Category: ข่าวคราวรอบโลก

วลีที่ว่า ‘งานหนักไม่เคยฆ่าคน’ นั้น อาจจะเป็นวลีที่ช่วยปลุกใจฮึกเหิมต่อสู้กับการงาน แต่ทว่างานใดๆ ล้วนเกินกว่ากำลังที่จะสามารถแบกรับได้ นั่นก็เท่ากับว่ากำลังบั่นทอนและฝืนร่างกาย จนอาจนำไปสู่สาเหตุของการเสียชีวิต เรื่องราวของชายวัย 51 ปี แซ่หยาง จากไต้หวัน กลายเป็นหนึ่งในเหยื่อของการทำงานหนักเกินกำลัง และเป็นเรื่องโชคดีมากๆ ที่เขารอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด     จากการรายงานของสื่อต่างประเทศ ระบุว่านายหยางนั้น ประสบกับภาวะเลือดออกในสมอง หลังจากที่ทำงานอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นระยะเวลา 35 วันเต็มๆ ในโรงงานแช่แข็งผลิตภัณฑ์ปลา โดยไม่ได้รับการพักผ่อนตามที่ควรจะเป็น โดยงานของนายหยางจะเป็นในส่วนของ กระบวนการผลิตของโรงงาน และในวันที่ 20 ธันวาคม 2014 เขาเกิดเป็นลมหน้ามืดกะทันหันในช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ขณะปฏิบัติงานอยู่     ภายหลังจากที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว แพทย์ได้วินิจฉัยและระบุว่าเขานั้น ประสบกับภาวะเลือดออกในสมองและมีความดันโลหิตสูงเกินกว่าเกณฑ์ปกติ และด้วยเหตุนี้ เขาจึงกลายมาเป็นผู้พิการ เนื่องจากได้รับความเสียหายในส่วนของระบบประสาท ไม่สามารถกลับไปทำงานได้และจะต้องเข้ารับการบำบัดอย่างต่อเนื่อง     เวลาผ่านไปประมาณ 4 ปี เขายังคงเดินได้ยากลำบาก และลูกๆ จะต้องออกไปหางานรับจ้างแทน เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวแทนเขา จนในที่สุดแล้ว…

วันที่ 7 ธันวาคม 2018 ที่เพิ่งผ่านมานี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวันที่แฟนๆ ของ Nintendo เฝ้ารอ เพราะว่ามันเป็นวันที่เกมต่อสู้เกมใหม่อย่าง Super Smash Bros. Ultimate ที่จะลงเครื่อง Nintendo Switch จะวางขายนั่นเอง      แต่ได้เกมมาไม่ทันไร เกมเมอร์ชาวญี่ปุ่นหลายคนก็จะเข้าสู่ด้านมืดกันเสียแล้ว เพราะแต่ละคนอยากรู้อยากเห็นมากๆ ว่าตัวละครสาวสวยอย่าง Princess Peach จะใส่กางเกงในสีอะไร!?   https://twitter.com/Maple_by_/status/1070932826583748608   เรื่องเริ่มขึ้นจากที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์นามว่า @Maple_by_ ได้โพสต์ภาพของ Princess Peach พร้อมกับแคปชั่นว่า “ข่าวร้าย: คุณไม่สามารถส่องใต้กระโปรงของ Princess Peach ได้” ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเกมของ Nintendo ต้องการให้เป็นเกมแนวสดใสที่เหมาะสมกับผู้เล่นทุกเพศและทุกวัย จึงได้ทำการเซนเซอร์ใต้กระโปรงของตัวละครหญิงนั่นเอง แต่กระนั้นแล้วก็ไม่อาจจะหยุดความอยากรู้อยากเห็นของแฟนคลับชายหนุ่มได้ พวกเขายังคงที่จะลองหนทางอื่นๆ เพื่อส่องใต้กระโปรงให้ได้!!   ไหนลองปรับแสดงดูหน่อยซิ อู้ววว เห็นไปถึงขาอ่อนแล้ว https://twitter.com/kurozukisatou/status/1071241778777403392   ลองปรับแสงให้สูงสุดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถมองเห็นได้…

ในช่วงเวลาตะวันตกดิน เป็นช่วงเวลาปกติของสิ่งมีชีวิตต่างหลับใหลพักผ่อน เพื่อให้มีแรงในการออกไปใช้ชีวิตเมื่อตะวันโผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้าอีกครั้ง ทว่าชีวิตของมนุษย์เรานั้นไม่เคยหลับใหล เพราะยังมีบางส่วนที่ใช้ชีวิตท่ามกลางแสงอันมืดมิดในแต่ละวัน ด้วยหน้าที่การงานหรืออะไรก็ตามแต่ เพราะฉะนั้นเรื่องของอาหารการกินในช่วงนี้จึงหารับประทานได้ยากกว่าปกติ เว้นเสียแต่จะเข้าร้านสะดวกซื้อ     สำหรับร้านติ่มซำ Sun Hing ในฮ่องกง กลับเลือกช่วงเวลาทำการในช่วงเช้าตรู่ดังกล่าวนี้ ก็เพื่อมอบความอิ่มอร่อยให้กับลูกค้าขาประจำมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปีแล้ว เหตุใดที่จะต้องทำแบบนี้ล่ะ ทำไมถึงไม่เปิดในช่วงเวลาเช้าๆ แทน?     Chui Kwok-hing เจ้าของร้านติ่มซำเล็กๆ แห่งนี้ ดำเนินธุรกิจสานต่อจากมือคุณพ่อ Chui Hoi ผู้ริเริ่มสูตรติ่มซำของธุรกิจครอบครัวมาตั้งแต่ปี 1960 เขาเรียนรู้การทำงานภายในร้านจากการสอนของคุณพ่อ เริ่มตั้งแต่งานเล็กๆ จนกระทั่งสามารถไต่เต้าทักษะการจัดการต่างๆ ในหลายปีต่อมา     ช่วงหนึ่งอาคารที่ตั้งเดิมของร้านติ่มซำครอบครัวนี้ ถูกเรียกเวนคืนและรื้อถอนออกไป ทางครอบครัวจึงได้ตัดสินใจย้ายมายังอาคารแห่งใหม่ในปี 1980     “ตามปกติแล้วทางร้านจะเปิดให้บริการในเวลา 3.00 น. แต่ลูกค้าจะมารอก่อนตั้งแต่ช่วง 2.30 น. มันจึงเป็นงานที่มีความท้าทายพร้อมกับความคาดหวังของลูกค้าสูงมาก” “ผมมักจะตื่นเวลาตี 1 ทุกวัน แน่นอนว่ามันเหนื่อยมาก…

รู้หรือไม่ว่านักซูโม่ในประเทศญี่ปุ่นนั้น เปรียบเหมือนดั่งนักรบผู้ศักดิ์สิทธิ์เลยนะ และยังคงเป็นกีฬาการแข่งขันที่ได้รับความนิยมสูงด้วย นักซูโม่จึงมีชื่อเสียงไม่ต่างไปจากนักกีฬาประเภทอื่นๆ เลยล่ะ ด้วยเหตุนี้เอง ลายเซ็นของนักซูโม่มืออาชีพ จึงมีความหมายต่อแฟนคลับเช่นกัน และการแจกลายเซ็นก็จะเป็นกระบวนการง่ายๆ ด้วยการปั๊มลายมือทั้งมือลงบนแผ่นกระดาษ ใช่แล้ว มันเป็นแบบนั้นแหละ!!     คลิปวิดีโอจากทวิตเตอร์ @sumokyokai เผยให้เห็นกระบวนการปั้มลายเซ็นของ Takayasu นักซูโม่มืออาชีพจากประเทศญี่ปุ่น   ＜冬巡業＠久留米市＞色紙に手形を押す高安。#sumo #相撲 pic.twitter.com/lrJkreEhM5 — 日本相撲協会公式 (@sumokyokai) December 4, 2018   เหตุที่นักซูโม่จะต้องมาปั๊มลายเซ็นเป็นจำนวนมากขนาดนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่า พวกเขาได้รับการยกย่องเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ และรอยมือของพวกเขานั้นก็เปรียบได้ดั่งเครื่องรางแห่งความโชคดี หากนักซูโม่คนใดมีชื่อเสียงมาก ก็จะกลายมาเป็นของเก็บสะสมสำหรับแฟนซูโม่กันเลยทีเดียว   สำหรับ Takayasu นั้นเป็นนักซูโม่มืออาชีพ ชนะการประกวดและชนะการแข่งขันมาหลายรายการ   การแจกลายเซ็นในครั้งนี้ ถือว่าจะต้องเซ็นด้วยการปั๊มมือเป็นจำนวนมาก และจะนำไปขายให้กับแฟนกีฬาซูโม่ทุกใบ   เพื่อความรวดเร็ว เขาก็เร่งจังหวะการปั๊มมือของตัวเอง ทั้งชุบหมึกแล้วก็ปั๊มลงบนกระดาษสีขาวแบบนี้   ป๊าบบบบบบบบบ!!   ตั๊บ ตั๊บ ตั๊บ…

อีกไม่นานนี้ก็จะถึงเทศกาลที่เรารอคอยมาอย่างยาวนาน นั่นคือเทศกาลปีใหม่ ซึ่งกิจกรรมที่จะขาดไม่ได้เลยสำหรับเทศกาลดังกล่าวก็คือการแลกของขวัญนั่นเอง สำหรับใครที่ยังไม่รู้จะนำอะไรมาจับฉลาก และมีเพื่อนๆ เป็นแฟนคลับของพ่อมดน้อย Harry Potter ล่ะก็ ลองมาชมของที่เราจะนำมาให้ได้ดูกันในวันนี้ กับเลโก้ปราสาทฮอกวอตส์ หนึ่งในซีรีส์ Harry Potter ที่มีชิ้นส่วนมากที่สุด!!     โดยเจ้าเลโก้ชุดปราสาทฮอกวอตส์ชุดดังกล่าวเป็นว่าเป็นชุดเลโก้ในซีรีส์ Harry Potter ที่มีชิ้นส่วนมากที่สุด ซึ่งมีมากกว่า 6,000 ชิ้นเลยทีเดียวและถือว่ามากเป็นอันดับสองลองจาก Millennium Falcon ในปราสาทฮอกวอตส์นี้จะมีสถานที่สำคัญๆ จากภาพยนตร์มากมายไม่ว่าจะเป็นหอคอย ห้องเรียน ห้องปรุงยา ต้นวิลโล่ว์จอมหวด กระท่อมของแฮกริด รวมถึงอื่นๆ อีกมากมาย     ไม่พอเท่านั้น ในเลโก้ชุดนี้ยังมีนักเรียน ศาสตราจารย์และตัวละครสำคัญอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น Harry, Ron, Hermione, Malfoy, ศาสตราจารย์ Snape, ศาสตราจารย์ McGonagall, Voldemort และคนอื่นๆ     ชุดเลโก้ปราสาทฮอกวอตส์นี้สนนราคาอยู่ที่ £349.99 หรือประมาณ 15,000 บาท ใครที่เป็นแฟนของพ่อมดน้อยหรืออยากซื้อไปให้คนที่ชื่นชอบ Harry…

เรียกได้ว่าตั้งแต่เข้าสู่ยุคการเชื่อมต่อไร้สายผ่านอินเตอร์เน็ต ร้านค้าออนไลน์ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากและเมื่อคนซื้อขายออนไลน์กันมากขึ้น ธุรกิจการขนส่งก็ในบ้านเราก็เริ่มจะมีการแข่งขันมากขึ้น และเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันในวันนี้ก็เป็นเรื่องของบริษัทขนส่งเช่นกัน เพียงแต่เป็นบริษัทขนส่งของประเทศญี่ปุ่น ที่มีเรื่องไม่ธรรมดามาให้เราได้ชมตลอด รอบนี้ก็เช่นกัน เพื่อนต้องไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนแน่นอน เมื่อบริษัทขน Sagawa Express เตรียมออก “โฟโต้บุ๊กพนักงานสาวสวย” เอาใจลูกค้าหนุ่มๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น!!     สำหรับ Sagawa Express นี้ถือว่าเป็นหนึ่งในบริษัทขนส่งรายใหญ่ของญี่ปุ่นและชอบมีไอเดียแปลกๆ มานำเสนอ ซึ่งคราวก่อนก็เป็นการดึงดูดลูกค้าผู้หญิง โดยใช้โปรโมตว่าใช้บริการแล้วจะมีโอกาสสุ่มได้เจอพนักงานหนุ่มหน้าตาดี     และไอเดียใหม่ในรอบนี้ของพวกเขาก็คือในวันที่ 10 ธันวาคม 2018 นี้ พวกเขาเตรียมออกหนังสือรวมภาพ 55 พนักงานขนส่งสาวสุดสวยประจำบริษัท!!   “พนักงานสาวซากาว่า”   ซึ่งก็ไม่รู้ว่า Sagawa Express ต้องการเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มไหนกันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือน่าจะมีกลุ่มลูกค้าผู้ชายเพิ่มขึ้นเป็นอย่างแน่นอน (ฮา) ว่าแล้วเราก็ไปรับชมตัวอย่างของสาวสวยประจำบริษัท Sagawa Express กันเลยดีกว่า ว่าจะสวย จะน่ารักเหมือนที่เขาพูดเอาไว้หรือไม่     ยิ้มหวานๆ  …

ในโลกนี้มีการค้นพบวัตถุโบราณเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะโดยนักโบราณคดี นักวิทยาศาสตร์ หรือคนธรรมดาๆ ด้วยความบังเอิญ ว่าแต่ใครจะไปคิดเล่าว่าโบราณวัตถุจะถูกค้นพบโดยน้องหมาได้เหมือนกัน แถมไม่ใช่น้องหมาที่ฝึกมาเพื่อหาของด้วย เพราะเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาสุนัขลาบราดอร์วัยแปดเดือนชื่อ “สเกาท์” ได้ขุดพบฟันของช้างแมมมอธ ที่มีอายุร่วม 13,000 ปีเข้าที่สวนหลังบ้านใน เกาะ Whidbey รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกานั่นเอง     จากคำบอกเล่าของ Kirk Lacewell ผู้เป็นเจ้าของ ดูเหมือนว่าวันหนึ่งเจ้าสเกาท์จะออกไปเล่นที่สวนตามปกติ และกลับมาพร้อมกับวัตถุรูปร่างประหลาดอันหนึ่งที่เขาคิดว่าเป็นหินหรือไม่ก็เศษไม้ อย่างไรก็ตามหลังจากเจ้าสเกาท์คาบมันเดินไปเดินมาได้ราวๆ หนึ่งวันคุณ Kirk ก็เริ่มรู้สึกว่าวัตถุที่เห็นมันมีอะไรแปลกๆ คล้ายกับกระดูก และดูเก่ามากอย่างไม่น่าเชื่อ     เมื่อเป็นเช่นนั้นคุณ Kirk จึงถ่ายภาพสิ่งที่พบส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญในพิพิธภัณฑ์ของมหาวิทยาลัยวอชิงตันดู และก็เป็นในเวลานั้นเองที่เขาทราบว่าสิ่งที่เจ้าสเกาท์คาบไปคาบมานั้น ไม่ใช่หินหรือไม้ธรรมดาแต่เป็นฟันของช้างแมมมอธต่างหาก เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้คุณ Kirk แปลกใจเป็นอย่างมากก็จริงอยู่ แต่ทางพิพิธภัณฑ์เองก็บอกว่ากระดูกในรูปแบบนี้พบได้บ่อยๆ ในพื้นที่ Whidbey เพราะในปี 2015 เอง ก็มีเด็กหญิงวัย 10 ขวบ พบกับฟันช้างแมมมอธในรูปแบบใกล้เคียงกันนี้บนชายหาดมาแล้ว     และสำหรับใครที่เป็นห่วงว่าทางพิพิธภัณฑ์จะยึดเอาของเล่นของเจ้าสเกาท์ไปก็ขอให้สบายใจได้เลย เพราะฟันช้างแมมมอธที่พบนั้นไม่ได้หายากหรือมีความสำคัญมากจนต้องมีการนำไปเก็บรักษา ดังนั้นคุณ Kirk และเจ้าสเกาท์ จึงสามารถเก็บของเล่นอายุร่วม…

สำหรับหลายๆ คนแล้ว คงมีความใฝ่ฝันที่อยากจะเล่น ‘ปาบอลหิมะ’ สักครั้งหนึ่งในชีวิต เนื่องจากว่าที่บ้านเราไม่มีหิมะให้เล่น… แต่จะเป็นอย่างไร หากสถานที่ที่มีหิมะตก แต่ไม่สามารถเล่นปาบอลหิมะได้!? มันคงจะหดหู่น่าดูเลยใช่มั้ยล่ะ? แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่าในเมืองเซเวอร์แรนซ์ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของนครเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา มีกฎหมายที่ ‘ห้ามเล่นปาบอลหิมะ’ โดยเด็ดขาด     ย้อนกลับไปเมื่อปี 1920 หรือราวๆ 100 ปีก่อน การปาบอลหิมะถูกสภาเมืองแห่งนี้สั่งแบนอย่างเด็ดขาด และกำหนดให้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นมันเคยเป็นประเพณีที่ทำกันเป็นประจำในช่วงฤดูหนาวของทุกปี และผู้คนในเมืองเซเวอร์เรนซ์ ก็ไม่เคยเล่นปาหิมะกันอีกเลยตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่งปัจจุบัน ข้อกฎหมายดังกล่าวได้ถูกแก้ ให้ทุกคนสามารถกลับมาเล่น ‘ปาบอลหิมะ’ ได้อีกครั้ง ด้วยน้ำมือของเด็กชายวัย 9 ขวบ!!     Dane Best เด็กชายวัย 9 ขวบ ที่เป็นประชากรเมืองนี้มาตั้งแต่เกิด แต่พอเกิดมาเขาพบว่าตัวเองและเพื่อนๆ ไม่สามารถเล่นปาบอลหิมะได้อย่างสนุกสนานเหมือนกับเด็กๆ คนอื่นๆ ในโลก     เขาก็เลยตัดสินใจชวนเพื่อนๆ มาเขียนจดหมายส่งไปยังสภาเมือง…

หลังจากที่ช่วงปีที่ผ่านมา ประเทศแคนาดากลายเป็นอีกหนึ่งประเทศ ที่ปลดล็อกให้ใช้ ‘กัญชา’ ในเชิงสันทนาการได้อย่างถูกกฎหมายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุนี้เองบริษัทเกี่ยวกับยาสูบยักษ์ใหญ่ของโลก Altria Group Inc. ที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ยาเส้นชื่อดังอย่าง Marlboro ก็หันมาลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจสายเขียวในแคนาดาด้วยเช่นกัน ด้วยการตัดสินใจเดิมพันซื้อหุ้นของบริษัท Cronos Group ในประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นบริษัทที่จำหน่ายกัญชาในทางการแพทย์และการสันทนาการ ทั้งหมด 45% และจะเพิ่มขึ้นเป็น 55% ในอีก 5 ปีข้างหน้า เป็นมูลค่ากว่า 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (59,000 ล้านบาท)     ทางด้านนาย Howard Willard ผู้บริหารของ Altria Group กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของบริษัทในครั้งนี้ว่า “การลงทุนกับบริษัท Cronos Group ทำให้เราสามารถก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจกัญชาอย่างเต็มตัว และเราตื่นเต้นที่จะได้เติบโตไปข้างหน้า” “เราเชื่อว่าบริษัท Cronos นั้นมีการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยม และจะสามารถแข่งขันกับบริษัทอื่นๆ ได้อย่างหายห่วง และเรายินดีที่จะช่วยพวกเขาอย่างเต็มที่เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จด้วยกัน”     หลังจากการประกาศอย่างเป็นทางการของ Atria ทำให้มูลค่ากิจการของ Cronos…

บางครั้งการจราจรบนท้องถนนที่ติดขัด ก็อาจจะทำให้คนหัวร้อนจนทำอะไรบ้าๆ ขึ้นมาได้!?   เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของชายหนุ่มชาวเวียดนามคนนี้ที่เบื่อหน่ายกับการจราจรอันแสนติดขัดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนของกรุงฮานอย ประเทศเวียดนามเมื่อวันพุธที่ 5 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา หลังจากที่ยืนรอเพื่อ ‘ข้ามถนน’ อยู่เป็นเวลานาน แต่ก็หาจังหวะข้ามไม่ได้สักที เพราะรถแต่ละคนก็ไม่ยอมจอดให้ไปเลยแม้แต่น้อย     ด้วยความหัวร้อน ก็เลย ‘ปีนขึ้นเสาไฟ’ แล้วก็ไต่สายไฟเพื่อข้ามถนนซะเลย เพื่อเลี่ยงอันตรายจากรถที่อยู่ด้านล่าง (แต่ดูเหมือนพี่แกจะมาเสี่ยงอันตรายกับสายไฟด้านบนแทนนะเนี่ย 555+)     มีคนถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวเอาไว้ได้ และนำมาโพสต์ลงบนโซเชียลมีเดีย ชาวเน็ตหลายคนต่างก็แซวว่าพี่แกต้องเป็นญาติกับสไปเดอร์แมนแน่ๆ   ลองไปชมคลิปเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   เพราะการปีนสายไฟของพี่แกนั้นช่างชิลเหลือเกิน ราวกับว่ามีหนามแมงมุมติดอยู่ที่มือ เกาะยังไงก็ไม่มีทางหลุด แถมยังทำแบบชิลๆ โดยที่ไม่กลัวถูกไฟดูด หรือตกลงมาข้างล่างเลยแม้แต่น้อย “ผมก็ยังไม่เข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย เห้ย นั่นมันสายไฟฟ้าแรงสูงนะนั่นน่ะ!!” นาย Tu Thanh Bui ชายผู้ถ่ายคลิปวิดีโอเก็บเอาไว้กล่าว ชาวเน็ตบางคนก็อวยพรขอให้พี่แกปลอดภัย “เขาทรงตัวได้สุดยอดมากๆ เหมือนกับสไปเดอร์แมนเลย หวังว่าเขาจะข้ามไปได้อย่างปลอดภัยนะ”     บางคนก็คิดว่ามันต้องเหลืออดแล้วแน่ๆ พี่ชายถึงต้องทำแบบนั้น…

นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศรัสเซีย เมื่อคุณแม่วัย 35 ปี พยายามที่จะ “ขายพรหมจรรย์” ของลูกสาววัย 13 ปีให้กับเศรษฐีในต่างเมือง ก่อนที่จะถูกจับกุมตัวในที่สุด Irina Gladkikh ถ่ายรูปภาพของลูกสาวตัวเองเพื่อตามหาคนที่จะซื้อพรหมจรรย์ของเด็กหญิง พร้อมบอกอีกว่าเธอสามารถให้แพทย์ตรวจพิสูจน์ได้ว่าลูกสาวของเธอยังบริสุทธิ์อยู่จริงๆ   Irina คุณแม่ที่จะขายพรหมจรรย์ของลูกสาวตัวเอง   หลังจากนั้นเธอก็ได้ติดต่อกับชายคนหนึ่งผู้อ้างว่าตนเองเป็น “เศรษฐีคลั่งเด็ก” และเธอก็ได้เสนอที่จะขายพรหมจรรย์ของลูกสาวให้กับเขา เพื่อเงินจำนวน 19,100 ปอนด์ (ประมาณ 798,000 บาท) เธอจึงพาลูกสาวขึ้นเครื่องบินออกเดินทางจากเมืองเชเลียบินสค์ ไปยังกรุงมอสโก ตามที่นัดพบกับชายคนนั้นเอาไว้   ลูกสาววัย 13 ปี   เมื่อตกลงกันเรียบร้อย เธอโอเคกับจำนวนเงินที่ชายคนนั้นเสนอมาให้ โดยหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วเขาคือตำรวจสืบสวนที่วางแผนมาเพื่อจับกุมตัวเธอ Irina ขึ้นให้การกับศาลครั้งแรกในเดือนมกราคม 2018 ซึ่งเธอก็ยอมรับว่าเธอต้องการที่จะขายพรหมจรรย์ของลูกสาวตัวเองจริงๆ     จากการรายงานในวันที่ 8 ธันวาคม ได้มีข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าเธอนั้นไม่ได้ใส่ใจที่จะเลี้ยงดูลูกทั้ง 2 ของเธอเลย ในแต่ละวันเพื่อนบ้านก็จะเห็นว่าเธอจะแต่งตัวให้ดูแพง และก็คอยแต่จะออกไปปาร์ตี้เท่านั้นเอง นอกจากนั้น การวางแผนขายลูกสาวนี้เธอก็ไม่ได้ทำด้วยตัวคนเดียว แต่ยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดอีก…

หลังจากเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงของอันดับในตารางเกิดขึ้นมากมาย เมื่อทีมนำจ่าฝูงและว่าที่แชมป์อย่างทีมเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปพ่ายที่ถิ่นของสิงโตน้ำเงินเชลซี 2-0 กลายเป็นว่าตอนนี้ทีมจ่าฝูงตกเป็นของ ‘ลิเวอร์พูล’ ไปที่เรียบร้อยแล้ว!! หลังจากที่นกลิเวอร์เบิร์ดสีแดงสามารถบุกไปเอาชนะ เอเอฟซี บอร์นมัธ 4-0 หลังเกมดังกล่าวก็มีเหตุการณ์น่าประทับใจเกิดขึ้น เมื่อดาวยิงของลิเวอร์พูล โมฮัมเม็ด ซาลาห์ โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นโดยซัดไปถึง 3 ประตูด้วยกัน!!   ตารางคะแนนล่าสุด   หลังจากจบเกมพี่แกก็ได้รับรางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ หรือผู้เล่นยอดเยี่ยมในเกมนี้ไปครอง แต่ทว่าดันปฏิเสธตำแหน่งที่ว่าซะงั้น!?     ในช่วงให้สัมภาษณ์หลังเกม โมฮัมเม็ด ซาลาห์ กล่าวว่า “ผมจะไม่รับรางวัลนี้ ในวันนี้ ผมอยากจะเสียสละตำแหน่งนี้ให้กับเพื่อนร่วมทีม และกัปตันของผม (เจมส์ มิลเนอร์) เพราะวันนี้เป็นวันที่แสนยอดเยี่ยมสำหรับเขา เขาสมควรได้รับมันจริงๆ”   คลิปเหตุการณ์ Hat-trick hero @MoSalah refuses to take his Man of the Match award…

บางครั้งเรื่องของปัญหาสุขภาพก็อาจจะบังเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาที่เราไม่นึกไม่ฝัน อย่างในกรณีของผู้ประกาศข่าวคนนี้ที่กำลังทำหน้าที่อยู่ แต่ว่าจู่ๆ ก็มี ‘เลือดกำเดาไหล’ ออกมาจากจมูก แต่เขาก็เฉยๆ ชิลๆ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมาผู้ประกาศข่าวชื่อว่า Jo Hyun-il ได้รับหน้าที่เป็นผู้บรรยายหลักเกมการแข่งขันบาสเกตบอล ของช่อง SPOTV ช่องกีฬาของเกาหลีใต้ ร่วมกับผู้บรรยายร่วมอีกคนหนึ่ง   วินาทีที่เลือดกำเดาไหลออกมา Bloody Nose of the Day goes to SpoTV NBA color commentator Jo Hyun-il pic.twitter.com/j7VrI9gP4D — Dan Kurtz (@MyKBO) December 6, 2018   แต่ในระหว่างที่ออกอากาศนั้นเอง กล้องได้จับภาพมาที่ผู้บรรยายทั้งสองแล้วปรากฏว่าจู่ๆ Jo ก็เกิดอาการเลือดกำเดาไหลขึ้นมาอย่างกะทันหัน   เริ่มไหลทีละน้อย   ในตอนแรกเขายังไม่รู้ตัวว่าตัวเองเกิดอาการนี้ขึ้น แต่แล้วเขาก็รู้ตัวเมื่อเลือดมันค่อยๆ ไหลออกมาจนถึงปากคาง ซึ่งเขาก็ใช้มือปาดดูแล้วรู้ในทันที   เยอะขึ้นเรื่อยๆ   แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงสปิริตทำหน้าที่บรรยายเกมต่อไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนที่ผู้บรรยายร่วมของเขาจะหันหน้ามาเห็นและแสดงสีหน้าตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างเสียงชื่นชมให้กับเขาเป็นอย่างมากถึงสปิริตการทำหน้าที่…

หลายคนอาจเคยประสบกับอาการ ‘หิวจัด’ ในเวลาที่แอลกอฮอล์ไหลลงลำคอไป มันอาจจะให้ความรู้สึกแบบว่าต้องหาอะไรสักอย่างมาลงเปื้อนลำไส้ให้ได้ไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทใดก็ตามแต่ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไรถ้าหากว่าเรากินอาหารหลังจากอาการเมา แต่มันคงผิดแน่ๆ ถ้าหากทำเหมือนชายคนนี้ ที่เขาดันไปปิ้งขนมปังในบ้านใครก็ไม่รู้มากิน เพราะนึกว่าบ้านหลังนั้นเป็นของเขาซะอย่างงั้น     เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยในคืนวันนั้นนาย Christopher David Lloyd ชาวเมืองคัมเบรีย ประเทศอังกฤษวัย 31 ปี กำลังเมาแอ๋จนแทบจะไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว ด้วยความเมาเกินควบคุมไหวในตอนนั้น เขานึกว่าเขาหยิบกุญแจมาผิดดอกแน่ๆ ถึงไขเข้าบ้านไม่ได้สักที เลยใช้บันไดปีนหน้าต่างชั้น 2 เข้าไปในบ้านหลังนั้น แล้วจัดการปิ้งขนมปังมากินอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมกับตบท้ายด้วยลูกอมเป็นของหวานก่อนที่จะผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย แต่ว่าแท้จริงแล้วบ้านที่เขาเข้าไปมันไม่ใช่บ้านของเขา ตอนเช้าตื่นขึ้นมาเขาเลยงงว่าตัวเองตื่นขึ้นมาอยู่ในคุกได้อย่างไรกันนี่!!     นั่นก็เป็นเพราะว่านาย Mike Pope เจ้าของบ้านที่แท้จริงมาพบว่ามีใครก็ไม่รู้มานอนอยู่ที่บ้านของเขา จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมตัวไปนั่นเอง ในที่สุดแล้วนาย Lloyd ก็เอ่ยปากขอโทษเจ้าของบ้านที่เขานั้นเมาจนนึกว่าบ้านนี้เป็นบ้านของตัวเอง แถมยังกินอาหารในบ้านไปอีก รวมทั้งยินดีที่จะจ่ายเงินค่าปรับจำนวน 113 ปอนด์ (ราวๆ 4,700 บาท) กับค่าชดเชยอีก 455 ปอนด์ (ราวๆ 19,000 บาท)…

เพื่อการรับมือและเตรียมความพร้อมในสถานการณ์จริง ‘การฝึกซ้อม’ จึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทางเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องฝึกฝนให้ชำนาญ เผื่อไว้ว่ามีสถานการณ์จริงจะได้ปฏิบัติหน้าที่ได้ถูกต้อง แต่ว่ามีเรื่องขำๆ เกิดขึ้นระหว่างการซ้อมแผนรับมือผู้ร้ายที่โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง เพราะว่าระหว่างซ้อมดันมีพลเมืองดีเข้ามาเห็นเข้าและหวังดีอยากช่วยจับผู้ร้าย เลยกระโดดถีบเข้าไปเต็มๆ ตัวผู้ร้ายที่รับบทโดยเจ้าหน้าที่จนถึงขั้นหงายท้อง!!   อย่าเข้ามานะเฟ้ย   โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นจากความที่เจ้าหน้าที่ได้ซักซ้อมแผนรับมือผู้ร้ายที่โรงเรียนอนุบาลในนครฉงชิ่ง ประเทศจีน ซึ่งพวกเขาได้จำลองสถานการณ์ว่า มีผู้ร้ายเสียสติคนหนึ่งบุกเข้ามาในโรงเรียนแห่งนี้พร้อมกับถือมีดมาด้วย   คลิปเหตุการณ์ทั้งหมด    ระหว่างการซ้อมเพื่อความสมจริง เจ้าหน้าที่ได้ทำทีว่ากำลังพยายามสกัดกั้นผู้ร้ายเสียสติ (รับบทโดยเจ้าหน้าที่อีกคน) ที่กำลังแกว่งมีดไปมาอยู่บริเวณหน้าโรงเรียน แต่แล้วทันใดนั้นเองก็มีพลเมืองดีคนหนึ่ง วิ่งชาร์จพลังมาจากไหนไม่รู้กระโดดถวายบาทาเข้าเต็มๆ ลำตัวของผู้ร้ายใส่ไอ้โม่งจนถึงขั้นปลิวล้มคว่ำหน้าตึงไปเลย   บั้กเข้าให้!!   ในภายหลังทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้ามาห้ามปรามชายคนดังกล่าวพร้อมกับอธิบายว่า นี่เป็นแผนการซ้อมรับมือเฉยๆ ไม่ใช่เหตุการณ์จริงๆ เลยกลายเป็นเรื่องชวนขำขันกันไปโดยปริยาย ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ถูกพลเมืองดีถีบ ก็มีรายงานว่าไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แม้แต่น้อย แต่ก็ถือว่าเป็นคราวซวยจริงๆ ที่โดนลูกถีบทรงพลังไปแบบฟรีๆ เช่นนี้…   ที่มา: shanghaiist, xinhuanews  

อารมณ์ทางเพศที่มากจนเกินไปก็อาจทำให้คู่นอนของเรารู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่นัก และบางครั้งมันก็อาจนำไปสู่การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นจากความไม่ตั้งใจ… เรากำลังพูดถึงเรื่องราวของ Silvia M. ภรรยาวัย 62 ปี ผู้อาศัยอยู่ในเมือง Salzburg ประเทศออสเตรีย กับสามีที่ชื่อว่า Heinz P. วัย 73 ปี (ชื่อทั้งสองคนถูกเปิดเผยได้แค่นี้ ตามกฎหมายภายในประเทศ)   Silvia ถูกปิดหน้าปิดตาเอาไว้ (ตามกฎหมายภายในประเทศ)   ช่วงเดือนมิถุนายน 2018 Silvia รู้สึกทนไม่ไหวกับการที่สามีของเธอมีความกำหนัดที่สูงมากๆ เธอจึงตัดสินใจแอบวางยานอนหลับเขาในคืนนั้น แต่เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้า เธอก็พบว่าสามีหยุดหายใจไปเสียแล้ว ซึ่งเธอผู้เคยทำงานเป็นพยาบาลมาก่อน รับรู้ได้ในตอนนั้นว่าสามีอาจเสียชีวิตเพราะยาที่เธอให้เขากินเข้าไปประมาณ 2-4 เม็ด Silvia จึงนำร่างไร้วิญญาณของเขาไปทิ้งไว้ที่ถังขยะภายในโรงรถของตัวเอง ไม่มีการแจ้งความใดๆ และเมื่อมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอบถามก็จะไม่ได้ให้คำตอบอะไรกับพวกเขา     จนกระทั่งผ่านไป 3 สัปดาห์ เธอก็ถูกจับกุมตัวหลังจากที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในเหตุฆาตกรรมสามีตัวเอง และเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นจึงได้พบศพที่ถูกทิ้งเอาไว้จนเน่าเปื่อย เธอได้ขึ้นให้การกับศาลว่าตนเองไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าสามีเลย เธอเพียงแค่ต้องการให้ “เขาสงบลงและก็หลับไป” แต่ดันลืมเช็กดูปริมาณของตัว “ยาปลุกเซ็กส์” และปริมาณแอลกอฮอล์ที่สามีกินเข้าไปก่อนหน้านั้น สิ่งเหล่านั้นก็ได้กระตุ้นการทำงานของยานอนหลับจนทำให้มันรุนแรงและเกิดผลเสียต่อร่างกาย ส่งผลให้สามีของเธอเสียชีวิตไปในที่สุด  …

เมื่อวานที่ผ่านมา (ุ5 ธ.ค.) มีเรื่องหนึ่งที่ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมากในโลกโซเชียลมีเดียของประเทศจีน และกลายเป็นหัวข้อที่ร้อนแรงจนมีผู้เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมาย ในกรณีของคุณแม่คนหนึ่งที่แกล้งทำเป็นว่าลูกชายของเธอหายตัวไป แต่แท้จริงแล้วเพียงเพื่ออยากจะพิสูจน์ความรักครอบครัวของผู้เป็นพ่อเพียงเท่านั้น!!     เรื่องราวที่ว่านี้เกิดขึ้นที่เมืองเยว่ฉิง มณฑลเจ้อเจียง จากความที่คุณแม่วัย 33 ปีคนหนึ่งไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าลูกชายวัย 11 ปีของเธอหายตัวไปอย่างปริศนาและไร้ร่องรอยใดๆ ข่าวการหายไปของเด็กชายคนดังกล่าว ได้รับการพูดถึงอย่างรวดเร็วในโลกโซเชียล โดยคุณแม่นอกจากจะไปแจ้งความแล้ว ยังได้อธิบายรูปพรรณสัณฐานของลูกชายเธอให้ชาวเน็ตช่วยตามหาด้วย   และที่สำคัญคือเธอมีรางวัลให้ 500,000 หยวน(ประมาณ 2.3 ล้านบาท) สำหรับผู้ที่สามารถหาตัวลูกชายของเธอเจอ     หลังจาก 5 วันของการค้นหา ในที่สุดแล้วก็มีคนพบเจอตัวเด็กชายวัย 11 ปีคนนี้ แต่เรื่องราวมันกลับตาลปัตรอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะแท้จริงแล้วเขาไม่ได้หายไปไหนเลยตั้งแต่แรก!! จากคำแถลงการณ์ของตำรวจในวันต่อมาเผยว่า แท้จริงแล้วทางคุณแม่ได้ซ่อนตัวลูกชายของเธอเอาไว้ในรถตั้งแต่ไปรับมาจากโรงเรียนในวันศุกร์ (30 พ.ย.) หลังจากนั้นเธอก็ได้มอบอาหารทิ้งไว้ให้กลับลูกชายและบอกให้อยู่แต่ภายในรถ ก่อนที่ต่อมาเธอจะขับรถพาลูกชายไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่งในละแวกใกล้เคียงแทน ในท้ายที่สุดคุณแม่ได้สารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ที่เธอแกล้งทำเป็นว่าลูกชายหายตัวไปเป็นเพราะอยากจะพิสูจน์ว่าสามีของเธอรักครอบครัวมากขนาดไหน เพราะสามีของเธอต้องทำงานอยู่ต่างเมืองและเมื่อเร็วๆ นี้ก็เพิ่งจะมีปากเสียงกัน     แล้วก็ดูเหมือนกับว่ามันจะได้ผลเป็นอย่างดีเสียด้วย เพราะตั้งแต่ที่สามีเธอรู้ข่าวการหายไปของลูกชาย เขาก็ออกตามหาอย่างไม่หลับไม่นอนเป็นเวลาถึง 4 วันเต็มๆ โดยก่อนที่จะหาลูกชายเจอเขาได้เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า “มันเหมือนกับว่าลูกชายของผมหายตัวไปในอากาศยังไงยังงั้นแหละ” …

เรื่องนี้อาจเป็นคนที่หลายคนอาจไม่เชื่อ แต่ว่าก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ บนโลกใบนี้ เมื่อเด็กหนุ่มคนหนึ่งต้องลาโลกนี้ไป จากเหตุเพราะเขาถูก ‘ไฟดูด’ จากการใช้หูฟังขณะที่กำลังชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ไปด้วย     เหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นใกล้ๆ กับเมืองเริมเบา รัฐเนอเกอรีเซิมบีลัน ประเทศมาเลเซีย เมื่อเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปพบศพของ Mohammed Aidil Azzahar Zaharin หนุ่มวัย 16 ปีเสียชีวิตอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง โดยคุณแม่ของหนุ่มคนนี้เล่าให้ฟังว่า ตอนแรกที่เธอเข้ามาหาลูกชายคนนี้ เธอคิดว่าเขากำลังหลับอยู่เลยออกไปทำงานตามปกติ แต่ว่าก็เอะใจว่าอาจมีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้น คุณแม่จึงรีบกลับมาจากสถานที่ทำงานแล้วพยายามปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา แต่ก็สายไปเสียแล้วเพราะเขาได้เสียชีวิตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงโทรศัพท์เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่บ้าน     ทางทีมแพทย์ยืนยันว่าเขาเสียชีวิตเป็นที่เรียบร้อยแล้วจากสาเหตุ ‘ถูกไฟดูด’ ซึ่งที่เขาถูกไฟดูดนี้ ก็มาจากการที่เขาเสียบหูฟังเอาไว้ระหว่างที่ชาร์จแบตเตอรี่ไปด้วย แล้วเผลอหลับไปนั่นเอง โดยสภาพศพของหนุ่มคนนี้ไม่มีร่องรอยการทำร้ายร่างกายหรือรอยฟกช้ำใดๆ จะมีก็เพียงรอยไหม้บริเวณหูข้างซ้ายและมีเลือดไหลออกมาร่วมด้วย แม้ว่าก่อนหน้านี้ทางพี่น้องของผู้เสียชีวิตจะบอกว่ารู้สึกเหมือนถูกไฟช็อตเล็กๆ เมื่อแตะสายไฟ แต่ก็ไม่ได้มีใครเอะใจอะไรว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ จนกระทั่งมีเรื่องเศร้าเรื่องนี้เกิดขึ้น… เรื่องนี้ได้กลายเป็นอุทาหรณ์ไปทั่วโลกออนไลน์ ว่าเราอาจต้องประสบกับความเสี่ยงมากขึ้นถ้าหากใช้โทรศัพท์ขณะที่กำลังชาร์จแบตเตอรี่อยู่ และจะเป็นการดีกว่าถ้าหากหลีกเลี่ยงได้   ที่มา: dailymail, metro, tribunnews

การก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็มักจะนำมาซึ่งปัญหากับพื้นที่ใกล้เคียงอยู่เสมอ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างมลพิษทางเสียง เรื่อยไปจนถึงการขัดขวางทางจราจร แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าการก่อสร้างที่ว่าดันไปทำลายโบราณสถานเข้าเสียล่ะ เพราะเมื่อล่าสุดนี้เองที่ประเทศอังกฤษได้มีนักโบราณคดีจำนวนมากออกมากล่าวหาบริษัทก่อสร้างถนนไฮเวย์ว่าพวกเขานั้น ทำลายโบราณสถานอายุราว 6,000 ปี ไปเสียแล้ว นี่เป็นปัญหาการก่อสร้างที่เกิดขึ้นในพื้นที่ Blick Mead แหล่งโบราณสถานอันเป็นของหมู่บ้านโบราณ ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปจากสโตนเฮนจ์ราวๆ 1.6 กิโลเมตรนั่นเอง   แหล่งโบราณสถาน Blick Mead บางครั้งก็ถูกนับรวมเป็นส่วนหนึ่งของสโตนเฮนจ์   ปัญหาที่ว่านี้เริ่มต้นขึ้นจากการขุดหลุมขนาด 3 เมตร เพื่อวัดระดับน้ำ ก่อนการเริ่มต้นทางอุโมงค์ใต้ดิน ยาว 2.9 กิโลเมตรเพื่อแก้ปัญหาการจราจรบนถนนในพื้นที่สโตนเฮนจ์ โดยจากทำกล่าวอ้างของทางนักโบราณคดี หลุมที่ว่านี้ขุดทะลุพื้นโบราณที่ทำจากหินเหล็กไฟจาก 4,000 ปีก่อนคริสตกาล และทำลายซากกระดูกสัตว์เก่าแก่ซึ่งสูญพันธุ์ไปเมื่อราวๆ 1,600 ปีก่อนไปเป็นจำนวนมาก   แผนที่โบราณสถานสโตนเฮนจ์ (วงกลมสีฟ้า) และพื้นที่ Blick Mead (วงกลมสีแดง)   “มันเป็นเรื่องที่ป่าเถื่อนมาก” David Jacques หัวหน้ากลุ่มนักโบราณคดีแห่งพื้นที่ Blick Mead กล่าว “พวกเราดำเนินการที่นี่มาตั้งแต่ปี 2005 ด้วยแปรงอย่างละเอียดอ่อน แต่พวกเขากลับเขามาทำลายมันด้วยสว่านอย่างไม่น่าให้อภัย”   ภาพการค้นพบรอยเท้าสัตว์เก่าแก่ในโบราณสถานแห่งนี้   อย่างไรก็ตามทางบริษัทก่อสร้างเองก็ออกมาให้การปฏิเสธเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นกัน…

บางครั้ง สิ่งที่เราคาดหวังเอาไว้ กับความเป็นจริงมันมักจะไม่ค่อยตรงกันสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องของ ‘การซื้อของออนไลน์’ ถ้าไม่รอบคอบหรือเช็กดูให้ละเอียด อาจจะต้องมีประสบการณ์เช่นเดียวกันกับคุณแม่ท่านนี้ก็เป็นได้!! เรื่องราวของคุณแม่ Lisa Williamson วัย 28 ปี จากเมืองเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ ได้ทำการสั่งชุดซานตาคลอสสุดเซ็กซี่จากเว็บไซต์ eBay มาในราคา 6.98 ปอนด์ (300 บาท)   ภาพโฆษณา   ด้วยราคาที่น่าเย้ายวนใจ กับคำโฆษณาที่บอกว่า ‘สามารถใส่ได้ทุกไซส์’ เป็นใครใครจะอดใจไหว คุณแม่จึงทำการสั่งมาเพื่อใส่ไปเรียนเต้นรูดเสา แต่พอเจ้าชุดซานต้ามาส่งถึงที่บ้าน ก็พบว่าบางอย่างมันดูแปลกๆ ไป ทำไมมันตัวเล็กนิดเดียว จึงลองหยิบมาใส่ดูและก็ต้องพบกับความเฟลขั้นสุด!! เพราะมันไม่เหมือนกับที่โฆษณาไว้เลยแม้แต่น้อย   ความเป็นจริง!!   คุณแม่ได้ทำการถ่ายภาพแล้วโพสต์ลงเฟซบุ๊กแบบติดตลกว่า “เมื่อของที่คุณสั่งจากออนไลน์มาถึง และมันไม่เหมือนกับที่คุณคาดหวังไว้เลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่เหมือนเพียงอย่างเดียวคือ ‘สี’ ของมัน” “หลายคนเข้ามาคอมเมนต์ในโพสต์ของฉันอย่างติดตลก บ้างก็บอกว่าเป็นเพราะขนาดตัวของฉันที่ใหญ่ไป คราวหลังควรจะสั่งไซส์ที่ใหญ่กว่านี้ บ้างก็แนะนำฉันว่า’การสั่งเสื้อผ้าออนไลน์ ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้หุ่นของนางแบบมาด้วยนะ’ ทำเอาขำกร๊ากไปเลยล่ะ”     “แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็จะไม่เลิกสั่งของจากออนไลน์หรอกนะ แม้ว่าครั้งนี้มันจะทำให้ฉันเซ็งหน่อยๆ…

เดี๋ยวนี้ภัยอันตรายจากโจรขโมยมันช่างอันตรายเสียจริงๆ อย่างเช่นในกรณีงงๆ ที่เกิดขึ้นนี้ด้วย เมื่อเจ้าของบ้านแห่งหนึ่งพบว่ามีโจรพยายามจะเปิดประตูห้องเข้ามาให้ได้ แม้จะรู้อยู่ทนโท่ว่าเจ้าของบ้านอยู่ในนั้น!! โดยเรื่องราวสุดช็อกที่ว่านี้เกิดขึ้นในวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งทางหญิงเจ้าของบ้านได้มาแบ่งปันประสบการณ์ขนหัวลุก เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้ทุกๆ คนได้ระวังตัว     เธอเล่าว่าในวันดังกล่าวเธออยู่ที่บ้านกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง แล้วในเวลาประมาณ 13.30 น. ของวันนั้น ก็ได้ยินเสียงชายคนหนึ่งร้องเพลงอยู่ใกล้ๆ บ้าน ซึ่งตอนแรกเธอก็คิดว่าน่าจะเป็นเสียงของเพื่อนบ้าน แต่พอเธอนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนบ้านของเธอไปทำงานหมดแล้ว เธอจึงเดินออกไปเช็กที่ประตูหน้าบ้านแล้วก็ถึงกับผงะ   คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  เมื่อพบว่ามีชายคนหนึ่งที่แต่งตัวคล้ายๆ กับพนักงานส่งของ กำลังใช้มือเอื้อมผ่านทางหน้าต่างพยายามจะเปิดประตูบ้านของเธอให้ได้ แม้จะรู้ว่ามีคนอยู่ภายในบ้านก็ตาม     เธอพยายามจะไล่ให้ชายคนดังกล่าวให้พ้นๆ จากบ้านของเธอไป แต่ว่าเขาก็ทำเนียนเป็นเคาะประตูสร้างจังหวะเพลง แถมยังพยายามจะเปิดประตู จนในที่สุดแล้วเธอรีบโทรศัพท์เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมตัวเขาในทันที แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวชายคนนี้ได้คาสถานที่เกิดเหตุ แต่ถึงกระนั้นระหว่างที่สอบปากคำกับเจ้าหน้าที่อยู่ที่หน้าบ้าน เขาก็ยังส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจให้กับเจ้าบ้านอีกด้วย     สุดท้ายชายคนนี้ได้ถูกเจ้าหน้าที่จับได้ดำเนินคดีที่โรงพัก แต่สำหรับเจ้าของบ้านแล้วมันเป็นอะไรที่หวาดผวาเอามากๆ เพราะกลัวว่าถ้าชายคนนี้ออกมาจากการรับโทษทัณฑ์แล้ว เขาอาจจะกลับมาแก้แค้นก็ได้เป็นได้!!   ที่มา: worldofbuzz, chinapress

เด็กสาววัย 15 ปี และครอบครัวถึงกับต้องหลบซ่อนตัว หลังมีมือดีเอา ‘โพสต์’ ชวนจัดปาร์ตี้วันเกิดของเธอ ไปแชร์ต่อในเฟซบุ๊ก จนมีคนสนใจกดเข้าร่วมงานปาร์ตี้หลายพันคน!! เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันอังคารที่ 4 ธันวาคม 2561 เด็กสาวคนหนึ่งได้ทำการโพสต์ชวนเพื่อนๆ ในแอปฯ สแนปแชต เพื่อให้มาร่วมงานวันเกิดครบรอบ 15 ปี ของเธอ     ซึ่งงานจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม 2561 ณ หมู่บ้าน Katwijk ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในเมือง Cuijk ประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่ทว่าไม่กี่ชั่วโมงต่อมา มีมือดีไปโพสต์ลงเฟซบุ๊กถึงการจัดปาร์ตี้งานวันเกิดดังกล่าว พร้อมระบุสถานที่จัดงานเป็นที่บ้านของเด็กสาว แถมยังมีการเปิดสาธารณะจนทำให้มีคนกดเข้าร่วมงานปาร์ตี้กว่า 8,000 คน และอีก 20,000 คนสนใจที่จะเข้าร่วม     อีเวนต์ดังกล่าวถูกตั้งชื่อว่า Party! In Katwijk ในมีการเขียนรายละเอียดเอาไว้ว่า “ปาร์ตี้วันศุกร์ที่บ้านของฉัน ขอเชิญชวนทุกคน และถ้าจะมาก็ขอให้บอกด้วยว่าจะพาใครมาเพิ่มด้วย” หมู่บ้าน Katwijk นั้นเป็นหมู่บ้านที่เล็กมากๆ…

ปกติแล้วเวลาที่เราไปเดินตลาด เราก็อาจเจอคุณป้าคุณยายนั่งขายของกันจนเป็นภาพชินตา แต่ว่าเมื่อเร็วๆ มานี้ ชาวโซเชียลมีเดียของไต้หวันต้องถึงกับผงะเมื่อมีผู้ไปพบเจอ ‘นางฟ้าขายปลา’ เข้าให้!!   รับปลาสักตัวไหมคะ??   เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กคนหนึ่งได้ไปเที่ยวชมตลาดปลาในเมืองจังฮว่า แล้วไปสะดุดตาเข้ากับแม่ค้าขายปลาคนหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาสวยซะจนต้องเหลียวคอมอง เขาจึงได้ถ่ายภาพและวิดีโอของเธอผู้นี้เก็บเอาไว้แล้วเอาไปลงในเฟซบุ๊ก จนกลายเป็นกระแสไวรัลที่มีคนแชร์มหาศาลในเวลาต่อมา “ไม่แน่นะ ในอนาคตผมจะช่วยคุณซื้อปลาทุกวันเลยเอ้า” แคปชั่นที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนนั้นเขียนเอาไว้   เดี๋ยวจัดให้นะคะ   เมื่อเรื่องนี้ได้เป็นกระแสฮอตฮิตบนโลกไซเบอร์ ก็ทำให้มีการขุดค้นจนในที่สุดก็พบว่าเธอมีชื่อว่า Liu Pengpeng พริตตี้นางแบบสุดฮอตวัย 26 ปี ที่มักจะออกอีเวนท์ไปทั่วทั้งประเทศ และแน่นอนว่าที่เธอมีิอาชีพเกี่ยวกับความสวยความงามเช่นนี้ คงไม่มีใครเชื่อแน่ๆ ว่าเธอจะมาช่วยแม่ขายปลาอยู่ในตลาด!!   น้องพลับขอสอง   ในเวลาต่อมาทันทีที่เธอรู้เรื่องกระแสความดังของตัวเอง ก็ได้ออกมากล่าวขอบคุณความสนับสนุนของชาวเน็ต รวมถึงบอกด้วยว่าในวันถัดไปเธอจะมายืนขายปลาหน้าแผงอีกครั้ง “ตลาดจะต้องระเบิดแน่ๆ” ชาวเน็ตคนหนึ่งกล่าวเอาไว้ในโพสต์ของเธอ   โฉมเอยโฉมงาม อร่ามแท้แลตะลึง   แล้วมันก็เป็นไปอย่างที่คาด ในเช้าวันต่อมามีลูกค้ามาต่อคิวยาวเหยียดรอซื้อปลาของเธอ ซึ่งส่วนมากก็มักจะถ่ายภาพขณะที่เธอกำลังขอดเกล็ดทำกรรมวิธีต่างๆ ในตอนที่เป็นแม่ค้าเอาไว้ด้วย   ตัลล้าก   ทางด้านคุณแม่ของนางแบบ Liu ก็เล่ากับผู้สื่อข่าวท้องถิ่นให้ฟังว่า ในเวลาที่ลูกสาวว่าง เธอก็มักจะกลับมาที่บ้านแล้วช่วยแม่ขายปลา…

บางครั้งความผิดพลาดของเราเพียงนิดเดียว ก็อาจทำให้บางอย่างแปรเปลี่ยนไปอย่างตลอดกาล… อย่างเช่นในกรณีของชายวัย 70 กะรัตคนนี้ ที่แผนการท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวต้องพังพินาศไม่เป็นชิ้นดี แถมยังไม่สามารถเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้อีกตลอดกาล จากการกรอกวีซ่าผิดว่าเป็นผู้ก่อการร้าย!!     John Stevenson ชายชราชาวสกอตแลนด์วัย 70 ปีและ Marion ภรรยาของเขา วางแผนเอาไว้ว่าจะเดินทางไปท่องเที่ยวนครนิวยอร์กในเดือนธันวาคมนี้ แต่แล้วแผนการเดินทางของทั้งคู่ก็ต้องพังทลายลง จนต้องทิ้งตั๋วเครื่องบินและค่าที่พักไปฟรีๆ จากความที่ John ไปกรอกแบบฟอร์มวีซ่าออนไลน์ขอเข้าประเทศผิดว่าเป็น ‘ผู้ก่อการร้าย’     ความผิดพลาดในครั้งนี้ทำให้นาย John โดนแบนเข้าประเทศสหรัฐฯ ในทันที ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะติดต่อไปยังหน่วยงานราชการของสหรัฐฯ ว่าที่เป็นอย่างนั้นเพราะเขากรอกผิด ก็ไม่ได้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอะไร… “ตอนที่กรอกแบบฟอร์มวีซ่าออนไลน์ มันมีอะไรให้ติ๊กอยู่เต็มไปหมด แล้วเผอิญว่ามีคำถามหนึ่งถามว่าคุณเป็นผู้ก่อการร้ายหรือไม่? ผมก็ตอบไปว่า Yes ด้วยความที่ผมไม่รู้”  John บอกว่าเขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าได้ทำอะไรผิดพลาดไป ตอนที่ยื่นพาสปอร์ตให้กับหน่วยตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งพวกเขาก็ตอบกลับว่า คุณคือผู้ก่อการร้าย!!     “ผมบอกพวกเขาไปแล้วว่าผมมีอายุถึง 70 ปีแล้วนะ แล้วผมก็ไม่รู้ว่าเจ้าช่องนั้นมันคืออะไร มันคือฝันร้ายที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาเลย” John กล่าว สำหรับความเสียหายในครั้งนี้ของเขาและภรรยามีค่าประมาณ 2,000 ปอนด์…

แม้ว่าอาชีพ ‘หัวขโมย’ จะเป็นอาชีพที่ใครๆ ต่างก็หวาดกลัวและตราหน้าว่าเป็นคนไม่ดี แต่ว่าบางทีถ้าหากเราใช้พวกเขาให้ถูกทางล่ะก็ อาจจะเป็นประโยชน์ได้แบบมหาศาลก็เป็นได้ อย่างเช่นในกรณีของร้านเสื้อผ้าแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ ที่ประกาศรับสมัครหัวขโมยมาฉกฉวยสินค้าในร้านตัวเอง เพื่อจะได้รู้ว่าจุดอ่อนของร้านอยู่ตรงไหน และพวกเขามีวิธีขโมยได้อย่างไรกัน!!     โดยเรื่องนี้เริ่มขึ้นจากความที่ร้านเสื้อผ้าแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน ประสบปัญหาถูกลูกค้าขโมยของบ่อยครั้งจนกลายเป็นที่เอือมระอาแก่ทางเจ้าของ เธอจึงตัดสินใจจะว่าจ้างโจรมาขโมยของในร้านตัวเอง เพื่อจะดูว่าจุดอ่อนในร้านมันเป็นอย่างไรและมีวิธีการขโมยเช่นไร เพื่อการป้องกันปัญหานี้ในอนาคต     ทางหญิงเจ้าของร้านได้ประกาศตามหา ‘หัวขโมย’ บนเว็บไซต์หางานออนไลน์ชื่อว่า Bark.com แล้วมันก็กลายเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็ว จากการที่เธอเสนอเงินค่าจ้ายสูงถึง 50 ปอนด์ (ราวๆ 2,000 บาท) ต่อชั่วโมง โดยหน้าที่หลักของผู้ที่สมัครเข้ามาก็คือ จะต้องพยายามขโมยสินค้าที่ร้านเสื้อผ้าแห่งนี้ออกไปให้ได้ และถ้าสามารถขโมยได้ถึง 3 ชิ้นในคราวเดียวก็จะได้โบนัสเพิ่มอีกด้วย!! ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับเลือกจะต้องเข้ามาที่ร้านหลายครั้งในเวลาหลายสัปดาห์ และเมื่อขโมยสำเร็จแล้วจะต้องเขียนรายงานถึงวิธีที่พวกเขานำสินค้าออกมา และบอกด้วยว่าผ่านระบบการรักษาความปลอดภัยของทางร้านได้อย่างไร     “ฉันกำลังมองหาขโมยมืออาชีพที่จะมาช่วยตรวจสอบจุดอ่อนของร้านฉันให้หน่อยว่ามันเป็นอย่างไร ธุรกิจนี้จริงๆ ฉันได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2013 แต่ว่าในทุกๆ ปีทางร้านจะถูกมือดีมาจิ๊กสินค้าไปอย่างแนบเนียน  โดยเฉพาะช่วงชุลมุนในเทศกาลต่างๆ อย่างคริสต์มาสที่มันมันเป็นเรื่องยากจริงๆ ที่ทางร้านจะสามารถจับตาดูทุกๆ คนได้ หัวขโมยพวกนี้ทำให้ฉันเสียเงินไปเป็นพันๆ ปอนด์ในทุกๆ ปีเลยล่ะ” เจ้าของร้านกล่าว ในท้ายที่สุดเจ้าของร้านกล่าวว่า…

ปัจจุบันผู้คนเริ่มหันกลับมาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น เนื่องจากว่าโลกของเราได้มีการเปลี่ยนแปลงไป ทั้งสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนและธรรมชาติสิ่งแวดล้อมเริ่มแย่ลง จึงต้องมีการกลับมาดูแลโลกเพื่อให้โลกอยู่คู่เราไปนานๆ วิธีการช่วยเหลือโลกที่มนุษย์สามารถทำได้ง่ายๆ เลยก็คือลดการก่อเกิดขยะ โดยเฉพาะพลาสติกทั้งหลายที่ต้องใช้เวลาย่อยสลายหลายร้อยปี และได้มีการเริ่มลดการใช้พลาสติกกันบ้างแล้ว นอกจากการลดการใช้พลาสติกแล้ว ก็มีการนำพลาสติกหรือขยะที่มีอยู่นำกลับมารีไซเคิลอีกด้วย เป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดขยะที่มีอยู่ได้ดีเลยทีเดียว   และนี่คืออีกหนึ่งวิธีการนำขยะมารีไซเคิลที่เริ่ดที่สุดจากชายชาวจีนผู้มีนามว่า Dou Xiaogang Dou Xiaogang อายุ 38 เป็นชาวมณฑลเสฉวน ประเทศจีน ซึ่งกำลังโด่งดังในโลกออนไลน์จากการนำขยะมาทำเป็นชุดสุดปังแบบไฮแฟชึ่นไปเลยจ้าาาา ชุดจากใบไม้แห้งๆ และเชือก นำมาทำเป็นชุดสวยๆ แบบนี้   มองเผินๆ นึกว่าแม่บ้านมีหนวดนะเนี่ย (แอบเห็นว่ามีกระสอบปุ๋ยทำเป็นกระโปรงด้วย)   ผ้าคลุมโต๊ะ ถุงดำต่างๆ เด็กข้างหลังถึงกับตะลึงในความสวย   Dou เริ่มจากการนำขยะที่ผู้คนทิ้งขว้างนำมารวบรวมและเนรมิตให้กลายเป็นชุดแนวๆ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2017   สวยไหมล่ะ   ชุดไม้แขวนเสื้อ ไปให้สุดค่ะแม่   อันนี้ก็คือถุงดำจ้า   ถ้าอยากให้โลกนี้อยู่คู่เราไปนานๆ ก็ต้องร่วมมือร่วมใจกันดูแลและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมกันด้วยนะ เริ่มต้นได้ที่ตัวเราเอง   ที่มา XinhuaNews, People’s Daily, China

โทรศัพท์หายหรือโดนขโมยอาจไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้ามันเป็นอย่างนั้นทุกๆ ปีนี่มันก็ชักจะน่าสงสัยเกินไปหรือเปล่า?! ด้วยเหตุนั้นเอง มันจึงนำไปสู่การจับกุมตัวหนุ่มวัย 34 ปี (ไม่ระบุชื่อ) ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทแห่งหนึ่งในเมือง Bukit Mertajam ประเทศมาเลเซีย หลังจากที่เขาเข้ามาแจ้งความว่ามือถือโดนขโมยทุกๆ ปี     ชายคนดังกล่าวทำอย่างนี้มาตั้งแต่ปี 2013 เข้ามาแจ้งความหลายต่อหลายครั้งด้วยกรณีเดียวกันว่า “โทรศัพท์ไอโฟน (iPhone) ถูกขโมย” เขาได้เข้ามาแจ้งความครั้งล่าสุดในวันที่ 1 ธันวาคม 2018 บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีโจรสองคนขี่มอเตอร์ไซค์และคว้าเอาโทรศัพท์ iPhone XS Max ของเขาไปได้ บริเวณแถวบ้านของแม่ยาย ไม่ใช่แค่นั้น เพราะเขายังอ้างว่ามี iPad Pro และ MacBook Pro ถูกขโมยไปพร้อมๆ กันด้วย     แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจลองเช็คประวัติของเขาดู ก็พบว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาแจ้งความว่าโทรศัพท์ iPhone โดนขโมย แต่ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เขามาแจ้งความในรูปแบบเดิม เรื่องราวคล้ายๆ เดิมหลายต่อหลายครั้ง ตำรวจจึงเข้าจับกุมตัวและสอบปากคำชายคนนี้ เมื่อถามไปถามมาเขาถึงยอมสารภาพว่าแท้จริงแล้วมือถือเหล่านั้นไม่ได้โดนขโมย…

ในสภาพสังคมยุคปัจจุบัน การใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนส่วนใหญ่ต่างจะต้องประสบกับแรงกดดันทั้งภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเป็นด้านครอบครัว ด้านหน้าที่การงาน และด้านอื่นๆ อีกมากมาย   คุกจำลองจากเมืองฮองชอน ประเทศเกาหลีใต้   ประเทศในแถบเอเชียก็ถือว่าเป็นกลุ่มประเทศ ที่ประชากรแบกรับความกดดันสูง จนส่งผลทำให้มีสภาวะเครียดและนำไปสู่สาเหตุของการฆ่าตัวตายเป็นอันดับต้นๆ ของโลก     ยกตัวอย่างจากประเทศเกาหลีใต้ ประชาชนคนทั่วไปถึงกับยอมจ่ายเงินเพื่อที่จะเข้าไปใช้ชีวิตใน ‘คุกจำลอง’ อันเป็นคุกที่ไม่ได้มีไว้กักขังหน่วงเหนี่ยวผู้กระทำความผิดทางกฎหมาย แต่เป็นทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายจากชีวิตประจำวัน     สถานบำบัดเชิงคุก Prison Inside Me ตั้งอยู่ในเมืองฮองชอน จังหวัดคังว็อน ประเทศเกาหลีใต้ ให้บริการมาตั้งแต่ปี 2013 โดยปัจจุบันมีลูกค้ามาใช้บริการมากกว่า 2,000 รายแล้ว ส่วนมากจะเป็นกลุ่มที่ประสบกับความเครียดจากการทำงาน และกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่ได้รับแรงกดดันจากสภาพสังคม ที่ต้องหางานทำและต้องเรียนเก่งๆ     Park Hye-ri พนักงานออฟฟิศวัย 28 ปี ผู้ยอมจ่ายเงินเป็นจำนวนเกือบ 3,000 บาท เพื่อแลกกับการใช้ชีวิตในคุกจำลอง 24 ชั่วโมง กล่าวว่าคุกแห่งนี้มอบสัมผัสแห่งอิสระกับเขาได้มากกว่าข้างนอก…    …

Chanel ได้กลายเป็นแบรนด์หรูแบรนด์แรกที่ยกเลิกการใช้ ‘หนังสัตว์’ หรือ ‘ขนสัตว์’ ในการผลิตสินค้าของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2018 ที่ผ่านมาทางด้าน Chanel ได้ทำการประกาศเรื่องนี้ให้ทุกคนทราบโดยทั่วกันผ่านหน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ทั้งการนำหนังจระเข้ หนังกิ้งก่า หนังงู หนังปลากระเบน รวมไปถึงบรรดางูยักษ์ทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่ถูกยกเลิกทั้งสิ้น รวมไปถึงขนของสัตว์ชนิดต่างๆ เช่นแรคคูน สุนัข มิงค์ และกระต่าย อีกด้วย     ตามรายงานระบุว่าขณะนี้ Chanel กำลังทำการวิจัยเพื่อค้นหาวัตถุดิบใหม่ๆ มาใช้ในการผลิตสินค้าของตัวเอง โดยจะมุ่งเป้าไปที่ ‘สิ่งทอ’ และหนังสังเคราะห์ เพื่อลดผลกระทบที่จะทำให้เกิดต่อสิ่งแวดล้อม     อย่างไรก็ตามการยกเลิกการใช้หนังสัตว์ หรือขนสัตว์ในครั้งนี้ถือเป็นงานช้างสำหรับ Chanel มากๆ เพราะการที่จะหาวัตถุดิบอื่นๆ มาผลิตสินค้าเพื่อให้ได้มาตรฐานเดิมถือเป็นอะไรที่ยากเอาเรื่องเลยทีเดียว “เราจะทำการตรวจสอบความพึงพอใจของลูกค้าต่อไป เพื่อมั่นใจว่าโซ่อุปทานของ Chanel ยังคงได้รับความพึงพอใจจากทุกคน และเป็นที่น่าพอใจของทางเราในด้านของความสมบูรณ์แบบรวมไปถึงสามารถตรวจสอบต้นทางได้อีกด้วย” “เราต้องหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพดีเท่ากับหนังสัตว์ แต่ก็ต้องทำให้ถูกต้องตามหลักศีลธรรม มันคงเป็นประสบการณ์ที่ยากมากๆ สำหรับเรา” โฆษกของ Chanel กล่าว  …

หากใครที่เคยเดินทางโดยใช้รถไปที่ จ.แม่ฮ่องสอน จะเป็นอันรู้กันว่าว่าเส้นทางมันคดเคี้ยวขนาดไหน แต่ว่าถ้าหากเส้นทางนั้นยังไม่สามารถทำอะไรคุณได้ และอยากหาความท้าทายเพิ่มล่ะก็ ถนนสายหนึ่งในประเทศจีนน่าจะเป็นคำตอบให้กับคุณได้ เพราะที่ถนนสายนี้มีโค้งหักศอกรูปตัว U ที่ติดกันถึง 68 โค้งเลยทีเดียว!!     โดยเจ้าถนนสายนี้ตั้งอยู่ที่เขต Yiliang เมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน มันเป็นถนนที่ความยาว 6.3 กิโลเมตร แต่ความท้าทายมันอยู่ที่โค้งหักศอกของมันตะหาก… ในด้านประวัติความเป็นมา มันถูกสร้างขึ้นในปี 1995 เพื่อเป็นถนนที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างสองหมู่บ้านนั่นคือ หมู่บ้าน Jinxing และหมู่บ้าน Jinganshao ซึ่งถึงแม้ว่าหากดูด้วยสายตาเราคงคิดว่าถนนสายนี้มันเป็นอะไรที่ดูน่ากลัวเลยทีเดียว แต่สำหรับชาวบ้านแล้วพวกเขาบอกว่ามันได้สร้างความสะดวกสบายให้กับพวกเขาเป็นอย่างมากเลย “ตั้งแต่ถนนเส้นนี้ถูกเปิดใช้ พวกเราก็ไม่ต้องแบกสินค้าใส่บ่า เดินลงไปขายที่ตลาดด้านล่างภูเขาอีกแล้ว” Li Guogua ชาวบ้านกล่าว   วิดีโอของถนนโดยมองจากมุมบน A most challenging drive in Yunnan, China. This winding road with 68 bends is seen as "a wonder in the world…

Golden Voyage Age หรือ Daikoukai Utopia ในภาษาญี่ปุ่น เป็นเกมมือถือแนว Action-RPG ที่เพิ่งเปิดให้บริการในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2018 ที่ผ่านมานี้ โดยในเกมจะมีธีมเกี่ยวกับชนชาติยุโรปช่วงยุคแห่งการสำรวจ (ประมาณศตวรรษที่ 15-18) ซึ่งก็มีระบบและตัวละครที่หลากหลายที่ถูกออกแบบมาให้ดูเข้ากับแนวยุโร๊ปยุโรป   มาดูวิดีโอเปิดตัวเกมกันหน่อย    แต่อย่างไรก็ตาม สองวันก่อนที่เกมจะเปิดให้บริการ ทีมงานญี่ปุ่นก็ได้ออกมาโพสต์ผ่านทวิตเตอร์ว่าจะมีการเปลี่ยนเปลี่ยนอาร์ตเวิร์คของตัวละคร ซึ่งเปลี่ยนจากภาพวาดแนวสมจริงมาเป็นภาพวาดแนวมังงะหน้าตาน่ารักของญี่ปุ่น   “เรามีแผนการที่จะเปลี่ยนกราฟิกของเกมให้เข้ากับรสนิยมของผู้เล่นญี่ปุ่น โดยรับหน้าที่วาดโดย @dhl1992113 ตอนนี้เขาวาดตัวละครเสร็จไปกว่า 40 ตัวแล้วครับ” 【大航海ユートピアのゲーム内グラフィックについて】今後、大航海ユートピアは日本向けにグラフィックを差し替えていく予定です！イラストは「チーズパン @dhl1992113 」さんをメインに描いていただいており、既に40名程のキャラは、立ち絵の差し替えが完了しております。 pic.twitter.com/FqijyG7qhs — 大航海ユートピア【公式】 (@daitopi) November 28, 2018 .   ก็เรียกได้ว่าสมกับเป็นประเทศแห่งความโมเอะ ที่สามารถเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างให้กลายเป็นสิ่งน่ารักได้ แต่กระนั้นเองก็ไม่ใช่ชาวเน็ตทุกคนจะถูกใจเก็บอาร์ตเวิร์คใหม่ของเกมและเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย บางคนก็กล่าวว่า “ภาพต้นฉบับงานมีคุณภาพกว่านะ” หรือ “คนวาดคนเก่าวาดภาพออกมาได้เข้ากับบรรยากาศยุคแห่งการสำรวจของยุโรปมากกว่านะและส่วนตัวฉันก็ชอบแบบนั้นมากกว่า  อย่าได้คิดเองเออเองสิว่าคนญี่ปุ่นทุกคนชอบแบบโมเอะๆ นี่ถือว่าเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่เลย ฉันนี่หัวเราะครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนที่เห็นความแตกต่างของหน่มน๊ม” บางคนก็บอก…

เมื่อไม่นานมานี้มีเหตุการณ์ร้อนๆ และกลายเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์เกิดขึ้นที่ไต้หวัน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกประชาชนวิจารณ์ซะเละเทะ จากการที่พวกเขาใช้เงินภาษีเกือบๆ 600 ดอลลาร์ (ประมาณ 19,000 บาท) ไปกับการพิสูจน์หลักฐาน DNA เพื่อหาตัวผู้ร้ายที่ขโมย ‘โยเกิร์ต’ ของหญิงสาวคนหนึ่งไป!!     โดยเหตุการณ์ที่ว่านี้เริ่มขึ้นจากความที่ผู้หญิงคนหนึ่งอาศัยห้องร่วมกับเพื่อนๆ นักศึกษาของมหาวิทยาลัย Chinese Culture University ในนครไทเป อีก 5 คนด้วยกัน แต่ว่าเมื่อเดือนที่ผ่านมาผู้หญิงคนนี้กลับมาที่ห้องแล้วก็ต้องพบว่า โยเกิร์ตขวดหนึ่งของเธอมันดันหมดเกลี้ยงแล้วไปอยู่ในถังขยะหน้าตาเฉย จึงแน่นอนว่าต้องมีใครสักคนในเพื่อนร่วมห้องอีก 5 คนกินมันไปเป็นแน่แท้     จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอได้จัดการประชุมห้องขึ้นอย่างเป็นการเร่งด่วนเพื่อหาว่าใครเป็นคนกินโยเกิร์ตของเธอไป ซึ่งก็ไม่มีใครเลยที่ยอมรับ ด้วยความโมโหเธอจึงได้หยิบขวดโยเกิร์ตอันว่างเปล่า มุ่งหน้าไปแจ้งความกับตำรวจทันที ซึ่งถ้าหากว่าเป็นสถานีอื่นๆ ในโลก เจ้าหน้าที่อาจจะปล่อยปละละเลยเพราะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย แต่ไม่ใช่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทเป เพราะเมื่อพวกเขาได้ฟังเรื่องราวดังกล่าวก็ตัดสินใจดำเนินการสอบสวนโดยด่วน   วิดีโอจำลองเหตุการณ์    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวเพื่อนร่วมบ้านทั้ง 5 คนของเธอมาสอบปากคำ แต่ทั้งหมดก็ยังยืนกรานปฏิเสธอยู่ดีว่าไม่ได้เป็นคนกินโยเกิร์ตเข้าไป และไม่สามารถตรวจสอบลายนิ้วมือบนขวดได้ด้วยเพราะมันเปียกเกินไปและไม่มีร่องรอยเหลือไว้แล้ว ทางเจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจว่าจะใช้วิธีการตรวจ DNA ผู้ต้องสงสัยทั้ง รวมถึงตัวผู้หญิงคนที่มาแจ้งความด้วย เบ็ดเสร็จทั้งสิ้นแล้ว…

ในเรื่องของช่องว่างทางกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องสินค้าทางเพศ ของเล่นผู้ใหญ่ประเภทต่างๆ กำลังเป็นที่ถกเถียงถึงเรื่องความเหมาะสม ทางเลือกเสรี และอื่นๆ อีกมากมาย ที่มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของแง่ศีลธรรม วัฒนธรรม หรือทางออกในการระบายความรู้สึก ลดอัตราการข่มขืนต่างๆ หลายประเทศก็ยังคงไม่อนุมัติให้สินค้าเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย     เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2018 ทางการฮ่องกงได้สั่งปิดร้านจำหน่ายตุ๊กตายาง หลังจากที่ชูโปรโมชั่นของร้านด้วยการ ‘ลองก่อนซื้อ’ ให้กับลูกค้า จนกลายมาเป็นลักษณะกิจการค้ามนุษย์ แม้จะไม่ใช่คนจริงๆ ก็ตาม ร้าน This Mary ตั้งอยู่ภายในเมือง Kwun Tong ระบุว่าอนุญาตให้ลูกค้าเข้ามาลองสินค้าได้ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ และประเภทสินค้าที่จำหน่ายก็มีแต่ตุ๊กตายางเท่านั้น     ผู้เป็นเจ้าของกิจการเปิดเผยว่า ลูกค้าสามารถใช้เวลาลองตุ๊กตายางที่ถูกใจได้ ในอัตราการเช่าทดลอง 1 ชั่วโมง/480 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 2,000 บาท) หากพาเพื่อนผู้หญิงมาร่วมลองเล่นตุ๊กตายางด้วย จะเป็นโปรโมชั่น 1 ชั่วโมงครึ่ง และจะต้องจ่ายเพิ่มในราคา 860 ดอลลาร์ฮ่องกง (3,600 บาท)     ภายในห้องปิดแบบส่วนตัวนั้น…

เรื่องของการทำความดีเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ทุกๆ คนไม่ว่าจะอายุ ผิวพรรณ หรือฐานะเป็นอย่างไร ดั่งเช่นในเรื่องต่อไปนี้ ที่ชายไร้บ้านคนหนึ่งเก็บเงินได้กว่าเป็นแสนๆ บาท แต่เขากลับเลือกที่จะไม่นำไปใช้เองทั้งๆ ที่ทำได้ และเลือกที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง!   Kevin Booth ขณะที่เข้ามาที่สถานสงเคราะห์ เมื่อครั้งอดีต   เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อชายไร้บ้านนามว่า Kevin Booth พบเจอเงินจำนวนกว่า 17,000 ดอลลาร์ (ราวๆ 557,000 บาท) ในถุงสีน้ำตาลใบหนึ่งใกล้ๆ กับสถานสงเคราะห์ให้ความช่วยเหลือด้านอาหารแก่ผู้ยากไร้…   เจ้าหน้าที่มอบรางวัล   “ตอนนั้นผมบอกเลยว่าผมดมกลิ่นดูก่อนว่าใช่เงินจริงๆ รึเปล่า และเมื่อรู้ว่ามันเป็นของจริงก็มีความคิดสองอย่างผุดเข้าในหัวผมคือ จะเอาเงินนี้ไปใช้หรือจะนำมันไปคืน และผมก็เลือกที่จะนำไปคืน” Booth กล่าว ซึ่งแม้ว่านาย Booth จะต้องประสบกับเคราะห์กรรมลำบาก เป็นคนไร้บ้านมานานกว่า 7 ปีเต็มๆ แต่เขาก็เลือกที่จะนำเงินจำนวนนี้ไปมอบให้กับอาสาสมัครของสถานสงเคราะห์ที่เข้ามาที่อาคารในภายหลัง ตามหาเจ้าของที่แท้จริง “เธอ (อาสาสมัครคนที่ได้รับมอบเงิน) นำมันไปชั่งน้ำหนักเพราะคิดว่ามันเป็นอาหารนะ ตอนแรก” Anita Miller…

ไม่ว่าใครๆ ก็คงอยากจะมีสุขภาพที่แข็งแรงกันทั้งนั้น และการที่จะมีสุขภาพที่ดีได้นั้นนอกจากจะกินอาหารให้ครบตามที่ร่างกายต้องการแล้ว เรื่องของ ‘การออกกำลังกาย’ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญเช่นเดียวกัน ดั่งที่เราเห็นได้ว่าผู้คนสมัยนี้ใส่ใจกับเรื่องสุขภาพกันมากๆ ทั้งกินคลีน ออกกำลังกายกันอย่างสม่ำเสมอ แต่ใครจะไปคิดว่าเรื่องของการออกกำลังกายก็สามารถส่งผลมาถึงการทำงานได้เช่นกัน อย่างเช่นในกรณีของพนักงานอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งในประเทศจีน ที่ถูกบังคับให้เดินให้ได้ตามระยะที่บริษัทกำหนดเอาไว้ในแต่ละเดือน มิฉะนั้นแล้วพวกเขาจะต้องถูกหักเงิน!!     โดยในประเทศจีนนั้น ‘การเดิน’ โดยนับจำนวนก้าว ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องใหญ่เลยทีเดียว อย่างเช่นบริษัทประกันสุขภาพจะเสนอส่วนลดให้กับลูกค้าที่มีจำนวนระยะการเดินตามที่กำหนดไว้ว่ากี่ก้าวๆ หรือโรงเรียนหลายแห่งที่ใช้แอพฯ ก้าวในโทรศัพท์สมาร์ทโฟน เป็นสิ่งที่ช่วยดูว่านักเรียนสามารถเดินได้ตามระยะที่โรงเรียนกำหนดเอาไว้หรือไม่ รวมถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง (ไม่เปิดเผยชื่อ) ในเมืองกว่างโจว ก็เป็นบริษัทที่ใส่ใจในสุขภาพของพนักงานเช่นเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่ว่าหากทำไม่ได้ตามที่กำหนดจะมีการปรับเงินเกิดขึ้น…     ในเรื่องนี้พนักงานชื่อว่า Xiao C ของบริษัทดังกล่าว ได้เล่าให้ฟังว่าเมื่อเดือนที่ผ่านมาเธอพลาดเดินไม่ถึงจำนวน 180,000 ก้าวตามที่บริษัทกำหนดไว้ โดยพลาดไป 10,000 ก้าว ทางหัวหน้าของเธอจึงได้ปรับเงินไปเป็นจำนวน 100 หยวน (ราวๆ 477 บาท) สำหรับจำนวนก้าวที่หายไป ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่ว่า 1 ก้าวที่หายไป จะมีค่าปรับอยู่ที่ 0.01 หยวน (ราวๆ 0.048 บาท)…

การมาเยี่ยมเยือนของชาวต่างชาติ จากดินแดนตะวันตกในสมัยก่อน มักจะพกกล้องติดตัวกันมาด้วยเสมอ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความแปลกใจของชาวตะวันตก กับวิถีชีวิตที่แตกต่างของชาวเอเชีย และมักจะเก็บภาพเหล่านี้เอาไว้ ล่าสุดนี้ ช่างภาพชาวฝรั่งเศส Paul Piollet ในวัย 80 ปี ได้ทำการบริจาครูปภาพวิถีชีวิตบนท้องถนนสิงคโปร์ จากยุค 1970 ให้กับทางหอจดหมายเหตุแห่งชาติสิงคโปร์ (NAS) เผยให้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนในยุคสมัยนั้นตามมุมท้องถนน ต่างๆ ของประเทศสิงคโปร์   . . .   ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นภาพของชาวบ้าน กับร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลาดสด การเดินขบวนตามพิธีต่างๆ ในยุคสมัยนั้น อันเป็นภาพที่หาชมได้ยากแล้วเมื่อเทียบกับสมัยนี้   . .   เรือยังคงเป็นยานพาหนะสำคัญ ในการสัญจรของสิงคโปร์   แผงตลาดสด   ร้านตัดผมบาร์เบอร์ข้างถนน   ร้านแกแฟหัวมุมถนน   ร้านค้าต่างๆ เปิดอยู่ภายในตัวอาคารบ้านเรือน .   ทั้งนี้ ภาพที่คัดมาเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น หากอยากจะรับชมเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูต่อกันได้ที่ nas.gov.sg  …

เดี๋ยวนี้เป็นอันรู้กันดีว่าการทำมาค้าขายถ้าจะให้ดีต้องมีวิธีการนำเสนอ รวมถึงกลยุทธ์การขายที่พิเศษกว่าที่อื่นๆ แต่ว่าบางทีถ้าหากพิเศษเกินไปก็อาจกลายเป็นปัญหาขึ้นมาได้เหมือนกับเรื่องนี้ ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งในประเทศจีน ใช้นางแบบ ‘เปลือยอก’ มาเป็นพรีเซนเตอร์ขายอพาทเมนต์ของพวกเขาซะอย่างงั้น!!     โดยเรื่องราวที่ว่านี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณสัปดาห์ที่ผ่านมา กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง (ไม่ระบุชื่อ) ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ประเทศจีน เมื่อพวกเขาได้ว่าจ้างหญิงสาวให้มาเปลือยอกช่วยขายอสังหาฯ ของบริษัท     ภาพที่ปรากฏในโลกโซเชียลมีเดีย จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นผู้หญิงเปลือยท่อนบนจำนวนสี่คน ที่เพ้นท์รูปภาพผีเสื้อเอาไว้ที่ด้านหน้า ส่วนทางด้านหลังของพวกเธอก็แสดงแบบแปลนของอาคารที่วางขายนั่นเอง     เรื่องนี้ได้ตกเป็นที่พูดถึงอย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์ของประเทศจีน ซึ่งแน่นอนว่าไม่อาจจะรอดพ้นสายตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปได้     ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (3 ธ.ค.) ชาวเน็ตหลายคนก็ออกมาพูดเหมือนกันว่าพวกเขาได้เดินทางไปที่บริษัทอสังหาฯ แห่งนี้ ทว่าก็พบแต่เพียงประตูที่ถูกล็อกเอาไว้อย่างแน่หนาเท่านั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการใดกับทางบริษัทแห่งนี้   บานประตูของบริษัท   ส่วนนี่คือความคิดเห็นบางส่วนจากชาวเน็ตของประเทศจีน เมื่อได้รับรู้เรื่องราวดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะออกไปทางตำหนิติเตียนบริษัทแห่งนี้   วิดีโอของสาวๆ    เป็นอะไรที่หยาบคายจริงๆ   เป็นการวางแผนขายบ้านที่น่ารังเกียจจริงๆ คนซื้อคงไม่ปกติแน่ๆ   ไม่มีขอบเขตซะจริงๆ เชียว   ที่มา: shanghaiist,…

อาจจะเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นประจำ เมื่อมีการออกโทรศัพท์รุ่นใหม่ของค่ายต่างๆ ก็มักจะโปรโมทกันในเรื่องของคุณภาพกล้อง โชว์ศักยภาพที่พัฒนามาจากรุ่นที่แล้ว เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายตกลงปลงใจซื้อไปใช้ ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา บริษัทผลิตโทรศัพท์หลายเจ้าต่างโชว์โป๊ะกันไปแล้ว และในครั้งนี้ ‘ซัมซุง’ ก็ดันพลาดนำภาพถ่ายจากกล้อง DSLR มาใช้ในการโฆษณา อ้างว่าถ่ายจากกล้องโทรศัพท์ในค่ายตัวเองซะงั้น…     บทความจากเว็บไซต์ diyphotography เขียนโดย Dunja Djudjic เปิดเผยว่า หลังจากที่สมัครขายภาพบนเว็บไซต์ EyeEm ภาพบางส่วนก็ถูกคัดเลือกไปขายบนเว็บไซต์ Getty Images จนกระทั่งได้รับอีเมลฉบับหนึ่ง ระบุว่าขายภาพแรกได้แล้ว   ภาพต้นฉบับ   ทั้งนี้ ด้วยความสงสัยของเจ้าของภาพว่าจะถูกนำไปใช้ในรูปแบบไหนบ้าง อาจจะนำไปใช้ประกอบภาพกิจกรรมท่องเที่ยว บล็อคต่างๆ หรือแม้แต่ภาพการแต่งหน้า ก็น่าจะมี   ภาพที่ปรากฎบนเว็บไซต์ของซัมซุงมาเลเซีย   ทว่าจากการค้นหาภาพดั้งเดิม ผลลัพธ์ที่ได้นั้นกลับมีความเกี่ยวข้องกับโทรศัพท์ Galaxy A8 Star ของซัมซุง และเป็นลิงก์แรกที่เจ้าของภาพคลิกเข้าไปดูนั้นคือเว็บไซต์ของซัมซุงในประเทศมาเลเซีย     ด้านเจ้าของภาพเล่าว่า ความรู้สึกแรกที่เห็นก็ระเบิดหัวเราะลั่นออกมาเลย เนื่องจากภาพที่ถูกซื้อไปถูกนำไปตัดต่อเพิ่ม ทั้งใบหน้าและทรงผม เอาไปเติมโทนสีแดงเข้าอีกหน่อย ลบเส้นเลือดออกให้หมด อีกทั้งยังตัดภาพพื้นหลังดั้งเดิมออกทั้งหมด…

ในช่วงที่ผ่านมามีกระแสแห่แชร์ผลลัพธ์จากเกม OMG ที่จะทำการสุ่มผลลัพธ์ในแต่ละเรื่องให้ผู้ใช้ นำมาแชร์กันบนหน้าเฟสบุ๊กของตัวเอง ซึ่งขณะนี้ก็เริ่มซาลงไปบ้าง หลังจากที่เริ่มมีการตื่นตัวกันมากขึ้นในเรื่องของสิทธิการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้และความเป็นส่วนตัวของแอพฯ     แอพฯ OMG สามารถเล่นผ่านเฟสบุ๊กได้ง่ายๆ และเป็นแอพฯ ที่พัฒนาโดยสตูดิโอเกม Supergene Inc. จากประเทศฟิลิปปินส์ ได้รับความนิยมอย่างสูงในเดือนที่ผ่านมา     โดยหนึ่งผู้เล่นแอพฯ ก็คือหญิงสาวชาวไต้หวัน Jamie ที่เพิ่งแชร์ประสบการณ์การใช้แอพฯ ของเธอเอง และออกมาเตือนผู้อื่นเกี่ยวกับแอพฯ นี้ เนื่องจากเธอถูกตัดเงินไปเป็นจำนวน 2,580 ดอลลาร์ไต้หวัน (2,750 บาท) จากการเล่น OMG     เธอกล่าวว่าในขณะที่กำลังเล่นแอพฯ นี้อยู่ ก็ปรากฏโฆษณาแนะนำเกมที่น่าสนใจ พร้อมกับโฆษณาอื่นขึ้นมาด้วย คาดว่าน่าจะเผลอกดโฆษณาตัวใดตัวหนึ่งไป จากนั้นเพียงไม่นาน เธอก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนว่ามีการชำระเงินสำเร็จไปด้วยมูลค่า 2,580 ดอลลาร์ไต้หวัน     หลังจากที่ถูกตัดเงินแล้ว เธอจึงทำการลบข้อมูลบัตรเครดิตที่ผูกกับบัญชีเอาไว้ พร้อมกับลบข้อมูลการจ่ายเงินผ่านแอพฯ ออกทั้งหมด เพราะเกรงว่าจะถูกตัดเงินเพิ่มเติมอีกหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เช้าวันต่อมา เธอได้รับข้อความว่าสมัครใช้รับบริการบางอย่าง และจ่ายเงินผ่านระบบ…

ช่างภาพชาวญี่ปุ่นนามว่า Shin Noguchi กับชุดผลงาน ‘One Two Three’ อันเป็นการถ่ายถอดชีวิตประจำวัน ความสนุกสนาน และความฉุนเฉียวของลูกสาวทั้ง 3 คน ผู้เติบโตอยู่ในเมืองคามาคุระ จังหวัดคานางาวะ ประเทศญี่ปุ่น ประกอบไปด้วย Yumeji ลูกสาวคนโตวัย 9 ขวบ ลูกสาวคนกลาง Kotoyo วัย 4 ขวบ และลูกสาวคนเล็ก Hikono วัย 2 ขวบ   .   ภาพในชุดนี้เป็นภาพที่ไม่มีการจัดฉาก ทุกอย่างเกิดขึ้นตามธรรมชาติ และเป็นการตัดสินใจยกกล้องมาถ่ายเก็บเอาไว้ภายในช่วงเวลาเสี้ยววินาที ไม่ว่าจะเป็นทั้งช่วงที่ลูกๆ กำลังเล่นสนุก เป่าฟองสบู่ หรือแม้แต่ช่วงที่ลูกสาวเผลองีบหลับระหว่างทานอาหารก็ตาม   . .   ผู้เป็นพ่อได้ระบุเอาไว้ว่า “ผมกดชัตเตอร์เมื่อช่วงเวลานั้น คือเวลาที่เหมาะสมสำหรับครอบครัวของผม ผมมักจะได้ยินเสียงดนตรีระหว่างกดชัตเตอร์ ทุกช่วงเวลาที่ไม่ได้เตรียมเอาไว้มีอยู่จริง เหมือนกับการเล่นดนตรีแจ๊สแบบอิมโพรไวส์ อย่างที่ Eric Dolphy (นักแซกโซโฟนชื่อดัง) เคยกล่าวไว้ว่า…

นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย กับความขัดแย้งกันภายในครอบครัวของ Faisal หนุ่มชาวออสเตรเลีย และ Asmae ภรรยาสาวชาวโมร็อกโก   Faisal และ Asmae ภรรยาของเขา   ทั้งคู่ได้พบรักกันใน “เว็บไซต์หาคู่” ก่อนที่จะตกลงปลงใจแต่งงานกันในที่สุด ทำให้ฝ่ายหญิงสามารถย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลียได้อย่างถูกกฎหมาย แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป Faisal ก็เริ่มรู้สึกเหมือนกับว่าเขาถูกหลอกใช้ เป็นเหมือนเครื่องมือที่ทำให้หญิงสาวได้เข้ามาอาศัยในประเทศนี้ ซื้อของที่เธออยากได้ รับผิดชอบทุกอย่างให้กับเธอ โดยที่เธอนั้นอาจไม่ได้รักเขาเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มเล่าว่าเขาต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแพงๆ เงินไปเที่ยว ค่าอาหาร หรือแม้แต่เงินที่จะส่งกลับไปให้คนในครอบครัวของเธอก็ด้วย รวมๆ แล้วกว่า 200,000 ดอลลาร์ฯ (ราวๆ 6.5 ล้านบาท)     Faisal จึงนำความกังวลใจนั้นไปปรึกษากับคนอื่นๆ รวมถึงทนายส่วนตัวของเขา โดยที่ไม่คิดเลยว่าภรรยาของตัวเองจะเข้ามาเห็นอีเมลที่เขาเขียนระบายความไม่สบายใจเอาไว้ จนกระทั่งในเดือนเมษายน 2018 หลังจากที่ทั้งสองแต่งงานกันมาได้ราวๆ 8 เดือน เหตุการณ์อันเลวร้ายก็ได้เกิดขึ้นกับชายคนนี้     เขากลับมาที่บ้านและพบว่าข้าวของกระจัดกระจายราวกับมีคนมาตีกันในบ้านของตัวเอง ในขณะที่ภรรยาก็กำลังรอที่จะเผชิญหน้ากับเขาอยู่ภายในห้อง Faisal เล่าว่า…

“สาวดุ้น” คือคำที่เราเอาไว้เรียกตัวละครในการ์ตูนที่เป็นเพศชาย แต่มีรูปร่างและหน้าตาละม้ายคล้ายกับผู้หญิงเสียจนแทบแยกไม่ออก แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าตัวละครแบบนี้จะมีอยู่บนโลกแห่งความจริงด้วย เมื่อทางนิตยสารแฟชั่น Junon ได้จัดประกวด Junon Super Boy Contest การแข่งขันเฟ้นหาเด็กผู้ชายหน้าตาดีอายุระหว่าง 13 ถึง 22 ปี จากทั่วประเทศญี่ปุ่น ครั้งนี้ถือครั้งที่ 31 ที่ Junon ได้จัดการประกวดดังกล่าว ซึ่งมีผู้สมัครจากทั่วประเทศมากถึง 16,923 คน ก่อนที่คณะกรรมการจะคัดเลือกจนเหลือเด็กหนุ่มหน้าตาดี 13 คนสุดท้าย     แต่ 1 ใน 13 คนสุดท้ายนี่แหละที่กลายเป็นประเด็นฮือฮาในอินเตอร์เน็ต จากภาพดังกล่าวเพื่อนๆ เห็นอะไรที่โดดเด่นบ้างหรือไม่? หากไม่เห็นลองมองไปที่ภาพขวาบนสิ… ทันทีเพื่อนๆ กลับขึ้นไปดู หลายคนก็คงคิดว่าใครมันเอาเด็กผู้หญิงมาประกวดนะ? แต่ขอบอกเลยว่านั่นน่ะ “เด็กผู้ชาย” จ้า   “ผมเป็นเด็กผู้ชายนะ” https://twitter.com/i_baku2020/status/1062919529573998592   โดยที่หนุ่มที่หน้าหวานจนหลายๆ คนคิดว่าเป็นผู้หญิงคนนี้ชื่อว่า Idegami Baku อายุ 15 ปีจากจังหวัดชิมาเนะ ซึ่งโชคไม่ดีที่หลังจากประกาศ 13 คนสุดท้ายของการประกวด…

สำหรับผู้ชายบางคนแล้ว การขอแฟนสาวแต่งงานอาจจะมีโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น ดังนั้นผู้ชายหลายๆ คนจึงพยายามจะสรรหาสถานที่ ที่มีความโรแมนติกเพื่อทำการขอแฟนสาวให้กลายมาเป็นคู่ชีวิต เช่นเดียวกับผู้ชายคนที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เขาได้ใช้สถานที่ใจกลางมหานครนิวยอร์กอย่าง Times Square เป็นที่ที่จะขอแฟนแต่งงาน แต่จากหนังรักเกือบกลายเป็นหนังชีวิต เมื่อแหวนเพชรที่เตรียมมาหล่นไปในท่อระบายน้ำเฉยเลย     วันที่ 2 ธันวาคม 2018 ทวิตเตอร์ของ New York Police Department (NYPD) ได้อัปโหลดวิดีโอพร้อมกับแคปชั่นว่า “ผู้ชายคนนี้ต้องการแหวนของคู่หมั้นที่ทำหล่นในท่อระบายน้ำคืน เธอตอบตกลงแต่งงานกับเขาแล้ว แต่เขาตื่นเต้นเกินจนทำแหวนหล่นไปในตะแกรงท่อน้ำ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ของเรากำลังค้นหามันอยู่และอยากจะคืนมันให้กับคู่รักที่น่ารักคู่นี้ ช่วยเราตามหาแหวนหน่อยได้มั้ย?”   WANTED for dropping his fiancée’s ring in @TimesSquareNYC! She said Yes – but he was so excited that he dropped the ring in a grate. Our…

เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะไปทางไหน มักจะมีอีเว้นท์งานวิ่งแทบทุกที่ และจัดขึ้นกันตลอดแทบทั้งปี ในประเทศไทยเองก็มีการจัดงานแข่งวิ่งหลายรายการทั่วประเทศ ซึ่งงานวิ่งเหล่านี้ก็ได้รับความนิยมในประเทศจีนเช่นกัน โดยล่าสุดเพิ่งจะจัดแข่งวิ่งมาราธอนในเมืองเชินเจิ้น เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา     ในรายการแข่งวิ่ง Shenzhen Half Marathon ครั้งนี้ กลับเกิดเหตุการณ์ไม่โปร่งใสขึ้น เมื่อมีภาพของนักวิ่งบางส่วน แอบใช้ทางลัดข้ามไปอีกฝั่งเพื่อย่นระยะทาง ซึ่งไม่ใช่เพียงคนเดียว แต่เป็นนักวิ่งจำนวนมากถึง 237 รายกันเลยทีเดียว!!      ปรากฏการณ์โกงในครั้งนี้ ถูกเปิดเผยจากทางสื่อของประเทศจีนระบุไว้ว่า ‘น่าละอายเป็นอย่างยิ่ง’ เพราะทางผู้จัดปล่อยผ่านให้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ โดยภาพการโกงถูกถ่ายเก็บเอาไว้ได้ทั้งจากกล้องจราจร และช่างภาพที่มาเก็บภาพภายในงาน     มีคลิปหนึ่งที่ถูกปล่อยออกมา เผยให้เห็นนักวิ่งจำนวนหนึ่งแอบหลบเข้าไปในพุ่มไม้กลางทาง ใช้ทางลัดย่นระยะทางวิ่ง และภาพจากกล้องจราจร เผยให้เห็นว่านักวิ่งบางส่วนแอบลัด U-turn ย่นระยะทางไปประมาณ 10% จากการแข่งวิ่งในระยะทาง 21 กิโลเมตร     ทางด้านผู้จัดจึงได้ออกแถลงการณ์ว่า “เรามีความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การวิ่งมาราธอนไม่ได้เป็นเพียงแค่การออกกำลังกาย แต่เป็นสิ่งที่เรียกแทนชีวิตได้เลย และนักวิ่งทุกคนก็ควรจะมีความรับผิดชอบต่อตัวเองด้วย” จากการตรวจสอบทั้งหมด พบว่ามีนักวิ่งที่โกงทั้งหมด…

Sainsbury’s คือชื่อของห้างสรรพสินค้าในประเทศอังกฤษ ซึ่งล่าสุดพวกเขาเพิ่งปล่อยโฆษณาตัวใหม่ออกมา เพื่อเตรียมเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลคริสต์มาสประจำปี 2018 ที่ใกล้เข้ามา     แต่ทว่าโฆษณาที่ถูกปล่อยออกมานั้นก็ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก โดยสิ่งที่หลายๆ คนพูดถึงและกลายเป็นกระแสอย่างมากในตอนนี้ก็คือ “เจ้าหนูที่สวมชุดปลั๊กไฟ” หรือที่เรียกกันว่า Plug Boy   Plug Boy หรืออีกชื่อคือ Socketman   เรากำลังพูดถึงเด็กชายสวมชุดที่มีลักษณะเป็น “เต้าเสียบปลั๊กไฟ” ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของโฆษณาดังกล่าว ในตอนที่เขากระโดดเสียบเข้าไปในรูปลั๊กปุ๊บ แสงสว่างบนเวทีก็จะติดปั๊บ     แล้วทำไมเขาถึงโดนวิพากษ์วิจารณ์?? นั่นก็เพราะว่ามีการร้องเรียนเข้าไปยัง “องค์กรจัดระเบียบมาตรฐานโฆษณาแห่งสหราชอาณาจักร” (ASA) เกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพและความปลอดภัยที่ถูกนำเสนอออกมา กว่า 35 การร้องเรียนดังกล่าวนั้น มองว่าการที่เจ้าหนูปลั๊กไฟทำท่าทางในลักษณะนี้ มันเป็นเหมือนกับการส่งเสริมให้เด็กๆ หรือลูกๆ ของพวกเขาเอานิ้วไปแหย่เล่นปลั๊กไฟ   โฆษณาดังกล่าว (ฉากที่ว่านั้นอยู่ในนาทีที่ 1.21)    แม้จะมีการร้องเรียนดังกล่าวเกิดขึ้น แต่โฆษณาชิ้นนี้ก็ยังคงถูกเผยแพร่ต่อไป ในขณะที่ชาวเน็ตจำนวนมากต่างรู้สึกว่ามันเป็นการร้องเรียนที่ไม่ค่อยมีเหตุผลสักเท่าไหร่ และพากันออกความคิดเห็นภายใต้แฮชแท็ก #PlugBoy   ใครมองว่าเด็กคนนี้มีปัญหา ฉันว่าเขาคงจะมีปัญหากับชีวิตของตัวเองแล้วแหละ  …

การเลี้ยงสัตว์ถือเป็นเรื่องปกติปุถุชนคนทั่วไปมักจะเลี้ยงกัน แต่สิ่งที่ทำให้แตกต่างออกไปนั่นก็คือ สัตว์ที่นำมาเลี้ยงเป็นสัตว์ที่ดุร้าย มีพิษมีภัย อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้เลี้ยงและผู้อื่นได้ สำหรับกรณีนี้ ยิ่งร้ายแรงไปกว่านั้นอีก เมื่อหนุ่มจีนรายหนึ่งนำงูพิษที่ตัวเองเลี้ยงไว้ มาใช้เพื่อการข่มขู่หญิงสาว หวังจะให้อีกฝ่ายยอมมีอะไรด้วย หากไม่ยอมจะปล่อยให้ถูกงูกัดตาย…   .   จากแหล่งข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2018 ชายรายหนึ่งถูกพบเป็นศพอยู่ในห้องของโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองฝูโจว มณฑลเจียงซี โดยที่ฝ่ายหญิงรีบรุดมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังเกิดเรื่องขึ้น     หญิงสาวให้การกับตำรวจว่า ชายคนนี้ได้บังคับให้เธอมีเพศสัมพันธ์กับเขา ถ้าหากว่าเธอปฏิเสธจะถูกเขาใช้งูพิษที่พกมาด้วยฉกเธอให้ได้รับบาดเจ็บ   .   และด้วยการที่เธอไม่มีทางเลือก จึงต้องยอมและปล่อยให้เขาข่มขืนเธอทั้งๆ ที่ไม่สมยอมตั้งแต่แรก และหลังจากที่เขาเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ พร้อมกับเพลิดเพลินสหายงูพิษที่มาด้วย… ปรากฏว่าเขาตะโกนร้องลั่นห้อง บอกให้เธอหนีออกจากห้องไป เนื่องจากเขาถูกงูพิษกัดเข้าอย่างจัง และงูได้หลุดออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว     อย่างไรก็ตาม ชายคนนี้ได้บอกกับเธอว่าอย่านำเรื่องไปแจ้งตำรวจ หรือโทรแจ้งเจ้าหน้าที่พยาบาล ทว่าเธอกลับหนีออกมาจากโรงแรมแห่งนั้น โบกแท็กซี่ตรงดิ่งมายังสถานีตำรวจเพื่อแจ้งความทันที   .   เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ ก็พบกับศพของชายคนดังกล่าว พร้อมกับงูพิษจำนวน 3 ตัวที่หลุดเพ่นพ่านอยู่ในห้อง เบื้องต้นตรวจสอบแล้ว…

ความเชื่อด้านวิญญาณร้ายที่สามารถสิงสู่ในร่างมนุษย์นั้น ยังคงวนเวียนอยู่ในโลกยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นทวีปใดๆ ก็ตามบนโลกใบนี้ นับว่าเป็นความเชื่อที่มีมาตั้งแต่โบราณกาล ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ ภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่หยิบยกเรื่องราววิญญาณร้าย มาทำเป็นหนังสยองขวัญต่างๆ มากมาย หรือแม้แต่พิธีไล่ผีจริงๆ ที่ยังคงมีอยู่     เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทางทวิตเตอร์ Vocativ ได้ทำคลิปเผยแพร่เหตุการณ์ขับไล่วิญญาณร้ายจากประเทศอินโดนีเซีย โดยเชื่อกันว่าวิญญาณผิดเพศที่เข้ามาสิงร่างดังกล่าว คือสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเหล่านี้ กลายมาเป็นบุคคลรักร่วมเพศ หรือปฏิบัติตนผิดตามเพศของตนเอง   These Muslim clerics are doing exorcisms on LGBTQ people to 'cure' them… and it looks terrifying pic.twitter.com/YE3ERB08me — Vocativ (@vocativ) November 28, 2018   ภายในวิดีโอคลิปดังกล่าว เผยให้เห็นพิธีกรรม ‘การรักษา’ โดยได้งบประมาณสนับสนุนมาจากรัฐ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริง กระบวนการขับไล่ผีวิญญาณร้ายในประเทศอินโดนีเซียกับกลุ่ม LGBTQ…

วิชาคณิตศาสตร์ถือว่าเป็นวิชาหลัก ที่ถูกบรรจุอยู่ในหลักสูตรการศึกษาทั่วโลก แต่แล้วก็จะมีการเพิ่มเติมวิชา ‘คณิตศาสตร์เสริม’ พ่วงเข้ามาอีก… ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าจะต้องแอดวานซ์กว่าวิชาคณิตหลัก และมันก็ยากมากๆ จนนักเรียนหลายคนที่ถูกบังคับให้เรียนต้องถอดใจกันไป     ปัญหาของวิชาคณิตศาสตร์เสริมนี้ ก็ก่อให้เกิดการประท้วงย่อมๆ ของเหล่านักเรียนในประเทศมาเลเซียเช่นกัน หลังจากที่ต้องเข้ารับการทดสอบ SPM (Sijil Pelajaran Malaysia) การสอบวัดผลระดับประเทศ เพื่อนำคะแนนไปใช้ยื่นเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น   “ถึงวิชาคณิตเสริม ขออธิบายความรู้สึกกดดันที่มีต่อเอ็งก็แล้วกัน” https://twitter.com/datoponan/status/1067348823612125184   โดยเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา หนึ่งในกลุ่มของนักเรียนที่ต้องสอบ SPM นั้น ได้ทำการจุดไฟเผาตำราเรียนวิชาคณิตเสริม พร้อมกับชีทคำถามเก็งข้อสอบต่างๆ ให้กลายเป็นผุยผง โดยเป็นที่เข้าใจกว่า นักเรียนเหล่านี้มีความรู้สึกด้อยค่าและเครียด หลังจากที่ไม่สามารถทำข้อสอบในวิชาดังกล่าวได้เลย ในระหว่างที่นั่งอยู่ในห้องสอบ     และแล้วทวีตดังกล่าวก็กลายเป็นตัวจุดประเด็นเช่นเดียวกัน ชาวเน็ตบนโลกออนไลน์ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นและความรู้สึกของตัวเอง ย้อนกลับไปในช่วงที่ตนได้เรียนวิชาคณิตเสริมนี้เช่นเดียวกัน     “ฉันเคยรู้สึกเกลียดวิชาคณิตเสริมเหมือนพวกคุณแหละ เมื่อเห็นคุณครูเขียนอธิบายบนกระดานดำ ทุกอย่างดูง่ายไปหมด แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องแก้โจทย์เอง ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน ในระหว่างที่ทำข้อสอบ SPM นั้น ฉันทำข้อสอบได้น้อยกว่า…

ตามการ์ตูนหรืออนิเมชั่นญี่ปุ่นแล้ว เราคงเคยเห็นฉากที่ตัวละครผู้ชายบังเอิญเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือห้องอาบน้ำผู้หญิง จนกลายเป็นฉากเซอร์วิสแฟนๆ กันอยู่บ่อยๆ แต่หากฉากแบบนั้นเกิดขึ้นในชีวิตจริงๆ มันคงจบไม่ดีเป็นแน่แท้ เหมือนกับเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เมื่อรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งได้ดื่มแอลกอฮอล์จนเมาและเข้าไปห้องอาบน้ำหญิง     วันที่ 30 พฤศจิกายน 2018 ได้มีรายงานว่ารองผู้อำนวยการของโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองอิจิฮาระ จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่นยอมลาออกจากงาน เมื่อพบว่าเขาเมาแล้วเข้าไปห้องอาบน้ำหญิง แถมยังฉี่ใส่บริเวณที่ล้างตัวอีกด้วย โดยเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในระหว่างทัศนศึกษา 3 คืน 4 วัน ที่แวะพักในโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดเกียวโต ซึ่งรองผู้อำนวยการคนดังกล่าวก็ติดตามไปในฐานะครูพี่เลี้ยง ในวันสุดท้ายของทัศนศึกษาได้มีการกินเลี้ยงระหว่างพนักงานโรงเรียน ในงานมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากมาย รองผู้อำนวยการดื่มเข้าไปมากจนและเผลอหลับคาห้องจัดเลี้ยง     แต่หลังจากนั้นเขาก็ตื่นนอนมาในเวลา 21.45 นาฬิกา และไม่รู้ว่าด้วยอาการเมาค้างหรือว่าอะไร เขาได้เปิดประตูเข้าไปในห้องอาบน้ำหญิงที่อยู่ข้างๆ ห้องจัดเลี้ยง และแม้ว่าทางกำหนดการแล้วจะให้นักเรียนสามารถมาอาบน้ำได้ถึงเวลา 21.00 นาฬิกา แต่ในขณะนั้นก็ยังคงเหลือนักเรียนหญิงอีก 3 คนที่กำลังอยู่ในพื้นที่เปลี่ยนเสื้อผ้าและก็เจอเข้ากับรองผู้อำนวยการพอดี     สุดท้ายนี้ทางรองผู้อำนวยการได้แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกพร้อมกับกล่าวถึงเหตุการณ์ว่า “หลังจากที่ผมเมา ผมก็ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์อีกเลยครับ ผมจำไม่ได้จริงๆ ว่าไปฉี่ที่ห้องอาบน้ำหญิง” หลังจากเรื่องดังกล่าวถูกแชร์ลงในโลกออนไลน์ ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย บ้างก็ว่า “แอลกอฮอล์คือเครื่องมือทำลายชีวิต”…

เมื่อไม่นานมานี้ในโลกโซเชียลมีเดียของประเทศจีน ได้มีเรื่องหนึ่งที่เป็นกระแสไวรัลพูดคุยกันอย่างกว้างขวาง โดยเป็นเรื่องราวของ ‘อาชญากร’ หญิงคนหนึ่งที่ว่ากันว่าสวยที่สุดในประเทศ จนทำให้ชาวเน็ตต่างพากันคอมเมนต์แห่ชื่นชมเรื่องความสวยของเธอกันอย่างท่วมท้น!!     ในตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามหาตัว Qingchen Jingjing หญิงที่เชื่อว่ามีอายุ 19 ปี ซึ่งเธอเป็นสมาชิก 1 ใน 7 ของแก๊งค์ต้มตุ๋นที่มักออกหาเหยื่อแถวๆ บาร์หรือโรงน้ำชาในเมืองเหมียนหยาง มณฑลเสฉวน การเริ่มต้นหาตัวเธอนี้เริ่มขึ้นมาจากความที่ชายคนหนึ่งได้แจ้งความว่าถูกแก๊งค์ของเธอ หลอกเอาเงินไปจำนวนหลายพันหยวนที่บาร์แห่งหนึ่งในเมือง     และทางเจ้าหน้าที่ก็เชื่อว่าแก๊งค์ของเธอน่าจะมีพฤติกรรมฉ้อโกงเช่นนี้มาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนแล้ว ซึ่งเป้าหมายส่วนใหญ่ก็คือคนที่กำลังมึนเมาอยู่นั่นเอง ในตอนนี้สมาชิกของแก๊งค์ 3 คนได้ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้แล้ว แต่สำหรับคนที่เหลืออย่างเช่น Qingchen เจ้าหน้าที่จึงได้ออกหมายจับออกไปให้ประชาชนช่วยตามหา และด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของไวรัลดังกล่าว     เพราะว่าภาพหน้าตรงของสาวเจ้าคนนี้ดูสวยซะจนเหมือนนางฟ้า จนเป็นที่พูดถึงของกันชาวเน็ต ซึ่งหลายคนยกว่าให้เธอเป็น ‘อาชญากร’ ที่สวยที่สุดในประเทศเลยทีเดียว     ในเรื่องนี้อดีตเพื่อนร่วมชั้นของเธอเล่าว่า Qingchen เป็นคนที่สวยที่สุดในชั้นเรียนในตอนนั้นเลยก็ว่าได้ แถมยังเป็นที่หมายมองของบรรดาหนุ่มๆ อย่างไม่ขาดสาย     “การที่มีความสวยเกินไปไม่ใช่ปัญหา แต่ว่าการใช้มันเพื่อการกระทำผิดกฎหมายต่างหากที่เป็นปัญหา” เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าว     และนี่คือคอมเมนต์ของชาวเน็ตที่ต่างพากันแซ่ซ้องเธอ และดูเหมือนว่าพวกเขากลายเป็นแฟนคลับระดับย่อมๆ ของเธอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…

เมื่อเทศกาลแห่งความสุขอย่าง ‘คริสต์มาส’ มาถึง แน่นอนว่าสิ่งที่เราจะได้เห็นในเทศกาลนี้ก็คือการตกแต่งประดับประดาสถานที่ต่างๆ อย่างต้นคริสต์มาส กล่องของขวัญ และของกระจุกกระจิกอีกมากมาย แต่คงไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนใจร้ายมาทำลายข้าวของแห่งความสุขพวกนี้ลง หนำซ้ำยังไม่พอยังทำท่าอนาจารเหมือนกับกำลังมีเซ็กส์กับต้นคริสมาสต์อีกด้วย…   หน้าตาของหน้าบ้านที่ถูกทำลาย   เหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของนาย Denver Peel ชาวแลงคาสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อทางครอบครัวนี้ได้เปลี่ยนสนามหน้าบ้านให้กลายเป็นลานคริสต์มาสดูสวยงามตระการตา สร้างสีสันให้กับผู้เดินทางผ่านไปมา แต่แล้วในเช้าวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พวกเขาก็ต้องตะลึงเพราะตอนที่ออกมาหน้าบ้านตอนเช้า ทุกๆ อย่างที่เตรียมเอาไว้มันกลับถูกพังพินาศไปหมด   ผู้ก่อเหตุ   ทางครอบครัวจึงไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดดูแล้วก็พบว่าเป็นฝีมือของชายคนหนึ่งที่ใช้มีดมาตัดสายไฟ ทำลายกล่องของขวัญ พร้อมกับทำท่าอนาจารใส่ต้นคริสต์มาส (เป่าลม) ต้นหนึ่งของพวกเขา ในที่สุดทางครอบครัวจึงส่งเทปนี้ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้มันมีมูลค่าราวๆ 2,000 ปอนด์ (ราวๆ 84,000 บาท) จากทั้งหมดที่พวกเขาลงทุนไปถึง 3,000 ปอนด์ (ราวๆ 126,000 บาท) เลยด้วย   คลิปวิดีโอของเขาระหว่างทำท่าทางมีเซ็กส์    “Kirsty (ภรรยาของ Denver) ออกไปที่หน้าบ้านตอน 7…

อีกหนึ่งสาขาอาชีพที่สาวๆ หลายคนชื่นชอบก็คือหนุ่มใน ‘เครื่องแบบ’ ทั้งหลาย ที่ทั้งเท่และดูดีในชุดเครื่องแบบ แต่คงไม่มีใครคิดว่าจะมีคนแกล้งปลอมตัวเพื่อการนี้โดยเฉพาะหรอกใช่ไหมล่ะ     Ari Septian Pratama หนุ่มชาวอินโดนีเซียวัย 21 ปีจากจังหวัดสุมาตราใต้ ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมหลังจากที่เขาปลอมตัวเป็นนายตำรวจ ด้วยการใส่ชุดติดตราและถือปืนปลอม เขายอมสารภาพว่าปลอมตัวเป็นตำรวจมาได้กว่าหนึ่งเดือนแล้ว ด้วยการใช้นามแฝงว่าด็อกเตอร์ ‘Julian Saputra’ และเขายังประกาศว่าเขาเป็นลูกชายของนายตำรวจชั้นสูงของเมือง     ชุดที่เขาใช้มาจากการสั่งตัดโดยเฉพาะ รวมทั้งยังมีหลักฐานอื่นๆ อย่างตราตำรวจปลอม ปืนปลอม เป็นหลักฐานการจับกุมในครั้งนี้ จากคำให้การของ Ari เขายอมรับว่าทั้งหมดทำไปก็เพื่อจะใช้จีบสาว และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ามันได้ผลจริงๆ เพราะมีสาวๆ ตกเป็นเหยื่อตำรวจปลอมๆ ของเขามาแล้วกว่า 10 คน โดยเหยื่อของเขามีทั้งพยาบาล หมอ หรือแม้กระทั่งตำรวจหญิง     แต่นอกจากการทำตัวเป็นตำรวจแล้ว นาย Ari ยังทำให้ตัวเองดูภูมิฐานขึ้นด้วยการเช่ารถหรูราคาแพง และที่เด็ดสุดๆ ของเขาก็คือคารมคมคายที่มักหลอกเหยื่อว่าจะแต่งงานกับพวกเธอ ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วก็เพื่อหลอกหลับนอนด้วยเท่านั้น “ผมสัญญากับผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อหลายคนว่าจะแต่งงานกับพวกเธอ แต่เอาจริงๆ นะผมไม่ทำหรอก ผมแค่หลอกหลับนอนด้วยเท่านั้นแหละ” Ari สารภาพ    …

สำหรับวายร้ายที่ชอบขโมยของคนอื่นงัดแงะเข้าบ้านนู้นออกบ้านนี้ สิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเขารอดพ้นการจับกุมได้ก็คือ ‘ความเนียน’ รีบเข้ารีบออกเพื่อเป็นการหนีจากจุดเกิดเหตุให้เร็วที่สุด แต่ว่ามีหัวขโมยอยู่คนหนึ่งที่ไม่ทำอย่างนั้นแม้แต่นิดเดียว หนำซ้ำยังโดนจับกุมได้อย่างง่ายดาย เพราะใครจะไปคิดว่าหลังจากที่เข้าไปขโมยของแล้ว เขาจะหลับอยู่ในห้องซะอย่างงั้น     เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หนุ่มนักย่องเบาวัย 36 ปีที่ไม่ระบุชื่อ ได้แอบย่องเข้าไปที่ออฟฟิศส่วนตัวแห่งหนึ่งในเมืองโอเรนบุร์ก ประเทศรัสเซีย เขาสามารถเข้าไปที่นั่นได้โดยการลอดตัวผ่านหน้าต่างบานเล็กๆ ในชั้นที่สามของตึก จากนั้นก็ใช้อุปกรณ์ที่เตรียมมาอย่างไขควง คีมตัดเหล็ก ฆ้อน และแชลงงัดแงะประตู จนเข้ามาข้างในตัวออฟฟิศได้สำเร็จ แน่นอนว่าวินาทีนี้เป็นวินาทีทองของเขาในการหาทรัพย์สินที่มีค่า ซึ่งสิ่งที่เขาได้ไปก็คือเงินสดจำนวน 140,000 รูเบิล (ราวๆ 68,000 บาท)     ถึงตรงนี้หลายคนอาจจะคิดว่าเขาเมื่อได้เงินไปสดๆ อย่างนี้แล้ว เขาคงจะรีบหนีออกไปแน่ๆ เพราะถ้าถูกจับได้คงต้องนอนตะรางยาวๆ แต่ผิดคาดเขาเลือกที่จะเอนหลังพิงกายที่เบาะหนังอย่างสบายใจ… แล้วในที่สุดเขาก็หลับปุ๋ยอยู่ตรงนั้น ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาพบเจอเขาในเวลาต่อมา!! ตามการรายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่า จริงๆ แล้วหัวขโมยคนนี้ถูกพบเห็นเป็นครั้งแรกว่าหลับอยู่ในออฟฟิศโดยการดูกล้องวงจรปิดของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย     แต่ว่าทางเจ้าหน้าที่เลือกที่จะไม่เผชิญหน้ากับหัวขโมยคนนี้โดยตรง และเลือกที่จะแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางตำรวจก็ส่งเจ้าหน้าที่มาอย่างเร็วไว และภาพที่ รปภ. และ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เห็นก็คือหัวขโมยยังคงหลับอยู่อย่างสบายใจตรงนั้น โดยที่ข้างๆ ยังคงมีเงินก้อนโตวางเอาไว้อยู่…

ในวัน ‘งานแต่งงาน’ ของใครหลายๆ คน ก็คงอยากจะจ้างช่างภาพดีๆ มาถ่ายเก็บภาพบรรยากาศความทรงจำอันแสนงดงามเก็บเอาไว้ แต่ใครเล่าจะคิดว่า ‘ช่างภาพ’ จะก่อความวุ่นวายในงาน แบบขนาดที่ว่า ‘มีเซ็กส์กับแขก’ แถมเมาเละเทะได้ขนาดนี้!! จากรายงานของเว็บไซต์ WFAA 8 ระบุเอาไว้ว่าช่างภาพสาววัย 26 ปี ชื่อว่า Katherine Leigh Mehta ได้รับงานถ่ายภาพในงานแต่งงานที่จัดขึ้นบนถนนใกล้ๆ กับเมืองเวเธอร์ฟอร์ด รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา     แต่พองานเริ่มขึ้นทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งทุกอย่างเริ่มจะควบคุมไม่ได้อีกต่อไป จากข้อมูลการให้ปากคำของบรรดาพยานที่เป็นแขกในงานเล่าว่า “Mehta นั้นมีเซ็กส์กับแขกผู้ชายในงาน มีการดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักในช่วงปาร์ตี้หลังงานแต่งงาน” “เราพยายามที่จะขอร้องให้เธอออกไปจากงานแต่โดยดี ซึ่งเธอก็ออกไปจากห้องจัดปาร์ตี้แต่โดยดี แต่ตอนที่เดินออกไปถึงทางออกเธอก็แวะปัสสาวะใส่ต้นไม้ และน้ำพุที่จัดเอาไว้”     ด้วยเหตุนี้เองทำให้เจ้าของงานตัดสินใจแจ้งตำรวจ และพอเจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุและจับกุมตัวช่างภาพสาวเอาไว้ได้ เธอก็ก่นด่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับขู่ฆ่า ทำให้ถูกจับเข้าคุกในที่สุด จากรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าเธอมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายที่สูงมากๆ แถมในเสื้อแจ็กเก็ตของเธอยังมียา Alprazolam (ยาเสียสาว) อยู่ด้วย     Metha นอกจากจะทำงานเป็นช่างภาพแล้ว เธอยังเป็นนางแบบให้กับนิตยสาร Maxim…

มักจะเป็นเรื่องเป็นราวเสมอ เมื่อมีประเด็นเรื่องเชื้อชาติและภาษา โดยเฉพาะฝั่งตะวันตกและตะวันออก ด้วยภาษาและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันคนละขั้ว แต่ก็ควรให้เกียรติซึ่งกันและกันเมื่ออยู่ต่างถิ่น โดยเมื่อไม่นานมานี้ คู่หูดูโอ้ดีเจชาวอิตาเลียน VINAI (วินัย) ได้ทำการโพสต์คลิปลงในสตอรี่อินสตาแกรม เผยให้เห็นพฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติ ด้วยการพูดภาษาจีนล้อเลียน ระหว่างการออกทัวร์ในทวีปเอเชีย     สองพี่น้องได้แวะพักอยู่ที่เมืองไทเป ระหว่างจะไปทัวร์ต่อที่เซี่ยงไฮ้ และในช่วงนี้เองพวกเขาก็ได้ทำการอัดคลิปลงสตอรี่ จนทำให้เกิดความไม่พอใจกับชาวเน็ตที่ได้เห็นพฤติกรรมของพวกเขา โดยในคลิปที่ไทเป Alessandro และ Andrea ทำการตะโกนโหวกเหวก ทำนองเป็นภาษาจีน เพื่อล้อเลียนชายคนหนึ่งที่กำลังพูดผ่านลำโพงอยู่      ส่วนในคลิปที่เซี่ยงไฮ้ พวกเขาทั้งสองก็ตะโกนเป็นคำว่า หนีห่าว และ คอนนิจิวะ อันเป็นภาษาญี่ปุ่น พูดใส่กับชาวเมืองที่เดินผ่านไปมา พร้อมกับหัวเราะปิดท้ายทั้งสองคลิป ด้วยความชอบใจและตลกขบขัน      ทว่าชาวเน็ตที่เห็นนั้นกลับไม่ตลกด้วย เนื่องจากพฤติกรรมแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ไม่ว่าจะชาติใดๆ ก็ตาม ซึ่งหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น ทางด้านสองพี่น้องวินัยก็ได้อัดคลิปขอโทษ และกล่าวว่าพวกเขาไม่ได้เหยียดเชื้อชาติแต่อย่างใด “ผู้คนต่างบอกว่าเราเป็นพวกเหยียดเชื้อชาติ แต่บอกไว้ก่อนว่าพวกเราไม่ได้เป็นแบบนั้น” ใจความที่วินัยเผย   https://www.instagram.com/p/BqcbX3Hh4QK/   “สวัสดีประเทศจีน…

ผมร่วงเป็นอาการที่ผู้ชายหลายคนต้องประสบพบเจอในยามที่แก่ตัวลง ซึ่งหลายๆ คนก็พยายามที่จะหาอาหารบำรุงผม หายาปลูกผมหรือแม้กระทั่งผ่าตัดปลูกผมเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว สำหรับคนที่มีอาการดังกล่าว เรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ถือว่าเป็นข่าวดีเลยล่ะ เมื่อบริษัทผู้ผลิตยากิโซบะกึ่งสำเร็จรูปชื่อดังแห่งญี่ปุ่นอย่าง Peyoung ร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตแชมพูชั้นนำ Scalp D ออกผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ นั่นคือยากิโซบะที่จะช่วยให้ทั้งอิ่มท้องและช่วยบำรุงเส้นผม!!     โดยเจ้ายากิโซบะสูตรใหม่ของ Peyoung นี้จะมีการสกัดสารมีประโยชน์จากสาหร่ายคมบุและสาหร่ายทะเลชนิดอื่นๆ ปลาแซลมอน รวมถึงใบต้นโลควอทอีกด้วย ซึ่งสารสกัดดังกล่าวมีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมโดยตรง ดังนั้นหากได้กินยากิโซบะสูตรใหม่นี้ ก็เหมือนกับได้กินอาหารบำรุงเส้นผมหลายๆ อย่างคราวเดียวเลยล่ะ     เจ้ายากิโซบะสูตรใหม่นี้จะเริ่มวางขายในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2018 เป็นต้นไป โดยสนนราคาอยู่ที่ 205 เยนหรือประมาณ 60 บาทนั่นเอง หากใครสงสัยว่ารสชาติจะเป็นอย่างไรก็คงต้องไปหาลองกันแล้วล่ะ   ข้อความสีแดงในภาพเขียนว่า “ถึงเวลาต้องลุกขึ้นแล้ว เหล่าผู้ชาย”   หลังจากที่มีการเปิดตัวยากิโซบะบำรุงผมนี้ ชาวเน็ตหลายคนก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างมากมาย “บางทีมันอาจจะได้ผลกว่านะถ้าคุณคว่ำกล่องยากิโซบะพวกนี้ไว้บนหัวคุณ” ชาวเน็ตคนหนึ่งได้กล่าวเอาไว้ ซึ่งก็มีอีกคนกล่าวว่า “แล้วเครื่องปรุงที่เขาแถมมาจะเป็นยังไงอ่ะ มาเป็นแชมพูเรอะ?” บ้างก็ว่า “งั้นผลิตภัณฑ์อันต่อไปคงเป็นยากิโซบะรสแชมพูสินะ?”   ที่มา Peyoung via Hamusoku, Soranews24

‘อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่’ วลีนี้สามารถใช้ได้ทุกเวลาจริงๆ เพราะไม่ว่าจะในช่วงใดๆ ในชีวิตของคนเรา มันก็มักจะเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่เว้นแม้แต่ในช่วงเวลาการเฉลิมฉลองวันเกิดเช่นกัน     เกิดเหตุระเบิดกลางห้องในหอพักนักศึกษาทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย หลังจากที่นักศึกษากว่า 20 ราย จากมหาวิทาลัย Baptist University ในฮ่องกง จัดปาร์ตี้วันเกิดพร้อมเค้กอวยพร ให้กับเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา     ภายในหอพักนักศึกษาชั้นที่ 12 ณ ห้องอเนกประสงค์ เวลาประมาณ 01.00 น. พวกเขาทำการจุดเทียนบนเค้กและร้องเพลงวันเกิดให้ แต่แล้วก็เกิดเป็นความโกลาหลหลังจากที่คนบางคน นำแป้งมาปาใส่ในงานปาร์ตี้วันเกิด โดยที่เทียนบนเค้กยังติดไฟอยู่ จนเกิดเป็นเหตุระเบิดขนาดย่อมทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 12 ราย     เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงรีบมายังจุดเกิดเหตุ และสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ในขณะเดียวกันก็นำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่งไปยังโรงพยาบาล Queen Elizabeth Hospital และ Kwong Wah Hospital เพื่อรับการรักษา     จากรายงานของสื่อนอกระบุว่า…

ช่วงฤดูฝนถือว่าเป็นฤดูที่สร้างปัญหาให้กับมนุษย์หลายๆ คนเป็นอย่างมาก เพราะหากฝนตก การเดินทางไปไหนมาไหนหรือจะทำกิจกรรมอะไรก็จะลำบากขึ้นทันที แถมถ้าจะให้พกร่มเอาไว้กันฝน ก็ไม่สะดวกเท่าไหร่นักหากเราต้องถือกระเป๋าหรือมีสัมภาระอื่นๆ ด้วย เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว วันนี้ประเทศที่มีนวัตกรรมล้ำๆ อย่างประเทศญี่ปุ่นจึงได้คิดค้นร่มแบบใหม่โดยไม่ต้องใช่มือถือ นั่นคือ “ร่มไร้ด้าม”!!     โดยเจ้า Teburagasa หรือเจ้าร่มไร้ด้ามนี้เป็นนวัตกรรมจาก Dospara ร้านค้าปลีกออนไลน์ชื่อดังของญี่ปุ่น ซึ่งร่มไร้ด้ามนี้จะมีการทำงานคล้ายๆ กับเสื้อกันฝนทั่วไป เพียงแต่ไม่ได้คลุมทั้งร่างกาย ร่มไร้ด้ามนี้จะคุมแค่หัวของคุณเท่าไหน แต่ไม่ต้องห่วงว่าฝนจะตกถูกเสื้อผ้าของคุณ เพราะเจ้าร่มไร้ด้ามนี้มีปีกที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 76.5 เซนติเมตรออกมาครอบไหล่ของคุณและคอยกันฝนให้ ในขณะเดียวกันคุณก็สามารถยืนเล่นโทรศัพท์ได้อย่างชิลๆ เพราะทาง Dospara ได้เว้นที่ให้คุณสามารถมองโทรศัพท์ผ่านวัสดุใสที่พวกเขาใช้อีกด้วย   .   ฟังดูแล้วเจ้าร่มไร้ด้ามชิ้นนี้เจ๋งไปเลยใช่มั้ยล่า!? แต่ประเด็นที่เราจะนำมาพูดถึงในวันนี้ก็คือเมื่อสินค้าชิ้นนี้ได้วางขายในเว็บไซต์ออนไลน์ ชาวเน็ตหลายคนก็ได้เข้ามาแสดงความเห็นอย่างมากมาย บ้างก็ว่า “นี่มันถุงยางไซส์ยักษ์ชัดๆ” หรือจะเป็น “มันดูเหมือนกับ… หัวนม?” บางคนก็บอกว่า “ใส่แล้วเหมือนกับกัปปะเลย!!” และก็มีหลายคนพูดถึงการใช้งานของมันว่า “หากลมหรือฝนแรงๆ มันก็น่าจะเปียกอยู่ดีนะ บางทีอาจจะถูกลมพัดจนพังเลยก็ได้” แต่กระนั้นแล้วก็มีหลายคนที่ชอบไอเดียและดีไซน์ของมันเข้ามาคอมเมนต์ว่า “น่ารัก! (*> ω <*) ฉันอยากได้มันมากๆ เลย…

เราคงเคยเห็นข่าวที่นักโทษในเรือนจำ แอบนำโทรศัพท์เข้าในเรือนจำเพื่อเอาไว้ติดต่อกับญาติ พรรคพวกหรือเพื่อสั่งซื้อสิ่งเสพติดอยู่บ่อยๆ และเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมก็เช่นกัน เมื่อนักโทษคนหนึ่งได้แอบนำโทรศัพท์เข้าไปเรือนจำ โดยสอดเอาไว้ในก้น ซึ่งถูกผู้คุมจับได้ แต่ประเด็นก็คือนักโทษคนนี้ยังปฏิเสธว่าไม่ใช่ของเขาซะอย่างนั้น!!     วันที่ 24 พฤศจิกายน 2018 สำนักข่าว Metro ได้รายงานว่านาย Dylan Martin แอบนำโทรศัพท์ยาวกว่า 10 เซนติเมตรซ่อนไว้ในก้น หวังจากนำมาไปใช้เรือนจำ HMP Bullingdon มณฑลออกซฟอร์ดเชอร์ ประเทศอังกฤษ แต่ไปไม่รอด ถูกผู้คุมเรือนจำตรวจค้นเจอ แต่กระนั้นแล้วนักโทษคนดังกล่าวยังให้การปฏิเสธเสียงแข็งว่าโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นไม่ใช่ของผมจริงจริ๊ง!!     เมื่อเขาให้การปฏิเสธเสียงแข็งขนาดนี้ จึงเป็นเรื่องให้ต้องขึ้นศาลคราวน์ Oxford และผลสุดท้ายก็คือเขาถูกเพิ่มโทษ เพิ่มเวลาจำคุกเป็น 3 ปี 6 เดือน จากเดิมที่จำคุกเพียง 3 ปี เพราะในมือถือก็มีเบอร์ของครอบครัวและเพื่อนของเขาเองนั่นแหละ ซึ่งแม้จะดูเพิ่มไม่เยอะสักเท่าไหร่ แต่ถือว่าเป็นโชคร้ายของนาย Dylan จริงๆ เมื่อทางทหารฝ่ายจำเลยบอกว่า Dylan เป็นนักโทษที่มีความประพฤติดีและทางเรือนจะให้เขาพ้นโทษในเดือนเมษายน 2019 ที่จะถึงนี้อยู่แล้วแท้ๆ   จากนักโทษความประพฤติดีที่กำลังจะได้ปล่อยตัวในไม่กี่เดือน…

โดยปกติแล้วเวลาที่เราไปซื้อของและจ่ายด้วยบัตรเครดิต ก็อาจเกิดบางกรณีที่ทำให้บัตรรูดไม่ผ่านอย่าง วงเงินไม่พอ หรือมีเครื่องปัญหาขัดข้องอะไรก็ตาม แต่ว่ามีชายคนหนึ่งโมโหที่เขารูดบัตรเครดิตไม่ผ่าน เลยไปทำร้ายเสมียนของร้านอย่างไม่มีเหตุผลที่แน่ชัดว่าทำร้ายเธอเพราะเหตุใด!!   คลิปวิดีโอเหตุการณ์นี้    ในตอนนี้นายตำรวจแห่งรัฐโอไฮโอกำลังระดมกำลังกันตามหาตัวชายคนหนึ่ง ที่ต่อยเข้าเต็มๆ หน้าเสมียนของร้านค้าแห่งหนึ่ง หลังจากที่เขาใช้บัตรเครดิตจ่ายเป็นค่าสินค้าแต่ว่ามันกลับรูดไม่ผ่าน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (20 พ.ย.) ณ ร้าน Tom ซึ่งเป็นร้านไดร์ฟทรู (ร้านซื้อของโดยไม่ต้องลงจากรถ) ในเมือง North College Hill รัฐโอไฮโอ ประเทสหรัฐอเมริกา และมีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด     จากวิดีโอจะเห็นได้ว่าเป็นภาพของชายคนหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนว่ากำลังมีอารมณ์ร้อน ขณะเดียวกันก็มีหญิงคนหนึ่งพยายามห้ามเขาจากการเข้าไปหาเรื่องผู้หญิงอีกคน ที่แหล่งข่าวกล่าวว่าเธอเป็นเสมียนของทางร้าน แต่ว่าดูเหมือนจะห้ามไม่อยู่ ชายคนดังกล่าวปล่อยหมัดเข้าไปเต็มๆ หน้าของเสมียนเต็มๆ จนเธอล้มทั้งยืน จนในที่สุดเธอลุกขึ้นมาได้และเดินหนีจากเหตุการณ์ตรงนั้นไป แล้วคลิปวิดีโอก็จบลง     นี่อาจเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นจากเรื่องเพียงเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีการทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้นมันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังตามตัวเขาไปรับโทษอยู่…   ที่มา: dailymail, wlwt

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้นที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งของประเทศจีน เมื่อมีเด็กชายคนหนึ่งที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น ‘มะเร็ง’ ถูกคุณครูแยกไปนั่งเดี่ยวเพราะคิดว่าเขาจะไปแพร่มะเร็งให้กับเด็กนักเรียนคนอื่นๆ!?     เรื่องนี้มีอยู่ว่า Xiaozhou นักเรียนชั้นประถมวัย 13 ปีได้รับการวินิจฉัยจากทางแพทย์ว่าป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Non-Hodgkin Lymphoma) เมื่อเร็วๆ มานี้เขาจึงได้รับการย้ายโรงเรียนมาที่โรงเรียนประถม Liancheng Primary School ในเมืองเฉวียนโจว มณฑลฝูเจี้ยน เพื่ออยู่ใกล้กับพ่อแม่มากยิ่งขึ้นระหว่างที่เข้ารับการเคมีบำบัด (คีโม) เพื่อรักษามะเร็ง     แต่แล้วระหว่างที่อยู่ ณ โรงเรียนแห่งนี้ เขาก็ไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีนัก และความจริงก็มาปรากฏเอาเมื่อทาง Zhou Xiongying คุณพ่อเกิดความสงสัยว่าทำไมลูกชายของเขาจึงไม่มีคะแนนสอบกลางภาค เด็กชาย Xiaozhou จึงเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟังว่าเวลาที่อยู่ในโรงเรียนเขาต้องถูกคุณครูสั่งนั่งแยกจากนักเรียนคนอื่นๆ ไปนั่งอยู่หลังห้องอย่างโดดเดี่ยว เพราะคิดว่าเขาจะไปแพร่เชื้อมะเร็งให้กับคนที่อยู่ใกล้ๆ รวมทั้งยังห้ามไม่ให้เขาเข้าสอบจนตอนนี้ขาดสอบไปถึง 3 ครั้งแล้ว     “พวกคุณลองจินตนาการดูว่าความคิดของลูกชายผมจะเป็นยังไง เขาถูกบังคับให้นั่งตรงนั้นเหมือนกับไอ้งั่งคนหนึ่ง มันเป็นเรื่องเศร้าขนาดไหนกันลองคิดดู” คุณพ่อ Zhou กล่าว ส่วนเหตุผลที่เด็กชายคนนี้ไม่ยอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ครอบครัวฟังตั้งแต่แรก ก็เพราะเขาไม่อยากจะให้ครอบครัวเป็นกังวลกับเรื่องนี้นั่นเอง     โดยนอกจากนี้แล้วคุณพ่อ Zhou ยังเล่าต่อด้วยว่าหลังจากที่ลูกชายของเขาย้ายไปที่โรงเรียนนี้แล้ว นักเรียนส่วนใหญ่ก็มักจะขาดเรียนอย่างไม่มีเหตุผล เหมือนกับรังเกียจลูกชายเขาที่เป็นมะเร็งด้วย ในที่สุดแล้วคุณพ่อ…

ความรักเป็นสิ่งที่วิเศษ มันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา และกับอะไรก็ได้…   นี่คือเรื่องราวของหญิงสาวที่ตกหลุมรัก ‘โคมไฟระย้า’ จนถึงขนาดที่สักรูปของมันลงบนแขน และขอหมั้นด้วยเลยทีเดียว!! Amanda Liberty สาววัย 34 ปี ได้เข้าพิธีหมั้นร่วมกับ Lumiere เป็นเชื่อของ ‘โคมไฟระย้า’ ที่มีอายุเกือบ 100 ปี     โดยปกติแล้วการหลงรักสิ่งไม่มีชีวิตต่างๆ เนี่ยเราเรียกกันว่า Objectum-Sexual ถือเป็นหนึ่งในอาการที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยา ที่ปัจเจก หรือบุคคลจะมีความรู้สึกรักใคร่กับวัตถุต่างๆ ที่ไม่มีชีวิต เช่น รถยนต์ สถานีรถไฟ โต๊ะ ประตู เป็นต้น Amanda เล่าถึงความรู้สึกของเธอที่มีต่อ Lumiere ว่า “ครั้งแรกที่ฉันได้เห็น Lumiere ฉันก็รู้ได้เลยว่า ‘เธอ’ คือคนที่ใช่สำหรับฉัน มันคือการตกหลุมรักตั้งแต่แรกเจอ ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ที่จะมีรอยสักของเธอบนร่างกายของฉัน ตอนแรกฉันกังวลมากๆ เพราะกลัวเข็ม แต่หลังจากเสร็จแล้วมันรู้สึกดีมากๆ เลยล่ะ”     “Lumiere เองก็ชอบสิ่งที่ฉันทำเช่นเดียวกัน…

CV (Curriculum Vitae) เป็นสิ่งที่ต้องใช้ในการสมัครงานเช่นเดียวกันกับ “เรซูเม่” เพียงแต่ว่ามันจะมีความละเอียดกว่ามาก ไม่ได้จบใน 1 หน้ากระดาษ บอกตั้งแต่ประวัติการศึกษา เรียนที่ไหน จบอะไร และอื่นๆ และเราอาจไม่เคยคิดกันเลยว่าการปลอมแปลงข้อมูลในเอกสารดังกล่าว อาจทำให้ต้องรับโทษจำคุกสูงถึง 10 ปี!! เหมือนอย่างพนักงานทำความสะอาดหญิงวัย 53 ปีคนนี้     สาววัยกลางคนดังกล่าว (ไม่ระบุชื่อ) ทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดให้กับโรงเรียนเด็กเล็กแห่งหนึ่งในประเทศกรีซ มานานกว่า 15 ปี แต่ล่าสุดเธอเพิ่งถูกจับได้ว่าทำการโกหก ปลอมแปลงข้อมูลใน CV ที่ใช้สมัครงานในตอนแรก โดยเธออ้างว่าตนเองจบระดับชั้นประถมศึกษา เรียนครบ 6 ปีตั้งแต่อายุ 6-12 ขวบ แต่แท้จริงแล้วเธอนั้นเรียนถึงแค่ป.5 เท่านั้น จากการรายงานบอกว่าเธอได้ปลอมแปลงใบจบการศึกษาของตัวเองขึ้นมา และสร้างข้อมูลหลอกๆ ขึ้น เพื่อต้องการสมัครเข้ามาเป็นพนักงานทำความสะอาด     สำนักข่าว Athens News Agency รายงานว่าในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2018 ศาลในเขตที่เธออาศัยอยู่ตัดสินให้ต้องโทษจำคุกถึง 10 ปี…

คำเตือน: บทความนี้อาจทำให้คุณระแวงการกินอาหารมากกว่าเดิม โปรดใช้วิจารณญาณ   นี่อาจเป็นข่าวที่ทำให้บางคนต้องกระอักกระอ่วนใจมากยิ่งขึ้นเวลาที่จะสั่งเบอร์เกอร์กิน เพราะว่ามีคลิปวิดีโอหนึ่งเผยให้เห็นว่ามีพนักงานของร้านเบอร์เกอร์แห่งหนึ่ง ใช้เตาที่ใช้ปิ้งเนื้อเอาไปปิ้งหนูซะอย่างนั้น!!   วิดีโอที่พนักงานปิ้ง ‘หนู’ บนเตาเบอร์เกอร์    โดยเรื่องชวนอ้วกที่ว่านี้เกิดขึ้นกับร้าน Teddy’s Bigger Burgers ร้านเบอร์เกอร์สัญชาติอเมริกัน สาขาถนน Mapunapuna เมืองโฮโนลูลู รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา   สาขาที่เกิดเรื่อง   ในวิดีโอสแนปแชทดังกล่าวจะเห็นว่า เป็นภาพของพนักงานสองคนขณะที่กำลังยืนปิ้งสัตว์ตัวเล็กคล้ายๆ กับ ‘หนู’ บนเตาย่างเบอร์เกอร์ของทางร้าน พร้อมกับใส่แคปชั่นประกอบวิดีโอเอาไว้ว่า “ฉันว่านี่คงเป็นเวลาที่ต้องออกจาก Teddy’s แล้วสินะ”      ในตอนนี้พนักงานทั้งสองคนที่ปรากฏตัวอยู่ในคลิป ได้ถูกไล่ออกจากร้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และทางร้านก็สั่งปิดเพื่อทำความสะอาดครั้งใหญ่ หลังจากที่มีวิดีโอคลิปนี้แพร่ออกไป “มีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งภาชนะที่ทางร้านใช้ด้วย ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปอย่างดีที่สุดและเพื่อสุขอนามัยอันยอดเยี่ยม” Richard Stula ประธานของ Teddy’s Bigger Burgers กล่าว     นอกจากเรื่องการปรับปรุงร้านแล้ว นาย Richard ยังกล่าวด้วยว่าตอนนี้ทางบริษัทกำลังปรึกษากับทีมทนายความอยู่ด้วยว่า จะดำเนินคดีทางกฎหมายกับอดีตสองพนักงานนี้ได้อย่างไรบ้าง…   ที่มา: dailymail, foxnews, tennessean

คุณคิดว่าสำหรับเด็กประถมคนหนึ่งแล้วจะมีความสูงได้มากที่สุดเท่าไหร่ บางคนอาจจะคิดว่าเต็มที่ก็น่าจะได้สัก 160 – 170 เซนติเมตรที่ก็ถือว่าสูงกว่าเด็กทั่วไปแล้ว แต่ว่ามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่จะทำให้คุณต้องอ้าปากค้างแน่ๆ เพราะด้วยวัยเพียงแค่ 11 ปี เธอกลับมีความสูงมากซะจนผู้ใหญ่หลายคนยังอายถึง 210 เซนติเมตร!!     Zhang Ziyu คือชื่อของเด็กหญิงคนดังกล่าว เธอได้กลายเป็นเด็กนักเรียนหญิงที่สูงที่สุดในโรงเรียนประถม Cultural East Road Primary School ในเมืองจี่นาน ประเทศจีน แบบทิ้งเพื่อนไม่เห็นฝุ่น ในตอนนี้เธอเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีอายุได้ 11 ปีและมีความสูง 6 ฟุต 7 นิ้ว (210 เซนติเมตร) ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเธออาจเป็นเด็กผู้หญิงวัย 11 ปีที่สูงที่สุดในโลกก็เป็นได้     ในเรื่องของสาเหตุความสูงเช่นนี้ น่าจะมีผลมาจากยีนซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะทั้งพ่อและแม่ของเธอเป็นนักบาสเกตบอลมืออาชีพ และมีความสูงมากกว่า 200 เซนติเมตรทั้งคู่ด้วย แต่ถึงอย่างไรแล้วการมีความสูงถึง 210 เซนติเมตรในวัยเพียงแค่ 11 ปีก็ไม่ใช่เรื่องปกติที่จะพบได้ทั่วๆ ไป ซึ่งเพื่อนร่วมชั้นของเธอคนหนึ่งจำได้ว่าตอนที่ Zhang เรียนอยู่ป.1…

‘การสักลาย’ เป็นเสมือนกับการแต่งแต้มศิลปะ เรื่องราวชีวิตลงไปในเนื้อหนังของเรา แน่นอนว่าเมื่อมีการสักลายลงไปแล้วใครๆ ก็รู้ดีว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไข หรือว่าลบมันออกไป แต่ว่าก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งตัดสินใจสักใบหน้าของ ‘คุณหมอ’ ที่ช่วยที่ชีวิตเขาไว้จากโรคร้ายเต็มกลางแผ่นหลัง รวมทั้งยังมีภาพของโรงพยาบาลอยู่ด้วย!!     เรื่องนี้มีอยู่ว่าเมื่อประมาณ 2-3 เดือนก่อนนาย Nano Salguero ชาวเมือง Alejo Ledesma รัฐกอร์โดบา ประเทศอาร์เจนติน่า ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทางในท้องถิ่นว่าเขาป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ในเวลาต่อมาเขาจึงได้รับการส่งตัวโดยด่วนไปยังโรงพยาบาล Hospital de Clinicas เพื่อเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน และที่นี่เองที่ทำให้เขาได้พบกับคุณหมอ Paul Lada แพทย์ที่ดูแลเรื่องการผ่าตัดของเขา คุณหมอ Paul Lada เป็นคุณหมอผู้เชี่ยวชาญทางด้านการผ่าตัดเนื้องอกที่มีประสบการณ์ถึง 42 ปีด้วยกัน ซึ่งจากความเชี่ยวชาญของเขานี้เอง ทำให้เคสการผ่าตัดนาย Nano ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี     ทว่าใครจะไปคิดว่าแม้เขาจะยังคงพักรักษาตัวจากการผ่าตัดอยู่ แต่เขาก็แสดงความกตัญญูต่อคุณหมอ Lada ด้วยการส่งภาพรอยสักรูปคุณหมอบนแผ่นหลังของเขาไปให้คุณหมอดู โดยนอกจากภาพหน้าของคุณหมอกำลังยิ้มแฉ่งแล้ว ก็ยังมีหมึกดำที่ถมเป็นภาพโรงพยาบาลที่คุณหมอทำงานอยู่ด้วย “เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้อย่างแท้จริง ตอนนั้นผมเจ็บภายในมาก และต้องเข้ารับการผ่าตัดทวารหนักสำหรับรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่” “ผมเดินเข้าไปที่โรงพยาบาลด้วยความรู้สึกแย่ที่สุดในชีวิต และเดินออกมาด้วยความรู้สึกที่ดีที่สุดในชีวิตเลย” Nano กล่าว   วิดีโอที่ทั้งคู่ให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้  เขาอธิบายเพิ่มเติมว่าจริงๆ…

ขึ้นชื่อว่า ‘ความเมา’ กับ ‘ความเพี้ยน’ นี่มันเป็นอะไรที่ตีคู่กันมาซะจริงๆ ซึ่งหลายๆ คนก็คงจะเข้าใจกันดีว่าอารมณ์แบบตื่นเช้ามาแล้วมันรู้สึกพัง-รู้สึกผิดมันเป็นอย่างไรที่จำไม่ได้ว่าเมื่อคืนทำอะไรบ้าๆ ลงไปบ้างรึเปล่านะ และอาจจะรวมถึงหนุ่มคนนี้ด้วย ที่เมื่อเมาได้ที่ก็อยากจะปล่อยของอวดชาวบ้านชาวเมือง… เขาเลยเข้าไปที่ร้านฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่งแล้วจัดการเปลื้องผ้าควัก ‘ไอ้จ้อน’ ออกมาควงสะบัดเล่นๆ เป็นท่าเฮลิคอปเตอร์โชว์คนที่กินอาหารอยู่ในร้านซะเลย!!     เรื่องราวของหนุ่มสุดพลิ้วที่ว่านี้เกิดขึ้นวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเวลาประมาณ ตี 5 ของวันนั้นหนุ่มนามว่า Ryan Dolan ที่กำลังเมาจัดได้เดินเข้าไปในร้านแมคโดนัลด์สาขาหนึ่งในกรุงเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ ในเวลานั้นไม่รู้ว่าหนุ่มวัย 29 ปีคนนี้คิดอะไรอยู่ แต่อาจจะด้วยดีกรีแอลกอฮอล์ที่กำลังเข้มข้นในกระแสเลือดตอนนั้น เลยไปแก้ผ้ากลางร้านแล้วจัดการเต้นดิ้นไปมาอย่างเมามันส์ทั้งๆ ที่กางเกงยังกองอยู่ที่ขา แต่แล้วดูเหมือนเขายังไม่พอใจกับที่เป็นอยู่เลยจัดการดึงกางเกงขึ้น วิ่งกระโดดข้ามเคาน์เตอร์สั่งอาหารไปยังฝั่งพนักงานแล้วจัดการแก้ผ้าอีกรอบ     และคราวนี้นี่เองที่เขาได้จัดการโชว์ท่า ‘เฮลิคอปเตอร์’ หมุนควงไอ้จ้อนไปมาติ้วๆๆๆ ให้แก่ลูกค้าในร้านและพนักงานได้ดู ก่อนที่จะสาสมแก่ใจรีบดึงกางเกงขึ้นแล้ววิ่งหนีออกจากร้านไปเลย ในเวลาต่อมาพนักงานร้านได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจเกี่ยวกับสิ่งที่นาย Dolan มาแสดงให้ดู ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานนักเจ้าหน้าที่ก็จับกุมเขาได้จากการดูรูปลักษณ์สัณฐานในกล้องวงจรปิด เขาให้รับการสารภาพกับสิ่งที่ทำลงไป โดยบอกว่าเขาจำสิ่งที่ทำลงไปได้อยู่นิดหน่อยและในที่สุดเขาก็โดนปรับไปทั้งสิ้น 500 ปอนด์ (ราวๆ 21,000 บาท) สำหรับการโชว์เฮลิคอปเตอร์ครั้งนี้และน่าจะเป็นบทเรียนไปอีกนานทีเดียว   ปล. ไม่มีคลิปให้ดูนะจ๊ะ…

ร้านอาหารกับเรื่องของ ‘ความสะอาด’ มักจะต้องเป็นของที่คู่กันเสมอ เพราะมันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ถ้าหากลูกค้าจะเข้ามาในร้านแล้วพบว่ามีสิ่งสกปรกบางอย่างอยู่ภายในร้าน จนทำให้ไม่กล้าสั่งอาหารกิน แต่ว่าคงไม่มีใครคงต้องเผชิญกับเรื่องสยองขวัญเหมือนกับชายคนนี้อีกแล้ว เมื่อเขาเข้าไปใช้บริการร้านฟาสต์ฟู้ดแล้วเจอเข้ากับ ‘ถุงยางใช้แล้ว’ นอนนิ่งอยู่ใต้โต๊ะอาหาร!!   เจ้าถุงยางที่ว่านี้   โดยเรื่องมีอยู่ว่านาย Stephen Lee Gale จากนอตทิงแฮมเชอร์ ได้เข้าไปรับประทานอาหารในร้าน KFC สาขาหนึ่งในเมือง Maidstone ประเทศอังกฤษ เขาเล่าว่าในตอนแรกที่เข้าไปก็พบว่าร้านแห่งนี้ดูสกปรกยังไงอยู่ชอบกล แต่เขาก็ไม่ได้เอะใจอะไรจนกระทั่งได้พบกับสิ่งหนึ่งที่แทบทำให้เขาช็อกตาตั้ง   ชัดๆ กันไปเลย   เพราะสิ่งที่เขาพบก็คือถุงยางอนามัยชิ้นหนึ่งที่ผ่านการใช้งานแล้ว ถูกวางทิ้งเอาไว้อยู่ใต้โต๊ะริมหน้าต่างแห่งหนึ่งภายในร้าน เขาได้ถ่ายภาพเจ้าสิ่งแปลกปลอมนี้เอาไว้ และไปโพสต์ในทวิตเตอร์ของเขา รวมทั้งแท็กถาม KFC ด้วยว่านี่มันอะไรกันนี่ “มีใครสักคนที่ผมจะติดต่อเกี่ยวกับสิ่งที่ผมเจอครั้งล่าสุดตอนที่ไปสาขา Maidstone ได้ไหม?? ที่นั่นสกปรกมากๆ แถมยังมีถุงยางอยู่บนพื้นอีก”    @KFC_UKI do you have anyone i can contact about my recent visit to maidstone? @Kent_Online…

ในช่วงบั้นปลายของชีวิต หลายคนอาจจะวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะทำอะไรไว้บ้าง โดยการใช้เงินที่เก็บมาทั้งหมดสร้างความสุขให้กับตัวเอง เช่นเดียวกันกับคุณป้าวัย 60 ปี ท่านนี้ ที่ตัดสินใจใช้เงินเก็บทั้งหมด จากการทำงานมาตลอดชีวิตกว่า 90,000 ปอนด์ (3.8 ล้านบาท) ย้ายไปอยู่ที่ศรีลังกา ใช้ชีวิตร่วมกับแฟนหนุ่มวัย 26 ปี คุณป้า Diane De Zoysa จากประเทศสก็อตแลนด์ เธอเล่าว่าพบกับแฟนหนุ่ม Priyanjana De Zoysa ในปี 2016 หลังจากคบกันมาได้ 7 เดือน Diane ก็ตัดสินใจแต่งงานกับเขา     เธอตัดสินใจขายบ้านที่อยู่ในเมือง East Lothian และย้ายไปอยู่ศรีลังกา ซื้อบ้านใหม่ รถใหม่อยู่ที่นั่นกันสองคน แต่อยู่ไปได้ไม่นานชีวิตมันก็ไม่ราบรื่นอย่างที่เธอตั้งใจเอาไว้ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปีที่ผ่านมาแก๊งอันธพาลรู้ว่า นาย Priyanjana มีเงินเป็นจำนวนมาก เลยทำให้เขาถูกปล้นและใช้อาวุธปืนทำร้ายจนเสียชีวิต Dianne ถูกขังไว้ในบ้านที่ซื้อมาเพียงลำพัง แถมยังต้องเสียสามีไปอีกด้วย มิหนำซ้ำ เธอมารู้ความจริงอีกว่าสามีของเธอแต่งงานกับผู้หญิงอื่นอยู่ก่อนแล้ว!?    …

อย่างที่รู้กันดีว่า The Rock กับ Kevin Hart นั้นเป็นคู่ซี้ที่ดูเคมีเข้ากันได้ดีมากๆ แต่เนื่องจากไซส์ของสองคู่ซี้มีความแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ทำให้หลายๆ คนแซวกันไปต่างๆ นานาว่าพวกเอ็งเป็นพ่อลูกกันรึเปล่าเนี่ย!? ไม่ใช่แค่แฟนๆ ที่คิดแบบนี้ ตัวของ The Rock และ Kevin เองก็เคยถ่ายภาพแล้วอัปโหลดลงอินสตาแกรม แซวกันไปมาด้วยมุกพ่อลูกกันอยู่ตลอด     ทำเอาชาวเน็ตขำกันยกใหญ่ รวมไปถึงตัดต่อภาพหน้าของ Kevin ไปใส่หน้าของลูกสาวของตัวเองโพสต์ลงอินสตาแกรมด้วย     แต่ล่าสุดจากมุกตลกนี้ ก็ถูกนำไปทำเป็นโฆษณาเพื่อขายผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กจริงๆ!! ล่าสุด The Rock ได้ทำการแชร์รูปภาพลงบนอินสตาแกรมส่วนตัวพร้อมกับแคปชันว่า “เอาล่ะ ผมและลูกชายสุดน่ารัก Kevin Hart ในที่สุดก็ทำได้ เรากำลังจะประสบความสำเร็จกันแล้วลูกเอ๊ย” “ภาพโฆษณานี้จะโผล่ไปในโซนผลิตภัณฑ์เด็กของร้านยา และห้างต่างๆ ทั่วประเทศ ผมรู้สึกภูมิใจในตัวเจ้าลูกชายช็อกโกแลตบิสกิตคนนี้มากๆ เลย และผมว่าเขาเองก็คงจะภูมิใจกับพ่อตัวใหญ่ แข็งแรง เซ็กซี่ และฉลาดสุดๆ คนนี้อย่างแน่นอน” “แต่ก็นะ มันรู้สึกแปลกจริงๆ ว่ะ”   ‘ผลิตภัณฑ์สำหรับลูกน้อยของคุณ’…

หากคิดจะทำการใหญ่อย่างการ ‘ปล้นร้านเพชร’ ก็จะต้องเผชิญกับระบบรักษาความปลอดภัยที่มีมาตรฐานสูงเป็นธรรมดา ทั้งสัญญาณเตือนภัย กระจก ประตู หน้าต่าง ของร้านจะต้องถูกสั่งทำมาแบบพิเศษ เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อเข้ามาในร้านได้ก็ต้องเจอกับพนักงานในร้านอีก ถึงผ่านไปได้ก็ต้องเจอกับตู้เก็บเพชรอีก มันช่างยากลำบากเสียเหลือเกิน เช่นเดียวกันกับกลุ่มโจรเหล่านี้ที่อุตส่าห์ฝ่าด่านรักษาความปลอดภัยแรกอย่าง ‘กระจก’ เข้าไปได้แล้ว แต่ก็ต้องเจอด่านมหาโหด คือเหล่าพนักงานถือ ‘ดาบยาวเท่าแขน’ มายืนเรียงรอกันตรงทางที่เจาะเข้ามาได้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ร้านขายอัญมณี Ashok Jewellers ในเมือง Mississauga รัฐออนแทรีโอ ในประเทศแคนาดา เมื่อวันพุธที่ผ่านมา     ในช่วงเวลากลางวันแสกๆ จู่ๆ ก็มีหัวขโมยใช้อุปกรณ์ที่มีรูปร่างคล้ายกับ ‘ค้อน’ ทุบที่กระจกของร้าน และพยายามเข้ามาในร้าน แต่ขณะที่หัวขโมยกำลังจะปีนเข้ามานั้นก็พบว่ามีพนักงาน ยืนรอกันหน้าสลอน พร้อมกับถือดาบใหญ่ยาวเท่าแขนรออยู่แล้ว ด้วยความตกใจกลัวทำให้หัวขโมยถึงกับรีบกระโดดออกจากหน้าต่างอย่างเร็วไว     แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ หัวขโมยพยายามที่จะเข้ามาในร้านอีกครั้งหนึ่ง แต่พนักงานทั้ง 3 คนยังคงยืนถือดาบพร้อมกับชูขึ้นทำท่าพร้อมจะฟันฉับลงไปตลอดเวลา สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้และหนีไป เหตุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกไว้โดยกล้องวงจรปิดของร้าน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามล่าตัวคนร้ายอยู่     ทางด้านนาย Arjun Kumar เจ้าของร้านขายอัญมณีกล่าวว่า…

เกิดอุบัติเหตใหญ่ขึ้นกลางงานเทศกาล Tazaungdaing ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเทศกาลโคมลอยที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปัในเมืองตองยี รัฐชาน ประเทศเมียนมาร์ และในบปีนี้ก็มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 1,000 ราย ในงานก็จะมีการจัดประกวดโคมลอยสวยงามหลากหลายรูปแบบ รวมไปถึงโคมลอยยักษ์ด้วย ซึ่งเจ้าโคมลอยยักษ์เหล่านี้ก็จะถูกนำเอาพลุหรือประทัดจำนวนมหาศาลมาติดที่โคม พอปล่อยขึ้นไปถึงระดับหนึ่งพลุก็จะแตกออกดูสวยงามตระการตา     และจุดที่น่าสนใจของงานนี้ก็คือการปล่อยโคมยักษ์ลูกหนึ่ง ที่มีลวดลายสวยงาม ผู้เข้าร่วมงานทุกคนต่างก็เฝ้ารอชมความงดงามของมันขณะลอยขึ้นไปบนฟ้าอย่างใจจดใจจ่อ แต่แล้วจู่ๆ ก็เกิดปัญหาขึ้น เมื่อเจ้าโคมยักษ์อันนี้ลอยละลิ่วขึ้นไปได้ไม่เท่าไหร่ ตัวโคมก็เกิดไหม้ ทำให้ส่วนที่เป็นพลุจำนวนมหาศาลตกลงมา     ท่ามกลางผู้ร่วมงานนับพัน ทุกคนต่างก็แตกตื่นวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น จากนั้นไม่นานพลุจำนวนมากที่ตกลงมาก็เกิดระเบิดขึ้น พร้อมกับเพลิงที่ลุกไหม้อย่างรุนแรง     หลังจากเหตุระเบิดไม่นานหน่วยกู้ภัยก็มาถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว เบื้องต้นยังไม่มีรายงานถึงจำนวนผู้บาดเจ็บที่แน่นอน แต่คาดว่าน่าจะหลายสิบคน   ลองไปชมคลิปเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   ที่มา : khaosod, sanook

กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในโลกโซเชียลของต่างประเทศอยู่ ณ ขณะนี้เลย กับกรณีของสายการบิน FlyScoot เสิร์ฟน้ำแข็งให้กับผู้โดยสารแล้วบอกว่า “รอสักพักหนึ่ง เดี๋ยวมันก็กลายเป็นน้ำดื่มแล้ว” หลังจากที่ผู้โดยสารขอน้ำดื่มไป 1 แก้ว เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Gene Goh เข้าไปโพสต์ที่หน้าเพจอย่างเป็นทางการของสายการบิน FlyScoot เพื่อร้องเรียน     โพสต์ที่เป็นประเด็น   ในโพสต์เล่าว่า “เช้าวันนี้ไฟลต์บินจากสิงคโปร์ ไปยังโอซากาดีเลย์ครับ ผมเข้าไปนั่งบนเครื่องบินแล้วก็ขอน้ำดื่ม 1 แก้วจากพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน แต่เจ้าหน้าที่ของคุณบอกกับผมว่า น้ำดื่มมีไว้ขายเท่านั้น” “จากนั้นพวกเขาก็เอาน้ำแข็งใส่แก้วมาให้ผมแล้วก็บอกว่า ‘รอสักครู่นะ ให้น้ำแข็งมันละลายก่อน เดี๋ยวก็กลายเป็นน้ำดื่มเองแหละ’ คือผมแค่อยากจะได้น้ำดื่มแค่นั้นเองครับไม่ได้แคร์หรอกว่ามันจะมาจากก๊อกน้ำหรือไม่” “ผมแค่ต้องการที่จะให้คุณใส่ใจผู้โดยสารสักหน่อย ไม่ใช่การกระทำที่ไร้เหตุผลแบบนี้”   แก้วน้ำแข็งดังกล่าว   โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจและถูกแชร์ไปอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียล แต่กลับกลายเป็นว่าพ่อหนุ่มคนนี้โดนด่ารัวๆ!!   “ทำไมไม่จ่ายเงินซื้อน้ำไปล่ะพี่!?”   “นี่ดีแล้วนะเนี่ย อย่างน้อยเขาก็เอาแก้วมาให้คุณน่ะ”   “พ่อหนุ่ม!! แค่ซื้อน้ำไม่กี่บาทเอง นายอย่าบอกนะว่าไม่มี อย่ามาทำให้ตัวเองดูมีราคาถูกไปหน่อยเลย พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินน่ะทำได้ยอดเยี่ยมแล้ว…

ความเชื่อเรื่องภูตผีวิญญาณเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่แตกต่างกันออกไป แต่คงไม่มีใครเชื่อว่าเพื่อเป็นการป้องกันวิญญาณร้าย จะทำให้ต้องประกาศ ‘เคอร์ฟิว’ ภายในเมืองเหมือนกับเหตุการณ์นี้!!     เมื่อไม่นานมานี้นายกเทศมนตรีของเมือง Parajito ทางตอนเหนือของประเทศโคลอมเบีย ได้สั่งประกาศเคอร์ฟิวพื้นที่ห้ามไม่ให้มีการเดินทางสัญจรและการชุมนุมของผู้ที่อายุต่ำกว่า 17 ปีตั้งแต่เวลา 19.00 น. – 05.00 น. เพื่อเป็นการปกป้องพวกเขาจากวิญญาณร้ายที่ตอนนี้กำลังออกรังควานชาวบ้านผ่านแอปฯ แชตชื่อดังอย่าง WhatsApp!!     โดยตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของเมืองนี้ได้รับรายงานว่ามีวัยรุ่นกว่า 14 รายแสดงพฤติกรรมแปลกๆ ออกมา ทั้งการกระโดดจากสะพาน ใช้มีดทำร้ายตัวเอง มีอาการชักกระตุก และมีเสียงที่เปลี่ยนไปอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ ซึ่งพวกเขาทั้งหมดรายงานว่าได้ใช้แอปพลิเคชัน WhatsApp แล้วจากนั้นก็เริ่มมีอาการแปลกๆ ตามที่กล่าวมา และข่าวลือนี้ก็สร้างความหวาดกลัว โดยเชื่อกันว่ามีวิญญาณร้ายอยู่ในแอปฯ นี้… ด้วยเหตุนี้ Inocencio Perez นายกเทศมนตรีของเมืองจึงได้ประกาศสั่งเคอร์ฟิวออกมา และให้เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปีอยู่แต่ในบ้านภายในเวลาที่กำหนด รวมทั้งให้ผู้ปกครองจับตาดูพวกเขาให้ดียิ่งขึ้นด้วย     “ผมตัดสินใจประกาศเคอร์ฟิวโดยอิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เด็กๆ หลายคนบอกว่าพวกเขากำลังจะฆ่าตัวตายเพราะเวลาของพวกเขามาถึงแล้ว พวกเขาทั้งโดดลงจากสะพาน และเริ่มพูดจาแปลกๆ” Perez กล่าว โดยการตัดสินใจประกาศเคอร์ฟิวของนายกเทศมนตรีครั้งนี้ ได้ผ่านการปรึกษาหารือกับหลายฝ่ายทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น ผู้ช่วยด้านกฎหมายและนักจิตวิทยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และนี่คือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ตอนนี้ และถึงแม้ว่าเด็กๆ หลายคนจะไม่ชอบเขาจากการประกาศดังกล่าว…

เราอาจเคยเห็นงานนิทรรศการที่เปิดโอกาสให้เราสามารถเข้าไป “ชิมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” ยี่ห้อแปลกๆ ที่เราอาจไม่เคยมีโอกาสได้ดื่มกันมาก่อน และมันก็คงเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของชายคนนี้เอามากๆ เรากำลังพูดถึงชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งวัยประมาณ 50 ปี ผู้ที่ไม่สามารถเดินด้วยขาทั้ง 2 ข้างของตัวเองได้ เขาจึงจำเป็นที่จะต้องใช้ “รถเข็นคนพิการ” (วีลแชร์) แบบมาตรฐานทั่วๆ ไปในการเดินทางไปไหนมาไหน   รถเข็นมาตรฐานทั่วไป ไม่มีการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า   เขานั้นได้มีโอกาสได้ไปร่วมงาน “นิทรรศการฝรั่งเศส” ซึ่งจัดขึ้นในห้างสรรพสินค้า Seibu ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2018 ที่ผ่านมา และสิ่งที่เขาสนใจมากๆ อย่างหนึ่งภายในงานก็คือ “การชิมไวน์” เขาจ่ายเงินไปทั้งสิ้น 2,000 เยน (ราวๆ 584 บาท) เพื่อแลกกับการชิมไวน์ 2 แก้วภายในงาน แต่เมื่อเขากำลังจะจิบแก้วที่ 2 นั้น จู่ๆ พนักงานคนหนึ่งก็ยื่นกระดาษมาให้กับเขา     พนักงานบอกว่ากระดาษแผ่นนี้มีให้สำหรับ “ผู้ที่นั่งรถเข็น หรือรถเข็นไฟฟ้า” โดยในกระดาษนั้นบอกให้เขาหยุดดื่มในทันที เพราะนั่งอยู่บน “รถเข็น”…

เรื่องราวอันน่าสลดนี้เกิดขึ้นในเมือง Mulhouse ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเด็กชายวัย 9 ขวบคนหนึ่งถูกพบเป็นศพ หลังจากที่เขาถูกทุบตีอย่างหนักเพราะ “ไม่ยอมทำการบ้าน” จากการรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2018 กล่าวว่า เด็กชายคนดังกล่าวถูกตีด้วย “วัตถุไม่มีคม” อย่างพวกด้ามไม้กวาด สังเกตได้จากร่องรอยบาดแผลบนร่างกาย   การจากไปของเด็กชายในเมือง Mulhouse   เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าพวกเขาได้รับแจ้งจากพี่สาวและพี่ชายวัย 20 และ 19 ปี หลังพวกเธอพบร่างเด็กชายภายในบ้าน และไม่สามารถช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมตัวพี่ๆ ทั้ง 2 คนเอาไว้ รวมถึงภรรยาของพี่ชายที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ ซึ่งในช่วงเวลานั้นทั้ง 3 คนคือผู้ต้องสงสัยที่อาศัยอยู่ในบ้านด้วยกันกับผู้เสียชีวิต     นอกจากนั้น ตำรวจก็ได้จับกุมตัวแม่ของเด็กเพิ่มเติม ซึ่งถึงแม้ว่าในการรายงานจะบอกว่าเธอกำลังเดินทางไปเที่ยวที่กรุงปารีสในขณะนั้น แต่ก็ถือว่าเธอตกเป็นผู้ต้องสงสัยด้วยเช่นเดียวกัน     ปัจจุบันยังคงอยู่ในช่วงตรวจสอบร่างของผู้ตายเพิ่มเติม รวมถึงการสืบสวนเพื่อหาว่ามีสาเหตุอื่นๆ นอกเหนือจากการที่ “เด็กไม่ยอมทำการบ้าน” หรือไม่   ที่มา: mirror , standard

ปัจจุบันโลกของเราพัฒนาไปไกลแล้ว ทั้งทางด้านเทคโนโลยี และความเปิดกว้างของสังคมต่อประเด็นความละเอียดอ่อนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ สีผิว หรือแม้กระทั่งเพศ แต่ก็ยังคงมีบางส่วนที่ยังคงยึดติดกับความคิดแบบเดิมอยู่ โดยเฉพาะเรื่องเพศ ที่มองว่ามีแค่ ‘ชายกับหญิง’ เท่านั้น แม้ว่าในปัจจุบันเรื่องของนั้นมีความหลากหลายและได้รับการยอมรับกันเกือบทั่วโลก     นี่คือเรื่องราวของหญิงสาวที่ ‘ชอบเพศเดียวกัน’ แต่พอถูกพ่อแม่จับได้ ก็ถูกไล่ออกจากบ้าน พร้อมกับตัดลูกตัดพ่อแม่กันเสียอย่างนั้น!? Emily Sheck นักศึกษาสาววัย 19 ปี และยังเป็นนักกีฬาจากมหาวิทยาลัย Canisius College ในเขตบัฟฟาโล ของเมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอได้รับข้อความจากแม่ของเธอบอกว่าแต่นี้ไปเธอถูกตัดออกจากชีวิตของพวกเขา และไม่ต้องมาเป็นแม่ลูกกันอีก หากเธอไม่เข้ารับการบำบัด เพื่อที่จะรักษาอาการ ‘ชอบเพศเดียวกัน’ ของเธอ     Emily ช็อกมากและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่เธอปฏิเสธในสิ่งที่ตัวเองเป็นไม่ได้ จึงตัดสินใจที่จะไม่เข้ารับการบำบัด เธอยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิมที่มหาวิทยาลัย จนกระทั่งเธอกลับไปที่บ้าน พบว่าแม่และพ่อของเธอได้ขนของทุกอย่างของเธอออกไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นของเล่นตั้งแต่เล็กๆ ตุ๊กตาต่างๆ เสื้อผ้า ถ้วยรางวัลกีฬา รวมไปถึงป้ายทะเบียนรถยนต์ด้วย     ซึ่งรถยนต์ที่ถูกริบป้ายทะเบียนไปนั้น เป็นรถที่เธอซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง แต่ก็ถูกพ่อแม่เอาไปด้วย!?…

สังคมในปัจจุบันถือว่าเป็นสังคมที่มีความเปิดกว้างและมีการให้อิสระมากขึ้นกว่าในอดีต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศหรือสีผิวก็ถือว่ามีสิทธิเท่าเทียมกัน แต่กระนั้นเองก็ยังมีคนที่ไม่ยอมรับในความเท่าเทียมอยู่ เหมือนอย่างเรื่องที่สาวคนนี้ประสบมา     เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2018 มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า Amber Roberts ได้ทวีตข้อความว่า “ฉันเอาโน้ตบุ๊กสองเครื่องของฉันออกให้ด่านตรวจที่สนามบินดู จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งเข้ามาเย้ยหยันฉันว่า ‘เธอจะเอาโน้ตบุ๊กไปสองเครื่องเพื่ออะไร?’ ฉันก็ต้องกลับไปว่า ‘เครื่องหนึ่งสำหรับงานดาราศาสตร์ อีกเครื่องสำหรับงานเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์’”   *I take out both of my laptops at airport security* Random guy: *scoffs* “What do you need 2 laptops for?” Me: “Well one is for my astrophysics work and one is for my artificial…

“ตดยังไม่ทันหายเหม็น” เป็นสำนวนไทยที่มีความหมายถึงเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและจบลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน เหมือนอย่างเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เมื่อเด็กหนุ่มคนหนึ่งในประเทศเยอรมนีที่เพิ่งทำใบขับขี่รถยนต์ผ่าน แต่ดีใจได้อยู่ไม่นาน 49 นาทีถัดมา ใบขับขี่ก็ถูกยึด!!     ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2018 ตำรวจประจำเมืองเฮเมอร์ รัฐนอร์ไรน์-เวสต์ฟาเลีย ประเทศเยอรมนีได้ทำการโพสต์ภาพลงเฟซบุ๊กว่า “บางสิ่งก็อยู่เป็นนิรันดร์… แต่บางสิ่งก็อยู่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แค่ 49 นาที นักขับวัย 18 ปีก็ต้องมองหาช่องทางการทำใบขับขี่ใบใหม่ซะแล้ว เมื่อเจ้าหนุ่มขับรถมาเจอกับเลเซอร์วัดความเร็วของเรา ซึ่งเขาขับเร็ว 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเขตจำกัดความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง”     ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะความดีใจหรือคึกคะนองจึงทำให้เจ้าหนุ่มคนนั้น เหยียบซะเต็มที่ 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แน่นอนว่างานนี้จึงโดนพี่ตำรวจเข้ามาคุยด้วยในทันที โดยเบื้องต้นหนุ่มคนดังกล่าวจะถูกยึดใบขับขี่เป็นเวลาอย่างต่ำ 4 สัปดาห์และมีค่าปรับประประมาณ 7,500 บาท และทางตำรวจยังบอกอีกว่าหนทางเดียวที่เจ้าหนุ่มจะเอาใบขับขี่คืนได้ คือต้องเข้ารับการอบรม “หลักสูตรเข้มข้น” ซึ่งการเข้าอบรมในครั้งนี้ก็จะมีรางวัลพิเศษให้กับเขาเช่นกัน ในทันทีที่เขาได้รับใบขับขี่กลับคืนมา เขาจะได้รับคะแนนใบขับขี่เพิ่ม 2 แต้มและจะมีการขยายอายุใบขับขี่ให้จากเดิม 2 ปีเป็น 4 ปีอีกด้วย…

กลายเป็นข่าวที่ได้รับความใจไปทั่วโลก เมื่อมีนักเผยแพร่ศาสนาชาวสหรัฐอเมริการายหนึ่ง พยายามที่จะเข้าไป ‘เผยแพร่ศาสนา’ ในเกาะต้องห้ามที่อยู่ในประเทศอินเดีย จนเป็นเหตุให้ถูกชนเผ่า ‘ใช้ธนูยิง’ จนเสียชีวิต นักเผยแพร่ศาสนาคนดังกล่าวมีชื่อว่านาย John Allen Chau วัย 27 ปี เดินทางเข้าไปยังเกาะต้องห้าม North Sentinel Island ซึ่งเป็นหนึ่งในเกาะที่ปลีกตัวออกไปจากสังคมโลกยุคปัจจุบัน     เกาะที่ว่านี้ตั้งอยู่ในบริเวณอ่าวเบงกอล ประเทศอินเดีย เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะอันดามัน ซึ่งเกาะต้องห้ามนี้ถูกคุ้มครองโดยกฎหมายและห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไป หรือติดต่อกับผู้คนที่อยู่บนเกาะ ‘อย่างเด็ดขาด’     หรือต่อให้เข้าได้ ชนเผ่าที่อยู่บนเกาะนั้นจะไม่ต้อนรับคนนอก และจะลงมือฆ่าผู้บุกรุกในทันที โดยไม่เอ่ยปากถามแม้แต่คำเดียว ลองไปอ่านข้อมูลเกี่ยวกับเกาะนี้แบบเต็มๆ ที่นี่ครับ : ส่องเกาะลับแห่งมหาสมุทรอินเดีย “เซนทิเนล” ที่อาศัยของชนเผ่าดุร้าย ใครอยากลองดี เชิญ!!     ตามรายงานจากสื่อของต่างประเทศระบุว่านาย John ได้ทำการจ้างชาวประมงที่อยู่เกาะใกล้ๆ กันให้ขับเรือไปส่งที่บริเวณชายฝั่งของเกาะต้องห้าม โดยมีจุดประสงค์เพื่อเข้าไปเผยแพร่ศาสนา แต่เขาถูกสังหารทันทีที่ไปถึงด้วย ‘ธนู’ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยเอาไว้แล้ว มีทั้งหมด 7 คนด้วยกัน ที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยเชื่อว่าเป็นชาวประมงที่พานาย John…

จากข่าวสองหนุ่มเอาภาพของตัวเองไปแปะในร้านแมคโดนัลด์ ผ่านไปหลายวันโดยไม่มีใครจับได้ จนกลายเป็นกระแสไวรัลที่โด่งดังไปทั่วโลก อ่านข่าวเก่าได้ที่ : สองหนุ่มเนียนเอา ‘รูปของตัวเอง’ ไปแปะในร้าน McDonald’s โดยที่ไม่มีใครจับได้!? แต่รอบนี้เป็นคราวของสองหนุ่มสาวคู่รัก แอบเอาภาพคู่ของตัวเอง ไปใส่ในภาพสต็อกของ IKEA แบบเนียนๆ ขอบอกเลยว่ามันพีคมากๆ!!     เรื่องมีอยู่ว่าสองหนุ่มสาวคู่รักนึกสนุก วางแผนแกล้ง IKEA ด้วยการเอาภาพคู่ของตัวเอง ไปใส่แทนในกรอบรูปของห้างอีเกียในกรุงวิลเนียส ประเทศลิทัวเนีย พวกเขาเปลี่ยนภาพในกรอบรูปที่แสดงโชว์อยู่บนเฟอร์นิเจอร์ในห้างทั้งหมดมากกว่า 100 ภาพ โดยเลือกวันเสาร์ที่เป็นคนพลุกพล่านมากที่สุด และทำภารกิจได้อย่างแนบเนียนโดยที่ไม่มีใครจับได้เลย!!   จะเป็นอย่างไรลองไปชมภาพพร้อมๆ กันได้เลยครับ…   ก่อนอื่นพวกเขาต้องแอบอยู่ในห้องน้ำห้าง จนถึงเวลากลางคืนที่ไม่มีใครอยู่แล้ว   จากนั้นก็เริ่มปฏิบัติภารกิจ   เอาภาพตอนที่ทั้งคู่ไปเที่ยวเดนมาร์กช่วงวันหยุดไปใส่ในกรอบ   เอาภาพเซลฟี่ ไปใส่แทนภาพสต็อก .   ใส่มันทุกรูปเลย   ภาพของพวกเขาถูกเอาไปวางโชว์ทั่วห้างอีเกีย .   ภาพถ่ายตอนเมาแอ๋ ก็ถูกเอามาใส่เช่นกัน   ภาพเซลฟี่ตอนออกไปแฮงก์เอาต์ด้วยกัน   ภาพตอนที่พวกเขาไปเดตกันใหม่ๆ   ภาพตอนไปเที่ยวกันที่ Minsk ถ่ายคู่กับหอไอเฟลปลอม  …

ในแต่ละปี เว็บไซต์ AirlineRatings.com เว็บไซต์จัดอันดับด้านความปลอดภัยของสายการบิน ก็จะมีการเผยผลการจัดอันดับสายการบินที่สุดในโลกประจำปีออกมาให้คนได้ทราบกัน ซึ่งเว็บไซต์ AirlineRatings.com ได้จัดอันดับโดยอ้างอิงจากการพิจารณาของ 7 บรรณาธิการที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในหัวข้อต่างๆ เช่น การรีวิวจากผู้โดยสารจริง ผลประกอบการ การประเมินความคุ้มค่าในการลงทุน อายุการบิน การเสนอสินค้าทั้งชั้นบินธุรกิจ หรือเที่ยวบินระยะยาวและอื่นๆ ซึ่งในผลการจัดอันดับสายการบินที่ดีที่สุดในโลกแห่งปี 2019 ก็ได้เผยออกมาแล้ว จะมีสายการบินไหนที่ติด 10 อันดับบ้างมาดูกัน   10. Japan Airlines สายการบินของประเทศญี่ปุ่น   9. Cathay Pacific สายการบินประจำชาติฮ่องกง   8. EVA Air สายการบินสัญชาติไต้หวัน   7. All Nippon Airways สายการบินที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น   6. Emirates สายการบินขนาดใหญ่ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์   5. Virgin Australia สายการบินจากออสเตรเลีย ได้รางวัลลูกเรือที่ดีที่สุดด้วย   4. Qatar…

ปัญหาน้ำท่วม ถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้แทบจะทุกพื้นที่ แม้แต่ประเทศที่เป็นทะเลทราย!?   เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าประเทศซาอุดีอาระเบียต้องเผชิญกับฝนตกอย่างหนักหน่วง จนทำให้ ‘น้ำท่วม’ ในเขตทะเลทราย     ทางการต้องทำการอพยพชาวบ้านและ ‘อูฐ’ ออกจากทะเลทรายอย่างเร่งด่วน เพราะฝนปริมาณมากก่อให้เกิด ‘น้ำหลาก’ สร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง     ลองไปชมคลิปเหตุการณ์ชาวบ้านอพยพอูฐที่ข้างล่างนี้ได้เลยครับ   แน่นอนว่าประเทศซาอุดีอาระเบียจัดเป็นประเทศในเขตทะเลทราย ที่เรียกได้ว่า ‘ฝนตก’ แทบจะนับครั้งได้เลยทีเดียว แต่ปัญหาน้ำท่วมนี้กลับเกิดขึ้นแทบจะทุกปี เนื่องจากระบบระบายน้ำที่ไร้ประสิทธิภาพในยามที่ฝนตกหนักนั่นเอง และเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้สร้างความเสียหายให้กับชีวิตของผู้นเป็นจำนวนมาก จากรายงานของสำนักงานป้องกันพลเรือนของประเทศซาอุดีอาระเบีย ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมครั้งนี้มากกว่า 35 ราย     นอกจากนี้ยังรายงานเพิ่มเติมอีกว่าทั่วประเทศมีประชาชนต้องอพยพหนีน้ำท่วมทั้งสิ้นกว่า 4,038 ราย มีผู้ประสบภัยได้รับวามช่วยเหลือไปแล้วทั้งหมด 2,517 คน และเข้าหลบภัยในที่พักชั่วคราว 2,536 ราย จากรายงานผู้เสียชีวิตทั้งหมด 35 ราย พบว่าในเมืองเมกกะ เป็นเมืองที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ทั้งหมด 11 ราย  …

สำหรับเกมที่เพิ่งได้รับรางวัล Ultimate Game of the Year ไปอย่าง Fortnite เหล่าเกมเมอร์คงรู้กันดีว่าแม้จะเป็นเกมแนว Battle Royal แต่ในเกมมีท่าเต้นมากมายเสียเหลือเกิน แต่วันนี้ท่าเต้นดังกล่าวกำลังจะกลายมาเป็นภัยให้กับ Fortnite เมื่อมีแรปเปอร์คนนึงกำลังจะยื่นฟ้องค่ายผู้สร้างอย่าง Epic Game ในข้อหาที่นำท่าเต้นของเขาไปใช้หากำไรโดยไม่ได้รับอนุญาต     โดยแรปเปอร์คนนั้นคือ 2 Milly ผู้เป็นเจ้าของท่าเต้น Milly Rock โดยในเกมแล้วผู้เล่นต้องทำการเติมเงินเพื่อนำแต้มไปซื้อท่าเต้นดังกล่าว ซึ่ง 2 Milly มีความเห็นว่า Epic Game ไม่สมควรจะนำท่าของเขาไปหากำไร “ทุกๆ คนคอยพูดกับผมว่า ‘เฮ้ โย่ ท่าเต้นของนายไปอยู่ในเกมน่ะ’ ซึ่งพวกเขาเปิดให้ซื้อท่าเต้นของผม แต่ผมรู้สึกว่า โอ้ ไม่อ่ะ ไม่สมควรทำแบบนี้อ่ะ” 2 Milly ให้สัมภาษณ์กับ CBS News “ผมก็ไม่ได้อยากทำให้พวกเขาต้องเสียเงินหรอกนะ รู้ใช่มั้ยว่าผมหมายความว่าอะไร? ผมไม่อยากทำแบบนั้นหรอก แต่ผมก็แค่อยากจะปกป้องของที่เป็นของผมเท่านั้นเอง” แรปเปอร์หนุ่มกล่าวเพิ่ม     แต่ดูเหมือนในปัจจุบันกรมทรัพย์สินทางปัญญาของอเมริกา…

ปี 2016 เป็นปีที่เกม Pokemon Go ได้เปิดให้เราได้เล่นกัน ซึ่งได้รับความนิยมจากแฟนๆ อย่างมากมาย จนเกิดเป็นปรากฏการณ์เด็กๆ (และไม่เด็ก) ออกมาวิ่งไล่จับโปเกมอนเต็มเมืองไปหมด แม้ว่าในปัจจุบัน Pokemon Go จะได้รับความนิยมน้อยลง แต่เกมนี้ก็ได้สร้างความทรงจำดีๆ ให้แก่หลายๆ คน รวมถึงบุคคลที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ด้วย     ย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่แล้ว ตอนที่ Pokemon Go เปิดให้เล่นใหม่ๆ ในย่านโอไดบะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ Shibu กำลังไล่จับโปเกมอนอยู่นั้น เขาก็ได้เจอกับ Lily ผู้เล่นสาวสวย ทันทีที่ Shibu เห็น Lily เขาก็ตกหลุมรักเธอเข้าทันทีและทั้งสองก็ตัดสินใจทำความรู้จักและสานสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน จากวันนั้นทั้งสองก็คบกันมาอย่างยาวนาน จนในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะแต่งงานกันในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2018 ที่ผ่านมา   . . .   ซึ่งในงานแต่งของพวกเขาที่ Toranomon Hills’ Andaz Tokyo ก็มาในธีม Pokemon…

ในวันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2018 ถือว่าเป็นวันที่แฟนๆ คอมมิคหลายๆ คนต้องโศกเศร้าเสียใจ เนื่องจากการจากไปของ “บิดาแห่งมาร์เวล” Stan Lee ในวัย 95 ปี หลังจากการจากไปของบิดาทาง J.C. Lee ลูกสาวของ Stan Lee ก็ได้ออกมาเผยคอนเซ็ปต์ของฮีโร่ตัวสุดท้าย Dirt Man ที่เธอร่วมสร้างกับพ่อของเธอ (ข่าวเก่า) แต่ข่าวที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ไม่ใช่เพียงแค่คอนเซ็ปต์ แต่เป็นซูเปอร์ฮีโร่คนสุดท้ายจริงๆ ที่ Stan Lee ได้สร้างขึ้น!!     ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สตูดิโอ POW! ของประเทศจีน ได้ทำการเปิดตัวฮีโร่คนสุดท้ายที่ Stan Lee สร้างขึ้นมา โดยเป็นซูเปอร์ฮีโร่หญิงนามว่า JEWEL ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Gloria Tang Tsz-kei หรือชื่อในวงการว่า G.E.M. นักร้องสาวชื่อดังของจีน   https://www.instagram.com/p/BoY8GeWH_SC/?utm_source=ig_embed   “ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งฉันจะกลายมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่! ตื่นเต้นสุดๆ ไปเลย!” G.E.M. โพสต์ภาพลงอินสตาแกรมของเธอในวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา แม้จะยังไม่มีการเผยถึงรายละเอียดและพลังพิเศษของ Jewel มากนัก แต่ G.E.M.…

อาชีพอย่างทนายความคืออาชีพที่ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย บางทีเราก็เห็นว่าทนายความมีรับว่าความให้แก่ลูกค้าที่เป็นจำเลยด้วย   ซึ่งในการต่อสู้ในชั้นศาลทนายของทั้งโจทก์และจำเลยต้องงัดสารพัดเทคนิคมาใช้เพื่อให้ลูกความของต้นชนะคดีให้ได้   ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2018 สำนักข่าว BBC ได้รายงานเหตุข่มขืนขึ้นในเมือง Cork ประเทศไอร์แลนด์ โดยผู้ต้องหาวัย 27 ปีถูกกล่าวหาว่าข่มขืนสาววัย 17 ปี แต่เขาปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด พร้อมบอกว่าต่างฝ่ายต่างยินยอม จึงได้เกิดเป็นการฟ้องร้องเกิดขึ้น และประเด็นในคราวนี้ก็อยู่ที่ทนายความของผู้ต้องหาได้นำกางเกงในของเหยื่อออกมาให้ศาลดู ซึ่งเป็นกางเกงในลายลูกไม้สีน้ำเงิน ก่อนที่จะกล่าวต่อศาลว่า “คุณต้องดูว่าเธอใส่อะไร เธอใส่กางเกงในที่มีลายลูกไม้ด้านหน้า” เหมือนเป็นการโทษว่าเหยื่อยินยอมในการมีเซ็กส์ครั้งนั้น       ภายหลังศาลตัดสินให้จำเลยหนุ่มวัย 27 ปีไม่มีความผิด ซึ่งหลังจากมีการตัดสินดังกล่าว ผู้หญิงชาวไอร์แลนด์ก็ลุกขึ้นมาประท้วง ไม่ใช่เพราะพวกเธอตั้งคำถามต่อคำตัดสิน แต่เป็นเพราะพวกเธอไม่พอใจที่ทนายใช้การ “โทษการแต่งตัวของเหยื่อ” มาเป็นเทคนิคในการสู้คดี และได้เกิดแฮชแท็ก #ThisIsNotConsent (แปลว่า “นี่ไม่ใช่การยินยอม” ) ขึ้นมาเพื่อประท้วงการกระทำของทนายความ และผู้หญิงชาวไอร์แลนด์หลายคนก็ได้ออกมาเดินขบวนพร้อมถือกางเกงในลายลูกไม้ของพวกเธอ รวมถึงบางส่วนก็โพสต์ประท้วงลงในโซเชียลมีเดียอีกด้วย   ข่มขืนมันก็คือข่มขืน https://twitter.com/AnwarSumaiyah/status/1063468721866502144 . https://twitter.com/Starlanna/status/1061417111636135941 . #ThisIsNotConsent At what point are we going…

ความรู้หรือความสามารถถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่จะอยู่กับตัวเราไปจนวันตาย ไม่ว่าจะเป็นความรู้วิชาหรือความสามารถด้านต่างๆ ก็เช่นกัน เหมือนอย่างกับเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เมื่อเด็กสาวคนหนึ่งกำลังจะถูกลักพาตัว แต่คุณตาวัย 76 ปี ซึ่งเป็นนักมวยเก่าเข้ามาใช้วิชามวยช่วยได้อย่างฉิวเฉียด     เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง Petaling Jaya ประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2018 ช่วงเวลาประมาณ 16.10 น. ขณะที่เด็กสาววัย 6 ขวบพร้อมกับคุณแม่กำลังเดินทางกลับจากโรงเรียน เมื่อมาถึงอพาร์ตเมนต์ของพวกเธอ จู่ๆ ก็มีคนแปลกหน้าพุ่งตรงเข้าหาสองแม่ลูก พร้อมกับอาวุธกรรไกรและเทปกาว เขาเข้ามาใช้กำลังขู่คุณแม่พร้อมกับพยายามมัดและลักพาตัวลูกสาวของเธอไปต่อหน้าต่อตา     และทันทีที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ฝ่ายคุณแม่จึงกรีดร้อง ตะโกนขอความช่วยเหลือ ซึ่งโชคดีที่คุณตาของเด็กสาวได้ยินเสียงดังกล่าวและรีบออกมาช่วยหลานของตน ตามที่เรากล่าวไปข้างต้น คุณตาวัย 76 ปีคนนี้มีดีกรีเป็นถึงนักมวยอาชีพเก่า เขาใช้ความรู้และประสบการณ์การต่อสู้ที่สั่งสมมาสู้กับผู้ร้าย ซึ่งก็สามารถเอาชนะคนร้าย จนในที่สุดคนร้ายก็ต้องหนีไป     หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทางครอบครัวก็นำเรื่องนี้ไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาดูกล้องวงจรปิดเพื่อทำการสืบสวนและหวังว่าจะสามารถจับคนร้ายได้ในเร็ววันนี้   ที่มา Worldofbuzz, SinChew

หากจะพูดถึงเรื่อง ‘ความเหงา’ แน่นอนว่ามันอาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่ว่าสำหรับคนที่ชราภาพแล้ว อาการนี้มันอาจเกิดขึ้นได้บ่อยจนเกินกว่าที่หลายคนคิดเอาไว้ แต่ว่าด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เกิดเรื่องอบอุ่นหัวใจขึ้น และยังเป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นว่า ‘น้ำใจ’ เป็นสิ่งที่ทำให้โลกดูสวยงามขึ้นได้จริงๆ เมื่อมีคุณยายคนหนึ่งขอนั่งกินข้าวกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว เพราะเธอไม่อยากจะนั่งกินอาหารเพียงลำพัง และหนุ่มคนนั้นก็ยินดีนั่งกินอาหารและพูดคุยเรื่องต่างๆ เป็นเพื่อนคุณยาย!!   Amanda Marquell Craft ผู้แชร์เรื่องราวนี้   โดยผู้ที่แชร์เรื่องนี้ให้ทั่วโลกได้รับรู้คือ Amanda Marquell Craft คุณครูในรัฐอินเดียน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเธอได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ในวันนั้น เธอกับเพื่อนร่วมงานได้พากันไปทานอาหารเที่ยงที่ร้านแมคโดนัลด์แห่งหนึ่งใกล้ๆ ที่ทำงาน และระหว่างที่พวกเธอนั่งกินกันอยู่นั้น ก็มีหญิงชราคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน Amanda สามารถสังเกตได้ว่าหญิงชราคนนี้อาจจะมีความเหงาเกาะกินหัวใจอยู่บ้าง จากความที่เธอเข้าไปพูดคุยกับผู้คนที่ทานอาหารอยู่ในร้านนั้น แต่ก็ดูเหมือนว่าทุกๆ คนไม่ได้สนใจเธอมากนัก   ภาพสุดประทับใจ   จนในที่สุดแล้วหญิงชราคนนี้ก็เดินถือถาดอาหารไปยังโต๊ะของชายหนุ่มคนหนึ่ง พร้อมกับขอเขานั่งร่วมกินอาหารด้วย และแล้วสิ่งที่น่าประทับใจก็เกิดขึ้นเมื่อเขาคนนั้นเลื่อนถาดอาหารของตัวเองเข้าหาตัว พร้อมกับกล่าวกับคุณยายว่า “แน่นอน ได้สิ”  “ฉันกับเพื่อน เห็นเขาแนะนำตัวเองและจับมือกับคุณยาย พวกเขาพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนานราวกับเป็นเพื่อนกันเลยล่ะทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน มันเป็นอะไรที่อบอุ่นหัวใจเราจริงๆ” Amanda   นาย Eric ผู้มีจิตใจดี   จากนั้นภาพถ่ายของ Amanda…

สำหรับมือใหม่ผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นครั้งแรกๆ ก็อาจจะติดป้ายบอกเตือนคันอื่นๆ เอาไว้ว่า ‘มือใหม่หัดขับ’ เพื่อเป็นการบอกให้พวกเขาระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เวลาที่เข้ามาใกล้กับรถของมือใหม่ แต่ว่ามีอยู่เหตุการณ์หนึ่งของคู่สามีภรรยา ที่ไม่เพียงแต่มีป้ายมือใหม่หัดขับติดเอาไว้เท่านั้น แต่ทางสามียังได้เขียนข้อความอะไรต่างๆ นานา เพื่อเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ว่า รถของภรรยาของเขานั้นมันอันตรายจริงๆ!!   รถคันที่ว่านี้   โดยเรื่องความเป็นห่วงภรรยาของสามีนี้ ได้กลายเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ของมณฑลกุ้ยโจว เมื่อมีคนสังเกตเห็นว่ามีรถอยู่คันหนึ่งที่มีกระดาษ มีป้ายอะไรไม่รู้แปะอยู่เต็มคันรถไปหมด และยังมีข้อความเตือนอย่าง “สาวเจ้าของรถคันนี้เพิ่งจะได้ใบขับขี่มาหมาดๆ โปรดระวังเอาไว้ด้วย” “อาจมีการเบรคกะทันหันเกิดขึ้น ระวังไว้” “เธอยังไม่คุ้นชินกับรถมากนัก” “นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ”    สภาพเมืองในมณฑลกุ้ยโจว   ในภายหลังพบว่าคนขับรถคันนี้เป็นผู้หญิงแซ่ Chen โดยเธอบอกว่าที่สามีของเธอนำป้ายมาติดอยู่เต็มไปหมดก็เป็นเพราะว่า เมื่อประมาณ 2-3 วันที่ผ่านมาเธอเพิ่งจะเอารถไปชนกับรถคันอื่นมา ทางสามีจึงเขียนข้อความแปะรถเอาไว้ให้เพื่อเป็นอีกหนึ่งวิธีการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นซ้ำรอยนั่นเอง โดยข้อความเตือนภัยที่ว่านี้มีทั้งหมดด้วยกันถึง 6 แผ่นกันในบริเวณประตูหลังของรถเลยทีเดียว และยังมีติดประตูหน้าอีกบานและแผ่น   วิดีโอที่มีคนถ่ายเอาไว้ (ดูไม่ได้คลิกที่นี่)  เธอเล่าว่าหลังจากอุบัติที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นเธอก็รู้สึกหวาดกลัวการขับรถไปเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาวิธีไหนได้ดีไปกว่านี้อีกแล้วในการบอกกับผู้อื่นให้ระวังเธอเป็นพิเศษนอกจากวิธีนี้ โดยเรื่องนี้ชาวเน็ตได้พากันคอมเมนต์กันอย่างท่วมท้น ซึ่งบางคนก็ตั้งคำถามว่า Chen ผ่านการสอบใบขับขี่มาได้อย่างไร แต่บางคนก็บอกว่านี่มันเป็นเรื่องธรรมดาของมือใหม่ที่มักรู้สึกกังวลเวลาที่ขับรถออกถนนเป็นครั้งแรกๆ   ที่มา: dailymail, weibo

นี่อาจเป็นอีกคดีหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องการบินที่อาจฟังดูแปลกๆ เมื่อมีชายคนหนึ่งเดินหน้าฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากสายการบิน จากสาเหตุที่ทางสายการบินให้เขานั่งที่นั่งติดกับคนอ้วน จนทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ!!   Stephen Prosser ผู้ยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อสายการบิน   ในเรื่องนี้ชั้นศาล Pontypridd County Court ประเทศอังกฤษ ได้ทำการไต่สวนเมื่อวันศุกร์ (16 พ.ย.) ที่ผ่านมา โดยนาย Stephen Prosser วิศวกรวัย 51 ปีผู้ยื่นฟ้องได้ให้ความว่า เมื่อเดือนมกราคมปี 2016 เขาได้โดยสารเที่ยวบินของสายการบินบริติช แอร์เวย์ จากกรุงเทพฯ ไปยังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นระยะเวลา 12 ชั่วโมง   บริติช แอร์เวย์   โดยตลอดระยะเวลาดังกล่าวเขาต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก จากความที่ผู้โดยสารที่นั่งติดกับเขามีรูปร่างขนาดใหญ่ยักษ์ ซึ่งเขาบอกกับศาลว่าคนคนนั้นมีความสูงอยู่ที่ 193 เซนติเมตรและมีน้ำหนักราวๆ 140 กิโลกรัมเลยทีเดียว นั่นจึงทำให้ระหว่างการนั่งเครื่องเที่ยวนั้นเขาต้องนั่งอย่างผิดธรรมชาติมนุษย์ ทั้งการที่ไม่สามารถวางแขนบนที่วางแขน รวมทั้งยังต้องนั่งเอาเข่าเบียดกับผู้โดยสารคนนั้น และที่แย่ที่สุดก็คือน้ำหนักที่เยอะผิดปกติของผู้โดยสารคนดังกล่าว ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าถูกเทน้ำหนักมากดทับตลอดเวลา…     ส่วนเหตุผลที่ Stephen เลือกจะไม่ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับผู้โดยสารคนดังกล่าว ก็เพราะเห็นว่าผู้โดยสารคนนั้นดูเหมือนจะละอายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และพยายามจะแก้ไขปัญหานี้อย่างดีที่สุดแล้ว Stephen เล่าเพิ่มว่า เขาได้บอกปัญหานี้ให้กับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินได้รับรู้แต่ว่าก็ไม่มีอะไรดีขึ้น…

บางครั้ง “การล้อกันเล่นขำๆ” มันอาจไม่ได้ทำให้คนรอบข้างมองเป็นเรื่องสนุกเหมือนอย่างที่เราคิดกันเอาไว้ก็ได้ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในร้านอาหารแห่งนี้ก็ด้วย ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2018 ได้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้นภายในร้านอาหาร Terakawa Ramen ในกรุงฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา หลังจากที่จู่ๆ ก็มีคนบุกเข้ามาแทงกันด้านในร้าน     จากคลิปเผยให้เห็นว่าชายคนหนึ่งเข้ามาก่อนในตอนแรก ด้วยสภาพชุ่มโชกไปด้วยเลือด ก่อนที่ชายอีกคนจะบุกตามเข้ามาตะโกนเป็นภาษาอาหรับ ทำท่าเหมือนกับใช้อาวุธในมือซึ่งคาดว่าจะเป็นมีด แทงเข้าใส่อีกฝ่าย เมื่อเจออะไรแบบนี้เข้าไป คงไม่แปลกที่ลูกค้าทุกคนภายในร้านจะพากันแตกตื่น วิ่งหนีกันจ้าละหวั่นด้วยความกลัวว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย เพราะบางคนยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าอาวุธที่เห็นในมือมันคือปืนหรือมีดกันแน่     โชคดีที่เหตุการณ์นี้จบลงได้โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย เพราะสิ่งที่ชายทั้ง 2 คนนั้นทำมันคือการจัดฉาก “ล้อกันเล่นขำๆ” เท่านั้นเอง!! แต่แน่นอนว่าคนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์คงจะไม่ตลกไปกับพวกเขาด้วย หลายๆ คนถึงกับขวัญผวา เกิดความหวาดกลัว ชนิดที่ว่าไม่กล้าจะเหยียบเข้ามากินอาหารในร้านนี้อีกต่อไป คลิปการสร้างสถานการณ์ดังกล่าวนั้นได้ถูกโพสต์ลงไปในโซเชียลมีเดียของกลุ่มที่ชื่อว่า FunniestNPhilly ซึ่งเป็นกลุ่มของคนที่เข้ามาจัดฉากสร้างความวุ่นวายภายในร้าน และมองว่ามันเป็นแค่เรื่องขำๆ เอาฮา   การรายงานข่าว และคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น    แต่หลังจากโพสต์ลงไปได้ไม่นาน พวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องลบคลิปนั้นออกไป หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกประกาศจับตามล่าตัวผู้ก่อเหตุ เนื่องจากเป็นการสร้างความวุ่นวาย…

เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ “ถูกทำร้ายร่างกาย” ที่ผู้ถูกกระทำเองก็ไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไรผิด หรือไปทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจมากขนาดที่ว่าต้องพากันมากระทืบจนบาดเจ็บหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลเลยหรือ? เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่กำลังพูดถึงนั้นมีชื่อว่า Ben Person ชายหนุ่มวัย 21 ปี ทำงานเป็นพนักงานของร้าน Subway ในเมืองมิลตัน คีนส์ ประเทศอังกฤษ   Ben ชายหนุ่มที่โดนทำร้าย โดยไม่รู้ว่าเขาผิดอะไร   ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน Ben ทำงานอยู่ในร้านอาหารตามปกติ จนกระทั่งมีเด็กวัยรุ่น (อายุไม่เกิน 16 ปี) 4 คนเดินเข้ามาในร้าน พร้อมกับถามเขาว่า “ขอใช้ห้องน้ำหน่อยได้มั้ย?” Ben จึงตอบกลับไปอย่างสุภาพว่า “ห้องน้ำชำรุดอยู่ เข้าไม่ได้” และบอกกับวัยรุ่นกลุ่มนั้นว่าถ้าต้องการนั่งอยู่ในร้าน ก็ขอให้พวกเขาช่วยสั่งอะไรกินกันซะหน่อย   ร้าน Subway ที่เขาทำงานอยู่   เขายังบอกอีกว่า “ผมพยายามช่วยวัยรุ่นกลุ่มนั้นด้วยการแนะนำว่ามีห้องน้ำสาธารณะอยู่ใกล้ๆ นี้เอง แต่เมื่อผมเลิกกะและเดินออกจากร้านไป ผมกลับต้องเจอกับการเข้าจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว” 2 ใน 4 ของเด็กกลุ่มดังกล่าวรอดักทำร้ายเขา ทั้งต่อยเตะทุบตีอย่างหนัก เล็งไปที่ศีรษะของ Ben ซ้ำๆ…