Category: ข่าวคราวรอบโลก

ตั้งแต่เข้าสู่ปี 2018 มาเป็นเวลา 4 เดือน เหตุกราดยิงในสหรัฐฯ ก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างไม่มีท่าทีจะหยุดเลย ไม่ว่าจะเป็นจากนักเรียนหรือจากผู้ใหญ่ก็ตาม ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2018 ได้มีเหตุกราดยิงกันที่สำนักงานยูทูบในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเจ้าหน้าที่รายงานว่าเมื่อตอนที่พวกเขาไปถึงก็พบกับกลุ่มคนมากมายวิ่งออกมาจากตึกแล้ว   .   เมื่อเข้าไปก็พบว่ามีเหยื่อได้รับบาดเจ็บอยู่ใกล้กับศพของหญิงที่คาดว่าเป็นผู้ก่อเหตุนอนเสียชีวิตอยู่ ตำรวจคาดเดาว่าเธอได้จัดการจบชีวิตตัวเองหลังจากก่อเหตุ ซึ่งจากจุดนั้นไม่ไกลมากนักเจ้าหน้าได้ก็ได้พบกับผู้บาดเจ็บอีก 3 คนด้วยกัน เจ้าหน้าไม่ได้เปิดเผยชื่อของเหยื่อทั้งสามรวมถึงผู้ก่อเหตุ บอกเพียงแต่ว่าเป็นชายวัย 36 ปี หนึ่งคนและอีกสองคนเป็นอีกหญิงวัย 27 และ 32 ปี ส่วนคนร้ายนั้นคาดว่าเป็นหญิงวัยระหว่าง 35 ถึง 40 ปี   .   ผู้บาดเจ็บนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการส่งไปรักษาที่โรงยาบาลซัคเคอร์เบิร์ก ฟรานซิสโกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแม้ว่าผู้บาดเจ็บอีกสองคนจะไม่เป็นอะไรมากนัก แต่หญิงวัย 32 ปีนั้นมีอาการที่สาหัสมาก ด้านพนักงานของบริษัทดังกล่าวก็ได้ทวีตข้อความถึงเหตุการณ์ที่พวกเขาพบเจอว่า   พวกเรากำลังนั่งประชุมกันอยู่ ทันใดนั้นพวกเราได้ยินเสียงคนวิ่งกันเสียงดังมากๆ ตอนแรกผมคิดว่าอาจจะเป็นเพราะแผ่นดินไหว   มีคนเข้ามากราดยิงในสำนักงานยูทูบ ผมได้ยินเสียงปืนและเห็นคนวิ่งกันระหว่างที่ผมกำลังนั่งอยู่ตรงโต๊ะ ทันใดนั้นผมก็ตัดสินใจสร้างรั้วกั้นในห้องกับเพื่อนร่วมงานทันที…

กลายเป็นเรื่องสุดวุ่นเมื่อรถลำเลียงช้างที่กำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่งได้โชคร้ายถูกรถอีกคันชนเข้าอย่างจัง ทำให้ช้าง 5 ตัวที่อยู่บนรถนั้นหลุดออกมาเดินตามท้องถนนในประเทศสเปน เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นบนมอเตอร์เวย์จังหวัดอัลบาเซเต เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 2 เมษายน 2018 โดยตำรวจท้องถิ่นได้รายงานว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นและช้างที่อยู่บนรถ 5 เชือกก็หลุดออกมา สร้างความลำบากให้กับคนสัญจรไปมาอย่างมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปิดถนนทันที   .   ในส่วนของความเสียหายนั้น ตัวผู้ขับรถลำเลียงช้างไม่ได้บาดเจ็บแต่อย่างใด ทว่าช้าง 1 เชือกได้เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บ ส่วนอีก 4 เชือกนั้นมี 2 เชือกที่ได้รับบาดเจ็บส่วนที่เหลือนั้นปลอดภัยดี ตัวคนขับนั้นเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะเป็นคนของคณะละครสัตว์แห่งหนึ่ง ด้าน Gregorio Serrano เจ้าหน้าที่รัฐผู้รับผิดชอบด้านการขนส่งทางถนนของสเปนก็ได้โพสต์คลิปของเหล่าเจ้าหน้าที่ ที่กำลังช่วยกันใช้เครนลำเลียงช้างทั้งหมดไปยังที่ปลอดภัยลงบนทวิตเตอร์ของเขา   สำหรับใครที่ไม่สามารถดูคลิปข้างล่างได้ สามารถเข้าไปดูต้นฉบับได้ที่ Gregorio Serrano‏ Se está procediendo a la asistencia y evacuación de los elefantes heridos en el accidente que…

หนึ่งในชื่อขนมหวานที่แทบจะไม่มีใครไม่รู้จัก นั่นคือเวเฟอร์ช็อกโกแลตที่มีชื่อว่า Kit Kat จากบริษัท Nestle ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สินค้ายอดฮิตของทั้งหญิงและชาย เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินเพลิน Kit Kat นั้นถือว่าเป็นขนมที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกโดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น ทำให้ประเทศแดนปลาดิบนั้นมี Kit Kat มากกว่า 300 รสชาติ และวางขายมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบันปี 2018 ครบรอบ 45 ปีพอดิบพอดี     เพื่อการเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่ของพวกเขา บริษัท Kit Kat ในญี่ปุ่น จึงเกิดความคิดให้ทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลกสามารถเลือกได้ว่าอยากให้มี Kit Kat รสชาติไหนผลิตออกมา เจ้าแคมเปญที่ชื่อว่า Kitto Onegai Kanau (แปลว่า ฝันของคุณจะกลายเป็นจริง) ก็ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะพวกเขาบอกว่าถ้ารสชาติไหนได้รับคะแนนโหวตสูงสุด รสชาตินั้นก็จะถูกทำออกมาวางขายจริงๆ ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2018 ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะถูกส่งไปขายในทั่วทุกมุมโลกอีกด้วย     เพราะฉะนั้นนี่จะเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะสามารถเลือกรสชาติของ Kit Kat ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเขาเปิดโอกาสให้เข้าไปโหวตกันได้ในเว็บไซต์…

เป็นที่ทราบกันว่าไดโนเสาร์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตในยุคดึกดำบรรพ์ของโลก ตั้งแต่ในช่วง 165 ล้านปีก่อนและได้จะสูญพันธุ์ไปเมื่อ 65 ล้านปีก่อน แต่ข้อมูลนี่พวกเรารู้มาทั้งหมดนั้น อาจจะเป็นความรู้ที่ยังรู้ไม่หมด เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบหลักฐานชิ้นสำคัญของสิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่กว่าไดโนเสาร์ นั่นคือรอยเท้าของสิ่งมีชีวิตที่คาดว่าเป็นบรรพบุรุษของ “ไทแรนโนซอรัส” หรือที่เรารู้จักในชื่อ “ทีเร็กซ์”     ร่องรอยที่กล่าวมาในข้างต้น ถูกทีมสำรวจพบเจอที่ทะเลสาบโคลในทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ Skye เกาะที่อยู่ในประเทศสกอตแลนด์ โดยรอยเท้าที่พบเจอในครั้งนี้มีมากกว่า 50 รอย คาดการณ์ว่าแต่ละรอยนี้มีอายุนานกว่า 170 ล้านปี การค้นพบร่องรอยครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่สองที่ค้นพบในเกาะ Skye และฟอสซิลที่ค้นพบในครั้งนี้มีสภาพที่ถูกฝังอยู่ในหินมากกว่าการค้นพบครั้งแรกเมื่อปี 2015 เสียอีก และในรอยเท้าหลายรอยที่ค้นพบนี้ รอยเท้าขนาดใหญ่ที่สุดของไดโนเสาร์พันธุ์ซอโรพอดจะมีความกว้างมากกว่า 68 เซนติเมตร ในขณะที่รอยใหญ่ที่สุดของบรรพบุรุษทีเร็กซ์อยู่ที่ประมาณ 50 เซนติเมตร   .   Dr Steve Brusatte หัวหน้าทีมสำรวจจาก University of Edinburgh กล่าวว่า “ยิ่งพวกเราสำรวจเกาะ Skye มากขึ้นก็ได้พบกับรอยเท้าไดโนเสาร์มากขึ้น และในร่องรอยใหม่นี้เป็นรอยเท้าของไดโนเสาร์สองสายพันธุ์หนึ่งคือเจ้าคอยาวญาติของบรอนโตซอรัสและอีกประเภทคือญาติของเจ้าฟันแหลมทีเร็กซ์” การค้นพบครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าไดโนเสาร์ไม่ได้อยู่ติดกับพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งแบบที่เคยสันนิษฐานไว้ แต่พวกมันใช้เดินทางส่วนมากไปในน้ำ โดยที่มันไม่ได้ว่ายน้ำ แต่ใช้เพียงการลุยน้ำเพื่อไปหาพื้นที่ที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์  …

หลายครั้งที่เราเห็นมิ้วน้อยถูกทิ้งให้อยู่ลำพังโดยไร้เงาของผู้เป็นแม่ นั่นอาจเป็นเพราะความจำเป็นบางอย่างที่ทำให้แม่แมวต้องทำแบบนั้น เหมือนกับมิ้วน้อยสองพี่น้องที่ถูกพบอยู่ในสตูดิโอศิลปะในสภาพเปียกปอน ท่ามกลางความหนาวเย็น พวกมันนอนนิ่ง จนคนที่พบคิดว่ามันตายแล้ว     เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ Hannah Shaw จาก Kitten Lady ได้รับแจ้งว่ามีคนพบลูกแมวอยู่ในสตูดิโอศิลปะ เธอจึงมุ่งหน้าไปหาพวกมันทันที Hannah บอกว่า “เจ้าของสตูดิโอมักจะให้อาหารแมวจรจัดบ่อยๆ บางครั้งพวกมันเลยเข้ามาข้างใน”     “วันนั้นมีแมวตัวหนึ่งตัวเดินเข้ามาในสตูดิโอของเธอ และคลอดลูกใต้ภาพวาดสีน้ำมัน ก่อนจะทิ้งลูกน้อย 2 ตัวไว้ที่นั่นและเดินจากไป” “ตอนที่เรามาถึง มิ้วน้อยน่าจะคลอดได้ประมาณ 4 ชั่วโมงแล้ว พวกมันตัวเย็น แข็ง เปียก และดูเหมือนไม่มีชีวิต จนเราคิดว่ามันตายแล้ว” Hannah กล่าว     อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พวกเขาพาแมวสองพี่น้องไปสู่ความอบอุ่นและทำความสะอาดพวกมันเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในที่สุดทั้งคู่ก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง พวกมันเริ่มขยับแขนขยับขาได้ แต่ร่างกายยังคงอ่อนแอมาก เพราะตั้งแต่เกิดพวกมันไม่ได้กินอะไร แม้แต่นมแม่เพียงหยดเดียวก็ไม่ได้สัมผัส     คืนแรกลูกแมวได้นอนในตู้อบเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น พร้อมกันนั้น Hannah เริ่มป้อนอาหารให้พวกมันทุกๆ 2-3 ชั่วโมง หญิงสาวพยายามช่วยชีวิตทั้ง 2…

สำหรับคนที่เลี้ยงสุนัข จะมีความรู้สึกว่าสุนัขไม่ได้เป็นแค่สัตว์เลี้ยง แต่มันเป็นทั้งเพื่อน ครอบครัว และเป็นส่วนสำคัญในชีวิตที่เราอยากอยู่ด้วยจนลมหายใจสุดท้าย เพราะแบบนี้ Peter Robson จึงขอเจอสุนัขเพื่อนรักก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไปตลอดกาล…     Robson ป่วยเป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส (โรคเรื้อรังที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม) เขาได้เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาล Ninewells Hospital ในเมืองดันดี ประเทศสกอตแลนด์     แต่ก่อนจะเสียชีวิต Robson ได้ขอบางอย่างเป็นครั้งสุดท้าย นั่นคือการได้เจอหน้า Shep สุนัขผู้เป็นเพื่อนรักของเขา     ตามกฎแล้ว ทางโรงพยาบาลมีนโยบายห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้ามา แต่เมื่อนี่เป็นคำขอสุดท้ายของผู้ป่วยใกล้ตาย พวกเขาจึงอนุญาตให้เป็นกรณีพิเศษ     สำหรับเจ้าหมา Shep นั้น มันอยู่เคียงข้าง Robson ตลอดเวลา นับตั้งแต่ภรรยาของเขาเสียชีวิตไปเมื่อ 8 ปีก่อน แต่หลังจากที่เขาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เขาก็กลัวมาตลอดว่าจะไม่ได้เห็นเจ้าหมาอีก     Ashley Stevens หลานสาวของ Robson อยู่ในเหตุการณ์ ขณะที่ครอบครัวพา Shep มาโรงพยาบาลเพื่อให้มันบอกลาเพื่อนรักเป็นครั้งสุดท้าย     หญิงสาวเขียนในเฟซบุ๊กว่าเธอขอบคุณเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทุกคนที่มอบช่วงเวลาดีๆ ให้กับคุณตาและสุนัขของเขา ทำให้คนที่กำลังจะจากไปมีความสุขที่สุดในช่วงสุดท้ายของชีวิต…

เดี๋ยวนี้ธุรกิจแบบ Sharing Economy (เป็นแนวคิดสังคมเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน) กำลังได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น Uber, Airbnb, Mobike และอีกมากมาย ล่าสุดเราไปเจอรูปแบบธุรกิจแนวๆ นี้มาจากประเทศจีน แต่สิ่งที่คุณจะไปใช้บริการมันไม่ใช้สถานที่หรือยานพาหนะ แต่เป็นคน เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวท้องถิ่นในประเทศจีนได้รายงานว่าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในมณฑลกวางตุ้ง ได้เสนอบริการที่ชื่อว่า “Shareable Girlfriends” หรือแฟนสาวแบบแบ่งปัน เพื่อให้เหล่าลูกค้าที่มาชอปคนเดียวไม่ต้องเหงาอีกต่อไป     ตามรายงานบอกว่าภายในห้างนั้นได้นำเอาหญิงสาวมายืนเรียงรายกันในชุดสวยงามบนแท่นสีเหลือง โดยที่ด้านหลังของพวกเธอจะมี QR Code ให้ลูกค้าเอามือถือไปสแกนเพื่อ “เช่า” พวกเธอไปเดินเป็นเพื่อน ซึ่งค่าใช้จ่ายก็ไม่แพงมาก หากคุณพาพวกเธอไปเดินราวๆ 20 นาที ก็มีค่าใช้จ่ายเพียง 1 หยวน หรือราวๆ 5 บาทเท่านั้น     แผนการตลอดนี้ไม่ได้ถูกใช้เป็นครั้งแรก เพราะเมื่อช่วงคริสต์มาสปีก่อน ก็ได้มีห้างสรรพสินค้าในมณฑลไห่หนานจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ชื่อ “Shareable Boyfriends” เพื่อตอบสนองนักชอปสาวขี้เหงาโดยเฉพาะ แต่น่าเสียดายที่บริการสุดแหวกนี้ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร มีการตั้งข้อสังเกตจากชาวจีนในอินเตอร์เน็ตหลายคนมองว่าชายหนุ่มชาวจีนอาจจะรู้สึกเขินอายเกินไปที่จะ “เช่าหญิงสาว” ให้ไปเดินเป็นเพื่อน     ทุกวันนี้ธุรกิจแบบ Sharing…

เทรนด์ใหม่สุดอันตรายที่ชื่อว่า Condom Snorting Challenge กำลังกลายเป็นที่นิยมอย่างในหมู่วัยรุ่นอเมริกันและชาวยูทูบเบอร์ในขณะนี้ อาจจะเพราะด้วยความพิเรนทร์และความตลกขบขันทำให้มันกลายเป็นที่ชื่นชอบ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพบอกว่ามันอาจทำให้ถึงตายได้เลยทีเดียว ต้องเท้าความก่อนว่าในอดีตที่ผ่านมาในเทรนด์การทำกิจกรรมแปลกๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำท่าแพลงกิง การทำไอซ์บักเก็ต การกินมาม่าเผ็ด (ซึ่งไม่ใช่มาม่าด้วย) หรืออย่างล่าสุดคือการเอาคางไปเกยมือ     ล่าสุดที่กลายเป็นเทรนด์ใหม่ก็คือการทำ Condom Snorting Challenge หรือการเอาถุงยางอนามัยยัดเข้าไปในรูจมูกแล้วพยายามไอเพื่อให้ถุงยางออกมาทางปาก ซึ่งเทรนด์ที่ว่านี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมาจนจางหายไปแล้ว แต่มันกลับมาอีกครั้งเพราะเหล่ายูทูบเบอร์หลายๆ รายเอากลับมาเล่นกัน     ด้าน Bruce Lee ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins Bloomberg School of Public Health ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเทรนด์สุดประหลาดนี้ว่า “เมื่อไหร่ที่การใช้ถุงยางเป็นเรื่องเลวร้ายน่ะเหรอ ก็เมื่อตอนที่คุณพยายามสูดดมมันเข้าไปในจมูกแล้วดึงมันออกมาทางปากนั่นแหละ มันคุ้มค่าจริงๆ เหรอ แค่ได้คนกดไลก์และวิวเพิ่มขึ้น?”     ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพได้ออกมาเรียกร้องให้ผู้คนหยุดการมีส่วนร่วมกับเทรนด์อันตรายนี้ การสูดถุงยางเข้าไปในจมูกส่งผลอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจของคุณ เพราะมันอาจทำให้คุณสำลักและถุงยางก็อาจจะเข้าไปติดอยู่ในหลอดลมจนทำให้คุณขาดอากาศหายใจได้ นอกจากนี้สารหล่อลื่นที่เคลือบถุงยางเอาไว้ยังอาจทำให้เยื่อบุชั้นในของจมูกเกิดอาการระคายเคืองได้ ทำให้เกิดอาการแพ้หรือติดเชื้อได้เลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นหากคุณเผลอกลืนมันลงไปก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงหลายอย่างด้วย     ย้อนกลับไปในปี 2016 มีรายงานว่าหญิงสาวชาวแคเมอรูนได้เผลอกลืนถุงยางเข้าไป ทำให้แพทย์ต้องผ่าตัดเอามันออกเพราะไปทำให้ไส้ติ่งอักเสบ ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังมีใครคิดอยากจะลองอีกล่ะก็ เราก็คงห้ามอะไรไม่ได้แล้วล่ะ…

ในวันที่ 2 เมษายน 2018 ทางการอินเดียได้ออกมายืนยันว่าดาวเทียมสื่อสารของประเทศได้ขาดการติดต่อไปหลังจากที่มีการปล่อยตัวขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ     ดาวเทียม GSAT-6A เป็นดาวเทียมที่ผลิตขึ้นเองภายในประเทศ มีน้ำหนัก 2,066 กิโลกรัม และใช้ต้นทุนในการสร้าง 2,700 ล้านรูปี หรือราวๆ 1,300 ล้านบาท ตัวดาวเทียมออกแบบมาเพื่อปรับปรุงการสื่อสารสำหรับกองกำลังติดอาวุธของอินเดีย การปล่อยดาวเทียม GSAT-6A ถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมากและนายกรัฐมนตรี Narendra Modi ได้มาแสดงความยินดีกับนักวิทยาศาสตร์ที่รับผิดชอบการปล่อยดาวเทียมนี้ด้วยตัวเอง     อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการปล่อยดาวเทียมตัวนี้ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศในปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาซึ่งเป็นการปฏิบัติการครั้งที่สาม ภายในเวลาไม่ถึงสองวัน องค์การวิจัยอวกาศแห่งอินเดีย หรือ ISRO ก็ได้ออกมากล่าวว่าพวกเขาขาดการติดต่อกับดาวเทียมดวงดังกล่าว หัวหน้าองค์การอวกาศและการวิจัยแห่งอินเดีย กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “มันเป็นความผิดปกติของแหล่งจ่ายไฟ” และทาง ISRO กำลังพยายามเรียกคืนระบบการติดต่อกับดาวเทียมดวงที่ว่าอยู่     เหตุการณ์นี้ถือเป็นความผิดพลาดของอินเดียซึ่งกำลังจะขึ้นเป็นหนึ่งในผู้ค้ารายใหญ่ของตลาดอวกาศ อย่างไรก็ตาม ทางอินเดียได้ปล่อยดาวเทียมกว่า 104 ดวงไปในปี 2014 ซึ่งมากกว่าทางรัสเซียที่ปล่อยดาวเทียมไป 39 ดาวในปีเดียวกัน และทางอินเดียก็ไม่ได้มีการสูญหายของดาวเทียมมานานกว่าทศวรรษแล้ว   ที่มา bbc, phys

ก่อนหน้านี้เราอาจเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่าประเทศเกาหลีเหนือ กำลังสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีกับประเทศเกาหลีใต้อยู่ ซึ่งฟังดูแล้วมันอาจเป็นเรื่องที่ดูน่าเหลือเชื่อ เพราะประเทศเกาหลีเหนือ-ใต้นั้น อยู่ในภาวะสงครามมากกว่า 50 ปีแล้ว แต่แล้วคอนเสิร์ตเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ ซึ่งถูกจัดขึ้นในวันที่ 1 เมษายน 2018 ที่ผ่านมานั้น เป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าทั้งสองประเทศกำลังพยายามลดระยะห่างกันอยู่จริงๆ   คอนเสิร์ตสานสัมพันธไมตรีนี้มีชื่อว่า Spring is Coming (ฤดูใบไม้ผลิกำลังมา)   คอนเสิร์ตดังกล่าวถูกจัดขึ้นที่โรงละคร East Pyongyang Grand Theatre กรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่มีการจัดงานในลักษณะนี้ขึ้น ณ เมืองหลวงของประเทศ แถมท่านผู้นำ คิม จ็อง-อึน ก็ยังเดินทางมาเข้าร่วมด้วยตนเองอีกด้วย   คิม จ็อง-อึน เดินทางมาเข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย   ท่านผู้นำพูดคุยกับศิลปินจากเกาหลีใต้   ภายในงานมีการแสดงของศิลปินนักร้องจากประเทศเกาหลีใต้มากมาย อาทิเช่น ศิลปินอาวุโส Cho Yong-pil , Lee Sun-hee , Yoon Do-hyun และ Baek…

ถ้าใครที่ได้ตามข่าวต่างประเทศเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เราคงจะได้เห็นว่าจีนและสหรัฐอเมริกานั้นได้มีปากเสียงกันพอสมควร ซึ่งมันเริ่มจากการที่ ‘โดนัลด์ ทรัมป์‘ ได้เก็บภาษีนำเข้าจากจีน และพยายามจะเริ่มสงครามการค้า มาวันนี้จีนก็ไม่น้อยหน้าจัดการเอาคืนสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน โดยเริ่มแผนการเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ด้วยอัตรา 25% ซึ่งตีเป็นมูลค่าได้สูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 9 หมื่นล้านบาท     สินค้าจากสหรัฐอเมริกาที่ถูกจีนเรียกเก็บภาษีนั้นก็จะประกอบไปด้วยสินค้ากว่า 128 รายการโดยมีเนื้อหมูและไวน์เป็นหลัก ซึ่งแม้ว่าจะมีการเอาคืนแบบนี้ ทางจีนก็บอกว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการจะทำสงครามการค้ากับสหรัฐฯ แต่อย่างใด ทว่าจีนก็ไม่สามารถนิ่งเฉยกับเมื่อเศรษฐกิจของชาติได้รับความเสียหายเช่นกัน     อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ดังกล่าวนั้นสร้างความตึงเครียดให้กับกลุ่มนักลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะทั้งสองล้วนเป็นประเทศมหาอำนาจในเรื่องการค้า แต่ถึงอย่างนั้นด้านนักวิเคราะห์กลับเอนเอียงไปทางจีนเสียมากกว่า พวกเขาได้ให้ความเห็นว่า ถ้าเกิดอยู่ดีๆ จีนหันไปเก็บภาษีนำเข้าจากบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาเช่นบริษัท Apple งานนี้อาจจะส่งกระทบที่ใหญ่กว่าเดิมก็เป็นได้ เพราะเมื่อเกิดการเก็บภาษีสินค้าเทคโนโลยีแล้ว ทางบริษัทก็จำเป็นจะต้องขึ้นราคาสินค้าตาม เมื่อถึงเวลานั้นวิกฤตใหญ่ก็จะเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน     แต่เราก็ต้องไม่ลืมเช่นกันว่าตัวโดนัลด์ ทรัมป์นั้นก็เป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่เก่งพอสมควร ฉะนั้นเราก็คงดูกันต่อไปว่าสงครามการค้านี้จะไปจบลงที่ตรงไหนและมันจะส่งผลอย่างไรกับโลกบ้าง…   ที่มา bbc, cnbc

เมื่อไม่นานมานี้ บัลแกเรียประสบภัยหนาวอย่างรุนแรง พลอยทำให้สัตว์ในธรรมชาติบางชนิดได้รับผลกระทบไปด้วย หนึ่งสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากภัยหนาวในประเทศบัลแกเรียคือ นกกระสา ด้วยสภาพอากาศที่หนาวจัดทำให้ปีกของพวกมันแห้งและแข็งจนไม่สามารถบินหรือหาที่หลบภัยได้     ด้วยเหตุนี้ Safet Halil วัย 53 ปี จึงตัดสินใจช่วยเหลือนกกระสาเหล่านั้น ด้วยการเปิดบ้านตัวเองเป็นที่หลบหนาวชั่วคราวให้พวกมัน Halil บอกว่า “ผมพบนกกระสา 5 ตัว นอนหนาวอยู่บนถนนใกล้หมู่บ้านเมื่อวันก่อน ผมเลยพาพวกมันเข้าไปในบ้าน ให้ผิงไฟเพื่อสร้างความอบอุ่นและเอาปลาให้พวกมันกิน”     เมื่อพาเข้าบ้านแล้ว เขาได้ปัดน้ำแข็งออกจากปีนกกระสาทุกตัว ให้พวกมันนอนบนผ้าอุ่นหน้าเตาผิง ในขณะที่ลูกๆ ของเขาได้แบ่งห้องให้เจ้านกพวกนี้นอนพักด้วย ต่อมา เรื่องราวของ Halil แพร่กระจายไปในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นแรงบันดาลให้ชาวบัลแกเรียคนอื่นๆ เปิดบ้านตัวเองเป็นที่หลบหนาวให้นกกระสาด้วย     ตามรายงานบอกว่าตอนนี้ผู้ให้อยู่กับนกมากกว่า 40 ตัว มีทั้งอยู่ในบ้าน โรงรถ และยุ้งฉาง บางคนให้นกกระสาเข้าไปอยู่ในห้องนอนตัวเองเลย แม้ว่านี่จะเป็นการกระทำเล็กๆ น้อยๆ แต่มันสามารถช่วยชีวิตนกกระสาได้…     ทางด้าน Hristina Klisurova โฆษกจากศูนย์ฟื้นฟูและปรับปรุงพันธุ์สัตว์ป่า  Green Balkans Wildlife Rehabilitation and…

โลกที่หมุนไป สภาพอากาศที่แย่ลงทุกวันทำให้คนเริ่มหันมาสนใจและรักษาบ้านของมวลมนุษย์กันมากขึ้น หลายประเทศเริ่มที่จะหันมาสนใจพลังงานทดแทนกันมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งล่าสุดอินเดีย ก็เป็นอีกประเทศที่ตั้งใจจะเอาดีด้านนี้บ้าง ในตอนแรกนั้นทางอินเดียได้วางแผนจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 4,000 เมกะวัตต์ในรัฐคุชราต ซึ่งถือว่าเป็นโครงการ Ultra Mega Power Projects (UMPP) หรือ โปรเจกต์พลังงานขนาดยักษ์ แห่งที่สองในอินเดีย     แต่ว่าทางรัฐบาลของอินเดียนั้นได้ออกมาเปลี่ยนความคิดใหม่และบอกว่า ประเทศอินเดียในตอนนี้นั้นมีพลังงานมากพอแล้ว (จาก UMPP แห่งแรก) ทางรัฐอยากจะหันไปสนใจในเรื่องพลังงานทดแทนมากกว่า เพราะถ้ามองในเรื่องของผลระยะยาวมันส่งผลดีกว่านั่นเอง ฉะนั้นโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินจำเป็นจะต้องหยุดดำเนินการต่อทันที   Chimanbhai Sapariya รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานบอกว่า “รัฐคุชราตเพิ่งจะสำเร็จโครงการ UMPP แรกไปเมื่อปีก่อน ฉะนั้นพวกเราจึงรู้ว่ายังไม่จำเป็นจะต้องเร่งเดินหน้าโครงการที่สองในเร็ววันนี้ สิ่งที่พวกเราต้องสนใจในตอนนี้คือพลังงานทดแทน ซึ่งทางรัฐบาลจะให้ความสนใจที่พลังงานแสงอาทิตย์เป็นอันดับแรก”     จากการประกาศและเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้พื้นที่ในรัฐคุชราตนั้นมีการผสมผสานของการผลิตไฟฟ้าหลายรูปแบบ ซึ่งตอนนี้ทางรัฐคุชราตก็กำลังวางแผนจะติดตั้งโซลาเซลล์บนหลังคาบ้านเรือนทุกหลัง นอกจากนี้ทางรัฐบาลอินเดียก็ยังตั้งเป้าจะเป็นผู้นำด้านพลังงานแสงอาทิตย์อันหนึ่งของโลก แถมยังคาดว่าจะผลิตพลังงานได้มากถึงระดับเทราวัตต์ (1 ล้านล้านวัตต์) ในปี 2030 ด้วย   งานนี้ก็ต้องรอดูแล้วว่าประเทศอินเดียจะทำสำเร็จหรือไม่!?     ที่มา independent

ในวัยเด็กเรามักจะมีของเล่นชิ้นโปรดที่นำติดตัวไปไหนมาไหนด้วยอยู่เสมอ หากเป็นเด็กผู้ชายก็คงไม่พ้นหุ่นยนต์ต่างๆ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงต้องเป็นนี่เลย “บาร์บี้” บาร์บี้เป็นตุ๊กตาจำลองรูปคน ที่ส่วนมากจะถูกออกแบบมาเป็นเพศหญิง ซึ่งจะมีเสื้อผ้าหน้าผมมากมายให้คนซื้อนำไปแต่งตัวกับตุ๊กตาสุดโปรดตัวนี้ได้ แม้ว่าบาร์บี้จะเป็นตุ๊กตายอดฮิตของเด็กผู้หญิง แต่จะมีเด็กผู้หญิงสักกี่คนที่มีความฝันว่าเมื่อเติบโตขึ้นมาจะกลายเป็นบาร์บี้ เหมือนอย่าง Anella สาวชาวโปแลนด์ที่ปรารถนาจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะบาร์บี้     Anella สถาปนิกสาวสวย อายุ 25 ปี ชาวโปแลนด์ ได้บอกว่าเธอต้องการที่จะเป็นเหมือนกับตุ๊กตาบาร์บี้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเธอก็ได้เรียกตัวเองว่า “บาร์บี้ชาวโปแลนด์คนแรก” เธอกล่าวว่าเธอไม่ได้มีความคิดที่จะทำตัวเองให้เหมือนของเล่นวัยเด็กอย่างตุ๊กบาร์บี้ตั้งแต่แรกนะ แต่หลังจากที่เธอเข้ารับการศัลยกรรมจมูกครั้งแรกเท่านั้นแหละ ต่อมาเธอก็ไม่สามารถที่หยุดรับการศัลยกรรมต่อได้เลย โดยที่เธอเสียค่าทำศัลยกรรมไปถึงประมาณ 1.3 ล้านบาทสำหรับรูปร่างที่เหมือนกับบาร์บี้ของเธอ รวมถึงปากและหน้าอกนั่นด้วย     เธอให้สัมภาษณ์แก่สื่อท้องถิ่นว่า “ความคิดนี้มันเกิดขึ้นมาเองโดยธรรมชาติเลย ฉันไม่ได้วางแผนมันไว้นะ เอาจริงๆ ทุกคนล้วนแต่มีความซับซ้อนอยู่ แม้ว่าจะเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ อย่างผมหรือบางอย่างที่คุณต้องเปลี่ยนมัน ในตอนแรกฉันอยากจะแก้ไขแค่จมูกของฉันเท่านั้น แต่หลังจากนั้นฉันก็เริ่มคิดถึงหน้าอกที่สวยแล้วก็คิดว่าทำไมฉันจะไม่ได้ล่ะ ก็ลงมือจัดการทำซะเลย ตอนนี้ฉันดูแปลก ประหลาด และดูมีเอกลักษณ์ ซึ่งทั้งหมดก็อาจจะเป็นเพราะฉันแปลกนั่นแหละ”     Anella สาวผู้ทำงานเป็นสถาปนิกและมีงานอดิเรกเป็นการโพสต์โซเชียลมีเดีย ได้มียอดคนฟอลโลว์ในอินสตาแกรมพุ่งสูงขึ้นถึง 38,000 คนภายในไม่กี่เดือน หลังจากที่เริ่มใช้ชีวิตในฐานะ “บาร์บี้”…

(มีภาพและเนื้อหาที่ควรใช้วิจารณญาณในการรับชม)   แต่ละศาสนาหรือแต่ละวัฒนธรรมนั้นก็จะมีพิธีกรรมหรือธรรมเนียมปฏิบัติที่แต่งต่างกันออกไป แม้ว่าจะเป็นผู้นับถือศาสนาคริสต์ด้วยกันเอง แต่พิธีกรรมล้างบาปนั้นกลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิงในประเทศเม็กซิโก ในวันพระเยซูคริสต์ทรงคืนหรือที่เรียกกันว่า วันอีสเตอร์ (Easter) ของศาสนาคริสต์ถือว่าเป็นวันที่สำคัญอย่างยิ่ง ทั้งนี้ผู้นับถือศาสนาคริสต์ในแต่ละภูมิภาคก็จะมีพิธีการเฉลิมฉลองที่แตกต่างกัน โดยที่พบเห็นได้บ่อยและดูเป็นที่นิยมที่สุดก็คือการตกแต่งไข่และการค้นหาไข่ที่เรียกกันว่า “ไข่อีสเตอร์” แต่บางพื้นที่ประเทศเม็กซิโกกลับมีพิธีในวันอีสเตอร์ที่แตกต่างกับการค้นหาไข่ยิ่งนัก นั่นก็คือการ ปิดถนนเฆี่ยนตีกัน โดยผู้คนที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก   ในเมือง Soltepec แห่งประเทศเม็กซิโก ได้มีการจัดพิธีกรรมนี้ขึ้นในวันอีสเตอร์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นพิธีชำระล้างบาปให้กับร่างกาย   ธรรมเนียมปฏิบัตินี้เชื่อว่าเริ่มมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เนื่องจากผู้เฒ่าเป็นกังวลว่าวัฒนธรรมและความเชื่อทางคริสต์ศาสนาจะเสื่อมสลายไป   พิธีกรรมนี้ถือเป็นการชำระล้างบาปให้ตนเองด้วยการทรมาน   นอกจากชาวเม็กซิโกแล้ว ชาวฟิลิปปินส์บางกลุ่มก็ฟาดแส้ใส่กันในวันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ในเมือง San Fernando รัฐแคลิฟอร์เนีย   บางครั้งพิธีกรรมนี้ถูกเรียกว่า Magdarame   พวกเขาเชื่อว่า พิธีกรรมนี้จะเป็น “ฆ่า” ความบาปที่พวกเขาเห็นและพบเจอมา   “ปิศาจแห่งความอ่อนแอ ความคิดชั่วร้าย และความศรัทธาอันน้อยนิดที่ครอบงำชีวิตของผู้คนมาเป็นเวลายาวนาน พิธีนี้จะกำจัดมันให้สิ้นซาก” Rev Michael Geisler เขียนเอาไว้   ถึงแม้พิธีเฆี่ยนล้างบาปนี้จะถูกมองว่ารุนแรงเกินไป แต่ก็ยังเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในหลายๆ ประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียนที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก   ที่มา: Thesun

“ผู้พิพากษา” ชื่อนี้ใครๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นคนดี เป็นคนที่มีความยุติธรรม คอยตัดสินคดีความต่างๆ แต่ถ้าเกิดผู้พิพากษาดันทำผิดซะเองล่ะจะเป็นยังไง?     เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวท้องถิ่นอย่าง NBC New York ได้รายงานเกี่ยวกับผู้พิพากษา Robert Cicale วัย 49 ปี จากรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในข้อหาบุกรุกและขโมยชุดชั้นในหญิงสาว ตามรายงานบอกว่าขณะที่หญิงสาววัย 23 ปี อยู่ในบ้านของตัวเอง เธอได้สังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีลักษณะตรงกับนาย Robert เธอจึงโทรขอความช่วยเหลือจากแม่ และแม่ของเธอก็โทรเรียกรถตำรวจอีกทีหนึ่ง     ด้านโฆษกตำรวจอย่าง Stuart Cameron ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “เราพบเขาขณะถือชุดชั้นในผู้หญิงสกปรกๆ ที่เชื่อว่าเพิ่งขโมยมาในวันนี้หรือขโมยมาจากพื้นที่ใกล้เคียงกัน” ตามประวัติบอกว่านาย Robert แต่งงานแล้วและมีลูก 3 คน ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้พิพากษาเมื่อปี 2015 ในขณะที่เพื่อนบ้านบางส่วนบอกว่าเขาเป็นแฟมิลีแมนที่รักครอบครัว ผู้คนมักจะเห็นว่าเขาออกมาเล่นบาสเกตบอลกับเด็กๆ อยู่บ่อยครั้ง “เขาชอบออกมาวิ่งจ๊อกกิ้งและเป็นมิตรกับทุกๆ คนในละแวกนั้นเลย” เพื่อนบ้านรายหนึ่งกล่าว     ภาพเหตุการณ์ขณะที่นาย Robert Cicale…

ประติมากรรมคืองานศิลปะแขนงหนึ่งที่มีทำโดยวิธีการปั้น แกะสลัก หล่อหรือจัดองค์ประกอบลงในวัสดุต่างๆ เพื่อหล่อหลอมให้เกิดเป็นรูปทรงสามมิติ โดยแต่ละผลงานก็ย่อมถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสะท้อนความคิดของศิลปิน และพูดถึงการสะท้อน จะไม่พูดถึงผลงานของ Kevin Stone เห็นจะเป็นไปไม่ได้ เพราะนายคนนี้ผลงานประติมากรรมของเขานั้นล้วนสร้างสรรค์ขึ้นมาจากสเตนเลสทั้งสิ้น ทำให้ผลงานของเขาจะมีความวิบวับ สะท้อนให้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ล้อมรอบผลงานอยู่ คุณ Stone ได้ใช้ชีวิตอยู่ในรัฐบริติชโคลัมเบีย ที่อยู่ในประเทศแคนาดา เขาได้ผสมผสานความรู้เฉพาะทางกับจินตนาการอันสร้างสรรค์ของเขาเข้าด้วยกันและเริ่มชีวิตศิลปินในปี 2005 และในปี 2006 เขาก็ได้สร้างผลงานชิ้นยิ่งใหญ่ที่ชื่อว่า Power and Authority ซึ่งเป็นนกอินทรีที่สูงถึงหกเมตร ซึ่งกลายเป็นที่ฮือฮาไปกันยกใหญ่ ผลงานของเขาแต่ละชิ้นมีความยากมากๆ และยังใช้เวลาในการทำค่อนข้างเยอะ เพราะวัสดุทุกอย่างและทุกชิ้นต้องถูกตัดด้วยมือเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นเจ้ามังกรที่หนักกว่า 2,700 กิโลกรัม ยาวกว่า 10 เมตร ซึ่งต้องใช้เวลาในการผลิตไปมากกว่า 12,000 ชั่วโมง Stone ได้กล่าวเกี่ยวกับผลงานของตัวเองว่า “ประติมากรรมของผมนั้นถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อดึงดูดความสนใจ สร้างสรรค์อารมณ์ร่วม เพื่อเพิ่มความงดงามสู่ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตพวกนั้นและเพื่อที่มันจะกลายเป็นจุดโฟกัสที่สุดยอด” ศิลปินกล่าวมาขนาดนี้แล้ว เราจะไม่ไปชมผลงานของเขาได้อย่างไร เอ้า! ไปชมพร้อมๆ กันเลยครับ   Chinese Imperial Water Dragon เจ้ามังกรสุดอลังการงานสร้าง หนักกว่า 2,700 กิโลกรัม…

บนสังคมที่เร่งรีบและวุ่นวาย คนส่วนใหญ่ในสังคมเมืองล้วนแล้วแต่วิ่งไปข้างหน้าทำตามความฝันของตัวเอง เข้าสู่การใช้ชีวิตแบบไม่มีหยุดพัก แต่ท่ามกลางโลกอันแสนชุลมุนนี้กลับยังคงเหลือมุมเล็กๆ อันแสนอบอุ่นหัวใจของ รถไฟสายสีเขียว รถไฟที่ขึ้นชื่อว่าวิ่งช้าที่สุดในประเทศจีน   รถไฟที่วิ่งไปอย่างเชื่องช้าในประเทศจีน   รถไฟสายนี้ออกวิ่งอยู่ในเมืองเฉินโจว มณฑลหูหนาน สถานที่ที่ชาวบ้านผู้สูงวัยทุกคนต่างยังคงดำเนินชีวิตกันต่อไปด้วยความไม่เร่งรีบ แตกต่างจากสังคมเมืองใหญ่หลายแห่ง และที่นี่ยังต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เกิดจากความสุขของทุกคน     เจ้าหน้าที่การรถไฟเล่าว่ารถไฟสายดังกล่าวเริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2012 โดยหนึ่งขบวนจะมีเพียงตู้รถไฟแค่ 2 ตู้ เริ่มออกวิ่งจากเมืองเฉินโจวตอนเวลา 12.00 น. ของทุกวัน แล้วจะวิ่งผ่านทั้งหมด 3 สถานีด้วยกัน จนไปจบยังสถานีปลายทางในเวลา 13.10 น.     นอกจากว่ารถไฟขบวนนี้จะเป็นรถไฟที่เดินทางไปอย่างเชื่องช้าแล้ว มันยังเป็นรถไฟที่คอยมอบความสุขให้กับเหล่าเกษตรกรอยู่เสมอ เพราะคนเหล่านั้นจะได้รับสวัสดิการ สามารถโดยสารรถไฟสายสีเขียวนี้ได้แบบฟรีๆ รวมถึงคนที่มีความจำเป็นอื่นๆ อย่างเช่นคนชราและคนพิการอีกด้วย เจ้าหน้าที่บอกว่าคนขายผักส่วนมากที่มาใช้บริการนั้นจะเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งถึงแม้ว่าจะแก่มากแล้ว แต่พวกเขาบางคนก็ยังคงหอบผักออกไปขาย เจ้าหน้าที่จึงต้องคอยช่วยพยุงคนเหล่านั้นขึ้นรถไฟมา     รถไฟสายนี้จึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของเหล่าเกษตรกรได้เป็นอย่างดี แต่ละปีพวกเขาสามารถเก็บเงินค่าเดินทางเอาไว้ได้หลายพันถึงหลายหมื่นบาท ผู้โดยสารคนหนึ่งบอกว่านอกจากรถไฟสายนี้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว การบริการและการเดินทางก็ยังสะดวกสำหรับพวกเขาที่แบกหาบมาด้วย ขณะเดียวกันคุณป้าอีกคนก็บอกว่า การมาใช้บริการรถไฟสายนี้ทำให้เธอได้รู้จักกับเหล่าแม่ค้าพ่อค้าขายผักคนอื่นๆ โดยระหว่างการเดินทางพวกเธอก็จะพูดคุยกัน ทักทายกันกันมาอย่างสนุกสนาน เพลิดเพลิน…

เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ต่างประเทศได้รายงานว่าทางรัฐบาลประเทศเบลเยียมมีมติลงโทษตัดเงินปีของเจ้าชายเบลเยียม ต่อกรณีที่พระองค์ทรงติดต่อกับสถานทูตต่างประเทศโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ตามรายงานระบุว่าเจ้าชายโลรองต์ (Laurent) วัย 54 ปี ได้เสด็จไปเยือนยังสถานทูตจีนในกรุงบรัสเซลส์เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2017 เพื่อเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองการครบรอบ 90 ปี ในการตั้งกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน โดยที่ไม่มีการอนุญาตทางรัฐบาลของประเทศเบลเยียม     ซึ่งมาตรการการลงโทษของรัฐบาลเบลเยียมคือการตัดเงินปีของเจ้าชายโลรองต์ลง 15% จากเดิมที่เคยได้ปีละ 307,000 ยูโร หรือประมาณ 11.6 ล้านบาท กลายเป็น 260,950 ยูโร หรือประมาณ 9.9 ล้านบาท นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าชายโลรองต์ละเมิดกฎเกณฑ์ของเบลเยียม เพราะก่อนหน้านี้พระองค์ทรงได้รับคำเตือนหลายครั้งแล้วเนื่องจากมีการติดต่อกับทูตต่างชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือความเห็นชอบอยู่หลายครั้ง     ก่อนหน้านี้ในปี 2011 เจ้าชายโลรองต์ได้เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก เพื่อพบกับประธานาธิบดีโจเซฟ คาบีลา เป็นการส่วนตัว และในปี 2016 พระองค์ได้มีการติดต่อกับนายรานิล วิกรมสิงเห นายกรัฐมนตรีของศรีลังกา ในทำนองเดียวกัน     ต่อมาในช่วงปลายปี 2017 ได้มีการยื่นเสนอจากรัฐมนตรีของเบลเยียมเพื่อให้ปรับลดเงินปีของเจ้าชายลง ทำให้เจ้าชายโลรองต์ต้องเขียนหนังสือคัดค้าน โดยเนื้อหาระบุว่าการเดินทางไปเยือนยังต่างประเทศนั้นไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายทางการทูตใดๆ  …

หลายประเทศบนโลกนี้มีวัฒนธรรมการกินเนื้อสุนัข โดยมีลูกหมานับล้านตัวอยู่ในฟาร์มเนื้อ พวกเขาจะเลี้ยงสุนัขให้โตพอที่จะขายได้หรือกินเนื้อได้ เฉพาะในเกาหลี มีฟาร์มสุนัขกว่า 17,000 แห่ง ซึ่งมีทั้งคนที่เพลิดเพลินกับการกินเนื้อสุนัข และคนที่พยายามต่อต้าน Nami Kim เป็นหนึ่งในกลุ่มคนต่อต้าน เธอเป็นครูเกษียณและเป็นผู้ให้การสนับสนุนสัตว์ที่อาศัยอยู่ในเกาหลีใต้ เธอช่วยสุนัขออกมาจากฟาร์มเนื้อ และยังเป็นผู้ที่เคลื่อนไหวจนทำให้ฟาร์มเนื้อหลายแห่งต้องปิดตัวลง     ล่าสุด เธอเพิ่งช่วยเหลือลูกสุนัขจำนวนหนึ่ง และต้องการทำให้แน่ใจว่าพวกมันจะปลอดภัย เธอจึงติดต่อไปยัง Animal Humane Society  ในมินนิโซตาเพื่อขอความช่วยเหลือ และพวกเขาก็ยินจะช่วย พร้อมจะหาบ้านใหม่ให้พวกมันด้วย Brie Nodgaard จาก Animal Humane Society กล่าวว่า “เราไม่เคยทำการขนส่งสุนัขระหว่างประเทศมาก่อน ดังนั้นเราจึงต้องใช้เวลาหลายเดือนในการวางแผน เพื่อให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี” “Nami Kim ต้องการสถานที่ใหม่เพื่อลูกหมาเหล่านี้ และเราก็สามารถทำเช่นนั้นได้”     อย่างที่บอกไปว่าการพาลูกหมาไปยังสถานสงเคราะห์ในมินนิโซตานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีเงินก้อนหนึ่งสำหรับเดินทาง และสุนัขต้องได้รับการตรวจร่างกายก่อนบินข้ามประเทศด้วย อย่างไรก็ตามนักบิน N Paws อาสาที่จะพาลูกหมาทั้งหมดนี้ไปยังที่ปลอดภัย… ชิคาโกเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะอยู่ใกล้ที่สุด ดังนั้น อันดับแรกต้องพาสุนัขไปลงที่ชิคาโกก่อน จากนั้นก็จะมีกลุ่มอาสาสมัครขับรถส่งพวกมันจากจากชิคาโกไปมินนิโซตา     เมื่อน้องหมามาถึงจุดหมายปลายทาง…

สุนัขเมื่อได้เข้าไปอยู่ในครอบครัวมนุษย์แล้ว มันจะรักและซื่อสัตย์กับครอบครัวไปตลอด และมันคงไม่คาดคิดหรอกว่าวันหนึ่งมันจะถูกคนที่รักมากที่สุดทิ้ง แต่ผู้หญิงคนนี้กลับลากสุนัขตัวเองไปยังศูนย์พักพิงสัตว์  Harris County Animal Shelter ในฮุสตัน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งๆ ที่น้องหมาไม่เต็มใจ     Ann Flores ผู้ที่เห็นเหตุการณ์นี้เล่าว่า “สุนัขวัย 3 ปี ทิ้งตัวลงบนพื้นซีเมนต์ในที่จอดรถ เพื่อต่อต้านเจ้าของที่จะพามันไปศูนย์พักพิง” “มันได้แต่นอนลงกับพื้นแล้วกลิ้งไปกลิ้งมา ราวกับจะบอกเจ้าของว่า ‘ได้โปรด อย่าพาผมมาที่นี่เลย’” นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่อาจจะเป็นเพื่อนหรือเป็นสมาชิกครอบครัวเดียวกับผู้หญิงคนแรก ได้ลากสุนัขตัวสองเข้าไปในศูนย์พักพิง Flores บอกว่า “ผู้หญิงทั้ง 2 คนพยายามดึงเจ้าหมา แต่มันไม่ยอมขยับตัว เพราะพวกมันไม่อยากเข้าไปในนั้น”     วันนั้นเป็นวันที่  Flores กับเพื่อนเข้ามาในศูนย์พักพิง เนื่องจากเพื่อนของเธอสนใจจะรับเลี้ยงหมา แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว เธอรู้สึกโกรธมาก และที่ทำให้เธอโกรธมากที่สุดคือ ผู้หญิงสองคนนั้นหัวเราะกับการกระทำของตัวเอง “พวกเขาไม่สนใจสุนัขเลย ตอนนี้สุนัขไม่ยอมขยับ พวกมันเขาหัวเราะ เหมือนกับว่านำขยะมาทิ้งแค่นั้น พวกเขาไม่มีความเสียใจอะไรเลย” Flores กล่าว หญิงสาวได้ถ่ายภาพบางส่วนเอาไว้ และส่งไปให้ Harris County Animal…

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ Raelene Prieb อยู่ระหว่างทางกลับบ้าน เธอสังเกตเห็นบางอย่างแปลกๆ อยู่ข้างทาง มันเป็นวันที่ท้องถนนใน Saskatchewan ประเทศแคนาดา ปกคลุมไปด้วยหิมะ และเห็นได้ชัดว่ามีเม่นตัวหนึ่งนอกหงายท้องอยู่บนหิมะ เจ้าเม่นพยายามตะเกียกตะกายเพื่อที่จะพลิกตัวเองกลับมาอยู่ในท่าปกติ แต่ไม่รู้เพราะติดพุงหรือมือเท้าสั้นเกินไป ไม่เลยพลิกตัวไม่ได้สักที     Prieb จึงตัดสินใจช่วยมันด้วยการใช้ไม้กวาดกวาดหิมะ พลิกตัวมันเบาๆ และช้าๆ จนมันมารถกลับมาอยู่ในท่าปกติและเดินต่อไปได้ แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้อีก เพราะหิมะหนาเหลือเกิน เดินไปสักพัก มันก็ล้มหงายท้องอีก หญิงสาวเลยเข้าไปช่วยมันอีกครั้ง     ไม่เพียงเท่านั้น หญิงสาวยังทำทางให้มันเดิน เพื่อที่มันจะได้กลับเข้าป่าได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องหงายท้องซ้ำอีกจากนั้นเจ้าเม่นก็เดินเข้าไปป่าไป ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมาย     วันต่อมา หญิงสาวได้จอดรถจุดเดิม เพื่อดูว่ามันยังอยู่มั้ย ปรากฏว่าเหลือเพียงรอยเท้าของมัน เธอจึงคิดว่ามันน่าจะข้ามไปอยู่ในป่าที่กว้างกว่าแล้ว และคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีก   ที่มา thedodo

เราคงคิดถึงหลายสิ่งที่เราอาจทำหล่นหายไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ อยากจะได้มันกลับมาอยู่ในอ้อมอกของเรา เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ความหวังในเรื่องนั้นก็จะยิ่งลดลง แต่ไม่แน่ว่าเพื่อนๆ อาจจะโชคดีเหมือนอย่างเธอคนนี้ก็เป็นได้ เธอไม่ได้เป็นคนค้นพบสิ่งที่หายไปด้วยตัวเอง แต่นี่เป็นการค้นพบของเด็กชั้นประถมในประเทศไต้หวัน ช่วงต้นปี 2018 ที่ผ่านมา ขณะที่ทางโรงเรียนกำลังพาเด็กๆ ไปเก็บกวาดขยะอยู่ตามริมชายหาด แล้วเด็กชายวัย 11 ขวบคนหนึ่งก็ได้เจอกับหินรูปร่างประหลาด   ก้อนหินหน้าตาประหลาด   เมื่อสังเกตดีๆ ให้ชัดๆ ถึงได้รู้ว่ามันคือกล้องถ่ายรูปที่สวมเคสกันน้ำอยู่ แต่ถูกเพรียงเกาะอยู่เต็มไปหมดเท่านั้นเอง เมื่อคุณครู Park Lee เห็นอย่างนั้น จึงเรียกรวมเด็กๆ ให้มาดูการค้นพบอันน่าแปลกประหลาดในครั้งนี้กัน ดูจากสภาพแล้ว มันคงจะทนใช้ชีวิตอยู่ใต้ทะเลมาอย่างยาวนาน แต่เด็กๆ ก็ช่วยกันเคาะเอาสิ่งมีชีวิตที่ติดอยู่ออกจนพบเข้ากับปุ่มถอดเคสออก เมื่อถอดออกมาเด็กๆ และคุณครูก็พบว่าตัวกล้องนั้นไม่ได้โดนน้ำเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นคือมันยังมีแบตหลงเหลือสามารถเปิดขึ้นมาใช้งานได้ตามปกติอีกด้วย   กล้องยังคงอยู่ในสภาพที่ยอดเยี่ยม   แถมยังมีแบตใช้งานได้ตามปกติ   อาจารย์ Park เล่าว่า ในตอนแรกเด็กทุกคนยังคงถกเถียงกันว่าควรจะเก็บเอาไว้ หรือว่าพยายามตามหาเจ้าของดี ก่อนที่สรุปแล้วทุกคนเลือกที่จะตามหาเจ้าของกล้องตัวนี้ พวกเขาจึงเปิดรูปที่มีอยู่ในกล้องซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก ทว่ากลับมีเพียงภาพเดียวที่พอจะบอกได้ว่าเจ้าของเป็นใคร แต่ที่แน่ๆ คือพวกเขาพบว่าเจ้าของนั้นน่าจะต้องเป็นคนญี่ปุ่นอย่างแน่นอน ดูจากหลายๆ สถานที่ที่เห็นในภาพแล้ว    …

โปรโมชั่นดีๆ ย่อมดึงดูดลูกค้าได้เสมอ โดยเฉพาะในโลกยุคอินเทอร์เน็ตรุ่งเรือง การทำมาค้าขายด้วยวิถีออนไลน์จึงเป็นที่นิยมมากๆ เนื่องจากสามารถทำการโปรโมต ให้กลายเป็นกระแสไวรัลได้อย่างไม่ยากเย็นนัก… จะเห็นได้ว่ายุคนี้ร้านค้าต่างรวมตัวกันขึ้นแพลทฟอร์มศูนย์รวมร้านค้า โดยที่กรณีนี้เกิดขึ้นกับชายแซ่ Liu ที่ส่องสินค้าผ่านแอปพลิเคชัน Pinduoduo ที่จะออกมาในแนวโซเชียลสำหรับการชอปปิงโดยเฉพาะ     ด้วยโปรโมชั่นอันน่าสนใจของใบมีดโกนไฟฟ้าจากในแอปฯ เขาจึงทำการแชร์ลิงก์ไปยังโซเชียลมีเดียอื่นๆ เพื่อรับส่วนลด ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนรวมๆ แล้วกว่า 500 คน จึงทำให้ราคาลดลงจาก 120 หยวน (ประมาณ 600 บาท) กลายเป็น 0 หยวน ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เนื่องจากทาง Pinduoduo นั้นได้ยื่นข้อเสนอให้กับผู้ใช้งาน หากช่วยกันโฆษณาแอปฯ จะมีส่วนลดให้ทั้งกลุ่มในราคาพิเศษ ยิ่งมีคนซื้อเยอะก็ยิ่งได้ราคาถูก จนไปถึงได้ของมาใช้ฟรีๆ     พอเข้าทางขนาดนี้ Liu จึงติดต่อไปยังร้านค้าว่า เขาจะได้รับใบเครื่องโกนหนวดจริงๆ ใช่มั้ย? ทางร้านก็สัญญาไว้ดิบดีว่า ได้ของแน่นอนนนนนน…     เมื่อมั่นใจว่าได้ของฟรีมาใช้ พ่อหนุ่ม Liu ก็ตั้งใจรอของมาส่งที่หน้าบ้าน แต่ดันชะล่าใจเกินไปหน่อย เพราะเครื่องโกนหนวดนั้นไซร้กลายร่างเป็นมันฝรั่งธรรมดา…

ในการพิจารณาคดีในศาลแต่ละครั้งอาจต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการค่อนข้างนาน จนจำเลยอาจอดทนรอไม่ไหว อยากจะกลับบ้านไปพักผ่อนหย่อนใจสักที เหมือนอย่างจำเลยหนุ่มคนนี้ที่คงจะทนช่วงเวลาอันยาวนานในลักษณะนั้นไม่ไหว และแฟนสาวของเขาเองก็คงจะคิดเหมือนกัน ในวันที่ 29 มีนาคม 2018 เว็บไซต์ Mirror ได้รายงานว่ากล้องวงจรปิดของศาล Sovetsky เมือง Rostov-on-Don ประเทศรัสเซีย สามารถเก็บภาพของจำเลยคนดังกล่าวและแฟนสาวเอาไว้ได้ ขณะที่เขากำลังนั่งรอการพิจารณาคดีของตัวเอง     แต่ในระหว่างที่ผู้พิพากษาสูงสุดแยกออกไปทำการพิจารณาคดีในห้องแยกนั้น จู่ๆ แฟนสาวของจำเลยหนุ่มก็ก้มลงไปที่บริเวณตักของเขา แต่ทว่ามันไม่ใช่การนอนหนุนตักแบบทั่วๆ ไปเห็นได้ตามที่สาธารณะ เพราะเธอได้พยายามควักไอ้จ้อนของแฟนหนุ่มออกมาเพื่อที่จะใช้ปากให้กับเขา เรียกว่าอารมณ์ทางเพศนี่มันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อจริงๆ แถมทั้งสองคนนั้นยังไม่แคร์สายตาของคนอีกสามคนที่นั่งอยู่รอบๆ อีกด้วย กลายเป็นการจัดนิทรรศการอมนกเขาโชว์ซะอย่างนั้น   ก้มลงไปจัดให้แฟนหนุ่มตามคำขอ   เมื่อเจ้าหน้าที่ศาลเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจึงตัดสินใจเดินเข้ามาห้ามทั้งสองคนเอาไว้ เพื่อไม่ให้เกิดสิ่งที่จะอนาจารไปมากยิ่งกว่านี้ โดยในภาพจากกล้องวงจรปิดนั้นจะเห็นว่าทั้งสองดูแล้วแทบไม่มีท่าทีตกใจอะไรเลย   เจ้าหน้าที่มาห้ามทั้งสองเอาไว้ ถึงอย่างนั้นทั้งคู่คงจะไม่ได้คิดมากแต่อย่างใด   สุดท้ายความสยิวกิ้วของพวกเขาก็ทำให้จำเลยหนุ่มต้องรับโทษดูหมิ่นศาล ซึ่งต้องจ่ายค่าปรับไม่เกิน 44,000 บาท หรือจำคุก 4 เดือน ส่วนหญิงสาวนั้นไม่มีการรายงานว่าได้รับโทษใดๆ   คลิปที่ถูกถ่ายจากกล้องวงจรปิดของศาล    ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นคดีที่เขาก่อเอาไว้ก่อนหน้านี้ศาลจะพิจารณาว่าอย่างไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ…

ความรักมักจะเปลี่ยนโลกที่มืดมนให้กลายเป็นโลกที่สดใสเสมอ เพราะแบบนี้เจ้าหมา Legend จึงต้องการแค่ความรัก เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ควบคุมสัตว์ได้พบกับ Legend ขณะที่ถูกสุนัขอีก 2 ตัวรุมทำร้ายใน  Greenville รัฐเซาท์แคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด     โชคดีที่เจ้าหน้าที่เข้าไปหยุดการต่อสู้นั้นและได้ช่วยเหลือ Legend เอาไว้ ก่อนจะพามันไปยังศูนย์พักพิงสัตว์ที่ดำเนินการโดย Greenville County แต่เจ้าหมาวัยแค่ 2 ปี ตัวนี้อยู่ในสภาพที่แย่มาก มันมีบาดแผลจากการทำร้ายทั่วร่างกาย และสูญเสียหูทั้ง 2 ข้าง หากไม่พาไปหาหมอ มันต้องตายในศูนย์พักพิงแน่ๆ     Fran Alexay อาสาสมัครในศูนย์พักพิงจึงติดต่อไปยัง Jackie O’Sullivan ผู้ร่วมก่อตั้ง Rescue Dogs Rock NYC ซึ่งเธอก็ยินดีรับ Legend เข้ามาอยู่ในการดูแล และได้ส่งมันไปหาสัตวแพทย์ทันที O’Sullivan บอกว่า “อาการของมันแย่มาก มันไม่สามารถกินอาหารเองได้ เนื่องจากแก้มบวมและได้รับบาดเจ็บ หมอเลยต้องให้มันกินอาหารผ่านท่อ”     หลังจากที่อยู่ในคลินิกสัตว์หนึ่งวัน O’Sullivan และ Alexay ตัดสินใจย้ายมันไปอยู่ในคลินิกสัตว์อีกแห่งที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง…

สุนัขมักจะได้รับความสนใจจากคนรักสัตว์เมื่อตอนมันยังเด็ก แต่พอมันแก่ตัวมา มันมักจะถูกมองข้ามและกลายเป็นสัตว์เลี้ยงผู้น่าสงสารที่ถูกละเลย เช่นเดียวกับ Shey เจ้าหมาพุดเดิ้ลวัย 14 ปี มันถูกนำมาทิ้งในศูนย์พักพิง Animal Rescue League of Iowa เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2017 เนื่องจากครอบครัวย้ายไปอยู่ที่อื่นและไม่พามันไปด้วย เป็นเวลากว่า 4 เดือนในศูนย์พักพิง ที่ Shey รอแล้วรออีก รอให้ใครสักคนมารับเลี้ยง ขณะเดียวกัน มันกำลังทรมานกับโรคเหงือกและไม่เคยได้รับการรักษาเลย     ต่อมาผู้ดูแลจึงช่วยเหลือมันด้วยการให้มันเข้าการผ่าตัดและได้รับการดูแลทางการแพทย์ คุณหมอบอกว่ามันเหลือฟันเพียงซี่เดียวเท่านั้นที่ไม่มีปัญหา นอกจากนี้เจ้าหมายังหูหนวก สายตาฝ้าฟาง และฟันแทบจะไม่มีเหลือเลย ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนจะไม่มีโอกาสเลยที่มันจะถูกรับเลี้ยง     แต่แล้วก็มีเด็กชายคนหนึ่งชื่อ Tristan เข้ามาในศูนย์พักพิงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเขาได้ทำให้สถานการณ์ของ Shey เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เด็กชายกับแม่เข้ามาในศูนย์พักพิงเพื่อมองหาสุนัขตัวเล็กและชอบการกอด…พนักงานจึงรู้ได้ทันทีว่า Shey นี่แหละ เหมาะสมที่สุดสำหรับสองแม่ลูกนี้     Jessica Jorgenson ผู้ประสานงานของศูนย์พักพิงบอกว่า “Shey เป็นสุนัขที่น่ารักและมันอยากอยู่กับมนุษย์ตลอดเวลา” Tristan ดูตื่นเต้นมาก เขาพร้อมที่จะเจอเพื่อนใหม่ 4 ขาแล้ว ดังนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่พาเจ้าหมามาวางไว้บนตักของเด็กชาย…

คำว่า เศรษฐี เราคงเข้าใจกันดีว่านั่นหมายถึงคนที่มีทรัพย์สมบัติมหาศาล มากกว่าคนปกติทั่วๆ ไป พวกเราส่วนใหญ่อาจเห็นคนในกลุ่มนี้ออกมาตามโทรทัศน์บ้างเป็นบางส่วน ดูๆ แล้วบ้านเราคงไม่ได้มีเศรษฐีกันเยอะเท่าไหร่ ยิ่งถ้าเมื่อเทียบกับ ฮ่องกง ซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษของจีนด้วยแล้วล่ะก็ เพราะล่าสุดนี้ Citibank แผนกธุรกิจเชื่อดังของสหรัฐอเมริกา พวกเขาได้ทำการศึกษาที่เผยให้เห็นว่า 1 ใน 7 ของคนที่อาศัยอยู่ในฮ่องกงนั้นเป็นมหาเศรษฐี หรือเกือบๆ 15 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากร   ฮ่องกง เขตปกครองพิเศษของจีน   ลองคิดดูว่าในปี 2017 ฮ่องกงมีจำนวนประชากรอยู่ที่ประมาณ 7,360,000 คน นั่นเท่ากับว่ามีคนที่เป็นเศรษฐีอยู่มากถึง 1,030,400 คน เรียกว่าเป็นจำนวนที่เยอะมากจริงๆ แถมการศึกษาครั้งนี้ยังบอกอีกว่าประมาณ 68,000 คนที่เป็นเศรษฐีอยู่ในฮ่องกงนั้น จะมีเงินอย่างน้อย 39 ล้านบาท การศึกษาในครั้งนี้เชื่อว่าเหตุผลที่ทำให้คนฮ่องกงเป็นเศรษฐีกันเยอะ เกิดจากราคาหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ในปี 2017 ดัชนีฮังเส็งเพิ่มสูงขึ้นถึง 36 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เองก็มีราคาเพิ่มขึ้น สูงถึง 14 เปอร์เซ็นต์     นั่นจึงทำให้เฉลี่ยแล้วเศรษฐีในฮ่องกงมีเงินหมุนเวียนอยู่กับอสังหาริมทรัพย์มากถึง…

บางครั้งที่เราจำเป็นต้องคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้า มันอาจกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ปัญหาของเรานั้นหนักกว่าเดิม เหมือนอย่างสิ่งที่หญิงสาวคนนี้ทำลงไปในตอนที่ตัวเองถูกจับได้ว่าเป็นโจรล้วงกระเป๋า นี่คือภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมือง Shaoyang มณฑลหูหนาน ประเทศจีน เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2018 หญิงสาวคนหนึ่งถูกผู้คนจับได้ว่าเธอล้วงกระเป๋าขโมยของของคนอื่นบริเวณป้ายรถเมล์ เธอจึงตัดสินใจเปลื้องผ้าเหลือแต่ถุงเท้าเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนรุมประชาทัณฑ์     การกระทำของเธอนั้นแทนที่จะสามารถทำให้คนอื่นๆ เลิกยุ่งไป มันกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้คนเดินผ่านไปมายิ่งสนใจเธอมากกว่าเดิม ผู้คนจำนวนมากจึงยืนล้อมเธอเต็มบริเวณทางเท้า     แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่มีท่าทีเขินอายใดๆ เลย กลับแสดงความท้าทายต่อคนรอบข้างที่กล่าวหาเธอ ทำให้บางคนเกิดความไม่พอใจ เข้ามาทำร้ายร่างกายหญิงสาว     แม้สิ่งที่เธอทำอาจดูเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยวิธีนี้ก็ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ชายไม่สามารถเข้ามาทำการจับกุมตัวเธอได้ในทันที     แล้วสุดท้ายคุณป้าที่ดูแลบริเวณโดยรอบก็เดินเข้ามาหาเธอ พร้อมกับเสื้อผ้าหลายๆ ชิ้นนำมาคลุมปกปิดร่างของเธอเอาไว้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้หญิงอีกสองคนจะพาเธอไปโรงพักในที่สุด   .   หญิงสาวจึงถูกตั้งข้อหาในคดีกระทำอนาจารกลางที่สาธารณะ และตกเป็นผู้ต้องสงสัยล้วงกระเป๋าขโมยของผู้อื่น   คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผ่านการรายงานข่าวท้องถิ่น    ที่มา: medium , nextshark

บางครั้งการเรียนเก่งหรือการโดดเด่นเกินกว่าคนอื่นก็สร้างความลำบากให้คนๆ หนึ่งเช่นกัน อย่างเช่นหนูน้อย Elena Mondal วัย 14 ปีคนนี้ที่ตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองจากเหตุเพราะเธอถูกเพื่อนที่โรงเรียนเมิน หนูน้อย Elena Mondal จากโรงเรียน The Henrietta Barnett School ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษนั้นเป็นเด็กที่มีความสามารถการเรียนระดับสูง เรียกว่าเป็นระดับท็อปของชั้นเลยก็ว่าได้ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นหลังอาจารย์ไปบังเอิญเจอร่างของเธอที่กำลังแขวนตัวอยู่บริเวณสวนของโรงเรียน เจ้าหน้าที่รีบพาร่างของหนูน้อย Elena ไปส่งที่โรงพยาบาลทันที แต่น่าเสียดายที่ไม่นานนักเธอก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อไป ซึ่งครอบครัวของเธอนั้นกลัวว่าการกลั่นแกล้งที่โรงเรียนจะเป็นสาเหตุการฆ่าตัวตายของเธอ     ซึ่งหลังจากการตายของเธอ เจ้าหน้าที่ก็ได้ออกตรวจหาสาเหตุการฆ่าตัวตายของเธอทันที อย่างแรกคือโทรศัพท์รุ่นเก่าของเธอที่จัดการลบข้อความออกไปจนหมดทำให้ตำรวจไม่สามารถหาเบาะแสอะไรได้จากจุดนั้นได้เลย ต่อมาก็คือคนในโรงเรียนของเธอ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของโรงเรียนได้บอกว่า Elena นั้นมักจะเข้ามาร้องเรียนและระบายเสมอๆ ว่าเธอมักจะถูกเมินจากเพื่อน ซึ่งเธอนั้นไม่ได้รับความสนใจอะไรเลยแม้แต่ในกลุ่มแชทของเพื่อนๆ เธอก็ไม่ได้รับสิทธิ์ให้อยู่ในนั้น แต่ใครต่างคิดว่าเด็กเก่งแบบเธอคงไม่คิดฆ่าตัวตายแน่ๆ     นั่นทำให้เจ้าหน้าที่คาดว่าความเครียดสะสมของเธอเป็นแรงผลักดันให้เธอทำร้ายตัวเอง เพราะว่าก่อนหน้าการตายเธอเคยพยายามทำร้ายตัวเองหลายต่อหลายครั้งแล้วแต่มีคนไปพบก่อนเสมอ เจ้าหน้าที่จึงคาดว่าเธอกลัวการถูกเมินและอยากเรียกร้องความสนใจ เธอจึงพยายามทำร้ายตัวเองบ่อยๆ เพื่อหวังว่าใครจะมาสนใจและเจอเธอ แต่ว่าครั้งสุดท้ายมันกลับมากเกินไปและไม่มีใครมาเจอทัน ทำให้สุดท้ายจุดจบของเธอก็คือการเสียชีวิตนั่นเอง…   ที่มา dailymail, thesun

หมากล้อม หรือว่า โกะ นั้นเป็นกีฬาที่แข่งขันกันด้วยปัญญาและความคิด และยังเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศทวีปเอเชีย จนกระทั่งมีการแข่งขันชิงแชมป์ระดับประเทศและระดับโลกกันเลยทีเดียว โดยในเดือนมีนาคมปี 2018 นี้เองก็ได้มีการแข่งขันหมากล้อม Senko Cup เกิดขึ้นภายใต้การดูแลของบริษัท Nihon Ki-in  โดยในงานแข่งขันก็มีผู้เข้าร่วมแข่งขันมากหน้าหลายตา แต่ท่ามกลางผู้คนมากมายกลับมีดอกไม้ที่เบ่งบานและเจิดจรัสงามเด่นอยู่ดอกหนึ่ง นั่นก็คือ Joanne Missingham หรือเป็นที่รู้จักกันในฉายา เทพธิดาหมากล้อม ไงล่ะ นักกีฬาระดับเจ็ด Joanne คนนี้เป็นลูกครึ่งไต้หวัน-ออสเตรเลีย เธอมีอายุ 23 ปี ย่างเข้าปีที่ 24 แล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เธอจึงดึงเอาความสนใจของผู้เข้าร่วมการแข่งขันหมากล้อมไปจนหมด หากใครอยากรู้รายละเอียดของเธอมากกว่านี้ ก็เข้ามารับชมกันได้ ที่นี่เลยจ้า   ป้าดดดด… แม่เทพธิดาน้อย   ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนว่า Joanne ไม่ได้คว้าแชมป์ไปในการแข่งขันครั้งนี้ แต่เธอก็ได้ที่ 2 ของงานมาครอง!! เดินกลับบ้านไปพร้อมกับเงินรางวัลกว่า 870,000 บาทเลยทีเดียว   ว้าวววว   อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาที่เด็กสาววัย 23 ปีจะเอาชนะคู่แข่งที่แก่กว่าเธอนับทศวรรษมาได้จนถึงรอบชิงชนะเลิศ   ไม่ว่าใครก็ตามที่แข่งขันหมากล้อมกับเธอ…

เมื่อไม่นานมานี้ เมือง Xilin Gol League ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศจีนต้องเจอกับวิกฤตอย่างหนัก  หลังพายุทรายบุกเข้าถล่มเปลี่ยนจากเมืองที่สดใสให้กลายเป็นสีส้มไปตลอดทั้งเมือง เมือง Xilin Gol League นั้นตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจีนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มีนามคมที่ผ่านมา โดยเพิ่งจะมีการเผยแพร่สภาพภายในหลังจากถูกพายุขนาดใหญ่เข้าโจมตี   เราจะเห็นว่าถนนนั้นจะมองเห็นได้ในระยะที่ไม่ไกลนัก   ถ้าเกิดว่ารถที่ขับสวนกันไปมาไม่มีสัญญานไฟ อุบัติเหตุคงจะเกิดได้อย่างไม่ยากเย็น   ผลกระทบจากพายุดังกล่าวนั้น นอกจากจะทให้ท้องฟ้าเป็นสีส้มแล้ว ยังทำให้ทัศนวิสัยบนท้องถนนแย่สุๆ แย่ขนาดที่เกือบจะมองไม่เห็นสิ่งต่างๆ ตรงหน้าแล้วนั่นเอง สื่อนอกนั้นได้รายงานว่า พายุทรายลูกดังกล่าวได้กินพื้นที่ของเมืองไปกว่า 1.5 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งนั่นหมายความว่าพายุทรายยังทรงผลไปถึงกรุงปักกิ่งและซินเจียงอุยกูร์ด้วย     ชาวเมืองก็ได้แต่หวังว่ากฤตนี้จะผ่านไปได้ในเร็ววัน   เพราะนอกจากปัญหาการจราจรแล้ว ปัญหาสุขภาพก็เป็นอีกเรื่องที่ได้รับจากพายุทรายนี้ .   นอกจากท้องฟ้าที่เปลี่ยนสีแล้ว ทางการยังออกมาแจ้งให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวระวังภัยที่มากับฝุ่นด้วย เพราะว่ามันอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ ฉะนั้นชาวบ้านจึงได้รับคำสั่งให้ปิดบ้านเรือนให้มิดชิด เพื่อรอว่าพายุทรายนี้จะผ่านไปในเร็ววันนั่นเอง   ที่มา dailymail

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2018 สำนักข่าว Dailymail  ได้เผยแพร่เรืื่องราวของเหล่านักศึกษาสัตวแพทย์ จากมหาวิทยาลัย Messey ประเทศนิวซีแลนด์ ที่พร้อมใจกันเปลื้องผ้าเพื่อถ่ายภาพจัดทำเป็นปฏิทินเพื่อการหารายได้ โดยเงินที่ได้ก็จะนำไปใช้เพื่อการกุศลและจัดฉลองให้กับเหล่านักศึกษาสัตวแพทย์ชั้นปีที่ 3 การเปลือยกายถ่ายภาพทำปฏิทินกลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่นักศึกษาสัตวแพทย์ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ทำมากันหลายรุ่น โดยได้รับความร่วมมือจากเพื่อนๆ นักศึกษาสัตวแพทย์ด้วยกันจำนวนกว่า 50 คน     ในการถ่ายภาพนักศึกษาจะแบ่งกันออกเป็นกลุ่มๆ จากนั้นก็ไปถ่ายภาพตามฟาร์มที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย แต่การถ่ายภาพเหล่านี้อาจจะดูสยิวกิ้วหน่อย เพราะแต่ละคนเปลือยกันจริงๆ     รายได้ที่ได้จากการจัดจำหน่ายปฏิทินในครั้งนี้จะถูกแบ่งไปที่องค์การการกุศลสำหรับช่วยเหลือสุนัข และส่วนหนึ่งจะนำไปจัดงานฉลองการเป็นนักศึกษาสัตวแพทย์ปีที่ 3 ที่ได้เดินทางมาสู่ครึ่งหนึ่งของการเรียน     Aimee Alexander ผู้ประสานงานในการจัดทำปฏิทินในครั้งนี้บอกว่า แต่ละคนในชั้นเรียนได้แบ่งกลุ่มกันไป แยกย้ายกันไปถ่ายภาพในสถานที่ต่างๆ โดยกลุ่มของเธอได้เข้าไปถ่ายในฟาร์มแห่งหนึ่ง ส่วนกลุ่มอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไป บางกลุ่มก็เอาน้องหมาและม้าในฟาร์มมาเป็นพร็อพด้วย     Hannah Burrows หนึ่งในกลุ่มนักศึกษากล่าวว่า เธอเตรียมพร้อมสำหรับกายเปลือยกายกับเพื่อนๆ 50 คนในชั้นเรียน มันเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดีที่เธอจะได้ทำ มันทำให้เธอหัวเราะและสนุกกับการถ่ายภาพ   .   Tommy…

กลายเป็นภาพไวรัลที่ถูกพูดถึงอย่างมากในจีน เมื่อมีคนเก็บภาพของคุณแม่ชาวจีนกับลูกน้อยคนหนึ่งได้ที่หน้าโรงพยาบาล ซึ่งเธอกำลังนั่งคุกเข่าลงและร้องไห้อย่างหนักด้วยเหตุผลที่เธอและลูกถูกบังคับให้ออกมาเพราะไม่มีเงิน คุณแม่คนในรูปนั้นมีชื่อว่า Guo Yinzhen อายุ 45 ปี จากมณฑลฝูเจี้ยน ซึ่งเธอนั้นต้องรับหน้าที่ดูแลลูกน้อยวัย 3 ขวบด้วยตัวคนเดียวเรื่องจากเธอกับสามีได้หย่าร้างกันไปเมื่อหลายปีก่อน   .   อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะให้กำเนิดลูกน้อยนามว่า Zhenghan นั้น เธอเคยทำงานเป็นพนักงานในโรงงานมาก่อน จนกระทั่งเธอต้องลาคลอดลูกเธอก็ถูกบีบให้ออกมาทันที โดยในช่วงแรกนั้นเธอยังคงได้รับการช่วยเหลือค่ากินค่าอยู่ให้กับตัวเองและลูกน้อยจากครอบครัวของเธอ จนกระทั่งลูกชายของเธอนั้นป่วยเป็นภาวะน้ำคั่งในโพรงสมอง ทำให้เธอจะต้องรีบพาลูกน้อยไปรักษายังโรงพยาบาลทันที แต่โชคไม่เข้าข้างเธอนัก เพราะว่าด้วยความที่เธอยังไม่มีงานทำและยังต้องเอาเงินค่ากินมารักษาลูก ทำให้เงินของเธอหมดอย่างรวดเร็วและเมื่อเธอไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา ทางโรงพยาบาลจึงไม่รับดูแลลูกของเธอต่อนั่นเอง   .   ในส่วนของค่าใช้จ่ายที่เธอต้องใช้เพื่อรักษาลูกนั้น เธอจำเป็นจะต้องมีเงินจำนวนมากถึง 100,000 หยวน หรือเกือบ 500,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งเรื่องที่แย่ไปกว่าการรักษาแต่ละครั้งก็คือ เธอและครอบครัวได้ใช้เงินรักษาลูกไปแล้วกว่า 400,000 หยวนหรือราว 2 ล้านบาท แต่ลูกของ Guo ก็ยังไม่หายขาดอยู่ดี จนสุดท้ายเมื่อเงินหมดก็จบลงตามที่ได้กล่าวมา     ภาพดังกล่าวนั้นเคยเป็นกระแสไวรัลและถูกถ่ายไว้เมื่อเดือนธันวาคมปี 2017 แต่มันกลับมาเป็นที่ถูกถกเถียงในจีนอีกครั้งว่าจริงแล้ว คุณภาพของการให้บริการสุขภาพในจีนนั้นแท้จริงมันแย่ขนาดไหน…

ข่าวคราวฉาวภายในแวดวงการศึกษาของต่างประเทศ มักจะเกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยๆ อย่างกรณีที่คุณครูล่วงละเมิดทางเพศเด็กนักเรียน โดยทั่วไปจะมองว่าต้องเป็นคุณครูผู้ชาย แต่เดี๋ยวนี้กลับกลายเป็นคุณครูผู้หญิงแทน… โดยที่ผู้ก่อเหตุก็คือนาง Brittany Zamora วัย 27 ปี คุณครูสอนชั้นประถม 6 ของโรงเรียน Las Brisas Academy ในเมือง Goodyear รัฐแอริโซนา ถูกกล่าวหาและจำนนด้วยหลักฐานข้อความในโทรศัพท์ระหว่างคุณครูและนักเรียนชายวัย 13 ปี     ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า ผู้ปกครองของเด็กพบข้อความตอบโต้ระหว่างสองฝ่ายในโทรศัพท์ของลูกชาย และนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่เกินเลยระหว่างครูและศิษย์ และเธอก็ถูกจับกุมในวันที่ 22 มีนาคม 2018 และต้องให้การเพื่อต่อสู้ในชั้นศาล   Brittany Zamora วัย 27 ปี   เธอยอมรับสารภาพว่า ใช้ปากสำเร็จความใคร่ให้ลูกศิษย์ทั้งในและนอกสถานศึกษา นั่นก็คือในห้องเรียนและในรถยนต์ส่วนตัวมาตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2018 และเคยมีเพศสัมพันธ์ทั้งหมด 3 ครั้งด้วยกัน นอกเหนือจากการส่งข้อความในเชิงชู้สาวระหว่างสองฝ่าย Zamora ได้ทำการส่งรูปภาพเปลือยและภาพสวมชุดลายลูกไม้ไปให้ลูกศิษย์รายนี้ ซึ่งทางด้านลูกศิษย์ได้เปิดเผยว่านี่คือจุดเริ่มต้นที่เธอเริ่มคุกคาม แต่ทว่าเขาก็ยอมรับว่าส่งภาพเปลือยของตัวเองเพื่อตอบกลับเช่นกัน  …

ช่วงเวลาในตอนบ่ายๆ หลังจากที่เพิ่งกินข้าวเที่ยงมาหมาดๆ รวมถึงแสงจากหน้าจอคอมหรือหน้าจอมือถือจะทำให้ช่วงบ่ายเป็นช่วยที่คนเรารู้สึกง่วงนอนมากที่สุด ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานหรือการเรียนลดลงเป็นอย่างมาก จากการศึกษาพบว่าหากนอนหลับไม่เพียงพอจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและโรคซึมเศร้า เพราะแบบนี้จึงได้มีนักวิชาการได้ออกมาบอกหัวหน้างานให้พิจารณาถึงการปล่อยให้พนักงานได้งีบหลับในช่วงเวลาทำงานเสียบ้าง     โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับได้กล่าวว่าบริษัทควรที่จะปล่อยให้พนักงานได้ใช้เวลางีบหลับในออฟฟิศเสียบ้างเพื่อชดเชยการนอนหลับที่ไม่เพียงพอในวันหยุดที่ผ่านมาของพวกเขา จากการศึกษาพบว่าหนึ่งในสี่ส่วนของพนักงานออฟฟิศมีพฤติกรรมการนอนหลับที่แย่ พวกเขาได้พักผ่อนกันเพียงแค่ 5 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น Dr.Nerina Ramlakhan นักจิตวิทยาผู้ที่ทำการค้นคว้าวิจัยให้กับ Silentnight บริษัทผู้ผลิตเตียงนอนกล่าวว่า “การสูญเสียเวลานอนไปแบบนี้มันเป็นอันตรายต่อผู้คนซึ่งมีปัญหาการนอนหลับมากและจากการค้นคว้าครั้งล่าสุดของ Silentnigh ได้พิสูจน์ว่าคนอังกฤษหลายคนรวมถึงเด็กมีเวลานอนน้อยลง ไม่เหมือนในอดีต ตอนนี้เราถูกล้อมรอบไปด้วยแสงที่ไม่ได้มาจากธรรมชาติ อย่างแสงอิเล็กทรอนิกส์ เช่น หน้าจอคอมพิวพ์เตอร์ ทีวีหรือโทรศัพท์มือถือ การสัมผัสเจ้าแสงประดิษฐ์เหล่านี้เป็นเวลาต่อเนื่องอาจจะส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับของเราและบ่อยครั้งที่เราคิดว่าเราได้รับการพักผ่อนเพียงพอแล้ว แต่ความจริงคือคุณภาพการนอนหลับนั้นย่ำแย่และตื่นมาเราก็ยังคงรู้สึกเหนื่อยอยู่ดี”     โดยเมื่อปีที่แล้วเธอก็ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า “หากคุณเป็นหนึ่งในยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ของประชาชนที่นอนหลับน้อยกว่าห้าชั่วโมงในแต่ละวัน พอมีการเปลี่ยนเวลาหรือที่เรียกว่า Daylight Saving Time เกิดขึ้นนั่นก็แปลว่าคุณจะได้รับการนอนหลับน้อยลงไปอีกชั่วโมงจากเดิมที่น้อยอยู่แล้ว หัวหน้าบริษัทควรพิจารณาที่จะปล่อยให้พนักงานสามารถงีบหลับเป็นระยะเวลาสั้นๆ ได้ในออฟฟิศ เพียงแค่สั้นๆ เช่น 20 นาที แต่มันก็ช่วยเพิ่มความต่างอย่างมาก” แต่ไม่ใช่ว่าการงีบหลับเวลาไหนก็ให้ผลดีเท่ากัน ได้มีคุณหมอออกมาแนะนำว่าการงีบหลับที่ดีที่สุดจะอยู่ที่ช่วงเวลา 14.00 – 16.00 น. แต่หากหลังจะงีบหลับช้ากว่านี้มันจะส่งผลกระทบแต่เวลาการนอนในตอนกลางคืนแทน     สุดท้ายนี้เธอได้ฝากเอาไว้ว่า “การปล่อยให้พนักงานหลับในออฟฟิศอาจจะดูแปลก…

สำหรับคอเบียร์ทั้งหลาย จะรู้กันดีว่าสาเหตุหรือที่มาของ ‘พุง’ ส่วนใหญ่นั้นจะมีสาเหตุมาจากเบียร์แทบทั้งสิ้น!! แต่สำหรับคุณลุง Kevin Daly วัย 63 ปี ไม่ใช่แบบนั้น เขาถูกใครต่อใครเข้าใจผิดคิดว่าพุงที่ป่องออกมานั้นมีสาเหตุมาจากเบียร์ แต่ความจริงมันกลับกลายเป็นก้อนเนื้องอกที่มีน้ำหนักกว่า 13 กิโลกรัมซะงั้น!? คุณลุง Kevin เป็นนักวางแผนการลงทุนจากเมือง Hoboken รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 2015 เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ ซึ่งการผ่าตัดครั้งนั้น ทำให้น้ำหนักของเขาลดไปเป็นจำนวนมาก     แต่ที่น่าแปลกใจก็คือว่าทำไมพุงของเขาถึงยังไม่ลดลงตามลงไปด้วยเหมือนกับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย พอไปหาหมอก็บอกว่าน่าจะเป็นเพราะน้ำหนักขึ้นเพราะดื่มเบียร์มากเกินไปนั่นแหละ “ผมไม่เคยดื่มเบียร์มาก่อน ผมไม่ชอบมันและผมก็เป็นคนชอบออกกำลังกายด้วย แต่น่าแปลกใจที่จู่ๆ ก็มีพุงยื่นออกมาก” คุณลุง Kevin เล่า คุณ Rachelle ภรรยาของคุณลุงได้สังเกตถึงความผิดปกติ และเริ่มเอะใจแล้วว่ามันจะต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้อย่างแน่นอน     “บางครั้งผมก็คิดว่าคุณหมออาจจะลืมอะไรบางอย่างไว้ในท้องของผม ตอนที่เข้ารับการผ่าตัดครั้งที่แล้วก็เป็นได้” คุณลุงกล่าว จากคำแนะนำของภรรยาคุณลุงตัดสินใจใช้สิทธิ์ประกันภัยเพื่อเข้าตรวจร่างกายในเครื่อง CT สแกน ซึ่งหากไม่ทำแบบนั้นเขาคงไม่รอดชีวิตอย่างแน่นอน จากการเข้าเครื่อง CT สแกนพบว่า ที่หน้าท้องของคุณลุงมีเนื้องอกขนาดใหญ่อยู่ คุณหมอได้ทำการผ่าตัดเนื้องอกดังกล่าวออกไปโดยใช้เวลาไปถึง…

อาสาสมัครที่เสียสละตัวเองมาทำความดีให้กับสังคมโดยการทำความสะอาดมักจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับชาวเมือง แต่ในขณะที่กำลังทำความดีอยู่นั้นก็อาจพบเจอสิ่งที่น่ากลัวจนสร้างความแตกตื่นให้กับคนในพื้นที่ได้เลยทีเดียว เมื่อกลุ่มอาสาสมัครจำนวนประมาณ 300 คนของกลุ่ม Texas Adaptive Aquatics กลุ่มอาสาสมัครที่ช่วยเหลือเด็กพิการและสอนกีฬาทางน้ำได้พบกับหัวของศพที่ถูกตัด และพบอาวุธปืนในบริเวณนั้น     Roger Randall หนึ่งในอาสาสมัคร Texas Adaptive Aquatics กล่าวว่า “พวกเรามีกันอยู่ประมาณ 300 คน และหนึ่งในกลุ่มพวกเราก็ได้พบอาวุธปืนเมื่อตอนเช้า และเวลาประมาณ 20 นาทีต่อมาก็มีคนเจอศีรษะมนุษย์ที่ถูกตัดขาด” ซึ่งแม่ลูกที่พบกับศีรษะนั้นไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาพบในตอนแรกนั้นคืออะไร เนื่องจากมันอยู่ในถุงพลาสติก เมื่อหยิบขึ้นมาก็พบว่ามันค่อนข้างหนัก จึงเปิดดูว่าข้างในเป็นอะไร จนได้พบกับศีรษะของมนุษย์อยู่ข้างใน   .   หลังจากที่ได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจแผนกสืบสวนคดีฆาตกรรมก็มีการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ในขณะนี้ยังไม่ทราบอายุ เพศและเชื้อชาติ รวมไปถึงส่วนที่เหลือของร่างกายของศพอีกด้วย ทางตำรวจก็ได้มีการตรวจสอบทั้งทางบกและทางน้ำ เนื่องจากเป็นแหล่งที่มีเรือสัญจรผ่านไปมาบ่อยครั้ง รวมไปถึงตรวจสอบขยะที่ทางอาสาสมัครได้เก็บมาอีกด้วย ในการตรวจสอบศีรษะที่พบนั้น ทางตำรวจก็ได้มีสารตรวจสอบอาวุธปืนที่พวกเขาพบเช่นกัน เพื่อหาคำตอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของบุคคลผู้นี้หรือไม่   .   ที่มา Allthatisinteresting, Dailymail

ปัญหาการฆ่าตัวตายนั้นเป็นปัญหาที่หลายๆ ประเทศกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งนับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งในประเทศที่มีการแข่งขันสูงยิ่งมีให้พบเห็นได้บ่อยขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะเป็นปัญหาปัจเจกบุคคลแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหน่วยงานของรัฐเองก็ควรจะมีการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องนี้ อย่างในประเทศอังกฤษเองมีการรายงานว่าอัตตราการฆ่าตัวตายของผู้ชายที่นั่นโดยเฉลี่ยแล้วสูงถึง 84 คนต่อสัปดาห์เลยทีเดียว     ด้วยเหตุนี้ศิลปินอย่าง Mark Jenkins จึงได้ออกแบบรูปปั้นคน 84 ตัวตามจำนวนของคนที่ฆ่าตัวตายต่อสัปดาห์ พร้อมกับสวมใส่เสื้อผ้าให้มีความคล้ายกับคนจริงๆ มากที่สุด แล้วนำไปติดตั้งไว้บนขอบตึก ITV studio ในกรุงลอนดอน เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนและหน่วยงานของรัฐเห็นว่ามีชายชาวอังกฤษฆ่าตัวตายมากแค่ไหนในหนึ่งสัปดาห์     ตามรายงานขององค์กรอารกุศลที่มีชื่อว่า CALM (The Campaign Against Living Miserably) บอกว่าการฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในกลุ่มชายอังกฤษที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี CALM เป็นหน่วยงานที่คอยให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับผู้ป่วย ผู้ที่มีปัญหาความเครียดและเข้าไปช่วยเหลือแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตอีกด้วย และยังกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐเข้าไปมีส่วนร่วมในเชิงรุกกับการแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วย     ถึงแม้ตัวเลขการฆ่าตัวตายของชายชาวอังกฤษจะสูงขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่มีรัฐมนตรีคนไหนออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น หรือเสนอแนะแนวทางการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม     และเพื่อให้เสียงของพวกเขาดังยิ่งขึ้น องค์กรการกุศล CALM จึงได้ร่วมจัดตั้งแคมเปญผ่านเว็บไซต์ Change.org เพื่อล่ารายชื่อสนับสนุนให้มีมาตรการป้องกันภัยเงียบอย่างการฆ่าตัวตายและมีการแสดงความรับผิดจากรัฐมนตรีของอังกฤษ   . . . .…

นับเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นเมื่อมีพบก็ต้องมีพราก เมื่อมีรักก็ย่อมมีวันเลิกรา แต่แทนที่เลิกกันไปแล้วจะต่างคนต่างใช้ชีวิตหรือกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม กลับมีบางคู่ที่เจ้าคิดเจ้าแค้น อยากจะทำร้ายชื่อเสียงของอื่นฝ่ายให้ป่นปี้ให้ได้ไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วสิ่งเหล่านั้นก็กลับมาทำร้ายตัวเองในที่สุด ชายหนุ่มวัย 23 ปีนามว่า Thomas Traficante นั้นถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดข้อหาตามรังควานอดีตแฟนสาวบนอินเตอร์เน็ตและมียาเสพติดไว้ในครอบครอง เนื่องจากเขาได้นำข้อมูลส่วนตัวของเธอไปโพสต์ลงเว็บไซต์ขายบริการและส่งยาเสพติดทางไปรษณีย์ไปยังที่อยู่ของเธอที่มหาวิทยาลัย Geneseo ที่รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึง 3 ครั้ง     ข้อมูลส่วนตัวที่ Traficante ได้โพสต์บนเว็บไซต์ขายบริการนั้นเป็นเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัว รูปถ่ายและตำแหน่งปัจจุบันของอดีตแฟนสาว ซึ่งเธอก็ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายครั้งว่าเธอได้รับสายจำนวนมากจากผู้ชายที่ต้องการมีเซ็กส์กับเธอ นอกจากนั้นเขายังส่งข้อความข่มขู่ที่จะทำร้ายร่างกายอีกมากมายให้กับแฟนเก่าของเขา เพื่อนร่วมชั้นและรูมเมทของเธอที่อาศัยอยู่ด้วยกันที่หอพัก   .   ทางตำรวจมหาวิทยาลัยได้ตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ที่มีหมายเลขพื้นที่ 585 และพบว่าเบอร์นั้นเป็นเบอร์ที่ใช้บริการออนไลน์และไม่ได้เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ หลังจากนั้นเขาก็ถูกจับข้อหาคุกคามบนโลกออนไลน์และข้อหาข่มขู่ เมื่อเขาส่งพัสดุที่เป็นยาเสพติดให้กับเหยื่อ เขาก็ได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจ โดยหวังว่าตำรวจจะจับเธอข้อหามียาเสพติดในครอบครอง นอกจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ FBI ก็พบปืนกลกึ่งอัตโนมัติ AR-15 ที่เขาครอบครองอย่างถูกกฎหมายอีกด้วย     คนสมัยนี้นี่น่ากลัวจริงๆ ยิ่งกฎหมายการควบคุมอาวุธปืนที่ค่อนข้างอ่อนในประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย โชคดีที่เขาโดนจับก่อน ไม่งั้นอาจเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นได้เลยทีเดียว ที่มา Dailymail

กลายเป็นเรื่องที่กำลังถูกพูดถึงในโซเชียลจีนพอสมควรเลย หลังมีคนแอบถ่ายคลิปที่อาจารย์ชาวจีนท่านหนึ่งกำลังลงไม้ลงมือกับนักเรียนของตัวเองด้วยการตีหน้าหลายครั้ง ด้วยเหตุผลที่ได้ยินแล้วถึงกับต้องตั้งคำถามว่ามันต้องขนาดนี้เลยหรือ? เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นที่มณฑลซานซี ประเทศจีน ซึ่งภายในคลิปเราจะเห็นอาจารย์หญิงวัยกลางคนท่าหนึ่ง กำลังตบหน้านักเรียนอย่างรุนแรงถึง 5 ครั้งด้วยกันภายในระยะเวลาของคลิป 25 วินาที     จากรายงานนั้นพบว่าสาเหตุที่ทำให้อาจารย์คนดังกล่าวตบนักเรียนตัวเองก็เพราะว่า นักเรียนของเธอนั้นนำกระเป๋าที่ดูแฟชั่นเกินไปมาโรงเรียน เธอจึงโมโหและบันดาลโทสะอย่างที่เห็น ด้านอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนที่เกิดเหตุก็ได้ออกมาบอกว่า อาจารย์ในคลิปนั้นทำเกินกว่าเหตุจริง ทำให้เธอถูกสั่งย้ายทันทีและเธอจะถูกลงทัณฑ์บนในประวัติการทำงานของตัวเธอเองด้วย   คลิปจากเหตุการณ์ดังกล่าว    อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตก็ยังพากันแสดงความเห็นกันไปต่างๆ นานาว่าการลงโทษดังกล่าวนั้นคือการกระทำทารุณต่อเด็กหรือเปล่า และตั้งข้อสงสัยว่าแค่พกกระเป๋าที่อาจารย์คิดว่าแฟชั่นเกินไปมาโรงเรียน มันผิดมากขนาดนั้นเลยหรือ   เหตุผลทั้งหมดก็เพราะกระเป๋าใช่ไหม?   นี่มันบ้าอะไรเนี่ย ทารุณเด็กชัดๆ   แต่พี่คนนี้มาแหวก เขาแซวว่าการที่โดนตบหน้าก็ยังดีกว่าถูกยิงล่ะนะ   ที่มา shanghaiist

จะเรียกว่าท่านผู้นำเปลี่ยนไปก็ว่าได้ หลังจากที่ ‘คิม จอง อึน‘ ผู้นำเกาหลีเหนือที่นานาชาติต่างพากันมองว่าเขาคือชายผู้กุมอำนาจที่มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในมือและไม่ยอมก้มหัวให้ใคร เริ่มออกเดินสายเจอกับผู้นำชาติต่างๆ เป็นครั้งแรก! แน่นอนว่ามันเป็นครั้งแรกจริงๆ เพราะนับตั้งแต่ที่เขาเข้าดำรงตำแหน่งในปี 2011 นั้น การเดินทางมาเยือนจีนเพื่อพบกับ ‘สี จิ้นผิง‘ ที่กรุงปักกิ่งจึงถือเป็นการเดินทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรกของเขา     อย่างไรก็ตาม จีนและเกาหลีเหนือนั้นถือเป็นชาติพันธมิตรที่ทำการค้าขายกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งการมาเยือนของเขาในครั้งนี้นั้น สื่อได้รายงานว่าเป็นการเดินทางมาพูดคุยเพื่อแสดงยินดีกับทางจีนที่ร่วมกันสร้างความสัมพันธ์อันดีเรื่อยมา ยังไม่หมดเท่านั้น สื่อยังรายงานอีกว่าระหว่างการพูดคุยนั้น ผู้นำเกาหลียังได้ยืนยันกับผู้นำจีนว่า เกาหลีเหนือจะล้มเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์จริงๆ แต่ว่ามันก็ยังคงมีเงื่อนไขอยู่     คิมจองอึนนั้นบอกว่า “โครงการอาวุธนิวเคลียร์และปัญหาความไม่สงบในน่านน้ำเกาหลีจะจบลงได้ ก็ต่อเมื่อทางเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกามีท่าทีที่ดีต่อเกาหลีเหนือเพื่อช่วยกันส่งเสริมสันติภาพที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเกาหลีเหนือก็หวังว่าการเจรจานี้จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการสร้างสันติภาพและความมั่นคงไปพร้อมๆ กับความก้าวหน้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”     การพูดคุยนั้นเป็นไปด้วยดี และทางผู้นำเกาหลีเหนือคิมจองอึน ก็ได้บอกกับทางจีนว่าเขายังคงวางแผนจะพบกับผู้นำเกาหลีใต้ ‘มุน แจ อิน‘ ในช่วงเมษายนนี้ ส่วนด้านสหรัฐอเมริกานั้น ผู้นำเกาหลีเหนือก็บอกว่าเขาวางแผนจะพบกับประธานาธิบดี ‘โดนัลด์ ทรัมป์‘ ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนั่นเอง จากเรื่องราวทั้งหมด เราจะเห็นว่าเกาหลีเหนือนั้นมีท่าทีที่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ซึ่งเราก็คงต้องรอดูกันแล้วว่าในอนาคตชาติมหาอำนาจทั้งหมดที่หันมาพูดคุยกันจะเป็นอย่างไร โลกจะหมุนไปทางไหนนั้น ช่างเป็นเรื่องที่น่าติดตามจริงๆ ที่มา bbc,…

ร่างกายของเรามีวันเสื่อมสลายตามกาลเวลา แต่ความดีนั้นจะยังคงฝังแน่นอยู่กับคนคนนั้นไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตาม และการทำความดีของชายชราคนนี้คือข้อพิสูจน์ของความคิดนั้น นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2018 ในเมือง Santai ประเทศจีน เด็กน้อยวัยขวบครึ่งคนหนึ่งกำลังปั่นจักรยานเล่นอยู่แถวริมแม่น้ำ แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุผลัดตกลงไปด้านล่าง     ด้วยความกลัว เขาจึงร้องขอความช่วยเหลือจากคนเดินผ่านไปมา จนทำให้คุณปู่วัย 90 ปีที่บังเอิญได้ยินเข้า รีบวิ่งไปหาเด็กเท่าที่ตัวเองจะสามารถวิ่งได้ไหว ก่อนที่จะกระโจนลงไปช่วยเหลือเด็กคนนั้น แล้วคุณปู่ก็สามารถช่วยเด็กน้อยขึ้นมาจากน้ำได้สำเร็จ ส่วนตัวเองนั้นก็ได้รับการช่วยเหลือจากชาวบ้านที่ตามมาทีหลัง ทำให้ทั้งคู่ไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลย   คลิปในตอนที่ชาวบ้านคนอื่นๆ ตามมาช่วย    คุณปู่ได้พูดทิ้งท้ายกับแม่ของเด็กคนนั้นว่า “ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมพอทำได้ ถ้าผมตายไปมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เด็กน้อยไม่ควรจะได้รับในสิ่งนั้น” แล้วคุณปู่ก็ค่อยเดินจากไป ลองคิดดูว่าคุณปู่วัย 90 ปี เดินเหินปกติยังอาจจะไม่ค่อยไหว แต่ความดีที่แกมีติดตัวมาตลอดนั้นทำให้ไม่สามารถเมินเฉยต่อเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเด็กคนนั้นได้จริงๆ   ที่มา: medium

ปกติแล้วเวลาคุณ ‘ปวดตด’ คุณจะทำอย่างไร คุณจะอั้นตดไว้แล้วรอไปปล่อยไกลคน หรือคุณเลือกจะปล่อยมันตรงนั้นโดยไม่อั้นไว้ ส่วนจะดังหรือจะเบา เหม็นมากน้อยก็ให้มันเป็นไปตามกรรมกัน? ถ้าคุณเลือกอย่างหลัง คุณเตรียมตัวเขียนจดหมายขอโทษส่งอาจารย์ได้เลย… เรื่องราวนี้มันเริ่มขึ้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดโทะชิงิ ประเทศญี่ปุ่น เมื่ออาจารย์ไม่เผยชื่อท่านหนึ่งได้ตั้งกฎใหม่ในห้องเรียนว่า ถ้าเกิดใครที่ตดในห้องเรียนและทำให้เพื่อนๆ เหม็นโดยไม่ยอมไปตดในช่วงพัก นักเรียนคนนั้นจะต้องถูกลงโทษ ส่วนวิธีการลงโทษนั้นก็ง่ายมากๆ โดยนักเรียนที่ถูกลงโทษจะต้องเขียนจดหมายลงโทษว่า “ผมจะไม่ตดในชั้นเรียนอีกแล้ว ผมจะไปตดในห้องน้ำระหว่างช่วงพัก ถ้าผมผิดสัญญาผมจะต้องไปวิ่งรอบสนามโรงเรียน 10 รอบ”     บทลงโทษดังกล่าวนั้นถือเป็นเรื่องที่จริงจังมากๆ เพราะตัวอาจารย์เองก็เล่นเขียนกฎนี้บนผนังห้องเรียน เพื่อให้ทุกคนเห็นบทลงโทษและข้อปฏิบัติโดยง่าย แน่นอนว่าเราคงสงสัยว่า การปวดตดหรือตดในห้องเรียนมันผิดขนาดนั้นเลยอย่างนั้นเหรอ ซึ่งสื่อในญี่ปุ่นก็ได้ให้เหตุผลว่าในญี่ปุ่นการตดนั้นถือเป็นเรื่องตลก และมักจะมีนักเรียนบางคนที่สามารถตดได้เก่งมากๆ พวกเขาจึงมักจะทำตัวให้ตลกด้วยการตดกลางห้องเรียนอยู่บ่อยๆ จนสร้างความน่ารำคาญให้กับเพื่อนๆ รวมถึงตัวอาจารย์ที่ยากจะรับมือ     อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่มีการตั้งกฎดังกล่าวขึ้นมา ปัญหาการตดเรี่ยราดก็ลดลง และยังไม่มีนักเรียนคนไหนที่ผิดสัญญาจนต้องออกไปวิ่งรอบสนามเลยสักคนเดียว ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เลยนั่นเอง   ตดไม่ว่า แต่กลิ่นกับเนื้ออย่าตามมาจะได้ไหม ที่มา soranews24

ประสบการณ์อย่างการมีลูกนั้น เรื่องเล่าจากคนอื่นบางครั้งมันก็มีทั้งจริงและไม่จริง คนที่ไม่เคยมีลูกก็อาจจะอยากมีและรู้สึกว่ามันน่าสนุก แต่พอต้องกลายเป็นแม่คนจริงๆ ทุกอย่างที่วาดไว้ดันสวนทางสุดๆ Shlomit Sauer ก็เป็นศิลปินสาวอีกหนึ่งคนที่เคยวาดไว้ว่าการมีลูกมันจะมีความสุข จนกระทั่งเธอคลอดลูกคนแรกทำให้เธอได้ค้นพบว่าทุกอย่างมันสวนทางกันมากๆ มันทั้งปวดหัวจากปัญหาต่างๆ ทั้งเหนื่อยจากการนอนน้อยเพราะต้องตื่นมาดูแลลูกดึกๆ ด้วยเหตุนี้เธอก็เลยตัดสินใจใช้ความสามารถของเธอ วาดภาพเรื่องราวที่เธอได้รับจากการเป็นแม่มือใหม่ให้กับแม่คนอื่นๆ ที่คาดว่าจะต้องเจอเหตุการณ์เดียวกันให้เราได้ชม ส่วนจะตรงกับคุณแม่ท่านอื่นไหม อันนี้ก็ต้องมาดูกัน   สมัยก่อนจะมีลูก ต้องออกมาต้อนรับสามีอย่างดีใจ แต่พอมีลูกก็อยากจะฝากลูกไว้กับสามีสักสองชั่วโมง   ช่วงแรกๆ การอุ้มลูกไปมายังคงเป็นความสุขอย่างหนึ่ง แต่เมื่อถึงช่วงหนึ่งการได้รู้จักกับรถเข็นเด็กก็ถือเป็นเรื่องไม่เลว   ด้านหน๊มนมที่เคยอยู่อย่างมีความสุข ตั้งแต่มีลูกมันก็ไม่แฮปปี้อีกเลย ทั้งดูดทั้งกัด   การออกไปเที่ยวแบบครอบครัวนั้น ไม่มีอะไรที่แตกต่างจากการอยู่บ้านเลย จะมีเพียงแต่สถานที่เท่านั้นที่เปลี่ยนไป   การที่สามีว่างแล้วเราสามารถยกลูกให้เขาดูแลได้ถือเป็นช่วงเวลาอันมีค่า เพราะจะทำให้คุณแม่ว่างดูออเจ้าสักที แต่อย่างไรก็ตามมันมักจะเกิดขึ้นได้ไม่นาน เพราะคุณสามีเลี้ยงลูกไม่เป็นนั่นเอง   การเลี้ยงลูกทำให้ตัวเราเองไม่ค่อยว่างจะพูดคุยกับใคร ฉะนั้นการพาลูกออกไปเดินเล่นแล้วเจอแม่มือใหม่ด้วยกันถือเป็นการเปิดโลกที่ดี…เพียงแต่บางครั้งคุณแม่คนนั้นก็มักจะมีคู่ขาแล้ว   ช่วงที่สามีไม่อยู่บ้านต้องออกไปทำงาน คุณแม่ก็ต้องนับวันรอสามีกลับมาช่วยดูแลลูกอย่างตั้งใจ   การจะได้นอนหลับอย่างสบายนั้นมันจะหายไป เพราะลูกมักจะตื่นมากลางดึกเสมอๆ ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา พอเช้ามาก็ตาเป็นแพนด้าทุกวัน   ที่มา boredpanda

เมื่อปลายปี 2016 ครอบครัวของ Pablo สุนัขชิวาวา พามันไปฝากไว้กับคนรับดูแลสัตว์เลี้ยง แต่สุดท้ายพวกเขาไม่เคยกลับมาหามันอีก Pablo รู้สึกกลัวและสับสนเมื่อต้องอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย มันไม่ทำอะไรนอกจากเห่า และเป็นอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาหลายสัปดาห์นับตั้งแต่มันได้เห็นครอบครัวเป็นครั้งสุดท้าย     หลังจากผ่านไปเป็นเดือน เจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์ไม่สามารถทนฟังเสียงของมันได้อีกต่อไป พวกเขาจึงโพสต์รูปของมันในโซเชียล เพื่อหาศูนย์พักพิงหรือไม่ก็ขายมันผ่าน Craigslist (เว็บหางาน ที่อยู่ และขายของออนไลน์) Michele Walsh ประสานงานด้านการช่วยเหลือสัตว์ของ AMA Animal Rescue บอกว่า “เรารู้มาว่า Pablo ถูกขังอยู่ในตู้เสื้อผ้าที่นั่น เพราะมันเห่ามากเกินไป เราเลยไปพามันออกมาทันที”     แม้ว่าน้องหมาจะปลอดภัยแล้ว แต่ความกลัวของมันยังคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ มันกลัวทุกสิ่งทุกอย่าง เลยเห่าไม่หยุด และแทบจะไม่ยอมให้ใครเข้าไปใกล้ Walsh บอกว่า “มันกลัวทุกคน โดยเฉพาะผู้ชาย เราไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตมัน แต่สิ่งที่เราเห็น เรารู้สึกเสียใจกับมันอย่างมาก และคาดเดาว่าคงต้องมีชายคนหนึ่งที่ทำเรื่องไม่ดีไว้กับมัน” หลังจากที่ตรวจสุขภาพแล้ว Pablo ถูกย้ายไปอยู่ในบ้านอุปถัมภ์ของ Alexia Perimone ที่นั่นทำให้ความกลัวของมันลดลง และทำให้มันเห่าน้อยลงด้วย     ตอนแรกผู้ดูแลรู้สึกกังวลว่าน้องหมาจะไม่ยอมอยู่กับใคร แต่ปรากฏว่าทันทีที่เจอ Alexia พวกเขากลับเข้ากันได้ทันทีอย่างไม่น่าเชื่อ กระทั่งเดือนธันวาคม ปี 2017…

ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ เราไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่ทุกคนทุกตัวย่อมอยากมีชีวิตที่ดี ได้อยู่ในที่ดีๆ อย่างน้อยแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ยังดี เพราะแบบนี้ มนุษย์จึงช่วยเจ้าหมา Trigger ออกมาจากศูนย์พักพิงที่แออัดในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ของสหรัฐอเมริกา เมื่อตอนมันอายุประมาณ 1 ปีครึ่ง มันถูกย้ายไปอยู่ในศูนย์พักพิงในเพนซิลเวเนีย ที่นั่นโอกาสที่จะถูกรับเลี้ยงมีมากกว่า และแล้วมันก็ถูกรับเลี้ยงโดยครอบครัวใหม่ในวันต่อมา     ดูเหมือน Trigger จะได้พบกับความสุขในชีวิตตลอดไป แต่แล้ว สุขภาพของมันก็แย่ลงเรื่อยๆ… เพียงไม่กี่สัปดาห์ Trigger ก็ถูกส่งกลับไปยังศูนย์พักพิง เพราะมันฉี่ไปทั่ว ทางศูนย์พักพิงจึงทำการทดสอบร่างกายของมัน พบว่ามันมีอาการไตวายเรื้อรัง คุณหมอบอกว่าสุนัขผู้น่าสงสารตัวนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 6 เดือนเท่านั้น และเจ้าหน้าที่ศูนย์รู้ว่าการจะหาครอบครัวให้สุนัขป่วยแบบนี้ เป็นเรื่องที่เป็นได้ยากมาก     แม้จะป่วยหนัก แต่ Trigger ควรจะได้รู้ว่าการได้อยู่กับครอบครัวที่รักนั้นเป็นยังไง และมันควรได้ใช้ชีวิตในช่วง 6 เดือนสุดท้ายในบ้าน ไม่ใช่ศูนย์พักพิง โชคดีที่มีคนใจดีคนหนึ่งเข้าใจสถานการณ์ของ Trigger และรู้ว่ามันต้องการความช่วยเหลือ Kristen Peralta เป็นผู้ก่อตั้ง Vintage Pet Rescue ซึ่งเป็นศูนย์ช่วยเหลือสัตว์อายุมากที่ไม่สามารถหาบ้านได้ เพราะอายุและสุขภาพของพวกมัน     Kristen และสามีได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ของ Trigger และแม้ว่ามันจะไม่ใช่สุนัขอายุมาก…

มีประโยคหนึ่งที่ผู้หญิงหลายๆ คนมักเคยกล่าว นั่นคือประโยคที่ว่า “เครื่องสำอางคือเวทมนตร์” เพื่อนๆ ว่าประโยคนี้คือเรื่องจริงหรือไม่? สำหรับผู้เขียนคิดว่าประโยคดังกล่าวค่อนข้างเป็นความจริงเพราะด้วยพลังของเครื่องสำอาง สามารถที่จะเปลี่ยนรูปโฉมของคนคนหนึ่งให้เปลี่ยนไปในทางที่ดียิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว และเพื่อโชว์ว่าประโยคนี้คือเรื่องจริง Goar Avetisian ช่างแต่งหน้าชาวรัสเซียจึงได้โชว์ทักษะการแต่งหน้าที่ราวกับเวทมนตร์เปลี่ยนหญิงผู้โชคร้ายที่เกิดมามีไฝอยู่เต็มใบหน้าไปหมด ให้กลายเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าเนียนใสกันเลยทีเดียว     โดยแขกรับเชิญที่เธอชวนมาแต่งหน้าในวันนี้ได้แก่ Irina Pavlutskaya ผู้หญิงโชคร้ายที่มีปัญหาเรื่องผิว จากเมือง Yakutsk ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศรัสเซีย ซึ่งเธอเป็นที่รู้จักมาจากการที่สื่อได้นำเสนอเรื่องราวของเธอที่เพิ่งได้พบเจอกับแม่ที่ทอดทิ้งเธอไปตั้งแต่เธอยังเด็ก เมื่อ Goar ได้เห็นข่าวของเธอและสนใจที่จะใช้ทักษะการแต่งหน้าที่ราวกับเวทมนตร์ของเธอแปลงโฉมให้แก่ Irina จึงไม่รอช้ารีบติดต่อไปเชิญชวนเธอมาแต่งหน้าด้วยกัน   เรามาชมวิดีโอแสดงเวทมนตร์ของเธอกันก่อนดีกว่า A post shared by Goar Avetisyan (@goar_avetisyan) on Mar 19, 2018 at 10:42am PDT หากชมวิดีโอไม่ได้ให้คลิกที่นี่    จากในวิดีโอที่มีการรับชมไปกว่าหนึ่งล้านครั้งจะโชว์ทักษะฝีมือของ Goar โดยอันดับแรกเธอได้ใช้สีแดงกลบรอยดำของไฝ จากนั้นก็เริ่มทาครีมรองพื้นเพื่อให้ผิวของ Irina เรียบเนียนยิ่งขึ้น ตามด้วยเขียนคิ้ว เดิมอายชาโดว์ ขนตาปลอมก่อนที่จะจบด้วยการทาลิปสีนู้ด เมื่อการแต่งหน้าได้เสร็จสิ้นแล้ว แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า Irina…

ต่างคนต่างมีความเชื่อเป็นของตัวเอง แต่สิ่งที่สำคัญคือเราต้องมีสติรับรู้ถึงความเป็นจริง และไม่ควรพาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายโดยที่ไม่จำเป็นเหมือนอย่างที่คุณแม่คนนี้ได้ทำ เมื่อเธอต้องการจะแสดงให้ลูกๆ ของเธอเข้าใจเกี่ยวกับความเชื่อของตัวเอง วันที่ 26 มีนาคม 2018 เว็บไซต์ Oddity Central ได้รายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนถนนในเขต Gwinnett รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา เมื่อคุณแม่วัย 25 ปีที่ชื่อ Bakari Warren ตัดสินใจขับรถพาลูกน้อยทั้งสองคนของเธอพุ่งเข้าชนกับเสาคอนกรีตบริเวณสี่แยก   ภาพตอนที่รถวิ่งเข้าไปชนอย่างจัง   เจ้าหน้าที่ที่เห็นเหตุการณ์ผ่านกล้องวงจรปิดจึงรีบเข้าไปยังสถานที่เกิดเหตุในทันที พร้อมกับสอบถามถึงเหตุผลที่เธอขับเปลี่ยนเลนเข้าไปชนเสาคอนกรีตข้างทางอย่างจัง แล้ว Bakari ก็บอกกับตำรวจทุกคนว่า เธอขับรถพุ่งชนเสาเพราะต้องการจะแสดงให้ลูกๆ เห็นว่าพระเจ้ามีอยู่จริง และพระองค์จะปกป้องเราถ้าหากเรามีความเชื่อแบบนั้น คำให้การของเธออาจดูเหมือนคำแก้ตัวที่ไม่น่าเกิดขึ้นจริง แต่ลูกๆ ทั้งสองอายุ 5 ขวบและ 7 ขวบที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังก็ยืนยันว่า นั่นเป็นเหตุผลจริงๆ ที่ทำให้แม่ของพวกเขาขับรถไปชน   Bakari คุณแม่ที่ขับรถพาลูกน้อยสองคนพุ่งชนเสาคอนกรีต   ลูกคนหนึ่งของเธอบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า “นั่นคือเหตุผลของแม่จริงๆ เพราะเธอตัดสินใจเลี้ยวเข้าไปหาเสาเอง ในตอนนั้นเธอปิดตาพร้อมกับพูดอะไรสักอย่าง บลาๆๆ และสิ้นสุดด้วยคำว่า ‘ฉันรักพระเจ้า’” โชคดีที่คุณแม่บอกให้เด็กๆ รัดเข็มขัดเอาไว้ก่อนตั้งแต่แรกจึงทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด…

การจะรับรู้ข่าวสารอะไรก็ตามในสมัยก่อนนั้น เราจำเป็นจะต้องอ่านหนังสือ อ่านหนังสือพิมพ์หรือไม่ก็ดูจากโทรทัศน์เป็นต้น กลับกันในปัจจุบันเวลาเราจะรับข่าวสารอะไรนั้น เราสามารถจะหาอ่านตามอินเทอร์เน็ตได้ทั่วไป แต่แม้ปัจจุบันนั้นเราจะเสพข้อมูลได้ง่ายและสะดวกขึ้น แต่ใช่ว่าข้อมูลข่าวสารทุกอย่างจะเป็นเรื่องจริง เพราะบางครั้งคนก็ชอบจะกุข่าวปลอมๆ ออกมาเพื่อสร้างกระแสหรือส่งข้อมูลผิดๆ ให้คนอ่าน แน่นอนว่าถ้าคุณรับสารอย่างมีสติก็จะไม่มีปัญหา ทว่าใช่กลับทุกคนจะสามารถรับข่าวสารได้อย่างมีสติ จนบางครั้งก็มีหลายคนมักจะตกเป็นเหยื่อเช่นกัน     ด้วยเหตุนี้ทางการมาเลเซียจึงคิดหาแนวทางในการรับมือคนที่ชอบปล่อยข่าวปลอมๆ ออกสู่สายตาประชาชนไม่ว่าจะด้วยการตั้งกฎขึ้นมาว่า ถ้าเกิดใครที่ปล่อยข่าวปลอมแล้วถูกจับได้ คนคนนั้นจะต้องถูกจับและปรับเป็นเงิน 500,000 ริงกิตมาเลเซีย หรือเป็นเงินไทยเกือบ 4 ล้านบาท ส่วนขอบเขตความผิดนั้นล้วนครอบคลุมไปด้วยหลายวิธีเช่น ข้อมูลปลอม คลิปปลอม ข่าวปลอมอะไรก็ตามที่ทำให้คนเข้าใจผิดโดยตั้งใจ แน่นอนว่าสื่อสิ่งพิมพ์หรือแม้แต่เหล่าบล็อกเกอร์ ไอดีโซเชียลปลอมก็จัดอยู่ในข้อกฎหมายข่าวปลอมนี้ด้วย     ฉะนั้นใครที่คิดจะกุเรื่องปลอมๆ ขึ้นมาในมาเลเซียคงต้องระวังไว้ให้ดีแล้วล่ะ เพราะจากโทษแล้วหนักเอาเรื่องเลยทีเดียว ซึ่งจะว่าไปก็น่าจะมีกฎหมายแบบนี้ในไทยบ้างนะ   ที่มา bbc

ที่ผ่านมาในภาพยนตร์สยองขวัญเรามักเห็นฉากการตายอย่างสยองของตัวละครในที่ที่เราไม่คิดว่าพวกเขาจะตาย อย่างเช่นในลิฟต์หรือระหว่างใช้งานบันไดเลื่อน แต่วันนี้เหตุการณ์มันได้เกิดขึ้นแล้ว โดยในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา ณ สถานีรถไฟใต้ดิน Ayazaga Metro Station ในเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ได้มีเหตุการณ์สุดสยองขวัญสั่นประสาทเกิดขึ้นตามวิดีโอข้างล่างนี้   วินาทีที่ผู้เคราะห์ร้ายได้ถูกบันไดเลื่อนดูดลงไป    จากวิดีโอเราจะเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเร่งด่วนที่ผู้คนพลุกพล่าน บันไดเลื่อนเหมือนจะมีปัญหาทำให้มันไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ แต่ผู้คนก็ยังเลือกที่จะเดินผ่านมันอยู่ และทันทีที่ Mehmet Ali Erik ผู้เคราะห์ร้ายเดินมาเหยียบ บันไดเลื่อนที่ไม่ขยับกลับทำงานขึ้นมาอีกครั้ง แต่แทนที่จะทำงานได้อย่างปกติ พื้นมันกลับพังทลาย เกิดเป็นหลุมใหญ่ที่กลืนกินชายคนนั้นลงไปในชั่วพริบตา จากในวิดีโอเราจะเห็นได้ว่าเขาพยายามที่จะเกาะกับราวบันไดเลื่อน แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวและร่วงไปลงในหลุมต่อหน้าผู้คนมากมาย     เขาต้องติดอยู่ภายในบันไดเลื่อนอยู่เป็นชั่วโมงก่อนที่จะได้รับการช่วยเหลือจากพนักงานดับเพลิง ก่อนที่จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล โชคดีที่เขานั้นได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ แต่เทศบาลนครอิสตันบูลได้ออกมารายงานว่าได้มีทำการติดป้ายเตือนก่อนหน้านี้แล้วว่าบันไดเลื่อนนี้ชำรุด แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่ได้รับความใส่ใจจากผู้คนสักเท่าไหร่จึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น      และนี่ไม่ใช่เหตุการณ์สยองขวัญจากบันไดเลื่อนครั้งแรก ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว ณ สถานีรถไฟใต้ดิน Cuizhu ที่เมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน มีผู้หญิงต้องพบเจอกับชะตากรรมเดียวกันกับ Mehmet แต่เคสนั้นถือว่าโชคดีกว่า เพราะได้รับการช่วยเหลือหลังจากเกิดเหตุในไม่กี่นาทีเท่านั้น   ที่มา Ladbible, Metro

ตามธรรมชาติแล้ว หมีควรได้อยู่ในป่าอันกว้างใหญ่ ที่ที่มันมีอิสระในการหากิน วิ่งเล่น นอน ว่ายน้ำ โดยไม่ถูกคุกคามจากมนุษย์ แต่สำหรับเจ้าหมี Balu แล้ว มันถูกทำร้ายด้วยการถูกมนุษย์ขังไว้ในกรงแคบๆ และสกปรก นานถึง 2 ปี Balu เป็นหมีวัย 2 ปี มันถูกขังไว้ในกรงใน Artashat ประเทศประเทศอาร์เมเนีย โดยคนที่ชอบเก็บหมีเป็นระลึกและเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง     Lis Key จากฝ่ายประชาสัมพันธ์และผู้จัดการด้านการสื่อสารของ  International Animal Rescue (IAR) บอกว่า “กรงที่มันถูกขังมีความกว้างไม่เกิน 4 หรือ 5 ตารางเมตร ในนั้นไม่มีที่พักพิง มันมีแต่สิ่งสกปรก เหมือนไม่เคยทำความสะอาด Balu จึงต้องอยู่กับปัสสาวะและอุจจาระของตัวเอง แน่นอน กลิ่นมันแย่มากๆ” นอกจากต้องอยู่ในกรงที่สกปรกแล้ว คอของมันยังถูกคล้องด้วยโซ่ที่มีน้ำหนักมากในระดับหนึ่ง และไม่ได้กินอาหารครบทุกมื้อ เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นเจ้าของให้อาหารหมี เธอเอาลูกอมและเครื่องดื่มผสมให้มัน International Animal Rescue ไม่สามารถยืนดูเจ้าหมีในสภาพนี้ได้ พวกเขาจึงพยายามจะช่วยมันออกมา     แต่การช่วยเหลือครั้งนี้ค่อนข้างซับซ้อน…

เป็นธรรมดาของสัตว์ป่าบางชนิดที่ชอบปีนป่าย เรียกได้ว่าอะไรที่ปีนได้คือปีนหมด ถ้าเป็นต้นไม้หรือที่ที่พวกมันคุ้นเคย มันอาจจะขึ้นลงได้ง่าย แต่ถ้าเป็นที่ที่ไม่คุ้นล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น? มันก็คงจะเป็นอย่างเจ้าโคอาล่าตัวนี้ที่ดันไปปีนเสาไฟฟ้าเข้า แล้วเป็นไงล่ะ สุดท้ายลงมาไม่ได้ จนมนุษย์ต้องปีนขึ้นไปช่วยเหลือ     เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมือง Toowoomba รัฐควีนแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย โดยมีโคอาล่าตัวหนึ่งติดอยู่บนเสาไฟฟ้าสูง ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ ไม่มีใครรู้ว่ามันปีนขึ้นไปบนนั้นทำไม หรือมันอาจจะคิดว่าเป็นต้นยูคาลิปตัสละมั้ง แต่มันติดอยู่บนนั้นนานถึง 2 วัน และระหว่างที่ติดอยู่บนนั้น ข้างล่างมีการจราจรที่วุ่นวาย บวกกับการโดนหมาเห่า จนทำให้โคอาล่าน้อยกลัวไปหมด     ต่อเมื่อมีคนแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบ  Clare Gover นักฟื้นฟูสัตว์ป่าและผู้ก่อตั้ง Return to the Wild พร้อมกับช่างไฟฟ้าจึงลงพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือทันที เมื่อมาถึง เจ้าหน้าที่ได้ขึ้นไปหาเจ้าโคอาล่าพร้อมตาข่ายเพื่อจับมัน และเกลี้ยกล่อมมันอยู่สักพัก ในที่สุดก็สามารถพามันลงมาได้อย่างปลอดภัย     เมื่อลงมาถึง Gover พบว่าโคอาล่ามีอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต พวกเขาจึงเอาน้ำกับใบไม้สดให้มันกิน และให้มันนอนค้างภายใต้การดูแลของมนุษย์ 1 คืน เพื่อให้ร่างกายกลับมาสู่ภาวะปกติ วันรุ่งขึ้น ดูเหมือนเจ้าโคอาล่าจะกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง ดังนั้น Gover จึงตัดสินใจปล่อยมันกลับสู่ป่าตามที่ตั้งใจไว้  …

ทุกชีวิตล้วนแต่มีคุณค่าเหนือสิ่งอื่นใด และสิ่งนั้นสามารถพิสูจน์ได้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เมื่อเครื่องบินลำหนึ่งตัดสินใจสละน้ำมันจำนวนกว่า 30 ตัน เพื่อช่วยชีวิตผู้โดยสารคนหนึ่งที่เกิดอาการหายใจติดขัด นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม 2018 บนเที่ยวบิน MU578 ของสายการบิน Chinese Eastern Airlines ขณะที่กำลังเดินทางจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ไปยังนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา แล้วจู่ๆ ก็มีผู้โดยสารชาวจีนคนหนึ่งเกิดอาการป่วยขึ้นมาอย่างฉับพลัน     ลูกเรือบนเครื่องเล่าว่าผู้โดยสารสาววัย 60 ปีคนนี้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ว่ารู้สึกเจ็บแบบเสียวซ่านไปทั้งตัว และมีอาการหายใจลำบาก ทำให้พนักงานส่งตัวผู้โดยสารคนดังกล่าวไปนั่งบนชั้นธุรกิจแทน เพื่อให้เธอสามารถลงไปนอนราบได้ จากนั้นลูกเรือจึงทำการประกาศขอความช่วยเหลือ ก่อนที่จะมีผู้โดยสาร 2 คนซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์อาสาออกมาช่วยดูแลผู้ป่วย ทว่า 3 ชั่วโมงต่อมา เธอคนนั้นก็เริ่มมีอาการกระตุกและบอกว่ามีอาการแข็งเกร็งไปตามกล้ามเนื้อ     เมื่อกัปตันบนเครื่องบินรับทราบถึงสถานการณ์ดังกล่าว เขาจึงตัดสินใจจะนำเครื่องลงจอดกลางทางที่สนามบินนานาชาติ Anchorage รัฐอะแลสกา แต่ว่าในตอนนั้นเครื่องบินมีน้ำหนักมากเกินไปสำหรับการลงจอดฉุกเฉิน เพราะมีผู้โดยสารอยู่มากถึง 294 คน ด้วยเหตุนั้นเองลูกเรือจึงทำการสละน้ำมันกว่า 30 ตันทิ้งไปกลางอากาศ เพื่อให้เครื่องสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัย     พอลงจอดเป็นที่เรียบร้อย…

หากมองสภาพโดยทั่วไปของภูมิภาคที่เป็นเกาะ จะต้องมีสีออกไปในโทนสดใส ท้องฟ้าสีครามตัดกับน้ำทะเลสีน้ำเงินเขียว ไหนจะมีแสงแดดคอยโอบล้อมอีก โอ๊ยยยย… แค่คิดภาพตามก็รู้สึกดีแล้วล่ะ แต่ถ้าคุณลองนึกถึงสภาพที่ยกทะเลทรายมาอยู่แทนที่ล่ะ มันจะออกมาในสภาพแบบไหน แน่นอนว่าทรายจะมีสีออกไปในโทนสีเนื้อ ยิ่งลอยมากับลมเป็นพายุก็ยิ่งทำให้โทนสีเข้มจนน่ากลัว…     เมื่อไม่นานมานี้ มีชุดภาพจากเกาะครีต ประเทศกรีซถูกเผยแพร่ออกมา สภาพทั่วไปในบริเวณเกาะมองเห็นเป็นโทนสีส้มแสดเข้มไปทั่วท้องฟ้า ซึ่งภาพเหล่านี้ถูกโพสต์โดยเหล่านักท่องเที่ยวที่ไปพักผ่อนในช่วงนี้     ดูจากภาพแล้วคล้ายจะเป็นการใช้ฟิลเตอร์แต่งภาพ แต่เปล่าเลย ภาพที่เห็นคือภาพจริง สถานที่จริง ในช่วงเวลาที่ทั้งเกาะกำลังเผชิญกับพายุทะเลทราย เคลื่อนตัวย้ายมาจากทะเลทรายซาฮารา เมื่อช่วงวันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม 2018 ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น   .   แม้ภาพถ่ายที่เห็นจะดูดี เหมือนหลุดออกมาจากในภาพยนตร์ยุคโลกล่มสลาย แต่ชาวบ้านชาวเมืองที่อาศัยอยู่บนเกาะขอเซย์โนไว้เลย… เพราะมันแย่ยิ่งกว่าฝุ่นควันกรุงเทพฯ หมอกควันภาคเหนือในไทย เพราะฝุ่นทะเลทรายนั้นอุดมไปด้วย สารตะกั่ว สังกะสี โครเมียม และวาเนเดียม ที่จะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพในระยะยาว   . .   ภาพถ่ายในมุมเดียวกัน ในวันที่ 23 มีนาคม 2018 หนึ่งวันหลังเหตุพายุทะเลทรายพัดผ่าน  …

หากใครกำลังมองหาแหล่งท่องเที่ยวดีๆ สักแห่ง เราขอบอกเลยว่าบทความนี้คงจะไม่มีคำตอบให้กับคุณ แต่หากใครกำลังมองหาตำนานหลอนๆ และสถานที่ชวนขนหัวลุกแล้วล่ะก็ บทความนี้แหละคือสิ่งที่คุณกำลังตามหาอยู่ เราขอแนะนำให้รู้จักกับเกาะ La Isla De Las Muñecas หรือที่รู้จักกันในชื่อเกาะแห่งตุ๊กตา เกาะผีสิงสุดหลอนในประเทศเม็กซิโก สถานที่ที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาเด็กหน้าตาน่ากลัว คอยสร้างความขวัญผวาให้กับทุกคน   ตุ๊กตาจำนวนมากถูกแขวนเอาไว้ทั่วเกาะ .   ต้นกำเนิดความสยองขวัญของเกาะแห่งนี้เกิดขึ้นในช่วงยุค 1950s เมื่อชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า Don Julin Santana ตัดสินใจทิ้งภรรยาและลูก เข้ามาอาศัยอยู่บนเกาะดังกล่าวเพียงลำพัง แล้วในวันหนึ่ง Don ก็บังเอิญไปเจอกับร่างของเด็กสาวที่จมน้ำอยู่ในลำคลองของเกาะแห่งนี้ ซึ่งเขาบอกว่าแม้เธอจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่วิญญาณของเด็กสาวนั้นกลับยังคงวนเวียนอยู่บนเกาะไม่ยอมจากไปไหน   . .   หลังจากนั้นเขาจึงเริ่มทำสิ่งที่แปลกประหลาด Don ได้นำเอาตุ๊กตาของเด็กผู้หญิงมาห้อยไว้ตามต้นไม้ และเขาก็เพิ่มจำนวนของตุ๊กตาไปเรื่อย ทำให้เราจะเห็นว่ามีตุ๊กตาเด็กอยู่เต็มต้นไม้ไปหมด เขาให้เหตุผลว่าตัวเองนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับวิญญาณของเด็กสาวคนนั้น จึงนำตุ๊กตามากมายที่ตัวเองพอจะหาได้มาแขวนเอาไว้ เพื่อเป็นเหมือนการให้เกียรติกับวิญญาณของเธอ   . .   ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่เพียงลำพังเลือกที่จะไม่ทำความสะอาดหรือซ่อมแซมตุ๊กตาที่แขวนเอาไว้ คนอื่นๆ ที่เข้ามายังเกาะแห่งนี้เลยจะได้พบกับความหลอนจากใบหน้าของเหล่าตุ๊กตา บางตัวมีการบิดเบี้ยวไปตามแรงลม บางตัวดวงตาก็หล่นออกมาจากเบ้า  …

บนโลกของเรายังคงเต็มไปด้วยความสวยงามที่ไม่อาจจางหายไป โดยมีสิ่งสำคัญที่ช่วยเติมเต็มมันเอาไว้ นั่นคือการทำความดีที่ออกมาจากใจของมนุษย์ทุกคน ในชีวิตที่เราอาจมองว่ามันมีแต่ความโหดร้าย แต่แท้จริงแล้วมันกลับไม่ได้มีแค่สิ่งที่ทำลายความรู้สึกของเราเสมอไป ทั้งหมดนี้คือภาพถ่ายและเรื่องราวสุดประทับใจ ที่ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ใช่การทำอะไรที่ใหญ่โต แต่การรับรู้ถึงเรื่องราวของพวกเขานั้นกลับสามารถสัมผัสถึงความอบอุ่นหัวใจได้อย่างมากมายมหาศาล และเชื่อว่านั่นคือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ เราไปเติมเต็มความสุขของชีวิตพร้อมๆ กันเลย   1. ความเอาใจใส่ของเพื่อนร่วมโลก หลังจากที่หญิงสาวเจ้าของบ้านได้รับการช่วยเหลือถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไปเป็นที่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่สองคนนี้ก็ได้เดินทางกลับมาที่บ้านของเธอ พร้อมกับช่วยกันเตรียมอาหารเย็นให้กับลูกๆ ทั้ง 5 คนของหญิงสาวคนนั้น ก่อนที่จะล้างจานทำความสะอาดอะไรให้เรียบร้อย แล้วค่อยจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม   2. นักดับเพลิงผู้ช่วยเหลือแมวน้อย ไม่ได้มีเพียงแค่มนุษย์ แม้แต่สัตว์เองก็ยังต้องการความช่วยเหลือ เช่นเดียวกับเจ้าแมวตัวนี้ซึ่งติดอยู่บริเวณด้านบนของตลาด Senan กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ที่กำลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่อยู่ในขณะนั้น นักดับเพลิงจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ ทำให้มันไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงใดๆ เลย   3. เด็กๆ ที่ทำทุกอย่างให้พร้อมสำหรับฤดูหนาว เด็กเหล่านี้ช่วยกันเอาเสื้อกันหนาวไปผูกไว้ตามเสาต่างๆ ในประเทศแคนาดา เพื่อต้องการจะมอบไออุ่นให้กับเหล่าคนไร้บ้านหรือคนยากไร้ที่ต้องการสิ่งเหล่านี้   4. ความหมายของคำว่าน้ำใจนักกีฬา นี่เป็นภาพที่เกิดขึ้นในการแข่งขันบอลโลกปี 2014 เมื่อนักฟุตบอลชาวออสเตรเลีย Mark Bresciano เห็นว่าเชือกรองเท้าของเด็กน้อยคนหนึ่งหลุด โดยที่เด็กไม่สามารถก้มลงไปผูกด้วยตัวเองได้ เขาจึงคุกเข่าลงไปผูกมันให้กับเด็กคนนั้น   5. น้ำใจที่มอบให้กับผู้มองหาโอกาส…

ทาโกะยากิเป็นของกินขึ้นชื่อของประเทศญี่ปุ่น มีวัตถุดิบเป็นแป้ง หนวดปลาหมึก ผักและซอสต่างๆ โดยที่มีวิธีการทำใกล้เคียงกับขนมครกของบ้านเรา ถึงขนาดที่ได้ฉายาว่า ‘ขนมครกญี่ปุ่น’ เพียงแต่ทาโกะยากินั้นจะมีการปั้นแป้งให้กลายเป็นลูกกลมๆ ซึ่งสิ่งที่เราจะกล่าวถึงในวันนี้เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาโกะยากิโดยตรง แต่ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำเจ้าขนมครกญี่ปุ่นนี่เลยเพราะเราจะพูดถึงแม่ค้าขายทาโกะยากินั่นเอง โดยที่แม่ค้าทาโกะยากิที่เราจะกล่าวถึงนี้มีจุดเด่นคือความน่ารักของคุณเธอช่างโดดเด่น แถมยังแต่งคอสเพลย์เป็นตัวละครจากในเกม, การ์ตูนอีกด้วย เพิ่มความน่ารักเข้าไปกันใหญ่เลย     เธอขายทาโกะยากิอยู่ที่ร้าน Goonies ที่ย่านนิฮงบาชิในจังหวัดโอซะกะ ซึ่งเป็นจังหวัดที่เป็นเหมือนกับถิ่นกำเนิดของทาโกะยากิเลยล่ะ ย่านนิฮงบาชิหรือที่รู้จักในอีกชื่อว่าเด็นเด็นทาวน์ย่านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่อันดับหนึ่งของคันไซที่เรียกได้ว่าเทียบเท่ากับอากิฮาบาระเลยก็ว่าได้ ฉะนั้นย่านนี้จึงมีแฟนคลับอนิเมะหรือโอตาคุมาเดินกันให้ควั่ก และเพื่อจะดึงดูดสายตาของเหล่าผู้ชื่นชอบการ์ตูนและลูกค้า เจ้าของร้าน Goonies อย่างคุณ Yukio จึงได้ใส่แต่งคอสเพลย์ออกมาทำทาโกะยากิอยู่บ่อยๆ   เธอไม่เพียงแค่น่ารักเท่านั้น แต่ฝีมือการทำทาโกะยากิของเธอยังไม่ธรรมดาอีกด้วย ดูความไวในการพลิกนั่นสิ!! たこ焼きグーニーズで働く杏… たこ焼き転がすのプロってるｗ pic.twitter.com/NoXM3YDg8x — スーパー雅人くんスペシャル (@MSigunasu) March 20, 2018 หากชมวิดีโอไม่ได้ให้คลิกที่นี่   โดยในวิธีโอดังกล่าว เธอได้คอสเพลย์เป็นตัวละครสาวจากอนิเมะเรื่อง The Idolmaster ที่ชื่อว่า Anzu Futaba ตัวละครที่มีนิสัยขี้เกียจสุดๆ และมีพฤติกรรมเหมือนกับ NEET จนแฟนๆ เอามาหยอกล้อกันว่าสงสัยเป็นไอดอลยังไม่พอจะเลี้ยงชีพ จนต้องออกมาขายทาโกะยากิ และดูเหมือนว่าการคอสเพลย์ของเธอจะส่งผลดีต่อธุรกิจของร้าน Goonies มากๆ แต่ที่ร้านก็ไม่ได้มีดีเพียงแค่ความน่ารักของสาวคอสเพลย์เท่านั้นนะจ๊ะ…

สำหรับสุนัขแล้ว ทันทีที่ได้เข้าไปอยู่ในบ้านของมนุษย์ มันจะคิดว่าคนในบ้านคือครอบครัว มันจึงรัก ซื่อสัตย์ และพร้อมปกป้องมนุษย์คนนั้นเท่าชีวิต แต่ดูเหมือนว่ามนุษย์บางคนไม่ได้คิดว่าสุนัขเป็นครอบครัวเสมอไป เลยทำให้น้องหมาตัวหนึ่งถูกทิ้งอย่างโดดเดี่ยว หลังจากเจ้าของย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่ไม่พามันไปด้วย นี่เป็นเรื่องราวสุดเศร้าของ Rubble สุนัขอเมริกันบูลล์ด็อก มันถูกซื้อมาเพื่อเพาะพันธุ์ แต่สุดท้าย เจ้าของกลับพบว่าสุนัขวัย 4 ขวบตัวนี้ ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้     ที่น่าเศร้าที่สุดคือ เจ้าของตัดสินใจที่จะไม่ดูแลมันอีกต่อไป ดังนั้นเมื่อพวกเขาย้ายไปอยู่แคลิฟอเนีย Rubble จึงถูกทิ้งให้อยู่ลำพังในเท็กซัส เพื่อนบ้านที่เห็น Rubble ถูกทิ้ง พยายามโทรติดต่อเจ้าของที่ทิ้งมัน แต่ไม่สามารถติดต่อได้ พวกเขาเลยตัดสินใจโทรไปหากลุ่มช่วยเหลือสัตว์ เพื่อขอความช่วยเหลือ     หญิงสาวที่ชื่อ Alyssa Aguilar เป็นคนเข้ามาช่วยเหลือสุนัขผู้น่าสงสารตัวนี้ และเธอแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เมื่อเห็นว่าสภาพของมันนั้นดูแย่แค่ไหน เจ้าหมามีแต่หนังหุ้มกระดูก มีแผลติดเชื้อ และดูเหมือนตาของมันจะมีปัญหาด้วย แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม สิ่งที่ Alyssa รู้คือต้องพามันไปหาสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุด     Alyssa บอกว่า “ตอนฉันเห็นมันครั้งแรก ฉันตกใจและโกรธคนที่ทำกับมันแบบนี้ ฉันแค่อยากกอดมันไว้ และทำให้มันรู้สึกดีขึ้น” ต่อมาหญิงสาวได้ติดต่อ A Chance to…

สัตว์บางชนิดบนโลกใบนี้มีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม ที่ไม่ใช่แค่พฤติกรรม แต่ยังรวมไปถึงลักษณะภายนอกของพวกมันด้วย ดูอย่างสัตว์พวกนี้สิ ทำตัวกลมกลืนกับธรรมชาติซะจนเกือบมองไม่เห็นว่ามีสัตว์อยู่ในนั้น นี่เรียกได้ว่าเป็นสิิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้เลยนะ   1. ตุ๊กแกหางใบไม้   2. แมงมุม Wrap-Around Spider   3. กบต้นไม้สีเทา   4. ตั๊กแตนใบไม้   5. มอธสีน้ำตาล   6. นกฮูกยักษ์   7. ปลา Stone Flounder   8. งูคอปเปอร์เฮด   9. อิมพาลา   10. ผีเสื้อ   11. มังกรทะเลใบไม้   12. เสือดาว   13. ตุ๊กแกหางใบไม้   14. นกปูตูยักษ์   15. ตุ๊กแก Uroplatus   16. คางคก   17. หนอนผีเสื้อบารอน   18. ตั๊กแตนกิ่งไม้  …

ในทุกวันนี้ เพื่อนๆ รู้กันหรือเปล่าว่าบนโลกนี้มีคนที่ต้องพิการแขนขาเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นจากอุบัติเหตุ จากสงครามหรือพิการมาตั้งแต่กำเนิดก็ตาม ซึ่งปกติเราจะเห็นพวกเขาใช้แขนหรือขาเทียมธรรมดา แต่มันจะดีแค่ไหนกันถ้าหากพวกเขาได้รับแขนขาเทียมไบโอนิกที่จะช่วยให้พวกเขาเคลื่อนไหวร่างกายได้ราวกับอวัยวะที่หายไปมีตัวตนจริงๆ เหมือนกับ Margarita Grachyova คุณแม่ลูกสาวชาวรัสเซียวัย 25 ปี ต้องสูญเสียแขนขวาไปเนื่องจากความหึงโหดของสามีเก่า ที่คิดว่าเธอนั้นคบชู้ทำให้บันดาลโทสะใช้ขวานสับไปที่มือซ้ายและขวาของเธอจนขาดกระเด็น     โดยเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ต้อนย้อนกลับไปเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2017 Dmitry Grachyov อดีตสามีขี้หึงอายุ 26 ของเธอ ได้คิดว่าเธอนั้นแอบนอกใจตัวเอง เขาจึงได้ออกอุบายหลอกเธอเข้าป่าและใช้กำลังบังคับให้เธอคุกเข่าและวางมือไปที่ตอไม้ก่อนจะใช้ขวานสับไปที่มือทั้งสองข้างของเธอ ก่อนที่จะพาไปเธอไปโรงพยาบาลและเข้ามอบตัวกับตำรวจ ถึงแม้กระดูกมือข้างซ้ายของเธอจะแตกออกเป็น 8 ส่วน แต่คุณหมอก็ยังสามารถรักษามือข้างซ้ายของเธอไว้ได้และในเวลานี้เธอสามารถใช้งานมันได้ 70% จากเมื่อก่อนแล้วแต่สำหรับมือขวาของเธอ คุณหมอไม่สามารถรักษาได้ให้ได้ ผ่านไปสามเดือนหลังจากเกิดเหตุการณ์เธอก็ได้รับแขนเทียมใหม่ 2 อันมาให้เธอใช้สลับกันได้ ซึ่งแม้จะผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมา เธอก็ยังคงมองโลกในแง่ดีได้อยู่ และเธอได้เล่นมุกตลกกับลูกสองคนอีกว่า “ตอนนี้แม่ของพวกเธอมีแขนที่เหมือนกับหุ่นยนต์แล้วนะ”   Dmitry Grachyov (ซ้าย) กับ Margarita Grachyova (ขวา) ขณะที่คบกัน   คุณหมอชาวเยอรมันต้องใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า กระตุ้นกล้ามเนื้อของเธอเพื่อที่จะได้เรียนรู้ในการควบคุมแขนจักรกลอันใหม่ของเธอ และเมื่อเธอเดินทางกลับรัสเซียเธอก็ยังคงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้แขนกลอีกมาก เพราะตอนนี้เธอยังไม่สามารถที่จะแต่งตัวได้อีก ต้องได้รับการช่วยเหลือจากแม่ของเธออยู่ แต่เธอก็ยังให้สัมภาษณ์แบบมองโลกในแง่ดีอยู่ว่า “ฉันกำลังอารมณ์ดี…

สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเลี้ยงลูกด้วยนมที่เรียกว่า Hispid hare อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวในขณะนี้ที่ห่างหายไปจากการค้นพบนานที่สุดในโลก มันเป็นสัตว์พื้นเมืองที่มีอาสัยอยู่บริเวณแม่น้ำคงคา ในเอเชียใต้ ตามรายงานระบุว่าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ไม่ถูกพบในอุทยานแห่งชาติ Chitwan National Park ของเนปาล ตั้งแต่ปี 1984 แล้ว     ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา นักอนุรักษ์เชื่อว่าพวกมันสูญพันธุ์ไปจากพื้นที่ดังกล่าวแล้ว แต่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ นักอนุรักษ์จับภาพ Hispid hare ได้ นั่นเป็นสัญญาณที่น่าอัศจรรย์ที่พิสูจน์ว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดนี้ยังอยู่บนโลก Bed Khadka หนึ่งในเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ บอกว่า “จากการค้นพบ Hispid hare ตัวนี้ เห็นได้ชัดว่ามันยังอายุน้อย จึงเป็นไปได้ว่ามันอาจจะมีพ่อแม่ และมีตัวผู้กับตัวเมียตัวอื่นๆ อยู่อีก”     ปกติตัวเมียจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 2 กิโลกรัม และมีขนสั้น โดยก่อนที่สัตว์ชนิดนี้จะหายไป ประชากรของพวกมันลดลงอย่างมากเนื่องจากน้ำท่วมจากการทำการเกษตรและการเพิ่มขึ้นประชากรมนุษย์ พวกมันถูกจัดให้อยู่กลุ่มสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เมื่อปี 1986 แต่ปัจจุบันนี้ มีการค้นพบว่า Hispid hare ยังมีชีวิตอยู่  ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์พอสมควร     ตอนนี้ Khadka รู้ว่า Hispid hare…

นักผจญเพลิงถือเป็นหนึ่งในอาชีพที่มีความกล้าหาญและเสียสละมากที่สุด เพราะพวกเขาต้องพร้อมรับมือกับเหตุการต่างๆ ตลอดเวลา พวกเขาไม่ได้เสี่ยงชีวิตเพื่อความปลอดภัยของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังเผื่อแผ่ความช่วยเหลือไปยังสัตว์โลกด้วย เพราะทุกชีวิตมีค่าเท่าเทียมกัน และต่อไปนี้เป็นภาพความประทับใจของเหล่านักผจญเพลิงที่เข้าช่วยเหลือเหล่าสัตว์ ทำให้เห็นว่าโลกนี้น่าอยู่เพียงใดเมื่อมีพวกเขาเหล่านี้   เจ้าหน้าที่พาน้องแมวออกมาจากบ้านที่เกิดไฟไหม้   ช่วยชีวิตสุนัขจากเหตุน้ำท่วม   นักผจญฯ ป้อนน้ำให้โคอาล่า หลังจากเกิดไฟป่าทั่วประเทศออสเตรเลีย   Brett Cunniff พนักงานดับเพลิงของ Missoula ช่วยลูกแมวจากบ้านที่ถูกไฟไหม้ พร้อมให้ใส่หน้ากากออกซิเจน   เจ้าของหมาทุกข์ใจมากเมื่อหมาของเธอติดอยู่ในบ้านที่กำลังไฟไหม้ โชคดีที่นักผจญเพลิง Ben Lawson ช่วยมันไว้ได้   เมื่อได้ยินว่ากวางติดอยู่ในท่อระบายน้ำ เจ้าหน้าที่จากดับเพลิง Austin Fire Department จึงลงพื้นที่ไปหาทันที และช่วยมันไว้ได้สำเร็จ   สุนัขขอบคุณฮีโร่คนนี้ที่ช่วยมันไว้ ด้วยการเลียใบหน้าเขาอย่างอ่อนโยน   มิ้วน้อยซาบซึ้ง หลังนักดับเพลิงเข้ามาช่วยชีวิตมันจากเหตุไฟไหม้   ลูกเป็ดกลุ่มหนึ่งติดอยู่ในท่อระบายน้ำ นักผจญเพลิง Cody Knecht จึงกระโดดลงไปช่วย   เขาใช้เสียงจากโทรศัพท์มือถือในการกล่อมลูกเป็ดน้อย ในที่สุดก็พาพวกมันขึ้นมาได้สำเร็จ   นักดับเพลิงชาวอังกฤษทำงานอย่างหนักเพื่อปลดปล่อยตัวเมียที่ตกลงไปในบึง   นักผจญเพลิง John Cusco…

เราอาจจะไม่ได้เกิดมาพร้อมกับใคร เราอาจจะไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับใคร แต่เชื่อสิว่าคงไม่มีใครอยากอยู่อย่างโดดเดี่ยว โดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก สัตว์เลี้ยงก็เช่นกัน พวกมันอาจจะไม่ได้ต้องการชีวิตที่ดีมากมาย แต่ขอแค่มีใครสักคนอยู่เคียงข้างในวันที่เหนื่อยล้า เหมือนกับ Watson สุนัขใกล้ตายตัวนี้     Janine Guido ผู้ก่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Speranza Animal Rescue ครั้งแรกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สิ่งแรกที่เธอสังเกตเห็นคือสายตาของมัน “มันดูเหนื่อยล้า เหมือนกับว่ามันพร้อมที่จะยอมแพ้ให้กับการต่อสู้แล้ว…” Guido กล่าว สำหรับเจ้าหมา Watson นั้น มันถูกพบเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในสวนสาธารณะ Philadelphia ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเด็กนักเรียน ก่อนจะถูกพามาไปคลินิกสัตว์และอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยแพทย์ฉุกเฉินตลอดเวลา     นอกจากร่างกายที่ผอมแห้งแล้ว เนื้อตัวของมันก็ยังเต็มไปด้วยแผลที่ติดเชื้อ และยังมีเนื้องอกที่เป็นมะเร็งอยู่บริเวณขาหลัง แต่เนื้องอกนั้นถูกผ่าออกแล้ว ต่อมา Watson ถูกย้ายไปยังศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันต้องการใครสักคนมาอยู่เคียงข้าง ดังนั้น สิ่งเดียวที่ผู้ดูแลทำได้ในเวลานั้นคือทำให้มันรู้สึกสบายใจ     Guido “ฉันมีความรู้สึกว่าอาการของมันจะไม่ดีขึ้นในวันรุ่งขึ้น ฉันไม่ต้องการทิ้งมันไว้ตามลำพัง โดยเฉพาะตอนที่มันต้องการฉันมากที่สุด” ในคืนวันพุธ Guido นำผ้าห่ม เตียงสุนัขไปวางไว้ในห้องซักรีดของศูนย์ช่วยเหลือ และให้น้องหมานอนลงที่นั่น จากนั้นเธอก็นอนลงข้างๆ มัน โอบกอดมันไว้ด้วยสองมือ และพูดคุยกับมันด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล สักพัก Watson ผลอยหลับไปในอ้อมกอดของเธอ…

ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับคุณยาย Lin Jingfu วัย 58 ปี ที่ผันตัวจากการเป็นคนเลี้ยงดูหลานกลายมาเป็นสตรีมเมอร์ชื่อดังทำหน้าที่หาคู่ให้กับผู้ติดตามแบบฟรีๆ ไม่เอาเงินแม้แต่บาทเดียว โดยให้เหตุผลว่าที่ทำแบบนี้ก็เพราะมันว่าง!? คุณยาย Lin อาศัยอยู่ในเมืองชางโจว ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมณฑลเหอเป่ย ที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่วงการสตรีมมิ่งวิดีโอสดเมื่อหลายปีก่อน     ในอดีตคุณยาย Lin เคยเป็นแรงงานต่างด้าวมาก่อน ในวัย 17 ปี คุณยายก็เริ่มต้นชีวิตการทำงาน เธอต้องเดินทางข้ามไปทั่วประเทศตั้งแต่มณฑลซานซี มณฑลเฮยหลงเจียง ไปจนถึงเขตปกครองซินเจียง เธอย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดของเธอในเมืองชางโจวเมื่อสองปีก่อน เพื่อช่วยลูกของเธอดูแลหลานที่เพิ่งลืมตาออกมาดูโลก แต่เนื่องจากว่าชีวิตการอยู่กับบ้านเฉยๆ นั้นมันช่างน่าเบื่อเหลือเกิน คุณยายก็เลยต้องมาหาอะไรทำในเวลาว่างจะได้ไม่เบื่อ “ฉันรู้สึกเบื่อมากๆ เวลาอยู่ที่บ้าน ก็เลยคิดว่าหาอะไรสนุกๆ ทำดูดีกว่า เป็นการมองหาอะไรใหม่ๆ ซึ่งคนมีอายุมากแล้วคนอื่นๆ เขาก็คงไม่ทำกัน” คุณยายเล่า     ชื่อเสียงของคุณยาย Lin เริ่มกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง จนชาวเน็ตตั้งฉายาให้กับเธอว่า Hebei Rural Dama ซึ่งคำว่า Dama นั้นแปลว่าหญิงสูงวัย และปัจจุบันพบว่าตอนนี้เธอมีผู้ติดตามมากกว่า 75,000 คนเลยทีเดียว “ฉันเป็นคนที่ชอบการพูดคุยแล้วก็ชอบหัวเราะ ถ้าให้เดาก็อาจจะเป็นเพราะนิสัยเข้าสังคมได้ง่าย ก็เลยทำให้ฉันเหมาะกับงานแบบนี้ ฉันชอบที่จะช่วยให้ผู้คนรักกันเสมือนเป็นกามเทพ และถ้าจะให้ดีก็ต้องไม่เก็บเงินค่าใช้จ่ายด้วย”…

เวลาที่ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่ คุณอาจจะได้ขอแถมเป็นของใช้เก่าๆ ของเจ้าของเดิม หรือไม่ก็ร่องรอยต่างๆ ที่เจ้าของเดิมได้ทำไว้ แต่สำหรับหนุ่มคนนี้ เขาได้เจอของแถมที่ทำเอาพูดไม่ออก เพราะมันคือสุนัขผู้น่าสงสารที่ถูกล่ามโซ่ไว้ในห้องใต้ดิน… เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อพนักงานของศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Stray Rescue of St. Louis ได้รับแจ้งจากชายคนหนึ่งที่กำลังจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่เมื่อต้นเดือนที่แล้ว     ชายคนนั้นบอกว่า “ผมเพิ่งซื้อบ้าน และที่นั่นมีสุนัขพิตบูลถูกล่ามโซ่อยู่ในห้องใต้ดิน ผมไม่แน่ใจว่ามันอยู่ที่นั่นมานานแค่ไหนแล้ว” เมื่อพนักงานของศูนย์ช่วยเหลือไปถึง พวกเขาได้รับแจ้งว่าสุนัขผู้น่าสงสารตัวนี้อยู่ที่นี่มาสักพักแล้ว มันถูกทิ้งให้อยู่กับขยะ ของเสีย และอยู่ลำพังในที่มืดและเย็น โชคดีที่มีคนมาเจอน้องหมาก่อนและช่วยเหลือมันไว้ได้ทันเวลา เห็นได้ชัดว่าสำหรับมันแล้ว คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการถูกช่วยเหลือในครั้งนี้แล้ว     Natalie Thomson ผู้อำนวยการด้านการสื่อสารของกลุ่มช่วยเหลือบอกว่า “เมื่อเราเปิดประตูห้องใต้ดิน และใช้ไฟฉายส่องลงไป เราเห็นสุนัขส่ายหาง” เธอบอกว่าอีกว่า “มันเกือบจะสำลักเพราะมันตื่นเต้นมากที่ได้เห็นเรา ทันทีที่เราปลดปล่อยโซ่ออกให้ มันกระโดดด้วยความดีใจและกอดไม่หยุดเลย” ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนทิ้งหมาไว้ตรงนี้ และทิ้งทำไม แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว เพราะที่นั่นไม่มีชามอาหารหรือน้ำเลย มันไม่ได้ถูกทำหมันและไม่มีไมโครชิป     แต่อย่างน้อยตอนนี้มันรู้ว่ามันปลอดภัยแล้ว และเพราะความตื่นเต้นที่ล้นเกินของมัน ทางเจ้าหน้าที่จึงตั้งชื่อให้มันว่า Jumping Bean จากที่เคยอยู่ในที่แคบๆ มืดๆ ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร ตอนนี้มันได้รับอิสระ…

กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาแล้ว เมื่อล่าสุด Donald Trump ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนกว่า  6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 1.9 ล้านล้านบาท ด้วยการให้เหตุผลว่าจีนได้ลงทุนและขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐอเมริกามาเป็นเวลาช้านานแล้ว กลับกันเมื่อรายงานดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไป ทาง Xi Jinping ประธานาธิบดีจีนก็ออกมาตอบรับกฎหมายดังกล่าวว่า ทางการจีนก็จะไม่ยอมให้สหรัฐฯ มากดขี่ด้วยการเก็บภาษีเป็นเงินจำนวนมหาศาลดังกล่าวอย่างแน่นอน     โดยคำแถลงการณ์ดังกล่าวถูกแถลงการณ์ผ่านสถานทูตจีนประจำวอชิงตัน ดีซี ว่า ถ้าสหรัฐต้องการจะเริ่มสงครามการค้า จีนก็ไม่เกรงกลัวและจะสู้จนถึงที่สุดแม้ทางประเทศจะไม่ต้องการแบบนี้ก็ตาม แต่เพื่อป้องกันประโยชน์ของประเทศ จีนจะตอบโต้ด้วยมาตรการทุกอย่างที่จีนมี การแถลงการณ์ดังกล่าวนั้นเรียกว่าเกิดขึ้นแทบจะทันทีหลังที่ Donald Trump ลงนามเซ็นสัญญาและประกาศมาตรการที่ว่าออกสู่สาธารณะ     อย่างไรก็ตาม การต่อสู้นี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งตัว Donald Trump ได้สั่งการไปยัง Steve Mnuchin ให้เตรียมความพร้อมเพื่อเปิดเผยชื่อสินค้าที่จะถูกเก็บภาษีกว่า 1,300 ราย ส่วนจีนก็เตือนให้ทางสหรัฐฯ คิดถึงผลกระทบที่จะตามมาให้ดีนั่นเอง สุดท้ายแล้วนักลงทุนในชาติต่างๆ ก็พากันจับตามองในการเดินหมากของสองมหาอำนาจอย่างใกล้ชิด เพราะไม่ว่ามันจะไปในทิศทางไหน มันก็จะส่งผลเป็นวงกว้างอย่างแน่นอน…   ที่มา express, cnn

เหตุการณ์สุดสยองขวัญ หลังเจ้าหน้าบุกเข้าจับตัว Alexey Yastrebov ชายวัย 35 ปี ที่เมืองครัสโนยาสค์ ประเทศรัสเซีย หลังเจ้าหน้าที่ตั้งข้อสงสัยว่าเขาคือฆาตกรกินคน ผู้เสียชีวิตนั้นมีชื่อว่า Ekaterina Nikiforova คุณแม่ลูกสองวัย 27 ปี ซึ่งเธอถูกฆาตกรแทงที่ท้องและเฉือนที่ลำคอจนเสียชีวิต จากนั้นก็ตัดปอดและหัวใจของเธออกมาเพื่อต้มกิน   โฉมหน้าของผู้เสียชีวิต   แต่ที่หนักกว่าคือ ตัวฆาตกรไม่ได้หนีไปไหน แต่เขาได้โทรติดต่อกับเจ้าของห้องเช่าและบอกให้เธอเรียกตำรวจมาพร้อมบอกว่าเขาอยู่ข้างๆ กับศพที่เต็มไปด้วยเลือด เจ้าหน้าที่ได้เล่าถึงเหตุการณ์ว่า ตอนที่ทุกคนไปถึงพวกเขาก็พบกับ Alexey ที่รออยู่แล้ว โดยเขารับสารภาพว่าเขาเป็นคนทำทั้งหมด และก่อนหน้านั้นเขาก็พยายามจะฆ่าตัวตายแล้วแต่มันไม่สำเร็จ     Zhanna Avdeeva เจ้าของห้องเช่าเล่าว่า ตอนที่เธอมาถึงเธอก็เจอฆาตกรคนดังกล่าวรออยู่ ซึ่งข้างๆ เป็นศพของผู้เสียชีวิตที่มีสภาพถูกเปิดอกออกอย่างโหดร้ายและเป็นภาพที่เธอก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะมองซ้ำ นอกจากนี้เธอยังบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าหลังจากเหตุการณ์ทั้งหมด เธอวางแผนจะให้นักบวชมาปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายด้วย     ด้าน Evgeny Avdeev พี่ชายของเจ้าของห้องพักก็บอกว่า Alexey นั้นเป็นเพื่อนสนิทของเขา ซึ่งเขาคิดภาพไม่ออกเลยว่าเพื่อนของเขาจะทำอะไรที่โหดร้ายแบบนี้ได้ ซึ่งเขายังเสริมว่าตอนที่รู้เรื่องขนแขนของเขาลุกไปทั้งตัวเลยทีเดียวและนอกจากนี้เขายังคาดว่าเพื่อนของเขาและผู้เสียชีวิตอาจจะมีอาการมึนเมาและมีปากเสียงกันก็เป็นได้     สุดท้ายแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงหาคำตอบของแรงจูงใจต่อไป พร้อมตรวจสอบว่าฆาตกรคนดังกล่าวและผู้ตายมีอาการมึนเมาหรือเสพยาหรือไม่นั่นเอง…

เมื่อช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2018 ที่ผ่านมาได้มีรายงานด่วนว่าชาวประมงคนหนึ่งได้บังเอิญไปเจอกับเข้ากับฝูงวาฬขนาดใหญ่มาเกยตื้นเต็มชายหาด และพวกมากกว่าครึ่งก็ได้ตายไปเรียบร้อย เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นบริเวณหาด Hamelin Bay ซึ่งอยู่ทางใต้ของเมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย โดยวาฬไพล็อตกว่า 150 ตัวนอนนอนเกยตื้นเรียงกันยาวเป็นระยะทางกว่า 150 กิโลเมตร     ด้าน Jeremy Chick เจ้าหน้าที่จากสำนักงานความหลากหลายทางชีวะภาพได้บอกว่าพวกเขากำลังพยายามขนย้ายวาฬทั้งหมดออกไป ซึ่งด้วยลมที่แรงในช่วงนี้บวกกับน้ำหนักของพวกมันให้ทำการทำงานล่าช้า แต่ตอนนี้ก็ได้มีอาสาจำนวนมากลงพื้นที่เรียบร้อยแล้ว     อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้เตือนชาวเมืองให้ออกห่างจากชายฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะว่าการลงเล่นในน้ำขณะที่มีซากสัตว์มาตายเกยตื้นแบบนี้จะดึงดูดฉลามเป็นจำนวนมากมา ฉะนั้นความปลอดภัยจึงต้องมาก่อน สุดท้ายแล้วทางรัฐก็บอกว่า พวกเขายังไม่ทราบสาเหตุของการเกยตื้นเป็นจำนวนมากในครั้งนี้ เพราะการเกยตื้นของสัตว์ทะเลมักจะเกิดขึ้นบ่อยในออสเตรเลียและมันอาจจะมาจากสาเหตุมากมายทั้งการป่วย บาดเจ็บ สภาพแวดล้อมที่ทำให้พวกมันเดินทางผิดพลาด แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามพวกเขาจะรีบจัดการปัญหาให้ไวที่สุด     ที่มา bbc

การที่เราจะดู หนังผู้ใหญ่ อยู่ในห้องตามลำพังคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ถ้าหากว่าเราดันได้มาดูหนังแนวนั้นซะกลางถนน บนจอฉายภาพขนาดยักษ์เหมือนอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี่ล่ะ มันจะเป็นอย่างไร เรื่องราวที่ว่านี้เกิดขึ้นในช่วงเย็นวันที่ 20 มีนาคม 2018 ช่วงเวลาเร่งรีบที่ผู้คนจำนวนมากต่างพากันใช้รถใช้ถนน หรือเดินบนทางเท้าบริเวณถนนในเมือง Makati ประเทศฟิลิปปินส์ แล้วในขณะที่การสัญจรกำลังแออัดอยู่นั้น จู่ๆ จอฉายภาพขนาดยักษ์ตรงหัวมุมถนนก็ดันเปิดคลิปหนังชมพูมาให้ดูกันแบบงงๆ ซะอย่างนั้น   ดันมีหนังผู้ใหญ่ฉายให้ดูตรงหัวมุมถนนซะอย่างนั้น   นั่นจึงทำให้เหล่าผู้อยู่ในเหตุการณ์รีบถ่ายสิ่งที่เห็นเอาไว้เป็นการด่วน ก่อนที่พวกเขาจะอัปลงโลกโซเชียล กลายเป็นกระแสที่โด่งดังไปทั่วโลก Maribert Pagente ผู้บริหารงานด้านธุรกิจและลิขสิทธิ์ภายในเมือง เขาได้เห็นคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นความยาวกว่า 30 วินาทีในช่วงคืนวันเดียวกัน จึงรีบติดต่อสั่งให้มีการยุติแพร่ภาพเป็นการด่วน นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างมาก เพราะในฟิลิปปินส์นั้น หนังผู้ใหญ่ถือว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย     ในวันต่อมา Abby Binay นายกเทศมนตรีของเมืองดังกล่าว ออกมาชี้แจงว่าทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งสืบหาสาเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อยู่ และจำเป็นต้องปิดจอฉายภาพเอาไว้ในระหว่างนั้น ทางด้าน Joseph Evangelista ประธานบริหารบริษัท Globaltronics ผู้ให้บริการแพร่ภาพลงจอฉายภาพนั้นบอกว่า นี่ถือว่าเป็นการโจมตีจากภายนอกที่ถือว่าเป็นเรื่องที่รุนแรงอย่างมาก กล่าวคือนี่อาจเป็นเหมือนกับการแฮคหรือส่งไวรัสเข้ามารบกวนระบบแพร่ภาพนั่นเอง เขาบอกอีกว่าสิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับภาพบนจอขนาดยักษ์ดังกล่าวเพียงอย่างเดียว มันยังเกิดขึ้นกับสื่อโซเชียลมีเดียอีกหลายๆ แห่งในโลกออนไลน์อีกด้วย    …

เราคงอธิบายไม่ได้ว่า ความสวยงาม ในความคิดของเรานั้นมันมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร การจะเปลี่ยนความรู้สึกหรือสิ่งที่เราคิดให้ออกมาเป็นรูปธรรมช่างเป็นเรื่องที่ยากเสียเหลือเกิน แต่ความจริงแล้วเราอาจไม่รู้มาก่อนเลยว่า ธรรมชาติสามารถเป็นตัวแทนที่อธิบายถึงสิ่งนั้นได้เป็นอย่างดีเลยจริงๆ ความยิ่งใหญ่ ความทรงพลัง และความงดงามของธรรมชาติ ทั้งหมดนั้นเราสามารถมองเห็นได้จากผลงานภาพถ่ายของ Karl Shakur ผู้อุทิศตนให้กับการออกผจญภัยไปยังโลกกว้าง เขาสนุกกับการได้ตามเก็บภาพเจ๋งๆ ทั่วโลก มีความสุขที่ได้ไปเจอประสบการณ์อันน่าเหลือเชื่อต่างๆ มากพอๆ กับที่เขาได้มาแชร์ประสบการณ์นั้นให้เราเห็น และนี่คือตัวอย่างผลงานของชายคนนี้ กับมุมมองของโลกในหลากหลายสถานที่ที่เราอาจไม่เคยเห็นมาก่อน มันจะเป็นอย่างไร เราลองไปชมกันเลย   ถนนที่ทอดยาวออกไป ในวิวทิวทัศน์ที่จะติดตาเราไปอีกนานแสนนาน   หากเรามองดูดีๆ ธรรมชาตินั้นล้วนเต็มไปด้วยความสวยงาม . .   ฝีมือของศิลปินหนุ่มคนนี้ ทำให้เราเข้าใจความงดงามทั้งหมดนั้นมากยิ่งขึ้น .   ความกว้างใหญ่ไพศาลของธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะครอบครองได้ทั้งหมด   รับรู้ได้ถึงความทรงพลัง .   แม้อาจจะดูเงียบเหงา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอ้างว้าง   เหมือนเป็นการผสมผสานระหว่างฤดูร้อน กับฤดูหนาว .   สิ่งที่เราเห็นมาตลอดอาจดูน้อยนิด เมื่อเทียบกับสิ่งที่ชายคนนี้ได้ไปเห็นมา .   หวังว่าภาพเหล่านี้จะเป็นแสงแห่งความสดใส ที่จะช่วยทำให้ทุกคนรู้สึกมีความสุขกับชีวิตให้มากยิ่งขึ้น ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ…

บ่อยครั้งที่เราดูหนังหรือซีรีส์ที่มียากูซ่ามาเกี่ยวข้อง เรามักจะเห็นวัฒนธรรมสองอย่างของยากูซ่า นั่นก็คือการคว้านท้องและการตัดนิ้วก้อย ซึ่งหลายคนที่ได้ดูก็คงจะเกิดความสงสัยว่าเขาทำกันไปเพื่ออะไร ทำไปทำไม โดยเฉพาะการตัดนิ้ว การนิ้วของยากูซ่านั้นจะเรียกกันว่า ‘ยูบิสึเมะ‘ ซึ่งแปลตรงตัวว่าทำให้นิ้วสั้น โดยการทำแบบนี้จะเป็นพิธีที่ใช้เพื่อชดเชยความผิดที่ทำไปด้วยการตัดนิ้วก้อย ต้นกำเนิดของวัฒนธรรมยากูซ่านี้เริ่มมาจากไหนและเมื่อไหร่นั้นไม่มีใครรู้แน่ชัด แต่มีการเล่าต่อกันมาว่าเริ่มจากช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 ถึงศตวรรษที่ 20 โดยกลุ่มนักพนันที่เรียกตัวเองว่าบาคุโตะและเทคิยะ เริ่มใช้มันเพื่อที่จะให้คนที่แพ้พนันจ่ายนิ้วแทนหนี้ที่ติดไว้     ส่วนสาเหตุที่ต้องเป็นนิ้วก้อยนั่นก็เพราะ ในสมัยก่อนที่ยังใช้ดาบเป็นอาวุธนั้น นิ้วก้อยถือเป็นนิ้วสำคัญที่ทำให้รากฐานในการจับดาบมั่นคง ฉะนั้่นถ้าเกิดว่าใครที่ถูกตัดนิ้วออกไปก็จะถูกลดความสามารถในการใช้อาวุธไปตลอดชีวิตจนรู้สึกว่าจะต้องพึ่งเจ้านายมากขึ้นนั่นเอง ขั้นตอนการตัดนิ้วนั้นจำเป็นจะต้องเอามือวางไว้บนผ้าขาว จากนั้นใช้มีด Tantō ในการตัดนิ้ว ก่อนจะส่งนิ้วดังกล่าวให้กับโอะยาบุง (หัวหน้า)     ส่วนเหตุผลหลักของการใช้นิ้วข้างซ้ายนั้นมาจากการที่มือซ้ายในวัฒนธรรมเอเชียถือเป็นเรื่องไม่ดี นอกจากนั้นจำนวนประชากรที่เกิดมาและถนัดซ้ายนั้นก็มีอยู่น้อยมากๆ เรียกว่ามีจำนวนน้อยสุดๆ โดยคิดเป็นอัตราร้อยละ 0.7 ของเด็กญี่ปุ่นที่กินข้าวด้วยมือซ้ายและ 1.7 ที่เขียนหนังสือด้วยมือซ้าย     การลงโทษด้วยวิธียูบิสึเมะ เป็นวิธีที่สามารถทำได้ตลอดแม้ว่านิ้วก้อยจะไม่เหลือแล้วก็ตาม เพราะถ้าสมาชิกคนๆ นั้นยังคงทำผิดเรื่อยๆ พิธีกรรมดังกล่าวก็จะยังคงดำเนินต่อไป และถ้าเกิดใครที่หลบหนีหรือปฎิเสธการลงโทษก็จะถูกขับไล่ออกจากแก๊งหรืออาจจะต้องถูกสั่งเก็บ…   ที่มา ladbible

ร่างกายเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับอาชีพ ‘นางแบบ’ เพราะไม่ว่าจะเป็นการเดินแบบหรือถ่ายแบบก็ล้วนแต่มีการโชว์รูปร่างทั้งนั้น และถ้าหากได้รับอุบัติเหตุหรือได้รับการผ่าตัดที่ทำให้มีรอยแผลเป็นอยู่บนร่างกาย นางแบบคนนั้นอาจจะต้องจบอาชีพของพวกเธอเลยก็เป็นไปได้ ซึ่งไม่ใช่กับ Bec Cravon นางแบบผู้ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะและนั่นได้ทิ้งรอยแผลเป็นอันใหญ่โตเอาไว้กลางอกของเธอ แต่เธอเรียนรู้ที่จะอยู่และยอมรับมันและยังให้ข้อคิดการรักตัวเองกับผู้อื่นอีกด้วย     ย้อนกลับไปเมื่อ Bec อายุ 24 ปี เธอได้จัดทริปไปเที่ยวที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย และทีนั่นเธอได้ติดไวรัสซึ่งส่งผลให้เป็นโรคหัวใจวายเรื้อรัง เหตุการณ์วันนั้นทำให้เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจและนั่นได้หลงเหลือรอยแผลเป็นซึ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงอันใหญ่โตให้กับชีวิตของเธอ และอย่างที่เราว่าไปในตอนต้นในฐานะนางแบบ หน้าตา รูปร่าง ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากๆ แม้จะเป็นรอยแผลเล็กๆ ก็สามารถส่งผลกระทบต่ออาชีพของเธอได้ ซึ่งการยอมรับในแผลเป็นที่หลงเหลืออยู่บนร่างกายมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย     หลายปีผ่านไป กระทั่งเธออายุได้ 29 ปี เธอได้โพสต์รูปและแชร์ประสบการณ์ลงในอินสตาแกรมส่วนตัวที่แสดงให้เห็นรูปของตัวเธอหลังจากผ่านการปลูกถ่ายหัวใจมา 5 สัปดาห์กับอีกรูปที่ถ่ายเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เธอกล่าวว่า “การที่ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะไม่เพียงแค่เหมือนกับการได้รับคำอวยพร แต่ยังเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ อีกด้วย บางเวลาฉันก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนรถไฟเหาะที่ไม่มีวันสิ้นสุด รอยแผลเป็นมันเป็นอะไรบางอย่างที่ซ่อนเอาไว้ได้ยาก แต่นี่มันปี  2018 แล้วนะ รอยแผลเป็นพวกนี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงความสวยงาม ความพิเศษ และความเป็นเอกลักษณ์ แต่ยังสิ่งที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวอันทรงพลังได้”     “มันแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่คุณเป็น มันจะมีพวกมาคอมเมนต์แย่ๆ อยู่เสมอแหละ…

ใกล้เข้ามาทุกขณะแล้วกับการแข่งกีฬาฟุตบอลสุดยิ่งใหญ่อย่าง 2018 FIFA World Cup ที่จะจัดขึ้นในประเทศรัสเซีย แน่นอนว่าทางประเทศเจ้าภาพก็กำลังเตรียมการยกใหญ่เพื่องานครั้งสำคัญนี้ เพียงแต่ใช่ว่าทุกคนจะพอใจในตัวเจ้าภาพซะทีเดียว เพราะล่าสุด Boris Johnson รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ ก็ได้ออกมาบอกว่า ถ้าเกิดให้ Vladimir Putin จัด World Cup มันก็จะเหมือนกับการให้ Adolf Hitler จัดงานโอลิมปิกเมื่อปี 1936!!     Boris ได้ยกเหตุผลว่า การจัดการแข่งขันกีฬานี้จะเป็นงานที่เชิดชูให้แก่ตัว Putin เป็นอย่างดี และมันก็เป็นแนวทางเดียวกับที่ Hitler เคยทำในงานโอลิมปิกสมัยที่เขายังอยู่ ซึ่งด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้ทางการอังกฤษตัดสินใจที่จะไม่คนในเชื้อพระวงศ์ไปชมการแข่งขันเด็ดขาด เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์วางยาพิษสายลับรัสเซีย และเขาก็ยังกลัวว่าทางการรัสเซียจะยังเคืองที่อังกฤษได้ขับไล่นักการทูตจากรัสเซียจำนวน 23 คน ออกจากสหราชอาณาจักรโทษฐานเป็นสายลับ     อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังบอกเสริมว่าแม้จะยกเลิกไม่ให้เชื้อพระวงศ์ไปชมกีฬา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ส่งทีมนักกีฬาทั้งหมดไปด้วย เพราะมันก็คงจะเป็นการไม่แฟร์กับนักเตะแน่ๆ ถ้าทำแบบนั้น ยังไม่หมดเท่านั้น เขายังบอกอีกว่า จะไม่มีการสั่งห้ามแฟนบอลใดๆ ทั้งสิ้น ฉะนั้นแฟนๆ จึงสามารถที่จะเดินทางไปเชียร์ยังสนามแข่งได้ตามปกติเช่นเดียวกับทีมนักกีฬาที่ยังสามารถเดินทางไปได้นั่นเอง เพียงแต่เขาได้แนะนำให้ประชาชนติดตามข่าวสารอัปเดตต่างๆ จากกระทรวงต่างประเทศอย่างเป็นประจำ หากมีเหตุร้ายเกิดขึ้นจะได้รับมือได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย…

ต้องขอบอกเลยว่าในวงการไอดอลของญี่ปุ่น เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่าง ‘แฟนคลับ’ กับ ‘ไอดอล’ นั้นเป็นอะไรที่แน่นแฟ้นมากๆ ไม่ใช่แค่ว่าบรรดาเหล่าแฟนคลับจะเป็นฝ่ายเข้าหาไอดอลเพียงอย่างเดียว แต่ไอดอลเองก็มีการเข้าหาแฟนคลับด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกันกับเรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของแฟนคลับวัย 55 ปี ที่เสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ทำให้ศิลปินไอดอลสาวอย่าง Emi Arisaka ตัดสินใจจัดงานคอนเสิร์ตขึ้นเพื่อรำลึกถึงเขา     เป็นเวลาหลายสิบปีแล้วที่ Okkyan คุณลุงแฟนคลับวัย 55 ปี ติดตามไอดอลสาว Emi Arisaka มา เขาเดินทางไปเข้าร่วมงานคอนเสิร์ตของเธอทุกงาน แต่ในปี 2017 เขาก็หายหน้าหายตาไปซะดื้อๆ ไม่มางานคอนเสิร์ตของไอดอลสาวเลย     Arisaka เริ่มเป็นห่วงแฟนคลับของเธอ จึงเริ่มเปิดค้นข้อมูลในโลกออนไลน์ แล้วก็พบว่า Okkyan หยุดการอัปเดตในโลกโซเชียลมีเดียมาได้สักพักหนึ่งแล้ว จนในที่สุดก็สืบทราบที่อยู่ของเขา เธอจึงตัดสินใจเดินทางไปเยี่ยมหาแฟนคลับตามที่อยู่นั้นเพื่อเช็กดูว่าเขาสบายดีหรือเปล่า แต่หลังจากที่ไปเยี่ยมก็ไม่พบใคร เพื่อนบ้านได้บอกเอาไว้ว่า Okkyan เข้าโรงพยาบาลไปเมื่อปีก่อนเพื่อรักษาโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของเลือดที่ไหลอยู่ในอวัยวะภายใน (Aortic dissection) หลังจากรักษาอาการป่วยเรียบร้อยก็กลับมาอยู่ที่บ้าน แต่จู่ๆ ก็ทรุดลงอย่างหนักจนทำให้ถึงแก่ชีวิตในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2017 Okkyan…

จินตนาการไม่ออกเลยว่า เด็กๆ ในโรงเรียนจะอึ้งกันขนาดไหน เมื่อพวกเขาพบว่า คุณครูสอนคณิตศาสตร์ของพวกเขาเป็นดาราหนังโป๊!? เมื่อเด็กนักเรียนในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งพบว่า Scott Sherwood ครูสอนคณิตศาสตร์วัย 50 ปีของพวกเขา แอบไปเป็นดาราหนังโป๊ Scott มีภาพถ่ายวาบหวิวออกมามากมาย อีกทั้งยังมีการแสดงหนังอย่างว่าด้วยฉายา Aaron Cage อีกด้วย     เด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งได้เข้าพบวิดีโอของ Aaron Cage ในเว็บไซต์ยูทูบ และเธอก็เข้าไปแสดงความคิดเห็นว่า “ชายคนนี้เป็นครูสอนคณิตฯ ของฉัน ชื่อจริงๆ ของเขาคือ Scott Sherwood กลัวแล้ววว”     โรงเรียน Peacehaven ในเมือง Peacehaven มณฑล East Sussex ประเทศอังกฤษ   หลังจากที่ Scott ออกมายอมรับว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้น เด็กๆ ในโรงเรียนก็เริ่มเผยแพร่ภาพวาบหวิวของคุณครูคณิตศาสตร์ท่านนี้กันอย่างแพร่หลาย จนกระทั่งฝ่ายผู้ปกครองนักเรียนเริ่มพากันเป็นกังวล เนื่องจากทางโรงเรียนไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งตัวของ Scott เองก็ไม่ได้มาทำงานเลยตั้งแต่มีข้อกล่าวหานี้เกิดขึ้น ผู้เป็นแม่ของนักเรียนรายหนึ่งกล่าวว่า โรงเรียนห้ามนักเรียนในการพูดถึงเรื่องครูสอนคณิตฯ…

ใครมาเห็นภาพของหญิงสาว Mila Blatova สาวชาวรัสเซีย ที่กำลังนั่งอยู่ท่ามกลางลูกโป่งสีดำ แต่งชุดสีดำ ถือเครื่องดื่มสีดำ พร้อมกับลูกโป่งตัวเลข 30 ที่ลอยอยู่ข้างหลังก็คงงงว่ามันเป็นงานเลี้ยงหรืองานศพกันแน่ แต่ภาพดังกล่าวเป็นงานเลี้ยงครบรอบวันเกิดวัย 30 ของเธอนั่นเอง แต่สำหรับเธอแล้วมันคือจุดจบของช่วงชีวิตวัยรุ่นของเธอ ก็เลยมีการเฉลิมฉลองด้วยบรรยากาศหม่นๆ แบบที่เห็นในภาพ…     Mila เล่าว่า “ไอเดียนี้มาจากการที่ฉันไม่อยากผ่านพ้นช่วงวัยที่ขึ้นต้นด้วยเลข 2 และพอกำลังจะผ่านไปมันทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะแก่ตัวขึ้น อีกด้านหนึ่งก็เป็นการยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมันเป็นสัจธรรมของชีวิต แต่เป็นวิธีการที่สนุกสนานตามแบบฉบับของฉัน ก็เลยออกมาเป็นงานเลี้ยงวันเกิดแบบมืดๆ หม่นๆ พร้อมกับความดราม่าหน่อยๆ”     แต่อย่างไรก็ตาม Mila ก็ไม่ได้มองว่าช่วงชีวิตหลังจากเลข 3 ไปนั้นเป็นเรื่องที่แย่แต่อย่างใด เธอยังคงตื่นเต้นกับการดำเนินชีวิตใหม่ๆ ที่เธออาจจะได้พบเจอในอนาคต ส่วนสิ่งที่เธอคิดถึงช่วงชีวิตในวัย 20 ก็คือความรู้สึกของความเป็น ‘วัยรุ่น’ เท่านั้น     นอกจากการไว้อาลัยแด่การจากไปของ ‘ชีวิตวัยรุ่น’ Mila ก็ได้ฉลองวันเกิดครบรอบ 30 ปี กับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน และเธอก็บอกว่าปาร์ตี้ในวันนั้นมันช่างน่าประทับใจเหลือเกิน     ที่มา…

เป็นอุทาหรณ์สอนคนขี้แกล้งได้อย่างดี สำหรับเหตุการณ์ที่พนักงานในโรงงานอุตสาหกรรม มีการกลั่นแกล้งกัน และได้ทำให้คนๆ หนึ่งเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิด ในวันที่ 15 มีนาคม 2018 พนักงานในโรงงานอุตสหกรรมชาวอินเดียวัย 40 ปีที่มีชื่อว่า Ravinder เขาถูกอัด “ลม” เข้าไปในช่องท้องผ่านทางทวารหนักอย่างรุนแรง ทำให้อวัยวะภายในแหลก มีเลือดตกค้างจำนวนมาก และเสียชีวิตในที่สุด   Ravinder ผู้เสียชีวิต วัย 40 ปี   เรื่องราวเกิดขึ้นจากการกลั่นแกล้งที่อันตรายของเพื่อนร่วมงานนามว่า Anjan Misra เขาให้การว่าขณะที่ Ravinder กำลังก้มลงเพื่อจะยกกองไม้ขึ้นจากพื้นนั้น เขาเห็นว่ากางเกงของ Ravinder หลวมและร่นต่ำลงจนเห็น “ร่องก้น” เขาจึงนำหัวฉีดลมยัดเข้าไปแล้วเปิดเครื่อง   หัวฉีดลมแรงดันสูง ที่ปกติใช้เพื่อ “ตัด” บล็อกไม้   หลังจากนั้นเขาก็ยังถูกกลั่นแกล้งอีกสารพัด จนในเวลาต่อมาเขาก็ล้มลงและหมดสติไป เขาจึงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว แต่ก็ช้าไปสำหรับการช่วยชีวิตเขา Ravinder เสียชีวิตลงในวันนั้นเอง     Mahendra Nath รองผู้บัญชาการตำรวจของรัฐเดลี ประเทศอินเดีย กล่าวว่า “หลังถูกกลั่นแกล้ง…

(อาจมีภาพหรือเนื้อหาที่ค่อนข้างกระทบกระเทือนจิตใจ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม)   สำหรับผู้ที่เป็นแม่ คงไม่มีเรื่องใดน่าโศกเศร้าไปกว่า การที่ต้องเสียลูกไปต่อหน้าต่อตา โดยเฉพาะอย่างย่ิ่ง เมื่อเราต้องรู้ว่า เทวดาตัวน้อยของเราจะไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลกเลยแม้แต่วินาทีเดียว… Sarah Jade คุณแม่วัย 33 ปีจากเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียได้คลอดบุตรชาย Aksel Jude หลังจากมีอายุครรภ์ได้ 33 สัปดาห์ ทั้งๆ ที่เธอก็รู้ดีว่าลูกของเธอ “ตาย” ไปตั้งแต่อยู่ในท้องแล้ว เนื่องจากพัฒนาการทางสมองมี โรคแทรกซ้อนที่รุนแรง   Sarah วัย 33 ปี และสามีของเธอ Tim วัย 34 ปี   Lacey Barratt คือช่างภาพที่ทำหน้าที่เก็บภาพการให้กำเนิดครั้งนี้เอาไว้ แสดงให้เห็นถึงสีหน้าของผู้เป็นแม่ ที่มีทั้งอารมณ์เจ็บปวดและโศกเศร้า Sarah กล่าวว่า “ฉันอยากให้การคลอดเป็นไปอย่างงดงาม ถึงแม้จะรู้ว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง ฉันก็ยังอยากให้กำเนิดลูกของฉันอยู่ดี เพราะฉันอยากเก็บภาพของช่วงเวลาเหล่านี้เอาไว้ในความทรงจำ”   “มันเจ็บปวดมาก ร่างกายฉันเบ่งแล้วเบ่งอีก จนกระทั่งน้ำตาฉันไหล”   “ร่างกายฉันเบ่งเขาออกมา แต่ใจฉันอยากเก็บเขาไว้ในตัวฉันเหลือเกิน”   “ฉันไม่เคยสัมผัสบรรยากาศที่เต็มไปด้วยหลายอารมณ์แบบนี้มาก่อน…

เพื่อให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ “ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ” มักเป็นคำให้กำลังใจที่มีการถูกใช้บ่อยๆ ยามที่ประสบกับปัญหาต่างๆ นาๆ ช่างเป็นคำที่สวยงามอะไรเช่นนี้ และดูเหมือน Stephanie กับ Joel Pavy จาก Darwin ประเทศออสเตรเลียก็คิดเช่นเดียวกัน พวกเขาไม่ยอมให้อะไรเข้ามาขัดขวางการแต่งงานของพวกได้ ไม่เว้นแม้แต่ ‘พายุไซโคลน’     ในวันที่ 18 มีนาคม 2018 กรมอุตุนิยมวิทยาของประเทศออสเตรเลียได้ประกาศเตือนว่าจะมีพายุไซโคลน Marcus เข้ามา ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่กับงานแต่งของพวกเขา แต่พวกเขาก็หาไม่หวั่นเกรงไม่ งานแต่งยังเดินหน้าต่อไป แม้ว่าพายุไซโคลนลูกนี่จะถูกประกาศระดับภัยพิบัติว่ารุนแรงที่สุดที่จะเข้ามาใน Darwin นับตั้งพายุไซโคลน Tracy ในปี 1974   .   Stephanie ผู้เป็นเจ้าสาวได้กล่าวว่า “ทุกๆ คนหัวเราะหนักมากตอบรับกับเหตุการณ์บ้าๆ ที่เราเจอ ก่อนหน้านี้ฉันส่งข้อความไปบอกแขกทุกคนในตอนเช้าว่างานแต่งยังดำเนินต่อไปนะ” “ฉันกังวลว่าแขกทุกคนจะไม่ยอมมางานของเราซะแล้ว แต่ช่างทำผมกับดีเจประจำงานนั้นกลับไม่มีปัญหาเรื่องฝนฟ้าอากาศ และยังคงทำหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างสุดยอด” รวมถึงครอบครัวของเธอก็ยังให้การสนับสนุนเต็มที่ในทุกทางที่พวกเขาจะทำได้ แม้ว่าจะมีบางคนที่ขอยกเลิกนัดในวันนั้นอย่างช่างแต่งหน้ากับบริษัทรถเช่า “พวกหลานสาวของฉันแต่งหน้าเก่งมาก ฉันเลยโทรให้เธอมาช่วยฉันซะเลยและเธอก็มาช่วยฉันจริงๆ ส่วนน้องสาวกับแม่ของฉันก็มาพาเราไปที่พิธี”   .   พวกเขายังได้รับความช่วยเหลือจากช่างภาพ George Fragopoulos ที่อาสาขับรถพาพวกเขาไปยังจุดที่จะใช้ถ่ายรูปงานแต่ง เขาบอกว่า “ผมมีประสบการณ์ถ่ายภาพที่…

นางแบบสาววัย 22 ปี จากประเทศรัสเซีย ประสบอุบัติเหตุจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะถูกผู้ชายต่างชาติทำร้ายและพยายามข่มขืน จนทำให้เธอต้องหนีเอาตัวรอดจนพลัดตกตึกโรงแรมจากชั้น 6!!     Ekaterina Stetsyuk สาวนางแบบจากเมือง Irkutsk ประเทศรัสเซีย เธอเปิดเผยเรื่องราวนี้ให้กับเพื่อนๆ ว่า เธอปฏิเสธที่จะมีเซ็กส์กับชายชาวต่างชาติในโรงแรมแห่งหนึ่งที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จากนั้นเขาก็พยายามที่จะข่มขืนเธอ Inge Stetsyuk คุณแม่ของเธอที่ได้รู้ข่าวจากการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ก็ได้เปิดเผยเรื่องราวกับสำนักข่าวท้องถิ่นว่า “เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ชายหนุ่มต่างชาติคนนั้นทำร้ายร่างกาย Katya (ชื่อเล่นของลูกสาว) เขาบีบคอเธอแล้วก็เอามีดจ่อที่คอ เพื่อเอาชีวิตรอด ลูกสาวของฉันก็เลยต้องกระโดดหนีออกมาทางระเบียงที่อยู่ชั้น 6 จนได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก” “เธอไม่สามารถเดินได้ จนเมื่อวาน Katya โทรมาบอกว่าเธอกำลังจะถูกจับเข้าคุก ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ผิดอะไร!?”     ตามรายงานระบุเอาไว้ว่าชายคนดังกล่าวเป็นชาวสหรัฐอเมริกา และถูกจับกุมตัวที่สนามบินดูไบขณะที่กำลังจะเดินทางหลบหนี แต่หลังจากถูกเจ้าหน้าที่จับกุมชายคนดังกล่าวก็ให้การกลับกันว่าแท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นคนพยายามทำร้ายเขา แถมยังบอกอีกว่าที่จริงแล้วหญิงสาวคู่กรณีน่ะที่แท้จริงแล้วเป็นสาวขายบริการ     ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องทำการควบคุมตัวของ Katya เอาไว้ ทั้งๆ ที่เธอยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล และหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ก็จะทำการสืบสวนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นต่อไป ทางด้านคุณแม่ของ Katya พอได้ทราบเหตุการณ์ก็เลยออกมาโต้ว่าแท้จริงแล้วลูกสาวของเธอไม่ได้เป็นสาวขายบริการ…

ทุกๆ นาทีบนโลกใบนี้ จะมีประชากรเกิดใหม่อยู่ตลอดเวลา โดยสถิติทั่วโลกจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 360,000 คนต่อวันและด้วยจำนวนคนเกิดที่มากขนาดนี้ ทำให้เด็กบางคนอาจจะประสบกับโรคประหลาดซึ่งหาได้ยาก… เหมือนอย่างเด็กผู้ชายผู้น่าสงสารคนนี้ Xiao Fei เด็กอายุ 11 เดือนที่เกิดมามีร่างกายพิการ มีขาที่สามโผล่ออกมาจากช่วงหว่างขาของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ     โดยอาการที่หนูน้อย Xiao Fei ต้องเผชิญนั้นเรียกว่า “แฝดปรสิต” (Fetus in Fetu) ซึ่งมีโอกาสพบเจอได้เพียง 1 ใน 500,000 คนเท่านั้น แฝดปรสติเป็นอาการจากความผิดปกติทางด้านพัฒนาการของตัวอ่อนขณะที่อยู่ในครรภ์ ที่มีตัวอ่อนของแฝดคนหนึ่งเข้ามาฝังอยู่ในตัวอ่อนของแฝดอีกคนหนึ่ง และหากแฝดปรสิตที่เข้าไปอาศัยอยู่ในร่างแฝดอีกคน จะเจริญเติบโตที่ช้ากว่าร่างที่อาศัยอยู่ และเมื่อโตขึ้นก็จะกลายมาเป็นอวัยวะส่วนเกินอย่างที่เห็นบนร่างเด็กชายคนนี้     เมื่อตอนยังตั้งครรภ์แม่ของ Xiao Fei ไม่ได้ไปตรวจครรภ์ ทำให้ไม่มีใครทราบถึงอาการผิดปกติดังกล่าว จนกระทั่งเขาเกิดมาในเขตปกครองตนเองซินเจียง และขณะนี้ได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้เพื่อรักษาอาการผิดปกติ ขาที่สามของเขาสร้างปัญหาอย่างมากให้กับระบบทางเดินอาหารและระบบปัสสาวะ ไม่เพียงเท่านั้น เด็กน้อยต้องพบเจอกับปัญหาอย่างอื่นอีกเช่น เท้าข้างขวาของเขามีรูปร่างที่ผิดปกติเหมือนมือ ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้อย่างที่ควรจะเป็น ในวันที่ 19 มีนาคม 2018 ศัลยแพทย์ต้องใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 10 ชั่วโมง…

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2018 ที่ผ่านมา ขณะที่ Dijonae White สาวน้อยวัย 13 ปีกำลังเล่นเกมอยู่กับน้องชายวัย 9 ปีของเธอ เธอก็ต้องมาเสียชีวิตเนื่องจากถูกน้องชายของเธอยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ศีรษะอย่างจัง เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากว่าผู้เป็นพี่สาว ไม่ยอมส่งจอยเล่นเกมให้กับน้องชาย ผู้เป็นน้องจึงหยิบปืนมายิงที่เข้าที่ด้านหลังศีรษะ ขณะนั้นผู้เป็นแม่กำลังเตรียมอาหารกลางวันอยู่ในครัว   น้องชายวัย 9 ปี ผู้ก่อเหตุ   สาวน้อยวัย 13 ปีถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเด็ก Le Bonheur ในเมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา ซึ่งเธอถูกแยกตัวออกมาอยู่ในบริเวณที่กันไว้สำหรับการดูแลแบบพิเศษ แต่หลังจากนั้นเธอก็เสียชีวิตเนื่องจากบาดแผลกระสุนอันสาหัส ทั้งนี้ พบว่าอาวุธปืนที่น้องชายวัย 9 ขวบใช้ก่อเหตุ คือปืนพก ขนาดลำกล้อง .25 ที่ถูกเก็บไว้ในลิ้นชักข้างเตียงของผู้เป็นแม่ ภายหลังทราบว่าเจ้าของอาวุธปืนดังกล่าวเป็นของคู่รักของแม่ที่ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย ผู้เป็นแม่ให้การว่า ลูกชายไม่เคยมีปัญหาด้านระเบียบวินัยหรือพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงมาก่อน โดยเฉพาะกับพี่สาวของเขา   Dijonae White และผู้เป็นแม่   Cecil Cantrell นายอำเภอหญิงแห่งเขตมอนโรในนิวยอร์ก กล่าวว่า “ฉันคิดว่าเขาเข้าใจเรื่องนี้นะ แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่เข้าใจ…

กลุ่มเฟมินิสต์ในกรุงปารีสได้ออกมาร้องเรียนต่อสภาเมือง เพื่อให้ทางการสั่งปิดธุรกิจที่ลงทะเบียนในนามเกมเซนเตอร์แห่งหนึ่งใจกลางเมืองนามว่า Xdolls ซึ่งหลังการสำรวจพบว่าแท้จริงร้านดังกล่าวไม่ได้เปิดเป็นเกมเซนเตอร์ดังที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด การร้องเรียนดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่มีการแจ้งว่าร้าน Xdolls ที่ขายบริการตุ๊กตายางนั้นได้ทำผิดกฎหมาย ซึ่งทางร้านได้ลงทะเบียนตัวร้านในฐานะเกมเซนเตอร์ แต่กลับกันแล้วภายในไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แต่กลับเปิดเป็นร้านขายบริการตุ๊กตายางโดยใช้ชื่อดังกล่าวบังหน้า ซึ่งนั่นถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายทางอาญา     ด้าน Joaquin Lousy เจ้าของกิจการเคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อในฝรั่งเศสเกี่ยวกับร้านของเขาว่า ทางร้านได้ใช้หุ่นตุ๊กตายางขนาดเท่าคนจริง ซึ่งมูลค่าแต่ละตัวนั้นถือว่าสูงมาก และให้บริการกับลูกค้าที่ต้องการระบายอารมณ์ทางเพศ โดยทางร้านได้เปิดให้บริการชั่วโมงละ 89 ยูโรต่อชั่วโมง (ประมาณ 3,400 บาท) ที่สำคัญยังมีห้องแยกและสะอาดไว้คอยใหบริการถึง 3 ห้อง และฐานลูกค้าส่วนใหญ่นั้นจะเป็นผู้ชาย และบางครั้งก็มีผู้หญิงหรือคนที่มาเป็นคู่เช่นกัน     ถึงแม้จะมีการเปิดเผยข้อมูลของร้านอย่างไร และมีการยืนยันว่าเป็นตุ๊กตา ไม่ใช่เป็นผู้หญิงจริงๆ มาขายบริการ แต่ดูเหมือนว่า Bonnet Ouladj ผู้นำกลุ่มเฟมินิสต์ก็ยังคงไม่พอใจอยู่ดี เธอต้องการให้ทางการปิดร้านดังกล่าวให้ไวที่สุด ด้วยเหตุผลที่ทางร้านลงทะเบียนเป็นร้านเกม แต่ความจริงกับกลายเป็นการค้าบริการ และสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้กับผู้หญิง นอกจากนี้ Bonnet ยังเสริมอีกว่า และต่อให้ร้านดังกล่าวไม่ลงทะเบียนในฐานะร้านเกม แต่ร้าน Xdolls ก็ไม่ได้มีลักษณะเหมือนร้านเซ็กส์ทอยแต่อย่างใด แต่มันเป็นสถานที่ที่สร้างรายได้จากการข่มขืน และในทุกๆ ปีก็จะมีผู้หญิงถูกข่มขืนมากถึง…

โรงพยาบาลเปรียบได้เหมือนดั่งความหวังสุดท้าย ที่จะทำให้ร่างกายของคนเรากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แต่ก็ยังคงมีในบางกรณีที่การรักษากลับทำให้ชีวิตของผู้ป่วยย่ำแย่ลงกว่าเดิม เรื่องราวของผู้ป่วยหญิงวัยรุ่นอายุ 15 ปี จากฮ่องกง ที่มีอาการปวดหัว ปวดคอ และรู้สึกว่าร่างกายด้านขวามีความอ่อนแรงผิดปกติ และเริ่มต้นเข้ารับคำแนะนำทางด้านการรักษากับทางโรงพยาบาล United Christian Hospital ในวันที่ 31 ตุลาคม 2017     จากนั้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2017 แพทย์ได้วินิจฉัยว่าเธอประสบกับอาการไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน อาจจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งหรือเซลล์ประสาททั้งหมดที่ได้รับความเสียหาย และได้รับการรักษาด้วยสเตอรอยด์ในทันที แต่กลับไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ     แพทย์จึงแนะนำให้รับการรักษาด้วยวิธี Plasmapheresis (การฟอกเลือด) กระบวนการรักษาที่จะนำพลาสมาที่เป็นพิษออกจากร่างกาย ทำให้สะอาดหมดจนก่อนจะนำกลับเข้าสู่ ระบบการไหลเวียนเลือดในร่างกายอีกครั้ง ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2017 เธอเข้ารับการรักษาด้วยวิธีดังกล่าว และหลังจากที่แพทย์ได้ทำการสวมสายสวนหลอดเลือดไปที่ลำคอ เธอเกิดอาการช็อกส่งผลทำให้เลือดไหลไปกองอยู่ที่บริเวณหน้าอก     ทางทีมแพทย์ได้ทำการเอกซเรย์ และทำให้ครอบครัวของผู้ป่วยมั่นใจว่ายังอยู่ในระดับที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตามทีมแพทย์ได้ตัดสินใจย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล Queen Elizabeth Hospital เพื่อรับการรักษาเลือดที่สะสมค้างอยู่ในบริเวณหน้าอกแทน ในขณะที่ทีมแพทย์ทีมใหม่จะทำการเจาะเส้นเลือดดำของผู้ป่วย กลับพบว่าเส้นเลือดแดงของเธอได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง จากการสวมสายสวนหลอดเลือดที่คอจากโรงพยาบาลแห่งแรก…

เมื่อ 2 ปีก่อน ในวันที่ฝนตกหนัก Kathryn van Beek สังเกตเห็นสัตว์ตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง อยู่ในสภาพเปียกปอนกลางสายฝน บนถนนในเมือง Auckland ประเทศนิวซีแลนด์ มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตัวเล็กมากๆ จนแทบจะมองไม่เห็น เธอไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันใช่แมวหรือเปล่า เพราะมันดูเหมือนหนูมากกว่า     แต่พอเพ่งจนแน่ใจ van Beek ก็รู้ว่ามันเป็นลูกแมวตัวน้อยที่เพิ่งเกิดใหม่ๆ และมันน่าจะมีอายุได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น หญิงสาวพยายามมองเห็นแม่ของมิ้วน้อยอยู่สักพัก แต่ก็ไม่เจอ เธอจึงตัดสินใจพามันกลับบ้าน และตั้งชื่อให้มันว่า Bruce      van Beek บอกว่า “ตอนแรกฉันคิดว่ามันจะรอดชีวิตได้ดี แต่ไม่กี่วันต่อมา มันเริ่มป่วยหนักขึ้น หนักขึ้นเรื่อยๆ ฉันเลยค้นหาข้อมูล พบว่า สัตว์ที่อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่รอด” อย่างไรก็ตาม หญิงสาวไม่ยอมแพ้ เธอพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้มันมีชีวิตรอด เริ่มจากการให้อาหารมันตามที่สัตวแพทย์แนะนำ และคอยเฝ้าดูอาการมันตลอดเวลา     หลังจาก Bruce ไปหาหมอตลอด 6 สัปดาห์ และให้อาหารที่จำเป็นอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดมันก็เริ่มฟื้นตัว ขนของมันเริ่มเปลี่ยนจากสีเทาเป็นสีดำ มิ้วน้อยมีอาการที่เรียกว่า Fever Coat ซึ่งจะเกิดกับลูกแมวที่เกิดจากแม่แมวที่ป่วยหรือเครียด ส่งผลให้ขนของแมวเปลี่ยนเป็นสีเทา…

มีการขโมยรถยนต์หลายๆ ครั้งที่เกิดขึ้นจากการที่เจ้าของรถคิดมาลงทำไปธุระเพียงเดี๋ยวเดียว จึงไม่ดับรถหรือล็อกประตูรถ ซึ่งโจรทั้งหลายก็จะใช้จังหวะนั้น เข้าไปขโมยและขับรถออกไปทันที เหมือนอย่างเหตุการณ์น่าเศร้าที่เกิดขึ้นในประเทศเวลส์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาได้มีการแจ้งว่ามีเด็กน้อยวัย 2 ขวบเสียชีวิตหลังจากรถที่เธอโดยสาร ถูกโจรร้ายขโมยไป และเธอก็ติดอยู่ในนั้นขณะที่รถคันดังกล่าวพุ่งลงแม่น้ำ     วันที่ 19 มีนาคม 2018 ที่ผ่านมา ได้มีคุณแม่คนหนึ่งได้โพสต์เฟซบุ๊กว่ารถ Mini Cooper สีเทาของเธอถูกขโมยไปและในรถมีลูกของเธออยู่ด้วย ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ Dyfed-Powys Police ได้รับแจ้งความว่ามียานพาหนะหายไปตอนเวลา 22.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ก็ได้รวบรวมกองกำลังออกตามหาและได้พบกับซากรถพร้อมกับร่างของหนูน้อยที่แช่อยู่ในแม่น้ำ Teifi อีกในเวลา 00.10 น. เมื่อเช้าในวันที่ 20 มีนาคม 2018 หน่วยกู้ภัยได้ทวีตข้อความว่า “น่าเศร้า ที่เราต้องขอยืนยันว่า Kia Moore อายุ 2 ขวบได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อคืนที่ University Hospital of Wales หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากรถที่จมอยู่ในแม่น้ำ”     Jet Moore พ่อของเด็กน้อยกล่าวผ่านเฟซบุ๊กว่า “ขอขอบคุณกับความช่วยเหลือของพวกคุณทุกคนในเย็นนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ได้โดดลงไปในแม่น้ำ และหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินที่เหลือสำหรับทั้งหมดที่พวกเขาทำ น่าเสียดาย Kiara ที่ได้มีชีวิตดีๆ……

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ในเมือง Tijuana ประเทศเม็กซิโก เจ้าหมา Sophie ถูกพบขณะที่มันนอนอยู่ในกองขยะพร้อมผ้าห่มเก่าๆ ผืนหนึ่ง ไม่มีใครรู้ว่าสุนัขผู้น่าสงสารตัวนี้ถูกทิ้งไว้ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว แต่บนตัวของมันเต็มไปด้วยบาดแผล หูของมันมีเลือดออก และท้องของมันก็ดูหย่อนคล้อยจากการมีลูก     การพบน้องหมาครั้งแรกในสภาพเช่นนั้น ทำเอา Nikki Audet ผู้ก่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือสุนัข The Mutt Scouts แทบไม่อยากเชื่อสายตัวเอง Audet บอกว่า “มันถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำอีก อดีตของมันคือฝันร้ายอันยาวนาน”     ต่อมากลุ่มช่วยเหลือสัตว์ได้พา Sophie ไปยังโรงพยายาบาลทันที และได้คำตอบจากคุณหมอว่าสุนัขตัวนี้ถูกละเลยมานาน และยังถูกใช้เป็นเหยื่อล่อในการประลองสุนัขด้วย มันมีรอยแผลอยู่ทั่วร่างกาย มีรอยกัด มีเลือดออก ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่ามันถูกทำร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า     สัตวแพทย์บอกว่าก่อนหน้านี้มีสุนัขอีกตัวที่ถูกพาเข้ามาที่นี่ มันถูกโจมตีและมีบาดแผลคล้ายกับของ Sophie ฟันของมันหักทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถสู้กลับได้ สำหรับ Sophie วัย 5 ขวบ มันมีทั้งเห็บและหมัด แต่เจ้าหน้าที่ได้อาบน้ำให้ และช่วยรักษารอยแผลต่างๆ หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์อาการของมันก็ดีขึ้น มันจึงถูกส่งตัวไปยังรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อทำการรักษาต่อ     ด้วยความรักจากคนรอบตัว ทำให้ดวงตาของ Sophie กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง และไม่นานหลังจากนั้นมันก็โผเข้ากอดผู้ดูแล เพื่อแสดงความขอบคุณ…

คนมากมายอาจจะคิดว่าเด็กๆ คงทำอะไรได้ไม่มาก เพราะพวกเขายังเด็กเกินไปที่จะสามารถทำอะไรที่มีผลกระทบต่อโลกได้ แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะเด็กบางคนมีความคิดสร้างสรรค์และงดงาม จนสามารถทำในสิ่งที่ผู้ใหญ่บางคนอาจไม่เคยทำด้วยซ้ำ โดยเฉพาะเด็กชายคนนี้ Ken เด็กชายวัย 8 ขวบ ที่หายออกจากบ้านเป็นประจำทุกวัน ตอนแรกพ่อแม่ก็ไม่ได้คิดอะไร พอนานเข้าๆ คุณพ่อเกิดความสงสัย เลยแอบตามเขาไปดูว่าเขาไปที่ไหน ทำอะไรกันแน่     หัวใจของผู้เป็นพ่อแทบจะละลาย เมื่อตามไปจนเจอว่าลูกไปทำอะไร ภาพที่เห็นคือ  Ken กำลังให้อาหารและเล่นกับสุนัขจรจัดกลุ่มหนึ่ง มิตรภาพของเด็กชายกับสุนัขจรจัดเริ่มขึ้นเมื่อเขาพาสุนัขตัวเองไปเดินเล่น แล้วบังเอิญไปเจอกันสุนัขจรจัด เขาเลยคิดจะทำบางอย่างเพื่อพวกมัน     ขณะที่ Ken กำลังให้อาหารและเล่นกับสุนัขจรจัด ผู้เป็นพ่อได้แอบถ่ายรูปเขาไว้ ก่อนจะนำไปโพสต์ในโซเชียล จนได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก ชายเน็ตบางคนรู้สึกปลาบปลื้มกับสิ่งที่ Ken ทำ พวกเขาจึงเริ่มบริจาคเงินมาให้เขาเพื่อสนับสนุนในสิ่งที่เขาทำ…     เด็กชายบอกว่า “บางคนใจดีมาก พวกเขาบริจาคเงินให้เพื่อช่วยผมในการดูแลสุนัขเหล่านี้ ตอนนี้เรามีเงินมากมายสำหรับเลี้ยงดูสุนัขข้างถนน เราซื้ออาหารอย่างดีให้และพาพวกมันไปหาสัตวแพทย์ด้วย” เขาบอกอีกว่า “บางตัวมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น บางตัวจากที่เคยมีแผลสด ตอนนี้ก็หายสนิท ในขณะที่อีกหลายตัวมีขนขึ้นตามปกติอีกครั้ง”     ในที่สุด ความฝันของ Ken…

ปัญหานี้ในมุมมองคนที่ชอบของหวานแล้ว เรียกว่าเป็นปัญหาระดับชาติเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อทางการประเทศนอร์เวย์ได้ทำการขึ้นภาษีถึง 83% ทำให้ชาวเมืองจำนวนมากจะต้องข้ามแผ่นดินไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อซื้อนมหวานเพราะมีราคาที่ถูกกว่า ส่วนประเทศที่ว่านั่นก็คือประเทศสวีเดนนั่นเอง ซึ่งที่ประเทศดังกล่าวนั้นไม่ได้มีการเก็บภาษีน้ำตาลแต่อย่างใด ฉะนั้นการซื้อขนมในสวีเดนจึงมีราคาไม่แพงมากเมื่อเทียบกับในนอร์เวย์ที่น้ำตาลและช็อกโกแลตมีราคากิโลกรัมละ 145 บาท     ด้านเหตุผลที่ทำให้นอร์เวย์จะต้องตัดสินใจขึ้นภาษีน้ำตาลนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะว่าประเทศนอร์เวย์มีการเก็บภาษีน้ำตาลมาแล้วกว่า 96 ปี โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 1922 ด้วยเหตุผลของการที่รัฐต้องการให้ผู้คนสุขภาพดีโดยเฉพาะเด็กๆ อาจจะอ้วนเกินไปถ้าบริโภคน้ำตาลเป็นจำนวนมาก แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่จะมีการขึ้นภาษี จำนวนเด็กอ้วนในประเทศก็ยังคงมีอัตราที่น้อยกว่าประเทศอื่นๆ อยู่ดี เพราะเทียบกันแล้วนอร์เวย์จะมีเด็กอ้วนในอัตรา 1 ต่อ 6 คน กลับกันแล้วสหรัฐอเมริกานั้นมีอัตราอยู่ที่ 1 ต่อ 3 คน     อย่างไรก็ตาม นอกจากผลเรื่องสุขภาพแล้ว กลุ่มคนที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมของหวานก็ออกมาบอกว่า ถ้าเกิดมีการขึ้นภาษีหนักหน่วงขนาดนี้มันอาจจะส่งผลให้การแข่งขันในตลาดน้ำตาลและของหวานลดลง คนจะหันไปซื้อของหวานหนีภาษีจากประเทศเพื่อนบ้านเยอะขึ้น ซึ่งทางการจะว่าอย่างไรนั้นก็คงต้องรอดูผลกันต่อไป เพราะว่าเดิมทีทางนอร์เวย์ได้วางโร้ดแมพไว้ว่าจะลดจำนวนปริมาณการบริโภคน้ำตาลให้ประชาชนให้น้อยลงเหลือ 12.5% ภายในปี 2021 ส่วนจะได้ผลจริงหรือไม่ก็คงได้แต่ติดตามกันต่อไปนั่นเอง…     ที่มา washingtontimes

ภาพของโรงเรียนที่อยู่ในความทรงจำของเรา คือภาพของสถานที่ที่เต็มไปด้วยเด็กๆ ทำกิจกรรมกันอย่างสนุกสนาน มีคุณครูคอยช่วยอบรมสั่งสอน ให้ความรู้ในหลากหลายวิชา แต่โรงเรียนแห่งหนึ่งในประเทศจีนนั้นจะต่างจากที่เราเห็นมาโดยตลอด จนได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “โรงเรียนที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก” เลยก็ว่าได้ ที่นี่คือโรงเรียนประถม Youcheng Primary School ตั้งอยู่ในส่วนลึกของทิวเขา Taihang เขตมณฑลเหอนาน ประเทศจีน ซึ่งแตกต่างจากโรงเรียนอื่นๆ ตรงที่มีคุณครูเพียงคนหนึ่ง และนักเรียนแค่หนึ่งคนเท่านั้น   คุณครูและลูกศิษย์ที่เหลือกันแค่สองคนในโรงเรียน   Xu Zefang ชายวัย 54 ปีคืออาจารย์เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของโรงเรียน และเขาได้สอนนักเรียนเพียงแค่คนเดียวนั่นคือเด็กน้อยวัย 11 ปีที่มีชื่อว่า Xu Jiaqi Zefang นั้นเริ่มสอนในโรงเรียนแห่งนี้ตั้งแต่ปี 1982 ซึ่งในตอนช่วงยุค 90s นั้น โรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนอยู่มากกว่า 100 คนและมีคุณครูถึง 9 คน     แต่พอวันเวลาผ่านไป ภาครัฐมีการจัดแผนพัฒนาขึ้นมาทำให้เกิดโรงเรียนแห่งใหม่ใจกลางเมืองด้านล่างหุบเขา ทำให้ผู้ปกครองในหมู่บ้านตัดสินใจส่งลูกๆ ของตัวเองไปเรียนในที่แห่งนั้น เพื่อให้ได้รับการศึกษาที่ดีกว่าเดิม ถึงอย่างนั้นเด็กน้อย Jiaqi ก็เลือกที่จะอยู่ ด้วยเหตุผลที่ทำให้หลายๆ…

ท่ามกลางสังคมโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความเจริญทางด้านวัตถุที่กำลังก้าวหน้าไปไม่สิ้นสุด แต่กลับกันประเพณีตามสังคมในหลายๆ ประเทศ ยังคงถูกรักษาและปฏิบัติตามธรรมเนียมเดิมอยู่ และหากพูดถึงการแต่งงาน โดยหลักแล้วก็จะต้องเป็นคู่บ่าวสาวที่มีความรักให้แก่กัน และตกลงที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันจนถึงวาระสุดท้าย ซึ่งในประเทศเวียดนามกลับมีบางสิ่ง ที่เริ่มแตกต่างออกไปในรายละเอียดจุดนี้     เว็บไซต์ Straitstimes รายงานว่า ผู้หญิงในประเทศเวียดนามนั้นนิยมจัดฉากการแต่งงาน โดยเลือกใช้บริการจากธุรกิจ ‘เจ้าบ่าวให้เช่า’ เนื่องจากต้องการที่จะหลีกเลี่ยงคำวิจารณ์และความอัปยศ ที่จะตีตราว่าเป็นหญิงนอกสมรส หรือมีลูกก่อนแต่ง ความนิยมในธุรกิจดังกล่าวนั้น สามารถทำสร้างกำไรให้กับผู้ให้บริการอย่างคาดไม่ถึง แม้จะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง  แต่หญิงแม่ลูกเดี่ยวก็ยังคงเลือกที่จะจ่าย เพราะไม่อยากตกเป็นที่วิจารณ์ของผู้คนในสังคม     และเพื่อไม่ให้ปัญหาการทำแท้งเพิ่มจำนวนมากขึ้น ธุรกิจดังกล่าวจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ อันเป็นทางเลือกให้กับผู้หญิงที่ต้องการจะเลี้ยงลูกของตน และไม่อยากจะทำให้ตัวเองและครอบครัว ได้รับความอับอายจากความผิดพลาด การจัดฉากแต่งงานเหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ตราบใดที่ไม่มีเรื่องของการจดทะเบียนสมรสเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นเหมือนการจ้างนักแสดงมาสวมบทบาททั่วไป   นาย Nguyen Xuan Thien หนึ่งในผู้ก่อตั้งและให้บริการในธุรกิจดังกล่าว   Nguyen Xuan Thien หนึ่งในผู้ก่อตั้งและเป็นผู้ให้บริการธุรกิจเช่า เผยราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 40,000 บาท และ 130,000 บาท สำหรับแพคเกจเต็มรูปแบบ โดยที่ผ่านมาเขาเคยจัดงานแต่งปลอมมากว่า…

สำหรับคนรักสัตว์แล้ว ต่อให้ตัวเองจะลำบากแค่ไหน พวกเขาก็นิ่งเฉยไม่ได้เมื่อเห็นสัตว์ตกอยู่ในความยากลำบาก และจะทำทุกวิถีทางเพื่อพาพวกมันพ้นจากความทุกข์ เหมือนกับผู้หญิงคนนี้ที่อาศัยอยู่ในค่าย Blikkiesdorp ใน Cape Town ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งย่านมีคนจนอาศัยอยู่เยอะที่สุดในประเทศ ใน Blikkiesdorp ซึ่งเป็นเขตชุมชนแออัด ผู้คนจะอาศัยอยู่ในกระท่อมหลังเล็กๆ ที่ทำจากแผ่นเหล็ก เศษไม้ และยางเก่าๆ     นอกจากคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้จะมีชีวิตที่ยากลำบากแล้ว เหล่าหมาแมวก็ได้รับอาหารไม่เพียงพอเช่นกัน แม้พวกมันบางตัวจะมีเจ้าของก็ตาม ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้ตระหนักถึงการให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยง ในการพาพวกมันไปหาสัตวแพทย์ หรือบางคนรู้ แต่ไม่มีเงินพอสำหรับทำแบบนั้นได้     อย่างไรก็ตาม เมื่อ 6 ปี ก่อน กลุ่มรักสัตว์ Tin Can Town ได้เข้าไปให้การช่วยเหลือหมาแมวที่นั่นทุกๆ วันอาทิตย์ ทั้งกำจัดหมัด ให้อาหาร และยังเปิดให้โทรหาได้ตลอด 24 ชั่วโมง กรณีที่มีสัตว์ต้องการความช่วยทางการแพทย์ด่วน     เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Tarryn Martin ช่างภาพอาสาของ Tin Can Town ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้ามาพร้อมกับรถของเล่นที่มีสุนัขอยู่ข้างใน หญิงสาวคนนั้นยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะประชาสัมพันธ์ของ Tin Can Town เพื่อรอให้อาสาสมัครเข้าไปดูสุนัขตัวน้อยๆ ของเธอ…

เกมมือถือ กลายเป็นสิ่งที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากสำหรับใครหลายๆ คน ด้วยภาพที่มีความสวยงามและรูปแบบของเกมอันหลากหลาย ตอบสนองต่อความชอบได้เป็นอย่างดี จนบางครั้งอาจจะทำให้คุณถึงกับคลั่งไคล้ ทุ่มเททั้งเวลาและเงินทองไปเป็นจำนวนมากเหมือนอย่างชายคนนี้ เขามีชื่อว่า Daigo หนุ่มญี่ปุ่นวัย 31 ปีผู้เริ่มเล่นเกม Fate/Grand Order มาตั้งแต่ประมาณช่วงปี 2016 ตอนที่เกมเปิดตัวเป็นครั้งแรก จนถึงปัจจุบันเขาก็ยังคงคลั่งไคล้เกมนี้อยู่   Daigo ชายหนุ่มผู้ชื่นชอบเกมมือถือ Fate/Grand Order เป็นอย่างมาก   เกมดังกล่าวจะทำให้คุณได้สวมบทบาทเป็นเจ้านาย คอยสั่งการให้ลูกน้องที่อยู่ภายใต้การควบคุมเข้าโจมตีตามด่านต่างๆ หรือจัดทีมสู้กับผู้เล่นคนอื่นๆ ได้ อีกหนึ่งความโดดเด่นของเกมนี้คือตัวละครที่รับบทมาเป็นลูกน้องของเรา ทุกตัวละครต้นแบบมาจากผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของเราเมื่อครั้งอดีต อย่างเช่น จูเลียส ซีซาร์ หรือ สปาร์ตากุส นักรบผู้มีชื่อเสียงในอดีต   ตัวละครในเกม มีต้นแบบมาจากคนในประวัติศาสตร์จากหลายยุคหลายสมัย   เพราะอย่างนั้นจึงทำให้ Daigo เกิดความหลงใหลในตัวละครต่างๆ เขาจึงเล่นเกมนี้อยู่แทบจะตลอดเวลา ยกเว้นเพียงแค่ตอนขับรถ ตอนอาบน้ำ และตอนหลับเท่านั้นเอง     นอกจากนั้นแล้วเขายังต้องการที่จะทำให้ทีมของตัวเองแข็งแกร่งมากที่สุด เขาจึงตัดสินใจใช้ระบบเติมเงินจริงเข้าไปในเกม เพื่อให้ตัวเองสามารถเปิดหาตัวละครเก่งๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น เขาจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งเขาใช้เงินจริงไปประมาณ…

ณ สวนสัตว์ชื่อว่า Nicolas Bravo ในรัฐอีดัลโก ประเทศเม็กซิโก ชายผู้ทำความสะอาดสวนสัตว์ได้ถูก สิงโต ขย้ำจนเสียชีวิต เนื่องจากปิดกรงสิงโตไม่สนิท Gustavo Serrano Carabajal ชายหนุ่มวัย 28 ปี ได้เข้าไปทำความสะอาดกรงสิงโตตามหน้าที่ปกติ แต่เหตุร้ายกลับเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด เมื่อ Carabajal ลืมล็อกกรงสิงโตให้สนิท จึงทำให้สิงโตสามารถเปิดกรงออกมาและเข้าทำร้ายด้วยการกัดเข้าที่บริเวณคอ     Carabajal นั้นเสียชีวิตก่อนที่ความช่วยเหลือฉุกเฉินจะมาถึง ซึ่งศพของเขานั้นถูกพบอยู่ในกรงขังสิงโตเพศผู้วัย 22 ปีตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า Kimba Fernandez Perez Romero ตัวแทนสภาท้องถิ่นกล่าวว่า สิงโต Kimba จะไม่ถูกฆ่าแม้ว่ามันจะเข้าทำร้ายคนทำความสะอาดสวนสัตว์จนเสียชีวิตก็ตาม   .   Romeo กล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่จะมีการสร้างเสริมความปลอดภัยให้มากขึ้น หากต้องทำงานที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ที่ถูกขังอยู่ในกรง สัตว์ในสวนสัตว์แห่งนี้ 75 เปอร์เซ็นต์เป็นสัตว์ที่ทาง หน่วยงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลกลาง (PROFEPA) ช่วยเหลือ โดยการให้สวนสัตว์แห่งนี้เป็นที่พักพิงและเลี้ยงดู     Romeo ยังรายงานว่า สวนสัตว์ดังกล่าวกำลังดำเนินการเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัย เช่น…

สุนัขที่ถูกละเลย หรือไม่มีเจ้าของ มักจะตกเป็นเหยื่อของมนุษย์ในบางครั้ง บางตัวถูกทำร้าย บางตัวถูกฆ่า ในขณะที่หลายๆ ตัว กลายเป็นเพียงของเล่นของมนุษย์ อย่างสุนัขจากฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาตัวหนึ่ง ที่ถูกพบว่ามีคนฉีดโคเคนใส่ร่างกายมันและปล่อยให้มันนอนตายอยู่ข้างถนนอย่างโดดเดี่ยว     นี่เป็นเรื่องราวของ Peanut สุนัขวัย 1 ขวบ มันถูกพบขณะนอนหมดสติอยู่บนทางเท้าเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา และหลังจากที่กรมควบคุมสัตว์เข้าไปช่วยเหลือ พวกเขาบอกว่ามันนอนนิ่งอยู่ท่าเดิมเป็นเวลากว่า 2 วัน ตามรายงานของ Faithful Friends Animal Society ศูนย์พักพิงที่ให้การช่วยเหลือ Peanut ระบุว่าสุนัขตัวนี้ถูกพบนอนหมดสติอยู่หน้าบ้านของคนที่เป็นที่รู้จักกันดีว่าติดยา     ในขณะที่ผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวเป็นคนฉีดโคเคนใส่น้องหมาผู้น่าสงสารตัวนี้ และเมื่อเจ้าหน้าที่นำไปทดสอบ พบว่ามีโคเคนปนเปื้อนอยู่ในร่างกายของ Peanut จริง Faithful Friends Animal Society บอกว่า “เมื่อน้องหมามาถึงศูนย์ครั้งแรก มันดูไม่มีแรงและแทบจะไม่ตอบสนองใดๆ เลย”     สิ่งแรกที่เจ้าหน้าที่ทำคือ ขับสารโคเคนออกจากร่างกายของมัน พร้อมกับคอยปลอบโยนมันตลอดเวลา เพื่อให้มันรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง แม้ว่าอาการของ Peanut จะยังไม่หายเป็นปกติ แต่หลังจากที่ได้รับการเยียวยามาสักระยะ มันก็สามารถเดิน…

ปัญหาใหญ่สำหรับผู้เดินทางบนท้องถนนคือ ห้องน้ำ เพราะแน่นอนว่าอาการปวดปัสสาวะหรืออุจจาระนั้นสามารถเกิดขึ้นได้โดยที่ไม่ได้นัดหมายหรือแจ้งเตือนกันไว้ก่อน ทำให้เราอาจจำเป็นที่จะต้องใช้ห้องน้ำตามปั๊มน้ำมัน ซึ่งคงเป็นสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ค่อยอภิรมย์เท่าไหร่ เพราะคุณมักจะได้เจอกับความสกปรกและรู้สึกไม่เป็นส่วนตัวของสถานที่แห่งนี้ แต่แล้วคุณจะต้องเปลี่ยนความคิดนั้นไปอย่างแน่นอน หากคุณได้มาเจอกับสุดยอดห้องน้ำในปั๊มน้ำมันที่จะทำให้คุณรู้สึกราวกับเป็นราชา ในช่วงเวลาแห่งการปลดทุกข์   ห้องน้ำสุดหรู คุณค่าที่การอุจจาระของคุณคู่ควร   ห้องน้ำแห่งนี้เป็นของปั๊มน้ำมัน Petron สาขาหนึ่งในเมือง Quezon ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นสถานที่ปลดทุกข์ที่สามารถสร้างความสบายใจให้กับคุณได้ตั้งแต่แรกเห็น เพียงแค่เปิดประตูเข้าไปก็สามารถรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ได้ทันที ภายในห้องถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ต่างๆ มีทั้งโต๊ะเครื่องแป้ง โครงเก้าอี้ที่ช่วยให้ชักโครกมีความอลังการมากยิ่งขึ้น หรือแม้แต่กระจกที่ทำให้เรารู้สึกราวกับอยู่ในพระราชวัง   ไฟสีส้มภายในห้อง ช่วยทำให้ทุกอย่างดูอร่ามตาไปหมด   แม้แต่รายละเอียดอย่างกรอบกล่องใส่ทิชชู่หรือถังขยะเองก็ถูกตกแต่งเอาไว้ด้วยสีทองอร่าม เข้ากับทุกอย่างของห้องได้เป็นอย่างดี เรียกว่าทั้งสวยงาม ยิ่งใหญ่ และลงตัวแบบสุดๆ   การเก็บรายละเอียดที่พยายามทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับอยู่ในยุคกลาง   ทางด้านขวาจะมีป้ายขนาดใหญ่ใส่กรอบรูปพร้อมกับประโยคที่ว่า “ที่ปั๊ม Petron คุณคือราชา” ช่างเป็นสโลแกนที่หนักแน่นจริงๆ และนั่นคงเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาตกแต่งห้องน้ำออกมาให้สวยงามขนาดนี้   ป้ายที่แสดงเจตนารมณ์ของห้องน้ำแห่งนี้   นี่จึงกลายเป็นห้องน้ำที่ทำให้คุณรู้สึกว่ามีอำนาจอยู่เสมอ ในยามใดที่ได้เข้าไปปลดปล่อยมวลพลังงานออกจากร่างกาย ราวกับเป็นการประกาศศักดาความเป็นราชาอย่างไรอย่างนั้น   ภายนอกดูไม่มีอะไร แต่ภายในช่างยิ่งใหญ่เป็นยิ่งนัก   โคมไฟพี่แกดูดีกว่าหลอดตะเกียบที่บ้าน #เหมียวตะปู อีก  …

เรื่องของความต้องการทางเพศเป็นสิ่งที่ไม่เข้าใครออกใครและมันก็สามารถเกิดขึ้นมาได้ทุกเมื่อ แต่บางครั้งก็ใช่ว่าเราจะสามารถปลดปล่อยมันออกมาได้ในทันทีเสมอไป เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจจะต้องกลายเป็นคนรับผลกระทบที่ตามมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เหมือนกับชายคนนี้ นี่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่มีชื่อว่า Shane Brennan จากเมือง Wollongong ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2017 เขาได้นั่งรถไฟเที่ยวที่ออกเวลา 9.56น. เพื่อเดินทางออกจากเขต Port Kembla ซึ่งในระหว่างนั้นเขาก็ได้เจอกับผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาคุยด้วย   Shane ชายหนุ่มที่ได้เจอกับสาวแปลกหน้า   หญิงสาวนิรนามคนนั้นจู่ๆ ก็เดินเข้ามาแล้วบอกกับ Shane ว่า “ตอนนี้ฉันรู้สึกมีอารมณ์มากๆ เลย คุณอยากจะมีอะไรกับฉันมั้ย?” ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะต้องปฏิเสธไปอย่างแน่นอน เพราะเธอเป็นใครก็ไม่รู้ เมื่อหญิงสาวไม่ได้รับในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เธอจึงทำการ ช่วยตัวเอง ให้เขาดูต่อหน้าต่อตาซะเลย คราวนี้เลยทำให้ชายหนุ่มเกิดความต้องการทางเพศขึ้นมา เขามองซ้ายมองขวาเห็นว่าภายในขบวนไม่มีใคร เขาจึงทำยื่นข้อเสนอกลับไปให้สาวคนนั้นว่า เธอต้องการอยากจะใช้ปากทำให้เขามั้ย? และแน่นอนว่าเธอก็ตอบตกลงในทันที หลังจากเสร็จกิจ Shane ก็ใช้น้ำโค้กที่มีอยู่ล้างร่างกายของตัวเองให้เสร็จสรรพก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันไป โดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น ถูกถ่ายเอาไว้ได้ด้วยกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่     เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นว่าผู้หญิงสำเร็จความใคร่ให้กับชายหนุ่ม พวกเขาจึงมาดักรอที่สถานีต่อไปในทันทีและเข้าจับกุมตัวชายคนนี้เอาไว้ วันที่ 13 มีนาคม 2018…

เป็นที่รู้กันดีว่าเหล่าหนังสือเรียนและตำราต่างๆ จะอัดแน่นไปด้วยจำนวนหน้าของความรู้ที่เราจะต้องเรียน จนทำให้บางครั้งยังมองไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องรีบเรียน รีบอัดความรู้ใหม่ๆ จนทำให้ถูกมองข้ามไป… แต่ใครเล่าจะรู้ถึงประโยชน์ของตำราหนาๆ เหล่านี้ เมื่อมันสามารถช่วยชีวิตนักเรียนรายหนึ่ง ให้รอดพ้นจากวิถีกระสุนที่จะเข้าไปฝังในร่างกายได้!!     นักเรียนผู้ไม่เปิดเผยนามจากประเทศบราซิล ได้ทำการเปิดเผยภาพของตำราเรียนของตน ในสภาพที่ยับยู่ยี่ถูกแหวกเป็นวิถีกลางกระดาษ ซึ่งเกิดขึ้นจากเหตุที่เขากำลังเดินท่ามกลางจัตุรัสอันวุ่นวายกลางเมือง และเกิดเหตุเสียงปืนดังขึ้นในช่วงเวลานั้น     เมื่อทุกคนได้ยินเสียงปืนต่างแตกตื่นแยกกันไปคนละทิศทาง และนักเรียนรายนี้ก็เช่นเดียวกันโดยที่ไม่รู้ตัวว่ากระสุนได้วิ่งตรงมาหาตัวเขาเรียบร้อยแล้ว ภายหลังเขาเพิ่งมารู้ตัวว่ามีกระสุนฝังอยู่ในตำราเรียน ในตำแหน่งที่เหมาะเจาะกลางหน้ากระดาษ หลายหน้าได้รับความเสียหาย แต่แลกมาด้วยความปลอดภัยของชีวิต     เขากล่าวกับนักข่าวไว้ว่า “เมื่อพวกมือปืนมาถึง ลั่นไกเข้าไปในบริเวณร้านขายเนื้อ และเดินเข้ามาใกล้ผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับยิงปืนอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็มีชายผิวเข้มพร้อมปืน .38 ยิงปืนออกมาจากหัวมุมหนึ่งที่น่าจะเข้ากระเป๋าผมจังๆ” มีผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าวสามราย และมีผู้บาดเจ็บอีกเจ็ดราย โดยเป็นหนึ่งในสามของเหตุการณ์ยิงปืนในคืนเดียวกัน ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าทั้งสามเหตุการณ์นี้ มีผู้ลงมือเป็นคนกลุ่มเดียวกัน และยังไม่สามารถทำการจับกุมตัวได้   ประโยชน์ของตำราหนาๆ อาจจะช่วยชีวิตคุณในการสอบ และปกป้องเราจากกระสุนปืนได้นะเออ!!   ที่มา : ladbible

ในวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมาที่สถานีรถไฟ JR ในเขต Shinagawa กรุงโตเกียว มีห้องน้ำแห่งหนึ่งที่กำลังจะกลายเป็นตำนานบทใหม่ของห้องน้ำอันเป็นที่สุดของห้องน้ำทั้งปวง ทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์นาม Chinda ได้ไปเห็นภาพห้องน้ำหญิงประจำสถานีรถไฟ Shinagawa ที่มีสัญลักษณ์ห้องน้ำหญิงติดไว้เป็นจำนวนมาก จึงได้ทำการถ่ายภาพส่วนด้านหน้าของห้องน้ำที่ว่าและทำการโพสต์ภาพลงบนโลกออนไลน์     ห้องน้ำสุดแปลกแห่งนี้ ประดับไปด้วยสัญลักษณ์ “ห้องน้ำผู้หญิง” อันเป็นที่รู้กันไปทั่วโลก ขนาดต่างๆ กันไปจำนวนมากมายถึง 8 อัน โดยที่ป้ายทั้งหมดมีสีแดงของเนื้อปลาแซลมอน ซึ่งเป็นสีสำหรับสตรีในความเชื่อของประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้นยังมีป้ายอีกสองอันที่เขียนว่า “ไม่มีห้องสำหรับผู้ชายอยู่ที่นี่” และป้าย “ห้องน้ำสำหรับผู้หญิง” ที่เขียนด้วยภาษาต่างๆ สามภาษา โดยที่ทามกลางสัญลักษณ์ห้องน้ำผู้หญิงสีแดงเหล่านั้น ยังมีป้ายสุขาหญิงสีดำ ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นป้ายดั้งเดิมอยู่อีกหนึ่งป้าย แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะในเวลาหกวันต่อมา Chinda ก็ได้พบว่าห้องน้ำที่เขาเคยถ่ายรูปไว้ได้มีการปรับปรุงยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมอีกหนึ่งขั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว     ป้ายที่เพิ่มเข้ามาส่วนใหญ่จะอยู่ที่เดิม แต่มีการเอาป้ายสีดำที่เป็นป้ายดั้งเดิมออก โดยใส่ป้ายลอยสีแดงปลาแซลมอนอันที่เก้าเข้ามาแทน มีการทาสีกำแพงเป็นสีแดงอีกด้วย และที่สำคัญคือมีข้อความเสียงที่บันทึกไว้ “ที่นี่ไม่ใช่ห้องน้ำชาย” เล่นซ้ำไปซ้ำมาอยู่ที่หน้าห้องน้ำอีกด้วย แน่นอนว่าข่าวในครั้งนี้ย่อมได้รับกระแสตอบรับจากโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก มีคนจำนวนมากที่สงสัยในที่ไปที่มาของห้องน้ำแห่งนี้ “มันอาจจะมากไปนิด แต่ผมคิดว่าผมชื่นชมกับความทุ่มเทของพวกเขานะ” “ฉันชอบที่พวกเขามีป้ายที่บอกขนาดของร่างกายผู้หญิงหลายๆ แบบนี่ล่ะ” “ฉันแน่ใจว่า ยังไงก็จะมีผู้ชายเข้าไปอยู่ดี” “ในฐานะที่เป็นผู้ชาย…

ถ้าพูดถึงเรือนจำที่เอาไว้ขังนักโทษโดยปกติทั่วไปเราคงคิดว่าน่าจะมีสภาพที่ไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ ภายในอาจจะสกปรกหรือให้ความรู้สึกอึดอัดเป็นแน่แท้ แต่เรือนจำที่เราจะนำมาให้คุณได้ดูในวันนี้ จะทำให้คุณต้องเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับคุกที่ว่ามันต้องสกปรก ต้องออกแบบธรรมดาๆ ไปเลย เพราะนี่คือ “Ny Anstalt” เรือนจำที่มีมนุษยธรรมที่มีการออกเหมือนกับรีสอร์ตสุดหรูหรา ที่กำลังจะเปิดให้บริการภายในประเทศกรีนแลนด์ ในปี 2019     เรือนจำ Ny Anstalt นี้เป็นผลงานที่ได้มาจากการแข่งขันออกแบบเรือนจำแบบใหม่ที่จะตั้งอยู่ในมหานคร Nuuk ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศกรีนแลนด์ ที่นี่มีห้องขังทั้งหมด 76 ห้องแบ่งเป็นห้องขังแบบปิด 40 และห้องขังแบบเปิดอีก 36 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องจะมีเนื้อที่ 12 ตารางเมตร แม้ว่าพื้นที่แต่ละห้องจะดูเล็ก แต่นักโทษก็สามารถเพลิดเพลินไปกับการชมวิวสวยๆ ของภูเขา Sermitsiaq ที่อยู่ล้อมรอบเรือนจำนี้ได้ และใน Ny Anstalt ยังมีพื้นที่ให้นักโทษได้มานั่งพบปะสมาคมรวมถึงห้องครัว ศูนย์การกีฬา ห้องสมุดและโบสถ์ให้ได้ใช้บริการกันอีกด้วยอีกด้วย     จุดประสงค์ของการออกแบบเรือนจำหรูหราหลังนี้ เพราะนักโทษจะได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวและมีปัญหาเรื่องการปรับตัวเวลาที่พ้นโทษและได้กลับเข้าสังคมอีกครั้งหนึ่ง และที่พิเศษคือนักโทษของเรือนจำนี้สามารถที่จะเข้าไปในเมืองเพื่อทำงานหาเงินได้ แต่ต้องกลับมาเรือนจำทุกๆ เย็น ลักษณะเด่นของเรือนจำนี้คือการที่ใช้กระจกมาเป็นวัสดุในการก่อสร้าง นักโทษที่มาถึงจะได้มองเห็นเข้ามาในตัวของเรือนจำได้ เพื่อช่วยอาการบอบช้ำทางจิตใจ โครงการนี้กินพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 8,000 ตารางเมตร ซึ่งถูกสร้างมาเพื่อตอบสนองต่อวิกฤตการณ์การขาดแคลนเรือนจำแบบปิด ซึ่งทำให้ต้องส่งนักโทษอันตรายไปอยู่ที่ Herstedvester ประเทศเดนมาร์ก…

ใครบางคนเคยพูดไว้ว่า เด็กนั้นก็คือเด็ก พวกเขาจะพูดในสิ่งที่คิด และบอกเราในสิ่งที่อยู่ในหัวพวกเขาจริงๆ โดยที่ไม่มีอะไรแอบแฝงทั้งนั้น จนบางครั้งก็ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าผู้ใหญ่จริงๆ เสียอีก คำพูดในครั้งนี้คงเป็นคำอธิบายที่ดีของเหตุการณ์ในครั้งนี้เลยก็เป็นได้ เพื่อที่จะกระตุ้นพฤติกรรมการอ่านหนังสือที่ดีในเด็ก นิตยสารเด็กญี่ปุ่นรายหนึ่งจึงได้จัดทำมุม ตอบคำถามรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจขึ้น โดยคำถามที่ส่งเขามายังนิตยสารนี้นั้น จะได้รับการตอบโดยเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษานั่นเอง ตามที่ผู้ใช้ Twitter ชาวญี่ปุ่น นำมาแชร์นั้น ประเด็นในครั้งนี้เกิดขึ้นกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่ถามทางนิตยสารนี้ ถึงวิธีการที่จะเป็นที่นิยมกับผู้หญิง   คำถาม: “ผมเป็นชายโสดอายุ 45 ปีแล้ว ตอนนี้ผมกำลังกังวลเรื่องการหาแฟน และแต่งงาน ได้โปรดบอกผมทีว่า ผมจะเป็นที่นิยมกับผู้หญิงได้ยังไง“   คำตอบ: พวกเราก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยมกับผู้หญิงพูดอะไรมากไม่ได้ แต่คนที่เป็นที่นิยมจริงๆ กลับทำให้เรารู้สึกรำคาญมากกว่า บางครั้งเรายังตะโกนว่า “คนที่มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบมันมีแต่พวกบ้าๆ เท่านั้นล่ะ” แต่ถึงทำอย่างนั้น เราก็จะไม่สามารถเป็นที่รักของทุกคนได้อยู่ดี เอาเป็นว่า เราได้ยินมาว่าคนแบบ 7K กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิงอยู่ในตอนนี้ คนแบบที่เท่ (Kakkoi) ไม่สกปรก (Kitanakunai) ไม่มีกลิ่นตัว (Kusakunai) ฉลาด (Kashikoi) ปากหวาน  (Kuchi Ga Umai) เอาใจใส่ (Kuki Yomeru) และไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น (Kurabenai) อะไรทำนองนั้น…