Category: ข่าวคราวรอบโลก
-
ประเทศญี่ปุ่นเตรียมแจกเครื่องบันทึกการสนทนาอัตโนมัติ แก้ปัญหาต้มตุ๋นคนแก่ในโตเกียว
สำหรับวงการต้มตุ๋นทางโทรศัพท์แล้ว เหยื่อที่ดีที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นเหล่าคนสูงอายุที่อยู่บ้านคนเดียวนั่นเอง เพราะไม่ใช่แค่ความได้เปรียบทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่คนสูงอายุนั้นมักจะถูกหลอกได้ง่ายเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับหลานๆ อีกด้วย ดังนั้นสำหรับประเทศที่เริ่มจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างประเทศญี่ปุ่นแล้ว ปัญหาการต้มตุ๋นทางโทรศัพท์ ก็ได้กลายเป็นปัญหาที่ต้องมีการแก้ไขกันอย่างเอาจริงเอาจังไปแล้ว ปัญหาการต้มตุ๋นทางโทรศัพท์ ถูกนำเสนอให้มีการแก้ไขอย่างจริงจัง หลังจากที่เมื่อเดือนเมษายนปี 2018 ที่ผ่านมา ได้มีการแจ้งคดีความเกี่ยวกับคดีการหลอกลวงผ่านทางโทรศัพท์ พุ่งสูงถึง 1,346 คดีในพื้นที่จังหวัดโตเกียว ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 469 คดี และก่อให้เกิดความเสียหายรวมกว่า 2,872 ล้านเยน (ราวๆ 850 ล้านบาท) ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาที่ว่านี้ ทางรัฐบาลญี่ปุ่น จึงได้ทำการแจกจ่ายเครื่องบันทึกการสนทนาให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดโตเกียวโดยหวังว่าจะช่วยลดปัญหาการต้มตุ๋นทางโทรศัพท์ รูปร่างหน้าตาของเครื่องบันทึกการสนทนาที่ว่า เครื่องที่ว่านี้จะสามารถใช้ได้กับโทรศัพท์บ้านทั่วๆ ไปซึ่งมักเป็นเป้าหมายหลักของเหล่ามิจฉาชีพ โดยตัวเครื่องจะมีการส่งข้อความเตือนผู้ที่โทรเข้ามาว่าการสนทนาจะได้รับการบันทึก ก่อนที่เสียงเรียกเข้าจะดังขึ้น เดิมทีแล้วทางรัฐบาลได้เคยนำวิธีการเหล่านี้มาใช้แล้วเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา และพิสูจน์ได้ว่าสามารถลดโอกาสการโดนต้มตุ๋นทางโทรศัพท์ของผู้สูงอายุลงได้จริง อย่างไรก็ตามนี่จะเป็นครั้งแรกที่มีการแจกจ่ายเครื่องจำนวนมากขนาดนี้ โดยเบื้องต้นเครื่องเครื่องบันทึกการสนทนานี้จะมีการแจกจ่ายไปยังครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี และเชื่อว่าจะสามารถแจกจ่ายให้ครอบครัวที่มีผู้สูงอายุในโตเกียวครบทุกๆ ครอบครัวภายใน เดือนมีนาคม ปี 2019 นั่นเอง…
-
กองทัพชาวเน็ต รุมถล่มศิลปินการ์ตูนลามก หาว่าวาดการ์ตูนโป๊เด็ก ทั้งๆ ที่เป็นรูปตลกธรรมดา
ไม่แน่ว่าบางคนอาจจะเคยรู้จักชื่อของ Shadman มาก่อนก็เป็นได้ เขาคือนักวาดการ์ตูนโป๊สายตะวันตกที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของวงการ เจ้าของผลงานจำนวนมากที่ไม่สามารถนำมาลงได้ และทวิตเตอร์ที่มีผู้ติดตามกว่าสามแสนคน แต่ล่าสุดนี้เอง Shadman ก็ต้องพบกับเรื่องชวนปวดหัวจนได้ เมื่อภาพการ์ตูนล่าสุดของเขานั้นกลายเป็นเรื่องราวถกเถียงกันในโลกอินเตอร์เน็ตไป เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อ Shadman โพสต์ภาพ “ชวนคิดลึก” ลงไปบนทวิตเตอร์ Shadman: อันนี้อาจจะเกินไปนิดก็ได้นะ ด้วยความที่ว่าภาพถูกย่อลงโดยทางทวิตเตอร์ ทำให้ภาพของเรื่องราวที่เห็นนั้นไม่สมบูรณ์ อย่างไรก็ตามสำหรับหลายๆ คนที่อยู่กับวงการแบบนี้มา แค่เห็นภาพข้างบนก็น่าจะนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาแล้วใช่ไหมล่ะ ใช่แล้ว ภาพจากวิดีโอ “ชื่อดัง” นั่นเอง แน่นอนว่าด้วยชื่อเสียงในฐานะของนักวาดการ์ตูนโป๊ เมื่อ Shadman ลงภาพเด็กกับหนุ่มผิวสีร่างใหญ่มาแบบนี้ ย่อมทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นได้ง่ายเป็นธรรมดา โดยในครั้งนี้ได้มีเหล่า ผู้ผดุงความยุติธรรมแห่งโลกโซเชียล (Social Justice Warrior หรือ SJW) เข้ามาทำการต่อว่านาย Shadman ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวาดสื่อโป๊เด็ก เหยียดผิว หรือกระทั่งกล่าวหาว่าเป็นนาซี ประเด็นคือภาพที่ว่ามันไม่ใช่ภาพโป๊ แต่เป็นการเล่นมุกเท่านั้น อย่างไรก็ตามหลังจากที่โดนรุมด่าอยู่ฝ่ายเดียวมานาน ในที่สุด Shadman ก็ออกมาตอบโต้เหล่า SJW ที่เข้ามาด่าเขาว่า “ถ้าคุณมองการ์ตูนขำๆ พวกนี้แล้วคิดไปเองว่ามันเกี่ยวกับเรื่องเพศ หรือเหยียดผิว ก็แสดงมาจิตใจของคุณมองมันเป็นแบบนั้นเอง คนโตๆ…
-
7 เรื่องสุดว้าวของ “ประเทศเอสโตเนีย” ดินแดนเล็กๆ ในยุโรป แต่สุดยอดมากกว่าที่คิด
รู้จักประเทศเอสโตเนียกันไหม? สาธารณรัฐเอสโตเนียเป็นประเทศเล็กๆ บนทะเลบอลติก และมีประชากรเพียงแค่ 1.3 ล้านคน นับเป็นประเทศที่มีประชากรน้อยที่สุดในสหภาพยุโรปเลยก็ไม่ผิดนัก แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็เป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากๆ ประเทศหนึ่งของโลกเลยทีเดียว ว่าแต่ประเทศนี้มีดีอย่างไรบ้างนั้น คงต้องให้ตามมาดูกันที่ข้างล่างนี้ เมืองหลวงของเอสโตเนียมีชื่อว่าทาลลินน์ เอสโตเนีย เริ่มสอนการเขียนโปรแกรมตั้งแต่ประถม 1 ที่ประเทศเอสโตเนียได้เปิดระบบการศึกษารูปแบบใหม่ในปี 2012 โดยจะมีการให้เด็กๆ ตั้งแต่ประถม 1 เรื่อยไปยันมัธยมหก ได้มีโอกาสเรียนวิชาการเขียนโปรแกรมตั้งแต่ยังเด็ก โดยเป็นการสอนคณิตศาสตร์และตรรกะ ก่อนที่จะประยุกต์ใช้ความรู้ของพวกเขาในการเขียนโปรแกรมนั่นเอง เอสโตเนีย มีบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ เอสโตเนียเริ่มการใช้บัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2002 ซึ่งเจ้าบัตรที่ว่านี้ก็มีความสามารถไม่ต่างกับบัตรประชาชนของคนไทยมากนัก มันเก็บข้อมูลต่างๆ ของเจ้าของอย่างลักษณะรูปร่างและลายเซ็น เอาไว้ในชิปอัจฉริยะ แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือบัตรของประเทศนี้ถูกนำไปใช้งานจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้แทนหนังสือเดินทางในทวีปยุโรป เรื่อยไปยันเก็บข้อมูลทางราชการและใช้ในการเลือกตั้ง ที่นี่เลือกตั้งจากที่บ้านได้เลย อย่างที่บอกไปข้างบนว่าเอสโตเนีย ใช้บัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ในการเลือกตั้ง แต่นั่นไม่ได้หลายความว่าเอาบัตรไปโชว์ที่คูหาหรอกนะ แต่เป็นการลงข้อมูลจากบัตรในอินเตอร์เน็ต และเลือกตั้งจากที่บ้านเลยต่างหาก โดยระบบนี้ถูกใช้งานมาตั้งแต่ปี 2005 และจัดเป็นประเทศแรกที่มีการเลือกตั้งออนไลน์อีกด้วย ที่นี่มีบริการรถสาธารณะฟรี ที่เมืองหลวงของเอสโตเนียมีบริการรถสาธารณะฟรี ตั้งแต่ปี 2013 แถมไม่ใช่ฟรีแค่บางสาย แต่เป็นรถฟรีสำหรับทุกๆ…
-
ตำรวจอังกฤษออกล่าแก๊งสาว หลังรุมทำร้ายเด็ก 13 พลางด่า “แน่จริงก็สู้ดิอย่าปอด”
การเป็นเรื่องที่ต้องมีการสืบสวนกันอย่างเร่งด่วนของทางตำรวจไปแล้วเมื่อ มีการแชร์วิดีโอแก๊งเด็กสาว ทำร้ายร่างกายเด็กอายุ 13 ปี ในโซเชียลมีเดียของอังกฤษ นี่เป็นการรุมทำร้ายร่างกายที่เกิดขึ้นที่แสตมฟอร์ดพาร์ค มหานครแมนเชสเตอร์เมื่อวันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม 2018 ในช่วงบ่าย แสตมฟอร์ดพาร์ค ที่เกิดเหตุ โดยวิดีโอที่ว่านั้น เป็นภาพของเด็กสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่กับพื้นหญ้า และพยายามจะป้องกันตัวเอง ในขณะที่หญิงสาวคนอื่นๆ จำนวนมากยืนล้อมเธอไว้ พลางตะโกนด่าทอ และผลัดกันเตะไปที่ศีรษะ ไหล่ และหลังของเด็กสาวที่ไม่มีทางสู้ วิดีโอเหตุการณ์จาก The Mirror ในจุดจุดหนึ่ง ผู้ลงมือยังได้พูดกับเด็กสาวว่า “แน่จริงก็มาสู้กันแฟร์ๆ ดิ ไม่งั้นก็โดนเราสามคนกระทืบอยู่แบบนี้ล่ะ” โดยเหยื่อได้ตอบกลับไปว่าจะแบบไหนเธอก็โดนกระทืบอยู่ดี เมื่อได้ยินแบบนั้น ผู้ลงมือจึงบอกเธอว่า “งั้นก็โดนไปซะ หยุดป๊อดซะทีแล้วก็ยืนขึ้น เพราะยังไงเธอก็ได้เจ็บตัวอยู่ดี” จากนั้นผู้ลงมือก็จับเด็กสาวยืนขึ้น ก่อนที่จะเตะเธอล้มลงไปที่เดิม เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ทางตำรวจได้ทำการออกสืบสวนในทันที โดยในเบื้องต้นได้มีการสืบหาพยานผู้อยู่ในเหตุการณ์ และเข้าสำรวจพื้นที่ที่เกิดเหตุแล้ว ส่วนเด็กสาวผู้ถูกทำร้ายในคลิปวิดีโอนั้น ทางตำรวจได้ออกมาเปิดเผยว่า มีการนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลไปเป็นที่เรียบร้อย โดยที่หากมีความคืบหน้าของคดี ทางตำรวจจะมีการแจ้งให้ทราบอีกที ที่มา mirror, manchestereveningnews
-
ผู้ย้อนเวลามาจากปี 2030 อ้าง ‘ทูพัค ชาเคอร์’ ยังไม่ตาย แค่โดนอิลลูมินาติปิดปากอยู่เฉยๆ
จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีคนมาบอกคุณว่านักร้องที่ตายไปตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนแท้จริงแล้วยังมีชีวิตอยู่? คุณจะเชื่อคนเหล่านั้นไหม? หรือว่าคุณจะคิดว่าพวกเขานั้นก็เป็นแค่พวกเพ้อเจ้อเท่านั้น… แล้วถ้าคนที่บอกแบบนั้นอ้างตัวว่ามาจากอนาคตล่ะ? เป็นเรื่องที่เรารู้กันดีว่าแรปเปอร์ชื่อดังอย่างทูพัค ชาเคอร์นั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 1996 แล้ว เพียงแต่ในช่วงหลังๆ มานั้นมีข่าวการนำผลงานของเขามาออกใหม่เป็นจำนวนมาก ทำให้มีคนไม่น้อยเลยที่ตั้งทฤษฎีที่ว่าจริงๆ แล้วทูพัค ชาเคอร์นั้นยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่เขาแกล้งทำเป็นตายไปแล้วก็เท่านั้น แต่เจ้าทฤษฎีที่ดูเหมือนเรื่องเฟ้อฝันนี้กลับมีคนออกมาสนับสนุนอย่างเป็นทางการนี่สิ แถมคนที่ออกมาสนับสนุนทฤษฎีนี้ก็ดันไม่ใช่คนธรรมดาเสียด้วย!! ชื่อของเขาคือ “โนอาห์” ชายผู้อ้างตัวว่าเดินทางย้อนเวลามาจากปี 2030 เจ้าของคำกล่าวอ้างมากมายอย่าง มีรัฐบาลลับไล่ฆ่าคนข้ามเวลา หรือวิดีโอของลาสเวกัสในปี 2120 ที่เขาเดินทางข้ามเวลาไปถ่ายคลิปมา และถ้ายังจำกันได้ เขาเป็นผู้เดินทางย้อนเพียงคนเดียวที่กล้าเข้าเครื่องจับเท็จ แถมยังผ่านหมดอีกต่างหาก ล่าสุดนี้เองโนอาห์ก็ได้ออกมาบอกว่าทูพัค ชาเคอร์นั้นแท้จริงแล้วยังไม่ตาย แต่ที่เขาหายไปเป็นเพราะว่าองค์กรอิลลูมินาติต่างหาก!! เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะได้ยินชื่อเสียงขององค์กรอิลลูมินาติมาแล้ว เอาเป็นว่านี่คือองค์กรที่ว่ากันว่าควบคุมโลกอยู่จากเบื้องหลังก็แล้วกัน โดยองค์กรนี้มีสัญลักษณ์เป็นรูปพีรามิดมีลูกตานั่นเอง โนอาห์บอกว่า “ตอนอยู่ในอนาคต ผมพยายามเก็บข้อมูลให้มากที่สุดจากทุกๆ คน ดังนั้นผมจึงรู้ว่าทูพัคยังไม่ตายเพียงแต่อยู่ในสภาพสาหัสอยู่หลายปีหลังจากที่โดนประกาศว่าตาย” เขายังบอกอีกด้วยว่าที่เป็นแบบนั้นเพราะว่าเขาดันไปรู้ความลับขององค์กรอิลลูมินาติเข้านั่นเอง โดยโนอาห์บอกว่าแม้องค์กรอิลลูมินาติแบบที่เราคิดจะไม่มีอยู่จริง แต่มันมีองค์กรที่คล้ายๆ กันอยู่ และคนพวกนั้นเองที่เป็นต้นเหตุ “ความตาย” ของทูพัค…
-
ป๊าดโท๊ะ… Milly ชิวาว่าตัวเล็กที่สุด พร้อมรับสถิติโลก มีร่างแยกด้วยการโคลนนิ่ง 49 ตัว!!
คุณคงจะเคยได้ยินเรื่องราวการโคลนนิ่ง “ดอลลี” แกะตัวแรกของโลกมาแล้ว ซึ่งเจ้าดอลลีถือเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวแรกของโลก ที่มีแฝดมาจากการโคลนนิ่งได้สำเร็จ นับว่าข่าวคราวการโคลนนิ่งนั้นก็หายไปจากโลกนานพอสมควร แต่แล้วก็ต้องตะลึงกันอีกรอบจาก มิลลี เจ้าชิวาว่าวัย 6 ขวบจากปวยร์โตรีโก ที่ได้รับการบันทึกสถิติโลกเป็นสุนัขที่มีร่างโคลนมากถึง 49 ตัว!! ร่างโคลนของน้องหมา 49 ตัวนี้มาจากมูลนิธิโคลนนิ่ง Sooam Biotech Research กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ที่เปิดรับโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2006 จนเมื่อปีที่แล้วทางมูลนิธิได้พบกับ Vanesa Semler เจ้าของมิลลี ได้หารือกันถึงความเป็นไปได้ที่จะโคลนนิ่งน้องหมา และขจัดความลึกลับทางด้านพันธุกรรมที่ทำให้น้องเป็นหนึ่งในสุนัขที่พิเศษกว่าใคร เพราะว่าเจ้ามิลลีนั้น ได้รับบันทึกสถิติว่าเป็นสุนัขที่ตัวเล็กที่สุดในโลกในปี 2012 และทางนักวิทยาศาสตร์ต้องการที่จะรู้ว่าสิ่งใดทำให้น้องตัวเล็กได้ขนาดนี้ ฉะนั้นในเดือนสิงหาคม 2017 นักวิจัยจึงทำการโคลนนิ่งมิลลี จนจำนวนร่างโคลนทะลักเป็น 49 ตัว โดยพวกเขาอาศัยเทคโนโลยีเดียวกันที่ใช้กับแกะดอลลีเมื่อ 50 ปีที่แล้ว (โอนถ่ายนิวเคลียส) ด้วยการเก็บตัวอย่างเซลล์และนิวเคลียสจากร่างต้น และนำเซลล์ไข่จากสัตว์ที่รับบริจาคมาผสมกัน เซลล์ไข่ที่ได้รับการผสมมาจะถูกกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ จนเกิดเป็นตัวอ่อนที่ฝังอยู่ในท้องของแม่อุ้มบุญ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นสายพันธุ์เดียวกัน…
-
เผยความจริง ทวีตเรื่องบ้านของหัวใจของ Selena ‘ดูแลเขาให้ดีๆ นะ’ เป็นเรื่องแต่งล้วนๆ
หลังจากที่ประกาศเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วอาณาจักร กับการหมั้นระหว่าง Justin Bieber กับ Hailey Baldwin ไปได้ไม่นาน ต่างคนต่างยินดีและอกหักดังเป๊าะไปเป็นแถวๆ แต่ก็คงจะไม่มีใครรู้สึกเจ็บได้เท่ากับอดีตแฟน Selena Gomez หากใครที่ได้ติดตามเรื่องราวความรักของ Justin Bieber ก็จะรู้ว่าคบกับ Selena ในช่วงเวลาหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่แล้วก็ความสัมพันธ์ระหว่าง J และ S ก็ต้องจบลงกลายเป็นอดีตของกันและกัน ทั้งที่ก่อนหน้านั้น Hailey ก็เคยทวีตหวีด Jelena มาด้วย จนเรื่องราว ‘บ้านของหัวใจที่เปลี่ยนไป’ ได้ผุดขึ้นมาในทวิตเตอร์ เล่าถึงความรู้สึกแทนในใจ Selena แบบเป็นตุเป็นตะ เขาเป็นผู้ชายที่ฉันรักมานานหลายปี เขาเก็บจักรวาลเอาไว้ในกระเป๋าและหยิบดวงดาวมาให้เพื่อให้ค่ำคืนอันสว่างไสวแก่ฉัน ฉันอยากเชื่อว่าเขารักฉัน เพราะเขาบอกแบบนั้น ทั้งกระซิบ ทั้งกรีดร้อง ทั้งตอนหลับใหล ทั้งในเพลง และในดวงตาคู่นั้น หลายปีที่ผ่านมา ฉันยอมให้เขาเข้ามาในหัวใจ เขายอมให้ฉันรักเขาในแบบที่เห็นแก่ตัว เราต่างไม่เข้าใจกันในหลายเรื่อง และต้องใช้เวลากว่าจะเข้าใจกัน เราต่างมีความผิดพลาดในอดีตที่ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาเวลาเถียงกัน…
-
เนื้อสเต๊กจากร้านสะดวกซื้อในอังกฤษ เอาชนะเนื้อ “วากิว” อันโด่งดังของญี่ปุ่นเฉย!!
หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันมี “การประกวดเนื้อสเต๊กระดับโลก” อยู่ด้วย ซึ่งล่าสุดในปี 2018 นี้ เนื้อสเต๊กจากร้านสะดวกซื้อ Morrisons ดันเอาชนะเนื้อวากิวอันโด่งดังของญี่ปุ่นได้สำเร็จ เนื้อริบอายจากวัวพันธุ์ชอตฮอร์นที่นำมาจากร้านสะดวกซื้อสัญชาติอังกฤษ Morrisons สามารถเอาชนะเนื้อชั้นดีจากหลายแห่งได้อย่างน่าอัศจรรย์ แม้กระทั่งเนื้อวัววากิวจากญี่ปุ่นที่ว่ากันว่าเป็นเนื้อสเต๊กที่ดีที่สุดในโลก เนื้อซี่โครงวัวจาก Morrisons นั้นราคาอยู่ที่ประมาณ 330 บาทต่อสเต๊กปริมาณ 280 กรัม แถมยังสามารถต่อรองราคาได้นิดหน่อยตามความเหมาะสม ซึ่งหากเทียบกับราคาของสเต๊กเนื้อวัววากิวแล้ว ราคาของสเต๊กวากิวนั้นแพงกว่าประมาณ 8 เท่าของสเต๊กจากร้าน Morrisons เลยทีเดียว บริษัท Morrisons มีการทำงานอย่างใกล้ชิดกับเกษตรกรเลี้ยงวัว เพื่อดูแลและพัฒนาคุณภาพให้ได้เนื้อวัวพันธุ์ชอตฮอร์นชั้นยอดซึ่งส่งตรงจากฟาร์ม พูดถึงการประกวดเนื้อสเต๊ก World Steak Challenge มันก็คือการประชันกันระหว่างเนื้อสเต๊กจากที่ต่างๆ บนโลก จึงน่าประทับใจที่เนื้อจากร้านค้าสะดวกซื้อในประเทศอังกฤษสามารถติดอันดับท็อปได้เพียงนี้ ลวดลายหินอ่อนอันชัดเจนบนผิวของเนื้อสเต๊กจะเป็นตัวกำหนดรสชาติของเนื้อ เพราะเส้นๆ เหล่านั้นคือไขมันที่แทรกอยู่บนเนื้อที่ทำให้มีรสสัมผัสอันนุ่มละมุน ซึ่งเนื้อวัววากิวนั้นมีคุณสมบัติเหล่านี้ครบถ้วน ขณะเดียวกันเนื้อวัวพันธุ์ชอตฮอร์นเองก็มีคุณสมบัตินี้เช่นเดียวกัน นั่นทำให้เนื้อวัวสายพันธุ์นี้เป็นที่รู้จักและถูกยอมรับให้เป็นเนื้อสเต๊กที่มีรสชาติและรสสัมผัสระดับเวิลด์คลาส อย่างไรก็ตามเนื้อสเต๊กที่คว้าแชมป์ของงานนี้ไปก็คือเนื้อเซอร์ลอยน์หรือเนื้อสันนอกจากประเทศฟินแลนด์นั่นเอง ส่วนเนื้อจาก Morrisons นั้นได้รางวัลรองชนะเลิศในสาขา การผลิตเนื้อยอดเยี่ยมในประเทศอังกฤษ นอกจากนี้เนื้อสเต๊กจาก Morrisons…
-
สาวป่วยเป็นผิวหนังอักเสบมาตลอดชีวิต แต่อาการดีขึ้นหลังเปลี่ยนมาเป็นวีแกน
เรื่องราวของหญิงสาวคนนี้อาจจะทำให้คุณอยากหันมาสนใจดูแลสุขภาพมากขึ้น เพราะเธอมีอาการผิวหนังอักเสบมาตลอดชีวิต แต่เมื่อเธอเริ่มหันมากินผักมากขึ้นและงดเนื้อสัตว์ให้น้อยลงจนไม่กินแบบถาวร อาการผิวอักเสบของเธอกลับค่อยๆ ดีขึ้น จนแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง หญิงสาวคนนี้มีชื่อว่า Victoria Jinks วัย 26 ปี จากเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ เธอเล่าว่าเธอป่วยเป็นโรค Eczema หรือโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง โดยลักษณะอาการของเธอคือผิวหนังแห้ง มีรอยแดงคันๆ และลอก ซึ่งทำให้เธอทรมานกับอาหารนี้มากเพราะต้องเกาจนผิวหนังเป็นแผล และด้วยรอยแดงๆ บนผิวหนัง ทำให้เธอต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิดแม้จะเจอกับอากาศร้อนแค่ไหนก็ตาม นั่นยิ่งทำให้ความมั่นใจของเธอลดลง “ฉันผิวหนังอักเสบเรื้อรังมาตั้งแต่ฉันเกิด ฉันรู้ถึงจุดนี้ดี อาการนี้มันหายไปได้ปีหรือสองปีเมื่อตอนที่ฉันอายุ 16 และพอมันกลับมาอีกฉันก็หงุดหงิดมาก ฉันจำได้ว่าตัวเองนอนกับพื้นและแม่ต้องมาทาครีมให้ฉันทุกคืน” เธอยังเล่าอีกว่าอันที่จริงแล้วเธอเป็นคนที่เกลียดการทาครีมมาก และเมื่อต้องทามันทุกคืนๆ เธอก็เริ่มเกิดอาการกลัวการทาครีมไปเลย วันหนึ่งน้องสาวของแฟนเธอก็เข้ามาแนะนำ Victoria ว่าเธอควรจะเปลี่ยนไปเป็นวีแกน เพราะบางทีการงดกินเนื้อสัตว์อาจจะช่วยได้ เมื่อได้รับคำแนะนำมาแบบนั้น เธอจึงค่อยๆ เริ่มจากการงดกินเนื้อสัตว์ก่อน จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่การเป็นวีแกนแบบเต็มตัว และไม่น่าเชื่อว่าผิวหนังของเธอที่เคยมีอาการอักเสบมาตลอดจะหายไป สภาพผิวหนังของเธอ ที่เต็มไปด้วยรอยแดงจากการเกา Victoria เล่าว่าเธอแทบไม่อยากจะเชื่อว่าการเป็นวีแกนจะช่วยเธอได้มากขนาดนี้ เธออธิบายว่าการกินเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์นม แอลกอฮอล์ คือตัวกระตุ้นที่ทำให้ผิวหนังของเธอเกิดอาการอักเสบ…
-
คุณหมอตัดสินใจจบชีวิตลง…เพราะอดีตอันขมขื่น มันส่งผลมาถึงปัจจุบัน
บาดแผลในใจที่ถูกกระทำรุนแรงในวัยเด็ก มันสามารถส่งผลต่อใจจิตของคนแม้เวลาจะล่วงเลยมานานนับ 50 ปีแล้วก็ตาม… และนี่คือเรื่องราวของคุณหมอ Stuart Kidd ที่อุทิศทั้งชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น แต่จากประสบการณ์อันขมขื่นในวัยเด็กที่ตามหลอกหลอนเขามาโดยตลอด ก็ทำให้เขาตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงในวัย 60 ปี ศัลยแพทย์กระดูกและข้อวัย 60 ปี ที่เพิ่งเกษียณตัวเองจากการทำงานอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นมาแล้วมากมายในเขต Blue Mountains นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เขาได้เปิดเผยเรื่องราวชีวิตอันขมขื่นในวัยเด็กในรายการ You Can’t Ask That ที่จะออกฉายทางช่อง ABC แต่หลังจากถ่ายทำเสร็จ เพียงสองเดือนก่อนที่รายการจะนำเรื่องราวของเขามาเผยแพร่คุณหมอ Kidd ก็ได้ตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองลงอย่างน่าเศร้า ทางด้านภรรยาของคุณหมอ คุณ Janet ได้เปิดเผยความรู้สึกของตัวเองว่า ‘คุณหมอ Kidd รู้สึกพอใจมากกับเนื้อหาในรายการดังกล่าว ซึ่งเขาได้มีโอกาสรับชมมันก่อนที่จะเสียชีวิต’ ในการถ่ายทำคุณหมอ Kidd ได้เล่าให้ฟังว่าเมื่อตอนเด็กๆ เขาถูกผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 30-40 ปี และเด็กผู้ชายที่มีอายุมากกว่าก่อเหตุทารุณกรรมทางเพศ “ผมเคยถูกข่มขืนโดยผู้ชายที่มีอายุมากกว่าผม 30-40 ปี จากนั้นก็ถูกกระทำโดยเด็กชายที่มีอายุมากกว่าที่ผมคิดว่าเป็นเพื่อน” “ผมยังเด็กอยู่มาก…
-
ปัญหาชวนปวดหัว ถ้ายื่นมีดให้งูถือ ควรจะเป็นแบบไหน ‘คาบในปากหรือรัดด้วยหาง’
สิ่งมีชีวิตที่ไม่มีแขนลักษณ์เหมือนกับมนุษย์ มักจะมีวิธีการถือของต่างๆ ตามสรีระที่แตกต่างกัน บางครั้งเราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่าสัตว์ชนิดนี้ จะถือของแบบนี้ หรือไม่ก็เข้าใจตามที่การ์ตูนต่างๆ นำเสนอมา แต่มันถูกจริงรึเปล่าเอ่ย? ปัญหาที่ว่านี้ ดันมาตกกับสัตว์เลื้อยคลานอย่างงู เพราะถ้าหากว่างูจะถือสิ่งของ มันจะต้องถือยังไงกันนะ อย่างเช่นชาวทวิต @ChappellTracker ที่หย่อนคำถามนี้มาพร้อมกับยกภาพประกอบให้เราได้เห็นกัน https://twitter.com/ChappellTracker/status/1016502172660400128 จากคำถาม ‘ถ้างูถือมีด มันจะต้องถือแบบนี้ แบบแรกคือคาบด้วยปาก หรือแบบที่สองรัดด้วยหาง’ ซึ่งหลังจากที่หย่อนคำถามไปแล้ว ก็เกิดการถกเถียงกับคำตอบที่แบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างล้นหลาม ผมขอตอบหางละกัน มีพื้นที่จับเยอะกว่า ยืดหยุ่นกว่า ถ้าให้งูจับมีดด้วยหาง จะใช้คมเขี้ยวเป็นอาวุธได้ แต่มีดจะหลุดออกจากหางได้ง่าย เพราะฉะนั้นในแง่การป้องกันตัวที่ดีที่สุดคือการคาบไว้ในปาก มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย แนบภาพประกอบ จบเลย… เอาเข้าจริงๆ ผมว่าจับมีดด้วยหางน่าจะลำบากกว่านะ คาบในปากดูเหมาะกว่า แต่จับมีดด้วยหางนี่เหมือนคิดแทนงู แต่ยังไงทั้งสองแบบก็ไม่น่าเป็นไปได้ เมื่อคุณรู้ว่ามันมีมีดคมๆ อยู่ในปากของมันอยู่แล้ว ที่มา: @ChappellTracker, buzzfeed
-
พ่อหนุ่ม “นักสะกดจิตไก่” ?! สาธิตวิธีการง่ายๆ ช่วงเวลาเพียงอึดใจ ทำเอาน้องไก่เอ๋อไปเลย
เราอาจเคยเห็นนักมายากลแสดงการสะกดจิตให้เราได้เห็น (หรือเราจะเรียกว่า “นักสะกดจิต” ก็คงไม่แปลก) ทำให้คนคนหนึ่งนิ่งไปและสามารถทำตามคำสั่งได้ หรืออาจจะแค่ไม่รู้สึกตัวเฉยๆ แต่สำหรับชายนิรนามคนนี้ เขากลับไม่ได้มาโชว์การสะกดจิตคนอื่นๆ ให้เราได้เห็น แต่เขากลับทำสิ่งนั้นกับ “ไก่” ?! พ่อหนุ่มจากเมือง Eurfaula รัฐโอคลาโฮมา สหรัฐอเมริกา คนนี้ ได้ทำการอัดคลิปวิดีโอโชว์ความน่าทึ่งภายในเวลาเพียงแค่ 1 นาที เขาบอกว่าตนเองได้เลี้ยงไก่เอาไว้อยู่หลายตัว โดยที่นำมาให้ดูกันวันนี้คือเจ้าไก่ที่มีชื่อว่า Eddy ซึ่งมันก็ค่อนข้างจะเชื่องอยู่พอสมควร ในระหว่างที่เขาพูดอธิบายถึงวิธีการแบบคร่าวๆ เราจะเห็นว่าชายคนนี้ค่อยๆ ใช้มือลูบส่วนหัวและลำตัวของมันด้วยความเอ็นดูอยู่เรื่อยๆ แล้วหลังจากนั้นเขาจึงแสดงวิธีการสะกดจิตให้ได้รับชมกัน!! สาธิตวิธีการสะกดจิตที่ง่ายแสนง่าย ใช้เวลาเพียงแค่ชั่วอึดใจเดียว แถ่นแท๊นนน และนั่นคือการสะกดจิตน้องไก่ที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆ เลย เพียงแค่กดลำตัวและหัวของมันให้ต่ำลงไป จากนั้นใช้นิ้วชี้ไปที่ส่วนจะงอยปากของมัน ค่อยๆ ลากไปเป็นเส้นตรง แล้วจู่ๆ น้องไก่สุดรักก็นิ่งเงียบ เอ๋อรับประทานไปเลยทีนี้ และถ้าอยากให้มันกลับมามีสติอีกครั้ง ก็เพียงแค่ดีดนิ้วเป๊าะเดียวเท่านั้นเอง เขาบอกว่าวิธีการดังกล่าวสามารถสะกดจิตให้เจ้าไก่ค้างอยู่อย่างนั้นได้นาน 30 วินาที…
-
บล็อกเกอร์สาว เข้าพิธีวิวาห์กับ Shimiken ราชาหนังโป๊แดนปลาดิบ แม้เขาจะทำงานนี้ไปจนตาย!!
หากพูดชื่อ Ken Shimizu ไปก็อาจไม่มีใครรู้จัก แต่ถ้าหากบอกว่าเขาคือคนเดียวกันกับ Shimiken ฉายาของ “ราชาหนังโป๊แห่งแดนอาทิตย์อุทัย” คราวนี้เพื่อนๆ ก็คงจะได้ลองอ๋อกันอย่างแน่นอน ไม่เคยได้ยินชื่อ Shimiken อย่างน้อยคงต้องเคยเห็นหน้ากันมาบ้างแหละ เห็นผลที่หนุ่มวัย 38 ปีคนนี้ได้ฉายาว่าเป็นราชาหนังโป๊ นั่นเป็นเพราะว่าเขาได้ร่วมงานกับนักแสดงสาวมาแล้วมากกว่า 8,000 คน!! (ตลอดการทำงานกว่า 20 ปี) ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นชายที่รับเล่นไปซะทุกบทบาท จะให้พี่แกทำอะไรก็ขอให้บอกมา โดยแกบอกว่าเคยปฏิเสธงานไปเพียงแค่หนึ่งครั้งทั้งชีวิต… เพราะไม่อยากจะมีอะไรกับดาราสาวหลังจากที่เธอเพิ่งไปได้กับสุนัขมา เมื่อดูโปรไฟล์ของเขา หลายๆ คนก็คงสงสัยว่าดาราหนุ่มผู้ตรากตรำทำงานสายนี้จะมีคู่ชีวิต ได้แต่งงานกับใครสักคนหรือไม่? คำตอบก็คือ “ได้แต่ง” สิครับ เอาจริงๆ คือแกแต่งไปแล้วล่ะนะ ซึ่งเจ้าสาวของเขาก็คือนักเขียนบล็อกเกอร์สาววัย 32 ปี ผู้ใช้นามปากกว่า ha_chu เธอได้โพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์และอินสตาแกรม ยืนยันสถานะภาพของทั้ง 2 คนว่าปัจจุบันพวกเขาคือสามีภรรยากันแล้ว หลังจากคบหาดูใจ ใช้ชีวิตร่วมกันมานาน 4 ปี โพสต์ภาพ…
-
รู้จักกับ Ghost Army กองกำลังผีไร้ตัวตน ใช้กลยุทธ์ลวงนาซี ไม่ต้องพึ่งไสยศาสตร์…
ท่ามกลางความสูญเสียในสงครามโลกครั้งที่ 2 การบุกตามตำแหน่งในพื้นที่ต่างๆ ของฝ่ายพันธมิตร จะเจาะเข้าดินแดนศัตรูที่ต้องเน้นจำนวนกำลังพลเข้าสู้ ยิ่งทำให้สูญกำลังและพลังใจในการรบยิ่งกว่าเดิม ในปี 1944 ฝ่ายพันธมิตร ได้จัดตั้งกองกำลัง Ghost Army กองพลทหารไร้ตัวตน ที่มีเพียงแค่รถถังลมและอากาศยานบรรทุกปลอมๆ ใช้ลวงฝ่ายนาซีเยอรมันในภารกิจลาดตระเวน การที่สามารถยกกองกำลังเข้าบุกนอร์มังดีช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สำเร็จนั้น จะขาดกองกำลังที่ไม่มีตัวตนนี้ไปไม่ได้ เพราะ Ghost Army ช่วยหลอกล่อฝ่ายเยอรมันให้ย้ายแนวป้องกันไปยังทิศอื่น ปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด คือการบุกเข้ายึดนอร์มังดี และต้องใช้กองทหารมากถึง 1 ล้านนายจากทั้งหมด 5 ประเทศพันธมิตร ปฏิบัติการระดับใหญ่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และทางฝ่ายพันธมิตรต่างรู้ดีว่าจะสำเร็จได้ต้องใช้ทั้ง กึ๋น ความกล้าหาญ และการหลอกล่อ… ทางด้าน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ได้คาดการณ์ถึงการบุกตามแนวชายฝั่งและทางอากาศจากฝั่งประเทศอังกฤษ เลยมอบหน้าที่ให้นายพล แอร์วิน รอมเมิล ทำการตั้งรับไปสร้างป้อมปืน บังเกอร์ แนวอุปสรรคป้องกันรถถัง รวมถึงท่อนไม้โยงสายกว่าล้านท่อนป้องกันพลร่มที่จะเคลื่อนพลสู่ภาคพื้นดิน โชคดี…
-
พ่อของ Meghan Markle เผย ลูกสาวต้องรับภาระกดดันมากๆ จากการแต่งเข้าราชวงศ์
ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2018 ที่ผ่านมา ได้มีเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่น่าจดจำและน่ายินดีของราชวงศ์อังกฤษนั่นคืองานพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชาย Harry กับ Meghan Markle ท่ามกลางความปลื้มปิติของทั้งคนในครอบครัวและประชาชนที่รอคอยให้เจ้าชายของพวกเขาได้เป็นฝั่งเป็นฝาเสียที การที่เป็นผู้หญิงธรรมดาที่ได้แต่งงานกับเชื้อพระวงศ์ คงเป็นความฝันของหลายๆ คน เปรียบดั่งเหมือนได้เป็นเจ้าหญิงในนิทานต่างๆ แต่จริงๆ แล้วชีวิตหลังแต่งมันอาจจะไม่ได้สวยงามอย่างที่เราๆ จินตนาการเอาไว้ก็เป็นไปได้ เมื่อ Thomas Markle หรือคุณพ่อของ Meghan ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเมื่อได้เห็นสีหน้าของลูกสาว ก็รู้ได้ทันทีว่าลูกกำลังต่อสู้กับบทบาทในราชวงศ์ คุณพ่อยังเสริมต่อว่าดัชเชสแห่งซัสเซกส์ต้องเผชิญหน้ากับความคาดหวังขนาดใหญ่ที่ครอบครัวใหม่ของเธอมีต่อตัวเธอ มันเป็นภาระความกดดันที่หนักมากๆ แต่ลูกสาวของเขาก็ได้แต่ปิดบังมันไว้ Thomas กล่าวว่า “ผมเห็นมันในสายตาของเธอ ผมเห็นมันในสีหน้าของเธอ ผมเห็นมันในรอยยิ้มของเธอ ผมเห็นรอยยิ้มของเธอมาเป็นปีๆ ผมรู้จักรอยยิ้มของเธอดี มันไม่เหมือนกับรอยยิ้มที่ผมเห็นตอนนี้ นี่มันคือรอยยิ้มที่เจ็บปวด” Thomas ยังโจมตีราชวงศ์อีกที่ตัดเขาออกจากชีวิตของลูกสาว เพราะเขาขายรูปของลูกสาวก่อนงานวันแต่ง เขาก็ไม่ได้โทษเจ้าชาย Harry หรือ Meghan แต่เขาเชื่อว่ากฎของราชวงศ์เป็นสิ่งที่ล้าสมัย ครึ่งหนึ่งของประชาชนอังกฤษก็ขายภาพของลูกสาวของเขา (หมายถึงตัว Megan) กันทั้งนั้น …
-
แฟนบอลฝรั่งเศสดีใจเกิน จากงานฉลองแชมป์โลกกลายเป็นจลาจล เสียชีวิต 2 ราย
เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเข้าใจว่าฟุตบอลโลกนั้นเป็นการแข่งที่สำคัญต่อผู้คนขนาดไหน เพราะเจ้างานแข่งที่จัดขึ้นทุกๆ 4 ปีนี้ จะบอกว่าเดิมพันกันไว้ด้วยทั้งศักดิ์ศรี ชื่อเสียง และเงินรางวัลของแต่ละประเทศเลยก็ไม่ผิดนัก ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่แฟนๆ ของประเทศแชมป์โลกอย่างฝรั่งเศส จะออกมาเฉลิมฉลองชัยชนะกันในแทบทั่วทุกพื้นที่ในประเทศ เพราะต่อให้ไม่ได้สนใจเรื่องเกี่ยวกับฟุตบอลมากนัก แต่การที่ประเทศได้เงินรางวัลมา 38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราวๆ 1,264 ล้านบาท) มันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีอยู่ดี แต่แล้วการเฉลิมฉลองที่น่ายินดีเหล่านี้ สุดท้ายก็กลายเป็นข่าวร้ายไปจนได้ เมื่อมันจบลงด้วยการจลาจล และมีจำนวนแฟนบอลเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 ราย รายแรกเป็นชายฝรั่งเศสวัย 50 ปีในเมืองอัลไพน์ ผู้ซึ่งกระโดดลงไปในคลอง หลังจากที่ฝรั่งเศสชนะโครเอเชียไป 4-2 ส่งผลให้กระดูกคอหักเสียชีวิต ส่วนรายที่สอง เป็นชายวัยประมาณ 30 ปีที่เสียการควบคุมรถจนชนเข้ากับต้นไม้ในเซนต์ เฟลิกซ์ เนื่องจากมัวแต่ดีใจกับชัยชนะของประเทศ อย่างไรก็ตามสถานที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการจลาจลในครั้งนี้ก็ไม่ใช่ที่ไหนแต่เป็น Champs Élysées ที่ใจกลางกรุงปารีส เมืองหลวงของประเทศนั่นเอง โดยพื้นที่ในบริเวณนี้ต้องถูกปิดตัวลงอย่างฉุกเฉิน หลังเกิดเหตุกลุ่มแฟนบอลก่อการจลาจล และมีการประทะเข้ากับเจ้าหน้าที่ เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่กลุ่มแฟนๆ ที่มาชุมนุมเริ่มเกิดความโกลาหล จนลามไปสู่มีการต่อสู้ ทำลายข้าวของ และจลาจล…
-
ทวิตเตอร์ลงดาบโหด ลบบัญชีผู้ใช้ปลอมหายกว่า 70 ล้าน ดาราคนดังผู้ติดตามหายเพียบ!!
เจ้านักน้อยสีฟ้า “ทวิตเตอร์” ถือว่าเป็นโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้เป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยที่เสน่ห์ของทวิตเตอร์ก็คือการเป็นสื่อออนไลน์ที่ถือว่ามีความเรียลไทม์สูงมากๆ พวกนักข่าวหรือดารา คนดังมักที่จะทวีตข้อความต่างๆ ในชีวิตประจำวันอยู่บ่อยๆ ไม่นานมานี้ Jack Dorsey ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของทวิตเตอร์ได้ประกาศว่า จะทำการลบบัญชีผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยหรือพวกบัญชีปลอมออกจากระบบเพื่อสังคมที่ดีของทวิตเตอร์ และเมื่อการปฏิวัติครั้งนี้ได้เสร็จสิ้นลง เชื่อหรือไม่ว่ามีบัญชีผู้ใช้หลายล้านคนได้ถูกลบออกจากระบบ รวมถึงผู้ติดตามของ Jack Dorsey ก็ได้หายไปถึงสองแสนกว่าคนด้วย (I lost 200k followers 👋🏼👋🏼👋🏼) — jack (@jack) July 12, 2018 ซึ่งการลบบัญชีผู้ใช้ในครั้งนี้ ไม่ได้กระทบเพียงแค่ Jack เท่านั้นคนอื่นๆ หลายๆ คนรวมถึงบรรดานักข่าว ดาราคนดังทั้งหลายต่างก็เสียผู้ติดตามกันไปทั้งนั้น โดยจากการสำรวจพบว่ามีบัญชีผู้ใช้ที่สูญเสียผู้ติดตามไปมากที่สุดคือ 1. Twitter เสียผู้ติดตามไปกว่า 7.5 ล้านบัญชี 2. Barack Obama เสียผู้ติดตามไปกว่า 2.1 ล้านบัญชี 3.…
-
เปิดภาพความสดใส ‘เลขาคิม’ หรือ ‘พาร์ค มิน ยอง’ เจ้าของรอยยิ้มมหาเสน่ห์ที่เห็นเป็นละลาย!!
ในนาทีนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหนต่างก็ต้องได้ยินคนพูดถึงความน่ารักของ ‘เลขาคิม’ จากซีรีส์ What’s Wrong With Secretary Kim กันทั้งบ้านทั้งเมือง ดังนั้น #เหมียวจิวยี่ จึงเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าเอ๊ะ จะอะไรขนาดนั้นกันเชียว แต่เมื่อได้พบสบตากับสาว พาร์ค มิน ยอง ผู้รับบทเลขาแสนสดใสคนนี้แล้ว ก็ปฏิเสธไม่ออกเลยจริงๆ ว่าออร่าของเธอนั้นมันช่างดึงดูดตาราวกับมีเวทมนตร์จริงๆ ผู้หญิงอะไรจะน่ารักดูแล้วหัวใจเต้นแรงได้ถึงเพียงนี้กันล่ะเนี่ย ลองมาทำความรู้จักคร่าวๆ กับสาวคนนี้กันสักหน่อย พาร์ค มิน ยอง เกิดวันที่ 4 มีนาคม 1986 เห็นสวยๆ อย่างนี้ในปัจจุบันใครจะไปเชื่อว่าเธอมีอายุถึง 32 ปีแล้วนะ แต่ถึงยังไงก็ยังเป็นนางในฝันของใครหลายคนเลยใช่ไหมล่ะ ส่วนผลงานการแสดงของเธอก็ผ่านมาแล้วอย่างโชกโชน ทว่าเรื่องที่สร้างชื่อให้กับเธออย่างเฉิดฉายก็ได้แก่เรื่อง บัณฑิตหน้าใส หัวใจว้าวุ่น และ ซิตี้ฮันเตอร์ จนกระทั่งมาถึงเรื่องล่าสุดนั่นเอง เอาเป็นว่าอย่ามัวเสียเวลาไปดูภาพน่ารักๆ ของเธอกันดีกว่า ส่วนประวัติอื่นๆ หากสนใจเรื่องไหนก็ลองหาดูกันเอาเอง แต่ว่าตอนนี้ขอ #เหมียวจิวยี่ ไปส่องให้หลงรักไปมากกว่าเดิมสักหน่อยก็แล้วกัน… อ่ะๆ มาโบกไม้โบกมือเดี๋ยวเถอะ ขยิบตาอย่างนี้เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย มุมเผลอยังสวยเลย แอร๊ย ดูดวงตาอันเปล่งประกายนั้นสิ… อย่ามองตาอย่างนี้ได้ไหม!! ให้เค้าถ่ายรูปให้ก็ได้นะ ไม่ต้องเซลฟี่เองหรอก…
-
พ่อดีใจจนร่ำไห้…เมื่อภรรยาคลอดลูกอย่างปลอดภัย หลังผ่านช่วงลำบากมาตลอด 9 เดือน
ช่วงเวลาของการลืมตาตื่นมาดูโลกของเด็กน้อย ถือเป็นช่วงเวลาที่พิเศษที่สุดของคนเป็นพ่อเป็นแม่… หลังจากที่เฝ้ารอกันมาตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปี ผ่านช่วงเวลาอันแสนยากลำบากที่ต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ก่อนที่จะได้พบหน้าของลูกน้อย เช่นเดียวกันกับว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่อย่างคุณพ่อและคุณแม่คู่นี้ โดยเฉพาะฝ่ายคุณพ่อที่ดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ ทำให้ช่วงเวลาแห่งความสุข กลายเป็นโมเมนต์ที่แสนพิเศษ และหาชมไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้ว ช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ถูกบันทึกภาพไว้โดยช่างภาพ Kirstie Perez ว่าที่คุณพ่อถึงกับหลั่งน้ำตาแห่งความปีติออกมาหลังจากที่ได้เห็นลูกชายเป็นครั้งแรก “ผมไม่ได้ร้องไห้เพราะช็อกที่ได้เห็นลูกชายของผม แต่เพราะว่ามันเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นรอยยิ้มของภรรยาในรอบ 10 เดือนนี้ต่างหาก” ทุกการตั้งครรภ์มันไม่ได้ง่ายเสมอไป ผู้หญิงหลายคนต้องประสบกับปัญหามากมายระหว่างตั้งครรภ์ ภรรยาของคุณพ่อท่านนี้ต้องประสบกับปัญหาภาวะแพ้ท้องอย่างรุนแรง และภาวะครรภ์เป็นพิษ เป็นระยะเวลากว่า 285 วัน จนทำให้เธอน้ำหนักลดลงไปกว่า 13 กิโลกรัม เธอต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกรอดชีวิต แม้ว่าตัวเองจะลำบากแค่ไหนก็ตาม และคนที่ต้องเฝ้ามองดูความลำบากของภรรยาผู้เป็นที่รักก็คือสามีที่รู้สึกปวดใจมาโดยตลอด ตลอดระยะเวลา 9 เดือน ภรรยาต้องเข้าโรงพยาบาลถึง 4 ครั้ง จากการสูญเสียน้ำในร่างกาย จมูกของเธอไวต่อกลิ่นจึงต้องไปนั่งอยู่ข้างนอกบ้านเพื่อทานอาหาร เพราะบางครั้งกลิ่นที่ไม่ได้รุนแรงนักก็อาจจะทำให้เธอป่วยได้ แม้กระทั่งตอนทำคลอด เขาก็มาให้กำลังใจอยู่ข้างๆ เธอไม่ห่างไปไหน ในที่สุดเด็กชายตัวน้อยก็ได้ลืมตาดูโลก พร้อมทั้งความปลอดภัยของคุณแม่ ผู้เป็นสามีก็ยิ้มดีใจอย่างห้ามไม่อยู่ …
-
21 ภาพที่แสดงให้เห็นว่า ‘พ่อแม่ – ลูก’ นั้นมีหน้าตาเหมือนกันแค่ไหน ถ้าไม่บอกนึกว่าฝาแฝด!!
อย่างที่เรารู้กันดีว่า ‘พ่อแม่’ นั้นจะส่งต่อยีนส์หรือพันธุกรรมต่างๆ มาให้ลูก จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ลูกจะมีหน้าตาเหมือนกับพ่อหรือไม่ก็แม่ แต่บางครั้งมันก็เหมือนจนเกินไปจนเข้าใจผิดได้ง่ายๆ ว่าเป็นฝาแฝดกันเลยทีเดียว ถ้าไม่เชื่อล่ะก็ ลองไปชมภาพเหล่านี้พร้อมๆ กันได้เลย… 1. พ่อตอนอายุ 18 กับลูกชายอายุ 14 2. พ่อกับลูกชายตอนอายุประมาณ 7-10 เดือน 3. พ่อกับลูกสาว 4. แม่กับลูกสาวตอนอายุ 20 ปี 5. แม่กับลูกสาว 6. แม่กับลูกสาวตอนมหาลัย 7. คุณแม่เมื่อปี 1996 กับลูกชายในปี 2018 8. คุณแม่ตอนอยู่เกรด 5 และลูกสาวตอนอยู่เกรด 5 เช่นกัน 9. แม่กับลูกสาวตอน 3 ขวบ 10.…
-
หัวขโมยกลับตัวกลับใจเอาเงินมาคืนให้ร้าน หลังขโมยช็อกโกแลตไปเมื่อ 40 ปีก่อน!!
บางครั้งการเป็นขโมย มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเป็นแบบนั้นเสมอไป เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปก็อาจจะทำให้หัวขโมยกลับตัวกลับใจเป็นคนดีขึ้นมาก็ได้ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้… เรื่องมีอยู่ว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งได้ขโมยช็อกโกแลตบาร์จากร้าน Woolworths ไปตั้งแต่ช่วงปี 70s แต่ผ่านมา 40 ปี เหมือนกับว่าเพิ่งจะกลับตัวกลับใจได้ ก็เลยส่งจดหมายมาหาที่เจ้าของร้านเพื่อสารภาพผิด พร้อมกับแนบเงินค่าช็อกโกแลตมาให้ด้วย ผู้จัดการร้าน Belle Vale Shopping Centre ในเมือง Liverpool ถึงกับช็อกเมื่อได้รับจดหมายดังกล่าว เนื้อหาในจดหมายเขียนเอาไว้ว่า “สวัสดีครับท่าน ผมเคยขโมยช็อกโกแลตบาร์ 2 แท่งจากร้าน Woolworths ไปเมื่อปี 1975 ในสมัยที่ผมยังเป็นเด็กน้อยอยู่ “ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ตอนนั้นผมไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำเรื่องไม่ดีลงไป นี่คือเงินค่าช็อกโกแลตที่ผมติดค้างคุณครับ” ทางด้านโฆษกของชอปปิงเซนเตอร์ ก็ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า “ในแง่ของการแบ่งปัน มันเป็นเรื่องที่ดีมากที่เราได้เห็นการกระทำอันแสนอ่อนโยนแบบนี้ และมันช่วยคืนความเชื่อมั่นในมนุษยชาติให้กับเรา” “ร้าน Belle Vale ต้องการที่จะขอขอบคุณคนที่ส่งจดหมายนี้มา และยอมรับในคำขอโทษของเขา มันเป็นข้อความที่สร้างพลังบวกให้กับใครอีกหลายๆ คน” แต่อย่างไรก็ตามร้าน Woolworths ไม่ได้เป็นร้านที่อยู่ในเครือของชอปปิงเซนเตอร์ Belle Vale มาได้สักพักแล้ว ฉะนั้นเงินจำนวน…
-
สมควรแล้วหรือ?! คนกวาดถนนโดนตัดเงินเดือน “5 บาท ต่อก้นบุหรี่ 1 ชิ้น” แทบไม่เหลือรายได้
แน่นอนว่าเมื่อทำงานดีย่อมต้องได้รับรางวัล แต่หากทำผิดพลาดก็อาจได้รับการลงโทษ แต่ว่าต้องไม่ลืมที่จะคำนึงถึงความเหมาะสมตามหลักมนุษยธรรมด้วย สิ่งที่ว่ามานั้นได้มีการถกเถียงกันไปในเรื่องของมาตรการการลงโทษ พนักงานกวาดถนน ในหมู่บ้านหยูฮว่าไจ้ เมืองซีอาน ประเทศจีน เมื่อพวกเขาต้องถูกตัดเงินเดือนไปเป็นจำนวนมากเพราะ “ก้นบุหรี่” เหตุการณ์นี้เริ่มถูกพูดถึงหลังจากที่ในเดือนมิถุนายน 2018 มีพนักงานทำความสะอาดหญิงแซ่ จาง คนหนึ่ง พบว่าเงินเดือนที่เข้าบัญชีของเธอหายไปประมาณ 900 กว่าหยวน (หรือประมาณ 4,500 บาท) เมื่อเธอสอบถามไปยังหัวหน้างานถึงทราบว่าสาเหตุเกิดจากการที่ผู้ตรวจสอบการทำงานพบก้นบุหรี่ยังคงหลงเหลืออยู่ตามท้องถนน เขาจึงปรับเงิน 1 หยวน (ประมาณ 5 บาท) ต่อก้นบุหรี่ 1 ชิ้น พนักงานคนอื่นๆ กว่า 20 รายยังบอกอีกว่าตั้งแต่เดือนมีนาคมปีนี้เป็นต้นมา พวกเขาถูกหักเงินเดือนทุกเดือน แถมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยังบอกอีกว่าเดือนนี้จะปรับให้ครบ 180,000 หยวน (ประมาณ 900,000 บาท) อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จากภาครัฐได้ออกมาบอกปฏิเสธจำนวนตัวเลขการปรับเงินดังกล่าว และชี้แจงว่าหากพนักงานทำงานได้ดีก็จะได้รับรางวัล ทำไม่ดีก็ต้องได้รับการลงโทษเป็นเรื่องธรรมดา นอกจากนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตจำนวนมาก ซึ่งมองว่าพนักงานกวาดถนนถูกตัดเงินเดือนด้วยความไม่สมเหตุสมผล…
-
กระทิงนองเลือด!! ประเพณีวิ่งวัวกระทิงปีนี้ คนเจ็บระนาวกว่า 28 ราย
“แดนกระทิงดุ” หรือ “ประเทศสเปน” เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงหลากหลายด้านเอามากๆ ทั้งด้านวัฒนธรรม กีฬาเช่นฟุตบอลและบาสเกตบอล และรวมถึงกีฬาที่เปรียบเหมือนสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของสเปน “กีฬาสู้วัวกระทิง” เมื่อพูดถึงกีฬาสู้วัวกระทิงแล้วก็คงจะไม่พูดประเพณีวิ่งวัวกระทิงเห็นจะเป็นไปไม่ได้ โดยที่กีฬาวิ่งวัวกระทิงนี้เป็นกีฬาที่จะมีจัดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 6 -14 กรกฎาคมของทุกๆ ปี โดยที่จะประเพณีจะเริ่มขึ้นแปดโมงเช้า จะปล่อยให้วัวกระทิง 6 ตัววิ่งไล่คนเป็นร้อยๆ ตามถนนแคบๆ เป็นระยะทาง 825 เมตร แต่ละปีก็มีคนเจ็บหนักรวมถึงเสียชีวิตหลากหลายราย แต่ประเพณีที่อันตรายนี้ก็ยังเป็นประเพณีที่นิยมและน่าดึงดูดของสเปนอยู่ดี ในปีนี้ประเพณีวิ่งกระทิงก็จบลงไปแล้ว และจากรายงานของสื่อได้รายงานมาพบว่ามีคนบาดเจ็บถึง 28 ราย โดยที่ 6 รายเป็นคนที่บาดเจ็บจากการวิ่งรอบสุดท้ายในวันเสาร์ที่ผ่านมานี้ Tomas Belzunegui ตัวแทนของโรงพยาบาล Navarra ได้ให้สัมภาษณ์และยืนยันว่าประเพณีวิ่งรอบสุดท้ายในวันเสาร์นี้เป็นรอบที่มีการวิ่งเร็วที่สุด ทำให้มีคนได้รับบาดเจ็บสาหัสถึง 6 คนหลังจากที่ถูกเหล่ากระทิงย่ำไปตามร่างกาย 1 ใน 6 คนที่ว่ามาต้องถูกหามออกเพราะถูกลากไปกับกระทิงหลายเมตรเพราะผ้าพันคอของเขาไปเกี่ยวเข้ากับเขาของมัน ถึงแม้จะมีคนบาดเจ็บเยอะขนาดนี้ แต่ปีนี้ถือว่าเป็นความโชคดีที่ไม่มีผู้เข้าร่วมได้รับอันตรายจนถึงแก่ชีวิต พูดถึงผู้เสียชีวิตแล้ว ตั้งแต่มีการเริ่มประเพณีนี้มาตั้งแต่ปี 1925 มีผู้เสียชีวิตจากเทศกาลทั้งหมด 15…
-
ช่างภาพผู้ต้องสงสัยแอบปล่อยภาพนู้ด ‘ยางเยวอน’ ถูกพบเป็นศพในแม่น้ำที่เกาหลีใต้
ประเทศเกาหลีเป็นประเทศที่มีปัญหาคลิปหลุดคลิปแอบถ่ายที่ค่อนข้างรุนแรง จนถึงขั้นที่ว่าสาวๆ ในประเทศต้องออกมาชุมนุมเพื่อให้รัฐบาลทำอะไรสักอย่างกับเรื่องที่เกิด และเรื่องดังกล่าวเองก็ไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงกับคนธรรมดาทั่วไปเสียด้วย ถ้ายังจำกันได้เมื่อก่อนหน้านี้เคยมีข่าวของ ยางเยวอน นางแบบและยูทูบเบอร์ที่ออกมาบอกว่าเธอนั้น ถูกหลอกเข้าวงการ โดนล่วงละเมิดนับ 10 ครั้ง และมีภาพหลุดอยู่เต็มอินเตอร์เน็ตไปหมด โดยเธอได้กล่าวหาชายวัย 42 ปี ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของสตูดิโอถ่ายภาพคนหนึ่ง ว่าบังคับให้เธอถ่ายภาพนู้ด และปล่อยภาพที่ว่าลงสู่อินเตอร์เน็ต ข่าวเก่า: ‘ยางเยวอน’ โดนล่วงละเมิดนับ 10 ครั้ง-ภาพหลุด และ โผล่แชต ‘ยางเยวอน’ สมัครใจรับงานถ่ายนู้ดเอง ล่าสุดนี้เองเมื่อเช้าวันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม 2018 ได้มีการพบศพเจ้าของสตูดิโอถ่ายภาพผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีความของยางเยวอนในแม่น้ำแห่งหนึ่งที่จังหวัดคยองกี ร่างของเขาไม่มีร่องรอยการต่อสู้ใดๆ บวกกับการพบจดหมายลาตายฉบับหนึ่งบนรถของเขา ทำให้ทางตำรวจตัดสินคดีที่เกิดขึ้นว่าเป็นการฆ่าตัวตาย อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับคดีในครั้งนี้อยู่ที่จดหมายลาตายของเขามากกว่า เพราะข้างในนั้นมีการพูดถึงความลำเอียงของทางตำรวจและนักข่าวต่อเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและคุณยางเยวอนเอาไว้ ในจดหมายบอกไว้ว่า “ผมไม่เคยกักขัง ทารุณทางเพศ หรือบังคับ (นางแบบ) แน่นอน ผมเคยคิดว่าสักวันความจริงจะเปิดเผยออกมาเอง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อผมเลย การสืบสวนในครั้งนี้เข้าข้างแค่นางแบบ กับคนที่อ้างว่าเป็นเหยื่อเท่านั้น แถมการรายงานข่าวก็ทำให้ชีวิตในสังคมของผมเละเทะ ชีวิตผมมันจบแล้ว ผมโมโหมาก และเริ่มที่จะไม่เชื่อว่าความจริงจะเปิดเผยแล้ว ผมว่าการที่ผมตายไปอาจจะดีเสียกว่า ผมไม่คิดว่าข้อกล่าวหาที่ผมโดนจะได้รับการแก้ไข ดังนั้นแม้ผมจะยังอยากมีชีวิตต่อไปก็ตาม แต่ผมก็ตัดสินใจแล้ว…
-
ชายรักร่วมเพศ 2 คน โดนเฆี่ยนกลางเมืองพร้อมคนผิดประเวณีและดื่มเหล้า เพราะมีเกย์เซ็กส์
จังหวัดอาเจะห์เป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของเกาะสุมาตรา ซึ่งห่างจากประเทศไทยไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ที่จังหวัดนี้ มีระบบลงโทษที่ต่างออกไปจากอินโดนีเซียมาก โดยจะเป็นการใช้กฎหมายแบบอิสลาม ทำให้การมีเซ็กส์โดยไม่ได้สมรสและการรักร่วมเพศเป็นเรื่องผิดกฎหมายไป และนั่นทำให้การลงโทษที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมากลายเป็นข่าวโด่งดังไปในโลกอินเตอร์เน็ต โดยมีผู้ถูกลงโทษทั้งหมด 15 คนประกอบด้วย ชายหญิง 4 คนถูกเฆี่ยน 27 ครั้งในข้อหาดื่มสุรา ชายหญิง 9 คนถูกเฆี่ยน 26 ครั้งในข้อหาผิดประเวณี และชาย 2 คนถูกเฆี่ยน 87 ครั้งในข้อหาร่วมเพศแบบชายรักชาย การลงโทษในครั้งนี้ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ผู้สวมหน้ากากบดบังใบหน้าและมีทีมแพทย์คอยตรวจสอบสภาพร่างกายของผู้กระทำผิด ว่าแข็งแรงพอจะโดนลงโทษต่อหรือไม่ โดยการลงโทษในครั้งนี้มีผู้เข้าชมกว่า 100 คนซึ่งมีเด็กๆ รวมอยู่ด้วย แม้ว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจะมีการออกมาประกาศจากผู้ว่าราชการจังหวัดนาย อีรวานดี ยูซุฟ แล้วว่าการลงโทษจะต้องถูกจัดขึ้นภายในคุกของเมืองเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าทางเจ้าหน้าที่ผู้จัดการลงโทษในครั้งนี้จะไม่ได้รับรายละเอียดของคำสั่งที่ว่าเลย การลงโทษในครั้งนี้ทำให้เกิดการถกเถียงกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่ม LGBT ในประเทศที่ออกมาบอกว่าพวกเขาต้องอยู่อย่างหวาดกลัว จากการจับกุมและกักขังโดยกฎหมายอิสลาม ต้องหลบซ่อนจากตำรวจท้องที่ และภัยคุกคามจากการถูกทรมานอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามนายมูฮัมหมัดฮัดยัท หัวหน้ากรมตำรวจอิสลามก็ได้ออกมากล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าการรักร่วมเพศเป็นเรื่องที่ถูกตำหนิอย่างมากในจังหวัดทางศาสนาแบบอาเจะห์ แต่ตำรวจของเขาก็จะดำเนินการทุกอย่างอย่างมีความเท่าเทียมไม่มีการแบ่งแยก ส่วนชายรักร่วมเพศที่ถูกจับได้ทั้งสองถูกนำตัวมาส่งให้ทางเจ้าหน้าที่โดยชาวบ้านในพื้นที่เอง …
-
Brooklyn Beckham ลาออกจากมหาวิทยาลัยกลับกรุงลอนดอนเพราะ “คิดถึงบ้าน”
ในสมัยก่อนจะมีนักฟุตบอลคนหนึ่งที่ดังระเบิดระเบ้อในประเทศไทย ที่แม้แต่ผู้หญิงที่ไม่ดูบอลยังต้องรู้จักในฐานะนักฟุตบอลที่หล่อเป็นอันดับต้นๆ ใช่แล้ว!! นั่นคือ David Beckham อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษ ผู้มีลูกยิงไกลที่น่าจดจำ David ได้แต่งงานกับ Victoria Adams และมีบุตรคนโตคือ Brooklyn Beckham ซึ่งตอนนี้ก็โตเป็นหนุ่มที่ถือว่างานดีมากๆ สมกับที่ได้เชื้อมาจากพ่อและแม่ที่สวยหล่อขนาดนี้ และเรื่องราวที่เราจะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้ฟังในวันนี้ก็คือเรื่องราวของ Brooklyn Beckham นั่นเอง โดยที่เมื่อปีที่แล้ว Brooklyn ของเราได้เข้าไปเรียนหลักสูตรการถ่ายภาพที่ Parsons School of Design แต่มาในวันนี้ได้มีข่าวว่า Brooklyn ตัดสินใจที่จะลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะกลับไปอยู่กับที่บ้าน แหล่งข่าวคนที่ใกล้ชิดได้ให้ข้อมูลมาว่า “ดูเหมือนว่า Brooklyn นั้นคิดถึงบ้านมากๆ เขารู้สึกเหงาเมื่ออยู่ที่นิวยอร์กเพียงคนเดียว เพราะเขานั้นรักครอบครัวมากๆ สุดท้ายเลยอดใจไม่ไหวที่จะกลับมาใช้เวลาร่วมกับครอบครัว ส่วนผู้เป็นแม่อย่าง Victoria เมื่อได้รู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกำลังจะกลับมาอยู่บ้านแล้ว เธอดีใจเอามากๆ แถมยังเที่ยวบอกเพื่อนว่าคุณต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่าเธอคิดถึงลูกชายขนาดไหนและเกลียดการที่ถูกแยกกับเขาขนาดไหน” สุดท้ายนี้ถึงแม้ Brooklyn ของเราจะลาออกจากมหาวิทยาลัยเพราะคิดถึงบ้านและกลับไปอยู่กับครอบครัวที่กรุงลอนดอน แต่นั่นก็ถือว่าเป็นความสบายใจของทั้งทาง Brooklyn และทางครอบครัว ก็ขอให้แฟนๆ ของเขาและตัวเขาเองสู้ต่อไปด้วยกันนะครับ…
-
ชาวเน็ตจีนช่วยเหมาแตงโมกว่า 200 กิโล จากคุณตาที่โดนโกงค่าแตงโมด้วยแบงก์ปลอม
กลายเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจ ในประเทศจีนอีกครั้ง หลังชาวเน็ตรวมพลังช่วยเหลือคุณตา Wu คนขายแตงโมวัย 71 ปี ที่ถูกโกงค่าแตงโมจำนวน 100 หยวน (ประมาณ 500 บาท) เหตุการณ์ที่น่าเศร้าและเต็มไปด้วยความอบอุ่นหัวใจในเวลาเดียวกันนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ชาวเน็ตรายหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวของคุณตาขายแตงโมวัย 71 ปี ที่ได้รับแบงก์ปลอมจำนวน 100 หยวน เป็นค่าแตงโม คุณตาจากมณฑลชานตง ได้รับเงินจำนวนดังกล่าว ก่อนที่จะทอนให้กับลูกค้าของเขาไปจำนวน 80 หยวน (ประมาณ 450 บาท) ชาวเน็ตเจ้าของเรื่องเล่าว่า เขาได้รับเงินปลอมดังกล่าวหลังจากที่ซื้อแตงโม คุณตาบอกเขาว่าได้รับแบงก์ 100 หยวนมาจากลูกค้ารายหนึ่งเมื่อเช้า คุณตาพูดออกมาทั้งน้ำตาเมื่อทราบความจริงว่าเขาถูกลูกค้ารายหนึ่งโกงเงิน พร้อมบอกว่าเงิน 100 หยวนสำหรับเขานั้นเป็นเงินที่มีค่ามากๆ ถึงมันจะน้อยสำหรับบางคนก็ตาม “ผมขายแตงโมมาสามวันยังหาเงิน 100 หยวนแทบไม่ได้เลย” คุณตาวัย 71 ปีกล่าวทั้งน้ำตา เจ้าของโพสต์ดังกล่าวคืนเงิน 100 หยวนให้กับคุณตา พร้อมกับอัดคลิปวิดีโอให้เพื่อนๆ ของเธอใน Wechat ดูเพื่อแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของลูกค้าที่โกงเงินคุณตา และเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเขา…
-
แม่เลี้ยงลงมือฆาตกรรมลูกเลี้ยงวัย 7 เดือน ด้วยการเขย่าอย่างแรง จนม่านตาหลุด!!
หญิงวัย 41 ปี จากรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ถูกจับฐานฆาตกรรม หลังจากที่เธอจับลูกเลี้ยงของตัวเองเขย่าอย่างรุนแรง จนทำให้สมองและม่านตาของเด็กน้อยได้รับความเสียหาย ก่อนที่จะเสียชีวิตในที่สุด เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Daily Mail ได้รายงานว่านาง Angie Walker ได้ทำการฆาตกรรมลูกเลี้ยงวัย 7 เดือนของเธอเมื่อเดือนเมษายนปี 2017 อัยการกล่าวกับคณะลูกขุนว่า แม่เลี้ยงวัย 41 ปีจงใจฆ่าลูกเลี้ยงของเธอด้วยการเขย่า และนี่ไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างแน่นอน เหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2017 หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์ ได้รับแจ้งเหตุว่ามีทารกหมดสติอยู่ในบ้านของ Angie และแฟนหนุ่มของเธอ เด็กน้อยถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะเสียชีวิตในวันถัดมา Walker ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเธออยู่บ้านลำพังกับเด็กน้อย และก็เห็นเขามีอาการผิดปรกติ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น Levi ยังแข็งแรงดีอยู่ ทางด้านทนายความของเธอ ให้การว่าเด็กน้อยมีอาการป่วยด้วยโรคปอดและมีอาการติดเชื้อที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัย แต่ทางด้านอัยการอ้างว่าเขามีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า Walker เป็นคนฆ่าเด็ก เนื่องจากผลการชันสูตรระบุว่าม่านตาของเด็กหลุดออกมา เจ้าหน้าที่กล่าวว่า Walker…
-
จากเด็กผู้หญิงเล่นกับมาสคอตแสนน่ารัก แต่คอมเมนต์ชาวเน็ตไปทำให้เป็นเรื่องทะลึ่งซะงั้น!!
เชื่อรึเปล่าว่าบางทีความคิดเห็นของผู้คน ถ้าหากว่ามันมีจำนวนมากๆ เข้า มันก็สามารถที่จะเปลี่ยนทัศนคติมุมมองของเราจากหน้ามือเป็นหลังเท้าได้เหมือนกัน ถ้ายังไม่เชื่อล่ะก็ลองมาดูวิดีโอน่ารักๆ นี้ ที่ในตอนแรกก็ดูไม่มีอะไร แต่เมื่อมีความเห็นจากชาวเน็ตเข้ามาเรื่องแสนจะคิกขุมันก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องสัปดนทันที!! โดยเมื่อคืน (วันที่ 14 กรกฎาคม) ทางเพจ Japan Inside ได้โพสต์วิดีโอหนึ่ง ซึ่งเป็นวิดีโอของหนูน้อยผู้หญิงที่อยู่ท่ามกลางมาสคอต 2 ตัวที่มาเล่นด้วย วิดีโอเจ้าปัญหานี้ การเล่นของมาสคอตทั้งสองตัวนี้ก็คือการเข้ามาใกล้ๆ แล้วแกล้งเอาพุงเข้าไปชนหน้าชนหลังเจ้าหนูน้อย เพื่อเป็นการหยอกล้อกับเธอด้วยความเอ็นดู และในตอนหลังก็ได้มีการแท็กมือเหมือนกับจะบอกว่า “เห้ย เรานี่มันพวกเดียวกันจริงๆ” ทว่าสิ่งที่ชาวเน็ตเห็นมันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะไม่รู้ว่าด้วยจินตนาการอันสูงส่งหรือว่าความหมกมุ่นในเรื่องอย่างว่า จึงทำให้มีคอมเมนต์เข้ามาสารพัดสารเพรูปแบบ ที่ดูเหมือนจะนอกเหนือจากการเอ็นดูความน่ารักของเด็กหญิงตัวน้อยกับเจ้ามาสคอตนี้ แถมมากไปกว่านั้นยังมีบางคอมเมนต์ที่จะสื่อไปในอีกทางหนึ่งด้วย อย่างเช่น… ไม่ใช่ฉันคนเดียวใช่ไหม ที่รู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ ในวิดีโอนี้ บางทีสิ่งที่ชนเด็กผู้หญิงคนนี้อาจจะไม่ใช่พุงก็ได้นะ มันชักยังไงๆ อยู่นะ มันดูแปลกๆ พิลึกเหลือเกิน หรือจะเป็นแซนด์วิชกันนะ.. (ปล.คำสแลงนี้หมายถึงการร่วมเพศระหว่างคน 3 คน) แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนออกมาปกป้องเด็กผู้หญิงคนนี้จากความคิดบัดสีบัดเถลิงของชาวเน็ตด้วย… มันดูเป็นเรื่องการล่วงละเมิดจริงๆ สวนสนุกแห่งนี้ควรจะถูกปิดซะ มันทั้งดูไม่ตลกและไม่เหมาะสมในเวลาเดียวกัน…
-
ตำรวจญี่ปุ่นพบ 5 ศพ ตายปริศนาในบ้านปิดตาย สันนิษฐานฆ่าตัวตายหมู่!?
เป็นอีกหนึ่งคดีสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพ 5 ศพอยู่ภายในบ้านที่ล็อกปิดตาย โดยมีควันจากถ่านลอยฟุ้งเต็มบ้าน เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Japantimes ได้รายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบศพ 5 ศพ อยู่ภายในบ้านหลังหนึ่งในแขวงเอโดงาวะ เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยภายในบ้านมีการล็อกประตูทางเข้าจากด้านในจึงคาดกันว่าอาจจะเป็นการฆ่าตัวตายหมู่ ตามรายงานบอกว่าศพที่พบนั้นมีชาย 1 หญิง 3 และอีก 1 ศพไม่สามารถระบุเพศได้ โดยเจ้าหน้าที่พบศพทั้งหมดในช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. บนชั้น 2 ของบ้านหลังดังกล่าว เมื่อวันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเสริมว่าทั้ง 5 ศพนอนเรียงรายอยู่กับพื้นในห้องที่ถูกล็อกจากด้านใน ที่มีการวางถ่านไม้ที่ถูกเผาไหม้ ทางเข้าถูกล็อกและหน้าต่างก็ถูกปิดแน่นด้วยเทป มีการระบุว่าชายผู้เสียชีวิตมีอายุ 37 ปี ได้ทวีตข้อความผ่าน Twitter เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และได้มีการกล่าวว่าถึงความปรารถนาของตัวเองที่จะตายพร้อมกับคนอื่นๆ ที่มีความสนใจในความตายเหมือนกัน เพื่อนๆ ที่ติดตามชายคนนี้ผ่านทาง Twitter ได้นำข้อมูลดังกล่าวไปแจ้งกับตำรวจเพื่อให้ตรวจสอบและตามหาตัวของเขา จนนำไปสู่การตามหาศพของเขาและคนอื่นๆ…
-
การค้นพบอันยิ่งใหญ่ “โรงงานผลิตมัมมี่” อายุกว่า 2,000 ปี ใกล้กับสุสานพีระมิดอันเลื่องชื่อ
ยังคงมีความลับอีกมากมายที่ถูกซ่อนเอาไว้ในประเทศอียิปต์ สถานที่ที่เต็มไปด้วย พีระมิด และเรื่องราวของ มัมมี่ แต่ล่าสุดทีมนักโบราณคดีของประเทศได้ค้นพบพื้นที่หลุมขนาดใหญ่ลึกลงไปกว่า 30 เมตร ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็น “โรงงานผลิตมัมมี่” อายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี สิ่งที่ถูกค้นพบนี้อยู่ใกล้กับสุสาน Saqqara ป่าช้าพีระมิดอันยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง ทางตอนใต้ของเมืองไคโร บริเวณสุสาน Saqqara นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2018 ที่มีการค้นพบโรงงานผลิตมัมมี่แห่งนี้ พวกเขาก็ทำการลงไปสำรวจและนำมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชนในวันที่ 14 กรกฎาคม 2018 ทีมสำรวจพบมัมมี่จำนวน 35 ศพในโลงหินที่ตั้งอยู่ในห้องเก็บศพของสถานที่แห่งนี้ รูปปั้นหิน ไห และถ้วยชามที่น่าจะใช้ในการผลิตมัมมี่อีกหลายร้อยชิ้น และจากการสำรวจก็ทำให้พวกเขาได้พบกับ 2 สิ่งสำคัญต่อการศึกษาในด้านโบราณคดี อย่างแรกคือน้ำมันที่ใช้ในการทำมัมมี่ และสารเคมีต่างๆ ที่ใช้ในการแต่งหน้าศพ ส่วนนั้นจะทำให้เราทราบได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่าคนในสมัยก่อนใช้สิ่งใดรักษาศพเอาไว้ไม่ให้เน่าสลาย . อย่างที่สองคือ หน้ากากเงินที่ถูกตกแต่งลวดลายด้วยทอง โดยสิ่งนี้ถือว่าเป็นสมบัติหายากที่ตลอดระยะเวลาเคยมีการค้นพบสมบัติในลักษณะเดียวกันอยู่เพียงแค่ 2 ชิ้นเท่านั้น…
-
สาวอินเดียถูกครูฝึกผลักตกตึกเสียชีวิต ในระหว่างการฝึกซ้อมลี้ภัยของวิทยาลัย
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุน่าสลดขึ้นในวิทยาลัยศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ Kalaimagal ในรัฐทมิฬนาฑู ประเทศอินเดีย เมื่อมีเด็กสาววัย 19 ปีคนหนึ่งเสียชีวิตระหว่างการซ้อมลี้ภัย Lokeshwari เด็กสาววัย 19 ปี ผู้เสียชีวิต โดยในการซ้อมลี้ภัยครั้งนี้ Lokeshwari เด็กสาวผู้เสียชีวิตจะต้องทำการกระโดดลงจากอาคารเรียนชั้นสาม ลงไปยังตาข่ายสีฟ้าที่มีการขึงคอยรับอยู่ด้านล่าง อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลาที่จะต้องโดด เด็กสาวคนดังกล่าวกลับไม่กล้าพอที่จะกระโดดลงไป และได้แต่นั่งอยู่ที่ขอบของอาคาร เมื่อเห็นดังนั้นผู้ดูแลการฝึกจึงตัดสินใจ ดันหลังของเธอลงจากอาคาร แต่แทนที่เด็กสาวจะตกลงไปบนตาข่ายที่รอรับอยู่ ร่างของเธอกลับกระแทกเข้ากับขอบอาคารชั้นหนึ่งเสียก่อน วิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจาก Sajith Saju จากข้อมูลของทางตำรวจ Lokeshwari ได้รับบาดเจ็บที่คอและศีรษะจากการตกลงมาในคลิป ก่อนที่เพื่อนๆ นักศึกษาทั้ง 20 คนด้านล่างจะรีบนำตัวเธอส่งโรงพยาบาล อย่างไรก็ตามกว่าจะไปถึง เด็กสาวก็เสียชีวิตไปเสียแล้ว ส่วนตัวผู้ดูแลการฝึกซึ่งในภายหลังทราบว่าชื่อ Arumugam ได้มีการอ้างว่าตนได้รับใบรับรองจากหน่วยบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ อย่างไรก็ตามทางหน่วยงานดังกล่าวก็ได้ออกมาชี้แจงว่า พวกตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฝึกในครั้งนี้ และไม่ได้มีการอนุญาตให้ Arumugam ดำเนินการดังกล่าวด้วย นาย Arumugam ในปัจจุบันถูกความคุมตัวไว้โดยทางตำรวจเป็นที่เรียบร้อย และจะต้องได้รับการลงโทษในข้อหากระทำการโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายต่อไป ที่มา nextshark, bbc, xinhuanet
-
บอลอยู่ในสายเลือด!! เมื่อเสียงเฮดัง ชายวิ่งหน้าตั้งออกมาดู แม้จะคุยกับลูกค้าอยู่ก็ตาม…
เรียกได้ว่าช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่เข้าสู่โค้งสุดท้ายของ “ฟุตบอลโลก 2018” กันแล้ว เพราะคู่ชิงที่เรารอมา 4 ปีจะได้ถูกตัดสินในค่ำคืนนี้เวลา 22.00 น. นี่เอง โดยที่เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่าง “ทีมชาติฝรั่งเศส” และ “ทีมชาติโครเอเชีย” ใครเป็นแฟนทีมไหนก็อย่าลืมแชร์กันนะครับ วันนี้เราเลยจะมาเก็บตกข่าวฮาๆ เกี่ยวกับฟุตบอลโลกครั้งนี้กัน หากคุณเป็นคนที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ ไม่ว่าจะเป็นงานอะไร ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับทีมรักกำลังแข่งขันอยู่ เมื่อมีเสียงเฮดังขึ้นมาคุณจะทำอย่างไร จะทำตัวแบบมืออาชีพต่อไปหรือจะออกไปดูการทำประตูของทีมสุดรักล่ะ? เรื่องราวที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้เป็นเรื่องของชายคนหนึ่ง เจ้าของธุรกิจส่วนตัวผู้ที่กำลังให้บริการแก่ลูกค้าของเขาอยู่ แต่แล้วเมื่อเสียงการยิงประตูกันเกิดขึ้น เขากลับรีบวิ่งออกมาดู โดยปล่อยให้ลูกค้านั่งงงซะอย่างนั้น แหม… เรียกว่าฟุตบอลอยู่ในสายเลือดจริงๆ ชายที่เรากล่าวถึงคนนั้นคือ Roni Bajraliu ขณะเกิดเหตุเขากำลังเจรจากับลูกค้าที่ต้องการซื้อรถยนต์อยู่ แต่แล้วเมื่อเสียงเฮของการทำประตูเกิดขึ้น Roni ไม่รอช้า รีบวิ่งออกมานอกห้องเพื่อดูทีมสุดรัก (หรืออีกทีม) ทำประตู โดยที่ภาพวิดีโอของเขาได้ถูกญาติของเขาแชร์ลงไปในทวิตเตอร์ จนทำให้ชาวเน็ตหลายๆ คนเข้ามาเห็นแล้วถูกใจ ช่วยกันแชร์และเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันใหญ่ Roni ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ว่า “ผมเป็นเจ้าของธุรกิจ ตอนนั้นผมกำลังมีการเจรจาซื้อขายรถอยู่ แต่ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ทำประตูได้ในฟุตบอลโลก ผมเลยยกเลิกทุกอย่างและวิ่งไปหน้าทีวี…
-
รัฐฮาวาย เตรียมประกาศห้ามจำหน่าย “ครีมกันแดด” หวังป้องกันปะการังฟอกขาว
รัฐฮาวาย จากสหรัฐอเมริกา สร้างความฮือฮาในวงการอนุรักษ์อีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาประกาศตัวเป็นรัฐแรกที่มีการห้ามใช้ครีมกันแดด เพื่อเป็นการป้องกันแนวปะการัง!! นาย David Ige ผู้ว่าการรัฐได้ลงนามในสนธิสัญญาห้ามจำหน่ายครีมกันแดดในพื้นที่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2021 หรืออีกประมาณ 3 ปีข้างหน้า จากผลการศึกษาพบว่าในครีมกันแดดมีสารเคมี 2 ชนิดคือ Oxybenzone และ Octinoxate ซึ่งส่งผลกระทบต่อการฟอกขาวของปะการัง และระบบนิเวศ สารทั้ง 2 ชนิดอาจจะติดตัวนักท่องเที่ยว และละลายลงในน้ำทะเลระหว่างที่พวกเขาลงเล่นน้ำ สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ความสวยงามของรัฐฮาวาย เป็นสิ่งสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากกว่า 9 ล้านคนต่อปี และที่เกาะแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ดำน้ำยอดฮิตอีกด้วย ทางด้านวุฒิสมาชิก Mike Gabbard ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การสั่งห้ามจำหน่ายครีมกันแดดที่ฮาวายจะเป็นการเริ่มมาตรฐานการดูแลธรรมชาติอีกขั้นหนึ่ง “เราไม่ใช่รัฐแรกที่เริ่ม แต่เราคือที่แรกของโลก และที่อื่นๆ จะได้เห็นว่ามันเป็นมาตรฐานที่ดี และทำให้พวกเขาหันมาสนใจเรื่องนี้มากขึ้น” นาย Mile ให้สัมภาษณ์ อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารทั้งสองชนิดนี้ จะได้รับการยกเว้น และในขณะนี้กำลังเป็นที่กังวลสำหรับการหาวิธีอื่น ในการปกป้องผิวจากแสงแดดแทนการใช้ครีมทาผิว หากมีการประกาศใช้กฎดังกล่าว ที่มา mirror
-
“ภาพขอให้ญี่ปุ่นตะวันตกโชคดี” แฮชแท็กใหม่จากเหล่านักเขียน เป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัย
ในยามที่เพื่อนร่วมประเทศประสบภัยอยู่นั้น ไม่ว่าใครก็อยากจะออกมาทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่กำลังตกที่นั่งลำบากกันแม้สักนิด ไม่ว่าจะเป็นนักร้องชื่อดังอย่างโยชิกิ ที่บริจาคเงินกว่า 3 ล้านบาทมาจากอเมริกา หรือบริษัทเกมอย่าง Cygames ที่บริจาคเงินกว่า 25 ล้านเยน (ราวๆ 7,400,000) เข้าสู่สภากาชาดญี่ปุ่น และคราวนี้เองก็มาถึงคราวของเหล่านักวาดการ์ตูนญี่ปุ่นที่จะออกมาทำอะไรสักอย่างเช่นกัน ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากข้อความเล็กๆ ของโคจิ เซโอะ เจ้าของผลงานเรื่อง Fuuka หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “สายลมรักฤดูร้อน” ซึ่งมีการออกมาโพสต์ในทวิตเตอร์ของเขาว่า น้องสาวของผมส่งภาพนี้มาให้… มีอะไรที่ผมพอจะทำได้บ้างไหมนะ… 妹が送ってくれた写真。僕には何ができるんだろう。 pic.twitter.com/jiOXXm8pIR — 瀬尾公治 (@seokouji) July 9, 2018 ทวีตที่ว่านี้ถูกเห็นโดยทาเคชิ ฮินาตะนักเขียนผู้อยู่เบื้องหลังผลงาน “Ahiru no Sora” ผู้ซึ่งเข้าไปตอบทวีตของอาจารย์เซโอะว่า “มาทำอะไรสักอย่างกัน!” และจุดประกายความคิดของอาจารย์เซโอะขึ้น เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่เขาทำได้ พร้อมกับเป็นต้นกำเนิดของแฮชแท็ก “ภาพขอให้ญี่ปุ่นตะวันตกโชคดี” หรือ “西日本頑張ろうイラスト” นั่นเอง “แม้ว่าสิ่งที่ผมทำได้จะมีแค่การวาดการ์ตูนก็ตาม แต่ผมก็หวังว่าผู้ประสบภัยจะได้ชีวิตประจำวันปกติกลับมาอีกครั้งนะ” 僕には漫画を描く事しかできませんが、豪雨災害に遭われた方々がまた普通の日常を取り戻せる日がくるよう願ってます。#西日本頑張ろうイラスト pic.twitter.com/8m1tJPFzSx — 瀬尾公治…
-
โซเชียลวิจารณ์หนัก คลิปคู่รักให้อาหารล่อนกกระจอก แล้วจับมัน ‘ยัดใส่ถุง’ เฉยเลย!?
ในโลกออนไลน์ของต่างประเทศกำลังมีการแชร์คลิปของคู่รักคู่หนึ่ง ที่จู่ๆ ก็จับ ‘นกกระจอก’ ที่สวนสาธารณะใส่ถุงพลาสติกกลับไปเลี้ยงที่บ้าน!! คลิปวิดีโอดังกล่าวนี้ถูกถ่ายเอาไว้โดยโค้ชทีมบาสเกตบอลจาก NBA ชื่อว่า Chris Matthews และแฟนสาว ที่พากันไปเที่ยวที่สวนสาธารณะ Washington Square Park ในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่แล้วจู่ๆ ทั้งคู่ก็เหลือบไปเห็นคู่รักอีกคู่หนึ่งกำลังนั่งชิลๆ อยู่ที่ม้านั่ง ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะก้มลงไปจับนกกระจอกที่มากินอาหารที่พวกเขาโปรยไว้บริเวณนั้นใส่ถุงไปเฉยเลย!? โค้ช Chris เล่าว่า “ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรากำลังเจอกับเรื่องอะไรอยู่ เราช็อกมากที่จู่ๆ พวกเขาก็จับนกใส่ถุงพลาสติกไปเฉยเลย” “พวกเราได้หยุดถ่ายคลิปวิดีโอและเดินเข้าไปพูดคุยกับพวกเขา ก่อนที่จะยอมปล่อยนกไปแต่โดยดี” “เราเป็นห่วงทั้งชีวิตของเจ้านกตัวนั้น และเด็กๆ ที่ได้มาเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาจะคิดอย่างไรเมื่อเจ้านกที่แสนน่ารักนี้ถูกจับตัวไป” โค้ช Chris ได้นำคลิปวิดีโอดังกล่าวไปโพสต์ลงทวิตเตอร์ มีผู้คนให้ความสนใจมากมาย เข้ามากดไลก์กว่า 1,000 ครั้ง และรีทวีตไปอีกกว่า 666 ครั้งเลยทีเดียว คลิปวิดีโอเหตุการณ์ หลายๆ คนก็ให้ความเห็นกันไปต่างๆ นานา…
-
เจ้าข้องบ้านวอนให้ลูกบ้านเอาน้ำออกจากสระทุกครั้ง เพราะอาจทำให้ ‘หัวขโมย’ จมน้ำ!!
‘การเช่าบ้านพักหรือหอพักอยู่’ ย่อมมีกฎที่จะต้องตกลงกับเจ้าของบ้าน เพื่อที่จะได้อยู่ร่วมกันกับคนอื่นๆ อย่างมีความสุข แต่สำหรับเจ้าของบ้านคนนี้ได้ตั้งกฎให้ผู้เช่าบ้านทุกคนเอาน้ำออกจากสระลมทุกครั้งหลังใช้งาน เพราะกลัวจะ ‘เป็นอันตรายต่อหัวขโมย’!? Maria Young หนึ่งในผู้เช่าบ้านกล่าวว่า “พวกเขาบอกให้พวกเราจัดการมันให้เรียบร้อยทุกครั้ง หรือไม่ก็เอาสระนี้ออกไปเลย” “เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะก่อให้เกิดอันตรายขึ้นกับคนที่บุกรุกเข้ามาได้…” “แถมยังให้เราเซ็นสัญญาว่าจะรับผิดชอบกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นอีกต่างหาก ฉันไม่รู้เลยว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน สวนที่บ้านเช่านี้เป็นสถานที่ที่คนจะมาพักผ่อนหย่อนใจกัน” “สระว่ายน้ำนี้มีคนซื้อมาไว้ที่นี่เมื่อราวๆ 1 เดือนก่อน มันมีขนาดความกว้าง 12 ฟุต และมีราคาอยู่ที่ราวๆ 64 ปอนด์ (3,000 บาท) ปริมาณน้ำที่ใช้เติมจะอยู่ที่ 15,000 แกลลอน” “ทุกครั้งที่ว่างฉันจะมานั่งแช่ในน้ำ เพราะไม่มีเวลาไปที่สระว่ายน้ำใหญ่ๆ ทุกคนต่างก็สนุกสนานไปกับมัน เด็กๆ ก็สนุกสนานไปกับมัน แต่ถ้าจะให้เอาน้ำออกทุกครั้งฉันว่ามันจะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุนะ และถ้าเก็บมันไปทิ้งล่ะก็ฉันไม่ยอมแน่ๆ” ทางด้านเจ้าของบ้านก็ออกมาให้ข้อมูลว่า “มันเป็นความรับผิดชอบของพวกเขา ทุกคนที่เข้ามาในพื้นที่จะต้องได้รับความปลอดภัย” “เนื่องจากว่าประตูด้านหลังของตัวบ้านชำรุด จึงทำให้ใครต่อใครสามารถเข้ามาที่ในพื้นที่บ้านเช่านี้ได้” “แน่นอนว่าเราจะทำการแก้ไขประตูดังกล่าวให้กลับมาใช้งานได้โดยเร็ว และเพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์อันน่าสลด จึงต้องให้ทุกคนช่วยกันดูแลสระว่ายน้ำ ให้เอาน้ำออกทุกครั้งหลังจากใช้งานเสร็จ” ที่มา : ladbible
-
หวานแหวว…เรื่องราวความรักของ ‘คู่รักดาวน์ซินโดรม’ กับชีวิตคู่อันแสนสุขที่ผ่านมา 23 ปี
‘ความรัก’ เป็นสิ่งสวยงามเสมอเมื่อเกิดขึ้น และมันสามารถเกิดขึ้นได้กับใครก็ได้บนโลกใบนี้ หรือแม้แต่ในจักรวาลอันแสนกว้างใหญ่ไพศาลนี้ เช่นเดียวกันกับคู่รักที่ป่วยเป็นโรค ‘ดาวน์ซินโดรม’ ทั้งคู่ และพวกเขาก็เพิ่งฉลองวันครบรอบวันแต่งงานปีที่ 23 ไปไม่นานนี้เอง!! Maryanne และ Tommy Pilling ทั้งคู่ป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรม แต่หัวใจของทั้งคู่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อกันและกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะใครหลายคนก็มองว่าความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นเป็นเรื่องที่ ‘น่ารังเกียจ’ แต่อย่างไรก็ตามกาลเวลาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความรักของทั้งคู่นั้น ‘เป็นของจริง’ เพราะล่าสุด Maryanne และ Tommy ก็เพิ่งจะฉลองครบรอบวันแต่งงานปีที่ 23 ไปหมาดๆ “มันคือการตกหลุมรักตั้งแต่ได้เจอกันครั้งแรก” Maryanne กล่าว ขณะที่ฝ่าย Tommy ที่ได้ฟังคำพูดนั้นก็ถึงกับน้ำตาซึม ทางด้านของคุณแม่ Linda ที่เป็นแม่ของ Maryanne เล่าว่า “พ่อแม่หลายคนอาจจะไม่ยอมทำแบบที่ฉันทำก็ได้ แต่พวกเขาได้หมั้นกันก่อน 4 ปี ก่อนที่จะแต่งงานกันในที่สุด” “งานแต่งงานของพวกเขาจัดขึ้นในโบสถ์ ลูกสาวของฉันสวมชุดเจ้าสาวที่ทำขึ้นมาโดยคุณป้าของเธอ และมันช่างงดงามเหลือเกิน” “ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ที่ได้เป็นคนเดินส่งตัวเจ้าสาวในวันนั้น” …
-
สาวสังหารพ่อตัวเอง หลังทนทุกข์กับการโดนล่วงละเมิดทางเพศ เก็บงำความลับมา 12 ปี!!
รู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ในสหรัฐอเมริกา มีคดีหนึ่งซึ่งสร้างเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก เรื่องมันเป็นดังนี้… ย้อนกลับไปในปี 2006 หรือ 12 ปีก่อน Barbara Coombes วัย 51ปี อาศัยอยู่กับพ่อของเธอ Kenneth Coombes วัย 87 ปี อยู่ในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ในวันหนึ่ง Barbara ได้ออกไปดูแลสวนหลังบ้าน แต่เมื่อเธอกลับเข้ามาในบ้าน เธอก็พบกับกล่องใบหนึ่งถูกวางอยู่บนโต๊ะกินข้าวที่มีรูปถ่ายเต็มไปหมด ในบรรดารูปภาพเหล่านั้นเต็มไปด้วยภาพของเด็กๆ ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ รวมถึงภาพของเธอด้วย Barbara ให้การกับตำรวจในภายหลังว่าเธอเองต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกพ่อของเธอพูดจาหยาบคายใส่ ถูกทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดทางเพศ นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกโกรธแค้นผู้เป็นพ่ออย่างมาก หลังจากที่ค้นพบรูปภาพทั้งหมดเข้าเธอก็หยิบพลั่วที่เธอเพิ่งจะใช้ทำสวน ไปฟาดใส่ด้านหลังศีรษะของพ่อตัวเองที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น ในตอนนั้นนาย Kenneth พยายามหันหน้ามามองลูกสาวของเธอ แต่ในจังหวะนั้นเธอก็ฟาดเข้าไปที่หน้าของเขาอีกครั้งจนเขาล้มลงไป เธอจึงปิดฉากด้วยการใช้พลั่วแทงเข้าไปที่คอของพ่อจนหมดสติและเลือดไหลจนเสียชีวิต Barbara เล่าต่อไปว่าหลังจากที่พ่อของเธอเสียชีวิตแล้ว เธอก็ห่อเขาด้วยพรมจากนั้นจึงลากออกไปซ่อนไว้หลังต้นไม้ และในวันต่อมาเธอก็ได้สั่งรถขนดินให้นำดินมาส่งที่บ้าน เพื่อใช้มันกลบฝังศพของพ่อเธอภายในสวนที่บ้าน จากการหายตัวไปอย่างกะทันหันของนาย Kenneth ทาง Barbara เองจึงได้โกหกกับลูกสาววัย 18 ปีของเธอว่าคุณตาของเธอนั้นติดเชื้อในกระแสเลือดและเสียชีวิตที่โรงพยาบาล และบอกกับสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ ว่าเขาเป็นโรคหัวใจเฉียบพลันและเสียชีวิตแล้ว Barbara เริ่มเก็บข้าวของทุกอย่างของพ่อเธอออกจากบ้าน แล้วใช้ชีวิตต่ออย่างปกติมาเรื่อยๆ ถึง 12…
-
นักวิ่งสาววัย 16 ปี ถูกสังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับอายุ เพราะใบหน้า ‘แก่เกินวัย’ ราวรุ่นยายของเธอ!!
ปัญหาเรื่องใบหน้าแก่ก่อนวัยอาจจะเป็นปัญหากวนใจสาวๆ เพราะว่ามันดูไม่เต่งตึงงดงามดูสวยน่ามอง แต่ว่านอกเหนือจากเรื่องความสวยความงามแล้ว บางทีเรื่องของความหน้าแก่อาจก่อปัญหาอื่นตามมาก็เป็นได้ เหมือนกับในกรณีของนักวิ่งหญิงคนนี้ ที่กระแสโซเชียลเน็ตเวิร์คได้วิพากษ์วิจารณ์ว่าเธอดูแก่เกินกว่าที่จะลงแข่งขันในกีฬาเยาวชน แถมยังตั้งคำถามด้วยว่าเธอโกงอายุมาแข่งรึเปล่าเนี่ย?? Girmawit Gebrzihair นักวิ่งสาววัย 16 ปีชาวเอธิโอเปีย ได้ลงชิงชัยในการแข่งขันวิ่ง 5,000 เมตรรายการ World Under-20 Championships ที่จัดขึ้น ณ ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งผลสรุปว่าเธอได้คว้าเหรียญทองแดงไปครองไปในการแข่งขันเยาวชนนี้ ทว่าการคว้าชัยของเธอในครั้งนี้ได้นำมาซึ่งคำถามมากมายจากชาวเน็ตว่าเธอเกิดในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2001 จริงตามที่แจ้งให้กับทางรายการหรือไม่ เพราะว่าใบหน้าของเธอนั้นค่อนข้างจะล้ำไปไกลเกินกว่าอายุที่แจ้ง แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่มีนักวิจารณ์คนไหนมีหลักฐานมาสนับสนุนสมมุติฐานนี้ และหนึ่งในชาวเน็ตที่เย้ยหยันเธอถึงเรื่องใบหน้าแก่เกินวัยก็คือ Oscar Husillos นักวิ่งชาวสเปนผู้ช่ำชองในการแข่งวิ่งระยะ 200 เมตรและ 400 เมตร โดยเขาได้รีทวีตภาพของ Gebrzihair พร้อมกับใส่แคปชั่นในเชิงติดตลกว่า “ผมคิดว่าลูกๆ หลานๆ ของเธอคงกำลังเชียร์อยู่ที่สแตนด์ในการแข่งวิ่งระดับเยาวชนนี้” การรีทวีตในครั้งนี้ได้สร้างเสียงฮือฮาบนโลกออนไลน์ในทันที เพราะผู้คนส่วนมากบอกว่าสิ่งที่ Oscar ทำนั้นมันเป็นการไม่ให้ความเคารพแก่ผู้อื่นนั่นเอง อย่างเช่นความเห็นต่อไปนี้ “คอมเมนต์นี้ช่างไร้ซึ่งความเคารพผู้อื่นจริงๆ บางที IAAF น่าจะลงโทษคุณนะ” “คุณอาจจะตั้งข้อสงสัยในเรื่องอายุของเธอ แต่อย่างไรก็ควรจะแสดงออกด้วยวิธีที่มีการศึกษามากกว่านี้นะ” …
-
หนุ่มผิวสียืนรอรถบัส แต่รถขับเลยเขาอย่างไม่ใยดี สุดท้ายได้รับคำตอบเป็นเพราะ ‘เขาผิวดำ’
แม้ว่าเรื่องของการเหยียดสีผิวจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครทำกันแล้วในยุคปัจจุบัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ยังชอบทำพฤติกรรมนี้อยู่… และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากประเด็นดังกล่าว เมื่อมีชายผิวสีคนหนึ่งยืนรอรถบัสอยู่ทว่าคนขับรถบัสกลับขับเลยเขาไปเฉยๆ ทำราวกับเขาไม่มีตัวตน และภายหลังจึงได้ทราบเหตุผลว่าที่ไม่จอดรับเขาเป็นเพราะ ‘เขาผิวดำ’ เรื่องมีอยู่ว่าในวันพุธที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ชายผิวสีนาม Kevin Brooks กำลังยืนรอรถบัสอยู่บริเวณริมถนนบนเกาะ Martha’s Vineyard รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อรออยู่ชั่วครู่ก็ปรากฏว่ามีรถบัสคันหนึ่งแล่นเข้ามาแต่ว่าไม่ได้จอดรับเขาแต่อย่างใด กลับวิ่งผ่านไปเฉยๆ ราวกับว่าไม่เห็นเขาในสายตาเลย และเมื่อเห็นดังกล่าว Kevin จึงโทรเรียกอูเบอร์ในทันที เพราะว่าเขาต้องรีบไปให้ทันรอบเรือเพื่อกลับเข้าฝั่ง ซึ่งก็เหมือนกับโชคชะตาเล่นตลกเมื่อรถอูเบอร์ที่เขานั่งไปถึงท่าเรือตามหลังรถบัสแบบพอดิบพอดี เพื่อให้หายข้องใจหนุ่มผิวสีคนนี้จึงไปถามกับคนขับว่ามีเหตุผลอะไรถึงไม่จอดรับเขา ซึ่งคนขับรถบัสคนดังกล่าวก็ได้ให้คำตอบที่อาจจะตราตรึงใจเขาไปอีกนาน เพราะเขาให้คำตอบว่าเป็นเพราะรถมันเต็มและอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ “เพราะคุณผิวดำยังไงล่ะ” เมื่อได้รับคำตอบดังกล่าวเขาจึงได้นำเรื่องนี้ไปแจ้งกับทางผู้ให้บริการรถบัสคันดังกล่าวทันที และทางเจ้าหน้าที่ของบริษัทก็ได้บอกว่า นี่เป็นการกระทำที่ยอมรับไม่ได้จริงๆ พร้อมกับได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการไล่พนักงานคนดังกล่าวออกพร้อมกับกล่าวคำขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย Kevin บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำให้เขารู้สึกช็อกจริงๆ เพราะเขาไม่ค่อยจะได้เจอกับการเหยียดมากนักตั้งแต่ย้ายมาอยู่บริเวณนี้ “ผมไม่เคยรู้สึกว่าไม่ได้รับความเคารพหรือถูกดูหมิ่นขนาดนี้มาก่อนเลย รู้ไหมว่าคืนนั้นผมนอนแทบจะไม่หลับเลย” “บางทีวันนั้นเขาอาจจะได้เจอกับอะไรที่แย่ๆ มาเลยพลั้งปากพูดออกมาอย่างนั้นก็ได้ ผมไม่ได้ติดใจเอาความอะไรหรอก ผมมาอยู่ที่นี่เพราะอยากอยู่กับครอบครัวของผม ไม่ได้อยู่เพื่อเปิดเวทีโต้วาทีเรื่องนี้” Kevin กล่าวทิ้งท้าย ไปเหยียดเขา เป็นไงล่ะ ตกงานเลย… ที่มา: dailymail, independent
-
ทางการจีนประกาศวอนให้ชาวบ้านช่วยกันกำจัดแมลงด้วยการ ‘จับกิน’ เพราะมันมีมากเกินไปแล้ว!!
หากอยากจะหยุดการแพร่พันธุ์ของแมลงสักชนิดหนึ่ง หลายคนก็คงจะเลือกใช้วิธีการฉีดยากำจัด หรือวิธีอื่นๆ ที่มีอีกสารพัดวิธีใช่ไหมล่ะ แต่ว่าคงไม่มีที่ไหนเหมือนกับที่นี่อีกแล้วเมื่อมีทางการเมืองหนึ่งของประเทศจีน บอกให้ประชาชนช่วยกันลดการระบาดของแมลงด้วยการ ‘ช่วยกันกิน’ ซะนี่!! เมื่อเร็วๆ มานี้สื่อ China Central Television ได้รายงานว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมาทางหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของเมืองหางโจว ได้ออกมาบอกประชาชนชาวเมืองกว่า 9 ล้านคนว่าให้ช่วยกันควบคุมจำนวน ‘จักจั่น’ ให้หน่อยเพราะว่ามันไปทำลายพืชพันธุ์สิ่งเพาะปลูกภายในเมืองจนเสียหายอย่างหนัก “ในตอนนี้เมืองเรามีจักจั่นเยอะเกินไป ถ้าใครชอบกินมันล่ะก็โปรดมาที่นี่แล้วจับมันไปกินที” หน่วยงานท้องถิ่นประกาศขอความช่วยเหลือ ใช่แล้วล่ะคุณอ่านไม่ผิดหรอก วิธีที่รัฐบาลท้องถิ่นได้แนะนำกับชาวเมืองก็คือการจับมันกิน ซึ่งทั้งนี้ก็มีทั้งคนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีรีบออกตามไล่ล่าจักจั่นมากิน ขณะเดียวกันก็ยังมีบางคนที่นิ่งเฉยกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ และในเวลาต่อมาวิดีโอการนำจักจั่นไปปรุงเป็นเมนูแสนอร่อย ก็ได้กลายเป็นกระแสไวรัลในประเทศจีนในเวลาอันรวดเร็ว.. “จักจั่นทอดสดๆ ทุกตัวจ้า มันอร่อยจริงๆ เล้ย” ส่วนเหตุที่ทำให้จำนวนของมันมีเยอะเกินกว่าความจำเป็นนี้ทางด้าน Sun Xiaoping นักวางแผนเมืองก็ออกมาบอกว่าเป็นเพราะธรรมชาติของที่นี่มีสัตว์ที่เป็นศัตรูของจักจั่นน้อยเกินไปนั่นเอง “ปกติแล้วจักจั่นจะถูกกำจัดโดยเหล่านกและตั๊กแตนตำข้าว แต่ว่าด้วยความที่เป็นสังคมเมืองเลยทำให้มีตั๊กแตนน้อยเกินไป ดังนั้นศัตรูที่มันต้องเกรงกลัวในตอนนี้ก็คือมนุษย์นี่แหละ” แต่จะว่าไปการกินจักจั่นก็เป็นเรื่องที่ดีต่อมนุษย์ด้วยเช่นเดียวกัน เพราะว่ามันเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการชั้นยอด เนื่องมาจากเป็นแหล่งโปรตีนที่มีมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์เลย ข้าวร้อนๆ แมลงทอดสักจานนะ แจ่มแมวเลย ที่มา: nextshark, dailymail
-
บริษัทแว่นตาจับมือหนังสือแฟชัน ออกแว่นตารุ่นใหม่ สำหรับสาวเจ้าเนื้อโดยเฉพาะ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในประเทศญี่ปุ่นมีการทำของใช้สำหรับคนเฉพาะกลุ่มออกมามากขึ้น ไม่ว่าจะเครื่องใช้สำหรับคนใส่แว่นโดยเฉพาะ หรือหนังสือแฟชั่นรายเดือนสำหรับสาวรูปร่างใหญ่ และล่าสุดนี้เองบริษัทแว่นตาในโตเกียว Jins ก็ได้จับมือกับ La Farfa เจ้าของหนังสือแฟชั่นรายเดือนที่กล่าวไปด้านบน เพื่อออกสินค้าตัวใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อสาวๆ เจ้าเนื้อโดยเฉพาะ นี่คือแว่นตารูปแบบใหม่ ที่ออกแบบโดยให้ความเห็นจากนางแบบแฟชั่นของ La Farfa เป็นพื้นฐาน โดยทาง Jins นั้นบอกว่า แว่นตาโดยทั่วๆ ไปจะคับเกินไปสำหรับสาวเจ้าเนื้อ แต่หากซื้อขนาดที่ใหญ่กว่าเดิม ตัวแว่นก็จะหลวมเกินไป หรือเลนส์แว่นไม่ตรงกับตาอีก ด้วยเหตุนี้เองกรอบแว่นตัวใหม่นี้จึงได้รับการออกแบบให้สามารถกางออกได้ในมุมที่กว้างมากขึ้น ไม่คับเกินไปและไม่ส่งผลต่อเลนส์แว่น อีกทั้งยังทำจากวัสดุที่เป็นประกายเงางาม สะท้อนแสงเพื่อให้แว่นตาให้ความรู้สึกที่โปร่งสบายไม่ดูหนา โดยเจ้าแว่นตารุ่นใหม่นี้ ได้รับการออกแบบมาทั้งสิ้น 4 รูปแบบได้แก่ รุ่น Cool รุ่น Girlish รุ่น Girlish แบบกันแดด และรุ่น Cool แบบกันแดด โดยในเบื้องต้นแว่นตารุ่นใหม่นี้สนนราคาอยู่ที่ 8,000 เยน (ราวๆ 2,350 บาท)…
-
ชายญี่ปุ่นอ้าง เอาชีวิตรอดจากการเจอหมีที่อาโอโมริ ด้วยการต่อยหมีด้วยมือเปล่า
สำหรับประเทศที่เต็มไปด้วยมังงะและอนิเมะแล้ว การต่อสู้กับหมีด้วยมือเปล่า อาจจะเป็นเรื่องที่เห็นได้ชินตาตามสื่อบันเทิงต่างๆ ก็เป็นได้ เพียงแต่ว่าในความเป็นจริงมันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะหมีมีพละกำลังสูงกว่ามนุษย์มาก การโดนหมีตบเพียงครั้งเดียวนั้นสามารถทำให้นักมวยตัวใหญ่ๆ ถึงแก่ชีวิตได้เลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อพนักงานสวนแอปเปิลวัย 44 ปี ผู้อาศัยในเมืองฮิโรซากิ จังหวัดอาโอโมริต้องมาพบกับหมีขนาดใหญ่เข้า จึงนับว่าเป็นเรื่องที่โชคไม่ดีเอาเสียเลย ชายหนุ่มเล่าให้กับทีมข่าวในท้องที่ฟังว่า ในระหว่างที่เขาทำงานอยู่ เขาพยายามจะค่อยๆ หนีออกจากที่ทำงานทันทีที่เขาพบลูกหมีสองตัวหลุดเข้ามาในสวน แต่ก่อนที่เขาจะหนีออกไปได้สำเร็จ หมีตัวใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นพ่อหรือไม่ก็แม่ของลูกหมีก็โผล่เข้ามาเสียก่อน แน่นอนว่าเมื่อเห็นหมีตัวใหญ่เข้ามาใกล้ขนาดนั้น แน่นอนว่าชายหนุ่มก็ย่อมต้องทำสิ่งที่คนธรรมดาๆ จะทำกันเป็นธรรมดา เขาเลือกที่จะวิ่งหนี แต่ก็ราวกับเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะจากที่วิ่งออกไปได้ไม่นาน เขาก็สะดุดล้มเสียนี่ และในเสี้ยวพริบตาที่เขาล้มนั่นเอง หมีก็วิ่งมาถึงตัวเขาจนได้ ดังนั้นด้วยความกลัวบวกกับการทำอะไรไม่ถูก ชายหนุ่มก็เริ่มที่จะเหวี่ยงหมัดมั่วๆ และนับเป็นโชคดีของเขาจริงๆ ที่หมัดของเขานั้น กระแทกเข้ากับจมูกของหมีเข้าอย่างจัง จมูกของหมีนั้นจัดเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่อ่อนแอที่สุดในร่างกายของสัตว์ชนิดนี้ และนับเป็นโชคดีของชายหนุ่มมากที่ความเจ็บปวดที่เจ้าหมีเจอ ทำให้มันเลิกที่จะสนใจเขาโดยสิ้นเชิง มันหันหลังกลับ และพาลูกๆ กลับเข้าป่าไป ทิ้งไว้เพียงชายหนุ่มที่ยังงุนงงว่ารอดมาได้อย่างไร จังหวัดอาโอโมริ อยู่ใกล้กับอะกิตะ จังหวัดที่เคยมีเหตุหมีหลุดเข้ามาในเมือง แม้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะมาจากคำบอกเล่าของชายหนึ่งคน แต่จากการตรวจสอบของทางตำรวจนั้น ได้มีการพบร่องรอยของหมีจริงๆ…
-
นักบินสูบบุหรี่ไฟฟ้าในระหว่างบิน เลยทำให้ความสูงตกไป 6,500 เมตรแถมปิดแอร์ห้องโดยสาร??
อย่างที่เป็นอันรู้กันดีว่าในตอนที่ขึ้นเครื่องบินในทุกๆ ครั้งจะมีกฎระเบียบอยู่ข้อหนึ่งที่ว่า ห้ามสูบบุหรี่หรือสูบสิ่งใดๆ บนเครื่องเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง แต่ว่ามีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่มีผู้ทำผิดกฎเป็นตัว ‘นักบิน’ ซะเอง และการกระทำของเขาก็ได้ทำให้ความสูงของเครื่องที่บินอยู่ตกลงไปถึง 6,000 เมตรด้วย!! เหตุการณ์นักบินจอมสูบในครั้งนี้เกิดขึ้นจากนักบินของสายการบิน Air China เที่ยวบิน CA106 ที่มีกำหนดเส้นทางการเดินทางจาก ฮ่องกง ไปยังเมืองต้าเหลียน ประเทศจีน เมื่อวันอังคารที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยความผิดของทางนักบินจากการรายงานระบุว่า เขาได้สูบบุหรี่ไฟฟ้าระหว่างที่อยู่ในห้องควบคุม (ห้องค็อกพิท) พร้อมกับพยายามจะปิดระบบหมุนเวียนอากาศเพื่อไม่ให้ควันจากบุหรี่ไฟฟ้าไปเข้าห้องโดยสาร แต่ดันไปกดผิดปุ่มไปปิดระบบแอร์ในห้องโดยสารแทน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ระดับออกซิเจนในห้องโดยสารอยู่ในขั้นอันตราย และทำให้มีหน้ากากออกซิเจนตกลงมาสร้างความประหลาดใจให้กับผู้โดยสารด้วย นอกจากนี้ด้วยความหละหลวมในหน้าที่จึงทำให้เครื่องบินมีระดับความสูงลดลงอย่างกะทันหันจากความสูงมากกว่า 10,000 เมตร เหลือเพียง 4,000 เมตรในระยะเวลาเพียงแค่ 9 นาทีเพียงเท่านั้น จากข้อมูลของระบบติดตาม GPS แต่อย่างไรก็ตามทันทีที่นักบินรู้ตัวว่ามีบางอย่างผิดปกติ พวกเขาก็รีบเปิดสวิตช์ขึ้นรวมทั้งควบคุมเครื่องบินให้อยู่ในระดับปกติ ซึ่งในที่สุดแล้วเครื่องบิน Boeing 737 ลำดังกล่าวก็สามารถถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย และไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บทั้งผู้โดยสารจำนวน 153 คนและลูกเรืออีก 9 คนด้วย…
-
พบฝาแฝดวัย 3 ขวบถูกขังไว้ใน “กรงไม้” พ่อแม่อ้างเป็นเพราะพวกตนต้องออกไปทำงาน…
แต่ละคนอาจมีวิธีการแก้ปัญหาหรือเลี้ยงดูลูกในแบบของตัวเอง พ่อแม่บางคนอาจเลี้ยงลูกแบบตามใจมากเกินไป แต่นั่นก็คงไม่เลวร้ายเท่ากับการขังลูกน้อยไว้ใน “กรงไม้” เล็กๆ แคบๆ แบบนี้ ช่วงวานนี้ (13 ก.ค. 2018) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมือง Aparecidinha รัฐ Espirito Santo ประเทศบราซิล ได้รับแจ้งว่ามีเด็กถูกขังเอาไว้ในบ้าน ต้องการความช่วยเหลือ ตำรวจจึงรีบตรงไปบ้านหลังเดียวกันกับที่ได้รับแจ้งมา แล้วพวกเขาก็ได้พบเด็กน้อยฝาแฝดวัย 3 ขวบ ถูกจับขังแยกกันในกรงไม้เล็กๆ แคบๆ ไม่มีแม้แต่หมอนหรือของเล่นข้างในนั้น ภาพของเด็กน้อยฝาแฝดที่ถูกพบ เจ้าหน้าที่จึงรีบพาตัวเด็กทั้งสองไปยังศูนย์รับเลี้ยงภายในเมือง ก่อนที่จะเข้าจับกุมตัวพ่อแม่ของเด็กไปถามหาสาเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งชี้ไปถึงเรื่องการทารุณกรรม พ่อแม่ที่เป็นชาวสวนทั้งคู่ให้เหตุผลว่า พวกเขาจำเป็นต้องขังเด็กเอาไว้เวลาที่ต้องจัดการสิ่งต่างๆ ในบ้าน หรือตอนออกไปทำงานพร้อมกันทั้ง 2 คน แต่จากที่เห็นคือกรงไม้นั้นทั้งเล็กและแคบ ไม่มีอะไรอำนวยความสะดวกให้กับเด็กน้อยทั้ง 2 เลย แถมยังจับแยกกันอีกต่างหาก จะเล่นด้วยกันก็ไม่ได้ ถึงอย่างนั้น สารวัตร Sonimarcos ยืนยันแล้วว่าไม่มีร่องรอยการทำร้ายร่างกายบนตัวของเด็กทั้ง 2 คน ด้วยเหตุนั้นเอง เมื่อพ่อแม่ถูกสอบปากคำเป็นที่เรียบร้อย…
-
นางแบบฮ่องกง ลบภาพ IG ไปเกือบ 100 รูป หลังโป๊ะแตก คนจับได้ว่าเอามาจาก “กูเกิล”!!
พวกเรามักจะเลือกติดตามอินสตาแกรมของเหล่าคนดัง หรือคนที่ได้ออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ และเก็บภาพสวยๆ กลับมาให้เราได้ชมกัน Sadelle Yeung คือเจ้าของอินสตาแกรมในรูปแบบนั้น เธอคือนางแบบสาวชาวฮ่องกงที่ได้ออกเดินทางไปในหลากหลายที่ทั่วทุกมุมโลก เก็บภาพความสวยงามตามที่ต่างๆ มาให้ผู้ติดตามกว่า 91,000 คนได้ชมกันอยู่เสมอ Sadelle นางแบบสาวเจ้าของอินสตาแแกรม . . แต่ว่าเมื่อไม่นานมานี้ได้มีผู้ใช้อินสตาแกรมคนหนึ่งที่ใช้ชื่อ copywithsadelle เผยไต๋จับผิดได้ว่า แท้จริงแล้วนางแบบสาวคนนั้นไม่ได้ถ่ายรูปเอง แต่เธอไปก๊อบภาพจากในกูเกิลมา และมันไม่ได้มีแค่ภาพเดียว แต่มันมีเยอะเกือบ 100 รูปเลยทีเดียว และเมื่อเธอถูกจับได้ นางแบบสาวก็รีบลบภาพเหล่านั้นออกไปจากอินสตาแกรมส่วนตัวทันที ตัวอย่างภาพที่ถูกจับได้ . . . . . . . . . จำนวนภาพก่อน-หลัง เมื่อนางแบบสาวลบภาพที่ไปก๊อบมาจากกูเกิล ถึงอย่างนั้น ก็มีผู้ติดตามหลายๆ คนของเธอเข้ามาบอกว่าเหมือนกับพวกเขาถูกหลอกมาโดยตลอด Sadelle จึงได้ออกมาอธิบายในสิ่งที่เธอได้ทำลงไป เธอโพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า…
-
ชาวอังกฤษบ่นโดนัลด์ ทรัมป์ ทำตัวไม่เหมาะสม ไม่เคารพราชินี หลังมีการไปเยือนประเทศ
ดูเหมือนว่าการไปเยือนประเทศอังกฤษของนายโดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีแห่งประเทศสหรัฐอเมริกานั้น จะได้รับผลตอบรับที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนักจากทางประชาชนชาวอังกฤษ เพราะนอกจากจะมีการชุมนุมประท้วงการมาของเขาแล้ว จากการเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 นายโดนัลด์ ทรัมป์ก็ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่ากระทำการอัน “ไม่เหมาะสม” และ “ไม่เคารพ” ต่อพระราชินีของชาวอังกฤษอีกด้วย โดยเรื่องแรกที่ชาวอังกฤษไม่พอใจ ดูเหมือนว่าจะเป็นการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ปล่อยให้สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธยืนค่อยขบวนรถของเขานั่นเอง องค์ราชินี ทรงยืนรอมานานกว่า 10 นาทีแล้ว https://twitter.com/MarkDiStef/status/1017800400399929344 แม้ว่าขบวนรถของนายโดนัลด์ ทรัมป์จะมาถึงตามกำหนดการก็ตาม แต่เหล่าประชาชนก็มองว่าการให้สมเด็จพระราชินีที่มีพระชนมายุ 92 พรรษาแล้วต้องทรงยืนรอนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย นอกจากนี้ชาวอังกฤษยังบอกอีกว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์นั้นไม่มีการโค้งคำนับองค์ราชินีในเวลาที่เข้าเฝ้า อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์จากทีมข่าวแล้วว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ได้โค้งคำนับองค์ราชินีแล้วจริงๆ แม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีก็ตาม วิดีโอภาพยืนยันจาก The Mirror มีคนอีกจำนวนหนึ่งที่สังเกตว่าทรัมป์ ไม่คิดจะช่วยจับมือองค์ราชินีในขณะที่ลงบันไดเลย แต่สิ่งที่ดูเหมือนว่าจะทำให้ชาวอังกฤษไม่พอใจที่สุดนั้น เป็นการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ “เดินนำ” องค์ราชินี ในขณะที่ทั้งคู่เดินตรวจแถวทหารและ “บดบัง” องค์ราชินีเสียจนมิด หยาบคาย หยาบคาย หยาบคาย หยาบคาย!! Rude. Rude. Rude. Rude. RUDE.…
-
John Cena อาสาเป็น “บอดี้การ์ด” ให้ศิลปินบอยแบนด์เกาหลี BTS !! ชาวเน็ตเฮลั่นเลยทีนี้
เชื่อว่าหลายๆ คนโดยเฉพาะหนุ่มๆ คงจะต้องเคยดูกีฬามวยปล้ำกันมาตั้งแต่เด็กๆ และหนึ่งในนักมวยปล้ำ WWE ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากแทบจะเป็นอันดับ 1 เลยก็คือ John Cena แม้ว่าในปัจจุบันเราจะไม่มีโอกาสได้เห็นเขาในบทบาทนั้นสักเท่าไหร่แล้ว ด้วยวัยที่มากถึง 41 ปี และตอนนี้เขาก็ได้มุ่งเข้าสู่วงการบันเทิงรับแสดงหนัง เช่น The Hangover Part III หรือ Bumblebee: The Movie และมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชายคนนี้กลายเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศเกาหลีใต้ นั่นเพราะว่าเขาคือแฟนคลับตัวพ่อของศิลปินบอยแบนด์เกาหลี BTS?! มันคงไม่แปลกอะไรสักเท่าไหร่ (มั้ง) ที่นักมวยปล้ำชื่อดังจะเป็นแฟนคลับของวงบอยแบนด์ K-Pop แต่บอกเลยว่าเขาคือคนที่คลั่งไคล้ศิลปินกลุ่มนี้เอามากๆ จนถึงขั้นอาสาจะไปเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้เลย มีแฟนคลับที่ออกมาบอกว่า เขาอยากให้ John Cena มาเป็นบอดี้การ์ด คอยกันคนที่คลั่งไคล้และพยายามบุกเข้าหาศิลปินมากเกินไป ไม่รู้ว่าพี่แกไปเห็นโพสต์นั้นหรือเปล่า แต่บอกเลยว่าขออาสาที่จะเป็นบอดี้การ์ดให้เอง (โพสต์วันที่ 11 กรกฎาคม 2018) โพสต์ของเขาบอกว่า “ฉันมีปัญหาเล็กๆ…
-
เด็กหญิงไร้บ้านวัย 8 ขวบ นั่งทำการบ้านท่ามกลางพายุที่พัดกระหน่ำ หวังมีอนาคตที่สดใส…
การเริ่มต้นทำการบ้านอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน เพราะกว่าจะจัดโต๊ะให้เข้าที่เข้าทาง รอบิวต์อารมณ์กับเพลงโปรด ก็พบว่าเวลาได้ล่วงเลยมากว่า 3 ชั่วโมงแล้ว!! แต่สำหรับเด็กหญิงไร้บ้านชาวฟิลิปปินส์รายนี้ สิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวนั้นกลับไม่ใช่ข้ออ้างในการไม่ยอมเริ่มทำงานที่ได้รับมอบหมายจากคุณครูเลย… ภาพของเด็กหญิงวัย 8 ขวบชาวฟิลิปปินส์ ที่ถูกถ่ายในระหว่างที่เธอกำลังทำการบ้านท่ามกลางพายุฝนที่พัดกระหน่ำ จนทำเอาหลายๆ คนถึงกับทึ่งในความตั้งใจเรียนของเธอ คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกถ่ายราวๆ 7 โมงเช้า ภายในคลิปเผยให้เห็นเด็กหญิงตัวน้อย ที่พยายามหาผ้ามาคลุมตัวเธอ เพื่อทำการบ้านในระหว่างที่ฝนกำลังตกอย่างหนัก โดยมีแม่ของเธอนอนอยู่ข้างๆ Elaine Dolfo เด็กหญิงในคลิปวิดีโออาศัยอยู่ข้างถนนกับน้องสาวและพ่อแม่ของเธอ เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าต้องการตั้งใจเรียน เพื่อดูแลครอบครัวเมื่อเธอโตขึ้น “หนูอยากทำการบ้านให้เสร็จ และตั้งใจเรียนให้มาก จากนั้นก็จะหางานดีๆ ทำ ที่ทำให้หนูสามารถดูแลตัวเองและครอบครัวได้” เด็กน้อยวัย 8 ขวบให้สัมภาษณ์ คลิปวิดีโอของเด็กหญิง ที่ได้รับการชื่นชมอย่างมากในโลกออนไลน์ ผู้สื่อข่าวที่ได้สัมภาษณ์หนูน้อยเล่าว่า เด็กน้อยรายนี้ทำให้เขาได้เห็นถึงความสำคัญของการศึกษา และเรื่องของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ คนได้ไม่น้อย “นี่คือเรื่องที่แสดงให้ลูกๆ ของผมเห็นว่าการได้เรียนในโรงเรียนนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญแค่ไหน ทุกคนควรตระหนักไว้ว่าการได้เรียนหนังสือนั้นเป็นเรื่องที่โชคดีมาก เรื่องราวของ Elaine เป็นแรงบันดาลใจให้ผมอย่างมาก” ที่มา ladbible
-
แฟนๆ ช่วยบริจาคเงินให้ Kylie Jenner หวังให้นางขึ้นแท่นเศรษฐีพันล้านอายุน้อยสุดได้ไวๆ
นี่อาจจะเป็นเรื่องที่ชวนให้คุณงงพร้อมกับคิดว่า “แบบนี้เขาก็ทำกันได้ด้วยเหรอ?” แต่ต้องบอกว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ได้มีแฟนคลับของ Kylie Jenner ได้พยายามระดมทุนกันผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อผลักดันให้เธอกลายเป็นมหาเศรษฐีนีที่รวยที่สุดในโลก!? เรื่องนี้มีต้นตอมาจากทวิตเตอร์โดยผู้ใช้ที่ชื่อว่า @ByYourLogic ที่ออกมาทวีตข้อความว่า “เราต้องการระดมทุน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อให้ Kylie Jenner กลายเป็นมหาเศรษฐีนีเต็มตัว เรามาเริ่มกันเถอะโว้ย มาร่วมส่งข้อความกัน ไม่เอาด้านลบนะ” จากข้อความดังกล่าวทำให้คนในโลกออนไลน์เริ่มให้ความสนใจ จนมีคนมาแสดงความเห็นในเชิงติดตลกว่า “ฉันถึงขั้นเอาเงินที่ต้องเลี้ยงลูกมาช่วยผู้หญิงสุดแซ่บคนนี้ให้กลายเป็นมหาเศรษฐีนีเลย ฉันเชื่อว่าลูกสาวของฉันก็ต้องอยากช่วยสนับสนุนนี่เหมือนกันถ้าฉันได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับพวกเขา” Skipping my child support payments to help this fierce female become an iconic billionaire! I believe my daughters would support this if I were allowed contact with them!!!!…
-
โยชิกิ ฮายาชิแห่ง ‘X Japan’ บริจาคเงินช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ญี่ปุ่นเป็นจำนวน 3 ล้านบาท
ในบรรดาเหตุการณ์ใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน คงไม่มีใครที่ไม่นึกถึงข่าวน้ำท่วมที่ประเทศญี่ปุ่นอีกแล้ว เพราะนอกจากจะนำมาซึ่งความเสียหายของบ้านเรือนและทรัพย์สินแล้ว เหตุการณ์ในครั้งนี้ยังทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายมากกว่า 200 ราย ความสูญเสียในครั้งนี้ทำให้เหล่าคนดังจำนวนมากออกมาแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และหนึ่งในคนดังเหล่านั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นสุดยอดนักดนตรี “โยชิกิ ฮายาชิ” จากวง X Japan นั่นเอง โยชิกิบอกผ่านทวิตเตอร์ของเขาว่า “ผมเพิ่งได้ยินข่าวจากสำนักข่าวในอเมริกา ผมขอสวดภาวนาให้วิญญาณของคนตาย และหวังว่าความเสียหายจากฝนจะไม่รุนแรงไปมากกว่านี้” 先ほどアメリカのニュースで知りました。亡くなった方のご冥福をお祈りします。そしてこれ以上豪雨による被害が広がらない事を祈っています。 "Record torrential rains across western and central Japan unleashed flooding and… The New York Timeshttps://t.co/POvtxYiXrB — Yoshiki (@YoshikiOfficial) July 8, 2018 แต่การจะสวดภาวนาให้คนตายอย่างเดียวก็ไม่ใช่ที่ ดังนั้นเมื่อสภากาชาดญี่ปุ่นเปิดรับเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือเหยื่อผู้ประสบภัยน้ำท่วมขึ้น ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมานี้เอง โยชิกิก็ได้ทำการบริจาคเงินเป็นจำนวน 10 ล้านเยน (ราวๆ 3 ล้านบาท) ให้แก่สภากาชาดญี่ปุ่น…
-
ตื่นเต้นอะไรกัน!? ชายหนุ่มแค่ ‘อัดคลิปเลมอนกลิ้ง’ แต่มีคนเข้ามาดู 6 ล้าน คุณพระ!!
หลายๆ ครั้งก็มีเรื่องราวแปลกๆ เกิดขึ้นบนโลกอินเตอร์เน็ต และครั้งนี้เองก็เช่นกัน!! เรื่องมีอยู่ว่าพ่อหนุ่ม Michael Sakasegawa วัย 39 ปี จากเมืองซาน ดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกไปวิ่งในตอนเช้าเหมือนเฉกเช่นทุกวัน แต่ระหว่างทางที่กำลังจะเดินกลับบ้านเขาดันไปเจอกับ ‘ลูกเลมอน’ กำลังกลิ้งอยู่ที่ร่องถนน พี่แกก็เลยหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปซะเลย จากนั้นก็นำคลิปดังกล่าวไปโพสต์ลงบนทวิตเตอร์พร้อมกับแคปชั่นว่า “วันนี้ขณะที่ผมกำลังเดินกลับบ้านหลังจากออกไปวิ่งมา ผมเห็นลูกเลมอนขนาดใหญ่กำลังกลิ้งลงมาจากตลิ่ง มันกลิ้งไปเรื่อยๆ ไม่หยุดเป็นระยะทางกว่า 1/4ไมล์ ไม่เชื่อก็ลองดูสิ” และนี่น่าแปลกคือในคลิปวิดีโอดังกล่าว มันไม่มีอะไรเลยนอกจาก ‘เลมอน’ ที่กลิ้งไปเรื่อยๆ เป็นความยาว 1.51 นาที แต่กลับกลายเป็นว่ามีคนเข้ามาดูคลิปมากกว่า 6 ล้านครั้ง!! Today as I was walking home after my run I saw a large lemon rolling down the…
-
หน่วยตำรวจอินเดียออกคำสั่ง ให้เจ้าหน้าที่ ‘ลดพุง’ ใครไม่ทำโดนไล่ออก!!
เรื่องของ ‘สุขภาพ’ ถือเป็นสิ่งสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่เป็นตำรวจ เพราะจะต้องใช้ความคล่องตัวและร่างกายที่แข็งแรงเพื่อระงับเหตุด่วนเหตุร้ายต่างๆ อีกทั้งยังดีต่อสุขภาพของเจ้าหน้าที่ด้วย!! ด้วยการที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้ ทางด้านผู้อำนวยการของกรมตำรวจรัฐกรณาฏกะ (Karnataka State Reserve Police) หรือ KSRP จึงได้ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายลดพุงด่วน!! โดยที่หากใครลดไม่ได้ในเวลาที่กำหนด หรือปฏิเสธที่จะทำ จะถูกลงโทษทางวินัยโดยการไล่ออก!! ที่ต้องทำแบบนี้เป็นเพราะว่าจากสถิติในช่วง 18 เดือนหลังสุดนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตไปมากกว่า 100 ราย เพราะรูปแบบการใช้ชีวิต และการกินของพวกเขา หน่วย KSRP มีเจ้าหน้าที่มากกว่า 14,000 นาย และพวกเขาก็มีหน้าที่สำคัญในการดูแลความปลอดภัยในงานสำคัญต่างๆ รวมไปถึงการควบคุมเหตุการณ์การจลาจลและเหตุรุนแรง และขณะนี้ผู้อำนวยการก็ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงคัดกรองเจ้าหน้าที่ที่มีน้ำหนักเกิน จากนั้นก็ทำตารางการออกกำลังกายรวมไปถึงอาหารการกินเพื่อลดน้ำหนักให้พวกเขา “เราจะเริ่มกระบวนการและติดตามพวกเขาอย่างใกล้ชิด ทั้งการทานอาหารและการออกกำลังกาย” “ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ของเรากว่า 153 นายเสียชีวิต มี 24 นายเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุบนท้องถนน อีก 9 นาย เสียชีวิตเพราะฆ่าตัวตาย ส่วนที่เหลือเสียชีวิตจากโรคที่มาจากอาหารการกิน ทั้งโรคเกี่ยวกับหัวใจ และเบาหวาน” …
-
ผู้โดยสารเมาจ่ายค่าแท็กซี่เกินไป 100 เท่า บริษัทตามหาให้วุ่นใครกันนะทิปหนักขนาดนี้!!
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นธรรมดาที่ว่าจะต้องมีความเมามายอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ดังนั้นเพื่อเป็นการรับผิดชอบต่อสังคมรวมถึงป้องกันอุบัติเหตุ การดื่มแล้วไม่ขับจึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเลยใช่ไหมล่ะ และทางเลือกสำหรับการกลับบ้านในยุคสมัยนี้ก็มีอยู่อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการให้เพื่อนมารับ, ถ้าไม่ไกลนักก็เดินกลับหรือหากไกลหน่อยก็ต้องใช้บริการของ ‘รถแท็กซี่’ ที่เดี๋ยวนี้มีแอปฯ ให้เรียกใช้ได้อย่างสะดวกสบาย แถมยังจ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือได้อย่างง่ายๆ แต่ก็อย่างว่าสำหรับคนเมาแล้วย่อมทำอะไรอย่างผิดเพี้ยนไปจากปกตินิดหน่อย เหมือนกับในกรณีนี้ที่มีผู้โดยสารคนหนึ่งใช้บริการรถแท็กซี่ แต่ปรากฏว่าจ่ายเงินเกินค่าโดยสารจริงๆ ไปเป็น 100 เท่าซะอย่างงั้น!! เรื่องแปลกๆ ที่ว่านี้ได้รับการเปิดเผยจากทางบริษัท The Hefei Transportation ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการรถแท็กซี่ในประเทศจีน โดยพวกเขาได้ประกาศตามหาผู้โดยสารคนหนึ่งที่จ่ายเงินเกินค่าโดยสารจริงๆ ให้มารับเงินคืนไปให้ได้ ในเรื่องนี้คนขับแท็กซี่ผู้ที่ไปส่งผู้โดยสารคนดังกล่าวก็ลำดับเหตุการณ์ให้ฟังว่า เขาได้รับการแจ้งเตือนว่ามีการจ่ายเงินที่ผิดปกติในตอนออกกะเวลา 22.00 น. ของวันที่ 21 มิถุนายน ซึ่งในตอนนั้นเป็นเวลาหลังจากที่เขาไปส่งผู้โดยสารคนดังกล่าวถึงจุดหมายเป็นชั่วโมงแล้ว และก็เหมือนกับลูกค้าคนอื่นๆ ทั่วๆ ไป ที่ไปส่งถึงจุดหมายก็เป็นอันเสร็จภารกิจ จึงทำให้คนขับแท็กซี่คนนี้ไม่ได้มีช่องทางการติดต่อกับผู้โดยสารคนนี้ด้วย ซึ่งพอถึงตรงนี้เขาก็ได้ติดต่อไปยังบริษัทด้วยความหวังว่าจะเอาเงินคืนให้กับผู้โดยสารคนนี้ให้ได้ เมื่อทางบริษัทได้รับรู้เรื่องนี้ พวกเขาก็ค้นข้อมูลการใช้งานดูแล้วก็พบว่า ผู้โดยสารคนนี้ค่อนข้างมีอาการเมามายในเวลาดังกล่าว ได้ใช้บริการรถแท็กซี่ในเวลา 20.53 – 21.05 น. ซึ่งเขาได้เลือกจ่ายเงินผ่านทางแอปพลิเคชัน WeChat สำหรับค่าโดยสาร แต่ว่าเขากลับพิมพ์ตัวเลขในแอปฯ ผิดจากจริงๆ…
-
ประเพณีล่า ‘วาฬหัวทุย’ ตามวิถีชาวบ้าน ฤดูกาลเพื่ออยู่ความอยู่รอด หรือต้องอดตาย
* ภาพประกอบเนื้อหามีความรุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน * เป็นที่ทราบกันดีว่าการออกล่าปลาชนิดใหญ่นั้นถือเป็นสิ่งที่ไม่ยอมรับในระดับสากล แต่ยังคงไม่สามารถบังคับใช้ในทุกประเทศได้ อันเนื่องมาจากประเพณีและความเชื่อภายในท้องถิ่น ภายในบริเวณเกาะเลิมบาตา ของประเทศอินโดนีเซีย ยังคงสืบสานประเพณีท้องถิ่นตามวิถีชีวิตชาวบ้านบนเกาะ ที่ทำการล่าวาฬหัวทุย (วาฬสเปิร์ม) มานานกว่า 6 ทศวรรษแล้ว ภาพที่เห็นอยู่นี้เป็นภาพถ่ายจาก Claudio Seber ช่างภาพชาวสวิตเซอร์แลนด์ เผยให้เห็นกรรมวิธีของเหล่าพรานวาฬ ใช้หอกปลายแหลมจากทั้งบนผิวน้ำและใต้น้ำในการออกล่าวาฬหัวทุย “เราอยู่ในยุคเครื่องจักรแล้ว แต่จำนวนวาฬที่เราล่าในแต่ละปีไม่ได้มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่นัก แม้จะมีการใช้เรือยนต์มาทดแทนเรือแจวก็ตาม” Yosef Bataona ผู้นำประจำหมู่บ้าน Lamalera กล่าว “ในปีที่แล้วเราล่าวาฬได้ 25 ตัว บางปีเราจับได้ 40 ตัว แต่บางครั้งก็ไม่ได้เลย เฉลี่ยแล้วเราจะล่าวาฬหัวทุย 3 ตัวต่อปี เพื่อนำมาเป็นอาหารหล่อเลี้ยงครอบครัว” “พวกเราเชื่อว่าวาฬเหล่านี้คือสิ่งที่พระเจ้าประทานมาให้ รัฐบาลอินโดนีเซียอนุญาตให้พวกเราสืบสานประเพณีต่อไป ดำรงชีวิตตามวิถีดั้งเดิมของชาวบ้าน” “พวกเขาอาจมีการปรับเปลี่ยนกฎตามขอบเขตการออกล่า เนื่องจากกระทรวงประมงและการเดินเรือต้องการจะอนุรักษ์กระเบนราหูและเต่า แต่เราจะไม่ทำตามกฎเหล่านั้นเพราะมันเป็นเรื่องของการอยู่รอด เราไม่สามารถมีชีวิตรอดได้ถ้าจะให้ล่าแต่วาฬอย่างเดียว ดังนั้นเราควรจะได้รับข้อยกเว้นและปฏิบัติตามวิถีชีวิตดั้งเดิมของพวกเรา”…
-
อดีตเอกอัครราชทูตชาวอังกฤษวัย 74 ปี ถูกวัยรุ่นรุมทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ที่ป้ายรถประจำทาง
เจ้าหน้าที่การฑูตวัย 74 ปีชาวอังกฤษ ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณใบหน้า หลังจากที่ถูกวัยรุ่น 2 คนทำร้ายร่างกายที่บริเวณป้ายจอดรถประจำทางในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2018 สื่อต่างประเทศได้รายงานว่านาย Christopher Meyer ถูกวัยรุ่นชายวัย 16 ปีและวัยรุ่นหญิงวัย 15 ปีทำร้ายจนหมดสติบริเวณสถานี London’s Victoria ภาพของนาย Christopher จากทางครอบครัวในระหว่างที่กำลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล St Mary’s ได้เผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดของเขา สื่อต่างประเทศรายงานว่าเจ้าหน้าที่การฑูตอาวุโสรายดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บหลายที่ได้แก่บริเวณเอ็นข้อมือ ตา คาง และจมูก นาง Baroness Meyer ผู้เป็นภริยาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่านี่เป็นเหตุการณ์ความรุนแรงที่น่าอับอายอย่างมาก และเหตุการณ์แบบนี้ไม่ควรที่จะเกิดขึ้น “ฉันโกรธคนเพียงกลุ่มน้อยที่มีพฤติกรรมแบบนี้ และเราไม่มีมาตรการที่สามารถจัดการกับพวกเขาได้ เขากำลังรออยู่ตรงนั้นและคิดเกี่ยวกับเรื่องประชุม พวกเขาทำกับ Christopher ได้อย่างทารุณมาก และตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังเก็บเศษผ้าของคนร้ายเพื่อตรวจ DNA ” นาง Baroness ให้สัมภาษณ์ นาง Baroness ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ตัวเธอเองไม่เข้าใจว่าทำไมสามีของเธอถึงโดนทำร้าย และถ้าหากนี่เป็นเพียงแค่การชิงทรัพย์ เขาก็ไม่น่าจะถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงขนาดนี้ หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีการควบคุมตัวชายและหญิงผู้ต้องสงสัย…
-
กำลังใจ…โค้ชทีมชาติอังกฤษ ได้รับการสวมกอดจากภรรยา เพื่อปลอบใจหลังทีมตกรอบ
ไม่มีที่ไหนที่อุ่นใจไปกว่า ‘บ้าน’ ของเราอีกแล้ว… เพราะที่นั่นมีแต่คนที่เรารัก และคนที่รักเรา หากเกิดความไม่สบายใจหรือทุกข์ใจ หลายๆ คนก็เลือกที่จะกลับไปอยู่ที่บ้าน เพื่อที่จะทำให้ความทุกข์เหล่านั้นมลายหายไป เช่นเดียวกันกับ Gareth Southgate เฮดโค้ชทีมชาติอังกฤษ ที่เพิ่งพาทีมตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย หลังจากที่พ่ายต่อทีมชาติโครเอเชียไป 1-2 ประตู เมื่อคืนวานที่ผ่านมา แน่นอนว่าเหล่าแฟนบอลทุกคนต่างก็ผิดหวัง รวมไปถึงนักเตะก็ด้วย ดังจะเห็นได้จากภาพสื่อต่างๆ และคนที่ทำหน้าที่ปลอบใจนักเตะเหล่านั้นก็คือ Southgate นี่เอง แม้ว่าที่จริงแล้วเขาเองก็ผิดหวังไม่แพ้คนอื่นๆ เช่นกัน เขาเข้าไปสวมกอดนักเตะทุกคน . หลังจากที่ปลอบโยนคนอื่นๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะที่แฟนบอลต่างก็เดินออกจากสนามไปเหลือไว้เพียงแต่ความผิดหวัง และอัฒจันทร์ที่ว่างเปล่า Southgate เองก็เดินขึ้นไปพบกับภรรยาที่มาร่วมให้กำลังใจ การสวมกอดจากภรรยาสุดที่รัก ก็เป็นสิ่งที่เยียวยาจิตใจอันบอบช้ำของเขาได้ดีที่สุด กลายเป็นโมเมนต์แห่งความประทับใจที่ทำให้รู้ว่าพลังแห่งความรักมันช่างงดงามเพียงใด Gareth Southgate และภรรยา Alison แต่งงานกันมาตั้งแต่ปี 1997 ทั้งคู่มีลูกที่น่ารักด้วยกันสองคนคือ Mia วัย 19 ปี…
-
ชาวเน็ตโวย เจ้าของไอเดียเทรนด์ถ่ายรูปท่า “ปวดหัวไมเกรน” เหมือนการเยาะเย้ยผู้ป่วยจริงๆ
ช่วงนี้เราอาจได้เห็นภาพของเหล่าคนดังในอินสตาแกรม โพสท่าเอามือข้างหนึ่งแตะหัวของตัวเอง เหมือนว่าพวกเขามีอาการ ปวดหัวไมเกรน ซึ่งเทรนด์นี้ก็ถูกเรียกว่าอย่างนั้นจริงๆ เทรนด์ที่ว่านี้เริ่มคิดมาจากไอเดียของ Nam Vo ช่างแต่งหน้าในกรุงลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เธอบอกว่า “ฉันชอบเพราะว่ามันดูสวยงามเมื่อเอามือตีกรอบใบหน้าเอาไว้ ทำให้เห็นเค้าโครงชัดเจนมากยิ่งขึ้น และยังได้แสดงให้เห็นถึงการแต่งเล็บที่ทำมาไปพร้อมๆ กันด้วย” แม้แต่คนดังอย่าง Kylie Jenner ก็ทำ นางแบบสาว Gigi Hadid Bella Hadid แต่ทว่าไม่ใช่ทุกคนที่โอเคและมองว่าท่าโพสนี้โดดเด่นเสมอไป เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคไมเกรนจริงๆ กลับมองว่ามันเป็นเหมือนการล้อเลียนพวกเขาซะมากกว่า เมื่อ Nam Vo เจอกระแสการต่อว่าอย่างหนัก เธอจึงได้ออกมาโพสต์ลงอินสตาแกรม อธิบายพร้อมกล่าวขอโทษพวกเขาเหล่านั้น ภาพที่เธอโพสต์ลงช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2018 พร้อมกล่าวขอโทษทุกคนที่ไม่พอใจในการโพสท่าที่เธอคิดขึ้นมา โพสต์ของเธอบอกว่า “สวัสดีผู้ติดตามของฉัน ฉันอยากจะขอโทษในเรื่องนี้ ฉันไม่ได้ต้องการที่จะรุกรานหรือทำร้ายความรู้สึกของใคร และฉันก็รู้สึกตื้นตันใจกับทุกเรื่องราวประสบการณ์ที่พวกคุณแชร์เข้ามา” “ฉันรักผู้ติดตามทุกคนและอยากให้พวกคุณมีความสุขและมีสุขภาพที่ดี ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะความรัก” แม้เธอจะออกมาขอโทษกับการเป็นผู้นำเทรนด์โพสท่าปวดหัวนี้แล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่รู้สึกไม่พอใจและมองว่าเธอไม่ได้รับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองคิดและทำมันขึ้นมาเลย “ละอายใจกับคุณจริงๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ทำไมไม่คิดโพสท่าคนป่วยเป็นมะเร็งด้วยเลยล่ะ…
-
ริชาร์ด เบคอน ป่วยหนักระดับโคมา หลังติดไวรัสจากอังกฤษ เชื่อเป็นโรคปอดบวม
ริชาร์ด เบคอนคือพรีเซนเตอร์รายการวิทยุ และโทรทัศน์อดีตเจ้าของข่าวฉาวของสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นข่าวการถูกไล่ออกจากรายการทีวีเนื่องจากการเสพโคเคน เรื่อยไปจนถึงการออกมาประกาศตัวว่าคนเป็นโรคสมาธิสั้น อย่างไรก็ตามล่าสุดนายริชาร์ดวัย 42 คนนี้กลับต้องมาพบกับปัญหารุนแรงในด้านสุขภาพเข้าเสียแล้ว เพราะเมื่อ 8 วันก่อนริชาร์ด เบคอนได้ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล หลังจากที่เดินทางกลับมาจากประเทศอังกฤษ และที่เลวร้ายกว่า คือล่าสุดนี้ ทางพี่น้องของเขาได้ออกมาเปิดเผยแล้วว่าอาการของเขาแย่ลงจนต้องมีการใช้การเจาะคอเพื่อช่วยหายใจ ริชาร์ด เบคอนเมื่อตอนเข้าโรงพยาบาลใหม่ๆ ในเวลานั้นเขายังมีแรงมากพอที่จะเล่นมุกตลกได้อยู่ ดูเหมือนว่านายริชาร์ด จะติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งมาจากการเดินทางในอังกฤษ ซึ่งทำให้เกิดเป็นอาการคล้ายโรคปอดบวม อย่างไรก็ตามไม่มีการระบุที่เจาะจงถึงชื่อของไวรัสตัวที่ว่า หรือโรคที่นายริชาร์ดเป็นจากทางทีมแพทย์ในขณะนี้ โดยคุณจูเลียต เบคอนพี่น้องของริชาร์ดได้มีการโพสต์ในอินสตาแกรมส่วนตัวว่า “นี่เป็นวันที่เจ็ดแล้วที่ฉันไปเยี่ยมเขา ซึ่งอยู่ในอาการโคม่ามาตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดี ต้องขอขอบคุณการบริการสุขภาพประจำชาติด้วย” https://www.instagram.com/p/BlI5y5zAzIB/?utm_source=ig_embed อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในขณะนี้จะไม่มีรายงานอาการอย่างเป็นทางการของทางทีมแพทย์ที่ทำการรักษาออกมา แต่ผู้จัดรายการวิทยุนายดีน แจ็คสันที่เป็นเพื่อนรู้จักกับนายริชาร์ดและครอบครัวก็ออกมาบอกว่า “ริชาร์ดเขาถูกรักษาอาการไว้ในระดับโคม่าเพื่อให้ร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้น โดยทางแพทย์หวังว่าจะสามารถลดการใช้ยากล่อมประสาทได้ในเร็วๆ นี้ ดังนั้นพวกเราจึงหวังว่าจะได้ฟังข่าวดีในไม่ช้า” นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งของชีวิตนายริชาร์ดก็เป็นได้ แต่ผลจากรักษาจะออกมาเป็นอย่างไรนั้น ยังคงต้องมีการติดตามกันต่อไป ที่มา bbc, independent, metro
-
หนูน้อยลืม “ตุ๊กตาหมา” สุดรักเอาไว้ที่สนามบิน เจ้าหน้าที่เลย ‘แต่งเรื่อง’ น่ารักๆ ให้เสียเลย
เรื่องราวสุดน่ารักในวันนี้เกิดขึ้นในสนามบิน Norfolk รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา สถานที่ซึ่งหนูน้อย August ได้หลงลืม Cookie Dough ตุ๊กตาหมาเพื่อนรักของเธอเอาไว้ก่อนจะออกจากสนามบินไป เมื่อขับรถออกจากสนามบิน Kelly ผู้เป็นแม่คิดว่าลูกสาวของตนต้องร้องไห้ฟูมฟายอย่างแน่นอนที่ลืมตุ๊กตาสุดที่รักไว้ที่สนามบิน เธอจึงโทรฯ หาทางเจ้าหน้าที่สนามบินขอให้ช่วยหาเจ้า Cookie Dough ให้หน่อย หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องราวสุดน่ารักขึ้น ด้วยฝีมือของเจ้าหน้าที่ของสนามบิน Norfolk เดี๋ยวเรามาฟังเรื่องราวนี้พร้อมๆ กันเลยดีกว่า… นี่คือเจ้าหนู August วัย 8 ขวบพร้อมครอบครัว ขณะนั่งในรถเพื่อกลับบ้าน เธอรู้ตัวแล้วว่าเธอลืมเจ้า Cookie Dough เพื่อนคนสำคัญเอาไว้ โชคดีที่เจ้าหน้าที่หาเจอ และภารกิจส่งมอบ Cookie Dough คืนเจ้าของก็เกิดขึ้น “ทุกคน…ลูกสาวฉันลืมเจ้า Cookie Dough เพื่อนรักเอาไว้ที่สนามบินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฉันจึงโทรฯ หาทางสนามบิน จากนั้นพวกเขาโทรฯ กลับมาบอกฉันว่าพวกเขาหาเจอแล้ว ฉันจึงพาเธอไปรับคืนในวันนี้ แต่พวกเขากลับให้มากกว่าตุ๊กตาคืน พวกเขาให้หนังสือเล่มหนึ่งมาด้วย ทำเอาพวกเราซาบซึ้งจนเกือบร้องไห้เชียวล่ะ พวกคุณเจ๋งจริงๆ Norfolk Airport” Kelly แม่ของ…
-
สาววายโดนแฟนบอกให้ทิ้งสินค้า 2D คุณเธอเลยทิ้งแฟน 3D แทนเสียเลย ใครสน!!
จะเกิดอะไรขึ้นหากแฟนของคุณบอกให้คุณเลิกทำในสิ่งที่ชอบ? คุณจะยอมเลิกทำในสิ่งนั้นๆ เลยไหม? หรือว่าคุณจะหาวิธีอื่นมาเกลี้ยกล่อมพวกเขาเหล่านั้น นี่เป็นเรื่องราวของผู้ใช้ทวิตเตอร์ @RainMamizu หญิงสาวผู้เก็บงำความลับที่ไม่อาจบอกให้แฟนหนุ่มรู้เอาไว้ ความลับของเธอนั้นไม่ใช่การนอกใจหรือมีผู้ชายอื่น แต่เป็นการที่เธอหลงใหลในมังงะและอนิเมะแบบชายรักชายต่างหาก ใช่แล้ว เธอเป็นสาวแบบที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่าฟุโจชิหรือสาววายนั่นเอง (腐女子 แปลตรงๆ ว่าสาวเน่า) และแน่นอนว่าความลับแบบนี้สักวันหนึ่งก็ต้องถูกเปิดเผยมาอยู่ดี และนั่นก็เป็นปัญหาที่ @RainMamizu ต้องพบ เพราะนอกจากแฟนของเธอจะรับไม่ได้อย่างแรงว่าแฟนสาวของเขาเป็นสาววายแล้ว เขายังบอกให้เธอเลิกทำในสิ่งที่รักอีกด้วย ข้อความของ @RainMamizu จากในทวิตเตอร์ (คำแปลอยู่ข้างล่าง) https://twitter.com/amamizu___rain/status/1016218160607842304 แน่นอนว่าคนแบบ @RainMamizu มีหรือจะเลิกทำในสิ่งที่รัก ดังนั้นแทนที่จะทิ้งสินค้าสาววายที่เธอสะสมมาทั้งชีวิต หญิงสาวก็เลือกที่จะกลับไปโสดอีกครั้งจะดีกว่า “วันนี้แฟนของฉันรู้เรื่องงานอดิเรกของฉันเสียแล้ว แถมหมอนั่นยังมีหน้ามาพูดว่า ‘ถ้ายังอยากเดตกันต่อก็โยนพวกของวายทิ้งไปให้หมดซะ แล้วกลับเป็นผู้หญิงธรรมดา’ เพราะงั้นฉันเลยทิ้งหมอนั่นซะเลย” ลักษณะผู้หญิงที่คนส่วนมากเหมารวมว่าเป็นสาววาย เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นได้ใจเหล่าผู้คนบนอินเตอร์เน็ตมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อที่พวกเขารู้ว่าที่ความลับของเธอแตกนั้น ก็เพราะแฟนหนุ่มแอบดูโทรศัพท์มือถือของเธอแล้วด้วย “แฟนเก่าเธอนี่มันขยะดีๆ นี่เอง” “คนอะไรเลวร้ายชะมัด…ดีแล้วที่เธอทิ้งเขาไป” “เป็นการเลือกที่ยอดเยี่ยม!! การอยู่กับคนที่วิจารณ์สิ่งที่คุณไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนมันก็รังแต่จะเหนื่อยเปล่าเท่านั้นล่ะ” @RainMamizu บอกว่าต่อจากนี้ไปก่อนจะคบใครเธอจะบอกงานอดิเรกของตัวเองให้พวกเขาฟังตั้งแต่ต้นเลย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเธอจะพบคนที่ยอมรับตัวเธอในแบบที่เธอเป็น อย่างไรก็ตามเธอไม่เคยเสียใจเลยกับการจบความสัมพันธ์ในครั้งนี้ เพราะสำหรับเธอแล้ว… “มันไม่มีทางที่ผู้ชาย 3D…
-
จับกุมอดีตพยาบาล ลอบวางยาผู้ป่วยสูงวัยเสียชีวิต คาดลงมือหวังผลไม่ต่ำกว่า 20 ราย!!
คดีสะเทือนขวัญในครั้งเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2016 เมื่อมีผู้ป่วยสูงอายุ 2 ราย เสียชีวิตอยู่บนเตียงชั้น 4 ในโรงพยาบาล Oguchi จังหวัดโยโกฮาม่า ในวันที่ไล่เลี่ยกัน พร้อมกับหลักฐานความผิดปกติในถุงน้ำเกลือของผู้ป่วย โดยคาดว่าเป็นการลงมือฆาตกรรม แต่ไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้ (ข่าวเก่า) ล่าสุดนี้ทางเว็บไซต์ Asahi Shimbun ได้ทำการรายงานความคืบหน้าของคดีดังกล่าว หน่วยงานตำรวจจังหวัดคานางาวะ ได้ทำการจับกุมนาง Ayumi Kuboki อดีตนางพยาบาลวัย 31 ปี ในวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา Ayumi Kuboki อดีตนางพยาบาล ผู้ต้องสงสัยลงมือก่อเหตุฆาตกรรม ในข้อหาต้องสงสัยลงมือฆาตกรรมผู้ป่วยสูงวัย 2 ราย ได้แก่นาย Sozo Nishikawa วัย 88 ปี และนาย Nobuo Yamaki วัย 88 ปี ด้วยวิธีการเจือนปนยาฆ่าเชื้อผสมในถุงน้ำเกลือ …
-
คุณแม่ลูก 3 สุดซวย!! เผยภาพสังคมรอบบ้าน ทั้งคนเสพยา ตีกัน จัดปาร์ตี้ทุกคืน…
แน่นอนว่าสังคมรอบบ้านหรือเพื่อนบ้านของเราเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตของเราได้ ไม่มากก็น้อย สำหรับครอบครัวของ Sammy Barcelos คงบอกได้ง่ายๆ เลยว่ามันส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของพวกเธอมากจริงๆ เราลองคิดดูว่าจะอยู่กันอย่างไร หากต้องมีเพื่อนบ้านมาพี้ยาอยู่หน้ารั้ว ตีกัน แถมจัดปาร์ตี้ถึงตี 5 ทุกคืน Sammy และลูกชาย สภาพสังคมละแวกบ้านที่เธอต้องเจอในทุกวัน คุณแม่ลูก 3 คนนี้อาศัยอยู่ในเมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา เธอได้โพสต์คลิปวิดีโอและภาพสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในละแวกบ้านลงในทวิตเตอร์ส่วนตัว เธอเล่าว่าใกล้ๆ บ้านของเธอมีศูนย์ St Felix Center ตั้งอยู่ ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับช่วยเหลือคนยากจน อาการเจ็บป่วยทางจิต คนหัวรุนแรง คนติดยา และคนไร้บ้าน คนนั่งสูบควันหน้าบ้านของเธอ เศษเข็มฉีดยา เกลื่อนเต็มไปหมด คลิปของเธอ จากการรายงานเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2018 แต่จากคลิปวิดีโอของเธอ ทำให้ทุกคนเห็นแล้วว่าศูนย์บริการแห่งนี้ไม่อาจช่วยเหลือคนพวกนั้นได้ในทางที่ดีสักเท่าไหร่ สุดท้ายมันจึงกลายเป็นจุดรวมตัวของกลุ่มคนเหล่านั้นแทน ถึงต่อให้ Sammy โทรแจ้งตำรวจไปหลายรอบแล้วก็ตาม แต่พอเจ้าหน้าที่กลับไป…
-
แม้ประชาชนในญี่ปุ่นจะลดลงทุกวัน แต่ตัวเลขชาวต่างชาติกลับพุ่งกระฉูดขึ้นเป็นประวัติการณ์
เมื่อวันพุธที่ 11 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมาได้มีข้อมูลชุดหนึ่งถูกประกาศออกมาจากกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น ซึ่งกลายเป็นที่พูดถึงกันในสังคมญี่ปุ่นไป ข้อมูลที่ว่านั้นเกี่ยวข้องกับการสำรวจสำมะโนประชากรประจำปี ซึ่งได้ผลออกมาว่าในญี่ปุ่นนั้นมีประชากรอาศัยอยู่ 125,209,603 คนเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งเป็นจำนวนลดลงถึง 374,055 คนจากปีที่แล้ว แต่ถึงจำนวนประชากรในประเทศจะลดลง จำนวนประชากรในโตเกียวกลับเพิ่มขึ้นราวๆ 0.55% อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจในข้อมูลชุดนี้นั้น ไม่ใช่ตัวเลยที่ลดลงของประชากรโดยรวม แต่เป็นการเพิ่มขึ้นของประชากรที่เป็นชาวต่างชาติต่างหาก เพราะแม้ว่าประชากรในประเทศจะลดลง แต่จากผลการสำรวจปริมาณชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยในประเทศญี่ปุ่นได้เพิ่มจำนวนขึ้นถึง 7.5% จากปีที่แล้ว นั่นหมายความว่าในปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่มากถึง 2,497,656 ราย ตัวเลขที่ออกมานั้นมาจากชาวต่างชาติที่ได้รับวีซ่าที่มีระยะเวลานานกว่าสามเดือนเท่านั้น ซึ่งหลายความว่าตัวเลขจริงๆ ของชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศ ยังมีโอกาสที่จะสูงมากกว่าที่ได้ทำการสำรวจออกมา ปริมาณของชาวต่างชาติในญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นมากในแทบทุกพื้นที่ของญี่ปุ่น โดยนอกจากจังหวัดนางาซากิแล้ว จังหวัดอื่นๆ ในประเทศล้วนแต่มีชาวต่างชาติเข้าไปอาศัยอยู่มากขึ้นทั้งสิ้น แต่ถึงจะมีการรับชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศมากขึ้นแล้วก็ตาม อัตตราการเกิดของเด็กๆ ในประเทศญี่ปุ่นกลับยังตกต่ำไม่มีเปลี่ยนแปลง โดยจากการสำรวจของทางรัฐบาล ในปีหนึ่งจะมีเด็กถือกำเนิดขึ้นเพียง 948,398 รายซึ่งจัดว่าน้อยอย่างน่าใจหายสำหรับประเทศที่มีประชากรมากกว่าร้อยล้านคน โดยโอกินาว่าเป็นเพียงจังหวัดเดียวในประเทศที่มีอัตตราการเกิดสูงกว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตในปีที่ผ่านมา นี่อาจจะเป็นจุดวิกฤตของประเทศญี่ปุ่นแล้วก็เป็นได้ เพราะหากปล่อยปัญหาเหล่านี้ไว้ต่อไป ประเทศญี่ปุ่นจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หรืออาจจะกลายเป็นประเทศที่มีชาวต่างชาติเอามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากกว่าคนในประเทศก็เป็นได้ …
-
BlackFly รถบินได้รุ่นใหม่ล่าสุด จากบริษัทผู้ตามล่าความฝันแห่งแคลิฟอร์เนีย
รถบินได้ เป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ที่อยู่คู่กับมนุษยชาติมานานแสนนาน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีใครที่สามารถทำให้ความฝันนั้นกลายเป็นที่แพร่หลายไปในปัจจุบันได้อยู่ดี แต่แล้วเมื่อไม่นานมานี้ เราก็ได้เห็นความพยายามทำตามความฝันของรถบินได้กันอีกครั้งเมื่อในวันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม 2018 ได้มีการเปิดตัว BlackFly รถยนต์บินได้รุ่นใหม่ล่าสุด จากบริษัท Opener บริษัทจากเมืองพาโลอัลโต รัฐแคลิฟอร์เนียผู้ได้รับเงินทุนจากนาย Larry Page ผู้ร่วมก่อตั้ง Google การขึ้นบินของ BlackFly จาก CBS This Morning BlackFly นั้นมีจุดเด่นอยู่ที่การควบคุมทั้งหมดสามารถทำได้โดยผู้ขับขี่หนึ่งคน และได้รับคำอธิบายว่าใกล้เคียงกับโดรนขนาดใหญ่มากกว่ารถยนต์ มันมีระบบขับเคลื่อนแปดตัวกระจายไปทั่วปีกทั้งสอง และที่แปลกคือปีกทั้งสองที่ว่านั้น ติดตั้งไว้ที่ด้านหน้าและหลังของตัวรถ แทนที่จะเป็นด้านข้างเหมือนกับเครื่องบินทั่วๆ ไป Marcus Leng ผู้บริหารระดับสูงของ Opener บอกว่า คุณจะสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวสามมิติได้ทั้งหมด คุณสามารถหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศได้ และหยุดนิ่งที่ว่านี้ หมายถึงหยุดนิ่งจริงๆ ไม่เคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศเลย Darren Pleasance ผู้อำนวยการสมาคมทดลองเครื่องบินสหรัฐฯ ให้ความเห็นเกี่ยวกับ BlackFly ว่า “การดู BlackFly ขึ้นบินมันน่าทึ่งมาก ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย” แต่แม้ว่ายานพาหนะลำนี้จะไม่จำเป็นต้องมีใบขับขี่ในการใช้ก็ตาม แต่ทาง Opener ก็บอกว่าการที่จะขึ้นขับเจ้า BlackFly ได้นั้น…
-
หนุ่มหลอดลมฉีกเพราะ “เป่าปี่มังกร” ตัวใหญ่เกิน เจ้าตัวลั่น ‘เจ็บแต่คุ้ม’ ชาวเน็ตยกเป็นฮีโร่!!
สำหรับชายชาตรีส่วนใหญ่อาจจะมีความเชื่อที่ว่า หาก ‘เจ้าโลก’ มีขนาดใหญ่เท่าไหน ก็อาจจะยิ่งเป็นเรื่องดีมากเท่านั้น เพราะมันอาจจะเติมเต็มความบันเทิงให้กับคู่ขาหรือคู่รักได้อย่างตอบโจทย์ถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ รวมทั้งบ่งบอกถึงความเป็นบุรุษของคนคนนั้น แต่ว่าบางทีความใหญ่นี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป เหมือนกับในกรณีนี้ที่มีชาวสีม่วงคนหนึ่งต้องหลอดลมฉีกกระจุยจากการอมนกเขาที่มีขนาดใหญ่เกินเบอร์ ทว่าเจ้าตัวกลับบอกว่านี่แหละ ‘เจ็บแต่คุ้มดี’ https://twitter.com/ELECTRIC_PAPI/status/1015013808006467588 โดยนี่เป็นเรื่องที่สุดแสนจะหฤหรรษ์ของหนุ่มชาวเกย์นามว่า Fredy Alanis ที่ได้โพสต์ภาพของตัวเองขณะอยู่ในโรงพยาบาลลงในทวิตเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกับแคปชั่นที่ว่า “ขอโทษด้วยนะที่มุมนี้ไม่สวย แต่อยากจะบอกว่าฉันยังจำตอนที่อม ‘เจ้ามังกร’ ไซส์มหึมาตัวที่ทำให้ฉันต้องมาลงเอยที่ห้องฉุกเฉินนี้ได้อย่างดี มันเป็นเรื่องตลกเกินเบอร์ที่ฉันจะไม่มีทางลืมเลยล่ะ” ส่วนเหตุที่ทำให้เขาต้องมาอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างนี้ Fredy ก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Them ว่า เป็นเพราะเขาได้ไปเป่าปี่พระอภัยให้กับชายคนหนึ่งที่รู้จักกันผ่านแอปฯ Grindr แต่ก็ด้วยความที่ชายคนนั้นมีขนาดปี่ที่ใหญ่เกินจะเป่ากว่า 10 – 10.5 นิ้ว จึงทำให้หลังจากส่งชายคนนี้ถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เป็นที่เรียบร้อย เขาก็เริ่มมีอาการเจ็บที่หน้าอกแล้วมันก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนในวันรุ่งขึ้นต้องเข้าไปหาหมอในโรงพยาบาลในที่สุด https://twitter.com/ELECTRIC_PAPI/status/1012752256003923968 “ในที่สุดฉันก็ต้องบอกตรงๆ ว่าไปทำอะไรมาเพื่อจะได้หาทางรักษาได้ตรงจุด หมอบอกฉันว่านี่มันเป็นเรื่องที่พิสดารมากๆ เพราะกรณีของฉันที่เป่าปี่จนหลอดลมฉีกนี่อาจเป็น 1 ในล้านหรือร้อยล้านเลยล่ะ” นอกจากความเจ็บแล้วก็ยังมีอีกเรื่องที่เป็นที่กลัดกลุ้มอยู่ในอกของเกย์หนุ่มคนนี้ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะบอกแม่ยังไงถึงเหตุหลอดลมฉีกดังกล่าว สิ่งที่แม่เขารู้ในตอนที่มาส่งโรงพยาบาลก็แค่ว่าเขาเจ็บคออย่างหนัก “จริงๆ ครอบครัวของฉันก็รู้แล้วนะว่าฉันเป็นเกย์ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าหรอกว่าฉันร่านขนาดไหน“ Fredy กล่าว …
-
วัยรุ่นสาวสวมบทฮีโร่ กระโดดเข้าขวางรถกระบะ เพื่อช่วยชีวิตหลานชายวัย 4 ขวบ
ฉากที่มีคนคนหนึ่งกระโดดเข้าไปช่วยคนที่กำลังจะเจอกับอันตรายไม่ว่าจะเป็นถูกยิง ถูกรถชนหรืออื่นๆ เป็นฉากที่เรามักจะเห็นในหนังหรือการ์ตูนอยู่บ่อยๆ ซึ่งในชีวิตจริงแล้วมันเป็นฉากที่เราแทบจะไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ แต่เรื่องที่เราจะนำมาให้พวกคุณได้ฟังในวันนี้ ฉากแบบที่เรากล่าวไว้ข้างต้นได้เป็นจริงแล้ว เมื่อฮีโร่วัยรุ่นสาวอายุ 13 ปีได้กระโดดเอาตัวขวางหน้ารถกระบะเพื่อช่วยหลานชายวัย 4 ขวบไว้ได้ แม้ตัวเธอจะต้องบาดเจ็บก็ตาม เด็กสาวผู้น่าชื่นชมคนนั้นคือ Jayla Wallace และหลานชายที่เธอช่วยชีวิตไว้คือ Jordyn Prior ก่อนที่อุบัติเหตุจะเกิดทั้งคู่เดินลงมาจากรสบัสพร้อมกันในช่วงเวลา 16.00 น. ที่ถนน Talbot ชานเมือง Swan View ประเทศออสเตรเลีย แต่เมื่อลงมาจากรสบัส ด้วยความยังไม่รู้ประสีประสาของหลานชายของเธอ Jordyn ได้วิ่งไปกลางถนน ขณะที่รถคันอื่นก็กำลังตามมา ด้วยสัญชาตญาณที่น่าทึ่งของ Jayla เธอรีบเอากระโดดเอาตัวเข้าไปขวางระหว่างรถกระบะและ Jordyn ทันที แต่ก็ไม่สามารถหยุดรถได้ทันและชนเข้ากับพวกเขาเต็มๆ ทำให้ร่างทั้งสองลอยออกไปไกลเป็นเมตรๆ จากนั้นพวกเธอจึงถูกนำส่งโรงพยาบาลในทันที Jessie Scattini แม่ของ Jordyn ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อท้องถิ่นว่า “เธอ (Jayla) กระโดดเอาตัวเองเข้าไปขวางหน้ารถกระบะที่ตามหลังรถบัสมา เธอพยายามที่ผลักให้เขา (Jordyn) ออกจากห่างจากบริเวณนั้น… และพวกเขาก็ถูกชนจนลอยไปกลางอากาศได้ประมาณ…
-
เด็กเล่นซ่อนแอบกับเพื่อน เลยปีนออกไปขอบตึกเพื่อซ่อนตัวทั้งๆ ที่อยู่บนชั้น 33 ของอาคาร!!
เวลาที่เราเล่นซ่อนแอบกับเพื่อนสมัยเด็กๆ เมื่อเรารับบทเป็นคนที่แอบเราก็ต้องหาจุดยุทธศาสตร์ที่คิดว่าจะไม่มีใครหาเราเจอใช่ไหมล่ะ แต่ว่าบางทีการซ่อนแอบแบบเด็กๆ นี้ก็อาจจะมาพร้อมกับอันตรายที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้ เหมือนกับเด็กสองคนนี้ที่เล่นซ่อนแอบกันอีท่าไหนก็ไม่รู้ สุดท้ายพบว่าทั้งสองไปยืนอยู่บริเวณขอบอาคารชั้นที่ 33 สร้างความหวาดเสียวให้กับผู้พบเห็นรวมถึงชาวเน็ตว่าหากเกิดพลัดตกลงไปจะเกิดอะไรขึ้น!! โดยภาพของเด็กๆ อันแสนไร้เดียงสานี้ถูกจับภาพได้ที่ตึกสูงแห่งหนึ่งของเมืองหลานโจว มณฑลกานซู่ ประเทศจีน เมื่อมีคนถ่ายวิดีโอของเด็กๆ ที่อยู่บริเวณขอบตึกไว้ได้ทั้งๆ ที่ความสูงในตอนนั้นอยู่ที่ชั้น 33 ของอาคาร นั่นจึงหมายความว่าชีวิตของเด็กทั้งสองต้องเสี่ยงชีวิตกับความสูงเป็นร้อยๆ ฟุตที่มาขนาบข้าง.. ในวิดีโอจะเห็นได้ว่ามีเด็กสองคนที่ปีนระเบียงห้องออกไปโดยที่พ่อแม่ไม่รู้ จากนั้นก็เดินไปเรื่อยๆ พร้อมทั้งพูดคุยกันตามทางระเบียงที่มีความกว้างเพียงน้อยนิดเท่านั้น และจะเห็นได้ว่าไม่ได้มีเครื่องป้องกันใดๆ เลย ณ ตรงนั้น ซึ่งถ้าเด็กๆ เกิดพลัดหล่นลงไป ผลลัพธ์เดียวที่อาจะเกิดขึ้นก็คือ ‘เสียชีวิต’ วิดีโอที่เกิดขึ้นเกิดเป็นคำถามมากมายว่าพ่อแม่ของเด็กไปไหนถึงปล่อยให้เด็กออกไปอย่างนี้ได้ และในตอนนี้ทางผู้จัดการด้านความปลอดภัยของตึกแห่งนี้ก็ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้แล้ว “พวกเขาคงไม่รู้จริงๆ ว่ามันเป็นอันตรายมากๆ ที่ปีนออกนอกหน้าต่างไปอย่างนั้น มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆ แต่ก็ยังโชคดีที่ทั้งสองปลอดภัย” ผู้จัดการด้านความปลอดภัยกล่าว นอกจากนี้ทางผู้จัดการคนเดียวกันยังบอกด้วยว่า ได้ไปบอกกับทางพ่อแม่เด็กแล้วว่าควรจะดูแลเด็กๆ ให้ไม่คลาดสายตา เพราะไม่แน่เหมือนกันว่าในวันข้างหน้าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้และอาจจะไม่โชคดีเหมือนอย่างครั้งนี้ก็เป็นได้ วิดีโอของเด็กๆ สองคนนี้ ที่มา: thewest, dailymail
-
คาเฟ่แมวหมาหลบไป!! ของจริงต้อง ‘คาเฟ่สิงโต’ เปิดทีชาวเน็ตลั่นเอาแมวยักษ์มาขังไม่เหมาะ
เดี๋ยวนี้ไม่ว่ามองไปทางไหนก็จะเห็นว่ามีร้านคาเฟ่สัตว์อยู่เต็มไปหมด ซึ่งสัตว์แต่ละชนิดที่อยู่ในคาเฟ่นั้นก็ล้วนแต่เป็นเจ้าตัวน้อยน่ารักๆ ที่เชิญชวนให้ไปเล่นไปสัมผัสกันอย่าง คาเฟ่หมา คาเฟ่แมว หรือคาเฟ่กระต่าย เป็นต้น แต่ว่าใครจะไปคาดคิดว่าคาเฟ่สัตว์จะไปไกลถึงขั้นมีคาเฟ่สิงโตเกิดขึ้น!! ทว่าการนำตัวเจ้าป่ามาอยู่ในร้านอย่างนี้กลับไม่เป็นที่พอใจของชาวเน็ตและมีข้อครหามากมาย ถึงการนำสัตว์ป่าเช่นนี้มาขังไว้ในพื้นที่แคบๆ เพื่อให้คนมาเยี่ยมชมด้วยความสนุกสนาน.. ร้านคาเฟ่สุดแสนจะแหวกแนวที่ว่านี้มีชื่อว่าร้าน Mevzoo ตั้งอยู่ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยจุดเด่นของทางร้านที่กลายเป็นกระแสไวรัลในเวลาต่อมาก็คือ การมีสิงโตที่ขังอยู่ในตู้กระจกแคบๆ ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้รับชมกัน เจ้าสิงโตน้อยของทางร้านแห่งนี้มีชื่อว่า Khaleesi อายุ 1 ขวบ ซึ่งการนำมันมาใช้ประโยชน์ในด้านการค้านี้เองที่ได้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกอินเทอร์เน็ตว่า มันถูกต้องแล้วหรือที่นำสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างนี้มากักขังไว้ในพื้นที่แคบๆ ที่มีขนาดน้อยกว่า 1 เมตร?! https://www.instagram.com/p/BkqMwRHgNQu/?utm_source=ig_embed ทว่านอกจากเจ้าสิงโตตัวนี้แล้ว ในภายหลังก็ยังมีการเปิดเผยอีกด้วยว่าร้านคาเฟ่แห่งนี้ยังมีการใช้สัตว์ประเภทอื่นๆ อย่าง นกแก้ว นกหายาก จระเข้ และม้า เพื่อเป็นจุดดึงดูดลูกค้า และเรื่องที่น่าตกใจไปยิ่งกว่านั้นก็คือ ร้านแห่งนี้ได้รับใบอนุญาตให้เป็นสวนสัตว์ประเภท ‘Class B’ รวมถึงได้ใบประกาศจากกรมป่าไม้และอนุรักษ์น้ำว่าเป็นศูนย์ฟื้นฟูสัตว์อีกด้วย https://instagram.com/p/Bkli8IJADWW/?utm_source=ig_embed ทางด้าน Cengiz Şıklaroğlu เจ้าของร้านที่ว่า ก็ได้ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ว่านอกจากมีใบอนุญาตตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ร้านของเขายังมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ จากการที่ลงทุนไปมากในค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างค่าอาหาร ยารักษาโรค รวมถึงการสร้างที่อยู่อาศัยให้กับพวกมันให้กว้างกว่าที่สมาคมสวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโลก (World Association…
-
คนงานเหมืองชิลีเตือน 13 ชีวิตติดถ้ำ “ให้ระวังกลุ่มคนที่หวังผลประโยชน์เอาไว้ให้ดี”
หลังจากที่ภารกิจการช่วยเหลือ 13 ชีวิตออกจากถ้ำสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ส่วนเรื่องราวต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร ก็ต้องคอยติดตามชมกันต่อไปอย่างใกล้ชิด แน่นอนว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้กลายเป็นที่จับตามองจากผู้คนมากมายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ย่อมมีเรื่องของ ‘ผลประโยชน์’ เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเลี่ยงไม่ได้ และด้วยความหวังดีจากคนงานเหมืองจากชิลี ที่เคยเป็นผู้มีประสบการณ์เผชิญกับเคราะห์ร้ายแบบนี้มาก่อน พวกเขาก็เลยออกมาเตือนเด็กๆ ทีมหมูป่าและโค้ช ว่า ‘ให้ระวังกลุ่มคนที่หวังผลประโยชน์เอาไว้ให้ดี’ ย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีก่อน คนงานเหมืองกว่า 33 คน ติดอยู่ในเหมืองซาน โฮเซ่ ประเทศชิลี นานกว่า 69 วัน เรื่องราวของพวกเขาโด่งดังไปทั่วโลก ทุกแรงใจถูกส่งไปเพื่อเอาใจช่วยให้พวกเขารอดชีวิตออกมา หลังจากที่ช่วยชีวิตออกมาได้ เรื่องราวของพวกเขาก็เหมือนกับที่กำลังจะเกิดขึ้นกับทีมหมูป่าแบบเป๊ะๆ เลย คือค่ายหนังยักษ์ใหญ่อย่าง Hollywood ได้นำเรื่องราวของพวกเขาไปสร้างเป็นหนัง หนังเรื่องนั้นมีชื่อว่า The 33 และมันประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทำรายได้ไปมากกว่า 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราวๆ 831 ล้านบาท แต่เม็ดเงินเหล่านั้นไม่ได้ตกมาถึงพวกเขาเลยแม้แต่บาทเดียว ตัวอย่างหนังเรื่อง The 33 “ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเขาจะนำเรื่องราวนี้ไปสร้างหนัง…
-
ขุดเจอโลงหินสีดำไม่เคยถูกเปิดมา 2 สหัสวรรษที่อียิปต์ ชาวเน็ตบอกอย่าเปิดเลยเดี๋ยวมัมมี่ตื่น
อย่างที่รู้กันว่าประเทศอียิปต์นั้นจัดได้ว่าเป็นดินแดนที่มีอารยธรรมดินแดนแรกๆ ของโลก ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความซับซ้อนทางสังคม ความเชื่อ และแฝงเอาไว้ซึ่งความลึกลับมากมาย ที่รอให้คนรุ่นหลังไปค้นพบ และล่าสุดนี้เองเราก็ได้ค้นพบปริศนาชิ้นใหม่ของอียิปต์อีกครั้ง เมื่อมีการขุดพบโลงหินขนาดใหญ่ ที่ Sidi Gaber เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ มันเป็นโลงศพที่ทำจากหินแกรนิตสีดำ ขนาดความกว้าง 1.8 เมตร ยาว 2.6 เมตร และสูง 1.6 เมตร ซึ่งนับว่าเป็นโลงหินที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยมีการขุดพบมาในเมืองแห่งนี้ แม้ว่าที่ผ่านๆ มาจะมีการขุดพบโลงหินแบบนี้อยู่บ้าง แต่สิ่งที่ทำให้การขุดพบครั้งนี้ล้ำค่ากว่าการค้นพบที่ผ่านๆ มา คือการที่โลงศพที่พบนั้นไม่มีร่องรอยการถูกเปิดออกเลย ตลอดระยะเวลา 2,000 ปีที่ผ่านมา โรงหินที่ว่านี้ถูกฝังไว้ใต้ดินราวๆ 5 เมตร และเชื่อว่ามาจากยุคราชวงศ์ทอเลมี (ช่วง 305-30 ปีก่อนคริสตกาล) โดยจากสิ่งของที่พบพร้อมกับโลงหิน มีความเป็นไปได้สูงที่ร่างที่อยู่ในโลงจะเป็นของผู้ชาย อย่างไรก็ตามยังไม่มีการระบุตัวตนของศพในโลงที่ชัดเจนในปัจจุบัน รูปสลักศีรษะมนุษย์ ถูกขุดพบพร้อมๆ กับโลงหิน การค้นพบในครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับชาวเน็ตเป็นอย่างมาก โดยมีผู้คนมากมายออกมาแสดงความคิดเห็นกับการค้นพบในครั้งนี้ และเรื่องที่ว่าเราควรจะเปิดโลงออกหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าแฟนๆ…
-
‘เราดีใจมากๆ ที่ช่วยพวกคุณออกมาได้’ คำอำลาทีมหมูป่า จากสองนักดำน้ำชาวอังกฤษ…
หลังจากที่ผ่านพ้นภารกิจปฏิบัติการกู้ชีพทั้ง 13 ชีวิตในถ้ำหลวงไปแล้ว ก็ถึงเวลาของเหล่าผู้เชี่ยวชาญ ผู้ปฏิบัติงานในภารกิจครั้งนี้ ต้องแยกย้ายกลับสู่ถิ่นฐานภูมิลำเนา หนึ่งในนักดำน้ำชาวอังกฤษ Jason Mallinson ได้กล่าวเอาไว้ก่อนที่จะบินกลับสู่ประเทศอังกฤษว่า “เราดีใจมากๆ ที่เราสามารถพาพวกคุณออกมาได้ อย่าประมาทแบบนี้อีกนะ” Jason Mallinson (ซ้าย) John Volanthen (ขวา) นาย Mallinson ในวัย 50 ปี พร้อมกับ John Volanthen วัย 47 ปี ได้ปฏิบัติภารกิจเยี่ยงฮีโร่และกลับถึงประเทศอังกฤษในช่วงเช้าของวันที่ 12 กรกฎาคม ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมกับกล่าวเพียงสั้นๆ “พวกเราไม่ใช่ฮีโร่ แทบจะตรงกันข้ามเลย” หลังจากเดินทางมาถึงสนามบินลอนดอนฮีทโธรว์ นาย Volanthen ได้รับอ้อมกอดพร้อมกับช็อคโกแลตจากหญิงชาวไทยไม่ทราบชื่อ เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับความเสียสละของพวกเขา นาย Volanthen ยังกล่าวถึงความรู้สึกโล่งอกหลังจากที่ได้เห็นเด็กๆ ปลอดภัยดี จากปฏิบัติการทั้งหมด…
-
แม่อ้างว่า “อยากให้ลูกได้สูดอากาศ” เลยอุ้มมาแกว่งเล่นนอกหน้าต่าง สูงขึ้นไป 7 ชั้น
แน่นอนว่าการเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องง่าย เราคงจะตามใจเด็กไปซะทุกอย่างไม่ได้ บางครั้งคุณพ่อคุณแม่จึงอาจมีวิธีลัดที่ช่วยเติมเต็มความสุขให้กับลูกได้ไปอีกแบบ แต่ขอให้ไม่ใช่แบบคุณแม่คนนี้นะ… เมื่อวานนี้ (12 ก.ค. 2018) สำนักข่าว Daily Mail ได้เผยให้เห็นคลิปของคุณแม่คนหนึ่งในเมือง Lobnya ประเทศรัสเซีย ขณะที่เธอกำลังอุ้มลูกน้อยแบเบาะออกมานอกหน้าต่าง บนห้องอพาร์ตเมนต์สูง 7 ชั้น!! คลิปดังกล่าวถูกถ่ายโดยผู้อยู่อาศัยฝั่งตรงข้าม เจ้าของคลิปตกใจกับสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมาก และรีบติดต่อหาเจ้าหน้าที่ตำรวจในทันที กลัวว่าเด็กจะได้รับอันตรายหรืออาจถูกโยนลงไป เจ้าหน้าที่ไม่รอช้า เร่งไปหาห้องพักของแม่ลูกภายในคลิป ทำให้ทราบว่าคุณแม่คนนั้นมีชื่อเรียกว่า Tatiana และเธอก็ไม่ได้ต้องการจะทำร้ายลูกแต่อย่างใด คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น Tatiana บอกกับตำรวจว่า “ไม่มีใครวางแผนฆ่าลูกด้วยการโยนเด็กลงไปจากหน้าต่างหรอก ลูกของฉันแค่ร้องไห้เพราะอยากออกไปข้างนอก แต่ตอนนั้นฝนมันตกอยู่” ด้วยเหตุนั้นเอง เธอก็เลยอุ้มทารกออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย แต่การแกว่งเด็กเบาๆ สูงขึ้นไปถึง 7 ชั้น มันไม่น่าจะใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไหร่หรอกนะ หลุดมือขึ้นมานี่ไม่อยากคิดภาพเลย คลิปวิดีโอนี้ได้รับกระแสตอบกลับจากชาวเน็ตจำนวนมาก ที่มองว่าผู้หญิงคนนี้คิดน้อยเกินไป “เธอคนนี้คงจะบ้าไปแล้วแน่ๆ !!” “ฉันต่อต้านที่จะให้รัฐเข้ามาแทรกแซงเกี่ยวกับการเลี้ยงดูในครอบครัวมาโดยตลอด แต่ว่าสำหรับกรณีนี้ เด็กควรได้รับการปกป้องจากการเลี้ยงดูของคุณแม่จิตเสื่อม น่าจะดีกว่า”…
-
พบโครงกระดูกอายุกว่า 3,000 ปี กับ “อ้อมกอดแห่งความรัก” แม้ความตายก็ไม่อาจพรากจาก
เราคงหมดโอกาสแสดงความรักให้กับคนที่จากโลกนี้ไปแล้ว แต่ทว่าโครงกระดูกอันเก่าแก่ที่เพิ่งถูกค้นพบในครั้งนี้ กลับทำให้เราสัมผัสได้ถึงคำว่าความรัก ข้ามผ่านกาลเวลามานานกว่า 3,000 ปี เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2018 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเกี่ยวกับการค้นพบโครงกระดูกดังกล่าวใกล้กับเมือง Petrykiv ประเทศยูเครน และอ้อมกอดแห่งความรักที่ยังคงอยู่ ไม่ว่านานแค่ไหนก็ตาม ลักษณะของโครงกระดูกที่ถูกค้นพบ ศาสตราจารย์ Mykola Bandrivsky ผู้ศึกษาเกี่ยวกับ “การฝังศพคู่รัก” จากสถาบันโบราณคดีในยูเครนบอกว่าศพที่เราเห็นนี้มีอายุมานานกว่า 3,000 ปี สมัยช่วงยุคสัมฤทธิ์ จากลักษณะท่าทางแล้ว บอกได้ว่าโครงกระดูกผู้หญิง (ทางด้านขวา) กำลังกอดคู่รักของตัวเอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฝ่ายชายน่าจะเป็นฝ่ายที่เสียชีวิตไปก่อน แล้วฝ่ายหญิงจึงยอมลงไปกอดเขาแล้วโดนฝังทั้งเป็น ลักษณะการกอดคือ ฝ่ายหญิงเอาแขนให้ศพผู้ชายหนุน และเอาขาพาดไว้กับเขา นั่นคือการแสดงให้เห็นว่า ฝ่ายหญิงไม่อาจทำใจกับการจากไปของคนรักได้ หรือไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่อยากใช้ชีวิต เริ่มต้นใหม่กับใครอีกแล้ว ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ บอกว่า ผู้หญิงอาจดื่มยาพิษเข้าไป ก่อนที่จะลงไปในหลุมแล้วกอดชายอันเป็นที่รักของตนเอาไว้ ลาโลกนี้ไปอย่างไม่ทรมาน ภายในหลุมไม่ได้พบเพียงแค่โครงกระดูกเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงชาม โถ และไห ซึ่งทำให้พอคาดเดาได้ว่าทั้ง 2…
-
คุณปู่เจ้าของสถิติเล็บมือยาวรวม 9 เมตร ยอมตัดเล็บที่ไว้มา 66 ปี นำไปโชว์ในพิพิธภัณฑ์!!
คุณคิดว่าเล็บของคนเราจะยาวได้มากที่สุดเท่าไหร่ บางคนอาจจะคิดว่าแค่ 5 หรือ 10 เซนติเมตรก็คงจะรำคาญจนทนไม่ไหวแล้ว แต่ถ้าคุณเจอกับชายคนนี้ความคิดของคุณจะเปลี่ยนไปในทันที เพราะความยาวเล็บโดยรวมของเขาคนนี้ได้กลายเป็นสถิติโลกด้วยความยาวรวมกว่า 9 เมตร และในตอนนี้ก็ถึงเวลาตัดออกแล้ว!! ดูซะก่อนธรรมดาที่ไหน โดยเจ้าของสถิติสุดมหัศจรรย์นี้มีชื่อว่า Shridhar Chillal คุณปู่วัย 82 ปี ชาวเมืองปูเน ประเทศอินเดีย เขาเล่าให้ฟังว่าเขาได้ไว้เล็บที่มือข้างซ้ายโดยไม่มีการตัดแต่งใดๆ เลยทั้งสิ้นมาเป็นระยะเวลานานกว่า 66 ปีแล้ว และก็แน่นอนว่าความยาวของเล็บเขาได้กลายเป็นสถิติของ Guinness World Record เป็นที่เรียบร้อย งอกออกมาดูน่าทึ่งทีเดียว แต่ว่าเมื่อวาน (วันที่ 11 กรกฎาคม) เขาก็ได้ตัดสินใจตัดเล็บของตัวเองออกตามที่วางแผนเอาไว้นานมาแล้ว ทว่าการจะตัดเล็บสถิติโลกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆ เหมือนเราตัดเล็บทั่วไป ความยาวของแต่ละเล็บ เพราะเขาต้องบินไปที่เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาเลย เพื่อที่จะนำเล็บหลังจากที่ตัดแล้วไปจัดเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ Ripley’s Believe It or Not ให้เล็บอันเป็นตำนานของเขาคงอยู่ไปอีกนานแสนนาน เริ่มตัดละนะ สำหรับความยาวเล็บโดยรวมก่อนจะตัดของเขานั้นอยู่ที่ 909.6 เซนติเมตร และนิ้วที่มีเล็บยาวที่สุดก็คือ ‘นิ้วโป้ง’…
-
หนุ่มฝรั่งรูปหล่อ ผู้หลงใหลในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ผันตัวมาเป็นนักจัดสวนแบบเซนเต็มตัว!!
หากใครได้ลองไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ คงจะมีแว่บนึงที่คิดขึ้นมาในหัวว่า ‘ฉันอยากจะมาอยู่ที่นี่จัง’ กันบ้างอย่างแน่นอน!! เช่นเดียวกันกับพ่อหนุ่มฝรั่งท่านนี้ ที่เป็นชาวสวีเดนโดยกำเนิด แต่พอได้มาอยู่ที่ญี่ปุ่นและได้เรียนรู้วัฒนธรรมการจัดสวนแบบเซนก็ทำให้เขาเกิดหลงใหลและผันตัวกลายมาเป็นนักจัดสวนไปโดยปริยาย!! เขามีชื่อแบบสวีเดนว่า Jakob Sebastian Björk และมีชื่อญี่ปุ่นว่า Tatsumasa Murasame เรื่องราวของพ่อหนุ่มคนนี้ถูกนำมาโพสต์โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @kuroda_xxx ทำให้ชาวเน็ตต่างก็คลั่งไคล้ในความหล่อของพี่แกไปตามๆ กัน โพสต์ดังกล่าวใช้แคปชั่นว่า ” – เขาต้องการที่จะใช้ชีวิตแบบชาวญี่ปุ่น เขาก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนสัญชาติ และตอนนี้ก็กลายมาเป็นชาวญี่ปุ่นเต็มตัว – เขาหล่อมากๆ หล่อแบบวัวตายควายล้ม – เขากล้ามแน่นมากๆ – เขาเป็นนักจัดสวนที่มีฝีมือ – เขามีชื่อที่โคตรเท่ว่า Tatsumasa Murasame ซึ่งตั้งโดยอาจารย์ที่สอนวิชาจัดสวนให้กับขา” หล่อโฮกกกกกก!! ทวีตของ @kuroda_xxx ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก มีคนเข้ามากดไลก์มากถึง 361,000 ครั้ง และรีทวีตไปอีกกว่า 103,000 ครั้งเลยทีเดียว!! จากความหล่อเหลาและใจรักในการทำสวนแบบชาวญี่ปุ่น ก็ทำให้พี่แกโด่งดัง ไปออกรายการโทรทัศน์ต่างๆ มากมาย แถมยังเป็นนายแบบให้กับนิตยสาร Tokyo Graffiti ต้วย!! …
-
หนุ่มลงทุนสร้าง ‘นิตยสารฉบับพิเศษ’ รวมเรื่องราวของแฟนสาว มอบเป็นของขวัญวันเกิด
สำหรับคนเป็นแฟนกันแล้ว ‘การมอบของขวัญ’ ให้กันในวันพิเศษก็ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ใครๆ ก็ทำกัน… แต่สำหรับของขวัญของชายหนุ่มผู้นี้ขอบอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่พีคมาก!! เพราะพี่แกเล่นจัดทำนิตยสารทั้งเล่มที่รวมเรื่องราวของ ‘แฟนสาวตัวเอง’ เอาไว้ในนั้น เขียนอย่างละเอียดยิบ แถมแบ่งเป็นคอลัมน์ต่างๆ อีกด้วย!! Ace Moloi ได้ตัดสินใจมอบของขวัญสุดพิเศษให้กับแฟนสาว Portia Boniwe Sebothelo เนื่องในวันเกิดของเธอ ของขวัญชิ้นนั้นก็คือ ‘นิตยสาร’ ทั้งเล่ม ที่ดูเหมือนกับนิตยสาร Vogue ชัดๆ แต่มันเต็มไปด้วยเรื่องราวของเธอเพียงคนเดียวไม่มีใครอื่น!! ทั้งหน้าปกที่เป็นรูปภาพของเธอ ภาพและเรื่องราวต่างๆ ที่อยู่ในนิตยสาร ล้วนแล้วแต่เป็นอะไรที่เกี่ยวกับ Boniwe ทั้งสิ้น ด้วยความร่วมมือจากเพื่อนๆ และครอบครัวของ Boniwe ก็ทำให้ Ace สามารถสร้างสรรค์นิตยสารเล่มนี้ออกมาได้สำเร็จ ในนั้นมีทั้งคอลัมน์ต่างๆ ที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยการสัมภาษณ์ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเธอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ หรือความรู้สึกที่มีต่อเธอ เช่นมุมนี้เป็นมุมของพี่สาว และที่วิเศษที่สุดก็คือมุมของ ‘ลูกสาว’…
-
หนุ่มแชร์ประสบการณ์ ‘ดื่มน้ำเย็น’ ตอนอากาศร้อนจัด นำไปสู่การช็อกหมดสติล้มหน้าฟาด!!
โดยปกติแล้วเมื่อเราเจออากาศร้อนๆ ก็มักจะไปหาอะไรเย็นๆ ดื่มเพื่อคลายร้อน แต่หากเพื่อนๆ ได้อ่านเรื่องราวต่อไปนี้อาจจะทำให้ความคิดเปลี่ยนไปเลยก็ได้… เรื่องมีอยู่ว่านาย Adam Schaub จากเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เกิดช็อกหมดสติหลังจากที่ดื่มน้ำเย็นจัดเพื่อแก้ร้อนจากการทำงานกลางแจ้ง ตามรายงานระบุว่าเขาทำงานกลางแจ้งกับคุณพ่อ 2 คนในอุณหภูมิที่สูงถึง 37 องศาเซลเซียส จนใบหน้าของเขามีสีชมพูเพราะความร้อน จากนั้นคุณพ่อก็บอกให้ Adam ไปพักสักหน่อย เขาก็เลยเดินไปหยิบขวดน้ำเย็นมาดื่มเพื่อดับร้อน ก่อนที่จะกลับไปทำงานอีกครั้ง หลังจากที่ทำไปได้สักพักเขาก็เดินเข้าไปนั่งในรถเพื่อแช่แอร์ แล้วดื่มน้ำเย็นเข้าไปอีกขวด และแล้วในตอนนั้นเองที่เขาเริ่มรู้สึกถึงความ ‘แปลกประหลาด’ “ผมเริ่มเห็นจุดต่างๆ จากนั้นก็รู้สึกว่าท้องไส้กำลังปั่นป่วน และมือของผมก็เริ่มชา” Adam เล่า “ผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะอาเจียนเลยเปิดประตูรถออกมา และพอรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าหน้าของผมฟาดลงไปที่พื้นแล้ว พ่อของผมเห็นเหตุการณ์ก็เลยวิ่งเข้ามาช่วยพลิกตัวของผมขึ้น พ่อบอกว่าตอนนั้นตาของผมเหลือกขึ้นไปด้านบน และไม่ได้สติไป 2-3 นาที” คุณพ่อได้โทรแจ้งรถพยาบาล และเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง ก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาแจ้งว่าการดื่มน้ำเย็นในขณะที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงอาจจะทำให้ร่างกายของเราช็อกได้ และมันจะเหมือนกับว่าคุณถูกน็อกเอาต์โดยไมค์ ไทสันเลยทีเดียว!! ทางด้านคุณหมอ Sarah Jarvis ผู้อำนวยการของหน่วยให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วย ได้ให้ข้อมูลว่า นี่เป็นอาการที่คล้ายกับ…
-
นักธุรกิจชอบใจหนุ่มไร้บ้าน เพราะพูดคุยกันถูกคอ เลยเสนองานให้ทำซะเลย!!
คนเรามันต้องมีสักครั้งแหละ ที่ลองได้คุยกับคนแปลกหน้าแล้วรู้สึกถูกอกถูกใจ… เช่นเดียวกันกับนักธุรกิจ James Minns ที่บังเอิญเดินไปเจอกับหนุ่มไร้บ้านคนหนึ่ง ก่อนที่จะได้พูดคุยกันจนรู้สึกว่าถูกคอมากๆ ก็เลยตัดสินใจรับเขาเข้ามาทำงานด้วยซะเลย!! เรื่องมีอยู่ว่าในคืนวันพฤหัสที่ 5 ที่ผ่านมา James ได้ออกไปเฉลิมฉลองเนื่องในวันครบรอบแต่งงานกับภรรยาและเพื่อนๆ ของเขา แต่แล้วโชคชะตาก็นำพาให้ได้มาเจอกับเด็กหนุ่มวัย 25 ปีชื่อว่า Ryan ทั้งคู่คุยด้วยกันอย่างออกรสออกชาติ James เล่าว่า “พวกเราเดินไปตามถนนก่อนที่จะเจอ Ryan พวกเราหยุดและพูดคุยกับเขา เพราะเขาดูเหมือนเป็นหนุ่มวัยรุ่นที่นิสัยดี” “แม้ว่าเขาจะมีการเริ่มต้นชีวิตที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่เขาก็ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงมัน เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่บนถนนแบบนี้หรอกนะ” Ryan เล่าว่าชีวิตของเขานั้นเป็นอะไรที่ยากมากเพราะการจะหางานทำก็ทำไม่ได้เพราะเขาเป็นคนไร้บ้าน James ก็เลยเสนอไปว่า “แล้ว ถ้านายได้รับการเสนองานให้ทำล่ะ นายจะทำมั้ย?” Ryan ก็ตอบอย่างรวดเร็วว่า “แน่นอน ผมอยากทำงาน” James เล่าต่อว่า “ผมทำธุรกิจอยู่ ผมแจ้งว่าที่ทำงานอยู่ตรงไหนซึ่งเขาเองก็รู้จักสถานที่นั้น ผมเลยบอกเขาไปว่า ‘เจอกันวันจันทร์นะพ่อหนุ่ม’” เขานำเรื่องราวนี้ไปโพต์ลงเฟซบุ๊ก และด้วยพลังของชาวเน็ตก็ทำให้เขาได้เบอร์โทรศัพท์ของ Ryan มาในที่สุด James…
-
ศิลปินไร้บ้านถูกตำรวจจับข้อหา ‘ใช้ของมีคมแทงผู้อื่น’ ทั้งๆ ที่เขานั้นเป็นผู้พิการไม่มีแขน!!
เมื่อเร็วๆ มานี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้จับกุมชายไร้บ้านคนหนึ่งซึ่งได้ก่อให้เกิดคำถามให้กับสังคมว่านี่เป็นการจับกุมที่ถูกแล้วหรือ เพราะว่าทางเจ้าหน้าที่ได้จับเขาในข้อหาใช้อาวุธมีคมแทงผู้อื่น ทั้งๆ ที่เขาเป็นผู้พิการไม่มีแขน?? โดยทางผู้ต้องหาคือนาย Jonathan Crenshaw วัย 46 ปี ได้รับการแจ้งข้อหาว่าทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยใช้สิ่งของมีคม (ในข้อหาแจ้งว่าใช้เท้าถือ) ซึ่งทางเหยื่อผู้ถูกแทงคือนาย Cesar Coronado นักท่องเที่ยววัย 22 ปี เหตุการณ์ดังลก่าวเกิดขึ้นในเวลาล่วงเที่ยงคืนของวันอังคารที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้โต้แย้งกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยนาย Crenshaw อ้างว่าเขาถูกทำร้ายร่างกายก่อนในเหตุการณ์ดังกล่าว สำหรับนาย Crenshaw แม้ว่าจะไม่มีแขนแต่เขาก็เป็นศิลปินที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในระแวก South Beach ไมอามี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา และผลงานที่โดดเด่นของเขาก็คือการวาดภาพบนผืนผ้าใบโดยใช้เท้าเป็นเสมือนกับมือที่หายไป ซึ่งสิ่งนี้เองที่ทำให้เขาเป็นที่น่าสนใจสำหรับคนที่เดินผ่านไปมา จากการรายงานการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ชายไร้แขนคนนี้ได้ให้การว่าในวันที่เกิดเหตุ ตัวเขากำลังนอนอยู่บนพื้นถนนแถวๆ นั้น และจู่ๆ นาย Coronado ก็เดินปรี่เข้ามาหาเขาแล้วต่อยเข้าที่บริเวณหัวเข้าอย่างจัง จึงทำให้เขาใช้กรรไกรแทงนาย Coronado ไปสองครั้งก่อนที่จะหลบหนีไป แต่อีกทางหนึ่งเพื่อนสาวผู้ที่เดินทางมากับนาย Coronado กลับให้การต่างกันไป โดยเธอเล่าว่าพวกเธอได้เข้ามาหานาย Crenshaw เพื่อที่จะถามทาง ทว่าเขาก็ลุกขึ้นพรวดพร้อมกับใช้กรรไกรแทงเข้าที่แขนของเพื่อนชายของเธอในทันที…
-
ญี่ปุ่นผวา! หลังน้ำท่วมใหญ่ได้พัดพาเอา “ดาบซามูไร” คมกริบหลายสิบเล่มไปกับกระแสน้ำ…
หลังจากเกิดน้ำท่วมกระครั้งใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น ความเสียหายจึงเกิดขึ้นทั่วพื้นที่ ความเดือนร้อนนั้นแพร่กระจายไปทุกหนแห่งที่น้ำมวลมหาศาลนี้ไหลไปเยี่ยมเยือน ไม่เว้นแม้แต่ โรงตีดาบ ชายคนหนึ่งผู้อาศัยอยู่ในเมืองเซะกิ จังหวัดกิฟุ นครแห่งดาบซามูไรชั้นยอดอันเลื่องชื่อ เขาคือช่างตีดาบที่ได้สืบสานตำนานดาบซามูไรให้ยังคงมีมนต์ขลังอยู่ในยุคปัจจุบัน แต่ล่าสุดขณะที่หลายพื้นที่ในประเทศญี่ปุ่นต้องประสบกับภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่มวลน้ำที่ไหลหลากมาจนทะลักแม่น้ำสึโบกาวะ เมืองเซกิ ได้กลืนกินตลิ่งข้างแม่น้ำรวมไปถึงโรงเก็บดาบซามูไรอีกด้วย หลังจากภัยพิบัติเริ่มสงบลง ช่างตีดาบคนดังกล่าวจึงพยายามค้นหาดาบที่สูญหายจนทั่วบริเวณ แต่กลับพบเพียงอาวุธที่ถูกเก็บเอาไว้ในตัวอาคารเท่านั้น จากนั้นเขาจึงติดต่อเจ้าหน้าที่ภาครัฐของญี่ปุ่น ทำให้เกิดการตั้งทีม 10 คนเพื่อค้นหาใบมีดที่หายไป ซึ่งการค้นหาก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องกระทั่งปัจจุบัน ภาพเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา https://twitter.com/masayumi5/status/1015723435438137344?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1015723435438137344&ref_url=https%3A%2F%2Fsoranews24.com%2F2018%2F07%2F11%2Fsamurai-sword-hunt-begins-as-storm-washes-away-blacksmiths-warehouse-in-gifu-prefecture%2F อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 8 กรกฎาคม 2018 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบว่าในโรงตีดาบดังกล่าว มีดาบประมาณ 20 เล่มจาก 40 เล่มที่หายไปอยู่ ล่าสุดวันที่ 10 กรกฎาคม มีรายงานออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่าดาบที่เหลืออีกราวๆ ครึ่งหนึ่งนั้นสูญหายโดยไม่สามารถค้นหาได้พบ อย่างไรก็ตามทั้งตัวช่างตีดาบและเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นกลับเป็นห่วงถึงความอันตรายที่เกิดขึ้น หากน้ำพัดพาเอาดาบซามูไรที่มีความคมไปยังสถานที่ต่างๆ อาจจะสร้างอันตรายแก่ประชาชนได้ ที่มา: soranews24 และ @masayumi5
-
เรื่องราวของคุณพ่อลูกสอง ที่วันนี้กลายเป็น “สาวประเภทสอง” คนสำคัญของออสเตรเลีย!!
โลกที่เต็มไปการเปิดรับและอิสระย่อมเป็นโลกที่สวยงามและน่าอยู่… คุณพ่อลูกสองนามว่า Summer Day วัย 37 ปีได้สิ้นสุดความทรมานจากการเก็บซ่อนความเป็นตัวเองมานานแสนนาน หลังเปิดเผยว่าตนเองเป็น สาวประเภทสอง ลงหน้าปกนิตยสารของออสเตรเลีย ก่อนหน้านี้ในช่วงวัยรุ่น Day ต้องสู้กับมรสุมต่างๆ ทางเพศที่ทำให้เขาเกิดความอึดอัดที่จะเปิดเผยตัวเอง เขาจึงใช้ชีวิตเป็นพ่อค้าประกอบกับเป็นนักสเก็ตบอร์ดมืออาชีพที่รู้จักกันในนาม Michael อีกเกือบสิบปีให้หลัง เขาก็กลายเป็นพ่อคนอย่างเต็มตัว และสุดท้ายก็ได้เผยความจริงต่อภรรยาสุดที่รักของตนเองว่าตัวตนที่แท้จริงของเขานั้นเป็นอย่างไร เขากล่าวว่าชีวิตก่อนหน้านี้รู้สึกราวกับเป็นนักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ในร่างกายที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นหญิงได้อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ Day ในฐานะพ่อค้าและนักสเก็ตบอร์ด รู้จักกันในนาม Michael Summer Day เธอเกิดในครอบครัวแสนอบอุ่นจากรัฐนิวเซาท์เวลส์ ในออสเตรเลีย พ่อแม่ของเธอสนับสนุนเธอทุกเส้นทางที่เธอเลือกเดิน แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากเธอเข้าใจว่าอะไรที่เพศชายควรจะเป็นและอะไรที่เพศหญิงควรจะเป็น “ทุกอย่างที่ผู้ชายเป็น ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายตัว ฉันชอบเล่นอะไรแบบผู้หญิงๆ” เธอกล่าว “ราวๆ อายุ 12 หรือ 13 ปี ฉันพบว่าคนเริ่มมองฉันแปลกๆ ฉันจึงต้องทำตัวให้เนียนว่าเป็นผู้ชายในช่วงขึ้นมัธยม มีการออกไปเที่ยวกับเพื่อนชาย และบางครั้งก็ใช้ยาเพื่อให้เก็บกดความคิดสับสนของฉันเอาไว้” เธอเล่าต่อ จากนั้นเพื่อนของเขาก็แนะนำให้รู้จักกับกีฬาเอ็กซ์ตรีมที่เรียกกันว่า “สเก็ตบอร์ด” และมันก็เป็นเหมือนการเยียวยาความว้าวุ่นในจิตใจของ Day ได้เป็นอย่างดี…
-
ย้อนยุคด้วยบรรยากาศภาพถ่าย “ห้างสรรพสินค้า ยุค 80s” แฟชั่นและทรงผม ที่เคยรุ่งโรจน์มาก่อน
หนึ่งในสถานที่พบปะกับกลุ่มเพื่อนในเมืองใหญ่ หรือการออกไปพักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ออกตามหาสินค้าใหม่ๆ เพื่อนำมาใช้งาน แน่นอนว่าสถานที่แห่งนี้คือ “ห้างสรรพสินค้า” อันเป็นแหล่งรวมตัวของกลุ่มคนหลายประเภทในที่เดียวกัน และแน่นอนว่าสินค้าประเภทแฟชั่นมีขายอยู่ในห้างมากมาย ซึ่งจะกลายมาเป็นสถานที่โชว์สไตล์การแต่งตัวของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี แต่ด้วยลักษณะการใช้ชีวิตในปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ผู้คนเริ่มเดินห้างน้อยลง หันมาเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์แทน เราอาจจะเห็นการออกมาเดินด้วยลักษณะไฮแฟชั่นลดลงตามไปด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการย้อนบรรยากาศห้างยุคเก่าๆ ที่เราจะได้เห็นผู้คนมากมายมาเดินเล่น จากผลงานภาพถ่ายของ Michael Galinsky ช่วงบรรยากาศปลายยุค 80 เผยถึงบรรยากาศภายในห้างหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา สะท้อนถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมในยุคเก่าได้เป็นอย่างดี ลิฟต์ใสมีกระจก แฟชั่นการแต่งตัวที่คุ้นตา ยีนส์จะนิยมเป็นพิเศษ ทรงผมแบบกระเซิงๆ และแก้วโค้กใบโต . ชุดสูทสำหรับพนักงานขาย การแต่งตัวหลากหลายแนว . . สูบบุหรี่ในอาคารได้ไม่มีใครว่า . . . . พาลูกมาเที่ยวห้าง ระวังงอแงจะเอาของเล่น . ยีนส์ เสื้อลายตาราง ทรงผมกระเซิง…
-
Chloe Bennet รีเทิร์นมาคบกับ Logan Paul ชาวเน็ตเดือด วิจารณ์หนัก!!
Logan Paul ครั้งหนึ่งเคยถือว่าเป็นเป็น Youtuber ชื่อดังที่สร้างสรรค์คลิปวิดีโอน่าสนใจออกมาให้เราได้ชมกันอยู่เสมอๆ แต่แล้วเพียงเหตุการณ์ครั้งหนึ่งก็ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล นั่นคือการที่เขาตัดสินใจที่จะไปทำวิดีโอล้อเลียนและพูดจาตลกกับคนฆ่าตัวตายในป่าอาโอกิกาฮาระ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสถานที่ชื่อดังสำหรับคนที่อยากจบชีวิตตัวเอง ด้วยการกระทำครั้งนั้นทำให้เขาถูกหลายๆ สังคมวิจารณ์อย่างหนักหน่วงจนแทบจะไม่มีที่ยืนให้กับเขาอีกต่อไป และเหุตการณ์นั้นก็ทำ Chloe Bennett ดาราสาวสวยผู้สร้างชื่อเสียงจากบท Daisy ในซีรีส์ของ Marvel อย่าง Agent of S.H.I.E.L.D ที่กำลังมีข่าวว่าคบกับ Logan ต้องหยุดความสัมพันธ์กันไป แต่มาในวันนี้ ล่าสุดมีคนพบเห็นพวกเขาทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันในระหว่างช่วงวันหยุดเดือนมิถุนายน 2018 ที่ผ่านมาในเมือง Chicago บ้านเกิดของ Chloe วิดีโอที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เมื่อหลายๆ คนได้เห็นเรื่องราวนี้แล้ว ทางฝ่ายของแฟนคลับ Logan Paul ก็คงยินดีปรีดา ได้กลับมาเห็นโมเมนต์หวานๆ น่ารักๆ แบบนี้อีกครั้งหนึ่ง แต่สำหรับแฟนคลับของ Chloe Bennet หรือคนอื่นๆ กลับไม่ใช่อย่างนั้น เพราะพวกเขารู้สึกไม่พอใจกับการตัดสินใจของ Chloe ที่กลับไปคบกับ Logan เป็นอย่างมากและโพสต์ทวิตเตอร์วิจารณ์กันอย่างหนัก…
-
เผยวินาที ‘ชายแปลกหน้า’ ลักพาตัว ‘เด็กหญิง’ วัย 3 ขวบในจีน สุดท้ายถูกจับ…
ชายคนหนึ่งถูกจับกุมตัว 18 ชั่วโมงหลังจากพบภาพเขาในกล้องวงจรปิด ซึ่งกำลังทำการลักพาตัวเด็กหญิงคนหนึ่งขึ้นรถบนถนนในเมืองกันเซา มณฑลเจียงซีทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ในวันที่ 6 กรกฎาคม 2018 ผู้ต้องสงสัยนามว่า Zhang ถูกพบเห็นในวิดีโอที่ถูกบันทึกมาว่ามีการหลอกล่อให้เด็กหญิงวัย 3 ขวบด้วยอาหารหรือขนมบางอย่าง ทำให้เด็กหญิงเดินเข้าไปหาเขาเพราะอยากได้อาหาร พ่อของเด็กสาวรีบโทรฯ แจ้งตำรวจทันทีที่รู้ว่าลูกสาวของตนหายตัวไป เด็กหญิงถูกหลอกล่อด้วยอาหาร ซึ่งเธอก็ยังมีท่าทางที่ไม่เต็มใจจะไปกับผู้ต้องสงสัย แต่เขากลับอุ้มเธอขึ้นรถของเขาไปเลย เมื่อ Zhang ได้ตัวเด็กสาวแล้ว เขาไม่รอช้า รีบขี่รถจักรยานยนต์ของเขาออกไป หลังจากตวรจสอบจากภาพในกล้องวงจรปิด ผ่านไป 18 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงได้แกะรอยตามเขาจนพบตัวเขาที่บ้านในช่วงเช้าของวันที่ 7 กรกฎาคม ส่วนเด็กหญิงถูกช่วยเอาไว้ได้อย่างปลอดภัยและไร้ร่องรอยถูกทำร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวของ Zhang เอาไว้เนื่องจากเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีค้ามนุษย์ แต่เจ้าตัวกลัวปฏิเสธข้อกล่าวหา อ้างว่าแค่ต้องการรับเด็กคนนี้ไปเลี้ยงดูเป็นลูกสาวก็เท่านั้นเอง ขณะนี้การสอบสวนยังคงดำเนินการต่อไป สำหรับพ่อแม่ เรื่องนี้คงเป็นอุทาหรณ์ว่าไม่ควรปล่อยลูกหลานที่ยังเด็กให้อยู่ตามลำพังและห่างไกลจากสายตา ที่มา: nextshark, dailymail และ NewsChina
-
ผู้ประกาศข่าวหญิงรวมตัวต่อต้าน เอือมที่ถูกล่วงละเมิด ระหว่างรายงานฟุตบอลโลก!!
ท่ามกลางความสนใจของผู้คนทั่วโลกที่มีต่อผลการแข่งขันฟุตบอลโลกในหลายๆ นัดที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นทีมชาติตัวเต็งหรือทีมม้ามืดฟอร์มดี ก็คงจะไม่มีใครสนใจบุคคลที่อยู่รายล้อมรอบสนามแข่งเท่าไรนัก แต่ใครจะสังเกตเห็นบ้างมั้ยว่า นักข่าวสายกีฬาที่มาทำการรายงานสดข้างสนามนั้น กลับถูกล่วงละเมิดแบบออกสื่อรายงานสดกันเลยทีเดียว บางรายไม่อาจขัดขืนได้ทันเนื่องจากกำลังทำงานอยู่… เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่แค่เพียงครั้งเดียว แต่มีหลายครั้งในระหว่างเกมการแข่งขันฟุตบอลโลก นักข่าวหญิงจะถูกแตะเนื้อต้องตัวและจูบโดยไม่ยินยอมออกหน้ากล้อง… #RUSIA2018 Comienza el Mundial y nuestra reportera @JULIETHCGT se encuentra demasiado cerca de los hinchas en el corazón de Moscú. [ko] pic.twitter.com/oMkHoUv6jy — DW Español (@dw_espanol) June 14, 2018 อย่างเช่น Julieth Gonzalez Theran ถูกใครก็ไม่รู้มาจับตัวและจูบ ขณะที่เธอกำลังรายงานสดภายในเมืองซารันสค์ ประเทศรัสเซีย …
-
ลูกค้าหัวปูดเถียงไม่ตกฟาก คืนของพร้อมขอคืนเงิน ฝั่งแคชเชียร์หน่าย ‘ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า’
ในงานการให้บริการทั้งหลายแหล่ วลี “ลูกค้าคือพระเจ้า” มักจะถูกหยิบยกมาใช้ครอบคลุมคุณภาพงานบริการ ราวกับว่าฝั่งผู้ให้บริการนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเองได้เลย ลูกค้าต้องการแบบไหนต้องได้แบบนั้น แม้จะไม่ถูกต้องตามเงื่อนไขก็ตาม ในประเทศสหรัฐอเมริกามักจะเกิดเรื่องแบบนี้อยู่บ่อยๆ เมื่อลูกค้าอยากจะได้บริการอะไรบางอย่าง แต่เมื่อทางพนักงานชั้นผู้น้อยให้ไม่ได้ เนื่องจากไม่มีอำนาจตัดสินใจหรือผิดเงื่อนไข ก็ยังดื้อดึงแถมขู่จะฟ้องอีกต่างหาก https://twitter.com/davidsosaa_/status/1016503116693417984 ทวิตเตอร์ David Sosa ได้เปิดเผยคลิปวิดีโอที่บันทึกภาพลูกค้าในอาการเดือดอย่างรุนแรง โต้เถียงกับพนักงานแคชเชียร์แบบไม่หยุดหย่อน แถมยังชี้นิ้วพร้อมบอกว่า “ถ้าเจอคลิปนี้ในยูทูบหรือเฟสบุ๊ก คุณเจอฟ้องแน่ๆ” โดยเบื้องหลังเรื่องราวนั้น เกิดขึ้นจากลูกค้ากลุ่มนี้จ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต และนำของที่ซื้อไปแล้วมาคืนพร้อมกับขอเงินคืนเป็นเงินสด แต่เนื่องจากคืนเป็นเงินสดไม่ได้ก็เลยออกอาการหัวร้อน ซึ่งนี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว และสุดท้ายลูกค้าก็ได้เงินคืน ตอนนี้ David Sosa กำลังจะลบคลิปนี้ออกจากโทรศัพท์ เขาจึงนำมาโพสต์บนอินเตอร์เน็ตให้ทุกคนได้ชม ถ้าจะหาคลิปในยูทูบต้องพิมพ์ว่าอะไร “ลูกค้าผู้สุภาพชน แสดงออกด้วยกิริยาอันมีเหตุผลและนอบน้อมต่อแผนกดูแลลูกค้า” รึเปล่า ด้วยคลิป 3 ลูกค้าตะโกนด่าแคชเชียร์ดังกล่าว ทำให้เหล่าบุคคลที่กำลังทำงานด้านนี้อยู่ต่างส่ายหัวกันถ้วนหน้า เพราะพวกเขาต่างเห็นพ้องกันว่า ต้องเจอกับลูกค้าประเภทนี้แทบทุกวัน บั่นทอนกำลังใจในการทำงาน โดยที่ไม่ยอมฟังเหตุผลกันบ้างเลย… คุณอยากรู้มั้ยว่ามันแย่ตรงไหน? พนักงานห้างทุกคนจะต้องเจอกับลูกค้าแบบนี้ทุกวัน มันบั่นทอนสุขภาพจิตนะ พวกเราอยากจะได้กฎหมายมาปกป้องสิทธิ์ของเราบ้าง …
-
ยกย่องหัวใจ “นักดับเพลิง” นั่งลุ้นจุดโทษบอลโลก แต่ไซเรนดังขึ้น รีบไปทำงานด่วนจี๋!!
เมื่อมหกรรมฟุตบอลโลกมาถึงไม่ว่าใครๆ ต่างก็อยากติดตามกันอย่างใกล้ชิดใช่ไหมล่ะ แล้วถ้ายิ่งเป็นทีมชาติตัวเองลงเตะด้วยแล้วมีหรือที่จะพลาดวินาทีสำคัญของเกมไปได้… แต่ว่ามีหน่วยดับเพลิงอยู่หน่วยหนึ่งที่เต็มใจจะสละวินาทีแห่งความสุขกับการส่งใจไปเชียร์ทีมชาติ แม้ว่าจะเป็นช่วงยิงลูกโทษตัดสินว่าจะได้เข้ารอบหรือไม่ก็ตาม!! นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับหน่วยดับเพลิงแห่งกรุงซาเกร็บ ประเทศโครเอเชีย เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมาพวกเขากำลังนั่งเชียร์ทีมชาติของพวกเขาลงปะทะฝีเท้ากับทีมชาติรัสเซีย ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2018 ภาพจากกล้องได้เผยให้เห็นว่าในวินาทีนั้นเป็นการเตะจุดโทษชี้ขาดว่าจะอยู่หรือจะไป ดังนั้นแล้วพนักงานดับเพลิงเหล่านี้จึงตั้งหน้าตั้งตาดูทีวีกันด้วยใจที่จดจ่อ การเตะลูกโทษดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงลูกตัดสินเมื่อทางกรรมการได้เรียก Ivan Rakitic มาเตะในลูกสุดท้ายที่ถ้าเขายิงเข้า ทีมชาติโครเอเชียจะเข้ารอบทันที ในวินาทีเดียวกันนั้นเองก็ปรากฏว่ามีเสียงไซเรนแจ้งเหตุฉุกเฉินดังขึ้น และทางเจ้าหน้าที่ทั้งหมดก็รีบลุกไปแต่งตัวจัดข้าวของรีบรุดไปที่เกิดเหตุอย่างไม่มีความลังเลหรือเสียดายแต่อย่างใด แม้ว่าจะต้องพลาดการชมจุดโทษนี้ก็ตาม วิดีโออันน่าประทับใจ วิดีโอดังกล่าวได้กลายเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็วบนโลกอินเทอร์เน็ต ถึงความใส่ใจในหน้าที่การช่วยเหลือผู้คนของพวกเขา แม้ว่าจะต้องสละการได้รับชมวินาทีชี้ขาดอย่างนี้ก็ตาม แต่ถึงอย่างไรแล้วพวกเขาก็ยังสามารถตามเชียร์ได้ต่อไป เพราะว่านอกจากจะเข้ารอบรองชนะเลิศแล้ว ในตอนนี้พวกเขาก็สามารถทะลุเข้าไปชิงชนะเลิศกับทีมชาติฝรั่งเศสได้เป็นที่เรียบร้อย จากการเอาชนะทีมชาติอังกฤษไป 2 – 1 ประตูจากเมื่อคืน (11 กรกฎาคม) ที่ผ่านมา… หน้าที่ต้องมาก่อนอยู่แล้ว… ที่มา: dailymail, time
-
สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ!! หนุ่มขับรถขนถั่วช่วยชีวิตผู้คนนับสิบจากเหตุไฟไหม้ ด้วยสติอันดีเยี่ยม
เป็นอันรู้กันดีว่าในชีวิตจริงของคนเรานั้น ไม่ได้มียอดมนุษย์ที่มีพละกำลังวิเศษเหมือนกับในภาพยนตร์ที่เราชอบดูกัน แต่ว่าบางทีคนเดินดินธรรมดาๆ นี่แหละ ก็สามารถกลายเป็นฮีโร่ในสถานการณ์ต่างๆ ได้เช่นเดียวกับ รวมถึงเรื่องของหนุ่มขับรถขนถั่วคนนี้ด้วย ที่แม้ว่าจะเป็นเพียงคนขับรถตัวเล็กๆ แต่เขาก็สามารถช่วยชีวิตผู้คนให้รอดพ้นอันตรายจากเหตุไฟไหม้ในร้านอาหารแห่งหนึ่งได้ เพราะความมีสติล้วนๆ ในวันธรรมดาๆ วันหนึ่ง ที่ผู้คนต่างใช้ชีวิตกันตามปกติ บางคนเดินถนน บางคนเดินชอปปิงกันอย่างสนุกสนานภายในเขต Changli มณฎลเหอเป่ย ประเทศจีน ก็ปรากฏว่าจู่ๆ ก็มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นในบริเวณนั้นเมื่อร้านอาหารชื่อว่า Jinmantang ได้เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เปลวไฟได้ลุกท่วมทั้งร้านแทบจะทุกพื้นที่ ผู้คนกว่า 20 ชีวิตยังติดอยู่บริเวณชั้นสามของร้านอาหารแห่งนี้และไม่สามารถที่จะหาทางออกไปจากสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นได้ พร้อมกันนี้ยังมีควันไฟที่เริ่มกัดกินวินาทีในชีวิตของผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้นให้มีเวลาน้อยลงทุกที… ความโชคร้ายยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะด้วยในวันดังกล่าวถนนที่ใช้เป็นเส้นทางมายังร้านอาหารแห่งนี้เป็นวันที่มีตลา่ดนัดพร้อมทั้งผู้คนขวักไขว่ ถนนบางเส้นจึงถูกปิดทำให้หน่วยดับเพลิงต้องดั้นด้นหาเส้นทางอื่นมาระงับเหตุที่เกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุด โดยมีชีวิตของผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้เป็นเดิมพัน สิ่งที่ชาวบ้านในละแวกนั้นทำได้เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ จึงทำได้แค่เพียงโยนเชือกให้ผู้ประสบอัคคีภัยปีนลงมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนแก่บางคนที่ไม่สามารถปีนเชือกออกมาได้เพราะสังขารที่โรยรา ในเวลานั้นจึงต้องมีการช่วยเหลือวิธีอื่นเข้ามาโดยเร็ว เพราะเปลวไฟได้ลุกลามอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงแต่อย่างใด ในเวลานั้นมีหลายคนที่อาจจะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดีเมื่อเจอกับความวุ่นวายเช่นนี้ สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็คงเป็นการรอคอยหน่วยฉุกเฉินให้เข้ามาควบคุมสถานการณ์น่าจะเป็นการดีที่สุด ทว่าหน่วยฉุกเฉินก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมาถึงเสียที… แต่ก็ด้วยความโชคดีที่หนุ่มวัย 39 ปีชื่อว่า Jiang ได้ขับรถขนถั่วของเขาผ่านเข้ามาในเส้นทางดังกล่าวพอดี และด้วยความมีสติของเขาทำให้รู้ในทันทีว่าต้องเข้าช่วยเหลือเหตุการณ์นี้อย่างไร… เขาขับรถไปเทียบกับบริเวณหน้าต่างของร้านอาหารดังกล่าว เพื่อให้ผู้เคราะห์ร้ายกระโดดลงมาใส่กองถั่วของเขาที่มีความอ่อนนุ่ม จนในที่สุดแล้วเขาได้ช่วยชีวิตคนกว่า 20 คนจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น …
-
โจรปล้นร้านขายของในจีน แต่ถูกแคชเชียร์หญิงใจกล้าขู่ตะเพิด แถมวิ่งไล่จนจับตัวได้!!
ณ ร้านขายของชำแห่งหนึ่งในนครหนานจิง ประเทศจีน ได้มีชายคนหนึ่งเข้ามาทำทีจะซื้อของแต่สุดท้ายกลับกลายเป็น การปล้น แต่หญิงที่เป็นพนักงานในร้านกลับตอบโต้อย่างกล้าหาญจนจับตัวโจรคนนี้ได้สำเร็จ คลิปวิดีโอหนึ่งจากกล้องวงจรปิดได้ถูกแชร์ต่อกันจำนวนมากในโลกออนไลน์ ภายในคลิปดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ามีชายคนหนึ่งเข้าปล้นร้านขายของชำด้วยอาวุธมีดในช่วงเวลาประมาณ 04.00 น. แต่กลับทำไม่สำเร็จ โจรปล้นร้านขายของชำในนครหนานจิง ประเทศจีน ที่เห็นภายในคลิปวิดีโอชายหนุ่มวัย 22 ปีนามว่า Liu นั้นเดินเข้ามาหน้าเคาน์เตอร์พร้อมสินค้าจำนวนหนึ่ง ก่อนที่จะคว้ามีดพกออกมาขู่พนักงานคิดเงินหญิงว่า “นี่คือการปล้น” พนักงานหญิงคนดังกล่าวทราบภายหลังว่าชื่อ Wang แทนที่เธอจะหลบและยอมทำตามโจรเพื่อความปลอดภัย เธอกลับยืนและต่อปากต่อคำอย่างหนักแน่น เธอขู่กับชายที่กำลังปล้นว่าจะแจ้งตำรวจ . “แกจะไม่ได้เงินไปสักแดง” เธอตะโกนใส่โจรขณะที่เธอเห็นว่าเพื่อนร่วมงานของเธอคนหนึ่งกำลังจะโทรฯ แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ “ลองปล้นดูสิถ้าแกกล้า” Wang เอ่ยปากท้าทายและข่มขู่โจร คำขู่ของ Wang ทำโจร Liu หยุดการปล้นและรีบคว้าสินค้าต่างๆ หนีออกจากร้านไป รวมๆ แล้วมีมูลค่าราว 50 บาทไทย จากนั้น Wang จึงรีบวิ่งตามออกไป ซึ่งโชคดีที่ผู้คนบริเวณนั้นได้ช่วยจับตัว Liu เอาไว้โดยทั้งคู่ตั้งใจจะจับตัวเขาเอาไว้รอให้ตำรวจมาดำเนินคดีต่อไป…
-
ประเทศญี่ปุ่นกับ “การทำงานกู้ภัยน้ำท่วม” อะไรทำให้พวกเขา ทำงานได้มีประสิทธิภาพ!?
ในระหว่างที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายหลักร้อยนั้น หากมองจากอีกมุมหนึ่งแล้ว เราจะสังเกตได้ว่ายังมีผู้คนอีกเป็นจำนวนมากที่สามารถอพยพออกมาจากพื้นที่ได้ทันเวลา ด้วยความช่วยเหลือจากทางการของญี่ปุ่น นั่นทำให้หลายๆ คนสงสัยถึงระบบการช่วยเหลือและป้องกันภัยของญี่ปุ่นขึ้นมา อะไรคือสาเหตุให้ประเทศนี้สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยไว้ได้มากขนาดนี้ในช่วงเวลาสั้นๆ ? เพราะฉะนั้นในวันนี้ #เหมียวศรัทธา จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับผู้อยู่เบื้องหลังการช่วยเหลือและป้องกันภัยของญี่ปุ่น ที่คอยช่วยเหลือในการอพยพผู้คน และค้นหาผู้สูญหายกัน กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น “Japan Meteorological Agency” (JMA) พวกเขาคือหน้าด่านที่สำคัญที่สุดของชาวญี่ปุ่นต่อภัยธรรมชาติเลยก็ว่าได้ เพราะการพยากรณ์อากาศที่แม่นยำ บวกกับการประกาศเตือนภัยล่วงหน้าของพวกเขานี่เอง ที่ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่สามารถอพยพออกมาจากพื้นที่อันตรายได้ก่อนที่ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นจริงๆ เสียอีก ไม่ว่าจะเหตุการณ์แผ่นดินไหว คลื่นสึนามิ หรือน้ำท่วมครั้งล่าสุด หากขาดพวกเขาไปแล้วล่ะก็ความเสียหายต่อชีวิตของผู้คน อาจจะมากกว่านี้หลายเท่าเลยก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามการประกาศเตือนภัยเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถช่วยชีวิตผู้คนทั้งหมดได้ เพราะในบางครั้งอาจจะมีผู้คนที่ไม่ได้รับสัญญาณอพยพ หรือได้รับแต่ไม่สามารถอพยพได้ทันท่วงที ในกรณีที่เป็นแบบนั้นทางญี่ปุ่นจะต้องใช้ระบบการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอันดับต่อไป ซึ่งก็คือหน่วยกู้ชีพนั่นเอง หน่วยกู้ชีพกว่า 54,000 นาย อีกหนึ่งสิ่งสำคัญของการเข้าช่วยเหลือและกู้ชีพผู้ประสบภัยนั้น อยู่ที่กำลังคนของหน่วยกู้ชีพนั่นเอง พวกเขาเป็นกองกำลังผสมระหว่างนักดับเพลิง ตำรวจ และกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (JSDF) ที่ได้รับคำสั่งอพยพผู้คนในพื้นที่ ดูแลผู้ประสบภัยในศูนย์พักพิง เรื่อยไปยันการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ตกค้าง กองกำลังผสมระหว่างนักดับเพลิง…
-
นายแพทย์ทหารลงมือ ‘ผ่าตัดไส้ติ่ง’ ด้วยตัวเอง เพราะทั้งทีมไม่มีใครสามารถทำได้เลย
คุณหมอ Leonid Rogozov แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปและเป็นอดีตนายแพทย์ทหารแห่งโซเวียต ผู้ที่ “ผ่าตัดไส้ติ่ง” ตัวเองหลังเกิดอาการอักเสบในช่องท้องอย่างรุนแรง ในปี 1961 ในระหว่างการออกปฏิบัติภารกิจสำรวจทวีปแอนตาร์กติก ด้วยสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่ประกอบกับความยากลำบากหลายประการ ทำให้เขาเกิดอาการอักเสบระหว่างทาง… Leonid Ivanovich Rogozov Rogozov รู้สึกเจ็บปวดบริเวณด้านล่างของช่องท้องอย่างหนักหน่วง เขาจึงตัดสินว่านั่นคืออาการ “ไส้ติ่งอักเสบ” ในยุคที่เทคโนโลยียังไม่อำนวยความสะดวกมีเพียงการผ่าตัดเท่านั้นที่จะช่วยเขาได้ โชคไม่ดีที่ทั้งคณะเดินทางมีหมออยู่เพียงคนเดียวซึ่งก็คือตัวของ Rogozov เองเท่านั้น หากเสียเขาไปทั้งคณะจะไม่สามารถเดินทางต่อหรือกระทั่งเดินทางกลับได้อย่างแน่นอน Rogozov จึงตัดสินใจคว้ามีดผ่าตัดเตรียมผ่าตัดช่องท้องของตัวเอง เขาเริ่มให้ยาชากับตัวเองในปริมาณที่น้อย เพราะเขาเองก็ต้องทำหน้าที่เป็นหมอผู้ทำการผ่าตัดด้วยเช่นกัน การควานในช่องท้องตนเองเพื่อค้นหาจุดที่เรียกว่า “ไส้ติ่ง” นั้นทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก แต่หลังจากเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง 45 นาที เขาก็ตัดไส้ติ่งออกมาได้สำเร็จ จากนั้นเขาให้ยาปฏิชีวนะกับตนเองและเย็บแผลปิดเป็นอันสิ้นสุดกระบวนการ เพื่อนๆ ของเขาได้เก็บภาพเอาไว้ เป็นภาพที่ถึงแม้ว่าดูน่ากลัว แต่กลับน่ายกย่องในความกล้าของคุณหมอ Rogozov ที่เลือกจะเสี่ยงผ่าตัดตัวเองเพื่อกลับมาเป็นหมอประจำทีมให้ได้ สิ่งที่น่าอัศจรรย์กว่านั้นก็คือ หมอ Rogozov…
-
ลุงยามโชคร้าย โดนโจรตีสลบแล้วปล้นเงิน ไม่พอยังโดนยัด ‘ถ้วยเหล็ก’ ใส่ทวารอีก!
หากคุณมีเงินอยู่จำนวนหนึ่งจากการที่เพิ่งขายทรัพย์สินไปได้ แต่ยังไม่ทันจะดีใจก็โดนปล้นเสียก่อน มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจนน้ำตาแทบจะร่วงเลยใช่ไหมล่ะ ที่โชคชะตาเล่นตลกกับเราได้ขนาดนั้น แต่ว่าถ้าหากได้รู้เรื่องของคุณลุงที่น่าสงสารคนนี้คุณอาจจะมองว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องจิ๊บๆ ไปเลย เพราะคุณลุงคนนี้นอกจากจะโดนปล้นแล้ว เขายังโดนตีจนสลบและไม่เพียงเท่านั้นเจ้าหัวขโมยยังได้ยัดถ้วยเหล็กใส่ทวารของเขาอีกด้วย!! โดยเรื่องราวอันโหดร้ายที่ว่านี้เกิดขึ้นกับคุณลุง Ramdin ยามรักษาความปลอดภัยชาวอินเดียวัย 62 ปี ที่เขาเล่าให้ฟังว่าในวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา เขาถูกโจรปล้นเงินจำนวน 720 ดอลลาร์ (ประมาณ 24,000 บาท) ไป ซึ่งเงินที่ว่านี้ได้มาจากความที่เขาขายรถมอเตอร์ไซค์ของเขา หลังจากเจ้าโจรได้เงินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในเวลาต่อมา Ramdin ที่โดนโจรทำร้ายร่างกายจนสลบไป ก็ตื่นขึ้นด้วยอาการเจ็บปวดบริเวณช่องท้องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน… ในทีแรกเขาก็นึกว่ามันอาจเป็นความเจ็บปวดจากการถูกทุบตี แต่เมื่อเวลาผ่านไปอาการก็ไม่ทุเลาลงสักที จนกระทั่ง 10 วันหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เขาก็ตัดสินใจไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ได้พบว่ามีถ้วยเหล็กขนาดใหญ่อยู่ในร่างกายของเขา!! ทางแพทย์ของโรงพยาบาล Rama Hospital เมืองคานปูร์ รัฐอุตตรประเทศ จึงจำเป็นที่จะต้องผ่าตัดเอาถ้วยเหล็กนี้ออกมาเป็นการด่วน และผลการผ่าตัดก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เมื่อทางแพทย์ได้นำถ้วยเหล็กนี้ออกมาได้สำเร็จ “ผู้ป่วยในเวลานั้นอาจถูกทำร้ายร่างกายจนสลบไปและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้างในเวลานั้น” “ในตอนแรกเรายังไม่รู้ถึงต้นตอของอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้น จึงได้อัลตร้าซาวด์ดูแล้วก็ต้องตะลึงเพราะว่ามีถ้วยเหล็กติดอยู่ในบริเวณช่องท้องของเขา และมันดูเหมือนจะเข้าไปได้จากการยัดผ่านทางทวารหนัก แต่ที่สำคัญก็คือมันไปอยู่ติดกับบริเวณลำไส้ทำให้เขาเกิดปวดท้องขึ้นมาอย่างฉับพลันนั่นเอง” Dinesh Kumar คุณหมอกล่าว ในตอนนี้คุณลุง…
-
เด็กสาวป่วยเป็นโรคสมองพิการ ช่วยเหลือน้องชายให้รอดจากการจมน้ำได้อย่างปาฏิหาริย์
ใครเล่าจะคิดว่าเด็กหญิงที่ป่วยเป็นโรคสมองพิการ ต้องตัวติดกับเก้าอี้รถเข็นอยู่ตลอดเวลา จะกลายเป็นฮีโร่ที่ช่วยชีวิตน้องชายของตัวเองจากการจมน้ำ!? Lexie Comeau-Drisdelle เด็กสาววัย 9 ขวบ เธอคือผู้โชคร้ายที่เกิดมาพร้อมกับ ‘โรคสมองพิการ’ เธอไม่สามารถเดินได้ หรือแม้แต่พูดได้ แต่เธอก็หาวิธีที่สามารถช่วยเหลือน้องชายให้รอดพ้นจากการจมน้ำในสระว่ายน้ำที่บ้านได้ ในวันหนึ่งของช่วงฤดูใบไม้ผลิ ขณะที่ทุกคนในครอบครัวกำลังวุ่นอยู่กับการจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้กับ Lexie Leeland น้องชายคนเล็กก็วิ่งเล่นไปตามประสาเด็กวัยกำลังซน โดยมีคุณย่าคอยดูอยู่ห่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายใดๆ แต่แล้วเมื่อคุณย่าเผลอเจ้าหนู Leeland ก็เดินตรงเข้าไปที่ประตูหลังบ้านซึ่งมีสระว่ายน้ำอยู่ และเขาเองก็ไม่เคยฝึกว่ายน้ำมาก่อนด้วย Lexie เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ แม้ว่าเธอจะเดินไม่ได้ หรือไม่สามารถพูดได้ เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้เธอได้ตัดสินใจที่จะช่วยชีวิตน้องชายของตัวเองด้วยการ ‘กรีดร้อง’ ออกมา จากเสียงร้องของเธอทำให้ทุกคนที่อยู่ในบ้านหยุดการกระทำที่กำลังทำอยู่ และรีบวิ่งมาหา Lexie ทันที ก่อนที่เธอจะพยายามใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดชี้ไปที่ประตูหลังบ้าน “แม่ของฉันเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันก็เลยรีบวิ่งออกไปดูที่หน้าต่างพบว่า Leeland เดินไปอยู่ที่ขอบสระแล้ว ตอนนั้นฉันรู้สึกกลัวมากเลยวิ่งเข้าไปเอาตัวเขาออกมา” Kelly Jackson คุณแม่ของ Lexie เล่า “ในตอนนั้นฉันกลัวมาก เราคิดว่ามันคงจะจบลงไม่สวยแบบนี้ หากไม่ได้การช่วยเหลือของ…
-
โถ พ่อหนุ่ม…ไปเที่ยวผับเปลือย แต่ลืมปิด ‘โลเคชันสแนปแชท’ โดนเมียตามถึงที่เลยคร๊าบ!!
ในยุคที่โลกของเราพัฒนา ไปถึงขั้นที่มีระบบสัญญาณไวไฟใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา ก็ทำให้คนเราต้องพัฒนาตามเทคโนโลยีเหล่านั้นไปด้วย เช่นเดียวกันกับสาวคนนี้ ที่แอบตามโลเคชันสแนปแชทของแฟนหนุ่ม จนจับได้คาหนังคาเขาว่าเขาแอบหนีไปเที่ยวที่ ‘บาร์เปลือย’!? เรื่องมีอยู่ว่านาย Rhys Whitehouse หนุ่มวัย 23 ปีกำลังเดินกลับบ้านหลังจากที่ไปเที่ยวผับกับเพื่อนๆ มา จู่ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยความเกรี้ยวกราดด่าใส่ชายหนุ่มรายหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กันกับเขาพอดี Rhys เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปเหตุการณ์เอาไว้ เรื่องราวมีอยู่ว่า หญิงสาวคนนั้นได้ติดตามแฟนหนุ่มของตัวเองมา เพราะแฟนหนุ่มของเธอดันลืมปิดโลเคชันในแอปสแนปแชท และที่พีคก็คือพี่แกแอบหนีแฟนมาเที่ยวที่ผับเปลือยที่มีชื่อว่า Krystals ที่ตั้งอยู่ในเขต Lincoln ประเทศอังกฤษ แต่หลังจากที่แฟนหนุ่มกำลังจะเดินออกไปกดเงินเพื่อจะไปจ่ายค่าบริการให้กับสาวเปลือย กลับพบว่าแฟนสาวของตัวเองมายืนรออยู่ที่หน้าร้านซะงั้น!? พ่อหนุ่มพยายามจะเดินหนีจากแฟนสาว ที่กำลังยืนด่าทอเขาอยู่ด้วยความโมโห แถมยังยิ้มแบบเขินๆ เพราะโดนแฟนสาวจับได้แบบคาหนังคาเขา แต่ดูเหมือนว่าเรื่องมันไม่ได้จบแบบเล่นๆ นี่น่ะสิ… Rhys เล่าว่า “ผมกำลังเดินกลับบ้านและเห็นผู้หญิงคนนี้พูดขึ้นมาว่า ‘แฟนของฉันอยู่ในผับนี้ ฉันตามเขามาด้วยแอปสแนปแชท’” “ผมถ่ายคลิปเหตุการณ์เอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ทั้งหมด เพราะทุกอย่างมันรวดเร็วมาก ทุกคนพยายามจะห้ามเธอก่อนที่ชายคนนั้นจะถูกขว้างปาด้วยสิ่งของต่างๆ และตบหน้า” ลองไปชมคลิปเหตุการณ์บางส่วนที่…
-
ฮอลลีวูดเตรียมสร้างหนัง แต่ช่อง Discovery พร้อมฉายสารคดี “13 ชีวิตในถ้ำหลวง” 13 กค. นี้
เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นทั้งทีมผู้ช่วยเหลือทั้งไทยและต่างชาติ ความเป็นห่วงเป็นใยของทีมหมูป่าที่ติดอยู่ภายในถ้ำ และเรื่องราวแห่งน้ำใจที่เกิดขึ้นบริเวณรอบถ้ำหลวง สิ่งเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกไปสู่สายตาชาวโลก ล่าสุดเมื่อวาน (10 กค. 61) เราได้รายงานเกี่ยวกับค่ายหนังฮอลลีวูดจะสร้างหนังเกี่ยวกับถ้ำหลวง โดยจะเริ่มถ่ายทำในช่วงปลายปี 2019 (ข่าวเก่า) แต่มีสื่อที่ไวกว่านั้นก็คือช่องรายการ Discovery Channel ที่เปรยออกมาว่าพร้อมฉายสารคดี 13 ชีวิตในถ้ำหลวง ในวันที่ 13 กรกรฎาคมที่จะถึงนี้!! เว็บไซต์ Entertainment Weekly รายงานว่า Discovery Channel ร่วมกับ ITN Productions พร้อมที่จะฉายสารคดีการปฏิบัติภารกิจกู้ชีพในครั้งนี้ ด้วยชื่อตอนว่า Operation Thai Cave Rescue เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวที่กลายมาเป็นจุดสนใจของทั้งโลกได้มากถึง 2 สัปดาห์ รวมไปถึงการเปิดเผยเรื่องราวของผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ณ เวลานั้น รวมทั้งครอบครัวของผู้ประสบภัยทั้ง 13 ชีวิตด้วย สารคดีชุดนี้จะเน้นไปที่แง่วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรมที่นำมาใช้ในการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ พร้อมทั้งบทสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และสุขภาพจิต แพทย์ผู้ประเมินสุขภาพของเด็กๆ และเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยเหลือในระหว่างการปฏิบัติการในวันที่…
-
สาวๆ โปรดระวัง!! เทรนเนอร์เกิด “เป้าตุง” ขณะช่วยสาวคนหนึ่งยกบาร์เบลจากด้านหลัง!
เรื่องนี้อาจเป็นอุทาหรณ์สำหรับสาวๆ ที่ชื่นชอบการเข้าไป ออกกำลังกายในยิม ได้เป็นอย่างดี… คลิปวิดีโอหนึ่งถูกถ่ายมาจากยิมออกกำลังกายไม่ทราบสถานที่แน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะเป็นประเทศใดประเทศหนึ่งในเอเชีย ในวิดีโอแสดงให้เห็นว่า สาวมัดผมคนหนึ่งกำลังออกกำลังกายอยู่กับบาร์ยกน้ำหนัก พร้อมด้วยผู้ที่คาดว่าน่าจะเป็น เทรนเนอร์ ประกบคอยช่วยเหลืออยู่ด้านหลัง ในวิดีโอ ท่ายกน้ำหนักของสาวคนนี้คือท่า สคว็อต ซึ่งเธอจำเป็นต้องย่อตัวลงและยืดตัวขึ้นซ้ำๆ แต่ขณะที่เธอกำลังย่อและยืดตัวอยู่นั้น ภายในคลิปกลับแสดงให้เห็นบางสิ่งที่สะดุดตาผู้ชมขึ้นมาเสียอย่างนั้น ต่อให้ไม่ได้ตั้งใจมองก็คงจะเห็นได้ไม่ยากว่า เป้ากางเกง ของเทรนเนอร์นั้นนูนแหลมขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งทำให้ชาวเน็ตที่ผ่านมาเห็นคลิปวิดีโอนี้ถึงกับวิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ขณะที่เป้ากางเกงของเทรนเนอร์นั้นลุกชูชันขึ้นมาราวกับมีชีวิต หญิงสาวก็ยังคงทำท่าสคว็ตต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ร่างกายของทั้งสองนั้นสัมผัสกันหลายครั้ง ไม่แน่ใจว่าผู้หญิงในคลิปดังกล่าวรู้ตัวหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม ภาพที่ออกมานั้นถือว่าเป็นภาพที่ไม่น่าจรรโลงใจเท่าใดนัก เชิญดูคลิปกันได้เลย… หลังจากคลิปนี้แพร่งพรายออกไปสู่โลกออนไลน์ ชาวเน็ตต่างเข้ามาให้ความเห็นกันมากมาย เช่น… “ผมคิดว่าเธอเองก็สนุกกับมันนะ” “เธอไม่รู้ตัวเหรอ ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนเลย” “เธอโยกตัวเข้าหามันเสียด้วยนะนั่น” “ดูดีๆ มันเป็นแค่รอยยับของกางเกงเท่านั้นเอง” และ “เจอแบบนี้ เป้าไม่ตุงสิแปลก” อย่างไรก็ตาม หากใครไม่ต้องการพบเจอกับสถานการณ์แบบนี้ยามเข้าไปออกกำลังกายกับเทรนเนอร์ในยิมล่ะก็ ให้ระวังตัวเองเอาไว้เสมอ ไม่อย่างนั้นอาจเจอเหตุการณ์แบบนี้ได้ ที่มา: ck101…
-
ญี่ปุ่นน้ำท่วมหนักผู้คนอพยพหนี กลับมาดูอีกทีพบม้าแคระตัวน้อยยังรอด ยืนบนหลังคาบ้าน…
สถานการณ์ในฝั่งประเทศญี่ปุ่นนั้นก็ยังคงน่าเป็นห่วง จากสภาพน้ำท่วมและฝนตกหนักจนก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง ซึ่งนอกเหนือจากบ้านเรือนได้รับความเสียหายแล้ว สัตว์เลี้ยงต่างก็สูญหายไปด้วยเช่นกัน เรื่องราวของเจ้า Leaf ม้าแคระสำหรับช่วยบำบัด ได้สูญหายไปในช่วงที่น้ำท่วมทะลักเข้าสู่ฟาร์มพร้อมกับสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่อยู่ภายในนั้น โดยที่ไม่มีเวลาในการขนย้ายพวกมันได้ทัน โดยภายหลังจากที่น้ำท่วมในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลยังไม่ทราบชะตากรรมของเหล่าสัตว์ในฟาร์ม พวกเขาได้จัดตั้งทีมเพื่อออกตามหามัน แต่ก็ยังไม่มีวี่แววใดๆ เป็นเบาะแสเลย จนกลัวว่ามันอาจจะจมหายไปกับสายน้ำแล้ว ภายหลังระดับน้ำเริ่มลดลง พวกเขาก็ยังไม่ทิ้งความหวังสุดท้าย ออกตามหาเจ้าม้าแคระอายุ 9 ขวบตัวนี้อีกครั้ง จนในที่สุดก็พบว่ามันยังมีชีวิตอยู่ แต่ไปโผล่บนหลังคาบ้าน!? คุณ Mari Tanimoto วัย 49 ปี เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลกล่าวว่า เธอรู้สึกช็อคและตกใจหลังจากที่ได้รับสายรายงานว่าเจ้า Leaf นั้นปลอดภัยดี ร่างกายเต็มไปด้วยโคลน มีอาการบาดเจ็บที่ขาหนึ่งข้าง แต่โดยรวมแล้วไม่ได้รับอันตรายใดๆ ชาวบ้านที่เห็นต่างสงสัยว่ามันไปอยู่บนนั้นได้อย่างไร เพราะระดับน้ำที่ท่วมนั้นไม่น่าจะถึงหลังคาที่มันไปยืนอยู่ตรงนั้นได้… ถึงอย่างไรก็ตาม ข้อสงสัยนั้นเอาเก็บไว้ก่อน จะต้องพาเจ้า Leaf ลงมาจากหลังคาก็ไม่ใช้เรื่องง่าย เพราะจะต้องค่อยๆ เอาแครอทมาล่อให้มันกินเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดอาการตื่นตกใจ และค่อยๆ ต้อนออกมาจากทางหน้าต่างลงมาสู่ชั้นล่าง …
-
ชายคนหนึ่งทำการ “ไล่ผี” บนรถไฟ ขณะที่หญิงอีกคนตะโกนว่า “ปีศาจ” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า…
เรื่องราวในวันนี้อาจทำให้หลายท่านเกิดความกลัว เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการไล่ผีที่เขาสิงคน “บนรถไฟ” ขบวนหนึ่งนั่นเอง คลิปวิดีโอหนึ่งที่กำลังเป็นกระแสโด่งดังบนโลกออนไลน์ในขณะนี้ เผยให้เห็นชายและหญิงคู่หนึ่งกำลังมีปากเสียงกันบนขบวนรถไฟในประเทศเม็กซิโกที่มีผู้โดยสารอยู่มากมาย ชายที่แต่งกายด้วยชุดสูทได้ทำพิธีการ ไล่ผี ขึ้นมาบนรถไฟขบวนดังกล่าว ขณะที่หญิงวัยกลางคนอีกรายก็ตะโกนออกมาว่า “ปีศาจ” ต่อหน้าผู้โดยสารที่กำลังงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คลิปวิดีโอเหตุการณ์ “ไล่ผี” บนรถไฟ คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกถ่ายมาจากขบวนรถไฟใต้ดินในเม็กซิโกซิตี้ แสดงให้เห็นว่าชายชุดสูทอ้างตัวเป็นร่างทรงของ พระเยซู กำลังทำพิธีการปลดปล่อยวิญญาณร้ายที่เขาเชื่อว่า “สิง” อยู่ในร่างของหญิงด้านหน้าของเขา ชายในชุดสูทพูดว่า “ในนามของพระผู้เป็นเจ้า จงออกไปเสีย!” และ “จงออกไป นี่คือคำสั่งจากพระเจ้า ออกไปได้แล้ว” ส่วนหญิงวัยกลางคนตรงหน้า ดูเหมือนเชื่อว่าตนถูกสิงจริงๆ กล่าวออกมาว่า “ใช่ ออกไปเดี๋ยวนี้ ออกไป” จากนั้นจึงพูดต่อว่า “เลือดของพระเยซูมีอำนาจปลดปล่อยฉันออกไปจากบาปทั้งปวง” หลังจากนั้นไม่นานหญิงวัยกลางคนก็กวัดแกว่งร่มคันโตที่เธอถือ ฟาดเข้าไปที่ชายในชุดสูทขณะที่เขากำลังทำพิธีไล่ผีออกจากตัวเธอ แต่ชายในชุดสูทก็ยังไม่หยุด เขาพูดกับหญิงที่กำลังสับสนต่อหน้าของเขาว่า “เราให้อภัยเจ้า” . จากนั้นหญิงที่ถูกกล่าวว่าถูกวิญญาณเข้าสิงก็ตะโกนออกมาซ้ำๆ ว่า “ปีศาจ” เธอพูดซ้ำอยู่หลายครั้ง จนผู้โดยสารบางคนเริ่มกลัว เก็บข้าวเก็บของและย้ายหนี…
-
ช่างภาพรับถ่ายงานแต่ง เห็นหน้าเจ้าสาวอายุแค่ 15 ทำใจถ่ายไม่ได้ ถึงขั้นเจ้าบ่าวจมูกหัก!!
ช่วงเวลาแห่งความปีติยินดีที่สุดของคนเรา อาจจะหมายถึงการได้สมรสผ่านพิธีแต่งอย่างถูกต้อง ได้สวมใส่ชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวอันเป็นวันที่สวยงามที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ ด้วยประการนี้จะขาดช่างภาพผู้เก็บความทรงจำดีๆ ไปไม่ได้ เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามที่สุด ก็จะต้องควักค่าใช้จ่ายเพื่อจ้างช่างภาพผู้มีฝีมือมาช่วยด้านนี้ แต่เรื่องกลับไปในทิศทางที่แย่สำหรับนาย Onur Albayrak ช่างภาพชาวตุรกี ผู้ถูกจ้างวานไปถ่ายภาพงานแต่งในวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ในบริเวณสวนสาธารณะ Turgut Özal Nature Park ในเมืองมาลัตยา ทางทิศตะวันออกของตุรกี ในวันนั้น เขาได้พบกับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวพร้อมกันเป็นครั้งแรก เขากลับสังเกตเห็นว่าที่เจ้าสาวนั้นยังเยาว์วัยมาก จึงทำการถามเจ้าบ่าวถึงอายุของเธอจนทราบว่า เธอมีอายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น “เจ้าบ่าวได้เข้ามาติดต่อผมในสตูดิโอ โดยที่เขามาคนเดียวเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ผมเห็นเจ้าสาวครั้งแรกก็ตอนงานแต่งเลย เธอยังเป็นเด็ก และผมสัมผัสได้ถึงความกลัวของเธอ เพราะมีอาการสั่นตลอดเวลา” หลังจากที่รู้ความจริงแล้วนาย Albayrak ปฏิเสธที่จะรับงานนี้ต่อ พร้อมทั้งพยายามที่จะหยุดพิธีการแต่งทั้งหมด เนื่องจากมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง “ผมถ่ายภาพเจ้าสาวแบบนี้ไม่ได้” เขาตอบกลับลูกค้ารายดังกล่าว ตามคำรายงานของสื่อท้องถิ่นที่นาย Albayrak ให้สัมภาษณ์ และเจ้าบ่าวก็รู้สึกโกรธมากๆ เพราะตกลงทำสัญญาว่าจ้างกันไปแล้ว…
-
โรงเรียนชนบทให้รางวัลเด็กเรียนดีด้วย ‘เนื้อหมู’ ให้นำไปฉลองกับครอบครัวด้วยความสุข!!
ด้วยความที่วัยเด็กเป็นวัยที่ค่อนข้างซุกซนและอยากรู้อยากเห็นสิ่งต่างๆ จึงทำให้พวกเขามักจะชอบเที่ยวเล่นมากกว่าการตั้งใจเรียน แต่สำหรับเด็กที่เรียนดีนั้นก็ต้องมีการมอบรางวัลให้สักหน่อย เพื่อเป็นการชมเชยสำหรับความมานะบากบั่น ยอมฝืนธรรมชาติแล้วตั้งอกตั้งใจแสวงหาความรู้เพื่อตัวของพวกเขาเองในวันข้างหน้า ในเรื่องของรางวัลบางคนอาจจะได้รับใบประกาศนียบัตรจากโรงเรียน โทรศัพท์เครื่องใหม่ รถคันใหม่หรืออื่นๆ จากพ่อแม่ แต่ว่าสิ่งที่นักเรียนเรียนดีของโรงเรียนชนบทแห่งหนึ่งได้รับก็คือ ‘เนื้อหมู’ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไปฉลองกับครอบครัวอย่างมีความสุข!! โดยนี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับนักเรียนโรงเรียนชนบทแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน Dudong เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ประเทศจีน ที่ได้รับรางวัลจากทางโรงเรียนเมื่อวันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วยผลการเรียนอันโดดเด่นของนักเรียนจำนวน 50 คนของทางโรงเรียน ทำให้พวกเขาได้รับรางวัลเป็นเนื้อหมูคนละ 1.5 กิโลกรัม ซึ่งในส่วนนี้ผู้อำนวยการของโรงเรียนนามสกุล Zhang ก็ได้บอกว่ารางวัลนี้เกิดขึ้นได้จากคนใจดีคนหนึ่งจากปักกิ่งที่ได้บริจาคเงินให้กับโรงเรียนเกือบๆ 3,000 หยวน (ประมาณ 15,000 บาท) เมื่อมีเงินบริจาคดังกล่าวเข้ามาผู้อำนวยการ Zhang จึงตัดสินใจแบ่งเงินเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมดเพื่อนำมาซื้อเนื้อหมูเป็นรางวัลให้กับเด็กๆ ที่ตั้งใจเรียน และเพื่อช่วยเหลือครอบครัวของพวกเขาให้ได้ยินดีมีความสุขไปกับความสำเร็จของเด็กๆ ในครั้งนี้ด้วย และเหตุผลที่ทำเช่นนี้ Zhang ก็บอกว่าในอดีตทางโรงเรียนเคยให้เงินสดกับเด็กๆ เพื่อเป็นรางวัล แต่พวกเขากลับนำเงินไปใช้โดยที่ทางพ่อแม่ไม่รู้เรื่อง เขาจึงคิดว่าการทำอย่างนี้น่าจะเป็นการดีที่สุดแล้ว ส่วนผลตอบรับที่ได้นักเรียนคนหนึ่งก็บอกว่า ในตอนแรกทางพ่อแม่เขาก็ค่อนข้างจะงงๆ กับรางวัลที่ได้รับมา แต่ถึงอย่างไรในที่สุดแล้วพวกเขาก็มีความสุขกับสิ่งที่ได้รับ เพราะนอกจากจะได้กินกันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างมีความสุขแล้ว พวกเขายังสามารถเอาไปแบ่งปันพร้อมกับอวดเพื่อนบ้านได้อีกด้วย… …
-
สื่อออนไลน์จีนแชร์คลิปลิงต่อยหน้าเด็กน้อย หลังพยายามยื่นอาหารให้มันกับมือ
บางครั้งเหล่าสัตว์โลกอาจไม่ได้น่ารัก และยังแสดงท่าทางเกรี้ยวกราดใส่คุณได้ แม้คุณจะเป็นเด็กตัวน้อยน่ารักก็ตาม… เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม เว็บไซต์ Unilad ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอของลิงตัวหนึ่งในสวนสัตว์ประเทศจีน ขณะมีเด็กหญิงและผู้ใหญ่สองคนกำลังป้อนอาหารให้กับมัน แต่จู่ๆ มันก็เกิดอาการหัวเสียและต่อยเข้าที่ใบหน้าของเด็กหญิงจนล้มลงไป สร้างความตกใจให้กับทั้งคู่และชาวเน็ตเป็นอย่างมาก ตามรายงานบอกว่าคลิปดังกล่าวถูกแชร์กันอย่างแพร่หลายในสื่อสังคมออนไลน์ในประเทศจีน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อหญิงสาวและเด็กน้อยลงไปให้อาหารกับลิงด้วยตัวเอง โดยการวางเม็ดอาหารไว้บนฝ่ามือแล้วยื่นให้มันหยิบกิน แต่หลังจากนั้นเธอก็นำอาหารมาวางใส่ในมือของเด็กเพื่อให้หนูน้อยได้ลองให้อาหารกับมันบ้าง แต่นั่นทำให้ลิงเกิดอาการหัวเสียเพราะคิดว่าหนูน้อยแย่งอาหารไปจากมัน เจ้าลิงใช้มือซ้ายยืนมาต่อยเข้าที่หน้าของหนูน้อยจนเธอล้มลงไปข้างหลัง ทำให้เธอร้องไห้ด้วยความตกใจ หลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ออกไปก็ได้สร้างความสนใจให้กับเหล่าชาวเน็ตและผู้ปกครองทั้งหลายได้ตระหนักรู้ว่าการเข้าใกล้สัตว์ป่าเป็นเรื่องที่อันตรายแค่ไหน “มันไม่ได้น่าตกใจเลย มันเป็นธรรมชาติและพวกมันคือสัตว์ป่า อย่าไปยุ่งกับพวกมัน หวังว่าหนูน้อยจะโอเคนะ” “นั่นน่าจะเป็นบทเรียนให้หนูน้อยได้ดี อย่าไปยุ่งกับสัตว์ป่า หวังว่าเจ้าลิงจะดีขึ้นหลังจากบอบช้ำทางจิตใจนะ” “สอนให้เด็กเคารพทุกวิถีทางและสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้น” “โชคดีที่มันไม่ได้ทำอะไรเลวร้ายยิ่งกว่านั้น” ชมคลิปวิดีโอเต็มๆ ได้ที่นี่เลย ที่มา unilad , sputniknews
-
สุดระทึก!! นางแบบถูกฉลามกัดและลากลงน้ำ หลังลงไปถ่ายรูปลอยตัวสวยๆ กับมัน
ดีจริงๆ ที่ปัจจุบันนี้เป็นยุคของอินเตอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย ทำให้เราสามารถเห็นสิ่งมหัศจรรย์หลายๆ อย่างที่ไม่คิดว่าจะได้เจอในชีวิตนี้ และเพื่อนๆ เคยมีความคิดหรือความฝันที่จะว่ายน้ำกับสัตว์ต่างๆ เช่นพะยูน โลมาหรือกระทั่งปลาฉลามกันบ้างหรือไม่ ถ้าหากว่ามีความคิดแบบนั้นต้องมาชมเรื่องที่เราจะนำมาเล่าในวันนี้ก่อนเสียแล้ว เพราะในวันนี้เป็นเรื่องของ Katarina Zarutskie สาวสวยหุ่นดีวัย 19 ปี ซึ่งเธอเข้าวงการนางแบบมาตั้งแต่อายุ 14 ปี โดยปกติเธอจะแชร์ไลฟ์สไตล์และประสบการณ์การท่องเที่ยวไปที่ต่างๆ ลงในอินสตาแกรมของเธออยู่เป็นประจำ แต่คราวนี้เธอได้แชร์ประสบการณ์ที่น่าตะลึงและชวนสยองเมื่อทริปในฝันว่ายน้ำกับฉลามพยาบาลสุดแฮปปี้ของเธอ เกือบต้องกลายเป็นจุดจบของเธอเสียแล้ว เมื่อถูกฉลามตัวหนึ่งกัดเข้าไปที่แขนอย่างจังและลากเธอลงน้ำไปแต่เคราะห์ดีที่เธอมีสติรีบนำแขนขึ้นเหนือน้ำ ทำให้เลือดไม่กระจายไปเต็มทะเล เมื่อเดือนที่ผ่านมา Katarina ได้ใช้เวลาส่วนตัวของเธอไปพักผ่อนกับแฟนและครอบครัวของเขาที่ประเทศบาฮามาส และก็ได้ถ่ายรูปสวยๆ มาเยอะแยะมากมาย ในระหว่างทริป Katarina กำลังเดินกลับจากรับประทานอาหารกลางวัน เธอก็สังเกตเห็นฝูงของ “ฉลามพยาบาล” ที่กำลังแหวกว่ายอยู่ด้วยกันอย่างสวยงาม เธอกล่าวว่า “ฉลามพยาบาลเป็นสิ่งมีชีวิตที่สงบเสงี่ยม” บวกกับเธอเคยเห็นภาพบนอินสตาแกรมของหลายๆ คนที่ว่ายน้ำร่วมกับสัตว์ชนิดนี้อยู่หลายครั้ง และรวมถึงการว่ายน้ำกับฉลามก็เป็นกิจกรรมปกติในประเทศบาฮามาส แถมในเว็บไซต์ท่องเที่ยวยังโปรโมตอย่างดีว่าครั้งหนึ่งของชีวิตต้องลองว่ายน้ำกับฉลาม Katarina จึงไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยหายไป เธอลงไปว่ายน้ำกับฉลามพยาบาลในทันใด ถึงแม้ว่าครอบครัวของแฟนหนุ่มของเธอจะระแวงอยู่เล็กน้อยก็เถอะ ในตอนแรกที่เธอลงน้ำไปอยู่กับฝูงฉลาม เหตุการณ์ดูปกติสุขดี แต่ทันทีที่เธอผ่อนคลายและปล่อยตัวตามสบาย จู่ๆ ก็ได้มีเจ้าฉลามตัวหนึ่งพุ่งเข้ามากัดที่แขนของเธอและลากเธอลงน้ำไป เธอกล่าวว่า “ฉันเริ่มเอนตัวลงและทันใดนั้นฉลามก็เข้ามา มันกัดและลากฉันลงไปใต้น้ำ” แต่แทนที่เธอจะกรีดร้องโวยวาย Katarina กลับยังสงบและใจเย็นอยู่…
-
หนุ่มซื้อ McDonald’s มาเก็บไว้ 6 ปีเพื่อพิสูจน์วิทยาศาสตร์ สุดท้ายเอาไปขายบนเว็บเกือบเฮลั่น!!
หากว่าเราคิดจะขายของบนโลกออนไลน์สักอย่าง เราก็คงจะหาของใกล้ตัวอย่าง เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ใช่ไหม แต่ว่ามีหนุ่มอยู่คนหนึ่งที่มองใกล้ตัวยิ่งกว่านั้นเพราะสิ่งที่เขานำเสนอขายให้กับชาวเน็ตก็คือ ‘ของกิน’ จะว่าไปก็ดูเป็นเรื่องปกติที่เดี๋ยวนี้ใครๆ เขาก็ขายกัน ทว่านี่อาจเป็นสิ่งที่คุณไม่อาจเจอมาก่อนในโลกของอินเทอร์เน็ต เพราะว่ามีชายอยู่คนหนึ่งที่ลงขายเบอร์เกอร์ที่มีกว่าอายุ 6 ปีของเขาผ่านทางเว็บไซต์ และที่แปลกไปกว่านั้นคือมีคนซื้อจริงๆ ด้วย!! ชายสุดแปลกคนที่ว่านี้มีชื่อว่า Dave Alexander ซึ่งจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้คือ เขาได้ไปซื้อเบอร์เกอร์กับเฟรนช์ฟรายส์แสนอร่อยมาจากร้าน McDonald’s ในวันที่ 7 มิถุนายน 2012 เพื่อจะทำการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ในหัวข้อที่ว่า ‘จริงหรือไม่ที่ว่ากันว่าอาหารฟาสต์ฟู้ดสามารถอยู่เป็นเวลาหลายปีโดยไม่ย่อยสลาย’ หลังจากเก็บมาเป็นเวลา 6 ปีเต็มๆ ในที่สุดเขาก็ได้คำตอบสำหรับเรื่องนี้ว่ามันค่อนข้างจะจริงเลยทีเดียว เบอร์เกอร์ที่เขาซื้อมายังคงอยู่ในสภาพเดิมจะมีก็เพียงแค่แห้งกรอบนิดหน่อยเท่านั้นเช่นเดียวกับเฟรนช์ฟรายส์ด้วย แต่ถึงตรงนี้เขาก็เห็นว่าถ้าจะทิ้งไปเฉยๆ ก็คงจะไม่คุ้มค่ากับที่อุตส่าห์เก็บมาตั้งนาน Dave จึงตัดสินใจนำมันลงประมูลในเว็บไซต์ eBay ซะเลย โดยมีการตั้งราคาเริ่มต้นเอาไว้ที่ 29.99 ดอลลาร์ (ประมาณหนึ่งพันบาท) ในโพสต์นั้นเขาได้เขียนแคปชั่นเอาไว้ว่า “เจ้าของจริงๆ ยังไม่เคยกินมันเลย” ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปก็มีผู้เข้ามาประมูลอย่างมากมายและมื้ออาหารสุดเก่าแก่ของเขาก็มีราคาพุ่งถึง 82 ดอลลาร์ (ประมาณ 2,700 บาท) แต่ก็น่าเสียดายที่ในท้ายที่สุดแล้วทางเว็บไซต์ก็ได้นำสินค้าของเขาออกจากทางเว็บไป……
-
พรานหม่อง!! ตำรวจสอบตกเรื่องอาวุธปืน เลยโดนยึดแล้วให้ใช้ ‘หนังสติ๊ก’ กับก้อนหินแทน
เมื่อเรานึกถึงภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เราก็คงจะนึกภาพของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่อบอุ่นเข้มแข็ง พร้อมที่จะปกป้องประชาชนตาดำๆ อย่างเราด้วยอาวุธที่พวกเขามีใช่ไหมล่ะ และอาวุธส่วนใหญ่ที่เรารู้จักมักคุ้นกันดีว่าต้องคู่กับพวกเขาก็อาจจะเป็นอาวุธ ‘ปืน’ แต่ว่าบางทีมันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป เพราะว่ามีตำรวจหน่วยหนึ่งของประเทศเม็กซิโกที่อาวุธของพวกเขานั้นไม่ใช่ปืน แต่ทว่าเป็น ‘หนังสติ๊ก’ กับก้อนหินแทน!! นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งท้องที่เมือง Alvarado รัฐเบรากรุซ ประเทศเม็กซิโก ที่เมื่อเร็วๆ มานี้พวกเขาเพิ่งจะถูกปลดอาวุธปืนพร้อมกับได้รับหนังสติ๊กมาแทนที่.. ส่วนเหตุผลที่เป็นอย่างนี้ก็สืบเนื่องมาจากความที่มีเจ้าหน้าที่จำนวน 30 คน จากทั้งหมด 130 คนไม่ผ่านการทดสอบในเรื่องการควบคุมอาวุธปืน นั่นจึงทำให้นาย Miguel Ángel Yunes Linares ผู้ว่าการแห่งรัฐเบรากรุซตัดสินใจสั่งปลดอาวุธปืนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่นั้นทั้งหมด ในเรื่องนี้ทางสำนักการผู้ว่าได้ออกมายืนยันว่าไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกแต่อย่างใด เพราะว่ายังมีอีกหลายเขตเทศบาลในประเทศที่ตัดสินใจทำอย่างนี้เช่นกัน อย่างเช่นเขตเทศบาล Ixtaczoquitlan, Ciudad Mendoza รวมถึง Pueblo Viejo แต่อย่างไรก็ตามเมือมีเสียงสนับสนุนก็ต้องมีเสียงต่อต้าน เมื่อทางเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้ออกมาประณามนาย Yunes Linares ว่า การออกกฎระเบียบข้อบังคับเช่นนี้ทำให้พวกเขาต่อสู้กับเหล่าอาชญากรได้ยากยิ่งขึ้น และยิ่งในเขต Alvarado แล้ว เจ้าหน้าที่ได้รับอาวุธเพียงแค่หนังสติ๊กกับก้อนหินเพียงเท่านั้น และมีหรือที่ Bogar Ruiz Rosas นายกเทศมนตรีแห่งเทศบาล Alvarado จะยอมนิ่งเฉยอยู่ได้ เขาได้ออกมาประท้วงกับกฎระเบียบข้อนี้ พร้อมทั้งให้เหตุผลถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าด้วยว่า สาเหตุที่ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถผ่านการทดสอบเรื่องอาวุธปืนได้…
-
ร้านอาหารเกาหลีในซิดนีย์ ถูกปรับ 5 หมื่น หลังนำตัวสาวเมาไป “ทิ้ง” ข้างถนน!!
สำหรับร้านอาหารที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นใช่จะเป็นกิจการที่ดำเนินได้ง่ายดายเสมอไป บางครั้งทางร้านก็ต้องดูแลและรับผิดชอบพฤติกรรมของลูกค้าให้เหมาะสม มิฉะนั้นอาจมีความผิดตามกฎหมายที่คาดไม่ถึง อย่างเช่นเหตุการณ์นี้ที่ร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์เกาหลีแห่งหนึ่งในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ต้องถูกดำเนินโทษตามกฎหมายหลังจากหญิงสาว 2 รายเข้ามาใช้บริการในร้าน ก่อนจะดื่มจนเมา และถูกนำตัวออกไป “ทิ้งไว้ข้างถนน” หน่วยงานว่าด้วยเครื่องดื่มมึนเมาและเกม ได้กล่าวว่า “นี่เป็นการละเมิดกฎหมายเครื่องดื่มมึนเมาที่แย่ที่สุดที่รอบหลายปีเลยทีเดียว” เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017 หญิงสาว 3 คนได้เข้ามายังร้านปิ้งย่างเกาหลีชื่อว่า Gangnam Station Sydney ใน Sussex Street แล้วได้กระดกเหล้า “โซจู” ไป 16 ช็อตภายใน 40 นาที หลังจากผ่านไปได้ 8 ช็อตหญิงสาว 2 ใน 3 คนเริ่มไม่ได้สติ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านเองก็แสดงให้เห็นว่าหญิงสาวคนหนึ่งที่เมาจนไม่ได้สตินั้นฟุบลงกับพื้นก่อนชายคนหนึ่งจะเข้ามาช่วยพยุงขึ้น จากนั้นพนักงานในร้านจึงช่วยกันพยุงตัวหญิงสาวคนดังกล่าวออกมายังด้านนอกของร้าน หญิงสาวคนหนึ่งยังมีการอาเจียนออกมาขณะถูกพยุงตัวอีกด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ผ่านมาพบ เมื่อเห็นผู้คนยืนมุงดูหญิงสาวข้างถนน จึงช่วยเรียกรถพยาบาลมารับตัวหญิงสาวไปยังโรงพยาบาล และได้ทำการกล่าวโทษนาย Sunhwa Kim ว่าถือเป็นความผิดครั้งแรก นาย Sunhwa Kim ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตเปิดกิจการนั้น ในใบอนุญาตจะระบุว่าสามารถถูกกล่าวโทษและกระทำผิดระเบียบได้เพียง 3 ครั้งเท่านั้น…
-
แพทย์นักดำน้ำ Richard Harris สูญเสียคุณพ่อ หลังภารกิจถ้ำหลวงลุล่วงได้ไม่นานนัก…
รายงานจากเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้กล่าวถึง Richard Harris แพทย์นักดำน้ำชาวออสเตรเลีย ที่กำลังถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในทีมฮีโร่ ผู้เข้ามาสนับสนุนภารกิจพาตัวทีมหมูป่าทั้ง 13 ชีวิตออกจากถ้ำหลวง หลังจากเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ภารกิจกู้ชีพได้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ทุกชีวิตปลอดภัย แต่สำหรับ Richard Harris หลังจากที่ได้รับรู้ข่าวดี เขาก็ต้องรับรู้ถึงข่าวร้ายในเวลาไล่เลี่ยกัน Dr. Andrew Pearce จากหน่วยกู้ชีพ South Australia Ambulance Service ได้ทำการยืนยันถึงการเสียชีวิตของคุณพ่อของนายแพทย์ Richard Harris โดยไม่ระบุสาเหตุผ่านแถลงการณ์ด้วยใจความว่า… “มันเป็นสัปดาห์ที่โลดโผนวุ่นวายมากๆ เป็นความโศกเศร้าอย่างยิ่ง ที่ผมขอยืนยันว่าคุณพ่อของคุณ Harris เสียชีวิตเมื่อคืนที่ผ่านมา ภายหลังจากปฏิบัติการกู้ชีพในประเทศไทยสำเร็จไปได้ไม่นาน” “เขาจะกลับมาที่บ้านเกิดเร็วๆ นี้ และจะได้ใช้เวลาอันมีค่าอยู่กับครอบครัว เขาร้องขอถึงความเป็นส่วนตัวในช่วงเวลาอันยากลำบากเช่นนี้” Richard Harris (ขวา) พร้อมกับเพื่อนนักดำน้ำ Craig Challen ในระหว่างช่วยปฏิบัติการถ้ำหลวง สำหรับนายแพทย์ Harris นั้นเป็นวิสัญญีแพทย์ และนักดำน้ำผู้เชี่ยวชาญการกู้ชีพภายในถ้ำ…
-
เด็กทารกวัย 5 เดือน ถูกพ่อใจโหดฝังทั้งเป็นเกิน 9 ชั่วโมง สุดท้ายโชคดีรอดมาได้
ความไม่พร้อมของคนเป็นพ่อและแม่ถือว่าเป็นประเด็นสำคัญที่สังคมของเราต้องพิจารณา เพราะหากมีลูกในตอนที่ไม่พร้อมเช่นเรื่องเวลาหรือค่าใช้จ่าย อาจสร้างปัญหาตามมาได้มากมาย ไม่ว่าอาจจะเป็นเรื่องเด็กโตมาอย่างไม่มีคุณภาพหรือหนักหน่อยเด็กคนนั้นอาจจะถูกทิ้งหรือฆ่าได้ เรื่องที่เราจะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้ฟังกันในวันนี้ก็เป็นเรื่องของเด็กที่ถูกทิ้งเช่นกัน แต่ไม่ได้ถูกทิ้งตามถังขยะหรือมุมตึกตามข่าวที่เราเห็นกันบ่อยๆ แต่หนูน้อยคนนี้ถูกฝังทั้งเป็นบนภูเขาเป็นเวลาอย่างต่ำ 9 ชั่วโมงก่อนเจ้าหน้าที่จะมาเจอ ในคืนวันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม 2018 เจ้าหน้าที่ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าเจอ Francis Carlton Crowley ชายวัย 32 ปี ผู้ปกครองของเด็กทารกคนดังกล่าวทำตัวแปลกๆ อยู่บริเวณน้ำพุร้อน Lolo และในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังมุ่งหน้าไปยังที่เกิดเหตุ ก็ได้รับสายแจ้งมาว่าเขากำลังข่มขู่ประชาชนบริเวณนั้นโดยเขาบอกว่าตัวเองมีปืนและทำท่าทีจะล้วงกระเป๋าควักปืนออกมา Crowley หลบหนีออกมาจากพื้นที่ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมาถึง แต่พวกเขาก็ได้ทราบว่าเด็กทารกที่ควรอยู่กับเขานั้นหายตัวไปหลายชั่วโมงแล้ว เมื่อ Crowley กลับมายังบริเวณน้ำพุร้อน เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุมเขาและพยายามที่จะถามคำถามหลายอย่างกับเขา แต่ดูเหมือนว่าด้วยฤทธิ์ยาที่เขาเสพเขาจึงพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่เขาได้ให้ปากคำกับเจ้าที่ว่าทารกที่อยู่กับเขานั้นคงถูกฝังอยู่ในป่าบนภูเขา เมื่อได้ยินดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงรีบกระจายกำลังพลเพื่อออกค้นหาเด็กทารกทันที และในที่สุดทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถค้นหาจนเจอกับทารกคนดังกล่าว โดยที่หนูน้อยมีอายุเพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้นและคาดว่าถูกฝังมาไม่ต่ำกว่า 9 ชั่วโมง ผู้พบคือรองนายอำเภอเมือง Missoula เธอได้ยินเสียร้องไห้ของเด็กทารกในระหว่างที่ออกทำการค้นหาและตามเสียงนั้นจนสามารถไปเจอกับเด็กน้อยที่ถูกฝังอยู่ใต้เศษหิน ดินและกิ่งไม้เต็มไปหมด ในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา…
-
คุณพ่อชาวอังกฤษ กระโดดน้ำ “หัวกระแทก” พื้นสระ เจ็บสาหัส อาจเดินไม่ได้ตลอดชีวิต…
ใครจะเชื่อว่าเพียงการว่ายน้ำใน สระว่ายน้ำ ก็สามารถทำอันตรายให้กับคนๆ หนึ่งได้อย่างรุนแรง จนชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล Keith Dungait คุณพ่อลูกสองชาวอังกฤษ ประสบอุบัติเหตุจนอาจไม่สามารถเดินได้อีกต่อไป หลังจากเดินทางไปเข้าร่วมปาร์ตี้สละโลดของเพื่อนที่เกาะในประเทศสเปน ภายในงาน Keith ได้มีการลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำ และจังหวะที่เขากระโดดดิ่งตัวลงน้ำนั้น ศีรษะของเขาไปกระแทกเข้ากับพื้นของสระอย่างรุนแรง ทำให้เขาต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว อาการของ Keith ปัจจุบันอยู่ในภาวะคงที่ แต่ทีมแพทย์ไม่แน่ใจว่าคุณพ่อวัย 41 ปีคนนี้จะยังสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้งหรือไม่ Christina ผู้เป็นภรรยาเดินทางจากนอร์ทัมเบอร์แลนด์มายังสเปนเพื่อดูแลสามีที่โรงพยาบาลอย่างใกล้ชิด ซึ่งเธอเองหวั่นใจอย่างมากว่าอุบัติเหตุครั้งนี้จะทำให้สามีต้องเสียชีวิต “ฉันคิดว่าเขาจะตายเสียแล้ว แต่เขาก็ถูกช่วยเอาไว้ เพื่อนๆ และทีมแพทย์ที่อยู่ตรงนี้ทุกคนได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้” เธอกล่าว Keith หมดสติขณะศีรษะกระแทกกับพื้นของสระว่ายน้ำ เพื่อนๆ ของเขาจึงช่วยพาตัวออกมาแล้วทำการปฐมพยาบาลกันเองก่อนจะนำตัวส่งให้กับทางโรงแรมในเมืองปัลมาของเกาะมาจอร์กา ในช่วงดึกของวันที่เกิดเหตุ Keith มีอาการโคมา กระดูกสันหลังแตกเป็นเสี่ยงและมีอาการบวมในสมอง ปัจจุบัน Keith สามารถพูดคุยได้ หลังจากตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องสแกนเอ็กซ์เรย์แล้วพบว่าปอดของเขาปกติดีไม่มีน้ำขังอยู่ภายใน ซ้ำยังมีการวางแผนจัดงานวันเกิดของเขาที่โรงพยาบาลอีกด้วย ล่าสุดเขาสามารถขยับแขนตัวเองขึ้น-ลงได้ สามารถพูดคุยกับภรรยา Mickey และ Jeannie ผู้เป็นพ่อและแม่ของเขาได้ แต่ยังไม่สามารถขยับอวัยวะตั้งแต่ช่วงสะโพกลงไปได้…
-
ให้พี่เดินสะดวกเถอะ!! หนุ่มวิ่งหนีล่อนจ้อน หลังถูกจับได้ว่าแอบไปกินตับเมียคนอื่น
เรื่องราวสุดน่าอายของชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่วิ่งลัดสนามด้วยความเร็วสูงในสภาพเปลือยเปล่า เนื่องจากเขาแอบไปเล่นจ้ำจี้กับแฟนของคนอื่นแล้วโดนจับได้ สุดท้ายก็เลยกลายเป็นภาพอย่างที่เห็นนี่แหละ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้ใชเฟซบุ๊ก Myron Jewell Jr. ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอของชายหนุ่มผิวสีรายหนึ่งกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงไปตามถนนท่ามกลางฝนที่โปรยลงมา โดยสวมใส่เพียงรองเท้าออกกำลังกายสีสะท้อนแสง และใช้ผ้าขนหนูกุมน้องชายที่กำลังล่อนจ้อนเอาไว้ พร้อมกับข้อความว่า “สามีของเธอกลับมาที่บ้านในขณะที่กิ๊กก็อยู่ที่นั่นด้วย!!” คลิปดังกล่าวถูกถ่ายไว้ได้โดยคู่หนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ขับรถผ่านมาทางนั้นพอดี เมื่อชายหนุ่มที่วิ่งหน้าตั้งอยู่เห็นพวกเขาเข้า เลยพูดออกมาว่า “ช่วยผมที สามีของเธอเพิ่งกลับมา” พร้อมกับหันไปมองด้านหลังอยู่ตลอดเวลา เพื่อดูมามีใครตามเขามาด้วยหรือเปล่า? ด้วยความที่ทั้งสงสารและขำปนกันไป หญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถจึงพูดขึ้นมาว่า “เราปล่อยเขาไว้แบบนี้ไม่ได้นะ(หัวเราะ)” แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทั้งคู่ และตัดสินใจวิ่งข้ามถนนแล้วหายเข้าไปในป่า ปล่อยให้ทั้งคู่งงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คลิปดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตอย่างมาก และมีการกดแชร์ไปกว่า 2 พันครั้งแล้ว โดยความเห็นบางส่วนบอกว่า Bridgette Anderson “เขาเป็นบ้าอะไรเนี่ย” Vanessa Nance-Watkins “นั่นก็สมควรแล้ว เขาควรได้รับในสิ่งที่เขาทำ” Linda Harris Shabazz “ฉันดูคลิปนี้เป็น 20 รอบเลยให้ตายเถอะ” ชมคลิปเต็มๆ ได้ที่นี่ ที่มา thesun , Myron…
-
Elon Musk โพสต์อธิบายละเอียดยิบ หลังได้อ่านข่าวที่บอกว่า “แคปซูลเขาใช้งานไม่ได้”
ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งทั้งชาวไทยและชาวโลก หลังจากที่รอคอยข่าวดีในการช่วยชีวิตทีมหมูป่าออกมาจากถ้ำหลวงได้สำเร็จ จนกระทั่งตอนนี้ทุกอย่างก็คลี่คลายลงไปได้แล้ว แต่หลังจากที่ Elon Musk ได้เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อนำเรือดำน้ำขนาดเล็ก มาทดลองใช้กับปฏิบัติการกู้ชีพ แม้จะไม่สามารถใช้งานได้จริง แต่เขาก็หวังว่าจะนำไปใช้ได้ในโอกาสต่อๆ ไป และทิ้งเอาไว้ให้ทางการไทยได้นำไปใช้ แต่แล้วหลังจากที่ Elon ได้เดินทางกลับและยินดีกับความสำเร็จของภารกิจช่วยชีวิตหมูป่า จู่ๆ พี่แกก็เกิดอาการหัวร้อนทวีตตอบกลับสื่อหลัก จากการจั่วหัวข้อของ BBCWorld ที่อ้างถึงผู้ว่าฯ พูดเกี่ยวกับเรือดำน้ำขนาดจิ๋วของ Elon นั้น ‘ใช้งานไม่ได้’ และจากการเผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ “ก็รับความอุปการคุณจากเขา และดูแลอุปกรณ์ของเขานะครับ แต่ก็ยืนยันว่าอุปกรณ์ที่เขานำมาช่วยเหลือเราเนี่ย ไม่… ยังไม่ Practical (ใช้จริงไม่ได้) กับภารกิจของเรานะครับ ยืนยันตรงนี้ แต่เราก็รับความดูแลนะครับ” (อ้างอิงจากเว็บไซต์ Sanook) The former Thai provincial governor (described inaccurately as “rescue chief”) is not the subject matter expert.…
-
เลบานอนสั่งตำรวจหญิง “นุ่งสั้น” เป็นมาตรการ ‘ดึงดูด’ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ!
ไม่ว่าจะประเทศใดก็ตาม การที่มีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวย่อมเป็นผลดีกับประเทศนั้นๆ หลายประเทศจึงมีมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยวิธีต่างๆ ประเทศเลบานอน เองทำเช่นเดียวกัน นอกจากงานประติมากรรมขนาดยักษ์ พิพิธภัณฑ์ ร้านขายของ และสถาปัตยกรรมบ้านเมืองที่เป็นจุดเด่นแล้ว ประเทศนี้ยังมีวิธีการดึงดูกนักท่องเที่ยวที่ “ล้ำ” กว่านั้นอีก ในเมือง Brummana เมืองเล็กๆ ของเลบานอน นายกเทศมนตรี Pierre Achkar ได้เกิดไอเดียสุดบรรเจิดในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวชมในเมือง และไอเดียสุดบรรเจิดที่ว่านี้ก็คือ การสั่งให้ตำรวจจราจรสาวทั้งหลายเปลี่ยนชุดเครื่องแบบมาเป็นสวมใส่ กางเกงขาสั้น โชว์เรียวขากันทั่วทั้งเมืองเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั่นเอง ตำรวจสาวในเลบานอน ท่านนายกเทศมนตรีกล่าวกับสำนักข่าว RT ว่า “พวกเราชาวเลบานอนเองก็อยากเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์แสนเยือกเย็นของเลบานอนตะวันตกเหมือนกันนะ” เขายังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของนักท่องเที่ยวในแถบเมดิเตอเรเนียนนั้นส่วนมากจะสวมกางเกงขาสั้นกันทั้งนั้น” สวมกางเกงขาสั้นสีดำอวดเรียวขา แถมใส่สบายอีกด้วย ถึงกระนั้น มาตรการนี้ก็ถูกคัดค้านและถูกโจมตีเช่นกัน โดย ฝ่ายอนุรักษ์นิยม กล่าวว่านายกเทศมนตรี Achkar ทำให้เจ้าหน้าที่เพศหญิงต้องเปิดเผยเรือนร่างโดยไม่จำเป็น ขณะที่ ฝ่ายเสรีนิยม กล่าวว่าการที่การบังคับให้เพศหญิงสวมใส่กางเกงขาสั้นซึ่งเพศชายนั้นอนุญาตให้สวมกางเกงขายาวได้เป็นเรื่องที่สะท้อนความไม่เท่าเทียมอย่างยิ่ง เป็นแนวคิดการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ แต่จะได้ผลดีหรือไม่นั้นก็ต้องลองดูกันต่อไป คลิปวิดีโอเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสาว “นุ่งสั้น” ในเลบานอน อย่างไรก็ตาม บนโลกออนไลน์ก็ได้มีการถกเถียงกันถึงประเด็นนี้อยู่มิใช่น้อย…
-
นักข่าวไปทำข่าว 13 ชีวิตติดถ้ำ แต่คนเยอะเลยต้องมา ‘รายงานสดทุกอย่าง’ ที่ถ้ำหลวงแทน!!
หลังจากที่ภารกิจการช่วยเหลือ 13 ชีวิตติดถ้ำหลวงเสร็จสิ้นอย่างเป็นไปด้วยดี ประชาชนชาวไทย และผู้คนจากทั่วทั้งโลกต่างก็รู้สึกดีใจกันถ้วนหน้า อย่างที่รู้กันดีว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ ทำให้มีนักข่าวชาวต่างชาติมาทำข่าวกันมากมายที่ถ้ำหลวง และที่น่าประทับใจก็คือมีนักข่าวต่างประเทศหลายคนที่มาทำข่าวที่ถ้ำหลวงต่างก็ติดใจกับบรรยากาศ และสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่นั่นมากกว่าตัวข่าวจริงๆ เสียอีก อย่างเช่นเรื่องราวของนักข่าวที่ชื่อว่า James Longman ที่ทีมงานเหมียวของเราได้นำเสนอให้เพื่อนๆ ไปเมื่อวานนี้แล้ว นอกจาก James แล้ว ก็ยังมีนักข่าวอีกคนหนึ่งที่มีชื่อว่า r_killorn จากช่อง Rai News 24 ของประเทศอิตาลีที่ได้มาทำข่าวที่ถ้ำหลวงเช่นเดียวกัน แต่ด้วยความที่ว่ามีนักข่าวทำข่าวเกี่ยวกับถ้ำหลวงและทั้ง 13 ชีวิตกันเยอะแล้ว พี่แกก็เลยอินดี้ ถ่ายรายงานสด ‘ทุกอย่าง’ ที่ถ้ำหลวงมันซะเลย!! ไม่ว่าจะเป็น ‘ไก่’ “นี่คือรายงานสดของไก่ ที่กำลังเดินอยู่ใกล้ๆ แถวนี้” https://www.instagram.com/p/Bk39maunwla/?taken-by=r_killorn และที่สำคัญคือ ‘สับปะรด’ ที่ดูเหมือนว่านักข่าวต่างประเทศต่างก็ติดใจ ขนาดรายงานสดสภาพอากาศก็ยังถ่ายสับปะรดติดมาด้วย!! https://www.instagram.com/p/Bk71nN7HOad/?taken-by=r_killorn ถ่ายพี่วัวเพื่อนใหม่ พร้อมกับตั้งชื่อมันว่า Pineapple หรือ ‘สับปะรด’ นั่นเอง!! https://www.instagram.com/p/Bk_l0QcnF0Z/?taken-by=r_killorn คนอื่นเขารายงานข่าวแบบจริงจัง…
-
หนุ่มซีเรีย ผู้ใช้ชีวิตอยู่ในสนามบินมาแล้วกว่า 108 วัน เนื่องจากนานาประเทศไม่รับ “ผู้ลี้ภัย”
หากคุณเคยดูหนังเรื่อง The Terminal แล้วล่ะก็ นี่อาจเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชีวิตใกล้เคียงกับหนังเรื่องนี้มาก เพราะเขาเองต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงแต่ในสนามบิน และไม่สามารถออกไปเดินข้างนอกได้ เนื่องจากเขาอยู่ในสถานะ “ผู้ลี้ภัย” นี่เป็นเรื่องราวของนาย Hassan al-Kontar วัย 36 ปี ชาวซีเรีย เขาติดอยู่ในสนามบินกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียมามากกว่า 108 วัน โดยที่ไม่สามารถกลับประเทศหรือเดินทางเข้าประเทศไหนได้เลย ย้อนกลับไปในปี 2011 ตอนนั้นเขาทำงานอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่ประเทศซีเรียเริ่มเกิดสงคราม ซึ่งพอเขารู้ว่าเกิดเหตุการณ์นี้เข้า เขาก็ไม่ได้กลับประเทศแต่อย่างใด เพราะเขาไม่เชื่อว่าสงครามจะสามารถแก้ปัญหาอะไรได้ ในตอนนั้นเขาเริ่มถูกรัฐบาลซีเรียตามตัวให้กลับประเทศ แต่เขาก็ยังคงยืนยันที่จะทำงานต่อที่เอมิเรตส์ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกเจ้าหน้าที่ส่งตัวไปยังประเทศมาเลเซีย เนื่องจากมาเลเซียเป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่ให้วีซ่ากับชาวซีเรียได้เดินทางเข้าได้ แต่เมื่อเขามาถึงทางมาเลเซียกลับไม่อนุญาตให้ผู้ลี้ภัยเดินทางเข้าประเทศ ทำให้นาย Hassan ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสนามบินของกัวลาลัมเปอร์แบบคนไร้บ้าน จนถึงตอนนี้เขาได้ใช้เวลาอยู่ในสนามบินไปแล้วกว่า 108 วัน หรือประมาณ 3 เดือน เขาพยายามหาทางออกด้วยการดูว่ายังมีประเทศไหนอีกบ้างที่เปิดรับชาวซีเรีย จึงพบว่าเขาสามารถเดินทางประเทศกัมพูชาได้ Hassan จึงวางแผนที่จะบินไปกัมพูชาแล้วต่อเครื่องไปยังอเมริกาใต้ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกเจ้าหน้าที่หลายคนของกัมพูชาสอบปากคำเกี่ยวกับสถานะทางการเงิน และตรวจสอบพาสปอร์ต แต่สุดท้ายก็ยังถูกส่งตัวกลับมาที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์อยู่ดี ภาพที่นอนของนาย Hassan ที่เขาถ่ายและโพสต์ในลงในทวิตเตอร์ Hassan ตัดสินใจที่จะถ่ายสารคดีเกี่ยวกับชีวิตของตัวเองไปเรื่อยๆ เช่นวันนี้เจอเหตุการณ์อะไรมาบ้าง เจอใครมาบ้าง…
-
เอ๋า! ส่องเส้นทางในญี่ปุ่นผ่าน Google แต่ดันไปเจอห้องกระจกสำหรับ “ถ่าย AV” เฉยเลย!!
เชื่อว่าหลายท่านคงเคยใช้ Google Street View กันแล้วใช่หรือไม่? แต่หากใครยังไม่เคยใช้ล่ะก็ ต้องบอกก่อนเลยว่าเจ้า Google Street View เป็นเทคโนโลยีที่ทางกูเกิลได้พัฒนาให้ระบบการดูแผนที่นั้นเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ทางกูเกิลจำเป็นต้องส่งทีมกล้องออกไปยังพื้นที่ต่างๆ อย่างละเอียดเพื่อเก็บภาพมาใส่ไว้ในระบบ เมื่อถึงตรงนี้ผู้ที่เข้ามาใช้งานก็สามารถดูแผนที่ได้ทั้งแบบกว้างๆ และแบบขยายจนเห็นผู้คนและบ้านช่องได้เลยทีเดียว ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนี้นี่เองที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ใช้ Google Street View เพื่อส่องดูอะไรสักอย่างแล้วบังเอิญไปเจอกับ ห้องกระจกน่าสงสัย เข้าให้ ห้องกระจกน่าสงสัยที่ตากล้องของ Google บังเอิญถ่ายติดมา สำหรับชาวญี่ปุ่นและผู้ที่เสพสื่อบันเทิง 18+ ของญี่ปุ่นแล้วแทบไม่ต้องเดาเลยว่านี่เป็นรถห้องกระจกที่มีไว้สำหรับทำอะไร มันคงเป็นอะไรที่คุ้นตาอย่างมากเลยทีเดียวเชียวล่ะ แท้จริงแล้ว เจ้ารถห้องกระจกน่าสงสัยนี้ก็คือ สตูดิโอสำหรับถ่ายภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ ของญี่ปุ่นนั่นเอง กับฉากที่พระเอกนางเอกต้องทำกิจกรรมจ้ำบ๊ะกันในห้องกระจกท่ามกลางสถานที่สาธารณะที่มีผู้คนเดินผ่านไปมา ฉากนี้แหละใช่เลย… ค่อยโล่งใจหน่อยที่ไม่ถ่ายตอนเขากำลังแสดง “หนัง” กันอยู่พอดี… ที่มา: ck101
-
สาวถูกแฟนเก่าของคนรัก รุมทำร้ายร่างกาย พร้อมเปิดน้ำร้อนยัดช่องคลอดจนเป็นหมัน
เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวรายหนึ่ง ในเมือง Gubakha ประเทศรัสเซีย หลังจากเธอถูกคนรักเก่าของหนุ่มรายหนึ่ง ใช้ฝักบัวยัดเข้าไปในช่องคลอดเธอ และเปิดน้ำร้อนใส่จนทำให้เธอกลายเป็นหมัน เจ้าหน้าที่ระบุว่า Sara Zagidullina หญิงวัย 17 ปีผู้เคราะห์ร้ายรายดังกล่าวถูกวัยรุ่นหญิง 4 คนรุมทำร้าย หลังจากที่พวกเขาพบว่าเธอแอบมีสัมพันธ์กับแฟนเก่าของเพื่อนเธอ จากรายงาน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ทั้ง 4 บุกเข้าไปในบ้านของเหยื่อ ก่อนที่จะจับเธอโกนผม และบังคับให้หญิงผู้เคราะห์ร้ายทำออรัลเซ็กส์ให้กับพวกเธอทีละคน จากนั้นจึงปัสสาวะรดเธอ เท่านั้นยังไม่พอ วัยรุ่นทั้ง 4 ยังได้ลากหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายในสภาพร่างกายที่เปลือยเปล่าเข้าไปในห้องน้ำ และยัดฝักบัวเข้าไปในช่องคลอดของเธอ พร้อมกับเปิดน้ำร้อนอัดเข้าไป เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า กลุ่มวัยรุ่นปล่อยเธอทรมานอยู่นานหลายชั่วโมง ก่อนที่จะขโมยของมีค่าในบ้านและหลบหนีไป หญิงสาวผู้ตกเป็นเหยื่อ รวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายโทรแจ้งรถฉุกเฉิน เธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน แพทย์ยืนยันว่าช่องคลอดของเธอได้รับความเสียหายอย่างหนักจนทำให้เธอเป็นหมัน เว็บไซต์ Mirror รายงานว่า ต้นเหตุของความโหดร้ายครั้งนี้เกิดจาก Igor แฟนหนุ่มของ Aleksandra หญิงสาววัย 17 ปีผู้ก่อเหตุ ได้ทิ้งเธอไปมีคนอื่นหลังเธอบอกเขาว่าเธอกำลังท้อง Sara เริ่มต้นความสัมพันธ์กับ Igor โดยที่เธอไม่เคยรู้อดีตของเขามาก่อนเลย จนกระทั่งได้พบกับแฟนเก่าของชายหนุ่ม จากรายงานเผยว่าแฟนเก่าของ Igor ได้ข่มขู่…
-
คุณแม่โมโห!! ปู่วัย 92 ชนลูกสาวล้ม เลยใช้ก้อนอิฐทุบหน้า พร้อมไล่กลับเม็กซิโก…
เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Daily Mail ได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ชายวัย 92 ปี ถูกทำร้ายร่างกายด้วยก้อนอิฐ หลังจากที่เขาเผลอเดินชนลูกของหญิงสาวรายหนึ่ง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเมืองลอสแอนเจลิส เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยทางครอบครัวได้ให้สัมภาษณ์ว่า คุณตาชาวเม็กซิกันผู้เคราะห์ร้าย ถูกหญิงสาวและชายหนุ่ม 4 คนรุมทำร้าย ทางครอบครัวเล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 8 โมงเช้าของวันที่เกิดเหตุ คุณปู่ Rodolfo Rodriguez ได้ออกมาเดินเล่นใกล้ๆ บ้านเขา ก่อนที่จะเผลอเดินชนกับเด็กหญิงรายหนึ่ง หลังจากนั้นแม่ของเด็กหญิงที่อยู่ใกล้ๆ เกิดความโมโหอย่างมาก ได้คว้าก้อนอิฐและเข้ามาทำร้ายคุณปู่ โดยตีไปที่หน้าของเขา พลเมืองดีรายหนึ่งได้บันทึกภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้เขายังให้การว่ามีชายอีก 4 คนที่ร่วมรุมทำร้ายคุณปู่ สื่อต่างประเทศรายงานว่า แม่ของเด็กหญิงได้บอกกับคุณปู่ว่า “มาที่นี่ทำไม กลับประเทศของแกไปซะ” พยานผู็เห็นเหตุการณ์ได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเมื่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ แม่ของเด็กหญิงก็ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า สาเหตุที่เธอทำร้ายร่างกายชายชรานั้นเป็นเพราะเขาพยายามจะเข้าใกล้ลูกสาวเธอ คุณปู่ Rodriguez เป็นผู้อาศัยที่ถูกต้องตามกฎหมาย เขาให้สัมภาษณ์ว่าตัวเขาเองไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ และไม่รู้ว่าทำไมแม่ของเด็กหญิงถึงต้องทำร้ายเขาด้วย…
-
หนุ่มสุดดีใจ!! สอบใบขับขี่ผ่าน หลังพยายามมา 25 ปี สอบตกไปอีก 32 ครั้ง!!
อย่างที่ประชาชนผู้มีอายุเกิน 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปทราบกันเป็นอย่างดีว่า การจะได้มาซึ่งใบขับขี่ไม่ว่าจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ หรือรถยนต์นั้นมันช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นซะจริงๆ บางคนอาจจะต้องสอบมากกว่า 1 รอบ กว่าจะมีโอกาสได้ขับรถอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ความยากของการได้มาซึ่งใบขับขี่นั้นไม่ได้มีแค่ที่บ้านเราเท่านั้น แต่อีกซีกโลกหนึ่งอย่างที่ประเทศอังกฤษ ก็เรียกได้ว่าหินไม่แพ้กัน… Christian Whiteley หนุ่มจากยอร์กเชอร์ ประเทศอังกฤษผู้นี้ ใช้เวลามากกว่า 25 ปี ในการสอบใบขับขี่ 33 ครั้งกว่าที่เขาจะได้มันมาครอง “หลังจากหลายปีที่ผ่านมา ผมไม่เชื่อเลยว่าผมจะสอบผ่าน ตอนนี้ผมยังช็อคอยู่เลย” Christian ให้สัมภาษณ์ เขาเริ่มสอบใบขับขี่ครั้งแรกเมื่อปี 1992 ก่อนที่จะใช้โอกาสอีกมากมาย รวมถึงหมดเงินไปมากกว่า 10,000 ปอนด์(ประมาณ 438,000 บาท) “ผมผ่านการสอบมากกว่า 56 บทเรียนกับอาจารย์คนแรก และเขาบอกผมให้ล้มเลิกเถอะ เพราะผมไม่มีวันสอบผ่านแน่นอน” Christian ให้สัมภาษณ์ เขาเกือบที่จะล้มเลิกความตั้งใจแล้ว หลังจากที่การสอบครั้งที่ 32 ของเขาเกิดขึ้นเมื่อปี 2003 แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจลองดูอีกครั้ง และทำได้สำเร็จในที่สุด Darren สามีของเขาก็ดีใจไม่น้อยที่รู้ว่า Christian…
-
ภรรยาเก่าเผย กว่าจะประสบความสำเร็จอย่าง Elon Musk ได้ จะต้องเป็นคนแบบไหน!?
หากใครได้ติดตามข่าวคราวถ้ำหลวง ในระหว่างการช่วยเหลือทีมหมูป่าออกมา ทางด้าน Elon Musk ได้เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อทดสอบเรือดำน้ำขนาดเล็กที่จะนำมาช่วยภารกิจในครั้งนี้ โดยที่แทบจะไม่น่าเชื่อว่าชายผู้เปรียบได้เหมือนดั่ง Tony Stark ในชีวิตจริง ผู้เป็นเจ้าของบริษัท SpaceX และ Tesla Motor จะยืนมือเข้ามาช่วยเหลือด้วยตนเอง Elon Musk แม้ก่อนหน้านี้ เราจะไม่ค่อยรู้จักชายคนดังกล่าวเท่าไหร่นัก จนกระทั่งเขาได้ยื่นความช่วยเหลือมาให้ ก็เริ่มมีผู้คนให้ความสนใจกับเขามากขึ้น กับเจ้าแห่งเทคโนโลยีที่เรียกได้ว่าล้ำหน้าที่สุด ณ เวลานี้ อย่างไรก็ตาม กว่าที่ Elon Musk จะประสบความสำเร็จและยิ่งใหญ่ถึงขนาดนี้ เขาก็เคยประสบความล้มเหลวมานักต่อนัก ทั้งบริษัทเกือบจะล้มละลาย ตัวเองแทบจะไม่มีเงินใช้ รวมไปถึงปัญหาชีวิตครอบครัวด้วย Justine Musk ภรรยาคนแรกที่แต่งงานกับ Elon Musk ทั้งนี้ Justine Musk ภรรยาเก่าคนแรกผู้เป็นนักเขียน ได้ออกมาตอบคำถามผ่านเว็บไซต์ Quora เมื่อปี 2015 เกี่ยวกับ Elon ว่าการที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างเขานั้น คุณจะต้องเป็นบุคคลแบบไหน… …
-
หนุ่มญี่ปุ่นวัย 33 ถูกจับ หลังแกล้งทำเป็นคนตาบอด แล้วจับหน้าอกสาวพนักงานห้าง
การปลอมตัวเป็นคนพิการเป็นเรื่องที่พบเห็นได้หลายๆ ครั้งในกลุ่มมิจฉาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการทำตัวเป็นคนแขนขาขาดเพื่อปลอมตัวเป็นขอทาน หรือการทำตัวเป็นคนตาบอดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจขณะที่เพื่อนร่วมแก๊งอีกคนพยายามล้วงกระเป๋าเหยื่อ ซึ่งคดีในครั้งนี้เองก็เกี่ยวข้องกับการปลอมตัวเป็นคนพิการเหล่านี้เช่นกัน โดยในครั้งนี้เป็นการปลอมตัวเพื่อแอบลวนลามผู้อื่นนั่นเอง นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อย้อนไปเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2018 มีหญิงสาววัย 26 ปีคนหนึ่งทำงานเป็นพนักงานอยู่ที่แผนกเครื่องสำอางของห้างสรรพสินค้าในชูโอ จังหวัดโตเกียว ก่อนที่จะมีชายวัยราวๆ 30 ปีคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ ด้วยการก้าวเดินที่แลดูลังเลใจ “ผมมองไม่เห็น” ชายหนุ่มกล่าวกับเธอก่อนที่จะขอให้เธอช่วยพาไปส่งที่ห้องน้ำ ด้วยจิตบริการหญิงสาวจึงได้พาชายหนุ่มเดินไปยังห้องน้ำของห้าง เพียงแต่ก่อนที่จะไปถึง ชายคนดังกล่าวก็สะดุดบางสิ่งล้มลงกับพื้น ด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวจึงนั่งย่องลงเพื่อช่วยเหลือชายที่เธอเชื่อว่าตาบอดให้ลุกขึ้น แต่ทันใดนั้นเองชายหนุ่มก็เอื้อมมือเข้ามาลูบไล้ที่หน้าอกของเธอ ก่อนที่จะวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วราวกับจู่ๆ อาการตาบอดก็หายไปอย่างไรอย่างนั้น ชูโอ แขวงพิเศษของโตเกียว สถานที่เกิดเหตุ ด้วยความสงสัยหญิงสาวจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความเรื่องนี้กับทางตำรวจ และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดนั้นเอง ทางตำรวจก็ตัดสินว่าชายคนดังกล่าวนั้นไม่ได้มีอาการตาบอดแต่อย่างใด จากภาพที่เขาสามารถเดินในห้างได้ตามปกติมาตลอด ก่อนที่จะพบกับผู้เสียหาย และแล้วเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2018 เกือบๆ ห้าเดือนหลังจากที่เกิดเหตุ ในที่สุดทางตำรวจก็สามารถสืบสาวไปถึงตัวของนายโยซุเกะ มิโซคามิ ผู้ก่อเหตุวัย 33 ปีที่อาศัยอยู่ที่เมืองฮาดาโนะจนได้ ฮาดาโนะ เมืองในจังหวัดคานากาว่า โดยเบื้องต้นนายโยซุเกะยอมรับว่า ตนเองเป็นผู้ลงมือในคดีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และไม่ได้ตาบอดจริงๆ…
-
แม่โพสต์ทวิตเตอร์ ลูกชายทำข้อสอบแบบ “คิดนอกกรอบ” คุณครูใจดีให้คะแนนด้วย!!?
การเป็นคุณครูนั้นบางที่ก็ต้องมีความยืดหยุ่น มีความเปิดใจและเข้าใจเด็ก บางครั้งการเข้มงวดและยึดติดจนเกินไปก็อาจจะไม่ใช่ผลดี ดูเหตุการณ์นี้เป็นตัวอย่าง คุณครูคณิตศาสตร์ในประเทศญี่ปุ่นได้ยอมรับว่าเด็กคนหนึ่งตอบถูกและได้คะแนนถึงแม้ว่า เด็กคนนั้นจะไม่ทำตามโจทย์ที่ให้มาก็ตาม Tomoko Takagawa คุณแม่ของเด็กคนดังกล่าวได้โพสต์ภาพลงบนทวิตเตอร์ @darkmatter_tomo ว่าลูกชายคนเล็กชั้น ป.1 ของเธอได้ทำข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ที่มาพร้อมภาพสีสันน่ารักได้ถูกต้อง โจทย์ข้อที่ 1 มีเป็ดว่ายน้ำอยู่ในบ่อ 4 ตัว และที่กำลังวิ่งมาที่บ่ออีก 1 ตัว ส่วนข้อที่ 2 มีโหลปลาทองอยู่ 2 โหล โหลแรกมีปลาอยู่ 1 ตัว โหลที่สองมีปลาอยู่ 2 ตัว ซึ่งทั้งสองโหลกำลังถูกเทรวมกันในตู้ปลา และคำถามก็คือ “มีเป็ดรวมกันทั้งหมดกี่ตัวและมีปลารวมกันทั้งหมดกี่ตัว?” ถึงตรงนี้เราคงจะตอบกันโดยแทบไม่ต้องคิดว่า เป็ด 5 ตัว และปลา 3 ตัว แต่เจ้าหนูกลับตอบว่า มีเป็ดอยู่ 6 ตัวและมีปลาอยู่ 4 ตัว… ทุกท่านคงคิดว่ามันผิดแน่ๆ ใช่ไหมล่ะ? แต่เจ้าหนูกลับได้รับคะแนนสำหรับคำตอบเหล่านี้ เพราะว่าเขาได้มีการ วาดรูป เป็ดอีกตัวเพิ่มเข้าไป แถมวาดปลาเพิ่มเข้าไปอีก 1 ตัวด้วยเช่นกัน…
-
หนุ่มเอเชียวางมวย โดนชายผิวขาวเตะใส่รถหรูไม่มีใครช่วย ชาวเน็ตชี้นี่มัน “เหยียดเชื้อชาติ” เห็นๆ
คลิปวิดีโอเหตุทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นในเมืองซานมาเตโอ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา กลายเป็นกระแสที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหลายๆ เรื่อง เรื่องราวนี้ถูกเล่าผ่านผู้เสียหายที่มีชื่อว่า Nan Lin นักแสดงชาวเอเชีย เมื่อรถ Audi R8 สุดหรูราคาหลายล้านบาทของเขา ถูกชายผิวขาวแปลกหน้าเตะใส่ เพียงเพราะไม่พอใจในเสียงท่อไอเสียที่ดังจนเกินไป นักแสดงหนุ่ม Nan Lin Lin เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 7 กรกฎาคม 2018 เอาไว้ว่า วันนั้นเขาอยากโชว์ให้เพื่อนที่นั่งมาด้วยได้เห็นถึงศักยภาพของรถคู่ใจ หลังจากที่เขาเพิ่งนำมาไปแต่งเพิ่มเติมมานิดหน่อย แต่เมื่อขับออกไปไม่ถึง 2 ช่วงตึก จู่ๆ ชายผิวขาวคนหนึ่งที่เดินอยู่ข้างทางก็ตะโกนคำหยาบใส่ (Fu*k You!!) ขณะที่เดินขนาบข้างตามรถของเขามา ด้วยการจราจรที่แออัดทำให้ Lin จำเป็นต้องขับช้าๆ ซึ่งในตอนนั้นเขาก็พอเดาได้แล้วว่าชายคนดังกล่าวคงไม่พอใจในเสียงท่อไอเสีย และคิดว่าถ้าอีกฝ่ายจะว่าเขาก็ไม่เป็นไร เพราะเขาคงทำให้ชายคนนั้นรู้สึกไม่สบายใจ Audi R8 ของ Lin แต่ชายผิวขาวก็ยังคงเดินตามรถมาเรื่อยๆ จนกระทั่งข้ามถนนมุ่งตรงมาที่รถ พร้อมกับท้าทาย Lin หาว่าเขาเป็นเกย์ และบอกว่าเพื่อนผู้ชายที่นั่งข้างๆ คงจะเป็นแฟนล่ะสินะ…
-
คดีสะเทือนโลก แฟนสาวยุยงหนุ่มให้ “ฆ่าตัวตาย” ทนายให้รื้อคดี “เป็นเสรีภาพในการพูด”
หนึ่งในคดีสะเทือนขวัญไปทั่วทั้งโลก เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2017 สำนักข่าว AP ได้รายงานเรื่องของกรณีวัยรุ่นสาวชาวอเมริกัน Michelle Carter ผู้ยุยงแฟนหนุ่ม Conrad Ray ให้ฆ่าตัวตายผ่านการส่งข้อความ เรื่องราวจากการสอบสวนพบว่าหญิงสาวได้พยายามยุยงให้แฟนหนุ่มฆ่าตัวตาย ผ่านข้อความมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งในวันที่ 12 กรกฎาคม ปี 2014 แฟนหนุ่มของเธอได้รมก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ตัวเอง ด้วยการเปิดเครื่องปั๊มน้ำและสอดท่อไอเสียอัดเข้าไปในรถยนต์ ในช่วงจังหวะหนึ่งที่เขารู้สึกกลัวกับการฆ่าตัวตาย แฟนสาวก็ส่งข้อความยุยงให้เขากลับเข้าไปในรถเพื่อทำให้สำเร็จ จนในที่สุดแล้วเขาก็เสียชีวิต… โดยคดีนี้ได้มีการสืบสวนมาอย่างยาวนาน มีทั้งการค้นประวัติการแชทกัน วิเคราะห์ข้อความที่ส่งให้กันเพื่อให้ทราบเจตนาที่แท้จริงของทั้งสองฝ่าย ผู้ต้องหา Michelle Carter และแฟนหนุ่มผู้เคราะห์ร้าย Conrad Ray Marie Claire Flynn อัยการได้ชี้แจงว่า “ผู้ต้องหาพยายามยุยงให้ชายหนุ่มฆ่าตัวตาย โดยให้เหตุผลเพียงเพื่อต้องการให้คนมาสงสารเธอ จากหลักฐานทั้งหมดเราพบว่า ในวันที่แฟนหนุ่มเข้าไปรมก๊าซพิษในรถ หญิงสาวไม่ได้โทรหาเจ้าหน้าที่ หรือผู้ปกครองของแฟนหนุ่มเลย แต่สิ่งที่เธอทำกลับตรงกันข้าม..” โดยข้อความส่วนหนึ่งที่เปิดเผยจากหลักฐานในวันที่เกิดเหตุระบุว่า “เธอต้องทำให้ได้นะ Conrad ยิ่งเธอพยายามฝืนเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งพบกับความสุขมากเท่านั้น สิ่งที่เธอต้องทำก็แค่เปิดเครื่องนั่น ทำตัวตามสบายทำใจให้สงบ ถ้านั่นเป็นสิ่งที่เธอเฝ้าหามาตลอด…
-
อดีตผู้ประสบภัยญี่ปุ่นขอความร่วมมือ การช่วยเหลือจะเป็นอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่นกกระดาษ
ในเวลาที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังประสบภัยรุนแรงอยู่อย่างตอนนี้ เชื่อว่าคงมีหลายๆ คนที่คิดจะส่งความช่วยเหลือไปให้กับผู้ประสบภัยอยู่บ้าง และถ้ามองตามความเชื่อของคนญี่ปุ่นแล้ว คงมีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่คิดจะพับ “นกกระเรียนพันตัว” ส่งไปให้ แต่รู้หรือไม่ว่าเจ้านกกระเรียนกระดาษพวกนี้ล่ะ คือของที่ผู้ประสบภัยไม่ดีใจเลยสักนิด เวลาที่ได้รับมัน นี่คือคำบอกเล่าของผู้ใช้ทวิตเตอร์ญี่ปุ่น @NORIhannya ผู้ซึ่งบอกว่าตัวเองคือหนึ่งในผู้ผ่านประสบการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิรุนแรงเมื่อเดือนมีนาคมปี 2011 ทวีตต้นฉบับจาก @NORIhannya คำแปลอยู่ข้างล่าง https://twitter.com/NORIhannya/status/1015401144221249536 “ถึงคนที่ไม่เคยพบภัยธรรมชาติเนื่องจากฝนตกหนัก กรุณาอย่าส่งนกกระดาษมาเลย มันกินที่ หนัก หาที่ทิ้งยาก มันกินไม่ได้ แถมเอาไปขายก็ไม่ได้ มันมีค่าแค่ความสบายใจของคนทำเท่านั้น ถ้าเป็นไปได้ช่วยเอาเงินที่จะเอาไปซื้อกระดาษมาบริจาคเลยดีกว่า จากผู้ผ่านเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ” การพับนกกระเรียนพันตัวเป็นความเชื่อของชาวญี่ปุ่นว่าจะช่วยให้ความปรารถนาของคุณเป็นจริงได้ มักใช้ในการขอให้คนอื่นอายุยืน หรือหายป่วย จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของความหวังในเวลาอันยากลำบากไป อย่างไรก็ตามเจ้าสัญลักษณ์ของความหวังเหล่านี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่ดีเสมอไป เพราะสุดท้ายมันก็ยังเป็นแค่กระดาษอยู่ดี ผู้ใช้ @iiizzzwww22 ได้นำเรื่องของผู้ประสบภัยอีกคนมาเล่า https://twitter.com/iiizzzwww22/status/1015610027460063232 เขาตอบทวีตของ @NORIhannya ด้วยคำพูดที่ได้มาจากผู้ประสบภัยไม่ระบุนามเมื่อปี 2015 ว่า “พวกเราเคยนั่งอยู่ในศูนย์หลบภัยแบบแทบจะไหล่ชนกัน แทบไม่มีน้ำและอาหารเลยมาเกือบ 2 วัน ดังนั้นในตอนที่เราได้กล่องของบริจาคเราเลยดีใจกันมาก เราเปิดกล่องอย่างหิวโหย เพียงเพื่อที่จะพบว่าในนั้นมีแต่นกกระดาษ เราไม่เคยลืมความรู้สึกสิ้นหวัง…
-
พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ยอมละเมิดกฎ ให้ “หน้ากากออกซิเจน” ช่วยชีวิตหมาที่กำลังจะตาย
หากเพื่อนๆ เคยขึ้นเครื่องบินก็น่าจะรู้กันว่ามีกฎให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เรามักจะถูกสาธิตและสอนการใช้งานเครื่องมือต่างๆ บนเครื่องก่อนทำการบินขึ้นทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการสอนใช้หน้ากากออกซิเจนหรือกฎของการใช้เก้าอี้บนเครื่อง แต่หากมันจำเป็นที่ต้องละเมิดกฎสักข้อหนึ่งเพื่อช่วยชีวิตๆ หนึ่ง ก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดแต่อย่างใด เหมือนกับเรื่องที่เราจะมานำเสนอในวันนี้ เป็นเรื่องของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ที่ได้ยอมเสียสละหน้ากากออกซิเจนให้กับเจ้าหมาที่กำลังขาดออกซิเจน และยอมละเมิดกฎที่นำมันขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ผู้โดยสาร (ปกติตามกฎแล้วสัตว์ต้องอยู่ใต้เก้าอี้ผู้โดยสารเท่านั้น) จนสามารถทำให้มันรอดจากวิกฤตนั้น เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา ระหว่างที่ Michelle Burt เดินทางเพื่อนของเธอพร้อมกับน้องหมาพันธ์ุ French bulldog ชื่อ Darcy ด้วยสายการบิน JetBlue จู่ๆ เจ้า Darcy ก็เกิดอาการ Hypoxia หรือที่รู้จักในชื่อภาวะขาดออกซิเจน ลิ้นของมันเริ่มเปลี่ยนสีกลายเป็นสีน้ำเงิน เริ่มมีปัญหาการหายใจติดขัด และมีโอกาสมากที่จะเสียชีวิตมากเพราะไม่มีใครรู้จักอาการนี้ แต่ด้วยความช่วยเหลือที่รวดเร็วของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน Renaud Spencer และ Diane Asher พวกเขาจำอาการของเจ้า Darcy ได้และเข้ามาดูแลมัน โดยการนำหน้ากากออกซิเจนมาให้เจ้าหมาน้อย หลังจากนั้นไม่กี่นาทีที่ได้รับหน้ากากออกซิเจน อาการของเจ้า Darcy ก็ดีขึ้นจนเป็นปกติและสามารถมีชีวิตรอดจนจบไฟลต์การบินนั้น หลังจากลงมาสู้พื้นอย่างปลอดภัย Burt จึงอยากจะกล่าวขอบคุณพนักงานต้อนรับคนนั้น จึงได้ให้เพื่อนคนที่เปิดเพจเกี่ยวกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินแชร์เรื่องราวของตัวเอง…
-
Miss Korea 2018 ปิดไอจี หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องรูปลักษณ์ หน้าตา ว่าไม่เหมาะกับตำแหน่ง!!
ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2018 คือวันประกาศรางวัล Miss Korea Pageant ในปี 2018 ซึ่งผู้ชนะได้แก่ Soo Min Kim หญิงสาววัย 23 ปี จากจังหวัดคย็องกี Soo Min Kim ผู้ชนะการประกวด ในตอนรับรางวัล เธอพูดว่า “ขอบคุณสำหรับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ฉันจะตั้งใจทำงานอย่างหนักต่อไป” และหลังจากนี้เธอก็จะได้เป็นตัวแทนในการประกวด Miss World ต่อไป แต่ทว่ารางวัลที่เธอได้รับนั้น คงทำให้ชาวเน็ตเกาหลีจำนวนมากไม่ค่อยพอใจกันสักเท่าไหร่ หลายๆ คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นในแง่ลบ วิพากษ์วิจารณ์เรื่องของรูปลักษณ์หน้าตาของเธอ บอกว่าไม่เหมาะสมกับตำแหน่งเลย “เอาจริงๆ นะ น้องสาวฉันยังน่ารักกว่าเธออีก” “เธอคือ Miss Korea เหรอ? เธอดูเหมือนเพื่อนบ้านฉันเลยนะ” “เธอมีบางอย่างที่ดูน่าสนใจ แต่เธอไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง Miss Korea” “เธอดูทั่วๆ ไปมาก เธอรับตำแหน่งนี้ไปได้อย่างไร?”…
-
เปิดคำพูด “อดีตนายพลอเมริกัน” กล่าวชื่นชมภารกิจช่วย 13 หมูป่า ราวกับการเหยียบดวงจันทร์
เป็นเรื่องราวที่ทำให้ชาวไทยรู้สึกดีที่ได้ยินไปด้วย เพราะเมื่อไม่นานมานี้ได้มีอดีตนายพลอเมริกันรายหนึ่งออกมาให้สัมภาษณ์และกล่าวชื่นชมประเทศไทยและการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือทีมหมูป่า ว่าทำงานได้เป็นมืออาชีพ วางแผนได้ราวกับเดินทางไปดวงจันทร์ พลเรือโท Robert Harward อดีตนาวิกโยธินกองทัพเรือ ผู้มีประสบการณ์ในการดำน้ำมานานกว่า 30 ปี และอดีตรองผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการกลางสหรัฐ (USCENTCOM) ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว abc เปรียบเทียบภารกิจการช่วยเหลือเด็กๆ ที่ติดอยู่ในถ้ำที่ประเทศไทยว่าคล้ายกับภารกิจเดินทางไปดวงจันทร์ “นี่มันซับซ้อนมาก แต่นักดำน้ำมีเวลาแค่สั้นๆ น้ำอาจจะเพิ่มระดับแล้วท่วมเด็กๆ ได้เลย” อดีตพลเรือโท Robert กล่าว นอกจากนี้เขายังได้บอกอีกว่าหน่วยซีลของสหรัฐเคยฝึกอย่างหนักร่วมกับหน่วยซีลของไทยอยู่บ่อยครั้ง จึงยกย่องว่าพวกเขาทำงานกันได้ดีมาก แม้จะดูเป็นภารกิจที่โหดหินก็ตาม เขาเสริมว่าส่วนที่ยากที่สุดของภารกิจนี้คือด้านจิตใจของเด็กๆ ก่อนที่จะพาพวกเขาออกมา “สำหรับเด็กๆ พวกนี้ ที่ไม่เคยดำน้ำมาก่อน และบางคนไม่รู้วิธีว่ายน้ำเลย ลองจินตนาการสิว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับจิตใจของพวกเขา และความท้าทายของทีมกู้ภัยคือการสร้างความมั่นใจ และทำให้พวกเขารู้ว่าพวกเราจะไปกับพวกเขา พวกเราจะกอดพวกเขาไว้” ที่มา 10news
-
ชาวเน็ตโกรธ หลังคุณพ่อโพสต์รูปลูกโดนครูตัดคะแนน เพราะเขียนเลข 4 เส้นติดกัน
เรื่องปัญหาครูตรวจงานนักเรียนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกันอยู่บ่อยๆ เพราะครูก็เป็นคนคนหนึ่งที่มีรูปแบบความคิดและนิสัยที่ต่างๆ กันออกไป ครูบางคนอาจจะยอมรับในความคิดนอกกรอบ ในขณะที่ครูอีกคนต้องการจะให้เด็กอยู่ในระเบียบความคิดที่กำหนดไว้ นำมาซึ่งการถกเถียงกันเป็นระยะๆ และปัญหาการถกเถียงกับครูนั้น ก็ไม่ได้มีแค่ในไทยเสียด้วย นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับลูกชายของผู้ใช้ทวิตเตอร์ Toyoshi คุณพ่อจากนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่นผู้ซึ่งได้ทำการทวีตภาพใบงานของลูกชายของเขาเพื่อระบายความงุนงงและไม่พอใจต่อการตรวจงานของคุณครู 「上の4はくっついてるのに」っていってくるし。難しい pic.twitter.com/ZwYbSEeLY7 — とよし (@toyoshi) July 7, 2018 อย่างที่เห็นว่าลูกของคุณ Toyoshi ได้ตอบคำถาม 3+1 ว่าเป็น 4 ซึ่งถูกต้องตามหลักคณิตศาสตร์แล้ว แต่กลับถูกอาจารย์บอกว่า คำตอบนั้นผิด เนื่องจากการเขียนเลข 4 ของหนูน้อยนั้นไม่มีการเว้นช่องว่างระหว่างเส้นบนสุดสองเส้น แม้ว่าการโดนตัดคะแนน เพราะเขียนตัวหนังสือไม่สวยอาจจะเป็นเหตุผลที่ยอมรับได้สำหรับหลายๆ คน แต่การโดนตัดคะแนนเพราะเขียนตัวเลขไม่ดีนั้น ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ย่อมรับไม่ได้สักเท่าไหร่สำหรับชาวเน็ตที่ญี่ปุ่น นั่นทำให้มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาออกความเห็นกับสิ่งที่ลูกชายของคุณ Toyoshi ต้องพบเช่น “แย่มาก!! ที่ว่าเลขไม่สวยมันก็แค่ความเห็นของครูเท่านั้นไม่ใช่รึ” “ไม่ได้มีสาระเลย ฉันว่าน่าจะสอนว่าคนแต่ล่ะคนเขียนเลข 4 ไม่เหมือนกันมากกว่า” จริงอยู่ที่ว่าสำหรับนักคัดลายมือบางคนการเขียนเลขสี่แบบนี้จะช่วยให้แยกเลขสี่กับเลขเก้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ก็ใช่ว่าทุกๆ คนจะคิดเช่นนั้น โดยเฉพาะในกรณีนี้ ซึ่งแม้แต่ที่มุมซ้ายบนของชีตงานเอง ก็มีการเขียนเลข 4 แบบเส้นติดกันอยู่ด้วย!! …
-
เด็กน้อยกระชากผม “คุณยาย” อย่างแรง อยากซื้อของเล่น จนตำรวจต้องมาจัดการ…
ในประเทศจีน ตำรวจ 4 นายต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์เลยทีเดียว เมื่อเด็กชายตัวน้อยคนหนึ่ง ทำร้ายร่างกายคุณยายเพื่อให้ซื้อของเล่นชิ้นใหม่ให้กับตน เหตุการณ์เกิดขึ้นบนถนนในเมืองชิงหยวน มณฑลกวางตุ้ง เจ้าหนูเริ่มจับผมของคุณยายจนแน่นแล้วดึงอย่างแรง หลังรู้ว่าคุณยายไม่สามารถซื้อของเล่นให้กับตนได้ ทำให้คุณยายอยู่ในสภาพที่ลุกขึ้นยืนไม่ไหวเลยทีเดียว คลิปวิดีโอเหตุการณ์นี้ ล่าสุดได้กลายเป็นกระแสบนโลกอินเทอร์เน็ตเรียบร้อยแล้ว จากคลิปวิดีโอ จะได้ยินเสียงของผู้ที่เป็นยายตะโกนออกมาว่า “ฉันเป็นยายแกนะ! แกจะมาทำอย่างนี้กับยายได้ยังไง?” “ก็ผมอยากซื้อของเล่นอะ!” เด็กน้อยตะโกนตอบพร้อมดึงผมคุณยาย กระทั่งชายคนหนึ่งเข้ามาเห็นเหตุการณ์จึงเข้าไปถามเด็กชายว่าพ่อแม่อยู่ที่ไหน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ ผู้คนละแวกนั้นจึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยคุณยาย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นายมาถึง พวกเขาก็พยายามเกลี้ยกล่อมเด็กน้อยให้ปล่อยมือออกจากผมคุณยาย โดยตำรวจนายหนึ่งกล่าวว่า “มาเร็ว! ไปซื้อของเล่นกันตอนนี้เลย!” ทันทีที่เด็กน้อยปล่อยมือออกจากคุณยาย ผู้คนที่มุงดูอยู่โดยรอบก็วิจารณ์กันระงมว่าเด็กน้อยคนนี้ไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโสเอาเสียเลย เด็กๆ ควรได้รับการดูแลสั่งสอนไม่ให้ใช้ความรุนแรงแก้ไขปัญหาเช่นนี้ มิฉะนั้น นิสัยแบบนี้อาจติดตัวไปจนโตและอาจเป็นผลเสียต่อตัวของเขาเอง ที่มา: nextshark และ Netizen Watch
-
จากกระแสการพบรักบนเครื่องบิน นำไปสู่การตามเผือกชีวิตฝ่ายสาว ลุกลามจนต้องลบหนี…
เมื่อไม่นานมานี้มีกระแสไวรัลน่ารักๆ ของการขอสลับสับเปลี่ยนที่นั่งบนเครื่องบิน เนื่องจากคู่รักไม่ได้นั่งที่ใกล้กัน จนกระทั่งเกิดเป็นความรักเบ่งบานของหนุ่มบาวสาวปาน ณ ตะวันแดง บนเครื่อง (อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่) การรายงานสถานการณ์สดบนเครื่องบินผ่านระบบสตอรี่ของอินสตาแกรม เริ่มโดย Rosey Blair หลังจากที่เธอได้ขอเปลี่ยนที่นั่งกับสาวรายนี้ เพื่อที่จะได้นั่งคู่กับแฟนหนุ่มของเธอ Houston Hardaway “หลังจากที่เราได้ที่นั่งของเราแล้ว ฉันก็คิดไปถึงเรื่องใครจะได้นั่งคู่กับเธอบนเที่ยวบินนั้น มันคงจะตลกดีถ้าคนข้างๆ เป็นชายหนุ่มโสดหล่อเหลา และแล้วพรวิเศษก็เป็นจริง ชายหนุ่มรูปงามปรากฏตัวตรงที่นั่งข้างๆ เธอ” Blair ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Blair และแฟนหนุ่มก็เริ่มปฏิบัติการรายงานสด สอดส่องทุกความเคลื่อนไหวของทั้งสอง จากคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกัน ก็เริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดูน่ารักคล้ายกับเรื่องราวโรแมนติกคอมเมดี้ แฮชแท็กเฉพาะกิจอย่าง #PlaneBae และ #CatchingFlightsANDFeelings ได้กลายมาเป็นเทรนด์ในการตามติดรายงานสดผ่านทวิตเตอร์ในช่วงที่เที่ยวบินกำลังอยู่กลางเวหา และทางด้าน Blair ก็ได้ทำการแชะภาพถ่ายในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังทำความรู้จักกัน เพื่อให้โลกได้ติดตามและรับรู้ความเคลื่อนไหวของทั้งสองผ่านสื่อโซเชียลของเธอ https://twitter.com/roseybeeme/status/1014122893805015041 อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ปรากฏตัวบนสื่อโซเชียลไปแล้ว ทางด้านฝ่ายชายหนุ่มรูปงาม Euan Holden ได้ออกมาทวีตพร้อมคลิปเพื่ออธิบายสถานการณ์ว่า “ขอความกรุณาช่วยเคารพความเป็นส่วนตัวของฝ่ายหญิงด้วย” 👩❤️✈️ pic.twitter.com/PqV70zQi5Z…
-
ภาพลูกวัวหายาก เกิดมามี “2 หน้า” แต่สุขภาพร่างกายย่ำแย่ แม้มนุษย์คอยดูแลก็อยู่ได้ไม่นาน…
เราอาจเคยเห็นสิ่งมีชีวิตเกิดมาผิดแปลกไปจากปกติ มีอวัยวะเกินออกมามากกว่าสัตว์ชนิดเดียวกัน เหมือนอย่างเจ้า “ลูกวัว 2 หน้า” ตัวนี้ เจ้าวัวตัวนี้ถือกำเนิดขึ้นในฟาร์มแห่งหนึ่ง เมือง Caiaponia ประเทศบราซิล คลอดมาพร้อมกับ 4 ตา 2 ปาก ติดกันอยู่ในกะโหลกเดียว วัว 2 หน้า!! สัตวแพทย์ท้องถิ่น Daniel Ribeiro Camargos บอกว่านี่ถือว่าเป็นอะไรที่หายากเอามากๆ ตามธรรมชาติแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกวัวจะคลอดออกมาในลักษณะนี้ แต่ความแปลกประหลาดของมันก็ต้องแลกมากับสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอ สัตวแพทย์ถึงกับบอกเจ้าของฟาร์มในวันแรกที่พบเลยว่า มี 2 ทางเลือก ปลิดชีพมัน หรือจะเลี้ยงมันเอาไว้แม้มันจะอยู่ได้อีกไม่นาน Zica Soares ภรรยาเจ้าของฟาร์มเลือกที่จะเก็บมันเอาไว้ เธอตั้งใจดูแลมันอย่างดี คอยช่วยป้อนนมผ่านขวดเหมือนกับที่เห็นภายในคลิปที่ถ่ายเอาไว้ แต่ล่าสุด วันที่ 9 กรกฎาคม 2018 สำนักข่าวท้องถิ่นรายงานว่าแม้จะดูแลมันดีมากขนาดไหน สุดท้ายเจ้าลูกวัวตัวนี้ก็จากโลกไปในระยะเวลาเพียงแค่ 5 วันเท่านั้นเอง คลิปตอนที่คนในฟาร์มช่วยกันดูแลมัน ป้อนนมให้ …
-
นักสู้วัวกระทิงชาวสเปน พลาดท่าถูกขวิด “กะโหลกแหว่ง” ท่ามกลางสายตาผู้ชมในสังเวียน
(มีภาพและเนื้อหาที่รุนแรง ควรใช้วิจารณญาณในการรับชม) อาชีพ มาทาดอร์ หรือ นักสู้วัวกระทิง นั้นเป็นอาชีพที่เสี่ยงอันตรายอย่างมาก บางครั้งกระทิงก็ใช่จะเล่นตามบทบาทเสมอไป และนั่นอาจนำไปสู่หายนะได้ ล่าสุดในวันที่ 7 กรกฎาคม 2018 มาทาดอร์คนหนึ่งนามว่า Juan José Padilla พลาดท่าถูกกระทิงขวิดเข้าที่ “ศีรษะ” จนเปิด เกิดเป็นบาดแผลขนาดใหญ่ท่ามกลางความหวาดผวาของผู้ชม คลิปเหตุการณ์กระทิงขวิดสุดสะเทือนใจ Juan José Padilla มาทาดอร์วัย 45 ปีจากเมืองเจเรซ ประเทศสเปน ก่อนหน้านี้ในปี 2011 เขาเคยถูกกระทิงขวิดมาครั้งหนึ่ง ทำให้เขาต้องสูญเสียตาข้างซ้ายไปอย่างถาวร แต่เมื่อเขารักษาตัวจนกลับมาสวมบทบาทมาทาดอร์ได้อีกครั้ง เขากลับต้องพบกับอุบัติเหตุอันน่าสยดสยอง เกือบครึ่งหนึ่งของกะโหลกศีรษะเขาเปิดออกและห้อยแกว่งอยู่อย่างนั้น ท่ามกลางสายตาผู้ชมจำนวนมากในสังเวียนกระทิงแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของสเปน ก่อนหน้านั้น Padilla ก็ทำการแสดงต่อสู้หลอกล่อวัวกระทิงอยู่ตามปกติ แต่บังเอิญว่าเขาเกิดพลาดท่าก้าวขาผิดจนเสียหลัก ทันทีที่ Padilla ล้มลง ทีมผู้ช่วยก็รีบเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่กลับช้าเกินไปไม่ทันไรวัวกระทิงที่ได้ขวิดศีรษะของเขาไปเสียแล้ว จากนั้นเขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเมืองอาบิลา ซึ่งแพทย์บอกว่าโชคดีที่สมองไม่มีความเสียหายใดๆ กระทิงเข้ามาขวิดขณะที่เขาล้มลง…
-
Elon Musk เดินทางมาไทย เพื่อทดสอบ ‘หมูป่า’ เรือดำน้ำในถ้ำ ที่เพิ่งคิดค้นเพื่อภารกิจนี้
ใกล้ความสำเร็จเข้าไปเรื่อยๆ แล้วกับภารกิจ #พาทีมหมูป่ากลับบ้าน หลังจากที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องของการกู้ชีพทั้ง 13 ชีวิตในภารกิจสุดหินนี้พร้อมกำลังใจและความช่วยเหลือจากนานาประเทศที่ส่งเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย Elon Musk CEO ของบริษัท Tesla และ SpaceX เจ้าของนวัตกรรมสุดล้ำโลก ได้สนใจและส่งความช่วยเหลือมายังภารกิจนี้ เขาได้ให้ทีมวิศวกรสร้างเรือดำน้ำขนาดเล็กโดยเร่งด่วน เพื่อนำมาใช้ในภารกิจนี้โดยเฉพาะ ล่าสุดเมื่อเช้าวันที่ 10 กรกฎาคม 2018 ตามเวลาประเทศไทย Elon Musk ได้โพสต์บนทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขาว่า เขาได้เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อทดสอบสิ่งประดิษฐ์ของเขาที่ถ้ำหลวง จ.เชียงราย ด้วยตัวเอง “เพิ่งกลับมาจากโถง 3 เรือดำน้ำขนาดเล็กลำพร้อมแล้วถ้าต้องการ มันทำมาจากชิ้นส่วนของจรวดและตั้งชื่อมันว่า ‘Wild Boar’ (หมูป่า) จากชื่อทีมของเด็กๆ ผมขอเอามันมาไว้ที่นี่เพราะอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับในอนาคต ประเทศไทยสวยงามมาก” Just returned from Cave 3. Mini-sub is ready if needed. It is made of…
-
พบตำรานินจาอายุกว่าศตวรรษ อยู่ในห้องสมุดที่อาโอโมริ คาดเขียนขึ้นในศตวรรษที่ 17
ในโลกที่เทคโนโลยีก้าวไกลไปอย่างทุกวันนี้นั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เราเชื่อว่าทุกอย่างหาได้จากอินเตอร์เน็ต เมื่อเป็นเช่นนั้นความสำคัญของห้องสมุดต่อชีวิตของคนเราจึงค่อยๆ ลดลงไปทีละนิด และคนที่เขาไปในห้องสมุดก็ค่อยๆ ลดลงไปตามนั้น นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่กว่าจะมีการค้นพบหนังสือที่บันทึกการฝึกวิชานินจาอายุกว่าสองร้อยปีจากในห้องสมุดเทศบาลฮิโรซากิในจังหวัดอาโอโมริ มันก็ปาเข้าไปเมื่อเดือนมีนาคมปี 2018 นี่เอง ตำแหน่งของจังหวัดอาโอโมริบนแผนที่ญี่ปุ่น โดยหลังจากที่มีการตรวจสอบเป็นเวลาหลายเดือน ในที่สุดก็มีการยืนยันที่มาของหนังสือเล่มที่ว่า โดยนี่เป็นหนังสือโบราณที่เขียนขึ้นด้วยมือจำนวน 12 หน้า ที่เขียนขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 หรือประมาณ 100 ปีก่อนที่จะจบยุคสมัยของการปกครองในระบบโชกุน การจัดการนำเสนอ ของหนังสือเล่มที่ว่า โดยศาสตราจารย์ชิเกโต คิโยคาวะ แห่งมหาวิทยาลัยอาโอโมริเชื่อว่า หนังสือเล่มที่ว่าเขียนขึ้นโดยกลุ่มฮายามิจิ โนะ โมโน กลุ่มนินจาโคกะที่ปฏิบัติการอยู่ในซึการุ (จังหวัดอาโอโมริในปัจจุบัน) ในปี 1756 อย่างไรก็ตามไม่ได้มีการลงชื่อหรือวันที่ไว้ในหนังสือไว้เป็นลายลักษณ์อักษร นินจาส่วนมาก จะมีต้นกำเนิดมาจากหมู่บ้านโคกะ และหมู่บ้านอิงะ ในหนังสือนั้นนอกจากการฝึกนินจาแล้ว ยังมีการเขียนเทคนิคนินจาอื่นๆ อย่างการร่ายคาถานินจา การทำยาสลบ อาวุธนินจาอื่นๆ รวมทั้งระเบิดควัน หรือแม้กระทั่งการระวังตัวในระหว่างเดินทาง และการระวังภัยเมื่อเข้าพักในโรงเตี๊ยมอีกด้วย ในปัจจุบันตัวหนังสือได้ถูกหยิบยืมจากทางมหาวิทยาลัยอาโอโมริ โดยจะมีการนำไปหาหลักฐาน รวมไปถึงการทำการแกะรอยหาข้อมูลเพิ่มเติมของหนังสือเล่มนี้ และตัวตนของกลุ่มนินจาผู้เขียนต่อไป อย่างไรก็ตามเหตุผลที่ว่าทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงมาอยู่ในห้องสมุดได้นั้น ยังคงเป็นปริศนา …
-
ผู้ต้องหา ‘ขายบริการ’ ละเมิดกฎชะรีอะฮ์ ถูกนำตัวมาประจาน และเฆี่ยนตีต่อหน้าสาธารณะ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเมืองโล๊คซูมาวี จังหวัดอาเจะฮ์ ทางเหนือสุดของเกาะสุมาตรา โดยล่าสุดนี้มีการลงโทษและประจานผู้ละเมิดกฎชะรีอะฮ์… จากการถูกกล่าวหาว่าเป็นชายและหญิงผู้ขายบริการ แม้ว่าภายในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจะมีการฟ้องร้องให้ทางการยกเลิกการลงโทษต่อหน้าสาธารณะแบบนี้ไปแล้ว . หลังจากที่ผู้ต้องหาถูกนำตัวมายืนต่อหน้าประชาชนที่มาเฝ้าดู พวกเขาจะถูกสั่งให้คุกเข่าลง และรับความเจ็บปวดจากเพชฌฆาตผู้ลงมือโบยและเฆี่ยนตีกลางแผ่นหลัง โอดโอยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด… เหตุการณ์ที่ผ่านมาล่าสุด จากการรายงานผ่าน Dailymail ในวันที่ 6 กรกฎาคม 2018 ผู้ต้องหาหญิง 2 รายและชาย 2 ราย ถูกเฆี่ยนตีหลายต่อหลายครั้งโดยเพชฌฆาตผู้สวมใส่หน้ากาก . อย่างไรก็ตาม สำหรับชายผู้โดยโบยนั้นไม่ทราบว่าถูกกล่าวหาละเมิดกฎในข้อใด แต่ด้วยสภาพแผ่นหลังที่ถูกโบยนั้นถือว่าได้รับโทษรุนแรงพอสมควร โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีการร่วมลงบันทึกข้อตกลงกันระหว่างนาย Irwandi Yusuf ผู้ว่าฯ อาเจะฮ์ และนาย Yuspahruddin หัวหน้านิติบัญญัติระดับจังหวัดและหัวหน้าหน่วยสิทธิมนุษยชน เพื่อให้ยกเลิกการลงโทษต่อหน้าสาธารณะดังกล่าว โดยต้องการให้นำไปลงโทษในสถานที่ปิดอย่างเช่นภายในคุกแทน . เพื่อเป็นการลดจำนวนของผู้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานระหว่างการลงโทษ และไม่อนุญาตให้บันทึกภาพและเสียงด้วยประการใดๆ ซึ่งจะช่วยลดจำนวนคนจากเป็นร้อยเหลือหลักสิบที่คอยเชียร์ระหว่างการโบย .…
-
จากมีมสู่ชีวิตจริง สาวแชร์ภาพ ‘แฟนหนุ่มเหลียวหลัง’ นี่จะไม่เกรงใจคนที่จับมือหน่อยเหรอ!?
ในโลกอินเทอร์เน็ตนี้ จะมีสิ่งที่เรียกกันว่า ‘มีม’ ถูกหยิบยกมาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในชีวิตจริงอยู่บ่อยๆ เพื่อสร้างความตลกขบขันกับสิ่งที่พบเจอในชีวิตจริง แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นจริงนั้นแทบจะน้อยมากๆ แต่แล้วกับมีมแฟนหนุ่มเหลียวหลังมามองสาวฮอตนั้น ที่ได้รับความนิยมมากๆ แบบว่าเจออะไรที่ดึงความสนใจได้มากกว่าสิ่งที่มีอยู่ อย่างเช่นเจอเกมใหม่ เจอรถแรงกว่า อะไรทำนองนี้ มีมนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Distracted Boyfriend ยกตัวอย่างเป็นเวลาเราเจอหมา เราจะหันไปสนใจหมามากกว่าคน… เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับ Trishna Pema สาววัย 16 ปีจากเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ ย้อนกลับไปในช่วงที่เธอกำลังท่องเที่ยวอยู่ในเมืองเวนิซ ประเทศอิตาลี โดยที่มีพี่สาวเป็นผู้ถ่ายภาพให้ระหว่างทริป จากภาพที่เธอกำลังจ้องมองไอศกรีมเจลาโตธรรมดา แต่ดันมีนักท่องเที่ยว 2 ราย โผล่เข้ามาร่วมเฟรมด้วย จึงบังเกิดเป็นความบังเอิญแบบเป๊ะมากๆ ลองดูหน้าของชายหนุ่มคนนั้นสิ!! “ช่วงที่เรากำลังเดินผ่านจัตุรัส St. Mark เราได้ไอศกรีมติดไม้ติดมือมา พี่สาวของฉันก็เลยถือโอกาสถ่ายภาพสวยๆ สักหน่อย เธอก็ถ่ายไปเรื่อยเปื่อยนั่นแหละ จนเรามาเห็นทีหลังว่ามีภาพหนึ่งที่ถ่ายติดคู่รักมาด้วย” “เราสังเกตเห็นถึงความเป๊ะในภาพนี้ มันดูคุ้นตากับมีมอันหนึ่งอย่างบอกไม่ถูก ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่พอเห็นปุ๊บก็รู้ปั๊บในทันที นี่มันเป็นมีมในตำนานชัดๆ” Trishna ให้สัมภาษณ์กับทาง…
-
ตำรวจงงพบวัวนั่งในรถโฟล์คสวาเก้น กลุ่มพิทักษ์สัตว์ขอ “ต่อให้สัตว์สบายก็อย่าทำเลย”
การขนส่งสัตว์ใหญ่อย่างหมูหรือวัวนั้น โดยมากแล้วจะทำโดยการใช้รถบรรทุกหรือรถพ่วง โดยขนส่งกันทีละมากๆ หรือถ้าจะให้แปลกหน่อยก็คงเป็นการขนสัตว์ใหญ่ทีละตัวด้วยรถกระบะซึ่งแค่นี้ก็ไม่ค่อยจะเห็นคนทำกันเท่าไหร่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ภาพของลูกวัวตัวหนึ่งที่ถูกขนมาในรถโฟล์คสวาเก้นสีฟ้า จะสร้างความประหลาดใจให้แก่กรมตำรวจ ในช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา เหตุการณ์ที่ว่านี้ถูกจับภาพไว้ได้บนถนนมอเตอร์เวย์ ใกล้กับเมือง Briton Ferry และถูกแชร์ไปบนโซเชียลมีเดีย ท่ามกลางความงุนงงของคนที่ผ่านไปเห็น ในปัจจุบันยังไม่มีใครทราบว่าทำไมเจ้าวัวถึงขึ้นไปอยู่บนรถได้ และเป้าหมายของคนขับรถคันดังกล่าวคืออะไร อย่างไรก็ตามองค์กรพิทักษ์สัตว์อังกฤษหรือ RSPCA ได้ออกมาแสดงความไม่สบายใจเป็นอย่างมากต่อภาพที่ถูกเผยแพร่ออกมา โดยโฆษกของ RSPCA ออกมากล่าวว่า “นี่เป็นวิธีที่ไม่สามารถยอมรับได้เป็นอย่างยิ่งในการขนส่งสัตว์ขนาดใหญ่ แม้ว่านี่อาจจะเป็นการทำไปเพราะห่วงใยในสวัสดิภาพสัตว์ แต่ก็เป็นความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนนรายอื่นอยู่ดี ดังนั้นเราจึงไม่แนะนำให้คนขนส่งสัตว์ใหญ่แบบนี้เด็ดขาด” นอกจากนี้การขับขี่ในรูปยังอาจนำไปสู่การทำให้ยางรับน้ำหนักจากตัวรถมากไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการควบคุมรถและระยะเบรกได้ ในปัจจุบันทางตำรวจได้ออกทำการสืบสวนหาเจ้าของรถคันดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยโทษของการขนส่งสัตว์เช่นนี้ จัดอยู่ในข้อหาการบรรทุกน้ำหนักเกิน ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 300 ปอนด์ หรือประมาณ 13,000 บาท และตัดคะแนนการขับขี่ 3 คะแนนนั่นเอง ที่มา bbc, dailymail, thesun
-
ถูกต้องแล้วหรือ?! ตำรวจหันปืนใส่เด็กๆ จับกุมคนถ่ายคลิป กับเด็กอีกคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่…
เราทราบกันดีว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีบทบาทหน้าที่ในการจับกุมตัวผู้กระทำผิด และดูแลความสงบเรียบร้อยภายในเมือง แต่สำหรับเหตุการณ์นี้ แม้เราจะเข้าใจได้ว่าเขาคงทำไปด้วยเหตุผลบางอย่าง ถึงอย่างนั้นก็แน่ใจแล้วหรือว่ามันเป็นการกระทำที่เหมาะสม? ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2018 เจ้าหน้าที่ตำรวจเมือง El Paso รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา จำนวน 2 นายได้รับแจ้งให้เข้าจับกุมผู้ร้ายในคดีบุกรุก แต่เมื่อเดินทางไปถึง เขากลับหันปืนจ่อใส่กลุ่มเด็กๆ ในเหตุการณ์ ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากคลิปที่วัยรุ่นชายคนหนึ่งถ่ายเอาไว้ เราจะเห็นว่าตำรวจ 1 ใน 2 คนนั้น ควักปืนออกมาหันใส่เด็กๆ ที่ยืนล้อมวงกันอยู่ เหมือนว่าเขาพยายามที่จะไล่เด็กให้ห่างออกไปขณะที่กำลังควบคุมตัวคนร้าย พอตำรวจอีกนายเข้ามาช่วยเหลือการจับกุม ตำรวจคนแรกก็ยังคงมุ่งตรงไปที่เด็กๆ บอกให้พวกเขาหลบไปให้ไกลๆ โดยควักเอาไม้กระบองออกมาขู่ . ในเหตุการณ์ไม่ได้มีแค่เด็กๆ แต่ยังมีหญิงสาวคนที่เป็นแม่ของเด็กชายหนึ่งในนั้น เธอเข้ามาบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าเขาไม่มีสิทธิ์เอามือมาผลักเธอและเด็กคนอื่นๆ หญิงสาวผู้เป็นแม่ของเด็กคนหนึ่งในเหตุการณ์ แต่แน่นอนว่าทุกคนก็ไม่สามารถทำอะไรไปมากกว่าการซ้ำคำพูดบอกว่าสิ่งที่ตำรวจนายนี้ทำมันไม่ถูก เรื่องยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะตำรวจคนเดิมได้เดินตรงไปหาวัยรุ่นชายที่กำลังถ่ายคลิป พยายามยึดเอาสมาร์ทโฟน แต่วัยรุ่นชายก็รีบส่งต่อให้กับคนที่เป็นแม่ในทันที แล้วเจ้าหน้าที่ก็จับกุมตัวชายที่ถ่ายคลิปขึ้นรถไปด้วย สร้างความไม่พอใจให้กับหญิงสาวที่ถ่ายเหตุการณ์ดังกล่าวต่อ ก่อนที่เธอจะต้องวิ่งหนี เมื่อนายตำรวจคนนั้นพยายามจะเข้ามาแย่งมือถืออีกครั้ง …
-
3 ยูทูบเบอร์สายท่องเที่ยวชื่อดัง พลาดตกลงไปในน้ำตกสูง เสียชีวิตอย่างน่าสลด…
High On Life คือหนึ่งในแชแนลยูทูบสายท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก พวกเขาสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนในการใช้ชีวิตออกไปทำตามความฝัน สนุกกับการผจญภัย ภาพและวิดีโอที่พวกเขาได้ไปเก็บมาเป็นประสบการณ์ ถ่ายทอดให้ทุกคนได้ชื่นชมความสวยงามของการเดินทางไปกับชีวิตโลดโผน ทำให้พวกเขามีผู้ติดตามในยูทูบมากกว่า 500,000 คน ในอินสตาแกรมกว่า 1.1 ล้านคน รูปภาพจากกลุ่ม High On Life . . แต่ทว่าล่าสุดก็ได้มีเรื่องราวอันน่าสลดใจเกิดขึ้นกับพวกเขาและเหล่าแฟนคลับ เมื่อสมาชิกหลัก 3 คนประสบอุบัติเหตุ ตกลงมาจากน้ำตก Shannon Falls ในประเทศแคนาดา ในชั้นความสูงประมาณ 30 เมตร เสียชีวิตในทันที สมาชิกทั้ง 3 ที่จากโลกนี้ไป ประกอบด้วย 2 ผู้ก่อตั้งหลัก ได้แก่ Ryker Gamble และ Alexey Lyakh รวมถึง Megan Scraper แฟนสาวของ Alexey โดยทั้ง 3 อายุเพียงแค่ 20…
-
2 สาวบังเอิญใส่เสื้อคล้ายกันแถมนั่งข้างกันอีก ชาวเน็ตพากันเปรียบเทียบ “ไซส์” เฉยเลย…
สาวๆ ที่ หน้าอกใหญ่ นี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นผลดีหรือผลเสียกันแน่ เพราะถึงแม้มันจะช่วยเสริมความมั่นใจและช่วยให้รูปร่างมีส่วนโค้งเว้ามากขึ้นก็ตาม แต่มันอาจทำให้การเคลื่อนไหว เช่น การเล่นกีฬา นั้นยากลำบากมากขึ้น บางครั้งสวมเสื้อผ้าตามใจชอบก็ได้ไม่มากนักเพราะติดว่าเดี๋ยวมันจะโป๊ และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือเคสในวันนี้นี่เอง เป็นภาพที่สาวสองคนสวมเสื้อ “ลายเดียวกัน” แต่ดันมี “ขนาดที่ต่างกัน” เมื่อสาวโนตมคนหนึ่งเข้ามานั่งข้างหญิงที่สวมเสื้อแบบเดียวกันในขบวนรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่ง งานนี้ทำให้สาวอีกคนหมดความมั่นใจไปอย่างไม่ไม่ตั้งใจไปเสียอย่างนั้น มานั่งข้างเขาแบบนี้เกิดข้อเปรียบเทียบน่ะสิ นิสัยไม่ดีเลย ต้องสั่งสอนสักหน่อยแล้ว!! ภาพนี้ถูกโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ตโดยสาวที่ชื่อว่า Tien Tien จนเมื่อชาวเน็ตมาเห็นถึงกับอยู่เฉยกันไม่เป็น พากันเข้ามาคอมเมนต์เชิงไม่ให้เกียรติหญิงอีกฝ่ายเป็นจำนวนมาก เช่น… “อู้ว คนข้างๆ หน้าอกเล็กกว่าแฮะ” “เขาไม่ได้อกเล็กนะ เขาแค่สวมเสื้อไม่ให้โดนหน้าอกต่างหาก” “คุณทำให้สาวข้างๆ ต้องเสียความมั่นใจนะรู้ไหม?” “เสื้อเหมือนกันแต่ทำไมความบิ๊กมันไม่เท่ากันล่ะ?” “อย่าตัดสินคนด้วยสายตาเลยนะ” “ข้างๆ ยกธงขาวยอมแพ้เลยจ้า” อย่างไรก็ตามบนโลกอินเทอร์เน็ตก็มีภาพทำนองนี้ให้เห็นกันมากมายแล้ว แบบที่ว่าใส่ชุดเดียวกันแต่ความอึ๋มดันแตกต่างกันเสียอย่างนั้น เช่นรูปเหล่านี้… แบบนี้ แบบนี้ และแบบนี้ เป็นต้น เอาล่ะ ถึงเวลาเปิด “วาร์ป” สาวนิสัยไม่ดีคนในภาพแล้ว…
-
6 เรื่องที่เราเรียนรู้ จากเหตุ “น้ำท่วมใหญ่ญี่ปุ่น” แม้จะสูญเสีย แต่พร้อมรับมืออยู่เสมอ
เชื่อว่าพวกเราคงได้ทราบข่าวฝนตกหนักทางฝั่งตะวันตกของ ประเทศญี่ปุ่น กันไปแล้ว ซึ่งมันได้ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งใหญ่ ดินถล่ม ประชาชนเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 112 คน สูญหายอีกเป็นจำนวนมาก แต่แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นต้องเจอกับภัยพิบัติอันใหญ่หลวง แดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ผ่านการสูญเสียมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะตั้งแต่หลังการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ในฮิโรชิม่า ปี 1945 เป็นต้นมา ถึงแม้ว่าญี่ปุ่นจะถูกจัดเป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่ต้องเจอกับความสูญเสียครั้งใหญ่มามากที่สุดในโลก แต่ทุกครั้งพวกเขาก็สามารถก้าวผ่านมันมาได้อย่างไม่ย่อท้อ ฟื้นฟู และเรียนรู้ที่จะพัฒนาสิ่งต่างๆ ต่อไป จนมาถึงในวันนี้ เมื่อน้ำท่วมครั้งใหญ่ก่อปัญหาสร้างความเดือดร้อน คร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมาก แต่ภายใต้ความโศกเศร้าเสียใจที่เกิดขึ้น ทั่วโลกก็ยังคงได้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ยอมแพ้และยังคงพยายามที่จะก้าวผ่านมันไป #เหมียวตะปู จึงขอพูดถึงสิ่งต่างๆ ที่เราได้เรียนรู้จากประเทศญี่ปุ่น ว่าทำไมพวกเขาถึงนับว่าประสบความสำเร็จกับการรับมือภัยพิบัติต่างๆ ลดการสูญเสียให้ได้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ 1. ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพวกเขานั้น อาจไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถสังเกตเห็นได้โดยทั่วไป แต่เมื่อไหร่ที่เกิดภัยพิบัติ คนญี่ปุ่นจะไม่ละทิ้งกันแต่จะคอยช่วยกันพยุงให้รอดผ่านวิกฤตครั้งนั้นๆ ไป เราจะเห็นจากสื่อในต่างประเทศแทบทั้งหมดว่าพวกเขามักอยู่รวมกัน ส่วนไหนที่หยิบยื่นให้กันได้ พวกเขาก็พร้อมที่จะแบ่งปัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของน้ำ อาหาร หรือที่พักอาศัย/ที่หลบภัย 2. ความเห็นอกเห็นใจคนแปลกหน้า จากบทความหนึ่งของนักเขียน Robert…
-
ส่องความคาวาอี้ของ Erika Karata จากสาวในฟาร์ม สู่นักแสดงและนางแบบของญี่ปุ่น
ในช่วงนี้น่าจะมีบางคนได้เห็นหน้าค่าตาของเธอไปบ้างแล้ว แต่หากใครยังไม่รู้จักเธอและอยากจะรู้จักว่าเธอเป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงมีดาเมจต่อหัวใจหนุ่มๆ ขนาดนี้? งั้นเราลองมาทำความรู้จักเธอกันสักหน่อยดีกว่า หน้าน้อยตาโตคนนี้มีชื่อว่า Erika Karata เกิดเมื่อวันที่ 19 กันยายนปี 1997 ปัจจุบันอายุ 20 ปี ส่วนสูง 167 เซนติเมตร เป็นสาวไซส์เล็กตามแบบฉบับสาวญี่ปุ่น ด้วยความน่ารักของเธอทำให้ชาวเน็ตในญี่ปุ่นพากันยกให้เธอเป็น “เทพธิดาแห่งความงาม” เลยทีเดียว แรกเริ่มเดิมทีเธอทำงานอยู่ในฟาร์มแห่งหนึ่งนอกเมืองในจังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น แต่วันหนึ่งก็มีแมวมองมาพบเธอขณะทำงานที่ฟาร์มแห่งนั้นเข้า และรู้สึกตกหลุมรักในหน้าตาและเสน่ห์ของเธอ จึงมีการชักชวนให้เธอเซ็นสัญญากับค่าย FLaMme Entertainment เพื่อเป็นนักแสดงและนางแบบ หลังจากเซ็นสัญญาแล้วงานแรกของเธอก็มาถึง ในปี 2014 เธอยังได้ไปเล่น MV เพลง Divine เวอร์ชันภาษาญี่ปุ่นของเกิร์ลกรุ๊ป Girl’s Generation ก่อนที่ต่อมาเธอจะได้รับเลือกให้ไปเล่นละครทีวีเรื่อง Koinaka (Love Relationship) และหลังจากนั้นก็มีผลงานออกมาให้เราชมเรื่อยๆ MV เพลง Divine จาก Girl’s Generation ในปี 2016 เธอเริ่มมีชื่อเสียงอีกครั้งจากผลงาน MV เพลง Happy Ending…
-
ลองไหม? ยูทูบเบอร์สาว 2D ที่จะคอยชวนคุย และกินข้าวเป็นเพื่อนกับคุณ
ต่อไปนี้การกินข้าวคนเดียวอยู่ที่บ้าน หอพัก คอนโด หรือที่ไหนก็ตามแต่ จะไม่ใช่เรื่องเหงาๆ อีกต่อไป เพราะที่ญี่ปุ่นได้มีการสร้างยูทูบเบอร์สาวเสมือนจริงขึ้นมา เพื่อมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนคุณตลอดเวลาแล้ว ยูทูบเบอร์เสมือน (Virtual YouTubers) นี้มีชื่อว่า Siro เธอเป็นยูทูบเบอร์นักแคสต์เกมที่โด่งดังในโลกออนไลน์ของญี่ปุ่น เธอเล่นเกมสร้างความบันเทิงให้กับแฟนๆ มากมาย จนทำให้มีผู้ติดตามในยูทูบมากถึง 5 แสนคนแล้ว ล่าสุด Siro ได้ปล่อยคลิปใหม่ออกมา เป็นคลิปที่เธอนั่งกินข้าวอยู่ในบ้านและพูดคุยกับแฟนๆ ที่รับชมผ่านหน้าจอ และเพื่อให้เกิดอารมณ์ร่วม ผู้ชมควรหยิบอาหารหรืออะไรมานั่งกินที่หน้าจอไปด้วยกับเธอ ซึ่งเธอจะชวนคุยสัพเพเห่ระในเรื่องต่างๆ ราวกับว่านี่คือการเดตของคุณและ Siro เลย Siro จะคอยนั่งดูคุณกินอาหารอย่างสงสัยใคร่รู้ และจะคอยถามคุณว่าวันนั้นของคุณเป็นยังไงบ้าง เล่าเรื่องตลกไปเรื่อย ตลอด 20 นาที เสมือนว่าคุณมีแฟนเป็นสาว 2D Siro มักจะแสดงด้านโก๊ะๆ ตลกๆ ให้ผู้ชมของเธอได้เห็นอยู่บ่อยครั้ง เช่นครั้งหนึ่งเธอเล่นมุกใส่คนดูว่า “ฉันทำอาหารนี้ให้เรากิน แต่คุณช่วยทำความสะอาดให้ฉันด้วยนะ?” อะอ้าม ถึงนี่จะเป็นไอเดียที่ออกจะแปลกสักหน่อย…
-
ผอ. สถานีโทรทัศน์ญี่ปุ่น ใส่เสื้อยืดออกมารายงานข่าวด่วน สร้างกระแสไปทั่วประเทศ!!
กลายเป็นประเด็นที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นเกิดความสงสัยกันอย่างมากเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพราะดันมีชายคนหนึ่งโผล่มารายงานข่าวอยู่หน้ากล้องพร้อมกับใส่เสื้อยืดสีขาว แถมหน้าตาไม่เหมือนผู้สื่อข่าวแบบทุกๆ วัน ซึ่งแท้จริงแล้วเขาคือผู้อำนวยการของช่องโทรทัศน์ ทำให้ภาพการรายงานข่าวของเขาดังไปทั่วอินเตอร์เน็ต เรื่องนี้ถูกพูดถึงในโลกทวิตเตอร์ โดยเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Matomedane.jp ได้หยิบเอาเรื่องนี้มารายงาน บอกว่าชาวญี่ปุ่นจำนวนมากรู้สึกประหลาดใจกับกรณีของชายคนหนึ่งที่โผล่มารายงานข่าวแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นทางช่อง NHK ในจังหวัดชิบะ ช่วงเวลา 20.43 น. จากภาพจะเห็นชายคนหนึ่งในเสื้อยืดสีขาวธรรมดาๆ ไม่มีสูทหรือผูกเนกไทใดๆ จนเหมือนกับว่าเขาไม่ได้เตรียมตัวมารายงานข่าว แต่เป็นตากล้องหรือทีมงานที่ต้องมารายงานข่าวเฉพาะกิจมากกว่า แต่ความจริงแล้วเขาคือ Igarashi Tsuyoshi ผู้อำนวยการของช่อง NHK นั่นเอง และสาเหตุที่ชายคนนี้ออกมารายงานข่าวแบบในสภาพนี้ก็เพราะว่าในเวลานั้นไม่มีนักข่าวอยู่ที่สถานีเลย และเนื่องจากเป็นเหตุแผ่นดินไหวที่เป็นข่าวด่วน เขาจึงต้องโดดมาอยู่หน้ากล้องเพื่อรายงานข่าวแบบทันที ข้อความที่อยู่ด้านล่างเขียนชื่อ Igarashi Tsuyoshi พร้อมระบุตำแหน่งผู้อำนวยการแบบชัดเจน ภาพของผอ. นี้กลายเป็นที่สนอกสนใจของชาวเน็ตญี่ปุ่นมาก ถึงขั้นแคปแล้วส่งต่อๆ กันในทวิตเตอร์จำนวนมาก เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีคนไปตามหาเสื้อที่เขาสวมตอนรายงานข่าวด้วย ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 2,470 เยน หรือประมาณ 741 บาท เสื้อยืดของผอ. Tsuyoshi…
-
ล่ามเกาหลีอดีตผู้สื่อข่าว บอกเล่าประสบการณ์ ‘ทรัมป์’ เป็นคนที่แปลยากที่สุดที่เคยเจอ…
งานล่ามสำหรับชาวเอเชียนั้นถือว่าเป็นงานที่ท้าทายอยู่พอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบุคคลผู้มีชื่อเสียงระดับโลก และด้วยจริตของการใช้คำจะต้องให้ดูหรูหราสมกับระดับฐานะด้วย… แอน ฮยอน-โม อย่างเช่นในเรื่องงานของ แอน ฮยอน-โม อดีตผู้สื่อข่าวสถานี SBS ของเกาหลีใต้ ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์การทำงานล่าม ในช่วงงานประชุมระหว่างสหรัฐอเมริกา-เกาหลีเหนือ ที่ผ่านมา และเธอก็ได้งานล่ามแปลภาษาของประธานาธิบดีทรัมป์ เธอเปิดเผยกับทางรายการ KBS’ Happy Together 3 ว่างานที่ผ่านมา ผู้คนต่างชื่นชมในความลื่นไหลในทักษะล่ามของเธอในงานระดับโลก 2018 Billboard Music Awards ในเดือนพฤษภาคม และเธอรู้สึกว่างานล่ามให้กับทรัมป์นั้นเป็นงานที่ยากกว่ามากๆ “ฉันไม่ได้รู้สึกถึงความยากในระหว่างงาน BBMA เลยนะ แต่ที่ยากที่สุดก็คือระหว่างงานประชุมสหรัฐอเมริกา-เกาหลีเหนือ… ฉันต้องแปลคำพูดทรัมป์หลายต่อหลายรอบ เพราะเขามักจะใช้คำซ้ำๆ เดิมๆ วนอยู่หลายครั้ง อย่างเช่น ‘มาก’ ‘เยอะมากๆ’ (Great, a lot of) ถ้าล่ามต้องแปลตรงๆ เขาก็จะดูเหมือนเป็นเด็กวัยประถม (ใช้คำง่ายๆ) ฉันก็เลยเลือกใช้คำที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ‘วิเศษ’…
-
สาวอิหร่านโดนจับเพราะว่าเต้นในห้องนอน จุดกระแสต่อต้านกฎหมายห้ามเต้นในประเทศ
ในระหว่างที่ประเทศอื่นๆ ในโลกมีวิดีโอการเต้นกระจายเกลื่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ต ในประเทศอิหร่าน กลับมีหญิงสาววัย 18 ปีต้องถูกจับเพราะเต้นในห้องนอนและถ่ายคลิปลงโซเชียลมีเดีย เมื่อวันที่ศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม 2018 Maedeh Hojabri นักกายกรรมสาววัย 18 ปี ได้ออกมายอมรับว่าเธอ “ทำลายบรรทัดฐานทางศีลธรรม” ในรายการทีวีของประเทศ หลังจากที่เธอถูกจับเนื่องจากทำผิดกฎหมายของประเทศอิหร่านหลายข้อ โดยกฎหมายที่ว่านี้รวมไปถึงการแต่งกายที่ล่อแหลม และทำการเต้นรำในที่สาธารณะ เบื้องต้นคุณ Hojabri ให้การว่าการกระทำของเธอนั้นทำลงไปเพียงเพื่อดึงดูดผู้ติดตามบนอินสตาแกรมเท่านั้น โดยจากข้อมูลของแหล่งข่าวท้องถิ่นคุณ Hojabri โดนจับพร้อมๆ กับคนอื่นๆ อีก 3 คนในข้อหาเดียวกัน และได้รับการประกันตัวออกไปแล้ว ทางตำรวจกล่าวว่าพวกเขามีแผนที่จะปิดบัญชีอินสตาแกรมที่มีรูปแบบคล้ายคลึงกันนี้ทั้งหมด และอาจจะมีการบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์ดังกล่าวจากในอิหร่านอีกด้วย แม้ว่าจะฟังดูเป็นเรื่องใหญ่แต่ที่ผ่านมาทางอิหร่านก็ได้ทำการบล็อกโซเชียลมีเดียหลายๆ อย่างมาก่อนหน้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือยูทูบ ซึ่งว่ากันตามตรง ผู้ติดตามเกือบทั้งหมดของคุณ Hojabri ก็ล้วนแต่ใช้บัญชีอินสตาแกรมที่ไม่มีการตรวจสอบเช่นกัน จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้มีเสียงต่อต้านกฎหมายจากเหล่าผู้คนในประเทศเกิดขึ้น โดยเริ่มมีผู้คนจำนวนมากออกมาอัปโหลดวิดีโอการเต้นของตัวเอง พร้อมแฮชแท็กที่แปลได้ว่า “การเต้นไม่ใช่ความผิด” เพื่อสนับสนุนคุณ Hojabri อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่การจับกุมคนจากการเต้นเป็นครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้เองก็มีข่าวการถูกจับกุมเนื่องจากการเต้นปรากฏออกมาอยู่เป็นช่วงๆ แต่ในขณะเดียวกัน…
-
ปีรันย่ารึไง!! หญิงสาวมีอาการเล็บหลุดลอก แพทย์เชื่อเพราะไปแช่สปาให้ปลาตอด
บทความนี้อาจมีภาพที่น่าหวาดเสียว โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม กลายเป็นเรื่องที่ควรระวังอีกเรื่องหนึ่งของคนชอบทำสปาไปแล้ว เพราะเมื่อไม่นานมานี้ในต่างประเทศได้มีข่าวหญิงสาวไม่ระบุนามรายหนึ่ง ต้องเข้าพบกับแพทย์ผิวหนังหลังจากที่เล็บเท้าของเธอหยุดงอก และเริ่มที่จะหลุดออก อาการที่ว่านี้เรียกกันว่า “อาการเล็บหลุดลอก” หรือ “Onychomadesis” โดยตามปกติจะเกิดจากโรคร้ายหรือผลข้างเคียงจากยา อย่างไรก็ตามจากการวินิจฉัยของแพทย์ หญิงสาวผู้นี้มีอาการที่ว่า เนื่องจากเธอไปแช่สปาแบบที่ให้ปลาตอดเท้านั่นเอง Sheri Lipner ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิชาผิวหนังที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียให้ข้อมูลว่า “แม้จะยังไม่ทราบขั้นตอนที่แน่นอน แต่จากการตรวจสอบของทีมแพทย์ มีความเป็นไปได้สูงที่อาการของเด็กสาวจะเกิดขึ้นจากการที่ปลาในบ่อทำให้ตัวสร้างเล็บเท้าบอบช้ำ” การแช่สปาในรูปแบบนี้แม้ว่าจะได้รับความนิยมในเอเชีย เนื่องจากปลาจะกัดกินผิวหนังที่ตายแล้ว ทำให้มีความเชื่อว่าจะทำให้ผิดเนียนนุ่มขึ้น แต่การที่ปลามักจะถูกใช้กับคนมากกว่าหนึ่งคน ทำให้ปลามีโอกาสที่จะกลายเป็นพาหะนำโรคจากคนคนหนึ่งสู่คนอีกคนได้ ซึ่งแม้ว่าจะมีการทำความสะอาดเป็นอย่างดีผลการวิจัยก็ยังคงพบว่ามีเชื้อโรคจำนวนมากที่พบบ่อยๆ ในสปารูปแบบนี้อยู่ดี Lipner ไม่ได้มีการเปิดเผยสถานที่ที่เด็กสาวไปทำสปาปลาตอดแต่อย่างใด เนื่องจากข้อมูลนี้ถือว่าเป็นความลับของลูกค้า อีกทั้งนี่ยังเป็นกรณีตัวอย่างของอาการเล็บหลุดลอก ที่เกิดจากสปาปลาตอดอีกด้วย ทำให้ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอีกมาก รวมทั้งยังมีนักวิจัยที่ยังไม่ปักใจเชื่อในสาเหตุนี้อยู่ ส่วนหญิงสาวผู้เป็นคนคนป่วยในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะยังสามารถรักษาอาการเล็บหลุดลอกได้ อย่างไรก็ตามเธอจะต้องใช้เวลานานถึง 18 เดือนกว่าที่เล็บของเธอจะงอกจนเป็นปกติ อีกทั้งยังต้องมีการเข้าพบแพทย์ต่อไป เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนอีกด้วย ที่มา nationmultimedia, cnn, asiaone
-
ชาวเน็ตวิจารณ์รองเท้า Crocs ใหม่ดีไซน์ส้นสูง “สวยหรือพัง” เรามาดูกันเถอะ…
มีสินค้าจำนวนไม่น้อยที่ผู้คนติดภาพการออกแบบและดีไซน์ของสินค้าไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงจึงอาจทำให้ผู้คนมีความรู้สึกผิดหวังได้ อย่างเช่นล่าสุดรองเท้าของยี่ห้อ Crocs รองเท้าสวมง่ายแสนสบายสไตล์วัยรุ่นที่ได้ออกดีไซน์ใหม่มาเป็น “รองเท้าส้นสูง” ซึ่งทำเอาชาวเน็ตต่างไม่เห็นด้วยกับดีไซน์นี้ รองเท้ายี่ห้อ Crocs รองเท้าส้นสูงใหม่จาก Crocs (แถมตอนนี้ยังกำลังลดราคาอยู่ด้วยนะ) ราคาของมันอยู่ที่ราวๆ 1,760 บาท ซึ่งชาวเน็ตเองก็มองว่าดีไซน์ดูไม่เหมาะสมกับราคา ทั้งๆ ที่ทางเว็บไซต์ของ Crocs เองก็ได้อธิบายรองเท้ารุ่นนี้เอาไว้ว่า “รองเท้าส้นสูงและส้นตึกไปรเวตที่ใส่สบาย” หลายคนก็ยังวิจารณ์ว่าเป็นรองเท้าที่อยู่ครึ่งๆ กลางๆ หากต้องการรองเท้าไปรเวตสวมใส่สบายก็ควรใส่รองเท้าแตะ ซึ่งการที่รองเท้าแตะจะถูกปรับให้เป็นแฟชั่นรองเท้าส้นสูงนั้นควรจะซื้อรองเท้าส้นสูงดีๆ มาใส่แทนไม่ดีกว่าหรือ? ภายหลัง บนทวิตเตอร์ของ Crocs ก็ได้โพสต์ภาพการเปิดตัวรองเท้าส้นสูงดีไซน์ใหม่บนเวที Paris Fashion Week ที่ทำเอาชาวเน็ตถึงกับหันมาสนใจกันมากมายทีเดียว รองเท้าส้นสูง Crocs ในงาน Paris Fashion Week หลังจากโพสต์นี้ถูกเผยแพร่ไปชาวเน็ตก็เข้ามาคอมเมนต์เชิงบวกกันมากมาย เช่น “ฉันรอรองเท้ารุ่นนี้อยู่นะ” “เอามาให้ฉันเถอะ!!” “ฉันอยากได้ทุกคู่เลยล่ะ” “ไอ้บ้าเอ๊ยยย ฉันชอบมันจังเลย” แล้วเพื่อนๆ ล่ะ คิดอย่างไรกับรองเท้า…
-
แค่เห็นก็รู้สึกซี๊ด!! กับ “เทศกาลแข่งกินพริก” เทศกาลแดงเดือดที่ทุกที่เต็มไปด้วยพริก!!
มนุษย์แต่ละคนที่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ ย่อมมีความสามารถในการกินเผ็ดที่ไม่เท่ากัน บางคนนี่แม้แต่พริกที่เม็ดเดียวในส้มตำก็ยังไม่สามารถทานได้ ส่วนบางคนก็อย่างกับยอดมนุษย์จะพริกสักกี่เม็ดก็เข้ามา พวกเขาจัดการฟาดเรียบหมด ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนชอบทานพริกหรือชอบรสเผ็ดล่ะก็ ต้องไม่พลาดเรื่องนี้เลย เรื่องของเทศกาลแข่งกินเผ็ดที่ มณฑลหูหนาน เขตปกครองตนเองหนิงเซียหุย ประเทศจีน โดยปกติอาหารรสเผ็ดถือเป็นของขึ้นชื่อของมณฑลหูหนานอยู่แล้ว แต่ในเทศกาลแข่งกินพริกในครั้งนี้จะเดือดขึ้นกว่าเก่าเพราะว่าอุณหภูมิในวันเทศกาลนั้นเป็นใจเหลือเกิน พุ่งขึ้นไปถึง 40 องศาเซลเซียส เรียกได้ว่าสำหรับผู้เข้าแข่งขัน การแข่งครั้งนี้ร้อนทั้งภายในและภายนอกร่างกายเป็นอย่างแน่นอน และสำหรับผู้ชนะในปีนี้ คือคุณ Tang Shuaihui ผู้ที่เขมือบพริกเข้าไปถึง 50 ผลในเวลา 1 นาที ทำลายสถิติของ Li Yongzhi แชมป์คนเก่า ที่ทำไว้ 15 ผลใน 1 นาทีอย่างราบคาบ ว่าแต่บรรยากาศในงานจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น เราว่าเพื่อนๆ ไปชมพร้อมๆ กันดีกว่าครับ บอกเลย แค่เห็นก็รู้สึกเผ็ดแล้ว!! ดูสีหน้าของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนในขณะที่นั่งอยู่ในทะเลพริก แซ่บอีหลีเด้อ!! กินพริกก็มีความสุขได้ เขมือบกันเข้าไป สีแดงสุดลูกหูลูกตา พยายามเข้า!! ไหวมั้ยเพ่!! สำหรับใครที่อยากจะเข้าแข่งขัน…
-
คลิปชวนระทึก… เมื่อชายคนหนึ่ง “โหนอยู่นอกประตูรถไฟ” ขณะกำลังแล่นด้วยความเร็ว!!
ในช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม 2018 ทุกสิ่งทุกอย่างคงดำเนินต่อไปตามวิถีของมันอย่างที่เราคุ้นชิน แต่ไม่ใช่กับชายหนุ่มที่มีชื่อว่า Matthew Beary Matthew เล่าว่าในวันนั้นเกิดฝนตก ไม่สามารถปั่นจักรยานไปทำงานได้ เขาจึงเลือกที่จะนั่งรถไฟฟ้าสาธารณะขบวน Manhattan-bound C มุ่งตรงออกจากสถานีในเขต Clinton Hill เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา แต่ระหว่างการเดินทางอันเรียบง่าย เขาก็ได้เจอกับเหตุการณ์ประหลาด เพราะมีชายผิวดำคนหนึ่งกำลังเกาะอยู่ด้านนอกของประตูรถไฟ ขณะที่มันกำลังแล่นไปด้วยความเร็ว ชายผู้อยู่นอกรถไฟ ขณะโลดแล่น เขาก็เกาะอยู่ด้านนอกประตู เห็นแล้วรู้สึกเสียวแทน เราจะเห็นว่าชายผิวดำคนดังกล่าวยืนเกาะหลังคาอยู่ด้านนอก ราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เขาทำจนเคยชิน หันซ้ายที ขวาที ชิลล์ๆ กินลมไปตามเส้นทาง Matthew อธิบายความรู้สึกในตอนนั้นว่าตนเองตกใจและคิดว่ามันก็เจ๋งดี เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย และนั่นทำให้เขาตัดสินใจควักสมาร์ทโฟนออกมาถ่ายคลิปเก็บเอาไว้ เขาได้นำคลิปดังกล่าวโพสต์ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว เราจึงได้เห็นความล้ำหน้าที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างนี้ โดยไม่ทราบสาเหตุว่าชายคนนั้นทำไปเพื่ออะไร? ทำไมไม่เข้ามานั่งดีๆ? (หรือว่าแกชอบความหวาดเสียว) คลิปดังกล่าว (หากใครดูไม่ได้ กดที่ลิงก์ Instagram ) https://www.instagram.com/p/Bk7u8YlBTpZ/?utm_source=ig_embed แต่แน่นอนว่าการกระทำนี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ เพราะเอาจริงๆ…
-
ฮีโร่ตัวจริง กัล กาด็อท แต่งชุด “วันเดอร์วูแมน” ไปเยี่ยมเด็กๆ ในโรงพยาบาล
ต่อให้ไม่ใช่คนที่ติดตามหนังของฝั่ง DC มากนักก็ตาม แต่ชื่อว่าคงมีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักดาราสาวชาวอิสราเอล ผู้ผันตัวมาจากการเป็นทหารหญิงมาเป็นนักแสดง เจ้าของบทบาทวันเดอร์วูแมนอย่างกัล กาด็อทหรอก และล่าสุดนี้เอง เมื่อวันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา คุณดาราสาวสุดแกร่งคนนี้ก็ได้เดินทางไปยัง โรงพยาบาลเด็กไอโนวา ในเมืองแอนนันเดล รัฐเวอร์จิเนีย เพื่อเข้าไปพบปะเยี่ยมเยือนเหล่าเด็กๆ ที่นั่น เพียงแต่ดารานักแสดงไปเยี่ยมเยือนเด็กทั้งที มีเหรอที่จะไปแบบธรรมดาๆ กัล กาด็อทไปเยี่ยมเด็กๆ ในโรงพยาบาล โดยแต่งตัวเป็นไดอาน่า พรินซ์ หรือวันเดอร์วูแมนนั่นเอง https://twitter.com/WonderWomanHQ/status/1015671323849379840 การปรากฏตัวของเธอนั้น แน่นอนว่าสร้างความตกใจและรอยยิ้มให้กับเด็กๆ ในโรงพยาบาลเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะได้เห็นวันเดอร์วูแมนตัวเป็นๆ แล้ว พวกเขายังได้ใกล้ชิดกับเธอ ถึงขั้นที่ว่าเด็กๆ บางคนถูกเธออุ้มมาไว้ในอ้อมกอดเลยด้วย และนอกจากจะเล่นกับเด็กๆ แล้ว กัล กาด็อทยังใจดีโพสต์ท่าถ่ายรูปร่วมกับทีมงานของโรงพยาบาล และพบปะกับแฟนๆ วัยรุ่นที่เข้ามารักษาตัวอีกด้วย เรียกได้ว่าไปครั้งเดียวคุ้มเลยก็ไม่ผิดนัก Thank you @GalGadot for visiting us @InovaHealth Children’s Hospital. You are…
-
วินาทีช้างควบคุมไม่อยู่ “พุ่งชน” กันจนล้มขณะแสดงในเยอรมนี ท่ามกลางผู้ชมจำนวนมาก
การแสดงละครสัตว์ใน Circus Krone เมืองอ็อสนาบรึค ประเทศเยอรมนี ช้างที่ถูกนำมาแสดงนั้นเกิดควบคุมไม่อยู่ ทำให้พุ่งชนเข้ากับช้างอีกเชือกหนึ่งจนล้มลงออกจากเวทีท่ามกลางผู้ชมหลายชีวิต วิดีโอเหตุการณ์ที่ช้างพุ่งชนกันขณะแสดงละครสัตว์ โชคดีที่ไม่มีผู้ใดบาดเจ็บรุนแรง มีเพียงหญิงสาวบนหลังช้างเชือกที่ถูกชนจนล้มทำให้ตัวเธอตกลงจากหลังช้างและเกิดบาดแผลเล็กน้อย ส่วนช้างเชือกที่ถูกชนมีอาการบวมที่ขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทั้งนี้กลุ่มคนอนุรักษ์สัตว์อย่าง PETA ก็ออกมาบอกว่านี่เป็นเหตุการณ์ที่ “หลีกเลี่ยงไม่ได้” เพราะการนำสัตว์แยกออกจากฝูงหรือครอบครัวนั้นเสี่ยงต่ออันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมันถูกสั่งให้ทำการแสดง ขณะทำการแสดงใน Circus Krone นอกจากนี้กลุ่ม PETA ยังบอกอีกว่า โดยปกติแล้วช้างที่ถูกนำมาฝึกแสดงจะมีการใช้แท่งเหล็กแหลมคอยทิ่มให้เกิดพฤติกรรมที่คนต้องการอยู่เสมอ และได้นำวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวมาโพสต์ลงบนทวิตเตอร์ PETA โดยเขียนคำอธิบายว่าเป็นเหตุการณ์สะเทือนใจที่ช้างชนกันขณะทำการแสดงท่ามกลางผู้ชมจำนวนมาก จู่ๆ ช้างอีกสองเชือกก็เข้าชนช้างเชือกหนึ่ง อย่างไรก็ตามผู้ดูแลโรงละครสัตว์ Jana Mandana กล่าวว่านี่เป็นเรื่องปกติ สัตว์ในธรรมชาติย่อมมีการทะเลาะวิวาทกันอยู่เสมอ เพราะจ่าฝูงหรือลำดับอำนาจของสมาชิกฝูงนั้นบางครั้งก็เปลี่ยนแปลงได้ คนดูแลต้องใช้เหล็กแหลมเข้าทิ่มเพื่อให้ช้างรู้ตัวและหยุดพฤติกรรม อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ก็เป็นอันตรายต่อผู้ชมอย่างมาก โชคดีที่ไม่มีผู้บาดเจ็บ ปัจจุบันหลายประเทศก็ได้สั่งห้ามมีการนำสัตว์มาแสดงละครสัตว์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่มา: ladbible, peta และ NonstopNewsChannel
-
ทั้งน่ารักและน่าอายในเวลาเดียวกัน ลูกสาวเขียนชมอาหารฝีมือแม่…ที่ใช้ไมโครเวฟทำ
ว่ากันว่าเด็กมักจะแสดงออกแบบตรงไปตรงมา คิดอย่างไรก็แสดงออกมาแบบนั้นเลย อย่างเรื่องราวที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้ก็เป็นเรื่องราวการแสดงความรู้สึกของเด็กญี่ปุ่นคนหนึ่ง ที่เขียนเรียงความถึงแม่ของตัวเองแบบที่ทั้งน่ารักและน่าอายในเวลาเดียวกัน เรื่องนี้ถูกแชร์ผ่านผู้ใช้ทวิตเตอร์ @__mi__ku__ เธอได้แชร์ภาพเรียงความของลูกสาวชั้น ป.2 เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยในเนื้อหาเป็นเรียงความที่เขียนถึงสิ่งที่ลูกสาวชอบในตัวของแม่เธอ เนื้อหาของเรียงความเขียนไว้ว่า “ความภาคภูมิใจของครอบครัวของฉันคืออาหารอร่อยๆ ของแม่ อาหารที่อร่อยที่สุดของแม่คือ Prawn Pilaf (คล้ายข้าวผัดกุ้ง) วันที่แม่ทำเมนูนี้ ฉันจะร้องว่า ‘เย่’ ฉันถามแม่เกี่ยวกับเคล็ดลับในการทำมัน ดูเหมือนว่าแม่จะใช้ไมโครเวฟทำมันนะ ที่ด้านหลังของกล่อง Prawn Pilaf มันเขียนไว้ว่าให้อุ่นช้าๆ ด้วย” จากข้อความของสาวน้อย เห็นได้ชัดว่าเมนูสุดอร่อยที่แม่ของเธอทำนั้นไม่ได้เป็นเมนูที่แม่ทำเอง แต่เป็นอาหารแช่แข็งจากร้านสะดวกซื้อ ที่แค่อุ่นในไมโครเวฟก็กินได้เลย โถ่หนูน้อย พอเรื่องนี้ถูกรีทวีตออกไป ก็ทำให้ชาวเน็ตในญี่ปุ่นรู้สึกตลกขบขันกับความใสสื่อของเด็กคนนี้ยกใหญ่ “Prawn Pilaf เป็นเมนูที่อร่อยแน่นอน” “เธอน่ารักมาก” “ฉันหัวเราะเมื่อฉันอ่านนี่บนรถไฟ” “หมายความว่าอาหารที่คุณแม่ทำก็คือ…” “ทุกวันนี้อาหารแช่แข็งอร่อยแล้วนะ” ที่มา soranews24
-
ไม่น่ารักเลย… แฟนบอลอังกฤษเหิมหนัก บุกถล่มร้าน IKEA ยับ หลังคว้าชนะเหนือสวีเดน
ศึกฟุตบอลโลกกำลังทวีความเข้มข้นเรื่อยๆ ซึ่งในตอนนี้รอบ 8 ทีมได้จบลงไปแล้ว และได้ผู้เข้ารอบเหลือเพียง 4 ชาติเท่านั้น ได้แก่ ฝรั่งเศส เบลเยียม อังกฤษ และโครเอเชีย ชาติที่สามารถคว้าชัยชนะเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้าย ต่างก็แสดงความปีติยินดีกันอย่างล้นทะลัก เก็บอาการกันไว้ไม่อยู่ ซึ่งแน่นอนว่าแฟนบอลชาวอังกฤษชาตินิยมเตะบอลเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ก็จะรู้สึกมากกว่าชาติอื่นหน่อยๆ เพราะหลังจากที่สามารถคว้าชัยชนะเหนือทีมชาติสวีเดน ด้วยสกอร์ 2 – 0 แฟนบอลชาวอังกฤษบางส่วนก็ได้ทำการบุกถล่มร้าน IKEA ร้านขายของเครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านสัญชาติสวีเดน ในสาขา Stratford ประจำเมืองลอนดอน https://twitter.com/KingMo786/status/1015634554944671745 บุคคลเหล่านี้เข้าไปยืนร้องเพลง โห่ร้อง กระโดดโลดเต้นบนเตียงที่จัดแสดงเป็นสินค้าตัวอย่าง รวมไปถึงเตะข้าวของเฟอร์นิเจอร์ที่จัดโชว์ไว้ได้อย่างหน้าตาเฉย https://twitter.com/Marlz_87/status/1015636377558552577 . แม้สภาพภายในร้านจะได้รับความเสียหาย แต่ทาง IKEA สาขาอังกฤษก็ได้ทวีตข้อความแสดงความยินดีต่อทีมชาติอังกฤษ อาจเพราะด้วยสภาพที่อาจจะแบ่งร่างเป็นสองเชื้อชาติระหว่างสวีเดนและอังกฤษ ทำให้แสดงออกไม่ได้มากนัก ฮร่าา We are aware of…
-
ตำแหน่งแรกของการวาดรูป ‘ดาว’ สามารถเดาลักษณะนิสัยคุณได้ ตามความเชื่อแบบญี่ปุ่น
คนเราจะเป็นแบบไหน มีนิสัยเป็นคนยังไง ก็คงจะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเราเอง ทั้งนี้การคาดเดาลักษณะนิสัยของคนอื่นนั้นจะเป็นเรื่องที่ยาก เพราะกว่าจะรู้จักนิสัยใจคอกันก็ต้องใช้เวลามากพอสมควร เพื่อให้การคาดเดาง่ายมากขึ้น การทดสอบง่ายๆ จากประเทศญี่ปุ่นอาจจะช่วยคลายความสงสัยได้บ้าง อย่างเช่นตำแหน่งแรกที่คุณเริ่มวาดรูปดาวนี่แหละ!! การทดสอบบุคลิกภาพ จาก Getsuyo kara Yofukashi รายการวาไรตี้ของประเทศญี่ปุ่น ได้ลองให้ผู้ชมทางบ้านลองวาดภาพดาวแบบ 5 แฉกง่ายๆ แต่มันมีหลากหลายวิธีในการวาดด้วย โดยที่ทางรายการได้กล่าวไว้ว่า การวาดดาว 5 แฉกที่ไม่เหมือนกัน สามารถบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยของบุคคลนั้นๆ ได้ด้วยนะเออ และลักษณะนิสัยของแต่ละตำแหน่งที่เริ่มวาดนั้น สามารถแบ่งออกได้ทั้งหมด 5 จุดด้วยกัน จุดที่ 1 เป็นผู้นำที่มีความกระตือรือร้น จุดที่ 2 เป็นบุคคลผู้ต้องการเป็นที่รัก จุดที่ 3 เป็นบุคคลโรแมนติกช่างฝัน จุดที่ 4 เป็นคนพิถีพิถันและมีความคิดสร้างสรรค์ จุดที่ 5 เป็นบุคคลที่ต้องการมีชีวิตที่สมบูรณ์ โดยส่วนใหญ่แล้ว การวาดภาพดาว 5…
-
หนุ่มอังกฤษออกตัวแรงสัก ‘It’s Coming Home’ เอาไว้ที่แก้มก้น เชื่อมั่นอังกฤษไงก็แชมป์
เรียกได้ว่าแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่จริงๆ สำหรับทีมฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ ที่เมื่อคืน (วันที่ 7 กรกฎาคม) เพิ่งจะทะยานเข้าสู่รองรองชนะเลิศได้เป็นหนแรกในรอบหลายสิบปี นั่นจึงทำให้แฟนๆ ต่างก็แสดงความมั่นอกมั่นใจกันเต็มที่ ว่าทีมสิงโตคำรามต้องคว้าแชมป์โลกในปีนี้อย่างแน่นอน และก็มีแฟนบอลคนหนึ่งที่จะเรียกได้ว่าออกตัวแรงก็ไม่ผิด เพราะเขาได้สักลายคำว่า ‘It’s Coming Home’ เอาไว้ที่แก้มก้น!! โดยการกระทำที่ว่านี้เกิดขึ้นโดยหนุ่มวัย 21 ปีจากเขตเคนต์ ประเทศอังกฤษชื่อว่า Zak Holman ที่มีอยู่ช่วงหนึ่งเขาได้ไปพักผ่อนอยู่ที่ประเทศไซปรัสกับเหล่าเพื่อนๆ และในขณะนั้นเองที่เขาได้ตัดสินใจว่าจะสักคำนี้เอาไว้ที่บริเวณแก้มก้น เพื่อแสดงความเชื่อมั่นต่อทีมชาติของเขา ว่าในปีนี้จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองได้อย่างแน่นอน “เมื่อสัปดาห์ที่แล้วระหว่างที่อยู่ไซปรัส 1 ในหมู่เพื่อนๆ ของพวกก็บอกว่าพวกเขาจะจ่ายเงินให้ผมฟรีๆ เลยถ้าหากสักรอยนี้ และหลังจากที่อังกฤษชนะเกมแรกของการแข่งขันผมก็มั่นใจในทันทีว่าต้องเป็นแชมป์แน่ๆ แล้วในวันต่อมาผมก็เดินไปสักง่ายๆ เลย” “เพื่อนของผมแทบจะไม่เชื่อเมื่อผมบอกว่าไปสักมาแล้วจริงๆ ผมไม่มีความเสียใจต่อสิ่งที่ทำลงไปเลยสักนิด” Zak กล่าว และเมื่อมีผู้สื่อข่าวถาม Zak ว่าถ้าหากทีมชาติอังกฤษวืดแชมป์ในปีนี้ เขาจะรู้สึกเขินที่ออกตัวแรงเกินเบอร์ขนาดนี้ ซึ่งเขาก็บอกว่า “ใครบอกอย่างนั้นปีนี้อังกฤษแชมป์อยู่แล้ว พวกเรามีนักเตะพลังหนุ่มรวมถึงผู้จัดการทีมที่ไปได้สวยกับทีม แต่ถึงอย่างนั้นถ้าหากไม่ได้แชมป์ปีนี้จริงๆ เราก็อาจคว้าแชมป์ยูโรใน 2 ปีหน้า หรือบอลโลกในอีก 4…
-
เกินไป๊!! แฟนบอลอังกฤษขึ้นฉลองกระทืบ ‘รถฉุกเฉิน’ สุดท้ายพบรถพังยับ-ไปช่วยเหตุไม่ได้
แน่นอนว่าระหว่างการเชียร์ฟุตบอลสุดมันส์ เหล่าแฟนๆ ต่างก็ต้องมีอารมณ์ร่วมด้วยอย่างสุดเหวี่ยง แล้วยิ่งเป็นทีมชาติตัวเองแล้วล่ะก็มั่นใจได้เลยว่าเชียร์แทบจะสุดใจขาดดิ้น แต่ว่าบางครั้งก็ควรมีลิมิตไม่ให้เลยเถิดไปเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นแล้วล่ะก็อาจจะเหมือนกับเหตุการณ์นี้ ที่แฟนบอลสนุกกันเกินเหตุขึ้นไปเหยียบเต้นแร้งเต้นกาบนรถฉุกเฉิน จนสุดท้ายแล้วรถพังกระจกแตกรวมถึงยังทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถใช้ยานพาหนะคันนี้ไปช่วยเหตุที่ได้รับแจ้งมาอีกด้วย โดยเรื่องที่ว่านี้เกิดขึ้นในระหว่างเกมการแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ทีมชาติอังกฤษสามารถเอาชนะทีมชาติสวีเดนไปได้ 2 – 0 ประตู ซึ่งหลังจากการแข่งขันจบลงเรียบร้อยแล้ว เหล่าแฟนบอลอังกฤษทั้งหลายที่อยู่ในบริเวณตลาด Borough ก็พากันไชโยโห่ร้องกันด้วยความดีใจ การเฉลิมฉลองที่ว่านี้เริ่มมีระดับเลเวลที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งแฟนบอลได้เริ่มปีนป่ายขึ้นไปวาดลวดลายบนรถฉุกเฉินคันหนึ่งที่จอดอยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งก็มีทั้งสาวๆ ที่ขึ้นไปอวดทรวดทรงองค์เอวโยกย้ายส่ายสะโพกอย่างพลิ้วไหว รวมถึงชายถอดเสื้อคนหนึ่งที่ขึ้นไปประกาศศักดา หลังจากได้ยินเสียงเรียกร้องว่า ‘พวกเราต้องการแจ็กกี้ ชาน’ หลังจากการเฉลิมฉลองสิ้นสุดลงก็พบว่าบริเวณฝากระโปรงหน้าของรถเกิดบุบเสียหาย กระจกหน้าแตกร้าวรวมถึงกระจกมองข้างด้วย และทางหน่วย London Ambulance ก็ได้ทวีตถึงเหตุการณ์นี้ว่า ทวิตเตอร์ของหน่วยฉุกเฉิน We're delighted with the result, but this has put a big…
-
คุณยายขว้างเด็กแรกเกิดลงพื้น หลังลูกสาววัย 15 คลอดลูกกลางถนน
เมื่อวันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม บนถนนในเมืองเจียซิง มณฑลเจียงซู ประเทศจีนได้มีเหตุเด็กสาววัย 15 ปีรายหนึ่งให้กำเนิดเด็กทารกเพศหญิง ต่อหน้าผู้เป็นแม่ที่มาทราบในภายหลังว่าชื่อหลิน แต่แทนที่หลินจะดีใจกับการที่ตัวเองได้เป็นคุณยาย ทันทีที่หญิงสาวได้รับหลานสาว เธอก็ทำการโยนเด็กคนดังกล่าวไปบนทางเท้า พลางอ้างว่าลูกสาวของเธอนั้น “เด็กเกินว่าจะเป็นแม่” และพวกเธอไม่สามารถเก็บเด็กคนนี้ไว้ได้ ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจาก dailymail ภาพที่ออกมานั้นทำร้ายจิตใจของคนที่เดินผ่านไปมามาก พวกเขาจึงกรูกันเขาไปมุงดูอาการของเด็กน้อย ในขณะที่คนกลุ่มหนึ่งเข้าไปเจรจากับคุณหลิน ดูเหมือนว่าเด็กสาววัย 15 ปีที่ไม่ระบุชื่อจะเป็นนักเรียนที่เรียนอยู่ในเมืองซูโจว เมืองที่อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุไปราวๆ 300 กิโลเมตร เด็กน้อยถูกคนที่ผ่านไปมาช่วยกันดูแลเป็นการชั่วคราว เธอกลับมาที่บ้านเนื่องจากอยู่ในช่วงวันหยุดฤดูร้อน และไม่ได้บอกกับทางบ้านว่าเธอท้อง ดังนั้นเมื่อเด็กสาวมีอาการเลือดไหลออกจากท้องคลอด และปวดท้องอย่างหนัก ผู้เป็นแม่จึงตั้งใจจะพาลูกสาวไปตรวจที่โรงพยาบาล แต่ระหว่างทางก็คลอดลูกออกมาเสียก่อน เมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วลูกสาวของเธอคลอดลูกออกมา คุณหลินผู้เป็นแม่จึงโกรธจนควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ จะสังเกตได้ว่า เด็กน้อยได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ หลังจากเหตุการณ์สงบลง เด็กน้อยก็ได้รับการนำตัวส่งโรงพยาบาล พร้อมๆ กับเด็กสาววัยรุ่นผู้เป็นแม่ โดยเด็กทารกได้รับบาดเจ็บและมีอาการบวมที่ศีรษะ ส่วนคุณแม่วัยใสยังเหลือรกอยู่ภายในครรภ์ และต้องได้รับการผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อเอารกออกมา ส่วนคุณยายหลินที่ใจเย็นลงบ้างแล้ว ได้ถูกทางตำรวจควบคุมตัวและถูกเตือนถึงโทษของการทิ้งเด็กแรกเกิด โดยเธอให้สัญญาว่าจะหาแผนการดูแลเด็กที่เกิดมา หลังจากที่ลูกสาวฟื้นตัวจากการรักษาต่อไป ที่มา kankanews, dailymail, mirror
-
สาวเกาหลีชุมนุมต่อต้านการแอบถ่าย กลายเป็นการประท้วงหญิงล้วนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
สำหรับประเทศแบบเกาหลีใต้แล้ว ปัญหาการแอบถ่ายกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่มากๆ ปัญหาหนึ่งของชาติเลยก็ว่าได้ เพราะแม้ว่าในประเทศแห่งนี้ การเผยแพร่ภาพลามกอนาจารจะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่ในทุกๆ วันกลับมีภาพและวิดีโอแอบถ่ายจำนวนมากถูกเผยแพร่ออกมาในอินเตอร์เน็ตอยู่ทุกวันอยู่ดี และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้สาวๆ กว่าหนึ่งหมื่นคนต้องออกมาชุมนุมกันในกรุงโซลเมื่อวันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม 2018 เพื่อเรียกร้องให้มีการปราบปรามสื่อลามกและการแอบถ่ายอย่างจริงจัง จนกลายเป็นการชุมนุมหญิงล้วนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไป การประท้วงครั้งล่าสุดนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ตำรวจได้ทำการจับกุมหญิงสาววัย 25 ปี ที่แอบเข้าไปถ่ายรูปนักศึกษาชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นนายแบบเปลือยให้แก่นักศึกษาวิชาศิลปะของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และแชร์ภาพที่ว่าลงบนโลกออนไลน์ อย่างไรก็ตามการจับกุมอย่างรวดเร็วในครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการดำเนินการที่รวดเร็วเนื่องจากผู้กระทำผิดเป็นผู้หญิง ในขณะที่หากเป็นกรณีที่สาวๆ ตกเป็นเหยื่อทางตำรวจกลับเลือกที่จะนิ่งเฉย เนื่องจากไม่สามารถหาหลักฐานเอาผิดเว็บไซต์ที่มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ในต่างประเทศได้ นอกจากนี้ตัวเลขของคดีแอบถ่ายที่มีการแจ้งความกับทางตำรวจยังเพิ่มขึ้นจาก 1,100 คดี ในปี 2010 ขึ้นไปเป็น 6,500 คดีในปี 2017 จนทำให้ผู้หญิงจำนวนมากในประเทศ รู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่มีความปลอดภัยในการใช้ชีวิตส่วนตัวเลย และแม้แต่ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ นายมุน แจ-อินเองก็ออกมายอมรับว่าปัญหาการแอบถ่ายในประเทศนั้น มากมายจน “กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต” ไปเสียแล้ว และหากปล่อยไว้ต่อไปจะต้องส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อประเทศในสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน “ชีวิตของฉันไม่ใช่หนังโป๊ของคุณ” คำพูดที่แพร่หลายที่สุดในการชุมนุมครั้งนี้ เขายังบอกอีกว่าผู้กระทำผิดไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย “ควรที่จะถูกลงโทษรุนแรงกว่าความเสียหายที่พวกเขากระทำ” และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ค้นหาการลงโทษที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับคดีเหล่านี้นั่นเอง ที่มา bbc, nbcnews, scmp, standardmedia
-
แม่ชาวบราซิล บังคับลูกน้อยวัย 2 ขวบ ให้กิน “อาหารหมา” พร้อมอัดคลิปวิดีโอ
*****บทความต่อไปนี้ อาจมีภาพและเนื้อหาที่รุนแรง***** เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา ในอินเตอร์เน็ตได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโออันน่าสะเทือนขวัญ ที่เผยให้เห็นเด็กน้อยวัย 2 ขวบรายหนึ่ง ถูกบังคับให้กินอาหารหมาในชาม โดยคุณแม่ของเขา จากรายงานเผยว่า เหตุการณ์ในคลิปวิดีโอเกิดขึ้นที่เมือง Trindade ประเทศบราซิล ซึ่งภายในคลิปที่น่าหดหู่นี้ เราจะได้ยินเสียงแม่ของเด็กน้อยที่กำลังสั่งให้ลูกเขากินอาหารในท่าที่เหมือนสัตว์ “เดี๋ยวนะ แกกินข้าวกลางวันรึยัง??” เสียงของหญิงที่คาดว่าเป็นแม่ของเด็กน้อยกล่าว เด็กน้อยก้มหน้าก้มตากินอาหารสุนัขที่อยู่ในชาม ก่อนที่หญิงคนดังกล่าวจะหัวเราะออกมา จากรายงานของสื่อท้องถิ่นเผยว่า เด็กน้อยรายนี้มีปัญหาทางด้านพัฒนาการ และเขามีอาการป่วยหลังจากที่กินอาหารสุนัขเข้าไป คุณย่าของหนูน้อยให้ได้โพสต์คลิปวิดีโอดังกล่าวลงในโลกออนไลน์ พร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า แม่ของเด็กส่งวิดีโอนี้มาให้เธอพร้อมกับข้อความเยาะเย้ย “มาทำอาหารกลางวันให้ผมทีครับคุณย่า ตอนนี้ผมหิวจนต้องหาอะไรกินก่อนแล้ว” ข้อความที่คุณย่าอ้างว่าได้รับจากแม่ของเด็ก ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำการสอบสวนเรื่องดังกล่าวกับคุณแม่และป้าของเด็ก ซึ่งเชื่อว่าเป็นคนที่อัดคลิปวิดีโอดังกล่าว เจ้าหน้าที่ให้สัมภาษณ์ว่าทั้งสองอาจถูกดำเนินคดี ถ้าหากพบว่ามีความผิดจริง “คุณย่าไปที่บ้านของพวกเขาทันทีหลังจากที่ได้รับคลิปวิดีโอนี้ และพบว่าเด็กมีอาการป่วย จากนั้นเธอจึงมาแจ้งความ” คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางด้านทนายความของทางฝ่ายครอบครัวได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เบื้องต้นทางครอบครัวได้ให้การปฏิเสธพร้อมกับบอกว่าเจ้าหนูรายนี้เป็นที่รักของคนในครอบครัว พวกเขาไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายเด็กหรือดูถูกเด็ก พร้อมกับบอกว่าการที่คุณย่านำคลิปวิดีโอดังกล่าวไปโพสต์นั้นอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ ที่มา thesun, mirror
-
นาทีระทึกขวัญ!! สองพ่อลูกห้อยต่องแต่งอยู่บนซิปไลน์ เหนือบ่อจระเข้
#เหมียวโคบี้ เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นมนุษย์คนใด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรอยู่ในโลกนี้ก็ตาม ย่อมเคยพบเจอกับวันซวยกันทั้งๆ นั้น ขึ้นอยู่ว่าจะซวยมากซวยน้อยเท่านั้นเอง แต่ไม่ว่าคุณจะเจอวันซวยมาขนาดไหนมาก็ตาม เมื่อมาเจอกับเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันแล้ว มันจะกลายเป็นเรื่องจิ๊บๆ ไปเลย เพราะเรื่องที่เราจะนำมาให้ได้ดูกันวันนี้ เป็นเรื่องของพ่อและลูกชายคู่หนึ่งที่ไปติดค้างอยู่ระหว่างโหนสลิง แต่ยิ่งกว่าอื่นใด พวกเขาห้อยต่องแต่งอยู่บนบ่อจระเข้นี่สินะ เรียกได้ว่าเป็นภาพที่หวาดเสียวมาก หากต้องตกลงไปล่ะก็คงต้องเป็นอาหารอันโอชะของเหล่าจระเข้ผู้หิวโหยอย่างแน่นอน วินาทีเกิดเหตุ จากภาพวิดีโอที่ถูกบันทึกไว้ เหตุเกิดขึ้นที่ฟาร์มจระเข้ Gatorland ในรัฐฟลอริดาในช่วงวันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา โดยผู้ที่ถ่ายวิดีโอพูดในวิดีโอว่า “หากคุณคิดว่าคุณกำลังมีวันแย่ๆ แล้วล่ะก็…” และก็หันกล้องไปทางสองพ่อลูกพร้อมพูดว่า “ให้ผมแสดงให้เห็นว่าวันแย่ๆ ของจริงมันเป็นอย่างไร” เราจะเห็นได้จากในวิดีโอว่ามีสองพ่อลูกห้อยต่องแต่งอยู่เหนือจากบ่อจระเข้ไป 12 เมตร ทำได้เพียงแต่ต้องรอการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ Nick Cahippina ผู้จัดการ Gatorland ได้ให้สัมภาษณ์ว่ากรณีที่มีคนติดอยู่ระหว่างการโหนสลิงเกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย แต่ทางเราก็มีเจ้าหน้าที่ที่ฝึกเพื่อมารับมือกับสถานการณ์นี้อย่างดีและได้กล่าวเพิ่มเติมว่าทั้งสองคนไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเลย ปกติแล้วการช่วยเหลือในกรณีนี้จะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที แต่เนื่องจากน้ำหนักและลมกระโชกแรงทำให้การช่วยเหลือต้องเพิ่มเวลาเป็น 20-25 นาที แต่สุดท้ายแล้วพนักงานก็สามารถช่วยสองพ่อลูกลงมาได้อย่างปลอดภัย ที่มา…
-
ภาพแรกของ “Rescue Pod” อุปกรณ์ช่วยเหลือทีมหมูป่าจาก Elon Musk ที่ใช้เวลาทำ 8 ชั่วโมง
หลังจากที่ Elon Musk ได้ออกมาประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่าจะออกแบบและสร้างอุปกรณ์ช่วยเหลือ 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ภายในเวลา 8 ชั่วโมง แม้จะดูเป็นตัวเลขที่เป็นไปได้ยาก แต่ตอนนี้เจ้าอุปกรณ์ที่ว่าก็เสร็จสมบูรณ์และกำลังถูกส่งมายังประเทศไทยแล้ว!! ล่าสุดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เว็บไซต์ madriverunion.com ได้เปิดเผยหน้าตาของเจ้า “Rescue Pod” ที่ทีมงาน SpaceX ของ Elon Musk และบริษัท Wing Inflatables ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตอุปกรณ์ทางน้ำ ได้ช่วยกันออกแบบ ผลิต และทดสอบ ก่อนจะส่งมันขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของเขามาช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิตที่ไทย Rescue Pod คือการออกแบบอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายกระสวยที่สามารถจุ่มลงไปในน้ำได้ มันมีถังออกซิเจนเพียงพอที่จะให้คนคนหนึ่งหายใจ มีขนาด 7 ฟุต หรือประมาณ 2.1 เมตร กว้างเพียงพอสำหรับให้คนเข้าไปนอนได้ เมื่อกางออกมาแล้วจึงส่งเด็กๆ เข้าไปอยู่ในนั้น จากนั้นจึงใช้การลากจูงกระสวยกู้ภัยนี้ออกจากถ้ำ ซึ่งพื้นผิวของมันมีความแข็งแรงพอที่จะสามารถรองรับสภาพพื้นผิวขรุขระในถ้ำได้ ทั้งนี้ทีมงานต้องช่วยกันทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำเพื่อแข่งกับเวลา พวกเขาต้องใช้พนักงานกว่า 30 คนในการเร่งทำ…
-
นักอเมริกันฟุตบอลเซอร์ไพรส์แม่และน้องด้วยบ้านหลังใหม่ เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความยินดี!!
หลายๆ ครั้งที่เราอยากมอบของขวัญตอบแทนความรักที่เราได้รับมาตลอดทั้งชีวิตจากคนในครอบครัว และนั่นคงเป็นหนึ่งในแรงผลักดันให้กับนักอเมริกันฟุตบอลชื่อดังอย่าง Marquise Goodwin นักกีฬาวัย 27 ปีคนนี้ได้ทำหนึ่งในความฝันของตัวเองให้เป็นจริง เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2018 เขาได้โพสต์คลิปลงอินสตาแกรมส่วนตัว เผยให้เห็นการเซอร์ไพรส์สุดซาบซึ้งที่เขามอบให้กับแม่และน้องสาว นักกีฬาหนุ่มปิดตาพาแม่ Tamina และน้องสาว Deja ไปพบกับของขวัญสุดเซอร์ไพรส์ สิ่งที่เขามอบให้ก็คือบ้านหลังใหม่ สิ่งที่จะเติมเต็มความเป็นอยู่ของครอบครัว รวมถึงความรักความอบอุ่น เรียกน้ำตาของคนเป็นแม่และความปีติยินดีของน้องสาวผู้ป่วยเป็นโรคสมองพิการ เขาเปิดตาให้ทั้งสองพบกับของขวัญที่เตรียมไว้ บ้านหลังใหม่ที่ทุกคนใฝ่ฝันถึง เขาเขียนข้อความเอาไว้ว่า “ผมรู้ครับแม่ ผมรู้สึกได้ถึงความยินดีจากคลิปนี้ เราสามารถก้าวผ่านอุปสรรคทุกอย่างมาด้วยกัน ผมรักแม่มากจริงๆ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง โดยเฉพาะกำลังใจและคำอวยพรที่แม่มอบให้ผมกับน้องสาว” คลิปการเซอร์ไพรส์สุดซาบซึ้ง ของขวัญชิ้นนี้เป็นผลมาจากการสร้างผลงานที่ดีในการแข่งขันซีซั่น 2017 ที่ผ่านมา หลังทีม ซานฟรานซิสโก 49ers ต่อสัญญากับเขาเป็นเวลา 3 ปี ได้รับเงินเป็นจำนวนกว่า 662 ล้านบาท นอกจากที่เขาจะพูดถึงแม่แล้ว เขายังเคยพูดถึงแรงบันดาลใจในชีวิตที่ได้รับมาจากน้องสาวผู้พิการอีกด้วย…
-
จากประเด็นนักข่าวเกาหลีถูกสาวรัสเซียจุ๊บ ถูกถกเถียงกันว่านี่มันล่วงละเมิดทางเพศรึเปล่านะ?
“นักข่าว” เป็นอาชีพที่ทำให้เราสามารถรับรู้ข่าวสารบ้านเมืองได้อยู่ตลอดเวลา และเป็นอาชีพที่ต้องไปลงพื้นที่จริงๆ อยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นกลางสงคราม กลางป่า หรือไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะสภาพอากาศจะเป็นอย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ต้องไป ทำให้บางครั้งพื้นที่ต่างๆ ที่พวกเขาไปทำข่าวอาจจะได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมหรือผู้คนท้องถิ่นเช่นอาจจะถูกลูกหลงจากการยิงกันหรืออาจจะถูกผู้คนในท้องถิ่นนั้นๆ มารบกวน อย่างเช่น Jeon Gwang-ryeol นักข่าวชาวเกาหลีที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เขาเป็นนักข่าวของช่อง MBN และได้ลงพื้นที่เพื่อรายงานข่าวฟุตบอลโลกอยู่ในรัสเซีย แต่จู่ๆ ก็ดันถูกสาวรัสเซียสองคนเข้ามาจูบแก้มซะอย่างงั้น ชาวเน็ตหลายคนเลยตั้งแง่ ว่านี่มันคือการล่วงละเมิดทางเพศ (Sexual Harassment) รึเปล่านะ ในวันที่ 28 มิถุนายน 2018 Jeon Gwang-ryeol ได้ทำหน้าที่บรรยายข่าวภาคสนามตามปกติของเขา แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ถูกสองสาวรัสเซียเข้ามาจุมพิตอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว จุ๊บครั้งที่หนึ่ง สาวคนที่สองเข้ามาจุ๊บอีกครั้ง แต่หลังที่วิดีโอนี้ได้เผยออกไปในโลกออนไลน์ ก็ได้กลายเป็นกระแสในโซเชียลมีเดียของประเทศจีน มีการถกเถียงกันต่างๆ นานา ว่านี่มันคือการล่วงละเมิดทางเพศรึเปล่านะ บ้างก็ว่า “นี่มันล่วงละเมิดทางเพศไม่ใช่เหรอ” “นี่มันล่วงละเมิดทางเพศชัดๆ” “นี่มันล่วงละเมิดทางเพศนะ ไม่ใช่เรื่องตลกเลย…” บางส่วนก็เห็นต่างออกไปว่า “ไม่ใช่การล่วงละเมิดทางเพศ…
-
ชายอังกฤษโดนไล่ออกจากงานของตัวเอง หลังโพสต์เหยียดความตายชาวซิก
ในสังคมโซเชียลมีเดีย หลายๆ ครั้งคนเราก็มักจะทำอะไรที่ทำร้ายจิตใจคนอื่นลงไปอย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ถ้อยคำที่รุนแรง การกลั่นแกล้งผู้อื่น หรือแม้แต่การเหยียดชนชาติ นั่นเป็นเพราะในหลายๆ ครั้ง การกระทำบนโลกโซเชียลมักจะไม่มีผลกระทบโดยตรงตามมาถึงตัวผู้โพสต์ และน้อยครั้งนักที่การกระทำบนอินเตอร์เน็ตจะถูกสืบสาวมายังชีวิตจริง แต่มันก็ใช่ว่าจะเป็นอย่างนั้นเสมอไป เพราะสำหรับผู้ใช้โซเชียลนาม Dillon Mazzei แล้ว เขาต้องสูญเสียงานของตัวเองไป เพราะการโพสต์เหยียดชนชาติ เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีข่าวการเสียชีวิตของนาย Sohan Singh Sidhu วัย 65 ปี ผู้สูงอายุชาวซิกที่มาร่วมขบวนแห่วันแคนาดา ก่อนที่จะพลัดตกจากรถกระบะที่มารับ และถูกรถลากที่พ่วงมากับรถ ทับจนถึงแก่ความตาย แต่เมื่อนาย Dillon Mazzei ผู้ซึ่งทำงานขับรถโฟล์คลิฟท์ให้กับบริษัท TerraLink เห็นข่าวที่ว่านี้เข้า เขากลับโพสต์แสดงความสะใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเสียอย่างนั้น ไอ้พวกฮินดู ไม่น่าไปนั่งบนท้ายรถที่กำลังวิ่งอยู่แล้ว น่าเสียดายไม่ตกไปตายกันให้มากกว่านี้ แน่นอนว่าการโพสต์ที่เหยียดชนชาติสุดๆ แบบนี้ ย่อมต้องได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตอย่างรวดเร็ว และแม้ว่าเจ้าตัวจะชิงปิดโซเชียลหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าทางบริษัท TerraLink ที่เขาทำงานอยู่จะไม่พอใจกับการกระทำของเขาสักเท่าไหร่ TerraLink ขอแสดงความต่อต้านการเหยียดชนชาติและแสดงการแสดงความเกลียดชังที่มีการโพสต์ลงใน Facebook เมื่อวานนี้ บุคคลดังกล่าวไม่ได้สะท้อนถึงแนวคิดของบริษัทเรา และเขาได้ทำสิ่งเหล่านี้ลงไปเอาโดยที่เราไม่ทราบ พวกเราต่อต้านมุมมองของเขาโดยสิ้นเชิง และขอแจ้งว่าทางเราขอยุติการจ้างงานระหว่างเขากับ…
-
เจ้าสาวต้องเป็นม่าย หลังเจ้าบ่าวตายเพราะมะเร็งปอด ขณะไปฮันนีมูนได้แค่ไม่กี่วัน
เคยมีคนกล่าวไว้ว่า วันแต่งงานเป็นวันที่คนเรามีความสุขที่สุดในชีวิต แต่คนเราจะรู้สึกอย่างไรกันนะ หากคนที่เราแต่งงานด้วย จากเราไปในเวลาไม่ถึง 8 วันหลังจากวันอันแสนสุขที่ว่านั้น นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับ Aimee Simms หญิงสาววัย 33 ปีผู้เข้าร่วมงานแต่งกับ Alan Simms วัย 31 ปี ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินทางไปฮันนีมูน กันที่ประเทศกาบูเวร์ดี (เคปเวิร์ด) แต่แล้วในคืนหนึ่งระหว่างการฮันนีมูนนั่นเอง Alan ก็มีอาการคลื่นไส้และปวดท้องอย่างหนัก จนต้องโทรเรียกพยาบาลฉุกเฉินมาตรวจดู พยาบาลเชื่อว่า Alan ป่วยเป็นอาหารเป็นพิษ จึงได้ให้ยาแก่เขาก่อนที่จะบอกให้ชายหนุ่มไปตรวจเพิ่มเติมที่คลินิกในเช้าวันถัดไป ในตอนนั้นอาการของ Alan ทรุดลงเป็นอย่างมาก ร่างกายของเขาอ่อนแอมากจนทีมแพทย์ต้องคอยสังเกตสัญญาณชีพจรของเขาอยู่ตลอดเวลา แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่สามารถยื้อชีวิต Alan ไว้ได้อยู่ดี Alan ผู้เสียชีวิตและ Aimee ภรรยาของเขา Aimee รู้สึกตกใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะสำหรับเธอแล้วสามีของเธอแลดูร่างกายอย่างดี และร่างกายแข็งแรงมาตลอด และอาการอาหารเป็นพิษที่เธอเคยเห็นมาก็ไม่เคยรุนแรงจนขึ้นขั้นทำให้คนเสียชีวิตด้วย แต่แล้วในผลการชันสูตรศพ กลับออกมาว่าอาการที่สามีของเธอเป็นนั้นไม่ใช่อาหารเป็นพิษ แต่เป็นโรคมะเร็งในปอดต่างหาก แม้ว่าที่ผ่านๆ มาเขาจะไม่เคยมีอาการของโรคมะเร็งเลยก็ตาม “เขาไม่เคยมีสัญญาณของมะเร็งปอดเลย เขาไม่ได้ไอหรือหายใจไม่สะดวก ไม่มีอาการอะไรทั้งนั้น” Aimee กล่าว หลังจากการจากไปของสามีที่เป็นที่รัก Aimee ก็บินกลับยังบ้านของเธอในมอร์ลี่ย์ประเทศอังกฤษ ก่อนที่ร่างของสามีเธอจะถูกส่งข้ามประเทศตามาในอีกสองวันต่อมา เธอต้องจัดงานศพให้กับสามีที่เพิ่งได้แต่งงานกันได้เพียง 8…
-
จีนตั้งค่าหัว “มวนเพชฌฆาต” สิ่งมีชีวิตอันตราย แจ้งเบาะแสปั๊บ รับไปเลยตัวละ 40 บาท!!
Kissing Bug หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ มวนเพชฌฆาต เป็นแมลงที่มีถิ่นกำเนิดมาจากฝั่งลาตินอเมริกา ก่อนที่จะแพร่ขยายไปสู่อเมริกาเหนือ ยุโรป โอเชียเนีย และเอเชีย หน้าตาของแมลงชนิดนี้ ความน่ากลัวของเจ้าแมลงชนิดนี้คือพวกมันมักจะเข้าจู่โจมเราในตอนหลับ กัดบริเวณใบหน้าหรือฝีปากเพื่อดูดเลือดและปล่อยเชื้อที่มีชื่อว่า Chagas เชื้อ Chagas จะเป็นในรูปแบบของปรสิตที่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดของมนุษย์ อยู่ในร่างกายของเราได้นาน 20-30 ปีโดยไม่รู้ตัว อาการหลังได้รับเชื้อนี้ได้แก่ หน้าบวม มีไข้ อ่อนแรง ก่อนที่จะส่งผลไปยังระบบประสาท ระบบย่อยอาหาร การทำงานของหัวใจ หรืออาจทำให้เราเสียชีวิตได้ในทันที ปัจจุบันยังคงไม่มีวัคซีนสำหรับการรักษาเชื้อ Chagas ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้เจ้ามวนเพชฌฆาตถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นภัยอันตรายกับชีวิตของเรา มักพบเจอได้ในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ กองท่อนไม้ หรือเล้าไก่ ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2018 ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเมืองกว่างโจว ประเทศจีน จึงได้ออกประกาศบนสื่อโซเชียลมีเดีย ขอให้ประชาชนช่วยกันแจ้งเบาะแสของแมลงชนิดนี้ พวกเขาแจ้งว่าหากชาวบ้านคนไหนพบเห็นและแจ้งเบาะแสให้ทราบจะมอบเงินรางวัลให้ 8 หยวนต่อ 1 ตัว (40 บาท) ส่วนใครที่นำมันมาส่งมอบด้วยตัวเองก็จะได้รับการตรวจสุขภาพฟรีเพิ่มเติม …
-
รวมภาพบรรยากาศ “ชาวอังกฤษติดบอล” เมื่อคู่บ่าวสาวดันแต่งงานกัน ในวันแข่งขันบอลโลก!!
เชื่อว่าหลายๆ คนคงทราบกันดีว่า ชาวอังกฤษ นั้นถือว่าเป็นชนชาติที่คลั่งไคล้กีฬาฟุตบอลเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่ใช่แค่เป็นเฉพาะหลักๆ กับผู้ชายเท่านั้น แต่แทบทั้งประเทศต่างก็เป็นแฟนบอลตัวยงกันทั้งนั้น และล่าสุดเมื่อวานนี้ (7 กรกฎาคม 2018) ทีมชาติอังกฤษ ได้ปะทะกับทีมชาติสวีเดน ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ก่อนที่อังกฤษจะเอาชนะไปได้ด้วยคะแนน 2 ประตูต่อ 0 เข้าไปรอในรอบรองชนะเลิศ ความบ้าบอลในประเทศอังกฤษได้ส่งผลกระทบไปถึงงานแต่งงานของคู่บ่าวสาวหลายๆ คู่ เมื่อพวกเขาดันมาจัดงานแต่งตรงกับวันและเวลาของการแข่งขันฟุตบอล แล้วความฮาก็บังเกิด เมื่อแขกเหรื่อที่มาร่วมงานไม่มีกะจิตกะใจจะแสดงความยินดีกับคู่รักสักเท่าไหร่ เพราะในหัวของพวกเขาตอนนั้นหวังที่จะได้นั่งดูการแข่งขันสุดเดือด ลุ้นเข้ารอบรองชนะเลิศ ว่าแล้วเราก็ลองไปชมบรรยากาศงานแต่งงานเหล่านี้กัน แสดงให้เห็นเลยว่าพวกเขาเลือกแต่งผิดวันจริงๆ ไปแต่งกันหลังบอลจบไม่ได้ใช่มั้ย?! งั้นก็ดูมันในงานซะเลย!! เจ้าสาวจะทำอย่างไรได้ล่ะทีนี้ งานแต่งนี้ถึงกับต้องเลื่อนพิธีให้ช้าลง เพื่อรอให้ฟุตบอลแข่งจบก่อน นอกจากจะโอบกอดคู่รักแล้ว อย่าลืมโอบกอดกีฬาที่คุณรักด้วยนะ แม้จะไม่มีจอมาตั้ง แต่อย่างน้อยก็มีผลมาให้ดูกันนะ ที่เฮไม่ใช่เพราะดีใจกับคู่รัก แต่เมื่อกี้ Maguire เพิ่งโหม่งขึ้นนำไป แถมๆๆ… ไม่ใช่แค่ในอังกฤษ แม้แต่ประเทศเดนมาร์ก ก็ไม่ต่างกัน…
-
ครูจีนถูกโรงเรียนไล่ออกหลังจากตบหน้านักเรียนอย่างรุนแรง จนต้องเข้าโรงพยาบาล…
คุณครูเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อแม่คนที่สองของเด็กๆ เพราะหลังจากที่ผ่านพ้นมือของพ่อแม่มาเข้าโรงเรียน ก็ได้คุณครูแต่ละคนนี่แหละที่เป็นคนสั่งสอนประสบการณ์ความรู้ให้แก่เด็กๆ เพื่อโตไปเป็นคนที่ดีของสังคม แต่ก็มีคุณครูบางท่านที่ประพฤติตัวไม่สมควรกับเด็กอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานเด็กเยอะเกินไป การระบายอารมณ์กับเด็กหรืออาจจะเป็นการลงโทษเด็กที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ เหมือนอย่างกับกรณีของของคุณครูที่เรานำมาให้เพื่อนๆ ชมกันในวันนี้ เป็นคุณครูที่สอนอยู่ในมณฑลเจียงซู ประเทศจีนเขาต้องถูกไล่ออกหลังจากตบหน้าเด็กอย่างรุนแรงหลายที จนทำให้เนื้อเยื่ออักเสบ มีรอยฟกช้ำ และสูญเสียการได้ยินไปบางส่วน เรื่องมีอยู่ว่า ในคาบเรียนของคุณครูชื่อ Sun Yingchun มีนักเรียนคนหนึ่งชื่อเล่นว่า Xiaochen ได้ทำการพูดคุยระหว่างที่เขากำลังสอนอยู่ เขาจึงให้ Xiaochen ออกมาที่หน้าชั้นและตบเขาอย่างแรงเป็นจำนวนทั้งหมด 12 ครั้งท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมชั้นมากมาย เหตุการณ์จบลงด้วยการที่ Xiaochen นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนมัธยมปลาย Suyu ต้องเข้าโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนจากรอยฟกช้ำที่และมีอาการบวมบนใบหน้าตามที่เราเห็นได้จากภาพข้างล่างนี้ หลังจากเหตุการณ์นี้ทางโรงเรียนมัธยม Suyu ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบโดยการไล่อาจารย์ Sun ออกไปและจะไม่จ่ายค่าชดเชยให้แก่เขา อีกทั้งทางฝ่ายบริหารของโรงเรียนก็จะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดของ Xiaochen อีกด้วย รวมถึงจะช่วยให้คำปรึกษาแก่เขาและยอมรับที่จะให้เขาย้ายโรงเรียนตามที่เขาปรารถนาอีกด้วย ส่วนทางคุณแม่ของ Xiaochen ได้พูดถึงกรณีของอาจารย์ Sun ว่า “ฉันไม่รู้ว่าลูกของฉันทำอะไรไปบ้างที่โรงเรียน ถึงถูกลงโทษแบบนี้…แต่คนที่ขาดความรับผิดชอบแบบนี้สมควรที่จะเป็นครูงั้นเหรอ? ลูกของฉันไม่ได้มีเพียงอาการบาดเจ็บทางกายภาพเท่านั้นนะ แต่ทางจิตใจเขาก็มีด้วย…
-
ประมวลภาพเหตุการณ์ “น้ำท่วมญี่ปุ่น 2018” หนักหนาสาหัส ล่าสุดยอดเสียชีวิตทะลุ 100 แล้ว!!
ในตอนนี้หลายๆ คนคงรู้แล้วว่าประเทศญี่ปุ่นต้องเผชิญหน้ากับภัยธรรมชาติที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เกิดวิกฤติการณ์น้ำท่วมขึ้นในหัวเมืองหลักหลายๆ เมืองของประเทศ เหตุการณ์น้ำท่วมที่ว่านี้เกิดขึ้นทางด้านตะวันตกของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งครอบคลุมเมืองต่างๆ ทั้ง โอซาก้า ชิงะ เฮียวโงะ โอกายาม่า เอฮิเมะ ฮิโรชิม่า ไซโย โมโตยามะ รวมถึงเกาะคิวซู สำหรับความเสียหายเบื้องต้นของอุทกภัยนี้ทางด้านสื่อ BBC ได้กล่าวไว้ว่าในตอนนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 60 คน สูญหายอีกจำนวนมาก (ปัจจุบันเพิ่มมากกว่า 100 คนแล้ว) และต้องอพยพผู้คนนับล้านๆ ชีวิตเพื่อความปลอดภัย… ส่วนเหตุที่ทำให้เกิดอุทกภัยนี้เกิดขึ้นจาก ‘ฝน’ ที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีทั้งถนนทรุดตัว ดินสไลด์ บ้านเรือนได้รับความเสียหาย และอื่นๆ อีกนานาประการ และนี่คือภาพความเสียหายบางส่วนบนเกาะคิวซูที่ทางเพจ Japan Inside ได้นำมาเผยแพร่ ซึ่งก็จะเห็นได้ว่าความหนักหนาของเหตุการณ์นี้ค่อนข้างจะรุนแรงเลยทีเดียว… ภาพจากมุมสูงเผยให้เห็นถึงสภาพของบ้านเมือง บ้านเรือนต่างๆ ต้องพังทลายลง ภาพโดยรวม น้ำท่วมถนนจนแทบจะมองไม่เห็น มีดินสไลด์เกิดขึ้นเนื่องจากอุ้มน้ำมากเกินไป คมนาคมต่างๆ…
-
สาววัย 19 ปีสักสัญลักษณ์ ‘KFC’ ไว้บนร่าง สุดท้ายดันชนะการประกวดได้กินไก่ฟรี 1 ปีเต็ม!!
เชื่อเลยว่าหนึ่งในอาหารอันเป็นที่สุดในดวงใจของใครหลายคนจะต้องเป็นไก่ทอด ‘KFC’ ที่มันกรอบนอกนุ่มใน กัดทีได้ยินเสียงกร๊อบ กร๊อบ กันอย่างแน่ๆ ดังนั้นแล้วจึงไม่แปลกอะไรที่จะมีใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของไก่ทอดสูตรผู้พันนี้ แต่ว่าคงไม่มีใครที่เรียกได้ว่าเป็นสาวกเท่ากับสาวคนนี้อีกแล้วที่ได้สักลายสัญลักษณ์ KFC เอาไว้บนร่างกายของเธอ จนในท้ายที่สุดแล้วรางวัลจากความรักในไก่ทอดของเธอก็ทำให้เธอได้รับรางวัลเป็นการได้กินไก่ฟรีๆ 1 ปีเต็มๆ ไปเลย!! เรื่องราวที่ว่านี้ได้เริ่มต้นจากการที่สาวน้อยวัย 19 ปีชาวออสเตรเลียชื่อว่า Brooke Collins ได้เดินทางออกทริปเที่ยววันหยุดฉลองการเรียนจบกับเพื่อนๆ และในระหว่างทริปนี้เองที่เธอกับเพื่อนๆ ตัดสินใจสักคำว่า ‘KFC’ เอาไว้บริเวณข้อเท้าจากความชื่นชอบเป็นการส่วนตัว หลังจากนั้นใครจะไปคิดว่าด้วยความบังเอิญหรือสวรรค์โปรดจึงทำให้ทาง KFC ของประเทศออสเตรเลีย ประกาศเฟ้นหา ‘ผู้ที่สามารถแสดงความรักอันยิ่งใหญ่ต่อไก่ทอด KFC แสนอร่อย’ ขึ้นอย่างพอดี ซึ่งรางวัลสำหรับผู้ชนะในการประกวดนี้ก็คือได้กินไก่ทอดฟรีๆ 1 ปี ดังนั้นแล้วสาวคนนี้มีหรือที่จะไม่เข้าร่วมสักหน่อย แต่นอกเหนือจากความชื่นชอบเป็นการส่วนตัวแล้ว Brooke ยังได้อธิบายอีกว่าทั้งเธอและเพื่อนๆ ของเธอมีความผูกพันกับไก่ทอดแบรนด์นี้อย่างลึกซึ้ง และอีกหนึ่งเหตุผลก็คือระหว่างระยะเวลา 12 ปีที่คบกันมาพวกเธออยากจะสร้างรอยสักที่มีเหมือนกันทุกคน เพื่อที่จะได้เก็บเป็นที่ระลึกเอาไว้หลังจากที่เรียนจบมัธยมแล้ว “ก่อนที่เราจะเดินทางไป Gold Coast (เมืองหนึ่งในออสเตรเลีย) พวกเราก็หาอะไรฆ่าเวลา แล้วก็สรุปได้ว่าพวกเราได้เดินไปสักลายกันโดยใช้เวลารวมแล้วไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ พวกเขาแทบจะไม่เชื่อด้วยซ้ำเมื่อเราบอกว่าเราอยากได้รอยสักเป็นรูปอะไร” …
-
พาเหรด Pride in London 2018 เต็มไปด้วยผู้คน และสีรุ้ง ผู้เข้าสูงร่วมหนึ่งล้านคน!!
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา ที่ท้องถนนของกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ได้ถูกย้อมไปด้วยสีสันสดใสของการเดินพาเหรดครั้งใหญ่ประจำปีอย่าง Pride in London 2018 นี่คือการเดินพาเหรดประจำปีที่มีชื่อเสียงของชาว LGBT+ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นจากพอร์ตแลนด์เพลซ ในเวสต์มินสเตอร์ตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันเที่ยงวัน เคลื่อนผ่านถนนรีเจนท์ และไปจบลงที่ไวท์ฮอลล์ . นี่เป็นการเดินพาเหรดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของชาว LGBT+ โดยมีผู้เขาร่วมงานในครั้งนี้อยู่ที่ประมาณหนึ่งล้านคน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดีที่สะท้อนการเปิดรับความเท่าเทียมทางเพศที่อังกฤษเลยก็ไม่ผิดนัก โดยในขบวนพาเหรดนั้นประกอบไปด้วยกลุ่มคนมากมายกว่า 500 กลุ่มตั้งแต่ บริษัทเอกชน พนักงานภาครัฐ สโมสร องค์กรการกุศล และกลุ่มผู้รณรงค์ . การจัดขบวนพาเหรดในครั้งนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ด้วยจำนวนผู้เข้าชมมากมายที่เข้ามาชมการเดินขบวนแม้ในวันที่อากาศร้อนถึง 31 องศา และจากเปิดเผยของผู้บัญชาการกรมตำรวจ David Musker การจัดงานในปีนี้ยังได้รับชื่อเสียงในระดับนานาชาติว่าเป็นหนึ่งในการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ที่ปลอดภัยและเป็นมิตรที่สุดในลอนดอนอีกด้วย . . อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าพาเหรดในครั้งนี้จะไม่ได้จบลงด้วยเสียงชื่นชมเพียงอย่างเดียว เพราะมีรายงานว่ามีกลุ่มผู้หมายจะเข้าร่วมการเดินขบวนพาเหรด ถูกปฏิเสธไปกว่า 100 กลุ่ม ด้วยเหตุผลตั้งแต่การส่งแบบฟอร์มล่าช้า เรื่อยไปยันการบริหารจัดการที่บกพร่อง การรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมนำมาสู่การที่จำนวนของผู้เข้าร่วมงานจะต้องถูกจำกัด ทำให้หลายๆ ฝั่งมองว่านี่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากเพราะงานในครั้งนี้ควรที่จะใหญ่โตได้มากกว่านี้ …
-
ระหว่างฟุตบอลโลกคู่อังกฤษ-สวีเดน ถนนในอังกฤษอย่างโล่ง คนไปดูบอลกันหม๊ด!!
เมื่อคืนวันที่ 7 กรกฎาคม 2018 เวลา 21.00 น. คอบอลคงรู้กันว่ามีการแข่งขันฟุตบอลโลกระหว่างทีมชาติอังกฤษและทีมชาติสวีเดน ซึ่งผลก็ทีมชาติอังกฤษเอาชนะสวีเดนไปด้วยสกอร์ 2 ต่อ 0 ประตู ผ่านเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายอย่างสวยงาม แถมในครั้งนี้ทีมสุดรักของพวกเขายังเข้ามาถึงรอบลึกๆ ได้ จึงไม่แปลกนักที่กองเชียร์ชาวอังกฤษจะตื่นเต้นและดีใจกันอย่างมาก และอย่างที่เรารู้กันว่าคนอังกฤษนั้นบ้าบอลเอามากๆ วันนี้เราจึงจะมานำเสนอภาพบรรยากาศบนท้องถนนในยามที่ฟุตบอลคู่อังกฤษ – สวีเดนแข่งกันอยู่มาให้ชมกันครับ ต้องบอกเลยว่าโล่งมากๆ เพราะผู้คนไปดูบอลเตะกันหมดนั่นเอง . . . เป็นอย่างไรกันบ้างกับบรรยากาศที่หาชมยากอย่างยากยิ่ง จะเปรียบกับกรุงเทพฯของเราในช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็ไม่ผิดนัก และเมื่อประชาชนชาวอังกฤษเห็นบรรยากาศบ้านเมืองของตัวเองเงียบขนาดนี้ก็ออกมาทวีตกันยกใหญ่ เราจะยกตัวอย่างมาให้ชมกันครับ “ออกไปซื้ออาหารมาในวันนี้ ไม่มีรถสักคัน ถนนโคตรโล่งและก็มีผู้หญิงมีความสุขสุดๆ อยู่ในทุกๆ ที่เลย” Went out and did the food shopping todayNot a bloke in sight, roads empty, and…
-
หนุ่มโทรแจ้งความ หลังสาวผิวสีไม่ยอมแสดงบัตรประจำตัวสมาชิกสระว่ายน้ำ
กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในต่างประเทศอีกครั้ง หลังจากที่หนุ่มผิวขาวรายหนึ่งได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากที่เขาพบหญิงผิวสีกำลังจะลงว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำในหมู่บ้าน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างที่ Jasmine Edwards หญิงผิวสีรายหนึ่งถูก นาย Adam Bloom เรียกขอดูใบอนุญาตการใช้สระว่ายน้ำของเธอ ซึ่งสระว่ายน้ำดังกล่าวไม่อนุญาตให้คนนอกใช้ Jasmine ปฏิเสธที่จะแสดงบัตรประจำตัวผู้พักอาศัยของเธอ จึงทำให้หนุ่มผิวขาวตัดสินใจโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า Jasmine แอบเข้ามาใช้สระว่ายน้ำ โดยไม่ได้รับอนุญาต หญิงสาวอัดคลิปวิดีโอเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ภายในคลิป เธอได้ถาม Bloom ว่าทำไมเธอถึงจะต้องแสดงบัตร ทั้งๆ ที่ไม่เห็นมีใครถามบัตรอนุญาตจากคนอื่นๆ เลย “ฉันรู้สึกว่ากำลังถูกเหยียดผิว เพราะฉันเป็นผู้หญิงผิวสีคนเดียวในสระว่ายน้ำ และเขาเดินตรงมาหาฉันเพื่อถามหาบัตรประจำตัว เขาถามถึงที่อยู่ของฉัน และฉันก็บอกเขาไป จากนั้นเขาก็กลับมาบอกฉันว่า ที่อยู่ของฉันไม่ถูกต้อง และอยากให้ฉันแสดงบัตร” Jasmine ให้สัมภาษณ์ ทางด้านทนายของ Bloom ให้สัมภาษณ์ว่าเขาอยู่ในสมาคมของทางหมู่บ้าน และเป็นประธานของสระว่ายน้ำ ดังนั้นจึงต้องทำการสอบถามทุกคนเกี่ยวกับบัตรประจำตัวของพวกเขา นอกจากนี้ยังมีบางคนเดินมาบอกเขาว่า Jasmine ไม่ใช่สมาชิกของที่นี่ อย่างไรก็ตามภายในคลิปวิดีโอ Jasmine ได้แสดงบัตรประจำตัวของเธอที่แสดงให้เห็นว่าเธอเองก็สามารถใช้สระว่ายน้ำได้เช่นกัน Jasmine ต้องการคำขอโทษจาก Bloom แต่ชายหนุ่มกลับปฏิเสธคำขอร้องของเธอ อย่างไรก็ตามหลังจากคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป…
-
หนูน้อยอดทนต่อการทำ “คีโม” นาน 6 สัปดาห์ ได้รับถ้วยฟุตบอลโลกเป็นของตอบแทน
กำลังใจเปรียบเหมือนยาชั้นเยี่ยมที่ช่วยให้เราเอาชนะโรคร้ายได้สำเร็จ เรื่องราวของหนูน้อย Ben เอง ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สามารถยืนยันสิ่งที่ว่านี้ได้ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่คลิปของเจ้าหนูน้อยรายนี้ โดยเขาได้รับของขวัญสุดพิเศษเป็นถ้วยฟุตบอลโลก หลังจากที่สามารถผ่านการทำเคมีบำบัดที่ยาวนานกว่า 6 สัปดาห์เนื่องจากอาการเนื้องอกในสมองได้สำเร็จ ในคลิปวิดีโอ หนูน้อยปรากฏตัวพร้อมกับเสื้อของทีมชาติอังกฤษ ที่กัปตันของทัพสิงโตน้ำเงินครามอย่างเฮนรี่ เคน เป็นคนมอบให้ด้วยตัวเอง อาการเนื้องอกในสมองทำให้หนูน้อยไม่สามารถเดิน หรือพูดคุยได้เหมือนเด็กๆ ในวัยเดียวกัน แต่หลังจากที่ผ่านการทำเคมีบำบัด เขาก็กลับมาร่าเริงได้เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ อีกครั้ง “นี่คือรางวัลสำหรับความกล้าหาญของหนู” เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาล Birmingham พูดกับหนูน้อย ก่อนที่จะมอบใบประกาศและกล่องของขวัญให้กับเขา หลังจากที่เห็นกล่องของขวัญ Ben ไม่รอช้า เขารีบแกะมันอย่างรวดเร็ว ถึงแม้พยาบาลจะบอกเจ้าหนูว่าของข้างในนั้นค่อนข้างหนัก แต่หนูน้อยก็ไม่สน และยังคงจดจ่ออยู่กับกล่องที่อยู่ตรงหน้าเขา นอกจากนี้ คลิปวิดีโอแห่งความยินดีของเจ้าหนูน้อย ยังได้รับการรีทวีตจากเฮนรี่ เคนอีกด้วย กัปตันสิงโตน้ำเงินครามกล่าวข้อความสุดซึ้งกับเจ้าหนูน้อยผ่านทวิตเตอร์ของเขา พร้อมกับบอกว่าพวกเขาเองก็จะสู้อย่างเต็มที่เหมือนหนูน้อยเช่นกัน “ไงหนูน้อย ฉันเห็นวิดีโอของนายแล้วและมันเป็นแรงบันดาลใจให้กับเราอย่างมาก เราจะสู้อย่างเต็มที่และทำทุกอย่างที่เราทำได้ในเกมวันเสาร์นี้ ยิ้มเข้าไว้นะหนูน้อย #BensWorldCup” ข้อความจากทวิตเตอร์ของกัปตันทีมชาติอังกฤษเฮนรี่ เคน โพสต์จากทวิตเตอร์ของเฮนรี่ เคน Hi Ben,…
-
คุณย่าวัย 74 ปี ถูกห้ามเข้า “Legoland Discovery Center” เนื่องจากไม่มีเด็กมาด้วย
เลโก้ ตัวต่อยี่ห้อดังที่สามารถทำให้เราได้ปลดปล่อยจินตนาการต่างๆ ได้อย่างไม่จำกัด มันถือเป็นขวัญใจของผู้คนทุกเพศทุกวัยเลยก็ว่าได้ และคุณ Yvonne Radcliff หญิงวัย 74 ปีผู้นี้ ก็เป็นหนึ่งในสาวกของตัวต่อเลโก้ และหนึ่งในความฝันของเธอก็คือการได้สัมผัสประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นที่ Legoland นั่นเอง แต่ทว่าความฝันของเธอดูเหมือนจะจบลงที่หน้าปากประตูทางเข้าเท่านั้น หลังจากที่เจ้าหน้าที่ของ Legoland ที่เมืองเบอร์มิงแฮมไม่ยอมให้เธอเข้าไป… หญิงสูงวัยให้สัมภาษณ์ว่า เธอถูกเจ้าหน้าที่ห้ามเข้าไปในพื้นที่ เนื่องจากตัวเธอเองไม่มีเด็กมาด้วย Yvonne ให้สัมภาษณ์ว่า “พวกเขาสร้างเลโก้ที่สวยมากด้านใน แต่ฉันไม่สามารถเข้าไปดูได้เนื่องจากไม่มีเด็กมาด้วย” จากหน้าเว็บไซต์ของ Legoland Discovery Center ระบุว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่เหมาะสำหรับเด็กอายุ 3-10 ขวบ และพวกเด็กๆ จะต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง ทางด้านโฆษกของทาง Legoland ได้ออกมาเผยว่า Legoland Discovery Center นั้นไม่ใช่สวนสนุก แต่เป็นพื้นที่เล็กๆ ที่จัดให้เหมาะสำหรับเด็กวัย 3-10 ขวบ “มันเป็นพื้นที่ที่เด็กๆ จะได้รับความสนุกกัน มันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเด็กที่มีอายุมากกว่าที่เรากำหนดหรือผู้ใหญ่ และด้วยการคำนึงถึงความปลอดภัยเราจึงไม่อนุญาตให้ผู้ใหญ่ที่ไม่มีเด็กเข้ามาด้านในได้” โฆษกของทาง Legoland ให้สัมภาษณ์ อย่างไรก็ตาม…
-
Sunrise จับมือค่าย Legendary ทำกันดั้มคนแสดง ขณะเหล่าแฟนๆ ถาม “มั่นใจแล้วเหรอ?”
หลังจากที่มีการนำกันดั้มมาเป็นหนึ่งในตัวละครรับเชิญของภาพยนตร์เรื่อง “Ready Player One” จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ทางเหล่าผู้กำกับของฝั่งตะวันตกจะให้ความสนใจต่อหุ่นรบรูปร่างมนุษย์เหล่านี้มากขึ้น และล่าสุดนี้เองในงาน Anime Expo ที่จัดขึ้นในลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ก็ได้มีการประกาศโปรเจกต์ใหม่จากทาง Sunrise สตูดิโอผู้ผลิตอนิเมะกันดั้ม ภายใต้ความร่วมมือของ Legendary Entertainment เจ้าของผลงานภาพยนตร์อย่าง Warcaft, Godzilla และ Pacific Rim โปรเจกต์ที่ว่านี้ คือการนำกันดั้มมาทำเป็นภาพยนตร์แบบหนังคนแสดง หรือที่รู้จักกันในชื่อหนัง Live action นั่นเอง วิดีโอเปิดตัวสั้นๆ ของกันดั้มฉบับคนแสดงจากช่อง GundamInfo จากภาพที่เห็นนั้นแน่นอนว่านี่นับเป็นข่าวดีข่าวหนึ่งของวงการคนรักกันดั้มเลยก็ไม่ผิดนัก แต่อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการนำกันดั้มไปทำเป็นแบบคนแสดง เพราะก่อนหน้านี้ (ซึ่งก็นานพอสมควรแล้ว) ก็เคยมีการทำผลงานแบบนี้มาก่อนแล้ว แถมผลที่ออกมายังไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ด้วย ชื่อของผลงานเรื่องที่ว่าคือ G-Saviour ซึ่งเป็นผลการร่วมมือกับสตูดิโอ “Polestar Entertainment” ของแคนาดา ออกฉายในปี 2000 เฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น และได้รับผลตอบรับจากแฟนๆ ที่ย่ำแย่สุดๆ ดังนั้นสำหรับเหล่าแฟนๆ แล้ว การนำกันดั้มกลับมาทำหนังคนแสดงในครั้งนี้ จึงนับว่ามีความเสี่ยงที่สูงมากเลยก็ไม่ผิดนัก โดยเฉพาะกับการให้คนต่างประเทศทำแล้วด้วย นั่นเพราะผลงานการนำการ์ตูนของทางญี่ปุ่นไปทำเป็นหนังคนแสดงของชาวต่างชาตินั้น มักจะจบลงไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ทั้ง Dragonball Evolution…
-
แท็กซี่เบรกแรงเกิน จนลูกค้าสาวหัวทิ่มติดเบาะ เลยฝากเป็นผลงานศิลปะเอาไว้ซะเลย!!
การ ‘เบรกรถอย่างกะทันหัน’ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งตัว แต่มันก็ถือเป็นความจำเป็นเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ จนอาจนำไปสู่อาการบาดเจ็บของคนที่โดยสารอยู่ในรถได้ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ คนขับรถแท็กซี่จำเป็นต้องเบรกรถอย่างกะทันหัน เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ แต่ทำเอาผู้โดยสารสาวที่ไม่ทันได้เตรียมตัวถึงกับพุ่งไปข้างหน้าด้วยความรุนแรง แต่ความพีคมันไม่ได้มีแค่นี้ เพราะกลายเป็นว่าเครื่องสำอางบนหน้าของผู้โดยสารสาวได้ประทับลงไปบนด้านหลังของเบาะคนนั่งหน้าจนเห็นได้ชัด ราวกับว่าเป็นงานศิลป์ที่อยู่บนผืนผ้าใบเลยทีเดียว!! เรื่องมีอยู่ว่านาย Jim McNee คนขับรถแท็กซี่วัย 50 ปี ได้รับผู้โดยสารผู้หญิงคนหนึ่ง และเธอก็ขอให้เขาไปส่งที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ แต่เนื่องจากว่าช่วงนั้นเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ทำให้มีปัญหาจราจรติดขัด ในระหว่างการเดินทางก็เกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อรถที่ขับอยู่ข้างหน้าจู่ๆ ก็หยุด ทำให้ Jim ต้องเบรกรถอย่างกะทันหัน!! อย่างไรก็ตามไม่มีรายงานว่าผู้โดยสารสาวได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด จากนั้น Jim ก็ขับรถพาเธอไปส่งถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย หลังจากที่ทำงานเสร็จสิ้นแล้ว Jim ก็ขับรถกลับมาที่บ้าน โดยไม่ได้สังเกตอะไร จนกระทั่งผู้โดยสารคนอื่นเห็นเข้า เขาก็เลยถ่ายภาพส่งไปให้ลูกชายของเขา Jamie ดู และลูกชายก็เอาไปโพสต์ลงทวิตเตอร์ พร้อมกับแคปชั่นว่า “งานศิลปะที่ดูแปลกตา” โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย มีคนไลก์มากกว่า 26,000 ครั้ง และรีทวีตไปอีกกว่า 5,000 ครั้งเลยทีเดียว “หลายคนคิดว่ามันเป็นเรื่องปลอม แม้แต่พ่อก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ารอยเครื่องสำอางมันยังติดอยู่”…
-
สุดเฟี้ยว…ปู่วัย 81 กระโดดตีลังกาม้วนหลัง ในสระว่ายน้ำ แก่แล้วยังเอาเรื่องนะปู่!!
‘ผู้สูงอายุ 81 ปี’ หลายๆ คนคงจะคิดภาพว่าเป็นคนแก่ที่ไม่ว่าจะลุกจะนั่งก็ทำด้วยความยากลำบาก เพราะอย่างที่รู้ๆ กันเมื่ออายุมากขึ้น อวัยวะในร่างกายส่วนต่างๆ ก็มีประสิทธิภาพลดลงไปด้วย แต่ขอบอกเลยว่าไม่ใช่กับคุณปู่ท่านนี้แน่นอน เพราะคุณปู่แกสามารถ ‘ตีลังกากลับหลัง’ ได้ แม้จะมีอายุ 81 ปีแล้วก็ตาม!! ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ คุณปู่ที่รู้จักกันในชื่อ Mr. McCoy วัย 81 ปีจากเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา คุณปู่เป็นคนที่เฟี้ยวมากๆ ก่อนหน้านี้ในปี 2016 คุณปู่ก็เคยถ่ายคลิปตีลังกาสำเร็จมาแล้วและคลิปดังกล่าวก็กลายเป็นกระแสไวรัลโด่งดังไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ต ผ่านมา 2 ปี คุณปู่ก็ทำมันอีกครั้ง ด้วยการช่วยเหลือของเหล่าหลานๆ ที่มีร่างกายแข็งแรง 3 คน พวกเขาให้คุณปู่ยืนอยู่บนแขน ก่อนที่จะช่วยกันโยนขึ้นไปกลางอากาศ ด้วยความสามารถส่วนตัว คุณปู่ก็จัดท่าทางของร่างกาย จนสามารถตีลังกาหลังได้ครบรอบแบบเกือบพอดีเป๊ะ ก่อนที่จะตกลงน้ำอย่างสวยงาม ทุกคนที่อยู่รอบๆ สระต่างก็ปรบมือแสดงความยินดีที่คุณปู่ทำสำเร็จ ลองไปชมคลิปวิดีโอแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…. ไม่น่าเชื่อเลยว่าในวัย 81 ปี จะสามารถทำกิจกรรมโลดโผนโจนทะยานแบบนี้ได้อยู่…
-
ไม่ไหวแล้ว!! หนุ่มรัสเซียขอหย่ากับเมีย เพราะชอบมาล้อนักฟุตบอลและทีมที่ชื่นชอบ
กีฬาแข่งขันใหญ่ๆ อย่างฟุตบอลโลก น่าจะเป็นกีฬาที่ดึงให้ผู้คนมาร่วมแรงร่วมใจกันเชียร์โปรดกันอย่างสนุกสนาน แต่สำหรับคู่รักชาวรัสเซีย การแข่งขันฟุตบอลครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ความรักของพวกเขาต้องจบลงด้วยการหย่าร้าง เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา Odditycentral ได้นำเสนอเรื่องราวของนาย Arsen วัย 40 ปี และภรรยาของเขา Ludmyla วัย 37 ปี ทั้งคู่แต่งงานและใช้ชีวิตด้วยกันมาแล้ว 14 ปี พวกเขามีความชอบหลายอย่างใกล้เคียงกัน และฟุตบอลก็ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันได้ นาย Arsen และนาง Ludmyla พบกันครั้งแรกในบาร์แห่งหนึ่งที่เมืองเชเลียบินสค์ รัสเซีย เมื่อปี 2002 ที่ซึ่งพวกเขาไปนั่งดูฟุตบอลโลกร่วมกัน นั่นทำให้ทั้งคู่สานสัมพันธ์กันจนแต่งงานกันในที่สุด และแม้ว่าทั้งคู่จะชื่นชมสโมสรฟุตบอลที่เป็นคู่แข่งกันอย่าง Spartak Moscow และ CSKA Moskow แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความรักของพวกเขาเท่าไหร่ แต่ถึงที่สุดแล้วความรักของพวกเขาก็ต้องจบลงเพราะทัศนคติเรื่องฟุตบอลที่ไม่ตรงกัน Arsen ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อรัสเซียอย่าง Argumenti i Fakty ว่าเขาและภรรยามักจะมีการหยอกล้อและแซวเกี่ยวกับ เมสซี (Lionel Messi) และ โรนัลโด (Cristiano Ronaldo) กันเป็นประจำอยู่แล้ว…
-
แรปเปอร์หนุ่มถูกไล่ลงเครื่อง เพราะเป็นคน “เอเชียมีรอยสัก” จนพนักงานต้อนรับรู้สึกไม่ปลอดภัย?!
Jin Gates คือแรปเปอร์หนุ่มลูกครึ่ง เกาหลี-อเมริกัน ผู้เคยร่วมงานกับศิลปินชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น 50 Cent , DJ Khaled หรือแม้แต่ Ben Baller Jin Gates แรปเปอร์ลูกครึ่ง เกาหลี-อเมริกัน . ในวันที่ 29 มิถุนายน 2018 เขาได้เดินทางบนเครื่องบินมุ่งตรงไปทำการแสดงที่รัฐมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา แต่เครื่องยังไม่ทันออก เขาและทีมงานก็กลับโดนไล่ให้ลงไป เพราะพนักงานต้อนรับคนหนึ่งบอกว่า “รู้สึกไม่ปลอดภัยที่ต้องนั่งเครื่องบินกับพวกเขา” ภาพตอน Jin Gates ถูกไล่ให้ลงจากเครื่อง Jin Gates ถ่ายคลิปพร้อมทั้งอธิบายเหตุการณ์ดังกล่าวลงในอินสตาแกรมส่วนตัวว่า… “มินนิโซตา ผมขอโทษนะนี่มันไม่ใช่ความผิดผมเลย… สายการบิน JetBlue ไม่ชอบชาวเอเชียที่มีรอยสักเท่านั้นเอง!!” “เราถูกไล่ลงจากเครื่องเพราะพนักงานต้อนรับสาวคนหนึ่งบอกว่า เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยที่ต้องนั่งเครื่องบินไปกับเรา” คลิปวิดีโอที่เขาถ่ายเอาไว้ (หากดูไม่ได้ กดที่ลิงก์ Instagram ) https://www.instagram.com/p/BknTj6QAtLr/?utm_source=ig_embed “แม้เราจะถูกไล่ลงเครื่อง…
-
หนุ่มอังกฤษเท้าติดอยู่ในพื้นยางมะตอย หลังอากาศร้อนเกินจนถนน “ยุบ”
ในขณะที่บ้านเรากำลังอยู่ในช่วงฤดูฝน แต่ถ้าหากข้ามไปอีกซีกโลกหนึ่งอย่างที่ประเทศอังกฤษล่ะก็ ขณะนี้พวกเขากำลังเผชิญกับอากาศที่แสนร้อนระอุ จนแทบละลายกันเลยก็ว่าได้ และอากาศที่ร้อนจนแทบละลายนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่คำพูดเปรียบเทียบให้เห็นภาพเฉยๆ เท่านั้น แต่อากาศของที่นี่ร้อนจนทำเอาถนนละลายเลยจริงๆ !! เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา พนักงานดับเพลิงได้รับแจ้งเหตุในพื้นที่เมือง Heaton หลังจากที่ชายคนหนึ่ง พลาดท่าติดอยู่ในพื้นถนนที่ละลาย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเขตตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ ได้รับโทรศัพท์แจ้งจากหนุ่มรายหนึ่งว่าขาของเขาติดอยู่ในถนน “วันนี้เราได้รับแจ้งเหตุที่ Heaton มีหนุ่มรายหนึ่งที่ขาของเขาติดอยู่ในพื้นยางมะตอย พื้นดังกล่าวอ่อนตัวลงเนื่องจากความร้อน” ข้อความจากทวิตเตอร์ของทางสถานีดับเพลิง ข้อความจากสถานีดับเพลิงหลังจากที่ได้เข้าช่วยเหลือหนุ่มรายดังกล่าว Today we had an incident in Heaton, young man stepped on some tarmac and lost his footing The tarmac had become so soft during the current heatwave that it melted.…
-
Melody สาวน้อยที่ Ed Sheeran เคยบริจาคกีตาร์ช่วยเหลือ จากโลกไปด้วยความสงบ
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2018 ศิลปินซูเปอร์สตาร์ผู้เป็นขวัญใจของใครหลายๆ คนอย่าง Ed Sheeran ได้มีข่าวออกมาว่า เขาเดินทางไปพบกับแฟนคลับตัวน้อยของเขาที่ป่วยเป็นกลุ่มอาการเร็ตต์ (Rett syndrome) พร้อมกับบริจาคกีตาร์ของเขาเพื่อหาเงินมาช่วยเหลือเธอ Melody Driscoll อายุ 11 ปี แฟนคลับตัวยงของ Ed เคยพบเจอกันตั้งแต่ปี 2016 เธอติดตามผลงานของเขาตั้งแต่เพลงของเขายังไม่เป็นที่นิยมมากขนาดนี้ Ed เป็นหนึ่งในกำลังใจที่ทำให้เธอต่อสู้กับอาการป่วยจาก Rett Syndrome ที่เธอเป็นอยู่ เมื่อรู้ว่าแฟนคลับตัวน้อยของเขาต้องเผชิญกับโรคร้าย เขาจึงตัดสินใจบริจาคกีตาร์พร้อมลายเซ็นของเขาให้กับครอบครัวของ Melody เพื่อให้พวกเขานำไปประมูลนำเงินมาใช้เป็นค่ารักษา กีตาร์ของเขาถูกประมูลไปด้วยราคาประมาณ 210,000 บาท แต่ข่าวสุดแสนน่าเศร้าก็เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา Ed โพสต์รูปของเขาพร้อมกับแฟนคลับตัวน้อยพร้อมแคปชั่นว่า “Rest in peace beautiful Melody x” https://www.instagram.com/p/Bkz2Pvsl6Yn/?utm_source=ig_embed เด็กหญิงวัย 11 ปี จากโลกนี้ไปอย่างสงบหลังจากที่ต้องต่อสู้กับโรคร้ายที่ทำให้เธอทุกข์ทรมานมาแสนนาน หลับให้สบายนะหนูน้อย …
-
ไม่ใช่ไส้เลื่อน!! “อัณฑะบวม” เส้นผ่านศูนย์กลาง 30 ซม. จุ๊ดจู๋หายไป เดินเหินไปไหนไม่ได้
หากใครรู้จัก โรคไส้เลื่อน ที่เกิดขึ้นกับเพศชาย เราก็อาจพอจินตนาการภาพของอัณฑะที่ดูมีขนาดใหญ่ผิดปกติ อันเป็นผลมาจากอาการของโรคดังกล่าว แต่สำหรับชายวัย 44 ปีคนนี้ เขานั้นไม่ได้ป่วยเป็นโรคไส้เลื่อนแต่อย่างใด เพราะอาการที่เขาเป็นนั้นจะเรียกว่าหนักหนากว่าอีกก็ได้ เมื่ออัณฑะของเขาบวมเป่ง จนถึงขั้นมองไม่เห็นน้องชาย และเดินไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป ชายหนุ่มจากเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย คนนี้เริ่มต้นจากมีอาการขยับตัวได้อย่างจำกัด ไม่อิสระเหมือนคนอื่นๆ เพราะเขาได้รับบาดเจ็บที่บริเวณไขสันหลังเมื่อ 23 ปีก่อน หลังจากนั้นเมื่อ 7 ปีก่อน (ราวๆ ปี 2011) ปัญหาอันเลวร้ายก็เกิดขึ้นกับเขา อัณฑะบวมเป่งขยายใหญ่จนมีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 30 เซนติเมตร และผิวหนังบริเวณดังกล่าวมีความหนามาก อัณฑะที่ใหญ่ขนาดนั้นทำให้มันกดทับน้องชายของเขาให้อันตรธานหายไป แถมเขายังไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวเอง จะขับรถก็ไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องชีวิตเซ็กส์เลย แพทย์ต้องพยายามล้วงเข้าไปใต้อัณฑะขนาดใหญ่ เพื่อตามหาน้องชายของเขา ไล่ไปตามทางที่มีปัสสาวะไหลออกมา ระยะเวลา 7 ปีแห่งความทรมานของเขา เขาได้พยายามหาทางรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ว่าเขาป่วยเป็นอะไรกันแน่ จนกระทั่งเขาได้พบกับนายแพทย์ Derek Hennessey ซึ่งหมอคนนี้ได้เขียนอธิบายกรณีของคนไข้เอาไว้ในวารสารทางการแพทย์ British Medical Journal ว่ามันคืออาการของ…
-
เจ้าหมาผู้รักเจ้านาย ยอมสละชีวิตกัดสายไฟลากออกมาจากเจ้าของ แม้จะต้องตายตามไป
‘สุนัข’ เป็นสัตว์ที่รักเจ้าของ จนถึงขนาดที่ว่ายอมตายเพื่อเจ้าของได้เลยทีเดียว…และเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อไปนี้สามารถยืนยันคำกล่าวข้างต้นได้เป็นอย่างดี เหตุการณ์อันน่าสลดใจนี้เกิดขึ้นเมื่อเช้าของวันอังคารที่ 3 เดือนกรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา ณ รัฐ Tamil Nadu ประเทศอินเดีย ชาวนา M Mokkusu วัย 65 ปีได้พาวัวของเขาออกไปกินหญ้าที่ฟาร์มตามปกติ แต่เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมามีฝนตกหนัก บวกกับลมพายุพัดแรง เป็นเหตุให้สายไฟบนสายไฟฟ้าแรงสูงขาดและร่วงตกลงมาบนพื้น เจ้าวัวที่เขาพามาก็บังเอิญเดินไปเหยียบเข้าเลยถูกไฟฟ้าช็อตและล้มลงไป ทางด้านนาย Mokkusu ก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือแต่ก็ถูกไฟช็อตเข้าไปอีกคน จากนั้นเจ้าหมาสุดรักของเขาชื่อว่า Ramu ได้รีบวิ่งเข้ามาหาเจ้าของ มันพยายามกัดสายไฟฟ้าที่ขาดและลากสายไฟออกไป แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเจ้านายไว้ได้ และตัวของมันเองก็เสียชีวิตตามไปในที่สุด จากรายงานของเว็บไซต์ New Indian Express ระบุว่าญาติของนาย Mokkusu ได้ยินเสียงร้องของเจ้า Ramu จึงวิ่งออกมาดูจึงพบทั้งหมดในสภาพที่ไร้วิญญาณ ภาพที่ญาติเห็นนั้นคือร่างของเจ้า Ramu ที่ไร้ลมหายใจ แต่ปากของมันยังคงคาบสายไฟฟ้าเอาไว้อยู่ จากคำบอกเล่าของญาติเล่าว่า “เจ้า Ramu ได้อยู่กับครอบครัวมานานหลายปีแล้ว และการเสียสละชีวิตของมันเป็นเรื่องที่เราไม่อยากจะเชื่อเลย”…
-
หมอผีหนุ่มพยายามพิสูจน์ว่าเครื่องรางของเขากันกระสุนได้ สุดท้ายเสียชีวิตเพราะโดนยิง
เครื่องรางของขลังนั้นเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล หลายๆ คนก็จะพกเอาไว้เพื่อความสบายใจ แต่บางคนก็เชื่อมั่นว่าเครื่องรางของขลังจะสามารถป้องกันตัวเองจากอันตรายต่างๆ ที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ เช่นเดียวกันกับ Chinaka Adoezuwe หมอผีหนุ่มวัย 26 ปี ชาวไนจีเรียผู้นี้ ที่เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าเครื่องรางที่ตัวเองพกพาอยู่นั้นสามารถป้องกัน ‘กระสุนปืน’ ได้ จึงเสนอให้ลูกค้ายิงปืนใส่ตน แต่กลับกลายเป็นว่าเขาได้เสียชีวิตลงเพราะกระสุนปืนที่เจาะเข้าร่างของเขา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในหมู่บ้าน Umuozu Ugir ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไนจีเรีย ตามรายงานระบุว่ามีเหตุยิงกันเกิดขึ้นและมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งก็คือ Adoezuwe นั่นเอง ตามรายงานระบุว่าเขาได้เสนอให้ลูกค้าคนหนึ่งที่เดินทางมาใช้บริการทำเครื่องรางให้ใช้อาวุธปืนยิงมาที่ตัวเขา เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเครื่องรางของเขานั้นสามารถป้องกันกระสุนปืนได้ ตอนแรกลูกค้าปฏิเสธที่จะไม่ยิง แต่จากการโน้มน้าวของ Adoezuwe ก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ และใช้อาวุธปืนยิงไปที่หมอหนุ่ม จนทำให้ถึงแก่ชีวิต เบื้องต้นลูกค้าคนดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและตั้งข้อหาว่าเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุฆาตกรรม ชาวบ้าน Umuozu Ugir เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “หนุ่มคนนั้นเดินทางไปหาหมอผีเพราะอยากได้เครื่องราง ซึ่งหมอผีคนนั้นก็ทำให้ หลังจากที่ทำเสร็จแล้วหมอผีก็บอกให้ลูกค้าทดลองความขลังของมัน แต่ลูกค้ากลับปฏิเสธ” “แต่เพื่อความมั่นใจเขาก็โน้มน้าวใจของลูกค้าได้สำเร็จ ทำให้ลูกค้าคนนั้นยิงปืนใส่เขาในระยะที่ไม่ค่อยห่างเท่าไหร่นัก จนเป็นเหตุให้หมอผีเสียชีวิต” ที่มา : unilad,…
-
หนุ่มทำโทษประหาร ‘แมลงสาบ’ บินเข้าบ้าน ป้องกันเรียกพรรคพวก จับนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า!!
หนึ่งในสายพันธุ์ที่มีคนรู้สึกยี้มากที่สุดในโลก ต้องพูดถึงชื่อ ‘แมลงสาบ’ เป็นอันดับแรก แค่เห็นวิ่งโผล่ออกมาในบ้านก็ว่าแย่แล้ว ถ้าเจอมันกระพือปีกเมื่อไหร่ล่ะก็ เตรียมตัววิ่งหนีความสยองได้เลย อันที่แท้จริงแล้ว หากพบเห็นแมลงสาบปุ๊บ ต้องหาหนทางรีบกำจัดอย่างโดยเร็ว อาจจะกวาดทิ้ง ตีให้เละ หรือ พ่นยาฆ่าแมลงเสียให้สิ้นชีวา แต่พ่อหนุ่มชาวฟิลิปปินส์เล่นใหญ่กว่านั้น เพราะการถูกบุกรุกบ้านเป็นสิ่งที่เขายอมไม่ได้!! นาย Gabriel Co Tuazon พบกับเหตุการณ์สยองขวัญในขณะที่กำลังเปิดหน้าต่าง เพื่อสูดอากาศอันสดใสข้างนอก แต่แล้วเจ้าแมลงสาบผู้โชคร้าย ก็บินเข้ามาพักพิงอิงอาศัยโดยไม่ได้รับอนุญาต เขาจึงทำการจับกุมแมลงสาบตัวนี้ พร้อมกับตัดสินโทษประหารชีวิตให้กับมัน ด้วยวิธีการจับนั่งเก้าอี้ไฟฟ้าที่จัดทำขึ้นพิเศษสำหรับมันโดยเฉพาะ “เผ่าพันธ์ุของพวกเอ็งช่างโสมมนัก อันตัวข้าต้องแปดเปื้อนก็เป็นเพราะเอ็ง เพราะฉะนั้นเอ็งสมควรได้รับโทษประหารด้วยเก้าอี้ไฟฟ้า” คำตัดสินจากโพสต์ของชายหนุ่ม พร้อมกับประกาศศึกกับทั้งเผ่าพันธุ์แมลงสาบ เหตุที่ต้องทำแบบนี้ เนื่องจากเขาไม่อยากจะตีมันให้ตาย หากใช้วิธีนี้จะทำให้เกิดความสกปรกเลอะเทอะ ก็เลยเลือกใช้วิธีนี้แทน จะได้เก็บกวาดสะดวกกว่า . ในระหว่างพิธีประหาร บทเพลงสุดท้ายแห่งชีวิตจึงเริ่มบรรเลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาตัดสินใจกดปุ่มปล่อยกระแสไฟฟ้าให้กับเพื่อนร่วมโลกที่เพิ่งจะเจอกันได้ไม่นาน และดวงไฟด้านหลังเก้าอี้ก็ส่องสว่าง อันเป็นสัญญาณว่ากระแสไฟฟ้าได้เข้าสู่ร่างกายนักโทษแล้ว คลิปวินาทีประหารชีวิตแมลงสาบผู้บุกรุก . …
-
คุณแม่ปฏิบัติการณ์แอบอัดเสียง พบหลักฐานมัดตัวครูด่าลูก ‘ไอ้ขี้แพ้’ เพราะฝนคำตอบไม่เป็น
เด็กในวัยกำลังเรียนรู้ ควรได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป คุณสมบัติของคุณครูผู้สอนนั้นจะต้องมีพื้นฐานที่ดี รักเด็ก และดูแลเอาใจใส่อย่างถูกวิธี ซึ่งจะส่งผลดีทั้งตัวคุณครูและเด็กด้วย ทว่าคุณสมบัติของความเป็นครูนั้นไม่ได้มีอยู่ในตัวทุกคน แม้จะมีหน้าที่มาสอนเด็กก็ตาม หากแต่เด็กไม่รู้หรือทำตามในสิ่งที่ตัวเองต้องการไม่ได้ ก็ไม่ควรดุด่าและทำให้เด็กรู้สึกแย่ต่อหน้าเพื่อนๆ เด็กชาย Aaron Kandy Escotto ผู้เป็นแม่ของเด็กชาย Aaron สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของลูกชาย หลังจากที่ผลการเรียนของเขาเริ่มตกในเทอมที่ผ่านมา และมักจะกลับมาบ่นถึงเรื่องในโรงเรียน โดยโรงเรียนที่ว่านั้นก็คือ Banyan Elementary School ในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา คุณแม่มีความสงสัยเกี่ยวกับความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับลูกชาย แต่เนื่องจากเธอได้เข้าไปเรียนกับลูกไม่ได้ จึงได้เลือกใช้วิธี “ซ่อนเครื่องอัดเสียง” ไว้ในกระเป๋าของลูกชายแทน และแล้วความจริงก็ปรากฏเมื่อเธอได้ลองฟังเสียงที่แอบอัดไว้ พบว่าคุณครูด่าลูกชายของเธอว่า ‘ไอ้ขี้แพ้’ จากการที่ไม่รู้วิธีการฝนกระดาษคำตอบ “ไม่ใช่! นั่นไม่ใช่การฝน เธอเข้าใจมั้ยว่าการฝนคืออะไร อะไรคือการฝนคำตอบ การตอบแบบเขียนวงกลมคืออย่างหนึ่ง การตอบอีกอย่างคือการฝน” หนึ่งในประโยคที่คุณครูพูดกับเด็กชาย Aaron และจากคลิปเสียงนั้น พอจะเดาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กชายได้ว่า เขาถูกเรียกไปหน้าห้องเรียน และคุณครูก็ถามกับเพื่อนๆ ในห้องว่า…
-
ตัวเดียวเสียวทั้งลำ!! ผู้โดยสารรถไฟใต้ดินเจอหนูกรี๊ดลั่นจนเป็นเหตุชุลมุนนึกว่าเกิดเรื่องร้าย!!
การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ๆ ถ้าจะให้มีความสะดวกสบายและรวดเร็วในการเดินทาง ‘รถไฟฟ้าใต้ดิน’ ก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะด้วยความเร็วระดับสุดยอดของมันบวกกับการไม่ต้องวนรถหาที่จอดอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เราสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างคล่องตัวจนแทบจะเรียกว่าวาร์ปเลยก็ว่าได้ แต่จะเป็นอย่างไรถ้าหากเราอยู่ในรถไฟฟ้าใต้ดินแล้วเกิดพบเจอ ‘หนู’ กำลังวิ่งอยู่บนรถไฟขบวนนั้นอย่างสนุกสนาน จินตนาการไม่ออกล่ะสิว่าภาพที่ออกมามันจะเป็นยังไง ถ้าอย่างนั้นลองไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ เหตุการณ์นี้ดีกว่า ระหว่างชั่วโมงเร่งด่วนอันวุ่นวายในเช้าวันพุธที่ 4 กรกฎาคม ก็มีผู้คนมากหน้าหลายตาเบียดเสียดกันมาใช้บริการรถไฟใต้ดินในเมืองไทเป ไต้หวัน เพื่อจะไปทำงาน ทำธุระของตนเองอย่างปกติอย่างที่เคยทำกัน… และแล้วเหตุการณ์ความโกลาหลก็ได้เริ่มขึ้นในเวลาประมาณ 9.04 น. เมื่อรถไฟฟ้าได้เทียบท่าเข้าจอดที่สถานี Daan Park ซึ่งก็มีผู้โดยสารจำนวนหนึ่งที่เดินเข้าออกกันอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ในวินาทีนั้นเองได้มีผู้โดยสารบางคนสังเกตเห็นว่าบนพื้นของรถไฟฟ้าขบวนนี้มีเจ้าหนูน้อยตัวสีน้ำตาลวิ่งไปมาอย่างสนุกสนาน เมื่อเห็นดังนั้นแล้วเป็นใครก็คงอดกรี๊ดไว้ไม่ไหว แน่นอนว่าผู้โดยสารคนนั้นกรี๊ดดังลั่น พร้อมกับพยายามจะวิ่งหนีออกจากเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยตัวนี้อย่างสุดชีวิตเท่าที่จะทำได้ และความตื่นตระหนกนี้เองที่ทำให้ผู้โดยสารคนอื่นทั้งในขบวนนี้รวมถึงขบวนต่อๆ กันเกิดความหวาดกลัวกันจนเป็นเหตุชุลมุนเพราะคิดว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นดั่งเช่นในอดีตที่เคยมีเหตุแทงกันบนรถไฟฟ้า ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คนจากการถูกเหยียบในเหตุครั้งนี้ ความวุ่นวายนี้ยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งรถไฟฟ้าคันดังกล่าวได้หยุดนิ่งลงที่สถานีต่อไป และทันทีที่รถจอดผู้โดยสารในขบวนก็รีบแย่งกันออกจากขบวนรถไฟในทันที ซึ่งถึงตรงนี้ทางเจ้าหน้าที่รถไฟฟ้าจึงได้เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างเร่งด่วน และแล้วเหตุการณ์ทุกอย่างก็เข้าสู่ปกติในเวลาไม่ถึง 5 นาทีหลังจากนั้น ภายหลังจากเรื่องนี้ รถไฟฟ้าขบวนดังกล่าวก็เข้าสู่การทำความสะอาดครั้งใหญ่ ซึ่งจากเหตุความวุ่นวายก็ทำให้มีข้าวของมากมายหล่นทิ้งไว้บนพื้นรถไฟฟ้าเช่น แท็บเล็ต รองเท้า กระเป๋าอีเหละเขะขะมากมาย แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ไม่พบตัวผู้ร้ายผู้ก่อเหตุนั่นคือ…
-
พยาบาลใช้กำปั้นทุบ “หัวเด็ก” วัยแรกเกิด 3 ปีให้หลังพบเด็กน้อยป่วยเป็นโรคลมชัก
คลิปจากกล้องวงจรปิดในห้องเด็กอ่อนของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองหลวงของประเทศบัลแกเลีย ได้เผยให้เห็นวินาทีอันโหดร้าย หลังจากที่พยาบาลผดุงครรภ์รายหนึ่ง ได้ใช้กำปั้นชกไปที่หน้าของเด็กทารก เนื่องจากเขาส่งเสียงร้องไห้ และไม่ยอมนอนหลับ Emiliya Kovacheva ถูกตัดสินจำคุก 18 ปี ข้อหาใช้ความรุนแรงและทำร้ายร่างกาย Nikol Dimitrova ทารกน้อยวัย 4 วัน ทางด้านทนายของพยาบาลคนดังกล่าว อ้างว่าลูกความของเธอหมดหนทางที่จะทำให้หนูน้อยยอมเงียบ หลังจากเสียงร้องของเขาปลุกให้เด็กคนอื่นๆ ตื่น และเธอต้องเข้าเวรตลอด 24 ชั่วโมง ในปี 2017 ศาลตัดสินให้เธอจำคุก 18 ปี ก่อนที่จะมีการพิจารณาคดีใหม่ให้เป็นการกักบริเวณ เนื่องจาก Kovacheva ต้องดูแลลูกทั้งสองของเธอ และพ่อแม่ที่สูงอายุเพียงลำพัง เหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ผู้ปกครองของหนูน้อย Nikol วัย 3 ขวบได้บอกว่าลูกของพวกเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคลมชัก เนื่องจากสมองได้รับการกระทบกระเทือนตั้งแต่เด็ก ทางด้านทนายความของผู้เสียหายได้ออกมาเผยว่า ก่อนหน้านี้คุณหมอได้บอกกับทางครอบครัวว่า เด็กอาจมีอาการผิดปกติบางอย่างตามมาได้เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่เขาได้รับ คลิปวิดีโอของเหตุการณ์เกิดขึ้น ***คำเตือน: อาจมีภาพและเนื้อหาที่รุนแรง …
-
โซเชียลมันน่ากลัว นศ.แพทย์ ฆ่าตัวตายหลังข้อความส่วนตัวถูกเอาไปแชร์จนโดนพักการเรียน
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันโซเชียลมีเดียได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว เราใช้โซเชียลมีเดียลทั้งในการติดต่อสื่อสาร และเป็นสมุดบันทึกอันแสนสะดวกสบายที่ในปัจจุบันใครๆ ก็ต้องมี แต่ในความสะดวกสบายนั่นเองโซเชียลมีเดียก็แฝนความอันตรายไว้เช่นเดียวกัน นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากการแขวนคอตายของนาย เอ็ดเวิร์ด ซีเนียร์ นักศึกษาแพทย์วัย 22 ปีจากประเทศเวลส์ ร่างของเขาถูกพบโดยคุณพ่อ หลังจากที่เอ็ดเวิร์ด โดนพักการเรียนจากมหาวิทยาลัยสวอนซี เพราะเพื่อนๆ ของเขาเอาข้อความใน WhatsApp ของเขาไปแชร์ลงในโซเชียลมีเดีย ข้อความที่ว่านี้เป็นข้อความที่เอ็ดเวิร์ดอวดเพื่อนๆ ถึงการ “ความสัมพันธ์สั้นๆ” ของเขากับสาวคนหนึ่ง ซึ่งในข้อความมีการระบุชื่อของเด็กสาวคนดังกล่าวเอาไว้ด้วย ดังนั้นเมื่อข้อความที่ว่านี้หลุดออกไปยังสายตาของคนกว่าหนึ่งร้อยคน ทางมหาวิทยาลัยจึงจำเป็นต้องลงโทษเอ็ดเวิร์ดอย่างช่วยไม่ได้ ทางบ้านของเอ็ดเวิร์ดเชื่อว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เอ็ดเวิร์ด อับอายเป็นอย่างมาก เขามีอาการสิ้นหวังและโมโหมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น นอกจากนี้เขายังกังวลว่าการโดนพักการเรียนจะมีผลต่ออนาคตข้างหน้าอีกด้วย “เขารู้สึกว่าอนาคตของเขาได้ดับวูบลงไปแล้ว” เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพเวนดี้ เจมส์กล่าว เธอยังบอกอีกว่า เรื่องราวของเอ็ดเวิร์ดนั้นเป็นตัวอย่างที่ดีของอันตรายจากการแชร์อะไรลงโซเชียลมีเดีย เพราะแม้ว่าข้อความที่เขาส่งให้เพื่อนนั้นจะเป็นข้อความส่วนตัว แต่มันก็ยังมีความเสี่ยงที่เพื่อนๆ จะเอาข้อความที่ว่าไปเผยแพร่ต่ออยู่ดี แม้ว่าการเสียชีวิตของลูกชายจะทำให้ครอบครัวของเขาเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ทางครอบครัวของเขาก็ไม่คิดจะให้การจากไปของลูกชายตัวเองสูญเปล่า พวกเขาได้ออกมาเปิดกองทุนในชื่อของเอ็ดเวิร์ดขึ้น โดยมีการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือเด็กคนอื่นๆ ที่คิดจะฆ่าตัวตาย โดยหวังว่าจะสามารถลดจำนวนเด็กๆ ที่ต้องมาจบชีวิตตัวเองลงเหมือนกับเอ็ดเวิร์ดไปได้ แม้สักคนก็ยังดี ที่มา bbc, mirror
-
คุณพ่อสละชีวิต วิ่งเข้าไปช่วยลูกๆ จากหมีขั้วโลก จนตัวเองโดนหมีทำร้ายถึงแก่ความตาย
ในวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่แคนาดาได้เกิดเหตุสะเทือนใจคนรักครอบครัวขึ้น เมื่อนายแอรอน กิบบอนส์วัย 31 ปี คุณพ่อผู้กล้าหาญของครอบครัวกิบบอนส์ ต้องมาเสียชีวิตลงจากการเอาตัวเข้าไปบังลูกๆ จากหมีขั้วโลกที่กำลังพุ่งเข้าใส่ เรื่องราวในครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ครอบครัวของนายแอรอนได้ไปเที่ยวกันที่อ่าวฮัดสัน บนเกาะเซนทรี เขตนูนาวุต ทางตอนเหนือของแคนาดา ในตอนนั้นเองที่มีหมีหมีขั้วโลกตัวหนึ่งโผล่ออกมาต่อหน้าลูกๆ ของนายแอรอน แต่ก่อนที่มันจะได้ทำอะไร คุณพ่อผู้ใจกล้าก็กระโจนเข้ามาขว้างทางหมีเอาไว้ ก่อนจะบอกให้ลูกๆ หนีไป เขาต้องเข้าไปเผชิญหน้ากับหมีมือเปล่า แม้ว่าเขาจะมีปืนเก็บไว้ก็ตาม จากการเข้ามาขวางของผู้เป็นพ่อ ทำให้ลูกๆ ของเขาสามารถหนีไปได้โดยไม่มีบาดแผลใดๆ ในตอนนั้นเองลูกสาวคนหนึ่งของเขาก็ใช้วิทยุที่เรือเพื่อติดต่อขอความช่วยเหลือ นายกอร์ดี คิดลาพิก ลุงของผู้ตายกล่าวว่า พวกเขาได้ยินการร้องขอความช่วยเหลือที่ว่านั่น และเสียงที่ได้ยินนั้นมันน่าหดหู่มากเลย โชคดีของพวกเด็กๆ ที่มีนักท่องเที่ยวที่เห็นเหตุการณ์ใช้ปืนยิงใส่เจ้าหมีจนตาย อย่างไรก็ตามพวกเขามาช้าเกินไป เพราะในตอนที่พวกเขาไปถึง แอรอน กิบบอนส์ก็ได้โดนหมีตัวดังกล่าวทำร้ายจนถึงแก่ความตายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นกลายเป็นเรื่องสะเทือนขวัญของคนในเมืองอาร์วิเอตที่แอรอนอาศัยอยู่มาก เพราะสำหรับคนในเมืองนั้น แอรอนเป็นทั้งพ่อที่ดี และนายพรานที่ยอดเยี่ยมจริงๆ “แอรอนจากไปอย่างวีรบุรุษ เขาสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องลูกๆ ของเขาเอาไว้” ญาติๆ ของเขากล่าว ที่มา thesun, theguardian, bbc, khaosod
-
พบโครงกระดูก “แม่มด” ในโปแลนด์ มีรูเจาะเต็มตัวเพื่อป้องกันเธอ ‘ลุกขึ้น’ จากความตาย
เคยได้ยินไหมว่า ตำนานจากยุคกลาง มนุษย์นั้นเคยหวาดกลัว “แม่มด” เป็นอย่างมาก หากหญิงคนใดถูกสงสัยหรือพบว่าเป็นแม่มดแล้วล่ะก็ คนผู้นั้นต้องย่อยยับอย่างแน่นอน ล่าสุดมีคนพบเจอโครงกระดูกอันน่าสะพรึง เมื่อสำรวจดูร่องรอยต่างๆ ทำให้นักโบราณคดีเชื่อว่าเป็นโครงกระดูกของแม่มดอย่างแน่นอน โครงกระดูกดังกล่าวถูกขุดพบที่สุสานในโปแลนด์โดยนักโบราณคดีที่ชื่อว่า Karol Piasecki สภาพของโครงกระดูกพบก้อนอิฐถมทับและมี “รู” ปรากฏขึ้นหลายจุดของโครงกระดูก ทำให้เกิดความคิดว่าชาวบ้านสมัยก่อนกลัวว่าโครงกระดูกที่เชื่อว่าเป็นแม่มดนี้จะลุกขึ้นจากหลุมศพหากไม่ยึดโครงกระดูกให้ติดกับพื้นพร้อมทั้งถมด้วยก้อนอิฐ ใครครั้งแรกที่พบ คิดว่าโครงกระดูกของบุคคลที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นแวมไพร์ เพราะถูกฝังไกลออกไปจากสุสานใหญ่ แถมมีร่องรอยของพิธีกรรมสะกดวิญญาณอยู่ด้านบนพื้นดินเหนือหลุมศพนี้ แต่เมื่อตรวจ DNA จากกระดูกของศพแล้วพบว่าเป็นร่างของ “ผู้หญิง” ซึ่งน่าจะมีผมสีบลอนด์และตาสีฟ้า แถมยังเป็นผู้ที่ถูกทรมานอีกด้วย สำหรับประเทศโปแลนด์ หญิงที่ถูกกล่าวว่าเป็นแม่มดมักจะเป็นภรรยาหรือคนรักของบุคคลฐานะมั่งคั่งของสังคม และพวกเธอจะถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดทันทีหลังจากความสัมพันธ์ของเธอกับสามีย่ำแย่ลง หรือยามที่ผู้คนเกลียดชังพวกเธอมากๆ ร่องรอยที่เป็น “รู” เนื่องจากถูกตอกยึดให้ติดกับพื้น โครงกระดูกนี้เชื่อว่าน่าจะถูกฝังมาตั้งแต่ราวๆ ศตวรรษที่ 16 หรือ 17 Grzegorz Kurka ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่เก็บโครงกระดูกนี้เอาไว้กล่าวว่า “ด้วยเหตุผลบางประการ พวกเขาไม่ได้เผาเธอทั้งเป็น แต่กลับฝังเธอเอาไว้ให้เธอไม่สามารถลุกขึ้นมามีชีวิตได้อีก” นอกจากนี้เขายังบอกว่าภายในสิ้นปีนี้จะพยายามค้นพบให้ได้ว่าเจ้าของร่างโครงกระดูกนี้มีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่ โดยใช้เทคโนโลยีการตรวจจับโครงใบหน้าเป็นตัวช่วย ยุคสมัยก่อนมีความเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจที่ค่อนข้างรุนแรงและน่ากลัว จึงไม่แปลกหากหญิงคนใดถูกมองว่าเป็น “แม่มด”…
-
รวมคำสดุดีจากชาวต่างชาติ ถึง “จ่าแซม” ฮีโร่หน่วยซีลผู้เสียชีวิตในถ้ำหลวง
เหตุการณ์อันน่าสลดใจที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น การจากไปของ ‘จ่าแซม’ หรือ จ่าเอก สมาน กุนัน อดีตหน่วยซีล ที่เป็นหนึ่งในทีมอาสาดำน้ำเพื่อช่วยเหลือเหล่าทีมฟุตบอลหมูป่าจากถ้ำหลวง ความสูญเสียในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย ทั้งในประเทศไทยของเรา และต่างประเทศทั่วโลกที่ติดตามข่าวการช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิต มีการรายงานข่าวในสำนักข่าวชื่อดังของต่างประเทศมากมาย ทั้ง Metro, BBC, Daily Mail, CNN, Reuter, The Independent, และอื่นๆ อีกมากมาย ผู้คนทั่วโลกต่างก็รู้สึกเศร้าเสียใจหลังจากที่ได้ทราบข่าวนี้ และร่วมสดุดีแด่ความกล้าหาญของจ่าแซม ที่ได้เสียสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิตให้ปลอดภัย และนี่คือความคิดเห็นของชาวโลกที่ได้ร่วมไว้อาลัยแด่การจากไปของจ่าแซม ลองไปชมพร้อมๆ กันครับ “เศร้ามาก RIP ฮีโร่ผู้ช่วยเหลือชีวิตของเหล่าเด็กๆ ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าครอบครัวของเขาจะก้าวข้ามผ่านความเศร้าจากการสูญเสียในครั้งนี้ไปได้” “ขอแสดงความนับถือแด่ครอบครัวของฮีโร่” “ชายผู้กล้าหาญ เขาควรจะได้รับการสรรเสริญด้วยการสร้างอนุสรณ์สถานให้ จากการช่วยเหลือเหล่าเด็กๆ” “ขอขอบคุณสำหรับการอุทิศตน และการเสียสละ ขออวยพร RIP” “ไม่นะ…
-
Elon Musk คืบหน้าวางแผนวิเคราะห์ ช่วยเหลือถ้ำหลวง ส่งทีม SpaceX มาสมทบไทย
เป็นอีกหนึ่งข่าวดี เมื่อนักประดิษฐ์ชื่อก้องโลกในปัจจุบันอย่าง Elon Musk ผู้ก่อตั้ง SpaceX และ Tesla Motor ได้รับรู้ถึงภารกิจการช่วยเหลือทีมหมูป่าออกมาจากถ้ำหลวง ว่าเป็นภารกิจที่ยากและมีความเสี่ยงสูง โดยเมื่อวานที่ผ่านมา Elon Musk ได้ทวีตไว้ว่า “ตนรับรู้ถึงสถานการณ์นี้แล้ว คาดว่าทางรัฐบาลไทยยังควบคุมได้ แต่ก็ยินดีจะช่วยเหลือเพิ่มเติมหากมีอะไรที่พอจะช่วยได้” นอกจากนี้เขายังเสริมไว้ว่าบริษัทขุดเจาะ Boring Company ในเครือของเขานั้น มีเทคโนโลยีล้ำหน้าทางด้านการเจาะพื้นผิวและเรดาร์ แต่ยังไม่ทราบว่าอัตราการสูบน้ำออกมานั้นถูกจำกัดด้วยกระแสไฟ หรือเครื่องสูบน้ำเล็กเกินไปรึเปล่า เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นอาจจะส่งเครื่องสูบน้ำและชุดไฟฟ้าเพิ่มไปให้ และแล้วเมื่อช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. James Yenbamroong หรือ คุณเจมส์ วรายุทธ เย็นบำรุง ผู้ก่อตั้งบริษัท mu Space ได้มาตอบกลับถึง Elon Musk ว่า… “ทีม SpaceX ได้ติดต่อทางเรามาแล้วในวันนี้ เพื่อหาทางติดต่อกับรัฐบาลไทย ทีมของเราได้ประสานและให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับทีมของคุณแล้ว…
-
พบลูกหมูน้อยสุดแปลกเกิดมา ‘มีงวงเหมือนช้าง หน้าเหมือนคน มีจงอยเหมือนไก่’ เอ๊ะตัวอะไรแน่!!
เชื่อเลยว่าชั่วชีวิตของคนเราคงจะต้องพบเจอกับอะไรที่มันแปลกประหลาดมาบ้างไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นพืชพันธุ์ต้นไม้ หรือกระทั่งสัตว์ต่างๆ แต่ว่าคงไม่เคยมีใครพบกับลูกหมูกลายพันธุ์อย่างเจ้าตัวนี้ ที่มันมีงวงเหมือนช้าง โครงหน้าเหมือนคน แต่ปากเหมือนกับไก่!! โดยเจ้าลูกหมูที่ว่านี้ถ้าหากเกิดขึ้นในประเทศไทยคงจะต้องถูกขอหวยเป็นแน่แท้ แต่ว่ามันกลับถูกพบเจอในบริเวณเมืองเจียงเหมิน มณฑลกวางตุ้ง ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน ซึ่งรูปร่างหน้าตาอันพิลึกพิลั่นของมันนี้ได้สร้างความตกตะลึงให้กับชาวบ้านจำนวนมากตั้งแต่วันที่มันลืมตาขึ้นมาดูโลกนี้เลย ภาพวิดีโอของเจ้าหมูน้อยถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับใครก็ตามที่ได้พบเห็นเป็นอย่างมาก รวมถึงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความแปลกนี้ด้วย “มันดูเหมือนกับสัตว์ประหลาดที่มาพร้อมกับงวงช้าง ปากจงอยของไก่และใบหน้าของมนุษย์” หนึ่งในชาวเน็ตเขียนกล่าวไว้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามด้วยอุปสรรคทางด้านร่างกายที่ผิดแปลกของมัน จึงทำให้มีสุขภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรงนักทั้งขยับเขยื้อนร่างกายอย่างอยากลำบาก หายใจติดขัดไม่สะดวก จึงทำให้ในที่สุดแล้วมันก็เสียชีวิตลงไปหลังจากลืมตาดูโลกได้เพียง 2 วันเท่านั้นเอง ลองมาดูวิดีโอของเจ้าหมูน้อยขยับเขยื้อนกันสักนิด และลักษณะอันแปลกประหลาดของมันก็ดูเหมือนมีสาเหตุมาจากสภาวะความพิการตั้งแต่กำเนิดที่เรียกว่า Holoprosencephaly หรือสมองส่วนหน้าไม่แยกตัวออกจากกันนั่นเอง… เลขอะไรดีงวดนี้… ที่มา: dailymail
-
กลุ่มอนุรักษ์ติดเครื่องติดตามนกกระสา เพื่อดูการอพยพ สุดท้ายซิมการ์ดโดนขโมยเป็นหนี้บานเบอะ!!
หนึ่งในเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์เป็นอย่างมากในยุคดิจิตัลตอนนี้ ก็คือเทคโนโลยี GPS ที่สามารถใช้นำทางหรือติดตามสิ่งต่างๆ ได้ และด้วยประโยชน์อันนี้เองก็ยังมีส่วนช่วยให้การศึกษาและอนุรักษ์สัตว์เป็นไปอย่างง่ายดาย จากการติดเครื่อง GPS ดูวิถีการดำรงชีวิตของมันนั่นเอง แต่ใครจะไปคิดว่าเทคโนโลยีนี้จะสร้างผลเสียได้เหมือนกับที่กลุ่มอนุรักษ์กลุ่มหนึ่งโดน เพราะมีคนขโมยซิมการ์ดในเครื่อง GPS ที่พวกเขาติดตั้งไว้กับตัวนกเพื่อจะดูการเดินทางในช่วงฤดูหนาวของมัน ส่งผลให้ท้ายที่สุดแล้วกลุ่มอนุรักษ์นี้ต้องเป็นหนี้ค่าโทรศัพท์อย่างบานเบอะ!! โดยเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นนี้ ดันไปเกิดขึ้นกับกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในประเทศโปแลนด์ชื่อว่า EkoLogiczna ซึ่งเรื่องราวที่ว่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่ในเดือนเมษายน ปี 2017 เมื่อทางกลุ่มได้นำเครื่อง GPS ติดไว้กับตัวของนกกระสาขาวชื่อว่า Kajtek เพื่อจะศึกษาเส้นทางอพยพในช่วงฤดูหนาวของมันที่ปกติจะเดินทางไปยังทวีปแอฟริกา รวมถึงสังเกตพฤติกรรมการกินอาหารของมันด้วย คลิปวิดีโอของทางกลุ่มอนุรักษ์ ในปีถัดมาผลลัพธ์ที่ได้จากเครื่อง GPS นี้ก็แสดงให้เห็นว่าเจ้า Kajtek ได้เดินทางบินไปกว่า 6,000 กิโลเมตร ซึ่งทางกลุ่มอนุรักษ์นี้เองก็บันทึกผลนี้เอาไว้ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งเอาไว้ ทว่าในเดือนกุมภาพันธ์ของต้นปีนี้ ปรากฏว่ามีเรื่องที่ค่อนข้างแปลกๆ เกิดขึ้นกับเจ้านกเสียแล้ว เพราะว่าระหว่างทางจากแอฟริกามายังโปแลนด์ มันได้จอดแวะพักที่ประเทศซูดานอย่างไม่มีเหตุผลแถมยังคงอยู่ในบริเวณดังกล่าวเป็นเวลากว่า 2 เดือนเต็มๆ อีกด้วย จนสุดท้ายแล้วในวันที่ 26 เมษายน สัญญาณจากเครื่อง GPS ของเจ้านกตัวนี้ก็ขาดหายไปอย่างไร้ร่องรอย.. แต่เรื่องมันไม่ได้จบเพียงเท่านั้นเพราะเมื่อเดือนที่ผ่านมา…
-
รูปสาว Tinder สุดฮา… หนุ่มๆ ทักมาเพียบ ไม่ได้จะจีบ แค่อยากเตือนเรื่อง “กระดาษทิชชู่” เฉยๆ?!
เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะรู้จักกับแอป Tinder แอพหาคู่ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เมื่อเข้าไปเล่น เราก็จะได้เห็นภาพโปรไฟล์ของแต่ละคนที่เหมือนกับเป็นการแนะนำตัวเองแบบคร่าวๆ Hana Michels นักเขียนวัย 30 ปีคือหนึ่งในคนที่เล่นแอปนี้ และเธอได้โพสต์ภาพโปรไฟล์ของตัวเองในแบบที่ไม่มีใครเหมือน เป็นภาพของเธอขณะที่กำลังนุ่งผ้าเช็ดตัว แปรงฟันอยู่ในห้องน้ำ ภาพโปรไฟล์ของ Hana ในแอพ Tinder . ภาพดังกล่าวสร้างความสนใจให้กับหนุ่มๆ หลายคนที่กำลังมองหาคู่ พวกเขาต่างพากันแอดมาหาเธอ แต่กลับไม่ใช่ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการอยากรู้จักหรือจะมาจีบแต่อย่างใด Hana โพสต์ลงทวิตเตอร์ว่า “นี่คือภาพโปรไฟล์ Tinder ของฉัน ฉันตั้งไว้มานานเป็นปีแล้ว มีผู้ชาย 23 คนติดต่อฉันมาเพื่อต้องการบอกว่ากระดาษทิชชู่ในห้องน้ำของฉันมันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง” สังเกตตรงกระดาษทิชชู่ โพสต์ดังกล่าวของเธอ (ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2018) ได้ถูกพูดต่อๆ กันไปในโลกโซเชียล ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ทุกคนต่างให้ความสนใจไปกับเรื่องของ “กระดาษทิชชู่” เราจะเห็นจากในภาพว่ากระดาษทิชชู่มันถูกแขวนเอาไว้ในด้านที่ไม่ค่อยตรงกับที่เราทำหรือเห็นมาโดยตลอด คือมันดันหันเข้าไปข้างในกำแพงซะอย่างงั้น ปกติเราคงเคยชินกับการแขวนไว้ในลักษณะนี้ งงเลยสิครับ… มนุษย์โลกก็ช่างสังเกตกันเหลือเกิน แต่ถึงแม้ว่าหนุ่มๆ ทั้ง 23…
-
คุณแม่วัย 29 โดนจับ เพราะขายลูกชาย และพยายามจะขายลูกสาวอีกสองคน
ในสมัยก่อนจะมีคำพูดที่ว่า “ไม่มีแม่คนไหนที่ไม่รักลูกหรอก” น่าเศร้าที่ในปัจจุบันมักจะมีข่าวที่ทำให้คำพูดคำนี้ ดูจะไม่เป็นความจริงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะข่าวแม่ทำร้ายลูก หรือทิ้งลูกไว้ในถังขยะ และในคราวนี้เองสังคมก็ต้องพบกับเรื่องน่าสลดใจอีกครั้งเมื่อมีข่าวของ Esmeralda Garza คุณแม่วัย 29 ปี ถูกตำรวจจับกุมในข้อหาค้ามนุษย์ Esmeralda Garza ผู้ต้องสงสัย Esmeralda เป็นคุณแม่ที่อาศัยอยู่ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เธอถูกทางตำรวจเข้าจับกุมหลังจากที่ลูกชายวัย 7 ขวบของเธอถูกทางตำรวจพบ ในระหว่างการบุกเข้าทำลายแหล่งซ่องสุมยาเสพติดในเมืองคอร์ปัสคริสตี เมืองทางตอนใต้ของเท็กซัส จากหลักฐานที่ทางตำรวจมี Esmeralda นั้นตกเป็นผู้ต้องสงสัย ว่าทำการขายลูกชายแท้ๆ ของเธอให้แก่ชายสองคน และกำลังทำการติดต่อขายลูกสาวสองคนของเธอซึ่งอายุเพียง 2 ขวบ และ 3 ขวบอีกด้วย ตำแหน่งของคอร์ปัสคริสตี เมืองที่เกิดเหตุ การจับกุมในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม 2018 โดยนอกจากตัว Esmeralda แล้วยังมีกลุ่มชายหญิงอีกกลุ่มถูกจับกุมเป็นผู้ต้องสงสัยในครั้งนี้ด้วย แม้ว่าจะไม่มีการออกมาเปิดเผยจากทางตำรวจว่าพวกเขานั้นเกี่ยวข้องกับการค้าขายยาเสพติด การค้ามนุษย์ หรือว่าทั้งสองคดี ในปัจจุบัน Esmeralda Garza ถูกคุมขังไว้ที่เรือนจำ Nueces County เป็นที่เรียบร้อย โดยมีการวางเงินค่าประกันตัวที่ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,300,000…
-
ครั้งแรกในเยอรมัน ‘น้องๆ สู้ๆ’ พาดหัวหน้าหนึ่งเป็นภาษาไทย ส่งกำลังใจสู่ทีมหมูป่า!!
จากกระแสข่าวในประเทศไทยกับเหตุการณ์ทีมหมูป่า 13 ชีวิตติดอยู่ภายในถ้ำหลวง ต่างเป็นที่สนใจและกำลังถูกนำเสนอไปทั่วโลก สื่อรายใหญ่ต่างติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดไม่ต่างไปจากภายในบ้านเรา ในขณะที่เรากำลังรอลุ้นกันอยู่ว่าจะพาเด็กๆ และผู้ช่วยโค้ชออกมาจากถ้ำได้เมื่อไหร่ กระแสของการให้กำลังใจจากต่างประเทศก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ซึ่งในครั้งนี้ก็มาจากประเทศเยอรมนี จากเฟสบุ๊กของคุณ Makut Onrudee มกุฎ อรฤดี จากสำนักพิมพ์ผีเสื้อ ได้โพสต์ภาพถ่ายหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ Bild และข้อความของนักเขียน ในใจ เม็ทซกะ ขณะอยู่กับครอบครัวในเยอรมนี และภารกิจพาน้องกลับบ้านก็ไปถึงสื่อของที่นี่ “คนเยอรมันบอกว่า ‘นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่หนังสือพิมพ์เยอรมัน พาดหัวข่าวหน้า 1 เป็นภาษาไทย’ 5 กรกฎาคม 2561 ฉันเห็นหนังสือพิมพ์วันนี้แล้วตื่นเต้นมาก ฉันเลยอยากส่งข่าวให้ทางเมืองไทยทราบ พ่อช่วยฉันแปลข้อความในหนังสือพิมพ์หน้าแรกคือ: พวกเขาติดอยู่ลึกในถ้ำที่เมืองไทย ปฏิบัติการช่วยเหลือซับซ้อนและอันตรายมาก เราจั่วหัวเรื่องหนังสือพิมพ์วันนี้ เป็นภาษาเยอรมันและภาษาไทยว่า “น้องๆ สู้ๆ” ทั้งโลกวิตกกังวลไปกับเด็ก 12 คน และโค้ชของพวกเขา BILD ได้พูดคุยกับครอบครัวของเด็กๆที่นั่น อ่านเหตุการณ์น่าสะเทือนใจ และคำถามเกี่ยวกับการช่วยเหลือเด็กๆ ต่อได้ที่หน้า 6” …
-
อุทาหรณ์ง่วงแล้วขับ! รถพุ่งเข้าหาฟุตบาทชนคนบริสุทธิ์ตาย 1 เจ็บ 5 ในรัสเซีย
ในนครโซชี ประเทศรัสเซีย ได้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์คันหนึ่งพุ่งถลาขึ้นมาบนทางเท้าริมถนน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและผู้บาดเจ็บอีก 5 รายด้วยกัน ตามรายงานของเว็บไซต์ข่าว Daily Mail ชายผู้เสียชีวิตเป็น ผู้สูงอายุวัย 63 ปีซึ่งเสียชีวิตทันที ณ จุดเกิดเหตุ ขณะเดียวกันผู้บาดเจ็บที่เป็นหญิง 2 คนอยู่ในภาวะวิกฤต ทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน คนขับรถคันที่ก่ออุบัติเหตุยังชนเข้ากับรถอีกคันหนึ่งหลังชนผู้คนเดินเท้าเรียบร้อยแล้ว และภายในรถซึ่งประกอบไปด้วยคุณแม่และเด็ก แต่ไม่พบว่าได้รับบาดเจ็บใดๆ รถพุ่งมาด้วยความเร็วสูง และตรงมายังทางเดินเท้าริมถนนที่มีผู้คนเดินอยู่ ภายหลังทราบว่าคนขับคือนาย Sergy Antonyan วัย 23 ปีที่กำลังปีนออกทางหน้าต่างเพื่อหลบหนี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่ายังไม่มีสิ่งที่น่าสงสัยว่าจะเป็นการก่อการร้าย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานกับสื่อว่าคนขับได้เผลอหลับขณะขับรถ ทำให้พวงมาลัยเลี้ยวรถพุ่งมายังทางเท้าและชนเข้ากับผู้คนซึ่งเดินทางบนทางเท้านั้น เมื่อสอบสวนคนขับรถที่ก่อเหตุดังกล่าว ได้ความว่าเขาจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้ เขาเพียงรู้สึกว่าง่วงนอนมาก ก่อนหน้านี้เขารับงานเป็นคนขับรถแท็กซี่ซึ่ง ทำงานติดต่อกันโดยไม่ได้นอนหลับมา 2 วันแล้ว คลิปวิดีโอด้านล่างมีภาพความรุนแรงควรใช้วิจารณญาณในการรับชม จากวิดีโอจะเห็นได้ว่ารถคันดังกล่าวขับตัดข้ามทางเดินรถก่อนที่จะชนเข้าทางด้านหลังของผู้คนเดินเท้าที่กำลังเดินอยู่บนทางเดิน และชนประกบเข้ากับรถยนต์อีกคันจนเกิดโศกนาฎกรรมในที่สุด ไม่มีคำเตือนใดๆ นอกจาก “ง่วงไม่ขับ”…
-
เด็กวัย 13 เกิดความสงสัยกับ “ไอ้จ้อน” ของตัวเอง เลยยัดสายชาร์จเข้าไป ผูกเป็นปม ดึงออกไม่ได้!!
เมื่อครั้งเรายังเป็นเด็ก เราอาจเกิดความสงสัยเกี่ยวกับร่างกายของเราว่าอวัยวะแต่ละอย่างทำไมถึงมีหน้าตาเป็นแบบนี้? แล้วมันมีหน้าที่อะไร? เด็กชายวัย 13 ขวบคนนี้ก็คงไม่ต่างกัน และความสงสัยของเขานั้นก็นำไปสู่การกระทำแปลกๆ อย่างเช่นการยัดสายชาร์จเข้าไปในรูอวัยวะเพศของตัวเอง?! เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2018 ที่ผ่านมา มีรายงานว่าเด็กชายคนดังกล่าวในเขต Linkou มณฑลเฮย์หลงเจียง ประเทศจีน ยัดสายชาร์จ USBเข้าไปในรูอวัยวะเพศลึกถึง 20 เซนติเมตร (ครึ่งหนึ่งของความยาวสาย) แล้วดึงออกมาไม่ได้ ด้วยเหตุนั้นเอง ผู้ปกครองจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลท้องถิ่น โดยทีมแพทย์ได้ใช้สารหล่อลื่นเพื่อจะดึงเอาสายชาร์จนั้นออกมา แต่ว่าก็ไม่สำเร็จ เด็กคนนั้นถึงกับร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด วันต่อมา เขาจึงถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเด็กในเมือง Harbin และเมื่อทำการเอ็กซเรย์ก็พบว่าสายชาร์จที่ถูกยัดเข้าไป ดันผูกกันเป็นปมอยู่ข้างในบริเวณกระเพาะปัสสาวะของเด็กชาย ภาพเอ็กซเรย์ เด็กตัดปลายสายชาร์จแล้วยัดเข้าไปด้วยความยาว 20 เซนติเมตร Xu Liyan แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคทางท่อปัสสาวะ บอกว่าทางเลือกเดียวของเด็กคนนี้คือ เขาจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อนำเอาสายชาร์จดังกล่าวออกมา แพทย์ผ่าลงไปบริเวณกระเพาปัสสาวะของเด็กชาย จากนั้นจึงเข้าไปเล็มแก้ปมของสายชาร์จ แล้วก็ดึงมันออกมาจากทางเดิมที่มันเข้าไป (คิดภาพตามแล้วขนลุกซู่เลยฮะ…) เมื่อถามหาสาเหตุว่าทำไมเด็กชายถึงเอาสายชาร์จยัดเข้าไป เขาก็บอกว่ามันเกิดจากความสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับอวัยวะเพศของตัวเองก็เท่านั้น… Xu Liyan แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดในครั้งนี้ …
-
โชโก อาซาฮาระ ผู้นำลัทธิโอมชินริเกียวโดนประหารแล้ว จากเหตุก๊าซพิษสังหารในปี 1995
ในวันที่ 20 มีนาคม 1995 ได้เกิดเหตุซึ่งกลายเป็นคดีสะเทือนขวัญของชาวญี่ปุ่นไป เมื่อมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งทำการปล่อยก๊าซพิษซารินในสถานีรถไฟใต้ดินกรุงโตเกียว ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 คน บาดเจ็บมากกว่า 6,000 คน พวกเขาคือลัทธิ “โอมชินริเกียว” (オウム真理教) ลัทธิซึ่งมีความเชื่อเรื่องโลกาวินาศ อีกทั้งยังพยากรณ์ว่าจะเกิดภัยพิบัติในญี่ปุ่นและสงครามโลกครั้งที่ 3 ลัทธิโอมชินริเกียวก่อตั้งขึ้นในช่วงยุค 1980 โดย “โชโกะ อาซาฮาระ” หรือชื่อจริง นายชิสึโอะ มัตสึโมโตะ ซึ่งในขณะนี้อายุได้ 63 ปี โดยเชื่อกันว่ามีสมาชิกอย่างน้อย 10,000 คนจากทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ “โชโกะ อาซาฮาระ” หรือชื่อจริง ชิสึโอะ มัตสึโมโตะ ผู้ก่อตั้งลัทธิ อย่างไรก็ตาม 2 เดือนหลังจากเกิดเหตุ ในที่สุดทางตำรวจของญี่ปุ่นก็สามารถเข้าทำการจับกุมสมาชิกลัทธิโอมชินริเกียวที่ก่อเหตุได้ทั้งหมด ผู้เกี่ยวข้องในคดีถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำนวน 6 คน และอีก 13 คนได้รับการตัดสินประหารโดยชีวิตหนึ่งใน 13 คนที่ว่านี้คือ โชโกะ อาซาฮาระ เจ้าลัทธินั่นเอง โชโกะ อาซาฮาระถูกจับกุม…
-
คุณแม่เดือด… วางมวยกลางสนามเด็กเล่น เพราะผู้ปกครองคนหนึ่งยืน “สูบบุหรี่” หน้าตาเฉย?!
ส่วนใหญ่แล้วการทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นในสนามเด็กเล่น มักจะเป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างเด็กๆ แต่เหตุการณ์นี้กลับเป็นเรื่องราวของคุณแม่สองคน ทำเอาเด็กทุกคนต่างงงไปตามๆ กัน วันที่ 5 กรกฎาคม 2018 สำนักข่าว Mirror รายงานว่า เกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทขึ้นระหว่างคุณแม่ 2 คน ในสนามเด็กเล่นของเมืองอูฟา ประเทศรัสเซีย คลิปจากผู้เห็นเหตุการณ์เผยว่า คุณแม่ร่างใหญ่สวมกางเกงเอี๊ยมได้พุ่งเข้าใส่คุณแม่อีกคนที่ใส่เสื้อสีขาวกางเกงขาสั้น ในขณะที่ผู้ปกครองคนอื่นๆ พยายามเข้ามาห้ามและแยกพวกเธอออกจากกัน ชายชุดดำที่ติดอยู่ท่ามกลางเหตุวิวาทดังกล่าว รีบนำรถเข็นเด็กไปจอดไว้ข้างๆ ก่อนที่จะเข้าไปแทรกกลางพยายามหยุดการต่อยตี ส่วนเด็กๆ ที่กำลังเล่นอยู่ก็ต่างพากันยืนมองดูแบบงงๆ ถึงอย่างนั้นความเดือดดาลของทั้งสองคนก็ไม่อาจสงบลงได้ จนทำให้เข้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายต้องเข้ามาแทรกแซงอย่างเร่งด่วน พวกเขาต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรกว่าจะห้ามคุณแม่ทั้ง 2 คนไว้ได้ในที่สุด จากคำให้การของพยาน Marina Kropova เล่าว่า “สาวร่างใหญ่คนนั้นยืนสูบบุหรี่กลางสนามเด็กเล่น ผู้หญิงคนอื่นๆ จึงเดินไปเตือน บอกให้เธอหยุดสูบได้แล้ว” “แต่สาวร่างใหญ่กลับตะโกนด่ากลับมาพร้อมด้วยคำสบประมาท ดูถูกต่างๆ นานา นั่นจึงทำให้เธอและคุณแม่อีกคนเริ่มวางมวยใส่กัน” จากข้อมูลของสำนักข่าวในพื้นที่บอกว่าทั้ง 2 คนนั้นเป็นคุณแม่ที่พาลูกๆ มาเล่นในสนามเด็กเล่นแห่งนี้…
-
ปริศนาหลอน ครอบครัวอินเดีย “ผูกคอตาย” ยกบ้าน 11 ศพ เชื่อเกี่ยวข้องกับลัทธิลึกลับ
ล่าสุดบนทวิตเตอร์ ได้มีการเผยแพร่ข่าวการตายอย่างลึกลับของชาวอินเดีย เมื่อครอบครัวหนึ่งกลายเป็นศพหมดทั้งครอบครัวรวม 11 ชีวิต เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็น การฆาตกรรมและการฆ่าตัวตายหมู่ในครอบครัว หลายสำนักข่าวของอินเดียได้เผยแพร่โศกนาฏกรรมปริศนานี้ออกมาทั่วโลกอินเทอร์เน็ต ขณะเดียวกันผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวไทยชื่อว่า @washimarou ก็ได้นำเรื่องราวการตายอย่างลึกลับนี้มาเล่าต่อ โพสต์เล่าเรื่องการตายหมู่ของครอบครัว Bhatia ในอินเดีย เริ่มต้นวันที่ 1 กรกฎาคม 2018 รูปภาพศพขณะที่เจ้าหน้าที่พบเจอ ดูได้ที่นี่ (แต่ไม่แนะนำให้เข้าไปดู) ตำรวจสงสัยทั้งครอบครัวกำลังนับถือในลัทธิลึกลับ และได้ประกอบพิธีกรรมล้างบาป . ในบันทึกที่พบ มีการเขียนกล่าวถึงการล้างบาปด้วยพิธี Baar Puja (บูชาต้นไทร) เป็นการแขวนคอ ปิดตา ปิดหู ปิดปาก มือไพล่หลัง ห้อยลงมาในลักษณะเหมือนรากไทร ลูกชายที่ชื่อว่า Lalit ฝันเห็นพ่อผู้ล่วงลับ ทำให้เชื่อว่าประกอบพิธีกรรมนี้แล้ว “พ่อ” จะมาช่วย และเชื่อว่าพิธีกรรมนี้ทำให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากบันทึกที่พบ ทำให้ทราบว่าพิธีกรรมนี้ต้องทำต่อเนื่อง 7 วัน หมายความว่าพวกเขาเริ่มทำพิธีกรรมมาตั้งแต่ วันที่ 23-30 มิถุนายน…
-
พรานเถื่อนลักลอบเข้าเขตสงวนจะ’ฆ่าแรดขโมยนอ’ สุดท้ายโดน ‘สิงโต’ จับกินตายเรียบ!!
เคยมีอยู่หลายครั้งหลายคราอย่างที่เราได้เคยได้ยินข่าวกันว่า สัตว์โลกถูกมนุษย์ฆ่าเพื่อเอาชิ้นส่วนไปขาย หรือฆ่าเพื่อความสนุกสนานกันจนเป็นภาพชินตา ในตอนนี้ดูเหมือนว่าสัตว์เหล่านั้นจะไม่ยอมจำนนอีกต่อไปแล้ว เพราะมีพรานเถื่อนกลุ่มหนึ่งที่ตั้งใจจะลักลอบเข้าไปในอุทยานฆ่าแรดเพื่อเอานอ แต่ว่ากลับถูกเจ้าป่าอย่าง ‘สิงโต’ จับกินซะก่อน!! โดยเหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นที่เขตสงวน Sibuya Game Reserve ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งจากการรายงานของเจ้าหน้าที่ได้กล่าวว่า พวกเขาได้พบชิ้นส่วนหัว และส่วนอื่นๆ ของร่างกายมนุษย์ในบริเวณเขตสงวนดังกล่าว รวมถึงรองเท้าอีก 3 คู่ในวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา การค้นพบดังกล่าวทำให้สัตวแพทย์ประจำเขตสงวนต้องใช้ยาสลบกับสิงโตจำนวน 6 ตัวในบริเวณนั้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าไปเก็บกู้ซากศพดังกล่าวออกมาได้ พร้อมกันนี้นอกจากชิ้นส่วนของร่างกายแล้วทางเจ้าหน้าที่ของเขตสงวนยังพบ ปืนไรเฟิลประสิทธิภาพสูงที่ใช้สำหรับการล่าสัตว์พร้อมปลอกเก็บเสียง, คีมตัดลวด และขวานที่คาดเอาไว้ว่าน่าจะเอามาเพื่อตัดนอของ ‘แรด’ ที่พวกเขามาตามหาอยู่ “เราพบเจอชิ้นส่วนร่างกายและรองเท้าอีก 3 คู่ในที่ดังกล่าว ดังนั้นแล้วมันจึงสามารถบอกกับเราได้ว่าสิงโตได้จับคนกินเป็นอาหารไปแล้วอย่างน้อย 3 คน และอาจมีมากกว่านี้ก็เป็นได้ พวกเขามีอาวุธหนักทั้งปืนไรเฟิลและขวานที่เราได้พบเจอ แถมยังมีเสบียงอาหารที่เพียงพอสำหรับการเข้ามาอยู่หลายวัน นี่จึงเป็นเหตุให้พวกเราสงสัยว่าพวกเขามาตามล่าแรดของเราแน่ๆ แต่อันที่จริงแล้วหลักฐานที่ปรากฏมันก็ชัดเจนพออยู่แล้วว่าพวกเขาจะมาฆ่าแรดเพื่อเอานอไปน่ะ” “แต่ถึงอย่างนั้นสิงโต ผู้พิทักษ์ของเราก็ได้จัดการกับปัญหานี้และจัดการให้เป็นมื้ออาหารเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าเราจะเสียใจกับการสูญเสียชีวิตของผู้ที่ลักลอบจะเข้ามาฆ่าสัตว์ของเรา แต่ในอีกทางหนึ่งนี่คือข้อความที่อยากส่งไปยังพรานเถื่อนคนอื่นๆ ว่าคุณอาจจะไม่ได้เป็นผู้ชนะเสมอไป” Nick Fox เจ้าของเขตสงวนกล่าว…
-
หรือว่าจะโดนอุ้ม?! หญิงสาวหายตัวไป หลังเอาหมึกเขวี้ยงใส่รูป “สี จิ้นผิง” ผู้นำสูงสุดของจีน
เมื่อวานนี้ (5 กรกฎาคม 2018) หญิงสาวคนหนึ่งได้หายตัวไปและไม่มีใครสามารถติดต่อกับเธอได้ หลังจากที่ผู้หญิงคนนี้สาดสีหมึกใส่รูปภาพผู้นำสูงสุดของประเทศจีน จุดเริ่มต้นของการหายตัวไปนี้คาดว่าเป็นผลมาจากการที่หญิงสาวแซ่ Dong คนดังกล่าวโพสต์คลิปลงโลกโซเชียลเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2018 ต่อต้านระบบรัฐพรรคการเมืองเดียว พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ภาพจากโพสต์ของสาวแซ่ Dong เธอบอกออกมาในคลิปเลยว่าตนเองต่อต้านการปกครองในลักษณะดังกล่าว จากนั้นจึงนำเอาสีสาดใส่รูปของ สี จิ้นผิง ผู้นำสูงสุดของจีน ซึ่งเป็นโปสเตอร์ที่ติดอยู่หน้าอาคารของรัฐ HNA Building ในเซี่ยงไฮ้ จากนั้นเธอก็บอกว่าตนเองเคยถูกจับไปเข้ารับ “การล้างสมอง” โดยพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา และหวังจะให้องค์การนานาชาติต่างๆ เข้ามาแทรกแซง ตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้น เธอทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยการยั่วยุว่า “สี จิ้นผิง ฉันกำลังรอคุณมาจับฉันอยู่ ฉันสาดสีใส่รูปของคุณตรงด้านหน้าอาคารของคุณเองเลยเห็นมั้ย” วันต่อมา ทางสำนักข่าว RFI ของจีนก็รีบติดต่อไปยังหญิงสาวคนนี้ผ่านทวิตเตอร์ของเธอ และได้รับการยืนยันว่าเธอยังคงปลอดภัยดีในช่วงเวลาบ่าย 2 ของวันที่ 5 กรกฎาคม 2018 แต่หลังจากนั้นเพียง 1 ชั่วโมง สาวแซ่ Dong ก็ได้โพสต์บอกทุกคนในทวิตเตอร์ว่า…
-
ผู้รับบท ‘จาร์ จาร์ บิงคส์’ เผยถูกคนเกลียดขี้หน้าทั้งกาแลคซี่ จนเกือบจบชีวิตตัวเอง
ภาพยนตร์ชุดยิ่งใหญ่แห่งจักรวาล ‘สตาร์ วอร์ส’ ที่คงดำเนินเรื่องอย่างต่อเนื่องมาจนถึงไตรภาคที่ 3 กันแล้ว แต่ทว่ากระแสไตรภาคล่าสุดนั้นกลับไม่ถูกใจแฟนๆ เท่าที่ควร ย้อนกลับไปช่วงไตรภาค EP I – III ก็มีกระแสความเกลียดชังจากแฟนๆ ที่รุนแรงเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะกับตัวละครชาวกันแกน ‘จาร์ จาร์ บิงคส์’ ด้วยบทสมทบสายฮา แต่แฟนหนังกลับไม่ฮาด้วยแถมเกลียดเข้าเส้น กระแสด้านลบที่มีต่อตัวละคร ส่งผลทำให้ Ahmed Best ผู้รับบทจาร์ จาร์ แทบจะทนไม่ไหว กับความโหดร้ายกับคำวิจารณ์ที่เขาต้องแบกรับเอาไว้ และเคยคิดจะฆ่าตัวตายเมื่อ 19 ปีที่แล้ว โดยเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2018 เขาได้ทำการทวีตและโพสต์รูปภาพตัวเองและลูกชายกำลังมองออกจากสะพาน พร้อมกับข้อความว่า “ที่นี่คือที่ที่ผม เกือบจะจบชีวิตตัวเอง “ https://twitter.com/ahmedbest/status/1014222723764162561?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1014222723764162561&ref_url=http%3A%2F%2Fwww.thisisinsider.com%2Fstar-wars-jar-jar-binks-actor-ahmed-best-considered-suicide-2018-7 . https://www.instagram.com/p/BkyD0IUgWI1/ “ผมเจอกับกระแสลบเป็นเวลา 20 ปี และมันก็ยังคงกระทบกับอาชีพนักแสดงของผมมาจนถึงทุกวันนี้ มันเป็นเรื่องยากที่จะพูดถึง ผมรอดมาได้และเจ้าตัวตัวเล็กก็คือของขวัญสำหรับการมีชีวิตอยู่ ผมกำลังคิดจะทำโชว์เดี่ยวครบรอบ 20…
-
แบรนด์แฟชั่นออกชุดใหม่ ชาวบ้านสงสัย เฮ้ย มันใช่ของเรารึเปล่า ‘ก่อแคมเปญทวงคืน’
ในโลกของแฟชั่นกว่าจะคลอดคอลเลคชั่นใหม่ออกมาได้ ต้องอาศัยเวลาในการร่างและออกแบบจากแรงบันดาลใจรอบตัว ซึ่งดีไซน์เนอร์อาจจะหยิบยกอะไรบางอย่างมาเป็นองค์ประกอบของแต่ละชุด ด้วยลักษณะของแรงบันดาลใจ ที่มาในนามของคำว่า ‘ยืมมาใช้’ มักจะกลายเป็นข้อถกเถียงกันอยู่เสมอ อย่างในกรณีของคอลเลคชั่นของแบรนด์ Dior ที่ออกมาในปีที่แล้ว มีความคล้ายคลึงกับชุดพื้นเมืองของชาวบ้าน Bihor ในประเทศโรมาเนียมากๆ ด้านซ้ายคือชุดจาก Dior ด้านขวาคือชุดของ Bihor คอลเลคชั่นเสื้อผ้าจาก Dior ชุดนี้ มีมูลค่าขายทั้งชุดประมาณ 30,000 ยูโร (1,165,000 บาท) โดยที่กำไรทั้งหมดไม่ได้เข้ากระเป๋าชาวบ้าน Bihor เลย ไม่มีแม้แต่กระทั่งให้เอ่ยชื่อว่าเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ . . ชาวโรมาเนีย ก็ไม่ได้นิ่งเฉยกับการนี้ พวกเขาจึงริเริ่มปฏิบัติการทวงคืนโดย Beau Monde นิตยสารแฟชั่นสายเลือดโรมาเนีย สร้างแคมเปญเพื่อให้ชาวโลกได้รับรู้ ร่วมกับช่างฝีมือและนักออกแบบชาวพื้นเมือง Bihor ตัวอย่างงานแคมเปญที่ออกแบบเหมือนกับนิตรสารแฟชั่นไม่ผิดเพี้ยน . . พวกเขาได้ร่วมกันสร้างแบรนด์แฟชั่นเป็นของตัวเอง เพื่อรักษาเอกลักษณ์ชุดพื้นเมืองเอาไว้ในนาม Bihor Couture และขายให้กับเหล่าผู้ชื่นชอบแฟชั่นในราคาที่ถูกกว่า และกำไรที่ได้นั้นส่งถึงมือช่างผู้สร้างเสื้อผ้าพื้นเมืองโดยตรง สร้างงานสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านได้มากกว่า…
-
ยายวัย 92 ปี ใช้อาวุธปืนฆ่าลูกชายของตัวเอง เพราะถูกบังคับให้ไปอยู่บ้านพักคนชรา
Anna Mae Blessing คุณยายวัย 92 ปี อาศัยอยู่ใน Fountain Hills รัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้อาวุธปืนยิงลูกชายของตัวเองจนเสียชีวิต หลังจากที่เขาพยายามจะส่งตัวเธอไปยังบ้านพักคนชรา ตามรายงานระบุว่าคุณยายได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับนาย Thomas ลูกชายวัย 72 ปี และภรรยาของเขาวัย 57 ปีในคอนโดแห่งหนึ่งเป็นเวลานานกว่า 6 เดือนแล้ว แต่ทว่านาย Thomas ได้บอกกับแม่ว่าเขาต้องการที่จะส่งเธอไปยังบ้านพักคนชรา และนั่นเองก็ทำให้เรื่องราวร้ายแรงเกิดขึ้นภายหลัง คุณยายได้ใช้เวลาครุ่นคิดถึงแผนการเป็นเวลาหลายวัน ก่อนที่จะตัดสินใจนำปืนพกที่เก็บเอาไว้ตั้งแต่ปี 1970 มาซ่อนไว้ที่กระเป๋าเสื้อของตน เธอค่อยๆ เดินตามลูกชายเข้าไปที่ห้องนอนแล้วก็ก่อเหตุยิงในช่วงเช้าของวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา ลูกกระสุนพุ่งเข้าไปที่ใบหน้า และลำคอของลูกชาย เป็นสาเหตุให้เสียชีวิต นอกจากนี้รายงานยังระบุเอาไว้ว่าหลังจากที่ยิงลูกชายไปแล้ว คุณยายก็เล็งปืนไปที่ภรรยาของเขา แต่โชคดีที่ปืนมันหลุดออกจากมือไปซะก่อนที่จะได้ยิง ทำให้ภรรยาของผู้เสียชีวิตสามารถวิ่งหนีออกมาจากห้องและโทรแจ้งตำรวจได้ทันเวลา เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงก็พบตัวคุณยายกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องนอนที่ก่อเหตุฆาตกรรม ขณะที่เจ้าหน้าที่กระทำการขนย้ายศพของผู้เสียชีวิตออกจากห้องจู่ๆ คุณยายก็พูดออกมาว่า “แกจะเอาชีวิตของฉันไป ฉันก็เลยต้องเอาชีวิตของแกไปด้วย” จากนั้นคุณยายก็แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อว่าเธอต้องการที่จะฆ่าตัวตาย ถึงจะสาสมกับสิ่งที่ตนเองได้ทำลงไป แต่อย่างไรก็ตามเธอถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวไปและเข้ารายงานตัวต่อศาล คุณยาย…
-
แฟนบอลยืนลุ้นทีมชาติตัวเองยิงจุดโทษหน้าบ้านของคนแปลกหน้า เพราะกลับไปดูที่บ้านไม่ทัน
ในช่วงเทศกาลบอลโลกแบบนี้ การเชียร์ทีมที่รักย่อมเป็นกิจกรรมที่เหล่าแฟนบอลทุกคนไม่อยากจะพลาดไปเลยแม้แต่แมทช์เดียว ยิ่งเป็นแมตช์ที่มีความสำคัญอย่างการลุ้นเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยแล้วทุกวินาทีย่อมสำคัญสุดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นทีมชาติของตัวเอง การเดินผ่านไปที่ไหนแล้วมีเกมการแข่งขันให้ดูย่อมต้องหยุดยืนลุ้นเป็นธรรมดา เช่นเดียวกันกับแฟนบอลทีมชาติอังกฤษ ที่ต้องยืนลุ้นกันวินาทีต่อวินาทีกับการยิงจุดโทษแข่งกับทีมชาติโคลอมเบีย หลังจากที่เสมอกัน 1-1 ในเวลาปกติ ไม่ได้มีเพียงแค่เหล่านักเตะและแฟนบอลที่อยู่ข้างสนามที่ลุ้นกันเท่านั้น แฟนบอลชาวอังกฤษทุกคนต่างก็อยู่ในสภาพที่ลุ้นจนปัสสาวะเหนียวไม่ต่างกัน จนถึงขนาดที่ว่าที่บ้านหลังหนึ่งในเขตวิมเบอร์ดัน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษถึงกับมีคนมามุงดูมากมาย เพื่อร่วมลุ้นจังหวะสำคัญนั้น!! นั่นเป็นเพราะว่ากลุ่มคนเหล่านั้นไม่สามารถกลับไปดูที่บ้านได้ทันเวลา พอเห็นบ้านหลังดังกล่าวเปิดบอลลุ้นทีมชาติของตัวเองกำลังเตะจุดโทษอยู่ แถมทีวียังมีจอขนาดใหญ่ ก็ทำให้พวกเขาหยุดยืนลุ้นไปด้วยกันซะเลย เหตุการณ์ดังกล่าวถูกถ่ายเก็บเอาไว้โดยนักข่าว Felicity Baker เธอได้นำไปโพสต์ลงในทวิตเตอร์พร้อมกับแคปชั่นว่า “เมื่อคุณมีทีวีจอใหญ่และตั้งมันไว้ในห้องที่ติดกับถนน” ทวีตดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย มีคนเข้ามากดไลก์มากถึง 24,800 ครั้ง และรีทวีตไปอีกกว่า 7,200 ครั้งเลยทีเดียว แน่นอนว่าพวกเขาได้รับชัยชนะในเกมดังกล่าวและสามารถเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปได้ แฟนบอลชาวอังกฤษต่างก็ดีใจที่ทีมชาติของตัวเองทำสำเร็จ มีการเฉลิมฉลองเกิดขึ้นในทุกที่เลยทีเดียว เพราะนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่พวกเขาทำได้ ก็ต้องมาลุ้นกันต่อไปแล้วล่ะว่าทีมชาติอังกฤษจะไปได้ไกลแค่ไหน จะทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศไปต่อได้หรือไม่ อีก 2 วันก็คงได้ทราบผลกันแล้วล่ะครับ ที่มา : ladbible, Felicity…
-
เด็กลูกครึ่งดัตช์ เขียนจดหมายถึงนายกฯ เนเธอร์แลนด์ วอนช่วยจัดการน้ำที่ถ้ำหลวง!!
จากเหตุการณ์ ’13 ชีวิตติดถ้ำหลวง’ ไม่เพียงแค่ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศเท่านั้นที่ติดตามกันอย่างใกล้ชิด แม้กระทั่งผู้คนที่อยู่ต่างประเทศเองก็ให้ความนใจและติดตาม เช่นเดียวกันกับเด็กน้อยลูกครึ่งเนเธอร์แลนด์รายนี้ ที่เป็นห่วงทั้ง 13 ชีวิต จนถึงกับเขียนจดหมายไปหาท่านนายกรัฐมนตรีของประเทศเนเธอร์แลนด์เพื่อขอร้องให้ท่านช่วยเหลือผู้ประสบภัย เรื่องราวดังกล่าวโพสต์โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Nantinee Ruangsakorn ในโพสต์มีเนื้อหาแบบเต็มๆ ว่า “ดูข่าวเด็กติดถ้ำไปพร้อมๆ กับโทนนี่และเดนนิส โทนนี่บอกว่า “ผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศเข้าช่วยเหลือ” เราถามกลับว่า “แล้วเนเธอร์แลนด์ไม่คิดจะทำอะไรบ้างเลยหรือ?” โทนนี่บอกว่า “เราไม่ชำนาญเรื่องถ้ำ เพราะประเทศเราไม่มีถ้ำ” …เราตอบโทนนี่กลับไปว่า “ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่ “ถ้ำ” แต่เป็นเรื่อง น้ำที่มีปริมาณมาก จนพาเด็กออกจากถ้ำไม่ได้ และฉันคิดว่า ประเทศเนเธอร์แลนด์ คือ ประเทศที่ดีที่สุดในโลกเรื่องระบบการจัดการน้ำ” …โทนนี่เห็นด้วยกับคำพูดของเรา เดนนิสซึ่งนั่งอยู่ร่วมวงสนทนาด้วย บอกว่า “พวกเราก็ได้แต่หวังว่า น้ำคงจะลดในเร็ววัน…เด็กๆ จะได้ออกมาวิ่งเล่นข้างนอกได้”…เราถามเดนนิสว่า “ลูกอยากจะลองช่วยพวกเขาไหม? ลองเขียนจดหมายไปหานายกรัฐมนตรีของเราสิ” และนี่คือที่มาของจดหมายน้อย ฉบับแรกในชีวิตที่เดนนิสเขียนเอง พรุ่งนี้ เราจะส่งไปถึงนายกรัฐมนตรี ส่วนนายกจะตัดสินใจอย่างไร ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่เราถือว่า “เด็กที่นี่ทุกคนมีเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิดเห็น” ข้อความในจดหมาย แปลเป็นภาษาไทยได้ดังนี้ ถึง…
-
นักศึกษาครูใกล้เรียนจบเกือบฝันสลายเพราะ ‘สูงไม่ถึง’ สุดท้ายเป็นกรณีพิเศษจากเสียงชาวเน็ต!!
การที่ใครจะเรียนจบมหาวิทยาลัยต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆ เลย แล้วยิ่งเป็นการเรียน ‘ครู’ ด้วยแล้วขอบอกเลยว่านอกจากการเรียนที่ต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่แล้ว ยังต้องเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณอันแน่วแน่อีกด้วย… แต่ว่ามีนักศึกษาคนหนึ่งที่ใกล้จะเรียนจบได้เป็นครูอย่างที่วางแผนเอาไว้อยู่แล้ว กลับต้องฝันสลายลงเนื่องมาจากปัญหาเรื่องความสูงของเธอไปขัดเข้ากับกฎระเบียบวิชาชีพครู!! โดยนี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับนักศึกษาสาวที่มีนามสกุลว่า Li เธอเข้ารับการศึกษาที่มหาวิทยาลัย Shaanxi Normal University ในเมืองซีอาน มณฑลส่านซี ประเทศจีน ด้วยทุนการศึกษาแบบเต็มรูปแบบจากรัฐแลกเปลี่ยนกับการที่หลังจากเรียนจบ เธอจะต้องไปเป็นครูสอนหนังสือที่โรงเรียนของรัฐบาลเป็นการตอบแทน นักศึกษา Li เลือกลงเรียนในแผนครูวิชาภาษาอังกฤษตั้งแต่ปี 2014 ที่ผ่านมา ซึ่งตามกำหนดก็จะสำเร็จการศึกษาภายในปีนี้ ทว่าเมื่อไม่กี่วันมานี้ธอก็ต้องใจสลายลง เมื่อเธอได้รับการบอกว่าเธอไม่สามารถที่จะเป็นคุณครูได้ เนื่องมาจากกฎระเบียบข้อบังคับการตรวจร่างกายของเมืองซีอานที่ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่าคุณครูผู้ชายจะต้องมีส่วนสูง 155 เซนติเมตร ส่วนคุณครูผู้หญิงจะต้องมีส่วนสูงขั้นต่ำ 150 เซนติเมตร ขณะที่เธอมีความสูงเพียง 140 เซนติเมตรเพียงเท่านั้น… ซึ่งทันที่ที่ได้รับทราบข่าวนี้ Li ก็ตกตะลึงจนแทบช็อกไปเลย เพราะว่าไม่มีใครเคยบอกเรื่องนี้กับเธอเกี่ยวกับกฎข้อนี้มาก่อน และเกิดข้อสงสัยว่าทำไมเธอจึงสามารถผ่านเข้ามาเรียนในสาขาวิชานี้ได้ตั้งแต่ในทีแรก และอีกสิ่งหนึ่งที่เธอรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากก็คือสิ่งที่เธอทำมาทั้งหมดกำลังจะสูญเปล่าไป แถลงการณ์ฉบับพิเศษสำหรับเคสของนักศึกษา Li “ตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีที่ผ่านมาฉันทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างหนักในชีวิตมหาวิทยาลัย ในตอนนี้มันหมดความหมายลงไปแล้ว ความฝันในการเป็นคุณครูของฉันแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ไปแล้ว” Li กล่าว ในตอนนี้นอกจากความฝันที่พังทลายลงไปแล้ว…
-
สาวน้อยนั่งท่า “สุดสบาย” ในที่สาธารณะ พร้อมให้สัญญาณมือจะสื่ออะไรหรือเปล่า!?
พวกเราถูกสอนกันมาเสมอว่า “เป็นกุลสตรีต้องมีกิริยาที่เรียบร้อย” จะทำอะไรก็ให้คำนึงถึงภาพที่จะออกมาด้วยว่ามันงามหน้างามตาหรือเปล่า แต่กับสาวน้อยคนนี้ดูแล้วเธอจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะเธอทำเอาชาวเน็ตและผู้ที่พบเห็นหัวใจแทบวายด้วย ท่านั่ง ของเธอนั่นเอง… ชาวเน็ตแห่แชร์ภาพสาวน้อยในเสื้อคลุมยีนส์พร้อมกางเกงขาสั้นจุ๊ดจู๋ที่กำลังนั่งรอเวลาหรือรออะไรบางอย่างอยู่ข้างๆ กับกระเป๋าสัมภาระของเธอ หลายคนคาดว่าเธอน่าจะเกิดความเมื่อยล้าและพยายามหาความสบายให้กับตนเอง เธอจึงปรับเปลี่ยนให้เป็นท่านั่งกึ่งนอนพร้อมยกขาพาดขึ้นมาบนโต๊ะราวกับนั่งอยู่ที่บ้าน แหม่… สบายจริงๆ แม่คุณ แต่แล้วชาวเน็ตก็ได้สังเกตเห็นว่า มือของเธอ นั้นช่างซุกซนเสียจริง จากภาพจะเห็นว่ามือขวาของเธอนั้นเล่นโทรศัพท์มือถือตามประสาวัยรุ่นทั่วไป แต่มือซ้ายของเธอนี่สิ เธอลูบไล้ลงมาบริเวณขอบของกางเกง ชาวเน็ตก็เข้าใจว่าเธอคงห่วงว่ากางเกงของเธอจะเปิดเผยจุดซ่อนเร้นจึงเอามาลูบลงมาปิดไว้ มือซ้ายอันแสนซุกซน แต่แล้วเธอกลับขยับนิ้ว เขี่ยอะไรก็ไม่รู้ตรงนั้น!!! ทำเอาผู้ถ่ายรวมถึงชาวเน็ตต่าง เลือดลมไหลเวียนอย่างไม่เป็นระบบกันเลยทีเดียว ผู้คนบนโลกออนไลน์ต่างก็พากันคอมเมนต์ไปต่างๆ นานา มีทั้งสายหื่นและสายเป็นห่วงลูกหลาน ซึ่งจริงๆ อาจจะมีอีกหลายคอมเมนต์ที่ยังไม่ได้พิมพ์ลงมาแต่หัวใจวายไปเสียก่อน ฮ่าๆ สรุปแล้ว อยากเตือนสาวๆ ทุกคนว่า อยู่ในที่สาธารณะก็ไม่ควรนั่งเปิดเผยเช่นนี้ เพราะอาจคนเห็นและแอบถ่ายคุณมาแบบนี้ก็ได้ ที่มา: ck101
-
หัวงานคนงานที่เคยติดเหมืองชิลี อยากมาช่วยส่วนตัว ‘อดทนไว้ทีมหมูป่า’ ส่งกำลังใจถึงเด็กๆ
อีกหนึ่งเสียงเล็กๆ จากผู้ที่เคยประสบภัยทางธรรมชาติเช่นเดียวกันของ นาย Mario Sepulveda ผู้นำคนงานเหมืองและผู้ปลุกขวัญกำลังใจให้กับชาวเหมือง ระหว่างเหตุการณ์เหมืองถล่มที่ประเทศชิลีและติดอยู่ในนั้นนานถึง 69 วันเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เขาได้ทำการอัดคลิปวิดีโอพร้อมกับพูดว่า “อดทนไว้นะ” ส่งตรงมาถึงเด็กๆ และผู้ช่วยโค้ชทีมหมูป่า ทั้ง 13 ชีวิต จากเหตุติดอยู่ในถ้ำหลวง โดยเป็นภาพของเขาสวมชุดชูชีพสีเหลือง หมวกนิรภัยพร้อมดวงไฟติดอยู่ ซึ่งนอกจากนี้เขายังระบุเพิ่มเติมเอาไว้ว่า กำลังหาทุนเพื่อเดินทางมายังประเทศไทย โดยตั้งใจจะมาช่วยเหลือด้วยตัวเขาเองให้จงได้ ทั้งนี้ได้ขอการสนับสนุนเงินจากทางรัฐบาลชิลีไปแล้ว หลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์เหมืองถล่มและมีวิศวกรไทยได้เข้าร่วมทีมช่วยเหลือด้วย “ผมอยากจะไปถึงที่นั่น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้กำลังใจจากครอบครัว ผมอยากกอดพวกเขา พร้อมกับถ้อยคำให้กำลังใจจากปากของผมเอง” นอกเหนือจากนี้เขายังได้แนะนำเอาไว้ว่า ทางการไทยควรเพิ่มงบประมาณทางด้านการกู้ภัยและช่วยเหลือ เพื่อไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่านี้… ทั้งนี้ นาย Mario Sepulveda นั้นเคยประสบภัยติดอยู่ในเหมืองถล่มพร้อมกับเหล่าคนงานเหมือง ในบริเวณทะเลทรายอะตาคามา ประเทศชิลี เมื่อปี 2010 ชาวเหมืองทั้ง 33 ชีวิตติดอยู่ในนั้นนานถึง 69…
-
“บาสเกตบอลกระชับมิตร” การแข่งขันที่จะช่วยรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลี
เกาหลีเป็นประเทศที่เคยมีประเทศเดียว ก่อนที่จะแตกออกมาเพราะความเห็นไม่ตรงกันด้านการเมืองและในปี 1950 ด้วยสถานการณ์ตึงเครียดติดต่อกันเป็นเวลานานทำให้ก่อเกิดสงครามใหญ่ระหว่างสองชาติพี่น้องเกิดขึ้น ทำเอาคนล้มตายกันไปเป็นจำนวนมาก และหลังจากผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นมาได้ 68 ปีในที่สุดเมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 27 เมษายน 2018 เกาหลีใต้และเกาหลีเหนือก็ได้ประกาศยุติความขัดแย้งที่มีมาอย่างยาวนาน ผู้นำเกาหลีเหนือ Kim Jong-un และประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ Moon Jae-in ได้เดินมาจับมือกัน ณ เขตชายแดนของทั้งสองประเทศ กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ เพื่อที่จะกระชับมิตรภาพของทั้งสองประเทศ เกาหลีเหนือและใต้จึงได้รื้อฟื้นกิจกรรมกีฬาเพื่อมิตรภาพอย่างบาสเกตบอลกระชับมิตร ที่เคยจัดครั้งล่าสุดเมื่อปี 2003 ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง บาสเกตบอลกระชับมิตรครั้งนีได้จัดขึ้นในยิม Ryugyong Jong Ju ที่กรุงเปียงยาง เมืองหลวงของประเทศเกาหลีเหนือ แน่นอนว่าถ้าพูดถึงบาสเกตบอลก็ต้องมีทีมแข่งขันระหว่างสองทีมในประเภทชายและหญิง ในครั้งนี้จะแบ่งอีกทีมเป็น “ทีมสันติภาพ” ในชุดขาวและทีม “ความสำเร็จ” ในชุดสีเขียว ทั้งสองทีมจะมีผู้เล่นถูกคัดเลือกมาเล่นจากทั้งสองชาติผสมปนเปกันไป โดยในฝ่ายชายทั้งสองทีมเสมอกันไปด้วยคะแนน 102 ต่อ 102 และในฝ่ายหญิงทีมความสำเร็จสามารถเอาชนะทีมสันติภาพไปได้อย่างสูสีท่ามกลางผู้ชมกว่า 12,000 คนด้วยคะแน 103 ต่อ 102 ถึงจะไม่จะเป็นเพียงการแข่งที่ไม่ได้จริงจังอะไรมาก…
-
หนุ่มกระต่ายหายเลยตามตำรวจมาช่วย สุดท้ายพบป้าข้างบ้านถอนขนเตรียมแกงเรียบร้อย!!
เมื่อสัตว์เลี้ยงแสนรักของเราหายไป มันเหมือนกับว่าใจของเรามันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เลยใช่ไหมล่ะ จากที่เคยเห็นหน้ากันทุกวันพอจู่ๆ มันไม่อยู่แล้วก็คงรู้สึกหวิวๆ ในใจแปลกๆ ดังนั้นแล้วจึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะตามหาว่ามันไปซุกซนอยู่ที่ไหนกันนะ แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับหนุ่มสัตว์เลี้ยงหายคนนี้ มันอาจเป็นสิ่งที่คุณต้องภาวนาว่าอย่าให้เกิดขึ้นกับตัวเองเลย เพราะกระต่ายของหนุ่มคนนี้ได้หายไปจากบ้าน หาไปหามาสุดท้ายแล้วมันกลับอยู่แค่บ้านเพื่อนบ้านนี่เอง ทว่าก็เหลือเพียงร่างไร้วิญญาณ ที่โดนถอนขนเตรียมขึ้นเขียงเป็นเมนูอันโอชะไปซะแล้ว… เหตุการณ์อันน่าสะเทือนใจนี้เกิดขึ้นกับชายคนหนึ่งในเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน โดยเมื่อเร็วๆ นี้กระต่ายของเขาเพิ่งจะหายไปจากบ้านอย่างไร้สาเหตุ เขาจึงได้โทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยความหวังที่ว่าจะให้พวกเขาช่วยตามหากระต่ายตัวนี้ให้หน่อย เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ดูแลทุกข์สุขของประชาชนก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีเยี่ยม พวกเขาพยายามเสาะหาทุกวิถีทางเพื่อจะนำกระต่ายน้อยตัวนี้มาคืนให้กับเจ้าของให้ได้ และแล้วพวกเขาก็สามารถตามรอยเจ้ากระต่ายตัวนี้ได้ จากกล้องรักษาความปลอดภัยในบริเวณนั้น พบว่ามันเข้าไปอยู่ที่บ้านของเพื่อนบ้านหลังหนึ่งในละแวกนั้น หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปที่บ้านหลังดังกล่าว และได้พบกับคุณป้าคนหนึ่งที่มีสกุลว่า Wu กำลังเตรียมจะปรุงอาหารมื้อพิเศษเป็นสตูว์กระต่ายอยู่ ทางเจ้าหน้าที่จึงรู้ทันทีว่านี่เป็นกระต่ายที่หายไปอย่างแน่นอน แต่ไม่ทันการเพราะคุณป้า Wu ได้ปลิดชีพมันพร้อมกับถลกหนังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว.. แต่ถึงอย่างนั้นคุณป้า Wu ก็ออกมาปกป้องตัวเองโดยอ้างว่า เธอคิดว่ากระต่ายตัวนี้เป็นของที่ทางครอบครัว ซื้อมาทิ้งเอาไว้เพื่อให้เป็นของทานเล่นเพียงเท่านั้น และเธอก็ไม่รู้ด้วยว่านี่เป็นกระต่ายที่หายไปจากบ้านคนอื่น ทางด้านเจ้าของกระต่ายนั่นคือชายนามสกุล Liu ก็บอกว่าเขาเศร้าใจมากๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะว่าเจ้ากระต่ายตัวนี้ต่างก็เป็นที่รักของทั้งเขาและลูกชาย พร้อมกันนี้ยังบอกอีกด้วยว่าการพาเจ้ากระต่ายตัวนี้เดินเล่นมันสามารถช่วยให้ลูกชายของเขาลดน้ำหนักลงได้ถึง 25 กิโลกรัมอีกด้วย ในท้ายที่สุดแล้วต่อให้ทำอย่างไรก็คงไม่สามารถคืนชีพมันขึ้นมาอีกได้ ดังนั้นแล้วคุณป้า Wu จึงต้องยอมจ่ายเงินชดเชยให้กับ Liu สำหรับชีวิตของกระต่ายตัวนี้เป็นเงิน…
-
แม่กำลังเล่นไพ่เพลินๆ แต่ลูกน้อยวัย 1 ขวบวอแว เลยจับขังไว้ ‘ใต้เก้าอี้’ ให้หมดเรื่อง!!
เมื่อคุณกำลังทำอะไรอยู่อย่างเพลินๆ แล้วสมมุติว่ามีลูกน้อยมาวอแวคุณจะทำอย่างไร?? คุณก็อาจจะกล่อมให้ลูกของคุณนอนก่อน หรือดูแลลูกก่อนแล้วค่อยกลับมาทำกิจกรรมนั้นต่อใช่ไหมล่ะ แต่ว่ามีแม่คนหนึ่งที่ไม่ใช่อย่างนั้นแต่เธอกลับขังลูกวัยเพียงขวบเดียวของเธอเอาไว้ใต้เก้าอี้นั่งขณะที่เธอก็เพลิดเพลินไปกับการเล่นไพ่กับเพื่อนๆ !? คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้รับการบันทึกเป็นวิดีโอคลิป และได้ออกสู่สายตาประชาชนชาวโลกผ่านโลกโซเชียล ซึ่งในวิดีโอนั้นได้แสดงให้เห็นว่ามีเด็กน้อยวัย 1 ขวบคนหนึ่งที่ถูกขังเอาไว้ในพื้นที่เล็กๆ บริเวณใต้เก้าอี้ที่ผู้เป็นแม่นั่งเล่นไพ่กับเพื่อนๆ อยู่ แน่นอนว่าลูกน้อยที่ถูกขังอยู่อย่างนั้นย่อมอยู่อย่างไม่เป็นสุข เขาพยายามที่จะปีนป่ายหาทางออกจากกรงขังเก้าอี้นั้นและส่งเสียงขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับแต่อย่างใด จนในท้ายที่สุดแล้วเด็กชายคนนี้ก็ต้องยอมอยู่ภายใต้เก้าอี้นี้ด้วยความจนใจอย่างไร้ทางเลือก.. ในตอนนี้วิดีโอดังกล่าวได้มีผู้เข้ารับชมแล้วกว่า 2.1 ล้านครั้ง ซึ่งจากทางสื่อ Legal and Legislation Evening Post ระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณห้องเล่นไพ่นกกระจอกที่อยู่ใต้ดิน ใกล้ๆ กับเขตโรงเรียนในเมืองเหินหยาง มณฑลหูหนาน ประเทศจีน เมื่อได้รับรายงานดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รุดไปยังบ่อนดังกล่าวและได้จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 12 คนในข้อหาเล่นการพนันผิดกฎหมาย ในวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่สามารถหาตัวผู้เป็นแม่ที่อยู่ในคลิปได้อยู่ดี ทว่าก็จะดำเนินการค้นหาต่อไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้สร้างความปั่นป่วนให้โลกโซเชียลเน็ตเวิร์คเป็นอย่างมาก ซึ่งบางคนก็ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ พร้อมกับต่อว่าคนเป็นแม่ที่ปล่อยให้ลูกของตัวเองต้องอยู่ในสภาพเช่นนั้น อย่างเช่น “ช่างเป็นแม่ที่เห็นแก่ตัวอะไรอย่างนี้นะ ลองคิดภาพลูกชายของคุณโตขึ้นแล้วจับคุณขังเอาไว้สักวันหนึ่งสิ” “เขาเป็นเด็กที่น่าสงสารจริงๆ ใจของฉันมันปวดตุ้บๆ เมื่อเห็นเขาถูกขังอยู่ใต้เก้าอี้อย่างนั้น ขณะที่แม่ยังสนุกกับการเล่นไพ่นกกระจอกอยู่อย่างนั้น” …
-
ไอดอลเกาหลีถูกหาว่าใช้ Photoshop บิดภาพจนเสาไฟเบี้ยว… ที่ไหนได้ของจริงมันก็เบี้ยว!!
โปรแกรม Photoshop ถือว่าเป็นโปรแกรมที่สามารถพลิกโลกได้เลยทีเดียว ด้วยความสามารถของมันที่สามารถสร้างสรรค์จินตนาการต่างๆ ให้เกิดขึ้นเป็นภาพจริงๆ ได้ ไม่ว่าจะเนรมิตไดโนเสาร์เข้ามาอยู่ในยุคปัจจุบันหรือจะรีทัชให้คนอ้วนกลายเป็นคนผอมก็สามารถทำได้เช่นกัน ที่ผ่านๆ มาเรามักจะเห็นคนโป๊ะแตกเพราะรีทัชรูปร่างด้วย Photoshop มากเกินไปจนทำให้ฉากประกอบด้านหลังมีรูปร่างบิดเบี้ยวไป ก็เป็นภาพที่เราเห็นแล้วฮากันไป และถ้าบุคคลที่มักจะมีรูปร่าง หน้าตาเพอร์เฟกต์อย่างดาราและนักร้องเกาหลีถ่ายรูปออกมาแล้วฉากหลังบิดเบี้ยวขึ้นมาล่ะ แฟนๆ จะมีปฏิกิริยากันอย่างไรกันนะ?? https://www.instagram.com/p/Bkgbzf1Agpz/?taken-by=narsha81 เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน Park Hyo-jin หรือที่รู้จักกันในชื่อ Narsha ดาราและนักร้องสมาชิกวง Brown Eyed Girls ได้โพสต์ภาพของตัวเองลงในอินสตาแกรม แต่มันไม่ปกติเมื่อแฟนๆ เหลือบไปเห็นฉากหลังด้านซ้ายของภาพที่เป็นเสาไฟรูปร่างบิดเบี้ยว แฟนๆ และชาวเน็ตหลายคนจึงได้ตั้งข้อสงสัยกับเธอว่า นี่แสดงว่าเธอมีการใช้แก้ไขรูปร่างของเธอรึเปล่า เลยทำให้เสาไฟฟ้าต้นนี้เบี้ยว เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นจนถีงขนาดที่รายการ Night of TV Entertainment ถึงกับต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมาสำรวจและวิเคราะห์รูปกันเลยทีเดียว ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า “หากรูปภาพนี้ถูกแก้ไข้เส้นแนวตั้งและแนวนอนมันต้องถูกย้ายไปด้วยกัน หน้าต่างที่อยู่ตรงนั้นควรจะมีรูปร่างที่บิดเบี้ยวเช่นเดียวกันกับเสา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพวกมันก็ไม่เบี้ยว” แน่นอนสิ!! เพราะเจ้าเสาไฟฟ้าต้นตอของปัญหานี้มันมีรูปร่างที่เบี้ยวจริงๆ ต่างหาก ไม่เชื่อเหรอ?? ไม่เชื่อเพื่อนๆ ลองลงมาดูภาพด้วยล่างนี้สิ ผ่าม!! สุดท้ายนี้คดีปริศนาทุกอย่างก็คลี่คลาส Narsha ไม่ได้ใช้โปรแกรมเพื่อแต่งรูปร่างแต่อย่างใดครับ จบปิ๊ง!! …
-
ส่องหนุ่มหล่อที่พบรักกับสาวสลับที่นั่งบนเครื่องบิน โอ้โหงานดีมว๊ากกค่ะคุณผู้ชม!!
แหม่ หลังจากที่ลุ้นกันสำเร็จไปแล้วกับ สาวที่ถูกขอให้สลับที่นั่งบนเครื่องบิน จนมาได้พบรักกับชายหนุ่มที่มานั่งข้างๆ กัน และกลายเป็นเรื่องราวที่ทำให้ชาวเน็ตต่างก็ต้องอมยิ้มไปตามๆ กัน (อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : คู่รักขอสลับที่กับ ‘สาวโสด’ บนเครื่อง ก่อกำเนิดเป็น ‘ความรัก’ ของอีกคู่หนึ่ง…) ด้วยความสงสัย #เหมียวหง่าว ก็เลยไปสืบมาว่าชายหนุ่มที่ได้ใจหญิงโสดไปครองนั้นจะมีหน้าตาประมาณไหนกันนะ เป็นใครกันแน่ และผลที่ได้คือ!!!! เอาเป็นว่าไม่พูดมากละกันเดี๋ยวเจ็บคอ ลองไปชมกันเองเลยดีกว่า… พ่อหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Euan Holden เป็นอดีตนักฟุตบอล และตอนนี้ก็ทำงานเป็นนักพากย์บอลให้กับช่อง FOX Sports และจากที่ส่องมาแล้วนั้นขอบอกเลยว่าพี่แกงานดีมว๊ากกกกกกกกกกกก!! ดูกล้ามนั่นซิตัวเธออออว์!! ลุกเซอร์ๆ กันบ้าง เสื้อลายสก็อตก็เก๋ไก๋ อะหื้มมมมม!! จะโดนคนฆ่าตายด้วยรอยยิ้มก็วันนี้แหละจ้า ลุกนี้แหละโดนใจใช่เลย สมัยที่พี่แกเล่นฟุตบอลอยู่ หนวดเฟิ้มๆ นั้นนนนนนน!! ชุดพนักงานออฟฟิศก็ดูเข้าที ละลายหมดแล้วจ้ะพี่จ๋า ดูไรขนหน้าอกนั่นสิตัวเธออออออวว์!!! …
-
ห๊ะอะไรนะ!! เผยอาชีพสุดแปลก ‘นักร่ำไห้’ งานศพ ช่วยสวดส่งผู้เสียชีวิตสู่โลกหลังความตาย
เป็นธรรมชาติของมนุษย์เราที่ใครๆ ก็รู้กันดีว่าต้องมีการ เกิด – แก่ – เจ็บ – ตาย เป็นธรรมชาติ แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากอยู่ดีเมื่อมีญาติสนิทมิตรสหายหรือว่าคนที่เราได้เคยทำความรู้จักจากโลกใบนี้ไป.. ซึ่งบางครั้งการสูญเสียเช่นนี้ก็สร้างความเสียใจให้กับคนที่ยังอยู่ชนิดที่ว่าช้ำในจนร้องไห้ออกมาไม่ออก แต่ว่าด้วยวัฒนธรรมของบางประเทศแถบแอฟริกาอย่างประเทศกานา เสียงร่ำไห้และการคร่ำครวญคือสิ่งที่บ่งบอกถึงสถานะทางสังคมว่าผู้เสียชีวิตเป็นที่รักของญาติๆ และชุมชนอย่างไร ดังนั้นแล้วจึงได้เกิดอาชีพแปลกๆ ขึ้นมาในประเทศนี้เนื่องด้วยเหตุผลดังกล่าว นั่นก็คืออาชีพ ‘รับร่ำไห้’ ในงานศพต่างๆ ที่บางคนนั้นเชี่ยวชาญจนถึงขั้นเป็นมืออาชีพเลยทีเดียว!! โดยเรื่องแปลกๆ นี้ได้รับการบอกเล่าจาก Ami Dokli หนึ่งในผู้นำกลุ่มผู้ประกอบอาชีพร่ำไห้ในงานศพ ซึ่งเธอเล่าให้ฟังว่าเป็นเพราะบางคนไม่สามารถที่จะร้องไห้ได้ในงานศพของญาติๆ จึงเป็นหน้าที่ของตัวเธอและทีมงามของเธอที่จะไปแสดงอาการฟูมฟายร้องไห้ในงานศพให้เอง เธอเล่าให้ฟังว่าทั้งตัวเธอและผู้หญิงคนอื่นๆ ในทีมของเธอล้วนแล้วแต่เป็นแม่หม้ายทั้งสิ้น โดยหลังจากที่สามีของพวกเธอเสียกันหมดแล้ว จึงได้มารวมกลุ่มกันเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ด้วยการช่วยส่งเสียงร่ำไห้อาลัยส่งผู้เสียชีวิตไปสู่ชีวิตหลังความตายด้วยวิธีอันเหมาะสมตามแบบฉบับวัฒนธรรมท้องถิ่น นอกจากนี้เธอก็ได้เล่าเพิ่มเติมให้ฟังว่า การจะร้องไห้ให้กับคนแปลกหน้านี้ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆ เลย ดังนั้นแล้วสำหรับอาชีพรับร่ำไห้นี้จึงต้องมีค่าใช้จ่ายอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งราคาของน้ำตาแต่ละหยดนั้นก็จะขึ้นอยู่กับหน้างานว่าเป็นงานที่มีขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ หรือตามแต่ตกลงกันนั่นเอง ทว่าอันที่จริงแล้วอาชีพรับร่ำไห้นี้ เป็นเพียงส่วนเล็กๆ สำหรับความฟุ่มเฟือยในการจัดพิธีศพของชาวกานาเพียงเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่แล้วประเทศในแถบแอฟริกามักจะใช้เงินสำหรับงานศพเทียบเท่ากับงานแต่งงานงานหนึ่งเลยก็ว่าได้ ตัวอย่างระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ‘นักร่ำไห้’ สำหรับในเรื่องนี้ได้เคยมีนักวางแผนจัดงานศพคนหนึ่งบอกกับทางสื่อ CNN ไว้ด้วยว่าในงานศพๆ หนึ่งของชาวกานาจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15,000 –…
-
พี่ชายโมโหจัด! ยัวะที่น้องสาว “เข้าห้องน้ำนานเกินไป” คว้ามีดแทงไม่ยั้ง 53 แผล ดับสนิท…
ชายหนุ่มนามว่า Gavin Henderson อายุ 27 ปีเกิดยัวะขึ้นมาหลังพบว่าน้องสาวของตนเข้าห้องน้ำในบ้าน “นานจนเกินไป” จึงคว้ามีดแทงจนเสียชีวิต ผู้เคราะห์ร้ายคือ Keaira Henderson วัย 15 ปีน้องสาวแท้ๆ ของนาย Gavin ซึ่งถูกกล่าวอ้างว่าเข้าห้องน้ำนานจนเกินไป จึงถูกมีดแทงด้วยฝีมือพี่ชายรวม 53 แผลจนเสียชีวิต หลังสืบประวัติของ Gavin พบว่าเขาเพิ่งย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ในรัฐจอร์เจียกับแม่และน้องสาวหลังจากเพิ่งถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำในรัฐฟลอริดาเมื่อปี 2017 เจ้าหน้าที่ให้การกับศาลว่าก่อนหน้านี้นาย Gavin เคยถืออาวุธมีดเตรียมทำร้ายร่างกายน้องสาวมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ทางครอบครัวก็สามารถกล่อมให้เขาใจเย็นลงได้โดยไม่ได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ในวันเกิดเหตุ นาย Gavin ต้องการใช้ห้องน้ำในช่วงเวลาราวบ่ายสามโมง แต่น้องสาวของเขา Keaira ยังคงอยู่ในห้องน้ำ ขณะนั้นถึงแม้น้องสาววัย 12 ปีอีกคนหนึ่งจะอยู่ในบ้านด้วยเช่นกัน แต่ฝ่ายผู้เป็นแม่นั้นออกไปทำงานในตัวเมือง จึงทำให้เขาตัดสินใจคว้าอาวุธมีดล่าสัตว์ยาว 10 นิ้วแทงน้องสาวจนสาหัส จากนั้นเขาก็วิ่งตาม Keaira ขณะที่เธอวิ่งหนีไปนอกบ้านเพื่อเคาะประตูห้องรอบข้างขอความช่วยเหลือแล้วแทงอย่างไม่ยั้งจนน้องสาววัย 15 ของเขาสิ้นใจ ส่วนน้องสาวคนเล็กที่ตกใจกลัวอยู่นั้นก็พยายามติดต่อแม่ให้ได้ เมื่อฝ่ายแม่รู้เรื่องจึงรีบกลับมาทันทีพร้อมแจ้งตำรวจ เมื่อน้องสาวคนเล็กเปิดประตูมาเห็น เขาบอกกับเธอว่า…
-
เมื่อเด็กๆ สงสัย คุณพ่อเลยอาสาเอามือมุดเข้ารู แล้วดึงรังแมงมุมออกมาทั้งรัง แตกฮือนับพันตัว!!
ถ้าหากคุณเจอรูของสัตว์อะไรบางอย่างอยู่ในกำแพง คุณจะทำอย่างไร?? บางคนอาจจะเดินผ่านไปเฉยๆ บางคนอาจจะใช้สายตาสอดส่องดูไว้ในรูที่ว่านี้มันมีสัตว์ตัวใดอาศัยอยู่กันแน่ แต่ว่าคงไม่มีใครกล้าทำเหมือนกับคุณพ่อคนนี้ที่พอรู้ว่าเขาได้พบกับรูแมงมุมเข้า แทนที่จะเดินผ่านไปเหมือนกับคนทั่วไป ทว่าเขากลับใช้มือเปล่าๆ ดึงรังแมงมุมออกมาทั้งรัง!! วิดีโอการดึงรังแมงมุม โดยนี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ไม่คิดว่าจะมีมนุษย์คนไหนกล้าทำ แต่ว่ามีคุณพ่อคนหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ทำเรื่องนี้จริงๆ แถมยังอัดเป็นคลิปวิดีโอเอามาเผยแพร่ให้คนทั่วไปได้รู้ด้วยว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าดึงรังแมงมุมออกมาจากรู แต่เชื่อได้เลยว่าคงไม่มีใครอยากจะเลียนแบบแน่ๆ วิดีโอดังกล่าวนี้ได้อัพโหลดลงสู่เว็บไซต์ Youtube ด้วยชื่อคลิปที่ว่า ‘Crazy Scary Spider Hole’ ซึ่งเหตุการณ์ในวิดีโอจะเริ่มจากการที่เด็กๆ ชาวอเมริกันกลุ่มหนึ่งไปพบเจอหลุมใหญ่ที่กำแพงหินช่องหนึ่งเข้าอย่างบังเอิญ และด้วยความสงสัยตามประสาเด็กๆ จึงทำให้คุณพ่อคนหนึ่งอาสาแสดงให้เด็กๆ ดูว่าที่อยู่ในรูนี้คือสัตว์อะไร แต่ก่อนที่จะยื่นมือเข้าไปนั้นเขาก็ได้บอกกับเด็กๆ ถึงสัตว์ชนิดนี้ว่า “พ่อก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมมันถึงน่าขนลุกแม้ว่ามันจะไม่กัดแท้ๆ” จากนั้นเขาก็ยื่นมือเข้าไปในรูแล้วดึงรังแมงมุมทั้งรังออกมากองไว้กับพื้นข้างนอก ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเด็กๆ ด้วยความตื่นเต้น ซึ่งหลังจากนั้นก็ปรากฏว่ามีแมงมุมนับพันนับหมื่นตัววิ่งออกมาจากรังดังกล่าวเหมือนกับฉากในหนังสยองขวัญเลยก็ว่าได้ ซึ่งอันที่จริงแล้วสัตว์ที่ว่านี้คือ ‘แมงมุมขายาว’ (Daddy Long Legs) หรือที่ชาวบ้านอย่างเราๆ เรียกกันว่าแมงโหย่ง สัตว์ชนิดนี้จะกินทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหาร แต่อย่าได้กลัวไป เพราะว่าแมงโหย่งที่ว่านี้มักจะเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบพบปะผู้คน และไม่เป็นอันตรายกับมนุษย์อย่างเราๆ แน่นอน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทางคุณพ่อก็ได้เขียนแคปชั่นกำกับเอาไว้ด้วยว่า การบันทึกนี้ไม่มีแมงมุมได้รับบาดเจ็บหรือตายแม้แต่ตัวเดียวเพราะพวกมันส่วนมากปีนกลับเข้าไปที่รูอย่างรวดเร็วราวกับหนีน้ำ และการทำอย่างนี้ก็ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายสัตว์แต่อย่างใด แต่ทำเพื่อให้เด็กๆ…
-
ศาลจีนใช้แอป Tik Tok จัดทำคลิปประจานลูกหนี้ แถมได้ผลจริง จนมีคนยอมมาจ่าย!?
การติดตามทวงหนี้สินที่ควรชำระนั้นเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเล่นด้วยแง่ของข้อกฎหมายแล้วก็ตาม คนที่ไม่ยอมจ่าย ยังไงก็ไม่ยอมจ่ายจริงๆ กรณีตัวอย่างจากประเทศจีนนี้ เมื่อศาลสูงได้จัดทำรายชื่อผู้ค้างชำระหนี้สินในปี 2013 มีจำนวนชื่อมากถึง 7 ล้านชื่อด้วยกัน ทั้งนี้เพื่อเป็นการเปิดโปง (ประจาน) ทั้งบุคคลและบริษัทที่ก่อหนี้จนกลายเป็นหนี้สูญ ไม่ยอมจ่ายเสียที จีนเคยใช้วิธีประจานลูกหนี้ ผ่านสื่อสาธารณะมาแล้ว และด้วยความพยายามของศาลสูง ทางด้านศาลท้องถิ่นเมืองหนานหนิง จึงยกระดับให้สามารถเข้าถึงลูกหนี้และมีความเข้มข้นยิ่งขึ้น ด้วยการนำแอปยอดฮิตอย่าง Douyin (นอกจีนมีชื่อว่า Tik Tok) มาทำคลิปสั้นๆ ใส่หน้าลูกหนี้เข้าไป พร้อมกับเพลง และแชร์ลงไปในแอป ผลของการใช้แอปดังกล่าว ส่งผลทำให้ลูกหนี้รายหนึ่งโผล่มาจ่ายหนี้มูลค่า 2,600,000 บาท ต่อศาลในวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากที่เขาได้เห็นทั้งชื่อ ภาพถ่ายหน้าตรง และเลขประจำตัวประชาชนโผล่ในคลิป… “ผมรู้สึกอายมากๆ เพราะกลัวเพื่อนของผมอาจจะมาเห็นเข้า” ลูกหนี้กล่าวถึงคลิปที่ถูกประจาน อีกทั้งยังเป็นผู้ใช้แอปนี้ด้วย เนื่องจากแอป Douyin นั้นเป็นแอปที่ได้รับความนิยมสูงในจีน มีผู้ใช้กว่า 300 ล้านคนภายในประเทศ ทางศาลจึงเล็งเห็นช่องทางที่จะเข้าถึงตัวลูกหนี้ได้…
-
คู่รักขอสลับที่กับ ‘สาวโสด’ บนเครื่อง ก่อกำเนิดเป็น ‘ความรัก’ ของอีกคู่หนึ่ง…
บางครั้งเรื่องราวของ ‘ความรัก’ มันก็ไม่เลือกเวลาเกิด และหากใครที่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่รักกำลังจะบังเกิด แม้ว่าจะไม่ได้เป็นตัวเอง ก็จะรู้สึกตื่นเต้นเช่นเดียวกัน เหมือนกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่จู่ๆ คู่หนุ่มสาวได้พบรักกันบนเครื่องบิน ส่วนผู้พบเห็นเหตุการณ์น่ะเหรอ ตามติดรายงานทุกสถานการณ์เลยจ้าาา ตื่นเต้นยิ่งกว่า!! เรื่องมีอยู่ว่าผู้ใช้ทวิตเตอร์ท่าหนึ่งชื่อว่า Rosey Blair และแฟนหนุ่มได้เดินทางกลับบ้านของตัวเองด้วยการโดยสารเครื่องบิน แต่หลังจากจองตั๋วแล้วก็พบว่าทั้งคู่ไม่ได้นั่งติดกัน ประมาณว่าแฟนหนุ่มได้ที่นั่งด้านหน้าแต่ Rosey ได้ที่นั่งด้านหลัง แฟนหนุ่มของเธอเลยขอสลับที่นั่งกับหญิงแปลกหน้า เพื่อที่จะได้มานั่งข้างๆ แฟนสาวของตนเอง แน่นอนว่าหญิงแปลกหน้าคนนั้นก็ยินยอมแต่โดยดี หลังจากสลับที่กันแล้ว Rosey พูดเล่นๆ กับแฟนหนุ่มของเธอว่า หญิงสาวคนนั้นอาจจะได้พบรักแท้จากการสลับที่ครั้งนี้ก็เป็นได้ “เราไม่ได้นั่งด้วยกัน ก็เลยขอคนที่นั่งข้างๆ ให้สลับที่ และตอนนี้พวกเขากำลังจีบกันเว้ยเฮ้ย!! ทั้งคู่ดูเหมือนเป็นคนชอบออกกำลังกาย แล้วก็พูดกัน พูดกัน แถมยิ้มให้กันตลอด หวังว่าทั้งคู่จะตกหลุมรักซึ่งกันละกันนะ” “ตั้งแต่เครื่องเทคออฟมาทั้งสองคนก็ยังพูดกันไม่หยุดเลยอ่ะ ทั้งสองคนเป็นฟิตเนสเทรนเนอร์ด้วยกันทั้งคู่ แถมยังเป็นมังสวิรัติเหมือนกันอีกด้วย และระหว่างนั้นนะ แขนของพวกเขาก็มาชนกันด้วยแหละ” “เท่าที่สังเกตดู ฝ่ายชายไม่ได้สวมแหวนแต่งงาน!!!!” “ไม่ต้องห่วงนะทุกคน อิชั้นจะติดตามเรื่องราวของทั้งคู่จนกว่าจะถึงตอนรับกระเป๋ากลับบ้านโน่นแหละ แล้วเราจะได้รู้คำตอบกันอย่างแน่นอน” “เธอสวยดีนะ” “ส่วนเขาก็ดูดีเหมือนกันนะ”…
-
หนูน้อยไนจีเรียวัย 11 ขวบกับผลงาน “ภาพวาด” เหมือนจริงจนชาวโลกต้องทึ่ง!!
วันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับเจ้าหนูวัย 11 ปีที่มีชื่อว่า Kareem Waris Olamilekan หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า Waspa เป็นเด็กชายชาวไนจีเรียที่มีฝีมือการ “วาดภาพ” ได้งดงามสมจริงจนน่าทึ่ง ขณะนี้เจ้าหนู Waspa นั้นมีชื่อเสียงอย่างมากบนโลกอินเทอร์เน็ตเนื่องจากผลงานภาพวาดของเขาถูกเผยแพร่สู่สายตาของชาวโลกอย่างกว้างขวาง และไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้เลยว่าฝีมือของเจ้าหนูนั้นเยี่ยมยอดจริงๆ ปัจจุบันจิตรกรตัวน้อยกำลังศึกษาอยู่ที่สถาบันศิลปะ Ayowole Academy of Arts ซึ่งเขาใฝ่ฝันเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องได้เห็นผลงานตัวเองปรากฏอยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่ไหนสักแห่ง Kareem Waris Olamilekan วัย 11 ปี จากกรุงเลกอส ประเทศไนจีเรีย ภาพที่ทั้งสมจริงและดูมีชีวิตชีวาทำให้ Waspa โด่งดังอย่างรวดเร็วบนโลกอินเทอร์เน็ต เหลือเชื่อมากว่านี่คือผลงานของหนุ่มน้อยวัย 11 ปีเพียงเท่านั้น Waspa ตั้งใจวาดและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ฝันเอาไว้ว่าวันหนึ่งต้องเห็นผลงานตัวเองอยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่ไหนสักแห่ง Waspa เริ่มวาดภาพมาตั้งแต่มีอายุได้เพียง 6 ขวบ งานภาพเสมือนจริงของเขา หลักๆ แล้วจะเป็นภาพบุคคล หรือบางครั้งอาจจะวาดสิ่งที่ลึกล้ำกว่านั้น เขากล่าวว่า “ผมวาดเพื่อนตัวเอง…
-
2 หนุ่มออสซี่ออกไปพายเรือคายัค แต่ดันจ๊ะเอ๋กับฉลามขาวตัวเขื่อง งานนี้หายใจไม่ทั่วท้องเลย
หากคุณเป็นโรคกลัวฉลามหรือกลัวทะเลล่ะก็ ขอให้ปิดบทความนี้ไป แต่หากไม่กลัวหรือมีใจสู้ก็อ่านต่อไปได้ เพราะนี่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ออกไปล่องเรือคายัคในทะเล แต่กลับเจอฉลามขาวตัวบักเอ้บมาว่ายน้ำวนเวียนใกล้ๆ กับเรือของเขา งานนี้ทำเอาทั้งเจ้าตัวและคนดูหายใจไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยนาย Ken Gerke และ David Barwise ได้ออกไปพายเรือคายัคนอกชายฝั่งของประเทศออสเตรเลีย แต่ในขณะที่กำลังพายเรืออยู่เพลินๆ นาย Ken ก็สังเกตเห็นว่าผิวน้ำมีการเคลื่อนไหว และมีครีบของปลาโผล่พ้นน้ำออกมา ในตอนนั้นเขารู้ทันทีว่าเจอเข้ากับฉลามเจ้าแห่งท้องทะเลเข้าให้แล้ว ทั้งคู่เลยเริ่มหยิบกล้องวิดีโอขึ้นมาบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะเผชิญหน้ากับนักล่าเจ้าถิ่น ในตอนแรกเขาไม่รู้ว่ามันคือฉลามสายพันธุ์อะไร แต่เมื่อสังเกตไปเรื่อยๆ ก็ถึงได้รู้ว่ามันคือฉลามขาว (Great White Shark) สัตว์น้ำที่มีความดุร้ายและสามารถทำอันตรายกับเขาได้ แม้เจ้าฉลามตัวนี้จะว่ายน้ำวนเวียนรอบๆ เขาอยู่นาน แต่มันก็ไม่ได้ทำอะไรกับเขา และสุดท้ายมันก็ค่อยๆ ว่ายน้ำห่างออกไป ทำให้ทั้งคู่รู้สึกโล่งอกที่ไม่ต้องตกเป็นอาหารของมัน หลังจากที่เขาและเพื่อสามารถกลับขึ้นมาบนฝั่งได้ เขาก็นำเอาคลิปวิดีโอทั้งหมดมาโพสต์ลงในเฟซบุ๊กเพื่อบอกเล่าประสบการณ์เฉียดตายของตัวเอง “เราเจอเข้ากับฉลามขาวตัวใหญ่มากในตอนพายเรือคายัคเมื่อเช้านี้ คลิปวิดีโอถูกถ่ายตอนที่มันมาว่ายวนรอบผมรอบนึงแล้ว และผมตัดสินใจที่จะขยับออกไป แต่มันกลับว่ายตามผมมา มันคงจะสงสัยใคร่รู้ในตัวผมมาก” ข้อความบางส่วนจาก Ken ชมคลิปแบบเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย ที่มา unilad…
-
หญิงถูกคลื่นยักษ์กลืนหายไปกว่า 1 ปี ถูกพบนอนหมดสติที่ชายหาดในเสื้อผ้าชุดเดิม…
กาลเวลาเป็นสิ่งที่ยังมีความเร้นลับซ่อนอยู่มากมายที่แม้แต่วิทยาศาสตร์ของมนุษย์ในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์อะไรเกี่ยวกับมันได้มากนัก แต่ที่ผ่านมาเราคงเคยเห็นคนที่ออกมาอ้างว่าตัวเองเป็น Time Traveler หรือนักเดินทางข้ามเวลากันมาบ้าง แล้วเพื่อนๆ ล่ะ เชื่อเรื่องการเดินทางข้ามเวลาหรืออะไรทำนองนี้กันบ้างหรือไม่ ถ้าหากสนใจลองมาชมเรื่องที่เราจะนำมาให้ได้ดูกันในวันนี้… เรื่องของ Nining Sunarsih ผู้หญิงวัย 52 ปีที่ถูกคลื่นยักษ์ซัดและกลืนเธอหายไปจากชายหาด มีการตามหาตัวเธออยู่นานแต่ก็ไม่สามารถหาร่องรอยของเธอได้เลย แต่จู่ๆ ใน 1 ปีครึ่งต่อมากลับพบเธอนอนอยู่ที่ชายหาดอื่น พร้อมกับสวมเสื้อผ้าเหมือนวันที่เธอหายตัวไปด้วย หรือนี่จะเป็นการเดินทางข้ามเวลาแบบหนึ่ง!? ในวันที่เธอจะหายไป Nining Sunarsih ได้ไปใช้เวลาพักร้อนอยู่ที่เมือง Sukabumi ประเทศอินโดนีเซีย และเมื่อเธอไปเที่ยวที่ชายหาด Citepus จู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คลื่นยักษ์ซัดชายฝั่งเข้ามาและกลืนเธอหายวับไปกับตา ผู้เห็นเหตุการณ์ได้เล่าว่าเธอร้องและโบกมือขอความช่วยเหลือ แต่พวกเขากลัวเกินกว่าจะเข้าไปช่วย หลังเหตุการณ์นั้นเจ้าหน้าที่ได้ออกปฏิบัติการค้นหา Nining อยู่หลายวันก็ไม่พบเจอจนต้องเลิกล้มความพยายามและประกาศให้เธอเป็นผู้เสียชีวิต… แต่ทางครอบครัวของ Nining ยังไม่ยอมรับว่าเธอเสียชีวิตไปแล้ว พวกเขายังเชื่อว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งไม่กี่วันที่ผ่านมาคุณลุงของ Nining ได้ฝันถึงผู้หญิงคนหนึ่ง เธอบอกเขาให้ลองไปหาเธอที่ชายหาดใน Palabuhanratu ที่อยู่ใกล้ๆ กับที่ๆ เธอหายดูสิ คุณลุงไม่ได้ให้ความสนใจความฝันนั้นมากมายในตอนแรก แต่หลังจากที่ฝันถึงเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ สุดท้ายเขาก็เล่าให้ครอบครัวฟังและตัดสินใจที่จะออกตามหาเธอตามที่ฝัน …
-
ศึกแย่งลูก!? คุณพ่อหัวร้อน บุกทุบกระจกรถภรรยาเก่า ก่อนที่จะเข้าไปอุ้มลูกและหนีไป
“ลูก” ถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่แสนสำคัญสำหรับผู้เป็นพ่อเป็นแม่ ไม่ว่าอยากได้อะไรพ่อแม่ก็อยากที่จะหามาให้เพื่อความสุขของลูกอยู่เสมอ และด้วยความรักในตัวของลูกนี้เองอาจทำเกิดการทะเลาะระหว่างพ่อแม่ที่เลิกรากันรุนแรงขึ้นไปอีก เหมือนอย่างกรณีที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ครับ นั่นคือภาพของเหตุการณ์ที่มีคุณพ่อคนหนึ่งได้เข้ามาหาภรรยาเก่าเพื่อจะมาเอาลูกไป แต่ฝ่ายภรรยาไม่ยอมและไม่เปิดประตูให้ คุณพ่อหัวร้อนเลยจัดการทุบกระจกรถเพื่อปลดล็อคประตูด้วยตัวเองและอุ้มลูกหนีไป วิดีโอจากเหตุการณ์ จากวิดีโอที่เราได้นำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันข้างต้นนี้เป็นเหตุการณ์การณ์ที่เกิดขึ้นในเมือง Naberezhnye Chelny ในสาธารณรัฐตาตาร์สถาน ประเทศรัสเซีย เราจะเห็นได้ว่ามีชายคนหนึ่งที่คาดว่าเป็นคุณพ่อของเด็ก ยืนอยู่หน้ารถเพื่อที่จะหยุดไม่ให้ขับต่อไปข้างหน้า วิดีโอถูกบันทึกโดยเพื่อนของภรรยาเก่าของผู้ชายในเหตุการณ์ เธอตะโกนบอกให้เขาออกไปซะอยู่หลายรอบ แต่ผู้ชายคนดังกล่าวตอบกลับว่า “ผมจะไม่ไปไหน เปิดประตูซะ” ก่อนที่เขาจะควักอะไรออกมาจากกระเป๋าและกำมันเอาไว้ในมือ เขายังพยายามตะโกนโน้มน้าวให้ภรรยาเปิดประตูรถอยู่หลายที แต่ฝ่ายคุณแม่ของเด็กไม่ยอมและเร่งเครื่องรถและดันคุณพ่อไปเรื่อยๆ จนเขาได้ใช้ของที่หยิบออกมาทุบลงบนกระจกรถอยู่หลายครั้งจนร้าวไปหมด ในขณะเดียวกันผู้หญิงและเด็กในรถก็ได้แต่กรีดร้อง ฝ่ายภรรยาก็ยังไม่ยอมและยังขับรถต่อไปข้างหน้า จนฝ่ายชายต้องเรียกเพื่อนให้ขับรถมาขวางข้างหน้าไว้ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาทุบกระจุกฝั่งคนขับเพื่อปลดล็อคประตูรถด้วยมือของเขาเอง เมื่อประตูถูกปลดล็อคแล้ว เขาก็รีบตรงไปเปิดประตูหลังทันทีและรีบอุ้มลูกสาวที่กำลังกรีดร้องเพราะหวาดกลัวกับการกระทำของคุณพ่อของเธออยู่ และเขาก็เดินหายไปในทันที สุดท้ายนี้อ้างอิงตามสื่อท้องถิ่นคาดว่าคู่รักเก่ามีปัญหาทะเลาะกันเรื่องการแย่งสิทธิ์การดูแลลูกสาวของพวกเขามาได้ระยะหนึ่งแล้วและยังไม่สามารถตกลงกันได้สักที ส่วนทางฝ่ายตำรวจได้ยืนยันว่าในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ พวกเขายังไม่ได้รับการแจ้งความแต่อย่างใด ที่มา The Sun
-
พนักงานเก็บศพพบหญิงที่เสียชีวิตไปแล้ว กลับมาหายใจอีกครั้ง ขณะอยู่ใน “ตู้เก็บศพ”
ร่างกายของมนุษย์เรานั้นไม่มีความแน่นอน อย่างเช่นหัวใจบางทีก็เต้นเร็วและรัวโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ บางทีก็หยุดเต้นไปดื้อๆ เหมือนที่เราเคยเห็นในหลายๆ ข่าวที่ว่ามีคนหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว แต่กลับฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ เช่นกันกับในเรื่องที่เราจะนำมาให้ให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ ก็เป็นเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้ เธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรงและนั่นทำให้หัวใจของเธอหยุดเต้น จนหน่วยถึงได้ประกาศว่าเธอเสียชีวิตไปแล้ว แต่ประเด็นคือเธอดันกลับมาหายใจใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่ากว่าจะกลับมีชีวิตได้ก็สายไปเสียหน่อย เพราะเมื่อเธอหายใจอีกครั้งร่างของเธอก็อยู่ในตู้แช่ศพไปซะแล้ว ผู้หญิงคนที่เรากล่าวถึงนั้น ไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร ร่างของเธอถูกนำไปที่โรงเก็บศพ Carletonville ในเขต Gauteng ประเทศแอฟริกาใต้ หลังจากที่หน่วยกู้ภัย Distress Alert ได้วินิจฉัยว่าเธอเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2018 ต่อมาไม่กี่ชั่วโมงพนักงานก็กลับมาตรวจสอบความเรียบร้อยของศพ แต่สิ่งที่เขาเจอคือเจอว่าเธอนั้นกลับมาหายใจอีกครั้ง Gerrit Bradnick ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการของ Distress Alerts ได้กล่าวว่า “พวกเราก็ทำตามทุกขั้นตอนของเราแล้ว เราไม่รู้เลยว่าแบบนี้มันเกิดขึ้นไปอย่างไร อุปกรณ์ทุกอย่างที่เราใช้ มันไม่ระบุให้เห็นถึงสัญญาณการมีชีวิตจากเธอ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดเพราะแพทย์ของเราไม่ได้ถูกฝึกอบรม มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความประมาทของพนักงานของเรา” ทางฝ่ายครอบครัวของผู้หญิงคนดังกล่าว เมื่อทราบข่าวนี้ก็ค่อนข้างไม่พอใจ โดยที่ครอบครัวให้สัมภาษณ์ว่า “พวกเราไม่ต้องการคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กับตำรวจ หน่วยกู้ภัยหรือพนักงานเก็บศพที่ห่วยแตก เราต้องการคำตอบที่ชัดเจนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ส่วนคุณผู้หญิงหลังกลับมาหายใจ เธอก็ได้ถูกนำส่งโรงพยาบาล Carletonville โดยอย่างเร่งด่วน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการที่มีการพบคนที่ยังหายใจอยู่ในตู้เก็บศพ เมื่อเดือนมกราคม 2018…
-
ช่างภาพสาวมอสโก ออกเดินทางถ่ายภาพหญิงสาวในชุดเดรส และภาพพื้นหลังสุดอลังการ
ว่ากันว่าการได้เห็นหญิงสาวในชุดเดรสกระโปรงยาวถือเป็นภาพที่สวยงามที่เกิดขึ้น แต่ความงดงามจะยิ่งทวีขึ้นไปอีกเมื่อหญิงสาวเหล่านั้นมีแบ็กกราวด์ที่ให้สีสันที่สวยงามเหมาะกับชุดที่พวกเธอสวมใส่ เมื่อไม่นานมานี้เราได้ไปเจอเข้ากับผู้ใช้ Instagram รายหนึ่งที่ชื่อว่า Kristina Makeeva จากประเทศรัสเซียผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางและหลงใหลในการถ่ายภาพเดรสของหญิงสาว เธอเอาทั้งสองสิ่งที่เธอชอบมารวมกันแล้วเกิดเป็นภาพชุดที่เรากำลังจะให้คุณได้ดูต่อไปนี้ 1. จัตุรัสแดง ประเทศรัสเซีย ภาพชุดนี้เป็นภาพชุดที่เธอเดินทางไปในหลายๆ ประเทศเช่น ตุรกี โปรตุเกส อิตาลี หรือแม้แต่ประเทศไทย แล้วเก็บภาพของหญิงสาวในชุดเดรสชาว แวดล้อมไปด้วยแสงสีที่สวยงามราวกับต้องมนต์ 2. ทะเลทราย Rub’ al Khali สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 3. เมืองเกอเรเม ประเทศตุรกี 4. เมืองโปร์ตู ประเทศโปรตุเกส 5. แคปพาโดเชีย ประเทศตุรกี 6. เอลนิโด ประเทศฟิลิปปินส์ 7. เวนีส ประเทศอิตาลี 8. แคปพาโดเชีย ประเทศตุรกี 9. วัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย ประเทศไทย 10. เวนิส ประเทศอิตาลี…
-
คุณหมอผ่าตัดให้คนไข้ทั้งๆ ที่ตนเองปวดท้องจนต้องฉีด ‘ยาแก้ปวด’ สุดท้ายพบไส้ติ่งอักเสบ!!
คุณคิดว่าฮีโร่มีจริงหรือไม่?? นี่อาจเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจของหลายๆ คน แต่ก็อาจได้รับการพิสูจน์มาแล้วหลายต่อหลายครั้งว่าถึงแม้จะไม่มีพลังวิเศษเหมือนกับยอดมนุษย์ ทว่าคนธรรมดาเดินดินอย่างเราๆ ก็สามารถเป็นฮีโร่ให้กับใครหลายคนได้เหมือนกัน เหมือนกับคุณหมอคนนี้ที่ยอมอุทิศตนทนความเจ็บปวด ลงมือผ่าตัดให้กับคนไข้อีกคนจนสำเร็จแม้ว่าตัวเองจะมีอาการปวดท้องอย่างหนักจนต้องฉีดยาแก้ปวดระหว่างการผ่าตัดก็ตาม!! วิดีโอของคุณหมอท่านนี้ โดยนี่เป็นวินาทีแห่งความเสียสละของคุณหมอชื่อว่า Liang Fuqun แพทย์ผ่าตัดในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งของมณฑลอานฮุย ประเทศจีน ที่ได้มีคลิปวิดีโอหนึ่งเผยแพร่ภาพของเขาระหว่างปฏิบัติการผ่าตัด โดยในคลิปนั้นคุณหมอต้องได้รับการฉีด ‘ยาแก้ปวด’ ด้วยระหว่างการผ่าตัด เหตุการณ์ทุกๆ อย่างเริ่มต้นขึ้นในเช้าวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อคุณหมอ Liang ได้รายงานว่ามีอาการปวดท้องขึ้นอย่างฉับพลันในร่างกายของเขา แต่เขาก็คิดว่านี่อาจเป็นอาการปวดท้องธรรมดาๆ ที่จะสามารถหายไปได้เองเมื่อเวลาผ่านไป และในวันเดียวกันนั้นเองก็ได้มีเคสผ่าตัดให้กับผู้ป่วยรายหนึ่งพอดี ทางคุณหมอ Liang จึงได้รับหน้าที่เป็นแพทย์ผ่าตัดให้ แต่ก็เพื่อความปลอดภัยเขาจึงขอให้คุณหมอ Shi นายแพทย์ที่ปรึกษาของเขาให้มาร่วมการผ่าตัดด้วย เพื่อเป็นการป้องกันความปลอดภัยในการผ่าตัดครั้งนี้ การผ่าตัดได้เริ่มขึ้นตามปกติ แต่ในระหว่างการผ่าตัดนั้นเองคุณหมอ Liang ก็ต้องประสบกับอาการปวดท้องอย่างรุนแรงชนิดที่ว่าเหมือนกับโดนบิดไส้ โดยในระหว่างนั้นเขากำลังอยู่ในขั้นตอนการผ่าตัดขั้นตอนที่ 3 จากทั้งหมด 9 ขั้นตอนด้วยกัน ด้วยความที่การผ่าตัดไม่สามารถหยุดอย่างกะทันหันได้เพราะอาจเป็นอันตรายกับคนไข้ จึงทำให้คุณหมอ Liang คนนี้ ตัดสินใจให้พยาบาลฉีดยาแก้ปวดให้กับตัวเขาเองเพื่อที่จะได้ผ่าตัดคนไข้ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งภาพจากวิดีโอจะเห็นได้ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่คุณหมอคนนี้ทนอาการเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวต้องไปนั่งกองอยู่กับพื้น… …
-
ใจร้อน!! สาวไม่พอใจอาหารเลยไปคอมเพลนร้าน สุดท้ายโมโหกัดหูเจ้าของร้านขาด
เป็นธรรมดาที่เวลาเราไปใช้บริการร้านอาหาร แล้วเราได้รับการบริการที่ไม่ถูกใจ สั่งอาหารแล้วได้ไม่ตรงตามเมนู ก็ต้องมีการคอมเพลนตักเตือนกันบ้าง แต่ว่าบางทีการคอมเพลนนี้ก็ควรจะทำแต่หอมปากหอมคอเป็นพิธี อย่าให้ต้องรุนแรงจนเป็นผลกระทบต่อจิตใจหรือร่างกายเหมือนกับเหตุการณ์เช่นนี้ ที่มีผู้หญิงคนหนึ่งไม่พอใจกับอาหารที่สั่งจึงเดินไปบ่นกับทางเจ้าของร้าน แต่บ่นอิท่าไหนไม่รู้สุดท้ายไปทำร้ายร่างกายแถมยังทำหูเจ้าของร้านฉีกขาดด้วย!! เรื่องราวที่ว่านี้ได้รับการเปิดเผยจากทางแหล่งข่าวท้องถิ่นแห่งเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกาชื่อว่า WXYZ ซึ่งได้ระบุว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมหญิงวัย 24 ปีชื่อว่า Jade Anderson ที่ได้เข้าไปทำร้ายเจ้าของร้านอาหารจีน China 1 Restaurant ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยรายงานกล่าวเอาไว้ว่า Jade ได้เดินเข้ามาที่ร้านอาหารแห่งนี้ในเวลาประมาณ 21.40 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) เพื่อมาคอมเพลนเกี่ยวกับอาหารที่เธอได้สั่งซื้อไป และในขณะที่ลูกชายของผู้เสียหาย กำลังพยายามแปลคอมเพลนของสาวคนนี้ที่เป็นภาษาอังกฤษเป็นภาษาจีนให้กับทางพ่อแม่ฟัง อาจด้วยกำแพงภาษาและความโมโห Jade ก็เดินเข้าไปผลักลูกชายของเจ้าของร้าน พร้อมกับขว้างอาหารของเธอไปกองเลอะเทอะอยู่บนพื้นร้านด้วย ทว่าเหตุการณ์ยังไม่จบลงแค่นั้นเพราะทางหญิงสาวคนนี้ได้เริ่มเข้าไปทำร้ายร่างกายเจ้าของร้านผู้หญิง ซึ่งในเวลาต่อมาทางเจ้าของร้านผู้ชายได้เข้ามาห้ามปรามเหตุการณ์ให้ยุติลง และในระหว่างที่ทางเจ้าของร้านผู้ชายกำลังพยายามพาตัวเธอออกไปนอกร้านนั้นเอง Jade ก็ได้กัดเข้าที่บริเวณใบหูของผู้ชายคนดังกล่าวจนฉีกขาดออกไปส่วนหนึ่งเลยด้วย วิดีโอเหตุการณ์รายงานข่าวของเหตุการณ์นี้ เมื่อเห็นดังนั้นทางลูกชายเจ้าของร้านจึงโทรศัพท์เรียก 911 ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและรีบให้เจ้าหน้าที่เข้ามาควบคุมเหตุการณ์โดยด่วน “ผู้หญิงที่โหดร้ายคนนั้นเค้าเข้ามาทุบตีแม่ของผม แถมยังทำร้ายผมอีกด้วย ผมกลัวมากพวกคุณรีบมาที่นี่ได้หรือเปล่า” ลูกชายเจ้าของร้านขณะคุยโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในท้ายที่สุดแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุมหญิงสาวคนนี้เอาไว้ได้ ส่วนทางเหยื่อผู้ถูกโจมดีก็ถูกส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใกล้เคียงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่กล่าวว่า…
-
เสรีภาพอินเทอร์เน็ตไทยอยู่ตรงไหน สรุปรายงานประจำปี 2017 คะแนนพุ่งอย่างต่อเนื่อง
ยุคสมัยปัจจุบัน อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของทุกคนมากขึ้น สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ในทันที และสามารถเลือกที่จะรับรู้ข้อมูลชุดต่างๆ ตามความสนใจของตัวเองได้ ทั้งนี้ ข้อมูลบางอย่างในบางประเทศไม่สามารถถูกนำเสนอได้ เนื่องจากยังคงมีเรื่องของข้อกฎหมายบังคับใช้อยู่ ถึงแม้ว่าจะเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยก็ตาม ข้อมูลจากทางเว็บไซต์ Freedom House องค์กรไม่หวังผลกำไรระหว่างประเทศ ทำหน้าที่ประเมินระดับสิทธิเสรีภาพและส่งเสริมประชาธิปไตยในประเทศต่างๆ ทั่วโลกทุกปี โดยชุดข้อมูลล่าสุดในปี 2017 ได้ถูกประมวลผลนำเสนอออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในส่วนนี้จะพูดถึงเสรีภาพบนอินเทอร์เน็ต (Freedom on the Net) โดยภาพรวมในปี 2017 จากแผนภาพการจัดการสื่อโซเชียลจากหลายประเทศทั่วโลก พร้อมกับคะแนน 0 – 100 ยิ่งคะแนนสูง ยิ่งปิดกั้นเสรีภาพ สามารถแบ่งกลุ่มประเทศออกเป็น 4 กลุ่ม 4 สี ได้แก่ สีเขียว – มีเสรีภาพ สีเหลือง – มีเสรีภาพบางส่วน สีม่วงอ่อน – ไม่มีเสรีภาพ และ สีเทา – ไม่มีการประเมิน…
-
คุณแม่ขอลางานเพราะลูกชายป่วยหนัก แต่หัวหน้ากลับบอกให้เธอ “ลาออก” ไปเสีย!
ในความคิดของคุณ ความเห็นอกเห็นใจ เป็นสิ่งที่หัวหน้างานและลูกน้องควรมีให้กันหรือไม่? เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมาได้เกิดเรื่องราวแสนดราม่าขึ้นบนโลกออนไลน์ เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งนามว่า Crystal Reynolds Fisher โพสต์เล่าเรื่องราวสุดเลวร้ายของเธอลงบนเฟซบุ๊ก เธอโพสต์เล่าว่า “ลูกชายของฉันป่วยและต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด ฉันเลยบอกหัวหน้า 48 ชั่วโมงก่อนฉันจะเข้าไปทำงาน บอกว่าฉันจะไม่สามารถเข้ามาทำงานได้จนกว่าลูกชายของฉันจะอยู่ได้ด้วยตัวเอง แต่แล้วดูหัวหน้าตอบฉันมาสิ” Crystal Reynolds Fisher และลูกชายวัย 18 ปีของเธอ ที่ปัจจุบันกำลังป่วยหนักอยู่ เมื่อเธอขออนุญาตลางานกับหัวหน้าของเธอไปเนื่องด้วยอาการป่วยของลูกชาย เรามาดูกันดีกว่าว่า “หัวหน้างาน” ของเธอ ตอบเธอว่าอะไรบ้าง… Crystal: สวัสดี Dawn ฉัน Crystal เองนะ ฉันอยากจะบอกว่าลูกชายของฉันต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ หากเขายังไม่มีอาการที่ดีขึ้น ฉันคงไปทำงานไม่ได้ ฉันจะรีบบอกคุณทันทีหากเขามีอาการดีขึ้น ฉันจะได้ไปทำงานได้อย่างไม่ขัดข้อง Dawn: นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราทำกันนะ Crystal ฉันจะถือว่าเธอลาออกก็แล้วกัน Crystal: แล้วสิ่งที่เราทำกันคืออะไรล่ะ ยามที่ลูกของฉันป่วยรุนแรงแบบนี้? ฉันยังไม่ได้บอกว่าจะลาออก…
-
เอากับเขาด้วย กลุ่มก่อการร้ายในโซมาเลียออกกฎแบน “ถุงพลาสติก” เพราะเป็นภัยกับมนุษย์
ในช่วงนี้ดูหลายๆ ประเทศจะให้ความสนใจในการงดใช้ถุงพลาสติกอย่างมาก เนื่องจากส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมต่างๆ แต่ไม่ใช่แค่เหล่ารัฐบาลนานาประเทศเท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะกลุ่มก่อการร้ายในต่างประเทศเองก็มีการสั่งงดใช้ถุงพลาสติกเช่นกัน เว็บไซต์ The Independent ได้รายงานว่ากลุ่มกองกำลังอิสลามในประเทศโซมาเลียอย่างอัลซาบับ (al-Shabaab) ก็ได้ออกกฎห้ามใช้ถุงพลาสติกเช่นกัน ในรายการวิทยุ Radio Andalus ของกลุ่มญิฮาดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายโมฮัมเหม็ด อาบูอับดุลลาห์ ได้กล่าวว่าถุงพลาสติกถือเป็นภัยคุกคามที่ “ร้ายแรง” ต่อทั้งมนุษย์และสัตว์ต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดสภาวะแวดล้อมที่ไม่ดี โดยในรอบ 10 ปีที่ผ่ามาโซมาเลียประสบปัญหากับการจัดการน้ำรวมไปถึงการตัดไม้ทำลายป่าด้วย ทั้งนี้ยังไม่มีการประกาศออกมาแน่ชัดว่ากลุ่มก่อการร้ายของพวกเขาจะมีมาตรการอย่างไรในการจัดการกับถุงพลาสติกที่ว่านี้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นการใช้กำลังเพื่อบีบให้เหล่าประชาชนทำตามคำสั่ง ในการประกาศดังกล่าว ทำให้มีกลุ่มนักวิจารณ์ในโลกออนไลน์พากันบอกว่ากลุ่มอัลซาบับ จะกลายเป็นกลุ่มก่อการร้ายญิฮาดกลุ่มแรกที่ “เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่มก่อการร้ายได้มีการแสดงความเป็นห่วงเป็นใยต่อสิ่งแวดล้อม เพราะอย่างในปี 2017 เอง ผู้นำกลุ่มตาลีบัน Hibatullah Akhundzada ก็ได้ออกมาประกาศว่า ประเทสอัฟกานิสถานควรจะปลูกต้นไม้ให้มากกว่านี้ เนื่องจากมันมีบทบาทสำคัญในการปกป้องสิ่งแวดล้อม การพัฒนาทางเศรษฐกิจ และการเสริมสร้างความงามของโลก รวมถึงเป็นการแสดงความเคารพในอัลลอฮ.ด้วย ที่มา independent , middleeastmonitor , dailymail
-
ความดีที่คู่ควร ‘ฮีโร่สไปดี้ฝรั่งเศส’ ปีนตึกช่วยเด็กน้อย ได้บรรจุเป็นเจ้าหน้าที่แล้ว!!
ด้วยความกล้าหาญของชายชาวมาลีคนหนึ่ง จากสถานะผู้อพยพอันต่ำต้อยในสังคมใหญ่ สู่การเป็นฮีโร่ช่วยชีวิตเด็ก ได้รับคำชื่นชมจากประชาชนคนทั่วไป รวมถึงประธานาธิบดีฝรั่งเศส จนได้เลื่อนสถานะตัวเองกลายเป็นพลเมือง และนำไปสู่ตำแหน่งหน้าที่การงานอันมั่นคง ชื่อของเขาคือนาย Mamoudou Gassama ผู้อพยพชาวมาลี เขาได้ทำการปีนตึก 4 ชั้น เพื่อช่วยชีวิตเด็กวัย 4 ขวบ ที่กำลังห้อยอยู่ริมระเบียงได้อย่างรวดเร็วในช่วงเดือนพฤษภาคม การเข้าพบกับประธานาธิบดีฝรั่งเศส แอมานุแอล มาครง จากรายงานที่ผ่านมา เขาได้เข้าพบกับประธานาธิบดีฝรั่งเศส พร้อมรับคำมั่นสัญญาในเรื่องของสถานะการเป็นพลเมืองของฝรั่งเศส และการตอบรับเข้าทำงานกับหน่วยดับเพลิงและกู้ภัย Paris Fire Brigade หลังจากนั้น Mamoudou Gassama ก็ได้เข้าเยี่ยมชมหน่วย Paris Fire Brigade พร้อมกับเข้ารับการฝึกฝนในช่วงที่ผ่านมา หลังจากข่าวคราวเริ่มเงียบหายไป… 24 nouveaux volontaires service civique dont Mamoudou Gassama ont rejoint…
-
ลูกสาวช่างก่อสร้างทำซึ้ง แอบนำปริญญานิพนธ์มาเซอร์ไพร์สพ่อถึงไซต์งานก่อสร้าง
เชื่อว่าเรื่องราวของนักศึกษาคนนี้อาจจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ เพราะนี่เป็นเรื่องของนักศึกษาสาวคนหนึ่งที่มีพ่อเป็นคนงานก่อสร้าง ที่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อดิ้นรนทำงานเงินมาส่งลูกสาวเรียนหนังสือ แต่ด้วยความที่มีเงินไม่มากพอทำให้เธอต้องดิ้นรนทำงานและส่งตัวเองเรียนในปีสุดท้าย และจากความสำเร็จเธอเองก็เลยนำเอาใบปริญญามาเซอร์ไพร์สให้กับพ่อของเธอถึงไซต์งานก่อสร้างเลย เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้นำเสนอเรื่องราวของ Yudit Romero วัย 32 ปี เป็นชาวปารากวัยโดยกำเนิด เธอต้องออกจากการเรียนแบบกะทันหันเมื่อปี 2013 ซึ่งเหลืออีกแค่ปีเดียวเธอก็จะจบมหาวิทยาลัยแล้ว เนื่องจาก Blas Romero พ่อของเธอไม่มีเงินพอจะส่งเสียให้เรียนต่อ ตามรายงานบอกว่าพ่อของเธอเองก็ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาโดยตลอด เขาเริ่มทำงานก่อสร้างมาตั้งแต่อายุ 15 ปี ทำงานหาเลี้ยงลูกๆ ทั้ง 4 คน และส่งให้พวกเธอได้เรียนหนังสือ โดยทั้งหมดเรียนจนจบมหาวิทยาลัยทุกคน ยกเว้นเพียง Yudit เธอตัดสินใจเดินทางไปอาร์เจนตินาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟเพื่อเก็บเงินแล้วกลับมาเรียนต่อในปีสุดท้าย ซึ่งหลังจากที่เก็บเงินได้มากพอแล้วเธอก็กลับมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย และทำปริญญานิพนธ์ในหัวข้อ “ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อเยาวชนในการเลือกเส้นทางอาชีพที่คาดหวังของพวกเขา” เมื่อเธอสามารถคว้าใบปริญญามาได้แล้ว Yudit ก็เตรียมที่จะเซอร์ไพร์สพ่อของเธอด้วยการนำใบปริญญาไปมอบให้ถึงไซต์งานก่อสร้างเพื่อบอกให้รู้ว่าเธอเรียนจบแล้ว ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดถูกบันทึกไว้ได้โดยหนึ่งในพี่สาวของเธอ ก่อนจะถูกนำมาโพสต์ลงในเฟซบุ๊กและสร้างความประทับใจให้แก่ชาวเน็ตจำนวนมาก ตอนหนึ่งของคลิปวิดีโอ Yudit กล่าวกับพ่อของเธอว่า “พ่อหนูเรียนจบแล้ว หนูขอมอบปริญญานิพนธ์ที่หนูทำให้พ่อ หนูอยากบอกว่าขอบคุณมากสำหรับทุกสิ่งที่พ่อทำเพื่อครอบครัว และที่หนูมีวันนี้ได้ก็การทำงานอย่างหนักของพ่อ ขอบคุณค่ะ หนูรักพ่อ”…
-
รู้จักกับ Ella Gross นางแบบ 10 ขวบครึ่งเกาหลี-อเมริกัน เซ็นสัญญาดาวรุ่ง K-Pop!!
นางแบบสาวน้อยครึ่งเกาหลีอเมริกันวัย 10 ขวบ Ella Gross ปัจจุบันไปทำการเซ็นสัญญากับ The Black Label ค่ายศิลปินเคป็อปอันดับต้นๆ ของเกาหลี ภายใต้การดูแลของโปรดิวเซอร์ Teddy สวยแต่เด็กเลยนะหนูเอ๊ยยย The Black Label เป็นบริษัทสาขาย่อยของ YG Entertainment ค่ายเพลงเคป็อบยักษ์ใหญ่ ค่ายเดียวกับวงเกิร์ลกรุ๊ปสุดดังแห่งยุคอย่างวง Blackpink นั่นเอง ทั้งนี้สัญญาการเข้าฝึกเป็นศิลปินเคป็อปสำหรับ Ella นั้นเริ่มเป็นข่าวดัง หลังจากที่เธอโพสต์ภาพหนึ่งลงบนอิสตาแกรม ภาพดังกล่าวเป็นภาพที่เธอถ่ายคู่กับสาว Jennie สมาชิกวง Blackpink นั่นเอง Jennie Blackpink (ซ้าย) Ella Gross (ขวา) หนูน้อย Ella เป็นสาวลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกัน พ่อของเธอเป็นชาวอเมริกัน ส่วนแม่นั้นมีสัญชาติเกาหลี ก่อนหน้านี้ Ella เป็นนางแบบให้กับแบรนด์เสื้อผ้าดังต่างๆ เช่น GAP, Levi’s, และอื่นๆ…
-
งานถ่ายภาพคู่รักพังเพราะมีผู้หญิง ‘นอนอาบแดด’ อยู่ในจุดถ่ายภาพแถมไม่ยอมขยับให้ด้วย!!
ว่ากันว่า ‘วันแต่งงาน’ เป็นอีกหนึ่งวันที่จะมีความสุขมากที่สุดในชีวิตของแต่ละคน ดังนั้นแล้วในวันดังกล่าวนอกจากพิธีรีตองต่างๆ แล้ว ก็ยังเปรียบเสมือนกับการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันเป็นวันแรกอย่างเป็นทางการ และเพื่อเป็นการย้ำเตือนถึงความหวานที่มีต่อกันในวันนี้ ก็จะต้องมีการเก็บภาพเอาไว้ดูให้มันอบอุ่นหัวใจในยามแก่เฒ่าเป็นธรรมดาใช่ไหมล่ะ แต่ว่ามีการถ่ายรูปแต่งงานของคู่รักคู่หนึ่งต้องพังลงไปอย่างน่าเสียดาย เพราะว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งที่นอนอาบแสงอาทิตย์อยู่ในสวนที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายภาพสำหรับคู่รักคู่นี้ แล้วปฏิเสธที่จะไม่ย้ายไปไหนแต่อย่างใด!! นี่คือเรื่องราวของนาย Mark Ling วัย 49 ปี กับ Mandy Cripwell วัย 35 ปี คู่รักที่เพิ่งจะเข้าพิธีวิวาห์กันในวันเสาร์ที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมาที่โบสถ์แห่งหนึ่งในเมือง Torquay ประเทศอังกฤษ ซึ่งหลังจากที่เสร็จสิ้นพิธีแล้วทั้งสองก็ตัดสินใจจะไปถ่ายภาพด้วยกันที่สวนแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงในระแวกนั้น ถ้าฟังๆ ดูแล้วมันดูเหมือนเป็นอะไรที่ปกติใครๆ ก็ทำกันใช่ไหมล่ะ แต่ว่าเหตุการณ์ที่คู่นี้เจอไม่ใช่อย่างนั้น เพราะว่าในสวนดังกล่าวที่พวกเขาไปมีสาวคนหนึ่งนอนอาบแดดอยู่อย่างไม่สะทกสะท้าน แม้ว่าจะมีกองถ่ายภาพรวมทั้งแขกเหรื่อมากมายเข้ามาที่สวน Tessier Garden นี้ก็ตาม โดยในเรื่องนี้ลูกชายของ Mark ชื่อว่า Marcus Ling ก็ยืนยันได้เป็นอย่างดีโดยเขากล่าวว่า “ผมเดินเข้าไปหาเธอคนนั้นและขอให้เธอช่วยขยับที่ให้สักนิดจะได้ไหม แต่ว่าเธอกลับแกล้งทำเป็นหลับซะอย่างนั้น ต่อมาในภายหลังคนขับลิมูซีนก็ไปขอร้องเธออีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เธอก็ปฏิบัติตามยอมออกไปจากบริเวณนั้นให้ แต่พระเจ้า เธอยังทิ้งข้าวของเอาไว้บังวิวอีก” “สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดถ่ายภาพที่โด่งดังมากๆ ดังนั้นเธอจึงรู้อยู่เรื่องนี้อยู่แล้วแหละ เพราะผู้คนกว่าครึ่งเมือง Torquay ก็มาถ่ายภาพการแต่งงานของพวกเขากันที่นี่” Marcus กล่าว ทั้งนี้สมาชิกครอบครัวของคู่รักคู่นี้ก็เดินทางมาอย่างคับคั่งในวันสำคัญดังกล่าว ซึ่งหลังจากที่เห็นถึงอุปสรรคดังกล่าว ทางญาติๆ…
-
แฟนอังกฤษออกตัวแรงมั่นใจไงก็แชมป์โลก ‘ไถหัว’ เป็นลายธงชาติแบบไม่กลัววืดแม้แต่น้อย
เมื่อศึกฟุตบอลที่ทุกคนเฝ้าฝันเดินทางมาถึงอย่าง ‘ฟุตบอลโลก 2018’ ใครหลายคนจึงออกมาเชียร์ทีมรักทีมโปรดกันแทบจะสุดเสียงในทุกๆ นัดที่ลงเตะ แต่ว่าจะมีสักกี่คนกันที่มั่นใจว่าทีมรักทีมโปรดที่เราเชียร์จะคว้าแชมป์ไปครอง มันดูเป็นเรื่องที่ดูเหมือนกับว่าคาดเดาไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะ แต่ว่ามีแฟนบอลอยู่คนหนึ่งที่ไม่กลัวการ ‘วืด’ แต่อย่างใด เพราะเขาคนนี้ลงทุนไถหัวเป็นตราธงชาติอังกฤษบ่งบอกให้โลกรู้ไปเลยว่าทีมชาติของเขานี่แหละคือว่าที่แชมป์โลกของปีนี้!! โดยนี่เป็นเรื่องราวของเจ้าหนุ่มชาวอังกฤษวัย 21 ปีจากเมืองดาร์บี้นามว่า Liam Sweeney ที่ในตอนนี้กำลังออกไปเที่ยวกับหมู่เพื่อนๆ ทั้ง 5 คนที่เกาะ Ibiza ประเทศสเปน แต่แม้ว่าตัวจะอยู่ที่สเปนแต่ใจของเขาบอกเลยว่าได้ส่งไปให้เหล่าขุนพลแห่งสิงโตคำรามหมดแล้วทั้งใจ ในตอนนี้หลังจากขจัดผมออกจากหัวจนเป็นลายธงชาติอังกฤษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็เล่าถึงเหตุที่ทำเช่นนี้ให้ฟังว่าทั้งตัวเขาและเพื่อนๆ ต่างก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ทีมชาติเอามากๆ และที่ทำอย่างนี้ก็เพราะความมั่นใจในฝีเท้าอันจัดจ้านในทีมชาติของเขา และอีกเหตุผลหนึ่งก็ทำเพราะว่ามันฮาดีนั่นเอง “เอาจริงๆ ผมกับเพื่อนๆ พวกเราสนับสนุนทีมชาติของพวกเราแบบเกินร้อย ในตอนแรกผมแค่โกนหัวเป็นแถวเดียวเล็กๆ เอาไว้ตรงกลางกระหม่อมนะ แต่เพื่อนๆ ตัวดีก็แนะนำขึ้นมาว่า เห้ย! ไหนๆ แล้วก็ทำให้มันเป็นลายธงชาติไปเลยสิ” “ผมบอกด้วยความสัตย์จริงเลยนะว่ามันเป็นเรื่องที่โคตรจะฮาเลยจริงๆ เพื่อนๆ ของผมชอบลายนี้มาก พวกเขาฮากันจนท้องแข็งแถมยังถ่ายวิดีโอเก็บเอาไว้ด้วยแหละ” Liam กล่าว แต่ถึงอย่างนั้น Liam ก็บอกอีกว่าเขาไม่ได้วางแผนจะไว้ผมทรงนี้ไปตลอดกาลหรอกนะ จะเป็นแค่ในช่วงบอลโลกนี้เท่านั้น และเมื่อถามถึงความมั่นใจว่าทีมชาติอังกฤษจะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปีนี้มาครองได้หรือไม่ เขาก็ตอบง่ายๆ ว่า ‘ถามอะไรบื้อๆ…
-
สาแก่ใจยิ่งนัก… หนุ่มญี่ปุ่นแค้นตำรวจ ‘โดนจับแคะหูตอนขับรถ’ ฟ้องร้องชนะแค่ 100 บาท!?
ถือเป็นคดีแปลกๆ ที่เกิดขึ้นจริงในประเทศญี่ปุ่น กรณีจากปี 2010 เมื่อนาย Kazunori Terashima วัย 41 ปี จากจังหวัดไซตามะ ได้โชว์ผลงานอันภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตของเขา ด้วยการเปิดเผยจำนวนเงินที่โอนเข้าบัญชีมูลค่า 350 เยน (105 บาท) อันได้มาจากคณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะไซตามะ เงินจำนวนดังกล่าวได้มาจากการต่อสู้คดีความกับตำรวจนายหนึ่งเป็นเวลานานร่วม 2 ปีครึ่ง จากการหยุดรถแจ้งข้อหาทำผิดกฎจราจร เนื่องจากการแคะหูระหว่างขับรถ!? ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2010 นาย Terashima กำลังขับรถ พักศอกของเขาไว้บนที่พักแขนเบาะที่นั่งคนขับ และทำการแหย่แคะหูไปพลางๆ ตามรายงานไม่ได้ระบุว่าเขาใช้ไม้แคะหรือใช้นิ้วเปล่าๆ แต่อย่างใด จนกระทั่งตำรวจจราจรสังเกตเห็นและได้เข้าแสดงตัว พร้อมกับเป่านกหวีดสะบัดธงแดงเพื่อให้นาย Terashima หยุดรถ เนื่องจากลักษณะพฤติกรรมคล้ายกับการใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถ แม้เจ้าตัวจะปฏิเสธอย่างไร เจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอมเชื่อ ไปจอดแคะหูตรงนู้นนะ… “ผมไม่ได้ใช้โทรศัพท์เลย คุณตำรวจเช็กประวัติการใช้งานได้นะ” ตำรวจสวนทันควัน “เอาใบขับขี่มาดู ถ้าไม่ยอมควักออกมา ผมจำเป็นจะต้องจับคุณ” เถียงกันไปมาเกือบ 20 นาที…
-
จริงหรือปลอม!? หนุ่มอ้างย้อนเวลามาจากปี 2130 พกคลิปวิดีโอมาเป็นหลักฐานด้วยนะเออ!!
มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่อ้างว่าตนนั้นเป็นผู้ที่เดินทางข้ามกาลเวลามาจากอนาคต แต่สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นเรื่องหลอกลวง ล่าสุดก็มีชายอีกคนที่กล่าวอ้างว่าตนนั้นเดินทางย้อนเวลากลับมาจากโลกยุค 2130 นายคนนี้มีชื่อว่า Noah เขาได้อธิบายในคลิปวิดีในหนึ่งของแชแนลยูทูบ ApexTV ว่าเขาย้อนมาปี 2018 นี้ได้เพราะเขา “ทำภารกิจพลาด” คลิปวิดีโอของ Noah ชายผู้มาจากปี 2030 ผู้ที่มาเตือนชาวโลกปัจจุบันถึงอันตราย ทั้งนี้ Noah อธิบายว่าเขาตั้งใจจะย้อมเวลามายังปี 2120 และปี 2016 และเขาเองก็ได้เอาคำเตือนมาฝากมนุษย์โลกยุคปัจจุบันอีกด้วย เขาเล่าว่าขณะที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในปี 2120 เขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย แถมยังบอกอีกว่า เขามีข้อมูลมากมายจากอนาคตที่เตรียมเอาไว้มาเตือนคนปัจจุบัน “พวกคุณคงได้ยินเรื่องที่ประเทศเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จับมือเป็นพันธมิตรกันแล้วใช่ไหมล่ะ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต พวกเขากลับมาแตกคอกันอีกครั้ง ขอโทษที่ผมต้องพูดแบบนี้ แต่มันคือความจริง พวกเขาจะทำให้เกิดสงครามอีกครั้ง มันไม่ใช่สงครามโลก แต่เป็นสงครามระหว่างหลายประเทศ หนึ่งในนั้นมีสหรัฐอเมริการวมอยู่ด้วย” Noah เล่าผ่านคลิปวิดีโอ เขากล่าวว่าไม่สามารถให้ข้อมูลได้มากกว่านี้ ถึงแม้เขาต้องการจะบอกก็ตาม แต่เขาไม่สามารถทำได้เนื่องจากการย้อนเวลาถือเป็นวงเวียนแห่งความย้อนแย้ง (Paradoxes) และแล้วก็ถึงเวลาที่ Noah จะโชว์หลักฐานของเขาเสียที คลิปวิดีโอที่เขาบันทึกมาจากโลกในปี 2120…
-
ทีมกู้ภัยอังกฤษ เผยถึงปฏิบัติการ ‘ถ้ำหลวง’ กับสื่อนอก ไม่มีปาฏิหาริย์ มีแต่ความรัดกุม
ในช่วงที่ผ่านมากระแสข่าวที่ผู้คนต่างให้ความสนใจมากที่สุดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ก็คือกรณีของเด็กและโค้ชทีมฟุตบอลหมู่ป่าอะเคเดมี่ ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวงนานเกือบ 10 วัน จนกระทั่งแสงสว่างจากไฟฉายของทีมนักกู้ภัยผู้เชี่ยวชาญถ้ำจากอังกฤษ ส่องไปเจอกับดวงตาทั้ง 13 คู่ ก่อนจะทักทายกันด้วยประโยค How many of you… ความสำเร็จของการของการปฏิบัติการค้นหานี้ ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่พยายามช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างไม่ลดละ และคงจะขาดทีมนักดำน้ำลุยถ้ำผู้เชี่ยวชาญไปไม่ได้ ที่คอยให้ความช่วยเหลือกับทางการไทยเป็นอย่างดีตั้งแต่ต้น John Volanthen ปฏิบัติการในคืนวันจันทร์ นำโดยนาย John Volanthen และ Rick Stanton นักดำน้ำพลเรือนชาวอังกฤษ ได้นำร่องดำน้ำไปวางตำแหน่งเชือก ที่จะเข้าใกล้บริเวณที่คาดว่าทั้ง 13 ชีวิตน่าจะรออยู่ภายในถ้ำ Rick Stanton เขาและทีมช่วยกันปักเชือกลงดินตามแนวถ้ำ เพื่อให้ทีมที่เหลือสามารถเดินทางตามมาได้ ป้องกันการหลงและถูกกระแสน้ำพัดไป แต่แล้วจนกระทั่งเชือกที่ Volanthen นำติดตัวมาหมดลง พวกเขาจึงต้องเงยหน้าขึ้นสู่ผิวน้ำ ในจังหวะนั้นเอง เขาก็ได้พบกับดวงตาแห่งความหวังทั้ง 13 คู่ จับจ้องมาที่เขาและทีมกู้ภัย… ถ้าหากว่าเชือกหมดก่อนหน้านั้น…
-
Disney ซุ่มพัฒนาหุ่นยนต์สตั๊นต์แมนเพื่อไว้เข้าฉากที่เสี่ยงอันตราย ลดอัตราการบาดเจ็บ
สตั๊นต์แมนหรือสตั๊นต์วูแมนถือว่าเป็นหนึ่งในอาชีพที่เสี่ยงต่ออันตรายมากที่สุดอาชีพหนึ่ง ผู้ที่ทำอาชีพนี้ต้องนำตัวเองเข้าไปเล่นกิจกรรมผาดโผนแทนนักแสดงตัวจริง หากพลาดขึ้นมาเพียงแค่เสี้ยววิก็สามารถบาดเจ็บได้แล้ว เราจึงมักได้ยินข่าวสตั๊นต์แมนบาดเจ็บอยู่บ่อยๆ และเพื่อที่จะลดอัตราความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของทั้งนักแสดงและสตั๊นต์แมน ในทุกวันนี้ทาง Walt Disney Studio จึงได้มีแผนพัฒนาหุ่นยนต์รูปแบบมนุษย์มาใช้ในฉากที่ต้องเสี่ยงอันตรายมากๆ แทนการใช้คนจริงๆ แต่ดั้งเดิม Disney เรียกโปรเจกต์นี้ว่า Brick(Binary Robotic Inertially Controlled bricK) หุ่นยนต์ที่ประกอบไปด้วยโลหะและเต็มไปด้วยเซนเซอร์มากมาย Brick มีความสามารถเปลี่ยนจุดถ่วงของตัวเองได้อย่างอิสระ ทำให้นักพัฒนาสามารถรู้ได้ล่วงหน้าว่ามันจะเคลื่อนไหวกลางอากาศอย่างไร ในตอนเริ่มแรก เจ้าหุ่นตัวนี้มีรูปร่างเป็นเหมือนมนุษย์ก้าง ซึ่งผู้พัฒนาต่างลงความเห็นว่ามันไม่เท่เอาเสียเลย แต่ด้วยความท้าทายของโปรเจกต์ทำให้พวกเขาทำงานกันต่อไปด้วยความสนุกสนาน ถึงจะยังไม่รู้ว่าจะออกไปมาเป็นอย่างไร แต่ก็ถือว่าเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว Tony Dohi หัวหน้ากลุ่มนักวิจัยและวิศวกรพร้อมกับ Morgan Pope รองนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับโปรเจกต์ของหุ่นยนต์นี้ว่า “ไม่ว่าจะเป็นตัวละครจาก Star Wars จาก Pixar หรือจะจาก Marvel รวมถึงตัวละครจากแอนิเมชั่นของพวกเราด้วย พวกเขาต้องทำสิ่งที่เสี่ยงอันตรายอยู่ตลอด” จึงได้มีไอเดียที่จะสร้างสรรค์ฉากสุดน่าประทับใจโดยที่ไม่ต้องทำให้ชีวิตของสตั๊นต์แมนเป็นอันตราย และเพื่อให้ฉากเหล่านั้นเกิดขึ้นจริงได้ จึงจำเป็นต้องอาศัยหุ่นยนต์ที่ติดตั้งมีการติดตั้งเซนเซอร์หลากหลายตัวนี้นี่เอง ในปัจจุบันหุ่นตัวต้นแบบได้รับการพัฒนาเพิ่มระบบการกะระยะด้วยเลเซอร์และปรับปรุงรูปร่างให้เหมือนกับมนุษย์มากขึ้นยิ่งขึ้น จึงทำให้เจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้สามารถเคลื่อนไหวได้ใกล้เคียงกับนักยิมนาสติกตัวจริงเลยล่ะ ที่มา…
-
เอ้าวาร์ป!! เจอตัวแล้ววว แอร์ฯ สาวฮ่องกง “ในตำนาน” ที่ชาวเน็ตตามหาตัวกันแทบตาย!!
แอร์โฮสเตส หรือพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินนั้น ตามความคิดของใครหลายๆ คนจะมองว่าเป็นอาชีพที่ใกล้เคียงกับนางฟ้ามากที่สุด เพราะนอกจากจะใช้เวลาส่วนใหญ่โบยบินไปบนท้องฟ้าแล้ว รูปพรรณนั้นยังงดงามราวนางฟ้าอีกด้วย ก่อนหน้านี้ แอร์โฮสเตสสาวน้อยคนหนึ่งของฮ่องกงก็ได้ดังไปทั่ว หนุ่มๆ ทั่วโลกอินเทอร์เน็ตต่างพากันตามหาตัวเธอเพียงเพราะภาพที่เธอปล่อยออกมาบนโลกอินเทอร์เน็ตนั่นเอง ภาพของเธอที่ปล่อยออกมาเพียงภาพเดียวก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับตามหาตัวกันวุ่น ภาพดังกล่าวจะเห็นได้ว่า เธอเป็นสาวน้อยร่างอ้อนแอ้นในเครื่องแบบสายการบินสีแดง พร้อมรูปร่างกระชากใจชาย ใบหน้าเล็กๆ พร้อมรอยยิ้มอันสดใส ทำให้หนุ่มๆ อยากรู้ว่าแท้จริงแล้ว นางฟ้าคนนี้เธอเป็นใครกันแน่!! จนสุดท้ายความพยายามของชาวเน็ตก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง หาวาร์ปของแอร์สาวคนนี้เจอจนได้ เธอเรียกตัวเองว่า Vien ซึ่งใช้เป็นชื่ออินสตาแกรมของเธอด้วยเช่นกัน ถึงตรงนี้หลายคนอาจจะยังงงว่าอะไรกันที่ทำให้สาวน้อยคนนี้ดลใจชายหนุ่มทั่วฮ่องกงให้ตามหาตัวกันวุ่นวาย ถ้าอย่างนั้น เราไปดูกันดีกว่าว่าแอร์โฮสเตสสาวนามว่า Vien คนนี้ มีดีอะไรขนาดไหนกันเชียว!!? สวัสดีค่ะผู้โดยสารทุกท่าน คิคิ~ ปัจจุบันเธอเป็นที่รู้จักในนามที่ว่า “แอร์โฮสเตสสาวฮ่องกงอันดับหนึ่งในใจชาย” เลยทีเดียว โอ้ ดาเมจที่รุนแรงเสียเหลือเกิน~ ทรวดทรงของเธอช่างไม่เกรงใจชายหนุ่มเอาเสียเลย สมกับคำว่า “นางฟ้า” จริงๆ! น้ำทะเล ท้องฟ้า หรือแสงแดด ก็ไม่มีอะไรสดใสไปกว่า สาว Vien ในชุดบิกินีอีกแล้ว . …
-
OCR โดนปรับ 7,650,000 บาท หลังออกข้อสอบ “โรเมโอและจูเลียต” ผิดจนนักเรียนตอบไม่ได้
ในสำหรับการสอบใหญ่ๆ นั้นสิ่งที่มีความสำคัญที่สุดนั้นก็มักจะเป็นตัวข้อสอบนั่นเอง เพราะเพียงแค่ข้อสอบยากเกินไปหรือง่ายเกินไป ก็อาจจะทำให้การวัดผลนักเรียนนั้นคลาดเคลื่อนไปได้เป็นอย่างมากแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่คณะกรรมการสอบ Oxford, Cambridge และ RSA (OCR) จะต้องถูกปรับเงินค่าเสียหายมากถึง 175,000 ปอนด์ (ราวๆ 7,650,000 บาท) จากกรณีการออกข้อสอบวิชาวรรณคดีอังกฤษผิด จนทำให้ไม่สามารถหาคำตอบได้เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา เหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นในการสอบใบรับรองทั่วไปของการศึกษาระดับมัธยมศึกษา (GCSE) โดยคำถามที่เป็นปัญหานั้น เป็นคำถามเกี่ยวกับผลงานชื่อดังของเช็กสเปียร์อย่างโรเมโอและจูเลียตนั่นเอง คำถามที่เป็นปัญหานี้มีใจความว่า “การนำเสนอความเกลียดชังของ “ทีบอลท์” ที่มีต่อ “คาปูเล็ต” ของเช็กสเปียร์มีผลต่อการแสดงอย่างไร” ปัญหาคือ ทีบอลท์นั้นเป็นญาติของทั้งจูเลียตและคาปูเล็ต ดังนั้นจึงไม่น่ามีความเกลียดชังที่ว่าเกิดขึ้นได้ และคำถามที่ว่านี้น่าจะหมายถึงตัว “มองตากิว” มากกว่า แม้ว่าทาง OCR จะได้มีการออกมาขอโทษกับปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว แต่การที่หนึ่งในคำถามมีความผิดพลาดเกิดขึ้นก็ทำให้ผลการสอบในครั้งนั้นไม่สามารถวัดผลได้ ด้วยเหตุนั้นทาง Ofqual ผู้ควบคุมการสอบของอังกฤษ จึงได้ตัดสินใจจะยื่นฟ้องค่าเสียหายข้างต้นแก่ทาง OCR ไปในเดือนพฤษภาคมปี 2018 ที่ผ่านมา เนื่องจากข้อสอบ “ไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเหมาะสม” และล่าสุดในเดือนกรกฎาคมนี้เองทาง OCR ได้ออกมาชี้แจ้งว่า…
-
คุณแม่โอด!! โรงเรียนอังกฤษสั่งเรียกเงิน ค่าไปทัศนศึกษาที่แอฟริกาใต้ เกือบแสนบาท!!
Louise Worrell หญิงวัย 32 ปี จากกรุงลอนดอนถึงกับช็อก เมื่อทางโรงเรียนได้แจ้งเธอเกี่ยวกับค่าทัศนศึกษาในประเทศแอฟริกาใต้ของลูกสาวเธอ ที่มีมูลค่าสูงเกือบ 2,000 ปอนด์ (ประมาณ 87,000 บาท) เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา สื่อต่างประเทศรายงานว่า หญิงรายดังกล่าวได้แจ้งกับทางโรงเรียนมัธยม Woodcote High School ว่าเธอไม่มีเงินพอสำหรับจ่ายค่าเดินทางไปยังเมืองเคปทาวน์ให้กับลูกสาววัย 13 ปีของเธอ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้อยู่ที่ 1,850 ปอนด์ (ประมาณ 80,000 บาท) ผลการสำรวจจากทางสมาคมครูแห่งชาติ (NASUWT) เผยว่าผู้ปกครองส่วนมากกำลังถูกกดดันจากทางโรงเรียน เกี่ยวกับการพาเด็กไปทัศนศึกษาในพื้นที่ใหม่ๆ คุณแม่วัย 32 ปีผู้นี้มองว่าการไปเที่ยวแอฟริกาใต้ของลูกสาววัย 13 ปีของเธอนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ เธอให้สัมภาษณ์ว่า “นี่มันไม่ใช่โรงเรียนเอกชน มันคือโรงเรียนของรัฐและผู้ปกครองจำนวนมากที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย” ผลการสำรวจจากทาง NASUWT พบว่ามีผู้ปกครองมากถึง 1 ใน 6 ที่ไม่สามารถส่งลูกเข้าร่วมการทัศนศึกษาของโรงเรียนได้ ซึ่งในปีที่ผ่านมากิจกรรมดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากถึง 3,000 ปอนด์ (ประมาณ 130,000…
-
ชัยชนะของคุณแม่ รัฐบาลคืนน้ำมันกัญชารักษาโรคชักให้เธอแล้ว หลังต่อสู้มากว่า 4 สัปดาห์
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาชาร์ลอต คอลด์เวลล์ต้องถูกทางสนามบินที่อังกฤษริบน้ำมันกัญชาที่เตรียมไว้ใช้ในการรักษาอาการลมชักของ บิลลี่ คอลด์เวลล์ ลูกชายของเธอ ทำให้เกิดเป็นการต่อสู้ของคุณแม่ชาร์ลอตกับกฎหมายของรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งเพื่อนๆ สามารถเข้าไปอ่านข่าวเก่าได้ที่นี่ จากผลการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ทางรัฐบาลยอมให้คุณแม่ชาร์ลอตสามารถนำพาลูกมารับยาได้จำนวนหนึ่ง เป็นระยะเวลา 20 วัน ซึ่งไม่มากพอที่จะใช้กับลูกชายของเธอในระหว่างรอการทำใบอนุญาตพิเศษ ที่ให้เวลาทำราวๆ 5 เดือนอย่างแน่นอน ชาร์ลอต คอลด์เวลล์ คุณแม่ผู้ต่อสู้เพื่อลูกชายมากกว่า 4 สัปดาห์ แต่จากการต่อสู้อย่างหนักของชาร์ลอตบวกกับความสนับสนุนของคนในประเทศ ในที่สุดเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมนี้เอง โฆษกของทางรัฐบาลก็ออกมาบอกว่า ในขณะนี้ทางรัฐบาลได้ตัดสินใจที่จะส่งมอบยาที่ริบไว้คืนให้กับชาร์ลอตแล้ว นอกจากนี้ทางรัฐบาลของอังกฤษ และไอร์แลนด์เหนือยังทำการออกใบอนุญาตพิเศษเพื่อให้หนูน้อยบิลลี่สามารถให้ยาตัวที่ว่านี้ที่บ้านได้อย่างถูกกฎหมายอีกด้วย โดยใบอนุญาตพิเศษที่ว่าได้มีการอนุมัติไปในวันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา บิลลี่ คอลด์เวลล์ ได้รับใบอนุญาตใช้ยาที่มีสารสกัดจากกัญชาแบบถาวรเป็นที่เรียบร้อย ชาร์ลอตดีใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก และแม้ว่าเรื่องนี้จะถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของเธอ แต่ชาร์ลอตก็บอกว่า เธอรู้สึกเหมือนทางรัฐบาลตั้งใจจะออกใบอนุญาตให้เธออยู่แล้ว และมันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากที่หลายๆ ฝ่ายช่วยเหลือกันจนทำให้เรื่องในครั้งนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ ชาร์ลอต กล่าวเสริมว่า “ก้าวต่อไปคือการที่จะทำให้เรื่องดีๆ แบบนี้เกิดขึ้นกับทุกครอบครัวที่ต้องการยารักษาจากกัญชา มันเป็นสี่สัปดาห์ที่น่าอัศจรรย์มาก และฉันแทบไม่เชื่อเลยว่าเราจะได้กลับบ้านแล้ว” การต่อสู้ของชาร์ลอต จบลงด้วยชัยชนะ และในที่สุดพวกเธอก็จะได้กลับบ้านแล้ว นับว่าเป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจสำหรับการต่อสู้อันยาวนานของคุณแม่คนหนึ่งจริงๆ ที่มา metro, thesun