Category: ข่าวคราวรอบโลก
-
แฟนบอลเปรูยอมบินกลับรัสเซียอีกครั้ง เพื่อย้อนกลับไปช่วยหมาจรจัดที่เขาถูกชะตา
เพื่อนๆ ที่มีสัตว์เลี้ยงเคยคิดกันหรือไม่ว่า การที่เรามาเจอกับเจ้าเพื่อนแท้ของเรานั้นถือว่าเป็นเรื่องของโชคชะตา เมื่อย้อนมองกลับไปแล้ว หากวันนั้นเราไม่นำเขามาเลี้ยง เขาอาจจะมีชีวิตที่อีกแบบหนึ่งที่อาจจะดีหรือร้ายกกว่าก็เป็นได้ เหมือนกับ Ricardo Lazo แฟนฟุตบอลจากเมือง Lima ประเทศเปรูคนนี้คนที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน เพราะการที่เขาตัดสินใจไปดูฟุตบอลโลกถึงถิ่นรัสเซีย ทำให้โชคชะตาของเขากับเจ้า Businka หมาจรจัดตัวหนึ่งได้ผูกเข้าด้วยกัน ในแมตช์ที่เขาเข้าดูนั้นเป็นการแข่งขันระหว่างทีมชาติเปรูกับทีมชาติออสเตรเลีย ซึ่งทางเปรูสามารถชนะไปด้วยสกอร์ 2 ต่อ 0 ประตู และทันทีที่ Ricardo เดินทางกลับโรงแรม เขาก็ได้เจอกับหมาจรจัดตัวสีน้ำตาลตัวหนึ่ง เขาตกหลุมรักมันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอและเขาอยากที่จะนำมันกลับบ้านไปด้วย แต่… การนำหมาจรจัดบินข้ามประเทศคงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน เพราะการจะขนส่งสัตว์เลี้ยงได้ต้องมีเอกสารประจำตัวและต้องได้รับวัคซีนก่อนเดินทางด้วย เมื่อเห็นแบบนั้นทาง Ricardo จึงได้นำตัวของเจ้าหมาไปฝากที่สถานสงเคราะห์สัตว์เลี้ยง ก่อนเดินทางกลับเปรูเพื่อไปทำการติดต่อทำการเอกสาร ทำประวัติการรักษา และฉีดวัคซีนของเจ้าหมาตัวนั้น https://instagram.com/p/BmTPxyVFCQF/?utm_source=ig_embed&utm_campaign=embed_loading_state_control หลังจากการวิ่งเต้นของเขาอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่งในที่สุด Ricardo ก็สามารถเตรียมหลักฐานทั้งหมดที่ต้องใช้ในการส่งตัวของเจ้าหมาได้ครบ เขา เดินทางกลับไปยังประเทศรัสเซียและตรงดิ่งไปที่สถานสงเคราะห์สัตว์เลี้ยงที่เดิมและตั้งชื่อของเจ้าหมาว่า Businka หนึ่งในตัวละครการ์ตูนของประเทศรัสเซีย จากนั้นเขาก็พามันกลับไปที่ประเทศเปรู เพื่อใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ดูเหมือนตอนจบของเรื่องจะแฮปปี้เอนดิ้งกันแล้วใช่มั้ย?? แต่ #เหมียวโคบี้ ขอบอกเลยว่านี่เพิ่งเป็นจุดเริ่มต้นต่างหาก เมื่อการรับเลี้ยงเจ้า Businka นี้ทำให้ Ricardo…
-
ลูกเรือสายการบินดังอังกฤษ ถูกพักงานหลังถ่ายคลิปถอดถุงน่องที่ใส่มาดมและนำไปขาย
ด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยี ทำให้ปัจจุบัน เทคโนโลยีเหล่านั้นได้กลายมาเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ทุกคน อย่างเช่นการเกิดเครือข่ายอย่างอินเตอร์เน็ตขึ้น ทำให้ทุกๆ สามารถติดต่อสื่อสารกันผ่านเจ้าสิ่งนี้ได้ การเกิดของอินเตอร์เน็ตนี่เองก็ทำให้อาชีพพ่อค้าแม่ค้ามีการพัฒนาขึ้นมาขายของออนไลน์แทนขายตามหน้าร้านปกติ และด้วยความง่ายของขายออนไลน์ก็ทำให้หลายๆ คนสรรหาสิ่งแปลกๆ มาขายกันเต็มไปหมด รวมถึงสาวคนที่เราจะกล่าวถึงในวันนี้ด้วย เพราะเธอนำถุงน่องมาขายลงเว็บประมูลอย่าง eBay ฟังดูเหมือนไม่แปลกใช่มั้ย แต่มันแปลกตรงที่เธอคนนี้นำถุงน่องที่ตัวเองใส่ในชุดเครื่องแบบของ British Airways มาลงประมูลนี่แหละ พนักงานสาวคนดังกล่าวถูกทาง British Airways จับได้คาหนังคาเขา จากคลิปวิดีโอที่เธอถ่าย โดยในวิดีโอแสดงให้เราเห็นว่าเธอถอดถุงน่องรวมถึงรองเท้าของตัวเองออกมาดมพร้อมกับพูดว่า “อยากให้คุณได้ดมกลิ่นมันจัง” ทางผู้จัดการของ British Airways ได้ทราบเรื่องนี้และการลงโทษพักงานของพนักงานคนดังกล่าว โดยที่คาดว่าเธอคงนำถุงน่องที่ตัวเองถอดออกมาเพื่อไปลงขายประมูลสินค้าลงในเว็บไซต์ประมูลออนไลน์อย่าง eBay แต่เหตุการณ์นี้ถือว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกเรือของ British Airways มีการกระทำฉาวๆ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีลูกเรือของสายการบินนี้ได้มีเซ็กส์ระหว่างบินแลกกับเงินจำนวน 33,000 บาทหรือจะเป็นการที่มีคนสงสัยว่าผู้จัดการของสายการบินไปปรากฎตัวในฐานะนักแสดงนักโป๊อีกด้วย ทางแหล่งที่มาก็แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะดูแปลก แต่มันเป็นปัญหาที่มีมานานแล้ว ซึ่งบางอาจจะมาจากปัจจัยเงินเดือนที่น้อยนิดก็เป็นได้ ที่มา Mirror, The Sun, Daily Mail
-
สาวโทรแจ้งตำรวจ เพราะเห็น ‘หนุ่มผิวสี’ พยายามไขกุญแจรถของตัวเขาเอง!?
เรื่องราวของชายผิวสีคนหนึ่ง ที่กำลังพยายามจะไขกุญแจรถของตัวเอง แต่กลายเป็นว่ามีผลเมืองผิวขาว ‘โทรศัพท์แจ้งตำรวจ’ เพราะกลัวว่าเขาจะเป็นขโมยซะงั้น!? นาย Corvontae Davis กำลังจอดรถและจ่ายค่าที่จอดรถในเมือง Milwaukee รัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่แล้วจู่ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรแจ้งตำรวจ เพราะคิดว่านาย Davis กำลังจะขโมยรถ!! เหตุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกเอาไว้โดยนาย Davis เอง มีพยานผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าเขาพยายามที่จะเปิดประตูรถยี่ห้อ Ford Mustang ปี 2016 ด้วยรีโมตเปิดรถแบบที่ไม่ใช้กุญแจ เขาพยายามเปิดประตูรถจากทั้งสองฝั่ง สักพักถึงจะเปิดได้ แต่แล้วหญิงสาวคนนั้นก็เดินผ่านมา แทนที่เธอจะเดินเข้าไปถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น ดันเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนที่จะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่า Davis กำลังพยายามขโมยรถ!? “ผมรู้สึกอับอายมาก ผมทำงานในรัฐวิสคอนซิน เป็นพนักงานคุมเรือนจำ แต่กลับถูกกระทำแบบนี้ มันรู้สึกแย่มากๆ เลยล่ะ” Davis กล่าว แต่เขาก็อยู่รอจนตำรวจมาถึง “เธอยืนอยู่ตรงนั้นแป๊บนึง ก่อนที่ตำรวจจะมาถึงเธอก็เดินหนีไป และไม่ยอมมาให้ปากคำกับตำรวจ หรือเข้ามาคุยกับผมเลยแม้แต่น้อย” “ผมต้องอธิบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าใจถึงสถานการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” …
-
รู้จักกับนักแข่งมอไซค์วิบากสุดพลิ้ว บอกเลยว่าไม่ได้มาเล่นๆ เพราะพี่แกเก่งจริงๆ!!
สำหรับการแข่งกีฬาผาดโผน หลายๆ คนอาจจะคิดว่านักกีฬา จะต้องเป็นคนที่มีร่างกายผอมเพรียว ดูกระฉับกระเฉงเท่านั้น!? แต่ขอบอกเลยว่าถ้าหากเพื่อนๆ ได้รู้จักกับ Michael Heingartner นักแข่งมอเตอร์ไซค์วิบากพลัสไซส์ ที่แม้ภายนอกเขาจะดูอ้วนพลุ้ย แต่ขอบอกเลยว่าฝีมือของพี่แกน่ะเทพมว๊ากกกกกก!! อ่ะลองไปชมคลิปการออกตัว เป็นแซมเปิลเรียกน้ำย่อยกันก่อน https://www.instagram.com/p/BmFCEVsHdhg/?hl=en&taken-by=motomike894 หลายๆ คนอาจจะมองว่า ตาลุงคนนี้เนี่ยนะ? เป็นนักแข่งมอเตอร์ไซค์วิบาก ขอบอกเลยว่าใช่แล้ว แถมยังเคยเป็นนักแข่งในสังกัตของทีม Warhawkmx ด้วย!! เข้าร่วมการแข่งขันในรายการ Lucas Oils AMA Motocross Championship เมื่อปี 2009 ก่อนที่จะออกจากทีมไปภายหลัง Michael เล่าว่า “ความหลงใหลของผมคือมอเตอร์ไซค์ ตอนเด็กๆ ผมเคยลองปั่นจักรยานเป็นครั้งแรกโดยที่ไม่ใช้ล้อเสริมตอนอายุ 3 ขวบ จากนั้นก็ลองขี่ Suzuki JR50 ครั้งแรกตอนอายุ 5 ขวบ เพื่อลงแข่งขันครั้งแรกในชีวิต” “หลายปีต่อมีผมก็ลองหันไปขับ BMX แล้วก็ลงแข่งขันตอนอายุ 8 ขวบ ในปี 1991 ผมได้รับคัดเลือกเข้าแข่งขันในรายการ NBL…
-
ศิลปินสร้างสรรค์ Homer Simpson เวอร์ชั่น 3D สมจริง ทำเอาหลอนจนนอนไม่หลับ!!
Homer Simpson คงเป็นตัวการ์ตูนที่ผ่านตาเพื่อนๆ มานานกว่า 20 ปี!! แต่หลายคนคงไม่เคยคิดเลยว่าหากลุง Homer กลายเป็นคนที่มีชีวิตจริงๆ ขึ้นมาจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร? ล่าสุดศิลปิน Miguel Vasquez ได้ทำการสร้างสรรผลงาน 3 มิติของตัวละคร Homer Simpson แบบเสมือนจริง ที่ขอบอกเลยว่ามันหลอนติดตาจนทำเอานอนไม่หลับเลยทีเดียว Miguel เป็นศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงาน 3 มิติ อาศัยอยู่ในรัฐ Ontario ประเทศแคนาดา เขาเป็นคนที่หลงใหลในการทำให้ตัวละครจากการ์ตูนชื่อดังหลายเรื่องมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ อย่างเช่น Spongebob . หรือจะเป็นตัวละคร Mike Wazowski จาก Monster’s Inc. และสามซ่า Ed,Edd กับ Eddy . . . แหม่ แต่ละตัวนี่ขอบอกเลยว่ามันหลอนอย่างกับฆาตกรในหนังสยองขวัญเลยทีเดียว ถ้าหากว่าเป็นคนที่มีชีวิตขึ้นมาในโลกจริงๆ ใครเจอทีเป็นต้องวิ่งหนีเป็นป่าราบกันบ้างล่ะ …
-
นายกตองกา ท้าผู้นำประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิกลดความอ้วน เป็นตัวอย่างที่ดีให้ประชาชน
“โรคอ้วน” คือสภาวะที่มีไขมันสะสมอยู่ในร่างกายเป็นจำนวนมากและก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมามากมายไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็งรวมถึงร่างกายยังต้องแบกรับกับน้ำหนักที่มากขึ้นทำให้เป็นโรคข้อเสื่อมได้อีกด้วย ทุกวันนี้ ด้วยอาหารการกินที่มีแป้งมากมายรวมถึงเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายและวิธีชีวิตของคนสมัยใหม่ ทำให้มีแนวโน้มที่ประชากรจะเป็นโรคดังกล่าวได้มากขึ้น ในวันนี้ทาง Akilisi Pohiva นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศตองกา ได้เล็งเห็นปัญหาโรคอ้วนที่โลกและทางประเทศของเขากำลังต้องเผชิญในอนาคต เขาจึงตัดสินใจที่จะท้าผู้นำประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิกแข่งกันลดความอ้วนเสียเลย นาย Akilisi Pohiva ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “กับผู้นำของประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิก เราพบและพูดคุยเรื่องนี้กันหลายรอบ แต่ยังคิดวิธีที่จะทำให้มันได้ผลไม่ได้” เขาจึงจะทำการท้าผู้นำประเทศต่างๆ ในละแวกหมู่เกาะแปซิฟิกให้ลดความอ้วน มีจุดประสงค์ก็เพื่อต้องการให้เหล่าผู้นำประเทศเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ประชาชนได้เห็นในการประชุมที่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนนี้ เขายังกล่าวต่อว่า “มันไม่เกี่ยวกับใครลดน้ำหนักได้มากกว่ากัน แต่มันเกี่ยวสิ่งที่คุณกิน สิ่งที่คุณทำเพื่อให้สุขภาพร่างกายและจิตของคุณนั้นดีในระยะยาว” การที่นาย Akilisi Pohiva ออกมาท้าผู้นำประเทศต่างๆ ในหมู่เกาะแปซิฟิกนี้ อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่ตลก ขบขัน ก็จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันมานาน เกี่ยวกับประมาณประชากรที่เป็นโรคอ้วนสูงขึ้นประเทศต่างๆ ในหมู่เกาะแปซิฟิก โดยจากการจัดอันดับประชากรที่มีประชากรเป็นโรคอ้วนมากที่สุด ใน 10 อันดับแรกนั้นมีประเทศที่อยู่ในแถบหมู่เกาะแปซิฟิกมากถึง 9 ประเทศหรือคิดได้เป็น 90 เปอร์เซนต์เลยทีเดียว ดังนั้นการจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นายกแห่งตองกาคนนี้จะออกมาท้าทายผู้นำประเทศต่างๆ เพราะอย่างน้อยมันก็สามารถเป็นตัวอย่างให้กับประชาชนได้เห็นได้ว่าผู้นำของพวกเขานั้นเอาจริงเอาจังกับการควบคุมโรคอ้วนนี้ขนาดไหน ที่มา BBC
-
หนุ่มไปเที่ยวเทศกาลดนตรี ตื่นมาอีกทีทุกคนกลับหมดแล้ว เพื่อนก็ทิ้งไม่ยอมมาปลุก…
ความรู้สึกอ้างว้างและโดดเดี่ยวของคนถูกทิ้ง มักจะเกิดขึ้นได้ในหลายๆ สถานการณ์ แต่คงไม่มีเหตุการณ์ใดจางได้เท่าพ่อหนุ่มที่ไปเที่ยวงานเทศกาลดนตรีคนนี้ได้หรอก Michal Zaleski ชายหนุ่มจากสกอตแลนด์ได้เดินทางไปร่วมเทศกาลดนตรี Tartan Heart Festival ที่เพิ่งจะจบไปของปีนี้ ซึ่งในระหว่างงานเทศกาล แน่นอนว่าต้องมีการดื่มกินกันเป็นเรื่องปกติ “ผมรู้ว่าเทศกาลนี้จัดตั้งแต่วันพฤหัสบดีจนถึงวันอาทิตย์เวลาบ่ายโมง เราก็ตั้งตี้กันจนถึง 6 โมงเช้าของวันอาทิตย์ ผมกับเพื่อนก็เลยตัดสินใจกลับไปที่บ้านก่อน เพราะอยู่ไม่ไกลจากงานเท่าไหร่ จากนั้นก็กลับมาที่เต็นท์ของตัวเองในงานประมาณ 9 โมงเช้า ก็ยังมีคนคุยๆ กันว่าจะดื่มกันไปเรื่อยๆ จนผมไม่ไหวกลับไปหลับต่อในเต็นท์ตอน 10 โมงเช้า พอผมตื่นมาอีกที ดูนาฬิกาปรากฎว่าเป็นเวลา 2 ทุ่มแล้ว คิดว่าคงไม่เหลือใครจริงๆ ก็เลยตั้งใจอัดวิดีโอเก็บเอาไว้ แล้วก็เป็นอย่างที่เห็น” “ตอนที่ผมตื่นมาตอน 2 ทุ่ม ผมรู้แล้วว่าจะไม่มีคนอยู่ เพราะเคยมาหลายครั้ง คนจะเริ่มกลับประมาณเวลาบ่าย 1 หรือบ่าย 2 ผมก็เลยโทรหาเพื่อน (คนลืมปลุก) ที่มีบ้านอยู่ไม่ไกลจากงาน ให้มันกลับมารับผม แล้วก็กินต่ออีกนิดหน่อยก่อนกลับ ฮร่า” Michal ให้สัมภาษณ์กับทาง…
-
พยาบาล 16 คนในโรงพยาบาลเดียวกัน “ตั้งครรภ์” พร้อมกัน ยังดีที่ไม่ใช่สามีคนเดียวกัน…
เรื่องราวของพวกเธอเหล่านี้อาจทำให้เพื่อนๆ รู้สึกอัศจรรย์ใจกันได้ไม่มากก็น้อย ใครมันจะไปคิดว่าจู่ๆ พยาบาล 16 คนที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลเดียวกัน จะดันมาท้องพร้อมๆ กันซะได้?! เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่โรงพยาบาล Banner Desert เมืองเมซา รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา สร้างความฮือฮาให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก Rochelle Sherman คือ 1 ในพยาบาลทั้ง 16 คนนั้น เธอบอกว่าตนเองและคนอื่นๆ ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น จนกระทั่งลองตั้งกลุ่มขึ้นมาในโซเชียล ถึงได้รู้ว่ามีเพื่อนร่วมงานที่ตั้งครรภ์พร้อมๆ กับเธออีกเพียบ สาวๆ เหล่านี้เริ่มตั้งครรภ์กันตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2017 ถึงกุมภาพันธ์ 2018 และหลังจากที่ได้มารู้ว่ามีคนท้องเหมือนกันในโรงพยาบาลมากขนาดนี้ เรื่องราวของพวกเธอก็เลยถูกพูดถึงกันไปทั่วเลย Jolene Garrow พยาบาลอีกคนที่ท้องเหมือนๆ กัน เธอเล่าว่าในทุกๆ คืนจะมีคนไข้อยู่ 1 คนที่จะขอลูบท้องของเธอก่อนนอนอยู่เสมอ ซึ่งมันก็ทำให้รู้สึกแปลกอยู่บ้าง แต่ก็เข้าใจคนไข้คนนั้น ทางโรงพยาบาลเองก็ถึงกับจัดงานแสดงความยินดีกับคุณแม่ทั้ง 16 คนนี้ พร้อมกับมอบของรับขวัญเด็กที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลกในอนาคต ภาพบรรยากาศงานรับขวัญเด็ก (จัดขึ้นวันที่…
-
แอร์สาวเยอรมัน ประกาศขาย ‘ความเวอร์จิ้น’ หลังเก็บไว้มานาน 36 ปี เพราะยังไม่เจอคนที่ใช่!!
ใครเล่าจะคิดว่า ‘ความเวอร์จิ้น’ จะสามารถนำมาประกาศขายได้ราวกับสินค้าหายาก แถมยังมีราคาแพ๊งแพง จนถึงหลักล้านหรือสิบล้านเลยทีเดียว!? เช่นเดียวกันกับสาวแอร์โฮสเตสชาวเยอรมนี ที่เก็บความเวอร์จิ้นมายาวนานกว่า 36 ปี ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะนำมันมาขายประมูลผ่านทางออนไลน์ ด้วยการช่วยเหลือจากเว็บไซต์ Cinderella Escorts ทำให้ความเวอร์จิ้นของเธอได้รับความสนใจ และถูกขายไปในราคาที่สูงถึง 250,000 ยูโร หรือราวๆ 9.5 ล้านบาท!! โดยนักธุรกิจผู้ไม่ประสงค์ออกนามจากกรุงมิวนิค Mandy เล่าว่าที่เก็บความเวอร์จิ้นมาจนถึงทุกวันนี้เป็นเพราะเธอยังไม่ได้เจอคนที่ใช่เท่านั้นเอง “คำว่า ‘เซ็กส์’ สำหรับฉันมันก็เหมือนกับคาสิโน เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าใครคือคนที่ใช่ และเมื่อเจอแล้วฉันก็พร้อมที่จะหยุดที่คนคนนั้น” “ผู้หญิงทุกคนจะมีโอกาสในการ ‘สูญเสียความเวอร์จิ้น’ ได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต แต่ถ้าเราเก็บมันไว้เป็นเวลานานเท่าไหร่ ก็อาจจะทำให้ความสุขที่ได้รับมามันคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นเท่านั้น” แต่อย่างไรก็ตาม จากการประกาศขายความเวอร์จิ้นของตัวเองในครั้งนี้ เธอเองก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้พบกับชายคนที่ใช่ ที่เธอตามหามาตลอดเสียที และแม้ว่าเขาจะไม่ใช่แต่เธอก็ยังจะคงตามหาต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ การประมูลความเวอร์จิ้นของ Mandy นั้นเป็นไปอย่างดุเดือด และผู้ชนะก็เป็นนักธุรกิจจากกรุงมิวนิค ในราคา 250,000 ยูโร (9.5 ล้านบาท) ส่วนอันดับที่สองก็ตามมาติดๆ เป็นทนายความ…
-
หนูน้อยสุดแสบ แม่บอกให้สั่งตุ๊กตาในเน็ตเป็นของขวัญวันเกิด จัดมาเป็นคันรถมูลค่านับหมื่น!!
อย่างที่รู้ๆ กันว่าเดี๋ยวนี้การซื้อของออนไลน์ มันเป็นอะไรที่ง่ายซะยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปาก แค่เลื่อนดูกดคลิกสั่งซื้อแค่นี้ก็เป็นอันเรียบร้อย จากนั้นก็แค่นอนรอรับของอยู่ที่บ้านด้วยความสบายใจ แต่ถึงอย่างนั้นความง่ายนี้ก็เป็นเหมือนกับดาบสองคม เพราะมันอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพปองร้ายได้ง่ายๆ หรือบางทีคุณอาจจะต้องปวดหัวเหมือนกับในกรณีของเด็กสุดแสบคนนี้ ที่กดสั่งซื้อของเล่นมาเป็นหมื่นๆ บาท โดยที่ครอบครัวของเธอไม่รู้แม้แต่น้อย… โดยเรื่องสุดฮาที่ว่านี้มีอยู่ว่า คุณแม่นาม Catherine Lunt ได้ปล่อยให้ Katelyn ลูกสาวของเธอเลือกซื้อตุ๊กตาบาร์บี้ตัวหนึ่งบนเว็บไซต์ เพื่อเป็นของขวัญสำหรับวันเกิดอายุครบ 6 ขวบ เหตุการณ์หลังจากนั้นก็เป็นไปตามปกติเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งรถส่งสินค้าของทางเว็บไซต์ Amazon มาส่งของที่หน้าบ้านของเธอที่รัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เหมือนสะใจเอามากๆ กับการแกล้งแม่ครั้งนี้ และวินาทีนั้นเองที่คุณแม่คนนี้ต้องช็อคตาตั้ง เพราะเพิ่งรู้ความจริงว่าลูกสาวตัวแสบของเธอนั้นซื้อของเล่นมาเกือบเต็มคันรถ และมันมีมูลค่ารวมแล้วถึง 350 ดอลลาร์ (ประมาณ 11,600 บาท)!! เมื่อเห็นความแสบสันฉลาดแกมโกงของหลานสาวคนนี้ Ria Diyaolu ลูกพี่ลูกน้องกับผู้เป็นแม่ เลยถ่ายภาพเก็บเอาไว้แล้วเอาไปแชร์ลงโซเชียลซะเลย ยิ้มแป้นเชียวนะแหม My badass little cousin ordered $300 worth of toys w/o my aunt &…
-
เจ้าบ่าวใจสลาย จัดงานแต่งกับแฟนสาวที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง แต่เธอจากไปก่อนงานเริ่ม
เรื่องราวความรักที่รู้ทั้งรู้ว่าอย่างไรมันก็ต้องถึงจุดจบ และมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องจากไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงเดินหน้าต่อไปแม้ว่าเส้นทางความรักของเขาจะมีความผิดหวังรออยู่ที่ปลายทางก็ตาม… Yang Feng หนุ่มชาวจีนวัย 27 ปี ตัดสินใจจัดงานแต่งงานกับคู่หมั้น Xiao Hui ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะเรื้อรัง ในโรงพยาบาลที่เธอรักษาตัวอยู่ในเมืองเจิ่งโจว มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน สาเหตุที่นาย Yang ตัดสินใจจัดงานแต่งขึ้นมาก็เพราะว่าอาการของ Xiao ย่ำแย่ลงมาก เขาจึงอยากจะทำให้สิ่งที่เธอหวังมาตลอดคือการแต่งงานเกิดขึ้นอย่างที่เธอได้ตั้งใจเอาไว้ โดยกำหนดวันแต่งเอาไว้เป็นวันที่ 12 สิงหาคม 2561 แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก เพราะ Xiao ได้เสียชีวิตจากโลกใบนี้ไปอย่างสงบในเวลา 17.20 น. ของวันงาน ฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวเมื่อรู้เรื่องราวดังกล่าวแล้วก็พยายามที่จะทำให้งานแต่งนั้นดำเนินต่อไปท่ามกลางผู้สื่อข่าวและแขกมากมายที่มาร่วมงาน แต่สุดท้ายแล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า “งานแต่งงานนี้ผมไม่สามารถจัดมันต่อไปได้อีกแล้ว ขอให้ทุกคนออกไปด้วยครับ” เรื่องราวความรักของทั้งคู่เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน ขณะที่นาย Yang เป็นคนส่งของ แล้วไปส่งที่บ้านของเธอ ทั้งคู่ตกหลุมรักกันตั้งแต่ตอนนั้นและตัดสินใจเดตกัน ทางด้าน Xiao เองก็บอกฝ่ายชายไว้ก่อนแล้วว่าเธอกำลังป่วย แต่เขาเองก็ยืนยันที่จะสานต่อความสัมพันธ์ต่อไป “ผมรู้ว่าเธอป่วยตั้งแต่แรก…
-
ผู้ต้องหาที่ FBI ต้องการตัว โชว์สเตป In My Feelings ต่อหน้ากล้อง ขณะถูกส่งตัวขึ้นศาล
Aubrey Drake Graham หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Drake ในฐานะแรปเปอร์ชาวแคนาดาผู้สร้างสรรค์เพลงฮิตติดปากไปอย่างมากมายและเป็นศิลปินคนหนึ่งที่มียอดขายถล่มทลายมากๆ ในยุคนี้ ล่าสุดเพลงใหม่ที่เขาปล่อยออกมาในวันที่ 10 กรกฎาคม 2018 อย่าง In My Feelings ก็กลายเป็นเพลงฮิตติดกระแสไปอย่างรวดเร็ว แถมสร้างปรากฏการณ์ #InMyFeelingsChallenge เทรนด์ใหม่ที่ออกไปเต้นเพลงนี้นอกรถกันอีกด้วย ถ้าถามว่าเทรนด์ดังกล่าวนั้นฮิตขนาดล่ะก็ #เหมียวโคบี้ บอกเลยว่าฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง ขนาดบุคคลที่ FBI ต้องการตัวมากที่สุด เมื่อเห็นกล้องยังต้องเต้นเพลงนี้ออกมาเลยอะ!! โดยที่บุคคลดังกล่าวคือ Brazen Antwan Mims เขานั้นเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตาย 2 รายในงานปาร์ตี้ก่อนที่จะหลบหนีการจับกุมของตำรวจไป ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตามสืบและสามารถจับกุมเขาได้ในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา ในวันที่ 14 สิงหาคม 2018 เป็นวันที่เขาต้องไปขึ้นศาลในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาหรือไตร่ตรองมาก่อน จึงต้องมีการนัดรับและส่งตัวเขาที่สนามบิน Southwest Michigan Regional Airport แต่ทันทีที่ผู้ต้องหากำลังเดินเพื่อไปขึ้น SUV ของเจ้าหน้าที่ เขาได้เหลือบไปเห็นกล้องของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง จึงได้โชว์สเตปการเต้น In My Feelings ไปหนึ่งสเต็ป จากเหตุการณ์นั้นทำให้ Benton Harbor ผู้อำนวจการหน่วยงานคุมความปลอดภัย Dan…
-
ที่นี่บราซิล!! ชายถือมีดจี้หญิงสาวบนรถไฟ สุดท้ายโดนรุมกระทืบ สลบนอนจมกองเลือด
เหตุการณ์นี้เป็นเหมือนกับหลักฐานพิสูจน์ที่มาของคำว่า “ที่นี่บราซิล” เลยก็ว่าได้ เมื่อหนุ่มถือมีดจี้ผู้โดยสารสาว หวังจะลักพาตัวเธอไป แต่สุดท้ายเขาก็ถูกรุมประชาทัณฑ์ นอนสลบจมกองเลือดไปเลย เรื่องราวนี้เกิดขึ้นวันที่ 17 สิงหาคม 2018 ในขบวนรถไฟเมืองที่จอดอยู่ตรงสถานีของนคร Rio de Janeiro ประเทศบราซิล ภาพของชายที่ใช้มีดจี้ผู้โดยสารบนรถไฟ ชายหนุ่มคนดังกล่าวแอบพกมีดขึ้นไปบนขบวน ก่อนที่จะใช้มันจี้หลังผู้หญิงคนหนึ่ง เพื่อที่จะลากเธอออกไปในตอนที่จอดอยู่ตรงสถานี หญิงสาวจึงตัดสินใจกรี๊ดออกมาดังๆ จนทำให้ผู้โดยสารคนอื่นๆ หันไปดู ก่อนที่เธอจะผลักตัวเองออกมาลงไปนั่งกับพื้น ในตอนแรกชายหนุ่มแสร้งทำเป็นคนรักของเธอ พูดขึ้นมาว่า “โธ่ว ที่รัก ผมรักคุณนะ อย่าเลิกกับผมเลย” แต่หญิงสาวคนนั้นก็บอกกับทุกคนว่าไม่ได้รู้จักกับชายคนนี้มาก่อนเลยจริงๆ เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดี เขาจึงตัดสินใจหันมีดใส่ผู้โดยสารคนอื่นๆ หวังที่จะมุดหนีออกไป แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะคนจำนวนมากได้ทำการล้อมเขาเอาไว้หมดแล้ว จากคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เผยให้เห็นชายคนนี้เหวี่ยงมีดไปมา พยายามป้องกันตัวเองจากผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่พยายามเอาร่มฟาดเขา และปาข้าวของใส่ ในขณะที่รถไฟกำลังแล่นไปเรื่อยๆ ความส่ายของรถ ทำให้ชายหนุ่มเสียหลักล้มลงไป กลายเป็นวินาทีที่ผู้โดยสารคนอื่นๆ พุ่งเข้าไปรุมประชาทัณฑ์ ทั้งทุบตี เตะไปซ้ำๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด…
-
19 ภาพหนุ่ม ‘บวมเบียร์’ ที่อ้วนลงพุงไม่พอ ยังเกรียนแอ๊บเป็น ‘ขุ่นแม่’ แบบจัดเต็ม!!
อย่างที่รู้ๆ กันว่าน้ำเมารสชาติแสนหวานอร่อยอย่าง ‘เบียร์’ มันช่างเป็นของโปรดสำหรับชายหนุ่มทั้งหลายซะเหลือเกิน ซึ่งบางคนก็อาจกินแทนน้ำ กินทุกครั้งที่มีโอกาสจนในที่สุดแล้วจะไปไหนได้นอกจากลงมากองกันบริเวณ ‘พุง’ น้อยๆ สิครับ แต่ถึงอย่างนั้นแม้จะอ้วนลงพุงยังไง ทว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่จะบอกลากับเครื่องดื่นอันหวานเจี๊ยบนี้ ในทางกลับกันกลับเห็นเป็นเรื่องสนุกมากกกว่าที่มีพุงนุ่มๆ ให้หยิกเล่นๆ และพวกเขาเหล่านี้ก็เช่นกัน ที่อ้วนแล้วแต่ยังมีความสุขแสดงความเกรียนออกมาให้ได้เห็นกัน และสิ่งที่พวกเขาทำก็คือการนำพุงหย่อนยื่นของพวกเขา มาแกล้งทำเป็นคนท้องไปซะเลย ซึ่งจะดูไปก็เป็นภาพน่ารักๆ เหมือนกันนะที่ได้เห็นพวกเขาได้มุมเช่นนี้ ว่าไงลูกพร้อมจะออกมาลืมตาดูโลกหรือยัง กี่เดือนแล้วเนี่ยบวมขนาดนี้ อย่าดิ้นแรงลูก เบาๆ พอ คุณแม่เซ็กซี่ไหมล่ะฮ้า น่ารักใช่ไหมล่ะ คุณแม่กับทุ่งดอกไม้อย่างนี้ มีการเอามงกุฎดอกไม้มารับขวัญน้องด้วยนะ คนท้องเค้าบอกต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมดีๆ ว่าไงล่ะจ๊ะคุ๊ณแม่ สงสัยจะเป็นลูกแฝด อยากมาสัมผัสใช่ไหมล่ะ จุ๊ๆ ลูกอย่าตื่นกล้องสิ มาเต็มทีเดียวสำหรับคุณแม่คนนี้ สงสัยหมดไปเย๊อะ ดูสายตาแล้วเซ็กซี่ฝุดๆ ไปเลย จารย์ครับ ล้ำหน้า!!…
-
นางฟ้าเดินดิน…ตำรวจหญิงอาสาให้นมเด็กขาดสารอาหาร แม้เด็กจะถูกรังเกียจว่า ‘ตัวเหม็น’
แม้ว่าวัยเด็กจะเป็นวัยที่ร้องไห้บ่อยที่สุด แต่ว่าถ้าหากเป็นเสียงร้องที่เกิดขึ้นจากความทรมานเจ็บปวดแล้ว เป็นใครได้ยินเข้าก็คงอยู่เฉยไม่ได้หรอกใช่ไหมล่ะ เช่นเดียวกับตำรวจหญิงคนนี้ที่การกระทำของเธอได้รับเสียงชื่นชมจากชาวเน็ตอย่างมากมาย เพราะเธอได้อุทิศตนให้นมแก่เด็กที่ร้องไห้เพราะความหิวแม้ว่าจะไม่ใช่หน้าที่ของเธอแม้แต่น้อยเลยก็ตาม โดยเรื่องแสนน่าประทับใจนี้มีอยู่ว่า Celeste Ayala ตำรวจหญิงแห่งเมือง Berisso ประเทศอาร์เจนติน่า ได้เข้าเวรประจำอยู่ที่โรงพยาบาลเด็ก Sister Maria Ludovica children’s hospital และในทันใดนั้นเองก็มีเด็กน้อยผู้น่าสงสารคนหนึ่งถูกส่งตัวเข้ามา โดยเด็กที่ถูกส่งมาที่โรงพยาบาลนี้เป็นเด็กที่ป่วยเป็นโรคขาดสารอาหาร ซึ่งทันทีที่เข้ามาก็ร้องไห้กระจองอแง และคาดว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากการไม่ได้กินอะไรมาเป็นเวลานาน ในขณะนั้นด้วยความเห็นว่าเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทุกคนกำลังยุ่งอยู่จนไม่มีเวลามาดูแลเด็กคนนี้ ตำรวจหญิงจึงตัดสินใจเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ว่าขอให้เธอให้นมเด็กคนนี้ได้หรือไม่ เพราะไม่อยากเห็นเด็กต้องนอนร้องอย่างทรมานเช่นนี้ และเมื่อเจ้าหน้าที่อนุญาตเธอก็ให้นมเด็กในทันที “ฉันสังเกตเห็นว่าเขาน่าจะหิวเพราะเขาเอานิ้วใส่ปากอยู่ตลอดเวลา ฉันจึงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ว่าขอให้ฉันกอดเขาและให้นมเขาได้ไหม ในตอนนั้นมันเป็นอะไรที่น่าเศร้ามากเลยนะใจของฉันแทบสลายที่ได้เห็นภาพของเด็กคนนี้” Celeste กล่าว จากการรายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่า เด็กคนนี้จริงๆ แล้วเป็นเด็กคนที่ 6 ของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคนหนึ่ง และที่เขาถูกละเลยเช่นนี้ก็เพราะว่าผู้เป็นแม่ของเขามีฐานะที่ค่อนข้างยากจนนั่นเอง ทางด้านเพื่อนร่วมงานของ Celeste เล่าให้ฟังว่า แม้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลจะเรียกเด็กคนนี้ว่า ‘เจ้าตัวเหม็น’ แต่ Celeste ก็ไม่ได้รังเกียจแต่อย่างใดพร้อมทั้งยังอุ้มเด็กคนนี้ไว้ตลอดเวลา และเมื่อเห็นถึงวินาทีอันน่าประทับใจนี้ก็ทางเพื่อนร่วมงานจึงถ่ายภาพเก็บเอาไว้ และได้อัปโหลดเข้าสู่โลกออนไลน์ในเวลาต่อมา เพื่อให้เห็นว่าโลกใบนี้ก็ยังมีคนดีๆ เช่นนี้อยู่ “ผมอยากให้ทุกๆ คนเห็นว่าความรักอันยิ่งใหญ่ของเธอเป็นเช่นไร…
-
พบหนูน้อยวัย 6 ขวบ แต่มีใบหน้าราวกับเป็นคนแก่ หรือนี่คือ ‘Benjamin Button’ ในชีวิตจริง…
เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บบางครั้งก็เป็นเรื่องที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมันอาจเกิดขึ้นมาจากสาเหตุที่อยู่เหนือการควบคุมของตัวเรา และในกรณีของเด็กผู้น่าสงสารคนนี้ก็เช่นเดียวกัน เพราะทั้งๆ ที่เขามีอายุได้เพียงแค่ 6 ขวบ แต่กลับมีใบหน้าเหมือนกับผู้ใหญ่ในวัยชรา ซึ่งมันก็เป็นผลมาจากโรคที่หาได้ยากถึง 1 ใน 50,000 คน!! Yernar Alibekov หนูน้อยวัย 6 ขวบจากประเทศคาซัคสถานคือผู้โชคร้ายคนดังกล่าว เขาได้รับการวินิจฉัยว่ามีความผิดปกติเกี่ยวกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่หาได้ยาก ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Ehlers-Danlos syndrome (โรคหนังยืดผิดปกติ) ตั้งแต่เกิดมาเพียง 1 เดือน โดยอาการแรกจากโรคดังกล่าวก็คือ เด็กคนนี้เกิดมาพร้อมกับผิวหนังใต้ตาที่หย่อนคล้อยอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็เริ่มเป็นที่บริเวณอื่นๆ จนกระทั่งทั่วทั้งใบหน้าอย่างที่เห็นในภาพ ใครหลายคนอาจจะคุ้นกับเรื่องอย่างนี้ว่าเคยเห็นที่ไหน ใช่แล้วล่ะคุณอาจจะเคยเห็นอาการเหล่านี้ในภาพยนตร์เรื่อง ‘Benjamin Button’ แต่ว่านี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ บนโลกใบนี้… ทางด้านคุณแม่ Zibensa Tulepbergenova ก็บอกว่าโรคพยาบาลท้องถิ่นในเมือง Astana เมื่อเห็นอาการของลูกเธอก็พยายามจะช่วยเหลือจนถึงขั้นยอมยกเว้นกฎของพวกเขา และจะทำการผ่าตัดผิวหนังให้เด็กคนนี้แม้ว่าจะมีอายุต่ำกว่า 18 ปีก็ตาม ทว่าแม้โรงพยาบาลจะยอมผ่าตัดให้หนูน้อยคนนี้โดยการยกเว้นกฎให้ แต่ถ้าจะเข้ารับการผ่าตัดแบบฟรีๆ จะต้องรออีกหลายปี ทางครอบครัวจึงตัดสินใจว่าจะจ่ายเงินเป็นจำนวน 312 ดอลลาร์…
-
การเจาะซีสต์เม็ดบักเอ้ก!! ติดอยู่บนหลังของชายคนนี้มานานกว่า 25 ปี ดูแล้วรู้สึกเจริญอาหารขึ้นมาเลย
ใครชอบดูคลิปบีบสิวบ้าง อ่ะขอให้ยกมือขึ้น!! ถ้าเพื่อนๆ เป็นคนหนึ่งที่ชอบ (หรือจะแชร์ไปแกล้งให้เพื่อนที่ไม่ชอบก็ได้) นี่จะต้องเป็นหนึ่งในคลิปโปรดของคุณอย่างแน่นอน สิ่งที่เรากำลังจะได้เห็นกันต่อจากนี้ คือก้อนซีสต์เม็ดยักษ์ขนาดมหึมา ที่อยู่บนหลังของ Dave Andrew คุณพ่อชาวอังกฤษมานานกว่า 25 ปี!! ใหญ่กว่านิ้วโป้งอีกมั้งนั่น!! คลิปนี้เผยให้เห็นว่า Kerry ลูกสาวของเขาได้ใช้มีดขนาดเล็กที่เหมือนกับมีดผ่าตัด จิ้มลงไปบนซีสต์เม็ดยักษ์ดังกล่าว ก่อนที่ของเหลวสีขาว-เหลืองจะไหลออกมาเพียบ พรืดดดดดดดดดด แล้วก็ปนด้วยเลือดนิดๆ เช็ดให้สะอาด เราจะเห็นว่าซีสต์เม็ดนั้นได้อันตรธานหายไปในบัดดล รอช้าอยู่ใย?! ไปชมคลิปการเจาะซีสต์อันแสนเพลิดเพลิน บรรเทิงจิตนี้กันเลยยย Kerry เล่าว่าเมื่อ 25 ปีก่อน พ่อของเธอเคยไปที่โรงพยาบาลในเมืองบริสตอล เพื่อให้พวกเขาช่วยเจาะซีสต์ในบริเวณเดียวกันนี้ แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่วัน จู่ๆ มันก็โตขึ้นมาอีกในจุดเดิม หลังจากนั้น พ่อของเธอก็ไม่เคยไปทำการเจาะซีสต์อีกเลย จนกระทั่งล่วงเลยมานานถึง 25 ปี เขาก็เริ่มรู้สึกเจ็บและนอนหงายได้ไม่สะดวกนัก จึงขอให้ลูกสาวช่วยเจาะออกให้หน่อย ตอนแรก Kerry กลัวว่าจะทำพ่อเจ็บ แต่เมื่อเขาบอกว่า “เอาเลย”…
-
ภรรยาถึงกับช็อก เมื่อ “สามีผู้สมบูรณ์แบบ” สารภาพว่าข่มขืนลูกชายวัย 7 ขวบ มานาน 5 ปี!!
คงไม่มีใครคิดหรอกว่าภาพลักษณ์ของคนคนหนึ่งที่เราเห็นว่าเขาเป็นคนดี รักครอบครัว พอมาวันหนึ่งเราได้รับรู้ความจริงบางอย่าง มันกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราเข้าใจไปอย่างสิ้นเชิง เหตุการณ์ในลักษณะนั้นได้เกิดขึ้นกับคุณแม่ชาวรัสเซีย ผู้ที่คิดมาตลอดว่าสามีของตัวเองคือ “คุณพ่อผู้สมบูรณ์แบบ” ก่อนจะได้รู้ความจริงว่าเขาคนนั้นข่มขืนลูกชายตัวเองมาตลอด 5 ปีเต็ม ภาพของคนเป็นพ่อและลูกชาย เรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยออกมา หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในประเทศรัสเซีย ได้ไปเจอเข้ากับเว็บไซต์ใต้ดินที่เต็มไปด้วยคลิปอนาจารของกลุ่มเฒ่าหัวงูที่มีรสนิยม “ใคร่เด็ก” (Pedophile) และมีบางคลิปที่เผยให้เห็นใบหน้าของทั้งผู้ชายและเด็กชายภายในคลิป จึงทำให้ตำรวจสามารถระบุตัวตนของคนคนนั้นได้ ก่อนที่จะบุกเข้าไปในบ้านของเขาตามที่อยู่ในเมืองมอสโก เมื่อตำรวจบุกเข้าไปในช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2018 ที่ผ่านมา ชายคนดังกล่าวก็สารภาพออกมาในทันทีว่า ตนเองข่มขืนลูกชายวัย 7 ขวบมานานกว่า 5 ปี และนำคลิปการกระทำเหล่านั้นอัปโหลดลงในเว็บไซต์ใต้ดิน คำสารภาพจากปากของชายคนนี้ ทำให้ภรรยาของเขาและแม่ของเด็กถึงกับต้องตกอยู่ในความหวาดกลัว เธอบอกว่าตัวเองตกใจและสะเทือนใจจนแทบจะเสียสติไปเลย ทั้งเธอและคนใกล้ตัวคนอื่นๆ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชายคนนี้จะทำเรื่องอย่างนั้นลงไป เพราะปกติจะเห็นว่าเขาเป็นคนที่รักครอบครัว เป็นคุณพ่อที่ดีเอามากๆ โพสต์รูปตอนที่ไปเที่ยวกันในวันหยุด หรือช่วงเวลาแห่งความสุขที่มีให้กัน สุดท้ายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมตัวเขาไปกักขังไว้เป็นเวลา 2 เดือนหลังจากนี้ เพื่อรอการสืบสวนเพิ่มเติมต่อไป ที่มา: mirror , thesun
-
คุณพ่อส่งตัวลูกสาวเข้าสู่ “พิธีวิวาห์” เติมเต็มความต้องการสุดท้าย ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป
นี่คือเรื่องราวอันแสนอบอุ่นหัวใจ และการจากไปอย่างน่าเศร้าของ Pedro Villarin คุณพ่อวัย 65 ปี ซึ่งในช่วงสุดท้ายของชีวิต เขาได้เติมเต็มความฝัน ส่งลูกสาวเข้าสู่พิธีวิวาห์ ความต้องการสุดท้ายของเขา คือการได้ส่งลูกสาวสุดที่รักเข้าสู่พิธีวิวาห์ Charlotte ลูกสาวของเขา ได้บอกเรื่องงานแต่งกับคุณพ่อก่อนหน้านั้น 2 เดือน โดยที่ Pedro มีความตั้งใจเป็นอย่างมากว่า ในวันนั้นเขาจะต้องเดินจับมือลูกสาวสุดที่รักเข้าไปในพิธีให้จงได้ แต่เนื่องจากว่าเขาป่วยเป็นมะเร็งตับขั้นรุนแรง ทำให้ต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาโดยตลอด จึงทำให้หลายๆ คนกลัวว่าร่างกายของเขาจะอดทนรอให้ถึงวันงานไม่ไหว Pedro ขณะที่กำลังพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่แล้วในวันที่ 9 สิงหาคม 2018 เขาก็สามารถเติมเต็มความฝันและความตั้งใจของตัวเองได้สำเร็จ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงไปเดินด้วยตัวเอง แต่เขาก็ได้นอนอยู่บนเตียงของรถฉุกเฉิน จับมือลูกสาวเข้าไปในพิธี Charlotte เล่าว่า “เราได้จ้างรถฉุกเฉินและพยาบาลส่วนตัวให้ช่วยดูแลพ่อ ในตอนแรกเราวางแผนที่จะให้พ่อได้นั่งรถเข็น แต่ร่างกายของเขาทำได้เพียงแค่นอนอยู่บนเตียงของรถฉุกเฉินเท่านั้น” เธอบอกว่าในวันนั้นมันเป็นเหตุการณ์ที่ทั้งประทับใจ และสะเทือนใจไปพร้อมๆ กัน เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าอีกไม่นานคุณพ่อก็จะต้องจากโลกนี้ไป แต่เธอก็ยังมีความสุขที่ได้เห็นพ่ออยู่เคียงข้าง ได้เห็นเธอเข้าพิธีแต่งงานในที่สุด และสิ่งที่ทำให้เธอต้องหลั่งน้ำตาทุกครั้งที่พูดถึงพ่อของเธอก็คือความเสียสละของเขา ซึ่งถึงแม้ว่าร่างกายจะต้องเจ็บปวดมากขนาดไหน แต่พ่อก็ยอมอดทนเอาไว้และไม่ยอมปล่อยมือเธอเลย…
-
เลิกนิ้วล็อก!! ไขกระจ่าง ‘Dele Challenge’ ที่เอานิ้วเป็นวงมาครอบตามันทำยังไง คืออะไรกันแน่…
เรียกได้ว่าในตอนนี้ถ้าเปิดโซเชียลมีเดียไหนขึ้นดู จะต้องเห็นคนทำนิ้วเป็นวงแปลกๆ คล้ายรูปโอเคกลับหัวมาครอบตากัน หลายคนอาจจะสงสัยกันว่ามันคืออะไรทำไมถึงได้ฮิตระเบิดระเบ้อกันจัง และในวันนี้ #เหมียวจิวยี่ จะมาไขให้กระจ่างเลยว่ามันคืออะไรกันนะ!! โดยจุดเริ่มต้นของกระแสสุดฮอตฮิตที่ว่านี้ มันเริ่มต้นขึ้นมาจากการเป็นท่าฉลองทำประตูได้ของ Dele Alli มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษของทีม ‘ไก่เดือยทอง’ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส ที่ยิงใส่ทีมนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด จนกลายเป็นประตูชัยไปในเกมนัดล่าสุด หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนสงสัยว่าท่าฉลองรูปโอเคกลับหัวของเขามันทำได้ยังไงกัน?? งานนี้เขาก็เลยออกมาสอนเพื่อนๆ ผ่าน Instagram จนกลายเป็นความฮากันไป เพราะว่าบางคนก็ทำได้ บางคนก็ยังงงๆ ว่ามันทำยังไงกันแน่ฟะ นี่เลยจุดเริ่มต้นของกระแสพี่แก Dele Alli has set the challenge, who can do this? 👌#Dele #THFC #COYS #PremierLeague[🎥IG/dele] pic.twitter.com/SqnreoV1TS — Xtra Minute (@XtraminuteTV) August 14, 2018 เพื่อนๆ นักฟุตบอลเริ่มทำตาม ทำได้มั่ง ไม่ได้มั่ง…
-
พนักงานส่งอาหารโดนไล่ออก หลังถูกจับได้ว่า “แอบกินข้าวลูกค้า” ในลิฟต์ อย่างเอร็ดอร่อย!!
ปัจจุบัน บริการเดลิเวอรี่ ส่งอาหารให้ถึงที่โดยเราไม่ต้องออกไปไหน กำลังเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยความสะดวกสบาย ไม่ต้องเสียเวลาออกไปเจอกับรถติด แต่หารู้ไม่ว่าบริการดังกล่าวอาจทำให้คุณได้รับอาหารในปริมาณที่น้อยลง ซึ่งอาจเกิดจากเหตุผลที่ว่าพนักงานส่งอาหาร “แอบกินข้าว” ของเราไปก่อนในระหว่างทาง เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ แอบกินข้าวลูกค้า ด้วยความเอร็ดอร่อย นี่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่เผยให้เห็นว่าพนักงานของ Meituan แอปส่งอาหารชื่อดังในประเทศจีน เขาแอบกินข้าวของลูกค้าอยู่ภายในลิฟต์ด้วยความเอร็ดอร่อย เรียกได้ว่าคงจะอิ่มท้องกันไปเลย ภาพที่เราเห็นนั้นเกิดขึ้นในเมือง Guangdong ประเทศจีน โดยคลิปดังกล่าวได้กลายเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโลกโซเชียล ช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2018 ที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าชายคนนี้เปิดกล่องอาหารลูกค้า แล้วก็กินมันอย่างสบายใจ ดูเพลิดเพลินกับการกินเสียเหลือเกิน ต่อมาก็เหมือนว่าเขาจะกินจนพอแล้ว เก็บกล่องข้าวใส่กลับไปในถุงเหมือนเดิม แต่ว่ามันไม่ใช่แค่นั้น เพราะเขายังควักเอาน้ำซุปขึ้นมายกซดตบท้ายอีกด้วย ซดน้ำซุปให้คล่องคอ แล้วก็ออกจากลิฟต์ไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากคลิปนี้เริ่มกระจายออกไป พนักงานคนดังกล่าวจึงถูกทางบริษัทไล่ออกไปในที่สุด และหวังว่าเขาคงจะไม่ไปเป็นคนส่งอาหารอีกแล้วนะ คลิปจากกล้องวงจรปิด และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่มีพนักงานส่งอาหารถูกไล่ออกไปเพราะแอบทำอะไรกับอาหารของลูกค้า โดยก่อนหน้านี้ก็มีพนักงานคนหนึ่ง (ในประเทศจีนเช่นเดียวกัน) แอบกินข้าวลูกค้าแล้วก็คายทิ้งกลับที่เดิม ก่อนจะนำไปส่ง …
-
“Postcards From Google Earth” งานสุดเจ๋งที่เกิดจากความผิดพลาดของ Google Earth!!
แม้ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำยุคนำสมัยถึงอย่างไร แต่ว่าเรื่องของความผิดพลาดก็ยังมีให้เห็นอยู่เสมอ อย่างเช่นระบบ GPS ที่บางครั้งก็พาเราไปหลงทาง หรือแม้แต่สิ่งที่เรียกว่า ‘Google Earth’ แผนที่แสดงสิ่งต่างๆ บนโลก… ทว่าบางครั้งความผิดพลาดก็กลับกลายมาเป็นความสวยงามขึ้นมาได้ อย่างเช่นผลงานต่อไปนี้ที่รวบรวมขึ้นโดย Clement Valla สถาปนิกและดีไซเนอร์ชาวอเมริกัน โปรเจกต์งานนี้ของเขามีชื่อเรียกว่า “Postcards From Google Earth” ซึ่งเผยให้เห็นถึงความผิดพลาดต่างๆ โดยอาจเกิดขึ้นจากโครงสร้างบางอย่างที่ยากต่อการประมวลผลของระบบ จึงทำให้ภาพที่ออกมามันดูแปลกประหลาดอย่างที่ใครไม่เคยเห็นมาก่อน และโครงสร้างส่วนใหญ่นั้นก็จะเป็นจำพวกสะพาน ถนน หุบเขาต่างๆ (เพราะมีความต่างระดับ) เรามาดูกันดีกว่าว่าความสวยงามที่เขาว่านี้จะเป็นอย่างไร และมันจะออกมาเพี้ยนได้ขนาดไหนกันนะ… ไม่อยากจะคิดภาพตอนลงเขาว่าจะเสียววืบขนาดไหน ทำไมถนนมันยึกยือๆ อย่างนี้เนี่ย เหมือนกับในเกมสมัยก่อนยังไงยังงั้น ลองนึกภาพตามว่าถ้ารถขึ้นจริงๆ จะขึ้นยังไง ชันขนาดนี้ เกม 8 bit ใช่ป๊ะ นี่ก็สูงเกิ๊นน แคบขนาดนี้ถ้าพลาดมามีตกน้ำบ้างแหละ ขาวๆ นั่นน่าจะเป็นน้ำตกนะ อันนี้สวยจัง ><…
-
ญี่ปุ่นหิมะตกแล้ว!! สร้างสถิติใหม่ หิมะตกไวที่สุดในประวัติศาสตร์ ณ เกาะฮอกไกโด
ในขณะที่อุณหภูมิทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นกำลังร้อนได้ที่ แต่กลับมีหนึ่งภูมิภาคที่ล้ำหน้าไปเร็วกว่าทุกพื้นที่ของญี่ปุ่น เพราะว่าล่าสุดนี้ เกาะฮอกไกโดทางตอนเหนือของประเทศ ‘มีหิมะตกแล้ว’ ใช่แล้ว หิมะตกในเดือนสิงหาคม!! 本日、8月17日0時52分黒岳石室にて初冠雪です☃️現在の石室気温0℃と冷え込んでおります~!! pic.twitter.com/WjW3wkecR1 — 大雪山層雲峡黒岳ロープウェイ&リフト【公式】 (@rinyu_kurodake) August 16, 2018 ภาพดังกล่าวถูกถ่ายและโพสต์โดยทวิตเตอร์นามว่า @rinyu_kurodake ในช่วงเช้าตรูของวันที่ 17 สิงหาคม 2018 เผยให้เห็นสภาพหิมะที่กำลังปกคลุม Kurodake Ishimuro กระท่อมที่พักบนความสูง 1,900 เมตร ภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติไดเซะสึซัง ท่ามกลางอุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส โดยที่ช่วงกลางคืนก่อนเช้าวันที่ 17 สิงหาคม อากาศเริ่มเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับฝนตกเป็นระยะๆ จนกระทั่งเกิดหิมะตกในช่วงเวลาเช้าตรู่อย่างที่เห็น แม้ว่าสภาพอากาศโดยรวมของญี่ปุ่นจะยังอยู่ในช่วงฤดูร้อนก็ตาม ทั้งนี้ สภาพอากาศในโตเกียวและนาโกยามีอุณหภูมิเฉลี่ยที่ 30 องศาเซลเซียส และตามหัวเมืองใหญ่ๆ จะมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 35 องศาเซลเซียส ก่อนหน้านี้เคยมีการเก็บประวัติหิมะตกครั้งแรกในแต่ละปี มาตั้งแต่ปี 1974…
-
ลุงญี่ปุ่นวัย 48 ปี เมาแล้ว “ลวนลาม” สาวคนหนึ่ง สุดท้ายนางเป็นผู้ชายทั้งแท่งจ้าา!!!
ความเมาอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดความอันตรายในชีวิตแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดความอับอายได้อีกด้วย… ล่าสุดมีข่าวรายงานจากประเทศญี่ปุ่นที่ทำเอาผู้ชมถึงกับกลั้นความฮาไว้ไม่ไหว ในรายงานกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ร้ายที่เป็นชายวัย 48 ปีได้ เขาชื่อว่า ไซโตะ เคนอิจิ ส่วนข้อหาที่ทำให้เขาต้องถูกจับกุมก็คือ เขาเป็นผู้ต้องสงสัยว่าพยายาม กระทำชำเรา ผู้คนที่เดินผ่านมายังถนนไทโตะ ในกรุงโตเกียว เขาได้เข้าไปหาเหยื่อรายหนึ่งและลวนลามโดยการจูบและสัมผัสหน้าอก เขายอมรับว่าขณะนั้นเขามีอาการเมาสุราที่ค่อนข้างรุนแรง แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือ เหยื่อที่เขาเข้าไปลวนลามนั้นกลับเป็นเด็กหนุ่มเพศชายวัยราวๆ 20 ปีแทนที่จะเป็นหญิงสาวอย่างที่เขาคิดไว้ และเขาก็ไปกอดจูบลูบคลำไปแล้วเสียด้วย อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ทราบว่าลุงไซโตะคนนี้ไม่ใช่ได้มีรสนิยมรักเพศเดียวกัน เพียงแต่ว่า ขณะนั้นเขามีอาการเมาอย่างมากประกอบกับชายหนุ่มคนนั้นดันแต่งกายด้วยชุดผู้หญิงหรือที่เรียกกันว่า Cross-dresser นั่นเอง ปล. การแต่งกายข้ามเพศหรือ Cross-dressing สามารถทำได้ทั้งชายและหญิงโดยที่ผู้แต่งไม่จำเป็นจะต้องนิยมเพศเดียวกันก็ได้ “ผมคิดว่าเขาเป็นผู้หญิง ผมจึงเข้าไปจู่โจม แต่รู้ตัวอีกทีผมกลับพบว่าผมกำลังจูบกับผู้ชาย…” ไซโตะผู้ต้องหาวัย 48 ปีกล่าว ด้านล่างเป็นตัวอย่างของ Cross-dresser ที่เป็นเพศชายแล้วแต่งหญิง ดูแล้วบางครั้งเราเองก็อาจจะแยกไม่ออกเหมือนกันนะเนี่ย! . . . . ลุงคนนี้นอกจากจะได้รับโทษตามกฎหมายแล้ว ยังได้รับความอับอายมาติดตัวด้วยนะเนี่ย… ที่มา: ck101
-
ร้านอาหารหัวใสนำประกาศ ‘เด็กหาย’ ใส่ลงรายการอาหาร หวังเด็กๆ กลับสู่อ้อมอกพ่อแม่อีกครั้ง…
ถ้าหากลูกหลานเด็กๆ ของพวกเราเกิดหายตัวไป พวกเราก็อาจจะกังวลร้อนใจออกตามหาด้วยวิธีการต่างๆ อย่าง แจ้งตำรวจ แจกใบปลิวหรือไปถามหาเอาตามสถานสงเคราะห์ต่างๆ และด้วยความรู้ซึ้งถึงหัวอกความเดือดร้อนของคนเป็นพ่อเป็นแม่นี้เอง จึงทำให้ร้านอาหารในจีนตัดสินใจช่วยเหลือสังคม ด้วยการใส่ประกาศเด็กหายลงในรายการอาหารของพวกเขาซะเลย!! เรื่องราวดีๆ ที่ว่านี้เกิดจากร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ประเทศจีน ที่มองเห็นปัญหาในจุดนี้และคิดว่าพอจะหาทางช่วยเหลือได้จากสิ่งที่พวกเขาทำกันอยู่ทุกวัน เพราะโดยปกติแล้วถ้าหากมีการซื้ออาหารกลับบ้านหรือว่าสั่งเดลิเวอรี่ ร้านอาหารต่างๆ ในประเทศจีนก็มักจะใส่แผ่นกระดาษรองเอาไว้ ซึ่งเจ้าแผ่นกระดาษนี้ก็มักจะเป็นลวดลายเพิ่มความสวยงามหรือเป็นรายการอาหารอยู่แล้ว (อารมณ์ประมาณใบปลิว) ทางเจ้าของร้านจึงคิดว่าถ้าเปลี่ยนกระดาษดังกล่าวเป็นข้อมูลเด็กที่หายตัวไป น่าจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย “พื้นที่จัดส่งอาหารของผมอยู่ในเมืองเฉิงตู ดังนั้นข้อมูลของเด็กที่หายไปก็จะต้องอยู่ในเฉิงตูด้วยเช่นเดียวกัน และต้องเป็นเด็กที่เพิ่งหายไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา” หยางเจี้ยนโป เจ้าของร้านอาหารกล่าว ทั้งนี้เขาก็ยังอธิบายเพิ่มด้วยว่า ในแต่ละเดือนร้านอาหารของเขาส่งใบปลิวออกไปกว่า 7,000 แผ่น ดังนั้นแล้วนี่น่าจะเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสในการหาตัวเด็กเพิ่มได้ “ผมคัดเลือกข้อมูลมาอย่างละเอียด ข้อมูลในใบปลิวที่ร้านผมจะมีทั้งเรื่องราวว่าเด็กเป็นใคร พบเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ใส่ชุดอะไรออกจากบ้าน แล้วก็ยังมีภาพถ่ายอีก 2-3 ภาพแนบเอาไว้ด้วย” “พวกเราคิดว่าถ้าใส่ประกาศเด็กหายลงไปและส่งออกไปพร้อมๆ กับอาหารของเรา ลูกค้าน่าจะได้เห็นภาพของเด็กๆ ระหว่างกินอาหาร และนำไปสู่ผลตอบรับที่ดีต่อไป” เจ้าของร้านกล่าวปิดท้าย แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่มีรายงานว่ามีการหาตัวเด็กๆ ที่น่าสงสารเหล่านี้เจอจากผลของใบปลิวที่แจกออกไป แต่ถึงอย่างไรแล้วนี่ก็เป็นอีกหนึ่งการทำความดีที่น่าชื่นชมจากใจจริงๆ ที่มา:…
-
สาวนุ่งสั้นถูกชายโรคจิต “แอบมองขา” แถมควัก “ไอ้จ้อน” ออกมาช่วยตัวเองโชว์…
คนเราสมัยนี้ต้องเรียกได้ว่าใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความเสี่ยงจริงๆ โดยเฉพาะสาวๆ ที่บางครั้งไม่รู้ตัวเลยว่าจะมีใครแอบ คิดมิดีมิร้าย กับคุณอยู่ที่ไหนบ้างหรือเปล่า เช่นเหตุการณ์ที่จะนำเสนอให้ได้ชมกันในวันนี้ ถือว่าเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้หญิงที่ชอบแต่งตัวเซ็กซี่และชอบไปไหนมาไหนคนเดียว ภาพกล้องวงจรปิดส่งตรงจากประเทศจีนเผยให้เห็นว่าหญิงสาวรูปร่างเซ็กซี่พร้อมเสื้อแขนสั้นรัดรูปและกางเกงขาสั้นนั้นกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ทางกลางความเปล่าเปลี่ยวของลานจอดรถหลังจากเธอเพิ่งเลิกงาน และแล้วกล้องวงจรปิดก็เผยภาพชายที่ไม่ประสงค์ดีซ่อนตัวอยู่หลังรถใกล้ๆ กับหญิงสาว เขาได้แอบมองอย่างไม่เป็นมิตร และสุดท้ายเขาก็ควักอวัยวะเพศของตัวเองออกมาเพื่อสำเร็จความใคร่… ชมคลิปวิดีโอ ภายหลังหญิงสาวในคลิปวิดีโอเล่าว่า ขณะที่เธอคุยโทรศัพท์อยู่นั้นเธอก็ได้ยินเสียงประหลาดๆ นั่นทำให้เธอรู้สึกกลัวและเดินหนีออกมาจากจุดนั้นในที่สุด ชายโรคจิตปรากฏตัวออกมาพร้อมกับแอบเผยของลับของตนและหันไปทางหญิงสาว แถมยังพยายามเดินมาทางหญิงสาวในขณะที่ตนก็กำลังทำการสำเร็จความใคร่ไปด้วย อย่างไรก็ตามหญิงสาวกล่าวว่า ขณะที่เธอรู้ตัว เธอตัดสินใจที่จะไม่กรีดร้องแต่เธอกลับค่อยๆ หยิบกระเป๋าและเดินหนีอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ชายโรคจิตโผล่มาแล้ว เขางัดของลับของเขาออกมา จังหวะนี้หญิงสาวเหมือนจะรู้ตัวแล้วว่าไม่ปลอดภัยแน่ๆ ขณะที่หญิงสาวเดินหนีออกไปแล้ว ชายโรคจิตยังพยายามเดินตามกระทั่งคนแถวนั้นผ่านมาเห็นเขาถึงหลบหนีไป โชคดีที่หญิงสาวคนนี้ไม่ได้รับอันตรายใดๆ ส่วนเรื่องนี้ทางการก็ได้รับทราบแล้วแต่ยังไม่สามารถตามจับตัวชายในคลิปได้ ได้แต่เพียงเตือนหญิงสาวทุกคนให้ระวังตัวมากขึ้นยามที่ต้องอยู่ลำพังในที่เปลี่ยว หากเป็นไปได้ก็ให้หลีกเลี่ยงเลยจะดีกว่า ที่มา: ck101
-
กรณีศึกษาของหญิงใส่คอนแทคเลนส์ เคลื่อนตัวและฝังอยู่ใต้เปลือกตามานาน 28 ปี!!
คอนแทคเลนส์ คือหนึ่งในทางเลือกที่เป็นที่นิยมของผู้ที่มีปัญหาทางด้านสายตา นอกเหนือจากการสวมใส่แว่น ด้วยขนาดที่เล็กกว่าและพกพาได้สะดวก และไม่ทำให้บุคลิกเปลี่ยนไปมากนัก แต่การใช้คอนแทคเลนส์จะต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ ด้วยขนาดที่เล็กกว่าอาจจะทำหายได้บ่อยๆ ต้องหมั่นถอดออก และทำความสะอาดเป็นประจำ อีกทั้งการสวมใส่คอนแทคเลนส์ทำกิจกรรมต่างๆ อาจจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาด้วย เปลือกตาด้านซ้ายหนาผิดปกติ รายงานจากวารสารการแพทย์ BMJ เกี่ยวกับกรณีของหญิงชาวอังกฤษวัย 42 ปี เข้าไปพบจักษุแพทย์เนื่องจากเปลือกตาด้านซ้ายมีอาการบวมและปวด โดยที่แพทย์สังเกตเห็นว่าเปลือกตาของเธอเริ่มบวมหนาและเหี่ยวเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรสำหรับผู้ที่มีอายุในวัยนี้ เพราะเธอรู้สึกว่ามีเปลือกตาที่หนามานานและชินกับมันไปแล้ว คอนแทคเลนส์ฝังตัวอยู่ใต้เปลือกตา ภายหลังจากการตรวจเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แพทย์พบว่ามีก้อนเนื้อก่อตัวอยู่ใต้เปลือกตาของผู้ป่วย และหลังจากที่เริ่มต้นทำการผ่าตัด ตัดก้อนเนื้อชิ้นนั้นออกมาผ่าและพบกับคอนแทคเลนส์ฝังอยู่ข้างใน… คอนแทคเลนส์ยังคงสภาพเดิมภายในก้อนเนื้อ และเป็นคอนแทคเลนส์ชนิดแข็งที่มีความทนทานมากกว่าชนิดอ่อน ซึ่งผู้ป่วยก็ไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์มาเกือบ 30 ปีแล้ว สภาพของคอนแทคเลนส์ที่ฝังตัวอยู่ใต้เปลือกตานาน 28 ปี ภายหลังจากการผ่าตัดพบคอนแทคเลนส์ฝังอยู่ใต้เปลือกตา ซักประวัติผู้ป่วยเพิ่มเติมจนรู้ได้ว่า 28 ปีก่อนหน้านั้น ในช่วงอายุ 14 ปี เธอใส่คอนแทคเลนส์เล่นแบดมินตัน การเคลื่อนไหวต่างๆ ทำให้คอนเทคเลนส์เคลื่อนตัว ทางด้านครอบครัวจึงคิดว่าหลุดหายออกจากดวงตา และตัวเธอเองก็ไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์มาตั้งแต่ตอนนั้น และจากรายงานเคสดังกล่าว…
-
เทศกาลหลั่งเลือดของเหล่าวาฬ ประเพณีสืบทอดมาอย่างยาวนาน ณ หมู่เกาะแฟโร
เป็นภาพที่ไม่ค่อยน่าดูเสียเท่าไหร่นัก เมื่อสีครามของน้ำทะเลกลับกลายเป็นสีแดงฉานจากเลือดของเหล่าสัตว์ทะเลอย่างวาฬ อันเนื่องมาจากความเชื่อ ค่านิยม และการปฏิบัติเป็นประเพณีสืบต่อกันมา ภาพที่จะได้เห็นต่อไปนี้คือประเพณี Grindadráp การออกล่าวาฬของคนในท้องถิ่นหมู่เกาะแฟโร ที่ถูกจัดขึ้นในฤดูร้อนของทุกปี เนื่องจากเป็นฤดูที่เหล่าวาฬจะว่ายน้ำอพยพผ่านหมู่เกาะแห่งนี้นับพันตัว และจะมีเหล่านักล่าร่วมทำกิจกรรมดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 100 คน . ซึ่งหลังจากที่ปล่อยชาวประมงและนักล่าออกไป ภาพความโหดร้ายทารุณจะเห็นได้จากวิธีการล่าของพวกเขา มีทั้งวาฬที่ต่อสู้ดิ้นรนเอาชีวิตรอด จากการที่ถูกเหล่านักล่ารุมลากตัวขึ้นมาจากทะเล บางรายก็ใช้เชือกฉมวกรัดวาฬลากขึ้นมาบนชายฝั่ง เมื่อขึ้นมาได้แล้วการปลิดชีพวาฬก็เกิดขึ้น เปลี่ยนสีครามน้ำทะเลกลายเป็นทะเลเลือดในทันที และประเพณีดังกล่าวจะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งโดยประมาณ มีวาฬถูกล่าทั้งหมด 180 ตัวในปีนี้ ซึ่งทางการหมู่เกาะแฟโรเองได้ให้การรับรองกับประเพณีดังกล่าว เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมได้ (แต่ต้องมีใบอนุญาต) มีการจัดการที่เหมาะสมตามระดับของชุมชน และอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศเดนมาร์ก วาฬนำร่อง (Pilot Whale) ที่จะถูกล่าเป็นประจำทุกปี โดยเฉลี่ยแล้วจะมีวาฬว่ายน้ำเข้าใกล้บริเวณหมู่เกาะแฟโร 100,000 ตัว และหมู่เกาะแฟรโรจะทำการล่าวาฬเฉลี่ยปีละ 800 ตัว ทั้งนี้จุดประสงค์ของประเพณีการล่าวาฬ ก็คือการนำเนื้อของวาฬมาเก็บรักษาไว้ เพื่อประกอบอาหารและรับประทานในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงขาดแคลนอาหารเนื่องจากปัญหาทางด้านการขนส่งสินค้า ที่ไม่เพียงพอต่อประชากรในพื้นที่ …
-
21 ผลิตภัณฑ์ กับ ‘ความลับ’ ที่ซ่อนอยู่ น่ารักแบบนี้เอาใจผู้บริโภคไปเล้ยยยยย!!
บางครั้ง ‘ผลิตภัณฑ์’ ต่างๆ ก็มีวิธีการในการขายสินค้าของตัวเองมากมาย แต่บางครั้งมันก็มาในรูปแบบของไข่อีสเตอร์ ที่ซ่อนเอาไว้ในส่วนใดส่วนหนึ่งของสินค้า และพอได้เจอแล้วก็ทำให้รู้สึกว่า ‘เห้ย มันเจ๋งอ่ะ’ เช่นเดียวกันกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ที่ขอบอกเลยว่ามันช่างครีเอตเสียจริงๆ แบบนี้เอาใจของผู้บริโภคอย่างเราๆ ไปเต็มๆ เลย!! 1. เสื้อกันฝน ที่จะเปิดเผยให้เห็น ‘ลายดอกไม้’ เมื่อมันเปียก 2. แกเป็นคนขี้สงสัยนะ ฉันชอบแก!! 3. ที่พักเท้าขอบรถจีป เขียนเป็นรหัสมอร์สเอาไว้ว่า ‘หาดทราย หิมะ แม่น้ำ และภูเขา’ 4. คุณเจอผมแล้ว! เอาล่ะ ตอนนี้ตาคุณไปซ่อนบ้าง 1..2…3… ผมกอดนิ้วโป้งของคุณไว้ตลอดเวลาเลยนะ 5. เสื้อนี้ได้ลองให้สัตว์ใส่ดูแล้ว และพวกมันใส่ไม่ได้!! 6. หยุดมองก้นตรูได้แล้ว!! 7. ขวดน้ำที่มีภูเขาอยู่ด้านในขวด 8. ให้ถอดเสื้อออกจากตัวเด็กก่อนแล้วค่อยซัก (อืมๆ รู้แล้ว!!) …
-
เด็กสาวตัวน้อย ‘ลั่นกระดิ่งแห่งชัยชนะ’ หลังต่อสู้กับมะเร็งมานาน 2 ปี และเอาชนะมันมาได้!!
หลังจากที่ต้องต่อสู้กับโรคร้ายมาอย่างยาวนาน และสามารถเอาชนะโรคร้ายได้สำเร็จ ก็ต้องมีการแสดงให้เห็นถึง ‘ความเป็นผู้ชนะ’ กันบ้างล่ะ นี่คือเรื่องราวของหญิงสาวตัวน้อยวัย 4 ขวบ ที่ต้องอดทนดิ้นรน ต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายมาอย่างยาวนานตลอด 2 ปี!! Holly Hughes ถูกวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ก่อนที่จะถึงวันครบรอบวันเกิดในปีที่ 2 เมื่อปี 2016 “เราเพิ่งมารู้ก่อนวันเกิดครั้งที่ 2 ของเธอ ตอนนั้นผมไม่ได้อยู่ที่อเมริกา และ Christina ภรรยาของผมก็โทรมาบอกว่า Holly เหมือนจะมีพฤติกรรมแปลกไป” คุณ Chris Hughes พ่อของ Holly เล่า “ตอนเราก็ไม่ได้คิดอะไร และเมื่อผมกลับมาก็พบว่า ลูกดูตัวซีด ก็เลยพาไปหาหมอ และพบว่าเธอกำลังป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และหมอบอกว่าเธออาจจะมีชีวิตได้อีก 6-8 สัปดาห์เท่านั้น หากไม่ทำการรักษา” “ผมจำเหตุการณ์ตอนนั้นได้ดี มันเหมือนกับว่าโลกทั้งใบกำลังแตกสลาย ผมอยากจะหายไปเสียตอนนั้นเลย ผมทั้งโกรธและผิดหวัง” “แต่อย่างไรก็ตามเมื่อรวบรวมสติได้ผมก็ถามหมอว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะผ่านมันไปได้ จะต้องรักษาอย่างไร” ในช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้ Holly ต้องผ่านเรื่องราวมากมาย…
-
บ่าวสาวสิงคโปร์ทุ่มเงิน “จ้างช่างภาพ” ไปกว่า 66,000 บาท แต่ภาพที่ได้ไหงออกมาแบบนี้!?
ยามที่คนเรามีช่วงเวลาสำคัญของชีวิตที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ อย่างเช่น พิธีแต่งงาน สิ่งที่เรามักจะทำกันก็คือการเก็บช่วงเวลาเหล่านั้นเอาไว้เป็นภาพถ่าย ภาพถ่ายที่เราจะสามารถหยิบมันขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงความสุขและความงดงามของช่วงเวลาในภาพได้อีกครั้ง ฉะนั้นภาพถ่ายในงานสำคัญอย่างงานแต่งงานนั้นจะต้องถูกถ่ายออกมาให้งดงามที่สุด…แต่สำหรับคู่รักข้าวใหม่ปลามันชาวสิงคโปร์คู่หนึ่งที่จะเล่าให้ฟังในวันนี้กลับไม่ได้รับภาพถ่ายงดงามเช่นนั้น Ivan Tan และ Shan YF คู่รักคู่นี้รู้สึกผิดหวังมากกับภาพถ่ายงานแต่งของพวกเขา ทั้งๆ ที่พวกเขาลงทุนจ้างช่างถ่ายภาพด้วยเงินรวมๆ เป็นจำนวนกว่า 66,000 บาท พวกเขาโพสต์อัลบั้มภาพเหล่านั้นผ่านเฟซบุ๊ก Ivan Tan โดยเขียนคำบรรยายโพสต์ในแง่ที่ไม่พอใจและเสียดายเงินที่สูญเสียไปกับการจ้างช่างภาพรายนี้มาเพื่อถ่ายภาพให้ออกมาดูราวกับนักถ่ายภาพมือสมัครเล่น โพสต์ต้นฉบับ ฝ่ายเจ้าบ่าวได้แต่โทษตัวเองที่ไม่เลือกจ้างบริษัทรับถ่ายภาพที่ดีกว่านี้ เพราะตนเองไม่ได้ศึกษารายละเอียดของบริษัทอย่างถี่ถ้วน แม้ว่าเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว เขาจะมีการถามไถ่ถึงทักษะความสามารถและความชำนาญของช่างภาพที่จะมาถ่ายภาพให้พวกเขาแล้วก็ตาม แต่เขาก็ต้องยอมรับเลยว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของภาพถ่ายนอกอาคารล้วนมีแสงสว่างจ้าเกินไปทั้งสิ้น “พี่น้องของพวกเราต้องอยู่ท่ามกลางแสงแดดเกือบ 2 ชั่วโมงโดยที่ไม่รู้เลยว่าภาพถ่ายจะออกมาเป็นอย่างไร” “สิ่งที่เราได้ยินจากช่างภาพก็มีแค่ ‘โอ้เยี่ยมเลย! สวยมาก! ท่าต่อไปเลย! โอเคเยี่ยม’” Ivan Tan อธิบาย “ภาพที่แสงจ้าขนาดนี้คือสวยแล้วเหรอ? แสงแทบจะกลบใบหน้าพวกเราหมดแล้ว มองลำตัวยังแทบยังไม่เห็นเลย พวกเราดูเหมือนวิญญาณเลยนะเนี่ย” Ivan กล่าวต่อ “พวกเขาบอกว่าชำนาญการถ่ายภาพ สิ่งที่ผมอยากจะถามก็คือพวกเขาใช้กล้องเป็นจริงๆ หรือเปล่า?”…
-
สองนักท่องเที่ยวสุดชิล หนีบผ้าห่มปูนอนกลางถนนเพื่อ ‘อาบแดด’ นี่มันไม่ใช่ทะเลนะเฟ้ย!!
โดยปกติแล้วท้องถนนก็จะเป็นพื้นที่สำหรับให้รถวิ่งสัญจรกันไปมา แต่บางครั้งมันก็แปรเปลี่ยนสภาพกลายเป็นที่จอดรถ ที่ตั้งร้านขายของเหมือนกับที่เราเห็นกันจนชินตา แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะสามารถใช้เป็นสถานที่สำหรับการ ‘อาบแดด’ ได้เหมือนกับที่สองหนุ่มนี้ทำกัน เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าอารมณ์ไหนอยู่ดีๆ เอาผ้าห่มไปปูแล้วนอนแผ่หราอาบแดดสบายใจซะอย่างงั้น!! วิดีโอการอาบแดดกลางถนนนี้ เรื่องแปลกๆ ที่ว่านี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 4 โมงเย็นของวันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมาในเมืองจังฮว่า ประเทศไต้หวัน เมื่อมีพลเมืองจับภาพหนุ่มชาวตะวันตกสองคนนี้ได้บริเวณถนนสายหนึ่งที่มีรถสัญจรไปมาอย่างพลุกพล่าน โดยสภาพของชายสองคนนี้ก็สุดแสนจะชิล เสื้อไม่ใส่ สวมเพียงกางเกงขาสั้น ประหนึ่งว่าอยู่ทะเลอย่างไงอย่างงั้น ในวิดีโอจะเห็นว่าพวกเขาเอาผ้าห่มสีแดงปูไว้แล้วบรรจงทิ้งตัวลงนอนอย่างสบายใจเฉิบ ชนิดที่ว่าไม่ได้เกรงกลัวว่ารถจะพุ่งเข้ามาชนแต่อย่างใด และที่สำคัญคือพื้นที่ที่พวกเขานอนอาบแดดกันมันยังเป็นทางม้าลายด้วย ทางด้านชาวเน็ตต่างก็วิเคราะห์การกระทำของพวกเขาไปหลายทาง บ้างก็ว่านี่เป็นการทำวิดีโอแกล้งคน (แพรงก์) หรือเป็นการแพ้พนันอะไรหรือเปล่า แต่ถึงยังไงก็ยังไม่ทราบคำตอบที่แน่ชัดอยู่ดี “พวกเขาอาจทำไปเพราะแพ้พนันก็ได้นะ” “ใครที่ขับขี่อยู่แถวนั้นต้องระวังกันหน่อยล่ะ เพราะมีคนนอนอาบแดดอยู่ตรงนั้นด้วย” บางส่วนของความคิดเห็นชาวเน็ต แต่ที่รู้อย่างแน่ๆ เลยก็คือมันผิดกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อได้รับรู้เหตุการณ์ที่ว่านี้ก็รีบไปยังจุดเกิดเหตุในทันที ทว่าก็ไม่ทันการเสียแล้วเพราะพวกเขาไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นแล้ว และก็ไม่รู้ด้วยว่าทั้งสองคนนี้เป็นใครมาจากไหนกัน แต่ว่าหากมีการพบเจอตัวล่ะก็อาจจะต้องมีการปรับเงินเล็กน้อยจำนวน 300 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 320 บาท) สำหรับการกระทำแผลงๆ ในครั้งนี้ด้วย ก็เค้าอยากผิวแทนบ้างง่ะ…
-
หนุ่มหื่นถูกชกจนหน้าโยก เพราะดันไปจ้องก้นแฟนสาวคนอื่น แล้วยิ้มอ่อน…
บางครั้งเราไม่จำเป็นจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับใคร เพียงแค่ การมอง ก็อาจกลายเป็นการรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของผู้อื่นได้เช่นกัน อย่างเช่นเหตุการณ์นี้ ที่คู่รักชายหญิงคู่หนึ่งกำลังทำการซื้อของอยู่ในร้านขายโทรศัพท์มือถือ เรื่องราวก็กลับกลายเป็นความรุนแรงเมื่อฝ่ายชายทราบว่า ฝ่ายหญิง ถูกคุกคามด้วยสายตา จากชายอีกคนหนึ่งในร้าน ภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านขายโทรศัพท์มือถือในเมืองลินคอล์นตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนา จับภาพได้ว่าชายในชุดสีแดงที่ยืนเท้าตู้กระจกอยู่นั้นได้ส่งสายตาจ้องมองไปยังบริเวณก้นของหญิงสาว ขณะที่คู่หญิงชายกำลังพูดคุยอยู่กับพนักงานคิดเงิน จากนั้นฝ่ายชายที่สวมเสื้อสีเขียวก็หันมาพบว่าชายเสื้อสีแดงกำลังจ้องมอง “ก้น” ของคนรักตนอยู่ ชายเสื้อเขียวจึงปล่อยหมัดเข้าไปที่ใบหน้าของชายเสื้อสีแดงอย่างจัง ก่อนที่ชายเสื้อแดงจะออกจากร้านไป ชมคลิปเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิด จากคลิปจะเห็นได้ว่า ชายเสื้อสีแดงหลังจากที่ถูกจับได้ว่าจ้องก้นของหญิงสาวอยู่นั้น เขาส่งรอยยิ้มแปลกๆ ออกมาพร้อมเอ่ยว่า “ใช่เลย” ก่อนที่เขาจะถูกหมัดซัดเข้าที่ใบหน้า ส่วนฝ่ายหญิงก็เกิดอาการขายหน้าและตกใจเป็นอย่างมาก เธอขอให้แฟนหนุ่มกล่าวขอโทษชายเสื้อสีแดงแต่เขากลับเดินตามชายเสื้อสีแดงออกไปด้านนอกร้าน จากคลิปจะเห็นว่าฝ่ายหญิงมีการเจรจากับพนักงานคิดเงินว่าไม่จำเป็นต้องโทรแจ้งตำรวจเพราะสิ่งที่แฟนหนุ่มของเธอทำเป็นเพียงการปกป้องเธอที่เกินเหตุไปหน่อยเท่านั้น ที่มา: unilad, metro และ dailymail
-
ตามล่าหัวขโมย “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” กว่า 500,000 แพ็ค มูลค่าหลักล้าน!! มันใกล้สิ้นเดือนอ่ะเนาะ
อาหารยอดฮิตช่วงสิ้นเดือนของพวกเราหลายๆ คน คงหนีไม่พ้นกับการกิน “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” เพียงแค่มีน้ำร้อนกับเวลาแค่ 3 นาที ก็สามารถทำให้เราอิ่มได้ในราคาที่ย่อมเยา แต่สงสัยโจรปริศนาคนนี้คงจะขัดสนเรื่องเงินในช่วงปลายเดือนจริงๆ และนั่นอาจเป็นเหตุจูงใจที่ทำให้เขาขโมย “บะหมี่ราเม็งกึ่งสำเร็จรูป” ไปมากกว่า 500,000 แพ็ค คิดเป็นเงินกว่า 3 ล้านบาท!! เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นในเขต Fayette รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา โดยเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย (ไม่เปิดเผยชื่อ) ได้นำรถพ่วงซึ่งขนเอาแพ็คบะหมี่ราเม็งกึ่งสำเร็จรูปไว้เต็มคันไปจอดที่ปั้ม Chevron สาขาหนึ่ง ในวันที่ 25 ก.ค. 2018 จากนั้นเขาก็ล็อครถเอาไว้เป็นอย่างดี แต่หลังจากผ่านไปเกือบเดือน ในวันที่ 15 ส.ค. 2018 เขากลับมาที่รถและพบว่าส่วนพ่วงท้ายที่ขนสินค้ามานั้นมันหายไปแล้ว!! เมื่อสอบถามคนขับรถบรรทุกแถวๆ นั้น พวกเขาต่างก็บอกว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นรถพ่วงดังกล่าวคือวันที่ 30 ก.ค. 2018 ปั้ม Chevron ดังกล่าว เจ้าของสินค้าคำนวณถึงมูลค่าความเสียหายภายในส่วนพ่วงบรรทุกคันนั้น บะหมี่ราเม็งกึ่งสำเร็จรูปกว่า 500,000 แพ็ค คิดออกมาเป็นเงินกว่า…
-
หนุ่มใช้ “นิตยสาร” แค่หนึ่งฉบับ ไล่ตะเพิดโจรถือปืนลูกซอง วิ่งหนีหางจุกตูดไปเลยทีเดียวเชียว!!
นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในร้านสะดวกซื้อ Premier General Stores เมือง Wallaton ประเทศอังกฤษ เมื่อจู่ๆ ก็มีชายปิดหน้าปิดตาบุกเข้ามาพร้อมกับปืนลูกซอง!! เข้ามาสภาพนี้ กลัวคนอื่นไม่รู้สินะว่าตัวเองเป็นโจร… แน่นอนว่าต่อให้เขาไม่ต้องตะโกนบอกใคร ทุกคนในที่นั้นก็รับรู้ได้ทันทีว่าชายคนนี้เป็นโจร ก่อนที่จะมีพนักงานผู้กล้าหาญปรากฏกายพร้อมกับดาบวิเศษ ซึ่งจริงๆ แล้วมันคือ “นิตยสาร” หนึ่งฉบับ?! ไร้ซึ่งความกลัว พยายามไล่โจรออกไป ด้วยนิตยสารในมือ?! คลิปจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นโจรหนุ่มยืนหันปืนขู่พนักงานคนดังกล่าวเอาไว้ แต่แทนที่อีกฝ่ายจะกลัว พนักงานหนุ่มคนนั้นกลับดันให้โจรถอยหลังไปเรื่อยๆ โดยที่ในมือมีแค่นิตยสารเท่านั้นเอง สุดท้ายโจรจึงใช้ปืนลูกซองที่ถืออยู่ตีใส่ชายผู้กล้าหาญคนนั้นแทน ก่อนที่จะวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนออกจากร้านไป ไม่ได้เงินสักบาท คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (ในวันที่ 24 พ.ค. 2018) ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทราบว่าโจรคนดังกล่าวคือนาย Ian Watson ซึ่งถูกจับกุมตัวได้หลังจากที่เขานำปืนกระบอกเดิมไปขู่เอาเงินจากที่ทำการไปรษณีย์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ได้เงินไปกว่า 84,000 บาท ภาพการก่อคดีอีกครั้ง (ในวันที่ 6 มิ.ย. 2018) นั่นจึงทำให้รู้ว่าปืนลูกซองที่เขานำติดตัวไปด้วยทุกครั้ง มันเป็นแค่…
-
ญี่ปุ่น “นวดเท้ากับสาวสุดน่ารัก” ด้วยเครื่อง VR แท้จริงแล้วคนนวดก็ผู้ชายนี่แหละ!!!
การนวดเท้านับว่ากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายให้กับร่างกายได้อย่างมาก นอกจากจะสบายเท้าแล้ว ว่ากันว่าที่เท้านั้นมีเส้นประสาทมากมายที่เมื่อนวดแล้วจะส่งผลไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายอีกด้วย ที่ประเทศญี่ปุ่นเองก็มีการนวดเท้าเช่นเดียวกัน แต่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศญี่ปุ่นจะให้มานวดเท้าธรรมดาๆ ก็คงจะไม่ได้ เพราะว่าเขามีการนวดพร้อมกับเครื่อง VR ที่ทำให้หนุ่มๆ ได้เห็นหมอนวดกลายเป็น สาวน้อยสุดโมเอะ บริษัท Tora no Ana ที่ขายผลิตภัณฑ์จำพวกหนังสือการ์ตูนและสินค้าต่างๆ สำหรับคนชอบการ์ตูน ล่าสุดได้เปิดบริการใหม่สำหรับสายโอตาคุ ซึ่งก็คือการเปิดให้หนุ่มๆ ได้เข้ามานวดเท้ากับสาวน้อยจากมังงะนั่นเอง ผู้เข้าใช้บริการจะต้องสวมเครื่อง VR ที่ทำให้มองเห็นภาพเสมือนจริงว่าตัวเองอยู่ในห้องๆ หนึ่งที่มีสาวน้อยน่ารักมาคอยรับบริการนวดเท้าอย่างใจจดใจจ่อ แต่ในความจริงแล้วคนที่จะคอยนวดเท้าให้ผู้ใช้บริการก็คือ นักบำบัดที่ได้รับใบอนุญาตการนวดมาแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นหนุ่มๆ หรือคุณลุงก็แล้วแต่ดวง ระหว่างการนวดตัวละครก็จะมีการถามคำถามนิดหน่อย ผู้ใช้บริการก็จะต้องตอบด้วยคันบังคับที่ตนถืออยู่ นั่นทำให้มันออกมาคล้ายกับเกมจีบสาวสุดโรแมนติกอะไรทำนองนั้น ขณะนี้มีตัวละครสาวน้อยที่จะคอยให้บริการนวดเท้าอยู่ 2 ตัวละครเท่านั้น ออกแบบโดยศิลปินนามว่า Rouka ในกิจกรรมนวดเท้าด้วย VR นี้จะมีการออกแบบเสื้อผ้าต่างๆ ให้กับตัวละครเพื่อให้ผู้ใช้บริการเลือกเปลี่ยนได้รวมถึงชุดชั้นในของตัวละครด้วย!! ถึงแม้กิจกรรมนี้จะดูเป็นสวรรค์จำลองแสนโรแมนติกของเหล่าหนุ่มๆ เมื่อเทียบกับความจริงแล้ว พวกเขากำลังถูกนวดโดยชายฉกรรจ์ล้วนๆ อะอ้าว… ขณะที่พวกเขามองเห็นว่าสาวน้อยน่ารักกำลังนวดเท้าให้เขาอยู่นั้น แท้จริงแล้วความผ่อนคลายนั้นๆ เกิดจากฝีมือการนวดของหนุ่มๆ ผู้ชำนาญการต่างหากล่ะ…
-
หนุ่มออกไปร่ำสุรา กลับบ้านช้า เบื่อถูกเมียขี้วีนบ่น เลยไปนอนในแทรมโพลีนแทนซะเลย!!
เขาว่ากันว่าช่วงที่จีบกันใหม่ๆ หรือช่วงก่อนแต่งงานนั้นเป็นเหมือนช่วงโปรโมชั่นที่ทุกอย่างโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ แต่พอแต่งงานไปได้สักพักถึงจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย เหมือนอย่างชายคนนี้ที่แต่งงานมาถึงรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของภรรยาเขานั้นหัวร้อน และขี้บ่นเอามากๆ เวลาเขากลับบ้านช้าก็จะด่าๆๆๆ จนเขาเบื่อและจะไม่ทนกับภรรยาขี้บ่นอีกต่อไป เลยตัดสินใจนอนที่แทรมโพลีนนอกบ้านแทนซะเลย!! เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเขต Govan ในเมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ David McCallum หนุ่มวัย 24 ปีกลับมาถึงบ้านหลังจากออกไปร่ำสุรามาทั้งคืนและเขาก็พบว่าตัวเองนั้นลืมกุญแจบ้านแถมโทรศัพท์ก็แบตหมด!! ถ้าเป็นปกติ หากเรากลับมาบ้านยามค่ำคืนแล้วลืมกุญแจบ้าน เราก็จะเคาะประตูเรียกคนที่อยู่ในบ้านให้มาเปิดประตูให้ใช่มั้ย?? แต่สำหรับ David แล้วเขาไม่อยากทำแบบนั้น เพราะเบื่อที่จะถูกภรรยาขี้วีนบ่น จึงได้ตัดสินใจที่จะออกไปนอนที่แทรมโพลีนแทนซะเลย และแม้ว่าเขาจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกวีนจากภรรยา แต่พอรุ่งเช้าของวันต่อมา เมื่อ Georgia ภรรยาวัย 26 ปีได้ตื่นขึ้นมาและเปิดผ้าม่านออกมาเห็นสภาพของ David ที่หลับไหลอยู่บนแทรมโพลีนก็ถูกตะโกนปลุกว่า “ตื่นได้แล้วโว้ย ไอ้แก่!!” แถมยังถ่ายรูปของสามีที่รักไปประจานบนเฟซบุ๊กว่า “หมอนี่ไม่ได้เมา แต่ลืมกุญแจบ้านแถมไม่อยากจะเถียงกับฉัน ก็เลยเลือกที่จะนอนบนแทรมโพลีน ฉันล่ะตกใจจริงๆ เมื่อเปิดผ้าม่านออกมาดูตอนเช้านี้” แถมยังยังทิ้งท้ายว่าถึงอย่างน้อยหมอนี่ก็รู้จักถอดรองเท้าออกก่อนขึ้นนอน… ทางฝ่าย David ก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมออกไปเมามาและกลับมาถึงบ้านประมาณตีสอง เลยตัดสินใจนอนบนแทรมโพลีนแทนที่จะต้องทะเลาะกับเมีย” ที่มา Metro, Deadlinenews
-
โฆษกสุดเซ็กซี่ของรัสเซีย “หลุดภาพเปลือย” ออกมาบน IG ของกระทรวงกลาโหม!!
กลายเป็นเรื่องราวที่ดังอยู่บนโลกอินเทอร์เน็ตอยู่พักหนึ่ง เมื่อ Rossiyana Markovskaya โฆษกหญิงกระทรวงกลาโหมของรัสเซียเกิดมี ภาพนู้ด หลุดออกมา ทำเอาชาวเน็ตฮือฮากันยกใหญ่ ก่อนหน้านี้หลังจากที่เธอเข้ารับตำแหน่ง ชาวเน็ตต่างก็พากันชื่นชอบอย่างมากเพราะเธอนั้นเรียกได้ว่ามีรูปร่างหน้าตาที่งดงามเซ็กซี่ไม่เบาเลยล่ะ Rossiyana Markovskaya โฆษกหญิงกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย นอกจากความสวยเซ็กซี่แล้ว เธอยังมีฉลาดและมีความสามารถอีกด้วย ทุกอย่างในชีวิตของ Rossinaya ดูเหมือนจะราบรื่นจนกระทั่งวันที่อินสตาแกรมทางการของกระทรวงกลาโหม (Mil_Ru) เกิดหลุดภาพนู้ด หรือภาพเปลือยของสาว Rossinaya ออกมาให้ชาวเน็ตได้เห็น ไม่ทราบว่าเกิดความผิดพลาดอะไรแต่ภาพดังกล่าวถูกลบออกอย่างรวดเร็ว แต่ถึงมันจะเร็วก็เร็วไม่พอสำหรับความมือไวของชาวเน็ตที่อุตส่าห์เก็บภาพหลุดนั้นไว้ได้ทัน ภาพด้านล่างเป็นภาพหลุดที่ปรากฏขึ้นใน Story ของอินสตาแกรมดังกล่าว คำอธิบายเดียวจากทางการเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ก็คือ “มีคนแฮ็กอินสตาแกรม” ขณะที่คนส่วนมากบนทวิตเตอร์ต่างเดากันว่า Rossinaya นั่นแหละที่เป็นแอดมินฯ ของอินสตาแกรมนั้น แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีใครทราบว่าทำไมถึงมีการปล่อยภาพหลุดออกมาได้ นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ชายหลายคนเฝ้ารอคอย แต่ถึงอย่างนั้น ภาพหลุดเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อตัวของ Rossinaya เลยแม้แต่น้อย ที่มา: thechive และ thesun
-
หนุ่มจอมตื๊อ ทั้งๆ ที่สาวกำลังจะแต่งงาน เลยโดน ‘แจกภาพลับ’ ไปหนึ่งดอก แสบมั้ยล่ะ!?
สำหรับหนุ่มโสดแล้ว การจะจีบสาวที่ชอบสักคนหนึ่ง ถือเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ เขาก็ทำกัน แต่หากว่าสาวคนนั้นมีแฟนอยู่แล้วล่ะ? คุณจะกลายเป็นมือที่สาม และถูกสังคมรุมประณามในทันทีเพราะเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรม เช่นเดียวกันกับชายหนุ่มคนนี้ ที่รู้ทั้งรู้ว่าสาวที่ตัวเองชอบมีแฟนอยู่แล้ว แถมมีคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้วด้วย แต่ก็ยังคงตามตื๊อส่งข้อความจีบอยู่นั่นจนสุดท้ายสาวทนไม่ไหวจึงแก้เผ็ดได้แสบสุดๆ!! เรื่องของเรื่องคือสาวคนหนึ่งที่มีคู่หมั้นอยู่แล้วและกำลังจะแต่งงาน ถูกชายแปลกหน้าส่งข้อความมาในอินสตาแกรมเพื่อตามจีบ หนุ่มแปลกหน้า “ขอผมถามอะไรหน่อยได้ไหม?” “ถ้าคุณเลิกกับแฟนแล้ว มาแต่งงานกับผมนะ” สาว “ฉันไม่คิดว่ามันจะจบลงหรอกนะ แต่ก็ขอบคุณละกัน” หนุ่มแปลกหน้า “โอเค แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ บอกให้ผมรู้ด้วยนะ” หนุ่มแปลกหน้า “แค่ล้อเล่นน่ะ ขอให้งานแต่งงานของคุณเป็นงานที่ยอดเยี่ยมนะ” สาว “ขอบใจจ้ะ” (ส่งรูปใส่บิกินี่พร้อมกับเปลือยท่อนบนให้) หนุ่มแปลกหน้า “ภาพนี้หมายความว่าไงเหรอ? ผมคิดว่าคุณหมั้นไปแล้วซะอีกนะเนี่ย หรือคุณกำลังจะเลิกกับเขาแบบที่ผมบอกไว้กับคุณก่อนหน้านี้?” สาว ผ่ามมมมมมม!! เอากล้วยไป 1 อัน ชาวเน็ตหลายคนพอได้เห็นเรื่องราวดังกล่าว ต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆ นานา “อยากจะบอกอย่างภาคภูมิใจเลยนะว่า สามีของฉันจะแก้ปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี…
-
Comiket แทบแตก!! เมื่อช่างภาพนับร้อยคนรุมถ่ายภาพ “นักคอสเพลย์อันดับ 1 ของญี่ปุ่น”
นักคอสเพลย์หรือคอสเพลเยอร์คือคำที่เอาไว้ใช้เรียกแทนบุคคลที่ชอบแต่งตัวและแสดงท่าทางตามตัวละครในการ์ตูน, เกม, หรือภาพยนตร์ที่พวกเขาชื่นชอบ ซึ่งช่วงก่อนหน้านี้ในวันที่ 9-12 สิงหาคม 2018 เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าที่ประเทศญี่ปุ่นมีเทศกาลอะไรที่ทำให้เหล่านักคอสเพลย์ไปรวมตัวกันอย่างมากมาย ใช่แล้ว!! นั่นคืองาน Comiket งานขายโดจินชิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ณ กรุงโตเกียวนั่นเอง ในงานนี้จะมีนักวาดการ์ตูนมากมายมาตั้งบูธขายหนังสือการ์ตูนที่พวกเขาเขียนกันออกมาและมีลานโล่งที่เล่านักคอสเพลย์มักจะไปรวมตัวกันถ่ายรูปด้วย หากถามว่างานนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหนแล้ว ต้องบอกว่า Comiket ในปี 2017 มีคนเข้าร่วมงานถึงหนึ่งล้านคนเลยทีเดียว!! ดังนั้นภาพที่เห็นว่าช่างภาพรุมถ่ายนักคอสเพลย์คนเดียวเป็นสิบๆ คนนั้นถือว่าเป็นปกติมากเลยล่ะ หากเพื่อนๆ แปลกใจกับการที่ตากล้องเป็นสิบๆ รุมถ่ายคนเพียงคนเดียวแล้วล่ะก็ วันนี้เพื่อนๆ ต้องตะลึงกว่าเดิมแน่ๆ เมื่อพบว่ามีตากล้องกี่คนที่รุมถ่ายภาพของ Enako นักคอสเพลย์สาวที่หลายๆ คนยกให้เป็นอันดับหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ดู๊ววว!! ช่างภาพนับไม่ถ้วนกำลังเล็งกล้องไปที่เดียวกัน เพื่อนๆ คิดว่ามีกี่คนกัน?? โดยในวันนั้น Enako ประกาศในทวิตเตอร์ว่าเธอจะมางานเวลาประมาณ 14.00 น. และเธอจะคอสเพลย์เป็น Azuna จากซีรีส์ Sword Art Online ดังนั้นช่างภาพแต่ละคนจึงไม่พลาดที่จะเข้าร่วมถ่ายรูปเธอ ต่อไปเป็นช่วงแถม เราจะมาชมภาพงามๆ ของ Enako กันครับ…
-
คุณพ่อฮีโร่ ยอมรับบาดเจ็บสาหัส เอาตัวเข้าช่วยลูกชายที่กำลังจะตกระเบียงบ้าน
“ความรัก” เป็นสิ่งที่มนุษย์คนหนึ่งแสดงออกให้แก่มนุษย์อีกคน โดยที่ความรักนี้ก็มีมากมายหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นความรักแบบเพื่อน ความรักแบบคู่ชีวิต แต่ก็คงไม่มีความรักประเภทไหนที่ยิ่งใหญ่เท่ากับความรักที่คุณพ่อคุณแม่มีให้แก่ลูกๆ เชื่อหรือไม่ว่าความรักที่พ่อแม่มีต่อลูกนั้น ถึงขั้นที่ยอมตายหรือยอมเจ็บตัวแทนได้เลย เหมือนอย่างเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันในวันนี้ เป็นเรื่องราวของคุณพ่อฮีโร่ที่ช่วยลูกชายจากการตกระเบียงจนเขาได้รับบาดเจ็บหนัก คุณพ่อคนนี้ชื่อว่า Brad Lewis อายุ 42 ปี ก่อนเกิดเหตุเขากำลังเล่นกับ Oscar ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอยู่ที่บ้านของเพื่อนในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างที่ Oscar กำลังใช้ปืนของเล่นยิงเข้าใส่คุณพ่อของเขาอยู่ แต่กระสุนที่ยิงออกมาพลาดและทะลุออกไปนอกระเบียงบ้าน เจ้าหนูจึงรีบวิ่งมาดูว่าลูกกระสุนที่ยิงออกมานั้นมันไปตกอยู่ตรงไหน เจ้าหนูวิ่งมาด้วยความเร็วทำให้เขาเสียการทรงตัวและกำลังจะกลิ้งตกระเบียง โชคดีที่คุณพ่อของเขาสังเกตเห็นทันกและรีบวิ่งเข้าไปจับลูกชายไว้ แต่ด้วยโมเมนตัมของคุณพ่อทำให้สุดท้ายแล้วทั้งสองตกระเบียงไปด้วยกัน แน่นอนว่าผู้เป็นพ่อต้องทำการปกป้องลูกสุดชีวิต เขาได้ดึง Oscar มากอดไว้ที่หน้าอกและก่อนจะใช้หลังรับแรงกระแทกจากพื้นข้างเต็มๆ Oscar ได้รับบาดเจ็บกระดูกร้าวกับบาดแผลอีกนิดๆ หน่อยๆ ไม่นานนักก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ แต่ทางด้าน Brad ไม่ได้โชคดีเหมือนลูกของเขา เขาได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะและคออย่างสาหัส ขนาดที่เมื่อแพทย์ได้เห็นอาการบาดเจ็บแล้วต้องตะลึงที่เขายังมีชีวิตอยู่ ทางด้าน Beau เพื่อนของ Brad ได้ให้สัมภาษณ์ว่าในตอนที่เหตุการณ์เกิดขึ้น Brad ได้พูดกับเขาว่า “เด็กปลอดภัยใช่มั้ย?” จากนั้นก็พูดว่า “อย่าปล่อยให้ฉันตายนะเพื่อน” ก่อนที่จะหมดสติไป …
-
สองนักปั่นผู้ศรัทธาใน ‘ความเมตตาของมนุษย์’ ถูกปลิดชีพ ด้วยคนที่อ้างว่าเป็นกลุ่ม ISIS
จากจุดยืนในความมุ่งมั่นและเพื่อพิสูจน์ความเชื่อของตนเอง กลับต้องแลกด้วยชีวิตที่ไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีก เมื่อสองนักปั่นคู่รักคนรุ่นใหม่ชาวอเมริกัน ถูกสังหารในระหว่างออกทริปปั่นจักรยานรอบโลกด้วยน้ำมือของ ISIS Jay Austin และ Lauren Geoghegan อายุ 29 ปีทั้งคู่ ได้ลาออกจากงานในช่วงปี 2017 เพื่อที่จะสานฝันในการเที่ยวรอบโลกด้วยการปั่นจักรยาน จากเหตุผลของการสูญเสียเวลาในการใช้ชีวิตไปกับการทำงานหาเงิน “ผมเบื่อที่จะใช้เวลาในแต่ละวันนั่งหน้าจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบนี้ ผมคิดถึงช่วงพระอาทิตย์ตกดินที่ผมหันหลังให้มาเนิ่นนาน พายุฝนฟ้าคะนองที่ไม่ได้สนใจอะไร สายลมอันอ่อนโยนที่ไม่ได้สัมผัส” ข้อความของ Austin ที่เขียนไว้บนบล็อคส่วนตัวก่อนตัดสินใจลาออกจากงาน หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้ทำบันทึกการเดินทาง ออกปั่นจักรยานไปรอบโลกตลอดทั้งปีผ่านโซเชียลมีเดีย โดยเริ่มจากแอฟริกา ยุโรป มาจนถึงแถบเอเชียกลาง และต้องมาจบทริปในประเทศทาจิกิสถาน อันเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีผู้ก่อการร้ายของกลุ่มรัฐอิสลาม ISIS แฝงตัวอยู่ ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2018 ขณะที่คู่รักนักปั่นชาวอเมริกัน กำลังปั่นจักรยานบนเส้นทางตอนใต้ของทาจิกิสถาน ร่วมกับนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ เป็น 7 คน จู่ๆ ก็มีรถยนต์ซีดานคันหนึ่งทำการเลี้ยวยูเทิร์นกลับมา พุ่งตรงมายังกลุ่มนักปั่นหมายเอาชีวิต… คลิปวิดีโอจากผู้เห็นเหตุการณ์ในวันนั้น …
-
ทีมตำรวจพากันมาส่งเด็กชายเข้าโรงเรียนวันแรก เพราะพ่อของเขาถูกยิงในหน้าที่จนโคม่า
อาชีพ “ตำรวจ” ถือว่าเป็นอาชีพที่ต้องทำหน้าที่สอดส่องและปกป้องประชาชนจากภัยอันตรายและความอยุติธรรม ทำให้อาชีพนี้ดูมีเกียรติมากๆ แต่ในการมีเกียรตินั้นๆ ก็มีความเสี่ยงต่อชีวิตตัวเองอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เหมือนกันอย่าง Kevin Valencia เจ้าหน้าที่ตำรวจของเมืองออร์แลนโด เขาถูกผู้ร้ายยิงจนบาดเจ็บสาหัส อาการโคม่า ขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ เข้าไปหยุดการใช้ความรุนแรงภายในครอบครัวๆ หนึ่ง ผ่านมาแล้วเป็นเวลาสองเดือนจากวันที่เจ้าหน้าที่ Kevin ถูกยิง มาในวันนี้ Kaleb ลูกชายของเขากำลังจะได้เริ่มต้นชีวิตวัยเรียนวันแรก แต่ทางคุณพ่อไม่มีท่าทีว่าอาการของเขาจะดีขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวมตัวกันเพื่อไปส่ง Kaleb เข้าโรงเรียนอย่างอบอุ่นแทนพ่อของเขาที่เข้าหยุดยั้งเหตุการณ์รุนแรงจนต้องโคม่า Two months ago today, Officer Kevin Valencia was shot in the line of duty and remains in a coma. Today, his son Kaleb started kindergarten. Since his daddy couldn’t be there, Kevin’s…
-
สาวผงะ สั่งซื้ออาหารเสริมออนไลน์ เปิดกล่องออกมากลายเป็น ‘จระเข้’ ตัวยาวเป็นเมตร!!
แน่นอนว่ายุคนี้สมัยนี้เทรนด์การชอปปิงที่มาแรงสุดๆ ก็คงจะเป็น ‘การซื้อของออนไลน์’ ที่มันช่างง่ายดายซะเหลือเกินแค่ปัดๆ จิ้มๆ แค่นี้ก็ได้ของที่เราอยากได้มาส่งถึงหน้าบ้านแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นแม้ว่ามันจะสะดวกสบายซะจนหลายคนติดใจก็จริง ทว่ามันก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงบางอย่างเช่น ไม่มีสินค้าให้เราได้ทดลองใช้ หรือไม่รู้ว่าไซส์ของสินค้ามันจะพอดีกับเราหรือไม่… และบางทีคุณอาจจะเจอกับสิ่งแปลกๆ เหมือนกับที่ผู้หญิงคนนี้ได้เจอจากการสั่งของออนไลน์ก็ได้ เพราะเธอสั่งอาหารเสริมไปในโลกอินเทอร์เน็ต แต่สิ่งที่ถูกนำมาส่งหน้าบ้านกลับเป็น ‘จระเข้’ เป็นตัวๆ ซะอย่างงั้น!! โดยเรื่องราวสุดแปลกนี้มีอยู่ว่าหญิงนามสกุล Zhang จากมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ได้สั่งซื้ออาหารเสริมทางออนไลน์กับทางตัวแทนขายแห่งหนึ่ง และในไม่กี่วันต่อมาก็มีพัสดุจำนวนหลายกล่องมานอนกองอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านเธอ หลังจากนั้นเธอก็นำกล่องต่างๆ มาไว้ในบ้านแล้วเปิดเพื่อเช็กดูว่าเรียบร้อยตามที่สั่ง้ซื้อหรือไม่ ซึ่ง 3 กล่องแรกผ่านไปอย่างไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อถึงกล่องที่ 4 เธอก็พบว่ามีบางอย่างที่ไม่ค่อยชอบมาพากลเกิดขึ้น เพราะว่าทันทีที่เธอเปิดกล่องออกนอกจากเม็ดโฟมสีขาวเล็กๆ แล้ว ก็ยังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์บางอย่างแพร่กระจายออกมาจากในกล่อง แล้วทันใดนั้นเองเธอก็ต้องผงะเมื่อคุ้ยกล่องออกดูแล้วพบว่ามี จระเข้ตัวยาวเป็นเมตรนอนนิ่งอยู่ในกล่องใบนั้น! ด้วยความตกใจ Zhang จึงรีบร้องเรียกสามีของเธอให้มาช่วยดูว่าเธอตาฝาดหรือเปล่า แต่ก็ไม่ใช่มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ พวกเขาจึงช่วยกันตรวจสอบว่ากล่องนี้ถูกส่งมาผิดบ้านหรือไม่ แต่ก็ไม่ใช่อีกเพราะบนกล่องใบนี้ก็คือที่อยู่บ้านของพวกเขาเอง ในที่สุดแล้วด้วยความไม่รู้จะทำยังไงจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องนี้ และจากการสืบสวนของทางเจ้าหน้าที่ก็พบว่าเจ้าจระเข้ตัวนี้เป็นจระเข้น้ำจืดที่ถูกเลี้ยงในฟาร์มเพาะพันธุ์แห่งหนึ่งในประเทศ เพราะว่ามี QR Code ที่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ตัวนี้ได้…
-
นศ. สาวเปิดประมูลเวอร์จิ้น ไม่เคยผ่านใครมาก่อน หวังขั้นต่ำ 30 ล้าน นำไปใช้หนี้-ซื้อบ้าน
ทางเลือกของคนเรามีไม่มากนัก เมื่อโอกาสในการเข้าถึงสิ่งต่างๆ ของคนเรามีไม่เท่ากัน หนทางการดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดบนโลกใบนี้ จึงเกิดขึ้นมาด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน Danielle Breene นักศึกษาสาววัย 22 ปี จากประเทศบราซิล ได้ตัดสินใจเปิดประมูลความบริสุทธิ์ของตัวเอง ให้กับบุคคลใดก็ตามที่พร้อมจะจ่ายด้วยมูลค่าสูงที่สุด แม้ตัวเธอเองจะเป็นคนที่ขี้อายและไม่เคยผ่านชายใดมาก่อนก็ตาม เธอเปิดเผยว่าได้รับแรงผลักดันเข้าสู่การประมูลเวอร์จิ้น จากปริมาณหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถหาเงินมาชำระได้ รวมไปถึงการวาดฝันที่อยากจะซื้อบ้านเพื่อมอบให้แม่และน้องสาว และจากเรื่องราวที่เธอได้อ่านมาว่า เคยมีผู้หญิงอีกหลายๆ คนเลือกที่จะทำแบบนี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจเปิดประมูลความบริสุทธิ์ของตัวเอง “ฉันไม่เคยออกเดตมาก่อน และเป็นคนที่ขี้อายมาก ฉันหวังว่าคนที่ชนะประมูลจะเป็นคนที่จิตใจดีและเป็นสุภาพบุรุษ ฉันต้องเรียนและทำงานพาร์ทไทม์ เงินที่ได้มามันไม่พอกับค่าใช้จ่ายทั้งหมด มีแต่หนี้ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ… ฉันจะใช้เงินจากการประมูลไปซื้อบ้านเพื่ออยู่กับแม่และน้องสาว จ่ายหนี้ที่ค้างอยู่รวมไปถึงจ่ายเงินกู้เรียนทั้งหมด เพราะถ้าจะให้หาเงินมาจ่ายตามปกติ ก็คงจะต้องใช้เวลานานอีกหลายปี… ฉันก็มีฝันที่อยากจะทำธุรกิจส่วนตัวเพื่ออนาคตที่มั่นคงของตัวเองด้วย หวังว่าการตัดสินใจในครั้งนี้จะช่วยให้ชีวิตครอบครัวของฉันปราศจากปัญหาทางการเงินได้” Danielle ให้สัมภาษณ์ ตั้งแต่ที่การเปิดประมูลเริ่มต้นขึ้นบนเว็บไซต์ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เธอได้รับข้อเสนออย่างจริงจังเพียงแค่ 2 ครั้ง โดยมียอดประมูลสูงสุดอยู่ที่ 9,300,000 บาท แต่เธอกลับปฏิเสธไปเพราะตั้งเป้าเอาไว้อย่างต่ำที่ 30,000,000 บาท ทางด้านครอบครัวของ Danielle นั้นไม่เคยรับรู้ว่าเธอทำการประมูลความบริสุทธิ์ของตัวเอง…
-
หนูน้อย 7 ขวบโชว์สกิล “หมอผ่าตัด” ผ่าเจ้าหมีได้น่ารักจนกลายเป็นไวรัลในญี่ปุ่นเลยล่ะ!!
บางครั้งวิธีการที่เด็กๆ เล่นของเล่นก็อาจส่อแววอนาคตของเด็กคนนั้นได้เช่นกัน อย่างเช่นเด็กหญิงวัย 7 ขวบคนนี้ที่ทำการ “ผ่าตัด” ช่วยชีวิตเจ้าตุ๊กตาหมี จนกลายเป็นคลิปไวรัลไปเลยทีเดียว วิดีโอเด็กหญิงญี่ปุ่นวัย 7 ขวบที่แสดงบทบาทการเป็นศัลยแพทย์ที่พยายามผ่าตัดตุ๊กตาหมีของตนเอง ถูกโพสต์ลงบนทวิตเตอร์ @Kazzy_com มียอดเข้าชมปัจจุบันถึง 4.85 ล้านครั้งเลยล่ะ เรามาดูคลิปการผ่าตัดสุดน่ารักนี้กันดีกว่า https://twitter.com/Kazzy_com/status/1028780985972740096?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1028780985972740096&ref_url=https%3A%2F%2Fnextshark.com%2Fjapanese-girl-bear-operation-toy%2F ผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ชื่อ @Kazzy_com นั้นเป็นพ่อของเด็กสาวในคลิป บอกว่ารู้สึกประทับใจและภูมิใจในตัวลูกสาวของตนมากที่มีความสนใจและใส่ใจรายละเอียดในการผ่าตัดเจ้าหมี ลูกสาวตัวน้อยของเธอจัดแจงสร้างบรรยากาศให้เหมือนกับห้องผ่าตัดด้วยการ สร้างเสียงเครื่องวัดการเต้นของหัวใจด้วยเมโทรนอมหรือเครื่องนับจังหวะนั่นเอง เจ้าหมีสวมหน้ากากออกซิเจนด้วยล่ะ จากนั้นจะเห็นได้ว่าหนูน้อยได้สมมติการฉีดยาชาไปที่ตัวเจ้าหมี ก่อนที่จะทำการผ่าตัดอย่างพิถีพิถัน เครื่องไม้เครื่องมือที่เธอใช้ ถึงจะเป็นของเล่น แต่เธอก็ตั้งใจเลือกให้ใกล้เคียงของจริงเลยนะ เช่น เจ้าลูกโป่งน้ำที่เธอเลือกมาให้แสดงเป็น “ก้อนเนื้องอก” ในตัวเจ้าหมีนั่นไงล่ะ พอชาวเน็ตได้มาชมคลิปสุดน่ารักนี้ หลายๆ คนก็อดใจไม่ไหว เข้ามาคอมเมนต์เล่นไปกับน้องด้วยซะงั้น เช่น “เจ้าหมีเป็นไงบ้าง การผ่าตัดสำเร็จไหมเอ่ย?” ส่วนฝ่ายคุณพ่อ @Kazzy_com ก็ตอบกลับว่า “มันเป็นการผ่าตัดที่ยาก แต่เราก็นำเนื้องอกออกมาได้สำเร็จ ตอนนี้เจ้าหมีมีสุขภาพที่ดีและกำลังนอนอยู่ในห้องของลูกสาวผมอย่างสบายใจ” นอกจากนี้แฟนชาวเน็ตคนหนึ่งก็ได้วาดภาพแฟนอาร์ตให้กับเธอ เขียนในภาพว่า…
-
ทะเลซัดกองขยะ 215 ตัน เกยกลับขึ้นสู่ชายฝั่งเมืองมุมไบ ผลย้อนกลับจากการทิ้งขยะของมนุษย์…
ปัญหาขยะล้นเมืองกำลังเป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เนื่องจากในปัจจุบันหลายเมืองใหญ่ต่างมองหาแนวทางในการกำจัดขยะที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ด้วยสภาพความเป็นอยู่ต่างๆ และนโยบายบางอย่าง ทำให้การจัดการไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร . อีกหนึ่งตัวอย่างของการทิ้งขยะลงสู่แม่น้ำและไหลลงไปสู่ทะเล เมื่อตามแนวชายฝั่ง Marine Drive ของเมืองมุมไบประสบกับมรสุมคลื่นยักษ์ที่พัดเข้าหาชายฝั่ง หอบขยะปริมาณมหาศาลกลับขึ้นมาจนเกิดเป็นภาพที่ไม่น่าดู . คลื่นทะเลสูงได้พัดเข้าสู่ชายฝั่งของเมืองมุมไบตลอดทั้งปี สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของการจัดการขยะที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ ซึ่งในแต่ละครั้งจะต้องให้เจ้าหน้าที่มาเก็บกวาด ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงครึ่งถึงจะเก็บได้หมด โดยตลอดในช่วงเดือนกรกฎาคม ปริมาณขยะที่ถูกซัดกลับขึ้นมานั้นมากถึง 215 ตัน (215,000 กิโลกรัม) ถือว่าเป็นปริมาณขยะที่มากจนน่าตกใจเลยทีเดียว และทางนครมุมไบก็ไม่ได้ให้ความสนใจทะเลมากไปกว่าแหล่งระบายขยะ https://twitter.com/one_by_two/status/1018100648922025985 โดยเฉลี่ยแล้วมุมไบจะสร้างปริมาณขยะ 2,000 ตันต่อวัน รวมไปถึงปริมาณน้ำเสียอีก 21,000 ลิตร กระจายไปสู่บ่อขยะต่างๆ และทยอยนำไปทิ้งลงทะเล… ท้ายที่สุดแล้วผลจากการกระทำของมนุษย์ก็ย้อนกลับมาหาตัวเอง ดั่งเช่นเหตุที่เกิดขึ้นเหล่านี้ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นและทำลายลงด้วยน้ำมือของตัวเอง WHAT HAVE WE DONE TO…
-
หญิงได้รับอีเมลตอบปฏิเสธรับเข้าทำงาน ด้วยเหตุผลว่า “ชื่อ” ของเธอ “กาก” เกินไป
ในยุคที่ทุกอย่างคือการแก่งแย่งแข่งขัน มนุษย์ต้องแย่งกันกิน แย่งกันใช้ ขนาดที่อยู่ ที่เรียนเราก็ยังต้องมีการแข่งขันกันเลย นั่นรวมถึงการแข่งขันสมัครเข้าทำงานต่างๆ ด้วย งานก็หายากแถมยังต้องมาแข่งขันกันอีก และหากคุณโดนอีเมลตอบปฏิเสธเข้าทำงานแบบที่ผู้หญิงคนที่เราจะนำมาให้ได้ชมกันในวันนี้แล้ว คงมีรู้สึกเฟล รู้สึกอารมณ์เสียกันบ้างล่ะ เพราะเธอถูกปฏิเสธเข้ารับการทำงานด้วยเหตุผลว่า “ชื่อ” ของเธอนั้นมัน “กาก” เกินไป เอ้า!! เหตุผลแบบนี้ก็มีด้วยเหรอ?? วันที่ 13 สิงหาคม 2018 ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Hermeisha Robinson ได้โพสต์ภาพพร้อมกับแคปชั่นว่า “ฉันมีอะไรจะมาประกาศ ฉันรู้สึกอารมณ์เสียมากๆ เพราะว่าวันนี้ฉันได้รับอีเมลเกี่ยวกับงานที่ฉันสมัครไปในตำแหน่งบริการลูกค้าที่ Mantality Health ฉันรู้ตัวเองดีว่ามีคุณสมบัติพอสำหรับตำแหน่งนี้ แต่พอพวกเขาได้ดูเรซูเม่ของฉัน เขาก็ปฏิบัติกับฉันอย่างสองมาตรฐานทันที เพราะว่าพวกเขาพิจารณาว่าชื่อของฉัน ‘กาก’ เกินไปสำหรับบริษัท ฉันนี่โคตรรู้สึกเจ็บและพวกเขาย้ำอีกว่าชื่อของฉันกากแบบนั้นจริงๆ ใช่มั้ย ฉันอยากที่จะให้ทุกๆ คนแชร์เรื่องนี้ไป เพราะจะได้หยุดการปฏิบัติแบบสองมาตรฐานนี้สักที!!” โดยอีเมลที่เธอได้รับกลับมามีข้อความว่า “ขอบคุณที่สนใจสมัครงานที่ Mantality Health น่าเสียดายที่เราไม่สามารถพิจารณาคุณด้วยชื่อกากๆ ได้ พวกเราหวังว่าคุณจะได้งานที่เหมาะกับคุณในภายภาคหน้า ด้วยความเคารพ” …
-
ลุงเดือดโมโหจัด ทะเลาะกับภรรยาขั้นแตกหัก ขโมยเครื่องบินขับพุ่งชนบ้านพังยับ!!
ความรุนแรงภายในครอบครัวที่เคยเกิดขึ้นในกรณีที่ผ่านๆ มา คงไม่อาจเทียบเท่ากับความเสียหายอันใหญ่หลวงในครั้งนี้ได้แน่ๆ ในเมื่อความไม่เข้าใจกันกลายเป็นบ่อเกิดแห่งความพังพินาศขนาดนี้ Duane Youd คือผู้ลงมือขโมยเครื่องบินขนาดเล็ก และขับพุ่งตรงมายังบ้านของตัวเองหลังจากที่เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกับภรรยา… เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นในเมือง Payson รัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เวลาประมาณ 2.30 น. ของเช้าวันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม โดยมีแรงจูงใจมาจากการบันดาลโทสะ จนไปขโมยเครื่องบินมาจากนายจ้างและหวังจะฆ่าตัวตายไปพร้อมกับภรรยา . เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุขโมยเครื่องบินขับชนบ้าน Youd ชายผู้มีประสบการณ์ทางการบิน ถูกจับกุมในข้อหาก่อความรุนแรงภายในครอบครัว เนื่องจากทะเลาะเบาะแว้งกับภรรยาในเรื่องของการสมรส . เขาถูกจับกุมในช่วงเวลา 19.30 น. ของวันที่ 12 สิงหาคม และถูกปล่อยตัวออกมาด้วยการยื่นประกันตัว Youd ได้ร้องขอให้ตำรวจพาไปส่งที่บ้าน เก็บข้าวของและขับรถออกไปยังสนามบิน Spanish Fork-Springvill เพื่อที่จะขโมยเครื่องบินและขับกลับมาพุ่งชนบ้านของตัวเอง… อย่างไรก็ตาม นาย Duane Youd เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ส่วนทางด้านภรรยาและลูกรอดพ้นจากแรงระเบิดจากการพุ่งชนของเครื่องบินมาได้อย่างปลอดภัย…
-
ครูลาป่วยพักรักษามะเร็งจนวันลาหมด บุคลากรโรงเรียนจึงร่วมเทวันหยุดให้ครูได้สู้ต่อ
สวัสดิการลาป่วยหรือลาพักร้อนภายในองค์กร เป็นสิ่งที่ทุกคนมีเท่ากัน ส่วนจุดประสงค์ในการลานั้นจะนำไปใช้ทางด้านใดก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน อย่างกรณีของคุณครู Robert Goodman หนึ่งในผู้ป่วยโรคมะเร็งต้องใช้วันลาป่วยทั้งหมดที่มี เพื่อนำไปใช้เป็นการเข้ารับผ่าตัด เคมีบำบัด และพักรักษาตัว จนหมดสิทธิ์ลาที่จะสามารถใช้ได้แล้ว ครู Robert เป็นครูประจำโรงเรียนรัฐแห่งหนึ่งในฟลอริดา และเขาต้องการวันลาป่วยเพิ่มอีกอย่างน้อยเป็นเวลา 20 วัน เพื่อใช้ในการบำบัดรักษามะเร็งลำไส้ระยะที่ 3 ของเขา เขาจึงตัดสินใจโพสต์ภาพเซลฟี่ เพื่อขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมกับให้เหตุผลของการขอสิทธิ์ลาป่วยเพิ่มอีก 20 วัน “ผมได้ใช้วันลาไปแล้ว 38 วันในปีนี้ เป็นสิทธิ์ลาทั้งหมดที่ผมเหลืออยู่ ถ้าผมได้วันลาป่วยเพิ่มอีก 20 วันจากเพื่อนๆ ครูหรือบุคลากรในโรงเรียน เพื่อที่จะมีเวลาเพิ่มในการพักฟื้นตัวต่อสู้กับวิธีการคีโมตลอด 12 สัปดาห์ข้างหน้า เพราะอย่างน้อยๆ ก็จะเป็นเวลาที่มากพอให้ผมรับการรักษาได้เพียงพอ หากเพื่อนครูช่วยกระจายข่าวให้ผมได้จะเป็นพระคุณมาก ขอบคุณมากครับ” หลังจากที่ผ่านพ้นไปได้ 4 วันจากการขอความช่วยเหลือ บรรดาเพื่อนครูและบุคลากรในโรงเรียนได้ร่วมโอนสิทธิ์ลาป่วยให้เขาได้ใช้มากถึง 75 วัน ทั้งจากในโรงเรียนเดียวกันและต่างโรงเรียนต่างรัฐ “ผมแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก บุคลากรทางการศึกษาจากทั่วประเทศได้ช่วยกระจายข่าวให้ผม…
-
นึกว่าโปเกมอน!!…ชาวนาตกใจ หลังพบ ‘หนู’ ที่มี ‘ต้นถั่วเหลือง’ โตอยู่บนหลังของมัน
กลายเป็นที่ฮือฮาของชาวบ้านเป็นอย่างมาก เมื่อมีการพบ ‘หนู’ ที่มี ‘ต้นไม้’ เจริญเติบโตขึ้นบนหลังของมัน จนคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโปเกมอนที่มีชีวิตจริงๆ!? เรื่องมีอยู่ว่าชาวสวนชื่อว่านาย Datar Singh ได้ทำการปลูกต้นถั่วเหลืองในฟาร์มของตัวเอง ที่อยู่ในเมือง Ratlam เขต Madhya Pradesh ประเทศอินเดียเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังจากเวลาผ่านไปจนถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมาก็ต้องตกใจเมื่อพบกับเจ้าหนูตัวหนึ่งในแปลงถั่วเหลืองที่ปลูกเอาไว้ และพบว่าที่หลังของมันมีต้นถั่วเหลือเจริญเติบโตขึ้นมาด้วย!? กลายเป็นที่ฮือฮาของชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นกันยกใหญ่ หลายคนต่างก็เข้ามามุงดู พร้อมกับถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ และคลิปดังกล่าวก็ถูกโพสต์ลงโลกโซเชียลและได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย หลายคนก็มองว่ามันคือการทารุณกรรมสัตว์หรือไม่? แต่ภายหลังนาย Datar ก็เปิดเผยว่าตนไม่ได้ทำ เหตุการณ์นี้อาจจะเกิดจากความบังเอิญตอนที่ตนหว่านเมล็ดถั่วเหลืองก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามภายหลังนาย Datar ก็ได้พาเจ้าหนูตัวนั้นกลับมาที่บ้านแล้วก็เอาต้นถั่วเหลืองออกจากตัวของมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางด้านผู้เชี่ยวชาญ ศาสตราจารย์ A Siddiqui ผู้อำนวยการของสาขาวิชาชีววิทยาจากมหาลัยใกล้เคียงได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ว่า “มันคือปาฏิหาริย์ชัดๆ!!” “แม้ว่าต้นไม่จะเติบโตขึ้นบริเวณใกล้กับคอของมัน แต่ก็ไม่ได้ทำลายสมองของมันเลยแม้แต่น้อย จากเหตุดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้นเพราะเมล็ดถั่วเหลืองอาจจะบังเอิญหล่นลงไปในแผลของมันก็เป็นได้” ลองไปชมคลิปวิดีโอแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… ที่มา : dailymail,…
-
นักการเมืองออสเตรเลีย เขียนบทความ ‘สนับสนุนการมีเซ็กส์กับศพ’ ก่อนจะบอกว่า แค่ขำๆ!?
‘การมีเซ็กส์’ ถือเป็นเรื่องธรรมชาติกับมนุษย์เรา แต่หากไปมีเซ็กส์กับ ‘ศพ’ แล้วล่ะก็ มันคือเรื่องที่สังคมส่วนใหญ่ยอมรับไม่ได้ แต่สำหรับนักการเมืองจากพรรค Greens NSW ที่กำลังหาเสียงเลือกตั้งภายในของนครซิดนีย์ เคยเขียนบทความที่สนับสนุนให้ ‘การมีเซ็กส์กับศพ’ นั้นถูกกฎหมาย แต่พอเรื่องแดงออกมาพี่แกดันบอกว่าเป็นแค่เรื่องตลกซะงั้น!? ย้อนกลับไปในเดือนมีนาคม ปี 2013 นาย Tom Raue ตอนที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ ได้ทำการเขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ Honi Soit ที่เป็นหนังสือพิมพ์ของนักศึกษา โดยบทความของเขามีหัวข้อว่า “ความงดงามของศพที่ถูกลดทอนคุณค่าลงไป” “หากบุคคลได้อนุญาตให้ร่างกายของตัวเองสามารถมีเซ็กส์ได้ และครอบครัวของพวกเขาไม่มีปัญหาอะไร ถ้างั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงน่ะสิ แ*งเอ๊ย!” Tom เขียน นอกจากนี้เขายังอธิบายไว้อีกว่าการกระทำชำเรากับศพนั้นถือเป็นรสนิยมทางเพศที่ถูกห้ามในแทบจะทุกสังคม และในออสเตรเลียเองก็เช่นกัน ซึ่งเขาเองก็ระบุว่าตนเองต้องการจะเปลี่ยนให้มันกลายเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย ถ้าเขามีอำนาจ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเรื่องดังกล่าวนี้แดงออกมา เขาก็ออกมาบอกว่า “มันก็แค่เรื่องตลกที่เขียนขึ้นมาเท่านั้น” “จริงๆ ผมเขียนขึ้นมาเพื่อตอบโต้บทความของ Cory Bernardi ที่บอกว่าการแต่งงานกับเพศเดียวกันนั้นจะนำไปสู่การที่มนุษย์สามารถมีเซ็กส์กับสัตว์ได้อย่างอิสระ ผมก็เลยไปพูดคุยกับบก. ของหนังสือพิมพ์ Honi Soit และคนอื่นๆ พวกเราก็คิดว่ามันน่าจะตลกดีนะถ้าเราตีพิมพ์บทความที่ผมเสนอออกมา” “ผมรู้นะว่าหลายๆ คนอาจจะไม่ขำกับมัน…
-
หนุ่มสุดช้ำ!! โดนตำรวจจับไม่พอ ยังเพิ่งมารู้อีกว่า ‘เมีย’ มีอายุแก่กว่าที่เขารู้ถึง 20 ปี…
ถ้าการที่ถูกตำรวจจับเป็นเรื่องที่ช็อคสุดๆ แล้วล่ะก็ บางทีถ้าเราเป็นชายคนนี้อาจจะหัวใจวายตายไปเลยก็เป็นได้ เพราะชายคนนี้ไม่เพียงจะถูกจับอย่างเดียวเท่านั้น แต่เขายังเพิ่งมารู้ด้วยว่าภรรยาที่อยู่กินด้วยกันมาจริงๆ แล้วมีอายุแก่กว่าที่เขารู้ถึง 20 ปี!! โดยเรื่องราวมหาวิปโยคที่ว่านี้มีอยู่ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกทลายซ่องโสเภณีแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และได้จับกุมสามี-ภรรยา เจ้าของกิจการดังกล่าวเอาไว้ได้ จากการให้ปากคำกับทางตำรวจฝ่ายชายที่มีนามสกุลว่า Li ก็บอกกับตำรวจว่าภรรยาของเขาที่มีนามสกุล Liu เกิดเมื่อเดือนตุลาคมปี 1988 แต่ว่าเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำข้อมูลนี้ไปค้นในระบบฐานข้อมูล กลับไม่พบเจอรายละเอียดของหญิงสาวคนนี้แต่อย่างใด จะพบก็แต่คนที่มีชื่อคล้ายๆ กันเพียงเท่านั้น ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ดำเนินการสอบสวนหนักขึ้น แล้วในที่สุดก็ได้พบพิรุธบางอย่างเมื่อทางฝ่ายผู้หญิงได้ยื่นบัตรประชาชนของเธอที่มีนามสกุลว่า ‘Liu’ ให้กับทางเจ้าหน้าที่ ทางตำรวจจึงนำไปตรวจสอบกับระบบทะเบียนบ้านแล้วก็พบว่าจริงๆ แล้วผู้หญิงคนนี้มีนามสกุลที่แท้จริงว่า ‘Zhang’ ต่างหาก!! ด้วยการค้นพบความจริงดังกล่าวเลยทำให้สุดท้ายแม่เล้าคนนี้ก็สารภาพออกมาอย่างหมดเปลือกว่า เธอใช้บัตรประชาชนปลอม และอีกเรื่องหนึ่งก็คือวันเกิดที่แท้จริงของเธอนั้นคือในเดือนกรกฏาคม ปี 1968 ไม่ใช่ 1988 อย่างที่สามีของเธอรู้มาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางด้านฝ่ายตัวสามีวัย 27 ปีคนนี้ก็ช็อคจนลมแทบจับเมื่อได้รู้ความจริงว่าภรรยาที่เขาเชื่อตลอดว่ามีอายุ 30 ปีกลับมีอายุจริงๆ ถึง 50 ปีเข้าไปแล้ว นี่มันเป็นเรื่องโกหกตั้งแต่เมื่อตอนพบเจอกันครั้งแรกเมื่อ 10 ปีที่แล้วเลย… …
-
‘Behind a Little House’ โปรเจกต์ภาพถ่ายบ้านหลังน้อย สะท้อนความผันเปลี่ยนที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง
หนึ่งในโปรเจกต์การถ่ายภาพที่น่าสนใจมากๆ โดยใช้ช่วงเวลาในการเก็บภาพบรรยากาศ ‘บ้านหลังน้อย’ ทั้งหมด 2 ปีด้วยกัน เพื่อแสดงออกมาเป็นผลงานศิลปะถ่ายภาพ ภายใต้แนวคิดสถานที่พักพิงอาศัยภายใต้ท้องฟ้าเดียวกันอันกว้างใหญ่ ผลงานดังกล่าวชื่อว่า “Behind a Little House” โดยช่างภาพชาวอิตาลี Manuel Cosentino เขาได้เลือกวางตำแหน่งบ้านหลังหนึ่งไว้ข้างมุมภาพด้านขวา และจะปล่อยให้ช่วงเวลาที่ผ่านไปเป็นตัวกำหนดบรรยากาศ วางบ้านไว้ที่มุมเดิมอยู่อย่างนั้น . . บรรยากาศโดยรอบคือสิ่งที่กำหนดอารมณ์และโทนภาพ สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลาภายนอกตัวเรา โดยในระหว่างการจัดแสดงโปรเจกต์ภาพถ่ายดังกล่าว เขาได้เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เล่าเรื่องราวที่มีความเกี่ยวข้องกับตัวภาพ จากการที่ทุกสิ่งรอบตัวเราและหน้าที่ของเรา กำลังช่วยกันสร้างโลกในอนาคตจากธรรมชาติของเราได้อย่างไร . . . . นอกเหนือจากนี้ ภายในงานจัดแสดงผลงาน Manuel ก็ยังเชิญชวนผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม ร่วมวาดภาพประกอบกับบ้านหลังน้อยของเขา เป็นอีกหนึ่งความน่ารักที่ถ่ายทอดจากผู้ชมสู่เจ้าของผลงานได้… ภายใต้คำถาม ความหมายของการมีอยู่คืออะไร และมันช่วยสร้างการรับรู้และทัศนคติที่เรามีต่อโลกได้อย่างไรบ้าง . . . . . ที่มา: manuelcosentino, lensculture
-
ชาวเน็ตชื่นชม วัยรุ่นรัสเซีย ทำความดีเปลี่ยนชีวิตชายชราไร้บ้านที่กำลังหมดหวัง
คงมีหลายๆ คนที่คิดว่าโลกของเราทุกวันนี้น่าอยู่น้อยลง ด้วยปัญหาต่างๆ ทั้งมลพิษ ขยะหรือจะเป็นปัญหาด้านสังคม ด้านอาชญกรรมและด้านอื่นๆ แต่กับสาวคนที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เธอได้ทำสิ่งที่ทำให้โลกนี้น่าอยู่มากขึ้น นั่นคือช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ทุกข์ยากและตกระกำลำบาก ด้วยความจริงใจ ผู้หญิงคนดังกล่าวคือ Violetta Niklskaya ชาวรัสเซียวัย 18 ปี เธอเพิ่งจะเรียนจบมัธยมปลายเท่านั้นเองเธอได้ช่วยเหลือ Anatoly ชายไร้บ้านให้พบกับแสงสว่างของชีวิตอีกครั้ง ย้อนกลับไปยังอดีต Anatoly เคยมีชีวิตปกติเหมือนคนอื่นๆ เขามีงานทำและมีบ้านที่อาศัยอยู่กับแม่และภรรยา ต่อมาคุณแม่และภรรยาของเขาได้เสียชีวิตลงในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อผ่านช่วงที่ทำใจได้ลำบากนั้นไป หลานชายของเขาก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่ด้วย ชีวิตของเขาเหมือนจะดีขึ้น แต่หลานชายคนนั้นเองกลับผลักไสไล่ส่งเขาออกไปอยู่ข้างถนนและไม่แม้แต่จะช่วยค่าใช้จ่ายใดๆ โดยให้เหตุผลว่าเขาได้เจอกับผู้หญิงดีๆ และอยากจะเริ่มสร้างครอบครัวที่นี่ทำให้ไม่มีห้องพอสำหรับ Anatoly Anatoly ใช้เงินบำนาญของเขาเช่าที่อยู่เล็กๆ เป็นเวลาได้ 3 ปี ที่แห่งนั้นก็ถูกรื้อถอนทำให้เขาต้องไปเร่ร่อนอยู่ข้างถนนอีกครั้ง https://instagram.com/p/Bl0w9_7Ht_5 ในเดือนกรกฎาคม 2018 ด้วยอายุที่มากขึ้นบวกกับความเป็นอยู่ที่ไม่ดี เขาล้มป่วยลง โชคดีที่มีพลเมืองเห็นและเรียกรถพยาบาลให้มารับเขา เป็นเวลา 7 วันที่เขาต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ในที่สุดคุณหมอก็บอกให้เขากลับบ้านได้ ซึ่งไม่มีบ้านรอให้ Anatoly กลับไปอีกแล้ว…
-
โฆษณาโปรโมทหนัง The Nun เพียง 5 วินาที เกิดกระแสลบต้านเพราะน่ากลัวเกินไป
รูปแบบการโฆษณาในยุคปัจจุบันที่แฝงมากับทุกรูปแบบการใช้ชีวิตของคนเรา โดยส่วนใหญ่แล้วก็มักจะไม่ถูกใจคนเท่าไหร่นัก แต่ท้ายที่สุดแล้ววิธีการสอดแทรกแฝงมาก็ยังคงวนเวียนมาจนถึงทุกวันนี้ และแล้วกรณีการแทรกโฆษณาของยูทูบ ที่มักจะปล่อยวิดีโอโฆษณาคั่นก่อนเริ่มคลิปใหม่ โดยในกระแสของเมืองนอกนั้นเริ่มมีการแทรกคลิปโปรโมท The Nun ภาพยนตร์สยองขวัญภาคแยกจากจักรวาล The Conjuring ชื่อเสียงเรียงนามของภาพยนตร์ตระกูลนี้ทุกคนต่างรู้กันดี แต่วิธีการคั่นโฆษณาด้วยคลิปวิดีโอสั้นเพียงแค่ 5 วินาทีนี้ กลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันเป็นวิธีการโฆษณาที่แย่ และยัดเยียดคนดูให้รู้สึกกลัวโดยไม่มีทางเลือกที่จะกดข้ามได้เลย (ในยูทูบจะกดข้ามโฆษณาได้หลังจากผ่านไป 5 วินาที) หากใครที่ไม่เคยเห็นคลิปดังกล่าวมาก่อน ตัวคลิปจะเป็นภาพแสดงให้เห็นการลดเสียงลงเรื่อยๆ บอกเป็นนัยว่าจะมีอะไรโผล่ออกมาตุ๊งแช่ให้คุณตกใจ โฆษณา 5 วินาที สำหรับ The Nun คนบางกลุ่มอาจจะรับได้กับวิธีการแบบนี้ เนื่องจากเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวสยองขวัญ และน่าจะรับได้มากกว่านี้ หากโฆษณาตัวดังกล่าวคั่นในวิดีโอที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน เช่น รีวิวหนังสยองขวัญ หรือเทรลเลอร์ตัวอย่างหนังผี จากการระบาดออกไปสู่วิดีโอที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย ทำให้ผู้ชมที่ได้เห็นกลับรู้สึกไม่ชอบใจ ส่งผลทำให้เกิดอาการหวาดวิตกอย่างรุนแรง เพราะไม่ใช่ทุกคนจะเตรียมตัวเตรียมใจกับการโฆษณาแบบนี้ และรู้สึกว่าไม่มีทางเลือกที่จะหลีกเลี่ยง Appreciate you bringing this to…
-
วีแกนถึงกับช็อค เจอชายยืนแทะ “เนื้อดิบ” โชว์หน้างานเทศกาล Vegan Food Festival
ในโลกนี้มีวิถีการใช้ชีวิตและวิธีรับประทานอาหารที่แตกต่างกัน ตามความเชื่อ รสนิยมหรือทัศนคติ ซึ่งบางคนก็ว่ากินแต่ผักจะทำให้ร่างกายแข็งแรง บางคนก็ว่าต้องกินเนื้อด้วยสิไม่งั้นก็ขาดสารอาหาร ที่ผ่านมาเราจึงมักเห็นการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มคนทานแต่ผักและกลุ่มคนที่ทานเนื้ออยู่ตลอด จากข่าวเก่า เราเคยกล่าวถึงกลุ่มวีแกนที่ไปยืนประท้วงหน้าร้านขายเนื้อ จนถูกร้านขายเนื้อคว้าเนื้อไล่ฟาดกันไปแล้ว มาคราวนี้เป็นเรื่องของกลุ่มคนกินเนื้อที่มายืนประท้วงกันบ้าง แต่ไม่ได้ประท้วงธรรมดา เพราะเขาคว้าเนื้อดิบขึ้นมา “กิน” สดๆ หน้างานเทศกาล “Vegan Food Festival” Vegan Food Festival เป็นงานเทศกาลอาหารจากพืชผักทั้งหลาย ที่ปราศจากวัตถุดิบที่เป็นเนื้อ โดยจัดขึ้นในกรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ท่ามกลางความสนุกครื้นเครงของเหล่าวีแกนหลายร้อยคน ทันใดนั้นก็เกิดเหตุการณ์พิสดารเกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ ชายไว้ผมทรงหางม้า ใส่เสื้อกล้ามสีดำที่มีข้อความเขียนว่า “เป็นวีแกนแล้วไปตายซะ” ได้เดินเข้ามายืนอยู่นอกทางเข้างาน จากนั้นก็ทำการประท้วงโดยการหยิบเนื้อดิบๆ ขึ้นมากัดโชว์ ทำเอาเหล่าวีแกนทั้งหลายถึงกับเงิบกันไปหมด ชายหางม้าคนดังกล่าว ไม่มีท่าทีที่จะออกจากงานเลยสักนิด จนทางผู้จัดงานต้องเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเพื่อพูดคุยเจรจา แต่ขณะที่กำลังพูดคุยกับเจ้าหน้าที่อยู่เขาก็ยังหยิบเนื้อมากินต่อได้อย่างหน้าตาเฉยเป็นชั่วโมงถึงจะยอมออกไปแต่โดยดี ทางผู้จัดงานได้กล่าวว่า “แม้ว่าในงานจะไม่ได้มีข้อห้ามไม่ให้กินเนื้อดิบก็ตาม แต่มันก็ค่อนข้างตะลึงเมื่อได้เห็นเหมือนกัน เพราะสิ่งนั้นมันเต็มไปด้วยเลือดและไขมัน นอกจากนี้ในงานยังมีผู้สูงอายุและเด็กๆ ซึ่งในเวลานั้นเป็นเวลาโชว์โปรแกรมพิเศษสำหรับเหล่าเด็กๆ อยู่ พวกเขาไม่น่าจะต้องมาเห็นภาพแบบนี้เลย ในตอนแรกเขาไม่อยากที่ออกไปจากงานเพราะว่ามันไม่มีข้อห้ามอะไรระบุไว้ว่าห้ามยืนอยู่นอกงานตรงทางเข้า มันเป็นการประท้วงที่พิสดารมากๆ งานเทศกาลนี้มันควรที่จะสนุกสนานและมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ๆ แท้ๆ”…
-
ชีวิตใหม่ของหญิงสาวคิดสั้น ผู้ยิงเข้าหน้าตัวเอง ปลูกถ่ายใบหน้าสำเร็จในเวลา 31 ชั่วโมง
*ภาพประกอบเนื้อหามีบางส่วนอาจไม่จรรโลงใจ โปรดใช้วิจารณาญาณในการอ่าน* ชีวิตที่หลงทางของหญิงสาววัย 21 ปี ทำให้เธอได้กลายเป็นบุคคลที่มีอายุน้อยที่สุดในสหรัฐอเมริกาที่ได้รับการปลูกถ่ายใบหน้าสำเร็จ หลังจากการที่เธอยิงปืนเข้าใบหน้าของตัวเองเพื่อฆ่าตัวตายเมื่อ 3 ปีก่อน ในปี 2014 Katie Stubblefield ลงมือใช้ปืนไรเฟิลขนาด .308 ของพี่ชาย ลั่นไกใต้คางของตัวเอง หลังจากที่ผิดหวังในเรื่องของความรัก เมื่อจับได้ว่าแฟนหนุ่มของตน แอบแชตคุยกับหญิงอื่น และตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ Katie Stubblefield ภายใต้ความกดดันของครอบครัวและแพทย์ ต่างต้องช่วยกันยื้อชีวิตของเธอเอาไว้ ตลอดระยะเวลาในช่วงปี 2014 ถึง 2016 เธอต้องย้ายไปรับการรักษาและซ่อมแซ่มใบหน้าในโรงพยาบาลถึง 3 แห่งด้วยกัน ศัลยแพทย์ต่างลงความคิดเห็นว่า บาดแผลที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของเธอ ไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์ได้ เนื่องจากทั้งภายในและภายนอกได้รับความเสียหายอย่างหนัก แม้จะมีการตัดชิ้นส่วนเนื้ออื่นๆ มาปกปิด แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ยังไม่พร้อม บาดแผลต่างๆ จึงทำได้เพียงแค่บรรเทาเท่านั้น ปัญหาของการรักษาสภาพใบหน้าและสภาพภายในนั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดเลือดคั่งภายในสมอง บาดแผลเปิด โครงใบหน้า กรามและโหนกแก้มผิดรูป ต้องเย็บเปลือกตาให้ปิดไม่ให้เกิดการขยับเพื่อคงสภาพใบหน้าเอาไว้ รวมไปถึงการซ่อมแซมส่วนจมูกและทางเดินหายใจ หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ใบหน้าของ…
-
ชาวเน็ตบ่นอุบ!! ไปปีนภูเขาฟูจิเจอมวลมหาประชาชน แทบเดินไม่ได้ติดแหงกเป็นชั่วโมง…
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่อยู่ในฝันของใครหลายคนจริงๆ สำหรับการได้ปีนขึ้นไปบน ‘ภูเขาไฟฟูจิ’ ภูเขาแสนสวยราวกับหลุดออกมาจากจินตนาการในประเทศญี่ปุุ่น แต่เดี๋ยวก่อนถ้าหากคุณวางแผนเอาไว้ว่าจะไปดูวิวสวยๆ เดินชมทุ่งอย่างสบายใจถ่ายรูปชิลๆ ในช่วงนี้ล่ะก็ โปรดหยุดความคิดนั้นไว้ก่อนเลย เพราะคนที่ไปมาเมื่อเร็วๆ นี้บอกว่าตอนนี้ข้างบนคนเยอะซะยิ่งกว่ามีงานคอนเสิร์ตบางงานซะอีก!! โดยผู้ที่มาบอกเตือนด้วยความหวังดีนี้ก็คือ ทวิตเตอร์ชื่อว่า @kur หรือว่าคุณ Mikio Kiura ที่เพิ่งจะมีโอกาสได้ขึ้นไปพิชิตภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นอย่าง ‘ภูเขาไฟฟูจิ’ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมานี้ ภาพของเขาได้แทนคำพูดนับร้อยคำได้จริงๆ ว่าระหว่างที่เดินขึ้นภูเขาไฟนั้นเป็นอย่างไร เพราะมันเป็นภาพที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาจำนวนหลายร้อยชีวิตที่เบียดเสียดแย่งกันเดินขึ้นภูเขา และถ้าถามถึงการเดินฟินๆ ชมนกชมไม้น่ะเหรอ ลืมไปเลยจะดีกว่า… เขาบอกว่าเขาสามารถก้าวไปได้เพียงแค่ก้าวเล็กๆ ตลอดเวลาจนรู้สึกเบื่อปนรำคาญเลย สำหรับเหตุผลที่เป็นอย่างนี้ก็แน่นอนเพราะว่าภูเขาไฟฟูจิเป็นเหมือนกับแลนมาร์กของประเทศญี่ปุ่น และอีกอย่างหนึ่งก็เป็นเพราะว่าภูเขาแห่งนี้จะเปิดให้เดินขึ้นได้เฉพาะในฤดูกาลท่องเที่ยวของที่นี่ (ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม – 10 กันยายน) เท่านั้น เพราะเป็นช่วงที่มีสภาพอากาศดีที่สุด จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวแห่กันไปอย่างเช่นในภาพ และนอกจากนี้แล้วช่วงที่เขาไปก็ดันตรงกับเทศกาลบง เทศกาลของชาวญี่ปุ่นนับถือพุทธที่จะสดุดีบรรพบุรุษ ซึ่งในช่วงเวลานี้นักเรียนและพนักงานบริษัททั้งหลายก็จะหยุดพักผ่อนด้วยนั่นเอง ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างที่มาประกอบกันดังกล่าว เลยทำให้การเดินขึ้นเขาตลอดเส้นทาง Yoshida Trail Yoshida Tra ของชายคนนี้ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนุกเอาซะเลย แต่ถึงอย่างไรแล้วเขาก็ทวิตบอกว่าในที่สุดก็สามารถหาความสงบอย่างที่ควรจะเป็นได้ที่จุดที่ 6…
-
มีงง!! หนุ่มสวม ‘ชุดโรเลอร์เบลด’ ไถลร่อนกลางถนน มองไปมองมานึกว่าไอรอนแมน…
หากใครที่เคยได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Chinese Zodiac หรือชื่อไทยว่า วิ่ง ปล้น ฟัด คงจะจำฉากที่เฮียเฉินหลง สวมชุดโรเลอร์เบรดสุดเฟี้ยวต่อสู้กับอีกฝั่งหนึ่งได้เป็นอย่างดีว่ามันเท่มันคูลขนาดไหนกัน แต่ใครจะไปคิดว่าจะมีคนเอาชุดแบบนี้ออกไปใช้บนถนนจริงๆ เหมือนกับชายคนนี้ที่สวมชุดโรเลอร์เบรดไปแล่นไถลเล่นตามถนนในเมืองที่มีรถขวักไขว่ สร้างความตกตะลึงมึนงงให้กับผู้ที่พบเห็น จนในที่สุดแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องรวบตัวเอาไว้ก่อนที่จะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจากการเล่นแผลงๆ นี้ ฉากในเรื่อง “วิ่ง ปล้น ฟัด” ที่ดันมาเป็นเรื่องจริงๆ โดยการเล่นพิเรนทร์ใส่ชุดพิลึกๆ ที่ว่านี้เกิดขึ้นที่เมืองอุรุมชี ประเทศจีน เมื่อมีวิดีโอจับภาพได้ว่ามีชายคนหนึ่งที่นอนไถลไปกับถนนท่ามกลางรถที่แล่นกันไปมาในระหว่างนั้น และเมื่อมองดีๆ ก็จะเห็นว่าที่เขาไปได้ลื่นไหลขนาดนั้นไม่ใช่เพราะว่ามีพลังวิเศษอะไร แต่เป็นเพราะชุดโรเลอร์เบรดของเขาต่างหาก ซึ่งทั้งนี้มันเป็นชุดที่มีล้ออยู่ตรงกลางหน้าอกรวมถึงแขนอีกทั้งสองข้างพร้อมด้วยมอเตอร์ที่สามารถเร่งความเร็วได้สูงเพื่อความมันส์ในการขับขี่นั่นเอง ถ้าจะว่ากันจริงๆ แล้ว มันก็คงเป็นอีกหนึ่งเครื่องเล่นที่ให้ความบันเทิงสำหรับคนที่รักความเร็วได้เป็นอย่างดี แต่ว่าการนำมาใช้บนท้องถนนจริงอย่างนี้อาจเป็นเรื่องที่ใครหลายคนไม่ค่อยเห็นด้วยนัก เพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นได้ คลิปของเขาขณะแล่นอยู่กลางถนน ซึ่งในเรื่องนี้ดูทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเห็นด้วยมากที่สุด เพราะหลังจากที่เขาวิ่งเล่นบนถนนได้แค่ 5 นาที ทางตำรวจก็รวบตัวเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย และต่อมาเขาก็บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าเจ้าชุดนี้เขาได้เดินทางไปศึกษาถึงประเทศฝรั่งเศสเพื่อออกแบบมันขึ้นมา แถมมันยังมีราคาสูงลิ่วถึง 100,000 หยวน (ประมาณ 487,000 บาท) เลยด้วย ทางด้านชาวเน็ตก็มีความเห็นมากมายถึงชุดโรเลอร์เบรดของเขา บ้างก็ว่ามันเป็นอะไรที่เจ๋งสุดๆ แต่บางคนก็บอกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระจริงๆ…
-
แฟนคลับดราม่าโวย Disney แอบเปลี่ยนสีผิว ผมเผ้าและหน้าตาของเจ้าหญิง Tiana
เจ้าหญิงดิสนีย์ทั้งหลายถือว่าเป็นตัวละครที่ทั้งสาวน้อยสาวใหญ่นั้นชื่นชอบและใฝ่ฝันที่จะใช้ชีวิตแบบพวกเธอ และจากอดีตมาจนปัจจุบันเจ้าหญิงดิสนีย์ถูกสร้างขึ้นมาเรื่อยๆ จนตัวละครมีมากมายไปหมด หลายๆ คนเลยอยากที่จะเห็นการ์ตูนที่นำเอาเจ้าหญิงแต่ละคนมาอยู่ด้วยกัน ซึ่งคำขอนั้นก็เป็นจริงแล้วเมื่อทาง Disney ได้นำเจ้าหญิงทั้งหลายมารวมตัวกันใน Ralph Breaks Internet หรือ Wreck-it Ralph 2 และแม้ว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นแอนิเมชั่นวัยใสที่สามารถดูได้ทุกเพศทุกวัย แต่ก็ยังไม่วายมีคนดราม่าเรื่องสีผิวของตัวละครอีก… โดยที่ประเด็นในวันนี้คือสีผิวของเจ้าหญิง Tiana จาก The Princess and the Frog เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2018 ทาง Disney ได้ปล่อยเทรลเลอร์และภาพใหม่ๆ ของ Wreck-it-Ralph 2 ออกมา แต่เมื่อชาวเน็ตได้เห็นหน้าตาของ Tiana ชัดๆ ก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่าผิวของเธอนั้นขาวกว่าที่เคยเป็นในเวอร์ชั่นเก่า บางคนกล่าวว่า “Disney ตัดสินใจที่จะเพิ่มสีสันโดยการลดระดับสีผิวของเจ้าหญิง Tiana ใน Ralph Breaks The Internet จากเดิมที่ Tiana มีผิวดำใน The Princess and the…
-
ครอบครัวใจสลาย เมื่อ ‘สถานสงเคราะห์สัตว์’ การุณยฆาตหมาของพวกเขาเพราะเข้าใจผิด!?
‘สุนัข’ สำหรับหลายๆ คนแล้วมันเป็นมากกว่าสัตว์เลี้ยง เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งลูก ที่มอบความสุขให้กับหลายๆ ช่วงชีวิตของเรา แต่เมื่อมีเหตุที่ทำให้ต้องเสียมันไปย่อมทำให้เกิดความทุกข์ใจตามมา ราวกับว่าได้สูญเสียสมาชิกในครอบครัวไปเลยทีเดียว เช่นเดียวกันกับครอบครัวนี้ที่ต้องสูญเสียเจ้าหมาไปเพราะการทำงานที่ผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ในสถานสงเคราะห์สัตว์ เรื่องมีอยู่ว่าเจ้าหมา Moses ของคุณ Tony และ Jennifer Wang จากเมือง Peoria รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกพาตัวไปไว้ที่สถานสงเคราะห์สัตว์เพื่อเฝ้าดูอาการ ‘โรคพิษสุนัขบ้า’ เนื่องจากว่าดันไปกัดใส่ช่างซ่อมบำรุงคนหนึ่งเข้า เจ้า Moses จะต้องอยู่ที่สถานสงเคราะห์สัตว์ Tazewell County Animal Control เป็นเวลาอย่างน้อย 10 วันเพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร จากนั้นก็จะได้รับอนุญาตให้กลับมาอยู่ที่บ้านได้เหมือนเดิม แต่กลายเป็นว่าเจ้า Moses กลับถูกเจ้าหน้าที่ทำการ ‘การุณยฆาต’ เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นหมาอีกตัวหนึ่ง “ในทุกๆ วันฉันจะแวะไปเยี่ยมเจ้า Moses ก่อนที่จะไปทำงาน และเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ฉันก็ไปเยี่ยมตามปกติพร้อมกับเอาคุกกี้ติดมือไปให้มันด้วย” คุณ Tony เล่า “เมื่อเวลาประมาณ 9.30 น.…
-
งานวิจัยจาก University of Birmingham ชี้ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ อันตรายต่อ ‘ระบบภูมิคุ้มกัน’
หลังจากที่มีการถกเกถียงกันมาอย่างยาวนานว่า ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ นั้นปลอดภัยต่อสุขภาพจริงๆ หรือไม่… แน่นอนว่าองค์กรเกี่ยวกับสุขภาพของประเทศที่มีการเปิดให้ใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าอย่างถูกกฎหมายก็ดำเนินการทำการวิจัยถึงอันตรายต่างๆ ที่ได้รับผลมาจากเจ้าบุหรี่ไฟฟ้านี้ จากงานวิจัยก่อนๆ ของสาธารณสุขประเทศอังกฤษ ที่ได้ผลว่า ‘บุหรี่ไฟฟ้าสามารถช่วยให้คนสูบบุหรี่จริง หันมาเลิกบุหรี่ได้‘ แต่ก็ยังไม่ได้มีงานวิจัยว่ามันปลอดภัยต่อร่างกายของเราจริงหรือไม่อย่างไร สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว มีงานวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัย University of Birmingham ประเทศอังกฤษ ที่ระบุว่า ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ส่งผลอันตรายของร่างกายเรา มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน งานวิจัยนี้นำโดยศาสตราจารย์ David Thickett โดยมุ่งเป้างานวิจัยไปที่ ‘ผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้า ต่อเนื้อเยื่อในปอด’ วิธีการวิจัยก็คือให้อาสาสมัครทำการสูบบุหรี่ไฟฟ้า จากนั้นก็นำเนื้อเยื่อในปอดมาตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือทางการแพทย์ แล้วก็นำไปเปรียบเทียบกับเนื้อเยื่อในปอดของคนที่ไม่สูบบุหรี่ จากการศึกษาพบว่าคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าจะมีเนื้อเยื่อปอดที่มีการอักเสบ รวมไปถึงเซลล์ที่มีชื่อว่า Alveolar Macrophages มีการลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเจ้าเซลล์ตัวนี้จะทำหน้าที่ในการลบล้างสารพิษต่างๆ เช่นฝุ่น แบคทีเรีย และสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ออกไปจากเซลล์ อย่างไรก็ตามศาสตราจารย์ David ระบุว่ายังคงต้องทำการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมถึงผลข้างเคียงต่างๆ จนกว่าจะได้ข้อสรุปที่แน่นอนกว่านี้ “ในแง่ของการก่อให้เกิดเซลล์มะเร็งของการสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้นยังคงตรงกันข้ามกับการสูบบุหรี่จริง…
-
กลุ่มเด็กสาวถูกคนร้ายเข้ามาลักพาตัว แต่หนีรอดมาได้เพราะ “คำสอนและเทคนิคจากพ่อ”
ทุกวันนี้มีอาชญากรรมเกิดขึ้นอยู่ทุกที่และทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นคดีลักขโมย ปล้นจี้ ทำร้ายร่างกายหรือจะเป็นการลักพาตัวก็ตาม ซึ่งเหยื่ออันโอชะของเหล่าโจรก็คงไม่พ้นเหล่าเด็กๆ ที่ความสามารถทางร่างกายด้อยกว่าผู้ใหญ่ ทำให้พวกโจรสามารถลงมือกับพวกเขาได้สะดวกและมีโอกาสผิดพลาดน้อยกว่าทำกับผู้ใหญ่ แต่ไม่ใช่กับเด็กๆ ในเหตุการณ์ที่เรานำมาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันในวันนี้ เพราะหนูน้อยสองคนนี้สามารถหลบหนีมาเงื้อมมือของเหล่าโจรโฉดที่มาลักพาตัวได้ จากคำสอนและเทคนิคของคุณพ่อที่ได้สอนให้แก่พวกเธอ หนูน้อยผู้กล้าสองคนนั้นคือ Allison Eickhoff กับ Lauren Eickhoff สองศรีพี่น้องอายุ 14 และ 11 ขวบ เหตุการณ์เกิดขึ้นในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินออกจากร้านสะดวกซื้อที่เมือง Millington รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา พวกเธอสังเกตได้ว่ามีชายฉกรรจ์คนหนึ่งได้ตามเธอมาตลอดตั้งแต่ออกมาจากร้าน Bruce Hipkins ชายฉกรรจ์วัย 22 ปีคนดังกล่าวได้วิ่งเข้ามาจับหัวของพวกเธอและพูดว่า “พวกเธอต้องมากับฉัน!!” และการต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น หนูน้อยทั้งสองไม่ยอมอยู่เฉยๆ ปล่อยให้โจรโฉดลักพาตัวไปได้ง่ายๆ พวกเธอสู้กับเขา ทั้งต่อย ทั้งเตะ Hipkins ซ้ำๆ และยังขว้างกาแฟกับสเลอปี้ใส่ด้วย จนทำให้เขาเผลอปล่อย Lauren ไป แต่ก็ยังจับ Allison ไว้ได้อยู่ ซึ่ง Lauren ก็ยังสู้ต่อไปจน Hipkins เห็นท่าไม่ดีแล้ว จึงตัดสินใจเลือกที่จะหนีออกมา เมื่อเห็นดังนั้นสองสาวของเราจึงได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจ ซึ่งตำรวจก็มาได้ทันเวลาและสามารถตามเข้ารวบเจ้าโจรใจทรามขณะที่กำลังวิ่งหลบหนีอยู่ได้…
-
เมื่ออิหร่านไม่ให้ผู้หญิงเข้าสนาม ช่างภาพหญิงไม่แคร์ ขึ้นไปบนหลังคาบ้านข้างๆ ก็ได้!!
เริ่มต้นฤดูกาลใหม่กันแล้วสำหรับกีฬาฟุตบอลของมวลมนุษยชาติ และเช่นเดียวกันกับในประเทศอิหร่านที่เพิ่งจะเริ่มคิกออฟกันไป แต่ก็ยังเป็นปัญหาสำหรับผู้หญิงในประเทศ ที่ไม่สามารถเข้าไปชมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับในสนามกีฬาได้ เนื่องจากมีกฎหมายไม่อนุญาตให้ผู้หญิงได้ชมภาพการแข่งขันของผู้ชายที่สวมเพียงเกงกางขาสั้น (กางเกงกีฬา) มาตั้งแต่ปี 1981 Parisa Pourtaherian อย่างไรก็ตาม ด้วยความชื่นชอบในการถ่ายภาพกีฬาฟุตบอล Parisa Pourtaherian และเป็นช่างภาพข่าวสายกีฬา เธอพยายามที่จะทำการถ่ายภาพการแข่งขันฟุตบอลลีคระดับสูงสุดของประเทศให้ได้ ในเมื่อเธอไม่สามารถเข้าสนามร่วมถ่ายภาพกับเพื่อนร่วมงานผู้ชายได้ เธอจึงเริ่มหาสถานที่ถ่ายภาพข้างสนาม Vatani Stadium แทน และใช้เวลาร่วม 3 ชั่วโมงก่อนเริ่มเตะ เพื่อหาหลังคาบ้านข้างสนามที่เหมาะสำหรับการเก็บภาพในสนาม . หลังจากที่เจ้าของบ้านยินยอม เธอจึงไม่รอช้าเพื่อตั้งกล้องและเลนส์ถ่ายภาพออกมา สามารถเก็บภาพบรรยากาศภายในสนามและบรรยากาศการแข่งขันได้จากระยะไกล ภาพของเธอที่ยืนอยู่บนหลังคาก็แสดงให้เห็นได้ว่าเธอนั้นไม่ได้ยอมแพ้กับเรื่องอะไรแบบนี้เลย และกลายมาเป็นผู้หญิงคนแรกของอิหร่านที่ได้ถ่ายภาพลีคการแข่งขันระดับประเทศไปโดยปริยาย และภาพด้านล่างคือภาพบรรยากาศภายในสนาม ที่ถูกถ่ายมาจากบนหลังคาบ้าน . . . . . . Pourtaherian กล่าวว่าได้ไอเดียมาจากการแข่งขันในฤดูกาลที่แล้ว หลังจากที่เธอได้เห็นภาพของผู้คนนอกสนามที่ดูการแข่งขันบนหลังคา “ฉันคิดว่าฉันก็น่าจะทำได้เหมือนกันในฤดูกาลใหม่ ไปถ่ายภาพบนหลังคาแบบนั้นบ้าง แม้ตำแหน่งของอาคารจะมีต้นไม้ใหญ่บังบางส่วนของสนาม…
-
ศิลปินสร้างสรรค์ ‘เฮอร์ไมโอนี’ ในแบบของตัวเอง ชนะใจชาวเน็ต จนคิดว่าเป็นภาพถ่าย!?
หลายๆ คนคงจะติดภาพของ ‘เฮอร์ไมโอนี’ จากเรื่องแฮร์รี พอตเตอร์ เป็นผู้หญิงผิวขาว หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก แถมมีผมหยิก นั่นเป็นเพราะว่าในเวอร์ชั่นภาพยนตร์นั้นคนรับบทก็คือ Emma Watson นั่นเอง แต่เอาจริงๆ แล้วในเวอร์ชั่นนิยายนั้นไม่ได้ระบุเอาไว้ว่าเฮอร์ไมโอนี มีผิวสีอะไร เป็นเชื้อชาติไหน เพียงแค่อธิบายถึงรูปร่างหน้าตา ทรงผม และนิสัยของเธอเท่านั้น หากย้อนกลับไปในปี 2015 ที่มีประเด็นถกเถียงกันเรื่องเลือกตัวละครเฮอร์ไมโอนีเวอร์ชั่นละครเวทีเป็นสาวผิวสี ทางด้าน J.K. Rowling เองก็ออกมาทวีตบอกว่าในนิยายไม่ได้มีบอกไว้ว่าเฮอร์ไมโอนีเป็นคนผิวขาวเลยนะ และนี่เองก็เป็นอีกหนึ่งผลงานของศิลปิน ที่ทำการออกแบบ ‘เฮอร์ไมโอนี’ ตามจินตนาการของตัวเอง ปรากฎว่าชาวเน็ตต่างก็หลงรักไปตามๆ กัน!! ศิลปินท่านนี้มีชื่อว่า Sophia Canning ซึ่งเธอเองก็ออกตัวมาว่าเป็นหนึ่งในแฟนนิยายเรื่องแฮร์รี พอตเตอร์ ด้วยเช่นกัน เธอได้ทำการโพสต์ภาพวาดแฟนอาร์ตเฮอร์ไมโอนี ของตัวเองลงบนทวิตเตอร์พร้อมกับแคปชันว่า “ภาพวาดงานด่วนของเฮอร์ไมโอนี กำลังใช้ชีวิตอย่างมีความสุข” ภาพดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย จนมีคนเข้ามากดไลก์ถึง 208,000 ครั้ง และรีทวีตไปอีกกว่า 46,800 ครั้งเลยทีเดียว!! …
-
ความเร็วของไลฟ์การ์ด ปรี่กระโดดเข้าช่วยเด็กชายหลุดจากห่วงยาง แทบไม่มีใครสังเกตเห็น
บรรยากาศท่ามกลางสระว่ายน้ำที่มีผู้คนมากมาย กำลังแช่และเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะว่ายน้ำเป็นแต่อยากเล่นน้ำ จึงจำเป็นจะต้องมีเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ดคอยสอดส่องดูแลความปลอดภัยอยู่เสมอ ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสนใจอยู่กับการอยู่ในสระของตัวเอง บางคนอาจจะกำลังประสบปัญหาร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ กรณีตัวอย่างจากเด็กชายรายหนึ่งที่ว่ายน้ำไม่เป็น และพลัดหลุดออกจากห่วงยางรายนี้ ทาง Lifeguard Rescue ได้อัปโหลดวิดีโอเหตุการณ์ในสระว่ายน้ำแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก จนกระทั่งมีเด็กชายรายหนึ่งหลุดจากห่วงยางทางด้านขวาของวิดีโอ เขาพยายามตะเกียกตะกายดันตัวขึ้นเหนือน้ำเพื่อขอความช่วยเหลือ . ไม่น่าเชื่อว่าแทบจะไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกติใดๆ ในขณะที่เด็กชายกำลังขอความช่วยเหลือ โชคดีที่ไลฟ์การ์ดที่เดินวนดูบริเวณขอบสระว่ายน้ำสังเกตเห็นพอดี ในจังหวะนั้นก็กระโดดปรี่ลงตรงไปช่วยทันที . อย่างไรก็ตาม สระว่ายน้ำที่มีความลึกมากกว่าตัวเด็กที่ไม่สามารถว่ายน้ำได้เอง แม้จะมีห่วงยางหรืออุปกรณ์ช่วยลอยตัวบนน้ำได้ หากเกิดเหตุอันตรายจนใกล้จะจมน้ำอาจจะก่อให้เกิดเหตุการณ์สลดขึ้นได้ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิต ควรลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำที่ไม่ลึกจนเกินไป (ระดับที่สามารถยืนและศีรษะอยู่เหนือผิวน้ำ) ที่มา: Lifeguard Rescue, dailymail
-
ไอ้หนุ่มจัดฉากการตายปลอมๆ พร้อมส่งรูปให้เมียดู หลังทนไม่ไหวถูกขอเงินบ่อยเกิน!!
การใช้ชีวิตคู่ถือว่าเป็นการใช้ชีวิตที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนความต้องการของคนเพียงคนเดียว ต้องมีความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจกันระหว่างทั้งสองฝ่ายถึงจะสามารถทำให้ทั้งคู่สามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างยืดยาว หากไม่ทำแบบนั้นแล้ว ก็จะเกิดปัญหาขึ้นมา หากเกิดขึ้นซ้ำๆ ก็จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ทนไม่ไหวและเลือกหาทางออกด้วยวิธีทางๆ เหมือนอย่าง Danny Gonzalez คนนี้ ที่ตั้งแต่เขาแต่งงานมาก็ถูกภรรยาของเขากดขี่อยู่ตลอดเวลา ถูกภรรยาขอตังอยู่ทุกสัปดาห์ ซึ่งเขาก็ส่งให้โดยดี แต่นานวันเข้าฝ่ายภรรยาต้องการเงินมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดจุดหนึ่งมันเกินที่เขาจะรับไหว จึงได้วางแผนการให้เธอหยุดการกระทำครั้งนี้ เขาตัดสินใจจัดฉากการตายแบบปลอมๆ และส่งรูปร่างไร้วิญญาณของเขาไปให้กับภรรยาและจากนั้นก็กลายเป็นเรื่องวุ่นวายตามมา Danny Gonzalez ชายจากสาธารณรัฐฮอนดูรัสอายุ 27 ปี ซึ่งทำงานอยู่ในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ที่เขาแต่งงานเมื่อ 2 ปีก่อน เขาจะถูกภรรยาโทรมาขอเงินอยู่ทุกสัปดาห์และเริ่มมากขึ้นๆ เรื่อยๆ จนทำให้เขารับไม่ได้อีกต่อไปและตัดสินใจจัดฉากการตายของตัวเองส่งไปให้กับภรรยา รูปภาพการตายปลอมๆ ของเขาที่ส่งไปให้กับภรรยามีข้อความเขียนให้เธอได้รู้ว่าเขานั้นตายจากโรคมะเร็งและหอบหืด ซึ่งดูเหมือนแผนการของเขาจะเป็นไปได้ด้วยดี ภรรยาไม่โทรมาขอเงินเขาอีกต่อไป แต่ที่เขาไม่ได้คำนวณไว้ในแผนการคือ ภรรยาของเขาดันเอารูปภาพดังกล่าวไปให้กับสื่อท้องถิ่นดู เพื่อเป็นการแจ้งข่าวให้กับญาติๆ รวมถึงแม่ของเขารับรู้ถึงการตายของตัวเขาเอง และเมื่อชาวเน็ตได้เห็นรูปภาพของเขา และมองเข้าไปใกล้ๆ ก็พบว่านี่มันคือการจัดฉากนี่หน่า กระดาษขาวที่ใช้คลุมตัวของผู้ชายก็เป็นเพียงแค่ปลอกหมอน เมื่อเห็นดังนั้น รูปภาพของเขาจึงถูกแชร์ต่อกันจนกลายเป็นกระแสการตายแบบปลอมๆ ของเขา จนเรื่องไปรู้เข้าถึงสื่อท้องถิ่น พวกเขาจึงได้ทำการตรวจสอบเรื่องราวและก็พบว่าชายวัย 27 ปีคนนี้ยังไม่ตาย!! แต่ที่ทำไปเพราะต้องการให้ภรรยาหยุดขอเงินเพียงเท่านั้น …
-
เพราะคุณพ่ออยู่กับโทรศัพท์ตลอดเวลา หนูน้อยวัย 4 ขวบจึงจับมันมาโยนทะเลซะเลย
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน เทคโนโลยีในโลกของเรานั้นมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนมันสามารถที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่เรามากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านการขนส่งคมนาคม การติดต่อสื่อสารหรือเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งที่ชัดเจนและเห็นภาพมากที่สุดก็คือเจ้า “สมาร์ทโฟน” ที่เรามีครอบครองกันทั่วเมืองจนเสมือนมันได้กลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของมนุษย์ไปเป็นที่เรียบร้อย เพราะสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียวก็สามารถติดต่อสื่อสาร ดูวิดีโอ ถ่ายรูป ส่งงานหรือใช้บริการทางการเงินได้อย่างครบครัน ฟังดูเหมือนจะมีประโยชน์อย่างเดียว แต่ข้อเสียของมันก็มีเช่นกัน หลายคนนั้นติดเจ้าสมาร์ทโฟนเกินไป ขลุกอยู่กับมันทั้งวันจนไม่มีเวลาให้กับครอบครัวหรือคนอื่นบ้างเลย จนเกิดเป็นคำว่า “สังคมก้มหน้า” เรื่องราวที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ก็เป็นเรื่องราวของคนที่ใช้เวลาอยู่กับโทรศัพท์มากเกินไป เมื่อ Timati คุณพ่อแรปเปอร์ชาวรัสเซีย ไม่มีเวลาให้กับครอบครัว เขาคุยโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา แม้แต่ตอนที่มาเที่ยวพักผ่อนก็ตาม ทางด้านลูกสาววัย 4 ขวบเมื่อเห็นว่าคุณพ่อให้แต่ความสนใจกับเจ้าสิ่งสิ่งนั้นเพียงอย่างเดียว ทำให้เกิดความอิจฉาและคิดแผนการชั่วร้ายขึ้นมา ยัยหนูน้อยเดินไปขอโทรศัพท์ของคุณพ่อมาแบบเนียนๆ ก่อนที่จะเรียบวิ่งไปโยนเจ้าโทรศัพท์ไม่รักดีเครื่องนั้นลงทะเลไป คุณพ่อขา คุณพ่อขา หนูขอยืมโทรศัพท์แป๊บนึงได้มั้ยคะ อยากเห็นโทรศัพท์บินได้ ล่องลอยออกไปเลยเจ้าโทรศัพท์!! และทันทีที่ฝ่ายคุณพ่อเห็นลูกของตัวเองโยนโทรศัพท์ที่ยืมจากตนลงทะเลไปอย่างนั้น ก็ทำหน้าอึ้งๆ พูดไม่ออกได้แต่มองหน้าลูกสาวสุดที่รัก ที่กำลังยิ้มร่า ก่อนที่จะลุกขึ้นมามองดูโทรศัพท์ของตนจมลงไปใต้ท้องทะเล… ทำไมทำกับป๊ะป๋าแบบนี้ได้ล่ะลูกสาว หลังจากที่วิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์ ก็มีชาวเน็ตหลายคนที่เข้ามาต่อว่าหนูน้อยวัย…
-
โคนันแห่งโปแลนด์ ชายวัย 25 กับโรคทางพันธุกรรม ติดอยู่ในร่างคล้ายเด็กชายวัย 12
เรื่องราวอาการแปลกประหลาดของนาย Tomasz Nadolski ชายวัย 25 ปี แต่ร่างกายของเขากลับไม่พัฒนาตามวัยที่ควรจะเป็น เพราะร่างกายของเขาหยุดเติบโตอยู่ที่ร่างกายในวัย 12 ปี เท่านั้น Tomasz จากประเทศโปแลนด์ ประสบกับโรคทางพันธุกรรมหายากชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Fabry Disease เกิดจากข้อบกพร่องในยีน ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาร่างกาย รวมไปถึงอวัยวะต่างๆ เช่น ไต หัวใจ และผิวหนัง เขากล่าวว่าปัจจุบันมีอายุ 25 ปีแล้ว และอยากจะมีลักษณะทางกายภาพที่เป็นชายเหมาะสมกับวัย เขารู้สึกเกลียดตัวเองเมื่อมองผ่านกระจกและเห็นว่าตัวตนของเขานั้นติดอยู่ในร่างของเด็กชาย รู้สึกไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง ปัญหาทางด้านสุขภาพเริ่มต้นขึ้นในช่วงอายุ 7 ปี เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดแสบร้อนรุนแรงบริเวณท้อง มือ และเท้า รวมทั้งมีอาการอาเจียนทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร แพทย์เริ่มวินิจฉัยและสันนิษฐานว่าอาการของเขานั้น เป็นผลพวงจากอาการป่วยทางจิตมากกว่าทางด้านกายภาพและแนะนำให้เขาทานอาหารให้มากขึ้น ทางด้านความสัมพันธ์กับครอบครัวนั้น ก็ยิ่งบั่นทอนสุขภาพกายและใจของเขามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่มีใครในครอบครัวช่วยเหลือ หรือให้กำลังใจกับเขาให้ก้าวผ่านร่างกายที่ยังเป็นเด็กไปได้เลย “เมื่อผมกลับมาที่บ้าน ผมได้แต่นั่งอยู่ในห้องของตัวเอง ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง รู้สึกเดียวดายและขาดกำลังใจจากครอบครัว และสิ่งเหล่านี้ก็เป็นมานานหลายปีแล้ว โรคนี้ได้ทำลายความสัมพันธ์ของครอบครัวผมไปแล้ว” Tomasz…
-
วัยรุ่นสาวกับตุ๊กตาซอมบี้หัวใจมุ้งมิ้ง จะแต่งงานอยู่กินด้วยกัน บอกเรื่องปกติเพราะรักกัน!?
ตามความคิดปกติทั่วไปของคนเรา เวลาที่จะเลือกคบใครสักคนก็ต้องเป็นคนที่เข้ากันได้ มีความเข้าอกเข้าใจอีกฝ่าย จะช่วยดูและกันไปตลอดรอดฝั่ง แต่ในเมื่อความสัมพันธ์ของคนมันเป็นอะไรที่เข้าใจยากล่ะ? ทำยังไงก็ไม่เจอคนที่ถูกใจเสียที เอาเป็นว่าคบหาดูใจกับสิ่งของแทนละกัน เนี่ย… ที่ใกล้เคียงที่สุดก็คงจะเป็นตุ๊กตาแล้วล่ะ Felicity Kadlec คือสาววัยรุ่นจากรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ผู้ที่อ้างว่ามีความสัมพันธ์แบบปกติและสนิทสนมเหมือนคนทั่วไปกับตุ๊กตาหน้าผีซอมบี้ Kelly และบอกว่าคบกันมาได้ 3 ปีแล้ว เจอกันครั้งแรกก็ตอนที่ได้รับเป็นของขวัญเมื่ออายุได้เพียง 13 ปี ความผูกพันระหว่างสองเรานั้นเปรียบได้เหมือนสายใยที่แท้จริงไม่ติงนัง มิหนำซ้ำเธอยังสักเป็นชื่อตุ๊กตา Kelly บนแขนตัวเองอีกต่างหาก สำหรับ Felicity นั้นก็เป็นเหมือนวัยรุ่นทั่วไป เธอเคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนมาก่อน แต่พอมาถึงจุดนี้ผู้คนก็ไม่เข้าใจว่าในความสัมพันธ์ระหว่างตัวเธอกับตุ๊กตาที่เป็นมากกว่าสิ่งของ เธอกล่าวว่าหลังจากที่ได้รับมาเป็นของขวัญตอนอายุ 13 ปี ก็ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน พัฒนาความสัมพันธ์เป็นเวลา 3 ปี “พอหนูมีอายุครบ 16 ปี หนูก็เริ่มมีความรู้สึกให้กับนางนะ แต่มันเป็นอะไรที่หนูพยายามปฏิเสธมาโดยตลอด จนถึงตอนนี้ เรามีความสัมพันธ์ตามปกติและสนิทกันมาก… ความรักที่หนูมีให้นางจะไม่เปลี่ยนแปลงไป หนูกับ Kelly พร้อมจะแต่งงานกันในเดือนกันยายนนี้ เป็นเดือนเกิดของเราและซื้อแหวนเรียบร้อยแล้วด้วย”…
-
เด็กชายคุมตัวเองไม่ได้ ตากะพริบแบบไม่หยุด หลังจากเล่นเกมวันละ 9 ชั่วโมงทุกวัน…
การเลี้ยงลูกของพ่อแม่ยุคใหม่ มักจะเลือกให้ลูกอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นห่วงว่าหากปล่อยออกไปเล่นข้างนอกอาจจะเกิดอันตรายกับลูกได้ ทั้งนี้การเลี้ยงลูกด้วยอุปกรณ์สี่เหลี่ยมต่างๆ นั้นไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดหรือถูก หากแต่ควรอยู่ในขอบเขตของความพอดี หากปล่อยให้เล่นนานเกินไปก็อาจส่งผลเสียตามมาได้ ตัวอย่างของเด็กชาย John Nathan Lising วัย 6 ขวบ ในจังหวัดนูเวบาเอซีฮา ประเทศฟิลิปปินส์ จากแหล่งข่าวกล่าวว่าเด็กชายเล่นเกมคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลา 9 ชั่วโมงต่อวันเป็นเวลาต่อเนื่องหลายวัน และผลของการเล่นเกมเป็นเวลานานๆ ของเด็กชายก็ทำให้เขาประสบกับอาการที่ไม่สามารถควบคุมใบหน้าได้ ต้องกะพริบตาถี่ๆ และมีอาการสั่นไม่หยุด หลังจากที่เด็กชายมีอาการดังกล่าว Edgar ผู้เป็นพ่อวัย 41 ปี และคุณแม่ Judee วัย 40 ปี จึงนำตัวลูกชายไปยังโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์วินิจฉัยอาการดังกล่าว อย่างไรก็ตามแพทย์ได้ทำการตรวจสมองของเด็กชายผ่านเครื่องซีทีสแกน กลับพบว่าสมองของเด็กชายนั้นยังอยู่ในเกณฑ์สุขภาพดีไม่ได้มีปัญหาอะไร ในขณะที่ไม่มีหลักฐานอื่นๆ ที่สามารถยืนยันได้ว่าเด็กชายนั้น มีอาการผิดปกติมาจากการเล่นเกมติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ทางแพทย์ได้แนะนำว่าให้เด็กอยู่ห่างจากอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแทปเล็ตเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ อีกทั้งยังกล่าวว่าอาการดังกล่าวมีลักษณะที่คล้ายกับโรคชักเฉพาะที่ สำหรับกรณีนี้เกิดขึ้นบนใบหน้า แต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเด็กชายเป็นโรคดังกล่าวและมีสาเหตุมาจากการเล่นเกม… ผู้เป็นแม่กล่าวเสริมว่า เด็กชายมักจะดูการ์ตูนทีวีหลังจากตื่นนอน และหลังจากกลับมาจากโรงเรียนในเวลาบ่ายสามจนถึงเที่ยงคืน…
-
16 ภาพเรื่องสั้นสยองขวัญ งานกระชากจิตหลอนๆ การอยู่คนเดียวอาจจะไม่จริงเสมอไป…
คุณเชื่อในสิ่งลี้ลับหรือสิ่งที่มองไม่เห็นหรือไม่ บางครั้งบางคราวหลายต่อหลายหน เราก็อาจจะได้ยินเรื่องเล่ามาจากคนนู้นบ้างคนนี้บ้าง แต่ก็ไม่เคยมีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นเรื่องจริง… ความมืดที่ผสมกับความกลัว สามารถหลอกหลอนให้เราคิดไปได้ต่างๆ นานา ทั้งนี้เพื่อให้เห็นภาพได้มากขึ้นศิลปินวาดการ์ตูน Brian Coldrick จึงได้ให้กำเนิดซีรีย์ภาพการ์ตูน Behind You (มันอยู่ข้างหลัง) ออกมา สะท้อนให้เห็นถึงจิตใจที่หดหู่และวิญญาณร้ายที่อาจอยู่ใกล้คุณเพียงแค่เอื้อมมือเท่านั้น ในขณะที่ทุกคนกลับบ้านไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่คุณคนเดียวที่ยังทำงานอยู่ในออฟฟิศ ในวันที่ต้องอยู่ภายในบ้านออกไปไหนไม่ได้ เวลาที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว มักจะมีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นเสมอ เมื่อความหิวกลางดึก อาจจะนำพาบางสิ่งมาหาคุณจากข้างหลัง เสาไฟที่เริ่มดับทีละต้น มันกำลังตามหาคุณอยู่ เตียงนี้อาจจะมีเจ้าของเก่าที่นอนรออยู่ ห้องที่เปลี่ยนเจ้าของมากมาย เรื่องราวต่างๆ ก็มีมากมายเช่นเดียวกัน ดูหนังอยู่คนเดียว อาจมีเสียงหัวเราะมาจากข้างหลัง การอยู่โต้รุ่งถึงเช้า อาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดีเท่าไหร่นัก คนแปลกๆ ที่ไม่อยากขึ้นลิฟต์ด้วย มาพร้อมกับบางสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้ ไม่มีใครอยากมาเล่นชิงช้าอีกต่อไปแล้ว… ตัวต่อที่ผสานกันทีละชิ้น จะค่อยๆ เผยความจริงออกมา จากด้านบนที่มองเห็นข้างล่าง…
-
น่าเศร้า… ชมภาพสถานที่จัด “ปักกิ่งโอลิมปิก 2008” ที่ถูกทิ้งร้างไว้ราวกับซากปรักหักพัง
หากพูดถึงงานเทศกาลการแข่งกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกใบนี้ ชื่อของ “กีฬาโอลิมปิก” คงเป็นชื่อที่ผุดขึ้นมาในหัวของใครๆ หลายคนเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน กีฬาโอลิมปิก เป็นเทศกาลการแข่งขันกีฬาที่จะจัดขึ้นในทุกๆ 4 ปี โดยที่มีการหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนเจ้าภาพไปในแต่ละประเทศ ซึ่งแน่นอนว่านานๆ จะได้มาเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกสักที ประเทศที่เป็นเจ้าภาพย่อมที่จะทุ่มทุนมหาศาลเพื่อ ส่งเสริมการกีฬาและรองรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวในช่วงการแข่งครั้งนั้น แต่ประเด็นในครั้งนี้ที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในครั้งนี้คือหลังจากการแข่งโอลิมปิกเสร็จสิ้นไปแล้ว เจ้าสถานที่ต่างๆ ที่ประเทศเจ้าภาพได้ลงทุนกันไปหลายล้านนั้นจะเป็นอย่างไร เราย้อนไปที่กีฬาโอลิมปิกปี 2008 ที่กรุงปักกิ่งประเทศจีน ถือว่าปัจจุบันนี้ครบรอบ 10 ปีพอดิบพอดี เราไปชมกันเลยดีกว่าว่าสถานที่ที่เคยมีความอลังการงานสร้างและเริ่ดหรูอย่างสุดๆ ตอนนั้นจะเป็นอย่างไรในตอนนี้ ในปี 2008 โอลิมปิก ณ กรุงปักกิ่งถือว่าเป็นงานที่มีพิธีเปิดและปิดที่อลังการ น่าดูชมสุดๆ . เคยมีคนเข้าชมกีฬาอย่างหนาแน่เต็มที่นั่งไปหมด . ปัจจุบัน ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ ไม่มีการดูแลและนำไปต่อยอดใดๆ จากสนามกีฬาที่ไว้ใช้ในการแข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่เหลือแม้แต่วี่แวว แสงสี . วอลเลย์บอลชายหาดที่คนเข้าชมเต็มจำนวน ก็กลายเป็นลานโล่งๆ . ตุ๊กตามาสคอตต่างๆ ก็ถูกทิ้งไว้ระเนระนาด…
-
งานเข้า!! ชายต้องกำระเบิดค้างไว้นาน หลังเพื่อนถอดสลักแล้วโยนมาให้พร้อมวิ่งจากไป
มนุษย์นั้นเป็นสัตว์สังคม ไม่สามารถใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมนุษย์ถึงต้องมีพรรคพวก มีเพื่อนหรือเพื่อนสนิท และหาเพื่อนๆ มีเพื่อนสนิทก็ย่อมที่จะรู้ว่า คนที่เราเรียกว่าเพื่อนสนิทนี่แหละมักจะเป็นตัวดีที่ชอบแกล้งหรือชวนเราทำอะไรแผลงๆ เฮฮา บ้าบอไปด้วยกัน ซึ่งเราก็มักที่จะไม่ปฏิเสธไอ้การเล่นแผลงๆ นั้นเท่าไหร่ ข่าวล่าสุดนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งของการเล่นแผลงๆ ของเพื่อนสนิท แต่ครั้งนี้ถือว่าแผลงมากๆ เพราะการเล่นครั้งนี้มันอาจฆ่าคนได้เลย เมื่อเพื่อนคนที่ 1 ดึงสลักระเบิดมือแล้วโยนให้เพื่อนคนที่ 2 กำไว้เฉยจนกลายเป็นเรื่องวุ่นวาย ตำรวจและหน่วยกู้ระเบิดต้องมาแก้ไขกันอย่างใหญ่โต เรื่องราวสุดป่วนนี้เกิดขึ้นในประเทศยูเครน เมื่อคู่หูเพื่อนสนิททหารเก่าที่กำลังคุยหยอกเย้ากันอย่างสนุก จู่ๆ เพื่อนคนที่ 1 ก็นำระเบิดมือออกมาและพูดว่า “เฮ้ เพื่อน รับนี่ไว้นะ” ก่อนจะโยนระเบิดลูกดังกล่าวให้กับเพื่อนคนที่ 2 รับไว้ เพื่อนคนที่ 2 นั้นคิดไปว่าเพื่อนคนที่ 1 คงจะโยนโทรศัพท์หรือของอื่นๆ มาให้จึงได้รับไว้ แต่แล้วก็ได้เห็นว่ามันคือระเบิดมือ!! แถมยังดึงสลักออกแล้วด้วย ก่อนที่เพื่อนคนที่ 1 จะวิ่งหนีไปและปล่อยให้เพื่อนคนที่ 2 ต้องเผชิญกับสถานการณ์คนเดียว โฮลี่ชีตตตตต แต่โชคดี ด้วยความเป็นทหารเก่าเพื่อนคนที่ 2 จึงรู้วิธีที่จะทำให้ระเบิดไม่ระเบิด…
-
คุณแม่ไร้บ้านลูกเจ็ด ถูกชาวเน็ตโจมตี หลังโพสต์ภาพพาลูกๆ ไปนอนที่สถานีตำรวจ
โลกออนไลน์ เป็นโลกที่ชาวเน็ตหลายล้านคนสามารถแสดงความคิดเห็นให้ด้านต่างๆ ได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านที่ดีหรือด้านไม่ดี และจากการเล่นอินเทอร์เน็ตมาเราจะเห็นได้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ว่าอะไรก็จะแสดงความคิดเห็นแย่ๆ หรือความคิดเห็นกวนๆ เขาไปเสียหมด นั่นคือบุคคลที่เราเรียกกันว่า “เกรียนคีย์บอร์ด” หรือ “นักเลงคีย์บอร์ด” เรื่องที่เราจะนำเสนอวันนี้เองก็เกี่ยวข้องกับนักเลงคีย์บอร์ดเหมือนกัน เมื่อคุณแม่ไร้บ้านลูกเจ็ดถูกนักเลงชาวเน็ตรุมโจมตีหลังที่โพสต์ภาพลูกๆ ของตัวเองนอนอยู่สถานีตำรวจ . Margaret Cash คุณแม่ที่มีลูกเจ็ดที่มีอายุตั้งแต่วัย 11 ขวบจนถึงน้อยที่สุด 1 ขวบเธอได้กลายเป็นคนไร้บ้านหลังจากที่บ้านของเธอถูกยึดไป เธอได้เข้าขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานบริการคนไร้บ้าน เพื่อร้องขอให้พวกเขาหาที่พักให้กับเธอและลูกๆ แต่พวกเขาไม่สามารถหาให้ได้ในทันที เธอจึงไม่มีทางเลือกต้องพาลูกๆ ไปนอนในสถานีตำรวจและก็ได้ทำการถ่ายรูปลูกๆ ของเธอขณะนอนอยู่เพื่อจะให้หลายคนตระหนักได้ว่าการเป็นคนไร้บ้านมันเป็นปัญหาขนาดไหน แต่เมื่อเธอโพสต์ภาพนี้ลงไปในเฟซบุ๊กของเธอ เธอกลับโดนชาวเน็ตรุมโจมตีด้วยถ้อยคำที่เกลียดชัง รวมถึงเมื่อพวกเขาไปเห็นรูปเก่าๆ ของเธอที่เป็นรูปลังเบียร์ก็ต่างมีคำถามตามกันมาว่าทำไมถึงมีเงินไปซื้อเบียร์ล่ะ Margaret ให้สัมภาษณ์ว่า “มันแย่มากๆ มีผู้คนมากมายที่พวกเขาคิดว่าเขารู้ทุกอย่าง พวกเขาไม่แม้กระทั่งรู้จักฉัน พวกเขาไม่รู้อะไรเลย พวกเขาพยายามที่จะตัดสินฉัน ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ด้วยซ้ำ ในภาพนั้นฉันอยู่ที่บ้านของเพื่อน เธอรู้ว่าฉันกำลังเครียดเลยบอกให้ฉันไปที่บ้านของเธอ ไปนั่งดื่มกันนิดหน่อย ที่ฉันทำก็มีแค่ถ่ายรูปลังเบียร์แค่นั้น มันแค่ลังเบียร์เองนะ หรือหากคุณเป็นคนไร้บ้าน คุณจะไม่มีสิทธิ์ดื่มเบียร์เลยเหรอ?” ซึ่งชาวเน็ตยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น ยังขุดรูปของเธอต่อจนไปเจอรูปเธอกับ Rebecca ลูกสาวกำลังใส่ชุดหรู ซึ่งคำถามก็ตามมาอีกว่าเธอเอาเงินจากไหนซื้อมา Margaret…
-
ไอ้บ้าเอ้ย… หนุ่มไปปีนเขาแต่ลืมบอกแม่ แม่กังวัลไปแจ้งความคนหาย ตามหากันจ้าละหวั่น
ควันหลงวันแม่ในประเทศไทยเรา แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่ต่างประเทศ และไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อชาติไหนก็ตาม ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ก็มักจะเป็นห่วงลูกอยู่เสมอ แต่บางครั้งก็อาจจะเกินเบอร์ไปบ้าง ฮร่าาาา เรื่องของลูกชาย Jordan Craig ได้ออกทริปไปเที่ยวแกรนด์แคนยอนรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 2 สัปดาห์ แต่ไม่ได้บอกแม่ว่าจะไปไหนมาไหนหรือทำอะไร คนเป็นแม่จึงไม่นิ่งเฉยไปแจ้งตำรวจออกตามหาซะเลย… Jordan Craig คุณแม่ของเขาเป็นห่วงมากๆ เนื่องจากไม่มีเพื่อนของลูกชายคนไหนตอบกลับหรือให้ข้อมูลกับคุณแม่เลย ชาวเน็ตที่ติดตามทวิตเตอร์ของนาย Jordan ถึงกับร่วมออกค้นหาตัวเขาไปด้วยแหนะ Jordan ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมเป็นช่างภาพสายท่องเที่ยว เคยเมนชั่นไปหาแม่ในวันอังคารที่ 12 มิถุนายน ว่าจะออกทริปไปยังแกรนด์แคนยอนเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ แต่ทริปเดินทางมันมีมากกว่านั้น เพราะจะแวะไปรัฐยูทาห์ด้วย แต่ผมก็แค่บอกเมนชั่นไปแค่นั้นว่าจะหายไป 2-3 สัปดาห์นะ ออกไปเที่ยวและไม่ได้แวะไปบอกด้วยตัวเอง แล้วผมก็ออกไปปีนเขาในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณ ใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะลงมา พอต่อไวไฟได้ปุ๊บโทรศัพท์ก็แจ้งเตือนแบบไม่หยุดเลย” มีใครรู้จักลูกชายฉันบ้าง!? แม่ไปโพสต์หน้าไทม์ไลน์ลูกชาย แต่ไม่มีใครตอบกลับ ผ่านไป 13 ชั่วโมงถึงจะตอบ… “ผมได้รับข้อความจากแม่ แล้วก็ตอบกลับไปว่าตอนนั้นไม่มีสัญญาณ พอเปิดฟังข้อความเสียงที่ค้างอยู่ปรากฏว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเลคฮาวาซูซิตีของรัฐแอริโซนาโทรมา เพื่อให้ติดต่อกลับเนื่องจากแม่ผมไปแจ้งความเป็นคนหาย…
-
เด็กชาย ‘ป๊อปอาย’ กับอาการป่วยปริศนา ส่งผลทำให้แขนโตผิดปกติเพียงข้างเดียว…
ฉายา ‘ป๊อปอาย’ ถ้ามาจากการฝึกร่างกายตามปกติก็คงจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ทว่าการที่ได้ฉายามาจากโรคที่ไม่รู้จักก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่นัก เด็กชาย Daniel Salvame วัย 11 ปี จากประเทศฟิลิปปินส์ กลายมาเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ถูกยกมาเปรียบเทียบเป็นตัวการ์ตูนชื่อดัง เนื่องจากแขนหนึ่งข้างที่มีลักษณะใหญ่โตจนผิดปกติ แขนด้านซ้ายของเด็กชายเริ่มมีอาการผิดปกติเมื่อเขามีอายุได้เพียง 4 ขวบ และมันก็ยิ่งบวมมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านไปได้เพียง 2 ปี ก็เริ่มมีขนาดเท่ากับนักเพาะกายวัยผู้ใหญ่แล้ว ซ้ำร้ายกับการมีแขนใหญ่โตผิดปกติของ Daniel เขาก็ตกกลายมาเป็นเป้าล้อเลียนของเพื่อนๆ ในชั้นเรียน และกลายมาเป็นตัวตลกของคนอื่นๆ ภายนอกห้องเรียน อย่างไรก็ตาม Daniel ไม่ได้โกรธแค้นแต่อย่างใด เขากลับรู้สึกภาคภูมิใจกับแขนของตัวเอง และบอกให้ผู้คนเหล่านั้นเข้าใจว่าเขาแกร่งเหมือนดั่งป๊อบอาย เขามีฝันที่อยากจะเป็นนักเพาะกายและผู้เชี่ยวชาญศิลปะป้องกันตัว เพื่อที่จะให้ผู้ที่กลั่นแกล้งเขานั้นคิดผิดที่มาตอแยกับเขา เด็กชายและคุณยาย Alicia ผู้ดูแล น้อง Daniel อาศัยอยู่กับคุณยาย Alicia วัย 65 ปี หลังจากที่คุณแม่ของเขาต้องย้ายไปทำงานอยู่ที่ฮ่องกง หลังจากที่เด็กชายอายุได้ 5…
-
ชายเดินเข้าร้านตัดผมบอกช่างขอทรงที่ “แตกต่าง” ช่างเลยจัดทรงผมรูป “จู๋” ให้เสียเลย
เพื่อที่จะออกแบบ ตกแต่งและตัดผมของมนุษย์ออกมาได้อย่างสวยงาม บนโลกใบนี้จึงจำเป็นต้องมีอาชีพอย่าง “ช่างตัดผม” อาชีพที่จะเนรมิตทรงผมทุกอย่างให้แก่เราไม่ว่าจะเป็นอันเดอร์คัท รองทรงหรืออื่นๆ อีกมากมาย และช่วงนี้ก็ถือเป็นช่วงที่ช่างทำผมมีข่าวออกมาบ่อยเหลือเกิน ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ทางเว็บของเราก็ได้ลงข่าวเกี่ยวกับช่างทำผมไปถึงสองข่าว (เด็กแสบโดนเอาคืนแบบฮาๆ เล่นซะนั่งน้ำตาคลอ “ใบหูหนูหาย” คราวหลังอย่าซ่ากับช่างตัดผม!! และ ถึงกับหัวร้อน!! เด็กชายพุ่งจะต่อยช่างตัดผม เพราะไม่ชอบใจทรงผมที่ได้รับมา…) วันนี้ก็มีอีกหนึ่งข่าว เมื่อลูกค้าเดินเข้าร้านตัดผมไปเพื่อขอให้ช่างตัดผมออกแบบทรงผมที่ทำให้ “รู้สึกแตกต่าง” ช่างตัดผมเลยออกแบบผมของเขาเป็นรูป “จู๋” เสียอย่างนั้น เรื่องนี้เริ่มขึ้นยามที่ลูกค้าคนนี้เดินเข้าร้านตัดผมเพื่อจะตกแต่งทรงผมของเขาไหม เขาบอกกับช่างตัดผมว่าขออะไรๆ ที่แปลกใหม่และทำตามที่ช่างต้องการเลย ช่างตัดผมจึงไม่รอช้า จัดทรงผมรูป “จู๋” ไว้บนหัวของลูกค้าคนนั้นทันที ซึ่งก็ไม่รู้ว่าช่างตัดผมเคยทำทรงนี้มาก่อนหน้านี้หรือไม่ แต่จากในวิดีโอเราจะได้ว่าช่างค่อนข้างที่จะค่อนข้างที่จะคล่องแคล่วอยู่เหมือนกัน การตกแต่งผมที่ “แตกต่าง” ตามคำขอได้เสร็จสิ้นแล้ว และเมื่อเจ้าตัวได้เห็นทรงผมใหม่ของเขา ท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนที่อยู่ในร้านตัดผม ความเกรี้ยวกราดก็ได้บังเกิด เขาได้ไล่เตะทุกๆ คนที่หัวเราะเยาะเขาและเอามือมาลูบหัวของเขา พร้อมกับทำหน้างง ทรงผมตูเป็นแบบนี้ได้ไงเนี่ย… อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่านี่จะเป็นการกระทำที่กลั่นแกล้งลูกค้า แต่ดูเหมือนว่าพวกเขานั้นเป็นคนที่รู้จักละสนิทกันพอตัวอยู่แล้วจึงสามารถหยอกเย้ากันแบบนี้ โดยที่ไม่เกิดเป็นเรื่องใหญ่โต จะมีก็เสียว่าแอบเคืองกันนิดๆ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ทีหลังไปร้านตัดผม อย่าสั่งทรงตามใจช่างเด็ดขาด……
-
ภารโรงได้เบี้ยทำขวัญ 9,600 ล้าน เหตุฉีดยาฆ่าหญ้าจนเป็นมะเร็ง เหลือชีวิตเพียงไม่กี่สัปดาห์
หน้าที่การงานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีทุกวันของนาย Dewayne Johnson ภารโรงวัย 46 ปี ผู้ดูแลสนามกีฬาของโรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ประสบกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอน-ฮอดจ์กิน จากการใช้ยาฆ่าหญ้าในการปฏิบัติหน้าที่ทุกวัน… Dewayne Johnson ภารโรงผู้ดูแลสนามกีฬาโรงเรียน ป่วยเป็นมะเร็งต่อน้ำเหลืองจากการใช้ยากำจัดวัชพืช เขากล่าวว่าต้องใช้ยาฆ่าหญ้ายี่ห้อ Roundup และ Ranger Pro เป็นจำนวนมากทุกวัน และในขณะที่ฉีดออกไปในจังหวะที่มีลมแรง สารเคมีก็จะย้อนกลับเข้ามาที่ผิวหนังและใบหน้า มีครั้งหนึ่งที่เขาชุ่มไปด้วยยาฆ่าหญ้าเนื่องจากสายฉีดรั่ว จากการตรวจสุขภาพของนาย Johnson ในเดือนสิงหาคมปี 2014 พบว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอน-ฮอดจ์กิน จากการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชปริมาณหลายร้อยแกลลอนติดต่อกันทุกวัน ผลจากการใช้ยากำจัดวัชพืชทุกวันในปริมาณมาก หลังจากที่ทราบว่าเป็นมะเร็ง การฟ้องร้องต่อศาลจึงเกิดขึ้น ทางด้านศาลได้เลือกที่จะช่วยเหลือนาย Johnson เนื่องจากเวลาในการใช้ชีวิตของเขานั้นเหลือน้อยลงเต็มที และเวลาในการไต่สวนนั้นต้องใช้นานถึง 8 สัปดาห์ จนกระทั่งสามารถสรุปได้ว่าผลิตภัณฑ์กำจัดวัชพืช คือสาเหตุที่ทำให้เขาเป็นมะเร็ง ทางด้านบริษัท Monsanto ผู้ผลิตยากำจัดวัชพืช Roundup ได้แสดงผลงานการวิจัยว่ายากำจัดวัชพืชของทางบริษัทไม่ได้ก่อให้เกิดมะเร็ง และได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลเพื่อปกป้องผลิตภัณฑ์ของตัวเอง อย่างไรก็ตามคณะลูกขุนพบว่าบริษัท Monsanto นั้นไม่สามารถเตือนถึงความเสี่ยงในการใช้ยากำจัดวัชพืช…
-
ฝูงวัวเข้าโอบล้อมรถบรรทุกน้ำ ในฤดูแล้งของออสเตรเลีย ถึงขั้น ‘ยิงทิ้งยังง่ายกว่าดูแล’
ในฤดูแล้งนั้นส่งผลกระทบต่อปศุสัตว์และไร่นาอย่างรุนแรง เนื่องจากขาดน้ำอันเป็นสิ่งสำคัญในการหล่อเลี้ยงชีวิตและพื้นที่สีเขียว ในพื้นที่ชนบทอันห่างไกลของรัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย กำลังประสบกับความแห้งแล้งอย่างหนัก เนื่องจากไม่มีฝนตกมานานนับสัปดาห์แล้ว ชาวไร่หลายรายในพื้นที่ ไม่สามารถดูแลพืชที่เพาะปลูกและปศุสัตว์ได้อย่างที่ควรจะเป็น จนต้องปล่อยให้พืชผักเหี่ยวเฉาแห้งตายไป และเหล่าสัตว์ที่อยู่ภายใต้การดูแลต่างก็ต้องดิ้นรนหาแหล่งน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด อย่างภาพที่ได้เห็นนั้น ในขณะที่ชาวไร่รายหนึ่งเพิ่งจะหาน้ำมาได้และกำลังลำเลียงน้ำเพื่อถ่ายเทให้กับวัวที่เลี้ยง ฝูงวัวได้เข้ามาห้อมล้อมรถบรรทุกน้ำจนน่าตกใจมากๆ ความรุนแรงของหน้าแล้งในออสเตรเลียนอกจากจะขาดแคลนน้ำอย่างหนักแล้ว พื้นที่สีเขียวก็กลายมาเป็นดินแดนสีแดง หญ้าที่ขึ้นเพื่อปล่อยให้วัวได้กินหายไปในพริบตา ชาวไร่บางรายถึงขั้นปล่อยให้วัวเผชิญชะตากรรมเนื่องจากไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง Jason Maloney หนึ่งในชาวไร่กล่าวกับทาง BBC ว่า “ชาวไร่ชาวนาหลายคน คิดเหมือนกันว่าใกล้ถึงจุดที่จะยิงวัวของตัวเองทิ้ง เพราะมันง่ายกว่าที่จะต้องมาคอยดูแลในตอนนี้ ในตอนที่มีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป แต่ไม่มีใครอยากทำแบบนั้น เพราะคุณเลี้ยงพวกมันมาตั้งแต่เกิด เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว” ชาวไร่ Ashley Gamble กล่าวว่าครอบครัวของเขานั้น ทำอุตสาหกรรมฟาร์มนมมานานกว่า 150 ปีแล้ว และเกรงว่ารุ่นที่ 5 จะต้องจบกิจการลงเนื่องจากความแห้งแล้ง เพราะว่าวัวที่อยู่ในความดูแลกว่า 850 ตัว สามารถทำผลผลิตได้เพียงแค่ครึ่งเดียวจากอย่างน้อยที่เคยทำได้ 5 ล้านลิตรต่อปี และกำลังแย่ลงเรื่อยๆ เนื่องจากไม่สามารถหาน้ำมาดูแลวัวทั้งหมดได้ ที่มา:…
-
คลื่นซัดขยะกลับเข้าฝั่ง หลังพายุเข้าถล่มฟิลิปปินส์ ปัญหาทิ้งขยะลงทะเลที่ย้อนกลับมา
ปัญหาขยะล้นเมืองเป็นปัญหาที่ไม่สามารถหาทางออกอย่างยั่งยืนได้ ทางออกในการกำจัดขยะจึงไม่พ้นการเผา ฝังกลบ หรือนำไปทิ้งตามแหล่งห่างไกล แต่สำหรับพื้นที่ใกล้ชายฝั่งทะเลนั้นก็มักจะถูกทิ้งขว้างตามแนวชายหาด จนถูกกลืนเข้าไปในทะเล ขยะต่างๆ ที่ถูกทิ้งลงทะเลนั้นนอกจากจะเบียดเบียนธรรมชาติของสัตว์น้ำแล้ว ผลสุดท้ายมันก็จะวนกลับมาขึ้นชายฝั่งอีกครั้ง และเป็นเรื่องที่น่ากลัวเอามากๆ เลยทีเดียว Waves of plastic rubbish thrash on to shore of Philippine bay. https://t.co/8I4r5T7JiN pic.twitter.com/IlslT12vpQ — LADbible (@ladbible) August 12, 2018 จากภาพที่เห็นนี้เป็นภาพจากแนวชายฝั่ง Roxas Boulevard ประเทศฟิลิปปินส์ หลังจากที่ประสบกับพายุไต้ฝุ่น Karding ส่งผลทำให้คลื่นทะเลซัดเข้าอย่างรุนแรง พร้อมกับหอบกองขยะขนาดมหาศาลกลับเข้ามาด้วย จะเห็นได้ว่ามีเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครเข้ามาช่วยเก็บกวาด แต่ด้วยจำนวนขยะที่มากเกินกว่าจะกำจัดหมดได้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการทิ้งขยะลงทะเลได้ชัดเจนว่า ความมักง่ายของมนุษย์ในท้ายที่สุดแล้วก็จะวนกลับมาหาเราเอง นอกจากนี้ผลของพายุไต้ฝุ่นดังกล่าว ยังรุนแรงไปถึงภายในตัวเมืองก่อให้เกิดน้ำท่วมภายในกรุงมนิลา พัดพากองขยะเข้าพื้นที่อยู่อาศัยและขัดขวางเส้นทางการจราจร กลายเป็นทะเลขยะกลางเมืองไปในทันที อย่างไรก็ตาม ทางการกรุงมนิลาจึงได้เร่งทำการเก็บกวาดขยะจำนวนมหาศาลดังกล่าวออกไปแล้ว แต่ขยะที่ทิ้งลงทะเลเหล่านี้จะกลับย้อนขึ้นฝั่งมาอีกครั้งเมื่อไหร่ก็ได้ ที่มา: news.mb,…
-
เด็กชายแอบดูชายคนข้างเล่นโทรศัพท์อย่างใจจดใจจ่อ หนุ่มจับได้ เลยให้ยืมเล่นเกมซะเลย!!
กลายเป็นเหตุการณ์สุดประทับใจเมื่อมีชายคนหนึ่ง ยื่นโทรศัพท์ให้กับเด็กชายแปลกหน้าในรถไฟใต้ดิน เพื่อที่เขาจะได้เล่นเกมบ้างหลังจากที่เด็กคนนั้นแอบดูเขาเล่นเกมอย่างใจจดใจจ่อ เหตุการณ์ที่แสนน่ารักนี้ถูกบันทึกเอาไว้โดยชาวเน็ตที่มีชื่อว่า Kia Tatiyana Davis จากนั้นก็นำคลิปมาโพสต์ลงบนโลกโซเชียลจนกลายเป็นกระแสไวรัลที่สร้างความประทับใจให้กับชาวเน็ตจำนวนมาก จากในคลิปเหตุการณ์เกิดขึ้นในรถไฟใต้ดินที่เมืองนิวยอร์กซิตี้ มีเด็กชายคนหนึ่งแอบจ้องดูโทรศัพท์ของชายที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างใจจดใจจ่อ แต่เมื่อชายคนนั้นเหลือบมาเห็นว่าเด็กคนนั้นกำลังแอบดูเขาเล่นเกมในโทรศัพท์อยู่ ก็เลยยื่นโทรศัพท์ให้เพื่อให้เด็กชายได้ลองเล่นบ้าง คลิปวิดีโอดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย จนมีคนเข้ามากดไลก์ถึง 10,000 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 29,000 ครั้งเลยทีเดียว ลองไปชมคลิปเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… เด็กชายแอบดูโทรศัพท์ของชายหนุ่มอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มหันมาเห็นพอดี ยื่นโทรศัพท์ให้เด็กชายเล่นซะเลย!! ชาวเน็ตหลายคนต่างก็เข้ามาให้ความเห็นชื่นชมถึงความมีน้ำใจของชาวหนุ่มในคลิปวิดีโอ บ้างก็บอกว่าเหตุการณ์นี้มันทำให้มีความสุขมากเลย “ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ฉันตื่นมาแล้วได้พบเจอกับเรื่องแบบนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกดีมากเลยล่ะ” บ้างก็บอกว่าอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบนโลกของเราเยอะๆ จังเลย “อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบนโลกของเรามากกว่านี้จังเลย” บางส่วนก็บอกว่านี่แหละคือมนุษย์ที่แท้ทรู “จริงๆ แล้วมนุษย์เราควรจะเป็นแบบนี้แหละ” บ้างก็นอกเรื่องไปชมหมวกเด็กชายคนนั้นซะงั้น!? “ฉันชอบหมวกของเด็กชายคนนั้นมากเลย คิดถึงช่วงเวลาตอนเป็นเด็กในช่วงวัยนั้นมากๆ ฉันรอไม่ไหวแล้วที่จะได้พบกับหลานของฉัน” ที่มา : dailymail, Kia Tatiyana Davis…
-
มู่หลานมีความหลัว!! Wreck-it-Ralph 2 ปล่อยภาพใหม่วันเดียว แฟนอาร์ตหลั่งไหล!!
เหล่าเจ้าหญิงดิสนีย์ ถือว่าเป็นตัวละครจากแอนิเมชันที่เด็กๆ รวมถึงผู้ใหญ่หลายๆ คนนั้นชื่นชอบและแน่นอนว่าตัวละครเจ้าหญิงหลายตัวแบบนี้ แฟนๆ จึงอยากจะเห็นเจ้าหญิงแต่ละคนมาอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมกันอย่างแน่นอน ซึ่งฝันที่หลายๆ คนได้ฝันเอาไว้ก็สามารถเป็นจริงแล้ว เมื่อแอนิเมชันที่เข้าฉายภายในสิ้นปีนี้อย่าง Wreck-it-Ralph 2 ได้พาเจ้าหญิงดิสนีย์ทั้งหลายมาอยู่ด้วยกัน จับเข่าคุยอย่างสนุกสนานตามประสาของผู้หญิง แต่จากรูปภาพล่าสุดที่ทางค่ายแอนิเมชันได้ปล่อยออกมาให้แฟนๆ ได้ชม มีเจ้าหญิงคนหนึ่งที่ดูจะโดดเด่นสะดุดตาแฟนๆ กว่าผู้ใด จนกลายเป็นกระแสคนวาดแฟนอาร์ตของเธอมาอย่างมากมาย นี่รูปเต็มๆ ที่ทางค่ายปล่อยมา เพื่อนๆ เห็นรึยังว่าใครสะดุดตาที่สุด เห็นรึยังๆๆๆ คนนี้ไงสะดุดที่สุด!! ใช่แล้ว!! นั่นคือ Mulan หรือมู่หลานของเรานั่นเอง เวลาอยู่แบบสบายๆ ในชุดลำลองเสื้อแจ็คเก็ตกางเกงสกินนี่แบบนี้ เรียกได้ว่าโชว์ความหลัวเอามากๆ แฟนๆ ทั้งไทยทั้งเทศที่เห็นต่างคลั่งไคล้เธอในทันใด คือมู่หลานผัวมากจีง หนังเข้าโรงปุ๊บคือโกยเมียทั่วโลก pic.twitter.com/c7uAG2SnLj — ลอปอ. (@hbker07) August 10, 2018 . เจ้าหญิง Disney ใน Wreck-it-Ralph มีชุดอืนนอกจากชุดเดรสด้วยอ่ะ ชอบชุดมู่หลานมาก โคตรหล่อ…
-
หนุ่มหัวร้อนกำลังอาบน้ำเพลินๆ ดันมีคนงานมาซ่อมท่อทำให้น้ำไม่ไหล ออกมาอาบมันตรงนี้แหละ…
กลายเป็นที่โจษจันกันถึงความกล้าบ้าบิ่นและฮาแบบสุดจริงๆ สำหรับกรณีของชายคนหนึ่งที่ออกมาอาบน้ำบนถนนแบบโจ้งๆ ไม่แคร์สายตาประชาชี จนในที่สุดแล้วภาพของเขาก็กลายเป็นกระแสไวรัลโดนใจชาวเน็ตจริงๆ!! โดยเรื่องราวสุดฮาที่ว่านี้มีอยู่ว่าคนงานซ่อมท่อชื่อว่า Cody Vickers กับเพื่อนของเขาได้รับแจ้งให้ไปซ่อมท่อน้ำที่บริเวณชุมชนแห่งหนึ่งของรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา การซ่อมท่อที่ว่านี้มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ค้อนทุบท่อและจะทำให้กระแสน้ำที่ถูกปล่อยไปตามบ้านไม่ไหล และด้วยเหตุนี้เองจึงกลายเป็นเหตุของความฮาดังกล่าว เพราะในเวลานั้นมีชายคนหนึ่งกำลังอาบน้ำฟอกตัวอยู่ที่บ้านอย่างมีความสุข แล้วจู่ๆ น้ำก็เกิดไม่ไหลเอาดื้อๆ จากการซ่อมท่อดังกล่าว เขาจึงออกจากบ้านมาโวยวายกับสิ่งที่เกิดขึ้น คลิปการรายงานข่าวการแก้ผ้าออกมาอาบน้ำนอกบ้านของชายคนนี้ “ตอนที่ผมใช้ค้อนทุบท่อน้ำ ในอีกไม่กี่วินาทีต่อมาชายคนนี้ก็วิ่งออกมาจากบ้านในสภาพที่มีคราบสบู่เต็มตัว แถมยังนุ่งผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียวอีก” Cody เขียนแคปชั่นไว้ และแล้วก็มีสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นเพราะความหัวร้อนกับความที่น้ำไม่ไหลหรือเกิดจากความคันของสบู่ที่เกาะอยู่ตามตัว เลยทำให้เขาแก้ผ้าอาบน้ำมันตรงท่อที่คนงานใช้ค้อนทุบแล้วมีน้ำพุ่งออกมานั้นเลย “เขาตะโกนออกมาว่า ‘ตูกำลังอาบน้ำอยู่เลยโว้ย แถมสบู่ยังเต็มตัวอีกเนี่ย’ ตอนที่เดินออกมาจากบ้าน มันคงไม่ใช่ทุกวันหรอกที่คุณเห็นคนแก้ผ้าออกจากบ้านมาโวยวายอย่างนี้” โดยภาพที่ว่านี้ได้กลายเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็ว โดยมีคนแชร์ออกไปเป็นแสนๆ ครั้ง พร้อมกับความเห็นมากมายอย่างเช่น ยังดีกว่าให้เขามีสบู่ติดตัวไปทั้งวันนะ ตูดพี่เขาสวยจริงๆ ก็ว่าเขาไม่ได้อะนะ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้อาบเย็นๆ ในยามเช้าอีกแล้ว พระเจ้ามันเป็นอะไรที่ขำจริงๆ โคตรสุดเลยครับพี่ ที่มา: dailymail, wdsu
-
ส่องความคาวาอี้ ‘Yui Oshika’ นักเรียนชั้นม.4 ที่น่ารักที่สุดในญี่ปุ่น (2018) ยิ้มทีเป็นละลาย!!
หลายคนคงเห็นเด็กนักเรียนญี่ปุ่นสุดแสนน่ารักคิกขุกันมาไม่น้อย (รู้นะว่าไปดูที่ไหนกัน) แล้วอาจเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าหน้าตาของเด็กมัธยมปลายของญี่ปุ่นที่น่ารักที่สุดจะเป็นยังไงกัน วันนี้ #เหมียวจิวยี่ มาไขคำตอบให้ทุกคนแล้วกับนี่เลย ‘เด็กนักเรียนชั้น ม.4 ที่น่ารักที่สุดในปี 2018’ ที่แค่เห็นก็รู้สึกสดใสขึ้นมาทันตา!! โดยนี่ไม่ใช่ผลการตัดสินที่อุปมาขึ้นมาเอง แต่ตำแหน่งที่ว่านี้ได้มาจากงานประกวดที่มีชื่อว่า “Popteen Atsumorisai” โดยเฟ้นหาเด็กสาวชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ด้วยการเปิดรับสมัครและสัมภาษณ์ทั้งหมดกว่า 20 แห่งทั้งหมดของประเทศ ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา Yui Oshika สาวม.4 ผู้ชนะเลิศการประกวดในครั้งนี้ และทั้งหมดนี้หลังจากคัดสรรเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็เข้าสู่การประกวดรอบตัดสินเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา และผู้ที่ได้ตำแหน่งนี้ไปครองก็ได้แก่ Yui Oshika สาวม.4 ตากลมผมยาวจากจังหวัดชิสุโอกะ ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มแสนสดใส ชนิดที่ว่าใครเห็นเป็นต้องเขิน (ขนาดแค่นั่งดูรูปก็ยิ้มแก้มปริแล้ว) มีเล่นหน้าเล่นตาเดี๋ยวเถอะๆ โดยน้อง Yui บอกว่าดีใจมากๆ ที่ได้รับรางวัลนี้และขอขอบคุณทุกๆ คนที่สนับสนุนเสมอมา โดยนี่อาจเป็นก้าวแรกสำหรับการทำตามความฝัน เพราะความฝันของเธอก็คือการเป็นนางแบบสวยๆ ในแมกาซีน (ก่อนหน้านี้ความฝันของเธอคือเป็น ‘นักทำขนม’ เพราะชอบกลิ่นของขนมปังเอามากๆ) น่าร๊ากก เอวบางร่างน้อย…
-
สนใจมั้ย!? ประกาศหาคนเลี้ยงแมว ให้เดือนละ 13,000 แต่ได้ไปใช้ชีวิตบนเกาะ พร้อมที่อยู่ฟรี!!
ประเทศกรีซถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเกาะสวยๆ อยู่มากมาย พร้อมกับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีหาดทรายสวยมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียวล่ะ แล้วยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบ ‘แมว’ อีกด้วยล่ะก็ ขอบอกเลยว่าคุณจะต้องยินดีมากๆ เลยกับข่าวที่ #เหมียวหง่าว จะเอามาฝากเพื่อนๆ ในวันนี้ เพราะที่เกาะ Syros ที่อยู่ในประเทศกรีซ เค้ากำลังหาพนักงานไปดูแลศูนย์อนุรักษ์สัตว์ ที่มีแมวจรจัดมากกว่า 55 ตัว!! แต่เดิมทีแล้วศูนย์อนุรักษ์สัตว์แห่งนี้ถูกดูแลโดยคุณ Joan Bowell กับสามี จากประเทศเดนมาร์ก มานานกว่า 8 ปี ซึ่งเธอต้องย้ายมาอยู่ที่เกาะแห่งนี้เพื่อรักษาสุขภาพของตัวเอง ตอนนี้เธอกับสามีก็วางแผนที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นห่วงเหล่าแมวเหมียวที่อยู่ในศูนย์อนุรักษ์สัตว์แห่งนี้อยู่ จึงทำการประกาศหาคนมาคอยดูแลพร้อมกับให้ค่าจ้างเดือนละ 408 เหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 13,500 บาท แม้อาจจะดูน้อย แต่นี่คือสิ่งที่คุณจะได้รับเมื่อไปทำงานที่นั่น… ที่พักฟรีเป็นบ้านแฝด ที่อยู่บนเกาะอันแสนสวยงามในประเทศกรีซ และอาศัยอยู่ร่วมกับเจ้าเหมียวที่น่ารักกว่า 55 ตัว นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการดูแลแมวเหมียว ทั้งค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล ก็ไม่ต้องเสียเลยแม้แต่น้อย!!…
-
ชายหนุ่มโทรแจ้งตำรวจ หลังตัวเองถูก ‘ลูกกระรอก’ คุกคาม วิ่งหนีเท่าไหร่ก็ยังตามติด!!
เรื่องของ ‘รสนิยมความชอบ’ ถือเป็นเรื่องส่วนบุคคล และมันมีความหลากหลายมากๆ บางครั้งสิ่งที่เราชอบอาจจะเป็นสิ่งที่คนอื่นไม่ชอบและเกลียดเอาซะมากๆ เลยก็ได้ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ เมื่อชายหนุ่มชาวเยอรมันคนหนึ่งร้องขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะโดน ‘ลูกกระรอก’ วิ่งไล่!? ตามรายงานระบุเอาไว้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเมือง Karlsruhe ประเทศเยอรมนี เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงกับไปไม่เป็น เมื่อมีชายคนหนึ่งโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือ หลังพยายามวิ่งหนีเจ้าลูกกระรอกขี้เล่นตัวหนึ่งแต่ไม่สำเร็จสักที “เจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงสถานที่เกิดเหตุแล้วก็พบว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังถูกเจ้าลูกกระรอกตัวน้อยตามจองล้างจองผลาญอยู่” เพจเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของสถานีตำรวจเล่าถึงเหตุการณ์ หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ลงมือจับเจ้ากระรอกน้อยตัวนั้น และพบว่ามันคงจะเหนื่อยล้าจากการวิ่งไล่ชายหนุ่มน่าดู จนผล็อยหลับไปคามือของคุณตำรวจไปในที่สุด หลับปุ๋ยเลย เจ้ากระรอกตัวนั้นถูกตั้งชื่อว่า Karl-Friedrich พร้อมกับถูกพาตัวไปที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ จากการตรวจสอบแล้วก็ทำให้ทราบว่าเจ้ากระรอกน้อยตัวนี้พลัดหลงจากแม่ของมัน และกำลังตามหาแม่ของตัวเองอยู่ แต่ตอนนี้เจ้ากระรอกน้อยก็อยู่ในการดูแลของสัตวแพทย์เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะส่งตัวมันกลับคืนสู่ธรรมชาติต่อไป ทางด้านโฆษกหญิงของสถานีตำรวจ Christina Krenz ได้ออกมาแถลงการณ์ว่า “มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบางครั้ง กระรอกที่พลัดหลงหรือเสียแม่ของตัวเองไป จะหาพ่อแม่ที่มาแทนที่ โดยส่วนใหญ่แล้วจะขึ้นอยู่กับดวงว่าหวยจะไปออกกับใคร หรืออะไรก็ตาม จากนั้นมันก็จะตามติดโดยไม่ปล่อยเลย เพราะคิดว่าเป็นแม่นั้นเอง” “ชายหนุ่มคนนั้นเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน ก็เลยโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกคุกคาม” ก็คนมันกลัวอ่ะจะให้ทำยังไงล่ะปั๊ดโถ่วววว!! ที่มา : dailymail, bbc
-
พ่ออุ้มลูกสาวแสนน่ารักยืนข้างป้าย ‘ขายลูกสาวหาเงินรักษาลูกชาย’ บอกแค่เรียกร้องความสนใจ
เรียกได้ว่าเมื่อเร็วๆ มานี้ได้มีภาพๆ หนึ่ง ที่ตกเป็นประเด็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดียของประเทศจีน เพราะว่ามันเป็นภาพของชายคนหนึ่งที่อุ้มลูกสาวสุดน่ารักเอาไว้ แต่กลับเขียนป้ายเอาไว้ว่าพร้อมที่จะขายลูกสาวให้ใครก็ตามที่ยินดีจะจ่าย เพื่อจะนำเงินไปรักษาลูกชายที่ป่วยอยู่… ทางสื่อ Beijing Youth Daily ได้รายงานว่าภาพดังกล่าวมีต้นตอมาจากเมืองเฉิงตู ประเทศจีนซึ่งเป็นสถานที่ที่ลูกชายของคุณพ่อคนนี้รักษาอาการป่วยโรคลูคีเมียอยู่จริงๆ แต่ก็ด้วยความที่ครอบครัวของพวกเขามีหนี้ติดอยู่ก้อนโต อีกทั้งยังมีค่ารักษาพยาบาลอีกจำนวนมาก เลยทำให้เกิดภาพดังกล่าวขึ้น โดยอันที่จริงแล้วครอบครัวแห่งนี้ก็เคยเปิดรับบริจาคและมีผู้บริจาคให้แล้วกว่า 90,000 หยวน (ประมาณ 437,000 บาท) แต่ว่าเงิน 40,000 หยวน (ประมาณ 194,000 บาท) กลับไม่สามารถนำมาใช้ได้ เนื่องมาจากมีผู้บริจาครายหนึ่งรายงานเรื่องภาพนี้กับทาง WeChat ที่ครอบครัวนี้เปิดบัญชีรับบริจาคเอาไว้ จึงทำให้บัญชีดังกล่าวถูกระงับในที่สุดนั่นเอง สำหรับประเทศจีนก็อย่างที่รู้ๆ กันว่ามีค่านิยมในความนิยมชมชอบลูกชายมากกว่าลูกสาว และมีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีข่าวว่าหากรู้ว่าเด็กในครรภ์เป็นผู้หญิงพวกเขาก็จะทำแท้งเพื่อเอาเด็กคนดังกล่าวออกด้วย แต่อย่างไรก็ตามทางสื่อก็ได้เดินทางไปสัมภาษณ์กับทางครอบครัวที่ปรากฏในภาพ ซึ่งทางคุณแม่ก็บอกว่าจริงๆ ป้ายที่เขียนนั้นเขียนเอาไว้เพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้คนเพียงเท่านั้น อีกทั้งยังยืนยันว่าเธอกับสามีไม่ได้มีแผนที่จะขายลูกสาวเพื่อนำเงินไปรักษาลูกชายจริงๆ ทว่าทางด้านชาวเน็ตของประเทศจีนหลังจากเห็นบทสัมภาษณ์ดังกล่าว พวกเขาต่างก็ไม่พอใจกันมากๆ ที่พ่อแม่เอาเด็กมาเป็นเครื่องมือในการหาเงินเช่นนี้… ก็คิดได้นะเนี่ย.. ที่มา: shanghaiist, Beijing Youth Daily
-
เกิดเหตุ “ตะลุมบอน” ระหว่างนักท่องเที่ยว 8 คน หลังพยายาม “แย่งจุดเซลฟี่ยอดนิยม”
ในอดีตกาลการที่เราจะถ่ายรูปตัวเองได้นี่ต้องมีค่าใช้จ่ายและขั้นตอนมากมายกว่าออกจะออกมาเป็นรูปแต่ละใบให้เราได้ชมกัน แต่ปัจจุบันเรื่องการถ่ายรูปตัวเองหรือการ “เซลฟี่” นี้สามารถทำได้ง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก เนื่องจากโทรศัพท์ทุกรุ่นสามารถทำได้หมด และด้วยความง่ายดายของมันนั้นทำให้เวลาไปเที่ยวที่ไหน เราก็มักจะเจอกับนักท่องเที่ยวที่ยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาเซลฟี่กันเต็มไปหมด จนอาจจะกลายเป็นเรื่องยุ่งเหยิงเหมือนที่เราจะนำมาให้ได้ดูกันในวันนี้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ตะลุมบอนระหว่างนักท่องเที่ยวกว่า 8 คน เนื่องจากพยายามแย่งจุดถ่ายเซลฟี่ยอดนิยมกัน Instagram narcissism leads to blows: 44-yo American woman and Dutch teenager start an 8-person brawl at Rome’s Trevi Fountain over prime selfie positions. https://t.co/vo3AJjpf9W pic.twitter.com/7IWAE497Sy — Helen Kennedy (@HelenKennedy) August 10, 2018 วันที่ 10 สิงหาคม 2018 ได้มีนักข่าวผู้ใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า Helen Kennedy ได้ทำการโพสต์ภาพของเหตุการณ์ตะลุมบอนสุดโกลาหลพร้อมแคปชั่นว่า “การหลงใหลอินสตาแกรมนำไปสู่การทะเลาะวิวาท…
-
คุณป้าอัดคลิปสารภาพบาป…หลังเพิ่งรู้ว่าเรียกชื่อของ ‘เพื่อนบ้าน’ ผิดมาตลอด 14 ปี
หลายๆ คนคงจะเคยมีโมเมนต์ที่แบบว่า เข้าใจผิดและเรียกชื่อของเพื่อนผิดมากันบ้างไม่มากก็น้อย… แต่สำหรับคุณป้าคนนี้แล้ว ขอบอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่พีคกว่านั้น เพราะเธอดันไปเรียกชื่อของเพื่อนบ้านแบบผิดๆ มาตลอด 14 ปีเลยทีเดียว!! Stephanie Aird จากเมือง Hartlepool เขต Durham ประเทศอังกฤษ อาศัยอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกับเพื่อนบ้านอีกคนหนึ่งที่เป็นผู้หญิงมานานเกือบ 2 ทศวรรษได้แล้ว และเธอมักจะเรียกเพื่อนบ้านคนนั้นว่าคุณ Mavis มาโดยตลอด พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสมอมา ทุกครั้งที่เจอกันตอนทำสวนก็จะทักทายกันข้ามรั้วบ้าน ถึงเวลาเทศกาลต่างๆ ก็มักจะทำอาหารมาแบ่งกัน มีครั้งหนึ่งที่เธอเคยส่งจดหมายอวยพรคริสต์มาสไปให้เพื่อนบ้านคนนั้นและสามี พร้อมกับเขียนชื่อเธอว่า Mavis ในนั้น แต่ ครอบครัวของเพื่อนบ้านก็ดันส่งกลับมาพร้อมกับระบุชื่อว่า Mavis และ George (ชื่อสามีของเพื่อนบ้าน) หลังจากที่คุณ George ได้เสียชีวิตลงเมื่อเดือนก่อน Aird ก็ได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนบ้านคนอื่นถึงคุณ Mavis ในทำนองเป็นห่วงเป็นใยว่าเธอจะต้องผ่านเรื่องร้ายๆ นี้ไปให้ได้ และนั่นเองก็ทำให้ Aird เข้าใจเสียทีว่า เธอเรียกชื่อของ Mavis ผิดมาโดยตลอด!! …
-
สาวสุดภูมิใจ ถ่ายคลิปดื่มเบียร์จาก ‘ศพปลาแซลมอน’ โดนชาวเน็ตวิจารณ์เละ!!
หากย้อนกลับไปสมัยยังเป็น ‘วัยรุ่น’ หลายๆ คนก็คงจะเคยทำเรื่องที่ผิดพลาดจนถูกพ่อแม่ดุกันมาบ้าง… แต่สำหรับสาวคนนี้ที่เป็นแม่คนแล้วกลับใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานแบบหลุดโลก จนทำให้เกิดกระแสวิจารณ์กันไปทั่วโลกออนไลน์ เพราะเธอดันเล่นพิเรนทร์ ‘ดื่มเบียร์’ จากศพของปลาแซลมอน Aimee Lynn คุณแม่ลูกหนึ่งได้ออกไปล่องเรือเล่นที่ท่าเรือวอชิงตัน ในรัฐนิวยอร์ก กับเพื่อนๆ อีกสองคน แต่แล้วจู่ๆ พวกเธอก็นึกสนุกเอาปลาแซลมอนที่ตกมาได้ไปคว้านท้องแล้วก็เอาขวดเบียร์ใส่ไว้ข้างใน จากนั้นก็เทใส่ปากของ Aimee เธอเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นว่า “คุณรู้มั้ยว่าวันนั้นน่ะ ฉันเกือบจะสำลักออกมาแล้วล่ะ ฉันพยายามที่จะกลั้นหายใจเพื่อไม่หัวเราะ แต่สุดท้ายก็ดื่มเบียร์จนหมด” แต่อย่างไรก็ตามทางด้านเจ้าของฟาร์มแซลมอนก็ได้บอกว่าการกระทำของเธอนั้นก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่มันค่อนข้างจะแปลกไปสักหน่อยเท่านั้นเอง ชมคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… เธอได้นำคลิปวิดีโอเหตุการณ์นี้โพสต์ลงบนโลกออนไลน์จึงกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา บ้างก็ดุด่าอย่างรุนแรง “เป็นอะไรที่โง่เง่ามาก!! เรามาภาวนาให้นังคนนี้ติดเชื้อจากแบคทีเรียหรือไวรัสจากปลาตัวนั้นกันเถอะ!!” บ้างก็ว่านับวันคนเรายิ่งทำอะไรแปลกๆ มากเข้าไปทุกที “นับวันคนเรายิ่งเปลี่ยนไป ทำแต่อะไรแปลกๆ กันเยอะแยะจริงๆ” บ้างก็เป็นห่วงสุขภาพของเธอ “เอิ่มมมม เธอจะรู้ไหมนะว่าไอ้เจ้าแบคทีเรียกินเนื้อคนเนี่ย มันสามารถอาศัยอยู่ในน้ำได้” บ้างก็แนะนำให้เธอน่ะกระโดดลงน้ำไปซะ “บางทีเธอควรจะกระโดดลงน้ำไป…
-
เด็กชายป่วยเป็นมะเร็งหายาก ปลอบแม่ ‘อย่าร้องไห้นะครับ’ เพราะพวกเขาไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา
เรื่องราวอันแสนสลดใจของครอบครัว ที่ลูกชายเกิดมาพร้อมกับโรคสุดหายาก และเขาอาจจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้อีกไม่นาน… ผู้เป็นแม่พยายามอย่างหนักเพื่อหาเงินมารักษาเขาโดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกชายของตัวเองจะหายกลับมาเป็นปกติดี แต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลกกับพวกเขา เมื่อเงินที่ครอบครัวเก็บสะสมมาเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาล กลับไม่พอจ่ายเสียได้… หนูน้อย Li Junyang วัย 3 ขวบ ผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งนิวโรบลาสโตมา (มะเร็งต่อมหมวกไตในเด็ก) ที่หาได้ยากสุดๆ เขาเคยผ่านการผ่าตัดเปิดหน้าอกเพื่อการรักษามาแล้ว 2 ครั้ง รวมไปถึงเข้ารับการฉายรังสี 7 ครั้ง และรับยาคีโมอีก 7 ครั้งด้วยกัน พ่อแม่ของเขาใช้เงินเก็บที่มีทั้งหมดกว่า 22,000 ปอนด์ (934,000 บาท) มาใช้ในการรักษา แต่คุณหมอได้แจ้งว่าค่ารักษาทั้งหมดนั้นจะมีจำนวน 51,000 ปอนด์ (2.1 ล้านบาท) หรือมากกว่านั้น ทำให้การรักษาของเจ้าหนู Li ต้องหยุดลงกลางคัน ผู้เป็นแม่ก็ได้แต่ร่ำไห้พร้อมกับกอดลูกของตน เพราะน้อยใจในโชคชะตา ทางด้านลูกก็ร้องไห้ พร้อมกับปลอบแม่ของตัวเองอย่างไร้เดียงสาว่า “แม่ครับ อย่าร้องไห้” อย่างไรก็ตามล่าสุดมีองค์กรการกุศลยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหนูน้อย Li แล้ว…
-
แม่สู้ขาดใจ…หลังมีชายปริศนาพยายามจะ ‘ลักพาตัว’ ลูกของตัวเองกลางวันแสกๆ!!
ความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกนั้น เป็นอะไรที่ลึกซึ้งเกินจะบรรยาย คนเป็นแม่ยอมแลกได้แม้กระทั่งชีวิตเพื่อปกป้องลูกให้พ้นจากภัยอันตราย เช่นเดียวกันกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อไปนี้… เมื่อคุณแม่ชาวไต้หวันคนหนึ่งกำลังเดินจูงมือลูกเดินไปบนทางเท้าที่อยู่ในย่าน Neihu เมืองไทเป แต่แล้วจู่ๆ ก็มีชายแปลกหน้าพยายามจะลักพาตัวลูกสาวของเธอแบบอุกอาจ!! ชายคนดังกล่าวจับตัวลูกสาวของเธอเอาไว้แน่น และพยายามจะแย่งตัวไป แต่ด้วยความรักที่แม่มีต่อลูก เธอจึงต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดที่มี!! พยายามดึงตัวลูกอย่างสุดชีวิตและตะโกนขอความช่วยเหลือ จนสุดท้ายชายแปลกหน้าก็พ่ายแพ้ และยอมเดินหนีไป เพราะมีพลเมืองดีเข้ามาให้การช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงก็สืบทราบว่าชายผู้ก่อเหตุนั้นมีชื่อว่า Zhou วัย 33 ปี เขาบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเข้าใจผิดคิดว่าแม่และเด็กสาวคนนั้นเป็นคนที่ตนรู้จัก ก็เลยอยากจะทักทายสักหน่อย พนักงานที่ร้านอาหารที่อยู่ในบริเวณนั้นเล่าว่าเขาได้ยินเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือจากผู้หญิง และพบว่าพนักงานคนอื่น รวมไปถึงลูกค้าต่างก็เตรียมพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งก็มาถึงสถานที่เกิดเหตุหลังจากนั้นไม่นานนัก จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ทำให้ทราบว่านาย Zhou มักจะมายืนแถวๆ นี้อยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ยังทำให้ทราบอีกว่าเขาเป็นคนที่มีอาการป่วยทางจิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการควบคุมตัวเขาไปแล้ว และเตรียมนำตัวไปประเมินทางการแพทย์ต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุทำร้ายร่างกายโดยชายคนนี้อีก ลองไปชมคลิปวิดีโอเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… นับเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวจริงๆ จู่ๆ มีใครก็ไม่รู้มาแย่งลูกสาวของเธอออกไปกลางวันแสกๆ ในที่สาธารณะแถมยังพลุกพล่านไปด้วยผู้คน โชคดีที่มีพลเมืองดีมาช่วยเหลือ ไม่อยากจะคิดภาพเลยถ้าอยู่ในที่เปลี่ยวจะเป็นอย่างไร T…
-
มีเงื่อนงำ…หมอผีขังเด็กสาวเป็นทาสเซ็กส์นาน 15 ปี ตำรวจตะลึงใช้ ‘วิญญาณ’ เป็นสิ่งล่อลวง!?
เป็นอีกเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดและหดหู่หัวใจเหลือเกิน เมื่อมีการค้นพบว่าหญิงสาวคนหนึ่งได้ถูก ‘หมอผี’ ขังไว้ในถ้ำเป็นเวลานานกว่า 15 ปี และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นเธอก็ตกเป็น ‘ทาสเซ็กส์’ อย่างช่วยไม่ได้… หมอผีที่ก่อเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเรื่องช็อกโลกนี้มีอยู่ว่า เมื่อ 15 ปีก่อน ได้มีพ่อแม่คู่หนึ่งพาลูกสาววัย 13 ปีของพวกเขาไปหาหมอผีที่ละแวกบ้านในประเทศอินโดนีเซียเพื่อที่จะให้ช่วยรักษาอาการป่วยบางอย่างให้ และในครั้งนั้นทางพ่อแม่ก็ได้ทิ้งตัวลูกสาวของพวกเขาเอาไว้กับหมอผีด้วย ทว่าหลังจากนั้นพ่อแม่ก็ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกสาวของพวกเขาอีกเลย… ถ้ำที่พบตัวเด็กสาวคนดังกล่าว เพราะเมื่อพวกเขาไปรับตัวลูกสาว หมอผีก็บอกว่าลูกสาวของพวกเขาเดินทางไปกรุงจาร์กาตาเมืองหลวงของประเทศ เพื่อหางานทำ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเขาก็ไม่ได้ยินข่าวคราวของเธออีกเลย แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจาก 15 ปีที่หายตัวไป นางสาว H (นามสมมุติ) ในวัย 28 ปี ก็ถูกพบตัวที่ถ้ำแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับบ้านของหมอผีคนดังกล่าว ซึ่งจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ก็พบว่าเธออยู่ในถ้ำนี้ตลอดเวลาที่หายตัวไป และตกเป็นที่รองรับความใคร่ของหมอผีคนนี้ด้วย นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจในคดีนี้อีก นั่นก็คือ ‘วิธีที่หมอผีใช้กักขังหน่วงเหนี่ยว’ เธอ โดยในเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าหญิงสาวคนนี้ถูกหมอผีควบคุมวิญญาณเอาไว้ จึงไม่สามารถหนีออกมาได้ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ในที่สุด ทางด้าน Muhammad Iqbal…
-
เจ้าหมา ‘ทิ้งทุ่นระเบิด’ ไว้ในตู้รถไฟ พร้อมกับยืนชื่นชมผลงาน ทำเอาชาวประชาเดือดร้อน!!
กลายเป็นมหกรรมนรกแตกเลยทีเดียว เมื่อเจ้าหมาตัวหนึ่งที่น่าจะมีอาการท้องร่วง ปล่อยทุ่นระเบิดทิ้งเอาไว้ใน ‘ตู้รถไฟ’ และทำให้ผู้โดยสารต้องทนทุกข์อยู่กับกลิ่นของมันเป็นเวลานานกว่า 4 ชั่วโมง โดยที่ไม่มีพนักงานมาทำอะไรกับมันเลยแม้แต่น้อย!? เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบนรถไฟของบริษัท Great Western Railways ที่อนุญาตให้พาสัตว์เลี้ยงโดยสารไปได้ และ Florence Beasley วัย 23 ปี ก็เป็นผู้โดยสารที่เดินจากลอนดอน ไปยังเดวอน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และหนึ่งในผู้โดยสารที่เดินทางมาด้วยก็มีเจ้าหมาที่มีอาการท้องร่วงด้วยหนึ่งตัว และแล้วมันก็ได้ทำสิ่งที่พระเจ้าไม่มีวันให้อภัยมัน คือการ ‘ทิ้งทุ่นระเบิด’ เอาไว้กลางทางเดิน โดยที่ยังมีผู้โดยสารคนอื่นอยู่กันเต็มตู้!! Florence Beasley “สิ่งนี้มันเกิดขึ้นบนรถไฟที่ฉันโดยสารกลับบ้านในวันนี้” Florence โพสต์ภาพลงบนเฟซบุ๊ก “มันพกระเบิดติดมากับตัวด้วย มันไม่มียางอาย หรือความกลัวต่อบาปเลยแม้แต่น้อย แถมยังคอยยืนชื่นชมกับผลงานของตัวเองหลังจากนั้นอีกด้วย และฉันจะไม่ยอมทนที่จะนั่งร่วมกับกองอึนี้เป็นเวลานานกว่า 4 ชั่วโมงอีกต่อไปแล้วแน่ๆ ล่ะ” เธอเล่าต่อ Florence ได้ทำการเขียนจดหมายแจ้งไปยังบริษัทว่า “ใน 20 นาทีหลังจากที่รถไฟออก เจ้าหมาตัวหนึ่งก็ปล่อยระเบิดออกมา รถไฟตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ โดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาดูแลเลยแม้แต่น้อย” “เจ้าของกองอึนั้นยังคงยืนดูผลงานของตัวเองอย่างสะใจ” แต่อย่างน้อยเจ้าของหมาก็ยังยืนอยู่ใกล้ๆ กับกองระเบิด คอยบอกให้คนอื่นๆ ระวังไม่ให้ไปเหยียบ…
-
หนุ่มเข้าร้านเสริมสวยจะไปแต่งคิ้ว สุดท้ายโดน ‘กัน’ ซะคิ้วบางเฉียบ แต่ชาวเน็ตบอกเป๊ะปังสุด!!
เรื่องของ ‘คิ้ว’ ที่ว่ากันว่าเป็นมงกุฎของใบหน้า ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องใหญ่สำหรับความสวยความงามซะจริงๆ เพราะฉะนั้นแล้วเราจึงเห็นได้ว่ามีหนุ่มสาวหลายคนที่ให้ความใส่ใจแก่เจ้าขนเหนือดวงตานี้เอามากๆ จนถึงขั้นเข้าร้านเสริมสวยไปตัดแต่งก็มีอยู่ถมเถไป และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีเช่นเดียวกัน เมื่อมีหนุ่ม (ไม่น่าจะแท้) เข้าร้านเสริมสวยเพื่อที่จะไปตกแต่งคิ้วนิดหน่อย แต่ว่าช่างกลับจัดเต็มให้ จนกลายมาเป็นความฮาบนโลกอินเทอร์เน็ตไปโดยปริยาย โดยเรื่องมีอยู่ว่าชายนาม Chris Agustin ชาวฟิลิปปินส์ ต้องการที่จะตัดแต่งคิ้วของเขาที่มันหนาซะจนเกินพอดี ให้มันเข้ารูปเข้ารอยซะหน่อย เขาจึงเข้าใช้บริการที่ร้านเสริมสวยแห่งหนึ่ง แต่ปรากฏว่าผลที่ออกมาก็คือคิ้วของเขามันถูก ‘กัน’ ออก จนบางเฉียบเหมือนจะไปเล่นงิ้ว ซึ่งแน่นอนว่ามันได้กลายเป็นเรื่องสุดฮาสำหรับคนที่พบเห็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเวลาต่อมาภาพของเขาได้ออกสู่สายตาของมวลมหาชาวโซเชียล จากความที่ Mary Lorraine ลูกพี่ลูกน้องของเขาโพสต์ลงเฟซบุ๊กนั่นเอง “หนึ่งในพนักงานที่เป็นสาวประเภทสองถามลูกพี่ลูกน้องฉันว่า ‘คุณจะกันคิ้วด้วยไหม’ และด้วยความที่เขาไม่ได้ระวังว่าจะมีเรื่องนี้เกิดขึ้นเลยตอบไปว่า ‘เอาสิ แต่ขอแบบแมนๆ หน่อยนะ’” แคปชั่นเขียนไว้ รูปภาพของ Agustin กับการกันคิ้วในครั้งนี้ได้กลายเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็ว และมีการแชร์ต่อกันในเฟซบุ๊กไวดั่งสายฟ้าแลบ ซึ่งบางคนก็บอกว่ามันเป็นโชคร้ายจริงๆ แต่บางคนก็บอกว่ามันเหมาะกับเขาดีนี่ “มันดูเข้ากับคุณแบบเพอร์เฟกต์สุดๆ ไปเลย” “ดูเหมือนว่าเขาจะชอบมันนะ” “คิ้วของเขามันดูเป๊ะปังกว่าพวกเราอีกนะ” ชาวเน็ตบางคนเขียนไว้ ก็ต้องออกมาพูดซะหน่อยแล้ว ทางด้าน Agustin ก็ออกมาโวยวายกับการกันคิ้วนี้ผ่านทางเฟซบุ๊ก แต่ดูไปดูมามันกลับดูยิ่งตลกเข้าไปใหญ่ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่อาจทราบได้…
-
ชาวเน็ตหัวร้อน เมื่อมีคนเอา ‘สติกเกอร์ปลั๊กปลอม’ ไปติดตามที่ต่างๆ จนคิดว่าของจริง!!
ปัจจุบัน ‘สมาร์ทโฟน’ ถือเป็นสิ่งที่เราขาดไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีมันก็เหมือนกับว่ากลายเป็นคนพิการไปโดยปริยาย ฉะนั้นเมื่อไปอยู่ตามร้านกาแฟ หรือสนามบินต่างๆ หลายๆ คนก็เลือกที่จะนั่งอยู่ใกล้กับ ‘ปลั๊กไฟ’ เอาไว้เพื่อชาร์จแบตโทรศัพท์ไม่ให้มันหมดนั่นเอง!! แต่ล่าสุด ในเว็บไซต์ Amazon มีสติกเกอร์รูป ‘ปลั๊กไฟปลอม’ ลงขาย และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดนี้!! เพราะดันมีคนเอาสติ๊กเกอร์ที่ว่านี้ไปติดตามสนามบิน จนทำให้นักท่องเที่ยวถึงกับหัวร้อนกันเลยทีเดียวเชียว!! เช่นเดียวกันกับชาวเน็ตที่ชื่อว่า Brandon Ewing “ใครก็ตามที่เอาสติกเกอร์ปลอมมาติดในสนามบิน ตรูบอกเลยนะว่าแกคือศัตรูตลอดชีวิตของตรู!!” ชายหนุ่มวัย 27 ปีกับการออกเดินเท้าทั่วสนามบินเวกัส เพื่อตามหาปลั๊กไฟเพื่อต่อชีวิตของเขา แต่แล้วเมื่อเจอกับปลั๊กเขาก็ต้องตกใจ!! เพราะมันเสียบไม่ได้ T T โถพ่อหนุ่ม และนี่คือเรื่องราวของ Lyle Kerouac “ทำไม!!! มันดูเหมือนจริงมากเลยนะ ทำไมต้องเอาสติกเกอร์มาติดบนกำแพงในห้างสรรพสินค้าด้วย มันชวนสับสนจริงๆ เลยโว้ยยย!!” เนียนเกิ๊นนน!! เรื่องราวของ Crypridshownu …
-
คุณลุงชาวจีน กระโดดช่วยหญิงจมน้ำด้วยท่าที “โคตรชิล” พร้อมสูบบุหรี่ไปด้วยอีกต่างหาก!!
ว่ากันว่าต่อให้เป็นงานที่ยากแสนยาก หากเป็นคนที่ทำมันจนชำนาญแล้วก็คงทำมันอีกครั้งได้ง่ายดายราวกับปลอกกล้วย… อย่างเช่นเหตุการณ์ต่อไปนี้ ที่เกิดขึ้นบริเวณชายฝั่งของอ่าวฮั่นเจียง เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน เหตุการณ์เริ่มขึ้นจากการที่หญิงรายหนึ่ง เดินไปยังริมน้ำเพื่อ “ล้างเท้า” โดยมิได้ระมัดระวังทำให้เธอพลาดตกลงไปในน้ำ เนื่องจากที่เธอว่ายน้ำไม่เป็นเธอจึงตะเกียกตะกาย ทำท่าจะจมน้ำเสียให้ได้ ทันใดนั้นเองชายนิรนามคนหนึ่งที่เปลือยท่อนบนและสูบบุหรี่อยู่แถวนั้นก็รีบกระโดดลงน้ำไปช่วยทันที เขามาแล้วครับ ภาพจากการรายงานข่าวทำให้ผู้ชมประหลาดใจกันอย่างมากก็คือ ชายคนนี้ ไม่ได้แสดงสีหน้าอาการประหม่าหรือตื่นเต้น แต่อย่างใด ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ เขาคาบบุหรี่อยู่ตลอดเวลาตั้งแต่กระโดดลงน้ำไปจนกระทั่งช่วยชีวิตหญิงจมน้ำขึ้นมาได้ หลังจากช่วยชีวิตหญิงดังกล่าวได้แล้ว เขาก็ยังเลือกที่จะยืนอยู่ในน้ำชิลๆ พลางสูบบุหรี่มวนเดิมต่ออีกด้วย ไม่รู้ว่าชายคนนี้กินอะไรมา ทำไมถึงเท่ได้ขนาดนี้!! บุหรี่คู่กาย แม้แต่ลงน้ำก็ต้องคาบลงไปด้วย เมื่อขึ้นมาแล้วก็ยืนเท่ๆ พลางสูบบุหรี่ต่ออย่างชิลๆ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจึงพบว่า ชายสุดเท่คนดังกล่าวอดีตเคยเป็น สมาชิกของหน่วยกู้ภัย ที่คอยช่วยเหลือคนที่ประสบภัยในแม่น้ำแยงซีเกียง และแม้ว่าเหตุการณ์นี้เขาจะไม่ได้เป็นหน่วยกู้ภัยแล้ว แต่เขาก็ยังทำหน้าที่กู้ชีพได้อย่างน่าภาคภูมิ (พร้อมขึ้นมายืนสูบบุหรี่อย่างเท่ๆ) จากนั้นฝ่ายหญิงที่ได้รับการช่วยชีวิตก็กล่าวขอบคุณชายคนนี้เป็นการใหญ่… เมื่อชาวเน็ตทราบเรื่องนี้ ก็เข้ามาคอมเมนต์ชื่นชมสรรเสริญชายสุดเท่คนนี้กันอย่างเต็มที่เลยทีเดียว เช่น “คุณลุงดูเท่ยิ่งกว่าหนุ่มๆ อีกนะเนี่ย” “เนี่ยแหละ ผู้ชำนาญการของจริงเขาไม่กระโตกกระตากกันหรอก” “บุหรี่ยี่ห้ออะไรทำไมทนน้ำจัง?” และ “บุหรี่บางครั้งเปียกน้ำแล้วก็ยังสูบต่อได้จริงๆ นะ” …
-
หนุ่มวัย 18 ปีตั้งเป้าจะขายแตงโมให้ได้ 35,000 กิโลฯ เพื่อเอาเงินจ่ายค่าเรียนตำรวจตามความฝัน…
อย่างที่ว่าในสังคมทุกวันนี้ก็มีทั้งคนจนคนรวยปะปนกันไป โดยคนรวยอาจจะมีโอกาสได้ทำอะไรหลายๆ อย่างที่คนจนไม่มีโอกาสได้ทำ รวมถึงเรื่องของ ‘การศึกษา’ ที่ไม่ว่ายุคไหนๆ ก็ย่อมมีเรื่องของเงินมาเกี่ยวข้องเป็นธรรมดา แต่ว่ามีเด็กฐานะค่อนไปทางยากจนอยู่คนหนึ่งที่มีความตั้งใจแน่วแน่ว่า ถึงอย่างไรแล้วก็จะหาเงินมาจ่ายค่าเทอมส่งเสียตัวเองให้มีการศึกษาเทียมทัดคนอื่นๆ รวมถึงทำตามความฝันที่อยากจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ได้ เขาจึงวางแผนเอาไว้ว่าจะขายแตงโม 35,000 กิโลกรัมให้หมดให้ได้ใน 2 เดือน โดยไม่ขอรับเงินบริจาคใดๆ ด้วย!! โดยนี่เป็นเรื่องราวชีวิตของเด็กหนุ่มวัย 18 ปีจากมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ทีjมีนามสกุลว่า Li เขาคนนี้เป็นเด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ซึ่งแม่แท้ๆ ของเขาได้ทิ้งเขาให้อยู่กับครอบครัวนี้ตั้งแต่แรกคลอดออกมา แต่อย่างไรแล้วแม้ว่าครอบครัวบุญธรรมที่เลี้ยงเขาจนโตมาจะมีฐานะที่ค่อนข้างแร้นแค้น แต่เรื่องของ ‘เงิน’ ก็ไม่สามารถหยุดความฝันของเขาที่ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ได้ในสักวันหนึ่ง โดยหลังจากที่เรียนจบชั้นมัธยมแล้ว เขาก็เขยิบเข้าใกล้ความฝันอีกขั้นด้วยการสอบเข้าโรงเรียนตำรวจได้ ด้วยคะแนนที่สูงลิ่ว ทว่าแม้จะสามารถสอบเข้าได้ดั่งที่ตั้งใจไว้ แต่ก็มามีปัญหาอยู่ตรงที่ว่าโรงเรียนตำรวจแห่งนั้นได้เรียกเก็บค่าเทอมจำนวน 14,000 หยวน (ประมาณ 68,000 บาท) และมีกำหนดจะต้องจ่ายภายใน 2 เดือนหลังจากนั้นด้วย ด้วยเหตุนี้แล้ว Li จึงคิดวิธีหาเงินมาจ่ายค่าเทอมให้ได้ และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจว่าจะใช้เวลาว่างในช่วงฤดูร้อนขายแตงโมเพื่อหาเงินในส่วนนี้มาให้จนได้ หลังจากตัดสินใจด้วยความแน่วแน่แล้ว กิจวัตรในแต่ละวันเขาก็จะเป็นเรื่องของการค้าขายทั้งสิ้น ตื่นมาแต่เช้าตรู่เพื่อไปรับแตงโมมา จากนั้นก็จะเปิดแผงขายที่บริเวณตลาดในละแวกบ้าน เท่านั้นยังไม่พอเขายังโชว์ความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยว…
-
เผยภาพ ‘คิม จอง อึน’ โฉมใหม่ สลัดคราบความดุดันใส่เสื้อยืดแขนสั้นแสนสบาย น่ารักจริมๆ
โดยปกติแล้วเราอาจจะคุ้นภาพของ ‘คิม จอง อึน’ ผู้นำชาติเกาหลีเหนือในลุคสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำมาดขรึม แต่ว่าด้วยคลื่นความร้อนที่มันปกคลุมประเทศซะจนเกินกว่าจะทนไหว จนทำให้ในที่สุดเราก็ได้เห็นภาพของท่านผู้นำแก้มพลุ้ยคนนี้ ในลุคสบายๆ สวมเสื้อยืด ใส่หมวกปานามาเดินดูงานกันแล้ว!! ภาพที่ว่านี้ได้ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ Rodong Sinmun สื่อทางการของประเทศเกาหลีเหนือ โดยเป็นภาพระหว่างที่ท่านผู้นำควงนางรี ซ็อล-จู ภริยา ตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตปลาหมักดองชื่อว่า Kumsanpho ในจังหวัดฮวังแฮใต้ เพราะด้วยความที่ประเทศเกาหลีเหนือในตอนนี้กำลังประสบกับสภาพอากาศร้อนจัดเหมือนกับประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชีย จึงเป็นเหตุให้นายคิม จอง อึน จึงถึงกับสลัดชุดแจ็คเก็ตสไตล์เหมาที่เขาใส่ประจำ แล้วหันใส่ชุดน่ารักๆ อย่างที่เห็นในภาพเหล่านี้แทน สำหรับการแต่งกายของนายคิมนั้นก็ง่ายๆ โดยใส่เสื้อยืดสีขาว (สั่งทำพิเศษ) กางเกงสแล็คสีเทาดูพอดีตัว กับหมวกปานามาเพื่อกันความร้อน ขณะที่ภริยาของเขาก็ถือเสื้อตัวนอกเอาไว้ให้ตลอดเวลา การตรวจเยี่ยมโรงงานแปรรูปปลาในครั้งนี้ อาจจะแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในเรื่องอาหารของคนในชาติ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศเกาหลีเหนือประสบปัญหาขาดแคลนอาหารอยู่แล้ว และจากความร้อนที่เกิดขึ้นก็อาจทำให้ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมในประเทศอีกด้วย และทั้งนี้จากการรายงานเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา ก็มีเรื่องที่น่าตกใจเกิดขึ้น เพราะรายงานกล่าวว่าประชาชนเกาหลีเหนือกว่า 70% ต้องช่วยเหลือความช่วยเหลือทางด้านอาหารจากทางภาครัฐ!! การลงพื้นที่ในครั้งนี้จึงอาจเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่จะทำให้ประชาชนไว้วางใจเขามากขึ้น และการเปลี่ยนลุคสบายๆ ของเขาในครั้งนี้ก็อาจเป็นสัญญาณที่ดีว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ขึ้นในวันข้างหน้าก็เป็นได้ …
-
สาวยืนอยู่ขอบสะพานไม่กล้ากระโดด โดนมือปริศนาผลัก สุดท้ายได้รับบาดเจ็บหนัก!!
บางครั้งการละเล่นของเหล่าวัยรุ่น อาจจะอันตรายร้ายแรงจนถึงกับชีวิตได้ เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์… และเรื่องราวต่อไปนี้เองก็กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลของต่างประเทศ เมื่อเด็กสาวคนหนึ่ง ‘ถูกสาวปริศนาผลักตกจากสะพาน’ เพราะเธอกล้าๆ กลัวๆ ไม่ยอมกระโดดลงไปซักที จากคลิปวิดีโอที่ถูกแชร์ลงไปในโลกออนไลน์ เผยให้เห็น Jordan Holgerson วัย 16 ปี กำลังยืนอยู่บนสะพาน ที่ข้างล่างมีแม่น้ำ Lewis ในเมือง Yacolt รัฐวอชิงตัน เพื่อเตรียมตัวกระโดดลงไปข้างล่าง โดยมีเพื่อนๆ ให้กำลังใจอยู่ด้านหลัง ในคลิปเธอพูดว่า “ไม่นะ ฉันจะไม่กระโดดลงไป” ขณะเดียวกัน เพื่อนๆ ของเธอก็ส่งเสียงเชียร์ให้กระโดดลงไป เธอก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่า ‘ไม่!!’ และก็ยังคงมีอาการกล้าๆ กลัวๆ ลังเล ไม่ยอมกระโดดเสียที ทันใดนั้นเองก็มีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งถามเธอว่า “พร้อมใช่มั้ย?” ก่อนที่จะมีผู้หญิงปริศนาคนหนึ่งลงมือผลักเธอตกลงไปข้างล่างที่มีแม่น้ำอยู่ Jordan ตกลงมาจากสะพานที่มีความสูงมากกว่า 60 ฟุต หรือราวๆ 20 เมตร (ตึก 7 ชั้น) ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของเพื่อนๆ …
-
คุณแม่ซื้อรถให้ ‘คุณครู’ ของลูกสาว หลังรู้ว่าเธอต้องนั่งรถหลายต่อไปสอนทุกวัน!!
หากคุณได้รับการช่วยเหลือจากใครสักคน ย่อมต้องการที่จะตอบแทนคนผู้นั้นเป็นเรื่องธรรมดา… เช่นเดียวกันกับ CEO คนนี้ ที่อยากจะแสดงความขอบคุณต่อ ‘คุณครู’ ของลูกสาว หลังจากที่สืบทราบว่าคุณครูคนนี้จะต้องเดินทางขึ้นรถบัสหลายต่อเหลือเกินจนกว่าจะไปถึงที่ทำงานเพื่อสอนหนังสือให้กับลูกของเธอ ก็เลยตัดสินใจซื้อรถใหม่ป้ายแดงมอบเป็นของขวัญให้กับคุณครูซะเลย!! Courtney Adeleye CEO และผู้ก่อตั้งบริษัท The Mane Choice เป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม ได้ตัดสินใจช่วยเหลือคุณครูของลูกสาว หลังได้รู้จากสามีว่าเธอต้องเดินทางไปทำงานอย่างยากลำบาก เหตุการณ์ดังกล่าวถูกถ่ายคลิปวิดีโอเก็บเอาไว้ เผยให้เห็นถึงวินาทีสุดประทับใจเมื่อคุณครูได้เห็นรถคันใหม่ของตน “เอาจริงเหรอเนี่ย? คุณให้ฉันจริงๆ เหรอ? โอ้พระเจ้า ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย” คุณครูกล่าว หลังได้เห็นรถใหม่ “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย คุณเองก็คงไม่เชื่อแน่ๆ ว่าฉันจะรู้สึกอย่างไร” คุณครูกล่าวกับ Adeleye และสามี ที่นำรถยี่ห้อฟอร์ดโฟกัส มูลค่ากว่า 18,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (600,000 บาท) มามอบให้ คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกนำไปโพสต์ลงโซเชียลพร้อมกับแคปชั่นว่า “เธอสมควรได้รับมัน เธอเป็นคนที่น่ารัก และคุณจะต้องอยากเจอเธออย่างแน่นอน!!” Adeleye เล่าว่า “เมื่อสามีของฉันบอกว่า คุณครูที่สอนลูกสาวของเราหลายปีมานี้ ต้องขึ้นรถบัสหลายต่อมากเพื่อเดินทางไปสอนหนังสือในทุกๆ…
-
หนุ่มฮีโร่ กระโดดเข้าไปในรถขณะเคลื่อนที่ เพื่อช่วยเหลือ ‘คนชัก’ ไม่ให้ประสบอุบัติเหตุ!!
บางครั้งสถานการณ์ร้ายๆ ก็สร้าง ‘ฮีโร่’ ขึ้นมาได้… เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ต่อไปนี้ ที่มีพลเมืองดีวิ่งออกจากรถของตัวเอง แล้วก็กระโดดเข้าไปในรถคันหนึ่งที่กำลังขับออกนอกเส้นทางและสามารถช่วยระงับเหตุร้ายเอาไว้ได้ทัน!! เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเมือง Dixon รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา นาย Randy Thompson วัย 39 ได้กลายเป็นฮีโร่หลังช่วยคนขับรถที่จู่ๆ ก็เป็นโรคลมชักขณะขับรถอย่างกะทันหัน Randy เล่าว่าเขาเห็นรถคันหนึ่งขับมาท่าทางแปลกๆ ที่แยกไฟแดงหนึ่ง เพราะจู่ๆ รถคันดังกล่าวก็พุ่งออกมาอีกฝั่งของถนน เขารีบวิ่งลงมาจากรถของตัวเอง แล้ววิ่งเข้าไปทางฝั่งตรงข้ามคนขับ ก่อนที่จะรู้ว่าคนขับรถกำลังเป็นโรคลมชักอยู่ “เขากำลังเอามือกุมไปที่หน้าอกของตัวเอง ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี รถคันนั้นอยู่ห่างจากผมไม่ไกลนัก ก็เลยตัดสินใจจอดรถของตัวเองแล้วก็กระโดดออกมา ผมกลัวว่าคนอื่นจะได้รับอันตรายเลยคิดอย่างเดียวว่าจะต้องช่วยเหลือให้ได้” Randy เล่า Randy จึงตัดสินใจกระโดดเข้าไปทางหน้าต่างราวกับว่าเป็นฉากแอคชันของหนังสายลับ แล้วก็หยุดรถเอาไว้ได้ในที่สุด ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะตามมาสมทบในภายหลัง และทำให้ชายที่เป็นโรคลมชักปลอดภัย คลิปเหตุการณ์นี้ถูกนำไปโพสต์ลงโซเชียลมีเดียทำให้มีผู้คนเข้ามาชื่นชมในการกระทำของเขามากมาย “พ่อหนุ่มคนนี้กระโดดเข้าไปในหน้าต่างของรถที่กำลังเคลื่อนที่ เพื่อช่วยเหลือคนแปลกหน้า มันเจ๋งชะมัดยาดเลย!!” ชาวเน็ตคนหนึ่งกล่าว “โลกของเราต้องการคนแบบเขาเพิ่มอีก” ชาวเน็ตอีกคนหนึ่งกล่าว ชมคลิปวิดีโอเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… Man heroically…
-
สลด…นักลักลอบเหิมเกริม ขโมยเต่าเป็นตัวๆ ในเขตอนุรักษ์ เพื่อที่ว่าจะเอาไข่ของมันไปขาย!!
อย่างที่รู้ๆ กันว่าทุกสิ่งในธรรมชาติได้ถูกสร้างมาเพื่อให้เกิดความ ‘สมดุล’ แก่กัน แต่ว่าบางครั้งผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นสัตว์ประเสริฐอย่าง ‘มนุษย์’ ก็ไปทำลายความสมดุลนั้นลง จนทำให้เกิดผลกระทบส่งต่อกันอย่างมากมาย และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์เช่นเดียวกันที่ธรรมชาติต้องเสียหายจากน้ำมือมนุษย์ เมื่อมีวิดีโอหนึ่งเผยให้เห็นว่ามีนักลักลอบล่าสัตว์เดินลงน้ำไปจับเต่าทะเลเพื่อจะเอาไข่ของมัน ทั้งๆ ที่อยู่ในเขตหาดสงวนก็ตาม… โดยเรื่องแสนเศร้าที่ว่านี้เกิดขึ้นที่เขตอนุรักษ์ธรรมชาติ La Flor Beach Natural Reserve เมือง San Juan del Sur ประเทศนิการากัว หากดูวิดีโอจะเห็นได้ว่าเป็นภาพของนักลักลอบคนหนึ่งที่เดินลงไปในท้องทะเล และภายหลังเขาได้แบกเต่าทะเลตัวหนึ่งขึ้นบ่ามาด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ขณะที่ทางตัวเต่าเองก็พยายามดิ้นหนีเพื่อจะเอาชีวิตรอด ซึ่งทั้งนี้จุดประสงค์ของการนำเต่าตัวนี้มาก็เพื่อจะเอาไข่ของมันไปขายต่อเป็นอาหารนั่นเอง วิดีโอของการขโมยเต่าอันน่าเวทนา ในแต่ละปีจะมีเต่าหญ้า (Lepidochelys Olivacea) ประมาณ 150,000 ตัวเดินทางมาสร้างรังเต่าและวางไข่ที่นี่ เขตอนุรักษ์แห่งนี้จึงเป็นที่หมายปองของเหล่าลักลอบทั้งหลาย ทว่าโดยปกติแล้วนักลักลอบก็จะรอให้เต่าวางไข่ก่อนจึงจะไปขโมยไข่มา ไม่ใช่ทำแบบเปิดเผยเหมือนกับการยกเต่าเป็นตัวเหมือนในครั้งนี้ สำหรับเรื่องนี้ Liza Gonzalez ผู้อำนวยการองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม Paso Pacifico ก็กล่าวว่าในอดีต 20-40% ของรังเต่ามักถูกทำลายโดยนักลักลอบ แต่มาในปีนี้เหตุการณ์กลับเลวร้ายลงกว่าเดิม และเชื่อว่ามีผู้คนถึง 700 คนทำเหตุดังกล่าว และยังพบด้วยว่ามีเต่าจำนวน 6 ตัวถูกฆ่าโดยนักลักลอบ… แต่ทันทีที่วิดีโอนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไปทางองค์กร Paso Pacifico ก็ได้รายงานเรื่องนี้ต่อทางเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรวมถึงกองทัพเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาดังกล่าว…
-
สุดสะเทือนใจ…หนุ่มเมานอนดู “หนังโป๊” อยู่ในห้อง จู่ๆ เด็กหญิง 5 ขวบเข้ามา จึงข่มขืนและฆ่า….
นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2018 ที่ผ่านมา เมื่อชายคนหนึ่งมีอาการเมาและได้ทำเรื่องที่เลวร้ายลงไป จนสร้างความสะเทือนใจอย่างมากให้กับทุกคน Deepak Thakur ชายหนุ่มวัย 32 ปี จากเมืองเมืองกาซิอาบาด ประเทศอินเดีย ถูกตำรวจจับกุมตัวหลังจากที่ในคืนหนึ่งเขามีอาการเมามาย นอนดูหนังผู้ใหญ่อยู่ในห้องของตัวเอง จนกระทั่งมีเด็กคนหนึ่งเข้ามา เขาจึงทำการข่มขืนและฆ่าเธอ ภาพการจับกุมตัวนาย Deepak จากคำให้การบอกว่าในวันที่ 2 สิงหาคม 2018 เวลาราวๆ 5 ทุ่มครึ่ง ชายคนดังกล่าวกินเหล้าเข้าไปจนมีอาการเมา ก่อนที่จะนอนดูหนังโป๊ผ่านสมาร์ทโฟนของตัวเอง นานกว่า 40 นาที จนกระทั่งเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ซึ่งเป็นหลานของเจ้าของห้องที่ Deepak เช่าอยู่ จู่ๆ เธอก็เข้ามาโดยไม่บอกไม่กล่าว ด้วยความขาดสติ เขาจึงจับเธอขังเอาไว้ในห้อง และข่มขืนเธอ พอเด็กหญิงร้องเสียงดังก็ไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีไหนจึงทำให้เด็กขาดอากาศหายใจ เสียชีวิตลงไปในที่สุด ก่อนที่เขาจะนำร่างเธอใส่ถุงพลาสติกแล้วนำไปทิ้งไว้บนหลังคาบ้านหลังใกล้ๆ ซึ่งเป็นบ้านของคุณลุงของเด็กหญิงคนนั้น เขตพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ในเมืองกาซิอาบาด ประเทศอินเดีย แต่แทนที่เขาจะหนีไปในทันที วันต่อมา Deepak…
-
ตายายชาวจีน “ผู้พิทักษ์แม่น้ำ” ช่วยเด็กจมน้ำ แถม 30 ปีก่อนยังเคยช่วยพ่อของเด็กไว้อีกด้วย!!
หากใครสักคนมา “ช่วยชีวิต” เราเอาไว้ เราคงจะซาบซึ้งใจอย่างมากเลยทีเดียว แต่เรื่องราวในวันนี้จะทำให้เกิดความซาบซึ้งเสียยิ่งกว่าเมื่อทราบว่าผู้ที่ช่วยชีวิตเราเอาไว้ เคยช่วยชีวิต “พ่อ” ของเราไว้เช่นกัน เรื่องราวเกิดขึ้นในมณฑลเจียงซู ประเทศจีน คุณตาวัย 80 ปีคนหนึ่งได้รับคำชื่นชมจากทั่วโลกอินเทอร์เน็ตเมื่อได้ลงไปช่วยเด็กชาย 8 ขวบที่จมน้ำอยู่ในแม่น้ำ ภายหลังทราบว่าคุณตาคนนี้ เมื่อ 30 ปีก่อนก็เคยช่วยชีวิตพ่อของเด็กชายคนนี้ไว้ด้วยเช่นกัน… ในช่วงเช้าของวันที่ 3 สิงหาคม 2018 ชายชรานามว่า Xu ได้ยินเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือของเด็กชายขณะที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในน้ำทำท่าว่ากำลังจะจม ทั้งๆ ที่ตนก็กำลังบาดเจ็บจากอุบัติเหตุตกบันไดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่คุณตา Xu ก็ตัดสินใจลงไปในแม่น้ำเพื่อช่วยเหลือเด็กชายที่กำลังจะจมน้ำดังกล่าวโดยมีคุณยายที่เป็นภรรยาคอยช่วยด้วยอีกแรง เมื่อช่วยเด็กชายขึ้นมาแล้วจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ทำให้ทราบว่าก่อนหน้าที่จะจมน้ำเด็กคนนี้ได้ออกมาเล่นกับย่าของตนใกล้ๆ แม่น้ำดังกล่าว เมื่อพูดคุยกับคุณย่าของเด็กที่จมน้ำ จึงทำให้ทราบว่าคุณตา Xu ครั้งหนึ่งเมื่อ 30 ปีที่แล้วเคยช่วยชีวิตลูกชายของตนเอาไว้ และตอนนี้ก็ได้ช่วยชีวิตหลานของตนไว้อีกครั้ง คุณตากล่าวว่า “ตอนผมยังเป็นหนุ่มกว่านี้ ลูกชายของเธอ (พ่อของเด็ก) ก็เคยจมแม่น้ำนี้เช่นกัน และผมก็ลงไปช่วยแบบนี้แหละ แต่ตอนนี้ผมแก่แล้วกระโดดไม่ไหวแล้วล่ะ”…
-
โมเมนต์อิ่มเอมใจ เมื่อตำรวจทำงานวันสุดท้าย ได้รับการกล่าวสดุดีโดยลูกชาย ผ่านทางวิทยุ…
เมื่อการปฏิบัติหน้าที่อันยาวนานของพนักงานคนหนึ่งต้องสิ้นสุดลง องค์กรหรือหน่วยงานนั้นๆ ก็จะร่วมส่งท้ายและประกาศให้กับบุคลากรได้รับทราบว่า มีผู้ร่วมงานปลดเกษียณอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นการร่ำลาและส่งท้ายก่อนจากกันไป ความรู้สึกตื้นตันเล็กๆ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐแมสซาชูเซตส์นายหนึ่ง ในขณะที่กำลังจะสิ้นสุดหน้าที่ในวันสุดท้ายของการเป็นตำรวจ เขาได้รับแจ้งวิทยุจากศูนย์กับการปลดประจำการอย่างเป็นทางการ โดยมีลูกชายผู้ทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศด้วย… คุณพ่อ Duane Ledoux ในวันสุดท้ายของการทำงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ Duane Ledoux กำลังจะเกษียณหน้าที่จากกรมตำรวจ Southbridge Police Department ในรัฐแมสซาชูเซตส์ ในขณะที่วิทยุแจ้งเข้าศูนย์บัญชาการ เขาก็ได้ยินเสียงของลูกชาย Nate Ledoux เป็นผู้ประกาศจากศูนย์ ลงทุนบินข้ามประเทศเพื่อกลับมาที่บ้านและทำหน้าที่นี้เพื่อเป็นเกียรติแก่คุณพ่อ ภาพเหตุการณ์จากฝั่งพ่อ “มันเป็นความพึงประสงค์จากใจของผมที่จะประกาศในวันนี้ หลังจากปฏิบัติหน้าที่มา 32 ปีครึ่ง คุณพ่อของผม เจ้าหน้าที่ตำรวจ Southbridge นามว่า Duane Ledoux กำลังจะเกษียณและได้ให้สัญญาณ Code Five เป็นครั้งสุดท้าย” ลูกชาย Nate Ledoux “เป็นเกียรติของผมอย่างยิ่งที่ได้รับมอบหมายหน้าที่นี้ เพื่อปลดปล่อยชายผู้เสียสละเวลาของเขาให้กับพวกเราทุกคน หลังจากนี้ต่อไปเขาอาจจะได้ใช้ชีวิตไปกับการคิดค้นคราฟท์เบียร์สูตรใหม่ ออกสำรวจประเทศอันสวยงาม และที่สำคัญที่สุด…
-
ก็กลัวจะเหม็น… หนุ่มทนไม่ไหวสั่งให้ทุกคน “หนีไป!” ก่อนจะ “ทิ้งทุ่น” บนรถไฟใต้ดิน…
(คำเตือน: บทความมีภาพและเนื้อหาที่ไม่จรรโลงใจ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม) จะมีอะไรที่บังคับให้เราต้องเร่งรีบไปมากกว่าความรู้สึก “ปวดอุจจาระ” อีกล่ะ? ต้องยอมรับเลยว่าไอ้เจ้าอุจจาระนี่มันอานุภาพรุนแรงมากจริงๆ บางครั้งถ้ามันอยากจะออกมาจริงๆ เราอาจจะคุมไม่อยู่เลยทีเดียว… ล่าสุดทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งได้เผยภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ สถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งในประเทศ เป็นเหตุการณ์ที่ต้องบอกเลยว่าแค่เห็นภาพก็ขมคอแล้วล่ะ ภาพบรรยากาศสถานีรถไฟใต้ดินในญี่ปุ่น ทวิตเตอร์ชื่อว่า @DECADE10KENN ได้เผยภาพที่ชายสวมชุดสีแดงซึ่งนั่งในอยู่ภายในขบวนรถไฟ มีการปลดกางเกงลงจนล่อนจ้อน เจ้าตัวเล่าว่าในเหตุการณ์ผู้โดยสารต่างตะลึงงันว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายคนนี้กันแน่ จนกระทั่งชายในชุดแดงลั่นวาจาออกมาว่าให้ทุกคน “หนีไป!” พร้อมปล่อยอุจจาระก้อนโตลง “เผละ” บนพื้นของรถไฟขบวนดังกล่าว ทำเอาผู้โดยสารทุกคนต่างขยับตัวออกห่าง อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาสืบสวนเหตุการณ์นี้แล้วแต่ยังไม่ทราบตัวผู้ก่อเหตุ โดยมีการสันนิษฐานเพียงว่าอาจเป็น การขัดขวางทางธุรกิจ หรือไม่ก็เป็น คนที่ปวดอุจจาระมากจริงๆ ที่นี้ชาวเน็ตที่เห็นทวิตเตอร์นี้ก็เข้ามาคอมเมนต์กันอย่างหรรษา เช่น “ช่วยไม่ได้ก็คนมันปวด” “แค่เห็นภาพกลิ่นก็ลอยมาแล้ว” “นี่มันคือการก่อการร้ายชัดๆ” “ขยะแขยงไม่ไหวแล้ว” “อย่างน้อยเขาก็รู้จักถอดกางเกงก่อนปล่อยนะ” และ “อย่าซูมภาพถ้ายังอยากทานอาหารเย็นอยู่” สำหรับ #เหมียวโลลิ บอกเลยว่า อวสานอาหารเย็นกันไปเลยจ้า… ที่มา: Twitter@DECADE10KENN via ck101
-
หัวหน้ากองถูกนายทหารแกล้ง ถูกขังห้องน้ำกว่า 6 ชั่วโมง สุดท้ายต้องพังผนังออกมา
เวลาเรานัดกันไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ที่ร้านเหล้าหรือจะที่ไหนก็ตาม ที่จบลงด้วยการเมาเละเทะ หลังจากนั้นมักจะเกิดการแกล้งกันอย่างแผลงๆ ขึ้นเสมอ เรื่องนี้ก็อีกหนึ่งเรื่องที่มีการแกล้งกันเกิดขึ้น เมื่อเหล่านายทหารได้ไปดื่มสังสรรค์กับหัวหน้ากองและทำการแกล้งโดยการจับ “หัวหน้ากอง” แก้ผ้าแล้วนำเขาไปขังในห้องน้ำนานถึงหกชั่วโมง หลังจากนั้นเพื่อนๆ ต้องไม่เชื่อว่าเกิดอะไรขึ้น หัวหน้ากองของเราไม่รอลูกน้องมาเปิดประตูให้ แต่พี่เขาเล่นพังผนังออกมาเองเฉยเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นใน Carver Barracks ค่ายทหารของหน่วยกู้ระเบิดมณฑลเอสเซกซ์ ประเทศอังกฤษ ระหว่างที่กลุ่มของนายทหารกับหัวหน้ากองได้ดื่มกันอย่างสนุกสนาน เมื่อเวลาผ่านไปฝ่ายหัวหน้ากองเผลอหลับไปเสียก่อน นายทหารที่เหลือจึงวางแผนแกล้งเขาโดยการจับถอดเสื้อและนำไปขังไว้ในห้องน้ำที่ค่าย หลังจากนั้นหกชั่วโมง หัวหน้ากองก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองถูกขังอยู่ในห้องน้ำและได้ตะโกนสั่งนายทหารข้างนอกให้เปิดประตูให้เขา แต่ฝ่ายนายทหารกลับหัวเราะและบอกว่าถ้าอยากให้เขาเปิดประตูให้ ก็ช่วยขึ้นเงินเดือนพวกเขาให้หน่อยสิ เมื่อเห็นว่าลูกน้องไม่มีท่าทีจะมาเปิดให้ หัวหน้ากองคนนี้ก็หัวร้อนขึ้นในทันใด เขาเขารื้อชักโครกออกมาแล้วฟาดเข้ากับผนังห้องซ้ำๆ จนในที่สุดเขาก็สามารถสร้างรูที่ใหญ่พอที่เขาจะปีนออกมาได้ แค่ถูกขังอยู่ในห้องน้ำด้วยสภาพล่อนจ้อนก็ว่าแย่แล้ว ความซวยยังไม่หมดเท่านั้น เมื่อทางกองทัพได้รับรายงานเกี่ยวกับความเสียหายในเช้าวันรุ่งขึ้น และได้ตัดสินให้หัวหน้ากองรับผิดชอบความเสียหายที่เขาทำกับห้องน้ำในค่ายทั้งหมด แถมยังถูกตัดสินว่าทำผิดกฎของค่ายที่ห้ามเจ้าหน้าที่ดื่มจนเมา จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เพราะการปล่อยให้ดื่มจนเมามักจะจบลงด้วยพฤติกรรมรุนแรง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่มีรายงานว่าเขาถูกลงโทษข้อหารุนแรงอย่างใด สุดท้ายนี้ทางแหล่งอ้างอิงได้กล่าวว่า “หวังว่าเขาจะเข้าใจถึงด้านที่ตลกของเรื่องนี้นะ เพราะอย่างน้อยมันก็น่าประทับใจในความคิดและวิธีที่เขาใช้หลบหนีออกมาจากห้องปิดตายด้วยเครื่องมือที่มีอยู่จำกัดแถมในสภาพที่เมาเละเทะด้วย” ส่วนกลุ่มของนายทหารที่ลงมือแกล้งเขานี่ จะเจออะไรบ้างน้าาา ที่มา Odditycentral, DairyMail
-
ยูทูบเบอร์ญี่ปุ่น มอบเงิน “1 ล้านเยน” ให้ชายชราไร้บ้าน กลายเป็นเรื่องราวน่าประทับใจ
ยูทูบเบอร์จากญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ใช้ชื่อแชแนลว่า ラファエル ได้เผยวิดีโอที่ตัวเขาเดินเตร็ดเตร่ไปตามท้องถนนเพื่อค้นหา คนชรา และมอบความช่วยเหลือเท่าที่เขาสามารถช่วยเหลือได้ ล่าสุดในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เขาได้ไปพบกับชายชราไร้บ้านในชุดซอมซ่อคนหนึ่งเข้า เขาอยากทราบว่าสิ่งที่ชายชรคนนี้ต้องการซื้อมากที่สุดคืออะไรเมื่อมีเงิน 1 ล้านเยน เขาจึงมอบเงินจำนวน 1 ล้านเยน (ประมาณ 3 แสนบาท) ให้กับชายชราดังกล่าว โดยมีเงื่อนไขว่าเขาจะใช้เงินซื้ออะไรก็ได้ภายในหนึ่งวันเท่านั้น เมื่อยูทูบเบอร์หนุ่มมอบเงินให้กับชายชรา ชายชราก็ถามกลับด้วยความกังวลว่า “ฉันควรได้รับเงินนี้เหรอ ตำรวจจะไม่จับฉันใช่ไหม?” ยูทูบเบอร์หนุ่มจึงยืนกรานอีกครั้งว่าไม่เป็นไรจริงๆ ทันทีที่ได้รับเงินมา คุณลุงรีบไปยังห้างที่ใกล้ที่สุด ซื้อเสื้อผ้า อาหาร และของใช้ในชีวิตประจำวัน จากนั้นคุณลุงเดินเข้าโรงแรมเพื่อพัก อาบน้ำ และแต่งตัวเสียใหม่ ต่อมาคุณลุงจึงเดินไปตามถนน หาซื้อเสื้อผ้าราคาย่อมเยาแบรนด์ต่างๆ เมื่อยูทูบเบอร์หนุ่มเข้ามาถามว่า ทำไปออกมาซื้อเสื้อผ้าแบรนด์ถูกๆ? ทำไมถึงไม่ซื้อในห้าง? คุณลุงจึงตอบว่า “กลัวเงินที่เหลือมันจะเหลือน้อยเกินไป อะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัด” สรุปแล้วคุณลุงใช้เงินในวันนี้ไปเพียง 20,000 เยน หรือราวๆ 6,000 บาทเท่านั้น ยูทูบเบอร์หนุ่มถามคุณลุงอีกว่า ต้องการซื้ออะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า? คุณลุงยิ้มแล้วตอบว่า “อยากร้องคาราโอเกะ…
-
พ่อแม่ปล่อยให้ลูก ‘เสียชีวิต’ ทั้งๆ ที่ช่วยเหลือได้ เพราะความเชื่อทางศาสนาผ่านเฟซบุ๊ก
เรื่องของ ‘ความเชื่อ’ เป็นเรื่องส่วนบุคคล และมันสามารถส่งผลกระทบของชีวิตเราได้มากมายเลยทีเดียว เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่พ่อแม่ยอมปล่อยให้ลูกวัย 10 เดือนเสียชีวิตจากการขาดสารอาหาร และน้ำ เพราะความเชื่อทางศาสนาของตนเอง!! เรื่องมีอยู่ว่านาย Seth Welch และภรรยา Tatiana Fusari ทั้งสองคนอายุ 27 ปี อาศัยอยู่ในเมือง Solon Township เขต Kent County รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา รายงานระบุว่าทั้งคู่เป็นคนที่เคร่งครัดในหลักคำสอนของศาสนาคริสต์รูปแบบหนึ่ง ซึ่งพวกเขาติดตามผ่านเฟซบุ๊ก และนั่นเองเป็นเหตุที่ทำให้ลูกของพวกเขาต้องเสียชีวิตอย่างน่าเศร้า เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้หนูน้อย Mary ลูกสาววัย 10 เดือนของพวกเขามีอาการป่วย แทนที่ทั้งคู่จะพาไปหาหมอ แต่กลับไม่ทำอย่างนั้น ทั้งคู่สังเกตเห็นว่าร่างกายของหนู Mary นั้นซูบผอมลง แต่ก็ไม่ยอมพาลูกไปรักษา เพราะกลัวว่าจะมีการติดต่อหน่วยงานคุ้มครองเด็ก นอกจากนี้ทั้งคู่ยังไม่ยอมรับและไม่เชื่อมั่นในการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน สุดท้าย Mary ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมสองสามีภรรยาในข้อหาทารุณกรรมเด็กจนถึงแก่ความตาย ภาพของหนูน้อย Mary ก่อนหน้านี้ฝ่ายสามีได้ทำการโพสต์เฟซบุ๊กในวันที่ลูกของตัวเองตายว่า…
-
นักโทษแฝดสลับตัวกัน ให้อีกคนที่กำลังจะ “ถูกประหาร” ได้ออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้าง
ราวกับพล็อตหนัง เมื่อฝาแฝดคู่หนึ่งที่ต้องโทษจำคุก ล่าสุดแฝดคนหนึ่งถูกตัดสินประหารในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า ทั้งคู่จึงสลับตัวกันเพื่อให้แฝดอีกคนได้ออกมาสูดอากาศนอกแดนประหารก่อนตาย… David Moore และ Carey Dean Moore พี่น้องฝาแฝดในวัย 60 ปีเท่ากัน มีการสลับตัวกันบ่อยครั้งขณะถูกขังภายในทัณฑสถานของรัฐเนแบรสกา หลังจากทั้งคู่ถูกขังมานานกว่า 30 ปี และในปีนี้ David จะต้องเห็น Carey จากไปด้วยการประหารชีวิต เนื่องจากได้ก่อคดีฆาตกรรมสังหารคนขับแท็กซี่ 2 รายในปี 1979 แฝดทั้งสองจึงขออนุญาตพบปะพูดคุยกัน อ้างว่าคุยเรื่องครอบครัวทางบ้าน และได้ทำการสลับเสื้อผ้าและงานในเรือนจำ เพื่อให้ Carey ได้ออกนอกแดนประหารไปสูดอากาศบริสุทธิ์อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม แม้การประหารกำลังจะเกิดขึ้นในวันอังคารที่ 14 สิงหาคม 2018 แต่ชาวเมืองในละแวกไม่ต้องการให้มีการประหารชีวิตเกิดขึ้นภายในเมือง มีเพียงครอบครัวของคนขับแท็กซีที่เป็นเหยื่อการฆาตกรรมเมื่อ 30 ปีที่แล้วเท่านั้นที่ต้องการให้ชายผู้พรากชีวิตสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา ต้องถูกลงโทษอย่างสาสม ที่มา: ladbible, thesun และ journalstar
-
กลับมาอีกแล้วกับ ‘Fish In Collarbone Challenge’ เทรนด์เลี้ยงปลาในร่องไหปลาร้า !!
เรียกได้ว่ามาเป็นช่วงๆ มาเป็นพักๆ จริงๆ สำหรับเทรนด์กระแสยอดนิยมที่มีมาเรื่อยๆ ให้เราได้ทำตามกันอยู่ตลอดเวลา และล่าสุดหลังจากกระแส ‘In My Feelings Challenge’ เพิ่งจะผ่านไปชนิดที่ว่าตดยังไม่ทันหายเหม็น ในตอนนี้ก็มีกระแสใหม่ที่สุดจะฮิตให้สาวๆ ได้ทำตามกันอีกแล้ว โดยมันมีชื่อว่า ‘Fish Into Collarbone Challenge’ หรือการเอาปลาตัวเป็นๆ ไปใส่ไวที่ร่องกระดูกไหปลาร้า เพื่อเป็นการพิสูจน์ความผอม!! โดยเจ้าเทรนด์ที่ว่านี้อันที่จริงแล้ว มันมีต้นกำเนิดขึ้นมาจากประเทศจีนเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว และถ้ายังจำกันได้เมื่อประมาณปีที่ผ่านมากระแสนี้ก็ถูกนำกลับมาเล่นกันใหม่จนโด่งดังอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะหายไปอย่างดื้อๆ แต่ว่าในตอนนี้มันได้กลับมาแล้ว (อีกแล้ว) และกำลังโด่งดังในหลายๆ ประเทศทั่วทั้งเอเชียด้วย !! ทว่าในการคัมแบครอบนี้ ก็มีเสียงวิจารณ์อย่างหนาหูว่า มันเป็นชาเลนจ์ที่ไม่มีสาระอะไรเอาซะเลย เพราะว่าร่องลึกของไหปลาร้าไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่าจะมีสุขภาพที่ดี มิหนำซ้ำยังอาจทำให้สาวๆ บางคนอดอาหารจนผอมเกินความจำเป็นเพื่อจะมาเล่นชาเลนจ์โชว์เพื่อนๆ ด้วย ตัวอย่างวิดีโอเทรนด์นี้ และอีกหนึ่งเหตุผลที่มีการหยิบยกนำมาพูดก็คือนี่เป็นการทรมานสัตว์หรือเปล่า เพราะไม่รู้ว่าหลังจากปลาถูกนำมาใช้ในชาเลนจ์แล้ว มันจะมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไรนั่นเอง เอาเป็นว่าถ้าสาวๆ คนไหนอยากลองเล่นชาเลนจ์นี้ล่ะก็ ก็ควรที่จะให้อยู่ในขอบเขตของความพอดี ไม่จำเป็นต้องอดอาหารจนทำให้ร่างกายผอมซูบกว่าที่ควรจะเป็น และไม่เป็นการทำร้ายน้องปลา…
-
พ่อแม่ไม่ให้ลูกเข้าเรียน หลังรู้ว่าครูเป็นเกย์ เจอคุณครูตอบกลับอย่างมีเหตุผลและสวยงาม
จากอดีตจนถึงปัจจุบันถือว่าโลกของเรานั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก จากที่เมื่อก่อนโลกไม่ค่อยยอมรับและให้อิสระแก่บุคคลที่แตกต่างทางเชื้อชาติและเพศสภาพมากเท่าไหร่ แต่ในเดี๋ยวนี้พวกเขาสามารถเข้ามามีส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมได้อย่างภาคภูมิ แต่กระนั้นก็ยังคงมีคนที่มีความคิดแบบในอดีตที่ไม่ยอมเปิดรับสิ่งใหม่ๆ หรือเปิดมุมมองต่อการเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่ เหมือนอย่างเรื่องที่ Michael Neri ครูสอนศิลปะในจากประเทศอังกฤษคนนี้ต้องพบเจอ Michael เป็นเกย์จึงได้ถูกผู้ปกครองของเด็กที่เขาสอนอยู่ ส่งข้อความมาบอกว่าจะเอาลูกออกจากคลาสเพราะพวกเขารับไม่ได้กับไลฟ์สไตล์ของคุณครู แต่ Michael ก็ได้ตอบกลับผู้ปกครองไปได้อย่างสวยงามและมีเหตุผล จนชาวเน็ตหลายคนถึงกลับต้องชื่นชมเขา คนนี้แหละ Michael ของเรา เขาได้รับข้อความมาจากผู้ปกครองว่า “สวัสดี Michael จากแชตคราวที่แล้ว ฉันตัดสินใจที่จะไม่ให้ A และ B (ชื่อลูก) เข้าเรียนในวันจันทร์นี้ จริงๆ คุณมีชื่อเสียงมากนะจากผลงานของคุณ เลยทำให้ฉันอยากที่จะส่งลูกไปเรียนด้วย แต่ฉันเพิ่งรู้ไลฟ์สไตล์ของคุณ ในฐานะของคริสเตียน ฉันไม่สามารถให้ลูกได้รับอิทธิพลจากความคิดที่แตกต่างได้ นี่เป็นความเชื่อของพวกเราที่ผู้ชายควรจะแต่งงานกับผู้หญิงเท่านั้น ฉันรอรับเงินมัดจำคืนนะ บางทีคุณอาจจะจ่ายคืนมาเป็นเช็คก็ได้ ด้วยความเคารพ C (ชื่อผู้ปกครอง)” เมื่อเห็นว่าผู้ปกครองคนนี้ส่งข้อความมาแบบนี้ Michael เลยตอบไปว่า “สวัสดี C คงจะเป็นการโกหกถ้าผมบอกว่ารู้สึกผิดหวังที่ได้ยินเรื่องแบบนี้ ผมสอนนักเรียนด้วยความเคารพ ความรักและทันคติแห่งความเสมอภาค ซึ่งคุณกำลังละเมิดสิทธิ์ของพวกเรา เท่าที่ผมเข้าใจ เพศของผมก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการสอนและก็เหมือนกับมันไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถของแพทย์ที่ทำการรักษาลูกของคุณเวลาพวกเขาป่วย…
-
ฮอลลีวูดลงมติ “ถอนชื่อ” Donald Trump ออกจากดวงดาวบนทางเดิน Walk of Fame
หลายคนคงเคยเห็นกันมาบ้างกับ The Hollywood Walk of Fame ดวงดวงบนทางเดินในฮอลลีวูดที่แต่ละดวงจะมีชื่อของคนดังนับพันในสาขาต่างๆ ชื่อคนดังบนดวงดาวของ The Hollywood Walk of Fame จะถูกบันทึกเอาไว้ราวกับเป็นหน้าประวัติศาสตร์ แต่ล่าสุดชื่อหนึ่งที่อุตส่าห์ได้อยู่ในดวงดาว แต่กลับจะต้องถูกถอดออกก็คือ Donald Trump นั่นเอง ทางสภาการค้าของฮอลลีวูดได้ลงความเห็นเป็นเอกฉันท์แล้วว่าจะทำการถอดถอนดวงดาวที่เป็นชื่อของท่านประธานาธิบดีคนปัจจุบันอย่าง Donald Trump ออกจากฮอลลีวูดและลอสแอนเจลิส ดาวดวงนี้ มีการถูกโจมตีหลายครั้งจากหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2007 และถูกทำลายถึง 2 ครั้งด้วยกัน ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมโดยนาย Austin Mikel Clay ที่เป็นผู้ทุบดาวด้วยพลั่วเจาะ อย่างไรก็ตามในงานประชุมเรื่องการถอดดาวออก ระเบียบวาระการประชุมมีการบันทึกว่า ดวงดาวชื่อของ Donald Trump จะถูกถอดออกเนื่องจากความประพฤติที่เบียดเบียนเพศสตรีและพฤติกรรมอื่นๆ ที่ไม่เป็นไปตามค่านิยมของเมืองเวสต์ฮอลลีวูด รัฐ และประเทศ ทาง Leron Gubler ผู้บริหารของสภาการค้าฮอลลีวูดกล่าวว่าปกติแล้วดวงดาวบน The Hollywood Walk of Fame…
-
สาวถูกจับข้อหาเมาแล้วขับ แต่เถียงตำรวจ จับเราได้ไง เราผิวขาว แถมประวัติก็สวย…
เพื่อนๆ เคยทำผิดอะไรแล้วถูกตำรวจจับกันบ้างหรือไม่ อย่างเช่นการที่ไม่ได้สวมหมวกกันน็อกขับมอเตอร์ไซค์อะไรประมาณนี้ แล้วเพื่อนหาเหตุผลอ้างกันหรือเปล่า ว่าไปใกล้ๆ เลยไม่ใส่หมวกอะไรแบบนี้ แต่ไม่ว่าเพื่อนๆ จะอ้างอะไรแก้ตัวกับคุณตำรวจไป ก็คงไม่แปลกเท่ากับข้ออ้างของสาวที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้เป็นอย่างแน่นอน เพราะเธออ้างว่าเธอไม่ควรถูกจับเพราะเธอเป็นสาวผิวขาว และไม่เคยมีประวัติก่อคดี… เธอคนนั้นคือ Lauren Cutshaw วัย 32 ปี ทำงานอยู่เป็นนายหน้าขายบ้าน เธอขับรถเป็นระยะทางมากกว่า 50 กิโลเมตรโดยใช้ความเร็วมากกว่าที่กฎหมายกำหนดและละเลยสัญญาณจราจรจึงถูกตำรวจตามจับ เมื่อคุณตำรวจได้เข้าจับกุมและพาเธอลงมาจากรถ ตำรวจก็พบว่าตาของ Lauren นั้นแดงก่ำและมันเยิ้มอีกด้วย เสียงของเธอสะลึมสะลือและตามเนื้อตัวเธอมีกลิ่นของแอลกอฮอล์เต็มไปหมด ตำรวจได้ถามว่าเธอดื่มแอลกอฮอล์ไปมากแค่ไหนในคืนนั้น Lauren บอกว่าเธอดื่มไวน์ไปแค่สองแก้วเท่านั้น หลังจากนั้นตำรวจจึงใส่กุญแจมือและจับกุมถือในข้อหาเมาแล้วขับและถามอีกครั้งว่าเธอดื่มแอลกอฮอล์ไปเท่าไหร่ เธอยังยืนยันคำตอบตอบว่าดื่มไวน์ไปแค่ “สอง” แก้วเท่านั้น ตำรวจเลยถามว่าแล้วแก้วที่เธอดื่มนั้นมันสูงขนาดไหนกันแน่ คราวนี้เธอกลับตอบไม่ตรงคำถาม เธอตอบว่า “ฉันหมายถึง ฉันเพิ่งฉลองวันเกิดของตัวเองน่ะ” เอ้า!! ยิ่งตำรวจถามก็ยิ่งงงไปกันใหญ่สิครับ แต่ยังไม่งงเท่าคำที่เธอไว้ใช้แก้ตัว โดยตำรวจได้กล่าวว่าเธอนั้นพูดเหตุผลที่เธอไม่ควรถูกจับว่า “ฉันไม่เคยมีประวัติก่อคดีนะ…แถมต้นตระกูลของฉันยังโคตรดีอีกด้วย…สาวผิวขาว… ฉันเป็นสาวผิวขาว…ผู้ไม่เคยก่อประวัติอาชญากรรมใดๆ” ด้วยความงง ตำรวจจึงถามเธอกลับว่าเรื่องเธอเป็นคนผิวขาวมันเกี่ยวอะไรกับการทำผิดครั้งนี้ เธอตอบกลับว่า “คุณเป็นตำรวจ คุณควรรู้อยู่แล้วว่ามันหมายความว่าอะไร” แถมเธอยังพูดเพิ่มด้วยว่าเธอเป็นเชียร์ลีดเดอร์นะ…
-
หญิงชราลงทุนศัลยกรรมให้เหมือนเด็กอายุ 20 ต้นๆ เพื่อ ‘หนีหนี้’ ที่ติดไว้เป็นร้อยๆ ล้าน !!
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องปวดหัวหนักใจจริงๆ สำหรับเจ้าหนี้ทั้งหลายที่ตามเก็บตังค์ลูกหนี้ไม่ได้ เพราะพวกเขาเหล่านี้มักจะใช้กลเม็ดเคล็ดลับต่างๆ ในการหลบหน้าเจ้าหนี้หรือบ่ายเบี่ยงได้อยู่เสมอ แต่ว่าได้มีวิธีการหนีหนี้ของหญิงชราคนหนึ่งที่ไม่แนะนำให้ตามจริงๆ เพราะเธอลงทุนทำ ‘ศัลยกรรม’ ให้ดูอ่อนเยาว์ลงเหมือนอายุ 20 ต้นๆ เพื่อไม่ให้โดนตำรวจตามจับได้หลังจากถูกฟ้องให้จ่ายหนี้ !! โดยเรื่องการหนีหนี้สุดแยบยลนี้มีอยู่ว่าหญิงวัย 60 ปีชื่อ Zhu ถูกศาลสั่งให้ชำระหนี้ของเธอที่คงค้างเอาไว้ แต่ถึงอย่างไรแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถหาตัวของเธอเจอได้สักทีเป็นเวลากว่าครึ่งปี เพราะเธอหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจากการศัลยกรรมเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก สำหรับยอดหนี้ของหญิงจากมณฑลหูเป่ย ประเทศจีนคนนี้ ก็ไม่มากไม่น้อยแค่ 30 ล้านหยวน (ประมาณ 145 ล้านบาท) เพียงเท่านั้น ซึ่งเงินส่วนใหญ่ของจำนวนนี้มาจากเงินที่เธอยืมมาจากร้านขายเสื้อผ้าที่เธอทำงานอยู่นั่นเอง วิดีโอการให้สัมภาษณ์ของเธอคนนี้ ในภายหลังทางเจ้าหน้าที่ก็ใช้ความพยายามอย่างหนักในการหาตัวเธอ จนในที่สุดก็พบว่าเธอได้หนีไปใช้ชีวิตอย่าง ‘กินหรู อยู่สบาย’ ที่เมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง จึงได้มีการจับกุมขึ้น แต่ทั้งนี้เธอก็ปฏิเสธข้อกล่าวหาพร้อมทั้งอ้างว่าเธอถังแตกจริงๆ และต้องพึ่งน้องสาวสำหรับเรื่องการเงินด้วย แต่ในท้ายที่สุดแล้วก็ทางตำรวจก็สามารถสืบจนพบได้ว่าคำกล่าวอ้างของเธอไม่เป็นจริง!! เพราะทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วเจอว่าหญิง Zhu ได้เป็นสมาชิกของคลับหรูแห่งหนึ่งที่ต้องใช้เงินถึง 200,000 หยวน (ประมาณ 972,000 บาท) สำหรับค่าเข้าเป็นสมาชิก นอกจากนี้เธอยังซื้อรถยนต์อีกหลายคัน…
-
เจ้าของร้านเบเกอรี่สุดใจดี เสนอ ‘เค้กฟรี’ ให้กับโจรที่มาขโมย เพราะอาจยากจนไม่มีเงินซื้อเค้ก…
ปกติแล้วถ้าเราจับโจรที่มาขโมยของได้ เราก็อาจจะจับส่งตำรวจเพื่อเป็นการลงโทษเขาซะ แต่ว่าได้มีกรณีแปลกๆ เกิดขึ้นที่ประเทศจีน เมื่อมีเจ้าของร้านเบเกอรี่ร้านหนึ่งจับได้ว่ามีคนขโมยขนมในร้าน แต่แทนที่จะดำเนินคดีกับตำรวจอย่างที่ควรจะเป็น ทางเจ้าของร้านกลับบอกไม่เป็นไรแถมเสนอจะให้เค้กฟรีอีกซะอย่างนั้น อย่างที่ว่าใจคนนี้แสนจะคาดเดาได้จริงๆ โดยเรื่องที่ว่านี้เกิดขึ้นในวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ณ เมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู ประเทศจีน เมื่อสาวเจ้าของร้านเบเกอรี่นามสกุลว่า Wang ได้พบว่ามีใครบางคนแอบเข้ามาขโมยขนมในร้านของเธอไป เธอจึงได้แจ้งเรื่องนี้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในทันที แต่ในเวลาต่อมาหลังจากที่เช็กกล้องวงจรปิดแล้ว เธอก็พบว่าเจ้าหัวโมยคนนี้ไม่ได้ขโมยอย่างอื่นใดๆ ไปเลยนอกจากขนมเพียงอย่างเดียว เธอจึงตัดสินใจถอนแจ้งความดังกล่าวออก จากการรายงานของสื่อ SCMP “ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้แอบเข้ามาเพื่อจะขโมยเงิน เขาเพียงอยากได้ขนมเค้กเท่านั้น บางทีครอบครัวเขาอาจจะยากจนและไม่มีเงินพอที่จะซื้อขนมเค้กสักชิ้นก็เป็นได้” เจ้าของร้านกล่าว โดยภาพในวิดีโอนั้น เป็นภาพของชายคนหนึ่งที่น่าจะมีอายุอานามประมาณ 30 – 40 ปี เดินเข้ามาภายในร้านเบเกอรี่ที่ปิดอยู่ แล้วเขาก็เดินตรงเข้าไปที่ขนมเค้กที่วางอยู่หน้าเคาน์เตอร์ แต่ในที่สุดแล้วเขาก็ต้องพบว่าเค้กที่เขาจับอยู่นั้นเป็นเพียงแค่ของปลอม เขาจึงเดินออกจากร้านไปโดยไม่ได้หยิบฉวยอะไรปสักอย่าง ทั้งที่ใกล้ๆ นั้นก็จะมีเครื่องคิดเงินอยู่ก็ตาม… ดูวิดีโอ >> คลิกที่นี่ “ถ้าคุณต้องการเค้กวันเกิดสำหรับลูกคุณจริงๆ ขอเพียงแจ้งให้ฉันรู้เท่านั้น ฉันยินดีที่จะให้เค้กกับคุณฟรีๆ เลย” “บางครั้งพวกเราก็อาจมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก…
-
เจ้าบ่าวกลายเป็นฮีโร่ หลังหยุดพิธีแต่งงานกลางคันเพื่อไปช่วยชีวิต ‘เด็กจมน้ำ’!!
งานแต่งงาน ถือเป็นงานสำคัญที่อาจจะมีแค่ครั้งเดียวในชีวิต และช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ทุกคนย่อมต้องการที่จะทำให้มันสมบูรณ์แบบ ราบรื่น และประทับใจไม่รู้ลืมด้วยบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรัก แต่สำหรับงานแต่งงานของเจ้าบ่าว Zac Edwards วัย 37 ปี กับเจ้าสาว Cindy Edwards วัย 32 ปี คู่นี้แล้วขอบอกเลยว่ามันน่าจดจำเพราะเจ้าบ่าวจู่ๆ ก็กลายเป็นฮีโร่ไปซะงั้น!? เรื่องมีอยู่ว่าขณะที่ว่าที่คู่บ่าวสาวกำลังถ่ายรูปกันอย่างออกรสออกชาติ จู่ๆ ก็มีเด็กวัยรุ่นประสบเหตุจมน้ำ เขาถูกคลื่นพัดออกไปห่างจากชายฝั่งราวๆ 50 เมตร เมื่อเห็นดังนั้นเจ้าบ่าวจึงรีบถอดเสื้อแล้วคว้าบอร์ดกู้ชีพว่ายน้ำออกไปช่วยเหลือเด็กวัยรุ่นคนดังกล่าว ก่อนที่จะช่วยชีวิตของผู้เคราะห์ร้ายได้สำเร็จ!! Zac เล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นว่า “Cindy กับผมกำลังถ่ายรูปกันบนหาด จู่ๆ ก็มีผู้หญิงตะโกนว่ามีวัยรุ่นกำลังจมน้ำ!! ผมมองหน้าเขาไม่ชัดเพราะเขาอยู่ห่างออกไปจากฝั่งประมาณ 50 เมตร ผมจึงถอดเสื้อออก และวิ่งไปคว้าบอร์ดกู้ชีพก่อนจะวิ่งลงน้ำไป” “ผมบอกให้เด็กๆ วิ่งกลับขึ้นไปบนหาด จากนั้นก็ว่ายไปจนถึงตัวของเด็กคนนั้น เขาบอกกับผมว่า ‘ผมหายใจไม่ได้’ ก็เลยพยายามอุ้มให้ศีรษะของเขาลอยอยู่เหนือน้ำ แล้วก็ให้เขาเกาะที่บอร์ดกู้ชีพก่อนจะค่อยๆ ว่ายกลับเข้าฝั่ง” “แต่กางเกงที่ผมใส่มาด้วยนั้นมันทำให้ยากต่อการเตะขา ผมเริ่มหมดแรง แต่แล้วเจ็ตสกีกู้ชีพก็ขับเข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทัน”…
-
นักดำน้ำดีใจฝูงปลามารุมล้อม ที่ไหนได้มันมาล่อ “ฉลามวาฬ” เพื่อเอาตัวเองรอดต่างหาก!!
เมื่อไม่นานนี้นักดำน้ำที่ชื่อว่า Tobias Sachs ได้ออกไปดำน้ำในทะเลนอกเมืองฮูร์กาดา ประเทศอียิปต์ แล้วเกิดปรากฏการณ์หายากที่แสนจะน่าจดจำขึ้น ฝูงปลาเล็กปลาน้อยจำนวนมากได้เข้ามาล้อมรอบตัวของเขา ขณะที่เพื่อนนักดำน้ำของเขา Reinhart Hoft ก็ทำการเก็บภาพวิดีโอเอาไว้ ปลาเต็มไปหมดเลยล่ะ รุมล้อมเป็นก้อนกลมๆ ฝูงปลาจำนวนว่ายล้อมรอบตัวของ Tobias จนกลายเป็นเหมือนลูกบอลขนาดยักษ์ ซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่ง แต่ขณะที่พวกเขาชื่นชมความมหัศจรรย์นี้ได้ไม่นาน ฉลามวาฬ ก็ปรากฏตัวขึ้น นั่นทำให้รู้ว่านี่คือปรากฏการณ์ Bait Ball ที่ฝูงปลาเล็กจะรวมตัวกันเข้ากับบางอย่างเพื่อล่อสัตว์นักล่าให้เข้ามากิน เมื่อนักล่าเข้ามาใกล้พวกมันก็จะเผ่นหนีอย่างรวดเร็ว แต่ครั้งนี้ประหลาดตรงที่ เหล่าปลาเล็กกลับใช้ “นักดำน้ำ” เป็นเหยื่อล่อเสียได้ พวกมันรุมล้อมนักดำน้ำเพื่อดึงความสนใจของฉลามวาฬ พอฉลามวาฬโผล่มาพวกมันก็เริ่มเผ่น ปล่อยให้นักดำน้ำผู้น่าสงสารเผชิญชะตากรรมต่อไป เขามาแล้วครับ พอพี่ใหญ่มา พวกปลาน้อยก็เริ่มเผ่น เจ้าฝูงปลาจอมกวนหนีหายไปหมดแล้ว (โชคดีนะที่ฉลามวาฬใจดี) เรามาดูคลิปกันดีกว่า โชคดีมากเลยนะที่พี่ใหญ่เป็นแค่ฉลามวาฬ ถ้าเป็นฉลามขาวหรือสัตว์ดุร้ายชนิดอื่นๆ ละก็ คุณนักดำน้ำคงจะซวยน่าดูเลยล่ะ ที่มา: Caters Clips, ladbible และ dailymail
-
หนุ่มโดดถีบรถ-ทำร้ายร่างกายสาวจนน่วม หลังพยายามขอเบอร์โทรศัพท์ แต่สาวปฏิเสธ
หากผู้ชายสักคนรู้สึกปิ๊งสาวคนหนึ่งขึ้นมา เป็นคุณจะทำอย่างไร แน่นอนว่าต้องทำทุกวิถีทางที่จะทำให้รู้จักเธอ พยายามเข้าไปขอเบอร์ เฟซบุ๊กหรือไลน์ แต่ถ้าคุณผู้หญิงคนนั้นเขาไม่ให้สิ่งที่คุณต้องการมาล่ะ?? คุณจะทำอย่างไร… หลายคนก็อาจจะรู้สึกเฟลๆ แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรขนาดนั้น แต่ไม่ใช่กับพ่อหนุ่มคนที่เราจะนำมาให้ได้ชมกันในวันนี้ เพราะหลังจากที่หมอนี่ถูกสาวปฏิเสธที่จะให้เบอร์โทรศัพท์ ก็ฉุนจัดและลงมือกระทืบรถของฝ่ายสาวและยังตรงไปทำร้ายสาวคนนั้นอีกด้วย this shit really happens in this world. wouldn’t give him my phone number and this was the result. stay safe guys. people are fucked up pic.twitter.com/0TQB5H9kcV — 777lorin (@LorinCantrell) July 30, 2018 วันที่ 31 กรกฎาคม 2018 มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อ @LorinCantrell ได้โพสต์วิดีโอพร้อมแคปชั่นว่า “สิ่งเลวร้ายแบบนี้มันเกิดขึ้นจริงในโลกนี้ ฉันไม่ยอมให้เบอร์มือถือแก่เขาและผลลัพธ์มันก็เป็นอย่างในวิดีโอ…
-
สองสาวเพื่อนซี้ชวนกันไปทำผิวสีแทน ผลออกมาไม่แทนแต่ ‘เขียวปั้ด’ อย่างกับแมลงทับ !!
เรียกได้ว่าเรื่องของเทรนด์ ‘สีผิว’ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สาวๆ ให้ความสำคัญเช่นเดียวกับเรื่องความสวยความงามอื่นๆ เพราะสีผิวที่ดูเปล่งประกาย โดดเด่นกว่าคนอื่นก็เป็นธรรมดาที่มักได้การจับตามองเป็นพิเศษอยู่เสมอ… โดยเทรนด์เรื่องสีผิวในแถบทวีปเอเชียอย่างเราๆ นั้นก็คงจะเป็นสีผิวที่ขาวนวลชวนสัมผัส แต่ถ้าเป็นฝั่งตะวันตกก็คงจะเป็นผิวสีแทนออกไปทางคล้ำหน่อยๆ ซึ่งมันก็จะให้อารมณ์เซ็กซี่น่าค้นหาไปอีกแบบหนึ่ง แต่ใครจะไปคิดว่าเรื่องของเทรนด์สีผิวจะทำให้เกิดเรื่องฮาๆ ขึ้นมาได้ อย่างในกรณีนี้ที่สาวเพื่อนซี้สองคนชวนกันไปทำผิวสีแทนที่ร้านซาลอน แต่ผลปรากฏที่ได้ออกมามันกลับไม่ใช่สีแทนอย่างที่พวกเธอคิด ทว่ากลับเป็นสีเขียวเหมือนกับแมลงทับจนทำให้พวกเธอดูคล้ายกับ ‘The Hulk’ เลยก็ว่าได้ โดยเรื่องมีอยู่ว่าสองสาวเพื่อนซี้ชาวอังกฤษนามว่า Laura Denton กับ Rosie Berry อายุ 29 ปีได้ชวนกันไปทำผิวสีแทนที่ร้านเสริมสวยแห่งหนึ่ง เพื่อตั้งใจที่ว่าจะมีสีผิวที่แทนกว่าเดิมอีกนิดหน่อย นี่เป็นการทำผิวสีแทนครั้งแรก ทั้งคู่จึงไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก พวกเธอจึงตัดสินใจว่าจะให้ทางร้านเสริมสวยเป็นคนเลือกให้ว่าจะใช้แบบไหนดี “พวกเราตัดสินใจที่จะบำเรอตัวเองด้วยการทำผิวสีแทนเป็นครั้งแรก พวกเราตื่นเต้นกันมากๆๆๆ” “ช่างที่ร้านเสริมสวยบอกกับพวกเราว่าจะให้พวกเราลองใช้แบรนด์ผิวสีแทนยี่ห้อใหม่เลย โดยมันจะทำให้พวกเรามีสีผิวที่ต่างจากผิวธรรมชาติเล็กน้อยเท่านั้น พวกเราก็บอกเอาซิจะมีปัญหาอะไรล่ะ” “จนในที่สุดแล้วพวกเราออกมาจากห้องทำสีผิวแล้วมองหน้ากันเอง พระเจ้านี่มันไม่ใช่ต่างเพียงเล็กน้อยแล้วแน่ๆ” Laura กล่าว ดูจากภาพเอาก็น่าจะรู้ว่าเรื่องของสีผิวนี้ทำร้ายทั้งคู่ขนาดไหน แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว Laura ก็มองว่ามันกลายเป็นเรื่องสุดขำแทนซะอย่างนั้น อย่างนี้สิที่เขาเรียกว่ามองโลกในแง่ดี… “ฉันเหมือนกับเป็น The Hulk ในร่างผู้หญิงเลย ตัวของฉันเป็นสีเขียวสะท้อนแสง น่าเสียดายจริงๆ ที่นี่ไม่ใช่ช่วงฮัลโลวีน…
-
‘Jadav Payeng’ ชายผู้ปลูกต้นไม้ทุกวันติดต่อกันกว่า 40 ปี เปลี่ยนจากเกาะแล้งเป็นป่าสมบูรณ์!!
จัดได้ว่าเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่โลกต้องจดจำเอาไว้แถมน่าจะมอบรางวัลให้ซะจริงๆ สำหรับชายคนหนึ่งที่ยอมอุทิศชีวิตลงมือปลูกต้นไม้ทุกวันติดต่อกันเป็นเวลาถึง 40 ปี จนทำให้เกาะแห้งแล้งเกาะหนึ่งกลายเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ได้อย่างแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง !! โดยชายหัวใจน่ากราบคนนี้มีชื่อว่า Jadav Payeng ที่ได้เริ่มปลูกต้นไม้ต้นแรกบนเกาะ Majuli Island เกาะกลางแม่น้ำในรัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย ในปี 1979 ซึ่งในขณะนั้นเขามีอายุได้เพียง 16 ปี และเกาะแห่งนี้ก็ยังเป็นเพียงเกาะแห้งแล้งไร้ซึ่งผู้คนเพียงเท่านั้น จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ต้นไม้ที่เขาลงมือลงแรงปลูกทุกๆ วันก็ได้ผลิดอกออกผล เปลี่ยนจากเกาะอันแห้งแล้งกลายเป็นป่าฝนอันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งทั้งนี้ก็มีพื้นที่ป่าจากฝีมือของเขาถึง 1,360 เอเคอร์ (ประมาณ 5.5 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่า Central Park ในนิวยอร์ก) พร้อมทั้งได้เป็นบ้านให้กับสัตว์ป่าอย่าง เสือ, แรด, แร้งและช้างอีกนับร้อยๆ ตัว ในวันนี้ Payeng อยู่ในช่วงวัยอายุ 50 – 60 ปีแล้ว แต่เขาก็บอกว่าในความคิดของเขานั้นไม่ได้มีแผนล้มเลิกการปลูกต้นไม้แต่อย่างใด ในทางกลับกันเขาตั้งใจเอาไว้ว่าจะปลูกมันให้มากกว่าเดิมซะอีก และจะปลูกจนกว่า ‘หมดลมหายใจสุดท้าย’ ตายจากโลกใบนี้ไป ความสำเร็จที่ไม่น่าเชื่อของเขาคนนี้ ได้กลายเป็นที่น่าสนใจของคนทั้งโลกเมื่อปี 2007 ซึ่งนับเป็นระยะเวลาเกือบ 30…
-
สาวปวดท้องน้อยโร่เข้าหาหมอ พบใช้ ‘ไวเบรเตอร์’ มากไป สารภาพวันละ 6 ครั้งแถมปรับแรงสุด….
ปกติแล้วอาการปวดท้องน้อยสำหรับสาวๆ อาจจะเกิดขึ้นจากหลายๆ สาเหตุอย่างการปวดท้องประจำเดือน ปวดเพราะติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ แต่ว่ามีอยู่กรณีหนึ่งที่ทำให้โลกต้องทึ่งและอาจไม่มีใครเหมือนกับเธออีกแล้ว ที่ปวดท้องไปหาหมอแล้วถูกสั่งให้เลิกใช้ ‘แท่งสั่นหรรษา’ ซะ… สาวนักเขียนคอลัมน์เซ็กส์จากเมืองซิดนีย์วัย 34 ปีนามว่า Nadia Bokody คือคนดังกล่าว เธอเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่แรกให้ฟังว่า มีอยู่วันหนึ่งที่เธอเกิดปวดท้องแบบแปลกๆ ขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ จึงได้ไปพบคุณหมอเพื่อจะได้ทราบถึงที่มาของอาการปวดดังกล่าว โดยทางคุณหมอก็ได้พาเธอเข้าตรวจ STI Tests (การตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์) ซึ่งผลที่ออกมาก็ปรากฏว่าเธอไม่ได้มีเชื้อแปลกปลอมใดๆ ในร่างกายเลย ทว่าก็มีสิ่งหนึ่งที่น่าเศร้าใจสำหรับเธอ นั่นคือความที่คุณหมอสั่งให้เธอเลิกใช้เซ็กส์ทอยซะ หากอยากจะหายจากอาการเจ็บป่วยดังกล่าว … ในเรื่องนี้เธอก็ได้เล่าให้กับสื่อ The Mirror ฟังว่า ตั้งแต่เธอเลิกรากับสามีของเธอไป เธอก็หาหนทางที่จะมาเติมเต็มความหฤหรรษ์ในเรื่องเซ็กส์ที่ขาดหายไป ซึ่งในที่สุดแล้วเธอก็ตัดสินใจซื้อเครื่องไวเบรเตอร์มาช่วยในส่วนนี้แทน “มันเป็นเวลานานแล้วน่ะตั้งแต่ฉันมีเซ็กส์ครั้งสุดท้าย แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังไม่พร้อมที่จะเริ่มใหม่กับใคร ฉันเลยเริ่มหาข้อมูลในโลกออนไลน์แล้วในที่สุดก็ตัดสินใจซื้อเจ้าเครื่องสั่นนี้มาซะเลย” “มันเป็นเรื่องที่แปลกมากๆ เลยนะถ้ามองกลับไป ฉันทำงานบนเว็บไซต์ให้คำแนะนำเรื่องเพศกับผู้หญิงแต่กลับไม่เคยลองลิ้มรสไวเบรเตอร์ด้วยตัวเองสักครั้ง” Nadia กล่าว ทว่าหลังจากซื้อมันมาใช้แล้วก็ปรากฏว่า Nadia ก็ตกหลุมรักเข้ากับเจ้าเครื่องสั่นนี้อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งในที่สุดแล้วเธอก็กลายเป็นเสพติดมันอย่างขาดไม่ได้ โดยเธอบอกว่าเธอได้เสพสมกับมันถึง 6 ครั้งต่อวัน แถมยังปรับความเร็วเป็นระดับ ‘เทอร์โบ’ เลยด้วย… …
-
กองทัพมดนับล้านสร้าง ‘สะพานโค้ง’ จากการทำตัวติดกัน เพื่อเข้าปล้นรังต่อ ทำได้ไงเนี่ย…
ธรรมชาติมักจะมีเรื่องให้เราแปลกใจได้อยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นสิงสาราสัตว์หรือพันธุ์พืชต่างๆ และเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ชาวเน็ตต้องทึ่งอึ้งกิมกี่ไปตามๆ กัน เพราะมีวิดีโอเผยให้เห็นว่ามดนับล้านๆ ตัวได้ช่วยกันสร้างทางเดินเป็นรูปสะพานโค้งเพื่อเข้าไปจู่โจม ‘รังตัวต่อ’ !! โดยเรื่องน่าเหลือเชื่อที่ว่านี้ถูกโพสต์ลงในโลกโซเชียลผ่านทางทวิตเตอร์ที่มีชื่อว่า Francisco Boni และทันทีที่โพสต์นี้ออกสู่สายตาชาวประชาคมโลก ก็ได้รับการแชร์ต่ออย่างรวดเร็วจนกระทั่งตอนนี้ได้มียอดดูแล้วกว่า 8 แสนครั้งเลยทีเดียว !! วิดีโอของเหล่ามดผู้พิฆาตรังตัวต่อ (หากดูไม่ได้คลิกที่นี่) https://twitter.com/boni_bo/status/1026067216360501248 “นี่คือการโจมตีของกองกำลังเหล่า ‘กองทัพมด’ (Army Ant) ที่ทอดสายไปยังรังของตัวต่อ มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งจริงๆ ที่ได้เห็นสติปัญญาของพวกมันในการคำนวณการสร้างสะพานนี้ “ แคปชั่นวิดีโอที่เขาเขียนไว้ นอกจากนี้เขายังเขียนเอาไว้เพิ่มเติมอีกด้วยว่า เมื่อตัวต่อเจอการโจมตีของมดอย่างนี้พวกมันก็มักจะหนีไปเลยทันทีและปล่อยรังทิ้งเอาไว้อย่างนั้น ทางด้านมดเองก็จะไม่หยุดจนกว่าจะปล้นรังได้สำเร็จและพร้อมกันนี้มันก็จะเข้ายึดแล้วจัดการกับไข่, ตัวอ่อน รวมถึงตัวที่ไม่สามารถหนีรอดออกไปได้ ‘พวกมันสามารถสร้างสะพานข้ามแม่น้ำได้ด้วยนะ’ Francisco กล่าว สำหรับเหตุผลที่เหล่ามดต้องสร้างสะพานเหล่านี้ขึ้น Francisco ก็อธิบายว่าเป็นเพราะความที่มดบางชนิดบนโลกใบนี้ไม่สามารถเดินแบบคว่ำหัวได้อย่างสะดวก (โดยเฉพาะที่ต้องแบกอะไรหนักๆ) พวกมันจึงช่วยกันสร้างสะพานนี้ขึ้นมาเพื่อประสิทธิภาพที่มากกว่าในการปฏิบัติงานร่วมกันนั่นเอง ทางด้านชาวเน็ตเมื่อเห็นความน่าอัศจรรย์ของเหล่ามดเหล่านี้ ก็พากันแสดงความคิดเห็นอย่างมากมาย ซึ่งส่วนมากแล้วจะออกไปแนวๆ ชื่นชมความสุดยอดของสะพานมดนี้ อย่างเช่น มันน่าสนใจเอามากๆ ขอบคุณคุณจริงๆ…
-
ผู้หญิงคนหนึ่งแอบที่ทำงานไปสมัครงานใหม่ แต่ดั๊นโป๊ะแตก เจอสำนักข่าวทำข่าวอยู่พอดี
มนุษย์เรานั้นจะเลี้ยงตัวเองได้ก็ต้องมีเงิน และทางที่จะได้เงินมาเราก็ต้องแลกหยาดเหงื่อและเวลาไปกับการทำงาน ดังนั้นการเลือกงานที่ดี ที่เหมาะกับตัวของเราเองนั้นถือว่าสำคัญมากๆ เพราะเวลาที่เราทำงานที่หนึ่งไปแล้ว เมื่อรู้สึกว่างานนั้นไม่เหมาะกับตัวของเราหรือเงินเดือนน้อยเกินไป ทางที่เราจะทำได้ก็มีเพียงแค่ลาออกหรือไม่ก็แอบไปสมัครงานใหม่ ซึ่งการแอบไปสมัครงานใหม่นี่แหละถือว่าเป็นช่วงที่ลำบากใจ เนื่องจากจะบอกเจ้านายไปตรงๆ ว่าจะไปหางานใหม่นะก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่ จึงต้องอ้างนู่นอ้างนี่เพื่อไปสมัครงานที่อื่น เหมือนอย่าง Ja’Naea Modest ผู้หญิงวัย 33 ปีคนนี้เธอได้แอบที่ทำงานของเธอเพื่อจะไปสมัครงานใหม่ในช่วงพัก แต่ต้องมาโป๊ะแตกเพราะที่ๆ เธอไปสมัครดั๊นมีสำนักข่าวมาทำข่าวพอดีและวันรุ่งขึ้นภาพของเธอก็โผล่ขึ้นในจอแก้วให้หลายล้านคนได้เห็น Ja’Naea อาศัยอยู่ในเมือง Champaign รัฐอิลลินอยส์ เธอทำงานอยู่ที่องค์การไม่แสวงหากำไรที่หนึ่ง ซึ่งทำงานร่วมกับผู้ป่วยผิดปกติทางร่างกายและจิตใจ นอกจากจะทำงานประจำแล้วเธอยังใช้เวลาว่างในการเป็น DJ ด้วย แต่ด้วยค่าจ้างที่ค่อนข้างต่ำทำให้เธอเริ่มที่จะมองหางานใหม่ เธอกล่าวว่า “จริงๆ ฉันก็รักงานของฉันนะ แต่ฉันพยายามที่จะย้ายที่อยู่ จึงต้องการเงินมากกว่าเดิม” และในวันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2018 เธอได้ยินว่าจะมีการจัด Job fair ขึ้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในละแวกที่ทำงานของเธอ แน่นอนว่าเธอสนใจมากๆ จึงได้วางแผนที่จะใช้เวลาช่วงพักเพื่อไป Job fair เมื่อวันนั้นมาถึง หลังจากที่เธอทำงานกะเช้าเสร็จก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและรีบไปที่โรงเรียนดังกล่าวทันที เธอเข้ามาในงานพร้อมกรอกข้อมูลผู้สมัครงานตามที่เจ้าหน้าที่ร้องขอ แต่ด้วยการที่โฟกัสกับการกรอกข้อมูล Ja’Naea จึงไม่ได้สนใจรอบข้างเลยว่ามีกล้องถ่ายมาทางเธอ…
-
‘แมวกับไก่’ หนีเอาตัวรอดจากเหตุไฟไหม้ด้วยกัน และคอยกอดปลอบใจกันจนมีคนมาช่วย
เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งล่าสุดในแคลิฟอร์เนีย ถือเป็นเหตุไฟไหม้ที่มีความรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐ เพราะมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบกว่า 4 แสนไร่ แต่ท่ามกลางภัยพิบัตินั้น ได้เกิดสิ่งสวยงามขึ้น มันคือมิตรภาพที่หลายคนไม่คาดว่าจะได้เห็น… สิ่งสวยงามนี้ถูกพบโดยลูกเรือของหน่วยดับเพลิง Grass Valley Fire Department พวกเขาเห็นแมวกับไก่กำลังกอดกันเพื่อความปลอดภัยและปลอบใจกันและกัน ทางหน่วยดับเพลิงบอกว่า “พวกมันหนีรอดจากไฟที่ทำลายล้าง และเมื่อได้มาเจอกัน พวกมันจึงกอดกันปลอบใจกันตรงประตูในบ้าน” หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ย้ายพวกมันไปอยู่ในที่ปลอดภัยอย่างรวดเร็ว แล้วหาน้ำให้มันกิน จากนั้นก็พามันส่งศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ในท้องถิ่น นับว่าโชคดีมากที่พวกมันได้รับการช่วยเหลือทันเวลา… วันต่อมา นักดับเพลิงได้เข้าไปเช็กดูพวกมัน แล้วก็ได้ทราบว่าทั้งคู่ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก และคาดว่าน่าจะฟื้นตัวได้ในเร็วๆ นี้ ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าแมวกับไก่คู่นี้เคยอยู่ด้วยกันและคุ้นเคยกันก่อนหน้านี้หรือไม่ หรือพวกมันเพิ่งจะมาเจอกันในเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้ แต่ที่รู้ได้แน่นอนคือ เรื่องราวมิตรภาพและการเอาตัวรอดของพวกมัน ทำให้คนจำนวนมากรู้สึกประทับใจ และอยากเข้าไปทักทายพวกมัน ล่าสุดมีรายงานว่าทั้งเจ้าเหมียวและเจ้าไก่ ได้กลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่มา thedodo
-
พาชมโรงแรม Peanuts “โรงแรมสนูปปี้” ของญี่ปุ่น ตอนนี้ยอดคนจองยาวถึงเดือนหน้าแล้ว!!!
โรงแรมและที่พักต่างๆ ก็มีจะมีการตกแต่งที่แตกต่างกันไปตามสไตล์ บางแห่งก็เน้นที่ความหรูหรา ขณะที่บางแห่งเน้นที่ความสะดวกสบายและครบครัน แต่บางแห่งก็ตกแต่งแบบเอาใจลูกค้าสุดๆ ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่า มีใครชอบเจ้าหมาหูตูบ สนูปปี้ บ้างหรือเปล่า? เพราะถ้าใครชอบเราขอยินดีด้วยที่วันนี้มีข่าวดีมาฝากจากญี่ปุ่นเลยทีเดียว ในประเทศญี่ปุ่นเพิ่งมีโรงแรมใหม่เปิดตัวขึ้น โดยที่การตกแต่งของโรงแรมนี้เรียกได้ว่าเอาใจคนชอบสนูปปี้โดยเฉพาะเลยล่ะ เพราะภายในโรงแรมนี้มีตัวการ์ตูนจากเรื่อง Peanuts อยู่เต็มไปหมด รวมถึงสนูปปี้สุดน่ารักด้วย!! โรงแรมนี้ชื่อว่า Peanuts Hotel เปิดตัวเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2018 ใจกลางเมืองเมืองโคเบะ ประเทศญี่ปุ่น โรงแรมถูกสร้างขึ้นในสไตล์บูติก มาพร้อมห้องพัก 18 ห้องที่ตกแต่งไม่ซ้ำกัน ด้วยลวดลายสนูปปี้ ชาร์ลี บราวน์ และตัวละครอื่นๆ จากเรื่อง Peanuts บอกเลยว่าแฟนๆ เจ้าตูบสนูปปี้ต้องหลงรักโรงแรมแห่งนี้แน่นอน ห้องพักที่ประยุกต์เอาสไตล์ญี่ปุ่นเข้ากับตัวการ์ตูนสุดโด่งดังจากฝั่งตะวันตก แต่ละจุดของโรงแรมก็จะมีการตกแต่งด้วยตุ๊กตาเป็นกิมมิกเล็กๆ น้อยๆ คอนเซ็ปต์ของแต่ละชั้นในโรงแรมจะไม่เหมือนกัน อย่างชั้น 4 ก็จะเป็นธีม “จินตนาการ” . ส่วนชั้นที่ 5…
-
ตำนานเดินได้!! คุณปู่วัย 70 ปีปั่นจักรยานพร้อมกับมือถือ 11 เครื่องเพื่อเล่น Pokemon Go!
ในปี 2016 ได้มีเกมเกมหนึ่งปฏิวัติวงการเกม AR ในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเกมนั้นก็คือ “Pokemon Go” เกมที่เรียกได้ว่าเป็นกระแสฟีเวอร์ไปทั้งทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทยที่ทำให้เห็นภาพของกลุ่มนักล่าโปเกมอนออกไปรวมตัวกันหาโปเกมอนในสถานที่ต่างๆ แต่ผ่านไปสองปีจนถึง 2018 กระแสความนิยมของ Pokemon Go ก็อาจจะลดลงไปบ้าง แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่ยังเล่นอยู่อย่างเหนียวแน่น รวมถึงคุณปู่วัย 70 คนที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันวันนี้ ก็เป็นคนหนึ่งที่เล่นมาตั้งแต่เกมเปิดใหม่ๆ และบัดนี้เขาก็ยังไม่เลิกเลย เรียกได้ว่าแฟนพันธุ์แท้จริงๆ โดยสองเดือนก่อนได้มีคนได้โพสต์เรื่องราวของคุณปู่นักล่าโปเกมอนสายฮาร์ดคอลงใน Reddit แสดงให้เห็นรูปของคุณปู่จากกรุงไทเป ประเทศไต้หวันที่ปั่นจักรยานพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ 6 เครื่องเพื่อไล่จับโปเกมอน ซึ่งการโพสต์ภาพคุณปู่ลง Reddit ครั้งนั้นสร้างเสียงฮือฮาให้กับคอโปเกมอนกันใหญ่ จนสมาชิก Reddit ที่อยู่ไต้หวันอยากที่จะเจอกับตัวของคุณปู่ จึงได้ออกตามหาอย่างจริงๆ จังๆ เมื่อได้พบกับตำนานมีชีวิตกำลังไล่จับโปเกมอนอยู่ จึงได้เข้าไปทักทายและถามคำถามมากมายที่อยู่ในหัวเช่นว่าสัปดาห์หนึ่งปู่เล่น Pokemon Go กี่วันและใช้โทรศัพท์กี่เครื่องกันแน่และรายละเอียดอื่นๆ อีกมากมาย ผลลัพธ์ที่พบก็คือคุณปู่ชื่อว่า Chen Sanyuan อายุ 70 ปี มาเล่น Pokemon…
-
กลุ่มวีแกนยืนประท้วงหน้าร้านเนื้อถึงกับวงแตก เจอเจ้าของร้านคนจริง 2018 คว้าเนื้อไล่ฟาด
ในโลกนี้มีวิถีการใช้ชีวิตและวิธีรับประทานอาหารที่แตกต่างกัน ตามความเชื่อ รสนิยมหรือทัศนคติ ซึ่งบางคนก็ว่ากินแต่ผักจะทำให้ร่างกายแข็งแรง บางคนก็ว่าต้องกินเนื้อด้วยสิไม่งั้นก็ขาดสารอาหาร ที่ผ่านมาเราจึงมักเห็นการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มคนทานแต่ผักและกลุ่มคนที่ทานเนื้ออยู่ตลอด และคราวนี้ก็เหมือนกัน เพราะล่าสุดได้มีกลุ่ม “วีแกน” ได้ไปยืนประท้วงอยู่หน้าร้านขายเนื้อแห่งหนึ่งในตลาด Leeds Kirkgate ประเทศอังกฤษ แต่ต้องวงแตกเพราะเจอเจ้าของร้านเนื้อคนจริง หยิบเนื้อจากร้านตัวเองมาโบกใส่กลุ่มวีแกนรัวๆ จากในวิดีโอนี้ถูกถ่ายโดย Ginette Lindstrom ผู้หญิงหนึ่งในกลุ่มวีแกนที่มาประท้วง เราจะเห็นได้ว่ามีกลุ่มวีแกนมายืนประท้วงพร้อมกับป้ายข้อความหลายป้ายอยู่หน้าร้านขายเนื้อ ก่อนที่วงจะแตกเพราะเจอเจ้าของร้านเนื้อคว้าเนื้อมาไล่หวดกลุ่มประท้วง Ginette ให้สัมภาษณ์ว่า “การจู่โจมมันเกิดขึ้นอย่างฉับพลันที่เราโผล่ออกมาจากมุมและทันทีที่เราปรากฏตัวให้ร้านขายเนื้อเห็นเราก็ถูกตะโกนใส่ว่า ‘ออกไป’ และ ‘ไสหัวไป’ พร้อมกับคำหยาบๆ อื่นๆ อีกมายมาย จนเราต้องเดินหนีออกไปอย่างเงียบๆ“ Ginette กล่าวเพิ่มว่า “ฉันรู้สึกว่าต้องไลฟ์สดไว้เพื่อถ่ายทอดให้คนอื่นๆ ได้เห็นว่าพวกเราอยู่อย่างสงบตลอดเวลา แต่กลับ ถูกทางร้านทำร้ายทั้งทางร่างกายและวาจา คนขายเนื้อตีฉันด้วยชิ้นส่วนของสัตว์ เขาซัดมันใส่เข้าที่หน้าของฉันและหน้าของคนในกลุ่มอีกสองสามคนและละเลงเลือดใส่ปากและแก้มของคนอื่นๆ อีกด้วย ยังไม่พอ ฉันกับคนในกลุ่มยังถูกเจ้าของร้านผักที่อยู่ตรงข้ามร้านเนื้อสาดน้ำใส่ ซึ่งมันทำให้โทรศัพท์ของฉันพัง ทุกๆ คนถูกโจมตีด้วยวาจาและเราก็ถูกขู่อีกด้วยว่าจะถูกทำร้ายร่างกายหากเราไม่เลิกประท้วงและย้ายออกไปหรือหากไม่เลิกถ่ายวิดีโอก็จะถูกพังโทรศัพท์” เธอได้กล่าวปิดท้ายว่า “ปฏิกิริยาของผู้คนที่ได้เห็นวิดีโอนี้มันมีทั้งคนที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนอย่างที่เราได้คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามเราได้รับข้อความสนับสนุนมาทางหลังไมค์มากมายจากคนที่ไม่อยากจะคอมเมนต์ในโพสต์เพราะกลัวพวกที่กินสัตว์” สุดท้ายนี้ Ginette ก็บอกว่าเธอจะนำวิดีโอที่กลุ่มของเธอถูกทำร้ายนี้ไปเป็นหลักฐานในการแจ้งความต่อตำรวจ …
-
คุณแม่ชาวรัสเซียโคตรโหด จับโจรด้วย “พลังหน้าอก” ทำเอาโจรไปไม่เป็นเลยทีเดียว…
ว่ากันว่าอย่าเที่ยวไปแหย็มกับชาวรัสเซีย เพราะว่าผู้คนในประเทศนั้นมักเซอร์ไพรส์เราด้วย ความโหด แปลกๆ อยู่เสมอ และดูเหมือนว่าประโยคที่พูดกันจนติกปากเช่น “โหดสัสรัสเซีย” คงจะไม่ไกลจากความจริงเท่าใดนัก ยิ่งมาเจอกับเหตุการณ์นี้ ซึ่งเกิดขึ้น ณ เมืองคิรอฟ ประเทศรัสเซีย ที่สาวใหญ่ถูกโจรขี้เมาเข้าปล้นและได้ชิงกระเป๋าเงินของเธอซึ่งมีมูลค่าราว หนึ่งแสนบาท ไป แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายคุณแม่ที่ตกเป็นเหยื่อสามารถพลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ เมื่อเธอตัดสินใจจับโจรด้วยตนเอง บอกปากเปล่าคงไม่มีใครเชื่อว่าคุณแม่ใจกล้าคนนี้ใช้ หน้าอก ขนาดใหญ่ของเธอกดโจรให้หมอบลงกับพื้น… เธอใช้ “หน้าอก” จับโจรจริงๆ นะ… จากนั้น ขณะที่เธอใช้ลำตัวและหน้าอกกดทับร่างของคนร้ายไว้ เธอได้ตะโกนใส่โจรว่า “เงินของฉัน กว่าฉันจะหามาได้มันไม่ง่ายเลย ฉันต้องเอาไปใช้เลี้ยงดูครอบครัวของฉัน!” คนร้ายไม่สามารถต่อกรได้แม้แต่น้อย แต่ก็ยังแผลงฤทธิ์ไม่เลิก เขาขู่กับคุณแม่ว่า “ตอนนี้ฉันสามารถขโมยเงินของแกเพิ่มได้อีกนะ” นี่ทำให้คุณแม่ผู้เคราะห์ร้ายยิ่งโกรธมากขึ้น เธอใช้หน้าอกของเธอกดศีรษะของผู้ร้ายลงไปให้หนักยิ่งขึ้น พร้อมตะโกนว่า “กินดินไปซะเถอะ!!” ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาก็ได้เป็นพยานที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว และได้พากันเก็บภาพเอาไว้ บางคนนำน้ำดื่มมาให้คุณแม่ใจกล้า แต่บางคนมีการนำน้ำมาราดที่ตัวคนร้ายพร้อมเตะเข้าที่ศีรษะและลำตัวของเขาด้วย และหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง คนร้ายก็ถูกจับกุมตัวไปดำเนินคดีตามระเบียบ ดื่มน้ำหน่อยนะคุณแม่ เตะเข้าที่ลำตัวของคนร้าย ตำรวจมาถึงแล้ว …
-
ไอเดีย ‘ชุดเจ้าสาว’ ด้วยแรงบันดาลใจจาก ‘6 เจ้าหญิงดิสนีย์’ สวยราวกับเทพนิยายที่เป็นจริง
การแต่งงาน เป็นความฝันที่ผู้หญิงหลายๆ คนใฝ่ฝันถึงและเมื่อเวลานั้นมาถึงก็มักจะเปรียบตัวเองเหมือนกับเจ้าหญิงในเทพนิยายที่กลายเป็นความจริง และตอนนี้ความฝันที่อยากเป็นเหมือนเจ้าหญิงอย่างในเทพนิยายของสาวๆ หลายคนจะไม่ได้เป็นเพียงแค่ฝันอีกต่อไป เมื่อบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง Kuraudia ได้รังสรรค์ชุดแต่งงานในธีมของเจ้าหญิงดิสนีย์ออกมาให้เราได้จับจองเป็นเจ้าของ โดยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเจ้าหญิงดิสนีย์ ทั้งหมด 6 คนได้แก่ Belle, Cinderella, Snow White, Ariel, Rapunzel และ Aurora ชุดเจ้าสาวจะมีทั้งหมด 14 แบบโดยที่จะสนนราคาอยู่ประมาณ 120,000 บาท ส่วนทางเจ้าบ่าวก็ไม่ต้องน้อยใจไปเพราะพวกเขาก็มีชุดทักซิโด้สไตล์ดิสนีย์ให้ด้วยเช่นกัน โดยขายในราคาประมาณ 30,000 บาท ชุดเจ้าสาวสไตล์เจ้าหญิงจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง ได้เวลาเราไปชมพร้อมๆ กันแล้วครับ Cinderella Snow White Snow White Aurora Belle Rapunzel Aerial Cinderella Belle …
-
สาววัย 18 ปีป่วยเป็น “โรคเจ้าหญิงนิทรา” โรคหายากที่ทำให้มนุษย์หลับได้เป็นสัปดาห์
“Sleeping Beauty” หรือ “เจ้าหญิงนิทรา” คงเป็นนิทานและการ์ตูนแอนิเมชั่นขวัญของใครหลายๆ คนใช่หรือไม่ ด้วยเนื้อเรื่องที่เหมือนกับเทพนิยาย ความโรแมนติกของเจ้าหญิงที่ต้องรอรักแท้มาจุมพิตอย่างหวานละมุนอะไรขนาดนี้ แต่หากเราคิดกันดีๆ แล้วการที่เราหลับไปอย่างยาวนานเหมือนกับเจ้าหญิงนิทราคงไม่เป็นการดีต่อตัวของเราและคนรอบข้างเป็นอย่างแน่นอน เหมือนกับเรื่องของ Hermione Cox-Denning เด็กสาวที่ป่วยเป็นโรคหายาก ซึ่งทำให้เธอหลับไปโดยไม่รู้ตัวได้เป็นวันๆ หรือเป็นสัปดาห์ๆ Hermione พบว่าเธอเป็นโรคดังกล่าวเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งในตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองอาจจะไข้หวัดหรืออะไรสักอย่างหนึ่ง แต่ๆ จริงแล้วนั่นคืออาการทางระบบประสาทที่หาได้ยากเป็นอย่างมาก เด็กสาววัย 18 ปีจากประเทศเวลส์ได้กล่าวว่าเธอนั้นหาต้นเหตุของอาการดังกล่าวมานานมากๆ เธอรู้ว่ามันไม่ใช่ความเครียดและไม่เกี่ยวกับอาหารอย่างแน่นอน เธอมารู้ตัวว่ามีความผิดปกติก็เมื่อตอนที่เธอได้ดื่มแอลกอฮอล์ เพียงไม่มีกี่แก้วเธอก็วาร์ปไปรู้สึกตัวในวันถัดมาตลอด เจ้าโรคนี้ทำให้ชีวิตของเธอต้องลำบากขึ้นอย่างมาก เพราะมันส่งผลโดยตรงกับการหาที่ทำงานหรือแม้ส่งผลแม้กระทั่งการเข้ามหาวิทยาลัยของเธอ Hermione ได้กล่าวว่า “ฉันดื่มแอลกอฮอล์ไปแก้วหรือสองแก้วนี่แหละ หลังจากนั้นมันก็ทำให้ฉันหลับไปโดยไม่รู้ตัวเป็นวันๆ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงนิทราในชีวิตจริงเลย ความทรงจำของฉันเลือนรางและสับสนเอามากๆ เหมือนเหมือนว่าฉันเพิ่งตื่นจากการหลับไปไม่กี่นาที แต่แท้จริงแล้วฉันหลับไปเป็นชั่วโมงหรือเป็นวันๆ ฉันไม่พูดคุย ไม่กิน ไม่ดื่มและไม่ได้เข้าห้องน้ำ มันเหมือนกับว่าร่างกายของฉันนั้นหยุดทำงานไปเลย ปกติแล้วฉันเป็นคนที่ติดมือถือนะ แต่ช่วงที่หลับไปฉันก็ไม่ได้คุยกับใครเป็นสัปดาห์ๆ ฉันกลัวว่าเพื่อนๆ ของฉันจะกังวลว่าฉันหายตัวไป” และเมื่อเธอได้ไปหาหมอ ก็รู้เรื่องราวว่ามันเป็นอาการอย่างหนึ่งของภาวะซึมเศร้าและปัญหาทางจิตใจและทางแพทย์ก็ทำการศึกษาโรคที่เธอเป็นนานหลายปี จนในที่สุดในเดือนมีนาคม 2018…
-
ทารุณกรรมสัตว์!? ตำรวจจีนถูกบันทึกภาพ ขับรถลากหมาไปกับถนน ให้เหตุว่า “ไม่มีกรงใส่”
เขาว่ากันว่าบนโลกใบนี้มีคนอยู่สองประเภทคือ 1. คนที่รักน้องหมากับ 2. คนรักเจ้าเหมียว ซึ่งทั้งสองก็เป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมที่หลายบ้านนิยมนำมาเลี้ยงนั่นเอง ดังนั้นหากเราต้องเห็นข่าวเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของเราถูกทารุณคงต้องเจ็บปวดเป็นอย่างแน่แท้ เหมือนอย่างกับเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศจีนนี้ เมื่อมีคนบันทึกภาพตำรวจกำลังลากเจ้าหมาไปกับถนนด้วยการผูกกับรถตำรวจ โดยให้เหตุผลว่าพวกเขา “ไม่มีกรง” จึงต้องลากมันไปกับพื้นแทน เหตุการณ์ในวิดีโอเกิดขึ้นหลังจากชาวบ้านในหนานจิง เมืองหลวงของมณฑลเจียงซูได้โทรตามเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยจับหมาจรจัดไปหน่อย เนื่องจากเกรงว่ามันจะไปทำร้ายชาวบ้านที่ผ่านไปมาบริเวณนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงก็ได้ทำการลงมือจับเจ้าหมาจรจัดตัวนั้นไป แต่ประเด็นมันอยู่ตอนที่พวกเขาพามันกลับนี่แหละ จากในวิดีโอที่มีคนบันทึกได้เราจะเห็นว่ามันถูกทางเจ้าหน้าที่ลากไปกับรถตำรวจตามถนน ซึ่งเจ้าหมาตัวนั้นก็พยายามที่จะขัดขืน โดยใช้อุ้งเท้ายันพื้นเอาไว้ แต่แน่นอนว่ามันก็ไม่สามารถสู้แรงของรถยนต์ได้ หลังจากที่วิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตหลากหลายคนก็รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็รู้ตัวและได้ออกแถลงการณ์ขอโทษสำหรับการกระทำของเจ้าหน้าที่ โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่คนที่ปฏิบัติงานไม่ได้นำกรงติดรถไปด้วย และยังกล่าวต่อว่าพวกเขาจะทำงานฝึกเพิ่มเติมเผื่อเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตและในเหตุการณ์ครั้งนี้ต้องขอโทษคนรักสัตว์ทุกคนด้วยจริงๆ ส่วนทางองค์กร The People for the Ethical Treatment of Animals หรือ PETA ก็ได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติกับสัตว์ให้ดีกว่านี้และออกแถลงการณ์ประณามการกระทำดังกล่าว Keith Guo ตัวแทนของ PETA Asia ได้กล่าวว่า “แม้ว่ารถตำรวจจะไม่ได้ขับเร็วมาก แต่มันก็คือการทารุณกรรมหมา ที่ถูกทั้งดึงและลากอย่างแน่นอน ถึงทางตำรวจได้ขอโทษมาแล้วและอ้างว่าพวกเขาไม่ได้เอากรงใส่หมามาด้วย แต่พวกเขาก็ยังขาดทักษะการจัดการกับหมาจรจัด ตำรวจผู้ที่ทารุณหมานั้นสมควรถูกลงโทษ ตำรวจควรต้องมีการจัดฝึกอบรมให้แก่พนักงานทุกคนให้ใช้เครื่องมือที่มีมนุษยธรรมอย่างเครื่องจับมนุษย์หรือเทปต่างๆ” …
-
อย่างกับเทพนิยาย คู่ฝาแฝดชายเข้าพิธีวิวาห์กับฝ่ายหญิงที่เป็นคู่แฝดเหมือนกัน
“ฝาแฝด” เป็นคำที่เอาไว้ลูกสองคนหรือสองตัวที่เกิดในการตั้งครรภ์ครั้งเดียวกัน โดยที่แบ่งออกเป็นได้สองแบบคือแฝดร่วมไข่ (แฝดแท้) ที่เกิดมาจากไซโกตเดียวกันและจึงพัฒนาแยกออกมาเป็นสองคน ส่วนอีกแบบคือแฝดต่างไข่ (แฝดเทียม) ที่เกิดออกมาจากไข่สองใบที่ถูกผสมด้วยอสุจิแตกต่างกัน ปกติแล้วอัตราการท้องแล้วเกิดเป็นลูกแฝดนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมากๆ แต่เรื่องราวที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ ขอบอกเลยว่าโอกาสเกิดขึ้นน้อยกว่าอีก เพราะนั่นคือเรื่องราวของฝาแฝดชายคู่หนึ่งที่ดันไปสามารถแต่งงานกับฝาแฝดหญิงอีกคู่ เรียกได้ว่าในงานมีคู่บ่าวสาวสองคู่ที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะเลยทีเดียว คู่แฝดที่เราพูดถึงในวันนี้คือ Josh กับ Jeremy Slayers แฝดชายวัย 34 ปีและ Brittany กับ Briana Deane วัย 32 ปี พวกเขาได้จูงมือกันเข้าพิธีวิวาห์อย่างสวยงามที่เมือง Twinsburg รัฐโอไฮโอ โดยที่ Josh คู่กับ Brittany ส่วน Jeremy คู่กับ Briana ย้อนกลับไปในอดีต เจ้าบ่าวเจ้าสาวทั้งคู่นั้นได้พบกันที่เทศกาลฝาแฝดประจำปี เมื่อได้เห็นสบตากันเพียงครั้งแรกทางฝ่ายชายก็ได้รู้ทันทีว่าพวกเขาต้องได้แต่งงานกับคู่ฝาแฝดพี่สาวน้องสาวคู่นั้นเป็นอย่างแน่นอน และก็เป็นตามที่พวกเขาได้สังหรณ์ใจเอาไว้ ทั้งสองคู่เริ่มทำความรู้จักกัน ได้คบกันและในที่สุดคู่ฝ่ายชายก็ได้ขอคู่ฝ่ายหญิงแต่งงานในธีม “Twice Upon a Time” ขอแต่งงานคู่กันไปเลยจ้า ชูแหวนหมั้นโชว์หน่อย แต่งในธีม Twice Upon…
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นแตกตื่น เมื่อชิ้นเนื้อแสนน่ารับประทานกลายเป็น “ปีศาจ” ไปซะแล้ว!!!
หากพูดถึงเรื่อง “เนื้อโคชั้นดี” ประเทศญี่ปุ่นคงอยู่อันดับต้นๆ ของประเทศที่มีเนื้อวัวคุณภาพดี อย่างที่เรารู้ๆ กันก็อย่างเช่น เนื้อวากิวโกเบและเนื้อวากิวมัตสึซากะ เป็นต้น ซึ่งเป็นเนื้อที่พวกเราอยากจะเข้าไปลิ้มลองสักครั้ง เนื้อชั้นยอดในญี่ปุ่นก็จะมีหน้าตาประมาณนี้ แต่เนื้อในวันนี้กลับทำให้ผู้คนตื่นตระหนกตกใจกันเป็นแถบ เพราะลวดลายไขมันที่แทรกอยู่ในชิ้นเนื้อนั้นกลับแสดงให้เป็นลวดลายคล้าย ปีศาจ หรืออะไรทำนองนั้น ผู้ใช้ทวิตเตอร์นามว่า @zogu8011 ได้โพสต์ภาพเนื้อชิ้นดังกล่าวหลังจากทำการผ่าให้ชาวเน็ตได้ชม ซึ่งเห็นแล้วต้องบอกเลยว่ามันทั้งมหัศจรรย์และน่ากลัวจริงๆ เพราะลวดลายมันเหมือนมีปีศาจตนเล็กๆ อยู่ภายในเนื้อเลยล่ะ แฮร่!! เมื่อภาพเนื้อปีศาจนี้ถูกโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ต ชาวเน็ตก็เข้ามาคอมเมนต์กันอย่างสนุกสนาน เช่น… “ผมว่ามันเหมือนเจ้าตัวนี้” “โอ้ไม่นะ” “บางทีเขาอาจจะเป็นสิ่งนี้…” “ฉันเห็นเป็นตัวนี้” “มันเจ้าตัวนี้มากกว่านะ ฮ่าๆ” ไม่ว่ามันจะเหมือนอะไรก็ตาม การได้เจอเนื้อที่มีลวดลายแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เจ๋งมากๆ เลยล่ะ ที่มา: Twitter@zogu8011 via soranews24
-
ก๋วยเตี๋ยวเทพราคาห้าหลัก เมนูจากฟากฟ้า ผืนดิน และน่านน้ำ เค้าบอกเอาไว้เรียกลูกค้า!?
การจะเพิ่มลูกค้าให้เข้าร้านอาหารมากขึ้นนั้นควรจะใช้วิธีการแบบไหน? ฝีมือการทำอาหาร รสชาติอร่อย ความเอาใจใส่ด้านบริการ หรือเป็นอย่างอื่นที่อาจจะใช้วิธีลัดทำให้มันไวรัลๆ พูดถึงกันในโลกออนไลน์? ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อแห่งหนึ่งในนครฉือเจียจวง มณฑลเหอเป่ย์ ประเทศจีน งัดกลวิธีเรียกลูกค้าแบบใหม่ ด้วยการสร้างสรรค์เมนูก๋วยเตี๋ยวระดับหรู ขอย้ำว่าระดับหรูจริงๆ ด้วยราคาต่อชาม 13,800 หยวน ตีเป็นเงินไทยเหนาะๆ ก็แค่ 67,100 บาทเท่านั้นเอ๊ง!! ทำไมมันถึงมีราคาแพงได้มากถึงขนาดนั้นล่ะ ทางผู้จัดการร้านก็บอกว่ามันไม่มีอะไรมากเลย ก๋วยเตี๋ยวเทพชามนี้จะประกอบไปด้วยวัตถุดิบหลัก 4 อย่าง ที่มาจากทั้งบนฟ้า พื้นดิน และในน้ำ คือใช้วัตถุดิบจากทุกสภาพพื้นผิวบนโลก แต่จะไม่ยอมบอกว่ามันคืออะไรบ้าง? และตั้งแต่มีเมนูนี้ถือกำเนิดขึ้นมาในร้าน ขายได้เพียงแค่ 4 ชามเท่านั้นตั้งแต่เปิดขายครั้งแรกเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว แน่นอนล่ะว่าคนก็เอาไปพูดกันในโลกโซเชียลว่ามันแพงเกินจริง กับก๋วยเตี๋ยวชามเดียวดันมีราคาเท่ากับวัวทั้งตัว ซึ่งหลังจากเกิดขึ้นเป็นประเด็นในโลกออนไลน์ มีการพูดถึงมูลค่าราคาที่แพงแบบแทบจะขูดเนื้อตัวเองมากินแทน ชาวเน็ตจึงตั้งข้อสงสัยเอาไว้ว่า อาจจะเป็นการตลาดที่ไว้ใช้ดึงดูดลูกค้าหน้าใหม่ๆ ให้เกิดความสนใจในตัวร้านมากกว่าก๋วยเตี๋ยวแพงๆ เพราะเมนูที่แพงรองลงมานั้นอยู่ที่ 398 หยวน (1,936 บาท) เท่านั้น ถือว่าถูกกว่าเมนูเทพนั้นเยอะ จนอาจจะทำให้รู้สึกว่าสั่งเมนูตัวรองมากกว่า……
-
เจ้าสาวใจแข็ง ฝืนทนร่างกายจนถึงวันแต่งงาน ผ่านไปได้แค่วันเดียวสิ้นใจจากสามี…
กว่าจะก่อตัวเป็นสิ่งที่เรียกว่าความรัก นำพาไปสู่ชีวิตคู่ที่มั่นคงจะต้องใช้เวลาเป็นตัวพิสูจน์มากกว่า 1 วัน และในวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของหลายคนก็คือการแต่งงาน เรื่องราวความเข้มแข็งของหญิงสาวชาวมาเลเซียวัย 24 ปี Fatin Nursyahirah Yusuf ได้เข้าพิธีวิวาห์กับแฟนหนุ่ม Azzam เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่นจากแขกเหรื่อญาติพี่น้องและคนในครอบครัว หลังจากที่ทั้งคู่หมั้นหมายกันมาตั้งแต่ปี 2017 แต่เบื้องลึกเบื้องหลังภายในของเจ้าสาวนั้น เธอกลับต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายในกำลังกัดกินร่างกายของเธออย่างช้าๆ เพราะเธอต้องเผชิญมะเร็งเนื้อเยื่ออ่อนระยะที่ 4 นั่นหมายความว่าเวลาของเธอใกล้จะหมดลงเต็มที Shukur Yusuf พี่ชายวัย 30 ปีของเจ้าสาว ได้ทำการบันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้และกล่าวว่าน้องสาว Fatin ถูกส่งตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลทันทีหลังจากที่จบพิธีละหมาดในช่วงเย็นวันศุกร์ (เสร็จงานแต่งแล้ว) สภาพเธอในตอนนั้นเริ่มมีอาการหายใจอ่อนโรย… เขาเปิดเผยว่าน้องสาวต้องเข้ารับการผ่าตัด 2 ครั้งและรับการฉายรังสีหลายครั้งเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ทุกอย่างก็สายเกินกว่าจะรักษาได้แล้ว แม้ว่าร่างกายจะย่ำแย่แต่ตัวน้องสาวก็ยังยืนยันจะแต่งงาน เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอหวังเอาไว้ และทางด้านผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งก็ตกลงจะจัดงาน ภายหลังการนำตัวเจ้าสาวส่งโรงพยาบาล และส่งตัวกลับมาดูใจอยู่ที่บ้าน ช่วงเช้าตรู่ของวันเสาร์เจ้าสาวก็ได้จากไปอย่างสงบ ท่ามกลางสามีและสมาชิกของทั้งสองครอบครัว ที่เพิ่งจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง ทุกคนต่างนับถือว่าเธอเป็นอีกหนึ่งคนที่จิตใจเข้มแข็งและสวยงามที่สุด…
-
วัยรุ่นเบื่อการ “ต่อคิวเล่นสไลเดอร์” จึงโยนเด็ก 8 ขวบจากความสูง 9 เมตร โชคดีรอดตาย
นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสวนน้ำ Apple Valley Aquatic Center รัฐมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา ตำรวจได้เข้าจับกุมวัยรุ่นอายุ 18 ปี ที่โยนเด็ก 8 ขวบลงมาจาก “เครื่องเล่นสไลเดอร์” ความสูงกว่า 9 เมตร จากการรายงานบอกว่า Roman Adams ได้ไปต่อคิวรอเล่นสไลเดอร์ดังกล่าว และด้วยความที่แถวมันยาวเอามากๆ ทำให้เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจ Roman วัยรุ่นผู้ก่อคดีในครั้งนี้ ความหัวร้อนของเขา ทำให้ตัดสินใจอุ้มเด็ก 8 ขวบที่ต่อแถวอยู่ด้านหน้าขึ้นมา ก่อนที่จะโยนเด็กลงไปจากเครื่องเล่นความสูง 31 ฟุต (ราวๆ 9.4 เมตร) ชนเข้ากับพื้นคอนกรีตอย่างแรง คนอื่นๆ ที่เห็นเหตุการณ์จึงรีบโทรเรียกรถพยาบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามายังสถานที่เกิดเหตุ ตอนเวลาประมาณบ่ายโมงครึ่งของวันนั้น (หลังจากที่เกิดเหตุไปได้ไม่นาน) เจ้าหน้าที่เดินทางมาถึงและพบว่าเด็กที่ถูกโยนลงมายังคงมีสติอยู่ แต่ก็มีกระดูกหักหลายส่วนทั่วทั้งร่างกาย Sawyer Warner เด็ก 8 ขวบที่ถูกจับโยนลงมา สารวัตร Nick Francis…
-
สาว’เมกันโคตรเอา “หนูเป็นติ่ง EXO ค่ะ” บินลัดฟ้ามาถึงเกาหลี ตั้งเป้าเป็นดาวเคป๊อป!?
ความฝันของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน และจะมีสักกี่คนกันที่จะได้ลงมือทำตามความฝันของตัวเอง เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นชีวิตของคนเราจะดำเนินตามไปขนบธรรมเนียมที่ถูกวางเอาไว้เอาไว้แล้ว… https://www.instagram.com/p/BcF9ZygAT9o/ แต่สำหรับสาวน้อยวัย 17 ชาวอเมริกันนามว่า Maria กลับมีจุดยืนที่แตกต่างจากวัยรุ่นอเมริกันดรีม เนื่องจากเธอดันเสพติดความเป็นเกาหลี วัฒนธรรมเพลงเคป๊อปโดยมี EXO เป็นผู้เปิดประตูสู่โลกใหม่ให้กับเธอ!! ความฝันของ Maria ในการเป็นดาวเด่นแห่งวงการเพลงเกาหลี เริ่มต้นจากเพลง Call Me Baby ของวง EXO ด้วยจังหวะเพลงที่เร้าใจ ปลุกไฟในใจเธอให้ลุกโชน มันทำให้เธอรู้สึกอยากเต้นขึ้นมา รวมไปถึงเป็นแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ภาษาเกาหลีด้วยตัวเองผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นระยะเวลา 2 ปี พูดจะเกือบจะคล่องเท่าเจ้าของภาษาเลย ปัจจุบันนี้เธอเข้าฝึกฝนอยู่ในสถาบัน Born Star ณ กรุงโซล สถาบันเก็บตัวและปั้นเด็กเข้าสู่วงการเคป๊อป และเริ่มออกไปออดิชั่นตามบริษัทสายงานบันเทิงต่างๆ ทั้งร้อง เต้น และการแสดง ซึ่งเวลาส่วนใหญ่ของเธอก็จะหมดไปกับการฝึกฝนอยู่ภายในสถาบันนั่นเอง https://www.instagram.com/p/BkzYBHRHIoB/ สื่อกระแสหลักภายในประเทศเกาหลีก็พูดถึงตัวเธออยู่เช่นกัน โดยเมื่อเดือนที่แล้วเธอได้ออกรายการทีวี Hidden Singer…
-
สุดเศร้า… ภาพสาวกอดแฟนหนุ่มสั่งลาครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะต้องปลดเครื่องช่วยหายใจออก
ขึ้นชื่อว่า “การสูญเสีย” แล้ว ย่อมที่จะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเสียสิ่งของต่างๆ ข้าวของ เงินทอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสูญเสียคนที่เรารักไป ไม่ว่าจะเป็นช่วงอายุเท่าไหร่ มันก็เจ็บปวดเสมอ และเรื่องที่เราจะนำมาให้ได้ชมกันในวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งของการสูญเสียที่น่าเศร้าใจ เมื่อ Blake Ward เด็กชายวัย 16 ปีจากประเทศเวลส์ ขณะที่กำลังว่ายน้ำอยู่ในทะเล ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นและทำเขาจมน้ำแต่ถูกช่วยเหลือได้โดยหน่วยกู้ภัย Blake ถูกนำส่งโรงพยาบาลเด็ก Alder Hey ในเมืองลิเวอร์พูลทันที แต่เหมือนจะไม่ทันการเสียแล้ว สมองของเขาเสียหายอย่างหนักและไม่มีทางที่จะรักษา ทางครอบครัวก็ต้องทำการตัดสินใจว่าจะให้เขาใช้เครื่องช่วยหายใจแล้วอยู่เป็นผักแบบนั้นหรือจะเลือกจบชีวิตเขาโดยการถอดเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งครอบครัวของเขาเลือกอย่างหลัง หนึ่งในคนที่เจ็บปวดกับเหตุการณ์แบบนี้มากที่สุดก็คือ Stephanie Ray แฟนสาวของ Blake เธอถูกบันทึกภาพ “การกอดลาครั้งสุดท้าย” สุดเศร้าของ Ray ที่นอนกอดกับ Blake อยู่บนเตียงคนไข้ ก่อนที่เครื่องช่วยหายใจจะถูกปิดลง Ray ได้โพสต์ภาพกอดสั่งลาลงในเฟซบุ๊กพร้อมกับแคปชั่นว่า “วันนี้เป็นวันที่ยากที่สุดของฉันเลยและมันจะเป็นวันที่ฉันไม่มีทางลืมอย่างเด็ดขาด บางคนอาจจะรู้แล้วว่า Blake ประสบอุบัติเหตุเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ฉันนั่งอยู่ข้างๆ เขาอยู่ตลอดและจะไม่ยอมทิ้งเขาไว้คนเดียว พวกคุณคงรู้ว่า Blake เป็นคนที่ชอบแคร์คนอื่นและยอมทำทุกอย่างให้แก่ทุกๆ คน ฉันเพิ่งรู้ว่าอาการของ…
-
เกมแห่งความตาย ‘Momo’ แพร่ระบาดผ่านแอปฯแชต หลอกให้เด็กหญิงวัย 12 ฆ่าตัวตาย
เกือบจะกลายเป็นสิ่งที่ลี้ลับมิติพิศวง สำหรับประชาชนในประเทศอาร์เจนตินา เนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า มีเกมลึกลับเกมหนึ่งที่ส่งต่อกันมาผ่านแอปฯ แชต WhatsApp ถูกเชื่อมโยงเป็นสาเหตุการฆ่าตัวตายของเด็กหญิงรายหนึ่ง ในประเทศอาร์เจนตินา https://www.instagram.com/p/BJiFgx1BbS9/ เกมดังกล่าวเรียกกันด้วยชื่อ Momo โดยอ้างอิงมาจากภาพรูปปั้นครึ่งคนครึ่งนก ต้นกำเนิดจากบริษัททำสเปเชียลเอฟเฟกต์ Link Factory สัญชาติญี่ปุ่น โดยที่ตัวบริษัทไม่ได้เกี่ยวข้องกับเกมที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด มีบุคคลบางกลุ่มอีกซีกโลกหยิบยกนำไปกล่าวอ้าง เป็นตำนานหลอนบนโลกอินเทอร์เน็ต ด้วยลักษณะตาดวงโต ผมยาวไม่ได้ทรง และรอยยิ้มผยอง แล้วก็กลายมาเป็นมีมวิญญาณปิศาจแพร่ระบาดไปทั่ว และสำหรับใครก็ตามที่ทำการติดต่อกับ บัญชีเกม Momo ดังกล่าวบนสื่อโซเชียลก็จะได้รับข้อความพร้อมกับภาพแนวๆ นี้ตอบกลับไป นอกจากนี้ยังมีวิดีโอคลิปพิสูจน์ถึงความแปลกประหลาดด้วยการโทรไปหาปลายทาง อ้างว่าเป็นสายด่วนต้องคำสาปบน WhatApps จนกระทั่งเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เด็กหญิงวัย 12 ถูกพบเป็นศพแขวนคอกับต้นไม้ภายในสวนหลังบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตายด้วยเหตุจูงใจมาจากเกมปิศาจ Momo ในลักษณะแชตเกลี้ยกล่อมให้ทำตามคำสั่งคล้ายกับกรณีของเกมวาฬสีน้ำเงิน ที่เกิดขึ้นในรัสเซีย การออกแจ้งเตือนจากทางการ เกี่ยวกับเกมแห่งความตายแพร่ระบาดภายในประเทศ #UIDI #FGETabasco #Cibernetica #Tabasco #Villahermosa #PolicíaCibernéticaTabasco #SegurosAlNavegar #PrevencionDelitosCibernéticos…
-
บัณฑิตสาวสร้างความฮือฮาให้แก่โลกโซเชียล โดยการถ่ายรูปรับปริญากับ “จระเข้” !!
“วันรับปริญญา” ถือว่าเป็นวันสำคัญที่สุดวันหนึ่งของชีวิตมนุษย์ เพราะมันเป็นเหมือนกับวันที่เด็กวัยเรียนจะเลื่อนขั้นขึ้นเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานอย่างเต็มตัว ในวันนี้รับปริญญานี่เอง ก็จะเข้าพิธีรับปริญญาบัตร สิ่งที่เป็นเอกสารว่าเราจบการศึกษาอย่างสมบูรณ์และในวันเดียวกันนี้เองหลายๆ ครอบครัวก็จะพาพ่อแม่พี่น้องหรือญาติๆ มาถ่ายรูปเพื่อแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ ซึ่งก็กลายเป็นโมเมนต์ประทับใจสำหรับหลายๆ คน โดยปกติแล้วบัณฑิตหลายๆ คนนั้นก็จะถ่ายรูปกับครอบครัวอย่างปกติ แต่บัณฑิตที่เราจะนำมาให้ได้ชมกันในวันนี้เธอล้ำไปกว่านั้น เพราะเธอถ่ายรูปรับปริญญากับ “จระเข้” !! บัณฑิตสาวคนนี้คือ Makenzie Noland วัย 21 ปี เธอจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัย Texas A&M ในสาขาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและการประมง ในวันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2018 นี้เอง เธอสร้างความฮือฮาแก่โซเชียลมีเดีย โดยการโพสต์รูปภาพถ่ายรับปริญญากับเจ้าจระเข้ยักษ์นามว่า “Big Tex” จระเข้ที่มีขนาดกว่า 4 เมตรและหนักกว่า 450 กิโลกรัม แต่เพื่อนๆ ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะเจ้า Big Tex นี้คุ้นเคยกับเธอเป็นอย่างดี เนื่องจากเธอเคยไปฝึกที่ Gator Country ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ ที่เจ้าจระเข้ได้อาศัยอยู่นั่นเอง Noland ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเธอรู้สึกเหมือนกับเจ้า Big Tex นั้นเป็นหนึ่งในเพื่อนของเธอ…
-
นักศึกษาบังกลาเทศ ถูกฝ่ายรัฐบาลฆ่าและข่มขืน เนื่องจาก “ประท้วง” ขอความปลอดภัยบนท้องถนน
หลังจากที่มีข่าวการเสียชีวิตของนักเรียน 2 รายในประเทศบังกลาเทศเนื่องจากอุบัติเหตุบนท้องถนน จึงมี การประท้วง เกิดขึ้นเพื่อเรียกร้องให้การจราจรในประเทศมีความปลอดภัยมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับกลายเป็นความรุนแรง ความโหดร้าย และการสูญเสีย ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2018 ได้เกิดเหตุการที่รถบัสโดยสารคันหนึ่งพุ่งชนเข้ากับกลุ่มนักเรียน ทำให้ Diya Khanam Mim และ Abdul Karim Rajib นักเรียน 2 คนจากโรงเรียนและวิทยาลัย Shaheed Ramiz Uddin เสียชีวิต ข่าวการเสียชีวิตของนักเรียนทั้งสองแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ ทำให้เกิดการจลาจลต่อต้านรัฐบาลขึ้นในกรุงธากา ผู้ประท้วงส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนและนักศึกษาที่ออกมาปิดการจราจร ณ สี่แยกใหญ่หลายแห่ง ภาพการประท้วงที่ก่อให้เกิดการจลาจล มีรายงานว่า เด็กนักเรียนวัยเพียง 13 ปี หนึ่งในผู้ร่วมประท้วงได้ทำการปิดถนนและตรวจสอบรถทุกคันที่ผ่านมาว่ามีใบอนุญาตขับขี่หรือไม่ เพื่อให้มีความปลอดภัยบนท้องถนน และเมื่อวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม 2018 เหล่าผู้ประท้วงนับพันได้รวมตัวกันประท้วงต่อต้านรัฐบาลให้มอบความยุติธรรมและเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนให้มากขึ้น แต่ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน การจลาจลกลับกลายเป็นความรุนแรง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจของบังกลาเทศและกลุ่มนักศึกษาที่สนับสนุนรัฐบาลถูกกล่าวหาว่าใช้กำลังและความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ประท้วง รายงานจาก Agence France-Presse กล่าวว่านักเรียนที่เข้าประท้วงหลายร้อยรายบาดเจ็บจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตา…
-
รู้จักกับอาชีพ ‘นักล่าท้าผี’ ในเมื่อไม่เชื่อ แต่ไม่ได้ลบหลู่ ก็ต้องออกไปพิสูจน์ความจริง…
ในช่วงชีวิตตลอด 2 ทศวรรษของชายนามว่า Joe Nickell อดีตนักแสดงมายากล (อายุ 73 ปี) ได้ผันตัวจากอาชีพเดิม นำพาวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์สิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติที่เรียกกันว่า ‘ผี’ ว่ามันมีตัวตนจริงหรือไม่ รวมไปถึงปรากฏการณ์ลี้ลับอื่นๆ อย่าง พลังจิต จานบิน เอเลี่ยน อภินิหาร บิ๊กฟุต สัตว์ประหลาดในตำนานต่างๆ สิ่งเหล่านี้มักจะเป็นความเชื่อเรื่องเล่าที่บอกต่อๆ กันมา มีทฤษฎีสมคบคิดมากมายเกิดขึ้นจากหลายสำนัก ทั้งเป็นตุเป็นตะ มีน้ำหนักมากน้อยแค่ไหน ตำนานปรัมปราคือสิ่งที่ตะขิดตะขวงอยู่ในใจของ Nickell กับประโยคนี้ที่เขารู้มากเกินไป “ความจริง อยู่ข้างนอกนั่นแหละ” ที่ผ่านมาผู้คนที่เชื่อเรื่องลี้ลับต่างชี้หน้าด่าตาแก่คนนี้ว่า “จอมแฉขี้เปิดโปง” ด้วยการพยายามพิสูจน์ในสิ่งที่พวกเขาเชื่อ ว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีจริง และตัวคุณตา Nickell เองจะไม่ยอมขอโทษใดๆ จากการค้นหาความจริงที่ถูกต้อง รอยคราบบนผ้า Shroud of Turin ที่เชื่อกันว่าเป็นภาพของพระเยซู ที่เกิดขึ้นทางตอนเหนือของอิตาลี อาชีพจริงๆ ของเขาเรียกว่า Paranormal Investigator…
-
พนักงานร้านให้โอกาส “หนุ่มออทิสติก” ได้ช่วยจัดของอย่างใจเย็น ชาวเน็ตช่วยระดมทุนการศึกษา!!
คนที่ป่วยด้วยกลุ่มโรคออทิสติก มักจะถูกกีดกันทางสังคม และมองว่าเป็นบุคคลไร้ความสามารถ ไม่อาจทำงานได้เหมือนคนปกติทั่วไป ในบางครั้งเราอาจจะต้องมองกลับอีกมุมหนึ่ง หากว่าลองหยิบยื่นโอกาสให้กับพวกเขาได้พิสูจน์ตัวเองสักครั้ง ตัวอย่างจาก Jordan Taylor พนักงานร้านขายของ Rouses Markets รัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา ในขณะที่เขากำลังช่วยลูกค้าหนุ่มออทิสติก สอนงานจัดของขึ้นชั้นสินค้าแม้จะเป็นงานง่ายๆ แต่ก็ยากพอสมควรสำหรับเขาด้วย Jack Ryan คือหนุ่มออทิสติกคนดังกล่าว หลังจากที่เข้ามาในร้านและยืนดู Jordan กำลังสต๊อกสินค้าเข้าตู้แช่ แทนที่จะถูกเมิน เขากลับหยิบยื่นโอกาสดีๆ ด้วยการให้มาช่วยงาน พร้อมกับสอนงานให้อย่างใจเย็น ทุกขั้นตอนที่ดูง่ายๆ แต่ยากสำหรับ Jack ชายหนุ่มพยายามขึ้นชั้นสินค้าให้ตรงกับที่จัดไว้ โดยมีนาย Jordan คอยส่งของให้อยู่ตลอด จนเสร็จงานทั้งหมดโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที Delaney Edwards Alwosaibi พี่สาวของ Jack กล่าวว่า “เราต่างรู้กันดีว่ากลุ่มผู้ประสบออทิสติกนั้นยากที่จะปฏิบัติตัวข้างนอก อย่างการออกไปร้านขายของชำจะเป็นอีกหนึ่งความท้าทายกันเลยล่ะ… และชายคนนี้ก็ยอมเสียสละเวลาของตัวเอง ยอมให้ Jack ช่วยและเรียนรู้งานของเขากว่า 30 นาที…
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นแชร์เรื่องแปลก เจอชาวโอซาก้าแจกเงินให้กับคนอื่นฟรีๆ ตอบแทนความพยายาม!!
ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มักจะมีอะไรให้เราได้เซอร์ไพรส์กันอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลแปลกๆ ใหม่ๆ หรือของกินที่สร้างสรรค์ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เราไปเที่ยวทีไรก็ไม่รู้สึกเบื่อสักที และเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้เองก็ถือว่าเป็นเรื่องนิสัยแปลกๆ ของชาวโอซาก้า เมืองซึ่งเต็มไปด้วยวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ซึ่งถูกขนานนามว่าเมืองที่ยากต่อการต่อราคา ที่คราวนี้ชาวญี่ปุ่นไปเจอมากับตัวเอง ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2018 ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @mongoosehulk ได้โพสต์รูปภาพแบงก์พันเยนสองใบลงทวิตเตอร์พร้อมเล่าเรื่องที่เขาไปเจอมา ในขณะที่เขากำลังไปปั่นจักรยานอยู่ที่โอซาก้า ในช่วงเวลาที่ร้อนระอุ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ในขณะที่เขากำลังรอไฟแดงอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีผู้หญิงวัยกลางคนขับรถยนต์ก็โผล่มาข้างๆ และมองดูเขาพร้อมกับพูดว่า “ในวันที่ร้อนระอุแบบนี้ เธอต้องพยายามเป็นอย่างหนักเลยใช่มั้ยจ๊ะ! น่ารักมากๆ เลย! รับนี่ไปแล้วเอาไปซื้อเครื่องดื่มนะ” สรุปแล้วท่ามกลางความงุนงง ผู้หญิงคนนั้นให้เงินเขา 2,000 เยนหรือประมาท 600 บาท 信号待ちしていたら全く知らないワゴンRに乗ったオバちゃんに「暑いのによう頑張ってんな!カワイイな!これで飲みもんでも買い!」って言われながら2,000円を渡されました。大阪って良いところです。 pic.twitter.com/WBgl3Pk7uZ — 熊谷 (@mongoosehulk) July 30, 2018 พอเขาได้แชร์เรื่องนี้ลงในทวิตเตอร์ของตัวเอง ชาวเน็ตก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมายและก็มีคนที่เคยเจอประสบการณ์แบบนี้เหมือนกันๆ ด้วย โดยที่ชาวเน็ตคนหนึ่งได้กล่าวว่า “ตอนที่ฉันไปปั่นจักรยานเสือหมอบที่โฮซาก้า ผู้หญิงวัยกลางคนที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อนก็บอกว่า ‘ฉันรู้สึกดีใจจังที่ได้เห็นผู้หญิงอย่างเธอปั่นเสือหมอบ! เอ้ารับนี่ไว้!’ จากนั้นเธอก็ให้ฉันมา 1,000 เยน…
-
ลูกชายบินลาดินแต่งงานกับลูกสาวผู้นำจี้เครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรด ลั่นจะล้างแค้นให้พ่อ!!
เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อของ “ฮัมซา บิน ลาดิน” กันมาบ้าง เขาคือลูกชายของ “อุซามะฮ์ บิน ลาดิน” หนึ่งในผู้ก่อตั้ง และหัวหน้าของกลุ่มก่อการร้ายอิสลามอัลกออิดะฮ์ ซึ่งเชื่อกันว่าอยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ที่ตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ในวันที่ 11 กันยายน 2001 โดยล่าสุดนี้เองได้มีข่าวการแต่งงานของ ฮัมซา บิน ลาดิน กับลูกสาวของ โมฮัมเหม็ด อัททา ชายผู้เป็นผู้นำการจี้เครื่องบินเข้าชนตึกเวิลด์เทรด นี่เป็นข่าวที่มีการยืนยันจากพี่น้องต่างสายเลือดของอุซามะฮ์ บิน ลาดิน ซึ่งนอกจากข่าวการแต่งงานแล้ว ยังมีการให้สัมภาษณ์กับทางสื่อว่านาย ฮัมซา ได้เข้ารับตำแหน่งอาวุโสภายในกลุ่มอัลกออิดะฮ์ และหวังที่จะล้างแค้นให้กับพ่อ ผู้ถูกยิงเสียชีวิตโดยหน่วย “เนวี่ ซีล” ของสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ฮัมซา บิน ลาดิน ยังเคยออกมาประกาศสงครามกับวอชิงตัน ลอนดอน ปารีส และเทลอาวีฟอีกด้วย พี่น้องต่างสายเลือดของอุซามะฮ์ บิน ลาดินผู้ให้สัมภาษณ์ แต่การกระทำของฮัมซานั้น ดูเหมือนจะไม่เป็นที่ยอมรับของเหล่าญาติๆ สักเท่าไหร่ เพราะนอกจากพี่น้องต่างสายเลือดของอุซามะฮ์ บิน ลาดินจะแสดงความไม่พอใจต่อการกระทำของเขาแล้ว แม้แต่ Alia Ghanem…
-
หนุ่มไม่เข้าพิธีรับปริญญาเพราะพ่อแม่มาไม่ได้ เพื่อนเลยช่วยแต่งเป็น ‘พ่อกับแม่’ แทนซะเลย!!
“วันรับปริญญา” ถือว่าเป็นวันสำคัญที่สุดวันหนึ่งของชีวิตมนุษย์ มันเป็นเหมือนวันที่แสดงให้เห็นว่าคุณไม่ใช่เด็กๆ วัยเรียนอีกต่อไปแล้วนะ ต้องเดินหน้าเข้าสู่สังคมการทำงานอย่างเต็มตัว และในวันรับปริญญานั้นเองเหล่าเพื่อนๆ พ่อแม่หรือญาติๆ ก็จะมารวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยของเราเพื่อแสดงความยินดีแก่บัณฑิตใหม่ป้ายแดง แต่ถ้าพวกเขาไม่ว่างมาในวันจริงล่ะ? งานมันคงต้องเงียบเหงาลงอย่างแน่นอน เหมือนอย่างครอบครัวของเจ้าหนุ่มที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ พ่อแม่ของเขานั้นไม่ว่างที่จะมาร่วมงานรับปริญญาของลูกสุดรัก พอเห็นว่าเป็นแบบนั้นเพื่อนสนิทของเจ้าหนุ่มเลยลงทุนแต่งตัวมาเป็นพ่อและแม่ให้กับเขาเสียเลย เจ้าหนุ่มคนนั้นคือ Chris ซึ่งเขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย West England ประเทศอังกฤษ แต่เขาคิดว่าวันรับปริญญาของเขาจะจัดขึ้นประมาณเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน จึงได้ทำการนัดกับพ่อแม่ไปว่าช่วงนั้นให้ทำตัวว่างๆ ไว้นะ พ่อกับแม่ของเขาเลยวางแผนที่จะไปเที่ยวกันในเดือนกรกฎาคม ก่อนเดือนรับปริญญาของลูกชาย แต่กำหนดการออกมาปรากฏว่าผิดคาด มหาวิทยาลัยจัดวันรับปริญญาในเดือนกรกฎาคม ชนกับวันที่พ่อแม่ของเขาต้องไปเที่ยวเต็มๆ เงินค่าเที่ยวก็จ่ายไปแล้ว ทำไงดีล่ะทีนี้ พ่อแม่ของเขาเลยตัดสินใจที่จะไปท่องเที่ยวแทน เจ้าหนุ่มเลยตัดสินใจว่าจะไม่เข้าร่วมพิธีรับปริญญา เมื่อเพื่อนของเขาเห็นแบบนั้นจึงจัดแจงหาชุดและอุปกรณ์ต่างๆ แต่งตัวเป็น “พ่อกับแม่” ของเขาเสียเลย Corey หนุ่มที่แต่งเป็นพ่อของ Chris ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “พวกเราคุยกันว่าเอายังไงดีกับการที่ Chris จะไม่เข้าร่วมพิธีรับปริญญา ทันใดนั้นผมก็เล่นมุกว่างั้นเรามาทำพิธีรับปริญญาแบบปลอมๆ ดีมั้ย จากนั้นเราก็เริ่มคุยกันเป็นจริงเป็นจริงหาอุปกรณ์นู่นนี่ รวมถึงประกาศนียบัตรด้วย พ่อแม่ของ Chris ได้เห็นรูปของพวกเราแล้วและแน่นอนว่าพวกเขาชอบมันมากๆ และคิดว่าช่วงนั้นต้องเป็นช่วงเวลาที่น่าสนุกแน่ๆ” ไม่ใช่แค่พ่อแม่ของ Chris…
-
เครื่องบินเก่าแก่อายุ 79 ปี ตกที่สวิตเซอร์แลนด์ เสียชีวิตยกลำ ร่วม 20 คน
สำหรับคนที่ชื่นชอบเครื่องบินยุคเก่าแล้ว การที่ได้ไปนั่งเครื่องบินสมัยสงครามโลกดูสักครั้งอาจจะเป็นอะไรที่เย้ายวนใจเป็นอย่างยิ่งเลยก็ว่าได้ เพียงแต่การนั่งเครื่องบินเก่าก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ปลอดภัยเสมอไปก็ได้ เพราะล่าสุดนี้เองก็ได้เกิดเหตุน่าเศร้าขึ้นกับเครื่องบินเก่าเหล่านี้เสียแล้ว นี่เป็นข่าวของเครื่องบินรุ่น Junkers JU-52 ที่มีอายุการใช้งาน 79 ปี ที่ตกลงบนภูเขา Piz Segnas ที่สูงราวๆ 2,400 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในสกีรีสอร์ทของเขตเทศบาลฟลิมส์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ การตกของเครื่องบินในครั้งนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตร่วม 20 คน โดยในจำนวนผู้เสียชีวิตประกอบด้วยผู้หญิง 9 คน และผู้ชาย 11 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 42-84 ปี และเป็นผู้โดยสาร 17 คน และลูกเรืออีก 3 คน อย่างไรก็ตามยังไม่มีการระบุชื่อของผู้เสียชีวิตที่แน่ชัด เครื่องบินรุ่น Junkers JU-52 เป็นเครื่องบินสัญชาติเยอรมันที่มีการใช้งานในปี 1931-1952 และสามารถบินด้วยความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 265 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตามด้วยความที่เป็นเครื่องบินเก่าจึงทำให้เครื่องบินรุ่นนี้ไม่มีกล่องดำ รวมทั้งก่อนที่เครื่องจะตกก็ไม่ได้มีการส่งสัญญาณแจ้งเหตุร้าย (distress call) จากเครื่องบินอีกด้วย นั่นทำให้ทางตำรวจบอกว่าคดีที่เกิดขึ้นนี้ค่อนข้างซับซ้อนกว่าที่ควรเป็น เพราะสิ่งเดียวที่พวกเขาทราบเกี่ยวกับการตกในครั้งนี้…
-
ปมการเสียชีวิตของ Zombie Boy พลัดตกตึก ครอบครัวเชื่อเป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่ฆ่าตัวตาย
จากข่าวการเสียชีวิตของศิลปินและนายแบบชื่อดัง Rick Genest (Zombie Boy) อายุ 32 ปี ที่ถูกเปิดเผยจาก Lady Gaga ผู้มีสถานะเป็นเหมือนดั่งเพื่อนร่วมวงการ และพร้อมกับการแสดงความเสียใจจากภายในวงการแฟชั่นโมเดลลิ่ง เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา (ข่าวเก่า) ล่าสุดนี้ ทาง Lady Gaga ได้ลบทวีตและโพสต์ที่เกี่ยวข้องก่อนหน้านี้ไป เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดได้ว่าเขาเสียชีวิตเนื่องมาจากสาเหตุอะไร (ทั้งเรื่องของสภาพจิตใจ อุบัติเหตุ หรือการถูกฆาตกรรม) Out of respect for Rick's family, Rick & his legacy I apologize if I spoke too soon as there was no witnesses or evidence to support…
-
ติ๊งหน่อง… Minoru Mukaiya ชายผู้สร้างเสียงดนตรี ในสถานีรถไฟใต้ดินโตเกียวกว่า 110 สถานี
หากใครเคยไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นและได้ลองใช้บริการรถไฟใต้ดินโตเกียวเมโทร ก็คงจะทราบกันดีว่าในขณะที่รถไฟจะเทียบชานชาลาหรือออกจากชานชาลา จะมีเสียงดนตรีคอยเล่นเตือนผู้โดยสารอยู่เสมอทุกครั้ง และแต่ละสถานีก็จะมีเสียงไม่เหมือนกันด้วย!? Minoru Mukaiya เสียงเหล่านี้ไม่ได้ถูกสร้างมาด้วยฝีมือของทางการรถไฟเอง แต่เป็นฝีมือของชายผู้มีนามว่า Minoru Mukaiya นักแต่งเพลงและประพันธ์ทำนองให้กับรถไฟฟ้าเหล่านี้ รู้หรือไม่ว่าเขาเพียงคนเดียว เป็นผู้แต่งทำนองเพลงให้กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินโตเกียวมากกว่า 110 สถานี หากตีเป็นจำนวนเพลงก็ได้มากถึง 200 เพลงกันเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละสถานีก็จะมีเพลงประจำเป็นของตัวเอง สำหรับชีวิตของคุณ Minoru Mukaiya ในอดีตนั้นเป็นนักดนตรีมืออาชีพ เป็นมือคีย์บอร์ดให้กับวง Casiopea ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 – พ.ศ. 2549 ในปัจจุบันเขามีอายุ 61 ปีแล้ว ภายหลังจากเลิกเล่นดนตรีให้กับวงเขาจึงหันมาอุทิศทักษะและความสามารถในด้านดนตรีให้กับการรถไฟแทน และในช่วงการคิดเพลงและทำนองสำหรับสถานีรถไฟนั้น เขาจะใช้เวลาในการบังคับรถไฟผ่านเครื่องจำลองการขับรถไฟ เพื่อคิดค้นเพลงต่างๆ ขึ้นมา หลักการแต่งเพลงของเขานั้น จะใช้โทนเสียงที่จำได้ง่ายและไพเราะเสนาะหู ซึ่งถ้าหากใช้เสียงโทนสูงมากเกินไปจะทำให้ไม่น่าฟัง เขาจึงเลือกใช้เสียงที่มีความละมุนที่สามารถดึงดูดและทำให้เป็นที่จดจำได้ง่าย …
-
หนุ่มกำจัดขยะบังเอิญเจอ ‘ระเบิด’ นึกว่าของปลอมเลยเอามาโยนเล่นกับเพื่อน ที่แท้ของจริง…
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากคุณเจอระเบิดเข้าโดยบังเอิญ?? คุณก็อาจจะเรียกตำรวจมาที่บ้านหรือวิ่งหนีออกจากมันให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะมันอาจจะตูมตามขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และแน่นอนว่าคุณคงไม่ทำเหมือนกับสองชายหนุ่มนี้แน่ เพราะสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อเจอระเบิดก็คือ ‘โยนมันเล่นไปมา’ เพราะนึกว่ามันเป็นของปลอม ก่อนที่จะรู้ความจริงแล้วแทบจะลงไปทรุดกับพื้นว่าทำอะไรลงไปเนี่ย… โดยเรื่องมีอยู่ว่านาย James Oliver อายุ 24 ปีชาวอังกฤษได้ดำเนินธุรกิจกำจัดเก็บเศษขยะตามบ้านชื่อว่า BVE Clearances ในย่านเจอร์ซี ประเทศอังกฤษ แล้วมีอยู่วันหนึ่งเขาได้เข้าให้บริการแก่บ้านหลังหนึ่งและได้พบกับระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้อย่างบังเอิญ ซึ่งทันทีที่เขาเจอนั้นก็ไม่ได้แสดงทีท่าตกใจแต่อย่างใด แถมยังหัวเราะใส่อีกว่าระเบิดปลอมอะไรมันจะเหมือนจริงขนาดนี้กันเนี่ย เท่านั้นยังไม่พอยังเอาระเบิดนี้ไปโยนเล่นกับ Connor Maher เพื่อนร่วมงานไปมาอย่างสนุกสนานอีกด้วย แต่ถึงกระนั้นเมื่อเขาได้นำไปให้เพื่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจดู ก็ต้องหน้าถอดสีเพราะระเบิดที่เขาขว้างไปมานี้มันกลับเป็นของจริงขึ้นมา โดยคำบอกจากปากของตำรวจเอง!! “ผมคิดว่ามันไม่ใช่ของจริง นี่ผมขับรถทั้งๆ ที่มีระเบิดจริงๆ อยู่ในรถตลอดทั้งวันเลยนะเนี่ย แถมผมยังเอาไปโยนเล่นอีกตั้งหลายครั้ง” “ตอนแรกผมแกล้งอำเพื่อนที่เป็นตำรวจของผมเล่นๆ ว่า เฮ้ย ตูคิดว่ามีระเบิดอยู่หลังรถตู้ตูว่ะ ซึ่งตอนแรกเขาก็คิดว่ามันเป็นของปลอมเหมือนกัน แต่เมื่อเขาเดินมาดูแล้วก็รีบเอากรวยมาล้อมรถตู้ของผมไว้เลย แถมยังเรียกกำลังเสริมกับผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิดมาอีก” “ผมยอมรับเลยนะว่าผมช็อกจริงๆ ตอนที่รู้ว่ามันเป็นของจริง” James กล่าว โดยทางผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิดหลังจากตรวจสอบเสร็จแล้ว เขาก็บอกว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วที่พวกเขานำระเบิดนี้มาให้ตำรวจดู แต่ว่าการพามันทัวร์ไปรอบๆ เกาะนี้ไม่น่าจะใช่ไอเดียที่ดีสักเท่าไหร่นัก และในตอนนี้ระเบิดลูกนั้นก็ถูกทำลายแล้วเรียบร้อย…
-
พนักงานร้อยคนเลิกทำงาน เพราะเพื่อนร่วมงาน ถูกนายจ้าง ‘เหยียดผิว’ และ ‘ไล่ออก’!!
ในยุคปัจจุบันที่โลกของเราพัฒนาความคิดเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ ทางเชื้อชาติ มาจนถึงขนาดที่ว่ายอมรับซึ่งกันและกันได้แล้ว นั่นทำให้พฤติกรรมต่างๆ ที่ส่อแววให้เห็นถึงความเหยียด การไม่ยอมรับกับความหลากหลายเหล่านั้น มักจะกลายเป็นเรื่องที่คนในสังคมไม่สามารถยอมรับได้ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้เมื่อพนักงานคนหนึ่งในบริษัทถูกเหยียดสีผิวและถูกไล่ออก พนักงานคนอื่นๆ ก็เลยหยุดทำงานแล้วก็เดินออกจากบริษัทไปทั้งอย่างนั้นเลย เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ถูกบันทึกเอาไว้โดยนาย Antoine Dangerfield วัย 30 ปี เขาโพสต์วิดีโอดังกล่าวลงบนโลกโซเชียลพร้อมกับแคปชันว่า “ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน…พวกเขาคงคิดว่าจะทำเ*ยอะไรกับคนเม็กซิกันในที่ทำงานของผมก็ได้ โดนไปซะ!!” ตามรายงานระบุเอาไว้ว่าเหตุเกิดในอินเดียนาโปลิส รัฐอินเดียนา สหรัฐฯ ที่โรงเก็บพัสดุของ UPS แต่แล้วจู่ๆ พนักงานหลายคนก็ทิ้งงานของตัวเองแล้วเดินออกมามากกว่า 100 คน!! เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเจ้านายที่กระทำการเหยียดเชื้อชาติเพื่อนร่วมงานของพวกเขา Antoine เล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นว่า “มีหนึ่งในเจ้านายคนหนึ่งของเราที่ชอบเหยียดทุกคนที่ไม่ใช่คนผิวขาว เวลาที่เขามาตรวจงานพวกเราจะบอกกันว่าให้ระวังเอาไว้ เพราะเขามักจะคอยมาหาเรื่องเราตลอดเพื่อให้ถูกไล่ออก” “แล้ววันนั้นจู่ๆ เขาก็บอกให้พนักงานเม็กซิกันคนหนึ่งที่พูดภาษาอังกฤษได้ช่วยแปลคำพูดของเขา ให้กับคนเม็กซิกันอีกคนฟัง แล้วก็เป็นคำพูดที่ไม่ดี แต่พนักงานคนนั้นไม่ยอมทำ เจ้านายก็เลยโมโหแล้วไล่เขาออก” “จากนั้นเขาก็เดินไปไล่พนักงานที่เป็นเม็กซิกันออกทีละคน ทีละคนประมาณ 5 ถึง 6 คนได้” ชาวเน็ตหลายคนที่ได้เห็นคลิปวิดีโอเหตุการณ์นี้ต่างก็แสดงความเห็นชื่นชมเหล่าคนงาน ยูทูบเบอร์รายหนึ่งกล่าวว่า “ผมชอบมากเลย…
-
ชาวอังกฤษเสียชีวิตจากคลื่นความร้อนทะลุ 650 ราย กรมอุตุฯ ชี้อาจร้อนเกือบ 50 องศาฯ
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา สื่อต่างประเทศได้รายงานตัวเลขจากสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ระบุว่า ขณะนี้ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนมีมากกว่า 650 รายแล้ว และมีทีท่าว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!! จากรายงานดังกล่าวเผยว่าขณะนี้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 663 ราย ซึ่งถือเป็นจำนวนที่มากที่สุดในรอบ 5 ปี เลยก็ว่าได้ ทางผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเตือนว่า ผู้ป่วยที่มีอาการโรคไต และโรคหัวใจให้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากมีโอกาสเสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้ ประธานสมาคมแพทย์เวชศาสตร์เฉียบพลันกล่าวว่า อากาศที่ร้อนจัดในประเทศอังกฤษขณะนี้ มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการหัวใจวาย และสร้างความผิดปรกติกับทางเดินหายใจได้ “คลื่นความร้อนเป็นสาเหตุให้ร่างกายสูญเสียน้ำ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่จะมีอาการวิงเวียนศีรษะ หัวใจเต้นผิดจังหวะ และมีความเสี่ยงที่อาจเกิดอาการหัวใจวายได้ ” ขณะนี้คลื่นความร้อนปกคลุมมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ประเทศอังกฤษแล้ว และล่าสุดนักอุตุนิยมวิทยาได้ให้สัมภาษณ์ว่า ในสัปดาห์หน้าคลื่นความร้อนจะแพร่ขยายไปยังพื้นที่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศอีกด้วย จากรายงานเผยว่าอุณหภูมิสูงสุดของประเทศอังกฤษอยู่ที่ 35.3 องศา ซึ่งบันทึกได้บริเวณท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้นักอุตุนิยมวิทยายังได้ให้สัมภาษณ์อีกว่า ในช่วงวันจันทร์ถึงวันพุธนี้ อาจจะมีพายุฝนฟ้าคะนองในพื้นที่อังกฤษและเวลส์ แต่อย่างไรก็ตามอุณหภูมิก็ยังคงสูงอยู่ดี อย่างไรก็ตามสถานการณ์คลื่นความร้อนในประเทศอังกฤษขณะนี้ถูกจัดให้อยู่ในการเตือนภัยระดับ…
-
รู้จักกับ Turrion Borrallo พี่เลี้ยงเด็กหลวงแห่งราชวงศ์อังกฤษ บอกเลยว่า ‘ไม่ธรรมดา’!!
เพื่อนๆ เคยรู้กันไหมว่า การจะเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้กับราชวงศ์แห่งอังกฤษจะต้องทำอะไรเป็นบ้าง ลองไปชมเรื่องราวต่อไปนี้พร้อมๆ กันเลยดีกว่า… ขอแนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักกับ Maria Teresa Turrion Borrallo พี่เลี้ยงหลวงแห่งราชวงศ์อังกฤษ ที่ทำหน้าที่เลี้ยงดูเจ้าชายและเจ้าหญิงตัวน้อยๆ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าเธอไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กธรรมดาๆ เพราะนอกจากจะต้องมีความรู้ที่รอบด้าน ความเชี่ยวชาญในการดูแลเด็ก และยังต้องมีเทคนิคในการรับมือกับการก่อการร้ายอีกด้วย เพราะเด็กๆ ที่เธอต้องดูแล จะกลายเป็นว่าที่ราชาและราชินีในอนาคตเลยทีเดียว!! Turrion Borrallo เป็นหญิงสาวชาวสเปนที่ถูกจ้างงานโดยเจ้าชายวิลเลียม และดัชเชสเคท มิดเดิลตัน เนื่องจากภารกิจต่างๆ ที่รัดตัวมากจนเกินไปทำให้พวกเขาต้องมองหาพี่เลี้ยงเด็กสักคนหนึ่งมาดูแลเจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ รวมไปถึงเจ้าชายหลุยส์ แต่การจะเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้กับราชวงศ์นั้นไม่ง่ายเลย เพราะต้องเรียนจบมาจากวิทยาลัย Norland ที่เป็นหนึ่งในโรงเรียนเฉพาะของประเทศอังกฤษ ที่มีไว้ผลิตพี่เลี้ยงเด็กที่มีคุณภาพออกมาโดยเฉพาะ คนที่มาเรียนที่นี่จะได้รับการฝึกป้องกันตัวเอง ให้มีเทคนิคในการรับมือกับการก่อการร้าย รวมถึงการฝึกขับรถที่อยู่ในขั้นผู้เชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างการพาเจ้าชายและเจ้าหญิงไปส่งที่โรงเรียน นอกจากนี้คนที่เรียนจบมาจากวิทยาลัย Norland ส่วนใหญ่แล้วจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กเพื่อเลี้ยงดูเหล่าลูกท่านหลานเธอกันทั้งนั้น แน่นอนว่าการเป็นพี่เลี้ยงหลวงของราชวงศ์ ทำให้เธอต้องอาศัยอยู่ที่พระราชวังเคนซิงตันร่วมกับเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ ด้วย แถมยังต้องเดินทางไปไหนมาไหนร่วมกับเจ้าชายวิลเลียมและดัชเชสอยู่เสมอ ทั้งแคนาดา โปแลนด์ เยอรมนี และออสเตรเลีย เป็นต้น…
-
ชาวเน็ตกรี๊ด!! ความน่ารักของ ‘Danny & Aaron’ คู่รักเพศทางเลือกที่แค่เห็นภาพก็ฟินกระจาย!!
เมื่อเร็วๆ มานี้เรียกได้ว่ากำลังเป็นที่ฮือฮาและแชร์กันอย่างอุตลุดจริงๆ สำหรับความน่ารักกรุบกริบของคุณ Danny ชาวจีนกับแฟนหนุ่ม Aaron ชาวอเมริกัน ที่แม้ว่าเรื่องของเชื้อชาติจะแตกต่างกันแบบสุดๆ ทว่าก็ไม่ได้เป็นปัญหาเลยสำหรับความรักที่ทั้งคู่มีให้แก่กัน โดยทั้งคู่ต่างผลัดกันแชร์โมเมนต์ความหวานลงสู่สายตาชาวโลกผ่านทาง Instagram ซึ่งหากใครที่ได้เห็นต่างก็ต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ทั้งคู่เป็นคู่ที่ลงตัวกันแบบสุดๆ เอาเป็นว่าจะเป็นจริงหรือไม่ลองดูภาพข้างล่างนี้ก่อนก็แล้วกัน และหากใครอยากติดตามดูความน่าหยิกของทั้งคู่ต่อล่ะก็ สามารถตามกันได้ที่นี่เล้ย Danny >> Dannychewy Aaron >> sullen.prince เป็นไงล่ะ แค่ภาพแรกนะ มองตากันแบบหวานสุด มีฟินกันไปข้างแหละ นั่งดูวิวด้วยกันอย่างมีความสุข มีความหน้าคล้ายกันเหมือนกันแฮะ หน้าใสทั้งคู่เลยจ้า ดูที่มือดีๆ มีแอบหวาน อ่ะๆ ทำไรกันน่ะ เลือกซื้อจองจุ๊กจิ๊กตามประสา มีความสู๊ขข จะสวีทกันเกินไปละนะ ตายๆ เจอช็อตนี้เข้าไป ลงตัวมากๆ ไปชอปปิงกันเถอะ เอาซี่ ก็คนมันมีอะ …
-
โจรสุดเก๋าโชว์ห้าวตอบโพสต์เฟซบุ๊กของกรมตำรวจ ‘Catch Me If You Can’ มันจะหยามไปแล้ว!!
สำหรับคนที่เป็นโจรผู้ร้ายแล้ว หนึ่งในความน่าตื่นเต้นของชีวิตพวกเขาก็คือการทำยังไงก็ได้ไม่ให้ ‘ถูกตำรวจจับได้’ ดังนั้นแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรเลยถ้าเหล่าอาชญากรเหล่านี้ จะซุ่มเงียบไม่ยอมเปิดเผยตัวตน หรือบางทีก็อาจหายเข้ากลีบเมฆไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้ให้ตำรวจได้สืบหาตัว แต่ว่ามีคนร้ายอยู่คนหนึ่งที่มั่นใจในตัวเองแบบสุดๆ ว่าตำรวจไม่สามารถตามตัวเขาได้แน่ๆ เลยไปตอบในโพสต์เฟซบุ๊กของกรมตำรวจว่า ‘มาจับผมทีถ้าทำได้นะ’ !! โดยเรื่องมีอยู่ว่านาย Jake Vesey ชาวเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ได้ตกเป็นผู้ร้ายในข้อหาโจรกรรมที่ทางตำรวจต้องการตัว แต่จนแล้วจนรอดทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถหาตัวของชายคนนี้ได้สักที จึงได้โพสต์ขอความช่วยเหลือจากชาวเมืองว่า ถ้าพบเห็นชายคนนี้หรือว่ามีเบาะแสช่วยแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ทราบหน่อย โพสต์ของทางเจ้าหน้าที่ โดยโพสต์เขียนไว้ว่า “ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบหาชายตามหมายจับคนหนึ่งจากทางใต้ของแมนเชสเตอร์ นั่นคือนาย Jake Vesey ผู้ที่มาจากย่าน Brooklands ซึ่งเขาผู้นี้ได้กระทำผิดในข้อหาโจรกรรม พร้อมกันนี้ยังมีส่วนเกี่ยวข้องในการขโมยรถในทางใต้ของแมนเชสเตอร์เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2018 ด้วย” “การจับกุมชายคนนี้เป็นไปอย่างอยากลำบาก จึงทำให้ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ต้องขอแรงจากประชาชนในการช่วยติดตามชายคนนี้ด้วย เป็นที่รู้กันดีว่าเขามักจะเกี่ยวข้องกับบริเวณทางตอนใต้ของเมือง รวมถึงย่าน Salford ถ้าใครมีเบาะแสล่ะก็โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่โดยเร็วที่สุด…” เมื่อโพสต์ได้ลงสู่อินเทอร์เน็ตก็มีการแชร์ออกไปถึง 50 ครั้ง แต่คงไม่มีใครคาดถึงว่าจะมีคอมเมนต์จากคนที่ถูกประกาศจับมาตอบด้วยตัวเองอย่างนี้ มาจับผมทีถ้าคุณทำได้อ่ะนะ การคอมเมนต์ของ Jake ดูจะเป็นการท้าทายเจ้าหน้าที่จริงๆ ที่มาเหยียบจมูกกันถึงเพียงนี้ แต่ถึงอย่างไรในเวลาต่อมาคอมเมนต์นี้ก็สลายหายไปอย่างทันควันเป็นที่เรียบร้อย ในตอนนี้ยังไม่มีรายงานว่าตำรวจจับกุมเขาได้หรือยัง แต่ถ้าเขาเกิดถูกจับขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ คงจะถูกมองว่าเป็น ‘ไอ้ทึ่ม’ จริงๆ ที่มาท้าทายตำรวจถึงหน้าบ้านอย่างนี้…
-
Trump ก่อดราม่าเหยียด Lebron James ว่าเป็นคนโง่หลังที่เขาเพิ่งตั้ง รร. ให้เด็กด้อยโอกาส
Donald John Trump หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 45 จากพรรค Republican เพื่อนๆ หลายคนคงรู้ Donald Trump กันอยู่แล้ว จากหลายๆ ข่าวที่เขามีส่วนร่วมทั้งข่าวดีๆ และข่าวไม่ดีต่างๆ นานา (แต่ส่วนมากจะเป็นข่าวฉาวๆ เสียมากกว่า) ล่าสุด Donald Trump ได้สร้างประเด็นดังอีกครั้งแล้ว หลังจากใช้ทวิตเตอร์ไปทวีตข้อความในเชิงดูถูกเหยียดหยาม Lebron James นักบาสชื่อดังของ LA Lakers หลังจากที่เขาได้ทำพิธีเปิดโรงเรียน I Promise โรงเรียนเพื่อเด็กที่ขาดโอกาสทางการศึกษา https://instagram.com/p/Bl6DGb8AHXb/?utm_source=ig_embed&utm_campaign=embed_loading_state_control เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ Lebron James ได้ทำพิธีเปิดตัว “I Promise School” โรงเรียนเพื่อเด็กขาดโอกาสของเขาเอง โดยที่ค่าใช้จ่ายทุกอย่างสำหรับนักเรียนนั้น “ฟรี” หากพวกเขาผ่านเงื่อนไขต่างๆ ที่เจ้าตัวตั้งเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าเทอม อาหาร รถรับส่งและทุนการศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย Akron อีกด้วย แต่ประเด็นคือวันที่…
-
เตือนภัย!! หญิงสาวเติม “รอยสัก” สุดท้ายมือบวม ผิวหนังลอก มีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง!!
ในปัจจุบัน การสักเพื่อความสวยงาม เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งหญิงและชาย แต่ในขณะที่เรากลัวแค่ว่ามันจะเจ็บในตอนลงหมึก แท้จริงแล้วมันอาจมีอาการบาดเจ็บอันเลวร้ายที่ตามมาโดยที่เราคาดไม่ถึงก็เป็นได้ หญิงสาวคนนี้คือ 1 ในคนที่ได้รับบาดแผลจากการสักในแบบที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน เพราะมันทำให้หนังของเธอหลุดลอกออกมาอย่างน่าสยดสยอง คำเตือน – ภาพประกอบมีความรุนแรง อาจสะเทือนอารมณ์และติดตาไปอีกนาน เห็นแล้วต้องมีคนขนลุกกันบ้างแหละ!! เธอมีชื่อว่า Toni Mansfield คุณแม่ลูก 3 วัย 28 ปี เธอได้ไปสักที่ร้าน Studio Thir13en เมือง Flint สหราชอาณาจักร จนกระทั่งเมื่อเธอได้เข้าไปเติมรอยสักตรงหลังมือเป็นครั้งที่ 2 จู่ๆ ผิวหนังบริเวณนั้นก็บวมขึ้นมาอย่างน่าแปลกใจ Toni คุณแม่ผู้ได้รับบาดแผลฉกรรจ์กลับมา หลังจากการสัก Toni เล่าว่า “ในครั้งนั้นฉันทาครีมที่ทำให้ชาเพื่อลดอาการเจ็บปวด จากนั้นจึงทำการสักโดยใช้เวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมง แต่พอเสร็จแล้ว มือของฉันก็เกิดอาการบวมและผิวหนังก็เริ่มลอกออกมา” เธอเล่าต่อไปว่า “ฉันเริ่มรู้สึกหน้ามืดเพราะบาดแผลที่เกิดขึ้นนั้นมันเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ฉันจึงรีบไปโรงพยาบาลในทันทีเมื่ออดทนกับความเจ็บไม่ไหวแล้ว และต้องยกมือขึ้นสูงตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นจะเกิดอาการเจ็บๆ…
-
ดราม่ารื้อถอน “ศาลเจ้าคินโช” ต้นแบบในหนัง “ปอมโปโกะ” ของ Ghibli จนแฟนๆ ลงชื่อค้าน!!
สำหรับคนที่ติดตามผลงานของสตูดิโอจิบลิมากันอย่างยาวนาน อาจจะเคยได้ยินชื่อของภาพยนตร์อนิเมชั่นที่เคยออกมาในปี 1994 อย่าง Pom Poko หรือ “ปอมโปโกะ ทานูกิป่วนโลก” กันมาบ้าง นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเหล่าทานูกิที่พยายามหยุดยั้งมนุษย์ที่จะทำลายผืนป่าบ้านเกิดของพวกมัน ด้วยเล่ห์กลต่างๆ นานา นั่นเอง โดยในเรื่อง จะมีศาลเจ้าอยู่แห่งหนึ่งที่ปรากฏออกมาให้เห็นอยู่บ่อยๆ ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่มีต้นแบบมาจากศาลเจ้าคินโช ศาลเจ้าเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 1956 ตั้งอยู่ในเมืองโคมาซึชิมะ จังหวัดโทกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น และนี่ก็เป็นที่มาของเรื่องราวในครั้งนี้ เพราะศาลเจ้าคินโชในเวลานี้ กำลังจะถูกรื้อถอนเพื่อทำเป็นลานจอดรถเสีย จากแผนการพัฒนาพื้นที่ แน่นอนว่าหลังจากที่เรื่องที่เกิดขึ้นรู้ไปถึงหูของแฟนๆ สตูดิโอจิบลิในพื้นที่ ก็ทำให้เกิดการออกมาคัดค้านการรื้อถอนในครั้งนี้ของผู้คนจำนวนมาก เกิดเป็นคณะกรรมการประชาชนเพื่อปกป้องศาลคินโชขึ้นมา เป้าหมายของพวกเขานั้น ไม่ใช่การต่อต้านการพัฒนาพื้นที่ เพียงแต่ขอให้รักษาศาลเจ้าอันเป็นเอกลักษณ์แห่งนี้เอาไว้ โดยที่มีการออกรวบรวมรายชื่อทั้งในรูปแบบลายลักษณ์อักษรและการร่วมลงรายชื่อออนไลน์ ผลการตอบรับของการลงรายชื่อในครั้งนี้เรียกได้ว่าได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีเลย เพราะภายในเวลาไม่ถึง 3 เดือน พวกเขาก็สามารถรวบรวมรายชื่อต่อต้านการรื้อถอนได้มากกว่า 10,000 รายชื่อแล้ว ทั้งนี้ได้มีการยื่นรายชื่อทั้งหมดให้แก่นายกเทศมนตรี และประธานสภาเทศบาลเมืองโคมะซึชิมะไปในวันที่ 31 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา โดยที่เหล่าแฟนๆ หวังกันเป็นอย่างยิ่งว่าการกระทำของพวกเขาจะช่วยปกป้องศาลเจ้าแห่งนี้ไว้ได้ อย่างไรก็ตามปัญหาเกี่ยวกับศาลเจ้าแห่งนี้ยังคงเหลืออยู่อีกข้อหนึ่ง…
-
สาววัย 19 งง!! ถูกรปภ. ไล่ออกจากห้าง เพราะใส่กางเกงสั้นเกิน หวั่นทำหนุ่มๆ ในห้างใจแตก
ถึงแม้หลายคน อาจจะมองว่าการเลือกสวมเสื้อผ้านั้นเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่เราสามารถเลือกทำได้อย่างไม่ผิดกฎหมาย หรือจะให้พูดง่ายๆ ก็คือเรื่องของฉันนั่นแหละ!! แต่บางครั้งเรื่องของฉัน อาจจะไม่ใช่เรื่องของคุณเพียงคนเดียว ถ้าหากว่ามีคนอื่นๆ แสดงความห่วงใยคุณแบบออกนอกหน้า และบอกว่าชุดของคุณกำลังสร้างกระวนกระวายใจให้กับใครบางคน แบบกรณีของสาวรายนี้… Gabrielle Gibson สาวน้อยวัย 19 ปี ได้แต่ยืนมองสินค้าลดราคาอยู่หน้าตู้กระจก หลังจากที่เธอถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทางห้างฯ ห้ามเข้า เนื่องจากเธอสวมกางเกงขาสั้นเกินไป!! ถึงแม้ว่าวันนั้นจะเป็นวันที่แดดอากาศค่อนข้างร้อน แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะไม่เข้าใจความอึดอัดของวัยรุ่นสาวเลย เธอให้สัมภาษณ์ว่าเหตุการณ์นี้ทำให้เธอรู้สึกแย่มาก “มันทำให้ฉันเสียหน้ามา เอาจริงๆ นะ ฉันอายมาก ฉันถูกเรียกด้วยคำแย่ๆ ทั้งที่ก็แค่อยากออกมาพักผ่อนในวันหยุดแบบสบายๆ เท่านั้น “ นอกจากนี้เธอยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตัวเธอเองรู้สึกผิดหวังกับทัศนคติของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรายนั้น พร้อมกับบอกว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องไล่เธอออกจากห้างฯ เลยด้วยซ้ำ Gibson ถ่ายภาพชุดของเธอลงบนโลกออนไลน์ พร้อมกับบอกว่าเธอถูกคุกคาม เพียงเพราะว่าผู้ชายคนอื่นๆ ไม่รู้จักควบคุมตัวเอง นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่า เธอถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เอาแต่จ้องบั้นท้ายเธอ บอกว่าเธอแต่งตัวไม่เหมาะสมอีกด้วย “ฉันบอกพวกเขาว่าฉันแค่มีต้นขาที่ใหญ่ แล้วอากาศมันก็ร้อนเกินไปที่จะใส่ยีนขายาว ไอ้การที่ขากางเกงมันจะร่นขึ้นมานิดหน่อยมันก็ช่วยไม่ได้นี่นา จากนั้นเขาก็ขู่ฉันว่าจะแจ้งตำรวจ” สาววัย 19 ปีให้สัมภาษณ์ ที่มา thesun, mirror, dailymail
-
สรุปดราม่า ‘ณัฐ ศักดาทร’ โต้ชาวเน็ตแซวเรื่องความสูง ด้วยความรู้วิทยาศาสตร์แบบสุดแซ่บ!!
กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนๆ ที่ถูกพูดถึงในโลกโซเชียล ณ ขณะนี้เลย เมื่อ ณัฐ ศักดาทร หรือ ณัฐ AF ได้ออกมาโต้คอมเมนต์สุดเดือดกับชาวเน็ตที่จู่ๆ ก็มาทักเขาเรื่องความสูง เรื่องราวมันเป็นมาอย่างไรกันแน่ วันนี้ #เหมียวหง่าว จะมาสรุปให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน แบบเข้าใจง่ายๆ แป๊บเดียวจบในบทความนี้กันครับ เรื่องมีอยู่ว่า ณัฐ ศักดาทร ได้รับเชิญให้ไปออกรายการ I can see your voice ที่ออกอากาศในวันพุธที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้นเจ้าตัวก็โพสต์คลิปสั้นๆ เป็นทีเซอร์เรียกน้ำย่อยลงอินสตาแกรมส่วนตัวเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พร้อมกับแคปชั่นว่า “อะๆๆ ในที่สุดก็ได้มาออกรายการนี้แล้ว! ขำเหนื่อยมาาากกก 555 รอดูกันนะครับบบบ~~ พุธนี้ 2 ทุ่ม” จากนั้นก็มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์กันไปต่างๆ นานา ว่ารอดูบ้าง จะคอยติดตามดูบ้าง แต่จู่ๆ ก็มีชาวเน็ตรายหนึ่งมาคอมเมนต์เกี่ยวกับความสูงของเขา พอเจ้าตัวมาเห็นเข้าก็เลยตอบกลับไปด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่ทำให้นึกถึงเนื้อหาวิชาชีวะตอน ม.ปลาย เลยทีเดียว …
-
เป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย!! สาวโชว์เทคนิคแต่งหน้าสุดโปร ชาวเน็ตงง คนเดียวกันจริงดิ
ผู้หญิงกับความสวยงามมักจะเป็นของที่คู่กันอยู่เสมอ และหนึ่งในส่วนที่ช่วยได้มากๆ ในทุกวันนี้ก็คือ ‘การแต่งหน้า’ ที่จะช่วยให้สาวๆ ได้ลบริ้วรอย ปิดสิวกำจัดเสี้ยนได้แบบหมดจด แถมบางทีก็อาจทำให้หน้าใสจนผู้ชายหลายคนต้องเหลียวมองจนคอแทบหัก แต่ใครจะไปคิดว่าการแต่งหน้าจะสามารถช่วยให้หน้าเปลี่ยนไปได้มาก ราวกับว่าเป็นคนละคนเหมือนกับผู้หญิงคนนี้ ที่เธออัดคลิปให้เห็นไปเลยว่า พลังแห่งการแต่งหน้านั้นมันรุนแรงซะจริงๆ !! วิดีโอการแต่งหน้าที่ดังไปทั่วโลกไซเบอร์ เรียกได้ว่าเป็นคลิปที่ทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยก็ว่าได้ สำหรับคลิปการแต่งหน้าของสาวชาวจีนชื่อว่า Qi Huahua ที่ได้โชว์เทคนิคอันแพรวพราวในการละเลงศิลปะลงบนใบหน้า จนแทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเอง โดยวิดีโอนี้ได้เริ่มขึ้นจากการใช้โลชั่นนานาชนิดจัดการเกลี่ยไปทั่วๆ หน้ารวมถึงครีมและมอยส์เจอร์ไรเซอร์ต่างๆ จนดูได้ว่าหน้าเริ่มนวลขึ้นอย่างทันตาเห็น จากนั้นก็ตกแต่งบริเวณ ‘ดวงตา’ หน้าต่างของหัวใจเล็กน้อยอย่างการเขียนคิ้วให้เด่นชัด, อายแชโดว์ และการติดขนตาปลอมเป็นอันเสร็จสิ้น และเทคนิคที่เด็ดที่สุดในคลิปนี้ของเธอก็ต้องยกให้ การใช้เทปแปะบริเวณกรามทั้งสองข้างเพื่อให้หน้าดูเรียวขึ้น พร้อมทิ้งปิดท้ายด้วยการทาครีมบริเวณคอเพื่อให้กลมกลืนกับผิวหน้านั่นเอง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่ได้กล่าวมานี้ได้ทำให้ในตอนสุดท้าย เธอดูสวยขึ้นราวกับว่าเป็นคนละคน โดยวิดีโอของเธอนี้ได้ทำให้คนที่เข้าชมรู้สึกอึ้งจนแทบจะตกเก้าอี้ และได้กลายเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็วและมีความคิดเห็นถาโถมเข้ามามากมาย อาทิ “ทุกวันนี้ การออกเดตต้องทำกลางฝนแล้วล่ะ” “ถึงผู้ชายทุกคน ฉันอยากแนะนำให้พาสาวๆ ของพวกคุณออกเดตด้วยการไปว่ายน้ำด้วยกันน่าจะดีที่สุด” “ฉันไม่สามารถแม้แต่จะแต่งหน้าปิดสิวได้มิด นี่มันคือเวทมนตร์ใช่ไหมเนี่ย” เห็นไหมล่ะว่าเรื่องการแต่งหน้าด้วยเทคนิคต่างๆ สามารถเนรมิตความสวยให้กับสาวๆ ได้จริงๆ แต่ทั้งนี้แล้วก็ควรแต่งหน้าให้เหมาะกับสไตล์ของตัวเองน่าจะเป็นการดีที่สุดแล้วล่ะ… …
-
ภาพบรรยากาศ Taipei Red Expo 2018 งาน “ผู้ใหญ่” โดยเฉพาะ บอกเลยตัวท็อปเพียบ!!
เรียกได้ว่าเป็นงานอีเวนท์ในฝันสำหรับชายทุกหมู่เหล่าเลยก็ได้สำหรับ ‘งานผู้ใหญ่’ ที่เราจะได้มีโอกาสได้พบปะกับแม่โคนมเหล่านักแสดง AV ทั้งหลาย และในงานล่าสุดนี้ก็จัดขึ้นในประเทศไต้หวัน โดยใช้ชื่อว่า ‘Teipei Red Expo’ หรือเรียกสั้นๆ ว่า TPE งาน TPE นี้คืองานที่จะทำให้คุณรู้สึกขนลุก ซู่ซ่าตั้งแต่ยังไม่เข้าสถานที่จัดงานนั่นก็คือที่ New Taipei City Industrial and Commercial Exhibition Center เพราะทันทีที่คุณแค่ลงรถก็จะเห็นว่ามีสาวๆ น่ารักๆ สุดแสนจะน่าจิ้ม (ลิ้ม) มากมายมาคอยต้อนรับอยู่ตั้งแต่หน้าหัวกระได โดยงานแห่งความสุขนี้จัดขึ้นในวันที่ 3 – 5 สิงหาคม (กำลังจัดอยู่) ซึ่งถ้าคุณคิดว่าแค่ข้างนอกงานยังฟินขนาดนี้ ข้างในจะขนาดไหน คุณคิดถูกแล้ว!! เพราะภายในงานคุณจะได้พบกับเหล่าดาราเอวีที่น่าจะผ่านหูผ่านตาผ่านมืออย่างคับคั่งจนคุณจะสำลักความสุขจนล้นเลยทีเดียว และสำหรับตัวท็อปจากฝั่งญี่ปุ่นที่จะเข้ามาร่วมงานนี้ก็ได้แก่ Arina Hashimoto, Kirara Asuka, Julia และ Shiina Sora แค่ได้ยินชื่อก็อยากจะบินไปซะเดี๋ยวนี้เลยใช่ไหมล่ะ แต่เดี๋ยวก่อนรู้ไหมว่าภายในงานแห่งนี้ จะมีกิจกรรมให้คุณได้ทำร่วมกับนักแสดงเอวีอย่างมากมายเช่น เล่นเกม ถ่ายรูปร่วมกัน จับไม้จับมือ หรือแม้แต่อื่นๆ อย่างการเต้นโชว์แสนสยิวกิ้วหรืออาบน้ำโชว์ด้วย…
-
นักท่องเที่ยวคุกเข่า ‘ขอแต่งงาน’ มินนี่เม้าส์ที่ดิสนีย์เวิร์ลด์ ทำเอามิกกี้เม้าส์ลุกเป็นไฟ!!
สำหรับแฟนๆ การ์ตูนดิสนีย์แล้วจะรู้กันดีว่า ‘มิกกี้เม้าส์’ กับ ‘มินนี่เม้าส์’ ทั้งสองคนนี้เค้าเป็นแฟนกัน… แต่ล่าสุดมีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งเดินทางไปเที่ยวที่สวนสนุกดิสนีย์เวิร์ลด์ ในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วดันไปคุกเข่าขอแต่งงานมินนี่เม้าส์ซะได้!? เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา จู่ๆ นักท่องเที่ยวรายหนึ่งเกิดเล่นพิเรนทร์ อยากจะทำครอบครัวมิกกี้เมาส์บ้านแตก อยู่ๆ ก็เดินไปคุกเข่าขอแต่งงานมินนี่เม้าส์ ขณะที่มิกกี้เม้าส์ผู้เป็นแฟนหนุ่มยังยืนอยู่ต่อหน้าต่อตาแท้ๆ ทุกอย่างมันเริ่มขึ้นจากการที่หญิงสาวคนหนึ่งสวมหูมิกกี้เม้าส์มาขอกอดแล้วก็ถ่ายรูปกับเธอ ก่อนที่ชายหนุ่มที่เป็นเพื่อนของหญิงสาวคนนั้นเดินเข้ามาพร้อมกับสวมหูมิกกี้เม้าส์มาด้วย แล้วก็คุกเข่าลงต่อหน้ามินนี่เม้าส์ แต่แทนที่จะหวงตัวซะหน่อย เพราะตัวเองก็มีแฟนแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่านางยอมรับจ้า ทีนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่บ้านแตกเลยทีเดียวเชียว เพราะมิกกี้เม้าส์ผู้เป็นแฟนก็ยืนอยู่ข้างหลังนั้นเอง!! กลายเป็นเหตุการณ์รักสามเส้าไปได้อย่างไรล่ะนี่ มิกกี้เม้าส์ผู้เป็นแฟนหนุ่มก็รีบเดินเข้ามาพร้อมกับมินนี่เม้าส์ที่วิ่งไปหลบพร้อมกับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (นังงูพิษ!!) ปล่อยให้ชายหนุ่มชู้รักเผชิญหน้ากับมิกกี้เม้าส์เพียงลำพัง จากนั้นนังมินนี่เม้าส์ตัวดีก็หันไปเข้าข้างแฟนหนุ่มของตัวเอง พร้อมแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น (แหมๆๆๆๆ) ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการเดินจากไปของหนุ่มชู้รักผู้อกหัก พร้อมกับท่าทางของมิกกี้เม้าส์ที่บอกว่า ‘ตรูจับตาดูเอ็งอยู่นะเฟร้ย!!’ ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กันที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มินนี่เม้าส์แห่งเมืองโอเรกอนมีท่าทีนอกใจแฟนหนุ่มของตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีภาพหลุดจูจุ๊บกับ กูฟฟี่…
-
คุณแม่เจอ “หมากฝรั่งเคี้ยวแล้ว” ในลอบสเตอร์ ร้านอาหารอ้าง “มันอาจกินเข้าไปเองก็ได้”
เราอาจเคยเจอ “ของไม่พึงประสงค์” ในร้านอาหาร อย่างเช่น แมลงสาบหรือแมลงวันอยู่ในจานข้าว จิ้งจกอยู่ในหม้อน้ำซุป เป็นต้น เช่นเดียวกันกับสิ่งที่คุณแม่คนนี้ได้เจอ หลังลูกชายบอกว่ามันมีชีสที่เหนียวและเคี้ยวยากอยู่ในกุ้งลอบสเตอร์ที่กำลังกินอยู่ เมื่อคายออกมาให้แม่ดูถึงได้รู้ว่ามันคือ “หมากฝรั่งที่เคี้ยวแล้ว” ?! หมากฝรั่งเคี้ยวแล้ว ในกุ้งลอบสเตอร์ที่เธอกำลังกินอยู่ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เมืองกว่างโจว ประเทศจีน เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2018 คุณแม่แซ่ Zhong พาลูกชายไปกินอาหารที่ร้านดังกล่าว ก่อนจะพบว่ามีหมากฝรั่งที่เคี้ยวแล้วอยู่ในจานลอบสเตอร์ แถมลูกชายก็ยังเคี้ยวเข้าไปแล้วอีกต่างหาก เพราะเขาคิดว่านั่นมันคือชีส พอคุณแม่ได้เห็นเข้าจึงรีบเรียกพนักงานร้านเข้ามาพูดคุยในทันที แต่ว่าทางร้านอาหารกลับปฏิเสธว่าไม่ใช่ความผิดของพวกตน และอ้างว่า “ลอบสเตอร์มันอาจกินหมากฝรั่งเข้าไปเองก็ได้นี่” !! ลอบสเตอร์กินเข้าไปก่อน แล้วเผอิญเชฟไปจับมาประกอบอาหาร อย่างนั้นหรือ? เมื่อได้ยินอย่างนั้น Zhong จึงติดต่อหาเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยจัดการในเรื่องนี้ ในตอนที่ตำรวจเดินทางมาถึง พวกเขาก็ได้ติดต่อกับทางร้านเพื่อต้องการที่จะกั้นพื้นที่ให้โต๊ะอาหารดังกล่าวยังคงสภาพเดิมเอาไว้ รอหน่วยงานสุขภาพเข้ามาตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พนักงานร้านก็ไม่สนใจคำขอนั้น แอบเข้าไปใช้ผ้าคลุมโต๊ะคลุมไว้ก่อน ราวกับต้องการปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด Zhong คุณแม่ที่ต้องการดำเนินคดีกับร้านอาหารดังกล่าว ผ่านไป 3 วัน…
-
นักวิทย์ฯ ตะลึง พบ ‘ลูกอ๊อด’ ตัวใหญ่ยักษ์มีขนาดเท่ากับผลกล้วย ปากนิดจมูกหน่อยน่ารักจริงๆ
สำหรับสัตว์ดุ๊กดิ๊กๆ แสนน่ารักอย่างลูกอ๊อด เราก็คงจะคุ้นหน้าคุ้นตากับมันเป็นอย่างดีว่าเป็นสัตว์ตัวน้อยๆ ที่มีหางเล็กกระจิริด แต่ว่ามีลูกอ๊อดอยู่ตัวหนึ่งที่คุณจะต้องทึ่งตั้งแต่แรกเห็น เพราะมันช่างใหญ่โตซะจนนึกว่าเป็นตัวปลาซะอีก และเมื่อเอาไปเทียบแล้วมันมีขนาดเท่ากับผลกล้วยเลย !! โดยเจ้าลูกอ๊อดตัวที่ว่านี้ได้ถูกเจอเข้าอย่างบังเอิญโดยทีมนักชีววิทยาในหนองน้ำแห่งหนึ่ง ของรัฐอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา และการค้นพบเจ้าลูกอ๊อดสุดแสนจะวิเศษนี้พวกเขาก็ได้มอบชื่อให้แก่มันเพื่อง่ายต่อการเรียกว่า Goliath ดูขนาดของมันซะก่อน ธรรมดาซะที่ไหนกัน !! Up here at the Southwestern Research Station there is an initiative to remove invasive bull frogs from ponds. During the removal process they found a tadpole of gigantic proportions. BEHOLD #SciComm #desert #skyisland #frogs #arizona #BLACKandSTEM #womeninStem #UAResearch…
-
ร้านอาหารให้พนักงานคลานกับพื้น “เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ” รับน้องกันมาเพื่อสิ่งนี้สินะ!?
ในสมัยที่เรียนเราอาจจะเคยได้ยินพวกรุ่นพี่พูดกับเราว่า “ชีวิตการทำงานมันลำบากกว่านี้อีกนะ” กันมาบ้าง แต่เอาเข้าจริงๆ พอเรามาทำงานมันกลับไม่ได้ลำบากอะไรมากมายอย่างที่รุ่นพี่เคยพูดสักเท่าไหร่ ไม่แน่นะว่าอาจจะเพราะพวกเราไม่ได้ทำงานในร้านอาหารต่อไปนี้ก็เป็นได้ ในขณะนี้โลกโซเชียลมีเดียที่ประเทศจีนกำลังมีวิดีโออันหนึ่งเป็นที่พูดคุยกันของคนในประเทศ โดยเจ้าวิดีโอที่ว่านี้เป็นภาพของกลุ่มคนจำนวนหนึ่งคลานเข่าไปกับพื้นราวกับเป็นงานรับน้องโหดๆ ที่ไหนสักแห่ง วิดีโอคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจาก Anecdote news วิดีโอคลิปอันนี้ถูกถ่ายมาจากในสวนสาธารณะ ทางตอนเหนือของ มณฑลเฮยหลงเจียง ประเทศจีน ซึ่งจากรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศ เหล่าคนที่คลานเข่าอยู่ในภาพนั้นเป็นพนักงานของร้านอาหารที่ไม่มีการระบุชื่อแห่งหนึ่ง พวกเขาถูกบอกให้คลานเข่าไปในสวนสาธารณะ ท่ามกลางประชาชนจำนวนมาก ที่แม้ว่าจะมีคนพยายามเข้าไปบอกให้หยุดแต่ก็ไม่มีผล พนักงานร้านอาหารถูกบอกให้คลานเข่า ท่ามกลางประชาชนที่ผ่านไปมา แม้ว่าจะมีคนพยายามเข้าไปห้ามแต่ก็ไม่มีผล ดูเหมือนว่าผู้ที่เป็นคนสั่งให้มีการคลานเข่าในครั้งนี้เกิดขึ้น จะเป็นผู้จัดการของร้านอาหารนั่นเอง โดยเมื่อกลุ่มคนที่เห็นเหตุการณ์เข้าไปถามเหตุผลของคำสั่ง ตัวผู้จัดการก็บอกว่านี่เป็นการ “ออกกำลังกาย” เพื่อ “สร้างแรงบันดาลใจ” ให้แก่พนักงาน และพนักงานที่มาร่วมคลานเข่าทั้งหมดล้วนแต่มาด้วยความสมัครใจทั้งนั้น ถึงอย่างนั้นจากการสังเกตของคนรอบๆ พวกเขาเห็นพนักงานหญิงบางคนมีอาการสะอึกสะอื้นระหว่างการคลาน ทำให้เชื่อกันว่าพนักงานที่มาคลานนั้น ไม่ได้มาด้วยความสมัครใจอย่างที่ผู้จัดการกล่าว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีร้านอาหารสั่งให้พนักงานคลานในประเทศจีน เพราะในปี 2016 เองก็มีบริษัทที่สั่งให้พนักงานคลานกับถนนเพราะทำยอดไม่ถึงมาแล้ว โดยในตอนนั้นเองก็มีการอ้างว่าทำไปเพื่อเป็นแรงบันดาลใจของพนักงานเช่นกัน การคลานเข่าในปี 2016 อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็จบลงไปโดยไม่มีการแจ้งความกับทางตำรวจ อีกทั้งสาเหตุจริงๆ ที่เหล่าพนักงานต้องมาคลานเข่าในสวนสาธารณะ…
-
เบื้องหลังความตายของนักรักบี้วัย 12 โดนสั่งหยุดเล่นเกม เลยแกล้งแขวนคอ…แต่พลาด
เมื่อช่วงปีที่ผ่านมาได้มีข่าวการเสียชีวิตที่น่าเศร้าของแดน บีล นักรักบี้มากฝีมือวัย 12 ขวบผู้ซึ่งแขวนคอฆ่าตัวตายอย่างมีปริศนาในห้องนอนของเขา เรื่องในครั้งนั้นนำไปสู่การที่ผู้เป็นพ่อของเขาได้นำเรื่องราวของลูกไปแชร์ลงในโลกโซเชียล และทำให้มีผู้เข้ามาแสดงความเสียใจกันเป็นจำนวนมาก บวกกับการตามหาความจริงถึงสาเหตุการฆ่าตัวตายของแดน จนกลายเป็นคดีที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก แต่แล้วเรื่องราวที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อนยิ่งไปกว่าเดิม เพราะเมื่อหลังจากที่มีการสืบสวนหาสาเหตุการฆ่าตัวตายกันมาอย่างยาวนาน ในที่สุดทางตำรวจก็มีผลการสืบสวนออกมาว่า แดน บีล ได้ทำการแขวนคอตัวเองเพื่อที่จะแกล้งคุณพ่อ เป็นการเอาคืนหลังจากที่ถูกสั่งให้หยุดเล่นเกมนั่นเอง โดยในวันที่เกิดเหตุเด็กหนุ่มได้เล่นเกมบนเครื่อง Playstation เป็นเวลาประมาณ 45 นาที ก่อนที่จะถูกพ่อของเขาบอกให้หยุดเล่นเกม แต่เด็กหนุ่มไม่ยอมทำตามที่คุณพ่อบอก และเล่นเกมต่อไปอีกเป็นเวลา 30 นาที จากแหล่งข่าว เกมโปรดของแดนได้แก่ FIFA และ Battlefield นั่นทำให้พ่อของเขาต้องเดินกลับมาสั่งให้ลูกชายหยุดเล่นเกมอีกครั้ง ซึ่งทางตำรวจเชื่อว่าทำให้เด็กหนุ่มไม่พอใจ เขาเดินขึ้นไปที่ห้องนอนของตนที่อยู่บนชั้นสองและเริ่มวางแผนแกล้งพ่อของเขา ด้วยการแกล้งทำเป็นแขวนคอ อย่างไรก็ตามการที่แดนขึ้นไปบนห้องถือเป็นเรื่องปกติสำหรับคนในบ้าน ทุกๆ คนจึงคิดว่าเขาเพียงแค่ขึ้นไปทำการบ้านจนไม่ได้มีใครสนใจมาก แม้แต่คุณพ่อที่มีปากเสียงกับลูกก็คิดว่าเขาควรจะปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียวไปก่อนเช่นกัน กว่าที่คนในบ้านจะรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติก็ตอนที่เด็กหนุ่มไม่ได้ลงมาดูรายการโปรดในตอนค่ำวันนั้น จนทำให้ผู้เป็นพ่อตัดสินใจขึ้นไปตามเด็กหนุ่มที่ห้องและพบกับภาพที่น่าเศร้าเข้า ทางตำรวจเชื่อว่าเด็กหนุ่มน่าจะเตรียมการแกล้งผิดพลาดจนนำไปสู่การที่ตนเองโดนแขวนคอจริงๆ เนื่องจากก่อนเสียชีวิตหนึ่งวัน แดนได้นำใบขออนุญาตผู้ปกครองไปแข่งรักบี้ ให้คุณแม่เซ็นชื่ออนุญาต ซึ่งคนที่คิดจะฆ่าตัวตายจริงๆ ไม่น่าจะทำเช่นนั้น แดนถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลทันทีหลังจากนั้น แต่สุดท้ายทีมแพทย์ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของเขาไว้ได้ และประกาศว่าเด็กหนุ่มเสียชีวิตในเช้าวันต่อมา…
-
ไฟไหม้ตึก คุณแม่ช่วยตัดสินใจ “โยนลูก 2 คน” ช่วยชีวิตพวกเขา ก่อนเธอจากโลกนี้ไป…
นี่คือเรื่องเศร้าสลดใจที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 3 สิงหาคม 2018 เมื่อคุณแม่คนหนึ่งตัดสินใจโยนลูกลงมาจากชั้น 5 ของตึกที่กำลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ จนสามารถช่วยชีวิตลูกๆ ของเธอเอาไว้ได้ ก่อนที่สุดท้ายเธอจะจากโลกนี้ไป…. เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ณ อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเมืองสวี่ชาง มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน จู่ๆ ก็เกิดเหตุเพลิงไหม้อย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้มีผู้พักอาศัยต้องติดอยู่ในอาคารบางส่วน หนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายคือคุณแม่ที่อาศัยอยู่บนห้องชั้น 5 ของอาคาร และลูกน้อยวัย 2 ขวบหนึ่งคน กับ 9 ขวบอีกหนึ่งคน โดยทั้ง 3 ได้ยื่นหน้าออกมานอกหน้าต่าง ตะโกนขอความช่วยเหลือ คนอื่นๆ ที่เฝ้าดูอยู่ด้านล่างจึงตะโกนบอกกับทั้ง 3 คนว่า “รออีกแค่ 2 นาทีเท่านั้นนะครับ การช่วยเหลือกำลังมาแล้ว” แม้ดูเหมือนต้องรออีกไม่นาน แต่คนเป็นแม่ก็กลัวว่าลูกจะเป็นอะไรไปเสียก่อน เพราะควันจำนวนมากลอยคละคลุ้งอยู่ภายในห้องพักของเธอ กลัวเด็กๆ จะอดทนไว้ไม่ไหว ด้วยเหตุนั้นเอง เธอจึงตัดสินใจโยนผ้าปูที่นอนลงไปให้กับคนด้านล่าง เพื่อให้พวกเขาช่วยกันกางมันไว้ให้ตึง จากนั้นเธอจึงโยนลูกสาววัย 2 ขวบลงไปก่อนเป็นอันดับแรก …
-
ชายไร้บ้านที่ตำรวจช่วย ‘โกนหนวด’ ให้ไปสัมภาษณ์งาน สุดท้ายได้งานเรียบร้อยแล้ว!!
เรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นช่วยสร้างความรู้สึกอิ่มเอมใจของเราได้เป็นอย่างดี… ดังเช่นเรื่องราวต่อไปนี้ เมื่อชายไร้บ้านคนหนึ่งได้รับการช่วยเหลือจาก ‘เจ้าหน้าที่ตำรวจ’ เพราะเขาต้องเตรียมตัวไปสัมภาษณ์งาน แต่กลับกลายเป็นว่าระหว่างโกนหนวดมีดโกนของเขาดันเสียขึ้นมาซะงั้น!? อ่านข่าวเก่า :“คุณตำรวจ” ช่วยแปลงโฉม “ชายไร้บ้าน” ให้ดูดีอีกครั้ง ก่อนที่เขามีนัดสัมภาษณ์งาน!! นาย Phillip หรือที่รู้จักกันในชื่อ Phil ได้รับมีดโกนหนวดมาจากพนักงานร้านแมคโดนัลด์สาขาที่ไปสมัครงานมา และเขาก็บอกว่าให้มาสัมภาษณ์งานในวันจันทร์ที่ผ่านมาพร้อมบอกว่าให้โกนหนวดซะนะ แต่แล้วเมื่อเจ้าตัวมาลองโกนหนวดที่ปั๊มน้ำมันดูก็พบว่ามันช่างยากเย็นเหลือเกิน เพราะมีดโกนอันนั้นมันเสียซะแล้ว ประจวบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ Tony เดินผ่านมาพอดี ก็เลยอาสาโกนหนวดให้เขา ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวมีคนถ่ายเอาไว้ได้ และมันถูกแชร์ไปในโลกออนไลน์สร้างความประทับใจให้กับผู้คนมากมาย และล่าสุดจากรายงานของเว็บไซต์ Ladbible เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานี้ Phil ได้ผ่านการสัมภาษณ์งานและกลายเป็นพนักงานร้านแมคโดนัลด์เต็มตัวแล้ว!! เขาเดินทางไปขอบคุณเจ้าหน้าที่ Tony ด้วยตัวเอง “ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่ง และภายหลังก็มาทราบว่าเขาชื่อว่า Phil กำลังพยายามโกนหนวดของตัวเองด้วยมีดโกนของเขา” “ผมเลยเดินลงไปจากรถแล้วก็ถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหม? เพราะผมรู้ว่ามีดโกนหนวดอันนั้นมันพังแล้วแน่นอน ก็เลยอยากจะซ่อมให้เขา และพบว่ามันมีนอตตัวหนึ่งหายไปจริงๆ ด้วย” เจ้าหน้าที่ Tony เล่า…
-
พี่สาววางแผนเซอร์ไพรส์น้องชายผู้เป็นออทิสติกฉลองวันเกิดด้วยหมาปั๊ก 100 ตัว
ย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคม 2017 มีเรื่องราวน่ารักๆ เรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ที่ #เหมียวบู้บี้คิดว่าอาจจะทำให้คุณผู้อ่านได้อ่านแล้วรู้สึกดีและรู้สึกอบอุ่นหัวใจได้ไม่มากก็น้อย เรื่องนี้เป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้น ณ เมือง Sherman Oaks รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ครอบครัวของเด็กชาย Andrew Vaughan ที่ไม่เคยจัดปาร์ตี้วันเกิดมาก่อนได้ร่วมกันวางแผนเซอร์ไพรส์วันเกิดให้กับเขาในวันครบรอบวันเกิด 14 ปี McKenna Little พี่สาวของเขาเป็นผู้ดำเนินการวางแผนทั้งหมดโดยเธอได้โพสต์เชิญชวนชาวเมืองให้มาร่วมจัดปาร์ตี้เล็กๆ ที่สวนสาธารณะในเมือง โดยขอความร่วมมือผู้ที่เลี้ยงหมาพันธุ์ปั๊กให้พาน้องมาร่วมจอยปาร์ตี้กัน เด็กชาย Andrew เป็นเด็กออทิสติก พี่สาวของบอกว่า เขาไม่กล้าที่จะจัดปาร์ตี้เพราะกลัวว่าจะไม่มีใครมาร่วมงานของเขา แต่เรื่องราวดีๆ ก็เกิดขึ้น เมื่อชาวเมืองที่เลี้ยงน้องปั๊ก พาเจ้าสี่ขาหน้าย่นมาร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดของ Andrew มากกว่า 100 ตัวเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2017 โพสต์ที่ทางพี่สาวโพสต์ในเฟซบุ๊กได้มีการแชร์ต่อๆ กันไปถึงกลุ่มผู้เลี้ยงหมาปั๊กในท้องถิ่น ทำให้เกิดการวางแผนร่วมมือกันเซอร์ไพรส์ Andrew คนที่ดูมีความสุขมากที่สุดก็คงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากน้อง Andrew นี่เอง Andrew บอกว่า…
-
18 เหตุการณ์ที่มีทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ เมื่อความเห็นไม่ตรงกัน ‘การพนัน’ จึงเกิดขึ้น!!
‘เมื่อความเห็นไม่ลงรอยกัน การพนันจึงเกิดขึ้น!!’ เป็นประโยคที่ใครหลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้ว และมันก็คือความจริงเพราะทุกครั้งที่เราเถียงกับเพื่อนหรือคนรู้จักอย่างมั่นใจว่ามันเป็นแบบนี้ แต่อีกฝ่ายกลับคิดว่ามันเป็นอีกแบบ มันก็ต้องมีอะไรมาใช้ในการตัดสินกันสักหน่อยแล้วล่ะ!! และภาพเหล่านี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังเสร็จสิ้นกระบวนการข้างบนนี้ไปแล้ว และขอบอกเลยว่ามันฮามากๆ มีทั้งแววตาแห่งความภาคภูมิใจของผู้ชนะ แต่ขณะเดียวกันก็มีผู้แพ้ที่น่าเห็นใจ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ได้ยืนหยัดในสิ่งที่ตนเชื่อมั่นจนถึงที่สุด 555+ 1. ในปี 2001 พ่อแม่พนันกับผมไว้ว่า ถ้าผมไม่ดื่ม ไม่สูบบุหรี่ หรือเล่นยา จนถึงอายุ 21 พวกเขาจะให้เงินผม 1,500 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ และนี่คือของขวัญวันเกิดของผมพร้อมกับลายเซ็นในสัญญาที่ทำไว้ตอนผมอายุ 8 ขวบ 2. ผมเป็นที่ปรึกษาในการวางแผนใช้ชีวิต ผมพนันกับลูกค้าของผมเมื่อ 2 เดือนก่อนว่าผมจะโกนหนวด ถ้าผมสามารถพาเขาไปถึงเป้าหมายได้ และเขาก็ทำมันได้สำเร็จ 3. ผมเอาชนะการเดิมพันกับห้องสมุดในมหาวิทยาลัย ซึ่งผมจะให้พวกเขาแขวนรูปของผมไว้ในห้องสมุดจนกระทั่งผมเรียนจบ และนี่คือภาพที่ผมจะเอาไปให้พวกเขา 4. ฟุตบอลกับการพนันเป็นของคู่กัน แต่แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าการพนันแบบสร้างสรรค์ 555+ 5. เมื่อครูใหญ่ชาวสวีเดนเดิมพันกับนักเรียนว่า ถ้าเด็กคนนั้นเรียนจบชั้น ม.3 ได้ เขาจะย้อมผมเป็นสีชมพู และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา…
-
เจ้าหนูวัย 10 ขวบ ทำลายสถิติ ‘ไมเคิล เฟลส์’ ที่ทำไว้เมื่อ 23 ปีก่อนลงได้สำเร็จ!!
ในวงการกีฬาว่ายน้ำ หากเอ่ยชื่อของ ไมเคิล เฟลส์ (Michael Phelps) หลายๆ คนก็จะต้องร้องอ๋อออ!! กันมาเลยทีเดียว (มันเป็นใครฟระ!? ล้อเล่น อิอิ) อย่างเช่นถ้าวงการกอล์ฟเป็น ไทเกอร์ วู้ด เทนนิสเป็น โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ ฟุตบอลเป็น โรนัลโด กับ เมสซี แล้วล่ะก็ ไมเคิล เฟลส์ ก็คือคนที่อยู่บนจุดสูงสุดของวงการกีฬาว่ายน้ำเลยทีเดียว ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาไมเคิล ได้สร้างผลงานไว้มากมาย ทั้งการกวาดเหรียญรางวัลจากการแข่งขันใหญ่ๆ มากมาย และสร้างสถิติโลกเอาไว้หลายรายการ รวมไปถึงสถิติโลกด้วย โดยที่ไม่เคยมีใครทำลายได้ แต่ล่าสุด!! มีสถิติหนึ่งของไมเคิลที่เพิ่งถูกล้มลงไป โดยนักว่ายน้ำเด็กที่มีอายุเพียง 10 ขวบเท่านั้น!? เด็กหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Clark Kent Apuada วัย 10 ขวบ เขาได้ทำลายสถิติในการว่ายท่าผีเสื้อ ระยะทาง 100 เมตร ในรายการแข่งขัน Far West International Championship ที่ไมเคิล เฟลส์ ทำสถิติในรายการนี้ไว้ที่เวลา 1:10.48 นาที…
-
เมื่อนักสู้ UFC ยืนอยู่เฉยๆ ก็โดนแก๊งวัยรุ่นหาเรื่อง เลยจัดหนักๆ ให้ไป วิ่งหนีแทบไม่ทัน!!
เมื่อแก๊งวัยรุ่นหาเรื่องผิดคน ไปเจอตอ ‘นักสู้จาก UFC’ เข้า ถึงกับวิ่งหนีแทบไม่ทัน!! เรื่องมันเริ่มจากนาย Jared Gordon ที่เป็นนักสู้จากเวทีการแข่งขันการต่อสู้ชื่อดังอย่าง UFC หรือ Ultimate Fighting Championship ในรุ่นไลต์เวต กำลังยืนคุยกับเพื่อนของเขาอยู่บนทางเดินติดกับถนนควีนส์ เมืองนิวยอร์กซิตี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่แล้วจู่ๆ ก็มีวัยรุ่นสองคนเดินผ่านมา แล้วเกิดไม่พอใจวกหันกลับมาสาวหมัดใส่เพื่อนของเขาไป 1 หมัด แต่โดนเพียงถากๆ เท่านั้น การต่อสู้เริ่มขึ้น Jared เดินเข้าไปล็อกคอของวัยรุ่นคนหนึ่งแล้วกดลง จากนั้นก็ระดมหมัดใส่รัวๆ ตามสไตล์การต่อสู้แบบฉบับ UFC ขณะที่วัยรุ่นอีกคนหนึ่งเข้าต่อสู้กับเพื่อนของเขา อีกคู่หนึ่งเองก็สู้อย่างเมามันเพราะเพื่อนของ Jared เองก็เรียนวิชาการต่อสู้มาด้วยเช่นกัน แต่จากการยื้อกระชากก็ทำให้ถูกผลักมาใส่คู่ของ Jared ไปกระทบกับกระจกหน้าร้านจนแตกกระจาย ก่อนที่วัยรุ่นทั้งสองจะรู้ว่าตัวเองสู้ไม่ได้ ก็เลยวิ่งหนีไป “พวกเราเริ่มต่อสู้กัน เพื่อนผมก็เข้าไปสู้กับเด็กอีกคนหนึ่ง พวกเขาชนผมเข้ากับกระจกจนแตก และเด็กคนนั้นที่ผมสู้ด้วยก็ถูกเศษกระจกหล่นลงมาใส่”…
-
ขับแท็กซี่ไป “ดูหนังโป๊” ไป สไตล์หนุ่มอารมณ์เปลี่ยว ทั้งๆ ที่มีผู้โดยสารนั่งอยู่ข้างหลัง!!
การประกอบอาชีพขับแท็กซี่หาเช้ากินค่ำ อาจทำให้คุณไม่มีเวลามากพอที่จะทำกิจกรรมที่ตัวเองชื่นชอบ จนบางครั้งอาจต้องยกเอากิจกรรมที่ว่านั้นมาทำขณะกำลังโลดแล่นไปบนท้องถนน นี่คือตัวอย่างของคนขับแท็กซี่ที่แลดูว่าเขาไม่ค่อยมีเวลาจริงๆ ขนาดแค่จะดูหนังผู้ใหญ่ พี่แกยังต้องมานั่งรับชมอยู่ในรถขณะที่กำลังไปส่งผู้โดยสารอยู่เลย ไม่ต้องกลัวว่าจะฝ่าไฟแดง เพราะการนั่งดูคลิปอาจทำให้รู้สึกเพลินซะจนลืมเรื่องนั้นไปสนิท (ขนาดผู้โดยสารนั่งอยู่ด้านหลังแกยังไม่สนใจเลย…) เรื่องราวนี้ถูกพบเจอโดยคู่สามีภรรยาที่ขึ้นไปใช้บริการรถแท็กซี่ในเมืองกุ้ยหยาง ประเทศจีน แล้วก็สังเกตเห็นได้ว่าคนขับวางมือถือเปิดคลิปโป๊ดูอย่างสบายใจ!! (ตรูสองคนนั่งกันอยู่ข้างหลังนี่ไง เอ็งไม่เห็นเหรอ?!) ชายแซ่ Hu หนึ่งในผู้โดยสารเล่าว่าในตอนนั้นเขารู้สึกตกใจ ทำอะไรไม่ถูก จึงตัดสินใจควักโทรศัพท์มาถ่ายสิ่งที่ตัวเองเห็นเอาไว้ จากนั้นจึงค่อยขอให้คนขับปิดคลิปดังกล่าว ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี หลังจากถึงที่หมาย ชายแซ่ Hu จึงหันไปเตือนคนขับแท็กซี่ว่าไม่อยากให้เขาทำแบบนั้นอีก เพราะหากว่ามีชาวต่างชาติขึ้นมาใช้บริการ มันคงจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้กับประเทศ ส่วนเขาก็ได้นำเอาคลิปนี้มาโพสต์ลงโซเชียล ไม่ใช่เพราะต้องการจะประจาน แต่แค่อยากเตือนคนขับแท็กซี่ทุกคนว่า หากตนเองเป็นผู้โดยสารแล้วต้องเจออะไรแบบนี้ คุณจะรู้สึกอย่างไร? อย่างน้อยก็ถือว่ายังดี ที่คนขับคนนี้ไม่ได้ควักน้องชายออกมาเริงระบำ ไปพร้อมๆ กับการรับชม… ที่มา: shanghai.ist
-
หนุ่มโชว์เก๋าท้าทาย ‘ควายป่าไบซัน’ กลางถนนในอุทยาน ชาวเน็ตด่ากระจุยนี่เอ็งทำอะไร๊ !!
บางทีคนเราก็ชอบที่จะทำอะไรแปลกๆ ให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตรายหรือขายขี้หน้าอยู่เป็นประจำ และในกรณีของหนุ่มคนนี้ก็เข้าข่ายพฤติกรรมนี้เช่นเดียวกัน เมื่อเขาได้ลงไปเดินกลางถนนท้าทาย ยั่วยุ ‘ควายป่าไบซัน’ ให้มันโกรธจนของขึ้น และในที่สุดวิดีโอของเขาได้กลายเป็นไวรัลสมดังใจ !! มานี่ซิ เจ้าควายป่า โดยเรื่องมีอยู่ว่า Lindsey Jones กับครอบครัวของเธอได้สัญจรแล่นรถไปตามเส้นทางในอุทยานแห่งชาติ Yellowstone National Park ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอขับรถมาตามทางเรื่อยๆ จนกระทั่งพบกับเหตุการณ์รถติดจากสาเหตุบางอย่าง ซึ่งในขณะนั้นเอง Lindsey ก็ได้สังเกตเห็นว่าเป็นเพราะมีควายป่าไบซันตัวหนึ่งมาเดินโต๋เต๋อยู่บริเวณถนนนั่นเอง เห้ยเดี๋ยว ขอตั้งหลักก่อน แต่หลังจากนั้นเธอก็เห็นชายคนหนึ่งลงจากรถมาทำท่าท้าทายความป่าตัวนั้น เธอจึงตัดสินใจถ่ายวิดีโอของชายผู้กล้าในทางที่ผิดคนนี้เอาไว้ ฮึบนิดเดียว โดยในวิดีโอจะเห็นได้ว่าเป็นภาพของชายใส่กางเกงขาสั้นคนหนึ่งพยายามจะดึงความสนใจของควายป่าด้วยการส่งเสียงเรียก จากนั้นเมื่อควายป่าเข้ามาหาแแล้วเขาก็จัดการแสดงโชว์หลบหลีกร่างอันมหึมาของควายป่าตัวนี้ อย่างเป็นที่น่าตื่นเต้นของคนที่ได้พบเห็น วิดีโอเหตุการณ์ ความป่าพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความบันดาลโทสะที่ถูกยั่วยุ แต่ถึงอย่างไรเขาคนนี้ก็แสดงความเก่งกาจออกมา จนในที่สุดแล้วควายป่าไบซันก็ต้องขอเดินจากไปอย่างผู้แพ้ (หรือไม่อยากเสียเวลา) เดินหน้ามุ่งเข้าป่าไปและไม่หันกลับมาสนใจชายผู้นี้อีกเลย เหตุการณ์ดังกล่าวได้เป็นที่ฮือฮาอย่างมากในโลกอินเทอร์เน็ต โดยส่วนมากแล้วจะเป็นเสียงของชาวเน็ตที่ต่อว่าชายคนดังกล่าว ที่พยายามจะยั่วยุควายป่าตัวนี้ เพราะไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะต้องไปรบกวนสัตว์ที่อยู่ตามธรรมชาติเช่นนี้ การไปยั่วยุสัตว์บกที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ ทั้งๆ ที่คุณอยู่ในระยะที่มันสามารถกระทืบคุณได้ ไม่ใช่เรื่องที่บอกว่ามี IQ สูงเลย…
-
ฉาวมหาวิทยาลัยแพทย์โตเกียว ตัดคะแนนผู้สมัครสอบหญิงทิ้ง เพื่อรับผู้ชายมากกว่า…
เป็นประเด็นที่เกิดขึ้นกับสถานบันทางการศึกษาอย่าง มหาวิทยาลัยแพทย์กรุงโตเกียว ที่ถูกเปิดเผยถึงความไม่ยุติธรรมจากกระบวนการภายใน กรณีคัดเลือกนักศึกษาเข้ามาด้วยระบบจัดสอบ แต่มีข้อครหาในเรื่องของผลคะแนนที่ถูกตัดออกอย่างไม่สมเหตุสมผล เรื่องราวดังกล่าวถูกเปิดเผยจากหนังสือพิมพ์ Yomiuri Shimbun รายงานว่ามหาวิทยาลัยแพทย์กรุงโตเกียว ทำการตัดคะแนนสอบของผู้สมัครหญิงมาตั้งแต่ปี 2011 เพื่อคงจำนวนนักศึกษาหญิงในจำนวนที่ต่ำกว่านักศึกษาชาย ต้นเหตุของกรณีนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีผู้สมัคร ที่ผ่านการคัดเลือกเป็นผู้หญิงมีจำนวนคิดเป็น 38% ในปี 2010 ทางด้านสำนักข่าวใหญ่ NHK และ Kyodo News รายงานเพิ่มเติมว่าจากแหล่งข่าวอื่นๆ ยืนยันว่ามีการตัดคะแนนในผลการสอบจริง โดยในบางปีคะแนนของผู้สมัครที่เป็นผู้หญิงจะถูกตัดออกมากถึง 10% จากคะแนนที่ทำได้ อีกทั้งการถูกสื่อในประเทศแฉเกี่ยวกับกรณีของนาย Futoshi Sano เจ้าหน้าที่อาวุโสภายในกระทรวงศึกษาธิการ ได้ทำการตกลงภายในกับบุคลากรมหาวิทยาลัยในปี 2017 ขอเส้นสายเข้าไปประมูลในโครงการรัฐแลกกับการให้ลูกชายสอบติดมีที่เรียนที่มหาวิทยาลัย (ด้วยวิธีเพิ่มคะแนนสอบ) Futoshi Sano หนึ่งในแหล่งข่าวอ้างกับทางหนังสือพิมพ์ว่า ทางมหาวิทยาลัยพยายามจะลดจำนวนนักศึกษาหญิงให้เหลือเพียง 30% จากจำนวนทั้งหมด ด้วยเหตุผลที่ว่าผู้หญิงมักจะลาออกจากการแพทย์ หลังจากแต่งงานและมีลูกแล้ว (เป็นแม่บ้าน) ในขณะที่ผู้ชายยังคงทำงาน เป็นบุคลากรช่วยเหลือภายในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยได้มากกว่า เพราะจะต้องเข้ากะเป็นระยะเวลานานและพร้อมสำหรับกรณีฉุกเฉิน …
-
นายตำรวจชาวมะกันต้องจบชีวิตลง เพราะเสพยาที่ขโมยมาจาก ‘ของกลาง’ หนักเกินไป…
ตำรวจกับของกลางมักเป็นของคู่กัน แต่ไม่ใช่แบบนี้… ได้เกิดเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งต้องจบชีวิตลงด้วยสาเหตุการเสพยาเกินขนาด และดูเหมือนว่าจะไม่ใช่การเสพยาธรรมดาๆ เพราะมีการสันนิษฐานว่ายาที่เขาเสพ ได้ถูกขโมยมาจากส่วนที่เป็นหลักฐานของกลางด้วย… James Hughes Jr. นายตำรวจแห่งรัฐโอไฮโอ วัย 35 ปี ถูกพบในสภาพหมดสติโดยภรรยาของเขาที่บริเวณห้องน้ำภายในบ้านพักส่วนตัว เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งในเวลาต่อมาเขาก็ได้เสียชีวิตลง ต่อมาได้มีการสืบสวนเริ่มขึ้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สืบสวนก็ได้พบกับเข็มฉีดยาจำนวน 3 เข็มด้วยกัน โดยหลอดแรกมีตัวยาชื่อว่า ‘Fentanyl’ (ยาแก้ปวดชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์บรรเทาปวดมากกว่ามอร์ฟีน 80 เท่า) บรรจุอยู่ หลอดที่สองพบ ‘Opiate’ (เป็นอัลคะลอยด์ที่พบในฝิ่น) ส่วนหลอดที่สามว่างเปล่า แต่ทั้งนี้ก็ยังพบโคเคนอยู่ในถุงอีกจำนวนหนึ่งด้วย… Ron Wright รองผู้บัญชาการสถานีตำรวจ Reynoldsburg ได้กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า สิ่งที่พบในที่เกิดเหตุน่าจะเป็นยาเสพติดที่เป็นหลักฐาน (ของกลาง) ของกรมตำรวจที่ผู้เสียชีวิตได้ขโมยไปเสพเสียเอง นอกเหนือจากนี้เมื่อทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นบ้านเพิ่มเติมก็ได้พบกับถุงเก็บหลักฐานของทางหน่วย ซึ่งก็มีทั้งถุงบรรจุ Fentanyl, LSD และเฮโรอีนอยู่ในบ้านพักของเขาด้วย สำหรับเจ้าหน้าที่ Hughes ผู้เสียชีวิตเพิ่งจะเป็นเจ้าหน้าที่ได้เพียงแค่สองเดือนเท่านั้น โดยเขาได้รับเงินค่าแรงชั่วโมงละ 14 ดอลลาร์ (ประมาณ…
-
มาจอดปิดท้ายไว้ใช่มั้ย?! งั้นก็ถอยชนไปเรื่อยๆ ขอช่องให้ตรูออกหน่อยละกัน ตรูรีบบบบ!!
การจอดรถซ้อนคัน คงเป็นสิ่งที่เราสามารถพบเจอกันได้ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุด เวลาเลิกงาน หาที่จอดรถไม่ได้ เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์นี้ เมื่อรถ SUV สีขาวคันหนึ่งจอดซ้อนค้น บังรถกระบะคันสีเขียวเอาไว้ สุดท้ายมันจึงจบลงด้วยการที่รถกระบะคันดังกล่าวถอยหลังชนไปเรื่อยๆ เปิดทางออกให้กับตัวเอง… ภาพเหตุการณ์ดังกล่าว เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในวันที่ 30 กรกฎาคม 2018 ณ เมืองหลิวโจว ประเทศจีน ชายแซ่ Li จำเป็นต้องรีบนำเงินจำนวนกว่า 210,000 หยวน (หรือประมาณ 1 ล้านบาท) ไปให้กับพนักงานของเขาในอีกที่หนึ่ง แต่เมื่อเขาเดินมาที่รถกระบะสีเขียวของตัวเองก็พบว่า มีรถ SUV จอดขวางไว้อยู่ เขาจึงพยายามติดต่อหาเจ้าของรถคันนั้น ผ่านเบอร์โทรศัพท์ที่ทิ้งไว้ให้ตรงกระจกหน้ารถ Li พยายามติดต่ออยู่นานกว่า 30 นาที จนอดทนรอไม่ไหว จำเป็นต้องเร่งเอาเงินไปให้พนักงานจริงๆ เขาจึงตัดสินใจถอยรถกระบะชนกับรถ SUV คันนั้นไปเรื่อยๆ เพื่อให้รถมันเลื่อนและมีทางออกให้กับเขาในที่สุด Li ให้เหตุผลว่าเขาไม่สามารถถือเงินจำนวนมากขนาดนั้นเดินไปเดินมาได้ ทางออกเดียวคือการขับรถไปเองเท่านั้น หลังจากที่เขาขับออกไปได้ เขาก็ส่งข้อความหาเจ้าของรถสีขาว บอกถึงสิ่งที่เขาทำลงไปพร้อมเบอร์ติดต่อกับ…
-
หนุ่มโรคจิตดีลงานกับ “พนักงานส่งอาหาร” ถ้าไม่ยอมมานอนด้วย จะรีวิวทางร้านแบบแย่ๆ!!
เมื่ออารมณ์ทางเพศของเราเกิดปะทุขึ้นมา คงไม่แปลกที่เราอาจจะอยากหาใครสักคนมาช่วยคลายเหงา มากกว่าที่จะทำมันด้วยสองมือของเราเอง แต่ที่แน่ๆ เราขอแนะนำให้ทำมันกับคนที่สมัครใจจะดีกว่านะ เพราะการที่เราพยายามฝืนใจ บังคับขู่เข็ญให้คนอื่นๆ ต้องมาทำในสิ่งที่พวกเราต้องการ มันอาจนำไปสู่อะไรที่เหนือความคาดหมาย เหมือนอย่างที่ชายคนหนึ่งต้องการจะมีอะไรกับพนักงานส่งอาหาร ชายผู้ต้องการมีอะไรกับพนักงาน ชายหื่นกามไม่ทราบนามที่แท้จริงคนหนึ่ง ได้ทำการติดต่อสั่งอาหารมากินที่ห้อง แต่นอกจากเขาจะต้องการอาหารแล้ว เขายังต้องการให้พนักงานจัดส่งมานอนเป็นเพื่อนเขาในคืนนั้นด้วย (คงไม่ต้องเดานะว่าให้มานอนทำไม) แต่ว่าทางพนักงานกลับไม่เล่นด้วยซะนี่ คราวนี้เขาก็เลยเพิ่มข้อเสนอด้วยการบอกว่าจะกดรีวิวให้ 5 ดาวสำหรับการบริการจัดส่ง และจะให้เงินอีก 200 หยวน (ประมาณ 970 บาท) ถึงอย่างนั้น พนักงานก็ยังไม่เล่นด้วยอยู่ดี คราวนี้เขาก็เลยขู่ว่าจะเข้าไปรีวิวการบริการว่าแย่มากๆ ถ้าหากไม่ยอมมามีอะไรกับเขาสักที แชทที่ชายคนดังกล่าวคุยกับพนักงาน เมื่อพนักงานไม่รู้จะทำอย่างไร เขาเลยนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับหัวหน้างานของตัวเอง กลายเป็นการจุดชนวนแห่งความหัวร้อนในบัดดล พนักงานได้มาส่งอาหาร ณ ห้องพักตามที่ลูกค้าคนดังกล่าวได้สั่งเอาไว้ แต่ว่าเขาไม่ได้มาส่งเพียงคนเดียว ทั้งหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานหลายๆ คนได้บุกเข้าไปส่งกันถึงในห้อง เหวอสิครับ จะรออะไร!! คุณหัวหน้าตะโกนใส่หน้าลูกค้าคนนั้นว่า “เราคิดว่าแค่คนเดียวอาจยังไม่ทำให้คุณพอใจ เราก็เลยยกขโยงกันมาหมดเลย” เมื่อเจอแบบนี้เข้าไป ชายคนนั้นก็ทำได้เพียงขอให้ทุกคนออกจากห้องเขาไปซะ แต่คุณหัวหน้าก็ยังคงพูดต่อไปว่า “มึงมันโรคจิต…
-
หนูน้อยวัย 2 ขวบหายายไม่เจอ เลยปีนออกหน้าต่าง พลัดตกตึก 17 ชั้น แต่ไม่เป็นไรสักนิด!!?
โดยปกติแล้วถ้าคนอย่างเราๆ ตกจากที่สูงก็คงจะได้รับบาดเจ็บตามๆ กันไป หรือบางทีก็อาจจะรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็เป็นได้ แต่ว่ามีหนูน้อยวัย 2 ขวบคนหนึ่งที่สร้างเรื่องปาฏิหาริย์ขึ้น เมื่อเธอตกตึกที่สูงถึงชั้นที่ 17 แต่ว่ารอดตายมาได้ แถมยังได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!! โดยเรื่องสุดเหลือเชื่อที่ว่านี้เกิดขึ้น ณ เมืองฉางโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน ในวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อคุณยายคนหนึ่งตัดสินใจทิ้งหลานสาววัย 2 ขวบให้นอนหลับไว้ในห้องเพียงลำพัง ขณะที่ตัวเธอเองนั้นออกไปซื้อของที่ร้านค้า และคิดว่าจะกลับมาทันเวลาหลานตื่นพอดี แต่ทันใดนั้นเองหนูน้อยคนนี้ก็ลืมตาตื่นขึ้นมาและเริ่มมองหาว่ายายของเธออยู่ที่ไหน เธอจึงเริ่มตามหาในทุกๆ ส่วนของบ้านทั้งเช็กประตู, เข้าห้องอื่นๆ รวมถึงพยายามปีนขึ้นหน้าต่างเพื่อดูว่ายายอยู่ข้างล่างหรือไม่ โดยค่อยๆ เริ่มปีนจากเก้าอี้ขึ้นไปบนโต๊ะจนสุดท้ายก็มาถึงหน้าต่างที่ยังเปิดทิ้งไว้อยู่.. แล้วสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เพราะด้วยความไร้เดียงสาของเด็กวัย 2 ขวบที่แสนจะอ่อนต่อโลก จึงทำให้หนูน้อยก้าวออกไปนอกหน้าต่างแล้วตกลงไปสู่สวนเล็กๆ ที่อยู่บริเวณนั้น ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นเองคุณยายของเธอก็กำลังขึ้นบันไดกลับมาที่ห้องอย่างพอดิบพอดี ทันทีที่คุณยายกลับมาที่ห้องแล้วไม่พบตัวหนูน้อย ก็ออกตามหาว่าไปเที่ยวซนที่ไหนกัน แต่แล้วเธอก็ต้องใจตกไปอยู่ตาตุ่มเมื่อสังเกตเห็นว่าหน้าต่างได้เปิดทิ้งเอาไว้ เธอจึงรีบวิ่งลงไปเช็กที่ชั้นล่างโดยมีน้ำตานองหน้า ก่อนที่จะได้พบตัวกับหลานของเธอในสภาพที่ร้องไห้ไม่แตกต่างกัน คลิปของเหตุการณ์ดังกล่าว โดยพยานที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ทันทีที่หนูน้อยคนนี้ตกลงมาจากชั้นที่ 17 เธอก็สามารถลุกขึ้นมายืนได้อย่างเหลือเชื่อ…
-
ผู้ว่านาโกย่าเอาอีกแล้ว!! คอสเพลย์เป็นคิริโตะจาก SAO จนกลายเป็นกระแสในเน็ต
ในทุกๆ ปีที่จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่นจะมีการจัดงาน “World Cosplay Summit” งานคอสเพลย์สุดยิ่งใหญ่ที่รวมเอาเหล่าคอสเพลเยอร์จากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นนักคอสเพลย์ชื่อดัง หรือแม้กระทั่งทีมแข่งจากนานาชาติที่แข่งขันกันเพื่อตำแหน่งแชมคอสเพลย์ประจำปี งานขนาดใหญ่เช่นนี้แน่นอนว่าต้องเป็นหน้าเป็นตาของจังหวัดไอจิเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งทำให้มีคนใหญ่คนโตมากมายเข้ามาร่วมงานในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน แต่ในบรรดาคนใหญ่คนโตเหล่านั้นคงไม่มีใครที่เด่นไปกว่าผู้ว่าเมืองนาโกย่าอย่าง ฮิเดอากิ โอมุระอีกแล้วเพราะแทนที่จะมาร่วมงานในชุดสูทผูกไทตามสไตล์คนใหญ่คนโต นายฮิเดอากิกลับเข้ารวมงานในครั้งนี้ ด้วยการแต่งคอสเพลย์เสียอย่างนั้น ฮิเดอากิ โอมุระมาในชุด “นักดาบดำ” หรือ “คิริโตะ” เกมเมอร์มากความสามารถ ตัวเอกจากอนิเมะ และไลท์โนเวลเรื่อง “Sword Art Online” นั่นเอง แถมนายฮิเดอากิยังได้ทำการแชร์รูปดังกล่าวลงบนทวิตเตอร์หลักของเขาโดยตรงเลยอีกด้วย นั่นทำให้ชื่อเสียงของนายฮิเดอากิกลายเป็นที่ฮือฮาขึ้นมาในโลกออนไลน์ โดยที่มีเหล่าแฟนๆ ของเรื่อง Sword Art Online จำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นกับภาพของนายฮิเดอากิ ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะออกมาในรูปแบบตลกๆ ก็ตาม บางคนก็บอกว่า มีคิริโตะแล้วจะไม่มีอาสึนะได้อย่างไร บางคนก็บอกว่าต้องแบบนี้สิถึงจะเหมือนคิริโตะ มีแม้กระทั่งคนที่ตัดเอาภาพหน้านายฮิเดอากิไปแปะลงบนภาพคิริโตะเลยด้วย อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายฮิเดอากิแต่งคอสเพลย์ออกมาให้เห็นตามสื่อ เพราะก่อนหน้านี้เองเขาก็เคยแต่งคอสเพลย์เป็นตัวละครอื่นๆ มาแล้วมากมาย แถมยังมีจุดขายในสมัยที่ยังหาเสียงอยู่ที่ความรักในการ์ตูนอีกด้วย ฮิเดอากิเคยแต่งเป็นฮิจิคาตะ โทชิโซ จากกินทามะ…
-
คุณพ่อโมโห!! เอาคืนหนุ่มโรคจิต หลังลูกสาววัย 15 โดนแอบถ่ายใต้กระโปรง
สำหรับคนเป็นพ่อแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะรักจะห่วงลูกสาวของตัวเอง ดังนั้นจะเกิดอะไรขึ้นหากคนที่เป็นพ่อรู้ว่าลูกสาวสุดที่รักกำลังถูกแอบถ่ายใต้กระโปรงอยู่ นี่เป็นเรื่องของคุณอิสมาเอล ดูอาร์เต ชายผู้ซึ่งเดินทางไปชอปปิงกับภรรยา และลูกสาววัย 15 ปีที่ห้างสรรพสินค้า Target ในเมืองไซเปรสส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันอังคารที่ 31 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา คุณอิสมาเอลสังเกตเห็นว่ามีชายมีพิรุธคนหนึ่งเดินตามลูกสาวของเขา ก่อนที่จะใช้มือถือถ่ายใต้กระโปรงของเธอ อย่างต่อเนื่องหลายภาพ ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจาก Daily Mail จากในวิดีโอที่จับภาพไว้ได้ด้วยกล้อง CCTV จะเห็นว่าคนร้ายพยายามก้มตัวไปถ่ายภาพใต้กระโปรงของเด็กสาวด้วยโทรศัพท์มือถือ ก่อนที่คุณอิสมาเอลเข้าไปเตะมือถือออกจากมือของชายต้องสงสัยและพยายามจับตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ แต่คนร้ายก็หนีไปได้ในที่สุด อย่างไรก็ตามคุณอิสมาเอลที่วิ่งตามคนร้ายออกจากห้างไปหลังจากนั้นก็สามารถถ่ายเลขทะเบียนรถของคนร้ายไว้ได้และนำไปสู่การจับกุมตัวคนร้ายในที่สุด จากรายงานของทางตำรวจ คนร้ายในครั้งนี้มีชื่อว่า ฆอร์เก เอ อิบาร์รา จูเนียร์ วัย 29 ปีผู้ซึ่งเคยก่อเหตุประเภทนี้มาแล้วหลายครั้งในที่ห้าง Target ในเมืองอื่น โดยในเบื้องต้นนายฆอร์เกได้ถูกควบคุมตัวไว้โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดยมีการวางเงินประกันอยู่ที่ 25,000 เหรียญสหรัฐ (หรือราวๆ 830,000 บาท) ในข้อหาการบุกรุกความเป็นส่วนตัวนั่นเอง ฆอร์เก เอ อิบาร์รา จูเนียร์ ผู้ก่อเหตุ ที่มา mirror, 10news, dailymail, news
-
ชายชราซื้อนาฬิกามา 4,000 บาทเมื่อ 50 กว่าปีก่อน ไม่รู้เลยว่าตอนนี้มันราคา 2.5 ล้านบาท!!
เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายๆ คนอาจต้องเคยเจอหรือเก็บสะสมสิ่งของอันเก่าแก่ที่เราอาจบังเอิญได้มันมาด้วยความไม่ตั้งใจ หรือเราอาจอยากเก็บไว้เพราะมันมีคุณค่าและความหมาย แต่ใครจะไปรู้ว่าบางครั้งสิ่งๆ นั้นอาจมีมูลค่ามากมายมหาศาลอย่างที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อน เช่นเดียวกับนาฬิกาของชายชราคนนี้ นาฬิกาที่เรากำลังพูดถึงในข่าวนี้ นี่เป็นภาพจากรายการ Antiques Roadshow ของสหรัฐอเมริกา ชายชราคนดังกล่าวได้ให้สัมภาษณ์ถึงที่มาของนาฬิกา Rolex GMT Master อันเก่าแก่ เขาเล่าว่าตัวเองซื้อนาฬิกาเรือนนี้มาตั้งแต่สมัยยังเป็นทหารให้กับกองทัพสหรัฐฯ ย้อนไปเมื่อกว่า 55 ปีก่อน ตอนนั้นเขาประจำอยู่ที่ฐานแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมนี ช่วงประมาณปี 1960 ก่อนที่จะเดินทางกลับมาบ้านเกิด เพื่อนทหารนายหนึ่งก็แนะนำให้เขาซื้อนาฬิกาสุดหรูจากที่แห่งนั้นกลับมาสักเรือน โดยแนะนำเจ้านาฬิกา Rolex เรือนนี้ให้กับเขา โดยตอนนั้นเขาไม่รู้จักยี่ห้อนี้เลยด้วยซ้ำไป ชายชรานิรนาม ในตอนนั้น ชายชราก็ชั่งใจอยู่นาน เพราะราคาของมันสูงถึง 120 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4,000 บาท) ซึ่งนั่นมันเท่ากับรายได้ทั้งเดือนของเขาในยุคนั้นเลย แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจซื้อมันกลับมา เพราะเพื่อนทหารคนเดิมบอกว่านี่คือนาฬิกาที่ดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นเลย “ต้องให้แน่ใจว่านายจะมีมันสักเรือนก่อนกลับบ้าน” ปัจจุบันชายชราไม่ได้ใส่นาฬิกาเรือนนี้อีกแล้ว และมองว่ามันเป็นเหมือนกับของที่ระลึกสำหรับทหารผ่านศึกอย่างเขา จนกระทั่งเมื่อช่วงไม่กี่ปีก่อน เขาถึงได้รับรู้ว่านาฬิกาที่ตนได้ซื้อมา มันมีความพิเศษและมูลค่าที่สูงมากขนาดไหน?! นักตีราคาสินค้า…
-
พบ 6 สิ่งมีชีวิตสุดแสนประหลาด ที่ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่ามันคืออะไรกันแน่…(มีของพี่ไทยด้วย)
บนโลกนี้มีปริศนาและคำถามมากมายที่ยังคงหาคำตอบไม่ได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของ ‘สิ่งมีชีวิต’ ที่เรามักจะพบเจอได้ใหม่ๆ อยู่เสมอ และบางครั้งเราก็ไม่สามารถที่จะอธิบายได้ว่าพวกสิ่งเหล่านั้น มันคือตัวอะไรกันแน่.. และนี่คือเหล่าสิ่งมีชีวิตดังกล่าว ที่จะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจไปกับการมีอยู่จริงๆ บนโลกของพวกมัน และไม่แน่เหมือนกันว่าคุณอาจจะพบเจอเข้ากับตัวเองสักวันก็เป็นได้… 1. แมงกะพรุนยักษ์ หลายคนอาจจะคิดว่านี่คือภาพปลอมที่ผ่านการตัดต่อมา แต่จริงๆ แล้วสัตว์ในภาพนี้มันคือเรื่องจริง!! โดยเจ้าตัวนี้มันมีชื่อเรียกว่า ‘แมงกะพรุนขนสิงโต’ และขึ้นชื่อว่าเป็นแมงกะพรุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 2. ตัวอะไรสักอย่างในป่าของหลุยเซียน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ภาพนี้ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 2010 เมื่อมีคนๆ หนึ่งจับภาพสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ในป่าลึกของรัฐหลุยเซียนา มันมีดวงตาที่ส่องเป็นประกาย เคลื่อนไหวได้เร็วโดยการใช้ 4 ขา ถึงตอนนี้ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่ามันคือตัวอะไรกันแน่ (ปล. จริงๆแล้ว อันนี้เป็นตัวทำเล่นๆ ที่เค้าไว้โปรโมตเกมนะจ๊ะ ไม่ได้มีอยู่จริง) 3. เอเลี่ยนจากประเทศไทย ในปี 2010 ได้มีสื่อๆ หนึ่งโพสต์ภาพที่ถ่ายเอาไว้เมื่อ 3 ปีก่อนหน้านั้น มันคือภาพของงานศพที่จัดขึ้นให้ตัวประหลาดตัวหนึ่ง ที่มีหน้าตาคล้ายกับมิโนทอร์ขนาดเล็กๆ ซึ่งทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ก็เชื่อว่ามันคือลูกวัวที่กลายพันธุ์เลยทำให้มีรูปร่างอย่างที่เห็นเพียงเท่านั้น 4. เอเลี่ยนแห่งเชเลียบินสค์ ประเทศรัสเซีย สัตว์หน้าตาพิลึกพิลั่นตัวนี้ถูกตั้งชื่อให้ว่า…
-
ตำรวจญี่ปุ่นงง!! หลังมีคดีประหลาด คนขว้างปลาหมึกใส่กำแพงคอนโดซ้ำๆ ร่วม 1 ชั่วโมง
ชาวบ้านในประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อกันว่ารักในความเงียบสงบกันมาก เนื่องจากบริเวณที่อยู่อาศัยของที่นั่นค่อนข้างที่จะคับแคบทำให้การส่งเสียงดังอาจจะเป็นการรบกวนเพื่อนบ้านได้ง่ายๆ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ชาวบ้านจะทำการแจ้งตำรวจ เมื่อมีเสียงประหลาดดังอย่างต่อเนื่องกลางดึก นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2018 ในเวลาประมาณตี 2 ที่เมืองซัปโปโร จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ในตอนนั้นมีผู้พักอาศัยในเขตชูโอคนหนึ่ง ไม่สามารถนอนหลับได้เนื่องจากเขาได้ยินเสียงของอะไรบางอย่างกระทบกับกำแพงคอนโดมิเนียมที่เขาอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาราวๆ หนึ่งชั่วโมง เมื่อเสียงกระทบกำแพงสงบลงเขาก็ได้ทำการแจ้งตำรวจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความหวาดกลัวว่าเสียงในครั้งนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับมิจฉาชีพหรือคดีเลวร้ายก็เป็นได้ แต่เมื่อตำรวจที่ได้รับแจ้งเหตุเดินทางมายังที่เกิดเหตุ พวกเขากลับไม่พบบุคคลต้องสงสัยในพื้นที่เลย นอกไปเสียจากซากปลาหมึกดิบๆ ที่มีสภาพเละเทะกระจายเป็นชิ้นๆ ซึ่งเชื่อกันว่าเกิดจากการที่มีมันถูกขว้างใส่กำแพงซ้ำไปซ้ำมา หรืออาจจะมีการหั่นมาก่อนเพื่อให้ขว้างใส่กำแพงได้ง่ายขึ้น ปลาหมึกที่ถูกนำมาใช้เป็น หมึกสาย (Octopus) นั่นเอง แม้ว่าจะยังไม่มีการระบุเป้าหมายของผู้ก่อเหตุในครั้งนี้อย่างเป็นทางการก็ตาม แต่ในเบื้องต้นเชื่อว่านี่เป็นการกระทำเพื่อก่อกวนชาวบ้านในพื้นที่ เนื่องจากการขว้างปาของกระทบกำแพงนั้นจะทำให้เกิดเสียงที่ค่อนข้างดังภายในตัวอาคาร เป็นไปได้ว่าที่คนร้ายตัดสินใจใช้ปลาหมึกในการก่อเหตุครั้งนี้อาจจะมาจากราคาของปลาหมึกหนึ่งตัวถูกกว่าการซื้อไข่มาขว้างเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงค่อนข้างมาก และสามารถปาซ้ำได้หลายครั้ง ในปัจจุบันยังไม่มีรายงานของผู้ต้องสงสัยที่เป็นผู้ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามทางตำรวจได้ออกดำเนินการสืบสวนหาความจริงของเหตุประหลาดที่เกิดขึ้นเป็นที่เรียบร้อย และเชื่อว่าจะสามารถระบุขอบเขตของผู้ต้องสงสัยได้ในเร็วๆ นี้ ที่มา soranews24, nicovideo, jin115
-
นักท่องเที่ยวหญิงเดือดจัด ตบหน้าตม. เพราะท้วงวีซ่าหมดอายุ จนทำให้ตกเครื่อง!!
งานบริการถือเป็นงานที่ต้องรับมือกับผู้คนมากหน้าหลายตา จนบางครั้งอาจจะต้องพบเจอกับคนที่แบบว่าไม่คาดคิดว่าจะมีอยู่บนโลกใบนี้ด้วย!? เช่นเดียวกันกับเรื่องดังต่อไปนี้ที่กำลังกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในโลกโซเชียลของต่างประเทศ เมื่อนักท่องเที่ยวรายหนึ่ง ไปตบหน้าของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ที่อินโดนีเซีย เพราะโมโหที่เจ้าหน้าที่ทำให้เธอต้องตกเครื่อง เรื่องมีอยู่ว่านาง Auj-e Taqaddas นักท่องเที่ยวหญิงชาวอังกฤษวัย 42 ปี กำลังจะเดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์ โดยไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน Ngurah Rai International Airport ที่ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างนั้นก็ต้องไปผ่านด่านตรวจคนตามปกติ แต่เรื่องราวทั้งหมดก็เริ่มขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตม. ได้ทำการตรวจเช็กแล้วพบว่าวีซ่าของหญิงนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวหมดอายุไปแล้ว!? ตามรายงานระบุเอาไว้ว่าวีซ่าหมดอายุไปตั้งแต่วันที่ 18 เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเธอจะต้องจ่ายเงินค่าปรับเป็นมูลค่า 25 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ (830 บาท) ต่อ 1 วันที่วีซ่าขาดไป และตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบ 150 วันแล้วที่เธอปล่อยให้มันขาดไป นั่นเท่ากับว่าเธอจะต้องเสียเงินค่าปรับเป็นมูลค่าถึง 4,000 เหรียญฯ (133,000 บาท) แต่จากการท้วงติงของเจ้าหน้าที่ ทำให้นักท่องเที่ยวหญิงเกิดโมโห และตบเข้าที่ใบหน้าของเจ้าหน้าที่อย่างรุนแรง เธอให้เหตุผลที่ทำแบบนั้นเพราะว่าโมโหที่เจ้าหน้าที่ทำให้เธอต้องตกเครื่องบิน “นายไม่ได้จ่ายเงินค่าเครื่องบินให้กับฉัน บอกมาสิว่าจะเอาเงินค่าเครื่องมาให้ฉัน ทำไมไม่พูดล่ะ พูดมา!!!” …
-
หญิงสาวผู้ไม่ย่อท้อต่อชีวิต พิการมานานกว่า 32 ปี สร้างผลงาน “ภาพวาด” มาแล้วกว่า 300 ชิ้น
ชีวิตของเราใช่ว่าจะสวยหรูเสมอไป บางครั้งเราอาจต้องเจอกับอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว น้อยใหญ่ต่างกันไป แต่สิ่งที่สำคัญคือเราพยายามที่จะเผชิญหน้าและต่อสู้กับอุปสรรคนั้นๆ มากแค่ไหน หากเพื่อนๆ กำลังรู้สึกหมดไฟในการใช้ชีวิต เราขอให้ได้ลองมารู้จักกับหญิงสาวคนนี้ เธอเป็นผู้พิการมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่เธอเลือกที่จะก้าวเดินต่อไป โดยมี “การวาดภาพ” และคนใกล้ตัวเป็นเครื่องชี้นำทาง เธอคนนี้มีชื่อว่า Zhang Junli หญิงสาววัย 40 ปีจากเมืองไท่หยวน มณฑลชานซี ประเทศจีน ศิลปินสาวผู้ชื่นชอบการวาดภาพมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ย้อนกลับไปในวัยเด็กของเธอ Zhang ต้องเผชิญกับโรคข้อ Rheumatoid เมื่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเกิดกลไกทำลายการใช้งานอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะข้อต่อแต่ละส่วน ซึ่งถูกวินิจฉัยในตอนที่เธออายุ 6 ขวบ โรคดังกล่าวทำให้เธอสามารถขยับข้อต่อทั่วทั้งร่างได้เพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และอาการนี้ก็อยู่กับเธอมาตั้งแต่อายุเพียง 8 ขวบ และทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียง คอยให้แม่ดูแล ช่วงเวลาอันยากลำบากนั้นอาจบั่นทอนพลังใจเธอไปไม่มากก็น้อย แต่มันก็ไม่อาจทำให้เธอยอมแพ้กับชีวิต… เมื่ออายุ 10 ขวบ Zhang ได้วางแผนให้กับการใช้ชีวิตหลังจากนั้น เธอเริ่มต้นเรียนรู้เกี่ยวกับการวาดภาพ ฝึกฝนทำสิ่งนั้นลงไปตามความชอบของตัวเอง …
-
วันสุดท้ายของการเป็น “แอร์โฮสเตส” กับการได้บินไปพร้อม “ลูกสาว” ที่เป็นนักบิน
การเริ่มต้นทำให้เกิดการเดินทาง และการเดินทางในสักวันหนึ่งมันก็คงจะก้าวไปถึงช่วงเวลาสุดท้าย ซึ่งเราทำได้เพียงหวังว่ามันจะเป็นตอนจบในแบบ “Happy Ending” เช่นเดียวกันกับความฝันของ Pooja Chinchankar ผู้ทำงานเป็นแอร์โฮสเตสมานานกว่า 38 ปี ในวันสุดท้ายของบทบาทนี้ สิ่งที่เธอต้องการคือการได้ออกบินไปพร้อมๆ กับลูกสาวของเธอที่เป็นนักบิน ด้านซ้ายคือภาพของนักบินสาว กับแม่ของเธอที่เป็นแอร์โฮสเตส นักบินสาว Ashrrita Chinchankar โพสต์เรื่องราวผ่านทวิตเตอร์ว่า “ทุกคน พรุ่งนี้ฉันจะได้ออกบินไปพร้อมๆ กับวันสุดท้ายในการทำงานของแม่ฉัน” “มันคือเที่ยวบินสุดท้ายสำหรับแม่ ในการเป็นแอร์โฮสเตสให้กับสายการบิน Air India มาตลอด 38 ปี และฉันได้รับสิทธิพิเศษในการได้เป็นลูกเรือไปพร้อมๆ กับเธอ” โพสต์ของ Ashrrita เที่ยวบินดังกล่าวเดินทางจากเมืองมุมไบ ไปยังบังคาลอร์ ประเทศอินเดีย โดยที่ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี ผู้โดยสารทุกคนกลายเป็นส่วนหนึ่งของช่วงเวลาอันน่าจดจำนี้ มีการปรบมือให้กับความสำเร็จในหน้าที่การงานของ Pooja ภาพจากเที่ยวบินในวันนั้น โพสต์ของนักบินสาว ในตอนที่เธอได้ร่วมภารกิจวันสุดท้ายกับแม่ของเธอแล้ว (วันที่ 31 กรกฎาคม 2018) …
-
Rick Genest ‘Zombie Boy’ ศิลปินและนายแบบชาวแคนาดา เสียชีวิตด้วยวัย 32 ปี
อีกหนึ่งข่าวความสูญเสียของวงการบันเทิงในต่างประเทศ เมื่อ Lady Gaga ได้ออกมาประกาศผ่านสื่อโซเชียลทั้งทางเฟสบุ๊กและทวิตเตอร์ว่า หนึ่งในเพื่อนร่วมงานของเธอ Rick Genest หรือในอีกนาม Zombie Boy เสียชีวิตจากเหตุฆ่าตัวตาย… “การฆ่าตัวตัวตายของเพื่อน Rick Genest, Zombie Boy นั้นเกินกว่าความหายนะทั้งปวง เราต่างต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเปลี่ยนวัฒนธรรมบนโลก นำพาสุขภาพจิตของตัวเองไปอยู่บนแนวหน้า และลบล้างความอัปยศอดสูที่เราพูดถึงไม่ได้ ถ้าหากว่าคุณกำลังทนทรมานอยู่ โปรดจงเรียกหาเพื่อนหรือครอบครัวเสียในวันนี้ พวกเราต้องช่วยกันนะ https://twitter.com/ladygaga/status/1025173295539335169 วิทยาศาสตร์บอกเราว่า จะต้องใช้เวลา 21 วันเพื่อสร้างลักษณะนิสัย ถ้าคุณกำลังทรมานจากปัญหาสุขภาพจิตอยู่ ฉันขอให้วันนี้เป็นวันแรก หรือวันต่อๆ มาของการเปลี่ยนแปลงตนเอง หากคุณเจ็บปวดจงเรียกหาคนอื่น และถ้าคุณรู้ว่าใครกำลังเป็นอยู่ จงช่วยพวกเขาด้วย” ใจความจาก Lady Gaga https://twitter.com/ladygaga/status/1025171911138004992 Rick Genest หรือ Zombie Boy วัย 32 ปี และกำลังจะครบรอบอายุ…
-
หนุ่มสุดช้ำ โดนคู่หมั้นนอกใจ เลยโพสต์ขาย ‘ชุดแต่งงาน’ เอาเงินไป ‘ตี Curry’
บางครั้งชีวิตมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวังเอาไว้… เช่นเดียวกันกับชายหนุ่มคนนี้ที่วาดฝันเอาไว้ถึงชีวิตอันแสนสุขร่วมกับว่าที่ภรรยา หลังจากที่วางแผนว่าจะจัดงานแต่งงานกันอีกไม่นานนี้ แต่แล้วเรื่องราวไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อว่าที่เจ้าสาวของเขาดันนอกใจไปมีคนอื่นเสียก่อน!? ทั้งที่วางแผนกันไว้ว่าจะแต่งงานและซื้อ ‘ชุดเจ้าสาว’ มาแล้วเรียบร้อย สุดท้ายความฝันทุกอย่างก็พังทลายลงไปอย่างน่าเสียดาย แต่แทนที่จะจมอยู่กับความเศร้านั้น ว่าที่เจ้าบ่าวกลับนำชุดแต่งงานนั้นไปโพสต์ขายผ่านทางเว็บออนไลน์แบบไม่เอากำไร และตั้งใจที่จะเอาเงินไปทำอย่างอื่นแทน!! เขาเขียนอธิบายถึงชุดเจ้าสาวนี้เอาไว้ว่า “ขายด่วนครับขายด่วน” นอกจากนี้พี่แกยังอธิบายให้ฟังอีกว่าเงินที่ขายได้มานั้นจะเอาไปทำอะไรบ้าง “ส่วนเงินที่ได้จะเอาไปใช้ดังนี้ : 20% ค่าเบียร์ 20% ค่าตี Curry (ซื้อบริการทางเพศ) 20% เล่นพนัน” “และ อีก 5% เอาไปซื้อเบียร์เพิ่ม ส่วน 35% ที่เหลือก็เอาไปตี Curry อีก” หนุ่มผู้ขายชุดแต่งงานนี้อาศัยอยู่ที่เมือง Kells จากเขต Meath ประเทศอังกฤษ เขาประกาศขายชุดแต่งงานนี้ในราคา 750 ยูโร (29,000 บาท) ทั้งๆ ที่ซื้อมาในราคาที่สูงถึง 3,500 ยูโร (135,000 บาท)!? …
-
หนุ่มถ่ายภาพก้อนเมฆรูปทรงแปลกๆ เหมือน ‘นางฟ้า’ ชาวเน็ตบอกนี่แหละข้อความจากพระเจ้า
หลังจากเมื่อเร็วๆ มานี้ได้มีคลิปวิดีโอหนึ่งเผยให้เห็นถึงสิ่งแปลกๆ ที่อยู่บนท้องฟ้า ซึ่งมีรูปร่างคล้ายๆ กับ ‘คน’ เดินอยู่บนก้อนเมฆ และมีความเชื่อกันว่าคนที่ว่านี้คือ ‘พระเจ้า’ อ่านข่าวเก่าได้ที่ >> เถียงกันสนั่น!! สาวถ่ายวิดีโอเห็น ‘มนุษย์ร่างใหญ่’ เดินอยู่บนปุยเมฆ กลายเป็นคลิปไวรัล!! ในตอนนี้ได้มีเรื่องใหม่มาให้ชาวเน็ตได้ฮือฮากันอีกแล้ว เมื่อมีผู้ใช้รถใช้ถนนคนหนึ่งใช้โทรศัพท์ถ่ายภาพท้องฟ้า แต่ปรากฏว่าภาพที่ออกมามันดันมีส่วนของเมฆที่มีรูปร่างเหมือนกับนางฟ้าซะอย่างงั้น !! คนถ่ายภาพที่ว่านี้ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา Danny Ferraro ชาวรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ขับรถไปยังถนนหลวงหมายเลข 105 ระหว่างเมือง Beamon กับ Conroe แต่ในระหว่างทางนั้นเอง เขาก็สังเกตได้ว่าหมู่เมฆมันมีรูปร่างที่ค่อนข้างแปลกๆ เลยตัดสินใจถ่ายภาพเก็บเอาไว้ และเมื่อเขาเปิดดูก็ต้องอึ้งกับสิ่งที่ถ่ายมา ภาพที่กลายเป็นประเด็น เพราะมันคือรูปร่างของเมฆที่เหมือนกับร่างของหญิงสาวกำลังกางมือออก อีกทั้งยังมีแสงจากดวงอาทิตย์มาเป็นแบคกราวด์เพิ่มความยิ่งใหญ่ให้อีกด้วย จนในที่สุดแล้วเขาก็ได้ตั้งชื่อให้ภาพนี้ไว้ว่า ‘Texas Angel’ และเมื่อภาพนี้ได้ลงสู่สายตาประชาคมชาวโซเชียล มันก็กลายเป็นกระแสไวรัลภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว แถมยังมีการแชร์แพร่กระจายกันเป็นจำนวนมาก รวมถึงความคิดเห็นเช่นนี้ พระเจ้าช่วย มันสวยงามมากเลย เหมือนนางฟ้าเลยล่ะ มันสุดยอดจริงๆ…
-
อาชีพใหม่ “โค้ช Fortnite” พ่อแม่ยอมจ่ายชั่วโมงละ 1,100 บาท ให้ลูกได้เรียนกับมือโปร
หากเพื่อนๆ เป็นคนที่ชื่นชอบการเล่นเกมแล้วล่ะก็ คงต้องเคยได้ยินชื่อของเกม “Fortnite” กันมาอย่างแน่นอน เพราะนี่คือหนึ่งในเกมแนว Battle Royal ที่ดังที่สุดในตอนนี้ เรียกได้ว่าเกมเมอร์ทั่วโลกนี่ติดกันอย่างงอมแงม ถ้าถามว่าเกมนี้ดังขนาดไหนแล้วล่ะก็ ตอนนี้ก็สามารถตอบได้เลยว่า ดังขนาดนี้ทำให้เกิดอาชีพใหม่อย่าง “โค้ช Fortnite” อาชีพที่พ่อแม่ยอมจ้างมาเพื่อสอนเทคนิกเล่นเกม Fortnite ให้แก่ลูกของพวกเขาด้วยค่าจ้างถึง 1,100 บาทต่อชั่วโมงเลยทีเดียว นักข่าวของ Wall Street Journal ได้ลงพื้นที่พูดคุยกับเหล่าผู้ปกครองหลายคนที่จ้างโค้ช Fortnite มาสอนลูกของพวกเขา ว่าทำไมถึงตัดสินใจจ้างพวกเขา ซึ่งคำตอบที่ได้ก็เพื่อชีวิตในโรงเรียนของเด็กและอนาคตที่อาจนำงานอดิเรกนี้ต่อยอดกลายเป็นนักกีฬา E-Sports ได้ รวมถึงยังอาจจะได้รับทุนจากสถานศึกษาอีกด้วย พ่อแม่คู่หนึ่งจาก Winchester ประเทศอังกฤษได้กล่าวว่า “มันมีแรงกดดันอยู่ที่ต้องเล่นให้เก่งเล่นให้ดี ไม่ใช่แค่เล่นเฉยๆ เท่านั้น คุณลองจินตนาการสิ หากเขาเล่นเก่งมันต้องเป็นผลดีต่อเขาที่โรงเรียนแน่ๆ” โดยปกติแล้วพ่อแม่ต่างๆ จะสามารถหาโค้ช Fortnite ได้จากโซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่ก็มีช่องทางที่เหมือนเป็นตลาดกลางให้กับโค้ช Fortnite อยู่เช่นกัน ซึ่งค่าจ้างก็จะอยู่ระหว่าง 500 บาทถึง…
-
ผู้ต้องหาปากมากขึ้นศาล ‘พูดไม่หยุด’ ผู้พิพากษาเตือนก็ไม่ฟัง สุดท้ายเลยโดนเทปกาว…
เรื่องของการ ‘พูด’ จริงอยู่ที่ว่ามันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่ว่าบางทีเราก็ควรจะพูดให้มันถูกกาลเทศะ ให้มันถูกที่ถูกเวลาเพราะบางทีนอกจากจะถูกหาว่าไม่มีมารยาทแล้ว อาจจะถูกลงโทษแบบแปลกๆ เหมือนกับชายคนนี้ก็เป็นได้… โดยเรื่องมีอยู่ว่าชายนาม Franklyn Williams ชายอเมริกาวัย 32 ปี ได้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีการก่อเหตุโจรกรรมจำนวน 3 ครั้งด้วยกัน ซึ่งเขาก็ได้ขึ้นศาลรับการไต่สวนเมื่อวันอังคารที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ว่าในระหว่างที่เขาเข้ารับการตัดสินนั้นเอง ก็ปรากฏว่าเขาพูดจ้อไม่หยุด พูดนู่นพูดนี่ไปเรื่อยๆ ทั้งการคุยกับทนายความรวมถึงเถียงผู้พิพากษา จนทำให้ John Russo ผู้พิพากษาต้องออกปากเตือนหลายต่อหลายครั้ง ทว่าเมื่อเวลากว่า 30 นาทีผ่านไปเหตุการณ์ในศาลก็ยังเป็นเช่นเดิม ท่านผู้พิพากษาจึงได้บอกกับ Franklyn เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการปิดปากเขาเกิดขึ้น “คุณ Franklyn ผมเป็นผู้พิพากษาเรื่องนี้ โปรดหยุดพูดได้แล้ว แล้วผมจะบอกเองว่าเมื่อไหร่คุณจะสามารถพูดได้ ถ้ามันจำเป็น ผมก็จะต้องหุบปากคุณให้สนิทซะ” คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากเอ่ยเตือนครั้งสุดท้าย ปรากฏว่าชายคนนี้ยังเถียงอยู่ตลอดเวลาเหมือนเดิม นั่นจึงทำให้ทางผู้พิพากษาตัดสินใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงมือใช้เทปกาวปิดปากชายคนนี้ให้เงียบเสียงลงไปซะ “ผมขอใช้เทปกาวนี้ปิดปากคุณไว้ก่อนละกัน แล้วผมจะบอกให้เจ้าหน้าที่นำออกให้เมื่อผมอยากจะคุยกับคุณ” ผู้พิพากษากล่าว โดยก่อนหน้านี้ Franklyn ก็เคยถูกตัดสินจำคุกถึง 14 ปีด้วยกัน…
-
ยูทูปเบอร์ถูกจวกเละ!! หลังทำวิดีโอบันทึกภาพลูกเจ็บปวด จากยาถ่ายที่เขาผสมลงไอศกรีม
ในปัจจุบันนี้ เป็นยุคสมัยที่อินเทอร์เน็ตเฟื่องฟู เกิดเป็นโลกออนไลน์ที่ทำให้ผู้คนสามารถติดต่อกันได้อย่างง่ายดาย และทำให้เกิดอาชีพใหม่ๆ ขึ้นมามากมายเต็มไปหมด รวมถึงอาชีพอย่าง “ยูทูปเบอร์” ด้วย ยูทูปเบอร์เป็นคำที่เอาไว้ใช้เรียกบุคคลที่สร้างสรรค์วิดีโอคอนเทนต์แปลกใหม่ลงในเว็บไซต์วิดีโอออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Youtube ซึ่งพวกเขาสามารถสร้างรายได้จากจำนวนคนที่เข้ามาชมวิดีโอ ยิ่งเข้าชมวิดีโอเยอะก็ได้เงินเยอะ โดยปกติแล้วคอนเทนต์วิดีโอก็มีอยู่หลายแนว แต่เรื่องที่เราจะนำมาให้ได้ดูกันในวันนี้ต้องถือว่าเป็นคอนเทนต์ที่ “พิเรนทร์” ขนาดหนัก เพราะยูทิวเบอร์คนนี้ได้ใส่ยาถ่ายอย่างแรงให้กับลูกๆ ของตัวเองเพื่อจะบันทึกวิดีโอฉากที่ลูกๆ ของตัวเองนั้นต้องปวดท้องขนาดหนัก ยูทิวเบอร์ที่เป็นประเด็นในคราวนี้คือ Cordero James Brady หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ CJ SO COOL ชาวอเมริกันวัย 29 ปี ผู้เป็นเจ้าของช่องยูทิวบ์ที่มีผู้ติดตามถึง 5.6 ล้านคน จู่ๆ เมื่ออาทิตย์ก่อน เขาก็ได้อัปโหลดวิดีโอใหม่ขึ้นมาโดยที่มีชื่อคลิปว่า “laxative ice cream” หรือ “ไอศกรีมยาถ่าย” และเมื่อชาวเน็ตได้เข้าไปดูก็ต้องพบกับภาพที่น่าสลดใจ เมื่อเจ้าตัวได้เล่นพิเรนทร์ โดยผสมยาถ่ายลงในไอศกรีมและนำไปให้ลูกๆ ได้รับประทาน . ในวิดีโอเราจะเห็นได้ว่าเขาบันทึกเหตุการณ์หลังจากที่ให้ลูกได้กินไอศกรีมไปแล้ว 90 นาที โดยจะเห็นได้ว่าลูกๆ ของเขากรีดร้องและร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดจากยาถ่าย เด็กชายในวิดีโอได้พูดว่า “ท้องของผม มันปวดไปหมด” แต่ทางเจ้าของช่องก็ยังพูดแบบติดตลกอีกว่า “โอ้…
-
งานในฝัน!! บริษัทญี่ปุ่นตั้งกฎให้พนักงานมาวันไหน หยุดวันไหนก็ได้ เพื่อความสุขล้วนๆ …
ใครจะไปคิดว่าบนโลกจะมีงานอย่างนี้ด้วย… เมื่อบริษัทกุ้งแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น เห็นแก่ความสุขสวัสดีของเหล่าพนักงานจนถึงขีดสุด จนตั้งกฎการทำงานเพียงข้อเดียวว่า ‘อย่าทำงานถ้าคุณไม่อยากทำมัน’ นี่มันงานในฝันชัดๆ !! ด้วยความที่เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว บริษัทผลิตสินค้าเกี่ยวกับกุ้งชื่อว่า Papua New Guinea Seafood ในเมืองโอซาก้า ได้ตัดสินใจลดกำลังการผลิตลงเพื่อเพิ่มคุณภาพให้กับสินค้า จึงทำให้พนักงานก็ต้องลดลงตามไปด้วย… การทำงานของบริษัทกุ้งแห่งนี้ แต่ถึงอย่างนั้นแล้วทางบริษัทแห่งนี้ก็ไม่ได้ไล่พนักงานออกแต่อย่างใด ทว่าพวกเขาปรับเปลี่ยนมาใช้วิธีการทำงานแบบ ‘ไร้ตารางการทำงาน’ แทน นั่นจึงหมายความว่าพนักงานจะมาทำงานวันไหนก็ได้ อยากทำก็ทำ อยากหยุดวันไหนก็หยุด และถ้าวันไหนมาทำงานก็แค่เขียนชั่วโมงการทำงานไว้บนไวท์บอร์ดให้ทางฝ่ายบริหารรับรู้เพียงเท่านั้น น่าทำไหมล่ะ การที่บริษัทปรับเปลี่ยนระบบการทำงานมาใช้แบบนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าก็มีเสียงจากเหล่าคนหัวเก่าว่า การไม่บังคับพนักงานให้ทำงานตามตารางเวลา อาจจะทำให้ไม่มีใครเข้ามาทำงานเลยก็เป็นได้ แต่ถ้าลองคิดในมุมของพนักงานแล้วก็จะพบว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่เหล่าพนักงานจะไม่อยากทำงานให้กับบริษัทที่ให้อิสระแก่พวกเขามากถึงขนาดนี้ และอีกแง่หนึ่งก็คือถ้าหากพวกเขาหยุดทุกๆ วัน บริษัทก็อาจจะล้มละลายและพวกเขาต้องกลับไปเบื่อหน่ายกับการทำงานแบบเดิมๆ ที่บริษัทอื่น นี่จึงเป็นเหตุผลให้บริษัทอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ และที่มากไปกว่านั้นก็คือยังพบอีกด้วยว่าทางบริษัทมีผลผลิตที่มากยิ่งขึ้นและสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการจัดการแรงงานลงได้ถึง 30 % ด้วยกัน พระเจ้า!! นอกจากนี้ แม้ว่าชะตากรรมของบริษัทแห่งนี้จะขึ้นอยู่ในมือของพนักงานที่บริหารเวลาด้วยตัวเอง แต่จากตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา…
-
หนุ่มพาหมาไปเดินเล่นในสวน เผลอซนจนกินกัญชาเข้าไป อัดคลิปแฉ ‘แข็งโป๊ก’ สุดฮา!!
ใครที่เลี้ยงสุนัขเอาไว้ก็ควรจะระมัดระวังกันหน่อยนะจ๊ะ หากว่าปล่อยหลุดไปไหนต่อไหน อาจจะเกิดอะไรที่ไม่ดีกับตัวสุนัขหรือผู้อื่นได้ กรณีนี้เกิดขึ้นกับนาย Seth Mersing จากรัฐเท็กซัส กับน้องหมาวัย 3 ขวบ Rita Mersing (แหม่ มีทั้งชื่อและนามสกุลพร้อม) กับอาการที่เกือบจะทำให้เจ้าหมาล่องลอยไปไกลสู่จักรวาล เหตุการณ์เกิดขึ้นในระหว่างที่พ่อหนุ่ม Seth พาเจ้า Rita ไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่นัก จนเจ้าหมาแอบไปกินอะไรก็ไม่รู้ที่ตกอยู่บนพื้น กระทั่งเวลาผ่านไปได้ 30 นาที Rita เริ่มแสดงพฤติกรรมผิดแปลกไปจากเดิม เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเมื่อเจ้าหมาเริ่มมีอาการเพี้ยนๆ ไม่สามารถคาดเดาอาการได้เลยว่าไปทำอะไรมา… ในช่วงตกดึกกลางคืน น้อง Rita มีอาการหมดสติ จนในที่สุดแล้วพ่อหนุ่ม Seth และพ่อแม่ได้ตัดสินใจพาน้องไปพบกับสัตวแพทย์ในทันที และจากการตรวจหาสารเสพติดและตรวจสอบปัสสาวะ ทราบได้ว่าผลตรวจออกมาเป็นบวกกับสาร THC ( tetrahydrocannabinol) หรือในอีกชื่อหนึ่งที่เรียกกันง่ายๆ ว่า ‘กัญชา’ สัตวแพทย์บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงน้องมาก แต่จะต้องแอดมิตให้น้องนอนโรงพยาบาลหนึ่งคืน ทำการล้างสารออกจากร่างกาย พ่อหนุ่ม Seth…
-
ชายเห็นวัยรุ่นปาขวดเล่น หวั่นทำคนอื่นบาดเจ็บ จึงบอกให้หยุด สุดท้ายโดนรุมกระทืบ
เพื่อนๆ คิดว่าอะไรที่สามารถทำให้โลกนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้นกันบ้าง ส่วนตัว #เหมียวโคบี้ คิดว่าหากคนบนโลกใบนี้มีน้ำใจให้แก่กัน คอยเป็นพลเมืองดีคอยสอดส่องปัญหา มันจะทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นมาทันตาเห็นเลยล่ะ ถึงมันจะทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นก็ตาม แต่การเป็นพลเมืองดีมันก็มีความเสี่ยงต่อชีวิตอยู่เหมือนกัน มีหลายๆ ครั้งที่เราเห็นข่าวมีพลเมืองดีต้องบาดเจ็บหรือจบชีวิตลง จากการเข้าไปช่วยเคลียร์ปัญหาต่างๆ เหมือนอย่างข่าวที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ ก็เป็นอีกข่าวหนึ่งของพลเมืองดีที่เข้าไปขอความร่วมมือกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ที่กำลังเล่นทุบขวดแก้วและโยนแก้วเล่นกัน แต่สิ่งที่เขาได้รับคือกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนั้นได้รุมทำร้ายเขาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เรื่องน่าสลดใจนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่ถนน Bath ในเกาะไอล์ออฟไวต์ ประเทศอังกฤษ ช่วงเวลาประมาณ 23.30 น. พลเมืองดีคนนี้พาสุนัขคู่ใจของเขาไปเดินเล่นตามปกติ ครั้งนี้มันแปลกกว่าปกติไปหน่อย ตรงที่เขาสังเกตเห็นกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่กำลังทุบขวดแก้วและโยนมันอย่างสนุกสนาน เขากลัวว่าจะสัตว์หรือคนอื่นๆ ที่จะได้รับบาดเจ็บจากเศษแก้วที่แตกเรียงรายอยู่ตามถนน จึงได้เดินเข้าไปขอร้องให้หยุดทำแบบนั้นได้ไหม แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมาคือถูกวัยรุ่นเอาขวดตีเข้าที่หัวอย่างแรง พลเมืองดีที่ไม่ประสงค์ออกนามได้กล่าวว่า “ผมพาหมาไปเดินในที่ๆ ผมพามันไปเดินอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ที่นั่นมันมีกลุ่มที่คอยทุบขวดและขว้างมันเล่นอยู่ ผมกังวลว่าจะมีคนบาดเจ็บจากเศษแก้วเลยเดินเข้าไปบอกพวกเขาดีๆ ว่าช่วยเก็บเศษแก้วหน่อยได้ไหมพร้อมกับอธิบายเหตุผล แต่มันกลายเป็นว่าผมถูกขวดฟาดเข้าที่หน้า ผมล้มลงกับพื้นทันทีและรู้สึกว่าเหมือนกับขาตาย จากนั้นหนึ่งในนั้นเตะเข้าที่หน้าของผม พวกเขาคิดว่ามันสนุก หัวเราะเยาะเย้ยและก็วิ่งหนีไป” หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ ทางผู้ถูกกระทำได้โพสต์ภาพพร้อมกับอธิบายเรื่องต่างๆ ลงบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งโพสต์ของเขาก็ได้กลายเป็นกระแสและมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย Gem Casson ได้คอมเมนต์ว่า “โอ้…
-
หมองง!! สาวถูกงูกัดเพราะเอื้อมเก็บโทรศัพท์ตก เลยคว้างูตัวเป็นๆ มาให้หมอดูด้วย…
เมื่อคนส่วนใหญ่ถูกเจ้าอสรพิษร้ายอย่าง ‘งู’ กัด ก็คงจะเสียสติและตกใจรีบวิ่งแจ้นไปที่โรงพยาบาลอย่างไม่คิดชีวิต เพราะถ้าถึงมือหมอเร็วเท่าไหร่ ก็อาจจะมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้นเท่านั้น… แต่ว่าคงไม่มีใครเหมือนกับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว ที่หลังจากถูกงูกัดเธอก็กลับเอางูตัวเป็นๆ คล้องแขนมาที่โรงพยาบาลด้วย งานนี้เลยสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนที่พบเห็นกันไปตามระเบียบ… โดยเรื่องที่ว่านี้มีอยู่ว่าหญิงสาววัย 23 ปีคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในมณฑลเจ้อเจียง กำลังเดินอยู่บนทางเดินสายหนึ่งภายในเมืองตามปกติ แต่แล้วจู่ๆ เธอก็ทำโทรศัพท์มือถือตกไถลไปใกล้ๆ กับพุ่มไม้ แต่แล้วในจังหวะที่เธอยื่นมือไปเก็บโทรศัพท์นั้นเอง ก็มีงูตัวหนึ่งพุ่งเข้ามากัดเข้าที่นิ้วชี้ของเธอเข้าอย่างเต็มเขี้ยว และด้วยความตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เลยทำให้หญิงสาวคนดังกล่าวใช้มือคว้าจับงูตัวนั้นด้วยมือเปล่าทั้งๆ ที่มันยังมีชีวิตอยู่แล้วรีบวิ่งไปโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างด่วนจี๋ เมื่อถึงมือคุณหมอและได้ทำการตรวจสอบ ก็เป็นโชคดีที่ว่างูชนิดนี้เป็นงูที่ไม่มีพิษจึงไม่ได้มีอันตรายร้ายแรงต่อชีวิตแต่อย่างใด จะมีก็แค่เลือดที่ซึมออกจากแผลและอาการบวมเพียงเท่านั้น และในเวลาเพียงชั่วโมงเดียวต่อจากนั้นผู้หญิงคนนี้ก็สามารถกลับบ้านได้ พร้อมกับบอกหมอว่าจะนำงูตัวนี้ไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติต่อไป ทางด้านนายแพทย์ Wang ผู้รักษาเคสของผู้หญิงคนนี้ ก็ได้ให้คำเคือนว่าอันที่จริงเขาไม่แนะนำให้คนที่ถูกงูกัดจับงูเป็นๆ อย่างนี้ด้วยมือเปล่า เพราะว่ามันอาจมีโอกาสที่ถูกกัดเข้าซ้ำสองและอาการจะยิ่งหนักไปกว่าเดิมได้ หากงูตัวนั้นเป็นงูที่มีพิษร้ายแรง… นี่ก็ใจกล้าเหลื๊อเกิน.. ที่มา: shanghaiist, thepaper
-
พี่ชายสักรูปหน้าน้องชายผู้เป็น ‘ดาวน์ซินโดรม’ ความรู้สึกเมื่อแรกเห็น คือตื้นตันจากหัวใจ
การที่เรามีพี่น้องถือเป็นอีกหนึ่งความวิเศษในชีวิต แม้จะมีเรื่องกระทบกระทั่งกันบ้างไม่มากก็น้อย แต่ท้ายที่สุดแล้วความเป็นพี่น้องก็ยังคงทำให้เรารักกันได้ ความรักอันบริสุทธิ์ระหว่างสายเลือด สามารถแสดงออกได้หลากหลายทาง อย่างเช่นเรื่องราวจากคุณแม่ Soares Sheila ได้โพสต์วิดีโอของลูกชายทั้งสอง Rafa และ Erik โดยลูกคนเล็กของเธอประสบกับอาการดาวน์ซินโดรม โดยที่มีพี่ชายเป็นแรงผลักดันและกำลังใจสำคัญในชีวิต ภายใต้รอยสักสิงโตนั้น ปรากฏเป็นใบหน้าของ Erik ผู้เป็นน้องชาย และตัวพี่ชายเองก็ได้โชว์ให้น้องได้เห็นว่าเขาเป็นคนที่สำคัญมากที่สุดในชีวิต ได้สัมผัสความรู้สึกดีๆ ผ่านจากรอยสักของพี่ชาย สิ่งที่ได้เห็นหลังจากนั้น คือการเข้าโอบกอดขอบคุณพี่ชายแม้จะประสบกับอาการดาวน์ซินโดรม แต่มันคือการขอบคุณอันแสนบริสุทธิ์ที่ออกมาจากหัวใจ ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นสองพี่น้องจะดูแลกันและกันให้ตลอดรอดฝั่ง ทางด้านคุณแม่เอง ก็กล่าวว่าการที่เธอแชร์วิดีโอนี้ ก็เพื่ออยากจะส่งต่อความรู้สึกดีๆ ให้กับทุกคน แม้ว่าจะต้องผ่านอุปสรรคความยากลำบากมากแค่ไหน จะสำเร็จ จะล้มเหลวหรือพ่ายแพ้กับสิ่งใด จงอย่ายอมแพ้เหมือนกับการที่เธอดูแลลูกชายคนเล็กให้ดีที่สุด พร้อมกับแรงสนับสนุนจากลูกชายคนโต แม้ว่าเขาจะไม่สามารถรับรู้ได้เหมือนกับคนทั่วไปก็ตาม ที่มา: unilad, ladbible
-
หนุ่มเสนอ ‘จ่ายเงินค่าแมคโดนัลด์’ ให้ผู้สูงอายุ ถูกชาวเน็ตยกย่องให้เป็นฮีโร่ตัวจริง!!
บางครั้งการเป็นฮีโร่ในชีวิตจริง มันก็ไม่ได้ยากเย็นเหมือนในหนังสักเท่าไหร่นัก…. เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของชายหนุ่มคนนี้ ที่เสียสละจ่ายเงินค่าแมคโดนัลด์ทั้งหมดให้กับคุณลุงสูงอายุคนหนึ่ง กำลังยืนนับเหรียญเงินที่มีอยู่ในมือเพื่อนำมาจ่ายค่าอาหารที่สั่งไป เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ร้านแมคโดนัลด์แห่งหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย ชายหนุ่มนามว่า Tradie Dave Love ได้ทำการเสนอจ่ายเงินค่าอาหารให้กับคุณตาคนหนึ่ง ที่กำลังยืนนับเงินเหรียญอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ เขาจ่ายเงินเป็นมูลค่าอาหาร 20 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราวๆ 491 บาท แทนคุณตาโดยที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน อีกทั้งยังให้เงินคุณตาอีก 20 เหรียญฯ พร้อมกับบอกว่า “นี่สำหรับค่ากาแฟของคุณในครั้งต่อไปนะครับ” คุณตาพยายามที่จะปฏิเสธ แต่ก็ต้องรับไว้เพราะ Tradie ต้องการที่จะช่วยเหลือเขาจริงๆ คุณตาตอบไปว่า “ขอบคุณมากๆ เลย คุณเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ บนโลกนี้ยังมีคนดีๆ เหลืออยู่” เหตุการณ์ดังกล่าวถูกแอบบันทึกเอาไว้โดย Melanie Langley แฟนสาวของ Tradie ที่มาด้วยกัน ในคลิปเธอถาม Tradie ว่า “คุณทำอะไรน่ะ?” เขาก็ตอบกลับมาว่า “ผมกำลังช่วยคุณตาคนนั้น เขากำลังจะใช้เงิน 20 เหรียญฯ สุดท้าย”…
-
คุณยายชาวไทยวัย 71 โชว์ลีลาเต้นใน America’s Got Talent คว้าปุ่ม Gold Buzzer ไปครอง!!
หากคนเราตั้งใจจะทำอะไรขึ้นมาจริงๆ เรื่องของ ‘อายุ’ มันก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น… เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของคุณยายคนนี้ ที่แม้จะมีอายุมากถึง 71 ปี แต่ก็ยังเฟี้ยวฟ้าว เต้นได้อย่างงดงามไม่แพ้กับสาวๆ วัยรุ่นเลยล่ะ แถมยังได้ไปเต้นอออกรายการ America’s Got Talent สร้างความประทับใจให้กับผู้คนมากมายจนได้รับปุ่ม Gold Buzzer อีกด้วย!! และที่สำคัญคุณยายท่านนี้เค้าเป็นคนไทยด้วยนะเออ!! ตามรายงานของเว็บไซต์ usatoday ระบุเอาไว้ว่าคุณยายท่านนี้มีชื่อว่า Quin แต่เดิมทีแล้วเธอเติบโตขึ้นมาในครอบครัวชาวนาที่ประเทศไทย ครอบครัวของคุณยายนั้นมีฐานะยากจนมาก จนกระทั่งได้พบเจอกับสามีเมื่อราวๆ 47 ปีก่อน ซึ่งก็คือคุณ Rick และย้ายมาอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา คุณ Rick สามี “พวกเราตกหลุมรักกัน และฉันก็ย้ายมาที่อเมริกาค่ะ ฉันรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากในทุกๆ วันที่ได้อาศัยอยู่ที่ประเทศแห่งนี้ ฉันอยากจะขอบคุณโชคชะตาที่นำพาให้ฉันได้มาอยู่ที่นี่” คุณยายกล่าว ทั้งคู่แต่งงานและอาศัยอยู่ด้วยกันจนกระทั่งอายุได้ 60 ปี คุณยายก็หันมาหลงใหลในการเต้นรำ และสมัครเข้าคลาสเรียน จนกระทั่งเวลาผ่านไป 11 ปี คุณยายก็ก้าวเข้ามาสู่เวทีการประกวด America’s…
-
จิตใจทำด้วยอะไร!? 8 โจรโหดขโมยแพะตั้งท้องไปข่มขืน ไม่พอยังกลับมาเยาะเย้ยเจ้าของ
“ความหื่นไม่เข้าใจออกใคร” ประโยคที่เคยเห็นกันบ่อยๆ ในโซเชียลมีเดีย เพื่อนๆ คิดว่าประโยคนี้มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ส่วนตัว #เหมียวโคบี้ คิดว่ามันค่อนข้างเป็นความจริงนะ เพราะหากเวลาเราหน้ามืดมานี่อะไรเราก็สามารถได้คือเอามาทำได้หมด เหมือนอย่างกับเรื่องที่เราจะนำมาให้ได้ชมกันในวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้เห็นภาพนั้นชัดขึ้นมา โดยที่เรื่องมีอยู่ว่าแพะตั้งท้องของชายคนหนึ่งในประเทศอินเดีย ถูกขโมยไป เมื่อเขาตามไปเจอก็พบว่าแพะตัวนั้นของเขากำลังถูกกลุ่มโจรข่มขืนกันอย่างเมามัน… โดย Aslup Khan คนขับรถบรรทุกวัย 27 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของแพะ เขาได้สังเกตเห็นว่ามีแพะของเขานั้นได้หายไป จึงได้บอกกำลังชาวบ้านคนอื่นพร้อมช่วยกันออกตามหาในสถานที่ต่างๆ จนกระทั่งในที่สุดก็ได้ไปพบเจอกับภาพบาดตาบาดใจ กลุ่มชายฉกรรจ์ 8 คนที่อยู่ในสภาพมึนเมากำลังรุมโทรมแพะของเขา เขาโกรธมากและวิ่งไปเอาเรื่องกับกลุ่มโจรใจบาป แต่น่าเสียดายที่จับได้เพียง 3 คน อีก 5 คนที่เหลือสามารถหลบหนีไปได้ หลังจากนั้นเขาจึงพาเจ้าแพะของตัวเองกลับมารักษาที่บ้าน เจ้าแพะนั้นมีอาการบาดเจ็บเต็มไปหมดและไม่สามารถเดินได้ ทำได้แต่นอนอยู่กับพื้น เขาพยายามที่จะนำยามารักษาแผลที่บริเวณหัวกับจมูกของมัน แต่ก็ดูเหมือนว่าอาการไม่ดีขึ้นเลย ในวันถัดมันไม่ยอมกินอะไรสักอย่างและเอาแต่นอนอยู่กับพื้น ซึ่งจริงๆ ณ ตอนนั้นมันกลายเป็นอัมพาตไปเสียแล้ว ที่น่าเจ็บใจมากกว่าก็คือเขาบอกกับสื่อว่าคนร้ายยังกลับมาเยาะเย้ยเขาขณะที่เขากำลังดูแลเจ้าแพะอยู่ที่บ้านด้วยว่า “มันหัวเราะเยาะเย้ยผมและก็บอกว่ามันกับเพื่อนของมันมีช่วงเวลาที่วิเศษมากในค่ำคืนนั้น ซึ่งทำเอาผมรู้สึกโกรธมากเลยครับ” ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นเจ้าแพะที่น่าสงสารก็ได้ตายจากไป โดยที่สัตวแพทย์ได้ตรวจสอบร่างและระบุว่ามันตายเพราะเลือดคั่งในสมองและมีเลือดคาอยู่ในเลือดลม สุดท้ายนี้ทางตำรวจยังอยู่ในกระบวนการสืบสวนต่อไปและคาดว่าจะระบุที่อยู่ของคนร้ายได้ในเร็วๆ นี้ ที่มา Dailymaill, Hindustan Times.
-
สุดซวย…ชายผู้รักสัตว์ต้องเสียขาทั้งสองข้างพร้อมกับจมูก เพียงเพราะถูกสุนัขคู่ใจ “เลีย”
ในโลกใบนี้ไม่มีความแน่นอนใดๆ ให้แก่มนุษย์อย่างเราๆ ทั้งนั้น บางทีการที่คุณใช้ชีวิตอย่างปกติสุขมาอยู่ในทุกวัน รุ่งขึ้นคุณอาจจะป่วยเป็นอะไรโดยไม่คาดฝันก็เป็นไปได้ เหมือนอย่างเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ซึ่งเกิดขึ้นกับ Greg Manteufel ชายวัย 48 ปีจากรัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา เมื่อเขาต้องเสียขาทั้งสองข้างพร้อมกับจมูกของเขาไปเพราะติดเชื้อแบคทีเรียจากการถูกสุนัขแสนรัก “เลีย” เพียงเท่านั้น เรื่องราวในคราวนี้มันแปลกตรงนี้ โดยปกติแล้ว Greg นั้นเป็นคนรักสุนัขและอยู่ด้วยกันกับสุนัขมาตลอดทั้งชีวิต ในตอนที่อาการเริ่มกำเริบเขาคิดว่าคงเป็นเพียงแค่ไข้หวัดธรรมดา แต่แล้วอาการของเขาก็แย่ลงเรื่อยๆ จนถึงขั้นสาหัส Dwan ภรรยาของเขาได้ให้สัมภาษณ์ว่า “สภาพร่างกายของเขาอย่างกับคนโดนอัดด้วยไม้เบสบอล เขาอายุ 48 ปีและตลอดเวลาที่ผ่านก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับหมามาตลอด แต่นี่ก็เกิดขึ้น… เขาคอยพูดกับแพทย์อยู่เสมอว่า ให้เอาอะไรไปก็ได้ แต่ช่วยให้ผมรอดชีวิตที” เมื่อเขาได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลใน West Bend แพทย์ได้ระบุว่าเขาติดเชื้อในกระแสเลือดจากแบคทีเรีย Capnocytophaga ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายอย่างมากทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดย่ำแย่ลง คุณหมอ Sylvia Munoz-Price ได้กล่าวว่า “แบคทีเรียชนิดนี้จะถูกส่งต่อกันผ่านน้ำลายของหมา ซึ่งจะแพร่กระจายไปในกระแสเลือดพร้อมกับส่งผลแย่ๆ โดยตรงต่อร่างกาย ทำให้ความดันเลือดของ Greg ลดต่ำลงจนทำให้กล้ามเนื้อขาตาย ในที่สุดแพทย์ต้องทำการตัดขาของเขาออกเพื่อรักษาชีวิตของเขาไว้” โดยจากการคาดการณ์เชื้อโรคได้ผ่านเข้าสู่ร่างกายของเขาในช่วงเดือนมิถุนายน ตอนที่เขาเล่นกับสุนัขพันธุ์พิตบูลล์เทอร์เรียของเขา ซึ่งเป็นเคสที่โชคร้ายมากๆ…
-
เรื่องเล่าของ Damon Cole ตำรวจหนุ่ม “ฮีโร่ตัวจริง” ของเด็กๆ ที่ป่วยโรคมะเร็ง
ฮีโร่ไม่ได้มีแต่ในหนังหรือในการ์ตูนเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงก็มี “ฮีโร่” ให้เห็นได้มากมาย อย่างเช่นตำรวจหนุ่มจากเมืองฟอร์ตเวิร์ท ในรัฐเท็กซัสนามว่า Damon Cole คนนี้ ที่ได้ชื่อว่าเป็นซูเปอร์ฮีโร่ตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ เจ้าหน้าที่ Cole มักจะสวมชุดเป็นฮีโร่และออกปฏิบัติหน้าที่ บางครั้งเขาสวมเสื้อเกราะกันกระสุนที่มีโลโก้ของ ซูเปอร์แมน แล้วโชว์ให้เด็กๆ ดูพร้อมบอกว่า “จุ๊ๆ รู้แล้วอย่าบอกใครล่ะ” ปัจจุบันเขาไม่ได้ทำงานแล้ว เขาใช้เวลาไปกับการ ช่วยเหลือเด็กๆ ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ช่วยเสริมสร้างกำลังใจให้พวกเขาสามารถต่อสู้กับโรคร้ายนี้ได้อย่างถึงที่สุด เราไปฟังเรื่องราวของเจ้าหน้าที่ Cole ฮีโร่ขวัญใจเด็กๆ ให้มากขึ้นกันดีกว่า… เมื่อปี 2012 ขณะที่ Cole ทำงานเป็นตำรวจในสถานีตำรวจดัลลัส เขาก็เริ่มแต่งกายเป็นซูเปอร์แมนเพื่อออกงานต่างๆ รวมถึงการเข้าเยี่ยมผู้ป่วยในโรงพยาบาล . และเมื่อปี 2015 เขาในชุดซูเปอร์แมนได้ใช้เวลาวันหยุด พาเจ้าหนูอายุ 7 ขวบที่ป่วยโรคมะเร็งไปขับรถเที่ยวในรัฐอิลลินอยส์ บางครั้งเขาก็ไปเยี่ยมเด็กๆ ที่โรงเรียนด้วยชุดไอรอนแมน ฝึมือของเจ้าหน้าที่ Cole นั้นไม่ธรรมดาเลย เขาเปลี่ยนรถของเขาให้มีลวดลายซูเปอร์ฮีโร่เท่ๆ ได้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังเนรมิตให้รถอีกคันกลายเป็น…
-
ครอบครัวตัดสินใจ ‘บริจาคอวัยวะ’ ของลูกชาย และมันช่วยชีวิตเด็กได้อีก 5 คน!!
‘ความสูญเสีย’ เป็นเรื่องอันน่าเศร้าใจ และไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น… เช่นเดียวกันกับครอบครัวของคุณ Brooke และคุณ Ibrahim Usali ได้สูญเสียลูกชาย Zane วัย 3 ขวบไปจากอุบัติเหตุรถชนเมื่อเดือนตุลาคม 2017 ที่ผ่านมา หลังจากที่ต้องนอนอยู่ในอาการโคม่านานนับ 10 วัน และดูเหมือนว่าจะไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาได้ พวกเขาเลยตัดสินใจที่จะถอดเครื่องช่วยชีวิตออก แต่เรื่องราวทุกอย่างมันไม่ได้จบลงแค่นั้น ทั้งคู่ไม่ได้ทำให้การสูญเสียสูญเปล่าไป แต่เลือกที่จะทำให้มันเกิดคุณค่าตามมา คุณ Brooke และ Ibrahim ได้ตัดสินใจบริจาคอวัยวะของลูกชาย และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เด็กอีก 5 คนรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์!! Zane วัย 3 ขวบ หนึ่งในเด็กทั้ง 5 คนนั้นมี Mason วัย 6 ขวบ ที่ได้รับปอดมาจาก Zane คุณแม่ของ Mason คุณ Tatiana Johnson กล่าวว่าเธอดีใจมากเมื่อได้รับข่าวดี มีคนบริจาคปอดให้กับลูกชายของเธอแล้ว แต่ขณะเดียวกันเธอก็รู้และเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเมื่อเรื่องราวนี้เกิดขึ้น…
-
หนุ่มซิ่งรถ 170 กม./ชม. เสียหลักพุ่งชนตกจากทางด่วน รอดมาได้ราวปาฏิหาริย์
สำหรับคนที่ชอบขับรถเร็วๆ แล้วล่ะก็ หากได้อ่านเรื่องราวต่อไปนี้ ชีวิตของคุณอาจจะเปลี่ยนไปเลยก็เป็นได้… นี่คือเรื่องราวการรอดชีวิตมาได้อย่างปาฎิหาริย์ของชายหนุ่ม ที่ประสบอุบัติเหตุเพราะขับรถเร็วกว่า 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง!! อุบัติเหตุดังกล่าวถูกบันทึกไว้ได้โดยกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นถึงความรุนแรงที่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่อยู่ในรถจะรอดชีวิตมาได้!? เหตุเกิดขึ้นใน กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา นาย Patricio Avila วัย 19 ปี ขับรถ Volkswagen Voyage คันสีขาวไปบนทางด่วน General Paz ด้วยความเร็วสูงราวๆ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่แล้วจู่ๆ ขณะกำลังจะเลี้ยงเข้าทางแยกลงจากทางด่วน รถของเขาก็เสียหลักพุ่งชนเข้ากับที่กั้นข้างทางอย่างรุนแรง ก่อนที่จะกระเด็นตกลงไปยังถนนข้างล่าง ความรุนแรงของการกระแทกทำให้ชิ้นส่วนของรถกระจัดกระจายไปทั่วทุกที่!! รถที่ขับตามมาก็ต้องหยุดเพื่อไม่ให้ถูกเศษชิ้นส่วนรถยนต์กระเด็นใส่ จากรายงานระบุว่ารถคันดังกล่าวนั้นเป็นของพ่อเลี้ยงของนาย Patricio จากการช่วยเหลือของทีมกู้ภัยทำให้เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา แต่พอถึงโรงพยาบาลแล้วทุกคนก็ถึงกับอึ้งไปตามๆ กันเพราะพี่แกรอดชีวิตมาได้ราวกับปาฏิหาริย์ แถมยังไม่ได้รับบาดเจ็บหนักเลยแม้แต่น้อย!? เขาได้รับบาดเจ็บที่หน้าอก กระดูกสะโพกร้าว กระดูกข้อเท้าร้าวเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันแพทย์ก็ยังไม่นิ่งนอนใจ เฝ้าดูอาการเลือดออกในสมองที่อาจเกิดได้จากการกระแทกรุนแรงอย่างใกล้ชิด ทางด้านพยานผู้เห็นเหตุการณ์คุณ Veronica กล่าวถึงอุบัติเหตุดังกล่าวว่า “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะรอดมาได้ เพราะการชนมันรุนแรงมากจริงๆ”…
-
แม่วาฬเพชฌฆาตอุ้ม ‘ซากลูก’ ของมันนานถึง 7 วัน ราวกับเศร้าใจที่เสียลูกไป
สัตว์โลกทั้งหลายนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าพิศวงยิ่งนัก เพราะมันไม่สามารถสื่อสารกับมนุษย์อย่างเราๆ ให้เข้าใจได้… เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่แม่วาฬเพชฌฆาตอุ้มซากลูกของมันเป็นเวลานานกว่า 7 วัน หลังจากที่เสียชีวิตจากการคลอด ทางด้านผู้เชี่ยวชาญจากพิพิธภันฑ์วาฬในเกาะ San Juan ได้ทำการติดตามและเฝ้าดูพฤติกรรมของเจ้าวาฬตัวนี้ที่รู้จักกันในชื่อ J35 ตั้งแต่วันที่ลูกของมันเสียชีวิต ผู้บอำนวยการพิพิธภัณฑ์ Jenny Atkinson เล่าว่ามันอุ้มซากลูกของมันเป็นเวลานานกว่า 7 วันไม่ยอมห่างไปไหน ราวกับว่ามีอาการเศร้าโศกเสียใจกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น หลังจากที่พบกับเหตุการณ์อันน่าสลดใจเจ้าแม่วาฬเพชฌฆาตก็โผล่หัวขึ้นมาเหนือน้ำทะเลแล้วก็ใช้หน้าผากดันซากลูกของมันไม่ให้จมลงสู่ก้นทะเลว่ายวนไปเรื่อยๆ ในอ่าววิคตอเรีย รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา อย่างไรก็ตามมีการศึกษาจากองค์กรไม่หวังผลกำไรระบุเอาไว้ว่าวาฬ หรือโลมา จะเฝ้าซากของวาฬหรือโลมาที่ตายแล้ว เพื่อไม่ให้ตกเป็นอาหารของเหล่านักล่า แต่อย่างไรก็ตามมันจะเฝ้าเอาไว้เป็นเวลาแค่ไม่กี่วันเท่านั้น แต่สำหรับแม่วาฬเพชฌฆาตตัวนี้ กลับใช้เวลานานมากที่สุด ถ้าให้เราคิด (เอาเอง) ก็อาจจะเป็นเพราะมันกำลังเสียใจที่ลูกของมันเสียชีวิตไปแล้วก็ได้ จากข้อมูลพบว่าปัจจุบันเหล่าวาฬเพชฌฆาตกำลังประสบกับปัญหา ‘ใกล้สูญพันธุ์’ เข้าไปทุกที จนประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาประกาศให้เป็นสัตว์สงวนเมื่อสิบปีก่อน บวกกับปัญหาการให้กำเนิดลูกของพวกมันที่มักจะไม่เป็นผลสำเร็จ (คลอดลูกออกมาแล้วตาย) นั่นเป็นเพราะว่าปัญหาเรื่องแหล่งอาหารอย่างปลาแซลแมอนที่ลดน้อยลงไปทุกที จึงทำให้พวกมันรู้สึกเป็นกังวลจนไม่สามารถให้กำเนิดลูกออกมาได้ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยวอชิงตันในช่วงปี 2007 ถึง 2014…
-
ปธน.ฟิลิปปินส์ เซ่นรถหรูเถื่อนต้านคอร์รัปชั่น สั่งบดกว่า 70 คัน มูลค่ารวม 185 ล้าน!!
นับว่าเป็นอีกหนึ่งบุคคลในประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงในฟิลิปปินส์ กับแนวทางการบริหารประเทศของนาย โรดรีโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของฟิลิปปินส์ ที่ไม่ว่าจะทำอะไรมักจะดูจริงจังและสุดขั้วอย่างถึงที่สุด เคสล่าสุดในวันที่ 30 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา ทางหน่วยงานฝ่ายสื่อประชาสัมพันธ์ประธานาธิบดี ได้เผยแพร่ภาพการเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน ในกระบวนการทำลายสินค้าของเถื่อน-หนีภาษี ประเภทยานพาหนะทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ จังหวัดคากายัน ประเทศฟิลิปปินส์ ในการเดินตรวจสอบยานพาหนะเถื่อนทั้งหมด เป็นรถยนต์ยี่ห้อหรูจำนวน 68 คัน ประกอบไปด้วย 2006 Lamborghini Gallardo ปี 2006, Porsche Carreras 5 คัน, Jaguar XT ปี 2003, BMW, Mercedes Benz, Ford, Nissan Hyundai, Mazda, Chevy, Honda และแบรนด์ Toyota มูลค่ารวม 277 ล้านเปโซ (173.2 ล้านบาท) และยังมีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อดังอย่าง…
-
ความคืบหน้าการก่อสร้าง ‘โรงแรมหลุมลึก’ งานท้าทายระดับโลก จากความฝันสู่ความเป็นจริง
โรงแรมหลุมลึกในประเทศจีน คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ จากความยิ่งใหญ่อลังการในภาพร่างของโครงการสร้างโรงแรมสวนน้ำในเหมืองเก่า ลักษณะเป็นหลุมลึกลงไปและมีความท้าทายเป็นอย่างมาก ภาพร่างของโครงการโรงแรมหลุมลึก . Shimao Wonderland Intercontinental Hotel โรงแรมหลุมลึกดังกล่าว ใกล้เข้าสู่ความเป็นจริงในอีกขั้น หลังจากที่ทางบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Shimao Group ในนครเซี่ยงไฮ้ (จดทะเบียนในฮ่องกง) ได้ทำการวางแผนร่างโครงสร้าง และดำเนินการสร้างโรงแรมครอบคลุมพื้นที่กว่า 50,000 ตารางเมตร . ความท้าทายของโรงแรมหลุมลึกนี้ จะต้องทำการสร้างควบคู่ไปกับการปรับพื้นที่เหมืองเก่าที่มีระดับต่ำกว่าน้ำทะเล 88 เมตร อีกทั้งยังต้องวางแผนขุดชั้นใต้น้ำอีก 2 ชั้นจากจำนวนทั้งหมด 18 ชั้น เพื่อเป็นการรองรับกิจกรรมทางด้านการโรงแรม สวนน้ำ และกิจกรรมผาดโผน เช่น การปีนหน้าผาและกระโดดบันจี้จัมพ์ ความคืบหน้าของการก่อสร้างในปัจจุบัน . “เป็นอีกหนึ่งในโอกาสสำคัญสำหรับผมในการฟื้นฟูเหมืองเก่าขึ้นมาใหม่ เราจะทำการชุบชีวิตโครงสร้างเดิมเพื่อนำไปสู่ชีวิตและความหมายใหม่ และให้ความสำคัญในการปกป้องธรรมชาติไม่ให้ถูกทำลายไปมากกว่านี้” Martin Jochman หัวหน้าทีมสถาปนิกผู้ออกแบบโรงแรมให้สัมภาษณ์ โดยที่ก่อนหน้านี้เขาได้สร้างผลงานออกแบบโรงแรมบุรญุลอะร็อบ ในนครดูไบมาแล้ว . …
-
หนุ่มจีนหัวใสอยากล้างรถหรูไม่เสียตังค์ เลยเอาไปจอดไว้กลาง ‘ทางน้ำ’ เหลืออะไรจมสิครับ….
สำหรับคนที่มีรถยนต์แล้ว สิ่งหนึ่งที่อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยก็คือ ‘การล้างรถ’ เพราะถ้าไม่ล้างเลยเนี่ย สภาพมันก็คงจะดูไม่ได้ แถมยังไม่น่าขับขี่ไปไหนมาไหนอีกต่างหากใช่ไหมล่ะ แต่ถ้าจะให้ไปล้างรถที่คาร์แคร์ทุกวันก็คงจะไม่ไหว เพราะคงจะเสียตังค์เยอะน่าดู ดังนั้นหลายคนจึงหาวิธีล้างรถแบบประหยัดเงินอย่างการล้างด้วยตัวเอง ซึ่งนอกจากรถจะสะอาดแล้วก็ยังได้ออกกำลังกายไปในตัวด้วย.. และถึงจะอยากประหยัดยังไงก็อย่าทำเหมือนชายคนนี้ ที่เอารถไปจอดทิ้งไว้ในแม่น้ำหวังให้สายน้ำช่วยพัดพาความสกปรกออกไป แต่ที่ไหนได้สุดท้ายกลับจมทั้งคัน !! จมสิครับจะเหลืออะไร โดยเรื่องมีอยู่ว่าชายชาวเฉิงตู มณฑลเสฉวน ประเทศจีน คนหนึ่ง อยากจะให้รถแลนด์โรเวอร์คันสุดแพงของเขาดูสะอาดใหม่เอี่ยมอ่อง เขาเลยคิดหาวิธีว่าจะทำวิธีไหนดีนะที่จะสามารถล้างรถได้แบบไม่เสียเงินสักบาท กลางน้ำเช่นนี้จะไปเหลืออะไร ในที่สุดแล้วเขาก็คิดได้ว่าเอาไปจอดไว้กลางทางน้ำดีกว่า เพราะสายน้ำที่พัดผ่านมันน่าจะได้ช่วยชะล้างคราบต่างๆ ออกไปได้แบบฟรีๆ แถมยังไม่ต้องเหนื่อยอีกด้วย แน่นอนเขาทำอย่างที่เขาคิดด้วยการนำรถไปจอดไว้กลางทางน้ำ ซึ่งในตอนแรกมันก็ได้ผลดีอยู่หรอก… แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อทางเขื่อนที่อยู่บริเวณต้นน้ำได้เปิดประตูระบายน้ำออก ส่งผลให้มีมวลน้ำมหาศาลไหลลงสู่ทางน้ำนี้อย่างรวดเร็วจนชายคนนี้ที่สุดแล้วต้องทิ้งรถรีบวิ่งออกจากทางน้ำเอาชีวิตรอด แล้วต้องเรียกหน่วยกู้ภัยสำหรับความช่วยเหลือโดยด่วน แหม่ เหนื่อยกันอีกแล้ว เหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นในวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งทางหน่วยกู้ภัยก็สามารถนำรถของเขาขึ้นมาได้อย่างสำเร็จและปลอดภัย แต่ทั้งนี้พวกเขาก็บอกไว้ด้วยว่า “จะทำอะไรควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรกเสมอ” สำหรับรถแลนด์ โรเวอร์ของเขานั้นมีราคาถึง 1 ล้านหยวน (ประมาณ 4.8 ล้านบาท) ซึ่งหากว่ามันเสียหายไปจริงๆ…
-
หนุ่มสาวอินโดฯ ถูกชาวบ้านราดด้วย “น้ำเน่าเสีย” หลังแอบมีเพศสัมพันธ์โดยไม่แต่งงาน
แต่ละวัฒนธรรมก็จะมี จารีต ที่แตกต่างกันออกไป การกระทำบางอย่างอาจถูกต้องในวัฒนธรรมหนึ่ง แต่ในอีกวัฒนธรรมหนึ่งมันอาจจะเป็นสิ่งผิด จนต้องถูกลงโทษก็เป็นได้ อย่างเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อหญิงชายคู่หนึ่งถูกชาวบ้านราดด้วย น้ำเน่าเสีย ในท่อระบายน้ำ เป็นการลงโทษที่ทั้งคู่ มีเพศสัมพันธ์ กันโดยมิได้เป็นสามีภรรยาหรือไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานนั่นเอง คลิปเหตุการณ์ ชายหญิงถูกราดด้วยน้ำเน่า วิดีโอนี้ถูกถ่ายมาจากเมืองลังซา จังหวัดอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผู้คนต้องปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของ กฎชะรีอะฮ์ หรือกฎหมายศาสนาของอิสลาม ชายที่ถูกน้ำเน่าราดในวิดีโอ เผยชื่อมาเพียง TSF ถูกชาวบ้านรุมล้อมและใช้ถังตักน้ำเน่าเสียในท่อระบายน้ำขึ้นมาราดรดลงบนตัว ชายคนนี้พยายามจะหนี แต่ก็ถูกชาวบ้านไล่กลับให้ไปนั่งรับบทลงโทษต่อ ราดด้วยน้ำเสีย ตักน้ำเน่าจากท่อระบายน้ำโดยตรง แล้วราดลงไปบนร่างผู้กระทำผิด จากนั้น หญิงอีกรายที่สวมชุดฮิญาบก็ถูกเรียกให้เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งก็ถูกเผยเป็นชื่อย่อว่า DK ในวัย 30 ปี เธอถูกสั่งให้มานั่งอยู่ข้างๆ TSF แล้วเธอก็ถูกราดด้วยน้ำเน่าเสียจากท่อระบายน้ำเช่นเดียวกัน สื่อในท้องที่รายงานว่า DK ถูกกล่าวหาว่ามีเพศสัมพันธ์กับ TSF ผู้ที่เป็นหัวหน้างานของเธอและยังเป็นประธานคณะกรรมการวางแผนพัฒนาส่วนภูมิภาคอีกด้วย DK ก็ต้องรับโทษเช่นเดียวกับ…
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นชื่นชม “คนส่งของ” ที่ช่วยตำรวจจับผู้ร้ายถือมีด ด้วยการเข้ามาชกจนล้ม!!
การเป็นพลเมืองดีนั้นอยู่ที่จิตใจใช่ฐานะหรืออาชีพ เฉกเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประเทศญี่ปุ่นดังต่อไปนี้… เมื่อวันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา ในช่วงเวลา 10 โมงเช้า เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลในเขตฮิมอนยะ โตเกียว ได้รับแจ้งว่ามีชายถืออาวุธมีดเดินไปมาอยู่บนถนน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายไปถึงก็เกิดการปะทะขึ้น ตำรวจนายหนึ่งพยายามจับกุมชายถือมีดแต่เขาขัดขืน พลเมืองดีที่เป็น คนส่งของ ซึ่งเห็นเหตุการณ์พอดีจึงเข้ามาช่วยทำให้ชายถือมีดล้มฟุบลงกับพื้นได้ คลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าว https://twitter.com/Azsa2go/status/1023735757687599104?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1023735757687599104&ref_url=https%3A%2F%2Fnextshark.com%2Fjapanese-deliveryman-knife-crime-police%2F จากคลิปวิดีโอที่ถูกโพสต์ลงบนทวิตเตอร์ของ @Azsa2go แสดงให้เห็นว่าผู้ร้ายนั้นพยายามจะคว้ากระบองยาวที่เป็นอาวุธประจำกายของตำรวจคนหนึ่งไป เมื่อคว้าไปได้เขาจึงใช้มันทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกตีด้วยกระบองหลายครั้งขณะเข้าปะทะ เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงอีกคนจึงพยายามเข้าไปช่วย แต่แล้วชายส่งของในชุดสีเบจและหมวกสีเขียวก็รี่เข้ามาช่วยอย่างรวดเร็ว เขาใช้กำปั้นชกไปที่ด้านหลังของผู้ร้ายจนล้มลง นั่นทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ร้ายไว้ได้ง่ายขึ้น เมื่อผู้ร้ายล้มลงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็คว้ามีดของเขาและโยนไปให้ไกลมือ จากนั้นผู้ร้ายคนนี้ก็จับกุมตัวได้เป็นที่เรียบร้อย เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมชายหนุ่มในชุดคนส่งของ หลายคนวิเคราะห์กันว่าเขาน่าจะเป็น “ตำรวจนอกเครื่องแบบ” แต่เมื่อสืบไปมาพบว่าที่จริงแล้ว เขาก็เป็น คนส่งของธรรมดา เนี่ยแหละ เขาทำงานให้กับบริษัท Yamato Transport ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งชื่อดังของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ที่มา: Azsa2go, soranews24 และ nextshark
-
เถียงกันสนั่น!! สาวถ่ายวิดีโอเห็น ‘มนุษย์ร่างใหญ่’ เดินอยู่บนปุยเมฆ กลายเป็นคลิปไวรัล!!
ไม่รู้เหมือนกันว่านี่เป็นเรื่องที่เหนือธรรมชาติ ตาฝาด กลไกของกล้องหรือว่าเป็นเรื่องจริงๆ กันแน่ เมื่อมีวิดีโออันหนึ่งที่ทำให้เห็นว่ามีรูปร่างของสิ่งเคลื่อนไหวบางอย่างคล้ายๆ กับ ‘มนุษย์’ เดินอยู่บนก้อนเมฆ ใช่ คุณอ่านไม่ผิดหรอกบนก้อนเมฆจริงๆ หรือว่าเขาผู้นั้นคือพระเจ้ากันนะ!! เรื่องที่แทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองนี้เกิดขึ้นที่รัฐแอละแบมา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อหญิงสาวท้องถิ่นชื่อว่า Solo Dolo ได้ถ่ายวิดีโอหนึ่งเอาไว้แล้วโพสต์ลงในโลกอินเทอร์เน็ต วิดีโอต้นฉบับที่เธอถ่ายไว้ ในวันนั้นเธอตั้งใจเอาไว้ว่าจะถ่ายให้ชาวเน็ตได้เห็นถึงความรุนแรงของพายุที่กำลังจะเข้ามาถล่มบ้านของเธอ โดยที่ไม่ได้สังเกตแม้แต่น้อยเลยว่าวิดิโอที่เธออัดเอาไว้นี้ มีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลซ่อนเอาไว้อยู่ “เฮ้ พวกเรา พายุมันกำลังถล่มเราแล้วทุกๆ อย่างปลิวว่อนไปหมดเลยไม่ว่าจะกล่องลังหรือแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้าต่างๆ” Solo พูดในคลิปอย่างใสซื่อ แบบซูมชัดๆ ให้เห็นกันไปเลยว่านี่คือสิ่งใดกันแน่ ?? แต่แล้วก็มีอยู่จังหวะหนึ่ง ที่ไม่รู้มีอะไรดลใจให้เธอใช้กล้องซูมเข้าไปในพื้นที่ท้องฟ้าโปร่งใสท่ามกลางพายุที่มืดดำ และ ณ วินาทีนี้เองที่ได้เกิดภาพเหลือเชื่อขึ้นและกลายเป็นที่ถกเถียงของชาวเน็ตในเวลาต่อมา ในขณะนั้นแม้ว่า Solo จะยังไม่ได้สังเกตว่ามีอะไรแปลกๆ แต่ว่าก็มีคนที่เข้าชมเห็นว่าท่ามกลางพื้นที่โปร่งตรงนั้น มีเงาเหมือนกับมนุษย์รูปร่างสูงใหญ่มีแขนและขาสมบูรณ์กำลังเดินไปทางขวามือ ก่อนที่เขาคนนั้นจะหายเข้าสู่ม่านเมฆไปในที่สุด โดยคนที่สามารถสังเกตเงาที่ว่านี้ได้เป็นคนแรกก็คือเพื่อนชื่อว่า Lisa ซึ่งต่อมาพวกเธอก็ได้พูดถึงประเด็นนี้กันในเฟซบุ๊กด้วย “ทีนี้ใครจะบอกฉันอีกว่าพระเจ้าไม่มีจริง ขอบคุณพระเจ้าที่ให้ Lisa เพื่อนรักเปิดเผยสิ่งนี้กับฉัน ฉันเชื่อกับสิ่งที่เห็นนะ” Solo กล่าว…
-
คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวซาบซึ้ง เมื่อได้รับข้อความจากคนแปลกหน้าช่วยให้เห็นแสงสว่างในชีวิต
การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวนั้น ถือว่าต้องรับภาระอย่างหนักทั้งเลี้ยงดูและภาระที่ต้องออกไปหาเงินเพื่อมาซื้อสิ่งของต่างๆ ให้แก่ลูกๆ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆ แต่สังคมมนุษย์ก็ยังไม่สิ้นความหวัง เมื่อมีคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคนหนึ่ง ได้แชร์เรื่องราวสุดประทับใจ เมื่อมีคนแปลกหน้าเข้ามาให้ความช่วยเหลือเธอและลูกชายของเธอ ทั้งๆ ที่ไม่เคยแม้แต่จะรู้จักกันมาก่อน แถมยังไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวตนอีกด้วย แบบนี้จะเรียกว่าฮีโร่ก็คงไม่ผิดนัก เรื่องราวมีอยู่ว่าคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวผู้ต้องรับงานถึง 4 กะคนเดียวคนนี้ได้อยู่ในกลุ่มคุณแม่ต่างๆ และเธอได้โพสต์ถามขอคำแนะนำจากคนอื่นอยู่เป็นบางที ซึ่งคนแปลกหน้าคนนั้นก็เห็นเธอจากในกลุ่มนี้เช่นกันและได้ทำการทักเธอมาทางข้อความว่าอยากได้ความช่วยเหลือจากเขาหรือไม่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันครับ *ขอแทนคนแปลกหน้าเป็น A และคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเป็น B นะครับ* A: “สวัสดี! คุณไม่รู้จักฉันหรอก แต่ฉันได้อ่านโพสต์ที่คุณขอคำแนะนำในกลุ่มคุณแม่ ฉันไม่ใช่คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่ฉันก็รู้ว่ามันลำบากมากๆ ฉันมีเพื่อนหลายคนที่เป็นแบบคุณ ดังนั้นหากคุณอยากได้ความช่วยเหลือ ฉันกำลังจะออกไปหาซื้อของสำหรับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว 2 คน หากคุณส่งรูปภาพของลูกมา ฉันจะส่งของไปให้ที่อยู่ที่คุณระบุ แต่ฉันมีเงื่อนไขคือ 1. อย่าโพสต์ว่าคุณได้ของมาจากใคร ฉันไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนหรือให้คนอื่นๆ มาตามหาตัวฉัน ฉันไม่อยากถูกระบุตัวตน 2. หากคุณไม่อยากได้รับความช่วยเหลือ ก็ช่วยบอกให้ฉันรู้ก่อนวันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม 2018 หน่อยนะ ฉันจะได้ไปช่วยคุณแม่ท่านอื่น 3. เป็นผู้ให้แก่คนอื่น มีน้ำใจต่อใครสักคนในสักวันหนึ่ง” …
-
‘อาร์โนลด์’ เผยชีวิตในวัยเด็ก ต้องอยู่ท่ามกลางคำดูแคลน เป็นเชื้อไฟส่งถึงคนเหล็ก
การจะประสบความสำเร็จจนถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังไปไกลในระดับโลก บุคคลเหล่านี้ไม่ได้มาพร้อมกับเส้นทางโอกาสที่เรียบง่าย พวกเขาจะต้องฝ่าฟันอุปสรรคนับร้อยแปดพันเก้าเพื่อมายืนถึงจุดนี้ อย่างที่เรารู้จัก ‘อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์’ นักแสดงฮอลลีวูดรุ่นใหญ่ ด้วยฉายาคนเหล็กจากภาพยนตร์ชุด The Terminator กี่ภาคต่อกี่ภาคก็ต้องมีแกโผล่มาตลอด จนติดตากันไปแล้ว ปัจจุบันปู่อาร์โนลด์อายุ 71 ปี แต่ยังคงโลดแล่นอยู่ภายในวงการภาพยนตร์จอเงิน จากการกลายมาเป็นคนเหล็กที่ทุกคนต่างจดจำเขาจากภาพยนตร์ ประสบความสำเร็จเป็นดาวเด่นค้างฟ้าไปแล้ว แต่การมาถึงจุดนี้ได้ เขายกความดีความชอบให้กับคุณพ่อ ‘กุสตาฟ ชวาร์เซเน็กเกอร์’ ผู้เป็นแรงผลักดันเขาสู่ความสำเร็จในชีวิต แม้จะเป็นด้วยเหตุผลที่ไม่คาดคิดก็ตาม ปู่อาร์โนลด์บอกว่าแทนที่จะเป็นคำพูดให้กำลังใจหรือการสนับสนุนดีๆ จากพ่อแม่ วิธีการของเขาแทบจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาเติบโตมากับความรุนแรงจากผู้เป็นพ่อ ต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่าพ่อของเขาคิดผิดว่า ‘ไม่มีวันโงหัวประสบความสำเร็จได้’ จากการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Fortune ปี 2004 วัยเด็กของอาร์โนลด์นั้นถูกคุณพ่อกระชากผมบ่อยๆ ถูกฟาดด้วยเข็มขัด ปฏิบัติตัวเหมือนเป็นเด็กข้างบ้านที่ไม่ใช่ลูกของตัวเอง ท่ามกลางสังคมพ่อแม่ในสมัยนั้นที่มักจะทำร้ายลูกของตัวเองทั้งทางตรงและทางอ้อม ตามจริตของชาวเยอรมัน-ออสเตรีย การกดขี่ที่เกิดขึ้นต้องการให้เขาเชื่อฟังและอ่อนข้อ แต่กลับส่งผลตรงกันข้ามให้กับอาร์โนลด์แทน หล่อหลอมให้เขากลายมาเป็นเด็กดื้อรั้นผู้กระหายความสำเร็จ “พวกเขาไม่ต้องการให้เติบโตมาเป็นพวกปัจเจกชน บังคับให้ปฏิบัติตาม ผมเป็นหนึ่งในพวกที่ไม่ยอมอ่อนข้อและจะไม่มีวันเด็ดขาด ผมกลายมาเป็นพวกหัวดื้อ ทุกครั้งที่โดนตีและทุกครั้งที่มีคนพูดว่า…
-
เจ้าหน้าที่สั่งปิดสถานีรถไฟ นั่งปลอบใจชายคิดสั้นบนราง ‘เจอวันร้ายๆ มาใช่มั้ยพ่อหนุ่ม’
เรามักจะได้ยินเหตุการณ์บุคคลฆ่าตัวตายตามสถานีรถไฟอยู่บ่อยครั้ง หากเกิดเหตุในลักษณะนี้ขึ้นมา จะส่งผลร้ายทั้งการสูญเสียชีวิต และตารางเดินรถจะได้รับผลกระทบ ส่งผลต่อไปยังผู้โดยสารคนอื่นๆ อีกมากมาย แต่เมื่อใดก็ตามที่ยังมีโอกาสที่จะหยุดยั้งความสูญเสียได้ ต่อให้จะต้องปิดการให้บริการชั่วคราวก็คือสิ่งที่ควรทำ อย่างในกรณีเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟใต้ดินประจำสถานี Dundas ในเมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดาแห่งนี้ J.P Attard คือหนึ่งในเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟใต้ดิน เมื่อเขาเห็นว่ามีชายรายหนึ่งพยายามที่จะเดินลงไปบนรางรถไฟ หวังจะปลิดชีวิตตัวเอง เขาได้สั่งปิดทั้งสถานีเพื่อช่วยชีวิตชายคนดังกล่าวเอาไว้ นอกจากนี้เขาได้พยายามเปลี่ยนความคิดของชายคนนี้ ให้เขามาหาและรับคำปลอบประโลมในยามที่ต้องการกำลังใจมากที่สุด เรื่องเล็กๆ ของชายคนหนึ่งที่ไม่มีใครสนใจ และกำลังจะหาหนทางทำร้ายตัวเอง นาย Attard กล่าวว่าเขาพยายามเปลี่ยนความคิดในแง่ลบให้เป็นบวกกับชายหนุ่มวัย 23 ปี “ผมถามเขาว่า เจอวันร้ายๆ มาใช่มั้ย เขาตอบผมว่า ‘ใช่ครับ ผมอยากทำร้ายตัวเอง’ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมโอบกอดเพื่อให้กำลังใจพ่อหนุ่มคนนี้ในวันที่ไม่มีใครเข้าใจเขา’ ท่ามกลางประชาชนที่คอยดูอยู่ห่างๆ นับร้อยชีวิตภายในสถานีรถไฟ เมื่อเห็นว่าชายคนนี้ต้องการกำลังใจเพื่อสู้กับชีวิตต่อ พวกเขาก็ร่วมช่วยกันตะโกนปลุกพลังฮึกเหิมให้เขา J.P Attard ภายหลังจากที่การช่วยเหลือสำเร็จ ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวเขาออกมาจากรางรถไฟได้อย่างปลอดภัย และนาย…
-
คู่รักเกย์ในสหรัฐฯ ถูกเหยียดจากสายการบิน บอกให้ย้ายที่นั่งเพราะ “คู่รักชายหญิง” อยากนั่งด้วยกัน
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้มีชายคนหนึ่งโพสต์เล่าเรื่องราวที่ตนและคนรักถูก เหยียดเพศ บนเครื่องบินของสายการบินหนึ่งในสหรัฐอเมริกา คนรักหนุ่มของเขาถูกขอให้ลุกไปนั่งที่อื่นเพียงเพราะ “คู่รักหญิง-ชาย” ต้องการนั่งด้วยกัน ทวิตเตอร์ของ David Cooley เจ้าของเรื่อง David Cooley เรื่องราวมีอยู่ว่าชายที่ชื่อว่า David Cooley ได้จองตั๋วเครื่องบินของ Alaska Airlines จากสนามบิน John F. Kennedy ไปยังสนามบิน ลอสแอนเจลิส เขาและแฟนหนุ่มของเขาก็ได้ขึ้นไปนั่งที่นั่งชั้นพรีเมียมตามที่ซื้อเอาไว้ หลังจากนั่งได้ไม่นาน พนักงานบริการบนเครื่องบินก็เข้ามาขอให้คนรักของ David ย้ายไปนั่งที่นั่งธรรมดา เพราะที่นั่งตรงนี้คู่รักชาย-หญิงคู่หนึ่งต้องการจะนั่งด้วยกัน David จึงตอบไปว่า “เราทั้งคู่ก็เป็นคู่รัก และก็อยากนั่งด้วยกันเช่นกัน” แต่พนักงานให้บริการบนเครื่องบินกลับตอบมาว่าหากไม่สละที่นั่งพรีเมียมไปนั่งที่ธรรมดาก็ลุกแล้วลงจากเครื่องไปเสีย David และแฟนหนุ่มรู้สึกไม่ชอบใจและหน้าชากับการถูกเหยียดที่พวกเขาเป็นคู่รัก LGBTQ (เพศทางเลือก) ทั้งคู่จึงตัดสินใจลงจากเครื่องแล้วไปจองเที่ยวบินอื่นแทน “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสายการบินสมัยนี้จะให้สิทธิ์คู่รักชาย-หญิงมากกว่าคู่รักเกย์แบบพวกเรา แถมยิ่งกว่านั้นยังขอให้พวกเราลงจากเครื่องอีกด้วย” David พิมพ์ลงบนโพสต์ของเขา นอกจากนี้เขายังทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า เขาเลือกใช้สายการบิน Delta แทน และเชิญชวนให้ผู้ที่เป็นเพศทางเลือก เลือกใช้บริการสายการบินที่เป็นมิตรกับ LGBTQ ด้วยเช่นกัน โพสต์ต้นฉบับ บนเฟซบุ๊กของ David…
-
มัวแต่แชท!? เจ้าหน้าที่ตำรวจเล่นโทรศัพท์ขณะขับรถ จนพุ่งชนเข้ากับนักปั่นอย่างจัง
ในปัจจุบัน “สมาร์ทโฟน” ถือว่าเป็นอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ที่มีความสำคัญแก่ชีวิตของเรามาก ไม่ว่าจะไปไหนหรือทำอะไรก็ตาม ก็ต้องมีติดตัวไว้ตลอด เรียกได้ว่าเป็นอวัยวะที่ 33 ของมนุษย์ก็อาจจะไม่ผิดนัก จริงอยู่ที่สมาร์ทโฟนนั้นมีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะใช้เป็นโทรศัพท์ ใช้เล่นเกมหรือใช้ทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ แต่มันก็เป็นเหมือนดาบสองคม เมื่อเล่นมันในเวลาหรือสถานที่ๆ ไม่เหมาะสม เหมือนอย่างกรณีที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ ก็ความอันตรายของการใช้สมาร์ทโฟนขณะขับขี่รถยนต์ แถมในครั้งนี้คนที่ทำผิดยังเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2018 ได้มีช่องยูทิวบ์ชื่อว่า JW Fas ได้อัปโหลดวิดีโอที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้พร้อมกับคำอธิบายว่า “วันนี้ตำรวจท้องถิ่นขับรถชนผมจนล้มลงไปกองกับพื้น ทั้งๆ ที่ผมอยู่นิ่งๆ รอข้ามถนนอยู่ เพราะเขามัวแต่ก้มดูโทรศัพท์ของเขา” วิดีโอดังกล่าวถูกถ่ายไว้โดยกล้อง GoPro ที่ติดไว้บนหมวกจักรยานของผู้โพสต์ ในวิดีโอโชว์ให้เห็นว่าเขาออกมาปั่นจักรยานตามกิจวัตรประจำวันปกติของเขา ก่อนที่จะข้ามถนน เขาได้หยุดดูรถเพื่อความปลอดภัยของตัวเองที่สามแยกตามในวิดีโอ แต่ที่กี่วินาทีถัดมา ก็มีรถยนต์คันหนึ่งเลี้ยวเข้ามาทางเขาด้วยความเร็ว เขาพยายามตะโกนเตือนสติของเจ้าหน้าที่ แต่ดูเหมือนว่าเสียงจะไปไม่ถึง รถ SUV ประจำหน่วยงานก็พุ่งชนเขาเข้าอย่างจัง ในขณะที่ตั้งสติได้และเจ้าหน้าที่เปิดประตูออกมาดู เขาก็เลยตะโกนถามไปว่า “คุณมัวทำอะไรอยู่กับโทรศัพท์ล่ะฮะเจ้าหน้าที่? ทำไมคุณเอาแต่ก้มพิมพ์ข้อความ มันใช่เวลาพิมพ์ข้อความมั้ย?” ทางเจ้าหน้าที่ก็ตอบกลับมาว่า “ผมไม่ได้พิมพ์ข้อความ ผมกำลังคุยโทรศัพท์อยู่”…
-
ป๋าดันใจดี!! The Rock เซอร์ไพรส์สตั๊นต์แมนส่วนตัว มอบรถคันใหม่ให้ตอบแทนที่ทำงานหนัก
Dwayne “The Rock” Johnson เป็นบุคคลที่เราเห็นเขามาตั้งแต่ฐานะนักมวยปล้ำผู้สามารถเอนเตอร์เทนคนดูในชื่อ The Rock จนก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงฮอลลีวูดและเฉิดฉายจนสามารถเป็นนักแสดงที่ได้รับค่าตัวสูงสุดในปี 2016 รู้หรือไม่นอกจากเขาจะมีชื่อเสียงโด่งดังแต่ก็ไม่ได้ลืมตัวตนเก่าๆ เขายังคงใช้ชีวิตเหมือนปกติ เป็นคนที่ใจดีและจริงใจเหมือนเดิม ล่าสุดเขาก็เพิ่งใจดีให้ของขวัญชิ้นใหญ่อย่างรถกระบะคันใหม่เอี่ยมอ่องให้แก่สตั๊นต์แมนส่วนตัวของเขา ตอบแทนที่เลือดทุกหยด ทุกหยาดเหงื่อและน้ำตาที่ทุ่มเทให้กับงานของเขาตลอด 17 ปีมานี้ สตั๊นต์แมนส่วนตัวของเขาคนนั้นคือ Tanoai Reed ซึ่งเป็นญาติกับ The Rock ด้วย ในเหตุการณ์นั้น The Rock ได้ทำการหลอก Reed ว่าเราจะไปสัมภาษณ์เบื้องหลังการถ่ายทำกัน และไม่กี่นาทีถัดมาเขาก็ได้เซอร์ไพรส์ว่ารถที่จอดอยู่ข้างหลังนั่นเป็นของนาย The Rock ยังได้โพสต์วิดีโอนี้ลงในเฟซบุ๊กพร้อมกับแคปชั่นว่า “เซอร์ไพรส์! ฉันรักการได้มอบกุญแจให้คนอื่นและฉันก็รักนายไอ้น้องชาย สนุกไปกับรถกระบะคันใหม่ล่ะ! ตอนเวลาที่ผ่านมาของอาชีพของผม สตั๊นต์แมน (และญาติ) ของผมต้องกระดูกหัก เส้นเอ็นอักเสบหรือขาดหลายครั้งและก็เพิ่งได้รับรางวัลที่โคตรเจ๋งอย่าง Stuntman of the Year มา ทั้งหมดที่ทำไปก็เพื่อเป้าหมายเพียงอย่างเดียว คือการส่งมอบภาพยนตร์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้โลกใบนี้” …
-
งานในฝัน!? Nutella ประกาศรับสมัครคนชิมช็อกโกแลต ได้ทั้งตังค์ได้ทั้งความฟิน!!
บนโลกนี้มีของไม่กี่อย่างหรอกที่คุณผู้หญิงทั้งหลายจะชื่นชอบ นั่นคือเสื้อผ้า กระเป๋า แฟชั่น และที่สำคัญคือของหวาน… เมื่อพูดถึงของหวานแล้ว สิ่งที่ #เหมียวโคบี้ นึกถึงเป็นอันดับแรกก็คือช็อกโกแลต เพื่อนๆ คนไหนมีใครชอบช็อกโกแลตเหมือนกันบ้างมั้ย?? ถ้าชอบเหมือนกันก็คงต้องรู้จัก Nutella ผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตจากบริษัทช็อกโกแลตชื่อดังอย่าง Ferrero อย่างแน่นอน ซึ่งรสชาติของเจ้า Nutella นี่ก็สามารถทำให้หลายๆ คนติดอกติดใจกันอย่างงอมแงม และในที่นี้มีเพื่อนๆ คนไหนมีความฝันที่อยากกินของอร่อยๆ แล้วได้เงินไปด้วยหรือไม่? วันนี้ความฝันของเพื่อนๆ จะเป็นจริงแล้ว เมื่อ Nutella ประกาศรับสมัครงานนักชิมช็อกโกแลตทั้งหมด 60 ตำแหน่ง!! คุณสมบัติขั้นพื้นฐานของผู้สมัครก็ขอเป็นคนไม่แพ้ถั่วและรักช็อกโกแลตเท่านั้นเอง โอ้โห!! นี่มันงานในฝันชัดๆ กินช็อกโกแลตฟรีแถมยังได้เงินอีกใครจะไม่อยากทำล่ะ โดยที่รายละเอียดของงานนี้ผู้สมัครต้องเดินทางไปทำงานที่ห้องวิจัยของ Ferrero ในประเทศอิตาลี หากคุณเป็นผู้โชคดีที่ถูกเลือกเข้าให้ทำงานกับ Ferrero จะได้รับสัญญาฝึกงาน 3 เดือนในแผนกวิจัยของพวกเขา และได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ปรับปรุงรสชาติของผลิตภัณฑ์พร้อมกับเรียนรู้วิธีบันทึกการทดลอง ดูรายละเอียดงานแล้วน่าสนใจดีเลยใช่มั้ยล่ะ แต่ว่า… ข้อด้อยของมันก็คือรายได้นี่แหละ เพราะในแต่ละสัปดาห์จะได้ทำงานเพียง 2 วันรวมเบ็ดเสร็จก็คือทำงานเพียง 4 ชั่วโมงแต่สัปดาห์เท่านั้น ซึ่งรายได้ของการทำงาน…
-
นักท่องเที่ยวนับหมื่น ทิ้งขยะไม่เป็นที่ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาทำความสะอาดนานกว่า 13 ชั่วโมง
การดูแลความสะอาดเรียบร้อยของสถานที่ท่องเที่ยว ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวหลายๆ คนจะต้องจำเอาไว้ให้ขึ้นใจเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าหากว่าทุกคนมองว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยๆ ล่ะก็ อาจจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้!! ทะเลสาบเกลือในมณฑลชิงไห่ ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของประเทศจีน แต่ทว่า ทะเลสาบที่ขึ้นชื่อว่า “กระจกเงาของท้องฟ้า” แห่งนี้กลับถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของเหล่านักท่องเที่ยว ทะเลสาบเกลือจากที่ราบสูงทิเบต ในมณฑลชิงไห่ ภาพของทะเลสาบที่คุณกำลังจะได้เห็นต่อไปนี้ คือสถานที่เดียวกันกับภาพที่คุณได้เห็นด้านบน ที่นี่ถูกแปลงโฉมไปแบบชนิดที่ว่าหน้ามือเป็นหลังมือ หลังจากการมาเยือนของนักท่องเที่ยวมากว่า 40,000 คน ตามรายงานเผยว่า เศษถุงพลาสติกและขยะจำนวนมหาศาลที่เราเห็นนี้ เกิดจากฝีมือของเหล่านักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เดินทางมาเยี่ยมชมความสวยงามของที่นี่ ความสวยงามของทะเลสาบเกลือแห่งนี้ ถูกบดบังด้วยเศษถุงพลาสติกที่ทิ้งเกลื่อนกลาด โดยนักท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่รายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า เขาได้รับมอบหมายให้ทำความสะอาดเศษถุงพลาสติกที่ถูกทิ้งเอาไว้ ซึ่งกว่าที่จะทำให้ทะเลสาบเกลือ กลับมาสวยงามเหมือนเดิมได้อีกครั้งต้องใช้เวลากว่า 13 ชั่วโมงเลยทีเดียว เว็บไซต์ Shanghaiis เผยว่าเหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น สาเหตุหนึ่งมาจาก จำนวนชนชั้นกลางของจีนที่มีฐานะนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ควรที่จะให้ความเคารพกับสถานที่และช่วยกันรักษาความสะอาดให้มากกว่านี้ ที่มา shanghai
-
แบรนด์เสื้อจากอังกฤษ ให้โอกาสนางแบบผู้พิการ ได้อวดโฉมในงาน London Fashion Week
Daisy Demetree สาวน้อยวัย 7 ขวบผู้พิการตั้งแต่กำเนิด กลายเป็นนางแบบหญิงที่ได้มีโอกาสปรากฏตัวบนแคทวอล์ก หลังจากที่บริษัทเสื้อผ้าผู้หญิงชื่อดังจากอังกฤษ มอบโอกาสพิเศษนี้ให้เธอ ตามรายงานเผยว่า Daisy ต้องสูญเสียขาทั้งสองข้างของเธอไปตั้งแต่ตอนอายุได้เพียงแค่ 18 เดือนเท่านั้น เนื่องจากข้อผิดพลาดทางการคลอด นอกจากจะได้ออกมาเดินอวดโฉมบนแคทวอล์กแล้ว สาวน้อยของเรายังได้มีโอกาสถ่ายภาพลงในเว็บไซต์ของแบรนด์ดังกล่าวอีกด้วย Daisy เริ่มต้นการเป็นนางแบบเมื่อประมาณ 6 เดือนที่แล้ว โดยเริ่มต้นกับ Zebedee Management องค์กรจัดหาทางแบบและนายแบบผู้พิการ เธอปรากฏตัวบทแคทวอล์กที่งาน London Fashion Week ที่ผ่านมา และได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก Zoe Proctor ผู้ดูแลเธอให้สัมภาษณ์ว่า เธอคือตัวอย่างที่ดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการลุกขึ้นสู้เพื่อตัวเองเป็นอย่างไร “เธอคือตัวอย่างที่ดีของพวกเรา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต แต่เราก็สามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองได้ ชีวิตคนเรานั้นช่างเปราะบางและไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในวันข้างหน้า ดังนั้นทุกวันจึงเป็นวันที่สำคัญที่สุด” Zoe ให้สัมภาษณ์ ถึงแม้ว่าจะเริ่มใส่ขาเทียมตั้งแต่ตอนอายุได้ 18 เดือน แต่สาวน้อยของเราก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในทำกายภาพบำบัดและเข้าโรงยิมถึง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้เธอสามารถใช้ชีวิตได้แบบคนปรกติ Daisy เข้าสู่วงการนางแบบได้จากคำแนะนำของคุณพ่อเธอ ซึ่งเขาให้การสนับสนุนลูกสาวอย่างมาก คุณ Alex ผู้เป็นพ่อให้สัมภาษณ์ว่า…
-
ชายหัวร้อนกับน้องจิงโจ้ อัดคลิปหยอกนอกกรง พยายามปั่นหัวน้องทั้ง ต่อย-ตบ-เตะ
การยั่วยุกับคนว่าแย่แล้ว ทำกับสัตว์ที่ไม่รู้เรื่องด้วยนั้นอาจจะทำให้ดูแย่ยิ่งกว่า โดยเฉพาะกับการไปกระทำรุนแรงกับสัตว์ในกรงภายในสวนสัตว์ จะถูกว่าไม่ใช่เรื่องตลกอีกต่อไป… ตัวอย่างที่ไม่ดีจากนาย Tuncer Ciftci ชายผู้อ้างว่าเป็นศาสดาด้านมะฮ์ดี ชาวตุรกีรายนี้ ที่อัดคลิปในขณะที่ตัวเขากำลังหยอกเล่นกับน้องจิงโจ้อยู่ภายในกรงของสวนสัตว์แห่งหนึ่งในประเทศตุรกี แต่ด้วยพฤติกรรมที่แสดงออกมานั้น ไม่ได้เป็นการหยอกล้อที่ดูน่ารักเสียเท่าไหร่ เนื่องจากเขาพยายามทำท่าชก รวมไปถึงการตบหัวน้องจิงโจ้ ซึ่งหลายต่อหลายครั้งที่มีหมัดเข้ามา น้องจิงโจ้ยังไวพอที่จะโยกหลบได้ นอกเสียจากจะต่อยน้องจิงโจ้แล้ว ถึงขั้นไปเขย่ากรงเล่นพยายามกระโดดเอาหัวโขกอยู่หลายต่อหลายครั้ง น้องโดนตบแต่หลบได้ ยังมีให้เห็นว่าโดนบ้างแต่น้องยังนิ่งไม่ตอบโต้ (อาจเพราะติดอยู่ในกรง) อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมแบบนี้ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง อาจจะเกิดอันตรายกับตัวผู้กระทำได้เสมอ และในอีกมุมมองหนึ่งก็คือการรังแกสัตว์ “ฉันรู้สึกยินดีกับน้องจิงโจ้ด้วยที่อดทนกับพฤติกรรมรังแกสัตว์แบบนี้ได้ ความจริงแล้วน้องจิงโจ้ยังดูฉลาดกว่ามนุษย์จนเกิดความสงสัยขึ้นมา แม้น้องจะดูตกใจในตอนแรก แต่ก็ดูพฤติกรรมแบบนั้นอย่างเวทนา ไม่ตอบโต้กลับไป…” ความคิดเห็นบางส่วนหลังจากที่คลิปถูกเผยแพร่ออกมา ที่มา: onedio, dailymail
-
4 ปีไม่คืบหน้า โศกนาฏกรรมเที่ยวบิน MH370 หายไร้ร่องรอย ประกาศชัด ‘หาสาเหตุไม่ได้’
ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เที่ยวบินระทึกขวัญของมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH370 จากกัวลาลัมเปอร์มุ่งหน้าสู่ปักกิ่ง หายไปอย่างไร้ร่องรอยในปี 2014 กลายเป็นข่าวใหญ่โตที่กลายมาเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ แม้จะมีผู้เชี่ยวชาญจากหลายฝ่ายร่วมวิเคราะห์หาสาเหตุ การค้นพบซากชิ้นส่วนของเครื่องเพียงบางชิ้น ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมานั้นไม่สามารถอธิบายแถลงไขให้กระจ่างได้เลยว่า ‘เครื่องบินทั้งลำหายไปไหนด้วยเหตุใด’ ทางการรัฐบาลมาเลเซียเปิดเผยกับทางสื่อเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยกล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้เที่ยวบิน MH370 หายไปในปี 2014 นั้น ไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัด เนื่องจากไม่มีหลักฐานชิ้นใดที่จะให้น้ำหนักพอ กับความเป็นไปได้ที่ทางการพยายามสันนิษฐานเอาไว้ Kok Soo Chon จากการรวบรวมพยานหลักฐาน การสืบสวน การสืบค้น และการค้นหาในบริเวณมหาสมุทรอินเดียตอนใต้มาตลอด 4 ปี สรุปเป็นรายงานได้เกือบ 500 หน้า แต่คำตอบของแรงจูงใจหามีไม่ และไม่มีการพบซากเครื่องบินทั้งลำ มีเพียงแต่เศษชิ้นส่วนเครื่องบินเท่านั้นที่พบ ผู้นำทีมสอบสวนในเคสนี้คือนาย Kok Soo Chon กล่าวแถลงต่อหน้าสื่อและญาติๆ ของผู้สูญหายว่าเที่ยวบิน MH370 นั้นถูกเปลี่ยนเส้นทางการบินภายใต้การควบคุมด้วยมือ ไม่ใช่ระบบออโต้ไพลอต โดยไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นนักบินหรือฝีมือของผู้ก่อการร้าย ลักษณะเหมือนกับการจงใจปิดระบบสื่อสารและติดตาม แต่ก็ไม่สามารถระบุได้เช่นกัน…
-
สะพานทองมือรองสุดแฟนตาซี สวยเด่นเป็นสง่า อยู่ไม่ไกลเมืองไทย ไปที่ดานังนี่เอ๊งงง!!
สถาปัตยกรรมสวยแปลกตา สามารถตามหาชมได้ตามเมืองที่มีชื่อเสียงระดับโลก หลายคนอาจจะมองไปไกลถึงยุโรปหรือฝั่งตะวันตกทั้งหลาย แต่รู้หรือไม่ว่าความใหญ่โตมโหฬารในการออกแบบสวยๆ ก็อยู่ใกล้ๆ นี่เอง สะพานที่เป็นส่วนหนึ่งของแหล่งท่องเที่ยวภูเขาบานาฮิลล์ เหนือระดับน้ำทะเล 1,400 เมตร ในบริเวณจังหวัดดานัง ประเทศเวียดนาม ด้วยลักษณะการออกแบบที่ดูแฟนตาซียิ่งใหญ่เหมือนหลุดออกมาจากในภาพยนตร์กันเลย!! ท่ามกลางสะพานทางเดินสีทอง ตกแต่งรายล้อมไปด้วยดอกโลบิเลียยาว 150 เมตร พร้อมกับเดินชมวิวทิวทัศน์สวยๆ และอุ้งมือยักษ์ที่รองสะพานเอาไว้ สะพานมือยักษ์นี้ออกแบบโดยบริษัท TA Landscape Architecture ให้ความรู้สึกที่แปลกตาและสวยงามอลังการจริงๆ มองผิวเผินนึกว่าอยู่เมืองนอกเมืองนาทางซีกโลกตะวันตก อยู่ใกล้ๆ ที่ดานัง เวียดนามนี่เอง ยิ่งใหญ่เหมือนมียักษ์คอยโอบอุ้ม ตกแต่งประดับด้วยดอกโลบิเลียสีม่วงสด และมือยักษ์นี้ไม่ได้ทำมาจากหิน แต่เป็นการขึ้นโครงด้วยตาข่ายเหล็กและเคลือบด้วยไฟเบอร์กลาส ระยะเวลาการออกแบบและสร้างนานนับปี และตอนนี้ก็พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศ เห็นบรรยากาศอลังการแบบนี้แล้ว น่าลองไปสัมผัสบ้างนะ!! ที่มา: architecturendesign, unilad, boredpanda
-
สามสาวพี่น้อง ลงมือสังหารพ่อมาเฟีย เหตุแค้นถูกกดขี่ทารุณ กระทำชำเรานานนับปี!!
เรื่องราวของสามสาวพี่น้องวัยรุ่นถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม จากการก่อเหตุใช้มีดแทงมาเฟียผู้เป็นพ่อแท้ๆ ของตัวเอง ด้วยแรงจูงใจจากการถูกทรมานทั้งกายและวาจามานานนับปี Kristina Khachaturyan พี่สาวคนโตวัย 19 ปี พร้อมกับ Angelina วัย 18 ปี และ Maria วัย 17 ปี ถูกนำตัวไปขังอยู่ในคุกภายในกรุงมอสโก หลังสังหารนาย Mikhail Khachaturyan วัย 57 ปี ผู้เป็นพ่อ Kristina (ซ้าย) Angelina (กลาง) Maria (ขวา) เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่าสามสาวพี่น้องสารภาพว่าลงมือร่วมกันฆาตกรรมผู้เป็นพ่อ หลังจากที่ถูกทารุณมาอย่างยาวนาน อีกทั้งผู้เป็นพ่อมีอาการเสพติดเฮโรอีนและมักจะลงมือทำร้ายพวกเธอมาโดยตลอด ซึ่งข้อหาดังกล่าวจะทำให้สามพี่น้องถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 10 – 15 ปี Mikhail Khachaturyan ผู้เป็นพ่อ พี่สาวคนโต Kristina กล่าวว่า “พวกเราเกลียดเขามากๆ และอยากจะให้บางสิ่งเกิดขึ้น ไม่ว่าทำให้เขาหายไปหรือไม่รู้จักเขา เราเพียงแค่อยากให้เขาไปพ้นๆ จากชีวิตและไม่หวนกลับมาอีก”…
-
#Prayforworld รวมเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นทุกมุมโลก ณ ขณะนี้
จากการติดตามข่าวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า โลกของเรานั้นได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติในหลายๆ ประเทศ ซึ่งนับวันแล้วก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยพิบัติในครั้งนี้หลายคน รวมไปถึงความเสียหายทางทรัพย์สินและชีวิต ทั่วทุกมุมโลกในตอนนี้ กำลังประสบเหตุการณ์ที่เรียกว่าเป็นภัยพิบัติที่เกิดจากธรรมชาติอย่างรุนแรง จากที่เราได้ติดตามข่าวมาก็จะพอรู้ว่าไม่เพียงแต่บ้านเราเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากการทวงคืนจากธรรมชาติในครั้งนี้ แต่ยังรวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านและต่างประเทศอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลก เหตุการณ์ดินถล่มที่จังหวัดน่าน ฝนตกหนักในพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ จนดินชุ่มน้ำและรับน้ำไม่ไหว ทำให้ดินถล่ม ดินโคลนถล่มทับบ้านเรือนประชาชน จำนวน 4 หลังคาเรือน เขื่อนแตก สปป.ลาว วันที่ 24 กรกฎาคม 2561 เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย มีผู้เสียชีวิต 27 ศพ ผู้สูญหายมากกว่า 130 คน บ้านเรือนมากกว่า 6,000 หลังคาเรือนในแขวงอัตตะปือจมใต้บาดาล พายุชงดารี-อากาศร้อนที่สุดในรอบ 30 ปีที่ญี่ปุ่น อิทธิพลของคลื่นความร้อนทำให้อุณหภูมิที่ประเทศญี่ปุ่นร้อนทะลุ 41.1 องศาเซลเซียส ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 44 ศพ และยังต้องรับมือกับพายุชงดารีที่กำลังพัดพาอยู่ในประเทศทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำท่วม ประเทศอินเดีย ช่วงฤดูมรสุมของประเทศอินเดีย ทำให้ฝนตกชุกหนักต่อเนื่อง 2…
-
ญี่ปุ่นร้อนจัด! สาวแชร์ภาพเหตุการณ์ตื่นขึ้นมาพบว่า “เตียงไหม้” จากความร้อนของแสงแดด
ประเทศญี่ปุ่นในขณะนี้นับว่าประสบกับปัญหาสภาวะอากาศที่ร้อนขั้นรุนแรงจริงๆ ถึงแม้ว่าเราอยู่ประเทศไทยไม่เดือดร้อนอะไรกับประเทศเขา แต่เห็นแล้วก็อดเห็นใจไม่ได้จริงๆ เพราะชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยออกมาโวยว่าอากาศร้อนทำให้พวกเขาต้องลำบาก ยกตัวอย่างเช่น อากาศร้อนจนบางคนนำแฮมมาทอดบนหลังคารถยนต์ได้ หรือนำไข่ไปอบไว้ในรถจนสุกได้ด้วยอากาศที่ร้อนจัด เป็นต้น แต่วันนี้ความร้อนในประเทศญี่ปุ่นได้แสดงพลังทำลายล้างยิ่งกว่านั้นอีก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะนะว่า อากาศในประเทศญี่ปุ่นมันร้อนขนาดที่ว่าสามารถ ทำให้เตียงนอนไหม้ ได้เลยทีเดียวเชียว ว่าแต่มันไหม้ได้อย่างไรลองมาดูกัน ร้อนจนเตียงไหม้!? เรื่องราวมีอยู่ว่า สาวญี่ปุ่นรายหนึ่งตกใจมากเมื่อตื่นขึ้นมาพบว่า เตียงนอนของเธอมีรอยไหม้ราวกับจุดไฟเผา เธอจึงรู้สึกสงสัยและกลัวไปในเวลาเดียวกัน เพราะเธอคิดว่า อันตรายกำลังเข้ามาใกล้ตัว เธอจึงพยายามหาสาเหตุที่เตียงของเธอมีรอยไหม้เช่นนี้… เธอสืบไปสืบมาจนกระทั่งพบว่ามันเป็นเพราะกระจกบานหนึ่งที่ตั้งอยู่ข้างๆ เตียงของเธออย่างแน่นอน เพราะขณะที่เธอนอนหลับเธอไม่ได้ปิดผ้าม่านของหน้าต่าง เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นสูงและสาดแสงร้อนจัดเข้ามายังห้อง แสงอาทิตย์ก็ได้สะท้อนกับกระจกเงาเกิดการรวมแสงให้มีความเข้มข้นมากขึ้นและยิงสะท้อนกลับไปยังขอบเตียงของหญิงสาวคนนี้ ทำให้ความร้อนสะสมสูงและเกิดการเผาไหม้ในที่สุด!! เจ้ากระจกบานนี้นี่เอง!!! เธอเล่าว่าทีแรกเธอไม่เห็นหรอกว่ามีรอยไหม้เกิดขึ้นบนเตียงของเธอ เธอเพียงแค่รู้สึกว่าเกิดร้อนๆ ขึ้นบริเวณข้อเท้า เธอจึงหันมาดูแล้วพบว่า เตียงของเธอถูกเผาไหม้ไปเสียแล้ว นอกจากนี้เธอยังมีการวาดภาพการ์ตูนน่ารักๆ แสดงถึงองศาที่แสงแดดส่องเข้ามาแล้วสะท้อนกลับไปสู่เตียงของเธอจนเกิดเป็นรอยไหม้ให้ชาวเน็ตได้ดูอีกด้วย แหม น่ารักจริงๆ ภาพประกอบน่ารักๆ แสดงถึงองศาของแสงที่สะท้อนกับกระจก เหตุการณ์ลักษณะนี้ แดดประเทศไทยเราคงทำได้สบายๆ ฉะนั้น อย่าลืมปิดม่านและอย่านำกระจกมาวางในมุมแบบนี้กันล่ะ เดี๋ยวไฟจะไหม้เอา ฮ่าๆ ที่มา: @TarakoButters via ck101
-
มาดูการ “จดเลกเชอร์” โคตรเทพของพยาบาลสาวชาวไต้หวัน สวยจนนึกว่าศิลปินมาจดเอง!!
การเรียนให้มีประสิทธิภาพหลายคนอาจจะเลือกวิธีการ จดโน้ต ลงบนสมุดเพื่อให้ตนสามารถกลับมาอ่านทำความเข้าใจได้อย่าง่ายอีกครั้ง แต่การจดโน้ตมันจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้มากน้อยขนาดไหนนั่นก็ขึ้นอยู่กับ “สกิล” การจดด้วยนะ บางคนจดด้วยลายมือเร่งรีบจนกลับมาอ่านอีกครั้งก็อ่านไม่ออกไปซะแล้ว เมื่อพูดถึงเรื่องการจดโน้ต วันนี้ก็มีเรื่องราวสุดพีคจากฝั่งไต้หวันมาให้ชมอีกแล้ว เมื่อคุณแม่รายหนึ่งโพสต์ภาพสมุดโน้ตของลูกสาวตัวเองลงบนเฟซบุ๊ก จากนั้นเมื่อชาวเน็ตหลายต่อหลายคนผ่านมาเห็นถึงกับอ้าปากค้างกันเป็นแถว เพราะ ภาพประกอบ สมุดโน้ตนั้นมันสวยงามมาก สวยจนนึกว่าศิลปินมาวาดเลยทีเดียว อะไรประมาณนี้ (วาดสวยมว๊ากกกก) และอะไรประมาณนี้ คุณแม่ที่โพสต์ภาพดังกล่าวเล่าว่าลูกสาวของตนปัจจุบันกำลังศึกษาที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัย Fooyin ในไต้หวัน (ป้าด! นึกว่าเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์เสียอีก) คุณแม่รายนี้ยังอธิบายเพิ่มว่าที่ลูกสาวของตนวาดรูปประกอบการจดโน้ตได้สวยงามขนาดนี้ก็เพราะว่าตอนเด็กๆ เธอเคยเรียนวาดรูปมาก่อนนั่นเอง แต่พอโตขึ้นกลับอยากเปลี่ยนจากวาดรูปมาเป็นดูแลผู้คนมากกว่า นี่แหละโฉมหน้าพยาบาลสาวที่วาดรูปได้สวยจนคว้าใจชาวเน็ตไปเพียบ! นอกจากหน้าตาน่ารักๆ แล้วฝีมือการวาดภาพยังเรียกได้ว่าขั้นเทพเลยอีกด้วย การลงเงาและการเน้นให้เกิดมิติถือว่าทำได้อย่างชำนาญเลยล่ะ แถมการจดโน้ตของเธอยังมีระเบียบเพื่อให้อ่านได้สบายตา . . . . สาวน้อยคนนี้ทุ่มเทกับการเรียนมากเลยทีเดียวนะเนี่ย คุณครูจะว่าอย่างไรไม่รู้แต่ #เหมียวโลลิ ให้ไปก่อนเลย 100 คะแนนเต็ม!!! ที่มา: ●【爆廢公社】● via ck101
-
พระญี่ปุ่นทนไม่ไหว ตอบรีวิวเหล่านักท่องเที่ยว “วัดเป็นที่ฝึกตน ไม่ใช่ที่ท่องเที่ยว”
ปกติเวลาที่ไปวัดคนเราก็มักจะมีเป้าหมายที่การไปปฏิบัติธรรม แต่สำหรับประเทศที่วัดกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม การไปวัดของเหล่านักท่องเที่ยวอาจจะมีความหมายที่แตกต่างไปจากการไปปฏิบัติธรรมก็เป็นได้ นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับวัดเซคิโชอิน วัดพุทธที่ตั้งอยู่ที่ภูเขาโคยะ จังหวัดวากายามะ ซึ่งเป็นวัดที่ได้ขึ้นเป็น มรดกโลกในปี 2004 โดยวัดเซคิโชอินนั้นได้รับคะแนนในเว็บไซต์ Booking.com อยู่ที่ประมาณ 7.1 คะแนน และได้รับคะแนน สามดาวใน TripAdvisor นี่เป็นคะแนนที่เกิดจากนักท่องเที่ยวที่ไม่พอใจในการมาพักที่วัดแห่งนี้ อย่างไรก็ตามนักบวช “แดเนียล คิมูระ” กลับมองว่านักท่องเที่ยวนั้นมองวัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมากจนเกินไป จนทนไม่ไหวต้องเข้าไปตอบรีวิวที่ให้คะแนนติดลบว่า แดเนียล คิมูระนักบวชจากวัดเซคิโชอิน รีวิว: พนักงานเย็นชา อาหารก็น้อยนิดแถมยังเตรียมมาแบบขอไปที เซคิโชอิน: ทำไมเราต้องทำตัวเป็นมิตรด้วย? ลืมไปแล้วเหลือว่าคนเข้ามาทำอะไรที่นี่ ทำไมนายถึงมีมุมมองกับวัดเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ รีวิว: เรามาที่นี่ในฤดูหนาว และทุกๆ ที่นอกจากห้องนอนก็หนาวสุดๆ แถมอาหารมังสวิรัติที่นี่ก็ไม่เหมือนกับของที่ฉันเคยทานมาเลยสักนิด แปลกชะมัด เซคิโชอิน: ก็แน่ล่ะ มันเป็นอาหารสงฆ์ของญี่ปุ่นนี่หว่า ไอ้พวกไร้การศึกษา รีวิว: รู้สึกเหมือนอยู่โรงแรมมากกว่าวัดจริงๆ เซคิโชอิน: ไม่รู้นะว่านายหวังอะไรอยู่ แต่ที่นี่คือวัดจริงๆ ไม่ใช่โรงแรม และเราก็ไม่ได้มีหน้าที่มารับผิดชอบทำตามความหวังที่ไม่ตั้งอยู่บนความจริงของนายหรอกนะ รีวิว: คนเยอะสุดๆ รู้สึกเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่า เซคิโชอิน:…
-
เด็กสาวฟิลิปปินส์ที่มี “แฝดอีกคน” เติบโตอยู่ในร่างกาย เธอกำลังจะผ่าตัดในไทยเร็วๆ นี้
เรื่องราวในวันนี้เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับเด็กสาวคนหนึ่งในประเทศฟิลิปปินส์นามว่า Veronica Cominguez เธอเป็นเด็กหญิงวัย 14 ปีจากเมืองอีลีกันที่มีแฝดน้องสาวเติบโตขึ้น “ภายในลำตัว” ของเธอ บริเวณช่วงอกของ Veronica นั้นจะพบว่ามีก้อนเนื้อลักษณะคล้ายแขน มือ และนิ้ว งอกออกมา ซึ่งเป็นร่างของแฝดน้องสาวของเธอที่มีการพัฒนาการผิดปกติ และก็ทำให้ Veronica นั้นต้องการความช่วยเหลือ Veronica Cominguez วัย 14 ที่มีแฝดน้องเติบโตอยู่ในร่างกาย ส่วนแขนที่งอกออกมานั้นเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง Veronica ต้องอาบน้ำทำความสะอาด “แฝดน้อง” ของเธอเสมอ รวมถึงคอยตัดเล็บนิ้วมือให้เธอด้วยเช่นกัน ปัจจุบันผู้คนในท้องที่ได้ทำการระดมทุนเพื่อให้ Veronica เดินทางมาเข้ารับการผ่าตัดนำแฝดของเธอออกที่ ประเทศไทย เธอกล่าวว่า “ตอนหนูยังเป็นเด็กฉันคิดว่ามันเป็นเท้าที่งอกออกมา แต่นานๆ เข้ามันก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ มันหนักขึ้นและทำให้หนูเคลื่อนไหวตัวได้ลำบาก มันมักจะแกว่งไปมาเสมอ และทำให้เสื้อผ้าของหนูเปียกอยู่แทบตลอด” Flora Cominguez ผู้เป็นแม่ของ Veronica ก็เล่าว่าในครอบครัวของเธอเองก็มีประวัติการออกลูกเป็นแฝดอยู่บ้าง และเล่าว่าขณะที่เธอตั้งครรภ์ ถึงเธอไม่ได้เข้าไปพบแพทย์เธอก็รู้ดีว่าเธอต้องคลอดฝาแฝดออกมาแน่นอน เธอจึงตั้งชื่อให้กับลูกทั้งสองคน Flora กล่าวว่าสะดือของ Veronica จะเปียกอยู่เสมอเนื่องจากของเหลวที่ไหลออกมาจากบริเวณ “ฝาแฝด”…
-
ทูตอังกฤษเยือนจีน ดันไปบอกว่าเมียเป็น “คนญี่ปุ่น” ทั้งๆ ที่เธอเป็น “คนจีน” พลาดหนักเลยทีนี้!!
ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2018 ได้มีการประชุมพบปะพูดคุยกันระหว่าง 2 ประเทศ จีนและอังกฤษ โดยงานนี้จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน นี่เป็นการพูดคุยร่วมกันระหว่างนาย Wang Yi รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน และนาย Jeremy Hunt เลขานุการต่างประเทศคนใหม่ของอังกฤษ โดยชายคนนี้ก็ได้สร้างสีสันที่คาดไม่ถึงให้กับการประชุมดังกล่าว Jeremy จากประเทศอังกฤษ เข้าพบปะพูดคุยกับนาย Wang Yi ในการประชุมครั้งนี้ ประเทศอังกฤษหวังที่จะเชื่อมสัมพันธไมตรีทางด้านการค้ากับประเทศจีน ก่อนที่จะออกจากสหภาพยุโรปในปีหน้า และ Jeremy อาจได้เปรียบในการเจรจาหารือกับอีกฝ่าย เพราะภรรยาของเขา Lucia เองก็เป็นคนจีน เขาและ Lucia ภรรยาชาวจีนแต่กำเนิด แต่ว่าในตอนที่เขาพูดถึงภรรยาของตัวเอง เขากลับบอกว่า “ภรรยาผมเป็นคนญี่ปุ่น… เอ่อ ภรรยาผมเป็นคนจีน ขอโทษทีครับ” (ในหัวเขาตอนนั้นอาจกำลังคิดว่า “โอ้วววว ม่ายยยยย!!”) คลิปตอนที่เขาดันพูดผิด บอกว่าภรรยาตัวเองเป็นคนญี่ปุ่น (หากดูไม่ได้ กดที่ลิงก์ Twitter) Jeremy…
-
ชาวเน็ตฟิลิปปินส์โมโห ตัวแทนประเทศใช้ภาษาอังกฤษ ในคลิปการนับเงินของ 70 ประเทศ
แต่ละประเทศในโลกเขานับเงินกันแบบไหนนะ? เชื่อว่าความคิดนี้คือจุดเริ่มต้นของวิดีโอที่อัปโหลดโดยเพจเฟซบุ๊ก “Many People, Many Places” นี่เป็นวิดีโอของคน 70 คนจาก 70 เชื้อชาติที่พากันออกมานำเสนอการนับเงินในรูปแบบของประเทศตัวเอง แม้ว่าวิดีโอจะออกมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2018 แล้วก็ตาม แต่วิดีโอที่ว่านี้กลับเพิ่งจะกลายเป็นกระแสในฟิลิปปินส์เมื่อวันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้เอง วิดีโอการนับเงินจาก Many People, Many Places โดยในวิดีโอนั้น ผู้เข้าร่วมแต่ละเชื้อชาติจะโชว์การนับเงินในรูปแบบท่าทางที่พบเห็นได้บ่อยๆ ในประเทศของตนเอง โดยส่วนใหญ่จะมีการนับแบบออกเสียงเป็นภาษาของตัวเอง ยกเว้นแต่บางประเทศเท่านั้นที่จะออกเสียงเป็นภาษาอังกฤษ และนั่นคือปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เพราะเมื่อถึงคิวของหญิงสาวที่เป็นตัวแทนของชาวฟิลิปปินส์ แทนที่เธอจะนับเงินเป็นภาษาฟิลิปปินส์ เธอกลับนับเงินเป็นภาษาอังกฤษแทน แม้ว่าภาษาอังกฤษจะเป็นภาษาที่สองของชาวฟิลิปปินส์ก็ตาม แต่สำหรับชาวเน็ตหลายๆ คนแล้วพวกเขามองว่าการนับเลขเป็นภาษาอังกฤษนั้น “ไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีของชาวฟิลิปปินส์” และขอให้มีการถ่ายทำวิดีโอที่ว่าอีกครั้ง “เจ้าของเพจ คุณช่วยหาผู้หญิงคนอื่นมาเป็นตัวแทนของประเทศฟิลิปปินส์ได้ไหม? คนนี้เธอพังสุดๆ เลย” คุณช่วยเปลี่ยนตัวแทนของประเทศฟิลิปปินส์ได้ไหม? เธอไม่รู้วิธีนับด้วยภาษาฟิลิปปินส์ นี่เธอเป็นคนฟิลิปปินส์จริงๆ ดิ “ขอแนะนำให้เปลี่ยนตัวแทนของประเทศฟิลิปปินส์เถอะ เธอไม่ใช่ตัวแทนที่ดีของประเทศฟิลิปปินส์เลย” อย่างไรก็ตามยังไม่มีการออกมาใช้ข้อมูลใดๆ ของทางเพจ…
-
“โลแกน พอล” บอกคลิปหัวเราะศพ ไม่ได้ไม่เคารพ แค่ไม่ทันคิด งานนี้ชาวเน็ตเดือด
สำหรับคนที่ติดตามข่าวในช่วงต้นปี 2018 ที่ผ่านมา คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักชื่อของ โลแกน พอล (Logan Paul) ยูทูบเบอร์ชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา ผู้ที่มาพร้อมกับทั้งชื่อเสียง และชื่อเสียมากมายในเวลาเดียวกัน ล่าสุดนี้เองโลแกน พอลได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการของ เคซีย์ ไนสแตท ยูทูบเบอร์ชื่อดังอีกคนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา โดยพวกเขาได้พูดคุยกันเกี่ยวกับวิดีโอที่เคยเป็นกระแสร้อนมาก่อนอย่างวิดีโอที่ป่าอาโอกิกาฮาระนั่นเอง วิดีโอการให้สัมภาษณ์ของโลแกน พอล ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้เคซีย์ได้ถาม โลแกนว่าเขาเคยคิดหรือไม่ว่าวิดีโอที่เขาโพสต์มันเป็นการ “เฉยเมยต่อวัฒนธรรม” โดยได้มีการยกตัวอย่างการที่โลแกน พอลเคยไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นโดยแต่งกายด้วยชุดปิกาจู และกิโมโน หรือการเอาโปเกบอลไปขว้างใส่คนที่ผ่านไปมา โดย “การเฉยเมยต่อวัฒนธรรม” หรือ “Culturally Insensitive” หมายถึง ความไม่ตระหนักต่อความแตกต่างของวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ค่านิยม หรืออุดมการณ์ จนทำสิ่งที่ถูกมองว่าไม่เหมาะสมสำหรับวัฒนธรรมนั้นๆ การกระทำเหล่านั้นเป็นสิ่งที่คนในโลกออนไลน์มองว่าโลแกน พอลทำลงไปโดยไม่คำนึงถึงวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ และอาจนำมาสู่ปัญหาความไม่พอใจได้ ดั่งที่เคยเกิดขึ้นตอนที่โลแกนหัวเราะใส่ศพที่ป่าอาโอกิกาฮาระ ซึ่งโลแกนได้ตอบคำถามของเคซีย์ด้วยการถามกลับว่าทำไมสิ่งที่อยู่ในวิดีโอของเขาจึงถูกนับว่าเฉยเมยต่อวัฒนธรรม โดยเขาบอกว่า “การที่ผมกระโดดจากสะพานในอิตาลี มันถือว่าเฉยเมยต่อวัฒนธรรมรึเปล่าล่ะ? การที่พูดว่า ‘มามามีย่า’ มันถือว่าเฉยเมยต่อวัฒนธรรมรึเปล่า?” โลแกนยังบอกอีกว่าเขานั้นไม่ได้ ‘เฉยเมยต่อวัฒนธรรม’ เพียงแต่ ‘ขาดความรู้สึก’…
-
3 โจรแสบ ขโมย ‘ปลาฉลาม’ คลุมผ้าห่มให้เหมือนเด็กทารก เดินออกจากอควอเรียมหน้าตาเฉย
ปัญหาการขโมยสิ่งของต่างๆ นานาถือว่าเป็นปัญหาที่แก้ไม่จบของทุกสังคม ไม่ว่าสังคมนั้นจะเป็นสังคมที่เจริญขนาดไหนก็ตาม โดยที่บางกรณีอาจจะขโมยเพื่อความอยู่รอด บางกรณีก็อาจจะขโมยเพราะความอยากได้สิ่งนั้นหรือบางกรณีก็อาจจะขโมยเพราะต้องการสร้างความตื่นเต้นให้กับตัวเอง วันนี้เราก็มีข่าวการขโมยมาให้ได้ชมกันเหมือนที่เกริ่นไปตอนต้น แต่ประเด็นการขโมยครั้งนี้มันเกิดขึ้นในสถานที่อย่างอควอเรียมนี่สิ บางคนอาจจะงงว่าอควอเรียมมันเต็มไปด้วยสัตว์น้ำ จะมีอะไรให้ขโมยได้ แต่ต้องบอกเลยว่านั่นแหละคือสิ่งที่โจรต้องการ สัตว์น้ำอย่างฉลามนี่ไง!! เหตุการณ์วุ่นๆ นี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่วุ่นวายใน San Antonio Aquarium เมือง San Antonio รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เมื่อมีบุคคล 3 คนได้ทำการขโมยปลาฉลามแตรหรือ Horn shark ออกไปจากสระแบบเปิดที่สามารถให้ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสกับสัตว์ทะเลได้ วินาทีที่ฉลามแตรถูกขโมยออกไป (บริเวณสระบนขวา) เพื่อจะหนีต่อการตรวจจับของเจ้าหน้าที่อควอเรียม เหล่าโจรจึงได้จัดการห่อเจ้าฉลามด้วยผ้าห่มแสร้งทำว่ามันเป็นเด็กทารกและนำมันไปใส่ในรถเข็นเด็กเล็ก จากนั้นก็พาเดินออกจากอควอเรียมหน้าตาเฉย ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน แต่เมื่อออกมาข้างนอก Jen Spellman ผู้จัดการทั่วไปของอควอเรียมก็สังเกตเห็นว่ามีกลุ่มคนนำบางสิ่งออกมาจากสระเปิด เธอจึงได้รีบตรงเข้าไปหาเหล่าโจรที่กำลังยกรถเข็นเด็กขึ้นบนรถกระบะ แต่ไม่ทันการณ์ พวกเขารถขึ้นและขับหนีออกไปทันที โชคดีที่กล้องวงจรปิดข้างนอกอาคารสามารถบันทึกภาพของรถกระบะคนร้ายได้อย่างชัดเจน ทางอควอเรียมจึงได้ทำการโทรแจ้งความแก่ตำรวจ ทางตำรวจจึงเริ่มภารกิจสืบสวนเพื่อนำตัวของฉลามแตรกลับมา ไม่นานนักหลังจากนั้นในวันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม 2018 ทางอควอเรียมก็ประกาศว่าเจอเจ้าฉลามแล้ว…
-
สุขภาพของ ‘ลา’ ใน Santorini ทรุดโทรมลง เพราะต้องแบกนักท่องเที่ยวที่มี ‘น้ำหนักมากเกินไป’
“ลา” ถือเป็นสัตว์สี่เท้าวงศ์ตระกูลเดียวกับม้า แต่มีรูปร่างและขาที่เล็กและสั้นกว่า ลาถูกมนุษย์นำมาเลี้ยงตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบันเพื่อไว้ใช้สอยประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นพาหนะส่งคนหรือส่งของ ถึงแม้ว่าเจ้าลานี้ จะแข็งแรงและสามารถใช้เป็นพาหนะได้ก็จริง แต่มันก็มีขีดจำกัดของตัวเองอยู่ หากใช้งานมันหนักเกินไป ร่างกายของมันมีสิทธิ์ที่จะทรุดโทรมลงจนมีสภาพน่าสังเวช เหมือนอย่างข่าวที่เราจะนำมาให้ได้ดูกันในวันนี้ เป็นเรื่องของลาที่มีทรุดหลังพานักท่องเที่ยวชมบรรยากาศในหมู่เกาะ Santorini ประเทศกรีซ เพราะนักท่องเที่ยวนั้นหนักเกินไป การใช้ลาเพื่อเป็นพาหนะพานักท่องเที่ยวไปที่ต่างๆ ที่รถยนต์ไม่สามารถเข้าได้นั้นเป็นเรื่องปกติของชาวบ้านเกาะ Santorini อยู่แล้ว ขนาดที่พวกเขาถึงขั้นที่เริ่มผสมพันธุ์ลากับล่อตัวที่สุขภาพดี เพื่อพัฒนาสายพันธุ์ของลาที่สามารถขนสัมภาระได้ดียิ่งขึ้น และในระหว่างเดือน พฤษภาคมถึงตุลาคม ที่เกาะจะถือว่าเป็นช่วงท่องเที่ยว จะมีเรือสำราญมาเทียบท่าถึงวันละ 5 ลำและนำพานักท่องเที่ยวกว่า 1,200 ลงมาเยี่ยมชมเกาะ นั่นทำให้เจ้าสัตว์ชนิดนี้จึงต้องรับภาระโดยการขนนักท่องเที่ยวที่มีน้ำหนักมากอยู่ทุกวัน เจ็ดวันต่อสัปดาห์โดยไม่ค่อยได้พักกินน้ำ นี่จึงเป็นสาเหตุให้พักหลังมานี้พวกมันมีอาการบาดเจ็บกระดูกที่สันหลังและเป็นแผลจากการวางตำแหน่งอานม้าที่ไม่เหมาะสม . เมื่ออาการบาดเจ็บของเจ้าลาเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ องค์กรการกุศล Help the Santorini Donkeys จึงได้ออกมาให้คำแนะนำว่า “ขอแนะนำว่าสัตว์แต่ละตัวไม่ควรที่จะบรรทุกคนหรือของที่น้ำหนักมากกว่า 20% ของน้ำหนักตัวของมัน ด้วยน้ำหนักของนักท่องเที่ยวที่อ้วนบวกกับน้ำหนักของอานม้าและน้ำ พร้อมกับการที่ต้องก้าวขึ้นบันไดกรวด 568 ขั้นในอากาศร้อนๆ แบบนี้ มันเป็นปัญหาใหญ่เลยล่ะ มันควรที่จะมีข้อจำกัดเรื่องน้ำหนักได้แล้ว ลาควรที่จะแบกสิ่งที่น้ำหนักไม่เกิน 50 กิโลกรัม แต่จะกำหนดกฎอย่างไรดีและใครจะเป็นคนที่ทำให้แน่ใจว่ามันจะเกิดขึ้นจริง ตอนนี้พวกเขาเลือกใช้ลาพันธุ์ผสมกับล่อแล้ว เพราะว่าแค่ลาเพียวๆ…
-
ตำรวจฮาแตกเพราะ “ลายเซ็น” สุดน่ารักของหนุ่มชาวเปรู ที่ถูกจับข้อหาพกอาวุธ
ต้องยอมรับเลยว่าโลกอินเทอร์เน็ตนี่มันรวดเร็วจริงๆ คนบางคนโด่งดังขึ้นมาจากอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็วเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องอัศจรรย์มากพอแล้ว แต่เรื่องราวในวันนี้ ชายชาวเปรูคนหนึ่งโด่งดังบนโลกอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ ลายเซ็น ของเขาถูกเผยแพร่เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น!! คนอะไร๊ เซ็นออกมาเป็นรูปลูกแมวน่ารักเชียว ภาพลายเซ็นนี้ถูกเผยแพร่โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมือง Huarmey ประเทศเปรูเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา ขณะที่ Juan Carlos Varillas Bazán วัย 31 ปีเจ้าของลายเซ็นถูกจับกุมข้อหาครอบครองอาวุธปืน ทีแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจคิดว่านายคนนี้เล่นตลก แต่พอตรวจสอบดูลายเซ็นบนบัตรประชาชนของเขา มันก็เป็นรูปลูกแมวเด็กอนุบาลเช่นเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บอารมณ์ขันไว้ไม่อยู่ นำมาโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ตเสียเลย จากนั้นเรื่องราวของเจ้าของลายเซ็นแมวเหมียวนี้ก็โด่งดังอย่างรวดเร็วบนโลกอินเทอร์เน็ต หลายๆ คนรวมถึงสำนักข่าวต่างๆ ถึงกับรอจะพบตัวเขาหลังถูกปล่อยออกจากห้องขังกันเลยทีเดียว หลายคนพยายามถามไถ่ถึงที่มาที่ไปของลายเซ็นนี้ บางคนก็เล่นตลกร้ายๆ ว่าที่จริงชายคนนี้ “เขียนหนังสือไม่ได้” ถึงได้ออกมาเป็นรูปแมวแบบนี้ แต่เจ้าตัวก็เล่าให้สำนักข่าว La Republica ฟังว่าขณะที่ตัวเขาเองมีอายุได้ 16 ปี เขามีแมวตัวหนึ่งที่เขารักมาก และเมื่อเขาทำบัตรประชาชนใบแรก เขาจึงอยากเก็บเจ้าเหมียวตัวโปรดของเขาไว้ในความทรงจำ โดยการใช้มันเป็นลายเซ็นของเขานั่นเอง เจ้าเหมียวเพื่อนรัก ทั้งนี้หน่วยงานเกี่ยวกับทะเบียนราษฎร์และสถานะพลเมืองแนะนำให้ชายคนนี้เปลี่ยนเป็นลายเซ็นแบบที่คนทั่วไปเขาทำกันเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต…
-
เมื่อ “ข้อความ” แสนน่ารำคาญของแม่ กลับกลายเป็นสิ่งที่ “ช่วยชีวิต” ลูกน้อยของเธอจากอุบัติเหตุ
บางครั้งความจู้จี้ขี้บ่นของคนเราก็เกิดขึ้นเพราะความเป็นห่วง ที่ต้องจู้จี้จุกจิกก็เพราะว่าไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับคนที่เรารักนั่นเอง และแล้วเหตุการณ์ในวันนี้ก็แสดงให้เห็นถึงพลังแห่งความจู้จี้จุกจิก ของคุณแม่นามว่า Rebecca Tafaro Boyer ผู้ที่เป็นนางพยาบาลจากเมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี ที่ได้ช่วยชีวิตลูกน้อยของเธอเอาไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ Rebecca เล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า “สามีของฉัน David ได้ขับรถพาลูกน้อยเดินทางไปด้วยความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และแล้วหญิงคนหนึ่งที่ขับรถสวนมาก็เลี้ยวตัดหน้า ทำให้ David ชนกับด้านหน้าของรถเธอเข้า” Rebecca เล่าต่อว่าหญิงที่ขับรถตัดหน้าสามีของเธอนั้นไม่มีใบอนุญาตขับขี่ และไม่มีประกันอุบัติเหตุ และครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สามแล้วที่หญิงคนนั้นฝ่าฝืนขับขี่รถยนต์โดยไม่มีใบอนุญาต Rebecca ผู้ที่หลายๆ คนเรียกว่า “นังจู้จี้” อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้ David กระดูกนิ้วเท้าหัก 3 นิ้วและต้องห้ามเดินลงน้ำหนักที่เท้าขวาเป็นเวลา 6-8 สัปดาห์ แต่ลูกน้อยของพวกเขา William กลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังนอนหลับปุ๋ยอีกต่างหาก และที่เป็นแบบนั้นก็เพราะความจู้จี้ของ Rebecca ผู้เป็นแม่นั่นแหละ… Rebecca กล่าวกับสามีก่อนพาลูกน้อยเดินทางว่า “ดีแล้วๆ แต่ว่าตัวล็อกตรงหน้าอกยังไม่สูงพอและไม่แน่นพอนะ คุณควรหนีบตัวหนีบให้สูงประมาณหัวนมเลย” “เมื่อตอนที่ฉันแยกกับลูกครั้งแรก ฉันจะสั่งให้สามีส่งรูปเจ้าตัวน้อยมาให้ดูทุกๆ ชั่วโมงเลยล่ะ อยากรู้ว่าเมื่อเขาไม่ได้อยู่กับฉัน เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง”…
-
สาวฮ่องกงตะโกนต่อว่าครูชาวจีน เพราะเขาปล่อยให้นักเรียน “อุจจาระ” กลางสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ ฮ่องกง เขตปกครองพิเศษของจีน เมื่อคุณครูคนหนึ่งพานักเรียนชั้นประถม (อายุราวๆ 8-9 ขวบ) จำนวน 5 คนออกมาทัศนศึกษา คุณครูและนักเรียนกลุ่มนั้นเดินทางมาจากทางจีนดินใหญ่ โดยครูคนดังกล่าวกลับปล่อยให้นักเรียนคนหนึ่งถ่ายอุจจาระกลางสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินซะอย่างนั้น ภาพเหตุการณ์ในวันที่ 28 ก.ค. 2018 ณ สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Tsim Sha Tsui ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ถูกถ่ายเอาไว้โดยสาวฮ่องกง ผู้ที่กำลังต่อว่าครูคนนั้นกับสิ่งที่เขาปล่อยให้นักเรียนทำ โดยเธอพูดว่า “ที่นี่มันคือฮ่องกง ไม่ใช่ผืนแผ่นดินใหญ่บ้านเอ็ง!!” เมื่อถูกตะโกนต่อว่าอย่างหนัก ครูหนุ่มก็หันมาอธิบายกับสาวที่กำลังถ่ายคลิปอยู่ว่า ลูกศิษย์ของเขานั้นมีอาการปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี สาวคนเดิมจึงโต้ตอบกลับไปด้วยความโมโหว่า “งั้นทำไมไม่ขอให้ใครช่วยล่ะ คิดจะให้เด็กมาถ่ายอุจจาระตรงนี้ก็ได้อย่างนั้นน่ะเหรอ?” คุณครูหนุ่มคนดังกล่าว เธอพูดต่อไปว่า “เด็กอาจช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่คุณเป็นผู้ใหญ่แล้ว พาพวกเขามาที่ฮ่องกงนี้แต่กลับไม่สามารถแก้ปัญหาเล็กที่เกิดขึ้นได้เนี่ยนะ!!” อีกทั้งในคลิปเราจะเห็นว่าคุณครูคนนั้นไม่ได้ลงไปช่วยจัดการปัญหาเลย เขาแค่ยืนเฝ้าดูอยู่ห่างๆ แล้วปล่อยให้พนักงานทำความสะอาดมาช่วยกันเก็บกวาดของเสียที่ลูกศิษย์ของเขาทิ้งเอาไว้ใต้กองกระดาษทิชชู่ ท้ายที่สุดสาวฮ่องกงคนนั้นก็พูดว่า “คุณเห็นมั้ยว่าใครต้องมาช่วยทำความสะอาดให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น? ปล่อยให้เด็กมาอุจจาระกองไว้แต่คุณเองก็ไม่ได้ช่วยเก็บ ต้องให้คนฮ่องกงอย่างพวกเราคอยมาทำความสะอาดให้อีกหรือ!!” คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชาวจีนหลายๆ…
-
คู่หูวัย 12 ปี ถูกทุบตีอยู่นานกว่า 2 ชั่วโมง เพราะถูกจับได้ว่าแอบปีนเข้าไปในสวนสนุก
บางครั้งเด็กอาจทำในสิ่งที่ผิดพลาด จึงอาจต้องถูกลงโทษเพื่อเป็นการสั่งสอนไม่ให้พวกเขาทำอย่างนั้นอีก แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ควรใช้ความรุนแรงที่มากจนเกินไปเหมือนอย่างในเหตุการณ์นี้ ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา คู่หูเด็กชายวัย 12 ปี แซ่ Lu และ Zheng ได้แอบลักลอบปีนเข้าไปในสวนสนุกแห่งหนึ่งของเมืองไฮดง มณฑลชิงไห่ ประเทศจีน Lu และ Zheng เด็ก 2 คนที่แอบเข้าไปเล่นในสวนสนุก โดยไม่ซื้อบัตร พวกเขาทั้ง 2 คนได้ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่าที่ทำอย่างนั้นเพราะไม่อยากเสียเงินค่าซื้อตั๋ว และพอเข้าไปเล่นอยู่ในนั้นได้ราวๆ ครึ่งชั่วโมง ทั้งสองก็ถูกเจ้าของสวนสนุกจับได้ เจ้าของสวนสนุกไล่ให้พวกเขาทั้ง 2 ลงมาจากจักรยาน ก่อนที่จะทั้งเตะทั้งตบหน้าอย่างรุนแรงซ้ำไปซ้ำมา แล้วก็ลากตัวพวกเขาไปที่บ้านซึ่งอยู่ในสวนสนุก พอไปถึงที่แห่งนั้น พวกเขาก็ถูกจับขังเอาไว้ในห้อง โดยคนที่เป็นภรรยาของเจ้าของสวนสนุกได้นำเอาท่อนไม้ความยาวประมาณ 1 เมตรมาให้กับชายคนนั้น จากนั้นชายคนดังกล่าวก็ทุบตีเด็กทั้ง 2 คนไปทั่วร่างกาย โดยที่เด็กชาย Lu เล่าว่าตนเองไม่กล้าแม้แต่จะร้องไห้ เพราะกลัวว่าถ้าทำอย่างนั้นแล้วอาจโดนตีหนักกว่าเดิม พวกเขาถูกทรมานอยู่นานกว่า 2 ชั่วโมง จนกระทั่ง Lu…
-
คุณปู่พา “ภาพของภรรยา” ออกไปชมวิวทุกๆ วัน เพื่อให้รู้ว่า “ความรัก” ไม่ได้จากไปกับลมหายใจ
เป็นเวลาหลายปีแล้ว ที่คุณ Giuseppe Giordano ชายชราวัย 70 ปี จะออกมานั่งที่ริมทะเลสาบ พร้อมกับภาพของภรรยาเขา เพื่อชมความสวยงามของพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า การมานั่งชมพระอาทิตย์ตกดิน เป็นหนึ่งกิจกรรมที่ Giordano มักจะทำร่วมกับ Ida ภรรยาของเขา เมื่อตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ . ถึงแม้ว่าภรรยาของคุณปู่รายนี้จะจากไปเมื่อ 7 ปีที่แล้วด้วยอาการป่วย แต่ความรักที่เขามีต่อเธอนั้นไม่ได้จากไปพร้อมกับลมหายใจของเธอเลย Giorgia Moffa เจ้าของร้านพิซซ่าที่อยู่ใกล้กับทะเลสาบ ได้ถ่ายภาพของคุณปู่ในระหว่างที่เขากำลังนั่งชมวิวกับภาพของภรรยา และโพสต์ลงในอินเตอร์เน็ตพร้อมกับบอกว่า “เมื่อหลายวันก่อน ผมไม่รู้จักชายคนนี้เลย แต่ผมรู้แค่ว่าเขามีความรักที่ยิ่งใหญ่ ผมเห็นเขาร้องไห้และเชื่อว่าไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำแบบเขาแน่ๆ ยินดีที่ได้รู้จัก คุณคือผู้ชายที่ดีที่สุด” เจ้าของร้านพิซซ่าโพสต์รูปของเขาพร้อมกับคุณปู่ คุณปู่ Giordano พบกับภรรยาของเขาเมื่อปี 1969 ซึ่งตอนนั้นพ่อแม่ของทั้งสองก็ไม่เห็นด้วยกับความรักของทั้งคู่ ก่อนที่ Ida จะท้องในเวลาต่อมา ทั้งสองแต่งงานในปีเดียวกันนั้นและใช้ชีวิตคู่มาด้วยกันจนกระทั่ง Ida จากโลกนี้ไปเมื่อปี 2011 “ผมเห็นเขาและรู้ว่าเขาจะต้องมีชีวิตคู่ที่เยี่ยมมากแน่ๆ และผมเข้าใจถึงความเศร้าของเขาดี ก่อนหน้านี้ผมสูญเสียน้องชายและลูกชายวัย 5 เดือนไป…
-
รู้จักกับหมู่บ้าน Bazoule ที่ “มนุษย์และจระเข้” อยู่ร่วมกันอย่างสันติราวกับเป็นญาติพี่น้อง
คนเรามีความเชื่อ ซึ่งในแต่ละพื้นที่ก็เชื่อในสิ่งที่แตกต่างกันไป อย่างในดินแดนบางแห่ง แม้ว่าจะเป็นสัตว์ดุร้ายอย่าง จระเข้ ผู้คนก็เชื่อว่าเป็นสัตว์ที่สามารถปกป้องและอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างเป็นปกติสุข การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสัตว์ดุร้ายอย่างจระเข้นั้นไม่ได้เกิดขึ้นแต่ในยุคโบราณเท่านั้น ปัจจุบันหมู่บ้านแห่งหนึ่งในประเทศบูร์กินาฟาโซ ผู้คนในหมู่บ้านยังคงสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับจระเข้ได้อย่างสันติ ณ หมู่บ้าน Bazoule ซึ่งห่างจากเมืองหลวงของบูร์กินาฟาโซมาเพียง 30 กิโลเมตร ผู้คนบูชาจระเข้เป็นเทพเจ้าคุ้มครองชีวิตของพวกเขา ด้วยความที่ลักษณะภูมิประเทศเป็นดินแดนที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลจึงทำให้มีสัตว์เลื้อยคลานครึ่งบกครึ่งน้ำนี้อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก อาจฟังดูน่ากลัวแต่ผู้คนในหมู่บ้านกลับสามารถเข้าไปเล่นกับจระเข้ได้อย่างสบายใจเฉิบ ชมคลิปวิดีโอหมู่บ้านจระเข้ Bazoule เรื่องราวมีอยู่ว่า ในสมัยศตวรรษที่ 15 ผู้คนเคยยกย่องให้จระเข้เป็นสัตว์ที่ช่วยไถ่บาปให้ผู้คนในหมู่บ้าน เนื่องจากในช่วงเวลาที่หมู่บ้านพบกับความแห้งแล้งอย่างหนักหน่วง กลับมีแหล่งน้ำเกิดขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ แหล่งน้ำดังกล่าวปรากฏขึ้นพร้อมกับเหล่าจระเข้ และก็ได้ทำให้ผู้คนในหมู่บ้านมีชีวิตรอดภาวะแล้งไปได้ จึงเป็นที่มาของการเคารพนับถือจระเข้ของหมู่บ้าน Bazoule คนในหมู่บ้านนับถือจระเข้อย่างมาก พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิดจระเข้เสมอ เมื่อจระเข้ตายพวกเขาก็จะมีการจัดงานศพและทำการฝังร่าง ราวกับที่พวกเขาทำกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ผู้คนในหมู่บ้านจะมีวันเฉลิมฉลองประจำปี เรียกกันว่า Koom Lakre เป็นวันที่พวกเขาจะรำลึกให้กับบุญคุณที่จระเข้ได้ทำเอาไว้ นอกจากนี้ยังเป็นวันที่พวกเขาสามารถขอพรจากจระเข้ได้อีกด้วย รู้จักกับหมู่บ้าน Bazoule ที่ผู้คนนับถือจระเข้ให้มากขึ้นกันเถอะ หมู่บ้านนี้นับถือจระเข้มามากกว่า 70 ปีแล้วแต่ก็ยังไม่มีใครเคยเสียชีวิตเนื่องจากการโจมตีของจระเข้ ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว ผู้คนสามารถลงเล่นน้ำในแหล่งน้ำของหมู่บ้านได้อย่างไม่ต้องกังวล หากใครถูกจระเข้กัดเข้า พวกเขาจะถือว่าเป็นการลงโทษจากเทพเจ้ามากกว่าที่จะมองว่าเป็นสัญชาตญาณอันดุร้ายของสัตว์เลือดเย็นอย่างจระเข้…
-
หนุ่มฝรั่งตบสาว หลังพูดลวนลามแล้วเธอไม่เล่นด้วย กลายเป็นประเด็นร้อนทั่วโลกออนไลน์!!
กลายเป็นประเด็นร้อนของสังคมออนไลน์ในประเทศฝรั่งเศสไปเสียแล้ว เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Marie Laguerre ได้ทำการโพสต์วิดีโอภาพจากกล้อง CCTV ของร้านกาแฟแห่งหนึ่งในกรุงปารีส คลิปวิดีโอต้นฉบับจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก Marie Laguerre จากในคลิปจะเห็นว่ามีหญิงสาวที่สวมชุดสีแดงคนหนึ่ง ถูกตบเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงโดยชายที่เดินเข้ามาหาเธอ นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่ 24 กรกฎาคม 2018ในขณะที่ มารี ลาแกร์นักศึกษาวัย 22 ปีกำลังเดินทางกลับไปยังที่พักของเธอ โดยระหว่างที่เดินผ่านร้านกาแฟ เธอก็พบกับชายคนหนึ่งที่เริ่มพูดแซวเธออย่างอนาจารและหยาบคาย รวมทั้งทำเสียงที่มี “นัยทางเพศ” อีกด้วย มารี เล่าว่า “มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันโดนแซวแบบนี้ ความไม่พอใจมันสะสมมานานจนฉันโมโหและพูดออกไปว่า ‘หุบปาก’ เบาๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยิน” ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่มุมด้านซ้ายของกล้อง ชายหนุ่มโมโหเธอมากจนขว้างที่เขี่ยบุหรี่ใส่เธอแต่ก็พลาด ก่อนที่พวกเขาจะทะเลาะกันไปสักพักและหญิงสาวถูกตบอย่างที่เห็นในคลิป เหล่าลูกค้าที่อยู่ในเหตุการณ์ตำหนิผู้ชายคนดังกล่าวอย่างหนัก ก่อนที่มารีจะตัดสินใจเข้าไปแจ้งตำรวจในเวลาต่อมา การเผยแพร่วิดีโอในครั้งนี้สร้างกระแสร้อนในสังคมออนไลน์ของฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก โดยมีผู้เข้าไปชมวิดีโอที่ว่านี้แล้วกว่าหนึ่งล้านครั้ง และนำมาซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อการกระทำของชายหนุ่มในคลิป ชายหนุ่มตบเข้าที่ใบหน้าของหญิงสาวอย่างรุนแรง นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากมีการออกกฎหมายการปรับเงินจากกรณีการล่วงละเมิดบนท้องถนนพอดี ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่มีผลบังคับใช้ในปัจจุบัน แต่กฎหมายนี้จะมีผลทำให้การล่วงละเมิดบนท้องถนน เช่น การผิวปากใส่คนที่ผ่านไปมา หรือขอเบอร์โทรศัพท์ อาจถูกปรับได้สูงสุดถึง 750 ยูโร (ราวๆ…
-
สุนัขเกรย์ฮาวด์กว่า 500 ตัว ถูกทิ้งในสภาพร่อแร่ เมื่อสนามแข่งแห่งเดียวในเอเชียถูกปิดตัว
การแข่งขันโดยการใช้สัตว์มาเป็นตัววัดในการแข่งขันเชิงกีฬา เริ่มหายไปจากโลกในยุคปัจจุบัน เนื่องจากมุมมองที่เห็นต่างไปจากเดิม ความสุขสนุกสนานของมนุษย์ที่ใช้สัตว์เป็นเครื่องมือไม่ต่างไปจากการทรมาน ล่าสุดนี้ ในสนามแข่งสุนัข Yat Yuen Canidrome Club บนเกาะมาเก๊า ถูกสั่งปิดดำเนินการอย่างถาวรหลังจากที่ดำเนินการมานานตั้งแต่ปี 1931 ซึ่งเป็นสนามแข่งสุนัขเพียงแห่งเดียวที่เปิดอย่างถูกกฎหมายในทวีปเอเชีย ภายใต้การต่อสู้ของกลุ่มสิทธิสัตว์ที่ยาวนานหลายปี วิพากษ์วิจารณ์การดูแลของสนามแข่ง ที่ไม่สามารถทำการดูแลและรักษาสวัสดิภาพของสุนัขเกรย์ฮาวด์ที่ลงแข่งได้ และทางด้านสนามแข่งเองก็ไม่สามารถที่จะหาบ้านใหม่ ให้กับสุนัขแข่งทุกตัวก่อนจะปิดทำการ แม้จะมีกรอบระยะเวลาให้เป็นเวลา 2 ปีก็ตาม สุนัขเกรย์ฮาวด์กว่า 533 ตัว ถูกทิ้งเอาไว้ภายในกรงของสนามแข่ง โดยมีอาสาสมัครเข้ามาดูแลรับช่วงต่อเพื่อให้ทุกชีวิตสามารถอยู่รอดต่อไปได้ หลังจากที่ต้องทนทรมานจากกิจการของสนามแข่ง อย่างไรก็ตามทางด้านกลุ่มเอ็นจีโอปกป้องสัตว์ Anima ได้ร่วมกับทางการมาเก๊าหาทางออกให้กับชีวิตที่เหลือของเหล่าเกรย์ฮาวด์ ด้วยการดูแลสุนัขทุกตัวเป็นระยะเวลา 2 เดือน ก่อนจะส่งตัวไปยังสถานบำบัดที่พักพิงแห่งใหม่ในกรุงไทเป หากสุนัขตัวไหนไม่ถูกรับไปเลี้ยง ก็จะทำการดูแลให้จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งทางรัฐบาลเกาะมาเก๊าก็เห็นดีงามด้วย แต่ด้วยกระบวนการคัดกรองผู้รับไปดูแลต่อ อาจจะต้องใช้เวลานานเป็นปี เนื่องจากจะต้องทำการรักษาสุนัขให้พร้อมก่อนไปเจอโลกภายนอกและจะต้องผ่านงานเอกสารอีกหลายขั้นตอน อีกทั้งก่อนหน้านี้มีผู้รับสุนัขเกรย์ฮาวด์ไปดูแลต่อ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา จึงต้องทำการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคุณสมบัติผู้เลี้ยง เพื่อป้องกันปัญหาเดิมเกิดขึ้นอีก (ทิ้งและดูแลไม่ดี) …
-
ช็อกใจหาย… หนุ่มปลดเข็มขัดนิรภัยริมหน้าผา กระโดดทิ้งดิ่งทันที โดยไม่ทราบสาเหตุ!?
ตามสถานที่ท่องเที่ยวบนภูเขาถือว่ามีความเสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นอุปกรณ์เซฟตี้ต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และจะต้องคอยระมัดระวังทุกฝีก้าวในขณะเดินทางเที่ยวชมอยู่ตลอด แต่ไม่ทราบว่าชายหนุ่มคนดังกล่าวนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นบริเวณทางเดินริมหน้าผาเขาหัวซาน ในขณะที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมทางไต่เขาตามปกติ และไม่พลุกพล่านมากนัก ภายในคลิปจะเผยให้เห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวค่อยๆ เกาะเชือกเดินบนแผ่นไม้ริมหน้าผาที่มีความกว้างเพียง 30 เซนติเมตร และชายหนุ่มในเสื้อสีเทาเลือกที่จะหยุดเดิน ทำการปลดเข็มขัดนิรภัย และมองลงไปทางด้านล่างเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะตัดสินใจกระโดดลงไป ท่ามกลางความมึนงงของนักท่องเที่ยวรายอื่นๆ เจ้าหน้าที่ประจำเขาหัวซานยืนยันว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันอังคารที่ 24 กรกฎาคม ช่วงเวลา 16.00 น. โดยทางทีมกู้ภัยได้ออกตามหาร่างผู้เสียชีวิตในช่วงความสูง 2,000 เมตรจากจุดที่กระโดดลงมา จนกระทั่งสามารถกู้ร่างของผู้เสียชีวิตได้ในวันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม ท่ามกลางความยากลำบากในการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ภูเขาสูง มีความซับซ้อนและถูกบดบังการมองเห็นทั้งจากป่าและหมอกที่ลงหนา อย่างไรก็ตาม ข้อสรุปเบื้องต้นคาดว่าเขาจงใจฆ่าตัวตาย แต่ทั้งนี้จะทำการสืบสวนต่อไปเพื่อระบุตัวตนของผู้เสียชีวิตและแรงจูงใจในการกระทำการดังกล่าว… ที่มา: shanghai.ist, cgtn, ecns
-
ชายผิวขาวขับรถชนสาวอินเดีย ด่าทอแฟนหนุ่ม ไล่ให้กลับประเทศ ขู่ฆ่าลูกของพวกเขา!!
ช่วงเดือนกรกฎาคม 2018 นี้ได้เกิดเหตุการณ์ “เหยียดเชื้อชาติอย่างรุนแรง” ในที่จอดรถของศูนย์การค้า Walmart สาขาหนึ่งที่ประเทศแคนาดา คลิปหลักฐานของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าชายผิวขาวรายหนึ่งขับรถกระบะพุ่งชนหญิงสาวชาวอินเดีย พร้อมกับด่าทอแฟนหนุ่ม ขู่ฆ่าลูกของพวกเขา ชายผิวขาวขับรถชน ไล่ให้อีกฝ่ายกลับประเทศไป และขู่ฆ่าลูกของพวกเขา ผลการรายงานการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 27 กรกฎาคม 2018 ทำให้ทราบว่าชายผิวขาวคนนั้นมีชื่อว่า Dale Robertson อายุ 47 ปี โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบจากคลิปวิดีโอของหญิงสาวชาวอินเดียที่โดนชน กับคลิปของ Patryk Laszczuk เพื่อนร่วมงานของสามีเธอ Patryk ได้ให้ปากคำเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยขอปิดบังชื่อผู้เสียหายทั้ง 2 คน เขาเล่าว่าเพื่อนกำลังถอยรถเข้าซองในลานจอดรถดังกล่าว ซึ่งระหว่างนั้นก็ขวางทางรถกระบะของ Dale ที่กำลังแล่นมา เมื่อทั้ง 2 คนลงจากรถ กระบะคันนั้นก็พุ่งเข้ามาชนหญิงสาว และคนขับก็เปิดกระจกตะโกนออกมาว่า “อุ๊บส์ หลบออกไป อย่าขวางทาง” ชี้หน้าหญิงสาวที่ถูกชน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้แฟนหนุ่มของเธอเข้าไปคว้ามือคนขับเอาไว้ แต่ก็ถูกปัดออกและถูกด่ากลับมาว่า “มึงเอามือสกปรกนั่นมาจับกูเหรอ?! เดี๋ยวกูจะหักขามึง”…