Category: ข่าวคราวรอบโลก
-
น่ารักฝุดๆ !! หนูน้อยโทรหาชวนตำรวจมางานวันเกิดหลายสิบสาย สุดท้ายเซอร์ไพรส์ตำรวจมาจริง
เวลาที่เราปลาบปลื้มหรือชื่นชอบใครสักคนหนึ่ง เวลางานสำคัญอย่างวันเกิดหรือวันรับปริญญาเราก็อยากที่จะชวนพวกเขามาร่วมงานกับเราด้วยอยู่เสมอเลยใช่รึเปล่า?? ซึ่งก็เหมือนกับเรื่องของหนูน้อยที่รู้จักกันในชื่อ Zachary หนูน้อยวัย 5 ขวบคนนี้ ที่อยากจะชวนคนที่เขาชื่นชอบมาร่วมงานวันเกิดด้วย แต่… มันแปลกตรงที่คนที่ตาหนูคนนี้ชอบคือตำรวจนี่แหละ!! ในงานวันเกิดที่อายุของ Zachary จะครบ 5 ขวบพอดี หนูน้อยแฟนพันธุ์แท้ตำรวจ Manukau จากเมือง Auckland ประเทศนิวซีแลนด์ อยากที่จะชวนฮีโร่ของเขามาร่วมงานด้วย จึงได้โทรศัพท์ด้วยเบอร์ฉุกเฉินไปหาคุณตำรวจ แต่ด้วยความที่อายุยังน้อยและไม่รู้ตาสีตาสา หนูน้อยเลยโทรหาตำรวจอยู่หลายสิบสาย จนตำรวจต้องแกะรอยหาโทรกลับมาที่หมายเลขที่โทรเข้ามาอยู่หลายครั้ง และคราวนี้ก็เป็นฝ่าย Sarah คุณแม่ของ Zachary รับโทรศัพท์ เมื่อเธอรู้เรื่องราวการกระทำของลูกเธอ เธอเลยต้องขอโทษขอโพยคุณตำรวจใหญ่ Sarah กล่าวว่า “ฉันขอโทษอย่างสุดซึ้ง สายพวกนั้นเป็นสายที่ลูกชายวัยห้าขวบโทรไป เขาบอกกับฉันว่า เอิ่ม… อยากที่จะชวนคุณตำรวจมาที่ปาร์ตี้วันเกิดด้วย ซึ่งฉันไม่คิดว่าเขาจะโทรไปจริงๆ !” แต่ถือว่าเป็นโชคดีของ Zachary เมื่อเพราะว่าตำรวจไม่ติดใจถือเอาความ แถมยังตอบกลับมาว่า “ผมไม่รู้ว่าพวกเราจะทำแบบนั้นได้รึเปล่า แต่ถ้าได้เราจะไปหาแน่” และเมื่อถึงวันจริงเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบหลายนายก็ได้มาเซอร์ไพรส์ Zachary ถึงหน้าบ้านพร้อมกับชุดและเครื่องมือตำรวจครบครัน แถมยังให้เจ้าหนูได้ลองสวมบทบาทปฏิบัติหน้าที่เป็นตำรวจอีกด้วย ในตอนแรกเจ้าหนูนั้นรู้สึกเขินและอายไม่กล้าเจอหน้ากับฮีโร่ของเขา…
-
แทบไม่เชื่อหูตัวเอง!! ภรรยาพบสามีวัย 26 ของตัวเอง เล่นชู้กับหญิงชราวัย 72!?
บางครั้งที่เรามีเรื่องสงสัย หลายๆ คนก็อาจจะหันไปพึ่งพานักสืบให้มาสืบเรื่องเหล่านั้นให้ ไม่ว่าจะเป็นการหาคนหาย การตามหาสัตว์เลี้ยง และที่ขาดไม่ได้เลยคือการสืบเรื่องการนอกใจ แต่ในหลายๆ ครั้งการจ้างนักสืบก็อาจนำมาซึ่งความจริงที่ไม่คาดฝันด้วยเช่นกัน เหมือนกับเรื่องราวที่หญิงสาววัย 24 ปีผู้อาศัยอยู่ในเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษต้องพบหลังจากที่เธอจ้างนักสืบจาก “Carter Harris Group Investigation” (CHGI) เพื่อให้สืบเรื่องสามีวัย 26 ปีของเธอนั่นเอง นี่เป็นการว่าจ้างที่เกิดขึ้นหลังจากที่หญิงสาวรู้สึกว่าสามีของเธอมีนิสัยที่เปลี่ยนไปหลังจากที่แต่งงานกันได้ 1 ปี และหายออกไปจากบ้านโดยที่ไม่มีการบอกกล่าวอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้เธอนั้นสงสัยว่าสามีจะมีชู้นั่นเอง อย่างไรก็ตามผลการสืบที่ออกมานั้นทำให้คุณภรรยาถึงกับแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เพราะไม่เพียงแต่สามีของเธอจะคบชู้นอกใจ แต่ผู้หญิงที่เป็นชู้กับสามีเธอนั้นกลับเป็นหญิงชราวัย 72 ปีอีกด้วย เธอบอกว่า เธอทำใจเชื่อไม่ลงจริงๆ จนได้เห็นภาพวิดีโอที่นักสืบถ่ายมา มันเป็นภาพหญิงชรานอนอยู่กับสามีของเธอบนเตียงในโรงแรม Premier Inn และที่สำคัญจากข้อมูลของทางนักสืบ หญิงชราที่แก่กว่าสามีของเธอเกือบๆ 46 ปีนั้น ยังมีหลานแล้วถึง 4 คน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพบกันจากในเว็บหาคู่ที่สามีของเธอไปสมัครไว้ และเริ่มคบชู้กันตั้งแต่ตอนนั้น อย่างไรก็ตามยังไม่อาจทราบได้ว่าหญิงชราคนดังกล่าวรู้หรือไม่ว่าหนุ่มที่คบด้วยมีภรรยาแล้ว ในปัจจุบันฝั่งภรรยายังอยู่ในการตัดสินใจว่าจะฟ้องหย่ากับสามีของเธอดีหรือไม่ อย่างไรก็ตามนี่อาจจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าเชื่อที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมาในชีวิตเลยก็เป็นได้ …
-
พบซาก ‘โรมิโอ-จูเลียต’ อายุ 5,000 ปี ฝังพร้อมกับซากม้าลากรถ นำทางหลังความตาย
ตามตำนานความเชื่อของความรัก ที่ไม่มีวันจะสามารถพรากจากกันได้ แม้นอายุขัยความชราจะเป็นอุปสรรคที่ไม่สามารถหลีกหนีได้ แต่ด้วยความศรัทธายึดมั่นเหนือกว่าสิ่งอื่นใด จะนำพาความรักไปพานพบกันอีกครั้งหลังความตาย ซากโครงกระดูกอายุ 5,000 ปีนี้ ถูกฝังอยู่ภายใต้สุสานในยุคก่อนประวัติศาสตร์ บริเวณประเทศคาซัคสถาน กล่าวกันว่าเป็น “โรมิโอและจูเลียต” แห่งยุคสัมฤทธิ์ จากการค้นพบจะมีซากของโครงกระดูกคล้ายกับม้าลากรถม้าศึก 2 โครงด้วยกัน และใกล้ๆ กับโครงกระดูกมนุษย์ ฝ่ายชายจะมีซองธนูและมีดเหล็กวางฝังไว้ ส่วนฝ่ายหญิงจะสวมใส่เพชรนิลจินดา กำไลข้อมือแต่งแต้มด้วยอัญมณีสีเขียว ทั้งนี้ นักโบราณคดีคาดว่าเหตุผลของการฝังม้าลงไปด้วยนั้นก็เพื่อเป็นการบวงสรวงให้กับพิธีการฝังศพของคู่รักโบราณ ซึ่งในที่นี้ บุคคลสำคัญน่าจะเป็นฝ่ายชาย นักรบชั้นสูงผู้คุมรถม้าศึกในยุคสัมฤทธิ์ ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้ การฝังม้าบวงสรวงจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลในการส่งวิญญาณของโรมิโอและจูเลียตยุคโบราณ เพื่อนำทางในชีวิตหลังความตาย Dr. Igor Kukushkin หัวทีมนักโบราณคดีในครั้งนี้ กล่าวว่ายังคงไม่มีคำตอบที่แน่ชัด เกี่ยวกับโครงกระดูกของมนุษย์ทั้งสองราย ว่าเคยมีชีวิตคู่อยู่ด้วยกันมาก่อนหรือไม่ อีกทั้งสาเหตุการเสียชีวิตนั้นคาดว่าน่าจะเป็นในกรณีตรอมใจพรากชีวิตตัวเองหรือถูกสังหารเพื่อฝังพร้อมกับอีกฝ่าย ทั้งนี้อาจเป็นไปได้ว่าทั้งชายและหญิงที่เสียชีวิตก่อนหรือเสียชีวิตพร้อมกัน และถูกเลือกให้เป็นคู่รักที่จะสืบทอดตำนานความรักหลังความตายได้เช่นกัน แต่สิ่งที่นักโบราณคดีมั่นใจมากที่สุด คือลักษณะการเสียชีวิตของม้า ที่ถูกจัดท่าทางแบบนอนหลังชนกัน ซึ่งถ้าหากม้าสองตัวตายตามธรรมชาติจะเกิดลักษณะแบบนี้ได้ยาก…
-
นักท่องเที่ยวถึงกับเหวอ เมื่อจู่ๆ มีผู้อพยพจำนวนมากวิ่งขึ้นชายฝั่งอย่างไม่คิดชีวิต….
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณชายหาดในเมือง Zahora ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2018 สร้างความตกใจให้กับเหล่านักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะจู่ๆ ก็มีเรือลำหนึ่งมาเทียบท่าพร้อมกับผู้คนที่วิ่งกันอย่างอลหม่าน . จากการรายงานจึงทำให้ทราบว่าคนจำนวนมากที่เราเห็น เป็นกลุ่มผู้อพยพชาวแอฟริกันที่ล่องเรือเข้ามาในเขตแดนของประเทศสเปน นักท่องเที่ยวหลายๆ คนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่าผู้อพยพเหล่านั้นพยายามวิ่งออกห่างจากเรือให้เร็วที่สุด บางคนก็จะเข้ามาถามว่า “มีน้ำหรืออาหารให้พวกเขากินมั้ย?” . สถานการณ์นั้นอาจบอกได้ว่ามันเหมือนเป็นภาพจากหนังแนวซอมบี้ เพราะพวกเขาวิ่งกระจัดกระจายไปอย่างไม่คิดชีวิต โดยปัจจุบันยังคงไม่ทราบว่าผู้คนจำนวนมากขนาดนั้นหายไปพักอาศัยกันอยู่ที่ใด คลิปเหตุการณ์ที่ถูกถ่ายไว้โดยนักท่องเที่ยว มีผู้อพยพสาวเพียงคนเดียวที่ไม่ได้วิ่งหายไป เพราะเธอมีอาการบาดเจ็บที่บริเวณแขน นอนร้องขอความช่วยเหลืออยู่บริเวณริมหาด โดยผ่านหลังหน่วยกู้ภัยก็ได้เข้ามาจัดการเรื่องนี้เอาไว้ได้ . อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีภาพในลักษณะนี้ออกมาให้เห็นในเขตชายแดนประเทศสเปน เพราะก่อนหน้านี้ไม่นานก็เพิ่งมีผู้อพยพจำนวนมากแล่นเรือขึ้นทางชายฝั่ง Tarifa ไปเหมือนกัน ภาพของการอพยพหนึ่ง ที่เกิดขึ้นบริเวณช่องแคบยิบรอลตาร์ เส้นทางเดียวกันกับทั้งสองชายฝั่งที่กล่าวไป . ยอดผู้อพยพที่เข้ามาในบริเวณเดียวกันนี้ก็พุ่งสูงกว่า 20,992 คน จากเพียงแค่ช่วงราวๆ ครึ่งปี 2018 (1 ม.ค. –…
-
คุณแม่ลูกสองวัย 36 เสียชีวิต ระหว่างไปเที่ยวกรีซ เพราะทานไก่ดิบเข้าไปเพียงแค่หนึ่งคำ
เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินโทษของการทานเนื้อไก่ที่ยังไม่ได้ผ่านการปรุงสุกกันมาบ้าง แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่ออกมาอ้างว่าตัวเองกินไก่ดิบประจำไม่เห็นเป็นไรอยู่ดี ดังนั้นข่าวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อาจจะเป็นอุทาหรณ์อันดีสำหรับคนที่ชอบทานไก่ที่ปรุงไม่สุกก็เป็นได้ เพราะล่าสุดที่ประเทศกรีซได้มีข่าวคุณแม่ลูกสองคนหนึ่ง ต้องมาเสียชีวิตด้วยอาการอาหารเป็นพิษ เพียงเพราะเธอทานไก่ดิบไปประมาณหนึ่งคำ ผู้เสียชีวิตมีชื่อว่า นาตาลี รอว์นสเลย์ เธอเป็นคุณแม่ลูกสองวัย 36 ปีชาวอังกฤษ ผู้เดินทางมายังเกาะคอร์ฟู ประเทศกรีซกับครอบครัวเพื่อพักผ่อนในวันหยุด นาตาลีมีอาการอาหารเป็นพิษหลังจากที่เผลอทานไก่ดิบในร้านอาหารของโรงแรมไปหนึ่งคำ แต่หลังจากเวลาผ่านไป 36 ชั่วโมงอาการที่เธอเป็นก็แย่ลงจนถึงขั้นที่มีเลือดไหลออกจากทุกช่องเปิดทั่วร่าง คอร์ฟู ประเทศกรีซ สถานที่เสียชีวิตของ นาตาลี รอว์นสเลย์ นาตาลีถูกส่งเข้าโรงพยาบาลทันทีหลังจากนั้นแต่สุดท้ายเธอก็เสียชีวิตจากการเกิดเลือดอุดตันเกิดขึ้นทั่วร่างกายจนหลอดเลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ตามปกติ จากการวินิจฉัย นาตาลีนั้นมีภาวะกระเพาะและลำไส้อักเสบ และน่าจะเสียชีวิตเนื่องจากทานเนื้อไก่ดิบที่มีเชื้อโรคอีเชอริเซีย โคไลซึ่งเป็นเชื้อโรคที่มักทำให้ผู้ได้รับเชื้อมีอาการท้องเสีย ปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย และมีไข้ โรงพยาบาลที่นาตาลีถูกนำตัวส่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการติดเชื้อ ศาสตราจารย์เซบาสเตียน ลูคัส เปิดเผยว่าสาเหตุที่หญิงสาวผู้ซึ่งมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์คนนี้เสียชีวิตเพียงเพราะอาการอาหารเป็นพิษน่าจะมาจากกรรมพันธุ์ของเธอ กรรมพันธุ์นี้ทำให้อาการที่เกิดจากเชื้อโรคอีเชอริเซีย โคไลรุนแรงขึ้นจนถึงชีวิต และในปีที่ผ่านมาก็มีผู้เสียชีวิตด้วยอาการเช่นนี้ในโรงพยาบาลแล้วอย่างน้อยๆ สามราย ภาพของเชื้ออีเชอริเซีย โคไล เพราะหากปล่อยให้เชื้ออีเชอริเซีย โคไลเข้าไปในร่างกายได้ สิ่งที่ทีมแพทย์จะทำได้ในการช่วยเหลือผู้ป่วยได้ก็มีเหลืออยู่ไม่มากแล้ว ดังนั้นทางที่ดีขอให้หลีกเลี่ยงเนื้อไก่ดิบให้มากที่สุดจะดีกว่า ที่มา…
-
หนุ่มอังกฤษคะนอง เสนอเงินให้ “คนไร้บ้าน” ไปสักชื่อเจ้าบ่าวไว้บนหน้าผาก ชาวเน็ตไม่พอใจ
ในวัฒนธรรมของฝั่งตะวันตก ยามที่เพศชายกำลังจะแต่งงานก็มักจะมีการกินเลี้ยงกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนานที่เรียกกันว่า งานเลี้ยงสละโสด หรือ Stag Party นั่นเอง แต่บางครั้งความสนุกสนานก็กลายเป็นการเบียดเบียนผู้อื่นโดยไม่จำเป็น เช่นเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้นในคืนงานเลี้ยงสละโสดของหนุ่มๆ ชาวอังกฤษกลุ่มหนึ่ง พวกเขาออกท่องราตรีในเมืองเบนิดอร์ม ประเทศสเปนบังเอิญเจอกับชายไร้บ้านคนหนึ่ง พวกเขาจึงสั่งให้ชายคนนั้นไป สัก บนหน้าผากของเขาเป็นชื่อของว่าที่เจ้าบ่าว ว่า “Jamie Blake, North Shields, N28” พวกเขาเสนอว่าจะจ่ายเงินให้กับชายไร้บ้านคนนี้เป็นจำนวน 90 ปอนด์ (ประมาณ 3,900 บาท) หากเขายอมสักชื่อว่าที่เจ้าบ่าวลงบนหน้าผาก ชายไร้บ้านชาวโปแลนด์คนนี้นามว่า Tomek จึงรับข้อเสนอ แต่สุดท้ายการสักกลับต้องหยุดลงเนื่องจากชายไร้บ้านไม่สามารถทนความเจ็บปวดได้ไหว ชายไร้บ้าน Tomek ชูนิ้วเป็นสัญลักษณ์สันติภาพขณะถูกลงเข็มสักบนหน้าผาก ภาพด้านบนถูกเผยแพร่ลงบนเฟซบุ๊ก บนหน้าผากของ Tomek แทนที่จะเป็น “Jamie Blake, North Shields, N28″ แต่กลับถูกสักลงไปได้เพียงแค่คำว่า “Jamie Blake, No” เท่านั้น ชาวเน็ตที่เข้ามาเห็นภาพนี้ต่างรู้สึกแย่และเสียใจไปตามๆ กัน บางคนถึงกับหารือกันว่าจะช่วยจ่ายค่าลบรอยสักออกให้กับชายไร้บ้านคนนี้เลยทีเดียว Karen Malin Cowles คนรู้จักของ…
-
ผู้เสพความเร็วห้ามพลาด!! กับ 17 สิ่งที่เร็วสุดที่สุดในโลก หาเร็วกว่านี้ได้ก็ The Flash แล้ว!!
เพื่อนๆ คนไหนเป็นคนที่ชื่นชอบในความเร็วบ้างมั้ย?? ไม่ว่าความเร็วรถ ความเร็วของเครื่องบินหรือจะเป็นขีดจำกัดความเร็วของมนุษย์และสัตว์ต่างๆ หากเป็นคนที่ชื่นชอบความเร็วอย่างที่เราได้กล่าวมาแล้ว วันนี้เพื่อนๆ มาถูกที่แล้วครับ เพราะ #เหมียวโคบี้ จะนำสุดยอดความเร็วในแขนงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลิฟต์ เครื่องบิน รถยนต์ คนและสัตว์มาให้ได้ชมกันครับ จะมีอะไรบ้างนั้นเอาดูพร้อมๆ กันเล้ย 1. ลิฟต์ที่เร็วที่สุดในโลกอยู่ที่ตึก อ้างอิง 2. การเล่นกีตาร์ที่เร็วที่สุดในโลกโดย Nirvana Bista ด้วยความเร็วทั้งหมด 1,600 BPM อ้างอิง 3. นกที่เร็วที่สุดคือเหยี่ยวเพเรกริน มันสามารถบินได้เร็วถึง 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว อ้างอิง 4. รถไฟที่เร็วที่สุดในโลกได้แก่ SCMaglev ที่สามารถวิ่งได้ถึง 603 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อ้างอิง 5. Florence Griffith Joyner คือผู้หญิงที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก ด้วยระยะ 100 เธอสามารถวิ่งได้ในเวลาเพียง 10.49 วินาที…
-
ไอ้หนุ่มคนจริงตัดสินใจเปลี่ยนเพศในใบแจ้งเกิดเป็น “หญิง” เพื่อซื้อประกันรถได้ในราคาถูกลง
เวลาที่เพื่อนๆ จะซื่อรถยนต์คันใหม่สักคันหนึ่ง แต่ว่าเงื่อนไขของทางบริษัทหรือร้านขายรถนั้นๆ คือต้องซื้อประกันที่ราคาแสนแพงของพวกเขาด้วย เป็นเพื่อนๆ จะทำอย่างไรกันคงเลือกไปซื้อรถรุ่นอื่น ไปซื้อร้านอื่นหรือไม่คงตัดสินใจไม่ซื้อเสียเลย แต่สำหรับพ่อหนุ่มคนที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เขาทำอะไรที่เหนือความคาดหมายกว่านั้นเยอะ เพราะถึงขั้นลงทุนเปลี่ยน “เพศ” ของตัวเองในใบเกิดและเอกสารระบุตัวตน เพื่อที่จะลดค่าประกันรถยนต์ลงเลยล่ะ หนุ่มคนนั้นคือ David ชาวรัฐแอลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา เขากำลังอยู่ในระหว่างที่จะซื้อรถยนต์คันใหม่ของตัวเองอยู่ แต่ด้วยกฎหมายของประกันภัยที่แคนาดานั้นค่าใช้จ่ายแพงเอามากๆ ซึ่งมีราคามากถึง 150,000 บาทต่อปี ซึ่งมันเป็นอะไรที่มากเกินกว่าที่เขาได้คิดไว้ ด้วยอายุยี่สิบต้นๆ ถึงจะซื้อรถได้ แต่คงไม่มีเงินง่ายค่าประกันแน่ๆ เขาจึงเริ่มคิดหนทางที่จะทำให้ค่าใช้จ่ายถูกลง และขณะนั้นเขาก็ได้ถามพนักงานว่าค่าประกันสำหรับผู้หญิงนี่จะเท่าไหร่และก็ได้รู้ว่าหากเป็นผู้หญิงราคาจะถูกกว่ากัน 36,700 บาทเลยทีเดียว เมื่อรู้ดังนั้นเขาจึงขอให้พนักงานเปลี่ยนข้อมูลของเขาให้กลายเป็นผู้หญิงได้หรือไม่ ซึ่งคำตอบก็คือไม่สามารถทำได้ เมื่อนั้น David จึงคิดได้ว่าเขาต้องไปข้อมูลของตัวเองในใบแจ้งเกิดและใบขับขี่เสียก่อนและจากการศึกษา เจ้าหนุ่มก็พบว่าเขาต้องไปขอให้แพทย์เขียนใบแจ้งอย่างเป็นทางการโดยระบุว่าเขาเป็นผู้หญิง จากนั้นก็ส่งไปให้แก่หน่วยงานรัฐบาลพร้อมกับเขียนคำร้องของเปลี่ยนเพศ ไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ส่งจดหมายของแพทย์ไปให้กับหน่วยงานรัฐบาล เขาก็ได้รับใบแจ้งเกิดใหม่ที่ระบุว่าเป็นเพศหญิง ด้วยใบแจ้งเกิดใบใหม่นี้เองก็สามารถทำให้เขาไปเปลี่ยนเพศในใบขับขี่ได้อีกด้วย David ได้กล่าวว่า “ผมก็รู้สึกค่อนข้างช็อกเหมือนกันนะ แต่ผมก็รู้สึกโล่งใจ ผมรู้สึกว่าผมทำลายระบบได้ ผมรู้ผมเป็นผู้ชนะ ผมเป็นชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ตามกฎหมายแล้วผมเป็นผู้หญิง…
-
อันตราย!! หนุ่มเดินชายหาด “เท้าเปล่า” โดนพยาธิเล่นงานจนเท้าเหวอะ
****บทความต่อไปนี้อาจมีภาพและเนื้อหาที่รุนแรง**** กิจกรรมที่หลายๆ คนเลือกทำเมื่อเดินทางมาถึงทะเล คงจะหนีไม่พ้นการออกไปเดินเล่นชิลๆ ริมชายหาด พร้อมกับให้ฝ่าเท้าของเราได้สัมผัสกับน้ำทะเลเย็นๆ และหาดทรายขาวใช่ไหมล่ะ?? แต่เพื่อนๆ รู้กันหรือไม่ว่าการเดินเท้าเปล่าบนชายหาดนั้นก็อันตรายไม่น้อยเลยนะ และอาจทำให้เท้าเป็นแผลเหมือนกับเด็กหนุ่มรายนี้ก็ได้!! เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้เกิดขึ้นกับ Michael Dumas หนุ่มวัย 17 ปี หลังจากที่เขาถูกพยาธิบนชายหาดกัดเข้าที่เท้า แผลของเด็กหนุ่มเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เขากลับมาถึงบ้าน Michael พบว่าเท้าของตนเริ่มมีผื่นแดงๆ และมีอาการคัน จากรายงานระบุว่าอาการดังกล่าวคือ Creeping Eruption ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนตัวของพยาธิบนผิวหนัง โดยมีสาเหตุจากการสัมผัสกับดินที่มีตัวอ่อนของพยาธิอยู่ คุณ Kelli ผู้เป็นแม่เล่าว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากไปเที่ยวชายหาดที่ไมอามี เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และขณะนี้แผลที่เท้าของลูกชายเธอก็ยังไม่หายดี เธอกล่าวผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า กรณีของลูกชายเธอนั้นเป็นกรณีที่ร้ายแรงมาก และต้องเสียค่ารักษาไม่ต่ำกว่า 1,300 ดอลลาร์ (ประมาณ 43,000 บาท) Kelli เตือนว่าการเดินบนชายหาดโดยไม่สวมรองเท้านั้นอันตรายมาก และเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลยเพราะอาจเจอพยาธิปากขอเล่นงานเหมือนลูกชายเธอได้ “อย่าออกไปเดินที่ชายหาดโดยที่ไม่สวมรองเท้า อาการของลูกชายฉันแย่มาก รอยแผลที่เท้าจะกลายเป็นแผลเป็น เขาต้องล้างแผลถึง 3 ครั้งต่อวัน และเราต้องไปพบแพทย์ทุกอาทิตย์จนกว่าแผลจะหาย” Kelli…
-
กลุ่มวัยรุ่นเสเพล รุมรังแกหญิงพิการ ก่อนโพสท่าถ่ายรูป จุดกระแสร้อนของชาวเน็ตอังกฤษ
กลายเป็นเรื่องที่ร้อนไปทั่วโลกโซเชียลของประเทศอังกฤษไปแล้ว เมื่อมีภาพของกลุ่มวัยรุ่นสี่คนรุมรังแกหญิงพิการไม่มีทางสู้ นี่เป็นภาพของกลุ่มเด็กวัยรุ่นสี่คนที่กำลังโพสท่าให้กล้องอย่างภาคภูมิใจ หลังจากที่ละเลงแป้งทำอาหารและไข่ดิบอีกจำนวนหนึ่ง ลงใส่ศีรษะของหญิงพิการคนหนึ่งที่บิวรี เซนต์ เอ็ดมุนด์ ในซัฟฟอล์ก ประเทศอังกฤษ เรื่องในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 17.30 นาฬิกาตามเวลาในท้องถิ่น โดยจากคำบอกเล่าของชาวบ้านในพื้นที่ เด็กกลุ่มดังกล่าวได้ออกก่อความวุ่นวายในเมืองมาเป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว ดูเหมือนว่าเด็กๆ เหล่านี้มักจะมารวมตัวกันที่สวนสาธารณะและเที่ยวสร้างความวุ่นวายให้คนที่ผ่านไปมา โดยจากคำบอกเล่าของหญิงชราในพื้นที่ บางครั้งพวกเด็กๆ ก็มีการดื่มของมึนเมาและใช้ยาเสพติดอีกด้วย จนทำให้คนในพื้นที่พยายามหลีกเลี่ยงการไปสวนสาธารณะดังกล่าว ภาพเต็มๆ ที่ถูกเผยแพร่ออกไป ดั้งนั้นเมื่อภาพที่ว่าถูกเผยแพร่ออกไปในโลกอินเตอร์เน็ตจึงทำให้มีผู้เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของเด็กๆ เหล่านี้กันเป็นจำนวนมาก นำทีมโดยอินเตอร์เน็ตไอดอลชายอย่าง โรบิน อาร์มสตรองผู้ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 750,000 คน โรบินได้ทำการโพสต์รูปดังกล่าวในโซเชียลมีเดียของตน พร้อมกับวิดีโอคลิปที่บอกว่าเขานั้นอยากที่จะ “ช่วยนำทาง” ไปจัดการตัววัยรุ่นที่ก่อเหตุจริงๆ โรบิน อาร์มสตรอง เน็ตไอดอลชายซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 750,000 คน โพสต์ของโรบินมีผู้เข้าไปชมแล้วกว่าสองล้านครั้ง และมีการแสดงความเห็นอีกกว่า 4,800 เสียง สื่อให้เห็นถึงความโกรธของชาวเน็ตได้เป็นอย่างดี ดูเหมือนว่าทางตำรวจจะสามารถเข้าควบคุมตัวเด็กๆ ที่ก่อเหตุได้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งจากการเปิดเผยของทางตำรวจ กลุ่มวัยรุ่นในภาพเป็นเด็กชายอายุ 17 ปีสองคน และเด็กชายอายุ 15…
-
การเซอร์ไพรส์อันแสนซาบซึ้ง… เมื่อพ่อยอมทำงานถึง 3 ที่ เพื่อซื้อชุดที่ลูกสาวอยากได้
ในตอนที่เรายังเป็นเด็ก เราอาจเคยมีสิ่งที่อยากได้และพยายามตื๊อขอให้พ่อแม่ซื้อสิ่งสิ่งนั้นให้หน่อย แต่หากเราได้รับคำตอบกลับมาว่า “พ่อแม่ไม่มีเงินพอซื้อสิ่งนั้นให้ได้หรอก…” เราก็คงจะรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก Nevaeha Smith เด็กสาวเกรด 8 (มัธยมศึกษาปีที่ 2 ) จากรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา เธอเป็นคนหนึ่งที่ได้รับคำตอบในลักษณะนั้นจากพ่อของเธอ หลังจากเธอบอกกับเขาว่าอยากได้ชุดใส่ไปงานของโรงเรียน Navaeha เด็กสาวผู้ใฝ่ฝัน อยากได้ชุดสวยๆ ใส่ไปงานโรงเรียน แม้พ่อเธอจะบอกในตอนแรกว่าไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อชุดในฝันให้กับเธอได้ แต่เขาก็ไม่เคยลืมคำขอของลูกสาวคนนี้เลย นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาพยายามหาหนทางให้ความต้องการนั้นเป็นจริง ยอมสละแรงกายแรงใจ ทุ่มเททำงานให้มากกว่าเดิม โดยเขาต้องทำงานพร้อมๆ กันถึง 3 งาน…. พ่อของเธอ ผู้ยอมทุ่มเททุกอย่าง ต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเธอเสมอ แล้ววันที่เขาจะได้มอบของขวัญให้กับ “ 1 ในผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด” ก็มาถึง….. ในตอนที่ Nevaeha เดินทางมาหาเขาตรงที่ทำงานแห่งหนึ่ง ผู้เป็นพ่อก็ได้เดินออกมาพร้อมกับถุงเสื้อ และเมื่อเปิดออกมามันก็คือชุดที่ลูกสาวของเขาใฝ่ฝันอยากจะได้มาโดยตลอด เด็กสาวน้ำตาไหลพราก โผเข้ากอดพ่อของเธอด้วยความดีใจและซาบซึ้งในความทุ่มเทของชายผู้พยายามทำความต้องการเธอให้สำเร็จ ชายที่รักเธออย่างสุดหัวใจ คลิปสุดซาบซึ้ง เมื่อพ่อของเธอเซอร์ไพรส์ด้วยของขวัญสุดพิเศษ และวิดีโอของพวกเขาที่โพสต์ในวันที่ 17…
-
รายการญี่ปุ่นจัดอันดับ “8 คำพูดเชื่อถือไม่ได้มากที่สุดในโลก”!! ประโยคที่เราคุ้นหูกันทั้งนั้น
คำพูด สามารถเป็นอะไรได้หลายอย่าง มันอาจเป็นสิ่งที่บอกความรู้สึก บอกเล่าเรื่องราวถ่ายทอดประสบการณ์ หรืออาจเป็นคำมั่นสัญญาระหว่างกัน แต่บางครั้ง คำพูดที่หลุดปากออกไปก็อาจกลายเป็นสิ่งที่ชื่อถือไม่ได้ และนั่นจึงทำให้เป็นที่มาของการจัดอันดับ “8 คำพูดที่เชื่อถือไม่ได้มากที่สุดในโลก” การจากอันดับ “คำพูดที่เชื่อถือไม่ได้มากที่สุดในโลก” โดยรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น คำพูดจากการจัดอันดับของรายการหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น มีดังต่อไปนี้ 8. เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป (ไม่เคยเชื่อได้เลยสักที ฮ่าๆ) 7. คำโปรยหนัง “อันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา” (ได้อันดับ 1 มาเพราะยึดโรงฉายรึเปล่า!?) 6. ไว้คราวหน้าละกันเนาะ (แปลว่าไม่ได้ 555555) 5. คำสาบานในงานแต่งงาน (ตอนเลิกกันไม่เห็นมีใครจำคำพวกนี้ได้เลย) 4. เวลาคนฉลาดๆ บอกว่า “ไม่ได้อ่านมาเลยอ่ะแก” (สุดท้ายมึงได้คะแนนท็อป ฮร่าาาา) 3. ฟรีจ้า (แล้วก็จะมีนู่นนั่นนี่ตามมาเสมอ) 2. ไม่โกรธหรอก บอกมาตรงๆ…
-
หมีขั้วโลกถูกยิงตาย หลังกระโจนใส่การ์ดเรือสำราญ อ้างว่าทำไปเพื่อป้องกันตัว…
ธุรกิจการท่องเที่ยวตามสถานที่ธรรมชาติอันเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่า คล้ายจะเป็นการท่องเที่ยวที่ทำให้ผู้คนได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากๆ แต่หารู้ไม่ว่าเป็นการรบกวนวิถีชีวิตของสัตว์โดยตรง เหตุการณ์น่าสลดนี้เกิดขึ้นกับหมีขั้วโลกตัวหนึ่ง จากการที่เรือสำราญสัญชาติเยอรมัน Hapag-Lloyd Cruises ได้ทำการจอดเทียบท่าที่เกาะสปิตส์เบอร์เกน หนึ่งในหมู่เกาะในสฟาลบาร์ ประเทศนอร์เวย์ ภายหลังจากนั้น ทางเรือสำราญได้ทำการส่งเจ้าหน้าที่การ์ดรักษาความปลอดภัย ออกลาดตระเวนในพื้นที่ สอดส่องดูแลว่าไม่มีหมีขั้วโลกอยู่ในบริเวณใกล้เคียง เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวผู้โดยสารมากับเรือ จนกระทั่งพวกเขาพลาดสายตาไปจากหมีขั้วโลกตัวหนึ่ง จู่โจมเข้าทำร้ายหนึ่งในเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่อีกรายจึงใช้ปืนยิงปลิดชีพหมีขั้วโลกตัวดังกล่าว ด้วยเหตุผลทางด้าน ‘การป้องกันตัว’ “เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อทีมการ์ดป้องกันหมี 4 คน ที่จะอยู่ประจำบนเรือตลอด จะทำการสอดส่องจากบนเรือเท่านั้น แต่ในครั้งนี้เกิดเหตุผิดพลาด… หนึ่งในเจ้าหน้าที่ถูกหมีขั้วโลกทำร้าย แม้จะพยายามไล่แต่ไม่สำเร็จ จึงต้องใช้วิธีป้องกันตัวและรักษาชีวิตของผู้ที่ถูกทำร้ายเอาไว้ ทางเราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้” บริษัทเรือสำราญกล่าวแถลงผ่านเฟสบุ๊ก ในปัจจุบันจำนวนของหมีขั้วโลกเหลืออยู่ประมาณ 22,000 – 31,000 ตัว และจำนวนจะถูกลดลงเรื่อยๆ จากปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมและธุรกิจการท่องเที่ยว โดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในบริเวณแถบขั้วโลกเหนือ และจำนวนของหมีที่อาศัยอยู่ในบริเวณหมู่เกาะในสฟาลบาร์มีเพียง 3,000 ตัวเท่านั้น ที่มา: cnn, time, theguardian, bbc
-
เหยียดผิว?? ชาวเมืองโวย หลังเห็น “ตุ๊กตา” หน้าร้านขององค์กรพิทักษ์สัตว์อังกฤษ
ร้านขายของที่ระลึกจากองค์กรพิทักษ์สัตว์อังกฤษ หรือ RSPCA ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์หนัก หลังมีการวางจำหน่ายตุ๊กตาของที่ระลึก ซึ่งหลายๆ คนมองว่าเป็นการเหยียดผิว!! ร้านค้า Cotswolds Dogs & Cats Home จำเป็นต้องระงับการจำหน่ายตุ๊กตาดังกล่าว หลังจากได้รับการตำหนิ เนื่องจากมีคนเห็นภาพของตุ๊กตาทั้งสองตัวจากตู้โชว์ของร้าน Graham ชาวอังกฤษรายหนึ่งเล่าว่า เขารู้สึกแย่มากที่ได้เห็นมันระหว่างเดินผ่านร้านขายของที่ระลึกในเมือง Cirencester ประเทศอังกฤษ “ผมรู้สึกช็อกมากที่ได้เห็นตุ๊กตาทั้งสองตัวนั้น มันเป็นเรื่องที่ล้าสมัยมากๆ ที่เห็นตุ๊กตาเหล่านี้ในที่สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในร้านขายของเพื่อการกุศล” ชายวัย 45 ปีให้สัมภาษณ์กับสื่อ ตุ๊กตาที่จากร้านขายของการกุศลนี้ถูกวางจำหน่ายในราคาตัวละ 50 ปอนด์ (ประมาณ 2,000 บาท) มันกลายเป็นประเด็นเรื่องการเหยียดผิว เนื่องจากมันมีลักษณะคล้ายกับตัวการ์ตูนของ Florence Upton ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เชิงลบ ทางด้านโฆษกจากทางองค์กรต่อต้านการเหยียดผิวอย่าง Show Racism the Red Card ได้ออกมากล่าวว่า พวกเขารู้สึกเสียใจอย่างมากต่อเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมกับขอให้หยุดการจำหน่ายสินค้าดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามยังมีฝั่งที่เชื่อว่ามุมมองเกี่ยวกับเรื่องของตุ๊กตาตัวนี้ เป็นสิทธิส่วนบุคคล Jenny Hincks หนึ่งในชาวเมือง Cirencester ให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้าหากมันสร้างความไม่พอใจให้กับใครบางคน ทางร้านก็สามารถเอาออกจากตู้โชว์ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าทางร้านจะต้องหยุดขาย เพราะการตัดสินใจซื้อนั้นเป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคล” ส่วนทางด้าน Kirstin…
-
หนุ่มสั่งซื้อ Xbox ออนไลน์ แต่ร้านส่ง PS4 พร้อมข้อความสุดหวังดีมาแทน แบบนี้ควรโกรธไหม!?
จะเป็นยังไงถ้าหากว่าเราสั่งของชิ้นหนึ่งไปแต่กลับได้อีกชิ้นหนึ่งมาแทน เราก็คงจะหัวร้อนว่าอะไรกันนี่ มันเกิดอะไรขึ้นและต้องต่อว่าร้านค้าแน่ๆ ที่ทำอย่างนี้ แต่ว่าถ้าหากเป็นการทำลงไปเพื่อความหวังดีอย่างนี้ล่ะ เป็นคุณจะโกรธลงอยู่ไหม… โดยเรื่องที่น่านำมาเป็นเคสตัวอย่างนี้เป็นเรื่องของผู้ใช้เว็บบอร์ด Reddit ชื่อว่า idontfeelsogud ที่ได้โพสต์ภาพของคนๆ นั่นที่บอกว่าเขาสั่งเครื่องเล่นเกม Xbox One ไปแต่เมื่อเปิดกล่องไปรษณีย์ออกมาดูปรากฏว่ากลับได้เครื่อง PS4 มาแทนซะอย่างนั้น “ฉันจำได้ว่าสั่ง Xbox One ไปนะแต่กลับเจอสิ่งนี้นอนอยู่ในตู้ไปรษณีย์แทน” แคปชั่นภาพเขียนเอาไว้ แต่นอกจากเครื่องเล่นเกมแล้ว ก็ยังมีกระดาษโน้ตสื่อถึงความหวังดีแปะติดเอาไว้ด้วย ซึ่งมันสามารถอ่านเป็นภาษาไทยได้ประมาณว่า “ขอโทษทีนะ แต่ฉันแค่ไม่อยากเห็นคุณทำสิ่งที่ผิดพลาดน่ะ” พร้อมทั้งลงชื่อปิดท้ายเอาไว้ว่าเป็นนักสืบ FBI ของคุณด้วย และทันทีที่โพสต์นี้แพร่ไปในโลกอินเทอร์เน็ตก็มีเจ้าของสมญานาม ‘นักสืบ FBi’ มาตอบกระทู้นี้ด้วย… ด้วยความยินดีไอ้หนุ่มเอ้ย งานนี้ชาวเน็ตเลยช่วยกันระดมความคิดว่านี่มันเป็นเรื่องที่จะโกรธดีไหมเนี่ยที่สั่งเครื่องอย่างนึง ได้อีกอย่างนึงแถมยังมีข้อความอย่างนี้อีก ซึ่งเสียงของชาวเน็ตบางส่วนเกี่ยวกับประเด็นนี้ก็ยกตัวอย่างได้เช่น เรื่องนี้มาฮาก็ตรงที่ว่าตอนนี้เซิฟเวอร์ของ PS กำลังดาวน์อยู่นี่แหละ บางทีก็ควรส่งคอมพิวเตอร์ไปให้เขาเลยนะ ฉันมีเกมทั้งสองชนิดนี้นะแล้วก็รักมันทั้งคู่ด้วย แต่ชอบ Xbox มากกว่า เพราะงั้นการเลือก Xbox ก็ไม่น่าใช่เรื่องผิดนะ ความผิดในที่นี้ก็คือเขาไม่ซื้อคอมพิวเตอร์ไปเลยนี่แหละ เอาจริงๆ…
-
หนุ่มเสีย 1,700 บาท ได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวไปงานแต่งเพื่อน เพราะเป็นผู้โดยสารคนเดียว!!
ใครเล่าจะคิดว่าการเสียเงินแค่ 1,700 บาท จะได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวเดินทางไปถึงเป้าหมายที่เราต้องการได้!? นี่คือเรื่องราวของชายหนุ่มผู้โดยสาร ที่บังเอิ๊ญบังเอิญจองตั๋วเครื่องบินโลว์คอสต์ แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีใครจองตั๋วบินไปกับเขาแม้แต่คนเดียว หนุ่มวัย 28 ปีได้ทำการซื้อตั๋วขึ้นเครื่องบินโบอิ้ง 738 ที่มีที่นั่ง 168 ที่นั่ง เดินทางจากเกาะเคอร์ฟูประเทศกรีซ ไปยังเมืองเบอร์มิงแฮมประเทศอังกฤษเพื่อร่วมงานแต่งงานของเพื่อน แต่พอขึ้นไปบนเครื่องก็พบว่าตัวเองเป็นผู้โดยสารเพียงคนเดียวเท่านั้น เขาก็เลยถ่ายภาพบรรยากาศต่างๆ เอาไว้ เพื่อเอาไปอวดให้ทุกคนได้เห็น แถมพนักงานทุกคนทั้งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน หรือแม้แต่กัปตัน ต่างก็ยินดีต้อนรับเขาอย่างยินดี ราวกับว่าเป็นแขกวีไอพีเลยทีเดียว!! นอกจากนี้พอเขาบอกพนักงานบนเครื่องบินว่าจะไปร่วมงานแต่งของเพื่อน กัปตันก็จัดการเปิดไฟโทนสีชมพูแดงสุดหวานแหววให้ซะด้วย!! มีโอกาสไปนั่งเป็นผู้ช่วยนักบิน!! ถ่ายรูปร่วมกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน บริการประทับใจราวกับว่าเครื่องบินลำนี้ เป็นเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเขาเอง!! นอกจากนี้ทางสายการบินก็ได้มอบของขวัญกำนัลสุดพิเศษ เป็นคูปองเงินสดราคา 60 ปอนด์หรือราวๆ 2,600 บาท เพื่อใช้เป็นส่วนลดในครั้งต่อๆ ไปอีกด้วย แหม แบบนี้มันต้องถ่ายภาพไปอวดเพื่อนๆ สักหน่อย นานๆ ทีจะมีเครื่องบินส่วนตัวไปส่งแบบนี้ ฮร่าๆ …
-
คุณตาขุดเจอ ‘บ่อน้ำเก่าแก่’ อยู่ในบ้านของตัวเอง และมันอยู่ใต้นั้นมาตลอด 30 ปี!?
ใครเล่าจะรู้ว่าบ้านที่อาศัยอยู่มานานนับ 30 ปีจะมีห้องลับใต้ดินซ่อนอยู่!? เรื่องของคุณตา Colin Steer และภรรยาคุณ Vanessa วัย 67 พวกเขาทำงานเก็บหอมรอมริบเพื่อซื้อบ้านในฝันมาเมื่อปี 1980 แต่อยู่ไปอยู่มาก็เพิ่งมาทราบทีหลังว่า มันมีบ่อน้ำซ่อนอยู่ที่ใต้โซฟามาโดยตลอด!? ครั้งแรกที่พวกเขาพบเจอเจ้าบ่อนี้เป็นตอนที่ยังมีลูกเล็กๆ อยู่ แต่ไม่มีเวลาว่างพอที่จะตรวจสอบว่าคืออะไร จนกระทั่งคุณตา Colin เกษียณจากการทำงาน ถึงได้เริ่มลงมือขุดมัน คุณตาขุดลงไปลึก 5 เมตร ด้วยความหวังที่ว่าอาจจะมี ‘กล่องสมบัติอย่างทองหรือเหรียญโบราณ’ ซ่อนอยู่ด้านใต้ แต่กลับกลายเป็นว่ามันมีแค่บ่อน้ำเก่าแก่เท่านั้น “ผมฝันมาตลอดว่าจะขุดมันลงไป เพื่อหากล่องสมบัติหรืออะไรประมาณนั้น พอเกษียณจากงานผมก็เริ่มลงมือ” “มันน่าตกใจมากๆ เลยล่ะเพราะมันคือบ่อน้ำแบบโบราณ ที่มีความกว้างประมาณ 30 นิ้ว น่าจะเอาไว้ทำฟาร์มของคนในอดีต ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันมีอายุเท่าไหร่” “มีครั้งหนึ่งที่ขุดลงไปแล้วเจอแท่งอะไรสักอย่าง ตอนแรกผมคิดว่ามันเป็นดาบ แต่จริงๆ มันเป็นแค่แท่งไม้เท่านั้น” “แต่ผมก็ยังคงจะหาต่อไปว่าข้างใต้นั้นมันมีอะไรอยู่กันแน่ มันทำให้ความรู้สึกตื่นเต้นแบบเด็กๆ กลับมาอีกครั้ง” คุณตาเล่า ที่มา…
-
หญิงสาวผู้ไม่ยอมแพ้ แม้จะป่วยแต่ก็ยังไม่ล้มเลิกความฝันในการเป็น ‘นักวิ่ง’!!
‘คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้’ เช่นเดียวกันกับชีวิตของ Kayla Montgomery จากมือง Winston-Salem รัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศหรัฐอเมริกา ย้อนกลับเมื่อตอนอายุ 14 จู่ๆ เธอก็ล้มลงระหว่างแข่งขันฟุตบอล ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป…. เธอป่วยเป็นโรค MS หรือ Multiple Sclerosis (โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง) เป็นปัญหาสุขภาพเรื้อรังที่ส่งผลต่อสมอง ไขสันหลัง และเส้นประสาทตา “ฉันรู้สึกแย่มาก มันแย่มากจริงๆ” Kayla กล่าว จากการป่วยเป็นโรคนี้มันทำให้ Kayla ต้องเลิกเล่นกีฬาแทบทั้งหมด แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ พยายามต่อไปกับสิ่งที่เธอรักอย่างการเล่นกีฬา ด้วยความช่วยเหลือของโค้ช Patrick Cromwell รับ Kayla เข้ามาอยู่ในทีมวิ่ง เขาได้ให้คำแนะนำและช่วยให้กำลังใจ ในการเดินทางตามความใฝ่ฝันของเธอ ทุกวันนี้ Kayla กลายเป็นหนึ่งในทีมนักวิ่ง ที่วิ่งกันทุกรูปแบบ ทั้งสนามในร่ม กลางแจ้ง วิ่งข้ามประเทศ รวมไปถึงการวิ่งเพื่อหาเงินช่วยเหลือคนที่ป่วยเป็นโรค MS “อย่าพูดว่าไม่มีวันทำได้” นี่คือคติของ…
-
สรุปดราม่า เน็ตไอดอลลาวอัดคลิปจวกคนบริจาค ‘เสื้อผ้าขาด’ ทำบาปมากกว่าทำบุญ
จากเหตุการณ์เขื่อนแตกที่ประเทศลาว ทั้งที่อยู่อาศัย และชีวิตของผู้คนชาวลาวได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง หลายๆ ภาคส่วนทั้งในประเทศลาวเองและต่างประเทศอย่างเช่นประเทศไทย จึงได้ส่งความช่วยเหลือไปให้มากมาย ทั้งอาหารและเครื่องนุ่งห่ม แต่ล่าสุดก็กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาเมื่อ ‘เน็ตไอดอลชาวลาว’ คนหนึ่งได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอแสดงความไม่พอใจกับเสื้อผ้าบริจาคเหล่านั้นเพราะว่ามัน ‘ขาด’ จนใส่ไม่ได้ ลองไปชมคลิปวิดีโอกันก่อนที่ข้างล่างนี้ครับ โดยเน็ตไอดอลได้กล่าวว่า “ฝากแจ้งเตือนไปถึงคนบริจาคหน่อย บริจาคไม่คิดหน้าคิดหลัง อยากจะให้อะไรก็ให้เหรอ?” “ช่วยเช็กกันหน่อยนะ ทำบุญนะไม่ใช่ทำบาป” “เอาเสื้อผ้ามาบริจาค แต่เอาเสื้อผ้าขาดๆ มาให้ เป็นฉัน ฉันก็ไม่ใส่หรอก” “ดูสิดูนี่ ใครจะใส่ ใครจะใส่!? เป็นคุณ คุณจะใส่ได้ไหม? ขอถามหน่อย” “ฝากเตือนไปหน่อยนะ ถ้าจะให้ก็ให้ที่มันดีๆ หน่อย” พอได้เห็นคลิปวิดีโอดังกล่าวแล้วชาวเน็ตไทยมากมายต่างก็ให้ความเห็นกันไปต่างๆ นานา บ้างก็อธิบายว่า “แล้วทำไมเขาไม่คิดว่ามันขาดเพราะไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาเอาไปเพราะน้ำใจ ถ้าเป็นผมก็เอาไปทำผ้าขี้ริ้วแทน ถ้ากางเกงตัวนั้นผมเป็นเจ้าของ จะเสียใจมาก ถ้ามันอยู่ในสภาพดีแต่อาจขาดจากการคัดกรอง ไม่พูดเยอะ เจ็บคอ 555” บางคนก็บอกว่าพอเห็นคลิปนี้แล้วไม่น่าช่วยเลย “เขารีบๆหาไปบริจาค…
-
หนุ่มอยากชวน The Rock ไปเที่ยว เลยทวีตหาเขาทุกวัน 100 วันติด และในที่สุด The Rock ก็ตอบ!!
เวลาที่เพื่อนๆ ชื่นชอบหรือคลั่งไคล้ดารา คนดังคนไหนแล้ว ก็มักที่อยากจะให้เขาจดจำเราได้เป็นธรรมดาใช่มั้ยล่ะ ก็พยายามทำหลายๆ วิธีที่จะทำให้เขาจำเราได้ เช่นให้ของขวัญ ไปงานที่ได้เจอกับเขาบ่อยๆ เหมือนกันกับ Jordan Baker หนุ่มคนนี้ ที่ถือว่าเป็นแฟนพันธ์ุแท้ของ Dwayne Johnson หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ The Rock ความฝันสูงสุดของพ่อหนุ่มคนนี้เองก็คือการที่ได้ไปเที่ยวด้วยกันกับ The Rock แต่… ดาราใหญ่ชื่อดังอย่าง The Rock นั้นคิวแน่นเอี๊ยดเหลือเกิน ซึ่งตัวเขานั้นก็รู้ดี จึงได้ปิ๊งไอเดียหนึ่งขึ้นมา นั่นคือเขาจะโพสต์ชวน The Rock ออกไปเที่ยวในทุกๆ วันจนกว่า The Rock จะตอบรับเขา ซึ่งเขาจะทำสำเร็จมั้ยไปดูกันครับ ผมตัดสินใจละ ว่าผมจะทวีตหา The Rock ทุกวันจนกว่าเขาจะชวนผมไปเที่ยวด้วย เริ่มด้วยวันนี้วันที่ 1 วันที่ 2 นี่จะเป็นภาพของเรา The Rock บอกให้ผมรู้หน่อยนะถ้าคุณอยากที่จะออกไปเที่ยว วันที่ 3 ผมรู้สึกเหมือนว่าคุณจะตัวใหญ่กว่านี้สักสองเท่าได้นะ…
-
หนุ่มไร้บ้านชูป้ายของานทำกลาง Silicon Valley จนได้รับข้อเสนอกว่า 200 ตำแหน่ง
“เมื่อความสำเร็จมันไม่วิ่งมาหาคุณ สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ วิ่งออกไปหามันเอง” Marva Collins นักการศึกษาชื่อดังชาวอเมริกันได้กล่าวไว้ เพื่อนๆ เห็นด้วยกับประโยคที่เขาพูดเอาไว้กันหรือไม่ #เหมียวโคบี้ นะ คิดว่าที่เขาพูดไว้นั้นมีส่วนที่เราควรยึดถือและนำไปปฏิบัติเอามากๆ เลยล่ะ เพราะหากเรายังรอให้ความสำเร็จเข้ามาหาเราอย่างเดียวมันอาจจะมาช้าหรือไม่มาหาเราเลยก็เป็นไปได้ ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำก็คือรีบหาโอกาสไขว่คว้าอะไรที่ทำได้เอาไว้ก่อน เหมือนอย่างคนไร้บ้านคนที่เราจะนำมากล่าวถึงในวันนี้ เขาก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่รอความสำเร็จและเลือกที่จะออกไปไขว่คว้าหาโอกาสด้วยตนเอง https://twitter.com/jaysc0/status/1022995030015766528 วันที่ 28 กรกฎาคม 2018 ได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @Jaysc0 ได้โพสต์ภาพพร้อมแคปชั่นว่า “วันนี้ฉันได้ไปเห็นคนไร้บ้านหนุ่มคนนี้ ที่ขอให้ผู้คนที่ผ่านไปมาช่วยรับเรซูเม่ของเขาแทนที่จะขอเงินที่ผ่านมา หากใครที่อยู่ใน Silicon Valley สามารถช่วยเขาได้ นั่นจะเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ช่วยกัน RT หน่อย เราจะได้ช่วย David“ “ผมเป็นคนไร้บ้านที่หิวโหยความสำเร็จอย่างมาก โปรดรับเรซูเม่ผมไปหน่อย” ชายไร้บ้านคนนี้ชื่อว่า David Casarez หลายคนจะเห็นว่าเขานั้นแต่งตัวดีมากๆ ใช่คนไร้บ้านแน่เหรอ ซึ่งต้องบอกก่อนประวัติของเขาก็ถือว่าไม่ธรรมดา เรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัย Texas A&M และได้เข้าทำงานใบบริษัทดีๆ แล้ว แต่เขาเลือกที่จะตามความฝันของตัวเองคือการเปิดธุรกิจส่วนตัว ซึ่งความฝันนั้นของเขาทำให้ตัวเองต้องล้มละลายและทำให้เขากลายเป็นคนไร้บ้าน ต้องใช้ชีวิตอยู่ในรถของตัวเองเป็นเวลาปีๆ “ไม่มีใครจ้างผมเลย ผมเคยได้ไปสัมภาษณ์งานกับ Apple เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา…
-
ถึงกับหัวร้อน!! เด็กชายพุ่งจะต่อยช่างตัดผม เพราะไม่ชอบใจทรงผมที่ได้รับมา…
เคยมั้ย เมื่อเราไปตัดผมแล้วทรงที่ได้มันกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กชายนิรนามคนนี้ เด็กชายนิรนามวัยประมาณ 10 ขวบได้เกิดอาการ ”หัวร้อน” หลังจากที่เขามองว่าทรงผมที่เพิ่งตัดมานั้นมันช่าง “เลวร้ายซะเหลือเกิน” เขาจึงโวยวายกับบรรดาช่างตัดผมภายในร้าน เรื่องราวเกิดขึ้นในร้านตัดผม The Ali Supercuts เขต South Yorkshire ประเทศอังกฤษ พนักงานคนหนึ่งภายในร้านจึงเดินมาปลอบประโลม หวังให้เขาสงบสติอารมณ์ลงก่อน แต่เด็กคนนี้ก็ไม่สนใจ พูดด่าช่างตัดผมไปว่า “นี่มึงทำเ-ี้ยอะไรลงไปเนี่ย?” ความเดือดพล่านทะลุถึงจุดสูงสุด หลังจากที่เขาด่าทุกคนไปด้วยคำหยาบคายเป็นที่เรียบร้อย เขาก็ลุกขึ้นมาพยายามจะต่อยหน้าของพนักงานคนหนึ่ง สุดท้ายเขาก็ถูกจับแยกออก แล้วเดินจากไปด้วยความหัวเสีย แม้ว่าจะมีลูกค้าเด็กในรุ่นราวคราวเดียวกันเข้าไปบอกให้ใจเย็นๆ แต่ว่าเขาก็ไม่ฟัง David Brian Smithson ชายวัย 34 ปี หนึ่งในลูกค้าผู้อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า “เหมือนเด็กชายคนนั้นต้องการตัดด้านบนเป็นเบอร์ 1.5 แต่ว่าเขาดันสื่อออกมาเหมือนให้ช่างตัดด้านข้างและด้านหลังเป็นเบอร์ 1.5 แทน” “สุดท้ายทรงผมที่ได้จึงกลายเป็นเหมือนกับขีดหนาๆ กลางหัวของเด็กคนนั้นแทน” คลิปวิดีโอที่ David เป็นคนถ่าย ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2018 David…
-
ชายญี่ปุ่นต้องจ่ายเงินให้ร้านสะดวกซื้อ 9 ล้านเยน หลังจอดรถไม่ได้รับอนุญาต 1,100 ชั่วโมง
เคยเป็นไหมจอดรถเกินเวลาในห้างสรรพสินค้าแล้วโดนปรับเงิน ในเวลาแบบนั้นบางครั้งเราก็มักจะบ่นกันว่าเกินเวลานิดๆ หน่อยๆ ถึงกับต้องเก็บเงินเพิ่มกันเลยเหรอใช่ไหม? แต่เอาเข้าจริงๆ หลายๆ คนก็คงเข้าใจว่าการจอดรถเกินเวลาที่กำหนดบางครั้งก็ทำให้ห้างเดือดร้อน แต่มันไม่ใช่สำหรับหนุ่มคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่เมืองอิบารากิ จังหวัดโอซาก้า เพราะไม่ใช่แค่เขาจอดรถในที่ที่ ไม่ควรเป็นเวลานาน แต่เขายังทำมันมานานเป็นปีๆ อีกด้วย นี่เป็นเรื่องราวของร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งที่ต้องเดือดร้อนกับการที่มีชายซึ่งอาศัยอยู่ใกล้เคียง เอารถสองคันมาจอดในที่จอดรถของร้านสะดวกซื้อเป็นเวลานาน ตั้งแต่ปี 2013-2015 นั่นนับเป็นเวลารวมกว่า 11,000 ชั่วโมง ซึ่งสำหรับประเทศญี่ปุ่นที่พื้นที่จอดรถถือเป็นเรื่องหายากและมีราคาแพงแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ทางร้านเดือดร้อนกันมากจริงๆ ทางผู้จัดการร้านสะดวกซื้อบอกว่าพวกเขาเคยเตือนเจ้าของรถที่ว่าไปหลายครั้งแล้ว ทั้งด้วยคำพูด และการให้ป้ายเตือน แต่อีกฝั่งก็ยังไม่ยอมหยุดนำรถมาจอด ค่าจอดรถในที่จอดสาธารณะของญี่ปุ่นค่อนข้างที่จะแพงเลยทีเดียว ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจฟ้องร้องกับศาลโดยจะมีการเก็บค่าจอดรถตามเรทค่าจอดรถทั่วไปบวกกับค่าความเสียหายจากการขัดขวางธุรกิจ ซึ่งจะรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9.9 ล้านเยน (เกือบๆ 3 ล้านบาท) แน่นอนว่าฝ่ายผู้นำรถมาจอดนั้นแพ้คดีไปอย่างง่ายดายและต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นจำนวน 9.2 ล้านเยน (ราวๆ 2.7 ล้าน) แก่ทางร้านสะดวกซื้อ อย่างไรก็ตามชาวเน็ตในญี่ปุ่นกลับไม่คิดว่าผู้นำรถมาจอดจะยอมจ่ายเงินจำนวนที่ว่าแต่โดยดีสักเท่าไหร่ และอาจจะมีการโต้แย้งทางกฎหมายเกี่ยวกับจำนวนเงินต่อไป “ฉันละสงสัยจริงๆ ว่าเขาจะยอมจ่ายเหรอ… “ “ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่จ่ายเงิน เราจะสามารถยึดทรัพย์สินของเขาได้ไหม” “ฉันจำได้ว่ามีคดีฆาตกรรมที่จ่ายหาเสียหายน้อยกว่านี้อีกนะ” ในปัจจุบันร้านสะดวกซื้อหลายๆ ที่ในญี่ปุ่นมักจะมีระบบกล้องค่อยจับเวลารถที่มาจอด หากเกิน 20…
-
ทารกรอดตายปาฏิหาริย์!! หลังหลุดจากครรภ์ในอุบัติเหตุ และเหวี่ยงจนสายรกขาด
ตามในละคร หนัง หรือข่าว เราอาจจะเคยเห็นเรื่องน่าเศร้าอย่างการที่มารดาเสียชีวิตในการทำคลอด และแพทย์ช่วยไว้ได้เพียงแค่ทารกเท่านั้น แต่เรื่องเหล่านั้นกลับดูธรรมดาไปเลยเมื่อเทียบกับเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่บนท้องถนนระหว่างเซาเปาโลและกูรีตีบา ที่ประเทศบราซิล โดยมีเหตุรถบรรทุกพลิกคว่ำทำให้หญิงท้องแก่ 39 สัปดาห์ผู้เป็นผู้โดยสาร กระเด็นออกจากตัวรถ และถูกทับโดยไม้ที่รถบรรทุกมาจนถึงแก่ความตาย น่าแปลกที่แรงกระแทกในตอนที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น ทำให้ทารกที่อยู่ในท้องของเธอหลุดออกมาจากร่างของผู้เป็นแม่ ก่อนที่แรงเหวี่ยงจะทำให้สายรกขาดจนทารกกระเด็นไปตกอยู่ที่พื้นหญ้าใกล้เคียง เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้หน่วยแพทย์ที่เข้าไปในที่เกิดเหตุรู้สึกแปลกใจมาก เพราะในที่เกิดเหตุซึ่งมีร่างของหญิงสาวถูกทับเสียชีวิตอยู่ใต้แผ่นไม้นั้น กลับมีเสียงร้องไห้ของเด็กแรกเกิดอยู่ ดูเหมือนว่าเด็กทารกคนดังกล่าวจะรอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์ เธอเป็นทารกเพศหญิงผู้ที่มีร่างกายสมบูรณ์แถมยังไร้ซึ่งบาดแผลจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยสิ้นเชิงอีกด้วย Elton Fernando Barbosa แพทย์สนามที่เข้าไปยังที่เกิดเหตุเป็นคนแรกบอกว่า “ตอนที่ผมไปดูร่างของเหยื่อที่เสียชีวิตผมก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของทารก ดูเหมือนว่าเธอจะคลอดออกมาจากแรงกระแทกที่แม่ได้รับ เธอมีร่างกายสมบูรณ์มาก แข็งแรง ไร้ซึ่งรอยขีดข่วน ในสถานการณ์แบบนี้คงพูดได้แค่ว่ามันปาฏิหาริย์มากที่เธอรอดมาได้” เด็กทารกถูกส่งไปดูแลกับทางโรงพยาบาล Pariquera-Acu ทันทีหลังจากนั้น โดยจากการชั่งน้ำหนัก เด็กสาวมีน้ำหนักแรกเกิดอยู่ที่ประมาณ 2.94 กิโลกรัม และได้รับชื่อจากคนในโรงพยาบาลว่า “Giovanna” ซึ่งแปลว่า “(ผู้)ได้รับความคุ้มครองจากพระเจ้า” จากปาฏิหาริย์ที่เธอรอดชีวิต Solange Batista นางพยาบาลผู้ดูแล Giovanna บอกว่า “เธอเป็นเด็กที่สงบมากจริงๆ เธอแทบไม่ร้องไห้เลย แถมถ้าคุณเล่นกับเธอก็จะยิ้มด้วย” ในปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบว่าหญิงสาวผู้เป็นแม่ของเด็กคนนี้เป็นใคร…
-
สาวโทรแจ้งตำรวจ ‘ขโมยขึ้นบ้าน’ ที่ไหนได้เป็นสามีไม่ไปทำงาน แอบมาเล่นเกมที่บ้าน!?
กลายเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต หลังพ่อหนุ่มพยายามจะหลอกเมียว่าไปทำงาน เพื่อที่จะเล่นเกมอยู่ที่บ้าน แต่กลับกลายเป็นว่าเมียลืมของกลับมาที่บ้านคิดว่าขโมยขึ้นบ้านซะงั้น!? เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน มีหญิงสาวรายหนึ่งโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ‘มีขโมยขึ้นบ้าน’!? ตามรายงานระบุเอาไว้ว่า ในช่วงเช้าเธอและสามีได้ออกจากบ้านพร้อมกัน แต่พอออกไปได้สักพัก ฝ่ายหญิงสาวเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองลืมของไว้ที่บ้านเลยกลับไปเอา แต่พอกลับมาถึงบ้านก็พบว่าเหมือนจะมีใครอยู่ เข้าใจว่าเป็นขโมย ก็เลยโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้มาจัดการ พอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง ก็พบตัวชายคนหนึ่งหลบอยู่ในตู้เสื้อผ้า!! และที่พีคไปกว่านั้นคือ หญิงสาวบอกว่าเธอรู้จักกับชายคนดังกล่าว เพราะเป็น ‘สามี’ ของเธอเอง!? พอได้เห็นตัวหัวขโมยแล้วหญิงสาวถึงกับตะโกนออกมาว่า “เดี๋ยวก่อน!! คุณตำรวจคะนี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดค่ะ นี่เป็นสามีฉันเอง” ตำรวจก็ตอบว่า “สามีของคุณแอบอยู่ในตู้เสื้อผ้าเหรอครับ?” สรุปก็คือพ่อหนุ่มคนนี้คือสามีของหญิงสาวที่โทรไปแจ้งตำรวจนั่นแหละ เพราะพ่อหนุ่มคนนี้ดันไปหลอกภรรยาว่าจะออกไปทำงาน แต่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ว่าวันนี้จะเล่นเกมอยู่ที่บ้าน พร้อมกับลางานเรียบร้อย แต่กลัวภรรยาด่าเลยต้องทำแบบนั้น พอออกจากบ้านไปพร้อมกับภรรยา พี่แกก็แว้บแอบเข้ามาที่บ้านเพื่อเล่นเกมอย่างสบายอุรา แต่เวรกรรม ภรรยาดันลืมของเอาไว้ที่บ้าน ด้วยความที่กลัวโดนด่าก็เลยหนีเข้าไปแอบที่ตู้เสื้อผ้าอย่างที่เห็น สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่เอาเรื่องกับชายหนุ่ม แต่ดันต้องมาช่วยไกล่เกลี่ยไม่ให้ภรรยาโกรธสามี ปั๊ดโถ่วววว นี่มันใช่งานของตำรวจมั้ยล่ะเนี่ย!? ลองไปชมคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่ข้างล่างได้เลยจ้า… ที่มา : ladbible
-
ชาวอังกฤษดีใจ!! ออกมาสัมผัสสายฝนครั้งแรก หลังทนกับอากาศร้อนมานานกว่า 2 สัปดาห์
ตามรายงานของสื่อต่างประเทศ ขณะนี้ในหลายๆ พื้นที่ของโลกเรากำลังเผชิญกับปัญหาของคุณหภูมิที่สูงอย่างเป็นประวัติการณ์ ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศญี่ปุ่น กลุ่มประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย รวมถึงสหราชอาณาจักรด้วยเช่นกัน อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นสูนี้เป็นเหตุให้ในหลายๆ พื้นที่ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยกันเลยทีเดียว หลังจากมีประชาชนเสียชีวิตและมีอาการป่วยจากสภาพอากาศดังกล่าว แต่ทว่าล่าสุด ดูเหมือนว่าสถานการณ์อากาศอันร้อยระอุที่ประเทศอังกฤษ ดูเหมือนว่าจะดีขึ้นบางแล้ว หลังจาที่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ชาวลอนดอนต่างพากันออกมาดีใจที่ได้สัมผัสกับสายฝนครั้งแรก หลังรอมานานกว่า 15 วัน!! ภาพที่ถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์เมื่อช่วงวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้เผยให้เห็นชาวลอนดอนที่ต่างดีใจกับสายฝน บางรายถึงขั้นลงไปนอนกับพื้นกันเลยทีเดียว!! แบบนี้… Londoners enjoy the rain outside Kings Cross station #London #rain #heatwave #Heatwaveuk #itsraining pic.twitter.com/i0UXgKdkWB — Angie Quinn (@AngieCQuinn) July 27, 2018 หลังจากที่ต้องทนกับอากาศที่ร้อนกว่า 36 องศาเซลเซียส ในที่สุดฝนก็ตกลงมาซักที!! When it starts…
-
หนุ่มถูกรถชนจังๆ ระหว่างกำลังเต้นเพลงยอดฮิต “In My Feeling”
การท้าเต้นเพลง In My Feeling เพลงฮิตจากศิลปิน Drake เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในกระแสที่กำลังฮิตในโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้เลยก็ว่าได้ กระแสที่ว่านี้เริ่มจากการท้าเต้นของเหล่าเซเลบคนดัง โดยจะทำการอัดคลิปวิดีโอท่าเต้นที่ต้องกระโดดจงจากรถ เพื่อเต้นบนถนนพร้อมกับเปิดประตูรถไปด้วย ก่อนจะส่งต่อการท้าผ่านทางแฮชแท็ก #InMyFeelings เพลง In My Feeling ที่กำลังฮิตในขณะนี้ และนี่คือการท้าเต้นเพลงดังกล่าวที่กำลังฮิตในขณะนี้ https://www.instagram.com/p/BkoUbKJhFFz/?utm_source=ig_embed&utm_campaign=embed_loading_state_control คลิปการเต้นแบบนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่วัยรุ่นต่างประเทศ ซึ่งบางคลิปมีผู้เข้าชมมากกว่า 100,000 ถึง 1 ล้านคนเลยทีเดียว การท้าเต้นแบบนี้ดูค่อนข้างที่จะอันตรายไม่น้อยเพราะบางจะกระโดดลงจากรถที่กำลังวิ่งอยู่ เพื่อเต้นท่าดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการออกมาเตือนในเรื่องของความปลอดภัยแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ จนกระทั่งล่าสุดก็มีหนุ่มรายหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บจากการเต้นแบบนี้เข้าให้แล้ว!! Jaylen Norwood หนุ่มจากฟลอริด้าที่ได้รับบาดเจ็บหลังจากกระโดดลงจากรถเพื่อเต้นเพลง In My Feeling อาการบาดเจ็บของหนุ่มรายนี้ไม่ได้เกิดจากการกระโดดในตอนที่รถกำลังเคลื่อนอยู่ แต่มันเกิดจากรถอีกคันที่ขับมาชนเขาเข้าอย่างจัง วินาทีที่เกิดอุบัติเหตุกับชายหนุ่ม Jaylen รอดจากอุบัติเหตุมาได้อย่างเหลือเชื่อ และโชคดีที่ชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยที่บริเวณแขนทั้งสองข้างของเขา “ผมกะว่าจะลงไปเต้น และกระโดดขึ้นฝากระโปรงรถที่ขับสวนมา และเต้นต่อบนฝากระโปรงแบบเท่ๆ แต่ในระหว่างที่กำลังจะกระโดด ผมดันลื่นและถูกรถชนเข้า” คลิปวิดีโอของเขาถูกพูดถึงอย่างมากบนโลกออนไลน์…
-
ชาวเน็ตต่างชื่นชม ภาพแม่เป็ดพาลูกเป็ดกว่า 76 ตัว ว่ายน้ำเป็นแถวเรียงหนึ่ง ดูน่ารักน่าชัง
ความน่ารักของเหล่า ‘เป็ดน้อย’ นับ 70 ตัว ที่ว่ายน้ำตามแม่เป็ดเป็นแถวเรียงหนึ่งดูแล้วน่ารักน่าชังเป็นที่สุด!! ภาพเหตุการณ์นี้ถูกถ่ายเอาไว้โดยช่างภาพ Brent Cizek วัย 32 ปี ที่ทะเลสาบ Bemidji ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของรัฐมินเนโซตา ประเทศสหรัฐอเมริกา “เรื่องพวกนี้เป็นภาพที่เห็นได้อย่างปกติ เพราะมันคือธรรมชาติของเหล่า ‘เป็ดปากยาวข้างลาย’ อยู่แล้ว” Brent เล่า “เป็ดปากยาวข้างลายจะวางไข่หลายฟองเอาไว้ในรังหลายรังด้วยกัน จากนั้นก็จะช่วยกันกกไข่ โดยที่ไม่ได้ระบุเจาะจงว่าเป็นไข่ของใคร” “นั่นทำให้ลูกเป็ดที่เกิดจากแม่เป็ด บางครั้งก็อาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน และมันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนว่าลูกเป็ดทั้ง 70 กว่าตัวนี้จะเป็นลูกของเจ้าแม่เป็ดตัวนี้ทั้งหมด” “จริงๆ แล้วแม่เป็ดไม่รู้หรอกว่าลูกเป็ดตัวไหนเป็นลูกของมัน แต่ลูกเป็ดทุกตัวต่างก็เข้าใจเป็นหนึ่งเดียวกันว่าเจ้าแม่เป็ดตัวนี้แหละเป็นแม่ของมัน เพราะเป็นสัญชาตญาณของพวกมันที่คิดว่าตัวที่ใหญ่ที่สุดจะเป็นแม่” ตอนแรก Brent นับจำนวนลูกเป็ดดูก็พบว่ามีทั้งหมดราวๆ 50 ตัว แต่มองไปอีกด้านก็พบว่ามี อีก 20 ตัวกำลังว่ายตามมาติดๆ โดยที่มีแม่เป็ด 1 ตัว ที่เหลือเป็นลูกเป็ดทั้งหมดเลย แถมยังว่ายตามกันเป็นแถวเรียงหนึ่งดูเป็นระเบียบเรียบร้อย เขาจึงถ่ายภาพเก็บเอาไว้แล้วนำไปโพสต์ลงโลกออนไลน์ และมันก็กลายเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็ว!!…
-
กลุ่มเด็กปั่นจักยานเจอ ‘กระเป๋าสตางค์ตก’ เลยเก็บไปคืน ชาวเน็ตชื่นชม ‘ทำได้ยอดมาก’
บางครั้งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถทำให้เรารู้สึกอบอุ่นหัวใจได้อย่างแปลกประหลาด… อย่างเช่นเรื่องราวต่อไปนี้ ที่กลุ่มเด็กบังเอิญไปพบกระเป๋าเงินตกอยู่โดยบังเอิญ ซึ่งในนั้นมีเงินอยู่เป็นจำนวน 20,000 บาท เลยนำมันไปคืนให้กับเจ้าของ จนได้รับความชื่นชมจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก กลุ่มเด็กจากรัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกามีทั้งหมดด้วยกัน 3 คน ประกอบไปด้วยหนุ่ม Haylie Wenke วัย 13 ปี, น้องชายของเขา Reagan วัย 6 ขวบ, และเพื่อนอีกคนหนึ่ง Ashley Dayton ในวันเกิดเหตุทั้งสามคนออกไปปั่นจักรยานเล่นแถวบ้าน ก่อนที่จะบังเอิญไปพบกับกระเป๋าสตางค์ใบหนึ่งที่ตกอยู่บนพื้นถนนหน้าบ้านหลังหนึ่ง Haylie ที่เป็นพี่ใหญ่สุด ได้หยิบกระเป๋าสตางค์ใบนั้นขึ้นมา และเดินตรงเข้ามายังหน้าประตูบ้านหลังนั้นอย่างไม่ลังเล ที่บ้านหลังดังกล่าวมีระบบตอบอัตโนมัติและกล้องวงจรปิดอยู่ด้วย ก็ได้บันทึกเหตุการณ์ทุกอย่างเอาไว้ Haylie เดินมาที่ประตูบ้านแล้วบอกว่า “เราเจอกระเป๋าสตางค์ของคุณตกอยู่ที่ข้างรถน่ะครับ เราคิดว่าอยากจะนำมันมาคืนให้คุณ” จากนั้นก็ซ่อนไว้ที่ข้างประตู “ผมจะวางมันไว้ตรงนี้นะ ผมไม่ได้เอาตังไปเลยนะ ไปละครับ ขอบคุณครับ” พอเจ้าของบ้านได้เห็นเหตุการณ์นี้ผ่านทางวิดีโอกล้องวงจรปิดก็ได้นำคลิปดังกล่าวมาโพสต์ลงโซเชียล และมันก็ได้รับความสนใจมากมายจนกลายเป็นกระแสไวรัล คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิด …
-
‘หนุ่มสมองพิการ’ นั่งวีลแชร์มาตลอดชีวิต ถูกเพื่อนเซอร์ไพรส์พามาชมทะเลเป็นครั้งแรก!!
David Thomas จากเขตเจฟเฟอร์สัน รัฐอลาบามา ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาเกิดมาพร้อมกับโรคสมองอัมพาต ทำให้เดินไม่ได้มาตลอดชั่วชีวิต เขาไม่เคยเห็นทะเลเลยแม้แต่ครั้งเดียว และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวดีๆ ที่ #เหมียวหง่าว จะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังในวันนี้ เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเพื่อนๆ ของ David ได้ทำการเซอร์ไพรส์เขาด้วยการพาไปชม ‘ทะเล’ จริงๆ เป็นครั้งแรกในชีวิต Pal Izas หนุ่มวัย 36 ปี เขาเป็นเพื่อนกับ David มานานกว่า 10 ปีแล้ว ทั้งคู่สนิทกันราวกับว่าเป็นคู่ซี้ที่แยกจากกันไม่ได้เลยทีเดียว ในวันหยุดที่ผ่านมา Pal ได้วางแผนจะไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวของตัวเองที่ทะเล และเขาก็วางแผนที่จะพา David เพื่อนรักของเขาไปด้วย “เขาเคยพูดว่า ‘ฉันอยากจะลองไปกับพวกนายดูสักครั้งจัง’ และนั่นก็ทำให้ผมเริ่มคิดแล้วก็ตอบเขาไปว่า ‘เพื่อน สักวันหนึ่งฉันจะพานายไปเอง’” ด้วยการช่วยเหลือจากครอบครัวและเพื่อน Pal จึงวางแผนที่จะเที่ยวที่หาดปานามาในรัฐฟลอริดา นอกจากนี้เขายังหาเช่าเก้าอี้วีลแชร์แบบพิเศษที่ช่วยให้ David เพื่อนของเขาสามารถเคลื่อนมันไปบนหาดทรายได้ นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1998 ที่…
-
EXP Edition วง K-Pop ในเกาหลีใต้ ที่ “ไม่มีสมาชิกเป็นคนเกาหลี” เลย จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก….
EXP Edition คือวงบอยแบนด์ K-Pop ในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งต้องเจอกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบอย่างหนัก เพราะสมาชิกทั้ง 4 คนไม่มีใครเป็นคนเกาหลีเลย!! สมาชิกทั้ง 4 คนนั้นประกอบไปด้วย Frankie (ชาวโปรตุเกส) , Hunter (ชาวอเมริกัน) , Šime (ชาวโครเอเชีย) และ Koki (ลูกครึ่งญี่ปุ่น-เยอรมัน) (จากซ้ายไปขวา) Frankie , Hunter , Koki และ Šime จะเห็นได้ว่าสมาชิกทั้ง 4 ของวงนี้ล้วนแล้วแต่เป็นชาวตะวันตกผิวขาว ซึ่งพวกเขาได้เจอกันในตอนที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยโคลอมเบีย นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พวกเขาได้เดบิวต์เข้ามาในอุตสาหกรรม K-Pop ที่ประเทศเกาหลีใต้ ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน 2017 ภายใต้สังกัดของค่าย IMMABB (I’m Making a Boy Band) และการที่พวกเขาเป็นคนผิวขาวกันทั้งวง จึงทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียล…
-
ผู้นำแก๊งค้ายาเสพติด ตั้งค่าหัวสุนัขตำรวจ 2.3 ล้านบาท เพราะโมโหที่มันทำงานดีเกินไป
สำหรับคนที่เคยดูหนังหรือเล่นเกมแนวต่อสู้กับกลุ่มอาชญากร อาจจะรู้ว่าการตั้งหาหัวของใครสักคนนั้น ไม่ได้มีเพียงแต่ตำรวจเท่านั้นที่ทำ เพราะในวงการใต้ดินเองก็มีการตั้งค่าหัวของคนที่เป็นปรปักษ์กับพวกตนเช่นเดียวกัน แต่ปัญหาในครั้งนี้นั้นคือเจ้าค่าหัวที่ว่านี้ไม่ได้ถูกตั้งไว้ที่คน แต่เป็นสุนัขนามว่า “Sombra” ต่างหาก โดยเจ้าสุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด ที่มีชื่อภาษาสเปนแปลว่าเงา (และชื่อเหมือนกันฮีโร่ในเกมเกมหนึ่ง) ตัวนี้รับหน้าที่เป็นสุนัขดมกลิ่นอยู่ที่โคลอมเบีย และทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีจนส่งผู้ค้ายาเข้าคุกไปแล้วถึง 245 ราย ปัญหาคือล่าสุดเจ้า Sombra ได้ไปช่วยตำรวจดมกลิ่นจับโคเคนนับ 10 ตันของทาง “The Urabenos” แก๊งค้ายาเสพติด ที่มีอิทธิพลขนาดใหญ่ของโคลอมเบียเข้านี่สิ แม้ว่านี่จะเป็นงานของเจ้า Sombra ก็ตามแต่ดูเหมือนว่า Dario Antonio Usuga ผู้นำของแก๊ง The Urabenos จะโมโหในผลงานของเจ้า Sombra เป็นอย่างมาก เขาได้ตั้งค่าหัวของเจ้าสุนัขไว้ถึง 70,000 ดอลลาร์ หรือกว่า 2,300,000 บาท ดูเหมือนว่าการดมกลิ่นของเจ้าสุนัขตัวนี้จะส่งผลกระทบแก่กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเป็นอย่างมากเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามในปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการย้ายเจ้า Sombra ไปประจำการที่สนามบิน Bogota แทนเพื่อความปลอดภัยของเจ้าสุนัขเอง นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ที่ทำงานคู่กับมันเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับเจ้าสุนัขตัวเก่งนี้อีกด้วย “โทษทีเก่งไปนิด” Sombra ไม่ได้กล่าวไว้ …
-
มนุษย์ป้าด่ากราดแถมตบหน้าพนักงานสายการบิน เพียงเพราะเหตุผล ‘เธอไม่ยอมให้แทรกแถว’
เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นที่สนามบินแห่งหนึ่งของประเทศจีน เมื่อมีมนุษย์ป้าคนหนึ่งไปทำร้ายร่างกายพนักงานสายการบินด้วยการ ‘ตบหน้า’ และทั้งนี้มีที่มาจากความที่พนักงานคนดังกล่าวไม่ยอมให้เธอแทรกแถว!! โดยเหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นที่นคร Shijiazhuang มณฑลเหอเป่ย์ ประเทศจีน เมื่อมีคลิปวิดีโอเผยให้เห็นถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเป็นเช่นไร ในเริ่มแรกนั้นจะเห็นได้ว่าเป็นภาพของคุณผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ที่กำลังโต้เถียงอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนกับพนักงานสายการบิน ซึ่งในขณะนั้นก็มีพนักงานรักษาความปลอดภัยมาคอยห้ามปราม เพราะว่าผู้หญิงคนดังกล่าวใช้เสียงที่ดังลั่นสนามบิน แต่ดูเหมือนกับว่าการพูดคุยอย่างเดียวจะไม่สาแก่ใจเธอ โดยหลังจากที่คุณผู้หญิงคนดังกล่าวถามคำถามสุดท้ายกับพนักงานสายการบินว่า “นี่คุณทำอะไรอยู่” หลังจากนั้นเธอก็ใช้มือเอื้อมไปตบหน้าพนักงานคนดังกล่าว อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด!! พนักงานรปภ. ที่อยู่ในจุดนั้นจึงพยายามแยกทั้งสองฝั่งออกจากกันทันที แต่ก็ไม่วายพนักงานคนที่โดนตบก็พยายามจะเข้ามาเอาเรื่องที่ถูกทำร้ายร่างกาย ทว่าก็ดันถูกตบซ้ำสองไปอีกหนึ่งที และดูเหมือนกับว่าครั้งที่สองนี้จะมีความรุนแรงกว่าครั้งแรกด้วย จากการรายงานระบุว่าสาเหตุที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นก็เพราะมนุษย์ป้าคนนี้พยายามจะแซงคิวคนอื่น แต่พนักงานคนนี้เข้ามาห้ามเอาไว้จนกลายเป็นปากเสียงกันอย่างที่เห็น ในตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าสืบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทว่าในเบื้องต้นมนุษย์ป้ามือตบก็ถูกควบคุมตัวเป็นระยะเวลา 7 วัน ขณะที่ทางพนักงานสายการบินก็เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลในทันที และนี่คือความเห็นจากชาวเน็ตบางส่วนที่มีต่อเรื่องนี้ พนักงานคนนั้นน่าจะฝึกกังฟูไว้นะ จะได้ป้องกันตัวเองเวลาเจอการก่อการร้าย หรือผู้โดยสารที่งี่เง่าอย่างนี้ ทำไมเธอถึงไม่มีมารยาทอย่างนี้เนี่ย น่าละอายจริงๆ ถ้าเธอรอไม่ได้ก็ไม่ต้องบิน!! ตบเธอกลับเลย เอาให้แรงกว่าด้วยนะ ที่มา: shanghaiist, globaltimes
-
ลูกสุดท้ายแด่นายเพื่อน… วัยรุ่นร่ำลาเพื่อนครั้งสุดท้าย ส่งบอลให้ทำประตู แม้อยู่ในโลงศพ!!
เคยมีคำกล่าวคำหนึ่งที่ว่า ‘ฟุตบอลไม่ใช่แค่เพียงเกมกีฬา แต่ฟุตบอลคือชีวิต’ ซึ่งถ้าใครตกหลุมรักกับกีฬาชนิดนี้เข้าล่ะก็ จะเป็นอันรู้กันดีว่ามันจริงเพียงใด และบางคนก็อาจอุทิศชีวิตให้เลยก็เป็นได้ และสำหรับวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งแล้วคำกล่าวนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงสำหรับพวกเขา เพราะเมื่อมีเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเสียชีวิตไป พวกเขาก็ตั้งใจสร้างฟุตบอลนัดอำลาครั้งสุดท้ายให้ และมอบเกียรติให้เพื่อนคนนั้นเป็นคนทำประตูสุดท้าย ก่อนที่จะนำร่างไปฝังลงใต้ดิน… https://twitter.com/JuanDirection58/status/1017515214726619136?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1017515214726619136&ref_url=https%3A%2F%2Fmetro.co.uk%2F2018%2F07%2F27%2Ffootballers-friends-let-score-goal-taking-funeral-7768331%2F นี่เป็นเรื่องแสนเศร้าที่กลายเป็นกระแสไวรัลในโลกโซเชียล เมื่อมีวิดีโอของกลุ่มวัยรุ่นชาวอเมริกาใต้กลุ่มหนึ่งที่สร้างฟุตบอลแมตช์อำลาให้กับเพื่อนที่เสียชีวิตไปด้วยสาเหตุที่ไม่เปิดเผย “นี่คือประตูสุดท้ายในพิธีศพของเขา ช่างเป็นอะไรที่สวยงามมากจริงๆ สำหรับการให้เกียรติความรักในกีฬาฟุตบอลของเขา” แคปชั่นเขียนเอาไว้ ในเริ่มแรกของวิดีโอจะเห็นได้ว่าเป็นภาพของกลุ่มวัยรุ่นที่จัดแถวส่งบอลกันไปมา และเมื่อถึงคนสุดท้ายเขาก็ได้ส่งให้เพื่อนอยู่ในโลงศพเป็นผู้ทำประตูด้วยการเตะใส่ให้ลูกกระดอนเข้าประตูตุงตาข่ายไป หลังจากนั้นเหล่าเพื่อนทั้งหมดก็เข้ารุมกอดโลงศพที่มีเพื่อนของเขาอยู่ แล้วร้องไห้ไปกับการได้เล่นฟุตบอลร่วมกันเป็นครั้งสุดท้าย ท่ามกลางเสียงปรบมืออย่างเกรียวกราวกับภาพอันน่าประทับใจที่ได้เห็น และทั้งนี้ศพก็จะถูกนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป… ในตอนนี้วิดีโอดังกล่าวก็มีผู้เข้าชมแล้วกว่าล้านคน และก็ได้มีคอมเมนต์จากชาวเน็ตมากมายถึงเหตุการณ์นี้ พร้อมกับร่วมไว้อาลัยไว้ด้วย ดั่งเช่น คุณจะเป็นที่คิดถึงไปตลอด You’d still miss — Xavier (@XavLester) July 13, 2018 เป็นการจบสกอร์ยอดเยี่ยม แต่เป็นการฉลองประตูที่แสนเศร้าจริงๆ Hahahahaha great one touch finish, poor celebration though — Simon Dew…
-
เผยโฉม ‘จูเชียนเพ่ย’ เจ้าของฉายาคนขนของที่สวยสุดในฮ่องกง ความน่ารักที่มาพร้อมเม็ดเหงื่อ !!
โดยปกติแล้วถ้าหากเราพูดถึงอาชีพ ‘พนักงานขนของ’ แล้ว เราก็อาจจะนึกภาพของชายตัวใหญ่รูปร่างกำยำ กล้ามเป็นมัดๆ แต่ว่ามีพนักงานขนของคนหนึ่งแห่งเกาะฮ่องกง ที่จะทำให้ความคิดของคุณเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เพราะเธอเป็นผู้หญิงสุดแสนจะน่ารัก!! สวยด้วยเก่งด้วยเอาซิ แม้ว่าด้วยสรีระความเป็นผู้หญิงจะไม่ค่อยเหมาะสมกับงานประเภทนี้ แต่ว่าสำหรับ ‘จูเชียนเพ่ย’ หรือว่าเสี่ยวจูแล้ว เธอบอกว่างานประเภทนี้แหละที่เหมาะสมกับตัวเธอที่สุดแล้ว กล้ามเป็นมัดแถมยังหน้าตาดีอี๊ก ด้วยหน้าตาอันสดสวย น่ารัก หุ่นดีอย่างกับนางแบบ ทำให้ใครหลายต่อหลายคนไม่เชื่อเมื่อเธอบอกเธอมีอาชีพเป็น ‘พนักงานขนของ’ โดยเธอให้สัมภาษณ์ว่าได้ทำอาชีพนี้มาถึง 3 ปีเต็มๆ แล้ว ท่ามกลางเสียงค่อนขอดในตอนแรกว่าเธอไปไม่รอดในอาชีพนี้แน่ๆ เพราะรูปร่างอันเพรียวบางเหมือนนางแบบของเธอ อย่ายิ้มอย่างนั้นสิ ละลายแล้ว… แต่แล้วเธอก็ได้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าคนเหล่านั้นคิดผิด!! เธอทำงานอย่างกระฉับกระเฉงไม่แพ้ผู้ชายตัวใหญ่ๆ และยังพร้อมสู้ไม่ว่างานนั้นจะหนักสักเท่าไหร่ สวยแบบเฉี่ยวๆ ทว่าเธอก็บอกว่านอกเหนือจากเวลางาน เธอก็เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ชอบสวมกระโปรง เดินช็อปปิ้งตามประสาผู้หญิง รวมถึงแต่งหน้าทาปากเพื่อความสวยงามด้วย ขาวใสซะจนเป็นนางแบบได้สบายๆ เธอบอกว่าในสมัยก่อนก็เคยทำงานต่างๆ มาแล้วมากมาย แต่ก็ดูเหมือนกับว่าไม่เหมาะกับบุคลิกของเธอ และเมื่อได้มาลองอาชีพนี้แล้วก็ติดใจเพราะนอกจากจะได้เงินแล้ว เธอยังบอกอีกด้วยว่าเวลาขนของเธอยังได้ออกกำลังกายไปในตัวด้วย เหงื่อไคลทำเธอดูเซ็กซี่ขึ้นเป็นกอง ตอนนี้จูเซียนเพ่ย…
-
ภัยใกล้ตัว เด็กกินผมไม่ใช่เรื่องตลก!! แพทย์ผ่าก้อนผมหนักเท่าทารกจากท้องเด็ก 12 ขวบ
บทความนี้อาจมีเนื้อหาที่น่าหวาดเสียว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน นี่เป็นอีกหนึ่งในคดีแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กที่ชอบกินผมตัวเองแล้วด้วย เมื่อที่โรงพยาบาลในเมืองอัคตาอู ประเทศคาซัคสถาน ได้มีการผ่าตัดนำก้อนเส้นผมขนาดใหญ่ ออกจากร่างของเด็กหญิงวัย 12 ขวบคนหนึ่ง วิดีโอการผ่าตัดจาก The Mirror นี่เป็นการผ่าตัดที่เกิดขึ้นหลังจากที่เด็กสาวถูกส่งเขาโรงพยาบาลมาด้วยอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ซึ่งทางพ่อแม่ของเด็กบอกว่าเป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ ในรอบสองปีที่ผ่านมา โดยก้อนผมที่พบนั้นมีขนาดกว้าง 13 เซนติเมตร และยาว 35 เซนติเมตร และมีน้ำหนักมากถึง 3.65 กิโลกรัม ซึ่งนับว่าหนักพอๆ กับทารกคนหนึ่งเลยทีเดียว จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ผ่าตัด ดูเหมือนว่าเจ้าก้อนผมนี้จะกินพื้นที่ในกระเพาะของเด็กสาวไปจนหมด และดันกระเพาะออกไปจนเกิดอาการปวดนั่นเอง เมื่อมีการถามสอบถามผู้ปกครองของเด็ก ดูเหมือนว่าเด็กหญิงวัย 12 ขวบจะมีนิสัยชอบดึงผมตัวเองมาเคี้ยว ซึ่งเป็นอาการที่ใกล้เคียงกับโรคราพันเซล โรคทางจิตวิทยาที่ทำให้เด็กๆ ชอบกินผมของตัวเอง นั่นทำให้เด็กสาวคนดังกล่าวมีอาการวิงเวียน ร่างกายผ่ายผอม อีกทั้งยังมีอาการขาดโปรตีน และขาบวมจนทีมแพทย์ต้องดูแลอาการอยู่กว่า 2 วันก่อนที่จะสามารถผ่าตัดได้ อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการผ่าเอาก้อนผมขนาดใหญ่ออกมาจากร่างของเด็ก เพราะตั้งแต่ในปี 2014 ก็มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอยู่ปีล่ะหลายครั้ง โดยหลังจากการผ่าตัดจบลง…
-
สาววัย 22 หมดเงินไปเป็นล้าน ศัลยกรรมไปเรื่อยๆ ทำให้ตัวเองดูเหมือน “ตุ๊กตาบาร์บี้”
การศัลยกรรมใบหน้าหรือเรือนร่างเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน แต่เชื่อว่าคงมีเพียงแค่น้อยคนที่จะเคยผ่านมีดหมอมาเป็นจำนวนมากเท่ากับเธอคนนี้ Amanda Ahola คือหญิงสาววัย 22 ปี จากประเทศฟินแลนด์ ผู้เข้ารับการศัลยกรรมมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน หมดเงินไปเกือบ 40,000 ปอนด์ (ประมาณ 1.7 ล้านบาท) เพื่อเปลี่ยนตัวเองให้ดูเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ Amanda หญิงสาวผู้ศัลยกรรมมานับครั้งไม่ถ้วน เธอเล่าว่าตนเองมีความสนใจที่จะศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าและรูปร่างของตัวเองมาตั้งแต่ตอนอายุเพียงแค่ 16 ปี เธอจึงตั้งใจเก็บเงิน หลังจากผ่านไป 2 ปี เธอก็ได้ผ่าตัดเสริมเต้านมเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่นั้นมา Amanda ก็ได้เข้ารับการศัลยกรรมไปอีกเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการฉีดปาก ฉีดแก้ม โบท็อกซ์ รวมๆ แล้วมากกว่า 30 ครั้ง แถมเธอยังเสริมเต้านมของตัวเองเพิ่มไปอีก 2 ครั้ง Amanda ก่อนการศัลยกรรมทั้งหมด การผ่าตัดเสริมเต้านมครั้งล่าสุดของเธอ ทำให้ได้ขนาดที่ใหญ่มหึมาเป็นอย่างมาก แต่สิ่งนั้นก็ต้องแลกกับการเสี่ยงชีวิตอันสุดแสนอันตราย จากการผ่าตัดเต้านมครั้งล่าสุด มันส่งผลไปกระทบให้กับร่างกายของเธอเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหลัง ทำให้แค่จะแต่งหน้าก็ไม่สามารถทำได้ในช่วงแรก รวมไปถึงอาการสมองบวมที่ทำให้เธอต้องประสบปัญหาทางด้านความจำไปนานอยู่หลายเดือน …
-
วิธีใหม่ในการหาเงิน?? หนุ่มทำร้ายหมาเพื่อเรียกร้องเงินจากคนรักสัตว์ ‘จ่ายสิแล้วจะหยุดตีให้’…
สำหรับสัตว์น่ารักๆ หน้าตาจิ้มลิ้มอย่างน้องหมาหรือน้องแมวแล้ว ไม่ว่าใครที่ได้พบเห็นก็คงจะอดเอ็นดู อดที่จะตกหลุมรักไม่ได้ แต่ว่าความมีจิตใจดีนี้เองที่บางทีก็เป็นจุดอ่อนให้กับเราได้เหมือนกัน เหมือนกับเหตุการณ์เช่นนี้ที่มีหนุ่มคนหนึ่งใช้ไม้ตีหมาให้ทรมาน แล้วใช้ความน่าสงสารของมันเป็นวิธีหาเงินด้วยการบอกกับคนพบเห็นที่มีใจเมตตาว่า ถ้าอยากให้หยุดตีก็เอาเงินมาสิ… โดยวิดีโอที่มีพลเมืองดีคนหนึ่งถ่ายมาเผยแพร่ จะเห็นได้ว่าเป็นภาพของชายถอดเสื้อที่ล่ามหมาตัวหนึ่งเอาไว้แล้วใช้ไม้ตีบริเวณขาให้มันเจ็บแล้วส่งเสียงร้องออกมา ซึ่งเสียงร้องครวญครางนี้เองที่ทำให้ผู้คนในละแวกนั้นต้องออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น และเมื่อมีคนมามุงดูอยู่จำนวนหนึ่งแล้วชายคนนี้ก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ฉันจะฆ่าหมาตัวนี้ก็ได้ มันแทบไม่มีค่าอะไรเลย” ทั้งนี้ก็เป็นคำพูดที่กล่าวออกมาเพื่อข่มขู่ให้คนรักสัตว์ที่ทนดูภาพนี้ไม่ได้จ่ายเงินให้เขาสำหรับการปล่อยหมาตัวนี้ไป.. โดยตามคำบอกเล่าจากคนรักสัตว์ท้องถิ่นคนหนึ่งที่มีนามสกุลว่า Niu ก็ได้บอกเอาไว้ว่านี่เป็นหมาตัวที่ 3 แล้วที่ตกเป็นเครื่องมือของชายคนนี้ พร้อมกันนี้เขาก็มักจะมีอาการมึนเมาแล้วรังแกหมาจรจัดอยู่บ่อยๆ และถ้ามีใครบอกให้เขาหยุดเขาก็จะเรียกค่าไถ่แทน ทั้งนี้คุณ Niu ก็บอกอีกด้วยว่าเธอเคยไถ่ชีวิตหมาตัวหนึ่งต่อจากชายคนนี้เป็นเงินจำนวน 3,500 หยวน (ประมาณ 17,100 บาท) ซึ่งถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าการทำอย่างนี้จะยิ่งสนับสนุนให้ชายคนนี้ได้ใจแล้วทำอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ทว่าด้วยความรักสัตว์ก็ทำให้เธอไม่สามารถทนฟังเสียงร้องอย่างโหยหวนจากความเจ็บปวดของมันได้ โดยที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการช่วยเหลือมัน.. เมื่อวิดีโอนี้แพร่ไปในโลกโซเชียลก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย ว่าทำไมชายคนนี้ถึงได้เหี้ยมโหดขนาดนี้ ที่ทำกับสัตว์ขนปุยนี้ได้ลงคอ.. ฉันจะไปซัดไอ้หนุ่มคนนี้ให้ฟรีๆ เลย ฉันจะจ่ายเงิน 3,500 หยวน ให้ใครก็ได้ที่ไปกระทืบเขาซะ ประเทศจีนน่าจะมีกฎหมายคุ้มครองสัตว์นะ ชายคนนี้มันอันตรายเหลือร้ายกว่าผู้ก่อการร้ายซะอีก ใจร้ายจริงๆ เลย…
-
เจ้าของสุนัขยอมจ่ายเงินกว่า 220,000 บาท ให้กับเจ้าของรถหรู ที่ขับมาชนหมาของเธอ?!
เราอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะการขับรถอยู่บนท้องถนนแล้วอาจโดนสุนัขตัดหน้าจนทำให้ชนมันเข้า เหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนั้นได้เกิดขึ้นกับชายเจ้าของรถ Lamborghini สุดหรู แต่แทนที่เขาจะต้องจ่ายเงินค่าพยาบาลสุนัขให้กับอีกฝ่าย เขากลับได้รับเงินซ่อมรถมาแทนซะอย่างนั้น น้องหมาที่ก่อเหตุในครั้งนี้ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในเมืองซูโจว ประเทศจีน เด็กสาววัย 13 ปีได้พาน้องหมาพันธุ์โกลเด้นออกไปเดินเล่น แต่แล้วก็ดันเผลอปล่อยมันหลุดจากการควบคุมไป เจ้าหมาได้วิ่งออกไปบนท้องถนน ตัดหน้ารถ Lamborghini คันงามที่กำลังวิ่งผ่านมา จนทำให้เกิดการเฉี่ยวชนกันเข้า สุนัขตัวดังกล่าวได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ไม่ได้เป็นอะไรมาก ในขณะที่รถหรูราคาเกือบ 40 ล้านบาทนั้น เกิดรอยบุบบริเวณด้านข้างรถ และชิ้นส่วนที่หลุดออกมา เจ้าของรถแซ่ Wang จึงเสนอที่จะจ่ายค่าพยาบาลให้กับสุนัขเป็นจำนวนเกือบ 10,000 บาท แต่ทว่าสาวแซ่ Zhou คุณแม่ของเด็กวัย 13 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของหมากลับปฏิเสธที่จะรับเงินก้อนนั้น และโทรติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ความเสียหายของรถ จากการเฉี่ยวชนในวันที่ 17 กรกฎาคม 2018 เมื่อตำรวจมาถึง อุบัติเหตุในครั้งนี้จึงจำเป็นต้องถูกตัดสินตามกฎหมาย ซึ่งถือว่าเจ้าของสุนัขมีความผิดที่ไม่ควบคุมดูแลสัตว์เลี้ยงของตัวเองให้ดี ด้วยเหตุนี้ทั้ง 2 ฝ่ายจึงได้ไกล่เกลี่ยกัน…
-
มีคนสังเกตว่า Brad Pitt มักจะทำตัวให้เหมือนกับแฟนที่คบ…ทำไมเราไม่เคยรู้มาก่อน!?
ว่ากันว่า ‘คนเป็นแฟนกันจะมีหน้าตาที่คล้ายคลึงกัน’ คำกล่าวนี้คงจะใช้ได้ดีกับ Brad Pitt เป็นอย่างยิ่ง หลายๆ คนอาจจะไม่เคยสังเกตมาก่อน แต่ขอบอกเลยว่าที่ผ่านมาพ่อหนุ่ม Brad เนี่ย ไม่ว่าจะคบกับแฟนคนไหนก็จะมีหน้าตาที่คล้ายกันตลอด ถ้าไม่เชื่อลองไปฟังเรื่องราวเหล่านี้พร้อมๆ กันได้เลยจ้า… เรื่องมีอยู่ว่าชาวเน็ตคนหนึ่งชื่อว่า Sarah McGonagall ได้ทำการโพสต์ทวิตเตอร์พร้อมกับแคปชั่นว่า “ฉันเห็นข่าวนี้เกี่ยวกับ Brad Pitt แล้ว ตอนนี้ก็หยุดคิดถึงมันไม่ได้เลย” “Brad ชายหนุ่มผู้ชื่นชอบในการทำตัวให้เหมือนกับแฟนสาว” ทวีตดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมากมีคนเข้ามากดไลก์กว่า 200,000 ครั้ง และรีทวีตไปอีกกว่า 62,000 ครั้งเลยทีเดียว แล้วข่าวที่ว่านั้นจะเป็นจริงหรือไม่ เราลองไปชมให้เห็นกับตาพร้อมๆ กันเลยดีกว่า… Gwyneth Paltrow Jill Schoelen Juliette Lewis Angelina Jolie Jennifer Aniston Angelina Jolie…
-
สาวอังกฤษพบสิ่งมีชีวิตประหลาด ตัวเหมือนหนูเคลื่อนที่เหมือนหนอน คืบคลานอยู่ที่ระเบียง
บนโลกของเรานั้นยังมีอะไรที่ไม่น่าเชื่ออยู่อีกมากมาย บ่อยครั้งสิ่งที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ก็อาจจะปรากฏออกมาให้เราเห็น ในสถานที่ที่เราไม่คาดคิดที่สุดก็เป็นได้ เรื่องในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อหญิงสาวผู้อาศัยอยู่ในเซาแทมป์ตัน ประเทศอังกฤษ ได้พบกับสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาด ที่มีขนาดลำตัวยาว 5 นิ้วคืบคลานอยู่ที่ระเบียงบ้านของเธอ วิดีโอสิ่งมีชีวิตดังกล่าวจากช่อง News Confused นี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างคล้ายไส้กรอกที่มีหาง หรือหนูที่มีแต่ตัว มันเคลื่อนที่ด้วยการคลานคล้ายกับหนอน และสร้างความตื่นตกใจให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก หญิงสาวบอกว่ามันมีรูปร่างเหมือนกับตัว Demogorgon ตอนเด็กในเรื่อง Stranger Things ไม่มีผิด และเธอไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าเจ้าสิ่งที่เธอพบนั้น แท้จริงแล้วมันคือตัวอะไร หญิงสาวตัดสินใจที่จะนำวิดีโอที่เธอถ่ายโพสต์ลงบนเฟซบุ๊กหลังจากนั้น และมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นการอย่างท่วมท้น “นี่เป็นสิ่งที่น่าขยะแขยงที่สุดที่ฉันเคยเห็นเลย” ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งคอมเมนต์ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าตัวตนจริงของเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนี้จะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจากนอกโลกแต่อย่างใด หลังจากที่มีการพูดคุยกันในหมู่ชาวอินเตอร์เน็ต ในที่สุดพวกเขาก็ลงความเห็นกันว่าสิ่งที่หญิงสาวพบนั้นน่าจะเป็น “Rat-tailed maggot” ซึ่งเป็นตัวอ่อนของแมลงวันดอกไม้ซึ่งมักจะอาศัยอยู่ในน้ำที่สกปรกนั่นเอง เจ้านอนชนิดนี้จะใช้หางของมันในการหายใจเมื่ออยู่ในน้ำ (คล้ายๆ นินจาหายใจใต้น้ำ) เนื่องจากมันไม่มีเหงือก และมีชีวิตอยู่ด้วยการกินซากพืชและซากสัตว์ในน้ำ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการพบตัวอ่อนของแมลงวันดอกไม้แล้วคิดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก เพราะเมื่อปี 2016 ที่อาร์เจนตินาเอง ก็เคยมีการแชร์ภาพเจ้าหนอนตัวนี้มาแล้ว โดยในตอนนั้นมีผู้ที่เข้าไปชมเกือบหนึ่งแสนคนเลยทีเดียว …
-
ถ้าคุณว่ารถไฟฟ้าในไทยแน่นแล้ว… ลองไปดูชั่วโมงเร่งด่วนที่อินเดีย ‘ปลากระป๋อง’ ที่แท้ทรู !!
เคยขึ้นรถไฟฟ้าในช่วงเวลาเร่งด่วนไหม?? ถ้าหากใครเคยสัมผัสประสบการณ์นี้ล่ะก็ จะเป็นอันรู้กันดีเลยว่ามันน่าเจ็บหัวปวดใจขนาดไหน เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวเราจะต้องยืนเบียดเสียดกับผู้คนที่แน่นขนัดจนแทบจะไม่มีพื้นที่หายใจหรือขยับเขยื้อนไปไหนเลย แต่ว่าเรื่องที่ใครหลายคนเคยเจออาจจะกลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วไปเลยก็ได้ ถ้าหากได้สัมผัสกับความแน่นชนิดที่ว่า ‘ปลากระป๋องยังอาย’ ของรถไฟประเทศอินเดีย ที่คุณจะได้เห็นในวิดีโอข้างล่างนี้.. โดยวิดีโอที่ว่านี้ถ่ายทำขึ้นในวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อ Nikhil Bhosle กำลังมุ่งหน้าจะไปส่งเพื่อนขึ้นรถไฟที่สถานี Thane ในนครมุมไบ ประเทศอินเดีย แต่ปรากฏว่าไปถึงสถานีปุ๊บก็ลมแทบจับ เพราะคนมันช่างเยอะเสียนี่กระไรเยอะซะจนชนิดที่ว่าแทบจะไม่มีพื้นที่ให้ยืน ซึ่งนั่นก็เป็นผลมาจากชั่วโมงเร่งด่วนในเวลานั้น แร้งทึ้งอย่างแท้ทรู และทันทีที่มีรถไฟมา Nikhil ก็ตัดสินใจควักโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ โดยในวิดีโอที่เขาบันทึกจะเห็นได้ว่ามีผู้หญิงนับร้อยๆ คนต่างกรูกันเข้าไปทันทีที่รถไฟเปิดประตูออก… คนข้างในก็ออกไม่ได้ คนข้างนอกก็พยายามจะเบียดเสียดตัวเองเข้าไป จนทำให้ใครบางคนถึงขั้นต้องผลักต้องดึงกันจนเป็นเหตุชุลมุนวุ่นวายในแบบที่เกินกว่าใครจะคาดคิดเอาไว้ จนเหมือนกับเป็นเหตุการณ์ซอมบี้บุก และถามว่าทำไมถึงมีแต่ผู้หญิงนั่นก็เป็นเพราะว่ารถไฟตู้ดังกล่าวเป็นตู้โดยสารเฉพาะผู้หญิงยังไงล่ะ อะไรมันจะแย่งกันขนาดนั้น.. เมื่อเจออย่างนี้เป็นใครก็คงจะไปเบียดด้วยไม่ไหว (แน่นเกิ๊น) แต่อย่างไรแล้วเพื่อนของ Nikhil ก็สามารถขึ้นรถไฟได้สำเร็จ ทว่าก็จะขึ้นได้ก็ต้องรออีกสักพักใหญ่ๆ ก็คนซาไปก่อนนั่นเอง นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ในอินเดียที่เรียกได้ว่าเป็นซิกเนเจอร์จริงๆ ถ้าหากใครอยากสัมผัสก็เชิญไปลองกันได้ แต่สำหรับ #เหมียวจิวยี่ แล้วคงต้องเอ่ยคำว่าบ๊ายบายคงจะดีกว่า.. ที่มา: unilad, xinhua news
-
ยังมีในโลก… แท็กซี่น้ำใจงามนำเงินไปคืนให้ลูกค้าที่จ่ายเงินเกินเป็นหมื่น แถมปฏิเสธรางวัลอี๊ก!!
แม้ว่าบางประเทศเรื่องของ ‘แท็กซี่’ จะเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวจริงๆ เพราะไม่จอดรับผู้โดยสารบ้าง รับแต่ชาวต่างชาติบ้าง แต่ถึงอย่างไงแล้วก็ยังมีคนขับแท็กซี่แทรกซึมอยู่ในสังคมอยู่เสมอ เหมือนกับในเหตุการณ์นี้ที่มีคนขับแท็กซี่คนหนึ่งพบว่ามีผู้โดยสารจ่ายค่าใช้บริการผ่านแอปฯ เกินมาเป็นหมื่นๆ ทว่าเขากลับไม่ฉวยโอกาสรับเงินก้อนนั้นไว้ และออกตามหาจนเอาเงินไปคืนได้สำเร็จ!! เรื่องมีอยู่ว่า Zhang Peng คนขับแท็กซี่ในเมืองซีอานประเทศจีน ได้พบว่าบัญชีในแอปฯ WeChat ของเขามีการแจ้งเตือนขึ้นมาว่าผู้โดยสารคนหนึ่งได้จ่ายค่าโดยสารเกินมาเป็นเงินกว่า 6,500 หยวน (ประมาณ 31,800 บาท) ทั้งๆ ที่ค่าโดยสารจริงๆ แล้วมีราคาแค่ 65 หยวน (ประมาณ 317 บาท) เท่านั้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงตรวจสอบเวลาในการโอนเงินเข้ามาในแอปฯ แล้วก็ได้ตั้งข้อสันนิษฐานเอาไว้ว่าเงินจำนวนนี้น่าจะเป็นของกลุ่มผู้โดยสารกลุ่มหนึ่งที่เขาไปรับมาจากสถานีรถไฟแล้วพาไปส่งที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เขาจึงรีบประสานงานกับทางบริษัทให้บริการแท็กซี่ของเขาว่าพอจะช่วยติดต่อกลุ่มคนดังกล่าวได้หรือไม่ แต่ที่สุดแล้วทางบริษัทก็บอกว่าไม่สามารถช่วยเหลืออะไรในเรื่องนี้ได้เลย… แต่ถึงอย่างนั้นแล้วคนขับแท็กซี่คนนี้ก็ยังไม่ละความพยายามรีบขับรถไปยังโรงแรมดังกล่าว และด้วยความโชคดีก็ทำให้เขาได้พบกับหนึ่งในผู้โดยสารกลุ่มนั้น หลังจากที่เขาได้ไปติดต่อกับทางพนักงานรีเซปชั่นถึงเรื่องนี้ โดยภายหลังแล้วถึงได้รู้ว่าผู้โดยสารคนดังกล่าวมีนามสกุลว่า Liu เป็นลูกครึ่งชาวจีน – อเมริกันและเพิ่งจะมาเริ่มใช้งานระบบจ่ายเงินออนไลน์นี้ไม่นานนัก เขาจึงใช้มันไม่ค่อยเป็นนั่นเอง “ระบบอย่าง WeChat Pay หรือ Alipay เป็นเรื่องที่ใหม่เอามากๆ…
-
ชายหนุ่ม “สไลด์หนอน” โชว์กล้องวงจรปิด ตึกนี้มีอยู่ 12 ชั้น พี่แกเล่นโชว์ซะครบทุกชั้น!!
การทอกระดก ถกเอาไอ้จ้อนออกมารูดนั้น คงเป็นสิ่งที่คนปกติทั่วไปจะไม่ทำกันในที่สาธารณะอย่างแน่นอน ยิ่งถ้ารู้ว่ามีกล้องวงจรปิดถ่ายเอาไว้แบบนี้ด้วยแล้ว นี่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของตึกที่พักอาศัยแห่งหนึ่งในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ทำให้เราได้เห็นชายคนหนึ่งโชว์การสไลด์หนอนตรงบริเวณทางเดินแบบชิลล์ๆ ใจคอคือไม่กลัวว่าจะมีใครเปิดมาจ๊ะเอ๋เลย เราจะเห็นว่าชายนิรนามคนดังกล่าวอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบน เมื่อหาจุดเหมาะๆ ได้แล้ว เขาก็ทำการดึงกางเกงลงเล็กน้อย ก่อนที่จะใช้มือขวาคู่ใจล้วงเข้าควักเอาน้องชายสุดที่รักออกมาเล่นอย่างสนุกมือ ยิ่งไปกว่านั้นคือ ตึกนี้มีทั้งหมด 12 ชั้น พี่แกก็เล่นไล่ขึ้นไปทีละชั้น ทำแบบเดียวกันนี้ให้กล้องเห็น เรียกได้ว่าไม่มีความลำเอียง แบ่งปันให้ผู้อยู่อาศัยทุกชั้นสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวอันคละคลุ้ง เพื่อนๆ บางคนอาจคิดว่า “ชายคนนี้มองไม่เห็นกล้องวงจรปิดหรือเปล่า?” คำตอบก็คือเขามองเห็นมันอย่างแน่นอน!! เพราะจากการรายงานบอกว่าเขาได้ดึงเอาป้ายเตือนที่เขียนว่า “มีกล้องวงจรปิด” ออกมา แล้วนำไปติดที่กล้องวงจรปิดตัวหนึ่งแทน แสดงตัวออกมาอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการที่จะมาโชว์ให้ทุกคนได้ดู หันมามองกล้องเบาๆ แน่นอนว่าผู้อยู่อาศัยไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ หลังจากที่มีคลิปจากกล้องวงจรปิดออกมาให้เห็น พวกเขาก็ได้ติดต่อแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นแล้วเป็นที่เรียบร้อย สามารถดูคลิปจากกล้องวงจรปิดได้ โดยคลิกจากลิงก์ด้านล่างนี้เลย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าสามารถจับชายคนนี้ได้แล้วหรือยัง และปัจจุบันยังไม่มีใครทราบว่าเขาเป็นคนที่อาศัยอยู่ภายในตึก หรือว่าเป็นคนนอกที่บุกเข้ามากันแน่ ที่มา: mirror
-
พาชม Mangyongdae โรงเรียนของชนชั้นนำแห่งเกาหลีเหนือ ซ้อมขับรถถัง-ซ้อมยิงปืน มีให้ครบ!!
มีเพียงไม่กี่โรงเรียนในโลกที่จะมีอุปกรณ์สื่อการเรียนการสอนทางด้านรถถังและเครื่องบินขับไล่ ไหนจะมาพร้อมกับเครื่องยิงระเบิด และโรงเรียน Mangyongdae Revolutionary School ก็เป็นเพียงโรงเรียนแห่งเดียวที่มีของที่กล่าวมาทั้งหมด โรงเรียน Mangyongdae แห่งนี้ก่อตั้งโดย คิม อิล-ซ็อง อดีตผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ผู้มีศักดิ์เป็นบิดาของ คิม จ็อง‑อิล และปู่ของ คิม จ็อง‑อึน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การศึกษาแก่เด็กกำพร้าผู้สูญเสียครอบครัวจากการต่อสู้ยึดครองอาณานิคมจากญี่ปุ่น จนกระทั่งพัฒนากลายมาเป็นโรงเรียนอันดับต้นๆ ของเกาหลีเหนือ และเป็นหนึ่งในสถาบันที่รวบรวมประชากรระดับสูงของประเทศเอาไว้ ภายในห้องเรียนจะประกอบไปด้วยอาวุธปืนขนาดเล็ก บางห้องจะมีรถถังพร้อมจำลองตีนตะขาบให้ขับ ซึ่งวิชาหลักที่จะต้องเรียนในหลักสูตรคือ ‘การยิงปืน’ โดยจะมีห้องซ้อมแยกออกมาโดยเฉพาะ การฝึกขับรถถังผ่านเครื่องจำลอง สำหรับนักเรียนชายที่เข้ามานั้น จะต้องผ่านการโกนหัวทั้งหมด ปรับทรงผมให้เป็นในรูปแบบทหารพร้อมทั้งรับเครื่องแบบที่ออกแบบโดย คัง พัน-ซ็อก ภรรยาของคิม อิล-ซ็อง เป็นชุดที่มีลักษณะไม่แตกต่างไปจากชุดทหาร และจะมีแถบเส้นสีแดงบนกางเกงเพื่อสื่อถึงสัญลักษณ์แห่งการปฏิวัติ ห้องซ้อมยิงปืน ในแต่ละวันจะมีการเรียนการสอน 6 คลาส แบ่งเป็นคลาสละ 45 นาที โดยครึ่งหนึ่งของหลักสูตรจะเป็นเรื่องของการเมือง คตินิยม…
-
หนุ่มอังกฤษ โดนจับใส่กุญแจมือ แก้ผ้า ทำร้ายร่างกาย แถมยังถูกรถชน โชคยังดีที่รอดชีวิต
ไม่รู้ว่าจะบอกว่าเป็นโชคดีหรือว่าโชคร้ายของชายชาวอังกฤษคนหนึ่งดี เพราะเขาถูกจับใส่กุญแจมือ จับแก้ผ้า โดนทำร้ายร่างกาย แถมยังถูกรถชน ทั้งหมดในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แต่เขาก็รอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์ วิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจาก The Mirror นี่เป็นเหตุการณ์ที่ถูกจับภาพไว้ได้โดยกล้อง CCTV ที่ถนนเบอร์มิงแฮม ในเวสต์มิดแลนส์ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม 2018 ในคลิปวิดีโอจะเห็นว่ามีชายคนหนึ่งซึ่งถูกใส่กุญแจมือโดนชายอีกคน ลากมาทำร้ายร่างกายด้วยการกระแทกเข่าใส่ใบหน้าของเหยื่อหลายครั้ง นอกจากนี้เขายังทำการจับชายหนุ่มถอดกางเกงออกอีกด้วย ผู้ก่อเหตุลากเหยื่อเขามาในมุมกล้อง นั่นเป็นช่วงเวลาไม่กี่วินาทีก่อนที่ ชายผู้เป็นเหยื่อจะถูกรถที่เสียหลักพุ่งขึ้นทางเท้ามาชนเข้าอย่างจังจนร่างของเขากระเด็นหลุดออกจากมุมกล้องไป หลังจากที่วิดีโอดังกล่าวถูกแพร่ภาพไปบนโลกโซเชียล ทางตำรวจของเวสต์มิดแลนส์ก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นในทันที เหยื่อถูกชนเข้าอย่างจังจากด้านข้าง โดยในเบื้องต้นทางตำรวจได้เข้าจับกุมชายหนุ่มวัย 27 ปีที่เป็นผู้ต้องสงสัยในคลิปด้วยข้อหาพยายามฆ่า เนื่องจากหลายๆ ฝ่ายบอกว่าจากในคลิปชายผู้ลงมือมีการผลักเหยื่อเข้าไปหารถที่กำลังพุ่งมาด้วยความเร็ว จากรายงานของทางตำรวจดูเหมือนว่าเหยื่อของเหตุการณ์ในครั้งนี้จะรอดชีวิตมาได้ โดยในปัจจุบันเขาได้ถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย ชายผู้ก่อเหตุเดินออกจากที่เกิดเหตุไปแบบไม่สะทกสะท้าน ส่วนชายที่ขับรถเข้ามาชนเหยื่อถูกควบคุมตัวได้โดยทางตำรวจหลังจากที่เขาพยายามหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยรู้จักกับเหยื่อหรือผู้ลงมือมาก่อนเลย และอ้างว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุล้วนๆ ที่มา dailymail, thesun, mirror
-
สาววัย 18 เขียน ‘ข้อความให้กำลังใจ’ แปะไว้ที่ฆ่าตัวตายยอดฮิต เพื่อช่วยชีวิตพวกเขา!!
เมื่อชีวิตเดินทางมาถึงทางตัน หรือเจอปัญหาหนักๆ จนทำให้เกิดการท้อแท้ หลายๆ คนก็มีวิธีในการจัดการกับตัวเองในช่วงนั้นที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็เลือกที่จะสู้ต่อไป บางคนก็อาจจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น แต่ก็มีบางคนที่เลือกจะยอมแพ้ทุกอย่าง แล้วจบชีวิตของตัวเองลงไปซะอย่างนั้น แน่นอนว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น เช่นเดียวกันกับสาววัย 18 ปี คนนี้ ที่พยายามทำอย่างสุดความสามารถเพื่อให้กำลังใจ โดยหวังว่าจะทำให้คนที่คิดฆ่าตัวตายเปลี่ยนใจกลับมาสู้ต่อและมีชีวิตอยู่ต่อไป Paige Hunter เด็กสาววัย 18 ปี นักศึกษาจากมหาวิทยาลัย East Durham College ที่ใช้เวลาว่างเขียนโน้ตให้กำลังใจนำไปแปะที่สะพาน Wearmouth Bridge ที่เมืองซันเดอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหล่าวัยรุ่นนิยมไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตายกันที่นั่นอยู่บ่อยครั้ง “ฉันรู้ว่าเธอเหนื่อย ฉันรู้ว่าทั้งร่างกาย และความรู้สึกของเธอกำลังจะถูกดูดออกไป แต่คุณจะต้องสู้ต่อไปนะ” หนึ่งในข้อความบนกระดาษโน้ตของ Paige เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หากมีคนที่กำลังคิดจะฆ่าตัวตายได้มาอ่าน ก็อาจจะทำให้เปลี่ยนใจและสามารถช่วยชีวิตคนเหล่านั้นได้เพียงสักคนหนึ่งก็ยังดี “ฉันจะไม่บอกเธอหรอกนะว่ามันจะง่ายน่ะ แต่มันจะต้องคุ้มค่าอย่างแน่นอน” “มันจะต้องดีขึ้นกว่านี้ อดทนเข้าไว้นะ” อีกหนึ่งประโยคที่เขียนลงในโน้ต จากการทำเป็นงานอดิเรกของเธอ ก็ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความสนใจและมอบรางวัลเกียรติยศให้กับเธอ ในฐานะที่เป็นคนให้ความช่วยเหลือและสร้างความดีให้กับสังคม และสนับสนุนให้เธอทำความดีแบบนี้ต่อไป “ผมคิดว่ามันสำคัญมากเลยนะ ที่เราจะชื่นชมในการกระทำของหนู Paige…
-
“ลุงเปิดกระโปรงสาว” แล้วมองเข้าไปข้างใน ฝ่ายหญิงจับได้ก็เอาซิ๊.. ลุงจะดูก็ดูเลย!!
เหตุการณ์ที่มีคนถ่ายคลิปวิดีโอมาให้ชมในครั้งนี้ต้องบอกเลยว่าดูแล้วงงว่าโลกของเรามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ชายสูงวัยคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านหลังของหญิงวัยกลางคนที่กำลังยืนมองอะไรบางอย่าง จากนั้นชายสูงวัยก็ทำทางจะมองไปทางนั้นบ้าง แต่ดันเปิดกระโปรงของหญิงคนดังกล่าวและมองลอดเข้าไปข้างในกระโปรง… รับชมคลิปกันก่อนเลย ภายในคลิปวิดีโอจะเห็นได้ว่าคุณลุงพยายามมองไปยังด้านหน้าซึ่งกระโปรงของหญิงในชุดเดรสสีแดงนั้นบังอยู่ คุณลุงเลยจับชายกระโปรงของหญิงดังกล่าวและเปิดขึ้นเพื่อมองเข้าไป ทั้งนี้ทั้งนั้น ภายใต้กระโปรงจะมองเห็นทัศนียภาพหรืออะไรก็ตาม และต่อให้ทั้งสองเป็นคนรู้จักกัน การเปิดกระโปรงหญิงสาวในที่สาธารณะแบบนี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่งามตาอยู่ดี อะเด๊ะ!!? มองอะไรกัน ขอลุงส่องหน่อย เราอาจจะมองว่าคุณลุงคนนี้โรคจิตหรือทำตัวไม่เหมาะสม แต่หากย้อนกลับไปดูในวิดีโอดีๆ อีกครั้ง หญิงสาวในชุดแดงก็หันมาเห็นว่าคุณลุงเปิดกระโปรงของตนเพื่อมองอะไรบางอย่างอยู่ แทนที่เธอจะปกป้องตนเองหรือขจัดภาพไม่งามตานี้ออกไป เธอกลับช่วยให้คุณลุงมองเห็นชัดขึ้นโดยการ “ยกขา” ข้างหนึ่งขึ้นอย่างเงียบๆ ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างขาที่กว้างมากกว่าเดิม หญิงคนนี้อาจมีเจตนาช่วยให้คุณลุงสามารถมองเห็นภาพด้านหน้าได้ชัดเนื่องจากกระโปรงของตนเองไปบดบังทัศนียภาพของคุณลุงอยู่ แต่ถึงกระนั้นชาวเน็ตหลายคนต่างลงความเห็นกันว่า คุณลุงคนนี้ “คิดไม่ดี” อย่างแน่นอน ตัวอย่างความเห็นเช่น “ตาแก่ลามก” “ลุงคงอยากให้หญิงคนนี้นั่งลง หมายถึงนั่งลงบนหน้าแกน่ะ” “ผู้หญิงน่าจะตดใส่ไปเลยเนอะ” “แหม ลุงแกนี่เป็นผู้ชายแห่งปีเลยจริงๆ” “ลุงแค่ยืมกระโปรงเธอเช็ดแว่นหรือเปล่า ไม่ต้องคิดมาก ฮ่าๆ” เปิดกระโปรงกันในที่สาธารณะแถมต่างฝ่ายต่างก็โอเคอีกด้วย มันเกิดอะไรขึ้นบนโลกของเรากันแน่ล่ะเนี่ย!!? ที่มา: liveleak และ ck101
-
“คุณตำรวจ” ช่วยแปลงโฉม “ชายไร้บ้าน” ให้ดูดีอีกครั้ง ก่อนที่เขามีนัดสัมภาษณ์งาน!!
การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสัมภาษณ์งานนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว แต่สำหรับคนไร้บ้านอย่าง Phil การหาชุดสูทเนี้ยบๆ หรือการเตรียมตัวให้ดูดีเหมือนกับพวกเรานั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย ชายไร้บ้านจากรัฐฟลอริด้าผู้นี้ ได้รับโอกาสในการสัมภาษณ์เข้าทำงานที่ร้านแมคโดนัลด์สาขาหนึ่ง ซึ่งเข้าร้านตัดผมเพื่อจัดการใบหน้าให้ดูเกลี้ยงเกลาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาเลย Phil เลือกที่จะทำมันด้วยตัวเอง แต่ทว่าโชคร้ายที่มีดโกนหนวดเขาดันเสียขึ้นมา!! แต่ทว่ายังคงมีโชคดีเกิดขึ้นกับหนุ่มไร้บ้านรายนี้ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่ง ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขา Tony Carlson เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาช่วยเหลือ Phil เล่าถึงช่วงวินาทีที่เขาพบกับชายไร้บ้าน ซึ่งกำลังขอร้องให้เขาช่วยซ่อมแบตเตอเลี่ยนให้ “ผมเห็นเขากำลังพยายามโกนหนวดตัวเองด้วยแบตเตอเลี่ยนอยู่ที่ด้านนอกถนน ผมลงมาจากรถและเขาถามผมว่าพอจะรู้วิธีซ่อมแบตเตอเลี่ยนบ้างไหม เพราะของเขามันพังเสียแล้ว ผมช่วยเขาดูและเราก็พบว่านอตหายไปตัวหนึ่ง” . ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ Tony จะช่วยซ่อมแบตเตอเลี่ยนได้ แต่การโกนหนวดด้วยตัวเองสำหรับ Phil นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเขาไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของตัวเองได้ งานนี้คุณตำรวจจึงช่วยจัดการให้ซะเลย เมื่อได้พูดคุยกันระหว่างโกนหนวด Tony รู้ว่าชายไร้บ้านกำลังจะเข้าสัมภาษณ์งานในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และเขาก็ตื่นเต้นกับมันมาก “ผมคิดว่าผมน่าจะช่วยเขาได้มากกว่านี้ และผมคิดว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมทำได้” Tony กล่าว ไปชมวินาทีอันน่าประทับใจนี้กันเลย… . คลิปวิดีโอของทั้งสองที่ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก หลายๆ คนบอกว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรายนี้ทำ ได้แสดงให้เห็นถึงความมีเมตตาและความอ่อนน้อมถ่อมตนได้เป็นอย่างดี จากรายงานของสำนักข่าว CNN เผยว่าในที่สุด Phil ก็ได้ทำงานที่เขาสัมภาษณ์…
-
หนุ่มฉกรรจ์นับสิบ วิ่งหนี ‘สุนัขพิตบูลล์’ กันจ้าละหวั่น ไม่รู้ว่ามาดีรึมาร้ายกันแน่!?
อย่างที่รู้กันว่า ‘หมาพิตบูลล์’ นั้นเป็นหมาที่ต้องเลี้ยงดูและฝึกฝนเป็นพิเศษ เพราะตามธรรมชาติมันเป็นสุนัขพันธุ์ดุร้าย หากมันเกิดคลั่งทำร้ายคนขึ้นมาล่ะก็ ขอบอกเลยว่ามันร้ายแรงจนคุณคาดไม่ถึงเลยทีเดียวล่ะ เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไปนี้เมื่อเจ้าพิตบูลล์วิ่งตรงเข้ามาหาเหล่าพนักงานชายที่ยืนอยู่นับสิบคน แต่ต่างก็ต้องวิ่งหนีกันจ้าละหวั่นเพราะไม่รู้ว่าเจ้าหมาพิตบูลล์ตัวนั้นมาดีหรือมาร้ายกันแน่!? คลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดในเมือง Rodnia ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา เผยให้เห็นถึงเหตุการณ์สุดระทึก เมื่อเจ้าพิตบูลล์เดินเข้ามาท่ามกลางกลุ่มคนงานในออฟฟิศแหน่งหนึ่ง พนักงานแต่ละคนนี่เป็นผู้ชายตัวล่ำๆ กันทั้งนั้นไม่ต่ำกว่า 10 คน แต่ด้วยชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าสุนัขพิตบูลล์ที่ว่ากันว่าสามารถกัดคนให้ตายได้เลย เหล่าชายฉกรรจ์เหล่านั้นต่างก็วิ่งหนีกันจ้าละหวั่น บ้างก็เห็นตั้งแต่ไกลๆ แล้วก็รีบปิดประตูหนีไปอีกห้อง ส่วนคนที่เหลืออยู่ก็รีบปีนโต๊ะหลบได้อย่างเฉียดฉิว แต่กลับกลายเป็นว่าเจ้าพิตบูลล์ตัวนั้นวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีที่เป็นมิตรซะเหลือเกิน ส่ายหางดุ๊กดิ๊ก แถมไม่ได้มีท่าทีดุร้ายเลยซักกะตี๊ดดดดเดียว พอเห็นดังนั้นแล้วพนักงานก็ปีนลงมาจากโต๊ะแล้วก็พบว่าเจ้าพิตบูลล์ตัวนั้นมันช่างน่ารักซะไม่มี ตามรายงานระบุว่าเจ้าหมาพิตบูลล์ตัวนี้วิ่งกระโดดหนีออกมาจากรั้วบ้านข้างๆ แล้วก็วิ่งตรงเข้ามาที่ออฟฟิศที่เป็นสถานที่เกิดเหตุ เมื่อพนักงานชายเห็นอยู่ไกลๆ ก็กลัวกันไปก่อน รีบหนีไปตามๆ กัน แต่หารู้ไม่ว่าที่จริงแล้วมันแค่อยากจะมาเล่นด้วยเท่านั้น ลองไปชมคลิปเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… แหม ก็เอ็งเล่นวิ่งปรี่เข้ามาหาซะแบบนี้ เป็นใครใครก็ต้องกลัวกันเป็นธรรมดาล่ะฟะ แต่พวกพี่ชายก็หนีกันซะหมดมาดเลย 555+ ที่มา : dailymail,…
-
นักวิทย์ฯ ฟื้นคืนชีพ ‘หนอนตัวกลม’ ที่ถูกแช่แข็ง 40,000 ปี กลับมามีชีวิตอีกครั้ง!!
ว่ากันว่าหากสิ่งมีชีวิต ‘ถูกแช่แข็ง’ เอาไว้ จะทำให้มีชีวิตยืนยาวได้เป็นร้อยๆ หรือพันๆ ปี!? ดังที่เรามักจะเห็นกันในหนังแนวไซไฟ หรือแนววิทยาศาสตร์ที่มีตัวร้ายถูกแช่แข็งเอาไว้ พอเอามาละลายก็ทำให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่านักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองและสามารถทำให้หนอนที่ถูกแช่แข็งมาตั้งแต่ยุคแมมมอธ ให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง!! จากรายงานล่าสุดของเว็บไซต์ Dailymail ทำให้ทราบว่าตอนนี้นักวิทยาศาสตร์สามารถทำให้หนอนที่ถูกแช่แข็งมาตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง หรือราวๆ 42,000 ปีก่อน ให้มันสามารถกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง เจ้าหนอนชนิดนี้มีชื่อว่า ‘หนอนตัวกลม’ (Nematodes) ที่ถูกแช่แข็งและหยุดเวลาชีวิตเอาไว้ในยุคน้ำแข็ง Pleistocene หรือยุคที่แมมมอธขนยาวยังมีชีวิตอยู่ การทดลองนี้ทำขึ้นที่ห้องแล็บของสถาบัน Physico-Chemical and Biological Problems of Soil Science ณ กรุงมอสโกประเทศรัสเซีย ทีมนักวิจัยได้ร่วมมือกันกับนักธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัย Princeton University จากรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ลงมือชุบชีวิตเหล่าหนอนที่เก็บตัวอย่างมาได้มากกว่า 300 ตัว แต่สุดท้ายแล้วมีเพียง 2 ตัวเท่านั้นที่ฟื้นคืนชีพกลับมาได้ เจ้าหนอนเหล่านี้ถูกเจ้าหน้าที่ธรณีวิทยาเก็บสะสมมาเป็นระยะเวลายาวนาน และตัวที่ฟื้นขึ้นมาก็เก็บได้จากแม่น้ำ Alazeya เมื่อปี 2015 จากการตรวจสอบคาดว่าพวกมันอาจมีชีวิตมานานกว่า 41,700 ปี…
-
“ต่อต้านวัคซีนจงอ่าน” ป้ายนี้โด่งดังทั่วอินเตอร์เน็ต เตือนใจพ่อแม่ที่กลัวการฉีดวัคซีนให้ลูก!!
กลายเป็นเรื่องที่โด่งดังไปในโลกออนไลน์ไปแล้ว เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก Sunni Mariah ได้ไปพบกับป้ายอันหนึ่งในโรงพยาบาลเข้า และรู้สึกชอบใจป้ายที่ว่ามากจนต้องถ่ายภาพดังกล่าวมาแชร์ในโลกออนไลน์ มันเป็นภาพของป้ายรณรงค์ให้คนพาลูกหลานมาฉีดวัคซีน ที่มีจุดเด่นด้านการเสียดสีกลุมต่อต้านการฉีดวัคซีนอย่างเจ็บแสบ ภาพของป้ายรณรงค์ที่กำลังโด่งดัง (คำแปลอยู่ข้างล่าง) การไม่ฉีดวัคซีนให้ลูก จะทำให้เขาเสี่ยงกับโรคร้ายไปตลอดชีวิต ตอนที่ลูกสาวของคุณเป็นหัดเยอรมันระหว่างท้อง คุณจะอธิบายให้ลูกฟังยังไงว่าคุณเป็นคนเลือกให้เธอต้องเสี่ยง? คุณจะพูดอะไรเมื่อเธอบอกคุณว่าเธอเป็นมะเร็งปากมดลูก เพียงเพราะคุณคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน HPV? คุณจะบอกกับลูกชายของคุณอย่างไร ในตอนที่เขาบอกคุณว่าเขามีลูกไม่ได้ เพราะเขาเป็นคางทูมตอนวัยรุ่น? และคุณพูดอะไรกับลูกในตอนที่ไข้หวัดใหญ่ของเขาไปติดคุณยาย? คุณจะอธิบายอย่างไรในตอนที่คุณยายไม่กลับมาจากโรงพยาบาลอีกต่อไป? คุณจะบอกว่าคุณไม่คิดว่าไอ้โรคร้ายพวกนี้มันจะรุนแรงขนาดนี้อย่างนั้นเหรอ? จะบอกว่าคุณเชื่อว่าอาหารปรุงสะอาดที่บ้านอย่างเดียวจะเพียงพอที่จะปกป้องพวกเขางั้นรึ? จะบอกว่าขอโทษรึเปล่า? นี่เป็นคำพูดที่ดร. ราเชล ฮีพ แห่งสมาคมการฉีดวัคซีน Northern Rivers เคยกล่าวเอาไว้เมื่อ 2 ปีก่อน และได้กลายเป็นป้ายรณรงค์ที่โด่งดังในอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน โดยในโพสต์ของ Sunni Mariah นั้นมีคนแชร์ไปแล้วกว่า 2 แสนครั้ง และมีผู้เข้าไปแสดงความเห็นอีกกว่า 48,000 ราย หนึ่งในนั้นคือ Jessi ผู้ที่เล่าว่า พ่อของเธอเป็นโปลิโอก่อนที่จะมีวัคซีน ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าการเป็นโปลิโอมันลำบากมากๆ การที่จะสามารถป้องกันโปลิโอได้ด้วยการฉีดวัคซีน ทำให้เธอเชื่อมั่นในวัคซีนมากๆ และเธอจะให้ลูกๆ ฉีดวัคซีนให้ครบแน่นอน …
-
โฆษณายาทาเล็บเกาหลี โดนหาว่า “แบ่งแยกสีผิว” หลังลงรูปมือสาวผิวดำที่ “ผิวไม่ดำจริง”
บางครั้งความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของรายละเอียดในการโฆษณาสินค้าก็อาจจะนำมาซึ่งความไม่พอใจของผู้ชมจำนวนมากได้เหมือนกัน เพราะเมื่อคนเห็นความผิดพลาดพวกนั้นแล้ว พวกเขาก็แทบจะไม่สนใจเรื่องอื่นๆ ไปเลย เห็นสิ่งแปลกๆ ในภาพนี้ไหม นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อแบรนด์แฟชั่นมีชื่อของเกาหลีใต้อย่าง “Stylenanda” ได้ทำการออกสินค้าใหม่ “Layering Nail Lacquer” ยาทาเล็บสีใหม่ที่ทางบริษัทบอกว่ามีจุดขายอยู่ที่ความ “ดูดี” ทั้งกับคนผิวขาวและคนผิวดำ อย่างไรก็ตามโฆษณาตัวนี้มีจุดที่ผิดพลาดอยู่หนึ่งจุด เนื่องจากว่าฝ่ามือของสาวผิวดำในภาพนั้น เป็นสีโทนเดียวกันทั้งมือเลยนั่นเอง ตามปกติแล้วที่ฝ่ามือของคนจะมีเซลล์ “Melanocytes” น้อยกว่าบริเวณอื่นๆ ซึ่งทำให้การผลิตเมลานินบนฝ่ามือเกิดขึ้นน้อยกว่าหลังมือมาก ส่งผลให้ฝ่ามือของคนส่วนใหญ่จะขาวกว่าหลังมือ โดยเฉพาะกับคนผิวสีด้วยแล้ว นั่นทำให้ชาวเน็ตรู้ความลับของโฆษณาชิ้นนี้ในทันที นั่นคือแทนที่ทาง Stylenanda จะจ้างโมเดลสาวผิวสีมาถ่ายทำโฆษณา พวกเขากลับเลือกที่จะทาสีมือของโมเดลสาวผิวขาวแทนเสียอย่างนั้น การที่เรื่องในครั้งนี้ถูกเปิดเผยออกไปในโลกออนไลน์ทำให้ทางบริษัทถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากเดิมทีแล้วนี่เป็นสินค้าที่ออกแบบมาให้คนผิวสองรูปแบบสามารถใช้สินค้าร่วมกันได้ ดังนั้นการไม่จ้างนางแบบผิวสีจึงทำให้ตัวสินค้ามีภาพลักษณ์ที่ “แบ่งแยก” ขึ้นมาทันที เรื่องที่เกิดขึ้นร้อนไปถึงทางบริษัท Stylenanda จนถึงขั้นที่ว่าพวกเขาจำเป็นต้องออกมาขอโทษเกี่ยวกับโฆษณาที่ออกมา พร้อมกับทำการลบภาพทั้งหมดที่เกี่ยวกับมือทั้งสองข้างนั้นออกไป อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าบนตัวสินค้าที่นำออกมาขายจะยังมีภาพที่ว่าอยู่ แต่นั่นก็เป็นเพียงสินค้าชุดแรก ไม่แน่ว่าในการผลิตสินค้าชุดต่อๆ อาจจะมีการเอารูปนี้ออกก็เป็นได้ …
-
คลิปแสงปริศนาลอยผ่านไป แล้วจู่ๆ ก็เกิดการระเบิดขึ้น?! ชาวเน็ตลือ หรือนั่นคือ UFO!!
เพื่อนๆ เชื่อเรื่อง มนุษย์ต่างดาว กันมากน้อยแค่ไหน? คิดว่ามันมีอยู่จริงในจักรวาลหรือเปล่า? และเพราะความสงสัยเหล่านั้นเอง ที่ทำให้คนจำนวนมากพยายามหาหลักฐานมาพิสูจน์ว่ามันมีอยู่จริง… หนึ่งในหลักฐานนั้น ก็อาจหมายถึงคลิปวิดีโอนี้ที่ถูกถ่ายโดยชายคนหนึ่ง ในเมืองโบโกตา ประเทศโคลอมเบีย เมื่อเขามองเห็นแสงประหลาด บินผ่านท้องฟ้าไปในยามค่ำคืน ตอนประมาณตี 2 สังเกตกันตรงที่วงเอาไว้ แต่เมื่อเขาควักเอากล้องมือถือขึ้นมาถ่าย จู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดซะยิ่งกว่าเดิม เพราะในตอนที่สิ่งแปลกปลอมดังกล่าวบินผ่านไป เสาไฟตรงด้านหน้าของเขาก็เกิดระเบิดขึ้นมาเป็นประกาย ราวกับหนังสยองขวัญ หรือว่านั่นจะเป็น UFO จริงๆ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็อาจเป็นผลกระทบของพลังงานลึกลับที่พวกมนุษย์ต่างดาวปล่อยออกมาหรือเปล่านะ?! คลิปเต็มๆ ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีใครอธิบายได้ว่าสิ่งที่บินลอยหายไปนั้นมันคืออะไร แล้วทำไมเสาไฟต้นนั้นถึงเกิดระเบิดขึ้นมา ด้วยเหตุนั้นเอง คนในโลกโซเชียลจำนวนไม่น้อยจึงต่างคิดว่า นั่นอาจเป็น UFO จริงๆ แล้วแหละนะ Franky Herrera “นั่นมันคือ UFO พวกมันมีกันอยู่จริงๆ” Castro Sevilla “พวกมันมากันแล้ว!!” Rosy Penagos “เอาจริงๆ นั่นมันดูเหมือนแค่หม้อแปลงระเบิดเท่านั้นเองนะ”…
-
สาวอัดคลิป แฟนหนุ่มขับรถเร็วกว่า 190 กิโลเมตร บอกผู้ชายคนไหนทำไม่ได้ “แม่มไร้ค่า!!”
การขับรถเร็ว ถือว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตราย เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ง่าย โดยเฉพาะกับคนที่ใช้ชีวิตอย่างประมาท แต่สำหรับหญิงสาวชาวสิงคโปร์คนนี้ เธอกลับมองว่ามันเป็นเรื่องที่เท่ และผู้ชายทุกคนก็ควรที่จะต้องขับรถได้เร็วกว่า 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหมือนอย่างแฟนหนุ่มของเธอ ภาพจากคลิป การขับรถซิ่ง ที่หญิงสาวคนหนึ่งถ่ายเอาไว้ Chloe Teo คือหญิงสาวคนดังที่เรากำลังพูดถึงอยู่ เธอได้โพสต์วิดีโอลงสตอรี่อินสตาแกรม เผยให้เห็นชายที่คาดว่าจะเป็นแฟนของเธอ กำลังขับรถด้วยความเร็วกว่า 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนถนนเส้นหนึ่งในประเทศสิงคโปร์ นั่นถือว่าเป็นความเร็วที่สูงมาก แต่แทนที่หญิงสาวจะเกิดความหวาดกลัว เธอกลับเชียร์ให้เขาขับให้เร็วขึ้นไปเรื่อยๆ แถมยังบอกว่านี่คือสิ่งที่ผู้ชายทุกคนควรจะต้องทำได้ คลิปวิดีโอแรก พร้อมแคปชั่นว่า “วิธีที่ดีที่สุดในการผ่านค่ำคืนนี้ไป ฉันให้คะแนนเขา 20/10 ไปเลย” คลิปที่สอง เธอใส่แคปชั่นว่า “นี่มันบ้าไปแล้ว ฉันรักเขามากจริงๆ” คลิปที่สาม มีแคปชั่นว่า “ถ้าผู้ชายของคุณทำแบบนี้ไม่ได้ เขาก็ไม่มีค่าพอแล้วแหละ ฮ่าฮ่าฮ่าาา” แม้สตอรี่อินสตาแกรมจะอยู่เพียงแค่ 24 ชั่วโมง แต่ชาวเน็ตหลายๆ คนก็ได้เซฟคลิปทั้งหมดเอาไว้ พร้อมกับนำมาโพสต์ในโซเชียลมีเดียอื่นๆ เธอจึงถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าการกระทำอย่างนั้นมันช่างเป็นอะไรที่โง่เขลามากๆ และการขับรถเร็วมันก็ไม่ได้เท่อะไรเลย…
-
คลิปพนักงานแมคโดนัลด์ ตบกับลูกค้าสาว ร้อนแรงทั่วเน็ต เหตุเกิดเพราะ “น้ำอัดลมฟรี”!?
‘ลูกค้าคือพระเจ้า’ เป็นคำพูดที่คนทำงานบริการจะต้องท่องเอาไว้ในใจ แต่หากบางครั้งต้องเจอกับลูกค้านิสัยแย่ๆ มันก็ไม่ไหวจะเคลียร์เหมือนกัน เช่นเดียวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อไปนี้… เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นในร้านแมคโดนัลด์สาขาลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เหตุมันเกิดมาจากการที่ลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่งต้องการที่จะตีเนียนเอาแก้วเปล่าไปเติมน้ำอัดลมที่เครื่องจ่ายน้ำอัดลมสำหรับแก้วรีฟิล แต่พนักงานไม่ยอมให้เธอทำแบบนั้นก็เลยปิดเครื่องจ่ายน้ำอัดลมไปเพื่อแก้เผ็ด ลูกค้าผู้ก่อเรื่อง Sabrinah Fontelar (ซ้าย) และ Erika Chavolla พนักงานร้านในเหตุการณ์ (ขวา) แต่กลับกลายเป็นว่าลูกค้าสาวเกิดความโมโห ตะโกนด่าพนักงานด้วยถ้อยคำรุนแรง (ด่าว่าอะไรบ้าง ตามรายงานไม่ได้ระบุเอาไว้เพราะในคลิปได้ยินไม่ชัด) ทางด้านพนักงานก็สวนกลับมาแบบนิ่งๆ ว่า “คุณก็จ่ายเงินสิ” จากนั้นลูกค้าก็เริ่มเดือดขึ้นเรื่อยๆ มีการโยนแก้วน้ำเข้าไปในโซนทำงานของพนักงาน ตะโกนยั่วยุต่างๆ นานาว่า “จะอยู่ข้างหลังเคาน์เตอร์ไปถึงเมื่อไหร่ ออกมาฉะกับตรูสิฟะ!!” เมื่อความอดทนมาถึงขีดสุดพนักงานหญิงคนหนึ่งก็วิ่งออกมาจิกผมของลูกค้า แล้วก็ประเคนหมัดใส่รัวๆ ขณะที่ลูกค้าคนอื่นและพนักงานคนอื่นๆ ก็เข้ามาห้ามปรามเหตุรุนแรงดังกล่าว ลูกค้าสาวก็พยายามขัดขืนเต็มที่ แล้วก็ไปต่อยพนักงานคนที่มาห้าม แต่ดูเหมือนว่าด้วยความหมั่นไส้อยู่แล้ว พนักงานที่เป็นคนห้ามก็ร่วมผสมโรงฉะกับลูกค้าสาวไปอีก 1 ยก …
-
คุณลุงโชว์ทริก ‘การขโมยเงินในบัตรเครดิต’ แบบง่ายๆ ติ๊ดเดียว เสียเงินไปแบบไม่รู้ตัว!?
ยุคปัจจุบันนี้ ถือเป็นยุคแห่งโลกดิจิทัล เป็นยุคที่เทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้า และพัฒนาก้าวล้ำไปเรื่อยๆ จนเราคาดไม่ถึงเลยจริงๆ เช่นเดียวกันกับ ‘เหล่ามิจฉาชีพ’ ที่พยายามสรรหากลเม็ดวิธีต่างๆ ในการฉกฉวยผลประโยชน์จากพลเมืองทั่วไป และเรื่องราวต่อไปนี้เอง จะทำให้เพื่อนๆ รู้ว่าทุกวันนี้การโกงมันก้าวล้ำไปไกลพอๆ กับเทคโนโลยีที่พัฒนาไปไกลเหมือนกันนั่นแล เป็นคลิปวิดีโอของคุณลุง Mike Lee ที่มาสาธิตให้ดูถึงวิธีการดังกล่าว ในคลิปวิดีโอคุณลุงจะนำเครื่องอ่านบัตรเครดิต ไปแนบที่บริเวณกระเป๋าท้ายของชายอีกคนหนึ่งที่สมมติว่าเป็นเหยื่อ พบว่ามันสามารถอ่านบัตรเครดิตของเหยื่อได้อย่างง่ายดายราวกับปอกกล้วยเข้าปากเลยทีเดียว!! คุณลุงบอกว่า “เหยื่อ ไม่รู้เลยว่าผมกำลังจะทำอะไร ผมแค่เอาเจ้าเครื่องนี้ไปแปะที่บริเวณก้นของเขา ที่เก็บบัตรเครดิตเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง และการจ่ายเงินก็สำเร็จซะงั้น!!” “ฉะนั้นระวังตัวเอาไว้ด้วยนะครับ” ทางด้าน Morgan Rothwell ผู้อำนวยการขององค์กรป้องกันการฉ้อโกงที่ชื่อว่า Defender Note ก็ได้ออกมายืนยันกับวิธีการโกงเงินดังกล่าวว่า “หากมีคนขโมยเงินออกไปจากบัญชีธนาคารของคุณเป็นจำนวนมาก ประมาณ 500 ปอนด์ (22,000 บาท) คุณจะรู้ตัวในทันที” “แต่หลายๆ คนมักจะมองข้ามจำนวนเงินน้อยๆ อย่าง 30 ปอนด์ (1,300 บาท) ไป…
-
สว.อเมริกัน ขอร้องให้หน่วยงานรัฐหยุดใช้ Adobe Flash Player บนเว็บไซต์ได้แล้วโว้ย
สำหรับคนที่เคยได้มีโอกาสเยี่ยมชมเว็บไซต์ของหน่วยงานของรัฐ (บางเว็บ) จะพบว่า เว็บไซต์ที่เราเข้าไปดูนั้นมีข้อจำกัดหลายๆ อย่าง เช่น ต้องใช้ Internet Explorer หรือบางเว็บไซต์หนักเข้าถึงขั้นต้องติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มก็มี ซึ่งมันไม่ค่อยตอบโจทย์สำหรับคนยุคสมัยนี้เท่าไหร่ นี่มันยุค 4.0 แล้วจริงๆ หรือเนี่ย หลายๆ เว็บไซต์ของหน่วยงานของรัฐยังคงใช้ Adobe Flash Player (ซอฟต์แวร์สำหรับการสร้างมัลติมีเดียบนเว็บไซต์) ซึ่งสำหรับวงการการเขียนเว็บไซต์ถือว่ามันเริ่มล้าหลังมากๆ แล้ว แถมยังมีประกาศจากทาง Adobe ผู้พัฒนาออกมาว่า จะหยุดพัฒนาซอฟต์แวร์ดังกล่าวในปี 2020 อีกด้วย ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาก็ยังมีเว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐหลายเว็บไซต์ที่ยังคงใช้ Flash ในการทำเว็บไซต์ซึ่งข้อเสียของการใช้ Flash คือไม่มีความปลอดภัย เสี่ยงต่อการถูกแฮกได้ง่าย Ron Wyden สมาชิกวุฒิสภาได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยังผู้อำนวยการศูนย์ US Cyber Cammand, NIST และ NSA เพื่อให้ตรวจสอบว่าทำไมเว็บไซต์ของรัฐหลายเว็บยังคงใช้ Flash อยู่ รวมไปถึงเสนอให้เริ่มมีการพัฒนาเว็บไซต์โดยให้ถอด Flash ออกจากเว็บไซต์ทั้งหมดภายในเดือนสิงหาคม 2562 …
-
หนูน้อยไปดูโชว์ปลาในห้างฯ แต่ถูกฉลามกัดนิ้วเหวอะ คุณยายบอกไม่ได้ทำอะไรแค่ยืนเฉยๆ
คำเตือน: บทความนี้อาจมีภาพที่รุนแรง ทางที่ดีควรเตรียมใจไว้ระดับหนึ่ง เคยบ้างไหมที่เวลาไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า บางทีก็จะมีอีเวนต์โชว์ปลาน่ารักๆ ว่ายไปมา ซึ่งความน่ารักของมันนี้เองมันช่างเย้ายวนให้เราไปสัมผัสไปเล่นด้วยซะเหลือเกิน แต่ว่าบางทีก็ไม่ควรทำอย่างนั้น เพราะอาจจะถูกทำร้ายเหมือนอย่างเด็กหญิงคนนี้ก็ได้ ที่มือของเธอต้องเหวอะไปอย่างไม่น่าเชื่อ… ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเมืองกุ้ยหยาง ประเทศจีน เมื่อในเวลาดังกล่าวทางห้างได้นำปลาต่างๆ มาโชว์ในลักษณะแบบเปิดให้ผู้คนได้เข้าชมปลาได้อย่างใกล้ชิดแนบแน่น แต่ว่าด้วยความที่มันเป็นสระแบบเปิดนี้เองก็ได้ทำให้มีหนูน้อยวัย 5 ขวบชื่อว่า Xiao Li ถูกฉลามกัดเข้าที่มืออย่างจังๆ จนเธอมีบาดแผลเหวอะหวะน่ากลัวชนิดที่ว่าใครเห็นเป็นต้องสยองกันทุกราย จนทำให้คุณยายของเธอต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วนเพื่อรักษา ทั้งนี้ทางแพทย์ของโรงพยาบาล Guizhou Orthopedics Hospital เมื่อได้ตรวจสอบอาการของเด็กผู้หญิงเป็นที่เรียบร้อย ก็บอกว่าหนูน้อยคนนี้มีบาดแผลถึง 9 แผลด้วยกันที่มือขวาของเธอ และที่แย่ที่สุดก็คือการมีแผลที่ฉีกออกจากกันโดยสิ้นเชิงในนิ้วชี้ของเธอ รวมถึงเส้นประสาทตามนิ้วต่างๆ ด้วย ทางด้านคุณยายของเธอก็อธิบายเหตุการณ์ว่าในตอนที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น หนูน้อยคนนี้กำลังดูฉลามที่ว่ายวนอยู่ในสระเหมือนกับคนอื่นๆ เพียงเท่านั้น “เธอแค่ยืนอยู่ใกล้ๆ กับสระเอง แต่ว่าจู่ๆ ฉลามมันก็กระโดดขึ้นมาจากน้ำแล้วกัดมือเธอเฉยเลย ในตอนนี้ทั้งกระดูกและเอ็็นต่างๆ ของเธอก็ไม่เหมือนเดิมแล้วล่ะ” คุณยายกล่าว อย่างไรก็ตามก็มีพยานบางคนบอกว่าการทำร้ายโดยปลาฉลามที่เกิดขึ้นนี้ เกิดจากความที่หนูน้อยนำมือไปจุ่มลงในสระต่างหาก ไม่ได้เพียงแค่ยืนเฉยๆ อย่างที่คุณยายกล่าว “ถ้าไม่ได้เอามือไปเล่นน้ำ ก็ไม่มีทางที่ฉลามจะทำอย่างนี้หรอก”…
-
คลิปชายเอเชีย เหยียดนักท่องเที่ยวอียิปต์ “กลับประเทศเอ็งไปซะ” พร้อมกับจะเข้ามาทำร้าย
การเหยียดเชื้อชาติยังคงมีให้เราเห็นอยู่ในทุกประเทศ แม้ว่าในบางครั้งอีกฝ่ายอาจไม่ได้ทำอะไรผิดเลยก็ตาม นั่นเป็นสิ่งที่นักช่องเชียวชาวอียิปต์ Mohamad Sabry ต้องเจอ ในตอนที่เขาได้เดินทางมาเที่ยวในทวีปเอเชีย แล้วถูกเจ้าบ้านต้อนรับด้วยการ “ไล่เขาให้กลับประเทศไปซะ!!” คนเกาหลีใต้ เข้าจู่โจมต่อว่า ไล่นักท่องเที่ยวชาวอียิปต์ให้กลับประเทศไปซะ Mohamad ได้แชร์เรื่องราวจากตอนที่กำลังยืนรอแฟนสาวอยู่บริเวณป้ายรถเมล์ในประเทศเกาหลีใต้ เผยให้เห็นชายเกาหลีคนหนึ่งบุกเข้ามา พร้อมกับพูดภาษาอังกฤษใส่ว่า “เอ็งมาจากไหน? กลับประเทศตัวเองไปได้แล้ว ไป๊” นักท่องเที่ยวชาวอียิปต์ถึงกับงง เขาบอกว่าชายคนนั้นเดินข้ามถนนมาจากอีกฝั่งพร้อมกับสายตาดูถูกเหยียดหยาม เข้ามาทำอย่างนี้ใส่เขา ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาถูกคนเกาหลีเหยียดเชื้อชาติในลักษณะนี้ และต่อให้ Mohamad จะพูดกลับไปว่า “ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย” แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่จะหาเรื่องอยู่ซ้ำๆ บอกไม่ให้ถ่ายคลิป สั่งให้หุบปาก หาว่านักท่องเที่ยวหนุ่มเป็นตัวปัญหา ถามเขาอีกว่า “นี่เอ็งคิดว่าตัวเองเป็นใคร?” สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทำให้หญิงสาวชาวเกาหลี 2 คน ต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์เอาไว้ โดยคนที่ 2 จากที่เราเห็นในคลิป เธอได้วิ่งแทรกเข้ามาพร้อมกับต่อว่าชายที่เหยียดเชื้อชาตินักท่องเที่ยวในครั้งนี้ ผู้หญิงเกาหลีที่อยู่ในเหตุการณ์ โทรแจ้งตำรวจและด่าทอชายคนนั้น แล้วท่าทีของชายคนนั้นก็เปลี่ยนไป เมื่อเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปเป็นของตัวเองบ้าง เดินไปรอบๆ จนทั่ว ถ่ายทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์…
-
หนุ่มช่วยหมาที่ถูกขังในรถกลางวันที่อากาศร้อนจัด แต่กลับโดนเจ้าของหมาด่าซะอย่างนั้น…
เวลาที่เราจอดรถไว้กลางแดดที่ร้อนจัดๆ พอเปิดประตูรถออกมา เราอาจจะบ่นว่าอะไรมันถึงร้อนและอบอ้าวได้ขนาดนี้กันเนี่ย!! แต่ลองนึกภาพว่ามีสัตว์ถูกขังเอาไว้ในนั้นดูสิว่ามันจะทรมานขนาดไหนกัน… เช่นเดียวกันหนุ่มคนนี้ที่ดันบังเอิญไปเจอน้องหมาสองตัวถูกขังอยู่ในรถกลางแดดเปรี้ยงๆ เขาเลยไปช่วยมันออกมาให้พ้นจากอันตรายแล้วให้น้ำดื่มกิน แต่แล้วพอเจ้าของรถคันดังกล่าวเขากลับถูกต่อว่าซะอย่างนั้น!! โดยเรื่องที่ว่านี้เกิดขึ้นจากความที่หนุ่ม Danny Cruttwell ได้ไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ต Tesco Extra ซัสเซกซ์ ประเทศอังกฤษ แล้วในระหว่างนั้นเองเขาก็เดินผ่านที่จอดรถแล้วไปเจอกับเจ้าสุนัขสองตัวถูกขังอยู่ในรถคันหนึ่งเข้า และด้วยอากาศที่ร้อนจัดในเวลานั้นถึง 33 องศาเซลเซียส จึงทำให้เขาตัดสินใจเปิดประตูรถดังกล่าวโดยพลการพร้อมกับถ่ายวิดีโอคลิปเก็บไว้เป็นหลักฐานด้วย จากนั้นก็ป้อนน้ำดับกระหายให้แก่หมาตัวแรกที่เขาช่วยออกมา ทว่าในระหว่างที่กำลังช่วยหมาตัวที่ 2 อยู่นั้นเจ้าของรถดังกล่าวก็กลับมาพอดีพร้อมกับต่อว่าเขากับการทำอย่างนี้ Danny จึงโพสต์วิดีโอที่เขาถ่ายเก็บไว้ลงในเฟซบุ๊กในวันอังคารที่ 24 กรกฎาคม เพื่อให้ชาวเน็ตช่วยตัดสินว่าสิ่งที่เขาทำลงไปนั้นถูกต้องหรือไม่ โดยในวิดีโอนั้นตอนเริ่มต้นจะเป็นภาพของ Danny ที่เดินไปยังรถคันหนึ่งเพื่อจะช่วยเหลือหมาสองตัวนี้ออกมาจากรถที่ร้อนจัด ทั้งนี้ก็ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเจ้าน้องหมาสองตัวนี้อยู่บนรถเป็นระยะเวลานานเท่าไหร่แล้ว ซึ่งเขาก็ได้ป้อนน้ำให้แก่เจ้าหมาที่หิวกระหายจนกระทั่งเจ้าของหมากลับมาที่รถและพบกับสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ ทางเจ้าของหมาอ้างว่าเธอเข้าไปซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ตเพียงแค่ ‘2 วินาที’ เท่านั้น แต่ว่าหากนับจากวิดีโอที่อัดก็จะเห็นว่ามันเป็นเวลากว่า 3 นาทีกว่าๆ แล้วตั้งแต่ที่เขาได้มาให้การช่วยเหลือในครั้งนี้ “เฮ้ คุณน่ะ คุณไม่ควรจะทิ้งหมาเอาไว้อย่างนี้นะ มันเป็นเวลาที่นานพอควรเลยตั้งแต่ก่อนผมเข้าไปซื้อของอีก” แต่ถึงอย่างนั้นทางเจ้าของหมาก็ยืนยันว่า Danny ไม่ได้อยู่ที่ลานจอดรถตอนที่เธอมาถึง…
-
สาวเหยียดครอบครัวผิวสี บอก ‘พวกแกไม่ควรอยู่ที่นี่’ สุดท้ายโดนตำรวจจับใส่กุญแจมือ!!
เรื่องของความหลากหลายทางเชื้อชาติ สีผิว เพศสภาพ ถือเป็นเรื่องที่ได้รับการยอมรับแล้วในปัจจุบัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางส่วนที่ไม่ยอมรับกับความหลากหลาย และพยายามที่จะทำพฤติกรรม ‘เหยียด’ กันต่อไป เช่นเดียวกันกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา มีครอบรัวผิวสีครอบครัวหนึ่งกำลังเดินอยู่บนทางเท้าในเมืองเบิร์กเลย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงวันหยุดยาว เนื่องจากเป็นครอบครัวใหญ่ทำให้ต้องใช้พื้นที่บนทางเท้ามากเป็นธรรมดา จู่ๆ ก็มีหญิงสาวผิวขาวคนหนึ่งเดินสวนมาพอดี แต่แทนที่เธอจะหลบหรือเลือกเดินทางอื่น กลับไม่ยอมและเริ่มกระทำการตามรังควานครอบครัวผิวสี มีการถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์เอาไว้ หญิงสาวผิวขาวพูดออกมาว่า “พวกแกไม่ควรอยู่ที่นี่ ออกไปจากเบิร์กเลย์ซะ พวกแกไม่ควรที่จะอยู่ที่ไหนทั้งนั้นบนโลกใบนี้” คนในครอบครัวผิวสีพยายามที่จะบอกให้เธอใจเย็นก่อน แต่กลับทำให้เหตุการณ์ยิ่งเดือดขึ้นกว่าเดิม เพราะหญิงสาวผิวขาวคนนั้นเริ่มใช้ความรุนแรงด้วยการตบตี จากรายงานระบุว่าหญิงสาวผิวขาวนั้นมีชื่อว่า Lauren Milewski วัย 31 ปี เธอพยายามทำร้ายร่างกายหลานสาวคนเล็กของครอบครัวผิวสีที่มีอายุ 24 ปี ด้วยการดึงผม และกระชากกระโปรง เหตุการณ์ความรุนแรงเริ่มบานปลาย สมาชิกครอบครัวผิวสีพยายามที่จะมองหาคนช่วยเหลือ แต่ปรากฏว่าหลายๆ คนเลือกที่จะไม่สนใจ และในที่สุดก็มีครอบครัวผิวขาวครอบครัวหนึ่งหยุดและเข้ามาช่วยเหลือพวกเขาด้วยการโทรแจ้งตำรวจ และบอกว่าหญิงผิวขาวกำลังกระทำการก่อกวนครอบครัวผิวสีอยู่ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง Lauren ก็กลับลำบอกว่าครอบครัวผิวสีนั้นเป็นม็อบก่อกวน และพยายามที่จะทำร้ายเธอ แต่กลายเป็นว่า…
-
“เมืองอิงะ” ขอชาวต่างชาติเลิกโทรมาสมัคร ขาดแคลน “นินจา” จริงๆ แต่ไม่ได้เปิดรับจ้า!?
ก่อนหน้านี้มีข่าวเผยแพร่ออกมาจากสื่อหลายสำนักว่า เมืองอิงะในจังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น กำลังขาดแคลนนักรบโบราณสายนินจาอย่างหนัก เนื่องจากเป็นเมืองที่โปรโมทการท่องเที่ยวด้วยนินจา และกำลังต้องการคนรุ่นใหม่มาสืบสานวิถีนินจาด้วยอัตราเงินเดือนที่สูงลิบลิ่ว เนื่องจากสถานีวิทยุแห่งชาติในสหรัฐอเมริกาได้รายงานเรื่องขาดแคลนนินจาในเมืองอิงะปุ๊บ ว่าต้องการนักแสดงนินจาเพื่อมาปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือเมืองทางด้านการท่องเที่ยว (โชว์นินจา) พร้อมกับเงินเดือนรายปีระดับหลักล้านบาทกันเลยทีเดียว Motoyoshi Shimai เจ้าหน้าที่แผนกยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวเมืองอิงะ ถึงกับต้องออกมาบอกปัดทันทีว่า “ไม่ใช่แล้วล่ะ นั่นมันผิดเพี้ยนกันไปหมด เราไม่ได้ให้สัมภาษณ์เปิดเผยถึงเรื่องนั้นเลย อย่างไรก็ตาม บุคคลผู้พึงประสงค์จะเป็นนินจาจากทั่วโลก ที่ทราบเรื่องแบบผิดๆ ก็แห่ส่งทั้งอีเมลรวมไปถึงต่อโทรศัพท์ไปหารวมกว่า 115 คน จากทั้งหมด 23 ประเทศ รวมในประเทศญี่ปุ่นด้วย “ส่วนใหญ่ก็เข้ามาสอบถามว่าเมื่อไหร่เราจะเปิดรับสมัคร บางรายก็ถึงขั้นขอร้องอ้อนวอนให้เราจ้างเป็นนินจา แถมยังพยายามโปรโมตตัวเองยกใหญ่ เพราะพวกเขามั่นใจในความแข็งแกร่งของร่างกายมากๆ” Shimai กล่าวเสริม ทางการอิงะจึงต้องออกแถลงการณ์ในหลายภาษาเพื่ออธิบายว่า ยังไม่ได้มีการจ้างนินจาใดๆ เกิดขึ้น และไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องดังกล่าวเท่าไหร่นัก เพียงแต่แปลกใจมากๆ เพราะมีผู้คนให้ความสนใจเกี่ยวกับนินจามากเป็นพิเศษ แต่อย่างไรก็ตาม ในปี 2008 Sugako Nakagawa ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์นินจาในท้องถิ่น เคยเปิดเผยกับทางสำนักข่าวรอยเตอร์ไว้ว่า… นินจาไม่ใช่สิ่งที่สามารถสืบทอดกันได้ง่ายๆ…
-
นักวิทย์พยายามระบุตัวตน เหยื่อเหตุ 9/11 ได้กว่า 60% จากซากมนุษย์ทั้งหมด 22,000 ชิ้น
เหตุการณ์สะเทือนขวัญระดับโลก กับการก่อการร้ายบังคับเครื่องบินพุ่งชนตึกคู่เวิร์ดเทรดเซ็นเตอร์ในวันที่ 11 กันยายน ปี 2001 ส่งผลทำให้มียอดผู้เสียชีวิตหลายพันคน จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ยังไม่สามารถระบุตัวผู้เสียชีวิตได้ครบทุกราย แต่ด้วยความพยายามของทางการนครนิวยอร์ก เหล่าทีมแพทย์ชันสูตรได้พยายามจับคู่ดีเอ็นเอกับซากร่างกายที่เหลืออยู่ และพยายามระบุตัวตนให้ได้จากทั้งหมด 22,000 ชิ้น ล่าสุดนี้ ผลที่ได้คือสามารถระบุตัวตนของนาย Scott Michael Johnson วัย 26 ปี จากการตรวจสอบซากกระดูกของเขาทั้งหมด 6 ครั้งตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อ 17 ปีที่แล้ว จนกระทั่งสามารถจับคู่กับดีเอ็นเอที่ถูกต้อง ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นบวก นาย Johnson คือเจ้าหน้าที่ธนาคารด้านการลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์ความมั่นคง ทำงานอยู่บนชั้น 89 ของตึกฝั่งใต้ และเป็นเหยื่อรายที่ 1,642 ที่สามารถระบุตัวตนได้เป็นคนแรกในรอบปีหลังเดือนสิงหาคม 2017 Scott Michael Johnson Dr. Barbara Sampson หัวหน้าทีมแพทย์ชันสูตรกล่าวว่าการระบุตัวตนของเหยื่อผู้เสียชีวิต คือการอุทิศตนของเจ้าหน้าที่เพื่อให้ทางครอบครัวได้เจอกับบุคคลที่พวกเขาสูญเสียไป แต่เนื่องจากเป็นงานที่ยากมากๆ ด้วยชิ้นส่วนที่เหลือจำนวน 22,000 ชิ้นในสภาพถูกเผาไหม้และปนเปื้อนกับเชื้อเพลิงเครื่องบิน…
-
งงเลย… สาวฟ้องหนุ่มไร้หรรมส์ ถูกหลอกทิ่มระหว่างปิดไฟมืดๆ แล้วที่ผ่านมาใช้อะไรทิ่ม!?
คดีความแปลกๆ เกิดขึ้นได้เสมอบนโลกใบนี้ และเป็นอีกหนึ่งกรณีของการร่วมรักของ 1 ชาย 2 หญิง ที่ไม่ทราบว่าถูกใช้อะไรทิ่มระหว่างการร่วมรักกันในครั้งที่ผ่านๆ มา นาย Carlos Delacruz วัย 35 ปี คบหาดูใจกับหญิงสาว 2 ราย เขาถูกกล่าวหาว่าแกล้งร่วมรักในขณะที่ดับไฟ โดยใช้อุปกรณ์อื่นแทนอวัยวะเพศของตน จนถูกฟ้องในข้อหากระทำความผิดทางเพศ… Carlos Delacruz เหยื่อทั้ง 2 รายกล่าวว่า ประสบกับความเจ็บปวดขั้นรุนแรงระหว่างร่วมรักกับนาย DeLacruz ถึงขั้นต้องบอกให้หยุด เนื่องจากปวดระบมจนทนไม่ไหว โดยไม่รู้ว่าถูกอะไรทิ่มภายใต้ความมืดนั้น ด้านนาย Delacruz ปฏิเสธที่จะให้หญิงสาวทั้ง 2 รายเห็นเขาในสภาพอันเปลือยเปล่า และมักจะโชว์ทักษะการทิ่มบนเตียงด้วยการปิดไฟตลอด ศาลได้รับคำร้องจากเหยื่อและกล่าวว่า จากการพิสูจน์หลักฐานของนาย Delacruz แล้ว เขาไม่มีอวัยวะเพศชายและใช้อุปกรณ์ที่ไม่สามารถระบุได้ในการกระทำดังกล่าว นาย Delacruz ยอมรับข้อกล่าวหาว่า ใช้อุปกรณ์อื่นทิ่มเข้าไปในร่างของผู้หญิงทั้ง 2 ราย โดยไม่ได้รับความยินยอม และการคบหากับทั้งคู่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ต่างกัน ในเดือนพฤษภาคม…
-
บริษัทญี่ปุ่นออกแบบ ‘ผ้าปิดร่องหน้าอก’ สำหรับสาวๆ งานนี้หนุ่มเดือดร้อนกันถ้วนหน้า!!
สาวๆ หลายคนคงจะเคยประสบกับปัญหา ‘เนินหน้าอกโผล่’ ขณะก้มเก็บของหรือก้มลงทำธุระต่างๆ จนกลายเป็นจุดดึงดูดเป้าสายตาจากเหล่าชายฉกรรจ์ที่อยู่รอบๆ ข้าง และปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปเมื่อเพื่อนๆ ได้รู้จักกับนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากญี่ปุ่น เป็นผ้าเกี่ยวบรา ที่เอาไว้บังร่องหน้าอกเวลาที่ผู้หญิงก้มหรือทำกิจกรรมต่างๆ โดยเจ้านวัตกรรมใหม่นี้ถูกผลิตขึ้นมาโดยบริษัทที่มีชื่อว่า Bra Liner โดยตัวผ้านั้นจะมีรูปทรงที่คล้ายกับกางเกงใน แต่วิธีการใช้งานของมันก็คือ นำหูทั้ง 3 ด้านนั้นไปเกี่ยวไว้กับบรา แค่นี้ง่ายๆ จบปิ๊ง . เพียงเท่านี้คุณผู้หญิงก็สามารถก้ม เงย หรือเก็บของที่ตกพื้นได้โดยที่ไม่ตกเป็นเป้าสายตา นอกจากนี้เจ้าตัวผ้านี้ยังออกแบบมาให้สามารถสวมใส่และถอดออกได้ง่ายอีกด้วย เรียกได้ว่าสามารถเลือกใช้ได้ตามสถานการณ์เลยทีเดียวล่ะ รวมไปถึงตัวผ้าที่บางแต่ปกปิดได้อย่างมิดชิด ต่อให้อากาศร้อนก็สามารถถ่ายเทได้สะดวก แน่นอนว่าคอนเซปต์ดังต่อไปนี้ถูกนำไปโพสต์ลงโลกโซเชียล เหล่าชายฉกรรจ์ทั้งหลายต่างก็ออกมาเดือดร้อนกันยกใหญ่ บ้างก็ว่า “ทำไมต้องออกแบบอะไรแบบนี้ออกมาด้วย!!?” “นี่มันแย่มากเลยนะ คุณวางแผนที่จะทำให้ฤดูร้อนอันแสนงดงามของเราจบลงใช่มั้ย?” “ผมอยากจะบอกว่าคุณได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเราไปแล้ว” อย่างไรก็ตาม Bra Liner ยังคงไม่เปิดเผยถึงราคาสินค้าดังกล่าว แต่คาดว่าน่าจะเปิดขายก่อนที่จะจบสิ้นเดือนนี้อย่างแน่นอน ยังไงก็ติดตามข่าวในทวิตเตอร์ @bra_liner ไว้อย่างใกล้ชิดก็แล้วกันนะจ๊ะ เผื่อใครบินไปญี่ปุ่นจะได้แวะไปจับจองได้ทัน อิอิ ที่มา : soranews,…
-
สุดสลด…ว่าที่เจ้าสาวแทงว่าที่เจ้าบ่าวดับคาบ้าน เหตุเจ้าบ่าวอยากเชิญแฟนเก่ามางานแต่ง
ชีวิตคู่เป็นชีวิตที่ไม่ได้ตั้งอยู่กับคนเพียงคนเดียวอีกต่อไป แต่เป็นชีวิตที่คู่ชีวิตทั้งสองคนต้องมาใช้เวลาอยู่ร่วมกันในทุกๆ วัน หากจะให้ความรักยืนยาวได้ก็ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา หากมีเรื่องอะไรแล้วไม่รีบทำความเข้าใจกันล่ะก็ ก็อาจจะเกิดการทะเลาะ เลิกราหรืออาจจะมีเลือดตกยางออก เหมือนอย่างเหตุการณ์ที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เป็นเหตุกาณณ์สุดสลดของการใช้ชีวิตคู่ ว่าที่เจ้าบ่าวถูกว่าที่เจ้าสาวแทงเสียชีวิตคาบ้าน เนื่องจากความคิดเห็นไม่ตรงกันเพราะฝ่ายเจ้าบ่าวต้องการที่จะเชิญแฟนเก่ามาร่วมงานแต่งที่กำลังจะจัดในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย ช่วงเวลาประมาณ 00.20 น. ในวันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม 2018 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายขึ้นในรัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา เมื่อทางเจ้าหน้าที่ไปถึงก็พบร่างของ Brandon Watkins ชายวัย 31 ปีนอนจมกองเลือดพร้อมกับมีดหั่นสเต็กที่ปักอยู่กลางอก แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่จะพยายามตัวเขาส่งโรงพยาบาลเพื่อช่วยชีวิตเขา แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เขาได้เสียชีวิตลงในที่เกิดเหตุ ทาง Jacqueline Souza ภรรยาวัย 33 ปีได้ให้การกับตำรวจว่าพวกเขากลับมาจากไปฉลองงามแต่งที่จะจัดในลาสเวกัสล่วงหน้า และ Brandon ก็ได้คุยประเด็นที่จะเชิญแฟนเก่าของเขามาร่วมงานแต่งด้วย แต่ Jacqueline ไม่ยอม และกล่าวหาว่าเขานอกใจเธอ แอบกลับไปหาแฟนเก่า จากนั้นทั้งคู่ก็เกิดมีปากเสียงกัน และเมื่อทางตำรวจสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น Jacqueline ก็ให้คำตอบที่แตกต่างกันออกไป 3 แบบ ครั้งแรกเธอบอกว่าเธอไปเข้าห้องน้ำ พอออกมาก็พบว่า…
-
‘นักศึกษาพิการ’ ต้องพิมพ์หนังสือด้วยสายตา พยายามจนเรียนจบ ‘เกียรตินิยมอันดับ 1’
“ความพยายามไม่เคยทรยศใคร” เพื่อนๆ เชื่อในประโยคนี้กันหรือไม่ สำหรับ #เหมียวโคบี้ นะเชื่อถือในประโยคนี้มากๆ เลยล่ะ เพราะไม่ว่าอุปสรรคจะเป็นอะไรก็ตาม ถ้าเราพยายามอย่างไม่ย่อท้อเราต้องสามารถผ่านมันไปได้แน่ๆ เหมือนอย่างกับบุคคลที่เราจะกล่าวถึงในวันนี้ เขาเป็นคนที่พิการมาตั้งแต่กำเนิดไม่สามารถเดินได้อย่างคนทั่วไป เขียนหนังสือด้วยมือก็ทำไม่ได้ แต่ด้วยความพยายามอย่างไม่ย่อท้อของเขา ก็สามารถทำให้เขาเรียนจบมหาวิทยาลัยด้วย “เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง” ได้เลยล่ะ คนๆ นั้นคือ Aidan Mataer ชายอายุ 22 ปีผู้เกิดมาเป็นโรคสมองพิการ ไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้ทำให้เขาต้องใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่บนรถเข็น การเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็เหมือนอีกหนึ่งบททดสอบที่เขาต้องต่อสู้กับมันและฝ่าฟันไปให้ได้ Aidan ได้เข้าเรียนทีคณะวรรณกรรมมหาวิทยาลัย Bolton ในชีวิตมหาวิทยาลัยแม้ว่าร่างกายของเขาจะเป็นปัญหาในการเรียนอยู่แล้วก็ตาม แต่เขากลับต้องเจอกับปัญหาที่รุมเร้าเข้าหาอีกครั้งเมื่อต้องดรอปเรียนไปเป็นปีๆ เพื่อไปรักษาตัวจากการผ่าตัดบริเวณสะโพกของตัวเอง Aidan กล่าวถึงความรู้สึกช่วงนั้นว่า “ความเจ็บปวดมันแย่มากๆ เลยครับ ขนาดแค่นั่งบนรถเข็นผมยังทำไม่ได้เลย การผ่าตัดครั้งนั้นเหมือนทำให้ผมพิการยิ่งกว่าเดิม แต่พอความเจ็บพวกนั้นหายไปผมก็สามารถรักษาตัวและกลับมาเรียนที่มหาวิทยาลัยได้อีกครั้ง การศึกษาไม่ว่าจะระดับชั้นไหนมันก็ถือว่ายากสำหรับผมทั้งนั้น เพราะด้วยข้อจำกัดด้านร่างกาย ทุกอย่างที่ผมทำได้ผมต้องใช้เวลากับมันมากกว่าเพื่อนๆ และในขณะนั้นผมต้องใช้ทุกอย่างของผมเพื่อให้ชีวิตเดินต่อไปได้ ผมไม่สามารถใช้มือของตัวเองได้ ยกเว้นแต่ใช้มันขับรถเข็นไฟฟ้าของผม ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเขียนเลย ผมต้องใช้เทคโนโลยี Tobbi Eye Gaze มาช่วยในการเขียน ผมใช้งานมันด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อใช้มันตรวจจับและเขียนหนังสือโดยใช้สายตาของผม” อย่างไรก็ตาม ถึงเขาจะมีปัญหาในการศึกษามากมายขนาดนี้ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความพยายามของเขาต้องสูญเปล่า เพราะจากความทุ่มเทนั้นทำให้เขาสามารถเขียนจบมหาวิทยาลัยด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง!!…
-
คุณตาวัยเกษียณ ถูกเพื่อนบ้านแจ้งตำรวจจับเพราะบ้านเขาส่งเสียง “ตด” รบกวนมากเกินไป
เพื่อนบ้านเป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งสำหรับคนที่จะซื้อบ้านหรือจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่ต้องพิจารณาเป็นอย่างดี เพราะหากเราเข้าไปอยู่แล้วเจอกับเพื่อนบ้านที่สร้างความรบกวนให้แก่เราทุกวี่ทุกวันแล้วล่ะก็ เราคงไม่มีความสุขกับการอยู่บ้านหลังใหม่นั้นแน่ๆ และหากเรารู้สึกว่าถูกรบกวนมากขึ้นเรื่อยๆ มันคงต้องกลายเป็นการทะเลาะกันจนอาจเลือดตกยางออกหรือมีการเรียกตำรวจมาจับกันเลยเป็นอย่างแน่แท้ เหมือนอย่างเรื่องที่เราจะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้ฟังในวันนี้ เป็นเรื่องที่มีทั้งความซีเรียสและความฮาอยู่ในเรื่องเดียวกันเพราะนั่นคือเรื่องของคุณตาวัยเกษียณคนหนึ่งที่ถูกเพื่อนบ้านแจ้งตำรวจมาจับเพราะเธอได้ยินเสียง “ตด” บ่อยเกินไป อยู่มาวันหนึ่งคุณปู่ Colin Mitchell วัย 75 ปีจากเมือง St Albans เขต Hertfordshire ประเทศอังกฤษถึงกับต้องสตั๊นเพราะจู่ๆ ในเวลาประมาณ 15.00 น. ก็มีตำรวจโผล่มาหาเข้าที่บ้านเฉยเลย พอสอบถามกันไปกันมาแล้ว จึงได้ใจความว่ามีเพื่อนบ้านโทรแจ้งตำรวจว่าเขานั้นส่ง “เสียงตด” รบกวนเป็นอย่างมาก แต่เมื่อตำรวจได้มาถึงแล้วก็ต้องตะลึงเพราะว่าเสียงที่เพื่อนบ้านบอกว่ารบกวนนั้นเป็นเสียงของเครื่องจำลองเสียงตดที่เป็นของเล่นเด็ก ซึ่งถูกเล่นโดยหลานของตา Colin อยู่บ่อยๆ นั่นเอง คุณตา Colin ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “มันเป็นอะไรที่เสียเวลาคุณตำรวจมากๆ พวกเขาสามารถไปทำอะไรที่ดีกว่านี้ได้มากมาย พวกเขาพูดว่าผู้หญิงคนข้างบ้านได้ยินเสียงน่ารำคาญทุกครั้งที่เธอเดินผ่าน ผมก็เข้าใจนะถ้ามันเป็นเสียงตดของจริง แต่นี่มันของเล่นของหลานผม มันเป็นแค่เรื่องขำๆ ของพวกเด็กน้อยแค่นั้นเอง” สุดท้ายนี้คุณตาหลานสี่ยังบอกอีกว่า “คุณตำรวจทำงานได้ดีแล้ว แต่นี่มันตลกมากๆ เมื่อพวกเขาไม่มีสิทธิ์เลือกงาน ทำให้คนบางคนสามารถโทรไปบอกให้เขามาทำงานโง่ๆ แบบนี้” ที่มา…
-
คนขับรถส่งของเห็นจราจรยืนทำหน้าที่กลางแดดร้อนเปรี้ยง เลยเอาร่มไปกางให้ นี่แหละน้ำใจมนุษย์!!
ในวันที่อากาศร้อนระอุ แสงแดดส่องจ้าซะยิ่งกว่าอนาคตบางประเทศ คงไม่มีใครอยากทำงานกลางแดดร้อนๆ ให้ตัวดำทะมึน แต่ว่าก็มีบางหน้าที่ ที่จำเป็นจะต้องปฏิบัติเพื่อความสงบของบ้านเมืองและดูแลความปลอดภัยในชีวิตของผู้อื่น และอาชีพที่ว่านี้ก็คือ ‘ตำรวจจราจร’ ที่คอยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ว่าสภาพอากาศในตอนนั้นจะเป็นยังไง ฝนตกแดดออกหรือจะอะไรก็ตาม พวกเขาก็ยังคงทำหน้าที่อย่างแข็งขันจนมีบางคนเกิดความสงสารซื้อน้ำซื้อขนมไปให้กินเอาแรง ก็เคยมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ แดดมันช่างจ้าซะเหลือเกิน แต่ว่าความมีน้ำใจก็แสดงในรูปแบบอื่นได้เช่นเดียวกัน เหมือนกับชายชาวจีนคนนี้ที่นำร่มไปกางให้ตำรวจจราจรที่โบกรถอยู่ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องทนกับอากาศร้อนอีกต่อไปและทำงานได้อย่างมีความสุข!! พระเอกมาแล้ว!! ในวันที่การจราจรหนาแน่น ณ เมืองหวยหนาน มณฑลอันฮุย ประเทศจีน ก็มีตำรวจจราจรคนหนึ่งกำลังโบกไม้โบกมือส่งสัญญาณอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนด้วยความแข็งขัน แม่ว่าในขณะนั้นจะมีอากาศที่ร้อนแสนร้อนก็ตาม สิ่งที่ช่วยอำพรางแสงแดดให้กับจราจรผู้นั้นมีเพียงแค่หมวกใบเล็กๆ กับเครื่องแบบที่ห่อหุ้มร่างกายเอาไว้เท่านั้น ซึ่งก็แน่นอนว่าสิ่งของเท่านี้มันคงไม่เพียงพอสำหรับการยืนปฏิบัติงานได้อย่างมีความสุข.. เดี๋ยวกางร่มให้นะคุณตำหนวด ด้วยเหตุนี้จึงมีชายขับรถส่งของคนหนึ่งสังเกตเห็นว่า ด้านหลังของเจ้าหน้าที่จราจรได้มีฐานร่มวางเอาไว้อยู่ แต่กลับไม่มีตัวร่มคอยบังแดดแต่อย่างใด เขาจึงได้นำร่มกับขาตั้งร่มของตัวเองมาจัดแจงกางให้เรียบร้อย ซึ่งถึงแม้ว่าตำรวจคนดังกล่าวจะปฏิเสธความช่วยเหลือนี้ไปหลายต่อหลายครั้ง แต่ชายนักส่งของนี้ก็ยังยืนยันว่าอยากจะช่วยเหลือเจ้าหน้าที่จริงๆ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่เล็กน้อยในสายตาของใครหลายคนก็ตาม มีรอยยิ้มทิ้งเอาไว้ให้ด้วย “อากาศมันร้อนเกินไป ถ้าไม่มีอะไรช่วยบังแดด คุณยืนต่อไม่ไหวหรอก พวกคุณทำงานกลางแดดร้อนอย่างนี้มาหลายวันแล้ว ดูสิแบบนี้ช่วยบังแดดได้ตั้งเยอะ คุณยืนทำงานแบบสบายๆ เถอะ” ชายส่งของกล่าว ขอบคุณมากครับ!! พร้อมกันนี้นอกจากร่มที่นำมาบังแดดให้แล้ว…
-
นักโทษบังเอิญฆ่าตัวตายในห้องขัง เพราะพยายาม “สำเร็จความใคร่” ด้วยสายไฟฟ้า
ชายผู้เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่มีเหยื่อเป็นหญิงสาว 5 ราย ถูกพบเสียชึวิตในห้องขังพร้อมพบสายไฟฟ้าบริเวณอวัยวะเพศและหัวนม Egidius Schiffer หรือมีฉายาว่า Aachen Strangler นั้นถูกเชื่อว่าบังเอิญฆ่าตัวเองตายขณะที่ใช้สายไฟฟ้าในการ “ช่วยตัวเอง” ให้สำเร็จความใคร่ในเรือนจำ Bochum ประเทศเยอรมนี ร่างศพของเขาถูกพบเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม 2018 ในสภาพที่มีสายไฟฟ้าจากโคมไฟแปะติดเอาไว้กับหลายๆ ส่วนบนร่างกายของเขา ขณะที่เต้าเสียบถูกเสียบอยู่ในปลั๊กไฟ Egidius Schiffer Schiffer ถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรม ก่อนหน้านี้เขาได้ทำการฆาตกรรมเหยื่อเพศหญิง 5 รายเมื่อปี 1983 ถึง 1990 และถูกศาลตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต เขาถูกตัดสินจำคุก 18 ปีให้หลังจากการฆาตกรรมครั้งสุดท้ายของเขา เพราะในปี 2008 เจ้าหน้าที่ได้รับ DNA ของเขามาจากการที่เขากลายเป็นผู้ต้องหาในคดีลักขโมยเศษเหล็ก จึงทำให้โยงกลับไปยังการฆาตกรรมต่อเนื่องเมื่อ 18 ปีก่อนหน้านี้ได้ เหยื่อ 5 รายของเขาเป็นเพศหญิงทั้งหมด และมีอายุตั้งแต่ 15 ถึง 31 ปี และเขาก็ยังได้ทำการข่มขืนเหยื่อ 3 รายจากทั้งหมดด้วย …
-
เพราะคึกคะนอง!! วัยรุ่นเจอสังคมประณาม หลังต่อยชายไร้บ้านพร้อมหัวเราะกันสนุกสนาน
วัยรุ่นถือเป็นช่วงอายุของมนุษย์ที่มีความคึกคะนอง อะไรหลายๆ อย่างมักตัดสินใจไปโดยไม่ได้ไตร่ตรองและใช้อารมณ์เป็นตัวนำอยู่เสมอ ซึ่งบางทีสิ่งที่ทำลงไปนั้น ก็เป็นสิ่งที่ไม่สมควรเอามากๆ เหมือนอย่างเรื่องที่เราจะนำมากล่าวในวันนี้ เป็นเรื่องของกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่รู้นึกสนุกหรือคึกคะนองจากอะไร พวกเขาได้ไปเข้าไปชกใส่ชายไร้บ้านที่ไร้ทางป้องกันและบันทึกเป็นวิดีโอหัวเราะชอบใจพร้อมส่งต่อกันใน Snapchat ให้เพื่อนได้ดู ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2018 ได้มีเพจเฟซบุ๊กชื่อว่า Robin Armstrong ได้นำวิดีโอดังกล่าวมาโพสต์ลงในเพจพร้อมกับแคปชั่นว่า “ไอ้เด็กคนที่ต่อยคนไร้บ้าน! เอ็งต้องสถุนขนาดไหนถึงทำแบบนี้ได้วะ! ทำแบบนี้เอ็งใช้อะไรคิด พวกเอ็งมันเป็นสวะของโลกใบนี้ ช่วยผมตามจับพวกเด็กเกรียนนี้หน่อย แชร์วิดีโอที” หลังจากที่มีการอัปโหลดวิดีโอนี้ขึ้นบนโซเชียลมีเดีย ชาวเน็ตหลายคนก็ไม่พอใจกับการกระทำของวัยรุ่นคนนี้และเข้ามาวิจารณ์ขนาดหนัก เกิดอะไรขึ้นกับเยาวชนสมัยนี้นะ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณเติบโตมาโดยไม่เคยถูกพ่อแม่ตีสักครั้ง ไม่มีความให้เกียรติกันเลย หากฉันจับได้นะว่าลูกฉันทำสิ่งที่ไม่ให้เกียรติคนอื่นแบบนี้ ฉันจะเอาขามันออกซะ หากลูกฉันทำแบบนี้นะ ฉันจะเอาของๆ ลูกไปให้คนไร้บ้านและนำลูกไปส่งตำรวจโดยตรงเลย เมื่อเกิดเป็นประเด็นใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ทางตำรวจของพื้นอย่าง Burnley and Padiham Police ก็ได้รับรู้เรื่องราวดังกล่าวและได้โพสต์ข้อความว่า “สวัสดีตอนเย็น พวกเรารู้ถึงวิดีโอที่กำลังเป็นกระแสในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการทำร้ายชายไร้บ้านใน Burnley แล้ว จากการสืบสวนพกเราสามารถระบุตัวของชายคนนั้นและเราจะไปพูดคุยกับเขาอย่างเร่งด่วน พวกเราอยู่ขั้นตอนการสืบสวนขั้นต้นและอยากจะขอความร่วมมือไม่ให้โพสต์ชื่อของผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลงในโซเชียลมีเดีย เราจะกลับมาอัปเดตเรื่องราวให้คุณได้รู้ หากมีความคืบหน้าของการสืบสวน” แต่ดูเหมือนว่าหลายคนจะไม่เห็นด้วยกับการทำงานของตำรวจ เลยกระหน่ำคอมเมนต์ไม่พอใจกันอย่างมากมาย…
-
นักเต้นหนุ่มวัย 16 ปี กับแชลเลนจ์ “เต้นกับเพลงอะไรก็ได้” คนตามอินสตาแกรมเป็นล้าน!
การเต้นเองก็เป็นศิลปะที่น่าสนใจแขนงหนึ่ง ในวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป การเต้น ที่เกิดขึ้นในวัฒนธรรมนั้นๆ ก็จะแตกต่างกันออกไปด้วย แต่ปัจจุบันเมื่อวัฒนธรรมทั้งหลายได้ถูกส่งผ่านและมีการรับเข้ามาซึ่งวัฒนธรรมที่แตกต่าง การเต้นจึงเป็นการผสานเอา “สไตล์” หลายๆ แบบมารวมกัน และเกิดเป็นศิลปะอันมาจากความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้จุดสิ้นสุด นักเต้นวัยเยาว์อย่าง @KidatheGreat เองก็ได้สร้างความเท่และความอัศจรรย์ขึ้นจากการเต้นของเขา เขาเป็นเด็กวัย 16 ปีที่ได้แชมป์การประกวดเต้นจากรายการ So You Think You Can Dance Kida the Great สิ่งที่น่าสนใจก็คือมีชาวเน็ตเข้ามาชมคลิปวิดีโอเต้นของเขาเป็นจำนวนมากบนอินสตาแกรม นั่นเป็นเพราะว่า Kida และผองเพื่อนได้ริเริ่มแชลเลนจ์หนึ่งขึ้นมานั่นก็คือ #whenyoucandancetoanything นั่นเอง มันเป็นแชลเลจน์ที่เขาและเพื่อนๆ จะเต้นกับเสียงเพลงไม่ว่าจะเป็นเพลงอะไรก็ตาม เช่น ประกอบวิดีโอเกมหรือเพลงของรถขายไอศกรีม เป็นต้น พูดแล้วก็คงไม่เห็นภาพ ถ้างั้นเราไปชมฝีไม้ลายมือการเต้นของนักเต้นหนุ่มน้อย Kida คนนี้กันเถอะ!! เพลงจากเครื่องวิดีโอเกม Wii นั่นเอง เพลง A Thousands Miles ของ Vanessa Carlton เพลงจากรถขายไอศกรีมแถวบ้าน …
-
หนุ่มมะกันไม่อยากตกเครื่อง โทรฯหลอกสนามบินว่า “มีระเบิด” สุดท้ายติดคุกตามระเบียบ
ชายชาวโอไฮโอวัย 40 ปีนามว่า Dana Carter ที่ได้โทรไปขู่กับทางสนามบินว่าจะมีการวางระเบิด เพื่อให้ตนไม่ต้องตกเครื่องโดยเสียค่าตั๋วไปฟรีๆ ล่าสุดต้องโทษจำคุกเรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมปี 2017 นาย Dana จากเมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอพร้อมด้วยเพื่อนสาวของเขา ทั้งคู่เดินทางมายังสนามบิน Northern Kentucky เพื่อบินไปยังรัฐเท็กซัส แต่มาสาย รายงานจาก Dayton Daily News กล่าวว่าการให้การในชั้นศาลบอกว่าชายคนนี้โทรมายังสนามบินหลายครั้ง เพื่อบอกว่ามีระเบิดบนเครื่องบินลำที่เขาจะโดยสาร จากนั้นเที่ยวบินดังกล่าวก็ถูกยกเลิกเนื่องจากเกรงว่าจะมีการวางระเบิดจริง แต่ในอีก 2 ชั่วโมงต่อมานาย Dana ก็จองตั๋วในอีกเที่ยวบินหนึ่งเพื่อบินไปยังเมืองแดลลัส รัฐเท็กซัส นาย Dana ยอมรับกับอัยการว่าเขาได้โทรไป “หลอก” กับสนามบินว่ามีระเบิดอยู่บนเครื่องบิน ซึ่งตัวเขาเองเรียกการกระทำนั้นว่า “การกระทำที่โง่เง่า” ล่าสุดในวันที่ 19 กรกฎาคม 2018 Dana Carter ถูกตัดสินให้รับโทษจำคุก 4 เดือน และถูกควบคุมความประพฤติโดยรัฐบาลกลางเป็นเวลา 3 ปี นอกจากนี้ยังได้ถูกสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินอีก 7,700 ดอลลาร์สหรัฐ (ราวๆ 257,000…
-
ญี่ปุ่นปิ๊งไอเดีย! เช่าพื้นที่ “ใต้วงแขน” ของสาวๆ สำหรับใช้เป็น “พื้นที่โฆษณา” ??
ประเทศญี่ปุ่นนี่เขามักจะมีอะไรออกมาให้พวกเราได้ประหลาดใจกันอยู่เสมอ ไม่เว้นแม้แต่วงการโฆษณาของประเทศเขาเอง ที่เกิดปิ๊งไอเดียประหลาด ใช้ ใต้วงแขนของสาวๆ เป็นพื้นที่สำหรับโฆษณา… หากคิดจะใช้ร่างกายมนุษย์เป็นพื้นที่โฆษณาจริงๆ ใต้วงแขนหรือเรียกอีกอย่างว่ารักแร้นั้นคงเป็นบริเวณท้ายๆ ที่เราจะนึกถึงเลยใช่ไหมล่ะ แต่ที่ญี่ปุ่นเขากลับมองว่าเป็นพื้นที่ทองคำที่น่าจะดึงความสนใจของผู้บริโภคได้ดี ก่อนหน้านี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่ผันตัวเองให้กลายเป็น “ป้ายโฆษณาที่มีชีวิต” เช่นมีการสักโลโก้ของแบรนด์ต่างๆ ลงบนใบหน้าและส่วนอื่นๆ บนร่างกายเพื่อใช้เป็นพื้นที่โฆษณา แต่บริษัทโฆษณาอย่าง Wakino Ad Company กลับมีแนวคิดที่ล้ำลึกและแหวกแนวกว่านั้น พวกเขาคาดหวังให้ใต้วงแขนของสาวๆ กลายเป็นป้ายโฆษณาชั้นดีที่จะทำให้ผู้คนหันมาสนใจ ล่าสุดบริษัท Wakino ก็กำลังรับสมัครหญิงสาวเพื่อใช้บริเวณใต้วงแขนเป็นพื้นที่โฆษณา โดยค่าเช่าพื้นที่ที่ทางบริษัทจะตอบแทนให้ก็อยู่ที่ราวๆ 3,000 บาทต่อชั่วโมง เลยทีเดียว ทางบริษัทจะทำการแปะสติ๊กเกอร์ป้ายโฆษณาใดโฆษณาหนึ่งลงบนบริเวณพื้นที่ใต้วงแขนแสนเนียนของสาวๆ แล้วตัวนางแบบเองก็จำเป็นจะต้องโพสต์ท่าใดๆ ก็ได้ที่ทำให้ผู้คนสามารถมองเห็นป้ายโฆษณาได้ชัดเจนที่สุด ปัจจุบันไอเดียนี้ทางบริษัท Wakino เองก็เพิ่งเริ่มดำเนินการ จึงทำให้ยังไม่ทราบว่าไอเดียการโฆษณาใต้วงแขนนี้ได้ผลลัพธ์ที่ดีหรือไม่ แต่ก็มีผลงานที่ค่อนข้างติดตาผู้คนแล้วนั่นก็คือป้ายโฆษณาผลิตภัณฑ์กำจัดขนรักแร้ชนิดไม่ทำร้ายเซลล์ผิวนั่นเอง อย่างไรก็ตามบริษัทโฆษณา Wakino Ad Company นั้นเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การดูแลของแบรนด์ Liberta ซึ่งเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมความงามบริเวณใต้วงแขนโดยเฉพาะ เรียกได้ว่าใช้บริษัทตัวเองในการโฆษณาเพื่อเป็นตัวอย่างให้แบรนด์อื่นๆ หันมาสนใจนั่นเอง โฆษณาแปลกๆ แบบนี้อาจจะเป็นจุดสนใจของผู้คนมากกว่าที่คิดไว้ก็ได้นะ >…
-
หนุ่มจับโป๊ะสวนสัตว์ เอาลามาย้อมสีเป็นม้าลาย ด้านผอ. ยืนยัน ‘นี่ม้าลาย’ โอเค ใช่ก็ใช่!!
เพื่อนๆ หลายคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘ย้อมแมวขาย’ กันมาบ้างแล้ว แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมการ ‘ย้อมลาขาย’ กัน!? เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในสวนสัตว์เมืองไคโร ประเทศอียิปต์ ปรากฏว่ามีเจ้าม้าลายตัวหนึ่ง ดูมีรูปร่างหน้าตาแปลกๆ ไม่เหมือนกับม้าลายทั่วๆ ไป แต่พอเข้าไปดูใกล้ๆ เท่านั้นแหละ…อ้าว มันคือ ‘ลา’ ที่ถูกย้อมสีจนดูคล้ายกับม้าลายนี่ฝ่า!! นาย Mahmoud A. Sarhani นักศึกษาหนุ่มเป็นคนที่จับสังเกตเจ้าลาตัวนี้ได้เป็นครั้งแรก เขาได้ไปเยี่ยมชมสัตว์ตามปกติที่สวนสัตว์ Cairo International Garden แต่พอไปถึงกรงม้าลายก็พบว่ามันมีบางอย่างที่ไม่ปกติ ก็เลยเดินเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วก็พบว่า มันไม่ใช่ม้าลาย แต่เป็นลาที่ถูกทาสีให้คล้ายกับม้าลายเท่านั้นเอง!? นั่นเพราะว่าเนื่องจากอากาศร้อนทำให้สีที่ทาอยู่บนตัวของมันละลายออกมาจนเห็นได้ชัด Mahmound ได้ทำการถ่ายภาพและโพสต์ลงโซเชียลมีเดียจนกลายเป็นกระแสไวรัล นำไปสู่การนำข้อมูลดังกล่าวนี้มาเปิดเผยให้สาธารณะชน หลายคนต่างก็เข้ามาวิเคราะห์กันไปต่างๆ นานา ทั้งรูปร่างลักษณะของมันที่มีหูยาวอันเป็นลักษณะเด่นของลานั่นเอง และนำไปสู่ข้อสรุปที่ว่าเจ้าม้าลายตัวนี้มันคือลา!! แต่อย่างไรก็ตามทางด้านนาย Mohamed Sultan ผู้อำนวยการสวนสัตว์ได้ออกมาชี้แจงว่า มันคือม้าลาย!! ลองไปชมภาพม้าลายที่แท้ทรูกันดู …
-
สุดซึ้ง!! ชายจีนแบกภรรยาผู้พิการเที่ยวทั่วเอเชีย เพื่อให้เธอจากไปโดยไม่คาใจใดๆ
“รักแท้” เป็นนิยามของความรักที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด เพราะหากคุณได้เจอกับรักแท้หรือคู่แท้ ความรักของคุณก็จะยั่งยืน คู่แท้ของคุณจะยอมทำทุกอย่างที่สามารถทำให้ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เหมือนอย่างที่ชายชาวจีนอายุ 57 ปีคนนี้ได้ทำให้แก่ภรรยาผู้พิการของเขา เขาได้แบกภรรยาไปเที่ยวทั่วทวีปเอเชีย เพื่อให้เธอได้ออกมาดูโลกกว้างที่ตอนนี้เธอไม่สามารถมาได้ด้วยตนเองและเวลาเธอจากไปจะได้ไม่รู้คาใจกับอะไรหลายๆ อย่าง คนๆ นี้คือ Wang Xiaomin ชายผู้ที่อุทิศทุกๆ อย่างให้แก่ภรรยา ล่าสุดวันที่ 22 กรกฏาคม 2018 เขาเพิ่งแบกภรรยาขึ้นไปเที่ยวชมหนึ่งในมรดกโลกที่จัดโดยองค์กร UNESCO อย่างยอดเขา Huangshan ในมณฑลอานฮุย ประเทศจีน ภรรยาของคุณ Wang ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น Motor Neurone Disease (MND) หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงตั้งแต่ 5 ปีก่อน โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงนี้เองเป็นโรคที่เกิดความผิดปกติจากเซลล์ประสาทที่อยู่ในสมองและไขสันหลัง กล้ามเนื้อจึงอ่อนแรงและไม่สามารถควบคุมได้เพราะขาดเซลล์สั่งการนัั่นเอง ทั้ง Wang และภรรยาไม่ได้มีลูกด้วยกัน แต่ก็ยังรักกันดี พวกเขาพากันท่องเที่ยวไปหลายๆ แห่งเช่นพระราชวังโปตาลาหรือ Hohxil ในประเทศทิเบตและตอนนี้ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปที่ไหนกันต่อดี แต่ไม่ว่าจุดหมายต่อไปจะเป็นที่ใด เราจะพาภรรยาไปด้วยกันอย่างแน่นอน สุดท้ายนี้ Wang ได้กล่าวว่า…
-
‘ทหารองครักษ์’ ผลักนักท่องเที่ยวซะกระเด็น เพราะไปยืนขวางทางเดินลาดตระเวน!!
กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียลของต่างประเทศ กับกรณีของ ‘ทหารองค์รักษ์’ ผลักนักท่องเที่ยวสาวจนกระเด็น เพราะเธอดันไปขวางทางเดินลาดตระเวน!! เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่บริเวณหน้าพระราชวัง Windsor Castle ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม อย่างไรก็ตามในสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ถือเป็นสถานที่สำคัญ เพราะเป็นถึงพระราชวัง มีทหารที่คอยทำหน้าที่เดินลาดตระเวนตรวจตราความเรียบร้อย จึงมีกฏขึ้นมาว่า ห้ามไปขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ อย่างเช่นการเดินขวางทาง การหาเรื่องพวกเขา หรือชวนพูดคุย แต่กลับกลายเป็นว่ามีนักท่องเที่ยวสาวคนหนึ่งละเมิดกฎ 1 ในข้อที่กล่าวมา คือ ‘ยืนขวางทาง’ เจ้าหน้าที่ ทำให้เธอถูกผลักออกจากเส้นทางอย่างรุนแรง ในเบื้องต้นดูเหมือนว่าเธอจะไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม จากกที่ถูกผลักเป็นเพราะเธอไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่ควรอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว ดังจะเห็นได้จากเชือกที่กั้นอยู่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ยืนอยู่ด้านหลังเชือกนั้น แต่ตัวของผู้หญิงที่ถูกผลักกับมาอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเชือก!? แต่อย่างไรก็ตามชาวเน็ตก็ให้ความเห็นออกเป็นสองเสียง ว่าทำไมเจ้าหน้าที่ทหารองครักษ์ถึงไม่ตักเตือนดีๆ ก่อน การผลักรุนแรงแบบนั้นไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเลยแม้แต่น้อย อย่างที่รู้กันว่าหน้าที่ของทหารองครักษ์คือปกป้องสถานที่ของราชวงศ์ และพวกเขาถูกฝึกมาให้ทำหน้าที่อย่างเงียบๆ ไม่พูดหรือสื่อสารกับใคร ต่อให้เกิดอะไรขึ้นพวกเขาก็จะทำหน้าที่ของเขาต่อไปโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด นอกจากนี้ยังมีการอนุญาตให้มีการตักเตือนนักท่องเที่ยวหรือใครก็ตามที่ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ตามสมควร ลองไปชมคลิปเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… แล้วเพื่อนๆ…
-
สส.หญิงญี่ปุ่น บอกรัฐบาลไม่ควรช่วยเหลือกลุ่ม LGBT เพราะมีลูกเพิ่มคนในประเทศไม่ได้!!
เรื่องของ ‘ความหลากหลายทางเพศ’ ถือเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจจากชาวโลกเป็นจำนวนมากในช่วงหลังๆ มานี้ แน่นอนว่าในสังคมก็มีความเห็นที่แตกต่างกันออกไปอย่างเห็นได้ชัด บ้างก็ให้การยอมรับกับเพศกลุ่มเพศทางเลือก บ้างก็มองว่าเพศสภาพนั้นมีแค่ชายกับหญิงเท่านั้น!! และนี่คือเรื่องราวที่กำลังเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากมายในโลกโซเชียล กับกรณีของ สส. ญี่ปุ่น ออกมาให้ความเห็นว่ากลุ่ม LGBT ไม่สมควรได้รับสวัสดิการจากรัฐ เพราะพวกเขาไม่สามารถมีลูกได้!? Mio Sugita เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และทำงานเป็นผู้บัญญัติกฎหมายของพรรคประชาธิปไตยเสรีนิยม (Liberal Democratic Liberty) ของประเทศญี่ปุ่น เธอได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับกลุ่มเพศทางเลือกผ่านทางรายการเมื่อปี 2015 และสร้างความไม่พอใจให้กับชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก เธอบอกว่า “ย้อนกลับไปในช่วงที่เรียนอยู่ คุณครูถามฉันว่าคิดเห็นอย่างไรกับ LGBT โดยยกข้อมูลมาให้ว่าสถิติการฆ่าตัวตายของคนเหล่านี้สูงกว่าคนปกติทั่วไปถึง 6 เท่า แล้วคุณคิดว่าพวกเขามีความจำเป็นมั้ย? ฉันก็เลยตอบไปว่าไม่เลยแม้แต่น้อย” “มีครั้งหนึ่งที่ฉันเจอผู้หญิงที่เท่มากๆ เลยส่งจดหมายรักไปให้กับเธอ แต่พอโตมาฉันก็ตกหลุมรักผู้ชาย ได้แต่งงาน และกลายเป็นแม่คน ทำให้รู้ว่าที่ฉันเคยรู้สึกไปเมื่อในอดีตนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปโดยธรรมชาติ” “หลายๆ คนที่มีอายุอยู่ในช่วงวัยรุ่น เป็นช่วงที่ค่อนข้างจะมีอารมณ์อ่อนไหว ไม่แปลกที่จะมีความรู้สึกชอบพอกับเพศเดียวกัน ผู้ชายรักผู้ชาย ผู้หญิงรักผู้หญิง พวกเขาคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ผิด มันจะเป็นอย่างไรถ้าเราสอนเด็กๆ ให้คิดแบบนี้กันล่ะ? มันจะทำให้พวกเขาไม่สามารถกลับไปเป็นปกติได้น่ะสิ” …
-
ชีวิตอันขมขื่นของสาวขายบริการใน ‘บังกลาเทศ’ ที่ต้องทนทุกข์มาตั้งแต่อายุ 13 ปี!!
การค้าประเวณี ถือเป็นเรื่องที่ใครหลายคนอาจจะมองว่าไม่ผิด แต่อย่างไรก็ตามมันยังมีด้านมืดที่หลายๆ คนอาจจะคาดไม่ถึงอยู่เบื้องหลัง เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ นี่คือเรื่องราวอันขมขื่นของสาววัย 19 ปี ที่ถูกบังคับให้มาขายบริการในซ่องของประเทศบังกลาเทศ ตั้งแต่อายุ 13 ปี Rupa เป็นสาวขายบริการที่ทำงานอยู่ในซ่อง Kandipara ซึ่งเป็นซ่องถูกกฎหมายของบังกลาเทศ เธอต้องอาศัยอยู่ในบ้านที่มีสาวขายบริการอยู่ด้วยมากกว่า 400 ราย เธอได้เปิดเผยเรื่องราวชีวิตสุดขมขื่น ที่ต้องเผชิญมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กสาวอายุ 13 ปี และต้องทนอยู่กับมันมานานกว่า 5 ปี จนตอนนี้อายุ 19 ปีแล้ว!! ตามกฎหมายของบังกลาเทศได้ระบุเอาไว้ว่า ‘ห้ามไม่ให้เด็กอายุต่ำว่า 18 ปี ทำงานเป็นสาวขายบริการทางเพศ และจะต้องทำใบอนุญาต โดยการยืนยันความต้องการที่จะขายบริการทางเพศจริงๆ’ แต่อย่างไรก็ตาม พบว่ามีสาวขายบริการมากกว่า 47% ที่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี และพวกเธอก็เป็นเจ้าสาวตั้งแต่อายุยังน้อย รวมไปถึงไม่มีความเต็มใจที่จะขายบริการอีกด้วย เช่นเดียวกันกับ Rupa ที่ต้องแต่งงานตั้งแต่อายุได้ 11 ปี กับผู้ชายที่มีอายุมากกว่าเธอถึง 3…
-
ผู้เชี่ยวชาญเผย ‘น้ำในโลงศพดำ’ เป็นน้ำเสียจากท่อน้ำทิ้งที่ซึมเข้าไป มันดื่มไม่ได้!!
หลังจากที่เป็นข่าวฮือฮากันไปพักใหญ่กับการขุดพบ ‘โลงศพดำ’ ที่เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ ล่าสุดก็ได้มีการเปิดเผยภาพออกมาแล้วว่าข้างในนั้นมีอะไร เป็นโครงกระดูกของคน 3 คน แถมยังมีน้ำสีน้ำตาลแดงที่ดูแล้วน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามมีกระแสที่ออกมาเรียกร้องขอ ‘ดื่มน้ำสีน้ำตาลแดง’ ในโลงศพนั้น เพื่อซึมซับพลังด้านมืดจากความชั่วร้ายจากอดีต ผ่านทางเว็บไซต์ Change.org และมีผู้ลงชื่อสนับสนุนมากกว่า 20,000 ราย!! ล่าสุดก็ได้มีการเปิดเผยแล้วว่าของเหลวที่อยู่ในโลงศพดำนั้นมันคืออะไร และมาอยู่ในโลงศพที่ปิดตายมาตลอด 2,000 ปี ได้อย่างไร ดอกเตอร์ Moustafa Waziri เลขานุการของกระทรวงโบราณวัตถุของประเทศอียิปต์กลาวว่า “น้ำที่อยู่ในโลงศพนั้นมันไม่ใช่ยาอายุวัฒนะหรือสิ่งมหัศจรรย์แต่อย่างใด เป็นเพียง ‘น้ำเน่า’ จากท่อน้ำทิ้ง” “ของเหลวเหล่านี้ก็คือ ‘น้ำเน่า’ ที่ไหลซึมจากท่อน้ำทิ้งผ่านชั้นดินเข้ามาและไหลซึมเข้าไปยังรอยแตกของโลงศพ จากนั้นมันก็เข้าไปทำปฏิกิริยาย่อยสลาย ทำให้มัมมี่ที่อยู่ข้างในเปื่อยยุ่ยจนเหลือแต่โครงกระดูกที่เราเห็นในภาพ” “และมันจะดีมากๆ ถ้าคุณไม่ดื่มมันเข้าไป เพราะมันจะส่งผลให้เกิดภาวะกระเพาะและลำไส้อักเสบ นำไปสู่การท้องเสียอย่างรุนแรงได้” “เราได้ทำการเปิดโลงศพออกมา ขอบคุณพระเจ้าที่โลกก็ไม่ได้จมลงสู่ความมืดมิด ผมเป็นคนแรกที่ยื่นหน้าเข้าไปในโลงนั้น และผมก็ยังคงมีโอกาสได้มาพูดคุยกับพวกคุณอยู่ตรงนี้ ผมยังสบายดีอยู่!!” Waziri กล่าว ที่มา :…
-
จากเด็กสาว ที่ถูกเพื่อนๆ กลั่นแกล้งเพราะ ‘ความอ้วน’ เปลี่ยนแปลงตัวเองสู่เวทีนางงาม!!
เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้… ประโยคข้างต้นนี้เพื่อนๆ อาจจะเคยเห็นกันมาแล้วบ่อยครั้ง ซึ่งมันก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เลย เพราะเราไม่สามารถเลือกได้ว่าจะเกิดมาเป็นอย่างไร จะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เป็นลูกคนจนหรือคนรวยเป็นต้น แต่สิ่งที่เราทำได้ก็คือ ‘เลือกที่จะเป็นได้’ อย่างเช่นเรื่องราวของหญิงสาวคนนี้ ที่ทั้งชีวิตของเธอถูกกลั่นแกล้งมาโดยตลอดเป็นเพราะ ‘ความอ้วน’ ของเธอ จนในที่สุดเธอก็ไม่ทนอีกต่อไป ลงทุนเปลี่ยนแปลงตัวเอง จนใครๆ ก็ต้องตกตะลึง Joanna Joseph สาววัย 21 ปีลูกครึ่งมาเลเซีย – อินเดีย กลายเป็นนางแบบสาวสุดสวยลงประกวดรายการนางงามระดับประเทศ และได้รับตำแหน่งรองชนะเลิศไป แต่หากย้อนกลับไปในวัย 13 ปี Joanna เคยมีน้ำหนักร่วม 100 กิโลกรัมด้วยกัน!! และนั่นทำให้เธอถูกเพื่อนๆ แกล้งและล้อเลียนเรื่องความอ้วนแทบตลอดเวลา “มันไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้นเท่านั้นที่ล้อฉัน แต่ยังมีคุณครู หรือแม้แต่ญาติของฉันอีกด้วย!! จากการกลั่นแกล้งนั้นทำให้ฉันรู้สึกแย่มากๆ แต่อย่างไรก็ตามการกินมันก็คือทางออกเดียวของฉันที่ทำให้รู้สึกดีขึ้น” “ฉันสามารถกินข้าวมากกว่า 5 จานในหนึ่งมื้อได้ จำได้ว่าตอนอายุ 7 ขวบฉันน้ำหนักมากถึง 70 กิโลกรัมและกลายเป็นเด็กที่อ้วนที่สุดในโรงเรียน” “ทั้งคุณครูและเพื่อนๆ…
-
สาวนักศึกษาประท้วงไม่ให้เครื่องบินขึ้น เพื่อช่วยชาวอัฟกันไม่ให้ถูกเนรเทศ ชาวเน็ตแห่สรรเสริญ!!
ได้กลายเป็นที่ฮือฮาดราม่ากันอย่างมากในโลกออนไลน์ เมื่อมีกรณีของนักศึกษาวัย 22 ปีคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาขัดขวางไม่ให้กัปตันสามารถนำเครื่องบินขึ้นได้ เพื่อเป็นการปกป้องชาวอัฟกานิสถานคนหนึ่งที่กำลังจะถูกเนรเทศออกนอกประเทศ!! เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากความที่ Elin Ersson นักศึกษาและนักเคลื่อนไหวจากมหาวิทยาลัย Gothenburg University ประเทศสวีเดน ได้ซื้อตั๋วเดินทางจากเมืองโกเตนเบิร์กไปยังเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยในเครื่องบินลำที่เธอขึ้นนั้น ก็มีชาวอัฟกานิสถานคนหนึ่งที่จะไปจุดหมายเดียวเพื่อเปลี่ยนเครื่องต่อไปเมืองคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน จากคำสั่งเนรเทศของทางการ คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเธอได้รู้ดังนั้นจึงได้ทำการขัดขวางการเนรเทศนี้ด้วยการไม่ยอมนั่งเก้าอี้ เพราะเธอรู้กฎดีว่าหากผู้โดยสารไม่นั่งประจำที่ กัปตันจะไม่สามารถนำเครื่องขึ้นบินได้ ดังนั้นเธอจึงยืนยันปฏิเสธการนั่งที่จนกว่าชายคนนี้จะถูกปล่อยตัวลงจากเครื่องบินก่อน ในระหว่างนั้นเองเธอได้หยิบโทรศัพท์มือถือมาบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ เอาไว้ด้วย ซึ่งมีอยู่คำพูดหนึ่งที่เธอกล่าวออกมาว่า “ถ้าหากชายคนนี้ถูกส่งตัวกลับไปเขาจะต้องถูกฆ่าแน่ๆ” และ “ฉันพยายามจะเปลี่ยนกฎของประเทศนี้ มันไม่ถูกต้องเลยที่จะส่งใครก็ตามลงไปอยู่ในนรก” ภายในคลิปจะเห็นได้ว่าในในตอนเริ่มแรกทั้งลูกเรือรวมถึงผู้โดยสารคนอื่นๆ ก็พยายามขอร้องให้เธอนั่งประจำที่เครื่องบินจะได้ออกตัวสักที ทว่าเธอก็ยังยืนยันคำเดิมว่าเธอจะทำก็ต่อเมื่อชายคนนี้ถูกปล่อยตัวเท่านั้น และมีอยู่ช่วงหนึ่งจะเห็นได้ว่ามีผู้โดยสารพยายามจะเข้าแย่งโทรศัพท์ของเธอไป แต่เธอก็ถามคำถามที่ทำให้ต้องตะลึงไปว่า “คุณคิดว่าอะไรสำคัญไปกว่ากันระหว่าง หนึ่งชีวิตกับเวลาของคุณ?” “ทั้งหมดที่ฉันต้องการก็คือแค่หยุดการเนรเทศครั้งนี้ซะ แล้วฉันจะยอมทำตามกฎของที่นี่” Elin กล่าว จนในท้ายที่สุดแล้วเธอก็ได้สิ่งที่เธอเรียกร้องนั่นคือ ชายชาวอัฟกันคนดังกล่าวถูกปล่อยตัวลงจากเครื่องบินและการเนรเทศครั้งนี้ก็ต้องถูกระงับไป แต่ทางเจ้าหน้าที่ของสวีเดนก็พูดถึงเรื่องนี้ว่าถึงอย่างไรแล้วชายคนนี้ก็ต้องถูกส่งตัวกลับประเทศอยู่ดี แม้ว่าในตอนนี้ยังไม่ระบุวันเวลาที่แน่ชัด และสำหรับ Elin ก็อาจจะต้องเผชิญโทษจำคุกถึง 6 เดือนเต็มๆ จากการปฏิเสธคำสั่งของเจ้าหน้าที่ด้วย……
-
ยอมใจ!! สาวเปลือกตาแข็งเผยภาพฤดูร้อนในเมืองเดียวกัน ทั้งอบอ้าวและเต็มไปด้วยน้องยุง
ด้วยความที่โลกใบนี้หมุนอยู่ตลอดเวลาก็ทำให้ฤดูกาลนั้นเปลี่ยนผันไปโดยตลอด ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องที่หลายๆ คนคงจะรู้กันดี แต่ใครจะไปคิดว่าภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป มันจะสามารถทำให้สถานที่หนึ่งเปลี่ยนไปได้มากซะจนน่าตกใจราวกับหน้ามือเป็นหลังเท้า!! ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา คงจำกันได้ว่าในตอนนั้นได้มีภาพของ Anastasia Gruzdeva สาววัย 25 ปีที่กลายเป็นกระแสไวรัลอยู่ช่วงหนึ่ง จากภาพเซลฟี่ท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บใน Yakutia ประเทศรัสเซียที่เธออาศัยอยู่ โดยภาพนั้นเป็นภาพของเธอที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ หิมะ แล้วก็หิมะ จนเปลือกตาของเธอนั้นขาวโพลนไปซะหมด (ยังสงสัยอยู่เลยว่ากะพริบตายังไง) และที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะสภาพอากาศที่แสนจะโหดร้ายในตอนนั้นที่มีอุณหภูมิติดลบถึง -60 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ทว่าแม้ในเมือง Yakutia จะมีสภาพอากาศที่แทบจะเยือกแข็งในฤดูหนาว แต่ในฤดูร้อนที่นี่ก็มีอุณหภูมิที่สามารถสูงได้ถึง 40 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว แถมยังเต็มไปด้วยแมลงต่างๆ โดยเฉพาะยุงระบาดในช่วงเดือนพฤษภาคม – กันยายน อีกต่างหาก และด้วยเหตุฉะนี้ก็ทำให้สาวเจ้ารายนี้เกิดไอเดียถ่ายภาพขึ้นมา เพื่อให้ชาวเน็ตได้เห็นว่าเมืองที่เธออยู่ มันอาจจะเป็นอีกสถานที่ที่อยู่ยากมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกใบนี้ก็เป็นได้ งานนี้เพื่อให้ชาวเน็ตเห็นภาพแบบสุดเอ็กซตรีม เธอจึงไม่รอช้าควบจักรยานไปยังพื้นที่ที่มียุงชุมอยู่เต็มไปหมด แล้วจัดการถ่ายภาพเซลฟี่ตัวเองกับยุงนับเป็นสิบชีวิตที่มาเกาะอยู่บริเวณส่วนต่างๆ ของเธอ จากนั้นก็รีบออกจากบริเวณดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย เมื่อภาพนี้ได้ลงสู่อินเทอร์เน็ตก็มีเสียงชื่นชมเธอมากมายกับผลงานที่ได้ออกมานี้ ว่ามันช่างมีความสวยงามและอุดมไปด้วยความมุ่งมั่นจริงๆ และนอกจากนี้แล้วก็ยังได้ความรู้ด้วยว่าบนโลกนี้ก็มีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย… เห็นแล้วคันแทน… ที่มา: 9gag, ladbible
-
โรงเรียนศิลปะการต่อสู้อินโดฯ “ขับรถเหยียบนักเรียน” ฝึกความอดทน สุดท้ายไร้ปาฏิหาริย์
(บทความมีภาพและเนื้อหาสะเทือนใจ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม) โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู่แห่งหนึ่งในอินโดนีเซีย ได้พยายามสร้างปาฏิหาริย์ด้วยการ ขับรถบรรทุกขนาดกลางเหยียบลงบนร่างของนักเรียน จนทำให้เกิดอาการบาดเจ็บและเสียชีวิตขึ้น ในพิธีเลื่อนชั้นของนักเรียนศิลปะการต่อสู้ จากระดับต่ำไปสู่ระดับที่สูงกว่านั้นได้มีการแสดงซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นการ “แสดงปาฏิหาริย์” ก็คงจะไม่ผิดเท่าใดนัก เพราะว่าทางโรงเรียนได้มีการใช้รถบรรทุกที่หนักพอจะทับร่างคนจนเละได้ มาขับและเหยียบทับร่างของนักเรียน 6 คนซึ่งนอนคว่ำหน้ากับพื้น ถ้าไม่บาดเจ็บเลยก็ถือได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ เด็กนักเรียนนอนเรียงกัน รอรถขับขึ้นมาเหยียบบนร่าง รถบรรทุกดังกล่าวเหยียบและหยุดค้างเอาไว้บริเวณคนที่ 1 และ 2 เมื่อรถบรรทุกขับลงไปแล้วนักเรียน 4 คนลุกขึ้นได้ แต่ทีมงานต้องรีบเข้ามาดูอาการอีก 2 คนที่ยังลุกไม่ขึ้น คลิปวิดีโอการแสดงปาฏิหาริย์ “ขับรถเหยียบตัว” ภายในคลิปจะเห็นได้ว่า เด็กนักเรียนคนที่ 4 มีการลุกขึ้นหลบระหว่างการแสดง คาดว่าไม่สามารถรับน้ำหนักของรถได้ไหว ส่วนนักเรียน 2 คนที่ลุกไม่ขึ้นหลังจากการแสดงจบ ทางโค้ชและผู้ปกครองก็ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายพบว่า นักเรียนคนแรก (คนที่รถเหยียบค้างไว้) เสียชีวิตขณะนำตัวส่งโรงพยาบาล ขณะเดียวกันเด็กนักเรียนคนที่สองบาดเจ็บสาหัส และยังอยู่ในอาการโคม่าอย่างมาก ความเชื่อเรื่องปาฏิหาริย์หากต้องเสี่ยงกับชีวิตคนแบบนี้ก็น่านำมาคิดดีๆ…
-
สองคุณแม่ถูกเชิญออกจากสระน้ำ เหตุให้นมลูกในที่สาธารณะ คุณแม่นับสิบร่วมประท้วง
เป็นเรื่องปกติของการดูแลเด็กในช่วงวัยทารก ที่คุณแม่จะต้องคอยป้อนน้ำนมจากอกให้กับลูกน้อย จากที่ผ่านมาพอจะเห็นได้ว่าการให้นมลูกตามสถานที่สาธารณะ กลับกลายเป็นความลำบากใจของคนทั่วไปมากขึ้นเรื่อยๆ กรณีนี้เกิดขึ้นกับคุณแม่สองราย ถูกเชิญให้ออกจากสระว่ายน้ำสาธารณะในรัฐมินนิโซตา เนื่องจากมีคนไปแจ้งผู้ดูแลสระว่ารู้สึกไม่ดีที่เห็นพฤติกรรมการให้นมลูกของพวกเธอ เหตุเริ่มจากที่นาง Stephanie Buchanan และ Mary Davis ผู้เป็นน้องสะใภ้ได้พาลูกทั้งหมด 6 คนไปยังสระว่ายน้ำ Mora Aquatic Center ตามปกติ แต่แล้วเมื่อน้อง Roman ลูกน้อยวัย 3 เดือนของ Buchanan เกิดงอแงขึ้นมา เธอจึงตัดสินใจให้นมลูกเพื่อสงบสติอารมณ์ หลังจากที่มีคนเห็นเธอปลดชุดว่ายน้ำวันพีชออกเพื่อให้นมลูก หญิงรายหนึ่งก็เดินเข้ามาต่อว่าและให้เธอปกปิดร่างกายด้วย เนื่องจากลูกชายกำลังว่ายน้ำอยู่ในสระ เท่านั้นยังไม่พอ ผู้ดูแลสระเข้ามาพูดคุยเพื่อให้เธอคิดรอบคอบมากกว่านี้ และเชิญให้ไปให้นมลูกในบริเวณตู้ล็อคเกอร์แทนแต่เธอปฏิเสธ ถึงขั้นเรียกตำรวจมาจนทั้งคู่ถึงยอมออกมา… เพียงไม่กี่วันต่อมา เหล่าคุณแม่นับสิบรายได้มาร่วมช่วยกันประท้วงต่อความไม่ยุติธรรมนี้ เพราะการให้นมลูกนั้นเป็นเรื่องปกติไม่ผิดกฎหมาย แต่ทำไมผู้คนกลับรู้สึกไม่ดีและต่อต้านความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ คุณแม่บางรายถึงกับยอมขับรถไกลกว่า 144 กิโลเมตรเพื่อมาร่วมทวงคืนความยุติธรรมให้กับคุณแม่ทั้งสอง “มันเป็นอะไรที่ซึ้งใจมากๆ มันมหัศจรรย์สุดๆ เราอยากจะขอบคุณทุกแรงสนับสนุนที่เราได้รับมา” Stephanie Buchanan กล่าวกับทางสื่อ …
-
ญี่ปุ่นร้อนจัด ร้อนเสียจน “หุ่นฟิกเกอร์” กลายเป็น “ไมเคิล แจ็กสัน” ไปหมดแว้ววว ฮ่าๆ
สำหรับประเทศญี่ปุ่นในช่วงนี้ถือว่าประสบปัญหาทางสภาพอากาศค่อนข้างรุนแรงเลยทีเดียว อุณหภูมิที่ร้อนจนทำให้ประชาชนชาวญี่ปุ่นเกิดความยากลำบากกันถ้วนหน้า และปัจจุบันก็ยังคงร้อนอยู่อย่างต่อเนื่อง ชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยได้เผยผ่านทวิตเตอร์เกี่ยวกับอากาศร้อนที่พวกเขาประสบ ล่าสุดทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า @genkinokakera ก็ได้เผยภาพว่าความร้อนนั้นได้ส่งผลไปถึงหุ่นฟิกเกอร์ของเขาเรียบร้อยแล้ว เจ้าของทวิตเตอร์ดังกล่าวมีโมเดลฟิกเกอร์ของตัวละครที่ชื่อว่า Ritsuko Akagi จากเรื่อง Evangelion แต่ล่าสุดก็ถูกความร้อนทำให้มันกลายเป็น… ไมเคิล แจ็กสัน ไปเสียแล้ว!!! ความร้อนจากอุณภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นทำให้หุ่นฟิกเกอร์ซึ่งผลิตมาจากพลาสติกเกิดการละลายที่บริเวณข้อเท้าของตัวละคร จึงทำให้ตัวหุ่นนั้นเอนไปด้านหน้า แต่ก็ไม่ล้มลง มันจึงเกิดเป็นภาพที่ดูเท่ไปอีกแบบ ราวกับเป็นท่าเต้นต้านแรงโน้มถ่วงในเพลง Smooth Criminal ของ ไมเคิล แจ็กสัน เลยทีเดียว! ทวิตเตอร์ @ROLLS_Ash_LOVE จึงตัดต่อภาพนี้เข้ามาคอมเมนต์ เรียกเสียงฮากระจายเลยทีเดียว (เนียนเลย ฮ่าๆ) หลังจากชาวเน็ตเข้ามาเห็นหุ่น Ritsuko สุดสวยกลายเป็นแบบนี้ ก็เข้ามาคอมเมนต์กันเพียบ! ลองมาดูตัวอย่างกันเถอะ… “ลุกขึ้นเถอะ Ritsuko!” “ฉันคิดว่าคราวหลังคงต้องเอาหุ่นฟิกเกอร์แปะติดกับผนังแล้วล่ะ” “ฉันเห็นทวิตนี้ปุ๊บ ฉันต้องรีบวิ่งไปดูหุ่นฟิกเกอร์ของฉันบ้างเลยล่ะ” “โว้ว มันโดนความร้อนแล้วละลายได้ด้วยเหรอเนี่ย? หวังว่าหุ่น Hatsune Miku ของฉันจะไม่เป็นไรนะ” อย่างไรก็ตาม หากเป็นหุ่นฟิกเกอร์ราคาแพงที่ผลิตจากวัสดุอย่างดีก็จะไม่ละลายหากโดนความร้อน บังเอิ๊ญเจ้าหุ่น Ritsuko ตัวนี้ดันเกรดไม่สูงน่ะสิ……
-
ศาลจีนออกมาตรการ “สงบอารมณ์ 3 เดือนก่อนหย่า” เพื่อลดอัตราการหย่าและผลกระทบต่อเด็ก!!
คนเราบางครั้งก็ทำอะไรลงไปโดยที่ไม่ทันคิด อาจจะเป็นเพราะ อารมณ์ ที่เกิดขึ้นที่ทำให้เราตัดสินใจอะไรที่ผิดพลาด ฉะนั้น การรอให้อารมณ์สงบลงจึงเป็นวิธีที่ดีในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น สำหรับคู่รักหรือคู่สามีภรรยาก็เช่นกัน ยามที่มีปัญหากันจนเกิดการทะเลาะวิวาทหลายต่อหลายคู่อาจหยุดความสัมพันธ์กันไว้ตรงนั้น แต่บางครั้งการ “หย่าร้าง” ก็ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ดีเสมอไป วันนี้ศาลประชาชนสูงสุดของประเทศจีน ได้มองเห็นความสำคัญของการหย่าร้างและเพื่อลดอัตราการหย่าร้างของผู้คนในประเทศ จึงเกิดเป็นนโยบาย “สงบอารมณ์ 3 เดือนก่อนหย่า” หรือ Calm down period นั่นเอง มาตรการนี้ถูกร่างโดยศาลสูงสุดของประเทศซึ่งรวมไปถึงจะมีการปฏิรูปทางกฎหมายอีกด้วย มาตรการนี้มีหลักสำคัญก็คือการให้คู่สมรสที่ต้องการยื่นเรื่องหย่าร้างได้เข้าสู่งช่วงเวลา 3 เดือนของการสงบสติอารมณ์ เพื่อให้มีการไตร่ตรองและพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจหย่าร้างจริง ภายในระยะเวลา 3 เดือนดังกล่าว ทางศาลจะทำการเก็บข้อมูลสภาวะและสถานการณ์ในครอบครัวของคู่สมรสที่กำลังจะหย่าร้าง และให้คู่สมรสเข้ารับคำปรึกษาจากนักจิตวิทยา ทั้งคู่จะยังไม่สามารถหย่าร้างกันตามกฎหมายได้จนกว่าจะครบกำหนดเวลา Guo Jie ผู้พิพากษาของศาลประชาชนชั้นกลางกว่าวว่ามาตรการ “สงบอารมณ์ 3 เดือนก่อนหย่า” นี้มุ่งเน้นไปที่คู่สมรสที่มีบุตรที่ยังเด็กเพราะไม่อยากให้เด็กเหล่านั้นพบเจอกับปัญหาทางครอบครัวและจิตใจ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่พ่อแม่แยกทางและหย่าร้างกันนั่นเอง อย่าคิดว่าการ “หย่า” เป็นเรื่องง่ายๆ ที่ทำแล้วจบ ผลกระทบที่มีต่อบุตรซึ่งยังเด็กนั้นสำคัญมาก มันอาจกำหนดว่าเขาจะเติบโตมาเป็นคนอย่างไรได้เลยทีเดียว ที่มา: nextshark และ chinadaily
-
ยอมได้ทุกอย่าง!! หนุ่มน้อยยอมขายของเล่นสุดหวง เพื่อหาเงินมารักษาเจ้าหมาบริการสุดที่รัก
สุนัขถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มนุษย์เรานิยมนำมาเลี้ยงเป็นอันดับต้นๆ เคียงข้างแมวเหมียวทั้งหลาย โดยพื้นฐานแล้วสุนัขแต่ละตัวจะมีนิสัยที่ขี้เล่น ขี้อ้อน ซื่อสัตย์และรักเจ้าของเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่หลายๆ ครอบครัวจะยอมให้มันกลายเป็นสมาชิกคนสำหรับไม่ใช่เป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยงเท่านั้น เหมือนกับครอบครัวของ Connor Jayne หนุ่มน้อยอายุ 10 ขวบคนนี้ ที่รักและยอมรับเจ้า Copper สุนัขพันธ์ุ Doberman วัย 4 ขวบตัวเป็นสมาชิกในครอบครัว เมื่อถึงเวลาที่เจ้า Copper เจ็บป่วย Connor ถึงกับยอมเสียสละทุกสิ่งแม้แต่ของเล่นสุดหวง เพื่อให้ได้เงินมารักษามัน เมื่อปี 2016 ก่อนหน้าที่ Connor จะมาพบกับเจ้า Copper เจ้าหนูได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่ามีอาการความเครียดหลังจากเหตุการณ์สะเทือนใจ เป็นโรคสมาธิสั้น มีอาการปวดหัวและชักขณะนอนหลับ เขาไม่สามารถที่จะควบคุมแม้แต่ความกังวลของตัวเองได้ เมื่อได้เจ้า Copper ในชีวิต ตอนแรกทางครอบครัวก็เพียงคาดหวังให้มันเป็นเพื่อนเล่นเป็นแค่สัตว์เลี้ยงเท่านั้น แต่ Copper ได้ทำสิ่งที่มีความหมายมากกว่านั้น เพราะมันสามารถบรรเทาอาการต่างๆ ที่ Connor เป็นอยู่ได้อย่างเห็นภาพชัดเจน จนตอนนี้แพทย์วินิจัยฉัยไม่เจออาการดังกล่าวแล้ว ต่อมาในเดือนธันวามคม 2017 โชคร้ายก็ได้มาเยือน เมื่อเจ้า…
-
หญิงใจงามบริจาคอวัยวะให้แก่ชายแปลกหน้า เพียงเพราะได้เห็นโฆษณาออนไลน์ของเขา
ในโลกนี้มีผู้คนมากมายหลายคนที่กำลังประสบกับปัญหาอวัยวะในร่างกายทำงานได้ไม่ดี ซึ่งความหวังเดียวของพวกเขาก็คือการรอใครสักคนหนึ่งมาบริจาคให้ ถ้าเป็นคุณ คุณจะยอมบริจาคอวัยวะสุดแสนสำคัญเพื่อช่วยคนที่คุณไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยหรือไม่ แน่นอนว่าหลายคนเลือกที่จะเก็บมันเอาไว้กับตัวเองเหมือนเดิมดีกว่า แต่ไม่ใช่กับ Jessica Morris ช่างทันตกรรมหญิงจิตใจงดงามวัย 30 ปีคนนี้ ที่ได้กลายเป็นฮีโร่ช่วยชีวิต David Nachere คนแปลกหน้าที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน โดยการบริจาคอวัยวะให้ด้วยความยินดีหลังจากที่เพียงเห็นการโฆษณาหาคนบริจาคอวัยวะบนโลกออนไลน์ David Nachere นักเขียนอิสระวัย 30 ปี ผู้ป่วยเป็นภาวะไตวายเรื้อรัง (ภาวะที่ไตจะลดการทำหน้าที่ลงไปเรื่อยๆ และไม่อาจหายคืนเป็นปกติได้) ตลอดชีวิตของเขาต้องพบกับเวลาที่ยากลำบากตลอด ไตวายครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเขาอายุได้เพียงแค่สามเดือนเท่านั้นและการใช้ชีวิตหลังจากนั้นมาก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดมากถึง 27 ครั้ง ก่อนที่จะพบกับอาการไตวายครั้งที่สอง จากนั้นเขาก็ได้รับคำวินิจฉัยจากแพทย์ว่าตัวเองเป็นโรคโครห์น ซึ่งโรคที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับทางเดินอาหาร ทางเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่แพทย์จะแนะนำได้คือให้เขาขอรับบริจาคอวัยวะ ซึ่งก็มีคนที่เข้าข่ายสามารถบริจาคให้เขาได้อยู่หลายคน แต่ส่วนมากมักจะเรียกบริจาคสูงหลายหมื่นบาท คนที่เหลือก็เป็นคนที่อยู่ที่ประเทศนอกสหรัฐอเมริกา ในขณะนั้น David เริ่มรู้สึกสิ้นหวังกับชีวิตและเกือบจะล้มเลิกการหาผู้บริจาคอวยัวะให้เขาเสียแล้ว แต่จู่ๆ ก็มีความคิดเข้ามาในหัวและเขาก็ตัดสินใจที่จะลองดิ้นรนเฮือกสุดท้าย โดยการโพสต์โฆษณาขึ้นบนเว็บไซต์ Craiglist และถือว่าเป็นโชคดีสำหรับเขา ที่ Jessica ได้เข้ามาพบกับโฆษณาที่เขาทิ้งไว้พอดีและตัดสินใจที่จะทำตามเป้าหมายที่วางไว้ในช่วงปีใหมนั่นคือการช่วยชีวิตใครสักคนหนึ่ง เธอทำการติดต่อหาเขาทันทีและได้ออกเดินทางจาก Orange County มา San Francisco เป็นเวลา 2…
-
เด็กสติไม่สมประกอบหนีออกจากบ้าน แต่กลับสู่อ้อมอกพ่อแม่ได้อีกครั้งจาก ‘รอยสัก’ !!
สำหรับเด็กๆ ที่มีสติไม่สมประกอบนั้นก็ควรที่จะต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะว่าบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาทำลงไปอย่างไม่รู้ตัว อาจจะเป็นอันตรายแก้กับตัวเขาเองได้ เช่นเดียวกับในเหตุการณ์นี้ ที่มีเด็กสติไม่สมประกอบคนหนึ่งเกิดพลัดหลงออกจากบ้านและไม่สามารถกลับบ้านได้เอง ทว่าก็ยังโชคดีที่ครั้งนี้เขาสามารถกลับสู่อ้อมอกของพ่อแม่ได้จาก ‘รอยสัก’ ?? ในเวลาประมาณ 10.00 น. ของเช้าวันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มคนงานก่อสร้างกลุ่มหนึ่งโทรศัพท์หาเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากพวกเขาได้พบตัวของเด็กชายคนหนึ่งที่เดินโซซัดโซเซอยู่บนทางหลวงในเมืองเวินโจว มณฑลเจ้อเจียง ด้วยตัวของเขาเพียงลำพัง เมื่อได้รับแจ้งเหตุดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงรีบมายังสถานที่ดังกล่าว และจากการตรวจสอบก็ได้พบว่าเด็กผู้ชายคนนี้มีสติที่ไม่ค่อยจะสมประกอบนัก ทั้งไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองเป็นใครหรือว่าพ่อแม่อยู่ที่ไหน แต่ถึงกระนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้สังเกตเห็นว่า บนร่างของของเด็กชายมีรอยสักอยู่รอยหนึ่งบริเวณแขนด้านขวา ซึ่งเมื่อนำขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นตัวเลขอยู่กลุ่มหนึ่งที่ดูเหมือนกับว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์สองเบอร์ ทว่าก็มีอยู่เบอร์หนึ่งที่ถูกขีดฆ่าเอาไว้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการรอช้า ทางตำรวจจึงรีบต่อสายไปยังเบอร์โทรศัพท์อีกเบอร์หนึ่งทันที และก็จริงอย่างที่คาดเดาเอาไว้เมื่อทางปลายสายคือแม่ของเด็กผู้ชายคนนี้นั่นเอง โดยจากการรายงานของสื่อ The Paper บอกว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์ไปบอกผู้เป็นแม่ ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงต่อมาเธอก็มารับตัวเด็กคนนี้ไปทันที พร้อมกับคำอธิบายกับทางเจ้าหน้าที่ว่าลูกชายวัย 17 ปีของเธอ เป็นเด็กที่พิการทางสมอง และทางครอบครัวของเธอก็ออกตามหาเขามาโดยตลอด หลังจากที่เขาย่องหนีออกจากบ้านในเวลา 03.00 น. ของวันก่อนหน้านี้ นอกจากนี้เธอยังบอกอีกด้วยว่าด้วยความที่ในอดีตลูกของเธอมักจะหนีออกจากบ้านอยู่บ่อยๆ ในปี 2016 เธอจึงตัดสินใจสักเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ที่แขนของเขาซะเลย เพื่อหวังว่าหากมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น คนที่พบเห็นจะได้สามารถติดต่อกับเธอได้…
-
คลิปชายหนุ่มล้อเลียน “ช่างทำเล็บชาวจีน” เพื่อความสนุก แต่ชาวเน็ตมองเป็นการ ‘เหยียด’ ชนชาติ
เรื่องของการเหยียดเพศและชนชาตินั้นยังคงมีให้เห็นกันได้ทั่วไป เนื่องจากบางครั้งผู้ที่ทำการเหยียดก็ไม่ทราบว่าการกระทำของตนคือการ “เหยียด” ผู้อื่น อย่างเช่นเหตุการณ์ล่าสุดที่ชายคนหนึ่งทำคลิปวิดีโอขึ้นมาเพื่อ “ล้อเลียน” ช่างทำเล็บหญิงชาวจีน ซึ่งการล้อเลียนในครั้งนี้ทำให้ชาวเน็ตที่เข้ามาชมวิดีโอแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งมองว่านี่คือการเหยียด แต่อีกฝ่ายคิดตรงข้าม บททวิตเตอร์ที่ชื่อว่า @iShineSoBright_ มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่ชายคนหนึ่งกำลังทำท่าทาง “ทำเล็บ” ให้กับภรรยาโดยมีการแสดงล้อเลียนช่างทำเล็บชาวจีนอีกด้วย บนโพสต์ทวิตเตอร์ดังกล่าวมีการเขียนอธิบายภาพว่า “ดูชายคนนี้สิ เขาทำเล็บให้ภรรยาราวกับว่าตัวเขาเป็นช่างทำเล็บชาวจีนเลยล่ะ” https://twitter.com/iShineSoBright_/status/1019975772168126464 วิดีโอความยาวราว 2 นาทีนี้เผยให้เห็นว่าชายในคลิปกำลังพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงชาวจีนตามความคิดของคนส่วนใหญ่ พร้อมกับทำท่านวดขาและทำเล็บให้ภรรยา นอกจากนี้ยังมีการเลียนแบบวิธีการพูดคุย รวมถึงท่าทีอื่นๆ ที่อ้างว่าเป็นสิ่งที่มักจะเจอในช่างทำเล็บสาวชาวจีน ทาสีเล็บ นวดเท้าและพูดคุยไปด้วย มีการทำทีหันไปเมาท์ ทำเอาหญิงในคลิปหัวเราะออกมา หันมาคุยกับลูกค้าด้วยสำเนียงที่ล้อเลียน หญิงในคลิปก็หัวเราะร่า วิดีโอดังกล่าวมียอดเข้าชมถึง 1.24 ล้านครั้ง แถมมีการแชร์ไปกว่า 18,000 ครั้ง หลังจากนั้นจึงทำให้เกิดข้อโต้แย้งระหว่างกลุ่มชาวเน็ตที่มองว่านี่คือการเหยียด เราลองมาดูคอมเมนต์ของชาวเน็ตแต่ละกลุ่มดีกว่าว่า เสียงแตกออกเป็นแบบไหนกันบ้าง… กลุ่มมองว่าเป็นการเหยียด “นี่มันไม่ใช่แล้วมุกตลกแบบนี้มันไม่ตลก ผู้คนมักล้อเลียนชาวเอเชียและชาวละติน บอกไว้เลยว่าคนผิวสีเองก็ไม่มีสิทธิ์ล้อเลียนคนอื่นเขาเหมือนกัน ฉันล่ะเบื่อ” “พวกเขาคงตลกกันมาก…
-
เพจเกี่ยวกับครู แชร์ภาพเลขอารบิก 0 – 9 นับตามมุม ถูกสวนกลับยับ ‘มั่วและไม่ควรแชร์’
เรื่องไวรัลที่มีผู้คนแชร์กันเป็นกระแสอยู่พักหนึ่ง อย่างภาพที่มาของตัวเลขอารบิก ซึ่งตัวเลขแต่ละตัวจะนับตามจำนวนมุมตั้งแต่เลข 0 – 9 ซึ่งหลายคนก็หลงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง คนทั่วไปก็ยังรู้สึกคลุมเครือว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง มีการถกเถียงเกิดขึ้นทั้งฝั่งคนที่เชื่อและไม่เชื่อเถียงกันไม่จบไม่สิ้น จนกระแสซาไปได้สักพักหนึ่งก็กลับมาอีกครั้งและเป็นเพจที่เกี่ยวกับครูเป็นฝ่ายโพสต์ภาพดังกล่าว เพจดังกล่าวโพสต์ภาพพร้อมใจความว่า ‘เรียนมาจนจะแก่ตายอยู่แล้ว เพิ่งรู้ว่าเลขอารบิคเขานับจำนวนตามมุมของมัน’ และภาพที่มีก็เป็นเลข 1 – 0 และจำนวนมุมตามตัวเลข ด้านความคิดเห็นจากชาวเน็ตที่พบ ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นในทิศทางที่ไม่เห็นด้วยเยอะมากๆ แรกๆ พอจะเชื่อได้ว่ามีเหตุผล แต่เลขหลังๆ เริ่มพยายามเกินไป . จนต้องมาแย้งว่า เลขอารบิก ไม่ได้คิดตามจำนวนมุม แล้วความจริงของเลขอารบิกในปัจจุบันมากจากไหนล่ะ? จุดแรกเริ่มของตัวเลขอารบิกที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้รับอิทธิพลมาจากนักคณิตศาสตร์อินเดียในระหว่างช่วงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล และคริสต์ศตวรรษที่ 3 จากการพบหลักฐานในคัมภีร์ Bakhshali บันทึกทางคณิตศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของอินเดีย ตัวเลขโบราณชุดแรกเริ่ม ตัวเลขโบราณพรามมิ โดยภายในบันทึกดังกล่าวได้เขียนเชิงอธิบายตัวอย่างแรกของการใช้ตัวเลขในระบบ 0 – 9 จะเห็นได้ถึงความใกล้เคียงของการออกแบบตัวเลขโบราณพรามมิ และตัวเลขฮินดู-อารบิก…
-
สุดว้าว!! จีนเนรมิตน้ำตกสูง 108 เมตรให้ไหลออกมาจากตึกสูงใจกลางเมือง
เรียกได้ว่าเทคโนโลยีของมนุษย์นั้นมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ใครจะคิดว่าการเดินทางของมนุษย์จากที่ต้องเดิน ต้องขี่ม้าจะสามารถลดเวลาลงโดยการผลิตรถยนต์หรือเครื่องบินมาทดแทนได้ จากการอยู่ในถ้ำพัฒนามาเป็นตึกรามบ้านช่องสุดหรูหราได้ ล่าสุดในประเทศจีน เทคโนโลยีการก่อสร้างได้กระโดดก้าวไปอีกระดับ เมื่อพวกเขาสามารถเนรมิตน้ำตกขึ้นมาอยู่บนตึกสูงเสียดฟ้าได้อย่างมหัศจรรย์ เจ้าน้ำตกคนประดิษฐ์นี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาในเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองป่า อย่างเมืองกุ้ยหยาง เมืองหลวงของมณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน โดยที่น้ำตกนี้มีความสูงทั้งหมดประมาณ 108 เมตร ถือว่าเป็นน้ำตกคนประดิษฐ์ที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งไหลลงมาจากตึก Liebian ตึกสูงประมาณ 121 เมตรที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านเศรษฐกิจของเมือง ด้วยความสวยงามของน้ำตกกลางใจเมืองแบบนี้ ทำให้ยากที่จะลืม แม้จะเห็นเพียงครั้งเดียวก็ตาม Guizhou Ludiya บริษัทผู้จัดการโครงการได้บอกว่านี่เป็นน้ำตกแห่งเดียวที่สร้างขึ้นในเมือง แถมยังให้ความรู้สึกสดชื่นอีกด้วย ประชาชนเมืองกุ้ยหยางคนหนึ่งได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับแลนด์มาร์กจุดใหม่ของเมืองว่า “มันค่อนข้างแปลกใหม่ หากเป็นวันร้อนๆ มันจะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้ และยังเป็นจุดที่น่ามองอีกด้วย” รวมถึงชาวเน็ตก็ชื่นชมกันเป็นอย่างมาก ว้าว ว้าว นี่คือตึกที่เจ๋งที่สุดเลย เยี่ยมมากๆ @Tendaijoe wow wow 👏 👏 🎩, this is the best building 🏢. Awesome 😏😏 — 🌍Khetha…
-
จริงจังเกมมิ่ง!! โปรเกมเมอร์ประกาศแยกทางกับแฟนสาวสุดแซ่บ เพราะต้องการโฟกัสกับเกม
หากต้องเลือกระหว่างสิ่งที่ตนเองรักกับสิ่งอื่นๆ เป็นเพื่อนๆ จะเลือกอะไรกัน #เหมียวโคบี้ ก็ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ จะเลือกอะไรหรอกนะ แต่ถ้าเป็นผู้ชายที่เราจะนำมาให้ได้ชมกันในวันนี้ เขาตัดสินใจเลือกสิ่งที่รักและอาชีพของเขามาก่อนสิ่งอื่นใด ชายคนนั้นมีนามว่า Douglas Martin นักแข่งขันเกม Call of Duty มืออาชีพวัย 23 ปี ที่ใช้ชื่อในวงการเกมว่า “FaZe Censor” เนื่องจากล่าสุด Douglas ได้ตัดสินใจอุทิศเวลาของตนให้กับงานที่เขาชื่นชอบและประกาศแยกทางกับแฟนนักพยากรณ์อากาศสาวสุดเซ็กซี่ Tanet Garcia วัย 26 ปีเป็นที่เทียบเรียบร้อย เหตุผลที่ทำให้ทั้งสองต้องเลิกกันเป็นเพราะว่า Douglas ต้องการที่จะใช้เวลาไปกับการโฟกัสในการฝึกซ้อมแข่ง Call of Duty โดยเขากล่าวเกี่ยวกับเลิกกับแฟนว่า “แต่ละวันมันมีเวลาเพียง 24 ชั่วโมงและผมก็ไม่มีเวลามากพอที่จะทำสิ่งที่ผมต้องการจะทำทั้งหมด ณ จุดจุดนี้ของชีวิตผมไม่มีเวลาพอที่ให้แก่แฟนสาวหรอก ผมต้องโฟกัสกับตัวเอง กับอาชีพที่ผมทำอยู่” ส่วนทางฝ่ายสาวเจ้า เมื่อต้องเลิกกับแฟนหนุ่มสุดที่รัก ดูเหมือนว่าเธอจะเสียใจอยู่มากและก็ได้มาทวีตการันตีว่าเธอกับเขาเลิกกันแล้วนะ Heartbroken 💔😞 — Yanet García (@IamYanetGarcia) July 20, 2018 …
-
วินาทีสุดระทึก!! เจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังกว่า 10 นาย สกัดจับโจรขโมยรถแทรกเตอร์
ฉากไล่ล่าด้วยรถยนต์อันแสนดุเดือดที่เราเคยเห็นในหนังแอกชั่นหลายๆ เรื่องนั้น บางคนอาจจะคิดว่าเหตุการณ์ปาดซ้ายปาดขวา หรือเบรกกะทันหันแบบไหนหนังอาจจะเป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริงแน่ๆ แต่เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมาสื่อต่างประเทศได้รายงานข่าวการไล่ล่าอันแสนดุเดือด ระหว่างที่คนร้ายรายหนึ่งได้ขโมยรถและหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ สิ่งที่น่าสนใจของการไล่ล่าครั้งนี้อาจไม่ใช่ความตื่นเต้นแบบในหนังแอกชั่น แต่เป็นชนิดของพาหนะที่คนร้ายใช้หลบหนี อย่างรถแทรกเตอร์นั่นเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจากรัฐโคโลราโดได้นำกำลังสกัดจับหัวขโมยรายหนึ่งที่กำลังหลบหนีพร้อมกับรถแทรกเตอร์ ตามรายงานระบุว่า เขาได้ขโมยรถคันดังกล่าวมาจากสวนสัตว์แห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งหนังจากเกิดเหตุประมาณครึ่งชั่วโมง Addie Hooper หนุ่มวัย 20 ปีผู้บันทึกคลิปวิดีโอดังกล่าวระบุว่า เขาเห็นเหตุการณ์นี้ในระหว่างที่กำลังทานอาหารในร้านแห่งหนึ่งกับครอบครัว และนี่คือวินาทีการไล่ล่ารถแทรกเตอร์ ที่(เกือบ) จะดุเดือด อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับคนร้าย และจากการสกัดจับคนร้ายครั้งนี้ เป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 2 นายด้วยกัน แต่ขณะนี้ทั้งสองปลอดภัยแล้ว ที่มา huffingtonpost, denverpost
-
ทารุณสัตว์?? นักท่องเที่ยว ขว้างก้อนหินใส่แพนด้า เพื่อปลุกให้มันตื่น
การถูกปลุกให้ตื่นนอนอาจเป็นเรื่องที่หลายๆ คนไม่ค่อยชอบ ยิ่งในวันหยุดด้วยแล้วล่ะก็ มันคือการยั่วโมโหกันชัดๆ เลยใช่ไหมล่ะ และไม่ใช่แค่พวกเราเท่านั้นที่จะโดนปลุก แต่พวกสัตว์ก็ด้วยเช่นกัน!! แพนด้าจากสวน Foping Panda Valley ถูกนักท่องเที่ยวทำร้าย เพื่อหวังปลุกให้มันตื่น หลังจากที่พวกเขาสังเกตเห็นมันนอนหลับอยู่ในกรง เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยคลิปวิดีโอที่ถูกบันทึกเอาไว้ได้เผยให้เห็นนักท่องเที่ยวรายหนึ่งหยิบก้อนหินขึ้นมา และปาไปที่แพนด้า ชายรายดังกล่าวเป็นหนึ่งในกลุ่มของนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินชมสัตว์ในอุทยาน Foping Panda Valley ที่เมืองฮั่นจง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของ มณฑลส่านซี ของประเทศจีน จากรายงานเผยว่าชายคนดังกล่าวต้องการที่จะให้แพนด้าวัย 7 ปีที่อยู่ในกรงขยับ จึงได้หยิบก้อนหินและปาไปที่มัน ทางด้านอุทยานได้ออกมายืนยันว่า มีนักท่องเที่ยว 3-4 รายที่ได้แสดงพฤติกรรมดังกล่าว พร้อมกับบอกว่าพวกเขายังทำต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจคำเตือนของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นาน นักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวได้ถูกเชิญออกจากอุทยาน Zhen Xihai เจ้าหน้าที่จากอุทยานให้สัมภาษณ์ว่า ทั้งหมดจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าอุทยานอีกต่อไป “หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เราได้มีการปรับปรุงทางด้านความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ รวมถึงนักท่องเที่ยวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถ้าหากเราพบว่ากรุ๊ปทัวร์ไปที่มีพฤติกรรมแบบนี้อีก จะถูกขึ้นบัญชีไว้และห้ามเข้าอุทยานนี้อีก” Xihai ให้สัมภาษณ์ อย่างไรก็ตามหลังจากที่คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็ได้มีผู้คนมากมายที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมประณามการกระทำของหนุ่มรายนี้ “เราควรห้ามนักท่องเที่ยวแบบนี้เข้ามาในอุทยาน” ความเห็นจากชาวเน็ตรายหนึ่ง และนี่คือคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น…
-
ครอบครัวมีลูกเป็นโหล จะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะได้ ‘ลูกชาย’ ได้เป็นคนที่ 12 พอดี!!
ตามความเชื่อเรื่องของการสร้างครอบครัวของคนจีน มักจะอยากได้ลูกชายมากกว่าลูกสาว เนื่องจากความสำคัญในเรื่องของการสืบเชื้อสายสกุล จากอดีตจนถึงปัจจุบันค่านิยมนี้ก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม แต่ใครเล่าจะรู้ว่า ความพยายามของครอบครัวหนึ่งที่อยากจะมีลูกชายนั้น ทำให้ถือกำเนิดลูกได้มากถึง 12 คน เพราะด้วยความตั้งใจที่อยากจะมีลูกชายอย่างไม่ลดละ จะหยุดจนกว่าจะได้ลูกชายตามสมปรารถนา เรื่องราวนี้กลายมาเป็นประเด็นใหญ่ในสังคมจีน หลังจากที่ทางหนังสือพิมพ์ The Paper ได้เปิดเผยเรื่องราวของพี่สาวทั้ง 11 คนที่อุทิศทั้งชีวิตให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวในครอบครัว เพราะนอกจากจะดูแลเรื่องการแต่งงานให้น้องชายแล้ว เหล่าพี่สาวได้ประเคนเจียดเงินส่วนตัวซื้อเรือนหอให้ เนื่องจากพ่อแม่ป่วยหนักและไม่ได้มีเงินถุงเงินถังช่วยลูกชายแต่งได้ อย่างไรก็ตาม ความใจกว้างของเหล่าพี่สาวนั้นยังคงเป็นปริศนาที่ว่า พ่อแม่สามารถเลี้ยงลูกทั้ง 12 คนได้อย่างไรในขณะที่จีนได้ใช้นโยบายคุมกำเนิดไปแล้ว… สิ่งที่ถูกตีแผ่ออกมานั้น คือผู้เป็นพ่อเป็นแม่ไม่ได้ตั้งใจจะมีลูกมากขนาดนี้ ต้องการเพียงแค่ลูกชาย และสุดท้ายก็ได้ออกมาเป็นนาย Gao Haozhen น้องชายคนสุดท้องคนที่ 12 โดยที่แม่ให้กำเนิดลูกสาวคนแรกในช่วงอายุเพียง 20 ปี และมีลูกเพิ่มมาตลอด 27 ปี โดยหวังเพียงแค่อยากจะได้ลูกชาย แน่นอนว่าเรื่องราวความต้องการของพ่อแม่นี้ กลายมาเป็นประเด็นเดือดในสังคมออนไลน์จีน ถกเถียงถึงความเหมาะสมต่างๆ นานา และทางพี่สาวใหญ่ Gao Yu ได้ชี้แจงผ่านทางสื่อเอาไว้ว่าพ่อแม่ของเธอเป็นคนหัวโบราณ…
-
หนุ่มใหญ่บังคับให้แมวทานอาหารวีแกน เชื่อตามวิถีสุขภาพดี ที่แมวน่าจะได้ตามไปด้วย
วิถีการใช้ชีวิตของแต่ละคน คือสิ่งที่ตนเลือกเพราะคิดว่าดีกับตนเองมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการตื่น การปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงวิถีแห่งการกิน ทั้งนี้ ทางเลือกการกินที่ปราศจากเนื้อสัตว์อย่างสิ้นเชิงอย่างวีแกน ก็ได้รับความนิยมในหมู่ประชากรคนยุคปัจจุบัน ที่หันมาบริโภคแต่ผักและผลไม้ ด้วยความเชื่อที่ว่าจะทำให้ร่างกายสุขภาพดีมากขึ้น แถมยังเป็นการไว้ชีวิตสัตว์อีกด้วย นาย Harry Bolman วัย 53 ปี ก็เป็นหนึ่งในชาววีแกนผู้เคร่งครัดมาตลอด 38 ปี และหลังจากที่เขารับเจ้าเหมียว Uma มาเลี้ยงเมื่อปีที่แล้ว เขาก็ได้มอบวิถีชีวิตวีแกนให้กับมันเพราะคิดว่าจะดีกับแมวเช่นกัน Bolman ได้ให้เจ้าเหมียวทานผักและอาหารแมววีแกนแบบพิเศษมาโดยตลอด แม้ว่าจะถูกครหาจากหลากหลายเสียงที่ว่าเขากำลังทำร้ายแมวทางอ้อม ซึ่งเจ้าตัวก็อ้างว่าอาหารสำหรับแมวที่เป็นพืชเหล่านี้ ‘ดีต่อสุขภาพ’ แมวจริงๆ เจ้า Uma เป็นแมวตัวแรกที่เขาเลี้ยง แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยเลี้ยงสุนัขมาสองตัวและกินแบบวีแกนมาโดยตลอดเช่นกัน ตัวที่แก่ที่สุดอยู่จนถึงอายุ 18 ปี มีความสุขและสุขภาพดี จนกระทั่งเจ้าเหมียวเข้ามาในชีวิตเขาก็คิดว่าแมวน่าจะชอบความเป็นวีแกนเช่นกัน เขาปฏิเสธผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ทุกชนิด และมันก็กลายมาเป็นแมววีแกนไปโดยปริยาย เขาอ้างว่าแมวของเขาชอบวิถีวีแกนมากๆ ด้วยลักษณะ ‘กินเหมือนไม่มีอะไรจะกิน’ ซึ่งลักษณะภายนอกก็ดูเป็นแมวปกติ มีขนฟูดูแจ่มใส และยกความดีความชอบให้กับอาหารพืชแมวที่ดีกว่าอาหารแมวทั่วไป …
-
วัยรุ่นหนุ่มถึงกับงง ตื่นเช้ามา “บิดขี้เกียจ” ตามปกติ ไปๆ มาๆ “ปอดแตก” เกือบได้ไปหาบรรพบุรุษ!!
#เหมียวตะปู เป็นคนหนึ่งที่เวลาตื่นเช้าขึ้นมาอากาศแจ่มใส ก่อนจะไปอาบน้ำก็มักจะบิดขี้เกียจ ยืดเส้นยืดสายไปมาสักหน่อย แต่หลังจากนี้อาจไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว เพราะกลัวว่าจะเป็นเหมือนชายคนนี้ เด็กหนุ่มแซ่ Wu คนที่ว่านั้น ตื่นขึ้นมารับอากาศยามเช้าในวันที่ 16 กรกฎาคม 2018 แล้วเขาก็บิดขี้เกียจตามปกติอย่างที่เคยทำเป็นประจำ แต่ในวันนั้นกลับมีอาการเจ็บปวดขึ้นที่บริเวณหน้าอกอย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน การรายงานข่าว เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กหนุ่มคนนี้ อาการเจ็บนั้นเริ่มทำให้เขาหายใจติดๆ ขัดๆ รู้สึกเหมือนคันยิบๆ ที่ปอดทั้ง 2 ข้างจนเกิดเป็นอาการไอถี่ๆ ทำให้อาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไม่อาจทนความเจ็บที่เกิดขึ้นได้ เขาจึงรีบตรงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้ๆ ภายในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน และพอได้ทำการเอ็กซเรย์ ก็พบว่าเขามีอาการของ “ภาวะโพรงเยื่อหุ้มปอดมีอากาศ” หรือที่เรียกว่า โรคปอดแตก ภายในปอดของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยของเหลว เขาจึงถูกส่งตัวไปทำการผ่าตัดฉุกเฉินที่โรงพยาบาล Longgang Central โดยแพทย์สามารถนำเลือดปริมาณกว่า 1.5 ลิตรภายในนั้นออกมาได้สำเร็จ ช่วยชีวิตเด็กหนุ่มเอาไว้ได้ ขณะที่กำลังรักษาตัวอยู่ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลได้อธิบายให้เขาฟังว่าทำไมถึงมีอาการของโรคนี้ได้ แพทย์บอกว่าเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่มีร่างกายซูบผอมเหมือนอย่างเขา มีแนวโน้มที่จะเกิดอาการนี้ได้จากการทำกิจกรรมหลายๆ อย่าง อาทิเช่น การยืดเส้นยืดสาย ยกน้ำหนัก ปีนเขา หรือดำน้ำ…
-
Goto Moe ผู้เข้าแข่งขัน Produce48 ถูกชาวเน็ตเกาหลีรุมด่าด้วยคำหยาบคาย จนร้องไห้ออกไลฟ์
“Produce 48” เป็นรายการวาไรตี้ที่ได้รับความร่วมมือจากสองประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศเกาหลี โดยที่จะนำสาวน้อยกว่าร้อยคนมาแข่งขันกันร้องเต้น คนที่ชนะก็จะมีสิทธิ์ได้เดบิวต์เป็นนักร้องอาชีพนั่นเอง ปกติแล้วรายการ Produce จะเป็นรายการที่มีแต่คนเกาหลีเข้าแข่งขันกัน ทำให้รายการที่จัดในปีนี้มีความพิเศษก็คือไอดอลจาก 48 กรุ๊ปอย่าง AKB, HKT, SKE มีสิทธิ์เข้าแข่งด้วย ด้วยผู้เข้าแข่งขันจำนวนกว่าร้อยคน ทำให้การแข่งขันภายในรายการนี้มีความดุเดือดอย่างเหลือเชื่อและอาจจะมีการกลั่นแกล้งจากแฟนๆ ของคนคนหนึ่งเพื่อตัดกำลังของคู่แข่งอยู่ด้วย เหมือนอย่างที่ Goto Moe ผู้เข้าแข่งขันจากวง AKB48 ได้ถูกชาวเน็ตเกาหลีโจมตี คุกคามและเหยียดเธอด้วยคำพูดที่ทำร้ายจิตใจอยู่หลายอย่างกลางไลฟ์ จนทำให้เธอต้องหลั่งน้ำตา Goto Moe หรือ Moekyun เข้ามาเป็นไอดอลวง AKB48 ในฐานะเด็กดราฟต์รุ่นที่ 1 ในปี 2013 ในรายการ Produce 48 เธอถือว่าเป็นคนหนึ่งที่ได้รับความนิยมค่อนข้างสูง โดยอันดับล่าสุดของเธออยู่ 6 เลยทีเดียว แต่ในวันที่ 21 กรกฎาคม 2018 ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดกับเธอขึ้น ในขณะที่ตัว Moe กำลังไลฟ์ในแอปพลิเคชัน Showroom อยู่นั้นก็ได้มีบรรดาแอนตี้แฟนชาวเกาหลีเข้ามาก่อกวน โดยต่อว่าเธอด้วยถ้อยคำหยาบคายจนเธอถึงกับต้องร้องไห้ ไม่ว่าจะเป็น “หน้าอกเธอใหญ่ขนาดไหนเหรอ? นมเธออ่ะ โชว์นมหน่อยดิ แล้วฉันจะโหวตให้”…
-
เด็กอินโดนีเซียวัย 15 ปีโดนสั่งจำคุก เพราะไปทำแท้ง หลังจากโดนพี่ชายข่มขืน
การทำแท้งเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในสังคมมาเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเรื่องของความเหมาะสม สิทธิของสตรี หรือสิทธิ์ในการมีชีวิตของเด็กในท้อง อย่างไรก็ตามการถกเถียงเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่สามารถจบลงได้ง่ายๆ เมื่อที่ประเทศอินโดนีเซีย ในวันที่ 21 กรกฎาคม 2018 มีเด็กสาววัย 15 ปีคนหนึ่งถูกศาลสั่งจำคุก จากการที่เธอไปทำแท้ง หลังจากถูกพี่ชายของตัวเองข่มขืน แม้ว่าที่อินโดนีเซียจะมีกฎหมายห้ามทำแท้ง แต่ก็มีข้อยกเว้นให้ในกรณีที่ชีวิตของผู้เป็นแม่จะตกอยู่ในอันตราย หรือในกรณีที่ผู้เป็นแม่ถูกข่มขืนมา อย่างไรก็ตามข้อยกเว้นเหล่านี้จะส่งผลในกรณีที่มีการทำแท้งกับแพทย์มืออาชีพ อายุครรภ์ไม่เกินกว่า 6 สัปดาห์ และผู้หญิงมีการเข้ารับการปรึกษาโดยตรงจากเจ้าหน้าที่เท่านั้น ซึ่งนั่นทำให้เด็กสาวผู้ที่ไปทำแท้งเมื่ออายุครรภ์ได้ 6 เดือนต้องรับโทษจำคุกเป็นเวลาหกเดือน ในขณะที่พี่ชายวัย 17 ปีผู้ลงมือข่มขืนเธอ ถูกศาลสั่งจำคุก 2 ปีในข้อหาพรากผู้เยาว์ หากจะทำแท้งได้อย่างถูกกฎหมายอายุครรภ์ต้องไม่เกินกว่า 6 สัปดาห์ การตัดสินในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทางตำรวจพบร่างของไร้ศีรษะของทารกถูกทิ้งอยู่ที่ฟาร์มเพาะปลูกปาล์มน้ำมันที่เมืองจามบี ดูเหมือนว่าเด็กสาวจะถูกข่มขืนโดยพี่ชายของเธอเป็นจำนวน 8 ครั้งในช่วงเดือนกันยายน 2017 ก่อนที่แม่ของเธอจะพบว่าเธอท้องและช่วยเหลือเธอในการทำแท้ง การตัดสินของศาลในครั้งนี้ทำให้มีเสียงเรียกร้องจากหลายๆ ฝ่ายที่บอกว่าเด็กสาวผู้ถูกข่มขืนนั้นไม่ควรจะถูกตัดสินจำคุก เนื่องจากเธอนั้นเป็นเพียงเหยื่อของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามในเวลานี้พี่น้องทั้งสองคนได้ถูกส่งตัวไปยังสถานพินิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนหญิงสาวผู้เป็นมารดากำลังถูกสอบสวนในข้อหาสมรู้ร่วมคิดและอำนวยความสะดวกในการทำแท้งอย่างผิดกฎหมายต่อไป ที่มา straitstimes, abcnews, nextshark, asiaone
-
อดีตตำรวจออกมาเปิดเผย วิธีง่ายๆ ที่จะหลอกเครื่องจับเท็จ ก็แค่เกร็งร่างกายนิดหน่อย
ในช่วงที่มีการคิดค้นเครื่องจับเท็จขึ้น มันถูกมองว่าเป็นไพ่ตายสำหรับจัดการกับคนโกหก ที่ไม่ว่าคนจะพูดอะไรมา เจ้าเครื่องนี้ก็จะสามารถจับเอาการโกหกออกมาได้ไม่ยาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปคนเราก็มีข้อสงสัยกับการทำงานของเจ้าเครื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จะเกิดอะไรขึ้นหากคนที่พูดความจริงกังวลจนเครื่องจับเท็จบอกว่าเขาโกหก และจะเกิดอะไรขึ้นหากคนโกหกเชื่อมั่นในคำโกหกของเขาจริงๆ นั่นทำให้ ดั๊ก วิลเลียมส์ ชายผู้เข้าร่วมกรมตำรวจโอกลาโฮมาในปี 1972 ผู้ซึ่งได้รับใบรับรองในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบเครื่องจับเท็จ ต้องออกมาบอกว่า เครื่องจับเท็จไม่สามารถเชื่อถือได้เสมอไป เพราะเขามีวิธีที่จะหลอกเครื่องโกหกอย่างง่ายๆ อยู่นั่นเอง “ผมสงสัยในตัวเครื่องหลังจากเข้าร่วมการทดลองได้ระยะหนึ่ง ผมรู้ว่าคนเราควบคุมการหายใจได้ แต่ผมคงไม่สามารถควบคุมการเต้นของหัวใจ หรือความดันโลหิตได้หรอก” ดั๊ก วิลเลียมส์เล่าถึงเหตุผลที่เขาค้นพบวิธีการหลอกเครื่องโกหก “แต่ในวันหนึ่งเพื่อนของผมจู่ๆ ก็เข้ามาพูดเรื่องที่ว่าคนเราจะเกร็งกล้ามเนื้อที่รูทวารในตอนที่เครียด” ใช่แล้วเทคนิคง่ายๆที่ดั๊ก วิลเลียมส์ใช้ในการหลอกเครื่องจับเท็จ ก็คือการเกร็งรูทวารหนักนั่นเอง เขาบอกว่าการเกร็งรูทวารแบบการหยุดอุจจาระกลางคันนั้น จะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจ และการตอบสนองทางผิวหนังโดยการนำกระแสไฟ (GSR) เพิ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แม้ว่าดั๊ก วิลเลียมส์จะไม่ได้บอกว่าการทำเช่นนั้นจะได้ผลในการเปลี่ยนคำโกหกให้กลายเป็นความจริง หรือเปลี่ยนความจริงให้กลายเป็นคำโกหก แต่ดูเหมือนว่าการออกมาเปิดเผยของดั๊ก วิลเลียมส์ในครั้งนี้ จะทำให้เขาถูกฟ้องร้องในข้อหาขัดขวางกระบวนการยุติธรรม และฉ้อฉลจากทางกรมตำรวจไป อย่างไรก็ตามดั๊ก วิลเลียมส์ได้บอกว่าการจะหลอกเครื่องจับเท็จอย่างสมบูรณ์นั้นต้องใช้ ปัจจัยหลายอย่าง และการเกร็งรูทวารเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น คนที่จะผ่านเครื่องจับเท็จได้นั้นจำเป็นต้องมีการฝึกฝน และใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำได้นั่นเอง ที่มา mirror, mamamia, thesun
-
ภรรยาเรียกร้องความยุติธรรม สามีผิวสีถูกชายผิวขาวยิงต่อหน้าลูกๆ แต่เอาผิดกับผู้กระทำไม่ได้
ห้างสรรพสินค้าเป็นสถานที่ผู้คนหลายคนจะมาใช้บริการจับจ่ายซื้อขายสินค้าต่างๆ ซึ่งปกติแล้วก็จะมีที่จอดรถบริการแก่ลูกค้ามากมาย แต่เมื่อถึงเวลาที่คนมาเยอะจริงๆ ที่จอดรถก็มักจะไม่พอจนทำให้เกิดการแย่งที่จอดรถหรืออาจจะต้องแอบไปใช้ที่จอดรถของคนพิการ จนทำให้คนอื่นไม่พอใจ เหมือนอย่างกรณีที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้เมื่อครอบครัวหนึ่งจะลงไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ แต่ที่จอดรถไม่ว่างเลย จึงได้จอดรถตรงที่จอดรถคนพิการเพราะจะลงไปซื้อของไม่กี่นาที จนมีคนอื่นเข้ามาว่ากล่าวจนเกิดเป็นการทะเลาะกัน และจบลงที่ความตายของเสาหลักของครอบครัว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง Clearwater รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา Markeis McGlockton ชายวัย 28 ปีพร้อมกับครอบครัวได้พากันไปร้านสะดวกซื้อเพื่อจะทำการซื้อของ ณ เวลานั้นที่จอดรถของทางร้านไม่ว่างให้จอด Markeis จึงคิดว่าจะนำรถไปจอดที่ของคนพิการและรีบเข้าไปซื้อของเพียงสองสามนาที เขาได้เข้าไปซื้อของพร้อมกับลูกชายวัย 5 ขวบ โดยที่ทิ้งลูกน้อยอีกสองคนพร้อมกับภรรยาไว้ในรถ แต่ดูเหมือนจะมีคนที่ไม่พอใจกับการจอดรถของเขาอยู่ นั่นคือ Michael Drejka ชายวัย 47 ปี ขณะที่ Markeis อยู่ในร้านสะดวกซื้อนั้น Drejka ก็ตรงเข้ามาที่รถพร้อมว่ากล่าวภรรยาและลูกๆ ของเขาที่อยู่ในรถ เมื่อผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ได้บอกให้เจ้าของร้านสะดวกซื้อรับรู้ ขณะเดียวกัน Markeis ก็ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย เขาจึงได้วิ่งออกมานอกร้านพร้อมกับเห็นชายคนหนึ่งตะโกนใส่ภรรยาและลูกๆ สุดที่รัก Surveillance video provided by the owner…
-
หนุ่มญี่ปุ่นสร้างหุ่นโมเดลขึ้นมาจาก “แมลง” ทั้งเท่ทั้งหลอนในเวลาเดียวกัน…
โมเดล ฟิกเกอร์ หรือ หุ่นยนต์ คงเป็นของเล่นชั้นยอดสำหรับเด็กๆ รวมไปถึงเป็นของสะสมราคาแพงสำหรับผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบ แต่สำหรับผู้ที่ล่วงเลยวัยเล่นหุ่นยนต์แต่ก็ไม่มีเงินพอซื้อฟิกเกอร์ตัวเท่ๆ แพงๆ ก็คงต้องทำใจ ในเมื่อไม่มีเงินแต่คนเรามีความสามารถ วัยรุ่นชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งจึงเกิดความคิดเจ๋งๆ ประกอบเจ้าหุ่นโมเดลขึ้นเองเสียเลย แต่ประกอบขึ้นวัสดุที่หลายๆ คนมองข้ามนั่นก็คือ ตัวแมลง นั่นเอง ทวิตเตอร์ของหนุ่มญี่ปุ่นที่ใช้ชื่อว่า @ride_hero ได้อัปโหลดรูปภาพผลงานของตัวเอง มันเป็นโมเดลหุ่นยนต์ตัวหนึ่งที่เขาสร้างขึ้นเอง แต่เขาสร้างมันจาก “ตัวจักจั่น” หุ่นยนต์จักจั่นมาแล้วจ้าา เมื่อจักจั่นเติบโตขึ้นมันก็จะลอกคราบและสลัดเอาเปลือกนอกชิ้นเก่าทิ้งไป @ride_hero จึงพบเจอเปลือกเหล่านี้อยู่ทั่วบริเวณบ้าน และจึงคิดใช้ประโยชน์จากมันโดยการนำมาประกอบเป็นหุ่นโมเดลนั่นเอง เขาแต่งเนื้อเรื่องให้มันด้วยล่ะ เขาบอกว่าเจ้าตัวนี้มันมาจากนอกโลก และเข้ามารุกรานโลกในฐานะแมลงที่แข็งแกร่งที่สุด ถึงจะเป็นเช่นนั้น เจ้าตัวนี้กลับแพ้ทางให้กับไฟสุดๆ เลยล่ะ (เราคงรู้นะว่าทำไม ฮ่าๆ) ทั้งตัวทำจากเปลือกจักจั่นจริงๆ และแปะติดกันด้วยหมุดและกาว ที่ @ride_hero มีความสามารถขนาดนี้ก็เพราะว่าเขาชื่อชอบพวกหุ่นโมเดลอยู่แล้ว นอกจากนี้เขายังเป็นช่างถ่ายภาพที่ชอบถ่ายภาพโมเดลของซูเปอร์ฮีโร่ในท่าทางต่างๆ อีกด้วย หากใครสนใจและชื่นชอบผลงานของเขาก็อย่าลืมเข้าไปติดตามผลงานของหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ได้เลยที่ทวิตเตอร์ @ride_hero ยังไงล่ะ ส่วนชาวเน็ตที่เข้ามาเห็นเจ้าหุ่นโมเดลจักจั่นก็พากันคอมเมนต์เพียบเลยล่ะ เช่น… “เจ๋ง!” “เหมือนมาจากเกม Dark Soul เลยแฮะ” “ฉันชอบอะไรแบบนี้มากๆ เลยล่ะ ตอนฉันเห็นรูปนี้ฉันตื่นเต้นมาก…
-
สนามบินสหรัฐฯ ทดสอบเครื่องซีทีสแกน 3 มิติ ช่วยลดขั้นตอนไม่ต้องควักของออกกระเป๋า
เวลาที่จะต้องผ่านด่านตรวจรักษาความปลอดภัยในสนามบิน ทุกครั้งจะต้องวางกระเป๋าผ่านเครื่องสแกนอยู่เสมอ สิ่งของที่พกมาด้วยอย่างเช่นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จะต้องนำออกจากกระเป๋าเพื่อเข้าเครื่องสแกน ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่สามารถระบุได้ชัดในแนวราบ ซึ่งในที่นี้อาจจะเป็นข่าวดีในอนาคตของบ้านเรา(หวังว่าอ่ะนะ) หลังจากที่หน่วยงานรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่งของสหรัฐอเมริกา (TSA) ร่วมกับสายการบิน American Airlines ได้เริ่มทำการทดสอบเครื่องซีทีสแกน 3 มิติเครื่องใหม่ในสนามบิน JFK แล้ว ทำไมถึงเป็นข่าวดีล่ะ? ก็เพราะว่าการใช้เครื่องซีทีสแกนนี้ จะช่วยลดขั้นตอนให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่สามารถเลื่อนดูสิ่งของได้จากหน้าจอในมุมมอง 3 มิติ จากเดิมที่เห็นเป็นเพียงภาพ 2 มิติ “ในอนาคต เครื่องซีทีสแกนอาจจะช่วยให้ผู้โดยสารเก็บของเหลว เจล สเปรย์ และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไว้ได้ตลอดเวลา โดยที่ไม่จำเป็นต้องนำออกมาจากกระเป๋า” แถลงการณ์จาก American Airlines บางส่วน ทางด้านฝ่ายบริหาร TSA ได้เพิ่มเติมไว้ว่า “เราคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 5 ปีเป็นอย่างน้อย ผู้โดยสารจะไม่ต้องควักอะไรออกมาจากกระเป๋าสัมภาระอีก” ตามรายงานกล่าวถึงราคาเครื่องซีทีสแกนอยู่ที่ 10 ล้านบาท ได้รับการสนับสนุนโดยบริษัท Analogic…
-
เด็กแฝดโผล่ตอนโต เกิดเป็นใบหน้าที่สอง ผลจากการพัฒนาไม่สมบูรณ์แต่กำเนิด
พัฒนาการในเด็กที่ไม่สมบูรณ์ในหลายกรณี มักจะทำให้เกิดโรคอันแปลกประหลาดที่พบเห็นได้ยาก และหากมีความไม่สมบูรณ์ตั้งแต่แรกโอกาสรอดชีวิตแทบจะไม่เหลือเลย กรณีของเด็กทารกจากประเทศอินโดนีเซียนี้ เกิดเป็นใบหน้าที่สองอันเป็นผลพวงมาจากการพัฒนาร่างของเด็กแฝดที่ไม่สามารถแยกตัวออกจากกันได้ตั้งแต่ในครรภ์มารดา Gilang Andika ทารกวัยสองขวบจากเมืองบาตัม ประเทศอินโดนีเซียนั้น เริ่มมีพัฒนาการที่ผิดปกติสองใบหน้าและสองสมองภายในศีรษะเดียวกัน (Diprosopus) ลักษณะของศีรษะมีความผิดเพี้ยนและกระทบต่อพัฒนาการทางสมอง พร้อมทั้งประสบภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ ส่วนอื่นของร่างกายยังคงเป็นปกติ มีสองแขนและสองขา โดยในทางเทคนิคแล้วเด็กทารกนั้นมีคู่แฝดรวมอยู่ในร่างเดียวกัน โอกาสที่จะเกิดขึ้นมีเพียง 1 ใน 250,000 เท่านั้น ทางด้านผู้เป็นพ่อและแม่ Ernilasari กับ Mustafa พยายามที่จะรักษาชีวิตลูกชายเอาไว้ แต่แพทย์ท้องถิ่นไม่สามารถทำการผ่าตัดได้ เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์และความเชี่ยวชาญที่มากพอ พวกเขาไม่พบความผิดปกติในตอนตรวจครรภ์ แต่เมื่อเด็กคลอดออกมา ก็เป็นอย่างที่เห็น ด้วยลักษณะทางกายภาพที่ผิดเพี้ยน ทำให้ไม่สามารถให้นมแม่ได้ตามปกติจนต้องให้น้ำนมผ่านทางสายยางแทน ทางแพทย์วินิจฉัยไว้ว่า เด็กไม่อาจอยู่รอดได้นานเพราะสมองจะได้รับผลกระทบในระยะยาว ส่งผลต่อการเรียนรู้ การพูด การมองเห็น ปัญหาด้านความจำ รวมไปถึงการเป็นโรคลมชัก อย่างไรก็ตาม ทางแพทย์ได้แนะนำให้พ่อแม่นำตัวเด็กไปรับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลในกรุงจาการ์ตา เพราะมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ครบครันกว่า อย่างไรก็ตาม ทางแพทย์ก็ยังไม่สามารถลงมือผ่าตัดได้ทันที เพราะจะต้องทำการวินิจฉัยและวางแผนเพิ่มเติมเสียก่อน ซึ่งคาดว่าจะต้องทำการผ่าตัดใบหน้าและสมองที่สองทิ้งไป…
-
ต๊กกะใจ!! ชายหนุ่ม “เห็นหมี” คิดว่าเป็น “น้องหมา” เลยเปิดประตูต้อนรับ โดดกลับเข้ามาแทบไม่ทัน
บางครั้งเราอาจเกิดความเข้าใจผิด เห็นเครื่องบินเป็นนก เห็นจิ้งจกเป็นตุ๊กแก เห็นแม่เป็นภรรยาพ่อ… (อันนี้ก็น่าจะทั่วๆ ไปอ่ะเนาะ) แต่ความเข้าใจอันผิดพลาดของเรา อาจยังไม่เท่ากับของชายหนุ่มคนนี้ เมื่อเขาดันมองเห็นหมี (แบบไม่ผวน) อยู่หน้าบ้าน แต่กลับคิดว่าเป็นน้องหมาเพื่อนซี้ของตัวเองซะอย่างนั้น!! ต๊กกะใจ เจอน้องหมีตัวโต!! Luke Morrison คือหนุ่มวัย 22 ปี ผู้โชคดีในเหตุการณ์นี้ เขาอาศัยอยู่กับเพื่อนอีก 2 คน และน้องหมาพันธุ์โกลเด้น Finn ในรัฐโคลราโด สหรัฐอเมริกา จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณตี 5 ของวันที่ 21 กรกฎาคม 2018 เขาก็ตื่นขึ้นมาเพียงลำพัง แล้วได้ยินเสียงดังออกมาจากด้านนอก เห็นอะไรบางอย่างแวบๆ ผ่านหน้าไป แล้วก็คิดไปว่านั่นน่าจะเป็นน้องหมาของเขาเอง Luke และ Finn หมาของเขา ชายหนุ่มจึงไม่รอช้า เปิดกล้องขึ้นมาหวังจะออกไปถ่ายคลิปเล่นกับน้องหมาในยามเช้า (ไว้ไปอวดสาวๆ หรือเปล่าไม่รู้) แต่เมื่อเปิดประตูปุ๊บ สายตาก็เบิกโพลงปั๊บ เมื่อเขาเหลือบไปเห็นว่าสิ่งที่เห็นและเสียงที่ได้ยิน มันไม่ใช่หมา แต่เป็นหมี!!…
-
ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า!! ร้านอาหารญี่ปุ่นขึ้นป้ายสุดเจ๋ง เพื่อบอกให้ลูกค้าสุภาพกันหน่อย
ว่ากันว่าการบริการของประเทศญี่ปุ่นนั้นมีคุณภาพในระดับที่สูงมากๆ จนถึงขนาดที่จะเปรียบเทียบลูกค้าเป็นพระเจ้าก็ไม่ผิดนัก พนักงานจะนอบน้อมมากแถมยังบริการกันในระดับที่แทบจะถวายตัวรับใช้เลยทีเดียว แต่การที่ดูแลกันดีมากขนาดนั้นบางครั้งก็ไม่ได้มีแต่สิ่งดีๆ เสมอไป เพราะในบางครั้งร้านพวกนี้ก็ต้องพบกับการถูกลูกค้าบางกลุ่มเอารัดเอาเปรียบอยู่เป็นนิจ และยังไม่นับร่วมถึงกลุ่มลูกค้าที่ปฏิบัติตัวอย่างหยาบคายกับพนักงานอีก นั่นทำให้ร้านคอนโรยะ ตัดสินใจขึ้นป้ายสุดสร้างสรรค์ป้ายหนึ่งขึ้น ป้ายของร้านคอนโรยะ (คำแปลอยู่ข้างล่าง) “เฮ้ย! เบียร์! – 1,000 เยน” “ขอเบียร์หน่อย – 500 เยน” “ขอโทษนะครับ/คะ ขอเบียร์หนึ่งที่ 380 เยน” ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า และพนักงานของเราก็ไม่ใช่ทาสด้วย ที่ร้านนี้ ทุกๆ คนคือทาส สมบัติที่สำคัญ ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ ด้วยรัก ร้านคอนโรยะ มันเป็นป้ายที่มีเนื้อหาบอกว่าทางร้านจะคิดเงินค่าบริการเพิ่มหากลูกค้าทำตัวไม่สุภาพ (หรือไม่ลดราคาหากทำตัวสุภาพ สามารถมองได้สองแบบ) และขอร้องให้ลูกค้ามองพนักงานว่าเป็นคนคนหนึ่งที่มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกันนั่นเอง หน้าร้านคอนโรยะ ภาพป้ายที่ว่านี้ปรากฏขึ้นบนโลกโซเชียลผ่านการโพสต์ของผู้ใช้ทวิตเตอร์ @gin_shiru และได้รับผลตอบกับอย่างอบอุ่นจากชาวเน็ต โดยมีผู้เข้าไปกดไลก์ถึง 267,000 ครั้ง และมีการแสดงความเห็นกว่าแสนครั้งหลังจากที่โพสต์ได้ไม่ถึงหนึ่งวัน “ทำแบบนี้กับทุกร้านในญี่ปุ่นไปเลย!!” “ถ้าสุภาพกว่าที่เขียนจะได้ลดราคาเพิ่มไหม?” “ถ้าเป็นฉันสั่งตามปกติคงจะโดนเป็นหมื่นเยน ฮาฮาฮา” อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าไม่ได้มีเพียงร้านคอนโรยะที่คิดอะไรแบบนี้ ดูเหมือนป้ายรูปแบบนี้จะสามารถพบได้ในหลายที่พอสมควร…
-
พบพยาธิตัวตืดขนาด 5 เซนติเมตร ในเบ้าตาสาวจีน หลังเธอเปิบพิสดาร และทานของดิบ
เชื่อว่าเราคงเคยได้ยินคำเตือนเกี่ยวกับการทานเนื้อดิบกันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ท้องเสีย หรือพยาธิชนิดต่างๆ อย่างก่อนหน้านี้เองก็เคยมีข่าวพบพยาธิยาว 1.5 เมตร ในร่างกายของหนุ่มชาวอเมริกามาแล้ว ล่าสุดนี้เองที่มณฑลเจียงซู ประเทศจีนก็ได้เกิดเหตุการณ์สุดสยองจากการทานเนื้อดิบขึ้นอีกครั้ง เมื่อ “หยาง” หญิงสาวผู้รักในการทานของดิบคนหนึ่งต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล เนื่องจากมีการพบพยาธิตัวตืดขนาด 5 เซนติเมตรอยู่ด้านในเบ้าตาของเธอ!! วิดีโอเหตุการณ์จาก Netizen Watch ตามคำบอกเล่าของทีมแพทย์ พยาธิตัวนี้เดินทางออกมาจากที่บริเวณท้องของหญิงสาว ก่อนจะเร่ร่อนไปทั่วร่างกายของเธอ และหากปล่อยไว้มันมีโอกาสจะขึ้นไปถึงสมองเลยด้วย คุณหยางบอกว่าเธอรู้สึกว่าตาเริ่มบวมตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน และทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตาเป็นอย่างมาก จึงได้ตัดสินใจทำการเข้ารักการรักษากับจักษุแพทย์ในหนานทง แพทย์ผู้ดูแลการของเธอ คุณหมอกง อีกัง แนะนำให้เธอเข้ารับการผ่าตัดเนื่องจากเขาเชื่อว่าการบวมของดวงตานั้น เกิดจากการอักเสบหรือเนื้องอก อย่างไรก็ตามระหว่างการผ่าตัดผ่าตัด คุณหมอกงก็พบว่าสิ่งที่เป็นต้นเหตุของการบวมในครั้งนี้ ไม่ใช่การอักเสบหรือเนื้องอก แต่เป็นพยาธิตัวตืดต่างหาก จากคำให้การของหญิงสาว เธอเป็นคนที่ชื่นชอบอาหารเปิบพิสดาร ทานของดิบ และเคยทานงูมาก่อนด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่ที่จะมีพยาธิอยู่ในตัวเธอ ในเวลานี้การผ่าตัดได้จบลงแล้ว แต่คุณหยางก็ยังต้องอยู่ในโรงพยาบาลต่อไป เนื่องจากเธอต้องเข้ารับการถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีพยาธิตัวอื่นๆ ตกค้างอยู่ในศีรษะของเธอนั่นเอง ที่มา nextshark, dailymail
-
รู้จักกับ ‘คุณตา’ นักเพาะกายวัย 81 ปีที่พิสูจน์ให้เห็นว่า “ไม่มีใครแก่เกินเล่นกล้าม”
ร่างกายของเรานั้นจะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา กระดูกและกล้ามเนื้อที่เคยแข็งแรงก็จะอ่อนแอลงหรืออาจใช้งานไม่ได้ โดยเฉพาะในวัยที่ล่วงเลยเลข 8 ไปแล้ว นับว่าเป็นช่วงวัยชราที่ร่างกายคนเราจะเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับคุณตาชาวญี่ปุ่นวัย 81 ปีคนนี้ยังสามารถเล่นกล้ามและเป็นนักเพาะกายได้อย่างสง่างาม ถึงแม้จะไม่ได้ดูเฟิร์มเหมือนนักเพาะกายหนุ่มๆ แต่ถ้าเทียบกับคนในวัยเดียวกันแล้วถือว่าร่างกายคุณตานั้นแข็งแรงมากจริงๆ Toshisuke Kanazawa นักเพาะกายวัย 81 ปี คุณตา Toshisuke เคยเป็นแชมป์นักเพาะกายหลายครั้งในสมัยยังเป็นหนุ่ม แต่ถึงกระนั้นเขาเองก็พิสูจน์ให้เห็นว่า “ไม่มีใครแก่เกินเล่นกล้าม” วัยที่ล่วงเลยก็ไม่อาจทำอะไรชายที่ชื่อว่า Toshisuke คนนี้ได้เลย ในอดีตคุณตาเคยเป็นนักเพาะกายก็จริง แต่เขาเลือกที่จะหยุดมันในวัย 34 ปีและเริ่มมัวเมากับการกิน ดื่มสุรา และสูบบุหรี่ เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณตาปรารถนา จนผลสุดท้ายไม่เหลือเค้าของอดีตแชมป์นักเพาะกายอีกแล้ว คุณตาเริ่มมีแรงฮึดในการกลับมาเพาะกายอีกครั้งในวัย 50 ปี และก็ได้กลับมาโลดแล่นอยู่บนโลกของการประกวดเพาะกายอีกครั้งอย่างสง่างาม หนึ่งในแรงบันดาลใจให้คุณตา Toshisuke กลับมาเข้าโรงยิมยกน้ำหนักและเล่นกล้ามอีกครั้งก็คือ ภรรยา ของคุณตานั่นเอง คุณตาอยากเห็นรอยยิ้มที่แสนมีความสุขของภรรยายามที่ได้ที่รู้ข่าวว่าเขาเป็นแชมป์เพาะกาย แต่ก็ต้องยอมรับว่าร่างกายของคุณตาไม่ได้เหมือนกับตอนวัยหนุ่มอีกแล้ว จากการที่เคยเข้ายิมยกน้ำหนัก 6 ชั่วโมงต่อวันก็ตัดเหลือเพียง 3 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น และหลังออกกำลังคุณตาก็ต้องพักฟื้นเป็นสัปดาห์เลยทีเดียว คุณตา Toshisuke กล่าวว่าเขาจะยังคงเล่นกล้ามเพาะกายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งอายุ 85 ปีเป็นอย่างน้อย…
-
แฟน Star Wars ทำแคมเปญสนับสนุน Kelly Marie Tran นักแสดงที่เคยถูกคุกคามจนลบไอจี
ครั้งก่อนเราได้นำเสนอข่าว Kelly Marie Tran นักแสดงหญิงเชื้อสายเอเชีย-อเมริกัน ที่ต้องลบรูปภาพในอินสตาแกรมของตัวเองออกทั้งหมด เพราะถูกคุกคามจากแฟนของภาพยนตร์ซีรีส์ Star Wars ที่ไม่ค่อยจะพอใจในบทบาทที่เธอเล่น ซึ่งประเด็นในครั้งนั้นกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันขึ้นในโลกออนไลน์มากมายระหว่างกลุ่มที่ไม่ชอบเธอและกลุ่มที่ให้การสนับสนุนเธอ พอถึงงาน San Diego Comic-Con 2018 ที่จัดขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนีย ในวันเสาร์ที่ผ่านมาเหล่าแฟนๆ Star Wars ที่ให้การสนับสนุน Kelly Marie Tran จึงได้รวมตัวกันทำแคมเปญ “Rally for Rose” เพื่อทำให้เธอรู้ว่ายังมีแฟนๆ มากมายที่ให้การสนับสนุนเธออยู่ พวกเราคือ Rose Tico!! We are all Rose Tico For @kellymarietran @rianjohnson @starwars @Disney #SDNOC #NOC5TH #RallyforRose #SDCC2018 #sdcc pic.twitter.com/punJKR3fUr — The Nerds of Color (@TheNerdsofColor) July 21, 2018 ในอีเวนต์ครั้งนี้จะเป็นการให้คนที่สนับสนุน…
-
อวสานขาโจ๋… พ่อค้ายาเสพติดถูกตำรวจรวบ เพราะโพสต์ภาพคู่กัญชาและเซลฟี่อวดรวย
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน เทคโนโลยีต่างๆ ได้ถูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจาก สมัยก่อนการที่จะติดต่อกันแต่ละทีต้องเขียนจดหมายหรือไม่ก็ใช้ม้าเร็วเพื่อไปแจ้งข่าวต่างๆ ก็ถูกแทนที่ด้วยอีเมล ยิ่งไปกว่านั้นในสมัยนี้สามารถติดต่อกันได้ง่ายๆ ผ่านทางโซเชียลมีเดีย ข้อดีของโซเชียลนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสามารถอัปโหลดข้อความหรือรูปภาพต่างๆ ขึ้นบนโปรไฟล์ของเราหรือแชทคุยกับคนอื่นได้อย่างง่ายดาย แต่ในทางตรงข้ามกัน การอัปโหลดข้อมูลส่วนตัวหรือรูปภาพต่างๆ ขึ้นบนโซเชียลมีเดียก็สามารถกลายเป็นมาดาบสองคมได้เช่นกัน เหมือนอย่าง Mark Wainfur พ่อค้ายาเสพติดวัย 29 ปีคนนี้ ที่โชว์เจ๋งโพสต์รูปภาพเซลฟี่คู่กับเงินเป็นปึกใหญ่และถ่ายรูปตัวเองท่ามกลางกัญชาเลยถูกตำรวจเข้ารวบได้อย่างคาหนังคาเขา เพราะความอวดร่ำอวดรวยของ Mark Wainfur ที่โพสต์รูปเงินมหาศาลและของหรูๆ เต็มไปหมด จึงถูกตำรวจเข้าจับกุมในบ้านที่เมือง Newport ประเทศเวลส์พร้อมกับหลักฐานหลายอย่าง ในบ้านนี้ตำรวจพบเจอเงินสดมูลค่ากว่า 615,000 บาท รวมถึงเงินสดอีก 570,000 บาทที่ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุมและที่กระจัดกระจายตามบ้านอีกประมาณ 50,000 บาท ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ทางเจ้าหน้าที่ยังพบของมูลค่าสูงอีกหลายจำนวน เช่น เสื้อคลุมราคาแพง เครื่องประดับต่างๆ นานารวมถึงนาฬิกา Rolex ที่ฝังเพชรพร้อมกับเครื่องชั่งดิจิตอลที่มีร่องรอยกัญชาติดอยู่ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของเขา ก็ได้พบข้อมูลที่เกี่ยวกับการค้าขายยาเสพติดเป็นรูปภาพของยา 26,000 กว่ารูป วิดีโอ 400 วิดีโอและ ข้อความอีก 700 ข้อความ…
-
สุดจะทน!! หญิงสาวนั่งยอง ปล่อย “ปัสสาวะ” ให้ไหลนอง หน้าห้องครัวบนเครื่องบิน?!
หลายๆ คนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า เราไม่สามารถเข้าห้องน้ำบนเครื่องบินได้ ในช่วงเวลาที่เครื่องกำลังจะออกบินและช่วงเวลาที่กำลังจะลงจอด ด้วยกฎที่ควบคุมดูแลในเรื่องความปลอดภัย แต่เพราะอย่างนั้นเอง ที่ทำให้หญิงสาวคนหนึ่งไม่สามารถเข้าห้องน้ำได้ จนกระทั่งเธออดทนไม่ไหว “นั่งชิ้งฉ่องหน้าห้องครัวเครื่องบิน” ท่ามกลางสายตาประชาชีที่ยืนมองทุกคน ปล่อยให้ไหลไป ให้นองไปทั่วทั้งพื้น เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในวันที่ 21 กรกฎาคม 2018 เที่ยวบินที่ W6 1309 ของสายการบิน Wizz Air ที่กำลังจะเดินทางจากเมืองวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ไปยังเมืองลูตัน ประเทศอังกฤษ ในช่วงเวลาก่อนที่เครื่องจะออกบิน หญิงสาวชาวโปแลนด์คนหนึ่งก็ลุกขึ้นมาถามพนักงานว่า “ขอเข้าห้องน้ำได้มั้ย?” ซึ่งแน่นอนว่าตามกฎแล้วเธอไม่อาจทำอย่างนั้นได้ในช่วงเวลานี้ พนักงานจึงบอกเธอไปว่าไม่ได้จริงๆ เมื่อเธออดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว เธอจึงเลือกที่จะลงไปนั่งยองๆ อยู่บริเวณหน้าห้องครัวบนเครื่องบิน (ที่มีไว้สำหรับเก็บอาหาร) เปลื้องท่อนล่าง ปล่อยปัสสาวะให้ไหลออกมาเป็นทาง ต่อหน้าต่อตาพนักงานและผู้โดยสารคนอื่น!! หญิงสาวคนนี้ได้หันมาพูดกับผู้โดยสารคนหนึ่งที่ถ่ายคลิปเก็บเอาไว้ บอกประมาณว่าเธอกำลังฉี่อยู่กลางเครื่องบิน ต่อหน้าเหล่าพนักงาน เพราะเธอขอเข้าห้องน้ำแล้วแต่พวกเขาก็ไม่ให้เข้า ผู้โดยสารที่เดินมาเห็นก็ถามว่า “นี่เธอเอาจริงหรอเนี่ย? มันช่างเป็นอะไรที่น่ารังเกียจจริงๆ เธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ” แล้วหญิงสาวที่กำลังฉี่อยู่ก็หันไปตอบว่า “ใช่ ฉันรู้ ฉันก็ขอพวกเขาแล้ว” ผู้โดยสารอีกคนจึงสวนกลับไปว่า…
-
ตุตันคาเมน ฟาโรห์แห่งอียิปต์โบราณ ผู้เปิดตำนาน “คําสาปร้ายแห่งฟาโรห์”
ถ้าหากว่าพูดถึงฟาโรห์ของอียิปต์ หลายๆ คนอาจจะมีชื่อของฟาโรห์ในใจต่างๆ กันไป แต่ถ้าหากพูดถึง “คำสาปฟาโรห์” แล้วล่ะก็หลายๆ คนคงจะนึกออกเพียงแค่ฟาโรห์ “ตุตันคาเมน” (หรือ ตุตันคามุน) เท่านั้น ว่าแต่ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นได้? ทำไมฟาโรห์องค์หนึ่งถึงได้มีชื่อเสียงต่างไปจากฟาโรห์องค์อื่นๆ ได้มากมายขนาดนั้น ในวันนี้ #เหมียวศรัทธา จะพาเพื่อนๆ ไปพบกับเบื้องหลังของความโด่งดังของฟาโรห์ตุตันคาเมนเอง ภาพใบหน้าของฟาโรห์ตุตันคาเมนที่สร้างขึ้นด้วยระบบจำลองใบหน้าจากกะโหลก เดิมที่แล้วฟาโรห์ตุตันคาเมน มีพระนามในยามประสูติว่า “ตุตันคาเตน” โดยเป็นการตั้งชื่อตามเทพอเตนที่พระบิดาของพระองค์นับถือ หลังจากที่พระบิดาของพระองค์สวรรคต พระองค์ก็เปลี่ยนพระนามเป็น “ตุตันคาเมน” อย่างที่ทราบกันในปัจจุบัน ถึงอย่างนั้น ในขณะที่ยังมีชีวิตฟาโรห์ตุตันคาเมนกลับไม่ได้มีผลงานใดๆ ที่โดดเด่นมากนัก พระองค์ครองราชย์เพียงแค่ 10 ปี แถมยังสวรรคตตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์อีกด้วย อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของฟาโรห์ตุตันคาเมนนั้นมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่ท่านสวรรคตต่างหาก ด้วยความที่สาเหตุการสวรรคตของท่านนั้นยังเป็นปริศนา บวกกับการทำมัมมี่ของพระองค์แตกต่างจากมัมมี่อื่นๆ อยู่มาก ร่างของพระองค์ถูกทาเป็นสีดำ อีกทั้งยังไม่มี “หัวใจ” อวัยวะชิ้นเดียวที่ตามปกติจะถูกใส่ไว้ในร่างขณะมีการทำมัมมี่ นอกจากนี้พระองค์ยังถูกฝังพร้อมกับอวัยวะเพศที่ตั้งชูชัน โดยเชื่อกันว่าเป็นการทำให้ท่านเป็นตัวแทนของเทพโอซิริส นอกจากนี้ตัวสุสานของพระองค์เองก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจเช่นกัน เพราะด้วยความที่ตัวสุสานมีความสมบูรณ์มากแม้ว่าจะมีคนแอบเข้ามาขุดเป็นบางครั้ง ทำให้สุสานของพระองค์กลายเป็นหลักฐานสำคัญที่มีค่าในทางประวัติศาสตร์ไป แต่ถ้าจะพูดถึงสิ่งที่พระองค์มีชื่อเสียงที่สุดหลังจากสวรรคตก็คงไม่พ้น “คำสาปฟาโรห์”…
-
ภายใน 5 นาทีหลังปล่อยขายน้ำหอมตัวใหม่ “Kim Kardashian” สามารถทำเงินได้ 165 ล้านบาท!!
นักร้อง คนดัง และดาราฮอลลีวูดไม่ใช่ว่าหน้าตาดีอย่างเดียวก็สามารถเป็นได้ แต่ต้องมีความสามารถอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ด้านทัศนคติหรือด้านของธุรกิจอีกด้วย ซึ่ง Kim Kardashian West เซเลบสาวคนดังคนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่มีความสามารถนอกเหนือการใช้ชีวิตไฮโซและหน้าตาดีไปวันๆ แม้ช่วงที่ผ่านมาตัวเธอจะมีวีรกรรมฉาวๆ ออกมามากมาย แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเธอถือว่าเป็นคนที่มีหัวคิดในเชิงธุรกิจดีเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นการจัดรายการวาไรตี้เกี่ยวกับครอบครัวของเธอหรืออื่นๆ ล่าสุดเธอได้วางขายน้ำหอมตัวใหม่ของแบรนด์ของเธอ ซึ่งผ่านไปเพียงห้านาทีหลังจากที่วางขาย เธอสามารถทำเงินได้มากถึง 165 ล้านบาทเลยทีเดียว แบรนด์น้ำหอม “Kimoji” ของเธอนั้นถือว่าเป็นน้ำหอมที่รูปร่างและการออกแบบเป็นเอกลักษณ์มากๆ โดยที่น้ำหอมแต่ละขวดจะถูกออกแบบให้เข้ากับกลิ่นของขวดนั้นๆ ตอนนี้ Kimoji ได้ทำน้ำหอมออกมา 3 กลิ่นได้แก่ กลิ่นเชอร์รี่ กลิ่นลูกพีชและกลิ่นอารมณ์ (Vibes) ซึ่งแต่ละกลิ่นก็จะออกแบบขวดแตกต่างกันเช่นกลิ่นลูกพีชก็จะเป็นรูปลูกพีช ส่วนกลิ่น Vibes ก็จะเป็นรูปคำพูดเป็นต้น น้ำหอม Kimoji แต่ละขวดสนนราคาอยู่ที่ประมาณขวดละ 1,500 บาท หากเพื่อนๆ สนใจที่จะสั่งก็สามารถไปสั่งได้ที่เว็บไซต์ kkwfragrance กันได้เล้ย แต่ค่าส่งก็ลุ้นกันเองนาจา บางคนอาจจะเจอค่าส่งครึ่งๆ ของค่าของเลยแหละ (เหมือนอย่างกับสาวคนนี้ที่อยู่สหราชอาณาจักร) I just…
-
เด็กชายทุ่มซ้อมกว่า 3 อาทิตย์ สุดท้ายโรงเรียนห้ามแสดง เพราะเป็นการ “แต่งหญิง”
กลายเป็นประเด็นเกี่ยวกับการยอมรับความหลากหลายทางเพศที่ถูกพูดถึงอีกครั้ง หลังจากเด็กหนุ่มรายหนึ่งถูกห้ามขึ้นแสดงในงานของโรงเรียน เนื่องจากการแสดงของเขาคือการแสดงแดร็กโชว์ หรือ Dressed Resembling As a Girl Lewis Bailey รู้สึกผิดหวังอย่างมาก เนื่องจากคุณครูสั่งห้ามการแสดงของเขา ที่ใช้เวลาซ้อมมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ Natalie ผู้เป็นแม่รู้โกรธมาก เมื่อรู้ว่าการแสดงของลูกเธอถูกห้าม พร้อมเผยว่ามันเป็นสิทธิ์ของเด็กที่จะเลือกได้ว่าพวกเขาจะแสดงอะไร Lewis ให้สัมภาษณ์ว่า การแสดงของเขาถูกสั่งห้ามเพียงไม่กี่วันที่จะถึงวันงานของทางโรงเรียน โดยทางโรงเรียนอ้างว่าการแสดงแดร็กนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน “พวกเขาอ้างว่าการแสดงของผมมันผิดกฎหมาย แต่ผมคิดว่าเหตุผลจริงๆ ของพวกเขาก็คือ การไม่ยอมรับตัวตนที่แท้จริงของผม ผมรู้สึกเสียใจมากเพราะตั้งใจอย่างเต็มที่กับการแสดงนี้ และมันลดความเชื่อมันในตัวเองของผมอย่างมาก” Lewis ให้สัมภาษณ์ Lewis ยังกล่าวอีกว่า เวลาที่เขาได้แสดงแดร็ก มันทำให้เขารู้สึกว่ามีความเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด ทางด้านแม่ของเขาให้สัมภาษณ์ว่า ทางโรงเรียนไม่ได้ออกกฎห้ามนักเรียนชายแต่งกายเป็นนักเรียนหญิงในแสดงแต่อย่างใด “นี่มันคือการแสดงความสามารถของนักเรียน ไม่ใช่การแข่งขัน ทางโรงเรียนให้ความหลากหลายมากกว่านี้ ฉันคิดว่าที่ทางโรงเรียนห้ามในเรื่องนี้ อาจเพราะมีผู้ปกครองบางคนไม่เห็นด้วย” Natalie ให้สัมภาษณ์ ความตั้งใจในการแสดงแดร็กของ Lewis เกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้ชมรายการ RuPaul’s Drag Race รายการประกวดแดร็กชื่อดังจากอเมริกา . …
-
ครอบครัวอังกฤษใจสลาย ต้องยกเลิกทริปราคาเป็นแสน เพราะถูกหมาสุดที่รักแทะพาสปอร์ต!!
เขาว่ากันว่าบนโลกใบนี้ สามารถแยกมนุษย์ออกเป็น 2 ประเภทคือ 1. มนุษย์รักหมา 2. มนุษย์รักแมว ซึ่งทั้งสองก็ถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีนิสัยต่างกันไป คนที่เลี้ยงหมาก็จะรู้ดีอยู่ว่าจะเจ้าหมาของเราๆ นั้นมันเป็นมิตร ขี้อ้อน ขี้เล่น อยู่ไม่นิ่ง ซนและพลังงานล้นหลามขนาดไหน บางทีเพียงแค่ละสายตาจากเจ้าตัวดีไปเพียงไม่นาน สิ่งของในบ้านก็อาจจะเละได้เลยล่ะ เหมือนกับเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ ก็เป็นเรื่องของความซนของเจ้าหมาเหมือนกัน เมื่อมันไปแทะ “พาสปอร์ต” ของเจ้านาย ทำให้ครอบครัวของเจ้านายต้องอดไปเที่ยววันหยุดยาวที่มีมูลค่าถึงกว่าแสนบาทเลยทีเดียว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของ Ella Arundell และ Russell Mack คู่สามีภรรยาจากเมือง Winchester ประเทศอังกฤษ พวกเขาได้วางแผนการที่จะไปเที่ยววันหยุดยาวด้วยกันกับลูกทั้งสามคนได้แก่ Erin, Tilly และ Harry ในวันอังคารที่ 17 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา ดูเหมือนทุกๆ อย่างถูกเตรียมการเอาไว้เรียบร้อยแล้วเหลือแค่รอวันเดินทางเท่านั้น แต่ดูเหมือนเจ้า Bailey สุนัขสุดที่รักของบ้านจะไม่อยากให้เจ้านายของมันต้องจากมันไปไหนนานๆ วันรุ่งขึ้นเมื่อครอบครัวของ Russell ลงบันไดก็พบกับเจ้า Bailey…
-
นักดำน้ำพบซากเรือรัสเซียจมใต้ทะเล คาดบรรทุกทองมูลค่า 377 พันล้านบาทอยู่ภายใน…
กลายเป็นเรื่องที่ทำให้สองประเทศตื่นตกใจไปในทันที หลังจากที่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่า ทางการเกาหลีใต้พบซากเรือสัญชาติรัสเซีย Dmitrii Donskoi จมอยู่ใต้ทะเล ที่เคยปฏิบัติหน้าที่ช่วงสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น เรือลำดังกล่าวนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพเรือรัสเซียบอลติก ออกรบร่วมกับกองเรือในปี 1904-1905 ในยุทธนาวีช่องแคบสึชิมะ และฝ่ายรัสเซียเป็นฝ่ายพ่ายแพ้จนต้องถอนทัพหนีกองเรือญี่ปุ่นจมเป็นซากอยู่ภายในบริเวณเกาะ Ulleungdo ประเทศเกาหลีใต้ เรือลำดังกล่าวกลายมาเป็นตำนานของเหล่านักล่าสมบัติ เนื่องจากตามบันทึกในประวัติศาสตร์ Dmitrii Donskoi เป็นเรือที่ขนทรัพย์สินอันมีมูลค่ามหาศาลของทั้งกองเรือ นั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายของการท่าเรือ และการจ่ายเงินเดือนให้กับกะลาสีและเจ้าหน้าที่ ทองคำเป็นอีกส่วนหนึ่งที่นำมาใช้แทนเงินตรา สำรองไว้เพื่อใช้จ่ายเป็นค่าซ่อมเรือระหว่างการออกรบและอาจจะถูกลำเลียงไปยังเรือลำอื่นก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากมีผู้ค้นพบซากเรือทั้งหมดจะกลายมาเป็นมหาเศรษฐีได้โดยไม่รู้ตัว ทางบริษัท Shinil Group ของเกาหลีใต้ อ้างว่ารู้ตำแหน่งที่เรือจมโดยใช้เรือดำน้ำสำรวจขนาดเล็กในความลึก 434 เมตร ห่างจากเกาะ 1.3 กิโลเมตร และพบเรือเกราะของรัสเซียลำดังกล่าวเข้า จากหลักฐานจากภาพถ่ายวิดีโอ พบตัวอักษรที่เขียนเป็นชื่อ Donskoi อักษรซีริลลิก เมื่อทำการสำรวจภายในก็พบกับกล่องเหล็กเรียงรายเป็นจำนวนมาก ระบุว่าอาจจะบรรจุทองไว้ข้างใน แต่ยังไม่สามารถเปิดกล่องเหล่านี้ได้ ทั้งนี้ปฏิบัติการกู้ซากเรือกำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการร่วมกับประเทศจีน แคนาดา…
-
มาร์เวลเปิดบูทให้คำปรึกษา เยียวยาจิตใจแฟนๆ ผู้มีอาการสาหัสจาก Infinity Wars
คนที่รู้สึกอินกับอะไรมากๆ มักจะมีอาการที่เรียกว่าซึมหนัก หลังจากที่ได้เจอกับเหตุการณ์ร้ายแรงครั้งใหญ่หลวง กับการฝ่าฟันชะตากรรมที่ไม่อาจยอมรับได้ รู้สึกเจ็บปวดจนไม่สามารถทำอะไรได้อีก อย่างเช่นแฟนเดนตายของจักรวาลมาร์เวล ที่เพิ่งจะผ่านพ้นศึกหนัก Infinity Wars ไปได้ไม่นาน แม้จะมีมนุษย์มดมาช่วยเยียวยา แต่แผลภายในใจยังฝังลึกกับความสูญเสียอยู่ดี ความจริงก็ไม่ใช่อะไรขนาดนั้นหรอก ฮร่าาา เป็นเหมือนกับการจัดมีตติ้งดารานำมาร์เวลพบปะประชาชนแฟนคลับ ในงาน San Diego Comic-Con 2018 มาในรูปแบบของการเยียวยาสภาพจิตใจ ด้วยการให้ดารานำมาพูดเกี่ยวกับความทรงจำดีๆ ในจักรวาลมาร์เวลให้กับแฟนคลับได้ฟัง ภายในนั้นจะมีโดนัทแจกให้ฟรี ได้ดูฉากที่ถูกตัดใน Infinity War ระดับบลูเรย์ แถมยังได้เสื้อเชิ้ตไปอีกตัวตอนขาออกด้วย โดยในระหว่างทางเดินจะมีโปสเตอร์พร้อมคำให้กำลังใจกับแฟนคลับที่บาดเจ็บทางใจ ค่อยๆ เยียวยากันไปเดี๋ยวก็ดีขึ้น พวกเราคือกรูทททททท!! คุณแกร่งกว่าไวเบรเนียมเสียอีก มีฮัลค์อยู่เสมอนะ คุณทำได้หน่าาา (เดินวนตลอดทั้งวัน) คุณเป็นมากกว่าแผน 12% ของตาปีเตอร์นะ (จาก GOTG) นอกจากจะมีการพูดคุยเรื่องราวความทรงจำแล้ว ยังจะมีการเยียวยากอดกลุ่ม Group…
-
อดีตนักรักบี้ต่อยเด็กวัย 15 ปีจนดั้งหัก หมดสติ โดยอ้างว่าลูกชายของเขาถูกเด็กคนนี้แกล้ง….
การใช้กำลังทำร้ายร่างกาย สิ่งนั้นไม่นับว่าเป็นทางออกหรือหนทางในการแก้ไขปัญหา เพราะสุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้อาจส่งผลเสียให้กับทั้ง 2 ฝ่าย เช่นเดียวกับบทสรุปของเหตุการณ์นี้ ในวันที่ 21 กรกฎาคม 2018 ศาลในเขต Rainford เมืองเซนต์เฮเลนส์ ประเทศอังกฤษ ตัดสินให้อดีตนักรักบี้วัย 48 ปีต้องโทษจำคุกนาน 7 เดือน จากการที่เขาทำร้ายร่างกายเด็กชายวัย 15 ขวบ จนใบหน้าพังยับเยิน Vila อดีตนักรักบี้ทีมชาติ Cole เด็กหนุ่มวัย 15 ปี ผู้ถูกทำร้ายร่างกาย Vila Matautia อดีตนักรักบี้ทีมชาติซามัว ยอมรับว่าตนเองได้ต่อยใส่ใบหน้าของ Cole Olverson เด็กหนุ่มวัย 15 ปี โดยให้เหตุผลว่าที่ทำอย่างนั้น เพราะ Cole แกล้งลูกชายของเขาที่อ่อนกว่า 3 ปี เด็กหนุ่มผู้ถูกทำร้ายเล่าว่าในวันที่ 4 ธันวาคม 2017 Vila บุกทำร้ายเขาในร้านอาหารภายในเมือง ยัดกำปั้นใส่ใบหน้าจนล้มลงไป…
-
แรคคูนที่นิวยอร์กเซ็นทรัลปาร์คตายร่วม 26 ตัวหลังมีอาการคล้าย ‘ซอมบี้’ แพทย์รุดตรวจสอบ
ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2018 ได้มีการพบซากแรคคูนรวม 26 ตัวเสียชีวิตอยู่ใน นิวยอร์กเซ็นทรัลปาร์ค สวนสาธารณะขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา และแม้ว่าตัวเลขการตายจะสูงก็ตาม แต่ปัญหาจากการตายในครั้งนี้กลับอยู่ที่พฤติกรรมก่อนตายของเหล่าแรคคูนต่างหาก นิวยอร์กเซ็นทรัลปาร์ค ที่เกิดเหตุ ดูเหมือนว่าก่อนที่จะตาย แรคคูนเหล่านี้มีพฤติกรรมที่แปลกไปจากที่เคยมาก พวกมันดูงุนงง สับสน ไม่ตอบสนองต่อสิ่งรอบตัว และมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวขึ้นมากๆ Dr. Sally Slavinski ผู้ช่วยผู้อำนวยการแผนกสาธารณสุขของเมืองกล่าวว่า “พวกมันเหมือนกับว่ากำลังเดินวนเป็นวงกลมอย่างไร้จุดหมาย และมีอาการชักเป็นพักๆ” เรื่องในครั้งนี้ดูเหมือนจะยิ่งลึกลับขึ้นไปอีก เมื่อมีการตรวจโรคเบื้องต้นของทางเจ้าหน้าที่ และพบว่าในบรรดาแรคคูนที่ตายไปนั้น ไม่มีตัวใดเลยที่เป็น “โรคพิษสุนัขบ้า” โรคที่มักตกเป็นที่สงสัยมากที่สุด ในกรณีที่จู่ๆ สัตว์ก็ดุร้ายขึ้น กลุ่มอาการที่พบนั้นใกล้เคียงกับอาการของซอมบี้ในภาพยนตร์มากจนมีคนจำนวนหนึ่งที่เชื่อว่านี่อาจจะเป็นไวรัสซอมบี้ที่เราไม่เคยพบมาก่อนก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตัดสินใจส่งชิ้นเนื้อของแรคคูนที่เสียชีวิตสองตัวไปยังห้องแล็บของรัฐ ในที่สุดเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ก็ทราบสาเหตุของอาการคล้ายซอมบี้ในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าแรคคูนเหล่านี้จะติดโรคไข้หัด (Distemper) ซึ่งตามปกติจะทำให้สัตว์ มีไข้สูง ซึม อ่อนแรง เบื่ออาหาร และเป็นอันตรายถึงชีวิต แม้ว่าโรคไข้หัดในสัตว์จะไม่ติดต่อสู่คนก็ตาม แต่ในขณะนี้ได้มีการเตือนภัยไปยังกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ในพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากโรคไข้หัดในแรคคูนมีโอกาสที่จะติดต่อไปยังสัตว์เลี้ยงได้ ทั้งทางน้ำลาย ปัสสาวะ…
-
คลื่นร้อนญี่ปุ่นทุบทุกสถิติทะลุ 40 องศา คร่า 30 ชีวิต อีกนับหมื่นเข้าโรงพยาบาล…
สำหรับประเทศไทยแล้ว คงจะคุ้นชินกับอากาศร้อนๆ เป็นอย่างดี หากไม่ได้ออกไปไหนก็หลบอยู่ภายในอาคาร เปิดพัดลมเปิดแอร์แช่กันไป หรือหากจะต้องออกไปข้างนอกก็หาน้ำเย็นทานคลายร้อนระหว่างทางได้เสมอ แต่ทว่าในประเทศญี่ปุ่นกลับกัน เนื่องจากอากาศที่ร้อนยิ่งกว่าในปีไหนๆ สภาพอากาศที่เปิดโล่งจนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงกับร่างกาย ส่งผลทำให้ปีนี้เป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในญี่ปุ่น หลังจากที่ทางตะวันตกของญี่ปุ่นเพิ่งจะประสบกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ได้ไม่นาน คลื่นความร้อนก็ได้ปกคลุมทั่วประเทศญี่ปุ่นตามมาทันที โดยเฉพาะในเขตกรุงโตเกียวนั้น ได้รับแจ้งเหตุฉุกเฉินเกี่ยวกับภัยความร้อนมากถึง 3,000 ครั้งภายในวันเดียว จากรายงานของแหล่งข่าวต่างประเทศ มีผู้เข้ารับการรักษาจากอาการฮีทสโตรก (โรคลมแดด) รวมแล้วทั้งสิ้น 12,000 รายทั่วประเทศ จากสภาพอากาศที่ร้อนพุ่งทะลุ 38 – 40 องศาเซลเซียส อีกทั้งยังส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตจากความร้อนแล้ว 30 ราย หนึ่งในผู้เสียชีวิตที่มีอายุน้อยที่สุด คือเด็กชายวัย 6 ขวบจากจังหวัดไอจิ นักเรียนวัยประถมที่ออกไปทำกิจกรรมนอกห้องเรียน จนกระทั่งรู้สึกไม่สบายตัวจากความร้อนและเสียชีวิตด้วยโรคลมแดดในเวลาต่อมา ทางการได้สั่งประกาศให้ประชาชนพกน้ำดื่มติดตัว ดูแลอุณหภูมิร่างกายเวลาออกไปข้างนอก อีกทั้งยังให้โรงเรียนยุติทำกิจกรรมนอกห้องเรียนต่างๆ ในช่วงเวลานี้ จนกว่าคลื่นความร้อนจะมีอุณหภูมิลดลง ที่มา: japantimes, japantimes(2), independent, express, news.sky.com, abc
-
สาวเล่าประสบการณ์ ‘ขับรถตกหน้าผา’ สูงเท่าตึก 25 ชั้น รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์!!
เรื่องราวของหญิงสาวที่ขับรถตกจากหน้าผาสูงกว่า 76.2 เมตร หรือประมาณตึก 25 ชั้น แต่กลับรอดมาได้ราวกับปาฏิหาริย์!! เรื่องมีอยู่ว่า Angela Hernandez สาวจากเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา กำลังเพลิดเพลินไปกับการขับรถไปบนถนนทางหลวงแคลิฟอร์เนียสายที่ 1 ใกล้ๆ กับ ชายฝั่งบิ๊กเซอร์ (ว่ากันว่าเป็นถนนที่มีวิวสวยที่สุดในโลก) แต่แล้วจู่ๆ ก็มีสัตว์ตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถ ด้วยปฏิกิริยาตอบสนองเธอจึงหักพวงมาลัยอย่างรวดเร็ว จนทำให้รถพุ่งตกหน้าผาไป “ฉันจำตอนที่ร่วงลงไปข้างล่างไม่ได้เท่าไหร่นัก เจ้าหน้าที่บอกว่าฉันตกลงไปข้างล่างลึกประมาณ 76 เมตร แต่สิ่งที่ฉันพอจะจำได้คือหลังจากที่ฟื้นขึ้นมามือของฉันเต็มไปด้วยเลือด ตอนนั้นฉันยังคงอยู่ในรถ” “ที่ขาของฉันเหมือนมีน้ำไหลออกมา ฉันเจ็บที่หัว และกระจกรถก็ยังคงปิดอยู่” Angela เล่า น้ำค่อยๆ ไหลเข้ามาในรถ พอได้สติเธอก็เริ่มหาอุปกรณ์ทุบกระจกเพื่อหาทางออกจากรถไปให้ได้ หลังจากที่ออกมาจากรถได้เธอก็ว่ายน้ำเข้าฝั่ง และเธอก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเอาตัวเองให้รอดอย่างไรดี จากนั้นไม่นานครอบครัวของ Angela ก็โทรแจ้งตำรวจเพราะเธอหายตัวไป และไม่ยอมกลับมาสักที เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการค้นหาตลอดทั้งเส้นทางหลวงสายที่ 1 “จากนั้นไม่กี่วันต่อมาฉันก็เริ่มรู้สึกว่าทุกอย่างมันเบลอไปหมด ฉันเดินไปตามชายหาดเพื่อหาคนช่วยเหลือ…
-
หนุ่มปั่นจักรยานไกล 700 กิโลฯ เพื่อไปชมทะเล ก่อนจะเสียการมองเห็นไปตลอดชีวิต!!
Marcin Zarnecki ชายวัย 38 ปี ผู้ที่กำลังจะสูญเสียการมองเห็นไปตลอดชีวิต… เขาเลือกที่จะปั่นจักรยานจากบ้านเป็นระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร เพื่อที่จะไปชมความงดงามของทะเลแอนเดรียติก Marcin ประสบปัญหากับอาการป่วยจากโรคเกี่ยวกับดวงตาที่มีชื่อว่า Retinopathy of Prematurity หรือจอตาผิดปกติในทารกคลอดก่อนกำหนด ทำให้เขามีความสามารถในการมองเห็นเพียง 50% เท่านั้น และจะสูญเสียการมองเห็นไปในเวลาต่อมา หมอบอกว่าเขายังคงมีเวลาอีกช่วงหนึ่งก่อนที่จะสูญเสียการมองเห็นไปตลอดกาล และนั่นเองก็ทำให้ Marcin ตัดสินใจจะทำตามความฝันที่มีมาตลอดคือการได้เห็นทะเลแอนเดรียติกสักครั้งในชีวิต Marcin ไม่มีเงินพอที่จะซื้อตั๋วเครื่องบิน หรือรถไฟ ก็เลยตัดสินใจคว้ารถจักรยานและปั่นออกไป เขาใช้เวลากว่า 2 สัปดาห์ในการเดินทาง เพราะต้องปั่นจากโปแลนด์ไปยังประเทศโครเอเชีย รวมแล้วเป็นระยะทางกว่า 700 กิโลเมตรเลยทีเดียว ในระหว่างทางก็มีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นมากมาย หลายๆ คนพอได้ฟังเรื่องราวของเขา ต่างก็พร้อมจะรับเขาไปอยู่ที่บ้านด้วยเพราะว่าปัจจุบัน Marcin ต้องอาศัยอยู่ในเต็นท์ Anamarija Tomaskovic และสามี Alen ตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ Marcin เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยในแฟลตที่กรุงซาเกร็บของประเทศโครเอเชีย “Marcin…
-
หนุ่มร่างยักษ์ตะโกนร้องเพลงในรถไฟใต้ดิน แต่กลับไม่โดนด่าแถมได้รับคำชม เพราะร้องดีเกิ้น!!
ขณะที่เราอยู่บนรถไฟ เราก็อาจจะเห็นคนทำกิจกรรมต่างๆ แก้เบื่อกันอย่างเล่นโทรศัพท์มือถือ เปิดเพลงฟัง หรืออ่านหนังสือหนังหากันไปตามเรื่องตามราว แต่ว่าคงไม่มีใครเคยเจอกับเหตุการณ์สุดพิลึกพิลั่นอย่างนี้แน่ๆ เพราะว่ามีชายคนหนึ่งได้ไปโชว์พลังลูกคอในรถไฟฟ้า แถมยังร้องดังลั่นชนิดที่แม้แต่คนที่ใส่หูฟังก็ยังได้ยิน แต่ว่ากลับไม่มีใครว่าอะไรเพราะพลังเสียงของเขามันช่างสุดติงกระดิ่งแมวจริงๆ ขณะที่รถไฟใต้ดินแห่งกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษกำลังแล่นไปตามกิจวัตรในคืนวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก็มีผู้โดยสารหลายคนเดินทางร่วมกับรถไฟขบวนดังกล่าวอย่างปกติเฉกเช่นวันธรรมดาทั่วไป แต่แล้วจู่ๆ ก็มีหนุ่มผิวสีร่างยักษ์คนหนึ่งในขบวน ที่เริ่มเปล่งเสียงร้องเพลงโชว์ลูกคอผ่านบทเพลง Smoke on the Water เพลงระดับตำนานแห่งวง Deep Purple ในรูปแบบที่ไม่แคร์สื่อว่าใครจะได้ยิน หรือใครยินดียินร้ายอะไรก็ตาม คลิปของเจ้าหนุ่มพรสวรรค์ (ดูไม่ได้คลิ๊กที่นี่) ทว่าก็ด้วยเสียงอันแสนไพเราะของเขาก็ทำให้ไม่มีใครว่าอะไรแต่อย่างใด แถมยังมีบางคนที่สนุกไปกับเขาด้วยการโยกหัวหรือแกว่งเท้าไปมาตามจังหวะเพลง และนับว่าเป็นอีกหนึ่งการเอนเตอร์เทนต์ที่หนุ่มคนนี้จัดให้โดยไม่ต้องมีเสียงเรียกร้องแต่อย่างใด แต่ไฮไลท์ก็คือนอกจากนี้เสียงร้องแล้วก็ยังมีการทำเสียงเป็นทำนองกีตาร์อินโทร ดึ่ม ดึม ดึ้ม สร้างความสนุกให้กับผู้คนบนรถไฟ จนกระทั่งถึงสถานี Finchley Road station เขาก็จบการแสดงลงเพียงแค่นั้น โดยวิดีโอดังกล่าวนี้ได้ถูกโพสต์ลงในกลุ่ม Shit London แล้วก็มีคนให้ความสนใจตัวของหนุ่มคนนี้อย่างมากมาย จากการร้องเพลงในครั้งนี้ และก็มีบางคนบอกว่าเขาควรจะไปออกรายการโชว์อย่าง Britain’s got Talent หรือ The X-Factor ก็น่าจะแจ้งเกิดได้อย่างไม่ยากเย็นนักเลยทีเดียว… ที่มา: dailymail, shit…
-
ปลุกพลังจูนิเบียวในตัวคุณ!! กับเคสโทรศัพท์ดาบคู่จาก Sword Art Online x Monster Strike
เพื่อนๆ เคยรับชมการ์ตูนหรือนิยายเรื่อง “Sword Art Online” หรือ “SAO” กันบ้างหรือเปล่า ในตอนแรก SAO เป็นการ์ตูนที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับเกมออนไลน์ที่ใช้ชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน หากคุณตายในเกมนอกเกมก็เท่ากับคุณตายด้วย แต่ตอนหลังมานี้ตัวเอกได้สามารถเอาชนะเกมนั้นมาได้และได้เข้าสู่บทต่อไป ซึ่งด้วยเนื้อเรื่องที่ดำเนินเรื่องเกี่ยวกับเกมออนไลน์แบบนี้ ทำให้เกมเมอร์หลายคนที่ได้ดูเรื่องนี้แล้วต้องชื่นชอบและอยากให้ระบบเกมที่ล้ำยุคแบบในเรื่องเกิดขึ้นจริงๆ และได้เข้าไปใช้ดาบคู่สุดเท่แบบ “คิริโตะ” ตัวเอกในเรื่องกันบ้างเลยทีเดียว วันนี้ความฝันที่คุณจะได้ถือดาบคู่และเล่นเกมไปด้วยไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป เมื่อทาง Monster Strike เกมออนไลน์บนโทรศัพท์มือถือได้ร่วมมือกับ Sword Art Online ออกเคสโทรศัพท์สุดแนว เป็นดาบคู่ Elucidator และ Dark Repulser อาวุธสุดเท่ของตัวเอกของเรานั่นเอง หลายๆ คนอาจสงสัยว่าเป็นเคสโทรศัพท์จะทำออกมาเป็นสองอันทำไมนะ นั่นก็เพราะว่าดาบอีกเล่มหนึ่งมีไว้สำหรับจิ้มจอยังไงล่ะ หากงงล่ะก็เราไปชมกันครับ พกเคสมาอย่างเท่!! ใส่โทรศัพท์เข้าไปในเคส ติดตั้งเครื่องกันเสียหน่อย ชัก Elucidator ออกมาอย่างเท่ (ด้านนี้เป็นไม้จิ้มจอ) ชัก Dark Repulser ก็มาก็ยังโคตรเท่ ถูกออกแบบมาอย่างดี ภาพ 3D ก่อนผลิตออกมาจริงๆ …
-
ปีนี้มาแบบสีชมพูฟรุ้งฟริ้ง!! Ezra Miller กับชุดคอสเพลย์เป็น “Toadette” ใน Comic Con 2018
Ezra “Matthew” Miller หรือที่เรารู้จักกันสั้นๆ ว่า Ezra Miller เป็นดาราฮอลลีวูดวัย 25 ปีที่รูปหล่อ อารมณ์ดี ความสามารถเยอะและผ่านงานแสดงมานับไม่ถ้วน แต่ในสมัยนี้หลายคนคงคุ้นตากับบท The Flash หรือ Barry Allen ชายผู้เร็วที่สุดในโลก แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าเขาเป็นหนึ่งในดาราที่กล้าออกมายอมรับว่าตัวเองเป็น Bisexual เพศที่ไม่ปิดกั้นเพียงแค่ชายหญิงเท่านั้น ด้วยนิสัยที่เฮฮา ร่าเริงและมองโลกในแง่ดีนี่แหละ ทำให้เขาเป็นที่รักของเพื่อนๆ ทั้งนักแสดงและทีมงานในกองถ่ายอยู่เสมอ แหม… หล่อ น่ารัก ร่าเริง แถมยังเฮฮาอีก ใครจะไม่รักเนอะ รูปโฉมก็งาม หน้าตาก็ดี ยิ้มดีนี่ โลกน่าอยู่ขึ้นเป็นกอง ประเด็นที่เรานำมาเขียนให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันในวันนี้ไม่ใช่เรื่องของรสนิยมทางเพศของเขา แต่เป็นรสนิยมการแต่งตัวของเขาต่างหาก เพราะหลายครั้งที่เขาแต่งตัวไปงานต่างๆ ด้วยเสื้อผ้าที่ค่อนจะดึงดูดสายคนในงานมากๆ อย่างเช่นแบบนี้… หรือแบบนี้!! Ezra เป็นหนึ่งในคนที่ชื่นชอบการ์ตูนและเกมเอามากๆ ในงาน Comic Con ที่จัดขึ้นใน San Diego…
-
พบแล้ว.. ชนเฝ่าแห่งป่าแอมะซอนคนสุดท้าย ชายผู้น่าเศร้าที่ต้องเสียทุกคนไป
เมื่อไม่นานมานี้มูลนิธิแห่งชาติอินเดียน (FUNAI) ของบราซิลได้ทำการเผยแพร่วิดีโอภาพ ผู้ชายวัยราวๆ 50 ปีสวมชุดผ้าเตี่ยวและไว้ผมยาวห้อยข้างหลัง กำลังยืนตัดต้นไม้ ในผืนป่าดิบชื้น ของรัฐรอนโดเนีย ประเทศบราซิล วิดีโอต้นฉบับจาก FUNAI ในรัฐรอนโดเนียสมัยก่อนเกิดการเพาะปลูกและตัดไม้ทำลายป่าผิดกฎหมายอย่างรุนแรงขึ้น นำไปสู่การโจมตีและขับไล่ชนเผ่าพื้นเมืองออกจากพื้นที่ ทำให้จำนวนของประชากรในชนเผ่าลดลงอย่างน่าใจหาย และท้ายที่สุดในปี 1995 แหล่งข่าวจำนวนมากก็ยืนยันข้อมูลที่ว่า ประชากรจากชนเผ่าพื้นเมืองที่ลดลงจนเหลือเพียง 6-7 คนสุดท้ายนั้น ตอนนี้ได้จะหายไปหมดแล้ว หรือถ้าโชคดีก็เหลืออยู่เพียงคนเดียว ภาพที่อยู่ของชนเผ่านี้ (ภาพจากปี 2005) นั่นทำให้ในปี 1996 เมื่อมีผู้เชี่ยวชาญพบเห็นชาวพื้นเมืองคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตจากการถูกทำร้ายและขับไล่ ทางรัฐบาลจึงได้มีการกำหนดให้รอบๆ พื้นที่ที่ชายคนดังกล่าวอาศัยอยู่เป็นพื้นที่หวงห้าม และชายคนที่อยู่ในวิดีโอ ก็คือชายผู้รอดชีวิตนั่นเอง เขาโดยได้รับชื่อเล่นว่า “มนุษย์รู ชนพื้นเมือง” เนื่องจากมีร่องรอยการที่เขาขุดหลุมลึกหลายหลุม ซึ่งคาดว่าใช้ในการซ่อนตัวหรือวางกับดักหาเหยื่อ ภาพของชายคนดังกล่าวมีการถ่ายได้ครั้งแรกในปี 1998 ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่เคยพยายามติดต่อกับชายในวิดีโออยู่หลายครั้ง อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะมีความหวาดกลัวต่อคนภายนอก ถึงขั้นที่ว่าชายหนุ่มจะโจมตีใส่คนภายนอกทันทีที่เห็น อย่างไรก็ตามเป้าหมายหลักของทาง FUNAI นั้นได้บรรลุผลแล้ว เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็มั่นใจว่าชายที่พบมีสุขภาพแข็งแรง สามารถออกล่าสัตว์และเพาะปลูกพืชได้ “เราไม่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับเขา” ฟิโอนา วัตสัน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและสนับสนุนองค์กรสากลเพื่อปกป้องชนเผ่าพื้นเมืองกล่าว “แต่เขานั้นเป็นตัวอย่างของ ‘ความหลากหลายของเผ่าพันธุ์มนุษย์’…
-
เศรษฐีฆ่าวาฬหายาก ออกมารับผิดชอบกับการกระทำ ‘สัญญาว่าจะฆ่าเพิ่มอีก 140 ตัว’!!
ในประเทศไอซ์แลนด์นั้น ‘การล่าวาฬ’ ถือเป็นประเพณีที่กระทำสืบเนื่องมาตั้งแต่โบราณ และปัจจุบันก็ยังคงมีให้เห็นกันอยู่ตลอดเป็นประจำทุกปี อย่างไรก็ตามประเพณีการล่าวาฬนี้ก็ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่ทั่วโลกว่ามันเป็นสิ่งที่ควรกระทำหรือไม่ จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ให้ล่าเฉพาะที่นำมาบริโภคเท่านั้น แต่ไม่ได้ล่าเพื่อความสนุกเหมือนในอดีตอีกต่อไป และการล่าวาฬตัวนี้กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดกันอย่างแพร่หลายในโซเชียลต่างประเทศ กับกรณีของเศรษฐีชาวไอซ์แลนด์รายหนึ่งใช้ปืนใหญ่ยิงฉมวกใส่เจ้าวาฬยักษ์ที่มีความยาวถึง 20เมตร!! แต่ทว่ามันไม่ใช่วาฬธรรมดา เป็นพันธุ์ผสมระหว่างวาฬสีน้ำเงินกับวาฬฟิน ที่หาได้ยากมากๆ เรียกได้ว่าโอกาสที่จะเกิดการผสมข้ามสายพันธุ์ของวาฬสองชนิดนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะมีเพียง 1% เท่านั้น จากรายงานระบุว่าเจ้าวาฬตัวนี้ใช้ชีวิตแหวกว่ายไปในมหาสมุทรมานานกว่าหลายสิบปี และไม่เคยทำอันตรายให้กับสิ่งมีชีวิตอื่นเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายก็ต้องมาจบชีวิตลงโดยน้ำมือของมหาเศรษฐีขาวไอซ์แลนด์นามว่า Kristjan Loftsson เขาใช้ปืนใหญ่ยิงฉมวกที่มีขนาด 90 มิลลิเมตร เจาะเข้าไปในผิวหนังของเจ้าวาฬ และลากมันขึ้นมาบนฝั่งของกรุง Reykjavik ก่อนที่จะทำการแล่เจ้าวาฬตัวนั้น ภาพในระหว่างการแล่เนื้อวาฬถูกเผยแพร่สู่สายตาของประชาชนทั่วโลก กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงว่าการกระทำนี้เป็นสิ่งที่โหดร้าย อย่างไรก็ตามองค์กร International Find for Animal Welfare (IFAW) ก็ได้ออกมาให้ความเห็นว่าวาฬผสมนั้นเป็นวาฬที่หายากมาก และมันเป็นสัตว์ที่ถูกคุ้มครองโดยอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าห้ามล่าหรือทำร้ายมัน ขณะนี้พวกเขาก็กำลังจะดำเนินการเอาเรื่องมหาเศรษฐีให้ถึงที่สุด Sigursteinn Masson จากหน่วยงาน IFAW กล่าวว่า “เจ้าวาฬพันธุ์ผสมนี้เป็นสิ่งที่หายากมากๆ ทำให้การระบุว่ามันเป็นสายพันธุ์อะไรก็เป็นเรื่องที่ยากเช่นกัน”…
-
สาวมาเลย์ร้อง!! สื่อไทยนำภาพไปใช้นำเสนอข่าวในทางที่ไม่ดี และเรื่องนี้ต้องมีคำขอโทษ…
กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นให้ได้ติดตามกัน เมื่อมีสาวมาเลเซียคนหนึ่งโพสต์เฟซบุ๊กบอกว่าได้ถูกสื่อชื่อดังของไทยสื่อหนึ่งนำรูปของเธอไปใช้อย่างไม่เหมาะสม และที่สำคัญคือยังเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมด้วย!! โดยผู้ที่ออกมาโพสต์ข้อความดังกล่าวคือผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Quah Sue Theng ที่ได้โพสต์รูปภาพข่าวที่เธออ้างว่าได้นำรูปภาพส่วนตัวของเธอไปใช้อย่างไม่เหมาะสม พร้อมกับได้ใส่แคปชั่นอธิบายเอาไว้ว่า “เรื่องนี้เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา เมื่อสื่อแห่งหนึ่งได้รายงานข่าวโดยใช้ภาพของตัวฉัน ซึ่งข่าวที่ว่านี้เป็นข่าวของหญิงไทยคนหนึ่งที่ใช้ภาพของฉันอย่างไม่เหมาะสมแล้วไปเกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรม รูปภาพของตัวฉันไปอยู่ในข่าวนี้อย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน และในตอนนี้ฉันได้แจ้งความกับตำรวจของประเทศไทยแล้วในข้อหา ‘อาชญากรรมคอมพิวเตอร์’ (Technology Crime) ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกฉันว่าควรจะถามหาคำขอโทษจากสื่อนั้น และตอนนี้ฉันก็หวังว่าทางสื่อดังกล่าวจะให้คำตอบที่ดีแก่ฉันในเรื่องของข่าวนั้นด้วย ฉันเป็นชาวมาเลเซีย และโปรดจำเอาไว้ว่าผู้คนที่มาจากประเทศอื่นแล้วนำภาพของฉันไปใช้นั้นถือว่าเป็นแฮกเกอร์!! ในท้ายที่สุดแล้วก็ขอรบกวนผู้ติดตามชาวไทยช่วยกันแท็กไปยังสื่อนั้น เพื่อให้ได้รับรู้เรื่องราวนี้ด้วย” รูปภาพที่เธอแนบมาพร้อมกับโพสต์ดังกล่าว . . . . โดยทั้งนี้ในข่าวดังกล่าวเป็นข่าวของการจับกุมผู้กระทำผิดในเรื่องของการค้าประเวณีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยมี นางสาวอาริสาหรือที่รู้จักกันในนาม ‘อริส แม็กซิม’ เป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวนั่นเอง ในตอนนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าเรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไป และจะมีแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ของสื่อดังกล่าวหรือไม่ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน คลิปวิดีโอที่เธอใช้อ้างอิง ที่มา: Quah Sue Theng
-
คลอดแนวใหม่!? คุณแม่ลูก 6 แชร์วิธี “คลอดลูกด้วยตนเอง” ในสวนหลังบ้าน ใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ถ้าหากเลือกได้ พวกเราเกือบทุกคนก็คงเลือกที่จะไป คลอดลูก กันในโรงพยาบาล โดยฝีมือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน แต่สำหรับคุณแม่คนนี้ เธอไม่เคยคลอดลูกในโรงพยาบาลเลยแม้แต่ครั้งเดียว และเธอก็ได้ถ่ายคลิปการให้กำเนิดลูกน้อยคนที่ 6 ที่สวนหลังบ้านของตัวเอง โดยไม่มีหมอหรือพยาบาลช่วยเลย การคลอดลูกเอง ในสวนหลังบ้านที่ประเทศฝรั่งเศส คุณแม่คนนี้มีชื่อว่า Sarah Schmid วัย 36 ปี เธอจะไม่มีทางไปคลอดที่โรงพยาบาลอย่างเด็ดขาด เพราะจากที่เคยเห็นนั้น มันไม่ใช่บรรยากาศที่ทำให้เธอผ่อนคลายเลย Sarah อธิบายว่าการคลอดลูกเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และสิ่งที่เธอต้องการในช่วงเวลาของการให้กำเนิดนั้นคือความผ่อนคลายจิตใจ แหงนมองท้องฟ้า เท้าสัมผัสกับผืนหญ้า และด้วยความที่เธอเคยฝึกเป็นแพทย์มาก่อน เธอจึงใช้ความรู้นั้นในการคลอดลูกด้วยตัวเองมาโดยตลอด คนที่จะช่วยเหลือเธอในการคลอดลูกทุกครั้งก็คือ Tim สามีวัย 41 ปีของเธอ ซึ่งเขาจะเข้ามาช่วยหลังจากที่เธอคลอดลูกออกมาแล้ว แต่ในระหว่างการคลอดนั้น เขาจะปล่อยให้เธอได้อยู่ตามลำพังในทุกครั้ง Tim เล่าว่าครั้งที่ Sarah รู้สึกสบายใจกับการคลอดลูกมากที่สุดคือในตอนที่ให้กำเนิด Jonathan ลูกชายคนที่ 3 ท่ามกลางป่าใหญ่อันห่างไกลในประเทศสวีเดน อยู่เพียงลำพังนานถึง 4 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม…
-
พ่อร่ำไห้…หลังจากตีลูกชายไปมากกว่า 100 ครั้ง เพราะจับได้ว่าขโมยเงินไปกว่า 34,000 บาท
พ่อแม่คือคนที่จะคอยสั่งสอน ชี้นำทางให้ลูกเดินไปในทิศทางที่ดี เพราะฉะนั้นหากลูกทำความผิดก็อาจจะต้องลงโทษกันบ้างเป็นเรื่องปกติ และสิ่งนั้นก็ได้เกิดขึ้นกับครอบครัวนี้ เมื่อลูกชายขโมยเงินของครอบครัวไป 7,000 หยวน (ราวๆ 34,000 บาท) แล้วถูกจับได้ เขาจึงโดนผู้เป็นพ่อลงโทษด้วยการใช้ท่อนไม้ไผ่ตีไปมากกว่า 100 ครั้ง . จากการรายงานของสำนักข่าว Sina News ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2018 บอกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเขต Taixing มณฑลเจียงซู ประเทศจีน ลูกชายขโมยเงินของครอบครัวและนำมันไปใช้เที่ยวเล่นกับเพื่อนจนหมดภายใน 8 วัน สุดท้ายคนในครอบครัวจับได้ พ่อของเขาจึงใช้ท่อนไม้ไผ่ยาวประมาณท่อนแขน ตีใส่หลังและก้นไปหลายต่อหลายครั้ง โดยผู้ชมคลิปบอกว่ามันมากกว่า 100 ครั้งเลยทีเดียว ขณะที่ตีใส่ลูกชาย ผู้เป็นพ่อก็จะคอยสั่งสอนและต่อว่าในสิ่งที่ลูกชายได้ทำลงไป มีประโยคหนึ่งที่เขาพูดว่า “นั่นไม่ใช่เงินที่หามาได้ง่ายๆ มันไม่ได้หล่นลงมาจากฟ้า มันเป็นอะไรที่หามาด้วยความยากลำบาก” ส่วนคนเป็นลูกก็ทำได้เพียงร้องไห้ อ้อนวอนขอให้พ่อหยุดตีเขา . จนกระทั่งคุณยายได้เข้ามาห้าม ดึงเอาไม้ไผ่ออกจากมือพ่อ หลังจากนั้นพ่อก็เดินหันหลังไปร้องไห้กับกำแพง สร้างความสะเทือนอารมณ์ให้กับผู้ชมคลิปทุกคน …
-
เลือกเหยื่อผิด!? นักศึกษาใช้ท่า ‘ยิวยิตสู’ ไล่เตะโจรจนวิ่งหนี เพราะคิดว่าโจรมี ‘ปืนปลอม’
“ศิลปะป้องกันตัว” ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นศาสตร์เป็นศิลป์ที่เราสามารถเรียนมาเพื่อป้องกันตัวเองจากภัยร้ายต่างๆ อย่างเช่นเราจะถูกทำร้ายหรือถูกปล้น มิได้เอาไว้ใช้เพื่อทำร้ายผู้อื่น หลายคนอาจมองว่าเจ้าศาสตร์พวกนี้อาจจะมีโอกาสใช้มันยาก แต่เชื่อเถอะว่าหากโอกาสที่ต้องใช้งานได้มาถึงแล้ว มันต้องคุ้มค่าแก่การเรียนแน่ๆ เหมือนอย่างโอกาสที่สาวคนนี้ได้ใช้วิชา “ยิวยิตสู” ที่เธอเรียนร่ำเรียนมาถึง 18 เดือนป้องกันตัวเองจากการโดนปล้นและทำร้าย จนโจรนั้นวิ่งหนีไป แต่ประเด็นที่ทำให้เธอกล้าที่จะไล่เตะโจรกลับไปนั้นก็เพราะเธอคิดว่าปืนที่โจรมีมันเป็นของปลอม!? สาวคนที่เราพูดคือ Lorrana Braga นักศึกษาวัย 23 ปีที่อาศัยอยู่ใน Brasilia เมืองหลวงของประเทศบราซิล ในวันนั้นขณะที่เธอกำลังเดินอยู่คนเดียวในถนน Recanto das Emas ประมาณ 12.47 น. ได้มีรถคันหนึ่งขับผ่านเธอไป แต่มันไม่ได้ผ่านไปเฉยๆ เพราะรถคันนั้นแอบไปจอดอยู่มุมทางเดินและเจ้าของรถคันนั้นก็วิ่งลงมาพร้อมกับปืนเพื่อจะทำการปล้นเธอ . ทาง Braga ก็บอกว่านี่เป็นครั้งที่สองของเธอที่โดนปล้นและครั้งนี้เธอจะไม่ยอมอีกต่อไป แม้ว่าขณะที่ทำการต่อสู้กันอยู่ ทางโจรจะชี้ปืนมาที่เธอและบอกว่าจะยิงเธอถ้าเธอไม่ยอม แต่เมื่อ Braga ได้มองไปทางอาวุธของปืน เธอคิดว่ามันมีรูปร่างที่บางเกินไป จนเธอคิดว่ามันน่าจะเป็นของปลอมแน่ๆ เธอจึงได้ตัดสินใจที่จะใช้วิชายิวยิตสูที่ร่ำเรียนมาตอบโต้กลับไป เธอเตะโจรเข้าที่หน้าและตามเตะอีกหลายครั้งก่อนที่เขาจะวิ่งไปขึ้นรถและหนีไป สุดท้ายนี้ถึงแม้ว่าเธอจะรอดพ้นจากการถูกโจรกรรม แต่ทางตำรวจนั้นไม่อยากแนะนำให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการโจรกรรมทำแบบที่สาวคนนี้ทำ โดย Michello Bueno เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กล่าวว่า “ถือสาวน้อยคนนี้โชคดี…
-
ชาวเน็ตร่วมลงนาม “อยากดื่มน้ำสีแดง” จากโลงศพหินที่ค้นพบในเมืองอเล็กซานเดรีย
เชื่อว่าหลายๆ คนคงยังจำกันได้ ว่าเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา มีการเปิดโลงหินสีดำลึกลับในเมืองอเล็กซานเดรีย ท่ามกลางความไม่สบายใจของชาวเน็ตที่กลัวกันว่าภายในโลงนั้นอาจจะมีคำสาป หรือโรคร้ายจากสมัยโบราณอยู่ก็เป็นได้ (อ่านข่าวเก่าได้ที่ เปิดแล้ว!! โลงหินสีดำลึกลับในอเล็กซานเดรีย ท่ามกลางความหวาดกลัวคำสาปโบราณ) หลังจากที่เปิดโลงออกมาได้ไม่นานเหล่านักโบราณคดีก็ได้พบกับกลิ่นเหม็นสุดทานทนพร้อมกับโครงกระดูกสามร่างที่จมอยู่ในน้ำเสียสีน้ำตาลแดง ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่มาของกลิ่นเหม็นที่พบ เรื่องราวในครั้งนี้มันเกิดขึ้นจากเจ้าน้ำที่ว่านี่เอง เพราะในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่หวาดกลัวว่าเจ้าน้ำสีน้ำตาลแดงนี้อาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคโบราณที่อาจจะนำมาซึ่งหายนะแก่โลกปัจจุบันก็เป็นได้ ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่คิดต่างกันออกไป กลุ่มคนเหล่านี้นำโดย Innes McKendrick ผู้ผลิตวิดีโอเกมจากกิลฟอร์ด เซอร์เรย์ ประเทศอังกฤษ โดยเขาได้ทำการเปิดการลงรายชื่อในเว็บไซต์ Change.org เพื่อเรียกร้องที่จะให้ผู้คนเข้าไป “ดื่มน้ำสีน้ำตาลแดง” จากโลงศพที่ถูกค้นพบ!! โดยเนื้อความของการลงนามในครั้งนี้มีอยู่ว่า “เราต้องการจะดื่มของเหลวสีแดงจากโลงศพทมิฬต้องสาป ในรูปแบบของน้ำอัดลมชูกำลัง เพื่อรับพลังอำนาจมาเป็นของตน และตายไปได้ในที่สุด” แม้ว่าจะฟังดูบ้าบอ แต่ในปัจจุบันคำร้องนี้ก็มีผู้เข้าไปสนับสนุนแล้วร่วม 10,000 รายชื่อ ไม่แน่นะว่าในเหล่าคนที่ไปลงชื่อเหล่านั้นอาจจะมีใครสักคนที่คิดจะไปตักน้ำในโลงนั้นขึ้นมาดื่มจริงๆ ด้วยความเชื่อก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันทางอียิปต์ได้ทำการส่งร่างที่พบในโลงหินสีดำทั้งสามไปยังพิพิธภัณฑ์อเล็กซานเดรียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าจะมีการจัดการน้ำเสียสีน้ำตาลแดงในโลงอย่างไร หรือเหตุผลที่ว่าทำไมจึงมีของเหลวอยู่ในโลงที่อายุมากกว่า 2 สหัสวรรษได้นั้น ในปัจจุบันยังไม่มีการเปิดเผยออกมาแต่อย่างใด ที่มา ladbible, metro, change
-
หนุ่มโชว์ออฟ ขึ้นเหยียบรถ Lamborghini พลาดท่ากระจกหน้าแตกคาเท้า!! งานนี้สาวไม่ปลื้ม…
บางครั้งเราก็อยากโชว์ออฟ อวดความเท่ให้ประจักษ์แก่สายตาประชาชีทั้งหลายแหล่ ซึ่งนั่นก็คงเป็นสิ่งที่ชายคนนี้ตั้งใจเอาไว้ แต่การจะโชว์เท่กลับได้กลายเป็นตลกคาเฟ่ซะแทน เมื่อเขากระโดดขึ้นไปเต๊ะท่า เหยียบรถ Lamborghini คู่ใจ มูลค่าราวๆ 13 ล้านบาท แต่ดันทำกระจกหน้ารถแตกคาทีน!! หมดกันรถสุดหรูคู่ใจโก๋ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในขบวนรถหรู ภายใต้งานชุมนุมยานยนต์ Autopride ที่จัดขึ้นในวันที่ 14 กรกฎาคม 2018 ณ เมือง Key West รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เมื่อเสียงเครื่องยนต์มันเร้าใจ ปลุกความฮึกเหิมคึกคะนองของชายผู้ขับขี่รถ Lamborghini Huracan สีดำสุดเท่ เขาจึงลงรถมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ส่งไปให้กับผู้คนรอบด้าน เมื่อทุกคนพากันโห่ร้อง เจ้าของรถก็ยิ่งได้ใจ พุ่งขึ้นไปเหยียบกระโปรงหน้าและกระจกรถของตัวเอง โพสท่าผายมือแบบเท่ๆ แต่ใครจะไปคิดว่าพอแกขึ้นไปเหยียบปุ๊บ กระจกก็แตกปั๊บ บรรลัยเลยครับทีนี้ สาวที่นั่งมาด้วยถึงกับยื่นตัวออกมานอกกระจก พร้อมกับตะโกนออกมาด้วยความตกใจบวกไม่พอใจว่า “โอ้ว คุณพระคุณเจ้า!!” สาวไม่ปลื้มค่ะบอกเลย ถึงอย่างนั้น ชายผู้พลาดท่าสร้างความเสียหายให้รถของตัวเอง เขายังคงยืนยิ้มเท่ๆ ไม่ซีเรียสอะไร ก่อนจะกลับเข้าไปในรถ โชว์เบิ้ลเครื่องแก้เขินสักนิด…
-
พ่อเปลี่ยนหน้าต่างให้เป็น ‘โปรเจกเตอร์’ สร้างโลกที่เต็มไปด้วยไดโนเสาร์ให้กับลูกสาว!!
หนังเรื่อง ‘จูราสสิกพาร์ก’ คงเป็นหนังที่ใครหลายๆ คนชื่นชอบ แต่ถ้าตัดความระทึกขวัญออกไป เพื่อนๆ ลองคิดดูสิว่าการได้ท่องไปในโลกที่มีแต่ไดโนเสาร์คงมีความสุขไม่น้อยเลยใช่มั้ยล่ะ? สำหรับในบทความนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมการแต่งบ้านสุดเฟี้ยวของคุณพ่อท่านนี้ ที่ตกแต่งบ้านด้วยโปรเจกเตอร์เสริมสร้างจินตนาการให้ลูกสาวราวกับว่าอยู่ในโลกของไดโนเสาร์จริงๆ!! คุณพ่อผู้เป็นคนจัดฉากเวที Lyle Coram จากลาส เวกัส ได้ทำการติดโปรเจกเตอร์แทนหน้าต่างบ้าน แล้วก็เปิดหนังไดโนเสาร์ ทำให้เหมือนกับว่าอยู่บ้านที่ข้างนอกมีแต่โลกของไดโนเสาร์เต็มไปหมด เขาค่อยๆ ติดตั้งโปรเจกเตอร์แทนหน้าต่างทีละบานๆ โดยใช้เวลาทั้งหมดไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ แล้วก็เปิดฉากที่เต็มไปด้วยไดโนเสาร์เพื่อเซอร์ไพรส์ลูกสาวของเขา แต่สำหรับผู้ใหญ่ทั่วๆ ไปแล้วขอบอกเลยว่ามันช่างเหมือนจริงสุดๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้อยู่ในโลกไดโนเสาร์จริงๆ ไดโนเสาร์แวะมาทักทายที่นอกหน้าต่างบ้าน!! เหล่าไดโนเสาร์น้อยใหญ่ต่างก็วิ่งหนีเจ้า T-Rex กันจ้าละหวั่น ลองไปชมคลิปวิดีโอที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… นอกจากนี้ Lyle ยังเล่าอีกว่าลูกสาวของเขาไม่ได้กลัวจนแบบว่าอกสั่นขวัญเสีย เพราะเธอเป็นคนที่ชื่นชอบไดโนเสาร์อยู่แล้ว “ผมใช้หนังเรื่อง DINOSAUR ENCOUNTER จาก AtmostFX.com โดยการฉายโปรเจกเตอร์มาจากด้านนอก ทำให้เห็นภาพมันตัดกับขอบหน้าต่างและดูสมจริงยิ่งขึ้น” Lyle เล่า อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงก้าวแรกของเขาเท่านั้น คุณพ่อ Lyle ยังคงวางแผนที่จะทำบางอย่างเพื่อเซอร์ไพรส์ลูกสาวของเขาอีก อย่างเช่นฉากดิสนีย์แลนด์ เป็นต้น ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็ได้สร้างห้องนอนธีมดิสนีย์แลนด์ให้ลูกสาวของเขามาแล้ว…
-
แม่ยังสาว วัย 15 ปี พาลูก 2 ขวบ ไปร่วม ‘งานพรอม’ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอเลี้ยงลูกได้!!
‘การท้องก่อนวัยอันควร’ ถือเป็นปัญหาที่ไม่ว่าใครต่างก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเมื่อปัญหามันเกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องแก้กันไปตามความเหมาะสม เช่นเดียวกันกับ Kayleigh Snaith เด็กสาววัย 13 ปี จากประเทศอังกฤษ ที่พลาดตั้งท้องตอนที่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น แต่หลังจากที่พลาดแล้วเธอก็พยายามที่จะเลี้ยงลูกของตัวเองให้ดี รวมไปถึงตั้งใจเรียนอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่วายจะถูกเพื่อนๆ ในห้องกลั่นแกล้งและนินทา แต่อย่างไรก็ตาม Kayleigh ก็เลือกที่จะมองข้ามคำนินทาของคนอื่นไป เพราะสำหรับเธอแล้วการเป็นแม่คนนั้นทำให้เธอมีความสุขมากขึ้นและกลายเป็นคนที่ดีกว่าเดิม จนกระทั่งในวันงานพรอมที่จัดขึ้นเพื่อฉลองการเรียนจบชั้นมัธยมต้น เธอก็เลยตัดสินใจที่จะพา ‘ลูกสาว’ วัย 2 ขวบไปร่วมงานด้วย!! หนูน้อย Harley เกิดในวันที่ 6 พฤษภาคม ปี 2016 เป็นเด็กตัวน้อยน่ารักที่เกิดมามีหน้าตาน่ารักและเป็นเด็กอารมณ์ดี “เธอเป็นดั่งแสงตะวัน ฉันรู้สึกภูมิใจมากที่ได้เป็นแม่ของเธอ และฉันจะไม่มีวันคิดว่าการที่เธอเกิดมาถือเป็นเรื่องที่บาปและน่าอาย” Kayleigh เล่า ปัจจุบัน Kayleigh วัย 15 ปี ก็กำลังตั้งใจเรียน โดยที่หวังว่าการศึกษาของเธอ จะทำให้ลูกของเธอนั้นมีชีวิตที่ดี Kayleigh และหนูน้อง Harley ในชุดงานพรอม …
-
คุณลุงโมโห ถูก ‘นกนางนวล’ ขโมยมันฝรั่งไป 1 ชิ้น เลยจับขาฟาดกับกำแพง เกือบตาย!!
อย่างที่รู้กันดีว่าการกินขนม ถือเป็นช่วงเวลาแสนสำคัญ หากมีใครมาแย่งหรือขอกินขนมของเราล่ะก็ ต้องมีรู้สึกเคืองกันบ้างไม่มากก็น้อยล่ะ!! เช่นเดียวกันกับชายหนุ่มคนนี้ ที่ถูก ‘นกนางนวล’ ขโมยมันฝรั่งทอดไป 1 ชิ้น ก็เลยโมโหจับขาเจ้านกตัวนั้นแล้วก็ฟาดเข้าที่กำแพง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นใน Weston-super-Mare ประเทศอังกฤษ มีผู้เห็นเหตุการณ์เป็นหญิงวัย 40 ปี ชื่อว่า Rachael Beer เธอเล่าว่าตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 17.30 น. มีชายคนหนึ่งกำลังยืนกินขนมมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบอย่างเอร็ดอร่อย แต่จู่ๆ ก็มีนกนางนวลตัวหนึ่งบินมาโฉบแย่งมันฝรั่งไป 1 ชิ้น ด้วยความโมโหเขาคว้าหมับไปที่ขาของนกนางนวล แล้วก็จับมันฟาดเข้ากับกำแพงอย่างรุนแรง “มันเป็นเหตุการณ์รุนแรงที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย มีแม่เด็กคนหนึ่งพูดกับเขาว่า ‘ทำไมถึงทำแบบนี้ต่อหน้าลูกของฉัน?’ และเขาก็ตอบคุณแม่คนนั้นกลับว่า ‘มันคือสัตว์ที่สร้างความก่อกวนให้กับคนอื่น คุณควรจะสอนลูกคุณด้วยนะว่ามันมีสัตว์ชนิดนี้อยู่บนโลก’” “ฉันรู้สึกเหมือนกับว่า ‘โอ้พระเจ้า ชายคนนั้นพยายามที่จะฆ่านกนางนวล’ ฉันเลยเดินไปที่เจ้านกตัวนั้นและเห็นว่ามันยังไม่ตาย เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปของเขาและนก จากนั้นก็พามันไปส่งที่คลินิกสัตว์” คุณ Rachael เล่า อย่างไรก็ตามนกนางนวลถือเป็นสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายสัตว์ป่า 1981 ซึ่งมันถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายหากพยายามจะฆ่ามันในประเทศอังกฤษ ทางด้านองค์กรอนุรักษ์สัตว์ RSPCA ก็ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจและการกระทำต่อสัตว์แบบนี้ไม่สมควรได้รับการยอมรับ ใครก็ตามที่ได้เห็นเหตุการณ์นี้คงจะรู้สึกผิดหวังและหดหู่ไม่น้อย” “เรารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ผู้คนให้ความสนใจกับสัตว์และไม่ยอมให้เหตุการณ์นี้ผ่านไปเฉยๆ ซึ่งเธอได้ทำการช่วยเหลือ…
-
คุณแม่ต้อง ‘ตัดขาทิ้ง’ เพราะติดเชื้อจากการ ‘โกนขนหน้าแข้ง’ ด้วยมีดโกน
*คำเตือน บทความนี้อาจมีภาพที่รุนแรง หากใครใจไม่แข็งพอก็ขอให้คิดดีๆ ก่อนจะเลื่อนลงไปนะจ๊ะ ใครเล่าจะคิดว่าแค่การ ‘โกนขนหน้าแข้ง’ จะนำไปสู่การสูญเสียขาไป… Tanya Czernozukow หญิงสาววัย 43 ปี ต้องสูญเสียขาข้างขวาไปจากการ ‘โกนขนหน้าแข้ง’ ทุกอย่างมันเริ่มมาจากการที่วันหนึ่งเธอใช้มีดโกนโกนขนหน้าแข้งออก แต่กลายเป็นว่าเธอถูกบาดเป็นแผลเล็กๆ แต่ทว่าแผลเจ้ากรรมนั้นไม่ยอมหายสักที จึงไปรักษากับหมอที่โรงพยาบาล แต่มันก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีอาการดีขึ้น เวลาผ่านไป 1 ปีครึ่งที่หมอพยายามหยุดไม่ให้การติดเชื้อลุกลาม แต่ก็ไม่สำเร็จ เธอลองมาแล้วทุกอย่าง ทุกรูปแบบของการรักษา ทั้งใช้ยา ใช้สารเคมี รวมไปถึงใช้ ‘หนอน’ จนท้ายที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะตัดมันทิ้งไปเพื่อรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ Tanya เล่าว่า “มันคือฝันร้ายชัดๆ ตอนแรกมันจากแค่แผลเล็กๆ ฉันร้องโอ๊ย!! ซึ่งก่อนหน้านี้ฉันเคยโกนขนหน้าแข้งมาแล้วมากกว่าพันครั้ง ก็เลยเดินไปหยิบทิชชู่มาซับเพราะคิดว่าเลือดมันจะหยุดไหล” “หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ต่อมา แผลมันก็เปลี่ยนกลายเป็นสีเขียว และดำ ตรงบริเวณข้อต่อใกล้ๆ กับเข่าของฉัน มันรู้สึกเจ็บปวดมาก ราวกับว่าถูกไฟของนรกแผดเผา” “ฉันต้องกินยาแก้ปวดเป็นจำนวนมากเพื่อให้อาการบรรเทา ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนกับเข็มนับพันเล่มกำลังทิ่มแทงมาที่ขาของฉัน” “มีครั้งหนึ่งที่ฉันต้องห่อขาของตัวเองไว้ด้วยถุงพลาสติก เพราะมันมีน้ำหนองไหลออกมาตลอดเวลา เหมือนกับหนังสยองขวัญเลย” …
-
เปลี่ยนชีวิต… ชายหนุ่มใช้เวลา 2 ปี เดินไปเกือบ 10,000 กม. ลดน้ำหนักไปได้ 136 กก.
หากว่าเพื่อนๆ กำลังมองหาแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองไปในทิศทางที่ดีขึ้น หรืออาจต้องการลดน้ำหนักแต่ขาดแรงจูงใจ คิดว่าตัวเองคงทำไม่ได้ เราขอให้ลองมาอ่านเรื่องราวของเขาคนนี้ ชายคนนี้มีชื่อว่า Dave Lancaster หนุ่มวัย 45 ปีจากเมือง Warwick ประเทศอังกฤษ ผู้สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเอง ลดน้ำหนักจากแต่เดิมกว่า 225 กิโลกรัม ให้เหลือเพียงแค่ 89 กิโลกรัม!! Dave ชายผู้ประสบปัญหาจากน้ำหนักที่มากจนเกินไป Dave เล่าว่าตัวเขาเป็นคนที่ต้องประสบปัญหากับความอ้วนมาตั้งแต่อายุเพียงแค่ 18 ปี ในตอนนั้นเขารู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยว อาศัยอยู่เพียงคนเดียวอย่างอ้างว้าง โลกของเขาแคบลงไปเรื่อยๆ ในแต่ละวันสิ่งที่เขาทำคือการขับรถออกไปทำงานเท่านั้นเอง และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเริ่มกินเยอะขึ้น ไม่ออกกำลังกาย บวกกับความเครียด ร่างกายของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ Dave บอกว่าในปี 2007 เขาเกิดความคิดที่จะลดน้ำหนัก เขาจึงเปลี่ยนเมนูอาหารที่กินและมันก็ทำให้น้ำหนักของเขาลดลงไปได้ราวๆ 63 กิโลกรัม แต่สุดท้ายก็หักห้ามใจตัวเองไม่ไหว กลับมาอ้วนเหมือนดังเดิม ที่เลวร้ายกว่านั้นคือขนาดตัวที่ใหญ่กว่าปกติมันทำให้เขาป่วยมีอาการของโรคร้ายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน (ชนิดที่ 2) เจ็บข้อกระดูก คอเรสเตอรอลสูง…
-
ชาวจีนทำบุญปล่อยปลากว่า 10,000 ตัว แต่กลับโดนชาวบ้านจับ ห่างจากฝั่งไม่ถึง 10 เมตร
ในประเทศไทย เรามักจะคุ้นเคยกับการทำบุญปล่อยนกปล่อยปลากันมาอยู่บ้าง แต่รู้กันหรือไม่ว่าชาวจีนที่มณฑลเสิ่นหยาง ประเทศจีนเองก็มีการปล่อยนกปล่อยปลาในแบบของเขาเช่นกัน พิธีที่ว่านี้มีชื่อในภาษาจีนว่าฟ่างเฉิง (放生) ซึ่งแปลตรงๆ ว่า “ปล่อยชีวิต” ซึ่งในครั้งนี้ก็เป็นการปล่อยปลาครั้งใหญ่ที่มีจำนวนมากมายถึง 10,000 ชีวิตกลับคืนลงสู่แม่น้ำเสียด้วย และเมื่อพูดถึงการปล่อยนกปล่อยปลา หลายๆ ครั้งในประเทศไทยจะมีคนฉวยโอกาสดักจับปลาที่ปล่อยคืนสู่แม่น้ำเอาไปขายใหม่กันอยู่ใช่ไหม? การปล่อยปลาครั้งใหญ่ครั้งนี้เองก็มีคนดักจับปลาที่ปล่อยออกมาเช่นกัน แต่ที่ต่างกันคือที่จีนนั้นการดักจับปลาเกิดขึ้น ข้างๆ พื้นที่ปล่อยปลาเลย ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจาก Netizen Watch จากการรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศ ดูเหมือนว่าปลาที่เหล่าชาวบ้านจับได้นั้นจะไม่ได้ถูกนำกลับไปขาย แต่จะถูกน้ำไปสังหารและกลายเป็นอาหารต่อไป และถึงแม้ว่าการกระทำดังกล่าวอาจจะทำให้คนที่ดูรู้สึกไม่ดีต่อปลาที่ได้รับการปล่อยออกไปอยู่บ้าง แต่จากคำบอกเล่าของชาวบ้านบวกกับนักตกปลาในพื้นที่แล้ว การปล่อยปลาเช่นนี้แม้ว่าจะเป็นความเชื่อทางศาสนาว่าได้บุญเยอะก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการทำลายระบบนิเวศของแหล่งน้ำด้วย เนื่องจากปลาที่ปล่อยไปนั้นมีจำนวนมากเกินกว่าปริมาณอาหารในแอ่งน้ำ บวกกับมีโอกาสสูงที่ปลาที่นำมาปล่อยจะเป็นปลาต่างถิ่นอีกด้วย ดังนั้นทางชาวบ้านและนักตกปลาจึงได้เข้ามาลดจำนวนปลาที่ถูกปล่อยลงในแหล่งน้ำ เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เองก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการปล่อยปลาเช่นนี้ในประเทศ เพราะในปี 2013 เองก็มีเหตุการณ์ปลาน้ำหนักรวมกว่า 250 กิโลกรัมตายเกลื่อนที่ชายฝั่งในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งทางรัฐบาลจีนเชื่อว่ามีต้นเหตุมาจากการปล่อยปลาจำนวนมากของชาวจีนนั่นเอง ที่มา shanghai, nextshark, scmp, todayonline
-
ชายชาวจีนวัย 44 เดินไต่เชือกกลับหัว จนเป็นที่โด่งดังในประเทศ หลังฝึกมากว่าครึ่งปี
คนเรานั้นหากตั้งใจจะทำอะไร ต่อให้สิ่งที่ทำอาจจะดูไม่มีสาระก็ตามที หากพยายามแล้วล่ะก็ ย่อมต้องมีใครสักคนเห็นค่าเข้าในสักวันอย่างแน่นอน นี่น่าจะเป็นคำอธิบายที่ดีสำหรับสิ่งที่หลิน เหลียงหวัง ชายวัย 44 ปี จากมณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน พยายามกว่า 6 เดือนที่จะทำมัน เพราะเขาคือเจ้าของคลิปวิดีโอสุดฮิต “การเดินกลับหัว” ที่กำลังเป็นที่โด่งดังในประเทศจีนนั่นเอง คลิปวิดีโอที่ว่าจาก South China Morning Post แม้ว่าอาจจะฟังดูธรรมดา แต่การเดินกลับหัวบนเชือกนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะนอกจากต้องใช้กำลังขาที่มากแล้ว การทรงตัวยังเป็นปัจจัยที่สำคัญมากๆ อีกด้วย ว่ากันตามตรงแม้แต่สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจของคุณหลินเอง ก็ยังเป็นการแสดงที่ผิดพลาดเมื่อปี 2017 เลยด้วย คุณหลินเล่าว่า ในตอนแรกเขาฝึกด้วยการห้อยเชือกสองเส้นจากเพดานห้อง และทำอยู่อย่างนั้นราวๆ 2-3 เดือนก่อนที่จะเริ่มฝึกเดิน และฝึกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนในจุดจุดหนึ่งเขาได้ออกแบบรองเท้าที่หนักกว่า 125 กิโลกรัมมาให้ฝึกอีกด้วย “จุดที่ยากที่สุดคือการไต่ทางลาดชัน” คุณหลินกล่าว “คุณต้องใช้ข้อเท้าของคุณเกี่ยวกับเชือก ขณะปีนทางลาด ทั้งเท้าและร่างของคุณต้องโค้งเพื่อให้ได้แรงกายที่มากที่สุด ไม่เช่นนั้นคุณจะไม่มีทางทำมันสำเร็จ” ในปัจจุบันสถิติการเดินกลับหัวเหนือพื้นดิน 8 เมตรนั้นมีระยะทางอยู่ที่…
-
วีรบุรุษแห่งเที่ยวบิน นำเครื่องลงฉุกเฉินโดยไม่มีคนเจ็บ ก่อนจะเดินออกมาขอโทษผู้โดยสาร
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา ได้มีเหตุเครื่องบิน Airbus A320 เที่ยวบินที่ BA2605 ของสายการบินบริติชแอร์เวย์ซึ่งเดินทางออกจากเมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี ต้องทำการลงจอดฉุกเฉินหลังจากพบปัญหาทางเทคนิคบนเครื่อง การลงจอดฉุกเฉินในครั้งนี้เกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานลอนดอนแกตวิกในเวลาประมาณ 0.30 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งในระหว่างการนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินนี้ ทางสนามบินชะลอการลงจอดของเที่ยวบินที่กำลังจะลงจอดทั้งหมด เพื่อเปิดทางให้กับเที่ยวบิน BA2605 โชคดีที่จากรายงานของทางสายการบิน การลงจอดฉุกเฉินจบลงโดยไม่มีผู้บาดเจ็บ ดูเหมือนว่าการลงจอดฉุกเฉินในครั้งนี้จะมาจากการที่กัปตันของเที่ยวบิน พบว่ามีการรั่วไหลของสารไฮดรอลิกในตัวเครื่อง และตัดสินใจที่จะนำเครื่องลงแบบฉุกเฉิน ท่ามกลางความหวาดกลัวของเหล่าผู้โดยสาร โดยหลังจากที่นำเครื่องลงได้อย่างปลอดภัย กัปตันของเที่ยวบินก็ได้ทำการเดินออกมาปลอบโยนผู้โดยสารที่กำลังขวัญเสียบนเครื่อง เขาขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และบอกกับผู้โดยสารว่า “ผมไม่อยากให้พวกคุณต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เลย ผมขอขอบคุณสำหรับความอดทนและความเข้าใจที่พวกคุณมีจริงๆ” วิดีโอเหตุการณ์ในครั้งนี้จาก The Mirror วิดีโอในครั้งนี้ถูกโพสต์ออนไลน์โดยนางแบบชาวอิสราเอลโฮฟิต โกแลน ผู้ซึ่งเก็บภาพของเหตุการณ์ในครั้งนี้ไว้ด้วยโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในโพสต์ของเธอนั้น เธอได้บอกว่า “แม้จะยังลงจากเครื่องไม่ได้แต่อย่างน้อยพวกเราก็ปลอดภัยแล้ว” ก่อนที่เธอจะเสริมต่อว่า “นักบินในครั้งนี้ช่างเป็นวีรบุรุษจริงๆ” นั่นเอง ที่มา mirror, express, telegraph
-
พนักงานโยนของกินลงโถฉี่ คลุกๆ แล้วหยิบมากิน บอกเชื่อสิที่นี่สะอาดของเปื้อนฉี่ก็กินได้
เวลาที่คนทำความสะอาดพยายามยืนยันให้เรามั่นใจว่าการทำงานของเขาเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบนั้น บางครั้งเราก็จะเห็นพวกเขาเอามือยืนเอาไปจับที่ที่ตัวเองทำความสะอาดกันใช่ไหมล่ะ? หรือถ้ามั่นใจหนักหน่อยก็คงเป็นการเอามือจับโถส้วมโชว์ แต่นั่นไม่ใช่สำหรับพนักงานของบริษัทเทียนฝู บริษัทผลิตขนมในมณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว ความสะอาดของห้องน้ำ เป็นสิ่งที่พวกเขามั่นใจมาก ถึงขั้นที่ว่ากล้าเอาขนมของบริษัท (ตามแหล่งข่าวบอกว่าเป็นโมจิ) ลงไปกลิ้งข้างในโถปัสสาวะ ก่อนที่จะหยิบขึ้นมาทานหน้าตาเฉยเลย วิดีโอการทานขนมของเหล่าพนักงาน จากช่อง Netizen Watch “ดูนะ ฉันกลิ้งมันไปมาประมาณ 20 ครั้ง แล้วฉันจะเป็นคนแรกที่กินมัน” ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทกล่าวก่อนส่งขนมเข้าปากไป แต่การกระทำในครั้งนี้ยังไม่จบแค่นั้น เพราะต่อจากผู้จัดการทั่วไปแล้ว เหล่าพนักงานอีกหลายคนก็เดินเข้าไปหยิบขนมดังกล่าวขึ้นมาทานเช่นกัน แถมราวกับตอกย้ำความมั่นใจในการทำความสะอาดของพวกเขา เหล่าพนักงานขึ้นขั้นเอาโต๊ะอาหารมานั่งทานกันในห้องน้ำเลยด้วย ผู้จัดการบอกว่าการนำเสนอที่ไม่ซ้ำใครเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการฝึกอบรมสำหรับผู้บังคับบัญชาของที่นั่น “เราขอให้ผู้บังคับบัญชาของเราทำความสะอาดห้องสุขาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฝึกอบรมที่ว่า” และเราทำแบบนี้มากว่า 25 ปีแล้ว เธอบอกว่าทางบริษัทจะล้างห้องน้ำจนกว่าจะไม่มีกลิ่นจน “ปัสสาวะสะอาดจนกินได้” ถึงขั้นที่หากคุณทำของกินตกลงไป คุณก็แค่หยิบมันขึ้นมาทานต่อ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าวิดีโอต้นฉบับใน Weibo จะมีผู้เข้าชมไปมากกว่า 770,000 ครั้งแล้วก็ตาม แต่ชาวเน็ตส่วนมากก็ยังมองว่าการกระทำของคนในบริษัทแห่งนี้เป็นอะไรที่ไม่ถูกหลักอนามัยอยู่ดี ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะต่อให้โถปัสสาวะสะอาดขนาดไหน แต่ในปัสสาวะเองก็มีแบคทีเรียและเชื้อโรคอื่นๆ ปะปนอยู่เป็นจำนวนมากอยู่ดี…
-
หนุ่มถูกแทง “มีดปักคากะโหลก” แต่ยังขี่มอไซไปได้อีก 20 นาที รอดมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
ถึงแม้อา กบ-ทรงสิทธิ์ จะเคยกล่าวไว้ว่า “ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง” แต่ว่าเหตุการณ์นี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป นี่คือเรื่องราวของชายผู้โดนมีดความยาว 20 เซนติเมตร แทงเข้าด้านหลังกะโหลกศีรษะ ในขณะที่มีดปักคาอยู่นั้น เขาก็ขี่มอไซไปอีก 20 นาที เพื่อไปสถานีตำรวจใกล้ๆ ได้สำเร็จ!! กระทำชำเราจระเข้!! สุดยอดไปเลยไอ้เกลอ!!! ภาพเอกซเรย์ของชายคนนี้ จากการรายงานของสำนักข่าวในประเทศจีน ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2018 บอกว่าชายแซ่ Qin ผู้โดนทำร้ายในครั้งนี้ เป็นช่างเทคนิคเครื่องทำน้ำเย็นในเมืองกว่างโจว แต่ด้วยรายได้ที่ไม่เพียงพอ เขาจึงออกมาขับมอไซวินในยามค่ำคืนเป็นงานเสริม จนกระทั่งมีลูกค้าคนหนึ่งใช้มีดแทงเขาจากด้านหลังขณะที่กำลังซ้อนท้ายแล้วหนีหายไป ในคืนวันที่ 15 กรกฎาคม 2018 ในตอนนั้น Qin ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวกลางท้องถนน ร้องเรียกขอความช่วยเหลือก็ไร้ซึ่งการตอบรับใดๆ เขาจึงตัดสินใจขี่มอไซต่อไปอีกราวๆ 20 นาที เพื่อไปให้ถึงสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด หลังจากนั้นเขาก็ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล แพทย์ต้องใช้เวลานานถึง 5 ชั่วโมงในการผ่าตัดเอามีดออกมาจากกะโหลกของเขาได้สำเร็จ แพทย์บอกว่ามีดนั้นแทงเข้าไปลึกถึง 8 เซนติเมตร โดยที่รูปทรงของกะโหลกเหมือนเป็นตัวช่วยให้เขาไม่มีเลือดไหลออกมามาก ปลายมีดแทงเข้าไปถึงบริเวณก้านสมอง…
-
คุณพ่อใจสลาย!! มารับลูกกลับบ้าน สุดท้ายพบเป็นศพอยู่บนรถบัสที่ไปทัศนศึกษากับโรงเรียน..
เมื่อเด็กๆ น้องน้อยของเราไปโรงเรียน เราก็อาจสบายใจได้ว่าน้องๆ หนูๆ ของเราจะมีความสุขและความปลอดภัยขณะที่อยู่ในความดูแลของเหล่าคุณครูและบุคลากรต่างๆ แต่ว่าบางทีแล้วก็ไม่อาจจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะว่ามีคุณพ่อคนหนึ่งต้องใจแทบสลายลง หลังจากที่ไปรับลูกกลับจากโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งแล้วก็ต้องพบว่าลูกของเขาเสียชีวิตไปแล้ว จากเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น… เหตุสลดที่ว่านี้เกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม ที่รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อมีเด็กชายวัย 3 ขวบคนหนึ่งของโรงเรียนอนุบาล Discovering Me Academy ได้ออกไปทัศนศึกษาร่วมกับเพื่อนๆ อีกจำนวนหนึ่งในวันดังกล่าวและได้กลับมาถึงโรงเรียนในเวลาประมาณ 14.00 – 15.00 น. หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นตัวของเด็กชายคนนี้อีกเลย จึงได้มีการค้นหาครั้งใหญ่เกิดขึ้นแต่ก็ยังไม่พบตัวเด็กคนนี้ จนถึงเวลา 19.00 น. พ่อของเด็กคนนี้ก็มารับเพื่อที่จะกลับบ้าน ทว่าก็ยังคงไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด จนในที่สุดแล้วทางผู้ดูแลก็พบตัวเด็กชายวัย 3 ขวบคนนี้นอนหมดสติอยู่บนรถบัสที่เดินทางไปทัศนศึกษา แต่ว่าก็สายไปเสียแล้วเพราะในขณะนั้นเขาได้จากโลกใบนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นจึงหมายความว่าเด็กคนนี้ติดอยู่บนรถในวันที่มีอากาศร้อนจัดเป็นเวลาถึง 4 ชั่วโมงเต็มๆ เลยทีเดียว!! หลังจากที่พบร่างของเด็กชายคนดังกล่าว ก็มีพยานที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่าผู้เป็นพ่อเมื่อได้ทราบเรื่องก็กรีดร้องออกมาด้วยความเสียใจราวกับว่าหัวใจของเขาถูกขโมยไปด้วย สำหรับสาเหตุที่เกิดเหตุนี้ขึ้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเด็กขึ้นไปอยู่บนรถบัสได้อย่างไร เพราะในขณะนั้นทางผู้ดูแลก็บอกว่าได้ตรวจนับจำนวนเด็กตอนที่ลงรถแล้วว่ามีจำนวน 28 คนเหมือนกับตอนขาไป แต่ถึงอย่างไรในเรื่องนี้ก็มีการสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยในวันต่อมาทางคนขับรถบัส ผู้อำนวยการโรงเรียน และพี่เลี้ยงผู้ที่อยู่เหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้ไปให้ปากคำในเรื่องนี้ด้วย…
-
หลุดคลิปเด็กอายุราว 7-8 ขวบขับรถเร็ว 120 บนมอเตอร์เวย์ขณะคนถ่ายเชียร์ให้แซงรถบรรทุก
เมื่อไม่นานมานี้ได้มีวิดีโออันน่าตกใจเผยแพร่ออกมาในโลกโซเชียล และทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักในหมู่ผู้ที่เข้าไปพบเห็น มันเป็นวิดีโอของเด็กชายอายุราวๆ 7-8 ขวบรายหนึ่ง ซึ่งกำลังขับรถด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อยู่บนถนนมอเตอร์เวย์ที่เมืองซีบีอู ทรานซิลเวเนีย ประเทศโรมาเนีย วิดีโอของเหตุการณ์ในครั้งนี้จาก The Mirror จากมุมกล้องของวิดีโอสามารถวิเคราะห์ได้ว่า คลิปในครั้งนี้ถูกถ่ายโดยผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างหลัง โดยเชื่อกันว่าเป็นผู้ปกครองของเด็กชายผู้จับพวงมาลัยรถ และจากตำแหน่งการนั่งที่ขอบเบาะของเด็กชายแล้ว เชื่อว่าเด็กหนุ่มไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัยด้วยซ้ำ ในวิดีโอจะเห็นว่าเด็กชายได้ขับรถเข้าใกล้กับรถบรรทุก ก่อนที่ผู้ใหญ่ที่กำลังถ่ายภาพจะตะโกนบอกเด็กชายว่า “แซงเลย!” ก่อนที่จะสอนให้เขาเปิดไฟเลี้ยวก่อนแซง ทันทีที่การแซงจบลงเหล่าคนที่นั่งอยู่ในรถก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน และมีการซูมให้ดูความเร็วที่รถกำลังวิ่งอยู่ในขณะนั้น ก่อนที่จะมีผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “เราจะฝึกกันอีกนิดนะ” วิดีโอดังกล่าวอยู่โพสต์ลงบนเฟซบุ๊กและมียอดคนเข้าชมมากกว่าห้าแสนครั้ง โดยชาวเน็ตส่วนมากตำหนิพ่อแม่ของเด็กที่ปล่อยให้เด็กชายทำอะไรที่อันตรายขนาดนั้น รวมทั้งแสดงความไม่พอใจกับเหล่าผู้ใหญ่ที่อยู่ในรถด้วย “คนพวกนี้ทำเป็นเล่นกับชีวิตของตัวเองและผู้อื่นอยู่!!” ชาวเน็ตคนหนึ่งกล่าว ในขณะที่ผู้ชมอีกคนเสริมว่า “ผู้ปกครองของเด็กคนนี้สมควรโดนปรับ” อย่างไรก็ตามในขณะนี้ยังไม่มีการออกมาให้ข้อมูลใดๆ จากทางกรมตำรวจโรมาเนียเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ที่มา mirror, infosurhoy, dailystar
-
เพราะลูกชายเป็นเพศที่สาม คุณแม่เลยแต่งหน้าให้ด้วยความรักและเข้าใจ สุขใจทั้งลูกทั้งชาวเน็ต!!
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากรู้ว่าลูกของเราเป็นเพศที่สามตั้งแต่ยังเด็กๆ บางคนก็คงจะเสียใจหรือดุด่าว่ากล่าวลูกที่เป็นเช่นนั้น แต่ว่ามีแม่อยู่คนหนึ่งที่ใจกว้างยิ่งกว่าแม่น้ำ เพราะเธอรู้อยู่เต็มอกว่าลูกของเธอเป็นเกย์ แต่เธอก็สามารถยอมรับได้พร้อมยังสนับสนุนให้เขาเป็นอย่างที่ใจเขาเป็นด้วยการแต่งหน้าให้ซะเลย!! โดยเรื่องราวน่ารักๆ นี้เกิดขึ้นที่กรุงมนิลา ประเทศฟิลิปปินส์เมื่อมีทวิตเตอร์ @quinn_lasaleta ได้ออกมาเผยถึงเรื่องนี้เมื่อประมาณสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภาพของคุณแม่คนหนึ่งที่แต่งหน้าให้กับลูกชายที่อยู่ภายในห้างสรรพสินค้า SM City ด้วยความเอ็นดู https://twitter.com/quinn_lasaleta/status/1018054322897080321 ทวิตเตอร์ดังกล่าวได้เขียนแคปชั่นประกอบภาพอบอุ่นหัวใจนี้ไว้ว่า “เด็กผู้ชายภายในภาพนี้เป็นเพศที่สาม แล้วแม่ของเขาก็กำลังแต่งหน้าให้เขาด้วยความสดใส พวกเขาดูน่ารักมากๆ เลย ฉันคารวะหัวใจของคุณแม่คนนี้จริงๆ สำหรับความรักที่เธอมีให้ต่อลูกของเธอ รวมถึงการสนับสนุนให้ลูกมีความสุขในทางที่เขาเลือกที่จะเป็น” นอกจากนี้ในทวิตเตอร์ยังเล่าอีกด้วยว่าในตอนแรกเด็กคนนี้ก็อายไม่กล้าที่จะแต่งหน้า แต่ก็มีความมั่นใจขึ้นมาทันทีที่คุณแม่คนเก่งคนนี้ให้กำลังใจด้วยคำพูดที่แสนจะธรรมดาว่า “จะไปอายทำไมล่ะ นี่มันคือสิ่งที่ลูกต้องการนี่จริงไหม?” “Just be Proud. Peace, love, Acceptance” ทวิตเตอร์ดังกล่าวเขียนปิดท้าย นี่เป็นความรักที่บริสุทธิ์จริงๆ หัวใจของฉันกำลังละลายแล้ว this is so wholesome my heart is melting awwwww — they bead (@davidavidapdap) July 16, 2018 เขาดูมีความสุขมากจริงๆ ฉันตื้นตันมากกับสิ่งนี้…
-
เหตุการณ์สะเทือนใจ… พ่อรำคาญลูกสาววัย 4 ขวบ จึงต่อว่าและเหวี่ยงเธอใส่ที่กั้นอย่างโหดร้าย
บางคนอาจเคยรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาบ้างในตอนที่ลูกน้อยหรือเด็กๆ เริ่มงอแง เอาแต่ใจ ถึงอย่างนั้นด้วยความที่เราเป็นผู้ใหญ่และเป็นผู้ปกครอง เราก็ควรที่จะควบคุมอารมณ์และการกระทำของตัวเอง ไม่ให้มันเกินกว่าเหตุ เพราะถ้าเราใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งเพียงอย่างเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเลวร้ายเหมือนอย่างที่ชายคนนี้ทำ เมื่อเขารู้สึกเริ่มรำคาญในการมาเดินห้างกับลูกสาววัย 4 ขวบ เขาจึงด่าทอเธออย่างหนัก และทุ่มเธอใส่แผงกั้นอย่างโหดร้าย คำเตือน: ภาพเนื้อหามีความรุนแรง สะเทือนอารมณ์ สำนักข่าว Mirror รายงานในวันที่ 20 กรกฎาคม 2018 เล่าว่าชายผู้ไม่สามารถเอ่ยนาม (เพื่อปกปิดตัวตนลูกสาวของเขา) ได้พาลูกสาวไปเดินห้างแห่งหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย แล้วกล้องวงจรปิดก็จับภาพได้ว่าชายคนนี้เหมือนจะหมดความอดทนกับลูกน้อย เขาจึงต่อว่าเธอด้วยคำพูดที่รุนแรง ก่อนจะลากเธอเหวี่ยงไปกับพื้น พุ่งใส่ที่กั้นรักษาความปลอดภัยอย่างแรง จากนั้นเขาก็เดินไปต่อว่าเธอด้วยคำหยาบคายอีกครั้ง แล้วพยายามดึงคอเสื้อลากออกไป ผู้จัดการร้านที่ได้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดจึงรีบโทรแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสามารถจับกุมตัวเขาได้ในไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง ตามที่อยู่บ้านของเขาเอง ล่าสุดชายคนนี้ก็ได้ขึ้นไปให้การกับศาล Maroochydore Magistrates ในเมืองควีนส์แลนด์ ทนายของเขาบอกกับศาลว่า ชายคนนี้อาศัยอยู่กับลูกๆ อายุไม่เกิน 5 ขวบ จำนวนทั้งสิ้น 4 คน และบอกว่าเขากำลังเผชิญอยู่กับปัญหาในเรื่องของความเครียดและความอ่อนเพลีย…
-
นักเขียนอเมริกา ผู้เคยไปคุยกับลูซิเฟอร์ลั่น “คนดังมีรอยช้ำที่ตา” อาจเป็นสมาชิกอิลลูมินาติ
ช่วงหลังๆ มานี้ดูเหมือนว่าจะมีข่าวเกี่ยวกับองค์กรลึกลับโผล่ออกมาให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสปายในสหรัฐฯ หรือข่าวคนจากอนาคตปี 2030 บอกว่าอิลลูมินาตินั้นมีอยู่จริง ล่าสุดนี้เองเชอร์รี่ ชาร์ยเนอร์ นักเขียนและผู้รายการวิทยุทางอินเทอร์เน็ตชาวอเมริกา เจ้าของผลงานหนังสือ Interview With The Devil (บทสัมภาษณ์กับปีศาจร้าย) หนังสือที่เธอเขียนขึ้นโดยอ้างว่าได้มีโอกาสไปคุยกับลูซิเฟอร์ ก็ได้ออกมาบอกว่า คนดังคนใดมีรอยช้ำที่ตา คนคนนั้นมีโอกาสเป็นสมาชิกขององค์กรลับอิลลูมินาติ อลิซาเบธ เฮอร์ลีย์ กับรอยช้ำเมื่อปี 2017 ชาร์ยเนอร์ บอกว่ารอยช้ำที่ว่านั้นมีความเกี่ยวข้องกับแนวคิดของการ “ดูดวิญญาณ” และเหล่าคนดังที่มีรอยช้ำดำที่ตานั้นมีโอกาสสูงมากที่จะขายวิญญาณให้แก่ซาตาน เนื่องจากนี่เป็นหนึ่งในพิธีกรรมการรับสมาชิกใหม่ของอิลลูมินาตินั่นเอง หากเป็นเช่นนั้นจริง นั่นหมายความว่าดาราอย่าง อลิซาเบธ เฮอร์ลีย์ บอย จอร์จ หรือแม้แต่ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ก็ล้วนแต่มีโอกาสที่จะเป็นสมาชิกของอิลลูมินาติ (และขายวิญญาณให้แก่ซาตาน) ทั้งสิ้น โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ กับรอยช้ำเมื่อปี 2005 นอกจากนี้ผู้มีอิทธิพลหลายๆ คนอย่าง จอร์จ ดับเบิลยู…
-
หญิงสาวโกงความตาย..ขับรถพุ่งตกจาก ‘มอเตอร์เวย์’ อย่างกับในหนัง แต่รอดอย่างปาฏิหาริย์!!
บางครั้ง ‘อุบัติเหตุ’ ก็เป็นเรื่องที่สามารถเกิดได้ทุกที่ทุกเวลา และมันอาจจะเหนือความคาดหมายของเราไปไกลเลยทีเดียวล่ะ!! เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ เมื่อจู่ๆ หญิงสาวคนหนึ่งก็ขับรถพุ่งมาจากมอเตอร์เวย์ ที่สูงถึง 7 เมตร ลงมาสู่พื้นถนนข้างล่าง รถพังยับ!! แต่คนไม่เป็นอะไรเลย!? เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเขตปกครองตนเองกว่างซี บนทางด่วน กวางซู – คุนหมิง จู่ๆ ก็มีรถเก๋งคันหนึ่งที่มีผู้หญิงเป็นคนขับพุ่งตกจากทางด่วนลงมาสู่ถนนด้านล่าง ราวกับฉากแอคชั่นในหนังฟอร์มยักษ์ รถตกลงมากระแทกที่พื้นเบื้องล่าง เสียงดังตู้มมมมสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณนั้น สภาพของรถพังไม่มีชิ้นดี โชคดีมากๆ ที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ ส่วนคนขับก็รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์โดยที่ไม่มีอาการบาดเจ็บร้ายแรงแต่อย่างใด แถมยังลุกขึ้นมา แล้วก็โทรขอความช่วยเหลือเองได้อีกด้วย!! หลายๆ คนคาดว่าอาจเป็นเพราะเธอสวมเข็มขัดนิรภัย จึงรอดมาได้ และจากการสอบถามคนขับก็พบว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะไม่เช่นนั้นเธออาจจะกระเด็นออกมาจากรถไปแล้วก็ได้ ลองไปชมคลิปเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิดที่ลิงก์นี้ได้เลยจ้า อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานว่าเธอขับรถตกลงมาได้อย่างไร แต่ไม่มีใครเป็นอะไรก็ถือว่าดีแล้วล่ะนะ ครั้งต่อไปอย่าประมาทอีกล่ะ ที่มา : ladbible
-
หนุ่มสั่งซื้อ ‘ผ้าคลุมปอนโช’ หวังจะดูดีเหมือนนายแบบ…กลายเป็นเสื้อกันฝนซะงั้น!?
แฟชั่นในยุคสมัยใหม่ ต้องขอบอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าเครื่องแต่งกาย เพราะต้องดูมีความทันสมัย และแปลกแหวกแนว และบางครั้งเสื้อผ้าแต่ละอย่างพอเราดูในแบบที่เขาโฆษณา แล้วพอเอามาใส่เองจริงๆ กลายเป็นคนละเรื่องเลย!! เช่นเดียวกันกับเรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังต่อไปนี้… เรื่องมีอยู่ว่าหนุ่ม Joshua David จากเมือง Agleton รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการสั่ง เสื้อคลุมปอนโช ที่เป็นเสื้อคลุมที่มีรูตรงกลางสำหรับสวมบนศีรษะ จริงๆ แล้วมันมาจากเสื้อกันฝน แต่แฟชั่นยุคปัจจุบันก็ได้ดัดแปลงให้มันกลายมาเป็นผ้าคลุมเอาไว้ใส่แบบเก๋ไก๋ เขาสั่งมาจากเว็บ ASOS ซึ่งเจ้าเสื้อคลุมนี้ตอนอยู่บนตัวของนายแบบมันก็ดูดี เก๋ไก๋ไม่หยอก แต่พอเอามาใส่เองแล้ว!!!!?? (เสื้อกันฝนชัดๆ) Joshua เล่าว่าเขาซื้อมันมาในราคา 36 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 1,200 บาท “มีอยู่คืนหนึ่งผมนอนไม่หลับ ผมนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง แล้วจู่ๆ ก็ตัดสินใจว่า ‘ฉันจะซื้อของออนไลน์’” “ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเข้าไปที่เว็บ ASOS ด้วยความคิดที่ว่าอยากจะได้เสื้อผ้าใหม่ซักตัว ก็เลยเลือกไปที่หมวดเครื่องแต่งกาย” “ผมเจอเจ้าเสื้อคลุมปอนโชอันนี้ และรู้สึกว่าเห้ย มันสวยมากเลย อยากได้อ่ะ แต่ปัญหาก็คือมันมีแค่ไซส์เดียวเท่านั้น!! ผมก็เลยมองไปที่นายแบบดูความสูงของเขา ในเว็บบอกว่าดขาสูง…
-
รู้จักกับ MD. Moshow จากคนไม่ชอบแมว กลายมาเป็น ‘แรปเปอร์’ ผู้คลั่งไคล้แมว!!
ในช่วงที่กระแส ‘แรปเปอร์’ กำลังได้รับความสนใจมากมายในบ้านเรา #เหมียวหง่าว ก็เลยอยากจะมาแนะนำแรปเปอร์ทาสแมว ที่ชอบแรปเนื้อหาเกี่ยวกับแมวมาให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกัน Dwayne Molock หรือ MD. Moshow แรปเปอร์แมวเหมียวสุดน่ารักฟรุ้งฟริ้ง ที่รักแมวเป็นชีวิตจิตใจ แถมไรม์ที่พี่แกคิดขึ้นมานั้นส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับแมวแทบทั้งสิ้น รวมไปถึงคลิปวิดีโอเพลงแรปผลงานของเขาก็จะมีแมวเหมียวสุดที่รักเป็นส่วนประกอบเสมอ แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าหากย้อนกลับไปในอดีตก่อนที่เขาจะกลายเป็นแรปเปอร์แมวเหมียว Moshow เคยไม่ชอบแมวมาก่อน!? ย้อนกลับไปในวัยเด็ก เขาเป็นคนที่ไม่เคยได้อยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ชนิดใดเลย แน่นอนว่าแมวเหมียวเองก็เช่นกัน จนกระทั่งเขาได้เจอกับเจ้าเหมียวที่มีชื่อว่า Queenie ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป Queenie เป็นแมวของเพื่อนสาวในห้องเรียน มีวันหนึ่งที่ Moshow ไปติวหนังสือกับเพื่อนคนนั้นที่บ้าน และนั่นเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้เจอกัน เจ้า Queenie พยายามจ้องเขาเป็นชั่วโมง จากนั้นก็ค่อยๆ ขยับใกล้เข้ามา แล้วก็นอนลงบนตักของเขา วินาทีนั้นพี่แกก็โดนตกเรียบร้อย กลับกลายเป็นทาสแมวไปโดยปริยาย หลังจากเรียนจบ Moshow ก็ย้ายไปอยู่อีกเมืองหนึ่ง และเริ่มต้นใช้ชีวิตอยูู่กับแฟนสาว ทั้งคู่รับแมวเหมียวมาเลี้ยงด้วยกันทั้งหมด 4 ตัว และภายหลังก็รับมาเลี้ยงเพิ่มอีก 1 ตัว…
-
บริการประทับใจ…’โรนัลโด’ มอบทิปให้พนักงานทั้งรีสอร์ทกว่า 780,000 บาท
สำหรับแฟนๆ กีฬาฟุตบอลจะรู้กันดีว่า คริสเตียโน โรนัลโด ถือเป็นนักเตะที่ดีและมีคุณภาพทั้งในและนอกสนาม เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ต่อไปนี้ ที่จะทำให้เพื่อนๆ เห็นว่า โรนัลโด คือคนที่สุดยอดไปเลยจริงๆ หลังจากจบช่วงบอลโลก ทีมชาติโปรตุเกสที่นำทัพโดยโรนัลโดตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย จากนั้นก็นำมาซึ่งข่าวที่สร้างความตกใจให้กับแฟนบอลทั่วโลก คือการย้ายตัวจากทีมราชันชุดขาว เรอัลมาดริด ไปยัง ไอ้ม้าลาย ยูเวนตุส นั่นเอง การย้ายตัวในครั้งนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับทีมไอ้ม้าลายมากมาย ทั้งฐานแฟนบอลที่เพิ่มขึ้น และมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นอย่างทันตาเห็น ในช่วงก่อนที่ฟุตบอลลีคจะเปิดฤดูกาล โรนัลโดเองก็พาครอบครัวไปพักผ่อนกันที่แคว้น Peloponnese ประเทศกรีซ พวกเขาเข้าพักในรีสอร์ทที่มีชื่อว่า Costa Navarino และด้วยความประทับใจในบริการ มีรายงานจากสื่อต่างประเทศว่าโรนัลโด ได้มอบเงินก้อนโตเป็นทิปให้กับพนักงานทั้งรีสอร์ท รวมแล้วเป็นมูลค่ากว่า 17,850 ปอนด์ หรือราวๆ 780,000 บาท!! นับเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะโดยปกติแล้วเงินที่จะให้เป็นทิปส่วนใหญ่ก็จะให้กันที่หลักพันบาท หรืออย่างมากก็หมื่นบาท แต่นี่พี่แกล่อไปเกือบล้านเลยทีเดียว หลังจากที่จบการออกทริปในครั้งนี้โรนัลโดก็จะต้องเดินทางย้ายไปอยู่ที่ประเทศอิตาลี และร่วมซ้อมกับทีมก่อนจะเข้าสู่เส้นทางชีวิตใหม่ร่วมกับทีมไอ้ม้าลายต่อไป… ที่มา : ladbible, thesun
-
ทรานส์เจนเดอร์เสียชีวิต เพื่อนเลยระดมทุนจัดงานศพให้ เพราะพ่อแม่ไม่ยอมรับเพศสภาพ
ในยุคปัจจุบันความหลากหลายเรื่อง ‘เพศ’ กลายเป็นสิ่งที่ยอมรับกันแล้วอย่างแพร่หลาย แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงมีบางส่วนที่ยึดติดกับความคิดแบบเดิม ที่ว่าเพศสภาพต้องมีแค่ ‘ชายกับหญิง’ เท่านั้น!! จึงกลายเป็นที่มาของเรื่องราวอันน่าเศร้านี้…เมื่อทรานส์เจนเดอร์วัย 22 ปี Daine Grey ได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า แต่เนื่องจากว่าพ่อแม่ของ Daine ไม่ยอมรับกับเพศสภาพของเขา ก็เลยตัดความสัมพันธ์และไม่รับจัดงานศพให้กับลูก Daine เปิดเผยตัวเองว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นทรานส์เจนเดอร์ผ่านทางเฟซบุ๊ก “นี่เป็นการบอกทุกคนเป็นครั้งแรกว่าแท้จริงแล้วฉันเพศของตัวเองไม่ตรงกับเพศสภาพที่มีมาตั้งแต่เกิด ฉันกินยาฮอร์โมนมาประมาณ 8 เดือนแล้ว ตอนนี้ฉันเปลี่ยนไปมากสำหรับคนที่ไม่ได้เจอเป็นระยะเวลานาน” “หวังว่านี่จะไม่ทำให้ฉันสูญเสียเพื่อน และคนในครอบครัวไปนะ” เพื่อนๆ ของ Daine จึงตัดสินใจเข้าไปในเว็บไซต์ Gofundme เพื่อเรี่ยไรเงินมาจัดงานศพให้กับเขา “Daine Grey เปรียบดั่งดวงดาวที่เฉิดฉาย และเราได้เสียเขาไปแล้วเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา แต่พ่อแม่ของเขาไม่ยอมติดต่อมาเพื่อรับศพของเขาไป เราจึงอยากจะส่ง Daine ไปสู่สุคติ เพราะเขาควรจะได้รับการอำลาครั้งสุดท้ายที่แสนงดงาม” เบื้องต้น เพื่อนๆ ตั้งยอดบริจาคเอาไว้ที่ 17,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ…
-
หน้ากากมันเล็กไป… หัวแมวขนสัตว์ขนาดใหญ่ บ่งบอกความเป็นทาสแมว ที่กลืนกินตัวคุณ
การจะบ่งบอกว่าตัวเองชอบอะไร สามารถแสดงออกได้จากเสื้อผ้าหน้าผม รสนิยมการแต่งตัวต่างๆ โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องไปบอกใครว่าสไตล์นี้คือตัวของเรา สังเกตได้อย่างทาสแมวทั่วๆ ไป มักจะมีข้าวของเครื่องใช้ลายที่เกี่ยวข้องกับแมว แต่ถ้าคุณกลัวว่าจะน้อยหน้ากว่าทาสแมวคนอื่นเขา ‘หัวแมวยักษ์’ นี่แหละ น่าจะช่วยคุณได้!! ด้วยความบรรเจิดของอาจารย์ Housetsu Sato ร่วมสร้างสรรค์ผลงานกับนักเรียนในโรงเรียนศิลปะขนสัตว์ ช่วยกันออกแบบหัวแมวขึ้นมา สามารถนำมาใช้สวมใส่ได้จริง ออกไปเดินเล่นโดยที่ไม่ต้องเขินอายใดๆ . หัวแมวยักษ์ทำมาจากขนสัตว์ล้วนๆ แถมยังดูสมจริงเหมือนแมวเป๊ะๆ หากอยากจะได้มาสวมใส่ก็ต้องรอกันหน่อย เพราะว่าทุกขั้นตอนต้องผ่านกระบวนการทำด้วยมือ อย่างน้อยๆ 1 เดือน แถมยังสามารถทำตามสั่งได้เพียงแค่ส่งภาพแมวที่คุณต้องการมาให้ พร้อมจัดทำตามแบบทันที . . . . . . . คุณ Sato และนักเรียนในสังกัดได้ออกแบบหัวแมวมาแล้วหลายตัว กลายมาเป็นปรากฏการณ์ความน่ารักแบบแปลกๆ ตามงานอีเว้นท์ต่างๆ แถมยังได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก สามารถเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายมาเป็นคนครึ่งแมวได้ แต่ถ้ามาเดินเล่นเวลากลางค่ำกลางคืนก็ระวังหลอนกันนิดนึงด้วยนะ ฮร่าาา ที่มา: catdoll.jugem, mymodernmet
-
หนุ่มสุดฮาให้เพื่อนตัดผมทรง ‘หัวเห็ด’ ให้ แต่ไหงออกมาดูแปลกๆ พึลึกเหมือนอะไรสักอย่าง…
เรื่องของ ‘ทรงผม’ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ เพราะว่ามันมักจะเป็นสิ่งแรกๆ ที่คนมองเห็นว่าเรามีสไตล์หรือลุคแบบไหน ดังนั้นแล้วใครหลายคนจึงใส่ใจในเรื่องทรงผมว่าจะต้องออกมาอย่างพรีเมี่ยมที่สุดเพื่อความดูดีของตัวเราเอง แต่ว่าถ้าจะตัดทรงเดิมๆ บ่อยๆ เข้าก็อาจเกิดอาการเบื่อขึ้นมาได้ ถ้าอย่างนั้นแล้วก็ถึงเวลาเปลี่ยนทรงผมแล้ว และถ้ายังนึกทรงไม่ออกล่ะก็ ลองเอาทรงของหนุ่มคนนี้ไปใช้ดูรับลองได้ว่าไม่มีใครเหมือน แถมยังเฟี้ยวแบบสุดๆ ไปเลยด้วย (แต่ไม่รู้จะกล้าออกจากบ้านรึเปล่านะ) โดยเจ้าหนุ่มคนที่มีทรงผมสุดจะพึลึกพิลั่นคนที่ว่านี้มีชื่อว่า Manu Vyas จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มาโดดเด่นอยู่ในโลกโซเชียลด้วยทรงผมทรง ‘ชามข้าว’ หรือที่เราเรียกว่าอีกชื่อว่า หัวเห็ด นั่นเอง แม้ว่าทรงนี้สำหรับเราจะดูคุ้นๆ ตา แต่ว่าด้วยความคอยาวหรืออะไรก็ไม่ทราบได้ของหนุ่มคนนี้ จึงทำให้ทรงผมของเขาบางครั้งมันก็ดูเหมือนกับว่าเป็นวิกเลยก็ว่าได้ แถมมันยังมีรูปร่างเหมือนกับเห็ดโคนที่ขึ้นอยู่ตามป่าอีกต่างหาก หรือถ้าดูดีๆ มันก็คล้ายกับ ‘ตอปิโดบก’ ของท่านชายเหมือนกันนะ Manu เล่าให้ฟังถึงที่มาของเห็ดโคนบนหัวของเขาว่ามันมาจากความที่ Everett เพื่อนของเขาอยากจะตัดผมทรงนี้ให้ หนุ่มคนนี้เลยไม่อยากจะปฏิเสธความหวังดีของเพื่อน ในที่สุดแล้วก็เลยปล่อยหัวให้ละเลงตามใจชอบไปซะเลย “มันมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ผมอยากจะตัดผมทรงนี้ แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เป็นเพราะผมแพ้พนันแน่นอน แต่เป็นเพราะเพื่อนของผมมันอยากจะมอบทรงผมอันล้ำค่านี้ให้กับผมต่างหากล่ะ” “ตอนนั้นผมรู้สึกเบื่อๆ พอดีแล้วอยากจะหาอะไรมันส์ๆ ทำ แต่อันที่จริงแล้วผมก็อยากไว้ผมทรงนี้มาตลอดนะ มันเฟี้ยวดี ผมเลยคิดว่า เอ๊ะ แล้วทำไมไม่ให้เพื่อนผมมันตัดให้เลยล่ะ เพราะมันก็อยากตัดอยู่พอดี” “จากนั้นผมเลยไปหามันที่บ้านเพื่อรับการตัดผม…
-
พ่อข่มขืนลูกเลี้ยง อุ้มบุญเด็ก 3 คนมาเป็นลูกของตัวเอง พร้อมใช้เด็กอ้างลัทธิรักษามะเร็ง
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่ามนุษย์จะทำได้ การรับเลี้ยงเด็กมาอุปการะที่เหมือนดั่งลูกแท้ๆ คือสิ่งที่คนทั่วไปคิด แต่กลับกลายเป็นว่าพ่อแม่คู่นี้กลับใช้ลูกเลี้ยงเป็นเครื่องมือในการอุ้มบุญ เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อ Abigail Alvarado เด็กหญิงในวัย 9 ปี ได้ถูกรับอุปถัมภ์โดยคู่สามีภรรยาคือนาย Eusebio Castillo และนาง Laura Castillo ซึ่งเธอคิดว่าชีวิตต่อจากนี้น่าจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่มันกลายเป็นฝันร้ายที่แย่ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด การสืบสวนเริ่มต้นในปี 2014 เมื่อ Abigail ผู้มีศักดิ์เป็นหลานของทั้งสองคน ตัดสินใจแจ้งตำรวจเกี่ยวกับการถูกละเมิดทางด้านต่างๆ โดยเธอแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า การถูกกระล่วงละเมิดนั้นเกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ในตอนนั้นเธอถูกแยกออกมาจากคุณแม่แท้ๆ ที่ติดเหล้า และส่งตัวมาอยู่กับนาย Castillo ซึ่งในขณะนั้นกำลังปฏิบัติหน้าที่เป็นจ่าในฐานทัพรัฐฮาวาย จนกระทั่งรับอุปถัมภ์เธอ Abigail เล่ารายละเอียดไว้ว่านาย Eusebio เริ่มคลานมาบนที่นอนเธอเพื่อที่จะลูบคลำและพยายามล่วงละเมิดทางเพศ แม้จะพยายามฟ้องนาง Laura กี่ครั้งก็ไม่ยอมเชื่อและไม่สนใจใดๆ เมื่อ Abigail อายุได้ 13 ปี พ่อเลี้ยงได้ลงมือข่มขืนเธอ และแม่เลี้ยงก็เห็นดีด้วยบังคับให้ลูกเลี้ยงสมยอมกระทำตามความต้องการของสามีเธอ อีกทั้งยังถูกทั้งคู่ทุบตีและพูดจารุนแรงใส่เป็นประจำ ภายหลังจึงได้รู้ความจริงว่านาง Laura ต้องการให้เธอกลายมาเป็นแม่อุ้มบุญให้กับตัวเอง…
-
เด็กแอฟริกากับความเชื่อไสยเวทย์ดำ ผู้ตกเป็นเหยื่อการล่าแม่มดแห่งศตวรรษที่ 21
ย้อนกลับไปในช่วงปีคริสต์ศักราชที่ 1500 ในยุคที่คนเรายังคงอธิบายสิ่งที่ไม่เข้าใจด้วยไสยศาสตร์ ในช่วงยุคสมัยนั้น มีเหล่าผู้หญิงมากมายที่ต้องเสียชีวิตไป ไม่ว่าจะจากการโดนทรมาน กรีดเลือดกรีดเนื้อ หรือกระทั่งเผาทั้งเป็น นั่นเป็นการกระทำที่เรียกว่าการล่าแม่มด ความโหดร้ายในประวัติศาสตร์ ที่เราหวังกันว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง แต่ใครจะไปคิดกันว่าแนวคิดอันป่าเถื่อนโหดร้ายนี้ จะยังคงอยู่ในยุคปัจจุบันที่วิทยาศาสตร์ก้าวไกล แถมเหยื่อในครั้งนี้ กับเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ เท่านั้นด้วย มันเป็นเรื่องใหญ่โตที่เกิดขึ้นในช่วงต้นของศตวรรษที่ 21 ในบริเวณทวีปแอฟริกา และหนักเป็นพิเศษในประเทศไนจีเรียและคองโก โดยนี่เป็นความเชื่อที่ว่าเด็กกลุ่มหนึ่งจะเกิดมาเป็นผู้มีไสยเวทย์ดำ และเป็นต้นเหตุให้พ่อแม่พี่น้อง หรือคนใกล้ตัวของพวกเขาเสียชีวิต ไม่ว่าจะจากเหตุการณ์ทางธรรมชาติ หรือด้วยน้ำมือของมนุษย์ สิ่งที่ตามมาของความเชื่อนี้คือเด็กกำพร้าจำนวนมากในประเทศโดนกล่าวหาว่าพวกเขาเป็นพ่อมดแม่มด มากขนาดที่ว่าในปี 2014 ประชาชนในกินชาซา เมืองหลวงของประเทศคองโกเกือบ 70% บอกว่าตัวเองรู้จักเด็กอย่างน้อย 1 คนที่โดนกล่าวหาว่าเป็นผู้มีไสยเวทย์ดำ การกล่าวหาในปัจจุบันนั้นแทบไม่ต่างไปจากที่เหล่าผู้หญิงผู้โดนหาว่าเป็นแม่มดโดนในอดีต บางครั้งก็จะเป็นการทุบตี หรือทรมานจนกว่าจะมีการยอมรับข้อกล่าวหา ส่วนเด็กๆ ที่ยอมรับ (เพราะกลัวถูกทำร้าย) ก็มักจะโดนตีตราด้วยเหล็กร้อน เผาทั้งเป็น ปล่อยให้อดอาหาร หรือในกรณีที่ยังมีพ่อแม่อยู่ พวกเขาก็อาจจะโดนพ่อแม่ทิ้งทันที จากการสำรวจในปี 2008 มีเด็กถูกตีตรากว่า 15,000 คนในรัฐเพียงรัฐเดียวของไนจีเรีย และเชื่อกันว่าตัวเลขของเด็กที่ถูกทารุณจากการกล่าวหาว่าเป็นผู้มีไสยเวทย์ดำจะมีมากกว่าที่เห็นอีกหลายเท่า…
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นโวย “อากาศร้อน” พากันออกมาโชว์ ‘ทำอาหาร’ ในรถยนต์ให้ดูกันไปเลย!
ขณะนี้ประเทศญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหา อากาศร้อน อย่างรุนแรง จนประชาชนชาวญี่ปุ่นมากหน้าหลายตาต้องประสบกับปัญหาและความยากลำบาก โดยเฉลี่ยอุณหภูมิทั่วประเทศญี่ปุ่นในช่วงหน้าร้อนนั้นสูงกว่า 30 องศาเซลเซียส และอาจสูงได้มากถึง 40 องศาเซลเซียสในช่วงกลางวัน ซ้ำร้ายความชื้นโดยเฉลี่ยยังต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย แต่ปี 2018 ดูเหมือนจะเลวร้ายกว่าปีไหนๆ กระทั่งมีข่าวว่าร้อนจนเด็กนักเรียนสอบได้คะแนนน้อยกันเป็นแถบ รวมถึงมีเด็กนักเรียนที่ถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากอากาศร้อนจนเกินไป แต่ถึงกระนั้นชาวญี่ปุ่นหลายคนก็ได้พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส อากาศร้อนขนาดนี้มันก็ต้องมีประโยชน์กันบ้างแหละ!! ขณะที่อากาศโดยรวมภายนอกจะอยู่ที่ราว 40 องศาเซลเซียส แต่ถ้าเป็นในรถยนต์ล่ะก็รับรองว่าร้อนได้ใจแน่ๆ เริ่มจากชาวทวิตเตอร์ที่ชื่อ @bigboss0930 ก่อนเลย เขานำแผ่นแฮมไปวางไว้บนหลังคารถยนต์สีดำ และผลลัพธ์ก็ปรากฏว่ามัน “สุกกรอบ” จนรับประทานได้อย่างเอร็ดอร่อยเลยทีเดียว นำแผ่นแฮมมาวางลงบนหลังคารถ แดดและอุณหภูมิที่ร้อนๆ ยิ่งทำให้หลังคารถกลายเป็นเหมือนกระทะเลยทีเดียว ส่วนชาวเน็ตอีกรายที่ใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า @JR500K ก็ได้โพสต์การใช้ความร้อนให้เกิดประโยชน์อีกหนึ่งวิธี นั่นก็คือการ “ต้มไข่” ในรถ เขานำไข่ไก่แพ็ก 10 ฟองไปวางไว้ในรถบริเวณกระจกหลัง ใช้เวลาตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น พอเปิดดูผลปรากฏว่า ไข่ทั้งแพ็กกลายเป็น ไข่ลวก (เหลวๆ หน่อยไม่ถึงกับเป็นไข่ต้ม แต่ก็สุกสามารถทานได้) …
-
โดนจวกยับ! นางแบบสาวถ่ายเซลฟี่คู่กับพ่อที่ “นอนตาย” อยู่ในโรงพยาบาลเรียก ‘ยอดไลก์’
สำหรับนางแบบหรือว่าคนดังบนโลกอินเทอร์เน็ตแล้ว ยอดไลก์ คงเป็นสิ่งที่สำคัญกับพวกเขาอย่างมาก แต่จะสำคัญยิ่งกว่าการไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิตเชียวหรือ? นางแบบสาวชาวเซอร์เบียนามว่า Jelica Ljubicic ถูกวิจารณ์อย่างแพร่หลายหลังจากที่เธอถ่ายรูปเซลฟี่ตนเองคู่กับพ่อของเธอซึ่ง นอนเสียชีวิต อยู่บนเตียงในโรงพยาบาล เธอโพสต์รูปภาพเซลฟี่ดังกล่าวลงบนโลกโซเชียลพร้อมข้อความว่า “หลับให้สบาย” ประกอบด้วยรูปอีโมจิต่างๆ แต่ภายหลัง เมื่อเธอถูกวิจารณ์อย่างหนักเธอจึงลบภาพนั้นออก จากภาพที่เห็น เธอทำหน้าตาเศร้าหมองขณะที่ถ่ายภาพตนเองพร้อมกับร่างของพ่อที่นอนหลับตาอยู่ข้างๆ ซึ่งสื่อในพื้นที่รายงานว่า พ่อของ Jelica นั้นเสียชีวิตขณะที่เธอกำลังถ่ายรูปพอดี นอกจากนี้ใต้ภายเธอยังเขียนเพิ่มว่า “พวกเราต่อสู้ร่วมกันมาอย่างถึงที่สุด แต่นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของพวกเรา พวกเรากำหนดไม่ได้หรอกว่าเราจะมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานขนาดไหน” “เขาจากพวกเราไปในวัย 67 ปี ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง ฉันซาบซึ้งและดีใจมากที่ได้เป็นลูกและมีคุณเป็นพ่อ ขอบคุณที่เลี้ยงเรามาอย่างถูกทาง หลับให้สบายนะคะ พ่อจะอยู่ในหัวใจพวกเราเสมอ” เธอเขียนไว้ใต้ภาพ Jelica Ljubicic Jelica Ljubicic ลองมาชมตัวอย่างคอมเมนต์ในภาพดังกล่าว ลองดูว่าเธอโดนจวกขนาดไหน มีคอมเมนต์หนึ่งในภาพของเธอบอกว่า “นี่แสดงให้เห็นถึงความรักที่เธอมีให้พ่อของเธอ ขณะที่พ่อของเธอตาย เธอยกกล้องขึ้นมาถ่ายเซลฟี่” อีกคอมเมนต์บอกว่า “คนไม่ปกติเท่านั้นแหละถึงทำแบบนี้ได้” และอีกหนึ่งคอมเมนต์บอกว่า “สิ่งที่ได้เห็นและอ่านอยู่นี้ เป็นความจริงอย่างนั้นเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลย โลกใบนี้คงสิ้นหวังเสียแล้วล่ะ”…
-
หนุ่มนึกว่าคนส่งข้อความมาแกล้งก็เลยด่ากลับไป กลายเป็นว่าคนที่ส่งมาเป็นบอสซะงั้น
ตามปกติแล้วเวลามีคนไม่รู้จักส่งข้อความมาในโทรศัพท์ แถมไม่ว่าจะดูยังไงก็เป็นข้อความขยะชัดๆ คนเราจะทำอย่างไร? บางคนอาจจะบอกว่าลบข้อความทิ้งและทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็ยังมีอีกหลายๆ คนที่อาจจะเลือกที่จะตอบข้อความที่ได้รับแบบขำๆ เช่นกัน โชคไม่ดีที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์ Cory เป็นคนประเภทหลัง เข้าเป็นชายหนุ่มจากโจเลียต สหรัฐอเมริกาผู้ทำงานอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง และการตอบข้อความของเขานั้น ทำให้เขาสูญเสียงานไปอีกด้วย เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อ Cory ได้รับข้อความอันหนึ่งจากเบอร์ที่เขาไม่รู้จัก โดยมันเป็นข้อความว่า “I’m making you come at 12 on Friday” ซึ่งหากแปลตามปกติก็จะแปลได้ว่า “ฉันจะให้นายมาตอนเที่ยงวันศุกร์นะ” แต่ด้วยความที่เป็นเบอร์จากคนที่ไม่รู้จัก บวกกับรูปแบบข้อความที่ค่อนข้างกำกวม Cory จึงตีความคำว่า Come เป็น Cum และเข้าใจความหลายที่ข้อความจะสื่อว่า “ฉันจะทำให้นายถึง (จุดสุดยอด) ตอนเที่ยงวันศุกร์นะ” และเมื่อความหมายออกมาในทางเพศแบบนั้น Cory จึงแกล้งส่งข้อความกลับไปว่า “อย่างแรกเลยนะ เธอสั่งเควี้ยอะไรฉันไม่ได้หรอก แล้วก็ข้อสองฉันไม่เห็นจำได้เลยว่าไปนัดใครอึ๊บไว้” ซึ่งนับเป็นโชคร้ายของ Cory จริงๆ ที่ข้อความต่อมาที่เขาได้รับนั้นมีเนื้อความว่า “นี่ Maribel…
-
โรงงานกำจัดเศษอาหารด้วย “แมลงสาบ” กว่า 300 ล้านตัว ตั้งใจต่อยอดสู่ “ผลิตภัณฑ์ความงาม” ?!
แมลงสาบ อาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ค่อยมีใครชอบมันสักเท่าไหร่ ด้วยรูปลักษณ์ของมัน บวกกับการเป็นพาหะนำเชื้อโรค แต่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพวกมันมีประโยชน์หลายๆ อย่างโดยที่เราอาจคาดไม่ถึงมาก่อน อย่างเช่นใช้พวกมันช่วยในการกำจัดเศษอาหารจำนวนมากมายมหาศาล เหมือนอย่างที่โรงงานแห่งนี้ได้ทำ จำนวนที่ใช้ก็ไม่ค่อยมากเท่าไหร่หรอก สัก 300 ล้านตัว ต่อเศษอาหาร 15 ตันในแต่ละวันก็พอ เป็นไงล่ะ เริ่มมีใครสนใจที่อยากจะไปดูงานภายในสถานที่แห่งนี้กันแล้วหรือยังเอ่ย?? โรงงานไร้ชื่อดังกล่าวตั้งอยู่ในเมืองจีหนาน มณฑลชานตง ประเทศจีน โดยสถานที่แห่งนี้มีไว้สำหรับการกำจัดเศษอาหาร 1 ใน 4 ของทั้งเมือง ซึ่งนั่นเท่ากับ 15 ตันต่อวัน วิธีการที่พวกเขาใช้ก็ง่ายๆ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย!! เริ่มจากการนำเอาเศษอาหารทั้งหมดลำเลียงไปตามสายพาน เข้าสู่กระบวนการบีบอัดให้ออกมาเป็นเหมือนกับแผ่นแป้ง จากนั้นจึงค่อยโยนไปไว้ในแต่ละช่อง แต่ละถัง จากนั้นแมลงสาบนับล้านก็จะจัดการกับสิ่งนั้นเอง ลองคิดภาพตามกันดูสิว่ามันจะหฤหรรษ์ขนาดไหน ด้วยความที่แมลงสาบพวกนั้นกินดีอยู่ดีขนาดนี้ ทำให้พวกมันสามารถมีอายุอยู่ได้นานถึงประมาณ 11 เดือนเลยทีเดียว เมื่อมันตายจากไป ร่างกายของมันก็สามารถนำไปทำเป็นผงแป้งที่อุดมไปด้วยโปรตีน เพื่อใช้ในการให้อาหารปศุสัตว์กันต่อ โดยราคาตามท้องตลาดจองผลผลิตแปรรูปนี้จะอยู่ที่ราวๆ 60,000 – 74,000 บาท ต่อ…
-
ขุดเจอรูปถ่าย “วัย 14 ปี” ของดาราสาวไต้หวัน ‘แม่ให้มาเยอะ’ จนน่าตกใจเลยล่ะ!!!
ดาราสาวๆ บางคนนั้นยอมรับเลยจริงๆ ว่ามีแววเป็นดาราหรือนางแบบมาตั้งแต่ยังเด็ก อย่างเช่นล่าสุดดาราและนางแบบสาวไต้หวันนามว่า 郭書瑤 หรือที่เรียกกันว่า Yaoyao นั้นมีคนไปขุดเจอรูปเธอสมัยเป็นเด็กบอกเลยว่าทำเอาหนุ่มๆ กำเดาไหลเลยทีเดียวเชียว เนื่องในโอกาสวันเกิดครบรอบ 28 ปีของเธอที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม จึงทำให้เธอกลับมามีบทบาทในสายตาของชาวเน็ตอีกครั้ง Yaoyao หรือชื่อจริงๆ ว่า Guo Shu Yao นั่นเอง Yaoyao มีผลงานการถ่ายแบบมากมาย รวมไปถึงผลงานเพลงและพิธีกร อีกทั้งยังเคยเป็นนักแสดงในภาพยนตร์รางวัลเรื่อง Campus Confidential ที่กำกับโดย Lai Junyu อีกด้วย ล่าสุดชาวเน็ตได้ไปค้นเจอรูปของ Yaoyao ที่ถ่ายและโพสต์ลงอินเทอร์เน็ตเมื่อปี 2004 หรือ 14 ปีที่แล้วนั่นเอง ซึ่งขณะนั้นตัวของเธอเองก็ยังมีอายุได้ 14 ปีอีกด้วย เมื่อเห็นภาพวัยเด็กของเธอแล้ว บอกเลยว่าเธอนั้นเป็นเด็กอายุ 14 ปีที่เรียกได้ว่า “งานดีย์” จริงๆ ส่อแววนางแบบมาตั้งแต่เด็กๆ เลยล่ะ นี่มันเพชรเม็ดงามชัดๆ Yaoyao ในวัย 14 ปี (ก็ธรรมดาๆ นะ…
-
“ฮัลโหลคิตตี้ แฮปปี้โมริจิโอะเซต” ชุดเกลือไล่สิ่งชั่วร้ายลายคิตตี้ที่จะมาเรียกความสุขให้คุณ
ถ้าจะมีสินค้าที่กลายเป็นของได้แทบทุกอย่างในโลก เจ้าของที่ว่านี้ก็คงไม่พ้นเจ้าแมวไม่มีปากอย่าง “ฮัลโหลคิตตี้” แน่นอน เพราะที่ผ่านๆ มา ฮัลโหลคิตตี้ ได้กลายเป็นสินค้ามาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องเกม หรือแม้กระทั่งกระโถน เรียกได้ว่าแทบจะสร้างบ้านฮัลโหลคิตตี้ได้ทั้งหลังเลยก็ไม่ผิดนัก และล่าสุดนี้เอง ทางฮัลโหลคิตตี้ก็ได้ออกสินค้าใหม่มาอีกชิ้น เพื่อตีตลาดกลุ่มลูกค้าใหม่ที่อาจจะไม่เคยสนใจเจ้าแมวตัวนี้มาก่อน สินค้าตัวที่ว่าก็คือ…. “ฮัลโหลคิตตี้ แฮปปี้ โมริจิโอะเซต (Hello Kitty Happy Morijio Set)” หรือชุดเกลือไล่สิ่งชั่วร้าย ฮัลโหล คิตตี้นั่นเอง ต้องย้อนความกันสักเล็กน้อยว่าที่ประเทศญี่ปุ่น (และในหลายๆ ประเทศ) นั้น เกลือจะจัดเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถใช้ในการชำระล้างสิ่งที่ไม่ดีได้ โดยที่ญี่ปุ่นมักมีการทำ โมริจิโอะ หรือการใช้เกลือโรยก่อนเข้าบ้าน หลังมีการไปงานศพ หรือพิธีกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณและความตาย โดยเจ้าแฮปปี้โมริจิโอะเซตอันนี้เอง ก็ใช้คอนเซปต์เกี่ยวกับการขับไล่สิ่งชั่วร้ายเช่นเดียวกัน โดยจะมุ่งเน้นไปที่สิ่งชั่วร้ายที่มากับการเล่าเรื่องสยองขวัญในฤดูร้อนนั่นเอง (แต่ก็เอาไปใช้เหมือนโมริจิโอะทั่วๆ ไปได้หมดนะ) ฟังดูแล้วน่ารักดีใช่ไหมล่ะ ซึ่งเจ้าเครื่องรางฮัลโหล คิตตี้ชิ้นนี้ 1 ชุดจะมีกรวยแบบมีหูจับสำหรับทำโมริจิโอะ และจานรองเกลือทรงแปดเหลี่ยมสีชมพู…
-
สาวเสิร์ฟโดนลูกค้าจับตูด เลยจับทุ่มซะลงไปนิ่งกับพื้นแถมตำรวจยังเห็นดีด้วย นี่แหละหญิงแกร่ง!!
เรื่องของการ ‘ลวนลาม’ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในแทบทุกยุคทุกสมัย แล้วส่วนมากก็มักจะเกิดขึ้นกับเพศหญิงเพราะว่าเป็นเพศที่อ่อนแอกว่าทางกายภาพ และบางคนก็อับอายเกินกว่าที่ปกป้องตัวเองรวมถึงตีแผ่เรื่องนี้ให้สังคมได้รับรู้ แต่ว่ามีสาวเสิร์ฟอยู่คนหนึ่งที่ไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียว เพราะทันทีที่เธอถูกลวนลามด้วยการจับก้น เธอก็จับชายมือบอนทุ่มลงไปนอนในทันที แล้วเมื่อตำรวจมาถึงชายคนนั้นก็ต้องถูกจับไปอีกด้วย!! คลิปวิดีโอเหตุการณ์ โดยเหตุการณ์ของหญิงสาวสุดแกร่งคนนี้เกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อมีสาวเสิร์ฟชื่อว่า Emelia Holden กำลังทำงานของเธออยู่ แต่ว่าจู่ๆ ก็มีลูกค้าผู้ชายเดินมาบีบก้นของเธอดื้อๆ ซะอย่างนั้น แต่ว่าสาวเสิร์ฟวัย 21 ปีคนนี้ไม่ได้ปล่อยผ่านไปเฉยๆ ทันทีที่เธอสัมผัสได้กับการถูกบีบก็รีบไปเอาเรื่องชายคนนั้น ด้วยการจับเขาทุ่มลงไปกองกับพื้นอย่างนิ่งสงบราวกับว่ามีพละกำลังมหาศาลเลย ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาถึงสถานที่เกิดเหตุและได้ดูภาพเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิด ทำให้พวกเขาได้จับกุมชายคนนี้ไปตามระเบียบก่อนที่จะปล่อยตัวออกมาในวันที่ 2 กรกฎาคม ในภายหลัง Emelia ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าคิดอะไรอยู่ถึงทำอย่างนั้น รวมถึงบอกให้ทุกคนปกป้องสิทธิ์ของตัวเองด้วย “ฉันก็แค่ทำสิ่งที่ฉันรู้สึกว่าดีที่สุดแค่นั้นเอง ฉันทุ่มชายคนนั้นลงแล้วหลังจากนั้นเพื่อนร่วมงานของฉันก็โทรเรียกตำรวจให้ และทันทีที่ตำรวจดูกล้องวงจรปิด พวกเขาก็จับกุมชายคนนี้ไปทันที เขาต้องอยู่ในคุกไป 2-3 วันเลยแหละ ในความคิดของฉันเขาสมควรได้รับผลอย่างนั้นแล้ว “ “จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ที่ผู้หญิงจะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อตัวเอง คุณมีสิทธิ์ที่จะสวมอะไรก็ได้อย่างที่ใจคุณต้องการ รวมถึงมีทุกๆ สิทธิ์ในการปกป้องตัวเองด้วย” Emilia…
-
จู่ๆ ก็มี “รูปริศนา” โผล่ในสวนหลังบ้าน ขุดลงไปเจออิฐ? มันคืออะไร? ชาวเน็ตช่วยไขปริศนาที…
เป็นคุณจะงงกันไหมล่ะที่จู่ๆ ในสวนของบ้านคุณกลับมี รูประหลาด เกิดขึ้นมาเฉยๆ? อย่างเช่นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ในสวนหลังบ้านของเขานั้นมีรูประหลาดเกิดขึ้น เขาได้แต่งวยงงว่ามันคือรูอะไรกันแน่ และสิ่งที่เขาเลือกจะทำก็คือ เก็บภาพมันเอามาถามชาวเน็ตว่ามันคือรูอะไรกันแน่ รูอิหยัง!!? ท่าจะลึกน่าดูเลยนะเนี่ย ชายคนนี้โพสต์ภาพลงบนอินเทอร์เน็ตแล้วอธิบายว่า “จู่ๆ มีรูอยู่หลังบ้านผม และพอเข้าไปดูใกล้ๆ ผมเห็นว่ามันมีกำแพงอิฐอยู่ข้างใน ความลึกน่าจะราวๆ 2 เมตรและกว้างราวๆ 1.2 เมตร บ้านผมสร้างในปี 1888 และตั้งอยู่ในชนบทที่ชื่อว่า Suffolk ประเทศอังกฤษ ช่วยบอกทีว่านี้คือรูอะไรและมีไว้ทำไม?” เขาขุดลงไปจนเจอปล่องทรงกระบอกที่มีผนังเป็นอิฐ แถมยังเจอฝาปิดที่เป็นหินอยู่ด้านล่างอีกด้วย ตอนนี้ทุกคนเริ่มจริงจังกับการค้นหาว่าหลุมดังกล่าวมันคืออะไรกันแน่ อีกสิ่งที่เจอภายในหลุมก็คือ “กระดุมโลหะ” ดูแนวการวางของอิฐ และความกว้างประมาณ 1.2 เมตร มันมีไว้ใช้ทำอะไรกันนะ? “มีท่อที่ดูเหมือนเชื่อมจากบ้านมายังบ่อนี้” สุดท้ายพวกเขาก็ขุดจนกระทั่งลงมายังก้นบ่อได้ นี่คือสิ่งที่พบอยู่ด้านล่างของหลุม ท่อหรือหลอดอะไรก็ไม่รู้ . ปริศนานี้เขาคงต้องพึ่งสมองชาวเน็ตให้ช่วยกันแก้ไข…
-
ผู้หญิงตบกันในสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ เหตุเพราะโดน “เด็ก 8 ขวบสัมผัสก้น” ฝั่งคุณแม่ก็โหดแท้…
หากใครได้มีโอกาสไปเที่ยว ดิสนีย์แลนด์ ในนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน สิ่งที่เราคาดหวังก็คงจะเป็นความสุขจากการได้เดินเที่ยวภายในสวนสนุกแห่งนั้น คงไม่ได้อยากมาเห็นผู้หญิงตบกันเหมือนอย่างเหตุการณ์นี้ และเหตุผลที่พวกเธอตบกันก็อาจดูไม่ใช่เรื่องที่เราจะพบเจอกันตามปกติสักเท่าไหร่ เพราะศึกใหญ่ในครั้งนี้มันมีสาเหตุมาจากการที่ “เด็กชายวัย 8 ขวบ ไปสัมผัสก้นสาวคนหนึ่ง” เข้า?! ตบกันหน้าบ้านมิคกี้เมาส์ ในสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ บันเทิงเลยมั้ยล่ะ… จากคำให้การของพยานผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า เด็กชายวัย 8 ขวบสัมผัสโดนก้นของหญิงสาวรายหนึ่ง ก่อนที่เธอจะหันไปดุเด็กคนนั้น แม่ของเด็กที่เห็นเหตุการณ์จึงปรี่เข้าไปต่อว่าหญิงสาวคนดังกล่าว โดยคุณแม่คนนี้ได้พาเพื่อนมาด้วยอีกเพียบ แล้วจู่ๆ เรื่องราวก็เลยเถิดจนกลายเป็นการทะเลาะกันอย่างรุนแรง ฝ่ายคุณแม่ของเด็กใช้หมวกตบหน้าหญิงสาว พุ่งจะเข้าไปทำร้ายร่างกาย จนเพื่อนๆ ที่มาด้วยต้องรีบห้ามไว้ก่อนที่จะเป็นเรื่องใหญ่โต . พนักงานรักษาความปลอดภัยจึงเข้ามาควบคุมสถานการณ์เอาไว้ ถามหาสาเหตุของเรื่องนี้ แล้วผู้หญิงที่ถูกกระทำก็เล่าไปว่า “ฉันโดนเด็กคนนั้นจับตูดและโดนผู้หญิงเหล่านั้นทำร้ายร่างกายฉัน” สุดท้ายเหมือนว่าเรื่องราวจะจบลงด้วยดี แต่ก็ที่จะแยกกันไปคนละทิศละทาง ผู้หญิงคนหนึ่งได้หันไปต่อว่าหญิงสาวที่โดนสัมผัสบั้นท้ายในครั้งนี้ว่า “จะบ้าหรือเปล่า!! เช็คเบ้าหน้าตัวเองด้วยนะ เด็กมันจะไปจับก้นเธอทำไม” เจ้าหน้าที่ต้องรีบเข้ามาห้ามเลยทีนี้ คลิปเหตุการณ์ถูกโพสต์ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2018 หลังจากคลิปนี้ถูกเผยแพร่ลงไปในโลกโซเชียลของจีน ก็ทำให้มีหลายๆ คอมเมนต์เข้ามาบอกว่า…
-
เรื่องราวของสาวข้ามเพศผู้ใช้ขวานไล่ฆ่าคน เพราะมีเสียงกระซิบ ‘เริ่มสร้างนรกบนดินได้แล้ว’
(คำเตือน: บทความนี้อาจมีเนื้อหาที่รุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม) บางครั้งสิ่งที่เรามองไม่เห็นอาจจะไม่ได้หมายความว่าไม่มีอยู่จริง… ในวันที่ 7 มกราคมปี 2017 ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดขึ้นที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อมีหญิงข้ามเพศคนหนึ่งใช้ขวานไล่ฆ่าผู้คนในร้านสะดวกซื้อ รวมถึงผู้คนที่เดินอยู่ในละแวกนั้นด้วยความโหดเหี้ยม โดยทั้งนี้เธออ้างว่าเป็นเพราะเสียงกระซิบจากใครบางคนสั่งมาว่า ‘จงฆ่าและทำให้พวกเขาพิการซะ’ และ ‘เริ่มสร้างนรกบนดินได้แล้ว’ หลังจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญในครั้งนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว Evie Amati สาวข้ามเพศผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ และเธอได้ขึ้นให้การต่อชั้นศาลเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยข้างต้นยังให้การปฏิเสธความผิดทั้งหมด จะมีก็เพียงคำอธิบายสั้นๆ ของเธอเพียงเท่านั้น… “ฉันจำได้ว่าทุกๆ อย่างในตอนนั้นมันดูเงียบไปซะหมด แต่รู้สึกได้ว่ามีเสียงดังขึ้นมาจากในตัวฉัน และ และฉันจำรอยยิ้มนั้นได้ มันเป็นรอยยิ้มสุดแสนจะน่ากลัวที่ลอยเข้ามาแทนที่ใบหน้าฉัน จากนั้นฉันก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้และจำอะไรไม่ได้อีกเลย” ทว่าก็มีอีกจุดที่น่าสนใจอยู่อีกจุดหนึ่งในก่อนหน้าที่เธอจะมีการลงมือก่อเหตุ เพราะเธอได้ส่งข้อความไปหาเพื่อนใหม่ที่เพิ่งพบกันในแอปฯ เดต ซึ่งข้อความมีดังต่อไปนี้ “สักวันหนึ่งฉันจะฆ่าผู้คนมากมาย และนั่นจะเป็นความผิดของคุณทั้งหมด” ทางด้าน Mickila Jahnsen คนที่เธอกล่าวหาว่าเป็นเพื่อนใหม่ในแอปฯ ดังกล่าว ก็ได้มาให้การกับคณะลูกขุนว่า เธอได้พบกับ Amati หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้าที่มีการก่อโศกนาฏกรรมนี้ขึ้น ซึ่งต่างคนต่างก็ดื่มกินกันอย่างสนุกสนานรวมถึงเพื่อนอีกคน และในท้ายที่สุดทั้งสามก็ได้กินแคปซูลยาที่เชื่อกันว่าเป็น ‘ยาอี’ ด้วย…
-
เปิดแล้ว!! โลงหินสีดำลึกลับในอเล็กซานเดรีย ท่ามกลางความหวาดกลัวคำสาปโบราณ
หากยังจำกันได้เมืองช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมาได้มีการขุดพบ โลงหินสีดำไม่เคยถูกเปิดมา 2 สหัสวรรษที่เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ ซึ่งสร้างความไม่สบายใจให้กับชาวเน็ตเพราะความเชื่อที่ว่าหากเปิดโลงหินนี้ออกอาจนำมาซึ่งคำสาปโบราณก็เป็นได้ (อ่านข่าวเก่าได้ที่ ขุดเจอโลงหินสีดำไม่เคยถูกเปิดมา 2 สหัสวรรษที่อียิปต์ ชาวเน็ตบอกอย่าเปิดเลยเดี๋ยวมัมมี่ตื่น) ล่าสุดทางนักโบราณคดีได้ตัดสินใจเปิดโลงที่ว่านั้นออกแล้ว การเปิดโลงหินในครั้งนี้เป็นคำสั่งจากกระทรวงโบราณวัตถุของอียิปต์ ซึ่งทันทีหลังจากที่เปิดฝาโลงหินออกมาเพียง 5 เซนติเมตร พวกเขาก็ได้พบกับกลิ่นเหม็นโหดร้ายจนต้องหยุดปฏิบัติการไว้กลางคัน ก่อนที่จะสามารถเปิดโลงได้สำเร็จในภายหลัง ด้วยความช่วยเหลือจากวิศวกรทหารของอียิปต์ โดยสิ่งที่พวกเขาพบภายในโลงหินขนาดใหญ่นั้น ไม่ใช่ทั้งคำสาป หรือว่าร่างของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชอย่างที่มีคนเคยหวังกันเอาไว้ แต่เป็นโครงกระดูกสามร่างที่จมอยู่ในน้ำเสียสีน้ำตาลแดงซึ่งเชื่อว่าเป็นที่มาของกลิ่น Mostafa Waziri เลขาธิการสภาโบราณวัตถุกล่าวว่า “พวกเราพบกระดูกของมนุษย์สามร่าง โดยเท่าที่เห็นเป็นการฝังศพในครอบครัว โชคร้ายที่มัมมี่ข้างในนั้นไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดี และเหลืออยู่เพียงแค่กระดูกเท่านั้น” ในเบื้องต้นผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าร่างทั้งสามอาจเป็นทหารในสมัยของฟาโรห์ เนื่องจากหนึ่งในกะโหลกที่พบมีร่องรอยความเสียหายซึ่งเกิดจากธนู อย่างไรก็ตามนักโบราณคดีจะศึกษาร่างที่พบในเชิงลึกเพื่อระบุตัวตนของร่างทั้งสาม และเหตุผลที่พวกเขาเสียชีวิตต่อไป ส่วนเรื่องเกี่ยวกับความหวาดกลัวของชาวอินเตอร์เน็ต และคนในพื้นที่บางส่วนต่อคำสาปมัมมี่นั้น คุณ Waziri ก็ออกมาพูดแบบติดตลกว่า “เราเปิดโลงไปแล้ว โชคดีจริงๆ ที่โลกยังไม่ถูกปกคลุมด้วยเงามืด ผมเป็นมนุษย์คนแรกที่เอื้อมมือเข้าไปในโลง และผมก็ยังสบายดีอยู่” …
-
หนุ่มญี่ปุ่นเปิดเผยกับครอบครัวว่า “เป็นเกย์” และผลตอบรับก็ทำให้ชาวเน็ตน้ำตาคลอ…
เรื่องของเพศทางเลือกถึงแม้จะมีการยอมรับมากขึ้นในสังคมปัจจุบัน แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่จะเปิดเผยตัวเองกับ “พ่อแม่และครอบครัว” ว่าเรา เป็นเกย์ เรื่องการเปิดเผยตัวตนและเพศที่ตนเองเลือกนั้นจะไม่ใช่เรื่องที่ยากเลยหากคนรอบตัวเปิดใจให้การยอมรับ ถึงกระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าก็ยังมีคนที่คอยเหยียดและแบ่งแยกเพศอยู่เสมอๆ บังเอิญได้เจอทวิตเตอร์ของหนุ่มญี่ปุ่นที่ชื่อว่า @_Fromage_ ผู้ที่โพสต์ภาพข้อความการ เปิดเผยเพศตัวเอง พร้อมทั้งแฟนหนุ่มของเขาให้ครอบครัวได้ทราบ แล้วครอบครัวของเขาก็น่ารักมากๆ เสียด้วย เขาเขียนคำบรรยายโพสต์ดังกล่าวว่า: “ขณะที่ผมป่วยอยู่ในโรงพยาบาล ผมเรียกครอบครัวพร้อมทั้งแฟนของผมมา นั่นแหละครั้งแรกที่ผมบอกทุกคนว่าผมเป็นเกย์ และแนะนำแฟนที่คบกันมา 6 ปีของผมให้พวกเขารู้จัก น้องสาวของผมขำก๊ากออกมาแล้วพูดออกมาว่าเธอเองรู้อยู่แล้ว ส่วนแม่ก็แอบขำคิกคัก และวันนั้นก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก แต่พอวันรุ่งขึ้นผมก็ได้ข้อความจากแม่” ข้อความจากแม่ มีใจความดังนี้: “เกี่ยวกับหนุ่มคนนั้นคนที่เป็นเพื่อนสนิทของลูกและคนที่ได้หัวใจของลูกไป แม่เข้าใจนะเขาเองก็ดูเป็นคนดี และพูดตรงๆ แม่โล่งอกมากๆ ที่เห็นลูกได้คบใครแบบนั้น มันไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ถึงแม่จะคิดถึงยุคสมัยเก่าๆ แต่แม่ก็ไม่อาจปฏิเสธคนที่เดินตามหัวใจตัวเองแบบลูกได้หรอกนะ ลูกอยู่กับเขาแล้วมีความสุขด้วยกันหรือเปล่า นั่นต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ ก่อนอื่น ลูกกับเขาควรทำความรู้จักตัวตนกันและกันให้มาก และแม่หวังว่าวันหนึ่งเขาคนนั้นนั่นแหละที่จะกลายเป็นคนที่รู้จักและเข้าใจลูกมากที่สุด” เมื่อเรื่องราวน่าประทับใจนี้ถูกโพสต์เล่าบนทวิตเตอร์ ผู้คนก็เข้ามาคอมเมนต์กันมากมาย เช่น… “เป็นครอบครัวที่น่าทึ่งมาก คุณต้องดูแลพวกเขาและแฟนของคุณให้ดีๆ เลยนะ” “ฉันหวังว่าฉันจะเป็นแม่ที่ดีให้กับลูกๆ อย่างนี้บ้าง” “เป็นแม่ที่ดีมากๆ พ่อแม่บางคนไม่สนใจเลยว่าลูกตัวเองจะเป็นอย่างไร แต่แม่ของคุณนั้นใส่ใจคุณมากๆ เป็นครอบครัวที่เจ๋งจริงๆ” “นี่แหละคือความรักที่แท้จริง ฉันว่าฉันจะร้องไห้แล้วล่ะ”…
-
Miley Cyrus ลบทุกภาพในไอจีเกลี้ยงเกลา แต่ยังปกติดีในไอจี Liam… ชาวเน็ตคิดไปไกล!?
เวลาคนดังที่มีความเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง เช่นการลบทุกอย่างทิ้งให้หายไปจากโลกออนไลน์ มักจะส่อไปในทางที่ไม่ดีอยู่บ่อยครั้ง หากใครได้ติดตามสาว Miley Cyrus นักร้องชื่อดังที่คบกับน้องชายของเทพเจ้าสายฟ้า Liam Hemsworth จะเห็นได้ว่าเธอลบทุกภาพออกจากอินสตาแกรม พร้อมกับเปลี่ยนภาพโปร์ไฟล์เป็นสีดำสนิท… หรือว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกับ Miley อีกครั้ง จากสาวแสบมาเป็นสาวหวาน แล้วจะเป็นสาวไหนอีก? https://twitter.com/mileygrunge/status/1018792091936346113 ทางสื่อบันเทิงต่างก็ชงข่าวว่า ที่ผ่านมา Miley เริ่มมีปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับ Liam ที่อยากจะสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่เธอยังไม่พร้อมเท่าไหร่นัก “เขาอยากมีลูก แต่เธอกลับมองในมุมที่ต่างกัน จนทำให้รู้สึกใจสลาย เธอเลือกที่จะยุติแผนแต่งงานเอาไว้ส่วน Liam เองก็เริ่มเบื่อแล้ว ส่อแววว่าเริ่มไม่ลงรอยกันเพราะเธอไม่อยากแต่งงาน ต่อให้ทุกคนเข้าใจแต่ Liam ไม่ เพราะครอบครัวของเขาอยากจะให้เดินหน้าต่อ (เลิกกับ Miley) แต่เขายังเชื่อในตัวเธอจนกลายเป็นคนโง่” (อ้างอิง) แหงล่ะจ้าาาา… งานเผือกงานมโนก็ต้องมา เลิกกันชัวร์ๆ รักที่มีได้ตายจากกันไปแล้ว https://twitter.com/mollyynewman/status/1019867764478144512 แต่ขอให้หยุดกันไว้เพียงเท่านี้ หากได้ตามไปส่องในสตอรี่ไอจีของ Liam ทั้งสองคนยังนั่งอยู่ในรถคันเดียวกัน โยกย้ายส่ายหัว…
-
เกาหลีโวย เพลงใหม่ Wiz Khalifa เหยียดเชื้อชาติ พี่แกออกมาบอก “ผมก็มีเพื่อนเกาหลีนะ” ?!
เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะต้องเคยได้ยินชื่อหรืออาจเคยฟังผลงานของศิลปินแรปเปอร์ชื่อดังอย่าง Wiz Khalifa กันมาบ้าง อย่างน้อยๆ ก็คงต้องเคยฟังเพลง See You Again ที่เขาร้องคู่กับ Charlie Puth แต่ล่าสุดแรปเปอร์หนุ่มวัย 30 คนนี้ได้ถูกกระแสโจมตีอย่างหนักจากชาวเกาหลี เมื่อเนื้อเพลงของเพลง Hot Now เพลงใหม่ที่เพิ่งออกมา ถูกหาว่ามีประโยคการเหยียดเชื้อชาติอยู่ในนั้น Wiz Khalifa แรปเปอร์ชื่อดัง นิตยสาร Korea Times รายงานว่า ภายในเพลงนี้มีท่อนหนึ่งที่ร้องว่า “Smoke got my eyes lookin’ Korean.” ประโยคดังกล่าวสามารถตีความได้ง่ายๆ ว่า “ดูดปุ๊นจนตาปรือ ตาตี่ ตาเล็กเหมือนกับคนเกาหลี” และถูกมองว่ามันเป็นไปในลักษณะของการเหยียดเชื้อชาติ เพลงใหม่ที่เพิ่งออกมาในช่วงเดือนกรกฎาคม 2018 ถูกมองว่าเหยียดเชื้อชาติ ในวันที่ 17 กรกฎาคม 2018 แรปเปอร์หนุ่มก็ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ ในตอนที่เขาไปออกรายการวิทยุที่มีชื่อว่า…
-
ครั้งหนึ่งเคยมีการปล่อยลูกโป่งกว่า 1.5 ล้านลูกเพื่อทำสถิติโลก แต่มันกลายเป็นหายนะ!!
‘เหตุการณ์ยิ่งใหญ่ระดับโลก’ มีมากมายหลายเหตุการณ์ที่สร้างความน่าจดจำให้กับโลกของเรา… และเรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังในวันนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สร้างความน่าจดจำให้กับโลกของเราในฐานะ ‘ตราบาป’ ย้อนกลับไปในปี 1986 มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้โลกต้องจดจำเพราะเป็นกระกระทำของมนุษย์ที่เรียกได้ว่า ‘คิดน้อย’ เกินไป จนทำให้เกิดปัญหาถึงขั้นมีคนเสียชีวิตตามมา เรื่องมีอยู่ว่าบริษัท United Way ได้ทำการจัดพิธีการการกุศลที่มีชื่อว่า Balloonfest ’86 เพื่อเรี่ยไรเงินบริจาค ด้วยการปล่อยลูกโป่งฮีเลียมลอยฟ้ามากกว่า 1.5 ล้านลูก เพื่อสร้างสถิติโลก!! มีอาสาสมัครมากมายหลายพันชีวิต เข้าร่วมเตรียมงานดังกล่าวนี้ ทำงานตั้งแต่หัวค่ำยันเช้าอีกวันหนึ่งเลยทีเดียว พิธีการถูกจัดขึ้นในเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ ลูกโป่งจำนวนเกือบ 1.5 ล้านลูกถูกสูบฮีเลียมเข้าไป แล้วนำมาปล่อยเอาไว้ใต้ตาข่ายเพื่อรอเวลาปล่อย อันที่จริงแล้วบริษัทตั้งใจเอาไว้ว่าจะปล่อย 2 ล้านลูก แต่เนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจ มีพายุพัดเข้ามาจากชายฝั่งของเมืองคลีฟแลนด์ พวกเขาจึงตัดสินใจลดจำนวนลงเป็น 1.5 ล้านลูกเพื่อปล่อยก่อนกำหนด เหล่าลูกโป่งจำนวนมากมายมหาศาลก็ถูกปล่อยออกไปบนท้องฟ้า ดูงดงามเป็นที่สุด ทุกคนโดยเฉพาะเด็กๆ ต่างก็ตื่นตาตื่นใจกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้า …
-
หนุ่มอัดคลิป ‘ป้อนยาอี’ ให้ผึ้งป่ากิน เดินโซซัดโซเซบนฝ่ามือ…ชาวเน็ตรุมจวกยับ!!
กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียลของต่างประเทศอยู่ ณ ขณะนี้ กับกรณีของคลิปวิดีโอนักเล่นมายากลคนหนึ่งนำ ‘ยาอี’ ให้ผึ้งป่ากิน ในคลิปวิดีโอมีชายคนหนึ่งป้อนของเหลวด้วยช้อนให้กับเจ้าผึ้งป่าตัวน้อย ซึ่งของเหลวนั้นคือ ‘ยาอี’ นั่นเอง จากนั้นเขาก็รอดูปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปของผึ้ง พบว่ามันเดินโซซัดโซเซอยู่บนมือของชายหนุ่ม มีการพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีขณะเห็นผึ้งกำลังโยกไปมาตามจังหวะเพลง “ดูสิมันเต้นว่ะ มันกำลังเต้นอยู่!!” เจ้าผึ้งเดินวนไปมาบนฝ่ามือของชายหนุ่ม มีบางช่วงที่เดินเซล้มไป บางช่วงก็โยกตัวเหมือนกับว่ากำลังเต้นตามจังหวะเพลง อาจจะเป็นเพราะผลข้างเคียงที่เกิดจากการเสพยา คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกแชร์ไปอย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์พร้อมกับแคปชั่นว่า “ผึ้งเมายาว่ะ” ชมคลิปวิดีโอดังกล่าวที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… ชาวเน็ตหลายคนพอได้ชมคลิปวิดีโอดังกล่าวต่างก็เข้ามาคอมเมนต์ตำหนิการกระทำของคนถ่ายคลิป บ้างก็ว่า “มันคือการก่ออาชญากรรมชัดๆ เขาทำแบบนี้กับผึ้งไปทำไมกัน” บางส่วนพอได้ดูคลิปนี้แล้วก็รู้สึกหดหู่ “ผมรู้สึกหดหู่กับการดูคลิปอะไรแบบนี้ แม้มันจะเป็นแค่ผึ้ง แต่การทำแบบนี้กับมันถือเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยเป็นอย่างยิ่ง” บางส่วนก็แช่งให้ชายที่ถ่ายคลิปเสพยาเกินขนาดจนตาย “ขอให้เขาเสพยาเกินขนาดจนตายทีเถอะ” และข้อมูลจาก European Red List ก็ทำให้เรื่องราวนี้น่าสลดใจลงไปอีก เพราะปัจจุบันนี้เหลือผึ้งป่าอยู่เพียงไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้น เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป และการรุกรานที่อยู่อาศัยของมัน ทำให้ปัจจุบัน 1 ใน 10 สปีชีส์ของผึ้งป่ากำลังเผชิญกับปัญหาใกล้สูญพันธุ์เต็มที …
-
เกมมันเดือด!! หนุ่มโทรแจ้ง ‘ตำรวจ’ เพราะโดนทำฟาวล์ระหว่างเล่นบาสฯ
สำหรับโลกของการกีฬา โดยเฉพาะฟุตบอล บาสเกตบอล หรือรักบี้ ‘การกระทบกระทั่งกัน’ ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ วิธีการที่จะหยุดมันได้ก็คือกรรมการที่เป็นคนตัดสินในจังหวะความรุนแรงต่างๆ เพื่อที่ไม่ให้มันเลยเถิดไปไกลจนนำไปสู่การทะเลาะวิวาท แต่สำหรับเรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังในวันนี้มันอาจจะแปลกไปสักหน่อยหนึ่ง เพราะมีคน ‘โทรแจ้งตำรวจ’ เพราะถูกทำฟาวล์ขณะเล่นบาส!? จากการแข่งขันบาสเกตบอลที่เวอร์จิเนียยิมในช่วงคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา มีผู้เล่นคนหนึ่งโทรแจ้งตำรวจเพราะถูกกระแทกโดยผู้เล่นอีกคนจนล้มลมไปกับพื้น เรื่องราวดังกล่าวนี้ถูกถ่ายไว้โดยเพื่อนของผู้เล่นที่เป็นคนทำฟาวล์ เป็นภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังยืนคุยอยู่กับนักบาสเกตบอล เขาได้นำภาพไปโพสต์ลงบนทวิตเตอร์พร้อมกับแคปชั่นว่า “วันนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนโทรไปแจ้งตำรวจเพราะเล่นบาสแล้วถูกทำฟาวล์!” และเรื่องราวดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก และไม่นานทวีตนี้ก็โด่งดังกลายเป็นกระแสไวรัล ตามรายงานระบุเอาไว้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานี Loudoun County ได้รับโทรศัพท์ตอน 6.42 น. ว่ามีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นที่สนามบาสเกตบอล ผู้เล่นสองคนที่ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ให้การว่า “พวกเขาทำฟาวล์กันขณะเล่นบาสเกตบอล” ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า “ก่อนจะเกิดการโทรแจ้งตำรวจ ผู้เล่นทั้งสองคนได้ปะทะกันระหว่างที่จะทำเลย์อัป ผู้เล่น 1 กระโดดขึ้นไปที่แป้นเพื่อจะเลย์อัปเอาแต้ม แต่ผู้เล่น 2 กระโดดเข้าหาตัวเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ได้แต้ม” “การเลย์อัปของผู้เล่น 1 ล้มเหลว ด้วยความไม่พอใจเขาจึงวิ่งเข้าไปหาผู้เล่น 2 ด้วยความโมโห ก่อนที่จะผลักผู้เล่น 2 ล้มลงไปที่พื้น” “มือของผู้เล่น 1…
-
เทพสายฟ้าเท้าไฟ!! ชม Chris Hemsworth สอนภรรยาเต้นได้อย่างเฮฮาและน่ารัก
Chris Hemsworth เป็นนักแสดงหนุ่มล่ำกล้ามโตตัวใหญ่ ที่สาวๆ หลายคนนั้นชื่นชอบมาเอามากๆ เขาได้ฝากผลงานในวงการฮอลลีวูดมาอย่างมากมาย แต่บทเด่นๆ ที่ทำให้เราจดจำเขาได้เป็นอย่างดีก็คงไม่พ้น “Thor” เทพเจ้าสายฟ้า ซูเปอร์ฮีโร่จากค่าย Marvel นั่นเอง แต่นอกจากความแข็งแกร่งดั่งหินผาและค่อนข้างจะทะนงตัวแบบที่เราเห็นในภาพยนตร์แล้ว รู้หรือไม่ว่าตัวจริงๆ ของนักแสดงชาวออสเตรเลียคนนี้นั้นเป็นคนที่เฟรนด์ลี่และเป็นคุณพ่อ คุณสามีที่ดีแก่ครอบครัวเอามากๆ เลยล่ะ เป็นคุณพ่อที่ดี!! เป็นสามีที่น่ารัก!! ล่าสุด Chris Hemsworth ในวัย 34 ปีก็ได้พา Elsa Pataky ภรรยาสุดที่รักกลับไปฉลองวันเกิดอายุครบ 42 ปีที่ประเทศสเปน ประเทศบ้านเกิดของเธอ และตากล้ามโตของเราก็ได้ทำเซอร์ไพรส์ในวันเกิดภรรยาของเขาด้วยการสอนเต้นจังหวะซัลซ่าซะเลย ลีลาการเต้นของพี่กล้ามเราจะเด็ดและกวนขนาดไหนนั้นเราไปดูกัน https://instagram.com/p/BlYu3aVD5xP/?utm_source=ig_embed และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของเขาที่โชว์สเตปเท้าไฟให้เราได้ชมกัน เพราะเขาเต้นเก่งขนาดที่เคยไปเต้นโชว์ที่รายการ Dancing with the Stars มาแล้ว!! Remember that time Chris Hemsworth did Dancing with the…
-
ไก่ในมือสั่นไปหม๊ด!! เจอหนูในร้านอาหาร พนักงานรีบเข้ามาตีให้ตาย ไม่แคร์ลูกค้าที่กำลังนั่งแทะ
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากขณะที่เรากำลังแทะไก่อย่างเมามันส์ภายในร้านอาหาร แล้วจู่ๆ ก็มีหนูตัวเบ้อเริ่มโผล่หน้าขึ้นมาทักทาย มันก็คงเป็นเรื่องช็อคไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะที่ในร้านอาหารกลับมีหนูมาวิ่งเล่นอย่างนี้ แต่ว่ามีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่จะทำให้คุณรู้สึกช็อคไปมากกว่าเดิม เพราะว่าในเหตุการณ์นี้ไม่เพียงแค่เห็นหนูวิ่งไปมาตามพื้นเท่านั้น แต่ยังเห็นหนูตายไปต่อหน้าต่อตาจากฝีมือของพนักงานร้าน ถ้าเห็นอย่างนี้จริงๆ แล้วล่ะก็ไก่ในมือนี่ก็คงจะสั่นไปหมด!! วิดีโอวินาทีชีวิตของเจ้าหนูยักษ์ เรื่องที่ว่าได้เผยแพร่ออกมาในรูปแบบวิดีโอคลิป ที่ถ่ายจากโทรศัพท์มือถือของลูกค้าคนหนึ่งของร้าน KHF ร้านแฟรนไชส์ไก่ทอดสาขาในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยในวิดีโอดังกล่าวเปิดมาด้วยภาพของเจ้าหนูตัวเขื่องที่วิ่งเล่นไปมาระหว่างเท้าของลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่กำลังกินไก่กันอย่างเอร็ดอร่อย ซึ่งเวลาไม่นานนักต่อจากนั้นทางพนักงานก็ได้รู้ว่าในร้านมีหนูกำลังวิ่งอยู่จากลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งที่ตะโกนขึ้นมาว่า “มีไอ้หนูตัวเท่าแมวอยู่ในร้านนี้” ทำให้มีผู้คนตกใจขึ้นอย่างมากมาย เพื่อเป็นการระงับเหตุดังกล่าวทางพนักงานของร้านจึงได้ตัดสินใจร่วมกันว่า ต้องฆ่าเจ้าหนูตัวนี้ทิ้งซะ!! พวกเขาจึงค่อยๆ เสาะหามันจนพบตัวแล้วค่อยๆ ต้อนมันจนมุมไร้หนทางหนีอีกต่อไป และแล้วก็ถึงเวลาประหารชีวิต เนื่องจากว่ามันเป็นมุมที่ค่อนข้างจะแคบและหาอาวุธที่เหมาะได้ยาก พวกเขาจึงตัดสินใจใช้ถังขยะไม้ (สเตชั่น) ทุบกระทุ้งมันเข้าไปเต็มๆ ตัวถึง 4 ทีด้วยกัน จนในที่สุดแล้วเจ้าหนูตัวนี้ก็ลาโลกไปอย่างไม่มีวันกลับ ในขณะเวลานั้นผู้คนในร้านต่างก็จ้องดูและก็มีบางส่วนที่กรีดร้องออกมาจากเหตุการนองเลือดตรงหน้า ซึ่งหลังจากที่คลิปนี้เผยแพร่ออกมาก็มีบางคนบอกว่า ‘ขอสาบานว่าจะไม่กินอาหารที่ร้านนี้อีกต่อไป’ เลยทีเดียว ส่วนทางร้าน KHF ก็ยังไม่มีความเห็นออกมาต่อเรื่องนี้ ก็มันจำเป็นอ่ะเนอะ.. ที่มา: mirror, dailymail
-
พ่อหนุ่ม “กล้ามปลอม” ถูกแฟนสาวขอให้เพิ่มขนาด ‘ก้น’ แม้ว่าแพทย์จะเตือนแล้วก็ตาม
Kiril Tereshin ได้ชื่อว่าเป็น “ป๊อปอาย” เนื่องจากกล้ามแขนของเขาใหญ่โตราวกับตัวการ์ตูนป๊อปอายเลยทีเดียว แต่ดันเป็นกล้ามที่ได้มาจากการฉีดสาร Synthol เข้าไปในกล้ามเนื้อนั่นเอง Kiril หนุ่นน้อยชาวรัสเซียในวัย 21 ปีได้ฉีดเจ้าสาร Synthol เข้าไปในกล้ามแขนของตนเองทำให้กล้ามเนื้อไบเซปของเขามีขนาดถึง 24 นิ้ว แม้ว่าแพทย์ได้เตือนเขาว่าหากใช้มากเกินเขาอาจจะตายได้ก็ตาม นายแพทย์อธิบายสารเคมีใน Synthol จะทำให้เกิดโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด โรคหลอดเลือดสมอง ก้อนซีสต์ และแผลในกระเพาะอาหาร ศาสตราจารย์แพทย์หญิง Evgeny Lilin กล่าวว่า “โรคพวกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่บอกไว้ก่อนเลยว่าหากเป็นขึ้นมาในอนาคต การรักษามีแต่จะต้องตัดแขนหรือขาทิ้งเท่านั้น วันหนึ่งในภายภาคหน้าที่แขนของเขาจะเกิดฝี พอมันบวมพองขึ้นเรื่อยๆ เขาก็จะเสี่ยงต่อภาวะหลอดเลือดตีบ” ซึ่งทางฝ่ายตัวเขาและ Olesya Malibu แฟนสาววัย 28 ปีของเขานั้นก็ยังคงไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะฝ่ายผู้เป็นแฟนสาวนั้นบอกว่า Kiril ควรไปต่อ Olesya บอกกับเขาว่า “ก้นของนายเล็กมากเลย” และบอกให้เขาไปฉีดเสริมก้นให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย “นายต้องไปฉีนสาร Synthol เข้าไปในก้นเพิ่มด้วยนะ” แฟนสาวกล่าว Olesya Malibu หรือชื่อจริงๆ…
-
ไม่คาดฝัน… นักท่องเที่ยวโดดน้ำตกลงมาเสียชีวิต ขณะแรปเปอร์สเปนกำลังถ่ายทำ MV
บนโลกของเราใบนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ทุกหนทุกแห่ง มีทั้งที่ถูกสร้างสรรค์โดยธรรมชาติและจากมนุษย์ ซึ่งรอให้เราได้ไปค้นหาและสัมผัสกับพวกมัน เช่นกันกับสถานที่ที่เราเรียกกันว่า “น้ำตก” ก็ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ โดยมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เกิดจากน้ำที่ไหลลงมาจากที่สูง ในประเทศไทยของเราก็มีน้ำตกที่สวยงามน่าไปท่องเที่ยวอยู่มากมายเลยเช่นกัน และเรื่องที่เราจะนำมาเล่ากันในวันนี้เอง ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในน้ำตก แต่ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เมื่อในระหว่างที่ Don Day แรปเปอร์ชาวสเปนได้ไปถ่ายทำ Music Video อยู่กลับมีนักท่องเที่ยวร่วงลงมาจากน้ำตก ร่างของเขากระแทกกับน้ำด้านล่างอย่างจังและเสียชีวิตลงทันที วินาทีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น จากในวิดีโอที่เราเห็นด้านบน จะเห็นว่าขณะที่ Don Day กำลังถ่ายทำ Music Video อยู่ที่รีสอร์ท Laguna Salto de Oro นั้น จู่ๆได้มีร่างของคนๆ หนึ่งร่วงลงมาจากข้างบนน้ำตก ท่ามกลางเสียงกรี๊ดและเสียงตกใจของผู้คนข้างล่างและเสียงร่างกระแทกน้ำเสียงดังสนั่น เมื่อเห็นดังนั้นทางศิลปินและทีมงานจึงได้ระงับการถ่ายทำและรีบว่ายน้ำไปช่วยเหลือเขาทันที แต่ก็บว่าเขาได้เสียชีวิตไปเสียแล้ว จากการสอบถามผู้อยู่ในเหตุการณ์ได้เล่าว่า ชายคนที่ร่วงลงมาจากข้างบนของน้ำตกคือ Carlos Pontoon วัย 33 ปี เป็นหนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาทำกิจกรรมผจญภัยแบบท้าทายและได้กระโดดลงมาจากข้างบนเอง แม้จะมีคำเตือนว่าห้ามทำอยู่แล้วก็ตาม ซึ่งก็มีชาวเน็ตที่สงสัยว่าทำไม ชายคนดังกล่าวถึงเสียชีวิตทั้งๆ ที่ข้างล่างก็เป็นน้ำแท้ๆ…
-
ภรรยาหลวงแก้แค้นภรรยาน้อย ละเลงซอสพริกลง “จิ๋ม” สุดท้ายงานนี้ไม่รอดคุก!!
ด้วยการที่ปัจจุบันนี้เป็นบุคโลกาภิวัตน์ เทคโนโลยีต่างๆ มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทำให้การติดต่อสื่อสารต่างๆ ทำได้อย่างง่ายดาย อย่างที่เห็นในตอนนี้ก็คือการสนทนาแบบเรียลไทม์ผ่านอินเตอร์เน็ตนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าการติดต่อสื่อสารทำได้ง่ายขึ้น ข้อดีของมันมีมากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสะดวก รวดเร็ว แต่ข้อเสียของมันก็คือความง่ายของมันทำให้หลายๆ คนมีโอกาสได้คุยหรือสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่นได้ง่ายๆ และนี่แหละที่ทำให้คู่รักหลายคู่แอบนอกใจกันได้ จนกลายเป็นเหตุการณ์ที่เรามักเห็นกันในข่าว ภรรยาหลวงบุกตบดักตีภรรยาน้อยบ้าง หรือภรรยาตัดไอ้จ้อนของสามีเพราะจับได้ว่านอกใจแบบนี้เป็นต้น ซึ่งข่าวที่เราจะนำมาให้ได้ดูกันในวันนี้ก็เป็นเรื่องของภรรยาหลวงทำการแก้แค้นภรรยาน้อยเช่นกัน แต่คราวนี้การดักตบแบบที่กล่าวไว้ข้างบนมันจะดูเด็กไปเลย เพราะครั้งนี้ภรรยาหลวงจัดการโกนหัวและละเลงซอสพริกสุดแซ่บใส่ “อวัยวะเพศ” ของภรรยาน้อย เรื่องนี้เป็นเรื่องทีเกิดขึ้นในเมือง Zundert เมืองทางตอนใต้ของประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้มีรายงานว่าผู้หญิงที่ถูกระบุแค่ชื่อต้นว่า Halima ถูกจำคุกเป็นเวลา 160 วันหลังจากที่เธอถูกตัดสินว่ามีความผิดในการทำร้ายร่างกายภรรยาน้อยของสามีตัวเอง เธอจับได้ว่าสามีนอกใจเธอเมื่อ 5 ปีก่อน ซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนสาวของเธอนั่นเอง เธอได้โทรไปคุยกับสามีตัวเองว่าจะขอหย่าและอยากที่จะเจอกับผู้หญิงคนดังกล่าว Halima จึงได้วางแผนร่วมกับเพื่อนบ้าน หาข้ออ้างและล่อลวงเพื่อนสาวภรรยาน้อยมาที่บ้าน จากการก็ทำการรุมทำร้ายพร้อมละเลงซอสพริกและซัมบัล (อาหารอินโดนีเซียมีลักษณะคล้ายน้ำพริกบ้านเรา) ใส่จิ๋มของเหยื่ออย่างเมามันและจบด้วยการโกนหัวของเหยือ จากการให้ปากคำในศาล Halima ได้กล่าวว่าเธอเคยให้โอกาสแก้ตัวกับสามีของเธอเพราะแม่ของเธอแนะนำให้ทำ “ฉันอยากที่จะขอหย่า แต่กลับกลายเป็นว่าฉันท้องแบบไม่คาดคิดเสียก่อน และลูกของฉันยังเด็กอยู่ ฉันจะยกโทษให้เขา แต่ฉันจะไม่ลืมเรื่องนี้แน่ๆ” Hamila ได้กล่าว สุดท้ายนี้ในส่วนเพื่อนบ้านของ Hamila ถูกจำคุกเป็นเวลา…
-
สาวเครียดทะเลาะกับผัวเลยระเบิดอารมณ์สุ่มกัดหน้าคนในรถไฟฟ้าใต้ดิน ไม่พอแก้ผ้าโชว์อีก!!
ว่ากันว่าเรื่องของผัวเมีย เป็นเรื่องที่ต้องกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดาเหมือนกับลิ้นกับฟัน ซึ่งบางคนเมื่อเกิดมีปัญหาทะเลาะกันขึ้นก็หาวิธีเยียวยาตัวเองด้วยวิธีต่างๆ อย่างเช่นไปเที่ยวทะเล กินอาหารอร่อยๆ คลายเครียด หรือเล่นกับหมากับแมว เป็นต้น แต่ว่าทางที่ดีอย่าหาวิธีระบายความเครียดแปลกๆ เหมือนกับในกรณีนี้จะดีกว่า ที่มีผู้หญิงคนหนึ่งทะเลาะกับสามีเลยไปไล่กัดผู้คนบนรถไฟฟ้าใต้ดิน แถมยังไม่พอเท่านั้นสุดท้ายยังแก้ผ้าโชว์อล่างฉ่างอีกด้วย!! เมื่อเร็วๆ มานี้มีวิดีโอหนึ่งกลายเป็นกระแสไวรัลของประเทศจีน โดยภายในวิดีโอได้เผยให้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เกิดคลุ้มคลั่งไล่กัดเข้าที่หน้าผู้โดยสารรายหนึ่งบนรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งชายผู้น่าสงสารจากการโดนสุ่มกัดนี้ก็พยายามดิ้นรนพร้อมกับส่งเสีองอื้ออึงในลำคอเพื่อให้รอดพ้นจากคมเขี้ยวที่ฝังอยู่บนใบหน้าของเขา จนในที่สุดแล้วสถานการณ์ก็บังคับให้เขาต้องทุบหัวของผู้หญิงคนนี้พร้อมทั้งดันเธอออกไป เนื่องจากทนความเจ็บปวดอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว จากการรายงานกล่าวว่าหลังจากที่สลัดร่างหญิงสาวขี้โมโหคนนี้ได้ ชายคนดังกล่าวก็หนีไปยังรถไฟขบวนอื่นทั้งๆ ที่ยังมีเลือดเปื้อนอยู่เต็มใบหน้า ขณะที่ฝั่งผู้หญิงคนนี้ก็มีคราบเลือดติดอยู่ริมฝีปากเช่นเดียวกัน.. แต่เท่านั้นดูเหมือนจะยังไม่สาแก่ใจ หญิงสาวคนนี้เลยแสดงอิทธิฤทธิ์ต่อด้วยการถอดเสื้อผ้ามันกลางทางเดินขบวนรถไฟซะเลย และการกระทำของเธอก็ได้สร้างความอเนจอนาถใจให้แก่คนที่มองเป็นอย่างมาก เหตุการณ์ที่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในรถไฟใต้ดิน Chongqing Metro’s สาย 3 ในวันพุธที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งจากการรายงานของสื่อท้องถิ่นกล่าวว่า หญิงคนนามสกุลว่า Li อายุ 36 ปีคนดังกล่าว ได้เกิดเสียสติไปชั่วขณะหลังจากที่เพิ่งทะเลาะกับสามีมา จึงเป็นเหตุให้ก่อเหตุการณ์ข้างต้นไป แต่ถึงอย่างไรในตอนนี้เธอก็ถูกจับกุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ของทางสถานีรถไฟแล้ว ในขณะที่เหยื่อคนที่โดนกัดมีนามสกุลว่า Gao ก็รีบไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาแผลทันที วิดีโอเหตุการณ์ทั้งหมด นึกว่าแคสต์หนังเรื่อง Train…
-
จุดเปลี่ยนชีวิตคุณหมอ ติดนิสัยกินแก้เครียดจนอ้วน แต่คุมอาหาร-ออกกำลัง ลดได้ในปีครึ่ง!!
หากใครกำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นถี่เกินกว่าจะควบคุมได้ ปัจจัยของน้ำหนักที่เพิ่มมาอาจจะมาจากหลายสาเหตุ แต่สามารถลดได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งยาอะไร อยู่ที่ใจและวินัยล้วนๆ ตัวอย่างจากคุณหมอ Kevin Gendreau วัย 30 ปี ปัจจุบันน้ำหนัก 79 กิโลกรัม หากย้อนกลับไปในปี 2016 นั้นคุณหมอแทบจะเป็นอีกหนึ่งคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักมากถึง 136 กิโลกรัม จนไม่สามารถควบคุมได้ คุณหมอเคยเป็นเด็กที่มีสุขภาพดี ทำกิจกรรมดูแลสุขภาพมาโดยตลอด แต่เมื่อพี่สาวของเขาป่วยหนักด้วยโรคมะเร็ง เขาจึงเครียดมาก เขาจึงเลือกที่จะกินเพื่อแก้อาการเครียดและซึมเศร้า จนน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมา 22 กิโลกรัมในช่วงที่ยังเรียนปีหนึ่ง และหลังจากที่เสียคุณพ่อให้กับโรคมะเร็งผิวหนัง เขาก็ยิ่งกินหนักยิ่งกว่าเดิมในช่วงที่ยังเป็นนักศึกษาแพทย์ จนไม่สามารถควบคุมน้ำหนักตัวได้เลย แต่แล้ว Kevin ก็นึกขึ้นได้ว่าวิถีชีวิตทำลายสุขภาพจะก่อให้เกิดปัญหาเสี่ยงตามมา เช่น ความดันโลหิตสูง ปัญหาคลอเลสเตอรอล โรคเบาหวานและ ภาวะการหยุดหายใจระหว่างนอนหลับ ภายหลังที่รู้ตัวว่ายังมีทางเลือกในชีวิต เขาจึงเริ่มต้นควบคุมอาหารในเดือนสิงหาคม 2016 เขาหยุดกินคาร์โบไฮเดรตขัดสีทั้งหมด และกินเพียง 1,700 แคลอรี่ต่อวัน พร้อมใช้แอปติดตามการลดน้ำหนัก และลดไปได้ 18 กิโลกรัมแรก…
-
เจ้าสาวเห็นเจ้าบ่าวกังวลในวันสำคัญ ส่งพี่ชายตัวเองไปหลอก ถึงกับเหวอจนหายวิตก!
ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคนเรา มักจะมีอาการประหม่าหวาดวิตกกันเป็นธรรมดา เพราะของแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก จนทำให้รู้สึกกลัวว่าจะออกมาไม่ดีเท่าที่ควร อย่างการเก็บอาการให้อยู่กับเนื้อกับตัวไม่ได้ของเจ้าบ่าวฝ่ายชาย Val ทำให้ฝั่งเจ้าสาว Heidi Zherelyev คิดหาวิธีการช่วยให้เขาผ่อนคลายในระหว่างที่กำลังรอเธอแต่งชุดอยู่ “เขารู้สึกเป็นกังวลเหลือกเกิน ฝ่ามือของเขาเหงื่อออกหนักมากแถมยังสั่นสู้อีกต่างหาก” Hedi พูดถึงว่าที่เจ้าบ่าวในตอนนั้น เธอจึงเลือกใช้ตัวช่วยจากพี่ชาย ด้วยวิธีที่แปลกและผิดคาดสุดๆ . เธอกับเพื่อนสาว Chelsea เคยคิดจะให้พี่ชาย Eric มาสวมชุดเจ้าสาวก่อนหน้านี้ แล้วก็ตัดสินใจนำมาใช้จริงๆ และเพื่อให้เนียนมากที่สุด เมื่อ Eric ใส่ชุดเจ้าสาวเก่าของ Chelsea เสร็จแล้ว ก็พรมน้ำหอมกลิ่นประจำของ Heidi ไปด้วยจะได้มีสัมผัสของเจ้าสาวตัวจริง . หลังจากแต่งตัวให้เสร็จแล้ว ก็ปล่อยเจ้าสาวตัวปลอมไปปลอมจากด้านหลังเจ้าบ่าว ส่วนตัวจริงก็แอบมองผ่านหน้าต่างจนหันหน้ามาเจอกัน โจ๊ะโล๊ะ!! โป๊ะแตก… ฮาลั่นกันเลยทีเดียว เป็นไง ดูดีมะ!? . “เขาเริ่มยิ้มได้หลังจากที่เราหลอกเขาไปแล้ว หลังจากนั้นช่วงเวลาอันแสนวิเศษก็ผ่านไปได้ด้วยดี เขาไม่วิตกกังวลอีกต่อไปแล้ว” Heidi…
-
หนุ่มลูกเศรษฐีใจกว้าง เปย์แฟนไม่ยั้งยืมเงินยับ ลงเงินพนันหวังได้คืนจนหมดตัว…
วิถีการใช้เงินของคนเรานั้นไม่เท่ากัน ต่อให้ร่ำรวยมากแค่ไหนสักวันหนึ่งก็ต้องหมดลง หากไม่ทำรายได้มากพอกับรายจ่ายของตัวเอง นาย Zhang Xiaoen บุตรชายของนักธุรกิจจากเมืองหางโจว กำลังจะต้องเผชิญชีวิตภายในห้องขัง หลังจากที่หยิบยืมเงินจากผู้เป็นพ่อจำนวนหลักสิบล้านหยวน เพื่อนำมาปรนเปรอแฟนสาวให้สมหวังทุกประการ ด้วยความที่เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวในครอบครัวที่มีฐานะ นาย Zhang ในวัย 29 ปี ใช้ชีวิตอยู่บนความหรูหรา ใช้เงินจ่ายซื้อความสุขได้ทุกอย่างที่ต้องการ แต่แล้วก็ต้องเจอกับหายนะทางการเงินหลังจากที่คบกับแฟนสาว Yang Yizhen ได้เพียงแค่ 2 ปี จากรายงานสื่อจีน เธอเป็นทั้งเน็ตไอดอล สตรีมเมอร์และนางแบบฟรีแลนซ์ ด้วยเหตุนี้แฟนหนุ่ม Zhang จึงต้องใช้เงินจำนวนมากในการเปย์ซื้อความสุขให้กับเธอที่จะต้องดูดีอยู่ตลอดเวลาจนควบคุมค่าใช้จ่ายไม่ได้ และช่วงเวลาเพียงแค่ 2 ปี เงินจำนวนมหาศาลถูกนำไปซื้อของขวัญราคาแพง เสื้อผ้าแบรนด์ดัง เครื่องประดับต่างๆ รวมถึงรถยนต์และทริปเที่ยวเมืองดูไบ รวมมูลค่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นจำนวน 70 ล้านหยวน (346 ล้านบาท) อันเป็นเงินสำรองจากบริษัทของคุณพ่อนาย Zhang ทั้งหมด เท่านั้นยังไม่พอเขายังไปยืมเงินเพื่อนที่มีฐานะใกล้เคียงกัน เพื่อนำไปเล่นพนันหวังจะได้เงินมาคืนพ่อ โชคไม่เข้าข้างเขาเลยแม้แต่น้อย กลายเป็นว่าแพ้พนันติดหนี้เพิ่มอีก 170 ล้านหยวน…
-
สาวฟิลิปปินส์ถูก “วิญญาณน้องชาย” ที่ถูกฆ่าเข้าสิง เพื่อบอกว่า ‘ใครคือฆาตกร’ ???
ปกติแล้วเมื่อเกิดการฆาตกรรมปริศนาขึ้น การตามจับตัวฆาตกรคงเป็นหน้าที่ที่สำคัญของเจ้าหน้าที่สืบสวน แต่สำหรับเหตุการณ์นี้ ดูเหมือนว่า “ผู้ตาย” จะเป็นคนมาเฉลยเองเลยว่าใครกันแน่ที่เป็นฆาตกร ไม่รู้ว่าชีวิตหลังความตายนั้นมีอยู่จริงหรือไม่ แต่จากเหตุการณ์นี้เราจะเห็นได้ว่า ผู้ที่ตายจากไปแล้วกลับมามีบทบาทอีกครั้งในฐานะวิญญาณที่มาเข้าสิงผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ Abigail Magtalas สาวน้อยวัย 16 ปีอ้างว่าถูกวิญญาณน้องชายที่ถูกฆาตกรรมเข้าสิงร่างจึงมีพฤติกรรมประหลาดพร้อมกับมีคำพูดเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมดังกล่าว น้องชายของเธอถูกฆาตกรรมเมื่อช่วงเดือนมีนาคมปี 2018 ที่ผ่านมา ภายในจังหวัดนูเวบาเอซีฮา ประเทศฟิลิปปินส์ ส่วน Abigail บอกว่าเธอถูกน้องชายเขาสิงเพื่อบอกว่าเขาถูกทรมานอยู่หลายชั่วโมงจนตาย คลิปวิดีโอการถูกเข้าสิงที่บันทึกมาได้ ภายในวิดีโอ Abigail นั้นร้องไห้อย่างหนักและพยายามนึกและเล่าเรื่องราวในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตน้องชายของเธอก่อนที่จะเสียชีวิต “พวกเขาทรมานผม เขาตีและยิงผม 7 ครั้ง พวกเขาเป็นแก๊งอันธพาล ฟังผมอีกครั้งนะ ผมถูกฆ่า” Abigail พูดออกมาภายในคลิปวิดีโอ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีนึกจึงกล่าวว่า Marvin น้องชายของ Abigail นั้นมีความเกี่ยวข้องกับแก๊งค้ายาเสพย์ติด และเสียชีวิตเนื่องจากถูกลูกหลงขณะที่มีการยิงปะทะกันระหว่าง 2 แก๊ง อย่างไรก็ตาม Abigail นั้นสามารถเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะการยิงปืนปะทะกันได้ถูกต้อง แถมเล่าเรื่องขณะที่น้องชายถูกลักพาตัวไปทรมานได้อีกด้วย “ผมพยายามขอร้องไม่ให้พวกเขาฆ่าผม…
-
ร้านอาหารประกาศแบนลูกค้าสุดเกรียน หลังทิ้งข้อความเหยียดให้พนักงานของพวกเขา
โลกใบนี้ได้สร้างสรรค์ให้มนุษย์มีหลากหลายเชื้อชาติ โครงสร้าง สีผิวและหน้าตา ซึ่งแต่ละชาติพันธุ์ก็จะมีความสวยงามและลักษณะเด่นที่แตกต่างกันไป แต่ก็ไม่วายยังถูกมนุษย์บางคนนำความแตกต่างเรื่องชาติพันธ์ุนั้นๆ มาเป็นคำด่าทอหรือที่เราเรียกกันว่า “การเหยียด” นั่นเอง การเหยียดเป็นปัญหาที่มีมาตั้งแต่อดีตกาล แม้แต่ดินแดนแห่งเสรีภาพอย่างสหรัฐอเมริกาที่มีผู้คนหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ด้วยกันก็ยังมีเหตุการณ์เหยียดให้เห็นกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นคนขาวเหยียดคนเอเชียหรือคนขาวเหยียดคนผิวสี เหมือนกับเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เป็นเรื่องร้านอาหารร้านหนึ่งที่ถูกลูกค้าทิ้งข้อความที่มีความหมายเชิงเหยียดว่าพนักงานร้านนี้เป็นผู้ก่อการร้าย เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2018 ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Khalil Cavil ได้โพสต์ภาพบิลในร้านอาหารที่เขาทำงานได้รับคืนมาพร้อมกับข้อความที่ทิ้งไว้พร้อมกับวงกลมที่ชื่อของเขาจากลูกค้าว่า “พวกเราไม่ให้ทิปแก่ผู้ก่อการร้ายหรอก” เขาโพสต์ภาพพร้อมแคปชั่นว่า “เมื่อคืนนี้ที่ทำงาน ผมได้รับโน้ตนี้จากบนโต๊ะหนึ่งในร้าน ในตอนนั้นผมไม่ได้รู้ว่าจะคิดยังหรือจะพูดอะไรดี มันทำเอาผมปวดท้องเลย ผมตัดสินใจที่จะแชร์เพราะผมอยากที่จะให้ผู้คนเข้าใจว่านี่มันคือการเหยียดนะและอยากให้รู้ว่าความเกลียดชังนี้มันยังมีอยู่ แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องใหม่ๆ แต่มันยังคงเป็นสิ่งที่จะทดสอบศรัทธาของคุณ วันทั้งวันคุณต้องเตือนตัวเองว่าพระเยซูก็ตายเพื่อคนเหล่านี้เหมือนกัน ผมจะทำให้เจ้าสิ่งนี้มาเป็นแรงกระตุ้นให้แก่ผมและเป็นพลังงานที่จะเปลี่ยนโลกด้วยวิธีที่ผมรู้ ดังนั้นถึงเหล่าคนที่เกลียดช่ังข้างนอกนั่น นินทากันต่อไปเถอะ ทำแบบนั้นคุณก็แค่จะช่วยให้ผมก้าวต่อไปสู่เส้นทางของผมเท่านั้นแหละ” เมื่อเขาโพสต์ภาพพร้อมแคปชั่นลงไปในเฟซบุ๊กส่วนตัว ชาวเน็ตทั้งหลายก็ต่างแชร์ต่อกันและเข้ามาต่อว่าคนเขียนพร้อมกับให้กำลังใจเขากันมากมาย อมก. ฉันรู้สึกเสียใจที่คุณต้องได้รับประสบการณ์แบบนี้ ฉันเจ็บใจแทนคุณเลย พวกเขาก็รับอาหารที่เขาเสิร์ฟสบายๆ นี่ แต่ไม่ยอมให้ทิปเขา? ไม่ๆ พวกเขาก็แค่พวกจนๆ และงี่เง่าเท่านั้น ไอ้คนที่เขียนข้อความนั่นแหละผู้ก่อการร้าย สุดท้ายนี้ทางร้านอาหารที่ Khalil…
-
เดือด!! พ่อเข้าโรงพยาบาลรักษาความดันสูง-เลือดออกในสมอง ไม่วายลูกตามมาทุบตีตบหน้ายับ..
มีเหตุให้ชาวเน็ตต้องสะเทือนใจกันอีกครั้ง เมื่อมีคลิปวิดีโอหนึ่งจากประเทศจีนออกมาเผยให้เห็นว่ามีชายคนหนึ่งลงไม้ลงมือทุบตี ตบหน้า ด่าทอผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้า ทั้งๆ ที่ตัวพ่อเองเพิ่งประสบกับอาการป่วย ต้องมาเข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลแท้ๆ!! สำหรับเหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นที่โรงพยาบาล Pingshan County People’s Hospital มณฑลเหอเป่ย ทางตอนเหนือของประเทศจีน เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา วิดีโออันอื้อฉาวดังกล่าว จากการรายงานของ ThePaper ระบุว่า ชายคนที่อยู่ในวิดีโอมีชื่อว่า Li ได้ทำการทุบตีพ่ออายุ 63 ปีของเขาที่เข้าแอดมิดโรงพยาบาลมาตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน เนื่องมาจากอาการความดันโลหิตสูงรวมถึงมีภาวะเลือดออกในสมองร่วมด้วย ในวินาทีที่เกิดการลงไม้ลงมือนี้ขึ้น เหล่าพนักงานโรงพยาบาลทั้งพยาบาลและคนอื่นๆ ต่างก็รีบเข้าไปช่วยกันห้ามปราม Li ไม่ให้ทำร้ายร่างกายพ่อของเขา ซึ่งในภายหลังจากการตรวจร่างกายก็ยังเป็นโชคดีที่ว่าผู้เป็นพ่อไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ มากนัก และอีกไม่กี่วันต่อมาชายชราคนนี้ก็ถูกส่งกลับบ้าน โดยมีลูกสาวผู้ที่เป็นผู้ดูแลหลักตลอดระยะเวลาที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลมารับ ซึ่งอันที่จริงแล้วเขาควรจะได้กลับบ้านตั้งแต่วันเสาร์ที่ 14 แล้ว แต่ว่าดันมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นซะก่อน หลังจากที่วิดีโอนี้ได้เผยแพร่ออกไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ยืนยันว่าพวกเขาได้ควบคุมตัวนาย Li เอาไว้ได้แล้วตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม และก็ได้นำตัวมาสืบสวนที่โรงพักต่อ แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่ชัดเจนว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้เขาลงมือทำร้ายพ่อได้ถึงเพียงนั้น…
-
ชาวเน็ตด่ายับกลุ่มผู้ใหญ่-เด็กจัด ‘ปาร์ตี้บาร์บีคิว’ ในสุสานโบสถ์ ปิ้งกันมันบนหลุมศพนี่แหละ!!
การจัดปาร์ตี้บาร์บีคิว มันเป็นเรื่องแสนสนุกที่เราจะได้ใช้เวลาทำอาหารร่วมกัน พูดคุยกันกับเหล่าเพื่อนๆ และเล่นเกมต่างๆ กันอย่างสุดมันส์ ทว่าการจัดปาร์ตี้ให้สนุกอย่างสุดเหวี่ยงบางทีก็ควรจะคำนึงถึงเรื่องกาลเทศะ รวมถึงดูด้วยว่าอะไรคือสิ่งที่ควรหรือไม่ควรทำ.. ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะเหมือนกับเหตุการณ์ที่คู่สามีภรรยาคู่นี้ได้เจอมา ที่ในระหว่างทางกลับบ้านพวกเขาได้ไปเจอเข้ากับคนกลุ่มหนึ่งที่จัดปาร์ตี้บาร์บีคิวกันในสุสาน งานนี้เลยนำมาซึ่งเสียงด่าจากชาวเน็ตมากมายว่าที่ตั้งเยอะแยะทำไมไม่ไปจัดกัน ทำไมต้องไปจัดในนั้น!! โดยเรื่องมีอยู่ว่าเมื่อประมาณสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งแห่งเขต West Yorkshire ประเทศอังกฤษ ไปเที่ยวมหกรรมอาหารที่จัดขึ้นในเมือง จากนั้นเมื่ออิ่มหนำสำราญแล้วก็ตัดสินใจกันว่าจะใช้วิธีการเดินกลับบ้านด้วยกัน แต่ด้วยความที่ระหว่างทางกลับบ้านของทั้งคู่จะต้องผ่านโบสถ์แห่งหนึ่ง ซึ่งทันทีที่ทั้งคู่ผ่านโบสถ์นี้เองก็ได้เห็นว่าภายในสุสานของโบสถ์มีผู้ใหญ่ 3 คนกับเด็กๆ อีก 7 คนกำลังจัดปาร์ตี้กันอย่างสนุกสนานโดยไม่ได้คำนึงถึงความเหมาะสมของสถานที่แม้แต่น้อย ทั้งคู่จึงได้ถ่ายภาพของกลุ่มคนเหล่านี้เอาไว้แล้วนำไปลงในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ซึ่งผู้เป็นสามีได้เขียนอธิบายเหตุการณ์เอาไว้ว่า “ลองจินตนาการถึงความเซอร์ไพรส์ที่ว่าผู้ใหญ่ 3 คนกับเด็กๆ อีก 7 คนกำลังสนุกไปกับปาร์ตี้ที่มีการทำอาหารบนหลุมศพดู” นอกจากนี้เขาก็ยังได้อธิบายต่อว่า ด้วยความที่เห็นถึงความไม่เหมาะสมภรรยาของเขาจึงเข้าไปตักเตือนคนกลุ่มดังกล่าวว่า มันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่มาจัดปาร์ตี้บนสถานที่ที่มนุษย์เรียกกันว่า ‘สถานที่ศักดิ์สิทธิ์’ แต่ทางเชฟของกลุ่มนั้นก็กลับตอบกลับด้วยคำพูดแดกดันว่า ‘ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ผมจะจดเอาไว้ละกัน’ นอกจากนี้ก็ยังมีบางคนของกลุ่มที่บอกให้สามีภรรยาคู่นี้ลบภาพออกจากโทรศัพท์มือถือด้วย แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะเขาได้โพสต์ลงไปในโลกโซเชียลเรียบร้อย และในเวลาต่อมามันก็กลายเป็นกระแสไวรัลรวมถึงมีความเห็นจากชาวเน็ตที่ไม่พอใจพฤติกรรมดังกล่าวอย่างมากมาย อย่างเช่น “มันเป็นเรื่องที่ขาดการให้ความเคารพจริงๆ” “น่าขยะแขยงจริงๆ อะไรบนโลกที่ทำให้จิตใจของพวกเขาเป็นอย่างนี้กันเนี่ย” “นี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ฉันรู้สึกช็อกที่สุดเลย มันเป็นสิ่งที่ไร้ซึ่งความเคารพ รวมถึงไม่ให้เกียรติกันชัดๆ…
-
ตำรวจระทวยเจอรถสับปะรังเค ‘คีมแทนพวงมาลัย-ถังเหล็กนั่งแทนเบาะ’ ทิ้งเถอะพี่อย่างนี้!!
โดยปกติแล้วหากพูดถึง ‘รถยนต์’ เราก็คงนึกภาพของสิ่งประดิษฐ์ที่มีสี่ล้อ สามารถขับไปไหนมาไหนได้อย่างสบายใจด้วยหลังคาที่กันฝน พวงมาลัยที่เราสามารถควบคุมได้ดั่งใจสั่ง หรือบางทีรถยนต์ก็สามารถเปลี่ยนเป็นที่นอนนุ่มๆ ในยามที่เมื่อยล้าได้เป็นอย่างดี แต่ว่ามีรถยนต์คันหนึ่งจะเปลี่ยนความคิดของคุณไปอย่างสิ้นเชิง เพราะว่ารถยนต์คันนี้นอกจากหน้าตาภายนอกจะดูไม่ค่อยสมประกอบเท่าไหร่แล้ว ภายในรถมันยังยิ่งไปกว่านั้น เพราะไม่มีทั้งพวงมาลัย ทั้งเบาะนั่งนุ่มๆ จะมีก็เพียงแต่อุปกรณ์อย่างคีมและถังเหล็กเอาไว้นั่งเท่านั้น!! โดยเจ้ารถที่ไม่น่าเรียกว่ารถคันนี้ได้ถูกพบเจอเข้าโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งท้องที่ Norfolk ประเทศอังกฤษ ที่ในวันธรรมดาๆ วันหนึ่งขณะพวกเขากำลังเดินสายตรวจตราบนท้องถนนอย่างเป็นปกติ ก็ไปสะดุดตาเข้ากับรถคันนี้เข้าด้วยความที่ภายนอกของมันไม่มีทั้งไฟหน้า กันชน ฝาหน้าเอาไว้ปิดตัวเครื่อง แถมยางยังแบนอีกต่างหาก แน่นอนว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกรถคันดังกล่าวให้หยุดในทันที เพราะว่าสภาพรถอย่างนี้มันผิดกฎหมายแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังไม่รู้ว่ามีอะไรที่สุดแสนจะพิสดารรอพวกเขาอยู่ข้างในรถคันนี้บ้าง เมื่อทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบรถคันนี้ พวกเขาก็ต้องอึ้งกิมกี่ไปพร้อมๆ กัน เพราะว่ารถคันนี้มันไม่มีพวงมาลัยเอาไว้ควบคุมเหมือนกับรถคันอื่นๆ แต่สิ่งที่คนขับใช้แทนก็คือคีมด้ามน้อยๆ เพียงอันเดียวเท่านั้น ยัง ยังไม่หมดเพียงเท่านั้นสำหรับความเซอร์ไพรส์ของรถคันนี้ ที่นอกจากเรื่องของพวงมาลัยแล้วเรื่องของเบาะนั่งก็เช่นเดียวกัน เพราะแทนที่จะเป็นเบาะไหมพรมหรือเบาะหนังนุ่มๆ เหมือนรถทั่วๆ ไป ทว่าสิ่งที่ตำรวจเจอในรถกลับเป็นเพียงถังเหล็กแข็งๆ เพียงเท่านั้นที่เอาไว้รองตูดขณะขับรถคันนี้ และยังไม่มีจอเรือนไมล์เอาไว้บอกความเร็วของรถอีกด้วย สิ่งที่พวกเขาพบเจอถ้าไม่เรียกว่าแปลกประหลาดก็คงจะคำอื่นมาแทนแล้วไม่ได้จริงๆ ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงนำเรื่องนี้ลงสู่โลกโซเชียลเพื่อแชร์ให้โลกรู้ว่ารถอย่างนี้ก็มีด้วย แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ได้กล่าวถึงข้อหาที่คนขับรถคันนี้ต้องเผชิญแต่อย่างใด พวกเขาได้เขียนไว้เพียงแค่ว่า ‘มีความผิดมากเกินกว่าที่จะเขียนในนี้’ https://twitter.com/PCJonParker/status/1017580895430152192?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1017580895430152192&ref_url=http%3A%2F%2Fwww.odditycentral.com%2Fpics%2Fman-caught-driving-car-while-sitting-on-a-metal-bucket-and-steering-with-pliers.html ในเวลาเพียงไม่นานนัก…
-
ผู้อาศัยใหม่เจอ “จดหมายเตือน” ให้ระวังข้าวของให้ดี ‘คนรายได้น้อย’ จะย้ายเข้ามา…
เหตุการณ์เกิดขึ้นกับผู้อาศัยรายใหม่ของบ้านหลังหนึ่งในนิวซีแลนด์ ที่จู่ๆ ก็มีจดหมายจากเพื่อนบ้านมาสอดเอาไว้ในกล่องรับจดหมาย จดหมายเขียนด้วยลายมือมีใจความว่าอีกไม่นานบ้านข้างๆ จะกลายเป็นบ้านของรัฐฯ ที่เปิดให้เช่าในราคาถูก หมายถึงอีกไม่นานจะมีผู้มีรายได้น้อยเขามาอาศัย ให้ “ระวังเอาไว้ จับตาดูทุกสิ่งที่น่าสงสัย” “กรุณาระวังเอาไว้ ผู้ที่จะย้ายเข้ามาอาศัยข้างๆ บ้านคุณคงจะเป็นคนที่มีรายได้น้อย หรือไม่ก็เป็นผู้ที่กรมจัดหางานส่งมา” ข้อความในจดหมายเขียนเอาไว้ “คาดว่าน่าจะราว 2-3 สัปดาห์ก็จะมีผู้อาศัยใหม่เข้าอยู่ในบ้านหลังนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามแล้วดูน่าสงสัย โปรดระมัดระวังเอาไว้ให้ดี” ข้อความในจดหมายกล่าว “หากมีข้าวของสูญหาย หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบนถนนสายนี้ กรุณาแจ้งตำรวจและดำเนินการประชุมตรวจตราบ้านใกล้เรือนเคียง” ข้อความกล่าวพร้อมจบด้วยการลงชื่อ “เพื่อนบ้านที่ปรารถนาดี” จดหมายดังกล่าวจั่วหัวกระดาษว่า “เรียนผู้เข้าอาศัย” อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ทำให้หลายคนเกิดความไม่พอใจอย่างมาก “นี่มันเป็นการเหยียดกันชัดๆ เอาจริงๆ ทุกคนต้อนรับผู้อาศัยใหม่กันทั้งนั้น บ้านไหนกันแน่นะที่กล้าส่งจดหมายแบบนี้ไป?” ผู้อาศัยรายหนึ่งกล่าวกับ Stuff NZ. ส่วนอีกรายก็นำเรื่องดังกล่าวไปโพสต์ลงบนเฟซบุ๊กว่าเป็นจดหมายที่ “น่ารังเกียจและน่ากลัว” จริงๆ “ฉันรังเกียจและผวากับการกระทำของคนคนนี้มาก! นี่ขนาดยังไม่รู้เลยนะว่าใครจะเข้ามาอาศัยกันแน่ก็ด่วนตัดสินเขาไปเสียแล้ว แถมเอาไปบอกให้คนอื่นระวังตัวอีก เด็กรุ่นใหม่ๆ จะติดความคิดแบบนี้ไปหรือเปล่าเนี่ย?” สุดท้ายโฆษกของกรมสิทธิมนุษยชนได้ออกมากล่าวแล้วว่าจดหมายฉบับนี้ถือว่าเป็นการ เหยียดชนชั้น ของมนุษย์ “เป็นเรื่องเศร้าที่ยังมีผู้คนซึ่งตัดสินผู้อื่นจากพื้นฐานของรายได้ หรือพื้นฐานที่ว่าเขาได้รับสวัสดิการจากรัฐบาลหรือไม่” เขากล่าว …
-
เชิญชมภาพ “แฟชั่นของเหล่าดารา คนดัง” ในการ “แข่งขันเทนนิสวิมเบิลดัน 2018 “
หากพูดถึงกีฬาเทนนิสแล้ว ก็คงต้องพูดถึงรายการที่เก่าแก่ที่สุดอย่าง “เทนนิสวิมเบิลดัน” ด้วย หลายๆ คนคงรู้จักการแข่งครั้งนี้กันอยู่แล้ว แต่รู้หรือไม่วิมเบิลดันนั้นมีเริ่มแข่งมาตั้งแต่ปี 1877 และเป็นหนึ่งในการแข่งขันเทนนิสระดับแกรนด์สแลม ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุด (1 ปีมี 4 แกรนด์สแลม) แต่ความพิเศษของมันก็คือเป็นแกรนด์สแลมรายการเดียวที่แข่งบนคอร์ทหญ้า และด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของมัน ทำให้มันกลายเป็นงานแข่งที่ได้รับความสนใจคนหลายล้านคนทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ดารา คนดังหรือเซเลบต่างๆ วันนี้เราเลยจะนำแฟชั่นการแต่งตัวของดารา คนดังที่มาชมการแข่งวิมเบิลดัน 2018 มาให้ได้ดูกันครับ จะมีใครบ้างนั้นเราไปชมกันเล้ย!! Emma Watson มาในชุดขาว เรียบๆ แต่ดูหรู เจ้าชาย Williams ในชุดสูทกับแว่นดำ Gemma Chan กับชุดสูทสีครามดูเกร๋ๆ Loki เอ้ย!! พี่ Tom Hiddleston ก็ไม่พลาดงานนี้นาจา เมื่อเจ้าชาย William ยังมาแล้ว Kate Middleton จะไม่มาได้อย่างไร ไม่ได้เตรียมมาชุดเดียวด้วยนะ แต่ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์คนนี้เตรียมชุดมาถึงสองชุด…
-
หนุ่มตัดสินใจ ‘ตัดหรรม’ ของตัวเองออก เพราะมันบดบังความงดงามของ ‘รอยสัก’
จะมีสักคนกัน ที่ยอมทุ่มเททุกอย่าง ‘เพื่อสิ่งที่ตัวเองรัก’… เช่นเดียวกันกับชายหนุ่มคนนี้ ที่ชื่นชอบการสักเป็นชีวิตจิตใจ และเขาตั้งใจเอาไว้ว่าจะลงรอยสักให้ทั่วทั้งตัว แต่เมื่ออวัยวะเพศของเขาเป็นตัวบดบังที่ทำให้งานศิลป์บนเรือนร่างมันดูแย่ เขาก็ตัดสินใจเอามันออกไปแบบไม่คิดเลย นาย Adam Curlykale ชายหนุ่มวัย 32 ปี จากเมือง Kaliningrad ประเทศรัสเซีย ผู้หลงใหลในรอยสัก เขาอยู่กับมันมานานกว่า 12 ปี เปลี่ยนร่างกายของของตัวเองให้กลายเป็นงานศิลป์ ที่ดูงดงาม หลังจากที่เขาป่วยเป็นโรคมะเร็ง และสามารถรอดพ้นจากความตายมาได้ เขาก็มีวิธีคิดต่อชีวิตที่เปลี่ยนไป เพราะเขาไม่ต้องห่วงหรือพะวงเรื่องการมีชีวิตอยู่ของตัวเองอีกต่อไปแล้ว เลยทำให้เขาสามารถสนใจอย่างอื่นได้มากขึ้น และเรื่องที่เขาหันมาสนใจก็คือ ‘รอยสัก’ นั่นเอง และ Adam ก็ตัดสินใจที่จะเดินทางสายนี้ไปให้สุด ด้วยการตัดสินใจตัดอวัยวะเพศของตัวเองทิ้ง รวมไปถึงหัวนม เพราะมันบดบังความงดงามของรอยสักของเขา ตามรายงานระบุว่า Adam ต้องบินไปที่โรงพยาบาล Jardines ในเมือง Guadalajara ประเทศเม็กซิโก เพื่อทำการผ่าตัด “ผมรู้ตัวอยู่แล้วว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่นๆ ในสังคม ผมมีความชื่นชอบในสี เป็นสีที่แตกต่างจากคนอื่น และเป็นแบบเฉพาะในตัวของมันเอง”…
-
โผล่การท้าทายใหม่ในโลกโซเชียล #inmyfeelings กับการลงจากรถขณะที่ยังวิ่งอยู่!?
บางครั้งบนโลกของอินเตอร์เน็ต ก็มีเรื่องราวแปลกๆ มาให้เราได้เห็นอยู่เสมอ… และล่าสุดในโลกโซเชียลของต่างประเทศก็กำลังมีเทรนด์ที่ได้รับความนิยมจากเหล่าวัยรุ่นเป็นจำนวนมาก คือการ ‘ลงจากรถตอนที่รถเคลื่อนที่อยู่’ แล้วก็อัดคลิปวิดีโอมาลงโซเชียล เรื่องมันเริ่มต้นจากการการท้าทายกันต่อเรื่อยๆ ในหมู่คนดังหรือเซเลบต่างๆ เต้นเพลงของ Drake ชื่อเพลงว่า In My Feelings แล้วก็ส่งต่อกันไปผ่านแฮชแท็ก #InMyFeelings https://www.instagram.com/p/BkoUbKJhFFz/?utm_source=ig_embed แต่กลายเป็นว่าเหล่าวัยรุ่นกลับเลือกที่จะทำให้ #InMyFeelings ดูอันตรายมากกว่านี้ https://twitter.com/baabsxx/status/1018298316692520960?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed&ref_url=https%3A%2F%2Fwww.buzzfeed.com%2Fdelaneystrunk%2Fin-my-feelings-car-challenge พวกเขากระโดดจากรถทั้งๆ ที่มันกำลังเคลื่อนตัวอยู่ Had to do it to them 🔥🔥🔥 #inmyfeelingschallenge #inmyfeelings #dotheshiggy @Drake @theshiggster 🎥: @joshleyva @hipablo pic.twitter.com/7YbbobcbCr — J. David Alvarez (@DavidAlvareeezy) July 11, 2018 และประเด็นที่สำคัญก็คือคนที่กระโดดลงไป เป็น…
-
อาจารย์มหาวิทยาลัยโดนสังคมประณาม หลังลงภาพและตอบโพสต์แบบเหยียดเชื้อชาติ
ปัญหาการเหยียดเชื้อชาตินั้น เกิดขึ้นได้กับทุกๆ คนไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหน เพราะต่อให้มีการศึกษาสูงมากแค่ไหน หากไม่เปิดใจยอมรับคนทุกคน สุดท้ายแล้วมันก็จะกลายเป็นการเหยียดเชื้อชาติได้ไม่ยากเลย เรื่องราวในครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของเรื่องที่ว่า เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ Matthew De Starkey ผู้ซึ่งตามรายงานข่าวบอกว่าเป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ได้ทำการโพสต์ภาพของตัวเองลงบนโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2018 (ดูจากวันที่ลงเป็นไปได้ว่ารีทวีตมาจากปี 2017) “เมื่อคนที่คุณชอบ บอกว่าจะเดตคนเอเชียเท่านั้น” มันเป็นภาพของตัวเขาซึ่ง ทำตาตี่ สวมชาม IKEA ไว้บนศีรษะเพื่อเลียนแบบหมวกฟางและพนมมือเพื่อเป็นการล้อเลียนความเป็นเอเชีย พร้อมกับข้อความที่ว่า “เมื่อคนที่คุณชอบ บอกว่าจะเดตคนเอเชียเท่านั้น” แน่นอนว่าการลงภาพแบบนี้ย่อมทำให้ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวเอเชียจำนวนมากไม่พอใจ แต่แทนที่จะออกมาขอโทษ หรืออธิบายเรื่องที่ตัวเองทำ Matthew De Starkey กลับเข้าไปตอบชาวเอเชียที่แสดงความไม่พอใจด้วยการลงภาพนิ้วกลางว่า “โด่!! นิ้วสั้นว่ะ” นี่เป็นการอ้างอิงถึงการเหมารวมที่ว่าชาวเอเชียนั้นมักจะมีอวัยวะเพศชายที่เล็กกว่าฝั่งชาวตะวันตก จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่จะทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในความไม่เหมาะสมนี้ ต่อมาไม่นาน ทั้งภาพดังกล่าวและทวิตเตอร์ของ Matthew De Starkey ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยชาวเน็ตส่วนมากเชื่อว่าเป็นการลบบัญชีทวิตเตอร์ทิ้งของเจ้าตัวเอง อย่างไรก็ตามมีชาวเน็ตจำนวนหนึ่งที่สามารถเซฟรูปภาพการเหยียดเชื้อชาติเหล่านี้ไว้ได้อย่างทันท่วงที และส่งภาพดังกล่าวไปยังมหาวิทยาลัยวิสคอนซินเป็นที่เรียบร้อย โดยในปัจจุบันทางมหาวิทยาลัยได้รับปากว่าจะตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด ท่ามกลางเสียงเรียกร้องของชาวเน็ตที่ต้องการให้มีการไล่อาจารย์คนนี้ออกจากมหาวิทยาลัยให้เร็วที่สุด แต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น เราคงต้องมีการติดตามกันต่อไป ที่มา nextshark, weareresonate และ proasian888
-
หนุ่มเดินไปทำงานวันแรก 35 กิโลฯ CEO เลยซื้อรถใหม่ให้ เพื่อตอบแทนความทุ่มเท!!
เรื่องราวดีๆ มักจะเกิดขึ้นกับคนดีๆ เสมอ… ขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับ Walter Carr ผู้อยู่อาศัยในรัฐแอลาบามา ประเทศสหรัฐอเมริกา และเขากำลังจะได้เป็นพนักงานในบริษัทที่ชื่อว่า Bellhops ที่เป็นบริษัทรับจ้างขนของ แต่ก่อนจะเริ่มงานวันแรก ชีวิตก็ต้องพบเจอกับความซวย เพราะรถของเขาเกิดพังขึ้นมาซะงั้น!! แต่แทนที่จะขอลางาน Walter กลับตัดสินใจที่จะเดินออกจากบ้านตอนเที่ยงคืน เป็นระยะทางกว่า 20 ไมล์ หรือราวๆ 32 กิโลเมตร เพื่อไปทำงานขนของให้กับลูกค้าชื่อว่า Jenny Hayden Lamey โชคดีที่เขาเดินไปได้แค่ 14 ไมล์ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาพบตัวเสียก่อน ทางตำรวจจึงช่วยพาเขาไปส่งที่ทำงาน จากรายงานของเว็บไซต์ CBS42 ระบถว่า “Walter ต้องเดินเป็นระยะทางอย่างน้อยกว่า 23 กิโลเมตร ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาพบเขาระหว่างทางตอน 4.00 น. และจะพาเขาไปส่งที่หมาย” “ระหว่างทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พูดคุยกับเขา ทำให้ทราบเรื่องราวต่างๆ เจ้าหน้าที่จึงเลี้ยงมื้อเช้ากับเขาเพื่อเป็นการปลอบใจ” “เมื่อไปถึงยังบ้านของครอบครัวของคุณ Lamey นาย Walter…
-
คู่รักเลิกกันตอนอายุ 20 ตกลงกันว่า ‘หาก 40 ไม่มีใครค่อยมาแต่งงานกัน’ …ได้แต่งจริงๆ!!
หลายๆ คนอาจจะเคยพูดกันเล่นๆ กับเพื่อน หรือแฟนเก่าว่า ‘ถ้าถึงอายุเท่านี้แล้วยังไม่มีใคร เราค่อยมาแต่งงานกันนะ’ หรือไม่ก็อาจจะเห็นประโยคแบบนี้ในหนังหรือในซีรีส์กันมาบ้างแล้ว แต่นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง เมื่อคู่รักคู่หนึ่งเลิกรากันไปเมื่อราวๆ 20 ปีก่อน แต่โชคชะตาก็นำพาให้พวกเขากลับมาแต่งงานกันอีกครั้ง!! Mairi Gordon วัย 45 ปี และ Rhys McLellan วัย 43 ปี ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 2017 ที่ผ่านมา ที่ Thomas Morton Hall ในกรุงเอดินเบอระ ประเทศสก็อตแลนด์ ย้อนกลับไปในปี 1995 ขณะที่พวกเขายังเป็นวัยรุ่นอายุได้ 20 ต้นๆ ได้คบหาเป็นแฟนกัน แต่เนื่องจากว่าความรักมันไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจก็เลยตัดสินใจเลิกรากัน แต่ตอนเลิกกันพวกเขาก็พูดกันแบบติดตลกว่า “ถ้าตอนอายุ 40 ปีแล้วพวเราทั้งคู่ยังไม่มีใคร ก็ค่อยมาแต่งงานกันก็แล้วกันนะ” วันเวลาผ่านไปฝ่ายหญิง Mairi ก็ได้เจอคนใหม่และคบกันมาเป็นเวลายาวนานกว่า 12 ปี ก่อนที่จะเลิกรากันไปในปี 2010…
-
คู่รักเร่าร้อนออกมา “ขย้ำกัน” ริมถนนในรัสเซีย ท่ามกลางบรรยากาศฝนตกพรำๆ โดนจับสิจ๊ะ…
จริงอยู่ที่บรรยากาศยามฝนพรำนั้นทำให้คนเราเกิดความรู้สึกเหงา แต่หากเรามีใครสักคนข้างกาย ก็คงไม่มีเวลาไหนที่เหมาะจะแสดงความรักต่อเขาไปมากกว่ายามที่ฝนตกอีกแล้ว… แต่ก็ใช่ว่าฝนตกแล้วพวกเอ็งจะออกมา ขย่ม กันในที่สาธารณะแบบนี้ได้นะเหวย!! ผู้คนในพื้นที่ย่านหนึ่งในประเทศรัสเซีย ได้เก็บภาพวิดีโอที่มีคู่หญิง-ชายกำลังทำการเล่นเซ็กส์กันอยู่ข้างเสาไฟริมทางท่ามกลางบรรยากาศฝนพรำแสนโรแมนติก คู่รักคู่นี้ตั้งใจแสดงบทรักอย่างเร่าร้อนต่อสู้กับความหนาวเย็นของหยาดฝนโดยไม่เกรงกลัวสายตาประชาชนในละแวกนั้นเลยแม้แต่น้อย ทั้งคู่เปลื้องผ้าออกแล้วเริ่มปลดปล่อยอารมณ์ใคร่กันทันที ฝ่ายชายย่อเข่าลงบริเวณด้านหลังของฝ่ายหญิง แล้วยื่นใบหน้าเข้าไป! พวกเขาไม่แม้แต่สนใจว่ามีใครแอบบันทึกภาพอยู่หรือเปล่า เมื่ออารมณ์มันพาไปจนถึงจุด พวกเขาก็เริ่มเผด็จศึกกันทันที จากนั้นไม่นาน เมื่อเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ความบันเทิงที่ผู้คนควรชม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงถูกเรียกมายังสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงพวกเขาเองก็ยังคงขย้ำกันอย่างเมามัน โดยไม่ยอมให้พลาดแม้แต่วินาทีเดียว จนกระทั่งสุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องแยกตัวทั้งคู่ออกจากกันแล้วจับกุมตัวไปดำเนินคดี… ฝนตกพรำๆ แบบนี้คงโรแมนติกไม่น้อยหากอยู่กับคนรัก แต่ออกมาขย้ำกันนอกสถานที่แบบนี้มันก็เกินป๊ายยยย!! ที่มา: ck101 และ liveleak
-
หนุ่มกลัดมันปีนเข้าคอกจัดการ ‘ซั่ม’ ม้าตัวเมียไป 2 ที เพราะมันส่งสายตาวิ๊งวั๊บยั่วยวนเกินห้ามใจ!!
โดยปกติแล้วสัตว์อย่าง ‘ม้า’ ก็อาจมีเอาไว้สำหรับการขี่เดินทาง แข่งขันความเร็ว ขี่โชว์เพื่อความสวยงามหรือทำฟาร์มเพื่อขยายพันธุ์ แต่ว่าบางคนกลับมองม้าผิดแปลกไปกว่านั้นอย่างเช่นในเหตุการณ์นี้ ที่มีชายคนหนึ่งปีนเข้าไปคอกม้าแล้วทำการ ‘ซั่ม’ ม้าไปสองที ซึ่งเหตุผลที่เขาทำอย่างนั้นเขาก็อ้างว่าเป็นเพราะ ม้ามันยั่วเขาด้วยการส่งสายตาเย้ายวนให้ แถมมันยังยินยอมให้สบัมกั๊มแต่โดยดีด้วย โดยนี่เป็นเรื่องราวของชายชื่อว่า Daniel Webb-Jackson วัย 31 ปี ที่ถูกจับกุมเนื่องจากเขาได้แอบปีนเข้าคอกม้าแห่งหนึ่งในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย แล้วไปซั่มม้าในคอกนั้นอย่างสบายอกสบายใจเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังจากโดนจับกุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้ให้รับคำสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า เขามีเซ็กส์กับเจ้าม้าตัวเมียภายในคอกถึง 2 ครั้งด้วยกัน และเหตุผลที่เขาทำอย่างนั้นเป็นเพราะว่า เจ้าม้าตัวนั้นมันอยากจะมีเซ็กส์กับเขาก่อนด้วยการส่งสายตาเว้าวอนยั่วยวนให้นั่นเอง ส่วนสาเหตุที่ทำให้เขาถูกเจ้าของคอกม้าจับได้ก็เป็นเพราะว่า ทางเจ้าของได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อเอาไว้ดูว่าใครกันนะที่ชอบแอบปีนเข้ามาในคอกก่อนหน้านี้ ซึ่งในตอนที่เขาถูกจับกุมก็อยู่ในสภาพที่จนมุมจึงต้องยอมมอบตัวโดยละม่อม สำหรับโทษที่เขาจะได้รับในความผิดนี้ก็คือต้องติดคุก 10 เดือนเต็มๆ แถมถูกปรับเงินอีกเป็นจำนวน 700 ดอลลาร์ (ประมาณ 23,300 บาท) อีกด้วย… มันอาจจะกะพริบตาเฉยๆ ก็ได้นะน้า… ที่มา: dailymail, news.au
-
ฮือฮา!! ระบบเปลี่ยนทรงผมให้ Pokemon ภาคล่าสุด ชาวเน็ตแซว Pikachu ยับ
หากพูดถึงการ์ตูนและเกมจับมอนสเตอร์ในตำนานแล้วคงไม่มีใครไม่รู้จักเกมชื่อดังสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Pokémon ที่ได้ออกภาคแรกมาให้เราเล่นกันตั้งแต่ปี 1996 นู่นนน!! เรียกได้ว่าผ่านมากว่า 20 ปีแล้ว และด้วยความที่ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย ทำให้ Pokémon ยังสามารถพัฒนาภาคต่อออกมาให้เราได้เล่นกันทุกยุคสมัยและล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปตอนต้นเดือนกรกฎาคม 2018 ก็คือภาค Let’s Go Pikachu, Eevee นั่นเอง มาดูความน่าเล่นของมันกันหน่อยดีกว่าครับ โดยที่ภาคล่าสุดนี้เราจะเห็นว่าตัวเกมมีการพัฒนาไปอย่างมากไม่ว่าจะเป็นกราฟิกที่สวยงามมากขึ้นแต่ยังคงความน่ารักสดใสสไตล์ Pokemon ไว้อยู่ ระบบที่สามารถนำโปเกมอนออกมาเดินคู่กับเราได้อย่างน่ารักน่าเอ็นดูและยังเล่น Co-Op ออกผจญภัยร่วมกับเพื่อนๆ ได้อีกด้วย แต่ประเด็นที่เราจะนำมาเขียนในวันนี้คือระบบใหม่สุดๆ ของภาคนี้นั่นคือระบบทรงผมของโปเกมอน!! เอ้า งงกันล่ะสิ… ต้องบอกเลยว่าภาคนี้เราสามารถแต่งตัวโปเกมอนสุดรักของเราได้ตั้งแต่เสื้อผ้า ของประดับยันทรงผมนั่นเองครับ ทรงผมที่สามารถเลือกให้คู่หูของเรานั้นก็จะมีมากมายหลายทรง แต่ที่ชาวเน็ตติดใจกันก็คือ “หน้าม้า” ของ Pikachu และ Eevee นี่แหละ เรามาดูความเห็นฮาๆ ของชาวเน็ตกันครับ Pikachu มีหน้าม้าแล้ว พวกเราทุกคนรู้นะว่ามันหมายความว่าอะไร มันหมายความว่า Pikachu กำลังจะมีปัญหาชีวิตแล้ว!! ต่อไป…
-
หนุ่มพาหมาบาดเจ็บ ‘แบกขึ้นหลัง’ ปั่นจักรยานไปหาหมอ จนมันได้พบกับบ้านหลังใหม่!!
นี่คือเรื่องราวที่จะทำให้หลายๆ คนรู้สึกอบอุ่นหัวใจในวันที่ฟ้ามืดมัว… เมื่อชายหนุ่มนักปั่นจักรยานคนหนึ่ง บังเอิญไปเห็นเจ้าหมาถูกรถชนบาดเจ็บอยู่ เขาก็เลยแบกมันขึ้นหลังแล้วปั่นพาไปหาหมอ ก่อนที่เจ้าหมาตัวนั้นจะได้บ้านใหม่ที่มันจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ตลอดไป… นาย Jarrett Little ได้ออกไปปั่นจักรยานที่ชานเมืองโคลัมบัส รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยปั่นไปเป็นกลุ่มกับเพื่อนๆ ก่อนที่จะนั่งพักกันที่ข้างถนน แต่แล้วจู่ๆ เจ้าหมาตัวหนึ่งก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ใกล้ๆ กับที่พวกเขาพักอยู่ พร้อมกับเดินขากะเผลก นอกจากนี้ที่ขาของมันยังมีเลือดไหลอีกด้วย พวกเขาตั้งชื่อเจ้าหมาตัวนี้ว่า Columbo เป็นชื่อของเมืองที่พบเจอกับมันนั่นเอง Jarrett ก็เลยตัดสินใจจะพามันไปหาหมอในเมืองด้วยการ ‘แบกมันขึ้นหลัง’ พอปั่นไปถึงในเมืองกลุ่มนักปั่นก็พยายามตามหาคลินิกสัตว์ แต่พวกเขาก็ได้พบกับ Andrea Shaw ซึ่งเธออาสาพามันกลับไปที่บ้านเพื่อทำการรักษาเอง Andrea พาเจ้า Columbo ไปตรวจที่คลินิกสัตว์ เพื่อเช็กให้แน่ใจว่าสามารถพามันกลับไปที่บ้านที่อยู่ในรัฐเมน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการรักษาอาการกระดูกหักของมันให้เรียบร้อย ก่อนที่จะนั่งรถเป็นระยะทางกว่า 1,600 กิโลเมตรจากรัฐจอร์เจียไปยังรัฐเมน โดยองค์กรการกุศล Grateful Doggies . และตอนนี้เจ้า Columbo ก็ได้ช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกันกับครอบครัวของของ…
-
เบอร์เกอร์คิง ‘มอบสิทธิ์กินฟรี’ ให้เจ้าหมาที่ป่วยใกล้ตาย ตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของมัน
เมื่อกล่าวถึง ‘แฮมเบอร์เกอร์’ คงเป็นอาหารโปรดของใครหลายๆ คนอย่างแน่นอน!! เช่นเดียวกับเจ้าหมาตัวนี้ที่ชื่นชอบการทานแฮมเบอร์เกอร์เป็นชีวิตจิตใจ แต่อย่างที่รู้กันว่าคนเลี้ยงหมาเลี้ยงแมว จะไม่ให้อาหารคนกับสัตว์เลี้ยงของตัวเองกิน เพราะอาจจะทำให้พวกมันป่วยได้ เจ้า Cody เป็นหมาพันธุ์ Boxer-Labrador อายุ 10 ปี เมื่อ 2 เดือนก่อน เจ้าของพามันไปตรวจและพบว่ามันป่วยเป็นโรคมะเร็งร้าย และจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึง 3 เดือน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่ามะเร็งลามไปได้เร็วแค่ไหน ครอบครัวของมันจึงตัดสินใจที่จะมอบความสุขให้กับมันในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ “วันหนึ่งเราไปที่ร้านเบอร์เกอร์คิงเพื่อซื้อเบอร์เกอร์ให้กับเจ้า Cody และปรากฏว่ามีพนักงานคนหนึ่งใจดีมาก เขาถามว่าจะซื้อเบอร์เกอร์ไปทำไม เราก็เลยเล่าเรื่องราวของมันให้ฟัง” “หลังจากที่จ่ายเงินเสร็จแล้วพนักงานคนนั้นก็บอกให้เรารอก่อน จากนั้นเธอก็ไปพูดกับผู้จัดการร้าน ก่อนจะมาขอชื่อเราไป แล้วเธอก็บอกว่าจากนี้ไปให้มารับเบอร์เกอร์ฟรีสำหรับเจ้า Cody ได้เลย” “ผมไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เพราะมันมีความหมายกับเรามาก ครอบครัวของผมรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก ต้องขอขอบคุณพนักงานเบอร์เกอร์คิงที่สาขาถนน Alexis ในเมือง Toledo รัฐโอไฮโอ จริงๆ” Alec Karcher เจ้านายของ Cody วัย 22…
-
ลุงชาวจีนบังคับให้เด็กน้อย ‘สละ’ ที่นั่งบนรถบัสให้กับตน ถึงเด็กร้องไห้ ลุงก็ไม่สน!!!
บนยานพาหนะขนส่งสาธารณะย่อมมี ที่นั่งพิเศษ เอาไว้สำหรับบุคคลพิเศษ เช่น คนชรา หญิงตั้งครรภ์ แลคนพิการ เป็นต้น เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ที่มีความลำบาก ในประเทศจีนเองก็ไม่ต่างกัน บนรถบัสโดยสารของประเทศจีนเองก็มีที่นั่งพิเศษสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางกายเช่นกัน และนั่นก็ได้นำมาซึ่งเรื่องราวในวันนี้ คลิปวิดีโอหนึ่งเผยภาพ ชายสูงวัยคนหนึ่งบนรถบัสในประเทศจีนกำลังพยายามแย่งที่นั่งจากเด็กน้อย ทั้งๆ ที่ตนเองไม่ได้ชราภาพขนาดนั้น และเบาะนั่งของเด็กชายก็ไม่ใช่ที่นั่งพิเศษสำหรับคนชราอีกด้วย ชายสูงวัยพยายามนำตัวเข้าไปเบียดเด็กชายที่นั่งอยู่ก่อน พร้อมเสียงโหวกเหวกโวยวายของผู้โดยสารหญิงบนรถ แม้กระทั่งเด็กชายคนดังกล่าวร้องไห้ออกมา ชายสูงวัยก็ยังไม่หยุด สุดท้ายชายสูงวัยพยายามแทรกตัวลงไปนั่งขณะที่เด็กชายก็ยังคงนั่งอยู่บนเบาะนั่งดังกล่าว พร้อมกับใช้มือจับตัวเด็กชายให้ลุกขึ้นเพื่อสละที่นั่งให้ตนเองอีกด้วย ลุงพยายามแทรกตัวลงไปนั่งแทนที่เด็กชาย จนเด็กชายที่นั่งอยู่ก่อนถึงกับร้องไห้ออกมา คุณลุงมีการใช้มือจับตัวของเด็กชายให้ลุกขึ้น เพื่อที่ตนจะได้นั่ง เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวเน็ตต่างวิจารณ์เป็นเสียงเดียวกันเลยว่า “คุณลุงทำกับเด็กเกินไปจริงๆ ทั้งๆ ที่ดูแล้วไม่น่าจะมีความจำเป็นในการนั่งขนาดนั้น” เราลองมาชมคลิปวิดีโอพร้อมๆ กันเลยดีกว่า… หากคุณลุงไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องนั่งเก้าอี้จริงๆ ก็ถือว่าเป็นการรังแกเด็กได้เลยนะเนี่ย ที่มา: ck101 และ 潘關希
-
มโนรึเรื่องจริง…ชาวเน็ตวิเคราะห์ ‘เจ๊เทย์’ เลิกกับแฟนใหม่แล้ว หลังภาพล่าสุดไม่สวมสร้อย!?
อย่างที่ทุกท่านรู้กันดีว่า ณ ตอนนี้เจ๊เทย์ หรือ Taylor Swift กำลังคบกับนักแสดงหนุ่มชาวอังกฤษสุดหล่อ Joe Alwyn อยู่ หลายๆ ครั้งมีการเปิดเผยภาพว่าทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกัน รวมไปถึงการสวมจี้ห้อยคอที่มีการสลักตัวอักษร J เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความรักอีกด้วย ไม่ว่าจะไปไหนหรือทำอะไร เจ๊เทย์ ก็จะสวมจี้ห้อยคอนี้ไม่ให้ห่างกาย สวมอยู่ตลอดไม่ถอดออกเลยแม้แต่ครั้งเดียว . หรือแม้แต่ทำคุกกี้รูปจี้ห้อยคอนั้นแจกเหล่าแฟนคลับอีกด้วย แต่ภาพล่าสุดของเจ๊เทย์ ที่ถูกถ่ายขณะเธอกำลังเดินออกมาจากอพาร์ตเมนต์ที่นิวยอร์ก ขณะเดียวกัน Joe ไปร่วมชมการแข่งขันเทนนิส Wimbledon พบว่ามีบางอย่างที่แปลกไป เพราะเจ๊เทย์ ไม่ได้สวมจี้ห้อยคออันนั้นอีกแล้ว!! สร้อยหายไป!? ชาวเน็ตทั้งหลายพอเห็นภาพนี้แล้วต่างก็คอมเมนต์กันไปต่างๆ นานา หลายคนก็สงสัยว่าทำไมเทย์ถึงไม่สวมสร้อยกันนะ!? “ฉันรู้ดีว่าเรื่องของความสัมพันธ์มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการถอดสร้อยคอออก แต่ฉันก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเธอ และโจ จะยังคบกันอยู่นะ” “ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าทำไมเทย์ถึงไม่สวมสร้อยคอตัว J ของเธอล่ะ!?” …
-
รายการออกไปถามความรู้ทางภูมิศาสตร์ ให้ทายชื่อประเทศบนแผนที่ ตอบผิดระนาว…
บางเรื่องที่ดูจะเหมือนง่ายแต่หารู้ไม่ว่า มันง่ายเสียจนหลงลืมกันไปหมด ว่าด้วยเรื่องของการศึกษาขั้นพื้นฐานในยุคสมัยนี้ ที่น่าจะรู้เบื้องต้นว่าทวีปไหนมีชื่ออะไร และประเทศใหญ่ๆ ในแต่ละทวีปอยู่ตรงไหนของแผนที่และมีชื่ออะไรบ้าง? ยกตัวอย่างจากประเทศมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา ที่ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จักกันดี แล้วประชากรชาวอเมริกันจะรู้ถึงตำแหน่งของประเทศต่างๆ บนโลกบ้างหรือไม่ ประเทศนี้ชื่ออะไรหว่า? คุณบอกชื่อประเทศซักประเทศบนแผนที่นี้ได้มั้ย? และแล้วทางรายการของ Jimmy Kimmel ได้ออกไปถามคำถามง่ายๆ กับชาวเมืองแอเอล ด้วยการใช้ไม้ชี้ประเทศบนแผนที่โลกพร้อมกับถามว่า “ประเทศนี้ชื่ออะไร” เฮ้ย ดูเหมือนจะไม่ยากเลยน้าาาา และในส่วนของคำตอบที่ได้กลับมาบางส่วน ลองมาดูกันเถอะ… ประเทศเอเชียแน่นอน ไม่ใช่!! นั่นมันรัสเซีย อันนี้ก็แอฟริกา นั่นมันทวีปว้อยยยย อเมริกาอยู่ตรงไหน? ฉันว่ามันจะต้องเป็นแผ่นใหญ่ๆ นี่ชัวร์ ตรงนี้คือยุโรปรึเปล่า… ก็ไม่ใช่อีก นี่ล่ะ แอฟริการึเปล่า? ก็ไม่ใช่ แล้วคุณบอกชื่อประเทศในทวีปอเมริกาใต้ได้มั้ย? ไม่ได้เลย คุณบอกชื่อประเทศในทวีปแอฟริกาได้รึเปล่า? ไม่ได้อ่าาาา ใครมันจะไปรู้เรื่องแบบนั้นล่ะ? แน่นอนประเทศอเมริกาใต้ ผ่ามมมม นั่นมันทวีป!!…
-
ชาวเน็ตจีนชื่นชม คุณป้าพนักงานปั๊ม หลังโชว์รับมือกับเหตุไฟไหม้รถได้ภายใน 12 วินาที!!
“สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา” เพื่อนๆ เคยได้ยินประโยคนี้กันหรือไม่ ประโยคดังกล่าวเป็นประโยคที่สอนให้เราเห็นถึงความสำคัญของสติ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น ถ้าหากคุณมีสติก็จะสามารถควบคุมและหาทางแก้ไขปัญหาได้เสมอ เหมือนกับปัญหาที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันในวันนี้ ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงที่หากคุณไม่มีสติอยู่ล่ะก็ ถึงตายได้เลยล่ะ เพราะมันคือการเกิดไฟไหม้ในปั๊มน้ำมันในวันที่ 9 กรกฎาคม 2018 ณ มณฑลเจียงซี ประเทศจีน วินาทีเกิดเหตุ จากในวิดีโอที่เราได้นำมาให้คุณได้ดูกันข้างบนนี้ จะเห็นได้ว่าเกิดระหว่างที่เหล่าคนขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาเติมน้ำมันในปั๊มเหมือนปกติ ทุกๆ วัน แต่ทันใดนั้นก็ได้มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นมา เมื่อมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่พ่วงของเอาไว้ก็เกิดไฟลุกขึ้น และแน่นอนว่าไฟไหม้ในปั๊มน้ำมันแบบนี้ ใครๆ ก็วิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันก่อนทั้งนั้นเพราะอาจจะลุกลามจนปั๊มระเบิดได้ แต่ไม่ใช่กับ Song Juanjuan พนักงานหญิงคนนี้ เพราะเธอสามารถตั้งสติได้ในเวลาอันรวดเร็ว และรีบวิ่งเข้าไปหยิบถังดับเพลิงมาฉีดเข้าที่กองไฟบนรถทันที ทำให้ไฟมอดดับลงโดยที่ไม่ลุกลามไปส่วนอื่นของปั๊ม . ภาพของเหตุการณ์นี้ที่ถูกบันทึกไว้โดยกล้องวงจรปิดได้ถูกอัปโหลดขึ้นไปที่ Douyin เว็บสตรีมมิ่งชื่อดังของจีน เมื่อชาวเน็ตมากมายได้เข้ามาชมก็พบกับวีรกรรมอันกล้าหาญของ Song ก็ได้แสดงความเห็นชื่นชมกันอย่างยิ่งใหญ่ ชาวเน็ตคนหนึ่งได้กล่าวว่า “นั่นมันเร็วโคตรๆ !” อีกคนก็กล่าว่วา “ฉันชื่นชมความกล้าหาญของคุณป้ามากๆ เลย”…
-
นี่คือ Emoji ชุดใหม่กว่า 70 ตัวที่ Apple ปล่อยเนื่องใน “วัน Emoji โลก” ตามกันให้ไว!!
สมัยนี้เวลาเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คหรือเวลาแชทกับใคร เพื่อนๆ ต้องเคยเห็นเจ้าตัวการ์ตูนสุดน่ารักที่มีหลากหลายอารมณ์กันใช่หรือไม่ โดยที่เจ้าพวกตัวการ์ตูนนั้นเราเรียกมันว่า Emoji หรือ Emoji Emoticons นั่นเอง Emoji เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่รวมมาจากคำว่า e (รูปภาพ) + moji (ตัวละคร) ซึ่งก็รวมๆ กับที่นำมาใช้ในข้อความต่างๆ มันก็จะมีความหมายว่าอักษรภาพนั่นเอง และในวันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2018 ที่เพิ่งผ่านมานี้ เพื่อนรู้บ้างหรือไม่ว่ามันเป็นวันสำคัญอะไร? หากไม่รู้เดี๋ยวเราจะเฉลยให้ฟังเอง มันคือวัน Emoji โลกนั่นเอง และเนื่องจากเป็นวันของอักษรภาพที่เราใช้กันบ่อยๆ ในโทรศัพท์มือถือ ทาง Apple จึงไม่พลาดที่จะทำเซอร์ไพรส์พวกเรา โดยการที่ประกาศจะเพิ่ม Emoji ชุดที่ 11 หรือชุดใหม่ล่าสุดที่คาดว่าจะลงใน iOs 12 ปลายปีนี้นั่นเองจะมีอะไรเพิ่มมากันบ้างเราไปแอบดูกันเลยดีกว่าครับ ของกินเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นผักกาดหอม มะม่วง เค้กไหว้พระจันทร์และคัพเค้ก หน้าตาอารมณ์ก็เพิ่มขึ้นด้วยอย่างเช่นปาร์ตี้ ทำหน้าอ้อน หนาวเย็นหรือแสดงความรัก สัตว์ก็มาเต็ม ไม่ว่าจะเป็นนกแก้ว…
-
เพลินเกิ๊น!! เด็กสาวรู้เท่าไม่ถึงการณ์ขึ้นบันไดเลื่อนชะโงกหน้าดูของ สุดท้ายหัวติดร่องบันไดซะงั้น
เคยไหมที่เราเวลาเราไปห้างสรรพสินค้าแล้วขึ้นบันไดเลื่อน ก็ชอบที่จะมองสินค้าสวยๆ งามๆ จากในมุมสูงเพราะว่ามันเพลินตาดี แต่ว่าบางทีการชะม้อยช้อยตาอย่างไม่ระมัดระวังก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดขึ้นมาได้ เหมือนกับในเหตุการณ์นี้ ที่มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นบันไดเลื่อนแล้วเอาหัวชะโงกออกไปดูสิ่งน่าสนใจต่างๆ แต่ว่าเธอกลับเพลินจนไม่ได้ระวังตัวเลยว่ามีสิ่งกีดขวางทางข้างหน้าอยู่ จึงทำให้หัวของเธอไปติดเข้ากับร่องบันไดเลื่อนกลายเป็นเหตุการณ์นองเลือดไปในที่สุด… โดยอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดที่ว่านี้เกิดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเมืองเหลียวหยาง มณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน เมื่อมีภาพวิดีโอได้เผยให้เห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเริ่มจากการที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งใช้บันไดเลื่อนเพื่อจะขึ้นไปยังอีกชั้นหนึ่งของทางห้าง แต่ว่าในขณะที่อยู่บนบันไดเลื่อนนั้นเอง เธอก็ได้ชะโงกหัวออกไปดูสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่อยู่บริเวณชั้นล่างโดยไม่ได้สนใจเลยว่ามีขื่อของอีกชั้นหนึ่งกำลังกีดขวางเธออยู่ และในที่สุดแล้วหัวของเธอก็ไปชนเข้าอย่างจังและทำให้บริเวณศีรษะของเธอต้องตกไปติดอยู่ระหว่างร่องของบันไดเลื่อนเป็นระยะเวลาหนึ่ง เด็กสาวคนดังกล่าวดิ้นอย่างทุรนทุรายเพื่อจะนำตัวเองออกมาจากสถานการณ์นั้นให้ได้ จนในที่สุดแล้วเธอก็สามารถเอาหัวออกมาจากร่องบันได้เลื่อนได้สำเร็จ แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยบริเวณใบหูข้างขวาก็ตาม ทว่าก็ไม่มีรายงานว่าเธอได้รับการรักษาพยาบาลเช่นไรหรือชื่อเสียงเรียงนามของเธอเป็นใครกันแน่ ในเวลาต่อมาเรื่องราวของเด็กน้อยคนนี้ก็ได้กลายเป็นเรื่องที่แพร่หลายกันในโซเชียลเน็ตเวิร์คของประเทศจีน ถึงความอันตรายขณะใช้บันไดเลื่อนว่าควรจะมีสติอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่รู้เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่นั่นเอง คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่มา: nextshark, mirror
-
มหากาพย์หนุ่มดวงกุด!! ถูกหวย 44 ล้าน แต่ลืมไว้ในกางเกง แถมซักเรียบร้อย พังยับทั้งคนทั้งหวย…
ถ้าคุณรู้ตัวว่าถูกหวยรางวัลใหญ่อะไรจะเกิดขึ้น?? คุณก็คงวางแผนการใช้ตังค์เอาไว้ว่าจะเอาไปซื้ออะไรดี จะซื้อบ้านหลังใหญ่ๆ สักหลังดีไหม ซื้อรถสปอร์ตคันหรูมาขับให้ใครๆ อิจฉาเล่นดีกว่า หรือว่าจะเอาไปโปรยเล่นให้มันสุขใจแทนดี… แต่ว่ามีหนุ่มอยู่คนหนึ่งที่ถูกรางวัลใหญ่แต่ไม่ได้ทำอย่างที่ใครหลายคนคิดเอาไว้ เพราะว่าเขาไม่ได้เงินจากหวยรางวัลใหญ่ที่ถูก เนื่องมาจากความซวยที่เขาลืมเอาไว้ในกางเกง แถมเอาไปซักเรียบร้อย นั่นคือเรื่องราวของหนุ่มคนหนึ่งจากประเทศจีน หลังจากใช้ชีวิตไปกับการพยายามเสี่ยงโชคมานานนับ 10 ปี ในที่สุดแล้วหนุ่มผู้มีนามสกุลว่า Sun จากมณฑลเหอหนาน ก็ได้รับผลจากความตั้งใจของเขาเสียที เพราะเขาได้ถูกหวยแจ็กพ็อตมูลค่ากว่า 9 ล้านหยวน (ประมาณ 44 ล้านบาท) เข้าให้ Sun เล่าให้ฟังว่าก่อนจะกลับบ้านในเย็นวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา เขาได้แวะซื้อสลากกินแบ่งที่มีชื่อว่า Shanghai Welfare Lottery มูลค่า 8 หยวน (ประมาณ 40 บาท) ติดกระเป๋าเอาไว้ และในเช้าวันถัดมาเขาก็ต้องตะลึงเมื่ออ่านหนังสือพิมพ์ตรวจรางวัลแล้วพบว่าตัวเองได้ถูกรางวัลแจกพ็อตเข้าให้แล้ว ทันใดนั้นเองเขาจึงรีบควานหาเจ้าสลากนำโชคว่ามันไปอยู่ที่ไหนกันนะ จะได้เอาไปขึ้นเงินให้เปรมปรีดิ์มีความสุขซะที ทว่าในวินาทีนั้นเองใจของหนุ่มคนนี้ก็ตกไปอยู่ตาตุ่ม เพราะเขานึกได้ว่า เขาเก็บสลากใบนั้นรวมกับสลากใบอื่นๆ อีก 3 ใบไว้ในกระเป๋ากางเกงที่เพิ่งโยนเข้าเครื่องซักผ้าไปเมื่อคืนก่อน… ความรู้สึกในตอนนั้นมันคงแทบจะเป็นดั่งโลกทั้งโลกดับสูญ เมื่อเขาไปค้นกางเกงตัวเก่งดังกล่าวแล้วก็พบว่าเจอสลากนี้จริงๆ แต่เจอในสภาพที่มันเหลือเพียงแค่เศษกระดาษที่ไร้ค่าจากฤทธิ์ของน้ำและผงซักฟอกเพียงเท่านั้น…
-
เด็กหญิงถูกล่อลวงไปข่มขืน โดยกลุ่มเด็กชาย 5 คน ด้วยสาเหตุดูหนังโป๊บนโทรศัพท์
สิ่งที่น่าสลดและหดหู่ใจที่เกิดขึ้นในประเทศอินเดียบ่อยครั้ง ปัญหาของการข่มขืนที่ไม่มีอัตราลดจำนวนลงได้ และเหยื่อส่วนใหญ่มักจะเป็นเด็กผู้หญิง เหตุการณ์ในครั้งนี้ มีผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชนชาย 5 ราย มีอายุตั้งแต่ 9 – 14 ปี ได้ทำการล่อลวงเด็กหญิงอายุเพียง 8 ขวบ ไปยังบ้านของเพื่อนที่รู้จักกัน ก่อนจะลงมือรุมโทรมข่มขืนเธอ ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่า การลงมือในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากกลุ่มเด็กชายรับชมสื่อลามกบนโทรศัพท์มือถือได้เพียง 2 วันเท่านั้น Naresh Rathore โฆษกเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำท้องที่เมือง Sahaspur กล่าวว่า “กลุ่มเด็กชายเลือกเด็กผู้หญิงคนนี้ เนื่องจากรู้ว่าเธอมักจะอยู่เพียงลำพังในบ้านในช่วงเวลาดังกล่าว การวางแผนก่อเหตุจึงเริ่มต้นเพียงแค่ไม่กี่วันก่อนลงมือ” กลุ่มเด็กชายต่างอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับเหยื่อ เมื่อสบโอกาสที่เหยื่อออกมาเล่นภายนอกบ้าน จึงทำการล่อลวงเธอไปในที่ลับตาคน ภายหลังจากถูกจับกุมตัวทั้งหมด เยาวชนกลุ่มนี้ถูกตั้งข้อหาข่มขืน แต่อยู่ภายใต้กฎหมายการคุ้มครองเด็กจากการกระทำความผิดทางเพศของประเทศอินเดีย พวกเขาจะไม่ถูกคุมขังภายในเรือนจำทั่วไป โดยศาลเด็กและเยาวชน ได้ตัดสินให้ส่งตัวไปยังสถานพินิจเด็กและเยาวชนแทน ในระหว่างที่การสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป ทางด้านฝ่ายเด็กหญิงกำลังพักฟื้นฟูสภาพจิตใจและร่างกายภายในบ้านของตนเอง ที่มา: timesofindia, news18, tribuneindia, mirror, dailymail
-
เจอเพิ่มอีกหนึ่ง… ‘งูสายพันธุ์ใหม่’ จากประเทศออสเตรเลีย มีพิษรุนแรงมาก!!
ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศบ้านเกิดของงูหลากหลายสายพันธุ์ และล่าสุดก็ได้มีการพบงูสายพันธุ์ใหม่เพิ่มในดินแดนแห่งนี้อีกแล้ว กลุ่มคนที่ไปเจอมันเป็นนักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัย University of Queensland โดยการค้นพบครั้งนี้เกิดขึ้นโดยบังเอิญจากการไปเก็บตัวอย่างงูทะเลมาศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ในระหว่างนั้นนั่นเองพวกเขาก็ไปเจองูตัวหนึ่งอยู่นบนคอนกรีตใกล้ชายฝั่งทะเล และเมื่อเอาไปศึกษาดูก็พบว่ามันเป็นงูมีพิษสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อน แล้วเรียกงูพันธุ์นี้ว่า Bandy-bandy จากการศึกษาดู งูสายพันธุ์นี้เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ใต้ดิน พวกเขาจึงแปลกใจมากที่ไปเจอมันบนพื้นคอนกรีตแบบนั้น หลังจากสำรวจเพิ่มเติมแล้วก็พบว่ามีงูชนิดนี้อยู่ในพื้นที่แถบเดียวกันอีก 5 ตัว โดยเจอตามธรรมชาติตัวหนึ่ง ถูกรถทับตายไปบริเวณใกล้เหมืองอีกตัวหนึ่ง อีก 2 ตัวอยู่ในพิพิธภัณฑ์ และอีกตัวหนึ่งจากรูปถ่ายสำรวจที่รวบรวมไว้ ดูจากจำนวนแล้วจึงคาดการณ์ไว้ก่อนว่างู Bandy-bandy น่าจะจัดอยู่ในประเภทของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์แล้ว นักชีววิทยากล่าวว่า “การค้นพบครั้งนี้มีความสำคัญกว่าการเก็บข้อมูลธรรมดามาก เพราะพิษงูสามารถนำไปศึกษาเพื่อเอาส่วนประกอบมาพัฒนายาตัวใหม่ได้ ดังนั้นสัตว์ทุกสายพันธุ์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เราจำเป็นตัวปกป้องพวกมันทุกตัว เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าเราจะมีโอกาสได้เจอพวกมันเพิ่มอีกหรือไม่” ยังไงก็รู้จักหน้าค่าตากันไว้หน่อยนะ เผื่อเจอตอนไปเที่ยวจะได้ระวังตัวกันเอาไว้ ที่มา: Unilad
-
ทารกเสียชีวิตจากภาวะรับยาเกินขนาด หลังจากดื่มน้ำนมจากคุณแม่ที่เสพติดยาแก้ปวด
ว่าตามที่องค์กร UNICEF ได้กล่าวเอาไว้ “น้ำนมแม่” ถือว่าเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับเด็กวัยทารก โดยที่แนะนำให้คุณแม่ทุกๆ คนควรให้น้ำนมแม่อย่างเดียวแก่ลูกน้อยเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน หลังจากนั้นถึงจะให้อาหารเสริมตามวัยได้ แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าน้ำนมแม่ไม่ได้มีแต่ประโยชน์อย่างเดียวเหมือนที่เรารู้กัน แต่ปัจจัยอื่นๆ อย่างเช่นยาที่คุณแม่ทานบ่อยๆ อาจจะเปลี่ยนนมแม่ให้กลายเป็นยาพิษแก่ทารกก็เป็นไปได้ เหมือนกับเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เป็นเรื่องของเด็กทารกคนหนึ่งที่ได้เสียชีวิตลงจากภาวะรับยาเกินขนาดเพราะดื่ม “น้ำนม” จากคุณแม่ที่ใช้ยา Methadone เพื่อระงับอาการเจ็บปวดจากการตั้งครรภ์ Samantha Whitney Jones คุณแม่วัย 30 ถูกเข้าจับกุมในข้อหาฆาตกรรมลูกชายของตัวเอง ณ บ้านใน New Britain รัฐเพนซิลเวเนียร์ สหรัฐอเมริกา โดยที่เหตุการณ์ก่อนที่ลูกของเธอจะเสียชีวิตในวันที่ 2 กรกฏาคม 2018 คุณพ่อหรือสามีของเธอได้ทำการชงนมผงก่อนที่จะออกไปทำงานในช่วงเวลาประมาณ 6.30 น. ทาง Jones บอกว่าเธอก็ได้ให้นมผงนั้นแก่ลูกชายและเข้าไปนอนหลับอีกรอบ แต่เมื่อตื่นมาอีกทีก็พบว่าเด็กทารกมีอาการตัวซีดและมีน้ำเมือกออกจากรูจมูกเต็มไปหมดเธอตะโกนร้องเรียกคุณแม่ของเธอให้มาช่วยและโทรตามตำรวจก่อนที่จะเริ่มทำ CPR ให้แก่ลูกของตน เมื่อตำรวจมาถึงในเวลา 7.38 น. ก็ได้พาทารกไปส่งโรงพยาบาล Doylestown อย่างเร่งด่วน แต่น่าเศร้าที่ไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กน้อยไว้ได้ ในเวลา 8.29…
-
นักบินอวกาศเผยสาเหตุ ทำไมถึงไม่มีใครไปดวงจันทร์อีกเลย ทั้งที่เทคโนโลยีก้าวหน้า
ภารกิจอะพอลโล 11 ในวันที่ 20 กรกฎาคมปี 1969 เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของนาซ่า ที่สามารถส่งนักบินอวกาศไปถึงดวงจันทร์ได้สำเร็จ และสามารถเก็บหินตัวอย่างบนดวงจันทร์ ถ่ายรูปภาพ ทำการทดสอบต่างๆ รวมถึงปักธงลงบนดวงจันทร์ และเดินทางกลับมายังโลกได้อย่างปลอดภัย ผ่านมากว่า 45 ปีแล้วที่ภารกิจเยือนดวงจันทร์ครั้งล่าสุดในเดือนธันวาคม ปี 1972 ของอะพอลโล 17 ก็จบลงอย่างสมบูรณ์ และไม่มีการส่งมนุษย์ขึ้นไปบนดวงจันทร์อีกเลย… มันเกิดอะไรขึ้นกับยุคปัจจุบัน ที่มีเทคโนโลยีทางอวกาศก้าวหน้ากว่า 4 ทศวรรษที่แล้ว การจะขึ้นไปสร้างอาณานิคมบนดวงจันทร์เพื่อสร้างเป็นสถานีเติมเชื้อเพลิงบนอวกาศ คงมีความเป็นไปได้มากขึ้นหากมีการสำรวจที่มากกว่านี้ และไม่แน่ว่าอาจจะส่งเสริมการท่องเที่ยวดวงจันทร์เพิ่มขึ้นมาด้วย “การวิจัยการอยู่อาศัยอย่างถาวรของมนุษย์บนดวงจันทร์คือก้าวต่อไปในทางตรรกะ เรามีข้าวของมากมากที่สามารถสร้างขึ้นมาได้ จากนั้นก็เอามาทดสอบตามลำดับขั้นเพื่อเรียนรู้ก่อนจะออกไปข้างนอกนั่น” Chris Hadfield อดีตนักบินอวกาศ กล่าวกับทาง Bussiness Insider Chris Hadfield แต่นักบินอวกาศและผู้เชี่ยวชาญหลายคนต่างชี้ว่า อุปสรรคในการตั้งถิ่นฐานบนดวงจันทร์ตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมานั้นเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากปัญหาของงบประมาณที่บานปลายและปัญหาทางการเมือง ซึ่งไม่ใช่เรื่องปัญหาความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเลย… ภารกิจที่จะต้องส่งคนขึ้นไปในอวกาศนั้นจะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล ด้วยข้อกฎหมายบังคับในปี 2017…
-
ชวนชมสารคดี #ถ้ำหลวง Triumph in Thailand จากสำนัก ABC News ดูฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย…
สำหรับกรณีของทีมหมูป่าที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง และกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกจากที่ออกสื่อต่างๆ นั้น ภายในเบื้องลึกเบื้องหลังทั้งหมดที่ออกมาจากรายงานข่าว อาจจะยังทำให้เราไม่ทราบถึงรายละเอียดทั้งหมดได้ในทีเดียว และหลังจากที่สื่อต่างประเทศให้ความสนใจมาก จนมีกระแสว่าจะถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์บ้าง มีสารคดีจากบริษัทเจ้าใหญ่บ้าง… ทางสำนักข่าวต่างประเทศอย่าง ABC News ก็ได้ลงมาเกาะติดสถานการณ์ถ้ำหลวงเช่นกัน จนเกิดความประทับใจที่ถูกถ่ายทอดจากผู้สื่อข่าวอย่าง James Longman ทั้งนี้ในรายละเอียดเบื้องลึกทั้งหน้าเว็บไซต์ และการรายงานสด ยังทำให้ปะติดปะต่อได้ยาก ทางสำนักข่าว ABC News จึงได้จัดทำเป็นสารคดีข่าวชุด Triumph in Thailand 6 ตอนจบ นำเสนอในแง่มุมทั้งจุดเริ่มต้น รายละเอียดที่เกิดขึ้นระหว่างทางในถ้ำ การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญและผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการให้ข้อเท็จจริงจากมุมมองของสื่อต่างชาติ ในแต่ละตอนจะมีความยาวประมาณ 6 – 7 นาที สามารถรับชมได้ผ่านเว็บไซต์ของสำนักข่าวได้ทันที ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ตอนที่ 1 ‘I felt nervous and worried’: 12 boys, coach…
-
โจรชักปืนขู่ดักปล้นมอเตอร์ไซค์ หารู้ไม่ว่าเล่นกับตำรวจ ถูกยิงสวนเจ็บวิ่งหนีกระเจิง
ในประเทศที่เกิดการปล้นซึ่งหน้าบ่อยครั้งที่สุดในโลก ต้องยกให้ประเทศบราซิลกันเลยล่ะ นอกจากจะเกิดการวิ่งราวชิงทรัพย์รายวันแล้ว ก็มักจะเกิดเหตุชักปืนขู่ดักปล้นเป็นประจำ แต่ในกรณีนี้โจรดวงกุดดันเลือกผิดคน หลังจากที่ชักปืนออกมาขู่ชายรายหนึ่ง ที่กำลังจอดรถมอเตอร์ไซค์ส่งแฟนสาวกลางดึก ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นว่า เขาทำทียอมตามคำสั่งของโจรและนอนลงกับพื้นโดยไม่ขัดขืน เมื่อได้จังหวะที่มีรถยนต์ขับออกมา แสงไฟส่องหน้าผู้ร้ายจึงรีบลุกขึ้นพร้อมกับชักปืนยิงตอบโต้ทันที โจรวัย 18 ปีนามว่า Pablo Pereira Gomes ประชิดตัวชายคนดังกล่าว ให้ลงจากรถมอเตอร์ไซค์ และมีนาย Lucas Matos de Oliveira วัย 22 ปี ตามมายกรถเพื่อที่จะขับหลบหนีออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ ทันใดที่โจรเกิดชะล่าใจ นายตำรวจคนนี้จึงทำการยิงปืนไปที่นาย Pablo จนเสียชีวิตในทันที ตามด้วยยิงนาย Lucas อีก 2 นัดเข้าที่บริเวณหน้าท้องจนต้องวิ่งหนีไป ภายหลังเขาถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล Santa Casa de Misericordia เพื่อรับการผ่าตัดฉุกเฉินและเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมเพื่อนำไปดำเนินคดีต่อไป ทางด้านนายตำรวจผู้ไม่เปิดเผยตัวตนด้วยเหตุทางด้านความมั่นคง และแฟนสาวไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด และภายหลังจากการสอบสวนพบว่า นายตำรวจตะโกนให้…
-
พ่อเมาแล้วขับรถชน ลูกสาวที่มาด้วยวิ่งขอความช่วยเหลือ โดนรถอีกคันชนเสียชีวิต!!
อุบัติเหตุทางท้องถนนเป็นเรื่องที่สังคมไทยของเรานั้นรณรงค์กันอยู่เป็นประจำ และยิ่งในช่วงเทศกาลต่างๆ ยอดการประสบอุบัติเหตุการณ์จะพุ่งสูงขึ้น โดยที่ส่วนมากต้นเหตุมาจากการดื่มสุรามึนเมาทั้งนั้น เหมือนอย่างเรื่องที่เราจะนำมาให้กับเพื่อนได้ชมกัน เป็นเรื่องของเด็กสาววัย 7 ขวบที่พยายามจะช่วยเหลือคุณพ่อของเธอที่เมาแล้วขับจนเกิดอุบัติเหตุ รถตกไปข้างถนน ลูกสาวที่ยังมีสติพยายามโทรหาตำรวจและวิ่งหาตามคนช่วย แต่ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นอีกครั้งเมื่อระหว่างที่เธอวิ่งข้ามถนนไปหาคนช่วย เธอถูกรถคันอื่นชนเข้าอย่างจังและเสียชีวิตทันที เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 15 กรกฎาคม 2018 ตำรวจประจำเมือง Romulus ได้รายงานว่าได้รับการติดต่อมาจาก DeSandra Thomas เด็กหญิงวัย 7 ขวบที่ได้แจ้งให้ทางตำรวจว่ามีอุบัติเหตุรถชน ซึ่งคนคนนั้นคือคุณพ่อของเธอ ช่วงเวลาประมาณ 03.30 น. คุณพ่อของเธอได้ดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ ทำให้ไม่สามารถควบคุมรถอยู่และพุ่งลงข้างทางไปชนกับรถยนต์เก่าๆ ที่ถูกทิ้งไว้กันหนึ่ง ด้วยการที่กลัวคุณพ่อจะเป็นอะไร DeSandra ที่นั่งรถมาด้วยกันจึงเก็บกระเป๋า ปีนรั้วและข้ามถนนออกไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น เธอได้โทรหาตำรวจให้รู้ ทางตำรวจจึงได้บอกให้เธอไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัยก่อน เดี๋ยวตำรวจจะรีบไปให้ความช่วยเหลือ แต่เรื่องที่ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น ระหว่างทางที่กำลังแจ้งตำรวจอยู่นั้นเธอก็ได้ถูกรถอีกคันเข้าชนอย่างจัง จนเสียชีวิตในทันที เมื่อ Sandria Burts คุณแม่ของ DeSandra รู้ข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เธอก็โศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก เธอพยายามที่จะมีลูกกับสามีเก่ามาเป็นเวลา 20 ปีก่อนที่จะให้กำเนิดเป็น DeSandra…
-
10 ภาพของวิถี ‘คนคุก’ กับเรือนจำที่คอยหล่อเลี้ยงชีวิต ผู้หลงผิดในนิยามที่ต่างกัน
อาชญากรเลือกกระทำความผิดที่ขัดต่อกฎหมายบ้านเมือง เมื่อถูกจับได้จะต้องนำตัวไปปรับทัศนคติตามหลักกฎหมายและมนุษยธรรม เมื่อถึงเวลาอันสมควรก็จะได้รับการปล่อยตัวออกมาสู่สังคมอีกครั้ง ในช่วงเวลาระหว่างการใช้ชีวิตในเรือนจำของแต่ละประเทศนั้นจะไม่เหมือนกัน เนื่องจากแต่ละท้องที่จะนิยามและให้การดูแลสวัสดิการตามกำลังที่มี บวกกับแนวคิดที่ยังคงตีกรอบเอาไว้ตามความเหมาะสม… เรือนจำ Aranjuez ประเทศสเปน เรือนจำ Aranjuez ยอมให้พ่อแม่และเด็กอยู่ด้วยกัน ในช่วงที่หนึ่งในสมาชิกครอบครัวของจองจำ พร้อมกับการตกแต่งห้องขังให้บรรยากาศครอบครัว มีเนอร์เซอรี่ และสนามเด็กเล่น เพื่อไม่ให้เด็กรับรู้ได้ว่ากำลังใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำในขณะที่พ่อแม่ถูกขัง เรือนจำ Luzira ประเทศยูกันดา ผู้ต้องขังในเรือนจำแห่งนี้จะมีหน้าที่รับผิดชอบจำนวนมาก ทั้งการดูแลกลุ่มของตัวผู้ต้องขังเอง แบ่งออกเป็นหน่วยช่วยกันรับผิดชอบ การปลูกพืชผักและเก็บเกี่ยวมาทำอาหาร พร้อมกับแจกจ่ายให้กับทุกคนภายในเรือนจำ พร้อมทั้งสอนทักษะวิชาชีพอย่างช่างไม้ให้ เมื่อพ้นโทษไปแล้วอัตราการกระทำผิดซ้ำของที่นี่มีเพียง 30% เท่านั้น เมื่อเทียบกับอังกฤษ 46% และสหรัฐฯ 76% เรือนจำ Bastøy ประเทศนอร์เวย์ เรือนจำแห่งนี้เป็นเรือนจำขนาดใหญ่แต่เข้มงวดน้อย อันเป็นสถานที่จองจำฆาตกรและพวกข่มขืน ตั้งอยู่บนเกาะ Bastøy ในชื่อเดียวกันและกินพื้นที่บนเกาะทั้งหมด มีเพียงส่วนชายหาดทางตอนเหนือของเกาะที่เปิดให้ประชาชนคนทั่วไปเข้ามาได้ เรือนจำเปรียบได้เสมือนชุมชนขนาดเล็ก มีอาคาร 80 หลัง ถนนพื้นที่ชายหาด ภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรม สนามฟุตบอล พื้นที่เพาะปลูกและป่า…
-
ครูสอนเพศศึกษาระดับประถม เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ซักถาม แต่ละข้อใสๆ ทั้งนั้น!?
ทุกวันนี้การให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หากได้เรียนรู้ในสิ่งที่ถูกต้องตั้งแต่แรกก็จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับเด็กได้อีกทางหนึ่ง เรียนรู้ถึงสาเหตุและป้องกันก่อนที่จะเกิดปัญหาในภายหลัง แต่ก็ใช่ว่าในบางเรื่องจะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนได้ ด้วยวัยที่ยังไม่เหมาะสมเท่าไหร่ อาจจะได้ยินมาบ้างว่า คนเราจะทำอะไรกันยังไง ความรู้สึกมันเป็นแบบไหน สุดท้ายก็นึกไม่ออกอยู่ดี… มีเพื่อนสอนเพศศึกษาอยู่โรงเรียนประถม เธอเอาคำถามของเด็กมาปริ้นท์ให้อ่านแล้วก็…. ชาวทวิตเตอร์ @kimyoogyeom ได้ออกมาแชร์เรื่องฮาๆ จากความสงสัยของเด็ก เมื่อเพื่อนผู้เป็นครูสอนเพศศึกษาในโรงเรียนประถม ได้เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องเพศ คำถามแต่ละข้อก็ช่างจะบรรเจิด เกินกว่าที่ผู้ใหญ่สงสัยจริงๆ ถ้าคุณนอนจิ้มกันนานๆ จะทำให้เด็กคลอดออกมาตัวใหญ่มั้ย? เมื่อจู๋เข้าไปในจิ๋มแล้ว มันสอดเข้าไปแบบเงียบๆ หรือคลิกเข้ากลอนเหมือนกุญแจเสียบมั้ย? หนูรู้มาว่าการนอนจิ้มกันจะใช้เวลา 24 ชั่วโมง คำถามคือไม่เหนื่อยบ้างเหรอ? ไม่มีทางอื่นที่จะมีลูกได้เลยเหรอ? คุณมั่นใจได้ไงว่า จะมีใครสามารถเอาเด็กออกมาจากในนั้นได้? หนูมั่นใจว่าแม่ของหนูไม่เคยไปจิ้มใคร อาจจะเป็นพ่อของหนูรึเปล่า? จะดีกว่ามั้ยถ้าเปลี่ยนให้ผู้ชายตั้งท้องแทนผู้หญิง? อันนี้คือสุดติ่ง เราจะมีเซ็กส์กันไปทำไม… โอ๊ยยยยน่อ ก็เด็กมันสงสัยนี่เนาะ จะบอกยังไงดีล่ะเนี่ย คิดคำตอบเหมาะๆ กันได้มั้ย ฮร่าาา …
-
ยลโฉม “ขนมปังเก่าแก่ที่สุดในโลก” อายุ 14,400 ปี ที่นักโบราณคดีเพิ่งค้นพบล่าสุด!!
ในอดีตหลักฐานการค้นพบขนมปังเก่าแก่ที่สุดคือที่ประเทศตุรกี ซึ่งมีอายุอยู่ที่ราวๆ 9,000 ปีก่อน ดังนั้นจึงมีความเชื่อทางวิทยาศาสตร์ที่บอกว่า คนเราเพิ่งจะมีการปรุงอาหารเมื่อราวๆ หนึ่งหมื่นปีก่อน และก่อนหน้านั้นมนุษย์ทานอาหารเพียงเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น แต่แล้วความคิดเหล่านั้นก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อล่าสุดนี้ทางนักโบราณคดีได้มีการค้นพบขนมปังในยุคเก่าแก่ ที่มีอายุมากถึง 14,400 ปี มันเป็นเศษอาหาร 24 ชิ้น ที่มีขนาดกว้างโดยเฉลี่ย 4.4 มิลลิเมตร ยาว 5.7 มิลลิเมตร และหนา 2.5 มิลลิเมตร ซึ่งหากส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ จะพบร่องรอยของการบดและการนวด นี่เป็นการค้นพบที่เกิดขึ้นที่โบราณสถานยุคหินซึ่งอยู่ในทะเลทรายทางตอนเหนือของประเทศจอร์แดน โดยเป็นเศษขนมปังรูปแบบโบราณที่มีลักษณะแห้งแข็ง แทบจะไม่มีคุณค่าทางอาหาร และเชื่อว่าทำขึ้นจากข้าวสาลีป่า ข้าวบาร์เลย์ และข้าวโอ๊ต อย่างไรก็ตามขนมปังที่พบนั้น เชื่อกันว่าไม่ได้ทำขึ้นเพื่อคุณค่าทางโภชนาการ แต่เป็นการทำขึ้นเพื่อใช้ในพิธีกรรมทางวัฒนธรรม สังคม หรืออุดมการณ์ เนื่องจากสถานที่ค้นพบนั้นมีสิ่งปลูกสร้างที่ต่างไปจากที่อยู่อาศัยในยุคนั้น และมีความคล้ายคลึงกับสถานที่ประกอบพิธีกรรม ซึ่งนั่นหมายความว่าในสมัยก่อน อาจจะมีความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมมากกว่าที่พวกเราเคยคิดไว้ นอกจากนี้ขนมปังที่ค้นพบยังมีอายุมากกว่าการทำการเกษตรครั้งแรกถึง 3,500 ปี ทำให้เชื่อกันว่าการทำขนมปังเหล่านี้ออกมานั้น อาจจะหนึ่งในจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติทางการเกษตรในสมัยนั้นเลยก็เป็นได้ นี่เป็นถือว่าเป็นหนึ่งในการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการอาหารการกินในอดีตของมนุษย์ และทีมนักวิทยาศาสตร์เองก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมเกี่ยวกับอาหารของคนสมัยก่อนได้มากขึ้นจากการค้นพบในครั้งนี้ …
-
คุณแม่โวย มีทั้ง “ชื่อ ที่อยู่ และภาพใบหน้า” ของขโมยที่ขึ้นบ้าน แต่ตำรวจไม่ยอมสืบสวนให้
ปกติแล้วเมื่อขโมยขึ้นบ้านใครสักคน แม้ว่าการตามตัวขโมยจะเป็นสิ่งที่ยากลำบาก แต่หลายครั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตามสืบสวนจนพบตัวคนร้ายได้ แต่ครั้งนี้เรื่องราวที่แสนง่ายกลับกลายเป็นยาก เมื่อหญิงผู้เสียหายที่ถูกขโมยขึ้นบ้านมีเบาะแสของคนร้ายครบกระทั่งรูปถ่ายใบหน้า แต่พอส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กลับถูกเจ้าหน้าที่ ปฏิเสธที่จะสืบสวนคดี ให้เสียอย่างนั้น ผู้เสียหายนามว่า Izabela Siergiej วัย 38 ปี ได้ติดแอปพลิเคชันป้องกันขโมยเอาไว้ที่บ้านและโทรศัพท์มือถือ นั่นทำให้เธอได้มาซึ่งใบหน้าและที่อยู่ของหัวขโมยผู้ที่กำลังทำการงัดเข้าบ้าน Izabela Siergiej ผู้เสียหาย Izabela ได้ไปตามที่อยู่ในเบอร์มิงแฮมตามที่ได้รับมา เมื่อถามเพื่อนบ้านของหัวขโมยก็ทำให้ทราบชื่อมาคร่าวๆ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับบอกว่าตำแหน่งที่ตั้งของหัวขโมยที่ปรากฏบนหน้าจอนั้นกว้างเกินกว่าที่จะหาตัวได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงยืนยันว่าจะไม่มีการสืบสวนคดีนี้แน่นอน อย่างน้อยก็หนึ่งสัปดาห์ Izabela จึงเข้าไปยังพื้นที่ที่เป็นตำแหน่งของขโมยด้วยตนเอง แล้วนำภาพถ่ายใบหน้าที่เธอได้มาจากแอปฯ ไปให้คนในละแวกนั้นดู เธอจึงได้ชื่อที่แท้จริงของหัวขโมย “ฉันไม่รู้ว่าจะช่วยให้ตำรวจตามหาตัวคนร้ายได้ง่ายกว่านี้อย่างไรแล้ว” Izabela กล่าว “พวกเขาได้ทั้งภาพถ่ายใบหน้า ที่อยู่ สถานที่และเวลาที่เขางัดเข้าบ้านฉัน แต่พวกเขาก็ยังปฏิเสธที่จะช่วยฉัน” “แอปฯ สามารถระบุตำแหน่งได้แม่นยำมากภายในระยะ 6 เมตร คุณสามารถรู้ได้เลยว่าเจ้าหัวขโมยมันอยู่ห้องไหน หากมันเปิดมือถือขึ้นมา ฉันแค่ต้องการทรัพย์สินของฉันคืน แต่ตำรวจไม่ช่วยฉันเลย” เธอกล่าวต่อ ภายในบ้านสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของเธอเสียหายจากการที่หัวขโมยงัดบ้านของเธอเข้ามาขณะที่เธอและลูกๆ กำลังหลับ แต่หลังจากที่เธอแจ้งเบาะแสทุกอย่างที่เธอได้มาจากแอปฯ Lockwatch…
-
แอบส่องภายเครื่องบินของ Putin ตกแต่งสีทองหรูหรา แถมมี ‘ฟิตเนส’ ข้างในด้วยนะ!
เครื่องบินอันเป็นยานพาหนะส่วนตัวของผู้นำประเทศรัสเซียอย่าง Vladimir Putin นั้นย่อมต้องไม่ใช่เครื่องบินธรรมดาๆ อย่างที่เราเคยนั่งกันอย่างแน่นอน สำหรับงานประชุมใหญ่ระหว่าง Putin และ Donald Trump ที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ เครื่องบินลำที่พาท่าน Putin ไปยังที่หมายก็คือเจ้าเครื่องบินโมเดล IL-96-300PU ราคา 17,241 ล้านบาทลำนี้นี่เอง เครื่องบินโมเดล IL-96-300PU ของ Putin ที่มีการติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารพิเศษสำหรับท่านผู้นำโดยเฉพาะ เครื่องบินลำนี้สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วสูงสุดถึง 900 กม./ชม. เลยทีเดียว และถูกผลิตโดยบริษัท Voronezh Aircraft Production Association เครื่องบินรุ่นนี้ถึงแม้จะมีขนาดใหญ่ แต่ภายนอกของตัวเครื่องบินก็ดูไม่แตกต่างไปจากเครื่องบินที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไป หากลองได้มาชมด้านในของเครื่องบินแล้วล่ะก็จะต้องลืมภาพเครื่องบินแสนธรรมดาที่เห็นจากภายนอกไปอย่างทันที เพราะว่าข้างในเครื่องบินส่วนตัวของ Putin ลำนี้เรียกได้ว่า “หรูหรา” สุดๆ การตกแต่งภายในจะเป็นสไตล์นีโอคลาสสิกที่มีทั้งห้องทำงาน ห้องนอน รวมไปถึงฟิตเนสด้วย มีฟิตเนสยิมด้วยล่ะ ห้องนอนเตียงคู่กว้างสบาย แถมหรูหราอีกด้วย นี่คือส่วนห้องครัวของเครื่องบินลำนี้ เห็นอย่างนี้ท่าน Putin มิได้มาคนเดียวโดดๆ อย่างแน่นอน เครื่องบินอีก…
-
ดาราหนังโป๊เกย์ ขอแฟนหนุ่มแต่งหลังจบถ่ายหนังแบบเซ็กส์หมู่ ท่ามกลางความปิติยินดี
เรื่องราวนี้เป็นเรื่องของดาราหนังโป๊เกย์ชื่อดัง Brian Bonds ที่ได้ตัดสินใจคุกเข่าขอ Mason Lear แฟนหนุ่มท่ามกลางความยินดีของเพื่อนๆ ร่วมวงการหลังจากการถ่ายทำหนังเสร็จ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจการถ่ายหนังโป๊กับฉากเซ็กส์หมู่ (Bareback Gang Bang) สุดสยิวร่วมกับนักแสดงอีก 8 ชีวิต Brain ได้ทำการเซอร์ไพรส์แฟนหนุ่มด้วยการคุกเข่าลงขอแต่งงานพร้อมกับกล่าวว่า “นี่คือจุดสิ้นสุดของทัวร์ของเรา และผมก็บอกได้ว่านี่อาจเป็นวันที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเรา และผมก็ชอบที่จะทำมันซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่มีความแตกต่างกว่าที่เคย และสิ่งที่ผมต้องการก็คือ ผมต้องการให้คุณใส่มัน” พอพูดจบเขาก็นำกล่องแหวนออกมา Mason ตอบทันทีว่า “Yes” เขายอมรับคำขอแต่งงานในครั้งนี้ หลังจากนั้นทั้งสองก็จูบกันท่ามกลางเสียงเชียร์และเสียงแสดงความยินดีใจเพื่อนๆ นักแสดง หลังจากช่วงเวลาสุดประทับใจผ่านไป Brain ก็ได้โพสต์ภาพบนทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขาว่า “เรามุ่งหน้ากลับบ้าน แล้วก็พร้อมที่จะกลับมาภายหลัง แต่กลับมาหลังจากที่ @MymMasonLear กำลังจะแต่งงานกับฉันสักวันหนึ่งเร็ว ๆ นี้ (หลังจากวางแผนอย่างมาก) ทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ดีที่สุด เจอกันที่ Vegas” https://twitter.com/BrianBondsXXX/status/1017493121515470848 ยังไงก็ขอแสดงความยินดีกับทั้งคู่ด้วยนะ ที่มา gaystarnews
-
“เอาคนเป็นโรคอ้วนออกจากบ้าน” อีกงานของดับเพลิงอังกฤษ มีการแจ้งเหตุมากขึ้นกว่า 2 เท่า
เคยได้ยินข่าวคนอ้วนเกินจนออกจากบ้านไม่ได้ไหม? ถ้าเป็นในประเทศไทยก็จะมีการติดต่อไปยังหน่วยกู้ภัยเพื่อที่จะให้การช่วยเหลือพาตัวออกมาจากบ้านใช่ไหมล่ะ แต่สำหรับที่อังกฤษแล้ว งานพวกนี้จัดเป็นงานของพนักงานดับเพลิงนั่นเอง ดังนั้นการที่มีงานแบบนี้เพิ่มมากขึ้นก็ย่อมที่จะเป็นเรื่องธรรมดาที่นักดับเพลิงจะต้องทำงานหลายอย่างมากขึ้นไปด้วยนั่นเอง โดยเฉพาะช่วงหลายปีมานี้ซึ่งมีการติดต่อขอความช่วยเหลือ เอาคนอ้วนออกจากบ้านเข้ามาเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อนถึง 2 เท่าแล้วด้วย จากข้อมูลของทางสำนักงานดับเพลิงของอังกฤษ ในปี 2017 ที่ผ่านมา มีการแจ้งเรื่องคนน้ำหนักเกินจนขยับตัวไม่ได้เข้ามามากถึง 909 ครั้ง ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าจากในปี 2012 ที่มีตัวเลขเพียง 426 ครั้ง นอกจากนี้ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาก็มีการแจ้งเหตุเช่นนี้รวมแล้วถึง 3,873 ครั้ง โดยหนึ่งในนั้นเป็นผู้ป่วยที่มีน้ำหนักมากถึง 350 กิโลกรัมอีกด้วย โดยพื้นที่ที่มีการแจ้งเรื่องมากที่สุดคือ กรุงลอนดอนซึ่งมีจำนวนการแจ้งเหตุ 376 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2012-2017 ตามมาด้วย ไอร์แลนด์เหนือซึ่งมีจำนวนการแจ้งเหตุ 279 ครั้ง และเซาท์ ยอร์กเชียร์ที่ 213 ครั้ง จอร์เจีย เดวิส สาวผู้ป่วยโรคอ้วนที่เคยมีน้ำหนักมากถึง 350 กิโลกรัม ตัวเลขที่ออกมานั้นสร้างความลำบากใจแก่ทาง กลุ่มผู้รณรงค์ต่อต้านโรคอ้วนเป็นอย่างมาก โดยพวกเขานั้นมองว่าปัญหาคนน้ำหนักเกินเหล่านี้ทำให้เหล่านักดับเพลิงที่เดิมทีก็มีงานล้นมืออยู่แล้ว จำเป็นต้องทำงานอย่างหนักขึ้นไปอีก…
-
หนุ่มมะกันบุกบ้านชาวเอเชีย สั่งให้เอาป้ายด่า Trump ออก พร้อมเหยียดว่า “Ni**er”
กลายเป็นเรื่องราวของการเหยียดเสียอย่างนั้น เมื่อชายผู้หนึ่งบุกเข้ามายังสนามหญ้าหน้าบ้านของครอบครัวชาวเอเชียน-อเมริกัน เพื่อ “สั่ง” ให้นำป้ายที่มีข้อความโจมตีประธานาธิบดี Donald Trump ออก ป้ายดังกล่าวมีข้อความที่เขียนว่า “F**k Donald Trump” ทำให้ชายจากนอร์ธแคโรไลนาเกิดความไม่พอใจและมีปากเสียงกับเจ้าของบ้านอยู่ชั่วระยะหนึ่ง จนสุดท้ายชายที่เข้ามาบุกบ้านของครอบครัวชาวเอเชีย-อเมริกันก็ลั่นวาจาเหยียดพวกเขาออกมาว่า “Ni**er” ซึ่งเป็นคำด่าคนผิวสีนั่นเอง คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คลิปที่ 1 ในคลิปที่แรกนี้ จะเห็นได้ว่าชายเสื้อสีน้ำเงินพร้อมกางเกงยีนได้มีปากเสียงกับชายที่ไม่ได้สวมเสื้อซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน https://twitter.com/Freeyourmindkid/status/1018632667158532096?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1018632667158532096&ref_url=https%3A%2F%2Fnextshark.com%2Fracist-man-storms-asian-american-familys-yard-calling-nr-fk-donald-trump-sign%2F เจ้าของบ้านตะโกนออกมาว่า “ออกไปจากบ้านตรูเดี๋ยวนี้เลย แกจะมาสนใจอะไรในบ้านฉันวะ?” ชายบุกบ้านตอบว่า “ฉันลงคะแนนให้ Bernie Sanders โว้ยไอ้งั่ง ฉันไม่ได้สนใจอะไรของบ้านแกหรอก!” แต่เขาบอกว่าป้ายหน้าบ้านของครอบครัวเอเชีย-อเมริกันนี้ดันไปทำให้ลูกๆ ของเขาไม่พอใจ “ฉันจอดรถอยู่ใกล้ๆ แล้วดันได้กลิ่นคล้ายๆ กัญชาออกมาจากบ้านของแกไง” ชายบุกบ้านกล่าวต่อ จากนั้นชายบุกบ้านก็ขู่ว่าจะแจ้งความกับตำรวจ แล้วเขาก็เดินจากไปยังรถของเขาพร้อมกับชูนิ้วกลางบนมือของเขาอีกด้วย “เห็นทะเบียนรถมันมั้ย? ถ่ายเอาไว้นะ ฉันจะตามตัวมันให้เจอให้ได้เลยไอ้ห่านี่” เจ้าของบ้านพูดกับหญิงที่เป็นผู้ถือกล้องถ่ายคลิปวิดีโอ จากนั้นเจ้าของบ้านก็เรียกชายผู้บุกรุกคนนี้ว่า “Cracker” ที่แปลว่า “ไอ้เฮงซวย” พร้อมๆ กัน อีกฝ่ายก็ก่นด่ากลับมาว่า “Ni**er” ที่เป็นคำด่าเหยียดชาวผิวสีเช่นกัน จากนั้นชายผู้บุกรุกก็ตอบว่า…
-
หนุ่มโรงงานใช้เครื่องอัดอากาศ เป่าเข้ารูตูดเพื่อนจนเสียชีวิต บอกเป็นแค่การ “แกล้งเล่นขำๆ”
การแกล้งเล่นกันสนุกสนานตามประสาเพื่อนฝูง อาจกลายเป็นต้นเหตุที่นำไปสู่ความตายอย่างที่พวกเราอาจคาดไม่ถึง ตัวอย่างของเหตุการณ์ในลักษณะนั้นมักจะมีมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เมื่อชายหนุ่มแกล้งเพื่อนด้วยการใช้เครื่องอัดอากาศเป่าลมใส่รูทวาร จนสุดท้ายเป็นเหตุให้เพื่อนคนนั้นต้องจากโลกนี้ไป เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 14 กรกฎาคม 2018 ณ โรงงานแห่งหนึ่งในเมืองสึกุบะ ประเทศญี่ปุ่น Yoshiyuki Yoshida วัย 34 ปี พนักงานคนหนึ่งของโรงงานนั้น ได้แกล้งเล่นกันขำๆ กับเพื่อนร่วมงาน Akio Ishimaru วัย 46 ปี ระหว่างช่วงพัก จากการรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า นาย Yoshida ได้ใช้เครื่องอัดอากาศที่เหมือนกับเครื่องสูบลม เป่าผ่านกางเกงของนาย Ishimaru เข้าไปทางรูทวาร ผ่านไปไม่นาน นาย Ishimaru ก็รู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ จึงจำเป็นต้องรีบเรียกรถฉุกเฉินให้นำตัวเขาไปส่งที่โรงพยาบาลเป็นการด่วน แต่ว่าภายหลังเขาก็จากโลกนี้ไปเพราะอวัยวะภายในเสียหาย แหลกเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว เมืองสึกุบะ เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานี Ryugasaki บอกว่า “การอัดอากาศเข้าไปทางรูทวาร แม้ว่าจะผ่านเสื้อผ้า ไม่ได้ยัดเข้าไปโดยตรง สิ่งนั้นได้ทำให้เกิดความเสียหายกับปอดทั้งสองข้างของผู้ตายจนเสียชีวิต” ทางด้านนาย…
-
สาวจีนซื้อยาลดน้ำหนักมากินติดต่อกัน 7 ปี แต่น้ำหนักพุ่งมากกว่าเดิม 2 เท่า!?
หญิงสาวชาวจีนรายหนึ่งตัดสินใจเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดกระเพาะอาหารหลังจากที่เธอกินยาลดน้ำหนักติดต่อกัน 7 ปี แต่กลับมีน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเท่าตัว เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Odditycentral ได้นำเสนอเรื่องราวของหญิงสาวนามว่าเสี่ยวลี่ (นามสมมุติ) เธอเล่าว่าเมื่อประมาณ 7 ปีก่อน เธอมีน้ำหนัก 45 กิโลกรัมแต่รู้สึกว่าตัวเองไม่พอใจในน้ำหนักขณะนั้น วันหนึ่งเธอได้เห็นโฆษณายาลดความอ้วนอยู่ตัวหนึ่งผ่านทางรายการทีวี เธอจึงเกิดอาการเคลิ้มจนซื้อยาตัวดังกล่าวมากินบ้าง หลังจากที่เธอกินยาลดความอ้วนตัวดังกล่าวเข้าไป น้ำหนักของเธอก็ลดลงไปเล็กน้อย แต่พอหยุดกินยาน้ำหนักของเธอก็เพิ่มกลับขึ้นมา และกลายเป็นวัฏจักรแบบนี้วนไปเรื่อยๆ เสี่ยวลี่เล่าว่าเธอต้องหมดเงินไปประมาณ 200,000 หยวน หรือประมาณเกือบๆ 1 ล้านบาท ในการซื้อยาลดความอ้วนมากินตลอด 7 ปีที่ผ่านมา โดยเปลี่ยนตัวยาไปเรื่อยๆ แต่น้ำหนักของเธอกลับไม่ได้ลดลงเลยและเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ มีตัวยาบางชนิดที่เธอกินแล้วน้ำหนักลดลงไปบ้าง แต่เมื่อเธอหยุดกินน้ำหนักก็พุ่งกลับขึ้นมา นั่นทำให้เธอรู้ว่าไม่มียาตัวไหนที่สามารถลดน้ำหนักของเธอได้ตามที่โฆษณาไว้เลยแม้แต่ตัวเดียว หัวหน้าแพทย์ในโรงพยาบาลประชาชนเฉินตูกล่าวว่ายาลดความอ้วนแต่ละตัวจะทำงานโดยการลดความอยากอาหารและเร่งขับถ่าย แต่ส่วนที่ทำให้ไม่ได้ผลเข้าไปอีกคือพฤติกรรมการกินของเธอที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ซึ่งการกินยาเหล่านั้นก็ไม่ได้ให้ผลในระยะยาวด้วย ที่มา odditycentral
-
หมู่บ้านในญี่ปุ่น เปลี่ยนทุ่งนาให้กลายเป็นงานศิลปะ เพื่อดึงดูดให้คนไปท่องเที่ยวกัน
คงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเมืองท่องเที่ยวที่มีจุดเด่นเช่นทะเล ภูเขา มีร้านรวงสวยๆ หรือมีของขึ้นชื่อต่างๆ ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อยู่แล้ว แต่คุณลองจินตนาการดูสิว่าถ้าเมืองที่คุณอยู่เป็นเมืองเกษตรกรรมที่ปลูกไร่ทำนา คุณจะเอาจุดเด่นอะไรมาดึงดูดนักท่องเที่ยว? หมู่บ้านอินาคาดาเตะในจังหวัดอาโอโมริ เป็นหมู่บ้านหนึ่งในญี่ปุ่นที่เป็นหมู่บ้านเกษตรกรรมอย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้น แต่พวกเขาก็มีวิธีในการสร้างจุดเด่นแบบที่เราเห็นก็ยังรู้สึกทึ่งเหมือนกัน วิธีที่ว่านั้นคือการสร้างงานศิลปะบนทุ่งนา ในแต่ละปีหมู่บ้านอินาคาดาเตะจะมีการจัดตกแต่งทุ่งนา 2 แห่ง ให้กลายเป็นเหมือนผืนผ้าใบขนาดยักษ์เพื่อใช้ในการวาดหรือสร้างสรรค์รูปต่างๆ (ในภาษาญี่ปุ่นเรียกงานศิลปะนี้ว่า “Tambo Art”) และในปีนี้เองพวกเขาก็ได้วางธีมน่ารักๆ ด้วยการสร้างงานศิลปะที่หวนรำลึกถึงเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นในยุค 50s อย่าง เจ้าหนูปรมาณู และ ริบบ้อนจ้าวอัศวิน ซึ่งเป็น 2 ตัวการ์ตูนจากปลายปากกาของ Osamu Tezuka ที่โด่งดังมากในยุคนั้น ในขณะที่อีกทุ่งนาหนึ่งทำเป็นรูป Audrey Hepburn และ Gregory Peck ดาราฮอลลีวูดที่มีชื่อเสียงมากในช่วงยุค 50s-60s . นี่เป็นภาพศิลปะทุ่งนาจากเมื่อปี 2017 ที่ทำเป็นหนังเรื่อง Gone with the Wind หนังดังจากปี 1939 หากใครสนใจอยากจะไปถ่ายภาพสวยๆ แบบนี้ล่ะก็ สามารถเดินทางไปได้ที่หมู่บ้านอินาคาดาเตะในจังหวัดอาโอโมริ และจะมีถึงแต่วันที่…
-
เที่ยวฮาวายอยู่ดีๆ เจอ “สะเก็ดลาวา” หล่นใส่เรือ แตกตื่นแถมบาดเจ็บ 20 ราย
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro รายงานว่านักท่องเที่ยว 22 ราย ได้รับบาดเจ็บ หลังจากสะเก็ดลาวาของภูเขาไฟกระเด็นตกใส่หลังคาของเรือ บริเวณเกาะฮาวาย อุบัติเหตุครั้งนี้ เป็นเหตุให้หญิงรายหนึ่งได้รับบาดเจ็บกระดูกขาหัก เจ้าหน้าที่กู้ภัยกล่าวว่า สะเก็ดลาวาดังกล่าวได้ตกใส่หลังคาเรือ ก่อนที่จะทะลุลงมาบริเวณที่นั่งของผู้โดยสาร เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากการปะทุของภูเขาไฟ Kilauea ผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน มีบางคนที่ได้รับบาดเจ็บจากแผลไฟไหม้ รอยถลอก และมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ทางด้านนาย Shane Turpin กัปตันเรือที่เกิดอุบัติเหตุได้ให้สัมภาษณ์ว่า เขาเองไม่เคยเห็นการปะทุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุแบบนี้มาก่อนเลย ซึ่งมันเกิดขึ้นหลังจากที่เรือออกมาจากฝั่งได้เพียง 20 นาทีเท่านั้น “ในตอนนั้นผมไม่ทันเห็นการระเบิด มันไม่มีสัญญาณเตือนอะไรเลยก่อนหน้านี้ นี่เป็นอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นบทเรียนที่สำคัญ” กัปตันเรือให้สัมภาษณ์ ลาวาจากภูเขาไฟ Kilauea ที่กำลังไหลลงสู่ทะเล Turpin ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า นักท่องเที่ยวส่วนมากได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่มีนักท่องเที่ยวหญิงรายหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในขณะนี้ อย่างไรก็ตามทางการได้ออกมาเตือนก่อนหน้านี้แล้วว่า การเข้าใกล้แนวลาวานั้นอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ และในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ได้มีการประกาศห้ามเข้าใกล้แนวลาวาเกิน 300 เมตร ที่มา metro
-
ชาวบ้านจากอินโดฯ บุกฆ่าจระเข้ในฟาร์มเกือบ 300 ตัว เพื่อแก้แค้นให้กับคนในหมู่บ้าน
ม็อบของชาวบ้านในเขตโซรง จังหวัดปาปัวตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย พากันบุกเข้าไปในฟาร์มจระเข้ พร้อมกับฆ่าพวกมันเกือบ 300 ตัวเพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับชายรายหนึ่ง เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา สื่อต่างประเทศได้รายงานว่าชาวบ้านจำนวนหลายร้อยคน พร้อมมีดและอาวุธ ได้บุกเข้าไปในฟาร์มจระเข้ หลังจากที่ชายวัย 48 ปีรายหนึ่งตกลงไปในบ่อจระเข้ และถูกกิน คลิปวิดีโอของเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ทางโลกออนไลน์ และได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากจากผู้เข้าชม “มันเป็นเรื่องเศร้ามาก มนุษย์แทบไม่ต่างจากสัตว์เลย” ความคิดเห็นจากชาวเน็ตรายหนึ่ง หลังจากที่ได้ชมคลิป อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่สามารถที่จะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้ แต่อย่างไรก็ตามที่ประเทศอินโดนีเซีย จระเข้ถือเป็นสัตว์ที่ได้รับความคุ้มครอง และการกระทำดังกล่าวเป็นอาชญากรรมที่มีโทษทั้งจำและปรับ “ตอนนั้นคนงานของเราเห็นคนตะโกนเรียกและรีบตามไปดูทันที แต่เมื่อไปถึงเห็นจระเข้กำลังทำร้ายชายคนหนึ่ง” เจ้าหน้าที่จากฟาร์มให้สัมภาษณ์ ฟาร์มดังกล่าวคือสถานที่อนุรักษ์พันธุ์จระเข้น้ำเค็มและจระเข้สายพันธุ์นิวกินี ซึ่งได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยจากรายงานระบุว่ามีจระเข้ที่ถูกฆ่าตายในเหตุการณ์ครั้งนี้รวม 292 ตัวด้วยกัน ที่มา bbc
-
ชาวโลกออนไลน์ยก ‘ประธานาธิบดีโครเอเชีย’ เป็นสุดยอดผู้นำขวัญใจในฟุตบอลโลก 2018
จบไปหมาดๆ กับเทศกาลฟุตบอลโลก 2018 ในที่สุดเราก็ได้ทราบว่าแชมป์ประจำปีนี้ได้แก่ ทีมชาติฝรั่งเศสที่เอาชนะชาติโครเอเชียไปด้วยสกอร์ 4-2 เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา แมตช์ประวัติศาสตร์แห่งวงการฟุตบอลโลกในครั้งนี้สร้างความประทับใจให้แก่แฟนบอลทั่วโลกในหลายๆ เรื่อง รวมไปถึงอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากๆ นั่นก็คือเหล่ากองเชียร์ของแต่ละประเทศที่เดินทางมาเชียร์ทีมโปรดของตัวเองถึงที่ประเทศรัสเซีย ประธานาธิบดีฝรั่งเศส-ประธานาธิบดีโครเอเชีย หนึ่งในทีมที่กลายเป็นที่พูดถึงมากๆ ในการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้ นั่นก็คือทีมจากประเทศโครเอเชียที่สามารถเดินทางก้าวเข้ามาเป็น 2 ทีมสุดท้ายในรอบชิงชนะเลิศ นอกจากนักฟุตบอลแล้วก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลยก็คือ ประธานาธิบดีหญิงของโครเอเชียที่เดินทางมาเชียร์ทีมฟุตบอลบ้านเกิดด้วย โคลินดา กราบาร์-คิตาโรวิช (Kolinda Grabar-Kitarović) อายุ 50 ปี ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของโครเอเชีย ผู้ที่เพียบพร้อมทั้งความสวยและความเก่งแบบสุดๆ จากการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ผ่านมา ชาวโลกออนไลน์ต่างก็ได้ชื่นชมถึงความเป็นกันเองของท่านประธานาธิบดีและยกให้เป็นสุดยอดผู้นำขวัญใจชาวเน็ตในเทศกาลฟุตบอลโลกในครั้งนี้ ชาวโลกออนไลน์ต่างพากันชื่นชมเธอว่าเป็นผู้นำที่ดูสง่างามมากๆ ถึงแม้ว่าทีมจะพ่ายแพ้แต่ก็ยังคงยินดีแถมยังกอดให้กำลังใจให้กับผู้เล่นทุกคน อีกฉากหนึ่งที่ประทับใจสุดๆ ก็คือการยืนร่วมกับนักฟุตบอลทุกคนท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ประธานาธิบดีโครเอเชียกล่าวชื่นชม Modric นักเตะยอดเยี่ยมประจำการแข่งขันครั้งนี้ โคลินดาเดินทางไปให้กำลังใจนักเตะถึงขอบสนามในเกือบทุกๆ แมตช์ที่แข่งขัน มีครั้งเดียวที่พลาดเนื่องจากต้องไปประชุมกับ Nato นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าโคลินดาออกค่าเครื่องบินเพื่อไปให้กำลังใจนักเตะด้วยเงินของเธอเอง ถึงจะเป็นถึงผู้นำประเทศแต่ก็ยังนั่งเครื่องบินชั้นประหยัดเหมือนคนทั่วไป ท่าทางดีใจของประธานาธิบดีเมื่อนักเตะยิงประตูเข้า…
-
เรื่องราวของตำรวจที่ “ผูกเชือกรองเท้า” ให้เด็กน้อย กลายเป็นความประทับใจของชาวเน็ต
ในเมือง Tukwila ชานเมืองของรัฐวอชิงตัน ดี.ซี. เองก็มีเรื่องราวน่าประทับใจเกิดขึ้นเช่นกัน เมื่อมีภาพที่ตำรวจนายหนึ่งก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้เด็กน้อยถูกโพสต์บนอินเทอร์เน็ต ทำให้ชาวเน็ตต่างพากันรู้สึกอบอุ่นหัวใจกันถ้วนหน้า ในภาพจะเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งที่สวมชุดเครื่องแบบเต็มยศ นั่งคุกเข่าก้มตัวโดยมือทั้งสองข้างก็กำลังผูกเชือกรองเท้าให้กับเด็กหนุ่มตัวน้อย แล้วเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไรกันแน่ ทั้งสองคนในภาพมีความสัมพันธ์กันหรือไม่? อย่างไร? เราคงต้องไปฟังเหตุการณ์เต็มๆ กันจากเฟซบุ๊กเพจ Tukwila Police Department แล้วล่ะ… ภาพนายตำรวจผูกเชือกรองเท้าให้เด็กน้อย โพสต์เล่าเหตุการณ์จากทางเฟซบุ๊ก Tukwila Police Department เนื้อหาในโพสต์มีใจความว่า: “จ่าสุภาพ และเจ้าหน้าที่ขี้อาย (ขอไม่เปิดเผยชื่อจริงนะ เพราะพวกเขาขี้อายมาก) ได้เดินตรวจตราอยู่ที่บริเวณ Cascade View Park เมื่อวานตอนบ่ายๆ (วันที่ 13 กรกฎาคม) แล้วพวกเขาก็พบกับเด็กน้อยคนนี้วิ่งสวนเข้ามาโดยสวมเพียงถุงเท้าที่ฉีกขาดและสกปรก แถมเท้าของเขายังมีเลือดออกเนื่องจากมีรอยแผลเหมือนถูกบาดบริเวณเท้าของเขา จ่าสุภาพจึงทำความสะอาดและแปะแผลให้ด้วยอุปกรณ์ทำแผลที่ติดตัวมา เมื่อถามเจ้าหนูว่ารองเท้าหายไปไหน เจ้าหนูจึงตอบว่าเขาไม่มีรองเท้าเลยสักคู่ เพราะรองเท้าที่เขามีนั้นมันเล็กเกินไปกว่าที่เขาจะสวมใส่ได้ จากนั้นจ่าสุภาพจึงรีบวิ่งไปหาซื้อรองเท้าคู่ใหม่ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ขี้อายชวนเจ้าหนูคุยเพื่อรอให้เขากลับมา เมื่อจ่าสุภาพกลับมาเขาไม่ได้มาพร้อมกับรองเท้าคู่ใหม่เท่านั้น เขายังพกไอศกรีมมาอีกด้วย! เขาช่วยเจ้าหนูผูกเชือกรองเท้าคู่ใหม่ และแล้วพวกเขาทั้ง 3 คนก็ถือไอศกรีมคนละแท่งแล้วกินไปพร้อมกันอย่างเอร็ดอร่อยก่อนจะจากกันไปด้วยรอยยิ้ม” หลังจากภาพและเรื่องราวถูกเผยแพร่ลงบนโลกออนไลน์ ชาวเน็ตก็เข้ามาแสดงความปลื้มปริ่มกันเพียบ! “ขอบคุณนะที่ทำดีกับเจ้าหนู”…
-
“ราเม็งไอติมวานิลลา ซีฟู้ด” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติใหม่ ไม่เหมือนใคร หวานคาวในถ้วยเดียวกัน!!
รสชาติของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในปัจจุบัน เรียกได้ว่ามีเยอะแยะมากมายซะจนเราคงจำกันไม่ครบ แต่สำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสใหม่ในญี่ปุ่นนี้ บอกเลยว่ามันเกิดคำว่าหลากหลายไปเป็นคำว่าพิสดารแล้วแหละนะ เพราะนี่คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรส “ไอติมวานิลลา ซีฟู้ด ราเม็ง” !! บะหมี่รสชาติสุดแหวก ทำออกมาเพื่อฉลองครบรอบ 30 ปีของบริษัท นี่คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยรสชาติใหม่จากยี่ห้อ Super Cup 1.5 Bai ของบริษัท Acecook ประเทศญี่ปุ่น ที่พวกเขานั้นทำออกมาเพื่อเอาใจทั้งคนชอบของคาวและหวาน บอกเลยว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้มีความโดดเด่นอย่างแท้จริง เพราะนอกจากถ้วยมันจะใหญ่กว่ายี่ห้ออื่น 1.5 เท่า (ซึ่งเป็นจุดเด่นของบะหมี่ถ้วยยี่ห้อนี้) มันดันเพิ่มความพิสดารเข้ามาอีกเนี่ยสิ… แต่ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าในบะหมี่ถ้วยนี้ไม่ได้มีการใส่ไอติมโคนวานิลลาเข้าไปจริงๆ หรอกนะ!! สิ่งที่เขาให้มาคือผงกลิ่นไอติมวานิลลาอันหวานหอม ที่เราสามารถเลือกจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ แต่เอาจริงๆ ก็ใส่เพื่อความแปลกใหม่น่าจะดีกว่า ทางผู้ผลิตก็ขอการันตีเลยว่ารสชาติของมันจะมีทั้งความหวานหอมของวานิลลา และกลิ่นอายอันเข้มข้นของอาหารทะเล โดยทั้ง 2 อย่างสามารถผสมผสานเข้ากันได้อย่างลงตัว หากใครอยากลองชิมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาตินี้ก็ขอให้อดใจรอกันหน่อย เพราะมันจะเปิดวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2018 เป็นต้นไป ในราคา 210 เยน หรือประมาณ…
-
สาวเล่นมือถือขณะขี่มอไซค์จนชนกับรถด้านหน้า แม้นอนอยู่กลางถนน เธอก็ยังคงเล่นมือถือต่อ?!
ปัจจุบัน คนจำนวนมากอาจมีอาการของสิ่งที่เรียกว่า “ติดโทรศัพท์” เคยชินกับการเล่นสมาร์ทโฟนแทบจะตลอดเวลา มีอะไรก็มักจะเปิดดูโน่นนี่นั่นในโซเชียลมีเดีย หรือเช็กข้อความก่อนเป็นอันดับแรก และหญิงสาววัยรุ่นคนนี้ก็คงนับได้ว่าเป็นหนึ่งคนที่มีอาการอย่างที่ว่ามา เพราะเธอเล่นโทรศัพท์ขณะขี่มอเตอร์ไซค์จนทำให้ชนท้ายรถคันข้างหน้า แต่แม้ว่าเธอจะล้มกลิ้งไปกลางถนนแล้ว เธอก็ยังคงเล่นมือถือต่อได้อย่างหน้าตาเฉย?! ภาพอุบัติเหตุของหญิงสาวรายนี้ นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 12 กรกฎาคม 2018 บนถนนแห่งหนึ่งในเมือง Zhejiang มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นหญิงสาวคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์มาตามทาง ในขณะที่เหลือบมองเล่นโทรศัพท์ไปด้วย และนั่นจึงกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอมองไม่เห็นรถคันข้างหน้า พุ่งชนท้ายเข้าอย่างจัง แต่หลังจากที่ล้มกลิ้งไปนอนแผ่หลากลางถนนแล้ว แทนที่เธอจะนอนเจ็บหรือขอความช่วยเหลือ เธอกลับยังคงเล่นมือถือที่อยู่ในมือต่อไปราวกับไม่ทุกข์ร้อนใดๆ นี่คือเอ็งกำลังไลฟ์สดอยู่หรือเปล่าฟะเนี่ย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลเสียที่เกิดขึ้นจากอาการเสพติดโทรศัพท์ในปัจจุบัน ซึ่งมันอาจทำเธอตายได้เลย!! ลองไปชมภาพเหตุการณ์แบบเต็มๆ กันดู เพราะฉะนั้นแล้ว แม้ว่าสมาร์ทโฟนจะช่วยตอบสนองความต้องการของเราได้มากขนาดไหน เราก็ไม่ควรที่จะเสพติดมันมากจนเกินไป จนลืมคำนึงถึงเรื่องอื่นๆ ของตัวเองด้วยล่ะ ที่มา: shanghaiist
-
เต่าตายลอยมาเกยฝั่ง เพราะถูก “เชือกเก้าอี้” รัดคอเอาไว้ เหตุจากการที่มนุษย์ขาดความรับผิดชอบ…
เต่าทะเล Kemp’s Ridley (Atlantic Ridley) คือเต่าทะเลสายพันธุ์หนึ่งที่หายากมากๆ และมีความเสี่ยงใกล้จะสูญพันธุ์ ซึ่งเป็นผลมาจากพฤติกรรมของมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม กระทรวงอนุรักษ์สัตว์ป่าและปลาแห่งสหรัฐอเมริกา บอกว่าเหตุที่พวกมันใกล้จะสูญพันธุ์นั้นเป็นเพราะว่าถูกล่าโดยมนุษย์ หรือไม่อย่างนั้นชาวประมงก็มักจะจับขึ้นมาโดยบังเอิญ เต่าสายพันธุ์ Kemp’s Ridley อย่างไรก็ตาม พวกมันกำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูจำนวนประชากรเพื่อให้รอดพ้นวิกฤต แต่ถึงอย่างนั้น มนุษย์ก็กลับกลายเป็นฆาตกรอีกครั้ง โดยมีหลักฐานเป็นภาพต่อไปนี้ คำเตือน: ภาพอาจมีความรุนแรงสะเทือนอารมณ์ความรู้สึก ภาพของเต่าสายพันธุ์ดังกล่าวที่ถูกเชือกเก้าอี้รัดคอจนเสียชีวิต ลอยมาเกยฝั่ง นั่นคือภาพถ่ายของเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (14 ก.ค. 2018) โพสต์โดยกลุ่ม Fort Morgan Share the Beach อาสาสมัครที่ทำหน้าที่อนุรักษ์พันธุ์เต่าบริเวณชายหาด Fort Morgan สหรัฐอเมริกา สิ่งที่เห็นนี้ถือว่าเป็นอะไรที่ดูแล้วสลดใจเป็นอย่างมาก เพียงเพราะผู้คนไม่ยอมเก็บข้าวของของตัวเองกลับออกไปจากชายหาด สุดท้ายมันก็จะถูกพัดลงทะเลและไปทำลายสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในที่สุด มองใกล้ๆ จะเห็นเลยว่าเชือกพันรัดคอมันอยู่ พวกเขายังบอกอีกว่า ต่อให้กล่าวเตือน ขอความร่วมมือไปเป็นร้อยเป็นพันครั้ง แต่ผลสุดท้ายมันก็ยังเหมือนเดิม…
-
หญิงมะกัน “กัดจมูก” เหยื่อจนแหว่งแล้ว ‘กลืนลงคอ’ หลังขอเบียร์และบุหรี่ไม่สำเร็จ
อะไรที่ไม่ได้ดั่งใจอย่างที่เราหวังเอาไว้นั้นมักทำให้เรารู้สึกขัดใจและอารมณ์เสียอยู่เสมอ แต่อย่างไรก็ตาม หากต้องการสิ่งใดจากผู้อื่น การขอร้องด้วยความสุภาพน่าจะเหมาะสมกว่าการทำร้ายร่างกาย กรณีในวันนี้ หญิงวัย 41 ปีคนหนึ่งไม่พอใจที่เธอขอเบียร์กับบุหรี่แล้วถูกปฏิเสธ เธอจึงเข้าไป “กัดจมูก” ของหญิงอีกคนหนึ่งแล้วกลืนลงคอไป เพราะหญิงคนนั้นไม่ยอมซื้อเบียร์กับบุหรี่ให้เธอ!! Jessica Collins หญิงวัย 41 ปีจากเท็กซัส ถูกเจ้าหนี้จับกุมหลังจากทำร้ายร่างกายคนแปลกหน้าด้วยการกัดจมูกออกไปเป็นรอยกว้างด้วยความเมาในวันพุธที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา เหยื่อผู้เสียหายวัย 28 ปีไม่เปิดเผยนาม ในวันเกิดเหตุตัวผู้เสียหาย (1) เพื่อนบ้านของเธอ (2) และ Jessica Collins ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านอีกคน (3) ได้ออกไปดื่มที่บาร์แห่งหนึ่ง เมื่อทั้งสามคนกลับจากบาร์มายังบ้านของผู้เสียหายก็เกิดการทำร้ายร่างกายขึ้น Jessica Collins เข้าไปกัดผู้เสียหายหลังจากที่ผู้เสียหายไม่ยอมซื้อเบียร์และบุหรี่มาให้เธอ เพื่อนบ้านของเหยื่อผู้เสียหายจึงเข้าไปโพสต์ในเว็บไซต์ GoFundMe ว่า “เพื่อนของฉันถูกคนโรคจิตทำร้ายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฉันบอกให้นางกลับบ้านตัวเองไป แต่แทนที่นางจะกลับนางดันพุ่งเข้าหาเพื่อนฉัน กัดเข้าที่จมูกแล้วยังกลืนลงคออีกด้วย” เมื่อผู้เสียหายเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล แพทย์แจ้งให้ทราบว่าเธอจำเป็นต้องรับการศัลยกรรมพลาสติกเพื่อทดแทนเนื้อเยื่อที่สูญเสียไป โดยกำหนดเข้ารับการผ่าตัดในอีก 2 สัปดาห์ถัดไปเพื่อหลีกเลี่ยงอาการแทรกซ้อน แต่การจะเข้ารับการศัลยกรรมจำเป็นต้องมีค่ามัดจำล่วงหน้า ซึ่งทางเพื่อนของผู้เสียหายจึงได้เปิดรับบริจาคสมทบทุนในเว็บไซต์ GoFundMe ปัจจุบันทุนที่ระดมมาได้มียอดอยู่ที่ราวๆ 23,000 บาท ซึ่งค่ารักษาทั้งหมดอยู่ที่เกือบๆ…
-
สาวขับรถตกหน้าผาในแคลิฟอร์เนียอยู่ 7 วัน อาศัยดื่มน้ำจากหม้อน้ำรถจนรอดชีวิต
นี่อาจเรียกว่าเป็นปาฏิหาริย์ โชคช่วย ความอดทน หรือความชาญฉลาดในการเอาตัวรอด ของหญิงสาวมะกันคนหนึ่ง ที่ขับรถและเกิดอุบัติเหตุจนแหกโค้งตกลงไปจากหน้าผาที่มีความสูงในระดับที่ทำให้เสียชีวิตได้เลย แต่เธอกลับรอดมาได้โดยอาศัยการกินน้ำจากหม้อน้ำของรถ ก่อนจะมีคนมาพบเธอเข้าในวันที่ 7 ภาพหน้าผาบริเวณที่รถของเธอตกลงไป เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Independent ได้นำเสนอเรื่องราวของ Angela Hernandez วัย 23 ปี จากเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ที่ขับ Jeep ตกหน้าผาด้วยความสูง 60 เมตร จนทำให้รถของเธอพังยับเยิน ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บอย่างหนักแต่ไม่เสียชีวิต นาง Hernandez ได้นำเรื่องราวการเอาชีวิตรอดของเธอมาเล่าผ่านเฟซบุ๊กว่า “สิ่งที่ฉันจำได้คือหลังจากฟื้นขึ้นมา ฉันยังอยู่ในรถและฉันสัมผัสได้ว่ามีน้ำสูงขึ้นมาถึงหัวเข่า ฉันเจ็บหัวมาก มีเลือดออกที่มือ รถของฉันดับไปแล้ว และทุกๆ หน้าต่างก็ปิดหมด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก” เธอกล่าวถึงวิธีที่เธอใช้ในการเอาชีวิตรอดว่า “ฉันดื่มน้ำจากหม้อน้ำรถของฉันเอง” แม้จะไม่มีทางที่เธอจะปีนขึ้นมาจากหน้าผาหรือตะโกนเรียกให้ใครช่วยได้เลย หลังจากผ่านไป 7 วัน ในที่สุดเธอถูกพบโดยนักปีนเขา 2 คน ที่อยู่ในบริเวณนั้น พวกเขาจึงปีนลงไปสำรวจซากรถ และพบว่าเธอยังมีสติอยู่ เธออยู่ในอาการคงที่ แต่ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยช้ำจากการกระแทก โดยเฉพาะที่บริเวณหัวไหล่…
-
2 นักดำน้ำอังกฤษ เผยวิธีการช่วยชีวิตเด็ก ต้องซักซ้อมประกบ-ทางการประเมินภัยต่ำ
หลังจากที่เด็กๆ ทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมีและโค้ชสามารถออกมาจากถ้ำหลวงได้แล้ว เจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องในงานกู้ภัยสุดท้าทายในครั้งนี้ ต่างได้แยกย้ายกลับสู่ภูมิลำเนาตามวิถีชีวิตปกติอีกครั้ง แน่นอนว่าสื่อต่างๆ ยังคงให้ความสนใจเกี่ยวกับภารกิจนี้ เนื่องจากการรายงานข่าววิธีการช่วยเหลือนั้นยังไม่สามารถทำได้ในระหว่างปฏิบัติภารกิจ พอทุกอย่างเสร็จสิ้น จึงมีการสัมภาษณ์ถึงรายละเอียดการช่วยเหลือต่างๆ ที่ยังไม่มีการเปิดเผย Jason Mallinson เว็บไซต์ Dailymail ได้ทำการสัมภาษณ์ 2 นักดำน้ำในถ้ำชาวอังกฤษ Jason Mallinson และ Chris Jewell โดยที่ทั้งคู่เปิดเผยว่า ก่อนจะเดินทางมาถึงประเทศไทย พวกเขาได้ทราบข่าวคราวและข้อมูลขั้นต้นของภารกิจดังกล่าว มีการวางแผนซักซ้อมและคาดการณ์ถึงภัยอันตรายเป็นอันดับแรกเสมอ Chris Jewell ท่ามกลางการร่วมงานกันระหว่างหน่วยซีลไทย ทีมผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกและอาสาสมัครนับพันชีวิต ต่อให้วางแผนอย่างพิถีพิถันแค่ไหนก็เกือบกลายมาเป็นความหายนะได้แทบไม่รู้ตัว “เรามุ่งมั่นที่จะนำตัวทุกคนออกมาให้ได้ แต่มีโอกาสสูงมากที่บางคนอาจไม่รอดกลับมา” หลังจากที่พบว่าทั้ง 13 คน ยังมีชีวิตอยู่ ทั้ง Mallinson กับ Jewell ได้รับเชิญจาก British Cave Rescue Council ให้ไปสมทบภารกิจการช่วยเหลือในประเทศไทยร่วมกับ Rick Stanton และ John Volanthen…
-
เด็ก 5 ขวบรอดตายจากตกตึก 20 ชั้น เพราะเกาะรั้วชั้น 19 เอาไว้เกือบครึ่งชั่วโมง
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2018 เวลา 6 นาฬิกาตามเวลาในท้องถิ่น ได้มีเหตุเด็กชายชาวจีนวัย 5 ขวบคนหนึ่ง ตกลงมาจากอาคาร 20 ชั้น ที่เมืองต๋าโจว มณฑลเสฉวน จากคำบอกเล่าของครอบครัว เด็กชายผู้มีชื่อเล่นว่าเสี่ยวหมิง ในตอนนั้นถูกฝากไว้กับคุณยายผู้ซึ่งมักจะเดินทางไปออกกำลังกายยามเช้า จึงไม่ทราบว่าเด็กหนุ่มได้ปีนออกไปยังระเบียงแล้ว แม้ในปัจจุบันจะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงตกลงมาจากชั้น 20 ได้ (เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเด็กน้อยพยายามจะดูวิวด้านนอก) แต่ก็ถือว่าโชคดีมากที่เขาสามารถเกาะรั้วของอาคารชั้น 19 ไว้ได้ในระหว่างที่จะตกจากตึก วิดีโอเหตุการณ์จาก ETV Andhra Pradesh เสี่ยวหมิงถูกพบตัวหลังจากนั้นโดยพนักงานซ่อมบำรุงผู้ใช้นามสกุลว่าเป็ง ผู้ซึ่งกำลังเอาขยะออกมาทิ้งพอดี เขาเห็นเสี่ยวหมิงจากทางหน้าต่าง แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปในห้องได้ ดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะไม่ให้หนูน้อยตกใจกลัวจนเผลอปล่อยมือ โชคดีที่หนูน้อยดูเหมือนว่าจะจับราวได้อย่างมั่นคงกว่าที่คิด ถึงขนาดที่เขาสามารถปล่อยมือข้างหนึ่งเพื่อโบกขอความช่วยเหลือได้ เมื่อคุณเป็งเห็นดังนั้นจึงบอกเสี่ยวหมิงว่าอย่าปล่อยมือ และรีบวิ่งไปยังห้องเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หลังจากได้รับแจ้งเหตุทางเจ้าหน้าที่รีบรุดไปยังห้องที่เสี่ยวหมิงติดอยู่ทันที พวกเขาพังประตูเข้าไปในห้อง ก่อนที่จะทำการช่วยเด็กน้อยได้สำเร็จ นี่เป็นปฏิบัติการที่ได้รับความสนใจจากสาธารณชนในบริเวณนั้นเป็นอย่างมาก และกินเวลาประมาณ 8 นาที ดังนั้นเมื่อรวมเวลาทั้งหมดตั้งแต่ตกลงมา ทางเจ้าหน้าที่ชื่อว่าเด็กหนุ่มนั้นเกาะรั้วมาเป็นเวลาถึง 20 นาที โดยหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้จบลง คุณยายก็บอกกับทางนักข่าวว่าตามปกติเสี่ยวหมิงจะตื่นในเวลาประมาณ…
-
หนุ่มยอมโดนรถไฟลากไปไกลกว่า 50 เมตร เพราะ “กลัวไปทำงานสาย” สุดท้ายคนต้องแห่เข้าช่วย!!
ในทุกๆ เช้า กว่าเราจะแหกขี้ตาตื่นขึ้นมา อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัว (ถ้าผู้หญิงก็ยังต้องแต่งหน้า) ออกไปทำงานในแต่ละทีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และคงไม่มีใครที่อยากจะไปทำงานสายให้เจ้านายคาดโทษ เช่นเดียวกันกับชายวัย 25 ปีคนนี้ ที่เร่งรีบคว้าราวประตูรถไฟเอาไว้แม้ว่ามันกำลังแล่นอยู่ จนต้องโดนลากไป 50 เมตร แต่ก็ไม่ยอมปล่อย เพราะกลัว “ไปทำงานสาย” สุดท้ายคนอื่นๆ จึงต้องเสี่ยงชีวิตมาช่วยเขา ภาพจากกล้องวงจรปิด ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2018 ชายคนดังกล่าวมีชื่อว่า Ravi Salunkhe เขาจำเป็นที่จะต้องมาขึ้นรถไฟขบวนนี้ที่สถานี Panvel นครมุมไบ ประเทศอินเดีย เพราะถ้าพลาดขึ้นไม่ทัน นั่นหมายความว่าเขาจะต้องไปทำงานสายอย่างแน่นอน มันจึงกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาคว้าราวตรงประตูทางขึ้นเอาไว้ แม้รถไฟจะกำลังแล่นอยู่ แต่ด้วยเหตุนั้นเองที่ทำให้เขาไม่สามารถขึ้นรถไฟไปได้ง่ายๆ จนกระทั่งก้าวพลาด ต้องโดนลากไปตลอดทางกว่า 50 เมตร เขาก็อยู่ตรงประตูของขบวนที่ 7 แข้งขาพันกันอินุงตุงนังไปหมด ไม่สามารถยืนทรงตัวได้ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงจับราวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ส่วนหนึ่งคงเพราะไม่อยากพลาดรถไฟขบวนนี้ หรือไม่งั้นก็อาจกลัวหลุดเข้าไปด้านใต้รถไฟหากปล่อยมือ เมื่อคนอื่นๆ เห็นเขาถูกลากมาอย่างนั้น ก็พากันกรูเข้ามาพยายามจะช่วยเหลือ โดยมีชายคนหนึ่งที่วิ่งมาถึงตัว Ravi…
-
พบกับ Chanco เด็กทารกน้อยวัย 6 เดือน ที่มาพร้อมกับผมอันฟูฟ่อง แต่น่ารักอ้ะ!!
อย่างที่รู้กันดีว่า ‘เด็กทารก’ ที่เกิดใหม่นั้นจะมีผมที่เบาบาง ก่อนที่จะเริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆ ไปตามอายุในภายหลัง แต่สำหรับเด็กน้อยคนนี้แล้ว เธอเกิดมาพร้อมกับผมที่ดกดำ แถมยังฟูฟ่องราวกับแผงคอสิงโต และด้วยเหตุนี้เองทำให้หนูน้อยคนนี้ดูน่ารักโดนใจชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ Chanco ทารกสาวน้อยวัยครึ่งขวบ เกิดเมื่อเดือนธันวาคมปี 2017 ที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ผมของเธอยาวแถมยังฟูฟ่องดูน่ารักสุดๆ ไปเลยล่ะ ภาพของหนูน้อย Chanco ตอนอายุได้ 6 นาที และนี่คือผมของเธอตอนอายุ 6 เดือน หัวฟูสุดๆ แต่ดูหน้าตาของเธอซิ น่ารักอ้ะ >< ไม่ใช่แค่ยาวอย่างเดียว แต่ผมยังดกดำ พอมองจากข้างหลังนี่นึกว่าลูกสิงโตซะอีก เฟี้ยวสุดๆ ไปเลยครับเจ๊ เจ้าสิงโตน้อยยยยยย >< ติดที่คาดผมซะหน่อย เดี๋ยวผมปิดหน้าหมด มุมเซ็กซี่ก็มีนะจ๊ะ แหม่ นอนเป็นอาเจ๊เจ้าของตลาดเลย ดูสายตาอันไร้เดียงสาคู่นั้นสิ ละลายยยยยย ที่มา :…
-
หญิงผิวสี ถูกพนักงานผิวขาวร้านขายยา เรียกตำรวจมาจับ เพียงเพราะเธอพยายามใช้คูปอง
จากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าโลกของเรานั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านการเมือง การปกครอง วัฒนธรรม รวมถึงสังคมยังเปิดกว้าง เปิดรับความแปลกใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกมากๆ เช่นเพศหรือชาติพันธุ์ ถึงแม้ว่าสังคมจะเปิดรับชาติพันธุ์ต่างๆ การเหยียดที่มีมาตั้งแต่ในอดีตก็ยังไม่หายไป ทุกวันนี้ปัญหาการเหยียดมีเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นคนเหยียดเพศทางเลือก เหยียดผิวสีหรือชาวเอเชีย และในเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ชมในวันนี้ก็ถือมุมมองที่คนผิวขาวบางคนที่มีต่อคนผิวสี เมื่อมีรายงานว่ามีพนักงานร้านขายยาชื่อดังในสหรัฐอเมริกา ได้โทรเรียกตำรวจเพราะกำลังถูกคุกคามโดยหญิงผิวสีที่พยายามแค่จะใช้คูปองเพื่อซื้อของเพียงเท่านั้น วินาทีที่พนักงานโทรหาตำรวจ จากในวิดีโอเราจะเห็นได้ว่า Morry Matson พนักงานของ CVS กำลังที่จะโทรตามตำรวจ เพียงเพราะ Camilla Hudson หญิงผิวสีคนที่บันทึกวิดีโอนี้อยากที่จะใช้คูปองซื้อของ โดยที่พนักงานแจ้งชื่อของ Camilla ให้กับตำรวจฟังพร้อมกับบอกว่าเธอเป็น แอฟริกัน-อเมริกัน ซึ่งเธอก็ตอบกลับอย่างรวดเร็วว่าฉันเป็นอเมริกันผิวสีแท้ๆ ผิวสีมันไม่ใช่คำที่เลวร้ายเสียหน่อย โดยฝ่ายตำรวจได้ให้ข้อมูลว่าเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2018 เวลาประมาณ 23.55 น. ตามเวลาท้องถิ่น ได้รับโทรศัพท์สองสายจากร้านขายของรายงานว่ากำลังถูกคุกคาม Camilla ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ผู้จัดการร้านบอกว่าเขาไม่เคยเห็นคูปองแบบฉันมีนี้มาก่อนเลยและเขาก็คิดว่ามันเป็นของปลอม และพอฉันเอามือถือขึ้นมาเพื่อจะบันทึกว่าเกิดเขาพูดยังไงกับฉันบ้าง เขาก็เดินหนีฉันไปเฉย“ สุดท้ายนี้ทางบริษัท CVS ก็ได้แสดงความขอโทษแก่…
-
เด็กสาววัย 10 ขวบ ถูก Cyber Bullying จนเกรงว่าจะฆ่าตัวตาย พ่อแม่ต้องจับตาดูอยู่ตลอด
การกลั่นแกล้งถือว่าเป็นภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในสังคมทั่วโลกมาอย่างเนิ่นนานตั้งแต่อดีตกาล โดยที่มักเกิดขึ้นในวัยเรียนของเด็กๆ ซึ่งมักถูกมองข้ามโดยผู้ใหญ่มาโดยตลอด ส่งผลให้ชีวิตของผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งต้องพังพินาศกันมาหลายคนแล้ว ในยุคออนไลน์แบบนี้มันได้พัฒนาเป็นการกลั่นแกล้งออนไลน์หรือ Cyber Bullying ที่มีความรุนแรงไม่ต่างกัน แถมยังสามารถทำได้ง่ายกว่าอีกด้วย เหมือนอย่างที่ Mia-Lili Bennett สาวน้อยวัย 10 ขวบคนนี้ต้องเผชิญ นั่นการที่เธอถูกบุคคลปริศนานำภาพไปเปิดโหวตว่าหน้าตาเธอน่าเกลียดหรือไม่น่าเกลียดบนอินสตาแกรม ซึ่งผลออกมาทำให้เธอรู้สึกแย่และอาจจะคิดสั้นได้ ผู้ปกครองของเธอจึงต้องจับตาดูเธออยู่ตลอดเวลา โดยภาพของ Mia-Lili ถูกผู้ใช้อินสตาแกรมชื่อ puglife123456 นำไปตั้งโหวตในหัวข้อ “ใครคิดว่าเธอน่าเกลียดบ้าง” ซึ่งผลออกมีคนเห็นด้วยกว่า 57% เมื่อ Corrinia Bennet วัย 33 ปีและ John Bennett วัย 42 ปีแม่และพ่อของ Mia-Lili ได้ทราบข่าวเรื่องนี้จากเพื่อนของพวกเขาก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากและก็ได้เผชิญกับสถานการณ์ย่ำแย่ พวกเขาได้ถามลูกสาวของตนว่ารู้เรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าเด็กน้อยไม่รู้เรื่องดังกล่าว แต่นั่นทำให้เธอรู้สึกเสียใจ ร้องไห้และมีความคิดจะฆ่าตัวตาย คุณพ่อและคุณแม่ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “เมื่อ Mia-Lili เห็นโพสต์ดังกล่าวเธอก็เริ่มร้องไห้ เธอร้องไห้มากๆ และก็ทรุดตัวลงกลับพื้น จนต้องให้พ่ออุ้มเธอขึ้นจากพื้น แต่เธอก็ยังร้องไห้ไม่หยุด พวกเราต้องจับตาดูเธออยู่ตลอดเวลาว่าจะไม่ฆ่าตัวตาย…
-
กรีนแลนด์สั่งอพยพ เหตุภูเขาน้ำแข็งหนัก 11 ล้านตันเคลื่อนเข้าใกล้เมือง หวั่นเกิดคลื่นยักษ์
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา สื่อต่างประเทศรายงานว่า เกาะกรีนแลนด์ได้มีการสั่งอพยพประชาชนบนเกาะ Innaarsuit ทางตะวันตกเฉียงเหนือ หลังมีภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาลอยตัวอยู่นอกชายฝั่งของเกาะ จากรายงานเผยว่าภูเขาน้ำแข็งดังกล่าว มีขนาดฐานกว้าง 195 เมตร และสูง 90 เมตร น้ำหนัก 11 ล้านตัน ซึ่งทางการเกรงว่าภูเขาน้ำแข็งก้อนนี้ อาจก่อให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิได้ “เรามีความกังวลว่าถ้าหากภูเขาน้ำแข็งยักษ์ก้อนนี้เกิดแตกขึ้นมาทันที อาจทำให้เกิดน้ำท่วมแบบฉับพลันได้” นาย Lina Davidsen หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของกรีนแลนด์กล่าว เกาะดังกล่าวมีประชาชนอาศัยอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 170 คน และขณะนี้ทั้งหมดได้อพยพออกจากหมู่บ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่าก้อนน้ำแข็งในมหาสมุทรนั้นจะเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถพบได้ในทะเลที่กรีนแลนด์ แต่ก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์นี้ก็สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนได้ไม่น้อย “นี่คือก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดที่ผมเคยเห็นมา และรอยแรกรอยร้าวของมันก็ทำให้เรากลัวว่ามันจะทำให้เกิดอันตรายได้ตลอดเวลา” ชาวบ้านรายหนึ่งให้สัมภาษณ์ ตามรายงานระบุว่าก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่นี้ เป็นส่วนหนึ่งของธารน้ำแข็งจากทางภาคตะวันออก ที่หลุดออกมาเมื่อประมาณเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา William Colgan นักวิจัยอาวุโสกล่าวว่า ภูเขาน้ำแข็งในกรีนแลนด์มีการเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในระหว่างการแยกตัวของภูเขาน้ำแข็งจากธารน้ำแข็ง อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดคลื่นยักษ์ได้ ที่มา dailymail, thisisinsider, nytimes
-
คุณพ่อผู้ลี้ภัยได้พบหน้าลูกชายอีกครั้ง หลังต้องแยกกันนานกว่า 2 เดือน
คุณพ่อผู้ลี้ภัยวัย 26 ปี ได้กลับมาพบหน้าลูกชายวัย 5 ขวบของเขาอีกครั้ง หลังจากที่ต้องพลัดพรากจากกันนานกว่า 8 สัปดาห์ เรื่องราวของคุณ Eris Hidalgo Ramirez ผู้ลี้ภัยชาวฮอนดูลัส ที่ได้พบกับ Jostin ลูกชายของเขาอีกครั้ง เกิดขึ้นเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ลี้ภัยหลายๆ อย่างมาก “ผมอยากให้กำลังใจพ่อแม่ผู้ลี้ภัยทุกคนที่ต้องแยกกับลูกๆ ไม่ช้าก็เร็วคุณจะได้พบกับพวกเขาอีกครั้ง อย่ายอมแพ้” Ramirez ให้สัมภาษณ์กับ CNN ทั้งสองแยกกันระหว่างด่านตรวจคนเข้าเมือง ก่อนที่จะได้กลับมาพบกันอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา คุณ Ramirez ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เขาไม่เคยหมดหวังที่จะได้พบหน้าลูกชายอีกครั้ง ถึงแม้จะต้องทนอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยด้วยความเจ็บปวด หนูน้อย Jostin ถูกองค์กรจากทางนิวยอร์กรับไปดูแล เขาให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่าตัวเขาเองไม่อยากที่จะแยกกับคุณพ่ออีกเป็นครั้งที่ 2 ทางด้านผู้พิพากษาเขตปกครองของสหรัฐ Dana Sabraw ได้กล่าวว่า รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะให้ผู้ลี้ภัยที่มีลูกอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้งไม่เกิน 26 กรกฎาคมนี้ ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งในการจัดทำรายชื่อและตรวจสอบประวัติโดยละเอียด ทางด้านสหภาพเสรีภาพพลเรือนอเมริกันได้ออกมาเรียกร้องให้มีการจัดการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน หลังจากที่รัฐไม่สามารถปฏิบัติได้ตามกำหนดเมื่อสัปดาห์ก่อน Jostin คือหนึ่งในเด็กจำนวน…
-
อวสาน #Planebae คู่จิ้นเครื่องบินรัก ไม่ใช่เรื่องโรแมนติก แต่ควรเคารพเรื่องส่วนตัว…
เรื่องราวอันน่ารักที่ถูกถ่ายทอดจากคู่รักคู่หนึ่ง Blair และ Hardaway ที่ขอสลับที่นั่งกับหญิงสาวนิรนามจนพบเป็นความรักคู่จิ้นคู่ใหม่บนเครื่อง เลยเถิดไปไกลจนกระทั่งถูกตามคุกคามความเป็นส่วนตัวในชีวิตจริง (ต้นเรื่อง) และ (ข่าวเก่า) ประเด็นดังกล่าวนี้ เป็นที่พูดถึงกันในเรื่องของการตามติดชีวิตคนอื่น รายงานสดทุกวินาทีและทุกการกระทำ เพราะมีคนตามอ่านตามจิ้นแบบไม่หยุดหย่อน รวมทั้งมีการหลุดชื่อจริงของผู้หญิงคนดังกล่าวออกมา จนชาวเน็ตสายเผือกหัวรุนแรงไปตามหาเธอบนโลกออนไลน์ ถูกตามรังควานจากเรื่องไวรัล กล่าวหาว่าเธออยากดังบ้าง จนต้องทำตัวให้เป็นกระแส อย่างไรก็ตาม ทางเว็บไซต์ Buzzfeed ได้รายงานว่า ผู้หญิงคนดังกล่าวได้ออกมาอธิบายว่า ข้อมูลส่วนตัวของเธอถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ ถูกตามด่าและรังควาน จากข้อมูลที่เป็นเท็จเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเธอ นอกจากนี้ เธอยังเสริมเอาไว้ว่าไม่เพียงแต่ผู้คนจะออกตามล่าตัวเธอในโลกออนไลน์ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงก็ยังมีด้วย และอยากให้รู้ว่า “ไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้และไม่ได้อยากดังด้วย” Rosey Blair กล่าวขอโทษถึง Helen หญิงสาวที่ถูกเปิดเผยตัวตนจากเรื่องของเธอบนเครื่องบิน https://twitter.com/roseybeeme/status/1016711281670225927 เธอปิดท้ายในจดหมายไว้ว่า “ฉันไม่ได้ร้องขอให้เป็นแบบนี้และไม่ได้อยากดัง #Planebae ไม่ใช่อะไรที่โรแมนติก มันเป็นเรื่องที่ควรจะต้องระวังในยุคดิจิตอล เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ตัวตนของบุคคล จรรยาบรรณ และความยินยอม ขอความกรุณาให้เกียรติความเป็นส่วนตัวของฉัน และความประสงค์ที่จะไม่เปิดเผยตัวด้วย” …
-
KFC ญี่ปุ่นจัดหนัก เปิดช่วงบุฟเฟต์ “กินได้ไม่อั้น” ในระยะเวลา 45 นาที ด้วยราคา 409 บาท!!
เชื่อว่าคงจะไม่มีใครไม่รู้จัก KFC ร้านไก่ทอดชื่อดังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และมีสาขากระจายออกไปทั่วโลก และแน่นอนว่าพวกเขาก็จะมีโปรโมชั่นสุดคุ้มสำหรับการดึงดูดลูกค้า ตอบโจทย์เหล่าผู้รักการบริโภคไก่ทอดทั้งหลาย เช่นเดียวกับโปรโมชั่นล่าสุดที่กำลังจะจัดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น KFC ญี่ปุ่น ได้จัดช่วงเวลาแห่งความสุขในทุกวันศุกร์ ให้สนุกกับกินไก่ทอดกันแบบไม่อั้น จัดหนักจัดเต็มแบบบุฟเฟต์ ในราคาเพียงแค่ 1,380 เยน หรือประมาณ 409 บาทเท่านั้น!! เพื่อนๆ สามารถเข้าไปนั่งกินไก่ทอดสูตรผู้พันแซนเดอร์ได้จากร้าน KFC กว่า 218 สาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น สำหรับบุคคลทั่วไปก็สามารถจุใจกับทั้ง ไก่ทอดสูตรต้นตำรับ เฟรนช์ฟรายส์ เครื่องเคียงต่างๆ (เช่น มันบด ทูน่าสลัด) และ น้ำอัดลม ที่เตรียมไว้ให้ ได้มากเท่าที่คุณต้องการ ภายในระยะเวลา 45 นาที ด้วยราคาหัวละ 409 บาท สำหรับเด็กประถมก็จะถูกลงไปอีก เหลือเพียงแค่หัวละ 980 เยน หรือประมาณ 290 บาท เห็นแล้วท้องร้องออกมาเป็นภาษาคนเลยว่า “หนูอยากกินๆ” แต่ถ้าเพื่อนๆ…
-
ไต้หวันเริ่มแล้ว ผลิตหลอดจาก “กากอ้อย” วัสดุธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้ 100%
หลังจากที่มีหลายๆ ประเทศเริ่มมาตรการยกเลิกการใช้หลอดพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ทำให้ผู้ผลิตนวัตกรรมต้องคิดหาวิธีในการลดการใช้พลาสติก หรือหาวัสดุอื่นๆ มาแทนที่ ล่าสุดสื่อในไต้หวันรายงานว่าตอนนี้มีผู้ประกอบการชาวไต้หวันกลุ่มหนึ่งได้จดสิทธิบัตรสำหรับดีไซน์ใหม่ของหลอดดูดน้ำ ที่ทำมาจากกากอ้อย หลอดดูน้ำและชาไข่มุกจากกากอ้อย ตามรายงานจากเว็บไซต์ Taiwannews.com ระบุว่าบริษัทรุ่นใหม่ไฟแรงนี้ก่อตั้งโดยนาย Huang Chien-chung (黃千鐘) จากวิทยาลัยนวัตกรรมกลางไต้หวัน (Central Taiwan Innovation Campus) เขาได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรสำหรับการออกแบบและการผลิตหลอดดูดที่ทำมาจากกากอ้อย ซึ่งเป็นวัสดุจากธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายในดินได้อย่างสมบูรณ์ โดยพวกเขาตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ว่า “ปราศจากพลาสติก 100%” (100%植) Huang หนึ่งในผู้ก่อตั้งและผลิตเจ้าหลอดแบบใหม่นี้ได้กล่าวกับสื่อว่าตอนนี้หลอดกากอ้อยได้รับความสนใจจากบริษัทในประเทศจีนกว่า 20 แห่ง และได้มีการขอซื้อเทคโนโลยีนี้ไปเพื่อผลิตต่อ แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้การพัฒนาหลอดชนิดนี้อยู่ในไต้หวันต่อไป นอกเหนือจากหลอดจากกากอ้อยนี้แล้วเขายังให้สัมภาษณ์กับ ETtoday กล่าวว่าบริษัทยังมีการทำงานร่วมกับโรงกลั่นเหล้าองุ่นของฝรั่งเศสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเศษองุ่นและแกลบข้าวสาลีอีกด้วย น่าสนใจจริงๆ ว่าเจ้าหลอดตัวนี้จะช่วยเปลี่ยนโลกได้ขนาดไหน ถ้าวันหนึ่งบ้านเรามีหลอดแบบนี้ใช้บ้างคงจะดีไม่น้อย ที่มา taiwannews , taipeitimes
-
มุมหนึ่งของผู้แพ้ ปธน.โครเอเชีย ยืนยินดีเคียงคู่กับผู้ชนะ โอบกอดที่ชนะใจคนทั้งโลก
เมื่อช่วงคืนของวันที่ 15 กรกฎาคม 2018 ศึกฟุตบอลโลกคู่ชิงระหว่าง ฝรั่งเศส – โครเอเชีย ที่โคจรมาเจอกันในเกมตัดสินชี้ชะตาชูถ้วยระดับโลก และฝรั่งเศสก็เป็นฝ่ายเอาชนะโครเอเชียไปได้ด้วยสกอร์ 4 – 2 พร้อมกับแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 2 หลังจบเกมการแข่งขัน แม้ฝ่ายโครเอเชียจะต้องเสียน้ำตาให้กับฝรั่งเศส แต่ด้วยน้ำใจนักกีฬาของชาวโครเอเชีย ถูกแสดงออกมาผ่านจากตัวนักฟุตบอล รวมไปถึงผู้นำประเทศอย่างประธานาธิบดีโครเอเชีย โคลินดา กราบาร์-คิตาโรวิช ด้วย ภาพของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แอมานุแอล มาครง กับความยินดีที่ฝรั่งเศสได้แชมป์บอลโลก Great photo of French president Emmanuel Macron celebrating their World Cup win. 🇫🇷 pic.twitter.com/qxd5aFvmpc — Football Daily (@footballdaily) July 15, 2018 ภาพต่างๆ ที่แพร่กระจายทั่วอินเทอร์เน็ต เผยให้เห็นภาพบรรยากาศหลังจบเกม ฝรั่งเศสเอาชนะโครเอเชีย ซึ่งในส่วนของผู้นำของทั้ง…
-
โปรดระวัง! คุณแม่ชาวอังกฤษถูก “ตัวเหลือบ” กัดจนเป็นตุ่มเท่าลูกกอล์ฟบริเวณเท้า…
(คำเตือน: บทความอาจมีภาพไม่จรรโลงใจ ควรใช้วิจารณญาณในการรับชม) ตัวเหลือบ แมลงที่เราอาจหลงลืมกันไปเพราะดูเหมือนไม่มีภัยร้ายแรง แต่อย่างไรเราก็ควรระวังแมลงพวกนี้โดยเฉพาะบ้านใครที่มีต้นไม้ ป่า หรือสวน อยู่ในบริเวณบ้าน มิฉะนั้น คุณอาจมีชะตากรรมแบบหญิงรายนี้ Jodie Jeffries คุณแม่ลูกสองวัย 38 ปี ต้องพบกับอาการตุ่มบวมพองที่เกิดขึ้นบริเวณเท้าของเธอ หลังจากเธอพบ “ตัวเหลือบ” ในสวน Jodie Jeffries คุณแม่ลูกสองวัย 38 ปี ผู้ถูกตัวเหลือบดูดเลือด เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2018 ณ บ้านในเมืองรอมฟอร์ด เขตเอสเซกซ์ ประเทศอังกฤษ ขณะที่ Jodie กำลังพักผ่อนอยู่ในสวนของเธอนั้น แมลงที่เรียกว่าตัวเหลือบก็บินเข้ามาเกาะและดูดเลือดของเธอ “ในคืนวันเสาร์นั้นฉันกำลังพักผ่อนอยู่ในสวน ทีแรกฉันคิดว่าหญ้าแห้งลอยมาทิ่มบนเท้าของฉัน” Jodie เล่า “แต่เมื่อฉันตื่นขึ้นมาในเช้ามืดของอีกวัน ฉันรู้สึกคันอย่างมาก และตุ่มสองตุ่มก็บวมขึ้น” เกิดอาการตุ่มบวมพองขนาดพอๆ กับลูกกอล์ฟที่บริเวณข้อเท้าขวา Jodie เล่าต่อว่า “ในวันอาทิตย์ตุ่มพองเพิ่มมากขึ้น…