Category: ข่าวคราวรอบโลก

ในปัจจุบันสัตว์หลายชนิดกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ หลายๆ ประเทศเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อดำเนินการปกป้องสัตว์เหล่านั้นเพื่อไม่ให้เรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้น สำหรับประเทศจีนเองก็เช่นกัน พวกเขาได้ดำเนินการส่ง DNA ของเสือโคร่งชนิดหนึ่งที่หายากมากๆ และใกล้สูญพันธุ์เต็มทีขึ้นไปบน ‘อวกาศ’ เพื่อเก็บรักษาเอาไว้     เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมาสื่อของประเทศจีนรายงานว่ามีการส่ง DNA ของเสือหายากตัวหนึ่งเก็บใส่ขวด และส่งขึ้นไปยังอวกาศโดยใช้ จรวดลองมาร์ช-11 จากศูนย์ส่งดาวเทียมจิ่วฉวน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน     DNA ดังกล่าวถูกเก็บมาจากเลือดของเจ้า คังคัง เป็นเสือโคร่งพันธุ์จีนใต้ ที่หายากสุดๆ และใกล้สูญพันธุ์เต็มที ก่อนจะนำมาเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนให้เป็นผงแห้ง และบรรจุใส่อุปกรณ์แบบพิเศษ   .   ก่อนจะส่งขึ้นไปสู่อวกาศที่วงโคจรเหนือพื้นโลกราวๆ 1,000 กิโลเมตร ซึ่งในห้วงอวกาศจะมีอุณหภูมิต่ำ และอยู่ในสภาพสุญญากาศ ทำให้เหมาะแก่การเก็บรักษาเป็นอย่างยิ่ง ภารกิจดังกล่าวถือเป็นการเดินทางเชิงบวก เพื่อปกป้องและสำรองทรัพยากรสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ต่างๆ เอาไว้     ที่มา : China Xinhua News

‘เทศกาลคริสต์มาส’ คือหนึ่งในเทศกาลที่มีผู้คนร่วมเฉลิมฉลองกันทั่วโลก เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ครอบครัวจะได้กลับมาพบเจอและเฉลิมฉลองด้วยกัน เท่านั้นยังไม่พอ ความสุขเหล่านั้นก็ถูกแบ่งปันไปถึงคนที่ ‘ไม่มีโอกาส’ แบบที่กล่าวมาด้วย!! นี่คือเรื่องราวของเหล่าอาสาสมัคร ที่จัดเลี้ยงงานคริสต์มาสให้กับคนไร้บ้านกว่า 200 คน ให้พวกเขาเข้าร่วมได้แบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย!! เหล่าอาสาสมัครจากองค์กรที่มีชื่อว่า Midlands Langar Seba Society (MLSS) ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลแบบไม่หวังผลตอบแทน ได้ร่วมมือกันทำเรื่องดีๆ แบบนี้ขึ้นมา     เหตุผลหลักของการจัดงานในครั้งนี้ก็คือ ‘ต้องการที่จะจัดปาร์ตี้ให้กับบุคคลที่รู้สึกเหงา โดดเดี่ยว และแปลกแยกในช่วงคริสต์มาส เพื่อให้พวกเขาได้มาเจอกัน มาทานอาหารร่วมกัน และได้พูดคุยกันอย่างมีความสุข’ งานปาร์ตี้ดังกล่าวถูกจัดขึ้นที่สถานีรถไฟใต้ดินของเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ มีเหล่าคนไร้บ้านเข้าร่วมงานในครั้งนี้กว่า 200 ราย     Louise Gall วัย 41 ปี หนึ่งในผู้เข้าร่วมงานกล่าวถึงความรู้สึกว่า “สิ่งที่พวกเขาทำมันยอดเยี่ยมมากๆ ฉันอาศัยอยู่ที่ข้างถนน และถ้าไม่มีงานนี้ ฉันคงจะต้องนั่งแบบมือขออาหารจากคนอื่นๆ ที่เดินผ่านไปมาในช่วงคริสต์มาสซะแล้ว”     ทางด้านนาย Randhir Singh ผู้อำนวยการขององค์กร…

หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อของ Area 51 กันมาบ้างแล้ว มันคือ ‘หน่วยงานลับในตำนาน’ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เล่าลือกันว่าในที่แห่งนี้มีการวิจัยเกี่ยวกับ ‘มนุษย์ต่างดาว’ อยู่!? แต่ล่าสุดมีชายคนหนึ่ง ที่อ้างตัวว่าตัวเองเคยเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ ที่เคยทำงานใน Area 51 ออกมาเปิดเผยความลับถึงการทำงานข้างในนั้นผ่านทางภาพยนตร์แนวสารคดี ชายคนดังกล่าวชื่อว่านาย Bob Lazar วัย 59 ปี เขาอ้างว่าตัวเองทำงานเป็นวิศวกรเกี่ยวกับสิ่งที่มาจากนอกโลก ในหน่วยงานที่มีชื่อว่า S-4 ซึ่งเป็นหน่วยงานย่อยของ Area 51     เขาให้ความร่วมมือกับนักข่าว George Knapp ร่วมกันถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับความลับที่อยู่ภายใน Area 51 ก่อนที่เรื่องราวเหล่านั้นจะถูกนำมาร้อยเรียงให้กลายเป็นภาพยนตร์โดยฝีมือของผู้สร้างหนัง Jeremy Corbell และใช้ชื่อหนังเรื่องนี้ว่า Bob Lazar ในหนังจะมีเนื้อหาที่เปิดเผยว่า ‘USAF (กองทัพอากาศสหรัฐฯ) ได้ทำการเก็บกู้ซากของยานอวกาศมนุษย์ต่างดาวมาไว้ที่ศูนย์ Area 51 ในทะเลทรายเนวาดา และทำการศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีเหล่านั้น’     หลังจากที่หนังถูกเปิดเผยออกมาไม่นานพี่แกก็ออกมาอ้างอีกว่า ตอนนี้ถูก FBI บุกค้นบ้าน…

The Jury of the Travel Photographer of the Year awards คือการประกวดภาพถ่ายเชิงท่องเที่ยวชื่อดังที่จัดทำมาแล้ว 2 ปี ซึ่งในปี 2018 นี้ก็จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 แล้ว งานประกวดภาพถ่ายครั้งนี้ได้รับความสนใจจากเหล่าช่างภาพมืออาชีพและมือสมัครเล่นจากทั่วโลก รูปภาพกว่า 20,000 ใบถูกส่งเข้ามาประกวด และนี่คือภาพที่ได้รางวัลชนะเลิศในแต่ละประเภทประจำปีนี้   ชนะเลิศ ประเภทช่างภาพนักท่องเที่ยวแห่งปี   ชนะเลิศ ประเภทช่างภาพเยาวชน   ชนะเลิศ ประเภทช่างภาพอายุต่ำกว่า 14 ปี   ชนะเลิศ ประเภทช่างภาพอายุ 15-18 ปี   ชนะเลิศ ประเภทภาพถ่ายใบหน้า บุคคล และวัฒนธรรม   ชนะเลิศ ประเภทภาพถ่ายใบหน้า บุคคล และวัฒนธรรม (ภาพเดี่ยว)   ชนะเลิศ ประเภทภาพถ่ายธรรมชาติ   ชนะเลิศ…

ทรงผม “เดรตล็อก” นั้นไม่ใช่แค่เพียงทรงผมที่คนผิวสีนิยมทำกัน แต่ทรงผมดังกล่าวยังถือว่าเป็นสิ่งที่แสดงถึงอัตลักษณ์ของชาติพันธ์ุของพวกเขาอีกด้วย ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่หนุ่มผิวสีนักกีฬาคนหนึ่งถูกผู้ตัดสินห้ามไม่ให้แข่งเนื่องจากปัญหาเรื่องทรงผม จึงเกิดเป็นดราม่าขึ้นในโลกโซเชียลมีเดียของต่างประเทศ   Epitome of a team player ⬇️ A referee wouldn't allow Andrew Johnson of Buena @brhschiefs to wrestle with a cover over his dreadlocks. It was either an impromptu haircut, or a forfeit. Johnson chose the haircut, then won by sudden victory in OT to help spark Buena to a…

เรื่องของการ ‘เมาแล้วขับ’ ถือได้ว่าเป็นเรื่องหนึ่งที่อันตรายต่อทั้งตัวเองและผู้อื่นเอามากๆ จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่จะต้องจัดการรับมือกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายเช่นนี้ แต่ว่าบางทีพวกเขาก็อาจจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดเหมือนในกรณีนี้ เมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งเห็นว่าสามีของเธอที่เมาแล้วขับกำลังจะถูกจับตัวไป เธอเลยเอา ‘กางเกงในสกปรก’ ขว้างใส่เจ้าหน้าที่!!   นาย Michael Nelson   เรื่องนี้มีอยู่ว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (23 ธ.ค.) นาย Michael Nelson ได้ขับรถเมอร์เซเดส เบนซ์ของเขาไปตามท้องถนนในนิวยอร์ก ร่วมกับ Alexandra Nelson ผู้เป็นภรรยาวัย 29 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระบุว่า ในวันดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมรถคันนี้เอาไว้เพราะเห็นว่าเมาแล้วขับแน่ๆ แต่ว่าทั้งคู่ไม่ยอมลงจากรถแต่โดยดี แต่ในที่สุดแล้วทางตำรวจก็สามารถเชิญตัวคนขับลงมาจากรถได้และพยายามทำการจับกุม แต่ว่าเขาก็ทำการต่อสู้ด้วยการใช้หัวโขกใส่เจ้าหน้าที่หลายต่อหลายครั้ง   Alexandra Nelson    ทางด้าน Alexandra ผู้เป็นภรรยาซึ่งเมาไม่ต่างกัน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่พยายามจะจับกุมสามี เธอก็ลงจากรถเข้าห้ามตำรวจไม่ให้จับสามีของเธอไป สุดท้ายทั้งคู่ถูกตำรวจจับกุมไปที่สถานีตำรวจ ซึ่งทาง Michael ก็ยังแสดงความเกรี้ยวกราดออกมาอยู่ และปฏิเสธที่จะเข้ารับการทดสอบความบริสุทธิ์ด้วยเครื่องเป่าแอลกอฮอล์และการตรวจสารเสพติด ส่วนผู้หญิงก็พยายามถ่มน้ำลายใส่เจ้าหน้าที่ พร้อมๆ กับโยนรองเท้ารวมถึงกางเกงในที่เปื้อนอยู่ใส่พวกเขาด้วย     อย่างไรก็ตามความพยายามของพวกเขาดูเหมือนจะกลายเป็นศูนย์ เมื่อทางตำรวจได้จับกุมพวกเขาด้วยการตั้งข้อหาต่างๆ Alexandra ถูกตั้งข้อหาว่าทำร้ายร่างกาย ขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ และครอบครองยาควบคุมพิเศษ แต่ทางตำรวจก็ไม่ได้เปิดเผยว่าเป็นยาตัวใดกันแน่…

ปัจจุบันนี้ แม้จะไม่มีรถส่วนตัว แต่เราก็สามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ด้วยบริการเรียกรถรับส่ง หรือที่ในบ้านเราคุ้นกันในชื่อของ “แกร็บ” นั่นเอง วันนี้เองเราก็มีประเด็นของแกร็บมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นในบ้านเรา ซึ่งไปเกิดขึ้นในประเทศมาเลเซียแทน     วันที่ 23 ธันวามคม 2018 ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กนามว่า Wai Hong ได้โพสต์ภาพพร้อมกับแคปชั่นว่า “โอเค งั้นก็ฝันดีนะ” ซึ่งในรูปภาพดังกล่าวเป็นภาพของแอปพลิเคชั่น Grab ซึ่งแสดงให้เห็นข้อความจากคนขับรถของเขาว่า “ต้องขอโทษเป็นอย่างมาก ผมขับเลยทางแยกที่จะเลี้ยวไป Sri Petaling และตอนนี้มันก็ไกลมากที่จะกลับไปรับคุณ ดังนั้นฝันดีนะ ผมจะกลับไปพักผ่อนแล้วล่ะ”     หลังจากที่เขาโพสต์รูปภาพดังกล่าวลงในโซเชียลมีเดีย เรื่องก็กลายเป็นกระแสไปอย่างรวดเร็ว ชาวเน็ตก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมาก   เออ งั้นก็ขอให้นอนหลับฝันดีละกันนะ   บางคนก็บอกให้แจ้งไปทางแกร็บเลย   บ้างก็บอกว่า ก็ทุกวันนี้น้ำมันมันแพงอ่ะเนอะ   ไม่ต้องรอให้ผู้โพสต์แจ้งแล้ว ชาวเน็ตช่วยแท็กแกร็บให้มาดูซะเลย   ที่มา Wai Hong

ในช่วงที่ผ่านมา เกิดเหตุคลื่นยักษ์สึนามิเข้าถล่มชายฝั่งของประเทศอินโดนีเซีย เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 373 ราย และอีกกว่า 14,000 รายได้รับบาดเจ็บจากภัยพิบัติในครั้งนี้ ทว่าในช่วงก่อนเกิดเหตุความเสียหายครั้งใหญ่ ทางการอินโดนีเซียได้ประกาศให้ประชาชนทราบว่า เหตุการณ์น้ำทะเลทะลักสู่ชายฝั่งนั้น เป็นเพียงคลื่นใหญ่ทั่วไป อันเป็นผลพวงจากระดับน้ำทะเลสูงขึ้นในเวลารวดเร็ว     ทั้งนี้ คลิปที่ถูกเผยแพร่ผ่านทวิตเตอร์ @BiLLRaY_ ได้บันทึกเหตุการณ์น้ำทะเลขึ้นสู่ชายฝั่งในปริมาณมากและรวดเร็ว จากโรงแรม Grand Elty Krakatoa ชายฝั่งของเมือง Pantai Anyer จังหวัดบันเติน ในช่วงเวลาประมาณ 21.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น ห่างจากเวลาที่คลื่นยักษ์สึนามิจะเข้าถล่มชายฝั่งเพียง 12 นาที ในเวลา 21.27 น.     ทว่าภายหลังจากที่คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป เขาก็ทำการลบคลิปนั้นออก เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาภูมิอากาศและหน่วยงานธรณีฟิสิกส์ของอินโดนีเซีย ได้ออกมาทวีตว่าเป็นเพียงปรากฏการณ์น้ำทะเลขึ้นสูงเท่านั้น และเขาก็คิดว่าน่าจะเป็นความผิดพลาดของตนเองที่ตื่นตระหนก และยอมลบคลิปวิดีโอออกไป     ทว่าในภายหลัง กลับกลายเป็นทางหน่วยงานของอินโดนีเซียเองที่ผิดพลาด เพราะเพิ่งจะสามารถยืนยันได้ว่าคลื่นทะเลสูงที่กำลังก่อตัวนั้นคือคลื่นยักษ์สึนามิจริงๆ สืบเนื่องจากทางสำนักข่าว Guardian รายงานว่า สึนามิลูกนี้ก่อตัวมาจากแผ่นดินถล่มใต้น้ำ และตามมาด้วยการปะทุของภูเขาไฟ Anak…

หนึ่งในศิลปินสายสตรีทที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในยุคปัจจุบัน ก็คงจะเป็น Banksy ชาวอังกฤษผู้นี้ ที่เคยฝากผลงานโลกตะลึงด้วยการทำลายงานของตัวเองท่ามกลางงานประมูลมาแล้ว… ล่าสุดนี้ Banksy ก็ยังคงไม่หยุดอยู่แค่นั้น เขาได้สร้างผลงานชิ้นใหม่ออกมาในชื่อ Season’s Greetings ปรากฏอยู่ในบริเวณโรงรถแห่งหนึ่งเมือง Port Talbot ประเทศเวลส์   .   ทั้งนี้ ภาพจิตรกรรมดังกล่าว มีแรงจูงใจมาจากเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าชุมชนภายในเมืองแห่งนี้ มีมลพิษมากที่สุดในกลุ่มสหราชอาณาจักร และจะส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนโดยรวม   .   ด้าน Banksy เองจึงได้ลงมือวาดภาพจิตรกรรมตามจุดต่างๆ ในเมือง ด้วยการนำผลการจัดอันดับที่ไม่น่าพึงประสงค์นี้ มาจัดแสดงให้เห็นทั้ง 2 ด้านในมุมที่แตกต่าง แต่สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบในเรื่องเดียวกัน   . .   อย่างภาพนี้ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ เป็นภาพของเด็กชายคนหนึ่งผู้ยืนกางแขนรับอ้าปากรับเกล็ดหิมะที่ตกลงมา แต่ทว่าอีกด้านหนึ่งเผยให้เห็นว่าปุยหิมะที่เห็นเป็นเพียงขี้เถ้าที่เกิดจากกองไฟในถังขยะ นับว่าเป็นภาพที่ช่วยทำให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาได้ไม่มากก็น้อย   https://www.instagram.com/p/BrkqwhnlNjR/   ที่มา: juxtapoz, thisiscolossal

ในยุคที่ทุกคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต มันก็กลายมาเป็นแหล่งเรียนรู้ขนาดใหญ่ไม่รู้จบสำหรับผู้ใฝ่เรียน หากมีความสนใจในด้านไหน ก็มุ่งตรงไปยังด้านนั้นๆ เพิ่มเสริมสร้างความรู้ให้กับตนเอง และบุคคลธรรมดาจากแอฟริกาใต้ผู้นี้ ก็ได้กลายมาเป็นนักประดิษฐ์ตัวยงแห่งเมืองโจฮันเนสเบิร์ก เขาชื่อว่า Phatwa Senene นักประดิษฐ์ที่ช่วยเปลี่ยนแปลงเมืองไปในทิศทางที่ดีขึ้น ผ่านการลงมือทำด้วยตัวเอง      แนวคิดของเขานั้น มาจากความใฝ่รู้ในการประดิษฐ์และดัดแปลงอุปกรณ์ต่างๆ เขาสนใจการสร้างอุปกรณ์มาตั้งแต่อายุ 11 ปี โดยอุปกรณ์ชิ้นแรกที่เขาสร้างนั้นก็คือการทำสว่านมอเตอร์พัดลมบ้านๆ เพื่อเจาะรูบนกำแพงห้องนอนของตัวเอง ซึ่งพัดลมสว่านนี้ ก็สามารถใช้งานได้จริง แถมยังมีฟังก์ชั่นของพัดลมช่วยเป่าเศษฝุ่นให้ออกไปจากบริเวณทำงานได้เป็นอย่างดี     มาจนถึงช่วงที่ต้องเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เขาไม่มีโอกาสได้เรียนต่อเนื่องจากครอบครัวยากจน มาจนกระทั่งในวันนี้ Phatwa ในวัย 33 ปี ก็ไม่ได้หยุดการเรียนรู้ของตัวเอง เขามาพร้อมกับนวัตกรรมการประดิษฐ์ที่ไม่หยุดนิ่ง จนกระทั่งเข้าตาของเทศบาลเมืองและบริษัทหลายๆ แห่งของแอฟริกาใต้     อุปกรณ์ต่างๆ ที่เขาสร้างขึ้นมานั้น ก็มาจากแรงบันดาลใจรอบๆ ตัว จากการเติบโตภายในชุมชนเมืองโจฮันเนสเบิร์ก และตั้งใจพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญ และเริ่มต้นทำการประดิษฐ์อุปกรณ์ต่างๆ ด้วยการเรียนรู้ผ่านคลิปวิดีโอใน YouTube     ตัวอย่างงานที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อเทศบาลเมือง เช่น ไม้กวาดแจ้งตำรวจ สำหรับเจ้าหน้าที่กวาดถนนของเทศบาล…

หนึ่งในปัญหาอันน่าหนักใจสำหรับประชาชนชาวจีน เวลาที่ต้องเจอกับช่วงอันยากลำบากต้องปลดทุกข์หนักในห้องน้ำสาธารณะ ซึ่งการจะชำระล้างให้สะอาดหมดจดก็ต้องพึ่งพากระดาษชำระที่มีไว้ให้บริการ แต่… มักจะหมดในเวลาอันรวดเร็ว   .   สืบเนื่องมาจากปัญหากระดาษชำระหมดในห้องน้ำของสวนสาธารณะเมืองจี่หนาน มณฑลชานตง ที่ไม่ว่าจะเติมอย่างไรก็หมด เพราะประชาชนที่แวะมาใช้บริการมักจะหยิบไปเป็นจำนวนมาก บางส่วนก็ดึงเอาไปเก็บไว้ใช้ในโอกาสอื่นๆ   .   เพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลายไปมากกว่านี้ ทางการจึงติดตั้งกล่องทิชชู่อัจฉริยะที่มาพร้อมกับระบบสแกนใบหน้า เพื่อจดจำว่าใครมาขอกระดาษชำระไปใช้บ้าง เมื่อทำการสแกนเสร็จแล้วเครื่องก็จะปล่อยกระดาษชำระความยาว 30 เซนติเมตรมาให้ใช้ฟรีๆ   .   หากใครที่เพิ่งสแกนใบหน้าไป จะไม่สามารถมาขอกระดาษชำระซ้ำได้อีกในระยะเวลาหนึ่ง โดยไม่ระบุว่าเป็นเวลานานเท่าไหร่ หากได้ไปใช้แล้วก็ต้องใช้ในปริมาณที่จำกัด ไม่มีเพิ่มไปมากกว่านั้น เพื่อเป็นการเผื่อแผ่ให้คนอื่นได้มีกระดาษชำระใช้ทำความสะอาดบ้าง   .   ที่มา: chinanews, shanghai.ist

ในช่วงที่ผ่านมาในโซเชียลมีเดียของประเทศไทยได้มีโพสต์หนึ่งที่กลายเป็นกระแสอย่างรวดเร็ว นั่นคือโพสต์ของหนุ่มคนหนึ่งที่มีภาพบาดแผลที่เท้ากับภาพถุงน่องงูพร้อมกับแคปชั่นว่า “ช่วงนี้อากาศเย็น ให้ระวังไว้ อย่าเดินในที่ชื้นเพราะสัตว์มีพิษมันเยอะ แต่ดีนะที่หาหมอทัน เพื่อนนึกว่างูเลยหยิบไม้หน้าสามมาฟาด!” หลังจากที่เขาโพสต์ภาพเหล่านั้นไป โพสต์ก็ได้กลายเป็นไวรัล ชาวเน็ตแชร์ต่อกันอย่างมากมายและก็มีบางคนที่เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ซึ่งจริงๆ แล้วโพสต์ดังกล่าวเป็นเพียงแค่เรื่องที่แต่งขึ้นมาเพื่อความขบขันเท่านั้น   โพสต์ดังกล่าว   ซึ่งหลังจากถุงน่องลายงูนี้ได้กลายเป็นกระแส ก็มีหลายๆ คนที่สนใจถุงน่องดังกล่าว แต่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับมันเลยสักนิด วันนี้เราก็เลยไปหาข้อมูลและช่องทางการซื้อถุงน่องน้องงูนี้มาให้ได้ชมกัน โดยถุงน่องรูปงูนี้เป็นผลงานของ Mimi กลุ่มแฟชั่นดีไซเนอร์จากญี่ปุ่นที่ทำการจำลองเกล็ดของงูมาอยู่บนถุงน่อง     Mimi ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของพวกเขาเป็นการต่อยอดมาจากตัวเก่า โดยมีการสแกนงูจริงๆ เพื่อนำมาปรับให้เข้ากับรูปขาของมนุษย์ ในส่วนบนของถุงน่องจะมีการออกแบบโดยผสมผสานเกล็ดงูอย่างประณีตและในส่วนเท้าก็จะออกแบบมาเป็นหัวงูที่สามารถแสดงท่าทางตามการเคลื่อนไหวของนิ้วเท้าได้ ไม่เพียงเท่านั้นถุงน่องบางคู่ยังถูกออกแบบส่วนฝ่าเท้าให้เหมือนท้องของงูอีกด้วย เรียกได้ว่าสมจริงกันสุดๆ เลยทีเดียว     นอกจากนี้ถุงน่องดังกล่าวนี้มีวางขายในหลายรูปแบบ ที่ถูกออกแบบตามงูหลายๆ สายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นงูพิษ งูไม่มีพิษหรือแม้แต่งูยักษ์ที่เป็นสัตว์ในตำนานก็มีเช่นกัน     สุดท้ายนี้ สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจ สามารถเข้าไปดูข้อมูลหรือสั่งซื้อได้ที่ mi-mi.info/shop เว็บไซต์ของผู้ผลิตหรือจะเป็นช่องทางอื่นๆ อย่าง BiblioMania กับ Amazon ก็มีวางขายเช่นกัน   .   ที่มา Mimi, Odditycentral

การทำงานออกมาได้ไม่ดี หรือการทำยอดขายได้ไม่ถึงเป้าก็อาจทำให้เราต้องได้รับบทลงโทษจากเจ้านาย อย่างเช่น การตัดเงินเดือน หรือตัดเงินโบนัส อะไรทำนองนั้นซะส่วนใหญ่ แต่สำหรับร้านเสริมสวยที่ชื่อว่า Runfa Hair Salon ในเมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซู ประเทศจีน พนักงานคนไหนที่ทำยอดขายไม่ถึงตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ พวกเขาจะต้องโดนลงโทษด้วยการ “ตบหน้าตัวเอง 100 ที”?!     คลิปวิดีโอของบทลงโทษดังกล่าวนั้นได้ถูกเผยแพร่ผ่านสถานีโทรทัศน์ Chengdu TV Station ในวันที่ 23 ธันวาคม 2018 เผยให้เห็นพนักงาน 3 คนต้องตบหน้าตัวเองอย่างแรง หนุ่มแซ่ Pan อดีตผู้จัดการของร้านเสริมสวยดังกล่าวได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า พนักงานแต่ละคนจำเป็นต้องขายผลิตภัณฑ์บำรุงผมให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ   หนุ่มแซ่ Pan   ทุกๆ วัน พนักงานแต่ละคนต้องทำยอดขายให้ได้ 3,000-4,000 หยวน (ราวๆ 14,000-19,000 บาท) ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกลงโทษด้วยการออกมายืนตบหน้าตัวเอง 100 ครั้ง ต่อหน้าเพื่อนร่วมงานในระหว่างการประชุม เขายังบอกอีกว่า หากหน้าไม่แดงหรือว่าความแรงไม่เป็นที่พึงพอใจของเจ้าของร้าน คนคนนั้นก็จะต้องโดนปรับเงินเพิ่มเป็นจำนวน 500…

วันที่ 25 ธันวาคมของทุกปีคือวันคริสต์มาส วันสำคัญของชาวคริสต์ที่จะทำการเฉลิมฉลองในวันประสูติพระเยซูนั่นเอง ซึ่งความสำคัญของวันนี้สำหรับผู้ใหญ่ก็คงเป็นการกินเลี้ยงในครอบครัว แต่สำหรับเด็กๆ แล้วคงเป็นการที่รอของขวัญสุดพิเศษจากคุณลุงหนวดขาวเสื้อแดงอย่าง “ซานตาคลอส” อย่างแน่นอน     แม้ว่าบุคคลที่เราเรียกเขาว่าซานตาคลอสจะไม่มีตัวตนจริงๆ บนโลกใบนี้ แต่ก็ยังมีเด็กๆ หลายคนเชื่อและหวังว่าพวกเขาจะได้ของขวัญจากซานตาคลอส และถึงจะไม่สามารถนำซานตาคลอสออกมาในโลกจริงได้ แต่เพื่อเติมเต็มความฝันของเด็กๆ หลายๆ คนแล้ว ทางหน่วยป้องกันอากาศยานแห่งอเมริกาเหนือ หรือ North American Aerospace Defense Command (NORAD) จึงได้ทำระบบที่ช่วยให้เราสามารถตามรอยซานตาคลอสได้!!     ต้องกล่าวก่อนว่า NORAD คือองค์กรที่ใช้เวลา 364 วันต่อปี คอยสอดส่องโลกเราเพื่อตรวจสอบและค้นหาเกี่ยวกับการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ แต่ในวันคริสต์มาสของทุกปี องค์กรดังกล่าวจะเปลี่ยนไป โดยพวกเขาจะทำการเปิดเว็บไซต์ใหม่ที่บอกตำแหน่งที่ซานตาคลอสอยู่และสามารถดูการเคลื่อนไหวของซานตาได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งในแต่ละปีจะมีคนเข้ามาดูซานตาคลอสประมาณ 9 ล้านคนเลยล่ะ แถมหากดูตำแหน่งอย่างเดียวไม่พอ พวกเขาก็มีอาสาสมัครกว่า 1,500 คนคอยตอบสายที่โทรเข้ามาถามเกี่ยวกับเบาะแสของซานตาคลอสอีกด้วย     ซึ่งหากเพื่อนๆ อยากทราบว่าในขณะนี้คุณลุงชุดแดงของเรากำลังลากเหล่ากวางเรนเดียร์อยู่แห่งหนใด ก็สามารถเข้ามารับชมกันได้ที่ NORAD Tracks Santa ได้เล้ย แต่อย่างไรก็ตามบนโลกใบนี้มีบ้านอยู่มากมาย แม้เราจะดูว่าเขาอยู่ที่ไหนได้ ครั้นจะให้ลุงซานตาคลอสไปเยี่ยมทุกๆ หลังภายในวันเดียวก็ดูจะเป็นไปไม่ได้อยู่ดี…

เทศกาลคริสต์มาสถือว่าเป็นเทศกาลที่สำคัญเป็นอย่างมากสำหรับชาวคริสต์ เพราะถือว่าเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระเยซู ผู้เป็นศาสดาของศาสนาคริสต์นั่นเอง และเพื่อเตรียมพร้อมตัวเฉลิมฉลองในวันดังกล่าว ชาวคริสต์ทั้งหลายก็มักจะไปชอปปิงครั้งใหญ่ ซึ่งการไปชอปปิงนี่แหละที่จะกลายมาเป็นประเด็นให้เราพูดถึงในวันนี้ เมื่อชายคนหนึ่งถูกภรรยาเก่าแทง เพราะไปซื้อของนานเกินไป     เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงเทศกาลคริสต์มาสปี 2017 ณ เมือง Great Yarmouth ประเทศอังกฤษ ระหว่าง Stuart Simpson และ Sonia ภรรยาเก่าที่เพิ่งหย่าร้างกันไปในเดือนตุลาคมปีดังกล่าว แม้จะเลิกกันไปแล้วก็ตาม แต่ด้วยความผูกพัน Stuart ก็เลยชวนภรรยาเก่ามากินเลี้ยงในวันคริสต์ด้วยกัน พร้อมกับ Stacey เพื่อนของเขาอีกคน ซึ่งเพื่อเตรียมการกินเลี้ยงในวันดังกล่าว Stuart ก็เลยออกมาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า แต่เมื่อเขากลับมาถึงบ้านก็ต้องเผชิญกับความโกรธของ Sonia   Stuart, Sonia และ Stacey   Stuart กล่าวว่า “ผมเข้าไปในซื้อของในเมืองขณะที่ Sonia นั่งดื่มอยู่กับ Stacey ที่บ้าน ซึ่งผมต้องใช้เวลาในการซื้อของนานกว่าปกติ เนื่องจากฝูงนักชอปมาแย่งของกันในนาทีสุดท้าย และเมื่อผมกับไปถึงบ้านใน 5 ชั่วโมงถัดมาก็พบว่า Sonia กำลังโกรธอยู่ เธอถาม Stacey ผมเป็นคนงี่เง่าใช่มั้ย และเมื่อ Stacey…

ในสังคมยุคปัจจุบันที่มักจะกล่าวว่า ‘ใบปริญญาคือใบเบิกทางของอนาคต’ เปรียบเปรยเหมือนใบผ่านทางไปสู่อาชีพหน้าที่การงานที่ดี แต่สำหรับบางคนไม่อาจเข้าถึงโอกาสทางด้านการศึกษาได้ จนต้องตัดใจมาทำงานที่มักจะถูกสังคมตราหน้าว่าด้อยการศึกษา… สำหรับนาย Azwan Ali เองก็เป็นคนที่มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาได้ แต่กว่าจะไปถึงจุดสูงสุด เขาเลือกที่จะเรียนรู้ทักษะการงานของทุกอาชีพ โดยเมื่อเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 3 แล้ว เขาก็ดิ้นรนหางานพาร์ทไทม์ทำทุกระดับ   https://twitter.com/azwant/status/1075392197434892288   กว่าจะผ่านมาจนถึงจุดนี้ได้ Azwan เคยรับงานไม่นับไม่ถ้วน และหนึ่งในงานที่เขาเคยผ่านมาก็คือการเป็น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พร้อมกับแชร์ภาพเปรียบเทียบระหว่างตอนเป็น รปภ. คู่กับภาพในชุดครุยพร้อมใบปริญญา และข้อความที่ระบุว่า “เริ่มต้นจากล่างสุด จนมาถึงจุดนี้” เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่าเขาเดินทางมาไกลขนาดไหน     โดยภาพตอนที่เขาเป็น รปภ. นั้นถ่ายในช่วงที่เพิ่งผ่านการฝึกอบรม รองรับการเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้ว และทำหน้าที่ของตัวเอง พร้อมกับเรียนหนังสือไปด้วย     ปัจจุบัน Azwan เรียนจบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และได้งานใหม่เป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ฝ่ายไอที ให้กับบริษัทน้ำมันเชื้อเพลิงนานาชาติ ในรัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้ เขาได้แชร์ประสบการณ์ที่ผ่านมาของตัวเองว่า เขามีความชื่นชอบในงานทุกประเภทที่ได้ทำ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อแสวงหาประสบการณ์ในสนามชีวิตไปด้วย     “หลังจากที่ผมเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 3…

หากมีตำรวจนับสิบยืนอยู่เต็มร้านค้า เราก็คงเชื่อได้ว่าไม่น่าจะมีหัวขโมยที่ไหนกล้าเข้าไปขโมยของอย่างแน่นอน แต่ความคิดนั้นอาจใช้ไม่ได้เลยกับสองโจรสาวในเหตุการณ์นี้ นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้างสรรพสินค้า Target สาขาหนึ่งในรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา โดยในวันที่ 19 ธันวาคม 2018 พวกเขาได้จัดงานกิจกรรม Shop with a Cop ขึ้น   ห้างสรรพสินค้า Target   เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก 4 สถานี ได้แก่ สถานีตำรวจ Sylvan Lake, Keego Harbor, Orchard Lake และ Bloomfield Township จำนวนไม่ต่ำกว่า 15 นาย ได้เข้าร่วมอยู่ในงานกิจกรรมดังกล่าว งานกิจกรรมที่ว่านั้นจัดขึ้นเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ช่วยเหลือเด็กผู้มีความพิการกว่า 22 คน ในการเลือกซื้อ เลือกหยิบของขวัญให้กับเด็กๆ เหล่านั้น สร้างความสุขต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสที่ใกล้เข้ามา   เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์   แต่ระหว่างที่กำลังทำกิจกรรมกันอยู่ บริเวณขายเครื่องมืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็มีสองโจรสาวผู้อาจหาญแอบย่องเข้าไปขโมยของ ตอนเวลาประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง Keiana…

เชื่อว่าเพื่อนๆ ส่วนใหญ่คงจะเคยดูหรือเคยได้ยินภาพยนตร์ที่ชื่อว่า Home Alone เรื่องราวของเด็กชายวัย 8 ขวบที่ต้องอาศัยอยู่ภายในบ้านเพียงลำพัง และสามารถจัดการกับโจรที่จะเข้ามาขโมยของในบ้านได้     เรื่องราวของหนังนั้นเกิดจากการที่ “พ่อแม่ของเด็กไม่ได้ตั้งใจทิ้งลูกไว้บ้านเพียงลำพัง” แต่สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในเมืองมันซี รัฐอินดีแอนา สหรัฐอเมริกา มันคือ “ความตั้งใจของผู้เป็นมารดา” ซะเอง?! เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2018 ตำรวจได้ทำการจับกุมตัว Taylor Joann Cumings คุณแม่วัย 25 ปี ผู้ทิ้งให้ลูกน้อย 2 คนต้องอาศัยอยู่บ้านเพียงลำพัง ระหว่างที่เธอออกไปทำงาน   Taylor และลูกชายทั้ง 2 คน   เรื่องมีอยู่ว่า 1 วันก่อนหน้านั้น Cameron ลูกชายคนเล็กวัย 4 ขวบของเธอมีอาการป่วย ทำให้เธอต้องหยุดงานเพื่อดูแลลูกน้อย วันต่อมา อาการป่วยของลูกชายยังไม่หายดี แต่แทนที่เธอจะหยุดงานอีกวัน เธอกลับให้ Tyruse ลูกชายคนโตวัย 7 ขวบเป็นคนอยู่ดูแลน้อง…

อย่างที่เรารู้ว่าตอนนี้โลกของเราเกิดปัญหามลภาวะมากมาย แม้แต่ประเทศรัสเซียก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ในเมือง Mysky แคว้นเคเมโรโว ประเทศรัสเซีย กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังมีคนพบว่าพวกเขาใช้สีขาวทาบริเวณเนินหิมะที่เอาไว้ให้เด็กๆ เล่นสไลเดอร์กัน เพราะไม่อยากให้ใครสังเกตเห็นเขม่าและขี้เถ้าที่ปะปนอยู่ในหิมะเหล่านั้น     ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ทางสื่อของประเทศรัสเซียได้รายงานข่าวของเมือง Mysky หลังจากที่ชาวบ้านโพสต์วิดีโอหลักฐานที่บอกว่าหิมะถูกทาด้วยสีขาวลงในยูทูบ ก่อนจะกลายเป็นไวรัลไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว โดยในวิดีโอ Svetlana Zelenina ผู้สื่อข่าวได้แสดงให้เราเห็นว่าเพียงแค่นำมือไปสัมผัสกับหิมะบริเวณดังกล่าว ก็จะมีคราบสีขาวติดมือมาอย่างง่ายดาย      “คุณสามารถเห็นคราบสีขาวเหล่านี้ได้ ซึ่งมันเหนียวมากๆ” Svetlana Zelenina กล่าวในวิดีโอ ทางเทศบาลเมือง Mysky อยากสร้างลานสไลเดอร์หิมะขึ้นมาเพื่อดึงดูดเด็กๆ ในช่วงฤดูหนาวนี้ แต่ในรอบๆ เมืองพวกเขากลับหาหิมะที่สะอาดไม่ได้เลย จึงได้ตัดสินใจที่จะทาสีเพื่อกลบเกลื่อนเขม่าและขี้เถ้าแทน     หลังจากเรื่องนี้ได้ถูกเผยแพร่และกลายเป็นไวรัลในอินเตอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว ทางนายกเทศมนตรีของเมือง Mysky ก็รีบออกมาขอโทษประชาชน พร้อมกับกล่าวตำหนิพนักงานให้ใช้พัฒนาวิธีที่สร้างสรรค์มากกว่านี้ “ผมต้องขอโทษทุกๆ คนเป็นอย่างมากที่เรื่องนี้ทำให้อารมณ์สนุกในเทศกาลปีใหม่ต้องถูกทำลายลง” Dmitry Ivanov นายกเทศมนตรีกล่าว   ที่มา Idditycentral, Independent

หลายต่อหลายครั้งที่เกิดเป็นเหตุอัดคลิปบันทึกพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในสังคม เพื่อเผยแพร่ให้สาธารณะได้รับชมและวิจารณ์การกระทำของบุคคลในคลิปผ่านโลกออนไลน์ เปรียบได้เหมือนการนำตัวบุคคลนั้นมาประจาน… แต่ทว่าเรื่องแบบนี้กลับกลายเป็นดาบสองคมที่หันมาทำร้ายคนอัดคลิปเสียเอง อย่างชายหนุ่มนามว่า Fuad วัย 20 ปีผู้นี้ รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของคู่หนุ่มสาวที่นั่งจู๋จี๋กันต่อหน้าเขากลางคาเฟ่ จึงอัดคลิปเอาไว้และโพสต์ลงบนโลกออนไลน์     ภายในคลิปดังกล่าว แน่นอนว่าความรู้สึกแรกของคนที่เห็น มักจะบอกว่าไม่เหมาะสม ให้ไปทำอะไรในที่ลับตาคนจะดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอินโดนีเซียยิ่งเคร่งครัดในเรื่องของศาสนาอีก ก็ยิ่งไปกันใหญ่ นาย Fuad ระบุว่าเขากับลูกพี่ลูกน้องอยู่ในคาเฟ่แห่งนั้น และได้เห็นภาพของสองคนนั่งคลอเคลียกันอยู่ตรงโต๊ะข้างๆ กอดและทำอีกหลายสิ่งที่ไม่เหมาะ ไม่ควร ไม่ดีงาม เขาจึงอัดคลิปและโพสต์ลงอินเทอร์เน็ตในวันที่ 17 ธันวาคม หวังเพื่อประจานและสั่งสอนให้สำนึกในสิ่งที่ไม่ควรทำ     ทว่าการอัพโหลดคลิปของเขานั้น กลับกลายเป็นสิ่งที่ผิดกับข้อกฎหมายของอินโดนีเซีย ส่งผลทำให้เขาถูกจับกุมตัวในวันถัดมา… แม้ว่าจุดประสงค์ของเขาคือการบันทึกคลิปเพื่อเป็นการสั่งสอน ไม่ควรทำอะไรในที่โจ่งแจ้งแบบนี้ จนโดนสังคมรุมประณาม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมองในอีกมุมหนึ่งของข้อกฎหมาย โดยคลิปดังกล่าวขัดต่อพระราชบัญญัติต่อต้านภาพอนาจารและธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยการเผยแพร่เนื้อหาวิดีโอผิดศีลธรรมบนโลกออนไลน์ ทั้งนี้ นาย Fuad อาจจะต้องได้รับโทษตัดสินจำคุกจากการกระทำดังกล่าว ในส่วนที่เหลือนั้นยังคงอยู่ในขั้นของการสอบสวนเพิ่มเติม   ที่มา: detik, worldofbuzz

พ่อแม่หลายๆ คนอาจต้องการให้ลูกได้กินแต่อาหารดีๆ มีคุณค่าทางโภชนาการ เชื่อว่ามันจะต้องส่งผลดีต่อลูกน้อยของเขาในระหว่างการเจริญเติบโต แต่บางครั้งความเชื่อนั้นก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายเด็กได้เหมือนกัน ตัวอย่างในลักษณะนั้นได้เกิดขึ้นกับทารกน้อยวัย 1 ขวบ 7 เดือนในนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อคุณพ่อวัย 34 ปีและคุณแม่วัย 32 ปีของเธอ บังคับให้ต้องกินแต่ “อาหารมังสวิรัติแบบสุดโต่ง”   พ่อแม่ทั้งสองคนนั้น   พ่อแม่ทั้งสองคนนั้น (ไม่ระบุชื่อ ตามสิทธิ์ทางกฎหมาย) จะให้ลูกสาวตัวน้อยกินข้าวโอ๊ต 1 ถ้วยกับนมข้าว และกล้วยครึ่งลูก เป็นมื้อเช้าของทุกๆ วัน สำหรับมื้อเที่ยงก็จะเป็นขนมปังปิ้งทาแยมหรือเนยถั่ว ปิดท้ายด้วยมื้อเย็น ซึ่งตามปกติแล้วลูกสาวของเธอมักจะพยายามเรียกร้องจะกินเต้าหู้ ข้าว หรือมันฝรั่ง แต่คนเป็นแม่กลับบอกว่าลูกสาวตัวเองเป็น “คนกินจุกจิก” จึงบังคับให้มื้อเย็นเป็นข้าวโอ๊ตเหมือนเดิม แต่แล้วอาหารการกินเหล่านั้นก็ได้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเด็ก เพราะมันทำให้เธอขาดสารอาหาร มีน้ำหนักตัวเพียงแค่ 4.9 กิโลกรัม และป่วยเป็นโรคกระดูกอ่อนในเด็ก (อาจเกิดกระดูกหักหรือผิดรูปได้)   ลักษณะอาการของโรคกระดูกอ่อนในเด็ก   ในเดือนมีนาคม 2018 ลูกสาวตัวน้อยจึงต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยแพทย์พบว่าเด็กมีอาการขาดสารอาหาร ทั้งขาดแคลเซียม, ฟอสเฟต, วิตามินบี…

ในวันที่ 19 ธันวาคม 2018 สถานีตำรวจในเมือง Bossier รัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา ได้จับกุมตัว Terry Yetman ตำรวจหนุ่มวัย 38 ปี หลังจากเขาเข้ามอบตัวด้วยตัวเอง ตามข้อหา “ทารุณกรรมสัตว์” มากกว่า 40 ครั้ง     เรื่องราวมีอยู่ว่าในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หน่วยสืบสวนพิเศษของทางกรมตำรวจของรัฐลุยเซียนา ได้มีการตรวจสอบใบอนุญาตภายในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ครอบครองโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจของเมืองดังกล่าว ระหว่างการตรวจสอบนั้น ก็ได้มีการค้นพบหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอจำนวนมากของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งที่ได้กระทำชำเรา มีเพศสัมพันธ์กับสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้ ซึ่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชิ้นนั้นเป็นของ Terry     ด้วยเหตุนั้นเอง ตำรวจดีเด่นประจำเดือนตุลาคม 2018 ชายผู้เคยได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจำนวนมาก เขาคนนั้นกลับต้องเข้ามอบตัวกับทางสถานีตามความผิดจากหลักฐานที่ก่อไว้ โดยยอมรับว่าได้มีเพศสัมพันธ์กับสุนัขของตัวเองจริง ล่าสุด จากการรายงานเบื้องต้นกล่าวว่า Terry ถูกควบคุมตัวเอาไว้ที่สถานกักกันของเมือง โดยตั้งเงินประกันตัวไว้สูงถึง 350,000 ดอลลาร์ฯ (ราวๆ 11 ล้านบาท)     ท้ายที่สุดแล้ว เชื่อว่าการตัดสินคดีที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้น่าจะทำให้เขาต้องติดคุกไปนานหลายปี ในขณะที่สุนัขของเขาที่ถูกกระทำชำเรานั้นได้อยู่ในความดูแลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อย   ที่มา: nydailynews , mirror

การกลั่นแกล้งที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียนนั้นอาจไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อย่างที่ผู้ใหญ่บางคนคิดกันก่อนหน้านี้ ยกตัวอย่างได้จากสิ่งที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียนมัธยม Spaulding รัฐเวอร์มอนต์ สหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งประเด็นร้อนที่มีการพูดถึงมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2018 เมื่อ Ethan Burachowski วัย 17 ปี และ Grace Pierce แฟนสาววัย 18 ปี พยายามใช้ “ไม้กลอง” ยัดรูทวารเพื่อนผู้ชาย พร้อมถ่ายคลิป   Ethan เด็กหนุ่มผู้ก่อเหตุ   จากการรายงานบอกว่า Ethan คือผู้ก่อเหตุ แล้วแฟนสาวของเขาก็ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องดนตรีของโรงเรียน โดยในคลิปนั้นจะได้ยินเสียงเชียร์และเสียงหัวเราะของเธอที่ดังออกมาอยู่ตลอด Rory Thibault อัยการหนุ่มของรัฐ กล่าวว่า “มันมีเสียงหัวเราะและการเยาะเย้ยต่อเหยื่อแสดงออกมาอย่างชัดเจน จึงแน่ชัดแล้วว่ามันคือสถานการณ์การคุกคามและข่มเหงอีกฝ่าย”   อัยการ Rory   Ethan ถูกแจ้งข้อหา พยายามคุกคามทางเพศ, การทำร้ายร่างกายขั้นรุนแรง และความประพฤติที่ไม่เหมาะสมซึ่งมีการเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในข้อกล่าวหาพยายามคุกคามทางเพศนั้นอาจทำให้เด็กหนุ่มต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต ส่วน Grace นั้นก็ถูกแจ้งข้อหาในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดต่อเหตุการณ์ทั้งหมด และอาจได้รับโทษที่เบากว่ากันไม่มากนัก   Grace…

กำลังกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอยู่ต่างประเทศ ณ ขณะนี้เลย กับกรณีของคุณแม่รายหนึ่งโมโหจัด ด่าเจ้าของสุนัขช่วยเหลือรัวๆ หลังไปขอให้ลูกเล่นหมาแล้วถูกปฏิเสธ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2018 ที่ผ่านมา ขณะที่ Megan Stoff เจ้าของสุนัขช่วยเหลือพันธุ์โกลเดน รีทรีฟเวอร์ชื่อว่า Nala กำลังยุ่งๆ อยู่ในห้างสรรพสินค้าของเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย แล้วจู่ๆ ก็มีแม่ลูกคู่หนึ่งเดินเข้ามาหา พร้อมกับ ‘ขอเล่น’ กับเจ้าหมา ซึ่ง Megan ก็ตอบกลับไปว่า ‘ไม่ได้’ เพราะมันจะเป็นการรบกวนการฝึกของเจ้า Nala     คู่แม่ลูกก็เดินจากไป แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็เดินกลับมาอีกครั้งด้วยท่าทางโมโห พร้อมกับด่าแบบสาดเสียเทเสียรัวๆ Megan ก็เลยตัดสินใจถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ จากที่คุณแม่พูดในคลิปพอจะจับใจความได้ว่า “มันหยาบคายต่อฉันมากเลยนะ”     “อย่างแรกเลย คุณควรจะมีป้ายติดเอาไว้หน่อย ว่าห้ามแตะต้องสุนัข อย่างที่สองคุณไม่ควรจะพูดกับฉันว่า ‘ไม่ได้’ แต่ควรจะบอกว่า ‘ขอโทษค่ะ สุนัขกำลังอยู่ระหว่างการฝึก’ มันจะดูน่ารักกว่านี้มากเลย” แต่หารู้ไม่ว่าที่เสื้อของเจ้าหมามีตัวหนังสือเขียนติดเอาไว้ทั้ง 4 ด้านว่า ‘ห้ามเล่น’…

ตลอดเวลา 15 ปีตั้งแต่ที่มีการปล่อยออกไปในปี 2003 กล้องกล้องสเตอริโอความละเอียดสูงของ “Mars Express” ก็ได้ลอยลำอยู่ที่ดาวอังคาร และเก็บภาพสำคัญๆ สำหรับดาวสีแดงดวงนี้กลับมาให้คนบนโลกได้ดูเป็นจำนวนมาก และในช่วงใกล้วันคริสต์มาสแบบนี้นี่เอง Mars Express ก็ได้ให้ของขวัญสุดงดงามแก่โลกอีกครั้งด้วยภาพของหลุมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งบนดาวอังคารนั่นเอง     นี่เป็นภาพของหลุมที่มีชื่อว่า “โคโรเลฟ” (ได้ชื่อมาจากเซียร์เกย์ โคโรเลฟ วิศวกรและนักออกแบบยานอวกาศของโซเวียต) ซึ่งมีขนาดความกว้าง 82 กิโลเมตร ความลึกร่วม 1.8 กิโลเมตร และเก็บเอาน้ำแข็งสีขาวเอาไว้ถึง 2,200 ลูกบาศก์กิโลเมตร ดูเหมือนว่าที่เป็นเช่นนี้จะเป็นเพราะความลึกของพื้นผิวหลุมมันสูงมากจนทำให้อากาศที่อยู่ข้างใต้เย็นอยู่ตลอดเวลา แถมยังแผ่ออกไปรอบๆ จนเกิดเป็นหลุมน้ำแข็งอย่างที่เห็นไปในที่สุด     องค์การอวกาศยุโรปหรือ ESA ผู้เป็นเจ้าของโครงการ Mars Express บอกว่าภาพที่เห็นนี้มาจากการถ่ายภาพในมุมต่างๆ กัน 5 “แถบ” ก่อนที่จะนำมารวมกันเป็นภาพขนาดใหญ่เพียงหนึ่งภาพ จริงอยู่ว่าภาพที่เห็นนั้นจะไม่ใช่ทั้งการค้นพบน้ำแข็งบนดวงอังคารเป็นครั้งแรก และมีการตกแต่งเล็กน้อยเพื่อให้ง่ายต่อการมองก็ตาม แต่ทาง ESA ก็บอกว่านี่เป็นเหมือนของขวัญที่ดีสำหรับคนรักวันหยุดเลย     นั่นเพราะรูปภาพที่ออกมานั้นนับว่ามีความสวยงามมากอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงขนาดว่าถ้าอยู่บนโลก สถานที่แบบนี้อาจจะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงไปเลยก็เป็นได้   ที่มา ladbible และ telegraph

สถานีโทรทัศน์ JTBC รายงานข่าวชายวัย 30 ปี แอบลอบเข้าสนามบินทหารในจังหวัดคย็องกี ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่มตามเวลาท้องถิ่น สื่อไม่เปิดเผยชื่อชายดังกล่าว ระบุว่าเป็นเพียงชายไทย ที่มีอาการเมาสุรา ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมและนำส่งตำรวจในท้ายที่สุด   คำถามก็คือ ชายคนดังกล่าวผ่านกำแพงป้องกัน 3 ชั้นมาได้อย่างไร!? เขาอยู่ในอาการมึนเมา แต่ยังสามารถผ่านรั้วลวดหนาม ทะลุผ่านไปยังกำแพงชั้นที่สอง และด่านสุดท้ายคือรั้วที่อยู่ติดกับรันเวย์ ซึ่งมีความสูงถึง 2 เมตร รันเวย์ที่เขาเข้าไปถึงได้นั้น ถือว่าเป็นส่วนรักษาความปลอดภัยระดับสูง เป็นที่จอดเครื่องบินเจ็ทสำคัญทั้ง F-5, KF-5 และ F-4E เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย สังเกตเห็นเขาตอนที่เขาผ่านรั้วมาถึงพื้นรันเวย์แล้ว ก่อนที่จะรีบไปจับกุม แล้วนำส่งสถานีตำรวจซูวอนนัมบุ     เขาเข้าไปทำไม!? ภายหลังการสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าชายคนดังกล่าวยังให้การวกไปวนมา ถึงสาเหตุที่เข้าไปในสนามบิน มีทั้งบอกว่า “โดนคนไล่ตามมา” และ “เป็นทางลัดไปบ้านเพื่อนของเขา” ซึ่งตำรวจคงต้องรอให้เขาสร่างเมา จึงจะได้คำตอบที่แน่ชัดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจคิดว่าน่าจะมีคนอื่นๆ ร่วมก่อเหตุดังกล่าวด้วย เพราะไม่เชื่อว่าชายเมาเหล้าคนเดียวจะปีนรั้วสูง 2 เมตรได้  …

ในประเทศญี่ปุ่นมีกฎเหล็กที่บรรดาผู้ให้บริการจะต้องยึดถือและปฏิบัติตาม นั้นก็คือ ‘โอเคียคุ-ซามะ วะ คามิ-ซามะ เดสุ’ (Okyaku-sama ha Kami-sama desu) หรือก็คือ ‘ลูกค้าก็คือพระเจ้า’ นั่นเอง แต่ทว่าบางครั้งบรรดาลูกค้าก็อาจจะไม่ได้น่ารักเสมอไป เช่นเดียวกันกับคุณลุงชาวญี่ปุ่นคนนี้ ที่ไม่รู้ไปเดือดมาจากไหน แค่พนักงานหยิบบุหรี่ให้ ‘ผิดซอง’ แต่กลับโมโหและตะโกนด่าราวกับว่าเขาไปฆ่าใครตายยังไงยังงั้น เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @smhl_Mg ได้ทำการบันทึกคลิปเหตุการณ์ที่ขึ้นในร้าน Family Mart (เป็นร้านสะดวกซื้อคล้ายๆ กับเซเว่นบ้านเรา) เอาไว้     ในคลิปคุณลุงคนหนึ่งกำลังยืนต่อว่าพนักงานของร้าน เหตุเพราะเขาสั่งบุหรี่ยี่ห้อหนึ่ง แต่พนักงานดันหยิบให้ผิดอัน ก็เลยโมโหแบบสุดขีด ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าการซื้อบุหรี่ในร้านสะดวกซื้อของญี่ปุ่นนั้น เราจะเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์ซึ่งข้างหลังเคาน์เตอร์จะมีบุหรี่ให้เลือกมากมายหลายแบบหลายยี่ห้อ     แต่ละซองก็จะมีตัวเลขเขียนกำกับเอาไว้เช่น 007, 001, 050 เป็นต้น หากเราอยากได้บุหรี่ยี่ห้อไหนแบบไหน ก็แค่แจ้งเลขกับพนักงานแล้วเขาก็จะหยิบมาให้ “เรียกเจ้าของร้านมาเดี๋ยวนี้ ให้ตายเถอะ ไม่งั้นก็โทรหามัน กรูจะคุยกับมันเดี๋ยวนี้!!” คุณลุงชุดแดงกล่าว   คลิปเหตุการณ์ทั้งสองคลิป https://twitter.com/smhl_Mg/status/1071894370968686592?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1071894370968686592&ref_url=https%3A%2F%2Fsoranews24.com%2F2018%2F12%2F18%2Fcustomer-from-hell-terrorizes-japanese-convenience-store-after-misunderstanding-about-cigarettes%2F   จากนั้นผู้จัดการของร้านก็เดินมาที่เคาน์เตอร์ พร้อมกับพยายามจะขอโทษ แต่คุณลุงก็ยังเดือดอยู่พร้อมกับด่าไปว่า “หุบปากไป!!…

อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงในระบบการศึกษา ของประเทศมาเลเซีย ที่เล็งเห็นว่าการประเมินผลของเด็กนักเรียนภายในประเทศ มีบางสิ่งที่น่าจะดีกว่าการจัดสอบวัดผลความรู้ และอาจจะส่งผลดีต่อนักเรียนมากกว่า     จากการรายงานของเว็บไซต์ NST ระบุว่า กระทรวงศึกษาธิการมาเลเซีย จะเริ่มนำร่องยกเลิกการสอบ กลางภาค-ปลายภาค สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นไป โดยเล็งเห็นว่าระบบการศึกษาของมาเลเซีย ควรโฟกัสไปที่การสอนและการสนับสนุนนักเรียน ค้นพบกับความสุขจากการเรียนรู้มากกว่า…   Datuk Dr Amin Senin   Datuk Dr Amin Senin อธิบดีกรมสามัญศึกษา จากกระทรวงศึกษาธิการมาเลเซีย ระบุว่า จะใช้ระบบการประเมินผลแบบอย่างต่อเนื่อง เข้ามาแทนที่การสอบกลางภาค-ปลายภาค อันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสอนและเรียนรู้ผ่านระบบ Classroom-Based Assessment (PBD)     ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2018 นาย Maszlee Malik รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เคยเปรยไว้ผ่านทวิตเตอร์ว่าจะตัดการสอบกลางภาค-ปลายภาค ของเด็กชั้นป. 1-3 ออก ในปี…

หากคุณเคยเห็นเรื่องราวของ ครอปเซอร์เคิล หรือ วงธัญพืช มาก่อน คงจะนึกภาพตามได้ไม่ยาก เพราะมักจะมีทฤษฎีที่ว่ามนุษย์ต่างหากที่เป็นผู้สร้างมันขึ้น ผลจากการจอดจานบินบ้าง หรือเป็นการสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตนอกโลก     แต่สำหรับสิ่งที่จะได้เห็นต่อไปนี้ ไม่ใช่ฝีมือใครนอกจากมนุษย์ชาวญี่ปุ่นเอง ซึ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากการทำเป็นผืนป่าทดลองนำร่อง เพื่อศึกษากระบวนการเติบโตของต้นไม้หากปลูกเป็นในลักษณะวงแหวน จะเกิดความแตกต่างทางธรรมชาติอย่างไรบ้าง     ย้อนกลับไปในปี 1973 นักวิทยาศาสตร์ได้เริ่มโครงการป่าทดลอง โดยมีเป้าหมายในการเรียนรู้เกี่ยวกับพื้นที่ของต้นไม้ และผลของการเจริญเติบโตของพวกมัน นักวิทย์ได้ทำการปลูกต้นสนซีดาร์เป็นวงกลม ในป่าใกล้ๆ กับเมืองนิชินัง จังหวัดมิยาซากิ จากวงเล็กๆ ก็เริ่มขยายใหญ่กว้างขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นวงแหวนอันสมบูรณ์แบบ 10 วงด้วยกัน     จากภาพที่เห็น การทดลองนี้สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน ความเว้าที่เกิดขึ้นเผยให้เห็นว่า วงแหวนด้านนอกจะมีความหนาแน่นน้อย แต่ต้นจะสูงกว่า ส่วนวงแหวนด้านในต้นไม้จะมีขนาดเล็ก แต่มีความหนาแน่นสูง     นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ช่วยอธิบายได้ว่า ต้นไม้ในวงแหวนต่างเจริญเติบโตแบบต่อสู้กันเอง หากพื้นที่เยอะก็จะมีการแก่งแย่งชิงทรัพยากรน้อย เข้าถึงน้ำและแสงแดดได้มากกว่า ต้นด้านนอกจึงสูงใหญ่และแข็งแรง ส่วนต้นด้านในวงแหวนก็แย่งน้ำแย่งแดดกันอย่างดุเดือด จนไม่โตเท่าต้นด้านนอกวงแหวน   .   จากเอกสารที่สรุปผลการทดลองของ กระทรวงเกษตร…

เมื่อเอ่ยถึงจำนวนวันทำงานตามปกติทั่วไป ทั้งในรูปแบบราชการและเอกชน ทั่วทุกมุมโลกจะมีวันทำการ (วันทำงาน) อยู่ที่ 5 วัน/สัปดาห์ แต่ทว่าในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป กลับกลายเป็นว่าวันทำงาน 5 วัน ทำให้พนักงานย่ำแย่ลง?     จากการรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ส ได้เอ่ยถึงแนวคิดการลดวันทำงาน โดยระบุว่าในปัจจุบันบริษัทเอกชนหลายแห่งทั่วโลก กำลังทดลองทำงาน 4 วัน/สัปดาห์ เพื่อไม่ให้เกิดอาการหมดไฟในตัวพนักงาน และเป็นที่น่าแปลกใจว่า บริษัทที่นำแนวคิดนี้ไปใช้ ก็พบว่าเวลาทำงานที่ลดลงต่อสัปดาห์ นอกจากจะช่วยลดอาการหมดไฟได้แล้ว ยังช่วยสร้างแรงจูงใจในการทำงาน ส่งผลทำให้มีประสิทธิภาพที่มากยิ่งขึ้น     ตัวอย่างจากบริษัทซอฟต์แวร์จัดการโปรเจกต์ Planio จากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี หนึ่งในบริษัทที่นำแนวคิดทำงาน 4 วันมาใช้ แต่ยังคงจ่ายเงินเดือนให้ตามเท่าเดิมที่ทำ 5 วันต่อสัปดาห์ ทางบริษัทได้ให้ข้อมูลกับทางสำนักข่าวนานาชาติหลายแห่งว่า พวกเขานำแนวคิดนี้มาปรับใช้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และมันช่วยให้พนักงานมีคุณภาพที่ดีขึ้น     ผู้ก่อตั้งบริษัท Planio เองก็ได้ร่วมทดลองทำงาน 4 วันด้วยตัวเองเช่นกัน และเขาก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างที่ชัดเจน โดยระบุเอาไว้ว่า… “ผมทำงานได้จำนวนเท่ากับทำ 5 วันปกติ เพราะว่าใน…

หลังจากที่ประเทศแคนาดาเปิดให้ผู้คนสามารถสูบกัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย หลายๆ บริษัทก็เริ่มเคลื่อนไหวหันมาลงทุนในธุรกิจ ‘กัญชา’ กันอย่างคับคั่ง เมื่อไม่นานมานี้เจ้าของบริษัท Marlboro ก็เพิ่งจะลงทุนซื้อกิจการบริษัทที่ทำเกี่ยวกับกัญชาในแคนาดาไป และล่าสุดบริษัทเบียร์ดังอย่าง Budweiser เองก็เอาบ้างแล้ว     สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า Budweiser ได้ร่วมลงทุนกับบริษัท Tilray ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชาในเชิงการแพทย์ของแคนาดา เป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (3,264 บาท) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำการวิจัยเพื่อผลิตเครื่องดื่มเกี่ยวกับกัญชา และนำไปขายในประเทศแคนาดาแต่เพียงที่เดียว (เป็นผลพลอยมาจากข้อกฎหมายที่ถูกเปลี่ยนนั่นเอง)     ในงานวิจัยดังกล่าวจะมุ่งไปที่การใช้ ‘น้ำมันที่สกัดจากกัญชา’ และ ‘สาร THC’ ที่อยู่ในกัญชา เพื่อผลิตเครื่องดื่ม และเครื่องดื่มดังกล่าวจะไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เลยแม้แต่น้อย!! ตามรายงานระบุว่าทั้ง Budweiser และ Tilray Inc. จะจ่ายเงินคนละ 50 ล้านเหรียญฯ ในการลงทุนดังกล่าว     แหม่ นับเป็นเรื่องที่น่าจับตามองจริงๆ อยากรู้แล้วสิว่าเมื่อผลิตออกมาเสร็จหน้าตาของมันจะเป็นอย่างไร และรสชาติหรือความรู้สึกตอนได้กินมันจะเหมือนกับเบียร์ปกติทั่วไปรึเปล่านะ!?   ที่มา : Tilray, businesswire, ladbible

นี่อาจเป็นงานดนตรีทางเลือกใหม่สำหรับหญิงสาว เมื่อมีงานดนตรีหนึ่งที่จัดขึ้นโดยใช้ชื่อว่า ‘งานดนตรีปราศจากผู้ชาย’ เกิดขึ้นบนโลก แต่กลับถูกพบว่างานนี้มีความผิดในเรื่อง ‘การเลือกปฏิบัติ’ ซะงั้น!!     งานดนตรีชื่อว่า Statement festival เป็นงานดนตรีที่จัดขึ้นในเมืองโกเตนเบิร์ก ประเทศสวีเดน โดยมีแม่งานคือ Emma Knyckare นักแสดงตลก ที่เป็นผู้จัดตั้งการระดมทุนจัดงานนี้ขึ้นเพื่อรณรงค์ต่อต้านเรื่องการข่มขืนและการล่วงละเมิดทางเพศ เธอกล่าวว่าไอเดียการจัดงานนี้เกิดขึ้น จากความที่ในเทศกาล Bravalla เทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดของสวีเดน มีผู้หญิงถูกข่มขืนไปทั้งหมด 4 คนและถูกล่วงละเมิดทางเพศถึง 23 คนด้วยกันในปี 2017  และงานเทศกาลในปีนี้ก็มีผู้หญิงโดนข่มขืนถึง 5 คน และถูกล่วงละเมิดถึง 12 คนเลยทีเดียว…     เทศกาลดนตรีที่ปราศจากผู้ชายจึงได้เริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้น และได้รับเงินระดมทุนรวมกันถึง 48,060 ปอนด์ (ราวๆ 1.9 ล้านบาท) เนรมิตให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา ซึ่งงานดังกล่าวนั้นผู้ชายก็สามารถซื้อตั๋วเข้าร่วมเทศกาลนี้ได้ แต่กลับถูกจำกัดพื้นที่ให้อยู่ในโซนชื่อว่า ‘man pen’ ซึ่งเป็นโซนหลังเวที รวมถึงทีมงานแบ็คสเตจของศิลปินด้วย     อย่างไรก็ตามศิลปินชื่อดังที่มาร่วมแจมเทศกาลในปีนี้อย่าง The Killers, Linkin Park และ Travis Scott ได้ยกเลิกแผนการมาเข้าร่วมในปี 2019 แล้ว  หลังจากที่ทางนักกฎหมายบอกว่าการเลือกปฏิบัติในงานนี้เป็นเรื่องที่ ‘ผิดกฎหมาย’…

อาจเป็นเรื่องธรรมดาที่บางครั้งสามี-ภรรยา อาจมีเรื่องที่ผิดใจกันจนเกิดการทะเลาะกันขึ้นมาบ้าง แต่ว่าบางทีการทะเลาะอาจนำไปสู่ความรุนแรงที่บานปลายมากยิ่งขึ้น จนกลายเป็นเหตุการณ์ที่เราคาดไม่ถึง อย่างเช่นในเรื่องนี้ที่สามีต้องถูกตัดอัณฑะไปครึ่งหนึ่ง จากความที่เขาถูกภรรยาตีเข่าเข้าเต็มๆ จนเสียหายและจำเป็นต้องผ่าตัดออก!!    Rimma Gayazova อดีตภรรยาของชายผู้โชคร้าย   เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในเมืองคาลีนินกราด ประเทศรัสเซีย โดยเหตุการณ์มีอยู่ว่า Vyacheslav Povetyev อดีตสามีวัย 29 ปี ได้ไปเยี่ยมลูกที่อาศัยอยู่กับ Rimma Gayazova อดีตภรรยาของเขา แต่ระหว่างที่อยู่ในลิฟท์ด้วยกันทั้งคู่ก็มีปากเสียงกันขึ้น จนทำให้ในที่สุดอดีตภรรยาวัย 27 ปีอดีตครูสอนมวยหญิง ก็จัดการตีเข่าเข้าไปเต็มๆ ตรงง่ามขาของฝ่ายชาย   ผู้เสียหาย   ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉิน ซึ่งทางแพทย์ได้นำอัณฑะส่วนที่เสียหายของชายหนุ่มคนนี้ออกไปถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว จนตอนนี้เขาบอกว่าตัวเองกลายเป็นคนพิการไปแล้ว     ทางด้านฝ่ายหญิงได้ให้ปากคำกับตำรวจว่า อดีตสามีของเธอเป็นคนเริ่มการลงไม้ลงมือก่อนด้วยการบีบคอของเธอและพยายามจะแย่งลูกไป เธอจึงจำต้องปกป้องตัวเองด้วยการตีเข่าเข้าไปที่ง่ามขาของเขา     ซึ่งหากการสอบสวนระบุว่าเธอผิดจริง ก็จะถูกตั้งข้อหาว่าตั้งใจทำร้ายร่างกายจนทำให้เกิดความเสียหายระดับปานกลาง และผลของข้อหานี้ก็อาจทำให้เธอถูกจำคุกสูงสุด 3 ปีเลยทีเดียว     “ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งทางแพทย์วินิจฉัยว่าถุงอัณฑะเสียหายอย่างหนัก ซึ่งหากพิจารณาจากรูปคดีแล้วก็จะตรงกับกฎหมายข้อดังกล่าวนั่นเอง” เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าว     ที่มา: dailymail, news.rakyatku

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัย Lehigh รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อนักศึกษาชาวจีนคนหนึ่ง “พยายามฆ่า” เพื่อนรูมเมทผิวสี Yukai Yang เด็กหนุ่มวัย 22 ปี นักศึกษาภาควิชาเคมีของมหาวิทยาลัยดังกล่าว ถูกจับกุมตัวจากความผิดฐานพยายามฆ่า หลังจากที่ตำรวจจับได้ว่าเขาแอบวางยาเพื่อนร่วมห้อง อีกทั้งยังมีการเขียนข้อความ “เหยียดเชื้อชาติ”   Yukai ผู้ก่อเหตุ   จากการตรวจสอบพบว่า Yukai ใช้สารเคมีที่ชื่อว่า Thallium (สารที่เคยใช้เป็นส่วนผสมในยาเบื่อหนู) แอบผสมลงไปในอาหาร เครื่องดื่ม และน้ำยาบ้วนปากของ Juwan Royal รูมเมทของเขา นั่นจึงส่งผลให้ Juwan มีอาการป่วยอยู่เรื่อยๆ มึนหัว ชักกระตุก คลื่นไส้อาเจียน อยู่บ่อยครั้ง โดยในตอนแรกเขาก็ไม่ทราบสาเหตุว่าป่วยเป็นอะไร เหตุการณ์นี้ได้รู้ถึงหูเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2018 หลังจากที่ Juwan ดื่มน้ำเข้าไปแล้วทำให้เขารู้สึกแสบลิ้นราวกับโดนเผาไหม้ จึงตัดสินใจโทรแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่   Juwan เพื่อนร่วมห้องที่โดนวางยา   ในวันนั้นเด็กหนุ่มผิวสีปลุกเพื่อนร่วมห้องให้ตื่นขึ้นมา พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง ซึ่งมันทำให้เขาต้องรู้สึกแสบลิ้นไปนานหลายวัน โดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวการของเรื่องนั้นก็คือเพื่อนร่วมห้องชาวเอเชียของเขานี่แหละ ในวันที่…

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เกิดเป็นกระแสแห่งความสาแก่ใจ หลังจากที่ชาวเน็ตชมคลิปความยาว 11 นาที กับการแก้เผ็ดโจรขโมยพัสดุ ด้วยกับดักระเบิดกากเพชร และสเปรย์ตด เพื่อสั่งสอนให้พวกขี้ขโมยได้หลาบจำกับการกระทำที่ผิด ซึ่งคนทำคลิปก็เป็นถึงอดีตวิศวกรของนาซ่า ที่ผันตัวมาเป็นยูทูบเบอร์เต็มตัว… ข่าวเก่า: หนุ่มแก้เผ็ดโจรขโมยพัสดุ จัดการวางกับดัก ‘ระเบิดกากเพชร + สเปรย์ตด’ ให้โจรมารับกรรม   คลิปที่เป็นประเด็น    เมื่อกลายเป็นกระแสไวรัลและกวาดยอดวิวไปได้มากถึง 40 ล้านวิว ผู้คนต่างชื่นชมในวิธีการสุดแสบสันต์ของนาย Mark Rober แต่ทว่าบางส่วนกลับสงสัยยิ่งกว่านั้น จึงทำการล้วงลึกเจาะข้อมูลที่มาที่ไปในสถานที่เกิดเหตุ และพบว่ามันคือการจัดฉาก…     เพราะหลายๆ สิ่งที่เห็นภายในคลิปนั้น ทั้งสถานที่หรือรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ ดูเหมือนจะบังเอิญเกินไปหน่อย ราวกับว่าโจรที่มาขโมยพัสดุอาศัยอยู่ข้างบ้านของเพื่อนนาย Rober ที่ชื่อ Cici และรถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ Ford Focus สีดำที่มีสายลูกประคำห้อยอยู่ ก็พบว่าจอดอยู่หน้าบ้านของ Cici ในเมือง Pittsburg รัฐแคลิฟอร์เนีย กันเลยทีเดียว     ทั้งนี้ จากคลิปวิดีโอของนาย…

ข่าวอันน่าสลดนี้เกิดขึ้นในเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งบุกไปที่บ้านของสามีเก่า ก่อนที่จะสังหารลูกสาวของตัวเอง เพราะว่าเธอโทรแจ้งตำรวจ Svetlana Laurel ฆาตกรสาวผู้บุกไปที่บ้านของสามีเก่า (ไม่ระบุชื่อ) ซึ่งในตอนนั้นเขาอาศัยอยู่กับลูกชายและลูกสาวของเธอ   Svetlana หญิงสาวผู้ก่อเหตุ   เมื่อไปถึง Svetlana ก็ได้บอกให้ลูกชายวัย 12 ปีเปิดประตูให้เธอเข้าไป ก่อนที่จะระบายโทสะใส่สามีเก่าของตัวเอง ซึ่งเธออ้างว่าเขาทำให้ชีวิตของเธอต้องพังทลาย หญิงสาวใช้ปืนช็อตไฟฟ้ายิงใส่อดีตสามี แล้วใช้ Cable Tie (สายพลาสติกที่ไว้ใช้รัดสายไฟ) มัดเขาเอาไว้ รวมถึงลูกชายวัย 12 ปีก็ด้วย ขณะที่ทั้งสองคนถูกมัดอยู่นั้น Svetlana ก็ควักปืนพกออกมา ตั้งใจที่จะยิงใส่อดีตสามีของตัวเอง โดยในตอนนั้น Natalie Gulizia ลูกสาววัย 14 ปีผู้อยู่ในเหตุการณ์ก็วิ่งขึ้นไปด้านบนเพื่อจะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ   Natalie ลูกสาววัย 14 ปี   แต่สิ่งที่เด็กหญิงทำก็ไม่อาจพ้นสายตาแม่ของเธอไปได้ Svetlana หันปืนไปพร้อมกับตะโกนใส่ลูกสาวของตัวเองว่า “เธอโทรแจ้งตำรวจเหรอ!!” จากการรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า ฆาตกรพูดออกมาว่า “โดนเป่าหัวกระจุยไปซะเถอะ” ก่อนที่จะใช้ปืนพกในมือสังหารลูกสาวเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ…

จะว่าอย่างไรดีกับเรื่องของการใช้บางคำ ที่อาจจะส่งผลต่อความอ่อนไหวของใครบางคน หลังจากที่ Monterey Bay Aquarium ได้ทำการทวีตข้อความพร้อมรูปภาพของน้องนาก Abby ที่มีรูปร่างอ้วนจ้ำม้ำน่าฟัดน่าหยอกสุดๆ   Abby is a thicc girl What an absolute unit She c h o n k Look at the size of this lady OH LAWD SHE COMIN Another Internetism ! pic.twitter.com/s5fav2gu09 — Monterey Bay Aquarium (@MontereyAq) December 18, 2018   ใจความจากทวีตระบุว่า… “Abby เป็นสาวอ้วนตันตัวหนา ช่างสมบูรณ์อะไรเช่นนี้ เหมือนแมวบ้านอ้วนขี้ดีดด้วย ดูขนาดตัวของนางสิ…

อย่างที่รู้กันดีว่ากีฬาโอลิมปิก หรือ พาราลิมปิก ถือเป็นสัญลักษณ์ให้เห็นถึงความแข็งแรง ความสามัคคี และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของเพื่อนมนุษย์ ฉะนั้น ‘การเหยียด’ ไม่ว่าจะเป็นทั้งเชื้อชาติ เพศ หรือสีผิว เป็นสิ่งที่แฟนๆ กีฬาทั่วโลกต่างไม่ให้การยอมรับเป็นอย่างยิ่ง เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ เมื่อนักกีฬาพาราลิมปิกชาวอิตาลีได้ทำการโพสต์ภาพในเชิงล้อเลียนชาวเอเชียจนเป็นเหตุให้ชาวโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม     เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา นาย Emanuele Lambertini นักกีฬาวีลแชร์ฟันดาบ โพสต์ภาพของตัวเองในลักษณะเอานิ้วไปดึงบริเวณหางตาให้ยืดออก พร้อมกับแคปชันภาพว่า “ความรู้สึกของผม หลังจากที่กินซูชิมานานกว่า 1 สัปดาห์ แต่อย่างน้อยมันก็คุ้มค่าสุดๆ ไปเลย”     ซึ่งการกระทำดังกล่าวสื่อให้เห็นถึงการล้อเลียนรูปร่างหน้าตาชาวเอเชีย และถือเป็นการ ‘เหยียด’ เชื้อชาติ จนทำให้เขาถูกชาวเน็ตรุมประณาม   “ฉันคิดว่าเขาไม่เหมาะสมกับเหรียญรางวัลเอาซะเลย”   “มันรู้สึกไม่สบายใจมากๆ ที่ได้เห็นเรื่องอะไรแบบนี้ ยังมีคนที่คิดว่าการทำอะไรแบบนี้เป็นเรื่องที่ปกติอยู่รึนี่?”   “ในประเทศที่เขาต้อนรับคุณเยี่ยงแขก แต่ดูสิ่งที่คุณทำเพื่อตอบแทนเขาสิ”   “มันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง เขาไม่สมควรได้รับโอกาสให้เข้าร่วมพาราลิมปิกเกมที่จะจัดขึ้นญี่ปุ่นอีกต่อไปแล้วล่ะ”   จากนั้นไม่นานนาย Emmanuele ก็ตัดสินใจลบภาพนั้นออกไป…

สำหรับใครที่คลั่งไคล้ในความน่ารักของสติกเกอร์แมว Pusheen ที่เรามักจะเห็นและใช้กันอยู่เป็นประจำในเฟซบุ๊ก ขอบอกเลยว่าพวกคุณจะต้องดีใจกับข่าวนี้อย่างแน่นอน เพราะล่าสุดกำลังจะมีการเปิดตัวคาเฟ่แมว Pusheen ที่ประเทศสิงคโปร์เป็นที่แรก ในวันที่ 6 มกราคม 2019 ที่จะถึงนี้ และจะเปิดไปถึงช่วงเดือนมีนาคมเท่านั้น!!     เจ้าตัวการ์ตูนแมวเหมียว Pusheen นี้ถูกออกแบบโดย Claire Belton และ Andrew Duff  เพื่อสร้างเป็นการ์ตูนสุดน่ารักลงในเว็บไซต์เมื่อปี 2010 ก่อนที่จะถูกนำลงเป็นสติกเกอร์ให้ใช้ในเฟซบุ๊กเมื่อปี 2013 โดยมีแรงบันดาลใจมาจากเจ้าเหมียวตัวสีเทาของพวกเขานั่นเอง คาเฟ่ดังกล่าวจะได้รับการออกแบบด้วยตัวของ Claire เอง ส่วนบรรดาอาหารและเครื่องดื่มในเมนู จะเป็นหน้าที่ของนักออกแบบอาหารชื่อดังอย่าง Little Miss Bento   ส่วนบรรยากาศภายในคาเฟ่ อาหารและเครื่องดื่มก็จะมีหน้าตาประมาณนี้ครับ . . . . . . . . . .       ส่วนเรื่องราคาของแต่ละเมนูหลักก็จะอยู่ที่ราวๆ 15-17 เหรียญสหรัฐฯ…

สำหรับบางคนแล้วเมื่อเติบโตจนกลายเป็นผู้ใหญ่ พ่อแม่ก็อยากจะให้เป็นฝั่งเป็นฝามีคู่ชีวิตไว้เคียงข้างสักคน จะได้ไม่ต้องทนเหงาอย่างเปล่าเปลี่ยวเดียวดายอีกต่อไป นั่นจึงเป็นที่มาของวิธีการต่างๆ ในการหาคู่ให้กับลูกสุดที่รัก และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สุดฮาจริงๆ เมื่อคุณพ่อคนหนึ่งแอบเอาลูกชายทั้ง 3 คนของเขา ไปลงโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์ข้ามประเทศ โดยที่ลูกๆ ไม่มีใครรู้ตัวแม้แต่น้อย!!   ลูกชายทั้ง 3 หน่อของคุณพ่อ   เรื่องนี้มีอยู่ว่า Neil คุณพ่อจากรัฐออริกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา อยากจะให้ลูกชายทั้ง 3 คนของเขาได้แก่ Benjamin อายุ 26 ปี, Jeremy อายุ 28 ปี และ Matthew อายุ 31 ปีมีคู่ชีวิตเหมือนกับคนอื่นเขาสักที คุณพ่อจึงได้เลือกใช้หนังสือพิมพ์ของประเทศนิวซีแลนด์เป็นเครื่องมือในการหาคู่ให้กับลูกชาย ด้วยการประกาศลงโฆษณาซะเลย และที่เลือกประเทศนี้ก็เพราะว่าทางครอบครัวมีแผนจะเดินทางไปเที่ยวนั่นเอง Neil ได้เขียนคำโฆษณาลูกชายเอาไว้ได้แสนจะเชิญชวนเสียจริงๆ ซึ่งแปลได้ว่า     “สวัสดีคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย พวกเรามาจากสหรัฐฯ (รัฐโอเรกอน) เพื่อเยี่ยมชมประเทศอันงดงามของพวกคุณ ผมกับภรรยามีลูกชายสุดมหัศจรรย์อยู่ 3 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 28-32 ปี…

แม้ว่าเรื่องของการ ‘เหยียดเชื้อชาติ’ จะเกิดขึ้นน้อยไปทุกๆ วัน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะตระหนักและเข้าใจถึงปัญหาการเหยียดเชื้อชาติ อย่างเช่นในกรณีนี้ที่พนักงานร้านทำผม เขียนในใบบันทึกรายการของทางร้านว่าลูกค้าที่มาใช้บริการมี ‘ตาเหมือนเจ๊ก’ จนในที่สุดแล้วใบบันทึกรายการเดียวกันนี้เองทำให้ตัวพนักงานถูกไล่ออกจากงานแทบจะทันที!!     เรื่องนี้มีอยู่ว่า Briana Tae นักศึกษาพยาบาลแห่งมหาวิทยาลัย New York University’s Nursing School ได้เข้าไปทำผมที่ร้าน Murray Hill Drybar เมื่อวันจันทร์ (17 ธ.ค.) ที่ผ่านมา เพื่อจะจัดทรงผมให้สวยวับพร้อมการเข้าร่วมพิธี Pinning Ceremony (พิธีสำหรับพยาบาลจบใหม่ที่เลื่อนขึ้นไปสู่พยาบาลวิชาชีพ) ในวันถัดมา   วิดีโอการสัมภาษณ์ Briana    แต่ว่าขณะที่เธออยู่ในร้านนั้นเอง เธอได้สังเกตเห็น ‘ใบบันทึกรายการ’ ที่จดบันทึกสิ่งที่เธอใช้บริการภายในร้าน และในช่องคำอธิบายในใบบันทึกใบนั้นก็ระบุว่าเธอมีลักษณะ ‘ตาเหมือนเจ๊ก’ “ฉันเหลือบไปเห็นสิ่งนี้เข้า ลูกค้า: Briana, คำอธิบาย: ตาเหมือนเจ๊ก!!” โดยหลังจากเห็นสิ่งที่อยู่บนใบบันทึกใบนี้แล้ว เธอก็รีบนำเรื่องนี้ไปแจ้งกับทางพนักงานต้อนรับในทันที แต่ดูเหมือนกับว่าพนักงานจะไม่ได้ช่วยอะไรเธอในเรื่องนี้มากนัก    ในที่สุดแล้วเธอจึงได้นำเรื่องนี้ไปโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียลมีเดีย ซึ่งก็มีชาวเน็ตมาร่วมแสดงความคิดเห็นนับร้อยคนรวมทั้งมีการร้องเรียกให้ Drybar ออกมาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้ ซึ่งในเวลาต่อมาทาง Drybar ก็ได้ออกมาตอบขอโทษโดยบอกว่านี่มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขาด้วยเช่นเดียวกัน และในตอนนี้ก็ได้ไล่พนักงานที่ทำเช่นนั้นออกไปแล้ว…  …

นอกจากจะเคยเป็นประธานาธิบดีของชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาแล้ว ในตอนนี้ ‘บารัก โอบามา’ ก็ได้สวมบทบาทเป็นซานตาคลอสแสนใจดี ลุยมอบของขวัญเป็นกำลังใจให้กับเด็กๆ ที่นอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลด้วย!!   ซานต้ามาแล้วจ้าเด็กๆ   เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (19 ธ.ค.) เด็กๆ แห่งโรงพยาบาลเด็ก Children’s National hospital ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ต่างพากันดีใจกันยกใหญ่ เมื่อมีลุงซานต้ามามอบของขวัญให้กับพวกเขา   นายบารัก โอบาม่า ขณะเป็นซานตาครอสใจดี    ซึ่งซานต้านี้ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เขาคือนายบารัก โอบาม่า อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่ใช้เวลาว่างในช่วงวันหยุดของเขามาเป็นขวัญกำลังใจให้กับเด็กๆ   เซอร์ไพรส์จนพูดไม่ออก   เขาสวมหมวกซานตาครอสสีแดงพร้อมกับเดินแบกถุงของขวัญเข้ามาที่โรงพยาบาล ซึ่งทางคณะหมอพยาบาลและพนักงานคนอื่นๆ ก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีด้วยการร้องเพลง We Wish You a Merry Christmas  บรรยากาศการไปแจกของขวัญของเขาเป็นไปอย่างอบอุ่นๆ เด็กๆ บางคนถึงขั้นที่เก็บความดีใจเอาไว้ไม่อยู่โผเข้ากอดเขาด้วยความเซอร์ไพรส์ ซึ่งนายบารักก็ได้ทำให้บรรยากาศที่นี่เต็มไปด้วยความสุขเหมือนกับเทศกาลคริสต์มาสจริงๆ   เยี่ยมเยียนร่วมพูดคุยกับเด็กๆ ที่ป่วย   “ผมอยากจะขอขอบคุณทุกๆ คนที่ทำให้เราได้มีโอกาสพูดคุยกับเด็กๆ ที่น่ามหัศจรรย์พร้อมกับครอบครัวของพวกเขา มันเห็นได้ชัดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากจริงๆ ในฐานะของคนที่เป็นพ่อของลูกสาวทั้งสองคน คุณคงรู้ว่าผมเข้าใจดี”…

อย่างว่าความเมาจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่เคยปราณีใคร มันทำให้หลายคนถึงขั้น ‘แปลงร่าง’ จากลุคปกติๆ ไปเป็นคนเพี้ยนมานักต่อนัก และล่าสุดนี้มันก็สร้างงานฮาๆ ให้คุณตำรวจอีกแล้ว!!     โดยเรื่องนี้มีอยู่ว่าในเช้าวันหนึ่งชาวบ้านในเมืองเซา เปาโล ประเทศบราซิล ได้ออกมาทำกิจวัตรตามปกติอย่างเช่นวิ่งจ็อกกิ้ง หรือพาหมาเดินเล่น แต่ว่าจู่ๆ ก็เกิดเรื่องที่ผิดปกติขึ้น เมื่อเจ้าหมาได้ดมกลิ่นพาคนจูงไปยังเขตก่อสร้างที่กั้นรั้วเอาไว้ของโรงแรม Praia Grande แล้วมันก็ไปดึงขาคนๆ หนึ่งออกมาจากถุงดำในบริเวณนั้น!!   นี่มันอะไรกันนี่ ศพรึเปล่านะ?   ซึ่งคนที่เจอก็คิดว่านี่อาจเป็นชิ้นส่วนของคนที่ถูกตัดชิ้นส่วนแล้วเอามาใส่ถุงดำทิ้งไว้แน่ๆ จึงได้มีการแจ้งตำรวจในเรื่องนี้ในเวลาต่อมา… เมื่อเจ้าหน้าที่คนแรกมาถึงก็ได้นำไฟฉายเข้าไปส่องยังถุง แล้วก็พบว่าบริเวณของขามันมีสีที่ขาวซีดมากเหมือนกับศพจริงๆ ต่อมาเมื่อกองกำลังมาเสริมทัพเจ้าหน้าที่ก็ได้ปิดล้อมพื้นที่ พร้อมกับรอนักนิติวิทยาศาสตร์มาชันสูตรศพ แต่แล้วทันใดนั้นเองก็เกิดเรื่องที่แสนจะมหัศจรรย์ขึ้น เมื่อศพที่อยู่ในถุงมันกลับดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมาราวกับมีชีวิต   มีขาโผล่ออกมาด้วย   “ตอนที่เรามาถึงสถานที่เกิดเหตุ เราได้ตรวจสอบถุงดำจากการใช้สายตามองดูจากระยะไกลเท่านั้น  เราจึงสรุปคร่าวๆ ว่าน่าจะเป็นชิ้นส่วนที่ถูกตัดแยกออกมา”  “ที่เราไม่เข้าไปใกล้ๆ ในจุดเกิดเหตุก็เพราะว่ามันจะทำให้ร่องรอยและหลักฐานต่างๆ ที่นักนิติวิทยาศาสตร์ต้องใช้ในห้องแล็บหายไปนั่นเอง”  “เราจึงขนลุกเอามากๆ ที่จู่ๆ เขาก็เด้งกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่อีกทางหนึ่งก็โล่งอกที่นี่ไม่ใช่เหตุฆาตกรรมจริงๆ” จ่า Corporal Sergio Passo กล่าว   เอ้า ไม่ใช่นี่หว่า   ในที่สุดแล้วทางเจ้าหน้าที่ก็พบว่าชายที่อยู่ในถุงดำนั้นคือคนเมาคนหนึ่ง ที่นอนถอดเสื้อใส่เพียงแต่กางเกงขาสั้นเท่านั้น โดยเขาก็ยังงงๆ อยู่ว่าทำไมตำรวจอยู่ตรงนี้เต็มไปหมด!!…

การรู้จักสร้างธุรกิจเล็กๆ และเก็บหอมรอมริบตั้งแต่เด็กนับว่าเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากเป็นการเรียนรู้เรื่องของการหารายได้มาจุนเจือตนเองในอนาคต แม้ว่าเป้าหมายจะเป็นเพียงแค่ การซื้อข้าวของเครื่องใช้เพื่อความบันเทิงก็ตาม… ตัวอย่างดีๆ จากน้อง Irfan วัย 12 ปี ผู้นี้ ที่ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตหลังจากที่พี่สาวของเขา Farhana ได้แชร์ภาพและเล่าย้อนกลับไปว่า น้องชายของเธอตั้งใจเก็บเงินทั้งปี เพื่อที่จะนำมาซื้อเครื่องเล่นเกม PlayStation 4   https://twitter.com/farhanailiasa/status/1073896456933629952   สิ่งที่เธอเขียนระบุเอาไว้ในโพสต์… “น้องชายวัย 12 ปีของฉัน ตั้งใจมาซื้อเครื่อง PS4 ในวันนี้ด้วยเงินเก็บออมของเขาเอง เงินทั้งหมดเป็นธนบัตร 1 ริงกิต (7.85 บาท) เขาเก็บเงินได้ทั้งหมดประมาณ 600 ริงกิต (4,708 บาท) และส่วนที่เหลือก็มีพ่อแม่เป็นผู้สมทบทุนให้ ฉันรู้สึกภูมิในตัวเขามากๆ อยากจะบอกว่าน้องชายของฉันสะสมการ์ตูน เขาเปิดธุรกิจเช่าการ์ตูนเล็กๆ ให้กับเพื่อนๆ และเขาก็เก็บเงินจากตรงนั้นเอามาใช้”     สำหรับราคาของเครื่อง PS4 ที่น้อง Irfan ซื้อจะอยู่ที่ประมาณ 1,349 ริงกิต (ประมาณ…

หากพูดถึงมนุษย์กินคนแล้ว ในประเทศไทยเราคงได้ยินเรื่องราวของฆาตกรต่อเรื่องนามว่า “ซีอุย” ที่สร้างความหวาดกลัวไปให้แก่คนที่ได้ยินชื่อของเขา แต่ก็ไม่ใช่เฉพาะประเทศเท่านั้นที่มีคดีแบบนี้เกิดขึ้น เมื่อปีก่อนในประเทศแอฟริกาใต้ได้เกิดคดีฆาตกรรมสุดสยองขวัญ ที่ฆาตกรสังหารมนุษย์แล้วนำไปกิน ซึ่งสร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชนเป็นอย่างมากและแม้แต่ตำรวจก็ยังไม่สามารถตามจับได้   Nino Mbatha (เสื้อลายทหาร)   แต่เมื่อเร็วๆ นี้ จู่ๆ  Nino Mbatha ฆาตกรที่ตำรวจพยายามไล่จับกุมมาตั้งนานแรมปี ก็ได้เดินเข้ามาในสถานีตำรวจอย่างหน้าตาเฉย พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ที่ใส่ “ชิ้นส่วนมนุษย์” อยู่ภายในนั้น ก่อนประกาศว่าเขา “เบื่อมนุษย์สดๆ” แล้ว ในตอนแรกเมื่อฆาตกรได้ประกาศว่าเขาเบื่อมนุษย์แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงงงๆ ไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไร จนกระทั่งเขานำขามนุษย์ออกมาโชว์ จึงทำการเข้าจับกุมเขาและพรรคพวกในทันที   ประชาชนไม่พอใจกับคดีที่น่าสะอิดสะเอียนของเขาและออกมาประท้วง   หลังจากโชว์ขามนุษย์ให้เจ้าหน้าที่ดูแล้ว Mbatha ก็พาเจ้าหน้าที่ไปที่บ้านของเขาในเมือง Estcourt ซึ่งต้องทำให้เจ้าหน้าที่ตะลึง เมื่อพบชิ้นส่วนมนุษย์มากมายอยู่ที่นั่น หลังจากถูกจับกุม เขาปฏิเสธที่จะสารภาพว่าตัวเองกินมนุษย์สดๆ แต่ให้การว่าพวกเขาใช้ร่างกายของมนุษย์ทำเป็นยาแผนโบราณ ที่เรียกว่า Muti ซึ่งต้องใช้ร่างกายของเด็กหรือผู้หญิงมาเป็นส่วนประกอบในการทำยาเท่านั้น   Mbatha (ซ้าย) พร้อมกับพรรคพวก   “สิ่งที่เกิดขึ้นมันน่ากลัวมากๆ มันเป็นสิ่งที่เหมือนกับฝันร้าย” Peter Olsen ผู้พิพากษาศาลชั้นสูงได้กล่าวถึงคดีนี้ ก่อนที่เขาจะประกาศตัดสินให้ Mbatha…

จากการจับกุมตัวด้วยข้อหา “ชนแล้วหนี” นำไปสู่ความผิดอีกหลายกระทงที่ถูกค้นพบในภายหลัง ซึ่งมันอาจทำให้เด็กสาวอายุ 15 ไม่อาจรอดจากการเข้าสถานพินิจได้ เรากำลังพูดถึงข่าวที่กำลังเป็นกระแสในเมืองเชเลียบินสค์ ประเทศรัสเซีย เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม 2018 ที่ผ่านมา เมื่อเด็กสาววัย 15 ปี ลูกของมหาเศรษฐีคนหนึ่งในรัสเซีย ขับรถพุ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย   เด็กสาวผู้ก่อเหตุ (ไม่ระบุชื่อ)   จากการรายงานกล่าวว่า เธอได้เอารถ Mercedez Benz ของพ่อมาขับอยู่บนท้องถนนตอนเวลาประมาณตี 5 ก่อนที่จะพุ่งชนตำรวจจราจร 2 นายที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขณะนั้น เธอพยายามหลบหนีจากจุดเกิดเหตุแต่ก็ไม่สำเร็จ ซึ่งเมื่อตำรวจจับกุมตัวเธอได้แล้วก็พบว่าเด็กสาวนั้นกำลังอยู่ในอาการมึนเมาจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์   ภาพตอนที่เธอขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ   แน่นอนว่าเด็กสาวไม่มีใบขับขี่ และหลายๆ คนคงคิดว่าเธอคงจะได้เข้าไปอยู่ในสถานพินิจอย่างแน่นอน แต่แล้วจู่ๆ เรื่องราวนี้ก็เงียบไปไม่มีใครพูดถึง ทุกคนต่างคาดการณ์ว่าที่เรื่องราวถูกปิดข่าวเงียบนั้นอาจเป็นฝีมือของนักธุรกิจผู้มีชื่อเสียงที่ถูกเผยแค่ว่าเขาชื่อ Vladimir พ่อของเด็กสาวผู้ก่อเหตุ     แต่หลังจากผ่านไปได้ราวๆ 3 สัปดาห์ คดีความนี้ก็ถูกพูดถึงอีกครั้ง ก่อนจะตามมาด้วยคดีความอีกหลายคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจค้นพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับเด็กสาวคนนี้ จากการตรวจค้น พบว่าเธอนั้นครอบครอง “ปืนพก” และกระสุนแบบผิดกฎหมาย…

อีกหนึ่งเรื่องราวอันน่าจดจำบนเวทีการประกวด Miss Universe 2018 คือการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ของ Angela Ponce หญิงข้ามเพศคนแรกของโลก ที่ได้รับโอกาสเป็นตัวแทนของสาวงามจากประเทศสเปน เข้าประกวดบนเวทีนี้     ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ตั้งแต่เริ่มมีการประกาศตัวแทนผู้เข้าประกวดของสเปน ในเดือนมิถุนายน 2018 บางส่วนนั้นมองว่าเธอไม่สมควรได้รับสิทธิ์ในการส่งประกวด เนื่องจากไม่ใช่ผู้หญิงตั้งแต่กำเนิด ทว่าเธอก็สามารถเข้ามายืนประชันกับสาวงามอีกกว่า 90 ชาติบนเวทีแห่งนี้ได้     แม้ว่า Angela Ponce ในวัย 27 ปี จะไม่สามารถคว้าตำแหน่งและมงกุฎมาสวมได้ ตามเป้าหมายสูงสุดที่แฟนนางงามนั้นหวังเอาไว้ แต่สำหรับเธอแล้ว เธออธิบายไว้ว่าเป้าหมายของการเข้าร่วมประกวดในครั้งนี้ เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่ารางวัลชนะเลิศ…     “ความหวังของฉันสำหรับวันพรุ่งนี้ ก็คือการได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความเท่าเทียมสำหรับทุกคน โดยที่ทุกคนเข้าใจได้ว่าพวกเราคือมนุษย์ และพวกเราต้องทำให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้นไปพร้อมๆ กัน ถ้าฉันสามารถมอบสิ่งเหล่านี้กับโลกได้ ฉันไม่จำเป็นจะต้องชนะ Miss Universe ฉันเพียงแค่ต้องยืนอยู่บนเวทีนี้” Angela Ponce ให้สัมภาษณ์กับทางเว็บไซต์ Insider     จากการประกวดที่เพิ่งผ่านพ้นไป Angela Ponce…

เรื่องของเงินทองที่จะได้มาครอบครองมีหลากหลายวิธี ทั้งวิธีที่สุจริตถูกกฎหมาย ทำงานเพื่อให้ได้เงินมา หรือจะด้วยวิธีการเทาๆ หลีกเลี่ยงผ่านช่องโหว่กฎหมาย จนได้เงินก้อนโตมาในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งตามปกติทั่วไปแล้ว ‘เงิน’ เหล่านี้ จะไม่ค่อยมีปรากฏการณ์แจกบ่อยนัก แต่มันก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน อย่างในกรณีที่เกิดขึ้นในย่านยากจน Sham Shui Po แห่งนี้ ทำเอาประชาชนแตกตื่นกับเงินที่ได้มาฟรีๆ โปรยลงมาจากฟากฟ้า      เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคม 2018 ที่ผ่านมา เพจ Epoch Cryptocurrency ได้ทำการไลฟ์สด พร้อมกับชายใส่ฮูดกันหนาวสีดำ ออกมาประกาศบางสิ่งผ่านไลฟ์ในครั้งนี้ “วันนี้ 15 ธันวาคม เป็นวันที่ยิ่งใหญ่สำหรับการประกาศพลิกโฉมการซื้อขาย ผมหวังว่าทุกคนจะสนใจกับเหตุการณ์สำคัญในครั้งนี้ ปล้นคนรวยมาช่วยคนจน ไม่ต้องโทษผม ผมก็ไม่รู้เหมือนกันเงินหล่นลงมาจากฟ้าได้ยังไง”     หลังจากที่ชายคนดังกล่าวพูดจบ กล้องก็แพนไปทางด้านขวาโชว์ให้เห็นว่า มีธนบัตรถูกโปรยลงมาจากดาดฟ้าของอาคาร เป็นธนบัตรสกุลเงินฮ่องกงดอลลาร์จำนวนมาก ทำเอาคนที่รออยู่ด้านล่างกลายเป็นการจลาจลขนาดย่อม แย่งชิงเงินกันวุ่นวาย     ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกเตือนประชาชนว่าอย่าเก็บเงินเหล่านั้นเอาไว้ เพราะอาจจะเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมาย และหลังจากที่ตำรวจเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ พบว่าเป็นธนบัตรมูลค่า…

ตั้งแต่ที่มีการปล่อยออกไปในวันที่ 12 สิงหาคม 2018 ยาน “Parker Solar Probe” ของนาซาก็เดินทางมุ่งสู่ดวงอาทิตย์เรื่อยมาโดยที่แทบไม่มีใครรู้   ภาพจำลองของยาน Parker Solar Probe ที่เดินทางไปยังดวงอาทิตย์   จนกระทั่งช่วงคาบเปลี่ยนระหว่างเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนที่ผ่านมา ในที่สุดยานลำนี้ก็เข้าไปถึง “โคโรนา” ในชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์แล้ว และในสถานที่อันแปลกประหลาดนั้นเอง ยาน Parker Solar Probe ก็ได้ถ่ายภาพของดวงอาทิตย์ในระยะที่ใกล้ชิดที่สุดเท่าที่เคยมีมา ส่งกลับมาให้โลกได้เห็นกันจนได้     ภาพที่เห็นนี้ ถูกถ่ายเก็บไว้ด้วยระบบ “Wide-field Imager for Solar Probe” (เครื่องตรวจจับพื้นที่กว้างสำหรับ Solar Probe) หรือ “WISPR” ในระยะห่างราวๆ 27 ล้านกิโลเมตรจากดวงอาทิตย์  จากในภาพเราจะสามารถมองเห็นถึงโคโรนา อันเป็นพลาสมาที่แผ่พุ่งของดวงอาทิตย์ ในรูปแบบแสงที่พุ่งออกมาจากด้านซ้ายของภาพ นอกจากนี้หากสังเกตดีๆ เรายังสามารถมองเห็นดาวพุธในลักษณะจุดสีขาวในภาพอีกด้วย ภาพถ่ายที่ออกมานี้เชื่อกันว่าจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ สามารถวิเคราะห์การกำเนิดของพลาสมารูปแบบนี้ได้เป็นอย่างดี และละเอียดอ่อนกว่าการสังเกตโคโรนาในเวลาที่เกิดสุริยุปราคาเต็มดวงมาก   โคโรนาของดวงอาทิตย์สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในเหตุการณ์สุริยุปราคาเต็มดวง   นอกจากนี้ หากกำหนดการปฏิบัติภารกิจของยาน Parker Solar Probe…

ในชีวิตของมนุษย์หลายๆ คน ย่อมผ่านเรื่องราวต่างๆ มาอย่างมากมาย ซึ่งก็มีทั้งจุดตกต่ำและจุดสูงสุดด้วยกันทั้งนั้น ดังประโยคที่ว่า “ชีวิตมีขึ้นก็ต้องมีลง” เช่นเดียวกับชีวิตของ Charley Wills คุณแม่ยังสาววัย 22 ปีคนที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ครับ     ในวันที่ 28 กันยายน 2018 Charley สาวสวยจาก West Yorkshire ประเทศอังกฤษได้ตกอยู่ในช่วงตกต่ำที่สุดของในชีวิต เมื่อลูกชายสุดที่รักต้องไปอยู่กับพ่อของเขา “ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย นอกจากปวดใจ คุณปู่และคุณย่ามาพา Hugo (ลูกชาย) ไปเจอกับพ่อของเขา ฉันจัดการสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองไม่ได้ ฉันเสียทั้งบ้านและผู้คนในชีวิต ฉันรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจฉันเลย” Charley กล่าว     และด้วยที่ตัวเธอเองเป็นภาวะซึมเศร้าอยู่แล้ว แถมเพิ่งจะเลิกกับแฟนด้วยความสัมพันธ์ที่แย่มากๆ เมื่อลูกที่เป็นเหมือนที่พึ่งทางใจที่สุดท้ายกับเธอต้องไปอยู่กับพ่อ (แม้จะไปอยู่ไม่นาน) โลกทั้งใบของเธอก็เหมือนพังทลายลง เมื่อไม่เหลือที่พึ่งใดๆ อีกต่อไป เธอจึงตัดสินใจที่จะจบชีวิตตัวเองโดยการกระโดดลงจากอาคารจอดรถ แต่ขณะที่เธอกำลังจะปล่อยตัวเองลงจากตึก ก็มีหญิงแปลกหน้าคนหนึ่งพุ่งเข้ามากอดเธอเอาไว้ และพูดกับเธอว่า “ปล่อยๆ มันไปเถอะ แล้วไปหากาแฟกินกัน ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี”   …

ในวันที่ 15 ธันวาคม 2018 ได้มีการจับกุมตัวสามีภรรยาซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ และแม่เลี้ยงของเด็กหญิงวัย 9 ขวบคนหนึ่ง (ไม่ระบุชื่อ) ในเมืองโพรโว รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา หลังจากที่พวกเขาทั้งสองทรมานเด็กน้อยด้วยวิธีการอันโหดเหี้ยม ผู้ต้องหาสองคนนั้นมีชื่อว่า Joseph Maeser Mitchell วัย 29 ปี และ Ilaria Catherina Mitchell วัย 28 ปี โดยการจับกุมตัวนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่เด็กหญิงได้เข้าไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับสิ่งที่ทั้งสองได้ทำ   Joseph และ Ilaria   เด็กหญิงเล่าว่า ก่อนหน้านี้เธอเคยถูกพ่อแท้ๆ และแม่เลี้ยงทรมานด้วยการมัดมือ ให้ลงไปนอนในอ่างอาบน้ำ ก่อนที่จะนำผ้าขนหนูมาปิดหน้าเอาไว้และเทน้ำลงไปให้ชุ่ม วิธีการดังกล่าวนั้น เป็นวิธีการเดียวกันกับ “การทรมานนักโทษ” ที่ถูกเรียกว่า Waterboarding ซึ่งจะทำให้เด็กหญิงรู้สึกเหมือนอยู่ในภาวะจมน้ำ อุดกั้นทั้งโพรงจมูกและปาก เธอจะไม่ตายแต่จะทรมานอย่างมาก โดยปัจจุบัน วิธีการนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย   ลักษณะวิธีการทรมานดังกล่าว   และเธอไม่ได้โดนทรมานอย่างนั้นแค่ครั้งเดียว แต่เธอโดนมาแล้วถึง 3 ครั้งด้วยกัน…

“การล่วงละเมิดทางเพศ” คือสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นแต่กลับยังคงมีให้เห็นในทุกสังคม ไม่เว้นแม้แต่การคุกคามที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว เช่นเดียวกันกับคดีความที่เกิดขึ้นในเมือง Foley รัฐแอละแบมา สหรัฐอเมริกา ช่วงกลางเดือนธันวาคม 2018 ที่ผ่านมา เมื่อคุณแม่ได้ทำการล่วงละเมิดทางเพศลูกชายวัย 4 ขวบ ตามคำเรียกร้องของเพื่อนเธอ   คุณแม่ผู้ล่วงละเมิดทางเพศลูกชายของตัวเอง   จากการรายงานกล่าวว่า Krystal Sanspree คุณแม่วัย 30 ปี ถูกเพื่อนชาย Corey Ashton Steele วัย 32 ปีที่อาศัยอยู่ในเมือง Loxley เรียกร้องให้เธอล่วงละเมิดทางเพศลูกชายของตัวเอง แล้วถ่ายภาพส่งกลับมาให้เขา ในการรายงานไม่ได้กล่าวว่าเด็กชายถูกล่วงละเมิดทางเพศด้วยวิธีการใด (อาจเป็นการมีเพศสัมพันธ์ หรือการใช้ปาก หรืออื่นๆ) บอกแต่เพียงว่ามีการพบรูปหลักฐานอยู่เป็นจำนวนมาก หลังจากการจับกุมตัว ทั้งสองคนยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับทีมสอบสวน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่มองว่านี่คือหนึ่งในคดีที่ “น่าสะอิดสะเอียน” และ “เลวร้าย” เป็นอย่างมาก   Corey เพื่อนชายผู้เรียกร้องขอภาพดังกล่าว   เด็กชายวัย 4 ขวบที่ตกเป็นเหยื่อนั้นถูกย้ายไปรับการดูแลจากกลุ่มทรัพยากรมนุษย์ของเขต Baldwin ส่วนผู้ต้องหาทั้งสองคนนั้นก็ได้รับโทษความผิดทางอาญาไปหลายกระทง รวมถึงการครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก…

สำหรับคนที่ดวงดีแล้วไม่ว่าจะหยิบจะจับอะไรก็ดูดี ดูเข้าทางไปซะหมด อย่างเช่นในกรณีของชายคนนี้ที่ไปกินอาหารในร้านอาหารตามปกติ ใครจะไปคิดว่าเขาจะเจอ ‘ไข่มุก’ อยู่ในจานอาหารซะอย่างงั้น!!     เรื่องของคนสุดจะเฮงนี้มีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา นาย Rick Antosh ชายชาวนิวเจอร์ซีย์วัย 66 ปีได้เข้าไปกินอาหารเที่ยงกับเพื่อนของเขาในกรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา     พวกเขาได้เลือกร้าน Grand Central Oyster Bar เป็นสถานที่สำหรับการฝากท้องมื้อนี้ ซึ่งนาย Rick ก็ได้สั่งหอยนางรมอบราคา 14.75 ดอลลาร์ (ราวๆ 480 บาท) มาเป็นจานหลักสำหรับเขา     ทันทีที่อาหารมาถึงโต๊ะเขาก็รับประทานอย่างเอร็ดอร่อย แต่แล้วก็มีอะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้น เมื่อเขาดันกัดไปเจอกับสิ่งแปลกปลอมที่มากับหอย!! “มันเป็นเสี้ยวน่าทีที่สยองขวัญเลยล่ะ ตอนแรกผมนึกว่ามันคือฟันของคนหรือฟันปลอมอะไรพวกนี้” Rick กล่าว   Rick กับเชฟผู้ปรุงจานนี้   หลังจากที่เขาเจอกับสิ่งนี้เข้า เขาก็ถุยมันออกมาใส่จานโดยทันทีทันใด แต่แล้วเมื่อพิจารณาอย่างชัดๆ แล้ว เขาก็พบว่ามันคือ ‘ไข่มุก’ สีขาวนวล ซึ่งถ้าหากนำมันไปตีค่าเป็นเงินแล้วล่ะก็เขากล่าวว่ามันจะสามารถขายได้ถึง 2,000 – 4,000 ดอลลาร์…

สำหรับแฟนบอลแล้วการได้พบเจอกับนักเตะที่ตัวเองชื่นชอบถือเป็นหนึ่งในความฝันที่ต้องทำให้สำเร็จให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิตเลยทีเดียว เช่นเดียวกันกับเด็กชายแฟนบอลเดอะกันเนอร์สคนนี้ ที่ได้รับโอกาสพิเศษในการได้พบเจอกับนักเตะในดวงใจของเขา ซึ่งการพบปะในครั้งนี้เกิดโดยองค์กรการกุศลที่จัดตั้งขึ้นโดยสโมสรอาร์เซนอล มีชื่อว่า The Arsenal Foundation เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ด้อยโอกาส เด็ก หรือผู้ป่วย ในครั้งนี้ก็เป็นโอกาสของเด็กชาย Kyan ที่ถูกสโมสรเซอร์ไพรส์ถึงที่โรงเรียนด้วยการพานักเตะในดวงใจอย่าง Mesut Ozil ไปเยี่ยมหาถึงที่!!     นี่คือคลิปวิดีโอที่โพสต์โดยแฟนเพจอย่างเป็นทางการของสโมสรอาร์เซนอล ที่บันทึกเหตุการณ์สุดประทับใจในครั้งนี้เอาไว้   ลองไปชมคลิปวิดีโอกันก่อนจ้า   เด็กชาย Kyan กำลังถูกทีมงานสัมภาษณ์ ถามว่าเขาเป็นแฟนบอลของอาร์เซนอลตัวยงเลยใช่ไหม? “ใช่ครับ ผมชอบอาร์เซนอล ผมชอบสไตล์การเล่นฟุตบอลของทีม และนักเตะทุกๆ คน พวกเขาสุดยอดมาก”     จากนั้นทีมงานก็ถามต่อว่า แล้วนักเตะคนไหนที่เธอชอบมากที่สุดล่ะ? Kyan ตอบว่า “นักเตะที่ผมชอบที่สุดก็คือ Mesut Ozil ครับ เค้าเป็นนักเตะที่เท่มากๆ เลย แม้ว่าผมจะเล่นฟุตบอลในตำแหน่งเกมรับ แต่ผมก็มักจะดูการเล่นของเขาแล้วเอามาเป็นแบบอย่าง”     ตอนนี้ Kyan พูดจาอย่างยิ้มแย้ม ก่อนที่ทีมงานจะถามว่าจะเป็นอย่างไรหากเธอมีโอกาสได้พบกับ Mesut ตัวจริงล่ะ? เขาตอบว่า…

หลายๆ คนคงรู้จักกับยาแก้ไอสีดำๆ ชื่อว่า “ชวนป๋วยปีแป่กอ” กันเป็นอย่างดี เพราะมันเป็นยาที่วางขายในบ้านเรามาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวดแล้ว แต่เชื่อหรือไม่ว่าแก้ไอยี่ห้อนี้ได้กลายเป็นที่ฮอตฮิตแบบสุดๆ สำหรับชาวเมกัน จนถึงขั้นที่ว่าในตอนนี้มันได้กลายเป็นหนึ่งในเมนู ‘ชาไข่มุก’ ไปแล้ว!!   ชาไข่มุก “ชวนป๋วยปีแป่กอ”!?   ในช่วงเมื่อต้นปีที่ผ่านมาทางเพจ ความรู้สนุกๆแบบหมอแมว ได้เผยว่ายาน้ำเชื่อมแก้ไอของเนียมฉื่ออำ ตราลูกกตัญญูนี้ กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศสหรัฐอเมริกา จนถึงขั้นที่ว่าบางคนยกให้มันเป็นยาวิเศษเลยทีเดียว   ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าในช่วงเวลานั้นมีไข้หวัดใหญ่ระบาดที่สหรัฐฯ แล้วปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ ‘อาการไอ’ แล้วก็บังเอิ๊ญบังเอิญว่ามีคนไปค้นพบ “ชวนป๋วยปีแป่กอ” เข้าจึงมีการบอกต่อๆ กันจนกลายเป็นกระแสนั่นเอง แต่ตอนนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าชวนป๋วย ได้กลายเป็นหนึ่งส่วนผสมในเมนูชาไข่มุกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะด้วยรสชาติหวานๆ เย็นๆ ของมันเป็นที่ถูกปากชาวมะกันซะเหลือเกิน     โดยร้านดังกล่าวมีชื่อร้านว่า Labobatory ร้านชาไข่มุกในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ได้กำเนิดไอเดียสุดเจ๋งนี้ขึ้นมา และได้นำมันไปผสมมันเข้ากับชาเขียวจนกลายเป็นเมนูชื่อว่า ‘ชาเขียวยาแก้ไอ’ ซึ่งเป็นเมนูพิเศษสำหรับช่วงวันหยุด “เราพยายามสร้างส่วนผสมที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยการผสมผสานส่วนผสมแบบดั้งเดิมและส่วนผสมสมัยใหม่เข้าด้วยกันนั่นเอง” ทางร้านกล่าวถึงเมนูนี้     โดยปกติทางร้านนี้จะมีเมนูปกติอยู่ 4 เมนูด้วยกัน และเมนูนี้ก็กลายเป็นเมนูที่ 5 ไปโดยปริยาย ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารสชาติมันจะไปทิศทางไหนกันนะ…   ที่มา: mothership, ความรู้สนุกๆ แบบหมอแมว

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบสะสมของลิมิเต็ด นี่อาจเป็นโอกาสที่คุณจะได้ครอบครองแรร์ไอเทมแบบฟรีๆ เมื่อในตอนนี้ทาง Microsoft ได้ประกาศว่าพวกเขาจะแจกเสื้อลายสุดชิคให้กับผู้โชคดีที่กดติดตามทวิตเตอร์!!     โดยเจ้าเสื้อที่ว่านี้เป็นเสื้อสเวตเตอร์สุดแนวที่มาพร้อมกับลวดลายของวินโดวส์ 95 ตราประจำแบรนด์อันแสนโด่งดังในอดีต     สิ่งที่คุณต้องทำก็เพียงแค่ไปฟอลโลว์ทวิตเตอร์ Windows เพียงเท่านั้น แล้วถ้าแต้มบุญของคุณสูงพอจนกลายเป็นผู้โชคดีล่ะก็ พวกเขาจะติดต่อกลับหาคุณทางไดเร็คเมจเสจเอง   Introducing the latest #Windows95 custom "softwear."😉 Wish you could rock the #WindowsUglySweater? 👀 your DMs, because we're giving a few lucky fans one of their very own. pic.twitter.com/84kQLtYsF2 — Windows (@Windows) December 13, 2018   ในตอนนี้เสื้อตัวนี้มีเพียงพนักงานและวีไอพีบางคนเท่านั้นที่มีไว้ในครอบครอง ซึ่งแน่นอนว่ามันมีไว้สำหรับแจกเท่านั้นไม่มีวางขายที่ไหน และถ้าจะพูดให้ง่ายๆ คือมันเป็นเสื้อสุดลิมิเต็ดที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว!!…

ถ้าหากว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกเบื่อหน่ายกับสังคมอันวุ่นวายในปัจจุบัน แล้วคิดว่าอยากจะไปอยู่เกาะส่วนตัวพร้อมกับเลี้ยงสัตว์น่ารักๆ เอาไว้เป็นเพื่อนแล้วล่ะก็ นี่อาจเป็นโอกาสอันดีของคุณที่จะได้ทำตามความฝัน เมื่อเจ้าของเกาะแห่งหนึ่งได้ประกาศขายเกาะที่มีกองทัพน้อง ‘เพนกวิน’ เป็นจุดเด่นของเกาะ พร้อมกันนี้ยังมีสัตว์อื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก!!     เกาะที่ว่านี้มีชื่อว่าเกาะ Pebble Island ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ กลุ่มเกาะที่ตั้งอยู่ในหมู่เกาะแอตแลนติกใต้ บนไหล่ทวีปปาตาโกเนีย ทวีปอเมริกาใต้ ความพิเศษของเกาะ Pebble คือมีความยาวประมาณ 32 กิโลเมตรและความกว้างที่ 6 กิโลเมตร แต่แม้ว่าจะเป็นเกาะเล็กๆ ทว่าที่นี่กลับมีมนต์เสน่ห์ตรงที่เป็นบ้านให้แก่สัตว์มากมาย     ทั้งกองทัพน้องกวิ้นที่มีถึง 5 ชนิด สิงโตทะเลอีกจำนวนมาก นกต่างๆ ถึง 42 ชนิด แกะ 6,000 ตัว และวัวอีก 125 ตัวด้วยกัน Sam Harris เจ้าของเกาะแห่งนี้ที่ได้รับมรดกมาจากรุ่นปู่ย่าตาทวดระบุว่า บรรพบุรุษของเขา John Markham Dean ได้ซื้อเกาะแห่งนี้เอาไว้ตั้งแต่ในปี 1869 ในราคา 400 ปอนด์ (ราวๆ 16,000 บาท) เพื่อทำธุรกิจหมักปลา…

เรื่องราวของ Karen Kaheni หญิงสาววัย 42 ปีจากเมืองเซาต์ ยอร์กเชอร์ ประเทศอังกฤษ ผู้ป่วยเป็นโรคแปลกประหลาด เธอไม่สามารถควบคุมความอยากกินของที่ไม่ใช่อาหารได้เลย… โรคที่ว่านี้มีชื่อว่า Pica เป็นโรคเกี่ยวกับพฤติกรรมการกิน ผู้ป่วยจะไม่สามารถบังคับหรือห้ามไม่ให้ตัวเองทานสิ่งต่างๆ ที่ไม่ใช่อาหารได้ ยกตัวอย่างเช่นดิน, ฟองน้ำ, แก้วน้ำ หรือพลาสติก เป็นต้น แต่สำหรับ Karen แล้ว เธอมีความต้องการอยากที่จะกิน ‘ก้นบุหรี่’ และ ‘ชอล์ก’ อยู่ตลอดเวลา แล้วยังบอกว่ามันอร่อยมากๆ อีกด้วย     Karen เป็นผู้พิการทางสายตา ในหนึ่งสัปดาห์เธอจะกินก้นบุหรี่เป็นปริมาณมากกว่า 8 อันต่อ 1 คืน และทำอย่างนี้เป็นประจำทุกวัน ขณะเดียวกันเธอจะกินชอล์กเข้าไปมากกว่า 250 กรัมต่อสัปดาห์ และจากความต้องการที่ว่า ทำให้เธอกลายเป็นคนสูบบุหรี่จัดมากๆ โดยสูบมากถึง 60-80 ตัวต่อ 1 วันเลยทีเดียว อาการผิดปกติดังกล่าวเริ่มต้นครั้งแรกในปี 1997 เธอท้องลูกคนที่สอง ซึ่งเธอเองก็ไม่เข้าใจว่ามันเริ่มจากอะไร    …

ผลงานการถ่ายภาพของ Britt Marie ช่างภาพชาวนอร์เวย์ ที่ใช้เวลาหลายปีในการเดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อถ่ายภาพ ‘บ้านที่ถูกทิ้งร้าง’ และผลงานที่ได้ขอบอกเลยว่า มันคือ ‘บ้านผีสิง’ ที่หลุดออกมาจากหนังผีชัดๆ!! “รางวัลจากการใช้เวลาว่างของฉันเดินทางไปเปิดหูเปิดตา และตามหาบรรดาบ้านร้างต่างๆ มันทำให้เราได้เห็นถึงความงดงามของมัน และได้แชร์เรื่องราวของมันให้ทุกคนได้รับรู้ หลังจากที่มันถูกทิ้งและถูกหลงลืมมาแล้วอย่างยาวนาน” Britt กล่าว   เอาล่ะครับ ไม่พูดพร่ำทำเพลง ลองไปชมภาพถ่ายบ้านร้างฝีมือของเธอแบบเต็มๆ กันได้เลย…   .   ถึงจะดูหลอน แต่วิวเบื้องหลังก็เผยให้เห็นถึงความงดงามของมัน . .   ความอ้างว้าง และโดดเดี่ยว . .   ท่ามกลางหิมะอันแสนเหน็บหนาว . .   โลเคชันเหมาะกับการถ่ายหนังสยองขวัญจริงๆ . . . . . . .   งดงาม . . . . . .…

ด้วยอายุอานามเพียงแค่ 12 ปี สำหรับเด็กบางคนอาจจะยังเป็นวัยที่เที่ยวเล่นสนุกตามประสา แต่เชื่อหรือไม่ว่ามีเด็กอายุ 12 ปีคนหนึ่ง ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นเจ้าของโรงเรียนไปเรียบร้อยแล้ว และยังรับหน้าที่เป็นคุณครูอีกด้วย!!     Leonardo Nicanor Quinteros เด็กชั้นมัธยมต้นวัย 12 ปี คือคนดังกล่าว ในตอนนี้เขาได้กลายเป็นเจ้าของโรงเรียนของตัวเองในเขตเมือง Las Piedritas ประเทศอาร์เจนติน่า โดยในช่วงเช้าของทุกๆ วัน เขาจะเข้าทำหน้าที่เป็นนักเรียนเข้ารับความรู้จากโรงเรียนตามปกติ แต่ว่าในช่วงบ่ายเขาก็จะมาถ่ายทอดความรู้ให้กับเด็กๆ คนอื่นๆ ที่มาเรียนในโรงเรียนของเขา     Leonardo เป็นเด็กที่รักและใส่ใจในการเรียนอย่างแท้จริง แต่ว่าด้วยความที่เห็นเพื่อนที่ร่วมรุ่นเดียวกันมีปัญหาไม่สามารถไปโรงเรียนตามปกติได้ รวมถึงเห็นเด็กบางคนเที่ยวเล่นไปวันๆ ตามท้องถนน เขาจึงตัดสินใจว่าจะจัดตั้งโรงเรียนขึ้นมาในละแวกบ้าน เพื่อแบ่งปันความรู้ที่มีให้กับพวกเขาเหล่านี้…   คลิปภายในโรงเรียนแห่งนี้    ไอเดียนี้ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้วและเขาก็ได้ทำมันให้เป็นจริงขึ้นมา ด้วยการไปขอร้อง Ramona คุณยายของเขาว่าเขาอยากจะตั้งโรงเรียนขึ้นมาเพื่อคนอื่นๆ ซึ่งคุณยายของเขาก็เห็นดีด้วยและได้ช่วยสร้างมันขึ้นมาในที่ดินใกล้ๆ กับบ้าน โดยโรงเรียนนี้ได้สร้างขึ้นอย่างง่ายๆ ด้วยการสร้างเป็นอิฐแบบเปลือยๆ และมีขนาดที่เล็กมากหากเทียบกับโรงเรียนสามัญทั่วๆ ไป แต่ว่าด้วยความช่วยเหลือของชาวบ้านในท้องถิ่นที่เห็นดีเห็นงานกับโรงเรียนของ Leonardo พวกเขาจึงได้ช่วยกันทำให้มันดีขึ้นในทุกๆ วัน ทั้งช่วยกันบริจาคสร้างเก้าอี้ กระดานดำ ล็อกเกอร์…

นับว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ หลังจากที่ทีมแพทย์ได้ช่วยเหลือชีวิตเด็กแฝดสองราย ที่เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติมีร่างกายติดกัน และผ่าตัดสำเร็จได้อย่างปลอดภัย เด็กหญิงสองรายในวันที่ผ่าตัด เพิ่งจะมีอายุได้เพียงแค่ 3 วัน มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ประมาณ 3.1 กิโลกรัม โดยมีจุดเชื่อมอยู่ที่บริเวณหน้าท้อง…     ทีมแพทย์อินเดียจึงพยายามโน้มน้าวให้ผู้เป็นพ่อเป็นแม่ อนุญาตให้แพทย์ทำการผ่าตัด เพื่อแยกทั้งสองออกจากกันและจะมีโอกาสรอดชีวิต ทว่าฝ่ายพ่อแม่ก็ยังคงกังวลในเรื่องของค่าใช้จ่าย แต่ก็ยอมให้แพทย์ผ่าตัดแต่โดยดี   .   การผ่าตัดใช้ระยะเวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ในวันที่ 6 ธันวาคม 2018 ประกอบไปด้วยทีมศัลยแพทย์ 5 คน แพทย์ 10 คน และพยาบาลอีก 15 คน โดยคาดว่าเด็กหญิงทั้งสองจะสามารถกลับไปอยู่ที่บ้านได้ หลังจากนอนพักฟื้นและคอยสังเกตอาการที่โรงพยาบาล 1 สัปดาห์     ด้าน Dr. Vaibhav Pandey ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการผ่าตัดในเด็ก จากโรงพยาบาล S. S. Hospital กล่าวว่า……

โดยปกติแล้วสัตว์น่ารักๆ อย่าง ‘วัว’ นอกจากจะกินหญ้ากับนอนหลับแล้ว มันมักจะไม่ค่อยสร้างปัญหาให้กับใครมากนัก… แต่ว่าเหตุการณ์นี้อาจจะทำให้ความคิดของคุณเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องเรียกว่าดวงซวยจริงๆ จากการโดนน้องวัวถีบขาคู่เข้าเต็มๆ ระหว่างที่เธอขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ จนล้มไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้น!!   คลิปวิดีโอน้องวัวกระโดดถีบขาคู่ (ดูไม่ได้คลิกที่นี่)    เรื่องราวแปลกๆ ที่ว่านี้เกิดขึ้นที่พื้นที่ชนบทแห่งหนึ่งในเมืองกาเปรียตา ภูมิภาค Departamento Central ประเทศปารากวัย หากดูในคลิปวิดีโอจะเห็นได้ว่าในขณะนั้นมีมอเตอร์ไซค์สองคันกำลังวิ่งสวนกันมาอย่างปกติ โดยที่มีฝูงน้องวัวกำลังเดินข้ามถนนอยู่ด้วย   เห้ย อะไรฟะเนี้ย   แต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คิดไม่ฝันขึ้น เมื่อวัวตัวหนึ่งมันเกิดนึกคึกอะไรก็ไม่อาจทราบได้วิ่งตัดหน้ามอเตอร์ไซค์คันที่ขี่โดยผู้ชาย ข้ามเลนไปหามอเตอร์ไซค์อีกคันที่ขี่โดยผู้หญิงอีกคนหนึ่ง แล้วจังหวะนั้นเองมันได้โชว์สกิลกระโดดถีบขาคู่หรือที่เรียกกันว่า ‘กังฟูคิก’ ใส่ผู้หญิงคนดังกล่าว จนเธอล้มลงกับพื้นไปในทันที ก่อนที่เจ้าวัวจะวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว   ป้าบเข้าให้   เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นผู้ชายที่อยู่ ณ ตรงนั้นจึงรีบเข้าไปดูอาการของผู้หญิงว่าเป็นอะไรรึเปล่า และก็เป็นโชคดีของเธอจริงๆ ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บหนักใดๆ และไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลด้วย   เจออย่างนี้ยอมแล้วจ้า   หลังจากคลิปนี้แพร่กระจายออกไปในโลกโซเชียล ก็เป็นที่ถูกอกถูกใจของชาวเน็ตซะจริงๆ ดูได้จากตัวอย่างความคิดเห็นดังต่อไปนี้ “นี่มันฮามากจริงๆ นะ แต่ก็น่าสงสารไบค์เกอร์คนนั้นจัง” “จริงๆ แล้วน้องวัวไม่ได้อยากจะทำร้ายเธอหรอก มันแค่พยายามจะกระโดดข้ามเธอไปเพื่อไม่ให้โดนชนน่ะ”…

ปัญหาเรื่อง ‘ผลไม้เน่าเสีย’ เหมือนจะเป็นปัญหาที่กวนใจเหล่าพ่อค้าแม่ขาย หรือแม้แต่กับแม่บ้านซะจริงๆ เพราะมันเป็นอะไรที่น่าเสียดายแบบสุดๆ ที่เราต้องเห็นผลไม้แสนอร่อย เน่าลงไปกับตาโดยที่ยังไม่ทันได้ลิ้มรส แต่ว่าปัญหาเรื่องนี้อาจจะสามารถแก้ไขได้โดย ‘สติ๊กเกอร์’ แผ่นเล็กๆ เพียงแผ่นเดียว ซึ่งนี่เป็นผลงานจากบริษัทหนึ่งในประเทศมาเลเซีย และพวกเขายืนยันว่าสามารถทำมันได้จริงๆ!?   สติ๊กเกอร์ Stixfresh   โดนบริษัทแห่งนั้นมีชื่อว่า Stixfresh ที่ได้ออกสติ๊กเกอร์ชื่อเดียวกับบริษัทออกมา ซึ่งพวกเขาบอกว่าด้วยพลังอานุภาพของเจ้าสติ๊กเกอร์ตัวนี้ จะช่วยชะลอเวลาให้ผลไม้ต่างๆ ยืดอายุออกไปได้อีกถึง 2 สัปดาห์ นั่นก็เป็นเพราะว่าภายในสติ๊กเกอร์แผ่นเล็กๆ แผ่นนี้จะบรรจุสารที่ช่วยชะลอความสุกของผลไม้อย่างโซเดียมคลอไรด์แบบอิออน (ionized Sodium Chloride) และขี้ผึ้งเอาไว้ ซึ่งเจ้าสองตัวนี้เองที่มันจะไปช่วยชะลอการทำงานของแบคทีเรียที่อยู่ภายในผลไม้ นั่นจึงทำให้ผลไม้ของเราสุกช้าลงนั่นเอง และแน่นอนว่าผลไม้เป็นของที่เราเอาไว้กินกันจึงต้องเป็นกังวลว่าจะมีสารที่ก่อให้เกิดอันตรายหรือไม่ ซึ่งในเรื่องนี้ทางบริษัทก็ยืนยันว่าทุกอย่างทำมาจากวัสดุธรรมชาติ 100% และมันบริสุทธิ์ถึงขั้นที่ว่ากินสติ๊กเกอร์เข้าไปเลยก็ไม่ใช่ปัญหา     Zhafri Zainudin ผู้ก่อตั้งบริษัท Stixfresh กล่าวว่าอันที่จริงแล้วเขาได้ไอเดียการสร้างสติ๊กเกอร์นี้มาเมื่อประมาณ 4 ปีก่อน โดยในตอนนั้นเขาแวะไปเยี่ยมเยียนเพื่อนของเขาที่เปิดแผงขายผลไม้ แล้วเพื่อนของเขามักจะบ่นว่าต้องเสียเงินไปเป็นจำนวนมากทุกๆ วันกับปัญหาผลไม้เน่า จนเพื่อนของเขาถอดใจจะเลิกขายผลไม้ เพราะคิดว่าการเน่าเสียมันเป็นเรื่องธรรมชาติที่เราไม่สามารถหยุดยั้งได้ แต่กับ Zhafri แล้ว เขากลับคิดในอีกมุมหนึ่งและปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่า “แม้ผมจะหยุดธรรมชาติไม่ได้ แต่ผมสามารถชะลอมันได้นี่นา?” นี่คือไอเดียที่เขาเขียนเอาไว้บนเว็บไซต์     ด้วยความคิดนี้…

การกระทำในเรื่องที่ผิดกฎหมาย การลงโทษก็เป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น ดั่งเช่นในกรณีนี้ที่ทางรัฐบาลของประเทศจีนได้สั่งรื้อคฤหาสน์ที่สร้างอย่างผิดกฎหมายใกล้กับภูเขานับพันหลัง เพื่อที่จะเร่งฟื้นฟูพื้นที่สีเขียว!!     โดยเหตุกาณ์การดังกล่าวได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อทางรัฐบาลของประเทศจีนได้มีการตรวจสอบอาคารทางทิศเหนือของภูเขาฉินหลิ่ง เขตเมืองซีอาน มณฑลส่านซี การตรวจสอบที่เกิดขึ้นนี้เป็นผลมาจากการสืบทราบว่า มีการก่อสร้างอาคารอย่างผิดกฎหมายมากขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมภายในบริเวณดังกล่าว จึงได้มีคำสั่งรื้อถอนคฤหาสน์หรูที่สร้างอย่างไม่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง!!     สำหรับโครงการแรกที่ได้ผลจากคำสั่งรื้อถอนนี้คือโครงการที่มีชื่อว่า ‘ฉวินเสียนเปี๋ยเย่’ ซึ่งโดนรื้อไปทั้งหมดทั้งสิ้น 65 หลังด้วยกัน และในขณะนี้ได้ปรับปรุงฟื้นฟูพื้นที่มุ่งหวังให้เป็น ‘สวนสีเขียว’     การรื้อถอนตามตำสั่งจากรัฐบาลนี้ยังคงมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ก็พบว่าในบริเวณดังกล่าวมีคฤหาสน์ที่สร้างอย่างผิดกฎหมายรวมกว่า 1,194 หลัง และมีการสั่งรื้อถอนไปแล้วถึง 1,185 หลังด้วยกัน ส่วนอีก 9 หลังทางการได้ยึดเอาไว้เพื่อจะปรับปรุงเป็นพื้นที่เพื่อกิจการสาธารณะ     ทว่าอันที่จริงแล้วกฎหมายในเรื่องควบคุมพื้นที่นี้ รัฐบาลของมณฑลส่านซีได้เคยออกประกาศตั้งแต่ปี 2003 ว่า “ห้ามมิให้หน่วยงานใดหรือบุคคลใดมีส่วนร่วมในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หรือสร้างที่อยู่อาศัยเชิงพาณิชย์และวิลล่าส่วนตัวในพื้นที่ทางตอนเหนือของเทือกเขาฉินหลิ่ง”   ต่อมาในปี 2007 ก็ได้ออกกฎหมายอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งว่าด้วยการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศของภูเขาฉินหลิ่งในมณฑลส่านซีอย่างเป็นทางการ และในปีถัดๆ มาก็ออกแผนงานควบคุมพื้นที่อีกมากมาย     แต่ทว่าด้วยความที่เจ้าหน้าที่ยังไม่เข้มงวดพอ จึงพบว่ามีอาคารที่ก่อสร้างอย่างผิดกฎหมายเป็นเรื่อยมาจนถึงในปัจจุบัน…     จนกระทั่งในเดือนกรกฎาคมของปีนี้ ทางรัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่าจะแก้ปัญหานี้ให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม…

เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่า ‘ฟุตบอลนั้นไม่ใช่แค่กีฬา แต่มันคือชีวิต’ ที่มีทั้งเรื่องดีๆ และเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นเป็นประจำ และเรื่องราวแสนประทับใจที่เกิดขึ้นนี้เอง ก็จะทำให้หัวใจของเพื่อนๆ ชุ่มฉ่ำอย่างแน่นอนครับ ไม่ว่าจะเป็นแฟนฟุตบอลทีมไหนก็ตาม จากเกมยูฟาแชมป์เปี้ยนส์ลีก ที่ผ่านไปเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ทีมลิเวอร์พูลจากอังกฤษต้องพบกับความกดดัน เพราะพวกเขาต้องเอาชนะให้ได้สถานเดียวเท่านั้นเพื่อลุ้นเข้ารอบต่อไป หากแพ้หรือเสมอขึ้นมาก็เท่ากับว่าตกรอบ!!     แถมยังต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนจากทีมสุดแกร่งจากอิตาลีอย่างทีมนาโปลี ก่อนที่จะเฉือนเอาชนะไปได้อย่างฉิวเฉียดด้วยประตูของโมฮัมเม็ด ซาลาห์ ที่ยิงในช่วงครึ่งแรก ในเกมนี้มีแฟนบอลเข้าชมมากมายเพื่อลุ้นเอาใจช่วยทีมรักให้เข้ารอบต่อไป และสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ยูฟาแชมเปียนส์ลีกเป็นสมัยที่ 6 มาครองให้ได้     และแฟนบอลผู้พิการทางสายตาชื่อว่านาย Mike Kearney ก็เป็นแฟนบอลตัวยงของทีมลิเวอร์พูล และซื้อตั๋วเข้าชมเกมเหย้าแทบจะทุกเกมมาเป็นเวลา 5-6 ปีติดต่อกันแล้ว     และในแมตช์สำคัญเมื่อคืนวันอังการที่ผ่านมาเองก็เช่นกัน หลังจากที่โมฮัมเม็ด ซาลาห์ยิงประตูได้ ภาพจากกล้องถ่ายทอดสดก็แพนไปให้เห็นจังหวะสุดประทับใจพอดี เมื่อมีแฟนบอลอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เขา (ภายหลังรู้ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาเอง) กำลังกระซิบอธิบายถึงเหตุการณ์ช่วงยิงประตูให้ฟัง ก่อนที่เขาจะกระโดดโลดเต้นดีใจ     ลองไปชมคลิปเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… https://twitter.com/loonyroon/status/1072832655648047108?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1072832655648047108&ref_url=http%3A%2F%2Fwww.ladbible.com%2Ffootball%2Fnews-reactions-take-a-bow-liverpool-fan-describes-mohamed-salah-goal-to-blind-supporter-20181212   “ผมต้องพึ่งพาญาติๆ และเพื่อนๆ เวลาไปชมเกมฟุตบอล เพื่อให้พวกเขาบอกกับผมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง…

อันตรายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ก็ตาม แม้คุณจะนั่งเรียนหนังสืออยู่ ก็อาจจะมีเหตุไม่คาดฝันที่ทำให้ขาเก้าอี้หักและทำให้เจ็บตัวได้ เหมือนกับหนุ่มที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ ไม่รู้ว่าเกิดอุบัติเหตุอีท่าไหนเขาจึงเข้าไปอยู่ติดในท่อดูดควันในร้านอาหารเสียได้     วันที่ 12 ธันวาคม 2018 ทางตำรวจประจำเมือง Oakland รัฐแคลิฟอร์เนียได้รับแจ้งว่ามีพลเมืองดีพบคนเข้าไปติดอยู่ในท่อดูดควันในร้านอาหารจีนแห่งหนึ่งย่าน San Lorenzo ซึ่งจากรายงานของเจ้าหน้าที่พบว่ามีพลเมืองดีได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือเบาๆ ซึ่งหลังจากที่ตามเสียงนั้นไปก็พบว่าเสียงมาจากบนดาดฟ้าของร้านอาหารจีน เมื่อเขาใช้บันไดปีนขึ้นไปก็พบว่ามีหนุ่มอายุ 29 ปีติดอยู่ข้างในท่อดูดควันที่ต่อตรงมาจากห้องครัว ซึ่งสภาพของเขานั้นเต็มไปด้วยจาระบีและน้ำมัน     ทันทีที่ได้เห็นดังนั้นทางพลเมืองจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงเพื่อที่จะช่วยเหลือชายคนดังกล่าวออกมาจากท่อได้สำเร็จ ซึ่งเมื่อทำการสอบสวนก็พบว่าเขาได้เข้าไปติดอยู่ในท่อมาเป็นเวลา 2 วันและสภาพร่างกายขณะนั้นก็ไม่สู้ดีนัก เขาทั้งมีบาดแผลรอยฟกช้ำเต็มไปหมด แถมหิวและเป็นภาวะขาดน้ำ จึงต้องรีบนำตัวเขาส่งโรงพยาบาลโดยด่วน     และขณะนี้ทางตำรวจก็ได้ทำการสืบสวนว่าที่เขาเข้าไปติดอยู่ในท่อดังกล่าว เป็นเพราะเขาตั้งใจบุกรุกหรือพยายามที่จะเข้าไปลักทรัพย์หรือไม่ และจะส่งเรื่องดังกล่าวให้กับอัยการประจำเขตรับผิดชอบต่อไป แม้ว่าทางตำรวจจะยังไม่รู้เหตุว่าทำไมเขาถึงไปติดอยู่ในท่อได้ แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถยืนยันได้ว่าเขาไม่ใช่ซานตาคลอสอย่างแน่นอนและเข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมายอีกด้วย   ที่มา Gizmodo, Alameda County Sheriff’s Office

จากอดีตจนถึงปัจจุบัน เทคโนโลยีของมนุษย์มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ในเวลานี้เราจึงสามารถเห็นหลายๆ ประเทศสร้างหุ่นยนต์กันว่าเล่น เช่นเดียวกัน เมื่อไม่นานมานี้ ในเมือง Yaroslavl ประเทศรัสเซีย ได้มีการประกาศเปิดตัวโปรเจกต์วิทยาศาสตร์สุดยิ่งใหญ่ประจำปี ซึ่งเป็นการแนะนำให้ชาวโลกได้รู้จักกับ Boris หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่มีฟังก์ชั่นเจ๋งๆ หลายอย่าง   https://twitter.com/Soviet_flag/status/1072750313692631040?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1072750313692631040&ref_url=https%3A%2F%2Fwww.odditycentral.com%2Fnews%2Frussias-most-advanced-robot-turns-out-to-be-man-in-robot-suit.html   หากมองเผินๆ แล้วเจ้า Boris นี้จะมีหน้าตาละม้ายคล้ายกับหุ่นยนต์รุ่นพี่ที่เพิ่งยุติการผลิตไปในปีนี้อย่างเจ้า Asimo ของ Honda ซึ่งจริงๆ แล้วก็อาจจะเรียกได้ว่า Boris เป็นหุ่นเวอร์ชั่นอัปเกรดจาก Asimo ก็ว่าได้ โดยเจ้า Boris นี้เป็นหุ่นที่มีฟังชั่นมากมายไม่ว่าจะเป็นการเดิน พูดคุย คิดเลขหรือแม้กระทั่งเต้นก็สามารถทำได้     แต่ด้วยความสามารถที่หลากหลายแบบนี้ ทำให้มีชาวเน็ตบางส่วนตั้งข้อสงสัย ประการแรกคือเซนเซอร์ของ Boris นั้นถูกเก็บไว้ตรงไหน ตรงหัวก็เหมือนจะมีแค่จอแสดงปากและตาและทั้งหมดนี้มันทำงานได้ยังไง แถมดูเหมือนว่าหุ่นยนต์ตัวนี้จะรับรู้สภาพแวดล้อมได้โดยไม่มีเซนเซอร์สักตัว ไม่เพียงเท่านั้น Boris ยังมีระบบพูดคุยตอบโต้กับคนอีกด้วย แต่ตัวของมันไม่ได้มีไมโครโฟนหรือลำโพงติดตั้งอยู่สักนิด และเสียงที่คนได้ยินนั้นก็มาจากลำโพงของห้องส่งเท่านั้น   https://www.instagram.com/p/BjFO5VOFrzf/?utm_source=ig_embed   และยิ่งเกิดความสงสัยยิ่งไปอีกเมื่อชาวเน็ตได้เห็นตอนที่ Boris เต้น ซึ่งปกติแล้วหากเป็นหุ่นยนต์ที่เต้นได้ จะมีเต้นท่าเต้นเดิมๆ ที่ถูกเซ็ตไว้วนไปเรื่อยๆ แต่กลับกันท่าเต้นของ…

ปัญหาชีวิตที่ทุกคนต้องเผชิญนั้น มีหลากหลายรูปแบบและหลายช่วงชีวิต ไม่เว้นแม้แต่ช่วงที่ยังเป็นเด็กวัยเรียน ที่หลายคนอาจจะมองว่าแค่เรียนหนังสือ ไม่ต้องแบกรับภาระอะไร แต่หารู้ไม่ว่าปมปัญหาดำมืดนั้นมันซ่อนอยู่ในทุกช่วงวัยของชีวิต   Jasmine Adams   คุณแม่ Jasmine Adams จากรัฐแอละแบมา สหรัฐอเมริกา เปิดเผยกับสื่อว่า McKenzie ลูกสาววัย 9 ขวบ ตกเป็นเหยื่อของการถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียนมาโดยตลอด และทางโรงเรียนก็ไม่ได้ช่วยแก้ไขอะไร จนในที่สุดลูกสาวของเธอได้ตัดสินใจฆ่าตัวตาย   McKenzie ลูกสาววัย 9 ขวบ   น้อง McKenzie ถูกเยาะเย้ยถางถางเกี่ยวกับเชื้อชาติ จากเพื่อนร่วมห้องหลายคนในโรงเรียน US Jones Elementary School และในวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา เธอก็กลายเป็นร่างไร้วิญญาณอยู่ภายในบ้านของตัวเอง   An Alabama mother who says bullying led to her daughter's suicide blames her school for…

หากใครที่กำลังหางานอยู่ แล้วอยากจะได้อะไรที่มากกว่าเงินล่ะก็ นี่อาจเป็นหนึ่งโอกาสในการเติมเต็มประสบการณ์ชีวิตที่หาได้ยาก ซึ่งความพิเศษอยู่ตรงที่คุณจะได้อยู่ใกล้ชิดกับราชวงศ์อังกฤษแบบสุดๆ และที่สำคัญคือจะได้ย้ายเข้าไปอยู่ในพระราชวังของพวกเขาอีกด้วย!!   สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร   ในตอนนี้พระราชวังวินด์เซอร์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของราชวงศ์กำลังตามหาผู้ที่จะมารับตำแหน่ง ‘คนดูแลความสะอาด’ ที่กำลังว่างอยู่ โดยในงานนี้จะได้ประจำตำแหน่งอยู่ที่พระราชวังวินด์เซอร์ แต่ในบางครั้งเราก็ยังมีโอกาสที่จะได้ไปทำงานในพระราชวังหรือที่พักอื่นๆ ของราชวงศ์อีก อย่างเช่นในประเทศสกอตแลนด์ งานนี้จึงเปรียบเสมือนกับว่าเราได้เยี่ยมชมพระราชวังต่างๆ ของราชวงศ์ พร้อมๆ กับการทำงานไปด้วยเลย!!   พระราชวังวินด์เซอร์   สำหรับค่าจ้างในงานนี้อาจดูไม่มากนักเพียงแค่ 16,000 ปอนด์ (ประมาณ 660,000 บาท) ต่อปี ทว่าสิ่งนอกเหนือจากเงินที่จะได้คือเราจะได้ย้ายเข้าไปอยู่ในพระราชวัง พร้อมๆ กับการได้ใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญอย่างสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร หรือแม้แต่กระทั่ง เมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์  โดยสำหรับงานนี้ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกต้องทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งอาจฟังดูเหนื่อยหน่อย แต่ว่าทางพระราชวังก็มีวันหยุดให้คุณถึง 33 วันต่อปีเลยทีเดียว!!   ไปเดินสวยๆ เชิดๆ ในนี้ดีกว่า!!   “นี่เป็นเส้นทางสำหรับสายงานอาชีพบริการ ซึ่งมันจะช่วยพัฒนาทักษะและความช่ำชองในงานแม่บ้านให้กับคุณ” “การมาเข้าร่วมกับทีมมืออาชีพของเรา จะทำให้คุณได้รู้จักกับการทำความสะอาดและดูแลสิ่งของหลายๆ อย่าง…

สำหรับคนที่โสดเหงาว้าเหว่ อยากจะมีเพื่อนคุยหรือหาแฟนมาเชยชมสักคน เดี๋ยวนี้ก็อย่างๆ ที่รู้กันว่าไม่ต้องไปเดินตามหาให้เมื่อยตุ้มอีกต่อไป เพราะ ‘แอปพลิเคชั่น’ สามารถช่วยในส่วนนี้ได้อย่างสบายๆ ทว่าถึงอย่างนั้น ด้วยความที่เราเพียงแค่พูดคุยกันผ่านตัวหนังสือไม่ได้เจอตัวเป็นๆ เลยทำให้มีความเสี่ยงอยู่บ้างที่จะเจอคนไม่ตรงปก หรือบางทีอาจจะเป็นคนละคนกับที่เราคุยอยู่เลยก็เป็นได้ แต่สำหรับหนุ่มคนนี้แล้วเขาคงเข็ดกับการใช้แอปฯ หาคู่ไปอีกนาน เพราะใครจะไปคิดว่าการไปคุยกับสาวในแอปฯ มันจะทำให้เขาถูกตำรวจเพ่งเล็งจนถือหมายค้นเข้ามาค้นห้องได้!!   คลิปที่ชายคนนี้ออกมาเล่าประสบการณ์เฉียดคุก    เรื่องนี้มีอยู่ว่านาย Martin Miller นักแสดงตลกวัย 30 ปี ได้ทำการสมัครแอปฯ Tinder เพื่อหาแฟนสักคนหลังจากที่เขาเพิ่งจะยุติความสัมพันธ์กับแฟนคนก่อน โดยเหตุที่เขาใช้วิธีการออนไลน์นี้ก็เพราะว่า เขาเป็นคนที่ไม่ชอบออกไปข้างนอกและเริ่มพูดคุยกับหญิงสาวที่ไม่รู้จักเลย เขาจึงเลือกใช้วิธีนี้ปูทางพูดคุยกันก่อนที่จะไปเจอตัวเป็นๆ เขาใช้เวลาอยู่นานบนแอปฯ นี้เพื่อตามหาสาวที่ถูกใจ จนในที่สุดแล้วเขาก็ได้พบกับสาวคนหนึ่งที่ต้องชะตาแบบบอกไม่ถูก จนเขารู้สึกได้ว่าคนนี้แหละที่จะมาเป็นรักแท้ของเขา หนุ่มคนนี้จึงได้ปัดขวา (อารมณ์แบบกดหัวใจ) ใส่เธอไปซึ่งเธอก็กดกลับมา ทั้งคู่จึงได้แมตช์กัน และไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้รวบรวมความกล้าทักแชทเธอไปชวนออกเดท   ทนไม่ไหว ขอเล่าซะหน่อยเถอะ   “ผมแมตช์กับสาวคนหนึ่งใน Tinder เธอดูนิสัยดีนะ สวยด้วยแถมยังมีบุคลิกค่อนข้างดีอีกต่างหาก อีกอย่างคือเธอโพสต์รูปในอินสตาแกรมของเธอลงด้วย ผมจึงคิดว่าเธอน่าจะมีตัวตนจริงๆ ก่อนที่จะทักแชทไป” “เธอดูเด็กกว่าผมหน่อยๆ น่าจะอยู่ในช่วง 20 ต้นๆ แหละ และถ้าดูจากโดยรวมแล้วเธอน่าจะชอบไปปาร์ตี้มากกว่าผมนะ…

ทุกวันนี้ การคัดเลือกบุคคลที่จะเข้าศึกษาในแต่ละสถาบัน จะใช้วิธีการทดสอบความรู้ทางด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว ซึ่งแทบจะไม่เห็นการนำบททดสอบอื่นๆ มาเกี่ยวข้องกับการคัดเลือกเลย… แต่ทว่าในโรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐซาบะฮ์ ประเทศมาเลเซีย กลับมีวิธีการคัดเลือกที่แตกต่างจากที่อื่น เพราะนอกจากการทำข้อสอบ และสอบสัมภาษณ์แล้ว นักเรียนจะต้องสอบ ‘รีดผ้า’ ให้กับคณะกรรมการได้ดูด้วย!?     ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านทวิตเตอร์โดยศิษย์เก่าของโรงเรียน Sekolah Menengah Sains Lahad Datu โดยที่เขาเห็นภาพนี้เป็นครั้งแรก มาจากคุณครูผู้สอนของเขาในอดีตบนเฟซบุ๊ก ก่อนที่จะนำมาแชร์ผ่านทวิตเตอร์อีกครั้ง   Rare sekolah ni buat ujian iron baju utk interview intake form 1. Bagus lah ni nanti kalau morning assembly tidak la jugak sakit mata tengok budak2 pakai baju kedut 😂…

ว่ากันด้วยเรื่องของอาชีพด้านการส่งของ ภาพจำส่วนใหญ่ของเรามักจะนึกถึงชายวัยแรงงาน ร่างกายกำยำ มีความถึกและบึกบึน เพราะจะต้องแบกหามใช้แรงเยอะเป็นพิเศษ… แต่ก็ไม่ใช่ว่าผู้หญิงจะทำไม่ได้นะ เพราะหญิงสาวคนนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นได้ว่า ผู้หญิงก็ทำงานประเภทนี้ได้ดีเช่นกัน อีกทั้งเธอยังทำงานส่งของมานานกว่า 10 ปีแล้วด้วย!!   .   สาวส่งของคนงามผู้นี้ชื่อว่า Zhu Qianpei วัย 30 ปี ด้วยร่างกายที่แข็งแรง ทะมัดทะแมงและกำยำของเธอ จึงถูกขนานนามว่าเป็น “สาวส่งของที่สวยที่สุด” อีกทั้งยังถูกนำไปเทียบเป็น Lara Croft ตัวละครจากเกม/ภาพยนตร์ Tomb Raider อีกต่างหาก     สำหรับเธอแล้ว จากที่ความสวยสะดุดทุกสายตา ทำให้เธอกลายเป็นที่โด่งดังไปในพริบตา โดยในปัจจุบันหลังจากที่ไปส่งของตามสถานที่ต่างๆ ก็จะมีผู้คนขอแวะเข้ามาถ่ายเซลฟี่ด้วยเสมอ     Zhu เปิดเผยว่าก่อนที่จะมาทำงานส่งของนั้น เธอเคยผ่านงานมาแล้วหลากหลายรูปแบบ ทั้งพนักงานออฟฟิศ งานโรงแรม งานร้านอาหาร หรือแม้แต่งานแม่บ้าน ซึ่งจากงานที่ผ่านมาทั้งหมด เธอชอบงานส่งของมากที่สุด!!     “ฉันมีความสุขทุกครั้งที่ได้ออกไปส่งของ ฉันสัมผัสได้ถึงอิสระ และไม่มีการเมืองในออฟฟิศมากวนใจ ค่าแรงก็จ่ายในงามดีนะคะ…

เราคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าชาวจีนนั้นเป็นพวก Sneaker Head หรือที่เราเรียกกันว่าพวกบ้ารองเท้าตัวยง สังเกตได้จากชาวจีนที่มาเที่ยวในบ้านเรา แต่ละคนจะใส่รองเท้าผ้าใบแบบจัดเต็มกันเหลือเกิน ดังนั้นหากมีการขายรองเท้าลิมิเต็ดที่ไหนล่ะก็ Sneaker Head ชาวจีนเหล่านี้ก็ย่อมไม่ยอมพลาดงานดังกล่าวอย่างแน่นอน     เหมือนกับเรื่องที่เราจะนำมากล่าวให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เมื่อ Nike Store สาขาประจำเมืองฉางซา มณฑลหูหนาน ประเทศจีน ได้เปิดขายรองเท้ารุ่นสุดลิมิเต็ด โดยรองเท้าคู่นั้นคือ Air Jordan 1 Rookie of the Year รองเท้าคู่ที่ทำได้รับแรงบันดาลใจจากวันที่ Michael Jordan รับรางวัล “ผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยม” ในปี 1985   .   ในวันดังกล่าว มีคนกว่า 500 คนไปยืนต่อคิวรอร้านเปิด เรียกว่ากลัวพลาดกันแบบสุดๆ แต่จู่ๆ ก็มีชายแปลกหน้าคนหนึ่ง ตีมึนไม่รู้ไม่ชี้ เดินเข้ามาแทรกแถวหน้าตาเฉย ทำเอาคนที่ที่รอคิวอยู่งงกันไปตามๆ กัน     และเมื่อคนในแถวถามเขาว่าเขาทำอะไร นั่นเขาแทรกแถวใช่หรือไม่? เขาก็ตอบกลับมาอย่างไม่เกรงกลัวใครๆ…

หากจะพูดถึงอีกหนึ่งเครื่องประดับที่คนนิยมใส่กัน ‘ทอง’ ก็อาจเป็นอีกสิ่งที่เรามักจะเห็นกันจนชินตา เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนเราก็จะเห็นคนห้อยทองกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเส้นเล็กบ้าง เส้นใหญ่บ้าง แต่สำหรับชายคนนี้รับรองได้ว่าคุณจะต้องตาโตร้องออกมาว่า วะ วะ ว้าว!! ตั้งแต่แรกเห็นแน่ๆ เพราะเขาใส่ทองออกนอกบ้านทีละ 13 กิโลกรัม!!     ชายคนที่ว่านี้คือ Tran Ngoc Phuc นักธุรกิจชาวเวียดนามวัย 36 กะรัต ที่หลงรักทองเป็นอย่างมาก ไม่ว่าไปไหนมาไหนจะต้องใส่ทองรวมๆ แล้วกว่า 13 กิโลกรัมไปด้วย เขาอธิบายให้ฟังว่าคอลเลคชั่นที่มักพกติดตัวไปด้วยก็มีสร้อยคอหนัก 5 กิโลกรัม กำไลข้อมือทั้งสองข้างอีก 5 กิโลกรัม แหวนทองอีก 4 วงและอื่นๆ อีกนิดหน่อย รวมแล้วทั้งหมดได้ 13 กิโลกรัมพอดิบพอดี แล้วถ้าคิดเป็นมูลค่าเงินล่ะก็ มันจะมีค่าอยู่ที่ราวๆ 550,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 18 ล้านบาท) เลยทีเดียว!!     ในการออกจากบ้านแต่ละครั้งเขาจะต้องมีบอดี้การ์ดไปด้วยอย่างน้อย 5 คนเพื่อรักษาเครื่องประดับเหล่านี้ไม่ให้ถูกขโมยไป และถึงแม้มันจะทำให้ลำบากบ้างบางครั้งแต่ก็ยอม เพราะเขายืนยันว่ามันคุ้มที่จะแบกทองเหล่านี้ไปด้วย เนื่องจากมันช่วยเสริมให้เขามีโชคดีและมีความเจริญในหน้าที่การงาน!!…

สำหรับผู้หญิงแล้ว  ‘การไว้ผมยาว’ นั้นถือว่าเป็นของคู่กัน แต่ว่าคงไม่มีใครที่จะรักการไว้ผมจนเป็นชีวิตจิตใจเหมือนกับเธอคนนี้อีกแล้ว เพราะใครจะไปเชื่อว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะไม่ได้ตัดผมมานานถึง 28 ปีเต็มๆ จนตอนนี้ผมของเธอมีความยาวรวมๆ กว่า 2 เมตร จนชาวเน็ตได้ขนานนามเธอว่าเป็น ‘ราพันเซลในชีวิตจริง’ ไปแล้ว!!   https://www.instagram.com/p/BrKpOCxFxvm/   Alena Kravchenko คุณแม่ลูกสองวัย 33 ปีจากชาวยูเครนคือราพันเซลคนที่ว่านี้ เธอเล่าถึงเรื่องราวการไว้ผมตั้งแต่เมื่อครั้งอดีตให้ฟังว่า ครั้งสุดท้ายที่เธอตัดผมนั่นคือตอนที่มีอายุได้ 5 ขวบ โดยในตอนนั้นคุณแม่ของเธอมักจะพูดให้ฟังเสมอๆ ว่า ‘ความสวยงามของผู้หญิงมักจะมาจากเส้นผม’ และนี่เองจึงเป็นที่มาของการไม่ตัดผมตลอด 28 ปีที่ผ่านมา   https://www.instagram.com/p/BrMySjKFZVY/   ในตอนนี้ความยาวของผมเธอมีมากกว่า 2 เมตรเป็นที่เรียบร้อย และถึงแม้ว่ามันจะสร้างปัญหาให้เธออย่างการทำให้สะดุดบ้างเป็นบางครั้ง แต่เธอก็ยังเชื่อว่าคำที่แม่ของเธอบอกนั้นมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว “ไม่มีอะไรในโลกสวยงามไปกว่าผู้หญิงในรูปแบบธรรมชาติ และผมที่ดูสลวยสวยเก๋อีกแล้ว” Alena กล่าว   https://www.instagram.com/p/Bq_4GIVFUAP/   แน่นอนว่าการตัดผมครั้งสุดท้ายของเธอเกิดขึ้นในตอนที่มีอายุ 5 ขวบ นั่นจึงทำให้ผมของเธอยาวขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ จนสามารถไล่ลำดับได้ว่า ในช่วงวัยรุ่นของเธอมีผมยาวถึงประมาณกลางหลัง จากนั้นในช่วงวัย…

มันอาจจะเป็นเรื่องที่ฟังดูแล้วเหลือเชื่อหรือเป็นไปได้ยาก แต่สำหรับใครหลายคนแล้ว อาการ ‘รักแรกพบ’ มันอาจเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับพวกเขาจริงๆ แล้วมันก็ได้สร้างความทรงจำอันงดงามให้ถวิลหา ดั่งเช่นในรายของพ่อหนุ่มคนนี้ที่ไปปิ๊งสาวจากการเจอในร้านหนังสือแห่งหนึ่ง แต่ว่าตอนนั้นเขาไม่ได้เข้าไปพูดคุยกับเธอเพราะเหตุบางอย่าง ด้วยความที่อยากเจอเธอคนนั้นอีกครั้งเขาจึงใช้เวลากว่า 50 วันที่ผ่านมา หมดไปกับการตามหาเธอในร้านหนังสือทั่วทั้งเมือง!!   หนุ่ม Sun กับการตามหาสาวของเขา   เรื่องนี้เกิดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อหนุ่มแซ่ Sun ได้ไปพบเจอกับสาวคนหนึ่งในร้านหนังสือชื่อว่า Wangfujing แล้วเขาก็รู้สึกได้ถึงสายใยความพิเศษบางอย่างระหว่างเขาและเธอจากการประสานสายตาสบกัน แต่ว่าก่อนที่เขาจะเข้าไปทำความรู้จักเธอ เขาก็ใช้เวลารวบรวมความกล้าอยู่สักพักหนึ่ง ทว่าพอหันกลับมาอีกที Sun ก็หัวใจแทบสลายเมื่อพบว่าสาวคนนั้นได้เดินออกจากร้านไปไหนแล้วก็ไม่รู้…     หนุ่ม Sun ไม่มีช่องทางการติดต่อกับเธออย่างโซเชียลมีเดียหรือเบอร์โทรศัพท์ หรือแม้แต่ชื่อของเธอเขาก็ยังไม่รู้ แต่เพราะความที่เขาเชื่อว่าเธอคนนี้แหละคือ ‘ความรัก’ ในชีวิตเขา เขาจึงจะหาทางพบเจอกับเธอคนนั้นให้ได้อีกครั้ง Sun ใช้เวลาในแต่ละวันหมดไปกับการไปตามร้านหนังสือต่างๆ ทั่วทั้งกรุงปักกิ่ง จนถึงตอนนี้ก็นับได้ถึง 50 วันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถหาตัวเธอคนนั้นเจอหรือเรียกง่ายๆ ว่าไม่มีแม้แต่กระทั่งวี่แวว ด้วยความที่ต้องไปเฝ้ารอสาวในฝันที่ร้านหนังสือในทุกๆ วัน เขาจึงไม่มีงานทำและต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยเงินที่ไปขอยืมมาจากคนอื่น…     แต่ถึงอย่างไรแล้ว เขาก็ไม่ลดละความพยายามแม้จะไม่เจอร่องรอยอะไรเลย และพยายามจะใช้วิธีอื่นๆ อย่างการยื่นฟ้องศาลว่าผู้หญิงคนนั้นทำให้เขามีภาวะ ‘ความทุกข์ทางอารมณ์’ ทว่าก็เป็นที่น่าเสียดาย…

ทุกวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปีถือว่าเป็นวันคริสต์มาส วันฉลองวันประสูติของพระเยซูผู้เป็นศาสดาสูงสุดของชาวคริสต์ ซึ่งในวันนี้เองแต่ละครอบครัวก็จะกินเลี้ยงภายในครอบครัวและอาหารที่จะขาดไปไม่ได้เลยสำหรับวันนี้ก็คือ “ไก่งวง” ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเทศกาลคริสต์มาสเต็มที ทำให้มีฟาร์มหลายๆ แห่งเริ่มฆ่าไก่งวงเพื่อขายให้แก่คนที่ต้องการ ซึ่งฟาร์ม St. Werburg ในเมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน     โดยฟาร์ม St. Werburg วางแผนที่จะจัดประมูลไก่งวง 9 ตัวที่พวกเขาฆ่า เพื่อระดมทุนให้กับคนด้อยโอกาสในท้องถิ่น แต่ประเด็นอยู่ที่กลุ่มวีแกนไม่ยอมรับการจัดประมูลครั้งนั้นและออกมาประท้วง โดยกลุ่มวีแกนได้ถือป้ายที่มีข้อความว่า “พวกมันก็อยากมีชีวิต” พร้อมกับนำเทียนมาตั้งตรงจุดประท้วงเพื่อแสดงความไม่พอใจในเรื่องดังกล่าว     รวมถึงกลุ่มวีแกนก็ยังรวบรวมรายชื่อคนที่ไม่เห็นด้วยกว่า 1,200 รายชื่อเพื่อนำมาเขียนคำร้อง ก่อนจะแถลงว่า “โปรดให้เรื่องนี้กระตุ้นให้คุณลุกขึ้นและตื่นตัว มันจะสามารถช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ มารวมรำลึกถึงชีวิตของไก่งวงทั้ง 9 ที่ถูกฆ่าไปเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2018 ด้วยความสงบและความรัก โปรดนำเทียน, ดอกไม้, หรือแค่ตัวของคุณก็ได้ออกมาร่วมกับเรา และได้โปรดงดใช้ความรุนแรงหรือสร้างความเกลียดชังต่อพนักงานหรือแขกที่อยู่ในฟาร์ม”     ล่าสุดทางฟาร์มก็ได้ออกมาแถลงว่า “เรารู้ดีว่าการเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหารเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์และความรู้สึกของแต่ละคน และเราก็รับฟังเสียงส่วนน้อยของชุมชนของเราด้วย ดังนั้นเราจึงตัดสินใจยกเลิกการประมูลไก่งวงประจำปี” อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางฟาร์มจะยกเลิกการประมูลไก่งวง แต่ยังยืนยันว่าพวกเขาจะขายไก่งวงในเทศกาลคริสต์มาสเช่นเดิม  …

การเดินทางด้วยเครื่องบินจำเป็นจะต้องมีความรัดกุมเป็นพิเศษ ทั้งบนภาคพื้นและบนเครื่องบินโดยสาร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุที่ไม่คาดฝัน อันก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงทั้งทรัพย์สินและชีวิต นอกเหนือจากการเตรียมความพร้อมของมนุษย์แล้ว บริเวณลานบินก็จำเป็นที่จะต้องปลอดจากสิ่งมีชีวิตต่างๆ เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะสัตว์ปีกประเภทนก ที่อาจจะบินหลุดรอดเข้ามาชนกับเครื่องบินได้     โดยเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2018 เพจด้านข่าวสารการบิน Aviation Tanzania ได้เผยแพร่ภาพของเครื่องบินรุ่น ATR72 ของสายการบิน Precision Air จากท่าอากาศยานนานาชาติจูเลียส นายเรเร ประเทศแทนซาเนีย ต้องพบกับช่วงระทึกขวัญเกิดเป็นอุบัติเหตุทางอากาศยาน หลังจากที่มีฝูงนกหลุดเข้ามาในระหว่างที่เครื่องกำลังทำการลงจอด   .   จนกระทั่งสามารถนำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัย แต่สภาพภายนอกและภายในเครื่องนั้น คือซากของนกที่ชนกับเครื่องบินเข้าอย่างจัง   . . . .   แถลงการณ์จาก Precision Air   จากเหตุที่เกิดขึ้น ทางด้านสายการบินจึงออกแถลงการณ์ โดยยอมรับว่าเหตุเครื่องบินปะทะฝูงนกเกิดขึ้นจริงกับเที่ยวบิน PW 722 ในช่วงของการลงจอด ณ ท่าอากาศยานนานาชาติจูเลียส นายเรเร กัปตันสามารถนำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัย โดยที่ลูกเรือและผู้โดยสารจำนวน…

ในยุคสมัยนี้ ใครๆ ต่างก็มีสมาร์ทโฟนใช้กันแล้ว แม้แต่กระทั่งเด็กๆ ในวัยเรียนชั้นประถมยันมัธยม ซึ่งเมื่อก่อนนั้นยังคงเป็นที่ถกเถียงกันว่า จะให้ลูกพกของมีค่าไปโรงเรียนนั้นมีความเสี่ยง ไหนจะเอาแต่เล่นโทรศัพท์อีก แต่อีกมุมหนึ่งก็ทำให้สามารถติดต่อกับพ่อแม่ได้ในทันทีทันใด เพราะฉะนั้นแล้ว เรื่องของการใช้โทรศัพท์ก็ต้องผ่านการอบรมสั่งสอนจากครอบครัว ซึ่งจะใช้วิธีไหนดีล่ะ? อาจจะเป็นการตั้งกฎข้อห้ามต่างๆ ขึ้นมา หากไม่ทำตามก็ต้องมีมาตรการอะไรบางอย่าง เพื่อให้เกิดการเรียนรู้     ตัวอย่างนี้มาจาก น้อง Farha ประเทศมาเลเซีย ที่เผยให้เห็นว่าน้องสาวคนเล็กของเธอ Yasmine กำลังอ่านข้อตกลงในการยืม iPhone จากผู้เป็นพ่อ เป็นระยะเวลา 1 ปี   I would also like to add that she usually has to save to get anything she wants, books, stationery, etc. She saved for two…

ในแง่ของการทำงานนั้น นายจ้างส่วนมากจะมองในเรื่องของปริมาณงานของพนักงาน จำนวนชั่วโมงทำงาน ในแต่ละวันนั้นสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน มีความใส่ใจงานหรือไม่ หากงานยังไม่เสร็จจะต้องทำให้เสร็จก่อนกลับบ้าน…     แต่แนวคิดแบบนั้นอาจจะดูโหดร้ายเกินไปสำหรับพนักงาน และมักจะถูกนำมาใช้กับบริษัทใหญ่ๆ ที่ต้องการความรับผิดชอบที่สูงมาก จนเบียดเวลาชีวิตส่วนตัวของแต่ละคนไป   Charity Delmo   แต่สำหรับ Charity Delmo เองแล้ว ในฐานะที่เธอเป็นผู้ว่าจ้าง เจ้านาย และเจ้าของบริษัท Ideal Visa Consultancy กลับมีแนวคิดที่แตกต่างออกไปจากบริษัทอื่นๆ ซึ่งนอกเหนือจากความรับผิดชอบในหน้าที่การงานแล้ว ก็อย่าลืมว่าต้องมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวตัวเองด้วย และจะต้องมาก่อนเสมอ…     เธอได้เขียนจดหมายเปิดผ่านโพสต์บนโลกออนไลน์ให้กับพนักงานและบุคคลทั่วไปได้อ่าน โดยเธอระบุเอาไว้ว่า ต้องการให้พนักงานใส่ใจความต้องการของความครัว ก่อนจะมาเติมเต็มให้กับทางบริษัท อีกทั้งยังระบุเหตุผลที่จ้างงานเอาไว้ว่า เพื่อให้โอกาสแก่ครอบครัวพนักงาน เพื่อฝึกฝนทักษะให้พนักงาน และทำให้พวกเขาเป็นคนที่ดีขึ้น   ใจความจากโพสต์ของ Charity Delmo   “เรียน พนักงานทุกท่าน ฉันจ้างพวกคุณมาด้วยความหวังที่ว่า คุณจะสามารถค้ำจุนครอบครัวของคุณได้ ไม่ใช่พรากคุณไปจากพวกเขา เพื่อให้คุณมีทักษะเพิ่มเติม ไม่ใช่พรากความเป็นพ่อแม่ออกจากลูกๆ ของคุณ เพื่อทำให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้น ไม่ใช่เฉพาะกับบริษัท…

แม้ว่าสังคมหลายๆ ที่ในปัจจุบันจะมีการเปิดรับและให้อิสระเรื่องเพศกันมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีคนที่ยังไม่ยอมรับเพศทางเลือกนั้นอยู่ เช่นเดียวกับเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เมื่อสาวคนหนึ่งถูกชายแปลกหน้าต่อยเข้าที่หลังหัว จนกระดูกสันหลังร้าว หลังจากที่เห็นว่าเธอให้ผู้หญิงอีกคนจูบแก้ม     เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2018 บนขบวนรถไฟใต้ดินที่ขณะนั้นกำลังวิ่งอยู่ในย่าน Queens ของมหานครนิวยอร์กแห่งสหรัฐอเมริกา ในขบวนรถไฟดังกล่าวมีผู้ชายคนหนึ่งเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมา หลังจากเห็นภาพของสาววัย 20 ปีคนหนึ่งให้ผู้หญิงอีกคนหอมแก้ม เขาคิดว่าทั้งสองคนนั้นเป็นเลสเบี้ยนและตรงเข้าไปกล่าวหา ด่าทอเธอย่างหนัก     ซึ่งทางสาวผู้เคราะห์ร้ายไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกลับ เธอเลือกที่จะตอนหนีจากชายที่เข้ามาด่าเธอแทน แต่กระนั้นชายคนดังกล่าวก็เดินตามเธอไปอยู่ดี และเหตุการณ์ก็เริ่มรุนแรงขึ้น เมื่อชายคนนั้นต่อยเข้าที่หลังหัวของเธอ เธอล้มลงทันทีและหัวกระแทกเข้ากับพื้นอย่างจัง ก่อนที่จะชายคนดังกล่าวจะหลบหนีไป เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ก็ได้นำสาวผู้เคราะห์ร้ายส่งโรงพยาบาล Elmhurst ซึ่งทราบผลว่าจากการล้มลงครั้งนั้น ทำให้กระดูกสันหลังของเธอร้าว      หลังจากที่เรื่องนี้ถึงมือเจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกเขาก็ได้ปล่อยวิดีโอภาพของผู้ต้องหา ซึ่งน่าจะมีอายุราวๆ 50 ปี ถึง 60ปี สูงประมาณ 180 เซนติเมตรและหนักประมาณ 99 กิโลกรัม จากการรายงานของ CBS New York เหตุการณ์นี้ถูกตัดสินให้เป็นอาชญากรรมที่เกิดจากการคุกคามล่วงละเมิดหรือทำร้ายร่างกายด้วยความอคติ (Hate…

เป็นเรื่องที่ทราบกันว่าในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศญี่ปุ่นได้ก่ออาชญากรรมสงครามไว้เป็นจำนวนมาก จนทำให้คนรุ่นหลังต้องชดใช้ค่าความเสียหายใช้กับหลายๆ ประเทศอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาร่วมทศวรรษ นั่นทำให้เกิดคำถามขึ้นมาในบรรดาผู้คนในสังคมที่ว่า ประเทศญี่ปุ่นนั้นชดใช้ความผิดมากพอหรือยัง     เพราะเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาศาลฎีกาสูงสุดของประเทศเกาหลีใต้ ได้ออกคำตัดสินให้บริษัทอย่าง “มิตซูบิชิ” จ่ายค่าเสียหายเป็นให้แก่ครอบครัวของชาวเกาหลีหลายคนซึ่งถูกบังคับใช้แรงงาน ในช่วงปี 1910-1945 นั่นเอง โดยคำตัดสินในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่มีการสู้คดีกันมาอย่างยาวนานกว่า 18 ปี และมีค่าเสียหายที่ถูกเรียกเก็บ อยู่ที่ประมาณครอบครัวละ 80-150 ล้านวอน (ราวๆ 2.3-4.3 ล้านบาท)     และแน่นอนว่าคำตัดสินของศาลในครั้งนี้ ทำให้เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมากในหมู่ชาวญี่ปุ่น จนถึงขั้นที่ว่ามีประชาชนจำนวนหนึ่งออกมาชุมนุมประท้วงเลยทีเดียว นั่นเพราะก่อนหน้านั้นไม่น่า ศาลฎีกาแห่งนี้ก็เพิ่งมีการตัดสินให้บริษัทนิปปอน สตีล & ซูมิโตโม เมทัล จ่ายค่าเสียหายเป็นจำนวน 100 ล้านวอน (ราวๆ 2.9 ล้านบาท) ให้แก่ครอบครัวชาวเกาหลี 4 คน ในคดีการบังคับใช้แรงงานเช่นกัน     โดยรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นนายทาโร่ โคโนะ ได้ให้ความเห็นกับทำตัดสินที่ออกมาว่า “เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย และยอมรับไม่ได้มากๆ” เนื่องจากคดีความเกี่ยวกับการบังคับใช้แรงงานทั้งหมด…

ศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิก คือหนึ่งในศาสนาที่มีคนนับถืออย่างแพร่หลายเป็นวงกว้างทั่วโลก แต่ล่าสุดกลับมีหนึ่งในผู้ศรัทธาต่อพระเจ้ากระทำความผิดเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง จากการรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2018 เผยว่ามีแม่ชี 2 คนแอบขโมยเงินบริจาคของโรงเรียน St. James Catholic ในเมือง Torrance รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา   โรงเรียนดังกล่าว   ภายหลังทราบว่าคนร้ายคือซิสเตอร์ Margaret Kreuper ครูใหญ่ประจำโรงเรียน และ Lana Chang หนึ่งในครูผู้สอน จากการรายงานเบื้องต้นกล่าวว่าแม่ชีทั้งสองคนนั้นขโมยเงินไปเป็นจำนวนกว่า 500,000 ดอลลาร์ (ราว 16 ล้านบาท) หลังจากที่ Margaret เกษียณออกมาจากการเป็นครูใหญ่ หลังจากทำงานมาได้ 28 ปี ถึงอย่างนั้น การรายงานเพิ่มเติมบอกว่ายังต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเพื่อบอกจำนวนที่แน่ชัดของเงินที่ถูกขโมยไป   แม่ชี Margaret   แต่ที่แน่ๆ คือแม่ชีทั้งสองได้นำเงินเหล่านั้นไป “เล่นการพนัน” ในกรุงลาสเวกัส จึงทำให้ตำรวจสามารถตามจับกุมตัวมาได้ในที่สุด และยังคงอยู่ในช่วงของการพิจารณาคดี ทางด้าน Michael…

หากพูดถึงแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์หรูหราแล้วล่ะก็ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Supreme คือแบรนด์หรูหราที่คนพูดและนึกถึงเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และหากใครอยากจะยกระดับภาพลักษณ์ของสินค้าของตัวเองให้ดูหรูหราขึ้นมา ก็มักจะไปร่วมมือกับ Supreme เพื่อออกผลิตภัณฑ์ลิมิเต็ด ซึ่งหนึ่งในแบรนด์ที่ไปร่วมมือก็คือบริษัทอิเล็กทรอนิกส์จากเกาหลีอย่าง Samsung     เมื่อไม่นานมานี้ Samsung สาขาประเทศจีนได้ประกาศว่าจะมีการร่วมมือกับแบรนด์ดังอย่าง Supreme ซึ่งแม้ว่ายังไม่ประกาศว่าจะเป็นสินค้าชนิดไหน แต่ก็ทำเอาแฟนๆ ต่างเซอร์ไพรส์ไปตามๆ กัน แต่จริงๆ แล้วแบรนด์ Supreme ที่ Samsung ไปโคออเปอร์เรชั่นด้วยนั้นไม่ใช่แบรนด์ Supreme ที่เรารู้จักกัน เมื่อหลังจากที่ Samsung ประกาศดังกล่าว ต่อมา Supreme ก็ได้ออกมาประกาศว่าเราไม่ได้ร่วมงานกับ Samsung ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าแบรนด์ Supreme ที่ Samsung ร่วมงานด้วยไม่ใช่แบรนด์ดั้งเดิมจากนิวยอร์ก แต่เป็นแบรนด์ Supreme ปลอมจากประเทศอิตาลี ที่ใช้กฎหมายอิตาลีสู้ชนะคดีในประเทศอิตาลี จนได้กลายเป็นของปลอมที่ถูกกฎหมาย     และหลังจากจบงานประกาศดังกล่าว Leo Lau ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของ Samsung สาขาประเทศจีนก็รีบออกมาโพสต์ผ่าน Weibo ทันทีว่า…

* โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและวิเคราะห์ *   คุณเคยเจอสภาพของออฟฟิศ เวลาที่ทุกคนเลิกงานกลับบ้านกันหมดแล้วรึเปล่า? เมื่อต้องอยู่ทำงานล่วงเวลาเป็นคนสุดท้าย ยิ่งเข้าสู่ช่วงดึกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกได้ถึงความวังเวงภายในออฟฟิศที่กว้างเหลือเกิน ทว่า เมื่อถึงจุดหนึ่งบางสิ่งบางอย่างที่คุณไม่อยากจะเจอ อาจจะเลือกวิธีในการเข้าหาคุณโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะมาในรูปแบบของเสียงหรือการเคลื่อนไหวสิ่งของต่างๆ ก็ตาม     โดยเมื่อช่วงที่ผ่านมา ชาวเน็ตออฟฟิศนามว่า Zain กลับต้องปะทะกับพลังงานบางอย่างที่สามารถอธิบายได้ ในขณะที่ต้องอยู่ทำงานล่วงเวลาเพียงลำพัง และสามารถบันทึกเป็นคลิปวิดีโอให้เห็นกันชัดๆ ว่า ‘จู่ๆ เก้าอี้ก็หมุนเองได้’     “ก่อนหน้านี้เพื่อนร่วมงานของผมเคยบอกแล้วว่า มีบางสิ่งบางอย่างตามหลอกหลอนอยู่ในออฟฟิศ และครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ผมเจอกับตัวเอง” “ตอนนั้นผมเริ่มรู้สึกงง ผมก็เลยพยายามวางกระจกสะท้อนดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างหลังผมมั้ย แต่กระจกก็ร่วงหล่นตลอดเลย ผมก็เลยตั้งกล้องไว้ดูข้างหลังแทน” “ผมจำเวลาที่แน่นอนไม่ได้ว่าเกิดขึ้นกี่โมง แต่พอตั้งกล้องเสร็จได้สักพัก ผมก็ดูคลิปวิดีโอไปด้วย และสังเกตเห็นว่าเก้าอี้มันขยับเองได้!”   คลิปวิดีโอความยาว 18 วินาที https://twitter.com/NasirPasir/status/1069895838816624640   ทั้งนี้ คลิปวิดีโอดังกล่าวก็ถูกนำไปแชร์ต่อผ่านทวิตเตอร์ของเพื่อน @NasirPasir จนกลายเป็นกระแสไวรัลถูกแชร์ต่อไปอีกจำนวนมาก ด้าน Zain เองก็กล่าวไว้ว่า ถ้าหากจะต้องอยู่ทำล่วงเวลาอีก ต้องคิดแล้วคิดอีกหากจะต้องอยู่คนเดียว อีกทั้งเจ้าตัวยืนยันด้วยว่า คลิปวิดีโอไม่ได้จัดฉากหรือตัดต่อแต่อย่างใด…