Category: ข่าวคราวรอบโลก

เหตุการณ์ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่และทุกเวลา ไม่เว้นแม้แต่ในการทำคลอดที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันในวันนี้ เมื่อบุรุษพยาบาลคนหนึ่งพยายามจะทำคลอดให้คุณแม่คนที่คลอดลูกโดยเอาเท้าออกมาก่อนหัว แต่เขาออกแรงดึงมากเกินไป จนหัวของทารกขาดและติดอยู่ในช่องคลอด   ในวันที่ 6 มกราคม 2019 สำนักข่าว Hindustan Times ได้รายงานว่าบุรุษพยาบาลที่ประจำอยู่ในศูนย์การแพทย์ในประเทศอินเดีย ได้ออกแรงดึงทารกขณะทำคลอด จนร่างกายแยกเป็นสองส่วน ซึ่งหลังจากที่บุรุษพยาบาลพร้อมกับเพื่อนร่วมงานอีกคนได้นำร่างไร้ศีรษะของทารกไปซ่อนไว้ในห้องเก็บศพของศูนย์การแพทย์ดังกล่าว ก่อนจะบอกให้ครอบครัวของคนไข้ทำเรื่องส่งคนไข้ไปยังโรงพยาบาลในเมือง Jaisalmer   ศูนย์การแพทย์ที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว   Dr. Ravindra Samkhla สูตินารีแพทย์ประจำโรงพยาบาลที่รับตัวแม่ของเด็กมาได้เผยว่าพนักงานทำคลอดจากศูนย์การแพทย์บอกกับเขาว่าพวกเขาทำคลอดเสร็จแล้ว แต่ยังเหลือรกไว้ในครรภ์ของคุณแม่อยู่ แต่เมื่อคุณหมอได้ตรวจสอบก็ต้องสะพรึง แทนที่จะเจอรกเหมือนที่พนักงานบอกมา กลับเป็นหัวของทารกที่ถูกทิ้งไว้ในช่องคลอด จึงรีบทำการแจ้งคุณแม่ทันที     และเมื่อครอบครัวของเธอได้รู้เรื่องราวดังกล่าวก็เตรียมเอาเรื่องกับบุรุษพยาบาลทั้งสองที่ทำคลอดลูกของเขา Dr. Nikhil Sharma ผู้รับผิดชอบศูนย์การแพทย์ที่ทำคลอด ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าขณะที่เกิดเหตุเขาไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาล และบุรุษพยาบาลทั้งสองก็ลงมือทำคลอดกันเองโดยไม่ได้แจ้งให้เขาได้ทราบ สุดท้ายทาง Jalam Singh เจ้าหน้าที่สืบสวนก็เผยว่าก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์สลดครั้งนี้ ฝ่ายสามีได้ยื่นเรื่องร้องเรียนบุรุษพยาบาลทั้งสอง เนื่องจากมีอาการมึนเมาอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่มีการจับกุมเกิดขึ้น   ที่มา Hindustantimes, The Sun

“การสับราง” หมายถึงการกระทำของคนที่มีคนรักอยู่แล้วอยู่แล้ว แต่คบซ้อนและพยายามวางแผนนัดไม่ให้คนรักคนหนึ่งโคจรมาพบกับคนรักอีกคนหนึ่ง เหมือนอย่างเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เมื่อหนุ่มจีนคนหนึ่งแต่งงานกับผู้หญิงซ้อนกันสามคนภายในสามปี แถมยังให้พวกเธออาศัยอยู่ใกล้ๆ กันอีกด้วย     ในวันที่ 14 มกราคม 2019 สำนักข่าว Dailymail ได้รายงานว่า Zhang หนุ่มวัย 36 ปีจากมณฑลเหอหนาน จากประเทศจีน ได้จดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงต่างคนซ้อนกันถึง 3 ครั้งภายใน 3 ปี โดยในประเทศจีนแล้ว ที่ว่าการอำเภอแต่ละมณฑลจะใช้ฐานข้อมูลคนละแห่ง ดังนั้นจึงเอื้อประโยชน์ให้แก่ Zhang พาภรรยาแต่ละคนไปจดทะเบียนสมรสในที่ว่าการอำเภอต่างมณฑลกัน     โดย Zhang ได้แต่งงานกับภรรยาคนแรกในปี 2015 ก่อนที่จะพบและเริ่มความสัมพันธ์กับภรรยาอีกสองคนเพราะพวกเธอมาถามข้อมูลเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และด้วยความที่ Zhang เป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เขาตัดสินใจที่จะหาอพาร์ตเมนต์ให้ภรรยาแต่ละคน ซึ่งแต่ละคนก็อยู่ห่างกันไม่ถึง 1 กิโลเมตร     ไม่เพียงเท่านั้น Zhang ยังมีลูกอย่างน้อยหนึ่งคนกับผู้หญิงทุกคนที่เขาแต่งงาน ในระหว่างที่คบกับทั้งสามคน Zhang ได้เดินทางไปมาระหว่างสามครอบครัวอยู่บ่อยๆ โดยอ้างว่าไปจัดการเรื่องธุรกิจขณะที่อยู่กับภรรยาคนอื่น…

แน่นอนว่าการได้นอนซบอกใครสักคน มันช่างเป็นความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเสียจริงๆ แต่ว่าหากอกของคนที่ว่านี้เป็นถึงเซเลบริตี้ระดับโลกอย่าง ‘เดวิด เบ็คแฮม’ มันจะรู้สึกดีขนาดไหนกันนะ จนแล้วจนรอดเราก็อาจจะเดาไม่ถูกอยู่ดีว่ามันเป็นอย่างไรกันแน่ กับความอบอุ่นภายใต้อ้อมกอดของหนุ่มรูปหล่อคนนี้ แต่ถ้าอยากจะพอรู้แบบคร่าวๆ ล่ะก็ บางทีไปถามเจ้าตูบตัวนี้ดูก็ได้ เพราะบอกเลยว่ามันได้สัมผัสมาแล้ว…   https://www.instagram.com/p/BsisbOVgZZK/   ในตอนนี้ชาวเน็ตแทบจะทุกทั่วมุมโลกต่างพากันอิจฉาตาร้อนกับโพสต์ใน IG ของ Victoria Beckham ศรีภรรยาคนสวยของหนุ่มเดวิด ที่โพสต์ภาพของสามีเธอนอนกอดกับเจ้าหมาตัวหนึ่งแล้วผล็อยหลับไปพร้อมกัน และแค่ภาพๆ เดียวมีคนกดหัวใจไปแล้วถึง 1.1 ล้านครั้ง!! เจ้าหมาสายพันธุ์ Cocker Spaniel ตัวนี้มีชื่อว่าเจ้า Olive แต่เดี๋ยวก่อนความน่าอิจฉาของมันไม่เพียงแต่ได้ซบอกหนุ่มเดวิดเพียงเท่านั้น เพราะยังมีอะไรมากไปกว่านั้นอีก   ผ้าห่ม Supreme x Louis Vuitton Blanket   นั่นก็คือผ้าห่มที่มันห่มอยู่เพราะมันคือ Supreme x Louis Vuitton Blanket ซึ่งมีราคาวางขายในท้องตลาดสูงถึง 4,600 ปอนด์ (ราวๆ 188,000 บาท) เลยทีเดียว นี่จึงเป็นที่มาของความตาร้อนของชาวเน็ตกันเป็นแถว ที่พากันอยากจะแย่งเป็นเจ้า Olive กันซะเหลือเกิน อะไรมันจะชีวิตดีได้ขนาดนี้กัน เราลองไปดูความเกรี้ยวกราดของพวกเขาแบบขำๆ ในโพสต์นี้สักเล็กน้อยดีกว่า……

บางครั้ง ‘ศิลปะ’ มันก็ยากเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้ และมันอาจจะดูแปลกจนเราเข้าไม่ถึงได้เลยทีเดียว!! เช่นเดียวกันกับงานศิลป์ชิ้นนี้ ที่เป็นผลงานของศิลปินลูกครึ่งนามีเบีย-เยอรมนี ชื่อว่า Max Siedentopf เขาได้นำ ‘ลำโพง’ ที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ไปวางไว้สักแห่งในทะเลทรายนามิบอันกว้างใหญ่ไพศาล แล้วก็เปิดให้มันเล่นเพลงเพลงเดียววนไปไม่รู้จบ     เพลงที่ว่านั้นก็คือเพลง Africa โดย Toto ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลงที่มีการฟังแบบสตรีมมิ่งมากที่สุดบนโลกใบนี้ เป็นหนึ่งเพลงที่ฮิตมากๆ ในช่วงยุค 80 และยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน หากดูจากยอดวิวในยูทูบก็จะเห็นได้ว่ามีคนเข้าไปชมมากกว่า 440 ล้านครั้งเลยทีเดียว!!     ลองไปฟังกันดูก่อนที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า   เขาได้ทำการตั้งเสาสีขาวเอาไว้ 7 ต้น ข้างบนก็วางลำโพงแบบใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เอาไว้ ข้างในบรรจุแต่เพลง Africa เอาไว้แค่เพลงเดียวเท่านั้น!! จึงเป็นที่มาของชื่อผลว่าว่า ‘Toto Forever’ นั่นเอง     นาย Max เล่าว่า “ผมหวังว่ามันจะเล่นไปเรื่อยๆ เป็นเวลาหลายล้านปี!! แต่สิ่งที่ยากที่สุดก็คือ ‘ความคงทน’ ของอุปกรณ์นี่แหละ ผมก็เลยเลือกอุปกรณ์ที่มีความคงทนสูง เพื่อให้มันสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมอันรุนแรงในทะเลทรายได้”…

สำหรับเพื่อนๆ ที่เป็นเกมเมอร์แล้ว เวลาที่เล่นเกมที่ต้องแข่งกับผู้เล่นฝั่งตรงแล้วแพ้ติดต่อกันรัวๆ ก็คงเกิดอาการที่เรียกว่า “หัวร้อน” อยู่ร่ำไป เช่นเดียวเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เพียงแต่คราวนี้ไม่ใช่คนแพ้ที่หัวร้อน แต่เป็นคุณพ่อของคน     วันที่ 11 มกราคม 2018 ประมาณ 22.00 น. ณ เกมเซนเตอร์ในห้าง Palm Mall ประเทศมาเลเซีย การเล่นเกมที่สมควรเป็นเรื่องสนุกสนาน กลับจบลงด้วยการที่มีวัยรุ่นคนหนึ่งต้องเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากกระดูกหัก สำนักข่าว Sin Chew Daily ได้รายงานว่าขณะเกิดเหตุหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายได้เล่นเกมแข่งกับเด็กอีกคนหนึ่ง ซึ่งหลังจากเอาชนะคู่แข่งของเขาติดต่อกันหลายตา พ่อของเด็กที่เขาแข่งด้วยก็โผล่ออกมา พร้อมกับขู่หนุ่มว่าเล่นให้แพ้แล้วปล่อยให้ลูกชายของเขาชนะซะ อย่างไรก็ตามหนุ่มคนดังกล่าวก็ไม่ทำตามที่คุณพ่อปรารถนา เขาโชว์ฝีไม้ลายมือเต็มที่และยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้กับลูกชายของคนที่ขู่เขาอีกรอบ     ทันทีที่เห็นลูกชายของตัวเองแพ้อีกรอบ คุณพ่อก็หัวร้อนและเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันใด เขาจับเก้าอี้ในบริเวณดังกล่าวมาขว้างใส่เหยื่อพร้อมกับเข้าวิ่งเตะเหยื่ออีกหลายครั้ง แถมยังมีคนอื่นๆ อีกประมาณ 4 คนเข้ามารุมเหยื่อด้วย หนุ่มผู้เคราะห์ร้ายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน เมื่อแพทย์ตรวจร่างกายของเขาก็พบว่ามีรอยช้ำอยู่ทั่วตัว ปอดทะลุ ซี่โครงหักและกระดูกสันหลังแตกและขณะนี้ก็ยังต้องดูอาการอยู่ในห้อง ICU     ส่วนทางด้านผู้ก่อเหตุ 4 คน…

จากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างคาดเดาไม่ได้ อนาคตบนโลกใบนี้จึงเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน มนุษย์จึงเริ่มเสาะหาความเป็นไปได้ในการเอาชีวิตรอด โดยเสาะแสวงหาถิ่นที่อยู่ใหม่บนดาวดวงอื่น ดวงจันทร์เป็นดาวอีกดวงหนึ่งที่มนุษย์ได้ทำการทดลอง ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ประเทศจีนได้เผยถึงความสำเร็จในการปลูกพืชต้นแรกบนดาวดวงดังกล่าว จากการส่งเมล็ดพันธุ์ไปกับยานอวกาศ Chang’e 4     เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2562 ประเทศจีนได้ส่งยานอวกาศ Chang’e 4 ลงจอดบนด้านมืดของดวงจันทร์ ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดในการทดลองปลูกเมล็ดฝ้าย ผักกาดก้านขาว และมันฝรั่ง สาเหตุที่ต้องเลือกพืช 3 ชนิดนี้ เพราะมันฝรั่ง ถือเป็นแหล่งอาหารหลักของการตั้งอาณานิคมบนต่างดาว เมล็ดฝ้าย จะสามารถใช้ประโยชน์ในด้านเส้นใยและการถักทอ ส่วนผักกาดก้านขาว คือแหล่งสำคัญในการสกัดน้ำมันอีกด้วย ผลปรากฏว่าเมล็ดพันธุ์พืชเหล่านั้นได้เติบโต แตกหน่อเป็นต้นกล้าแล้ว!!   โพสต์ทวิตเตอร์รายงานเรื่องดังกล่าว First in human history: A cotton seed brought to the moon by China's Chang'e 4 probe has sprouted, the latest…

หลายต่อหลายครั้งที่เราได้เห็นข่าวของความสามารถมนุษย์เรา ที่สามารถซ่อนสิ่งของได้อย่างแนบเนียนในร่างกายของตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เข้าข่ายที่ว่านี้เช่นเดียวกัน เพราะว่าเมื่อไม่นานมานี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถจับกุมผู้หญิงคนหนึ่งได้แล้วพบว่าเธอได้ขโมยนาฬิการาคาแพงระยับมาจากคนที่เจอเธอมาผับ แล้วซ่อนมันไว้ในอวัยวะเพศถึง 4 เรือน!!     เรื่องราวมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา หญิงสาววัย 29 ปีชื่อว่า Delajurea Brookens ชาวไมอามี่ไปเที่ยวผับ Mango’s nightclub แล้วได้รู้จักกับหนุ่มนักธุรกิจชื่อว่า Ramon Diaz  หลังจากพูดคุยกันได้สักพัก ทั้งคู่ก็ลงเอยกันด้วยการไปต่อที่ห้องของฝ่ายชายที่โรงแรม Clarion Suites ซึ่งที่นี่เองได้เกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น… เพราะระหว่างที่ฝ่ายชายกำลังทำให้ตัวเองรู้สึกสดชื่นด้วยการไปอาบน้ำ พอเขากลับมาที่ห้องอีกทีก็ต้องพบว่าหญิงสาวคนนี้ได้หายไปพร้อมกับ ‘กระเป๋าใส่ไวน์’ ที่บรรจุนาฬิกา Rolex 5 เรือนมูลค่า 108,000 ดอลลาร์ (ราวๆ 3.4 ล้านบาท) ซะแล้ว     เขาออกไปนอกห้องพบว่า Brookens กำลังวิ่งหนีอย่างสุดชีวิตและพยายามจะเรียกรถแท็กซี่ จึงได้วิ่งตามอย่างไม่ลดละจนสามารถตามเธอได้ทัน แต่เธอก็แสดงพิษสงด้วยการใช้อะไรบางอย่างตีหัวเขาจนเสียหลัก แล้วหนีไปได้ แต่ในท้ายที่สุดแล้วเธอก็ไปไม่รอด จากความที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุแล้วเจอตัวเธอในละแวกที่ไม่ไกลจากนั้น จึงได้ทำการจับกุมแต่เธอก็ยังดึงดันจะสู้ด้วยการทำร้ายร่างกายตำรวจ แต่ก็สู้ไม่ไหว   คลิประหว่างอยู่ในชั้นศาล    เจ้าหน้าที่พบเจอนาฬิกาเพียงเรือนเดียวจากทั้งหมด 5 เรือน และเมื่อถามเธอก็บอกว่าตัวเองไม่รู้เรื่องเพราะความเมานั่นเอง…

การขาดความรู้ ความเข้าใจเรื่องเพศศึกษาเป็นต้นเหตุของปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นสังคมปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาวัยรุ่นตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร การทำแท้ง หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ โดยผู้ใหญ่หลายคนยังมองว่า เพศศึกษาเป็นเรื่องไกลตัว และบางครั้งถูกมองว่าเป็นเรื่องน่าอาย เนื่องจากจารีต ประเพณีหรือวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมายาวนานในหลายสังคม     ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2019 รัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาสตรีครอบครัวและชุมชนแห่งประเทศมาเลเซีย Hannah Yeoh ได้ประกาศแผนปรับปรุงหลักสูตรเพศศึกษาในโรงเรียน หลังจากพบว่านักเรียนวัย 13 ปีกว่าร้อยละ 9 อยู่ในวัยเจริญพันธุ์     KPWKM หรือกระทรวงพัฒนาสตรีครอบครัวและชุมชนได้ร่วมมือกับกระทรวงการศึกษาเพื่อปรับปรุงหลักสูตรดังกล่าว Yeoh รัฐมนตรีได้แถลงว่า “ถึงเวลาแล้วที่เราจะปฏิวัติเรื่องเพศศึกษา หากเราไม่ให้ความรู้อย่างตรงไปตรงมา แล้วใครกันที่จะสอน” โดยการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้คาดว่าจะแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องการทารุณกรรมเด็กถึง 20%  จากการศึกษาพบว่าเด็กเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ตั้งแต่อายุ 13 นอกจากนั้นการสำรวจของ Durex พบว่าเด็กผู้หญิงในมาเลเซียกว่าร้อยละ 35 เข้าใจผิดคิดว่าเพศสัมพันธ์ครั้งแรกไม่ได้นำไปสู่การตั้งครรภ์ และร้อยละ 42 พบว่าการ หลั่งนอก ช่วยลดอัตราการตั้งครรภ์     เรื่องเพศในมาเลเซียยังเป็นเรื่องที่คนทั่วไปไม่สามารถพูดถึงได้อย่างตรงไปตรงมาทำให้เกิดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ของวัยรุ่นเฉลี่ย 18,000 คนต่อปี และปัญหาอื่นๆ ทั้งการทำแท้ง และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นการปฏิวัติหลักสูตรเพศศึกษาในโรงเรียน…

เราคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าวงการการ์ตูนและแอนิเมชั่นของประเทศญี่ปุ่นนั้นใหญ่โตเพียงใด ซึ่งก็ทำให้วงการคอสเพลย์ของเขาเติบโตและมีมูลค่ามากตามไปด้วย นั่นทำให้นักคอสเพลย์ชื่อดังของญี่ปุ่นหลายคนสามารถเลี้ยงชีพตัวเองได้ด้วยการคอสเพลย์ และหากเพื่อนๆ อยากรู้ว่านักคอสเพลย์ดังๆ จะมีรายได้สักเท่าไหร่ วันนี้เราก็ได้นำเรื่องรายได้ของสาวที่ถูกเรียกว่า “นักคอสเพลย์อันดับหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น” มาให้ได้ชมกัน     โดยนักคอสเพลย์สาวคนดังกล่าวคือ Enako คนดีคนเดิมที่เราเคยเห็นกันอยู่บ่อยๆ ด้วยความโด่งดังของเธอ ไม่ว่าเธอจะปรากฏตัวที่งานใดและเวลาใดก็ตาม ต่างต้องมีผู้ชมและช่างภาพนับพันกรูเข้าหาเธอทันที จากในปี 2016 เธอได้ไปออกรายการทีวีและเผยว่าเธอสามารถทำเงินได้มากกว่า 1 ล้านเยน (ประมาณ 300,000 บาท) ต่อเดือน     ซึ่งในปี 2016 ก็ถือว่าเธอสามารถทำรายได้อย่างมากมายแล้ว แต่ดูเหมือนว่าปี 2018 ที่เพิ่งผ่านมานี้จะเป็นปีที่สุดยอดของเธอ เมื่อเธอสามารถทำรายได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดย Enako ในวัย 24 ปีได้เผยว่ารายได้ส่วนมากประมาณ 80% ของเธอมาจากการขายสินค้าที่เกี่ยวกับตัวเธอเอง (โฟโต้บุ๊ก โฟโต้เซ็ต หรืออัลบั้มรูป) ในงานคอมิเกะที่จัดขึ้นปีละ 2 ครั้งในกรุงโตเกียว     ในคอมิเกะฤดูร้อนของปีที่ผ่านมา เธอเผยว่าเธอสามารถทำเงินได้มากถึง 10 ล้านเยน (3…

เป็นธรรมดาที่พื้นที่ระหว่างตึกจะเป็นที่จับจองไว้สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ของคนและสัตว์ที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น โดยปกติเมื่อมองลงจากด้านบนตึกก็จะพบว่ามีการปลูกต้นไม้ ตากผ้า หรือเป็นพื้นที่ไว้นอนอาบแดดของเจ้าหมาแมวขี้เซาทั้งหลาย แต่สิ่งที่ชายชาวสิงคโปร์คนนี้เจอระหว่างตึก กลับเป็นภาพที่ทำให้เขาตกใจแทบสิ้นสติ…   ช็อก!!! คุณป้า อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ   เรื่องราวมีอยู่ว่า ชายชาวสิงคโปร์คนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ HDB ได้สังเกตเห็นร่างของหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บริเวณพื้นที่ว่างระหว่างตึกอะพาร์ตเมนต์ วินาทีนั้นเขาตกใจมาก เพราะเขานึกว่าหญิงคนดังกล่าวอาจฆ่าตัวตายหรือเกิดอุบัติเหตุบางอย่างจนเธอพลัดตกลงไป   แต่เมื่อสังเกตดีๆ กลับพบว่าหญิงคนดังกล่าวเพียงสวมชุดสีแดง นอนรออาหารที่นำมาตากแห้งเพียงเท่านั้น   อย่าให้แสงแดดมาเป็นอุปสรรคในการนอนกลางวัน   ภาพผู้หญิงใส่ชุดสาหรี่สีแดงที่นอนแน่นิ่งบนหนังสือพิมพ์ โดยข้างกายมีอาหารตากแห้ง ถูกโพสต์ลงบนเฟซบุ๊กโดยผู้ใช้ชื่อ Boy Zam เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2019 ที่ผ่านมา พร้อมกับคำบรรยายว่า “ฉันนึกว่าคุณป้าโดดตึกฆ่าตัวตาย ที่ไหนได้เธอแค่รอของตากแห้ง” และหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า   “ทำไมนอนแบบนั้นล่ะ เธอกำลังทำให้คนอื่นตกใจนะ”   “เธออาจจะกลัวนกหรือสัตว์มากิน หรืออาหารที่เธอตากไว้จะหาย จึงนอนเฝ้าแบบนั้น”   “แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องนอนเฝ้าขนาดนั้นนะ”   “ทำไมไม่เอาเก้าอี้มานั่งดีๆ 55555555555”   ถึงแม้ภาพดังกล่าวจะสร้างความตกอกตกใจให้ผู้พบเห็น แต่ก็ได้สร้างความตลกขบขันให้แก่ผู้ชมเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน   ที่มา: mothership

ในขณะที่บางประเทศกำลังวิพากษ์วิจารณ์ความเหมาะสมของเครื่องแบบนักเรียน ประเทศจีนได้พัฒนาชุดยูนิฟอร์มแบบใหม่ที่มีไมโครชิปสำหรับติดตามนักเรียน โดยยูนิฟอร์มดังกล่าว ถูกนำไปใช้แล้วในโรงเรียนในมณฑลกุ้ยโจวกว่า 11 โรงเรียน นับเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยแบบใหม่ทดแทนแบบเก่า     บริษัท Guizhou Guanyu Technology ได้พัฒนา “สมาร์ทยูนิฟอร์ม” ที่มีไมโครชิปฝังอยู่ตรงไหล่เสื้อ โดยผู้ปกครองสามารถติดตามและตรวจสอบกิจกรรมที่บุตรหลานทำอยู่ได้ตลอดเวลา จากการทำงานของ GPS สามารถแสดงความเคลื่อนไหวไปถึงจนถึงระบุตำแหน่ง หรือแม้กระทั่งแจ้งว่านักเรียนกำลังหลับระหว่างเรียน     นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังสามารถทราบได้ว่าบุตรหลานของตนซื้ออะไรหรือกำหนดรายจ่ายนักเรียนผ่านทางแอปพลิเคชันได้อีกด้วย บริษัทผู้พัฒนาสมาร์ทยูนิฟอร์ม ได้แถลงว่า เทคโนโลยีดังกล่าวช่วยในเรื่องรักษาความปลอดภัย และมีระบบการจัดการที่เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน คุณครู รวมไปถึงผู้ปกครอง ถึงแม้ว่าจะมีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยเนื่องจากเป็นการจำกัดสิทธิเด็ก     อย่างไรก็ตามผู้ผลิตชุดนักเรียนแบบใหม่ได้แสดงความเคารพสิทธิส่วนบุคคล โดยแจ้งว่าระบบดังกล่าวไม่ได้ใช้ติดตามทุกการเคลื่อนไหวของนักเรียนตลอดเวลา เพียงแต่เป็นการติดตามเพื่อเหตุผลทางด้านความปลอดภัย Lin Zongwu ครูใหญ่ของโรงเรียนที่มีการใช้สมาร์ทยูนิฟอร์มกล่าวว่า “ระบบดังกล่าวเป็นจำเป็นต่อการติดตามกรณีนักเรียนสูญหายหรือโดดเรียน” นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังใช้ระบบจดจำใบหน้าเพื่อป้องกันการสลับชุดของนักเรียน สมาร์ทยูนิฟอร์มจึงเป็นเทคโนโลยีที่ตอบรับกับโครงการ “Smart Campus” ที่มีการนำเทคโนโลยีอันทันสมัยมาใช้ในโรงเรียนอย่างเป็นประโยชน์และเป็นการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในโรงเรียนอีกด้วย   ที่มา: abc, odditycentral

ในยุคสมัยที่ใครๆ ต่างหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น การออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นโยคะ ว่ายน้ำ หรือกิจกรรมง่ายๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์มากมายอย่างเช่นการวิ่ง นับเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน หลายคนอาจจะเริ่มจากการวิ่งระยะสั้นๆ จนนำไปสู่การวิ่งเพื่อการแข่งขัน ยกตัวอย่างเช่น การวิ่งมาราธอน     โดยทั่วไป การวิ่งในภาพอากาศปกตินอกจากจะต้องใช้ร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ยังต้องอาศัยกำลังใจที่ดีในการไปถึงเส้นชัยที่กำหนดไว้ แต่ความยากอีกขึ้นของการวิ่งที่เราจะนำเสนอในวันนี้คือ การแข่งวิ่งในอากาศอุณหภูมิ -52 องศาเซลเซียส!!   แค่เห็นก็ชวนปากสั่น ขนลุกแทนแล้วจ้า   งานแข่งวิ่งดังกล่าวจัดขึ้นที่หมู่บ้าน Oymyakon ในประเทศรัสเซีย ซึ่งมีอากาศหนาวที่สุดในโลกในวันที่ 5 มกราคม 2019 โดยนักวิ่งเข้าร่วม 16 คน ทำลายสถิติการแข่งขันวิ่งที่หนาวเหน็บที่สุดในประวัติศาสตร์ เหล่านักวิ่งในงานนี้มีอายุตั้งแต่ 21 ปี จนถึง 71 ปี ที่ได้รับการฝึกฝนให้วิ่งในสภาพอากาศที่หนาวเย็นเริ่มจาก 5 กิโลเมตร เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 42 กิโลเมตร เมื่อเริ่มการแข่งขันอุณหภูมิเริ่มต้นอยู่ที่ -52 องศาเซลเซียส แต่เมื่อผู้เข้าแข่งขันวิ่งได้ 39 กิโลเมตร อุณหภูมิจึงเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่…

ในช่วงเวลาที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพยายามค้นหาสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวเช่นนี้ ไม่แปลกเลยที่โลกของเราจะได้รับข้อมูลมากมายจนไม่อาจจะจดจำได้หมด นั่นหมายความว่าหากปล่อยไว้แบบนี้ งานวิจัยที่มีคุณค่าบางส่วนก็อาจจะถูกมองข้ามไปโดยไม่ได้ตั้งใจ จนหายไปกับกาลเวลาเลยก็เป็นได้     แนวคิดในรูปแบบนี้เองทำให้ Jill Tarter ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันการค้นหาสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากต่างดาว หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “SETI” ได้พัฒนาเครื่องมือรูปแบบใหม่ขึ้นมา เพื่อเก็บข้อมูลการค้นหาสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวเอาไว้ นี่เป็นเครื่องมือที่ชื่อว่า “Technosearch” ระบบดาต้าเบสออนไลน์ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือนิยายเรื่อง “Contact” และทำหน้าที่เก็บและค้นหาข้อมูลงานวิจัยต่างๆ ที่ทาง SETI ร่วมรวมไว้ตั้งแต่ในปี 1960 จนถึงปัจจุบัน     โดยจากการเปิดเผยของทาง SETI  เมื่อวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า Technosearch จะเป็นระบบที่พวกเขาพัฒนาขึ้นภายใต้ความร่วมมือของเหล่านักศึกษาฝึกงานที่ทำงานให้กับ Jason Wright นักวิจัยดวงดาวและดาวเคราะห์นอกระบบแห่งที่มหาวิทยาลัยเพนน์สเตตอีกทีหนึ่ง ระบบใหม่นี้แม้ว่าจะไม่ได้เป็นระบบที่แปลกอะไรสำหรับวงการวิทยาศาสตร์ แต่จากนี้มันก็จะกลายเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญที่ขาดไม่ได้ของสถาบัน SETI     และหากทาง SETI สามารถติดต่อนำข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับการค้นพบต่างดาวมาไว้ใน Technosearch แล้วล่ะก็ เครื่องมือชิ้นนี้ก็อาจถูกพัฒนาไปใช้เป็นเครื่องมือชิ้นหลักที่นักดาราบนโลกใช้งานกันเพื่อเก็บข้อมูลมนุษย์ต่างดาวเลยก็เป็นได้ Technosearch ถูกเผยแพร่ออกมาอย่างเป็นทางการแล้วภายในงาน American Astronomical Society ครั้งที่ 223 เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา และหากเพื่อนๆ สนใจก็สามารถเข้าไปใช้งาน…

บางครั้งคุณครูที่ว่าดุๆ ก็อาจจะมีมุมที่น่ารักๆ ในแบบที่คาดไม่ถึง จนทำเอาบรรดานักเรียนทั้งหลายอึ้งไปตามๆ กัน นี่คือเรื่องราวของคุณครูในโรงเรียนชั้นประถมของเมืองข่ายหลี่ มณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน ที่มักจะเข้มงวดกับเด็กนักเรียนทุกคนอยู่เสมอ จนได้รับฉายาว่าเป็น ‘คุณครูจอมเฮี๊ยบ’ บรรดานักเรียนทั้งหลายต่างก็รู้สึกเกรงใจกันมาตลอดทั้งเทอม แต่ทว่าเมื่อผลคะแนนสอบออกมา ทุกคนถึงกับต้องตกใจ!?     เพราะคุณครูหญิงวัย 43 ปี กลับมีมุมที่น่ารักเกินคาด!! เธอได้ทำการวาดภาพตัวการ์ตูนลายเส้นน่ารักๆ มากมายหลายแบบในกระดาษข้อสอบของนักเรียน นอกจากนี้ยังมีข้อความที่เขียนเอาไว้เพื่อให้กำลังใจกับเด็กๆ รวมไปถึงคำชมสำหรับเด็กนักเรียนที่ทำคะแนนได้ดี คุณครูกล่าวว่า “ฉันพยายามหาวิธีการใหม่ๆ และน่าสนใจเพื่อมาเสริมสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนให้แก่นักเรียน จึงออกมาเป็นภาพน่ารักๆ แบบที่เห็น” บรรดาเหล่านักเรียนทั้งหลายต่างก็ตกใจกันยกใหญ่ เพราะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณครูที่มักจะเข้มงวดจนได้รับฉายาว่าครูสุดเฮี๊ยบ จะมีมุมที่น่ารักๆ แบบนี้ด้วย   เก่งมาก!!   รอมานานแล้วในที่สุดเธอก็ได้เกิน 90 คะแนนสักทีนะ!   ผิดเยอะเลย T T   นี่สิที่เค้าเรียกว่าการพัฒนา!!   ว้าาา เกรดตกเลย   ช่างเป็นเรื่องราวที่น่ารักจริงๆ ย้อนกลับไปนึกถึงตอนประถมหรือมัธยม จะมีคุณครูที่ดุมากๆ แต่พอจบไปแล้วกลับไปเยี่ยมหาท่านที่โรงเรียน ปรากฏว่าท่านใจดีมว๊ากกกก!! แต่ที่เข้มๆ…

คำเตือน: บทความนี้อาจมีเนื้อหาและภาพที่รุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม   นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องของความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวคนหนึ่ง เมื่อเธอถูกอดีตแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายโดยใช้เท้าเตะเข้าไปที่ใบหน้าของเธอจนฟันหลุดไป 3 ซี่ หลังจากที่เธอเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เฟซบุ๊ก!!   Lois Ashton หญิงสาวผู้ตกเป็นเหยื่อ   Lois Ashton หญิงสาวจากเมืองลิเวอร์พูลวัย 29 ปีผู้ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงครั้งนี้ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ในวันที่เกิดเหตุ (เดือนธันวาคมปี 2016) เธอได้นัดกับกลุ่มเพื่อนสาวเอาไว้ว่าจะออกไปแฮงค์เอ้าท์ด้วยกันที่ผับแห่งหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่า Andrew McNair แฟนหนุ่มของเธอดูจะมีปฏิกิริยาแปลกๆ กับเรื่องนี้   อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น   “เขาดูไม่ชอบใจนักที่ฉันออกไปกับกลุ่มเพื่อน ฉันเลยบอกเขาไปว่า ‘คุณไม่คิดว่ามันจะแปลกๆ หน่อยเหรอที่คุณจะมาในปาร์ตี้ของสาวๆ’ แล้วเขาก็ตอบกลับมาว่าก็มันดูน่าสนใจดีนี่ ท้ายที่สุดฉันเลยต้องชวนเขามาด้วย” “เราไปที่ผับแห่งนั้นด้วยกัน แต่ว่าเขานั่งแยกออกไปสังเกตการณ์อีกมุมหนึ่ง ตอนนั้นฉันก็คิดนะว่าทำไมเขาถึงดูแปลกๆ อย่างนี้ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรฉันสนุกไปกับเพื่อนๆ แบบสุดเหวี่ยงเลย” Lois กล่าว     หลังจากนั้นเธอตัดสินใจว่าจะไปดื่มต่อที่บ้านของเพื่อนและได้ชวนแฟนหนุ่มคนนี้ไปด้วย แต่เขาก็ปฏิเสธบอกว่าไม่เป็นไรแล้วกลับบ้านไป ทว่าเขาก็ส่งข้อความมาถาม Lois ว่าทำไมเธอถึงเลือกเพื่อนมากกว่าเขา… เธอไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักกับเรื่องนี้และเริ่มรำคาญ จึงปิดโทรศัพท์แล้วสนุกกับเพื่อนต่อก่อนที่จะกลับบ้านในคืนเดียวกันนั้นเอง     แต่เหตุการณ์ไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้…

ปกติแล้วในงานแต่งงานเราจะเห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวใส่ชุดสวยหล่อกันในวันสุดวิเศษเช่นนี้ แต่ว่ามีคู่รักคู่หนึ่งจากประเทศมาเลเซียทำอะไรที่แปลกแหวกไปกว่านั้น เพราะทั้งคู่ถ่ายรูปเซ็ตงานแต่งเป็นธีม ‘พนักงานส่งอาหาร‘ ซึ่งมาจากความที่มันเป็นงานที่ทำให้ทั้งสองได้พบรักกันและตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันเช่นนี้!!     โดยนี่เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในประเทศมาเลเซีย โดยสาวเจ้าของเฟซบุ๊ก Atiqah ได้อธิบายถึงรายละเอียดในโพสต์ของเธอว่า พวกเขาทั้งคู่ได้เจอกันเน่องจากทำงานเป็นพนักงานส่งอาหารแบบพาร์ทไทม์ให้กับ ‘GrabFood’ ในเมืองกัวลาลัมเปอร์ แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกันอย่างถอนตัวไม่ขึ้นและกลายเป็นคู่ชีวิตในที่สุด   รักนะจ๊ะ   “แม้ว่า GrabFood จะมีขาขึ้นหรือขาลงยังไง รักของเราก็จะยังคงแข็งแรงอย่างแน่นอน” เธอกล่าวในโพสต์ของเธอ และนี่คือภาพน่ารักๆ ในงานแต่งงานของเธอ ซึ่งต้องขอบอกว่าเป็นอะไรที่ดีต่อใจจริงๆ ที่ได้เห็นภาพเช่นนี้ อยากรู้แล้วล่ะสิ ไปดูกันเลยดีกว่า!!   ไปส่งอาหารก่อนนะ   นี่แหละ รักของเรา   อ่ะๆ มีขายของ   ไหนดูสิวันนี้มีอะไรกิน   ใช่รักของเรารึเปล่านะ ที่อยู่ในนี้   ตัลล้ากก   มีเพื่อนๆ มาแจม   เลิศแบบง่ายๆ   ไปกันดีกว่า ฟิ้วว .   พาเพื่อนๆ มาร่วมยินดี .  …

ในปี 1947 เด็กหนุ่มวัย 16 ปี ชื่อ Don Lutes Jr. ได้พบว่าเหรียญ 1 เซนต์ ซึ่งอยู่ในเงินค่าขนมที่เขาได้มา มีอะไรบางอย่างที่ต่างไปจากเหรียญทั่วๆ ไป ดังนั้นแทนที่จะใช้มัน เขาจึงเลือกที่จะเก็บเหรียญนี้ไว้ ยาวนานกว่า 70 ปี จนกระทั่งวันที่เขาเสียชีวิต     แต่ใครจะเชื่อว่าเหรียญค่าขนมแปลกๆ เหรียญนั้น ในปัจจุบันจะถูกนำไปประมูลขายกัน ด้วยมูลค่าที่อาจจะสูงได้ถึงหลายสิบล้านบาท นั่นเป็นเพราะเหรียญที่ Don Lutes Jr. มีนั้น แท้จริงแล้วเป็นหนึ่งในเหรียญทองแดงหายาก ที่ถูกผลิตขึ้นโดยบังเอิญในปี 1943 และมีอยู่เพียงแค่ 20 เหรียญเท่านั้น ในช่วงปี 1940 ทองแดงในสหรัฐฯ จะถูกเก็บไว้ทำสายไฟหรืออุปกรณ์ทางการทหาร เนื่องจากประเทศกำลังตกอยู่ในสงคราม     ดังนั้นเหรียญในสมัยนี้จึงมักทำจากเหล็กเคลือบสังกะสี และเหรียญที่ทำจากทองแดง (ที่นานๆ ครั้งก็ถูกผลิตขึ้นจากความผิดพลาด) จะไม่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลสักเท่าไหร่ จากคำบอกเล่าของตัว Don Lutes Jr. ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาเคยเอาเหรียญนี้ไปสอบถามกับทางธนาคารมาก่อน แต่ด้วยความที่ทางรัฐบาลไม่ยอมรับว่ามีการผลิตเหรียญนี้ขึ้นด้วยความผิดพลาด ทางธนาคารจึงบอกว่าเหรียญที่เขามีเป็นของปลอม  …

สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรายงานตรงกันว่า ตำรวจได้จับกุมหนุ่มสัญชาติไทยรายหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย หลังจากทำการสลับลอตเตอรี่เพื่อนำของคนอื่นมาขึ้นเงินเอง จากรายงาน ผู้ต้องหารายนี้ชื่อว่า Adul Saosongyang อายุ 35 ปี อาศัยอยู่ในเมือง Vacaville รัฐแคลิฟอร์เนีย เขาถูกกล่าวหาว่าทำการเปลี่ยนลอตเตอรี่ที่เลขคล้ายกันให้เพื่อนร่วมห้อง แล้วนำมาขึ้นเงิน ความเสียหายมูลค่ากว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 320 ล้านบาท     จากรายงานบอกว่าคนที่ถูกรางวัลได้ซื้อลอตเตอรี่ พอขูดเลขดูแล้วปรากฏว่าเขาถูกรางวัล แต่ตอนแรกเขาเข้าใจว่าถูกรางวัลแค่ 10,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 320,000 บาท) ด้วยความตื่นเต้นจึงได้เล่าให้รูมเมตอีก 2 คนฟัง ว่าตูไปถูกล้อตโต้มานะเฟ่ย แต่ดูเหมือนว่ารูมเมตรายหนึ่งซึ่งเป็นคนไทย พบว่าล็อตเตอรี่นั้นมีมูลค่านับร้อยล้านบาท และวางแผนจะเก็บมันเอาไว้เอง   วันรุ่งขึ้นเจ้าของตัวจริง ได้เอาลอตเตอรี่นี้ไปขึ้นเงิน แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า สลากนี้ไม่ใช่สลากที่ถูกรางวัล ทำให้เขาเริ่มสงสัยว่า รูมเมทคนใดคนหนึ่งอาจเป็นผู้นำลอตเตอรี่ไปจึงได้แจ้งความกับตำรวจไว้ก่อน     ต่อมาเจ้าหน้าที่หน่วยงานลอตเตอรี่ ประสานขอความร่วมมือกับตำรวจเข้ามาช่วยสืบ จึงพบว่านาย Adul ได้ไปซื้อสลากที่ใกล้เคียงกับของเพื่อนรูมเมตมาจริง เจ้าหน้าที่มั่นใจว่า นาย Adul น่าจะไปซื้อเลขคล้ายๆ กันเพื่อมาสลับกับของเพื่อนที่ถูกรางวัลตัวจริง…

บางครั้งเพียงแค่เราได้เห็นภาพสิ่งของต่างๆ ในสภาพที่สกปรกเลอะเทอะ เปลี่ยนไปกลายเป็นสะอาดวาววับ มันก็ทำให้หัวใจของเรารู้สึกพองโตได้เหมือนกันนะ สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปสัมผัสกับความฟิน ด้วยภาพสิ่งของที่ดูสะอ๊าดสะอาด มันช่างดีต่อใจเหลือเกิน จะเป็นอย่างไรลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   1. มะ ไม่น่าเชื่อว่าจะมันจะดูใหม่ขนาดนี้   2. ลืมไปเลยว่าสีดั้งเดิมของมันเป็นสีนี้   3. เหมือนได้รถใหม่   4. โบสถ์ที่ไม่เคยถูกทำความสะอาดมาตลอด 134 ปี จนคนเข้าใจว่าอิฐที่ใช้สร้างเป็นอิฐสีดำ!?   5. อ่าห์ ฟิน   6. ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าแค่ภาพบันไดถูกทำความสะอาดมันจะชวนให้ฟินได้ถึงเพียงนี้   7. รองเท้าคู่เดียวกัน แต่มันแตกต่างกันเหลือเกิน   8. แหวนแพลตตินัม ที่ไม่เคยทำความสะอาดเลยตลอด 20 ปี   9. เก้าอี้ไม้ของคุณปู่ ที่เราเข้าใจผิดมาตลอดว่าสีของตัวซ้ายนั้นคือสีของมันจริงๆ   10. ตึกในนิวยอร์ก ที่ถูกควันดำของโรงไฟฟ้าปกคลุม   11. บ้านที่เพิ่งถูกทำความสะอาดมาหมาดๆ…

เรื่องราวอันน่าสลดใจเมื่อคุณพ่อข่มขืนลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองในวันแต่งงานของพ่อ พร้อมอ้างว่านึกว่าเป็นภรรยาของตัวเอง!? เว็บไซต์ Dailymail ของอังกฤษเปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวว่ามีชายชาวเดนมาร์กวัย 50 ปีรายหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองวัย 20 ปี เหตุการณ์เกิดขึ้นในเมือง Kolding ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศเดนมาร์ก เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2561 ที่ผ่านมา ในงานแต่งงานของคุณพ่อกับภรรยาใหม่     ก่อนอื่นต้องเล่าย้อนกลับไปก่อนว่าสองพ่อลูกคู่นี้แยกกันอยู่มานานหลายปี และเพิ่งกลับมาติดต่อกันเป็นครั้งแรกในช่วงคริสต์มาสของปี 2560 จนกระทั่งช่วงเดือนสิงหาคมเมื่อปีที่แล้ว คุณพ่อก็ได้เชิญลูกสาวมาร่วมงานแต่งงานของตัวเอง งานแต่งงานดำเนินไปได้ด้วยดี จนกระทั่ง 2.30 น. ลูกสาวเมามากๆ พ่อและญาติๆ จึงพาเธอไปนอนในห้องบ่าวสาว ก่อนที่ 90 นาทีต่อมา พ่อได้เข้ามานอนหลับอยู่ข้างๆ เธอ โดยที่ภรรยาของเขานอนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง จากรายงานเอกสารที่ศาลได้รับมาระบุว่า อีกสักอึดใจใหญ่ต่อมาเมื่อเวลาราวๆ 4.00-4.45 น. ก็เกิดเรื่องขึ้น เมื่อจู่ๆ คุณพ่อก็ลุกขึ้นมาจับหน้าอกลูกสาวของตัวเอง เมื่อลูกสาวรู้สึกตัวก็พยายามบอกให้หยุด พร้อมกับพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่พ่อกลับใช้มือผลักที่หน้าอกให้เธอนอนลงไป ขณะที่พ่อกระทำชำเรากับลูกสาว เธอพยายามบอกให้หยุดหลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล     ทางด้านอัยการอธิบายให้ศาลเข้าใจว่า สาเหตุที่ลูกสาวไม่สามารถป้องกันตัวเอง…

ยังจำกันได้ไหมกับหนูน้อยชาวญี่ปุ่นผมด๊กดกชื่อว่า Chanco ที่เป็นข่าวโด่งดังเมื่อปีที่ผ่านมา จนมีแฟนคลับไปตามฟอล Instagram ของหนูน้อยคนนี้แล้วกว่า 300,000 คน แต่ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้ความโดดเด่นอันแสนน่ารักของเธอ จะทำให้เธอกลายเป็นดาราไปซะแล้ว เพราะในตอนนี้ ‘แพนทีน’ ได้ดึงตัวไปเป็นพรีเซนเตอร์แชมพูเป็นที่เรียบร้อย!!   ความน่ารักของ Chanco ตอนที่มีอายุได้ราวๆ 6 เดือน>> พบกับ Chanco เด็กทารกน้อยวัย 6 เดือน ที่มาพร้อมกับผมอันฟูฟ่อง แต่น่ารักอ้ะ!!   หนูน้อย Chanco ถ่ายคู่กับ Sato Kondo ผู้ประกาศข่าวชาวญี่ปุ่น   หนูน้อย Chanco ชาวญี่ปุ่นได้กลายเป็นที่เซเลบริตี้บนโลก IG ซึ่งเป็นผลมาจากความที่แม่ของเธอมักถ่ายมุมน่ารักๆ มาแบ่งปันแฟนคลับให้ได้ชื่นชมกันอยู่เสมอๆ โดยในแต่ละรูปถ่ายของเธอมักจะมียอดไลก์อยู่ราวๆ 10,000 ไลก์เลยทีเดียว!! (โห เยอะเกิ๊นน)     แล้วทีนี้มีอยู่จังหวะหนึ่งนาย Alex Keith ประธานผู้ดูแลด้านผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของบริษัท P&G ได้ไปเห็นหนูน้อยคนนี้เข้า เลยได้สั่งให้ลูกน้องไปว่า ‘ไปเอาตัวน้องมาถ่ายโฆษณาแพนทีนให้ได้’   ดูแคมเปญนี้กันเถอะ  จนในที่สุด Chanco…

กลายเป็นอีกประเด็นสั่นสะเทือนวงการกีฬาเกาหลีใต้ และสร้างข้อสงสัยให้กับคนภายนอกที่ได้รับรู้ข่าวนี้ ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?? เมื่อสาวนักกีฬาสเก็ตน้ำแข็งระยะสั้น ดีกรีแชมป์โอลิมปิก 2 สมัย “ชิม ซุก-ฮี” ยื่นฟ้องอดีตโค้ชของเธอเอง “โช แจบอม”      ทางตำรวจเปิดเผยข้อมูลว่าการฟ้องดำเนินคดีครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับกระเด็นล่วงละเมิดทางเพศ และทำร้ายร่างกาย ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยที่เธอยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย และอายุเพียง 17 ปี   โดยมีลำดับเหตุการณ์ต่อมาดังนี้ – ชิม ระบุว่าอดีตโค้ชของเธอล่วงละเมิดมาเป็นเวลาเกือบ 5 ปี จนกระทั่งก่อนการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2018 ที่ผ่านมา   – ในเดือนมกราคม 2018 เธอหนีออกจากแคมป์ทีมชาติ ท่ามกลางข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่า เธอต้องการหนีจากโค้ชโชซึ่งชอบทำร้ายร่างกายนักกีฬาเป็นประจำ   – พอเรื่องแดงขึ้นมาและกลายเป็นคดีความ ในเดือนกันยายน 2018 โค้ชโชถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 10 เดือน ในข้อหาทำร้ายร่างกายนักกีฬา ซึ่งนอกจากชิมแล้วยังมีนักกีฬาสเก็ตอีก 3 คน ที่ระบุว่าถูกทำร้ายร่างกายตั้งแต่ปี 2011 จนถึงปี 2018  …

สำหรับสาวๆ คนไหนที่ไม่มีแฟนหรือคู่ขา ก็อาจจะใช้วิธีการ ‘ช่วยตัวเอง’ เป็นวิธีการตอบสนองความต้องการทางเพศ และเดี๋ยวนี้ก็มีอุปกรณ์ต่างๆ มาช่วยเสริมความสุขในเรื่องนี้อยู่เต็มไปหมด แต่นี่อาจเป็นข่าวที่ทำให้สาวๆ สยิวท้องน้อยกันเป็นแถว เพราะมีข่าวออกมาว่า ‘ไวเบรเตอร์’ ของผู้หญิงคนหนึ่งมันเกิดระเบิดขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ ที่เธอเพิ่งลองใช้มันเป็นครั้งแรก!!     เรื่องราวสุกช็อกนี้ได้เกิดขึ้นกับสาวนามว่า Cassie Esplin สาววัย 25 ปีชาวอังกฤษ ซึ่งเธอได้เล่ารายละเอียดเรื่องนี้ให้ฟังว่าเธอได้ไปซื้อไวเบรเตอร์ยี่ห้อ Buzz Tongue Finger Vibrator ที่ลดราคาในเว็บไซต์ Lovehoney.co.uk มาในช่วงก่อนคริสต์มาส โดยในตอนนั้นสิ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจเลือกเจ้าชิ้นนี้ก็เป็นเพราะว่ามันลดราคาจาก 12 ปอนด์ (ราวๆ 490 บาท) เหลือเพียง 4 ปอนด์ (ราวๆ 160 บาท) เพียงเท่านั้นเอง     หลังจากนั้นเมื่อไม่นานมานี้เธอได้ตัดสินใจลองเปิดใช้มัน แต่ปรากฏว่าแบตเตอรี่ของมันเกิดระเบิดขึ้นมาซะอย่างงั้น!!   แบตเตอรี่ที่ระเบิดออกมา   “ตอนนั้นฉันถือมันไว้ในมือแล้วลองเปิดใช้มันดูเป็นครั้งแรก ปรากฏว่ามันมีเสียงระเบิดดังขึ้นแล้วมันก็เด้งไปโดนเพดานห้องนอนฉันเลย แถมยังตกมาใส่หน้าอกฉันอีกแน่ะ เฉียดหน้าไปนิดเดียวเท่านั้น บอกเลยว่าตอนนั้นทำอะไรไม่ถูกเลยล่ะ” “ฉันได้คิดแต่ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ตาฉันเกือบบอดเพราะไอ้เจ้าเซ็กส์ทอยราคา 4 ปอนด์เนี่ยนะ ขอบคุณพระเจ้าจริงๆ ที่ฉันไม่ได้ใช้มันกับตรงนั้นเพราะบางทีมันอาจรุนแรงมากกว่านี้” Cassie…

ถ้าหากใครเคยเล่นเกมแข่งกับเพื่อนจะรู้ดีว่า อารมณ์ที่เราเป็นผู้ชนะนั้นมันดูยิ่งใหญ่ขนาดไหน แล้วยิ่งถ้าเป็นเกมที่ตัดสินฝีมือด้านลูกหนังอย่างวินนิ่ง หรือว่าฟีฟ่าแล้วล่ะก็ บอกเลยหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็แพ้ไม่ได้เด็ดขาด และนี่อาจเป็นสิ่งที่คุณจะเอาไปเพิ่มความสะใจให้กับชัยชนะของคุณได้เป็นอีกเท่าตัว สำหรับ ‘ถ้วยไอ้ขี้แพ้’ ที่เหมาะจริงๆ สำหรับไอ้พวกไก่อ่อนอยากจะมาวัดกับขั้นเทพเช่นนี้!!     ถ้วยรางวัลที่ไม่มีใครพึงประสงค์อยากจะได้นี้มีชื่อว่า ‘FIFA Loser’ แค่ชื่อก็บอกแล้วว่ามันเป็นถ้วยสำหรับคนที่ฝีมืออ่อนด้านการเล่นเกมฟุตบอลอย่างแท้จริง… ลองนึกภาพดูสิว่ามันจะช้ำใจขนาดไหนถ้าหากคุณแพ้เพื่อนแล้วมันให้ถ้วยนี้เป็นรางวัลปลอบใจแก่เรา เราอาจคิดในหัวว่านี่เอ็งไม่ต้องให้อะไรเลยจะดีกว่า!!     สำหรับถ้วยนี้มันมีราคาขายบนเว็บไซต์ Amazon อยู่ที่ 19.99 ปอนด์ (ราวๆ 820 บาท) เพียงเท่านั้น ซึ่งส่วนตัว #เหมียวจิวยี่ คิดว่ามันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มซะอีกกับความสะใจที่ได้มอบให้เพื่อนคนอ่อนของเรา แต่ขอบอกก่อนว่าตอนนี้ของหมด… ก็เอาเป็นว่าสำหรับคอเกมที่เรียกได้ว่า ‘จริงจังเกมมิ่ง’ ก็หาซื้อกันมาใช้ได้ และมันน่าจะเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมของคุณได้อีกมากโขเลยทีเดียวแหละ     ที่มา: ladbible, 9gag, Amazon

เหตุการณ์สุดเจ็บปวดหัวใจเมื่อเด็กชายคนหนึ่งถูกขโมยลูกหมาสุดรักไปต่อหน้าต่อตา!!   เหตุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกเอาไว้โดยกล้องวงจรปิดในเมือง Crewe เขต Cheshire ประเทศอังกฤษ เมื่อวันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา     มีผู้ชายคนหนึ่งเดินอุ้มเจ้าหมาพันธุ์ Jack Russell เพศเมีย วัย 3 เดือนชื่อว่า Mela ข้างๆ มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินตามมาใกล้ๆ ก่อนที่ชายคนนั้นจะวิ่งหนีไปและเด็กผู้ชายก็วิ่งตามไปติดๆ พร้อมกับเสียงตะโกนเรียกให้หยุด แต่ไม่เป็นผล   คลิปจากกล้องวงจรปิด   เด็กชายยอมแพ้และกลับไปบ้านด้วยความผิดหวัง คุณพ่อก็เลยโพสต์เฟซบุ๊กเพื่อตามหาตัวของเจ้า Mela พร้อมกับเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น “ลูกชายของผมพาเจ้า Mela ไปเดินเล่นที่ถนน Derby ก่อนที่จะมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทำทีว่าอยากอุ้มมัน ก่อนที่จะวิ่งหนีไป มันน่าเจ็บปวดใจมากเมื่อเห็นกล้องวงจรปิด ลูกชายของผมวิ่งตามไปเพื่อเอาเจ้า Mela กลับคืนมาแต่ไม่สำเร็จ”     “ตอนนี้เราปริ้นต์ภาพของเจ้า Mela ไปติดตามที่ต่างๆ ทั่วเมืองแล้ว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันยังคงมีชีวิตอยู่” Aleksandra Pater คุณพ่อของเด็กชายเล่า หลังจากโพสต์ลงไปได้ไม่นาน…

เวลาที่เราได้สระผมมันช่างเป็นเวลาที่แสนจะสดชื่นจริงๆ กับความสบายหัวไม่ต้องเหนียวเหนอะหนะอีกต่อไป และมันจะฟินมากขึ้นจริงๆ เวลาที่เรามีคนสระให้ใช่ไหมล่ะ… แต่ว่านี่อาจเป็นอีกขั้นของการสระผมที่คุณอาจอยากลองสักครั้งในชีวิต เมื่อมีร้านซาลอนแห่งหนึ่งในประเทศรัสเซียเปลี่ยนแชมพูธรรมดาๆ ที่ใช้สระผมให้กับลูกค้ามาเป็น ‘แชมเปญ’ แทน     Vilen Knudaverdyan เจ้าของร้านที่เป็นเจ้าของไอเดียใช้แชมเปญสระผมกล่าวว่า ไอเดียนี้เขาได้มาจากงานอำลาเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่ลาออกไป ในงานเลี้ยงครั้งนั้นพวกเขาสนุกสนานกันมาก และมีอยู่ช่วงหนึ่งได้จับสาวคนนี้สระผมด้วยแชมเปญที่อยู่ภายในงานซะเลย แต่ปรากฏว่าเธอชอบมันเอามากๆ ซะอย่างนั้น   ดูคลิปแล้วยังฟินแทน    เขาจึงปิ๊งไอเดียได้ว่าน่าจะนำสิ่งนี้มาให้กับลูกค้าได้ลองบ้างเช่นกัน จึงได้เกิดเป็นอีกหนึ่งบริการสระผมด้วยแชมเปญขึ้นมา และบริการนี้มันได้ทำให้ร้านซาลอนในกรุงมอสโกว ประเทศรัสเซียของเขาดังเป็นพลุแตกเลยก็ว่าได้ “ผลของมันเป็นอะไรที่วิเศษเอามากๆ ลูกค้าหลายคนของเรารู้สึกว่าพวกเขาได้ใช้ชีวิตแบบพรีเมี่ยมสุดๆ แถมมันยังทำให้ร้านของเราดังระเบิดระเบ้อเลยด้วยจนถึงขั้นที่ว่า บางคนถึงกับพกแชมเปญของตัวเองเข้ามาในร้านให้เราสระให้เลย” Vilen กล่าว ส่วนวิธีการสระผมของนั้นก็เหมือนๆ กับการสระผมทั่วๆ ไปที่เราเคยใช้บริการ นั่นคือชะโลมผมด้วยน้ำอุ่นก่อน จากนั้นก็นำแชมเปญค่อยๆ เทราดใส่หนังศีรษะของเราแล้วก็นวดๆ แต่ถึงตรงนี้ก็ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเขาได้ใช้น้ำล้างมันออกหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรแล้วคุณผมของคุณอาจจะมีกลิ่นหอมๆ ชวนให้เปรี้ยวปากติดเอาไว้อยู่เป็นแน่ เอาเป็นว่าถ้าหากใครอยากรู้ว่าเป็นยังไงล่ะก็ อาจจะลองซื้อแชมเปญมาสระเองที่บ้านดูก่อนก็ได้นะ…   ที่มา: odditycentral, storytrender

ขึ้นชื่อว่าชีวิตคู่แล้ว มันก็อาจจะต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่เมื่อมันเกินเลยไปจนถึงทำร้ายร่างกายก็คงต้องให้คุณตำรวจช่วย เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่หนุ่มชาวจีนรายหนึ่ง วิ่งเข้ามาที่โรงพักพร้อมกับร้องไห้โฮ เพื่อขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วย เพราะถูกภรรยาทำร้ายร่างกายมา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา ในช่วงหัวค่ำชายจีนวัย 40 ปี วิ่งเข้ามายังสถานีตำรวจในนครฉงชิ่ง ประเทศจีน ในสภาพเท้าเปล่า ที่หัวมีบาดแผลเลือดไหลเปื้อนใบหน้า พร้อมกับกลิ่นสุราที่โชยออกมา     เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสอบถามถึงเหตุการณ์ว่าเป็นมาอย่างไร แต่เขากลับไม่ตอบเอาแต่นั่งร้องไห้อย่างเดียว จึงพาเขาไปรักษาตัวที่สถานีอนามัยเพื่อรอให้สงบอารมณ์ลงก่อน หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่าตนแซ่เฉิน ส่วนบาดแผลที่ได้รับมานั้นมาจากการที่เขาแอบไปดื่มกับเพื่อนๆ พร้อมทั้งมีการเล่นพนันกัน แต่พอกลับบ้านไปก็พยายามจะตีเนียนว่าไม่ได้ออกไปไหน แต่ถูกภรรยาจับได้ จึงมีปากเสียงกัน ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายไปสู่ความรุนแรง เมื่อภรรยาเกิดโมโหและหยิบคีมเหล็กฟาดไปที่บริเวณหัว     ด้วยความกลัวเขาจึงรีบวิ่งออกจากบ้าน รองเท้าก็ยังไม่ทันใส่ ระหว่างทางที่วิ่งมาก็รู้สึกเสียใจที่ภรรยาทำรุนแรงกับตัวเองจึงร้องไห้ฟูมฟายออกมา ไม่รู้จะหันไปพึ่งใครก็เลยตัดสินใจวิ่งมาที่สถานีตำรวจ หลังจากได้ทราบเรื่องแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพานายเฉินไปส่งถึงบ้าน และเตรียมช่วยพูดไกล่เกลี่ยให้ หลังจากมาถึงที่บ้านก็ทราบว่าภรรยาของนายเฉิน มีแซ่ว่าโจว นางโจวก็เล่าให้ฟังว่าปกติแล้วนายเฉินมักจะพูดจาเหลวไหลไร้สาระเวลาดื่มเหล้าเมา และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้     ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็อธิบายให้ฟังว่าการทำร้ายร่างกาย และสร้างความรุนแรงในครอบครัวนั้นเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และอาจทำให้นางโจวติดคุกได้ ทางด้านนายเฉินเมื่อได้ยินดังนั้นก็กลัวว่าภรรยาของตัวเองจะติดคุก ก็เลยรีบขอโทษ และกลับมาคืนดีกับภรรยาอีกครั้งหนึ่ง…

ปัจจุบันมีหลายบริษัทที่ให้บริการสตรีมมิ่ง เพื่อรับชมสื่อบันเทิงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลงหรือภาพยนตร์หลากหลายแนว ทั้งแนวแอคชั่นสนุกๆ แนวไซไฟน่าตื่นตาตื่นใจ หรือจะเป็นแนวดราม่าซึ้งกินใจ เพียงแค่เราสมัครเป็นสมาชิกโดยจ่ายค่าบริการก็จะได้รับชมความบันเทิงต่างๆ อย่างไม่จำกัด     Synamedia บริษัทในประเทศอังกฤษ ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีได้วิเคราะห์บัญชีผู้ใช้บริการสตรีมมิ่งจากหลากหลายบริษัท เนื่องจากงานวิจัย Magid เผยว่ามีผู้ใช้บริการสตรีมมิ่งในการรับชมสื่อบันเทิงแบ่งปันรหัสผ่านแก่ผู้อื่นถึงร้อยละ 26  และงานวิจัยจาก Parks Associates ชี้ว่าภายในปี 2021 การแบ่งปันรหัสอาจทำให้บริษัทผู้ให้บริการสูญเสียรายได้กว่าหลายพันล้านบาท     บริษัท Synamedia จึงนำพัฒนาระบบ AI แบบใหม่ชื่อว่า “Credentials Sharing Insight” ที่ช่วยควมคุมการแบ่งปันรหัสผ่านทั้งหลายอย่างผิดกฎ โดยระบุตำแหน่ง เวลาที่ใช้งาน รวมถึงเครื่องมือที่ใช้ในการรับชม และได้มีการทดลองใช้แล้วในหลายบริษัท     ทั้งนี้บริษัทต่างๆ จะสามารถนำระบบไปใช้เพื่อเพิ่มบริการให้ลูกค้าระดับสูง หรือจะปิดบัญชีที่แบ่งปันกันอย่างผิดกฎก็ตามแต่สมควร ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำผู้ใช้บริการสตรีมมิ่ง งดแชร์รหัสให้ผู้อื่น ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยของข้อมูลและเพื่อป้องกันบัญชีของผู้ใช้   ที่มา: The Verge , Mirror, Dailymail

สำหรับคนที่ชื่นชอบการอ่านหนังสือการ์ตูน (มังงะ) แล้ว สถานที่แห่งนี้นับว่าเป็นสวรรค์ย่อมๆ เลยทีเดียว เชิญพบกับ Manga Art Hotel โรงแรมที่มี “มังงะ” ให้คุณอ่านกันจนตาแฉะ!!     โดย Manga Art Hotel นี้เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ที่ชั้น 4-5 ตึก Landpool Kanda Terrace เขตจิโยดะ ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โรงแรมดังกล่าวมีจุดเด่นก็มีคือหนังสือการ์ตูนที่เตรียมเอาไว้ให้แขกได้อ่านกันมากกว่า 5,000 เล่ม ซึ่งหวังให้ต่างชาติสนใจในอนิเมะและมังงะกันเพิ่มขึ้นและช่วยดึงดูดให้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนญี่ปุ่นมากขึ้น   .   สำหรับคนที่อ่านญี่ปุ่นไม่ได้ก็ไม่ต้องกังวล เนื่องจากหนังสือการ์ตูนที่ทางโรงแรมเตรียมไว้มีทั้งฉบับภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น รวมถึงยังมีเนื้อเรื่องย่อของการ์ตูนแต่ละเรื่องให้เราได้ใช้พิจารณาก่อนอ่านกันด้วย “พวกเราอยากให้แขกผู้มาเยือนได้รับประสบการณ์สุดพิเศษของการอ่านมังงะผ่านกระดาษ” ทางโรงแรมกล่าว   ตัวอย่างเนื้อเรื่องย่อของแต่ละเรื่อง   ผังในตัวโรงแรม   นอกจากนี้ หากถึงเวลาเช็คเอาต์แล้ว แต่ยังมีการ์ตูนที่เราอ่านไม่จบ แล้วรู้สึกว่าค้างๆ คาๆ ก็สามารถซื้อหนังสือการ์ตูนจากโรงแรมกลับไปได้อีกด้วย ได้รู้แบบนี้แล้ว หากมีเพื่อนๆ คนไหนที่กำลังจะไปประเทศญี่ปุ่นในอนาคตนี้ ก็ลองนำโรงแรมนี้ไปเป็นตัวเลือกในการพิจารณาที่พักดู และหากเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมหรืออยากจองห้องพักก็สามารถเข้าไปจองได้ที่ เว็บไซต์…

คำเตือน: บทความนี้อาจมีภาพหรือเนื้อหาที่ดูรุนแรงไปบ้าง ยังไงก็ขอให้ใช้วิจารณญาณในการรับชมนะครับ…   นี่อาจเป็นอีกหนึ่งเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน เมื่อนักศึกษาคนหนึ่งทำโทษ ‘หนู’ ที่มากินเต่าสัตว์เลี้ยงแสนรักของเขาไป ด้วยการจับมันขึงพืดอยู่กับไม้ที่เป็นรูปกางเขน จากนั้นก็ใช้ไฟเผามันจนตาย!! เรื่องราวสุดโหดนี้เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัย Guangxi Arts Institute เมืองหนานหนิง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 6 มกราคม   เจ้าหนูที่เป็นเหยื่อครั้งนี้   เมื่อมีนักศึกษาคนหนึ่งจับหนูที่มากินเต่าของเขา มามัดเข้ากับไม้กางเขนแล้วเอาไปปักประจานแถวๆ หอพักภายในมหาวิทยาลัยสร้างความหดหู่ใจให้กับผู้พบเห็น โพสต์หนึ่งในอินเทอร์เน็ตกล่าวว่าเขาเห็นหนูที่ถูกมัดตัวนี้ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (6 ม.ค.) ที่ใกล้ๆ กับหนองน้ำของมหาวิทยาลัย     จากนั้นอีกโพสต์หนึ่งก็กล่าวว่าเห็นหนูตัวนี้ถูกขึงไว้ตลอดทั้งวันจันทร์ (7 ม.ค.) ก่อนที่มันจะถูกเผาในวันเดียวกันนั้นเอง  ทั้งนี้ไม่เป็นที่กระจ่างชัดว่าขณะที่เจ้าหนูตัวนี้ถูกเผา มันยังมีชีวิตอยู่หรือไม่… เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากทางโฆษกของมหาวิทยาลัยแล้วว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งทางโฆษกได้กล่าวว่าที่หนูมันถูกทรมานเช่นนี้เพราะว่ามันดันไปกินเต่าเลี้ยงของนักศึกษาคนหนึ่งเข้าให้ “เราได้เรียกตัวคนลงมือมาคุยแล้ว พร้อมกับตำหนิว่านี่เป็นการกระทำที่แย่มากๆ” โฆษกของมหาวิทยาลัยกล่าว     ขณะเดียวกันเรื่องนี้ได้กลายเป็นกระแสไวรัลในโลกโซเชียลของประเทศจีน ซึ่งบางคนก็ได้ออกความเห็นในเรื่องนี้ ในทำนองไม่เห็นด้วยกับการกระทำเช่นนี้ อาทิ “คุณสามารถฆ่ามันได้นะ แต่ไม่ควรจะทรมานมัน” “มีแต่ปิศาจเท่านั้นที่ทารุณสัตว์”   ที่มา: dailymail, worldofbuzz

#เหมียวบู้บี้ เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะมีไอเท็มลับที่ขาดไม่ได้เลย นั่นก็คือ “น้องเน่า” ตุ๊กตาตัวโปรดที่ต้องนอนกอดทุกคืน ไม่เช่นนั้นก็อาจจะเกิดอาการนอนไม่หลับได้ เรื่องราวน่ารักๆ เรื่องนี้ถูกแชร์มาจากผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อ @Ydon9 เจ้าของทวีตบอกว่า เจ้าตุ๊กตาโดเรมอนตัวนี้ คุณพ่อซื้อให้เป็นของขวัญตั้งแต่ 1 ขวบ และเขาก็กอดเจ้าโดเรมอนตัวนี้นอนมาจนโต เหมือนกับน้องเน่าของใครหลายๆ คนนั่นเอง   โดเรมอนเน่าตัวนี้สภาพผุพังจนคิดว่าน่าจะซ่อมไม่ได้แล้ว   สภาพของเจ้าโดเรมอนขาดวิ่นเกินไป แต่เขาก็ยังตัดใจทิ้งมันลงไม่ได้ พอดีว่าเขารู้มาว่า เพื่อนเป็นแม่บ้าน และซ่อมตุ๊กตาเป็น จึงได้ขอร้องให้เพื่อนช่วยซ่อมโดเรมอนเน่าตัวนี้ให้ด้วย ซึ่งเพื่อนก็รับปากว่าจะซ่อมให้ พอรับเจ้าโดเรมอนเน่าไปก็คอยส่งรูปมาให้ดูเป็นระยะๆ อันนี้จับน้องอาบน้ำให้แล้วนะ   กำลังจะติดดวงตาดวงใหม่ให้แหละ   เวลาผ่านไป มีกล่องพัสดุส่งมาหาเขาเอง จ่าหน้ากล่องเป็นรูปโดเรมอน พร้อมข้อความว่า “Tadaima” ในภาษาญี่ปุนแปลว่า “กลับมาแล้วนะ”   พอเปิดกล่องออกมาก็ได้พบกับเจ้าโดเรมอนตัวโปรด แต่สภาพเหมือนใหม่มากๆ นอกจากจะซ่อมบริเวณใบหน้าที่ผุพังให้แล้ว ยังติดกระดิ่งกับเย็บหางให้ด้วย   ก่อน   หลัง   เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องราวสุดอบอุ่นหัวใจที่ชาวทวิตเตอร์ร่วมกันรีทวีตไปกว่า 32,000 ครั้ง กดชื่นชอบกันกว่า 89,000 ครั้ง…

หากเพื่อนๆ แฟนคลับของ Pokemon เวอร์ชันแอนิเมชั่นแล้ว เราคงรู้จัก ทาเคชิ (หรือ Brock ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ) หนุ่มตาตี่หนึ่งในกลุ่มเพื่อนของ ซาโตชิ (Ash) ซึ่งประวัติของทาเคชินี้น่าสงสารมากเสียจริง อนิเมะออกฉายมากว่า 20 ปีแล้ว เขาไม่เคยสมหวังเรื่องความรักกับสาวๆ เลยสักคนเดียว     แต่ตอนนี้เหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว เมื่อในอนิเมะ Pokemon ภาคล่าสุดอย่าง “Pokemon Sun & Moon” พ่อหนุ่มทาเคชิของเรามีกำลังจะสมหวังเรื่องความรักแล้ว!! โดยความรักครั้งใหม่ของทาเคชิก็คือ โอลิเวีย เทรนเนอร์สาวสวย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะทั้งคู่เป็นผู้ใช้โปเกมอนธาตุหินเหมือนกันจึงทำให้ทั้งคู่มีความรู้สึกพิเศษต่อกันและกัน   After getting rejected throughout his whole life,will our boy Brock finally be able to receive affection? Never lose hope my single friends lol…

บ่อยครั้งที่เราอาจเคยเห็นกรณีที่ร้านรวงต่างๆ ชาร์จราคาสินค้าแพงเกินจริงกับนักท่องเที่ยว ด้วยความเห็นว่าพวกเขาเป็นผู้ที่มาเยี่ยมชมต่างบ้านต่างเมือง น่าจะมีกำลังซื้อได้… และนี่ก็เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องราวทำนองนี้ เมื่อนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันคนหนึ่งเดินทางไปเที่ยวประเทศอิตาลี แล้วกลับโดนคิดค่าไอศกรีมแพงถึง 25 ยูโร (ราวๆ 900 บาท) เลยทีเดียว!!     เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เมื่อมีนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ไต้หวันไปใช้บริการซื้อไอศกรีมโคนที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง แล้วรู้สึกว่าถูกโกง     เพราะทางร้านค้าได้ทำการซ่อนป้ายเมนูแสดงราคาเอาไว้หลังเคาน์เตอร์ แล้วคิดเงินเกินกว่าที่ควรจะเป็นจนทำให้นักท่องเที่ยวไต้หวันคนนั้นโมโหว่าทำไมไอศกรีมโคนนี้มันมีราคาแพงจัง และเขาก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า ‘มันแพงเพราะว่ามันอร่อยยังไงล่ะ’  ในเวลานั้นนักท่องเที่ยวจึงจำยอมต้องจ่ายเงินไปเต็มๆ 25 ยูโร แต่เขาก็ได้นำเรื่องนี้ไปบอกกับไกด์ทัวร์ แล้วก็ได้แจ้งเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลาต่อมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาตรวจสอบพบว่าผิดจริง!!     “การซ่อนป้ายแสดงราคาเป็นอะไรที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกๆ มุมโลก มันทำให้ความประทับใจของผู้ซื้อต่ำเตี้ยลงมากๆ และมักจะมีนักท่องเที่ยวตกเป็นเหยื่อเสมอ” เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าว สำหรับบทลงโทษที่ทางร้านไอศกรีมนี้ได้รับก็คือ ถูกปรับเงินเป็นเงินสูงถึง 2,000 ยูโร (ราวๆ 73,000 บาท) สำหรับความผิดในครั้งนี้นั่นเอง   ที่มา: mirror

หากว่าเราไปในสถานที่ที่เราไม่คุ้นเคยแล้วเกิดหลงทางขึ้นมา สิ่งที่อาจจะช่วยในการกลับไปยังที่พักหรือบ้านของเราได้ก็อาจจะเป็นการถามไถ่ชาวบ้านที่อยู่แถวๆ นั้น เพราะพวกเขาอาจช่วยเหลือเราได้ แต่ว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่หลงทางในประเทศสิงคโปร์เป็นเวลาถึง 10 วันเต็มๆ จากความที่เขาออกไปกินข้าวใกล้ๆ กับที่พักแต่ดันจำทางกลับไม่ได้ ครั้นจะใช้โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอามาด้วย แถมยังเขินเกินกว่าที่จะถามคนอื่นๆ อีก!!     Zhang Daming หนุ่มวัยรุ่นชาวมาเลเซียวัย 18 ปี ได้เดินทางมายังประเทศสิงคโปร์เมื่อเดือนก่อนเพื่อที่จะหางานทำในประเทศแห่งนี้ โดยเขาได้แชร์อพาทเมนต์เป็นที่อยู่อาศัยกับเพื่อนของเขาที่เคยมาทำงานที่นี่ก่อนแล้ว ในวันที่เกิดเหตุเพื่อนของเขาได้ให้เงินทิ้งไว้ให้ 50 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราวๆ 1,180 บาท) เพื่อให้เขาเอาเงินไปกินข้าวก่อนที่จะออกไปทำงาน เพราะหนุ่มมาเลคนนี้มีแต่เงินริงกิตนั่นเอง     แล้วจากนั้นเขาก็เอาเงินของเพื่อนไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านใกล้ๆ กับที่พัก แต่ระหว่างเดินนั้นเองเขาก็คิดว่าใกล้ๆ แค่นี้เองคงไม่ต้องจำทางอะไรมาก เลยเดินไปอย่างสบายใจไร้กังวล แต่กว่าเขาจะรู้ตัวว่าจำทางกลับไม่ได้ก็สายไปเสียแล้ว เพราะเขาหลงทางไปซะแล้ว… “ผมเดินไปคาเฟ่ใกล้ๆ เพื่อกินอาหารเที่ยง แต่ว่าหาทางกลับมาที่อพาทเมนต์เพื่อนไม่ได้ บอกเลยว่าผมงงไปหมดในตอนนั้น ทุกๆ อพาทเมนต์มันมีหน้าตาเหมือนกันหมดแล้ว มันทำให้ผมสับสนน่ะ” Zhang กล่าว แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือความชะล่าใจของเขานั้นเอง ได้ทำให้เขาทิ้งทั้งโทรศัพท์มือถือและพาสปอร์ตเอาไว้ที่อพาทเมนต์ด้วย เลยทำให้เขาไม่สามารถใช้โทรศัพท์ตามหาเส้นทางได้แถมยังติดต่อกับเพื่อนๆ ไม่ได้ด้วย และที่หนักที่สุดก็คือเขาไม่กล้าที่จะถามทางคนที่เดินผ่านไปมาในละแวกนั้นรวมทั้งการขอยืมโทรศัพท์ด้วย…     “ผมขี้อายมากๆ เลยน่ะ ผมไม่รู้ว่าคนสิงคโปร์เขาเป็นกันยังไง…

เมื่อเรารักใครสักคนหนึ่ง ก็ย่อมต้องการที่อยากจะอยู่ใกล้คนคนนั้นตลอดเวลา…   แต่สำหรับหญิงสาวคนนี้ ความรู้สึกของเธออาจจะดูรุนแรงไปสักนิดหนึ่ง เพราะถึงกับเอาสิ่งของที่ดูลักษณะคล้ายกับ ‘ค้อน’ ทุบประตูโรงพัก เพื่อบุกเข้าไปหานายตำรวจที่เธอแอบชอบ!! เหตุการณ์เกิดขึ้นที่สถานีตำรวจ West Wyoming ในรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเวลาประมาณ 00.45 น. ของวันจันทร์ที่ผ่านมา กล้องจากภาพวงรปิดเผยให้เห็นว่า Ashley Keister วัย 27 ปีได้กระทำการใช้อุปกรณ์ลักษณะคล้ายกับค้อน (ในรายงานข่าวระบุว่าเป็นที่เขี่ยบุหรี่) ทุบประตูโรงพักเพื่อบุกเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เธอแอบชอบ เพราะเธอต้องการที่จะออกเดตกับเขา     หลังจากที่บุกเข้าไปในโรงพักได้เธอก็ตามหาตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าว แต่ก็ไม่เจอ จนสุดท้ายก็ถูกจับกุมตัวไป เจ้าหน้าที่ Curtis Nocera สารวัตรประจำสถานีตำรวจ West Wyoming กล่าวว่าขณะนี้กำลังทำการตรวจสอบข้อมูลถึงแรงจูงใจในการกระทำครั้งนี้ของ Keister     เบื้องต้นพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งที่ทำหน้าที่จับกุมตัวเธอเมื่อปีก่อน หลังจากนั้น Keister ก็เริ่มส่งข้อความในเชิงคุกคามทางเพศมาหาตำรวจนายนี้ ผ่านทางเพจเฟซบุ๊กของสถานีตำรวจ รวมไปถึงโทรมาที่เบอร์ 911 เพียงเพื่อที่จะคุยกับเขา เธอทำแบบนี้เรื่อยมาจนกระทั่งเกิดเหตุดังกล่าว     Keister ถูกจับกุมตัวและจะถูกดำเนินคดีในข้อหากระทำการรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ,…

สถาปัถยกรรมหรือสิ่งก่อสร้างต่างๆ ล้วนมีองค์ประกอบที่สวยงามในแบบของมันเอง ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่อง หรือสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ยกตัวอย่างเช่น วัด โบสถ์ หรือมัสยิดก็มีความงามที่แตกต่างกันไป Peter Li ช่างภาพที่ใช้ภาพถ่ายมุมกว้างซึ่งประกอบไปด้วยเพดานและเสาในโบสถ์ทั่วโลก แสดงให้เห็นถึงความงดงามในมุมมองที่แปลกใหม่ โดยไม่ผ่านการปรับแต่ง แถมให้ความรู้สึกเหมือนได้ไปสัมผัสสถาปัตยกรรมเหล่านั้นด้วยตนเอง     ผลงานที่โดดเด่นของเขาเผยให้เห็นจุดสมมาตรภายในที่เชื่อมกันอย่างลงตัว โดย Li เล่าว่าความยิ่งใหญ่ของโบสถ์จากมุมที่เขาถ่ายทำให้มองเห็นเกิดความสมดุลของภาพ ทั้งนี้ปัจจัยต่างๆทั้งเรื่องของแสง ฤดูกาลเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ภาพถ่ายมุมกว้างเป็นที่ดึงดูด โดยภาพที่ได้จะแตกต่างกันตามแสงและเงาที่สะท้อนข้างในโบสถ์   “Dynasty”   เมื่อรวมองค์ประกอบหลายๆ ทำให้ได้ภาพที่เหนือจินตนาการ และ Li ได้อธิบายต่ออีกว่า การมองพื้นที่สามเหลี่ยมในการถ่ายภาพจากพื้นที่ทั้งหมดทำให้สิ่งที่มองเห็นเหนือกว่าการมองด้วยตาเปล่า ซึ่งลักษณะและรูปทรงต่างๆ ได้สร้างมุมมองอันน่าอัศจรรย์ ชวนให้ผู้ชมหลงใหลและหลุดจากโลกแห่งความเป็นจริง   “Hephaestus” “Confetti” “Jack Frost” “Hyrule”   “Crossbow”   “St. Paul’s, Dome”   ที่มา: thisiscolossal

ในบางคราวที่เราอยากเก็บความทรงจำบางอย่างเอาไว้ เราคงเลือกที่จะหยิบปากกาแล้วบันทึกลงบนสมุดเล่มโปรด แต่ในบางครั้งเราก็เลือกที่จะเก็บเรื่องราวเหล่านั้นไว้ในรูปถ่าย เพื่อที่จะได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเมื่อวันเวลาผ่านไป เชื่อว่าหลายคนอยากจะมีภาพถ่ายครอบครัวน่ารักๆ สักใบไว้ติดผนังบ้านให้คนอื่นได้ชม หรือเก็บไว้ในอัลบั้มเผื่อกลับมาดูในอนาคต ถ้าหากใครยังไม่มีไอเดียว่าอยากได้รูปแนวไหน เรามีภาพถ่ายน่ารักๆ จากโปรเจกต์ภาพถ่าย OYAKO มานำเสนอ     โปรเจกต์ดังกล่าวเป็นของช่างภาพ Bruce Osborn ซึ่งประกอบไปด้วยรูปถ่ายของพ่อแม่และลูกของพวกเขา โดยรูปภาพเหล่านั้นสะท้อนถึงอาชีพ และแฟชั่นที่แตกต่างกันตามยุคสมัย Osborn ให้สัมภาษณ์ว่า OYAKO เป็นคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นที่หมายถึงพ่อ แม่ และลูก โดยเขาเริ่มถ่ายภาพชุดนี้ตั้งแต่ปี 1982 ซึ่งตอนแรกเขาได้รับมอบหมายให้ถ่ายภาพของนักดนตรีแนวพังก์ จึงเกิดความคิดที่จะถ่ายนักดนตรีเหล่านั้นพร้อมกับพ่อแม่ของพวกเขาด้วย   คุณแม่ Sogetsu Watanabe กับลูกสาว Keiko Mitsui กับอาชีพสอนชงชา   รูปถ่ายที่ได้จึงสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิต แฟชั่นที่แตกต่างกันระหว่างสองรุ่น และยังสื่อถึงความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวอีกด้วย และจากการทำงานในครั้งนั้นทำให้เขาสนใจความเปลี่ยนแปลงในสังคมญี่ปุ่นที่เปลี่ยนผ่านจากรุ่นสู่รุ่น และสร้างผลงานอันเป็นที่น่าประทับใจจนถึงปัจจุบัน…   คุณพ่ออดีตนักซูโม่ Mitsunari Kida กับลูกชาย Tsuyoshi Kida ปัจจุบันพ่อทำร้านอาหาร ส่วนลูกก็เป็นนักซูโม่   คุณพ่อ Jisaku Yamada…

ต่อหน้าสายตาประชาขีโดยเฉพาะเด็กๆ คนที่เป็นครูบาอาจารย์อาจจะไม่กล้าทำอะไรที่ดูไม่ดี เพื่อไม่ให้เด็กๆ เอาตามเป็นเยี่ยงอย่าง แต่ว่ามีครูคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะโนแคร์โนสนโลก เพราะว่าเขาได้ทำการ ‘รูดหนอน’ ขณะกำลังสอนนักเรียนอยู่ ณ โรงเรียนมัธยมต้นแห่งหนึ่ง     เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (8 ม.ค.) นาย Tracey Abhraham คุณครูวัย 41 ปีแห่งโรงเรียนมัธยมต้น Creekside Middle School ในรัฐโอไฮโอ ถูกนักเรียนตั้งข้อสงสัยว่าขณะที่กำลังสอนหนังสืออยู่เขาทำอะไรอยู่ใต้โต๊ะกัน นักเรียนคนหนึ่งจึงได้บันทึกภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นเอาไว้ โดยเป็นภาพของนาย Tracey กำลังจ้องมองโทรศัพท์ของเขาอยู่ ขณะเดียวกันมือซ้ายของเขาก็ล้วงเข้าไปที่ใต้โต๊ะแล้วจัดการเขย่าหนอนของเขาด้วย   ภาพที่นักเรียนถ่ายเอาไว้ ขณะกำลังทำภารกิจ   เรื่องราวนี้ได้เกิดขึ้นขณะที่เขากำลังสอนเด็กๆ อายุราวๆ 11 – 12 ปี ซึ่งเด็กๆ ได้นำเรื่องนี้ไปบอกกับครูใหญ่ และผลที่ตามมาก็คือเขาถูกนำตัวออกนอกห้องเรียนในทันที และมีคำสั่งห้ามไม่ให้กลับไปที่ตึกในเวลานั้นเพื่อหาข้อเท็จจริงก่อน โดยในตอนนี้ข้อหาที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งไว้เบื้องต้นก็คือข้อหาทำการอนาจารต่อหน้าธารกำนัล…     ทางด้าน Rick พ่อของเขาบอกว่านาย Tracey ไม่เคยมีการกระทำลักษณะนี้มาก่อนเลยในชีวิตของเขา รวมทั้งยังบอกเลยว่าสิ่งที่เด็กๆ เห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ก็เป็นได้ ในตอนนี้เรื่องราวของเขากำลังรอให้หน่วยงานด้านการศึกษาของรัฐโอไฮโอตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ และศาลก็มีนัดตัดสินอยู่ว่ามีความผิดหรือไม่ในวันที่…

นี่อาจเป็นอีกหนึ่งที่น่าไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นในสังคมยุคปัจจุบันนี้ เมื่อคุณแม่กับลูกสาวคู่หนึ่งรับจ้างล้างรถตามถนน และได้ค่าตอบแทนแล้วแต่ลูกค้าจะให้ แต่ก็ไม่วายทั้งคู่ยังโดนชิ่งไปอย่างหน้าตาเฉยไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว!!     เรื่องมีอยู่ว่าคุณพ่ออายุ 40 ปีนามว่า Sukumaran Sanmugam มีอาชีพเป็นคนรับจ้างล้างรถตามท้องถนนในประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน รายได้ของเขาในแต่ละวันจะมาจากความใจดีของลูกค้าที่ยินดีจะมอบเงินให้ เพราะเขาไม่ได้ตั้งราคาตายตัวแต่อย่างใดว่าการล้างรถแต่ละครั้งจะคิดราคาเท่าไหร่กันแน่ นอกจากนี้เขายังอธิบายเพิ่มเติมด้วยว่างานของเขามันไม่ใช่งานที่มีรายได้แน่นอน และต้องพึ่งพาสภาพอากาศในตอนนั้นด้วยว่าเป็นอย่างไร อย่างเช่นในกรณีที่ฝนตกก็ไม่สามารถที่จะทำงานล้างรถได้     “ผมไม่ตั้งราคาเอาไว้หรอกนะ แต่ผมจะรับเงินจำนวนเท่าที่ลูกค้าเต็มใจจะให้ผมแหละ แต่ขอบอกเลยว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายสำหรับผมเลยที่จะมีลูกค้าแถวนี้ เพราะแถวๆ นี้มีคาร์แคร์อยู่เต็มไปหมด” คุณพ่อกล่าว โดยสภาพการกินอยู่ของนาย Sukumaran ก็คือใช้ชีวิตอยู่บ้านเช่าร่วมกับภรรยาและลูกๆ ของเขาอีกสองคนในเมืองซาห์ อลาม ประเทศมาเลเซีย และจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการเช่าบ้านเดือนละ 350 ริงกิตมาเลเซีย (ราวๆ 2,700 บาท) “ผมจะรู้สึกซาบซึ้งลูกค้าทุกๆ คนมากๆ ถ้าหากผมได้รับเงินวันละ 20 ริงกิต (ราวๆ 155 บาท) ซึ่งเงินที่ผมเคยได้รับมากที่สุดต่อวันคือประมาณ 70 ริงกิต (ราวๆ 545 บาท) แหละ” นาย…

ความสัมพันธ์ของพี่น้องแต่ละบ้านแตกต่างกันเนื่องจากลักษณะนิสัยที่ไม่เหมือนกัน ทั้งเพศ การเลี้ยงดู สภาพแวดล้อมและปัจจัยอื่นๆ ทำให้บางครอบครัว บรรดาพี่น้องดูสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก แต่บางครอบครัวกลับดูห่างเหิน แถมเข้ากันไม่ได้ซะงั้น   ผะ ผะ ผู้ชาย ครอสเดรส (แต่งตัวข้ามเพศ)   สำหรับบางบ้าน ความสัมพันธ์ของพี่สาวและน้องชายก็ออกมาในรูปแบบเพื่อนซี้ จำได้ไหมว่า ตอนเด็กเราเคยเล่นกับพี่ๆ น้องๆ กันแบบไหน บางทีอาจจะสวมบทบาทเป็นคุณหมอ เป็นตำรวจจับผู้ร้าย เล่นขายของหรือจะพากันไปปีนต้นไม้จนโดนคุณพ่อคุณแม่ฟาดน่องลาย   ซ้ายคือพี่สาว ส่วนด้านขวาคือน้องชาย!   และอีกหนึ่งกิจกรรมที่พี่สาวแต่ละบ้านดูจะสนุกเสียเหลือเกิน ซึ่งนั้นก็คือการจับน้องชายแต่งตัว บางคนโตเป็นหนุ่มแล้ว แต่คนพี่ก็ยังไม่เลิกจับแต่งหน้า ทำผม ใส่กระโปรง ดูไปดูมาแล้ว เฮ้ย! น่ารักกว่าตัวเองซะอีก ยกตัวอย่างชาวญี่ปุ่นทั้งชวนกันมาโพสต์อวดรูปน้องชายของตัวเองในลุคสวยเช้ง จนหนุ่มๆ เหลียวมอง แยกไม่ออกไม่ว่าใครเป็นพี่สาว ใครเป็นน้องชาย   เมื่อน้องชายอยากแต่งครอส มีหรือพี่สาวจะขัดใจได้   สาวผมเปียน่ารัก   สาวแซนตี้ก็ถูกใจ   สาวผมยาว ตาโต ก็เซ็กซี่ดี   สาวสวย…

อาชีพคุณหมอถือว่าเป็นอาชีพหนึ่งที่จำเป็นต่อสังคมมากๆ เพราะพวกเขาคืออาชีพที่จะช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของมนุษย์ แต่ในปัจจุบัน หลายๆ สังคมนั้นดูเหมือนจะมีแพทย์ไม่เพียงพอต่อความต้องการสักเท่าไหร่ เราจึกมักเห็นแพทย์คนหนึ่งต้องโหมทำงานหนักติดต่อกันหลายชั่วโมงหรือบางทีอาจหลายวัน เหมือนอย่างเรื่องที่เราจะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้ฟังกันในวันนี้ เมื่อศัลยแพทย์จีนคนหนึ่งโหมทำงานหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน จนผล็อยหลับไปทันทีที่ผ่าตัดเคสสุดท้ายเสร็จ     ในวันที่ 4 มกราคม 2019 ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองกุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน เป็นวันที่ถือว่าวุ่นวายที่สุดวันหนึ่งในชีวิตของศัลยแพทย์มือดีอย่างนายแพทย์แซ่หลัวก็เป็นได้ เนื่องจากมีเคสผ่าตัดเข้ามาอย่างมากมายและไม่มีบุคลากรและทรัพยากรพอที่จะจัดการเคสทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว คุณหมอแซ่หลัวจึงต้องเหมาเคสผ่าตัด ซึ่งแต่ละเคสก็ใช้เวลาไม่ใช่น้อยๆ คุณหมอแซ่หลัวผ่าตัดเสร็จไปเคสแล้ว เคสเล่า จนผ่านไปทั้งหมด 6 เคสติด และทันทีที่ผ่าตัดเชื่อมกระดูกมือของคนไข้สำเร็จ พลังกายของคุณหมอจะหมดลง เขาผล็อยหลับไปทันที กระนั้นเขาก็คงประคองมือคนไข้ไว้ได้อยู่     เมื่อรูปภาพดังกล่าวถูกแชร์ลงอินเทอร์เน็ต ก็กลายเป็นไวรัลภายในโซเชียลมีเดียจีนทันที มีชาวเน็ตเข้ามาชื่นชมและแสดงความคิดเห็นอย่างมากมาย ซึ่งคุณหมอแซ่หลัวก็ได้เห็นภาพของตัวเองในภายหลัง เขากล่าวว่าก็รู้สึกสงสารตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตามการรักษาคนไข้คือภารกิจสำคัญของคนเป็นแพทย์และต้องมาก่อนสิ่งอื่นเสมอ เขายังบอกต่อว่าตอนปกติเวลาเข้าเวรงานก็จะหนักประมาณนี้อยู่แล้วและก่อนจะเข้าผ่าตัดแพทย์จะต้องพิสูจน์ว่าตัวเองไม่มีปัญหาด้านสุขภาพ เพื่อให้แน่ใจว่าคนไข้จะไม่ได้รับอันตราย รวมถึงคุณหมอยังเล่าอีกว่าเคสที่เคยผ่าตัดนานที่สุดใช้เวลาถึง 22 ชั่วโมงเลยทีเดียว   ที่มา China Xinhua News

หากพูดถึงสิ่งที่ผู้หญิงหลายๆ คนปรารถนา การมีรูปร่างที่ดีตามสมัยนิยมนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในลิสต์ที่สำคัญของพวกเธออย่างแน่นอน วันนี้เราก็เลยเอาเคล็ดลับความผอมของนางแบบสาวมาให้ชมกัน แต่เป็นเคล็ดลับที่ไม่แนะนำให้ทำตามกันสักเท่าไหร่ เนื่องจากเธอใช้สารเสพติดหนักมาก!!   https://www.instagram.com/p/BPvfOHig7wt/?utm_source=ig_embed   พบกับ Ruby Tuesday Matthews นางแบบสาวชาวออสเตรเลียวัย 25 ปี ผู้มีหุ่นในฝันอย่างที่ผู้หญิงหลายๆ คนอยากมี เธอเปิดให้แฟนๆ ได้เข้ามาถามคำถามผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยมีแฟนคนหนึ่งถามเธอว่าเทคนิคอะไรที่ทำให้เธอรักษาน้ำหนักอยู่ในช่วง 54 กิโลกรัมได้ตลอด ซึ่งเธอก็ตอบไปว่าเป็นเพราะไลฟ์สไตล์และการเลือกทานอาหารของเธอที่มักจะทานพวกของว่างและเสพโคเคน “ฉันเสพโคเคนหนักมาก ฉันชอบมันมากเลยล่ะ แถมฉันยังสูบบุหรี่ ดื่มกาแฟดำและโค้กอีกด้วย” Ruby กล่าวถึงเคล็ดลับที่ทำให้เธอยังผอมอยู่แม้จะทานอะไรเข้าไปมากมายก็ตาม   https://www.instagram.com/p/BH3ADWzjf3C/?utm_source=ig_embed   แต่ในปัจจุบันนี้ Ruby ไม่เสพโคเคนอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากเธอกลายเป็นคุณแม่ลูกสอง ที่คำนึงถึงสุขภาพของตัวเองและลูกอย่างที่สุด “ฉันไม่รู้เลยตอนที่ฉันตั้งครรภ์ ฉันไปปาร์ตี้กับเพื่อนจากนั้นก็รู้สึกไม่สบาย เลยขอกลับบ้าน วันต่อมาก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองและฉันไม่คิดว่าตัวเองท้องเลย เพราะฉันผอมและก็ปาร์ตี้หนักมาก” เธอกล่าว แต่หลังจากไปให้แพทย์ตรวจ แพทย์ก็คอนเฟิร์มว่าเธอตั้งครรภ์ ทันทีที่รู้ Ruby ก็กังวลเป็นอย่างมากกว่าไลฟ์สไตล์ของเธอจะทำร้ายลูกน้อยในท้อง แต่แพทย์ก็ได้ปลอบเธอว่าทุกอย่างมันจะไม่เป็นไร   https://www.instagram.com/p/Bor550xlS1O/   ปัจจุบัน Ruby…

การที่หิมะตกนี้ ดูเผินๆ อาจจะดูสวยงาม แต่จริงๆ แล้วมันทำให้การใช้ชีวิตของผู้คนในพื้นที่ดังกล่าวยากลำบากขึ้นมากๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งทำให้การใช้พาหนะบังคับไม่ได้ดังใจหรือทำให้วิสัยทัศน์การมองเห็นแย่ลง และเรื่องของวิสัยทัศน์ที่ย่ำแย่ในวันที่หิมะตกหนักนี้เอง จึงเกิดเหตุการณ์สลดอย่างที่เราจะนำมาให้ได้ชมกัน     เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2019 สำนักข่าว Moscow Times ได้รายข่าวการตายของหนุ่มวัย 18 ปีที่ถูกยิงโดยคุณพ่อแท้ๆ เนื่องจากคิดว่าเขาเป็นกวางมูส อ้างอิงตามรายงานของเจ้าหน้าที่ ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์สุดสลดคุณพ่อได้พาลูกชายเข้าไปล่าสัตว์ในป่าใกล้ๆ เมือง Khanty-Mansiysk ป่าดังกล่าวเป็นที่รู้ดีว่าเป็นป่าที่มีภูมิอากาศแบบกึ่งขั้วโลก (Subarctic) ซึ่งจะมีอุณภูมิหนาวเย็นตลอดทั้งปี บวกกับวันดังกล่าวมีหิมะตก ทำให้วิสัยทัศน์การมองเห็นย่ำแย่มากๆ     สองพ่อลูกตัดสินใจแยกกันออกไปเพื่อหาร่องรอยของสัตว์ที่พวกเขาจะล่า ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะเจอกับสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ท่ามกลางหิมะ เขาเข้าใจว่าคงเป็นกวางมูส จึงลั่นไกปืนใส่อย่างไม่ลังเล อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณพ่อเข้าไปตรวจสอบสิ่งที่เขายิงไป ก็พบว่ามันไม่ใช่กวางมูสอย่างที่เขาเข้าใจ  มันคือร่างของลูกชายของเขาเองที่นอนแน่นิ่งไม่ตอบสนองอยู่บนพื้นหิมะ     ตามรายงานของเจ้าหน้าที่สืบสวนพบว่าเด็กหนุ่มวัย 18 ปี เสียชีวิตทันทีที่ถูกพ่อของเขายิง และในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ก็จับกุมผู้เป็นพ่อในข้อหาประมาทเลินเล่อจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี   ที่มา Ladbible, Moscow Times

การทำรายการให้ออกมามีเนื้อหาน่าสนใจนั้น นอกจากจะต้องอาศัยการเทคนิคต่างๆ ที่ใช้ในการเล่าเรื่อง เป็นการดึงดูดคนดูแล้ว พิธีกรเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่สร้างสีสันในรายการ โดยบางคนอาจจะใช้ทักษะในการพูดคุยหยอกล้อกับแขกรับเชิญ ทำให้รายการดำเนินต่อไปอย่างเป็นธรรมชาติ     อย่างไรก็ตาม การหยอกล้อนั้นต้องพอเหมาะพอควร เพื่อเป็นการระมัดระวังไม่เกิดประเด็นดราม่า เหมือนพิธีกรรายการ “Eutixeite” ช่อง Greek TV ที่ต้องออกมาขอโทษเหล่าสมาชิกและแฟนคลับไอดอลเกาหลีวง BTS, EXO, Wanna One เมื่อพูดถึงประเด็นหน้าตาและความหล่อ…     Katerina Kainourgiou พิธีกรคนดังกล่าวได้โพสต์ลงในอินตราแกรมว่า “ฉันต้องโทษที่พูดแบบนั้นออกไปทำให้หลายคนรู้สึกแย่ ทั้งแฟนๆ ของ Kang Daniel วง Wanna One, Sehun วง Exo, Taehyung และ Jungkook จากวง BTS”   https://www.instagram.com/p/BsP4F_BhpGR/?utm_source=ig_embed   เรื่องของเรื่องคือระหว่างดำเนินรายการเธอได้พูดคุยกับแขกรับเชิญในหัวข้อ “100 อันดับชายหน้าตาดี ใน 2018” โดยแสดงความคิดเห็นเชิงหมิ่นประมาทว่า “เขาเป็นผู้ชายจริงเหรอ” และ “ไม่น่าเชื่อว่าจะมีผู้หญิงโหวตให้เขาได้อันดับ 5”   คลิปที่วิจารณ์หน้าตาของสมาชิกวงบอยแบนด์เกาหลี จนเป็นประเด็นดราม่า    ถ้อยคำเหล่านั้นทำให้เหล่าแฟนคลับเกิดความไม่พอใจ…

วัฒนธรรมการดื่มของญี่ปุ่นมีมายาวนานแล้ว อย่างที่รู้ๆ กันดีว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะตั้งใจทำงานอย่างหนัก พอหลังเลิกงานจะพากันไปดื่มเพื่อคลายความเครียดที่สะสมมาตลอดทั้งวัน ไม่ใช่แค่เพียงผู้ใหญ่เท่านั้นที่พากันไปดื่มจนเมาแอ๋ แต่เหล่านักศึกษาก็ดื่มอย่างหนักเช่นกัน จากประเด็นนิตยสารญี่ปุ่นแท็ปลอยด์ ที่ลงบทความพาดพิงถึงนักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น เรียงลำดับจากความง่ายในการมีเพศสัมพันธ์ด้วย  ทำให้ชาวเน็ตออกมาแสดงความคิดเห็นถึงความไม่เท่าเทียมทางเพศในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมองว่าผู้หญิงเป็นเพียงวัตถุทางเพศ     เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นักศึกษาหญิงในมหาลัยหลายแห่งแสดงความเคลื่อนไหวโดยการร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ Change.org เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวของจากทางนิตยสารออกมาขอโทษ พร้อมกับงดเผยแพร่เนื้อหาที่พาดพิงถึงเพศหญิง เรื่องราวยังไม่จบแค่นั้น Sputniko! ศิลปินชื่อดังยังเชิญชวนผู้ติดตามของเธอในทวิตเตอร์ร่วมลงชื่อเพื่อแสดงความเคลื่อนไหว จนเป็นกลายเป็นกระแสโด่งดังและตอนนี้มีผู้ลงนามว่ากว่า 25,600 ในเย็นวันจันทร์ที่ผ่านมา Kazuna Yamamoto ผู้ผลักดันการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ นี้เป็นรุ่นพี่ปี 4 ของมหาวิทยาลัย International Christian เธอให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันดีใจที่มีคนร่วมลงชื่อมากขนาดนี้ และอยากให้ทุกคนเห็นว่าการมองผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศไม่ใช่เรื่องตลก”     นอกจากนั้นเธอยังได้โพสต์วิดีโอลงบนโลกออนไลน์โดยใช้แฮชแท็ก #StandUpJapan ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นิตยสารลงบทความที่เกี่ยวข้องกับการดูหมิ่นเพศหญิง ยกตัวอย่างเช่น “ลักษณะผู้หญิงที่พาขึ้นเตียงได้ง่าย” หรือ “ชนิดของแอลกอฮอล์ชวนดื่มเมื่ออยากมีเซ็กส์กับหญิง”   . .   เมื่อเร็วๆนี้เอง ประเทศญี่ปุ่นถูกจับตามองในเรื่องของความไม่เท่าเทียมทางเพศ จากการเคลื่อนไหวของสังคมโดยใช้แฮชแท็ก #MeToo จากการจัดอันดับความเท่าเทียมทางเพศโดย World Economic Forum ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อยู่ในลำดับที่ 110 จาก 149 และยังมีการเปิดเผยถึงการลดโอกาสของเพศหญิงในการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยอีกด้วย…

สำหรับบางสถานที่อย่างเช่นไนท์คลับ และบาร์ต่างๆ ก็จะมีการ์ดคอยดูแลอยู่หน้าทางเข้า เพื่อดูแขกที่เข้ามาใช้บริการว่าทำตามกฎของทางร้านหรือไม่ และบางทีเมื่อเห็นคนที่ไม่ทำตามกฎหรือว่าเมาเกินไปพวกเขาก็อาจปฏิเสธไม่ให้เข้าเพื่อความปลอดภัย แต่ว่ามีอยุ่เหตุการณ์หนึ่งที่การ์ดดูแลเกือบจะกลายเป็นผีเฝ้าหน้าร้านไปซะแล้ว เมื่อมีชายเมาแอ๋คนหนึ่งเดือดจัดที่การ์ดไม่ให้เข้าร้าน เขาเลยควักปืนลูกซองมาจ่อหน้าการ์ดซะเลย!!   นี่แน่ะ   โดยสื่อต่างประเทศได้รายงานเรื่องนี้ว่า ชายนามว่านาย Azat Khikmatullin ถูกการ์ดของไนท์คลับแห่งหนึ่งในเมือง Naberezhnye Chelny ประเทศรัสเซียปฏิเสธไม่ให้เข้าร้านด้วยเหตุผลบางอย่าง ด้วยความเดือดดาลบวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่อยู่ในกระแสเลือดเวลานั้น เขาเลยกลับบ้านไปเอาปืนที่บ้านแล้วย้อนกลับมาที่ไนท์คลับอีกครั้ง เพื่อจะทำการแก้แค้นให้สาสมแก่ใจ   เห้ย เจอของจริงนี่หว่า   ทางด้านการ์ดในเวลานั้น สังเกตการณ์ผ่านกล้องวงจรปิดเห็นแล้วว่านาย Azat กลับมาอีกครั้งหลังจากถูกปฏิเสธไปในตอนแรก เลยทำให้การ์ดคนหนึ่งเตรียมสเปรย์พริกไทยเอาไว้เผื่อมีอะไรเกิดขึ้น แล้วไปรอเขาที่หน้าทางเข้า แต่ดูเหมือนว่าสเปรย์พริกไทยในมือของการ์ดคนนี้จะดูง๋อยไปเลย เมื่อเจอกับ Azat ที่คว้าปืนลูกซองขึ้นมาจ่อไปยังการ์ดคนนี้ เขาเลยต้องหนีเพื่อหาที่กำบังก่อน   คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้    แต่ว่าด้วยความเชี่ยวชาญในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา การ์ดก็กระโจนออกมาจากที่หลบแล้วฉีดสเปรย์พริกไทยเอาไปเต็มๆ หน้าของนาย Azat จากนั้นก็ตะลุมบอนกันอย่างอุตลุด ก่อนที่จะมีอีกคนหนึ่งเข้ามาช่วย จนในท้ายที่สุดแล้วทางการ์ดก็สามารถขว้างปืนออกไปไกลตัวของนาย Azat ได้และจับชายวัย 30 ปีคนนี้มัดเอาไว้แล้วส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที ข้อหาที่นาย Azat ต้องเผชิญกับความผิดครั้งนี้ก็คือข้อหาพยายามฆ่า ซึ่งอาจทำให้เขาถูกคุมขังเอาไว้ก่อนเป็นเวลา 2 เดือนและรอการตัดสินจากชั้นศาล โดยหากพบว่าผิดจริงก็อาจต้องติดตารางถึง…

อย่างที่รู้ๆ กันดีว่าร่างกายของคนเรานั้น สามารถแปรเปลี่ยนใช้เป็นสถานที่สำหรับซุกซ่อนสิ่งต่างๆ ได้ อย่างที่เคยเห็นกันมาแล้วก่อนหน้านี้ทั้งแอบซ่อนของในอวัยวะเพศ หรือว่าในทวารหนักก็มีให้เห็นไม่น้อย และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีที่เข้าข่ายที่ว่านี้เช่นเดียวกัน เมื่อมีนักโทษคนหนึ่งถูกจับได้คาหนังคาเขาว่ามี ‘เข็มฉีดยา’ ถึง 3 อันอยู่ในรูทวารของเขา แต่เขาก็ปฏิเสธออกมาดื้อๆ ว่า ‘นี่มันไม่ใช่ของผมนะครับ’!!     เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานาย Wesley Scott ชาวฟลอริด้าวัย 40 ปีถูกส่งเข้ายังสถานที่คุมขังของเขต Pinellas County ด้วยข้อหาที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ว่าก่อนหน้าที่จะเข้ายังห้องขังได้ ก็จะต้องมีกระบวนการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ก่อนว่าไม่ได้แอบเอาอะไรเข้ามา และระหว่างการเปลือยกายเช็คของนี้เองก็ได้เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น     เพราะเจ้าหน้าที่ได้ค้นพบว่าภายในช่องทวารหนักของชายคนนี้ มีเข็มฉีดยาอยู่ถึง 3 อันด้วยกัน ทว่าเขาก็บอกว่านี่มันไม่ใช่ของเขาอย่างแน่ๆ แต่ก็มีอีกจุดหนึ่งที่น่าสงสัยในกรณีนี้เนื่องมาจาก ณ เวลานั้นนาย Wesley ได้ตอบคำถามเมื่อเจ้าหน้าที่ถามว่าแอบซ่อนอะไรเข้ามารึเปล่าว่า ‘ไม่มี’ รวมทั้งบอกด้วยว่ารู้ดีว่าโทษสำหรับการลักลอบสิ่งของเข้ามาเป็นอย่างไร     อย่างไรก็ตามนาย Wesley ถูกตั้งข้อหาเพิ่มเติมจากการถูกค้นพบในครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นข้อหานำสิ่งของต้องห้ามเข้าไปยังสถานที่คุมขังของรัฐ ครอบครองยาเสพติดเพื่อการค้า และมีกัญชาในครอบครอง อีกทั้งยังทำให้เงินค่าประกันตัวของเขาสูงถึง 5,000 ดอลลาร์ (ราวๆ 159,000 บาท) อีกด้วย…   ที่มา:…

มีใครไหนเลยที่จะไม่ชอบ ‘ของฟรี’ กันบ้าง แต่ว่านอกจากของฟรีแล้วบางทีเราซื้อของแล้วได้รับ ‘ของแถม’ ก็อาจเป็นอะไรที่น่าประทับใจแบบสุดๆ ได้เหมือนกัน… แต่ว่าในกรณีที่เกิดขึ้นนี้ล่ะก็ ไม่แน่เหมือนกันว่าคุณอาจจะไม่อยากได้ของแถมอีกเลยตลอดไปก็เป็นได้ ถ้าเปิดออกมาแล้วเป็น ‘งู’ เหมือนกับชายคนนี้     เรื่องนี้มีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมานาย Barry Downes ชายชาวลอนดอน ได้ไปซื้อกาน้ำร้อนมาหนึ่งใบในช่วงเซลล์เทศกาลคริสต์มาสของร้าน Argos  จากนั้นเขาก็นำเจ้ากาน้ำใบใหม่นี้กลับมาที่บ้าน แล้วแกะกล่องลองใช้ชงชาทันทีเพื่อเช็คดูว่ามันสามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติหรือไม่ ซึ่งมันก็ใช้ได้ปกติดีไม่มีปัญหา แล้วนั่งจิบชาสักพักหนึ่ง แต่แล้วเมื่อกลับมาที่ครัวอีกครั้งเขาก็พบเข้ากับเจ้าของแถมนี้เข้าให้ ซึ่งในตอนแรกเขานึกว่ามันไม่ใช่งูแต่อาจจะเป็นเชือกอะไรสักอย่าง…     “บอกเลยนะตอนแรกผมไม่รู้หรอกว่ามันคืองู ผมเลยหยิบมันจะเอาไปทิ้งถังขยะแต่หลังจากนั้นมันก็เริ่มดิ้นยุกยิกไปมา ผมถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่เชือกแล้วล่ะ!!” ด้วยความตกใจในเวลานั้นเขาจึงรีบปล่อยงูในทันที แล้วจัดแจงหาฝาหม้อมาครอบมันไว้เพื่อใม่ให้มันหนีไปซุกซ่อนที่อื่นได้ แล้วจึงเรียกเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยจัดการ “เขาคงจะช็อกมากแน่ๆ ที่เจอกับงูตัวนี้มากับกาน้ำร้อนใบนี้”  “Barry คงคิดว่าเจ้างูตัวนี้มาจากประเทศจีนซึ่งเป็นสถานที่ที่ผลิตมัน แต่สำหรับฉันแล้วฉันคิดว่ามันน่าจะมาจากโรงเก็บของในประเทศอังกฤษซะมากกว่า” “มันคืองูข้าวโพด สุดยอดนักหลบหนีที่เหนือการคาดเดา ฉันเดาว่ามันน่าจะหนีมาจากป่าที่ไหนสักแห่งนี่แหละ” Ella Davies เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานนี้กล่าว     ทั้งนี้งูข้าวโพดเป็นงูที่ไม่มีพิษและสามารถมีความยาวได้สูงสุดอยู่ที่ 1.5 เมตรนิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง ซึ่งตอนนี้เจ้างูได้ถูกส่งไปยังโรงพยาบาลสัตว์ Putney Animal Hospital เรียบร้อยและมันปลอดภัยดี   ที่มา: thesun,…

บ่อยครั้งที่เราอาจเห็นว่ามีวิธีการใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอในการลักลอบนำสิ่งต่างๆ ให้พ้นจากสายตาเจ้าหน้าที่ และนี่ก็อาจจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ดีถ้าหากว่าไม่ถูกจับได้เสียก่อน เมื่อชายคนหนึ่งแอบลักลอบแมวออกนอกประเทศด้วยการเอายัดใส่ไว้ในกางเกง แต่ความก็มาแตกเอาซะเพราะว่าดันมีเสียงร้อง ‘เหมียว’ ดังออกมา เลยทำให้ไปไม่รอดโดนรวบในที่สุด!!     เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา ณ สะพานเชื่อมระหว่างประเทศสิงคโปร์และประเทศมาเลเซีย (ฝั่งขาเข้าประเทศสิงคโปร์) เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหน่วยงาน Immigration and Checkpoints Authority (ICA) ได้ทำการตรวจสอบรถของชายชาวสิงคโปร์วัย 45 ปีตามหน้าที่ปกติ แต่แล้วขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังทำการตรวจค้นอยู่นั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียง ‘เหมียว’ ดังขึ้นมาจากที่ใดสักแห่งหนึ่งในรถคันนี้ จึงทำให้พวกเขาต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อค้นหาต้นตอว่าเสียงมันดังมาจากที่ใดกันแน่…     และแล้วในเวลาต่อมาพวกเขาก็ได้ค้นพบกับความจริงเข้าให้ ว่าเสียงร้องนี้มันดังมาจากกางเกงวอร์มของชายชาวสิงคโปร์วัย 45 ปีคนขับนี้เอง ซึ่งสิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือในนั้นมีลูกแมวอยู่ถึง 4 ตัวด้วยกัน ชายคนนี้จึงถูกจึงถูกจับกุมไปในทันที ตามกฏหมายของประเทศสิงคโปร์ที่ว่าการแอบลักลอบสัตว์มีชีวิต ซึ่งโทษก็คือค่าปรับเป็นเงิน 100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราวๆ 236,000 บาท) หรือโทษจำคุกหนึ่งปีหรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนลูกแมวเจ้าหน้าที่ได้ยึดเอาไว้และกำลังดูแลอยู่ในตอนนี้… เจ้าหน้าที่กล่าวปัญหาการลักลอบนำสัตว์เข้า – ออกโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจทำให้เกิดโรคต่างๆ…

แม้ว่าจะเป็น ‘พ่อค้ายา’ แต่ก็ไม่ลืมที่จะใส่ใจเรื่องของปัญหาโลกร้อน…   อย่างที่เรารู้กันดีว่า ‘การค้ายาเสพติด’ ถือเป็นอาชีพที่ทั้งผิดกฎหมายและผิดศีลธรรม แต่สำหรับพ่อค้ายารายนี้ แม้ว่าจะทำงานที่ขึ้นชื่อว่าไม่ดี แต่เขาก็ยังไม่ลืมที่จะใส่ใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อม     เรื่องมีอยู่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมผู้ใช้ยาเสพย์ติดรายหนึ่งได้ พร้อมกับ ‘ของกลาง’ ที่บรรจุอยู่ในฝักพลาสติก และมันดีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร เราลองไปฟังคำพูดจากผู้เสพกันดูครับ จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ทราบข้อมูลว่า “พ่อค้ายาจะบรรจุโคเคน 1 กรัมไว้ในเจ้าฝักพลาสติก แทนที่จะใช้ถุงซิปล็อกแบบที่ที่อื่นๆ ใช้กัน ซึ่งพ่อค้ายายังกำชับอีกว่าให้เอากลับมาคืน เพื่อที่จะใช้มันอีกในครั้งต่อไป เพราะว่ามันน่าจะดีต่อสิ่งแวดล้อม” ผู้เสพเล่า     “ตอนแรกผมคิดว่าเขาพูดเล่น แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วเขาจริงจังกับมันมาก ผมบอกกับเขาว่า ‘ตรูเองก็ไม่ได้อะไรกับเรื่องสิ่งแวดล้อมหรอกนะ แต่แค่เอ็งทำโคเคนมาขายเนี่ย มันก็ไม่ได้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแต่แรกแล้วป่าวฟะ?’” “แต่เขาก็เล่าตอบกลับมาว่าลูกค้าหลายคนของเขาเป็นฮิปส์เตอร์ และชอบอะไรแบบนี้เอามากๆ เลยล่ะ”     อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเบอร์มิงแฮมกำลังทำงานกันอย่างหนักติดตามสืบหาตัวพ่อค้ายารักษ์โลกรายนี้กันต่อไปเพื่อจับตัวมาดำเนินคดี จากรายงานในปี 2017/2018 พบว่าประเทศอังกฤษมีผู้เสพโคเคนเพิ่มขึ้นอย่างมากมายมหาศาล ถึง 875,000 ราย เป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปี เลยทีเดียว   แต่ก็น่าอุ่นใจไปเปราะหนึ่ง…

นี่คือเรื่องราวของคุณหมอชาวจีน ที่อุทิศตนเพื่อรักษาคนไข้แบบไม่หวังผลตอบแทนที่มากมาย มาตลอด 50 กว่าปี!! ขอแนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักกับคุณหมอ อู๋ กวงอิ๋ง วัย 73 ปี คุณหมอผู้ทำหน้าที่เป็นแพทย์ประจำหมู่บ้านเหมยถังซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญ ตั้งอยู่ในมณฑลเจ้อเจียงประเทศจีน คุณหมอเลือกที่จะทำงานรักษาคนในแถบชนบทมานานกว่า 50 ปีแล้ว และสิ่งที่ทำให้คุณหมอตัดสินใจทำแบบนั้น ก็เป็นเพราะเรื่องราวในอดีตและคำปณิธานของเพื่อนรักนั่นเอง     ย้อนกลับไปในปี 1969 ขณะที่กำลังออกไปเก็บสมุนไพรบนภูเขากับเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันมากๆ เพื่อเอามารักษาคนไข้ ทั้งสองคนฝ่าฟันอุปสรรคมากมายกว่าจะเก็บสมุนไพรมาได้ รวมไปถึงเกิดอุบัติเหตุตกเขาจนได้รับบาดเจ็บอีกด้วย     คุณหมออู๋เล่าว่า ตลอดระยะทางที่เดินไปด้วยกันนั้น เพื่อนของคุณหมอมักจะพูดว่า “การแพทย์ชนบทจะต้องคงอยู่ต่อไป เพื่อผลประโยชน์ของชาวบ้าน” ด้วยเหตุนี้เองคุณหมออู๋ จึงยืนหยัดทำอาชีพแพทย์ในชนบทเสมอมา เพื่อให้ชาวบ้านได้รับผลประโยชน์มากที่สุด โดยเขาจะเก็บเงินคนไข้ที่มาทำการรักษาเป็นจำนวนน้อยมากๆ ไม่ว่าอาการที่พวกเขามารักษานั้นจะหนักหนาสาหัสแค่ไหนก็ตาม     “ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไร หรือจะใช้วิธีการรักษาแบบไหน ทั้งฝังเข็ม นวด ถอนฟัน หรือผ่าตัด ผมก็จะเก็บเงินแค่ราคาเดียว ไม่ได้เก็บเพิ่มแต่อย่างใด เพราะพวกเขาต้องการการรักษาจากผม” ในช่วงปี 1960-1979 คุณหมออู๋เล่าว่าเขาเก็บค่ารักษาจากชาวบ้านแค่ครั้งละ 5 เฟินเท่านั้น…

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งชายหนุ่มสุดเพอร์เฟกต์ราวกับว่าหลุดออกมาจากจินตนาการของสาวๆ บางคนเลยก็ว่าได้ สำหรับ ‘Arthur Chatto’ เชื้อพระวงศ์รูปงามแห่งสหราชอาณาจักร กับความหล่อล่ำที่ใครเห็นเป็นต้องคลั่งไคล้!! ซึ่งในตอนนี้ในโลกโซเชียลของต่างประเทศกำลังพูดถึงหนุ่มหล่อวัย 19 ปีผู้นี้กันจนแทบจะลุกเป็นไฟ และถ้าอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร และจะสมาร์ทขนาดไหนล่ะก็ ตามมาทางนี้เลยดีกว่า…   เบาๆ ก่อนละกัน https://www.instagram.com/p/5mxkPiRzji/   จุดเริ่มต้นความฮอตฮิตของเขาในตอนนี้ เริ่มขึ้นมาจากความที่พ่อหนุ่ม Arthur ได้โพสต์ภาพขณะกำลังถอดเสื้อโชว์หุ่นกล้ามเป็นมัดๆ และซิกแพคแบบจัดเต็มสุดเซ็กซี่ใน IG นั่นก็คือภาพนี้   โง้ยยย…. https://www.instagram.com/p/BsTB8yOhvgr/   ภาพนี้เองได้กลายเป็นกระแสไวรัลที่สาวๆ พากันกดไลก์กดแชร์กันอย่างอุตลุด จนกลายเป็นพ่อคุณทูนหัวของใครหลายคนเป็นที่เรียบร้อย รวมทั้งมีคอมเมนต์ขำๆ จากสาวๆ กันเข้ามาอย่างเช่น “สกอตแลนด์ไม่เคยดูร้อนแรงขนาดนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย” “แต่งงานกับฉันเถอะนะ”    เอาซี่ ปาดน้ำลายแพพ https://www.instagram.com/p/Bb9RfTfggqM/   สำหรับนาย Arthur Chatto นั้นเขาเป็นบุตรชายของ ‘เลดีซาราห์ แชตโท’ พระธิดาในเจ้าหญิงมาร์กาเรต เคาน์เตสแห่งสโนว์ดอน ซึ่งเป็นพระขนิษฐา (น้องสาว) ในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พระประมุขแห่งอังกฤษองค์ปัจจุบัน และถึงแม้ว่า Arthur จะไม่มีคำนำหน้าชื่อเหมือนกับเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ แต่เขาก็ถูกจัดว่าเป็นรัชทายาทอันดับที่ 25…

กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่สร้างความตื่นเต้นให้กับชาวเน็ตทั้งในญี่ปุ่น และลามไปทั่วโลกกันเลยทีเดียว หลังจากที่นาย Yusaku Maezawa เจ้าของธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้า Zozotown และผู้ซื้อตั๋วไปเที่ยวดวงจันทร์คนแรกของโลก ประกาศผ่านทวีตส่วนตัวว่าจะแจกเงินให้กับผู้โชคดี 100 คน ที่ติดตามและรีทวีตออกไป เป็นจำนวนคนละ 1 ล้านเยน (ประมาณ 294,000 บาท)  ใช่แล้ว คุณอ่านไม่ผิด 100 คน คนละ 1 ล้านเยน!!   ZOZOTOWN新春セールが史上最速で取扱高100億円を先ほど突破！！日頃の感謝を込め、僕個人から100名様に100万円【総額1億円のお年玉】を現金でプレゼントします。応募方法は、僕をフォローいただいた上、このツイートをRTするだけ。受付は1/7まで。当選者には僕から直接DMします！ #月に行くならお年玉 pic.twitter.com/cKQfPPbOI3 — 前澤友作@MZDAO (@yousuck2020) January 5, 2019   นาย Maezawa ทวีตไว้เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2019 ที่ผ่านมา โดยประกาศว่า เขาจะแจกเงินโดยรวมทั้งหมด 100 ล้านเยน ให้กับผู้โชคดี 100 คนที่ติดตามเขาและรีทวีตก่อนหมดเขตในวันที่ 7 มกราคม 2019 (ใครที่จะรีทวีตตอนนี้อดแล้วจ้า)    …

นี่อาจเป็นเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นจาก ‘สายเลีย’ เมื่อภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าบ้านแห่งหนึ่ง ได้จับภาพชายคนหนึ่งเอาไว้ได้ขณะที่เขากำลังปฏิบัติภารกิจเลียกริ่งหน้าบ้านอยู่เป็นเวลาถึง 3 ชั่วโมงเต็มๆ!!     เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันขึ้นปีใหม่ที่ผ่าน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งเมือง Salinas รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ปล่อยภาพจากกล้องวงจรปิดของบ้านดังกล่าวมาให้เราได้ดูกัน โดยภาพจากกล้องวงจรปิดนี้คือภาพของชายคนคนหนึ่งที่ยืนเลียกริ่งหน้าบ้าน (อุปกรณ์แจ้งเตือนเมื่อกด) อย่างสุดมันส์เป็นเวลาถึง 3 ชั่วโมงด้วย   วิดีโอขณะเลียของเจ้าหนุ่มคนนี้    ในภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบแล้วก็พบว่าชายคนนี้มีชื่อว่านาย Roberto Daniel Arroyo วัย 33 ปี ซึ่งพวกเขากำลังควานหาตัวหนุ่มคนนี้อยู่ในตอนนี้ “เราประหลาดใจมากกับภาพอันสุดแสนจะชัดเจนที่ว่านี้ มันทำให้เราไม่ต้องใช้เวลานานเลยกับการระบุตัวว่าเป็นใครกัน” โฆษกของหน่วยงานตำรวจกล่าว     โดยบ้านที่ถูกเขาลงมือนี้เป็นบ้านของครอบครัว Dungan ซึ่งในเวลานั้นผู้ใหญ่ในบ้านออกไปข้างนอกกันหมด เหลือเพียงเด็กๆ ที่กำลังนอนหลับอยู่ภายในบ้านเพียงเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรนาย Arroyo ก็ไม่ได้ลงลิ้นแรงจนทำให้เกิดเสียงออดและปลุกเด็กๆ แต่อย่างใด แต่ทางพ่อแม่ของเด็กมาเห็นภาพในกล้องวงจรปิดดังกล่าว เลยโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลาต่อมา     “เราอาจจะหัวเราะกับเรื่องนี้ในภายหลังก็ได้เพราะในทางเทคนิคแล้ว เขาไม่ได้ทำร้ายใครหรือไม่ได้พังข้าวของใดๆ เลย และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไมเราถึงมีกล้องวงจรปิดเอาไว้ที่หน้าบ้าน”  Sylvia Dungan กล่าว   ที่มา: mirror,…

การอาศัยบ้านเช่าอยู่ร่วมกันถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นวัยนักศึกษาหรือวัยทำงาน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายของที่พักอาศัย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องมาลุ้นกันอีกทีว่าคนที่จะต้องอยู่ด้วยกัน จะมีนิสัยเป็นอย่างไร… แน่นอนว่าถ้าเป็นเพื่อนสนิทคงจะรู้นิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี แต่ถ้าหากจำเป็นจะต้องอาศัยอยู่กับเพื่อนใหม่ และเป็นชาวต่างชาติ ก็อาจจะออกอาการแสบสนิทศิษย์ส่ายหน้ากันได้เลยทีเดียว     กรณีตัวอย่างสุดจะทนไหวนี้มาจาก Micho Teh ที่โพสต์เรื่องราวผ่านเฟสบุ๊กของตัวเอง โดยเล่าเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนร่วมบ้านที่ชื่อ Isabelle ชาวมาเลเซีย อาศัยอยู่ในหลังเดียวกัน แต่ห้องของเธอจะอยู่ชั้นบน ซึ่งเริ่มส่อแววน่าสงสัยว่า ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เธอมานั่งกินข้าวที่ชั้นล่างแทน ผิดวิสัยตามปกติที่จะกินในห้อง อีกทั้งยังมีข้อสงสัยที่ว่า เธอมีกลิ่นตัวที่แรงมากและผมเผ้ามันเยิ้ม ในทุกๆ ครั้งที่เห็น     ด้าน Teh และเพื่อนอีกคนที่ชื่อ Nobu จึงตั้งข้อสงสัยว่า เธอน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องความสะอาด จินตนาการไปถึงสภาพภายในห้องของ Isabelle ว่าน่าจะเละตุ้มเปะได้มากขนาดไหน แต่ทว่าพวกเขาได้วางแผนจะย้ายออกในไม่ช้านี้ ก็เลยเลือกที่จะอยู่นิ่งเฉยไม่เคลื่อนไหวหรือเตือนอะไร     เวลาผ่านไปได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ปัญหาเริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่สังเกตเห็นแมลงสาบอยู่ในบ้านเป็นจำนวนมาก ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นเพราะฤดูฝนในช่วงที่ผ่านมา เป็นปกติที่จะมีแมลงสาบชุกในช่วงนี้ พบเจอได้ตามปกติในชั้นแรกของบ้านเพราะมีส่วนของห้องครัว     แต่กลับผิดคาด เพราะแหล่งที่มาของแมลงสาบไม่ได้มาจากชั้นล่าง…

ตอนเด็กๆ เพื่อนๆ เคยอ่านหนังสือการ์ตูนเรื่อง “ฮิคารุเซียนโกะ” กันบ้างหรือเปล่า? สำหรับคนที่เคยอ่านก็คงรู้ดีว่าการ์ตูรเรื่องนี้สามารถทำให้เราอินไปกับการเล่นโกะได้ แม้จะเป็นคนที่ไม่เคยเล่นโกะมาก่อนเลยก็ตาม ซึ่งหากเพื่อนๆ ตะลึงกับความฝันและฝีมือของตัวเอกที่ยังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 วัย 12 ปีที่จับพลัดจับผลูได้ไปเล่นโกะจนหลงรักเสน่ห์ของกีฬาชนิดนี้เข้าเต็มเปา วันนี้เรื่องของหนูน้อยที่เราจะนำมาให้ดูจะทำให้เพื่อนๆ ตะลึงยิ่งกว่า เมื่อเธอกลายเป็นนักเล่นโกะมืออาชีพที่อายุน้อยที่สุด ด้วยวัยเพียง 10 ขวบเท่านั้น!!     โดยทางสมาคมโกะแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Go Association) ได้ทำการประกาศว่าตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2019 เป็นต้นไป Nakamura Sumire หนูน้อยอายุ 10 ขวบจะกลายเป็นนักเล่นโกะมืออาชีพ (Shodan) การประกาศครั้งนี้ทำให้หนูน้อย Sumire กลายเป็นนักเล่นโกะมืออาชีพอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เอาชนะสถิติเดิมของน้อง Fujisawa Rina ที่เคยทำไวเมื่อ 9 ปีก่อนขณะอายุได้ 11 ปีกับอีก 6 เดือน     ทั่วญี่ปุ่นได้ประจักษ์ถึงฝีมือของ Sumire เมื่อหนูน้อยได้ลงแข่งและเสมอกับ Iyama Yuta…

เมืองหลวงที่รวมทุกอย่างเข้าไว้ในพื้นที่เดียวกัน มีความสะดวกสบายอันเนื่องจากเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และยังมีโอกาสก้าวหน้าทางการงานหรือการศึกษามากกว่า เป็นเหตุผลที่ทำให้หลายๆ คนเลือกจะอาศัยอยู่ในเขตเมืองใหญ่มากกว่าชนบท ไม่ใช่แค่เพียงกรุงเทพมหานครหรือมหานครนิวยอร์กที่เราสามารถมองเห็นตึกสูงๆ ถูกสร้างขึ้นอย่างแน่นขนัด เมืองใหญ่อื่นๆ ก็มีการใช้พื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อรองรับการอยู่อาศัยของประชากรเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ฮ่องกง Dietrich Herlan ช่าวภาพชาวบราซิลที่อาศัยอยู่ในฮ่องกงกล่าวว่า ฮ่องกงเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่น มีตึกรามบ้านช่องมากมายที่สร้างเป็นรูปทรงเลขาคณิต จนยากที่จะจินตนาการได้ว่าผู้คนที่นี่อาศัยอยู่กันแบบใด อย่างไรก็ตามภาพที่เธอถ่ายไว้จากการสำรวจพื้นที่ในชุมชนเมืองของฮ่องกงและมาเก๊า ทำให้เห็นถึงความหนาแน่นของประชากรในพื้นที่ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี   ภาพรวมของฮ่องกงตอนกลางวัน   ความสวยงามของฮ่องกงยามราตรี   ภาพที่มองจากด้านหน้าตึก .   เปลี่ยนมุมโดยมองจากด้านล่างขึ้นข้างบน . . . .   ประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีจำกัดเป็นปัญหาที่พบทั่วไปในฮ่องกง ดังนั้นชาวฮ่องกงจึงให้ความสำคัญในการจัดสรรพื้นที่เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงออกมาในรูปแบบของการวางผังเมืองอย่างชาญฉลาด ยกตัวอย่างเช่นการสร้างสนามบาสเก็ตบอลบนตึกจอดรถ เป็นต้น     ที่มา: dietrichherlanphotography.com Boredpanda

มีใครยังจำหนูน้อยคนนี้ได้บ้าง? เมื่อต้นเดือนมกราคมปีที่แล้ว ได้มีการเผยแพร่ภาพหนูน้อยชาวจีนหรือ หนูน้อย Wang ที่อายุเพียง 8 ขวบแต่ไม่ละความเพียรพยายามในการเรียน เดินไปโรงเรียนซึ่งไกลกว่า 4.5 กิโลเมตรในทุกๆ วัน ท่ามกลางอากาศหนาวจัด จึงทำให้หิมะเกาะผมจนสภาพเป็นอย่างที่เห็น     หลังจากสังคมออนไลน์ได้เห็นถึงความตั้งใจนี้ ได้มีการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือหนูน้อยคนดังกล่าวและเพื่อนคนอื่นๆ ในโรงเรียน ซึ่งมียอดบริจาคมากกว่า 10.6 ล้านบาท หลังจาก 1 ปีผ่านไป หนูน้อย Wang เป็นอย่างไรบ้างนะ?     ปัจจุบัน หนูน้อย Wang ไม่ต้องเดินไปโรงเรียนแล้ว เนื่องจากครอบครัวของเขาได้ย้ายมาอยู่หมู่บ้าน Zhuanshanbao ใกล้กับโรงเรียน ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 10 นาที พ่อของเขาให้สัมภาษณ์อีกว่า “ชีวิตของเราดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับแต่ก่อน เรามีที่พักที่พอจะกันลมและกันฝนได้” ตอนนี้เขาทำงานที่ไซต์ก่อสร้างในเขตคุนหมิง มีรายได้ประมาณ 200 หยวนต่อวัน ถือว่าเป็นรายได้ที่สูงสำหรับคนในพื้นที่นั้น ส่วนหนูน้อยหวังยังคงโด่งดังและได้รับของขวัญมากมาย เขาได้รับเชิญให้เข้าเยี่ยมโรงเรียน People’s Public Security University of China ในปักกิ่งซึ่งเป็นโรงเรียนที่เขาไฝ่ฝันอยากจะเข้าเรียน…

เมื่อเปิดเมนูร้านอาหารหรือตามคาเฟ่ต่างๆ สิ่งที่พบมักจะเป็นอาหารเช้าแบบอเมริกัน, แซนด์วิช, วาฟเฟิล หรือแพนเค้ก แต่มีอีกหนึ่งเมนูที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาคงและหนีไม่พ้น คือเมนูไข่เบเนดิกอาหารเช้าสุดคลาสสิค     โดยปกติแล้วเมนูนี้จะประกอบไปด้วย ขนมปัง แฮม โปะด้วยไข่ลวก พร้อมกับราดซอสฮอลันเดส หากตอนนี้เราวาดภาพเมนูดังกล่าวไว้ในหัวแล้ว เห็นทีจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะสิ่งที่ชายคนหนึ่งได้ หลังจากสั่งเมนูไข่เบเนดิก เป็นแบบนี้!!!!   Diner Thomas Hesketh ค่อนข้างผิดหวังเมื่อสั่งเมนูดังกล่าวที่ Tesco สาขา Wigan ด้วยความไม่พอใจเขาจึงโพสต์รูปภาพอาหารเขาได้รับลงบนทวิตเตอร์พร้อมกับคำบรรยายว่า “สั่งไข่เบเนดิก ที่ Tesco แต่กลับได้สัตว์ประหลาดนี่มาแทน” รูปภาพและข้อความดังกล่าวได้ถูกรีทวีตถึง 3,124 ครั้งและมีคนกดชื่นชอบถึง 17,000 ครั้ง โดยทาง Tesco ได้ตอบกลับเบื้องต้นเพื่อขออภัยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น     อย่างไรก็ตามชาวเน็ตต่างร่วมแสดงความคิดเห็นและแนะนำให้ Tesco แสดงความรับผิดชอบโดยการให้ Thomas ทานอาหารเช้าฟรี 1 ปี ทั้งนี้ฝ่ายโฆษกของ Tesco ได้ออกมาขอโทษที่เสิร์ฟอาหารต่ำกว่ามาตรฐานที่วางไว้และยินดีเจรจากับ Thomas เพื่อหาข้อตกลงจากเหตุการณ์ดังกล่าว   ที่มา: Mirror

ว่ากันว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ดังนั้นความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นนั้นเป็นที่สิ่งสำคัญที่มนุษย์ทุกคนพึงมี เพื่อที่จะได้อยู่รวมกันอย่างสงบสุข อย่างไรก็ตามพื้นฐาน สภาพแวดล้อมหรือปัจจัยอื่นๆ ของแต่ละคนนั้นทำให้เกิดความแตกต่าง จนบางครั้งยากที่จะเข้าอกเข้าใจผู้อื่น   นักจิตวิทยาท่านหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า การเราควรเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เมื่อพวกเขาเหล่านั้นสูญเสียสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รัก เพราะสำหรับหลายคนการสูญเสียสัตว์เลี้ยงเทียบเท่ากับการสูญเสียบุคคลสำคัญในชีวิตไป ดังนั้นเราจึงควรให้แสดงความเข้าอกเข้าใจและกำลังใจพวกเขา นอกจากนั้นนักประพันธ์ Guy Winch เจ้าของผลงานหนังสือ How to Fix a Broken Heart ได้อธิบายในงานเขียนของเขาบน Scientific American ไว้ว่า ความเสียใจหลังจากสูญเสียสัตว์เลี้ยงแสนรัก อาจจะหายไปเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว 1-2 เดือน แต่สำหรับบางคนอาจจะต้องใจเวลาเกือบปีถึงจะทำใจได้     ถึงแม้ว่าความเสียใจจะทำให้เกิดผลเสียมากมาย Winch กล่าวว่า คนเรามักจะมองการสูญเสียสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องเล็กน้อยกว่าเรื่องอื่น การสูญเสียดังกล่าวจึงไม่มีน้ำหนักมากเพียงพอที่จะขอลางานจากนายจ้างเพื่อใช้เวลาทำใจได้ บางคนมีความเครียดและแรงกดดันมากเพิ่มมากขึ้นเมื่อไม่มีสัตว์แสนรักอยู่ข้างกาย กำลังใจจากคนรอบข้างนับเป็นสิ่งสำคัญที่จะคลายความเศร้าหลังจากการสูญเสีย เราจึงอย่าลืมที่จะให้กำลังใจพวกเขาเหล่านั้นกันด้วยนะ ที่มา: Ladbible

คำสัญญาที่ให้กันให้วันแต่งงานว่าจะรักกันไปจนแก่เฒ่าเป็นไปได้มากแค่ไหน คู่รักตายายชาวมาเลเซียได้พิสูจน์แล้ว ว่าความรักสำหรับบางคู่นั้น ไม่ได้ลดลงตามกาลเวลา หากแต่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน     เจ้าบ่าวนามว่า Siong และเจ้าสาว Kim ได้จัดงานแต่งงานขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมาเพื่อเป็นการฉลองวันครบรอบ 50 ปี ของทั้งคู่โดยมีครอบครัวและเพื่อนสนิทร่วมแสดงความยินดี หลังจากการแต่งงานในครั้งแรกนั้นยังต้องคุณตาเจ้าบ่าวต้องยืมรถของคนอื่นเพื่อมารับคุณยายซึ่งเป็นเจ้าสาว ครั้งนี้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวได้นั่งรถของตัวเองในงานฉลองครบรอบ โดยมีลูกหลานร่วมเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวและเจ้าสาว     ในงานยังคงพิธียกน้ำชา และมีประตูเงินประตูทองกั้นก่อนจะพบเจ้าสาว โดยเจ้าบ่าวต้องทำภารกิจอย่างเช่น ทาลิปสติกให้กับเหล่าหลานชาย เล่นเกมบีบลูกโป่งให้แตก หรือบอกรักหลายๆภาษาเป็นการเพิ่มสีสันภายในงาน   .   ภารกิจสุดท้ายเป็นการตอบคำถามว่าอะไรที่ทำให้เจ้าบ่าวตกหลุมรักเจ้าสาว และได้คำตอบที่ทำให้หลายคนอิจฉาว่าเขาหลงเสน่ห์สาวผมยาวและชอบนิสัยของเธอ หลังจากฝ่าฟันอุปสรรคต่างเพื่อพบเจ้าสาว เจ้าบ่าวได้มอบจูบให้กับเจ้าสาวเป็นโชว์ความหวานในงานแต่งครั้งนี้     นอกจากนั้นรูปถายพรีเวดดิ้งของแสดงถึงความรักอันยาวนานของทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี   .   ปิดท้ายงานด้วยพิธีแต่งงานแบบตะวันตกโดยเจ้าบ่าวและเจ้าสาวสวมชุดสีขาว ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ในปัจจุบันยังมีความคนรักกันจนแก่เฒ่าเหมือนที่คำที่สัญญาที่ให้ไว้ในตอนต้นของความรักเหมือนดังตายายคู่นี้   ที่มา: worldofbuzz

ย้อนไปในสมัยมีแฟลชไดรฟ์แรกๆ เราก็จะคุ้นเคยกับแท่งสี่เหลี่ยม สีเรียบๆ ดูไม่ค่อยมีอะไรมาก ไว้ใช้งานเก็บข้อมูลอย่างเดียว จนภายหลังเมื่อคนนิยมใช้ จึงเริ่มมีการดัดแปลงแบรนด์ของตัวเองให้แตกต่าง บ้างก็ทำให้สีสันสดใส บ้างก็ทำให้น่ารักมุ้งมิ้ง จนลูกค้าสนใจมาซื้อไปใช้   แต่ล่าสุดสำนักข่าว JapanSauce รายงานผลิตภัณฑ์สุดแปลกจากเจ้าของไอเดียชาวญี่ปุ่น เมื่อเขาจับ “แฟลชไดรฟ์” และ “ปลา” เข้ามาอยู่ในสินค้าชิ้นเดียวกัน!! ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @ni28_xp อัปโหลดภาพผลงานแฟลชไดรฟ์ที่เขาระบุว่า นี่คือการพัฒนาให้สามารถใช้สมองของปลา ในการช่วยจัดเก็บข้อมูลได้สำเร็จ   技術はさらに進歩し、ついに死んだ生物の脳を記憶媒体に用いるデバイスが開発された。小魚の脳には32GB程度の情報が書き込めるという。 pic.twitter.com/uAcHyGDGSD — ニケルxp (@ni28_xp) December 28, 2018   เมื่อเสียบใช้งาน ก็จะมีไฟติดขึ้นมาด้วย この"生体メモリ"も、かつての鉱石メモリと同様、データの出入力時に紅く点滅するギミックがついている。 pic.twitter.com/ZicBULp3OP — ニケルxp (@ni28_xp) December 28, 2018   แฟลชไดรฟ์ดังกล่าวมีลักษณะใส เผยให้เห็นภายในซึ่งมีการต่อสายเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ และตัวปลาขนาดเล็ก (ที่เขาระบุว่าซื้อปลาตายแล้วมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตแถวบ้าน) ไม่มีการระบุถึงการรับประกัน หรือการทำงานจัดเก็บข้อมูล มีเพียงคำอธิบายว่าเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น ซึ่งสมองของปลาตัวเล็กๆ นี้ จะช่วยเก็บข้อมูลให้เราได้มากถึง…

ปัญหาของสามีภรรยาอาจนำไปสู่การใช้กำลังในการแก้ปัญหา แต่สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือการนำความโกรธไประบายกับ “ลูกน้อย” ที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วย การกระทำในลักษณะนั้นเกิดขึ้นในเมืองเหินหยาง มณฑลหูหนาน ประเทศจีน เมื่อคุณแม่ผู้ใช้ชื่อว่า Wei Juan วัย 22 ปี โพสต์คลิปลงโลกออนไลน์ เผยให้เห็นว่าเธอได้ใช้ความรุนแรงกับทารกน้อยลูกของเธอ     ในคลิปที่ถูกลบไปแล้วนั้น เผยให้เห็นว่าเธอตีลูกตัวเองไปมากถึง 15 ครั้ง โดยไม่สนเลยว่าเด็กจะกำลังร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดมากขนาดไหน หลังจากนั้น Wei ก็ใช้มือข้างหนึ่งกดปิดหน้าลูกเอาไว้ ทำให้เด็กหายใจไม่ออกและไม่สามารถส่งเสียงร้องไห้ออกมาได้     คลิปวิดีโอดังกล่าวได้กลายเป็นกระแสโด่งดังในโลกโซเชียลของจีน หลังจากที่ถูกโพสต์ลงไปในวันที่ 5 มกราคม 2019 ด้วยเหตุนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเร่งพยายามตามหาตัวคุณแม่คนดังกล่าว แต่ผ่านไปเพียงไม่นาน Wei ก็ได้เข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้ปากคำเกี่ยวกับสิ่งที่เธอทำลงไป     Wei บอกว่าเหตุผลที่ทำอย่างนั้นเพราะหวังจะเรียกร้องความสนใจจากสามีที่ทิ้งเธอไป คิดว่าการทำร้ายลูกของตัวเองจะช่วยให้เขากลับมาอยู่กับเธอได้ ท้ายที่สุดแล้ว เธอผู้เป็นแม่ก็ถูกตัดสินให้จำคุก 5 วัน และต้องเข้ารับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันไม่ให้เธอทำอะไรแบบนี้อีก     ส่วนทารกน้อยลูกชายของเธอนั้น ปัจจุบันก็อยู่ในอาการคงที่ มีสุขภาพที่ปกติ และได้รับการดูแลจากญาติๆ…

คุณมีแฟนรึเปล่า!? คุณชอบเล่นเกมกับแฟนไหม!? แล้วคิดว่าจะเล่นด้วยกันไปได้นานเพียงใด!? นี่คือเรื่องราวของคู่รักเกมเมอร์สูงวัย ที่นั่งเล่นเกมแข่งรถชื่อดังอย่าง Mario Kart มาเกือบ 20 ปีแล้ว     เรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยโดยชาวเน็ตต่างชาติที่ชื่อ bork1138 เขาระบุว่านี่คือภาพของพ่อแม่ตน นั่งเล่นเกม Mario Kart ของเครื่อง Nintendo 64 ด้วยกันทุกวันมาตั้งแต่ปี 2001 สาเหตุที่ต้องเล่นนั้นก็ยิ่งเป็นเรื่องน่ารักๆ เพราะพวกเขาใช้การแข่งรถ เป็นตัวแทนการประลองยุทธเพื่อหาผู้ชนะ แล้วผู้แพ้ก็จะโดนลงโทษด้วยการ “เป็นคนชงชา” ให้อีกคนดื่มในวันนั้น   โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม มีการโหวตให้ถึง 124,000 ครั้ง จากชาวเน็ตที่ต่างก็ประทับใจในความน่ารักของพ่อแม่เขา อย่างไรก็ตาม… มีการตั้งข้อสงสัยว่าโพสต์ดังกล่าวเป็นเรื่องจริงหรือไม่!? ก็เลยมีการขุดหาหลักฐานกันเกิดขึ้น และพบว่าเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ในปี 2014 ก็เคยมีการอัปโหลตภาพคู่รักวัยชรานี้ลงบนอินสตาแกรม ด้วยบัญชีผู้ใช้ที่คาดว่าน่าจะเป็นลูกชายคนนี้นี่เอง   https://www.instagram.com/p/xRmDsksPd1   จากรูปดังกล่าว ผ่านมา 4 ปีจนถึงปี 2019 ทั้งคู่ก็ยังเล่นกันอยู่ทุกวัน และเขาเชื่อว่าพ่อแม่ของตนนั้นจะเล่นเกมแข่งรถด้วยกันเพื่อตัดสินหาคนชงชา ไปจนกว่าจะถึงวันที่เล่นไม่ไหวนู่นเลย…

ชื่อของ Rahaf Mohammed Alqunun หญิงสาววัย 18 ปีชาวซาอุดีอาระเบีย กำลังเป็นประเด็นที่สื่อมวลชนทั่วโลกจับมามองในช่วงรอบวันที่ผ่านมา เธอระบุว่าหนีจากการแต่งงานที่ประเทศบ้านเกิด มาต่อเครื่องที่ประเทศไทยเพื่อจะลี้ภัยในออสเตรเลีย แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศไทยกักตัวไว้ที่สนามบิน นอกจากนั้นยังโดนยึดพาสปอร์ตโดยเจ้าหน้าที่ซาอุฯ และเตรียมถูกส่งตัวกลับประเทศ ซึ่งเธอยืนยันว่าถ้ากลับไปครอบครัวจะต้องฆ่าเธอแน่ๆ เรื่องราวดังกล่าวมีความเป็นมาอย่างไร ขอสรุปให้เข้าใจเป็นข้อๆ ดังนี้ครับ…     – สำนักข่าวต่างประเทศรายงานตรงกันว่า เมื่อวานนี้ (6 มกราคม 2019) หญิงสาวซาอุวัย 18 ปี Rahaf Mohammed Alqunun ถูกทางการไทยกักตัวไว้เมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมกับยึดเอกสารประจำตัวไปทั้งหมด   – เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่า เธอหนีจากครอบครัวในประเทศซาอุฯ ด้วยสายการบินคูเวตแอร์ไลน์ มาต่อเครื่องที่ประเทศไทย ก่อนจะลี้ภัยในออสเตรเลีย   – สาเหตุที่ต้องหนี เพราะครอบครัวเธอบังคับให้แต่งงาน เมื่อเธอไม่ยินยอมก็ทำร้ายร่างกาย กักขังเธอไว้ถึง 6 เดือน   – เมื่อครอบครัวและตัวเธอมาเที่ยวพักผ่อนที่ประเทศคูเวต เธอจึงใช้โอกาสนี้ในการหลบหนีจากครอบครัว   – เมื่อถามไปยังเจ้าหน้าที่ไทย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล (รักษาการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) ระบุว่าได้จับกุมเธอจริง…

หากเป็นคนที่ชื่นชอบการ์ตูนญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ คงเป็นไปไม่ได้ที่เพื่อนๆ จะไม่รู้จักชื่อของ Studio Ghibli ค่ายอนิเมะชั้นยอดที่ผลิตผลงานคุณภาพมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น My Neighbor Totoro หรือ Spirited Away และสำหรับเพื่อนๆ ที่เป็นแฟนตัวยงของค่ายนี้ล่ะก็ วันนี้เรามีของสะสมสุดพิเศษจาก Studio Ghibli มาฝากด้วยนะ นั่นคือ “ตราประทับลายเซ็น” 5 แบบสุดน่ารักที่จะต้องทำให้เงินในกระเป๋าสั่นคลอน โดยจะมีกี่ลาย ลายอะไรมั่งนั้นเราไปรับชมกันเลยดีกว่า   แบบแรกเลยคือเจ้า Totoro ขนฟูฟ่อง ตัวกลมน่ากอด ขวัญใจของใครหลายคน   ถัดมาแบบที่สองก็คือเจ้า Totoro จิ๋วช่างน่ารักเสียจริง   แบบที่สามเจ้า Nekobasu หรือรถบัสแมวจากเรื่องเดียวกันกับ Totoro ข้างบนนั่นเอง   แบบที่สี่เจ้าเหมียว Jiji แมวของ Kiki จากเรื่อง Kiki’s Delivery Service   และแบบสุดท้ายกับ Kaonashi หรือภูตไร้หน้าจากเรื่อง Spirited Away อันโด่งดังนั่นเอง .   ความกว้างของตราประทับ…

เรียกได้ว่าช่วงนี้เป็นยุคทองแห่งไอดอลในบ้านเราจริงๆ ตั้งแต่ BNK48 โด่งดัง ก็มีวงไอดอลหน้าใหม่ก่อตั้งขึ้นมาอีกมากมาย วันนี้เราเลยจะมาพูดถึงเรื่องของไอดอลกัน เพื่อนๆ คงรู้กันทีอยู่แล้วว่าวงไอดอลนั้นจะอยู่ได้ด้วยการสนับสนุน (การเปย์) ของโอตะ (แฟนคลับ) ซึ่งโอตะบางคนก็พยายามเปย์ให้หนักเพื่อให้ไอดอลจำได้ รวมไปถึงบางคนอาจเปย์เพื่อหวังพัฒนาความสัมพันธ์กับไอดอลอีกด้วย     ซึ่งสำหรับโอตะคนนี้ที่อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์กับไอดอลให้เป็นมากกว่าไอดอลกับแฟนคลับแล้วล่ะก็ วันนี้เราเอาเรื่องของ Haruka Aikawa ไอดอลวง Ten6 ของญี่ปุ่นที่เปิดรับสมัครสามีมาให้ได้ดูกัน โดยในวันที่ 1 มกราคม 2019 Haruka ได้โพสต์ภาพทะเบียนสมรสลงทวิตเตอร์พร้อมกับข้อความว่า “ฉันคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างไอดอลกับโอตะสามารถกลายเป็นหนทางในการหาคู่แท้แสนโรแมนติกได้ค่ะ ดังนั้นฉันพยายามที่จะหาคนบางคนที่จะแต่งงานกับฉันโดยอยู่แยกกันและสามารถให้เงินฉันได้ประมาณ 400,000 เยน (115,000 บาท) ต่อเดือน กรอกทะเบียนสมรสให้เรียบร้อยและแนบสเตทเมนต์เงินเดือนพร้อมกับผังครอบครัวส่งกลับมาหาฉันได้เลยค่ะ เพราะหัวหน้าตระกูลฉันกำลังจะเสียชีวิตในปีนี้ ฉันเลยอยากให้เขาเห็นฉันเป็นเจ้าสาวก่อนจากไปค่ะ”   【戸籍上の夫募集】アイドルとヲタクの繋がりは、出会いのきっかけの1つで本気ならありやと思うのです🙆‍♀️なので、別居婚可・生活費40万/月くれる方は物販に、記入済みの婚姻届・給与明細・釣書を持ってきてください🐰我が家の長老が今年中に死ぬつもりなので、晴れ姿を見せてあげたいのです👰 pic.twitter.com/NPPUeuFU6X — 藍川はるか🙏プロレスをする不適切アイドル (@HarupyonTen6) January 1, 2019   เมื่อเธอโพสต์ข้อความดังกล่าวลงในทวิตเตอร์ ชาวเน็ตและแฟนคลับของเธอก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย บ้างก็ว่า “แล้วงี้วง Ten6 จะมาแสดงในงานแต่งของเราด้วยรึเปล่า?” หรือจะว่า “นี่เป็นโอกาสของเหล่าโอตะแล้วที่จะได้เป็นฝั่งเป็นฝาเสียที!”…

หากถามถึงเมื่อครั้งยังเป็นเด็กนักเรียน ใครหลายคนอาจต้องเคยประสบกับประสบการณ์ที่ว่าใช้ชุดนักเรียนต่อจากพี่ๆ ญาติๆ เพื่อเป็นการประหยัดเงินของพ่อแม่ให้ได้มากที่สุด แต่ว่าบางทีชุดที่ได้รับมานี้มันก็ไม่พอดีกับตัวของเราซะจริงๆ ใหญ่เกินบ้าง บางทีก็เล็กเกินบ้าง จนเกิดเป็นปัญหาต้องคอยมาพะวงกับเรื่องเสื้อผ้ากันไปตามๆ กัน ดังเช่นในกรณีของเด็กนักเรียนคนนี้ที่ใช้เสื้อผ้าต่อจากพี่ชาย ซึ่งมันมีขนาดใหญ่เกินกว่าตัวของเขาไปมาก เลยทำให้คุณครูคนหนึ่งตัดสินใจซื้อชุดนักเรียนใหม่ให้กับเด็กคนนี้ซะเลย!!     เรื่องราวดีๆ ที่ทำให้โลกดูสวยงามขึ้นนี้เกิดขึ้นจากความที่ Mohd Nasir Mohd Zain คุณครูของโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองซูไงเปอตานี ประเทศมาเลเซีย สังเกตเห็นว่ามีเด็กนักเรียนคนหนึ่งในโรงเรียนมีท่าเดินที่แปลกๆ “ผมมองดูเขาแล้วเห็นว่าเขาใช้การลากรองเท้าแทนการเดินแบบปกติ แถมยังต้องเอามาคอยดึงกางเกงเอาไว้ ด้วยความสงสัยผมเลยเรียกเขามาแล้วเดินไปหาเขาซะ” “ผมถามว่าทำไมถึงเดินแบบนี้ล่ะ เขาก็ตอบกลับมาว่าเป็นเพราะรองเท้านี้มันใหญ่เกินไปเลยต้องใช้การลากแทนการยกมัน แถมกางเกงก็หลวมโพรกซะจนต้องใช้มือดึงเอาไว้” “จำได้เลยว่าผมลองเอานิ้วแหย่เข้าไปในรองเท้าของเด็กคนนี้ ซึ่งผมสามารถเอานิ้วมือเข้าไปได้ถึง 3 นิ้วเลยแหละ” คุณครูกล่าว   ดูความหลวมของชุดเด็กนักเรียนคนนี้ซะก่อน    และแล้วคำตอบของเรื่องนี้ก็กระจ่างออก เมื่อทางเด็กนักเรียนบอกว่าเสื้อผ้าเหล่านี้เขาได้ใช้ต่อจากพี่ชายของเขานั่นเอง เมื่อเห็นดังนี้แล้วทางคุณครูก็อดไม่ได้ที่จะช่วยเหลือ เขาเดินไปที่ห้องครูใหญ่โดยทันทีเพื่อจะขออนุญาตนำตัวเด็กคนนี้ออกนอกโรงเรียนไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ซึ่งทางครูใหญ่ก็ไฟเขียวให้อนุญาต จากนั้นคุณครูจึงพาเด็กชายคนนี้ออกไปชอปปิงกันอย่างเต็มที่ เลือกซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่กันอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส   เอาให้มันพอดีๆ ดีกว่า   “ผมพาเด็กคนนี้ไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ซื้อให้แทบทุกอย่างเลย จำได้ตอนนั้นเรานั่งกันในรถระหว่างเดินทาง ผมเห็นเขายิ้ม เขามีความสุขเอามากๆ” Mohd กล่าว ส่วนถ้าถามถึงเหตุผลในการทำเช่นนี้ คุณครูก็อธิบายให้ฟังว่าถ้าเขาปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปโดยไม่สนใจ…

เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นสิ่งๆ แรกที่เราควรจะทำในตอนนั้น ก็อาจจะเป็นการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหากมีคนบาดเจ็บก็โทรเรียกหน่วยแพทย์ฉุกเฉินเพื่อให้ทุกๆ อย่างทันท่วงที แต่ว่ามีเหตุการณ์แปลกๆ อยู่เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันขึ้นปีใหม่ที่ผ่านมา เมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งโทรแจ้งหน่วยแพทย์ฉุกเฉินเพื่อที่จะมาให้พิสูจน์ DNA ว่าแฟนเขามีชู้จริงไหม!?     เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา โอเปอเรเตอร์ของหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน North West Ambulance Service ประเทศอังกฤษ ได้รับสายจากชายคนหนึ่งที่โทรเข้ามา ทันทีที่รับสายเจ้าหน้าที่รับสายทางปลายสายก็ถามว่านี่ใช่หน่วยแพทย์ฉุกเฉินใช่ไหม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ตอบว่าใช่ แล้วถามกลับไปว่าตอนนี้ผู้ป่วยยังหายใจอยู่หรือไม่ เพราะอาจเป็นเหตุด่วนเหตุร้ายหรือมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น     แต่แล้วก็มีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อในเวลาต่อมาทางปลายสายบอกว่า ‘ฟังนะที่ผมโทรมาเนี่ย เพราะแฟนของผมเขากำลังนอกใจผมน่ะ’!!  ประโยคแปลกๆ อย่างนี้เจ้าหน้าที่คิดว่าพวกเขาฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า เลยถามกลับไปอีกทีเพื่อให้แน่ใจ โดยบอกให้ชายคนนั้นว่า ‘โอเคฟังฉันนะ ตอนนี้ผู้ป่วยยังหายใจอยู่ใช่ไหม?’ ถึง 2 รอบด้วยกัน ซึ่งทางชายคนนั้นก็ตอบกลับมาด้วยประโยคสุดพีคว่า ‘ทุกๆ คนโอเค ปลอดภัยดี แต่ผมอยากจะให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉินมาที่บ้านผมเพื่อทำการตรวจ DNA ให้หน่อย’    คลิปเสียงของสายสนทนานี้ FFS – Friday fact share ‼️ So we…

เข้าใจดีว่าตามความชื่นชอบของผู้ชายหลายๆ คน มักจะออกไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนเป็นประจำ และมักจะเป็นสาเหตุหลักๆ ของความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัว เนื่องจากสนใจเพื่อนมากกว่าคนที่อยู่ใกล้ชิด ไม่ใช่เรื่องผิดร้ายแรงอะไร หากจะออกไปกินดื่มกับเพื่อนประจำ แต่ความอดทนของแต่ละคนมีขีดจำกัด อย่างเช่นภรรยาชาวฟิลิปปินส์รายนี้ ที่หมดความอดทนกับสามีตัวเอง ที่มักจะควบรถมอเตอร์ไซค์ออกไปเมาที่บ้านเพื่อน ติดเหล้าติดเพื่อนหนักจนโดนแทง…     จากการรายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่า ฝ่ายสามีแวะไปหาเพื่อนในช่วงกลางคืนของวันที่ 2 มกราคม 2019 แม้ว่าภรรยาจะสั่งให้กลับบ้านทันทีหลังจากทำงานเสร็จ ซึ่งหลังจากที่ดื่มกับเพื่อนจนเมาแล้ว เขาก็ตัดสินใจขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ภาพจำจากการ์ตูนช่องที่ภรรยาถือสากดักตีหัวสามีกลับบ้านดึก กลับกลายเป็นภรรยาต้อนรับเขาด้วยการคว้ามีดมาแทง จนเกิดเป็นบาดแผลลึก 2 แผลบนแขนสามี ด้วยเหตุที่เขาติดเหล้าเมายากับเพื่อนอย่างหนัก     ภายหลังก็ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเป็นการด่วน จนกระทั่งพ้นขีดอันตราย ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวนและกักขังฝ่ายภรรยาไว้ ด้านสามี เมื่อได้ยินข่าวของภรรยาก็รีบไปหาถึงสถานีตำรวจ ขอร้องไม่ให้เจ้าหน้าที่ขังภรรยาเอาไว้ในห้องขัง และยอมรับความผิดทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว     อีกทั้งยังขอภรรยาให้อภัยกับสิ่งที่เขาทำ และที่ภรรยาเป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะนิสัยของเขาเอง ซึ่งฝ่ายสามีก็ไม่ติดใจเอาความใดๆ กับภรรยา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปล่อยภรรยาออกมาจากห้องขัง   ท้ายที่สุดแล้ว ฝ่ายสามีได้ยื่นคำมั่นสัญญากับภรรยาไว้ว่า จะไม่ออกไปเมาหัวราน้ำกับเพื่อนอีกต่อไปแล้ว…   ที่มา: news.abs-cbn, worldofbuzz

“สตอล์กเกอร์” คือคำที่เราเอาไว้ใช้เรียกบุคคลโรคจิต ที่คอยติดตามคนที่พวกเขารักและคลั่งไคล้ไปทุกที่ทุกหนแห่ง รู้ความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายตลอดเวลา หลายครั้งก็มีการคุกคามเหยื่อด้วยวิธีต่างๆ ร่วมด้วย เช่นเดียวกับกรณีที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เมื่อสาวคนหนึ่งถูกจับหลังเป็นสตอล์กเกอร์ตามหนุ่มคนหนึ่งอยู่นาน แถมพยายามส่งข้อความไปหาเขากว่า 159,000 ข้อความและยังบุกรุกบ้านของเขาอีกด้วย     สตอล์กเกอร์สาวคนนั้นคือ Jacqueline Ades จากเมือง Phoenix รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา เธอเจอหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกใจเธอเป็นอย่างมากผ่านแอปพลิเคชั่นหาคู่ เธอได้ลองคุยกับเขาผ่านแอปฯดังกล่าว ก่อนที่ทั้งคู่จะตัดสินใจเดตกันเป็นครั้งแรก แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้ไม่ดีสักเท่าไหร่ หนุ่มคนดังกล่าวบอกว่า เขาไม่อยากจะเดตกับเธออีกต่อไป     หลังจากถูกบอกอย่างนั้น เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ พยายามตามตื๊อชายหนุ่มดังกล่าวอย่างไม่หยุดยั้ง ภายใน 10 เดือนถัดมา เธอส่งข้อความไปหาเขามากกว่า 159,000 ข้อความ ซึ่งรบกวนชายหนุ่มเป็นอย่างมาก ในเดือนกรกฎาคม2017 ชายหนุ่มก็ทนไม่ไหวและตัดสินใจแจ้งตำรวจหลังพบว่าเธอมาจอดรถรอเขาอยู่ที่นอกบ้านและในเดือนธันวาคม 2017 เขาก็แจ้งตำรวจอีกครั้งเมื่อพบว่าเธอมาจอดรอเขาอยู่ที่บ้านอีกครั้ง จนในที่สุด ณ เดือนพฤษภาคม 2018 เธอก็ถูกตำรวจจับ หลังพบว่าเธอแอบเข้ามาอาบน้ำในบ้านของเหยื่อและเมื่อทำการค้นในรถก็พบมีดหั่นเนื้ออยู่ภายในอีกด้วย     หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่สอบสวนเธอก็พบว่าเธอน่าจะเป็นคนที่มีปัญหาทางจิต โดยข้อความที่เธอส่งไปมีหลายข้อความที่เป็นเชิงข่มขู่ ไม่ว่าจะเป็น “ฉันจะทำซูชิที่ทำมาจากไตของคุณและเอากระดูกมือมาเป็นตะเกียบ”, “โอ้ ฉันจะทำอะไรกับเลือดของคุณดีนะ…

กลายเป็นเรื่องที่ฮือฮากันอย่างมากในโซเชียลมีเดียของต่างประเทศ ถึงกรณีของการประมูลปลาทูน่าครีบน้ำเงินครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้น เพราะมันได้เกิดสถิติใหม่ขึ้นมานั่นคือการประมูลปลาตัวหนึ่งด้วยเงินเกือบๆ ร้อยล้านบาท!!     ในเรื่องนี้สื่อต่างประเทศรายงานว่า การประมูลที่ว่านี้จัดขึ้นที่ตลาดปลาสึกิจิแห่งใหม่ที่ย้ายไปอยู่ในเขตโตโยสุ กรุงโตเกียวเมื่อวันที่ 5 มกราคม ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกของตลาดแห่งใหม่นี้ด้วยที่มีการจัดประมูลปลาเกิดขึ้น   Kiyoshi Kimura กับปลาสุดแพงของเขา   สถิติใหม่ที่เกิดขึ้นนี้ผู้ประมูลไปคือนาย Kiyoshi Kimura เจ้าของฉายา ‘Tuna King’ เขาเป็นเจ้าของซูชิ Sushi-Zanmai ที่มีสาขาหลายแห่งทั่วประเทศ โดยเจ้าปลาทูน่าครีบน้ำเงินตัวที่กลายเป็นสถิตินี้ ถูกจับได้ที่ชายฝั่งทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น และมีน้ำหนักตัวถึง 278 กิโลกรัมเลยทีเดียว     ส่วนราคาก็ไม่ใช่ธรรมดาชายคนนี้ต้องควักเงินประมูลไปถึง 333.6 ล้านเยน (ราวๆ 98 ล้านบาท) ซึ่งมันได้กลายเป็นการทุบสถิติเก่าของตัวเองในปี 2013 ที่ครั้งนั้นประมูลปลาไปด้วยเงิน 155 ล้านเยน (ราวๆ 45 ล้านบาท) “ปลาตัวนี้เป็นทูน่าที่ยอดเยี่ยมเอามากๆ ราคามันสูงกว่าที่ผมคิดเอาไว้ตอนแรก แต่ผมก็หวังว่าลูกค้าของผมจะมีโอกาสได้ลิ้มรสเนื้ออันสุดยอดของปลาตัวนี้” นาย Kimura กล่าว     อย่างไรก็ตามปลาทูน่าครีบน้ำเงินจัดว่าเป็นปลาที่อยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ แต่ก็เป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่นเอามากๆ โดนส่วนที่แพงที่สุดคือช่วงท้องของปลา หรือที่เรียกว่า…

สำหรับบางสถานที่ ‘การสูบบุหรี่’ ก็เป็นข้อห้ามเพราะจะด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยหรือด้านสุขภาพก็ตามแต่ และทางที่ดีที่สุดก็คือการปฏิบัติตามข้อบังคับที่กำหนด เพื่อไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้นในภายหลัง มิฉะนั้นแล้วอาจถูกลงโทษเหมือนกับชายคนนี้ ที่เขาไปสูบบุหรี่บนรถไฟความเร็วสูง ทั้งที่เป็นสถานที่ห้ามสูบบุหรี่ เลยทำให้สัญญาณตรวจจับควันทำงานและรถไฟต้องลดความเร็วลงอย่างเร่งด่วน!!     เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 ม.ค. ที่ผ่านมาบนรถไฟความเร็วสูงขบวนที่ G1538 ซึ่งรถคันนี้ได้วิ่งออกจากสถานีข่ายหลี่ใต้ มณฑลกุ้ยโจว ไปตามเส้นทางที่กำหนด แต่ว่าเมื่อวิ่งไปถึงประมาณสถานีถงเหรินใต้ ก็มีเหตุฉุกเฉินขึ้นเมื่อมีเสียงสัญญาณตรวจจับควันดังมาจากห้องน้ำของตู้โดยสารตู้ที่ 7   ทำไมทำอะไรอย่างนั้นล่ะนาย   ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้ขบวนรถไฟลดความเร็วลงโดยระบบอัตโนมัติ จาก 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหลือเพียง 83 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบห้องน้ำห้องที่เกิดเหตุ ก็พบกับต้นตอของเรื่องนี้เมื่อพบผู้โดยสารชายคนหนึ่งเพิ่งจะสูบบุหรี่เสร็จใหม่ๆ เลย เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวมาสอบปากคำ   คลิปเหตุการณ์ทั้งหมด    ชายคนนี้ได้ให้ปากคำว่าเขาเป็นคนแซ่จาง และเพิ่งจะเคยขึ้นรถไฟความเร็วสูงเป็นครั้งแรก เลยไม่รู้ว่าห้ามสูบบุหรี่บนรถคันนี้ เลยทำให้เขาจุดบุหรี่ขึ้นสูบอย่างสบายใจนั่นเอง   โดนรวบเรียบร้อย   แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อนายจางคนนี้ลงรถไฟที่สถานีเจิ้งโจวตะวันออก เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนคอยอยู่แล้วก็มารับตัวไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งโทษที่เขาโดนก็คือถูกปรับเงินเป็นจำนวน 600 หยวน (ประมาณ 2,800) สำหรับความไม่รู้ครั้งนี้……

โดยปกติแล้วบริษัทส่วนใหญ่ จะทำการรับพนักงานที่เก่ง และมีความสามารถ ตรงตามเป้าหมายของธุรกิจที่ทำอยู่ แต่มีบริษัทเทคโนโลยีบริษัทหนึ่ง ที่มีสาขาอยู่ในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส, อิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์ ชื่อว่า Auticon กำลังตั้งเป้าที่จะเลือกจ้างแต่คนที่ป่วยเป็นโรค ‘ออทิซึม’ (Autism) เท่านั้น!!     จากข้อมูลของหน่วยงาน National Autistic Society พบว่ามีผู้ป่วยออทิสติกผู้ใหญ่เพียง 16 เปอร์เซ็นต์ ที่ถูกจ้างงานแบบเต็มเวลา และสถานการณ์ก็เป็นแบบนี้มานานนับ 10 ปีแล้ว และข้อมูลที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ กว่า 85 เปอร์เซ็นต์จากพนักงานใน Auticon สาขาสหราชอาณาจักร ล้วนแล้วแต่ถูกเลิกจ้างงานก่อนเข้ามาทำงานที่บริษัทนี้ แม้ว่าพวกเขาจะมีใบปริญญาก็ตาม มันแสดงให้เห็นว่า ‘ความสามารถอันล้นหลามของบรรดาผู้ป่วยเป็นออทิสติก กับอัตราการจ้างงานสำหรับพวกเขา’ มันช่างขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง     Viola Sommer หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท Auticon ในสหราชอาณาจักรกล่าวว่า “มีผู้คนที่ป่วยเป็นโรคออทิซึมจำนวนมากมักถูกเหมารวมว่าไม่สามารถทำงานได้ พวกเขาจึงรู้สึกว่ามันยากมากที่จะได้รับการพิจารณาในการสมัครงานแบบทั่วๆ ไป แม้จะสามารถเข้าไปรับตำแหน่งงานได้…

เมื่อช่วงปลายปีก่อน #เหมียวหง่าว ได้นำเสนอข่าวของตำรวจหญิงสุดเซ็กซี่ในประเทศเยอรมนี ที่ขอหยุดลางานยาว 6 เดือน โดยไม่รับเงินเดือน เพื่อไปทำงานเป็น ‘เน็ตไอดอล’ เดินทางเที่ยวทั่วโลก ลงภาพเซ็กซี่ และภาพออกกำลังกาย     จนเป็นเหตุให้ผู้บังคับบัญชาต้องเรียกตัวกลับมาถาม และยื่นคำขาดให้เลือกทางเดินชีวิตอย่างเด็ดขาดว่าจะเอาแบบไหนกันแน่!?   อ่านข่าวเก่าที่ได้ที่นี่ : ตำรวจสวยงานเข้า หลังเจ้านายไม่ปลื้ม ถูกเรียกพบ ให้เลือกงานหรือ ‘จะไปเป็นนางแบบ’!?   Adrienne Koleszar ตำรวจสาววัย 34 ปี ประจำอยู่ในเมือง Dresden รัฐ Saxony ประเทศเยอรมนี จากความสวยแซ่บของเธอ ทำให้บรรดาชาวเน็ตทั้งหลายต่างยกให้เป็น ‘ตำรวจที่สวยที่สุดในเยอรมนี’ ในอินสตาแกรมของ Adrienne มีผู้ติดตามมากกว่า 643,000 คน ในช่วงกลางปี 2018 เธอจึงตัดสินใจลางาน และไปทำอาชีพเป็นเน็ตไอดอลแบบเต็มตัว     แต่ทว่าในช่วงปลายปี ในรัฐ Saxony ประสบกับปัญหาขาดแคลนเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างหนัก ทำให้เธอถูกผู้บังคับบัญชาเรียกตัวกลับมาก่อนกำหนดวันกลับมาทำงาน (คือวันที่ 1 มกราคม…

ใครจะไปเชื่อว่าการที่เราทำอะไรที่คุ้นๆ ชินๆ อย่างการ ‘เซลฟี่’ ที่เราทำอยู่ทุกๆ วันจะทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ แต่ว่าก็มีเหตุการณ์ร้ายแรงเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นแล้วจริงๆ จากการถ่ายรูปตัวเองเช่นนี้ แล้วมันรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตเลยด้วย   Cliffs of Moher สถานที่เกิดเหตุ   เว็บไซต์ Metro ได้รายงานเรื่องนี้ว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (4 ม.ค.) นักศึกษาวัย 20 ต้นๆ คนหนึ่งได้พลัดตกหน้าผา Cliffs of Moher สถานที่ท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อของประเทศไอร์แลนด์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือนักศึกษาคนนี้ได้ไปยืนเซลฟี่อยู่ริมหน้าผา แต่ว่าด้วยความบังเอิญอะไรสักอย่างทำให้เขาเกิดลื่นจนเสียการทรงตัว และพลัดตกหน้าผาไปในที่สุด     ซึ่งนักศึกษาคนที่เสียชีวิตนี้เป็นชาวต่างชาติที่พักและเรียนหนังสืออยู่ที่เมืองดับลิน ภายในประเทศไอร์แลนด์นั่นเอง ในภายหลังได้มีการเก็บกู้ศพของเขาโดยหน่วยยามชายฝั่งของไอร์แลนด์ และได้นำศพส่งยังโรงพยาบาล University Hospital Limerick เพื่อชันสูตรต่อไป     นี่อาจเป็นเหตุการณ์น่าเศร้าที่จะมาเป็นอุทาหรณ์ให้เราได้เป็นอย่างดี ว่าการเซลฟี่นั้นควรทำให้ถูกสถานที่ และไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับอันตรายต่างๆ จะได้ไม่เกิดเรื่องสลดเช่นนี้ขึ้น…   ที่มา: metro, news.sky

กลายเป็นคนดังขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวเลยก็ว่าได้สำหรับชายเจ้าของร้านขายของคนหนึ่ง ที่บังเอิ๊ญบังเอิญว่าดันมีหน้าตาเหมือนกับ ‘แจ็ค หม่า’ มหาเศรษฐีแห่งอาณาจักรอาลีบาบาเข้าให้ซะอย่างงั้น!! Wu Xuelin เจ้าของร้านขายของชำเล็กๆ แห่งมณฑลเจ้อเจียง วัย 39 ปี ตอนคุยโม้ว่าตอนนี้แอคเคานต์โซเชียลมีเดียของเขามีผู้ติดตามมากถึง 1.35 ล้านคน จากการที่เขาตั้งฉายาให้ตัวเองว่า “Litte Jack Ma”   เหมือนป่ะล่ะ   เขาเล่าให้ฟังว่าผู้คนมักจะทักเขาผิดบ่อยๆ ว่าเป็นนายแจ็ค หม่า และสิ่งสิ่งนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขรวมทั้งมีความภูมิใจในตัวเองเกิดขึ้นด้วย กับการเป็นร่างแยกของมหาเศรษฐีเช่นนี้ นอกจากนี้เรื่องนี้ยังมีส่วนช่วยในธุรกิจของ Wu ด้วย เพราะผู้คนมักจะเข้ามาที่ร้านของที่ร้านของเขาแล้วเอาไปคุยโม้ต่อว่า นี่ข้าซื้อบุหรี่มาจากร้านของแจ็ค หม่าเลยนะเฟ้ย!!   ลองพิสูจน์ด้วยสายตาของคุณเอง  แต่ถึงอย่างไรแล้วนาย Wu ก็บอกว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เขาจะยังคงทำงานเป็นเจ้าของร้านขายของชำนี้ต่อไป แม้สมมุติว่านายแจ็ค หม่าจะมีความอนุเคราะห์ให้การดูแลเขาก็ตามที แต่ว่านอกจากเจ้าของร้านคนนี้แล้ว ในอดีตก็เคยมีข่าวของคนที่หน้าตาเหมือนกับมหาเศรษฐีคนนี้หลายคนเหมือนกัน ดั่งเช่น   คนขายเห็ดคนหนึ่งก็มีหน้าตาเหมือนแจ็ค หม่า   ยามคนหนึ่งก็มีหน้าตาเหมือนกับแจ็ค หม่า   เด็กวัย 8 ขวบคนหนึ่งก็มีหน้าตาเหมือนกับแจ็ค หม่า…  …

หลังจากชัยชนะเหนือทีมจ่าฝูงอย่าง “ลิเวอร์พูล” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นักฟุตบอลทีม “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ก็ร่วมทำเรื่องประทับใจ ให้กับเหล่าเจ้าหน้าที่ของทีมตนเอง สำนักข่าวอังกฤษรายงานว่า นักฟุตบอลรวมตัวกันแบ่งเงินส่วนหนึ่งจากค่าจ้าง มาซื้อนาฬิกา Rolex ซึ่งมีมูลค่าเรือนละกว่า 7,000 ปอนด์ (หรือประมาณ 290,000 บาท) นาฬิกาเหล่านั้นถูกซื้อตามจำนวนเจ้าหน้าที่ของทีมซึ่งทำงานอยู่เบื้องหลังสโมสร ไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายครัว ฝ่ายประสานงาน ฝ่ายโค้ช หรือผู้ดูแลในแผนกอื่นๆ ของสโมสรด้วยเช่นกัน   นอกจากผู้ฝึกสอนแล้ว…   ก็มีทีมฝ่ายอื่นๆ เช่น ช่างภาพสาวคนสวย   แหล่งข่าวรายงานว่า “พวกเขาปรึกษากัน และได้มติว่านาฬิกาดังกล่าว คือของขวัญที่จะตอบแทนการทำงานอันเหน็ดเหนื่อยของเหล่าทีมงานเบื้องหลัง เพื่อให้ชีวิตนักฟุตบอลสะดวก และโฟกัสไปที่การแข่งขันได้มากที่สุด”   คาดว่าทีมงานที่ได้นาฬิกานั้นน่าจะมีนับ 100 คน และมูลค่าของนาฬิกาที่ซื้อให้ครั้งนี้จะรวมกันถึง 30 ล้านบาท แต่ก็ยังเป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น หากเทียบกับเหล่านักฟุตบอลระดับซูเปอร์สตาร์ ซึ่งรายได้พวกเขาอาจจะสูงถึงเดือนละ 12-30 ล้านบาท   ทั้งนี้ ไม่มีรายงานว่ายอดโค้ชอย่าง “เป๊ป กวาร์ดิโอล่า”…

สำหรับบางคนแล้วเมื่อมีความชอบหรือว่าคลั่งไคล้อะไรสักอย่าง ก็จะทุ่มให้กับมันอย่างสุดตัว และสำหรับผู้ชายหลายคนแล้ว ‘ฟุตบอล’ ก็เปรียบเสมือนกับลมหายใจเลยก็ว่าได้ แต่ว่าบางทีอาจจะไม่มีใครบ้าระห่ำเกินชายคนนี้อีกแล้ว เพราะว่าเขาลงทุนใช้เวลาถึง 60 ชั่วโมง สักลาย ‘เสื้อแข่งทีมโปรด’ ลงบนตัวของเขาเอง!!     โดนชายชาวเปรูที่ไม่เปิดเผยชื่อนี้ ได้รับความสนใจจากโลกโซเชียลเมื่อประมาณปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เมื่อ Jean Pierre Salinas ช่างสักของร้าน  Lima 13 tattoo studio ในกรุงลิมาได้โพสต์วิดีโอขณะสักลงในโลกออนไลน์ ชายคนที่ว่านี้ได้มาที่ร้านและสักเป็นรูปเสื้อแข่งของทีม Alianza Lima ทีมฟุตบอลทีมโปรดในบ้านเกิดของเขา ซึ่งสีเสื้อประจำทีมก็คือสีฟ้า – ขาว นั่นเอง   ลายสักของชายคนนี้    “นี่มันไม่ใช่ความบ้าอะไรหรอก แต่เป็นความหลงใหลต่างหาก จริงๆ แล้วเขารอที่จะให้ลายสักนี้จะอยู่บนตัวตั้งนานแล้ว แต่เพิ่งจะมีความกล้าเมื่อไม่นานมานี้เอง” Jean Pierre เขียนลงในเฟซบุ๊ก แต่ว่าอันที่จริงแล้วแฟนพันธุ์แท้ของทีม  Alianza Lima คนนี้ไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองลิม่าแต่อย่างใด ทว่าเขาอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษ และกลับมาบ้านในช่วงวันหยุดเท่านั้น งานนี้ทางช่างสักจึงมีเวลาไม่นานนักก่อนที่เขาจะกลับประเทศอังกฤษ การสักจึงเริ่มต้นขึ้นและจบลงด้วยการใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 60 ชั่วโมงเท่านั้นเอง   ใจพี่โคตรได้!! ที่มา: odditycentral, lima 13…

ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นประเทศในฝันของใครหลายคน ทั้งความสวยงามและวัฒนธรรมร่วมสมัยที่น่าสนใจหลายอย่าง ผู้คนจำนวนมากจากทั่วโลกต่างหลั่งไหลเข้าไปท่องเที่ยวกันมากมายทุกปี ทุกฤดู ส่วนใครที่กำลังจะไปหรือวางแผนว่าจะไปเที่ยวแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ ตอนนี้ทางรัฐบาลเขากำลังจะเรียกเก็บ “ภาษีการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ” แล้วนะ โดยจะเริ่มเก็บในวันที่ 7 มกราคม 2019 นี้     ตัวภาษีที่จะเรียกเก็บนี้เรียกกันอีกอย่างว่า “ภาษีออกนอกประเทศ” คือใครอยากออกก็จ่ายมา ราคาค่าออกนอกเกาะก็ไม่แพงอะไรมากมาย เพียงแค่ 1,000 เยน หรือประมาณ 300 บาทไทยเท่านั้นเอง การเก็บภาษีออกนอกประเทศนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ในอีกหลายๆ ประเทศก็มีการเก็บภาษีส่วนนี้เช่นกัน เช่นเกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ซึ่งภาษีในส่วนนี้คาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับประเทศญี่ปุ่นได้ถึง 45,000 ล้านเยน (ประมาณ 13,000 ล้านบาท) เลย     การเรียกเก็บภาษีดังกล่าวนี้ไม่ได้ใช้กับแค่นักท่องเที่ยวที่บินไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นเท่านั้น ยังครอบคลุมไปถึงชาวญี่ปุ่นที่จะออกไปเที่ยวประเทศอื่นด้วยเช่นกัน และเก็บทุกช่องทางการโดยสารด้วย ไม่ว่าทางเครื่องบิน เรือ หรืออื่นๆ โดยภาษีจะคิดรวมอยู่ในค่าตั๋วโดยสารออกนอกประเทศ     ส่วนใครที่ซื้อตั๋วกันเรียบร้อยไปก่อนวันที่ 7 มกราคมแล้วก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะตั๋วที่ซื้อก่อนหน้าวันเริ่มเก็บภาษีจะได้รับการยกเว้นภาษีไป รวมทั้งเด็กอายุต่ำกว่า…

เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ชวนอึ้งอยู่ไม่น้อย เมื่อเส้นทางของสายศาสนาที่พลิกผันแบบสุดขั้ว มาสู่วงการธุรกิจหนังผู้ใหญ่ แม้ความฝันในแรกเริ่มที่ต้องการจะเป็นหนึ่งในศาสนจักร แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับสิ่งที่เรียกว่าความรัก จนต้องเปลี่ยนตัวเองไป อดีตแม่ชีฝึกหัด Yudi Pineda วัย 28 ปี ผู้อุทิศตนให้แก่คริสตจักรคาทอลิก จากประเทศโคลอมเบีย ได้เริ่มต้นเส้นทางสายอาชีพดาราหนังชมพู ด้วยการเซ็นสัญญากับค่ายหนังยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา     โดยผลงานชุดแรกจะถูกปล่อยออกมาในวันที่ 13 มกราคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งแน่นอนว่าธีมของเรื่องก็ยังคงวนเวียนเกี่ยวกับอดีตเก่าๆ ของเธอ ไม่พ้นในเรื่องของศาสนา สำหรับ Pineda เอง เคยสร้างชื่อในประเทศบ้านเกิดมาแล้ว หลังจากที่เธอลาออกจากโรงเรียนคอนแวนต์ อันเป็นสถานที่ที่เธอเรียนรู้และฝึกฝนเพื่อเป็นแม่ชี แต่แล้วก็กลายมาเป็นสาวเว็บแคม เพราะเนื่องจากการตกหลุมรักครูสอนศาสนา!?     “ในตอนนั้นฉันยังอยู่ในโรงเรียนที่มีแม่ชีมาช่วยสอนหนังสือ และฉันรู้ตัวแล้วว่าฉันก็อยากเป็นแบบนั้นบ้าง” เธอเล่าย้อนไปในช่วงอายุ 10 ปี มีความฝันอยากจะเป็นแม่ชีตั้งแต่เด็ก ไปๆ มาๆ พอเธออายุครบ 18 ปี เธอก็ตกหลุมรักคุณครูผู้สอนศาสนา และเธอก็ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนเส้นทางเดินของตัวเองในทันที แม้ในตอนแรกจะเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็สามารถทำได้ เพราะได้งานเป็นสาวเว็บแคมทันทีที่เปลี่ยนใจ…     “ในตอนแรกฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ตอนนี้สบายแล้ว…

เหล่าเกมเมอร์ โดยเฉพาะสายคอนโซลคงรู้จักกับเกมแนวต่อสู้ชื่อดังที่รวมตัวละครจากเกมในค่าย Nintendo อย่าง Super Smash Bros. Ultimate ซึ่งผลิตมาเล่นกับเครื่อง Nintendo Switch และด้วยความที่เป็นเกมที่สนุก เล่นได้ทุกเพศ ทุกวัย น้องๆ หนูๆ หลายๆ คนอาจจะติดใจจนอยากจะเล่นเป็นอาชีพ หรือที่เรียกกันว่า โปรเกมเมอร์ และเมื่อลูกชายของคุณพ่อชาวญี่ปุ่น ผู้ใช้ทวิตเตอร์แอคเคานต์ @amour_rapid บอกเจตจำนงค์ของตนว่า “โตขึ้น ผมจะเป็นโปรเกมเมอร์ให้ได้เล้ยยย” คุณพ่อท่านนี้จึงได้สั่งสอนให้ลูกได้รับรู้ถึงโลกแห่งความเป็นจริงอันโหดร้าย…     เรื่องราวดังกล่าวถูกบอกเล่าผ่านทวิตเตอร์ของคุณพ่อเอง เขาเล่าว่า “ไม่นานมานี้ ลูกชายผมบอกว่าโตขึ้นอยากจะเป็นโปรเกมเมอร์ ตอนเราเล่น Super Smash Bros. ผมเลยเล่นจัดเต็มแบบไม่ออมมือ และผมก็ชนะรัวๆ ซะจนไอ้ลูกชายร้องไห้โฮออกมาเลย” ชาวทวิตเตอร์ที่ได้อ่านเรื่องราวของคุณพ่อส่วนใหญ่ต่างก็ขำขัน และเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า มันเป็นการสั่งสอนลูกที่มั่นใจในตัวเองจนเกินเหตุ ให้ได้รู้ถึงโลกความจริงและเรียนรู้ที่จะใช้พลังของตัวเองในทางที่ถูกที่ควร หรือเป็นการสั่งสอนให้รู้ว่าวงการ e-sport นั้นไม่ใช่ว่าจะเข้าไปได้ง่ายๆ เพราะการจะเป็นโปรเกมเมอร์นั้นจะต้องฝึกซ้อมอย่างหนัก ต้องเรียนรู้กลยุทธ์และฝึกไหวพริบให้เฉียบคม และมันไม่ใช่เรื่องสนุกเพลิดเพลินเหมือนตอนเล่นสนุกๆ กับเพื่อนๆ     แต่ก็มีบางคนที่ชี้ให้เห็นอีกมุมหนึ่งของการกระทำของคุณพ่อเช่นกัน เช่นผู้ใช้ทวิตเตอร์แอคเคานต์ @isikusu ได้ทวีตเอาไว้ว่า “มันก็ดูตลกดีนะ แล้วดูเหมือนว่าหลายๆ…

ช่วงเวลาแห่งความสุขอย่างวันสิ้นปี ที่ทุกคนต่างไปรวมตัวกันเฉลิมฉลองกับครอบครัวและเพื่อนฝูง รอเคานต์ดาวน์เข้าสู่ปีใหม่ ถือเป็นโอกาสอันดีในการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ทิ้งอะไรเก่าๆ ไว้กับปีที่แล้ว เพื่อพบเจอสิ่งที่ดีกว่าในปีหน้า แต่เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2018 ได้เกิดเหตุเศร้าขึ้นที่รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเด็กหนุ่มวัย 15 เอาปืนออกมาอวดกลุ่มเพื่อน แต่ทำปืนลั่นใส่เพื่อนคนหนึ่งเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ     Devin Hodges อายุ 15 ปีอยู่กับเพื่อนอีก 3 คนในโรงเก็บของหลังบ้านตอนเวลาประมาณบ่าย 3 เขาเอาปืนมาอวดให้เพื่อนๆ ได้ดู แต่กลับทำปืนลั่น กระสุนพุ่งเข้าโดน Chad Carless เพื่อนวัย 17 ปีที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างจัง Hodges กับเพื่อนที่เหลืออีก 2 คนรีบวิ่งออกมาจากโรงเก็บของและโทรไปที่เบอร์ 911 ทันที แต่โชคร้าย Carless เสียชีวิตในที่เกิดเหตุก่อนที่ความช่วยเหลือจะมาถึง     แต่โศกนาฏกรรมไม่ได้จบแค่ตรงนั้น เพราะหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาพบศพของ Carless พวกเขาได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัดระหว่างที่กำลังตามหาผู้เห็นเหตุการณ์จากเบอร์ที่โทรมาแจ้งเหตุ หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เจอร่างของ Hodges…

แน่นอนว่าทุกวันนี้ ทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกทำอะไรก็ได้ตามที่ใจตนเองต้องการ ตราบใดที่ไม่ใช่การกระทำที่ขัดต่อกฎหมายในประเทศที่อยู่อาศัย แต่ทว่าบางเรื่องก็เป็นการรุกล้ำสิทธิของคนอื่นไปในเวลาเดียวกัน… ยกตัวอย่างเช่นผู้ที่สูบบุหรี่แต่เลือกที่จะไม่สนใจในเรื่องของ ควันบุหรี่มือสองที่มีอันตรายยิ่งกว่าผู้สูบมือหนึ่ง หากผู้ที่ไม่ได้สูบได้รับควันเข้าไป ก็อาจจะส่งผลกระทบร้ายแรงกว่าในหลายๆ เท่า     ทั้งนี้ ผู้สูบบุหรี่ก็ควรที่จะมีมารยาทในการสูบ รับผิดชอบตนเองด้วยการพาตนไปสูบในพื้นที่สูบบุหรี่ เนื่องจากกลิ่นที่รุนแรงและไม่ดีต่อสุขภาพร่างกาย ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นที่ไม่ได้สูบได้รับควันไปด้วย บางครั้งบางที ผู้สูบบุหรี่ก็รู้สึกว่าน้อยใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อคนทั่วไปมักจะมองผู้ที่สูบบุหรี่เป็นคนที่แย่ทั้งหมด ด้วยเหตุข้างต้นที่สูบไม่เป็นที่ไม่เป็นทาง แม้แต่ต่อหน้าเด็กก็ยังสูบยังพ่นควันอยู่ จนมีคนไปถามในอินสตาแกรม @hazemanhuzir ด้วยประโยคที่ว่า ‘คนส่วนใหญ่มักจะตัดสินคนสูบบุหรี่ไปแล้ว’   Well said @hazemanhuzir 👍🏻👏🏻 pic.twitter.com/QjFxhSO5oV — sema ᥫ᭡ (@iism4a) December 28, 2018   เขาจึงอัดคลิปลงในสตอรี่เพื่อตอบประเด็นนี้ให้เคลียร์ว่า… “คนสูบบุหรี่บางคน ก็จุดและสูบบุหรี่ทุกที่ แม้แต่ในบริเวณที่มีเด็กๆ อยู่ด้วยก็ตาม มันเป็นสิ่งที่คุณเลือกเองที่จะเป็นมะเร็ง ไม่ใช่คนอื่น เพราะฉะนั้นอย่ากลายมาเป็นสาเหตุที่ทำให้คนอื่นเป็นมะเร็งตามไปด้วย เพราะว่ามันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาเลือก”   ทั้งนี้ก็มีทวีตที่เกี่ยวข้องกับเรื่องควันบุหรี่มือสองด้วยเช่นกัน I dislike most smokers. Most…

สำหรับการเริ่มต้นปีใหม่นี้ บางคนอาจจะเริ่มต้นได้อย่างสวยหรู อะไรต่างๆ ดูเข้าท่าไปซะหมด แต่สำหรับคุณแม่คนหนึ่งแล้ว ช่วงแรกของปีอาจไม่ใช่ช่วงที่ดีของเธอเอาซะเลย เพราะเธอไปพบกับโน๊ตที่ไม่คาดคิดว่าจะพบในกล่องจดหมาย และข้อความที่อยู่ในนั้นก็คือเสียงจากเพื่อนบ้านที่กล่าวว่าพวกเขารู้สึก ‘เบื่อหน่าย’ จนพาลให้หัวเสียกับเสียงร้องของลูกชายเธอที่ป่วยเป็นออทิสติก…   Ana Gray และลูกชายของเธอ   เมื่อเช้าวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา Ana Gray คุณแม่เลี้ยงเดี่ยววัย 28 ปี ได้ไปเช็คกล่องจดหมายที่หน้าบ้านในเมืองนาเปียร์ ประเทศนิวซีแลนด์ แล้วก็พบกับโน๊ตใบหนึ่งอยู่ในนั้น ซึ่งอ่านได้ว่า “ถ้าคุณทำให้ลูกของคุณหยุดตะโกนโหวกเหวกไม่ได้ ฉันจะโทรศัพท์หาหน่วยงานดูแลเด็กแล้วรายงานเรื่องของคุณซะ ตอนนี้พวกเราทนแทบไม่ไหวกับลูกคุณกันแล้ว อ๋ออีกอย่างเราจะโทรหาเจ้าของบ้านที่คุณเช่าอยู่ด้วย”  ทั้งนี้ Wiremu ลูกชายวัย 7 ขวบของเธอได้รับการวินิจฉัยจากทางแพทย์ว่าป่วยเป็นโรคออทิสซึม รวมถึงมีความบกพร่องทางพัฒนาการในทุกๆ ด้าน (Global Developmental Delay) เมื่อ 5 ปีที่แล้ว   โน๊ตที่เธอได้รับ   ทางคุณแม่ได้ออกมากล่าวถึงเหตุการณ์นี้กับสื่อท้องถิ่นอย่าง New Zealand Herald ว่า ไม่รู้ว่าโน๊ตนี้เป็นของใครกันแน่เพราะไม่มีการระบุชื่อเอาไว้ แต่เธอได้ทำการขอโทษพร้อมกับอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านทางเฟซบุ๊ก “ฉันอยากจะคุยกับเขาแบบเห็นหน้ากันจริงๆ ฉันจะได้อธิบายถึงสถานการณ์ของเราว่ามันเป็นเรื่องยากขนาดไหนกับการรับมือสิ่งสิ่งนี้ ไม่มีอะไรเลยที่ฉันสามารถจะแก้ไขได้เลยในตอนนี้” Ana กล่าว พร้อมกันนี้เธอยังกล่าวด้วยว่าเจ้าของบ้านรับรู้ความผิดปกติของลูกเธออยู่แล้ว และเขาก็ไม่ได้มีปัญหาใดๆ กับเรื่องนี้เลยจนถึงตอนนี้ ในตอนนี้เธอได้เพียงแค่หวังว่าสถานการณ์ต่างๆ…

เรียกได้ว่าเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงของสายการบิน Cathay Pacific เลยทีเดียว หลังจากที่พวกเขาเผลอจำหน่ายตัวเครื่องบินในชั้นหนึ่ง และชั้นธุรกิจ ในราคาตั๋วชั้นประหยัด!! ความผิดพลาดของสายการบินจากฮ่องกงรายนี้ เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาประกาศจำหน่ายตั๋วที่นั่งชั้นธุรกิจของเที่ยวบินจากเวียดนาม ไปนิวยอร์ก ในราคาเพียงแค่ 675 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 20,000 บาท) จากราคาเดิมที่ 16,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 500,000 บาท)     เรื่องราวถูกเปิดเผยในวงกว้างไปอีกโดย Mac Jaehnert บล็อคเกอร์ท่องเที่ยวชาวอเมริกันเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2018 ที่ผ่านมา โดยเขาได้ทวีตข้อความบอกว่า เขาได้ตั๋วชั้นหนึ่งจากบอสตัน – ฮ่องกง และต่อเครื่องไปยัง ฮานอย ของเวียดนาม ด้วยชั้นธุรกิจทั้งหมดในราคาเพียง 1,220 ดอลลาร์เท่านั้น (ประมาณ 40,000 บาท) จากราคาเต็มปกติทั้งหมดประมาณ 18,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 600,000 บาท) ซึ่งถูกกว่ากันถึง 15 เท่า หรือพูดง่ายๆ ก็คือเหมือนได้ตั๋วทั้งหมดแบบลดราคา 95%…

ในช่วงวันขึ้นปีใหม่ที่ผ่านมา หลายคนอาจจะไม่รู้ว่านักมวยเงินล้าน Floyd Mayweather มีคิวขึ้นชกกับนักมวยคิกบ็อกเซอร์ชาวญี่ปุ่น Tenshin Nasukawa     จุดเริ่มต้นย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายน มีการประกาศผ่านโซเชียลของ Floyd เองว่าจะจัดไฟต์พิเศษกับ Nasukawa ซึ่งนั่นทำให้แฟนคลับเซอร์ไพรส์ไม่น้อย เพราะ Tenshin เป็นนักกีฬาคิกบ็อกเซอร์ การชกครั้งนี้อาจจะใช้กติกาของคิกบ็อกเซอร์ ที่อนุญาตให้ออกลวดลายการเตะได้ด้วยหรือไม่?? แต่หลังจากนั้นไม่นาน โพสต์ทุกอย่างเกี่ยวกับไฟต์นี้ก็ถูกลบออกไปจากโซเชียลทุกช่องทาง จนแฟนคลับหลายคนคิดว่า… คงจะไม่จัดขึ้นแล้วเป็นแน่!!   แต่สุดท้ายแล้วการชกนี้ก็เกิดขึ้นจริงในวันสิ้นปีที่ผ่านมา เพียงแค่ 140 วินาทีบนสังเวียนการชก Floyd ก็ไล่ต้อนคู่ต่อสู้ชาวญี่ปุ่น จนต้องขอยกธงขาวยอมแพ้ภายในยกแรกเท่านั้น   Floyd Mayweather just got paid millions of dollars to destroy Tenshin in less than a round. The greatest businessman in history. #Rizin14 pic.twitter.com/a5rzupGaJq — Sheldan Keay (@SheldanKeay) December…

สำหรับบางคนแล้วชุดเครื่องนอนก็มีส่วนในการนอนหลับอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่ลองนึกภาพดูว่ามันจะดีขนาดไหนถ้าหากว่าชุดเครื่องนอนที่ว่านี้มันมีลายหรือว่ารูปทรงเป็นแบบที่เราชอบ มันคงรู้สึกดีสุดๆ เลยใช่ไหมล่ะที่จะได้นอนหนุนมัน… และสำหรับใครที่ชื่นชอบ ‘หน้าอกหน้าใจ’ สมบัติติดตัวของหญิงสาวจนถึงขั้นหลงใหลแล้วล่ะก็ นี่อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังตามหามานานแสนนาน เพราะในตอนนี้มีหมอนรูปทรง ‘หน่มน๊ม’ ถูกผลิตขึ้นมาแล้ว!!     โดยเจ้าหมอนที่ว่านี้มันมีชื่อเรียกว่า Boobie Pillow ซึ่งก็อย่างที่บอก มันมีรูปทรงเหมือนกับหน้าอกจริงๆ อย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังมีสีที่หลายๆ คนชื่นชอบอีกด้วย คำอธิบายสำหรับเจ้าสินค้าชิ้นนี้บนเว็บไซต์ที่วางขายอย่าง Amazon ได้อธิบายเอาไว้ว่าเจ้าสิ่งสิ่งนี้มันเหมาะซะเหลือเกินสำหรับซื้อเป็นของขวัญให้กับตัวเอง หรือจะให้ผู้อื่นก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่น้อย     เท่านั้นยังไม่พอหมอนรูปหน่มน๊มใบนี้ ยังได้รับคะแนนถึง 4.5 ดาว (จากเต็ม 5 ดาว) บนเว็บไซต์ รวมทั้งยังมีคนรีวิวให้ด้วย อย่างเช่นหนึ่งในรีวิวนี้ “ฉันเอาสิ่งนี้เป็นของขวัญวันคริสต์มาสขำๆ ให้กับแฟนหนุ่มของฉัน แล้วเขาก็ตกหลุมรักมันในทันที มันอยู่บนเตียงข้างกายเขาเลยตอนนี้ คุณภาพของมันสุดยอดมาก แถมหัวนมยังมีสีชมพูสดใสอีกด้วย”  ส่วนราคาของมันก็ไม่ถูกไม่แพง เพียงแค่ 14.99 ปอนด์ (ประมาณ 600 บาท) เท่านั้น และถ้าใครอยากได้ล่ะไว้ใช้เองหรือเป็นของขวัญ สามารถสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ Amazon นี้กันเล้ย  …

หลายๆ คนคงจะรู้จักกันดีกับนักแสดงตลกฮอลลีวูดนามว่า ‘โจนาห์ ฮิลล์’  ซึ่งลุคที่เราอาจชินๆ ตากันกับเขาคนนี้ก็คือภาพของชายอารมณ์ดีร่างอ้วนท้วน กับบทบาทฮาๆ ในแบบฉบับของเขา อย่างเช่นบทบาทสายลับสุดกวนในเรื่อง 21 Jump Street หรือกับบทบาทนักลงทุนหนุ่มในภาพยนตร์ตลกดราม่าอย่าง The Wolf Of Wall Street   เรื่อง 21 Jump Street   แต่ว่ามีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อนายโจนาห์ จัดการเปลี่ยนลุคมาไว้ผมยาว งานนี้เขาเลยโดนชาวเน็ตแซวไปเต็มๆ ว่าเหมือนพระเยซูบ้าง เหมือนป้าข้างบ้านบ้าง ไปโดยปริยาย…   โจนาห์ ฮิลล์ แบบที่ใครหลายคนคุ้นตา   เหตุความขำขันนี้เกิดขึ้นจากความที่เมื่อวาน (2 ม.ค.) นายโจนาห์ ได้โพสต์ IG เป็นภาพของตัวเขาเองในลุคเซอร์ๆ เข้มๆ ไว้หนวดไว้เคราแบบที่ใครหลายคนอาจจะไม่เคยเห็นกันมาก่อน   โพสต์ที่ว่านี้ https://www.instagram.com/p/BsFKhRpFul3/   เมื่อภาพอันแปลกตานี้แพร่กระจายออกไป ชาวเน็ตที่มีโอกาสได้เห็นก็ต่างกันคอมเมนต์เกี่ยวกับภาพนี้อย่างมากมาย และที่น่าสนใจก็คือคนจำนวนมากบอกว่าภาพๆ นี้เขาดูเหมือน ‘พระเยซู’ ยังไงยังงั้นเลย   บ้างก็บอกเหมือนพระเยซู  …

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สร้างความตกใจและความเศร้าโศกให้กับผู้คนในช่วงปีใหม่ หลังจากที่มีเหตุการณ์ยิงกันเกิดขึ้นในแถบเมือง Tlaxiaco เขต Oaxaca ประเทศเม็กซิโก เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 1 มกราคม 2019 นาย Alejandro Aparicio ได้ขึ้นรับตำแหน่งนายกเทศมนตรีของเมืองดังกล่าว แต่พอผ่านไปได้เพียงแค่ไม่ถึง 2 ชั่วโมง เขาก็ถูกยิงและเสียชีวิตลงในที่สุด     นาย Alejandro นับเป็นสมาชิกพรรคคนแรกในสังกัดประธานาธิบดีของประเทศเม็กซิโกคนปัจจุบัน Andrés Manuel López Obrador ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งไปในเดือนธันวาคม 2018 และยังเป็นนักการเมืองคนที่สองที่ถูกฆาตกรรมหลังจากที่ประธานาธิบดีคนดังกล่าวได้เข้ารับตำแหน่ง     จากการรายงานกล่าวว่า Alejandro ได้กล่าวคำปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีของเมือง ก่อนที่จะเดินทางไปประชุมที่ศาลากลาง พอนั่งรถออกมาก็ถูกคนร้ายกระหน่ำยิงบริเวณกลางถนน ช่วงเวลาต่างกันไม่ถึง 2 ชั่วโมง เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพร้อมกับผู้บาดเจ็บอีก 3 ราย ก่อนที่จะเสียชีวิตลงในวันเดียวกันนั้น ส่วนผู้บาดเจ็บอีกคนก็เสียชีวิตลงในเช้าวันถัดมา สองคนที่เหลือยังคงเข้ารับการรักษาดูอาการต่อไป   บริเวณที่เกิดเหตุ   นี่จึงกลายเป็นเหตุการณ์อันน่าสลดที่สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับครอบครัวผู้ตายเป็นอย่างมาก รวมถึงเหล่านักการเมือง และประธานาธิบดีของประเทศที่สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบสวน จากการรายงานล่าสุดกล่าวว่า ตำรวจสามารถจับผู้ต้องสงสัยวัย 34…

ปัจจุบันเรียกได้ว่าเทรนด์สุขภาพกำลังมาแรง ผู้คนหันมาออกกำลังกายและคุมอาหารกันมากขึ้น รวมถึงมีหลายๆ คนที่หันไปบริโภคมังสวิรัติหรือที่เราเรียกกันว่า “วีแกน” เพิ่มขึ้นอีกด้วย แต่เนื่องจากความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันหลายอย่างระหว่างคนที่ทานเนื้อกับคนที่ทานมังสวิรัติ ก่อนหน้านี้เราจึงเห็นการกระทบกระทั่งกันอยู่บ่อยครั้ง เช่นเดียวกับเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันในวันนี้ เมื่อนักดนตรีชาวออสเตรเลียถูกชาวเน็ตรุมโจมตีหลังจากที่เขาเรียกหม้อไฟว่า “น้ำที่เหลือจากการล้างจาน”   https://twitter.com/jonaweinhofen/status/1078512183393148928   โดนนักดนตรีดังกล่าวคือ Jona Weinhofen ซึ่งในวันที่ 28 ธันวาคม 2018 เขาได้ทำการโพสต์ภาพของหม้อไฟลงในทวิตเตอร์พร้อมกับแคปชั่นว่า “คนกินเนื้อชอบทำแบบ ‘อาหารของวีแกนมีรูปร่างและรสชาติเหมือนหญ้า’ แต่พวกเขาก็กินบางอย่างที่ดูเหมือนกับน้ำที่เหลือจากการล้างจาน” ซึ่งหลังจากที่เขาโพสต์ภาพและข้อความดังกล่าวลงในโซเชียลมีเดีย ชาวเน็ตก็เกิดอาการไม่พอใจแล้วเข้ามาแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยอย่างมากมาย   สิ่งที่น่าเศร้าก็คือคุณบรรลุจุดประสงค์ของคุณโดยการดูหมิ่นวัฒนธรรมอาหารอื่นๆ นี่แหละ   คุณสามารถสนับสนุนหรือชักชวนให้คนมาเป็นวีแกนโดยไม่ต้องเหยียดอย่างอื่นได้นะ   เรื่องที่น่าขันก็คือคุณกำลังจะหาคนที่เคารพในทางเลือกทานอาหารของคุณ แต่ขณะเดียวกันคุณก็ไปเหยียดใส่คนอื่นๆ อีกที ดังนั้นวงจรอุบาทว์ก็ยังคงดำเนินต่อไป   หรือบางคนก็แนะนำให้เขาควรล็อกเอาต์ทวิตเตอร์ไปก่อนสักวันสองวันนะ เพราะจะมีคนเข้ามาด่าเต็มไปหมดแน่ๆ   และก็มีหลายๆ คนทำมีมล้อเลียนผู้โพสต์ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ขอบอกว่าตัวเองเป็นวีแกนไว้ก่อน .   ที่มา jonaweinhofen, theindependent, Nextshark

ช่วงปีใหม่ของคนไทยถือเป็นช่วงหยุดยาวที่ทุกต่างก็วางแผนไปเที่ยวกัน แน่นอนว่าตามสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ แลนด์มาร์กสำคัญจะเต็มไปด้วยคน รถ และขยะ ที่สหรัฐอเมริกาก็เช่นกัน แต่ไม่ใช่ในช่วงหยุดยาว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วง Government Shutdown ซึ่งเป็นเหตุการณ์ทางการเมือง เกิดจากสภาคองเกรสกับฝ่ายบริหารตกลงกันเรื่องงบประมาณประจำปี 2019 ไม่ลงตัว จึงไม่สามารถจ่ายเงินให้กับหน่วยงานราชการต่างๆ ได้ ทำให้หน่วยงานรัฐต่างๆ ต้องหยุดทำการไปตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2018 แบบไม่มีกำหนดเวลาแน่ชัด     เหตุการณ์ทางการเมืองเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ของสหรัฐอเมริกา ในอดีต Government Shutdown เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง และส่งผลต่อประชาชนคนเดินดินมากทีเดียว เพราะพนักงานรัฐหลายแสนคนโดนบังคับให้หยุดงานไปโดยไม่ได้รับเงินเดือน และเมื่อหน่วยงานรัฐไม่เปิดทำการ ธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็ได้รับผลกระทบกันไปเป็นทอดๆ รวมทั้งธุรกิจท่องเที่ยวด้วย และเมื่อผู้คนหลายแสนไม่ได้ไปทำงาน หลายคนก็คงตัดสินใจใช้เงินเก็บออกไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ กับครอบครัว อุทยานแห่งชาติหลายแห่งจึงกลายสภาพมาเป็นอย่างที่จะได้เห็นกันต่อไปนี้   https://www.instagram.com/p/BsGablNASd7/?utm_source=ig_embed   ภาพเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบจากเกมการเมือง อุทยานต่างๆ ขาดแคลนพนักงานอย่างหนักและยังต้องรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่แห่แหนกันมาเที่ยวชม แม้ว่าอุทยานหลายแห่งจะพยายามเปิดทำการและจัดการปัญหาต่างๆ อย่างเต็มที่แล้วก็ตาม แต่จำนวนขยะและสิ่งปฏิกูลนั้นมันมากมายจนกลายเป็นปัญหาด้านความสะอาดและสุขอนามัยไป   Trash overflowing at Point Reyes National Seashore.…

กำลังเป็นกระแสที่ฮิตติดลมบนแบบสุดๆ สำหรับชาเลนจ์ใหม่ที่มีชื่อว่า ‘Bird Box Challenge’ ชาเลนจ์การปิดตาใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งมาที่มาจากหนังในสตรีมมิ่ง Netflix!! ภาพยนตร์เรื่อง ‘BirdBox มอง อย่าให้เห็น’ เป็นภาพยนตร์ที่ว่าด้วยครอบครัวครอบครัวหนึ่งที่ต้องเอาชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด ซึ่งวิธีเดียวที่จะเอาชีวิตรอดได้ในวิกฤตินี้ก็คือการห้ามมองมัน     ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหานี้ให้ได้อย่างเด็ดขาดที่สุด ‘ผ้าปิดตา’ จึงเป็นสิ่งที่ทางตัวเอกของเลือกหยิบมาใช้ แต่ว่าอาจจะด้วยพลอตเรื่องที่ดูน่าตื่นเต้น และดูทำตามได้ไม่ยาก จึงทำให้ในตอนนี้มีชาวเน็ตหลายคนเริ่มทำตามเหล่าตัวเอกในเรื่อง Bird Box ด้วยการเอาผ้าปิดตามาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อเป็นการจำลองโลกของพวกเขาว่าเป็นเช่นไรกัน     ซึ่งบางคนก็ทำชาเลนจ์นี้เป็นเวลาถึง 24 ชั่วโมงเต็มๆ หรือบางคนก็ทำขณะที่ทำกิจกรรมต่างๆ ไปด้วย อย่างเช่นตัวอย่างของพวกเขาเหล่านี้   24 ชั่วโมงกันไปเล้ย    ลองดูตอนขับรถเล่นๆ ซิว่าจะเป็นยังไง    มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยจริงๆ    มาแบบฮาๆ    กระแสนี้เริ่มมีคนทำตามเยอะขึ้นเรื่อยๆ และเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่ว่า NetFlix ต้องออกมาทวีตเตือนว่าอย่าทำให้ตัวเองต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยชาเลนจ์นี้เลย แต่อย่างไรก็ขอขอบคุณจากใจจริงด้วยนะ…   ทวีตที่ทาง Netflix ออกมาเตือน   เห็นชาเลนจ์สนุกๆ แบบนี้แล้ว…

‘การออกเดตครั้งแรก’ สาวๆ หรือหนุ่มๆ หลายคนต่างก็คาดหวังที่จะได้เจอเรื่องราวความประทับใจในมุมที่แตกต่างกันออกไป เช่นเดียวกันกับหญิงสาวชาวญี่ปุ่นรายนี้ ที่ออกมาแชร์ประสบการณ์ ‘เดตแรกอันน่าผิดหวัง’ ให้ชาวเน็ตได้อ่านกัน แต่ทว่าเธอกลับโดนวิจารณ์ซะเสียหาย เพราะดันเอา ‘ความสุข’ ไปผูกกับการแต่งตัวของฝ่ายชายไปซะได้ เรื่องมีอยู่ว่าสาวรายหนึ่ง เล่าเรื่องราวเดตแรกของตัวเองลงเว็บบอร์ดเฉพาะผู้หญิงชื่อว่า Girl Channel ของประเทศญี่ปุ่น     พร้อมตั้งพาดหัวว่า “มันเหมาะหรือไม่ ที่จะสวมชุดแฟชันถูกๆ ไปออกเดตครั้งแรกกับสาว หรือคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ผิด?” “ฉันไปเดตแรกกับชายคนหนึ่งมาเมื่อวานนี้ ตอนที่เดินเข้าไปในร้านคาเฟ่ที่เรานัดกันเขาก็นั่งอยู่ในร้านรอแล้ว ฉันนั่งลงตรงข้ามกับเขา และเริ่มสังเกตเห็นว่าเขาสวมเสื้อโค้ตทับกับเสื้อยืดอีกตัวหนึ่งด้านใน ก็เลยอาสาที่จะหยิบเสื้อโค้ตของเขาไปแขวนไว้ตรงที่แขวน ทันใดนั้นเองก็เหลือบไปเห็นแท็กยี่ห้อของเสื้อโค้ต มันคือยี่ห้อ H&M และเสื้อยืดที่เขาสวมอยู่ก็เป็นแบรนด์ Uniqlo!! มันทำให้ฉันผิดหวังมากๆ กับสิ่งที่เขาใส่ เขาเลือกที่จะสวมเสื้อผ้าแฟชั่นแบบธรรมดาๆ มาในวันเดตแรกของเราได้อย่างไรกัน…โอ้ สุดท้ายมาถึงเรื่องของรองเท้า ฉันไม่รู้ว่ามันยี่ห้ออะไร แต่มันดูเหมือนจะเป็นรองเท้าหนังราคาถูกๆ เลย เป็นคุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในเดตแรกของคุณ มีบางคนสวมเสื้อผ้าถูกๆ ไปเที่ยวกับคุณ มันไม่แย่ไปหน่อยเหรอ? ใช่มั้ยล่ะ?”     แหม่ พอจะเดาทางได้เลยนะว่ากระแสชาวโซเชียลนั้นจะเป็นอย่างไร แน่นอนสิครับ บอกเลยว่าเละ!!   ชาวเน็ตทั้งหลายเข้ามาคอมเมนต์กันไปต่างๆ…

เรื่องราวสุดประทับใจของคุณหมอชาวจีนรายหนึ่ง ที่อุทิศตัวเองพายเรือไปช่วยเหลือชาวบ้านบนเกาะโดดเดี่ยวเพียงลำพังมาตลอด 19 ปี ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับคุณหมอหยูเจียจวิน แพทย์ประจำหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ในอำเภอจินไจ้ เขตลิ่วอัน มณฑลอันฮุย ประเทศจีน   คุณหมอหยูเจียจวิน   คุณหมอได้อุทิศตัวเองสร้าง ‘คลินิกลอยน้ำ’ โดยใช้เรือพายที่เก็บหอมรอมริบซื้อมาเป็นของตัวเอง แบกเอายาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ไปไว้บนเรือ จึงเป็นที่มาของชื่อนั้น   คุณหมอกับคลินิกลอยน้ำของเขา   ก่อนที่จะพายมันไปด้วยตัวเอง เพื่อส่งการช่วยเหลือด้านการแพทย์ไปให้กับชาวบ้าน ที่อาศัยอยู่บนเกาะโดดเดี่ยว ห่างออกไปไม่ไกลจากฝั่งของอำเภอจินไจ้     บนเกาะแห่งนั้นมีประชาชนอาศัยอยู่ไม่มาก ซึ่งโดยปกติแล้วคนที่อาศัยอยู่บนเกาะจะเดินทางข้ามฝั่งมาหาหมอด้วยตัวเอง แต่สำหรับคนที่มีอายุมากแล้วก็จะเดินทางมาด้วยความยากลำบาก ด้วยเหตุนี้เองคุณหมอหยูเจียหวินและภรรยาจึงตัดสินใจช่วยกันขนอุปกรณ์ที่จำเป็นลงเรือ และพายไปยังเกาะแห่งนี้เพื่อตรวจดูอาการของผู้คนอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี และทำแบบนี้มาตลอด 19 ปี!! คุณหมอกล่าวว่า “ตราบใดที่ยังมีคนบนเกาะต้องการผม ต่อให้มีแค่คนเดียว ผมก็จะยังคงทำแบบนี้ต่อไป”     เรื่องราวการอุทิศตนของคุณหมอเป็นสิ่งที่น่าประทับใจ และมันช่วยทำให้เรารู้สึกอิ่มเอมหัวใจอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ เลยครับ   ที่มา : China Xinhua News

กลายมาเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวไวรัลท้ายปี 2018 เมื่อแฟชั่นของวัยรุ่นสมัยใหม่ที่นิยมใส่ ‘ยีนส์ขาด’ กันมากขึ้น แต่ละตัวก็ราคาไม่ธรรมดาเชียว มันก็เลยมาเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่สร้างความสับสนให้กับบุคคลที่ตามแฟชั่นไม่ทัน อย่างคลิปของคุณตาท่านหนึ่งจากประเทศจีน ที่สร้างความประทับใจให้กับชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก หลังจากที่ปรากฏเป็นภาพของคุณตา ควักเงินออกจากกระเป๋าตัวเอง ยื่นให้กับวัยรุ่นสาวรายหนึ่งที่ใส่ยีนส์ขาดๆ เพราะเข้าใจว่าใส่จนขาดและไม่มีเงินซื้อใหม่…     ทั้งนี้ ต้นตอของคลิปน่าจะมาจากภายในแอปฯ TikTok เผยให้เห็นคุณตาผู้สุภาพท่านนี้ พยายามที่จะมอบเงินให้กับหญิงสาววัยรุ่น และพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอรับเงินนี้ไป เอาไปซื้อยีนส์ตัวใหม่ใส่แทนตัวเก่า…     พอกล้องหันไปจับภาพของหญิงวัยรุ่นที่คุณตาคุยด้วย ปรากฏว่าเป็นยีนส์ขาดตามกระแสแฟชั่น ไม่ใช่เป็นยีนส์ขาดที่เกิดจากการใส่บ่อยๆ จนขาด ฮร่าาาา สำหรับแฟชั่นยีนส์ขาดนี้ เคยได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงยุค 80 อันเป็นยุคทองของกระแสดนตรีฮาร์ดร็อคและเฮฟวี่เมทัล ที่มาพร้อมกับความดิบยีนส์ขาดๆ แบบนี้นั่นเอง     และการขาดของยีนส์ในสมัยเก่าแก่ที่ยังมีคนนำมาใส่ ก็ไม่ใช่เป็นเพราะแฟชั่น แต่ทว่าเป็นผลพวงมาจากการใส่จนขาดของชนชั้นแรงงานในสมัยก่อน ซึ่งการจะซื้อเสื้อผ้าของแรงงานในสมัยนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ มีใส่เพียงไม่กี่ตัว เมื่อใส่จนขาดแล้ว ก็ยังคงใส่ต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายมาเป็นสไตล์ความชอบของแต่ละบุคคลแทน   ที่มา: apparelsearch, nextshark

Reuters สำนักข่าวชื่อดังของอังกฤษ เป็นสำนักข่าวขนาดใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือและมีคนติดตามมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งในปี 2018 นี้ ทาง Reuters ก็ได้มีการเผยลิสต์ภาพที่จัดว่าเป็นภาพแห่งปีออกมาให้ได้รับชม หนึ่งในประเภทของภาพแห่งปีที่ทาง Reuters ได้เผยแพร่ออกมานั้น มีหนึ่งประเภทที่น่าสนใจและเหมือนกับเป็นการรวมเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในปีนี้ก็คือลิสต์ภาพเหล่านี้ ที่กองบรรณาธิการคัดเลือกมาว่าเป็นภาพแห่งปี 2018   1. เกษตรกรยืนอยู่ท่ามกลางโบสถ์ที่เสียหาย ในหมู่บ้าน Tel Nasri ประเทศซีเรีย   2. Donald Trump และภรรยาถ่ายภาพร่วมกับทหารขณะเยี่ยมชมฐานทัพอากาศที่ประเทศอิรัก   3. เหล่าสุนัขที่เตรียมตัวเข้าการแข่งขัน Boxing Day ประจำปี ณ สหราชอาณาจักร   4. พิธีการตัดเคราของนักเรียนโรงเรียนซานตาคลอส บราซิล   5. ผู้อพยพจากฮอนดูรัสกำลังพยายามข้ามกำแพงเขตกั้นชายแดนอเมริกา-เม็กซิโก   6. หญิงชาวอินโดนีเซียเดินท่ามกลางซากปรักหักพังจากเหตุกาณ์สึนามิถล่ม   7. แม่ของเด็กหญิง Jakelin Caal อายุ 7 ปีที่ถูกส่งตัวไปชายแดนสหรัฐแล้วเสียชีวิตจากไข้สูง  …

เพราะด้วยอาชีพ ‘นักย่องเบา’ ความไวจึงควรจะเป็นคุณสมบัติหนึ่งของพวกเขา เพราะถ้าช้าแม้แต่วินาทีเดียวล่ะก็ มันอาจจะหมายถึงการเปลี่ยนชีวิตต้องไปนอนกินข้าวแดงในคุกได้เลย แต่ว่ามีโจรคู่หนึ่งที่เหมือนจะไร้ซึ่งความว่องไวแต่อย่างใด แถมยังสโลว์ไลฟ์ซะยิ่งกว่าใครเพื่อน เพราะพวกเขาทั้งชงกาแฟ อาบน้ำ รีดผ้า ทั้งๆ ที่ตัวเองกำลังอยู่ในบ้านของคนอื่นแท้ๆ !!   นาย Richard R. Nippell   Richard R. Nippell วัย 38 ปีกับคู่หูของเขา Camri D. Cantwell วัย 20 ปี ได้บุกย่องเบาเข้าบ้านแห่งหนึ่งในรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (24 ธ.ค.) พวกเขาบุกเข้าบ้านหลังนั้นและได้จัดการเอาทรัพย์สินที่เห็นว่ามีค่าเอามาใส่รถเป็นที่เรียบร้อย พร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์สำหรับการหลบหนีการก่ออาชญากรรมครั้งนี้   Camri D. Cantwell   แต่ว่าพวกเขากลับไม่ทำอย่างนั้น ทั้งคู่ตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในบ้านของเหยื่อแล้วเอาเสื้อผ้าออกมารีด อาบน้ำอย่างสบายใจเฉิบ เสร็จแล้วก็ชงกาแฟกินกันอย่างมีความสุข ในขณะที่พวกเขาอยู่ในบ้านนั้นเอง บังเอิญว่าเจ้าของบ้านตัวจริงกลับมาที่บ้านพอดี และพอเธอเห็นว่ามีข้าวของของเธออยู่บนหลังรถคันหนึ่ง เธอก็ตัดสินใจโทรแจ้งตำรวจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นเธอก็ได้นำเรื่องนี้ไปบอกกับญาติของเธอที่อยู่บ้างข้างๆ ซึ่งญาติคนนี้ก็พกปืนบุกเข้าไปในบ้านหลังที่เกิดเหตุทันที และเจอกับเจ้านักย่องเบาที่กำลังเพลิดเพลินอารมณ์อยู่   ละแวกบ้านที่เกิดเหตุ   เขาจึงได้เอาปืนขู่ให้ทั้งสองนอนราบลงกับพื้น…

เมื่อมีคนทำสิ่งที่เราไม่ชอบกับเรา เราก็คงอยากจะเข้าไปให้พ้นๆ หน้าหรือหาวิธีลงโทษเขาบ้างเป็นบางที แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้แล้วดูเหมือนกับว่าเธอจะมีวิธีลงโทษคนที่คอยตามรังควานเธอต่างจากคนอื่นไปสักนิด เพราะความที่เธอถูกตามตอแยและถูกก่อกวนอยู่บ่อยๆ เธอจึงได้ร่วมมือกับเพื่อนๆ อีก 2 คน ลวงหนุ่มคนที่มาเร้าหรือไปเจื๋อน ‘ไอ้จ้อน’ เพื่อต้องการจะสั่งสอนเป็นบทเรียน!!     เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่เมืองดอมบิฟลี ประเทศอินเดีย เมื่อหญิงไม่เปิดเผยชื่อคนหนึ่งถูกชายหนุ่มอีกคนหนึ่งตามรังควานและเธอมักจะถูกตามกระเซ้าเย้าแหย่บ่อยๆ จนเกิดความรำคาญ เธอจึงได้ขอความร่วมมือกับเพื่อนๆ เธออีก 2 คน ทำทีว่าชวนชายหนุ่มคนนี้ไปที่ทางรถไฟเปลี่ยวๆ ซึ่งเขาก็หลงเชื่อมาตามคำลวงของพวกเธอจริงๆ     จากนั้นพวกเธอก็ร่วมแรงร่วมใจกันจับชายหนุ่มคนนี้มัดเอาไว้กับต้นไม้ แล้วจากนั้นก็ ‘เจื๋อน’ สัญลักษณ์แสดงความเป็นชายของหนุ่มคนนี้จนขาด แล้วจึงรีบวิ่งหนีออกจากสถานที่เกิดเหตุ จากการรายงานระบุว่า หญิงผู้ก่อเหตุได้ให้การกับทางเจ้าหน้าที่ว่าเคยถูกชายอายุราวๆ 30 ปีคนนี้ตามรังควานและมักจะมีการใช้คำพูดกระเซ้าเย้าแหย่ร่วมด้วย ซึ่งถึงแม้ว่าเธอจะเคยเตือนเขาแล้วว่าไม่ชอบ แต่เขาก็ยังทำต่อมาเรื่อยๆ จนในที่สุดแล้วเธอหมดความอดทน ต้องใช้วิธีนี้เป็นการสั่งสอนเพื่อไม่ให้เขามายุ่งกับเธออีก!!     โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งนี้จากชาวบ้านในละแวกที่เกิดเหตุ และได้ส่งชายคนนี้ไปยังโรงพยาบาลในเวลาต่อมา ซึ่งตอนนี้อาการของของเขายังคงอยู่ในขั้นวิกฤติอยู่ และกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการรักษา ส่วนทางด้านหญิงผู้ลงมือกับเพื่อนๆ ก็ถูกตำรวจจับกุมตัวได้เป็นที่เรียบร้อย และตอนนี้เรื่องกำลังอยู่ในกระบวนการของชั้นศาลอยู่…   ที่มา: mirror, standard, inquirer

บางครั้งในเวลาที่พักผ่อน เราก็อาจจะเป็นตัวเองอย่างเต็มที่โดยไม่ได้พะวงถึงสิ่งใด แต่ว่าบางทีเราอาจต้องเช็กดูดีๆ ก่อนที่จะทำอะไรบ้าง เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะต้องอายจนหน้าแดงเหมือนกับในกรณีนี้… ที่คุณพ่อคนหนึ่งกลายเป็นคนดังโดยที่เขาไม่รู้ตัว จากความที่เขาดันเข้าไปติดกล้องของสถานีโทรทัศน์ขณะที่กำลังออกอากาศ ขณะที่กำลังล่อนจ้อนเปลือยกายอยู่!!     เรื่องนี้มีอยู่ว่าผู้สื่อข่าวชื่อว่า Dani Ramirez ได้ออกไปทำข่าวรายงานสภาพอากาศนอกสถานที่ ท่ามกลางหาดสวยฟ้าใสบริเวณหาดในเมืองบาเซโลน่า ประเทศสเปน แล้วระหว่างที่เขารายงานสภาพอากาศอยู่นั้นเอง ทางด้านหลังของเขาก็มีคุณพ่อคนหนึ่งอุ้มลูกเข้ามาติดเฟรมพอดี ซึ่งก็อาจเป็นเรื่องปกติของการทำข่าวนอกสถานที่ที่จะมีคนเข้ามาติดอยู่บ้าง     แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้น เพราะระหว่างที่หนุ่มนักข่าวคนนี้กำลังทำหน้าที่ คุณพ่อคนนี้ก็วางลูกให้คุณแม่จัดการ แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าถอดกางเกงว่ายน้ำเผยให้เห็นถึงแหนมตุ้มจิ๋วของเขา ขณะพยายามจะใส่กางเกงซะงั้น ในตอนนั้นคุณพ่อคนนี้ดูเหมือนกับว่าไม่ได้รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าร่างล่อนจ้อนของเขา ได้ออกสู่สายตาประชาชีที่ดูการรายงานสภาพอากาศอยู่ เพราะดูเหมือนกับว่าเขาไม่ได้สังเกตว่ามีกล้องอยู่ ณ ตรงนั้นแม้แต่น้อย   คลิปการเปลือยกายแบบไม่แคร์สื่อของคุณพ่อ  เรื่องราวฮาๆ นี้ได้ออกสู่สายตาชาวเน็ต และมันก็กลายเป็นที่พูดถึงในทันที ซึ่งชาวเน็ตบางคนได้แสดงความคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้เอาไว้แบบติดขำ ดั่งเช่น “ในขณะที่ Dani Ramirez กำลังอธิบายข่าวสภาพอากาศ แล้วข้างหลังเขา เอิ่ม…” “ใช่มันฮอตเอามากๆ (น่าจะหมายถึงคุณพ่อคนนี้) ในบาเซโลน่า แต่คงไม่มีใครรู้หรอกนะ”      ถึงตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าคุณพ่อคนนี้รู้ตัวบ้างหรือยังว่าตัวเขาได้ไปออกทีวีท่ามกลางสภาพนี้ แต่อย่างไรล่ะก็ตอนนี้คนทั่วแทบทั้งโลกอาจจะรู้แล้วก็เป็นได้…   อายไปเต็มๆ เลยงานนี้ ฮ่าา…

ในความคิดของคนทั่วๆ ไป เมื่ออายุเริ่มมากขึ้นจะทำงานได้น้อยลง ตามเงื่อนไขของสุขภาพร่างกายที่ชราลงไปตามวัย เป็นเหตุให้ต้องมาพักอยู่บ้าน เพื่อให้ลูกหลานได้ดูแลกัน แต่ทว่าบางคนอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะถึงแม้ว่าจะมีอายุมากแค่ไหนก็ตาม พออยู่บ้านนานๆ ก็จะเกิดอาการเบื่อขึ้นมาได้ ฉะนั้นจึงต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการหาอะไรทำ ไม่ให้รู้สึกว่างจนเกินไป     อย่าง Chang Yun Chung ผู้ก่อตั้งบริษัทกิจการเดินเรือแห่งสิงคโปร์ PIL ผู้มีรายได้สุทธิ 1,900,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (61,589,450,000 บาท) ในปี 2018 เปิดเผยโดยนิตยสาร Forbes และเขามีอายุครบ 100 ปีแล้วด้วย     สำหรับ Chang เอง ยังคงเดินทางไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทตัวเองเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่างานต่างๆ ดำเนินการไปได้ด้วยดี แม้ว่าเขาจะโยกย้ายตำแหน่งประธานบริหารให้กับลูกชาย Teo Siong Seng ไปแล้วก็ตาม “ทุกๆ วัน ผมจะจดบันทึกทุกกิจกรรมที่ผมทำลงในไดอารี่ ทุกอย่างเลย และหัวหน้าทุกแผนกก็จะแวะเวียนเข้ามาหาผมเช่นกัน ผมอยู่บ้านไม่ได้ ผมรู้สึกเบื่อ เบื่อมากเลยด้วย” เจ้าสัวเสริมไว้ว่า มันเป็นนิสัยของตัวเขาเองที่จะต้องตื่นตัวอยู่ตลอดและมาทำงานทุกวัน  …

นี่อาจเป็นเรื่องที่หลายๆ คนอาจจะไม่เชื่อ แต่ว่าก็เป็นเรื่องจริงๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ เมื่อคุณแม่คนหนึ่งได้ให้กำเนิดลูกสาวในช่วงอายุที่เกินกว่าใครหลายคนจะคาดคิดถึง เพราะเธอมีอายุถึง 65 ปี!!     เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา หญิงอายุ 65 ปีที่ไม่ระบุชื่อคนหนึ่ง ได้ให้กำเนิดบุตรสาวขึ้นมาลืมตาดูโลก ที่โรงพยาบาลในเขตรัฐชัมมูและกัศมีร์ ประเทศอินเดีย ทางด้านนาย Hakim Din ผู้เป็นพ่อของเด็กวัย 80 ปี ได้กล่าวขอบคุณพระอัลเลาะห์ถึงเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นนี้ โดยระบุไว้ว่านี่เป็น ‘ของขวัญอันล้ำค่า’ สำหรับตัวเขาเลยทีเดียว     แต่ถึงอย่างไรแล้วด้วยวัยที่เริ่มร่วงโรยของทั้งคู่ พวกเขาก็ต้องการหาเงินช่วยเหลือสำหรับการเลี้ยงดูลูกสาวคนนี้ให้เติบโตในวันข้างหน้า โดยก่อนหน้านี้สามี – ภรรยาคู่นี้ได้มีลูกชายอยู่แล้วคนหนึ่ง ซึ่งเกิดก่อนหน้าเด็กคนนี้ราวๆ 8 – 10 ปีเลยทีเดียว     สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ด็อกเตอร์ Shabir Sidiqui ผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีแพทย์ ได้ให้สัมภาษณ์กับกรณีนี้ว่านี่เป็นเคสที่ ‘หายากที่สุดของความหายาก’ “โดยปกติแล้ววัยที่หมดประจำเดือนของผู้หญิงในประเทศอินเดียจะอยู่ที่ 47 ปี และเมื่อช่วงนี้มาถึงแล้วก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้กำเนิดลูก แต่นี่คือกรณีที่หาได้ยากสุดๆ” ด็อกเตอร์ Shabir กล่าว   ผู้สื่อข่าวของอินเดีย ทวีตถึงเรื่องนี้ A…

เรื่องของความเฮงความโชคดี เป็นเรื่องที่ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ดั่งเช่นในกรณีต่อไปนี้ที่ชายคนหนึ่งลงทุนเล่นไพ่ไปแค่ 5 ดอลลาร์ (ราวๆ 160 บาท) แต่เขากลับชนะได้เงินมานอนกอดอุ่นๆ แบบรวยไม่รู้เรื่องนับล้านดอลลาร์!!   คาสิโน Borgata   เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นาย Harold McDowell วัย 85 ปี ได้เข้าไปเสี่ยงดวงที่คาสิโน Borgata ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเขาได้เลือกเล่นโปกเกอร์แบบ 3 ใบ (6 Card Bonus) ในการเล่นครั้งนี้เขาได้ลงทุนไปทั้งหมดทั้งสิ้นเป็นเงิน 5 ดอลลาร์ด้วยกัน แต่ในท้ายที่สุดแล้วความมหาดวงดีของเขาก็ดลบันดาลให้ไพ่ทั้งหมดในมือร่วมใจกันขึ้นหน้ามาเป็น ‘รอยัลสเตรทฟลัช’ แบบเหนือความคาดหมาย   โชว์ผลงานซะหน่อย   นาทีนั้นเขาก็บอกว่าตัวเองก็ช็อกเหมือนกันที่สามารถจับไพ่นี้ขึ้นมาได้ เพราะมันเป็นเรื่องยากมากๆ ทีเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันทางคาสิโนก็ได้ถ่ายภาพเหตุการณ์นี้เก็บไว้เป็นประวัติศาสตร์ของที่นี่ด้วย   เงินรางวัลโบนัสจากการได้ไพ่นี้… ส่วนทางด้านเงินรางวัลจากการที่จับไพ่นี้ได้ก็ไม่มากไม่น้อยเพียงแค่ 1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 32 ล้านบาท) แต่จะต้องถูกหักภาษีเป็นอย่างน้อย 200,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 6 ล้านบาท) ซึ่งเขาก็คิดว่าจะเก็บเงินนี้ไว้ให้ลูกต่อไป…

หนุ่มสาวที่เพิ่งนัดเดตกันเป็นครั้งแรกๆ ส่วนใหญ่ย่อมต้องมีการวางตัวต่อกันและกันที่ดี ชนิดที่ว่าทำคะแนน “ความประทับใจแรกพบ” ให้เต็มร้อยไปเลย แต่สำหรับเหตุการณ์ที่จะนำมาเสนอต่อไปนี้ กลับทำให้รู้สึกว่าโลกของเรามันอาจจะเปลี่ยนไปแล้ว เพราะหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งเจอกับหญิงสาวได้ไม่นาน กลับเอาแต่เล่นโทรศัพท์มือถือจนไม่สนใจคู่เดตของเขาเลย   ฝ่ายชาย มือหนึ่งถือตะเกียบ อีกมือหนึ่งก็ถือโทรศัพท์มือถือ   เหตุการณ์เกิดขึ้นในร้านหม้อไฟแห่งหนึ่งของเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน ระหว่างการเดตของทั้งคู่ ฝ่ายชายก็แสดงพฤติกรรมเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างใจจดใจจ่อ จนกระทั่งฝ่ายหญิงไม่สามารถทนเห็นภาพแบบนี้ได้ไหว จากคลิปวิดีโอที่ลูกค้าโต๊ะอื่นบันทึกมาได้ ทำให้ทราบว่าทั้งคู่ทะเลาะและมีปากเสียงกันเนื่องจากฝ่ายหญิงทนไม่ได้ที่ฝ่ายชายเอาแต่เล่นโทรศัพท์มือถือ กระทั่งฝ่ายหญิงถึงกับลงมือ ชิงโทรศัพท์ของฝ่ายชายมา แล้วหย่อนทิ้งลงไปในหม้อไฟร้อนๆ ก่อนที่จะเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว ชมคลิปได้ที่นี่!   หย่อนโทรศัพท์มือถือของฝ่ายชายลงไปในหม้อไฟ   ฝ่ายหญิงเดินหนีออกนอกร้านอย่างรวดเร็ว   งานนี้ทำเอาฝ่ายชายนั่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก ใช้ตะเกียบพยายามคีบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแต่ก็ไม่สำเร็จ โชคดีที่ได้พนักงานของร้านมาช่วยตักโทรศัพท์ของเขาขึ้นมา ตามคลิปวิดีโอที่เห็น โทรศัพท์มือถือของเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำซุปหม้อไฟ ไม่ทราบว่ามันยังสามารถใช้การได้อยู่หรือเปล่า   โทรศัพท์มือถือเลอะชุ่มไปด้วยน้ำซุปหม้อไฟ   สุดท้าย ไม่เป็นที่ทราบว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงมีความสัมพันธ์กันต่อหรือไม่อย่างไร และได้ติดต่อกันหรือเปล่าก็ยังไม่มีข้อมูลเผยมาให้ทราบ ที่มา: kapook, shanghaiist และ miaopai

Alcatraz เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ในเมืองซานฟรานซิโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา แต่เดิมแล้วเกาะแห่งนี้ถูกใช้เป็นคุกที่เอาไว้คุมขังนักโทษ ซึ่งเปิดทำการระหว่างปี 1934-1963 โดย คุก Alcatraz ถูกยกย่องว่าเป็นคุกที่มีระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดในโลก ณ ช่วงเวลาดังกล่าว ถึงขั้นที่มีคนมอบฉายา “คุกที่ไม่มีนักโทษคนใดหลบหนีได้” เว้นแต่สามคนนี้     ย้อนกลับไปในปี 1962 John และ Clarence Anglin สองพี่น้องพร้อมกับ Frank Morris เพื่อนนักโทษของพวกเขาได้ทำการหลบหนีออกมาจากคุก Alcatraz โดยตลอดที่เปิดทำการมาได้มีนักโทษพยายามจะหลบหนีจากคุกอยู่ 36 คนแต่ไม่มีสักคนที่สามารถทำได้สำเร็จ นักโทษที่พยายามจะแหกคุกไม่ถูกจับได้ ก็ถูกวิสามัญหรือไม่ก็จมน้ำตาย และเมื่อทั้งสามคนได้หลบหนีออกมาและเจ้าหน้าที่ไม่พบตัวของพวกเขา จึงได้สันนิษฐานว่าทั้ง 3 คนได้จมน้ำเสียชีวิตไปแล้ว แม้จะไม่มีหลักฐานยืนยันก็ตาม     แต่ข้อสันนิษฐานของพวกเขานั้นอาจจะผิดพลาด เมื่อทาง Telegraph ได้เผยภาพจดหมายของบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็น John Anglin ซึ่งส่งมาหา FBI เพื่อขอกลับเข้าคุกเพื่อแลกกับการรักษาโรคที่เขาเป็นอยู่ จดหมายถึงกล่าวมีข้อความว่า “ผมชื่อ Jon Anglin ผมหลบหนีออกมาจากคุก Alcatraz ในมิถุนายนปี 1962 กับ…

สำหรับเด็กๆ แล้ว ‘ความซน’ อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาของพวกเขา เพราะในช่วงวัยนี้เป็นวัยที่กำลังก๋ากั่น อยากรู้อยากเห็นสิ่งต่างๆ แต่ว่าบางทีหากซนเกินพอดีก็อาจจะต้องได้รับบทเรียนบ้าง เหมือนกับที่คุณแม่คนนี้ได้ให้บทเรียนกับลูกชาย ด้วยการสั่งให้ไปเก็บขยะหาเงินไปชดใช้ค่าเสียหายจากการทำข้าวของที่โรงเรียนพัง และดูเหมือนกับว่าจะได้ผลดีเสียด้วย…     เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นของเมืองกุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน ได้พบกับเด็กชายคนหนึ่งเดินเก็บขยะตามถังขยะต่างๆ ในเมือง โดยที่มีผู้เป็นแม่เดินตามอยู่ห่างๆ จึงได้เข้าไปสอบถามจนได้รู้ว่าเด็กชายคนนี้มีชื่อว่า เสี่ยวหลี่ วัย 8 ขวบ ซึ่งเหตุผลว่าทำไมต้องมาเก็บขยะเช่นนี้ เด็กคนนี้ก็ตอบว่าเป็นเพราะตัวเขาทำของที่โรงเรียนพัง จึงจำต้องหาเงินไปใช้คืนนั่นเอง     ทางแม่ของเด็กจึงได้มาเล่ารายละเอียดให้ฟังว่า ลูกชายของเธอเป็นเด็กที่ซนเอามากๆ และชอบทำลายข้าวของที่โรงเรียนอยู่บ่อยๆ โดยเหตุการณ์ล่าสุดคือได้ทำป้ายแปะบอกชั้นเรียนของห้องเรียนพัง ครูจึงขอให้ทางบ้านชดใช้ค่าเสียหายสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น     ทางคุณแม่เมื่อเห็นดังนี้จึงอยากฝึกนิสัยของลูกให้มีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำ จึงได้แกล้งบอกกับลูกว่าไม่มีเงินจะไปจ่ายค่าชดใช้ให้ ซึ่งถ้าอยากได้เงินจริงๆ เขาต้องหาเงินไปคืนคุณครูด้วยตัวเอง พร้อมกับแนะนำว่าให้เก็บขยะไปขายก็จะได้เงิน ซึ่งลูกชายเธอก็ยอมทำตามคำแนะนำของคุณแม่ด้วยการเดินเก็บขยะในที่ต่างๆ โดยที่มีคุณแม่คอยสอดส่องความเรียบร้อยอยู่ห่างๆ โดยเธอเชื่อว่าวิธีนี้น่าจะช่วยสอนใจลูกได้ไม่มากก็น้อย     และดูเหมือนกับว่ามันจะได้ผลจริงๆ เพราะเมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปถามหนูน้อยว่าเหนื่อยหรือเปล่ากับการเก็บขยะอย่างนี้ เขาก็ตอบกลับมาว่า ‘เหนื่อยมากครับเดินหาทั้งวันเลย จะไม่ทำอีกแล้วครับ’   คลิปวิดีโอขณะหนูน้อยเก็บขยะ…

นี่อาจเป็นหนึ่งการอำพรางคดีที่แนบเนียนที่สุดถ้าหากว่าไม่โดนจับได้ซะก่อน เมื่อนายแพทย์คนหนึ่งได้วางยาและผลักอดีตภรรยาของเขาตกหน้าผาตาย แต่เขาก็ใช้วิธีการอัพเดทเฟซบุ๊กของเธออยู่เสมอเพื่อไม่ให้ใครจับได้!! ด็อกเตอร์ Dharmendra Pratap Singh ผู้มีอาชีพเป็นศัลยแพทย์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวเอาไว้ได้ จากการที่พบว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ Rakhi Srivastava อดีตภรรยาชาวอินเดียของเขา   Rakhi Srivastava ผู้เสียชีวิต   คุณหมอ Singh ได้ให้การรับสารภาพว่าได้พบกับ Rakhi จริงเมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเขาได้มอมเมาเธอด้วยเครื่องดื่มผสมยากล่อมประสาท และเมื่อมันออกฤทธิ์ก็ได้ผลักเธอตกหน้าผาในเมืองโปขรา ประเทศเนปาล จนเสียชีวิต โดยในเดือนดังกล่าว เป็นเวลาเพียงไม่นานนักหลังจากที่เธอเลิกรากับเขาไป และไปแต่งงานกับชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งชายผู้เป็นสามีใหม่คนนี้เองได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยรายแรกหลังจากการหายตัวไปของเธอ โดยมาจากการสันนิษฐานของญาติฝ่ายหญิง…     แต่ว่าทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อและได้มีการควบคุมตัวคุณหมอ Singh พร้อมกับชายผู้ที่น่าจะร่วมขบวนการเดียวกันอีก 2 คน คือนาย Pramod Kumar Singh และ Deshdeepak Nishad จากการตรวจสอบประวัติการโทรในโทรศัพท์ของคุณหมอ จนกระทั่งเขาก็ได้สารภาพออกมาในที่สุด แล้วยังบอกด้วยว่าเขามักจะใช้วิธีการอัพเดทเฟซบุ๊กของผู้เสียชีวิตผ่านทางโทรศัพท์ของเธอ เพื่อไม่ให้มีใครสงสัยว่าเธอหายตัวไป แต่แล้วความก็มาแตกเอาเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบเจอโทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิตเข้าให้ นี่จึงเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการมัดตัวเขา ขณะนี้คดียังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนเพิ่มเติมว่ายังมีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมหรือไม่ หรือรูปคดีจะไปทางทิศทางไหนกันแน่ ซึ่งก็คงต้องติดตามกันต่อไป…   ที่มา: mirror,…

กลายเป็นที่ฮือฮากันกันอย่างมากในโลกอินเทอร์เน็ตของชาวมะกัน ในกรณีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีผมขาว ได้ตอบคำถามของเด็กๆ ผ่านทางโทรศัพท์ในวันคริสต์มาสว่า ”นี่ยังเชื่อเรื่องซานต้าอยู่หรือเปล่า”!!     โดยในธรรมเนียมของทุกๆ ปีเมื่อถึงวันคริสต์มาส ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ และภริยาจะมีภารกิจพิเศษช่วยเด็กๆ ตามหาซานต้าด้วยการพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์กับผู้โชคดี และในปีนี้อีกก็เช่นเดียวกัน นายโดนัลด์ ทรัมป์และเมลาเนีย ทรัมป์ สตรีหมายเลขหนึ่งแห่งสหรัฐฯ ได้เข้าร่วมภารกิจนี้พูดคุยกับเด็กๆ ถึงเรื่องของซานต้า   วินาทีที่เขาพูดคุยกับเด็กคนนี้    แต่ว่ามีอยู่จังหวะหนึ่งที่ประธานาธิบดีวัย 70 กะรัตคนนี้ได้คุยกับเด็กวัย 7 ขวบที่ชื่อว่า Coleman ผ่านทางโทรศัพท์ แล้วเขาเกิดก็ถามคำถามกับเด็กคนนี้ว่า ‘ยังเป็นคนเชื่อเรื่องซานต้าอยู่หรือเปล่า’ และนี่เองได้กลายเป็นประเด็นในเวลาต่อมา เพราะว่าชาวเน็ตหลายคนมองว่าคำถามนี้มันเป็นเหมือนกับคำถามที่ตั้งขึ้นกับความฝันของเด็กๆ!!     แต่อย่างไรก็ตามนี่อาจเป็นการพลั้งปากเกิดขึ้นก็เป็นได้ เพราะสำหรับเด็กๆ คนอื่นๆ แล้วนายโดนัลด์ก็พูดคุยเกี่ยวกับซานต้าตามปกติ และมีอยู่ครั้งหนึ่งเขาได้ถามเด็กในสายโทรศัพท์ด้วยว่า ‘นี่ซานต้าเอาของขวัญไปให้รึยังเอ่ย’ ‘ขอให้เป็นวันคริสต์มาสที่ยอดเยี่ยมนะ แล้วเราไว้คุยกันใหม่ โอเค๊?’     ส่วนทางด้านสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ดูเหมือนจะค่อนข้างสนุกเอาเรื่องกับการได้พูดคุยกับเด็กๆ โดยหลังจากที่เธอปฏิบัติภารกิจนี้เสร็จสิ้นก็ได้ออกมาทวีตถึงความน่ารักในเทศกาลนี้ “การได้ช่วยเด็กๆ ตามหา #Santa เป็นหนึ่งในธรรมเนียมที่ฉันชื่นชอบมากจริงๆ ฉันรู้สึกสนุกเอามากๆ…

ในโลกยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีได้พัฒนาไปมาก จนถึงขนาดที่ว่ามี ‘ลำโพงอัจฉริยะ’ ขึ้นมาแล้ว!! ซึ่งเจ้าลำโพงอัจฉริยะที่ว่า เราสามารถสั่งให้มันทำอะไรกับระบบไฟฟ้าในบ้านของเราก็ได้ (แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ที่ว่าต้องมีระบบ AI ที่เชื่อมต่อกันด้วยนะ) หรือจะสั่งให้มันทำอะไรในโลกอินเทอร์เน็ตก็ได้ เช่นสั่งของออนไลน์ เปิดเพลงออนไลน์ เป็นต้น แต่ความสะดวกสบายที่ได้รับมาจากการใช้งานเจ้าเครื่องนี้ ก็อาจจะนำมาซึ่งการสูญเสีย ‘ความเป็นส่วนตัว’ ได้เช่นกัน     ในช่วงปีที่ผ่านมา มีเคสรายงานเข้ามาว่า หญิงสาวจากเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าเจ้าลำโพงอัจฉริยะ Echo ของตัวเองนั้นได้ ‘บังเอิญ’ อัดเสียงบทสนทนาระหว่างเธอและสามี พร้อมกับส่งไปให้กับคนอื่น!? อย่างไรก็ตาม ทางด้านโฆษกของ Amazon ก็ออกมาให้ข้อมูลถึงเคสดังกล่าวว่า ไม่ต้องตกใจไป เพราะเจ้าเครื่องมือเหล่านี้มันจะมี ‘ชุดคำสั่ง’ อยู่ ซึ่งหญิงคนนี้ดันไปพูดคำพูดที่เป็นคำสั่งของลำโพงอัจฉริยะเข้าให้ ก็เลยทำให้มันเริ่มทำการ ‘อัดเสียง’     การส่งเองก็เช่นกัน เจ้าลำโพงอัจฉริยะเหล่านี้จะฟังคำสั่งของผู้ใช้งาน เมื่อมันได้ยินการโต้เถียงหรือพูดคุยกันก็อาจจะนำมาซึ่ง ‘การสั่งการ’ ก็เป็นได้ อย่างเคสที่ยกตัวอย่างมาก็คือ “เจ้าลำโพงถูกเปิดขึ้นมาโดยบังเอิญจากการพูดคุยกันของสามีภรรยา อาจจะเป็นคำพูดที่คล้ายๆ กันกับคำที่ตั้งเอาไว้ในเครื่อง” “จากนั้นมันก็อาจจะได้ยินบางคำของการสนทนา เช่นคำว่า…

ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสของทุกๆ ปี เนื่องจากเตรียมที่จะฉลองในวันดังกล่าว ช่วงนี้ชาวคริสต์ทั้งหลายจึงมักจะใช้จ่ายกันอย่างสะบั้นหั่นแหลก ซึ่งบางคนก็อาจจะได้ใช้เงินไปโดยไม่ได้คำนวณว่าตัวเองจ่ายไปเท่าไหร่ เหมือนอย่างกับคุณแม่คนที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เธอถึงกับต้องกุมขมับ หลังตระหนักถึงจำนวนเงินที่เธอใช้จ่ายไปในช่วงคริสต์มาส     วันที่ 22 ธันวามคม 2018 คุณแม่คนดังกล่าวได้ไปตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ Mumsnet เพื่อโพสต์ระบายเรื่องที่เกิดขึ้นในเพื่อนๆ คุณแม่ได้รับฟัง เธอได้โพสต์กระทู้ด้วยข้อความว่า “นี่ไม่ใช่การโอ้อวด แต่ฉันรู้สึกปวดหัวกับเรื่องดังกล่าวจริงๆ พวกเราเป็นครอบครัวใหญ่ ฉันมีลูกทั้งหมด 6 คน ซึ่งฉันเพิ่งจะใช้จ่ายไปโดยไม่ได้ตั้งงบเอาไว้ ฉันจ่ายเงินไปประมาณ £500 (20,000 บาท) ต่อลูกหนึ่งคน พวกเราซื้อเสื้อผ้าและสิ่งของมากมายที่พวกลูกๆ อยากได้ ทั้งขวดน้ำร้อน, ผ้านวม, ขวดน้ำ, ดินสอ, และอื่นๆ รวมถึงของเล่นมากมายเพราะที่ผ่านไม่ได้ซื้อเลย เอาจริงแล้วเราจ่ายแทบไม่ไหวด้วยซ้ำ ถึงพอจะควบคุมได้ก็เถอะ ฉันเลยรู้สึกปวดหัวจริงๆ คุณแม่คนอื่นช่วยบอกฉันหน่อยได้มั้ยว่าคนที่ใช้จ่ายมากกว่าหรือใช้เคียงกับฉันอยู่ด้วย ฉันว่าคริสต์มาสคราวนี้มันแย่ไปหน่อยเลย ฉันมันโง่เอง เรียนรู้จากฉันไว้นะทุกคน”     หลังจากเธอตั้งกระทู้ก็มีคุณแม่คนอื่นๆ ในเว็บบอร์ดดังกล่าวเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย ชาวเน็ตคนนี้แนะนำว่า “สิ่งสำคัญที่ต้องทำก็คือให้ย้อนมองไปแล้วตรึกตรองว่าทำไมถึงทำแบบนั้นลงไปคุณจะได้หลีกเลี่ยงไม่ทำมันซ้ำอีก ในปีหน้าคุณก็ตั้งงบไว้แล้วยึดตามนั้น เขียนสิ่งที่ต้องการ อยู่กับความเป็นจริงและยับยั้งชั่งใจบ้าง ฉันแน่ใจเลยว่ามีคนที่เป็นแบบคุณ…