ผมเลิกทานของหวาน และหันมาทานของที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ โปรตีนสูงแทน” Brandon ลดไปมากกว่า 45 กิโลฯ แถมได้ซิกส์แพ็คมาด้วย “80% มาจากการเปลี่ยนนิสัยการกิน จากนั้นผมยกเวททุกวัน และสลับไปคาร์ดิโอบ้างเป็นบางครั้ง ตอนนี้ผมก็ใช้ชีวิตแบบนี้ได้ 3 ปีแล้วล่ะ บอกตรงๆว่าผลที่ได้กลับมา เกินกว่าที่คาดคิดไว้มากครับ” Allen เปลี่ยนโฉมตัวเองด้วยการเล่นกีฬาที่ชอบ “ในช่วงวัย 55…
-
เจ้าเหมียว ‘Fukumaru’ เพื่อนรักของคุณยาย Misao ได้จากคุณยายไปอย่างสงบแล้วนะ…
ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณปีก่อน #เหมียวเลเซอร์ ได้นำเรื่องราวคู่ชีวิตของคุณยาย ‘Misao’ และเจ้าเหมียว ‘Fukumaru’ ที่ต่างก็เข้ามาเติมเต็มชีวิตให้กันและกัน ทำให้ชีวิตของคุณยายคนหนึ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และความสุข (ลิ้งค์ข่าวเดิม) แต่น่าเสียดายเพราะล่าสุดทางสมาชิกครอบครัวของคุณยาย ‘Misao’ ได้ออกมาแจ้งว่า ตอนนี้เจ้าเหมียวเพื่อนรักของคุณยายมันได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบแล้ว แต่ถึงแม้ว่าร่างกายของเหมียวจะไม่อยู่แล้ว แต่ความทรงจำ และวีรกรรมทั้งหมดของมันจะยังคงอยู่ในหัวใจเรา ตราบนานชั่วนิรันดร์… Misao และ Fukumaru อยู่เคียงข้างกันตลอดเวลา แต่หลังจากที่มันได้จากคุณยายไป คุณยายก็ได้เขียนจดหมายบอกลามันไว้ด้วยเช่นกัน และนี้คือเนื้อหาทั้งหมดที่เธอเขียนทิ้งไว้เพื่ออำลาเจ้าเหมียวเพื่อนรัก… “สวัสดีทุกคน หลังจากที่ทุกคนได้เห็นภาพของคุณยาย Misao และเจ้า Fukumaru ตอนนี้มันได้จากพวกเราไปแล้ว ในวัย 11 ปี เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เราทุกคนเสียใจกับการจากไปของมัน และต้องการจะบอกว่าทุกช่วงนาทีที่เราอยู่ด้วยกัน ช่างเป็นช่วงเวลาแสนวิเศษที่หาสิ่งใดมาเปรียบมิได้” “ด้วยภาวะการทำงานของไตที่ล้มเหลว ทำให้มันต้องต่อสู้อย่างหนัก และมันก็ได้ทำสุดความสามารถแล้วล่ะ ในช่วงสุดท้ายของชีวิต มันไม่สามารถที่จะกินอาหารเองได้ เราจำเป็นที่จะต้องให้อาหารผ่านทางสายท่อ มันคงเป็นอะไรที่เหนื่อยยากมากสำหรัับเจ้าเหมียว และเราทุกคนในครอบครัวก็ได้พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะช่วยยื้อมันไว้” “เรารู้ดีว่ามันต้องเหนื่อยยากมากขนาดไหน แต่เหตุผลเดียวที่ทำให้เราตัดสินใจรักษามันต่อ ก็คือสายตาของมันที่เหมือนพยายามจะบอกเราว่า…
-
5 เหตุผลว่าทำไม “คนเยอรมัน” ทำงานใช้เวลาน้อยกว่าชาติอื่น แต่ได้ประสิทธิภาพงานที่มากกว่า!?
โดยส่วนตัวของ#เหมียวฟิ้นเอง เคยได้มีโอกาสทำงานร่วมกับบริษัทของเยอรมันแห่งหนึ่ง ซึ่งขอบอกเลยว่าบรรยากาศการทำงานนั้นแตกต่างจากการทำงานแบบคนไทยมากๆ อย่างแรกที่เราสัมผัสได้เลยคืองานของพวกเขาจะมีประสิทธิภาพมาก เวลางานเป็นเวลางาน เวลาพักก็พักกันแบบไม่สามารถตามตัวได้เลย หากเทียบเวลาการทำงานกับบริษัทของไทยแล้ว การทำงานในบริษัทเยอรมันดูจะได้ผลงานเป็นที่น่าพอใจมากกว่า ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปได้? เมื่อไม่นานมานี้#เหมียวฟิ้นเพิ่งจะมีโอกาสได้อ่านบทความบทความหนึ่งของเว็บไซต์ Knote.com ที่เป็นการเปิดเผยถึงเคล็ดลับในการทำงานแบบคนเยอรมัน ว่าทำไมถึงมีประสิทธิภาพมาเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เราลองไปดูกันทีละข้อๆ เลย 1. เวลางานคือเวลาทำงาน ในวัฒนธรรมการทำงานของชาวเยอรมัน พวกเขาจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากงาน การเล่น Facebook การนั่งเมาท์กัน การแว้บไปเปิดเว็บโน่นนี่ระหว่างทำงานแทบจะไม่ใช่วิสัยของพวกเขาเลย ในขณะที่ถ้าเป็นบ้านเรา คุณจะเห็นพนักงานจับกลุ่มคุยกัน บางคนแอบงีบแอบเล่นเกมในที่ทำงาน บางคนเดินไปเข้าห้องน้ำบ่อยครั้ง ในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2013 สำนักข่าว BBC ได้เคยทำสารคดีที่ชื่อว่า Make Me a German เกี่ยวกับหญิงสาวชาวเยอรมันที่เดินทางไปทำงานและเปลี่ยนวัฒนธรรมที่อังกฤษ แต่เธอกลับช็อคมากที่วัฒนธรรมที่นั่นแตกต่างจากบ้านเกิดของเธอโดยสิ้นเชิง “ฉันไปทำงานแลกเปลี่ยนที่อังกฤษมา ฉันทำงานอยู่ในออฟฟิศและผู้คนก็เอาแต่พูดตลอดเวลาเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของพวกเขา ‘คืนนี้ทำอะไรดี?’ และเอาแต่ดื่มกาแฟกันตลอดเวลาเลย” หญิงสาวชาวเยอรมันกล่าว 2. มุ่งเน้นเป้าหมาย สื่อสารโดยตรงเป็นสิ่งที่มีค่า ในการทำธุรกิจแบบชาวเยอรมันจะมีการกำหนดเป้าหมายที่เข้มข้นมาก และมีการสื่อสารกันโดยตรงโดยไม่เกี่ยงว่าคนที่เราต้องสื่อสารด้วยจะมีตำแหน่งที่สูงหรือต่ำกว่าเรา เมื่อลองย้อนมาดูการทำงานในสไตล์ไทยๆ แบบบ้านเรา เราจะมีการพูดคุยกันแบบกลุ่มเล็กๆ…
-
สาวสวยมาแชร์ประสบการณ์ ‘การออมเงิน’ สุดครีเอท สำหรับมนุษย์เงินเดือนไปใช้ได้สบ๊ายยยย!!
สำหรับมนุษย์เงินเดือนหลายๆคน สิ่งหนึ่งที่จะเป็นบันไดสู่ความสำเร็จทางด้านการเงิน ก็คงหนีไม่พ้นการเริ่มต้นที่จะ ‘ออมเงิน’ ซึ่งเราเชื่อว่าแต่ละคนก็อาจจะมีวิธีการออมที่แตกต่างกันออกไป แล้วแต่จะสร้างสรรค์ และสร้างเงื่อนไขกันขึ้นมา แต่เมื่อตอนบ่ายสดๆร้อนๆนี้ #เหมียวบ็อบ กำลังโลดแล่นอยู่ในเว็บไซต์พันทิปเพลินๆ แล้วดันไปเจอกับผู้ใช้รายหนึ่ง เธอใช้ชื่อว่า ‘blackhuman_16’ ที่ได้นำเอาประสบการณ์ การออมเงิน ของเธอเองมาแชร์ให้พวกเราชาวเน็ตทุกคนได้รับรู้กัน เรียกได้ว่าเป็นประโยชน์ที่อาจทำให้ใครหลายคนรักการออมมากยิ่งขึ้นได้เลยทีเดียว ภาพเงินออมของเธอจากระยะเวลา 5 เดือน ซึ่งเธอบอกว่าได้มาทั้งหมดประมาณ 2 หมื่นกว่าบาทแน่ะ!! วิธีการออมเงินของเจ้าตัวก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร เธอทำการสร้างกฏเหล็กขึ้นมาให้กับตัวเอง มี 4 ข้อ ดังนี้… 1. ห้ามใช้เหรียญ 2 บาท 5 บาท หรือ 10 บาท โดยเด็ดขาด!! 2. พยายามใช้แบงค์ 20 ให้น้อยที่สุด 3. สำหรับแบงค์ 50 นั้นเก็บอย่างเดียว ไม่มีการใช้จ้า 4. แบงค์ 100 500…
-
รู้จัก 16 “สัตว์ประจำชาติ” ของแต่ละประเทศทั่วโลก มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง….
สัตว์ประจำชาติ ถือเป็นสัญลักษณ์ และตัวแทนทางวัฒนธรรมของแต่ละประเทศนั้นๆ อย่างเช่น เวลาที่เราได้เห็นจิงโจ้ ก็ทำให้เรานึกถึงประเทศออสเตรเลีย หรือเวลาเห็นช้าง ก็ทำให้เรานึกถึงประเทศไทย เป็นต้น แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยหรือไม่ว่า สัตว์ประจำชาติของประเทศอื่นๆ ทั่วโลกคืออะไร เชื่อว่ายังมีอีกหลายๆ คนที่อาจไม่เคยรู้มาก่อนแน่นอน และในครั้งนี้เราจะมานำเสนอ 16 ภาพของสัตว์ประจำชาติในแต่ละประเทศ มาดูกันว่าจะมีอะไรบ้าง 1. อินทรีหัวขาว – สัญลักษณ์ของประเทศสหรัฐอเมริกา 2. เสือโคร่งเบงกอล – สัญลักษณ์ของประเทศอินเดีย 3. บีเวอร์ – สัญลักษณ์ของประเทศแคนาดา 4. ยูนิคอร์น – สัญลักษณ์ของประเทศสกอตแลนด์ 5. จิงโจ้แดง – สัญลักษณ์ของประเทศออสเตรเลีย 6. หมีสีน้ำตาล – สัญลักษณ์ของประเทศรัสเซีย 7. อินทรีดำ – สัญลักษณ์ของประเทศเยอรมนี …
-
สาวป่วยหนักโพสต์ภาพของเธอที่กลายไปเป็น Meme ให้ชาวเน็ตได้ล้อกัน กับความจริงที่เธอรู้สึก…
ในโลกออนไลน์นั้น การนำภาพฮาๆ ของผู้คนที่เราไม่รู้จักมาทำเป็น Meme นั้น ก็เป็นอะไรที่เราสามารถเห็นกันได้บ่อยๆ ถ้า Meme ที่ดังๆ ระดับโลกนั้นก็คงจะเป็น… Bad Luck Brian Successful Boy หรือ Yao Ming ยอดนักบาสแดนมังกร แต่ในหลายๆ ครั้งเช่นกัน เราก็ต้องยอมรับว่าชาวเน็ตก็ออกจะเล่นสนุกกันซะจนเกินเลยไปหน่อย จนลืมใส่ใจไปว่าผู้คนในภาพเหล่านี้ที่พวกเขานำมาทำ Meme นั้น เป็นคนจริงๆ ที่มีหัวจิตหัวใจ และใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบเดียวกันกับเรา ซึ่งถ้าพวกเขามาเห็นข้อความที่เรานำมาใส่ในภาพของพวกเขา ถ้าแซวกันเล่นๆ น่ารักๆ พอประมาณก็คงไม่เท่าไหร่ แต่บางครั้งเพราะความสนุกกันจนเกินเลยนี่น่ะสิ… Lizzie Velasquez คือหนึ่งในกรณี Internet Bullying อย่างแท้จริง หลังจากภาพล่าสุดของเธอได้ถูกชาวเน็ตเอาไปล้อเป็น Meme และใส่ข้อความที่ค่อนข้างดูถูก และมีประเด็นเกี่ยวกับ ‘ความงาม’ ลงไปในเนื้อหา ภาพ Meme ใหม่ล่าสุดที่ค่อนข้างรบกวนจิตใจ Lizzie…
-
เด็กน้อย 5 ขวบป่วยหนัก ‘ขอพบซานต้าสักครั้ง’ และเขาก็ตายอย่างสงบ ในอ้อมกอดลุงซานต้า…
Eric Schmitt-Matzen คุณตาวัย 80 ปีที่ทำอาชีพเป็น ‘ซานต้า’ รับจ้าง ได้แชร์เรื่องราวสุดซึ้ง เกี่ยวกับเด็กน้อยวัย 5 ขวบ ที่เสียชีวิตขณะที่อยู่ในห้อมแขนของเขา… เขาได้รับการติดต่อจากครอบครัวๆ หนึ่ง ที่ลูกน้อยวัย 5 ขวบของเขากำลังป่วยหนักในโรงพยาบาล ความหวังในการมีชีวิตรอดต่อไปของเขานั้นไม่เหลืออีกแล้ว และคำขอสุดท้ายในชีวิตของเขาก็คือ การได้พบกับซานต้าสักครั้ง คุณแม่โทรไปหาเขาโดยตรงและพูดว่า ‘ได้โปรดมาตอนนี้เลยเถอะ เวลาของเขาแทบจะไม่เหลือแล้ว คุณคือตัวเลือกที่เพอร์เฟ็คต์เพียงตัวเลือกเดียวของเรา’ Eric Schmitt-Matzen ซานต้ามืออาชีพ ‘ผมตบปากรับคำเธอและรีบบึ่งไปยังโรงพยาบาลทันที แต่ก่อนที่จะเข้าไปในห้องผู้ป่วยผมก็ต้องทำความเข้าใจกับทุกคนก่อนว่า ถ้าเกิดใครคิดว่าตัวเองจะร้องไห้ ให้เดินออกจากห้องนั้นทันที เพราะผมคงร้องไห้ตาม และคงไม่สามารถทำงานของฝน และสานฝันให้เจ้าหนูได้’ Eric Schmitt-Matzen กล่าว พ่อแม่ของเจ้าหนูตัดสินใจว่าพวกเขาทนที่จะไม่ร้องไห้ไม่ไหว เลยออกไปยืนอยู่นอกประตูและมองผ่านกระจกเข้ามา ขณะที่ซานต้าอยู่กับเจ้าหนู ‘เจ้าหนูนอนป่วยอยู่ตรงนั้น เขาดูบอบบางและอ่อนแอมาก ราวกับว่าเขาจะหลับไปในขณะไหนก็ได้’ เขากล่าวต่อ ‘ผมนั่งลงข้างๆ เขาและถามว่า ‘เป็นยังไง ได้ข่าวว่าคริสมาสต์นี้เธอจะไม่ได้ฉลองเหรอ?’ เธอไม่มีทางพลาดคริสมาสต์นี้หรอก เพราะฉันมาอยู่ที่นี่แล้ว และเธอคือเอลฟ์หมายเลข…
-
พาส่อง 16 เรื่องราวเจ๋งๆ ในประเทศญี่ปุ่น ที่ประเทศอื่นๆ เห็นแล้วอาจจะต้องอิจฉา
ถ้าใครเคยเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น จะต้องทราบเป็นอย่างดีว่าประเทศนี้มีข้าวของเจ๋งอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ส้วมสุดไฮเทค ถนนดนตรี แท็กซี่เปิดประตูเองได้ และอื่นๆ อีกมากมายที่ต่อให้บรรยายอีกสิบวันก็ยังไม่หมด (อันนี้เวอร์ไปเนาะ) แต่ถ้าเพื่อนๆ ยังไม่เคยไปญี่ปุ่นล่ะก็ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 16 สิ่งของเจ๋งๆ จากประเทศญี่ปุ่น ที่รับประกันว่า เพื่อนๆ เห็นแล้วจะต้องอยากให้มีในประเทศของตนเองอย่างแน่นอน จะเจ๋ง จะน่าใช้ขนาดไหน ลองไปชมกันเลยดีกว่า… ปั้มน้ำมัน เราอาจคุ้นชิ้นกับภาพปั้มน้ำมันที่มีหัวจ่ายน้ำมันตั้งเป็นตู้ติดอยู่กับพื้น แต่ถ้าในญี่ปุ่น ปั้มน้ำมันของพวกเขา จะมีหัวจ่ายห้อยลงมาจากข้างบน หมดปัญหาหัวจ่ายมาไม่ถึง หรือเข้าจอดผิดด้านแน่นอน ตู้หยอดเหรียญแบบเจ๋งๆ สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้วเวลาทุกวินาทีนั้นมีค่า ดังนั้นเราจึงสามารถเห็นตู้ขายของอัตโนมัติวางอยู่แทบทั่วทุกหัวมุมของประเทศ และอย่าคิดว่าจะมีแต่ตู้ขายน้ำ เพราะแม้แต่ตู้ทำพาสต้า เฟรชฟรายด์ทอด นักเก็ตไก่ ก็ยังมี ที่จอดรถแบบไฮเทค ประเทศญี่ปุ่นมีประชากรเกือบ 130 ล้านคน พื้นที่ของประเทศก็มีแค่ 1 ใน 3 ของประเทศไทย ยิ่งไปกว่านั้นมีเพียง 1 ใน 5 เท่านั้นที่เป็นที่ราบ…
-
รวม 20 มนุษย์จอมครีเอท ผู้ซ่อมแซมสิ่งของอย่างมหัศจรรย์ ราวไอสไตน์มาทำเอง!!
เคยรึเปล่าที่เรารู้สึกอยากซ่อมแซมสิ่งของหลายๆ อย่าง (โดยเฉพาะของที่มีค่าทางจิตใจ) ที่ได้รับความเสียหาย แต่เพราะไม่รู้จะซ่อมยังไงให้ออกมาสวยงามเหมือนเดิม สุดท้ายก็ต้องเอาสิ่งของเหล่านั้นทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย งั้นวันนี้ลองไปดูไอเดียการซ่อมแซมสิ่งของจริงๆ ทั้ง 20 ภาพที่ #เหมียวอ๊อดโด้ นำมาให้ชมกันดีกว่า รับรองว่าเพื่อนๆ จะต้องยกนิ้วให้อย่างแน่นอน เพราะมันช่างสร้างสรรค์และงดงามจริงๆ นำดีวีดีเก่าๆ มาตกแต่งถาดกระเบื้องที่แตก หนุ่มรัสเซียตัดสินใจตกแต่งแผลถลอกบนรถของเขา หลังจากถูกรถกระบะคันหนึ่งเฉี่ยวชน เปลี่ยนกระถางแตกๆ ให้กลายเป็นสวนอีเดนในเทพนิยาย เมื่อคุณลูกเอาปากกาไปวาดเล่นบนผนังบ้าน คุณแม่ก็เลยจัดการซะอลังการงานสร้างเลย ตัวต่อเลโก้อาจกลายเป็นอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านที่เจ๋งจนคุณคาดไม่ถึง เปลี่ยนรูบนผนังให้กลายเป็นงานศิลปะซะเลย ผ้าลายลูกไม้ แก้ปัญหาโซฟาขาดได้ เต่านินจามาแล้ว!! ซ่อมแก้วแตกด้วยโปลีเมอร์สุดสวย นำผลึกใสมาซ่อมแซมผนังที่แตกร้าว เก้าอี้หักเหรอ? ไม่ใช่ปัญหา ฝูงอูฐกำลังเดินข้ามทะเลทราย ซ่อมส้นรองเท้าด้วยกากเพรช หนังสือเก่าๆ ก็สามารถนำมาซ่อมแซมบ้านได้ เมื่อทางการไม่ยอมซ่อมถนน ศิลปินก็เลยทำกระเบื้องโมเสกมาติดบนถนนซะเลย โรงงานลับ…
-
ชีวิตอันขมขื่นของชาวเวเนซูเอล่า เศรษฐกิจล่มสลาย อันตรายจากโจรสลัด และแก๊งมาเฟีย
ถ้าพูดถึงประเทศเวเนซูเอล่า หลายคนอาจนึกถึงดินแดนที่เต็มไปด้วยสาวงาม จนสามารถครองมงกุฎการประกวดนางงามระดับโลกมาได้หลายต่อหลายครั้ง หรืออาจจะนึกถึงประเทศที่มีน้ำมันสำรองมากที่สุด แต่รู้หรือไม่ ตอนนี้ดินแดนแห่งความงามแห่งนี้กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก จนแทบกลายเป็นรัฐล่มสลายเลยทีเดียว ปัญหาเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2003 เมื่อ นายอูโก้ ซาเบส หรือ ฮิวโก้ ซาเวส ประธานาธิบดีของเวเนซุเอลาในขณะนั้น ได้ออกนโยบายลดการนำทุนออกนอกประเทศ ด้วยการแบ่งอัตราการแลกเปลี่ยนเงินออกเป็นสามระดับ โดยระดับแรกคือ 6 โบลิวาร์ต่อ 1 ดอลลาร์สำหรับข้าวของจำเป็น ระดับที่สองคือ 12 โบลิวาร์ต่อ 1 ดอลลาร์ สำหรับข้าวของบางอย่างที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาล และระดับสุดท้าย 50 โบลิวาร์ต่อ 1 ดอลลาร์สำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการแลกเงิน (นายฮิวโก้ ซานเชส อดีตประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งกว่า 16 ปี ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อปี 2013 และได้นาย นิโกลัส มาดูโร สิบทอดตำแหน่งจนถึงปัจจุบัน) ด้วยมาตรการนี้เอง ทำให้ข้าวของจำเป็นส่วนมากถูกนำเข้าและขายในราคาที่ถูกเกินจริง จึงมีเหล่าพ่อค้าตลาดมืดลักลอบนำสินค้าจำเป็นเหล่านั้นไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากได้ราคาสูงกว่าในประเทศ และด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนี้ ทำเงินโบลิวาร์ไม่ค่อยมีการเคลื่อนย้ายออกนอกประเทศเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม…
-
ศิลปินสอน สุดยอดเทคนิควาดรูปสัตว์ง่ายๆ จากรูปทรงพื้นฐาน มีลูกสอนลูก มีหลานสอนหลาน!!
เชื่อว่าหลายคนต้องประสบปัญหากับการวาดภาพสัตว์ต่างๆ เพราะทักษะการวาดภาพของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ทำให้บางทีตั้งใจจะวาดแมว วาดกระต่าย แต่กลับกลายเป็นอีกอย่างหนึ่งไปซะอย่างงั้น ถ้าท่านกำลังประสบปัญหาเหล่านั้นล่ะก็ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปพบกับเทคนิคการวาดภาพสัตว์ต่างๆ แบบง่ายๆ ด้วยรูปทรงคณิตศาสตร์ โดยไอเดียนี้เป็นผลงานของ Wali วิศวกรจากบังคลาเทศ ที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อสอนเด็กๆ รับรองว่าคุณพ่อคุณแม่มือใหม่อย่างแน่นอน เราไปชมกันเลย วาดแพนด้า นก เพนกวิน นกฮูก นกจากแองกรี้เบิร์ด วัว ปลา แมว สิงโต กระต่าย …
-
ปฏิทิน Pirelli ปี 2017 ไม่วาบหวิว แต่แสดง “ความงาม” ของเหล่าคนดังแบบไม่เมคอัพ
ช่วงนี้ใกล้ปีใหม่แล้ว หลายๆ บริษัทก็ต่างปล่อยปฏิทินต้อนรับปีใหม่ออกมา ซึ่งปฏิทินแต่ละเล่มนั้น ต้องบอกว่าเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และความงดงามเป็นอย่างมาก (บางคนอาจรอปฏิทินวับๆ แวมๆ จากค่ายน้ำเมาทั้งหลาย #เหมียวอ๊อดโด้ ก็รออยู่เช่นกัน ฮา) ล่าสุดทางบริษัทผลิตยากรถชั้นนำของโลกอย่าง Pirelli ได้ปล่อยปฏิทินของปี 2017 ออกมา ในชื่อชุดว่า “Emotion” ทาง Peter Lindbergh ตากล้องผู้ออกแบบปฏิทินชุดนี้กล่าวว่า “ผมอยากนำเสนอผู้หญิงในด้านอื่นๆ ที่ไม่ใช่ความงดงามสมบูรณ์แบบ แต่เป็นการนำเสนออารมณ์และความรู้สึกของพวกเธอมากกว่า และความสมบูรณ์แบบปลอมๆ แต่เป็นความรู้สึกมีอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง” โดบพวกเขาได้ดาราหญิงชื่อดังมากมายมาร่วมงานไม่ว่าจะเป็น Nicole Kidman, Uma Thurman, และ Penelope Cruz จะสวยงามขนาดไหน เราไปชมกันเลย Nicole Kidman Robin Wright Lupita Nyong’o Penelope Cruz Kate Winslet Jessica Chastain Uma…
-
20 โฆษณาสะท้อน “ปัญหาสังคม” ชี้ให้เห็นด้านลบ และปัญหาที่โลกเรากำลังเผชิญ..
ทุกวันนี้ในสังคมมนุษย์เรา มีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย หลายๆ ครั้งผู้คนพยายามทำเป็นลืมหรือปฏิบัติราวกับว่าปัญหาเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้น ทั้งที่จริงแล้วมีคนหรือสัตว์จำนวนมาก กำลังเดือดร้อนอยู่ ด้วยเหตุนี้หลายๆ องค์กร จึงทำป้ายโฆษณาขึ้นมาเพื่อบอกเล่าถึงปัญหาเหล่านั้น ล่าสุดทางเว็บไซต์ Bright Side ได้รวบรวม 20 โฆษณาสะท้อน “ปัญหาสังคม” ที่ทำให้เห็นว่าโลกของเรานั้นมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นมากมายขนาดไหน เราไปติดตามกันเลย!! แม้แต่เทคโนโลยียังรู้ว่าปัญหาความรุนแรงต่อสตรีไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เด็ก 300,000 คนต้องออกรบแทนที่จะไปโรงเรียน ภาพเซลฟี่จากประเทศที่กำลังพัฒนา ของหวาน = เบาหวาน อันตรายจากบุหรี่ การบริจากเลือดอาจหมายถึงการเติบชีวิตให้กับคนอีกคน รูปภาพส่งเสริมการปลูกถ่ายอวัยวะในจีน เด็กหลายคนได้ออกไปเล่นนอกบ้านน้อยกว่านักโทษในคุกเสียอีก ปัญหาแรงงานเด็ก ถ้าไม่มีคนพูด ปัญหานี้ก็จะยังคงอยู่เรื่อยไป ยิ่งปล่อยเด็กออทิสติกไว้นานเท่าไหร่ การช่วยเหลือพวกเขาก็จะเป็นเรื่องยากขึ้นเท่านั้น เส้นทางภายในเมือง ควรคำนึงถึงผู้พิการด้วย รงรงณ์ปัญหาความเหงาในหมู่ผู้สูงอายุที่อาจนำไปสู่การฆ่าตัวตาย ยังมีอีกหลายคนบนโลกที่กำลังหิวโหย …
-
11 สิ่งที่คุณไม่ควรทำอย่างยิ่งกับ ‘แมวเหมียว’ ถ้ารักเค้าจริง อย่าทำแบบนี้กับเค้าเลยนะ
บางทีเราอาจจะคิดไปเองว่า เราได้ดูแลเจ้านายเหมียวคู่ใจประจำบ้านได้อย่างดีที่สุดแล้ว แต่ทว่าบางทีเราก็อาจจะเผลอทำอะไรบางอย่างโดยไม่รู้ตัว ซึ่งมันดันไปส่งผลกระทบแง่ลบให้แก่สภาพจิตใจ หรือร่างกายของแมวเหมียวสุดที่รัก #เหมียวบ็อบ จะพาไปรู้จักกับ 11 เรื่องไม่ดี ที่ไม่ควรปฏิบัติกับแมวที่บ้าน เพราะนอกจากอาจจะทำให้พวกมันหมดความเชื่อใจในตัวเราแล้ว แถมยังอาจทำให้สภาพร่างกายพวกมันแย่ลง โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ 1. ปล่อยให้เจ้าเหมียวได้รับควันมือสอง อย่างที่เรารู้กันดีว่า ควันบุหรี่มือสอง เป็นภัยอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตรอบข้างไม่ใช่แค่กับคนเท่านั้น แต่รวมถึงสัตว์เลี้ยงด้วย สำหรับสิงห์นักสูบบางทีคุณอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังทำให้พวกมันได้รับควันมือสองอยู่ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ให้พวกมันเป็นมะเร็งได้ ไม่ต่างจากคนเลยล่ะ 2. กีดกันไม่ให้ได้เห็นโลกภายนอก ถ้าคุณเลี้ยงแมวแบบปล่อยก็คงไม่มีปัญหา แต่สำหรับใครที่เลี้ยงแมวแบบอินดอร์ อย่าลืมที่จะเปิดผ้าม่าน หรือแง้มบานกระจกเล็กน้อย เพื่อให้พวกมันได้นั่งชมวิว สัมผัสโลกภายนอกกับเค้าบ้าง ไม่อย่างนั้นละมีหวังเครียดตายแน่ๆ 3. ลืมทำความสะอาดภาชนะใส่น้ำดื่ม ไม่ใช่แค่การนำภาชนะเดิมไปเทน้ำเก่าออก แล้วเติมน้ำดื่มใหม่เข้าไปเท่านั้น เพราะคุณควรที่จะเอามาล้างทำความสะอาด เหมือนกับภาชนะของคนเราเนี่ยแหละ ต้องไม่ลืมว่าแมวเป็นสิ่งมีชีวิตที่รักความสะอาดสุดๆ และพวกมันก็ไม่สามารถที่จะทำความสะอาดภาชนะใส่น้ำได้ด้วยตัวเองหรอกนะ 4. ไม่ทำความสะอาดส้วมแมว นับว่าเป็นสิ่งที่เราควรทำเป็นประจำทุกวัน เพราะถ้าหากเราปล่อยให้ส้วมแมวสกปรกละก็ จะส่งผลให้พวกมันเกิดภาวะความเครียดได้ 5. คิดว่าพวกมันรักสันโดษ ถ้าหากคุณคิดว่าสิ่งที่ต้องทำสำหรับการเลี้ยงดูแมวมีเพียงแค่ให้อาหาร น้ำดื่ม และปล่อยให้มันอยู่อย่างสันโดษละก็ คิดผิดแล้วล่ะ…
-
10 อันดับผู้นำเผด็จการจากประเทศต่างๆ ที่โหดเหี้ยมสุดๆ จนโลกต้องจารึก!!
เผด็จการ นั้นมีความหมายว่า การใช้อํานาจบริหารเด็ดขาด เรียกลัทธิหรือแบบการปกครองที่ผู้นำคนเดียวหรือบุคคลกลุ่มเดียวใช้อำนาจอย่างเด็ดขาดในการบริหารประเทศ โดยไม่ฟังหรือสนใจความคิดเห็นของคนในส่วนรวม และผู้นำของประเทศ หรือกลุ่มนี้ จะถูกเรียกว่า ‘ผู้นำเผด็จการ’ ล่ะ ไล่มาตั้งแต่ผู้นำเผด็จการที่เรารู้จักกันดีอย่างฮิตเลอร์ ไปกระทั่งสตาลิน หรืออีกหลายคนที่คุณอาจจะไม่คุ้นชื่อ วันนี้เราจะพาย้อนไปดูว่าผู้นำเผด็จการคนใดที่ติดอันดับเข้ามาในการจัดครั้งนี้บ้าง… อันดับ 10. Ismail Enver Pasha ประวัติศาสตร์จารึกว่าเขาคือหนึ่งในผู้นำที่โหดร้ายที่สุด เพราะการก้าวขึ้นสู่อำนาจของเขานั้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด เขาคือผู้นำขององค์กรปฏิวัติเติร์ก(ประเทศตุรกี) และยิ่งทวีอำนาจมากขึ้นตอนที่นำอาณาจักรออตโตมันเติร์กเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามคาบสมุทรบาลข่าน ถึงแม้จะก้าวขึ้นสู่อำนาจอย่างรวดเร็ว แต่ถือว่าเป็นผู้นำการรบที่แย่มาก เพราะศึกแล้วศึกเล่าเขาก็นำทัพไปพ่ายแพ้ตลอด แต่ด้วยการมีกองทัพที่ใหญ่กว่า ทำให้เขายกทัพไปฆ่าผู้บริสุทธิ์กว่า 2 ล้านคน เพื่อเป็นการล้างแค้นความอับอายของเขา อันดับ 9. Omar al-Bashir ประธานาธิบดีของประเทศซูดาน และถึงจะเป็นผู้เจรจาจนสามารถจบสงครามกลางเมืองของประเทศเอาไว้ได้ ด้วยวิธีการมอบกองทัพปลดแอกให้กับประชาชนในประเทศ แต่ก็กลายเป็นว่าทำให้เกิดสงครามขึ้นในเมือง Darfur ที่ทำให้ผู้คนกว่า 400,000 ชีวิตต้องตายด้วยเหตุความรุนแรงและความอดอยาก อันดับ 8. Pol Pot อดีตผู้นำเผด็จการแห่งประเทศกัมพูชา ด้วยแนวคิดที่ว่าทุกคนนั้นเท่าเทียมกัน เขาไม่สนวิธีการใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อที่จะได้มาซึ่งจุดหมาย นอกจากทำให้สาธารนูปโภคของประเทศปั่นป่วนไปหมดแล้วนั้น ยังมีการฆ่าผู้เห็นต่างอีกกว่า…
-
ตำนานแห่งทหารนาซี ผู้ทิ้งเงินไว้ให้หมู่บ้าน 20 ล้าน เพราะคนที่นั่น ให้ความเมตตาแก่เขา…
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนั้น ไม่มีกองกำลังไหนที่จะทรงอำนาจไปกว่ากลุ่ม Nazi แห่งเยอรมนีที่แผ่ขยายทั้งอำนาจและอาณาเขตไปทั่วทั้งยุโรป จนกระทั่งสิ้นสุดอำนาจลงเมื่อจบสงคราม Heinrich Steinmeyer ก็เคยเป็นหนึ่งในสมาชิกของนาซี เขาถูกจับได้ระหว่างการสู้รบในนอร์มังดี ที่เกิดขึ้นในวัน D-Day เดือนสิงหาคม ปี 1944 ล่าสุดเมื่อเวลาผ่านไปหลายต่อหลายปี ในวัยชราเขาก็ได้บริจาคเงินกว่า 400,000 ปอนด์ หรือราวๆ 18.4 ล้านบาท ให้กับหมู่บ้านเล็กๆ ที่จับตัวเขา ด้วยเหตุผลที่ว่าเหล่าผู้คนในหมู่บ้านได้แสดงให้เขาเห็นถึงความเมตตากรุณาเอื้ออาทรต่อเขาเอง Heinrich Steinmeyer ในวัยหนุ่ม เขาถูกจับตัวและกักตัวไว้ในแคมป์ ใกล้ๆ กับหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชื่อว่า Cultybraggan ใกล้ๆ กับแถบ Perthshire สกอตแลนด์ ตัวเขาค่อยๆ เปลี่ยนไปเมื่อได้รับความเมตตากรุณาจากคนในหมู่บ้านนี้ ที่ไม่ได้ปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นข้าศึกหรือคนชั้นต่ำ แต่ดูแลเขาอย่างดีในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง และภายหลังจากสงคราม ทำให้มิตรภาพของพวกเขาเบ่งบาน เขายังแวะเวียนไปหาคนอื่นๆ อยู่ตลอด มากไปกว่านั้น เขาได้เขียนพินัยกรรมไว้ว่าเขาขอทิ้งทรัพย์สินทุกอย่างไว้ให้เหล่าคนแก่ในหมู่บ้าน!! หมู่บ้านในสกอตแลนด์แห่งนี้นั้นมีประชากรราวๆ 2,000 ราย Heinrich เสียชีวิตเมื่อปี 2014 ซึ่งตอนนั้นเขาอายุได้ 90 ปีพอดี เถ้ากระดูกของเขาถูกโปรยกระจายตรงภูเขาข้างหมู่บ้าน ที่เป็นที่ตั้งของแคมป์ที่เขาเคยถูกจับไว้นั่นเอง…
-
บริษัทต่างชาติเตรียมสร้าง ‘แท็กซี่ลอยฟ้า’ เปิดใช้ปี 2020 ปฏิวัติการเดินทางราวกับหนังไซไฟ
การเดินทางด้วยแท็กซี่เริ่มสะดวกสบายมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะแทนที่เราจะต้องไปยืนโบกมือหยอยๆ ข้างถนน ตอนนี้ระบบต่างๆ ก็เริ่มพัฒนาทำให้เราสามารถเรียกแท็กซี่ผ่านสมาร์ทโฟนได้ และคุณเชื่อไหมว่าในอนาคตอันใกล้ มนุษย์เราอาจจะสามารถเรียกแท็กซี่จากทางอากาศได้ด้วย? สิ่งที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้คือ “แท็กซี่ลอยฟ้า” ที่แม้จะยังเป็นเพียงแนวคิดหรือคอนเซ็ปต์แต่ก็มีการยืนยันออกมาแล้วว่าแท็กซี่ในรูปแบบนี้กำลังถูกพัฒนาอยู่จริงๆ โดยเจ้าแท็กซี่ลอยฟ้าที่ว่านี้อยู่ในระหว่างการคิดค้นโดย Airbus Group บริษัทที่ผลิตอากาศยานและระบบป้องกันประเทศของยุโรป ซึ่งพวกเขาตั้งชื่อให้มันว่า CityAirbus เจ้า CityAirbus ที่ว่านี้ Airbus Group ต้องอาศัยบริษัทหลายๆ แห่งร่วมกันพัฒนามันขึ้นมา โดยพวกเขาได้มอบหมายงานให้บริษัท MTSI (Modern Technology Solutions, Inc) รับหน้าที่ในการบินทดสอบ ส่วนบริษัท SOAR Oregon จะเป็นผู้ให้การสนับสนุนการทดสอบ ไอเดียของแท็กซี่ลอยฟ้าจะมีความใกล้เคียงกับระบบของรถไร้คนขับที่บริษัทผู้ผลิตรถ Tesla กำลังพัฒนาอยู่ ผสมกับเทคโนโลยีโดรนที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายเพื่อการถ่ายภาพ ซึ่ง CityAirbus จะมาในรูปแบบของยาน 4 ใบพัดไร้คนขับที่บังคับทิศทางได้เอง สามารถนั่งได้ 1 ที่นั่ง และบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้เลยโดยที่ไม่ต้องใช้ถนนหรือรันเวย์ในการออกตัว นอกจากนี้ยาน CityAirbus ยังมาพร้อมกับระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะ ที่จะคอยตรวจจับการเคลื่อนไหวอัตโนมัติ นั่นหมายความว่าหากคุณนั่งยานที่ว่านี้อยู่บนอากาศ มันก็จะไม่มีทางชนกันเองแน่นอน…
-
รวม 14 ทริคทำความสะอาด สิ่งของภายในบ้านแบบง่ายๆ ถ้าแม่บ้านแฮปปี้ พ่อบ้านก็สุขใจ~
ความสะอาดนี้แหละ ที่ทำให้บ้านหลังน้อยของเราน่าอยู่มากขึ้นอีกหลายเท่า ลองจินตนาการดูระหว่าง กลับมาจากที่ทำงานเหนื่อย แล้วต้องมาเจอกับบ้านรกๆ ชั้นวางเต็มไปด้วยฝุ่น อุปกรณ์ต่างๆสนิมเขรอะไปหมด ช่างเป็นอะไรที่เสียสุขภาพจิตเหลือเกิน โดยเฉพาะเหล่าแม่บ้านผู้รักในการดูแลความสะอาด เรียบร้อยภายในบ้าน #เหมียวบ็อบ ได้ไปเจอกับ 15 เทคนิคการทำความสะอาดสิ่งของต่างๆ ที่เรามักจะใช้กันเป็นประจำในทุกบ้าน อีกทั้งยังช่วยเบาแรง ไม่ต้องกังวลเรื่องกล้ามแขนใหญ่ข้างเดียว เรื่องดีๆแบบนี้จะไม่ให้บอกต่อก็คงไม่ได้แล้วล่ะ!! 1. ไมโครเวฟ อุ่นอาหารเป็นประจำทุกวัน เป็นธรรมดาที่ต้องมีคราบติดอยู่ด้านในบ้างล่ะ เทคนิคง่ายๆ แค่เอาฟองน้ำสะอาดหนึ่งอัน มาชุบกับน้ำสบู่ เสร็จแล้วก็เอาไปวางไว้ในตู้ไมโครเวฟ ปรับความร้อนให้อยู่ในระดับต่ำสุด ก่อนจะเปิดใช้งานเป็นเวลาซักประมาณ 30 วินาที หลังจากนั้นเราก็แค่เอาฟองน้ำอันนั้นแหละ ถูไถทำความสะอาดคราวที่ติดอยู่ให้หมด วิธีนี้จะช่วยทำให้คราบหลุดลอกออกมาได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น แถมยังช่วยกำจัดกลิ่นตกค้างได้ดีอีกด้วย 2. ฟูกที่นอน ฟูกที่เราใช้นอนทุกวัน มันก็ต้องดูเสื่อมสภาพลงบ้างเป็นธรรมดา ถ้าอยากจะทำให้มันดูสะอาดเหมือนของใหม่ แค่นำเบคกิ้งโซดา โปรยไว้เหนือฟูกที่เราใช้นอน ทิ้งไว้ประมาณชั่วโมง แล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดมันซะ รับประกันเลยว่าวิธีนี้จะทำให้เศษซากอารยธรรมการนอน หรือเศษฝุ่นต่างๆ หายไป แถมยังช่วยดับกลิ่นอับได้และที่สำคัญ วิธีนี้สามารถนำไปใช้กับโซฟาเก่าได้ด้วย!! 3. เขียงไม้ การผสมผสานระหว่างมะนาว และเกลือ…
-
19 เรื่องจริงที่ทุกคนควรรู้ไว้ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ หรือเอาตัวรอดแม้ในยามคับขัน!!
บางทีเราก็ไม่อาจจะคาดเดาได้เลยว่า จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างกับชีวิต อย่างเช่นในกรณีของชาวเมือง กทม. ที่เดินๆอยู่บนฟุตบาธแล้วตกท่อ ก็เคยมีมาแล้ว จากบทความของเว็บไซต์ BusinessInsider เค้าได้รวบรวม 19 เรื่องจริง (Fact) ที่ออกมาเปิดเผยโดยผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ผ่านเว็บไซต์ Quora และเป็นเรื่องที่ทุกคนควรจะรู้ไว้ เผื่อว่าวันหนึ่งเราจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด และอาจช่วยทำให้คุณเอาชีวิตรอดได้… 1. สมองเราไม่สามารถแยกแยะการเดินไปด้วย พร้อมเล่นมือถือไปด้วยได้ ในเวลาเดียวกัน จากงานวิจัยพบว่า สมองมนุษย์เราไม่สามารถที่จะโฟกัสสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะการเล่นมือถือไปด้วย และดูทางเดินข้างหน้าไปด้วย เพราะฉะนั้นเลือกเอาสักทางเถอะนะ 2. จัดการกับมุมบอดระหว่างขับรถ ด้วยการปรับกระจกให้ถูกต้อง เสียเวลาไม่กี่วินาที ก่อนออกเดินทาง ปรับกระจกให้สามารถเห็นรถที่พุ่งตรงมาจากด้านหลังได้ ดีซะกว่ารีบร้อนแล้วเกิดอุบัติเหตุในภายหน้านะจ๊ะ เพราะสาเหตุนี้แหละที่ทำให้รถชนกันมานักต่อนักแล้ว 3. ความร้อนสามารถถ่ายเทผ่านของเหลวได้ดีกว่าอากาศ ถ้าเราต้องเผชิญกับสภาวะอากาศอันหนาวเหน็บละก็ ข้อแนะนำที่ดีที่สุดก็คือการทำให้ร่างกายเราแห้ง เพื่อรักษาอุณหภูมิความอบอุ่นในร่างกายแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องอาบน้ำก็ได้นะ 4. ห้ามกินหิมะ ถ้าร่างกายกำลังขาดน้ำอย่างรุนแรง ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ร่างกายเราต้องใช้พลังงานอย่างมากในการเปลี่ยนสารหนึ่ง ไปสู่อีกสารหนึ่ง ฉะนั้นแล้วถ้าร่างกายขาดน้ำจริงๆ พยายามอย่าเอาหิมะมากิน ยกเว้นแต่ว่ากำลังจะตายอยู่ตรงนั้นแล้วจริงๆ เพราะอาจทำให้ร่างกายเราสูญเสียความร้อนได้…
-
งานวิจัยต่างประเทศเผย 7 สิ่งที่ “คนโสด” ประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่า “คนมีคู่”
การแต่งงานมีครอบครัว ใช่ว่าจะเป็นเป้าหมายของทุกๆ คน บางคนอาจจะมีความสุขกับชีวิตโสด เพราะมีอิสระไม่ต้องเป็นภาระของใครหรือไม่ต้องให้ใครมาเป็นภาระของเรา ในขณะที่คนมีคู่เองก็มีความสุขกับคนรักและพยายามอธิบายถึงข้อดีต่างๆ ให้คนโสดฟังว่าเป็นยังไง จนเกิดการโต้เถียงกันหลายครั้งหลายครา เมื่อไม่นานมานี้#เหมียวฟิ้นได้ไปเจอเข้ากับงานวิจัยของนักสังคมวิทยา Eric Klinenberg ของมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เกี่ยวกับ 7 ข้อดีข้องการเป็นโสด ที่ทำให้คนไม่มีคู่ประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าคนมีคู่ เราลองมาไล่เรียงกันดูว่ามันดีหรือไม่ดีอย่างไร? คนโสดเข้าสังคมมากกว่าคนมีคู่ จากการศึกษาของสถาบันวิจัย National Bureau of Economic Research ได้เปรียบเทียบชาวอเมริกันระหว่างคนที่แต่งงานแล้วกับคนที่ยังโสด โดยผลวิจัยบอกว่าคนที่เป็นโสดจะได้รับการติดต่อและการสนับสนุนจากครอบครัวมากกว่าคนที่แต่งงานแล้ว ส่งเสริมให้พวกเขาเข้าสังคมกับเพื่อนๆ หรือคนรอบข้างมากกว่า คนโสดมีอิสระมากกว่า Eric Klinenberg เชื่อว่าในยุคที่ดิจิตัลมีเดียต่างๆ กำลังเติบโต การเป็นโสดนั้นถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างชัดเจน เพราะช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่คนเดียวจะช่วยให้พวกเขาค้นพบว่าตัวตนที่แท้จริง และพบว่าอะไรที่ทำให้ชีวิตของพวกเขามีความหมาย แถมยังช่วยกำหนดเป้าหมายได้ชัดเจนมากกว่าคนมีคู่ คนโสดหาเงินได้มากกว่า จากการสำรวจพบว่าผู้หญิงโสดมีโอกาสที่จะใช้เงินมากกว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้วราวๆ 1 ล้านดอลลาร์ (35 ล้านบาท) โดยแบ่งง่ายๆ เป็น เงินเพื่อดูแลสุขภาพ 7.9% ใช้เงินเพื่อซื้อข้าวของเข้าบ้าน 39.8% ในขณะที่สาวที่แต่งงานแล้วใช้เงินเพื่อดูแลสุขภาพ 6.9% และซื้อของเข้าบ้านเพียง…
-
เปิดตำนาน Illuminati และ Freemason องค์กรลับที่ถูกกล่าวว่า คือผู้อยู่เบื้องหลังของโลกใบนี้
ครั้งก่อน #จ่าสิบเหมียว ก็ได้นำเสนอเรื่องราวของกลุ่ม สมาคมลับ ‘Skull and Bones’ สมาชิกเป็นคนสำคัญแทบทุกวงการ และอาจกำลังชักใยโลกใบนี้อยู่!! กันไปแล้ว เรื่องราวต่อไปก็ขอจัดหนักจัดเต็มกันต่อเลยกับอีกสองตำนานเกี่ยวกับกลุ่มลับอย่าง Illuminati และ Freemason กัน ว่ากันว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์โลกนั้น ล้วนเกี่ยวเนื่องและมีที่มาจากจุดๆ เดียวกัน เกิดจากการชักใยอยู่เบื้องหลังขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง ซึ่งรวมตัวกันอย่างแน่นแฟ้นของกลุ่มคนสำคัญ กำหนดนโยบายต่างๆ เพื่อควบคุม ออกแบบนโยบายสำคัญๆ ที่ล้วนแล้วแต่มีผลต่อมนุษยชาติทั้งสิ้น และชื่อขององค์กรที่มักได้ยินกันบ่อยที่สุดก็คือ Illuminati และ Freemason นี่แหละ!! ก่อนอื่นเรามาเริ่มด้วยกลุ่ม Illuminati กันก่อนเลย คำว่า Illuminati นั้น ถ้าแปลกันแบบตรงตัวแล้วก็จะหมายถึง ‘ผู้ที่มีสติปัญญาอันล้ำเลิศ’ ซึ่งบางที่ก็กล่าวว่าสแรกเริ่มเดิมทีนั้นก่อตั้งมาอย่างลับๆ โดยการรวมตัวกันของเหล่านักวิทยาศาสตร์ในยุคเรืองอำนาจของศาสนจักร ไม่ว่าจะในนวนิยายสืบสวนสอบสวน หรือแม้กระทั่งทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ นั้นก็มักจะเกี่ยวโยงกับชื่อของกลุ่มอิลลูมินาติอยู่เสมอ และมีความเชื่อกันว่ากลุ่มนี้มีความเกี่ยวข้องของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ และเหตุการณ์ใหญ่ๆ ของโลกแทบจะทุกครั้ง สมาคมนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1776 (ปีเดียวกันกับที่สหรัฐฯ ประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ) ในเมือง Ingolstadt แห่วงแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี…
-
ศิลปินญี่ปุ่นใช้เวลาวันละ 10 ชั่วโมง ติดต่อกัน 3 ปีครึ่ง สร้างวาดภาพสุดอลัง รำลึกเหตุสึนามิ
ไม่ว่าใครก็สามารถทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้ ขอแค่มีเพียงความตั้งใจและความอดทนที่เหนือกว่าคนทั่วไป เพียงเท่านั้นท่านก็สามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ไม่ว่าใครเห็น ก็ต้องตกตะลึงได้แล้ว อย่างเช่นศิลปินชาวญี่ปุ่นคนนี้ เขามีชื่อว่า มานาบุ อิเคดะ เขาเชี่ยวชาญด้านการวาดภาพด้วยปากกาและหมึกเป็นพิเศษ ล่าสุดเขาเพิ่งสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกออกมาในชื่อว่า “Rebirth” “Rebirth” นำเสนอเหตุการณ์สึนามิถล่มประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2011 โดยผ่านมุมมองของผู้วาด มานาบุ อิเคดะ โดยมานาเบะเริ่มวาดภาพนี้ตั้งแต่เมื่อช่วงปี 2013 ทุกๆ วันเขาใช้เวลาเกือบๆ 10 ชั่วโมง 6 วันต่อสัปดาห์ ติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปีครึ่ง ในการวาดภาพภาพนี้ โดยตัวภาพมีขนาดประมาณ 4×3 เมตร “ผมตั้งใจจะถ่ายทอดมุมมองของผมที่มีต่อโลกด้วยการวาดภาพ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้มันมีรายละเอียดมากมายขนาดนี้หรอกนะ” มานาบุ กล่าว “เวลาผมมองสิ่งของต่างๆ ผมชอบสังเกตรายละเอียดของมันมากกว่าที่จะมองภาพรวม ดังนั้นผมจึงชอบใช้ปากกาและหมึกในการวาด เพราะมันสามารถถ่ายทอดสิ่งที่ผมเห็นออกมาได้ดีที่สุด” เห็นรายละเอียดภายในภาพแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมภาพนี้ถึงใช้เวลาตั้งสามปีครึ่งในการวาด #เหมียวอ๊อดโด้ ขอนับถือความพยายามและความตั้งใจของศิลปินท่านนี้จริงๆ จนสุดท้ายก็ออกมาเป็นงานวาดระดับเทพแบบนี้ สุดยอดไปเลยฮะ ที่มา Boredpanda
-
วินาทีสุดประทับใจ พี่น้องฝาแฝดหัวติดกัน ได้เห็นหน้ากันเป็นครั้งแรกในชีวิต หลังจากการผ่าตัด!!
การมองฝาแฝดนั้น ก็เหมือนกับการมองตัวเองผ่านกระจก เพราะฝาแฝดส่วนมากนั้นเหมือนกันจนแทบจะแยกไม่ออก แต่ก็มีฝาแฝดอยู่บางคู่ ที่ ‘ไม่เคย’ ได้เห็นกันสักครั้งในชีวิต… Jadon และ Anias McDonald หนูน้อยฝาแฝดที่เกิดมาส่วนบนของศีรษะติดกัน ทำให้ทั้งคู่เป็นแฝดสยามที่มีส่วนติดกันคือหัว ส่งผลให้ทั้งคู่ไม่เคยเห็นหน้ากันแบบตรงๆ เลยสักครั้งในชีวิตของพวกเขา (อาการของทั้งคู่มีชื่อเรียกว่า Craniopagus Twins หรือแฝดที่มีส่วนหัวติดกัน) ต้องขอบคุณเหล่าแพทย์ที่ช่วยกันผ่าตัดกว่า 27 ชั่วโมงเต็ม และล่าสุดหลังจากฟื้นตัวและได้สติ แฝดน้อยทั้งคู่ก็ได้เห็นหน้ากันแบบตรงๆ เป็นครั้งแรกในชีวิต และนี่คือโมเม้นท์ที่ทั้งคู่เห็นหน้าคร่าตากันเป็นครั้งแรก!! นายแพทย์มือฉมังผู้รับเคสการผ่าตัดนี้ก็คือ Dr. Philip Goodrich แห่งโรงพยาบาล Montefiore Hospital ใจกลางกรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ สถานที่ๆ ได้รับโด่งดังในเรื่องที่ว่ามีแพทย์ผ่าตัดที่เก่งที่สุดในประเทศ ‘ตอนแรกผมคิดว่าเคสผ่าตัดนี้อาจไม่เหมาะสมนัก เพราะมีความเสี่ยงสูงมากทั้งจากอาการติดเชื้อและไวรัสต่างๆ’ Dr. Philip Goodrich นายแพทย์กล่าว คุณแม่ของทั้งคู่ Nicole McDonald ในวัย 37 ปีนั้นก็รู้สึกพึงพอใจที่ได้ลูกชายฝาแฝดหลังจากที่เธอคลอดทั้งคู่โดยการผ่า ‘พวกเขาเกิดมาสมบูรณ์แบบในแบบที่พวกเขาควรจะเป็น แต่ปัญหาในเรื่องการใช้ชีวิตประจำวันนี่แหละที่เราต้องทำใจนำพวกเขาเข้ากระบวนการผ่าตัดนี้’ คุณแม่กล่าว การผ่าตัดในครั้งนี้ทางครอบครัวได้จ่ายเงินไปแล้วกว่า 2.5 ล้านเหรียญ หรือราวๆ 87.5…
-
สาวลดน้ำหนักจาก 143 เหลือ 63 หลังระบุว่า หยุดยั้ง ‘ฮอร์โมนความหิว’ ที่ควบคุมเธอตั้งแต่เกิด!!
สำหรับใครที่มีอาการหิวโหยอาหารอยุ่ตลอดเวลานั้น เคยคิดมั้ยว่าทำไมเราถึงมีความหิวแบบนั้นอยู่ตลอดถึงแม้จะทานอาหารมาแล้วก็ตาม บางครั้ง ‘ฮอร์โมน’ อาจเป็นคำตอบของเรื่องนี้ก็ได้!! Janet French คืออดีตสาวใหญ่ที่เคยประสบภาวะเกี่ยวกับความอ้วนมาอย่างหนัก น้ำหนักของเธอเมื่อราวๆ 8 ปีก่อนเธอมีน้ำหนักกว่า 143 กิโลกรัม แต่ตอนนี้น้ำหนักของเธอเหลืออยู่ที่ราวๆ 63 กิโลกรัมเท่านั้น!! เธอมีอาการเสพติดการกินอย่างงอมแงม และมีลักษณะของความ ‘ไม่เคยจะอิ่ม’ อยู่ตลอด ทำให้ภายในระยะเวลา 1 วันนั้น เธอทานอาหารไปมากกว่า 3,500 แคลอรี่ มากกว่าที่ร่างกายของผู้หญิงโตเต็มวัยต้องการถึง 2 เท่า แต่ดูเธอตอนนี้สิ!! แน่นอนว่าตลอดระยะเวลานั้น เธอมีความพยายามที่จะลดความอ้วนอยู่หลายครั้งเนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จเลยซักครั้ง ‘ฉันรู้สึกว่ามันยากมากๆ เลยที่จะไม่คิดถึงเรื่องอาหารอยู่เกือบตลอดเวลา ไม่ว่าฉันจะกินไปมากขนาดไหน ฉันก็มักจะรู้สึกหิวอยู่ดี ฉันไม่กล้าออกจากบ้านเลยช่วงหนึ่งเพราะว่าออกไปก็ไปหาแต่อาหารกิน มันเหมือนเป็นการเสพติดเลยล่ะ’ Janet French กล่าว เคล็ดลับของการลดน้ำหนักที่สำเร็จของเธอนั้นไม่ใช่การผ่าตัด การออกกำลังกาย หรือการอดอาหาร (เพราะเธอลองมาหมดแล้วแต่ไม่สำเร็จ) แต่เป็นการซ่อมแซมทางด้านฮอร์โมนของเธอ การซ่อมแซมทางด้านฮอร์โมน!? หลังจากพยายามมาต่างๆ นานา แต่ไม่สำเร็จ…
-
รวม 17 ทริกดีๆ สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ที่จะทำให้การเลี้ยงลูกของท่านง่ายขึ้นเย๊อะ!!
เชื่อว่าสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่แล้ว การเลี้ยงลูกเป็นกิจกรรมที่ทำให้ทุกท่านต้องปวดหัวอย่างแน่นอน จริงๆ ไม่ใช่แค่มือใหม่ด้วย ต่อให้เป็นคุณพ่อคุณแม่มือเก่า ก็ยังต้องปวดเศียรเวียนเกล้าเช่นกัน งั้นวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเหล่าคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ไปพบกับ 17 ทริกดีๆ ในการเลี้ยงลูก ที่รับรองว่าจะต้องทำให้ชีวิตของเพื่อนๆ ง่ายขึ้นอย่างแน่นอน จะมีอะไรบ้าง ไปชมกันเลย ลูกๆ ชอบทะเลาะกันเวลานั่งรถใช่มั้ย เอากระดานมากั้นซะเลย คราวนี้นั่งกันเงียบกริ๊บสบายใจเราแน่นอน ถ้าลูกอยากระบายสีผนังบ้าน ให้ไปทารั้วบ้านด้วยน้ำเปล่า รับรองขลุกตรงนั้นได้เป็นชั่วโมงเลยล่ะ ใช้ผ้าปูที่นอนแทนเสื่อเวลาไปเที่ยวทะเล นอกจากป้องกันทรายแล้ว ยังกันไม่ให้ลูกคลานไปไหนไกลได้ด้วย ติดสติ๊กเกอร์ที่รองเท้า เพื่อสอนลูกว่าข้างไหนซ้าย ข้างไหนขวา สอนให้ลูกรู้จักแบ่งเวลา โดยใช้สีกำกับ ปากกาหนึ่งแท่งกับกล่องเปล่าๆ หนึ่งใบ ก็ฟินได้แล้ว สอนให้ลูกรู้จักทำงานบ้าน ด้วยเกมง่ายๆ ทำเปลง่ายๆ โดยใช้ผ้าปูที่นอนเก่าๆ ฝาถ้วยกาแฟสามารถใช้ป้องกันไอศกรีมเลอะเทอะได้ ทำกระดานวาดรูปง่ายๆ ด้วยกระดาษม้วนใหญ่ เอาจอยที่ไม่ได้เสียบกับเครื่องให้ลูกถือเวลาลูกอยากเล่นเกมด้วย ชีวิตคุณจะสงบสุขขึ้นเยอะ …
-
สมาคมลับ ‘Skull and Bones’ สมาชิกเป็นคนสำคัญแทบทุกวงการ และอาจกำลังชักใยโลกใบนี้อยู่!!
ในบรรดาเหล่าองค์กรลึกลับทั้งหมดที่มีอำนาจในการผลักดันเหตุการณ์และสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นบนโลกนั้น กลุ่ม Skull and Bones ก็คือหนึ่งในกลุ่มที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ว่าได้… ในปี 1832 กลุ่มนักศึกษาแห่งมหาวิทยาลัย Yale หนึ่งในสถาบันที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในสถาบันที่ได้รับการยอมรับว่าผลิตนักศึกษาหัวกะทิได้มากที่สุดของประเทศด้วย กลุ่ม Skull and Bones ที่ตอนนั้นรู้จักกันในนาม ‘เหล่าพี่น้องแห่งความตาย’ ได้ก่อตัวขึ้นภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งหนึ่งในผู้ก่อตั้งก็คือพ่อของ William Howard Taft ผู้ที่จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของประเทศในอนาคต มหาวิทยาลัย Yale แห่งรัฐคอนเนตทิคัต หนึ่งในสถาบันที่รวบรวมหัวกะทิไว้มากที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา ในทุกๆ ปี กลุ่ม Skull and Bones จะคัดเลือกเด็กนักเรียนปี 1 ที่มีความสามารถโดดเด่น 15 คนเท่านั้น เพื่อเข้ามาเป็นสมาชิกของกลุ่ม โดยสถานะสมาชิกของกลุ่มนั้นจะติดตัวไปตลอดชีวิต ว่ากันว่าการเข้ากลุ่มนี้นั้นจะต้องเสียสละหลายอย่าง อาจต้องเซ็นมอบบ้านหรือที่ดินให้กับองค์กร จะถูกบันทึกประวัติไว้ในทุกๆ ด้าน แม้จะเป็นเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องเซ็กส์ และพิธีกรรมหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ การแก้ผ้าเปลือยเปล่าแล้วนอนในโลงศพ รวมไปถึงการสารภาพเรื่องราวที่ดาร์กที่สุดของตัวเองอย่างจริงใจ ส่วนหนึ่งก็เป็นการเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้เพื่อรักษาความภักดีของเหล่าสมาชิก ถึงเงื่อนไขจะเยอะ แต่สิ่งที่จะได้รับกลับมานั้นยิ่งใหญ่มาก นั่นก็คือการการันตีว่าชีวิตของคุณนั้นจะไปรุ่งแน่นอน กลายเป็นคนโด่งดัง มีชื่อเสียง ร่ำรวย…
-
แผนการรบสุดประหลาด ของสหรัฐฯ แกล้งเป็น ‘ผีดูดเลือด’ เข้ายึดพื้นที่ข้าศึก แถมได้ผลด้วย!!
ตลอดเวลาของมนุษยชาตินั้นได้มีสงครามเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเริ่มต้นด้วยเรื่องไหนๆ เราก็คงเคยได้ประจักษ์เรื่องราวเกี่ยวกับวีรบุรุษหลายๆ คน รวมถึงแผนยุทธศาสตร์ทางสงครามต่างๆ สุดหยั่งคิดของวีรบุรุษเหล่านั้น ที่สำคัญที่สุด บางครั้งแผนบ้าๆ บอๆ ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ ดันประสบผลสำเร็จซะงั้น เหมือนดั่งเรื่องนี้!? ในปี 1950 นาวาอากาศตรี Edward G. Lansdale ถูกส่งไปยังประเทศฟิลิปปินส์เพื่อทำสงครามขับไล่กลุ่มคอมมิวนิสต์ที่ชื่อว่า Huks ซึ่งขณะนั้นกำลังยึดครองพื้นที่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งอยู่ อย่างที่ตำราพิชัยสงครามได้ระบุไว้คือการใช้ ‘สงครามประสาท’ เพื่อลดทอนขวัญกำลังใจของศัตรูและทำให้พวกเขาละทิ้งฐานที่มั่น และทาง Lansdale เองก็เข้าใจในจุดนั้นเป็นอย่างดี เขาเลยลองศึกษาเรื่องตำนานและความเชื่อของชาวพื้นเมืองในละแวกนั้นดู ‘Aswang’ คือตำนานที่นาวาอากาศของเราเลือกใช้!! ‘Aswang’ คือตำนานพื้นบ้านของประเทศฟิลิปปินส์ มันคืออสูรที่สามารถแปลงกายได้ มีลักษณะคล้ายๆ กับแวมไพร์ในตะวันตก หรืออาจเป็นพ่อมดหมอผีที่สามารถแปลงกายเป็นปีศาจกระหายเลือดได้ แต่ลักษณะเด่นที่ตรงกันก็คืออสูรชนิดนี้จะดูดเลือดจากเหยื่อจนหมดตัว และถือว่าเป็นปีศาจที่ชาวฟิลิปปินส์หวั่นเกรงกันที่สุด Aswang ในตอนกลางวันนั้น จะใช้ชีวิตปกติราวกับเป็นชาวบ้านทั่วๆ ไป หลบลี้ที่จะรู้จักผู้คน แต่พอตกกลางคืนเมื่อไหร่ ก็จะแปลงร่างออกไปหาเหยื่อ ซึ่งก็คือมนุษย์นี่ล่ะ!! นาวาอากาศตรี Edward G. Lansdale เจ้าของแผนการแกล้งเป็นผีดูดเลือด ก่อนหน้านี้เขาก็เคยทำสำเร็จมาก่อนในแผนการปล่อยข่าวออกไปหลอกนักรบคอมมิวนิสต์บางส่วนว่า ถ้าพวกเขาเข้าร่วมกับกลุ่มคอมมิวนิสต์ก็จะถูกสาปจากพระเจ้า ทำให้นักรบคอมมิวนิสต์ในพื้นที่หลายๆ…
-
ผลสำรวจสาวๆ ญี่ปุ่น 1,000 คน ระหว่าง “ไม่หล่อแต่รวย” กับ “หล่อแต่ไม่มีงานทำ” จะเลือกใคร!?
บ่อยครั้งที่เราจะเห็นการถกเถียง การตั้งคำถามกันในโลกออนไลน์ เกี่ยวกับประเด็นในการเลือกคบคน เช่น “หากมีคนหล่อแต่จนกับคนไม่หล่อแต่รวยมาจีบ คุณจะเลือกใคร?” เพื่อดูว่าผู้หญิงจะเลือกคบคนแบบไหนมาเป็นแฟน เพื่อให้การตั้งคำถามนั้นเกิดผลลัพธ์ที่วัดผลได้จริง นิตยสาร AneCan ในญี่ปุ่นจึงได้ทำการสำรวจสาวๆ ประมาณ 1,000 คน เพื่อสอบถามพวกเธอว่าอยากจะได้ผู้ชายแบบไหนมาเป็นแฟน ระหว่าง “ผู้ชายหน้าตาไม่หล่อแต่มีเงินถัง” (มีรายได้ต่อปี 90 ล้านบาท) กับ “ผู้ชายหล่อแต่ไม่มีงานทำ” หลังจากที่ได้ออกไปสำรวจสาวๆ ทั้งหมด ผลที่ได้ก็คือ 75.5% ของผู้หญิงที่ตอบแบบสอบถาม เลือกผู้ชายที่รวยและประสบความสำเร็จในด้านการเงิน ในอีกด้านหนึ่งราวๆ 24.5% ของผู้หญิงที่ตอบแบบสอบถาม บอกว่าพวกเธอยินดีจะจ่ายค่าอาหารแทนหนุ่มๆ ตราบใดที่พวกเธอยังได้นั่งมองหน้าหล่อๆ ของพวกเขา (สายเปย์นั่นเอง) หลังจากที่ผลสำรวจนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ก็ทำให้ชาวเน็ตหลายคนพากันแสดงความคิดเห็นกันไปอย่างหลากหลาย เช่น “เราควรจะดูกันที่ภายใน” “ดูกันที่ภายใน = ก็เงินไง!” “เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าทุกคนเลือกคนรวย” “ในท้ายที่สุดแล้ว เงินคือทุกสิ่ง” “ฉะนั้นไม่ใช่ตัวผู้ชายหรอกที่เนื้อหอม แต่เงินของเขาต่างหากที่เนื้อหอม” “ผมเป็นผู้ชายนะ แต่ผมก็คงตอบแบบเดียวกันถ้าผมเป็นผู้หญิง” จากผลสำรวจเห็นได้ชัดว่าสาวๆ เลือกคนที่คิดว่าจะสามารถดูแลพวกเธอได้ แต่นั่นก็อาจแปรผกผันไปตามช่วงอายุของสาวๆ…
-
ชาวเน็ตระดมทุนช่วย คุณตาขายฟืน หลังใช้เงินที่มีรักษาภรรยา แต่ไม่อาจยื้อเธอไว้ได้…
เพราะเรื่องราวเกี่ยวกับการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย นั้นเป็นเรื่องธรรมดาของสิ่งมีชีวิต แต่สิ่งสำคัญก็คือ คุณดูแลคนที่คุณรักดีแล้วหรือยัง? Kenneth Smith คุณตาวัย 80 ปีที่อาศัยอยู่ใน Gulfport รัฐมิสซิสซิปปี ประเทศสหรัฐอเมริกา กับภรรยาของเขา Helen ได้ใช้เงินทั้งหมดที่พวกเขาสะสมไว้ไปกับการรักษามะเร็งของภรรยา ทำให้ทั้งคู่ต้องเปิดขายไม้ฟืนข้างถนนสำหรับผู้ที่สัญจรไปมา เพื่อนำเงินมาจุนเจือค่ารักษา จนกระทั่งล่าสุดภรรยาของเขาก็เสียชีวิตด้วยมะเร็งร้าย แม้พวกเขาจะพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม Kenneth Smith และภรรยาของเขา Helen ในสหรัฐอเมริกาถึงจะมีเงินสำหรับผู้เกษียณอายุอยู่ แต่ก็เพียงพอสำหรับใช้ชีวิตได้แบบเบาๆ เท่านั้น และการที่ภรรยาเสียชีวิตหมายถึงเงินผู้สูงอายุที่จะได้รับน้อยลงครึ่งหนึ่ง นั่นทำให้คุณตาของเรายังคงต้องขายไม้ฟืนข้างทางอยู่ต่อไป แต่สิ่งที่เริ่มแปลกจนคนสังเกตเห็นได้ก็คือคุณตามายืนขายคนเดียว (เพราะเมื่อก่อนคุณยายมานั่งขายด้วย) ทำให้คนเริ่มสงสารและเห็นอกเห็นใจคุณตามากขึ้น ลูกชายของคุณตา Leslie Smith ก็ไม่ได้มีฐานะที่ดีเท่าไหร่ เขาเลยจัดการเปิดระดมทุนในเว็บไซต์ GoFundMe เพื่อหาเงินช่วยเหลือให้กับพ่อโดยตั้งเป้าไว้ที่ 60,000 เหรียญ เพื่อเป็นเงินให้เขาได้ใช้ในช่วงบั้นปลายของชีวิต และภายในไม่กี่วัน ยอดเงินก็พุ่งสูงขึ้นเกือบ 50,000 เหรียญเข้าไปแล้ว!! Leslie Smith กล่าวว่า ‘การระดมทุนนี้สำหรับคุณพ่อของผม เขาอายุ 80…
-
สาวๆ ยิ้มเลย งานวิจัยต่างประเทศชี้ “สาวก้นใหญ่” มักจะมีสุขภาพที่ดีกว่า “สาวก้นเล็ก”
สาวๆ หลายคนเกิดมาพร้อมกับสัดส่วนช่วงล่างที่ออกจะใหญ่กว่าผู้หญิงทั่วไปสักหน่อย (เอ่อ #เหมียวฟิ้นหมายถึงก้นอะนะ) ทำให้ตกเป็นเป้าสายตา หรือหากางเกงใส่ได้พอดีตัวยากกว่าคนอื่นๆ แต่หลังจากนี้คุณจะภูมิใจได้แล้วนะ เพราะมีงานวิจัยออกมาว่าสาวก้นใหญ่มักมีสุขภาพที่ดีกว่าสาวก้นเล็กล่ะ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2016 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Indy100 ได้นำเสนอผลงานของ Konstantinos Manolopoulos นักวิจัยและวิทยาศาสตร์จากศูนย์บำบัดรักษาโรคอ๊อกซ์ฟอร์ด ของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดและโรงพยาบาลเชอร์ชิล ที่ได้ทำการวิจัยค้นคว้า และพบว่าผู้หญิงที่มีก้นใหญ่มีความเป็นไปได้ว่าจะมีความฉลาดและมีภูมิค้มกันโรคเรื้อรังที่มากกว่าผู้หญิงก้นเล็ก เบื้องหลังการวิจัย การศึกษากลุ่มประชากรที่ถูกอ้างอิงในงานวิจัย พบว่าผู้หญิงที่ก้นใหญ่ มีระดับโคเลสเตอรอลที่ต่ำกว่าปกติ และสร้างฮอร์โมนที่เผาผลาญน้ำตาลได้มากกว่า มากกว่านั้น เนื้อเยื่อในไขมันที่ก้นและต้นขายังดักจับไขมันที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ด้วย ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด การที่เรามีก้นใหญ่นั้น มีส่วนช่วยฮอร์โมนในการควบคุมควบน้ำหนักและป้องกันอาการอักเสบของหลอดเลือด และป้องกันโรคเบาหวานได้ คุณสมบัติต่างๆ ของก้น จะส่งผลต่อกรดไขมันในระยะยาว ก้นใหญ่มีส่วนช่วยทำให้สติปัญญาดีขึ้น!? สำหรับสติปัญญาที่เพิ่มมากขึ้นนั้น อันเนื่องมากจากไขมันโอเมก้า 3 ที่สะสมภายในบั้นท้ายนั่นเอง ซึ่งมีความจำเป็นต่อร่างกายตั้งแต่แรก ไขมันโอเมก้า 3 ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีส่วนช่วยในการกระตุ้นพัฒนาการของสมอง งานวิจัยยังแสดงให้เห็นอีกว่าเด็กที่เติบโตมาพร้อมกับสะโพกที่ใหญ่นั้นจะมีความเฉลียวฉลาดมากกว่า และถ้าว่ากันแบบง่ายๆ มันก็ยังช่วยให้สาวๆ คลอดลูกได้ง่ายกว่าด้วย วารสารเกี่ยวกับโรคอ้วนที่ถูกเผยแพร่ในปี 2010 มีข้อสรุปว่า…
-
15 เซเลปใจบุญ ผู้อุทิศตนทำงานการกุศล และบริจาคเงินเพื่อสังคม ในปี 2016 ที่ผ่านมานี้!!
หลายๆ ครั้ง เหล่าดาราผู้ที่ถือว่าเป็น ‘คนของประชาชน’ นั้น พวกเขาก็ไม่ได้ลืมเลือนว่าที่มีวันนี้ได้เพราะแฟนๆ และสังคมที่ช่วยกันผลักดันและติดตามผลงานของพวกเขาจนโด่งดังและร่ำรวยได้อย่างที่เป็นในทุกๆ วันนี้ แถมหลายๆ คนยังเป็นนักทำงานเพื่อสังคม บริจาค และบางครั้งก็ก่อตั้งองค์กรเพื่อการกุศลต่างๆ เพื่อเป็นการช่วยเหลือสังคมและผู้คนมากมายอีกด้วย และวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีเรื่องราวส่วนหนึ่งของพวกเขามาฝากกัน กับ 15 เซเลปใจบุญผู้ทำงานช่วยเหลือสังคมในปี 2016 ที่ผ่านมานี้!! Taylor Swift ในแวดวงของงานบุญเราก็คงจะคุ้นหูชื่อของ Taylor Swift กันเป็นประจำ และในปีนี้ รายได้ทั้งหมดจากเพลง “Welcome To New York” ของเธอนั้น ได้ถูกบริจาคไปให้กับเหล่าโรงเรียนสำหรับเด็กๆ ในเมืองนิวยอร์ก (นี่ยังไม่นับที่เธอบริจาคเงินอีกจำนวนมากให้กับ UNICEF และสภากาชาดอเมริกาด้วยนะ) Mel Gibson ปีนี้ดาราใหญ่ของเราบริจาคเงินเหนาะๆ กว่า 10 ล้านเหรียญให้กับโรงพยาบาลเด็กหลายแห่ง และเข้าร่วมงานการกุศลอีกหลายงานเช่นกันทั้ง Healing the Children และ Declare Yourself 50 Cent…
-
ผลวิจัยจากประเทศญี่ปุ่น รับประทาน ‘ไอศกรีม’ ในตอนเช้า ช่วยส่งผลให้สุขภาพจิตดีขึ้น!!
ใครๆ ก็อยากเริ่มเช้าวันใหม่ด้วยสุขภาพจิตที่ดีใช่มั้ยล่ะ? และถ้ามีวิธีการง่ายๆ อย่างเช่นการกินไอศกรีมล่ะ อร่อยแถมสุขภาพจิตดีด้วยแบบนี้ ไม่ทำไม่ได้แล้ว!! ล่าสุด Yoshihiko Koga ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Kyorin ในกรุงโตเกียวได้ค้นพบว่า การรับประทานอาหารบางชนิดนั้นสามารถช่วยลดความเครียด แถมลดอาการแก่ก่อนวัยในมนุษย์ได้ซะด้วยสิ และอาหารที่ว่านั้นไม่ใช่วิตามิน หรืออหารที่หาได้ยากแต่อย่างใด แต่คือ ‘ไอศกรีม’ ของหวานที่เราชอบทานกันเป็นประจำนี่แหละ!! ไอศกรีม!? การวิจัยของเขานั้นได้ให้เหล่าอาสาสมัครกลุ่มหนึ่ง ทานไอศกรีมในทุกๆ เช้าหลังจากที่พวกเขาตื่นนอน แน่นอนว่า ณ จุดๆ นี้เหล่าอาสาสมัครก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันแม้แต่น้อย และจากการสแกนผลคลื่นสมองก็พบว่า หลังจากรับประทานไอศกรีมกันในยามเช้านั้น คลื่น Alpha ในสมองของเหล่าอาสาสมัครนั้นเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งคลื่นสมองตัวนี้จะไปช่วยในด้านความตื่นตัวและลดความเครียดและฉุนเฉียวของพวกเขา!! คลื่น Alpha ในสมองที่เพิ่มมากขึ้น!! หลายๆ คนอาจจะคิดว่าผลการทดลองนี้สามารถใช้ได้กับเฉพาะเด็กๆ เท่านั้น แต่ศาสตราจารย์ Koga ก็ได้ระบุไว้ชัดเจนเลยล่ะว่าผลนี้ก็เกิดขึ้นในวัยผู้ใหญ่เช่นกันโดยเฉพาะในวัยทำงานที่ต้องการความตื่นตัวและการผ่อนคลายของสมองอย่างยิ่ง หลังจากนั้นเหล่าอาสาสมัครก็จะได้มาเล่นเกมออกกำลังสมองในคอมพิวเตอร์ และจากการประมวลผลก็พบว่าพวกเขาสามารถทำได้ดีขึ้นทั้งด้านการตอบสนอง และการประมวลผลที่รวดเร็วกว่าเดิม ทานไอศกรีมในยามเช้า หลายๆ คนอาจจะคิดว่าหลักการง่ายๆ ของมันก็คือการกินอะไรเย็นๆ ในตอนเช้าเพื่อไปช็อคสมองให้ตื่นตัวก็พอ…
-
เปิดตำราคนรักแมว มาดูกันว่า “ของเล่น” ชิ้นไหนบ้างที่แมว ชอบ-ไม่ชอบ จะได้เลือกถูก!!
สำหรับคนรักแมวและกำลังเลี้ยงแมวคงรู้ดีว่ามันเป็นสัตว์ที่คาดเดาอะไรไม่ได้เลย โดยเฉพาะของเล่นที่เราตั้งใจซื้อมา บางครั้งก็งงว่าบางอย่างมันก็เล่น บางอย่างก็ไม่เล่นซะงั้น แต่วันนี้เรามีข้อมูลแบบวิทยาศาสตร์มาให้ทุกท่านได้รับรู้กันว่าสิ่งไหนที่แมวชอบหรือไม่ชอบ ครั้งหน้าเวลาซื้อมาจะได้ไม่เสียดายตังค์ Kathleen Armour ผู้เชี่ยวชาญจาก MSPCA Boston Adoption Center ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้มา ซึ่งสามารถบอกได้ว่ามีสิ่งไหนบ้างที่แมวจะเล่น สิ่งแรกที่เธอกล่าวคือแมวของเรามันก็มีอารมณ์เบื่อเหมือนกับเรานั่นแหละ โดยเริ่มจากการที่เราชอบขังแมวไว้ในบ้านเพื่อความปลอดภัยและจะได้อยู่กับเรานานๆ เพราะเราอาจจะกลัวว่ามันจะไปเจอสัตว์อื่นๆ ที่อยู่ข้างนอกและเกิดอันตรายได้ แต่การขังแมวอยู่ในบ้านนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ปลอดภัยเสียทีเดียว เพราะว่ามันจะกลายเป็นแมวอ้วนที่แสนจะขีเกียจ ซึ่งไม่ใช่ธรรมชาติของมันเลย และนี่ก็คือคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ (และบางส่วนมาจากประสบการณ์ตรงด้วย) เกี่ยวกับของเล่นที่แมวอยากจะเล่นด้วย จะมีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย ของเล่นที่มีขนหรือขนนก เธอเล่าว่าจากประสบการณ์ที่เคยเลี้ยงแมวมา ไม่เคยมีของเล่นชิ้นไหนที่ดีไปกว่า “ขนนก” อีกแล้ว ซึ่งส่วนมากก็จะมาในรูปแบบไม้ที่ห้อยมันเอาไว้ แล้วเวลาเราเล่นก็เหมือนกับการตกปลานั่นเอง หยิบมาเล่นกี่ครั้งก็มาเล่นทุกครั้ง แล้วอย่าลืมแกว่งให้มันเหมือนนกที่กำลังบินด้วยล่ะ ของโปรดมันเลย “ตาและสมองของแมวออกแบบมาให้มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็วต่ออะไรที่มันเคลื่อนไหว ฉันถึงต้องเก็บเจ้าไม้ขนนกนี้ไว้ในตู้เลย เพราะว่าแมวของฉันเสพติดมันมากเกินไปแล้ว” เลเซอร์ ที่ยิงเลเซอร์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มันชอบเอามากๆ ทำให้มันได้วิ่ง ได้เคลื่อนไหวตามอย่างรวดเร็ว แต่มันก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกันตรงที่เลเซอร์มันจับต้องไม่ได้ ดังนั้นมันอาจจะไม่ได้แตะหรือเอาชนะเลยสักครั้ง ถึงแม้ว่ามันจะเอามือไปตะปบจุดได้แล้วก็ตาม และอาจจะทำให้แมวเรียนรู้ได้ว่าเล่นไปแล้วก็ไม่ได้อะไร ทางที่ดีคือเปลี่ยนไปเล่นเบ็ดตกแมวอันข้างบนดีกว่า…
-
5 เหตุผลที่ทำให้นักเรียน ในประเทศเดนมาร์ก เป็นนักเรียนที่มี ‘ความสุข’ มากที่สุดในโลก
เมื่อย้อนกลับไปในวัยเด็ก เพื่อนๆ คงจะเคยผ่านชีวิตวัยเรียนกันมาก่อน แน่นอนว่ามันเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำไม่น้อยเลยทีเดียว ต้องตื่นเช้ามาถึงโรงเรียนเคารพธงชาติ เข้าเรียนวันละ 8-9 ชั่วโมง อ่าหนังสือก่อนสอบอย่างขมักเขม้นเพื่อให้ได้เกรดดีๆ แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าในโลกของเรานั้นไม่ได้มีระบบการศึกษาเพียงแบบเดียวเท่านั้นนะ และในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปดูระบบการศึกษาของประเทศเดนมาร์ก ที่ถูกจัดเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก และนี่ก็คือ 5 เหตุผลว่าทำไมเหล่าเด็กนักเรียนในประเทศเดนมาร์ก ถึงเป็นนักเรียนที่มีความสุขมากที่สุดในโลก จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นลองไปชมกัน… 1. การมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีที่สุด ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ส่วนใหญ่แล้วการดูแลเด็กนักเรียนในระบบการศึกษาของประเทศเดนมาร์กนั้นไม่ได้ให้ความสำคัญกับการฝึกเหล่าเด็กๆ เพื่อให้สอบผ่านแต่อย่างใด แต่ผลักดันให้พวกเขาเกิดความอยากรู้อยากเห็น และฝึกไหวพริบ เพื่อให้พวกเขาสามารถพัฒนาความรู้ด้วยตนเอง โรงเรียนจะทำการส่งเสริมกระบวนการสร้างความเข้าใจให้กับเหล่านักเรียนว่าพวกเขานั้นจะถูกประเมินค่าจากคุณสมบัติส่วนตัว และความสามารถของแต่ละคน นั่นหมายความว่าทุกๆ คนจะไม่คำนึงถึงเกรดของตัวเอง ทำให้พวกเขาสามารถอยู่ในสังคมได้โดยไม่ต้องแคร์ว่าใครจะทำอาชีพอะไร โดยหลักสูตรนี้จะขึ้นอยู่กับความคิดที่ว่านักเรียนส่วนใหญ่จะสามารถที่จะเอาใจใส่กับการเรียนหรือไม่? และผลก็คือไม่มีเด็กนักเรียนคนไหนในประเทศเดนมาร์กที่ไม่ผ่านการประเมินเลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งระบบนี้ไม่ได้มุ่งเน้นช่วยเหลือให้นักเรียนประสบความสูงสุดในชีวิต แต่เป็นการช่วยเหลือทุกๆ คน 2. การรู้จักตัวเองสำคัญพอๆ กับความสามารถในการเขียนได้และอ่านได้ ระบบการศึกษาของโรงเรียนในประเทศเดนมาร์กนั้นมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนในเรื่องของการพัฒนาบุคลิกภาพของแต่ละคน และพวกเขาก็ไม่ได้ทำให้นโยบายนี้เป็นเพียงแค่ประโยคที่กล่าวมาลอยๆ เท่านั้น เขาระบุออกมาเป็นกฎเลยว่าระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้นไม่ควรที่จะให้แค่ความรู้เบื้องต้นกับความสามารถเท่านั้น แต่ควรที่จะช่วยในเรื่องของการพัฒนาบุคลิกภาพอีกด้วย แม้กระทั่งในช่วงเตรียมพร้อมก่อนที่จะเข้าสู่ระบบการศึกษาด้วยก็เช่นกัน (โรงเรียนอนุบาล…
-
พ่อบ้านฟังไว้!! ผลวิจัยต่างประเทศชี้ คู่รักหย่าร้างกันมากขึ้น เพราะฝ่ายชายไม่ทำงานบ้าน
ในอดีตที่ผ่านมา คนไทยเรามักจะติดกับภาพลักษณ์ของคู่สามีภรรยาว่าฝ่ายชายจะต้องทำงานหาเงินเข้าบ้าน ส่วนฝ่ายหญิงจะเป็นคนเลี้ยงลูกดูแลบ้าน แต่ปัจจุบันภาพลักษณ์แบบนั้นได้เปลี่ยนไปมากแล้ว ไม่ว่าจะฝ่ายชายหรือหญิงก็สามารถสลับหน้าที่กันทำได้หากเห็นว่าเหมาะสม แต่ก็ยังมีผู้ชายบางคนที่มองว่างานบ้านเป็นเรื่องของผู้หญิงมากกว่า ซึ่ง #เหมียวฟิ้น จะบอกเลยว่านั่นเป็นความคิดที่อาจทำให้คู่ของคุณถึงขั้นต้องเลิกกันเลยก็เป็นได้นะ เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ Gleeden.com ผู้ให้บริการหาคู่ชื่อดังในต่างประเทศ ได้ทำการสำรวจกับผู้หญิงกว่า 10,000 คนที่เข้ามาใช้บริการจากทั่วโลก โดยพบว่ากว่า 72% ของผู้หญิงทั้งหมด ให้ความเห็นว่าที่พวกเธอนอกใจอีกฝ่ายเป็นเพราะ พวกเขาไม่ยอมช่วยเหลือในการทำงานบ้าน นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงอีก 18% ที่ตอบแบบสอบถาม บอกว่าพวกเธอสูญเสียการมีอะไรกับคู่รักไปเป็นระยะเวลานาน เพราะผู้ชายไม่แม้แต่จะยื่นมือเข้ามาช่วยทำงานบ้าน ทำให้พวกเธอเบื่อหน่ายกับเรื่องเหล่านี้มาก หนึ่งในหญิงสาวได้ยอมรับผ่านเว็บไซต์ Reddit ว่า “สามีของฉันไม่แตะต้องตัวฉันมานานกว่า 5 ปีแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดด้วย ซึ่งฉันรับมันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว” อีกความเห็นหนึ่งบอกว่า “ฉันไม่มีความสุขกับคู่รักเลย เขาไม่ได้ให้ความสนใจฉันทั้งทางจิตใจ ทางอารมณ์ ทางร่างกายเท่าที่ฉันต้องการ ฉันรักเขานะ แต่ฉันรู้สึกว่าเขาแค่พยายามดึงให้ฉันอยู่ข้างกายเขาเฉยๆ” นอกจากเหตุผลเหล่านี้ ยังมีเหตุผลอื่นๆ อีกที่พวกเขาต้องบอกลาคู่รักของตัวเอง เช่นความสัมพันธ์บนเตียง ที่ฝ่ายชายไม่สามารถพาพวกเธอไปถึงฝั่งฝันได้ จากการศึกษาในปี 2015 ของศาสตราจารย์นิเวศวิทยาในภาควิชานิเวศวิทยา Matt…
-
สงสัยหรือไม่ “เครื่องดื่มชูกำลัง” ทำอะไรกับร่างกายเราบ้าง ทุกครั้งที่ดื่มเข้าไป!?
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเครื่องดื่มชูกำลังทั้งหลาย ถือว่าเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งในเราผ่านพ้นค่ำคืนอันโหดร้ายจากโปรเจ็ค การบ้าน หรืองานค้างต่างๆ ไปได้ มันเครื่องดื่มเหล่านี้จะทำให้เรารู้สึกไม่ง่วงและมีแรงทำงานต่อไป แต่เพื่อนๆ เคยสงสัยหรือไม่ว่า แต่ละครั้งที่เราดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเหล่านี้เข้าไป มันเข้าไปทำอะไรกับร่างกายของเราบ้าง? ปกติแล้วในเครื่องดื่มชูกำลังจะประกอบไปด้วยสามส่วนประกอบหลักๆ นั่นก็คือ คาเฟอีน น้ำตาล แล้วก็น้ำเปล่า ส่วนรสชาติก็แล้วแต่ผู้ผลิตจะแต่งกลิ่นแต่งสีออกมา อย่างเครื่องดื่มยี่ห้อ **** จะมีน้ำตาล 27.5 กรัม คาเฟอีน 80 มิลลิกรัม ส่วนเหลือเป็นน้ำล้วนๆ (นี่เรากินอะไรกันเนี่ย) พอดื่มเข้าไปแล้ว นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 12 วันหลังจากที่เราดื่ม – หลังจากดื่มเข้าไป 10 นาที คาเฟอีนจะซึมเข้าสู่กระแสเลือด จากนั้นหัวใจของคุณจะเริ่มเต้นแรงขึ้น – ถ้าดื่มอย่างรวดเร็ว ภายใน 15 นาทีคุณจะเริ่มรู้สึกตื่นตัวละ แต่ถ้าดื่มช้าๆ มันคุณจะรู้สึกตื่นตัวในอีก 45 นาทีให้หลัง – พอคาเฟอีนเข้ากระแสเลือดเรียบร้อย เลือดของคุณก็จะสูบฉีดแรงขึ้น ตับจะปล่อยน้ำตาลเข้าสู่เลือดมากกว่าปกติ ตัวรับสาร adenosine ในสมองคุณจะถูกบล็อกไว้ ซึ่งจะทำให้คุณไม่รู้สึกง่วง…
-
คุณแม่ตัวอวบ แก้แค้นแฟนเก่าที่ด่าว่า “ก้อนไขมันน่าเกลียด” ลดน้ำหนัก 60 กิโลจนสวยเช้ง!!
นับตั้งแต่ Alvina Rayne มีลูกสองคน เธอก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความอยากของปาก ทุกๆ วันเธอกินอาหารวันละกว่า 5,000 แคลลอรี่ (ซีเรียลสองถ้วยใหญ่ อาหารฟาสฟู๊ดอีกสองมื้อ แล้วก็กินขนมขบเคี้ยวอื่นๆ ทั้งวัน) จนน้ำหนักเธอพุ่งทะยานไปถึง 122 กิโลกรัม เธอเล่าว่า ตอนที่เธออ้วนขนาดนั้น แฟนเก่าของเธอมักต่อว่าและดูถูกเธอต่างๆ นานา เขาเคยบอกว่า เธอเป็นแค่ “ก้อนไขมันน่าเกลียด” และถ้าเธอเลิกกับเขา ก็จะไม่มีใครต้องการเธออีกต่อไป และเธอจะไม่มีวันลดน้ำหนักได้ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ตาม ตลอดเวลาที่เธอคบกับแฟนคนเก่า เธอกลายเป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเอง และไม่อยากเข้าสังคมกับใครที่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นเธอต้องซื้อเสื้อผ้าผู้ชายมาใส่ เพราะเธอไม่สามารถใส่เสื้อผ้าของผู้หญิงได้อีกต่อไป วันหนึ่งเธอรู้สึกว่าเธอไม่สามารถทนคำพูดอันบั่นทอนกำลังใจจากแฟนเก่าได้อีกต่อไปแล้ว เธอตัดสินใจบอกเลิกกับเขาและเปลี่ยนแปลงตนเอง เธอค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเมนูอาหารของตนเอง ด้วยการทานอาหารคาโบไฮเดรตต่ำ เพิ่มโปรตีน และกินไขมันที่มีประโยชน์ เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอรู้สึกเหนื่อยและท้อแท้ เธอจะนึกถึงคำพูดของแฟนเก่าที่บอกว่า “ไม่มีใครต้องการเธอหรอก” ในที่สุดเธอสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 60 กิโลกรัมจนกลับมาสวยเช้ง และเธอก็ได้พบรักกับหนุ่มคนใหม่ ที่รักเธอและปฏิบัติกับเธอด้วยความเคารพ “ตอนฉันลดน้ำหนักลงใหม่ๆ แฟนเก่าของฉันโทรมาหาเพื่อขอคืนดี…
-
พนักงานรุ่นแรกของ Google ทั้ง 21 คน กับชีวิตในปัจจุบัน แต่ละคนไปไกลขนาดไหนนะ!?
ถ้าจะบอกว่าไม่รู้จักบริษัท ‘Google’ ก็คงไม่ได้ เพราะอย่างน้อยในยุคนี้ ไม่ว่าจะหาข้อมูลทำรายงาน หาสูตรอาหาร หรือจะหาอะไรก็แล้วแต่ ก็ตั้งพึ่งพาอากู๋กันทั้งนั้น แต่กว่าที่บริษัทจะเติบโตขนาดนี้ได้ ก็ต้องเริ่มจากนับหนึ่งมาก่อน และข้อมูลจากเว็บไซต์ BusinessInsider นี้แหละ ที่จะพาเราไปดูกันว่า ปัจจุบันชีวิตของลูกจ้างทั้ง 21 คน ที่เคยร่วมก่อตั้งกันมา พวกเขาไปอยู่ที่ไหน และทำอะไร ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่รู้จัก แต่ขอบอกเลยว่าแต่ละคนนั้น อยู่ในระดับหัวกะทิสุดๆ 21. Marissa Mayer เริ่มงานกับบริษัทกูเกิ้ลด้วยตำแหน่ง ‘วิศวกรซอฟท์แวร์’ ปัจจุบันเธอได้กลายเป็น CEO ของเว็บไซต์ดังอย่าง Yahoo เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 20. Kendra DiGirolamo เริ่มงานกับกูเกิ้ลครั้งแรกในปี 1999 ในฐานะฝ่ายขายโฆษณา ก่อนจะลาออกจากบริษัท 3 ปีก่อนที่จะกูเกิ้ลจะลงสู่ตลาดหุ้น ปัจจุบันเธอทำงานให้กับ Driscoll’s บริษัทที่ขายผลไม้ชื่อดัง 19. Larry Schwimmer วิศวกรซอฟท์แวร์มือโปร ผู้ออกแบบระบบการจัดการพนักงานภายในบริษัท ช่วงที่กูเกิ้ลต้องเพิ่มอัตราพนักงานอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเจ้าตัวยังเป็นผู้ออกแบบ ‘Google…
-
คัดสรร 6 กระเป๋าเดินทางเมพๆ สำหรับขาเที่ยว ที่เห็นแล้วต้องอยากได้ซักอัน!!
สำหรับคนที่ชอบท่องเที่ยวแล้ว การมีกระเป๋าเดินทางดีๆ ถือว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้การท่องเที่ยวสนุกยิ่งขึ้นไปอีก ลองนึกภาพว่าเราต้องมากังวลว่ากระเป๋าเดินทางจะพังรึเปล่า หรือว่าข้าวของข้างในจะเสียหายหรือไม่ มันคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ สำหรับคนที่กำลังจะท่องไปในโลกกว้าง และถ้าใครยังหากระเป๋าเดินทางดีๆ ไม่ได้ล่ะก็ วันนี้เราไปชม 6 กระเป๋าเดินทางเมพๆ ที่ #เหมียวอ๊อดโด้ ได้ข้อมูลมาให้เพื่อนๆ ได้เลือกชมเลือกซื้อกันดีกว่า รับรองว่าถ้ามีไว้ซักอัน จะทำให้การเดินทางของเราสะดวกยิ่งขึ้นแน่นอน ไปชมกันเลย!! 1. Bluesmart One (ราคาประมาณ 15,000 บาท) เรียกว่าเป็นกระเป๋าเดินทางที่ล้ำสมัยของจริง เพราะว่าตัวกระเป๋านอกจากจะใช้วัสดุอย่างดีแล้ว ยังมีฟังก์ชั่นเมพๆ มากมาย ตั้งแต่ปลดล็อคด้วยโทรศัพท์มือถือ ระบบติดตาม GPS แบตเตอรี่สำรองในตัว และเครื่องชั่งน้ำหนัก ใครสนใจก็ลองหามาใช้งานกันได้แต่ราคาค่อนข้างจะสูงหน่อยนะ 2. Away Carry-On (ราคาประมาณ 7,900 บาท) ถือว่าเป็นกระเป๋าเดินทางที่สนใจอันอีกตัวหนึ่ง ตัวกระเป๋าสามารถจุเสื้อผ้าได้ประมาณ 3-4 วันเลยทีเดียว แถมยังมีแบตเตอรี่สำรองในตัวอีก คราวนี้ต่อให้หลงทางในต่างประเทศก็ไม่ต้องกลัวแบตเตอรี่หมดแล้ว 3. Tumi Alpha 2 Carry-On 4 Wheel Garment Bag (ราคาประมาณ…
-
จะเป็นอย่างไร!? และนี่คือ 12 สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น ถ้าอยู่ดีๆ ‘ดวงอาทิตย์’ หายไป
ทุกวันนี้สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ดำรงชีวิตอยู่ได้ก็เพราะว่ามีดวงอาทิตย์เป็นปัจจัยหลัก เพราะดวงอาทิตย์เป็นแหล่งให้พลังงานเพื่อให้พืชสังเคราะห์แสงไปเป็นอาหารของทั้งคนและสัตว์ อีกทั้งยังให้พลังงานความอบอุ่นกับโลกอีกด้วย แต่ถ้าหากไม่มีดวงอาทิตย์ขึ้นมา คิดดูสิว่าโลกเราจะเป็นอย่างไร เราคงไม่มีอาหาร ไม่อาจแยกกลางวันกับกลางคืนได้ รวมถึงสิ่งอื่นๆ ก็คงจะสูญพันธุ์ไปจนหมดสิ้น และทั้งหมดนี้ 12 สิ่งที่จะเกิดขึ้น หากโลกของเราไม่มีดวงอาทิตย์ 1.หากดวงอาทิตย์ได้หายไปภายในระยะเวลา 8 นาที ดาวเคราะห์ที่โคจรอยู่รอบๆ ก็จะหยุดลง เนื่องจากไม่มีแรงโน้มถ่วงจากดวงอาทิตย์ และจะเดินทางเป็นเส้นตรงจากจุดเดิมแทนการโคจรไปเรื่อยๆ 2.และ 1 นาทีต่อมา เราทั้งหมดก็จะอยู่ในความมืดมิดทันที 3. ในเวลานี้ เรายังคงสามารถมองเห็นดวงดาวที่มีแสงสว่างในตัวเองได้ แต่คุณจะไม่ได้เห็นแสงสว่างจากดวงจันทร์อีกต่อไป เนื่องจากไม่ได้รับแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์ 4. ในอีกไม่กี่วันต่อมา อุณหภูมิของโลกจะเริ่มลดลง และภายในสองเดือนหลังจากนั้น อุณหภูมิก็จะติดลบ 92 องศาเซลเซียส และอีก 4 เดือนผ่านไป อุณหภูมิก็จะลดลงอีกเป็น 162 องศาเซลเซียส 5. แบคทีเรียส่วนใหญ่จะตายภายในไม่กี่วัน มีเพียงจุลินทรีย์เท่านั้นที่จะอยู่รอดบนเปลือกโลกได้ 6. มนุษย์ทั้งหมดอาจจะตายได้ในทุกเดือน แต่จะสามารถอยู่รอดได้ถ้าหากอยู่ในที่ที่ปิดสนิทและมีพลังงานให้ความอบอุ่นพอ หรือไปหลบอยู่ในเรือดำน้ำที่อยู่ลึกลงไปในมหาสมุทร …
-
12 เรื่องราว ‘ต้นฉบับ’ สุดโหดของการ์ตูนดิสนีย์แต่ละเรื่อง บอกลาความมุ้งมิ้งไปได้เลย…
การ์ตูนและแอนิเมชั่นของดิสนีย์คงเป็นความสดใสและความฝันในวัยเด็กของวัยรุ่นในยุคเราทุกๆ คน ซึ่งงดงามและสดใสประทับใจเสมอ… แต่ความเป็นจริงแล้ว โลกของเรานั้นโหดร้ายและไม่ได้ตั้งอยู่บนทุ่งลาเวนเดอร์เสมอไป ในสมัยก่อนนั้นเรื่องราวของความรุนแรงเป็นเรื่องที่ปกติในสังคม แต่ปัจจุบันโลกของเราพัฒนาไป และดูเหมือนเราจะปฏิเสธความรุนแรงจากในอดีต เพราะฉะนั้น หลายๆ เรื่องราวของการ์ตูนดิสนีย์นั้น ก็ถูกดัดแปลงเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย และที่สำคัญเหมาะสำหรับเด็กๆ มากขึ้น เพราะแท้จริงแล้ว แต่ละเรื่องนั้นมีเบื้องหลังที่ค่อนข้างจะโหดร้าย และอาจพูดได้ว่าโชกเลือดเลยทีเดียวล่ะ ซึ่งวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มี 12 เรื่องราวออริจินัลสุดโหด ของการ์ตูนดิสนีย์แต่ละเรื่องที่เพื่อนๆ อาจคาดไม่ถึงเลยทีเดียวล่ะมาฝากกัน จะโหดถึงใจรึเปล่านั้น มาตัดสินกันได้เลย!! Cinderella ในเวอร์ชั่นดิสนีย์หลายๆ คงจะเห็นความมุ้งมิ้ง ของเจ้าชายที่มาช่วยซินเดอเรลล่าจากแม่เลี้ยงใจร้ายและลูกสาวทั้งสอง ก่อนที่จะมีโอกาสไปงานเต้นรำและทิ้งรองเท้าแก้วไว้ให้เจ้าชายตามหา โดยการให้สาวๆ ในอาณาจักรมาลองสวมทีละคน และก็พบว่ามีเพียงซินเดอเรลล่าเท่านั้นที่ใส่ได้ และทั้งคู่ก็มีความสุขด้วยกันตลอดไป… ออริจินัลสุดโหด ในเวอร์ชั่นออริจินัลของ Charles Perrault นั้น พอเจ้าชายมาถึงที่บ้านของซินเดอเรลล่า แม่เลี้ยงใจร้ายสั่งให้ลูกสาวทั้งสองคนของเธอถึงขั้นตัดบางส่วนของเท้าออก เพื่อให้ใส่ในรองเท้าแก้วให้ได้ แต่เจ้าชายก็จับได้ทั้งสองคน ส่วนในงานแต่งของซินเดอเรลล่า พี่สาวใจร้ายทั้งสองคนยังถูกนกพิราบมาจิกตาจดบอดสองข้างซะอีก Sleeping Beauty เจ้าหญิงนิทราในเวอร์ชั่นดิสนีย์นั้น ถูกตำด้วยเข็มของเครื่องปั่นด้ายจนสลบไปด้วยคำสาปของแม่มด หลังจากนั้นเจ้าชายก็ได้บุกเข้าไปช่วยเธอและมอบจุมพิตรักแท้ให้เพื่อถอนคำสาป…
-
John Young หนุ่มหัวใจแกร่ง ‘คนแคระ’ คนแรกที่พิชิตการแข่งไตรกีฬา Ironman !!
สำหรับคนที่เกิดมามีร่างกายพิการโดยเฉพาะการเป็นคนแคระนั้น ต้องยอมรับเลยว่าพวกเขามีสมรรถภาพทางร่ายกายที่ไม่เท่าคนทั่วไปอย่างแน่นอน ด้วยขนาดอวัยวะที่ถูกย่อส่วนลงมา แน่นอนว่าพวกเขาต้องใช้ความพยายามมากกว่าเป็นสองเท่า หากเทียบกับคนทั่วไป แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับคนแคระหัวใจแกร่งคนหนึ่ง ที่กลายเป็นคนแคระคนแรกที่พิชิตการแข่งไตรกีฬา Ironman สุดโหดได้สำเร็จ!! เรื่องราวจะเป็นอย่างไร เราไปติดตามเรื่องราวของเขากันเลยดีกว่า เขาคนนี้มีชื่อว่า John Young วัย 50 ปี ปกติแล้วเขาทำงานเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ ด้วยความที่เขาเป็นคนแคระ ทำให้ตลอดชีวิตของเขาถูกดูถูกเหยียดหยามต่างๆ นาๆ มากมาย จนเมื่อปี 2009 เขาได้ตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันไตรกีฬาเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เขาก็แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่แพ้คนทั่วไปคนอื่นๆ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาได้เข้าร่วมการแข่งขันไตรกีฬา 40 รายการ วิ่งฮาร์ฟมาราธอน 8 ครั้ง และวิ่งมาราธอนอีก 7 ครั้ง จนเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา และการที่เขามีขนาดตัวเล็กกว่าคนทั่วไป เขาจึงจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กกว่าคนทั่วไป อย่างจักรยานประจำตัวของเขา ก็ต้องใช้ขนาดล้อ 20 นิ้ว ขณะที่คนอื่นใช้จักรยา่นขนาด 27 นิ้ว นั่นแปลว่าเขาต้องใช้รอบขามากกว่าทั่วไปในระยะเท่ากัน (ล้อเล็กกว่าจะหมุนในสั้นกว่าในการปั่น 1…
-
ทำความรู้จัก Øresund Bridge สะพานลอดใต้ทะเล สิ่งก่อสร้างสุดล้ำ เชื่อมต่อเดนมาร์กและสวีเดน
เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเห็นภาพสะพานแขวนสุดอลังการแห่งหนึ่งที่มีทั้งสะพานและอุโมงค์อยู่ด้วยกันอย่างแน่นอน และหลายคนอาจสงสัยว่า สะพานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ไหนและทำไมต้องมีทั้งสะพานและอุโมงค์อยู่ด้วยกัน วันนี้เราไปทำความรู้จักกันดีกว่า…. สะพานแห่งนี้มีชื่อว่า Øresund Bridge (อ่านว่า เออะเรซอน) ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบ Øresund โดยเชื่อมต่อกรุงโคเปญเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก กับเมืองมาลโม ประเทศสวีเดนเข้าด้วยกัน สะพานแห่งนี้เริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1991 ก่อนจะแล้วเสร็จในปี 2000 ใช้งบประมาณก่อสร้างทั้งหมด 2.6 พันล้านยูโร หรือประมาณ 1 แสนล้านบาทไทย (แบ่งกันออกคนละครึ่งระหว่างสวีเดนและเดนมาร์ก) สำหรับจุดประสงค์ในการสร้างสะพานดังกล่าว เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศสวีเดนและเดนมาร์กในขณะนั้น อีกทั้งยังเป็นการเชื่อมต่อประเทศในแถบยุโรปเหนือเข้าด้วยกัน ทำให้การเดินทางระหว่างประเทศเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งขึ้น สะพานแห่งนี้มีความยาว 7.8 กิโลเมตร มีความสูง 60 เมตรเหนือน้ำทะเล บวกกับส่วนที่เป็นเกาะกลางทะเลอีก 4 กิโลเมตร และส่วนที่เป็นอุโมงค์อีก 4 กิโลเมตร รวมเป็นความยาวกว่า 16 กิโลเมตร ซึ่งนอกจากถนนสี่เลนสำหรับให้รถวิ่งแล้ว บนสะพานดังกล่าวยังมีช่องทางเดินรถไฟอีกสองช่องทางด้วย เพื่อใช้ในการขนส่งผู้โดยสารสาธารณะที่ไม่มีรถส่วนตัว ส่วนสาเหตุที่ทำไมสะพานแห่งนี้ต้องมีส่วนที่เป็นทั้งสะพานและอุโมงค์ด้วย นั่นเป็นเพราะฝั่งประเทศเดนมาร์ก มีสนามบินโคเปญเฮเกนตั้งอยู่บริเวณริมชายฝั่ง ทางวิศวกรได้ทำการคำนวนแล้วว่า…
-
หญิงสาวโพสต์ข้อความขอบคุณ แฟนใหม่ของสามีเก่า เพราะช่วยดูแลลูกสาว เหมือนเป็นลูกตนเอง
เวลามีคนเลิกกับคนรัก แล้วคนรักเก่าของพวกเขาก็ไปมีคนรักใหม่ ก็อาจจะพาลทำให้เกลียดคนรักใหม่ของแฟนเก่าที่เคยคบมา สำหรับหลายๆ คนอาจเป็นอย่างนั้น แต่นั่นไม่ใช่เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวคนนี้ Audrey Nicole เลิกกับสามีเก่าเมื่อหลายปีก่อน ทั้งสองคนมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน นั่นก็คือ Riley Grace ซึ่งเธอเป็นคนเลี้ยงดูลูกสาวเอง แม้เธอกับสามีเก่าจะเลิกรากันแล้ว แต่ทุกๆ ช่วงวันหยุด เธอมักพาลูกสาว Riley ไปเจอกับพ่อของตนเองเสมอ โดยในปัจจุบัน สามีเก่าของเธอก็ได้แต่งงานใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย หลายคนอาจคิดว่ามันจะต้องเป็นเรื่องเหมือนในละคร ที่ความสัมพันธ์ของลูกสาวกับแม่เลี้ยงจะออกมาไม่ดี แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น เพราะแฟนใหม่ของสามีเก่า ดูแล Riley ดีมาก จนพวกเขาสนิทสนมกันเหมือนเป็นแม่อีกคน ล่าสุด Audrey ได้โพสต์เล่าเรื่องราวความประทับใจดังกล่าวลงบนเฟสบุ๊กของตนเอง พร้อมรูปแฟนใหม่ของสามีเก่า ที่อยู่พร้อมหน้ากับเธอและลูกสาว ซึ่งสถานะของเธอถูกกดไลค์กว่า 70,000 ครั้ง และถูกแชร์กว่า 10,000 แชร์ เธอบอกว่า “นี่คือแฟนของพ่อของลูกสาวฉัน เธอน่ารักมากๆ ฉันรู้สึกขอบคุณเธอมากๆ เพราะทุกครั้งที่ลูกสาวฉันไปหาพ่อของเธอ ก็คอยทำอาหารให้กิน ดูแลเธอ ซื้อของขวัญให้…
-
สื่อ ‘Time’ เผยสุดยอด 25 นวัตกรรมแห่งปี 2016 ของไทยเราก็ติดอันดับไปกับเค้าด้วย!!
ทุกปีก็มักจะมีการจัดอันดับสิ่งต่างๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนวัตกรรม เทคโนโลยี หรืออะไรก็ตามแต่ที่คนต้องการจะจัดอันดับกัน และคราวนี้ก็เช่นกัน เมื่อสื่อดังอย่าง ‘Time’ ได้จัดอันดับ 25 สิ่งประดิษฐ์แห่งปี 2016 แน่นอนว่าแต่ละอย่างต้องไม่ใช่ของธรรมดาๆ และเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่คาดว่าจะมีประโยชน์อย่างมากต่อมวลมนุษยชาติในอนาคต เราตามไปดูกันเลยดีกว่า ว่ามีอะไรกันบ้าง 1. หลอดไฟลอยได้ ผลงานของ Simon Morris ที่ได้พัฒนาหลอดไฟ และฐานวางของมันให้สามารถลอยได้ แน่นอนว่าไอเดียนี้จะต้องถูกนำไปต่อยอด และไม่แน่ว่าในอนาคต บ้านเรือนทุกหลังอาจจะไม่จำเป็นต่อหลอดไฟเข้ากับวงจรใดๆ อีกต่อไป 2. หมวกจักรยานพับได้ ครั้งหนึ่ง Jeff Woolf นักปั่นจักรยาน และเจ้าของผลงานชิ้นนี้ ได้ประสบอุบัติเหตุจากการปั่นจักรยาน ทำให้เขาคิดได้ว่า สาเหตุที่ตัวเองไม่ใส่หมวกกันน็อคนั้น เป็นเพราะมันพกพาลำบาก จึงทำให้เจ้าตัวปิ๊งไอเดียผลิตหมวกกันน็อคสำหรับนักปั่นจักรยานที่สามารถพับเก็บได้ สะดวกสบายสุดๆ 3. หลังคาแผงโซล่าเซลล์จาก Tesla เป็นผลงานการพัฒนาของ Tesla และ Solarcity เพราะปกติแล้วแผงโซล่าเซลล์มักจะมีลักษณะที่ยื่นออกมา ดูไม่ค่อยสวยงาม ทางผู้พัฒนาจึงได้คิดค้นไอเดียที่จะประยุกต์ให้มันเข้ากับการตกแต่งบ้าน จนกลายมาเป็นหลังคา อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากแสงอาทิตย์อีกด้วย…
-
ตามดูชีวิต “ดานี” ชนเผ่าที่ห่างไกลโลกมากที่สุด วิถีการเป็นอยู่ที่ไม่มีใครเคยเห็น!!
โลกเรานี้ยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่เรายังไม่ได้รู้จัก เราอาจจะเคยเห็นพวกเขาผ่านสารคดีมาก่อนแล้ว แต่บางครั้งเราก็ไม่ได้เห็นถึงความเป็นอยู่แบบชัดๆ และนี่ก็เป็นโอกาสดีที่เราจะได้ไปรู้จักกับชนเผ่าดานี อีกทั้งชนเผ่านี้ยังมีวัฒนธรรมแปลกๆ ที่เราเห็นแล้วยังรู้สึกกลัวได้เลย เราไปดูกันว่าวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเขาจะเป็นยังไงกันบ้าง พวกเขามักจะเอาชิ้นส่วนจากสัตว์มาประดับตามร่างกายตัวเอง โดยเฉพาะนักรบท่านนี้ เผ่าดานีอาศัยอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย มีประชากรในเผ่าประมาณ 250,000 คน และอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง เรียกได้ว่าไม่มีความเจริญเข้าถึงพวกเขาเลย แต่ก็สามารถดำรงอยู่ได้ท่างกลางเทือกเขาไซคลอปส์ ชนเผ่านี้ถูกค้นพบโดยนักสำรวจชาวอเมริกัน Richard Archbold โดยไม่ได้ตั้งใจในปี 1938 หลังจากนั้นเป็นต้นมา ชนเผ่าดานีก็เป็นที่รู้จักด้วยเอกลักษณ์และวิถีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร ภาพทั้งหมดนี้เป็นภาพของช่างภาพ Teh Han Lin จากสิงคโปร์ที่ได้ถ่ายไว้ระหว่างไปเยือนชุมชนแห่งนี้เป็นเวลา 4 วัน ภาพผู้หยิงชนเผ่าดานีกำลังสูบบุหรี่ ทำให้เราได้เห็นนิ้วของเธอที่ถูกตัดออกไปด้วย ซึ่งเป็นอีกความเชื่อหนึ่งเมื่อมีคนรักหรือคนในครอบครัวเสียชีวิต งานเทศกาลในชนเผ่า เด็กๆ กำลังยิ้มให้กล้อง ภาพของผู้สูงอายุ ชนเผ่าดานีกำลังเตรียมพร้อมกับเทศกาล ผู้หญิงและเด็กใช้ชนเผ่า เด็กสาวและเด็กหนุ่มกำลังนั่นอยู่หน้ากระท่อม นักรบประจำชนเป่าที่เต็มไปด้วยการแต้มสี นักรบหนุ่มพร้อมกับอาวุธ เตรียมทำอาหาร …
-
รู้จักกับโรค PTSD อาการตื่นกลัวตลอดเวลา ของเหล่าทหารผ่านศึก และผู้ประสบเหตุเลวร้าย…
สำหรับหลายๆ คนที่อาจไม่รู้จักอาการนี้ Post-traumatic stress disorder หรือ PTSD คืออาการเครียดหลังประสบเหตุการณ์สะเทือนใจ กับความผิดปกติทางอารมณ์ที่กระทบต่อการดำเนินชีวิต… อาการความเครียดแบบนี้มักพบเห็นในเหล่าผู้ที่ประสบพบเจอกับเหตุการณ์ร้ายแรงอันไม่คาดฝัน แม้สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถลืมเหตุการณ์นั้นได้ เช่นเหล่าทหารผ่านศึกที่ต้องไปใช้ชีวิตมาในสมรภูมิ ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกทารุณกรรมทางเพศ พบเห็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญ เป็นต้น และสิ่งที่หนักที่สุดของโรคนี้ก็คือความเครียดและมีพฤติกรรมบางอย่างที่กระทบต่อการดำเนินชีวิต!! อาการ PTSD ในตอนนี้ประเทศสหรัฐฯ ประเทศเดียวมีผู้ป่วยที่มีอาการนี้อยู่กว่า 8 ล้านราย หรือคิดเป็นประชากรร้อยละ 2.5 ของประเทศ และร้อยละ 11-20 ของผู้ป่วยอาการนี้คือเหล่าทหารผ่านศึกอิรักและอัฟกานิสถาน อย่างช่วงก่อนก็มีข่าวเกี่ยวกับทหารผ่านศึกที่หักรถเลี้ยวหลบถุงพลาสติกที่ปลิวมากลางถนนเพราะเธอคิดว่าคือระเบิด ซึ่งนั่นก็คือหนึ่งในกรณีตัวอย่างอาการของโรคนี้… ส่งผลต่อผู้คนรอบข้าง อาจทำให้เสียงาน ครอบครัวตีจาก จนตัดสินใจฆ่าตัวตายเลยทีเดียว สำหรับอาการของ PTSD นั้นจะแสดงออกมาเป็น 2 ระยะ คือ ระยะ 1 เดือนแรกหลังจากเกิดเหตุ เรียกว่า Acute Stress Disorder (ASD) หรือ โรคเครียดฉับพลัน จากนั้นจะเข้าสู่ระยะที่ 2 คือหลังเกิดเหตุการณ์มาแล้ว 1 เดือนที่เรียกว่า PTSD ซึ่งสุดท้ายแล้วก็สามารถแบ่งผู้ป่วยออกได้เป็น 3…
-
ต้นทุนชีวิตที่ต่างกัน… 15 เส้นทาง “ไปโรงเรียน” สุดโหดจากทั่วโลก แม้ลำบากแต่ไม่ท้อถอย
ว่ากันว่าโอกาสทางการศึกษาคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีอีกหลายชีวิตที่กว่าจะเข้าถึงการศึกษาได้ พวกเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย ไม่เพียงแค่เรื่องเงินๆ ทองๆ เท่านั้น แต่ยังหมายถึง “การเดินทาง” อีกด้วย ถ้าเพื่อนๆ ยังนึกไม่ออกว่าพวกเขาต้องพบกับความยากลำบากขนาดไหน ตาม #เหมียวอ๊อดโด้ ไปชม 5 เส้นทาง “ไปโรงเรียน” สุดโหดจากทั่วโลก ที่เห็นแล้วต้องนับถือใจพวกเขาจริงๆ 1.โรงเรียนประถม Bango จากหมู่บ้าน Gulu ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน นักเรียนส่วนมากต้องเดินทางผ่านช่องเขาแคบๆ เป็นระยะเวลากว่า 5 ชั่วโมงเพื่อมาโรงเรียน แน่นอนว่า พวกเขาจะต้องอยู่โรงเรียนตลอดสัปดาห์ และจะได้กลับบ้านช่วงวันหยุดเท่านั้น 2. เด็กนักเรียนจากหมู่บ้าน Zhang Jiawan ในมณฑลเสฉวนประเทศจีน ต้องปีนป่ายบันไดไม้บนหน้าผา ที่ไม่มีหลักประกันความปลอดภัยใดๆ เพื่อไปโรงเรียนทุกๆ สัปดาห์ และพวกเขาต้องอาศัยอยู่ที่โรงเรียนตลอดสัปดาห์ กว่าจะได้กลับบ้านก็แค่ช่วงเสาร์อาทิตย์เท่านั้น 3. เด็กๆ จากหมู่บ้านแถบเทือกเขาหิมาลัย ต้องเดินฝ่าน้ำแข็งและหิมะเพื่อไปเรียนที่โรงเรียนในเมือง Zanskar ไม่ต้องบอกคงพอคาดคะเนความยากลำบากของพวกเขาได้ 4. เด็กๆ จากหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมือง Lebak ประเทศอินโดนีเซียต้องปีนป่ายข้ามสะพานไม้ที่ชำรุดอย่างหนักจนน่าหวาดเสียวเป็นอย่างยิ่ง เพื่อข้ามแม่น้ำในระหว่างทางไปโรงเรียน…
-
พาย้อนอดีตชมการทำ “คอนแทคเลนส์” ในปี 1948 ผลิตปุ๊บ ได้ใส่ปั๊บ แต่สยองใช่เล่น!!!
ทุกวันนี้คอนแท็กเลนส์ถือว่าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญที่ทำให้ผู้ที่มีปัญหาทางด้านสายตาและเกลียดการใส่แว่นเป็นชีวิตจิตใจ สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่แพงมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสวยงามและระยะของเลนส์ด้วย แต่รู้หรือไม่กว่าจะมาเป็นคอนแทคเลนส์สบายๆ ให้เราใส่กันในทุกวันนี้ ในช่วงปี 1940 วิธีการทำคอนแทคเลนส์นั้น แทบไม่ต่างจากฉากในหนังสยองขวัญเลยทีเดียว ไม่เชื่อลองชมจากโฆษณาคอนแทคเลนส์จากปี 1948 ตัวนี้ดูสิ แล้วจะรู้ว่าที่ #เหมียวอ๊อดโด้ พูดไม่ผิดเลย แต่ถ้าใครขี้เกียจดูคลิป งั้น #เหมียวอ๊อดโด้ จะสรุปให้ฟังคร่าวๆ ล่ะกันนะ เริ่มแรก แกะคอนแทคเลนส์ออกจากซอง แล้วค่อยบรรจงใส่เข้าไปที่ตา…ถุ้ยยย มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก ขั้นแรกเลย นักทำคอนแท็กเลนส์จะนำยางแปะเข้าไปที่ตาของเรา เพื่อวัดขนาดดวงตา โดยจะทิ้งไว้ประมาณสองนาทีให้มันขึ้นรูป พอครบสองนาทีแล้ว เราก็จะได้ยางแข็งๆ หน้าตาแบบนี้ออกมา ซึ่งจะไปใช้ในขั้นตอนต่อไป จากนั้นก็จะนำยางที่ขึ้นรูปแล้ว มาจับคู่กับแผ่นพลาสติกเลนส์ แล้วก็นำไปใส่เครื่องกดแรงสูง เพื่อทำให้แผ่นพลาสติกเลนส์ มีความโค้งเหมือนกับตัวยาง ตัวพลาสติกเลนส์ต้องเลือกระยะให้เท่ากับแว่นตาด้วยนะ เสร็จแล้วมันจะออกมาหน้าตาแบบนี้ จากนั้น นักทำคอนแทคเลนส์ก็จะนำแผ่นเลนส์ไปตัดส่วนเกินทิ้ง และทาสารเคลือบบริเวณด้านในของตัวเลนส์เพื่อไม่ให้ระคายเคืองต่อดวงตา พอเคลือบเสร็จ เขาก็จะนำไปตรวจสอบอีกทีว่า เลนส์มีขนาดเหมาะสมกับระยะสายตาของผู้ใช้งานแล้วหรือไม่ นำเลนส์มาขัดให้เรียบอีกครั้ง ถือว่าเสร็จสมบูรณ์ …
-
รู้หรือไม่!? 9 สิ่งแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย แท้จริงแล้วมันคือ ‘กลไกการป้องกันตัวเอง’
กลไกการทำงานของร่างกาย ถือเป็นระบบวงจรทางชีวภาพที่มีแต่ความซับซ้อน และเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ เช่น กลไกในการป้องกันตัวเอง ซึ่งจะช่วยป้องกันสิ่งอันตรายต่างๆ ที่เข้ามาในร่างกายของเราในทุกๆ วัน ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้น มนุษย์จึงต้องมีกลไกในการป้องกันตัวเอง เพื่อช่วยต่อด้าน และกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย เพื่อจะได้ดำรงอยู่ในชีวิตได้อย่างสงบสุข และมีสุขภาพกายที่แข็งแรง และนี่คือ 9 สิ่งน่าสนใจที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเราตลอดเวลา แต่หลายๆ คนอาจจะไม่ได้สนใจ หรือมองข้ามไป โดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้แหละ คือกลไกในการป้องกันตัวเอง 1.หาว สำหรับการหาว เป็นกลไกเพื่อทำให้สมองได้ผ่อนคลายลง หลังจากที่ร่างกายเกิดความร้อนสูง หรือทำงานมากเกินไป นั่นทำให้เราจะหาวตอนรู้สึกง่วง 2.จาม โดยปกติเรา เราจะจามก็ต่อเมื่อช่องจมูกของเราได้รับสารก่อภูมิแพ้มากจนเกินไป ทั้งจุลินทรีย์ ฝุ่น รวมถึงการระคายเคืองอื่นๆ ซึ่งการจามจะทำให้ร่างกายของเรากำจัดสิ่งแปลกปลอมออกไปนั่นเอง 3.ยืดกล้ามเนื้อ การยืดเหยียดร่างกาย ถือเป็นการเตรียมความพร้อมของร่างกาย ที่จะช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นฟูระบบไหลเวียนของเลือด และช่วยทำให้อารมณ์ของเราดีขึ้น 4.สะอึก เมื่อเรากิน หรือกลืนอาหารชิ้นใหญ่เข้าไปในร่างกายเร็วเกินไป เส้นประสาท Pneumogastric ที่เชื่อมต่อกับกระเพาะอาหาร และกระบังลมของเรา จะเกิดการระคายเคือง สุดท้ายก็จะทำให้เกิดอาการสะอึก…
-
ตากล้องฝรั่งนำกล้องโปรทั้ง 7 ค่ายยักษ์ มาพิสูจน์ว่าค่ายไหนให้ภาพ JPEG ได้ดีที่สุด!?
หนึ่งในปัญหาที่เหล่าตากล้องถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน คือกล้องยี่ห้อใด สามารถมอบคุณภาพ ‘ภาพถ่าย’ ได้ดีที่สุด? แต่ละคนก็มีมุมมองต่างกันออกไป บางคนชื่นชอบในตัวยี่ห้อนี้ บางคนก็ชื่นชอบอีกยี่ห้อ จนทุกวันนี้ก็ยังเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันไม่จบไม่สิ้น เพื่อคลายข้อสงสัยดังกล่าว ทางชาเนล TheCameraStoreTV จากยูทูป ก็ได้นำกล้องโปรจาก 7 ค่ายยักษ์ใหญ่ในวงการ อันได้แก่ Canon, Nikon, Sony, Fuji, iPhone, Pentax, Olympus และ Panasonic บวกกับ iPhone 7 Plus อีกเครื่องมาทำการทดสอบว่า กล้องตัวไหนสามารถถ่ายทอดภาพในสกุล JPEG ได้ดีที่สุด (ซึ่งเป็นสกุลภาพพื้นฐานสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ได้รับความนิยมสูงสุด) โดยในการทดสอบ ผู้ทดสอบจะปรับกล้องทุกตัวให้มีค่าเท่ากันทั้งหมดได้แก่ ระยะของเลนส์, รูรับแสง และค่า ISO ส่วนที่เหลือไม่ว่าจะเป็น White Balance และอื่นๆ จะตั้ง Auto ทั้งหมด (ส่วน iPhone ที่ปรับค่าเหล่านี้ไม่ได้) และจะถ่ายในสถานที่เดียวกันในสภาพแวดล้อมเดียวกัน เมื่อถ่ายเสร็จแล้ว ทีมงานก็ได้ปริ้นท์รูปทั้งหมดมาแปะเรียงกันโดยไม่บอกว่า รูปไหนถ่ายจากกล้องอะไร…
-
เด็กสาวทำ ‘แท่นผ่าฟืน’ ออกแรงตอกนิดหน่อยก็ได้ฟืนแล้ว จนถูกใจบริษัทใหญ่มาซื้อไอเดีย!!
ว่ากันว่าเด็กๆ มักมีความคิดที่สร้างสรรค์มากกว่าผู้ใหญ่ และหลายๆ ครั้งสิ่งประดิษฐ์เจ๋งๆ บนโลก ก็มาจากไอเดียของเด็กๆ นี่เอง อย่างเช่นเจ้า “แท่นผ่าฟืน” อันนี้ เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน เด็กหญิง Ayla Hutchinson วัย 14 ปี จากนิวซีแลนด์ เห็นแม่ของตนเองได้รับบาดเจ็บที่มือเนื่องจากการผ่าฟืน ซึ่งปกติแล้วการผ่าฟืนก็คือการเอาท่อนไม้วางแนวตั้ง แล้วก็เอาขวานสับให้มันผ่าครึ่ง ตัวอย่างการผ่าฟืนแบบทั่วไป เธอเห็นแล้วก็สงสัยว่า เราต้องผ่าฟืนด้วยวิธีนี้อย่างเดียวเลยเหรอ ทำไมเราไม่หาอะไรมาจับท่อนไม้ไว้ แล้วก็ไม่ต้องใช้ขวานแต่เปลี่ยนไปใช้ค้อนหรืออะไรแข็งๆ แทน ที่น่าจะมีความปลอดภัยมากกว่า เธอกลับไปนั่งคิดนอนคิดอยู่นานว่าจะทำแบบไหนดี สุดท้ายก็ได้แบบแปลนเบื้องต้นมาหนึ่งชุด และเธอก็ขอให้พ่อช่วยทำตัวต้นแบบให้ จึงได้หน้าตาออกมาเป็นแบบนี้ วิธีการใช้งานก็ไม่ยาก แค่นำท่อนไม้เสียบลงไปจากด้านบน แล้วก็เอาค้อนหรือว่าท่อนไม้ ออกแรงทุบลงไปตรงๆ แค่นั้นท่อนไม้ที่เสียบอยู่ในแท่นก็จะถูกผ่าออกจากกันอย่างง่ายดาย ใครยังนึกภาพไม่ออกดูตามนี้เลย หลังจากนั้นไม่นานเธอก็นำเจ้าอุปกรณ์ต้นแบบนี้ ไปร่วมประกวดในงานประกวดนวัตกรรม New Plymouth District Council Inspiration Award 2013 และผลงานของเธอก็ติดอันดับ…
-
สาระดีๆ เมื่อ ‘มันหวาน’ ไม่ได้มีแค่ความอร่อย แต่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์อีกมากมาย…
คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธหรอกจริงมั้ย ว่า ‘มันหวาน’ มันอร่อยจริงๆ ถึงแม้ว่าราคาอาจจะสูงกว่ามันปิ้งธรรมดาก็ตามเถอะ เมื่อไหร่ที่ได้เอาเข้าปาก จะได้รู้สึกถึงความหวาน ความละเมียดละมัย ความนุ่มนวล อบอวลอยู่ในปาก โอ้ยยพูดแล้วหิว แล้วเพื่อนๆรู้กันรึเปล่าว่า เจ้า ‘มันหวาน’ นอกจากจะอร่อยแล้ว ยังเต็มไปด้วยคุณประโยชน์อีกนานาชนิด วันนี้ #เหมียวบ็อบ ขอทำตัวมีสาระกับเค้าบ้าง ด้วยการพาเพื่อนๆไปดูกันว่า มันมีประโยชน์ด้านใดให้แก่ร่างกายเราบ้าง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด อันดับแรกเลย ถึงแม้ว่ามันจะมีความหวานในตัวมันเอง แต่รู้มั้ยว่า มันสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แน่นอนว่าย่อมเป็นผลดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน แถมมันหวานยังเป็นแหล่งพลังงานคาร์โบไฮเดรตชั้นเลิศ ที่ให้พลังงานสูงถึง 90 แคลอรี่/ขีด และไม่ก่อให้เกิดสารตกค้างในร่างกายเหมือนอาหารแปรรูปแบบอื่นๆ เห็นเหลืองๆแบบนี้ จากงานวิจัยของกรมสาธารณะสุขของสหรัฐฯ บอกว่ามันมีเส้นใยอาหารสูง ทำให้กินแล้วอยู่ท้องได้นานกว่า จะใช้สำหรับลดน้ำหนักก็ยอดเยี่ยมไปเลยล่ะ และถ้าหากใครที่กำลังมองหาอาหารที่เต็มไปด้วยวิตามินละก็ ‘มันหวาน’ คือตัวเลือกชั้นยอดเลยล่ะ เพราะมันประกอบไปด้วย วิตามินดี ซี และบี6 อีกทั้งยังมีธาตุเหล็ก แม็กนีเซียม และโพแทสเซียมอีกด้วย นี้มันสุดยอดอาหารชัดๆ ตารางเปรียบเทียบปริมาณแร่ธาตุทั้งหมดใน มันหวาน เทียบเป็นหน่วยต่อ…
-
พาทัวร์โรงงานทำ “ไส้กรอก” กว่าจะมาเป็นเมนูสุดอร่อยให้เราทาน ต้องผ่านอะไรมาบ้างนะ!!
เชื่อว่าสำหรับหลายๆ คน “ไส้กรอก” เมนูที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเยอรมันนีเมนูนี้ ต้องเป็นเมนูสุดโปรดที่ต้องหามาลิ้มลองเป็นประจำ แล้วท่านๆ เคยสงสัยกันหรือไม่ว่ากว่าพวกเขาจะทำไส้กรอกออกมาได้ พวกเขาต้องทำอะไรบ้าง #เหมียวอ๊อดโด้ ขออาสาพาเพื่อนๆ ไปชมขั้นตอนการทำไส้กรอกจากรายการ How It’s Made เราไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า โดยดั้งเดิมแล้ว ไส้กรอกใช้เนื้อสามชนิดในการทำนั่นก็คือ เนื้อวัว เนื้อหมู และเนื้อไก่ มาบดผสมกัน อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน ชนิดของเนื้อนั้นที่นำมาใช้นั้นขึ้นอยู่กับสูตรของแต่ละที่ แต่อย่างน้อยจะมีเนื้อสองชนิดผสมกันเสมอ เช่นหมู+ไก่ หรือ วัว+หมู เป็นต้น เริ่มแรกพวกเขาจะนำเนื้อแต่ละชนิดไปบดให้ละเอียดจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งพอบดละเอียดแล้ว ก็นำเนื้อทั้งหมดมาผสมรวมกันอีกที . จากนั้นก็นำเนื้อเหล่านั้นผสมด้วยแป้งข้าวโพด เกลือ และรสชาติอื่นๆ ตามแต่ภูมิภาคที่จะนำไปขาย เพราะแต่ละที่ก็มีรสนิยมการทานไส้กรอกรสชาติต่างกันออกไป เสร็จแล้วก็ผสมกับน้ำเปล่า คลุกเคล้าให้เป็นเนื้อเดียวกัน บางที่อาจผสมน้ำเชื่อมลงไปด้วยเพื่อความหอมหวาน แต่บางที่ก็ไม่ใส่ เมื่อคลุกเคล้าเข้ากันดีแล้ว เนื้อก็จะถูกอัดเข้าแม่พิมพ์ซึ่งจะถูกห่อด้วยเจลาติน และเริ่มกลายเป็นแท่งอย่างที่เราเห็นกัน . ไส้กรอกเหล่านี้ก็จะถูกลำเลียงขึ้นสายพาน แล้วนำเข้าเครื่องอบไอน้ำปรุงรส ซึ่งขั้นตอนนี้เองที่ทำให้ไส้กรอกของเรามีกลิ่นหอนหวลชวนกิน .…
-
บริษัทเครือ Virgin เตรียมทดสอบเครื่องบินที่สามารถบิน กรุงเทพ-โตเกียว ใน 2 ชั่วโมง ปลายปีหน้า
ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่าเหล่าบริษัทเทคโนโลยีหลายบริษัททั่วโลก ต่างขนเทคโนโลยีการเดินทางเจ๋งๆ ออกมาเปิดตัวต่อชาวโลกกันอย่างมากมาย อย่างเช่น Hyperloop ของนักธุรกิจไฟแรง Elon Musk ทีสามารถเดินทางด้วยความเร็วกว่า 1,200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ล่าสุด Richard Branson เจ้าพ่อจากบริษัทเครือ Virgin ได้เปิดตัวเครื่องบินโดยสารแห่งอนาคตที่สามารถเดินทางด้วยความเร็วกว่า 2,300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และพร้อมทดสอบจริงๆ ปลายปีหน้านี้เอง!! เจ้าเครื่องบินลำนี้มีชื่อว่า XB-1 Supersonic Demonstrator หรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘Baby Boom’ ทางทีมออกแบบได้กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้สามารถเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดถึง 1,451 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือราวๆ 2,300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว นั่นแปลว่าเราสามารถเดินทางจากกรุงเทพไปยังโตเกียวด้วยระยะเวลาเพียงเกือบๆ 2 ชั่วโมง หรือเดินทางไปยังเมืองนิวยอร์คโดยใช้เวลาแค่ 5 ชั่วโมงเท่านั้นเอง!! ซึ่งดูจากการออกแบบแล้ว ทีมงานคงได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินคองคอร์ดแน่ๆ เพราะหน้าตาดันละม้ายคล้ายคลึงกันอย่างกับแกะเลยทีเดียว . นอกจากนี้ทีมออกแบบยังตั้งใจให้ที่นั่งของเครื่องบินลำนี้เป็นแบบแถวเดียว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ซึ่งเที่ยวหนึ่งจะจุผู้โดยสารได้ 45 คน พนักงานต้อนรับอีก 4 คน และนักบินอีก 2…
-
27 นิสัยแย่ๆ ที่ควรเลิกทำก่อนอายุ 27 ปี เพื่อสุขภาพ และชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต…!!
สมัยตอนเป็นวัยรุ่น จะทำอะไรมันก็สนุกสุดเหวี่ยงไปซะหมด จะให้กินเหล้าปาร์ตี้กันยันเช้าก็ไม่เคยหวั่น หรือจะให้ออกไปทำกิจกรรมโลดโผนท้าทายความตื่นเต้น ก็ไม่เคยกลัว แต่พออายุเริ่มมากขึ้น เชื่อว่าหลายคนต่างก็รู้สึกคิดถึงความปลอดภัยในชีวิตมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะด้วยเงื่อนไขจากภาระ หรือหน้าที่ต่างๆที่เราต้องแบกรับ และนี่คือ 27 นิสัยที่ไม่ได้แย่ต่อคนรอบข้าง แต่เป็นลักษณะนิสัยที่มักจะเผลอติดตัวใครต่อหลายคนมาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น และอาจจะส่งผลแย่ๆต่อสุขภาพในระยะยาวได้ 1. กินขนมจุกจิกได้ทั้งวัน เผลอเมื่อไหร่เป็นต้องแอบหยิบขนมในตู้เย็นมากินได้ตลอดทั้งวัน เราคงปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าความหวานจากขนมเป็นอะไรที่อร่อยสุดๆ แต่เพื่อสุขภาพที่ดีในวัยที่ร่างกายไม่ได้แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน ลองเปลี่ยนเป็นผัก หรือผลไม้ ก็ช่วยลดปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวไปได้เช่นกันนะ 2. นั่งดูทีวีทั้งวัน ไม่ยอมลุกไปทำอะไรซักที พักผ่อนจากงานหนักทั้งวันด้วยการนั่งดูซีรีย์ หรือรายการโปรด เป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง แต่อะไรที่มากเกินไปก็ย่อมไม่ดี เพราะอย่าลืมว่า เรายังคงมีอะไรอีกหลายอย่างให้ทำในหนึ่งวัน 3. ใช้จ่ายเงินเกินจำเป็น เมื่อเข้าสู่วัยที่สามารถหารายได้เองได้แล้ว การอดออมเพื่ออนาคตก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน ถ้าหากใครที่ยังติดอยู่กับปัญหาการหมุนเงินในระบบบัตรเครดิตต่างๆไม่ทัน ลองฝืนตัวเองดูหน่อย เพื่ออนาคตที่สดใสกว่า 4. กินจั๊งค์ฟู๊ดได้ทุกวี่วัน วันนี้เบอร์เกอร์ พรุ่งนี้เฟร๊นฟราย เมื่อเช้ากินโดนัทแทน จริงอยู่ที่อาหารเหล่านี้มันตอบโจทก์ชีวิตเรื่องเวลา และความสะดวก แต่ทว่าอวัยวะภายในของเราเมื่อถึงวัยที่ผ่านการใช้งานมามาก มันก็ต้องการๆดูแลที่ดีมากเช่นกัน 5. กินแก้เครียด พอโตขึ้นก็ดูเหมือนจะมีแต่เรื่องเครียด…
-
15 สาระน่ารู้เกี่ยวกับ ‘อุณหภูมิ’ กับความร้อนที่สุด และเย็นที่สุด จากทั้งในโลกและนอกโลก!!!
สำหรับวันนี้เราก็มีภาพและไกด์ไลน์เกี่ยวกับอุณหภูมิในในจุดต่างๆ มาฝากกัน ลองมาดูซิว่าแต่ละจุดที่เรียกว่าร้อนที่สุดและเย็นที่สุดนั้น จะอยู่ตรงจุดๆ ไหนกันบ้าง!! เริ่มจากความรู้ง่ายๆ สมัยมัธยมปลาย อุณหภูมิที่เย็นที่สุดก็คือ 0 เคลวิน หรือ -273.15 องศาเซลเซียสนั่นเอง ตามทฤษฎีระบุว่า ณ จุดๆ นี้ แม้แต่อะตอมก็ยังถูกแช่แข็ง ไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย… อุณหภูมิที่เย็นที่สุดที่สามารถรอดชีวิตได้ แชมป์ตกเป็นของเจ้า Tardigrade ที่สามารถรอดชีวิตได้แม้ในอุณหภูมิที่ต่ำมากๆ ถึง -273 องศาเซลเซียส มันเป็นสัตว์ที่มี 8 ขา ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1773 ด้านมืดของดวงจันทร์ ตามรายงานระบุว่าอุณหภูมิโดยเฉลี่ยส่วนด้านมืดของดวงจันทร์นั้น จะอยู่ที่ -184 องศาเซลเซียส อุณหภูมิที่เย็นที่สุดในโลก อุณหภูมิที่เย็นที่สุดในโลกถูกวัดได้ที่ทวีปแอนตาร์กติกา ปี 2010 โดยวัดได้ -93 องศาเซลเซียส สถานที่ๆ มีมนุษย์อาศัยที่เย็นที่สุดในโลก หมู่บ้าน Oymyakon ประเทศรัสเซีย อุณหภูมิโดยเแลี่ยอยู่ที่ -46 องศาเซลเซียส ติดตามอ่านเรื่องราวของหมู่บ้านแห่งนี้ได้ที่ พาไปดูความเป็นอยู่ในเมือง…
-
Freedrum สานฝันกลองลม ตีกลางอากาศได้ทุกที่ ส่งออกมาเป็นเสียงกลองจริงๆ
เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกวันนี้สิ่งต่างๆ รอบตัว ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีต่างๆ ทั้งทางด้านอุตสาหกรรม ด้านการสื่อสาร หรือจะเป็นด้านการเกษตร และอื่นๆ อีกมากมาย ได้รับการพัฒนาไปเป็นอย่างมาก ซึ่งนอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เทคโนโลยีในด้านการดนตรี ก็เป็นสิ่งที่น่าจับตามองไม่น้อยเช่นกัน เพราะในปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเกี่ยวกับดนตรี ได้เปลี่ยนแปลง และพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่างเช่น Freedrum กลองอากาศสุดเจ๋ง ที่เราจะพาเพื่อนๆ มารู้จักกันนั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ทางดนตรี ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนในยุคปัจจุบันโดยเฉพาะ และถ้าหากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ชื่นชอบการตีกลองละก็ รับรองว่าจะต้องชอบเจ้ากลองอากาศนี้แน่ๆ เพราะ Freedrum เป็นอุปกรณ์ติดไม้กลอง ที่สามารถตีผ่านอากาศ และทำให้กลายเป็นเสียงได้ราวกับว่ามีกลองติดตัวอยู่ทุกที่ทุกเวลา เรียกได้ว่าอยากจะเล่นกลองขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็หยิบอุปกรณ์ดังกล่าวขึ้นมาเมื่อนั้น มันเจ๋งมากๆ เลยใช่ไหมละ มาดูความเจ๋งของ Freedrum จากคลิปวีดีโอนี้กันก่อน ชมคลิปไม่ได้ คลิกที่นี่ สำหรับ Freedrum ถูกพัฒนาและออกแบบขึ้นมาโดยสตูดิโอ Block Zero จากเมือง Malmö ประเทศสวีเดน โดยมีเทคนิคพิเศษที่ทำงานร่วมกับ iPhone หรือ iPad…
-
ชายหนุ่มแนะนำเทคนิค “หน้าใสไร้สิว” แค่เปลี่ยนปลอกหมอนก็ช่วยได้เยอะแล้ว!!
หลายคนคงไม่ชอบการที่มีสิวขึ้นหน้าแน่นอน เพราะว่านอกจากจะเจ็บแล้วยังทำให้หน้าของเราดูไม่สวยไม่หล่อ แถมบางครั้งยังทิ้งรอบแผลเป็นไว้ให้เราอีก แต่วันนี้ #เหมียวสามสี มีเทคนิคการลดการเกิดสิวดีๆ มานำเสนอ เทคนิคนี้มาจาก Brian Turner เขาได้พบความลับที่จะทำให้สิวหายและรักษาสิวได้อย่างดี เดิมทีเขาเป็นหนุ่มเล่นกล้ามวัย 23 ปีที่ครั้งหนึ่งเต็มไปด้วยสิวเต็มหน้า แต่ตอนนหน้าใสปิ๊งราวกับคนละคน วิธีมันก็ไม่ง่ายไม่ยาก ถ้าคุณตั้งใจจริงๆ ก็สามารถลดการเกิดสิวได้ เพียงแค่ทำตามวิธีที่เขาบอกก็จะเห็นผลได้อย่างชัดเจน ซึ่งเขาได้ทำออกมาเป็นคลิปใน YouTube ชื่อคลิปว่า “สิ่งที่ ง่าย ปานกลาง ยาก ในการกำจัดสิว” วิธีแรกสุดแสนจะง่ายของเขาก็คือการ “เปลี่ยนปลอกหมอนทุกวัน” ซึ่งเป็นอะไรที่เราอาจจะมองข้าม เพราะว่าเราต้องเอาหน้าไปแนบกับมันทุกวัน ซึ่งบางทีก็อาจจะมีเชื้อโรคอยู่ก็เป็นได้ นอกจากนี้เขายังแนะนำให้ใช้คลีนเซอร์ที่เหมาะสำหรับผิวของแต่ละคน และถ้าคุณใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide ก็อย่าให้มันแรงเกินระดับ 2.5 % นอกเหนือจากนี้เขายังแนะนำให้เราห้ามเอามือจับหน้า และแนะนำการทานอาหาร โดนพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียม ไขมัน สารให้ความหวาน วัตถุกันเสีย ถั่วเหลือง กลูเตน โกโก้ และเวย์ . อันที่กล่าวมาข้างบนถึงเป็นเทคนิคระดับง่ายนะ เราไปดูระดับปานกลางกันดีกว่า เขาแนะนำให้เราดื่มน้ำวันละประมาณ…
-
26 สรรพสัตว์ผู้เกรียงไกร อันเป็นตัวแทนและสัญลักษณ์ของประเทศต่างๆ จากรอบโลก!!
ในการใช้ ‘สัตว์’ เป็นสัญลักษณ์ของประเทศนั้นๆ อาจตีความได้ว่าเป็นการสื่อถึงลักษณะนิสัยของผู้คนในประเทศ หรือปริมาณประชากรของสัตว์นั้นๆ ว่ามีอยู่มากก็ตาม แต่ที่แน่ๆ ก็คือประเทศในโลกนี้มีสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศตัวเองเกือบทั้งนั้น อย่างบ้านเราก็คงต้องเป็น ‘ช้าง’ ที่เป้นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน และวันนี้เราก็อยากจะพาเพื่อนๆ ไปพบกับ 26 สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศต่างๆ ลองมาดูกันซิว่าจะมีประเภทไหนกันบ้าง… เสือดาวหิมะ เป็นสัญลักษณ์ของประเทศปากีสถาน ไก่ตัวผู้ สัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศส นกกีวี ประเทศนิวซีแลนด์ หมีสีน้ำตาล ประเทศฟินแลนด์ กวางหางขาว ประเทศฮอนดูรัส หงส์ขาว สัญลักษณ์ประเทศเดนมาร์ก (ไม่ใช่โคนมอย่าที่หลายๆ คนคิดกัน) ควายไบซัน ประเทศโปแลนด์ นกอินทรี Gyrfalcon สัฐลักษณ์ประเทศไอซ์แลนด์ โอคาพี สัญลักษณ์ของคองโก หมาไม้สน ประเทศโครเอเชีย ยูนิคอร์น ประเทศสกอตแลนด์ หรูมากกก!! ออริกซ์อาหรับ สัญลักษณ์ของโอมาน…
-
กระต่ายน้อยถูกทำร้ายจนพิการ สู้ชีวิตจนถูกใจชาวนารับเลี้ยง พร้อมรถเข็นส่วนตัวด้วย!!
ทุกๆ ครั้งที่ชีวิตของคุณท้อแท้หรือสิ้นหวังนั้น ลองหันมาดูเจ้ากระต่ายตัวจ้อยตัวนี้สิ แล้วความคิดของคุณอาจจะเปลี่ยนไปเลยล่ะ… Wheelz เจ้ากระต่ายน้อยที่ถูกพบโดยชาวนาสหรัฐฯ คนหนึ่ง วันนั้นเป็นวันที่มีอากาศเหน็บหนาว กระต่ายที่ตัวโตของมันก็ดันมาทำร้ายโดยการลากมันออกมาจากกล่อง ด้วยเหตุการณ์นั้นทำให้มันบาดเจ็บอย่างหนักจนพิการครึ่งตัวล่าง ในกรณีนี้ ส่วนมากชาวนาก็คงจะฆ่ามันซะเพื่อให้มันพ้นทุกข์ แต่เจ้ากระต่าย กลับแสดงให้เห็นถึงความปราถนาอย่างแรงกล้าที่จะมีชีวิตต่อไป จนชนะใจชาวนาในที่สุด และมันก็ไม่ได้รู้สึกว่าท้อแท้หรือสิ้นหวังเลยแม้แต่น้อย ด้วยสเก็ตบอร์ดขนาดจิ๋ว ที่ชาวนานำมาติดแทนขาของมัน สามารถทำให้มันเคลื่อนที่ได้อย่างเสรีตามใจชอบ ด้วยความประทับใจ ชายหนุ่มคนนี้ก็เลยนำมันมาเลี้ยงดูซะเลย เจ้ากระต่ายน้อยก็แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับตอนนี้ ด้วยความปราถนาที่จะมีชีวิตต่อของมัน ทำให้มันได้ทั้งชีวิตใหม่ และบ้านหลังใหม่แล้วล่ะ… ลองมาดูวิดีโอของเจ้า Wheelz กันได้ที่นี่ เห็นมั้ยล่ะว่า อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ถ้าคุณตั้งใจจริง สำหรับใครที่ท้อหรือสิ้นหวัง ก็อย่าลืมเรื่องราวของเจ้า Wheelz กระต่ายน้อยสู้ชีวิตกันล่ะ!! ที่มา: Aplus
-
นักวิทยาศาสตร์จำลอง ‘ที่อยู่สำหรับมนุษย์บนดาวอังคาร’ วิเคราะห์จากทุกๆ ปัจจัยจนออกมาสมบูรณ์!!
ก็ถือเป็นความฝันอย่างหนึ่งของมนุษยชาติเลยล่ะที่จะไปใช้ชีวิตกันในต่างดาว และดวงดาวที่มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่สุดในตอนนี้ก็คงไม่พ้น ‘ดาวอังคาร’ นี่ล่ะ!! การใช้ชีวิตบนดาวอังคาร จากภาพยนตร์เรื่อง Martian สำหรับตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์ หรือนักบินอวกาศเองก็ตามก็ต่างอยากทราบว่าการใช้ชีวิตบนดาวอังคารนั้นจะเป็นอย่างไร ซึ่งล่าสุดเหล่านักวิทยาศาสตร์จาก Royal Observatory แห่งลอนดอน และ Stephen Petranek ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับชีวิตบนดาวอังคาร “How We’ll Live on Mars” ได้ออกแบบบ้านสำหรับมนุษย์ ที่จะไปใช้ชีวิตอยู่บนดาวอังคารมาให้ได้ชมกัน สำหรับงานจัดแสดงนี้จะมีกำหนดการในวันที่ 10 – 16 พฤศจิกายนนี้ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ถูกออกแบบร่วมกันโดยเหล่านักบินอวกาศและ Stephen Petranek ผู้แต่งหนังสือ “How We’ll Live on Mars” ภายในบ้านนั้นจะประกอบด้วยทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างที่จำเป็นในการดำเนินชีวิตบนดาวอังคาร ว่ากันว่าเรื่องที่เป็นโจทย์ที่ยากที่สุดของเหล่าผู้ตั้งรกรากกลุ่มแรกก็คือ ‘การอยู่ยังไงให้มีความสุข’ ‘สิ่งที่สำคัญที่สุดในการดำเนินชีวิตอยู่ของเหล่าผู้ตั้งรกรากล้วนได้ถูกทดสอบทางวิทยาศาสตร์มาทั้งหมดแล้ว ที่เหลือก็คือการที่พวกเขาต้องสามารถดำรงชีวิต และรักษาสภาพจิตใจของพวกเขาเอาไว้ให้ได้’ Dr. Kukula นักวิทยาศาสตร์กล่าว จากข้อสันนิษฐานของ Dr. Kukula สรุปได้ว่า…
-
มากกว่าแค่เส้นชัย… วิ่งสู่ชีวิตใหม่บนเส้นทางสายมิตรภาพ
แม้ว่าเพื่อนๆ จะทราบกันดีว่า “การวิ่ง” ดีต่อสุขภาพกายและใจแค่ไหน แต่ก็พาตัวเองไปออกกำลังกายได้ยากเหลือเกินนนน…#ก้มมองที่พุงสะสมหนาหลายชั้น พร้อมนึกถึงเวลาที่เพื่อนชวนก็ดันมีข้ออ้างว่า “ไม่มีเวลา” ซะงั้น ทั้งๆที่เรามีเวลาถึง 1,440 นาทีเหมือนกัน แต่การไปออกกำลังกายไม่เกิน 30 นาที กลับทำไม่ได้… วันนี้มีเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ เป็นของคุณกิ มนต์ชัย ตระกูลภูชัย วิศวกรหนุ่มด้านซอฟต์แวร์ระดับซีเนียร์ ที่เปลี่ยนตัวเองด้วยการวิ่ง เริ่มที่หนุ่มกิใช้ชีวิตในแบบมนุษย์เงินเดือนตามสูตรคนรุ่นใหม่เป๊ะ นั่นคือ “Work Hard&Play Harder” แต่ไร้ Workout จาก Eat Hard สู่ Work Out นี่แหละที่ทำให้รูปร่างที่เคยเป็นหนุ่มสันทัดกลับกลายเป็นหนุ่มเจ้าเนื้อไปนิด แต่ก็ไม่ได้แคร์อะไร จน จุดพีคที่รู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่าง ช่วงน้ำท่วมใหญ่ ผมต้องช่วยขนกระสอบทรายช่วยที่บ้าน แต่แทนที่เราจะเป็นกำลังหลัก ปรากฏว่า เราเหนื่อยหอบ เรี่ยวแรงยังสู้คุณพ่อไม่ได้ด้วยซ้ำ วินาทีนั้นผมเฟลนะ “ทำไมคนวัยหนุ่มอย่างเรา ถึงอ่อนแอกว่าพ่อ” และคิดว่าผมต้องทำอะไรสักอย่าง จึงคิดที่จะลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองเลยเริ่มต้นจากการไปสมัครฟิตเนส แล้วก็เปลี่ยนพฤติกรรมการกินที่แย่ๆ ทั้งหมด ผลจากการหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังบวกกับภาวะความเครียดจากน้ำท่วม…
-
จดหมายจาก Tim Cook ถึงเหล่าพนักงาน ในวาระเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่ทุกคนควรได้อ่าน…
ก็มาถึงจุดจบกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วล่ะ สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกา กับว่าที่ประธานาธิบดีใหม่อย่างนาย Donald Trump ที่สามารถเอาชนะ Hillary Clinton ผู้สมัครเข้าชิงพรรคตรงข้าม Tim Cook ซีอีโอของ Apple ก็ได้ส่งอีเมล์ถึงพนักงานทุกๆ คนในบริษัทของเขาหลังจากเหตุการณ์นี้กันด้วยล่ะ Tim Cook ซีอีโอของ Apple ถึงทุกๆ คน… วันนี้ผมได้ยินเรื่องราวมากมายจากพวกคุณเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศเรา ในเชิงการเมืองนั้น ผู้สมัครแต่ละคนก็ได้รับเสียงสนับสนุนจากพอๆ กัน แต่ถึงเรื่องนี้จะจบไปแล้ว เรื่องราวนี้ก็ยังคงฝังความรู้สึกที่รุนแรงไว้ในจิตใจของพวกคุณอยู่ ที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือ ทีมงานของบริษัทเรานั้นก็มีมากมายหลากหลาย นั่นรวมถึงผู้สนับสนุนของพรรคการเมืองทั้งสองฝ่าย แต่ไม่ว่าเราแต่ละคนจะสนับสนุนหรือเชียร์ฝ่ายไหน หนทางเดียวที่บริษัทของเราจะสามารถก้าวผ่านสถานการณ์ย่ำแย่และเดินไปข้างหน้าได้นั้นก็คือการร่วมมือกันของทุกๆ คน อย่างที่ Dr. Martin Luther King, Jr. เคยพูดไว้เมื่อ 50 ปีก่อนว่า “ถ้าคุณบินไม่ได้ก็วิ่ง ถ้าวิ่งไม่ได้ก็เดิน ถ้าเดินไม่ได้ก็คลาน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการก้าวไปข้างหน้าแบบไม่หยุดนิ่ง” และผมเชื่อว่าคำพูดนี้สามารถใช้ได้กับทุกยุคสมัย หนทางเดียวที่จะทำให้บริษัทเราสามารถผลิตผลงานที่สุดยอดและพัฒนาตัวเองได้อย่างสม่ำเสมอนั้นก็คือการก้าวไปข้างหน้า แต่ผมก็ทราบเกี่ยวกับความกังวลของทุกๆ คนต่ออนาคตของประเทศ ผมก็อยากให้ทุกๆ คนแน่ใจว่าถึงแม้การเมืองจะเปลี่ยนไป แต่บริษัทของเรานั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลง…
-
ผู้เชี่ยวชาญภาษากาย วิเคราะห์ท่าทาง Trump ขณะเข้าพบ Obama แท้จริงพวกเขาคิดอะไร!?
อาจเรียกได้ว่าตอนนี้คงเป็นบุคคลที่ได้รับความสนใจมากที่สุดของโลกเลยทีเดียว สำหรับนาย Donald Trump ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของประเทศสหรัฐอเมริกา และล่าสุด Donald Trump ก็ได้ไปเข้าพบ Barack Obama ประธานาธิบดีคนปัจจุบันในทำเนียบขาว เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่การรับตำแหน่งสืบต่อของประธานาธิบดีคนใหม่ ที่จะมีขึ้นในต้นปีหน้า และระหว่างการที่พบกันนั้น แม้จะดูเป็นการแถลงปกติทั่วไป แต่คราวนี้ผู้เชี่ยวชาญการอ่านภาษากายอย่าง Patti Wood ก็ได้วิเคราะห์ท่าทีตอนพบกันของทั้งสองออกมา… ‘สำหรับ Obama นั้น เขามีท่าทางที่ดูหมดพลัง หมดไฟ และเกือบๆ จะท้อแท้เลยทีเดียว ส่วน Trump นั้นดูลังเล เคร่งเครียด และอาจเรียกได้ว่ามีความกลัวเจือๆ อยู่ในพฤติกรรมของเขา’ Patti กล่าว พวกเขาได้ทำการพูดคุยเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านอำนาจกันแบบส่วนตัว เป็นระยะเวลากว่า 90 นาทีก่อนที่จะออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะชน ซึ่งทาง Trump ก็ได้ให้คำนิยามถึงประธานาธิบดีคนปัจจุบันว่า ‘เป็นคนที่ดีมากๆ’ ‘แต่ถ้าสังเกตดูดีๆ ท่านั่งของทั้งสองคนนั้น คือการกดขาให้ต่ำลง แสดงให้เห็นถึงความเป็นชาย และผู้นำของทั้งคู่ ราวกับบอกว่าพวกเขาคือหัวหน้า ราวกับบอกโดยนัยว่าพวกเขาคือคนสำคัญ’ Patti กล่าว ความลังเล จากลักษณะการวางมือของ Trump…
-
ข้อถกเถียงจากประชุมนานาชาติ ไทยแบนบุหรี่ไฟฟ้า แต่ผู้เชี่ยวชาญบอก อันตรายน้อยกว่าบุหรี่จริง!?
เมื่อเดือนที่ผ่านมา #เหมียวหง่าว ได้นำเสนอผลการศึกษาและวิจัยของสาธารณสุขประเทศอังกฤษไปแล้วว่าจริงๆ แล้วมันช่วยให้คนเลิกบุหรี่จริงได้ (เพื่อนๆ สามารถกลับไปอ่านบทความแบบเต็มๆ ที่ ลิงค์นี้ ได้เลย ) และในวันนี้เราลองไปฟังความเห็นของนายแพทย์ชาวกรีก คุณ Konstantinos Farsalinos ที่เป็นนักวิจัยและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหัวใจ จากมหาวิทยาลัย University of Patras ได้ออกมาให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าในงานประชุม COP7 ที่กำลังจัดขึ้นในประเทศอินเดียกันบ้างดีกว่า เริ่มแรกนั้นนายแพทย์ Konstantinos บอกว่าเขาเริ่มรู้จักมันเมื่อปี 2011 หลังจากที่เพื่อนของเขาที่เป็นสิงห์อมควันส่งรูปภาพมาให้ดูว่าเขาได้เปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าเรียบร้อยแล้วนะ ซึ่งตอนนั้นเขาก็ยังไม่รู้จักมันดี รู้แค่ว่ามันมีบุหรี่ไฟฟ้าแล้วนะ มีรูปร่างหน้าตาแบบนี้ แต่ยังไม่รู้ว่ามันทำงานอย่างไร หรือจริงๆ แล้วมันคืออะไร? นั่นทำให้เขาสนใจและเริ่มที่จะทำการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับมัน ซึ่งเขาก็ให้สัมภาษณ์ต่ออีกว่า การที่สินค้า ยา หรืออะไรก็ตามแต่ที่จะส่งผลต่อสุขภาพของผู้บริโภคนั้นจะต้องมีการศึกษาและวิจัยมาแล้ว และต้องคอนเฟิร์มว่ามันปลอดภัยจึงจะนำมาขายสู่ตลาดได้ หลังจากนั้นก็ต้องทำการสังเกตุการณ์ในระยะยาวต่อไปว่าผลของการใช้งานนั้นมันจะเป็นไปในทางที่ดีกันแน่ และสำหรับการใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นคุณหมอ Konstantinos ก็ได้บอกว่าหากเราสนับสนุนให้ผู้คนหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าแทนนั้นในระยะยาวอีก 50 ปี จะสามารถช่วยชีวิตคนได้นับล้านคนเลยล่ะ ทั้งนี้เขาก็ได้ให้เหตุผลว่าหลายๆ คนที่สูบบุหรี่นั้นมักจะสูบมานานและวิธีการที่พวกเขาเลือกในการใช้ที่จะเลิกก็มักจะเป็นการค่อยๆ ลดการสูบบุหรี่ลงมากกว่า ซึ่งวิธีนี้มักจะทำให้คนสูบบุหรี่ยืดระยะเวลาการสูบออกไปอีก…
-
ฟินแลนด์เริ่มเปลี่ยนหลักสูตรการเรียน โดยนำเอา ‘วิชาพื้นฐาน’ ออกไปจากระดับ ม.ปลาย!?
ระบบการศึกษาของประเทศ Finland นั้นถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในระบบที่ดีที่สุดในโลก จากการจัดระดับของนานาชาติแล้วพวกเขาจะต้องติดอยู่ 1 ใน 10 อันดับแรกเสมอ แต่อย่างไรก็ตาม ทางผู้บริหารก็ยังคงไม่หยุดยั้งที่จะทำการพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศตัวเองต่อไป ถึงแม้ว่ามันจะให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีทุกปีก็ตาม และล่าสุดทางฟินแลนด์ก็เพิ่งจะประกาศออกมาเป็นทางการว่าพวกเขาต้องการที่จะยกเลิกวิชาเรียนหลากหลายวิชาออกจากหลักสูตรการศึกษา จะไม่มีการสอนวิชา ฟิสิกส์, คณิตศาสตร์, วรรณคดี, ประวัติศาสตร์, และภูมิศาสตร์ ในโรงเรียนอีกต่อไป รัฐมนตรีของกระทรวงการศึกษาของประเทศฟินแลนด์ Marjo Kyllonen ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวว่า “มีโรงเรียนมากมายที่ทำการเรียนการสอนในแบบเก่าๆ ซึ่งมันส่งผลดีอย่างมากใช่วงต้นศตวรรษที่ 20 แต่ความต้องการมันเปลี่ยนไปแล้ว และพวกเราต้องการอะไรที่มันใหม่สำหรับศตวรรษที่ 21” แทนที่จะต้องมานั่งเรียนแต่ละวิชาแยกกันไป เหล่านักเรียนทั้งหลายจะได้เรียนเกี่ยวกับเหตุการณ์ และปรากฏการณ์ต่างๆ ในรูปแบบของสหวิทยาการ ยกตัวอย่างเช่น การศึกษาเรื่องราวในสงครามโลกครั้งที่สองผ่านมุมมองทางประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เป็นต้น ด้วยวิธีการเรียนการสอนแบบ “Working in a Cafe” (อารมณ์แบบนั่งเรียนในร้านกาแฟ) จะช่วยให้นักเรียนนั้นสามารถดูดซับความรู้ทั้งหมดไปในคราวเดียว นอกจากนี้ยังมีการฝึกภาษาอังกฤษ วิชาเศรษฐศาสตร์ และ สกิลการสื่อสารกับผู้อื่น ในบทเรียนด้วย …
-
ฮาร์วาร์ดเผย 6 วิธีเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กดี ไม่ก้าวร้าวต่อสังคม และไม่สั่งให้คนอื่นกราบสิ่งของ!!
สำหรับหัวอกคนเป็นพ่อแม่แล้ว ทุกคนล้วนอยากให้ลูกเติบโตมาเป็นคนดีของสังคม ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น แต่ทว่าสิ่งนี้เอง ก็ต้องเกิดจากการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดในสถาบันครอบครัวด้วยเช่นกัน วันนี้ #เหมียวบ็อบ จะพาไปดู 6 เคล็ดลับที่ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน Harvard Acedemy ออกมาเผยว่า ส่งผลต่อพฤติกรรมของเด็กในอนาคตจริง และวิธีการต่างๆที่ถูกนำมาอธิบายในเว็บไซต์ Brightside ที่จะช่วยให้ลูกๆของเรามีความรับผิดชอบ มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และไม่ก้าวร้าวต่อคนรอบข้าง… 1. สอนให้รู้จักที่จะควบคุมอารมณ์ ความโกรธ ความเศร้า หรือแม้แต่ความผิดหวัง ล้วนเป็นอารมณ์ที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจไม่ใช่แค่สำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นกับเด็กเช่นเดียวกัน สิ่งสำคัญคือพ่อแม่ควรสอนให้ลูกจัดการกับอารมณ์แง่ลบให้ได้ เมื่อไหร่ที่เขาโมโห ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ให้ใช้ช่วงเวลาที่ลูกเริ่มรู้สึกใจเย็นขึ้นมาบ้าง ให้ข้าไปพูดคุย และสอนใช้เทคนิคการหายใจเข้าทางจมูก หายใจออกทางปาก พร้อมกับพยายามนับ 1-5 เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คนเราเกิดความรู้สึกโมโห เลือดในร่างกายจะสูบฉีดอย่างแรง และหัวใจจะเต้นรัวมากกว่าปกติ ดังนั้นการกำหนดลมหายใจ เปรียบได้เหมือนเครื่องมือที่ใช้จัดการกับอารมณ์ร้ายได้เป็นอย่างดี 2. พูดคุยกับลูก ให้รู้จักมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองกระทำ พ่อและแม่ คือต้นแบบที่ลูกจะเรียนรู้ และเอาอย่าง สิ่งสำคัญที่สุดคือการสอนให้พวกเขามีความรับผิดชอบ ต่ออะไรก็ตามที่ได้กระทำลงไป อย่างเช่น กินขนมเสร็จก็ต้องนำไปทิ้งให้เป็นที่เป็นทาง ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า ให้พ่อแม่พยายามอธิบายกับลูกๆอย่างใจเย็นว่า อะไรคือความรับผิดชอบ และมันส่งผลอย่างไรบ้างระหว่างตัวของลูกเอง…
-
16 สิ่งก่อสร้างยักษ์ และโปรเจ็คยิ่งใหญ่จากรอบโลก ที่ดูช่างก้าวล้ำยิ่งนัก!!
โลกของเราใบนี้นั้นเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์มากมาย โดยเฉพาะโปรเจ็คต์ก่อสร้างขนาดใหญ่ที่พลิกโฉมมนุษยชาติมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน… โปรเจ็คต์เหล่านี้นั้นไม่ใช่แค่มูลค่าระดับร้อยล้าน แต่เป็นพันล้าน หมื่นล้าน หรือแสนล้านกันเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้ ทางเราก็อยากพาเพื่อนๆ ไปชม 16 โปรเจ็คต์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่กำลังอยู่ในช่วงดำเนินงาน (และบางชิ้นก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว) แต่ที่แน่ๆ พวกมันอาจพลิกโฉมโลกใบนี้กันได้เลยทีเดียว!! Pingtang telescope กล้องโทรทรรศน์ขนาดยักษ์ในประเทศจีน กล้องที่ออกแบบมาเพื่อตามหาสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกนี้นี้พึ่งเสร็จสดๆ ร้อนๆ เมื่อเดือนกันยายนปีนี้ นอกจากเป็นกล้องโทรทรรศน์ที่มีอานุภาพสูงแล้ว จานดาวเทียมของมันยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีเส้นผ่านศูนย์กลางเกือบ 500 เมตร สามารถจับสัญญาณได้ในระยะมากกว่า 1,000 ปีแสงจากโลกซะอีก!! Gotthard Base Tunnel อุโมงค์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากใช้เวลาก่อสร้างยาวนานกว่า 17 ปี วันที่ 1 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมาจึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ อุึโมงค์มีระยะทางยาวกว่า 56 กิโลเมตร เป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดและลึกที่สุดในโลก ตัดผ่านเทือกเขาแอลป์ที่ตั้งอยู่ในทวีปยุโรป Panama Canal คลองปานามา แห่งประเทศปานามา ด้วยระยะเวลากว่า 102…
-
อยากลองมั้ยยย!! 5 เมนูแกงกะหรี่หน้าตาแปลก หาทานที่ไหนไม่ได้ นอกจากญี่ปุ่นเท่านั้น
เมื่อพูดถึงอาหารญี่ปุ่น หลายคนคงนึกถึงเมนูแกงกะหรี่ อย่างข้าวหน้าแกงกระหรี่ญี่ปุ่น บวกหมูทอดทงคัตสึสุดฟิน ก็ชวนยั่วน้ำลายซะเหลือเกิน แต่เมื่อ “ญี่ปุ่น” ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความครีเอท และสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ขึ้นมาอยู่เสมอ มีหรือที่เค้าจะอยู่เฉย เพราะไม่เพียงแต่สิ่งประดิษฐ์เท่านั้น ที่มีความแปลก อาหารยอดฮิตอย่างแกะกะหรี่ ก็ถูกดัดแปลงให้แปลกกว่าเดิมเช่นกัน วันนี้ #เหมียวขี้อ้อน ได้นำเอาเมนูแกงกะกรี่หน้าตาไม่คุ้นเคยมาให้ได้เชยชม ซึ่งบางคนอาจจะเคยเห็นกันมาแล้ว แต่เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่เคยเห็นมาก่อนแน่นอน ว่าแล้วก็ไปชมกันเลย 1.Maje Maje Curry (Mix-Mix Curry) เริ่มจาก Maje Maje Curry (Mix-Mix Curry) แกงกะหรี่ที่มีความแปลกใหม่ แกงนี้มีลักษณะจะเป็นสีชมพูและสีฟ้าสดใสสวยงาม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก การ์ตูนอนิเมะ Mahou Shoujo (สาวน้อยเวทมนตร์มาโดกะ) นั่นเอง เป็นแกงกะหรี่สำเร็จรูปที่ถูกนำออกมาวางขายในร้านหนังสือ Village Vanguard ใน 1 แพคเกจจะมีถุงแกงสองถุงแยกกัน และเมื่อนำมาผสมกันแล้ว ทำให้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในโลกเวทมนตร์เลย สำหรับ Maje Maje Curry…
-
Dejana Backo สาวเซอร์เบียผู้ไร้แขน กลายมาเป็นนักกีฬาเทควันโด้ และศิลปินวาดภาพสุดงาม
เพราะต้นทุนทางชีวิตของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ต้องยอมแพ้ในการใช้ชีวิตหรอกนะ… Dejana Backo สาวชาวเซอร์เบียวัย 22 ปีผู้ไร้แขน แต่เธอกลับชนะรางวัลเหรียญเงิน ในการแข่งขันเทควันโดรายการ Open European Para-Taekwondo Championships ในกรุงวอซอว์ ประเทศโปแลนด์มาหมาดๆ !? ซึ่งตอนนี้หลายๆ คนได้มองเธอเป็นไอดอลไปเป็นที่เรียบร้อย โดยเฉพาะโค้ชของเธอ Aleksandar Andeevski นั้นภาคภูมิใจสุดกับตัวเธอมาก Dejana Backo Aleksandar Andeevski โค้ชของเธอเล่าว่า ‘เธอคือฮีโร่ตัวจริงเลยหลายเดือนก่อนเธอโทรศัพท์เข้ามา แอดเฟซบุ๊ค และเข้ามาเริ่มซ้อมอย่างจริงจัง ความมุ่งมั่นและตั้งใจของเธอทำลายทุกๆ อุปสรรคที่เธอเผชิญ นับเป็นเกียรติอย่างมากเลยล่ะที่ได้สอนวิชาเทควันโดให้เธอ’ ‘ที่สำคัญที่สุด เธอแสดงให้เห็นว่า ทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างนั้นเป็นไปได้ และไม่มีข้ออ้างใดๆ ให้กับความขี้เกียจ!!’ Aleksandar กล่าวปิด เธอฝึกซ้อมอย่างตั้งใจ ไม่เคยมีอะไรมาหยุดยั้งเธอได้ และนอกจากนี้เธอก็ยังเป็นศิลปินที่วาดภาพด้วยเท้าของเธอ ‘ความพิการนั้น ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนไร้ขา หรือไร้แขนแค่นั้น มันเป็นความคิดแย่ๆ ที่จะหยุดคุณเอาไว้ ไม่ว่าจะมีข้อแม้อะไรก็ตาม คุณสามารถทำให้ชีวิตของคุณนั้นประสบความสำเร็จได้’ Dejana…
-
12 ภาพการสัมภาษณ์งานบริษัทดัง ล้อเลียนจุดเด่นของแต่ละบริษัท ได้แบบเจ็บจี๊ดดด!!
หลายคนคงเคยใฝ่ฝันไว้ว่า อยากจะเข้าไปทำงานในบริษัทแบรนด์ดังที่มีชื่อเสียง แต่นั่นอาจไม่ใช่เรื่อง่าย เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทแบรนด์ดัง มันทำให้เราไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลยว่า จะต้องเจอกับคำถามแบบไหน หรือบางทีอาจได้เจอกับกรรมการสอบสัมภาษณ์สุดโหดก็ได้ วันนี้ #เหมียวขี้อ้อนจะพาคุณมารับชมผลงานของ Leonid Khan ศิลปินและนักเขียนการ์ตูน จากคาซัคสถาน ผู้วาดภาพการ์ตูนล้อเลียนการสัมภาษณ์งานของบริษัทดัง โดยได้นำเอามุขเสียดสีขำๆ ที่เป็นจุดเด่นของแต่ละบริษัทมาแซวเล่น โดยแต่ละภาพที่ได้สื่อออกมานั้น ทั้งแอบฮา และแอบเจ็บจี๊ดเบาๆ ว่าแล้วก็มาชมกันเลยดีกว่าจะคุณจะเข้าใจหรือเปล่า? 1.บริษัท Ikea บริษัท: นั่งลงก่อนสิ… คุณ: หืมมมมมม!! (จะต้องประกอบเองสินะ) 2.บริษัท Apple บริษัท: ถ้าคุณเข้ามาทำงานกับเรา คุณจะมีพัฒนา iPhone 6s อย่างไร? คุณ: ผมจะออกแบบให้ไม่มีสายชาร์จ เพราะถ้าแบตหมด พวกเขาจะได้ซื้อเครื่องใหม่ บริษัท: ฉลาดมาก คุณได้งานนี้แล้ว 3.L’oreal บริษัท: ทำไมเราถึงควรรับคุณเข้าทำงาน? คุณ: ก็เพราะว่าฉันคู่ควรกับมัน บริษัท: โอเค งั้นจ้างเลยละกัน 4.งานอื่นๆ…
-
นักกู้ภัยแนะวิธีเอาตัวรอดจากการ ‘สำลักอาหาร’ เมื่ออยู่เพียงลำพัง ช่วยให้รอดชีวิตได้
เชื่อเลยว่าเพื่อนๆ หลายคนคงเคยมีอาการ ‘อาการสำลัก’ กันมาก่อน ซึ่งเป็นอาการที่วัตถุบางอย่าง เช่นอาหาร น้ำ เข้าไปทางหลอดลมแล้วจึงเกิดการสำลักออกมา แน่นอนว่าถ้าหากมีอาหารชิ้นขนาดใหญ่เข้าไปติดอยู่ในหลอดลมแล้วเราไม่สามารถเอามันออกมาได้ทันการล่ำก็ จะทำให้ร่างกายของเราขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิตได้เลยล่ะ เพราะฉะนั้นการช่วยเหลือคนที่เกิดอาการสำลักง่ายๆ เลยก็คือ โอบกอดคนสำลักจากทางด้านหลัง แล้วก็วางมือของเราไว้บริเวณใต้ลิ้นปี่ จากนั้นก็รัดแบบกระแทกตรงบริเวณนั้นจนอาหาร หรือของที่เข้าไปติดอยู่ในหลอดลมหลุดออกมา วิธีการดังกล่าวจะต้องใช้คน 2 คนขึ้นไป แต่จะเป็นอย่างไรถ้าเราเกิดสำลักในตอนที่อยู่คนเดียวล่ะ!? ในวันนี้ คุณ Jeff Rehman เจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ในการช่วยเหลือชีวิตคน กับการเป็นทีมกู้ภัยมากว่า 22 ปี ก็มีวิธีในการเอาตัวรอดในเวลาที่เกิดอาการสำลักด้วยเองมาฝากเพื่อนๆ กัน เผื่อเอาไว้ป้องกันไว้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่คาดฝันขึ้นในตอนที่เราอยู่คนเดียว เป็นหลักการง่ายๆ แบ่งออกเป็น 3 ข้อด้วยกัน ดังนี้ 1. อย่าตื่นตกใจ พยายามควบคุมสติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 2. คุกเข่าลงไป จากนั้นก็โน้มตัวลงไปด้านหน้าค้ำเอาไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างของตัวเอง 3. จากนั้นก็ยกแขนขึ้นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ลำตัวของเราลงไปกระแทกพื้น โดยแรงกระแทกจะสร้างแรงลมขึ้นมา และลมที่ว่านั้นก็จะช่วยดันให้เจ้าเศษอาหารนั้นหลุดออกมาจากหลอดลม จนทำให้เราสามารถกลับมาหายใจได้อย่างปกติ…
-
เมื่อนักวิทย์ฯ บอก ‘หนุ่มลงพุง’ มีแนวโน้มดึงดูดสาวๆ และอายุยืนกว่าผู้ชายรูปร่างปกติ!?
ยุคนี้คือยุคของคนสุขภาพดี หนุ่มๆ หลายคนพยายามออกกำลังกาย เล่นกล้ามเพื่อที่จะได้มีหุ่นที่สวยงามจนสาวๆ เหลียวมอง แต่เมื่อช่วงต้นปี 2016 ที่ผ่านมา เริ่มมีกระแส Dad Bods (หนุ่มพุงพลุ้ย) โด่งดังในต่างประเทศ ทำให้หนุ่มลงพุงหรือหุ่นแบบป๋าๆ ทั้งหลายเริ่มยิ้มได้ ว่าหุ่นแบบพวกเขาก็เป็นที่ต้องการของสาวๆ เหมือนกัน ล่าสุดเริ่มมีการวิจัยและค้นคว้าอย่างจริงจังเกี่ยวกับผู้ชายทรง Dad Bods โดยนักวิยาศาสตร์ออกมาเปิดเผยว่าผู้ชายที่มีรูปร่างท้วมนิดๆ ลงพุงหน่อยๆ จะมีความดึงดูดเพศตรงข้ามมากกว่าผู้ชายรูปร่างอื่นๆ และมีอายุที่ค่อนข้างยืนยาวกว่าด้วย ศาสตรยจารย์ด้านมานุษยวิทยา Richard Bribiescas จากมหาวิทยาลัย Yale University ได้เขียนหนังสือ ‘How Men Age: What Evolution Reveals About Male Health and Mortality‘ หนังสือเล่มนี้พูดถึงน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นของท่านชายเมื่อต้องกลายเป็นพ่อคน โดยให้รายละเอียดว่าผู้ชาย Dad Bods นั้นจะมีระบบภูมิคุ้มกันมากกว่า และในระยะยาวพวกเขาจะป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่าด้วย ย้อนกลับไปในปี 2008 มีการศึกษาที่ค้นพบว่าผู้ที่มีระบบการเผาผลาญสูง (High Metabolisms)…
-
แนะนำวิธีแก้อาการวิงเวียน จากกลิ่น “ต้นตีนเป็ด” ที่ผู้คนโหยหวนทั่วบ้านทั่วเมือง
พอเข้าใกล้ช่วงฤดูหนาวทีไรเราก็มักจะได้กลิ่นกลิ่นหนึ่งเสมอ เป็นกลิ่นเหม็นๆ ที่ลอยมาตามอากาศ บางคนสูดดมเข้าไปมากๆ ถึงกับมีอาการมึนหัวเลยก็มี… ใช่แล้วล่ะกลิ่นที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้คือกลิ่นจากต้นตีนเป็ดนั่นเอง ต้นตีนเป็ดนั้นมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าพญาสัตบรรณ มันคือไม้ยืนต้นที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป นิยมปลูกเพื่อให้ร่มเงาและความสวยงาม เจ้าต้นไม้ต้นนี้จะมีดอกสีเขียวอ่อนเป็นช่อตามปลายกิ่งในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม และแน่นอนว่าเอกลักษณ์ของมันก็คือกลิ่น ที่บางคนบอกว่าเหม็นแต่บางคนกลับว่าหอม คนที่ไม่มีปัญหาอะไรกับกลิ่นของมัน#เหมียวฟิ้นขอแสดงความยินดีด้วยนะ (คุณคือผู้แข็งแกร่ง) แต่สำหรับใครที่ทนไม่ไหวล่ะก็ อย่าเพิ่งหมดหวังไป เพราะว่าเรามีวิธีต่อกรดีๆ มาฝากกันล่ะ วิธีแก้ไขเมื่อกลิ่นมารบกวน สำหรับใครที่รู้สึกรำคาญกลิ่นของมัน วิธีแก้แบบดั้งเดิมเลยคือนำเอาใบพลูสัก 3 ใบมาตำหรือขยี้ให้แหลก จากนั้นก็นำเอายาผงแดงมาผสม (หาซื้อได้ตามร้านขายยา) เมื่อทุกอย่างเข้าที่ก็นำผ้าขาวบางมาห่อส่วนผสมไว้ แล้วเอามาดมเมื่อคุณเกิดอาการวิงเวียนจากกลิ่นต้นตีนเป็ด หรือหากว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ให้เปิิดหน้าต่างในตอนกลางวันแล้วปิดในตอนกลางคืน เพราะในช่วงนั้นดอกตีนเป็ดจะส่งกลิ่นออกมาเยอะที่สุด แล้วหาพวกดอกไม้แห้งที่ส่งกลิ่นหอมมาไว้ในห้องช่วยเพิ่มกลิ่นสดชื่น หรือจะใช้เป็นพวกเปลือกส้ม ยูคาลิปตัส สเปรย์ดับกลิ่นต่างๆ มาพ่นไว้ในห้อง ก็พอจะช่วยได้เหมือนกัน แต่ถ้าบ้านคุณมีแอร์ การเปิดแอร์ก็ดูจะเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดล่ะนะ วิธีแก้ไขหากบ้านคุณปลูกไว้เอง สำหรับบ้านที่ปลูกเอาไว้ ให้ตัดแต่งกิ่งอยู่เสมอโดยเฉพาะก่อนช่วงที่ดอกจะออกในฤดูหนาว เพื่อให้ดอกของมันออกไม่ทันในฤดูกาล กลิ่นของมันก็จะลดน้อยลงไปได้ หากว่าต้นตีนเป็ดเริ่มสูงมากจนขึ้นไปตัดลำบาก ถ้าบ้านใครมีเครื่องพ่นน้ำแรงดันสูงก็สามารถฉีดไปที่ดอกของมันเพื่อให้ดอกมันร่วงลงไป ทั้งหมดนี้คือวิธีต่อสู้กับกลิ่นไม่พึงประสงค์จากดอกตีนเป็นล่ะ แม้เราจะไม่ชอบมันขนาดไหน แต่กลิ่นของมันก็ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ…
-
รู้จักกับ ‘มวนน้ำ’ แมลงตัวเล็กแต่สร้างเสียงดังก้องกังวาล โดยใช้กระปู๋ตีท้องตัวเอง!?
เพื่อนๆ หลายคนจะรู้กันดีว่าเหล่าสัตว์ทั้งหลายจากทั่วโลกนั้นต่างก็มีวิธีในการเปล่งเสียงที่แตกต่างกันออกไป แถมบางชนิดยังส่งเสียงได้ดังแบบสุดๆ อีกต่างหาก และในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับแมลงที่ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่สร้างเสียงได้ดังมากที่สุดในโลก แต่วิธีการสร้างเสียงของมันนั้นช่างแปลกซะเหลือเกิน เรื่องราวจะเป็นอย่างไรลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… มวนน้ำ หรือ มวนกรรเชียง (Water Boatman) เป็นแมลงตัวห้ำที่ล่าสัตว์ชนิดอื่นๆ เช่นปลา ลูกอ๊อด และแมลงชินดต่างๆ กินเป็นอาหาร มีถิ่นอาศัยอยู่ในน้ำมีลำตัวกว้างประมาณ 0.5 เซนติเมตร และยาว 1-2 เซนติเมตร ด้วยขาคู่หลังที่ดูยาวออกไปนั้นส่งผลให้เวลามันว่ายน้ำก็จะเคลื่อนที่ขาคู่หลังคล้ายกับพายเรือกรรเชียง มันชอบว่ายน้ำแบบหงายท้อง ทำให้สามารถจับปลาตัวเล็กๆ และลูกอ๊อดที่อยู่ในน้ำ หรือแม้กระทั่งจับเหยื่อที่อยู่บนผิวน้ำกินได้ เจ้ามวนน้ำนี้จัดเป็นสัตว์ที่ส่งเสียงดังที่สุดในโลกเมื่อเทียบกันกับขนาดตัวที่ยาวเพียง 2 เซนติเมตร แต่โดยเฉลี่ยแล้วแมลงน้ำจืดที่พบได้ทั่วยุโรปชนิดนี้ทำเสียงดังราวๆ 78.9 เดซิเบล และสามารถดังขึ้นไปได้ถึง 99.2 เดซิเบล ซึ่งเทียบเท่ากับเสียงจากวงออเคสตราเมื่อนั่งฟังจากแถวหน้าสุดเลยล่ะ แต่ไม่ต้องตกใจไปว่าเสียงของมันจะดังน่ารำคาญจนเกินไป เพราะว่าเจ้ามวนน้ำนั้นอาศัยอยู่ใต้น้ำ 99% ของเสียงจะสูญเสียไประหว่างการเดินทางจากน้ำมายังอากาศ ทำให้เหลือเสียงเพียงนิดเดียวโผล่พ้นขึ้นมาบนผืนน้ำ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพอได้ยินเสียงของพวกมันอยู่ดี ซึ่งวิธีการสร้างเสียงของมันนั้นก็ค่อนข้างที่จะไม่ธรรมดาเลยล่ะ เพราะว่ามันใช้…
-
Rita Kluge ช่างภาพผู้หลงใหล ครอบครัววาฬหลังค่อม ถ่ายทอดความรู้สึกผ่านภาพถ่ายสุดอลังการ
วาฬหลังค่อม ก็จัดได้ว่าเป็นวาฬสายพันธุ์หนึ่งที่ไม่ได้ถูกจัดว่าเป็นวาฬใกล้สูญพันธุ์แต่อย่างใด แต่กระนั้นเราก็ยังรู้เห็นเรื่องราวของพวกมันน้อยอยู่ดี และ Rita Kluge ช่างภาพชาวออสเตรเลียก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ ความประทับใจแรกของเธอต่อวาฬนั้นคือการที่ได้เห็นมันเดินทางผ่านทางใต้ของชายฝั่ง New South Wales ประเทศออสเตรเลีย เพื่อข้ามไปยังแหล่งอาหารในทวีปแอนตาร์กติกา สถานที่ๆ พวกมันใช้สืบพันธุ์และเลี้ยงดูลูกวาฬที่เกิดมา เธอเกิดความลุ่มหลงในพวกมันอย่างมาก และได้ตัดสินใจตามถ่ายภาพพวกมันมาตั้งแต่ตอนนั้น ‘มีครั้งหนึ่งที่ลูกวาฬขนาดราวๆ 4 เมตรว่ายตรงเข้ามาหาฉัน และเล่นคลอเคลียกับฉัน มันเป็นอะไรที่วิเศษมากๆ’ เธอกล่าว ‘มันไม่เหมือนกับสัตว์ทะเลชนิดอื่นๆ เช่น โลมา ฉลาม แมวน้ำ เต่า หรือสิงโตทะเล ที่คุณสามารถเข้าไปดูใกล้ๆ ได้เห็นบ่อยๆ หรือแม้กระทั่งสัมผัสพวกมันได้’ Rita กล่าว ‘เวลาที่คุณได้มองเข้าไปในดวงตาของมัน ราวกับว่าชีวิตของคุณนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล เหมือนกับได้เข้าไปในโลกอีกโลก ไร้ความยุ่งเหยิง รู้สึกถึงความเก่าแก่และน่ารักไปในเวลาเดียวกันแบบบอกไม่ถูก’ เธอกล่าวต่อ ‘คุณสามารถเข้าใกล้พวกมันได้ แต่ไม่ได้ใกล้ขนาดนั้น หมายถึง วาฬน่ะรู้ว่าพวกมันจะไม่ทำร้ายคุณ แต่ลูกวาฬนี่สิ เพราะความขี้เล่นของมัน แต่พวกมันจะไม่รู้หรอกนะว่าพวกมันน่ะแรงเยอะ ทำให้คุณต้องดูลักษณะของวาฬดีๆ เพราะบางทีมันก็อาจว่ายพุ่งตรงเข้ามาชนคุณจนของร่วงลงทะเลเลยทีเดียว แน่นอนว่ามันไม่ได้มีเจตนาทำร้ายหรอกนะ’ เธอกล่าวปิด’ วาฬทุกๆ ตัวมีเอกลักษณ์ของมัน และมีเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป…
-
นักวิทย์ฯ ไขปริศนา “สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา” อาจเกิดจากเมฆหกเหลี่ยมทำให้เกิดแรงลม!!
เราอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ “สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา” มานักต่อนักแล้ว บ้างก็เชื่อว่าเกิดจากคลื่นแม่เหล็ก บ้างก็คิดว่าเป็นเรื่องมนุษย์ต่างดาวเลยก็มี แต่ครั้งนี้นักวิทยาศาสตร์มีข้อพิสูจน์ที่น่าเชื่อถือมาชี้แจงแล้ว นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าได้เกิดกลุ่มเมฆรูป 6 เหลี่ยมที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพราะว่าเมฆรูปนี้จะสร้างแรงลม (แอร์บอมบ์) ขนาด 170 เมตรต่อชั่วโมงแรงลมมากขนาดนี้สามารถทำให้เรือพลิกคว่ำและจมได้ รวมไปถึงเครื่องบินที่บินผ่านก็จะเสียการควบคุมและตกสู่ท้องทะเล เรื่องลึกลับที่เกิดขึ้นในพื้นที่กว่า 500,000 ตารางกิโลเมตรในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ มีเครื่องบินกว่า 75 ลำและเรืออีกหลายร้อยได้สูญหายไปยังที่แห่งนี้ แต่เมฆรูปร่างหกเหลี่ยมนี้อาจอยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์แปลกๆ นี้ เมฆนี้จะสร้างแรงลมพลังสูงที่เรียกว่าแอร์บอมบ์ ซึ่งมีความสูงกว่า 45 ฟุต นักอุตุนิยมวิทยา Randy Cerveny ได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Mirror ว่าเมฆรูปหกเหลี่ยมที่ปรากฎเหนือมหาสมุทรคือกุญแจหลักของเรื่องนี้ มันคือการรวมตัวของเมฆที่เรียกกันว่า “ไมโครเบิร์ส” ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่ทำให้แรงลมพุ่งจากที่สูงลงไปสู่พื้นข้างล่างอย่างรวดเร็วและรุนแรง เมื่อลงไปยังทะเลแล้วจะทำให้เกิดคลื่น นักวิจัยยังเสริมอีกว่ากลุ่มเมฆนี้จะปรากฎเหนือทางตะวันตกของเกาะเบอร์มิวด้า ขนาดประมาณ 32 ถึง 88 กิโลเมตร และ Dr. Steve Miller นักอุตุนิยมวิทยาดาวเทียมแห่ง Colorado State University…
-
อดีตหน่วย Navy SEAL เผยเทคนิคการเอาชีวิตรอดได้ง่ายๆ จากการถูกมัดและจับถ่วงน้ำ!!
หนึ่งในหน่วยรบที่มีชื่อเสียงที่สุดของสหรัฐอเมริกาจนได้รับการขนานนามและยอมรับไปทั่วโลกนั้น หนึ่งในชื่อที่คุ้นหูกันที่สุดก็คงไม่พ้นหน่วย Navy SEAL หรือเรียกกันสั้นๆ ว่าหน่วย SEAL นั่นแหละ SEALS นั้นย่อมาจาก Sea – Air – Land ซึ่งแสดงถึงการปฏิบัติการได้ทั้งในทะเล บนฝั่ง และจากอากาศ เรียกได้ว่าเป็นหน่วยรบที่ครบเครื่อง สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเฉียบขาดและทรงประสิทธิภาพไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนๆ และแน่นอนว่าต้องผ่านการฝึกต่างๆ อย่างเข้นข้นมากๆ กว่าจะแกร่งได้ถึงเพียงนี้ หนึ่งในการฝึกสุดเข้มข้นที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆ ก็คือการจับถ่วงน้ำนั่นเอง นับว่าเป็นการฝึกที่ลูกนาวิกทุกๆ คนต้องผ่านกัน Clint Emerson ก็คือหนึ่งในนั้น เขาเคยเป็นสมาชิกของหน่วยนี้มากว่า 20 ปี และยังเคยปฏิบัติการณ์ในถานที่อันตรายต่างๆ ทั่วโลก อดีตสมาชิกของหน่วย Seal Team 6 นั้น ตอนนี้เขาได้ผันตัวมาเป็นนักเขียนเจ้าของผลงาน 100 Deadly Skills: The SEAL Operative’s Guide to Eluding Pursuers, Evading Capture…
-
นักวิทยาศาสตร์เผย สิ่งที่จะเกิดขึ้นในสมอง ของผู้ที่โกหกบ่อยๆ จนกลายเป็นนิสัย!?
เคยสงสัยกันมั้ยว่า คนที่โกหกบ่อยๆ นั้น เขาไม่เหนื่อยกันบ้างหรือยังไง? หรือว่าเขารู้สึกอะไรกันบ้างหน๊อ? ไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะเพราะวันนี้ #จ่าสิบเหมียว มีคำตอบมากฝาก!! ทุกๆ ครั้งที่เราโกหกนั้น การโกหกครั้งต่อๆ ไปจะง่ายขึ้น และโปรมากขึ้นเสมอ หลายๆ คนเชื่อแบบนั้น ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์แห่ง University College London ประเทศอังกฤษ เลยได้ตัดสินใจศึกษาเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง เพื่อศึกษากระบวนการทางสมอง เมื่อคนทำการ ‘โกหก’ บ่อยๆ จนเป็นนิสัยล่ะ โดยใช้เรื่องง่ายๆ อย่างเกมๆ หนึ่ง กับเหล่าอาสาสมัคร เกมนั้นง่ายแสนง่าย คือการเอาโถใบหนึ่งใส่เหรียญให้เต็ม แล้วให้คนหนึ่งพยายามสื่อสารและบอกเพื่อนร่วมทีมของเขาว่าในโถมีเหรียญอยู่กี่เหรียญ ซึ่งรางวัลที่ได้นั้นก็จะแตกต่างกันออกไป หากร่วมมือกันก็จะได้รางวัลที่ดีกว่า แต่ในบางครั้ง ถ้าคนหนึ่งเลือกที่จะโกหกเพื่อนรางวัลก็อาจจะดีมากกว่านั้นไปอีก ขณะที่กระบวนการและเกมดำเนินไปเรื่อยๆ เหล่านักวิจัยก็จะใช้เครื่องสแกนสมอง fMRI เพื่อดูปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในสมองของคนแต่ละคน ซึ่งในขณะที่โกหกนั้น สมองในส่วนของ Amygdala นั้นจะเรืองแสงขึ้นบนเครื่องสแกน กล่าวคือในสมองส่วนนี้นั้น ราวกับเป็นศูนย์ควบคุมอารมณ์ในสมองของเรา มันจะเรืองแสงในเครื่องสแกนเมื่อเราเกิดความรู้สึกที่ตึงเครียด เช่นเวลารู้ข่าวร้ายต่างๆ หรือเรื่องราวที่ประหลาดใจจนมากระทบความรู้สึกของเรา และในกรณีนี้ สมองส่วนนี้จะเรืองแสงขึ้นเมื่ออาสาสมัครโกหกเพื่อนของตัวเองล่ะ!!…
-
ผู้คนนับร้อย แห่เข้าร่วมพิธีศพของ ‘หนูน้อยนิรนาม’ หลังแม่ทิ้งศพของเธอไว้แถบนั้น…
เรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความอบอุ่นแบบนี้นี่แหละที่ทำให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้นล่ะ… เรื่องน่าเศร้าแต่ประทับใจเรื่องนี้เกิดขึ้นที่เมือง Oxford ประเทศอังกฤษ ขณะที่ประชาชนหลายร้อยคนที่มาเข้าร่วมงานศพของหนูน้อย Raihana (ชื่อที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่พบศพตั้งให้) เจ้าหน้าที่พบซากศพของหนูน้อยแรกเกิดในละแวกนี้ และไม่มีใครรู้เลยว่าเธอคือใคร หรือครอบครัวของเธออยู่ที่ไหน… หนูน้อย Raihana ไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใคร หรือครอบครัวของเธออยู่ไหน แต่เจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษ Jim Holmes ก็ประกาศในงานศพว่าจะตามหาแม่ของหนูน้อยให้ได้ไม่ว่าจะยากขนาดไหน เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าแม่ของเธอได้ทิ้งซากศพไว้หลังจากที่คุณแม่คลอดเธอออกมาและพบว่าลูกสาวของเธอเสียชีวิต ด้วยเหตุที่เธอเป็นศพไร้ญาติ และแทบที่จะไม่มีใครรู้จักเลย Metro.co.uk และคนในพื้นที่เลยได้จัดตั้งแคมเปญกันขึ้นเพื่อระดมทุนจัดงานศพให้เธอ ซึ่งยอดบริจาคนั้นตอนแรกตั้งไว้แค่ 1,000 ปอนด์เท่านั้น แต่ตอนนี้ก็ได้เกินไปเกือบ 2 เท่าตัวเลยทีเดียว ‘ไม่ว่าร่องรอยจะเล็กขนาดไหน เราก็ตามหาจนเจอ’ เจ้าหน้าที่ Jim Holmes กล่าวในพิธีศพ ‘เราจะตามหาแม่ของเธอให้เจอ ฉันสัญญา’ ผู้คนในแถบ Oxford นับร้อยๆ คน มาร่วมพิธีฝังศพของเธอ การวางตุ๊กตาหมีเท็ดดี้สีชมพูและดอกไม้ ถือเป็นสัญลักษณ์ในงาน สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ Holmes ตั้งชื่อหนูน้อยว่า Raihana เพราะว่าเธอมีเชื้อสายอาหรับ และในภาษาอาหรับนั้น…
-
เทียบชัดๆ 10 ภาพการมองเห็นของคน ’20/20 vs 20/200′ มันแตกต่างกันมาก!!
สำหรับใครที่เคยมีโอกาสไปตรวจเช็คสายตา คุณคงพอจะจำได้ว่าหนึ่งในขั้นตอนของการตรวจเช็คนั้น ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะให้ผู้เข้าตรวจอ่านตัวเลขบนแผ่นทดสอบสายตาใช่ไหมละ ซึ่งถ้าหากคุณสามารถอ่านตัวเลขทั้งบนและล่างได้ครบทุกตัว มันจะได้ค่า 20/20 นั่นหมายความว่าระดับการมองเห็นของคุณดีเทียบเท่ากับคนสายตาปกติ แต่ถ้าหากระดับการมองเห็นของคุณอยู่ในค่า 20/200 แสดงว่าค่าสายตาของคุณเริ่มจะไม่ค่อยดีแล้วละ เมื่อเป็นเช่นนี้ หลายคนจึงเกิดความสงสัยขึ้นมาแล้วใช่ไหมละว่า คนที่มีค่าสายตา 20/20 และคนที่มีค่าสายตา 20/200 เขาจะมองสิ่งต่างๆ รอบตัวแตกต่างกันขนาดไหน ครั้งนี้เราได้นำภาพเปรียบเทียบระหว่างคนสายตาปกติ และคนสายตาสั้นมาให้ได้รับชมกัน เพื่อจะได้เห็นว่าการใช้ชีวิตของคนสายตาสั้นนั้นลำบากกว่าคนสายตาปกติมาก หากไร้แว่นตา และคอนแทคเลนส์ 1.ที่ร้านสะดวกซื้อ 2.ท่ามกลางผู้คนกลางสี่แยก 3.เมื่อมีคนโบกมือมาจากอีกฟากหนึ่งของถนน 4.ในดงไผ่ 5.ชมดอกไม้ไฟ 6.ที่สปาแห่งหนึ่ง 7.มาดื่มคาปูชิโน่ 8.เล่นวอลเล่ย์บอล 9.เวลาขับรถ 10.เมื่อคุณต้องอยู่บนเกาะที่ห่างไกลผู้คน ทีนี้เข้าใจหรือยังละว่า… การเป็นคนสายตาสั้นต้องใช้ชีวิตลำบากกว่าคนปกติเยอะเลย ที่มา : buzzfeed
-
พาไปดูความเป็นอยู่ในเมือง ‘โอมียาคอน’ ที่หนาวที่สุดในโลก -67 องศา…อยู่กันได้ไง๊!?
เมื่อฤดูหนาวคืบคลานมาถึง ชาวไทยหลายคนก็คงจะรู้สึกดีไปตามๆ กัน เพราะโดยธรรมชาติแล้วบ้านเราเป็นเขตร้อน เมื่ออากาศเย็นก็ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันดูผ่อนคลายขึ้น แต่ถ้าอากาศหนาวมันมากกว่าปกติล่ะพวกเราจะยังใช้ชีวิตแบบสบายๆ ได้อยู่อีกหรือเปล่า? วันนี้เราจะขอพาทุกๆ คนไปทัวร์เมืองแห่งหนึ่งที่ได้ฉายาว่า “หนาวที่สุดในโลก” เมืองที่ว่านี้มีชื่อว่า Oymyakon (โอมียาคอน) เป็นเมืองเล็กหรือจะเรียกว่าหมู่บ้าน ตั้งอยู่ในแถบไซบีเรีย ประเทศรัสเซีย มีประชากรประมาณ 500 คน ที่ได้รับการขนานนามว่าหนาวที่สุดในโลกก็เพราะว่าเมืองนี้มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ -50 องศาเซลเซียส และเคยหนาวสุดๆ ถึง -67.7 องศาเซลเซียสกันเลยทีเดียว!! (สถิติที่ถูกบันทึกไว้เมื่อปี 1933) ภาพส่วนใหญ่ที่ทุกคนได้เห็นอยู่นี้เป็นฝีมือของช่างภาพชาวนิวซีแลนด์ที่ชื่อว่า Amos Chapple เขาใช้เวลาในการเดินทางจากเมือง Yakutsk (ยาคุตสค์) เมือง (ใหญ่) ที่หนาวที่สุดและมีประชากร 300,000 คน มายังเมืองแห่งนี้ถึง 2 วันเต็ม ทันทีที่เขาก้าวขาออกไปสัมผัสอากาศ เขาก็รู้เลยว่าความหนาวเย็นมันปวดร้าวและทรมาณแค่ไหน… นาย Chapple เล่าถึงประสบการณ์ที่ตัวเองเจอว่า “ตอนที่ผมก้าวเข้าไปที่เมืองนั้น ผมสวมกางเกงบางๆ โดยที่ข้างนอกมีอุณหภูมิ −47 องศาเซลเซียส” “ผมจำความรู้สึกที่ความหนาวเย็นมันแล่นผ่านขาของผมได้ดี และความน่าประหลาดใจอีกอย่างก็คือ บางครั้งน้ำลายของผมจะแข็งเป็นหยดแล้วทิ่มแทงริมฝีปากของผมเอง” เดิมทีเมืองโอมียาคอนนั้นเป็นเพียงทางผ่านสำหรับคนเลี้ยงกวางเท่านั้น แต่หลังจากที่ประชากรในละแวกนั้นเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ชาวบ้านจึงพากันไปสร้างบ้านสร้างอยู่กันในเมืองนั้น…
-
กลุ้มใจ!! 10 ปัญหาของที่สาว “อกใหญ่” ต้องเจอ ใครไม่ใหญ่จริง ไม่เข้าใจพวกเธอหร๊อก
มีสาวๆ บนโลกใบนี้จำนวนมาก ที่เกิดมาพร้อมกับหน้าอกเล็กๆ หน้าอกปานกลาง แต่มีความคิดที่อยากจะไปเสริมให้มันใหญ่ขึ้น นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรือแปลกอะไรหรอกนะ เพราะมันทำให้เราดูดีดูเซ็กซี่มากขึ้น แต่คุณรู้ไหมว่าการเป็นสาวอกใหญ่นั้นต้องเจอกับปัญหาอะไรบ้าง? ในชีวิตประจำวันของพวกเธอต้องเจอกับเรื่องแย่ๆ ร้อยแปด แม้จะมีหุ่นที่เซ็กซี่กว่าคนทั่วไปก็ตาม และวันนี้#เหมียวฟิ้นได้รวบรวมเอาส่วนหนึ่งของปัญหาเหล่านั้นมาเล่าให้ทุกๆ คนได้ฟังกัน ก่อนที่จะตัดสินใจไปเสริมอึ๋มล่ะ 1. คุณไม่สามารถใส่เสื้อเชิ้ตแบบปกติได้ เพราะเมื่อใส่แล้ว หน้าอกของคุณจะไปดันกระดุมให้อ้าออก มันจะทำให้คุณดูโป๊ทันที 2. หาชุดชั้นในที่พอดีๆ ใส่ยาก บราส่วนใหญ่จะมีขนาดพอดีกับหน้าอกไซส์ทั่วๆ ไป และหน้าอกแบบเล็กๆ แต่หากใหญ่เกินไปจะหาบรายากมาก 3. ผู้คนรอบข้างมักจะวิจารณ์ขนาดหน้าอกของคุณ คนรอบข้างทั้งที่สนิทและไม่สนิท มักจะวิจารณ์เรื่องขนาดหน้าอกของคุณแบบไม่สุภาพและไม่ให้เกียรติ โดยที่พวกเขาไม่เคยรู้ตัว 4. ผู้คนมักถามว่าคุณเจ็บหลังหรือเปล่า? อันที่จริงมันก็เป็นการแสดงความเป็นห่วงเป็นใยดีอยู่หรอกนะ แต่มันคล้ายๆ กับการที่คุณถามว่า “คุณไม่หนักนมบ้างเหรอ?” 5. การออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ยากสำหรับบางคน การที่คุณมีหน้าอกใหญ่มากๆ ทำให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร เช่นการวิ่ง …กระเพื่อมจนเจ็บเลยล่ะ… 6. ใส่เสื้อผ้าไซส์พอดีตัวมากไม่ได้ แน่นอนว่าพอหน้าอกของคุณใหญ่แล้ว มันจะทำให้คุณดูเซ็กซี่มากกว่าคนอื่น การเลือกใส่เสื้อผ้าพอดีตัวจะเป็นการโชว์สัดส่วนที่มากเกินไป 7.…
-
แนะนำ 10 อะนิเมะเรื่องราวดีๆ นอกจากดูสนุก ยังแฝงไปด้วยแง่คิดชีวิตอีกด้วย!!
ถ้าหากมีใครมาบอกว่า การดู ‘การ์ตูน’ มันเป็นเรื่องไร้สาระละเราจะขอกัดให้หูขาด!! เอ้ยย…เราขออธิบายให้พวกเค้าเข้าใจว่า แท้จริงแล้ว การ์ตูนหลายๆเรื่องเต็มไปด้วยความรู้ที่แฝงมาพร้อมกับความสนุกให้เด็กๆได้เรียนรู้ แต่เราก็คงปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่ามันก็มีทั้งการ์ตูนที่ดีและไม่ดี เพราะฉะนั้นวันนี้เราขอแนะนำการ์ตูนดีๆที่อยากจะให้เพื่อนๆได้ลองชมกัน ขอบอกเลยว่านอกจากเนื้อเรื่องจะสนุกสนานน่าติดตามแล้ว การ์ตูนทั้ง 10 เรื่องนี้ยังแฝงแง่คิดให้ผู้ชมอีกด้วย 1. Akira หนึ่งในผลงานระดับมาสเตอร์พีซของ ‘คัตสึฮิโร โอโตโมะ’ ที่ถูกตีพิมพ์ในปี 1988 ไม่มีใครคิดว่าการ์ตูนเรื่องนี้จะเปลี่ยนชีวิตใครหลายๆคนหลังจากได้ติดตามเรื่องราวของพ่อหนุ่มอากิระ กว่า 25 ปี ที่การ์ตูนเรื่องนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เสมอภาคในด้านสิทธิของสังคมสมัยใหม่ อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นอีกด้วยว่า ปัญหาวัยรุ่นรวมกลุ่มกันทำอะไรผิดๆ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า 2. Nausicaä of the Valley of Wind หนึ่งในผลงานของผู้กำกับจากสตูดิโอจิบลิ ‘ฮะยะโอะ มิยะซะกิ’ ที่ลองผันตัวเองเอางานชิ้นนี้มาตีพิมพ์ในรูปแบบมังงะให้แฟนๆได้อ่านกัน เรื่องราวของการล่มสลายของโลกยุคใหม่ ธรรมชาติได้ลุกขึ้นมาเอาคืนมนุษย์พร้อมสิ่งมีชีวิตเป็นแมลงขนาดยักษ์เรียกว่า ‘Ohmu’ ที่กำลังจะเข้ายึดครองโลก ในขณะที่เผ่าพันธุ์มนุษย์เริ่มเหลือน้อยลงทุกที ผลงานเรื่องนี้จะสะท้อนให้คุณได้เห็นถึงความโง่เขลา นิสัยการชอบทำลาย ของมนุษย์ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีด้านดีๆที่การ์ตูนแฝงมา นั่นคือความหวังที่เราจะได้เห็นข้อผิดพลาดของตัวเอง ก่อนที่มันจะสายเกินไป 3. Neon Genesis Evangelion…
-
หนูน้อยพิการไร้แขน ใช้ ‘เท้า’ ถือส้อมจิ้มอาหารกิน สร้างแรงบันดาลใจให้ชาวเน็ตทั่วโลก!!
ไม่มีใครหรอกที่สามารถเลือกเกิดได้ และถ้าเลือกเกิดได้ก็คงไม่มีใครอยากเกิดมาพิกลพิการหรอกใช่มั้ยล่ะ?? เรื่องราวสุดประทับใจนี้เป็นของ Elmira Knutzen คุณแม่ชาวรัสเซียคนหนึ่ง กับลูกสาวคนเล็กของเธอ Vasilina ที่เกิดมาไร้แขน และต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยการใช้เท้าแทนมือในการทำกิจกรรมต่างๆ Elmira และ Vasilina ซึ่งล่าสุดเธอได้โพสต์วิดีโอเกี่ยวกับลูกสาวของเธอที่กินอาหารโดยใช้เท้าจับช้อนแทนมือ ใครดูคลิปไม่ได้กดเข้าที่นี่ ด้วยความไร้เดียงสาของหนูน้อย เธอใช้เท้าในการหยิบจับช้อนเพื่อตักอาหารเข้าปาก ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องปกติที่คนไร้แขนทำกัน แต่ #จ่าสิบเหมียว คิดว่าสิ่งที่ผู้คนเห็นก็คือความพยายามในการใช้ชีวิตต่อและจิตใจที่แข็งแกร่งของหนูน้อยมากกว่า นอกจากนี้เธอก็พี่ชายด้วยนะ แถมยังรักเธอมากซะด้วย ภาพของครอบครัว Knutzen ดูอบอุ่นเลยทีเดียว และความพิกลพิการนั้นไม่สามารถกัดกร่อนจิตใจที่เข้มแข็งและขัดขวางความสุขในชีวิตของเธอได้เลย… เป็นคลิปและเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจได้ดีจริงๆ เห็นแบบนี้แล้วเราก็อย่ายอมแพ้หนูน้อยกันนะจ๊ะ มาสู้ชีวิตกันเถอะ!! ที่มา: Elmira Knutzen ,Boredpanda
-
เผย 14 ความลับ (แบบน่ารัก) ของตัวร้ายในโลกดิสนีย์ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน!!?
‘Disney’ ค่ายการ์ตูนที่เข้ามาเติมเต็มช่วงเวลาในวัยเด็กของเรา ให้เต็มไปด้วยสีสันแห่งโลกจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนเรื่องไหนๆ ก็ทำให้เรารู้สึกสนุกได้เสมอ หลายๆครั้งที่เราเอาความลับ หรือเกร็ดเล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับเรื่องราวในโลกดิสนีย์ คราวนี้ขอพาเพื่อนๆไปล้วง 15 ความลับของเหล่าวายร้ายดิสนีย์กันบ้าง แน่นอนว่าหลายๆคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน 1. ถึงจะร้ายแต่ก็รักดี รู้มั้ยว่าในเหล่าบรรดาตัวร้ายทั้งหมดที่ดิสนีย์เคยสรรค์สร้างมา ‘Maleficent’ ที่นำแสดงโดย แองเจลีน่า โจลี่ และ ‘Cruella de Vil’ ทั้งสองสามารถโกยรายได้เข้าดิสนีย์ได้มากยิ่งกว่าเจ้าหญิงบางองค์อีกนะจะบอกให้ 2. ชื่อจริงของแม่มดผู้ชั่วร้ายในสโนวไวท์ ‘The Evil Queen’ หรือที่เราเรียกกันว่า ‘แม่มดผู้ชั่วร้าย’ เดิมทีแล้วชื่อของตัวละครนี้ถูกเรียกว่า ‘Grimhilde’ แต่ทางดิสนีย์เห็นว่า มันยังไม่ทำให้รู้สึกว่าร้ายพอ เลยเปลี่ยนเป็นชื่อที่เราเรียกกันมาจนทุกวันนี้ 3. วายร้ายที่อายุน้อยที่สุด เจ้าชายฮานส์จากเรื่อง ‘Frozen’ ถือว่าเป็นวายร้ายที่อายุน้อยมากที่สุด เพราะแกเริ่มประกาศศักดาในหนังก็ตอนอายุได้ 23 ปี ซึ่งเทียบกับคนอื่นแล้ว ถือว่าตัวร้ายคนนี้อนาคตในวงการยังไกลนัก 4. การตายของสิงโตร้าย Scar ฉากจุดจบของสิงโตวายร้าย Scar…
-
แนะนำ 19 อินสตาแกรม ‘สาวแต่งตัวสไตล์วินเทจ’ เป็นแนวทางเลือกชุดได้ดีเยี่ยม!!
แฟชั่นการแต่งตัวสไตล์วินเทจ เป็นอะไรที่ไม่เคยเอ๊าท์ และไม่เคยตกยุคตกสมัย ถึงแม้ว่ากระแสหลักของคนส่วนใหญ่อาจจะเริ่มหันไปสนใจการแต่งตัวแบบอื่นมากขึ้น แต่เชื่อเถอะว่าอะไรที่มัน ‘วินเทจ’ จะยังคงเสน่ห์ไว้ได้ทุกยุคทุกสมัย และสำหรับสาวๆที่อยากจะหาแรงบันดาลใจดีๆในการ มิกซ์ แอนด์ แมทช์ ให้ออกมาดูดีมีสไตล์ เชื่อเถอะว่าอินสตาแกรมของพวกเธอทั้ง 19 คนนี้ ต้องมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยแก่เพื่อนๆ บ้างแหละ รับรองว่าแต่งตัวได้ชิคๆ คูลๆ แน่นอน 1. @Martine.lightblue สาวฝรั่งเศสจากเมืองปารีส เธอบอกว่าสไตล์การแต่งตัวของเธอเรียกว่า ‘feminine feminist’ ซึ่งดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์ แถมยังมีการนำเสื้อผ้าเก่าๆมาประยุกต์ให้เข้ากับสมัยใหม่อีกด้วย 2. @Iddavanmunster สาวสวยชาวบอสเนียคนนี้ เธอมักจะออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆทั่วโลก พร้อมกับผ้าพันคออันโดดเด่น และสไตล์การแต่งตัวแบบย้อนยุคที่ไม่ซ้ำใคร 3. @Kirstiemydear เธอคนนี้เป็นนักเรียนกฏหมายชาวแคนาดา มีเสน่ห์บนความคลาสสิคที่สุด เธอเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ The Beatles ชื่นชอบรถเก่า รักแมว อีกทั้งยังมีแชนแนลสอนแต่งหน้าเล็กๆน้อยอีกด้วย 4. @Vanessafrankenstein เรียกได้ว่าเธอคนนี้เป็นสาวที่แต่งตัวได้อารมณ์ในยุค 70s ที่สุดในลิสต์นี้แล้วก็ว่าได้ หลายๆคนอาจจะคุ้นหน้าเธออยู่บ้าง เพราะเธอเป็นนางแบบให้แมกกาซีนชั้นนำ อีกทั้งยังเป็นพรีเซนเตอร์ให้สินค้าหลายๆแบรนด์อีกด้วย 5.…
-
ผู้เชี่ยวชาญเผยเทคนิค… ‘ตดอย่างไรให้เหม็นน้อยๆ’ ทีนี้จะได้ผายลม ให้สนุกลำไส้
‘ตด’ คำสั้นๆ แต่แฝงไปด้วยความหมาย และกลิ่นตลบอบอวลที่ชวนให้ขมคอ แค่นึกถึงก็รู้สึกว่ามีกลิ่นตุๆ มาแตะที่ปลายจมูกเบาๆ แล้ว ถ้าอยู่ในที่สาธารณะคงไม่มีใครอยากจะดมกลิ่นลำไส้เน่าของคนอื่นหรอกจริงมั้ย? แต่มันคงจะดีถ้าเราตดได้แบบไร้เสียง ไร้กลิ่น เพราะเวลาจะแอบตดทีไร ก็กลั๊วกลัวว่าเสียงมันจะดัง “ฟี๊ดดดดด!!!” แถมมีกลิ่นตามมาอีก ถ้าโดนจับได้ละก็ซวยแน่ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าความเป็นจริงแล้ว คนที่ร่างกายสุขภาพแข็งแรงดี จะผายลมออกมามากถึง 10-20 ครั้งต่อวันเลยทีเดียว วันนี้ #เหมียวบ็อบ เลยพาเพื่อนๆ ไปหาสาเหตุกัน ว่าอะไรทำให้ตดเหม็น แล้วเราจะได้รู้กันว่าควรทำอย่างไร ให้ตดไม่เหม็น ฮ่าๆๆๆ Dr. Myron Brand นักวิทยาทางเดินอาหาร ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ The Thrillist เกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้ตดเหม็นไว้ว่า “การที่เรามีกลิ่นผายลมอันไม่พึงประสงค์ ไม่ใช่เรื่องแย่หรอกครับ มันแค่เป็นกลไกการทำงานระหว่างอาหารที่เรากินเข้าไป กับแบคทีเรียที่กำลังทำงานอยู่ในร่างกายของเรา ถ้าใครที่ตดออกมาแล้วเหม็น ให้รู้ไว้เลยว่าคาร์โบไฮเดรตที่เราทานเข้าไปนั้น กำลังถูกย่อยสลายและดูดซับอยู่ในร่างกายของเรา เหมือนกับกระบวนการหมักดองที่อยู่ในท้องเรานั่นเอง” แต่การทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ไม่ได้ความหมายว่าจะช่วยทำให้ตดเราเหม็นน้อยลงแต่อย่างใดนะจ๊ะ เพราะงานนี้ Cassandra Forsythe นักวิทย์ฯ ด้านโภชนาการออกมาบอกเองว่า…
-
คุณพ่อถ่ายภาพสุดงามของ ‘ลูกชายออทิสติก’ เพื่อเรียนรู้และเข้าใจในตัวลูกเขามากขึ้น…
ในฐานะทั้งคุณพ่อและช่างภาพผู้มีฝีมือ Thimothy Archibald ได้เริ่มถ่ายภาพลูกชายเพียงคนเดียวที่เป็นออทิสติกของเขา เพื่อบันทึกกิจกรรมต่างๆ ที่เขาชอบทำระหว่างวัน ความตั้งใจแรกนั้นก็แค่เป็นการเก็บภาพเฉยๆ แต่เขากลับพบว่ายิ่งเวลาผ่านไป เขากลับได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากกิจกรรมต่างๆ ที่ลูกชายของเขาทำ… Elijah ลูกชายวัย 5 ขวบของเขาที่เป็นเด็กออทิสติก ในช่วงแรกที่คุณพ่อรู้ว่าลูกเป็นออทิสติกนั้น ด้วยความเป็นห่วง เขาเลยควบคุมพฤติกรรมต่างๆ ของเจ้าหนูและคอยห้ามไม่ให้ทำนู่นนี่อยู่ตลอด แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็เกิดสงสัยว่าถ้า ‘ไม่ควบคุม’ แล้ว ลูกของเขาจะทำอย่างไรบ้าง เขาเลยเกิดแนวคิดที่ว่าลองปล่อยให้ลูกทำกิจกรรมในชีวิตตามใจดูสักครั้ง และเขาจะตามเก็บภาพสิ่งที่ลูกเขาทำระหว่างวันโดยไม่มีการห้ามปรามสักครั้ง ตอนแรกคุณพ่อก็พยายามควบคุมกิจกรรมต่างๆ ของเขา มีข้อห้ามมากมายไม่ให้เขาทำนู่นทำนี่ตามใจชอบ แต่วันหนึ่งเขาก็ตัดสินใจลองดูสักตั้งว่า ถ้าปล่อยให้ลูกชายทำสิ่งต่างๆ ตามที่เขาต้องการล่ะ!? จากเหตุการณ์นั้นเขาก็เริ่มปล่อยลูกชายของเขาโดยไม่ควบคุมอะไร คอยสังเกตดูแบบเงียบๆ และตามเก็บภาพ ทำให้คุณพ่อได้เรียนรู้ว่า ลูกชายของเขานั้นชอบเล่นเครื่องไม้เครื่องมือและเครื่องจักรต่างๆ เป็นอย่างมาก เขาชอบทำอะไรซ้ำๆ ย้ำคิดย้ำทำเป็นกิจวัตร และนอกจากนั้นก็ค่อนข้างเก็บตัว กลายเป็นว่าทุกๆ ภาพที่เขาถ่ายโดยบังเอิญนั้น กลับสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมือนใครของเขา รวมถึงปฏิกิริยาที่เขามีต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวเขา ‘ผมไม่เคยอยากให้เขาคิดว่าเกิดมาปกติเหมือนคนอื่น…
-
นักวิทยาศาสตร์เผย การทาน “วิตามินอัดเม็ด” ไม่จำเป็น พร้อมแนะนำอาหารที่ควรทาน
เหมือนจะเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วสำหรับคนที่รักสุขภาพที่จะเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายและแน่นอนว่าต้องปิดท้ายด้วยอาหารเสริมอย่าง “วิตามินอัดเม็ด” เป็นเวลากว่าหลายทศวรรษที่นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับวิตามินเหล่านี้ว่าส่งผลอะไรกับร่างกายเราบ้าง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผลจากการศึกษาได้แสดงให้เห็นในด้านที่เราไม่รู้ นั่นก็คืออาหารเสริมจำพวกวิตามินแบบนี้อาจส่งผลเสียต่อร่างกายเราได้ ทั้งเสี่ยงต่อมะเร็งและตับแข็ง และผลวิจัยล่าสุดก็แสดงให้เห็นว่าการวิจัยนี้ได้ศึกษาเพิ่มเติมมากขึ้น เนื่องจากว่าพฤติกรรมการใช้วิตามินเสริมเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน และวันนี้ก็จะมาแนะนำว่าตัวไหนดีและควรหลีกเลี่ยง พร้อมกับอาหารที่ควรทานทดแทน วิตามินรวม – ไม่ต้องทานก็ได้ เพราะคุณจะได้มันอยู่แล้วถ้าทานอาหารพอเหมาะ กว่าหลายทศวรรษ มีการคาดเดาว่าวิตามินรวมจะส่งผลที่มากมายให้กับร่างกายของเรา วิตามินซีช่วยในระบบภูมิคุ้มกัน วิตามินเอช่วยในเรื่องการมองเห็น วิตามันบีช่วยทางด้านการเก็บพลังงาน สิ่งเหล่านี้เราได้มากจากการทานอาหารทั่วไปอยู่แล้ว แต่งานวิจัยแนะนำว่าการทานวิตามินรวมเพิ่มอาจส่งผลเสียได้ อ้างอิงจากงานวิจัยปี 2011 กล่าวว่าตลอด 25 ปีที่ผ่านมา มีหญิงสูงวัย 39,000 คน มีความเสี่ยงถึงชีวิตเมื่อบริโภควิตามินรวมมากกว่าคนไม่ได้ทาน วิตามินดี – ทานได้ เพราะจะทำให้กระดูกของคุณแข็งแรงและไม่ค่อยได้จากอาหาร วิตามินดีนั่นไม่ได้หาได้ง่ายๆ ในอาหารที่เราทานเข้าไป แต่มันมีส่วนช่วยในการสร้างกระดูกให้แข็งแรงโดยการดูดซึมแคลเซียมนั่นเอง การได้รับแสงแดดในปริมาณที่พอดีมีส่วนช่วยในการสร้างวิตามินดี และได้มีผลการศึกษาว่าคนที่ได้รับวิตามินดีทุกวันจะมีอายุที่ยืนยาวกว่าคนทั่วไปด้วย แอนติออกซิแดนท์ – ไม่ต้องทานก็ได้ เพราะถ้าทานเยอะไปอาจจะไปกระตุ้นความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิด และสามารถทานผลไม้จำพวกเบอร์รี่แทนได้ วิตามิน เอ ซี และอี คือแอนติออกซิแดนท์ที่พบเจอในผลไม้มากมายหลายชนิดโดยเฉพาะตระกูลเบอร์รี่และผักต่างๆ ซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็ง แต่ก็ได้มีการศึกษาว่าการได้รับแอนติออกซิแดนท์มากเกินไปอาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้…
-
30 โมเม้นต์สุดฟินของ ‘รอน – เฮอร์ไมโอนี่’ จากที่เคยเป็นคู่กัด กลายมาเป็นคู่รักแสนหวาน
นี่คือ รอน วิสลีย์ และเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เราเชื่อว่าคุณคงเคยได้ยินชื่อของพวกเขาอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าหากใครที่เป็นแฟนตัวยงของภาพยนต์แฮร์รี่ พอตเตอร์ละก็ หลายคนคงจะรู้เป็นอย่างดีว่า รอน และเฮอร์ไมโอนี่ มักจะเป็นคู่กัดกันอยู่ตลอด แต่ภายใต้ความเป็นคู่กัดของพวกเขานั้น ใครจะรู้ละว่าบางทีก็แอบมีโมเมนต์หวานๆ ฟินๆ ซ่อนอยู่ และทำให้ทั้งคู่เริ่มเปลี่ยนความสัมพันธ์จากเพื่อน กลายเป็นคู่รักแห่งโลกเวทมนตร์!! แม้ทั้งคู่จะชอบทะเลาะกัน แต่ก็รักกันมาก แฟนๆ หลายคนคงรู้สึกประทับใจและชื่นชอบคู่นี้อยู่ไม่น้อย ในขณะที่หลายคนอาจมองว่าเฮอร์ไมโอนี่ เหมาะสมกับแฮร์รี่มากกว่า แต่เดี๋ยวก่อน… หากได้ดูโมเม้นต์สุดหวานเหล่านี้ คุณจะเปลี่ยนใจเชียร์รอนขึ้นมาทันทีเลยละ มาเริ่มกันเลย…. จุดเริ่มต้นมาจากช่วงเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พบกันเป็นครั้งแรก ก็บ่งบอกถึงอนาคต ฮร่าๆ จากความสัมพันธ์แบบเพื่อนคู่กัด ก็เริ่มพัฒนาขึ้นมาจนกลายเป็นความรักที่สวยงาม จำได้ไหม ฉากที่เฮอร์ไมโอนี่สอนให้รอนท่องคาถาคำว่า “LeviOsa” ตอนพวกเขาอยู่ปี 1 รู้สึกว่าทั้งคู่เหมือนจะไม่ชอบหน้ากันจริงๆ นะ แต่พอลองมาคิดดูอีกครั้ง…ดูเหมือนรอนจะใช้คาถาที่เฮอร์ไมโอนี่สอนในชั้นเรียนมาช่วยชีวิตเธอเอาไว้ ต่อมารอนก็รอนก็กล้าที่จะเผชิญหน้ากับอันตราย เพื่อให้เฮอร์ไมโอนี่ปลอดภัย จำได้ว่ารอน เคยเข้ามาปกป้องเฮอร์ไมโอนี่…
-
วิธีปฏิบัติอย่างถูกต้อง เมื่อพบเห็นพฤติกรรม ‘หมิ่นเบื้องสูง’ กรุณาอ่านกันสักนิดนะครับ..!!
ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของคนไทยทั้งประเทศ จากกรณีสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 แน่นอนว่าเราต่างก็เศร้าเสียใจไม่แพ้กัน แต่อย่างไรก็ตาม กระแสที่เกิดขึ้นในสังคมทั้งเรื่องการแสดงออกที่ไม่เหมาะสม หรือกระทั่งการทำความผิดจริงๆ ในกรณี ‘หมิ่นเบื้องสูง’ กลายเป็นเรื่องที่ให้สังคมเราได้ขบคิดตามมา เราไม่อาจปฏิเสธว่าพฤติกรรมการทำความผิดดังกล่าวมีเกิดขึ้นจริง และหลายคนในสังคมยินดีกับการรุมทำร้าย ข่มขู่ ไล่ออกนอกประเทศ หรือจะฆ่าคนที่กระทำความผิดนั้น แต่ขณะเดียวกัน มีอีกหลายคนในสังคมที่รู้สึกว่าถึงแม้เขาจะทำความผิดจริง แต่ก็ควรถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย มิใช่การตั้งศาลเตี้ยรุมทำร้ายหรือเอาความสะใจเข้าว่าเพื่อทำให้ถึงแก่ชีวิตเลย เราจะข้ามเรื่องนั้นไปก่อน มาพูดถึงกรณีการพบเจอผู้กระทำความผิดในกรณี ‘หมิ่นเบื้องสูง’ ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร ในกรณีนี้จะแยกเป็น 2 ลักษณะ ระหว่างการพบเจอในโลกออนไลน์ และการพบเจอในชีวิตจริง เมื่อพบการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ฺ 1. ตั้งสติให้ดี ไม่กด Like, Share หรือ Comment ต่อว่า เพราะการกระทำดังกล่าวมีส่วนทำให้ข้อมูลนั้นเผยแพร่ออกไป นอกจากจะเป็นการช่วยเผยแพร่แล้ว เรายังถือว่ามีส่วนร่วมในความผิดด้วย 2. แคปหน้าจอการกระทำผิด เซฟไฟล์วิดีโอ หรือบันทึกหลักฐานนั้นไว้ 3. กดปุ่ม Report ทั้งบนเฟซบุ๊ค หรือยูทูป ซึ่งจะมีการส่งรีพอร์ท หลังจากที่เราได้บันทึกหลักฐานแล้ว…
-
หนูน้อยผู้เกิดมามีเลือดเพียง 2 ช้อนโต๊ะในร่างกาย แต่แล้วเธอก็รอดตายอย่างปาฏิหาริย์
ก็ต้องบอกว่าหนูน้อยของเราคนนี้โชคดีและดวงแข็งจริงๆ ร่างกายมนุษย์ของเรานั้นประกอบไปด้วยเลือดและน้ำในสัดส่วนที่เหมาะสม (แน่นอนว่าเป็นของเหลวนั่นแหละ) แต่หนูน้อยคนนี้เมื่อแรกเกิดนั้นกลับแตกต่างออกไป เพราะร่างกายของเธอนั้นมีเลือดอยู่เพียง 2 ช้อนโต๊ะเท่านั้น ส่วนของเหลวในร่างกายที่เหลือนั่นเป็นน้ำทั้งหมด !? Frankie Morrison หนูน้อยที่ตอนแรกเกิดมีปริมาณเลือดอยู่ในร่างกายเพียง 2 ช้อนโต๊ะ น้อยกว่าเด็กๆ ทั่วไปถึง 7 เท่า หลังจากคุณแม่ Maria Sanders คลอดหนูน้อยออกมาลืมตาดูโลกได้สองวัน ทางด้านคุณหมอก็ตกใจมากเพราะเธอไม่ขยับตัวเลย สืบเนื่องมาจากปริมาณเลือดที่น้อยเกินไปของเธอ ครอบครัวของ Frankie ในเหตุการณ์นี้คุณหมอก็ได้บอกให้ทั้ง Maria และแฟนหนุ่มของเธอ Chris ซึ่งเป็นคุณพ่อกับคุณแม่ ทำใจกับเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดไว้ก่อนเลย เพราะโอกาสรอดของ Frankie นั้น มีน้อยถึงน้อยมาก หนูน้อย Frankie ที่ต้องรับการดูแลอย่างพิเศษจากแพทย์ ซึ่งคุณหมอเองก็ไม่แน่ใจว่าจะยื้อชีวิตเธอได้รึเปล่า? ‘ในตอนนั้นฉันจำได้เลยว่าผู้คนรอบข้างของฉันต่างร้องไห้ ฉันคิดว่าคงเสียลูกไปแน่ๆ คุณหมอก็บอกให้ฉันทำใจไว้เลย ถ้ารอดมาได้เจ้าหนูคงพิการ หรือปัญญาอ่อนเพราะสมองได้รับความเสียหายในเหตุการณ์นี้’ คุณแม่กล่าว แต่หลังจากคุณหมอเริ่มถ่ายเลือดให้กับ Frankie สองครั้งด้วยกัน ต้องขอบคุณผู้บริจาคเลือดทุกคน ที่ทำให้เลือดสำรองมีพอที่จะให้หนูน้อยได้ใช้งาน อาการของเธอก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาด และไม่นานหลังจากนั้น คุณหมอก็อนุญาตให้ครอบครัวสามารถนำหนูน้อยกลับบ้านได้…
-
9 เรื่องราวสุดประทับใจ ของผู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ จนในที่สุดพวกเขาก็ ‘ประสบความสำเร็จ’ !!
ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้โดยไม่ผ่านความล้มเหลวมาก่อน ลองคิดกันเล่นๆ ดูสิ ถ้าหากพวกเขายอมแพ้กันล่ะก็ โลกคงน่าอยู่น้อยกว่านี้เยอะ… นี่คือเรื่องราวของ 9 บุคคลที่สร้างผลงานดีๆ ให้กับโลก แต่ก่อนที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จได้นั้น แน่นอนว่าพวกเขาผ่านความล้มเหลวมาอย่างมากมาย บางคนถึงกับนับครั้งไม่ถ้วนกันเลยทีเดียว ลองมาฟังเรื่องราวของพวกเขากัน ประธานาธิบดี Abraham Lincoln กว่าจะเข้าสู่เส้นทางการเมือง เป็นสมาชิกของสภานิติบัญญัติรัฐ Illinois ประเทศสหรัฐฯ อเมริกาในปี 1832 และ กว่าจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในปี 1860 ในที่สุด ก่อนหน้านั้นเขาแพ้การเลือกตั้งมากว่า 6 ครั้งด้วยกัน แต่กระนั้นเขาก็ไม่เคยยอมแพ้แม้แต่ครั้งเดียว เพราะมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศของเขา และด้วยความพยายามที่ผ่านมาของเขาทั้งหมด เขาได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในประธานาธิบดีที่ดีที่สุดที่สหรัฐอเมริกาเคยมีมา โดยเฉพาะเรื่องสิทธิและความเท่าเทียมกันของประชาชนชาวอเมริกันโดยไม่แบ่งแยกสีผิวหรือเชื้อชาติ และที่สำคัญที่สุดคือการยกเลิกแรงงานทาสชาวผิวสีสร้างความเท่าเทียมให้กับทุกๆ คนในสังคม Oprah Winfrey ก่อนที่เธอจะประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงโด่งดังและกลายเป็นเศรษฐีนีอย่างทุกวันนี้ เธอถูกไล่ออกจากรายการทีวีมาก่อนเพราะใส่ความรู้สึกลงไปในเรื่องเยอะเกินไป แต่เธอก็ไม่สนใจนักวิจารณ์และดำเนินรายการทีวีต่างๆ ตามแบบของเธอต่อไป เธอรับงานทีวีเล็กๆ คือ People are Talking จนมีผู้ติดตามแนวทางของเธอมากมาย และภายหลังเธอก็มีรายการของเธอเอง The Oprah Winfrey Show และกลายเป็นว่ารายการทอล์กโชว์ของเธอนั้นมีผลกระทบไปทั่ววงการโทรทัศน์ จนได้รับไปพูดในงานจบการศึกษาของมหาวิทยาลัย Harvard…
-
ซิงเกิลแด๊ดดี้เปิดคลาสสอน ‘ทำผมลูกสาว’ เป็นแนวทางและกำลังใจ ให้คุณพ่อทุกๆ คน
หนึ่งในปัญหาใหญ่ระดับโลกสำหรับเหล่าคุณพ่อจากทั่วโลกก็เห็นจะไม่พ้นเรื่องการ ‘ทำผม’ ให้บรรดาลูกสาวตัวน้อยๆ นั่นแหละ และนี่ก็คือแนวคิดของคุณพ่อตัวอย่างคนนี้ Philippe Morgese ซิงเกิลแด๊ดดี้จากฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ตัดสินใจเปิด ‘คลาสเรียนทำผมให้ลูกสาวตามแบบฉบับของคุณพ่อ’ ขึ้น โดยใช้ชื่อแบบเก๋ๆ ว่า ‘Daddy Daughter Hair Factory’ ซึ่งคลาสเรียนของเขานั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แถมเมื่อแชร์ลงใน Reddit สังคมออนไลน์ในต่างประเทศด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งโด่งดังเป็นพลุแตกกันเลยทีเดียว!! คลาสเรียนทำผมให้ลูกสาว Daddy Daughter Hair Factory ป้ายบอกทางแบบเก๋ๆ ฝีมือลูกสาวนั่นแหละ สัปดาห์นี้ก็มีคุณพ่อเข้าร่วมกว่า 23 รายด้วยกัน โดยจะเน้นไปที่การทำผมและการทำเล็บให้ลูกสาวของพวกเขา นอกจากคุณพ่อแล้ว พ่อบุญธรรม คุณลุง หรือแม้กระทั่งคุณตาก็ยังมาเข้าร่วมด้วยเลยนะ สาเหตุที่เขาเปิดคลาสนี้ขึ้นก็เพราะเข้าใจหัวอกและความลำบากที่เหล่าคุณพ่อผู้ต้องเลี้ยงลูกสาวคนเดียวต้องเผชิญ ในเรื่องการทำสวยให้ลูกๆ ‘ผมจำได้เป็นอย่างดีเลยล่ะว่ามันลำบากแค่ไหนตอนที่ต้องทำผมให้ลูกสาวในช่วงแรกๆ’ Philippe กล่าว ‘แต่พอเวลาผ่านไปผมก็ได้เรียนรู้สิ่งต่างมากมาย นั่นทำให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น เลยเกิดไอเดียจัดตั้งกลุ่มเฉพาะกิจแบบนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยเหล่าคุณพ่อในละแวก’ เขากล่าวต่อ ไอเดียสำคัญของเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การถักเปีย หรือทำเล็บให้ลูกสาวเท่านั้น แต่ยังเหมือนเป็นการเข้าสังคม และช่วยเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อและลูกสาวให้แน่นแฟ้นขึ้นอีกด้วย …
-
เปิดตำนาน ‘การล่าแม่มด’ ในยุคกลาง หลายคนรู้จักคำนี้ แต่รู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง!?
คำว่า ‘การล่าแม่มด’ กลายเป็นหนึ่งในคำฮิตของโลกออนไลน์เวลานี้ หลายคนรู้ว่ามันมาจากยุคกลาง แต่รู้หรือไม่ว่าเรื่องราวของมันนั้นมีที่มาอย่างไร…. วันนี้ #จ่าสิบเหมียว เลยอยากจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับที่มาของคำนี้กันซะหน่อย ในช่วงยุคกลาง ที่มนุษย์ยังคงมีความกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้จัก สิ่งที่เรียกว่า ‘เวทมนตร์’ จนสังเวยชีวิตของผู้บริสุทธิ์ไปมากมายนับไม่ถ้วน!! การล่าแม่มดในยุโรปสมัยยุคกลาง ในสมัยยุคกลาง หรือที่เรียกกันว่า ยุคมืด นั้น ทั่วยุโรปตกอยู่ใต้การปกครองของศาสนจักร ซึ่งพระสันตปาปาจะไม่ยอมรับการออกจากศาสนาไม่ว่าจะด้วยกรณีใดก็ตาม ในปี 1208 เมือง Albi ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสนั้นได้ริเริ่มนิกายใหม่ของคริสตศาสนาขึ้นด้วยตัวเอง ทำให้พระสันตปาปาทรงกริ้วมาก ร่วมมือกับกษัตริย์ของฝรั่งเศสกวาดล้างเมืองนี้จนสิ้น ด้วยเหตุผลนี้ทางศาสนจักรเองนั้นก็ต้องรักษาอำนาจและความเชื่อของผู้คนเอาไว้ โดยหนึ่งในเครื่องมือที่พวกเขาใช้ก็คือเทรนด์ในการไล่ล่าและสังหารเหล่าหญิงสาวที่บรรดาบาทหลวงเชื่อว่าเป็น ‘แม่มด’ แม่มดในสมัยนั้นถือเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย และถ้ามีภัยพิบัติ การตายโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือโรคระบาดนั้น แม่มดก็จะถูกศานจักรกล่าวโทษก่อนเสมอ และเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ก็มีการระดมกำลังจากทั้งทางศาสนจักรเองและชาวบ้านในการออกตามล่า แต่ส่วนใหญ่นั้นจะกลายเป็นแพะรับบาปเสียมากกว่า ด้วยเหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนนับหมื่นต้องเสียชีวิต และอีกนับล้านที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในความกลัวว่าจะถูกใส่ร้าย หรือกล่าวหาว่าเป็นแม่มดหรือเปล่า?? (ปล. ผู้ชายก็ไม่รอดนะจ๊ะ ถูกกล่าวหาว่าเป็น ‘พ่อมด’ ได้เช่นเดียวกัน!!) เกณฑ์ในการวิเคราะห์ว่าเป็นแม่มด!? …
-
15 ข้อคิดดีๆ จาก ‘แจ็ค หม่า’ ที่ทุกคนควรจะได้รับฟัง และนำไปปรับใช้ในชีวิต…
สำหรับตอนนี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักชื่อของชายคนนี้ Jack Ma เศรษฐีชาวจีนผู้ก่อตั้ง Alibaba ที่ผงาดขึ้นมาเป็นหนึ่งในเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดของโลกไปเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้มูลค่าของบริษัทเขานั้นสูงกว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะว่าไปแล้วไม่เลวเลยนะเนี่ย สำหรับชายที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ถึงสองครั้ง แถมถูกปฏิเสธตอนไปสมัครเป็นพนักงาน KFC ในละแวก -*- กว่าจะประสบความสำเร็จจนถึงจุดๆ นี้ เขามีความลับอะไรกันหน๊ออ?? เราเองก็ไม่สามารถบอกได้ วันนี้เราเลย 15 คำคมของ Jack Ma คนนี้ซึ่งรวบรวมไว้โดยเว็บ BusinessInsider ถ้าอ่านแล้วเราอาจได้เรียนรู้อะไรดีๆ จากเขาสักอย่างสองอย่างก็เป็นได้ “Today is cruel. Tomorrow is crueler. And the day after tomorrow is beautiful.” วันนี้มันโหดร้าย พรุ่งนี้นั้นจะโหดร้ายกว่า แต่ถ้าผ่านมันไปได้ล่ะก็ วันที่สดใสจะมาถึงอย่างแน่นอน “Hire the person best suited to the job, not the…
-
คุณแม่ลูกสามถูกหวย พาลูกไปซื้อของเล่น เจอ ‘คนไร้บ้าน’ กลางทาง เปลี่ยนใจช่วยเหลือเขาแทน…
การถูกหวยคงเป็นสิ่งที่หลายๆ คนปรารถนา ไม่งั้นสลากกินแบ่งรัฐบาลคงไม่สามารถอยู่ได้หรอกเนาะ แถมไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ก็ยังมีผู้เล่นหน้าใหม่ๆ แวะเวียนเข้าไปเล่นกันอย่างมาก… และถ้าสามารถถูกหวยขึ้นมาได้ล่ะก็ หลายๆ คนก็คงจะจินตนาการว่าจะนำเงินจำนวนนั้นๆ ไปใช้อะไรกันบ้าง ส่วนมากก็คงปรนเปรอตัวเองนั่นแหละ แต่จะมีใครสักกี่คนที่ใช้ลาภลอยนี้เพื่อผู้อื่นบ้าง?? Sofia Lorena ซิงเกิลมัมคนนี้ก็เช่นกัน เธอถูกหวยรางวัลเล็กๆ จำนวนเงินก็ราวๆ 200 เหรียญ หรือ 7,000 บาท เธอเตรียมใช้เงินส่วนนี้ซื้ออะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้กับลูกของเธอ…จนกระทั่งเธอเปลี่ยนใจเมื่อเจอคนที่ต้องการมันจริงๆ เธอกะว่าจะใช้เงินจำนวนดีซื้ออะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้กับลูกๆ ทั้ง 3 คนของเธอ ก่อนที่เธอจะไปเจอเข้ากับ Glenn ชายแก่ไร้บ้านคนหนึ่ง… ‘ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ที่จะได้ใช้เงินที่ถูกหวย แต่แล้วฉันก็เจอ Glenn เขาถือป้าย ‘Homeless(คนไร้บ้าน)’ อยู่ท่ามกลางลมหนาวของอุณหภูมิติดลบที่ถาโถมเข้ามา มือของเขากำลังสั่น และกำลังร้องไห้’ เธอโพสต์ในเฟซบุ๊คของเธอ Glenn ชายไร้บ้าน ‘ทันใดนั้นฉันก็หยุดรถและเลื่อนกระจกลง ฉันเสนอที่จะซื้อกาแฟร้อนๆ ให้เขาสักแก้วซึ่งเขาก็ลังเลก่อนที่จะขึ้นรถมาด้วย เราขับไปที่ดังกิ้นส์โดนัท…
-
32 ภาพย้อนประวัติศาสตร์ Google จากหอพักนักศึกษา สู่บริษัทไอทีอันดับต้นๆ ของโลก!!
ตั้งแต่หอพักนักศึกษาจนกลายเป็นบริษัทดังระดับโลก ต้องยอมรับว่า ณ ขณะนี้ Google คือหนึ่งในบริษัทระดับโลกที่ยิ่งใหญ่จริงๆ และวันนี้เราก็อยากจะพาเพื่อนๆ ไปดูจุดเริ่มต้นของบริษัทแห่งนี้กัน จากสิ่งเล็กๆ ที่เริ่มขึ้นในหอพักของนักศึกษาจนกลายเป็นบริษัทโฆษณาขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ากว่า 543,300 ล้านเหรียญ!? Google นั้นเกิดจากนักศึกษามหาวิทยาลัย Stanford ประเทศสหรัฐอเมริกา คือ Sergey Brin (ซ้าย) และ Larry Page (ขวา) สร้าง “BackRub” เสิร์ชเอ็นจินแรกขึ้นมา สถานที่ทำงานของพวกเขาก็คือหอพักนักศึกษานั่นแหละ แต่หลังจากนั้นก็เปลี่ยนจาก “BackRub” มาเป็น “Google” ในภายหลัง… เรื่องน่ารักๆ ก็คือ เครื่องเซิฟเวอร์แรกของ Google นั้น ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีเคสเป็นเลโก้ ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัย Stanford นั่นแหละ “google.stanford.edu” ซึ่งภายหลังก็ได้จดทะเบียนโดเมนเป็น “Google.com” ในวันที่ 15 กันยายน 1997 ถึงกระนั้น Google ก็ยังใช้ปริมาณการส่งผ่านข้อมูลของทางมหาวิทยาลัยเยอะอยู่ดี ฝ่าย IT ของมหาวิทยาลัยจึงไม่ให้พวกเขาอยู่อีกต่อไป…
-
ช่างสร้างสรรค์!! ต่างชาติจัดประกวดภาพถ่ายสัตว์โลกกวนโอ๊ย 2016 แต่ละตัวก็นะ…
ในโลกอินเตอร์เน็ตมีรูปภาพสัตว์โลกฮาๆ อยู่มากมาย แต่หลายๆ ภาพที่โด่งดัง ล้วนเคยผ่านเวทีประกวดมาแล้วทั้งนั้น เช่นภาพแมวน้ำหัวเราะร่า เสือดาวหน้าคะมำ หน้าฮูกหน้าตื่น และแล้วปีนี้เว็บไซต์ Comedy Wildlife Photo ผู้ที่จัดประกวดภาพถ่ายสัตว์โลกแบบฮาๆ ทุกปี ก็ได้จัดกิจกรรมประกวดสำหรับปี 2016 แล้ว ในการประกวดภาพถ่ายฮาๆ ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อการเฟ้นหาภาพตลกๆ เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นการสร้างความตระหนักให้แก่ผู้คน เพื่ออนุรักษ์สัตว์สายพันธุ์ต่างๆ ให้อยู่คู่กับมนุษย์ไปแบบยั่งยืน ซึ่ง#เหมียวฟิ้นได้หยิบเอาบางส่วนของภาพถ่ายมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันด้วยล่ะ 1. มันไม่สุภาพนะเจ้าลิง 2. สงสัยกันคอเอียงเลย 3. หัวปักลงไปงั้นเลยเรอะ 4. สัตว์สายพันธุ์ใหม่ หน้าเป็นหมีมีหูเหมือนนก 5. บ๊ายบาย 6. ฟุ๊ดฟิ๊ดๆๆ 7. เหมือนกองหญ้าเดินได้!? 8. เอ็งมองไปทางโน้นนะ 9. ที่มีตั้งเยอะตั้งแยะไม่ไป…(ดูหน้าก็รู้ว่าเซ็งขนาดไหน) 10. 😀 …
-
หนูน้อยออทิสติกนอนไม่หลับเพราะอาการฝันร้าย แต่ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวเจ้าตูบจะดูแลเอง!!
เรื่องราวของมิตรภาพระหว่างคนและสัตว์ โดยเฉพาะคนกับสุนัข สัตว์เลี้ยงที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์แล้วล่ะก็ มีอยู่หลายเรื่องจริงๆ และวันนี้ เราก็ขอนำเสนอเรื่องราวของเจ้าตูบ Lego และหนูน้อยวัย 3 ขวบชื่อว่า Tupper คนนี้ เราคงอยากให้หมาไปไหนมาไหนด้วยไม่ว่าจะเป็นสถานที่ไหนก็ตาม ซึ่งมีบางที่แหละที่พวกมันไม่สามารถตามเราเข้าไปได้ แต่ข้อจำกัดนั้นใช้ไม่ได้กับเจ้า Lego นะจ๊ะ!! เพราะทุกๆ ครั้งที่เจ้าหนู Tupper ฝันร้ายล่ะก็ พี่เลี้ยงอย่าง Lego ก็จะเข้ามาปลอบประโลมทันที!! จนกว่าอาการฝันร้ายจะหายไป เจ้า Lego จะคอยกอดเจ้าหนูตลอด ที่สำคัญกว่านั้น Lego ไม่เคยปล่อยให้เจ้าหนูอยู่คนเดียวเลยไม่ว่าจะไปไหน ‘เลโก้จะมาปลอบประโลมเขาด้วยการกอดเสมอตั้งแต่เขายังเป็นเด็กทารก ในฐานะพ่อแม่ ตอนกลางคืนเราแทบไม่ต้องตื่นมาปลอบเขาเลย เพราะเลโก้จองหน้าที่นี้ไปแล้ว’ Nancy Dunlop แม่ของเจ้าหนูกล่าว ตั้งแต่ได้เจ้าตูบ Lego เข้ามาช่วยเหลือชีวิตประจำวันของครอบครัวนี้ก็ดีขึ้น สำหรับเจ้าหนู Tupper นั้น มีอาการออทิสติก ซึ่งอาการนี้เริ่มแสดงให้เห็นตอนเขาอายุ 2 ขวบ ซึ่งทำให้พ่อแม่ของเขาต้องสละเวลาอย่างมากเพื่อมาดูแลเขา Tupper มีปัญหาในเรื่องการนอนเป็นอย่างมาก…
-
คิดว่าไงบ้าง? สายการบินต่างประเทศตั้งกฎ “จำกัดพื้นที่เด็ก และ ชั่งน้ำหนักผู้โดยสาร”
รู้สึกว่าตอนนี้เราจะได้เห็นข่าวเกี่ยวกับสายการบินอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้น เพราะการเดินทางด้วยเครื่องบิน ความปลอดภัยต้องมาก่อน กว่าจะเอาเครื่องบินขึ้นได้ก็ต้องมีการคำนวนนู่นนั่นนี่มากมาย หลังจากเกิดเหตุร้ายกับเครื่องบินบ่อยครั้ง ทำให้สายการบินต้องออกมาตรการมาป้องกันภัยต่างๆ มากขึ้น จนบางครั้งก็อาจทำให้ผู้ใช้บริการอาจจะไม่พอใจที่สายการบินตั้งกฎขึ้นมา ซึ่งวันนี้ #เหมียวสามสี มี 2 กรณีที่เพิ่งเกิดขึ้นมาให้ทุกท่านได้อ่านและคิดว่าสิ่งที่สายการบินทำนั้นสมควรหรือไม่ กรณีแรกคือการนั่งเครื่องไปกับเด็ก หลายคนคงไม่อยากจะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ไปตลอดการเดินทางใช่ไหมล่ะ ทาง IndiGo สายการบินจากประเทศอินเดียก็เป็นหนึ่งที่ได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย จึงทำให้ตั้ง “โซนเงียบ” ขึ้นมาบนเครื่อง โดยโซนนี้ส่วนมากจะอยู่ในชั้นธุรกิจ และห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีนั่งโดยเด็ดขาด โดยจะเริ่มตั้งแต่ที่นั่งแถวที่ 1 – 4 และ 11 – 14 ซึ่งเหมาะสำหรับนักธุรกิจที่ต้องการความสงบ อีกทั้งสารการบินยังไม่ให้เด็กนั่งติดกับประตูฉุกเฉินด้วย ตลอดจนที่นั่งกว้างพิเศษ ก็ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ดี เพราะไม่ได้ห้าม แต่จำกัดโซนไว้เพื่อนไม่ให้รบกวนผู้โดยสารท่านอื่น สายการบิน Hawaiian Airlines และอีกกรณีหนึ่งเป็นของสายการบิน Hawaiian Airlines เมื่อชายหนุ่มนามว่า David Haleck ชาวอเมริกันซามัวร์เป็นนักธุรกิจได้เล่าว่าเขาโดนดูถูกจากสายการบินนี้ หลังจากที่โดนปฏิเสธไม่ใช้ขึ้นเครื่องจาก Pago Pago ไปยัง…
-
‘เสียงแห่งความทรงจำ’ วิศวกรหญิงประดิษฐ์ ‘Chat Bot’ เพื่อคุยกับเพื่อนสนิทที่จากไปแล้ว
เมื่อเราสูญเสียคนที่รักไป แน่นอนว่าทุกคนก็จะมีวิธีในการรำลึกถึงบุคคลเหล่านั้นแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการไปยืนเคารพหน้าหลุมศพ ทำบุญไปให้ หรือนั่งดูแชทหรือข้อความเก่าๆ ที่เคยคุยกัน แต่คุณ Eugenia Kuyda เจ้าของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เพิ่งศูนย์เสียเพื่อนอันเป็นที่รัก คุณ Roman Mazurenko ไปเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ การจากไปของเขานั้นสร้างความเสียใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมากทั้งเพื่อน และครอบครัว โดยเฉพาะคุณ Eugenia ที่เป็นเพื่อนสนิทมากที่สุดเลยก็ว่าได้ หลังจากที่ Roman จากไป คุณ Eugenia ก็ได้นั่งอ่านข้อความที่ทั้งคู่เคยตอบแชทกันเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ที่เคยทำร่วมกันมา และนั่นเองก็ทำให้เธอคิดที่จะทำให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้งในรูปแบบของ Chat Bot โดย Chat Bot นี้จะสามารถตอบข้อความโดยมีลักษณะนิสัยที่คล้ายกันกับ Roman ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยการรวบรวมข้อความที่เขาเคยตอบกับเพื่อนๆ และของเธอมารวมกันกว่า 10,000 ข้อความ แล้วก็ใส่เข้าไปในระบบประมวลผล หลังจากนั้นมันก็ทำงาน… และนี่ก็คือตัวอย่างการแชทกับ Chat Bot ที่คุณ Eugene สร้างขึ้นมา “อยู่ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง?” “ฉันสบายดี…
-
เอ้ายิ้มหน่อย!! รวม 25 ภาพเจ้าเหมียวหน้าแป้นแล้น ชวนให้ยิ้ม เนื่องใน ‘วันยิ้มโลก’
วันยิ้มโลกนั้นเป็นวันสำคัญที่จะมีขึ้นทุกวันศุกร์แรกของเดือนตุลาคมในทุกๆ ปี โดยวันยิ้มโลกนั้นมีต้นกำเนิดมาจากนักออกแบบโฆษณา คุณ Harvey Ball ที่ได้ทำการออกแบบโลโก้ที่เป็นรูปหน้ายิ้มเมื่อปี 1963 หลังจากนั้นสัญลักษณ์รูปหน้ายิ้มนั้นก็กลายเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ทั้งเผยแพร่ออกสู่ทีวี ทั่วบ้านทั่วเมืองก็มีการพ่นสีเป็นรูปหน้ายิ้มนี้เต็มไปหมด หลังจากนั้นเขาก็ได้ทำการสร้างจัดตั้งองค์กรเพื่อการกุศลขึ้นมา และใช้ตราสัญลักษณ์นั้นเป็นโลโก้ขององค์กร โดยหน้าที่ขององค์กรของเขาก็คือการจัดตั้งวันยิ้มโลกขึ้นมา โดยมีคอนเซ็ปต์ว่าจะต้องเป็นวันที่มีแต่ความสนุกสนาน ความรัก ให้กับทุกๆ คน ไม่มีการ เหยียดผิว เหยียดเพศ หรือเหยียดเชื้อชาติ ถึงแม้ว่าคุณ Harvey จะจากไปในปี 2001 แต่ องค์กรการกุศลที่เขาจัดตั้งไว้ยังคงอยู่ และคอยทำหน้าที่ในการส่งความสงบสุข ความรัก และรอยยิ้ม ผ่านวันที่เขาจัดตั้งขึ้น ซึ่งก็คือวัน ‘ยิ้มโลก’ ในทุกๆ ปี วิธีการเฉลิมฉลองของวันยิ้มโลกนี้ก็ไม่มีอะไรมากมาย แค่เปิดตา และเปิดใจให้กว้าง ให้กับผู้คนที่อยู่รอบข้างเรา หากเห็นว่ามีใครสักคนแสดงอาการห่อเหี่ยวไม่สดใส เราก็ช่วยเขาด้วยการส่งรอยยิ้มให้ (หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปดูที่เว็บไซต์ worldsmileday ได้เลยนะจ๊ะ) เนื่องในโอกาสที่วันนี้เป็น ‘วันยิ้มโลก’ #เหมียวหง่าว ก็เลยอยากจะขาพาเพื่อนๆ ไปชมความน่ารักของรอยยิ้มแมวเหมียวที่จะมาช่วยบิ้วท์อารมณ์ให้ทุกคนสามารถยิ้มออกมาได้อย่างง่ายดายฮร่า 1.…
-
รู้จักกับเพจ “การผจญภัยของอิยอ” เมื่อตุ๊กตาอียอร์น้อยหลงทาง ถูกพาไปเที่ยวจนใครๆ ก็หลงรัก!!
เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ หลายท่านอาจจะได้เห็นภาพภาพหนึ่งที่คนแชร์กันไปอย่างกว้างขวาง เป็นภาพของตุ๊กตาอียอร์ตัวเล็กๆ ที่ได้ออกผจญภัยไปยังที่ต่างๆ อีกทั้งได้ทำกิจกรรมมากมาย จุดเริ่มต้นก็คือได้มีตุ๊กตาอียอร์ตัวหนึ่งที่เจ้าของลืมไว้ แล้วคนที่เก็บได้ก็ได้พามันออกไปเที่ยวจนเป็นที่สนใจ ด้วยความที่ตัวตุ๊กตามันหน้าตาน่ารักมากๆ จนทำให้มีคนแชร์ไปอย่างกว้างขวาง เขาก็เลยตั้งเพจ “การผจญภัยของอิยอ” ขึ้นมา เพื่อให้คนได้ติดตาม และวันนี้ #เหมียวสามสี ก็ได้ไปพูดคุยกับแอดมินผู้ดูแลเพจ “การผจญภัยของอิยอ” เกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นมาของอียอร์ตัวนี้ เราไปอ่านบทสัมภาษณ์พร้อมกับความน่ารักของอียอร์กันเลย ไปเจออียอได้ยังไงครับ เห็นฉากข้างหลังคุ้นๆ ว่าเป็น อมช “เป็นการแกล้งกันของเพื่อน แอดมินแอบไปขโมยอิยอมา แล้วก็เอาไปประกาศตามหาในกลุ่มเฟรชชี่ ต่อมามีคนเอาไปแชร์ในทวีต อิยอเลยมียอดรีสูง แอดมินก่อตั้งเพจก็ไม่ได้คิดว่าจะมียอดไลค์สูง ปกติแอดมินจะชอบเอาอิยอมาเล่นกันบ่อยเจ้าของรู้ตัวอีกทีอิยอก็หายไปจากตัวแล้ว :3” อ๋อออ สรุปเป็นอิยอของเพื่อนใช่ป่ะ 555 “คร๊าฟ” แล้วตอนนี้เวลาจะไปไหนก็ต้องพกอิยอไปด้วยเลยอ่ะดิ “ถ้าเจอโลเคชั่นสวยๆ ก็จะเอาอิยอไปด้วยครับ ไปถ่ายรูปเล่นอิยอกะไปด้วย” แล้วได้แรงบันดาลใจมาจากอะไรอ่ะ อะไรดลใจพาอิยอไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมต่างๆ “เริ่มแรกมาจากที่ไปถ่ายรูปเล่นกันที่แม่เหี๊ยะครับ และวันนั้นก็แอบขโมยอิยอติดกระเป๋าด้วย ก็เลยถ่ายและส่งไปแกล้งเจ้าของ” อ๊ออ๋อย น่าฮัก “แอดมินเรียนอยู่ฝั่งแม่เหี้ยะกัน และก็ได้ซ้อมวิ่งขึ้นดอยในไร่ ได้เห็นว่ามีไร่ข้าวโพดที่สวยก็เลยอยากไปถ่ายรูป” อ่อววว…
-
ดารา AV ญี่ปุ่นแฉด้านมืดภายในวงการ กับเส้นทางที่ถูกหลอกลวงมาโดยตลอด
สิ่งหนึ่งที่อยู่คู่ชายไทยมานานแสนนาน เปรียบได้ดั่งคนรู้ใจ ที่อาจเป็นมากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่คนรัก ก็ต้องเป็นหนัง AV สุดฮ็อตจากญี่ปุ่น อย่างน้อยๆก็ต้องมีเก็บไว้ใช้ส่วนตัว คนละเรื่อง สองเรื่องแหละหน่าาา (รู้นะ!!) ถึงแม้ว่าโฉมหน้าอุตสาหกรรม AV ในญี่ปุ่นจะดูรุ่งโรจน์สุดๆ เนื้อหาในเรื่องก็ดูเหมือนว่าจะมีการเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี แต่หารู้ไม่ว่านอกจากมุมที่เราได้เห็นเป็นประจำผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้ว วงการนี้ก็แอบมีด้านมืดที่หลายคนไม่เคยรู้เหมือนกัน นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง จากการออกมาแฉของดาราสาว AV ตัวจริงเสียงจริง Saki Kozai ผ่านสำนักข่าว AFP เกี่ยวกับเรื่องราวของเธอบนเส้นทางที่ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ เธอคืออดีตสาววัยรุ่นผู้มีความฝันเหมือนคนอื่นๆ เธอฝันอยากจะเป็นดารา นางแบบที่มีชื่อเสียง และได้ใช้ชีวิตอยู่ในวงการบันเทิง จนกระทั่งวันหนึ่ง มีแมวมองเข้ามาติดต่อเธอ และเสนอว่าจะพาเธอเข้าสู่วงการบันเทิง ในช่วงที่เธออายุ 24 ปี ด้วยความตื่นเต้น และอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เธอยินยอมที่จะเซ็นสัญญาจ้างงานอย่างไม่ลังเล เพราะเชื่อว่า นี่คืดจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการมายาอย่างที่เธอวาดฝันเอาไว้… แต่ความจริงกลับไม่เป็นไปตามที่คิดเอาไว้เลยแม้แต่นิดเดียว โดยในวันแรกของการทำงาน เธอถูกสั่งให้ถอดเสื้อผ้าและมีเซ็กส์กับชายแปลกหน้าผ่านกล้องวิดีโอ “ฉันไม่กล้าที่จะถอดเสื้อตัวเองออก ทำได้แต่ร้องไห้ มีทีมงานประมาณ 20 คนยืนล้อมรอบอยู่ และไม่มีทางที่ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างดิฉัน จะสามารถปฏิเสธและฝืนคำสั่งของพวกได้” ปัจจุบันเธออายุ 30…
-
จิตแพทย์เด็กให้ระวัง ‘การแกล้งทำให้เด็กกลัว’ แบบคลิปดัง อาจสร้างปมในใจเมื่อเขาโตขึ้น…
เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมาในโลกโซเชียลมีการแชร์คลิปของคุณแม่ที่แกล้งทำเป็นตะปูปักนิ้ว เพื่อพิสูจน์ความรักของลูก ทำให้ชาวเน็ตต่างก็ปลาบปลื้มใจกับความน่ารักของเด็กน้อยในคลิปไปตามๆ กัน แต่กลับกัน บางส่วนก็มีดราม่าและตั้งข้อสงสัยถึงประเด็นในคลิปว่าอาจจะทำให้เกิดปัญหาอะไรตามมารึเปล่า ซึ่งแน่นอนว่า #เหมียวหง่าว ขอไม่หยิบยกพูดถึงตัวคลิป เนื่องจากหลายๆ คนคงจะได้ชมกันไปแล้วเนอะ และล่าสุดทางเพจ เข็นเด็กขึ้นภูเขา ที่มีแอดมินเพจเป็นจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นกับเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะการสร้างความกลัวให้กับเด็กนั้น จะส่งผลไปถึงนิสัยส่วนตัวเมื่อโตขึ้นไปได้ด้วย และยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของคนที่เขารักด้วยแล้ว จะทำให้เด็กกลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก คนทำให้เขากังวลไม่เป็นอันหลับอันนอน และทำกิจกรรมอย่างอื่นเลย และหากเกิดความกลัวขึ้นบ่อยๆ ก็จะส่งผลกระทบต่อจิตใจของเด็ก ทำให้พวกเขารู้สึกไม่เชื่อมั่นในตนเอง มองโลกในแง่ร้าย วิตกกังวล และมีอาการซึมเศร้า บางส่วนของเนื้อหาจากโพสต์นั้น ที่ทางเพจอนุญาตให้ CatDumb เผยแพร่ได้.. ตามทฤษฎีของ Piaget พูดถึงเด็กในวัย 2-7 ปีว่าเป็นช่วง Preoperational stage ซึ่งเด็กจะมีลักษณะความคิดที่มีจินตนาการ(fantasy)มาก …. เด็กเล็กๆจึงมักมีความกลัวบางอย่างที่ผู้ใหญ่รู้สึกว่าไม่มีเหตุผล ความกลัวของเด็กนั้น แม้จะดูไร้สาระในสายตาของผู้ใหญ่แต่มันก็มีความหมายและควรให้ความสำคัญ เด็กบางคนกลัวว่าเวลานั่งโถส้วมจะถูกดูดลงไปในโถ เด็กบางคนคิดว่าใบกล้วยนอกหน้าต่างตอนกลางคืนเป็นมังกรยักษ์ในนิทาน เวลาที่ผู้ใหญ่หลอกอะไรเด็ก ขู่ให้กลัว เด็กก็มักจะปักใจเชื่อจริงๆ เช่น มีแม่คนหนึ่งขู่เด็กว่าถ้าเป็นเด็กดื้อเดี๋ยวแม่จะหนีออกจากบ้าน ตั้งแต่นั้น เด็กก็ไม่ยอมไปโรงเรียน เพราะกลัวว่าแม่จะหนีจากเขาไป ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือสวัสดิภาพของตัวเองกับคนที่เขารัก เช่น พ่อแม่…
-
ฝันให้ใหญ่… Wade Washington นักเพาะกายสมองพิการ ผู้ไม่ปล่อยร่างกายเป็นอุปสรรค
เมื่อไม่กี่วันก่อน #เหมียวฟิ้นได้นำเสนอเรื่องราวของนาย Jack Chen ทนายความตาบอดที่ทำงานให้กับ Google แต่ดันใช้ชีวิตได้สุดเหวี่ยงยิ่งกว่าคนตาดี จนสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านไปไม่น้อย แต่บางคนอาจจะมองว่าเขานั้นมีภาษีหรือต้นทุนชีวิตที่ดีกว่าคนทั่วๆ ไป ทำให้ยากที่จะนำมาเป็นแบบอย่าง งั้นในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับอีกบุคคลหนึ่ง ที่น่าจะไม่มีต้นทุนชีวิตอะไรเลยแถมยังไม่น่าจะเป็นไปได้ยิ่งกว่านาย Jack Chen อีก อ่านบทความ: รู้จักกับ Jack Chen ชายตาบอดผู้เป็นทนายให้กับ Google และทำหน้าที่ดีไม่แพ้คนปกติเลย..!! นี่คือเรื่องราวของนาย Wade McCrae Washington วัย 45 ปี เขาได้รับการวินิจฉัยเมื่อตอนที่อายุได้ 11 เดือนว่าเขามีอาการผิดปกติทางสมอง (Cerebral Palsy) ทำให้การใช้ชีวิตในแต่ละวันเป็นไปได้อย่างยากลำบาก คุณหมอจึงคาดการณ์ว่าเขาไม่น่าจะมีชีวิตได้เกิน 10 ขวบ Cerebral Palsy คืออะไร? มันคือความพิการทางสมองรูปแบบหนึ่ง ผู้ที่มีอาการนี้จะเคลื่อนไหวร่างกายได้ลำบาก รวมไปถึงการพูดก็จะพูดได้ไม่ค่อยชัด เนื่องจากควบคุมลิ้นและการเปล่งเสียงไม่ได้ แต่พวกเขายังคงอ่านออก เขียนได้ และมีสติปัญญาดีเกือบจะเทียบเท่ากับคนทั่วไปเลย น่าแปลกใจมากที่นาย Washington สามารถเอาชนะเงื่อนไขสุดโหดของชีวิตมาได้ แต่พอเขาอายุ 12 ปี เหมือนเรื่องราวแย่ๆ…
-
ไอเดีย ‘กระดาษโน๊ตกันน้ำได้’ เอาใจคนชอบคิดอะไรเจ๋งๆ ขึ้นมาได้ เวลาอาบน้ำ..!!
สำหรับคนที่ชอบคิดสร้างสรรค์ หาไอเดียเจ๋งๆอยู่เสมอ เชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนคงเคยเป็นกันบ้างแหละ ไม่รู้ทำไมไอเดียเจ๋งๆมักจะผุดขึ้นมาตอนที่เรากำลังขับรถเพลินๆบ้าง หรือไม่ก็อาบน้ำสบายๆ มันเป็นเรื่องน่าแปลกเนาะ และถ้าขับรถอยู่แล้วดันปิ๊งความคิดดีๆออกเราก็พอจะจอดรถ และหากระดาษมาจดได้ แต่ถ้าเป็นตอนกำลังอาบน้ำล่ะ จะให้เดินตัวเปียกออกไปจด กระดาษก็คงเปียกแย่ กลายเป็นปัญหาทู๊กกกที แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว การที่เราต้องจดอะไรซักอย่างในขณะที่มือเปียกจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะ ‘AquaNotes’ กระดาษโน๊ตที่ดูธรรมดามาคู่กับดินสอ ดูเผินๆก็ไม่มีอะไร แต่มันเจ๋งตรงที่ว่ากันน้ำได้เนี่ยละ โอ้วสุดยอดไปเลย เจ้าของไอเดียสินค้าเจ๋งๆแบบนี้ เดิมทีเค้าก็เป็นคนที่ชอบครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยในระหว่างอาบน้ำอยู่เสมอ แต่พอจะออกมาจดใส่ในกระดาษเท่านั้นแหละ เปียกบ้าง ขาดบ้าง กลายเป็นปัญหาสุดๆ ทีนี้พี่แกเลยคิดว่ามันเป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆ ที่เชื่อว่าเจอกันหลายคน แกจึงลองผิดลองถูกกลายมาเป็นสินค้า ‘AquaNotes’ ชุดกระดาษโน๊ตกันน้ำ พร้อมดินสอกันน้ำ มีให้เลือกทั้งสีน้ำเงิน ฟ้า และสีแดง แล้วแต่ความชอบเลยจ้า แต่เห็นแบบนี้ไม่ได้มีแต่กระดาษโน๊ตเปล่าๆเท่านั้นนะที่วางขาย เพราะเค้าจะเปลี่ยนการอาบน้ำให้เป็นเรื่องสนุกด้วยเกมส์ฝึกสมองอย่าง หาคำศัพท์ หรือเขาวงกฏ แบบนี้อาบไปเพลินกับการเล่นเกมส์ไปแน่ๆ ส่วนกล่องสีน้ำเงินเข้ม เค้าก็บอกว่าเป็นแบบกันน้ำพิเศษ สามารถลุยไปได้ทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะนั่งเครืองบิน ขี่เรือ ลงน้ำ กลางสายฝน หรือจะเขียนใต้น้ำก็ได้อีกด้วย!! …
-
White Helmets กลุ่มฮีโร่ในชีวิตจริง ช่วยชีวิตผู้บริสุทธิ์มากมาย ในสงครามซีเรียอันร้อนระอุ..!!
ถึงแม้จะผ่านมาสักช่วงหนึ่งแล้ว แต่ปัจจุบัน สถานการณ์สงครามในประเทศซีเรียนั้นก็ยังคงมีความขัดแย้ง การโจมตี การเข่นฆ่า และการสูญเสียอีกมากมาย ซึ่งเราก็ได้รับรายงานเกี่ยวกับความเสียหายต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สินของเหล่าประชาชนคนตาดำๆ อยู่เรื่อยๆ… อย่างล่าสุดทางเว็บไซต์ของเราก็ได้นำเสนอข่าวคราวเกี่ยวกับ “เธอยังไม่ตาย..” ทีมกู้ภัยหลั่งน้ำตา พบทารกยังมีชีวิต หลังขุดซากตึกโดนระเบิดซีเรีย 2 ชั่วโมง กันไปและต้องบอกว่าโชคดีมากๆ ที่พวกเขาสามารถช่วยเหลือเจ้าหนูน้อยเอาไว้ได้ วันนี้ทางเราเลยอยากจะนำเสนอเรื่องราวของฮีโร่ผู้ช่วยชีวิตเจ้าหนูคนนี้ กลุ่มชายหญิงที่กล้าหาญที่สุดในประเทศซีเรีย กลุ่ม White Helmets ที่ช่วยเหลือผู้คนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังระหว่างสงคราม!! กลุ่ม White Helmets หรือที่เรารู้จักในชื่อ ทีมภู้ภัยหมวกขาว ‘ขณะที่ระเบิดโปรยปรายลงมา หน่วยป้องกันมาตุภูมิของประเทศซีเรียก็เข้าสู่สงคราม แต่ในสถานการณ์ที่หน่วยงานรัฐไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ พวกเขาเหล่าพลเมืองอาสาผู้ไร้อาวุธกลุ่มนี้ เสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อเข้าไปช่วยเหลือผู้อื่น ไม่แบ่งแยกฝ่าย เชื้อชาติ หรือศาสนา พวกเขาถูกเรียกขานว่า ‘หน่วยหมวกขาว’ สถานที่ทำงานของพวกเขาน่ะเหรอ? คือสถานที่ๆ อันตรายที่สุดในโลก…’ นี่คือคำนิยามสั้นๆ ที่อธิบายเกี่ยวกับพวกเขา ไม่ว่าสงครามจะปะทุขึ้นที่ใด จะเห็นพวกเขาเข้าไปช่วยเหลือผู้คนเสมอ ยิ่งสถานการณ์สงครามในซีเรียที่เลวร้ายลงทุกวัน กลุ่มคนที่ลำบากที่สุดก็คงไม่พ้นประชาชนตาดำๆโดยเฉพาะจากเหตุการณ์ระเบิดต่างๆ ทำให้ตึกใหญ่ๆ และบ้านเรือนเสียหาย โดยเฉพาะสถานที่สำคัญที่คนพลุกพล่านอย่างตลาด ห้างสรรพสินค้า หรือตึกของหน่วยงานรัฐก็มักจะตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีเสมอ ทำให้มีผุ้เคราะห์ร้ายเสียชีวิต…
-
รู้จักกับ Jack Chen ชายตาบอดผู้เป็นทนายให้กับ Google และทำหน้าที่ดีไม่แพ้คนปกติเลย..!!
คนปกติที่มีอวัยวะครบ 32 มักจะดูถูกความสามารถของตัวเอง ว่าไม่สามารถทำนั่นทำนี่ได้ อาจเพียงเพราะพวกเขาไม่กล้าหรือประเมินความสามารถของตัวเองต่ำไป แต่ #เหมียวฟิ้น อยากให้ทุกๆ คนดูผู้ชายคนนี้เป็นตัวอย่าง เพราะเขาตาบอด แต่กลับใช้ชีวิตได้สุดเหวี่ยงยิ่งกว่าคนปกติซะอีก ชายหนุ่มที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้มีชื่อว่า Jack Chen ชายตาบอดผู้ทำงานเป็นทนายความให้กับบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Google เขาสูญเสียดวงตาไปตั้งแต่เมื่อตอนที่เขาอายุได้ 16 ปี แม้ว่าจะผ่านการผ่าตัดมาแล้ว 8-9 ครั้ง แต่ก็ไม่สามารถทำให้เขากลับมามองเห็นได้ นั่นหมายความว่าเขาคงจะต้องตาบอดไปตลอดชีวิต แต่คุณเชื่อไหมว่าการที่เขาตาบอดไม่ได้ขัดขวางการใช้ชีวิตประจำวันของเขาเลย เพราะเขายังใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ กินข้าว ขึ้นรถไฟฟ้า เรียนหนังสือ ทำงาน หรือแม้แต่การท่องตำราเพื่อเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย Jack จบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยในสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย(เบิร์กลีย์) ปัจจุบันเขาทำงานเป็นทนายให้กับ Google ในฐานะที่ปรึกษาเรื่องสิทธิบัตรระหว่างบริษัท ในแต่ละวันเขาต้องอ่าน (ฟัง) เอกสารจำนวนมาก เขาสามารถฟังคำพูดต่างๆ ได้มากถึง 620 คำต่อนาที และพิมพ์ลงในคอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว เรื่องราวน่าทึ่งของนาย Jack ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะหลังจากที่เขาเลิกงานไปแล้ว เขาก็ยังใช้ชีวิตได้สุดเหวี่ยงจนคุณนึกไม่ถึงเลย เขาเข้าร่วมการแข่งขันไตรกีฬามาแล้วถึง…
-
นักวิจัยค้นพบ ‘ต้นตอยีนส์แห่งความขี้เกียจ’ ที่สามารถส่งต่อทางพันธุกรรม ได้อีกต่างหาก!?
หลายๆ คนอาจจะเคยคิดตัดพ้อตัวเองว่า ‘ทำไมเราถึงขี้เกียจเหลือเกินนน??’ วันๆ แทบไม่อยากจะทำอะไรเลย สิ่งที่มีความสุขที่สุดในชีวิตก็คือการอยู่เฉยๆ เปื่อยๆ จนหมดวันไป ซึ่งบางทีก็โดนพ่อแม่มาดุบ้างว่า ‘ทำไมวันๆ ถึงไม่ทำอะไรเลย??’ แต่ล่าสุดก็มีนักวิทยาศาสตร์จากประเทศจีนและสกอตแลนด์ ที่ได้วิจัยว่าเจ้า ‘ความขี้เกียจ’ น่ะ สามารถส่งต่อทางกรรมพันธุ์หรือยีนส์ได้ด้วยนะเออ (เอ้อออ แบบนี้ก็เถียงสวนพ่อแม่ได้ดิว่า หนูขี้เกียจก็มาจากพ่อแม่นั่นแหละ!! ฮร่าาา ซึ่งอาจจะโดนเขกกบาลเอาได้นะจ๊ะ -*-) ความขี้เกียจสามารถส่งผ่านทางยีนส์ได้!? ซึ่งเหล่านักวิจัยตีพิมพ์ผลงานของพวกเขาลงในวารสารวิทยาศาสตร์ PLOS Genetics โดยมีเป้าหมายที่จะคิดค้นยาที่สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยที่ขี้เกียจออกกำลังกายจนเกินไปในอนาคต เพื่อเพิ่มสุขภาพที่ดีให้กับพวกเขา การทดลองนี้ทดสอบกับหนู และคนไข้ชาวจีนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเผาผลาญกว่า 400 คน พบว่า 2 ใน 400 คนนั้นมียีนส์ที่เรียกว่า SLC35D3 อยู่ ยีนส์ SLC35D3 เป็นยีนส์กลายพันธุ์ชนิดหนึ่ง และนี่แหละคือยีนส์ขี้เกียจ ที่ทำให้ผู้มียีนส์ตัวนี้มีความสดชื่นและแอคทีฟน้อยกว่าคนปกติ ซึ่งนอกจากคนแล้ว เหล่าหนูก็มียีนส์ชนิดนี้เช่นกัน!!! แถมยีนส์ตัวนี้ยังสามารถส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่นได้อีกด้วย!! ยีนส์ขี้เกียจ!? ศาสตราจารย์ Wei Li แห่ง Institute of Genetics and…
-
ชี้แจงแถลงไข ‘จุดสีแดง’ ในดวงตา ที่เกิดขึ้นตอนถ่ายรูปของเรานั้น คืออะไรกันแน่!?
งานอดิเรกของสาวๆ หลายคนในสมัยนี้ เอาว่าเป็นกิจวัตรเลยดีกว่า ที่ไปไหนมาไหนจะต้องถ่ายภาพกัน แถมสถานที่หลายๆ ที่ก็สวยมากๆ โดยเฉพาะในตอนกลางคืนซะอีก!!? พอมาถึงจุดนี้ก็จะค่อนข้างมีปัญหากันนิดหน่อย ในเรื่องที่ว่าเวลาถ่ายภาพกลางคืนก็จะมีจุดแดงที่ตาเกิดขึ้นในภาพที่เราถ่ายได้มา เพื่อนๆ เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมจึงเกิดเหตุการณ์ประเภทนี้ขึ้น วันนี้เรามีคำตอบ!!! จุดแดงที่เกิดขึ้นจากภาพ ในที่มืด รูม่านตาของมนุษย์ (Pupils) จะขยายเพื่อรับแสงให้มากขึ้น พอแสงจากแฟลชกระทบเข้าดวงตาของคุณ รูม่านตาก็จะเกิดอาการหดไม่ทัน แถมแสงแฟลชที่ส่องเข้าไปในดวงตายังสะท้อนสีของเส้นเลือดแดงในดวงตาอีกด้วย และนี่คือที่มาของการเกิดจุดสีแดงในดวงตาล่ะ!! สรุปแล้วก็คือการที่เพื่อนๆ จ้องเข้าไปในเลนส์ของกล้องโดยตรงขณะที่รูม่ายตายังไม่ได้ขยาย การแก้ปัญหานี้อันดับหนึ่งเลยก็คือถ้าอยู่ในที่มืด ให้จ้องไปที่โคมไฟแสงอ่อนๆ เสียก่อนเพื่อให้รูม่านตาหดตัวลง ก่อนที่จะถ่ายภาพโดยใช้แฟลช กล้องสมัยใหม่ที่สามารถลบเอฟเฟ็คต์จุดแดงบนดวงตาได้ล่ะ?? กล้องสมัยใหม่ที่สามารกำจัดจุดแดงบนดวงตาในภาพได้โดยการใช้เทคนิค Pre-Flash หรือการฉายแฟลชใส่คนที่จะถูกถ่ายเสียก่อน เพื่อให้เวลารูม่านตาหดตัวลง และนั่นคือเทคนิคที่ดีที่สุดที่ใช้กันในตอนนี้ ความเข้มที่แตกต่างกันของจุดแดง… ความเข้มของจุดแดงแต่ละคนนั้นจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับอายุ ขนาดของรูม่านตาและสีดวงตาของแต่ละคน แต่ในส่วนของสัตว์ที่หากินในเวลากลางคืนนั้นจะแตกต่างออกไป เพราะพวกมันมีเนื้อเยื่อในตาที่เรียกว่า Tapetum Lucidum โดยเนื้อเยื่อชนิดนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวสะท้อนแสงไปยังทิศทางเดิมที่แสงสาดส่องมา และนี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้ดวงตาของพวกมันสะท้อนแสงสีแบบนั้น เท่านี้เราก็รู้ถึงสาเหตุของมันแล้วล่ะเนาะ หวังว่าการถ่ายภาพครั้งหน้า เราจะไม่มีจุดสีแดงบนดวงตาในภาพกันน้าาา อิอิ ที่มา:…
-
15 ภาพที่จะทำให้เพื่อนๆ ได้รู้ว่าป่า ‘อะเมซอน’ คือสถานที่หฤโหดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก!!!
หลายๆ คนคงพอจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ ‘อะเมซอน’ กันมาบ้าง หรือที่ฝรั่งเรียกกันว่า ‘เอมะซอน’ นั่นแหละ ผืนป่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้จนได้ชื่อว่า ‘ปอดของโลก’ แต่วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับความสยอง และอันตรายร้ายลึกของสถานที่แห่งนี้กัน ป่าอะเมซอน กินพื้นที่ทั้งประเทศบราซิล เปรู โคลัมเบีย เวเนซูเอล่า เอกวาดอ โบลิเวีย กายอานา ซูรินาเม และเฟรนช์เกียนา ซึ่งวันนี้เราจะพาไปพบกับความสยดสยองกัน!!! ปลาไหลไฟฟ้า ทั้งสามารถปล่อยระเบิดไฟฟ้าแบบรุนแรงในคราวเดียว หรือคลื่นช็อคเบาๆ แบบต่อเนื่อง ที่จริงแล้วแค่คลื่นเบาๆ ก็สามารถฆ่าคุณได้แล้วล่ะ หลายๆ ครั้งสาเหตุของการเสียชีวิตคือการได้รับคลื่นช็อคเบาๆ แล้วไม่ยอมขึ้นจากน้ำนี่แหละ ค้างคาวแวมไพร์ แวมไพร์สมชื่อ พฤติกรรมของมันก็คือการดูดเลือดสิ่งมีชีวิตแทบจะทุกอย่าง นั่นรวมถึงมนุษย์ ถึงแม้จะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ก็อาจทำให้เกิดแผลติดเชื้อหรือโรคหัดได้ งูอนาคอนดา มีความยาวได้ถึง 9 เมตร และอาจหนักได้กว่า 200 กิโลกรัม (เหมือนที่เราเคยเห็นในหนังกันนั่นแหละ) เจ้างูยักษ์ชนิดนี้เลื้อไปมาในผืนป่าแห่งนี้ ก่อนที่จะพันรอบเหยื่อและกลืนลงท้องทั้งแบบนั้น มดกระสุน หนึ่งในมดที่สามารถกัดได้เจ็บและรุนแรงมากที่สุดในโลก ถึงแม้จะไม่เป็นอันตราย…
-
11 อันดับประเทศ ‘พัฒนาแล้ว’ แต่มีอัตราการคอรัปชั่นสูงที่สุดในโลก !!
ถึงแม้ว่าปัญหาการคอรัปชั่นจะเห็นได้ชัดในประเทศโลกที่สามและประเทศที่กำลังพัฒนา แต่ในระดับประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็ประสบกับปัญหาเหล่านี้เช่นกัน เพียงแต่ว่ามีในอัตราที่น้อยกว่าก็เท่านั้น ล่าสุดทาง World Economic Forum ได้ทำการสำรวจโดยการสัมภาษณ์เหล่าผู้ประกอบการธุรกิจใหญ่ๆ ทั่วโลกกว่า 15,000 รายด้วยกัน และนี่ก็คือข้อสรุปของคำถามที่ว่า ‘ประเทศในระดับที่พัฒนาแล้วนั้น ประเทศไหนมีอัตราการคอรัปชั่นมากที่สุด?’ จะมีที่ไหนบ้างเรามาดูกันเลย!! ปล. เรทระดับการคอรัปชั่นนั้นจะมีอยู่ที่ 1-7 เรียงจาก 1 คือคอรัปชั่นมากที่สุด และ 7 คืออัตราการคอรัปชั่นต่ำที่สุด!! อันดับ 11. ประเทศสโลวีเนีย เรท 3.7 การคอรัปชั่นทางการเมืองและเงินกู้ของรัฐนั้นคือเรื่องที่ถูกการคอรัปชั่นมากที่สุด ในปี 2013 มีการเดินขบวนในประเทศเพื่อต่อต้านการคอรัปชั่น 1 เดือนในภายหลังจากนั้น รัฐมนตรีของประเทศก็ถูกกดดันให้ออกจากตำแหน่ง อันดับ 10. โปแลนด์ เรท 3.7 เช่นกัน… ประเทศโปแลนด์นั้นมีการคอรัปชั่นมากมายนับตั้งแต่การเสื่อมไปของยุคคอมมิวนิสต์ปี 1989 และถึงจะมีการปฏิรูปมาแล้วหลายครั้ง ปัญหาเรื่องการคอรัปชั่นก็ดูเหมือนจะไม่หมดไปสักที อันดับ 9. ประเทศเกาหลีใต้ เรท 3.5 ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ในระดับประเทศเลยทีเดียวในส่วนของการคอรัปชั่น…
-
วิจัยเผย ควรทิ้ง “หมอน” ที่ใช้มานาน เพราะมีไรฝุ่น เซลล์หนังที่ตาย และแมลงตัวเล็กๆ!!
หมอนถือเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการนอน ช่วยรองรับศีรษะของเราไม่ให้รู้สึกปวดคอ แต่รู้หรือไม่ว่าในหมอนนั้นเต็มไปด้วยสิ่งอันตรายหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น เซลล์หนังที่ตายไปแล้วของเรา และสัตว์ตัวเล็กๆ ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ เพราะมีผลวิจัยได้เผยว่าหลังจากที่เราใช้หมอนไปแล้ว 2 ปี หมอนที่เราใช้นั้นก็จะมีความสกปรกสะสม โดยเฉพาะไรฝุ่นที่มีขนาดตัวที่เล็กมากๆ และอาหารของมันก็คือเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว แค่นึกภาพตามก็รู้สึกสยองทันที!! ผลวิจัยในปี 2015 ยังค้นพบอีกว่าหมอนที่ทำจากขนและหมอนสังเคราะห์ ที่ผ่านการใช้งานเป็นระยะเวลาตั้งแต่ 1.5 – 20 ปี พบว่ามีเชื้อราเกิดขึ้นประมาณ 4 – 17 ชนิดด้วยกัน นั่นจึงไม่แปลกเลยว่าทำไมคนถึงป็นภูมิแพ้กันเยอะขนาดนี้ เพราะว่าเรานอนกับเชื้อรา ไรฝุ่น และผิวหนังที่ตายไปแล้วของเรายังไงล่ะ Philip Tierno นักจุลชีววิทยาและนักพยาธิวิทยาแห่ง New York University School of Medicine ได้บอกว่า “ถ้าจะพูดถึงว่าทำไมคนถึงเป็นภูมิแมพ้ หลายคนก็จะโทษนั่นโทษนี่ไปเรื่อย ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วมันอยู่ใต้จมูกเรานี่แหละ” พอรู้แบบนี้แล้ว ใครที่ใช้หมอนมานาน และกำลังประสบปัญหาสุขภาพ…
-
ให้ทุกท่านน้ำลายไหลไปกับ 24 “ของหวานที่ดีที่สุด” ของแต่ละประเทศ ใครหิวต้องดู!!
ของหวานถือเป็นสิ่งที่ใครหลายคนไม่กล้าปฏิเสธ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นของที่ถึงแม้จะอิ่มแค่ไหน แต่ถ้าพูดว่า “มีของหวานนะ” หลายคนก็จะตาเป็นวาวเลยทีเดียว แต่ของหวานของแต่ละที่ก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับพื้นเพของแต่ละประเทศ และวันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปชมของหวานของแต่ละประเทศที่บางอันเราก็อาจจะคุ้นหน้าเป็นอย่างดี แต่บางประเทศเราก็ไม่เคยเห็นมาก่อน จะมีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย ฝรั่งเศส : Crème brûlée โปแลนด์ : Makowiec อียิปต์ : Om ali สวีดเดน : Prinsesstårta แอฟริกาใต้ : Koeksisters แคนาดา: Nanaimo bar ไอซ์แลนด์ : Skyr เยอรมนี : Schwarzwälder Kirschtorte ออสเตรเลีย : Lamingtons ออสเตรีย : Sachertorte อินเดีย : Gulab jamun เบลเยี่ยม : Belgian…
-
แม่ทำเค้กขอโทษลูกสาว หลังคิดว่าเธอ ‘ติดยา’ เพราะโรงเรียนอ่านค่าผลทดสอบผิด!!
ก็เข้าใจทั้งสองฝ่ายนะเนี่ย เพราะในช่วงวัยรุ่นนั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต พ่อแม่ก็พยายามที่สุดที่จะประคบประหงมลูกน้อยของตัวเองให้ผ่านพ้นในวัยนี้ไปได้และด้วยความเป็นห่วงที่อาจจะมีมากเกินไป แถมมาด้วยความกังวลและคิดมาก ก็ตามมาด้วยความระแวงที่มากเกินไปนี่แหละ Rachel Gelmis หญิงสาวในวัย 20 ปี (ปัจจุบัน) ที่กำลังเรียนอยู่ที่ University of Alabama ประเทศสหรัฐอเมริกาในวัย 16 ปี เธอเคยถูกแม่ของเธอสงสัยอย่างหนักว่าเธอกำลังเล่นยาหรือสารเสพติดรึเปล่า จนเกือบถูกส่งตัวไปสถานบำบัดเลยทีเดียว!! Rachel Gelmis ในตอนนั้นโรงเรียนของเธอมีการให้นักเรียนหลายๆ คนไปทดสอบว่าใช้ยารึเปล่า!? ณ จุดๆ หนึ่ง แม่ของเธอสงสัยมากๆ ในพฤติกรรมของเธอ แต่ผลของการทดสอบยิ่งช็อคไปกว่านั้น!!? เพราะโรงเรียนแจ้งให้แม่เธอทราบว่า เธอใช้ยาเสพติดเกือบทุกประเภท ทั้งโคเคน เฮโรอีน และยาไอซ์!!!? ‘ฉันตกใจและกลัวมากๆ เลยล่ะ ฉันพยายามครุ่นคิดสุดๆ ว่าทำไมที่โรงเรียนถึงตรวจพบว่าฉันใช้ยาเกือบทุกประเภท ฉันไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น’ Rachel Gelmis กล่าว แน่นอนว่าเธอไม่ได้ใช้สารเสพติดประเภทไหนเลย แต่แม่ของเธอน่ะสิ สติแตกไปเลย หลังจากนั้นตอนที่แม่มารับกลับบ้าน เธอก็ถูกคะยั้นคะยอให้ไปสถานบำบัดทันที ทำให้มีปัญหาปากเสียงกัน เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ทางโรงเรียนก็รู้ตัวว่าพวกเขาอ่านค่าของการทดสอบผิด ซึ่งแท้จริงแล้วผลออกมาตรงกันข้ามทั้งหมด…
-
บทความแนะนำ ‘ท่าเล่นมือถือ’ ที่ดีต่อร่างกาย และส่งผลเสียต่อสุขภาพเราน้อยที่สุด..!!
ว่ากันว่าในยุคที่เครื่องมือสื่อสาร มีเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำยุคสมัยไปมากๆ สิ่งเหล่านี้ก็ค่อยๆปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของมนุษย์ ให้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยด้วยเช่นกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อน เราคงไม่ค่อยเห็นใครยืนก้มหน้าเล่นมือถือเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเดี๋ยวนี้….ก็แทบจะทุกคนนั่นแหละ แล้วรู้กันมั้ยล่ะว่า ท่าที่เราใช้เล่นกันอยู่เนี่ยจริงๆแล้วมันผิดหลักกายภาพนะเออ เราตามไปดูกันดีกว่าว่าจริงๆแล้ว เราควรเล่นมือถือในท่ากันแน่นะ สำหรับใครที่มักจะมีติดนิสัย เล่นมือถือด้วยการเอียงศรีษะไปประมาณ 30 องศา ดั่งเช่นในรูปละก็ รู้มั้ยว่าส่วนคอของเราจะต้องรับน้ำหนักมากถึง 18 กิโลกรัม เลยทีเดียว เพราะน้ำหนักจะถูกถ่ายเทไปรวมกันไว้ที่กระดูกสันหลัง ส่งผลให้เกิดผลเสียต่อร่างกายอย่างแน่นอน และใครที่เอียงมากแบบชนิดที่ว่า ก้มหน้าแทบจะชิดจอมือถือ รู้มั้ยว่าด้วยลักษณะนี้ กระดูกสันหลังจะต้องรับน้ำหนักมากถึง 27 กิโลกรัม!!! ด้วยน้ำหนักขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะส่งผลร้ายให้แก่ระบบกระดูก และร่างกายส่วนอื่นๆของเรามากขนาดไหน และสำหรับบุคลิกที่เหมาะสม กับการใช้โทรศัพท์มือถือมากที่สุด ก็คือ การมองไปตรงๆ ไม่ก้มหัวลงมามากเกินไป พร้อมกับยืนหลังตรง พยายามให้โทรศํพท์มือถืออยู่ในระดับสายตาที่พอดี โดยที่เราไม่จำเป็นต้องก้มหัวลงไป และเมื่อนำมาเทียบกันแล้ว สำหรับท่านี้ น้ำหนักจะเทลงไปที่กระดูกสันหลัง เพียงแค่ 5 กิโลเท่านั้นเอง และถ้าหากใครที่ยังติดนิสัย กับการใช้โทรศัพท์มือถือในลักษณะบุคลิกภาพเดิม แล้วรู้สึกเจ็บบริเวณหลังละก็ นี่คือ 5 คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ…
-
สุดยอดการวิจัยที่บอกว่า… คนอื่นตัดสินคุณจากหน้าตายังไง และคุณก็ทำให้ตัวเองดูดีได้ง่ายๆ
ก็เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ล่ะว่า การมีรูปร่างหน้าตาที่ดูดีนั้น ทำให้มีความได้เปรียบในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือใช้ชีวิต ซึ่งวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีบทความดีๆ ทางวิทยาศาสตร์จาก Princeton University มาฝากกันแหละ ถึงแม้จะไม่มีหลักการหรือพื้นฐานที่ตายตัว ‘เรามีความรู้สึกประทับใจแรกต่อผู้คนที่เราพบเห็น รวมถึงตัดสินพวกเขาจากสิ่งเหล่านั้น มันเป็นอะไรที่ธรรมชาติสุดๆ และอดที่จะไม่ทำไม่ได้จริงๆ’ Alexander Todorov ศาสตราจารย์ทางด้านจิตวิทยากล่าว การทดลองของศาสตราจารย์คนนี้นั้น ใช้คอมพิวเตอร์สร้างใบหน้าขึ้นมาในแต่ละรูปแบบ ที่มีทั้งดูดี ดูแล้วรู้สึกอุ่นใจ ดูฉลาด และมีอีกมากมายหลายหน้าเพื่อใช้ในการทดลอง ถึงผลการทดสอบนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปชมกับสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาบ้าง!! อันดับแรกเลย ในส่วนของคนที่หน้าตาและบุคลิกดี ส่วนมากแล้วคนที่หน้าตาและรูปร่างดูดีนั้น จะมีแนวโน้มที่ทำคะแนนได้ดีเกือบทุกๆ ด้าน ทั้งความน่าเชื่อถือ ความฉลาด และมีความสามารถ ส่วนของคนที่มีผิวพรรณดี หน้าตาเหมือนเด็กหรือดูอ่อนกว่าวัย คนส่วนมากจะคิดว่าคนที่มีใบหน้าแบบนี้จะมีลักษณะนิสัยที่ซอฟต์ ไร้เดียงสา ซื่อสัตย์ ไม่มีพิษไม่มีภัย ใจดี และอบอุ่น แน่นอนในเรื่องนี้ ใบหน้าของผู้หญิงนั้นชนะขาด เพราะจะดูอ่อนกว่าวัยกว่าใบหน้าของผู้ชาย การแสดงอารมณ์ทางสีหน้าก็มีผลเช่นกัน… เช่นใบหน้าของคนที่กำลังโกรธอยู่ก็จะมีคนชื่นชอบน้อยลง ใบหน้าที่ดูน่าเชื่อถือและมั่นใจจะทำให้คนรู้สึกยำเกรงมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยเสริมต่อการตัดสินใจของมนุษย์ทั้งนั้น …
-
จริงหรือไม่? ว่ากันว่า ผู้หญิงถึงขับรถได้แย่กว่าผู้ชาย แต่กลับประสบอุบัติเหตุน้อยกว่า?
คุณเคยรู้สึกไหมว่าทุกครั้งที่เจอคนขับรถยนต์ที่มีพฤติกรรมแย่ๆ บนท้องถนน คุณจะต้องคาดคะเนไปก่อนแล้วว่าคนขับรถคันนั้นจะต้องเป็นผู้หญิงไว้ก่อน (แม้แต่ผู้หญิงบางคนก็มีความคิดแบบนี้เช่นกัน) จนมันกลายเป็นอุปทานหมู่ไปแล้วว่าผู้หญิงขับรถแย่กว่าผู้ชาย ทั้งที่ความจริงแล้วอาจจะเป็นผู้ชายหรือเพศอื่นๆ ก็ได้ เรื่องนี้มีการถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน ถึงขนาดคู่รักหรือสามีภรรยาหลายคู่ต้องทะเลาะกันเพราะเรื่องการขับรถเลยก็มี แต่นี่ไม่ใช่เรื่องของ “ความรู้สึก” เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีผลสำรวจและงานวิจัยออกมาชี้ชัดอยู่หลายชิ้นทีเดียว อย่างเช่นเมื่อปี 2014-2015 ทางรัฐบาลอังกฤษได้จัดทำสถิติออกมา ผลที่ได้คือผู้หญิงอายุราวๆ 17 – 50 ปี มีโอกาสสอบใบขับขี่ผ่านในครั้งแรกน้อยกว่าผู้ชาย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ผู้หญิงกลับมีความตระหนักเรื่องอุบัติเหตุมากกว่าผู้ชาย เพราะพวกเธอมักจะคาดเข็มขัดนิรภัยมากกว่าผู้ชาย ผลสำรวจบอกว่าวัยรุ่นสาวอายุ 17 ปี มีโอกาสสอบใบขับขี่ผ่านในครั้งแรกเพียง 7% เท่านั้น เมื่อเทียบกับวัยรุ่นผู้ชายในวัยเดียวกัน ส่วนสาวๆ ที่สอบไม่ผ่านหลายคนกลับมองว่าการที่พวกเธอสอบไม่ผ่านนั้น อาจเป็นเพราะผู้คุมสอบมีอคติต่อพวกเธอก็เป็นได้ เช่นเดียวกับหญิงสาวชาวอังกฤษที่ชื่อว่า Angela Clarke วัย 35 ปี Angela เริ่มสอบใบขับขี่ครั้งแรกตอนที่เธออายุได้ 18 ปี แต่ก็สอบไม่ผ่าน จนมาสอบอีกครั้งตอนที่เธออายุ 35 เป็นครั้งที่ 3 ถึงจะผ่าน…
-
งานวิจัยจากญี่ปุ่นเผย ‘หมา & แมว’ มีอายุยืนขึ้นกว่าเดิม และจะมากขึ้นอีกในอนาคต!!
ก็อย่างที่เรารู้กันอยู่ว่าอายุขัยของเหล่าสัตว์เลี้ยงของเรานั้นจะอยู่ที่ประมาณ 10-20 ปี แต่จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นได้ค้นพบว่าในปัจจุบันอายุขัยของเหล่าสัตว์เลี้ยงทั้งหลายนั้นเพิ่มมากยิ่งขึ้น และ…. มีแนวโน้มว่าจะมากยิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต จากงานวิจัยของ คณะการเกษตรและเทคโนโลยีมหาวิทยาลัย Tokyo University ได้คาดว่าอายุขัยโดยเฉลี่ยของเจ้าหมาและแมวเหมียวนั้นกำลังอยู่ในช่วงที่สูงที่สุด ซึ่งผลจากการสำรวจอายุขัยของเจ้าหมาในญี่ปุ่นนั้นจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 13.2 ปี มากกว่าอายุขัยเฉลี่ยของพวกมันเมื่อ 25 ปีก่อน ถึง 1.5 เท่า ส่วนเจ้าเหมียวนั้นก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงฉายา 9 ชีวิตของมันได้เป็นอย่างดีโดยมีค่าเฉลี่ยมากกว่าเมื่อ 25 ปีก่อนถึง 2.3 เท่า ด้วยค่าเฉลี่ย 11.9 ปี จากผลการสำรวจก็พบว่าเหล่าสัตว์เลี้ยงทั้งหลายนั้นมีชีวิตยืนยาวมากขึ้นเนื่องมาจากการเลี้ยงสัตว์ในบ้านกลายเป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตของพวกมันดียิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของอาหาร และการดูแลรักษาสุขภาพ อีกทั้งการฉีดวัคซีนเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกมันสามารถทนทานต่อโรคและการป่วย อันเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้พวกมันเสียชีวิตได้ และดูเหมือนว่าการฉีดวัคซีนนี้มันจะมีการพัฒนาการไปเรื่อยๆ อีกในอนาคต นอกเหนือไปจากนี้ จากการศึกษาวิจัยในปี 2014 พบว่า สัตว์เลี้ยงมากกว่าครึ่งในประเทศญี่ปุ่นนั้นจะมีอายุอยู่ประมาณ 7 ปี หรือสูงกว่านั้น ที่เทียบได้กับคนอายุ 40 ปีเลยทีเดียว (ซึ่งตัวเลขนี้เองก็ไม่ห่างไกลจากค่าอายุเฉลี่ยของประชากรญี่ปุ่น คือ 46.5…
-
ทดลองพาคนสูบบุหรี่มาแต่งหน้า เพื่อตระหนักถึงสุขภาพและริ้วรอย ที่จะทำให้แก่เกินวัย!!
เรามักจะได้ยินผู้ใหญ่พูดอยู่เสมอ ตั้งแต่เป็นเด็กเล็กว่า “เหล้า บุหรี่ มันเป็นของไม่ดี โตมาอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับมันเลยนะลูก” ซึ่งมันก็ไม่ดีจริงๆ นั่นแหละ แต่ไม่รู้ทำไมเราก็ยังเห็นผู้ใหญ่เค้าสูบบุหรี่กันเป็นประจำ? และถึงแม้ว่าจะมีโครงการรณรงค์งดสูบบุหรี่ หรือแม้แต่ติดรูปโรคร้ายที่จะเกิดขึ้นบนซองบุหรี่ ก็ไม่ได้ช่วยให้อัตราการสูบบุหรี่ลดน้อยลงเลย น่าแปลกที่มนุษย์เรามักจะมีนิสัยอย่างหนึ่งที่คล้ายๆ กันนั่นก็คือ ‘ถ้าไม่เห็นโลงศพ ก็คงไม่หลั่งน้ำตา’ ถ้าบอกว่าบุหรี่มันส่งผลให้เกิดโรคมากมาย ก็คงไม่มีใครเชื่อจนกว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเองจริงๆ และนี่คือรายการๆทดลองจาก BuzzFeed เมื่อพวกเขานำผู้ที่สูบบุหรี่อยู่เป็นประจำมาสัมภาษณ์ พร้อมกับตกแต่งหน้าของพวกเขา เพื่อให้เห็นชัดๆ ว่าถ้าหากยังคงสูบต่อ สภาพหน้าตาจะดูแก่ก่อนวัยอันควรมากขนาดไหน Meredith หนึ่งในสามอาสาสมัครครั้งนี้ เธอคือสาววัย 28 ที่เพิ่งเริ่มต้นสูบบุหรี่ในช่วงที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย และทุกๆวันนี้เธอยังคงสูบอยู่ประมาณ 3-4 มวนต่อวัน โดยเธอหวังว่าการได้เห็นสภาพของตัวเองที่ดูแก่ลงอย่างรวดเร็ว จะช่วยเป็นกำลังใจให้เธอเลิกบุหรี่ได้ ถึงแม้หลายๆ คนอาจจะบอกว่า แค่ 3-4 มวนเองไม่อันตรายเท่าไหร่หรอก ซึ่งอันที่จริงน่ะผิด!!! เพราะผลการวิจัยเมื่อปี 2010 เกี่ยวกับเรื่องนี้กล่าวว่า ไม่ว่าคุณจะสูบบุหรี่มากหรือน้อยขนาดไหนต่อวัน โอกาสต่อการเกิดมะเร็ง หรือโรคหัวใจและหลอดเลือด นั้นมีอัตราเท่ากัน ซึ่งการทดลองโครงการนี้ ก็ไม่ได้มีเพียงแค่ช่างแต่งหน้าที่จะมานั่งเทียน จินตนาการ แต่งหน้าให้ดูแก่อย่างมั่วๆ เท่านั้น เพราะยังได้ Dr.Taylor…
-
และนี่คือ 5 สาเหตุที่ว่า ทำไมการศึกษาของ ‘ประเทศฟินแลนด์’ อยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก!!
ประเทศฟินแลนด์ เป็นประเทศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในยุโรปตอนบน มีประชากรประมาณ 5 ล้านคน หลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยรู้ว่า ที่นี่เป็นประเทศที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นักเรียนที่มีคุณภาพที่สุดในโลก” ประเมินจากนักเรียนที่จบการศึกษาภาคบังคับของนักเรียนจำนวน 65 ประเทศ และอะไรกันที่ทำให้การศึกษาของพวกเขาดีเยี่ยมขนาดนั้น เราลองไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า… 1. ช่วงเวลาก่อนเข้าเรียน เด็กๆ ที่ฟินแลนด์นั้น จะเข้าโรงเรียนเมื่ออายุ 6-7 ปี และก่อนหน้านั้นก็จะให้เด็กได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่พ่อแม่จะเป็นคนดูแลเด็กๆ เอง ทั้งให้ความรู้ เป็นเพื่อนเล่น และความรัก เพราะเขาเชื่อว่าทั้งความรู้และความรักนั้นต่างก็สำคัญสำหรับเด็กในช่วงวัยนี้ ถ้าเทียบกับบ้านเรานั้นเด็กในช่วงวัยนี้จะต้องเข้าโรงเรียนชั้นอนุบาล (ตั้งแต่ 3 ขวบ ถึง 6 ขวบ) และที่โรงเรียนก็จะมีการสอนให้อยู่ร่วมกันกับเด็กคนอื่นๆ และห้ามไม่ให้พ่อแม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเรียนการสอนแต่อย่างใด เด็กจะมีโอกาสเจอพ่อแม่ก็ต่อเมื่อหลังเลิกเรียนเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามที่ประเทศฟินแลนด์นั้นก็มีโรงเรียนที่คล้ายอนุบาลเหมือนกันนะ ไว้สำหรับพ่อแม่ที่ต้องออกไปทำงาน โดยสถานที่นี้เรียกว่า Daycare ที่จะเป็นสถานที่รับเลี้ยงเด็ก มีคนคอยดูแลพร้อมกับสนามเด็กเล่นให้เล่นทั้งวัน และเท่านั้นยังไม่พอที่ Daycare ยังอนุญาตให้ผู้ปกครองเข้าไปเป็นเพื่อนเล่นได้ตลอดเวลาด้วย 2. เปิดโอกาสให้เด็กๆ ทำในสิ่งที่สนใจ เด็กๆ…
-
‘เดี๋ยวเธอก็กลับมา…’ ผู้คุมพูดกับนักโทษหญิง ที่ถูกปล่อยจากคุก ผลักดันให้เธอสู้จนมีชีวิตที่ดีขึ้น…
ในฐานะที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่มีใครหรอกที่จะไม่เคยทำผิดพลาด แต่ถ้าได้รับการให้อภัยจากสังคม ได้รับโอกาสใหม่ในการดำเนินชีวิตอีกครั้งและไม่กลับไปทำสิ่งที่ผิดแบบเดิมแล้วล่ะก็ นี่สิถึงเรียกว่ายอดคนล่ะ!! เรื่องราวนี้เป็นของ Susan Burton ย้อนกลับไปตอนที่ชีวิตเธอยังปกติสุข เธอเลี้ยงดูลูกชายวัย 5 ขวบของเธอ แต่เหตุการณ์สุดสะเทือนใจก็เกิดขึ้น ขณะที่เขาวิ่งเล่นอยู่หน้าบ้าน เพียงแค่แว๊บเดียวที่แม่ของเขาละสายตา เขาก็ถูกรถชนเสียชีวิต ในตอนนั้น Susan รู้ทันทีว่าชีวิตของเธอนั้นจบสิ้นแล้วล่ะ… Susan Burton เธอเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก หันไปพึ่งทั้งแอลกอฮอล์และยาเสพติด ทำให้เธอถูกจับกุมอยู่หลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายตลอด 20 ปีที่ผ่านมานี้ ทำให้เธออยู่ในวงจรอุบาทว์ของการออกจากคุก และกลับเข้าไปติดคุกอยู่เสมอๆ สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกานั้น จากสถิติปี 2014 ที่ผ่านมาของกระทรวงยุติธรรม 67.8% ของนักโทษจำนวน 404,638 ทั่วประเทศที่ถูกปล่อยออกมานั้น จะถูกจับกลับเข้าไปในคุกภายในระยะเวลา 3 ปี และสูงถึง 76.6% เลยทีเดียว ที่จะถูกจับกลับไปรับโทษภายในระยะเวลา 5 ปี นั่นหมายความว่าพวกเขากลับไปทำผิดแบบซ้ำๆ ไม่สามารถเริ่มชีวิตใหม่ที่ดี และยังวงเวียนอยู่ในวงจรอุบาทว์ต่อไป!! หลังจากที่เธอถูกปล่อยตัวออกมาครั้งสุดท้ายผู้คุมก็พูดกับเธอว่า ‘เดี๋ยวเธอก็กลับมา แล้วฉันจะเตรียมที่นอนไว้รอนะ…’ หลังจากได้ยินคำพูดนั้น เธอก็สาบานกับตัวเองว่าเธอจะไม่กลับไปเหยียบสถานที่แห่งนั้นอีก…
-
นักวิจัยเผย… กิน ‘ช็อกโกแลต’ ในมื้อเช้า ช่วยในการทำงานของสมองและป้องกันอ้วน
ช็อกโกแลตนั้น ขึ้นชื่อว่า เป็นอาหารที่ทานแล้วอ้วน ดังนั้น คนที่ลดน้ำหนักอยู่ ส่วนใหญ่จึงมักจะหลีกเลี่ยงช็อกโกแลต แต่การวิจัยล่าสุด พบว่า การทานช็อกโกแลตเป็นประจำทุกเช้านั้น ดีต่อสมองและร่างกายนะ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Syracuse ในนิวยอร์ก ได้ทำการศึกษาวิจัยกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 968 คน ที่มีอายุตั้งแต่ 23-98 ปี โดยให้พวกเขากินอาหารแบบที่กินเหมือนเดิม จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ช็อคโกแลตนั้น มีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานขององค์ความรู้ของเรา และหากบริโภคเป็นประจำ ก็สามารถช่วยในเรื่องความจำ รวมทั้งช่วยพัฒนาความคิดเชิงนามธรรมของเราด้วย หลายปีที่ผ่านมานักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Tel Aviv บอกว่า พวกเขากินช็อกโกแลตทุกเช้า ซึ่งมันช่วยในเรื่องการทำงานของพวกเขาได้ดีจริงๆ Dr. Daniela Jakubowicz ผู้เขียนหนังสือ The Big Breakfast Diet จนกลายเป็นหนังสือที่ขายที่สุดเล่มหนึ่ง บอกว่า ‘เมื่อเราตื่นขึ้นมา สมองเราก็ต้องการพลังงานทันที เพราะตอนเช้านั้น เป็นช่วงที่ร่างกายของเราแปลงอาหารให้เป็นพลังงาน’ ‘หากเลยเวลาเช้าไปแล้ว ร่างกายมีแนวโน้มที่จะเก็บพลังงานเหล่านั้นสำรองไว้ในรูปแบบไขมัน นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมกินเท่าไรก็อ้วน ทั้งๆ ที่ลดปริมาณอาหารลงแล้ว’ ในขณะที่ Jakubowicz บอกว่า…
-
บริษัทหัวใสสร้าง ‘นอแรดปลอม’ ที่เหมือนของจริงจนแยกไม่ออก ปล่อยในตลาดมืดจนให้คนเลิกซื้อกันไปเอง!!
ถึงจะเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย แต่ก็ต้องยอมรับว่าที่อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้เพราะอำนาจเงินมหาศาลของผู้ชื่นชอบที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสของการซื้อขาย ทำให้คนไม่เกรงกลัวกฎหมายและพร้อมที่จะฆ่าสัตว์ป่าเหล่านี้เพื่อเอาสิ่งมีค่าของมันโดยไม่ลังเล ในทวีปแอฟริกา หนึ่งในธุรกิจผิดกฎหมายที่น่ากลัวที่สุดก็คือการลักลอบฆ่าสัตว์และค้าของป่า แต่ละปีนั้นมีสัตว์ป่าที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับคนเหล่านี้ โดยเฉพาะช้างและแรด เพราะมี ‘นอ’ และ ‘งา’ ที่เหล่านักสะสมชอบนำไปประดับประดาไว้ในบ้านกัน Pembient บริษัทผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีชีววิทยาเลยเกิดปิ๊งไอเดียสร้าง ‘นอปลอม’ ขึ้นมา จากการร้อยเรียงขึ้นมาในรูปแบบของการปริ้นท์ 3 มิติ แล้วนำไปปล่อยลงในตลาดมืดเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ซะเลย!! ปัญหาเรื่องการลักลอบตัดนอแรด สำหรับนอแรดตอนนี้ก็ถือว่าเป็นของป่าที่ราคาสูงอย่างมาก ขายกันถึงกิโลกรัมละ 100,000 ดอลลาร์ (3.5 ล้านบาท) ทำให้แม้ว่าทางการจะมีมาตรการป้องกันยังไง ก็ยังยากที่จะรับมือกับเหล่าพรานนักล่าเหล่านี้ แค่ในประเทศแอฟริกาใต้ มีแรดถูกฆ่าไปกว่า 1,300 ตัวในปี 2015 จากการรายงานของ IUCN ซีอีโอของทางบริษัทชีววิทยาแห่งนี้ Matthew Markus เลยปิ๊งไอเดียนำเคอราตินมาใช้งาน (วัตถุดิบเดียวกันกับที่เป็นส่วนประกอบของเล็บและผม) ไอเดียก็คือนำเคอราตินมาผ่านกรรมวิธีปริ้นท์ขึ้นรูป 3 มิติ ออกมาให้เหมือนนอแรดมากที่สุด จนซีอีโอของเรากล่าวว่า ‘มันจะรู้สึกเหมือนของจริงมากๆ ทั้งรูปลักษณ์และการสัมผัสจนเป็นไม่ได้เลยล่ะที่จะสามารถแยกออกจากกันได้’ Matthew Markus ซีอีโอของ Pembient ‘ความพยายามที่จะหยุดการซื้อขายนอแรดนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เพราะอุปสงค์ที่สูงในตลาดมืด หรือแม้แต่การปลูกจิตสำนึกที่ดีนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากมากๆ เช่นกัน เราไม่สามารถบอกพวกเขาให้หยุดการกระทำนั้นๆ…
-
สัมภาษณ์น้อง Jabz ‘อนุชา จิระวงค์’ เกมเมอร์ไทยวัย 17 ปี โกอินเตอร์เข้าทีม Dota ระดับโลก!!
สำหรับคำว่า ‘เกม’ หรือ ‘เด็กเล่นเกม’ นั้น ในบรรทัดฐานของบ้านเราแล้วสองคำนี้มีความหมายที่มักจะไม่ดีนัก เพราะการถูกปลูกฝังค่านิยมที่ว่าเกมนั้นไม่ดี มอมเมาเยาวชนและเป็นการเสียเวลาโดยใช่เหตุ แต่แท้จริงแล้วทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างบนโลกนี้ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียปะปนกันไป เปรียบประดุจเหรียญที่มีสองด้าน เพราะหากจะหาด้านนี้ มันก็มีอยู่มากมายเช่นกัน ยิ่งในยุคที่ E-Sport หรือการแข่งเกมกำลังเฟื่องฟู กลายเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่เกมเมอร์ระดับสูงสามารถสร้างเงินรางวัลได้นับล้าน และท่ามกลางคำดูถูกดูแคลนของสังคมบ้านเราต่อเกมนั้น มีต้นกล้าอ่อนต้นหนึ่งที่พยายามจนประสบความสำเร็จและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของ ‘เกมเมอร์’ ให้ทุกๆ คนได้เห็น!!! เรื่องราวของน้องแจ๊บ หรือ Jabz (ชื่อในวงการเกม) กับการโกอินเตอร์ร่วมทีมระดับโลกของเกม Dota 2!! ถึงแม้ว่าวงการเกมของบ้านเรายังไม่ค่อยบูมนัก แต่ต้องยอมรับก่อนเลยว่าในต่งประเทศนั้นถือว่าเป็นกีฬา E-Sport และเป็นธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ รวมถึงผู้ติดตามหลายล้านคนจากทั่วโลก และอย่างการแข่งขันระดับนานาชาติครั้งล่าสุดของเกมนี้ Dota 2 The International 6 ก็มีรางวัลรวมสูงถึง 20 ล้านดอลล่าสหรัฐฯ หรือราวๆ 700 ล้านบาทเลยทีเดียว!! รางวัลล่าสุดในแต่ละอันดับ และในส่วนของน้องแจ๊บนั้น ถือว่าเป็นเกมเมอร์ไทยรายและของประวัติศาสตร์ ที่เข้าร่วมทีมที่มีผู้เล่นระดับโลกอย่าง…
-
สาวน้อยถูกเพื่อนแกล้ง ไม่มีใครยอมกินข้าวด้วย สู่แรงผลักดันให้เขียนแอพ ‘ชวนคนกินข้าว’!!
ปัญหาเรื่องการหาคนกินข้าวด้วยค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเลยทีเดียว ในทั้งสังคมระดับมหาวิทยาลัยหรือการทำงาน เพราะส่วนมากเพื่อนๆ ที่สนิทก็มักมีเวลาว่างไม่ตรงกันซะอีก นี่คือ Natalie Hampton สาวน้อยผู้ที่ต้องไปกินข้าวกลางวันคนเดียว Natalie Hampton สาวน้อยวัย 16 ปีจากสหรัฐฯ กลับเจอปัญหาที่เลวร้ายมากกว่านั้น เพราะเธอไปกินข้าวที่โรงอาหารในโรงเรียนของเธอคนเดียวอยู่บ่อยๆ แต่การแก้ปัญหาของเธอนั้นสร้างสรรค์สุดๆ ไปเลยทีเดียว เธอได้สร้างแอพพลิเคชั่นหนึ่งขึ้นมาชื่อว่า Sit With Us เพื่อหาเพื่อนนั่งกินข้าวด้วยซะเลย แถมไม่ต้องกลัวที่จะถูกปฏิเสธอีกด้วย!! เหมือนในหนังวัยรุ่นฝรั่งหลายๆ เรื่อง เธอตกเป็นเป้าหมายของเด็กเกเรในโรงเรียนเพราะตัวคนเดียว ในการนี้เธอจึงคิดค้นแอพพลิเคชั่นของเธอขึ้น เพื่อจัดการกับปัญหากวนใจนี้ แรงบันดาลใจที่ทำให้ Natalie Hampton คิดค้นแอพพลิเคชั่นนี้ขึ้นก็เพราะว่าสมัยก่อนตอนอยู่ช่วง ม. ต้น เธอมักจะถูกล้อและแกล้งอยู่ประจำ แถมไม่มีใครมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนอีกต่างหาก และนั่นทำให้เธอรู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว!! และนี่คือการแก้ปัญหาของเธอ Sit With Us โดยใครที่มานั่งโต๊ะก่อนแล้วนั้นสามารถเปิดอีเว้นท์ก่อน นัดเวลาและสถานที่ ให้เหล่าผู้ที่อยากเข้าร่วมเข้ามาจอยกันได้ ด้วยระบบนี้ทำให้คนที่ไม่รู้ว่าจะไปกินข้าวกับใครสามารถเลือกเข้าไปนั่งตามโต๊ะในเวลาต่างๆ ได้ พออย่างนี้ก็จะตัดปัญหาการกลัวว่าจะถูกปฏิเสธไปโดยปริยาย เพราะฝ่ายที่มาก่อนถือว่าได้กลายเป็นผู้เชิญชวนโดยสมบูรณ์แบบแล้วล่ะ ‘ฉันรู้ซึ้งถึงปัญหานี้อย่างมาก…
-
20 นักแสดงที่เคย “ปฏิเสธ” บทที่โด่งดังมากพร้อมกับเหตุผลของแต่ละคน!!
มีหลายครั้งที่เราจะได้มีโอกาสเห็นดาราขวัญใจของเราได้แสดงบทบาทในหนังฟอร์มยักษ์ แต่แล้วก็ต้องแห้วเมื่อเขาได้ปฏิเสธบทบาทเหล่านั้นไป แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่มาแสดงแทนไม่ดีนะ แค่เราอยากเห็นดาราที่เราชอบในบทนั้นเฉยๆ การจะเป็นนักแสดงในหนังใหญ่ๆ ได้นั้นต้องผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกัน นอกจากบทจะเป็นส่วนผลักดันแล้ว เขาก็ต้องแสดงบทบาทนั้นออกมาให้น่าจดจำ เวลาใครพูดถึงตัวละครนี้ก็ต้องมีหน้านักแสดงคนนี้ลอยมาด้วย และวันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปพบกับนักแสดงที่เคยบอกปัดบทดังๆ จากหลายเรื่อง ไปดูกันว่าแต่ละคนเคยได้รับการเสนอบทบาทอะไรกันบ้าง Josh Hartnett ปฏิเสธบทซุปเปอร์แมนใน “Superman Returns” โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากเป็นซุปเปอร์แมนทั้งชีวิต กลัวว่าตอนเขาอายุ 22 อาจจะเกิดอันตรายขึ้นก็ได้ เพราะใครรับบทนี้มักจะมีอาถรรพ์ คนที่ได้ไปคือ Brandon Routh Hugh Jackman เคยถูกทาบทามให้ได้รับบท James Bond โดยให้สัมภาษณ์ว่าคนยังติดภาพที่เขายังเป็นวูล์ฟเวอรีนอยู่ คนที่ได้ไปคือ Daniel Craig Will Smith ปฏิเสธบทใน “Django Unchained” เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักเลยเพราะว่าเป็นหนังของ Quentin Tarantino ด้วย แต่ก็ต้องปฏิเสธไปเพราะความคิดไม่ตรงกัน คนที่ได้ไปคือ Jamie Foxx Anne Hathaway อาจได้รับบทใน “Silver Linings Playbook” ที่เธอปฏิเสธไปก็เพราะว่าความคิดไม่ตรงกับผู้กำกับนั่นเอง คนที่ได้ไปคือ Jennifer…
-
10 ความหมายแท้จริงที่ซ่อนอยู่ ภายใต้แบรนด์สินค้าชื่อดัง ที่เราต่างคุ้นตากันเป็นอย่างดี..!?
สินค้าทุกอย่างจำเป็นที่จะต้องมี โลโก้ ชื่อ และเอกลักษณ์ เพื่อความโดดเด่น และง่ายต่อการจำต่อผู้บริโภค หลายๆแบรนด์มักจะมีชื่อเรียกแปลกๆ โดยเฉพาะสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกทั้งหลาย แล้วเคยสงสัยกันมั้ยล่ะ ว่าความหมายที่แท้จริง ก่อนที่จะมาเป็นชื่อนั้นๆเนี่ย มันมีที่มาจากอะไร กว่าจะกลายเป็นชื่อแบรนด์ดัง ที่ทำให้คนรู้จักกันไปทั่วโลกได้ 1. Adidas มันไม่ได้ย่อมาจาก ‘All Day I Dream About Sex’ อย่างที่หลายๆคนชอบพูดกันหรอกนะจ๊ะ เพราะจริงๆแล้วมันเป็นชื่อผู้สร้างนั่นแหละ Adolf Dossler เป็นการผสมคำจากชื่อเล่นของเขา ‘Adi’ และ ‘Das’ เสียงจากการอ่านนามสกุลที่ถูกต้อง ซึ่งแน่นอนว่าวิธีนี้ ช่วยให้แบรนด์ดูดีมีสไตล์มากกว่าการใช้ชื่อเจ้าของไปอย่างตรงไปตรงมานั่นเอง 2. GAP แบรนด์เสื้อผ้าวัยรุ่นชื่อดัง ที่เรามักจะเห็นเวลาไปเดินห้างบ่อยๆ อันที่จริงความหมายของมันก็ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรเลย แค่มาจาก ‘วัฒนธรรม GAP’ คือช่วงวัยระหว่าง เด็กและผู้ใหญ่นั่นเอง 3. Häagen-Dazs แบรนด์ไอศครีมชื่อดังก้องโลก ที่ใครต่างก็ยอมรับในความเอร็ดอร่อยของแบรนด์ เดิมทีผู้สร้างแบรนด์นี้เป็นชาวยิว ชื่อ Reuben Mattus และเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ชาวเดนมาร์ค…
-
ขอแค่โอกาส…เจ้าหนูดาวน์ซินโดรมให้คุณแม่เขียนจดหมายสมัครงานให้ จนสุดท้ายเขาได้ทำงานสมใจ!!
แน่นอนว่าเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะไม่ได้รับโอกาสในการพิสูจน์ตัวเองเหมือนอย่างคนอื่นใช่มั้ยล่ะ!? หนุ่มน้อย Addison Quinn ก็เช่นกัน เขาก็ต้องการโอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเองแบบคนอื่นๆ ถึงแม้ว่าจะเกิดมาพร้อมกับอาการดาวน์ซินโดรม แต่ความพยายามและความมุ่งมั่นของเขานั้นแรงกล้าไม่แพ้คนอื่นๆ เลยล่ะ Addison ในวัย 16 ปี ได้ขอร้องให้คุณแม่ของเขาช่วยเขียนจดหมายสมัครงานให้ เพราะเขาอยากหางานทำในช่วงเวลาว่างจริงๆ และแม่เขาก็ไม่ได้ติดขัดแต่ประการใด แถมยังดีใจสุดๆ ด้วยเสียอีก เขาก็แค่ต้องการโอกาสแบบคนอื่นๆ เท่านั้น… หลังจากที่ Lisa แม่ของเขาก็โพสต์ลงในเฟซบุ๊คด้วยข้อความที่ว่า ‘เขาต้องการทำงานจริงๆ ถ้ามีใครต้องการคนทำงานเพิ่มล่ะก็ อย่าลืมติดต่อเราเข้ามานะ…’ ต่อจากนั้นเธอก็โพสต์ภาพของลูกชายในชุดสมัครงาน และจดหมายสมัครงานของเขาที่เขียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จดหมายสมัครงานของเขา หลักๆ แล้วก็เขียนอธิบายเกี่ยวกับตัวเขาว่าเรียนอยู่ที่ไหน กำลังเรียนชั้นอะไรอยู่ อยากหางานทำช่วงวันหยุดอาจจะสัก 1-2 ชั่วโมงก็ได้ มีความสามารถพิเศษคือการเช็ดโต๊ะ ทำความสะอาด กวาดถูพื้น และอื่นๆ อีกมากมาย ถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องการพูดนิดหน่อย แต่ก็สามารถเข้ากับผู้คนได้ดี และสามารถทำตามคำชี้แจงสั้นๆ ได้ ยิ่งทำบ่อยๆ ก็จะรู้แล้วว่าควรจะทำอย่างไร หน้าที่หลักๆ ของเจ้าหนูที่บ้านก็คือซักล้างทำควมสะอาดเสื้อผ้าตัวเอง เอาขยะไปทิ้ง และให้อาหารกับเจ้าตูบที่เลี้ยงไว้ และเขาก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับโอกาสเพื่อจะได้รับประสบการณ์ในการทำงานบ้าง…