Category: ข่าวคราวรอบโลก
-
แหวกแนว!! หนุ่มขอสาวแต่งงาน ด้วยการติดป้ายโฆษณาขนาดยักษ์กลางเมืองซะเลย
การขอแต่งงาน เป็นเรื่องสุดโรแมนติกที่ไม่ว่าใครๆ ต่างก็อยากจะได้ยินคำนี้จากปากคู่รักของตัวเองทั้งนั้น แต่ว่าหากขอแต่งงานกันแบบธรรมดาๆ ก็คงไม่เป็นที่น่าจดจำในชีวิตคู่เท่าไหร่นัก บนโลกนี้จึงได้มีการขอแต่งงานแปลกๆ เกิดขึ้นมากมาย รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหนุ่มสาวคู่นี้ เมื่อฝ่ายชายตัดสินใจขอหญิงสาวแต่งงานด้วยการติดป้ายโฆษณาขนาดยักษ์หรากลางเมืองซะเลย!! ใครไม่เห็นให้มันรู้ไป Gareth Illidge กราฟฟิกดีไซเนอร์หนุ่มวัย 29 ปีอาศัยอยู่ในเมือง Pontefract ประเทศอังกฤษ เช่นเดียวกันกับ Becci Thourgood แฟนสาวที่กำลังคบหากันอยู่ และเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม Gareth ก็คิดว่าควรจะขอ Becci แต่งงานได้แล้ว ทว่าด้วยอาชีพดีไซเนอร์สุดครีเอทบวกกับอุปนิสัยขี้อายของเขา ทำให้เขามีความคิดจะขอแฟนสาวแต่งงานด้วยป้ายโฆษณาขนาดใหญ่แทน โดยป้ายที่เขาได้ทำขึ้นมีชื่อของแฟนสาวโดดเด่นหราอยู่บนสุด แล้วก็มีคำขอแต่งงานที่มาพร้อมกับอิโมติคอนน่ารักๆ และหากหญิงสาวตกลงก็ให้ส่งข้อความไปหาเขาว่า ‘ตกลง’ นั่นเอง มาหรือจะไม่ตกลง ทำซะขนาดนี้ นอกจากนั้นบนป้ายโฆษณานี้ยังมีแฮชแท็กสุดขำขันว่า #Don’t say no, this cost a fortune ซึ่งมีความหมายว่า “อย่าปฏิเสธเลย ป้ายนี้เสียตังติดนะ” ซึ่งผู้คนที่พบเห็นป้ายนี้ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มันช่างเต็มไปด้วยความโรแมนติกและสร้างสรรค์ซะเหลือเกิน “ผมอยากจะทำสิ่งหนึ่งที่หลุดออกไปจากกรอบเดิมๆ และด้วยความที่มันที่เป็นคำขอที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม ผมจึงสร้างป้ายนี้ขึ้นมาติดไว้เมืองท้องถิ่นที่เราอาศัยอยู่” เหมาะสมกันจริงๆ “และเหตุผลหลักๆ…
-
ภัตตาคาร ‘สายเปลือย’ จากฝรั่งเศส ปล่อยให้ลูกค้าล่อนจ้อนทานอาหาร เพิ่มอรรถรสในการชิม
โดยปรกติแล้วการทานอาหารในภัตตาคารหรูๆ คุณอาจจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม และอาจจะต้องหาชุดหล่อๆ มาใส่เพื่อเสริมบุคลิกให้กับตัวเอง แต่สำหรับที่ภัตตาคาร O’naturel ในกรุงปารีสนั้นคุณแทบจะไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าให้ปวดหัวเลย!! ภัตตาคารนู้ดแห่งแรกในฝรั่งเศสนี้ จะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับอาหารท้องถิ่นสุดคลาสสิคที่หาทานได้ยาก และที่สำคัญคุณยังสามารถเอร็ดอร่อยกับอาหารแบบไม่สวมเสื้อผ้าอีกด้วย แต่อย่างไรตามที่นี่ไม่ใช่ร้านภัตตาคารนู้ดแห่งแรกของยุโรป โดยก่อนหน้านี้ในปี 2016 ได้มีการเปิดภัตตาคารแบบนี้ขึ้นในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และดูเหมือนว่ามันจะประสบความสำเร็จมากๆ อีกด้วย คุณ Mike และคุณ Stephane Saada สองพี่น้องฝาแฝดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภัตตาคารนู้ดจากเกาะอังกฤษ และเริ่มนำมันมาให้ชาวฝรั่งเศสได้สัมผัส และมองเห็นว่าภัตตาคารแบบนี้จะสามารถเติบโตได้ที่ฝรั่งเศสเช่นกัน คุณ Strphane เจ้าของร้านวัย 42 ปีให้สัมภาษณ์ว่า “โดยส่วนมากแล้วผู้คนมักจะเปลือยกายเฉพาะช่วงหน้าร้อน แต่ว่าร้านของเราช่วยให้พวกเขาสนุกกับการเปลือยกายได้ตลอดทั้งปี” ภายในร้าน O’naturel นั้นถูกประดับตกแต่งแบบสไตล์มินิมอล และพร้อมที่บริการอาหารฝรั่งเศสหรูๆ อย่างเช่นล็อบสเตอร์ ตับห่าน และหอยทากกับครีมพาสลีย์ นอกจากนี้ยังมีเมนูสำหรับคนที่เป็นมังสวิรัติอีกด้วย โดยคอร์สอาหารแบบ 3 จานนั้นเริ่มต้นที่ราคา 57.5 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1,800 บาท ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปทานอาหารภายในร้านได้นั้นลูกค้าจะต้องถอดเสื้อผ้ารวมทั้งโทรศัพท์มือถือไว้ด้านนอกห้องก่อน โดยที่พวกเขาสามารถสวมเพียงแค่รองเท้าแตะเข้าไปในร้านได้เท่านั้น “หน้าที่ของเราคือทำให้ลูกค้าพอใจ เมื่อพวกเขาเข้ามาในส่วนของห้องอาหารแล้วหน้าที่ของเราคือทำให้พวกเขาสบายใจ และไม่รู้สึกว่ากำลังถูกแอบมองอยู่” คุณ Stephane กล่าว ร้านอาหารแห่งนี้เปิดให้บริการเฉพาะมื้อเย็นเท่านั้น และจะมีการคัดกรองลูกค้าที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมจากร้านอีกด้วย…
-
อาจารย์มหาวิทยาลัยโอซาก้าลั่นวาจา เจ้าชายในสโนว์ไวท์เป็นพวกล่วงละเมิดทางเพศ
เราเชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้จักหรือเคยได้ยินเกี่ยวกับแอนิเมชั่นของ ดิสนีย์ เรื่อง สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด และเรื่อง เจ้าหญิงนิทรา มาบ้าง ซึ่งฉากเด่นที่ทุกคนอาจจดจำได้ดี คงจะเป็นฉากที่เจ้าชายจูบเจ้าหญิงเพื่อปลุกเธอให้ตื่นจากนิทรานั่นเอง ฉากจูบนี้ทำเอาหลายคนเคลิ้มกับความโรแมนติกที่เจ้าชายมีต่อเจ้าหญิงจนฟินจิกหมอน แต่ศาสตราจารย์ Kazue Muta กลับเห็นต่างออกไป เธอมีความคิดเห็นว่านั่นเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมเลย Kazue Muta เป็นศาสตราจารย์หญิงใน มหาวิทยาลัยโอซาก้า เธอมีเชี่ยวชาญด้านสังคมศาสตร์ ประวัติศาสตร์และเพศสภาพศึกษา เธอทราบข่าวที่มีชายคนหนึ่งแอบไปจูบหญิงสาวที่กำลังหลับอยู่บนรถไฟ ในจังหวัดวากายามะ ประเทศญี่ปุ่น และเป็นกังวลเกี่ยวกับการกระทำในทำนองนี้ เธอจึงอยากสะกิดใจชาวเน็ตว่าการกระทำแบบนี้ไม่เหมาะสมเลยแม้แต่น้อย เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา เธอจึงได้ทวีตเปรียบเปรยว่าเจ้าชายในเรื่องเจ้าหญิงนิทราและสโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดนั้น กระทำการคุกคามทางเพศโดยจูบเจ้าหญิงที่หลับอยู่ “หากพิจารณาเรื่องสโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด และเจ้าหญิงนิทรากันดีๆ แล้ว ‘การปลุกเจ้าหญิงให้ตื่นด้วยจุมพิต’ นั้นเป็นการคุกคามทางเพศกับคนไม่ได้สติ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำลายฝันนะ แต่ต้องการให้ทุกคนเห็นว่าเทพนิยายพวกนี้สนับสนุนให้คนทำผิด” ทวีตของเธอนั้นได้จุดประเด็นเรื่องศีลธรรมและความถูกต้อง เกี่ยวกับการจูบคนที่หลับอยู่ได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่ามีทั้งคนที่เห็นด้วยกับเธอและคนที่เห็นต่างด้วยเช่นกัน “ในกรณีนี้น่าจะเป็นการช่วยเหลือมากกว่าการคุกคามทางเพศนะ” “เธอพูดถูก อยู่ๆ เราจะไปไล่จูบคนที่หลับอยู่ได้ไง เจ้าหญิงก็แค่บังเอิญตื่นมาเถอะ” “จะเอาตรรกะทั่วไป ไปใช้กับเทพนิยายไม่ได้หรอก” “จากมุมมองของผมที่เป็นทนาย ถ้าสโนว์ไวท์ไม่ฟ้องร้อง เจ้าชายก็ไม่ผิด” แม้จะไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่อย่างน้อยศาสตราจารย์…
-
โฆษณา ‘ห้างเฟอร์นิเจอร์’ ในหนังสือพิมพ์แบบโคตรล้ำ ที่คุณต้องไม่เคยเห็นมาก่อนแน่ๆ!!
ใครที่อ่านหนังสือพิมพ์เป็นประจำคงจะเห็นการโฆษณาสินค้าแปะอยู่ด้วยเกือบทุกหน้า แต่โฆษณาเหล่านั้นมักถูกมองข้ามเสมอ ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ แต่สำหรับการโฆษณาของห้างเฟอร์นิเจอร์ HIPER CENTRO Corona ที่แฝงอยู่ในหนังสือพิมพ์ มีความสร้างสรรค์ซะจนคุณต้องดูแล้วดูอีก นี่เป็นการโฆษณาอันสร้างสรรค์ที่แฝงอยู่ในหนังสือพิมพ์ของประเทศโคลอมเบีย ที่ทางผู้อำนวยการ Felipe Salazar เป็นคนคิดขึ้นมา เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า Salazar ตั้งชื่อคอนเซ็ปต์ของเขาว่า Cocinas Corona หรือ Corona Kitchen ซึ่งเป็นการยกห้องครัวมาเป็นโฆษณา แต่ความพิเศษของมันคือ มันไม่ใช่ภาพห้องครัวแบบจะๆ เหมือนโฆษณาทั่วไป แต่เป็นภาพห้องครัว 3 มิติที่แฝงอยู่ในตัวหนังสือ ซึ่งถ้าไม่สังเกตดีๆ คุณอาจจะไม่รู้เลยว่ามันเป็นห้องครัว สำหรับ HIPER CENTRO Corona นั้น เป็นห้างที่ขายของใช้และอุปกรณ์ตกแต่งภายในบ้าน ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับโฮมโปรในบ้านเรานี่แหละ ที่นี้เวลาอ่านหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารต่างๆ ลองสังเกตดูดีๆ นะ อาจจะพบโฆษณาสุดสร้างสรรค์แบบนี้แฝงอยู่ก็เป็นได้ ที่มา designyoutrust l mymodernmet
-
สามีหึงโหด จามขวานใส่มือภรรยาจนขาด หลังพบข้อความที่ชายอื่นส่งให้และเคยถูกขอหย่า
ความรักมักจะมาพร้อมกับความหึงหวงเสมอ ซึ่งไม่ใช่เร่ื่องผิดอะไรเพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้น แต่ถ้าความรู้สึกนั้นมันมากไป อาจทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ อย่างกรณีของ Dmitry วัย 26 ปี ที่จามขวานใส่ข้อมือของภรรยาจนขาด Margarita Grachyova วัย 25 ปี หลังพบข้อความที่ชายอื่นส่งมาให้ จนทำให้คิดว่าเธอกำลังนอกจากใจเขาอยู่ ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ Margarita เคยขอหย่ากับสามีเนื่องจากเขาเคยใช้ความรุนแรงกับเธอ และทั้งสองคนก็แยกกันอยู่แล้ว ล่าสุดคุณหมอได้ทำการต่อข้อมือให้เธอข้างหนึ่งแล้ว แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะสามารถกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมหรือเปล่า ส่วนมืออีกข้างหนึ่งได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง จนไม่สามารถรักษาได้ Margarita เล่าว่า “ฉันยื่นคำร้องเพื่อขอหย่ากับเขา และเมื่อเขาเห็นข้อความที่ฉันคุยกับเพื่อนร่วมงานชาย ทำให้เขาเชื่อว่าฉันกำลังเดตกับเพื่อนคนนี้ และเคยตามฉันที่โรงหนังด้วย” เธอบอกว่า “เขาหึงหวงฉัน… ขอโทษนะคะตอนนี้ฉันรู้สึกเจ็บปวดเกินที่จะจำเรื่องที่เกิดทั้งหมดได้” ทางด้านฝ่ายชายต้องถูกคุมขังในคุกจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าและต้องถูกจำคุกเป็นเวลา 15 ปี หากพิจารณาคดีแล้วพบว่าเขามีความผิดจริง เขาสารภาพกับตำรวจว่าใช้ขวานจามมือภรรยาหลังจากที่ขับรถพาเธอเข้าไปในป่า โดยทิ้งลูกๆ ไว้ที่โรงเรียนอนุบาล จากนั้นก็คงมือบดขยี้นิ้วมือภรรยาด้วยขวานและจามขวานใส่สะโพกของเธอก่อนจะตัดมือทั้งสองข้างของเธอจนขาด หลังจากที่ระบายความโกรธเสร็จ เขาได้พาภรรยาไปโรงพยาบาล ก่อนจะไปมอบตัวกับตำรวจ…เมื่อถามว่ารู้สึกผิดกับสิ่งทำและคิดว่ามันเป็นการกระทำที่โง่เขลามั้ย? เขาตอบว่า “แน่นอน ผมสำนึกผิด และสิ่่งที่ทำลงไปมันโง่มากๆ” เขาบอกอีกว่าก่อนที่จะพาภรรยาเข้าไปในป่า เขาส่งข้อความไปหาแม่และน้องสาวของเขาว่า “ขอโทษนะ ผมไม่สามารถมีชีวิตแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะผมถูกสวมเขา” นอกจากนี้เขายังเคยบอกเพื่อนๆ ด้วยว่า “พวกคุณจะได้ยินข่าวของผมในเร็วๆ…
-
เกิดเหตุรถไฟขัดข้องกลางสะพานนานนับชั่วโมง งานนี้ต้องพึ่งพาของวิเศษ “ห้องน้ำฉุกเฉิน”
การใช้บริการรถไฟนั้นถือเป็นตัวเลือกแรกๆ สำหรับการเดินทางในญี่ปุ่นเลย และเมื่อเป็นหนึ่งในระบบขนส่งมวลชนที่ผู้คนนิยมใช้มากที่สุดนั้น การให้บริการและการดูแลเอาใจใส่ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ต้องมาเป็นอันดับแรกๆ และล่าสุด พวกเขาก็ได้ยืนยันเรื่องนี้อีกครั้ง เหตุการณ์น่ารักๆ นี้เกิดขึ้นกับรถไฟสาย Joshin Dentetsu Joshin ระหว่างที่กำลังเดินทางผ่านจังหวัดกุนมะ โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 11 ธันวาคมรถไฟสายดังกล่าวได้หยุดเดินอย่างกะทันหันเนื่องจากเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า jinshin jiko เหตุการณ์ jinshin jiko นั้นหมายถึงการที่มีคนพยายามที่จะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงไปในรางรถไฟ และเป็นสาเหตุที่ทำให้รถไฟนั้นต้องหยุดการเดินรถชั่วคราว ซึ่งเป็นผู้โดยสารส่วนมาจะทราบกันดีว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้คงต้องทำใจรอกันยาวๆ เลยทีเดียว ตัดกลับมาที่รถไฟสาย Joshin Dentetsu Joshin หลังจากที่ผ่านไปกว่า 20 นาที เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีวี่แววที่จะคลี่คลายได้ง่ายๆ ในครั้งนี้ทางขบวนรถไม่สามารถที่จะเปิดประตูให้ผู้โดยสารออกไปด้านนอกเพื่อรอได้ เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำพอดี และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือบนรถเองก็ไม่มีห้องน้ำอีกด้วย แต่ก็เป็นโชคดีของผู้โดยสารที่ทางขบวนรถนั้นก็ไม่ได้ละเลยเรื่องท้องไส้ของพวกเขา ห้องน้ำแบบฉุกเฉินถูกนำมาตั้งไว้เพื่อบริการผู้โดยสาร โดราเอม่อน ตอน ห้องน้ำแบบฉุกเฉิน!! ใครจะกล้าเข้ามั้ยเนี่ย หลังจากที่ติดบนสะพานอยู่นานกว่าชั่วโมง ในที่สุดรถไฟขบวนดังกล่าวก็สามารถเดินทางต่อได้ และงานนี้ผู้โดยสารหลายๆ คนก็ต้องรู้สึกขอบคุณเจ้าห้องน้ำแบบฉุกเฉินนี้อย่างแน่นอน ถ้าเพื่อนๆ อยู่บนรถไฟขบวนนี้ เพื่อนๆ จะกล้าเข้าห้องน้ำฉุกเฉินนี้รึเปล่า ฮ่าาา ที่มา rocketnews24
-
ชายหนุ่มกอดให้กำลังใจเจ้าหมาลาบาดอร์ของเขา ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดเนื้องอกใต้หูออก…..
ในวันที่คุณท้อแท้ ในวันที่คุณเหนื่อยล้า หรือในวันที่คุณรู้สึกเจ็บปวด คงไม่มีการปลอบใจไหนที่ทำให้คุณรู้สึกดีไปกว่าการกอดอีกแล้ว ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงกอดให้กำลังใจเจ้าหมาของเขา หลังจากที่มันเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดเอาเนื้องอกเสร็จ ทำเอาหลายคนมีน้ำใสๆ รินไหลออกมาจากตาโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นคลิปวิดีโอที่ถูกโพสต์ใน Reddit เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งถ่ายภายในบ้านหลังหนึ่งที่เมือง Chennai ประเทศอินเดีย ในคลิปเผยให้เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังกอดเจ้าหมา Jack Daniel ด้วยความรัก เพื่อให้กำลังใจมันหลังจากที่มันเพิิ่งผ่านการผ่าตัดเอาเนื้องอกใต้หูขวาออก ชายหนุ่มรู้ว่าก่อนหน้านี้ Jack คงจะเจ็บและกลัวมาก แต่มันก็ผ่านมาจนได้ ดังนั้นสิ่งที่เขาจะทำเพื่อปลอบใจมันได้คือการกอดมันด้วยความรัก ส่วนเจ้าหมาเองดูเหมือนการกอดคือสิ่งเดียวที่มันต้องการมากที่สุดในขณะนี้ มันจึงอยู่นิ่งในอ้อมกอดเจ้าของและวางคางไว้บนไหล่ของเขา ใบหน้าของ Jack เหมือนมีคำถามว่า “มันจบแล้วใช่มั้ย? เราจะไม่กลับไปที่นั่นแล้วใช่มั้ย?”…. ชายหนุ่มเองบอกกับมันว่า “ใช่แล้วเพื่อนรัก มันจบแล้ว ฉันขอโทษที่ให้นายเผชิญความเจ็บปวดนั้น แต่ต่อไปนี้ฉันสัญญาว่าจะอยู่ข้างนายและจะคอยดูแลนายเป็นอย่างดี” ที่มา inspiremore
-
ภาพการ์ตูน ‘ความรัก’ จากกิจวัตรประจำวัน ที่คนเรามักจะทำ เมื่ออยู่ในที่ลับตาคน…
ความรักมักจะซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่เล็กๆ และช่วงเวลาอันเงียบสงบ อย่างเช่นการนอนเล่นบนเตียงหลังผ่านวันที่แสนยาวนาน นั่งดูทีวี หรือแม้แต่การบีบสิวให้กันและกัน ด้วยเหตุนี้ ศิลปิน Amanda Oleander จึงได้นำเสนอช่วงเวลาเหล่านั้นด้วยภาพประกอบที่ได้รับแรงบันดาลใจความสัมพันธ์ของเธอกับแฟน ความสัมพันธ์กับครอบครัว และความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิท Oleander บอกว่า “ทุกสถานการณ์เหล่านี้คือสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับฉัน กับครอบครัวของฉัน และเพื่อนๆ เมื่อฟังพวกเขาเล่าให้ฟัง ฉันจะจดไว้อย่างรวดเร็วกันลืม” ฉันมักจะร้องไห้ในช่วงเวลานั้นของเดือน ซึ่งบางทีฉันก็สับสนว่ามันเป็นเพราะความเศร้าจริงๆ หรือเป็นเพราะฮอร์โมนเปลี่ยน แล้วสุดท้ายฉันก็รู้ว่ามันเป็นเพราะฮอร์โมน และอาการแบบนี้มักจะเกิดหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่ประจำเดือนจะมา นี่คือภาพพี่สาวของฉันและแฟนของเธอ พี่สาวฉันไม่ชอบโกนหรือถอนขนตามร่างกายและแฟนของเธอก็ชอบที่เธอเป็นแบบนั้น คือฉันอยากบอกว่าคุณควรจะคบกับคนที่รับทุกอย่างที่เป็นคุณได้เพื่อความสัมพันธ์ที่ราบรื่นและยาวนาน คุณมีหนังสือที่ช่วยในการเปลี่ยนแปลงชีิวิตให้ดีขึ้นมั้ย? สำหรับฉันมีอยู่ 3 เล่ม คือ The Secret (ความลับ), The Seven Minute Solution (วิธีแก้ปัญหาภายใน 7 นาที) และ The Art of Tidying Up (ศิลปะในการจัดเก็บ) ฉันเติบโตมาในรัฐฟลอริด้า…
-
จากแมวจรจัดไร้บ้าน เมื่อมีคนรับมาเลี้ยงไว้เท่านั้นแหละ โหยยย กอดกับลูกน้อยกลมเกลียวเชียว
เป็นธรรมดาของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ที่จะพยายามโหยหาความรักและความอบอุ่นจากเพื่อนร่วมโลก และนั่นก็เป็นเหตุผลที่มนุษย์เราต้องการเพื่อนและคนรักเช่นกัน แม้แต่แมวที่เป็นสัตว์รักสันโดษ ทั้งยังมีโลกส่วนตัวสูง ก็ต้องการที่พักพิง และความใส่ใจไม่ต่างจากสัตว์อื่นๆ เลย รักกันนะเตง แมวเหมียวสีน้ำตาลตัวนี้เคยเป็นแมวจรจัดมาก่อน มันไม่เคยได้รับการดูแลหรือความห่วงใยจากใครเลย คงไม่แปลกถ้ามันจะระแวงคนหรือขี้กลัวหากต้องมาอยู่ท่ามกลางคนจำนวนมาก แต่หลังจากที่ครอบครัวหนึ่งตัดสินใจรับมันเข้ามาเลี้ยงในบ้านแล้ว กลับพบว่ามันเชื่องและขี้อ้อนอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว อ้าวเจ้าเหมียวมาอยู่ใกล้ๆ อีกแล้ว เจ้าแมวท่าทางจะติดเด็กทารกหญิงคนนี้มาก มันจะคอยเดินตามเธอต้อยๆ แล้วเข้าไปคลอเคลียราวกับว่าอ้อนขอความรักจากเด็กหญิง และมันจะไม่ยอมไปไหนจนกว่าจะได้รับอ้อมกอดจากเด็กน้อย จากนั้นไม่นานทั้งสองก็ตัวติดกันเป็นตังเม ไม่ว่าเด็กหญิงจะเดินไปไหน เจ้าเหมียวก็จะตามไปที่นั่น แล้วทั้งสองก็จะนัวเนียกันอยู่อย่างนั้น จนไปจบด้วยการกอดกันกลมเป็นประจำ หนูน้อยก็ไม่ได้รุนแรงกับเจ้าแมวแต่อย่างใด เพราะพ่อแม่ของเธอสอนเธอเสมอ ให้เธอกอดมันด้วยความอ่อนโยนและนิ่มนวล เพื่อให้เจ้าเหมียวรู้สึกถึงความรักอย่างเต็มที่ กอดเค้าแน่นๆ อย่าปล่อยนะ เมี๊ยว พ่อกับแม่ที่เป็นคนเก็บมันมาเลี้ยงคาดว่ามันคงไม่เคยได้รับความรักมาก่อน พอมันมีโอกาส ก็เลยโหยหาความรักความอบอุ่นอยู่ตลอดเวลาละมั้ง อย่างไรก็ตามคุณพ่อกับคุณแม่ก็รู้สึกอุ่นใจที่ตัดสินใจเก็บมันมาเลี้ยง เพราะพวกเขามั่นใจว่าตอนนี้ลูกสาวได้พบกับเพื่อนรัก ที่จะคอยอยู่เคียงข้างลูกของเขาทุกเมื่อแล้ว ที่มา: iizcat
-
ช่างภาพญี่ปุ่นถ่ายทอดชีวิต ‘เด็กแฝด’ แห่งไอซ์แลนด์ทุกปี เผยให้การเปลี่ยนแปลงที่แสนงดงาม
เด็กฝาแฝดบางคู่เนี่ยช่างมีความน่าสนใจอย่างบอกไม่ถูก พวกเขามีบางอย่างที่น่าค้นหาจนคุณอดใจไม่ไหวที่จะทำความรู้จักพวกเขาให้มากขึ้น เหมือนกับเด็กสาวฝาแฝดคู่นี้ที่ดูเตะตาช่างภาพชาวญี่ปุ่น Ariko Inaoka เป็นอย่างมาก จนเธอต้องกลับมาถ่ายภาพทั้งคนทุกปีเพื่อดูพัฒนาการของพวกเธอ ฝาแฝดคู่นี้คือ Erna และ Hrefna จากเมือง Reykjavik ประเทศไอซ์แลนด์ พวกเขาเป็นเด็กสาวที่มีเสน่ห์ น่าค้นหา และมีความลึกลับอย่างบอกไม่ถูก ทั้งคู่ดูน่าสนใจขึ้นไปอีก เมื่อช่างภาพ Ariko ทำให้ภาพของพวกเขาดูสงบเยือกเย็นที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนท่ามกลางหมอกจางๆ สำหรับช่างภาพ Ariko นั้น เธอเกิดในประเทศญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันเป็นชาวนิวยอร์ก ครั้งหนึ่งเธอเดินทางไปยังไอซ์แลนด์เพื่อถ่ายภาพทิวทัศน์ เพราะที่นั่นทำให้เธอนึกถึงบ้านเกิดที่โตเกียว ขณะที่อยู่ในไอซ์แลนด์ Ariko ก็คิดขึ้นได้ว่าจะทำภาพแคตตาล็อกแฟชั่นที่นั่น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เพื่อนของเธอไปเจอเด็กสาวฝาแฝดกำลังเล่นอยู่ในสระน้ำ เธอจึงได้เชิญทั้งคนมาแคสติ้งสำหรับภาพแคตตาล็อกชุดนี้ แม้ว่าตอนนั้น Erna และ Hrefna จะอายุแค่ 6 ขวบเท่านั้น แต่ทั้งคู่มีความงดงามโดยทำธรรมชาติและผ่านการแคสต์ตั้งแต่ครั้งแรก จนได้ถ่ายภาพแคตตาล็อกแฟชั่นในครั้งนั้น อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ถ่ายรูปเสร็จ Ariko ก็เดินทางกลับบ้านตัวเอง แต่เธอหยุดคิดถึงสองสาว Erna และ Hrefna ไม่ได้เลย เพราะสำหรับเธอแล้ว ทั้งสองเปรียบเสมือนศูนย์รวมความงดงามของไอซ์แลนด์เลยก็ว่าได้ ต่อมาในปี 2009 ขณะที่เด็กสาวฝาแฝดอายุ 9 ขวบ Ariko ได้เดินทางไปยังเมือง Reykjavik เพื่อถ่ายรูปทั้งสองคนอีกครั้ง…
-
ตีแผ่ชีวิตการเป็น “เน็ตไอดอลจีน” ที่ไม่ได้สวยงาม หรือสะดวกสบายอย่างที่ฝัน
ในยุคที่ผู้คนสร้างสังคมออนไลน์ขึ้นมาบนอินเตอร์เน็ต ก็มีอาชีพหนึ่งกำเนิดมาพร้อมกับสังคมออนไลน์ด้วย นั่นก็คือเน็ตไอดอลนั่นเอง พวกเขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ และหารายได้จากเงินสนับสนุนจากผู้ติดตาม หรือจากสปอนเซอร์ หากเรามองจากมุมมองคนนอกแล้ว เน็ตไอดอลดูเป็นอาชีพที่ชิวสุดๆ เพียงแค่นั่งเปิดกล้องคุยกับแฟนคลับ ไลฟ์สตรีมตอนไปร้านขนมชื่อดัง หรือนำเสนอสินค้า ก็ได้เงินอยู่บ้านสบายๆ แล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว คงไม่มีใครรู้หรอกพวกเขาทำงานกันยังไงกันบ้าง เน็ตไอดอลจีนคนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Fan จึงได้ออกมาเปิดเผยชีวิตเน็ตไอดอลของเธอเป็นตัวอย่างหนึ่งให้เรารู้ โดยตัวเธอเองถือว่าเป็นเน็ตไอดอลที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง ดูได้จากยอดผู้ติดตามของเธอที่มีมากถึงเกือบ 400,000 คน เธอเปิดเผยว่าจริงๆ แล้วการเป็นเน็ตไอดอลไม่ได้สบายเลยสักนิด เธอต้องทำให้ตัวเองสวยอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังต้องโกหกเรื่องอายุด้วย โดยเธอบอกแฟนๆ ว่ามีอายุเพียง 23 ปี แต่เธอไม่เคยเปิดเผยอายุจริงหรือชื่อจริงเลย “อายุ หน้าตา และรูปร่าง เป็นสามสิ่งสำคัญที่เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของเน็ตไอดอลหญิง” เธอยังเคยไปทำศัลยกรรมมาแล้ว เพื่อรักษาฐานแฟนคลับของเธอ เธอจำเป็นต้องทำงานหนักประมาณวันละ 10 ชั่วโมง ทั้งใช้เวลาแต่งสวย พูดคุยกับแฟนๆ ถ่ายรูปและคลิปวิดีโอมาลงเพจ และตอบกลับคอมเมนต์ของแฟนคลับ โดยปกติแล้วเธอจะตื่น 9 โมงเช้า เพื่อใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงนั่งแต่งหน้าทำผม จากนั้นเธอจึงใช้เวลาอีกประมาณ 6…
-
เรียนรู้อวัยวะของเนื้อปลาด้วยเกมต่อชิ้นส่วน ‘ทูน่า 3 มิติ’ กว่า 33 ชิ้น ดูสิ๊จะต่อได้มั้ย??
ปกติแล้วถ้าคุณอยากรู้องค์ประกอบหรือส่วนต่างๆ ของสัตว์ คุณจะต้องเรียนรู้ผ่านสัตว์ตัวเป็นๆ โดยการชำแหละชิ้นส่วนของพวกมัน แต่ตอนนี้คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นแล้ว เพราะญี่ปุ่นได้ผลิตโมเดล Maguro หรือ ปลาทูน่า 3 มิติ ให้คุณเรียนรู้อวัยวะภายในของพวกมันโดยไม่ต้องใช้ทูน่าตัวเป็นๆ และกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น ปลาทูน่า 3 มิติผลิตขึ้นโดย MegaHouse บริษัทในเครือของ Bandai Namco ซึ่งเป็นบริษัทชื่อดังของญี่ปุ่นที่สินค้าจำพวกของเล่น ปลาทูน่า 3 มิติถูกผลิตเป็นของเล่นชิ้นใหม่ภายใต้ชื่อ One Whole Fish Bluefin Tuna Disassembly Puzzle ในลักษณะของเกมตัวต่อ ที่คุณสามารถนำชิ้นส่วนต่างๆ ของมันออกมาศึกษาและใส่กลับเข้าไปเหมือนเดิมได้ ตัวต่อชิ้นนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก เพราะมันมีความยาวเพียง 13 เซนติเมตร แต่ภายในประกอบด้วยชิ้นส่วนย่อยที่สามารถถอดออกได้ 33 ชิ้น ความน่าตื่นเต้นของปลาทูน่า 3 มิติคือ เมื่อถอดชิ้นส่วนทั้ง 33 ชิ้นออกแล้ว คุณต้องประกอบกลับเอง เหมือนกับต่อโมเดลกันพลาอย่างไงอย่างงั้น ในเกมต่อชุดนี้ยังมาพร้อมกับมีดของเล่น และเขียงรองตัด เพื่อให้คุณรู้สึกเหมือนได้หั่นหรือชำแหละชิ้นส่วนของปลาทูน่าจริงๆ หรือใครจะเล่นเป็นอย่างอื่นก็ได้นะ…
-
สาวพบ ‘Blue Moth’ สุดหายากอีกครั้งในมาเลเซีย หลังเคยถูกวินิจฉัยว่าสูญพันธุ์ไปเมื่อ 130 ปีก่อน!
ในโลกเรานี้เคยมีสัตว์มากมายหลายชนิดอาศัยอยู่ แต่บางชนิดเราแทบไม่เคยได้เห็นเลย เนื่องจากพวกมันสูญพันธุ์ไปก่อนที่เราจะเกิดซะอีก แต่มันก็ไม่เสมอไป อย่างล่าสุดชาวมาเลเซียได้พบกับสัตว์ที่ชื่อว่า ‘Blue Moth’ อีกครั้ง ทั้งๆ ที่นักวิทยาศาสตร์เคยบอกว่ามันสูญพันธุ์ไปแล้วเมื่อ 130 ปีก่อน Blue Moth ตัวสุดท้ายถูกค้นพบเมื่อปี 1887 หรือ 130 ปีก่อน ซึ่งปัจจุบันได้รับการเก็บรักษาไว้ในโหลแก้วที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย Blue Moth จัดอยู่ในผีเสื้อวงศ์ Clearwing Moths มันสามารถพัฒนาให้มีลักษณะคล้ายผึ้งหรือที่รู้จักกันว่า Batesian ซึ่งนั่นเป็นข้อดีที่ทำให้สัตว์นักล่าไม่กล้ากินพวกมัน เนื่องจากกลัวเหล็กไนที่ส่วนก้นของมัน อย่างไรก็ตามเมื่อต้นปีที่ผ่านมาขณะที่ Marta Skowron Volponi นักศึกษาปริญญาเอกและนักกีฏวิทยาจากมหาวิทยาลัย Poland’s University of Gdansk เดินผ่านป่าฝนในมาเลเซีย เธอก็ได้พบกับ Blue Moth โดยบังเอิญ Volponi บอกว่า “พวกมันเป็นสัตว์ที่หายากมากๆ และมักจะอยู่รวมกันในพื้นที่เดียวกันเป็นเวลาหลายนาที นั่นเป็นเห็นผลว่าทำไมนักกีฏวิทยาส่วนใหญ่จับพวกมันด้วยกับดักฟีโรโมนสังเคราะห์ (เป็นฟีโรโมนที่มนุษย์สังเคราะห์เลียนแบบฟีโรโมนของแมลงวันทองเพศเมียเพื่อล่อแมลงวันทองเพศผู้มาติดกับดัก)” ตอนแรก Volponi ตั้งใจค้นหา Heterosphecia Pahangensis…
-
ตรึงตาตรึงใจ!! ศิลปินหญิงกับชุดผลงาน ตอนที่ผู้หญิงดูสวยที่สุด ยิ่งดูยิ่งหลงใหล
คุณผู้ชายเคยคิดบ้างไหมว่า ทำไมแฟนของเราถึงไม่สวยเซ็กซี่แบบคนอื่นเขาบ้าง? ทำไมเธอถึงไม่ดูเย้ายวนใจเหมือนกับนางแบบวาบหวิวที่เห็นในนิตยสารบ้าง? แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะมุมมองของคุณเองก็ได้นะ เพราะจริงๆ แล้วผู้หญิงทุกคนมีความสวยงามอยู่ในตัว แม้อาจจะเห็นชัดได้เป็นบางช่วงเวลาหรือบางช่วงขณะเท่านั้น ศิลปิน Mandy Jurgens รู้เรื่องนี้ดี เธอจึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะเก็บภาพช่วงเวลาที่สวยงามเหล่านั้นไว้ และถ่ายทอดให้ผู้อื่นเห็น Mandy เป็นศิลปินหญิงที่วาดภาพบริบทธรรมดาในชีวิตประจำวันของหญิงสาวออกมาให้ดูสวยงามที่สุด เธอใช้พรสวรรค์ทางศิลปะของเธอเติมแต่งสีและเงา ให้ภาพหญิงธรรมดาๆ ดูตรึงตาตรึงใจได้ เราจึงได้นำผลงานบางส่วนของเธอมาแบ่งปันกับเพื่อนๆ ในวันนี้ เวลาที่เธอตั้งใจอ่านหนังสือช่างดูงดงามจริงๆ . ผู้ชายคงรู้ดีว่าสาวสวยที่นั่งอยู่ในบาร์คนเดียวน่าหลงใหลขนาดไหน . . . . หญิงสาวกับหยดน้ำฝนนี่แหละดีต่อใจ . ลองนึกภาพภรรยาของคุณในชุดเบาบาง กำลังนั่งอยู่ขอบอ่างอาบน้ำสิ ช่างเย้ายวนเหลือเกิน . แสงและเงา ช่วยขับความงามของหญิงสาวให้เด่นชัดได้เป็นอย่างดี . . จ้องมองเธอให้ลึกเข้าไปถึงข้างใน คุณจะเห็นแต่ความสวยงาม ผลงานของเธอน่าจับตามองมากเลยนะ หากใครอยากดูผลงานของ Mandy Jurgens เพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่ artstation นะครับ ที่มา: brightside
-
เหมืองถ่านหินที่ลุกไหม้มากว่า 100 ปีในอินเดีย กำลังจะนำกลับมาใช้ แต่ก็มีเสียงคัดค้าน
เหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกนี้บางอย่างก็เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมา หรือกำหนดเอาไว้ว่ามันควรจะเป็นเช่นนั้น เหมือนกับเหมืองถ่านหินแห่งหนึ่งในประเทศอินเดีย ที่ลุกไหม้มายาวนานกว่า 100 ปี และในปัจจุบันนี้ถ่านหินภายในเหมืองแห่งนี้ก็ยังคงมีการเผาไหม้อยู่อย่างต่อเนื่อง เหมืองแร่ที่ว่านี้มีชื่อว่า Jharia ตั้งอยู่ที่จังหวัดดันแบด รัฐฌารขัณฑ์ ประเทศอินเดีย ซึ่งเหมืองแห่งพื้นที่กว่า 258 กิโลเมตร และถือว่าเป็นเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ยังคงมีถ่านหินเผาไหม้อยู่ใต้ดินตลอดเวลา โดยเหมืองแร่แห่งนี้ได้เริ่มใช้งานในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ภายใต้การดูแลของประเทศอังกฤษ และด้วยความที่เป็นเหมืองถ่านหิน ทำให้ต่อมาในปี 1916 เหมืองถ่านหินแห่งนี้มีการเกิดไฟปะทุครั้งแรกเกิดขึ้น และในช่วงปี 1980-1990 เหมืองแห่งนี้ก็ได้มีไฟปะทุอีกกว่า 70 จุด นั่นจึงทำให้ไม่มีใครสามารถดับไฟที่เกิดขึ้นมาได้และต้องปล่อยให้มันดับเองตามธรรมชาติ ทว่าเมื่อออกสำรวจพื้นที่ชั้นใต้ดินก็ต้องพบว่าในตอนนี้ไฟเหล่านั้นยังคงไม่มีวี่แววที่จะดับลง ชาวบ้านที่อยู่ละแวกนั้นอาจจะได้รับอันตรายตามไปด้วย มาในปีนี้บริษัท Bharat Coking Coal Ltd (BCCL) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท Coal India ที่รัฐบาลเป็นเจ้าของมีแผนที่จะใช้การหาถ่านหินรูปแบบใหม่ที่จะทำให้การหาถ่านหินเป็นไปด้วยความรวดเร็วมากกว่าเดิม และมีค่าใช้จ่ายน้อยลงกว่าเดิม และนั่นทำให้นักกิจกรรมท้องถิ่นชื่อว่า Ashok Agarwal ออกมาพูดถึงประเด็นที่ บริษัทแห่งนี้จะมีวิธีการหาถ่านหินแบบใหม่ภายใต้เหมืองที่ยังคงเผาไหม้อยู่แห่งนี้ ยิ่งเปิดปากหลุมยิ่งมีการเผาไหม้มากขึ้น “พวกเขาคิดว่าจะสามารถเก็บถ่านหินได้เร็วขึ้นและมีค่าใช้จ่ายที่น้อยลง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าใต้เหมืองแห่งนี้ถ่านหินได้ลุกไหม้ไปจนหมดแล้ว และในตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่อุโมงค์ที่เคยสร้างเอาไว้ก่อนหน้าสำหรับการคัดแยกถ่านธรรมดากับถ่านหินออกจากกัน ดังนั้นตอนนี้จึงมีเพียงถ่านหินก้อนเล็กๆ ที่สามารถเกิดไฟลุกได้ทุกเวลา และการที่พวกเขาจะเปิดหน้าของอุโมงค์แห่งนี้ขึ้นจะทำให้อากาศสามารถเข้าไปข้างในได้และอาจทำให้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่เลยทีเดียว” Ashok กล่าว…
-
พบ ‘ซากคล้ายไดโนเสาร์’ ในอินเดีย ที่ยังมีชิ้นเนื้อติดอยู่ คาดเป็นหลักฐานทางโบราณคดีชิ้นสำคัญ
ไดโนเสาร์คือสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่สูญพันธู์ไปเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว การศึกษาเกี่ยวกับพวกมันจึงหาข้อมูลได้ยาก ที่ผ่านมานั้นนักวิทยาศาสตร์ได้เพียงแต่ศึกษาข้อมูลของพวกมัน ผ่านทางเศษกระดูก รอยเท้า และฟอสซิลที่พบเท่านั้น แต่ล่าสุด มีการค้นพบซากสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ และถ้ามันเป็นซากไดโนเสาร์จริงๆ ละก็ มันจะกลายเป็นข้อมูลชิ้นสำคัญที่ทำให้เราได้ศึกษาไดโนเสาร์ได้ลึกซึ้งมากขึ้น เพราะซากชิ้นส่วนนี้มีความพิเศษไม่เหมือนกับสิ่งที่เคยพบมาก่อนนั่นเอง ซากลักษณะคล้ายไดโนเสาร์ที่ถูกค้นพบ ซากรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ที่ว่านี้ถูกค้นพบโดยบังเอิญ เมื่อมีช่างไฟฟ้าคนหนึ่งเข้าไปทำงานที่สถานีรถไฟใต้ดินร้างที่ถูกปล่อยทิ้งไว้กว่า 35 ปี ในเมืองแจสเพอ รัฐอุตตราขัณฑ์ ประเทศอินเดีย แต่มันมีความพิเศษกว่าซากหรือฟอสซิลอื่นๆ ที่เคยพบมา เนื่องจากซากชิ้นนี้ ยังมีชิ้นเนื้อของสิ่งมีชีวิตติดมากับกระดูกที่มีรูปร่างค่อนข้างสมบูรณ์ด้วย นักวิทยาศาสตร์ต่างตื่นเต้นกันมากที่พบซากในลักษณะนี้ ขณะนี้ซากที่พบก็ถูกส่งไปยัง Kamuan University แล้ว เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านฟอสซิล Dr.Bahadur Kotlia ได้ทำการวิเคราะห์ จะได้รู้กันว่ามันเป็นไดโนเสาร์จริงหรือไม่ แล้วมันมีจากยุคใด ซากไดโนเสาร์นั้นมีความยาวประมาณ 28 เซนติเมตร จึงอาจจะตีความได้ว่ามันเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งระหว่าง Deinonychus, Coelophysis และ Dromaeosarus ซึ่งทั้งสามสายพันธุ์นี้เป็นไดโนเสาร์พันธุ์เล็ก จัดเป็นไดโนเสาร์ในกลุ่ม Theropod ซึ่งเป็นกลุ่มสายพันธุ์เดียวกับไดโนเสาร์ T Rex นั่นเอง อย่างไรก็ตามนักอนุรักษ์…
-
นักวิทย์ค้นพบ ‘ฉลามกรีนแลนด์’ ที่มีอายุ 392 ปี คาดเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุมากที่สุดในโลก!!
ถ้าคุณกำลังรู้สึกว่าตัวเองแก่ มาตอนนี้คุณคงต้องย้อนกลับมาคิดใหม่แล้วล่ะ เพราะว่าล่าสุดทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบฉลามที่มีอายุยืนถึง 392 ปี และคาดว่ามันนี่แหละคือสัตว์ที่อายุยืนที่สุด! การค้นพบดังกล่าวนั้น ถูกค้นพบโดยทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Copenhagen และจากมหาวิทยาลัย Oxford ซึ่งพวกเขาได้ใช้วิธีจากการหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสีจากฉลามกรีนแลนด์จำนวน 28 ตัว ผลที่ได้คือหนึ่งใน 28 ตัว มีฉลามตัวหนึ่งถูกค้นพบว่ามีอายุถึง 392 ปี ซึ่งมันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมากๆ เพราะว่าพวกเขาไม่เคยค้นพบฉลามกรีนแลนด์มีอายุยืนยาวขนาดนี้มาก่อน แม้ว่าจะมีการยืนยันว่าฉลามสามารถอยู่ได้เกิน 100 ปีก็ตาม Christopher Bronk Ramsey ศาสตราจารย์ภาควิชาโบราณคดีของมหาวิทยาลัย Oxford ก็ออกมาบอกว่า “พวกเราจำเป็นจะต้องตรวจสอบและเพิ่มความยืดหยุ่นในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับฉลามให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก ซึ่งด้วยความที่พวกเราไม่มีความรู้ที่อัปเดตใหม่ พวกเราอาจจะทำการศึกษาเจ้าฉลามสายพันธุ์นี้ได้ยากขึ้นนั่นเอง” อย่างไรก็ตามจากการสำรวจของทีมนักวิทยาศาสตร์ก็ทำให้พบว่า ฉลามกรีนแลนด์จำนวน 28 ตัวนั้น มีฉลามสองตัวที่มีขนาดใหญ่และยาวที่สุดในโลก โดยมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 4.93 เมตรและอีกตัวมีความยาวอยู่ที่ 5.02 เมตร สุดท้ายแล้วทีมนักวิทยาศาสตร์ก็ได้ตีช่วงเวลาอายุของฉลามกรีนแลนด์ไว้ว่า พวกมันจะมีอายุยืน โดยจะอยู่ที่ราวๆ 272 ปีเลยทีเดียว โหววว ที่มา dailymail
-
เจ้าของรถโรลส์-รอยซ์เดือดบังคับให้คู่กรณี ‘ไปขายบ้านแกซะ!’ เพื่อเอาเงินมาจ่ายค่าเสียหายให้
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ เมืองเหลียวหนิง มณฑลเฉิ่นหยาง ประเทศจีน ได้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นการปะทะกันระหว่างรถโรลส์-รอยซ์สีดำกับคู่กรณีรถฮุนไดสีขาว รถโรลส์-รอยซ์ได้รับความเสียหายทางด้านซ้ายเป็นรอยถูกกระแทกอย่างหนักจนกันชนหน้าแตกเป็นแผลใหญ่ แต่รถคู่กรณีกลับเสียหายมากกว่า ผู้พบเห็นเหตุการณ์ได้อ้างว่า เจ้าของรถโรลส์-รอยซ์เกิดอาหารโมโหอย่างขีดสุด เขาลงมาพูดกับคู่กรณีด้วยน้ำเสียงโกรธจัด “ไปขายบ้านของแกซะ!!!” คู่กรณีก็เงียบและไม่มีการโต้เถียงใดๆ เพราะว่ารถของเขาเสียหายมากกว่า เขาไม่ทำอะไรจนกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาเคลียร์เรื่องให้ สำนักข่าว Beijing Morning Post ได้รายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้และได้เปิดเผยราคาค่าซ่อมรถโรลส์-รอยซ์ตกอยู่ที่ประมาณ 19-68 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่จัดได้ว่าสูงมาก เรื่องนี้ก็เลยกลายเป็นประเด็นให้ชาวเน็ตประเทศจีนถกเถียงกันและแบ่งความคิดเห็นออกเป็นสองฝ่ายคือ ฝ่ายแรกคือรถโรลส์-รอยซ์ก็มีส่วนผิดเช่นกันและมันดูไม่ยุติธรรมที่ฝ่ายรถฮุนไดต้องชดใช้ค่าเสียหายมากมายขนาดนั้นและควรจะมีอัตราเพดานค่าชดใช้ค่าเสียหาย อีกฝั่งหนึ่งก็คิดว่าเจ้าของรถหรูทำถูกต้องแล้ว เพราะว่าค่าประกันอาจจะไม่เพียงพอต่อการซ่อมรถที่มีราคาแพงคันนี้ คู่กรณีจึงจำเป็นต้องขายบ้านเพื่อนำมาจ่ายเป็นค่าซ่อมรถ เรื่องนี้มันคิดได้สองแง่ทั้งฝ่ายของเจ้าของรถ และฝ่ายของคู่กรณี แต่อย่างไรก็ตามเรื่องแบบนี้ก็คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ดังนั้น #เหมียวบู้บี้ ขอให้คุณผู้อ่านทุกคนมีสติในการขับรถกันด้วยนะคะ ที่มา nextshark
-
พนักงานร้าน Burger King กลายเป็นฮีโร่ หลังวิ่งลงไปช่วยผู้ป่วยโรคเบาหวานที่กำลังเดือดร้อน
อาชีพพนักงานบริการตามร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด เป็นอาชีพที่มีค่าตอบแทนไม่มาก นอกจากนี้ยังเหน็ดเหนื่อยมาก เพราะว่าต้องบริการลูกค้าที่เข้ามาสั่งอาหารตลอดเวลา และคอยดูแลแทบทุกส่วนของร้านให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ จึงไม่แปลก หากจะเจอพนักงานที่ทำงานแบบขอไปทีอยู่บ่อยๆ แม้ว่าจะทำอาชีพที่ได้ค่าตอบแทนน้อย แต่ถ้าเราทำงานด้วยความเต็มใจ และทำงานอย่างเต็มที่ นึกถึงผลลัพธ์ของงานเป็นหลัก ความดีและความตั้งใจก็จะส่งผลตอบแทนให้กับเราแน่นอน แม้ว่าจะไม่ได้มาในรูปแบบของเงินก็ตาม Rebecca Boening และครอบครัว Rebecca Boening อาศัยอยู่ในเมืองอามาริลโล รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเนื่องจากเป็นโรคเบาหวาน จึงจำเป็นต้องควบคุมปริมาณน้ำตาลให้ดีอยู่เสมอ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา เธอรู้สึกว่าน้ำตาลในเลือดต่ำจนอยู่ในขั้นอันตราย เธอจึงต้องรีบเติมน้ำตาลให้ตัวเองโดยด่วน โชคดีที่ระหว่างทางนั้นมีร้าน Burger King พอดี เธอจึงรีบเลี้ยวรถเข้าไปในช่องไดร์ฟทรูทันที พอขับรถ เข้าไปพนักงานบริการ Tina Hardy ก็ออกมารับบริการทันที แต่ Rebecca คงจะขาดน้ำตาลรุนแรงจริงๆ เธอจึงสั่งอาหารด้วยน้ำเสียงสั่นเทา และพูดตะกุกตะกักอีกด้วย ดังที่เธอเล่าผ่านเฟซบุ๊กของตนว่า “ฉันบอกกับพนักงานไปว่าฉันมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ และต้องการอาหารมาก” และ “ตอนมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ จะคิดจะทำอะไรก็ยากไปหมด” แต่เธอก็ได้รับความช่วยเหลือที่ไม่คาดคิด เพราะพอสั่งอาหารเสร็จปุ๊บ พนักงานที่ให้บริการเธอก็วิ่งมาหาเธออย่างรีบร้อน พร้อมยื่นไอศกรีมให้เธออย่างฉับไว แล้วบอกว่าทานได้ทันทีเลย หลังจากนั้น…
-
โรค ‘จิ๋มตายด้าน’ อาการที่เกิดจากการใช้เครื่องสั่นมากเกินไป แต่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายจนต้องกังวล
เพื่อนๆ มีใครเคยได้ยิน “โรคจิ๋มตาย” บ้าง? นี่ไม่ใช่มุกตลกหรือคำกำกวมแต่อย่างใด แต่มันคือชื่อโรคจริงๆ ที่มีมานานหลายปีแล้ว โรคจิ๋มตาย คือผลกระทบจากการใช้เซ็กส์ทอยชนิดสั่นมากเกินไป เนื่องจากเครื่องสั่นจะสร้างความทนทานต่อการกระตุ้นคลิตอริสและช่องคลอด จนทำให้ผู้หญิงไม่สามารถไปถึงจุดสุดยอดได้ ถ้าไม่ใช่เครื่องสั่น นั่นหมายความว่าหากคุณยังใช้เครื่องสั่นในการสำเร็จความใคร่ต่อไปเรื่อยๆ ช่องคลอดของคุณจะตายด้าน ไม่สามารถรับรู้ถึงสิ่งที่มาสัมผัสได้ และทนต่อทุกอย่างที่จะทำให้ถึงจุดสุดยอด มันฟังดูน่ากลัวใช่มั้ย? แต่นี่เป็นเรื่องที่คุณต้องรู้นะ…แน่นอนว่าหากคุณสำเร็จความใคร่ด้วยวิธีใช้เครื่องสั่นมาตลอด มันยากที่จะสำเร็จความใคร่ด้วยวิธีอื่น แต่อย่าเพิ่งกังวลไป สูตินรีแพทย์ Shazia Malik กล่าวว่า “เราไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ยืนยันว่าภาวะช่องคลอดตายนี้มีอยู่จริง ดังนั้นอย่าเพิ่งกังวลว่าช่องคลอดของคุณจะไม่ตอบสนองในอนาคตถ้าไม่ใช้เครื่องสั่น” Shazia ตั้งข้อสังเกตว่า จริงอยู่ที่ช่องคลอดของผู้หญิงสามารถสูญเสียความรู้สึกได้หลังจากใช้เครื่องสั่นต่อเนื่องกันบ่อยๆ แต่ในขณะเดียวกันมันก็สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากที่คลอดลูก ขณะมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น ขณะให้นมบุตร รวมทั้งการทานฮอร์โมนคุมกำเนิด ทั้งนี้ในเรื่องของการตอบสนองของช่องคลอด มีการวิจัยพบว่า หลังจากการใช้เครื่องสั่น ผลกระทบของมันมักจะหายไปภายใน 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังได้มีการวิเคราะห์ผลกระทบของการใช้เครื่องสั่นกับมือ ซึ่งปรากฏว่าไม่พบความแตกต่างใดๆ เมื่อใช้กับอวัยวะเพศ การใช้เครื่องสั่น อาจทำให้ร่างกายส่วนที่ถูกสัมผัสมีอาการชาเล็กน้อย แต่อาการนั้นจะหายไปหลังจากที่คุณหยุดใช้เครื่องสั่นสักพัก อาการจะไม่ติดค้างนาน งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่ง เผยว่ามีผู้หญิงเพียง 0.5% เท่านั้น…
-
10 กลยุทธ์ ‘การจีบ’ ให้ได้ผลชะงัดจากนักจิตวิทยา จนคนที่คุณหมายปองต้านทานไม่ได้
หลายๆ คนต้องสูญเสียคนที่หมายปองให้กับหนุ่มอื่นหรือสาวอื่น ทั้งๆ ที่พยายามตามจีบแล้ว นั่นอาจเป็นเพราะวิธีจีบของคุณอาจจะไม่เจ๋งพอ ด้วยเหตุนี้ทีมนักจิตวิทยาจาก Psych2Go จึงได้แนะนำ 10 กลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการจีบ เพื่อให้คุณลงเอยด้วยดีกับคนที่หมายปอง 1. สบตาสื่อรัก การสบตากันที่นานกว่าปกติเป็นวิธีที่จะทำให้คุณได้ล้วงเอาข้อมูลของอีกฝ่ายผ่านสายตาว่าเค้าคิดอะไรอยู่ ซึ่งเวลาที่เหมาะสมต้องอย่างน้อย 4-5 วินาที แต่คุณต้องอ่านสายตาคู่ให้ออกภายในเวลาสั้นๆ นี้ให้ได้นะ นักจิตวิทยาบอกว่าการมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายจะทำให้คุณค้นพบความสนใจของเขา และเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้คุณคาดเดาสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับเค้าได้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น 2. จะถูกจะแพงขอแดงไว้ก่อน สีแดงมักจะถูกใช้ในข้อความสื่อสารเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสตรอว์เบอร์รี่สุก ป้ายถนน หรือสร้อยคอ ทั้งนี้นักจิตวิทยา Adam Pazda ชี้ให้เห็นว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับสัญชาตญาณธรรมชาติ เช่น ลิงบาบูนตัวเมียที่จะทำให้ก้นของมันเป็นสีแดงเพื่อสงสารสัญญาณให้ตัวผู้รู้ว่ามันพร้อมจะมีคู่แล้ว นอกจากนี้เพื่อนร่วมงานของ Adam จากมหาวิทยาลัย University of Rochester ยังได้ทำการทดลอง โดยการให้ผู้ชายดูภาพผู้หญิงในชุดสีขาวและชุดสีแดง จากการทดสอบพบว่าผู้ชายส่วนใหญ่ให้ความใจผู้หญิงในชุดสีแดง เพราะคิดว่าเธอจะเป็นคนเปิดกว้างในเรื่องโรแมนติกมากกว่าผู้หญิงชุดขาว เมื่อนำการทดลองนี้ไปใช้กับผู้หญิง ได้ผลที่คล้ายกันคือ ผู้ชายที่สวมเสื้อสีแดงและเสื้อกันหนาวดูน่าสนใจมากขึ้นในสายตาผู้หญิง 3. คนตลกมีชัยไปกว่าครึ่ง ศาสตราจารย์ Geoffrey Miller นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัย University of New Mexico…
-
กลับมาอีกครั้งกับผลงานการเรียงสิ่งของขั้นเทพของศิลปิน ที่ดูแล้วเนียนตาดีเหลือเกิน!!
การจัดเรียงสิ่งของให้เป็นระเบียบนั้นนอกจากจะง่ายต่อการหยิบใช้แล้ว มันยังทำให้ดูสบายตาด้วย จนเรียกได้ว่าเป็นภาพที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้เลยล่ะ สำหรับ Adam Hillman จากรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงแค่จัดเรียงสิ่งของเท่านั้น แต่เขายังทำให้อาหารที่อยู่ตรงหน้าเรียงกันเป็นระเบียบแถมยังไล่สีให้ดูสดใสยิ่งขึ้นด้วย การจัดเรียงสิ่งของ นับเป็นกิจวัตรประจำวันของ Adam ที่ต้องทำเป็นประจำ เพราะนอกจากเป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่ง มันยังเป็นงานศิลปะที่ดูเพลินตาเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา Adam ได้พัฒนาฝีมือขึ้นจากเดิมมาก มีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งกว่าจะออกมาเป็นภาพอย่างที่เห็นนี้ เขาต้องใช้ทั้งความอดทนและใช้เวลาหลายชั่วโมงในการทำให้งานออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด สิ่งของแต่ชิ้นอาจมีรูปทรงต่างกัน แต่ Adam สามารถทำให้มันเป็นระเบียบได้ด้วยการจัดให้มันอยู่ตามหมวดหมู่ และรู้ด้วยว่าควรวางอะไรไว้ตรงไหน อย่างไร ผลงานแต่ละชิ้นนั้นต้องใช้เวลาจัดเรียงเป็นชั่วโมงๆ นั่นหมายความว่าแค่ความอดทนหรือฝีมืออย่างเดียวคงไม่พอ แต่ต้องมีความคลั่งไคล้อย่างมากอีกด้วย ความสมบูรณ์แบบในอาหาร ของปลายแหลมถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ . . . สี่เหลี่ยมซ้อนสี่เหลี่ยม ว่าแต่มันมีสี่เหลี่ยมทั้งหมดกี่อันนะ? ต้องว่างแค่ไหนถึงจะทำแบบนี้ได้ ดูแล้วเพลินตาดีเนาะ .…
-
26 บุคคลตัวอย่างที่ชีวิตเปลี่ยน หลังจากมุ่งมั่น ‘ลดน้ำหนัก’ จนประสบความสำเร็จ
หากใครเคยผ่านการลดน้ำหนักมาแล้ว คงจะรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะมันต้องใช้ทั้งความอดทน ความพยายาม และความมุ่งมั่น แต่เมื่อทำสำเร็จ คุณจะสัมผัสได้ถึงความคุ้มค่ากับการทุ่มเทเหล่านั้น และนี่คือบุคคลตัวอย่างของความพยายามในการลดน้ำหนัก พวกเขากลายเป็นที่ดูขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ ในการเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วย 1. หนุ่มที่ลดน้ำหนักได้ 50 กิโล ภายใน 7 ปี จนทำให้เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย 2. ความเปลี่ยนแปลงของชายหนุ่มหลังจากที่ลดน้ำหนักไปได้ 31 กิโลกรัม 3. หญิงสาวที่น้ำหนักลดลงไป 30 กิโล เธอบอกว่าสุขภาพแข็งแรงขึ้นและมีความสุขมากขึ้น 4. สาวเอาชนะโรคอ้วนได้หลังจากน้ำหนักลดลงไป 37 กิโลกรัม 5. น้ำหนักหายไป 54 กิโลกรัม กับความเปลี่ยนแปลงที่ต้องร้องว้าว 6. หญิงสาวสามารถลดน้ำหนักได้ครึ่งหนึ่งของน้ำหนักทั้งหมดภายใน 18 เดือน 7. เชื่อมั้ยว่านี่เป็นคนคนเดียวกัน? 8. หญิงสาวที่แทบจำตัวเองไม่ได้ หลังจากย้อนดูรูปในพาสปอร์ตของตัวเอง…
-
เมื่อเมียบอกให้ลดดื่มเบียร์ เหลือแค่วันละแก้วพอ พี่แกก็จัดไปเลยคร๊าบ แก้วใหญ่เท่าบ้าน!!
เรื่องของการดื่มแน่นอนว่ามันย่อมเกิดมาคู่กับชายชาตรี พวกเขาบางคนสามารถดื่มมันได้ทั้งวันทั้งคืน จนทำให้บรรดาภรรเมียของแต่ละคนเบื่อจนถึงขั้นเอือมระอา จึงได้สรรหาวิธีมาทำให้สามีตัวดีของแต่ละคนนั้นหยุดดื่มให้ได้ และก็มีแม่บ้านคนหนึ่งคิดค้นวิธีที่จะทำให้ผัวของเธอหยุดดื่ม ด้วยการท้าว่าถ้าเขาสามารถดื่มเบียร์ได้เพียงวันละแก้วจนถึงวันคริสต์มาส เธอจะให้เงินเขา แน่นอนว่าคุณสามีรับคำท้า แต่สิ่งที่สามีเธอคิดขึ้นมาต้องบอกว่าเป็นโคตรอัจฉริยะ ที่ทั้งชนะการพนัน แถมยังได้กินเบียร์ได้แบบเต็มสูบอีกด้วย ให้มันรู้ซะบ้างใครเป็นใคร เรื่องราวของผัวเมียละเหี่ยใจนี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้าน Rhondda Valley ประเทศเวลส์เมื่อ Chloe Woodland เมียของ Jamie Stokes ได้ท้าให้เขาลดจำนวนเบียร์ที่ดื่มในแต่ละวันเหลือเพียงวันละแก้ว ซึ่งหากทำได้เธอจะให้เงินแก่เขาจำนวน 100 ปอนด์(ประมาณ 4,359 บาท) ซึ่งสามีของเธอก็ยอมรับคำท้าแต่โดยดี แต่ว่าหลังจากรับคำท้าเมื่อวันจันทร์ที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา เขาก็ต้องเสียใจในทันทีที่กินเบียร์เยอะเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว Jamie จึงเริ่มหาช่องโหว่จากคำท้าดังกล่าวและดูเหมือนว่าเขาหาได้ถูกจุดจริงๆ แก้วเดียวหรอ สบ๊าย ไม่มีปัญหา เพราะว่าเมียของเขาท้าให้เขากินได้เพียง 1 แก้วต่อวันแต่ไม่ได้บอกเอาไว้ว่าเป็นแก้วขนาดไหน งานนี้เขาจึงเดินทางตามหาแก้วใบใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และก็พบกับแก้วใบเท่าโอ่งอันนี้เข้า ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมถูกใจเขาอย่างเป็นแน่แท้ “ผมรับคำท้าเมียไว้เมื่อวันจันทร์ว่าจะกินเหลือวันละแก้ว แต่เมื่อผมก็กลับมาคิดดีๆ ก็พบว่าจะบ้าหรือไงอีกตั้งนานกว่าจะคริสต์มาส ผมจึงไม่รอช้าบึ่งไปที่ห้าง Tesco เพื่อจะซื้อแก้วซักใบให้กับตัวเอง” สำหรับแก้วที่เขาซื้อมามันเป็นแก้วหรือถังน้ำก็ไม่รู้ เพราะมันสามารถจุเบียร์ได้ถึง 7 ไพนต์หรือว่า 3 ลิตรกว่าๆ เลยทีเดียว อาบน้ำได้เลยนะเนี่ย…
-
บริษัทสาเกเช่าหน้าหนังสือพิมพ์เกือบทั้งหน้า เพื่อขอร้องให้คนซื้อเลิกซื้อ ‘สาเกราคาแพง’ ของตัวเอง
โดยปกติแล้วการที่จะลงโฆษณาต่างๆ จะมีขึ้นเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายของสินค้าของตัวเอง แต่ว่าได้มีกรณีสุดแปลกเกิดขึ้นกรณีหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น เมื่อมีเจ้าของบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งหนึ่งลงทุนลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์เต็มหนึ่งหน้า เพื่อโน้มน้าวให้ผู้คนเลิกเสียเงินจำนวนมากเกินไปให้กับสินค้าของเขาได้แล้ว!! ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 2-3 ให้ปีหลังมานี้ สาเกยี่ห้อ Dassai ได้พุ่งขึ้นมาติดตลาดอย่างรวดเร็วและมีชื่อเสียงที่โด่งดังอย่างมากในประเทศ ทำให้ทำสาเกยี่ห้อนี้เริ่มขาดตลาดและมีราคาที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ในระบบธุรกิจแบบเสรี เพราะเมื่อมีความต้องการซื้อมากของก็จะหายากขึ้นและมีราคาแพงขึ้นนั่นเอง ทว่าราคาสาเกที่สูงขึ้นไม่เพียงแต่สร้างความทุกข์ให้แก่ลูกค้าเท่านั้น แต่ยังทำให้บริษัท Asahi Shuzo ผู้ผลิตสาเกยี่ห้อนี้ไม่มีความสุขตามไปด้วย ที่สินค้าของเขาขายดีเกินไปและมีราคาที่แพงเกินกว่าที่มันควรจะเป็น สาเกยี่ห้อ Dassai ด้วยเหตุนี้บริษัทผู้ผลิตจึงไม่รอช้าที่จะแก้ไขปัญหา โดยพวกเขาได้ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ Yomiuri Shimbun ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายวันยอดนิยมในประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา และในหน้าโฆษณานั้นก็มีรูปของสาเกยี่ห้อนี้อยู่พร้อมกับพาดหัวตัวโตว่า “นี่คือคำขอร้อง หยุดจ่ายเงินซื้อสาเกที่มีราคาแพงของพวกเราได้แล้ว” – Kazuhiro Sakurai ประธานและ CEO แห่งบริษัท Asahi Shuzo สิ่งที่เขาทำถือว่าไม่ใช่สิ่งปกติที่บริษัทส่วนใหญ่จะทำกัน เนื่องจากราคาที่สูงขึ้นก็ยิ่งทำให้บริษัทได้กำไรมากขึ้น แต่ Sakurai เชื่อว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะต้องออกมากล่าวเช่นนี้ ลงทีเต็มหน้าเลยทีเดียว นอกจากนั้นเขายังกล่าวอีกว่าต่อไปนี้บริษัท Asahi Shuzo จะขายผลิตภัณฑ์ Dassai ให้เพียงแต่ร้านค้าปลีกและผู้ค้าส่งที่เป็นคู่ค้ากับบริษัทเท่านั้น เพื่อเป็นการควบคุมราคาไม่ให้แพงจนเกินไปนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีบางความเห็นบอกเอาไว้ว่า ถึงอย่างไรบริษัทแห่งอื่นก็สามารถซื้อสาเก Dassai จากร้านที่เป็นคู่ค้ากับบริษัทที่มีราคาถูก…
-
คุณพ่อตัดสินใจ ‘โกนหัว’ ตัวเอง หลังลูกสาวผู้ป่วยเป็น ‘โรคผมร่วง’ และเกลียดตัวเองที่ไม่มีผม
ความรักในโลกนี้ คงไม่มีรักไหนที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าความรักจากพ่อแม่อีกแล้ว เพราะพวกเขาคือคนที่รักเรามากกว่ารักตัวเองซะอีก และยังเป็นคนที่คอยปกป้องเราทั้งร่างกายและความรู้สึก อย่างเรื่องราวสุดประทับใจของครอบครัวแสนอบอุ่นนี้ ที่เป็นเผยให้เห็นความรักของพ่อที่มีต่อลูก จนคุณเองก็สัมผัสถึงความรักนั้นได้ Chelsea Sylvaria ผู้เป็นแม่เขียนในเฟสบุ๊กว่า ” Riley(ลูกสาว) ถามฉันว่า ‘แม่รักตัวเองมั้ย?’ ฉันตอบไปว่า ‘รักสิ’ แล้วฉันก็ถามเธอกลับว่า ‘แล้วลูกล่ะ รักตัวเองมั้ย?’ เธอตอบว่า ‘ไม่…หนูไม่รักตัวเอง เพราะหนูไม่มีผม’” คำตอบนั้นทำเอาผู้เป็นแม่จุกจนพูดไม่ออก เธอไม่เคยรู้เลยว่านั่นเป็นความรู้สึกจากใจของลูกสาวสุดที่รักที่ป่วยเป็นโรคผมร่วง ต่อมา Sylvaria นำเรื่องนี้ไปบอกกับสามี Dave… เขาจึงมาคุยกับลูกสาวอีกครั้ง เพราะนั่นเป็นความรู้สึกของลูกที่ไม่ควรปล่อยผ่านโดยไม่ทำอะไร Dave เข้าไปหาลูกสาวและนั่งคุยกับเธอเกี่ยวกับสิ่งที่เธอเพิ่งบอกกับแม่ไป ซึ่งช่วงเวลาพ่อลูกคุยกันนี้ ผู้เป็นแม่ได้บันทึกวิดีโอเอาไว้ คุณพ่อถามลูกสาวว่า “ลูกรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ หรือแค่พูดไปอย่างนั้น?” เธอตอบว่า “แค่พูดไปอย่างนั้นเอง” แต่เขารู้ดีว่าลูกสาวคงจะรู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ไม่มีผม เขาจึงบอกกับเธอว่า “ลูกเป็นเด็กผู้หญิงที่พิเศษที่สุดในโลกนี้ ผมไม่สำคัญหรอก ใช่มั้ย? พ่อรู้ว่าลูกอยากมีผม แต่ไม่ว่าลูกจะเป็นยังไงพ่อก็ยังรักหนูเหมือนเดิมนะ” หลังจากคุยเรื่องนี้กันเสร็จ คุณพ่อก็หันไป Riley ว่า “อยากให้พ่อโกนผมด้วยมั้ย?” เด็กสาวยิ้มออกมาทันที แม้จะไม่มีคำตอบ แต่คุณพ่อก็รู้ดีว่าเธอหมายถึงอะไร แล้วพ่อลูกก็เดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยกัน จากนั้น Dave ก็เริ่มโกนผมของตัวเองออก…
-
ชาวเน็ตเดือด!! คุณแม่นำเบี้ยผู้พิการ ซื้อของขวัญคริสต์มาสมูลค่า 70,000 บาท ให้กับลูก
เรื่องราวของคุณแม่ผู้พิการรายหนึ่งที่เก็บเงินเบี้ยช่วยเหลือจำนวน 50 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เพื่อซื้อของขวัญวันคริสต์มาสให้กับลูกๆ ของเธอ แต่ทว่าการทำเพื่อลูกของเธอครั้งนี้กลับถูกชาวเน็ตต่อว่าอย่างรุนแรง หลังจากที่เธอให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ This Morning Claire Young ลาออกจากงานของเมื่อปี 2012 หลังจากที่เธอไม่สามารถที่จะทำงานได้เนื่องจากเธอป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อล้าเรื้อรัง โดยหญิงสาวได้รับเงินในการช่วยเหลือ 850 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (ประมาณ 37,000 บาท) เพื่อใช้ในการดูแลตัวเองและลูกๆ ทั้ง 6 คนของเธอที่มีอายุไม่เกิน 12 ปี คุณแม่ท่านนี้ใช้เงินเบี้ยผู้พิการของเธออย่างประหยัด และเมื่อปีที่ผ่านมาเธอสามารถเก็บเงินได้มากถึง 2,000 ปอนด์หรือกว่า 87,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวนั้นสามารถทำให้คุณแม่ลูก 6 สามารถมอบของขวัญคริสต์มาสชิ้นพิเศษให้กับลูกๆ ทั้ง 6 คนของเธอได้สบายๆ “ฉันไม่ได้ออกไปฉลองในช่วงหยุดสุดสัปดาห์เลย และฉันก็ได้ไม่ได้ซื้อยาอีกด้วย ฉันตั้งใจจะเก็บเงินทั้งหมดนี้เพื่อนำไปซื้อของขวัญวันคริสต์มาสให้ลูกๆ ” หญิงสาวให้สัมภาษณ์กับพิธีกรรายการ “วันคริสต์มาสนั้นมีแค่เพียงปีละครั้งเท่านั้น และถึงแม้ว่าเราจะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์จากสวัสดิการ แต่เราก็ยังคงต้องฉลองวันสำคัญนี้” เธอให้สัมภาษณ์ Claire พูดต่ออีกว่า จริงๆ แล้วเธอไม่ได้มีความสุขมากนักที่ใช้ชีวิตโดยอาศัยสวัสดิการผู้พิการ “ฉันไม่ชอบที่ต้องคอยพึ่งสวัสดิการ ไม่มีใครชอบสิทธิประโยชน์แบบนี้หรอก แต่คุณไม่มีทางรู้เลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับคุณเมื่อไหร่ ถึงแม้ว่าฉันจะอยู่ได้โดยอาศัยสวัสดิการ แต่ไม่ได้หมายความว่าลูกๆ ของฉันจะไม่สามารถมีความสุขในวันคริสต์มาสเหมือนเด็กคนอื่นๆ…
-
สาวนางแบบเล่าเรื่องราวในอดีต ที่เคยโดนกลั่นแกล้งเพราะ ‘สีผิวของเธอดำเกินไป’
เรื่องราวของนางแบบสาวผิวสีชาวซูดาน ที่กลายเป็นนางแบบชื่อดังหลังจากที่เธอย้ายมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา แต่กว่าที่จะกลายเป็นแฟชั่นไอคอนชื่อดัง นางแบบผิวสีผู้นี้ต้องเผชิญเรื่องราวต่างๆ มากมาย และคำสบประมาทว่าผิวของเธอนั้นดำเกินไป!! Nyakim Gatwech นางแบบสาววัย 24 ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังและมีคนติดตามในอินสตาแกรมของเธอมากถึง 325,000 คน บ่อยครั้งที่เธอมักโดนดูถูกเพราะสีผิว แต่ Gatweach กลับไม่สนใจและพยายามทำหน้าที่ของเธออย่างเต็มที่ นอกจากจะเป็นนางแบบแล้ว Gatweach ยังเป็นกระบอกเสียงสนับสนุนให้ผู้คนยอมรับในสิ่งที่ตัวพวกเขาเป็น และเธอยังออกมาต่อต้านการเหยียดผิวอีกด้วย Gatwech ย้ายมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่ตอนอายุ 14 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้เธออาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยที่เคนย่าและเอธิโอเปีย เนื่องจากภาวะสงครามในประเทศบ้านเกิด “แม่ของฉันหนีออกมาจากซูดานก่อนที่ฉันจะเกิดเนื่องจากภาวะสงคราม ตอนนั้นทหารกำลังจะมาที่หมู่บ้านของเราและฆ่าทุกคนทิ้ง” นางแบบสาวเล่าเรื่องราวที่ครอบครัวของเธอต้องเผชิญ Gatwech สูญเสียพี่สาวของเธอไปในระหว่างที่แม่ของเธอเดินเท้าไปยังประเทศเอธิโอเปีย และหลังจากที่ย้ายมาอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยที่เคนย่าพวกเขาก็ได้มีโอกาสเข้ามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่สหรัฐอเมริกา แต่ถึงอย่างไรก็ตามการใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ครอบครัวของเธอต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากและเรื่องสีผิวก็เป็นหนึ่งในประเด็นที่พวกเธอถูกกลั่นแกล้ง เธอเล่าถึงประสบการณ์การถูกเหยียดผิวในโรงเรียนว่า เธอมักจะถูกเพื่อนๆ บอกว่าเธอดำเกินไป หรือบางครั้งพวกเขาก็จะหัวเราะใส่เธอและพูดว่า “นี่ Gatwech พวกเรามองไม่เห็นเธอเลย” “ยกตัวอย่างในชั้นเรียน เมื่อฉันถูกคุณครูถาม เพื่อนๆ ก็มักจะพูดว่าคุณครูถามใครหรอ พวกเรามองไม่เห็นใครเลย และจากนั้นทั้งห้องก็จะหัวเราะกัน ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งร้องไห้” นางแบบสาวเล่าถึงประสบการณ์วัยเด็กของเธอ …
-
หนุ่มผงะ หลังพบ ‘ขามนุษย์’ ในสภาพที่ยังใส่รองเท้าอยู่ พัดขึ้นมาเกยฝั่งที่แคนาดา
ความสวยงามของท้องทะเลเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมาเป็นอย่างดี ซึ่งก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเลยทะเลช่างเป็นสถานที่ที่งดงามไม่แพ้ที่ใดบนโลก แต่จะเป็นอย่างไรเมื่อวันหนึ่งเราไปเที่ยวทะเลและกำลังเดินทอดน่องอย่างอารมณ์ดีอยู่ที่ชายหาด แต่กลับไปเจอรองเท้าข้างหนึ่งถูกคลื่นพัดมาเกยหาด ซึ่งถ้าเป็นรองเท้าธรรมดาๆ มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะผู้คนต่างทิ้งขยะมากมายลงสู่ทะเล แต่สิ่งที่หนุ่มคนนี้เจอมันดันเป็นรองเท้าที่ยังมีขาของมนุษย์สวมใส่อยู่ซะนี่ ชิ้นส่วนมนุษย์ที่ติดอยู่กับรองเท้า ชายหนุ่มผู้พบเจอรองเท้าสยองขวัญดังกล่าวมีชื่อว่า Mike Johns โดยเขาเล่าว่า ได้พบรองเท้าที่ยังมีขาของคนใส่อยู่ที่ริมแม่น้ำจอร์แดนบนเกาะแวนคูเวอร์ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา และชิ้นส่วนตั้งแต่หัวเข่าลงมายังอยู่ครบถ้วนทั้งหน้าแข้งรวมถึงส่วนที่เป็นเท้า เขาเล่าว่า ในตอนแรกสุนัขของเขาวิ่งไปดมกลิ่นก้อนสาหร่ายทะเลที่เข้ามาเกยหาด และเมื่อเขาเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่ามันเป็นชิ้นส่วนของมนุษย์ “หมาของผมเข้าไปดมฟุดฟิดๆ ที่กระดูกอันหนึ่ง ดังนั้นผมจึงเห็นอะไรผิดสังเกตและได้เข้าไปดู และสิ่งที่ผมเห็นก็ทำให้ผมแทบช็อก เพราะว่ามันเป็นรองเท้าที่ยังมีขาของคนติดอยู่!!” Mike John เล่า รองเท้าชิ้นแรกที่ได้พบชิ้นส่วนของมนุษย์ติดอยู่ การค้นพบส่วนขาของคนติดอยู่กับรองเท้าชิ้นนี้ ไม่ใช่การค้นพบแรกเพราะว่าในช่วง 10 ปีมานี้ได้มีรองเท้าที่มีกรณีเดียวกันเกิดขึ้นมาก่อนถึง 12 เหตุการณ์นับตั้งแต่ปี 2007 และชิ้นที่ค้นพบล่าสุดนี้ก็เป็นชิ้นที่ 13 แล้ว รองเท้าที่มีส่วนขาของมนุษย์ชิ้นแรกเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2007 ซึ่งเป็นรองเท้าวิ่งยี่ห้อหนึ่งที่มีเพียงชิ้นส่วนของเท้าอยู่ข้างในรองเท้าข้างนั้น เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพจากสถาบัน The BC Coroners Service ได้บอกเอาไว้ว่ารองเท้าไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้อวัยวะของมนุษย์ที่อยู่ภายในไม่เน่าเปื่อย แต่มันยังทำให้สามารถลอยน้ำได้อีกด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงพบแต่เพียงส่วนที่เป็นเท้าของมนุษย์ โดยไม่พบร่างกายส่วนอื่นเลย มีความลับมากมายอยู่ในแม่น้ำและท้องทะเล ในตอนนี้เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพกำลังทำงานร่วมกับตำรวจในท้องถิ่น…
-
อยู่ๆ Elon Musk ก็ลั่นโพสต์ออกมาว่า 35,000 ชาวเน็ตก็เลยออกมาตีความ มันคืออะไรกันแน่!?
หลายๆ คนน่าจะรู้จัก Elon Musk ชายหนุ่มชาวอเมริกัน-แคนาดา ที่เป็นวิศวกร นักคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ และเจ้าของบริษัทใหญ่ยักษ์หลากหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นบริษัท SpaceX, Tesla, Neuralink หรือแม้แต่บริษัทที่เป็นที่รู้จักดีอย่าง Paypal จึงไม่แปลกที่จะมีคนติดตาม ทวิตเตอร์ของเขา มากมาย แต่ที่น่าสนใจก็คือชายคนนี้มักจะจุดกระแสโซเชียลด้วยการทวีตอยู่บ่อยๆ อย่างเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2017 ที่ผ่านมานี้เขาก็ทวีตข้อความว่า “ทำไมถึงไม่มี Flat Mars Society บ้าง!?” จนสมาชิกชมรม Flat Earth Society และชาวเน็ตจำนวนมากเข้าไปถกเถียงกันยกใหญ่ ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2017 นี้เขาก็ได้จุดกระแสชาวเน็ตอีกครั้ง โดยอยู่ๆ เขาก็ทวีตตัวเลข “35,000” ขึ้นมาแบบไม่มีข้อความหรือคำอธิบายเพิ่มเติมใดๆ ชาวเน็ตจึงถกเถียงกันใหญ่ว่าตัวเลขนี้มันมีความหมายอะไรกันแน่ เราลองไปดูกันดีกว่าว่าชาวเน็ตเขาว่ายังไงกันบ้าง แต่ดูเหมือนว่าส่วนใหญ่จะพากันออกทะเลนะ ฮาาา เป็นจำนวนครั้งที่ผมทวีตไปหาคุณ แต่ไม่ได้รับการติดตามกลับรึเปล่า อีกท่านก็มาตอบชาวเน็ตด้านบนว่า ฮ่าๆๆ ทำไม Elon Musk ต้องติดตามเธอด้วย เธอมีอะไรดีเหรอ …
-
สรุปดีล Disney ซื้อ Fox มีความหมายอะไรบ้าง และอนาคตมันจะเดินไปในทิศทางไหนกันนะ?
กลายเป็นข่าวที่ถูกพูดถึงกันยกใหญ่สุดๆ หลังจากเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา ทางบริษัท The Walt Disney Company ได้ใช้เงินจำนวนมหาศาลมากกว่า 52,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 1.7 ล้านล้านบาทฟาดลงไปที่บริษัท 21st Century Fox จนตอนนี้ทุกธุรกิจในเครือเกือบทั้งหมดได้ตกมาอยู่ในมือของ Disney ไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนคนที่สงสัยว่าแล้ว Disney ได้อะไรมาบ้าง ซึ่งถ้าจะให้ร่ายมันก็จะยาวมากๆ เอาเป็นว่าหลักๆ ที่น่าสนใจก็คือเฟรนไชน์หนังต่างๆ จากค่าย Fox จะถูกเปลี่ยนมือไปยัง Disney ทั้ง X-Men, Fantastic 4, Deadpool, Avatar, Alien หรือแม้แต่ Kingsman ก็จัดอยู่ในสัญญาด้วยเช่นกัน นอกจากหนังต่างๆ แล้วรายการโทรทัศน์ต่างๆ รวมถึงระบบสตรีมมิ่งก็ตกมาอยู่ในมือ Disney เช่นกัน ฉะนั้นในอนาคตเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มากแน่นอน แต่ก่อนที่จะถึงตอนนั้นทาง Disney จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือใช้อะไรได้จนกว่าจะครบข้อสัญญาตามกฎหมายเป็นเวลา 1 ปี นี่คือบริษัททั้งหมดในเครือของ Disney ในปัจจุบัน และนี่คือเครือทั้งหมดที่ทาง Disney ได้มาจาก Fox โดยตัวกรอบสีแดงคือเครือที่ยังคงอยู่กับทาง Fox ฉะนั้นก่อนจะถึงตอนนั้น…
-
โตเกียวขอร้องให้ออกกฎหมายใหม่ เพื่อเอาผิดกับกลุ่มคนที่ชอบขอดูรูปโป๊ของเยาวชน
ปัจจุบันการติดต่อสื่อสารกันผ่านทางสื่อออนไลน์และโซเชียลเน็ตเวิร์คเป็นสิ่งที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย และสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย แต่อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นช่องทางที่มีความเสี่ยงที่จะถูกคุกคามง่ายเช่นกัน ในประเทศญี่ปุ่นเองก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน โดยกลุ่มวัยรุ่นมักจะถูกผู้ประสงค์ร้าย คุกคามขอดูรูปภาพโป๊เปลือยอยู่บ่อยครั้ง ทางประเทศญี่ปุ่นจึงเล็งเห็นว่าปัญหานี้ควรได้รับการป้องกันและแก้ไขโดยเร็ว ในวันที่ 12 ธันวาคม 2017 คณะกรรมการการจัดการทั่วไปแห่งเมืองโตเกียว ได้จัดการประชุมเพื่อเปลี่ยนแปลงกฎหมายคุ้มครองเยาวชนที่ใช้อยู่ โดยหัวข้อสนทนาหลักนั้นเกี่ยวกับกฎหมายที่ใช้ปกป้องเยาวชนที่ถูกบังคับให้ส่งรูปอนาจารให้คู่สนทนาทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค เดิมทีนั้นกฎหมายระบุว่า เจ้าหน้าที่สามารถเอาผิดผู้ที่ขอดูรูปอนาจารในลักษณะเชิงข่มขู่หรือบังคับเท่านั้น แต่บางครั้งก็ไม่สามารถเอาผิดกลุ่มคนที่ขอรูปได้ เนื่องจากพวกเขาใช้ข้อความกำกวม และดูไม่สื่อไปทางบังคับขู่เข็ญจนผิดกฎหมายนั่นเอง จึงมีข้อเสนอในการเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายดังกล่าว โดยเปลี่ยนให้เจ้าหน้าที่สามารถเอาผิดผู้ต้องหาได้ หากผู้ต้องหาขอดูรูปอนาจารจากเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยที่เยาวชนได้ทำการปฏิเสธไปแล้ว โดยบทลงโทษของการผิดกฎนี้ คือโดนปรับประมาณ 3 แสนเยน หรือประมาณ 86,000 บาท ข้อเสนอนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากทางคณะกรรมการทุกคนอย่างเป็นเอกฉันท์ และจะถูกนำเสนอในที่ประชุมอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ธันวาคม 2017 โดยคาดว่าที่ประชุมจะให้การสนับสนุนและรับรองให้กฎหมายนี้ผ่านโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม หากเราลองอ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว จะเห็นได้ว่ากฎหมายนี้ยังปล่อยให้คู่สนทนา สามารถขอรูปเปลือยจากเยาวชนได้ครั้งหนึ่ง และแม้จะโดนปฏิเสธไปแล้ว แต่ถ้าไม่ได้ขอตรงๆ ก็ยังสามารถตื้อคุยกับเยาวชนได้ แต่ก็ยังดีกว่ากฎหมายเดิมที่ปล่อยให้คู่สนทนาขอดูรูปโป๊ของเยาวชนกี่ครั้งก็ได้ ขอแล้วโดนปัดก็ยังตื้อขอแล้วขออีกได้ไม่มีความผิดใดๆ ล่ะนะ ถึงแม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย อย่างน้อยก็ช่วยมากขึ้นนิดนึงก็ยังดี…
-
ครบรอบ 80 ปี เหตุการณ์ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่นานกิง” รวมภาพชาวจีนนับหมื่น ยืนสงบนิ่งไว้อาลัย
วันที่ 13 ธันวาคมของทุกปี ประชาชนชาวจีนโดยเฉพาะชาวเมืองนานกิง อดีตเมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนจีน จะจัดพิธีเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์โศกนาฏกรรมสุดสะเทือนขวัญครั้งยิ่งใหญ่ ที่พวกเขาไม่เคยจะลืมเลือน และมันจะถูกจารึกไว้ให้เหล่าลูกหลานได้ทราบถึงความโหดร้ายที่บรรพบุรุษในแผ่นดินต้องได้รับ โศกนาฏกรรม สังหารหมู่นานกิง ย้อนอดีตเหตุการณ์สุดสะเทือนขวัญ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ปี 1937 ยุคสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง เป็นวันที่ชาวนานกิงและชาวจีนในยุคนั้นจะไม่มีวันลืมเลือน วันที่เหล่าทหารญี่ปุ่นได้บุกเข้ามาในเมืองหลวงหลังจากที่ได้ฆ่าเหล่าทหารจีนที่ได้ต่อสู้เพื่อปกป้องเมืองอย่างสุดกำลัง เมืองนานกิงที่มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 1 ล้านคนในขณะนั้นต้องตกอยู่ในสภาวะอันตราย ไม่มีใครที่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้แม้แต่รัฐบาลจีนเอง เมืองนานกิงได้เปลี่ยนจากสภาพเมืองที่หนาแน่นไปด้วยผู้คนกลายเป็นสนามรบขนาดใหญ่ ทหารญี่ปุ่นผู้ได้รับคำสั่งให้กำจัดคนจีนทุกคนแบบไม่มีการปราณีใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดปัญหาเรื่องการเลี้ยงดูเชลยศึกที่จะตามมา ประชาชนชาวเมืองถูกล่อลวงออกไปฆ่าด้วยวิธีต่างๆ ที่สุดแสนจะโหดร้ายทารุณ เวลา 6 สัปดาห์ที่เมืองนานกิงตกอยู่ในสภาพที่เป็นราวกับขุมนรก ศพของประชาชนตายเกลื่อนเมืองส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ทหารญี่ปุ่นฆ่าประชาชนด้วยสารพัดวิธี บางคนหมดทางเลือกต้องชิงฆ่าตัวตาย เหล่าผู้หญิงตกเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ของทหาร ทั้งข่มขืน ฆ่า มันโหดร้ายเกินกว่าที่จะบรรยายได้ เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ประชาชนชาวนานกิงเสียชีวิตไปราว 300,000 คน นับได้ว่าเป็นโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่ต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของจีน จุดจบของสงคราม จุดเริ่มต้นของการรำลึก หลังจากจบสงคราม เวลาก็ได้ผ่านไปเป็นเวลา 80 ปีแล้ว…
-
WHO ผลักดันให้ “กัญชา” ถูกนำมาใช้เป็นยารักษาโรค และไม่ควรจัดเป็น “ยาเสพติดควบคุม”
สิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้ล้วนแล้วก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย และพืชที่เรียกว่า ‘กัญชา’ ก็เช่นกัน หลายคนอาจจะเห็นว่ามันเป็นสารเสพติดประเภทหนึ่งที่มีแต่โทษ แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วกัญชาก็มีประโยชน์ในวงการแพทย์เช่นเดียวกัน ในตอนนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ออกมาให้คำแนะนำว่า กัญชาที่ใช้ในทางการแพทย์ไม่ควรจัดอยู่ในกลุ่มสารเสพติดควบคุมเหมือนที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ เพราะว่าการนำออกมาใช้เป็นไปได้ยากและต้องทำหนังสือขออนุญาต ทั้งนี้สารเสพติดควบคุมคือสารต่างๆ ที่อยู่ในยาเสพติดหลายประเภท ซึ่งก็มีทั้ง เมทแอมเฟตามีน โคเคน เมทาโดน และอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก โดยสารเหล่านี้จะถูกจำแนกตามความรุนแรงและสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภท ด้วยความที่ในตัวของกัญชามีสารที่ทำให้ผ่อนคลาย ทำให้มันสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการแพทย์ได้ และควรนำออกมาจากกลุ่มสารเสพติดควบคุม แต่ควรเอาออกมาเพียงสารสกัดที่เรียกว่า Cannabidiol (CBD) เพื่อใช้ในวงการแพทย์เท่านั้น รายงานขององค์กรฉบับนี้กล่าวยืนยันเอาไว้ว่า CBD ไม่สามารถนำไปใช้งานในทางที่ไม่ดี เพราะว่าเฉพาะสารดังกล่าว มันไม่สามารถนำไปใช้เป็นสารเสพติดได้ คุณสมบัติของสารชนิดนี้จะสามารถช่วยรักษาผู้ป่วยบางโรคได้อย่างเช่น โรคลมบ้าหมู และใช้สำหรับการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคองนั่นเอง “มีความสนใจเพิ่มขึ้นจากประเทศที่เป็นสมาชิก ในการใช้กัญชาเพื่อการรักษาในการแพทย์ รวมถึงใช้สำหรับการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคอง และในตอนนี้องค์การอนามัยโลกก็มีการรวบรวมหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ ซึ่งมีความแข็งแรงมากพอเกี่ยวกับการใช้กัญชาในทางการแพทย์รวมถึงผลข้างเคียงของการใช้ด้วย” ตามข้อมูลที่กล่าวไว้ในรายงาน นอกจากนี้พวกเขายังได้กล่าวอีกว่า หลักฐานล่าสุดจากการศึกษาในสัตว์และมนุษย์แสดงให้เห็นว่าการใช้สาร CBD อาจสามารถบำบัดอาการบางอย่างของโรคลมบ้าหมู รวมถึงโรคที่ใกล้เคียงกันได้ และการใช้สารดังกล่าวจะไม่นำไปสู่การติดสาร…
-
คุณหมอเขียน “ชื่อ” และ “หน้าที่” ของตัวเองบนหมวกคลุมผม เกิดกระแสเปลี่ยนแปลงในวงการแพทย์
เมื่อเราต้องทำงานร่วมกับคนจำนวนมากที่แทบไม่รู้จักกันเลย เวลาเราต้องประสานงานหรือว่าช่วยงานกัน จึงทำให้การเรียกหรือระบุตัวคนเป็นเรื่องยาก เพราะว่าเราคงไม่สามารถจำชื่อคนทุกคนในเวลาอันสั้นได้ จากปัญหาดังกล่าว ทำให้หมอคนหนึ่งในเมืองซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เกิดความคิดสุดประหลาดขึ้นมาว่า หากเขาเขียนชื่อและตำแหน่งงานของตนเองลงบนหมวกคลุมผม เวลาที่ทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน คนอื่นจะได้รู้ว่าเขาชื่ออะไร ทำงานส่วนไหน Dr. Rob Hackett คุณหมอ Rob Hackett เขามักจะมีปัญหาเวลาที่ต้องทำงานกับคนอื่นในห้องผ่าตัด เพราะหมอแทบทุกคนจะใส่หน้ากากอนามัย และหมวกคลุมผม จนแยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร มีหน้าที่อะไรบ้าง ซึ่งเวลาที่หมอแต่ละคนต้องการให้คนช่วยงาน พวกเขาก็จะเสียเวลามานั่งคิดนั่งจำว่าหมอคนนั้นชื่ออะไร เป็นหมอเชี่ยวชาญด้านใด จนอาจทำให้การผ่าตัดล่าช้าโดยใช่เหตุ เขาบอกว่า “เมื่อคุณต้องทำงานในโรงพยาบาลหลายแห่ง ร่วมกับคนหลายร้อยคน ผมบอกเลยว่าผมไม่รู้เลยว่าคนกว่า 3 ใน 4 นั้นชื่ออะไรบ้าง และเวลาจะเรียกให้ช่วยงานกันก็จะรู้สึกกระอักกระอ่วนแปลกๆ” เขาเลยเขียนว่า “Rob วิสัญญีแพทย์” ลงบนหมวกคลุมผมของเขา ทีนี้แพทย์ทุกคนก็จะรู้แล้วว่าเขาทำหน้าที่อะไร และเรียกให้ช่วยงานได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลามาแยกว่าคนนั้นเป็นหมอด้านไหน หลังจากนั้นเพียง 6 เดือน ไม่น่าเชื่อว่าไอเดียนี้ของเขา กลายเป็นที่ยอมรับกันอย่างเป็นสากล และมีคนนำไปทำตามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ในประเทศออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร…
-
แฟนเก่าเอา “หมา” ของหญิงสาวไปทิ้ง คนใจดีเก็บได้ ขับรถไกลกว่า 2,100 กิโล พากลับมาคืน!!
เมื่อสัตว์เลี้ยงของเราหายไปจากบ้านแล้ว เราย่อมจะเป็นห่วงพวกมันมาก และการตามหาพวกมันนั้นไม่ง่ายเลย เพราะเราไม่รู้ว่าจะไปตามหาพวกมันที่ไหน จะมีใครไปพบมันเข้ารึเปล่า หรือหากมีคนพบมัน จะมีน้ำใจพากลับมาหาเราไหม จึงอาจพูดได้ว่าแทบไม่มีหวังเลยที่เราจะเจอสัตว์เลี้ยงที่หายไป แต่การตามหาสัตว์เลี้ยงก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว หากว่าโชคดีเจอคนดีมาช่วยเหลือเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนรักไว้ ก็อาจจะได้พวกมันคืนมาก็ได้ อย่างเรื่องราวอบอุ่นหัวใจที่เราจะพาทุกท่านไปชมนี้ เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยสถานสงเคราะห์สัตว์แห่ง Caroline County ได้พบสุนัขพิทบูลพันธุ์ผสม หลงอยู่ข้างถนนในรัฐแมริแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา พวกเขาไม่ทราบว่าสุนัขตัวนี้มีเจ้าของไหม แล้วหลงมาได้อย่างไร แต่ก็โชคดีที่มันมีชิปฝังไว้ จึงสามารถตรวจสอบข้อมูลของเจ้าของได้ แต่พวกเขาต้องประหลาดใจเมื่อทราบว่าจากข้อมูลในชิปว่า เจ้าของของสุนัขตัวนี้ อยู่ในเมืองวิชิทอ รัฐแคนซัสซึ่งอยู่ห่างออกไปจากรัฐแมริแลนด์กว่า 1,300 ไมล์หรือราวๆ 2,100 กิโลเมตร พวกเขาจึงได้ติดต่อเจ้าของของมันจากข้อมูลที่มีอยู่ และก็ได้รับการยืนยันว่าสุนัขตัวนั้นเป็นของเธอจริงๆ เธอเล่าให้สถานสงเคราะห์สัตว์ฟังว่าเจ้าหมาตัวนี้ชื่อ Zimba ซึ่งครั้งล่าสุดที่เธอได้เจอมัน คือตอนแฟนของเธอได้พามันไปด้วยตอนออกไปเที่ยวที่รัฐอื่น ส่วนตัวเธอนั้นอยู่ที่บ้านดูแลลูก แต่ระหว่างทางนั้นพวกเธอมีปากเสียงกัน จึงได้ตัดสินใจเลิกกัน ทว่าแฟนหนุ่มคงรู้สึกไม่พอใจและอยากจะแก้แค้น เขาจึงปล่อยสุนัขตัวโปรดของแฟนเก่าลงที่รัฐแมริแลนด์ซะเลย เขาคงหวังว่าเธอจะเสียใจที่ไม่มีวันได้เจอมันอีกแล้ว นี่ถือเป็นโชคดีที่มีคนพบมัน และติดต่อกลับหาเธอ . แต่ปัญหายังไม่หมดลง ถึงแม้ว่าจะพบตัวเจ้าของของ Zimba…
-
ส่องบ้านเด็กเล่นราคา 120,000 บาท ของหนูน้อย มีทั้งทีวี 50 นิ้ว-แชนเดอเลียร์คริสตัล หรูกว่าบ้านตูอี๊ก!!
แน่นอนว่าพ่อแม่ทุกคน ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของตัวเองเสมอ ต้องเลี้ยงดูให้อยู่สบายไม่ขาดตกบกพร่อง มีข้าวปลาอาหารดีๆ กินทุกมื้อ และมีเสื้อผ้ามีของเล่นให้ลูกได้ใส่ได้เล่นไม่มีเบื่อ แต่คงไม่มีใครคิดหรอกว่าจะมีพ่อแม่คนไหนรักลูกมาก จนถึงกับสร้างบ้านส่วนตัวให้กับลูกสาวซึ่งอายุเพียง 3 ขวบเท่านั้น สาวน้อยที่เรากำลังพูดถึงอยู่ เธอคือ Millie-Belle Diamond เธออาศัยอยู่กับพ่อแม่ในเมือง Noosa ประเทศออสเตรเลีย พ่อกับแม่ของเธอต้องการหาบ้านของเล่นให้กับลูกสาวของตัวเอง แต่ว่าพวกเขาหาแบบที่ต้องการตามใจเป๊ะๆ ไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจสร้างขึ้นมาเองซะเลย เธอโพสต์ในอินสตาแกรมว่า “ฉันหาบ้านของเล่นที่มีโคมไฟระย้ากับทีวีติดผนังให้ลูกไม่ได้ ฉันกับสามีเลยคิดแบบเองทำเองเลย” ดังนั้นบ้านของเด็กหญิงจึงถูกสร้างเองทั้งหมด ตัวบ้านทำขึ้นจากไม้และทาสีขาว ม่วง และชมพู ส่วนด้านหน้าบ้านก็มีต้นไม้ปลูกไว้ ประดับรอบบ้านด้วยไฟระยิบระยับสวยงาม และติดกระดิ่งไว้ให้สำหรับแขกที่มาเยือนบ้านเธอด้วย ภายในบ้านก็มีทั้งโคมไฟระย้าคริสตัลงามตา มีทีวีติดผนังขนาด 50 นิ้ว รวมไปถึงโซฟานุ่มนิ่มสีขาว และเปียโนขนาดพอดีตัวกับเด็กหญิงอีกด้วย ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ตีเป็นมูลค่ากว่า 5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือตีเป็นเงินประมาณ 120,000 บาท . ภาพทั้งหมดนี้ถูกโพสต์ลงอินสตาแกรมผ่านแม่ของเธอ Schye Fox เธอยังพูดทีเล่นทีจริงอีกว่าเดี๋ยวอาจจะมีแอร์มาติดเพิ่มด้วย ส่วนชาวเน็ตที่ได้เห็นภาพบ้านหลังนี้ของเด็กสาวต่างก็ออกความคิดเห็นกันว่า หากลูกของตนมีบ้านแบบนี้บ้าง พวกเธอคงดีใจมาก แต่ชาวเน็ตอีกส่วนหนึ่งก็อิจฉาเด็กสาวที่มีบ้านหรูหราขนาดนี้ตั้งแต่เด็ก…
-
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี เธอจะเปลี่ยนพื้นที่มหาวิทยาลัย ให้กลายเป็นงานศิลปะสุดอาร์ต…
ใบไม้เมื่ออยู่บนต้นไม้ มันคอยให้ร่มเงา ให้ที่พักพิงกับสัตว์บางชนิด ซึ่งดูรวมๆ แล้วทำให้เกิดความรู้สึกสบายตาและสบายใจ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ใบไม้ร่วงลงสู่พื้น โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วง มันกลายเป็นแค่สิ่งที่ไร้ประโยชน์ หรือเป็นแค่ขยะที่รอการกำจัดทิ้งเท่านั้น แต่สำหรับ Joanna Hedrick แล้ว เธอไม่ได้คิดแบบนี้ ทุกๆ ฤดูใบไม้ร่วงคือช่วงเวลาที่เธอชื่นชอบมากที่สุดของปี เพราะมันทำให้เธอได้หาความสุขจากใบไม้ที่ร่วงลงสู่พื้น Hedrick เป็นที่ปรึกษาของศูนย์บริการนักศึกษาที่มหาวิทยาลัย Sacramento State University รัฐแคลิฟอเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่ปี 2013 ที่ Hedrick รู้สึกสนุกกับการเล่นใบไม้ โดยการเปลี่ยนใบแปะก๊วยสีเหลือทองที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นให้กลายเป็นงานศิลปะที่มีความซับซ้อน เธอบอกว่า “ศิลปะของฉันคือการทำอะไรบางอย่างที่สวยงงามอยู่แล้วให้กลายเป็นบางอย่างที่ดูมีเอกลักษณ์ และบางสิ่งที่คุณไม่ใช่แค่เดินผ่านไป” จุดเริ่มต้นของการตกแต่งใบไม้ร่วง เกิดจากการที่เธอต้องการฉากหลังสวยๆ เพื่อที่จะรูปลูกๆ ทั้งสองคนคือ Sagan วัย 8 ขวบ และ Emil วัย 4 ขวบ ปรากฏว่าตั้งแต่นั้นมาเธอกลายเป็นคนที่ชื่นชอบการตกแต่งใบไม้ร่วง โดยเฉพาะการทำให้มันเป็นเขาวงกต จนได้รับการชื่นชมจากคนทั้งมหาวิทยาลัยและทั่วโซเชียลมีเดีย ปัจจุบัน เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง เธอจะสร้างผลงานราวๆ 6 แบบต่อปี…
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นถกเถียงกันเรื่อง “การใช้ส้วมแบบดั้งเดิม”‘ ว่าทำยังไง ถึงจะถูกต้องกันแน่นะ!?
ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และนวัฒกรรมใหม่ๆ มักจะมีเกิดมาจากการคิดค้นของคนญี่ปุ่นนี้แหละ ด้วยการพัฒนาที่ก้าวกระโดดนี้ อาจจทำให้ชาวญี่ปุ่นรุ่นใหม่ไม่รู้จักสิ่งของหรือเครื่องใช้ที่เคยมีในอดีตบางอย่าง โดยเฉพาะของใช้ในวงการห้องน้ำ อย่าง ‘ส้วม’ ล่าสุดในโลกออนไลน์ ได้มีการถกเถียงกันแบบขำๆ เกี่ยวกับวิธีการใช้ ‘ส้วมแบบดั้งเดิม’ ว่าจริงๆ แล้วมันต้องใช้แบบไหนกันแน่ถึงจะถูกต้อง? ไม่แปลกที่ชาวญี่ปุ่นรุ่นใหม่จะไม่รู้จักวิธีการใช้ส้วมแบบดั้งเดิม เพราะส้วมที่คนญี่ปุ่นใช้กันอยู่ทุกวันนี้มันทั้งล้ำ สะดวกสบาย แถมมีเสียงเพลงกลบด้วย ส้วมที่เป็นประเด็นนี้คือส้วมแบบญี่ปุ่นที่มีลักษณะคล้ายกับคอห่านบ้านเรานี่แหละ แต่ตรงหัวมีส่วนโค้งที่กันไม่ให้ปัสสาวะกระเด็น เรียกว่า “Kinkakushi” ที่นี้คนญี่ปุ่นแท้ๆ เนี่ยมาเถียงกันมันต้องนั่งแบบไหนกันนะ? ต้องนั่งหันหน้าเข้าหรือหันหน้าออก!? สมาชิกทวิเตอร์ @mikaduki_neko บอกว่า “ต้นกำเนิดของมันคือ Kinkakushi นั่นหมายความว่าคุณต้องหันหน้าออก เหมือนที่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่สอนเอาไว้” ชาวเน็ตคนเดิมอธิบายเพิ่มเติมว่า “จริงๆ แล้ว Kinkakushi แบบดั้งเดิมนี่เป็นแท่นไม้ที่มีไว้เพื่อใช้งานในเรื่องของสุขอนามัยของเหล่าซามูไร โดยจะใช้เป็นแท่นวางเพื่อกันไม่ให้กางเกง Hakama เปื้อนสิ่งสกปรกเวลาที่พวกเขาทำการถ่ายหนัก” “นั่นก็เท่ากับว่าเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่การถ่ายหนักใกล้กับรูระบายน้ำจะทำให้เราสามารถทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น และทำให้เราลดความเสี่ยงในการเปื้อนได้อีกด้วย” ชาวเน็ตอีกคน ที่ใช้ชื่อว่า @snufkin_p ออกมาโต้แย้งด้วยภาพจาก Toto…
-
แมงมุมพิษร้ายแรงที่สุดในโลก กำลังบุกรุกบ้านเรือนของมนุษย์ เพราะตอนนี้เป็นช่วงผสมพันธุ์!!
ทุกวันนี้ภัยอันตรายอยู่รอบด้านและสามารถมาถึงเราได้ในหลากหลายรูปแบบ แม้แต่การอยู่ในบ้านก็อาจตกอยู่ในอันตรายโดยไม่รู้ตัว อันตรายที่ว่านี้มาจากแขกที่ไม่ได้รับเชิญที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแมงมุมที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก ที่กำลังอยู่ในช่วงผสมพันธุ์และมันจะกระจายกันวางไข่ตามบ้านเรือนของมนุษย์ มันคือ Sydney Funnel-web Spider เป็นสายพันธุ์แมงมุมที่มีการแพร่พันธุ์อยู่ในแถบนครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งพิษของมันสามารถทำให้มนุษย์เสียชีิวิตได้ภายในระยะเวลาเพียง 15 นาที แมงมุมชนิดนี้เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดประมาณ 1-5 เซนติเมตร สีสันนั้นแตกต่างกันออกไปทั้งดำและน้ำตาล ลำตัวเป็นเงางามไม่มีขน ชอบอาศัยอยู่กับพื้นทรายที่มีความชื้น หรือพื้นดินที่เป็นดินเหนียว และเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกมันถูกคุกคามมันจะแสดงความก้าวร้าวออกมา ทุกๆ ปี ในช่วงฤดูร้อนของออสเตรเลีย แมงมุม Sydney funnel-web spider จะบุกเข้าไปในบ้านของมนุษย์ในตอนเย็นเพื่อหาที่ที่มีความชื้นอยู่ Paul Hare ผู้ดูแลสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในสวนสัตว์ Taronga Zoo บอกว่า “ทุกๆ ช่วงนี้ของปี แมงมุมตัวผู้จะออกตามหาตัวเมีย เพราะเป็นฤดูผสมพันธุ์ของพวกมัน” ส่วนตัวเมียนั้นมักจะพบว่าไปทำรังในบ้านมนุษย์ กรณีที่รังของมันถูกน้ำท่วม ฝนตก หรือถูกทำลาย และมันจะปล่อยให้ตัวผู้เข้ามาหาในฤดูนี้ Hare กล่าวอีกว่าแมงมุมชนิดนี้มีขนาดใหญ่ และแข็งแรงมากๆ ถึงขนาดที่ว่าสามารถเจาะทะลุเล็บมือเล็บเท้าของมนุษย์ได้ นั่นหมายความมันสามารถเจาะร่างกายส่วนอื่นของคุณได้เหมือนกัน อาการเริ่มแรกเมื่อถูกกัดคือจะมีอาการคลื่นไส้อย่างรุนแรง ปวดเกร็งตามกล้ามเนื้อ มีเหงื่อออกมาก และจะรู้สึกชาบริเวณรอบปาก อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 1981 มีการคิดค้นเซรุ่มต้านพิษ…
-
วินาทีประทับใจ เมื่อคุณปู่วัย 102 ปี ได้พบหลานชายตัวเอง เป็นครั้งแรกในชีวิต…
สำหรับคนที่เคยมีครอบครัวแสนอบอุ่นแล้วมีเหตุให้ต้องพลัดพรากจากกันไป จะมีอะไรดีไปกว่าการได้เจอกับครอบครัวแสนมีความสุขนั้นอีกครั้ง เหมือนกับเรื่องราวของคุณปู่อายุ 102 ปีคนนี้ ที่คิดว่าญาติพี่น้องของเขาได้เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปหมดแล้ว แต่มาวันหนึ่งเขาก็ได้เจอญาติที่พลัดพรากจากกันราวค่อนชีวิต Eliahu Pietruszka คุณปู่วัย 102 ปีเป็นคนหนึ่งที่สามารถหลบหนีมาจากประเทศโปแลนด์ในตอนที่เกิดสงครามโลกออกครั้งที่ 2 ออกมาได้ ทว่า Eliahu วัย 24 ปีในตอนนั้นก็ถูกบีบบังคับให้ต้องละทิ้งครอบครัวของเขาหากอยากมีชีวิตรอด และนั่นรวมถึง Volf น้องชายสุดที่รักของเขาด้วย พบกันครั้งแรกในชีวิต ในขณะเดียวกัน Volf สามารถหนีรอดออกมาจากค่ายกักกันมรณะ ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่ครอบครัวของเขาเสียชีวิตไปทั้งหมด แต่ว่าในท้ายสุดเขาก็ถูกจับไปเป็นแรงงานทาสที่ค่าย Gulag เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีและไร้ซึ่งการติดต่อใดๆ ทำให้ Eliahu คิดว่าน้องชายเขาได้เสียชีวิตที่ค่ายกักกันดังกล่าวไปแล้ว จนปัจจุบัน Eliahu ผู้เหลือตัวคนเดียว ใช้ชีวิตอยู่ในวัย 102 ปีอยู่ที่ประเทศอิสราเอล ส่วน Volf น้องชายของเขากลับรอดชีวิตมาได้ และสร้างครอบครัวอยู่ที่ชนบทแห่งหนึ่งในประเทศรัสเซีย และที่นั่นเขาก็ได้ให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่งขึ้นมาชื่อว่า Alexandre แต่แล้วก็เหมือนมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเมื่อ Eliahu ไปพบหลักฐานว่าเขามีหลายชายคนหนึ่งที่เกิดมาจาก Volf น้องชายเขา…
-
สาวหายจากโรคคลั่งผอม เผยได้รับแรงบันดาลใจจาก ‘อินสตาแกรม’ ของคนที่ป่วยเป็นโรคเดียวกัน
ข้อดีของสื่อโซเชียลคือการได้เห็นความหลากหลายบนโลกใบนี้ ทั้งดีและไม่ดี ซึ่งบางสิ่งบางอย่างมันได้กลายเป็นแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง อย่าง Emelle Lewis นักศึกษาจิตวิทยาวัย 22 ปี จากมหาวิทยาลัย Huddersfield ประเทศอังกฤษ ที่หายจากการเป็นโรคคลั่งผอมด้วยแรงผลักดันจากคนในโซเชียล Emelle ป่วยเป็นโรคคลั่งผอมเมื่ออายุเพียง 15 ปีเท่านั้น เธออยากมีแฟน ตอนนั้นเธอรู้สึกว่าตัวเองอ้วนและดูน่าเกลียดที่สุดในกลุ่มเพื่อน เธอจึงทำตัวให้ผอม ผอม และผอมจนเกินควบคุมได้ อาการของหญิงสาวเริ่มรุนแรงหนักขึ้นเมื่อเธอรู้สึกเบื่ออาหาร แต่กลับเข้ายิมบ่อยมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเธอกลายเป็นคนที่เลือกกินอาหาร โดยจะกินเฉพาะ ซีเรียล เค้กข้าว และสลัด ส่วนการออกกำลังกาย เธอจะพาสุนัขเดินเล่นวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที เธอเล่นโยคะ ออกกำลังกายทุกเช้า และจะไม่นั่งลงระหว่างวันถ้ายังไม่ถึงเวลา 16.00 น. น้ำหนักของ Emelle ลดลงอย่างรวดเร็ว จนเหลือแค่ 31 กิโลกรัม เธอต้องใส่เสื้อผ้าไซต์เด็กและพยายามที่จะใช้ชีวิตอย่างปกติ หญิงสาวเล่าว่า “ฉันเริ่มลดน้ำหนักตอนเรียนมัธยม เพราะรู้สึกว่าตัวเองอ้วนขึ้นตลอดเวลา ตอนนั้นเพื่อนๆ ต่างมีแฟนกันหมดแล้วแต่ฉันคนเดียวที่ไม่มี นั่นคงเป็นเพราะฉันอ้วนและน่าเกลียด” เมื่อ Emelle ผอมจนน่าเป็นห่วง…
-
เมื่อเด็กสาวอยากเลี้ยงแมว ก็เลย “จัดบอร์ด” ร้องขอพ่อกับแม่ น่าสงสารจนต้องยอมใจอ่อน
คนรักแมวหลายๆ คน ไม่ได้รับอนุญาตจากครอบครัวให้รับแมวมาเลี้ยง พวกเขาเลยพยายามทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นการยื่นข้อเสนอต่างๆ เพื่อให้พ่อแม่ใจอ่อน ตัวอย่างเช่น จะล้างรถให้ทุกเดือน จะทำเกรดให้ดีขึ้น หรือถ้ามันไม่ได้ผลจริงๆ บางคนก็ทำกระทั่งแอบเอาเข้าบ้านโดยไม่ให้ใครรู้ แล้วก็ได้เลี้ยงในที่สุด แต่สำหรับเด็กสาวคนนี้ เธอเลือกที่จะจัดบอร์ดบนผนังบ้าน โดยเขียนแมวเหมียวให้ดูน่าสงสารสุดๆ เพื่อให้พ่อแม่รู้สึกผิดที่ไม่รับเลี้ยงพวกมัน เรื่องราวนี้ถูกโพสต์ในทวิตเตอร์โดย Danielle Grubisic จากเมืองเคลเลอร์ รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอบอกว่าน้อยสาวตัวน้อยๆ ของเธอจัดบอร์ดที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า เพื่อทำให้พ่อกับแม่รู้สึกแย่ที่ไม่อนุญาตให้เธอรับแมวมาเลี้ยง ข้อความแต่ละข้อความที่เด็กสาวเขียนแปะไว้บนผนังล้วนแล้วทำให้สะเทือนใจ เช่น “คุณจะปล่อยให้มันตายโดยไม่ทำอะไรอย่างนั้นหรอ?” “คุณจะฆ่าสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ได้ลงหรอ?” นอกจากนี้เธอยังนำภาพแมวที่น้ำตาไหลมาแปะพร้อมข้อความว่า “ดูสิ มันกำลังเศร้า” “น้ำตานี่เป็นเพราะคุณนะ” “ทำไมคุณถึงทำแบบนี้กับฉัน” ยังมีอีกหลายข้อความอีกหลายข้อความที่เด็กสาวเขียนขึ้นมา และเธอก็ย้ำว่าให้พ่อกับแม่อ่านข้อความทั้งหมดเหล่านี้ ซึ่งบอกเลยว่าอ่านแล้วมันช่างน่าสงสารจับใจเหลือเกิน “พวกมันกำลังจะตายอย่างโดดเดี่ยว ทั้งๆ ที่มันไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ ที่เป็นแบบนี้เพราะไม่มีใครสนใจใยดีพวกมัน” ข้อความของเด็กสาว “คุณกำลังจะฆ่าชีวิตที่ไร้เดียงสา” เจอข้อความเศร้าๆ…
-
แฟนพันธุ์แท้!! Netflix เผยสถิติ มีหนุ่มเปิดดู The Lord of the Rings ในปีนี้วนไป 361 ครั้ง
ปี 2017 นั้นได้เดินทางมาใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าย่อมเป็นธรรมเนียมของบริษัทหรือบริการต่างๆ ทั่วโลกที่เริ่มจะทำสถิติต่างๆ และเผยแพร่ออกมาสู่สาธารณะ ซึ่ง Netflix ก็เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่เลือกจะทำแบบนั้น… โดยล่าสุดทาง Netflix ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลสุดเจ๋งและน่าตกใจไปในคราวเดียวกันว่า… มีผู้ใช้ชาวแคนาดาคนหนึ่งได้เปิดดูหนังเรื่อง The Lord of the Rings: Return of the King เพียงเรื่องเดียวถึง 361 ครั้ง!! คิดง่ายๆ ถ้านับเป็นวัน ตลอดทั้งปีเขาเปิดหนังเรื่องนี้ดูอย่างน้อยๆ วันละ 1 รอบและมีเพียง 4 วันเท่านั้นที่เขาหยุดดู (ซึ่งถ้าเขาคนนี้ไม่ชอบหนังภาคนี้มากๆ ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว) แต่ถ้านับเป็นวันมันยังไม่ว้าวมากพอ งั้นถ้าเราตีเป็นชั่วโมงดูล่ะ? หนังเรื่อง The Lord of the Rings: Return of the King มีความยาวทั้งหมด 3 ชั่วโมง 21 นาที ซึ่งจากจำนวนดังกล่าวผู้ใช้คนนี้ได้ใช้เวลา 1,158 ชั่วโมง 81 นาทีไปกับหนังเรื่องดัง…
-
สายการบินของญี่ปุ่นใช้ ‘หุ่นยนต์’ สาธิตระบบความปลอดภัยบนเครื่อง ราวกับเป็นสจ๊วตเลยนี่!?
‘ญี่ปุ่น’ ประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของหุ่นยนต์ เทคโนโลยี และการเอาใจใส่ลูกค้าอย่างเต็มที่ ซึ่งเมื่อพวกเขานำทุกอย่างมารวมไว้ด้วยกันมันจึงเกิดเป็นวิดีโอสาธิตระบบความปลอดภัยบนเครื่องบินที่บ่งบอกความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว วิดีโอสาธิตดังกล่าวนั้นเป็นวิดีโอจากสายการบิน Starflyer ซึ่งเป็นสายการบินภายในประเทศแบบโลวคอสต์แต่ดูเรียบหรูจากประเทศญี่ปุ่น โดยสายการบินดังกล่าวต้องการจัดทำคู่มือสำหรับสาธิตระบบความปลอดภัยบนเครื่องบินของพวกเขา ทางสายการบินไม่อยากทำอะไรแบบเดิมๆ ให้ลูกค้ารู้สึกว่ามันน่าเบื่อจนเกินไป พวกเขาจึงเปิดตัว Starflyer Man ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างหน้าตามาจากรูปร่างของเครื่องบิน Airbus A320 โดยภายในคลิปก็จะมีหุ่นยนต์ตัวดังกล่าวออกมาแนะนำวิธีการเอาตัวรอดเมื่อเกิดเหตุร้ายบนเครื่องบินอย่างช้าๆ และเข้าถึงได้ไม่ยาก นอกจากนั้นการนำเสนอด้วยวิธีดังกล่าว ยังถือเป็นวิธีที่สามารถทำให้คนดูเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะเด็กๆ อาจจะชอบได้นะ อย่างไรก็ตามนี่ยังเป็นเพียงแค่การสาธิตผ่านคลิปวิดีโอเท่านั้น และด้วยความเป็นญี่ปุ่นไม่แน่เราอาจจะได้เห็นสจ๊วต ของสายการบินนี้่เป็นหุ่น Starflyer Man จริงๆ ก็ได้นะใครจะรู้ ห้ามสูบบุหรี่บนเครื่องบินนะ!! สาธิตการใส่หน้ากากออกซิเจนที่ทำออกมาได้ดูดีมากๆ ทั้งตัวหุ่นยนต์ในคลิปและการนำเสนอผ่านคนจริงๆ เสื้อชูชีพก็เช่นกัน สุดท้ายแล้วการโปรโมตด้วยวิธีดังกล่าวนั้นก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะที่มึทำ เพราะว่าย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 สายการบินของนิวซีแลนด์ก็ได้ใช้ตัวละครจาก Hobbit มาช่วยสาธิตความปลอดภัยเช่นกัน และมันก็ได้รับความสนใจเยอะมาก โดยมียอดคนดู มากถึง 13 ล้านครั้ง!! ส่วนนี่คือคลิปสาธิตความปลอดภัยบนเครื่องของสายการบินนิวซีแลนด์ที่ว่า ที่มา スターフライヤー(SFJ)
-
ศิลปินเปลี่ยนเศษเหล็กที่ถูกทิ้งตามกองขยะ เป็น “ประติมากรรมนก” สวยงาม สร้างรายได้ดี!!
ของเก่าที่เราไม่ใช้แล้ว จะกลายสภาพจากของใช้ไปเป็นเศษขยะ และเศษขยะที่ว่านี้ส่วนหนึ่งก็จะถูกนำไปย่อยสลาย อีกส่วนก็จะถูกนำไปทิ้งและรวมกันอยู่ในที่เก็บของเก่า แม้ว่าเศษขยะจะไม่มีประโยชน์ใช้สอยอีกแล้วสำหรับคนทั่วไป แต่คนบางคนกลับยังนำมันมาเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้กลายเป็นของมีค่าใหม่ได้ หนึ่งในนั้นคือศิลปิน Matt Wilson เขาเป็นศิลปินที่ชอบนำของเก่ามารีไซเคิลให้กลายเป็นผลงานที่สวยงาม ทั้งนี้เพราะเขาคิดว่ามนุษย์ควรใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดค่าสูงสุด ผลงานของเขาเป็นชุดผลงานที่นำเศษเหล็กมาสร้างเป็นรูปนกหลากหลายชนิด ซึ่งเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติรอบๆ ตัวของเขานั่นเอง งานศิลปะของเขานั้นต้องใช้ทั้งความอดทนและทักษะชั้นสูง เพราะว่าต้องนำของเก่าที่ขึ้นรูปอยู่แล้ว มาดัดแปลงและประกอบเข้าด้วยกันจนได้รูปร่าง โดยเขาต้องใช้เวลารวบรวมชิ้นส่วนอยู่นานหลายปีเลยทีเดียวกว่าจะสร้างผลงานชุดนี้ได้ ผลงานคุณภาพระดับสูงของเขาจึงไม่สามารถหาดูได้ง่ายๆ นั่นเอง ลองไปชมผลงานบางส่วนของเขากันครับ . . . . นกสายพันธุ์ที่มีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์ก็มีนะ นกฮูก นกแก้ว นกหัวขวาน . นกกระเรียน . . . บางตัวก็มีตาสวยเหมือนนกของจริงด้วย . . ผลงานของเขาไม่ได้มีแค่สัตว์จำพวกนกนะครับ สัตว์ชนิดอื่นๆ เช่น ปลาหมึก หรือม้าน้ำก็มีเหมือนกัน ถ้าใครชอบผลงานแบบนี้ละก็ สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ทาง อินสตาแกรมของเขา…
-
พ่อบ้านโรแมนติก ขอภรรยาแต่งงานอีกครั้ง หลังหา “แหวนแต่งงาน” เจอท่ามกลางเถ้าธุลีจากไฟป่า!!
เหตุการณ์ภัยธรรมชาติต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ยากต่อการควบคุม และบางอย่างเราก็ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่ เหมือนกับเหตุการณ์ไฟป่าที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ถึงจะเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงเพียงใดก็ยังพอจะมีเรื่องราวให้ได้ยิ้มอยู่บ้าง เพราะอัคคีภัยครั้งนั้นทำให้คู่รักคู่หนึ่งได้เห็นความสำคัญของกันและกัน และมีโอกาสขอแต่งงานกันอีกครั้งหนึ่ง!! เช่นเดียวกับผู้คนนับร้อยนับพันคนอื่นๆ ในย่านเวนทูรา Don Myers และ Julie Myers ถูกบังคับให้ต้องอพยพหนีออกจากบ้านของพวกเขา เพื่อเลี่ยงการเจอไฟป่าครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นบริเวณทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อไฟป่าสงบลงพวกเขาก็กลับไปที่บ้าน แต่ก็ต้องพบว่าบ้านที่เป็นความทรงจำมาอย่างยาวนานของพวกเขา เหลือเพียงแค่ซากเถ้าธุลีและซากปรักหักพัง ทว่าว่ามี “สิ่งหนึ่ง” ที่รอดพ้นจากความร้อนของไฟในครั้งนั้นมาได้ “บ้านของพวกเราทั้งหลังหายไปกับตา และของที่พวกเราเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีก็กลายเป็นเพียงขี้เถ้าเท่านั้น” Julie กล่าว และเมื่อสามีของเธอลองคุ้ยหาเพื่อหาสิ่งของที่น่าจะใช้งานได้ในกองขี้เถ้านั้น เขาก็พบแหวนแต่งงานระหว่างเขาและ Julie เข้าโดยบังเอิญ การค้นพบแหวนวงนี้ก็ทำให้ทั้งคู่เหมือนย้อนเวลาไปในช่วงที่ทั้งคู่ขอแต่งงานกันใหม่ๆ ในปี 1989 เลยทีเดียว!! แม้ว่า Don จะมีแหวนวงใหม่ให้กับ Julie ในโอกาสครบรอบวันแต่งงาน 25 ปี แต่แหวนวงที่พบนี้มีความหมายต่อทั้งคู่เป็นอย่างยิ่ง เพราะว่านอกจากจะเป็นแหวนวงที่ Don ใช้ขอแต่งงานแล้ว แหวนวงนี้ยังได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของ Don ที่ทำงานเก็บตังซื้อมาขอ Julie แต่งงานอย่างยากลำบากในขณะนั้นนั่นเอง …
-
ลูกค้าถึงกับงง นั่ง Uber ประมาณ 20 นาที โดนเก็บค่าโดยสารไปกว่า 460,000 บาท!?
เหตุการณ์ต่อไปนี้เกิดขึ้นกับหนุ่มแคนาดาผู้หนึ่ง ที่ได้แชร์ประสบการณ์ราคาแพงของเขา หลังจากที่ถูกคิดค่าโดยสารของบริการรถแท็กซี่จาก Uber เป็นเงินกว่า 18,518.50 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 460,000 บาท!! คุณ Hisham Salama เล่าประสบการณ์ของเขาผ่านทางทวิตเตอร์โดยบอกว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมาเขาได้ใช้บริการดังกล่าว เพื่อไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลในเมืองโทรอนโต แต่เมื่อมาถึงที่หมายเขากลับถูกคิดค่าบริการเป็นจำนวนเงินมากกว่าครึ่งล้านบาท!! เจอเก็บค่าบริการแบบนี้ แบงค์ 20 ในกระเป๋าถึงกับสั่น!! จำนวนเงินดังกล่าวถูกแจ้งเป็นยอดที่ค้างไว้ในบัตรเครดิตของเขา “ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนั่งรถแค่ 20 นาทีผมถึงต้องเสียเงินกว่า 18,518.50 เหรียญ” ชายหนุ่มให้สัมภาษณ์กับสื่อของแคนาดา แต่ถึงแม้จะรู้สึกขำๆ เพราะคิดว่ามันจะต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ แต่ชายหนุ่มก็รู้สึกหวั่นๆ เพราะเขาได้รับข้อความยืนยันจาก Uber ว่าค่าโดยสารดังกล่าวนั้นถูกต้องแล้ว “เราได้ยืนยันแล้วว่าจุดเริ่มต้นที่คุณเลือกและปลายที่ทางเลือกนั้นถูกต้องแล้ว กรุณาบอกเราถ้าหากว่าคุณต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม” ส่วนท้ายของข้อความจาก Uber ถึงคุณ Hisham Salama แบบนี้ก็ยิ่งงงกว่าเดิมสิครับ ในเมื่อระบบช่วยเหลืออัตโนมัติไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาให้กับคุณ Hisham Salama ได้ งานนนี้ชายหนุ่มเลยต้องเพิ่งพาพลังแห่งโลกอินเตอร์เน็ต หลายๆ คนก็ได้เข้ามาแสดงความเห็นกันต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวคนนี้ที่เอามือทาบอกพร้อมกับบอกว่า “เดี๋ยวนะ!! นี่เรื่องจริงหรือ??” ส่วนบางคนก็บอกว่าสงสัยเงินดอลล่าห์ของแคนาดาจะไม่เท่ากับของอเมริกาซะละมั้ง??…
-
นักฟุตบอลสาวทีมชาติอิหร่านถูกแบนและประกาศจับ หลังจากไม่สวม ‘ฮิญาบ’ ขณะเล่นฟุตบอล
นักฟุตบอลสาวทีมชาติอิหร่านจำเป็นต้องลี้ภัยอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากเธอกำลังถูกดำเนินคดีและจับกุมตัว หลังปรากฎภาพของเธอระหว่างเล่นฟุตบอลโดยไม่สวมฮิญาบและใส่กางเกงขาสั้น Shiva Amini นักฟุตบอลสาววัย 28 ปี ถูกทางสมาคมฟุตบอลของประเทศอิหร่านตั้งข้อหาดังกล่าว ในระหว่างที่เธอกำลังพักผ่อนส่วนตัวในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยกฎการสวมผ้าคลุมศีรษะสำหรับสาวอิสลามนั้นถูกบังคับใช้ในอิหร่านหลังจากที่เกิดการปฏิวัติเมื่อปี 1979 นักฟุตบอลสาวคนดังกล่าวถูกสั่งแบนจากทีมชาติ และขณะนี้กำลังลี้ภัยอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เธอได้ให้สัมภาษณ์ว่าเธอไม่สามารถที่จะกลับประเทศบ้านเกิดได้แล้ว เนื่องจากเธอกลัวที่จะถูกจับกุม “ฉันไม่สามารถกลับไปที่อิหร่านได้แล้ว ฉันจะถูกจับทันทีเมื่อถึงสนามบิน และจากนั้นก็จะถูกส่งตัวเข้าคุก” หญิงสาวกล่าว ภาพของเธอที่ถูกทางสมาคมฟุตบอลของประเทศตั้งข้อหา อย่างไรก็ตามเธอไม่สามารถเปิดเผยที่อยู่ของตัวเองในสวิตเซอร์แลนด์ได้ เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่ทางการอิหร่านก็ได้ทำการติดต่อกับทางครอบครัวของเธอเพื่อสืบหาที่อยู่ของนักฟุตบอลหญิง Amini อธิบายว่าเธอถูกตั้งข้อหาดังกล่าวหลังจากที่อัพภาพของตัวเองระหว่างเล่นฟุตบอลลงสื่อโซเชียลมีเดีย เธอได้พูดคุยกับคนของสมาคมและเพื่อนๆ หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ ซึ่งบางคนก็เข้าใจในสิ่งที่เธอทำ แต่ขณะที่บางคนบอกว่าสิ่งที่เธอทำนั้นเป็นการต่อต้านรัฐอิสลาม “เจ้าหน้าที่ระดับสูงบอกกับฉันว่าภาพดังกล่าวนั้นมันค่อนข้างชัดเจนว่าฉันทำงานให้กับพวกกลุ่มฝ่ายค้าน และต่อต้านรัฐบาล” หญิงสาวกล่าว นักฟุตบอลสาวเริ่มกังวลในความปลอดภัยของเธอ หลังจากที่สื่อต่างๆ เริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ Voice of America ได้รายงานเรื่องของเธอในภาษาเปอร์เซีย ในทุกๆ เช้า Amini จะออกไปวิ่งและใช้เวลาเล่นฟุตบอลกับผู้ลี้ภัยคนอื่นๆ เธอยังหวังจะได้กลับไปเล่นฟุตบอลอาชีพและตามหาความท้าทายในฐานะนักกีฬาอาชีพอีกครั้ง นอกจากนี้เธอยังได้พูดถึงกฎการสวมฮิญาบอีกว่ามันไม่ควรที่จะเป็นประเด็นสำคัญสำหรับนักกีฬาหญิง และเธอเองก็เสียใจมากที่ถูกตัดชื่อออกจากทีมชาติเพียงเพราะสาเหตุดังกล่าว “ฉันได้รับจดหมายจากสมาคมฟุตบอลเกี่ยวกับเรื่องสวมฮิญาบ และไม่เพียงแค่นั้นพวกเขายังบอกว่าฉันเล่นฟุตบอลกับพวกเด็กๆ ผู้ชายอีกด้วย ดังนั้นฉันจึงถูกตัดสิทธิ์จากทีมชาติ” นอกจากจะเสียใจที่ถูกตัดสิทธิ์จากทีมชาติแล้ว…
-
อดีตพนักงานร้านอินเตอร์เน็ตญี่ปุ่น เผย 5 เรื่องสุดแย่ของเหล่าผู้ใช้บริการ ที่พวกเขาพบเจอ…
ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้การเข้าถึงโลกอินเตอร์เน็ตนั้นไม่ใช่เรื่องยากเหมือนกับเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว แต่ทว่าในประเทศที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างประเทศญี่ปุ่นนั้นก็ยังคงมีการเปิดให้บริการของร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่อยู่ ในประเทศญี่ปุ่นร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่นั้นเป็นมากกว่าแหล่งบริการอินเตอร์เน็ตธรรมดาๆ เพราะที่นี่เปรียบเหมือนกับศูนย์รวมความบันเทิงขนาดย่อม ไม่ว่าจะเป็นการดูหนังแบบฟรี การอ่านการ์ตูนคอลเลคชั่นพิเศษ บริการเครื่องดื่มซอฟดริ๊งค์ รวมถึงเป็นห้องพักราคาถูกสำหรับบางคนที่พลาดรถไฟรอบสุดท้ายอีกด้วย แต่ทว่าภายในล็อกสี่เหลี่ยมเล็กๆ กับเครื่องคอมพิวเตอร์นี้ก็มักจะมีเหตุการณ์แปลกๆ จากเหล่าลูกค้าเกิดขึ้นบ่อยๆ และเมื่อไม่นานมานี้สื่อของประเทศญี่ปุ่นเองได้ทำการสัมภาษณ์อดีตพนักงานในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ท่านหนึ่งที่ใช้ชื่อแฝงว่า T-san เขาได้ออกมาเปิดเผย 5 ประเภทลูกค้าสุดป่วนในร้านอินเตอร์เน็ตที่เหล่าพนักงานเคยพบเจอมากับตัวเอง… 1. ลูกค้าที่ทำเหมือนกับร้านเป็นบ้านของตัวเอง ถึงแม้ว่าร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ในญี่ปุ่นนั้นจะมีบริการเครื่องดื่มและอาหารฟรีๆ หรืออนุญาติให้ลูกค้านำอาหารเข้ามากินในร้านได้ แต่ก็ยังคงมีลูกค้าบางคนที่มักจะทิ้งเศษอาหารเหล่านั้นไม่เป็นที่เป็นทาง หรือกองไว้ที่โต๊ะ และมักจะชอบสร้างความสกปรกในร้าน 2. พวกที่ชอบมาพร้อมกับกลิ่นไม่พึงประสงค์ อย่างที่บอกไปตอนแรก ที่นี่อาจจะกลายเป็นโรงแรมชั่วคราวสำหรับคนที่พลาดรถไฟเที่ยวสุดท้าย แต่สำหรับบางคนร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่นั้นแทบไม่ต่างอะไรกับโรงแรมเลยทีเดียว “ทางร้านก็มีบริการฝักบัวด้วย แต่ดูเหมือนว่าลูกค้าประเภทนี้จะไม่ค่อนสนใจฝักบัวที่มีไว้บริการเท่าไหร่ และมักปล่อยกลิ่นตัวให้อบอวลอยู่ในร้าน” คุณ T-san กล่าว 3. ลูกค้าที่ชอบใช้ทิชชูเป็นชีวิตจิตใจ แน่นอนว่าทิชชูนั้นมีไว้สำหรับเช็ดคราบสกปรกต่างๆ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่กองกระดาษทิชชูนั้นวางอยู่มี่หน้าจอคอมพิวเตอร์นั้นเราแทบจะไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันถูกใช้ไปด้วยการใด คุณ T-san ให้สัมภาษณ์ว่า “การใช้ทิชชูในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่นั้นถือเป็นปัญหาหลักเลย ผมไม่รู้หรอกนะว่าการโตกในร้านเน็ตคาเฟ่นั้นถูกกฎหมายหรือไม่ แต่พวกคุณช่วยเก็บมันไปทิ้งด้วยเถอะ” 4. ลูกค้าแบบคู่รัก นอกจากบริการที่นั่งแบบเดี่ยวแล้ว ในร้านอินเตอร์เน็ตก็ยังมีบริการที่นั่งแบบคู่อีกด้วย และแน่นอนว่ามันโซฟาแบบนั้นก็มักจะถูกนำไปใช้ในจุดประสงค์อย่างอื่น “ในร้านเน็ตคาเฟ่ที่ผมทำงาน…
-
อุทาหรณ์สอนใจพ่อแม่ คลิปพี่เลี้ยงทุบตีเด็กน้อย หลังเพิ่งโบกมือบ๊ายบายคุณแม่ ไม่ถึง 1 นาที!!!
คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดภายในลิฟต์จากประเทศจีน เผยให้เห็นความโหดร้ายของพี่เลี้ยงเด็กคนหนึ่งที่ลงมือทำร้ายร่างกายเจ้าหนูน้อยอย่างรุนแรง หลังจากที่แยกจากแม่ของเด็กไม่ถึงนาที!! เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมตัวพี่เลี้ยงเด็กวัย 42 ปี หลังจากที่คลิปวิดีโอในลิฟต์ได้เผยให้เห็นหลักฐานชิ้นสำคัญในระหว่างที่เธอกำลังทำร้ายเด็กน้อยด้วยการทุบหน้าอกและศีรษะอย่างรุนแรง เพื่อให้เจ้าหนูหยุดร้องไห้ จากการรายงานของสื่อต่างประเทศระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน พี่เลี้ยงเด็กคนดังกล่าวทราบชื่อภายหลังคือนาง Li ได้ทำร้ายเจ้าหนูน้อยเมื่อเวลา 5 โมงเย็นของวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา (แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการยืนยันว่าเพศของเด็กคนดังกล่าว) ภายในคลิปวิดีโอได้เผยให้เห็นการกระทำอันโหดร้ายของนาง Li ในตอนแรกเธอได้ใช้ฝ่ามือทุบไปที่ท้องของเด็กหลายครั้งเพื่อให้เจ้าหนูหยุดร้องได้ แต่นั่นไม่เพียงพอ ดูเหมือนว่าเด็กน้อยจะยังไม่เงียบ เธอจึงได้ใช้ฝ่ามือตบไปที่ท้ายทอยของเด็กอย่างรุนแรงอีกหลายครั้ง และจากนั้นก็เขย่ารถเข็นเด็กอย่างแรง ก่อนที่จะออกจากลิฟต์ไป คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่บนโลกอินเตอร์เน็ต และชาวเน็ตจำนวนมากก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อว่าการกระทำของหญิงคนดังกล่าว “เหตุการณ์แบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา และทุกที่ การนำแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและการนำเสนอผ่านสื่อเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราควรทำ” หนี่งในความคิดเห็นจากชาวเน็ตใน Weibo และนี่คือสิ่งที่พี่เลี้ยงเด็กคนนี้กระทำต่อเจ้าหนูน้อยคนนี้ (คำเตือน: อาจมีภาพและเนื้อหาที่รุนแรง) ที่มา nextshark
-
อธิบาย 5 ลำดับขั้นของ “ความสัมพันธ์” ตามหลักวิทยาศาสตร์ ว่าคุณอยู่ในระดับไหนกัน!?
บางครั้งความสัมพันธ์ของเรากับใครสักคนนั้นค่อนข้างซับซ้อน จนบางทีทำให้บางคนสับสนในความสัมพันธ์ว่าอยู่ในขั้นไหนแล้ว และตกลงเราเป็นอะไรกัน? ก่อนที่คุณจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ มาดูงานวิจัยใหม่จากเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์ eHarmony ที่เผยให้เห็นถึงความสำคัญของการกระทำตลอดจนความสัมพันธ์ของมนุษย์เรา ในการวิจัยนี้ ทางเว็บไซต์ขอให้ชาวออสเตรเลีย 1,000 คน เปิดความสัมพันธ์ที่สำคัญของพวกเขา ตั้งแต่จูบครั้งแรกไปจนถึงมีอะไรกัน 1. ช่วงเวลาที่เจอกัน จากผลการวิจัยพบว่าส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ทางกายอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงแรกๆ โดย 1 ใน 4 คู่จะจูบกันตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ในขณะที่ 1 ใน 10 จะรอให้ถึง 3 สัปดาห์ก่อนแล้วค่อนแลกจูบแบบดูดดื่ม นอกจากนี้ผลการวิจัยยังพบอีกว่าคู่เดทไม่เร่งรีบที่จะมีอะไรกับใครสักคน แต่ส่วนใหญ่จะรอให้ถึง 3 เดือนก่อนแล้วค่อยทำแบบนั้น ในขณะเดียวกัน ผู้คน 9% ตัดสินใจที่จะนอนกับคู่เดทตั้งแต่วันแรกหรือสัปดาห์แรกที่เจอกัน ทั้งนี้ผู้ชาย 1 ใน 4 จะมีความกระตือรือร้นที่จะมีอะไรกับคู่เดต เทียบกับผู้หญิงแล้วมีเพียง 1 ใน 10 ที่คิดจะทำสิ่งเดียวกัน โดยทั่วไปผู้หญิง 25% ชอบที่จะรออย่างน้อยหนึ่งเดือนหรือมากกว่านั้นก่อนที่จะตัดสินใจมีอะไรกับคู่เดต 2. ช่วงพัฒนาความสัมพันธ์ คู่เดตหลายๆ คู่มักจะมีความคิดที่แตกต่างในความสัมพันธ์ขั้นตอนนี้จนทำให้พวกเขารู้สึกสับสน เพราะ 1 ใน 3 คิดว่าคุณจำเป็นตองพูดคุยหรือถามก่อนเพื่อจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่พิเศษหรือเริ่มคบกันนั่นเอง ในขณะที่ 2/3 ส่วนที่เหลือเชื่อว่าควรใช้ความรู้สึกมากกว่าที่จะมาพูดคุยกันแบบนั้น การวิจัยพบว่าแม้คู่เดตจะรู้สึกดีต่อกันและตัดสินใจที่จะพัฒนาความสัมพันธ์แล้ว แต่พวกเขาจะรอให้ถึง 3 เดือนก่อนแล้วค่อยปิดการใช้งานแอปหาคู่ออนไลน์…
-
คืนชีพตำนานนักสู้ ‘Bruce Lee’ กับมังกรแห่งอัฟกัน ‘Abbas Alizada’ ที่ถอดแบบมาเป๊ะๆ!!
แม้ว่าตำนานยอดนักสู้อย่าง ‘Bruce Lee‘ จะจากโลกใบนี้ไปแล้วเกือบ 45 ปี แต่เรื่องราวของเขาก็ยังคงถูกพูดถึงเสมอไม่มีวันจางหายไป ซึ่งล่าสุดได้มีชาวอัฟกานิสถานคนหนึ่งถูกขนานนามว่าเป็น ‘Bruce Lee แห่ง อัฟกานิสถาน’ ด้วยนะ!? เขาคนนี้มีชื่อว่า ‘Abbas Alizada‘ วัย 24 ปี โดยเขาเป็นแฟนคลับตัวยงของดารานักบู๊ Bruce Lee ตัวเขานั้นได้กลายเป็นกระแสพูดถึงเมื่อหลายปีก่อนบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก หลังจากที่เขาได้โพสต์ภาพตัวเองในลักษณะคล้ายกับตำนานนักสู้คนดังกล่าว Abbas นั้นไม่ได้เพียงแค่แต่งตัวให้เหมือน Bruce Lee แต่เขายังฝึกฝนตัวเองให้มีร่างกายที่แข็งแกร่งเหมือน Bruce Lee ด้วย เรียกว่าไม่ได้ทำกันเล่นๆ และเขาก็ชื่นชอบในนักสู้คนดังกล่าวมากๆ จนล่าสุดถึงกับมีคนทำสารคดีเกี่ยวกับเขาออกมาเลยทีเดียว… เปิดตำนานมังกรแห่งอัฟกานิสถาน!! Abbas เล่าว่าชีวิตของเขาในวัยเด็กนั้นต้องอยู่อย่างยากลำบาก เขาไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยและอยู่ในยุคที่กลุ่มก่อการร้ายตาลีบันรุ่งเรือง สื่อบันเทิงทุกอย่างล้วนถูกแบนอย่างสิ้นเชิง การจะหาความสุขในตอนนั้นจึงเป็นไปได้ยาก แต่ว่าจนกระทั่งตอน 9 ขวบ เขาได้แอบดูหนังเก่าๆ ซึ่งในช่วงนั้นเป็นช่วงที่ตัว Bruce Lee ยังคงมีอิทธิพลมากๆ อยู่ มันเลยทำให้เขาเกิดหลงใหลและรู้สึกว่าถ้าตัวเขาอยากมีชีวิตรอดในอัฟกานิสถาน เขาจะต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งยิ่งขึ้น พออายุ 14 เขาจึงเริ่มจำวิชากังฟูมาจากในหนังและทำตาม จากนั้นก็เริ่มฝึกฝนร่างกายเรื่อยมา…
-
หนุ่มแก้แค้นพวกชอบขโมยพัสดุหน้าบ้าน ด้วยการยัด “กับดักปริศนา” ไว้ในกล่องซะเลย!!
ในอเมริกา ปัญหาการขโมยกล่องพัสดุเป็นปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ เพราะว่าในบางครั้งที่พัสดุมาส่งแล้วผู้รับไม่อยู่ พนักงานก็มักจะวางกล่องพัสดุ ไว้ข้างหน้าบ้านและเมื่อคนแปลกหน้าเห็น พวกเขาก็มักจะถือวิสาสะขโมยมัน ด้วยเหตุนี้ Jaireme Barrow ชายผู้ต้องเผชิญกับปัญหาเดียวกันหลังจากที่เขาสั่งชิ้นส่วนรถ Jeep ที่เขากับเพื่อนๆ ตั้งใจจะซ่อมแซมให้กลับมาใช้ได้ ก็ดันถูกขโมยมาแอบหยิบพัสดุของเขาไปในช่วงที่ตัวเองไม่อยู่บ้าน งานนี้เขาจึงรู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วที่ต้องเอาคืนคนพวกนี้ เขาจึงตัดสินใจสร้างกับดักขึ้นมาเพื่อดัดหลังกลุ่มคนขี้ขโมยดังกล่าว ด้วยการใช้กระสุนลูกซองเปล่ามาจุดระเบิด ซึ่งจะส่งเป็นเสียงดังมากๆ ทุกครั้งที่มีคนยกกล่องพัสดุ โฉมหน้าของเจ้าของไอเดียกล่องแก้เผ็ดในครั้งนี้ ภาพตัวอย่างผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับเหล่าโจร เตรียมพร้อม 3.2.1 วิ่งหนีกันแทบไม่ทัน กล่องดัดหลังขโมยของเขามีชื่อว่า The Blank Box ที่ใช้วัสดุในการทำที่ง่ายแสนง่าย ซึ่งประกอบด้วยปลอกกระสุนลูกซอง 12-gauge เปล่าๆ, ตะขอตกปลา, อิฐ, กล่องไม้และกล่องกระดาษ, แผ่นอลูมิเนียมหรือเหล็กให้มันดูมีน้ำหนักเวลายก, แม่เหล็กและอื่นๆ อีกนิดหน่อย โดยของส่วนใหญ่ก็หาซื้อได้ทั่วไป จากนั้นก็เอามาประกอบเข้าด้วยกัน หรือถ้าใครไม่รู้ว่าจะหาซื้อวัสดุที่ไหนยังก็สามารถสั่งซื้อจากพ่อหนุ่มคนนี้ได้ และเมื่อได้กล่องระเบิดตามที่ต้องการแล้วก็มาถึงขั้นตอนการดัดหลังโจรกันเสียที… ลองดูวิธีทำกับขั้นตอนทดสอบได้ในคลิปนี้เลย ส่วนวิธีการแก้เผ็ดเราก็แค่เอากล่องนี้ไปวางรวมกับกล่องพัสดุอื่นๆ แต่ต้องวางไว้ข้างล่างสุดนะเพื่อให้โจรยกขึ้น เท่านี้ก็รอดูผลลัพธ์ผ่านกล้องวงจรปิดได้เลย ลองดูผลลัพธ์กันดู กลัวหัวหดกันหมด!!…
-
รู้จักเจ้าหนู Ryan เด็กน้อยอาชีพน่าอิจฉา “นักรีวิวของเล่น” ทำคลิปยูทูบ รายได้ 360 ล้าน/ปี!!
ย้อนกลับไปในวัยเด็กใครหลายๆ คน คงจะกำลังเล่นสนุกกับเพื่อนๆ ดีดลูกแก้วหรือเล่นของเล่นอะไรสักอย่างที่พ่อแม่ซื้อให้อยู่ใช่ไหมล่ะ แล้วเราเคยคิดบ้างไหมว่าเราสามารถนำกิจกรรมสนุกๆ ตอนนั้นมาใช้หาเงินได้ด้วย? Ryan เด็กน้อยวัย 6 ขวบคือเจ้าของช่องยูทูบ Ryan ToysReview ที่ถูกจัดอันดับโดย Forbes ให้เป็นช่องที่ทำรายได้สูงที่สุดเป็นอันดับที่ 8 ของปี โดยเขามีรายได้ในปี 2017 สูงถึง 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือคิดเป็นเงินไทยก็เกือบๆ 365 ล้านบาทเลยทีเดียว (ส่วนถ้าใครอยากรู้ว่าคนที่ได้อันดับที่ 1 เป็นใครนั้นสามารถกลับไปอ่านข่าวเก่าได้ที่ ‘เผยอันดับดาวเด่น YouTube 2017 ทำเงินสูงสุด 540 ล้าน และแชมป์ไม่ใช่ PewDiePie แล้ว‘) ซึ่งคลิปที่ทำให้เจ้าหนู Ryan กับครอบครัวทำด้วยกันนั้น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการเล่นสนุกและรีวิวของเล่นฉบับเด็กๆ โดยมันก็สนุกในแบบฉบับดูสบายๆ ย่อยง่ายไม่ต้องคิดอะไรมาก นั่นจึงส่งผลให้ช่องของเขามีคนกดติดตามมากถึง 10 ล้านเลยทีเดียว ส่วนคลิปที่มียอดวิวสูงที่สุดนั้น เป็นคลิปที่เจ้าหนูต้องตามหาไข่ขนาดยักษ์ที่ข้างในก็มีรถของเล่นอยู่เต็มไปหมด ซึ่งตัวไข่ถูกซ่อนไว้ในบ้านลมขนาดใหญ่ โดยคลิปดังกล่าวมียอดคนดูรวมแล้วมากถึง 1,000 ล้านครั้ง!! …
-
ศัลยแพทย์สมองเล่าประสบการณ์ใกล้ความตาย ที่ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงแสงและเพลงแห่งสวรรค์!!
เวลาพูดถึงความตาย เราทุกคนไม่มีใครรู้หรอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเราตายมันเป็นยังไง จะมีก็แค่ทฤษฎีต่างๆ ที่ออกมาเดากันไปต่างๆ นานาว่าพอตายแล้วเราจะไปนรกไปสวรรค์ หรืออาจจะกลายเป็นวิญญานเท่านั้น ทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้นเราไม่มีทางรู้เลยจนกว่าเราจะตาย แต่ว่าเมื่อเราตาย เราก็ไม่สามารถกลับมาบอกเล่าอะไรให้ใครฟังได้เช่นกัน ฉะนั้นเรื่องราวหลังความตายจึงเป็นเรื่องลึกลับเสมอมา…ทว่ามันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เหรอ? ล่าสุด Dr. Eben Alexander วัย 63 ปี ศัลยแพทย์สมองและผู้เขียนหนังสือ ‘Living In A Mindful Universe: A Neurosurgeon’s Journey Into The Heart Of Consciousness’ ก็ได้ออกมาเปิดเผยเขาเคยมีประสบการณ์ใกล้ชิดกับความตาย เพราะเขาเคยอยู่ในอาการโคม่านานหลายสัปดาห์เมื่อปี 2008 โฉมหน้าหนังสือของ Dr.Eben เขาได้เล่าผ่านหนังสือของเขาว่า จากอาการโคม่าดังกล่าวทำให้ตัวเขานั้นสามารถรับรู้ความหมายอันลึกซึ้งของชีวิตและสิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้นได้… Dr. Eben เล่าว่า “ตอนนั้นผมอยู่ในอาการโคม่านานเป็นสัปดาห์ ผมต้องทรมานจากอาการเยื่อหุ้มสมองและสมองอักเสบ สมองติดเชื้อและอื่นๆ อีกมากมาย โดยแพทย์ได้บอกกับญาติของผมว่า ผมจะมีโอกาสรอดเพียงแค่ 2% เท่านั้น ซึ่งไม่นานนัก ทีมแพทย์ก็บอกกับญาติให้ตัดใจพร้อมกับเตรียมบอกลาผมเร็วๆ นี้ได้เลย” …
-
เรื่องราวของ ‘คุกโลมาดำ’ ที่ไม่ได้น่ารักเหมือนชื่อ เพราะนี่คือคุกที่โหดที่สุดในรัสเซีย
คงไม่มีใครอยากติดคุก การต้องติดอยู่ห้องขังหรือรั้วกั้นที่ทำให้เราไม่ได้รับอิสรภาพและไม่ได้เห็นสิ่งต่างๆ ภายนอกเป็นเรื่องที่น่ากลัวเกินบรรยาย แล้วยิ่งถ้าเป็นคุกที่ขึ้นชื่อว่า “โหดที่สุด” แล้ว มันก็ยิ่งเลวร้ายมากกว่านั้น เหมือนกับสถานที่แห่งนี้ นี่คือคุกที่ชื่อว่า Black Dolphin หรือแปลไทยก็คือ โลมาดำ ตั้งอยู่บนชายแดนประเทศคาซัคสถาน เป็นคุกที่เรียกได้ว่า “โหดที่สุดในรัสเซีย” และการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาเอามากๆ มันโหดขนาดไหนและนักโทษภายในนั้นต้องเจอกับอะไรบ้าง เราลองไปสำรวจกันผ่านภาพเหล่านี้ ชื่อของคุกถูกตั้งขึ้นมาอย่างไม่เป็นทางการ จากนักโทษที่ได้เห็นรูปปั้นที่ตั้งอยู่ด้านหน้า ในสถานที่แห่งนี้มีผู้ต้องขังอยู่ราวๆ 700 คน ทั้งฆาตกรต่อเนื่อง มนุษย์กินคน หรือผู้ก่อการร้าย ว่ากันว่าจำนวนของเหยื่อที่นักโทษในคุกแห่งนี้ลงมือสังหารมีประมาณ 3,500 คน เฉลี่ยแล้วเท่ากับ 5 คดีต่อหนึ่งผู้ต้องขัง ผู้ต้องขังเหล่านี้ส่วนมากถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต อย่างเช่นในภาพคือนักโทษ Vladimir Nikolayev หนึ่งในมนุษย์กินคน เขาได้ฆ่าชายคนหนึ่งแล้วลากไปที่ห้องน้ำเพื่อหั่นศพออกมาเป็นชิ้นๆ เขากินศพไปบางส่วน ก่อนที่จะแบ่งไปให้คนอื่นๆ ที่คิดว่านั่นคือเนื้อจิงโจ้ เพราะอย่างนั้นเองจึงทำให้ Vladimir คืออีกหนึ่งฆาตกรสุดโหดในรัสเซีย หลังจากที่นักโทษเข้ามาอยู่ในคุกแล้ว พวกเขาจะได้รับการเฝ้าดูผ่านกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง ในแต่ละห้องขังจะถูกกั้นด้วยกรงเหล็กถึง 3 ชั้น เพื่อให้ผู้ต้องขังรู้สึกเหมือนกับการอยู่ในคุกซ้อนคุก…
-
โมเมนต์แห่งรักบริสุทธิ์ เมื่อชายหนุ่มดาวน์ซินโดรมได้กอดเด็กน้อยอย่างน่าเอ็นดู
การกอดคือหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่เราจะถ่ายทอดความรักความห่วงใยให้แก่กันและกัน ซึ่งมันอาจไม่ได้ทำให้เกิดรอยยิ้มกับแค่คนสองคน เพราะคนอื่นๆ ที่ได้มาเห็นก็อดที่จะยิ้มไม่ได้เช่นเดียวกัน เหมือนกับเรื่องราวอันแสนประทับใจของคุณอาหนุ่มผู้ได้กอดหลานชายเป็นครั้งแรก เขาคนนี้มีชื่อว่า Daniel วัย 20 ปี เขาป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรมและนั่นจึงทำให้เขาไม่ได้รับโอกาสที่จะกอดหรืออุ้มเด็กน้อยมาก่อน แม้ว่าเขาจะเป็นคนรักเด็กมากก็ตาม จนในที่สุดเขาก็ได้ทำในสิ่งที่ต้องการมาตลอด เมื่อพี่ชายของเขา Kevin เปิดโอกาสให้เขาได้อุ้ม Maysen Ava ลูกสาวตัวน้อยวัย 3 เดือนของตัวเอง สิ่งที่เห็นทำเอาคนเป็นพี่ถึงกับเกือบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ และถ่ายรูปความประทับใจนี้โพสต์ลงใน Reddit เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2017 พร้อมกับข้อความว่า “น้องผมป่วยเป็นดาวน์ซินโดรม เขาต้องการอุ้มเด็กมาตลอด แต่ก็ไม่เคยได้รับโอกาสนั้น ผมและภรรยาจึงยื่นลูกน้อยของเราให้” เขาบอกอีกว่า “จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็ได้เกิดขึ้น เขากอดลูกสาวเราอยู่นาน 5 นาที และมันก็ทำให้ผมเกือบจะร้องไห้ออกมา” นี่คือการพบกันครั้งแรกของอาหลาน และหลังจากนั้น Daniel ก็ได้เดินทางกลับบ้านของตัวเองที่อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ด้วยความทรงจำอันแสนประทับใจที่เขาได้ฝากเอาไว้ให้ใครหลายๆ คน ชาวเน็ตหลายๆ คนต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพที่ได้เห็นนี้ “ฉันถึงกับร้องไห้ออกมาเพราะน้องสาวของฉันก็ป่วยเป็นดาวน์ซินโดรมเช่นเดียวกัน ขอบคุณที่คุณได้ทำอย่างนั้นกับน้องชายของคุณ สิ่งที่เราได้เห็นมันประเมินค่าไม่ได้เลย” “ขอบคุณที่ทำให้เราย้อนคิดได้ว่าความรักคือสิ่งที่เราทุกคนแบ่งปันให้กันอยู่เสมอและเราต้องการมันจริงๆ…
-
หญิงสาวร่ำไห้กลางศาล ระหว่างไต่สวนอดีตแฟนหนุ่ม ที่บังคับให้เธอเดินเปลือยกลางเมือง
การหึงหวงนั้นอาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ยังแสดงให้เห็นว่าคนรักของคุณนั้นยังคงแคร์และใส่ใจคุณอยู่ แต่บางครั้งความหึงหวงที่เกินกว่าเหตุก็อาจจะนำมาสู่ความรุนแรงและทำร้ายคนรักของคุณได้เช่นกัน คณะลูกขุนต้องอึ้งกันทันทีหลังจากที่ได้เห็นคลิปวิดีโอของหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกบังคับให้เดินเปลือยกายทามกลางอากาศหนาวของเมืองนิวยอร์ก หลังจากที่แฟนหนุ่มของเธอจับได้ว่าเธอแอบส่งข้อความหาชายอื่น “เขาบีบคอฉัน และทรมานฉัน ในตอนนั้นฉันแทบจะหมดลมหายใจทีเดียว” หญิงสาววัย 25 ปีให้การกับศาล หลังจากที่เธอถูก Jason Melo แฟนหนุ่มทรมานนานกว่า 2 ชั่วโมงก่อนที่จะบังคับเธอออกมาด้านนอกพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียวท่ามกลางอากาศหนาว และอัดคลิปวิดีโอประจานเธอ นอกจากนี้หนุ่มวัย 26 ปียังถูกกล่าวหาอีกว่าเขาพยายามจะขว้างรูปปั้นพระพุทธรูปใส่เธอ ในขณะที่ลูกสาวตัวน้อยของพวกเขานอนห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร ภาพบางส่วนจากคลิปวิดีโอที่ชายหนุ่มถ่ายประจารแฟนสาวของเขา คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงในอินสตราแกรมและ LiveLeak ก่อนที่จะถูกนำมาฉายให้คณะลูกขุนในชั้นศาลเมื่อวันจันทร์ที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา ภายในคลิปวิดีโอเผยให้เห็นถึงคำด่าทอของชายหนุ่มที่พูดกับแฟนสาวของเขาอย่างรุนแรง “ถอดผ้าขนหนูของเธอออก แล้วเดินไปเธอมันคือนางแพศยา หันมาสวัสดีกล้องแล้วบอกสิ ว่าทำไมเธอถึงต้องทำแบบนี้” “ถอดผ้าเช็ดตัวออกเพื่อตอบแทนกับความละอายใจที่เธอทำกับฉัน ฉันบอกว่าเธอคือผู้หญิงที่ดีที่สุดและอยากจะมีครอบครัวกับเธอ แต่เธอกลับแอบคุยกับผู้ชายมากกว่า 7 คน” คำพูดของชายหนุ่มภายในคลิปวิดีโอ หลังจากนั้นหญิงสาวก็หันมาตอบว่า “แต่ฉันไม่ได้มีเซ็กส์กับพวกเขานะ” นาย Jason ดึงผ้าขนหนูของแฟนสาวออก และปล่อยให้เธอเปลือยกายอยู่บนถนน ก่อนที่หญิงสาวจะพยายามเอามือปิดร่างกายของเธอ และเข้าไปหลบบริเวณที่จอดรถใกล้ๆ หลังจากถูกจับกุมตัว ชายหนุ่มให้การว่าเขาไม่ได้ทำร้ายร่างกายเธอแต่อย่างใด และตอนนั้นคนอื่นๆ ก็เห็นว่าเธอมีความสุขดี “นักโทษคนอื่นๆ ยังบอกผมเลยว่าบางคนทำสิ่งที่เลวร้ายกว่าผมอีก”…
-
ศิลปินสาวผู้มี “เซลล์รูปกรวย” ในดวงตามากกว่าปกติ จนมองเห็นสีได้มากกว่าคนทั่วไป 100 เท่า
หลายๆ คนรู้ว่าดวงตาของเราจะมีเซลล์หนึ่งเรียกว่า เซลล์รูปกรวย (Cone Cell) ที่มีไว้สำหรับการแยกแยะสีต่างๆ ที่เรามองเห็น โดยในคนปกติทั่วไปจะมีด้วยกันอยู่ 3 เซลล์ แต่เธอคนนี้กลับพิเศษยิ่งกว่า เพราะเธอมีอยู่ถึง 4 เซลล์เลยทีเดียว หญิงสาวคนนี้มีชื่อว่า Concetta Antico ศิลปินในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เธอคือคนที่มีเซลล์รูปกรวยอยู่ถึง 4 เซลล์ จึงทำให้สามารถแยกแยะสีออกได้มากกว่าคนทั่วไปเกือบ 100 เท่า ลองคิดดูว่าคนปกติมีสามเซลล์ ในหนึ่งเซลล์สามารถแยกแยะได้ 100 เฉดสี และพอมาใช้ร่วมกันก็เลยทำให้เราสามารถแยกได้ราวๆ 1,000,000 เฉดสี แต่เธอคนนี้มีมากกว่าเรา 1 เซลล์ เธอเลยสามารถเห็นสีได้มากราวๆ 99 ล้านเฉดสีเลยทีเดียว นั่นทำให้เธอคนนี้เหมือนอยู่คนละโลกกับเราเลยก็ว่าได้ อย่างเช่น เวลาเรามองสิ่งๆ หนึ่ง เราอาจเห็นแค่สีเดียว แต่สำหรับเธอมันอาจจะมากกว่านั้นและอาจเป็นสีที่เราไม่เคยคิดจินตนาการมาก่อน ถ้าใครจำได้ว่าช่วงปีก่อน เราเคยถกเถียงกันว่าชุดเดรสตัวหนึ่งว่ามันเป็นสีน้ำเงิน-ดำหรือสีขาว-ทองกันแน่ จนกลายเป็นเรื่องราวโด่งดังไปทั่วโซเชียล แต่ Concetta กลับเห็นต่างออกไปมากกว่าเดิม เพราะเธอบอกว่าเธอเห็นเป็นสีเทาเข้มจางๆ…
-
ไม่มีเงินสดไม่เป็นไร เพราะที่นี่คือไชน่า ดินแดนที่มาพร้อมกับการบริจาคเงินผ่าน ‘QR Code’
ถ้าหากว่าคุณเป็นหนึ่งในคนที่ชอบทำบุญทำทานล่ะก็ บริการที่เรานำมาฝากต่อไปนี้อาจจะตอบสนองเหล่าอนาถบิณฑิกเศรษฐีผู้ใจบุญที่ไม่มีเศษเงินได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว!! เพราะที่ประเทศจีนคุณสามารถบริจาคเงินให้กับเหล่าขอทานผ่านการแสกน QR Code ได้แล้ว สื่อท้องถิ่นของจีนได้รายงานเรื่องราวของเหล่าขอทานยุค 4.0 จากมณฑลซานตง ที่กำลังนั่งขอทานอยู่ในย่านท่องเที่ยวและป้ายรับเงินบริจาคจากทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น Wechat Wallet, Alipay หรือแอพต่างๆ ที่สามารถจ่ายเงินผ่าน QR Code ได้ ชายขอทานคนหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อถ้องถิ่นว่า อันที่จริงแล้วตัวเขาเองนั้นไม่ได้เป็นคนที่ QR Code นี้ขึ้นมาเอง แต่ทางครอบครัวและลูกๆ เป็นคนจัดการให้ แต่ดูเหมือนว่าการจ่ายเงินผ่าน QR Code นั้นจะมีอะไรที่นอกเหนือจากการบริจาคเงินธรรมดาๆ แต่ทางบริษัทด้านการตลาดดิจิตอลอย่าง China Channel ก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่าขอทานชาวจีนนั้นได้รับเงินจากบริษัทในท้องถิ่นให้ติด QR Code ดังกล่าว และหลังจากที่ลูกค้าบริจาคเงินให้ขอทานผ่าน QR Code ทางบริษัทก็จะทำการเก็บข้อมูล และจำหน่ายให้กับบริษัทอื่นๆ เพื่อใช้ในการปล่อยโฆษณาสินค้าให้กับลูกค้า โดยเหล่าขอทานนั้นจะได้ค่าจ้างจากการสแกน QR Code ของลูกค้าประมาณ 0.7 ถึง 1.5 หยวนต่อครั้ง (ประมาณ 3.5 ถึง…
-
Sia ทวีตโต้ หลังจากถูกสื่อตั้งคำถาม การใช้แดนเซอร์เด็กไม่ถือเป็นการทารุณกรรมหรือ
ถ้าหากใครที่เป็นแฟนๆ บันเทิงต่างประเทศคงจะคุ้นหน้าคุ้นตากับนักร้องสาวผมปิดหน้าอย่าง Sia กันเป็นอย่างดี และถ้าหากสังเกตดีๆ พักหลังๆ มานี้ในมิวสิควิดีโอหรือการแสดงสดของเธอนั้นก็มักจะปรากฏภาพของสาวน้อยนักเต้นวัย 15 ปีอย่าง Maddie Ziegler ให้เราได้เห็นหน้าค่าตากันอยู่บ่อยๆ แต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาสื่อต่างประเทศเองก็ได้ออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับการใช้เด็กเป็นสิ่งแทนตัวเองของเธอ โดยสื่อดังกล่าวได้ตั้งคำถามว่า “ความสับสนของ Sia ถ้าหากชื่อเสียงเป็นสิ่งที่อันตราย ทำไมต้องสื่อออกมาผ่านเด็ก” แน่นอนว่างานนี้ขุ่นแม่ Sia ของเราก็ได้ออกมาตอบคำถามดังกล่าว ซึ่งเธอเองก็ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าวว่า เธอเองก็ได้ทำการสอบถามเด็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอยู่เป็นประจำว่าเธอยังคงอยากที่จะทำการแสดงอยู่หรือไม่ และเธอเองก็ยังได้ปรึกษาเรื่องราวดังกล่าวกับทางพ่อแม่ของเด็กและผู้จัดการส่วนตัวของหนูน้อยอยู่บ่อยๆ อีกด้วย “Maddie มีชื่อเสียงอย่างมากตอนที่ฉันพบเธอ ฉันได้เตรียมที่จะรับผิดชอบเมื่อนำเธอเข้ามาแสดง และเป้าหมายของฉันก็คือให้อำนาจเธอในการตัดสินใจกับสิ่งที่เธอเลือก” ข้อความบางส่วนจากทวิตเตอร์ของนักร้องสาว ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะโต้เถียงว่าเด็กวัยรุ่นนั้นอาจจะไม่มีวุฒิภาพวะพอในการเลือก แต่นักร้องสาวก็บอกว่า เธอเองพยายามที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเด็กน้อย และคอยพูดคุยกับเธออยู่เสมอๆ Sia และสาวน้อย Maddie Ziegler นอกจากนี้ Sia ยังได้กล่าวผ่านทวิตเตอร์ของเธอเพิ่มเติมอีกว่า “สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Maddie นั่นก็คือชื่อเสียงที่เกิดขึ้นนั้นมันส่งผลต่อเธอแตกต่างไปจากฉัน ฉันเชื่อทุกอย่างที่เธอพูด และเมื่อไหร่ก็ตามที่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป เราจะหยุดทันที” โดยประเด็นที่ทำให้สื่อออกมาตั้งคำถามดังกล่าวนั้นก็คือ เมื่อปี 2013 นักร้องสาวของเราได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อบันเทิงว่าตัวเธอเองนั้นไม่อยากที่จะมีชื่อเสียง…
-
ชาวเน็ตแซว ‘เจ๊เทย์’ ควงหลัวใหม่ดู ‘เอ็ด’ เล่นดนตรี แถมจู๋จี๋ดู๋ดี๋กันแบบไม่เกรงใจเล้ยยยย!!
หากเพื่อนๆ ได้ติดตามข่าวคราวในวงการบันเทิงต่างประเทศ คงจะรู้ข่าวที่แฟนๆ จับเจ๊ Taylor Swift มาจิ้นกับ Ed Sheeran ที่ดูแล้วฟินกว่าคู่จริงซะอีก แต่ทั้งคู่ออกมาบอกแล้วนะว่าเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น และ Tay เองก็มีหวานใจตัวจริงแล้ว ล่าสุดเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Taylor Swift ได้เป็นหนึ่งในเซเลบที่ถูกเชิญไปร้องเพลงในงาน Capital’s Jingle Bell Ball ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และในคอนเสิร์ตครั้งนี้ Ed คู่จิ้นของเจ๊ก็ได้ขึ้นร้องเพลงด้วย แต่ที่แฟนสังเกตเห็นคือ หลังจาก Taylor ร้องเพลงเสร็จแล้ว เธอก็ลงมาอยู่กับแฟนหนุ่มตัวจริงอย่าง Joe Alwyn เพื่อดูโชว์ที่เหลือด้วยกัน ไม่ใช่แค่ยืนดูคอนเสิร์ตด้วยกันเท่านั้น แต่แฟนๆ ยังเห็นเธอและหลัวใหม่เต้นและร้องเพลง Thinking Out Loud ไปพร้อมกับๆ Ed ที่อยู่บนเวทีด้วย Taylor and Joe watching Ed Sheeran perform #CapitalJBB [IG story: stefflondon] pic.twitter.com/yA3QhqEyQt — Taylor Swift News…
-
คนงานรถไฟใต้ดิน LA บังเอิญเจอซากฟอสซิลอายุ 10,000 ปี คาดว่ามีชีวิตในช่วงยุคน้ำแข็ง
ในลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา มีการขุดเจาะขยายทางรถไฟใต้ดินมาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งในระหว่างนั้นได้มีการค้นพบซากฟอสซิลของชิ้นส่วนสัตว์ดึกดำบรรพ์หลายชนิด อย่างเช่น กรามกระต่าย ฟันของสัตว์ขนาดใหญ่ หรือช่วงขาของอูฐ แต่ถึงแม้ฟอสซิลเหล่านั้นจะมีอายุเก่าแก่มากขนาดไหน ก็ไม่สามารถทำให้ Ashley Leger รู้สึกพึงพอใจได้เท่าครั้งนี้เลย เมื่อลูกทีมของเธอค้นพบฟอสซิลขนาดใหญ่ที่มีอายุมานานกว่า 10,000 ปี การขุดเจาะเพื่อขยายทางรถไฟใต้ดิน . เธอคนนี้คือผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ โดยการขุดเจาะถนนจำเป็นต้องมีเธอเข้ามาร่วมทีมด้วยก็เพราะว่า เมื่อไหร่ที่มีการพบฟอสซิล เธอจะเป็นคนเข้าไปตรวจสอบผลงานดังกล่าวด้วยตัวเอง ระหว่างการขุดเจาะนานเป็นปีๆ คืนหนึ่งลูกทีมของเธอก็ติดต่อมาและบอกว่า ค้นพบฟอสซิลขนาดใหญ่ ซึ่งนั่นทำให้เธอรีบตรงไปยังไซต์งานดังกล่าวในวันต่อมา ฟอสซิลที่ถูกค้นพบในครั้งนี้ก็มีขนาดใหญ่กว่าที่เคยค้นพบ เพราะมันคือส่วนกะโหลกของแมมมอธ ซึ่งเคยมีชีวิตอยู่เมื่อ 10,000 ปีก่อน ในช่วงสุดท้ายของยุคน้ำแข็ง ฟอสซิลขนาดใหญ่ที่บังเอิญพบเข้าระหว่างการทำงาน Ashley หญิงสาวผู้ควบคุมปฏิบัติการการขุดฟอสซิลในครั้งนี้ จากการตรวจสอบ น่าจะเป็นกะโหลกของโคลัมเบียนแมมมอธวัยประมาณ 8-12 ปี และความพิเศษของเจ้าสิ่งนี้คือ ส่วนของงามันยังคงติดอยู่กับส่วนหัว ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่หาได้ยากมากจากฟอสซิลที่เคยค้นพบก่อนหน้านี้ Ashley บอกว่า “มันเหมือนฝันที่เป็นจริง นี่คือหนึ่งในฟอสซิลที่ฉันอยากค้นพบมากที่สุดตลอดชีวิตการทำงาน” โดยก่อนหน้านี้เธอเคยตามหาฟอสซิลแมมมอธในรัฐเซาท์ดาโคตา แต่เธอก็ไม่เคยเจอฟอสซิลที่มีความสมบูรณ์มากขนาดนี้เลย …
-
รวมภาพเหตุการณ์สุดแปลกจากชาวเน็ต ที่พวกเขาได้ไปเจอตามสนามบินต่างๆ ทั่วโลก!!
สนามบิน สถานที่สุดธรรมดาที่เต็มไปด้วยสิ่งต่างๆ ทั้งดีและแย่ปนกันไป ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาจากการกลับมาพบกันอีกครั้งของเพื่อนหรือครอบครัวที่ไม่เจอกันนาน หรือจะเป็นเหตุการณ์ให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารด้วยกันก็ตาม แต่บางครั้งการที่ความเครียด อาการเจ็ทแล็ก หรือเครื่องบินดีเลย์ก็สร้างความลำบากให้กับเหล่าผู้โดยสารได้ไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งเมื่อผู้โดยสารหลายคนเจอกับปัญหาดังกล่าวความวุ่นวายหลากหลายรูปแบบจึงเกิดขึ้นตามมา และด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงเกิดชุดภาพสุดแปลกที่ชาวเน็ตพากันแชร์เรื่องราวสุดวุ่นวายที่แต่ละคนได้ไปเจอมาที่สนามบินทั่วโลก ซึ่งบางแห่งก็เป็นภาพความทรงจำฮาๆ แต่บางภาพก็เป็นภาพจากเหตุการณ์สุดวุ่นวายที่ดูแล้วจะต้องกุมขมับเบาๆ เลยทีเดียว ว่าแต่จะมีเหตุการณ์ป่วนๆ อะไรบ้างนั้นลองมาดูกัน… หนูน้อยที่ได้รับผลกระทบจากอาการเจ็ทแล็ก ตอนนี้หมดสภาพไม่สามารถสู้ต่อเลยต้องมาเกาะกระเป๋าลากของคุณพ่ออย่างที่เห็น ไหวไหมเนี่ยหนู… หนุ่มคนนี้อยากจะรู้การทำงานของเครื่องสแกนแบบสัมผัสด้วยตัวเอง ผลมันก็เลยตามภาพนั่นแหละ เหล่าผู้โดยสารที่ต่างพากันรอเครื่องบินอย่างตั้งใจ ว่าแต่ทำไมต้องมายืนรอกันตรงนี้ด้วยล่ะ การนอนพักที่สนามบินก็เป็นอะไรที่เราสามารถพบเห็นกันได้บ่อยๆ แต่การจะนอนแบบนี้ได้นั้นเป็นเรื่องยากมากๆ มันคือหมอนรองคอ พวกนายคิดอะไรกันอยู่!! อีกหนึ่งภาพของการนอนรอเครื่องบิน แต่พี่คนนี้ไม่ได้นอนเหยียดเต็มตัวเพราะคงเกรงว่าจะมีคนมานั่งข้างๆ เมื่อสองพี่น้องต้องจากกัน ภาพแห่งความเศร้าจึงเกิดขึ้น การแยกทางมันเศร้าทำให้ต้องมีจูบกันเพื่อบอกลาเป็นบางครั้ง ทว่าอย่าจูบนานเกิน 3 นาทีล่ะ ตกเครื่องไม่รู้ตัวนะ!! นี่อาจจะเป็นวิธีการนอนที่สบายที่สุดเวลาเครื่องดีเลย์สำหรับคนมีคู่ก็ได้นะ บางครั้งคุณแม่ก็มัววุ่นอยู่กับสัมภาระจนลืมว่าเอาลูกวางลงไปด้วย เดี๋ยวนะหนุ่ม ถ้านายเป็นราชาแห่งเหล็ก นายก็ไม่น่าจะผ่านเครื่องสแกนนั่นได้ กระจกที่สะท้อนตัวตนของเรา แม่หนูคนนี้รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยเกินกว่าจะเดินแล้ว เลยแบกกายหยาบของตัวเองขึ้นไปบนสายพานเพื่อให้มันไหลไปยังจุดหมายซะเลย …
-
เมื่อรายการญี่ปุ่นถามชาวฟินแลนด์ เกี่ยวกับกฎระเบียบอันเข้มงวดของรร. ญี่ปุ่น เด็กฟินแลนด์ถึงกับอึ้ง!!
อย่างที่เรารู้ๆ กันดีอยู่แล้วว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของระเบียบวินัยที่ค่อนข้างเป๊ะไปซะทุกเรื่องรวมถึงกฎระเบียบต่างๆ ในโรงเรียนอีกด้วย และแน่นว่าถ้าหากพูดถึงเรื่องระบบการศึกษาล่ะก็ ประเทศฟินแลนด์เองก็ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความก้าวหน้าในด้านนี้อันดับต้นๆ ของโลก และอย่างที่เราทราบกันว่าโรงเรียนที่ฟินแลนด์มันคือสวรรค์ของเด็กๆ ชัดๆ ไม่ว่าจะเป็นการบ้านหรือการสอบที่แสนจะน้อยนิด และกฎระเบียบที่ไม่เข้มงวดมาก แต่จะเป็นอย่างไรบ้างถ้าหากเด็กๆ จากฟินแลนด์ได้ยินเกี่ยวกับกฎต่างๆ ของโรงเรียนในญี่ปุ่น?? เมื่อไม่นานมานี้ได้มีชาวเน็ตญี่ปุ่นท่านหนึ่งได้โพสต์ภาพของรายารทีวีที่ได้ได้เผยให้เห็นคำตอบของเหล่าเด็กๆ จากประเทศฟินแลนด์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ภาพจากทวิตเตอร์ของคุณ @noginoginanamai “ในญี่ปุ่นมีกฎว่าห้ามนักเรียนย้อมผมและใส่ต่างหูมาโรงเรียน พวกหนูๆ คิดว่าอย่างไร้าง??” ทางรายการถามเหล่าเด็กๆ ชาวฟินแลนด์ “เราจะไม่ไปโรงเรียนแน่นอน ถ้าหากมีกฎแบบนั้น” ทางเว็บไซต์ Rocketnews ระบุว่ากฎระเบียบในโรงเรียนที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศนั้นอาจจะมาจากจุดประสงค์ของนโยบายการศึกษา ซึ่งจุดมุ่งหมายในการศึกษาของประเทศฟินแลนด์ก็คือการเรียนของพวกเด็กๆ เท่านั้น ซึ่งต่างจากบางประเทศที่ให้ความสำคัญกับด้านอื่นๆ ด้วย อย่างเช่นความเป็นระเบียบวินัยของเด็กๆ นั่นเอง และแน่นอนว่าหลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพจากรายการทีวีดังกล่าว ก็ได้มีชาวเน็ตญี่ปุ่นเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก ซึ่งบางคนก็บอกว่า “ไม่ใช่แค่โรงเรียนในฟินแลนด์เท่านั้นที่ไม่มีกฎเข้มงวด แต่ในโรงเรียนอาชีวะหรือพวกวิทยาลัยต่างๆ ก็ด้วย ฉันอิจฉาพวกเขาจริงๆ กฎเข้มงวดเหล่านี้ไม่มีทางเปลี่ยนได้เลยอย่างนั้นหรือ??” ในขณะที่บางคนก็บอกว่า “แต่ในโรงเรียนเอกชนแพงๆ ก็ไม่ได้มีกฎที่เข้มงวดเหมือนกันนะ พวกเขาทำให้เด็กๆ อยากเรียนรู้ด้วยตัวเองและกฎต่างๆ เหล่านั้นก็ไม่จำเป็น แต่น่าเสียดายที่โรงเรียนส่วนมากยังมีกฎที่เข้มงวดแบบนี้” แล้วโรงเรียนของเพื่อนๆ…
-
ชาวเน็ตขุดคุ้ยคุณแม่น้อง Keaton กุเรื่องกลั่นแกล้งขึ้นมา เพื่อเรี่ยไรเงินมาจุนเจือตัวเอง?
ก่อนหน้านี้เราอาจได้เห็นเรื่องราวของ Keaton Jones เด็กหนุ่มที่ออกมาพูดแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับการที่ตัวเองถูกกลั่นแกล้งมาโดยตลอด จนทำให้คนดังจำนวนมากเข้ามาพูดให้กำลังใจเขา แต่ในวันนี้ได้มีคนเริ่มพูดถึงอีกหลายๆ ประเด็นที่อาจอยู่เบื้อหลังของเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อชาวเน็ตบางคนได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ Kimberly Jones แม่ของเด็กคนดังกล่าว หลังจากมีคนไปเห็นเพจ GoFundMe ที่เรียกร้องเงินให้ช่วยเหลือ Keaton จากการถูกกลั่นแกล้ง ซึ่งมีถึง 2 เพจด้วยกัน นั่นจึงทำให้มีคนสงสัยว่าเงินจะสามารถช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้จริงหรือเปล่า? ไม่แน่ว่าความจริงแล้วคุณแม่คนนี้อาจกำลังใช้ลูกเป็นเครื่องมือหาเงินก็ได้ คุณแม่ Kimberly ที่ได้กลายมาเป็นประเด็นจากคลิปลูกของเธอ ทาง GoFundMe ออกมาบอกว่า 1 ใน 2 เพจดังกล่าวถูกตั้งขึ้นมาจากชายคนหนึ่งที่ไม่ได้รู้จักกับ Kimberly เลย ในขณะที่อีกเพจเป็นของคุณแม่ที่เรียกเงินบริจาคสำหรับของขวัญวันคริสต์มาสของ Keaton แต่พอเริ่มมีคนขุดคุ้ยเบื้องหลังของครอบครัวนี้ ทั้ง 2 เพจก็กลับปิดตัวลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หลายๆ คนก็ยังคงสงสัยในตัวคุณแม่คนนี้อยู่ดี เมื่อ Joe Schilling นักศิลปะการต่อสู้แบบผสม (หรือเรียกว่า MMA) ได้พูดคุยกับเธอผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว เขากลับรู้สึกไม่พอใจอย่างมากหลังจากที่ความหวังดีของเขาถูกปฏิเสธ เพราะ Kimberly ต้องการแต่เงินเท่านั้น ด้วยความที่เขาสงสาร…
-
สาวจีนไม่ซักปลอกหมอนมานานกว่า 5 ปี จนทำให้ใต้ขนตามีไรอาศัยอยู่กว่า 100 ตัว!!
การดูแลตนเองให้มีสุขอนามัยที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพราะมันคือตัวช่วยหลักที่ทำให้เรามีสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจากเชื้อโรค ดังนั้นความเป็นอยู่ทั่วๆ ไปและความสะอาดของสิ่งต่างๆ ภายในบ้านก็ควรได้รับการดูแลเอาใจใส่อยู่เสมอ ไม่อย่างนั้นคุณอาจต้องเจอปัญหาเหมือนกับเธอคนนี้ได้ เรื่องราวนี้เริ่มขึ้นเมื่อปี 2015 หญิงสาวแซ่ Xu ในมณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน เธอรู้สึกระคายเคืองและมีอาการตาแดง จึงไปปรึกษากับแพทย์ แต่ด้วยอาการของเธอแพทย์จึงไม่ได้แนะนำวิธีใดๆ ให้มากนัก นอกจากการให้เธอใช้ยาหยอดตาช่วยบรรเทาอาการไป พอเวลาผ่านไป ในเดือนพฤศจิกายน 2017 เธอต้องกลับไปพบแพทย์อีกครั้ง เพราะเธอรู้สึกว่าตาเธอแห้งมาก และขนตาของเธอก็เริ่มที่จะติดกันไปเป็นยวง เมื่อแพทย์ได้ตรวจอีกครั้งก็พบว่า มีไรจำนวนมากอาศัยอยู่ในรูขุมขนบริเวณขนตาของเธอ และนั่นจึงทำให้ต้องเข้ารับการรักษาที่เหมาะสม เพราะแม้มันจะไม่ได้อันตรายถึงชีวิต แต่ก็เป็นปัญหาที่ไม่ควรปล่อยผ่านไปได้ หลังจากตรวจผ่านกล้องจุลทรรศน์ ทำให้เห็นว่ามีไรกว่า 10 ตัวอาศัยอยู่ในรูขุมขนของขนตาหนึ่งเส้น นั่นหมายความว่าบริเวณขนตาของเธอมีไรมาอาศัยอยู่มากกว่า 100 ตัวเลยทีเดียว แล้วลองคิดดูว่าไรพวกนั้นอาศัยอยู่ตรงนี้มานานถึง 2 ปีอีกต่างหาก สุดท้ายเธอได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคตาแดงและ Blepharitis หมายถึงสภาพที่เปลือกตาอักเสบเนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ถูกปล่อยออกมาจากตัวไร แต่หลังจากได้รับการรักษาแล้ว หญิงสาวก็กลับมาหายเป็นปกติในที่สุด หมอบอกว่ากรณีของ Xu นั้นมาจากการถ่ายเทอากาศภายในห้องของเธอที่ไม่เพียงพอ รวมถึงสุขอนามัยส่วนตัว ซึ่งนั่นหมายถึงปลอกหมอนของหญิงสาวที่ถูกใช้มากกว่า 5 ปี…
-
เอาใจเจ้านายกับ ‘กล่องวงกต 50 ใบ’ ได้ทั้งความสนุกสนาน พร้อมป้องกันโรคสมองเสื่อมในแมว
ถ้าหากว่าคุณกำลังมองหาของเล่นชิ้นใหม่สำหรับเจ้านายที่บ้านอยู่ล่ะก็ คลิปวิดีโอที่เรานำมาฝากกันวันนี้อาจจะช่วยให้คุณเอาใจท่านเหมียวที่บ้านได้ง่ายๆ คลิปวิดีโอจากช่องยูทูบ Cole and Marmalade ได้แนะนำวิธีการสร้างเขาวงกตสำหรับเจ้าเหมียวง่ายๆ พร้อมกับแนะนำการทำและอุปกรณ์ต่างๆ ให้คุณสามารถเอาไปทำกันเล่นๆ ที่บ้านได้เลย คุณ Chris ชายหนุ่มเจ้าของคลิปวิดีโอดังกล่าวได้ทำการนำกล่องกระดาษมากกว่า 50 กล่องมาต่อกันเป็นเขาวงกต โดยเขาได้ทำการเจาะรูกล่องแต่ละใบเพื่อให้มีช่องสำหรับทะลุไปมาได้ และหลังจากนั้นก็ปล่อยเจ้าเหมียว 2 ตัวของเขาอย่างเจ้า Marmalade และ Cole เข้ามาชื่นชมของเล่นชิ้นใหม่ที่ว่านี้ กล่องกระดาษมากกว่า 50 ใบ อุปกรณ์หลักในการสร้างเขาวงกตแมว!! แต่งานนี้ดูเหมือนว่า Marmalade และ Cole นั้นจะแอบขี้โกงนิดหน่อย หลังจากที่พวกมันพยายามที่จะกระโดดข้ามเขาวงกต เพื่อหาทางออกแบบลัดๆ โดยแทบจะไม่สนใจทางลอดที่คุณ Chris ทำเอาไว้เลยแม้แต่น้อย!! เอ๊าๆ อย่าแอบขี้โกงสิเจ้าเหมียว!! เฮ้อ เหนื่อยแล้ว ขอพักก่อนนะ ส่วนเจ้าตัวนี้ก็ยังคงเพลินกับการหาทางออกจากเขาวงกตนี้อยู่!! นอกจาการเล่นซ่อนหาในเขาวงกตแล้ว คุณ Chris ก็ยังได้เพิ่มเงื่อนไขสนุกๆ ให้กับเหล่าเจ้าเหมียวอีกด้วย เช่นนำอาหารไปซ่อนในเขาวงกต ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญก็ได้เผยว่าการที่เหล่าเจ้าเหมียวได้ทำกิจกรรมต่างๆ ที่กระตุ้นให้พวกมันเกิดความสนใจใหม่ๆ นั้นสามารถช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมในแมวได้อีกด้วย ชมคลิปวิดีโอการทำเขาวงกตแมว และความซนของเจ้า Marmalade และ Cole กันที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้ได้เลย… ที่มา shareably
-
หญิงสาวเผยความชอกช้ำในวัยเด็ก กับการถูกพ่อติดเหล้าทรมานกว่า 18 ปี เพื่อให้เธอเป็นยอดมนุษย์
ชีวิตของเราในวัยเด็กของแต่ละคนอาจไม่ต่างกันมากเท่าไหร่นัก บางคนอาจเจอกับปัญหาบางอย่างที่ตอนนั้นเราไม่มีกำลังมากพอจะแก้ไขมันได้ เช่นเดียวกันกับเธอคนนี้ที่ต้องเจอกับปัญหามาตั้งแต่เกิด และสิ่งนั้นก็ยังคงทำร้ายเธอมาจนถึงปัจจุบัน นี่คือเรื่องราวของหญิงสาวชาวฝรั่งเศส Maude Julien ปัจจุบันอายุ 60 ปี เธอถูกพ่อแท้ๆ ของเธอทรมานทั้งกายและใจมาตั้งแต่เกิด เพื่อทำการทดลองเปลี่ยนหญิงสาวให้กลายเป็นยอดมนุษย์ เธอเล่าว่า Didier พ่อของเธอเป็นคนติดเหล้าหนักมากและแทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนบ้าคนหนึ่ง เขาเชื่อว่าโลกกำลังจะถึงจุดจบ เลยจำเป็นต้องฝึกฝนลูกสาวของตัวเองให้กลายเป็นผู้รอดชีวิตและสามารถต่อกรกับปีศาจร้ายได้ ก่อนที่เธอจะเกิด พ่อของเธอได้รับเลี้ยงเด็กสาววัยเพียง 6 ขวบชื่อว่า Jeannine แล้วสองคนนี้ก็ได้แต่งงานกัน จนในปี 1957 ทั้งสองก็มีลูกด้วยกันชื่อว่า Julien ซึ่งก็คือเธอนั่นเอง หลังจากนั้นพอเธอเกิดมา พ่อของเธอจึงเริ่มแผนที่วางเอาไว้ เขาทรมานเธออย่างโหดเหี้ยมเพียงเพราะต้องการให้เธอกลายเป็นยอดมนุษย์ เธอถูกทำร้ายทั้งกายและใจ โดยที่แม่ของเธอกลับทำท่าทีห่างเหิน ไม่สนใจเธอเลย อ้อมกอดอันแสนอบอุ่นที่เธอได้รับก็มาจากน้องหมาและลูกม้าที่เลี้ยงเอาไว้เท่านั้น เธอบอกว่า “ถ้าตอนนั้นฉันไม่มีสัตว์เลี้ยงพวกนี้อยู่ ฉันก็ไม่รู้เลยว่าจะใช้ชีวิตไปได้อย่างไร” ตอนเธออายุได้ 8 ขวบ พ่อของเธอบังคับให้เธอใช้สองมือเปล่าจับรั้วไฟฟ้าค้างไว้ และห้ามแสดงอาการเจ็บปวดใดๆ ออกมา เธอเคยถูกจับขังไว้ในกรงที่มีหนูติดเชื้ออยู่ด้านใน เพื่อให้เธอมองดูและสำนึกถึงความตายที่อยู่ด้านหน้า อีกทั้งยังถูกบังคับให้ดื่มเหล้าวิสกี้และต้องเดินตัวตรงหลังจากนั้น นอกจากสิ่งที่พ่อเธอทำเอาไว้นับไม่ถ้วนแล้ว เธอยังบอกอีกว่าถูกกรรมกรแถวบ้านล่วงละเมิดทางเพศมาตั้งแต่อายุ 3…
-
เด็กสาวจีนวัย 16 ปี โพสต์ภาพโชว์อุ้มท้องให้ชาวเน็ตเห็น ถูกกระแสวิจารณ์ตีกลับอย่างรุนแรง
เมื่อวัยรุ่นตั้งท้องก่อนวัยอันควร ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ มักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบเสมอ เพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าพวกเขายังไม่พร้อมที่จะเป็นแม่ เหมือนอย่างวัยรุ่นสาวชาวจีนวัย 16 ปี คนนี้ ที่ถูกกระแสวิจารณ์ตีกลับอย่างรุนแรง หลังจากที่เธอโพสต์ภาพขณะทั้งท้องบนโซเชียล เด็กสาวคนนี้มากจากมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน เธอได้โพสต์ภาพตัวเองเพื่อโชว์ให้ชาวเน็ตดูครรภ์ของเธอที่อยู่ในระยะใกล้คลอดเต็มทีแล้ว แทนที่ชาวเน็ตจะร่วมยินดีกับเธอในฐานะคนที่กำลังจะได้กลายเป็นแม่คนในเร็วๆ นี้ แต่ปรากฏว่าพวกเขากลับโฟกัสที่อายุของเธอมากกว่า สื่อจีนเผยว่าเด็กหญิงคนนี้ อายุ 16 ปี เธอเกิดเมื่อปี 2000 ในขณะที่แฟนหนุ่มของเธอหรือว่าที่คุณพ่อของลูกอายุมากกว่าเพียง 1 ปีเท่านั้น ทั้งนี้หญิงสาวโพสต์ในโปรไฟล์ Weibo ของเธอว่า “เราแต่งงานกันแล้ว! เราแต่งงานกันแล้ว! เราแต่งงานกันแล้ว! แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้รับใบสมรส และนี่ก็ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดด้วย” นอกจากนี้หญิงสาวยังบอกอีกว่าถ้าลูกเป็นผู้ชาย พวกเขาจะตั้งชื่อลูกว่า Li Yunxi… อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังคงทำให้ชาวเน็ตจีนสับสนและค้างคาใจ เพราะตามกฎหมายจีนแล้วผู้หญิงที่จะแต่งงานได้นั้นต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป ส่วนผู้ชายต้อง 22 ปีขึ้นไป ด้วยเหตุนี้ส่งผลให้รูปภาพของเด็กสาวถูกรีโพสต์ถึง 47,000 ครั้ง และมีการแสดงความคิดเห็นอีกมากกว่า 43,000…
-
คลิปในอดีตของ ซอง เฮ เคียว และ จอน จี ฮยอน กับความสวยใสที่ยังคงไม่จางหายไป…
เมื่อพูดถึงซุป’ตาร์สาวตัวท็อปของเมืองไทย หลายคนคงนึกถึงขุ่นแม่อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ แล้วถ้าพูดถึงฝั่งเกาหลีบ้างหล่ะ เพื่อนๆ นึกถึงใคร? แน่นอนว่าอาจจะมีหลายคน แต่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ซอง เฮ เคียว และ จอน จี ฮยอน ที่ถือเป็นนักแสดงหญิงแนวหน้าของเกาหลีใต้ ที่สำคัญ ดูเหมือนว่าเวลาจะทำอะไรพวกเขาเค้าไม่ได้เลย ที่ต้องนำเสนอ ซอง เฮ เคียว และ จอน จี ฮยอน เพราะทั้งคู่นั้นได้เข้าพิธีสมรสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอายุก็อยู่ในช่วงเลขสามแล้ว แต่ดูความตึง ความสวยบนใบหน้าสิ เหมือนสมัยสาวๆ ไม่มีผิด สำหรับความงามในปัจจุบัน เพื่อนอาจจะเห็นตามโซเชียลเกือบทุกวันอยู่แล้ว งั้นเราลองย้อนดูทั้งสองคนผ่านวิดีโอที่เคยเผยแพร่ในยุค 90 กันดีกว่า แล้วจะรู้ว่าความสวยในวันนั้นกับวันนี้แทบไม่ต่างกันเลย เริ่มด้วยคลิปของซอง เฮ เคียว ที่ถ่ายเมื่อปี 1999 ตอนที่เธออายุ 18 ปีเท่านั้น ตอนนั้นกับตอนนี้เธอดูไม่เปลี่ยนเลย จนชาวเน็ตไม่เชื่อว่าอายุของเธอนั้นแตะเลขสามแล้ว…
-
17 ตัวอย่างแห่งความตั้งใจ ที่พิสูจน์ว่าหากเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่าเสมอ
ผู้คนมักจะตัดสินเราจากรูปลักษณ์ภายนอก ทั้งที่จริงแล้วเราอาจจะไม่ใช่คนแบบนั้นก็ได้ ลองลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองดูสิ ไม่ใช่แค่ผู้คนมองคุณเปลี่ยนไป แต่มันจะทำให้คุณได้ค้นพบตัวเองและภาคภูมิใจในตัวเองด้วย เหมือนอย่างพวกเขาเหล่านี้ที่ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง จนพบกับผลลัพธ์ที่คุ้มค่า ทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คนด้วย 1. “หลังจากที่รักษาสิวมาเป็นปี ฉันก็กลับมารู้สึกมั่นใจอีกครั้ง ฉันไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าทุกวัน แต่ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาจ้องหน้าด้วย” 2. “ฉันพูดได้เลยว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ฉันรู้สึกภูมิใจในตัวเองจริงๆ” 3. จากสาวหน้าจืดวันนั้น เปลี่ยนตัวเองสู่นางงามโลก 4. “ฉันมุ่งมั่นลดน้ำหนักตั้งแต่เดือนมีนาคม ทั้งออกกำลัง ควบคุมอาหาร แล้วดูผลที่ได้สิ จากไซส์ 12 เหลือแค่ 6” 5. จากสาวแว่นผมเซอร์ สู่สาวมั่น 6. หญิงสาวที่มุ่งมั่นลดน้ำหนัก จนลดได้มากกว่า 76 กิโลกรัมใน 11 เดือน 7. นี่คือความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงตัวเอง 8. หลายคนไม่เชื่อว่านี่คือคนคนเดียวกัน 9. พอเปลี่ยนตัวเองแล้ว ดูเหมือนพระเอกในหนังเลย 10. ตัวอย่างคู่รักที่เปลี่ยนแปลงตัวเองไปด้วยกัน…
-
‘แม่จัสติน’ ให้สัมภาษณ์ เผยความรู้สึกเป็นครั้งแรก คิดยังไงกับ ‘เซเลน่า’ ว่าที่สะใภ้ของเธอ!?
โอ๊ยยยย อิชั้นล่ะเหม็นกลิ่นความรักเหลือเกินกับคู่รักแห่งปี Justin Bieber นักร้องซุปเปอร์สตาร์กับหวานใจอย่าง Selena Gomez ที่ได้ออกมาประกาศคบหาดูใจกันอีกครั้งหลังจากที่เลิกรากันไป ทำเอาบรรดาเมียผู้จงรักภักดีอย่างเราต้องอกหักตามกันไปเป็นแถว ซึ่งในงานนี้เหมือนทั้งคู่จะไม่ได้คบกันเล่นๆ แล้ว ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายก็รับรู้ถึงเรื่องราวของความรักทั้งสองอย่างเช่นคุณแม่ Pattie Mallette แม่ของหนุ่มจัสตินก็ได้ออกมาพูดถึงว่าที่ลูกสะใภ้อย่าง Selena ด้วยท่าทีที่เป็นปลื้มสุดๆ “ฉันไม่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวของเจ้าหนูทั้งสองนี้สักเท่าไหร่นะ จัสตินเค้าไม่ค่อยจะเล่าให้ฉันฟังเท่าไหร่ แต่ฉันรักแม่หนูเซเลน่านะ” “ฉันจะคอยสนับสนุนทุกอย่างที่จัสตินทำ ถ้าเขารักใครฉันก็จะรักด้วย ฉันเคยเจอเธอแล้ว ฉันคิดว่าเธอเป็นคนที่ดีและมีค่าคู่ควรกับลูกชายของฉัน ฉันก็พูดอะไรไม่ได้มากเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ มันเป็นเรื่องของคนสองคน” แม่จัสตินกล่าว แหม่ ความรักในรอบนี้มันช่างราบรื่นซะเหลือเกินนะ ยังไงก็ยินดีด้วยกับคู่รักที่สามารถกลับมาคืนดีกันได้และดูเหมือนว่าจะหวานกันยิ่งกว่าเดิม #เหมียวบู้บี้ ก็ได้แต่ร้องเพลงว่า “ฉันมายินดีให้กับรักที่สดใส ,ไปเถิดทั้งคู่ ไปสู่ประตูสวรรค์” ที่มา people,buzzfeed
-
จากชายไร้บ้านผู้ร้องเพลงแลกกับ ‘อาหาร’ กลายมาเป็นแรปเปอร์ที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2014 ที่รัฐเซาท์แคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา มีชายไร้บ้านคนหนึ่งยืนอยู่ข้างถนน ที่หน้าอกของเขามีป้ายกระดาษแข็งที่เขียนว่า ‘จะร้องเพลงเพื่ออาหาร’ ชายไร้บ้านผู้นี้ชื่อว่า Byon Artrell McCullough เขาออกมาร้องเพลงบนทางเท้าที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน และเขาก็เห็นได้ว่าไม่มีใครสนใจเขาเลยจนกระทั่งมีผู้หญิงสองคนได้เดินผ่านเข้ามา เขาเริ่มร้องเพลงขึ้นมาและผู้คนที่อยู่แถวนั้นก็เริ่มชะงักและหยุดมองเขา โดยเขาได้ร้องเพลง All of Me ของ John Legend ด้วยเสียงสุดไพเราะคล้ายกับต้นฉบับจริงๆ ระหว่างที่ร้องเพลงก็เริ่มมีคนมามุงดูและถ่ายคลิปวิดีโอ เมื่อเขาร้องเพลงจบ ก็มีหลายคนนำอาหารมาให้เขาและแบ่งปันเงินเล็กน้อยให้ เขาจึงเริ่มร้องเพลงอีกครั้ง และนั่นก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขากลายมาเป็นแรปเปอร์ในทุกวันนี้ . คลิปวิดีโอที่มีผู้ถ่ายไว้ได้มีการเผยแพร่บนยูทูบเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2014 และมันก็โด่งดังจนกลายเป็นคลิปไวรัลที่มีผู้ชมมากกว่า 16 ล้านวิวในปัจจุบัน อีกทั้งยังกลายเป็นที่กล่าวถึงในสื่อต่างๆ ตอนนี้ชายหนุ่มไร้บ้านคนนั้นก็ได้หันมาเอาดีทางด้านการเป็นแรปเปอร์ในชื่อ Know Cash เขาได้ใช้ช่องทางนี้เพื่อจุดประกายความคิดให้ทุกคนมองคนไร้บ้านในทางที่ดียิ่งขึ้น “ถ้าคุณมีความสามารถ คุณควรพยายามช่วยตัวเองเป็นอันดับแรก แล้วค่อยกระจายความช่วยเหลือนั้นเผื่อแผ่ไปยังผู้อื่น คนจรจัดก็คือคนเช่นกัน ควรหยุดตัดสินคนจรจัดในทางไม่ดี ถึงแม้ว่าคุณจะไม่อยากช่วยเหลือด้วยเงิน ก็ขอให้สนับสนุนเขาด้วยสิ่งอื่นๆ” Byon กล่าว…
-
Choi Min Su นายแบบเกาหลีใสๆ ถ่ายรูปคู่กับลูกบ่อยมาก มีความเป็นหลัวตัวอย่างระดับสูง!!
เมื่อพูดถึงโอปป้าเกาหลี สาวๆ คงจะนึกถึงพระเอกในซีรีส์อย่าง ซงจุงกิ, ลีมินโฮ, ลีจงซอก, โซจีซบ หรือคนอ่ื่นๆ อีกมากมายตามแต่ใจจะใฝ่ฝัน แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวขี้ส่อง อยากแนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักกับ Choi Min Su นายแบบชาวเกาหลีใต้ที่มีดีกรีความหล่อไม่เป็นรองพระเอกชื่อดังเหล่านั้นแม้แต่น้อย ก่อนที่สาวๆ จะมโนไปไกล ขอบอกก่อนเลยนะว่า Min Su หนะ ไม่ใช่หนุ่มโสดนะ แต่เขาแต่งงานและมีลูกสาวแสนน่ารักแล้วหนึ่งคน นอกจากจะเป็นนายแบบหน้าหล่อ รูปร่างดีแล้ว Min Su ยังเป็นคนที่รักครอบครัวมากๆ ด้วย สังเกตได้จากภาพที่โพสต์ลงในอินสตาแกรม ซึ่งเต็มไปภาพช่วงเวลาที่เขาอยู่กับภรรยาและลูกสาวตัวน้อย จนถูกยกให้เป็นหลัวตัวอย่าง แม้จะเป็นนายแบบที่คิวแน่น แต่ Min Su พยายามที่จะใช้เวลาอยู่กับลูกให้มากที่สุด เพราะเขาอยากทำหน้าที่พ่อที่ดี ที่สำคัญเขามีความสุขเวลาที่ได้เล่นหรือทำทุกอย่างร่วมกับลูกสาว อยู่ในเวลางาน ต้องเปิดโหมดเข้มขรึมเข้าไว้ พออยู่กับลูก ก็จะมีความสุขแบบนี้แหละ โอ้ยยย ณ จุดจุดนี้จะมีใครน่าอิจฉาไปกว่าเด็กน้อยคนนี้อีก มีพ่อหล่อขนาดนี้ ไม่รักได้ไง …
-
ตำรวจได้รับแจ้งว่าแม่ขโมยของในร้าน พอรู้สาเหตุว่าทำเพื่อลูกที่หิวโหย 3 คน ก็ต้องสะเทือนใจ
ตำรวจมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองภายใต้กฎหมายที่ระบุไว้ ดังนั้นเมื่อพบการกระทำผิดก็ต้องนำตัวคนผิดมาลงโทษเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในบางครั้ง บางสถานการณ์ ตำรวจเองคงมีความลำบากใจที่ต้องทำแบบนั้น อย่างกรณีของแม่คนหนึ่งที่ขโมยของจากร้าน Food Lion รัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อไม่นานมานี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ Keith Bradshaw และ Candace Spragins ได้รับแจ้งจาก Food Lion ว่าพบผู้หญิงคนหนึ่งขโมยอาหารภายในร้านไป พวกเขาจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านของหญิงคนดังกล่าวทันที แต่เมื่อไปถึงตำรวจก็เจอกับภาพที่ไม่คาดคิด เพราะผู้หญิงคนนั้นอยู่กับลูกบุญธรรม 3 คน และอาหารที่ขโมยมานั้นก็เพื่อลูกๆ อย่างไรก็ตาม คุณแม่คนนั้นได้คืนเงินตามมูลค่าของอาหารที่ขโมยคือ 1,170 บาท พร้อมขอโทษทั้งน้ำตาสำหรับการก่อเหตุในครั้งนี้ จากนั้นตำรวจก็เดินไปเปิดตู้เย็นในบ้านของเธอ แล้วก็ต้องเจอกับภาพสะเทือนใจอีกครั้ง เพราะในนั้นไม่มีอาหารเลยและทราบมาว่าเธอไม่มีอาหารให้ลูกๆ เกือบ 3 วันแล้ว เธอยังบอกอีกว่า “ตลอดเวลาที่ผ่ามาน เราพยายามไปขอความช่วยเหลือจากคริสตจักรและเพื่อนบ้านแต่ไม่มีใครให้อะไรเราเลย” ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจไปขโมยของในร้านขายของ เธอบอกว่ารู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นผิดและเสียใจกับสิ่งที่ทำ แต่เธอทนเห็นลูกทนหิวไม่ได้จริงๆ จากเรื่องราวต่างๆ บวกกับสภาพความเป็นอยู่ที่เห็น ตำรวจจึงลงความเห็นว่านี่ไม่ใช่การกระทำผิดที่เกิดขึ้นจากความโลภ แต่เป็นเพราะเธอยากจนมากจริงๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อทำผิดแล้วก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย ดังนั้นคุณแม่คนนี้จึงถูกนำตัวไปขังในคุก แต่ไม่นานก็ถูกปล่อยตัวออกมา ส่วน Keith…
-
บังเอิ๊ญบังเอิญ เมื่อหนุ่มพบตัวเองในวัยเด็กอยู่ในรูปภาพครอบครัวของคู่หมั้นเมื่อ 10 ปีก่อน
เราหลายคนสามารถบอกได้ว่าเจอกับแฟนครั้งแรกเมื่อไหร่ ที่ไหน แล้วเคยสงสัยมั้ยว่าบางทีเราอาจจะเจอกันก่อนหน้านั้นแล้วก็ได้ เพียงแค่ตอนนั้นยังไม่รู้จักกัน เหมือนอย่างคู่รักคู่นี้ที่มีภาพมายืนยันว่าจริงๆ แล้วพวกเขาไม่ได้เพิ่งเจอกันตอนหนุ่มสาว แต่เคยอยู่ในที่เดียวกัน เวลาเดียวกันตั้งวัยเด็กแล้ว Verona Koliqi อาศัยอยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แต่มีพื้นเพอยู่ในสาธารณรัฐคอซอวอ และเคยไปเที่ยวกับครอบครัวที่ชายหาดในประเทศมอนเตเนโกรเมื่อ 10 ปีก่อน หญิงสาวเล่าว่าเมื่อเธอและแฟนหนุ่ม Mirand Buzaku ย้อนดูรูปภาพของเธอในวัยเด็ก แล้วเธอก็สังเกตเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังลอยบนแพยางอยู่ด้านหลังของเธอและครอบครัว ส่วนชายหนุ่มเองรู้สึกว่าเด็กคนนั้นช่างเหมือนเขาในวัยเด็กซะเหลือเกิน ทั้งเสื้อและกางเกงที่เด็กชายคนนั้นใส่ เหมือนกับของเขาไม่ผิด ทั้งคู่จึงลองไปถามครอบครัวของ Buzaku จนได้รับการยืนยันว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว พวกเขาไปเที่ยวด้วยกันที่นั่นจริงๆ… ภาพครอบครัวของ Koliqi ที่บังเอิญมี Buzaku คู่หมั้นคนปัจจุบันอยู่ในเฟรมด้วย ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเคยเจอกันมาก่อนในวัยเด็ก เพราะทั้งคู่จำได้ว่าเจอกันครั้งแรกเมื่อช่วงฤดูร้อนของปี 2016 ในสาธารณรัฐคอซอวอ ก่อนจะตัดสินใจหมั้นกันในปีถัดมา แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากๆ หญิงสาวจึงแชร์เรื่องราวของเธอลงในอินสตาแกรม จนมีคนเข้ามาถูกใจกว่า 30,000 คนและคอมเมนต์อีกเพียบ นอกจากนี้ยังทำให้ชาวเน็ตบางคนแชร์เรื่องราวความบังเอิญในความรักของพวกเขาด้วย โดยหญิงสาวคนหนึ่งเล่าว่า “ฉันกับแฟนหนุ่มเคยไปคอนเสิร์ตเล็กๆ ที่เดียวกัน แต่นั่นมัน 4 ปีก่อนที่เราจะได้พบกัน” คู่ไหนเป็นแบบนี้บ้าง เคยอยู่ในที่เดียวกัน เวลาเดียวกัน…
-
ช่างภาพสาวสุดเซ็ง ถูกปัดงานถ่ายภาพช่วงคลอด เพราะลูกค้า ‘ไม่อยากให้ลูกคลอดมาผิดเพศ’
Faith Grace ช่างภาพสาวอายุ 21 ปี ผู้ที่มีความชื่นชอบการถ่ายรูปมาตั้งแต่เด็ก เธอได้ใช้ความชื่นชอบของเธอมาเป็นอาชีพเพื่อหารายได้นั่นก็คือการรับจ้างถ่ายรูปตามโอกาสสำคัญต่างๆ แต่ชีวิตในการทำงานของเธอก็ต้องมาเจอกับเรื่องราวที่เธอรู้สึกว่า เธอจะต้องจดจำไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว โดย Faith ได้ถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์ของเธอผ่านทางทวิตเตอร์ มันเป็นเรื่องที่เธอไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต และหวังว่าหลายๆ คนอาจจะเข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังจะอธิบาย เรื่องราวมันเริ่มต้นมาจากที่ช่างภาพสาวได้รับการติดต่อจากหญิงที่ชื่อว่า McKenna ติดต่อเข้ามาเพื่อจะว่าจ้างให้เธอไปถ่ายรูปช่วงเวลาสำคัญนั่นก็คือการคลอดลูก ซึ่งหลังจากที่ได้ตกลงกันเสร็จสรรพ ช่างภาพสาวก็ได้เตรียมตัวล็อกคิวไว้เพื่อจะไปบันทึกภาพในช่วงเวลาสุดแสนพิเศษของคุณแม่ท่านนี้ วันรุ่งขึ้นเธอก็ได้รับข้อความจากคุณลูกค้าคนเดิม แต่เนื้อหาข้อความทำให้เธอโมโหจนปรี๊ดแตกและยังคงสงสัยว่า นี่มันยุคไหนกันแล้วนี่ เนื้อหาข้อความบอกว่า “สวัสดี Faith ฉัน McKenna ที่ติดต่อเธอไปเมื่อคืนนะ คือว่าฉันเพิ่งจะเข้าไปค้นหาข้อมูลและดูตัวอย่างรูปภาพผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัวของคุณ แต่สิ่งที่ฉันเจอคือคุณได้โพสต์รูปภาพ Pride Flag (ธงหลากสี สะท้อนความหลากหลายทางเพศ) ฉันเลยมีคำถามว่า คุณเป็นเกย์หรือว่าคุณมีคนในครอบครัวเป็นเกย์มั้ย?” ทางช่างภาพสาวก็ได้ตอบกลับไปว่า “สวัสดี McKenna ขอบคุณที่สนใจ แต่ไม่มีใครในครอบครัวของฉันที่เป็นเกย์ แต่ฉันเป็น นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงมี Pride Flag ในไอจีของฉัน” ทางคุณลูกค้าก็ได้ตอบกลับมาทันทีว่า “จ้า…
-
เผยผลสำรวจพฤติกรรม “ช่วยตัวเอง” จากทั่วญี่ปุ่น จัดอันดับจังหวัดไม่พอ มีท่าแนะนำให้ด้วย!?
เคยสงสัยไหมว่าประเทศแห่งอุตสาหกรรมสื่อผู้ใหญ่อย่างญี่ปุ่น จะมีอัตราการช่วยตัวเองมากน้อยขนาดไหน? ไม่ใช่แค่คุณที่อยากรู้ เพราะทาง Tenga เขาก็อยากรู้เหมือนกัน!! ท่านชายหลายคนอ่านแล้วคงจะต้องร้องอ๋ออย่างแน่นอนสำหรับชื่อ Tenga เพราะมันก็คือชื่อของสินค้าสำหรับท่านชาย ที่สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเพิ่มสุนทรียภาพในการช่วยตัวเอง ตัวอย่างสินค้าของทาง Tenga ล่าสุดทาง Tenga ได้ออกไปสำรวจท่านชายจำนวน 5,279 คนจากทั่วประเทศและจำกัดช่วงอายุตั้งแต่ 15 ถึง 64 ปี และนี่ก็คือผลสำรวจของที่พวกเขาได้มา!! จังหวัดที่มีการช่วยตัวเองมาที่สุด อันดับหนึ่งคือจังหวัดคะนะงะวะ มีการช่วยเหลือตัวเองเฉลี่ย 3.77 ครั้งต่อสัปดาห์ อันดับสองคือจังหวัดจังหวัดเฮียวโงะ มีการช่วยเหลือตัวเองเฉลี่ย 3.65 ครั้งต่อสัปดาห์ อันดับหนึ่งคือจังหวัดชิซุโอะกะ มีการช่วยเหลือตัวเองเฉลี่ย 3.45 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนอัตราส่วนเฉลี่ยของทั่วประเทศจะอยู่ที่ 2.94 ครั้งต่อสัปดาห์ ท่าที่ใช้ในการช่วยเหลือตัวเอง ท่านั่ง 33.6 % ท่านอนหงาย 27.9 % ท่านอนหันข้าง 12.1 % ใช้อะไรเป็นสื่อในการช่วยเหลือตัวเอง หนังผู้ใหญ่แบบดูฟรีผ่านเว็บ 79.5 % หนังผู้ใหญ่แบบเสียเงิน…
-
เมื่อป้าชั้นล่างเปิดทีวีเสียงดัง หนุ่มญี่ปุ่นเลยจัดการพังพื้นเพื่อทำลายทีวีของป้าให้สิ้นซาก!!
เรื่องราวสุดเงิบที่เหมือนจะตลกแต่เจ้าตัวกลับฮาไม่ออก เมื่อชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งได้ระบายถึงความรู้สึกแย่ๆ ของการที่ต้องทนอยู่กับเพื่อนบ้านไม่ค่อยดีในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง โดยเขาจะต้องสู้กับมลพิษรอบห้องของเขาทุกๆ วันจนในที่สุดเขาก็ทนมันไม่ไหว Kei Fujino หนุ่มวัย 33 ปี เล่าว่าทุกวันเขาต้องเจอกับชายคนหนึ่งที่ทำอาชีพปล่อยเงินกู้อยู่ชั้นล่างถัดจากเขาไป 2 ชั้น โดยชายคนนี้นั้นมักจะตะโกนใส่โทรศัพท์มือถือในช่วงเช้ามืดแทบทุกวันว่า “จ่ายเงินมาสักที” ส่วนอีกคนที่พ่อหนุ่มคนนี้ต้องเจอคือชายข้างห้องที่มีกลิ่นตัวเหม็นมากๆ เหม็นขนาดที่บางครั้งมันสามารถลอยตามลมเข้ามาในห้องของเขาได้ แต่ที่หนักที่สุด Kei เล่าว่า ป้าที่อยู่ห้องด้านล่างที่ตรงกับห้องของเขามักจะเปิดทีวีเสียงดังมากๆ จนพ่อหนุ่มเจ้าของเรื่องราวคนนี้ทนไม่ไหว จัดการทุบพื้นอพาร์ตเมนต์ โดยใช้ไม้ขนาด 120 เซนติเมตรฟาดลงไปกับพื้นจนเป็นรูกว้าง จากนั้นเขาก็ใช้ไม้ดังกล่าวโยนใส่ทีวีของป้าห้องข้างล่างต่อทันที โชคดีที่ป้าไม่เป็นอะไร คุณป้าคนนั้นได้แจ้งความไปยังตำรวจทันที หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมนาย Kei พวกเขาก็ได้รับรู้เรื่องราวร้องไห้ไม่ได้ หัวเราะไม่ออกของเขา ตำรวจบอกว่านาย Kei และป้าคนดังกล่าวนั้นไม่เคยเจอหรือคุยกันแบบตรงๆ มาก่อนเลย ฉะนั้นสาเหตุที่เขาทำไปทั้งหมดล้วนเกิดจากความโมโหที่มีแก่ทีวีที่สร้างเสียงน่ารำคาญแก่เขาเท่านั้น สุดท้ายแล้ว Kei ก็ถูกตั้งข้อหาทำลายทรัพย์สินและถูกคุมขัง ซึ่งก็หวังว่าที่คุมขังนั้นจะแข็งแรงพอจะกักขังหนุ่ม Kei ไว้ให้ไม่ทำลายมัน หรือผู้คุมจะไม่เปิดทีวีเสียงดังนะ… จริงๆ ก็น่าสงสารพ่อหนุ่มคนนี้นะ ที่มา rocketnews24
-
คนขับแท็กซี่อินเดียได้รับรางวัลเกียรติยศ ‘ไม่บีบแตร’ มาตลอด 18 ปี รออะไรล่ะ ปรบมือสิ!!
การบีบแตรในบ้านเรานั้นมักจะเกิดขึ้นจากความไม่พอใจ การให้สัญญาณ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่นานๆ จะเกิดขึ้นสักที แต่ทว่าในอินเดียการบีบแตรเป็นอะไรที่ปกติ บีบกันจนรู้สึกว่าชีวิตนี้ถ้าวันไหนไม่ได้บีบมันจะเหมือนไม่ได้ขับรถกันเลยทีเดียว แต่แล้วคนขับรถคนหนึ่งนามว่า Dipak Das ก็สามารถพิชิตนิสัยปกติของชาวอินเดียที่ชอบบีบแตรลงได้ โดยชายคนนี้นั้นไม่ได้บีบแตรระหว่างขับรถมาเป็นเวลากว่า 18 ปีแล้ว จนองค์กรเพื่อสิทธิมนุษย์ที่ชื่อว่า Manush Mela ต้องออกมาให้รางวัล Manush Sanman หรือก็คือรางวัลไม่บีบแตรแก่เขา Dipak ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น Hindustan Times ว่า “ผมคิดว่า ถ้าคนขับรถทุกคนทำตามกฎหมายไม่บีบแตร เขาจะมีสมาธิในการขับรถมากขึ้น ถ้าคนขับรถทุกคนคำนึงถึงพื้นที่ ความเร็ว และระยะเวลาระหว่างขับขี่ พวกเขาจะไม่ต้องบีบแตรเลย” การไม่บีบแตรของ Dipak นั้นล้วนเกิดขึ้นจากตัวเขาเอง เพราะแม้ว่าลูกค้าที่โดยสารรถของเขาจะบอกให้เขาบีบแตรเท่าไหร่ก็ตาม เขาก็เลือกที่จะปฏิเสธไม่บีบแตรเสมอพร้อมตอบกับลูกค้าว่า “การบีบแตรไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหา” สุดท้ายแล้ว Dipak ก็หวังว่าเมืองโกลกาตาในประเทศอินเดีย จะเริ่มหันมาสนใจและกลายเป็นเมืองที่ไม่มีการบีบแตร ซึ่งอย่างไรก็ตามมันก็ดูจะเป็นเรื่องที่ยากจะเป็นไปได้อยู่ดี… จากภาพเราจะเห็นว่าการจราจรในอินเดียมันวุ่นวายแค่ไหน ที่มา odditycentral,hindustantimes
-
สรุปผลจับสลาก UEFA Champions League รอบ 16 ทีมสุดท้าย ใครเจอใครบ้าง!?
รายการฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป อย่าง UEFA Champions League ได้ผลการจับสลากในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อย ในรอบ 16 ทีมนี้ ทีมใหญ่พากันตบเท้าเข้ารอบกันมากมาย โดยแบ่งเป็นทีมจากอังกฤษ 5 ทีม, สเปน 3 ทีม, อิตาลี 2 ทีม, นอกจากนั้นเป็นเยอรมนี ฝรั่งเศส ตุรกี ยูเครน โปรตุเกส และสวิตเซอร์แลนด์ ชาติละ 1 ทีม และนี่คือผลของการจับสลากล่าสุด ออกมาดังต่อไปนี้…. Juventus (อิตาลี) พบกับ Tottenham (อังกฤษ) Basel (สวิตเซอร์แลนด์) พบกับ Man City (อังกฤษ) Porto (โปรตุเกส) พบกับ Liverpool (อังกฤษ) Bayern (เยอรมนี) พบกับ Beşiktaş (ตุรกี) Chelsea (อังกฤษ) พบกับ Barcelona (สเปน) Sevilla (สเปน)…
-
เผยอันดับดาวเด่น YouTube 2017 ทำเงินสูงสุด 540 ล้าน และแชมป์ไม่ใช่ PewDiePie แล้ว
แม้ว่าปี 2016 ผู้ที่คว้าอันดับยูทูบเบอร์ที่ทำรายได้สูงสุดจะเป็น PewDiePie ยูทูบเบอร์ที่มียอดซับสไครบ์สูงที่สุดในโลก แต่มาในปี 2017 กลับไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไป เพราะ Forbes ได้เผยชื่อเจ้าของตำแหน่งคนใหม่เรียบร้อยแล้ว!! ยูทูบเบอร์ที่มาโค่นแชมป์เก่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาก็คือ Dan Middleton วัย 26 ปี หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ DanTDM นั่นเอง โดยช่องของเขามีซับสไครบ์อยู่ที่ 11 ล้านซับสไครบ์ แต่ถึงแม้เขาจะมีจำนวนซับสไครป์ที่น้อยกว่าแชมป์เก่า ทว่าเขาก็สามารถทำเงินในปีนี้ไปได้มากกว่า 16.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือตีเป็นเงินไทยก็เกือบๆ 540 ล้านบาทเลยทีเดียว เงินจำนวนนั้นทำให้ Dan แซงหน้า PewDiePie ที่ทำเงินได้สูงสุดในปีที่แล้วไป 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเกือบๆ 490 ล้านบาทไปเรียบร้อย ยิ่งไปกว่านั้นในปีนี้ตัว PewDiePie ก็มีรายได้ลดลงจากปีที่แล้วเหลือเพียง 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น โดยเหตุผลหลักๆ ก็คงจะมาจากดราม่าเรื่องนาซี คำหยาบและคำพูดเหยียดผิวของเขาที่เป็นข้อกังขากัน อย่างไรก็ตาม เหตุผลหลักที่ทำให้ Dan สามารถทำเงินได้มหาศาลก็มาจากคุณภาพในช่องของเขาเอง โดยเขาได้กำหนดเป้าหมายไว้อย่างชัดเจนว่าเขาจะมุ่งเน้นคอนเทนต์หลักไปที่กลุ่มเด็กอายุ 5 ถึง 10 ปี ฉะนั้นช่องของเขาจึงไม่มีคำหยาบเลย และนั่นก็ส่งผลให้การขอสปอนเซอร์หรืออะไรก็ตามมันเกิดขึ้นได้ง่ายมากๆ ซึ่งวิดีโอหลักของช่อง DanTDM ก็จะยังคงเป็นเกม…
-
เด็กหนุ่มระบายความในใจหลังถูกแกล้งในโรงเรียน จนเหล่าคนดังแห่มาให้กำลังใจ!!
การกลั่นแกล้งที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียน ทำให้เหยื่อหลายคนรู้สึกไม่พอใจและอยากลุกขึ้นมาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนอย่างเด็กคนนี้ ที่ถูกกลั่นแกล้งจนไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข การออกมาพูดถึงเรื่องราวและความรู้สึกของตัวเขาเองจึงกลายเป็นกระแสและเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคม 2017 เมื่อเด็กมัธยมต้นในเมืองน็อกซ์วิลล์ รัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา ชื่อว่า Keaton Jones ถูกกลั่นแกล้งซ้ำๆ จนเขาไม่กล้าไปกินอาหารกลางวันในโรงอาหาร แม่ของเขาจึงต้องมารับกลับบ้านไป ซึ่งเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งมากแล้ว คนเป็นแม่เห็นอย่างนั้นแล้ว ก็ไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปเฉยๆ ได้ เธอจึงถ่ายคลิปวิดีโอ ให้ลูกชายของเธอเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อการถูกกลั่นแกล้งหรือคนที่คอยกลั่นแกล้ง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากการที่ถูกกลั่นแกล้งซ้ำไปซ้ำมา Keaton เล่าว่า “ผมถูกกลั่นแกล้งมาโดยตลอด ทั้งการเทนมใส่อาหารของผมหรือถูกถอดเสื้อผ้าออกกลางโรงอาหาร ไม่เข้าใจเลยว่าคนเหล่านั้นทำแบบนี้กับผมทำไม ไม่เข้าใจว่ามันสนุกนักหรือไงที่ได้ทำร้ายผู้บริสุทธิ์แบบนี้ สำหรับผม ผมรู้สึกไม่โอเคเลย” เมื่อคุณแม่โพสต์คลิปนี้ลงไป เด็กหนุ่มก็ได้รับกำลังใจจากผู้คนในโซเชียล รวมถึงเหล่าคนดังจำนวนมากที่ได้เห็นคลิปวิดีโอของเขา Captain America บอกให้เด็กหนุ่มเข้มแข็งเข้าไว้ อย่าให้คนพวกนั้นมากำหนดชีวิตเรา และเขายังถาม Keaton อีกว่า สนใจพาแม่มาร่วมงาน Avengers Premiere ในลอสแองเจลิส ที่จะจัดขึ้นปีหน้าหรือเปล่า? The Hulk…
-
รวม 10 เรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นในปี 2017 นี้ และหวังว่าปีหน้ามนุษย์เราจะช่วยกันทำให้ดีขึ้นไปอีก
หลายคนอาจคิดว่าโลกของเราเต็มไปด้วยสิ่งเลวร้าย การดิ้นรนใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก และคนในสังคมที่ต่างคนต่างใช้ชีวิตกันไป แต่ที่คุณคิดอย่างนั้นอาจเป็นเพราะไม่เคยเห็นเรื่องราวเหล่านี้ก็เป็นได้ ทั้งหมดนี้คือ 10 เรื่องราวแสนอบอุ่นหัวใจในปี 2017 ที่จะทำให้คุณรู้ว่าบนโลกของเรายังคงมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ และเชื่อว่าในปีหน้า การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จะยิ่งทวีคูณมากขึ้นไปอีกนะ 1. คนแปลกหน้าจำนวนมากซื้อรถให้กับเด็กหนุ่มที่ทำงานร้านฟาสต์ฟู้ด เหตุการณ์นี้เริ่มต้นขึ้น เมื่อ Andy Mitchell ขับรถไปเจอพนักงานร้านฟาสต์ฟู้ดที่ชื่อ Justin Corva กำลังเดินอยู่บนทางเท้าในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา Andy จึงอาสาพาเขาไปส่งยังที่หมาย และได้รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ต้องเดินไกลเกือบ 5 กิโลเมตรทุกวันเพื่อไปทำงาน ชายหนุ่มจึงถ่ายเซลฟี่พร้อมกับโพสต์เรื่องราวของ Justin ลงในเฟซบุ๊ก ทำให้คนในโลกโซเชียลได้เห็นและช่วยกันรวบรวมเงินก้อนหนึ่งเพื่อซื้อรถให้กับเด็กหนุ่มคนนี้ จนในที่สุดเขาก็ได้มีรถเป็นของตัวเอง ประกันภัยรถยนต์ 1 ปี สามารถเปลี่ยนน้ำมันเครื่องได้ฟรี 2 ปี และบัตรเติมน้ำมันอีกกว่า 16,000 บาท 2. ชาวเน็ตและคนดังช่วยกันอวยพรวันเกิดให้กับเด็กคนหนึ่งที่ถูกกลั่นแกล้ง คุณพ่อเจ้าของทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า @Hopenlesmyth ถามคนในโลกโซเชียลว่ามีใครรู้จักคนดังหรือดาราบ้างมั้ย เพราะเขาต้องการให้คนเหล่านั้นช่วยอวยพรวันเกิดให้กับ Ollie ลูกชายของเขา เขาเล่าว่าเด็กหนุ่มวัย 9 ขวบคนนี้ถูกกลั่นแกล้งจนทำให้รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า…
-
เด็กสาวร่ำไห้เสียใจที่หมาทำร้าย ‘ตุ๊กตาเอลฟ์’ บนชั้นวางของ แม่เลยพาไปโรงบาลซะเลย!!
เด็กๆ เป็นวัยที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นในการเรียนรู้สิ่งใหม่และจริงจังกับทุกอย่าง แม้แต่ตุ๊กตาที่ไม่มีชีวิต พวกเขาก็รักเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง ดังนั้นผู้ใหญ่ควรใส่ใจกับความรู้สึกเด็กให้มากๆ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ อย่างหนูน้อยผู้ไร้เดียงสาคนนี้ที่ร้องไห้หนักมากเมื่อพบตุ๊กตาตัวโปรดของเธอที่อยู่บนชั้นวางของแขนหักไปข้างหนึ่งเพราะฝีมือเจ้าหมา Jenn Thelen คุณแม่ชาวออร์แลนโด รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เล่าว่าเช้าวันที่ 5 ธันวาคม ปี 2017 เธอตื่นมาเพราะเสียงร้องไห้ของ Aubrie ลูกสาววัย 7 ขวบ เมื่อวิ่งไปดูปรากฏว่าลูกสาวไม่ได้รับบาดเจ็บหรือตกอยู่ในอันตรายเลย แต่เธอร้องไห้เพราะเจ้าหมา Zoey ฉีกเจ้า Sam ตุ๊กตาเอลฟ์ของเธอที่อยู่บนชั้นวางของออกเป็นชิ้นๆ Jenn รู้ดีว่านั่นเป็นตุ๊กตาที่ลูกสาวหวงและรักมากที่สุด เธอจึงตัดสินใจพาเจ้าตุ๊กตาเอลฟ์ไปยังห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล Arnold Palmer Hospital for Children ทันที เมื่อ Jenn พา Sam พร้อมชิ้นส่วนของมันมาถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ก็ใส่ใจดูแลมันเป็นอย่างดีด้วยการพา Sam นั่งเตียงฉุกเฉินเพื่อจะทำการช่วยชีวิตต่อไป ความใส่ใจของเจ้าหน้าที่ถูกบันทึกวิดีโอเอาไว้ ก่อนที่ทางโรงพยาบาลจะแชร์ลงในหน้าเพจเฟซบุ๊กของพวกเขา จนกลายเป็นเรื่องโด่งดังในโซเชียล หวังว่าหนูน้อย Aubrie คงจะได้พา Sam กลับบ้านได้ในเร็วๆ นี้ แต่คราวนี้ต้องเก็บให้ห่างเจ้า Zoey เลยนะ เคสฉุกเฉินมาแล้ว ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมนะ…
-
พ่อเห็นลูกในคลิปขโมยตุ๊กตาจัดงานคริสต์มาส เลยจองตั๋วเครื่องบินข้ามรัฐมาจัดการซะเลย
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2017 กล้องวงจรปิดของบ้านหลังหนึ่งสามารถจับภาพคนร้ายที่บุกรุกสนามหญ้าหน้าบ้านของเขา ทำลายไฟตกแต่งที่เตรียมไว้สำหรับคริสต์มาส และขโมยตุ๊กตาตกแต่งที่ตั้งเอาไว้ไปด้วย พวกเขาจึงนำคลิปวิดีโอดังกล่าวไปโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย เพื่อให้คนอื่นๆ ช่วยกันตามหาคนร้าย นอกจากในโลกโซเชียลแล้ว ทางสำนักข่าว 9NEWS ก็นำเรื่องนี้ออกเผยแพร่ จนทำให้คุณพ่อท่านหนึ่งรับรู้ได้ในทันทีเลยว่า หนึ่งในผู้ร้ายที่อยู่ในคลิปคือลูกของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย เขาและคนในครอบครัวคนอื่นๆ จึงรีบเดินทางไปสถานที่เกิดเหตุในเมือง Centennial รัฐโคโลราโด ภาพจากกล้องวงจรปิด เห็นคนร้ายบุกรุกเข้ามาในพื้นที่บ้าน เช้าวันต่อมา ก็ได้มีคน 8 คนจาก 2 ครอบครัวของผู้ร้ายในคดีนี้มาเคาะประตูหน้าบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อกล่าวขอโทษและแสดงความรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด คุณพ่อพูดว่า “ถ้าหากเรื่องนี้ไม่ได้ออกข่าว ผมคงไม่รู้ว่าลูกของผมทำอะไรลงไป พวกเขามีเวลาที่จะมากล่าวขอโทษพวกคุณก่อน แต่ก็เลือกที่จะไม่ทำ พวกเราในฐานะที่เป็นผู้ปกครองจึงต้องเข้ามาช่วยในเรื่องนี้” เขาพูดอีกว่า “และถึงจะไม่ได้มีการเอาความใดๆ ผมก็อยากให้นำเรื่องนี้ขึ้นศาล ให้ลูกๆ ของเรารับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย” แม้ว่าคุณพ่อและคนในครอบครัวต่างรู้สึกอับอายต่อสิ่งที่ลูกๆ ของพวกเขาทำลงไป แต่พวกเขาเข้าใจว่าทุกคนสามารถผิดพลาดกันได้ จึงให้อภัยลูกๆ และปล่อยให้พวกเขารับผิดชอบกับสิ่งที่ทำ เพราะถึงจะไม่ได้โกรธลูกๆ แต่พวกเขาก็อายุ 20 กว่าๆ กันแล้ว เลยวัยที่จะมองข้ามการกระทำความผิดเหล่านี้ไปได้…
-
หนูน้อยเข้าใจผิดคิดว่าคุณลุงหนวดเฟิ้มเป็นลุงซานต้า ลุงเลยสวมบทเป็นซานต้าจริงๆ ซะเลย!?
เมื่อพูดถึงซานตาคลอส เราคงจะนึกถึงภาพคุณลุงแก่ๆ มีหนวดคราวเฟิ้มสีขาว มีพุง และใส่ชุดสีแดงขาว ใช่แล้ว นั่นแหละคือคุณลุงซานต้า แต่สำหรับเด็กๆ แล้ว พวกเค้าอาจจะจำรายละเอียดทั้งหมดไม่ได้ ดังนั้นเมื่อเห็นใครก็ตามที่มีหนวดเฟิ้มสีขาวก็เข้าใจผิดคิดว่าเป็นลุงซานต้าไปซะหมด อย่างหนูน้อย Sophie Jo Riley ที่เดินอยู่ในห้างกับพ่อแม่เมื่อปี 2015 แล้วจู่ๆ เธอก็พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่าเห็นคุณลุงซานต้า ลุงซานต้าที่เด็กหญิงหมายถึงคือ Saint Nick ซึ่งเขาไม่ได้แต่งตัวด้วยชุดซานตาคลอส ไม่ได้ใส่หมวกสีแดง แต่แต่งตัวด้วยเสื้อสีแดงธรรมดากับกางเกงยีน และบังเอิญไว้หนวดเฟิ้มเท่านั้นเอง เมื่อ Sophie Jo เห็นผู้ชายหนวดสีขาวใส่เสื้อสีแดง เธอไม่นึกถึงอะไรเลยอดจากคุณลุงซานต้าเท่านั้น แล้วเธอก็วิ่งเข้าไปหาเขา ลองชมคลิปเต็มๆ ได้ที่นี่เลย แน่นอนว่าเมื่อคุณถูกเข้าใจผิดว่าเป็นลุงซานต้า คุณก็แค่บอกเด็กไปว่าไม่ใช่ หรือเข้าใจผิดอะไรก็ว่าไป แต่ Nick ไม่ทำแบบนั้น ไหนๆ เด็กน้อยก็เข้าใจผิดว่าเป็นซานต้าแล้ว Nick เลยตีเนียนแสร้งทำตัวเหมือนซานต้าแล้วนั่งลงคุยกับ Sophie Jo เป็นเรื่องเป็นราวเลย โดยพ่อของเด็กหญิงได้บันทึกช่วงเวลานั้นเอาไว้ Nick ถามเด็กน้อยว่า “หนูพร้อมสำหรับคริสต์มาสนี้หรือยัง?” “ปีนี้หนูจะเป็นเด็กดีมั้ย?” Sophie Jo พยักหน้า แล้วก็เธอก็ตื่นเต้นมากขึ้นอีกเมื่อคุณลุงถามเธอว่าจะเตรียมอะไรให้เขากิน เด็กหญิงตอบว่าเธอจะเตรียมคุกกี้ไว้ให้ลุงซานต้า แล้ว Nick…
-
พาทัวร์ “หมู่บ้านโลกาวินาศ” ชุมชนหลุมหลบภัยวันสิ้นโลกและที่สำคัญราคาไม่ถึงล้าน!!
ด้วยปัญหาต่างๆ ในโลกที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นมากมาย ทั้งสงครามนิวเคลียร์ ภาวะสิ่งแวดล้อมต่างๆ อีกทั้งยังต้องมาหวาดระแวงกับซอมบี้ที่ไม่รู้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่อีก ทำให้หลายคนกังวลถึงวันสิ้นโลกตามคำทำนายต่างๆ ว่าอาจมีขึ้นเร็วๆ นี้ ทำให้บริษัทแห่งหนึ่งได้สร้างบังเกอร์หลบภัยสำหรับเตรียมพร้อมกับวันสิ้นโลกขึ้นมาแล้ว บริษัทดังกล่าวมีชื่อว่า Vivos Group ซึ่งพวกเขาได้สร้างดินแดนสำหรับหลบภัยเอาไว้ภายใต้โปรเจกต์ชื่อว่า Vivo xPoint โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างขึ้นสำหรับผู้ที่หวาดระแวงและมีความเชื่อว่าวันสิ้นโลกกำลังจะมาถึงนั่นเอง นี่ต้องเป็นสถานที่ที่คุณอยากมาอยู่ที่สุด เมื่อเกิดวันโลกาวินาศขึ้น Vivo xPoint เป็นชุมชนหลบภัยขนาดใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้เลยก็ว่าได้ โดยหมู่บ้านแห่งนี้มีบ้านเพียงพอสำหรับคน 5,000 คนและด้วยโครงสร้างที่แข็งแรงของมัน ทำให้บังเกอร์แต่ละหลังสามารถทนรับแรงระเบิดจากหัวจรวดนิวเคลียร์ที่มีน้ำหนัก 250 ตัน ได้แบบสบายๆ และไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด Robert Vicino เจ้าของบริษัท Vivos Group กล่าวว่าพวกเขาเปิดบังเกอร์ต่างๆ ให้เข้าเยี่ยมชมมาตั้งแต่เดือน พฤษภาคม ปี 2017 แล้วและในตอนนี้ก็มีผู้ซื้อไปแล้วจำนวนมาก ซึ่งราคาแต่ละหลังจะอยู่ที่ 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 814,000 บาท) เท่านั้นเอง บังเกอร์กว่า 575 หลังที่สร้างจากคอนกรีตแข็งรวมถึงเหล็กกล้าสุดแข็งแกร่งด้วย แม้ว่าในตอนนี้ยังไม่มีใครย้ายเข้าไปอยู่ที่บังเกอร์จริงๆ แต่คนที่ซื้อไปก็เริ่มมีการตกแต่งภายในบ้านของแต่ละคน เพื่อให้มีความพร้อมเมื่อจะเข้ามาอยู่จริงๆ และยังได้สร้างความมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถมีชีวิตรอดผ่านวันโลกาวินาศไปได้นั่นเอง หลุมหลบภัยนี้ตั้งอยู่ที่รัฐเซาท์ดาโคตา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งแต่เดิมนั้นใช้เป็นฐานทัพของทหาร…
-
ชีวิตต้องสู้ของ HeeSun Lee คุณแม่แรปเปอร์ สัญชาติเกาหลี-อเมริกัน กับบทเพลงที่ไม่เหมือนใคร
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่พลเมืองชาวอเมริกันแบบเต็มตัว และการใช้ชีวิตของลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกันในเมืองลุงแซมพร้อมกับสถานะคุณแม่ลูกหนึ่งนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต HeeSun Lee แรปเปอร์สาวผู้นี้ กลับทำให้เธอเลือกที่จะลุกขึ้นมาบอกเล่าเรื่องราวของที่สร้างกำลังใจให้กับผู้คนผ่านเสียงเพลงและท่อนแรปของเธอ “ฉันเป็นผู้หญิงเอเชีย และเพลงแรปของฉันก็พูดเกี่ยวกับพระเจ้าและความคิดบวก หลายๆ เรื่องที่ฉันนำเสนอเป็นเรื่องที่ส่วนมากเรามักจะไม่ค่อยเห็นในเพลงแนวฮิปฮอป“ แรปเปอร์สาวให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ Lee เติบโตมาจากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดชาวเกาหลีใต้ แต่ด้วยฐานะของครอบครัวทำให้พวกเขาไม่สามารถที่จะดูแลลูกสาวได้ จึงได้นำเด็กหญิงมาฝากไว้กับพ่อแม่บุญธรรมเชื้อสายจีน-อเมริกันแทน Lee เล่าว่าพ่อแม่บุญธรรมนั้นไม่เคยปิดบังเธอเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตของเธอเลย พวกเขาเปิดเผยทุกเรื่องราวที่เด็กสาวควรจะได้รู้ “ฉันรู้สึกขอบคุณพวกเขามากที่บอกทุกอย่างกับฉัน ฉันคิดว่ามันคงจะแย่แน่ๆ ถ้าหากพวกเขาโกหกฉันเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีต และฉันคงจะโกรธมากที่ไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของฉันคือใคร” Lee ให้สัมภาษณ์ Lee เริ่มต้นร้องเพลงแรปครั้งแรกตอนที่เธออายุได้ 14 ปี เธอเริ่มเขียนเนื้อแรปลงในสมุดจด ก่อนที่จะเริ่มฝึกร้อง เธอเริ่มหันมาเขียนเนื้อเพลงเกี่ยวกับพระเจ้า ชีวิต หลังจากที่เธอได้มีโอกาสเข้าโบสถ์และศึกษาศาสนาจากคำแนะนำของเพื่อนเธอ และหลังจากที่ร้องเพลงแรปเกี่ยวกับศาสนาคริสต์มานานนับ 10 ปี เธอก็คิดที่จะถ่ายทอดความเป็นตัวตนละวัฒนธรรมเอเชียผ่านบาทเพลงของเธอบ้าง Lee จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมรายการ Show Me The Money รายการเรียลิตี้เพลงแรปของเกาหลี ซึ่งทำให้เธอได้รับแรงบันดาลใจเกี่ยวกับการสร้างผลงานเพลงแรปที่เล่าถึงตัวตนและวัฒนธรรมแบบเอเชีย Lee ทำได้ดีมากในรายการแข่งขันดังกล่าว เธอมีเหล่าบรรดาแฟนคลับที่คอยคิดตามผลงาน และร่วมเชียร์เธอด้วยแฮชแท็ก #BreakingStereotypes เพราะว่าการแสดงของเธอนั้นมันแตกต่างจากศิลปินแรปทั่วๆ ไป…
-
ชายกลายมาเป็นอัมพาต จากการก้มจ้องมองโทรศัพท์ ยาวนานต่อเนื่องเป็นเวลา 2 วันเต็มๆ
ปัจจุบันการใช้โทรศัพท์มือถือมีอัตราเพิ่มขึ้นสูงมาก ไม่ว่าใครต่างก็ต้องมีโทรศัพท์มือถือไว้ติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น อีกทั้งทั้งนวัตกรรมความทันสมัยของโทรศัพท์มือถือก็ได้พัฒนาเพิ่มขึ้นสูงจนแทบจะเรียกได้ว่า สามารถทำได้ทุกอย่างในเครื่องเดียวเลยไม่ว่าจะเป็นดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมหรือแม้แต่ทำธุรกรรมทางการเงิน แต่ทว่าความสะดวกสบายและความบันเทิงที่หาได้จากในมือถือทำให้มีอัตราของคนที่มีอาการติดมือถือเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ซึ่งอาการติดมือจะส่งผลเสียต่อร่างกายหลายอย่างเช่น สายตา กล้ามเนื้อและประสาท ชายวัย 29 ปี ชาวเมืองกว่างโจว ประเทศจีน ต้องประสบกับอาการอัมพาตเฉียบพลันหลังจากที่เขาได้เล่นเกมในโทรศัพท์มือถือติดต่อกันยาวนานถึง 48 ชั่วโมง เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ชายหนุ่มไม่ทราบชื่อรายนี้เขาเล่นเกมมือถือที่เขาชื่นชอบเป็นอย่างมาก ถึงขนาดปั่นแรงค์กันข้ามวันข้ามคืนเลยทีเดียว เขาเล่นติดต่อกัน 2 วันจนกระทั่งเข้าวันที่ 3 เขาเริ่มมีอาการปวดบริเวณคอ ไหล่ และท้ายทอย คอของเขามีอาการแข็งอย่างกระทันหัน ตามมาด้วยอาการแขนและขาชาจนไม่มีแรง เขาจึงคิดว่ามันอาจจะมีอะไรบางอย่างผิดปกติกับร่างกายของเขาแล้วจึงให้ครอบครัวรีบพาเขาไปส่งโรงพยาบาล Sun Yat Sen เพื่อตรวจอาการอย่างละเอียด พอมาถึงที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเขาก็ได้รับการวินิจฉัยทันทีด้วยการส่งตัวเข้าสแกน MRI นายแพทย์ Shen Huiyong แพทย์เจ้าของไข้และเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านศัลยกรรมกระดูกได้ออกมารายงานผลการตรวจวินิจฉัย สาเหตุที่ชายคนนี้เป็นอัมพาตกะทันหันเนื่องมาจากมีลิ่มเลือดอุดตันท่อไขสันหลังและกระดูสันหลังของเขานั่นเอง สาเหตุหลักๆ ก็อันเนื่องมาจากการก้มหน้าดูโทรศัพท์มือถือมากเกินไปทำให้เกิดความเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว ในครั้งแรกจะมีอาการปวดคอและชา และอาจรุนแรงขึ้นในเด็กซึ่งอาจจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงเช่น อัมพาตแขนและขา อีกหนึ่งอาการที่จะตามมาเนื่องจากพฤติกรรมการติดมือถือนั่นก็คือความเมื่อยล้า และปัญหาเกี่ยวกับสายตา…
-
นักโบราณคดีพบมัมมี่อายุ 3,500 ปี ในสุสาน คาดว่ามีความพิเศษมากกว่าที่เคยค้นพบมา
อียิปต์เป็นประเทศที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน มันจึงเปี่ยมไปด้วยอารยธรรมที่มีกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ หากมีโอกาสไปท่องเที่ยวที่ประเทศอียิปต์สักครั้ง เราจึงไม่ควรพลาดที่จะไปเยี่ยมชมอารยธรรมเหล่านี้ โบราณสถานของประเทศนี้ที่เรารู้จักกันดีนั้นคงจะเป็นพีระมิด และสุสานโบราณของคนสำคัญในสมัยก่อน เพราะนอกจากจะเป็นโบราณสถานที่ดูน่าหลงใหลแล้ว ยังเต็มไปด้วยโบราณวัตถุและศิลปะสวยงามจำนวนมาก ถึงโบราณสถานเหล่านี้จะถูกค้นพบมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม แต่ยังมีหลายแห่งที่ค้นพบแล้วไม่ได้รับการสำรวจจนถึงปัจจุบัน เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2017 ที่ผ่านมา รัฐมนตรีด้านประวัติศาสตร์วัฒนธรรมได้ออกมาแจ้งว่า สุสานสองแห่งที่เคยพบทางตอนใต้ของเมืองลักซอร์ในช่วงทศวรรษที่ 1990 ได้รับการสำรวจแล้ว โดยสุสานทั้งสองถูกเรียกว่า KAMPP 161 มีอายุกว่า 3,000 ปี และคาดว่าจะเป็นสุสานของราชวงศ์ที่ 18 แห่งอียิปต์ พวกมันรอการสำรวจจากนักโบราณคดีมานาน และตอนนี้พร้อมจะเผยความลับที่ซ่อนไว้แล้ว ตัวสุสานนั้นมีความกว้างขวางอย่างมาก กำแพงสุสานถูกก่อสร้างจากหินและดินโคลนเป็นแนวยาว และทางทิศใต้ของสุสานยังเชื่อมออกไปถึงห้องอื่นๆ อีกจำนวนสี่ห้อง ในสุสานแห่งหนึ่งนักโบราณคดีพบมัมมี่ ซึ่งถือว่าเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ เพราะคาดว่ามัมมี่ตัวนี้เป็นร่างของคนสำคัญคนหนึ่งในยุคนั้น แม้ว่าจะไม่ทราบแน่ชัดว่าคนคนนั้นเป็นใคร แต่มีการตั้งสมมติฐานว่าอาจจะเป็น Djehuty Mes บุคคลระดับสูงที่มีชื่อสลักอยู่บนผนังของสุสาน หรืออาจจะเป็นชายชื่อ Maati เพราะชื่อของชายคนนี้ถูกสลักลงบนป้ายสุสานที่พบในสุสานแห่งนี้กว่า 50 อันเลยทีเดียว . นอกจากมัมมี่แล้ว ยังสำรวจพบเครื่องปั้นดินเผาโบราณ หน้ากากโบราณ และรูปปั้นสลักจากไม้จำนวนมาก…
-
เด็กชายตัวน้อยได้เจอกับ ‘ซานตาคลอส’ เป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต ก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไป
มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ต่างมีความฝันเป็นของตัวเอง และไม่ว่าฝันนั้นจะเล็กหรือใหญ่ เราต่างก็อยากทำมันให้เป็นจริงสักครั้งในชีวิตนี้ ด้วยเหตุนี้ผู้ที่แต่งตัวเป็นซานตาคลอสมักจะทำให้ฝันของหลายๆ คนเป็นจริงในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เช่นเดียวกับที่หนูน้อย Miles Agnew ได้รับ Agnew เด็กชายวัย 2 ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในบ้านพักดูแลผู้ป่วยมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพและนับวันยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ Michelle Agnew คุณแม่ของเด็กชายเล่าว่า “เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อยู่ดีๆ ร่างกายของเขาก็เกิดช็อกขึ้นมาและอาการเริ่มทรุดลงอย่างหนัก โดยที่เราเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” Agnews รับเลี้ยง Miles เมื่อตอนเขาอายุ 3 เดือนเท่านั้น เขาเกิดมาพร้อมกับโรค Microcephaly (ศีรษะเล็ก) สมองอัมพาต การมองเห็นไม่ค่อยดี โรคลมชักชนิดที่ไม่สามารถรักษาได้ และแพ้อาหาร ทั้งนี้ Miles ยังมีพี่น้องอีกสองคนรักเขามากๆ คือ Hailey วัย 13 ปี และ Taveon วัย 11 ปี เรื่องราวและความทุกข์ทรมานของเด็กชายถูกแชร์ไปให้ Secret Sleigh Project ทราบ ซึ่งเป็นองค์ที่ทำงานเพื่อเด็กที่ป่วยเป็นโรคและร่างกายอ่อนแอทั่วสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5…
-
เรื่องราวของลูกสาวคนที่ 10 ที่ ‘พระราชินีวิกตอเรีย’ ทรงรับมาเลี้ยง และเธอเป็นคนผิวสี..
หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย อดีตราชินีแห่งสหราชอาณาจักร ผู้ได้รับฉายาว่า “สมเด็จย่าแห่งยุโรป” นั่นคือสิ่งที่เราเคยได้ยินมาบ้าง แต่เราเคยทราบกันมั้ยว่าพระองค์ทรงรับเลี้ยงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเป็นลูกบุญธรรม และเด็กคนนั้นก็ยังเป็นเด็กผิวสีอีกด้วย เรื่องราวนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 1848 เมื่อตอนที่ Sarah Forbes Bonetta อายุได้เพียง 5 ขวบ เธอเป็นทาสชาวไนจีเรียที่ถูกราชาแห่งประเทศ Dahomey จับกุมพร้อมกับครอบครัวของเธอ Sarah หญิงสาวผู้ที่ได้รับการเลี้ยงดูจากราชินีวิกตอเรีย สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย อดีตราชินีแห่งสหราชอาณาจักร พ่อแม่ของเด็กสาวถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม และในขณะที่เธอกำลังจะจากโลกนี้ตามพวกเขาไป ทหารเรือชาวอังกฤษ Frederick Forbes ผู้กำลังทำภารกิจเลิกทาสในประเทศดังกล่าว ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเด็กสาวได้ทันเวลาพอดี ทหารหนุ่มตั้งใจที่จะส่งเด็กสาวไปให้ราชินีวิกตอเรีย เพื่อให้พระองค์ทรงรับเลี้ยงต่อไป เขาจึงพา Sarah เดินทางกลับประเทศอังกฤษ ด้วยเรือที่ชื่อว่า HMS Bonetta นั่นจึงกลายเป็นชื่อของเธอในภายหลัง เมื่อองค์ราชินีได้เจอกับเด็กสาวก็รู้สึกถูกชะตาอย่างมาก เธอได้กลายเป็นลูกคนที่ 10 ของพระองค์ และได้รับการเลี้ยงดูไม่ต่างกับพี่น้องคนอื่นๆ เลย เนื่องจากสภาพร่างกายที่อ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก Sarah จึงถูกส่งไปเรียนในประเทศเซียร์ราลีโอน เพราะองค์ราชินีทรงคิดว่าสภาพอากาศของที่นั่นน่าจะเหมาะกับเธอมากกว่า และเมื่อเรียนจบเด็กสาวก็กลับมาประเทศอังกฤษอีกครั้งในปี…
-
เด็กชายเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่งทานข้าวอยู่คนเดียว เลยเดินเข้าไปขอกอดเพื่อให้กำลังใจ
ตอนเด็กๆ พวกเราอาจมองว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจคือฮีโร่ในสายตาเรา เพราะพวกเขาคอยดูแลความสงบสุขและความปลอดภัยของทุกคน เด็กคนนี้เองก็เช่นกัน เมื่อเขาได้เจอกับฮีโร่ในดวงใจของตัวเองแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปแสดงความรักและให้กำลังใจ เด็กคนนี้มีชื่อว่า TJ อายุ 3 ขวบ เขาและคุณแม่ Jamie Hubbard ได้เข้าไปกินอาหารในร้าน McDonald’s เมื่อเดือนมีนาคม 2016 ทำให้เขาเจอนายตำรวจคนหนึ่งกำลังกินอาหารอยู่ในร้านเพียงลำพัง หนุ่มน้อยคลั่งไคล้ในอาชีพตำรวจและรถมอเตอร์ไซค์อย่างมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เขาเห็นมีคุณสมบัติดังกล่าวครบถ้วนเลย เด็กน้อยจึงหันไปถามแม่ของเขาว่า “ผมขอเดินไปหาคุณตำรวจคนนั้นได้มั้ยครับ” เมื่อคุณแม่อนุญาต TJ เลยเดินเข้าไปหาตำรวจคนนั้นด้วยท่าทีเขินอาย เมื่อนายตำรวจ Colter เห็นเข้า เขาก็อดยิ้มให้กับท่าทางของเด็กคนนี้ไม่ได้เลย อ้ำๆ อึ้งๆ กันอยู่ซักพัก TJ ก็หันมาขอความช่วยเหลือจากคุณแม่ เธอจึงตะโกนบอกกับคุณตำรวจว่า “เขาแค่อยากกอดคุณเท่านั้นเอง” ทั้งคู่จึงกอดกันเพื่อเป็นการแสดงความรักและมอบกำลังใจให้กับการทำงานอันแสนเหน็ดเหนื่อยในอาชีพตำรวจ ด้วยความอาย เด็กชายจึงวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว สร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ และหลังจากนั้นทั้งสองก็ได้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน รักษาความสัมพันธ์เอาไว้เสมอ คลิปเหตุการณ์ที่คุณแม่เป็นคนถ่ายเอาไว้ ทุกครั้งที่ทั้งสองเจอกัน ความอบอุ่นหัวใจก็จะเกิดขึ้นมาเสมอ …
-
โซฟาที่มีแรงบันดาลใจจาก ‘ก้อนเมฆ’ ช่วยให้คุณนอนหลับฝันกลางวันได้อย่างแจ่มแมวยิ่งขึ้น!!
ปกติโซฟาจะมีรูปทรงเหมือนเก้าอี้ แต่มันจะหนา จะนุ่ม จะเด้งๆ หรือมีคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ที่จะทำให้คนนั่งรู้สึกสบายและใช้เป็นที่พักผ่อนได้ แต่สำหรับ Cheng-Tsung Feng นักออกแบบชาวไต้หวัน ได้คิดค้นโซฟาที่มีรูปทรงแตกต่างออกไป แต่ให้ความสบายไม่ต่างกัน Tsung Feng ได้ออกแบบ Daydreamer เก้าอี้พักผ่อนหรือโซฟา ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากจินตนาการก้อนเมฆในวัยเด็ก นักออกแบบบอกว่า “ตอนเด็กๆ ผมฝันที่อยากมีโอกาสบินเหนือเมฆ เมื่อโตขึ้นเลยอยากสานฝันในวัยเด็กให้เป็นจริง” สำหรับวัสดุที่ใช้ทำโซฟาก้อนเมฆนั้น นักออกแบบเลือกใช้วัสดุที่ทำให้รูปร่างของโซฟาเปลี่ยนไปตามการเคลื่อนไหวของหรือรูปร่างของผู้นั่ง เพื่อให้รู้สึกสบายเหมือนนั่งอยู่บนก้อนเมฆ ด้วยความสบายและความลงตัวทั้งหมดเหล่านี้ จะช่วยให้หลายๆ คุณรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปในวัยเด็กอีกครั้ง เมื่อนั่งหรือนอนบนโซฟาสุดพิเศษนี้ Daydreamer เรียกได้ว่าเป็นโซฟาอเนกประสงค์ เพราะคุณสามารถทำให้มันเป็นเก้าอี้สำหรับพักผ่อน หรือจะเปลี่ยนให้เป็นที่นอนก็ได้ โดยที่ยังสัมผัสได้ถึงความสบายเท่าเดิม นอนหลายคนก็ได้ ให้ความสบายเท่ากัน สำหรับใครที่สนใจเฟอร์นิเจอร์สุดสร้างสรรค์แบบนี้ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Chengtsung นั่งอ่านหนังสือด้วยท่วงท่าสบาย จะทำให้มีสมาธิมากขึ้น หรือจะใช้เป็นที่นอนก็ได้ รองรับทุกท่วงท่าที่คุณเคลื่อนไหว กึ่งนอนกึ่งนั่งก็ดีนะ มันก็จะนุ่มๆ หน่อยอะนะ …
-
หนุ่มวัย 27 ผู้เคยติดเหล้า โชว์ใบหน้าหลังเลิกได้แล้ว 600 วัน ด้วยความรู้สึกที่สดใสกว่าเดิม
การติดเหล้านั้นไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อสุขภาพเท่านั้น แต่มันยังส่งผลต่อสภาพร่างกายนอกของคุณอีกด้วย ซึ่งเห็นได้ชัดจากใบหน้าของคุณ หากใครคิดว่ามันไม่แตกต่าง ลองมาดูใบหน้าของ John DeCaux หนุ่มวัย 27 ปี ที่เผยใบหน้าก่อนและหลังเลิกเหล้าว่ามันต่างกันยังไง John เคยติดเหล้าอย่างหนัก ถึงขั้นที่ต้องดื่มเหล้าครึ่งขวดต่อวัน แต่แล้ววันหนึ่งเขาตัดสินใจเลิกอย่างเด็ดขาด จนรู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่ในเวลาต่อมา ชายหนุ่มบอกว่าไม่เคยรู้สึกดีเท่ากับการเลิกเหล้าได้แล้วใน 600 วันมาก่อนเลย และเขาก็อยากแบ่งปันความเปลี่ยนแปลงให้กับคนอื่นๆ “หลังจากที่เลิกเหล้า น้ำหนักผมลดลงไปถึง 17 กิโลกรัม และตอนนี้ผมได้ไปยิมเพื่อออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน” John กล่าว John เล่าว่า “วันที่ 16 เดือนเมษายนปีที่แล้ว เป็นวันที่ผมตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะเลิกเหล้า เพราะภรรยาเป็นคนทำให้ผมรู้ตัวว่าดื่มไปมากแค่ไหน และผมควรจะพอได้แล้ว” เขาบอกอีกว่า “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมพยายามเลิกเหล้า แต่มันคือครั้งแรกที่ผมอยากเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง นอกจากนี้มันยังเป็นการทำเพื่อภรรยาด้วย” วันแรกของการเลิกเหล้า John และภรรยาช่วยกันนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และแก้วทุกใบที่เคยรินเหล้าออกจากบ้านจนหมด “ผมคิดว่านี่เป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับการรักษาอาการติดเหล้าของผม เพราะมันทำให้ตระหนักว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ควบคุมชีวิตผม” ชายหนุ่มบอก หลังจากที่หยุดดื่มได้สักพัก John รู้สึกว่ามีพลังมากขึ้น มีเวลามากขึ้น เขาเรียนรู้ที่จะทำอาหารเพื่อสุขภาพ รวมทั้งโชว์การทำอาหารผ่านสื่อออนไลน์ด้วย ที่น่าประทับใจที่สุดคือตอนนี้ John…
-
29 ภาพแห่งความเพอร์เฟกต์ ทุกอย่างลงล็อกอย่างพอดีเป๊ะ เห็นแล้วมันฟินลูกตาเหลือเกิน
การได้เห็นความเพอร์เฟกต์ ความพอดีหรือความเป๊ะนั้น ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือบังเอิญ มักจะทำให้เรารู้สึกฟินลูกตาและรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เหมือนอย่างภาพต่อไปนี้ที่เผยให้เห็นความลงล็อกอย่างพอดีเป๊ะ จนทำให้คุณสัมผัสได้ถึงความสมบูรณ์แบบ 1. ดับเบิลเบสเหมือนออกแบบมาเพื่อคุณปู่คนนี้โดยเฉพาะ ดูพุงสิ ลงล็อกพอ 2. มุมของสะพานในนิวซีแลนด์ เหมือนมี 4 สถานที่ ทั้งที่มันคือที่เดียวกัน 3. การจัดเรียงสินค้าที่ทำให้ลูกค้าหาของง่ายขึ้น แถมดูแล้วสบายตาด้วย 4. เป็นการเรียงแผ่นซีดีที่เป๊ะทุกระเบียบนิ้ว 5. ใครที่มีลายมือแบบนี้โดยธรรมชาตินี่ต้องเป็นคนที่มีระเบียบมากแน่ๆ 6. นี่แค่เลคเชอร์นะ นึกว่าทำส่งอาจารย์ 7. เสื้อที่มีความลงล็อกกับลายสักเป๊ะๆ 8. นี่ก็เหมือนกัน พอดีเหมือนจับวาง 9. แหม่ ตัวเลขเรียงกันซะสวยเลย เอาไปตีเป็นเลขเด็ดได้เลยนะเนี่ย 10. ความเพอร์เฟกต์แบบไม่ได้ตั้งใจ 11. โอ๊ยยย นี่มันจะเก่งเกินไปแล้ว 12. ภาพจากที่อินสตาแกรมที่ควรค่าแก่การติดตาม …
-
หัวใส!! ญี่ปุ่นผลิตโดรนส่งเสียงเพลงเพื่อบังคับ(ไล่)พนักงานกลับบ้าน ลดปัญหาการทำงานหนัก
ในประเทศที่เป๊ะทุกระเบียบนิ้วอย่างญี่ปุ่น เรื่องของเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก จะเห็นได้ว่าไม่ว่ารถไฟฟ้าหรือแม้แต่รถบัสเขาจะมาตรงทุกวินาที และหากคลาดเคลื่อนไปแม้แต่นาทีเดียวผู้บริหารหลายที่ก็ถึงขั้นลาออกเลยทีเดียว และในตอนนี้ประเทศนี้ก็มีวิธีใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องของเวลา โดยพวกเขาจะใช้โดรนบอกเวลาเลิกงานให้กับพนักงาน!! โดรนบอกเวลาเลิกงานที่ว่านี้มีชื่อว่า T-Frend โดยมันจะปล่อยเสียงเพลง Auld Lang Syne เพลงสัญชาติสกอตแลนด์ ซึ่งปกติมักจะเปิดในร้านค้าของประเทศญี่ปุ่น ในเวลาที่ร้านค้าต่างๆ ใกล้จะปิดแล้ว หน้าตาของโดรน T-Frend “คนปกติมักจะไม่ค่อยมีสมาธิในตอนเวลาที่ใกล้เลิกงาน เพราะมัวแต่พะวงว่าเมื่อไหร่เวลาเลิกงานจะมาถึง พวกเราจึงได้คิดค้นโดรนที่สามารถปล่อยเพลง Auld Lang Syne ขึ้นมาอีกทั้งมันยังมีเสียงน่ารักๆ รวมอยู่ด้วย” Norihiro Kato ผู้อำนวยการบริษัท Taisei บริษัทรักษาความปลอดภัยและทำความสะอาด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบกล่าว นอกจากโดรนอันนี้จะสามารถส่งเสียงบอกเวลาได้แล้ว มันยังถูกติดตั้งพร้อมกับกล้องวงจรปิด ที่ทำให้สามารถดูภาพสดๆ จากต่างสถานที่ และเครื่องนี้ยังสามารถจดจำสถานที่ต่างๆ ภายในตึกได้โดยไม่ต้องใช้เทคโนโลยี GPS เลยด้วย สามารถจดจำสถานที่ต่างๆ ได้อัตโนมัติ บริษัท Taisei มีแผนจะปล่อย T-Frend ในเดือนเมษายนปีหน้า โดยจะร่วมมือกับ Blue Innovation บริษัทพัฒนาโดรนโดยเฉพาะ และ NTT East ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม สำหรับค่าใช้จ่ายสำหรับโดรนตัวนี้ ยังไม่มีการกำหนดออกมาแน่นอน แต่พวกเขาบอกเอาไว้ว่าจะมามีราคาให้บริการอยู่ราวๆ 500,000 เยน (ประมาณ 143,000 บาท)…
-
ผัวหวังดีจะช่วยเมียหุงข้าว กลายเป็นว่าเอา “ถ้วยอนามัย” มาตวงซะงั้น แถมทิ้งหลักฐานไว้อีก!!
ผู้หญิงเป็นเพศที่ซับซ้อนและมีข้าวของเครื่องใช้จำนวนมาก ทำให้ผู้ชายหลายคนอาจจะไม่เข้าใจว่าสิ่งของสารพัดอย่างของพวกเธอมันคืออะไร และเอาไว้ใช้สำหรับทำอะไรบ้าง และเหตุการณ์สุดฮานี้ก็เกิดจากความไม่รู้อีโหน่อีเหน่เช่นเดียวกัน เพราะว่าผู้ชายคนหนึ่งได้เอาถ้วยอนามัยที่ใช้สำหรับตอนที่มีประจำเดือนของเมียเขา ไปตวงข้าวเอามาหุงกินซะอย่างงั้น Cindy สาวที่ตะลึงเมื่อพบสิ่งนี้อยู่ในถุงข้าว เหตุการณ์ฮาลั่นทุ่งนี้ได้รับการบอกเล่ามาจาก Cindy Hobbs สาวในรัฐวิกทอเรีย ประเทศออสเตรเลีย โดยเธอเล่าให้ฟังว่าเธอเป็นทั้งภรรยา แม่ของเด็กๆ อีกสองคน อีกทั้งยังเปิดธุรกิจร้านเครื่องเพชรเล็กๆ ที่ชื่อว่า Breastmilk Jewellery อีกด้วย และแน่นอนว่าด้วยภาระด้านครอบครัวและการงานทำให้ Cindy ดูจะเป็นสาวที่ดูยุ่งอยู่ตลอดเวลา Malcolm Hobbs สามีที่แสนดีของเธอจึงหวังดีพยายามจะช่วยงานบ้านเธอบ้าง หน้าตาของสามีผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ว่าความหวังดีอันนั้นกลับกลายเป็นเรื่องที่ทำให้เธอแทบจะต้องกรี๊ด เมื่อเธอเปิดถุงข้าวดูแล้วก็พบว่า มีถ้วยอนามัยที่เธอใช้สำหรับเวลามีประจำเดือนอยู่ในนั้น นั่นจึงหมายความว่าข้าวที่เธอกินเมื่อวันก่อน ต้องผ่านกระบวนการตวงมาจากถ้วยอนามัยอันนี้ และเธอก็รู้ทันทีว่าต้องเป็นฝีมือของผัวพ่อบ้านของเธอแน่นอน ข้อความที่เธอส่งไปถามสามีของเธอ งานนี้เธอไม่รอช้ารีบถ่ายรูปแล้วส่งข้อความไปถามสามีของเธอทันที Cindy: ทำไมไอ้สิ่งนี้มันถึงเข้ามาอยู่ในถุงข้าวได้เนี่ย? สามี: ก็ฉันเอามันมาตวงข้าวเมื่อคืนไง ก็เธอบอกเองนี่ว่าให้ใช้ 3 ถ้วย เมื่อ Cindy ได้รู้ว่าข้าวที่เธอกินเมื่อคืนต้องผ่านถ้วยอนามัยที่เธอใช้เมื่อมีประจำเดือน เธอก็แทบจะอ้วกออกมาเลย และเธอก็รู้ในทันทีว่าสามีของเธอต้องไม่รู้แน่นอนว่ามันคืออะไร เธอจึงพยายามอธิบายให้สามีแสนดีของเธอได้รู้ว่ามันคืออะไร …
-
หนูน้อยแรกเกิด มีขาติดกันคล้ายกับหางของนางเงือก แม้แต่แพทย์ก็ระบุเพศไม่ได้
เรื่องราวอันน่าประหลาดใจนี้เกิดขึ้นกับคุณแม่ชาวอินเดีย เมื่อเธอได้ให้กำเนิดลูกน้อยที่มีลักษณะผิดปรกติทางร่างกาย โดยขาทั้งสองข้างของเด็กน้อยนั้นติดกันคล้ายกับหางของนางเงือก ก่อนที่เจ้าหนูน้อยจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหนูน้อยไม่ทราบชื่อเกิดมาพร้อมกับอาการ Sirenomelia หรือ Mermaid Syndrome ที่มีขาที่ติดกันทั้งสองข้าง และนอกจากนี้การพัฒนาของกระดูกเชิงกรานที่ไม่สมบูรณ์ จึงทำให้ทีมแพทย์ไม่สามารถที่จะระบุเพศของเจ้าหนูน้อยคนนี้ได้ นาง Muskura Bibi หญิงสาววัย 23 ปี แม่ของเจ้าหนูน้อย ได้ให้กำเนิดลูกของเธอแบบแบ่งคลอดที่โรงพยาบาล Chittaranjan Deva Sadan ในเมือง Kolkata ทางตะวันออกของประเทศอินเดีย จากรายงานของสื่อต่างประเทศเผยว่า หญิงสาวคนดังกล่าวไม่ได้มีการทำอัลตราซาวด์เด็กก่อนที่เธอจะคลอด จึงทำให้แพทย์ไม่ทราบถึงสภาพของเด็กในท้องก่อนที่จะคลอดออกมา ส่วนทางด้านคุณหมอ Sudip Saha สูตินรีแพทย์ประจำโรงพยาบาลดังกล่าวได้ออกมาเปิดเผยว่าสองสามีภรรยาพ่อแม่ของเด็กน้อยคนดังกล่าวประกอบอาชีพกรรมกร และพวกเขาก็ไม่ได้รับการฝากครรภ์อย่างถูกต้องเนื่องจากไม่มีเงินพอ โรค Sirenomelia หรือที่รู้จักกันในโรค Mermaid Syndrome เป็นอาการผิดปรกติทางร่างกายของทารกที่พบได้ยากมากๆ โดยมีอัตราการพบเพียงแค่ 1 ใน 60,000 ถึง 100,000 คน โดยอาการดังกล่าวจะทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนทางระบบทางเดินอาหารของเด็ก และทำให้การพัฒนาของไตทำงานผิดปรกติ ซึ่งในขณะนี้ทางวงการแพทย์ยังหาสาเหตุของโรคดังกล่าวไม่พบ ที่มา dailymail
-
เจ้าหน้าที่ดัดเสียงเพื่อช่วยให้น้องแมวสงบจิตสงบใจ ไม่ให้มันกลัวจนวิ่งขึ้นถนนไป
ตอนที่เราเล่นกับเด็ก หลายๆ คนอาจใช้วิธีการดัดเสียงเพื่อช่วยให้เด็กน้อยกล้าเข้าหาคุณมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับนายตำรวจคนนี้ที่ใช้วิธีเดียวกันในการเข้าไปช่วยเหลือเจ้าแมวน้อยออกมาจากพื้นที่เสี่ยงอันตราย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ McGuire จากสถานีตำรวจ Henrico รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา กำลังตรวจตราความปลอดภัยอยู่บนท้องถนนจนไปเจอเจ้าเหมียวตัวน้อยวิ่งเข้าไปในพงหญ้าข้างทาง ถนนที่นายตำรวจ McGuire ได้เจอกับเจ้าเหมียวน้อยผู้หลงทาง ตำรวจหนุ่มไม่รอช้ารีบจอดและหยุดรถข้างหลังเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าเหมียวถูกเฉี่ยวชน จากนั้นเขาจึงเดินเข้าไปตามหาเจ้าเหมียวน้อยในพงหญ้าอย่างช้าๆ พอเจอตัวปุ๊บ เขาก็ค่อยๆ แหวกพงหญ้าอย่างแผ่วเบา เพื่อไม่ให้ลูกแมวตื่นกลัวจนวิ่งหนีออกไปกลางถนน จากนั้นจึงอุ้มมันขึ้นมาอย่างทะนุถนอม แต่ด้วยความหวาดกลัวของเจ้าเหมียวมันเลยกัดเข้าไปที่มือของนายตำรวจอย่างจัง เขาทำทุกอย่างด้วยความนุ่มนวล จนได้พบกับเจ้าเหมียวที่ซ่อนกายอยู่ใต้พงหญ้า เขาพยายามอดทนกับความเจ็บปวดและพามันกลับไปที่รถ ก่อนที่จะนำผ้าขนหนูผืนเล็กมาห่อหุ้มตัวมันเอาไว้ พร้อมกับดัดเสียงปลอบมันด้วยความเอ็นดูว่า “ไม่เป็นไรแล้วเจ้าหนู ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจนาย ไม่เป็นไรแล้ว..” เสียงสองของนายตำรวจช่วยลดความตื่นกลัวของเจ้าเหมียวลงได้ จากนั้นเขาจึงพามันไปที่ศูนย์คุ้มครองสัตว์ของเมือง เพื่อให้ลูกแมวได้รับการรักษาและตามหาบ้านหลังใหม่ให้มันต่อไป และหลังจากที่คลิปการช่วยเหลือของตำรวจหนุ่มถูกโพสต์ลงไปในเพจเฟซบุ๊กของสถานีตำรวจ ชาวเน็ตหลายคนต่างรู้สึกชื่นชอบในความน่ารักของเขาคนนี้ ภาพเหตุการณ์ถูกถ่ายโดยกล้องที่ติดอยู่กับเครื่องแบบตำรวจ ความเห็นของชาวเน็ตส่งถึงตำรวจผู้ที่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม เธอคนนี้รู้สึกชื่นชมให้กับท่าทางที่เขาแสดงออกมาเมื่อเจอกับเจ้าเหมียว เห็นได้ถึงความแตกต่างในน้ำเสียงเวลาที่ตำรวจพูดกับประชาชน และในตอนที่เขาพูดกับเจ้าเหมียว…
-
ชาวบ้านด่าเทศบาล ‘ลดทอนความเป็นมนุษย์’ คนไร้บ้าน หลังพบที่กั้นพร้อมป้ายประจานติดอยู่
กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย หลังจากที่ทางเทศบาลของเมืองนอตทิงแฮม ประเทศอังกฤษ ได้นำแผงกั้นมาล้อมรอบชายไร้บ้านคนหนึ่ง พร้อมกับมีผู้พบเห็นป้ายและข้อความที่ประณามชายคนดังกล่าว โดยข้อความในป้ายกระดาษบอกว่า “ชายคนนี้ปฏิเสธที่จะเข้าพักในโรงแรมเป็นเวลา 3 คืน” ซึ่งภายหลังข้อความดังกล่าวถูกทางเจ้าหน้าที่ของเทศบาลเอาออกไป ชายวัย 27 คนดังกล่าวบอกว่าเขาจำเป็นต้องปฏิเสธข้อเสนอการเข้าพักในโรงแรมดังกล่าว เนื่องจากมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาก่อนหน้านี้ “มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดมาก พวกเขาบอกว่าผมเป็นขอทาน ซึ่งอันที่จริงแล้วผมไม่ใช่ คนอื่นๆ บอกผมว่าผมสามารถนอนหน้าร้านนี้ได้ เพราะร้านนี้ได้ปิดตัวลงแล้ว ผมถูกปฏิเสธการเข้าพักในโรงแรมดังกล่าว เพราะว่าชื่อของผมอยู่ในรายชื่อขอทาน และผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพวกเขาต้องทำแบบนี้กับผม” ส่วนทางด้านคุณ Denis Tully เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับคนไร้บ้านของเมือง Nottingham ก็ได้ออกมาประณามการกระทำดังกล่าวเช่นกัน “การนำที่กั้นมาวางไว้มันเป็นสิ่งที่ลดทอนความเป็นคนของเขามากๆ ผมคิดว่าเราควรตั้งคำถามถึงสิทธิความเป็นมนุษย์ที่ใครสักคนหนึ่งควรจะได้รับ สิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเขานั้นมันคือสัญลักษณ์ของป้ายเตือน และป้ายเตือนสมควรที่จะนำมาใช้กับคนอย่างนั้นหรือ??” คุณ Denis กล่าว แต่อย่างไรก็ตามทางด้านนาย Toby Neal เจ้าหน้าที่ด้านงานบริการประชาชนก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวว่า “ผมคิดว่าป้ายข้อความดังกล่าวน่าจะเป็นความเข้าใจผิด และมันก็น่าจะเป็นฝีมือของใครบางคนที่นำมาติดไว้ พวกเราตั้งใจที่จะดูแลความปลอดภัยของทุกๆ คนที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองให้มีชีวิตที่ดีขึ้นมากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้” นาย Toby Neal กล่าว . นอกจากนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า แผงกันดังกล่าวนั้นถูกนำไปวางไว้เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของชายคนดังกล่าว พร้อมทั้งขอโทษถึงความไม่เหมาะสมเกี่ยวกับการใช้ป้ายกันดังกล่าวอีกด้วย “เราขอโทษสำหรับการเลือกใช้สัญลักษณ์ดังกล่าว นี่เป็นการเริ่มใช้แผงกั้นนี้เป็นครั้งแรก แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้เราได้สั่งระงับการใช้แผนกันดังกล่าว…
-
พ่อหนุ่มจืดพยายามจีบสาว แอบตัดสายเบรกรถอีกฝ่าย อ้างว่าผมทำไปในนามของ ‘ความรัก’
เชื่อว่าสาวๆ บางคนเคยเจอกับวิธีการจีบอันแสนแปลกประหลาดจากหนุ่มที่พยายามเข้าหา แต่สาวชาวญี่ปุ่นวัย 31 ปีคนนี้กลับเจออะไรที่มันเหนือกว่าคำว่าแปลกไปซะอีก เมื่อเธอได้เจอการจีบในแบบที่เรียกว่าถ้าพลาดขึ้นมาเธออาจถึงกับเสียชีวิตเลยก็ได้ ตอนเช้าวันที่ 16 พฤศจิกายน 2017 เธอกำลังจะขับรถออกไปทำงาน แต่เมื่อเธอสตาร์ทรถปุ๊บ มันก็ดันไหลไปด้านหน้าจนชนเข้ากับกำแพงอิฐ และนั่นจึงทำให้เธอรู้ในทันทีว่าสายเบรกของเธอถูกตัดไปจนเกลี้ยง หญิงสาวจอดรถเอาไว้ในที่จอดรถแห่งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หญิงสาวรีบติดต่อหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อสืบหาว่าคนร้ายที่หมายเอาชีวิตเธอคือใคร จนเมื่อเจ้าหน้าที่ได้เปิดเช็กภาพดูจากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ในที่จอดรถ จึงทำให้สามารถทราบตัวคนที่มาตัดสายเบรกได้อย่างง่ายดาย ภาพจากกล้องวงจรปิดตอนตี 3 ครึ่งของวันนั้น เผยให้เห็นว่านาย Takuya Kawamura วัย 38 ปี เข้ามาตัดสายเบรกของเธอทุกเส้น จนทำให้รถของเธอไหลไปชนกับกำแพงแบบนั้น Takuya หนุ่มวัยกลางคน ผู้ก่อเหตุตัดสายเบรกรถคันดังกล่าว เมื่อสอบถามถึงแรงจูงใจว่าทำไมชายหนุ่มถึงทำอย่างนั้นลงไป เขาก็ตอบกับเจ้าหน้าที่ว่า “ผมทำสิ่งนี้ลงไปในนามของความรัก!!” ที่แท้นาย Takuya เพียงต้องการจะจีบสาวคนนี้เท่านั้นเอง ด้วยความที่เขาอยู่ในช่วงวัยกลางคนแล้ว การจะใช้วิธีเดินเข้าไปจีบแบบตรงไปตรงมา คิดว่าคงไม่เหมาะสมซักเท่าไหร่ เขาจึงคิดหาวิธีการใหม่เพื่อเรียกร้องความสนใจจากเธอ หวังให้เธอเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเขา และวิธีการของเขาก็สามารถเรียกร้องความสนใจได้ดีจริงๆ ไม่ใช่แค่กับหญิงสาวเท่านั้น แต่รวมถึงคุณตำรวจทั้งหลายอีกด้วย!! เยี่ยมไปเลย กล้องวงจรปิดที่ถ่ายภาพตอนผู้ร้ายเข้ามาตัดสายเบรกเอาไว้ได้ …
-
สื่อญี่ปุ่นตีข่าว ร้านราเม็งในไทยก็อปไอเดียแฟรนไชส์ราเม็งชื่อดังของญี่ปุ่นไปทั้งดุ้น!?
ร้านราเม็ง Ichiran หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ราเม็งข้อสอบ เป็นร้านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องของรสชาติน้ำซุป ซอสสูตรพิเศษ และจุดที่เห็นชัดที่สุดก็คือการตกแต่งร้านหรือรูปแบบการสั่งอาหารที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าทำข้อสอบอยู่จริงๆ ใครที่เคยลองไปกินราเม็งร้านนี้ที่ประเทศญี่ปุ่น คงหวังให้ร้านดังกล่าวขยายสาขามาเปิดที่ไทยบ้าง ซึ่งนั่นก็อาจเป็นไปได้ ถ้าไม่ติดที่ว่าตอนนี้ชาวญี่ปุ่นถกเถียงกันว่าร้านราเม็งเจ้าหนึ่งในบ้านเราได้นำเอกลักษณ์ต่างๆ ของ Ichiran มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ร้าน Ichiran นั้นมีความเก่าแก่ดั้งเดิม ถือกำเนิดในประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 1993 และได้มีการขยายสาขาออกไปต่างประเทศเช่น สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน และฮ่องกง แต่ที่ไทยกลับมีร้านที่ดูเหมือนกับร้านต้นฉบับมากเหลือเกิน จึงทำให้พวกเขาส่งคนเข้ามาตรวจสอบร้านดังกล่าวดู เมื่อผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นได้เดินทางมาใช้บริการร้านที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ราเม็งข้อสอบในไทย พวกเขาก็ถึงกับบอกเลยว่า เอกลักษณ์ทุกอย่างที่เป็นของร้าน Ichiran มารวมเอาไว้อยู่ในร้านนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเว็บไซต์ของร้านดั้งเดิมได้ออกมาพูดถึง 5 เอกลักษณ์ของทางร้าน ได้แก่ 1. ซอสแดงสูตรเฉพาะ 2. ซุปกระดูกหมูไร้กลิ่นเหม็น 3. ที่นั่งกั้นฉาก 4. กระดาษข้อสอบสั่งอาหาร 5. ระบบสั่งเพิ่มเส้น ทั้งหมด 5…
-
บอสตัวอย่าง… ตอบแทนพนักงาน 20 ชีวิต พาไปฉลองวันหยุด โบยบินถึงสเปน ฟรี!!
ชีวิตพนักงานเงินเดือนนั้น แค่ได้ทำงานเลิกตามเวลาที่กำหนดไว้ ได้รับเงินเดือนตรงเวลา มีปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานเล็กน้อย หรือมีหัวหน้าพาไปเลี้ยงข้าวบ้างสักมื้อ ก็ถือว่าดีพอสมควรแล้ว ไม่มีใครคิดฝันมาก่อนหรอกว่า การเป็นลูกจ้างธรรมดาๆ จะได้รับการดูแลที่ดีดังแขก VIP จากหัวหน้างาน แต่บริษัท Salad Creative ได้ทำให้เราเห็นแล้วว่า พวกเขาใส่ใจพนักงานทุกคน และอยากตอบแทนที่พนักงานช่วยงานบริษัทนี้อย่างเต็มที่ . โดยเจ้าของบริษัทใจป้ำตัดสินใจที่จะพาพนักงานจำนวน 20 คนบินไปที่เมืองมาดริด ประเทศสเปน เพื่อเป็นของขวัญวันคริสต์มาสปีนี้ โดยค่าใช้จ่ายในการเดินทางบริษัทจะออกให้เองทั้งหมด พนักงานทุกคนรู้สึกซาบซึ้งมากที่หัวหน้าพาพวกเธอไปเที่ยวไกลถึงต่างประเทศ บางคนก็บอกว่า “เราทุกคนมีความสุขมากที่ได้ไปเที่ยวที่สวยๆ และกินอาหารดีๆ” “ใครๆ ก็มีความสุข มีแต่คนพูดถึงเรื่องที่ไปเที่ยวมาไม่หยุดปากเลย” “หัวหน้าเป็นคนที่เก่งในหลายๆ ด้านแต่เรื่องที่ใจดีพาไปเที่ยวนี่ยกให้เป็นที่ 1 เลย” Lewis Smith เจ้าของบริษัท Salad Creative เจ้าของบริษัทคนนี้ชื่อว่า Lewis Smith เธอตั้งบริษัทนี้มานาน 16 ปีแล้ว และตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะพาพนักงานไปเที่ยวต่างประเทศให้ได้ เธอกล่าวว่า “บริษัทของเราใส่ใจพนักงานมาก การที่ได้ดูแลพวกเขาและพาไปเที่ยวเมืองมาดริดจึงทำให้ฉันรู้สึกมีความสุขเช่นกัน” และ “ปีที่แล้วพวกเราก็ไปชม West End…
-
ซานดีเอโกจ่าย 2.7 ล้านบาท ให้อดีตเมียนายกเทศมนตรี กรณีล้มบนทางเท้าจนนมแตก…
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2017 ได้มีการโต้เถียงเกิดขึ้นในเมืองซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2015 เมื่อ Cynthia Hedgecock วัย 70 ปี ภรรยาของอดีตนายกเทศมนตรี Roger เธอเดินสะดุดล้มจนทำให้หน้าอกของกระแทกกับทางเท้า Cynthia เล่าว่า ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2015 เธอกำลังเดินอยู่บนทางเท้าริมถนน Morrell และสะดุดเข้ากับแง่งที่ยื่นออกมาจากพื้นสูงประมาณ 6 เซนติเมตร ด้วยความที่มือหนึ่งเธอถือเอกสารอยู่และอีกมือก็ถือโทรศัพท์อยู่ บวกกับการที่เธอใส่รองเท้าแตะ จึงไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ ล้มลงหน้าอกกระแทกพื้นในที่สุด Cynthia ผู้ได้รับอาการบาดเจ็บบริเวณหน้าอก เธอรู้สึกเจ็บหน้าอกไปนานถึง 2 สัปดาห์ จนเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2015 แพทย์จากคลินิก Scripps พบความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับหน้าอกของเธอ เต้าเทียมที่ Cynthia เคยทำเอาไว้ได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง และเธอจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนใหม่หลังจากนั้น การผ่าตัดเปลี่ยนเต้าเทียมในเดือนพฤศจิกายน 2015 ทำให้เธอต้องเสียค่าใช้จ่ายไปราวๆ 650,000…
-
คุณพ่อร่อนจดหมายถึงผอ. กรณีกีดกันเด็กจากกิจกรรมที่กำหนดเพศ จิกกัดว่าล้าหลัง..
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2017 ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้พ่อคนหนึ่งรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เพราะลูกสาวของเขาถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่านั่นเป็นกิจกรรมสำหรับเด็กผู้ชายเท่านั้น!? เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเล็กๆ ในเขต Wongarbon ประเทศออสเตรเลีย เด็กสาวที่ชื่อว่า Ruby Callghan วัย 12 ปี ถูกบีบให้ต้องทำกิจกรรมที่เธอไม่ชอบ เพราะทางโรงเรียนแบ่งแยกเอาไว้ว่านี่คือกิจกรรมสำหรับผู้หญิง ในขณะที่กิจกรรมที่เด็กสาวต้องการจะทำมีไว้ให้เด็กผู้ชายเท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นได้สร้างความไม่พอใจให้กับ Stephen พ่อของเธออย่างมาก เขาจึงตัดสินใจส่งจดหมายไปให้ทางโรงเรียน วันต่อมาเขาส่งจดหมายและโพสต์รูปสิ่งที่เขาเขียนลงไปในโลกโซเชียล จดหมายที่พูดถึงความไม่พอใจเรื่องที่ลูกสาวตัวเองถูกแบ่งแยก และกีดกันจากการทำกิจกรรมที่โรงเรียนกำหนดให้ว่า “มีไว้สำหรับเด็กผู้ชายเท่านั้น” เนื้อความของจดหมายที่คุณพ่อเขียนแบบคร่าวๆ คือ “ถึงผู้อำนวยการโรงเรียน ผมต้องการให้คุณตระหนักถึงปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นกับลูกสาวผมที่เรียนอยู่เกรด 6 เมื่อวานเธอออกบ้านไปเป็นปี 2017 แต่ตอนเย็นเธอกลับมาเหมือนอยู่ในปี 1968 เพราะกิจกรรมที่ทางโรงเรียนกำหนดให้” “เด็กผู้หญิงต้องฝึกการแต่งหน้าทำผมอยู่ในห้องสมุด ขณะที่เด็กผู้ชายได้ออกไปดูงานและทำกิจกรรมในโรงงาน Bunnings“ “ช่วยตรวจดูในโรงเรียนให้หน่อยได้มั้ยว่ามีความบกพร่องในเรื่องของมิติเวลา หรือมีเครื่องย้อนเวลาซ่อนเอาไว้อยู่หรือเปล่า” “ผมขอให้คุณแก้ไขการแบ่งแยกเพศที่เกิดขึ้นนี้ซะ ไม่ให้มันเกิดขึ้นกับลูกสาวผมหรือเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ อีก” “ด้วยความเคารพ.. Stephen Callaghan” เขาอธิบายว่า ลูกสาวต้องการเป็นวิศวกร…
-
หนุ่มเอาผ้าโพกหัวแบบคนดำมาเซอร์ไพรส์อาจารย์ ในคาบวิชาสังคมวิทยาจนชาวเน็ตตกหลุมรัก
เรื่องราวอันแสนน่ารักนี้เกิดขึ้นในชั่วโมงเรียนวิชาสังคมวิทยา เมื่อคุณ Doug Engelman อาจารย์จากมหาวิทยาลัย University of Tampa ได้ตั้งคำถามในชั่วโมงเรียนดังกล่าว เกี่ยวกับความแตกต่างของวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่ Dylan Romero หนึ่งในนักศึกษาในชั้นเรียนก็ถูกถามเกี่ยวกับผ้าโพกหัวแบบชาวแร็ปของเขา ซึ่งอาจารย์ Doug ก็ได้ถามหนุ่มน้อยเกี่ยวกับผ้าโพกหัวและสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร และงานนี้คำตอบที่นักศึกษาวัย 18 ปีตอบนั้นก็เรียกเสียงฮาจากเพื่อนๆ และชาวเน็ตได้ไม่น้อยเลยทีเดียว “เราพูดกันเกี่ยวกับเรื่องของวัฒนธรรมและเราจะอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้จากการแต่งกายของพวกเรา และอาจารย์ก็ยกตัวอย่างมาที่ผ้าโพกหัวของผม เขาถามผมว่า ‘นี่ Dylan ผ้าโพกหัวที่เธอสวมน่ะถือเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของเธอหรือเปล่า??’ ผมก็เลยตอบเขาไปว่า ‘ใช่ครับมันคือวิถีชีวิตของผม’” ชายหนุ่มเล่าถึงเรื่องราวในชั้นเรียนวิชาสังคมวิทยาของเขา และแน่นอนเมื่อวันอังคารที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ชายหนุ่มก็ได้ถ่ายทอดวัฒนธรรมของเขาให้อาจารย์ดู ชายหนุ่มขอเวลาเพียงเล็กน้อยเพื่อจะทำบางอย่างให้เพื่อนๆ ในชั้นดู Dylan เดินไปที่หน้าชั้นเรียนก่อนที่จะหยิบถุงกระดาษหนึ่งใบที่เต็มไปด้วยผ้าโพกหัวหลากสี เพื่อให้อาจารย์เลือกจากนั้นเขาก็จึงสอนอาจารย์เกี่ยวกับการเป็นแร็ปเปอร์แบบง่ายๆ ด้วยผ้าโพกหัว ทำเอาเพื่อนๆ ในชั้นถึงกับฮาไปตามๆ กัน ไปชมความน่ารักของอาจารย์และหนุ่มน้อยได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… (ดูไม่ได้กด ที่นี่ นะ) So a few weeks prior, My Professor was teaching us about…
-
หญิงสาวเล่าประสบการณ์ ‘เดาะลมเล่นเสียวกับผี’ ติดใจเสียจริง แต่ก็ต้องปล่อยให้ผีไปเกิดใหม่
เราอาจเคยได้ยินข่าวการมีเซ็กซ์แบบพิสดารในหลายรูปแบบ แปลกๆ หน่อยก็คงเป็นข่าวคนมีอะไรกับสัตว์ทำนองนั้น แต่หญิงสาวคนนี้กลับจะทำให้คุณต้องตกใจมากยิ่งกว่านั้นซะอีก เพราะเธอคือคนที่ได้มีเซ็กซ์กับผี!! หญิงสาววัย 26 ปี Sian Jameson ได้ย้ายจากกรุงลอนดอน ไปอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ อันเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 ในเมือง Aberystwyth ประเทศเวลส์ และนั่นก็ทำให้เธอได้เจอกับการร่วมรักในแบบที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน เธอเล่าว่า เหตุผลที่ย้ายออกจากกรุงลอนดอนก็เพราะไม่สามารถลืมแฟนเก่าที่คบกันมานานกว่า 3 ปีได้ การได้ย้ายมาอยู่ในบ้านเช่าที่ห่างไกลผู้คนแบบนี้ คือสิ่งที่ตอบโจทย์เธอมากที่สุด การตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วพบว่าตนเองอยู่คนเดียว ทำให้เธอรู้สึกเหงาอยู่เสมอ เธอหวังว่าซักวันหนึ่งเธอจะได้เจอกับผู้ชายคนใหม่เดินเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง หญิงสาวใช้เวลาสำรวจไปรอบๆบ้านหลังใหม่ของเธอที่เต็มไปด้วยรูปวาดและหนังสือจากเจ้าของคนเก่า ก็ได้ไปเจอรูปรูปหนึ่งที่สะดุดตาเธออย่างมาก เป็นภาพของหนุ่มหน้าตาดี ที่ถูกวาดเอาไว้ในปี 1820 เมื่อผ่านไปไม่กี่เดือน ชายหนุ่มในรูปภาพนั้นก็กลายมาเป็นสิ่งที่ลบล้างความเหงาของหญิงสาวออกไป เมื่อวันหนึ่งเธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืด และพบกับร่างของชายคนนั้นนอนอยู่ข้างๆ Sian อธิบายว่า “เขามีหน้าตาที่ดูดี ผมสีดำ สวมเสื้อสีขาวตัวหลวม ผ้าพันคอที่ดูเก่าแก่โบราณ ร่างของเขาดูเรืองแสงออกมาเล็กน้อย จนทำให้ฉันรู้สึกว่านี่มันคือความฝันชัดๆ จึงหมุนตัวกลับไปนอนตะแคงอีกฝั่ง หันหน้าเข้ากำแพง” ในตอนนั้นเอง เธอไม่สามารถข่มตาหลับลงไปได้เลย จู่ๆ เธอก็สัมผัสได้ถึงความกลัวที่แผ่ซ่านเข้ามา รู้สึกถึงมืออันแผ่วเบาและเย็นยะเยือกที่สัมผัสเข้ากับเอวของเธอ…
-
เจ้าสิงโตผู้เหงาหงอย โผเข้ากอดผู้ช่วยชีวิตในวัยเด็ก หลังไม่ได้พบเจอกันอย่างยาวนาน
เมื่อพูดถึงสิงโต เราคงจะนึกถึงสัตว์เจ้าป่าที่มีความแข็งแกร่ง ดุร้ายและพร้อมเขมือบเหยื่อได้ทุกเมื่อ จนทำให้ใครๆ ไม่อยากเข้าใกล้มัน แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าสัตว์เจ้าป่าก็มีมุมอ่อนโยนเหมือนกัน อยู่ที่ว่ามันเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบไหน และได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างไร อย่างเจ้า Kiara ที่ถูกตั้งชื่อตามตัวละครใน Lion King มันกระโจนเข้าหาผู้ดูแลในวัยเด็ก หลังจากที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในเม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก Adolfo เคยช่วยชีวิต Kiara ตอนที่มันยังเป็นเพียงลูกสิงโตน้อย แต่ไม่นานหลังจากนั้นมันก็ถูกย้ายไปอยู่ที่มูลนิธิ Black Jaguar-White Tiger Foundation โดยอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ จนเมื่อปี 2015 ทางสถานดูแลได้โพสต์บนเพจเฟซบุ๊ก Black Jaguar-White Tiger Foundation จนมีผู้เข้าชมเกือบ 3 ล้านครั้ง ในวิดีโอนั้นเป็นการกลับมาเจอกันอีกครั้งของ Kiara และ Adolfo หลังจากที่ต้องอยู่ห่างกันมานานแสนนาน โดยทันทีที่เจ้าสิงโตเห็นผู้มีพระคุณ มันก็พุ่งเขาหาและกระโดดกอดเขาด้วยความดีใจ จนทั้งคู่ล้มลงไปกองกันพื้นด้วยกัน Kiara ไม่หยุดแค่นั้น มันนัวเนียและกลิ้งไปกลิ้งมาบนตัวของ Adolfo พร้อมทั้งเลียหน้าเขา เพื่อบอกให้รู้ว่ามันดีใจมากแค่ไหนที่ได้เจอชายหนุ่มอีกครั้ง สำหรับมูลนิธิ Black Jaguar-White Tiger Foundation ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 โดยนักธุรกิจชาวเม็กซิกัน…
-
ศิลปินสร้างงานศิลป์ระดับเด็ดดวง วาดลายละเอียดยิบ จนออกมาเหมือนพรมเปอร์เซียเด๊ะๆ
การสร้างสรรค์งานศิลปะให้ออกมาดูน่าทึ่งนั้น ศิลปินจำเป็นต้องมีความสามารถในหลากหลายด้าน ไม่ใช่แค่ฝีมือหรือพรสวรรค์ แต่มันไปรวมไปถึงความอดทน ความตั้งใจ และความประณีต ที่สำคัญคือต้องมีแรงบันดาลใจ เหมือนกับ Jason Seife ศิลปินจากเมืองไมอามี่ รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา สร้างสรรค์ผลงานที่มีความละเอียดสูงราวกับลวดลายบนพรมเปอร์เซียจริงๆ Seife เป็นนักวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังและนักออกแบบกราฟิก เขาเริ่มฝึกทำงานศิลปะอันซับซ้อนนี้ตั้งแต่ปี 2015 โดยการแสดงความรู้สึกของตนเองผ่านงานศิลปะ ผลงานแต่ละชิ้นของเขามีความประณีตและความละเอียดสูงมาก ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้คือหมึก สีอะคริลิค สร้างให้เป็นลวดลายดอกไม้และรูปทรงเรขาคณิตที่เรามักจะเห็นบนพื้นขนาดใหญ่ ส่วนแรงบันดาลใจที่ทำให้ Seife ทำงานแนวนี้มาจากประวัติศาสตร์การออกแบบพรมคลาสสิกของช่างทอบวกสีสันที่บ่งบอกรสนิยมของชนเผ่าของพวกเขา ดังนั้น Seife จึงนำมาสร้างเป็นศิลปะในแบบของเขาด้วยการใส่ความคิดของตัวเองลงไป เขาเลือกสีและรูปแบบที่บ่งบอกถึงความคิดและอารมณ์ของเขาในขณะนั้น ศิลปินหนุ่มบอกว่าพื้นหลังบางส่วนในงานของจะมีความเป็นตะวันออกกลาง เพราะตอนเด็กๆ เขาเกิดที่นั่นและมีประสบการณ์ที่น่าจดจำอยู่ที่นั่น “การออกแบบพรมแบบดั้งเดิมที่ทำโดยช่างทอมักจะมีเอกลักษณ์ ประเพณี และธรรมเนียมต่างๆ แฝงอยู่ในลวดลายเหล่านั้น นั่นหมายความว่าทุกอย่างมันถูกสร้างขึ้นมาอย่างมีเหตุผล” Seife บอก เขาบอกอีกว่า “ไม่ว่าจะเป็นผ้าที่ใช้ สี วิธีทำ ทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับสถานที่ เวลา และทำไมพวกเขาถึงสร้างมันขึ้นมา” “ผมเองก็อยากรวมสิ่งเหล่านั้นไว้งานของผม ทั้งวิธีการ ลวดลาย และสี เพื่อสะท้อนอารมณ์ ความรู้สึกที่เฉพาะเจาะจงในเวลาใดเวลาหนึ่งของผม” เขาบอก การจะสร้างสรรค์ผลงานตามที่ตั้งใจไว้นี้อาจต้องใช้เวลาสองถึงสามเดือนต่อชิ้น เพื่อที่จะทำให้มันสมบูรณ์ที่สุด…
-
20 ความมหัศจรรย์ที่จะเกิดขึ้น เมื่ออากาศหน๊าวหนาว นี่มันเกินจุดเยือกแข็งไปแล้ว!!
ขณะนี้ก็เข้าสู่ฤดูหนาวแล้วนะครับ มองไปรอบตัวก็จะเห็นคนหยิบเสื้อกันหนาวออกมาใส่กันบ้างแล้ว ฤดูหนาวเป็นฤดูโปรดของใครหลายคนเลยล่ะ เนื่องจากสามารถหยิบเสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ หรือหมวกมาใส่สวยงามและถ่ายรูปได้ ถ้าฤดูหนาวนี้ใครได้ไปเที่ยวดอยมาแล้ว คงจะได้พบเห็นความสวยงามของธรรมชาติที่สามารถพบเจอได้เฉพาะช่วงฤดูนี้เท่านั้น อย่างเช่น ทะเลหมอก และแม่คะนิ้งที่เกาะอยู่ตามยอดใบไม้ วันนี้เราขอพาเพื่อนๆ ไปชมภาพธรรมชาติอันงดงามในฤดูหนาว ที่หาดูไม่ได้ในประเทศไทย เพราะภาพเหล่านี้สามารถเห็นได้ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำมากจนติดลบนั่นเอง ไอน้ำร้อนในอากาศเยือกแข็ง รถยนต์ ฟองสบู่ รั้วขดลวด น้ำแข็งทรงดอกไม้ ผลไม้แช่แข็ง เรือเทียบฝั่ง พระอาทิตย์ทรงกลดที่สะท้อนจากคริสตัลในอากาศ คลื่นนิ่ง ตุ๊กตาหิมะยักษ์ น้ำตกเยือกแข็ง น้ำแข็งที่เคยเกาะบนกระจังหน้ารถ ฟองสบู่ใต้ผิวน้ำ จักรยานเย็นสุดขั้ว ผมสีหิมะ หนวดน้ำแข็ง ทุ่งหญ้าน้ำแข็ง ม่านน้ำแข็ง วิวจากที่สูง ดอกไม้แช่เย็น…
-
คุณปู่วัย 98 ได้แต่งงานกับชายคนรัก หลังกฎหมายอนุญาตให้แต่งงานกับเพศเดียวกันได้
คู่รักเพศเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นคู่ชายรักชาย หรือจะเป็นคู่หญิงรักหญิง ต่างก็อยากใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขเหมือนกับคู่รักชายหญิงทั่วไป แต่สิ่งสิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคก็เพราะว่าคู่รักเพศเดียวกันในหลายประเทศ ไม่สามารถแต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้ เพราะฉะนั้นคู่รักเพศเดียวกันในประเทศเหล่านั้นจึงทำได้เพียงอยู่ร่วมกันเหมือนแฟนเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถจดทะเบียนสมรสได้ และไม่สามารถใช้สิทธิของคู่แต่งงานได้เช่นกัน คู่รักชายรักชายชาวซิดนีย์ก็เช่นกัน พวกเขาอยู่ร่วมกันในฐานะคู่รักมาเป็นเวลานาน จนฝ่ายหนึ่งอายุเหยียบหนึ่งร้อยปีแล้ว แต่ในปัจจุบันพวกเขาก็สามารถแต่งงานกันอย่างถูกกฎหมายได้ในที่สุด Neville Wills และ Ian Fenwicke คู่รักคู่นี้คือ Neville Wills อายุ 98 ปี และ Ian Fenwicke อายุ 74 ปี พวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย โดย Wills ทำอาชีพเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ทั้งสองพบรักกันเมื่อปี 1978 หลังจากนั้นจึงตัดสินใจอยู่ร่วมกันฉันท์สามีภรรยามาเป็นระยะเวลานานถึง 39 ปี แม้จะไม่มีกฎหมายรองรับความสัมพันธ์นี้ก็ตาม จนเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2017 ได้มีการแก้กฎหมายให้คู่รักเพศเดียวกัน สามารถแต่งงานเป็นสามีภรรยากันได้เหมือนคู่ชายหญิงทั่วไปทุกประการ พอทั้งสองคนทราบข่าวนี้ก็ดีใจกันมาก และวางแผนงานแต่งงานกันทันที Fenwicke พูดหลังจากการออกกฎหมายแต่งงานใหม่ว่า…
-
เด็กน้อยป่วยเป็นโรคประหลาด ไม่สามารถทานอะไรได้เลยนอกเสียจาก “ลูกพีช”
เมื่อเรากินอะไรสักอย่างติดต่อกันเป็นเวลานาน ย่อมจะต้องรู้สึกเบื่ออาหารเป็นธรรมดา เราจึงพยายามมองหามื้ออาหารที่แตกต่างกันในแต่ละวัน เพื่อที่จะได้ลิ้มรสอาหารที่ไม่ซ้ำซาก แต่บางคนกลับโชคร้าย เพราะเกิดมาพร้อมกับอาการแพ้อาหาร จึงไม่มีโอกาสได้ลองลิ้มรสชาติของอาหารเหล่านั้น แต่คงไม่มีใครโชคร้ายเท่ากับเด็กคนนี้แล้วล่ะ เพราะเขาไม่สามารถกินอาหารอะไรได้เลย ยกเว้นเพียงลูกพีชสดเท่านั้น Micah เด็กน้อยคนนี้ชื่อว่า Micah ขณะนี้เขาอายุเพียง 2 ปีเท่านั้น ย้อนกลับไปเมื่อเขาอายุได้ 6 เดือน แพทย์ตรวจพบว่าเขาป่วยเป็นโรค Food-protein Induced Enterocolitis Syndrome หรือเรียกสั้นๆว่า FPIEs ซึ่งทำให้เขาแพ้อาหารหลายชนิด อาการแพ้อาหารนี้รุนแรง และอาจทำให้เขาท้องเสีย อาเจียน ผิวซีด และมีเข้าสู่ภาวะช็อกได้เลย คุณแม่ของเขาเล่าให้ฟังว่า “ครั้งแรกที่เขาช็อก พวกเราทำอะไรไม่ถูกเลย ถึงเราจะขอความช่วยเหลือจาก 911 แล้ว พวกเขาก็ไม่รู้วิธีรับมือกับ FPIEs เราจึงทำได้เพียงกอดเขาไว้ และร้องไห้กันทั้งคืน” นอกจากนี้เขายังป่วยเป็นโรคอี่นๆ อีกหลายอย่างเช่น DiGeorge Syndrome และ 15Q13.3 Micro-Duplication พ่อและแม่ของเขาจึงต้องพาเขาไปพบแพทย์เฉพาะทางทุกเดือน แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายก็สูงตามไปด้วย นอกจากค่ารักษาของน้อง Micah…
-
ยูทูบเบอร์เล่นพิเรนทร์เอาหัวยัดใส่ไมโครเวฟแถมเทปูนทับอีกที จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหล่าคนดังหลายๆ คน มันโด่งดังจากการทำอะไรแปลก แผลงๆ หรือพิเรนทร์ ซึ่งอย่างมันก็พอดูมีความสร้างสรรค์นะ แต่บางอย่างนอกจากจะไม่ได้ประโยชน์แล้วยังอันตรายกับชีวิตอีกด้วย เหมือนอย่างยูทูบเบอร์วัย 22 ปี ชาวอังกฤษคนนี้ที่เกือบตาย หลังจากที่ตัดสินใจถ่ายคลิปเอาหัวยัดเข้าไปในไมโครเวฟ ความพิเรนทร์นี้เกิดจาก Jay Swingler เจ้าของช่องยูทูบ TGFbro ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 3 ล้านคน พร้อมด้วยเพื่อนของเขา Romell Henry ทั้งสองคนโพสต์วิดีโอที่ทั้งตลกและเสี่ยงตายในเวลาเดียวกัน โดย Swingler บอกว่านี่คือความเป็นความผิดพลาดของเขาที่เอาหัวไปใส่ในไมโครเวฟจนเจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเข้ามาช่วย …มันทำให้เขาเกือบตาย วิดีโอนี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 1 ล้านครั้ง ในวิดีโอ Swingler บอกว่าเขากลัวมากเพราะเขาเป็นโรคกลัวที่ปิดทึบ (Claustrophobia) มันไม่ใช่แค่เอายัดใส่ในไมโครเวฟ แต่ก่อนหน้านั้นเขาใส่ปูนปลาสเตอร์เข้าไปด้วย ปรากฏว่าหลังจากนั้นเขากลับดึงหัวออกมาไม่ได้ เพื่อนอีกคนพยายามช่วยก็ไม่ได้ผล กระทั่งผ่าน 90 นาที ทั้งคู่จึงตัดสินใจเรียกเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจาก West Midlands Fire Service ให้มาช่วยเหลือ ต่อมาทางหัวหน้าทีมกู้ภัย Simon Woodward ได้เขียนในทวิตเตอร์ว่าพวกเขาไม่ชอบการกระทำเช่นนี้เลย…
-
เจ้าแห่งงูเห่าชาวฟิลิปปินส์ เสียชีวิตหลังจากดื่มเลือดงูพิษ ตัวเดียวกันกับที่กัดเขา…
แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญแต่ไม่ได้หมายความว่าจะผิดพลาดไม่ได้ อย่างกรณีของผู้เชี่ยวชาญด้านงูเห่าคนนี้ที่เพิ่งเสียชีวิตไปด้วยพิษของงู!? Elies ‘Peter’ Lenturio หรือที่รู้จักในนาม ‘เจ้าแห่งงูเห่าชาวฟิลิปปินส์’ ถูกงูเห่ากัดเข้า เขาเลยแก้แค้นด้วยการตัดหัวและดื่มเลือดของมัน แต่ดูเหมือน Elies จะทำพลาดที่ดื่มเลือดของมัน เพราะปกติแล้วงูเห่าถือเป็นงูที่พิษร้ายแรงมาก และเมื่อถูกมันกัดอาจตายได้ทันทีถ้าไม่รักษาภายในเวลา สำหรับ Elies นั้น เขาค้นพบความสามารถนี้ตอนอายุ 15 ปี ก่อนจะถูกยกให้เป็นเจ้าแห่งงูเห่าในเวลาต่อมา นับตั้งแต่นั้นมาหากบ้านไหนหรือชุมชนไหนเจองูเห่าก็จะเรียกเขาไปช่วยจัดการให้ และนี่ไม่ใช่การถูกงูกัดครั้งแรก แต่เขาเคยโดนกัดมาหลายครั้งแล้วในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา จนรู้ว่าต้องทำอย่างไรเมื่อถูกงูกัด อย่างครั้งล่าสุดนี้ เมื่อเจ้าแห่งงูเห่าถูกงูกัด เขาตัดสินใจที่จะไม่ไปโรงพยาบาลแต่เลือกที่จะดื่มเลือดงูตัวนั้นแทน จากนั้นก็กลับไปบ้านไปพักผ่อน กลับกลายเป็นว่านั่นเป็นคืนสุดท้ายของเขาบนโลก…มีฟองออกจากปากของเขาจนสร้างความตกใจให้ครอบครัวเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงพา Elies ไปโรงพยาบาลในคืนนั้น แต่น่าเศร้าที่เขาเสียชีวิตลงเมื่อไปถึง จากการเสียชีวิตของ Elies ทำให้ผู้คนสงสัยว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเชี่ยวชาญเรื่องงูได้อย่างไร? สื่อเล่าว่าปกติเจ้าแห่งงูเห่าจะเก็บงูเห่าของเขาไว้ในกล่องบนรถมอเตอร์ไซค์ จนในวันที่เกิดเหตุ Elies เขาเปิดกล่องใบนั้นตามปกติ แต่กลับถูกงูกัดเข้าที่มือซ้ายของเขา แม้จะเขาจะเลี้ยงงูเห่าตัวนี้ให้เป็นสัตว์เลี้ยงมาตลอด แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้รู้ว่ามันประกาศเป็นศัตรูกับเขา ซึ่งอาจเป็นเพราะส่วนหางของมันถูกขังเบียดเสียดอยู่ในกล่อง ไม่ว่าเจ้างูจะกัดด้วยเหตุผลอะไร แต่นั่นทำให้ Elies โกรธมาก เขาก็เลยตัดหัวของมันและดื่มเลือดของมันแบบสดๆ… เรื่องนี้สร้างความตกใจให้ชาวฟิลิปปินส์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะครอบครัวของเขาที่ยังทำใจไม่ได้ ที่ทำให้หลายคนประหลาดใจคือในหลายประเทศอย่างจีน มาเลเซีย และไทย…
-
27 ภาพประทับใจ ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าโลกจะน่าอยู่แค่ไหน หากสังคมขับเคลื่อนด้วยความรัก
เราอาจจะพบกับความผิดหวัง ความขัดแย้ง หรือปัญหาต่างๆ มากมายที่อยู่รอบตัว จนทำให้รู้สึกว่าโลกนี้ช่างไม่น่าอยู่เอาซะเลย แต่ในอีกด้านหนึ่ง ผู้คนได้พิสูจน์ให้เห็นว่าความรักเป็นสิ่งที่ทำให้โลกน่าอยู่มากขึ้น เราอาจจะไม่ใช่คนที่ได้รับความรักนั้น แต่การเห็นคนอื่นแสดงความรักต่อกันมันทำให้โลกดูสดใสยิ่งขึ้น 1. ยี่สิบปีแห่งรัก “ในปี 1995 คุณป้าเอาตุ๊กตาแมวให้ฉัน ฉันชอบมันมากและนอนกอดมันทุกคืนในช่วงวัยเด็ก เมื่อเธอจากไปแล้ว เราพบว่าเธอซื้อตุ๊กตาแมวอีกตัวที่เหมือนกันและเก็บมันไว้กว่า 20 ปี ทุกวันนี้ทั้งสองตัวกลายเป็นร่องรอยแห่งความรักของป้าและฉัน” 2. ทุกๆ ปี ชายคนนี้จะซื้อของเล่นแล้วแต่งตัวเป็นซานตาคลอส เพื่อไปแจกของพวกนี้ให้เด็กๆ ในโรงพยาบาล 3. คุณยายวัย 93 ปี และพี่สาวของเธอวัย 96 ปี จูงมือกันไปที่ชายหาดในวันหยุดสุดสัปดาห์ 4. คำทักทายจากอดีต “พ่อของฉันในยุค 70 เขาจากไปตั้งแต่ตอนที่ฉันอายุประมาณ 20 ปี เมื่อไม่นานมานี้เพื่อนสนิทของเขาได้ติดต่อมาหาฉัน และส่งรูปของพ่อกับแม่ฉันมาให้” 5. ช่วงแรกๆ ที่พ่อกับแม่ได้พบกัน เมื่อ 35 ปีก่อน พวกเขาชนกันตอนที่เล่นวอลเลย์บอลด้วยกัน…
-
ฉันออกเดินทางไปรอบโลก เพื่อถ่ายภาพตามรอยฉากของ Game of Thrones ในชีวิตจริง!!
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ช่วงที่กระแสซีรีส์เกาหลีดังๆ จนเกิดเป็นกระแสให้หลายคนชื่นชอบในความสวยงามของสถานที่ในฉากและอยากจะตามรอยไปยังสถานที่เดียวกับในซีรีส์ที่ตัวเองชอบ แต่พอพูดถึงซีรีส์ฝรั่งทำไมเราถึงไม่อยากจะตามรอยแบบนั้นกันบ้างล่ะ? ด้วยเหตุนี้บล็อกเกอร์สาวนามว่า Andrea David ก็เลยจัดการตามรอยซีรีส์เรื่องโปรดของเธอบ้าง และเมื่อพูดถึงซีรีส์ที่มีฉากสวยๆ บวกกับความฮิตในช่วงที่ผ่านมาก็คงจะหนีไม่พ้น Game of Thrones อย่างแน่นอน ทว่าฉากในซีรีส์ดังกล่าวมีการถ่ายทำหลากหลายที่กระจายกันไปมาก ฉะนั้นการที่คนปกติแบบเราๆ จะไปตามรอยให้ครบจึงเป็นเรื่องยาก ฉะนั้นเราก็คงต้องตามรอยผ่านภาพที่เธอไปมาแทนก็แล้วกัน… หอคอย Minčeta Tower ในเมือง Dubrovnik ประเทศโครเอเชีย ขั้นบันไดเล็กๆ ในเมือง Carnlough ประเทศไอร์แลนด์เหนือ ใครอยากจะเชม เชม ก็ให้มาที่ Jesuit Stairs ในเมือง Dubrovnik ประเทศโครเอเชีย สวนพฤกษชาติ Trsteno Arboretum ในเมือง Dubrovnik ประเทศโครเอเชีย แม้จะเป็นฉากเดียวกันกับเซอร์ซีเดินแก้ผ้า แต่ก็ไม่ได้ถ่ายที่เดียวกันหรอกนะ โดยบริเวณโบสถ์นั้นถ่ายที่ The Girona Cathedral เมือง Girona ประเทศสเปน ทะเลสาบ Mývatn ในหน้าหนา ประเทศไอซ์แลนด์ …
-
คุณตาคุณยายถ่ายรูปครบรอบแต่งงาน 47 ปีกันอย่างชื่นมื่น แม้จะต้องต่อสู้กับโรคร้ายอยู่ก็ตาม
ในปัจจุบันการคบกันดูจะเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าในสมัยก่อน เพียงแค่คุณมีความชอบพอกันในระดับหนึ่งก็ขอลองคบกันได้แล้ว หรือเพียงแค่ใช้แอปพลิเคชันหาคู่ก็จะเจอคนที่ถูกตาต้องใจได้อย่างไม่ยากเย็น แต่กลับกลายเป็นว่ามีคนเลิกกันและหย่าร้างมากมายเพราะว่าตกลงคบเมื่อรู้จักกันเพียงแค่ผิวเผิน จึงอาจบอกได้ว่าถึงจะคบกันง่าย แต่การจะสร้างชีวิตคู่ที่ยั่งยืนนั้นไม่ง่ายเลย ในวันนี้มีผู้ใช้อินสตาแกรมท่านหนึ่งแบ่งปันเรื่องราวความรักของคู่ชายหญิงที่คบกันมานานเกือบ 50 ปี และยังรักกันดีไม่มีเปลี่ยนแปลง เรามาดูกันว่าเขามีเคล็ดลับอะไรถึงสามารถใช้ชีวิตคู่มายาวนานขนาดนี้ Marvin Brewington และ Wanda Brewington คู่รักรุ่นใหญ่คู่ที่ว่านี้ก็คือ Marvin และ Wanda Brewington ทั้งคู่อาศัยอยู่ในเมืองราลี รัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งคู่แต่งงานกันมา 47 ปี และมีลูกสาววัยทำงานสองคน ขณะนี้ฝ่ายชายมีอายุ 70 ปี และฝ่ายหญิงก็อายุ 67 ปีแล้ว ทั้งสองคนมีโอกาสได้ถ่ายรูปฉลองครบรอบการแต่งงาน 47 ปี สามีจึงถือโอกาสใส่สูทสีน้ำเงินมาถ่ายรูปคู่กับภรรยาในชุดเดรสสีกุหลาบ จนกลายเป็นภาพชุดวันครบรอบแต่งงานที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ช่างภาพก็ไม่ใช่คนห่างคนไกลที่ไหน เธอคือ Amber Robinson ลูกสาวของทั้งสองคนซึ่งทำงานเป็นช่างภาพงานแต่งงาน ไอเดียการถ่ายรูปครั้งนี้ก็มาจากการที่เธออยากจะฉลองให้กับวันครบรอบของพ่อแม่นั่นเอง ภาพที่ออกมานั้นเปี่ยมไปด้วยความรักที่ทั้งคู่มีให้กันแม้จะคบกันมานานและยังต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งมาตลอดก็ตาม Amber จึงโพสต์ภาพชุดนี้ลงในอินสตาแกรมของเธอเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ติดตามของเธอ และเธอก็ได้การตอบรับอย่างดีจนตอนนี้คนกว่า 7,000 คนมากดไลค์และคอมเมนต์ กับภาพชุดนี้ . โดยการตอบรับจากผู้ใช้อินสตาแกรมนั้นไม่ได้มาจากรูปคู่ที่ดูหวานแหววเพียงอย่างเดียว อีกส่วนหนึ่งก็มาจากเรื่องราวความรักและการต่อสู้กับโรคภัยที่ทั้งคู่ผ่านมาด้วยกัน…
-
ครูมาเลเซียถูกผู้ปกครองฟ้อง จากการ ‘หยิกจู๋’ เด็กวัย 4 ขวบเป็นการทำโทษที่ไม่ยอมนอน
โรงเรียนอนุบาลเป็นสถานที่ที่เหล่าพ่อแม่ผู้ปกครองไว้วางใจให้ทางโรงเรียนเป็นผู้ดูแลบุตรหลานของตัวเอง แต่ทว่ากลับมีข่าวคราวเกี่ยวกับคุณครูทำร้ายเด็กๆ อยู่บ่อยครั้ง จนทำให้เหล่าผู้ปกครองต้องคอยเป็นห่วงบุตรหลานอยู่เสมอ และอีกข่าวที่เกี่ยวกับเรื่องเด็กอนุบาลในครั้งนี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในเมือง Sungai Buloh ประเทศมาเลเซีย เด็กชายวัย 4 ขวบได้รับบาดเจ็บที่อวัยวะเพศ ซึ่งผู้ปกครองสังเกตเห็นเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ในขณะที่กำลังอาบน้ำให้เด็กน้อย เด็กน้อยมีมีอาการบวมแดงที่บริเวณอวัยวะเพศ ทางผู้ปกครองจึงได้สอบถามไปที่โรงเรียนว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของพวกเขา ซึ่งเด็กชายได้บอกเบื้องต้นว่าโดนคุณครูหยิกที่อวัยวะเพศ คุณครูประจำชั้นผู้ถูกกล่าวหาได้บอกว่า พ่อแม่ของเด็กต้องการที่จะให้เธอยอมรับโดยการขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด โดยเธอได้บอกว่าเด็กบาดเจ็บจากการเล่นกันเท่านั้น แต่เมื่อสืบไปสืบมาความจริงก็ได้ปรากฏ คุณครูออกมายอมรับว่าเธอทำร้ายเด็กชายจริงๆ เพราะว่าเจ้าหนูไม่ยอมนอนกลางวันจึงต้องทำโทษด้วยวิธีนี้ ทางครอบครัวได้เข้าแจ้งความกับตำรวจทันทีเพื่อให้ทางตำรวจดำเนินการจัดการกับคุณครูท่านนี้โดยด่วน และทางครอบครัวก็ได้นำหนูน้อยคนนี้ไปตรวจร่างกายเพิ่มเติม แต่ก็เป็นกังวลว่าลูกจะได้รับผลกระทบทางจิตใจหรือไม่ เรื่องราวนี้ได้รับความสนใจจากเหล่าผู้ปกครองเด็กในมาเลเซียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นาย Datuk Seri Micheal หัวหน้าแผนกบริการและการร้องเรียน ก็ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยได้ออกมาเตือนให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานอย่างเข้มงวด และอย่าไว้ใจโรงเรียนอนุบาลมากนัก “เราต้องการที่จะนำคดีนี้ไปขยายความเพื่อให้มันกระจ่าง เพราะว่าเรารู้ว่ามันเป็นเพียงแค่หนึ่งในคดีเล็กที่เป็นส่วนหนึ่งของการล่วงละเมิดเด็กที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจจะมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นอีกมากมายเพียงแค่เราไม่รู้เพียงเท่านั้นเอง” Datuk กล่าว ที่มา says
-
ทนายอียิปต์เจ้าของวลี ‘ผู้หญิงที่สวมกางเกงยีนขาด ควรถูกข่มขืน’ โดนจับเข้าคุกแล้ว!!
หากเพื่อนๆ ยังคงจำได้ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ปี 2017 ทนายชาวอียิปต์ Nabih Al-Wahsh ได้ออกมาพูดว่า “ผู้หญิงที่สวมกางเกงยีนขาด ควรถูกข่มขืน” จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ เพราะถือเป็นคำพูดที่ไม่ให้เกียรติเพศหญิงเลย ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้น การเลือกแต่งตัวถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล และถือว่าเป็นรสนิยมส่วนตัวของแต่ละคน แต่ Al-Wahsh กลับชักจูงให้คนคิดว่าการที่ผู้หญิงใส่กางเกงยีนส์ขาดๆ เป็นการให้ท่าผู้ชายซะอย่างนั้น “ผู้หญิงที่สวมกางเกงยีนขาด ควรถูกข่มขืน” เขายังพูดในรายการโทรทัศน์อีกว่าการข่มขืนผู้หญิงเหล่านี้เป็น ‘หน้าที่ที่ควรกระทำ’ สำหรับชายอียิปต์ทุกคน ซึ่งตีความได้ว่าเขาคิดว่าผู้หญิงควรถูกสั่งสอนด้วยการข่มขืน เพียงเพราะว่าพวกเธอใส่เสื้อผ้าที่เขาไม่ถูกใจ จึงเป็นธรรมดาที่กลุ่มผู้สนับสนุนสิทธิสตรีได้ออกมาต่อต้าน และทำให้ทนายปากร้ายคนนี้ได้รับบทเรียนอย่างสาสม โดยตัวแทนผู้ส่งเสริมสิทธิสตรีได้ยื่นฟ้องให้ทนายคนนี้ไปขึ้นศาลเนื่องจากมีความผิดฐานส่งเสริมให้คนทำการล่วงละเมิดเพศหญิง สมาชิกสภาแห่งประเทศอียิปต์ Nada Draz ยังช่วยเสริมอีกว่า Al-Wahsh ควรรับโทษเพราะสนับสนุนให้มีการข่มขืนผู้หญิงอย่างโจ่งแจ้ง แน่นอนว่าคนผิดย่อมต้องได้รับโทษ ในวันที่ 2 ธันวาคม 2017 ศาลจึงตัดสินให้เขามีความผิดฐาน ‘ชักจูงให้ผู้อื่นทำผิดกฎหมาย’ และ ‘เจตนากล่าวคำพูดที่เป็นภัยต่อสาธารณะชน’ และมีโทษจำคุก 3 ปี แต่ว่าตัวทนายเองไม่ได้มารับฟังคำตัดสินของศาลด้วยตนเอง จึงทำให้เขายังสามารถร้องขออุทรณ์ได้ วิดีโอที่เขากล่าวคุกคามทางเพศในรายการ ที่มา: Dailymail, The…
-
จากกรณี “แอร์จีนกินอาหารเหลือ” กลายเป็นดราม่ายกใหญ่ว่าไม่ปฏิบัติตามกฎมาตรฐาน
กฎระเบียบเป็นข้อควรปฏิบัติที่ถูกกำหนดไว้ในสังคมแต่ละแห่ง แตกต่างกันออกไป ข้อบังคับเหล่านี้มีไว้ให้ทุกคนปฏิบัติตาม เพื่อทำให้เกิดมาตรฐานที่ทัดเทียมกันทุกคน แต่ในความเป็นจริงนั้น ทุกคนไม่ได้ปฏิบัติตามกฎกันอย่างเคร่งครัด อาจมีบ้างที่ละเลยกฎเหล่านี้ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย คงไม่เป็นอะไร หากแต่กฎนั้นเป็นสิ่งที่เด็ดขาด หากกระทำผิดกฎแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ตาม อย่างไรก็ต้องถูกลงโทษเสมอ แอร์โฮสเตสจีนคนหนึ่งที่ทำงานกับสายการบิน Urumqi Air หลังจากที่เธอเก็บจานอาหารจากผู้โดยสารมาแล้ว ไม่ทราบว่าเธอรู้สึกเสียดายหรือว่าหิวมากกันแน่ เธอจึงตักอาหารที่เหลืออยู่กิน โดยมีเพื่อนคนหนึ่งถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ได้ ภาพเธอขณะกินอาหารเหลือของผู้โดยสาร ดูๆ แล้วเหมือนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เมื่อคลิปนี้ถูกโพสต์บน Weibo ซึ่งเปรียบเสมือนทวิตเตอร์บ้านเรา เธอจึงโดนสั่งพักงานเนื่องจากละเมิดกฎของทางสายการบิน เรื่องนี้เป็นที่ฮือฮาในหมู่ชาวเน็ตจีนพอสมควรเนื่องจากพวกเขาคิดว่าเธอไม่ควรโดนโทษหนักขนาดนั้น และแม้ว่าเธอจะทำผิดกฎจริงๆ แต่ไม่มีชาวเน็ตคนไหนกล่าวว่าหรือซ้ำเติมแอร์โฮสเตสคนนี้เลย ชาวเน็ตกลับโจมตีคนที่นำคลิปวิดีโอนี้มาโพสต์เสียมากกว่า เพราะว่าทำให้เรื่องเล็กๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับแอร์โฮสเตสสาว วิดีโอตอนเธอกินอาหารเหลือจากผู้โดยสาร ที่มา: shanghaiist
-
ครอบครัวถึงกับช็อกเมื่อเห็น ‘สิงโตภูเขา’ มานอนสบายใจเฉิบอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน
ถ้ามีหมาหรือแมวมานอนอยู่หน้าบ้านทั้งๆ ที่ไม่ได้เลี้ยง จะไม่แปลกใจหรือเดือดร้อนอะไรเลย ตรงกันข้ามจะเอาข้าว เอาน้ำให้มันกินด้วยซ้ำ แต่นี่ มันคือ ‘สิงโตภูเขา’ ตัวเป็นๆ ที่ยังหายใจอยู่ มานอนไม่รู้สีไม่รู้สาอยู่หน้าบ้าน เป็นใครก็ช็อกทั้งนั้น แล้วจะออกบ้านยังไงล่ะที่นี้? เจ้าสิงโตภูเขาตัวนี้แหละ ที่มานอนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งในรัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา คาดว่ามันน่าจะอายุประมาณ 2 ขวบ ก่อนหน้านี้มันคงจะออกไปวิ่งเล่นที่ไหนสักที่ พอเหนื่อยก็หาที่พักเพื่อจะงีบให้หายเหนื่อย แล้วไม่รู้อะไรดลใจให้มันเลือกไปนอนอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านของครอบครัวหนึ่ง เพื่อนบ้านเล่าว่าเมื่อเห็นสิงโตมานอนอยู่หน้าบ้านหลังดังกล่าว พวกเขาก็รีบโทรหาผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อให้มาจัดการก่อนที่มันจะตื่น แต่ปรากฏว่าเจ้าสิงโตดูเหมือนจะรู้ตัว มันเลยเผ่นหนีออกไปก่อน นั่นยิ่งทำให้ผู้คนมีความเสี่ยงตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น แต่โชคดีที่ผู้เชี่ยวชาญตามหาจนเจอภายในหนึ่งชั่วโมงและจับตัวมันไว้ได้ นอนเฉยๆ คนก็ตื่นกลัวแล้ว ทำได้ไง? วันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่ก็พามันไปปล่อยบนภูเขาซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่ของมัน และก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะไม่กลับไปทำให้ผู้คนตื่นตระหนกอีก ขวัญเอ๊ยขวัญมา… ดีนะไม่มีใครได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่มา iizcat
-
ลูกชายเซอร์ไพรส์คุณพ่อหลังสอบวิชาคณิตฯ ผ่าน ทำเอาพ่อดีใจสุดๆ จนต้องร้องไห้ออกมา
เวลาที่เราได้รางวัล ชนะการแข่งขัน ประสบความสำเร็จหรือทำเกรดได้ดี แน่นอนว่ามันทำให้เราดีใจสุดๆ แต่คนที่ดีใจและภูมิใจไม่น้อยกว่าเราคือพ่อกับแม่นั่นเอง อย่างคุณพ่อท่านนี้ที่ถึงกับกลั้นน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มไว้ไม่อยู่ เมื่อถูกลูกชายเซอร์ไพรส์ด้วยผลสอบคณิตศาสตร์ของเขา… Aria คือเด็กชายที่สอบคณิตศาสตร์ผ่าน และอยากบอกให้พ่อรู้ว่าเขาทำสำเร็จแล้ว เขาจึงตัดสินใจตั้งกล้องเอาไว้เพื่อดูปฏิกิริยาของพ่อต้องรู้ข่าวดี จากคลิปจะเห็นว่าหลังจากที่ตั้งกล้องเสร็จ เด็กชายได้เรียกพ่อเข้าไปที่ห้องครัว ส่วนพ่อเมื่อได้ยินเสียงลูกเรียกเลยถามไปว่า “มีอะไรเกิดขึ้นเหรอลูก?” Aria จึงตอบไปว่า “ใช่แล้วพ่อ มีบางอย่างเกิดขึ้น และมันสำคัญมากๆ” ขณะที่พ่อมองเขาด้วยความงงงวย เด็กชายจึงพูดกับเขาว่า “มาเถอะพ่อ มาคุยกับผมหน่อย แค่เข้ามาแล้วอ่านบางอย่างเท่านั้นเอง” ว่าแล้วเด็กชายก็ยื่นกระดาษเล็กๆ ใบหนึ่งให้พ่อ เมื่อคุณพ่อคลี่กระดาษใบหน้า เขาก็เงยหน้ามาถามลูกชายเพื่อความแน่ใจว่า ‘นี่เป็นผลสอบของลูกจริงๆ เหรอ?’ เด็กชายตอบว่า ‘ใช่’ เท่านั้นแหละ คุณพ่อถึงกับตะโกน ‘โอ้มายก๊อด’ ดังลั่นบ้านพร้อมร้องไห้ด้วยความดีใจสุดขีด แล้วพ่อลูกก็โผเข้ากอดกัน กลายเป็นโมเมนต์ที่น่าประทับใจสุดๆ เด็กชายบอกว่า “คนส่วนใหญ่คาดหวังที่จะได้ A แต่สำหรับผมการทำให้ได้เกรด C นั้นก็จัดว่าเป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว นั่นทำให้ทั้งผม…
-
คุณพ่อยอมใช้ชีวิตเหมือน ‘คนไร้บ้าน’ เพื่อช่วยเหลือลูกสาวที่ติดยาให้เริ่มต้นชีวิตใหม่
ในโลกนี้คงไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ทนเห็นลูกเจ็บปวดได้โดยไม่รู้สึกอะไร และอะไรก็ตามที่พอจะบรรเทาความทุกข์ให้ลูกได้ พวกเขาก็พร้อมที่จะทำทั้งนั้น เพราะรักของพ่อแม่นั้นเป็นรักที่ไม่มีเงื่อนไข เหมือนอย่างคุณพ่อ Paul DiGiacomo ที่ยอมทำทุกทาง เพื่อช่วยลูกสาว Meghan ให้เลิกยาเสพติดและเริ่มต้นชีวิตใหม่ Meghan ติดยาเสพติดอย่างหนักและอาศัยอยู่ถามถนนในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ในสหรัฐอเมริกา ที่พักของเธออยู่ใกล้กับคลินิกเมทาโด(บำบัดป่วยติดยาเสพติด) จริงๆ แล้ว หากหญิงสาวเดินเข้าไปขอความช่วยเหลือในคลินิกดังกล่าว เธอสามารถเอาชนะยาเสพติดได้ แต่ทว่าเธอขาดแรงจูงใจที่จะทำแบบนั้น แฟนหนุ่มของ Meghan เสียชีวิตเมื่อปีแล้ว เนื่องจากใช้ยาเกินขนาด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้กระทบกระเทือนใจมากพอให้หญิงสาวเลิกยา จนวันหนึ่ง พ่อของหญิงสาวตัดสินใจที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เขาไม่ได้บังคับเธอ ไม่ได้มาตรการรุนแรงใดๆ กับเธอ แต่เขานำเต็นท์มาตั้งอยู่ข้างๆ เธอเท่านั้น Paul บอกว่าเขานำเต็นท์มาตั้งใกล้กับเต็นท์ของลูกสาว เพื่อที่จะใช้ชีวิตข้างถนนกับเธอ คอยปกป้อง ให้การสนับสนุน และคอยดูแลเธอ ก่อนหน้านี้ Paul อาศัยอยู่ในบ้านกับภรรยา Julie Chandler โดยที่ไม่รู้ว่าลูกสาวไปอยู่ที่ไหน ยังมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตไปแล้ว กระทั่งคืนหนึ่ง ขณะที่พ่อแม่กับดูรายการ Anderson Cooper 360 ที่กำลังรายงานเกี่ยวกับโรคระบาด และตอนนี้นักข่าวได้สัมภาษณ์กลุ่มคนจรจัด หนึ่งในนั้นคือ Meghan ลูกสาวอันเป็นที่รักของพวกเขา …
-
เรื่องเล่าแปลกๆ ของ ‘สัตว์ในตำนาน’ จากความเชื่อปรัมปราทั่วโลก หลอนจนฉี่แทบเล็ด!!
ในโลกนี้เต็มไปด้วยเรื่องแปลกๆ โดยเฉพาะเรื่องราวอันลี้ลับที่ถูกกล่าวขานผ่านตัวละครที่เป็นสัตว์ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่บางเรื่องกลายเป็นตำนานที่มีการพูดถึงจนทุกวันนี้ และนี่คือเรื่องเล่าแปลกๆ เกี่ยวกับสัตว์ เป็นความเชื่อของผู้คนจากทั่วโลก ที่ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งมันก็ยังทำให้เราขนลุกได้เสมอ 1. Kelpie Kelpie เป็นสัตว์ในตำนานของชาวสก็อต มันมีรูปลักษณ์คล้ายกับม้าแต่อยู่ในน้ำ มันจะล่อคนลงไปในน้ำด้วยการส่งเสียงเหมือนชายหนุ่มหรือเด็กชายที่กำลังจะจมน้ำ เมื่อเหยื่อเข้ามาใกล้พอสมควร Kelpie ก็จะคว้าตัวเหยื่อแล้วลากลงไปในน้ำลึก นั่นทำให้หลายคนกลายเป็นศพใต้น้ำไปตลอดกาล 2. Redcap Redcap มาจากตำนานของชาวสกอตเช่นกัน เล่ากันว่ามันเป็นผีที่สวมหมวกสีแดง ซ่อนตัวอยู่ในกำแพงของปราสาทโบราณ และมันจะฆ่าทุกคนที่เจอ 3. Blackannis นี่คือจอมวายร้ายที่เป็นตำนานของอังกฤษ ว่ากันว่าเธอหรือมันเป็นแม่มดที่มีผิวสีน้ำเงินซีด อาหารที่เธอโปรดปรานที่สุดคือมนุษย์ โดยเฉพาะมนุษย์เด็ก นอกจากนี้เล็บของมันเหมือนเหล็กมากกว่าเล็บคนทั่วไปซะอีก 4. Cerberus Cerberus มาจากตำนานเทพเจ้ากรีกโบราณ เป็นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่มีสามหัว เล่ากันว่ามันทำหน้าที่เฝ้าประตูนรกเพื่อไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้าไป และป้องกันไม่ให้ผู้ที่อยู่ข้างในออกมา 5. Lou Carcolh ชาวฝรั่งเศสเชื่อว่าสัตว์ประหลาดนี้จะล่อให้ผู้คนเข้าไปในถ้ำมืดและลึก ว่ากันว่ามันเป็นหอยยักษ์ใต้ดินที่กลืนกินคนทั้งตัว 6. Wendigo นี่คือสัตว์ร้ายจากตำนานของชาวอเมริกันพื้นเมืองบางกลุ่ม เล่ากันว่าจริงๆ แล้วมันเคยเป็นมนุษย์มาก่อน แต่ความหิวกระตุ้นให้มันบ้าคลั่งจนถึงกับจับมนุษย์มากิน 7. Yee Naaldooshiit Yee…
-
ศิลปินชาวโปแลนด์เปลี่ยน ‘เศษเหล็ก’ ให้กลายมาเป็นหุ่นยนต์ต่างๆ ได้อย่างเหลือเชื่อ
เมื่อสร้างงานเหล็กขึ้นมาชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็มักจะมีเศษเหล็กเหลือทิ้ง หลายคนมักกำจัดสิ่งเหล่านี้ด้วยการนำไปช่างกิโลขาย เพราะไม่รู้ว่าจะเอามันไปทำอะไรดี แต่ศิลปินหัวใสคนหนึ่งนำเศษเหล็กที่เหลือจากการใช้งานของเขามาต่อยอดเป็นหุ่นยนต์ตัวละครต่างๆ ในภาพยนตร์ชื่อดังและชิ้นงานของเขาก็ไม่ใช่ธรรมดาๆ เพราะมันดูละเอียดจนนึกว่าซื้อมาเลยก็ว่าได้ Sebastian Kucharski ศิลปินชาวโปแลนด์ได้สร้างสรรค์ผลงานของเขา จากเศษเหล็กชิ้นเล็กชิ้นน้อยและนำมารวมกันเป็นหุ่นยนต์จากเรื่องต่างๆ ซึ่งก็มีทั้งหุ่นยนต์ Tranformers, Wall-E รวมถึงตัวละครสุดน่ารักอย่าง Minion สำหรับแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาผลิตผลงานเหล่านี้ขึ้นมาก็เพราะว่า Sebastian เป็นผู้ที่ชื่นชอบหนังประเภท Sci-Fi เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาจึงอยากจะผลิตอะไรขึ้นมาให้ตรงกับความชอบของเขา หุ่นยนต์ที่เขาผลิตขึ้นมาส่วนใหญ่จึงเป็น ตัวละครที่อยู่ในโลกภาพยนตร์ด้วยกันทั้งสิ้น และหากอยากรู้ว่าเขาจะนำเศษเหล็กไปสร้างสรรค์ได้ถึงเพียงใด ตามไปดูกันดีกว่า Wall-E หุ่นยนต์กำจัดขยะสุดน่ารัก Bubble B หุ่นยนต์ที่เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคนจากเรื่อง Tranformers งานละเอียดจนนึกว่าเขาซื้อโมเดลมาซะอีก ผลิตมาจากเศษเหล็กทั้งหมดเลยนะเนี่ย ดูจากท่าทางแล้วต้องเป็นตัวโกงแน่ๆ ดูแววตาเศร้าสร้อยของมันสิ ช่างน่าสงสารจริงๆ กองทัพสุดน่ารัก กำลังจะยึดครองโลกแล้ว Predator ก็พร้อมออกล่าเช่นกัน เอาไปถ่ายหนังได้สบายๆ เลยล่ะ เอาไปถ่ายคู่กับตึกสวยๆ ก็ดูดีไปอีกแบบ หน้าตาของเจ้าของผลงานเหล่านี้ …
-
คุณพ่อชาวจีนสั่งสอนลูกชาย ด้วยการคุกเข่าแล้วใช้ไม้เรียวเฆี่ยนตีไปที่หลังของตัวเอง
พ่อแม่แต่ละคนจะมีการสั่งสอนลูกๆ ที่แตกต่างกันไป ในหลายครอบครัวก็จะมีการลงโทษเข้ามาเพื่อไม่ให้เด็กทำเรื่องแย่ๆ อีก อย่างคุณพ่อชาวจีนคนนี้ที่สั่งสอนลูกด้วยการเฆี่ยนตีตัวเขาเอง การสั่งสอนในลักษณะดังกล่าวถูกโพสต์ลงในเว็บไซต์ Weibo เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2017 ขณะที่คุณพ่อชาวจีนท่านหนึ่งกำลังสั่งสอนลูกชายของตัวเอง และลูกสาวของเขาอีกคนก็ได้ถ่ายสิ่งที่เกิดขึ้นเอาไว้ เหตุการณ์นี้เริ่มต้นมาจากการที่ลูกชายนำมือถือไปเล่นเกมที่โรงเรียน โดยอ้างกับพ่อว่าคุณครูเป็นคนบอกให้นำมือถือติดตัวไปด้วย พ่อจึงถามเด็กหนุ่มว่า “พ่อไม่เคยสั่งสอนแกหรือไง?” เมื่อเด็กตอบว่าเคย เขาก็ถามอีกว่า “แกถูกสั่งสอน แต่ไม่เคยเรียนรู้สินะ?” เด็กหนุ่มจึงตอบพ่อด้วยสำนวนอันเก่าแก่จากบทความ Sanzijing ว่า “การสอนโดยปราศจากความเข้มงวด คือสิ่งที่เกิดจากความขี้เกียจของผู้เป็นครู” เมื่อเจอประโยคนั้นเข้าไป คนเป็นพ่อก็ยื่นไม้เรียวให้เด็กหนุ่ม พร้อมกับถอดเสื้อนอกลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น แล้วพูดว่า “ครั้งนี้ความผิดของแกเกิดขึ้นเพราะพ่อเอง พ่อไม่ได้สอนแกดีพอ จึงขอยอมรับความผิดทั้งหมดด้วยตัวเอง” เขาสั่งให้ลูกชายลงโทษเขาด้วยการใช้ไม้เรียวเฆี่ยนมาทีหลังของเขา เด็กหนุ่มปฏิเสธที่จะทำสิ่งนั้น แต่คนเป็นพ่อยังคงตะโกนเร่งให้ลูกชายตีเขาซะ จนเด็กหนุ่มถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา . เมื่อลูกชายไม่ยอมตีเขาสักที คุณพ่อจึงตัดสินใจแย่งไม้เรียวมาเฆี่ยนไปที่หลังของตัวเอง พร้อมกับตะโกนออกมาว่า “ความผิดของพ่อเอง พ่อไม่ได้สอนลูก ความผิดพ่อเอง ความผิดพ่อเอง..” ยิ่งเห็นพ่อทำอย่างนั้นลูกชายก็ยิ่งร้องไห้มากกว่าเดิม ขณะที่ลูกสาวพยายามบอกให้คุณพ่อหยุดตีหลังของตัวเอง จนคุณพ่อหยุดตีและหันไปพูดกับลูกชายว่า “พ่อสอนแกไม่ดีเอง…
-
เจ้าหนูน้อยที่เกิดมาแล้วผมด๊กดก จนได้รับฉายาว่าเป็น ‘วูฟเวอรีนน้อย’ ซะเลย!!
เด็กๆ เมื่อเกิดมาก็ต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งกว่าที่ผมจะขึ้นสักเส้น บางคนถึงขั้นต้องนำอะไรมาทาหัวเพื่อจะให้ลูกๆ ของพวกเขามีผมดกดำ แต่ว่ามีเด็กอยู่คนหนึ่งที่เกิดมาก็มีผมออกมาเลย และผมที่ว่านี่ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพราะมันดกดำเหมือนเด็กโตเลยก็ว่าได้ ในช่วงก่อนที่ Rachel Carter จะคลอดเด็กคนหนึ่งออกมา Gareth Carter สามีของเธอก็ได้พาเธอไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในย่านเมอร์ซีย์ไซด์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นสถานที่ที่สองคนนี้อาศัยอยู่ หนูน้อยตอนนี้มีวัยเพียง 5 เดือนแต่ลองดูผมของเขาสิ โดยเมื่อนำไปตรวจผ่านเครื่องเอกซเรย์ ทางทีมแพทย์ก็สันนิษฐานเอาไว้ว่าเด็กคนนี้อาจจะเป็นผู้หญิง เพราะว่ามีผมที่ดูสลวยสวยเก๋ แต่ก็ยังไม่ได้ด่วนสรุปในตอนนี้ เมื่อเธอคลอดลูกออกมาก็ทำให้หลายคนต้องช็อกเพราะว่า ลูกของเธอกลับเป็นเด็กผู้ชายที่มีผมดกดำยิ่งกว่าใช้ยาปลูกผมซะอีก และหนูน้อยคนดังกล่าวก็ได้มีชื่อว่า Bobby ถึงขั้นต้องใช้ไดร์เป่าผมเลยทีเดียว หลังจากลูกของ Rachel คลอดออกมาแล้ว เธอก็บอกว่า Bobby มักจะถูกเปรียบเทียบว่าเหมือนกับตัวละครมนุษย์พังพอน (ไม่ใช่มนุษย์หมาป่านะ) Wolverine ในเรื่อง X-Men นอกจากนี่ยังคนแปลกหน้าบางคน ยังนึกว่าเขาเป็นเด็กผู้หญิงด้วยในบางที และเธอยังบอกอีกว่า ลูกชายคนโตของเธอ Frankie ก็มีผมดกเหมือนกันแต่ก็ยังไม่เท่ากับ Bobby น้องใหม่ล่าสุดในครอบครัว “ในตอนที่เราตรวจหาเพศจากเครื่องสแกน พยาบาลยืนยันว่าฉันจะได้เด็กผู้หญิงชัวร์ๆ เพราะเห็นว่าเด็กในท้องมีเส้นผมเยอะเหลือเกิน และผลที่ออกมาก็เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นเช่นกัน” “ตอนที่เขาเกิดมา เขาเหมือนกับคนดังเลยก็ว่าได้ หมอเรียกทุกคนให้มาดู และทุกๆ คนที่เห็นก็อยากจะอุ้มเขาทั้งนั้น” Rachel…
-
นิตยสาร TIME เผยโฉมหน้าปกฉบับประจำปี ที่มีนางแบบคนหนึ่งถูกตัดออกไปเหลือแต่แขน!?
การจะมีภาพแปะอยู่บนปกนิตยสาร TIME นั้น ไม่ใช่จะเป็นใครก็ได้ แต่ต้องเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลทางสังคมมากในระดับหนึ่ง และล่าสุดนิตยสาร TIME ได้ให้เกียรติกับสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษที่เคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศและการทำร้ายร่างกายภายใต้ชื่อ #MeToo ให้เป็นบุคคลแห่งปี 2017 โดย TIME ได้นำภาพผู้หญิงที่มีการเคลื่อนไหวอย่างโดดเด่นมาขึ้นปกนิตยสาร ซึ่งประกอบด้วย : Ashley Judd, Taylor Swift, Susan Fowler, Adama Iwu และ Isabel Pascual ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลที่นำการเปลี่ยนแปลงในด้านการปกป้องตัวเอง อย่างไรก็ตาม หากสังเกตดูดีๆ บนภาพปกดังกล่าวจะเห็นแขนใครคนหนึ่งโผล่มาด้วย ทำให้หลายคนสงสัยว่าเกิดจากความผิดพลาดหรือเปล่า แต่ทางนิตยสารยืนยันแล้วนั่นไม่ใช่ความผิดพลาด ในการให้สัมภาษณ์ Edward Felsenthal หัวหน้าบรรณาธิการของ TIME บอกว่า “หญิงสาวที่โผล่มาแค่แขนแต่ไม่เห็นหน้า เธอคือสัญลักษณ์ของทุกคนที่ยังไม่เปิดเผยตัวเองหรือไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใดๆ เพราะกลัวผลกระทบที่จะตามมา” Felsenthal บอกอีกว่า “นี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนเหล่านี้ที่จะเข้าใจว่าพวกเขาไม่ได้อยู่คนเดียว มันคือการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา” “การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มาจากความกล้าหาญของผู้หญิงหลายร้อยคนและผู้ชายบางคนที่ออกมาเคลื่อนไหว โดยการบอกเล่าเรื่องราวของตนเอง” ในนิตยสาร TIME เขียนไว้ว่าหลายคนที่ตกเป็นเหยื่อเลือกที่จะเก็บคนเดียวอย่างเงียบๆ บางคนอาจเก็บไว้นานเป็นเดือนๆ ปีๆ แต่ในที่สุดความโกรธแค้นที่สะสมมาเรื่อยๆ จะเป็นตัวกระตุ้นให้พวกเขาเปิดเผยมันออกมา…
-
นักสู้ UFC เติมเต็มความฝันให้กับแฟนคลับผู้ป่วย ‘ดาวน์ซินโดรม’ ให้ได้มาขึ้นสังเวียนด้วยกัน
หนึ่งในการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมที่หลายๆ คนรู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นก็คือ UFC กับการต่อสู้กันบนสนามแปดเหลี่ยมที่ล้อมรอบไปด้วยกรงเหล็ก ด้วยความมันส์ ดุเดือดและร้อนแรงของการแข่งขันชนิดนี้ ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับชายคนหนึ่งลุกขึ้นมาสานฝันของตัวเองในการเป็นหนึ่งในนักสู้ เขาคนนี้มีชื่อว่า Isaac Marquez หรือรู้จักกันในฉายา The Shemanator วัย 32 ปี ผู้คลั่งไคล้ในการแข่งขัน UFC อย่างมาก แต่ด้วยความที่เขาป่วยเป็น โรคดาวน์ซินโดรม จึงทำให้โอกาสที่จะได้เป็นนักสู้บนสังเวียนนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย Isaac ผู้ป่วยเป็นดาวน์ซินโดรมและคลั่งไคล้การแข่งขัน UFC อย่างมาก ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ยอมแพ้กับความฝันของตัวเอง เขาเข้ารับการฝึกสอนศิลปะการต่อสู้แบบผสม Jackson Wink ในเมืองแอลบูเคอร์คี รัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา และนั่นทำให้เขาเจอกับนักสู้แห่ง UFC ที่ชื่อว่า Diego Sanchez วัย 35 ปี ทั้งสองใช้เวลาฝึกฝนไปด้วยกัน จนเป็นเพื่อนรักกันในที่สุด Diego ถามเพื่อนคนนี้ว่า “นายชอบศิลปะการต่อสู้แบบผสมหรือเปล่า?” Isaac ตอบกลับในทันทีเลยว่า “ฉันชอบการต่อสู้” นักสู้หนุ่มจึงถามต่อว่า “แล้วนายมาที่นี่เพื่อดูการต่อสู้หรือเพื่อฝึกฝน?” และเขาก็ได้คำตอบกลับมาว่า “ฉันมาเพื่อฝึกฝน” เมื่อนักสู้ได้ยินแบบนั้นจึงเกิดไอเดียที่จะให้…
-
หญิงสาวเผยเคยมีเซ็กส์กับผีถึง 20 ตัว และตอนนี้ก็ติดใจจนเลิกมองผู้ชายปกติไปแล้ว
ความสุขในเรื่อง ‘เซ็กส์’ สำหรับคนเราก็มีรสนิยม ความชอบที่แตกต่างกันออกไป แต่ว่าได้มีบุคคลหนึ่งในประเทศอังกฤษที่แปลกซะจนต้องถึงกับเอามาลงข่าว เพราะว่าเธอบอกว่าเธอเคยมีเซ็กส์กับผี และที่สำคัญคือมันทำให้เธอมีความสุขมากจนล้นเอ่อเลยทีเดียว Amethyst Realm ผู้ให้คำแนะนำด้านจิตวิญญาณ จากเมืองบริสตอลประเทศอังกฤษ อ้างว่าเธอเคยมีเซ็กส์กับผีต่างๆ ถึง 20 ตัว อีกทั้งเธอยังบอกอีกด้วยว่า การมีเซ็กส์กับผีทำให้เธอถึงจุดสุดยอดแทบจะทุกครั้งเลยทีเดียว หน้าตาของหญิงสาวที่บอกว่าเธอมีเซ็กส์กับผี ในตอนนี้เธอบอกว่า เธอเลิกสนใจผู้ชายคนใดๆ ในโลกแล้ว อีกทั้งยังหวังอีกว่าจะลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวกับผีสักตัวหนึ่งในโลกของวิญญาณ เธอได้เปิดเผยเรื่องราวนี้ผ่านรายการ This Morning ทางช่อง ITV Realm ว่าเธอสามารถสัมผัสได้ถึงการมีผีอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ที่เธอย้ายเข้าพร้อมกับคู่หมั้นของเธอเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ด้วยความคาใจเธอจึงได้ลองทดสอบว่ามีผีอยู่ในบ้านจริงหรือไม่ ด้วยการสวมชุดสุดเซ็กซี่เพื่อจะยั่วยวนผีขณะที่สามีเธอไม่อยู่ โดยเธอบอกว่าเมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วเธอก็นอนรออยู่ในห้องพร้อมทั้งหรี่ไฟให้สลัวๆ และในที่สุดผีตัวนั้นก็เข้ามาหาเธอ ผู้สัมภาษณ์ยังตะลึงในคำพูดของเธอ “มันเหมือนกับว่ามีน้ำหนักบางอย่างกดตัวฉันอยู่ ฉันสัมผัสได้ถึงบางอย่างอยู่ที่หน้าขาฉัน และในขณะเดียวกันก็มีลมหายใจรดต้นคออยู่ตลอดเวลาและเหมือนมันกำลังเล้าโลมฉันอยู่” Realm กล่าว ด้วยความสงสัย Holly Willoughby ได้ถามเธอว่าผีตัวนั้นได้ทำให้มีความสุขจนถึงขั้นถึงจุดสุดยอดเลยหรือไม่ เธอก็บอกว่า “สำหรับฉัน ใช่ค่ะ” ยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุขทุกคืน หลังจากที่เธอมีเซ็กส์กับผีตัว เธอก็เลิกสนใจผู้ชายที่อยู่บนโลกนี้อย่างสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้นเธอได้แยกทางกับคู่หมั้นของเธอหลังจากที่เขาจับได้ว่าเธอมีชู้ “ในวันนั้นเขากลับบ้านมาเร็วกว่าปกติ…
-
เจ้าของสุนัขทำร้ายร่างกายหมาจนตายหลังมัน “วิ่งแข่งแพ้” พร้อมขู่จะกินเนื้อของมันด้วย
สัตว์เลี้ยงมักจะรักและผูกพันกับเจ้าของของมันมาก พวกมันจะซื่อสัตว์และคอยอยู่เคียงข้างเราเสมอ การอยู่กับสัตย์เลี้ยงจึงทำให้คนเรารู้สึกอบอุ่นใจ แต่ตัวของสัตว์เลี้ยงนั้น ไม่สามารถที่จะเลือกเจ้าของได้ หากว่าพวกมันต้องไปอยู่กับเจ้าของที่ไม่ดีละคงต้องทนทุกข์ไปจนตาย สุนัขตัวหนึ่งก็กำลังประสบชะตากรรมนี้เช่นกัน ตอนนี้เรื่องของมันดังไปทั่วประเทศ เพราะมันต้องรับชะตากรรมอันโหดร้าย เนื่องจากเจ้าของใช้มันเป็นที่ระบายอารมณ์ จนมันถึงตาย ในมณฑลเหอเป่ย์ ประเทศจีนมักจะมีการจัดแข่งขันสุนัข เพื่อพนันเงินกันเป็นประจำ และเงินรางวัลที่ได้จากการพนันแข่งสุนัขนี้ก็สูงพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งก็แปลว่าผู้แพ้พนันนั้นจะต้องเสียเงินหนักเช่นกัน เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม 2017 ก็ได้มีคลิปวิดีโอคลิปหนึ่ง ซึ่งบันทึกการระบายอารมณ์ของชายที่แพ้พนันแข่งสุนัขของตนเอง โดยเขาโมโหมากที่สุนัขของตนเองทำให้ต้องเสียเงิน จึงจับมันอุ้มขึ้นมาก่อนจะเหวี่ยงมันสูงเหนือหัว และฟาดมันลงกับพื้นอย่างไร้ความปรานี ไม่เพียงเท่านั้น เขายังจับมันขึ้นมาแล้วฟาดมันซ้ำลงไปอีก เป็นจำนวนทั้งสิ้น 3 ครั้ง เจ้าสุนัขที่ไม่มีความผิดอะไรเลยตัวนี้ จึงนอนแน่นิ่งและตายในทันที ชาวเน็ตที่ได้ชมคลิปนี้ผ่านทาง Weibo ต่างก็สงสารและก็เห็นใจหมาตัวนี้ ที่ต้องมารับเคราะห์กรรมโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร และแน่นอนว่า พวกเขาได้ร่วมกันวิจารณ์เจ้าของสุนัขผู้โหดเหี้ยมคนนี้ ชาวเน็ตคนหนึ่งคอมเมนต์ว่า “คนที่ทำแบบนี้ได้ มันไม่ใช่มนุษย์” และก็มีอีกหลายคอมเมนต์ที่มีใจความเดียวกันว่าชายคนนี้ควรถูกฟาดตาย เช่นเดียวกับที่เขาทำต่อสุนัข อย่างไรก็ตาม ชายคนนี้คงไม่ได้รับโทษใดๆ จากการฆ่าสุนัขอย่างเลือดเย็น เนื่องจากในประเทศจีนนั้นไม่มีกฎหมายสำหรับคุ้มครองสัตว์เลี้ยง ดังนั้นถึงจะสืบจนหาตัวเจอ ก็เอาผิดอะไรกับเขาไม่ได้เลย นอกจากเรื่องของชายคนนี้แล้ว ในประเทศจีนยังมีข่าวการทารุณสัตว์อื่นๆ…
-
Ed Sheeran เข้ารับเครื่องราชฯ จากราชวงศ์อังกฤษ และพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์
ถ้าหากพูดถึงนักร้องชาวอังกฤษชื่อดังที่เป็นขวัญใจสาวๆ หลายๆ คนที่มาพร้อมกับบทเพลงรูปร่างของคุณ (Shape of You) คงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จักกับ Ed Sheeran อย่างแน่นอน นอกจากความสามารถในการร้องเพลงแล้ว ล่าสุดหนุ่ม Ed ของเรายังเพิ่งเข้ารับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันวิเศษยิ่งแห่งสหราชอาณาจักรในชั้น MBE จากเจ้าชายชาร์ลส์ ณ พระราชวังบัคกิ้งแฮม อีกด้วย โดยนักร้องหนุ่มของเรานั้นถือว่าเป็นผู้สร้างคุณงามความดีทางด้านศิลปะและงานการกุศล จึงทำให้เขาได้รับเครื่องราชดังกล่าวไปครอง นอกจากจะเข้ารับรางวัลเหรียญตราอันทรงเกียรติแล้ว นักร้องหนุ่มของเรายังได้ร่วมสนทนาอย่างเป็นกันเองกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์อีกด้วย “พระองค์ถามผมเกี่ยวกับเรื่องของเพลงในอัลบัม และผมก็ตอบท่านว่าวันพรุ่งนี้ผมกำลังจะมีงานคอนเสิร์ตที่นิวยอร์ก ท่านรู้สึกทึ่งมากเมื่อรู้ว่าผมจะบินทันทีหลังจากจบงานมอบเครื่องราชฯ” นักร้องหนุ่มกล่าว นอกจากนี้ Ed เองก็ยังได้พูดเกี่ยวกับเรื่องของคุณปู่เขาอีกด้วย โดยเขาบอกว่าคุณปู่ของเขานั้นเป็นรอยัลลิสต์ และท่านคงจะดีใจแน่ๆ ที่ได้เห็นหลานชายของตัวเองได้รับเหรียญตราอันทรงเกียรตินี้ “คุณปู่คงจะดีใจมากๆ เมื่อ 4 ปีที่แล้วท่านจากผมไปในวันเดียวกับที่ผมได้รับเครื่องราชฯ นี้ ผมคิดว่าเขาคงจะภูมิใจในตัวผมมากๆ” นักร้องหนุ่มกล่าว และเมื่อถูกถามถึงเคล็ดลับการประสบความสำเร็จทางด้านดนตรีของเขา นักร้องหนุ่มก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมคิดว่ามันเกี่ยวกับเรื่องของความพยายาม ตัวผมเองไม่ได้มีพรสวรรค์อะไรมากมายกว่าคนอื่นเลย ผมคิดว่าเรื่องพรสวรรค์มีผลแค่ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ที่เหลือคือเรื่องของความพยายาม มุ่งมั่น และเชื่อมันในตัวเอง” ที่มา bbc
-
Julia Mullock อดีตพระชายาแห่งเกาหลี เสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ชีวิตที่ไม่ได้สวยงามดั่งเจ้าหญิง
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2017 มีรายงานว่าอดีตเจ้าหญิง Julia Mullock ผู้เคยเป็นภรรยาของเจ้าชาย Yi Gu แห่งประเทศเกาหลี ได้เสียชีวิตลงอย่างเดียวดาย ด้วยอายุ 94 ปี ที่รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา Julia Mullock เกิดในรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอทำงานอยู่ในบริษัท IM Pei และได้พบกับเจ้าชาย Yi Gu ทายาทคนสุดท้ายของราชวงศ์ Yi ที่เพิ่งเรียนจบด้านสถาปัตยกรรมมาหมาดๆ จากนั้นทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกัน หลังจากนั้นเธอก็แต่งงานกับเจ้าชาย เมื่อเธอมีอายุ 35 ปี แต่เนื่องจากเธอเป็นชาวต่างชาติ ทางราชวงศ์ Yi กลับไม่ยอมรับให้เธอเป็นสมาชิกของราชวงศ์อย่างเป็นทางการ และไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนของราชวงศ์ เธอต้องเจอปัญหาใหญ่กว่าเดิม เมื่อทางราชวงศ์ทราบว่าเธอไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ จึงทำให้เธอถูกบังคับให้หย่ากับเจ้าชาย Yi Gu เพื่อที่พวกเขาจะได้หาภรรยาคนใหม่ที่สามารถให้กำเนิดบุตรชายมาสืบสกุลต่อได้ เธอและเจ้าชาย Yi Gu ไม่ได้ยินยอมที่จะหย่ากัน และยังพยายามคัดค้านเรื่องนี้ แต่ในที่สุดแล้วทั้งคู่ก็ต้องหย่าร้างกันในปี 1982 จนได้ …
-
โชคชะตาของคุณตำรวจนำพามาให้พบกับเจ้าเหมียว และลิขิตให้ทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมงานกัน
เวลาที่เราได้เจอกับเพื่อนร่วมงานคนใหม่ คงต้องใช้เวลาสักพักถึงจะปรับตัวให้เขากันได้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำเมือง Tryon รัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา กลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะพวกเขาสามารถปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมงานคนใหม่ได้ง่ายเสียเหลือเกิน วันที่ 5 ธันวาคม 2017 ตอนที่ตำรวจสาว Tara Atkins ตื่นแต่เช้าไปทำงานที่สถานีตำรวจ พอเธอเปิดประตูเข้าไป เธอก็ได้เจอกับเพื่อนร่วมงานใหม่ นั่นคือเจ้าเหมียวน้อยน่ารักอายุเพียง 4 เดือน จากการสอบถามเจ้าหน้าที่คนอื่นจึงทราบได้ว่า เจ้าเหมียวตัวนี้มาป้วนเปี้ยนอยู่แถวลานจอดรถในคืนที่ผ่านมา ตำรวจหนุ่มไปเจอเข้าด้วยความบังเอิญ เลยพามันเข้ามาหลบหนาวด้านในสถานีเสียก่อน หลังจากนั้นเจ้าเหมียวก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกคนในสถานีได้อย่างยอดเยี่ยม แถมยังทำตัวเหมือนกับว่านี่คือบ้านของมัน และคอยเดินไปเดินมาให้เจ้าหน้าที่คอยอุ้ม คอยกอดอยู่เสมอ โดยเฉพาะ Tara ด้วยความที่เจ้าเหมียวไม่มีอะไรที่ยืนยันได้ว่ามันมีเจ้าของ พวกเธอจึงดูแลมันไว้เป็นการชั่วคราว และนั่นก็ทำให้ Zach ผู้จัดการเมือง แนะนำให้เธอนำเจ้าเหมียวมาเป็นเพื่อนร่วมงานซะเลย Tara ได้ถ่ายรูปของมันตอนทำงานโพสต์ลงหน้าเพจเฟซบุ๊กประจำเมือง เพื่อช่วยตามหาเจ้าของมันอีกทางหนึ่ง ภาพการทำงานระหว่างวันของเจ้าเหมียว ที่ถูกโพสต์ลงไปในเฟซบุ๊ก . เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ต่างบอกให้ Tara รับมันไปดูแลซะเลย แต่ที่บ้านของเธอก็มีน้องหมาอยู่สองตัวแล้ว จึงคิดว่าการที่ต้องเลี้ยงดูเจ้าเหมียวอีกตัวคงจะไม่ไหว หน้าที่การดูแลจึงได้ตกไปอยู่ในมือของ David…
-
หมิงนา เวน ผู้ให้เสียง “มู่หลาน” ออกมาตั้งความหวังกับหลิวอี้เฟยว่า ‘อย่าทำพังล่ะ’
หลายๆ คนคงจะพอทราบแล้วว่า Disney จะถ่ายทำแอนิเมชั่นเรื่อง Mulan ใหม่ โดยจะทำเป็นเวอร์ชันภาพยนตร์ที่ใช้คนจีนแสดง ซึ่งคนที่ได้รับบทนางเอกในครั้งนี้ก็คือสาวสวย หลิว อี้เฟย นั่นเอง แน่นอนว่ามีคนให้ความสนใจภาพยนตร์เรื่องนี้มากมาย เพราะ Disney มักจะสร้างผลงานที่น่าตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ อาจพูดได้ว่าค่ายนี้แทบไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลย อีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะ Mulan เป็นแอนิเมชั่นขวัญใจในวัยเด็กของคนจำนวนมากด้วย จึงไม่แปลกหากแฟนคลับจะรอชมเวอร์ชันใหม่ๆ บ้าง หลิว อี้เฟยในบทของมู่หลาน เรื่องใหญ่แบบนี้ย่อมต้องดังไปถึงหูของ Ming Na Wen ผู้ให้เสียงพากย์มู่หลานในเวอร์ชันแอนิเมชั่นอยู่แล้ว เมื่อเธอรู้ว่าจะมีเวอร์ชันคนแสดง เธอก็รู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นมู่หลานกลับมาโลดแล่นบนจอภาพอีกครั้ง ในรายการ Heroes & Villains Fan Fest San Jose 2017 เธอได้ให้สัมภาษณ์ถึงความคิดเห็นที่มีต่อหลิว อี้เฟย ดังนี้ “เธอหน้าตาสวยมากเลย และก็ดูเหมาะกับบทนี้ด้วย ที่สำคัญคือเธอเป็นคนจีนเหมือนมู่หลานเลย” เมื่อพิธีกรอยากให้เธอให้คำแนะนำหลิว อี้เฟย ในฐานะที่ตัวเธอนั้นพากย์ให้กับมู่หลานมาก่อน เธอจึงตอบติดตลกกลับไปว่า “อย่าทำพังล่ะ” นั่นก็เพราะว่าเธอรักมู่หลานมากนั่นเอง เธอยังเสริมต่อว่า “ฉันหวังว่ามู่หลานเวอร์ชันแอนิเมชั่นจะยังติดอยู่ในใจพวกคุณเสมอ เพราะฉันและ Lea Salanga (ผู้พากย์เสียงร้องเพลงมู่หลาน) ตั้งใจสร้างมันขึ้นมาจริงๆ ฉันอยากให้มู่หลานแอนิเมชั่นยังคงเป็นตำนานเหมือนเดิม“ ที่เธอพูดมาไม่ได้ต้องการจะสื่อว่าหลิว อี้เฟยอาจจะทำได้ไม่ดีหรอกนะ เพราะเธอยังไปโพสต์ให้กำลังใจหลิว…
-
36 ภาพอันแสนน่ารัก กับสิ่งของที่พกใส่ไว้ในกระเป๋า ของนักเรียนชั้น ‘เตรียมอนุบาล’
หากอยากรู้ว่าคนแต่ละคนมีนิสัยใจคออย่างไรบ้าง เบื้องต้นเราสามารถสังเกตได้จากสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวของเขา ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย งานอดิเรก ลักษณะการเดินหรือนั่ง หรือแม้แต่วิธีพูดคุย ซึ่งแนวคิดนี้ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับเด็กได้เช่นกัน Melisa Kaseman เป็นช่างถ่ายภาพหญิงคนหนึ่ง ที่ชอบถ่ายรูปสิ่งรอบๆ ตัวไว้เป็นคอลเลคชันของตัวเอง โดยผลงานของเธอส่วนใหญ่จะเป็นรูปถ่ายเรียบๆ ที่สวยงามและแฝงไปด้วยเรื่องราวในตัวของมันเอง ในขณะนี้เธอมีลูกชายวัยกำลังซนหนึ่งคน เขากำลังเข้าเรียนในระดับชั้นเตรียมอนุบาล ซึ่งถือเป็นวัยเปลี่ยนผ่านจากช่วงเด็กทารกเข้าสู่การเป็นเด็กเล็ก Melisa จึงมีความคิดที่จะบันทึกการเจริญเติบโตของลูกชายไว้ โดยเธอทำบันทึกนี้ผ่านสิ่งของที่ติดตัวลูกชายมาในแต่ละวัน เพราะเธอเชื่อว่ามันสามารถบ่งบอกได้ว่าลูกชายมีความสนใจอะไร และจะเติบโตไปเป็นอย่างไร ลองไปชมกันนะครับว่าเด็กคนนี้เขาเก็บอะไรติดตัวมาบ้างในแต่ละวัน . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .…
-
แค่การจ่ายค่ากาแฟให้กับคนที่ไม่รู้จักกัน แต่กลับสามารถช่วยต่อพลังชีวิตให้กับอีกคนได้
บางคนอาจคิดว่าการทำความดีเล็กๆ น้อยๆ คงไม่สามารถช่วยอะไรใครได้มากนัก แต่ความเป็นจริงแล้ว นั่นอาจเป็นแรงใจที่ทำให้คนๆ สามารถใช้ชีวิตต่อไป ด้วยความช่วยเหลือเล็กๆ ที่เขาได้รับจากเรา เช่นเดียวกับเหตุการณ์ต่อไปนี้ ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2017 คนคนหนึ่งตั้งใจให้วันนั้นเป็นวันสุดท้ายของชีวิต และก่อนที่จะฆ่าตัวตายเขาได้ขับรถไปใช้บริการร้านไดรฟ์ทรูชื่อว่า Tim Hortons ที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ เขาได้สั่งซื้อกาแฟและมัฟฟินของทางร้าน จากนั้นพอขับต่อไปยังช่องชำระเงิน พนักงานร้านกลับบอกเขาว่า “ชายนิสัยดีคนหนึ่งจ่ายค่ากาแฟให้คุณทั้งหมดแล้ว และเขาฝากมาบอกว่า ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีของคุณนะ” ในตอนนั้นเขารู้ทันทีเลยว่าชายคนดังกล่าวก็คือคนที่ขับรถ SUV อยู่ด้านหน้าเขานี่เอง เขาเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า “ทำไมชายคนนั้นถึงยอมซื้อกาแฟให้คนแปลกหน้า ทำไมต้องเป็นเรา? แล้วทำไมถึงต้องเป็นวันที่ฉันกำลังจะฆ่าตัวตายด้วย? ฉันรู้สึกนี้คือสัญญาณบางอย่างที่บอกกับฉันในวันนี้อย่างแน่นอน” จากนั้นความคิดก็เปลี่ยนไป เขาขับรถกลับบ้านพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา เปลี่ยนแผนทุกอย่างในวันนั้นและเลือกจะทำสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่น เมื่อถึงบ้านแทนที่จะฆ่าตัวตาย เขากลับเข้าไปช่วยเพื่อนบ้านยกของลงจากรถ และนั่นทำให้เขารับรู้ได้ถึงคุณค่าของชีวิตและก้าวเดินต่อไปได้อย่างมีความสุข ร้านไดรฟ์ทรู Tim Hortons เรื่องราวทั้งหมดนี้ถูกบอกเล่าผ่านจดหมายที่ทางสำนักข่าว Pickering News Advertiser ได้รับมา ก่อนที่พวกเขาจะนำมันออกเผยแพร่ให้กับสาธารณะ จนทำให้ชายหนุ่มผู้ช่วยชีวิตคนคนนั้นเอาไว้ปรากฏตัวขึ้นมา Glen Oliver…
-
ชายหนุ่มถูกตัดสินโทษจำคุก 15 ปี เพราะเอา ‘เบคอน’ ไปวางไว้หน้ามัสยิด
ทุกคนรู้ว่าตามหลักศาสนาอิสลาม ชาวมุสลิมนั้นไม่สามารถบริโภคหมูได้เลย แต่ชายคนนี้กลับทำในสิ่งที่คุกคามผู้นับถือศาสนาดังกล่าว โดยการนำเบคอนไปวางเอาไว้ด้านหน้าทางเข้ามัสยิดที่ตั้งอยู่ในเมือง Titusville รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา เขาคนนี้มีชื่อว่า Michael Wolfe วัย 37 ปี เขาทำสิ่งนั้นลงไปในวันที่ 2 มกราคม 2016 และถูกกล้องวงจรปิดเก็บภาพสิ่งที่ทำเอาไว้ ก่อนที่เขาจะถูกจับกุมตัวเพื่อดำเนินคดีในการก่ออาชญากรรมคุกคามสถานที่เกิดเหตุ และข้อหาการกระทำความผิดที่มีบ่อเกิดมาจากความเกลียดชัง กล้องวงจรปิดถ่ายภาพขณะที่เขากำลังก่อคดีอาชญากรรมเอาไว้ได้ ภาพชัดๆ จากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นชายคนดังกล่าวนำเบคอนไปวางเอาไว้ที่ประตูหน้าของมัสยิด และใช้มีดเล่มใหญ่ทำลายหน้าต่าง หลอดไฟ และกล้องที่ติดตั้งอยู่บริเวณดังกล่าว ล่าสุดในวันที่ 5 ธันวาคม 2017 หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้นกว่า 1 ปี ตัวแทนสำนักงานเขตตุลาการปกครอง Todd Brown ได้ออกมากล่าวว่า ผู้กระทำผิดได้รับการตัดสินโทษจำคุก 15 ปี พร้อมกับคุมความประพฤติหลังจากที่ออกจากคุกมา เพื่อไม่ให้เขาทำแบบนี้อีก สภาความมั่นคงระหว่างอเมริกันกับอิสลามแห่งรัฐฟลอริด้า เห็นด้วยกับสิ่งที่ศาลตัดสินให้จำคุกนาย Michael แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาบอกว่า “ชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในรัฐต้องเจอกับอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังอยู่นับไม่ถ้วน” ปัจจุบันแนวคิดต่อต้านศาสนาอิสลามกำลังแพร่กระจายไปทั่วสหรัฐอเมริกา จนมีเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน และหลายครั้งเลยเถิดจนเป็นกลายเป็นเหตุอาชญากรรม…
-
หมอลูกครึ่งเอเชียถูกลงโทษภาคทัณฑ์ เพราะเปิดเผยเรื่องการโดนเหยียดหยามอย่างรุนแรง
ในประเทศสหรัฐอเมริกา การเหยียดเชื้อชาติยังคงมีให้เห็นอยู่บ้างและในบางครั้งมันก็รุนแรงเสียจนเกิดเป็นการกลั่นแกล้ง จนทำให้ชายหนุ่มที่ตกเป็นเหยื่อคนหนึ่งถึงกับรู้สึกไม่พอใจและยอมให้มีสิ่งนี้ต่อไปไม่ได้ เขาจึงนำเรื่องนี้ออกมาแชร์กับทุกคนและแสดงออกถึงการต่อต้านอย่างเห็นได้ชัด ชายคนนี้ใช้ชื่อว่า Gu เป็นนายแพทย์เชื้อสายเอเชีย-อเมริกัน ที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัย Vanderbilt รัฐเทนเนสซี โดยเขาได้โพสต์ทวิตเตอร์เรื่องราวการถูกเหยียดเชื้อชาติภายในที่ทำงานของตัวเองเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2017 เขาต้องเจอกับการกลั่นแกล้งภายในที่ทำงาน เขาเล่าว่าครั้งหนึ่งเขาถูกหัวหน้าทำร้ายร่างกายด้วยการใช้ศอกกระแทกจนตัวกระเด็น ระหว่างที่กำลังช่วยคนไข้ พยาบาลที่ทำงานด้วยกันก็นำกล่องนมจากถังขยะ มาวางไว้บนโต๊ะของเขา ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ เพราะพวกเขาร่ำเรียนและฝึกฝนมาเพื่อช่วยคน แต่สิ่งเหล่านี้ขัดแย้งกับสิ่งที่พวกเขาปฏิญาณโดยตรง หลังจากที่เขานำเรื่องออกมาเผยแพร่ เขาก็ถูกโรงพยาบาลส่งจดหมายเตือนอย่างรุนแรง รวมทั้งกล่าวหาว่าเขากุเรื่องทั้งหมดขึ้นมาเอง และที่สำคัญ หัวหน้างานที่ทำร้ายร่างกายเขาก็ไม่ได้รับบทลงโทษใดๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เจอกับความไม่เป็นธรรมในลักษณะเดียวกันนี้ ในวันแรกที่เขาเข้ามาทำงานในโรงพยาบาลดังกล่าว ขณะที่กำลังจอดรถเขาก็ได้เจอกับคนที่เหมือนกับต้องการความช่วยเหลือ และเมื่อ Gu หวังดีลงรถไปช่วยกลับถูกเหยียดเชื้อชาติด้วยคำหยาบคาย จากนั้นชายคนดังกล่าวก็ยังตามมากระชากป้ายห้อยคอของเขา ก่อนที่จะค้นดูประวัติส่วนตัวและรายชื่อคนไข้ที่ Gu พกติดตัวมา เมื่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุหลังจากนั้นไม่นาน ชายที่ทำผิดก็เหมือนจะรอดไปได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่เขากลับไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างที่ควรจะได้รับ เขาบอกว่า “ผมรู้สึกเหมือนกับอยู่ในเกาหลีเหนือ พอพูดเรื่องความยุติธรรมก็กลับถูกลงโทษซะอย่างนั้น ผมเรียนจบและอยู่ในอันดับต้นๆ ของมหาวิทยาลัย Stanford และโรงเรียนแพทย์ Duke แต่ผมไม่เคยได้รับการช่วยเหลือใดๆ และต้องเจอกับคนในโรงพยาบาลที่ต้องการทำลายหน้าที่การงานของผม”…
-
ชายชาวซิมบับเวภาคภูมิใจ ในรางวัล ‘ชายผู้ขี้เหร่ที่สุด’ หลังจากที่เขารอคอยมานานกว่า 4 ปี
มนุษย์เราเกิดมาต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา และมนุษย์ทุกคนก็ย่อมมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หลายคนอาจจะไม่ค่อยพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่แต่ก็ควรรู้ไว้ว่า สิ่งที่อยู่กับตัวเอง สิ่งที่เป็นตัวตนของคุณน่ะมันดีที่สุดแล้ว เชื่อว่าทุกคนอยากเกิดมาสวยหล่อกันทั้งนั้น แต่ในเมื่อมันเลือกเกิดไม่ได้ก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ เช่นเดียวกับนาย William Masvinu ผู้ที่ได้รับรางวัล ชายที่ขี้เหร่ที่สุดในซิมบับเว ประจำปี 2017 ไปครอง และเขาก็ภูมิใจมากๆ กับรางวัลนี้เพราะว่าเขาได้รอคอยที่จะได้มันมา 4 ปีแล้ว การประกวดคนขี้เหร่นี้เหมือนอย่างเช่นเดียวกับการประกวดนางงามเป๊ะๆ ผู้เข้าประกวดจะต้องแข่งกันขี้เหร่ให้ชนะใจกรรมการที่คอยตัดสิน และการประกวดชายขี้เหร่นี้ได้จัดมาถึง 4 ปีแล้วและมีเฉพาะที่ซิมบับเวเท่านั้น William ผู้ที่ชนะเลิศในปีนี้บอกว่าเขาเตรียมตัวเป็นอย่างดีเพื่อที่จะเข้าประกวดในครั้งนี้ เพื่อที่จะชิงตำแหน่งชายที่ขี้เหร่ที่สุดแบบที่ไม่มีใครโต้แย้งได้เหมือนดังปีก่อนๆ รางวัลที่ผู้เข้าประกวดจะได้รับรางวัลที่ 1 เป็นเงิน 16,000 บาท และวัว ส่วนรางวัลที่ 2 ตกเป็นของ Fanuel Musekiwa ได้รับเงินรางวัล 6,500 บาท และรางวัลที่ 3 ได้แก่นาย Maison Sere ได้เงินรางวัล 3,200 บาท…
-
ยูทูบเบอร์สาวชาวฮ่องกง รู้สึกเสียใจที่ต้องลงทุนผ่านมีดหมอกว่า 30 ครั้ง เพื่อเอาใจแฟนเก่า
ปัจจุบันการศัลยกรรมเป็นหนึ่งวิธีในการเสริมความงามที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าชายหรือหญิงที่ต้องการจะปรับปรุงรูปร่างใบหน้าให้ดูดียิ่งขึ้นก็ต้องใช้การศัลยกรรมเข้าช่วย อีกทั้งเทคโนโลยีการศัลยกรรมก็พัฒนาขึ้นจนหลายคนรู้สึกวางใจที่จะใช้วิธีการศัลยกรรมในการเพิ่มความสวยความหล่อ หญิงสาวที่ชื่อว่า Berry Ng ยูทูบเบอร์สาวอายุ 22 ปี ชาวฮ่องกง เธอบอกว่าเธอกลายเป็นคนเสพติดการศัลยกรรม โดยการศัลยกรรมครั้งแรกของเธอเริ่มต้นเมื่อเธออายุ 17 ปีหลังจากที่เธอได้รับโปรโมชั่นเสริมความงามในราคานักเรียน มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอศัลยกรรมมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันเธอได้รับการศัลยกรรมไปมากกว่า 30 ครั้งแล้ว สาเหตุที่เธอศัลยกรรมมากขนาดนี้เนื่องจากว่าเธอโดนแฟนเก่าของเธอนั้นวิจารณ์เรื่องหน้าตาอยู่บ่อยครั้งและนำเธอไปเปรียบเทียบกับผู้หญิงคนอื่นอยู่บ่อยๆ โดยเขาชอบพูดว่า เธอหน้าบาน จมูกไม่คม ซึ่งมันทำให้เธอทนไม่ไหวจนต้องไปศัลยกรรมเพื่อให้เขาพอใจ ตลอดเวลาที่คบกัน เธอศัลยกรรมทุกส่วนของใบหน้าไม่ว่าจะเป็น ตา จมูก ปาก หน้าผาก คาง และจุดแตกหักที่ทำให้เธอทนผู้ชายคนนี้ไม่ได้อีกต่อไปเมื่อเขาบอกให้เธอไปเสริมหน้าอก แต่เธอปฏิเสธ และเขาก็ได้ด่าเธอว่าเธอมันโง่ เขาไม่ได้ชอบที่เธอศัลยกรรมจนบ้าขนาดนี้ เขาชอบเบ้าหน้าเดิมมากกว่า การอกหักในครั้งนี้มันทำให้เธอเสียใจมากๆ และได้ออกมาอัดคลิปวิดีโอลงช่องยูทูบของเธอเพื่อเตือนให้หญิงสาวว่าอย่าบ้าศัลยกรรมมากเกินไป การเป็นตัวของตัวเองนั้นดีที่สุด อย่าไปฟังคำใคร . . “ถึงฉันจะหน้าปลอม แต่ฉันก็มีหัวใจที่รักจริง” Berry กล่าว ที่มา shanghaiist
-
คุณลุงเฝ้ารอวันสุดท้ายของชีวิตมา 7 ปี เพิ่งจะได้รู้ความจริงของการวินิจฉัยติดเชื้อ HIV นั้นผิดพลาด
เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องของคุณลุง Zhong Xiaowei อายุ 54 ปี ผู้ที่ต้องทนทุกข์กับการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความกังวลมานานกว่า 7 ปี หลังจากที่เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเขาติดเชื้อ HIV คุณลุงท่านนี้ได้ออกมาเปิดเผยประวัติชีวิตของเขาว่า เขาเกิดในปี 1963 เป็นหนึ่งในบรรดาพี่น้อง 5 คน พ่อของเขาจากไปด้วยโรคมะเร็งปอด เขาต้องใช้ชีวิตอยู่กับแม่และพี่น้อง ฐานะของเขานั้นยากจนมาก ต้องลาออกจากโรงเรียนมาเพื่อทำงานเพื่อที่จะได้มีข้าวกินในแต่ละวัน ช่วงชีวิตวัยรุ่นของเขานั้นก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เขาเริ่มหันเข้าหายาเสพติดเพราะความเบื่อหน่ายในชีวิต เขาเสพเฮโรอีนเรื่อยมาเป็นเวลากว่า 10 ปี และแล้วเขาก็ได้พบกับหญิงสาวผู้ที่จะมาเปลี่ยนชีวิตของเขา เขาจึงเลิกยาเสพติดและหันมาเปิดกิจการร้านอาหาร เมื่อทั้งสองคบหาดูใจกันมาได้ซักระยะหนึ่ง ทั้งคู่ก็ได้วางแผนที่จะแต่งงานกันในฤดูใบไม้ผลิ ปี 2009 เขาจึงได้ไปตรวจร่างกายก่อนที่จะเริ่มชีวิตคู่ โดยเขาได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเฉิงตู ซึ่งผลตรวจก็ได้ออกมาปรากฏว่า เขาติดเชื้อ HIV ซึ่งเขาก็ยอมรับโดยดีและคิดว่ามันน่าจะเป็นผลพวงมาจากการการที่เขาเสพเฮโรอีนในช่วงก่อน ผลตรวจทำให้ครอบครัวและแฟนสาวหยุดการติดต่อกับเขาในทันที เขาไม่คิดที่จะรักษาเจ้าเชื้อ HIV นี้ โดยเขาได้ออกมาใช้ชีวิตคนเดียว เก็บตัวอยู่ในอพาร์ตเมนต์และไม่ยอมกินยาเพื่อต่อต้านเชื้อใดๆ และนับวันรอความตายไปเรื่อยๆ ช่วงที่เขาเก็บตัวอยู่คนเดียว เขาจะได้รับเงินสวัสดิการเล็กน้อย ในการดำรงชีพและต้องรายงานตัวทุกปีเพื่อตรวจจำนวน CD4…
-
ช่างสักบราซิล ใช้หมึกพิเศษซ่อนรอยต่างๆ ตามร่างกายได้อย่างแนบเนียน แม้แต่ใต้ตายังทำได้!!
รอยแตกลายงา หรือร่องรอยต่างๆ ในร่างกายต่างก็ไม่เป็นที่พึงประสงค์สำหรับใครทั้งนั้น หลายบริษัทจึงได้ผลิตเครื่องแต่งหน้า ขึ้นมาเพื่อให้สาวๆ ที่รักสวยรักงามได้มาปกปิดส่วนดังกล่าว ที่นอกจากบางทีจะไม่สวยงามแล้วยังทำให้รู้สึกอายอีกด้วย แต่ว่าในวันนี้ลืมเรื่องเครื่องสำอางไปได้เลย เพราะมีช่างสักลายชาวบราซิลคนหนึ่งสามารถทำให้ร่องรอยต่างๆ ตามร่างกายของเรานั้นหายไปได้ แม้แต่ส่วนที่บอบบางที่สุดนั่นก็คือใต้ดวงตาของเรา!! Rodolpho Torres กับวิธีการสักกลบเกลื่อนร่องรอยของเขา Rodolpho Torres ช่างสักลายจากเมืองเซาเปาโล เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกลบจุดด่างดำต่างๆ ตามร่างกายมนุษย์ โดยเขาใช้น้ำหมึกที่ใกล้เคียงกับสีผิวของแต่ละคนมาซ่อนรอยแผลต่างๆ ที่แม้แต่จุดที่ระคายเคืองง่ายอย่างดวงตายังสามารถทำได้ สำหรับวิธีการกลบเกลื่อนร่องรอยของเขานั้นยังคงเก็บไว้เป็นความลับว่าเขามีขั้นตอนดำเนินการอย่างไรบ้าง แต่สิ่งที่ได้รู้ก็คือเขาจะสร้างสิ่งที่หลอกตาเราขึ้นมา โดยอาจจะเป็นการสักไล่สีผิวเพื่อให้มีความแนบเนียนก็เป็นได้ และที่สำคัญคือน้ำหมึกของเขาได้การรับรองจาก หน่วยงานตรวจตราสุขาภิบาลแห่งชาติประจำประเทศบราซิล (Anvisa) เรียบร้อยแล้วทำให้มั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยอย่างแน่นอน ดูสิหายไปราวกับเวทมนตร์ น้ำหมึกสุดพิเศษของเขาจะไปกลบรอยแผลต่างๆ รวมทั้งจุดด่างดำที่เกิดบนใบหน้า และไม่ต้องห่วงว่าน้ำหมึกของเขาจะไม่เข้ากับสีผิวใบหน้าเรา เพราะว่า Rodolpho จะคัดสรรสีของน้ำหมึกให้เข้ากับสีผิวของแต่ละคน การสักด้วยหมึกพิเศษของเขาเพียงหนึ่งครั้ง ผิวที่มีรอยแตกต่างๆ ก็จะดูเรียบเนียนขึ้น และอีก 6 วันต่อมาก็จะเหมือนผิวเด็กเกิดใหม่และสามารถนอนอาบแดดได้อย่างสบายๆ เลยทีเดียว “มันไม่ใช่การแต้มสีเพื่อปกปิดแต่มันคือการสัก!! คุณสามารถใช้ชีวิตปกติและออกไปท้าชนกับแสดงแดดได้ โดยที่ผิวของคุณจะไม่เลอะอย่างแน่นอน และถ้าใครห่วงเรื่องความปลอดภัยไม่ต้องกลัวเพราะว่า Anvisa ได้รับรองความปลอดภัยให้แก่เราแล้ว” Rodolpho กล่าว ใต้ตาก็ชิวๆ ไร้ปัญหา ด้วยการปฏิวัติวงการอำพรางร่องรอยต่างๆ ตามร่างกายของ…
-
แผนผังความยุ่งเหยิงของรถไฟโตเกียว ตอนเช้าก็ดูสบายตา แต่พอชั่วโมงเร่งด่วนเท่านั้นแหละ
ในตอนเช้าๆ ของวันทำงาน ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งในเมืองใหญ่ๆ ที่ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานล่ะก็ คงจะชินตากับภาพผู้คนนับพันที่ตื่นมาเผชิญกับช่วงเช้าที่โหดร้ายพร้อมๆ กับคุณบนสี่แยกไฟแดง แต่ไม่เพียงแค่สี่แยกไฟแดงเท่านั้น ในระบบขนส่งสาธารณะอย่างเช่นรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินเองก็มีผู้คนหนาแน่นไม่แพ้กัน และถ้าหากว่าคุณคิดว่าชั่วโมงเร่งด่วนในกรุงเทพบ้านเรานั้นเป็นอะไรที่ดูจะวุ่นวายสุดๆ แล้วล่ะก็ คุณอาจจะเปลี่ยนความคิดเลยก็ได้ เมื่อได้เห็นขบวนรถไฟตอนชั่วโมงเร่งด่วนของกรุงโตเกียว ผ่างง!! นอกจากความแออัดของผู้โดยสารแบบที่เราเคยเห็นกันในคลิปวิดีโออื่นๆ ก่อนหน้านี้แล้ว ความหนาแน่นของขบวนรถเองก็เยอะไม่แพ้กันเลยทีเดียว ซึ่งในชั่วโมงเร่งด่วนของย่านธุรกิจแห่งนี้ จะมีรถไฟเข้าออกทุกๆ 5 นาทีเลยทีเดียว!! คลิปวิดีโอจากช่องยูทูป badger ได้เผยให้เห็นการเคลื่อนที่ของรถไฟที่เคลื่อนที่รอบเมืองหลวงแห่งนี้ โดยรถไฟขบวนแรกนั้นจะเริ่มต้นเมื่อเวลาประมาณตี 4:42 ในสาย Keihin Tohoku (สีฟ้าอ่อน) ก่อนที่จะเคลื่อนผ่านบางสถานี คล้ายกับสาย Yamanote (สีเขียวอ่อน) ซึ่งรถไฟนี้จะจอดรับผู้โดยสารหลักๆ ที่สถานีโตเกียว ชินะงะวะ ชิบุย่า ชินจุกุ และ อะกิฮะบะระ โดยสัญญาณแห่งความวุ่นวายนั้นจะเริ่มต้นขึ้นประมาณ 7 โมงเช้า ก่อนที่หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นความหนาแน่นองรถไฟในสายต่างๆ ก็เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่จะมีเวลาเข้างานประมาณ 9 โมงเช้านั่นเอง จากนั้นทุกอย่างจะเริ่มเข้าสู่สภาวะปรกติเมื่อเวลาประมาณ 10 โมงเช้า และถ้าหากว่าคุณไม่อยากจะฝ่าฝูงชนที่กำลังแออัดกันในตอนเช้าล่ะก็ ช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการนั่งรถไฟแบบสบายๆ เลยทีเดียว ตอน 8 โมงเช้าถือว่าเป็นช่วงเวลาที่รถไฟนั้นแน่นสุดๆ ไปเลย…
-
เจ้าของโวย เชลโลอายุ 210 ปี ราคาแพง พังยับบนเครื่อง แต่สายการบินเบี้ยวไม่รับผิดชอบ
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2017 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่ง ออกมาโพสต์ถึงสายการบินที่แสนไร้ความผิดชอบ ที่ทำเชลโลของเขาแตกหัก โดยเขาไม่ได้รับการรับผิดชอบใดๆ จากทางสายการบิน ผู้โพสชื่อว่า Yu Hao Xuan มีอาชีพเป็นนักดนตรี เขาอาศัยอยู่ในปประเทศสหรัฐอเมริกา เขาจำเป็นต้องเดินทางทางอากาศจากเมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ไปยังเมืองดีทรอยด์ รัฐมิชิแกน เขาจึงเลือกเดินทางกับสายการบิน Spirit Airlines โดยที่นำเชลโลคู่ใจติดไปด้วย ซึ่งเชลโลของเขามีชื่อรุ่นว่า Martin Stoss ผลิตขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ช่วงศตวรรษที่ 19 สิริอายุรวมกว่า 210 ปี จากการประเมินราคาล่าสุด มันมีมูลค่ากว่า 80,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือตีเป็นเงินไทยได้กว่า 2.6 ล้านบาทเลยทีเดียว!! สภาพที่แตกหักของเชลโล . . . เขานำเชลโลตัวนี้ใส่กล่องของมันอย่างดี และใส่เข้าไปในกล่องกันกระแทกพร้อมทั้งห่อด้วยแผ่นกันกระแทกอีกชั้นหนึ่ง ก่อนจะนำกระเป๋าโหลดลงไปกับเครื่องบิน แต่พอลงมาจากเครื่อง ตัวเชลโลกลับแตกเป็นรูใหญ่และมีรอยร้าวยาวตามตัวเชลโลด้วย เขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากจึงได้โวยวายกับทางสายการบิน แต่กลับไม่มีพนักงานคนไหนกล่าวขอโทษเขาหรือว่าแสดงท่าทีรู้สึกผิดเลย ซ้ำยังพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะรับผิดชอบเชลโลของเขา ทั้งๆ ที่สายการบินนั้นแหละเป็นคนทำพัง เมื่อเห็นว่าสายการบินไม่ยอมรับผิดความเรื่องความเสียหาย เขาจึงตัดสินใจโพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กของกลุ่มนักดนตรี เพื่อเตือนภัยแก่นักดนตรีท่านอื่น…
-
นายทหารจีนยอดฮีโร่ใช้มือเปล่าแงะกระจกรถ เพื่อช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ข้างใน นี่แหละฮีโร่ตัวจริง!!
ฮีโร่ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นไม่จำเป็นต้องมาจากอวกาศ มีพลังพิเศษ หรือใส่ชุดเกราะสุดล้ำแต่อย่างใด ขอแค่คุณมีจิตใจที่ดีพร้อมจะช่วยเหลือคนอื่นเสมอ เท่านี้คุณก็จะสามารถเป็นฮีโร่ได้แล้ว เช่นเดียวกับนายทหารจีนนามว่า Ma Jun-dong วัย 26 ปีคนนี้ ซึ่งเขาได้เอาตัวเอาเข้าไปเสี่ยงและช่วยเหลือชาวบ้านสองคนที่ติดอยู่ในรถให้หนีรอดออกมาอย่างปลอดภัยด้วยมือเปล่า!? เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในมณฑลเหอเป่ย์ ประเทศจีน เมื่อรถยนต์คันหนึ่งได้เกิดเหตุชนและพลิกคว่ำพร้อมกับมีน้ำมันรั่วไหลออกมาซึ่งอาจจะเกิดเหตุร้ายเมื่อไหร่ก็ได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือภายในรถคันดังกล่าวยังมีคนสองคนติดอยู่ข้างใน ไม่สามารถเปิดประตูออกมาได้ ซึ่งในขณะที่ผู้คนต่างพากันมุงดู และไม่รู้จะทำยังไง นาย Ma Jun-dong ก็ได้วิ่งเข้าไปช่วยทันทีด้วยการทุบกระจกของรถด้วยก้อนหิน พร้อมใช้มือเปล่าๆ ของเขาแหวกกระจกออกโดยไม่สนว่ามือของเขาจะเป็นอะไรหรือไม่ เขาพยายามอย่างหนักเพื่อช่วยคนข้างในออกมา ซึ่งหลังจากที่แหวกกระจกได้ชาวบ้านคนอื่นๆ ก็ได้ตัดสินใจเข้าไปร่วมวงและพาผู้บาดเจ็บออกมา ส่วนตัว Ma Jun-dong นั้นก็พยายามอดทนต่อแผลกระจกบาดที่เขาได้รับจากการช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ข้างใน สุดท้ายความพยายามของเขาก็ประสบผล ทุกคนช่วยกันพาผู้เคราะห์ร้ายออกมาจากรถได้สำเร็จและปลอดภัย . . ซึ่งหลังจากที่เรื่องราวของเขาได้ถูกเผยแพร่ออกไป คนมากมายก็ต่างพากันชื่นชมเขาว่าเป็นฮีโร่ของหมู่บ้าน ส่วนด้านสาวๆ ก็บอกว่าอยากจะแต่งงานกับเขาเหลือเกิน อย่างไรก็ตามเราก็ต้องขอบคุณความเป็นฮีโร่ของนายทหารหนุ่มคนนี้จริงๆ ถ้าดูแบบคลิปเราจะเห็นชัดๆ เลยว่าเขานั้นกล้าหาญขนาดไหน ที่มา nextshark
-
โมเมนต์แสนเศร้าปนประทับใจ เมื่อสองพี่น้องมาเยี่ยม ‘หลุมศพ’ ของพ่อตัวเองเป็นครั้งแรก
เราหลายๆ คน แม้จะโตจนมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว แต่เราก็ยังอยากได้รับความรักจากพ่อแม่ อยากใช้เวลาอยู่กับพวกเขา พูดคุยกัน และแบ่งปันความรักให้กันและกัน แต่สำหรับสองพี่น้อง Mason และ Mylan วัย 8 ขวบ กับ 5 ขวบ พวกเขาไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้น เพราะพ่อผู้เป็นที่รักได้จากลาทั้งคู่เร็วเกินไป Alfred Brazel คุณพ่อของเด็กชายทั้งสอง ได้จากไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2017 ในวัยเพียง 37 ปี…นั่นคือวันสุดท้ายที่ลูกๆ ได้เห็นหน้าพ่อ จนเมื่อเดือนที่ผ่านมา คุณแม่ Kait วัย 29 ปี ได้พา Mason และ Mylan ไปเยี่ยมหลุมศพของพ่อครั้งแรกที่สุสาน Arlington National Cemetery รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา คุณแม่บอกว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ มาเยี่ยมหลุมศพของพ่อ ตั้งแต่ที่เขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง… Mylan บอกว่าเขาสัมผัสได้ว่าคุณพ่ออยู่ข้างๆ เขา และเขาอยากนอนกับพ่อที่นี่” นั่นทำให้เด็กชายทั้งสองปูผ้าห่มที่หน้าหลุมศพของพ่อ แล้วก็นอนคุยกับพ่อ โดยบอกเขาว่าพวกเขาเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงที่พ่อไม่อยู่ Mylan เล่าให้พ่อฟังว่าเขาได้รับเครื่องแบบและเข็มกลัดจากวิชาศิลปะการป้องกันตัว…
-
เจ้าเหมียวโดนห้ามไม่ให้เข้าไปในห้องสมุด ชาวเน็ตก็เลยช่วยกันทำบัตรห้องสมุดให้ซะเลย
หลายๆ สถานที่ อย่างโรงพยาบาล ร้านอาหาร ห้องสมุด และอื่นๆ อีกหลายแห่งมักจะห้ามไม่ให้พาสัตว์เลี้ยงเข้าไปเพื่อป้องกันไม่เกิดปัญหาตามมา แต่บางสถานที่อย่างห้องสมุดเนี่ย หลายคนมองว่าไม่มีเหตุผลที่จะห้ามแมวเข้าไป เพราะมันคงไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไร นอกจากจะรบกวนการอ่านหนังสือนิดหน่อย และบางคนเต็มใจให้มันทำแบบนั้นด้วย เจ้าเหมียว Max เป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปใช้บริการของห้องสมุดในมหาวิทยาลัย ทำให้มันต้องเดินเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกเพียงลำพัง ก่อนหน้านี้ Max เป็นแมวจรจัดที่ใช้ชีวิตอยู่ข้างถนน จนวันหนึ่งมันก็รับการช่วยเหลือจากกลุ่มคนรักแมว และถูก Connie Lipton รับไปอยู่ด้วยที่บ้านในเซนต์พอล รัฐมินนิโซตา ประเทศสหรัฐอเมริกา Connie เป็นครูอยู่ที่วิทยาลัย Macalester College ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านของเขาเท่าไหร่นัก และเมื่อไปทำงาน เจ้าเหมียวก็จะขอตามไปด้วยทุกวัน Max เป็นแมวที่ชอบพบปะผู้คนแล้ว เจ้าของจึงปล่อยให้มันเดินเล่นในวิทยาลัยและให้อิสระมันเดินไปทักทายทุกคนที่มันอยากเจอ ภายในระยะเวลาสั้นๆ Max ก็มีเพื่อนทั่ววิทยาลัยแล้ว มันเดินเล่นกับนักเรียนในสนามหญ้า บางครั้งมันจะโผล่ไปที่หอพักของพวกเขาแล้วส่งเสียงเมี๊ยวๆ เป็นการทักทาย นั่นทำให้นักเรียนรักราวกับเป็นสัตว์เลี้ยงของตัวเอง แม้มันจะไปอยู่นักเรียนในทุกๆ ที่ของวิทยาลัย แต่มีอยู่ที่หนึ่งที่ Max ไม่สามารถเข้าไปได้ นั่นคือห้องสมุด เพราะเจ้าหน้าที่กลัวว่าจะเผลอขังมันไว้ในห้อง กรณีที่หามันไม่เจอ อีกเหตุผลหนึ่งคือมีพนักงานที่แพ้ขนแมวอย่างรุนแรง ดังนั้นจึงต้องทำให้ห้องสมุดเป็นพื้นที่ปลอดแมว แต่ถึงอย่างนั้น…
-
ไอซ์แลนด์ลดโอกาสเกิด “ดาวน์ซินโดรม” เกือบเท่ากับศูนย์ จนเกิดประเด็นถกเถียงในโลกออนไลน์
ในบางประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร พบว่าอันตรายของผู้ที่เกิดมาพร้อมกับโรคดาวน์ซินโดรมนั้นเพิ่มขึ้นทุกปี ในทางกลับกัน ที่ประเทศไอซ์แลนด์พบว่าโอกาสที่เด็กจะเกิดมาเป็นดาวน์ซินโดรมนั้นเกือบเท่ากับศูนย์ จากข้อมูลล่าสุดที่เผยแพร่โดยสำนักข่าว CBS News ระบุว่าในไอซ์แลนด์มีเด็กเกิดมาเป็นดาวน์ซินโดรม เฉลี่ยปีละแค่ 2 คนเท่านั้น จนทำให้มีการถกเถียงถึงประเด็นนี้ในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง Landspítali หรือ National University Hospital of Iceland ได้ทำการทดสอบคัดกรองก่อนคลอดกับหญิงตั้งครรภ์ ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2000 ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการตรวจหาปัญหาของพัฒนาการของทารกในครรภ์ รวมไปถึงโรคดาวน์ซินโดรมด้วย ปกติแล้วหญิงตั้งครรภ์ในสหรัฐอเมริกา 67% จะตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ เมื่อมีการตรวจพบความผิดปกติหรือโรคดาวน์ซินโดรมในทารกที่อยู่ในครรภ์ แต่สำหรับหญิงตั้งครรภ์ในไอซ์แลนด์เกือบ 100% จะยุติการตั้งครรภ์ทันทีเมื่อได้รับการวินิจฉัยแบบนั้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้แทบไม่พบกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรมในไอซ์แลนด์เลย นักพันธุศาสตร์ Kari Stefansson บอกกับสำนักข่าว CBS ว่า “ความเข้าใจของฉันคือการกำจัดกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรมให้หายไปจากสังคมของเรา” แม้ไอซ์แลนด์จะประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ แต่ทว่าในโลกออนไลน์นั้นได้เกิดประเด็นถูกเถียงกันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณธรรมและจริยธรรม พวกเขาบอกว่ามันเหมือนการบีบบังคับคุณแม่ในไอซ์ทำแท้งเพื่อแลกกับการกวาดล้างกลุ่มดาวน์ซินโดรมให้หายไปจากสังคม แม้คุณแม่บางคนจะเต็มใจแต่มันก็ล้วนมาจากการคำพูดหว่านล้อมทั้งนั้น ทางหัวหน้าแผนก Prenatal Diagnosis Unit Hulda Hjartardottir ของ Landspítali ออกมาโต้แย้งว่า “เราพยายามจะให้คำปรึกษาที่เป็นกลางที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่บางคนกล่าวหาว่าเราชี้นำให้คุณแม่ทำแท้ง” …
-
เด็กสาววัย 11 ปี ที่ต้องอาศัยอยู่ในคุกกับแม่ที่เป็น ‘ฆาตกรต่อเนื่อง’ ไปตลอดชีวิต
คนที่ทำผิดย่อมต้องได้รับการลงโทษ เป็นแนวคิดตามหลักจริยธรรมทั่วไปในสังคมและในแง่ของกฎหมายเช่นกัน ดังนั้นนักโทษที่ถูกจับแล้วจึงต้องรับโทษอย่างสาสมกับความผิดที่พวกเขาก่อไว้ เช่น โดนปรับ โดนยึดทรัพย์สิน ต้องจำคุก หรือแม้แต่ถูกประหารชีวิต ทว่าถ้าคนบริสุทธิ์รอบตัวของนักโทษ อย่างคนรักหรือสมาชิกในครอบครัวต้องติดร่างแหของการลงโทษนี้ไปด้วย มันยุติธรรมดีแล้วหรือ หากพวกเขาต้องลำบากเพราะขาดคนสำคัญในชีวิตไป จะมีวิธีช่วยเหลือคนเหล่านี้หรือไม่ แล้วช่วยเหลืออย่างไร เรามาลองติดตามดูตัวอย่างของปัญหาดังกล่าวกันดีกว่า ฆาตกรต่อเนื่อง Shirin Gul ในคุกประจำจังหวัดนานกาฮาร์ ประเทศอัฟกานิสถาน มีนักโทษหญิงอยู่จำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือฆาตกรต่อเนื่อง Shirin Gul เธอติดคุกเนื่องจากเธอและสมาชิกในครอบครัวร่วมทำการล่อลวงชายจำนวน 27 คนมาฆ่าเพื่อปล้นเอาทรัพย์สิน สมาชิกในครอบครัวทุกคนถูกตัดสินให้ได้รับโทษประหาร แต่ Gul ซึ่งกำลังตั้งครรภ์อยู่ถูกลดโทษลงให้เหลือเพียงจำคุกตลอดชีวิต จากนั้นเธอก็ให้กำเนิดลูกสาวในคุก และตั้งชื่อว่า Meena Shirin Gul และลูกสาวของเธอ Meena คุกในอัฟกานิสถานนั้นอนุญาตให้บุตรอาศัยอยู่กับบิดามารดาได้จนบุตรมีอายุ 18 ปี Meena จึงเติบโตมาในคุกแห่งนี้ตลอดช่วงชีวิต 11 ปีของเธอ นอกจากเธอแล้วยังมีเด็กอีกจำนวนมากที่อาศัยอยู่กับพ่อแม่ในคุก เด็กๆ เหล่านี้ไม่ได้แตกต่างจากเด็กข้างนอกแต่อย่างใด พวกเขามีความไร้เดียงสา และสดใสสมวัยอย่างที่ควรจะเป็น Meena เองก็มีความสนใจเหมือนกับเด็กผู้หญิงนอกคุก เธอชอบเล่นตุ๊กตา ชอบพูดถึงเพื่อนสนิทวัยเดียวกัน (เด็กสาวคนอื่นในคุก)…
-
นักออกแบบวิเคราะห์การสร้าง “กำแพงเมืองทรัมป์” ต้องใช้เวลาถึง 16 ปี และอาจเป็นไปไม่ได้!!!
มีอะไรที่ประธานาธิบดีประเทศมหาอำนาจของโลกอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ทำไม่ได้ โดยก่อนหน้านี้เขาได้มีความคิดที่จะสร้างกำแพงกั้นระหว่างชายแดนประเทศสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโก เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าประเทศแบบผิดกฎหมาย ซึ่งก็มีผู้ต่อต้านนโยบายนี้ของเขามากมาย เพราะว่ามันดูเหมือนการนำเงินภาษีไปละลายเล่น และในตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นจริงน้อยลงทุกที เมื่อมีสถาปนิกออกมาบอกว่าการสร้างกำแพงอาจต้องใช้เวลาถึง 16 ปีเลยทีเดียว ภาพจำลองที่ Estudio 3.14 ได้สร้างขึ้นมา สถาปนิกชาวเม็กซิกันจาก Estudio 3.14 บริษัทออกแบบที่ตั้งอยู่ในเมือง Guadalajara ได้ทดลองทำแผนภาพจำลองกำแพงกั้นชายแดนที่ทรัมป์คิดจะสร้างขึ้น ซึ่งมันกินพื้นที่มากกว่า 3,144 กิโลเมตรเลยทีเดียว โดยเหล่าสถาปนิกถึงกับเรียกกำแพงกั้นชายแดนนี้ว่า ‘กำแพงคุก’ เพื่อเป็นการประชดการสร้างกำแพงที่มีความยาวกว่า 3,000 กิโลเมตรแห่งนี้ “ภาพจำลองดังกล่าวทำให้เห็นถึงความเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างกำแพงนี้ขึ้น และมันจะนำการประท้วงตามมาด้วย” Norberto Miranda นักออกแบบแผนภาพนี้กล่าว ดีไซเนอร์ได้สร้างกำแพงเป็นสีชมพู ซึ่งตรงกับที่ทรัมป์เคยบอกว่ามันจะทำให้กำแพงนี้สวยงาม และปัญหาอีกอย่างหนึ่งสำหรับการสร้างกำแพงนี้ก็คือ ภูมิประเทศที่เป็นแบบเทือกเขาระหว่างชายแดนของทั้งสองประเทศ ทำให้การก่อสร้างยากขึ้นไปด้วย นอกจากนี้ Miranda ยังบอกอีกด้วยว่าหากกำแพงแห่งนี้เกิดขึ้นจริง จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก ดูแย่ลงไปอีกในสายตาของประชาชนของทั้งสองประเทศ การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจาก งานของสถาปนิกที่มีชื่อเสียงของประเทศเม็กซิโกชื่อว่า Luis Barragán และด้วยความที่กำแพงนี้มีค่าใช้จ่ายจำนวนสูงมาก แต่ Enrique Peña Nieto ประธานาธิบดีของเม็กซิโกก็ออกมาบอกว่า ประเทศเม็กซิโกจะไม่ออกเงินสร้างกำแพงนี้แม้แต่แดงเดียว เพราะมันไม่ใช่ความคิดของพวกเขา Kate Drew นักวิเคราะห์ข่าวแห่งช่อง…
-
หนุ่มเสียฟันไป 4 ซี่ แถมเป็นแผลไฟไหม้ที่ปาก อ้างเพราะ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ระเบิดตู้มมม!!
ในวงการนักสูบ บุหรี่ถือว่าเป็นของสำคัญในชีวิตของพวกเขา แต่ด้วยความเบื่อหน่ายในรสชาติ หรือต้องการจะหาสิ่งอื่นที่ดีกว่ามาเติม นวัตกรรมใหม่ล่าสุดอย่างบุหรี่ไฟฟ้าจึงได้ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ทว่าอาจจะด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานของบุหรี่ไฟฟ้ายี่ห้อหนึ่ง ทำให้มันเกิดระเบิดขึ้นพร้อมทั้งยังได้พรากฟันจำนวน 4 ซี่ไปจากนักสูบคนหนึ่ง… Matt Yamashita ชายชาวฮาวายวัย 25 ปีเล่าให้ฟังว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งในตอนนั้นเขากำลังสูบบุหรี่ไฟฟ้ายี่ห้อ CoilART Mage อยู่และจู่ๆ มันก็เกิดระเบิดขึ้นคาปากของเขาเลย สำหรับความเสียหายของมันมีมากพอที่จะทำให้เขาต้องสูญเสียฟันไปถึง 4 ซี่พร้อมกับยังมีรอยไหม้อยู่รอบๆ ปากของเขา และมันร้ายแรงถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัดเลยทีเดียว “ในตอนนี้ผมกำลังจะไปตีเบสบอลที่สนาม Palisades Park ในเมือง Pearl City เมื่อผมไปถึงและกำลังลงจากรถผมก็สูบบุหรี่ดังกล่าว ซึ่งปรากฏว่าตั้งแต่ทีแรกที่ผมดูดเข้าไปมันก็ระเบิดใส่หน้าของผมเลย มือข้างขวาของผมก็โดนด้วย มันไหม้จนเนื้อเปลี่ยนไปเป็นสีดำสนิท” Matt กล่าว Matt บอกว่าเขาซื้อบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าวมาจากอินเทอร์เน็ต เมื่อประมาณ 6 เดือนที่แล้วแต่เพิ่งจะนำมาสูบเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง และเขายังบอกอีกด้วยว่า เขาใช้บุหรี่ไฟฟ้าอันนี้เพียงแค่สองครั้งเท่านั้นก่อนที่มันจะเกิดระเบิดขึ้น “ผมได้ยินเสียงดังลั่นผ่านหูทั้งสองข้างของผม ตอนนั้นตาของผมจ้าจนมองอะไรไม่เห็น ต่อจากนั้นผมก็รู้สึกได้ว่ามีเลือดไหลออกมาจากปาก และนั่นได้ทำให้ผมแทบช็อกตาย” Matt เล่าให้ฟัง ภาพถ่ายบุหรี่ไฟฟ้าระเบิดของเขาได้ถูกถ่ายมา ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงบุหรี่ไฟฟ้าอันหนึ่งที่พังพินาศรวมทั้งยังมีหยดเลือดรวมทั้งฟันของเขาอยู่ในบริเวณนั้นด้วย ด้วยอุบัติเหตุในครั้งนั้น นอกจากเขาจะสูญเสียฟันไปถึง 4…
-
คุณย่าเตรียมของขวัญคริสต์มาสให้หลานสาว พอเปิดออกมาเป็นกระปู๋ปลอมซะงั้น!?
ใกล้ช่วงเทศกาลคริสต์มาสแล้ว ผู้คนต่างก็เริ่มหาซื้อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้กับคนที่เป็นที่รักของตัวเอง บรรดาห้างร้านต่างๆ ก็ได้ออกมาจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้า เป็นอีกหนึ่งเทศกาลแห่งความสุขที่ไม่ว่าใครต่างก็รอคอยให้มาถึง Debbie Greenhalgh ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องการหาซื้อของขวัญให้กับคนที่เธอรักนั่นก็คือหลานสาวที่ชื่อว่า Millie วัย 9 ขวบ ในคริสต์มาสนี้ เธอจึงได้เข้าเว็บไซต์ Amazon เพื่อค้นหาของขวัญให้กับหลานสาวของเธอ สิ่งที่เธอวางแผนว่าจะซื้อให้กับหลานสาวนั่นก็คือชุดสติกเกอร์สีทองเพื่อให้เธอได้นำมันไปติดกับการ์ดส่งความสุขให้กับคนอื่นๆ ต่อไป หนู Millie ตื่นเต้นมากและรอคอยให้ไปรษณีย์มาส่งของที่หน้าบ้านอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อพัสดุมาถึงที่บ้านหนูน้อยก็ออกไปรับพัสดุกล่องนั้นมาทันที แต่ทันใดที่เธอเปิดกล่องออก เธอไม่พบกับชุดสติกเกอร์สีทองแบบที่เธอต้องการ แล้วคุณย่าของเธอก็ยังพูดซ้ำว่า “เซอร์ไพรส์ไหมล่ะหนู” แต่เมื่อหลานนำกล่องที่เปิดแล้วมาให้ดูแล้วถามว่านี่คืออะไร เมื่อคุณย่าเห็นแล้วก็ต้องรีบคว้าออกจากมือเธอในทันที มันคือกระปู๋ปลอมที่เอาไว้บีบคลายเครียด คุณย่าก็เกิดสงสัยในทันทีว่าทำไม Amazon ถึงได้ส่งของแบบนี้มาให้เธอและเธอคิดว่ามันอาจจะเป็นความผิดพลาดอะไรบางอย่างก็เป็นได้ เธอจึงได้สอบถามไปยังเว็บไซต์ถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทาง Amazon ได้ออกมาขอโทษถึงความผิดพลาดในครั้งนี้และยินดีคืนเงินให้กับคุณย่ารวมไปถึงการที่พวกเขาจะส่งของขวัญชิ้นใหม่เพื่อมาปลอบขวัญหนู Millie และได้บอกให้คุณย่าเก็บเจ้ากระปู๋ปลอมนี้ไว้ได้โดยไม่ต้องส่งคืนบริษัท “ฉันจะเก็บไว้ทำไม ในเมื่อฉันไม่ต้องใช้มัน” Debbie กล่าว เจอแบบนี้ใครจะไม่เซอร์ไพรส์บ้างล่ะ โชคดีที่หลานสาวไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรจริงๆ ที่มา metro
-
หนุ่มตัดสินใจเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วย ‘กระต่าย’ จากกองเพลิงที่ลุกท่วมอย่างรุนแรง
จากเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าที่หุบเขาในนครลอสแองเจลิสและพื้นที่ส่วนหนึ่งของรัฐแคลิฟอร์เนีย ในวันที่ 6 ธันวาคม 2017 ที่ผ่านมาจากที่เราได้รายงานไปก่อนหน้านี้ ชมบรรยากาศหุบเขาใน Los Angeles ที่กำลังเผชิญปัญหา ‘ไฟป่า’ ดูราวกับวันมหาวิปโยค ไฟป่าที่โหมกระหน่ำราวกับว่าจะแผดเผาให้ภูเขาทั้งลูกนี้หายไปกับตา มันได้ลุกลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียงอย่างรวดเร็วทำให้บ้านเรือนที่อยู่บริเวณนั้นถูกเผาจนสิ้นซาก เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 125 นายได้เข้ามาในพื้นที่เพื่อทำการดับไฟป่าในครั้งนี้ เหตุการณ์ไฟไหม้ป่าในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากทั่วโลก เหล่าบรรดาสื่อทุกสำนักต่างก็ติดตามข่าวกันอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงช่างภาพจากสำนักข่าว KABC ที่ได้บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไฟป่าในครั้งนี้ คลิปวิดีโอที่นำมาเผยแพร่เป็นคลิปของชายคนหนึ่งที่พยายามจะช่วยเจ้ากระต่ายน้อยที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าในครั้งนี้ เจ้ากระต่ายน้อยวิ่งเข้ากองไฟ เพราะว่ามันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ชายสวมเสื้อแจ็คเก็ตแดงคนนี้เห็นแล้วถึงกับต้องร้องออกมา เขาพยายามจะช่วยเหลือมัน แต่ก็ดูเหมือนว่าเจ้ากระต่ายจะหวาดกลัวกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ความร้อนจากไฟที่แผดเผาทำให้เขาต้องทนอยู่ตรงนั้นเพื่อที่จะช่วยเจ้ากระต่ายน้อยให้ได้ ในที่สุดเขาก็สามารถช่วยเจ้ากระต่ายน้อยออกมาได้ เขารีบนำกระต่ายตัวนั้นเข้าสู่อ้อมอกเพื่อนำมันไปปฐมพยาบาล แม้ฮีโร่ที่แท้จริงคนนี้ไม่ยอมให้สื่อเข้าสัมภาษณ์จากเหตุการณ์ที่เขายอมเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยกระต่ายน้อย แต่เราก็ขอยกย่องในการทำความดีในครั้งนี้ และขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่คอยปฏิบัติหน้าที่ในการดับไฟป่าครั้งใหญ่ครั้งนี้อีกด้วย ที่มา dailymail
-
ญี่ปุ่นเปิดตัวมาสคอตสำหรับโอลิมปิกและพาราลิมปิกปี 2020 แต่ละตัวมันช่างน่าลั๊คอ่าส์
ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับงานแข่งขันกีฬาระดับโลกอย่างโอลิมปิก โดยการแข่งขันเทศกาลกีฬาดังกล่าวจะมีการจัดขึ้นที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2020 และหากนับนิ้วดูก็จะพบว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึง 1,000 วันแล้ว นอกจากกีฬาโอลิมปิกแล้ว ตามธรรมเนียมปฏิบัติก็จะมีการจัดการแข่งขันกีฬาคนพิการพาราลิมปิกส์ ในเมืองที่จัดโอลิมปิกเช่นเดียวกัน ซึ่งก็คือกรุงโตเกียวนั่นเอง แน่นอนว่าเมื่อมีการจัดการแข่งขันระดับโลกเกิดขึ้น เมืองที่เป็นเจ้าภาพก็จะต้องเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ให้แก่นักกีฬาและนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเยี่ยมชม และสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการแข่งขันกีฬานั่นก็คือ มาสคอตประจำงานนั่นเอง เมื่อเช้าวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการจัดการแข่งขันโอลิมปิกและพาราลิมปิก ก็ได้ออกมาเปิดเผยมาสคอตที่เข้ารอบสุดท้ายในการประกวดมาสคอตของมหกรรมกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกส์ 2020 ซึ่งมีการเปิดตัวที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในย่านชิบูย่า โดยมีการคัดเลือกจากคณะกรรมการจำนวน 15 คน และมีการเลือกตัวมาสคอตจากทั้งหมด 2,042 ตัวให้เหลือเพียง 6 ตัวเท่านั้น มาสคอตทั้งหมดที่มีการส่งเข้าประกวด จะมาจากดีไซเนอร์ทั่วประเทศทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น และในตอนนี้มาสคอตทั้ง 6 ตัวก็ได้เผยหน้าตาให้เราได้เห็นกันแล้ว ภาพด้านบนจะเป็นมาสคอตสำหรับกีฬาโอลิมปิก และด้านล่างจะเป็นมาสคอตสำหรับกีฬาพาราลิมปิก มาสคอตทั้ง 6 ตัวนี้จะมีการจับคู่บนและล่างและแบ่งออกเป็น 3 เซต โดยทั้งหมดจะมีการโหวตเพื่อเลือกคู่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานกีฬาดังกล่าว ซึ่งคะแนนโหวตจะมาจากเด็กๆ ชั้นประถมและผลโหวตจะสิ้นสุดลงในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ปีหน้า และในตอนนี้ทางคณะกรรมการ ก็ได้ปล่อยวิดีโอแนะนำตัวมาสคอตต่างๆ มาให้ผู้คนได้ยลโฉมกันแล้ว และนอกจากนั้นในวิดีโอยังบอกบุคลิกลักษณะ และแรงบันดาลใจต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ในตัวมาสคอตว่าเป็นอย่างไรบ้าง…
-
นี่คือ “หมู่บ้านไวอากร้า” เพราะอยู่ติดกับโรงงานผลิตที่รั่วไหล ทำเอาชาวบ้านปึ๋งปั๋งกันทุกวัน
มีใครรู้จักยา Sildenafil บ้างรึเปล่า คงไม่ค่อยมีคนรู้จักหรอก แต่ถ้าหากถามว่ารู้จัก ไวอากร้า ไหมล่ะก็ ทุกคนคงจะบอกว่ารู้จักทันที ยา Sildenafi นั้นเป็นยาเสริมสร้างสมรรถภาพชนิดหนึ่ง ซึ่งถูกจำหน่ายในชื่อว่าไวอากร้า โดยบริษัทยา ไฟเซอร์ เป็นยาที่รู้จักกันดีว่าช่วยให้คุณผู้ชายมีสมรรถภาพทางเพศที่แข็งแรง ช่วยแก้ปัญหาน้องชายอ่อนแอได้เป็นอย่างดี ปกติแล้วยาตัวนี้จะต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้นจึงจะสามารถซื้อได้ จึงไม่ใช่ยาที่ใครๆ ก็สามารถหามาใช้ได้ แต่มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ว่ากันว่าทุกคนในหมู่บ้านได้รับไวอากร้าโดยไม่จำเป็นต้องซื้อเลย หมู่บ้าน Ringaskiddy หมู่บ้านที่ว่านี้คือหมู่บ้าน Ringaskiddy เมืองคอร์ก ประเทศไอร์แลนด์ เป็นเมืองที่ตั้งของโรงงานผลิตยาของบริษัทไฟเซอร์ ซึ่งเป็นที่ที่คอยผลิตยาไวอากร้านั่นเอง แต่ที่บอกว่าคนในเมืองได้รับไวอากร้าโดยที่ไม่ต้องซื้อ ไม่ได้แปลว่าบริษัทแจกจ่ายยาให้กับคนในเมืองฟรีหรอกนะ แต่ชาวเมืองเชื่อว่าไวอากร้าที่ถูกผลิตที่โรงงานแห่งนี้ ได้ปนมาทางอากาศและน้ำ ทำให้คนในเมืองได้บริโภคมันเข้าไปทางอ้อมต่างหาก โรงงานผลิตยาของไฟเซอร์ในหมู่บ้าน Ringaskiddy The Sunday Times จึงได้ลงพื้นที่ไปสัมภาษณ์คนในหมู่บ้านเกี่ยวกับความเชื่อนี้ โดย Debbie O’Grady หญิงสาวในท้องถิ่นให้สัมภาษณ์ว่า “อยู่เมืองนี้ แค่สูดหายใจเข้าลึกๆ เท่านั้นก็แข็งโป๊กขึ้นมาทันที” ส่วนผู้หญิงอีกคนหนึ่ง Fiona Toomey ก็บอกว่าแม้แต่พวกสุนัขในเมืองยังแข็งโด่ทั้งวันไม่มีหดเลย ไม่ได้มีแต่คนท้องถิ่นเท่านั้นที่เชื่อเรื่องยาไวอากร้ารั่วไหล ชาวเน็ตที่ได้ยินข่าวนี้บางคนพูดติดตลกว่าอิจฉาคนเมืองนี้จริงๆ บางคนก็บอกว่าอยากลองย้ายมาอยู่เมืองนี้จัง ไม่เพียงเท่านั้นนักท่องเที่ยวที่มาพิสูจน์ว่าข่าวลือนี้จริงหรือไม่ บางคนก็มาตั้งรกรากอยู่ที่เมืองนี้เลย ไม่แน่ใจว่าเพราะรู้สึกมีกำลังวังชาขึ้นรึเปล่านะ ยาไวอากร้า แน่นอนว่ามีข่าวลือออกมาแบบนี้ บริษัทไฟเซอร์ย่อมไม่อยู่เฉยๆ…
-
ทางการอินเดียเตรียมดันกฎหมาย ‘ยิงเป้า’ นักโทษข่มขืนเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี
การข่มขืนเป็นอีกหนึ่งอาชญากรรมที่ถือว่าร้ายแรงในอันดับต้นๆ ของการก่อคดีอาชญากรรม และเป็นปัญหาร้ายแรงที่ยังไม่สามารถป้องกันและแก้ไขได้อย่างเด็ดขาด ทำให้คดีข่มขืนยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมทั่วโลก ที่ประเทศอินเดียที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับต้นๆ ก็ยังคงประสบกับปัญหาคดีข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศเกือบทุกวัน โดยเฉพาะที่รัฐ Maydha Pradesh ทางภาคกลางของอินเดียที่มีรายงานว่ามีการข่มขืนมากที่สุดในประเทศ โดยรายงานเมื่อปี 2016พบว่าในอินเดียมีผู้ถูกข่มขืนกว่า 4,900 ราย โดยเกือบครึ่งนั้นเป็นเด็กและเยาวชน นาย Shivraj Singh Chouhan หัวหน้าคณะรัฐมนตรี ได้ออกมาเสนอในที่ประชุมรัฐสภาถึงประเด็นเรื่องปัญหาของการข่มขืน โดยที่เขาเสนอให้มีการลงโทษด้วยการประหารชีวิตเพื่อที่จะได้ไม่มีคนไหนกล้ากระทำความผิดฐานข่มขืน โดยโทษประหารชีวิตจะใช้ในคดีการข่มขืนโดยเฉพาะที่ผู้เสียหายที่เป็นเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 12 ปี และเขายังกล่าวอีกว่า “คนที่ข่มขืนเด็กต่ำกว่า 12 ปีนั้นมันไม่ใช่คน มันคือปีศาจ พวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป” นอกจากนี้เขายังพยายามแก้กฎหมายให้ถือว่าการข่มขืนหญิงสาวที่อายุต่ำกว่า 20 ปีถือว่าเป็นการข่มขืนเด็กทั้งหมด จากที่เมื่อก่อนมีเพียงเหยื่อที่อายุต่ำกว่า 14 ปีเท่านั้นที่จัดเป็นการข่มขืนเด็ก ซึ่งกฎหมายในข้อนี้จะต้องได้รับการพิจารณาจากประธานาธิบดีและรัฐบาลก่อนถึงจะสามารถแก้ไขในประมวลกฎหมายได้ ในประเทศอินเดียมีการก่ออาชญากรรมหลายรูปแบบแต่กฎหมายไม่ได้ถูกบังคับใช้อย่างเคร่งครัดมากนัก เหมือนดังกรมตำรวจในประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ คดีที่จะเข้าข่ายการประหารชีวิตได้นั้นมีเพียงแค่คดีกบฏ คดีฆาตกรรม คดีเป็นส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายของเยาวชน การค้ายาเสพติด และอีกหลายๆ ข้อที่มีความผิดรุนแรงจนกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ที่มา dailymail
-
จากเด็กหนุ่มที่เติบโตมาในย่านสลัมของอังกฤษ สู่ผู้ชนะเลิศได้ทุนไปเรียนใน Eton College
ในบรรดาสถาบันการศึกษาทั่วโลก มีหนึ่งโรงเรียนหนึ่งที่เป็นดุจโรงเรียนในฝันของใครหลายๆ คน นั่นคือ Eton College ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นโรงเรียนในฝันของหนุ่มๆ ทั่วโลก สำหรับความพิเศษของสถาบัน Eton College หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่าใครก็ตามที่จบจากที่นี่มักจะกลายเป็นผู้โด่งดังในสังคม เป็นผู้นำประเทศ และผู้ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ ศิษย์เก่าของ Eton College ที่เป็นที่รู้จักกันดี เช่น เจ้าชายวิลเลี่ยมและเจ้าชายแฮร์รี่ นักแสดงชาย Dominic West และอดีตนายกรัฐมนตรีเดวิด แคเมอรอน นั่นหมายความว่าการจะได้เข้าเรียนในสถาบันแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และนับว่าเป็นความโชคดีของ Stephen Geddes ที่ได้รับทุนมาเรียนใน Eton College Stephen หนุ่มวัย 16 ปี ชนะการสอบชิงทุนจนได้รับคัดเลือกเข้าเรียนในหลักสูตร A-Levels (คือช่วงชั้นการเรียน 2 ปีสุดท้ายของระดับมัธยมในสหราชอาณาจักร) โดยได้รับทุนค่าเล่าเรียนเป็นเงิน 1.6 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะได้เรียนคณิตศาสตร์ ชีววิทยา เคมี และฟิสิกส์ สำหรับหนุ่ม Stephen นั้นมีพ่อเป็นพนักงานในเทสโก้ คุณแม่มีอาชีพเป็นผู้ดูแลผู้ป่วย ก่อนหน้านี้เขาเคยเรียนที่โรงเรียน King’s Leadership Academy ซึ่งเป็นย่านคนจนของเมืองลิเวอร์พูล…
-
ผู้คนงง.. พิพิธภัณฑ์มีนาฬิกาถูกผ้าคลุมนึกว่าซ่อมอยู่ ที่ไหนได้เป็น ‘นาฬิกาผีสิง’ ปั๊ดโถ๊วววว!!
สิ่งที่ตาเรามองเห็นอยู่นั้น มันอาจจะเป็นไม่ใช่ความจริงก็ได้ เหมือนกับผลงานศิลปะของ Wendell Castle ผู้เป็นตัวพ่อในการสร้างผลงานศิลปะเกี่ยวกับของใช้ในบ้าน ผลงานของเขามีความละเอียดและประณีตชนิดหาตัวจับได้ยาก และวันนี้เราก็จะพาเพื่อนๆ ไปชมผลงานชิ้นหนึ่งของเขาที่ทุกคนเห็นแล้วต้องตกตะลึงกับ “นาฬิกาผีสิง” ที่ดูแล้วต้องยกนิ้วให้กับไอเดียของเขา Ghost Clock ผลงานของเขาชิ้นนี้มีชื่อว่า Ghost Clock หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า ‘นาฬิกาผีสิง’ เขาสร้างมันขึ้นในปี 1985 และถูกจัดแสดงไว้ใน Smithsonian American Art Museum ในเมืองวอชิงตัน รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวผลงานเองมีลักษณะเหมือนกับนาฬิกาลูกตุ้มเรือนใหญ่ที่มีผ้าสีขาวคลุมไว้เกือบทั้งเรือน ดูเหมือนกับผลงานชิ้นนี้กำลังชำรุดและรอการซ่อมแซมอยู่อย่างไรอย่างนั้น แต่แท้จริงแล้วนี่แหละคือหน้าตาโดยสมบูรณ์ของมันอยู่แล้ว แน่นอนว่าการที่ดูเหมือนมันกำลังซ่อมแซมแต่ดันมาตั้งแสดงหราอยู่กลางห้องแบบนี้ คนที่ผ่านเข้ามาชมย่อมต้องสงสัยแน่นอนว่าเอานาฬิกาเสียมาตั้งแสดงทำไม แต่พวกเขาก็ถึงบางอ้อทันทีเมื่อได้อ่านคำอธิบายผลงานด้านหน้า คำอธิบายของ Ghost Clock . “ในแวบแรก นาฬิกาผีสิงดูเหมือนกับนาฬิกาลูกตุ้มที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวและมัดรวบไว้ด้วยเชือก แต่นั่นเป็นเพียงภาพหลอกตา” “ทุกส่วนที่กล่าวมาข้างต้นนั้นงานแกะสลักด้วยมือจากไม้อัดมะฮอกกานีหนึ่งชิ้นใหญ่ Castle ได้ใช้ฝีมือที่ประณีตของเขาแกะสลักหินอ่อนสีขาวให้กลายเป็นฐานของนาฬิกา ก่อนจะลงสีด้วยสีน้ำตาลวอลนัท “ผลงานชิ้นนี้เป็นชิ้นสุดท้ายในชุดผลงานนาฬิกา 13 เรือน ที่ถูกสร้างในช่วงทศวรรษที่ 1980 แต่ผลงานชิ้นนี้แตกต่างจากอันอื่นตรงที่มันไม่มีกลไกด้านใน…
-
สาวที่ถูกรับเลี้ยง ตามหาพ่อแม่แท้ๆ จนเจอใน 20 ปี จากการแกะรอยจดหมายที่ถูกทิ้งไว้ให้
ในโลกนี้คงไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักหรือไม่อยากอยู่กับลูก แต่ด้วยสถานการณ์ ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้พ่อแม่บางคนจำเป็นต้องทอดทิ้งลูกไป จนสร้างความโกรธเคืองให้ลูกเมื่อมารู้ความจริงในภายหลัง สำหรับ Kati Pohler แม้จะถูกพ่อแม่แท้ๆ ทอดทิ้ง แต่เธอไม่เคยโกรธพวกเขาเลย ตรงกันข้ามเธอทุ่มเทเวลาตามหาพวกเขาอย่างสุดความสามารถ Kati เป็นหญิงสาวเชื้อสายจีนที่เติบโตมาในฮัดสันวิลล์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยการรับเลี้ยงของ Ken กับ Ruth Pohler และเธอยังมีพี่ชายอีกสองคนคือ Steven กับ Jeff ส่วนพ่อแม่แท้ๆ ของหญิงสาว คือ Qian Fenxiang และ Xu Lida ที่อาศัยอยู่ในประเทศจีนกับลูกสาวคนโตของพวกเขา ย้อนกลับตอนที่ Kati เกิด ตอนนั้นจีนมีนโยบายให้แต่ละคู่สามีภรรยามีลูกได้คนเดียวเพื่อเป็นการควบคุมจำนวนประชากรภายในประเทศ ก่อนจะมี Kati พ่อกับแม่แท้ๆ ของเธอมีลูกสาวอยู่แล้วหนึ่งคน แต่แล้วคุณแม่ก็ตั้งท้องลูกสาวอีกคนขึ้นมา นั่นทำให้ครอบครัวต้องเก็บไว้เป็นความลับ และเตรียมหาคนรับเลี้ยงหลังจากที่เด็กน้อยลืมตาดูโลก ต่อมาคุณแม่ให้กำเนิด Kati อย่างเงียบๆ ภายในบ้าน จากนั้นก็พาเธอไปยังตลาดในวันต่อมา และทิ้งเธอพร้อมข้อความว่า… “ลูกสาวของเรา Jingzhi เกิดเมื่อเวลา 10:00 น. ในวันที่ 24 ของเดือนที่ 7 ตามปฏิทินจันทรคติ ปี 1995 ความยากจนบีบบังคับให้เราต้องทิ้งเธอไป” …
-
ว่าที่เจ้าสาวตัดสินใจ ‘ถ่ายรูปแต่งงาน’ ต่อไป แม้ความตายจะพรากเจ้าบ่าวไปแล้วก็ตาม
การแต่งงานคือความใฝ่ฝันของผู้หญิงหลายๆ คน ไม่ใช่เพราะจะได้ใส่ชุดแต่งงานสวยๆ ไม่ใช่เพราะจะได้จัดงานยิ่งใหญ่อลังการ แต่เป็นเพราะจะได้เริ่มต้นชีวิตคู่กับผู้ชายที่รักมากที่สุด เหมือนกับ Nikki Salgot ที่ดีใจจนพูดไม่ออกเมื่อแฟนหนุ่ม Collin Rose คุกเข่าขอแต่งงาน และวางแผนจะจัดงานแต่งในวันที่ 14 ตุลาคม ปี 2017 Nikki กับแฟนหนุ่ม Collin ที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานด้วยกัน ภาพตอนที่ Collin คุกเข่าขอแฟนสาวแต่งงาน และเธอก็ตอบตกลงทันที สำหรับ Collin นั้น เป็นตำรวจอยู่ในกรมตำรวจ Wayne State University Police Department ในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา 14 ตุลาคม ปี 2017 คือวันที่ทั้งคู่จะได้เริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ด้วยกันในฐานะสามีภรรยา และพวกเขาก็รอคอยให้วันนั้นมาถึงโดยเร็วที่สุด แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือน ทั้งความหวัง ความฝัน และความสุขทั้งหมดก็พังสลาย เมื่อว่าที่เจ้าบ่าวของเธอถูกยิงขณะปฏิบัติหน้าที่และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในวันที่ 23 พฤศจิกายน ปี 2016 ด้วยวัย 29…
-
เจ้าของแมวเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ทำให้ใครคนหนึ่งยื่นมือเข้ามาช่วยหาบ้านใหม่ให้แก่มัน
สัตว์เลี้ยงที่ได้รับความรักการดูแลเป็นอย่างดีจากเจ้าของ แน่นอนว่าสัตว์เหล่านั้นย่อมมอบความซื่อสัตย์ ความไว้ใจให้แก่ผู้ดูแลมันอย่างสุดหัวใจ แต่สัตว์เหล่านั้นจะเป็นอย่างไร ในวันที่เจ้าของที่คอยเอาใจใส่สัตว์เหล่านี้เกิดเสียชีวิตอย่างกะทันหัน… ทุกๆ คนในละแวกบ้านของ Charlie Beehler รู้ซึ้งถึงความรักที่ Charlie มีต่อแมวของเขา แต่ความโชคร้ายที่เขาได้เสียชีวิตอย่างกะทันหันจากการโดนคนเมาขับรถชนเมื่อต้นปี ทำให้แมวทั้งสองตัวของเขาไม่มีคนดูแลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชาวบ้านต่างเป็นห่วงว่าชีวิตของเจ้าเหมียวจะเป็นอย่างไรในยามที่ไม่มีเจ้าของผู้เป็นที่รัก แต่ว่าหลังจากนั้นไม่นานก็ได้มีคนคนหนึ่งยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแมวที่น่าสงสารทั้งสองตัวนี้ “เป็นความโชคร้ายของครอบครัวนี้จริงๆ หลังจากที่ Charlie ถูกรถชนเสียชีวิตไม่นาน ภรรยาของเขาก็มาตรอมใจเสียชีวิตไปอีกคนหนึ่ง” Jennifer Andersch ทำงานที่มูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งเป็นรัฐที่ Charlie อาศัยอยู่เล่าให้ฟัง Jennifer ย้ายมาจากรัฐเซาท์แคโรไลนา หลังจากที่เธอเกษียณอายุเมื่อ 2-3 ปีก่อนและในตอนนี้เธอก็ทำงานร่วมกับมูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ในเมืองนิวเจอร์ซีย์ และเมื่อเธอได้ยินเรื่องดังกล่าว เธอก็รู้ในทันทีว่าเธอต้องเข้าไปช่วยเหลือแมวของครอบครัวนี้ โดยเธอได้สร้างเพจในเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Save Charlie’s Angels เพื่อตามหาบ้านใหม่ให้กับแมวทั้ง 2 ตัวที่ชื่อว่า WooWoo กับ Smokey โดยเธอสันนิษฐานว่าทั้งคู่น่าจะมีอายุราวๆ 4-6 ปี แต่ว่ามีแมวตัวหนึ่งที่ดูจะกลัวคนแปลกหน้า นั่นจึงเป็นอีกอุปสรรคหนึ่งสำหรับการหาบ้านที่เหมาะสมให้กับมัน “ในทุกๆ วันมีคนแชร์เรื่องราวของแมวทั้งสองตัวนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และสิ่งที่พวกเขาทำนั้นได้ช่วยเพิ่มโอกาสในการหาครอบครัวให้แก่เจ้าขนปุยสองตัวนี้” Jennifer เขียนในเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว …
-
นางแบบสาวตัวน้อยวัย 6 ขวบจากรัสเซีย ที่ผู้คนต่างยกให้เธอเป็นเด็กสาวที่สวยที่สุดในโลก
ถ้าพูดถึงผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกแล้วละก็ หลายๆ คนคงจะนึกถึงนางงามจักรวาลหรือไม่ก็ดาราสาวสวยที่เราพบเห็นตามภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์และนิตยสารชื่อดัง แต่ในวันนี้จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักผู้หญิงที่หลายคนยกให้เธอเป็นผู้หญิงที่สุดในโลก แต่เธอไม่ได้แสดงภาพยนตร์หรือถ่ายแบบในชุดหวือหวาชวนฝันหรอกนะ เธอเป็นเด็กสาวอายุเพียงแค่ 6 ปีต่างหาก เธอชื่อว่า Anastasia Knyazeva หรือเรียกกันสั้นๆ Anna ว่าเด็กหญิงสัญชาติรัสเซียที่มีหน้าตาสะสวยและดวงตาสีฟ้ากลมโต ประหนึ่งว่าเธอนั้นเป็นตุ๊กตาที่มีชีวิตจริงๆ ความสวยของเธอนั้นทำให้มีคนติดตามอินสตาแกรมมากกว่า 500,000 คนแล้ว . Anna เริ่มถ่ายแบบตั้งแต่ตอนที่เธอยังอายุได้เพียง 4 ปีเท่านั้น และแม่ของเธอก็เริ่มโพสต์รูปที่เธอไปถ่ายแบบลงในอินตาแกรมที่ใช้ชื่อของลูกสาวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอเป็นนางแบบที่โด่งดังและได้ถ่ายแบบให้กับแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักกันดีในรัสเซีย อย่าง Amoreco และ Kisabiano มาแล้ว และยังเป็นนางแบบหลักให้กับ Little Miss Aoki ซึ่งเป็นแบรนด์ออกแบบเสื้อผ้าเด็กชื่อดังอีกด้วย . ผู้ติดตามในอินสตาแกรมของเธอก็ยังโพสต์ชมเธออยู่สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดวงที่ที่กลมโตสวยงาม เรื่องความงามที่วันหนึ่งอาจจะแซงหน้านางแบบคนอื่นจนไม่เห็นฝุ่น หรือความสามารถด้านการเดินแบบของเธอที่ทำให้เธอมีอาชีพนางแบบที่มั่นคงและโด่งดังแม้ว่าอายุจะยังน้อยก็ตาม แต่ก็ยังมีกระแสส่วนหนึ่งเช่นกันที่ติเตียน Glikeriya Pimenova แม่ของ Anna ว่ากระทำไม่เหมาะสมที่ให้ลูกทำงานตั้งแต่ยังเด็ก อย่างความเห็นหนึ่งในอินสตาแกรมของเธอได้ตั้งคำถามว่า การที่ให้เด็กอายุเพียง 6 ขวบแต่งหน้ามากขนาดนี้ หรือบางรูปที่ Anna…
-
หนุ่มต่อแถว “เฟิร์สคลาส” รอขึ้นเครื่องบิน โดนไล่เพราะคิดว่าจน เลยควักตั๋วโชว์ – ตอกกลับซะ!!
ปัญหาเรื่องการเหยียดสีผิว แบ่งแยกชาติพันธุ์ หรือตัดสินคนที่หน้าตา เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลก… ล่าสุดมีภาพที่เป็นไวรัลทั่วโลกออนไลน์ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กนามว่าคุณ Emmit Eclass Walker ได้โพสต์เล่าประสบการณ์ของตัวเองระหว่างต่อแถวรอขึ้นเครื่องบิน ปกติแล้วการขึ้นเครื่องจะมีแบ่งออกเป็น 2 แถว คือสำหรับผู้โดยสารพิเศษ และผู้โดยสารปกติ ซึ่งผู้โดยสารสิทธิพิเศษก็ยกตัวอย่างเช่น ผู้ซื้อตั๋วเฟิร์สคลาส ตั๋วชั้นธุรกิจ หรือสิทธิพิเศษอื่นๆ แล้วแต่สายการบิน ซึ่งคุณ Emmit ก็กำลังต่อแถวจะขึ้นเครื่องอยู่ในส่วนของผู้โดยสารสิทธิพิเศษ ก่อนที่จะมีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอให้เขาหลีกทางให้ ผู้หญิง: ขอโทษนะคะ ฉันคิดว่าคุณน่าจะยืนอยู่ผิดแถวแล้วต้องให้ฉันไปก่อน คือแถวนี้มันสำหรับผู้โดยสารสิทธิพิเศษ Emmit: มันหมายถึง First Class ใช่รึเปล่าครับ?? ผู้หญิง: ใช่ค่ะ เพราะงั้นขอทางหน่อยนะ เดี๋ยวพนักงานก็จะประกาศให้คุณขึ้นได้หลังจากพวกเราน่ะ Emmit: (แสดงตั๋วเฟิร์สคลาสให้เธอเห็นต่อหน้า) ใจเย็นๆ ครับคุณผู้หญิง ผมว่าผมอยู่ถูกที่แล้ว แถมผมยังมาก่อน เพราะฉะนั้นคุณต้องขึ้นเครื่องทีหลังผมนะ ผู้หญิง: (พูดลอยๆ ขึ้นมา) นี่เขาเป็นทหารหรือเจ้าหน้าที่อะไรสักอย่างรึเปล่า แต่เราจ่ายเงินซื้อตั๋วนี่มานะ เขาต้องรอทีหลังเราสิ Emmit: เดี๋ยวสิเจ๊ ผมไม่เคยเป็นทหารอะไรกับเขาหรอก ผมมันก็แค่คนดำที่มีเงินเท่านั้นแหละ…
-
ผู้คนเอา ‘เสื้อกันหนาว’ ไปผูกตามรั้วในที่สาธารณะเพื่อให้เหล่า ‘คนไร้บ้าน’ หยิบไปใส่
ฤดูหนาวได้ย่างกรายเข้ามาแล้ว จากที่เราได้สัมผัสก็เริ่มจะรู้สึกว่าอากาศเริ่มเย็นลง แต่โชคดีที่บ้านเราไม่ได้อยู่ในเขตที่เรียกว่าหนาวจัดเหมือนดังประเทศในแถบตะวันตก ซึ่งเราก็พอเดาออกว่าอากาศระดับที่อุณหภูมิติดลบมันจะหนาวขนาดไหน และเมื่อถึงฤดูหนาว หนึ่งในผู้ที่ต้องทรมานจากปัญหานี้มากที่สุดก็คือเหล่าคนไร้บ้านที่มีจำนวนมากมายและยังไม่สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างเด็ดขาด แต่ก็มีประชาชนจำนวนมาก พร้อมมอบช่วยเหลือกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ที่เมืองสวอนซี ประเทศเวลล์ได้มีการช่วยเหลือและแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับชาวเมืองด้วยกัน โดยคุณ Vicki Jones อายุ 46 ปี ได้ขอความร่วมมือจากร้านเสื้อผ้าในเมืองในการบริจาคเสื้อผ้ากันหนาวเพื่อที่จะนำไปให้กับคนไร้บ้านในเมือง ร้านเสื้อผ้าต่างๆ ก็ได้นำเสื้อผ้าที่ตกรุ่นหรือไม่ได้รับความนิยมมาให้กับโครงการนี้ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นำเสื้อผ้าเหล่านี้ไปผูกตามรั้วในเมืองเพื่อเป็นการปลุกให้ชาวเมืองคนอื่นที่อยากจะบริจาคมาทำตาม สาเหตุที่ทำแบบนี้ก็เพราะว่าไม่มีใครรู้จำนวนคนไร้บ้านที่แท้จริง และคิดว่าการนำเสื้อผ้าเหล่านี้ไปผูกไว้กับรั้วจะทำให้คนไร้บ้านที่ไม่กล้ามารับของจากองค์กรที่ช่วยเหลือคนไร้บ้าน ได้ออกมารับบริจาคสิ่งของเหล่านี้ “เรามีเสื้อผ้าจำนวนมากที่มันไม่สามารถขายได้และมันเรื่องยากที่จะนำมารีไซเคิล ฉันเคยเห็นไอเดียนี้ในเฟสบุ๊ก ฉันก็เลยคิดว่ามันน่าจะดีหากฉันนำมาใช้กับเมืองของเราบ้าง เราคิดว่านี่อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดด้วยการตั้งร้านที่มีชื่อว่า The Community Cwtch เพื่อเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือของชุมชน” Vicki กล่าว ซึ่งผลก็ออกมาเกินคาด โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากประชาชนอย่างล้นหลามในการนำเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นมามอบให้กับคนไร้บ้านได้คลายความหนาวในฤดูกาลนี้ และโครงการดีๆ นี้ก็อาจจะถูกนำไปต่อยอดในการช่วยเหลือคนไร้บ้านในด้านอื่นๆ อีกต่อไป ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ของการแบ่งปันที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ที่มา unilad
-
เมื่อนักร้องประกวดเวที X-Factor ร้องเพลงตอนทำอาหาร แหม๊ นึกว่าเปิดเวทีคอนเสิร์ต
เป็นเรื่องปกติที่เราจะฮัมเพลงไปพร้อมกับอาบน้ำ ทำอาหาร ตัดหญ้า ขับรถ หรือทำกิจกรรมอื่นๆ แน่นอนว่าเสียงคงไม่เพราะเท่าไหร่หรอก ก็ไม่ได้ตั้งใจร้องหนิ แต่นั่นไม่ใช่สำหรับหญิงสาวที่ชื่อ Chloe Paige ที่แค่ร้องเพลงขณะทำอาหารในครัว มันก็เพราะจับใจซะจนนึกว่าเธอกำลังร้องอยู่บนเวที นี่เป็นคลิปขณะที่ Chloe ทำอาหารอยู่ในครัว โดยมีใครคนหนึ่งเริ่มเล่นเปียโน จากนั้นหญิงสาวก็ร้องเพลงตามปกติเหมือนทุกครั้ง โดยไม่รู้ตัวว่าโดนแอบถ่ายอยู่ ต้องบอกเลยว่าเสียงของ Chloe นั้นไพเราะมากๆ เพราะในระดับที่เรียกได้ว่าเทียบกับนักร้องระดับเทพเลย นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจร้องนะ คลิปดังกล่าวมีคนเข้าไปชมกว่า 2 ล้านครั้ง บางคนถึงกับฟังซ้ำๆ หลายรอบ ก็มันเพราะจริงๆ หนิ เสียงสดยังขนาดนี้ แล้วถ้าเข้าห้องอัดจะขนาดไหน ด้วยเสียงอันไพเราะและมีพลังนี้ ทำให้ชาวเน็ตตามสืบว่าเธอคือใครกันแน่ๆ หรือเป็นนักร้องสังกัดไหน? และแล้วก็ได้รู้ว่าเธอเป็นผู้ที่หลงใหลในการร้องเพลงและเคยขึ้นโชว์พลังเสียงในเวที The X Factor UK มาแล้ว ย้อนกลับไปในปี 2015 Chloe ได้ขึ้นประกวดร้องเพลงในรายการ The X Factor UK ซีซั่น 2 และได้เข้ารอบ 6 สุดท้าย ก่อนจะตกรอบอย่างน่าเสียดาย…
-
ภาพอันโหดร้ายจากสารคดีที่ทำให้เห็นถึงผลกระทบจากการทิ้ง ‘ขยะพลาสติก’ ลงทะเล
ทุกวันนี้โลกได้รับผลเสียมากมายจากการกระทำของมนุษย์ แม้จะมีหลายหน่วยงานออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการรักษ์ โลกแต่ปัญหาก็ไม่มีท่าทีจะลดลง โดยเฉพาะปัญหาจากการทิ้งขยะพลาสติกลงแม่น้ำหรือทะเล เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ทาง BBC ได้เผยแพร่คลิปจากรายการ Blue Planet II ซึ่งเผยให้เห็นภาพของสัตว์ที่ต้องอยู่ร่วมกับขยะที่มนุษย์ทิ้งลงทะเล คลิปดังกล่าวนี้มีผู้เข้าชมนับล้าน โดยผู้อยู่เบื้องหลังหวังว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาการทิ้งพลาสติกลงทะเล อันจะนำไปสู่การหาทางออกต่อไป จากคลิปที่ได้ดูไปจะเห็นวาฬสเปิร์มตัวหนึ่งพยายามกินเศษถังพลาสติกเข้าไป เพราะเข้าใจว่าเป็นอาหาร เศษถังพลาสติกไปติดอยู่ในปากของวาฬจนทำให้มันไม่สามารถกินอาหารได้ อย่างไรก็ตามคลิปที่เราได้ดูไปนั้นเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของปัญหาเท่านั้น เพราะไม่ได้มีแค่ปลาแต่ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อีกมากมายที่อาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำแล้วได้รับผลกระทบซากขยะพลาสติก Lucy Quinn จากทีมสำรวจ British Antarctic Survey Team เผยว่าจำนวนประชากรนกใน South Georgia ในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากขยะที่ถูกทิ้งในทะเล นกอัลบาทรอสที่เสียชีวิตจากการถูกไม้จิ้มฟันพลาสติกเจาะเข้าที่ลำไส้ พลาสติกส่วนหนึ่งที่เก็บมาจากท้องมหาสมุทร David Attenborough ผู้ดำเนินรายการ Blue Planet II ได้เดินไปตามชายหาดและเก็บขยะพลาสติกที่ถูกนำมาทิ้งไว้เพื่อชี้ให้เห็นความรุนแรงของปัญหา เต่าตัวนี้กำลังว่ายน้ำไปพร้อมกับพลาสติก ใกล้กับพื้นผิวของมหาสมุทร สัตว์จำนวนมากกลืนพลาสติกลักษณะนี้ลงไป แน่นอนว่ามันย่อยไม่ได้ สุดท้ายก็จะส่งผลเสียกับร่างกายของพวกมัน …
-
ตายายถึงกับเซ็ง หลังโดนเพื่อนบ้านสร้างรั้วบังหน้าต่างซะมิด ทำให้ทั้งคู่ต้องอยู่ในความมืดมิด
การอยู่ร่วมกันในสังคม จำเป็นต้องคิดถึงคนอื่นให้มากๆ บางอย่างทำแล้วเราอาจจะมีความสุข แต่ต้องแน่ใจว่าความสุขของเราไม่ได้อยู่บนความทุกข์ของคนอื่น อย่างกรณีของตายายคู่นี้ที่ต้องอยู่ในบ้านที่มีแต่ความมืดมิด หลังถูกเพื่อสร้างรั้วบังหน้าต่างของพวกเขาและบดบังแสงที่จะเข้ามา Arthur และ Eva Evans ตายายที่มีอายุอยู่ในช่วง 80 ปี ได้ย้ายไปอยู่ในบ้านที่ชนบทใน Ashton with Stodday ใกล้กับแลงคาสเตอร์ ประเทศอังกฤษ หลังจากที่เกษียณเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ทั้งคู่หวังจะใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายอย่างแสนสุขด้วยกันที่นั่น แต่แล้วเพื่อนบ้านก็มาทำลายความสุขนั้นด้วยการสร้างรั้วโดยไม่บอกตายายเลยสักคำ ตายายอ้างว่าเพื่อนบ้าน Roger Clark สร้างกำแพงอิฐขึ้นมาเมื่อ 14 เดือนก่อน ซึ่งติดกับบ้านของพวกเขาไม่ถึงก้าว ยิ่งไปกว่านั้นกำแพงดังกล่าวยังบดยังหน้าต่างทั้ง 5 บานของพวกเขาด้วย ทั้งคู่ยังบอกอีกว่ารู้สึกเครียดมากและไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ Clark ทำมาตั้งแต่แรก แต่ขัดไม่ได้เพราะเขาเป็นเจ้าของบริษัท Stodday Land Ltd ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินส่วนใหญ่ของที่นี่ ตอนแรกนาย Clark บอกกับ Arthur และ Eva ว่าจะสร้างกำแพงนี้แค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่ทว่าเวลาล่วงเลยไปกว่าหนึ่งปีแล้ว กำแพงก็ยังอยู่เช่นเดิม เท่านั้นยังไม่พอ Clark ยังวางถึงอึหมาไว้ที่นอกหน้าต่างพวกเขาด้วย จึงจำเป็นต้องปิดหน้าต่างตลอดเวลา เพราะมันส่งกลิ่นเหม็น เมื่อนักข่าวติดต่อไปยังนาย Clark เขาบอกว่าไม่ได้รับการร้องเรียนใดๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ทำ ดังนั้นจึงถือว่าบริษัทของเขาไม่มีความผิดอะไรในขณะนี้…
-
ย้อนร้อยอุบัติเหตุ TG311 กับความสูญเสียครั้งใหญ่ของไทย ที่ยากจะลืมเลือน…
การบินไทยถือเป็นหนึ่งในสายการบินที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในประเทศไทย แต่การที่เราเห็นการบินไทยบินเฉิดฉายอยู่กลางอากาศอย่างสง่างามอย่างทุกวันนี้ ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เคยเกิดความผิดพลาดมาก่อน ย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ. 2535 ได้เกิดเห็นเครื่องบินของการบินไทยชนเข้ากับภูเขา ส่งผลให้ผู้โดยสารพร้อมลูกเรือทั้งหมดเสียชีวิต และกลายเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ได้รับการพูดถึงทั่วโลก ภาพถ่ายเครื่องบินลำที่เกิดเหตุ บนรันเวย์สนามบินดอนเมืองเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2535 เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 โดยการบินไทย เที่ยวบินที่ TG311 ได้เดินทางจากประเทศไทยไปยังท่าอากาศยานนานาชาติตรีภูวัน กรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล ในวันดังกล่าวสภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนเนื่องจากมีลมมรสุมที่พัดกระหน่ำ ดังนั้นในขณะที่นักบินจึงพยายามลดระดับลงเพื่อลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติตรีภูวันก็เกิดความผิดพลาดขึ้น โดยขณะที่เครื่องบินอยู่ห่างออกไป 12 ไมล์ ได้เกิดปัญหาแฟลปไม่กาง แต่นักบินพยายามแก้ไขจนแฟลปทำงานได้ปกติ แต่อย่างไรก็ตามยังมีปัญหาเครื่องลดระดับช้าเกินไป และไม่อยู่ในตำแหน่งที่จะลงจอดได้ สารคดีเหตุการณ์ TG311 ที่เพิ่งทำออกมา สำหรับผู้ที่สนใจลองชมได้ในคลิปด้านล่างนี้ค่ะ ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือในเวลานั้นสนามบินยังไม่มีเรดาร์ ทำให้ต้องสื่อสารกันผ่านวิทยุ โดยหอควบคุมการบินได้มีคำสั่งให้ TG311 บินวนแล้วเลี้ยวกลับมาลงจอดอีกครั้ง แต่ความพยายามนั้นก็ยังไม่ได้ผลอีก นักบินจึงขอบินวนอีกครั้ง แต่ด้วยการสื่อสารคลาดเคลื่อนระห่างนักบินกับหอควบคุม บวกกับการต้องรอให้เครื่องบินของเนปาลลงจอดก่อน จึงทำให้การบินวนของ TG311 ในครั้งนี้เกิดความผิดพลาด แทนที่จะบินวนไปทางใต้ซึ่งเป็นที่ราบ แต่เที่ยวบิน TG311 กลับมุ่งหน้าไปทางเหนือของสนามบินตรีภูวัน ซึ่งเป็นเขตภูเขาสูง อนุสรณ์สถานที่อุทิศแด่ผู้เสียชีวิตทั้ง 113 คน…
-
Lui Lai-yiu นักกีฬาสาวฮ่องกงเผย เคยโดน ‘โค้ช’ คุกคามทางเพศเมื่อสมัยยังเป็นนักกีฬาวัยรุ่น
เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีกระแสแคมเปญที่ชื่อว่า #Metoo ซึ่งเป็นแคมเปญที่เชิญชวนให้ผู้หญิงทั่วโลกออกมาบอกถึงภัยคุกคามที่พวกเธอเคยได้เผชิญในรูปแบบการถูกคุกคามทางเพศ เพื่อให้ทั่วโลกได้ตื่นตัวและให้ความสำคัญกับอันตรายที่พวกเธอต้องเจอ เพราะว่าเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นกับผู้หญิงทั่วทุกมุมโลก Lui Lai-yiu นักกีฬาวิ่งข้ามรั้วจากประเทศฮ่องกง ได้ตัดสินใจเข้าร่วมกับแคมเปญนี้เป็นคนแรกในประเทศ โดยเธอบอกว่า ภัยคุกคามทางเพศที่เธอได้เจอมานั้นเกิดขึ้นในสมัยวัยรุ่น และคนที่เป็นผู้กระทำการดังกล่าวก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่ว่าเป็นผู้ฝึกสอนของเธอในเวลานั้นนั่นเอง เธอได้โพสต์เรื่องดังกล่าวลงในเฟซบุ๊กของเธอเอง ในวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมาซึ่งตรงกับวันเกิดของเธอพอดี โดย Lui ได้เล่าถึงประสบการณ์ที่ฝังใจในครั้งนั้นจากน้ำมือของอดีตโค้ชของเธอ ซึ่งเธอได้สมมุติให้โค้ชคนนั้นชื่อว่า โค้ช Y ประสบการณ์ไม่รู้ลืมของ Lui เกิดขึ้นเมื่อเธอมีอายุเพียง 13 ปี เธอเล่าให้ฟังว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นในเย็นวันหนึ่งเมื่อโค้ช Y เสนอให้เธอไปนวดเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่บ้านของเขา และสิ่งที่ทำให้เธอยอมไปก็เพราะต้องการจะคลายกล้ามเนื้อจากการฝึกซ้อมอย่างหนักเพียงเท่านั้น แต่เมื่อไปถึงบ้านของโค้ช Y กลับไม่ใช่การนวดที่เธอคิดเอาไว้ โดยโค้ชคนดังกล่าวได้พยายามถอดเสื้อผ้ารวมถึงชุดชั้นในของเธอ และเริ่มสัมผัสที่จุดสงวนต่างๆ “ในความคิดของฉัน เขาเป็นโค้ชที่น่าเคารพคนหนึ่ง ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะทำสิ่งที่น่ารังเกียจแบบนั้นกับนักเรียนของเขาเอง” Lui กล่าว สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้เธอเข้าร่วมแคมเปญดังกล่าว ก็คือเธอได้ฟังเรื่องราวของ McKayla Maroney นักยิมนาสติกชื่อดัง ที่ได้แชร์ประสบการณ์การถูกคุกคามทางเพศจากหมอคนหนึ่งในทีมของเธอ ซึ่งนั่นได้ทำให้ Liu อยากจะออกมาเผยแพร่เรื่องราวของเธอเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้แก่ผู้อื่นบ้าง …
-
ชุดกันหนาวสำหรับ ‘การขับขี่มอเตอร์ไซค์’ โดยเฉพาะ อุ่นจริงๆ อุ่นเหมือนห่มผ้าห่มอยู่บนเตียง!!
เมื่อฤดูหนาวมาถึง ลมหนาวที่มาพร้อมกับฤดูนี้ก็ทำให้ใครหลายคนรู้สึกมีความสุข เพราะมันช่างเย็นสบายและเต็มไปด้วยความผ่อนคลายเมื่อมันได้พัดผ่านเราไป ใครหลายคนจึงชอบฤดูกาลนี้เป็นที่สุดเมื่อเทียบกับฤดูอื่นๆ แต่สำหรับผู้ที่ขี่มอเตอร์ไซต์ ลมหนาวได้กลายเป็นเหมือนผีร้ายที่คอยมารังแก เพราะด้วยความเร็วระหว่างขับขี่ บวกกับความที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้นระหว่างลมหนาวที่เข้ามาปะทะส่วนต่างๆ ในร่างกายเรา ทำให้บางทีการขี่มอเตอร์ไซต์ในฤดูหนาวมันก็เหมือนกับการทรมานตัวเองไม่ใช่น้อย ทว่าบริษัทหนึ่งในประเทศจีน ได้มีวิธีแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว โดยพวกเขาได้สร้างชุดเกราะป้องกันลมขึ้นมา ซึ่งมันดูคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับยกผ้าห่มมาคลุมตัวเราไว้ขณะขี่รถ และถ้านำไปใส่คู่กับหมวกกันน็อก ใครหลายคนก็บอกว่ามันช่างเหมือนกับเตียงนอนเคลื่อนที่เสียนี่กระไร ใครยกผ้าห่มออกมาจากบ้านฟะ กันน้ำ กันลม กันฝน กันแดด ชุดที่พวกเขาได้ออกแบบมาเป็นพิเศษนี้ จะช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกอุ่นเหมือนกับขี่รถเฉียดกองไฟเลยทีเดียว เพราะว่าชุดนี้สามารถปกคลุมตั้งแต่บริเวณจมูกลงไปจนถึงหน้าขา อีกทั้งมันเป็นชุดอเนกประสงค์ที่ป้องกันได้ทั้ง ลม น้ำ ฝุ่น และหิมะ ราวกับชุดนักบินอวกาศเลย ปิดได้ตั้งแต่ติ่งหูยันตาตุ่ม สำหรับราคาของเจ้าชุดกันลมเคลื่อนที่นี้ก็มีราคาไม่แพงนัก โดยมันมีราคาอยู่ที่ 4.5 ดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 146 บาท) เท่านั้น โดยสามารถสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ Tmall มีให้เลือกมากมายหลายสีสันที่คุณต้องการ แต่สำหรับเรื่องความปลอดภัยของชุดนี้ ยังเป็นความกังวลของใครหลายคนที่กำลังลังเลที่จะซื้อมัน เพราะว่าขนาดที่ดูใหญ่เทอะทะและเกะกะของชุดนี้ อาจจะมีหลายคนที่คิดว่ามันอาจจะเป็นต้นเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องนี้ทางบริษัทผู้ผลิตไม่ได้ออกมากล่าวถึงแต่อย่างใด อ้าวช่วงนี้…
-
ใจได้!! ช่างภาพรัสเซียเผาหมู่บ้านทั้งหมู่บ้าน เพื่อถ่ายภาพสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาพื้นที่ถูกทิ้งร้าง
ช่างภาพต่างๆ เมื่อจะสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ดูดี พวกเขาก็มักจะมีการจัดฉากเพื่อให้ภาพถ่ายของพวกเขาสามารถสื่อสารความหมายได้อย่างที่ต้องการ และก็มีช่างภาพคนหนึ่งที่ต้องการจะสะท้อนให้เห็นปัญหาหมู่บ้านถูกทิ้งร้างผ่านรูปถ่าย เขาจึงลงทุนเผาทั้งหมู่บ้านทิ้งซะเลย Danila Tkachenko ช่างภาพชาวรัสเซียได้สร้างโปรเจกต์ที่ชื่อว่า The Motherland ขึ้นมาเพื่อต้องการจะให้ผู้คนเห็นถึงความสำคัญของพื้นที่ทิ้งร้างในประเทศ โดยเขาได้เผาหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เคยสวยงามและเต็มไปด้วยชาวบ้านจำนวนมากเมื่อประมาณ 100 ปีก่อนให้ลุกเป็นไฟ และสิ่งของในหมู่บ้านที่เขาเผานั้นล้วนแล้วแต่เป็นของที่ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป เผาเพื่อให้เห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ จุดเริ่มต้นที่ผู้คนชนบทต่างทิ้งถิ่นฐานของตัวเองไป เกิดขึ้นจากระบบรวมอำนาจของสหภาพโซเวียตในปี 1928-1937 โดยนั่นเป็นจุดแรกที่ทำให้หมู่บ้านต่างๆ ในประเทศรัสเซียเริ่มเสื่อมโทรมลง เพราะว่าระบบรวมอำนาจอันเผด็จการได้ยึดอาหาร และสิ่งปลูกสร้างของคนชนบทไปเป็นทรัพย์สินของรัฐอีกจำนวนมาก จึงเป็นเหตุให้มีคนชนบทกว่า 7-8 ล้านคนต้องตายจากความหิวโหยและการถูกกดขี่ บ้านทั้งหลังเมื่อไม่มีใครใช้ก็เผาทิ้งซะเลย นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านอีกกว่า 2 ล้านคนถูกนำตัวไปทำงานที่ไซต์ก่อสร้างในค่ายที่ชื่อว่า Gulag ซึ่งได้เป็นจุดเริ่มต้นของยุคอุตสาหกรรมในประเทศรัสเซียนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้ส่งผลถึงในปัจจุบัน ที่ชาวบ้านในชนบทต่างเข้าไปในเมืองใหญ่ๆ เพื่อหางานทำและทิ้งร้างพื้นที่บ้านเกิดของพวกเขาไว้อย่างเปล่าประโยชน์ หมู่บ้านแห่งนี้เคยเจริญรุ่งเรืองเมื่อประมาณ 100 ปีก่อน โดยใน 20 ปีที่ผ่านมามีหมู่บ้านถึง 23,000 หมู่บ้านได้หายไปจากแผนที่ประเทศรัสเซีย ขณะเดียวกันประชากรกว่า 76% ในประเทศรัสเซียต่างอาศัยอยู่แต่ในเมืองใหญ่ๆ เท่านั้น เกษตรกรรายย่อยตามชนบทไม่สามารถต้านทานความยิ่งใหญ่ของโรงงานต่างๆ ได้ อีกทั้งรัฐบาลรัสเซียยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับเกษตรกรรมอีกด้วย นั่นจึงเป็นเหตุให้พื้นที่ชนบทต่างๆ เริ่มกลายเป็นพื้นที่ไร้ประโยชน์ในที่สุด …
-
เหล่าสาวๆ เพนท์ตัวไปออกกำลังกายที่ยิม เนียนซะนึกว่าใส่ชุดแนบเนื้อจริงๆ นะเนี่ย
ในปัจจุบันมีจิตรกรฝีมือดีมากมายให้ความสนใจในการวาดภาพเสมือนจริง ที่เวลาเราเห็นภาพแล้วบางทีถึงกับนึกว่าเป็นของจริงอย่างไรอย่างนั้น อย่างเช่น ภาพประตูหลอกๆ ที่อยู่บนกำแพง ภาพอุโมงค์ลึกที่ถูกวาดไว้ที่สุดทางตัน หรือว่าภาพน้ำตกไหลเชี่ยวที่วาดไว้บนพื้นหินเรียบๆ ภาพเหล่านี้ดูน่าทึ่งและสมจริงมากเสียจนเราอดนึกชื่นชมผู้เป็นคนวาดภาพเสียไม่ได้ว่าวาดยังไงให้หลอกตาคนได้ขนาดนี้ และก็มีจิตรกรหญิงท่านหนึ่งที่อยากจะทดลองฝีมือของตนเองเสียหน่อยว่าสมจริงขนาดไหน โดยเธอจะลองให้ผลงานของเธอออกสู่สายตาของผู้คนแล้วดูว่าจะมีคนจับผิดได้หรือไม่ แต่เธอไม่ได้วาดภาพลงบนผืนผ้าใบหรือฝาผนังหรอกนะ เธอวาดภาพลงบนตัวคนหรือเป็นที่รู้จักทั่วไปในชื่อบอดี้เพนท์นั่นเอง Maria Luciotti และ Sarah Reilly นางแบบของงานนี้ จิตรกรบอร์ดี้เพนท์หญิง Jen Seidel ได้เชิญ Maria Luciotti และ Sarah Reilly มาเพื่อช่วยเธอในการทดสอบครั้งนี้ โดยให้นางแบบทั้งสองคนใส่เพียงจุกปิดหัวนมและกางเกงในเท่านั้น แล้วเธอจึงลงสีบนตัวของทั้งสองคน ให้เหมือนกับว่าเธอทั้งสองกำลังใส่ชุดออกกำลังกายอยู่ ทีนี้ก็ได้เวลาแล้วที่ทั้งสามคนจะได้รู้เสียทีว่าผลงานของเธอจะแนบเนียนจนทำให้คนทึ่งมากขนาดไหน . . สถานที่ที่พวกเธอเลือกไปก็คือ Planet Fitness ซึ่งมีคนใช้บริการอยู่เป็นประจำ โดยเริ่มจากการเข้าไปขอให้พนักงานหญิงที่ดูแลอยู่ช่วยพาพวกเธอเดินดูรอบๆ ฟิตเนสแห่งนี้หน่อย ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอให้บริการจิตรกรสาวและนางแบบทั้งสอง ตามปกติเหมือนกับว่านางแบบไม่ได้กำลังโป๊อยู่เลย พอพนักงานหญิงได้รู้ความจริงเข้า เธอก็ตกใจไม่ใช่น้อยกับผลงานที่เสมือนจริงขนาดนี้ เท่านั้นยังไม่พอ สาวๆ ยังทำการทดลองต่อไปอีกโดยทำท่าทีว่าพวกเธอมาออกกำลังกายตามปกติท่ามกลางผู้ใช้บริการฟิตเนสมากมาย แต่ก็นั่นแหละ ไม่มีใครดูออกเลยว่าพวกเขากำลังออกกำลังกายอยู่กับสาวๆ ที่เกือบเปลือยและมีสีสันแต่งแต้มอยู่บนร่างกาย . …
-
นางแบบสาวเดือดโพสต์ประจาน หลังช่างภาพทักมาจ้างงาน แล้วอยากมีเซ็กส์ด้วย!!
ถ้าหากว่าคุณเป็นนางแบบนายแบบที่มีความสามารถและมีรูปร่างหน้าตาดี ไม่แปลกเลยที่คุณจะเป็นที่ต้องการตัวของช่างภาพ จึงมีบ่อยๆ ที่ช่างภาพจะติดต่อกับตัวนายแบบนางแบบเอง เพราะว่าทำให้การคุยรายละเอียดงานนั้นสะดวก และยังเป็นการทำความรู้จักและความคุ้นเคยกันก่อนพบเจอหน้าในชีวิตจริงอีกด้วย แต่การติดต่องานเองนั้นไม่ได้มีอะไรรับรองว่าการทำงานจะเป็นมืออาชีพเสมอไป บางครั้งอาจจะมีอุปสรรคเช่นสถานที่นัดไม่เหมาะสมในการถ่ายแบบ หรืองานที่ต้องทำไม่ตรงกับที่เคยตกลงกันไว้ คนถ่ายแบบเองจึงควรมีความรอบคอบในการรับงาน แต่คงไม่มีอะไรน่ากลัวเท่ากับการที่นางแบบคอสเพลย์ชาวมาเลเซีย Kino Mikii เจอ เมื่อมีคนติดต่อเธอมาเพื่อจะให้เป็นนางแบบให้ แต่ต่อมาถึงได้รู้ว่าเขาต้องการมีเพศสัมพันธ์กับเธอต่างหาก เรื่องเกิดขึ้นเมื่อช่างถ่ายภาพ Michael Alex ได้ติดต่อเธอมาทางข้อความส่วนตัวในอินสตาแกม เพื่อขอให้เธอเป็นนางแบบชุดบิกินี่ให้เขา . . ซึ่งดูๆ แล้วก็เป็นเพียงการถ่ายแบบชุดวาบหวิวธรรมดาๆ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แถมตัวนางแบบเองก็ยังระมัดระวังตัวอย่างดี โดยถ้านัดถ่ายกันในที่สาธารณะ เธอจะเดินทางไปสถานที่ถ่ายแบบเองเท่านั้น หรือหากต้องถ่ายแบบในที่ลับตา เธอก็จะพาเพื่อนไปกับเธอด้วย จะได้ไม่ถูกลวนลามง่ายๆ แต่เรื่องก็เริ่มดูไม่น่าไว้วางใจ เมื่อเขาถามเธอให้ช่วยถ่ายแบบเพิ่มเติมให้เขา โดยเขาจะให้เธอเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าของเขาเอง ซึ่งเป็นของจำพวกอวัยวะเพศปลอม เขาต้องการให้เธอถ่ายรูปโดยใส่ชุดยั่วสวาท และถือเซ็กส์ทอยประกอบด้วย . . . ซึ่งเธอก็ยังปฏิเสธเขาด้วยท่าทางสุภาพว่า เธอไม่รับงานถ่ายแบบในทำนองนี้ แต่ยังยินดีจะถ่ายแบบชุดบิกินี่ให้ตามที่ได้ตกลงกันไว้ในตอนแรกนั่นเอง คงจะเห็นท่าว่านางแบบไม่เล่นด้วย เขาจึงตัดสินใจคุยกับเธอซึ่งๆ หน้า ว่าเขาต้องการมีเซ็กส์กับเธอหลังจากเธอถ่ายแบบแล้ว…
-
สาวแท้งลูกลงมือฆาตกรรมว่าที่คุณแม่ท้องแก่ แล้วผ่าลูกในท้องของเธอเอาไปเป็นของตัวเอง!!!
การตั้งครรภ์เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดสำหรับผู้หญิง เพราะว่าเป็นการให้กำเนิดอีกหนึ่งชีวิตให้ได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก และเธอจะได้รับโอกาสในการเป็นแม่คน ซึ่งเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่ได้เกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นคดีหนึ่งในประเทศบราซิล เมื่อมีสาวท้องแก่ใกล้คลอดถูกฆาตกรรมอย่างเลือดเย็น แล้วถูกคนฆ่าผ่าท้องเอาลูกของเธอออกไป แล้วอ้างว่าเป็นลูกของตัวเองซะอย่างงั้น Gabrielle สายน้อยวัย 18 ปีก่อนจะตั้งครรภ์ เหตุการณ์นี้ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่เมือง Uberlandia ประเทศบราซิล สาวท้องแก่ชื่อว่า Gabrielle Barcelos Silva ได้รับการติดต่อจากคนคนหนึ่ง โดยเธอคนนั้นบอกว่าจะบริจาคเสื้อผ้าเด็กให้แก่ลูกของเธอ แต่เธอต้องมารับเองที่บ้าน เมื่อไปถึงบ้านหลังนั้น คนร้ายก็ได้นำกาแฟผสมยากล่อมประสาทมาให้ Gabrielle รับประทานหลังจากที่ยากล่อมประสาทเริ่มออกฤทธิ์ คนร้ายก็ได้รัดคอเธอจนเสียชีวิต จากนั้นก็ได้ใช้มีดผ่าท้องเพื่อนำลูกของเธอออกมา Gabrielle เหยื่อของการฆาตกรรมอันเหี้ยมโหด และเพื่อความแนบเนียนฆาตกรวัย 38 ปีก็ได้ต่อโทรศัพท์ไปยังเลขหมายฉุกเฉิน โดยเธออ้างว่าเธอได้คลอดลูกอยู่ริมถนนแห่งหนึ่งในเมืองนั้น และเมื่อไปถึงโรงพยาบาล ด้วยความเชี่ยวชาญของหมอ จึงได้เห็นความพิรุธต่างๆ ในตัวของฆาตกรคนนี้ จึงได้โทรแจ้งตำรวจ และในภายหลังคนร้ายคนนี้ก็ได้ยอมรับว่าเธอเป็นผู้ก่อเหตุสุดสยองดังกล่าว โดยศพของ Gabrielle ถูกพบโดยลูกชายวัย 14 ปีของฆาตกร ที่พบศพของเธอม้วนอยู่ในผ้าห่มในสภาพสุดอเนจอนาถเกินกว่าที่ใครคนหนึ่งจะสามารถทนดูได้ เธอมักจะถ่ายรูปคู่กับลูกในท้องของเธอเสมอ ซึ่งก่อนหน้าที่…
-
คุณยายขอแชะภาพครอบครัวที่เจอโดยบังเอิญ แต่นั่นเป็น ‘ภาพครอบครัว’ ภาพสุดท้ายของพวกเขา
คนแต่ละคนย่อมมีงานอดิเรกแตกต่างกัน บางคนก็ชอบดูหนัง บางคนชอบท่องเที่ยว บางคนก็ทำสวนอยู่ที่บ้าน ซึ่งก็มักเป็นกิจกรรมฆ่าเวลาที่เราทำแล้วมีความสุขเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วกิจกรรมเหล่านี้อาจจะมีคุณค่าต่อบุคคลอื่นที่บังเอิญมามีส่วนเกี่ยวเนื่องกับงานอดิเรกเหล่านี้ด้วย อย่างคุณยาย Joyce Rhinehart ที่อาศัยอยู่ในเขตอัปเปอร์อาร์ลิงตัน เมืองแฟรงคลิน รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเธอมีงานอดิเรกคือการถ่ายรูปน่ารักๆ ของคนแปลกหน้า แล้วส่งไปให้พวกเขา คุณยาย Joyce Rhinehart ขณะอยู่กับหลานชาย ในวันที่ 8 มิถุนายน 2017 เธอได้พา Blake หลานชายของเธอแวะซื้อไอศกรีมที่ร้าน Rita’s ขณะกำลังกลับจากการเรียนเทนนิส ตอนนั้นเองเธอได้เจอครอบครัวครอบครัวหนึ่งกำลังนั่งทานไอศกรีมกันอย่างมีความสุข เห็นแล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะขอถ่ายรูปพวกเขาเก็บไว้ แล้วก็ไม่ลืมที่จะขอเบอร์ของลูกสาวครอบครัวนั้นไว้เพื่อจะส่งภาพให้ด้วย เธอก็ทำไปตามปกตินิสัยของเธอ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษในการถ่ายรูปครอบครัวนี้ จากนั้นเธอจึงบอกลาครอบครัวนั้น แล้วพาหลานชายกลับบ้านของตน รูปครอบครัวที่คุณยายถ่ายไว้ แต่ในเวลาต่อมา วันที่ 19 มิถุนายน 2017 ซึ่งเป็นวันพ่อ มีเบอร์ปริศนาส่งข้อความมาหาคุณยาย โดยมีใจความดังนี้ “สวัสดีครับ คุณเคยถ่ายรูปครอบครัวให้กับเราที่หน้าร้าน Rita’s ในวันที่ 2 มิถุนายน ผมอยากจะบอกให้คุณรู้ว่า ภรรยาของผมเสียชีวิตไปเมื่อวานนี้เอง…
-
ชมบรรยากาศหุบเขาใน Los Angeles ที่กำลังเผชิญปัญหา ‘ไฟป่า’ ดูราวกับวันมหาวิปโยค
ราวกับวันมหาวิปโยคไม่มีผิด เมื่อเวลา 17:20 ของวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่าขณะนี้ที่ นครลอสแอนเจลิส และหลายพื้นที่ของรัฐแคลิฟอร์เนีย กำลังเผชิญกับเหตุไฟป่าที่ลุกลามขึ้นอย่างรวดเร็ว ไฟป่าอันน่ากลัวนี้ถูกตั้งชื่อว่า Skirball Fire ซึ่งกินพื้นที่กว่า 120 ไร่ และลุกลามไปถึงพื้นที่ใกล้เคียงของ Bel Air UCLA และศูนย์ศิลปะ Getty Center เลียบไปตามถนนสาย I-405 ขณะนี้ถนนดังกล่าวถูกปิดเรียบร้อยแล้ว โดยมีนักดับเพลิงจำนวน 125 คน และเฮลิคอปเตอร์อีกหลายลำกำลังควบคุมไฟป่าไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้ ทั้งนี้ไฟป่า Skirball Fire เกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เวลา 04:52 น. บริเวณทางหลวง Sepulveda Pass ส่งผลให้บ้านหลายหลังในบริเวณใกล้เคียงถูกไฟเผาจนไม่เหลือซาก ทางการได้มีการอพยพผู้คนออกจากพื้นที่ และหยุดกิจกรรมที่ทุกอย่างที่จะมีขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อป้องกันในกรณีที่ไฟป่าลุกลามกว้างขึ้น ส่วนสาเหตุของไฟป่าในครั้งนี้คาดว่าเกิดจากแรงลมที่พัดด้วยความเร็ว 25 ไมล์ต่อชั่วโมง ส่งผลให้เกิดประกายไฟ และลุกลามไปยังแหล่งชุมชนในเวลาอันรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือผู้ได้รับบาดเจ็บ และหากมีความคืบหน้าอย่างไรจะรายงานให้ทราบให้ภายหลัง… …
-
คุณแม่สอนวิธีการเอาชีวิตรอดให้ลูกสาววัย 4 ขวบ ก่อนที่แม่จะถูก ‘มะเร็งร้าย’ พรากไป
มะเร็งเป็นหนึ่งในโรคร้ายที่สามารถคร่าชีวิตมนุษย์ได้จำนวนหลายล้านคนต่อปี และเป็นโรคที่หาทางรักษาได้ยากอีกทั้งยังเป็นได้ทุกช่วงอายุตั้งแต่เด็กจนถึงคนชรา ซึ่งในปัจจุบันทางการแพทย์ก็ได้หาวิธีการรักษาใหม่ๆ เพื่อให้เจ้าโรคมะเร็งนี้ไม่สามารถคร่าชีวิตของมนุษย์ได้อีกต่อไป แต่โรคมะเร็งก็ยังสามารถทำลายได้ทุกอย่าง อย่างเช่นเรื่องราวของครอบครัวของหนูน้อย Hana Chan วัย 5 ขวบที่ต้องสูญเสียแม่ผู้เป็นที่รักของเธอไปด้วยโรคมะเร็ง เรื่องราวเริ่มต้นมาตั้งแต่คุณ Chie แม่ของหนูน้อยได้แต่งงานกับ Shingo Yasutake เมื่อปี 2001 ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานคุณแม่ก็ได้ไปตรวจร่างกายเพื่อจะเตรียมตัวมีบุตร แต่ก็ต้องพบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งเต้านมระยะแรก เธอจึงรีบทำการรักษาเพื่อที่จะได้มีลูกดังที่ใจหมายปองไว้ และแล้วเรื่องมหัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้นหลังจากที่เธอคิดว่าหมดหวังที่จะมีลูกเนื่องจากโรคมะเร็งเต้านมที่เธอเป็นอยู่ ฟ้าได้ส่งเด็กน้อยมาอยู่ในครรภ์ของเธอ เพื่อเป็นสิ่งที่ทำให้คุณแม่จะมีชีวิตต่อไปเพื่อเด็กตัวน้อยๆ ที่เธอรอคอยมาทั้งชีวิต และสิ่งมหัศจรรย์ในชีวิตของเธอก็ได้กำเนิดขึ้นเป็นเด็กหญิงตัวน้อยๆ หน้าตาน่ารัก ผู้ที่มาทำให้ชีวิตของเธอมีความหมาย คุณแม่ได้เขียนในบล็อกส่วนตัวของเธอว่า “ลูกสาวของฉันคือสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดในชีวิตของฉัน ฉันรักเธอมากกว่าสิ่งใด และรักเธอมากกว่าชีวิตของฉัน” เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วหนูน้อย Hana ก็ได้เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรักของพ่อและแม่ที่รักเธอยิ่งกว่าสิ่งใด แต่ข่าวร้ายก็ได้มาเยือนเมื่อหนูน้อยอายุได้ 9 เดือน คุณแม่ตรวจพบโรคมะเร็งที่กลับมาลุกลามอีกครั้งซึ่งในครั้งนี้เธอรู้ตัวว่า เธออาจจะไม่โชคดีเหมือนครั้งแรกที่เธอได้เจอกับมัน เมื่อรู้ตัวว่าชีวิตของเธออาจจะไม่ยืนยาวพอสำหรับที่จะดูแลลูกสาวของเธอจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ เธอจึงใช้ช่วงเวลาชีวิตของเธอที่ยังมีอยู่ในการสอนให้ลูกสาวตัวน้อยเรียนรู้ชีวิตมาเรื่อยๆ จนหนูน้อยเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง ในช่วงระยะเวลา 4 ปีที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ เธอได้สอนให้หนู…
-
นายพรานออกไปล่าสัตว์ แต่ถูกเจ้าหมูป่ายักษ์ทำร้ายจนเสียชีวิต เพราะพยายามจะสังหารมัน
เมื่อวันที่ 5 ธันว่าคม 2017 สำนักข่าว DailyMail ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่นายพรานถูกหมูป่าทำร้ายจนเสียชีวิตในขณะที่เขาพยายามจะยิงมัน เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ป่าทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง Greifswald ใกล้กับกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อนาย Ronald Ahrens อายุ 50 ปีพร้อมนายพรานอีก 12 คนออกเดินทางเพื่อล่าหมูป่า เขาได้ทำการยิงหมูป่าน้ำหนักประมาณ 180 กิโลกรัมจนมันล้มลงไปและเขาคิดว่ามันอาจจะเสียชีวิตแล้วจึงได้นั่งลงไปข้างๆ ร่างของมันเพื่อจะนำเนื้อมันไปทำเป็นอาหาร แต่เจ้าหมูป่ายังไม่เสียชีวิต ด้วยความเจ็บมันจึงฮึดสู้ด้วยเขี้ยวยาว 7 นิ้วของมันแทงไปที่ต้นขาของนายพรานทำให้เขาล้มลงในแม่น้ำข้างๆ ทันทีและสูญเสียเลือดจำนวนมาก เพราะว่าเจ้าหมูป่าแทงเข้าจุดเส้นเลือดพอดี นายพรานถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยเฮลิคอปเตอร์ทันทีแต่ว่าเขาทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในที่สุด เป็นการปิดฉากนักล่าของเขาที่ได้ใช้ชีวิตเป็นนายพรานมาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น นอกจากนี้กระทรวงการเกษตรของเยอรมนีก็ได้ออกมาพูดว่ามีการตั้งราคาค่าหัวของหมูป่าไว้ที่ตัวละ 1,000 บาทเพื่อให้เหล่านักล่าได้ยิงเพื่อลดการแพร่เชื้อไวรัสแอฟริกันที่อาจจะส่งผลต่อสัตว์ป่าในพื้นที่ ช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมาเนื่องจากว่าสภาพอากาศไม่ได้หนาวแบบรุนแรงทำให้หมูป่าขยายเผ่าพันธุ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะมีหมูป่าที่ถูกฆ่าเกือบ 500,000 ตัวในแต่ละปีที่เยอรมนี แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมจำนวนประชากรหมูป่าที่เพิ่มขึ้นได้ ที่มา dailymail
-
Bitcoin พุ่งทะลุ 430,000 บาท และนี่คือเศรษฐีพันล้านคู่แรก ที่เราแทบทุกคนรู้จัก!!
แม้จะมีการผันผวนของราคาที่ค่อนข้างรุนแรง แต่แนวโน้มราคาของ Bitcoin ยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดแตะระดับที่มากกว่า 430,000 บาทไปแล้ว และนั่นทำให้เกิดมหาเศรษฐีพันล้านอย่าง Cameron และ Tyler Winklevoss ที่เชื่อว่าหลายคนคงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีคู่นี้… อ๊ะ บางคนอาจจะสงสัยว่าพวกเขาคือใคร ถ้าลองให้ดูรูปนี้ จะพอนึกออกกันรึเปล่า… Cameron และ Tyler Winklevoss คือคู่แฝดที่เคยมีคดีฟ้อง Mark Zuckerberg ว่าขโมยไอเดียของพวกเขาไปสร้างเป็นเว็บไซต์ Facebook อย่างที่เราได้ผ่านตากันในภาพยนตร์ The Social Network นั่นเอง แม้ปัจจุบันพวกเขาจะไม่ได้เป็นนักเรียนของฮาร์วาร์ด หรือเป็นนักกีฬาพายเรือโอลิมปิกแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงโลดแล่นลงทุนอยู่ในธุรกิจไอทีอยู่ และหนึ่งในทรัพย์สินที่พวกเขาถือครองก็คือ Bitcoin นั่นเอง รายงานในปี 2013 พวกเขาเปิดเผยว่าเป็นเจ้าของ Bitcoin มูลค่าประมาณ 11 ล้านเหรียญ (340 ล้านบาท) ซึ่งหลังจากนั้นเหรียญดิจิตัลดังกล่าวก็มีราคาสูงขึ้นมาโดยตลอด โดยเฉพาะในปีนี้ที่มากกว่า 1,000% นั่นทำให้พอจะประมาณได้ว่าตอนนี้ทั้งคู่ถือครอง Bitcoin…
-
หญิงสาวถูกครหา ‘หน้าสด’ กับ ‘หน้าแต่ง’ แทบไม่เหมือนกันเลย เธอจึงต้องตอบโต้ด้วยความชาญฉลาด
ในโลกโซเชียลปัจจุบัน การถูกคอมเมนต์หรือการถูกครหานั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ โดยเฉพาะชาวเน็ตมือไวที่แสดงความคิดเห็นเชิงลบต่อคนบางคนโดยไม่รู้เลยว่านั้นเป็นสิ่งที่ทำร้ายพวกเขาได้เจ็บปวดที่สุด บล็อกเกอร์สาวคนนี้ก็เช่นกัน เธอโดนชาวเน็ตต่อว่า ว่าเธอนั้นมีใบหน้าที่น่าเกลียดในเวลาที่ไม่มีเครื่องสำอาง… Victoria Katei นักศึกษาวัย 19 ปี ตอนนี้เธอกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิชาจิตวิทยาและชีววิทยาในเมืองดัลลาส รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา แม้จะเรียนทางด้านจิตวิทยา แต่สิ่งหนึ่งที่เธอหลงไหลมากๆ ก็คือการแต่งหน้า โดยฝีมือของเธอนั้นเรียกว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Katei ได้โพสต์ลงใน Instagram ของเธอ ด้วยแคปชั่นที่สร้างแรงบันดาลให้กับสาวๆ เกี่ยวกับการสร้างความมั่นใจและความน่ารักในแบบที่ไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอาง “เมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนว่าจะมีหลายๆ คนพูดถึงรูปลักษณ์ของฉันในแบบที่ไม่แต่งหน้า และทำไมฉันถึงไม่โพสต์ภาพหน้าสดลงในอินตาแกรมบ้าง” “ในอินสตาแกรมของฉันโพสต์แต่ภาพที่แต่งหน้าสวยๆ ภาพที่ฉันไม่ได้แต่งหน้านั้นมันเหมือนกับหน้าปลาดุกและมันดูน่าเกลียดสุดๆ” “บางคนมาคอมเมนต์ว่าฉันควรฆ่าตัวตายซะ เพราะฉันมีรูปลักษณ์ปลอมๆ จากการแต่งหน้า ชาวเน็ตบอกฉันว่าไม่มีใครที่จะรักฉันได้หรอก เพราะว่าฉันน่ารังเกียจและต้องแต่งหน้าเพื่อปกปิด ‘ใบหน้าที่แท้จริง’ อยู่ตลอด” “เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น ฉันเลืิอกที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่ผู้คนพูด ก่อนอื่นฉันต้องการชี้แจงว่า ‘ฉันชอบตัวเองทั้งในเวลาที่แต่งหน้าและไม่ได้แต่งหน้า’ ฉันไม่ได้ใช้เครื่องสำอางเพื่อหลบซ่อนใบหน้าจากใครๆ เพราะฉันไม่ได้ขอข้าวพวกเขากิน บางคอมเมนต์ทำให้ฉันร้องไห้ แต่ฉันก็มักจะเตือนตัวเองเสมอว่าฉันมีดีมากกว่านั้น” “ฉันเป็นเด็กสาวที่ไปโรงเรียน ฟังเพลง ออกไปสนุกกัยเพื่อนๆ เป็นผู้หญิงที่รักการนอนอยู่บนเตียงทั้งวัน เหงาๆ ก็ดู…
-
รายการญี่ปุ่นโคตรถึงใจ ติดตามชีวิต “ข้าราชการดูงานต่างประเทศ” เพื่อการงานหรือไปเที่ยว!?
บ่อยครั้งที่เรามักจะเจอข้าราชการจากหลายๆ องค์กรในบ้านเราขอเบิกงบจากกองกลาง เพื่อที่พวกเขาจะใช้สำหรับการเดินทางไปดูงานตามที่ต่างๆ อาจจะเป็นต่างจังหวัดหรือหนักหน่อยก็ไปต่างประเทศ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่านั่นคือการไปเที่ยวหรือไปศึกษางานจริงๆ เพราะเราไม่ได้เห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมสักเท่าไหร่ แต่ใช่ว่าพฤติกรรมดังกล่าวนั้นจะมีแค่ที่ประเทศไทยนะ เพราะที่ญี่ปุ่นก็เป็นเช่นกัน โดยเรื่องราวนี้ได้ถูกเปิดเผยผ่านรายการ 実録! 金の事件簿 2 ซึ่งออกอากาศผ่านช่อง FUJI TV ทีมงานจากรายการดังกล่าวนั้นได้แอบสืบพบว่า ‘คณะสมาชิกสภาจังหวัดคากาวะ’ ได้ขอเบิกงบจากรัฐเป็นเงินกว่า 10 ล้านเยน หรือตีเป็นเงินไทยก็เกือบๆ 3 ล้านบาท เพื่อที่จะพาทุกคนนั่งเครื่องบินชั้นธุรกิจ ไปดูงานถึงประเทศเยอรมนี อิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์ กินเวลารวมแล้วกว่า 9 วัน 7 คืน!! โฉมหน้าของคณะสมาชิกสภาจังหวัดคากวะที่เป็นเหยื่อของรายการในครั้งนี้ มาครับนั่งเครื่องบินสุดหรู แล้วบินไปกันเลย ป้ายแรกที่เยอรมนี!! นอกจากเยอรมนีแล้ว ยังมีอีกสองประเทศสุดหรูหราที่ใครๆ ก็อยากไป แน่นอนว่าถ้าเราได้ยินการไปดูงานต่างประเทศแถมไปนานขนาดนี้เราก็ต้องคิดไปก่อนแล้วว่า พวกเขาไม่ได้ไปดูงานหรอกแต่แอบโกงเงินแบบอ้อมๆ ผ่านวิธีดังกล่าวเพื่อให้ได้ไปเที่ยวต่างหาก งานนี้ทีมงานเลยขอปลอมตัวตามติดชีวิตเหล่าคณะสมาชิกสภากันสักหน่อย เอาแบบตามติดตั้งแต่ญี่ปุ่นยาวจนไปถึงต่างประเทศเลย งานนี้และจะได้รู้กันว่าโกงหรือศึกษางานจริงๆ กันแน่!! ตามติดมาจากญี่ปุ่น ตอนนี้เหยื่อทั้งหมดก็มาถึงเยอรมันแล้ว พอมาถึงสถานีแรก เหล่านักเดินทางทั้ง 6 ก็ไม่รอช้า เข้าไปดูงานถึงในร้านอาหารสุดหรูพร้อมสั่งเบียร์ชั้นดีมากระดกอย่างสบายใจ…ดูงานจริงๆ นะ…
-
สดับฟังเงาเสียง Whitney Houston ในร่างชาย แค่อ้าปากก็ขนลุกแล้ว กวาดใจผู้ฟังได้ถล่มทลาย!!
สำหรับใครที่เป็นแฟนเพลงสากล คงจะคุ้นเคยกับชื่อของนักร้องสาวเสียงทรงพลังอย่าง Whitney Houston กันเป็นอย่างดี และถึงแม้ว่าเธอจะจากโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง 48 ปี แต่ทว่าเสียงร้องและบทเพลงของเธอนั้นก็ยังคงอยู่ในใจแฟนเพลงหลายๆ คนอย่างแน่นอนรวมถึงชายหนุ่มผู้นี้ด้วย!! คุณ Johnny Manuel หนุ่มผู้เข้าประกวดจากเวที America’s Got Talent 2017 ได้เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆ ในห้องส่ง หลังจากที่เขาโชว์พลังเสียงในบทเพลง I Have Nothing ของนักร้องสาวผู้ล่วงลับ ชายหนุ่มได้ให้สัมภาษณ์กับกรรมการทั้ง 4 ว่าตัวเขาเองนั้นเริ่มต้นการร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ ก่อนที่จะเริ่มเซ็นสัญญากับค่ายเพลงตอนอายุ 14 และหนึ่งในความฝันของเขาก็คือการได้เป็นนักร้องระดับโลกนั่นเอง และหลังจากที่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกับกรรมการทั้ง 4 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว งานนี้ก็ถึงตาที่พ่อหนุ่มหน้ามนคนชอบไมค์ของเราต้องแสดงฝีไม้ลายมือให้กรรมการทั้งฟังแล้ว และเมื่อคนตรีบรรเลงเนื้อเพลงขึ้นร้อง ศิลปินหน้าจอคืนนี้จะขอจองไมค์ เฮ้ย!! ใช่ที่ไหนล่ะ เมื่อดนตรีบรรเลง พ่อหนุ่มของเราก็ปล่อยของ เรียกว่าจัดเต็มแบบฟูลอัลบัมกันเลยทีเดียว และอย่างที่บอกไปว่าตัวเค้าเองฝึกร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ งานนี้ก็ไม่ทำให้กรรมการทั้ง 4 ต้องผิดหวังเลย แถมยังเรียกเสียงกรี๊ดจากห้องส่งได้อย่างมากมายอีกด้วย!! ไปฟังพลังเสียงของ Johnny Manuel กันแบบเต็มๆ ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… แบบนี้เอาไปเลย 4 ผ่านคร่าาา!! …
-
ชายผู้หวาดกลัววันสิ้นโลกสุดขีด แอบไปสร้างบังเกอร์ลับๆ กว่า 30 ปี บนพื้นที่ของรัฐบาล
คนเรานั้นล้วนมีความกลัวหรือโฟเบียกันอยู่เกือบทุกคน บางคนอาจจะกลัวหนู กลัวแมลงสาบ กลัวรู หรือนักหน่อยก็แบบ #เหมียวมู่ทู่ เองที่กลัวพริก…อะไรนะ แปลกเหรอ? ไม่แปลกหรอกเพราะเจ้าของเรื่องราวคนนี้เขาแปลกกว่าเยอะ!! ชายไม่ทราบชื่อรายนี้ เขามีอาการโฟเบียสุดแปลกที่หวาดกลัววันสิ้นโลก ซึ่งแน่นอนมันต่างจากกลัวสิ่งของหรือสัตว์ที่ถ้าเราไม่เห็นก็ไม่แปลกอะไร เพราะการกลัววันสิ้นโลกที่ไม่รู้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่นั้น มันทำให้ชายคนนี้ไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้นั่นเอง ซึ่งเขาถูกพบโดยเจ้าหน้าที่จาก The Iron County Sheriff’s Office โดยเจ้าหน้าที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อของชายคนดังกล่าว เพราะอาจจะมีผลเสียต่างๆ ตามมาในภายหลังก็ได้ ส่วนข้อมูลที่พวกเขายอมเปิดเผย มีแค่ว่าชายคนนี้เคยอาศัยอยู่ในรัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น และปัจจุบันชายคนนี้ก็อาศัยอยู่ในบังเกอร์ลับๆ มานานแล้วกว่า 30 ปี!! เขาได้ไปสร้างกระท่อมไว้ 4 หลังบริเวณป่าใกล้ๆ กับชายแดนของเมือง Brian Head ซึ่งจัดอยู่ในพื้นที่ของรัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และนอกจากกระท่อมทั้งหมดแล้วชายดังกล่าวก็ยังสร้างบังเกอร์หลบภัยไว้อีกจำนวนมากในบริเวณนั้นด้วย อย่างไรก็ตามเขาได้แอบขโมยชิ้นส่วนและวัสดุมากมายมาจากรัฐรวมถึงอาวุธต่างๆ ซึ่งนั่นถือเป็นความผิดที่ร้ายแรง แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องแปลกใจเพราะว่าบริเวณที่ชายคนนี้อาศัยอยู่นั้นแถบจะไม่เกิดไฟป่าเลย เจ้าหน้าที่จึงคาดว่านายคนนี้จะต้องใช้เวลาเป็นอย่างมากในการดูแลสถานที่รอบๆ ของเขา แต่สุดท้ายการกระทำของเขาทั้งขโมยของและสร้างบ้านในพื้นที่ของรัฐบาลก็ยังเป็นความผิดอยู่ดี ฉะนั้นเขาจึงถูกตั้งข้อหาร้ายแรงในท้ายที่สุดนั่นเอง… ที่มา mcclatchydc
-
เมื่อเจ้าของอพาร์ทเมนต์ในจีนไม่ยอมขายตึกเพื่อสร้างถนน ก็ต้องสร้างถนนรูปร่างแปลกๆ เพื่อชาวเมือง
ในการออกแบบผังเมือง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะทำการออกแบบเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์อย่างสะดวกสบายที่สุด แต่ทว่าในบางครั้งก็ต้องเจอกับปัญหามากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องด้านภูมิศาสตร์ หรือความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ ที่ทางตอนเหนือของมณฑลฮาร์บิน ประเทศจีน ปัญหาทางด้านการจราจรที่หนักหน่วง ทำให้ต้องมีการปรับผังเมืองใหม่เพื่อการสร้างถนนเพื่ออำนวยความสะดวกในด้านการคมนาคม โดยได้สร้างเป็นถนนสิบเลนเพื่อให้ชาวเมืองได้ใช้งาน แต่ทว่านักออกแบบผังเมืองก็ต้องพบกับโจทย์ใหญ่กับอพาร์ตเมนต์ขนาดใหญ่ที่เจ้าของตึกนั้นปฎิเสธที่จะขายที่ดินเพื่อสร้างถนน และไม่ว่ายังไงก็ตามก็จะไม่ขาย ไม่ยอมย้าย ไม่ยอมทุบตึกด้วย ซึ่งนักออกแบบผังเมืองก็ต้องหาทางออกด้วยการออกแบบแผนใหม่ ในเมื่อเขาไม่ยอมขายก็ต้องสร้างตามที่มีนี่แหละ การสร้างถนนก็ต้องออกมาแบบสภาพนี้… ดูแปลกๆ นะว่าไหม ต้องสร้างอ้อมกันแบบนี้เลย ในการสร้างถนนในครั้งนี้ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่ ในอนาคตก็ต้องมาลุ้นว่าเจ้าของตึกแห่งนี้จะยอมใจอ่อนยอมขายเพื่อให้ชาวเมืองได้ใช้ประโยชน์หรือเปล่า ที่มา shanghaiist
-
ชายหนุ่มลองเพ้นท์เฮนน่า แต่ดันเกิดอาการแพ้ งานนนี้เลยได้แผลเป็นรูปหนวดไปตลอดชีวิต!!
จากความสนุกเพียงชั่วคราวกลับทำให้คุณ Arran Maye หนุ่มชาวอังกฤษวัย 28 ปีผู้นี้ อาจจะได้รับรอยแผลเป็นที่ติดอยู่บนใบหน้าของเขาไปตลอดกาล ชายหนุ่มคนดังกล่าวได้ลองเพ้นท์เฮนน่าในระหว่างที่ไปเที่ยวสเปนกับเพื่อนๆ ในระหว่างการท่องเที่ยวในงานเทศกาล Benidorm Fiesta คุณ Arran ได้ลองการเพ้นท์เฮนน่าเป็นรูปหนวดที่หน้าของเขา แต่ทว่าชายหนุ่มกลับเกิดอาการแพ้หมึกเฮนน่า งานนี้หลังจากที่ลบคราบหมึกออก เขาเลยได้รอยแผลเป็นมาแทน!! การใช้หมึกเฮนน่าที่ไม่ได้รับการรับรองซึ่งมีสารเคมีที่เรียกว่า PPD ปนเปื้อนอยู่ด้วย จะทำเกิดอาการแพ้และเป็นรอยแผลเป็นได้ ซึ่งคุณ Arran เองก็เป็นหนึ่งในเหยื่อของหมึกเฮน่าที่ไม่ได้มาตรฐานนี้ แผลเป็นจากอาการแพ้หมึกนี้อาจจะส่งผลให้ชายหนุ่มต้องมีแผลเป็นรูปหนวดนี้ไปตลอดกาล “ผมบ้ามากที่ยอมเชื่อช่างเพ้นท์เฮนน่าคนนั้น เราคิดว่ามันน่าจะสนุกดีสำหรับการแต่งตัวของเราในคืนนั้น” ในตอนแรกช่างบอกกับคุณ Arran ว่าสีเฮนน่าดังกล่าวนั้นจะหายไปภายใน 2 ถึง 3 วัน แต่ทว่าอาการแพ้หมึกกลับเกิดขึ้นทันทีที่เขาเพ้นท์เฮนน่า “วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เพ้นท์ ผมเริ่มมีอาการพุพองขึ้นบนใบหน้าของผม และไม่กี่วันหน้าของผมก็บวมขึ้นอย่างมาก มันรู้สึกเหมือนกับว่าใบหน้าของผมกำลังต่อต้านเจ้าหมึกนั้นอยู่ ตอนนั้นมันรู้สึกปวดแสบปวดร้อนมากๆ หมอบอกผมว่าแผลเป็นนี้จะอยู่กับผมไปอีกประมาณ 6 เดือน” ถึงแม้ว่าแพทย์จะแนะนำให้เขาเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายผิวหนัง แต่คุณ Arran กลับปฏิเสธ เขาเลือกที่จะใช้วิธีการรักษาด้วยตัวเองโดยใช้ยาและครีมที่ซื้อมาจากร้านขายยา แต่ทว่าอาการกลับไม่ดีขึ้น แถมเขายังเริ่มหายใจลำบากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดต้องเข้ารับการักษาตัวที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน หลังจากที่พักรักษาตัวอยู่นานสองคืน ทางศัลยแพทย์ได้เตือนว่าชายหนุ่มอาจจะมีแผลเป็นนี้ไปตลอดชีวิต!! แต่อย่างไรก็ตาม หนุ่มวัย 28 ปีผู้นี้ก็ยังสามารถยิ้มได้ ถึงแม้ว่าเขาจะเจอเรื่องร้ายๆ…
-
ตำรวจเร่งตามล่าตัวจอมโจรขโมย “ตุ๊กตายาง” มูลค่ากว่า 145,000 บาท ก็ของมันต้องมี!!
การจะขโมยอะไรสักอย่างนั้น มันจะต้องเริ่มมาจากความอยากของหัวขโมย ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่อยากจะริเริ่มขโมยของก็มักจะมองไปที่ของแพงๆ อย่างเงิน โทรศัพท์มือถือ แหวนเพชรหรืออะไรก็ตามที่ดูหรูหราและน่าจะขายต่อได้ แต่เรื่องของหัวขโมยคนนี้เขาไม่เลือกขโมยอะไรแบบนั้น ทว่าเขามุ่งเป้าไปที่ ‘ตุ๊กตายาง‘ นามว่า ‘Dorothy‘ ซึ่งเป็นตุ๊กตายางรูปงามที่หนุ่มๆ คนไหนเห็นก็ต้องอยากจะแฮ่กๆ กับเธอแน่นอน โฉมหน้าของตุ๊กตาตัวดังกล่าว งานดีใช่ไหมล่ะ? ซึ่งเมื่อมันเป็นแบบนั้น หนุ่มคนนี้ก็คงรู้สึกว่าของมันต้องมีชัวร์ๆ เขาจึงจัดการบุกไปขโมยตุ๊กตายางตัวดังกล่าวออกมาจากร้านเซ็กส์ทอยในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เพียงแต่โชคไม่เข้าข้างเขาเพราะบริเวณนั้นดันมีกล้องวงจรปิดและสามารถบันทึกช่วงเวลาที่ก่อเหตุของเขาไว้ได้เมื่อช่วง 6 นาฬิกาของเช้าวันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม ตุ๊กตายางที่ถูกขโมยไปนั้นมีมูลค่ากว่า 4,500 ดอลลาร์สหรัฐหรือตีเป็นเงินไทยก็เกือบๆ 145,000 บาทเลยทีเดียว แถมสัดส่วนของตุ๊กตายางก็เด็ดดวงสุดๆ ทั้งหน้าอกหน้าใจใบหน้าและส่วนสูง 168 เซนติเมตรของเธอ เตรียมการมาอย่างดี แต่งตัวมิดชิด แน่นอนว่าเขาตั้งใจมาเพื่อสิ่งนี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถึงกับยอมทุบประตูร้านอยู่นานสองนานเลยล่ะ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังคงตามหาตัวเขาต่อไป ซึ่งตอนนี้เบาะแสที่ทางการได้มานั้นมีแค่ชายร่างใหญ่ สวมชุดสีดำลายแดง พร้อมกับกางเกงและรองเท้าสีดำ พร้อมกับรถแวนสีขาว แน่นอนว่ามันยังไม่เพียงพอต่อการตามหาตัวคนร้ายนั่นเอง… เด็ดดวงขนาดนี้ ใครจะอดใจไหว แต่ถ้าอยากได้ก็ต้องซื้อเอานะ ขโมยมันผิด!! ที่มา dailymail
-
นายกฯ มาเลเซียสถาปนาตัวเองเป็นทาสแมว สร้างไอจีให้อีกต่างหาก แฟนๆ แห่กดไลค์เพียบ
เราเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่า “แมว” มีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์มากขนาดไหน ไม่ว่าคุณจะเป็นใครใหญ่แค่ไหน แต่สุดท้ายถ้าหากได้หลงใหลในเสน่ห์ของแมวเข้าไปเต็มๆ คุณก็จะต้องตกเป็นทาสของมันไปแบบไม่ทันตั้งตัว บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปรักไปชอบมันเข้าตั้งแต่ตอนไหน ฮร่าๆ และ Najib Razak นายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนนี้ ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่สถาปนาตัวเองเป็นทาสแมวแล้วเช่นกัน ต้องบอกเลยว่าเขานั้นรักแมวมาก ถึงขนาดลงไอจีอัพรูปแมวอยู่บ่อยๆ ล่าสุดเปิดไอจีให้แมวโดยเฉพาะแล้วนาจา… ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาท่านนายก Najib ได้แบ่งปันภาพแมวตัวหนึ่งของเขาที่ชื่อว่า Kiky ลงบนอินสตาแกรม และในเวลาเพียงวันเดียวเท่านั้น โพสต์ของเขาก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย และมีคนเข้ามากดไลค์มากกว่า 18,000 ครั้ง นอกจากนี้พวกเขายังเข้ามาแสดงความเห็นไปในทางเดียวกันว่าเจ้าเหมียวน่ารัก!! ตามรายงานของทางมาเลเซียได้ระบุว่า สำหรับเจ้า Kiky นั่นได้ถูกรับมาเลี้ยงตั้งแต่ปี 2010 นอกเหนือจากการอัพเดตภารกิจหรือกิจกรรมประจำวันในฐานะนายกรัฐมนตรีแล้ว ในบัญชีอินสตาแกรมของเขายังเต็มไปด้วยภาพแมวเหมียวที่แสนน่ารักอยู่เต็มไปหมด และที่สำคัญ Najib ยังได้ตั้งเตือนความจำเอาไว้ทุกครั้งว่าวันที่ 8 สิงหาคม ของทุกๆ ปีเป็นวันแมวสากล และนั่นจึงทำให้เขาได้โพสต์ภาพน่ารักๆ ของเจ้าเหมียวตัวนี้ลงในไอจี Najib เป็นเจ้าของแมว 3 ตัว พวกมันเป็นแมวสายพันธุ์เปอร์เซีย โดยมีชื่อว่า Leo,…
-
สาวหันมาดูแลตัวเองจนสุขภาพดี ลดน้ำหนักได้ถึง 44 กิโลกรัม แม้แต่แม่แท้ๆ ยังจำไม่ได้
การลดน้ำหนักไม่ได้ส่งผลให้มีรูปร่างที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่มันยังสามารถช่วยให้รูปหน้าเรียวเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย บางคนถึงขั้นทำเอาคนรู้จักจำแทบไม่ได้เลยทีเดียว เหมือนดังเช่น Rebecca Grafton สาววัย 27 ปี จากรัฐฟิลาเดลเฟีย ประเทศสหรัฐอเมริกาคนนี้ ที่สามารถลดน้ำหนักได้มากถึง 44 กิโลกรัม จนทำให้รูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปอย่างมาก ถึงขนาดที่แม่แท้ๆ ยังคิดว่าเธอเป็นคนอื่น สำหรับ Rebecca ก่อนหน้านี้ เธอเคยเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างอ้วนเผละ เพราะหลังจากที่เรียนจบมหาวิทยาลัย เธอก็มักจะทำอาหารทานเองเป็นประจำ พร้อมกับดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุทำให้ตัวของเธอขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และน้ำหนักก็เริ่มเกินมาตรฐาน ในช่วงที่อ้วนที่สุดนั้น Rebecca มีน้ำหนักมากถึง 108 กิโลกรัม โดยน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เธออยู่ในสภาพที่อ้วนมาก ถึงขนาดจำตัวเองที่อยู่ในรูปถ่ายไม่ได้เลย จนในที่สุด Rebecca ก็ได้ตัดสินใจว่าจะไม่ทนอยู่ในสภาพนี้อีกต่อไป ดังนั้น เธอจึงเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพของตัวเองโดยการเริ่มลดน้ำหนักอย่างจริงจัง และมุ่งมั่นที่จะทำตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ 3 อย่างคือ ทานอาหารคลีน คำนวณแคลอรี และออกกำลังกาย ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจประกอบกับความพยายามในการลดน้ำหนักมาโดยตลอดทั้งหมดถึง 2 ปี นั่นทำให้ Rebecca…
-
ศิลปินเบลเยียมล่ามโซ่ตัวเองไว้กับบล็อกคอนกรีตกลางศาล เพื่อที่จะแสดงศิลปะแนวเซอร์เรียล
เชื่อว่าแต่ละคนต่างก็ตีความหมายของคำว่า “ศิลปะ” แตกต่างกันไป ศิลปะของบางคนอาจจะเป็นการวาดภาพ งานปั้น ดนตรี หรืออื่นๆ ก็แล้วแต่ว่าคุณจะคิดว่ามันคืออะไร แต่ศิลปินชาวเบลเยี่ยมที่ชื่อว่า Mikes Poppe เขาพยายามจะถ่ายทอดความหมายของศิลปะในแนวคิดของเขาให้กับคนอื่นได้รู้ โดยการสร้างผลงานศิลปะแนวเซอร์เรียลด้วยการนำตัวเองมาล่ามโซ่กับบล็อกคอนกรีตขนาดใหญ่กลางศาลของเมิือง Ostend ประเทศเบลเยียม และเขาจะต้องพยายามพาตัวเองออกมาจากโซ่ตรวนและก้อนคอนกรีตก้อนนี้ให้ได้ ช่วงเวลาที่เขาล่ามโซ่ตัวเองไว้กับบล็อกขนาดใหญ่นั้น เขาต้องกิน นอนและใช้ชีวิตอยู่ในศาลตลอดเวลา ในระหว่างที่อยู่ในนั้นเขาก็ค่อยๆ กระเทาะบล็อกคอนกรีตนั้นไปเรื่อยๆ และทำการสตรีมบน Youtube เพื่อให้คนติดตามว่าเขาใช้ชีวิตอย่างไร เวลาผ่านไป 19 วันที่ Mikes พยายามกระเทาะบล็อกคอนกรีตยักษ์เพื่อแสดงแนวคิดของเขา ในที่สุดเขาก็ต้องตัดสินใจตัดสินใจตัดโซ่ที่ล่ามตัวเองไว้ออกเนื่องจากความเหนื่อยล้าที่สะสมมาเป็นเวลา 19 วัน “บล็อกคอนกรีตนี้เป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์ของศิลปะที่ผมอยากจะสื่อว่า ผมพยายามจะปลดปล่อยตัวเองจากสิ่งเหล่านี้ แต่มันก็ทำให้ได้รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่จะคงอยู่ติดตัวอยู่เสมอ” Mike กล่าว อีกหนึ่งสาเหตุที่เขาตัดสินใจหยุดการแสดงศิลปะนี้เนื่องมาจากข้อกำหนดด้านเวลาการใช้สถานที่ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่เสียใจที่ไม่สามารถทำให้เป้าหมายของเขาลุล่วงได้ แต่เขาก็ได้เรียนรู้ชีวิตในความคิดใหม่จากที่เขาเคยเป็นอยู่ มาดูกันซิว่า 19 วันที่เขาถ่ายทอดศิลปะนั้นเป็นอย่างไร ที่มา odditycentral
-
เตียงหนูชินชิล่าจากจีน แต่เอ…ดูไปดูมาทำไมมันคล้าย Totoro จังเลยว้าาาา
เมื่อพูดถึงชื่อ Totoro ออกมา เราเชื่อว่าหลายๆ คนจะต้องรู้จักตัวการ์ตูนอ้วนกลมตัวนี้อย่างแน่นอน ซึ่ง Totoro เป็นอะนิเมะที่ได้รับความนิยมอย่างสูงเรื่องหนึ่ง ภายใต้การผลิตของสตูดิโอ Ghibli ค่ายผลิตภาพยนตร์การ์ตูนคุณภาพของโลกค่ายหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง และถ้าหากคุณได้เห็นเตียงนอนขนาดใหญ่แสนน่ารักที่เราได้นำมาให้ชมนี้ หากได้มองครั้งแรกคุณจะต้องนึกถึงเจ้า Totoro อย่างแน่นอน แต่จริงๆ แล้วคุณคิดผิดเพราะนี่มันคือ “เตียงหนูชินชิล่า” ต่างหากล่ะ หืมมมม!! สำหรับเตียงนอนดังกล่าวถูกนำมาจำหน่ายในเว็บไซต์ Taobao และ Ali Express ของจีน มันเป็นเตียงหนูชินชิล่าไซส์ใหญ่กว่า 2 เมตร แถมยังมาในราคาที่ถูกจนน่าทึ่ง เพราะจากราคาเดิม 650 หยวน หรือราวๆ 3,200 บาท ตอนนี้เหลือเพียงแค่ 552 หยวน หรือราวๆ 2,700 บาทเท่านั้น เรียกได้ว่ามันเป็นเตียงที่มีราคาถูกกว่าของเล่น Totoro บางอย่างเสียอีก เตียงนอนชินชิล่าถูกออกแบบขึ้นมาให้ดูมีความน่ารัก โดยใน 1 ชุดจะประกอบไปด้วยหมอนชินชิล่า รวมถึงทำหมอนข้างที่เป็นหางแถมมาให้ด้วย …
-
แฟนๆ สงสัยสาวตระกูล Kardashian ทำไมต้องใส่รองเท้านั่งโซฟากันทุกคน!?
สำหรับใครที่ชื่นชอบตระกูล Kardashians และได้ติดตามรายการ Keeping Up With the Kardashians ของครอบครัวนี้มาโดยตลอด คุณอาจจะแอบสังเกตเห็นว่าใน Season 14 นี้ มีอะไรบางอย่างที่ทำให้แฟนๆ รู้สึกสงสัยและสนใจอยากจะค้นหาคำตอบขึ้นมาว่า ทำไมสาวๆ Kardashians มักจะสวมรองเท้าอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนนั่งโซฟาพวกเธอก็ยังคงสวมมันอยู่? ถ้าไม่เชื่อก็ลองเข้ามาดูสิ นี่คือสิ่งที่เรากำลังพูดถึง…พวกเธอสวมรองเท้าอยู่ตลอดจริงๆ หากใครที่เคยดูตอนนี้ คุณจะเห็นได้ว่าสาวๆ Kardashians ไม่เคยถอดรองเท้าเลยไม่เว้นแม้แต่ตอนนั่งบนโซฟา เพื่อนๆ หลายคนอาจจะกำลังสงสัยอยู่ใช่ไหม มันไม่สามารถลบคำถามออกไปจากหัวได้จริงๆ ว่าทำไมพวกเธอถึงต้องใส่รองเท้าตลอด แฟนๆ บางคนได้ออกมาเผยว่าตอนเด็กๆ พวกเธอไม่เคยถูกสอนให้ถอดรองเท้าเวลานั่งบนโซฟาหรือไง Kourtney คุณจะไม่คิดถึงโซฟาที่น่าสงสารบ้างหรือยังไงนะ ส่วน Kim เธอสวมรองเท้าส้นสูงอยู่เสมอ ว่าแต่ตรงส้นมันจะไม่เจาะเข้าไปในโซฟ้าใช่มั้ย บางคนก็แซะว่า พวกเธอใส่รองเท้าแต่ละคู่ไม่ซ้ำกันเลย และไม่เคยยืนบนพื้นหรอกนอกจากพรมที่เป็นสีแดง บางคนบอกว่า นั่นอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโฆษณาแบรนด์รองเท้า หรือผู้ให้การสนับสนุนทางรายการ …
-
ความยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองของ “Baiae” เมืองใต้น้ำยุคโรมันที่เคยมีอยู่จริงเมื่อ 1,700 ปีก่อน
Baiae คือชื่อเมืองโรมันที่มีอยู่มาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 1 ตามประวัติศาสตร์แล้ว นี่คือเมืองที่ยิ่งใหญ่อลังการและมั่งคั่งไปด้วยเงินตรา เปรียบได้กับหมู่บ้านของเหล่าชนชั้นสูงในยุคนั้น ก่อนที่จะจมลงไปใต้ผิวน้ำเพราะการเปลี่ยนแปลงของชายฝั่งและการระเบิดของแผ่นดินไหว จนกระทั่งผ่านมาประมาณ 1,700 ปีนับจากวันที่เมืองนี้หายไป ตำนานของมันก็ได้กลับมาถูกเล่าขานอีกครั้ง หลังจากที่มีการค้นพบเมืองแห่งนี้จมอยู่ใต้น้ำใกล้กับชายฝั่งทางตะวันตกของประเทศอิตาลี . . . ภาพของเมืองโบราณที่ได้รับการค้นพบนี้ถูกถ่ายโดยช่างภาพ Antonio Busiello ที่ได้ลงไปเก็บความสวยงามของมันพร้อมกับทีมนักประดาน้ำ พวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่นี้เป็นกลุ่มแรกๆ ข้างใต้นั้นจะพบกับเส้นทางถนน กำแพง กระเบื้องเคลือบ หรือแม้แต่รูปปั้นแกะสลัก ที่สามารถรอดจากช่วงเวลาของการล่มสลายมาได้ และไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะพวกเขายังได้พบกับอาคารที่คาดว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของคนรวยในสมัยก่อน แสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งของคนที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองนี้ ภาพแผนผังของเมืองที่เชื่อว่ามีอยู่ในยุคโรมัน รูปปั้นจำนวนมากที่ยังคงรูปร่างเอาไว้ . ซากของอาคารของคนร่ำรวยในสมัยก่อน ในต้นปี 2017 นี้ โปรเจกต์ Rome’s Sunken Secrets ได้ถูกจัดขึ้นเพื่อการเข้ามาสำรวจและเรียนรู้เมืองดังกล่าวที่จมอยู่ใต้น้ำ เป็นการเปิดหูเปิดตาและเป็นที่สนใจของนักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ทั่วโลก ศาสตราจารย์ Kevin Dicus ได้ให้ข้อมูลเอาไว้ว่า มีการค้นพบสิ่งที่เหมือนกับท่อน้ำที่สลักคำว่า L’Pisonis แสดงให้เห็นว่าอาคารที่ใช้ท่อน้ำดังกล่าวเป็นบ้านของครอบครัวตระกูล Piso นั่นหมายความว่านี่เป็นบ้านของ…
-
ตำรวจโคตรฮีโร่ดึงรถตู้ด้วย ‘มือเปล่า’ เพื่อไม่ให้รถตกสะพานและช่วยชีวิตคนข้างในเอาไว้ได้!!
ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นฮีโร่ผู้เสียสละช่วยเหลือคนอื่นได้ ขึ้นอยู่กับว่าตัวเราจะแสดงสิ่งนั้นออกมาหรือไม่เท่านั้นเอง เช่นเดียวกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนี้ที่ได้แสดงความเป็นฮีโร่ออกมาจนสามารถช่วยให้คนคนหนึ่งรอดพ้นจากความตายมาได้ ในวันที่ 2 ธันวาคม 2017 สำนักข่าว Daily Mail ได้รายงานข่าวของสุดยอดตำรวจที่ใช้แรงแขนของเขาดึงรถเอาไว้นานกว่า 15 นาที เพื่อไม่ให้รถคันนั้นตกลงไปจากสะพาน และช่วยให้คนขับที่ติดอยู่ด้านในรอดชีวิตมาได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่ง ใช้แรงแขนของตัวเองดึงรถเอาไว้ไม่ให้ตกลงไป นี่เป็นเรื่องราวของ Martin Willis ตำรวจทางหลวงที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ออกลาดตระเวนในเส้นทางที่เขาได้รับมอบหมาย จนกระทั่งไปเห็นรถคันหนึ่งที่อยู่ในสภาพจะตกลงมาจากสะพานถนนสาย A1(M) ที่อยู่ใกล้ๆ กับเมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษ เขาจึงไม่รอช้ารีบเข้าไปในสถานที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะได้ยินเสียงคนขับรถบรรทุกที่เห็นเหตุการณ์ตะโกนบอกกับเขาว่า ในรถที่กำลังจะตกลงไปนั้นมีคนติดอยู่ด้านใน เมื่อได้ยินอย่างนั้น Martin จึงรีบเข้าไปดึงรถคันนั้นเอาไว้ในทันที เพื่อรักษาบาลานซ์เอาไว้ไม่ให้มันตกลงไปถนนด้านล่าง เพราะจากที่เขาดูแล้ว เชื่อว่าหากรถตกลงไป คนขับคงต้องตายอย่างแน่นอน เจ้าหน้าที่ Martin Willis ฮีโร่ของเหตุการณ์นี้ เขาได้ตะโกนคุยกับคนขับที่ติดอยู่ด้านในว่า “พวกเราจะพยายามเข้าไปช่วยคุณให้ได้ เพราะฉะนั้นอย่าขยับตัวเด็ดขาดเลย” และเขาก็ได้ยินเสียงคนขับตอบกลับมา เขาสูญเสียพละกำลังไปมากของไปกับการดึงรถค้างเอาไว้นานกว่า 15 นาที จนกระทั่งหน่วยกู้ภัย West Yorkshire ได้เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ …
-
21 ภาพถ่ายบุคคลอันทรงพลัง สะท้อนถึงโลกที่ดำเนินไปในรูปแบบที่แตกต่างกัน
หนึ่งในรางวัลอันทรงคุณค่าของการเป็นช่างภาพคือรางวัลที่ชื่อว่า Taylor Wessing Photographic Portrait Prize และรางวัลดังกล่าวทำให้ในปี 2017 นี้มีช่างภาพกว่า 2,423 คนจาก 66 ประเทศทั่วโลก ได้ส่งภาพเข้าประกวดชิงรางวัลดังกล่าว ภาพที่เราจะได้เห็นต่อไปนี้คือภาพถ่ายบุคคลที่ได้รับรางวัลอันมีเกียรตินี้กลับไป และได้จัดแสดงใน National Portrait Gallery ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ไปจนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2018 แต่ละภาพสื่อได้ถึงอารมณ์และความแตกต่างของผู้คนจากต่างสถานที่ได้อย่างสวยงามและมีความหมาย เราลองไปดูทั้ง 21 ภาพกันเลย ภาพชนะเลิศอันดับ 1 จากฝีมือของช่างภาพชาวสเปน César Dezfuli ที่ได้ถ่ายผู้อพยพวัย 16 ปีในประเทศมาลี ทำให้เขาได้รับเงินรางวัลไปกว่า 650,000 บาท อันดับสองตกเป็นของช่างภาพ Abbie Trayler-Smith หนึ่งภาพในซีรีส์ภาพของเธอที่ชื่อว่า “Women in War: Life After ISIS” นี่คือภาพของ Erica หุ่นยนต์ที่ถูกถ่ายโดยช่างภาพ Maija Tammi ในชุดภาพที่ชื่อ…
-
แบบนี้ก็มี… “โรงเรียนสอนให้เมียเชื่อฟังผัว” เปิดสอนในจีน สร้างค่านิยมกดขี่ผู้หญิง-โดนสั่งปิด!!
วัฒนธรรมการเหยียดเพศในประเทศจีนยังคงมีอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ด้วยความที่คนบางกลุ่มยึดติดกับการให้ผู้หญิงตกเป็นเบี้ยล่างของผู้ชาย และพวกเขาก็ถึงกับเปิดโรงเรียนขึ้นมาสอนเรื่องแบบนั้นเลยทีเดียว โรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตฟุชุน มณฑลเหลียวหนิง ก่อตั้งเป็นโรงเรียนสอนวัฒนธรรมของจีน และเน้นไปในเรื่องของการให้ผู้หญิงยอมทำตามผู้ชายทุกอย่าง ไม่ว่าสามีของเธอจะบอกว่าอะไร พวกเธอตอบได้แค่ “ค่ะ” เท่านั้นและต้องลงมือทำทันที ในคลิปวิดีโอที่ถูกถ่ายระหว่างการเรียนการสอนภายในสถาบันแห่งนี้ เผยให้เห็นฉากหนึ่งที่ผู้สอนย้ำกับนักเรียนหญิงทุกคนในนั้นว่าการอยู่ร่วมกันกับสามีของพวกเธอคือ “จงพูดให้น้อย แต่ทำงานให้มากกว่าเดิม” นักเรียนทุกคนถูกบังคับให้ฝึกตื่นตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง เพื่อมาทำงานบ้าน ทำอาหารให้กับสามีและครอบครัว โดยจะมีครูฝึกคอยกำกับดูแลอยู่ข้างๆ คลิปการเรียนการสอนให้ผู้หญิงตกเป็นเบี้ยล่างของผู้ชาย ทุกคนถูกขัดเกลาด้วยความเชื่อหลายๆ อย่าง เช่นห้ามสู้กลับเวลาที่โดนสามีทุบตี การมีเซ็กซ์กับผู้ชายมากกว่า 3 คนในชีวิตจะทำให้พวกเธอตาย หรือแม้แต่การซื้ออาหารจากข้างนอกมาแทนการทำอาหารให้สามีตัวเองเป็นสิ่งที่ผิดหลักคุณธรรม นอกจากนั้นการเสพสื่อทางเพศก็นับเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์สำหรับพวกเธอ ในคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นถึงหญิงสาวคนหนึ่งที่คุกเข่าก้มลงกับพื้นเพื่อขอโทษที่เคยดูหนัง 20+ มาก่อน และบอกว่าเธอจะกลับบ้านไปลบให้หมด ซึ่งทุกคนในคลาสเรียนต่างเห็นด้วยและปรบมือให้กับสิ่งที่เธอทำ โรงเรียนแห่งนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 2011 จนกระทั่งวันที่ 3 ธันวาคม 2017 ทางการของจีนได้สั่งปิดสถาบันดังกล่าว เนื่องจากขัดกับนโยบายคำสอนปัจจุบันในเรื่องของ “หลักคุณค่าของคนในสังคม” เพราะการเรียนการสอนของที่นี่แสดงให้เห็นถึงการบังคับให้ผู้หญิงตกเป็นเบี้ยล่างของผู้ชายอย่างชัดเจน นับว่าเป็นการเหยียดเพศที่รุนแรงมาก วัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันมาย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย…
-
เปิดตำราวิชาเรียน “ซานตาคอร์ส” ไม่ใช่มากันเล่นๆ แต่เปิดสอนในมหาวิทยาลัยเลยนะ!!
หากจะกล่าวถึงใครสักคนที่มาพร้อมกับวันคริสต์มาส หลายๆ คนต้องนึกถึง ชายชราหนวดเคราขาวโพลนที่ชื่อว่า ซานตาคลอสอย่างแน่นอน โดยซานตาคลอสในตำนานของหลายๆ ประเทศจะมาในชุดสีแดงและขับราชรถที่ใช้กวางเรนเดียร์ในการลากจูง มาแจกของขวัญให้กับเด็กๆ ที่ทำความดีตามบ้านเรือนต่างๆ และในตอนนี้เรื่องของชายใจดีจะไม่เป็นแค่ตำนานอีกต่อไป เพราะว่ามีมหาลัยวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้เปิดสอนหลักสูตรการเป็นซานตาคลอสอย่างจริงจัง พวกเขาจะฝึกให้นักเรียนที่เรียนหลักสูตรนี้รู้ถึงวิธีการเป็นซานต้าได้อย่างเป็นมืออาชีพทั้งการปฏิบัติตัว และการพูดคุยสนทนาเลยทีเดียว มหาวิทยาลัยซานต้านี้ตั้งอยู่ที่ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา หลักสูตรการเรียนเป็นซานต้าของพวกเขาจะเรียกว่า “Noerr Program” ซึ่งจะมีเวลาเรียนทั้งหมดสี่วัน สำหรับการเตรียมความพร้อมที่จะเป็นลุงอ้วนชุดแดง โดยพวกเขาจะสอนหลักจริยธรรมสำหรับซานต้า ในการวางตัวเรื่องต่างๆ ทั้งการถ่ายรูปร่วมกับผู้คน การใช้คำพูดระหว่างที่เราเป็นซานต้า การโอบกอดผู้คนอย่างไรให้พวกเขารู้สึกดี รวมถึงการให้สัมภาษณ์แก่สื่อต่างๆ ในโอกาสวันคริสต์มาส ผู้ก่อตั้งหลักสูตรนี้ Judy Noerr ได้อธิบายไว้ว่าหลักสูตรการเป็นซานต้านี้เกิดขึ้น เพื่อต้องการจะพัฒนาจิตวิญญาณสำหรับใครที่อยากเป็นซานต้า และอยากจะสอนให้คนทั่วๆ ไปได้รู้ว่าซานต้าที่ดีต้องมีลักษณะอย่างไร “ฉันอยากจะเน้นย้ำให้ผู้คนเห็นความสำคัญ ของการจะเป็นซานต้าที่ไม่ใช่ใครๆ ก็สามารถเป็นได้ เพราะพวกเขาต้อง มีจิตใจที่โอบอ้อมอารี มีบุคลิกที่เป็นมิตรกับทุกคน และต้องเปิดใจให้แก่ทุกๆ คนอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าคนที่กำลังเจอจะเป็นคนดีหรือคนเลวหรือไม่ก็ตาม โดยทั้งหมดนี้เป็นคุณสมบัติที่ซานต้าควรจะมี” Judy กล่าว จุดประสงค์ที่แท้จริงของหลักสูตรนี้ก็เพื่ออยากให้คนที่เข้ามาเรียนได้กลับไปที่หมู่บ้านของตน และทำให้ผู้คนในสถานที่นั้นๆ มีรอยยิ้มและมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นเด็กๆ ที่ชื่นชอบในตัวซานต้า หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ตาม เพราะว่าวันคริสต์มาสควรจะเป็นวันแห่งความสุขสำหรับคนทั้งโลกนั่นเอง…
-
ทหารผ่านศึก แบ่งบุหรี่ให้ “คนไร้บ้าน” ก่อนจะรู้ว่าเขาคือ “น้องชาย” ที่พรากจากกันเมื่อ 30 ปีก่อน
ทุกวันนี้เราเดินผ่านผู้คนมากหน้าหลายตา โดยไม่ใส่ใจว่าพวกเขาเป็นใคร มาจากไหน มีความเกี่ยวข้องกับเราหรือเปล่า? แต่หากลองหยุดคุยกับใครบางคนสักนิด อาจเจอกับความเซอร์ไพรส์ก็ได้ เช่นเดียวกับทหารผ่านศึกใน Queens Lancashire Regiment ของประเทศอังกฤษได้พบกับน้องชายที่พรากจากกันเมื่อ 30 ปีก่อนโดยบังเอิญ ขณะที่ Roy Aspinall วัย 36 ปี ออกมาจากโบสถ์ เขาก็เห็นชายจรจัดคนหนึ่งนั่งอยู่บนอิฐของลานโบสถ์ ด้วยความสนใจจึงเดินเข้าไปหาและยื่นบุหรี่ให้ ตามสำนักข่าว Wigan Today ระบุว่า Roy บอกว่ามีบางอย่างที่ทำให้เขาอยากเดินไปหาชายจรจัดคนนั้น อยากรู้ว่าเขาเป็นใคร และอยากพูดคุยกับเขา Roy กับ Billy หลังจากคุยกันสักพัก Roy ก็ตระหนักได้ว่ากำลังคุยอยู่กับน้องชายที่หายไปนานมาก และไม่เคยเห็นเขาตั้งแต่ที่แยกจากกันในวัยเด็ก Roy เห็นน้องชาย Billy White ครั้งสุดท้ายตอนที่เขาเป็นทารกเพิ่งเกิดใหม่ หลังจากนั้นไม่นานครอบครัวก็ประสบปัญหา ทำให้พวกเขาต้องแยกจากกันและไม่เคยติดต่อกันอีกเลย ทั้งคู่เป็นลูกของคุณแม่ Lorraine White แต่ Roy ได้รับการเลี้ยงดูโดยป้าของเขา ส่วน Billy อยู่กับแม่ ก่อนจะถูกส่งไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กตอนอายุ 10 ขวบ หลังจากที่แม่เสียชีวิตลง…
-
หญิงสาวที่โดนเหยียดเชื้อชาติ ตัดสินใจเข้าร่วม ISIS เพื่อแก้แค้น ก่อนจะหนีออกมาในภายหลัง…
ใครก็ตามที่โดนดูถูกเหยียดหยามบ่อยๆ มักจะกลายเป็นคนที่มีปมในใจ เขาอาจจะกลายเป็นคนได้สองรูปแบบ ถ้าไม่เป็นคนขี้กลัว ก็อาจจะกลายเป็นคนหัวรุนแรงไปเลย… Tania Georgelas วัย 33 ปี ชาวอังกฤษ-บังคลาเทศ เป็นหนึ่งในคนที่โดนเหยียดเชื้อชาติ จนทำให้เธอกลายเป็นคนหัวรุนแรง และอยากให้ลูกๆ ของเธอป็นผู้ก่อการร้ายในอนาคตด้วย แต่ปัจจุบัน Tania ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในเขตชานเมืองทางตอนเหนือของเมืองดัลลัส โดยอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของอดีตสามี และสามีใหม่ของเธอ ลองไปรับรู้เรื่องราวของเธอ ผ่านบทความที่ #เหมียวขี้ส่อง จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ค่ะ… กว่าจะมาถึงวันนี้ หญิงสาวต้องผ่านอะไรมาเยอะ รวมทั้งการเป็นผู้ก่อการร้าย ซึ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุผลและปัจจัยอยู่เบื้องหลัง Tania ได้เผยเรืื่องราวชีวิตของเธอระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อ The Atlantic ตั้งแต่ออกจากอังกฤษแล้วไปใช้ชีวิตในซีเรีย ก่อนจะกลับมาอยู่ในสหรัฐอเมริกา Tania เป็นหนึ่งในเด็กทั้ง 5 คนที่เกิดในลอนดอน โดยเป็นลูกของคู่รักชาวอังกฤษ-บังคลาเทศ Nural และ Jahanara Choudhury เธอใช้ชีวิตวัยเด็กใน Harrow ซึ่งที่นั่นเธอต้องเจอกับปัญหาการเหยียดเชื้อชาติ แม้แต่เพื่อนบ้านเองก็มักจะเอาก้อนหินปาใส่หน้าต่างบ้านของเธอ จนทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก รู้สึกแปลกแยกกับสถานที่แห่งนั้น เมื่อการดูถูกเหยียดหยามทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ในที่สุด Tania ก็คิดหาทางที่จะแก้แค้นคนเหล่านั้น… กระทั่งหญิงสาวอายุ 17 ปี…
-
การค้นพบ ‘ปราสาทอันเก่าแก่’ ที่จมอยู่ใต้ทะเลสาบในตุรกี อายุกว่า 3,000 ปี!!
เมื่อเรามองลงไปในน้ำ เราจะไม่ได้เห็นทุกอย่างที่อยู่ข้างใต้นั้น เราอาจคิดว่าข้างใต้ก็คงไม่มีอะไรนอกจากปลาหรือปะการัง แต่ความเป็นจริงมันอาจมีสิ่งที่เป็นตำนานซ่อนเอาไว้เหมือนกับปราสาทใต้น้ำแห่งนี้ นี่คือการค้นพบของช่างภาพ Tahsin Ceylan เมื่อเขาได้นำเหล่านักประดาน้ำออกสำรวจในทะเลสาบ Van ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศตุรกี และได้เจอเข้ากับปราสาทขนาดใหญ่อันเก่าแก่ซ่อนตัวอยู่ข้างใต้นั้น ในตอนแรกเขาได้ไปปรึกษากับนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์ พวกเขาเหล่านั้นกลับบอกว่าใต้ทะเลสาบไม่ได้มีอะไรอยู่เลย จนเขาได้ออกมาดำน้ำด้วยตัวเอง ถึงได้เจอกับโบราณสถานแห่งนี้ ข้างใต้คือกำแพงหินที่สูงยื่นออกมาจากพื้นใต้น้ำ โดยส่วนที่ยื่นออกมาสูงที่สุดอยู่ที่ราวๆ 3 เมตร และเชื่อว่าหากขุดลงไปข้างใต้นั้นก็จะได้พบกับความสูงที่แท้จริงของกำแพงปราสาทนี้ จากการสำรวจพบว่า โบราณสถานแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ใต้ทะเลสาบไปมากถึง 1 ตารางกิโลเมตร และเมื่อตรวจสอบโดยละเอียด ทำให้พอคาดเดาได้ว่านี้คงเป็นปราสาทที่มีมาตั้งแต่สมัยอาณาจักร Urartu เมื่อ 3,000 ปีก่อน ตามประวัติศาสตร์แล้ว เชื่อว่าปราสาทดังกล่าวจมลงหลังจากระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นทะเลสาบในเวลาต่อมา Tahsin เชื่อว่าสิ่งนี้จะสามารถดึงดูดได้ทั้งนักท่องเที่ยวและนักโบราณคดีจำนวนมาก ให้เข้ามาชมและร่วมกันหาคำตอบถึงรายละเอียดของโบราณสถานแห่งนี้กันต่อไป คลิปวิดีโอการค้นพบซากปราสาทใต้น้ำที่มีมาตั้งแต่เมื่อ 3,000 ปีก่อน โลกของเรายังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ซ่อนไว้มาตั้งแต่อดีตกาล และนี่คงเป็นอีกหนึ่งการค้นพบที่จะช่วยให้เราได้รับรู้ว่าในตอนนั้นความเป็นอยู่ของมนุษย์เราเคยเป็นอย่างไรมาก่อน ที่มา: thisisinsider
-
การกลั่นแกล้งที่ไม่รู้จบ แม้ทำให้ลูกสาวฆ่าตัวตายไปแล้ว ก็ยังตามราวีพ่อแม่ของเค้าต่ออีกด้วย
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2017 เด็กสาววัย 13 ปี Rosalie Avila ได้ทำการฆ่าตัวตายในบ้านของเธอเอง ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอถูกกลั่นแกล้งอย่างหนักมาตลอด 2 ปี และถึงแม้สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้เธอตัดสินใจจากโลกนี้ไปแล้ว แต่มันก็ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เมื่อพ่อแม่ของเธอกลายเป็นเป้าหมายต่อไป… หลังจากที่ Freddie Avila พบลูกสาวแขวนคอจบชีวิตตัวเองอยู่ในห้องนอน เขาและ Charlene แม่ของเด็กสาวก็รู้สึกโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก และพวกเขาก็ยังถูกกลั่นแกล้งในโลกโซเชียลมีเดียเหมือนกับที่ลูกสาวเธอเคยโดนอีกด้วย Rosalie เด็กสาวที่ฆ่าตัวตายเพราะถูกกลั่นแกล้งอย่างหนัก พ่อแม่ของเด็กสาวคือเหยื่อรายต่อไปสำหรับการกลั่นแกล้งที่เกิดขึ้น มีคนส่งข้อความมาหาพวกเธอ เป็นรูปตัดต่อใบหน้า Rosalie ขณะพูดกับแม่ของเธอว่า “คราวหลังแม่ไม่ต้องพาหนูไปนอนบนเตียงนะ พาหนูลงหลุมศพไปเลยดีกว่า” แล้วเป็นภาพเด็กสาวชี้ไปที่หลุมศพของตัวเอง รูปตัดต่อที่ถูกส่งเข้ามาเพื่อแกล้งตอกย้ำความเจ็บปวดให้กับคนเป็นพ่อเป็นแม่ นี่คือความโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับลูกสาวของพวกเขามาตลอด 2 ปี ในวันที่เธอฆ่าตัวตายก็ได้ทิ้งจดหมายเอาไว้ให้กับพ่อและแม่ เขียนขอโทษที่เธอต้องทำอย่างนี้ลงไปเพราะว่าตัวเองเป็นคนที่ “น่าเกลียด” และ “ขี้แพ้” Freddie เล่าว่า ก่อนที่ลูกสาวของเขาจะจากไป เธอเคยมาปรึกษาและพูดคุยกับเขาอยู่หลายครั้ง และเขาจะพยายามพูดให้เธอคิดแต่สิ่งดีๆ…
-
หนุ่มออสซี่ตั้งกล้องถ่ายผี แต่กลับเจอผีผ้าห่ม ระหว่าง “แฟนสาว” กับ “ลูกของตัวเอง” แทน!!
ไม่รู้ว่าจะให้คำนิยามอารมณ์ความรู้สึกของเหตุการณ์ต่อไปนี้อย่างไรดี หลังจากที่หนุ่มออสซีผู้หนึ่งที่เชื่อว่าบ้านของเขานั้นมีมวลสารพลังงานบางอย่างซ่อนอยู่ และได้ตั้งกล้องถ่ายวิญญาณเอาไว้ในห้องเพื่อตรวจดูความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในบ้าน แต่ทว่าแทนที่จะได้เห็นผี งานนนี้พ่อหนุ่มของเราดั๊นได้เห็นกิจกรรมเข้าจังหวะ ระหว่างแฟนสาวคนใหม่กับลูกชายของเขาแทนซะนี่!! วันหนึ่งหลังจากที่ชายหนุ่มของเราลืมปิดกล้องที่เขาตั้งไว้เพื่อถ่ายภาพของสิ่งเร้นลับในบ้าน ชายหนุ่มก็ได้พบภาพของแฟนสาวคนใหม่วัย 28 ปีของเขา กำลังเล่นจ้ำจี้กับลูกชายวัย 16 ปีของเขาอยู่ หญิงสาวคนดังกล่าวคบหากับหนุ่มออสซี่ผู้นี้มานานกว่า 11 ปีแล้ว และเธอเองก็เป็นแม่เลี้ยงของเจ้าหนูน้อยมาตั้งแต่ตอนที่เขาอายุได้ 9 ขวบ ชายหนุ่มตัดสินใจฟ้องร้องเธอหลังจากที่เห็นคลิปวิดีโอดังกล่าว ซึ่งเป็นเหตุทำให้เธอถูกศาลตัดสินจำคุก 6 เดือนข้อหาพรากผู้เยาว์ ผู้พิพากษา David Porter ได้ให้สัมภาษณ์ว่าผู้ต้องหาสาวรู้จักกับหนุ่มน้อยมาตั้งแต่ตอนที่เขาเด็กๆ แล้ว แต่เธอเริ่มเข้ามาอาศัยที่บ้านหลังดังกล่าวเมื่อปี 2012 นอกจากนี้ผู้พิพากษายังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2016 หลังจากที่หญิงสาวคนดังกล่าวได้เข้าไปในห้องนอนของหนุ่มน้อยเพื่อพูดคุยเรื่องการเรียนขับรถ ก่อนที่จะเลยเถิดไปถึงการขับอย่างอื่นแทน จากการรายงานของสื่อต่างประเทศ เธอให้การสารภาพว่าเธอแอบมีสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับหนุ่มน้อยผู้นี้มากว่า 3 ครั้งแล้ว และนอกจากนี้ เธอยังรับสารภาพอีกว่ารู้สึกละอายใจและเสียใจกับสิ่งที่ทำไปอีกด้วย… ที่มา elitereaders
-
Disneyland เซี่ยงไฮ้ เผยภาพ Toy Story Land เอาใจแฟนคลับรุ่นเก๋า เตรียมไปเที่ยวได้เลย!!
แม้ว่าการ์ตูนเรื่อง Toy Story จะปิดฉากลงไปนานแล้วแต่ความนิยมนั้นไม่ได้ลดลงไปเลย เพราะว่าการ์ตูนเรื่องดังกล่าวยังคงมีความทรงจำดีๆ ของใครหลายๆ คนอยู่ ประจวบกับเมื่อปี 2016 ทางสวนสนุก Disneyland สาขาเซี่ยงไฮ้ได้ประกาศเปิดตัว Toy Story Land ไป จนแฟนๆ ต่างพากันดีใจและตั้งตารอดูว่าดินแดนของเล่นแห่งใหม่ของพวกเขาจะมีหน้าตายังไง ภาพจากงานประกาศเปิดตัวเมื่อปี 2016 ซึ่งมาวันนี้ทาง Disneyland สาขาเซี่ยงไฮ้ก็ได้ฤกษ์งามยามดีปล่อยคอนเซ็ปต์ของ Toy Story Land กันเสียที ซึ่งแต่ละภาพนั้นก็น่าสนใจมากๆ โดยทุกเครื่องเล่นจะเป็นการหยิบนำของเล่นต่างๆ จากเรื่อง Toy Story มาเป็นองค์ประกอบหลัก ภาพรวมทั้งหมดของธีมแลนด์ดังกล่าว แต่น่าเสียดายตรงที่เครื่องเล่นทหารเขียว ‘Toy Soldiers Parachute Drop Ride’ นั้นจะไม่มีอยู่ในสวนแห่งนี้ แต่จะได้เครื่องเล่น ‘Woody’s Round-Up’ มาให้ทุกคนได้เล่นแทน Rex’s Racer เครื่องที่เราจะได้นั่งรถ RC จากในการ์ตูน Slinky Dog…
-
วิธีแก้ปัญหาสุดคูล เมื่อร้านค้าญี่ปุ่นสั่งของมาเกิน จาก 8 ถ้วยเป็น 8 แพค เป็นคุณจะทำยังไง!?
การแก้ปัญหาเฉพาะหน้านั้นเป็นสิ่งที่บุคลากรในทุกอาชีพควรจะมี โดยเฉพาะกับงานที่จะต้องจัดการกับสินค้าหรือลูกค้ายิ่งสำคัญสุดๆ เพราะถ้าเราสามารถจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างฉุกละหุกได้ทันที ก็สามารถบรรเทาผลลัพธ์ที่ตามมาได้ ยกตัวอย่างง่ายๆ จากเรื่องราวที่ชาวเน็ตนามว่า フォレ ไปเจอเข้ากับร้านแห่งหนึ่งที่เจ้าของบังเอิญสั่งของมาผิด จากที่ต้องสั่งแค่ 8 ถ้วย แต่พี่แกดันสั่งมาตั้ง 8 แพคหรือ 64 ชิ้นแทน คนรีทวีตเรื่องราวนี้มากถึง 110,281 ครั้งเลยล่ะ โดยปัญหานั้นเกิดขึ้นเมื่อร้านสะดวกซื้อได้สั่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ Nen no Kitsune มาวางขาย กะจะลองตลาดดู เพียงแต่ว่าเจ้าของร้านดันสั่งมาเกินจากเดิมที่ตั้งใจสั่งแค่ 8 ถ้วยมันดันกลายเป็น 64 ถ้วย ไปซะได้ งานนี้ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น เจ้าของร้านจะต้องหาทางแก้ปัญหาที่รวดเร็ว ซึ่งมันก็เร็วจริงๆ เขาได้มองเห็นถึงความเชื่อของชาวญี่ปุ่นที่ชื่นชอบในเรื่องดวงพอๆ กับบ้านเรา โดยเขาได้นำเรื่อง ‘ไอเทมนำโชค’ มาเป็นไอเดียในการขายบะหมี่ที่เกิน ทางร้านนั้นได้ตั้งให้บะหมี่ Nen no Kitsune เป็นไอเทมเสริมดวงให้กับทุกราศี โดยถ้าใครซื้อไปกินหรือพกติดตัวก็จะโชคดี เพียงแต่ว่ามีราศีธนูเท่านั้นที่ไม่ใช่บะหมี่ยี่ห้อดังกล่าว แต่ถูกเปลี่ยนเป็นขนมปังปูแทน เหมือนกันทุกราศี มาหักตรงราศีสุดท้ายนี่แหละ ไอเดียการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าดังกล่าวถือว่าสุดยอดเลยทีเดียว ทว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่มีรายงานว่าร้านสะดวกซื้อดังกล่าวประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาไหม บะหมี่ถูกระบายออกจนหมดหรือเปล่า รวมถึงร้านดังกล่าวคือร้านอะไรสาขาไหนก็ไม่มีใครทราบ แต่ก็ต้องชื่นชมเจ้าของที่แก้ปัญหาได้รวดเร็วจริงๆ…
-
ชาวเน็ตรัสเซีย พากันแชร์ภาพสุดแปลกที่สุดเท่าพวกเขาเคยเห็นในที่สาธารณะ จะแปลกแค่ไหนมาดู!!
‘รัสเซีย’ ประเทศมหาอำนาจที่หลายคนก็คงจะรู้ว่าที่นี่ มีวัฒนธรรมแปลกไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะคเอกลักษณ์ในการทำสิ่งต่างๆ ที่รับรองว่าหาในชาติไหนๆ ไม่ได้ บ่อยครั้งเราจะเห็นการทำกิจกรรมบ้าๆ ของชาวรัสเซียไปทุกที่สาธารณะก็ตามทั้งกับสิ่งของ การทำงานหรือไม่เว้นแม้แต่บนรถไฟ พวกเขาก็หาได้แคร์ไม่ งานนี้ชาวเน็ตรัสเซียก็เลยจัดการเอาภาพกิจกรรมแปลกๆ ที่พวกเขาเจอมาแชร์ให้เราได้ดูกัน… เรารู้กันว่าอากาศที่รัสเซียมันหนาว ฉะนั้นน้องหมาก็ควรได้รับความอบอุ่นเช่นกันนะ มันก็คงจะมีแต่ที่นี่แหละ ที่พาหมีนั่งแท็กซี่ได้ เมื่อการทำงานด้วยกระเช้ามันไม่ตื่นเต้น ก็เลยต้องหาลูกเล่นแบบใหม่ เพลง Mission impossible ทำงานออฟฟิศมันต้องอาวุธครบมือขนาดนี้ไหม ยกระดับการเสริมสวย เป็นภาพเหตุการณ์ที่ไม่รู้จะสนใจตรงไหนดี ท่อนบนก็ไม่แปลกอะไร จนกระทั่งเราเลื่อนลงไปเห็นส่วนล่างเท่านั้นแหละ ถ้าเกิดบัมเบิ้ลบีกับไอร่อนแมนรวมทีมก็คงจะออกมาประมาณนี้แหละ คนปกติถ้าอยากขนของต้องใช้รถกระบะ แต่รัสเซียใช้รถอะไรขนก็ได้ บางครั้งคุณป้าแกก็ดูจะโหดเกินไป เรารู้กันว่าที่รัสเซียนั้นเขาชอบ Adidas มากๆ แต่ไม่คิดว่าแม้แต่เก้าอี้ก็ชอบกับเขาเหมือนกัน บ้าๆ สไตล์รัสเซีย แม้พื้นจะพังลงไปพวกเขาก็ไม่ลดความตั้งใจที่จะรอขึ้นรถไฟ ชุดลำลองคูลๆ ที่คนรัสเซียชอบ แน่นอนว่าการเป็นคนรัสเซียก็ต้องคิดนอกกรอบ รถบั๊มก็เปลี่ยนให้เป็นมอเตอร์ไซค์สบายๆ …
-
คู่แฝดเมกันยอมลงทุนกว่า 660,000 บาท เพื่อเหลาหน้าให้เหมือนกับ Brad Pitt
เมื่อหลายวันก่อนเราได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับหญิงสาวชาวอิหร่านคนหนึ่ง ซึ่งเธอคนนี้ชื่นชอบในใบหน้าอันสวยงามของดาราสาว Angelina Jolie มากๆ ถึงกับลงทุนไปศัลยกรรมถึง 50 รอบเพื่อให้ได้ในแบบที่เธอต้องการ (สามารถเข้าไปอ่านข่าวเก่าได้ที่ “หญิงสาวผู้ผ่านการทำศัลยกรรมมาแล้วกว่า 50 ครั้ง เพื่อให้มีใบหน้าเหมือน Agelina Jolie“) ซึ่งหลายคนอาจจะรู้สึกว่า ทำไมถึงต้องทำอะไรเวอร์วังขนาดนั้นเพื่อจะได้เป็นแบบดาราที่ตัวเองชอบ คำตอบมันก็ง่ายมากๆ เพราะว่าเธอชอบนั่นเอง แต่ว่าหญิงสาวคนดังกล่าวก็ไม่ใช่คนเดียวในโลกนะที่ยอมทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อทำศัลยกรรมให้เหมือนดาราที่ตัวเองชอบ ฝาแฝดจากรัฐแอริโซนาคู่นี้พวกเขาก็ได้ตัดสินใจทำแบบนั้นเช่นเดียวกัน!! สองหนุ่มฝาแฝดก่อนที่จะทำศัลยกรรม Matt และ Mike Schlepp ฝาแฝดจากรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกาวัย 21 ปีคู่นี้ มีความชื่นชอบในใบหน้าของ Brad Pitt มากๆ เช่นเดียวกับหญิงสาวชาวอิหร่านที่ชอบ Angelina Jolie ทั้งคู่นั้นได้ใช้เงินกว่า 660,000 บาท เพื่อทำให้หน้าเหมือนดาราคนโปรด แม้ว่าหลังจากการทำศัลยกรรมจะทำให้ทั้งคู่กินอาหารได้อย่างยากลำบากเป็นเวลานาน แต่ทั้งคู่ก็บอกว่ามันคุ้มค่าสุดๆ โดย Matt ได้บอกถึงความรู้สึกของเขาว่า “ผมอยากจะทำมันอีกมากกว่า 10 ครั้ง เพราะมันช่วยให้ผมจีบผู้หญิงได้เยอะมากขึ้นจริงๆ ยกตัวอย่างง่ายๆ แค่ผมเดินผ่านพวกเธอผมก็ได้ยินเสียงกระซิบคุยกันไล่หลังมาแล้ว” ด้าน…
-
หญิงสาวเล่าเรื่องสุดน่ารัก บังเอิญเจอ “ซานต้านอกเครื่องแบบ” ระหว่างช็อปปิ้งของเล่นไปให้เด็กๆ
เดือนธันวาคมเดือนสุดท้ายของปี เป็นเดือนที่หลายคนตั้งหน้าตั้งตารอยคอยเพราะว่าเดือนธันวาคมนี้เป็นเดือนที่มีเทศกาลสำคัญๆ หลายเทศกาล และเทศกาลที่มีผู้คนรอคอยมากที่สุดนั่นก็คือคริสต์มาสนั่นเอง เมื่อพูดถึงคริสต์มาสคุณก็คงจะนึกถึงภาพของรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ของขวัญ การเฉลิมฉลองและที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือซานตาคลอส ชายอ้วนผู้ใส่ชุดสีแดงหนวดสีขาวที่จะออกมามอบของขวัญให้กับเหล่าเด็กๆ เพื่อตอบแทนที่พวกเขาเป็นเด็กดีตลอดปี เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมาได้มีการแชร์เรื่องราวบนทวิตเตอร์ที่ทำให้ผู้คนประทับใจโดยผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า Erica เธอได้ทวีตข้อความพร้อมกับภาพของชายคนหนึ่งที่กำลังซื้อของอยู่ข้างๆ เธอ “คืนนี้ฉันได้ไปที่ห้างสรรพสินค้าและฉันได้พบกับชายคนหนึ่งกับรถเข็นที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาสัตว์ตัวน้อย เมื่อฉันถามเขาว่าเขาซื้อไปทำไม ฉันก็รู้สึกหัวใจพองโต เขาบอกกับฉันว่า ทุกๆ ปีเขาจะแต่งตัวเป็นซานต้าเพื่อไปแจกตุ๊กตาเหล่านี้ให้กับเด็กๆ ที่พวกเขาต้องการจริงๆ” I was at Walmart tonight & I saw this man w/ a cart full of stuffed animals. When I asked him why, my heart became full. He…
-
สาวเป็นโรคผมร่วง กล้ายอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น จนได้รับการเซ็นสัญญานางแบบ
คุณอาจจะใส่วิกผมเพราะต้องการความสวยงาม หรือเปลี่ยนลุคเปลี่ยนสไตล์ใหม่ๆ ให้ดูแตกต่างไปจากเดิม แต่สำหรับ Therese Hansson สาววัย 26 จากเมืองมัลโม่ ประเทศสวีเดน คนนี้ เธอกลับสวมวิกเพื่อปกปิดความอาย และไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอเป็นคนหัวล้าน จะมีก็แต่ครอบครัวและเพื่อนสนิทของเธอเท่านั้นที่รับรู้เรื่องนี้ และเรื่องราวของ Therese ได้ถูกนำมาเปิดเผยผ่านทางสำนักข่าวต่างประเทศในวันที่ 3 ธันวาคม 2560 โดยระบุว่า ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 12 ปีก่อน เมื่อครั้งที่ Therese อายุได้เพียง 14 ปี เธอได้สังเกตเห็นว่าเส้นผมของเธอร่วงหล่นเป็นจำนวนมากขณะที่กำลังยืนหวีผมอยู่หน้ากระจก และเมื่อลองมัดผมหางม้า เธอก็พบว่า เส้นผมบริเวณหน้าผากได้หายไปกระจุกหนึ่ง “ในตอนนั้นฉันกำลังเป็นเด็กอยู่ และรู้สึกเป็นกังวลอย่างมากว่าตัวเองจะเป็นโรคมะเร็ง เพราะอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าผู้ป่วยมะเร็งจะมีอาการผมร่วงอย่างหนัก และสูญเสียเส้นผมไปหลังจากที่ได้รับการรักษาด้วยการทำเคมีบำบัด… มีแค่ครอบครัวของฉันเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ และหลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี เส้นผมของฉันก็เริ่มหายไปทีละน้อย ซึ่งมันทำให้ฉันได้ตัดสินใจที่จะเริ่มบอกเพื่อนสนิทถึงอาการผมร่วงของฉัน” Therese กล่าว นอกจากนี้ Therese ยังได้เผยอีกว่า อาการผมร่วงที่ทำให้เธอกลายเป็นคนหัวล้านแบบนี้ มันทำให้เธอต้องปกปิดเป็นความลับเอาไว้โดยที่ไม่ให้ใครรู้เด็ดขาด…
-
“บ้านสวนพีระมิดแห่งรัสเซีย” อ้างว่าช่วยรักษาโรคร้ายได้ร้อยแปด แถมคุมสภาวะอากาศได้อีก!?
เชื่อไหมว่าเพียงแค่เข้าไปอยู่ในพีระมิดที่สร้างมาอย่างดี คุณก็สามารถหายจากโรคร้ายได้โดยไม่ต้องไปหาหมอเลย? ฟังดูงมงายใช่ไหมล่ะ แต่ว่ามันมีพีระมิดที่อ้างว่าสามารถทำแบบนั้นได้จริงๆ ซึ่งตั้งอยู่ในรัสเซีย Dr. Alexander Golod ผู้เชี่ยวชาญชาวยูเครนผู้เป็นเจ้าของผลงานดังกล่าว ได้บอกว่าพีระมิดของเขานั้นสามารถรับพลังงานอันยิ่งใหญ่จากโลกได้ ซึ่งมันจะทำให้คนที่มายังพีระมิดของเขาไม่ป่วย และมีโอกาสที่จะหายจากโรคร้ายแรงต่างๆ ทั้งเอดส์ และมะเร็งก็สามารถหายได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ความเชื่อดังกล่าวของ Dr. Alexander นั้นยังแรงกล้าและเริ่มมานานแล้วด้วย โดยเขาได้เริ่มสร้างพีระมิดมาตั้งแต่ปี 1990 ซึ่งเขาก็ลงมือสร้างไปเรื่อยๆ จนกระทั่งปี 2001 เขามีพีระมิดมากถึง 17 แห่ง ทั่วยูเครนและรัสเซีย ต่อมาในปี 2010 เขาได้สร้างพีระมิดขึ้นเป็น 50 แห่ง ซึ่งกระจายไปประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทว่าศูนย์กลางก็ยังคงเป็นยูเครนและรัสเซียไม่เปลี่ยนแปลง ด้านดีไซน์ของพีระมิดของเขานั้นจะมีลักษณะเฉพาะตัวอยู่ ซึ่งแตกต่างจากพีระมิดของอียิปต์ตรงที่พีระมิดของเขาจะทำมุมแหลม 70 องศาและมีส่วนสูงที่สูงมากๆ พีระมิดที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ Dr. Alexander เคยสร้างมานั้น มีความสูง 44 เมตร หนัก 55 ตัน โดยใช้เวลาในการสร้างนานถึง 5 ปีและใช้งบประมาณกว่า…
-
‘สี จี้ผิง’ ลั่นสั่งปฏิวัติห้องน้ำสาธารณะทั่วแผ่นดินจีน เพื่อความสะอาดและสุขภาพเข่าของประชาชน
หนึ่งในปัญหาที่นักท่องเที่ยวมักพูดถึงเวลาไปเที่ยวประเทศจีน ก็คือห้องน้ำที่ดูสกแรกและไม่น่าใช้บริการ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้นำประเทศจีน สี จี้ผิง ได้ตั้งเป้าหมายในการปฏิวัติห้องน้ำภายในประเทศให้ดียิ่งขึ้น แท้จริงแล้วการปฏิวัติห้องน้ำในจีนเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2015 เนื่องจากปัญหาในเรื่องของนักท่องเที่ยวที่ไม่อยากใช้บริการห้องน้ำที่มีให้ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ รัฐบาลจึงได้ติดตั้งและอัปเกรดห้องน้ำใหม่กว่า 68,000 ห้องให้กับจุดชมวิวต่างๆ สี จี้ผิง ผู้นำของประเทศจีนคนปัจจุบัน หลังจากนั้นสำนักงานบริหารการท่องเที่ยวแห่งชาติของประเทศจีนได้ออกมาประกาศเมื่อเดือนธันวาคม 2016 ว่าได้มีการวางแผนใช้งบประมาณจำนวนกว่า 9 ล้านล้านบาทในการพัฒนาและติดตั้งห้องน้ำกว่า 100,000 แห่งทั่วประเทศ ภายในระยะเวลา 4 ปี และผู้นำคนปัจจุบันก็ตั้งใจที่จะมุ่งเป้าไปที่แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ เพิ่มเติม รวมถึงตามพื้นที่ชนบททั่วประเทศ เพราะเขาเล็งเห็นว่าการมีห้องน้ำที่ดีก็คือการเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน เป็นการวางแผนเพื่อพัฒนาทั้งการใช้ชีวิตของคนในประเทศและการเข้ามาท่องเที่ยวของคนนอกประเทศ ห้องน้ำในประเทศจีนที่เราเคยเห็น ดูไม่ค่อยถูกสุขอนามัยและเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคต่างๆ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2017 ประเทศจีนก็ได้เปลี่ยนให้ “วันห้องน้ำโลก” กลายเป็น “วันห้องน้ำโลกและวันแห่งการปฏิวัติห้องน้ำของประเทศจีน” เพื่อทำให้ทุกคนได้รับรู้ถึงการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา ในวันเดียวกันนั้นเอง แอพ WeChat ของประเทศจีนก็ได้ออกฟังก์ชั่นใหม่ที่ช่วยหาห้องน้ำใกล้ตัวให้กับคุณได้อีกด้วย ซึ่งจะมีห้องน้ำกว่า 330,000 แห่งใน 2,288 ประเทศรวมอยู่ในนั้น …
-
เถื่อนญี่ปุ่น… รถไฟชั่วโมงเร่งด่วน ยัดผู้โดยสารหนึ่งคน ด้วยแรงเจ้าหน้าที่ถึง 3 คน!!
ในช่วงเช้าที่ทุกคนกำลังรีบออกไปทำงานของประเทศญี่ปุ่น ประชากรส่วนใหญ่เลือกใช้บริการรถไฟสาธารณะเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและความรวดเร็วในการเดินทาง แต่ในชั่วโมงเร่งรีบแบบนี้จึงทำให้ผู้โดยสารจำนวนมากแย่งกันขึ้นขบวนรถไฟไม่ว่าจะเต็มขนาดไหนก็ตาม และนั่นจึงทำให้ประเทศนี้มีอาชีพที่เรียกว่า Oshiya หรือก็คือเจ้าหน้าที่ผลักผู้โดยสาร งานของอาชีพนี้ก็คือการผลักและดันผู้โดยสารที่ล้นออกมาเข้าไปอยู่ในขบวนรถไฟให้ได้มากที่สุด โดยสิ่งที่พวกเขาทำก็ไม่ได้ดูรุนแรงจนเกินไป เพราะพวกเขาจะใช้คำพูดที่สุภาพกับผู้โดยสาร และเจ้าหน้าที่ทุกคนจะใส่ถุงมือสีขาวสะอาดแสงให้เห็นถึงการให้เกียรติกัน แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำหน้าที่กันอย่างสุภาพแล้วในบางครั้งมันก็อาจดูป่าเถื่อนไปบ้าง อย่างเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2017 ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @jpn_darkside ได้โพสต์คลิปการผลักผู้โดยสาร 1 คนเข้าไปในขบวนที่ต้องใช้เจ้าหน้าที่มากถึง 3 คน คลิปจากโพสต์ในทวิตเตอร์ แสดงให้เห็นถึงความพยายามของเจ้าหน้าที่ 3 คนในการดันผู้โดยสารคนหนึ่งให้เข้าไปในขบวน (ดูไม่ได้กดที่ลิ้งก์นี้ Twitter) 日本人、そんなに急いでどこへ行くのですか… pic.twitter.com/mwJ0N8FBal — 日本の闇を見てしまった。。。【厳選】 (@jpn_darkside) December 3, 2017 นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนเช้าระหว่างเส้นทางรถไฟ Sobu ที่เชื่อมระหว่างสถานีชิบะ และโตเกียว เจ้าหน้าที่พยายามดันให้ผู้โดยสารเข้าไป แต่ก็ไม่สำเร็จซักที เจ้าหน้าที่คนที่สองจึงรีบวิ่งเข้ามาช่วย และทำให้ผู้โดยสารที่อยู่นอกสุดต้องออกไปหนึ่งคน เพราะสามารถเข้าได้เพียงแค่หนึ่งคนเท่านั้น แต่แม้จะเหลือผู้โดยสารล้นออกมาแค่หนึ่งคน แต่สุดท้ายก็ต้องใช้เจ้าหน้าที่ถึง 3…
-
แข่งรถมันอยู่ในสายเลือด!! เอารถเด็กน้อยมาแข่งลงทางลาดชัน เจ็บตัวไม่กลัวขอนัวไว้ก่อน…
เบื่อหรือยังกับการแข่งรถประลองความเร็วทั่วๆ ไปบนสนามแข่ง หรือแม้แต่การแข่งขันวิบากต่างๆ ก็ไม่สามารถทำให้คุณรู้สึกเพลิดเพลินกับมันได้ หากเป็นอย่างนั้นเราขอแนะนำการแข่งขันที่ชื่อว่า Barbie Jeep Racing ให้กับคุณ รายการดังกล่าวฉีกกฎทุกการแข่งรถ เพราะที่นี่ไม่ได้ใช้รถติดเครื่องยนต์แรงๆ ราคาแพงแต่อย่างใด ขอเพียงแค่คุณมีรถของเล่นสำหรับเด็กบวกกับหมวกกันน็อคซักใบก็เพียงพอสำหรับการแข่งขันสุดมันส์นี้แล้ว ขอแค่รถของเล่นกับหมวกกันน็อคเท่านั้นก็เกินพอ สนามแข่งนี้มีชื่อว่า Carter Off-Road Park ในรัฐอาร์คันซอ สหรัฐอเมริกา เป็นแหล่งรวมพลของผู้เข้าแข่งขันและผู้ชมจำนวนมากที่ชื่นชอบความบ้าระห่ำ และความสนุกอย่างที่หาไม่ได้จากที่ไหน คลิปบรรยากาศความมันส์และความสนุกสนานของการแข่งขัน กติกาของการแข่งขันก็ง่ายๆ ไม่ว่าจะล้มลุกคลุกคลาน รถล้อหลุด หรือจะลอยกระเด็นออกไปนอกสนาม แค่ขอให้คุณยังมีสติกลับมาพารถคู่ใจคุณเข้าเส้นชัยไปได้แค่นั้นก็พอ ถึงแม้ว่าการละเล่นแบบนี้อาจจะดูอันตรายไปซักหน่อย แต่อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมากสุดก็แค่แผลเล็กๆ ตรงข้อศอกเท่านั้นเอง บางคนไม่ล้มเลยก็มี รวดเดียวถึงเส้นชัย โหดเกิ๊นนน แนะนำว่าอย่าลองไปทำกันเองเพราะเนินที่เราช้าอาจไม่มีความปลอดภัยที่มากพอ ถ้าหากอยากเล่นจริงๆ ก็แบกรถของเล่นกับหมวกกันน็อคขึ้นเครื่องไปเล่นที่อเมริกาจะดีกว่านะ ที่มา: blackflag.jalopnik
-
นี่สิ Supergirl ของจริง!! สาววัย 16 ยกน้ำหนัก 165 กิโลกรัมได้ชิวๆ แม้จะดูไม่มีกล้ามเลย…
เวลาที่เราได้เห็นคนที่มีรูปร่างใหญ่ กล้ามเป็นมัดๆ เราก็จะคิดว่าเขาต้องแข็งแรงและสามารถยกของหนักๆ ได้แน่นอน แต่ถึงแม้จะไม่ได้มีร่างกายที่ดูใหญ่โตมากขนาดนั้น หญิงสาวคนนี้ก็สามารถยกของหนักๆ ได้แบบชิวๆ เผลอๆ หนักกว่าคนมีกล้ามบางคนซะอีก เด็กสาวคนนี้มีชื่อว่า Naomi Kutin อาศัยอยู่ในเมือง Teaneck รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา เธอได้เริ่มออกกำลังกายและยกน้ำหนักมาตั้งแต่ตอนอายุได้เพียง 8 ปี ในตอนนั้นเธอสามารถทำท่าออกกำลังกายต่างๆ อย่างเช่นซิทอัพ หรือวิดพื้นเอาชนะเด็กผู้ชายแถวบ้านได้แบบสบายๆ จึงทำให้ Ed พ่อของเธอชวนไปฝึกเล่นยกน้ำหนักด้วยกันตั้งแต่นั้นมา ตอนแรกทุกคนคิดว่าเด็กสาวคงมาฝึกซักสามเดือนแล้วก็เลิกเล่นไป แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะเธอยังคงเล่นต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะเลิกเลย และความแข็งแกร่งของเด็กสาวก็แสดงออกมาให้เห็นในตอนอายุ 10 ขวบ เธอได้เข้าร่วมการแข่งขันในรุ่นน้ำหนัก 44 กิโลกรัม ทั้งๆ ที่เธอหนักเพียงแค่ 40 กิโลกรัม และเธอก็สามารถยกน้ำหนักในท่าสควอทได้มากถึง 97 กิโลกรัม ทำลายสถิติโลกได้จากการที่เธอยกน้ำหนักได้มากกว่าน้ำตัวของเธอเองกว่า 2 เท่า หลังจากนั้นมา เธอก็เข้าแข่งขันยกน้ำหนักอีกหลายรายการ ร่วมกับพ่อและ Ari น้องชายอายุห่างกัน 2…
-
หนุ่มมาเลเซียเครียดหนัก สอบใบขับขี่ไม่ผ่าน สุดท้ายแขวนคออยู่ใต้ต้นมังคุด
ในบ้านเราอาจมองว่าการสอบใบขับขี่ไม่ผ่านไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไว้ค่อยหาเวลาไปสอบใหม่ก็ได้ แต่ในบางประเทศและสำหรับบางคนอาจไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะอย่างในประเทศมาเลเซียก็มีคนที่เครียดจากการสอบใบขับขี่ไม่ผ่านจนถึงกับฆ่าตัวตายมาแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อชายหนุ่มวัย 21 ปีได้ไปเข้ารับการสอบใบขับขี่ในเมือง Kuantan ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2017 และผลที่ออกมาก็คือเขาสอบไม่ผ่าน การสอบไม่ผ่านของเขาทำให้เขาหายตัวไปนับตั้งแต่วันนั้น แม้แต่คนในครอบครัวก็ไม่รู้เลยว่าชายคนนี้หายไปไหน จนกระทั่งผ่านไป 6 วัน ในวันที่ 23 พฤศจิกายน จึงได้มีคนพบร่างของเขาแขวนคอตายอยู่ใต้ต้นมังคุดภายในสวนผลไม้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งตัวเขาไปโรงพยาบาล Tengku Ampuan Afzan เพื่อรับการชันสูตรศพต่อไป การฆ่าตัวตายเพราะสอบใบขับขี่ไม่ผ่านได้กลายเป็นกระแสกับชาวเน็ตจำนวนมาก โดยพวกเขาได้พูดถึงความเครียดที่ชายคนนี้น่าจะต้องเจอ กับค่าใช้จ่ายที่แพงแสนแพงของการสอบใบขับขี่ในแต่ละครั้ง “เดี๋ยวนี้สอบใบขับขี่แต่ละที่ต้องเสียเงินตั้ง 1,200 ริงกิตมาเลเซีย (หรือเกือบ 9,600 บาท) ก็ไม่แปลกที่เขาจะต้องรู้สึกเครียดและกดดัน” “การใช้ชีวิตของคนเราเป็นสิ่งที่ยากลำบากเอามากๆ การไม่มีเงินที่มากพออาจเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนบางคน รู้สึกเสียใจกับเขามากจริงๆ เขาเพิ่งอายุ 21 เอง” “บางคนเขาก็มีเงินติดตัวแค่ 5 ริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 39 บาท) เท่านั้นเองนะ”…
-
รวมเหล่าแฟนคลับอยากมีหน้าเหมือนดาราดังที่ชื่นชอบ เลยยอมลงทุมโมทั้งหน้าซะเลย
หลายๆ คนมีศิลปินในดวงใจที่ชื่นชอบ ซึ่งคุณอาจจะนำพวกเขามาเป็นแรงบันดาลใจต่างๆ เช่น แต่งตัว แต่งหน้าให้เหมือนคนดัง หรือบางคนก็นำเอาเรื่องดีๆ ของผู้คนเหล่านั้นมาเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิต ในขณะที่หลายๆ คนกลับอยากที่จะเปลี่ยนแปลงหน้าตาของตัวเองให้เหมือนกับเซเลบในดวงใจ ดังนั้น จึงทำให้พวกเขายอมทุ่มทุนจำนวนมหาศาลเพื่อโมหน้าให้เหมือนคนดังเหล่านั้นซะเลย และนี่คือ 7 บรรดาแฟนคลับที่คลั่งไคล้ดาราดังหนักมาก จนต้องขอหันไปพึ่งมีดหมอเปลี่ยนใบหน้าตัวเองให้เหมือนกับเหล่าเซเลบ ว่าแต่จะเหมือนมากเหมือนน้อยแค่ไหนนั้นมาดูเลย 1. Toby Sheldon หนุ่มมะกันวัย 33 ที่อยากมีใบหน้าเหมือน Justin Bieber เลยยอมผู้ลงทุนเงินกว่า 3.2 ล้านบาท เพื่อทำศัลยกรรมโมหน้าภายในช่วงเวลา 5 ปี ทั้งฉีดโบท็อกซ์ ปลูกถ่ายเซลผม รวมถึงดูดไขมันใต้คางเพื่อทำให้รอยยิ้มของเขาดูสมูธขึ้น 2. Hong Yuh Reum นางแบบสาวเกาหลีใต้ หนึ่งในแฟนคลับตัวยงของอดีตนางฟ้า Victoria’s Secret อย่าง Miranda Kerr ยอมลงทุนทำศัลยกรรมผ่าตัดเปลี่ยนใบหน้าของเธอเพราะอยากจะมีหน้าตาเหมือน Miranda 3. Mikki Jay คุณแม่ลูกสามที่ใช้เงินกว่า 350,000 บาท ในการผ่าตัดเปลี่ยนจมูก คาง…
-
เมืองไทยคิดว่ายังไง!? นี่คือบทลงโทษใหม่ ที่รัฐบาลเกาหลีใต้ จะใช้กับผู้กระทำความผิดคดีข่มขืน!!
เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้ยินข่าวเกี่ยวกับการข่มขืน บทลงโทษที่เรามักจะได้ยินเกี่ยวกับโทษในลักษณะนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นการถูกตัดสินจำคุก แต่สำหรับที่ประเทศเกาหลีใต้นั้นพวกเขาได้ออกมาตรการใหม่ในการลงโทษดังกล่าวนั่นก็คือการฉีดสารที่ทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศนั่นเอง!! ขณะนี้ทางการเกาหลีได้พิจารณาการนำสารเคมีลดสมรรถภาพทางเพศนี้มาใช้ในการลงโทษสำหรับคดีอนาจารและคดีข่มขืน โดยผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดคดีข่มขืนเยาวชนอายุต่ำกว่า 16 ปี จะต้องเข้ารับการบำบัดด้วยสารดังกล่าวทุกๆ 1 เดือนนานถึง 15 ปี ร่างกฎหมายดังกล่าวนั้นถูกนำเสนอผ่านคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และกำลังมีการประชุมหารือถึงรายละเอียดในการลงโทษต่างๆ เกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าวอยู่ในขณะนี้ สารเคมีดังกล่าวนั้นจะอยู่ในรูปของยาเม็ดหรือยาฉีด ซึ่งจะช่วยลดความต้องการทางเพศของผู้ต้องหา และนอกจากนี้ยังทำให้อวัยวะเพศไม่แข็งตัวอีกด้วย โดยทางการคาดว่าการบำบัดนี้จะประสบความสำเร็จ ถึงแม้ว่าผู้ต้องหาจะออกจากโครงการแล้วก็ตาม ประเทศเกาหลีใต้ได้เริ่มแนวคิดดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2011 และกลายเป็นประเทศแรกในแถบเอเชียที่เริ่มนำวิธีดังกล่าวมาใช้ในกระบวนการยุติธรรม หลังจากที่ปัญหาอาชญากรรมทางเพศในประเทศนั้นเริ่มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ในร่างกฎหมายดังกล่าวยังได้เสนอเงื่อนไขให้มีการใช้ยาดังกล่าวกับนักโทษก่อนที่พวกเขาจะพ้นโทษประมาณ 6 ถึง 9 เดือน ถึงแม้ว่าการใช้ยาดังกล่าวนั้น จะได้รับการศึกษาและการประเมินทางจิตเวชจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว แต่ทางด้านฝ่ายค้านเองก็ได้ตั้งข้อสงสัยว่าการใช้สารเคมีดังกล่าว จะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องหาหรือไม่ นอกจากนี้ทางด้านผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เองก็ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้การศึกษาเกี่ยวกับตัวยาดังกล่าวนั้นยังมีข้อมูลไม่เพียงพออีกด้วย ชมรายงานเพิ่มเติมได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… ที่มา koreaherald
-
กองเซ็นเซอร์จีนอุนมัติฉาย CoCo ได้เต็มเรื่อง แม้จะขัดกับข้อห้ามเนื้อหาเกี่ยวกับผี เพราะน่ามันประทับใจจริง
ในประเทศจีน การจะเผยแพร่รายการทีวี วิดีโอทางอินเตอร์เน็ต หรือแม้แต่หนังภาพยนตร์ที่จะออกฉาย ทุกอย่างล้วนต้องผ่านกองเซ็นเซอร์ของประเทศที่มีกฎตั้งเอาไว้อย่างเคร่งครัด แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องแหกกฎที่ตั้งเอาไว้ และอนุญาตให้ภาพยนตร์การ์ตูนอนิเมชั่นเรื่อง Coco วันอลวน วิญญาณอลเวง เข้ามาฉายในประเทศได้ตามปกติ กฎของกองเซ็นเซอร์ในประเทศจีนมีอยู่ด้วยกันหลากหลายข้อ อย่างเช่นห้ามมีภาพการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือพฤติกรรมที่ไม่ดี ห้ามมีภาพการร่วมเพศหรือที่เกี่ยวกับเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ทุกรูปแบบ เป็นต้น และอีกข้อที่สำคัญของพวกเขาก็คือ ห้ามไม่ให้มีการแสดงเนื้อหาของการฆาตกรรม ความรุนแรง ความน่ากลัว ผี หรือสิ่งเหนือธรรมชาติใดๆ ทั้งสิ้น แต่สุดท้ายกฎข้อนี้ก็ต้องถูกมองข้ามไป หลังจากที่กองเซ็นเซอร์ได้มาเจอกับภาพยนตร์การ์ตูนอนิเมชั่นที่ชื่อว่า Coco เราจะเห็นได้ว่าหนังเรื่องนี้นั้นมีแต่ผีแทบทั้งเรื่อง และตามกฎแล้วประเทศจีน คงไม่อนุญาตให้ทำการฉายในบ้านเขาอย่างแน่นอน แต่หลังจากที่กองเซ็นเซอร์ได้ชมหนังเรื่องนี้ พวกเขากลับอนุญาตให้สามารถฉายในประแทศได้ซะอย่างงั้น ด้วยเรื่องราวอันแสนประทับใจและฉากจบอันซาบซึ้ง จึงทำให้มันสามารถเข้าฉายในประเทศจีนได้แบบครบถ้วนสมบูรณ์ทุกเนื้อหาแบบไม่มีการตัดต่อใดๆ ทั้งสิ้น และตอนนี้มันก็ได้กลายเป็นหนังที่ทำรายได้อันดับหนึ่งของตาราง Box Office ในประเทศจีนเป็นที่เรียบร้อย หากใครอยากรู้ว่าหนังเรื่อง Coco วันอลวน วิญญาณอลเวง นี้จะมีเรื่องราวที่กินใจมากขนาดไหน ก็สามารถเข้าไปชมกันได้ในทุกโรงภาพยนตร์ใกล้บ้านคุณเลย ที่มา: forbes
-
ตำตรวจเร่งตามล่า หนุ่มญี่ปุ่นล่อเจ้าเหมียวออกมาข้างถนน ก่อนจะยิงกระหน่ำด้วยบีบีกัน…
การทารุณกรรมสัตว์ยังคงมีให้เห็นอยู่ในทุกๆ ที่ แม้จะมีกฎหมายออกมาปกป้องก็ไม่สามารถหยุดการกระทำของคนใจโหดที่ทำอย่างนั้นได้เลย อย่างชายคนนี้ที่ทำร้ายสัตว์อย่างโหดเหี้ยม ด้วยการล่อแมวด้วยอาหารก่อนที่จะยิงมันด้วยปืนบีบีกัน ความโหดร้ายนี้ได้ถูกแชร์ลงในทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2017 จากผู้ใช้ที่ชื่อว่า ryuki ผู้อาศัยอยู่ในเมือง Suminoe Ward จังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เขาได้เจอกับบางสิ่งบางอย่างแปลกไปที่บริเวณหน้าบ้านของเขา ซึ่งเป็นจุดที่เจ้า Hideki แมวที่เลี้ยงไว้ชอบออกไปนอนเล่นบ่อยๆ เขาเริ่มสังเกตเห็นเศษขนมปังและกระสุนบีบีกันตกอยู่หน้าบ้านเขาบ่อยๆ ด้วยความสงสัยเขาจึงเช็คกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ ทำให้เขาได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ชายคนหนึ่งขับผ่านหน้าบ้านของเขา และโยนขนมปังออกมาด้านนอกรถ เพื่อล่อความสนใจของเจ้า Hideki ที่นอนอยู่หน้าบ้าน เจ้าเหมียวเห็นเศษขนมปังจึงลุกเดินเข้าไปกินใกล้ๆ กับถนน แล้วชายคนนั้นก็วนรถกลับมาอีกครั้ง ก่อนที่จะควักปืนบีบีกันออกมากระหน่ำยิงใส่เจ้าแมวผู้น่าสงสาร พฤติกรรมอันแสนทารุณนี้ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้เลย โชคดีที่ในกล้องจับภาพของป้ายทะเบียนรถคันนั้นเอาไว้ได้ชัดแจ๋ว เมื่อได้เห็นเลขทะเบียนของคนก่อเหตุ เขาจึงรีบโทรแจ้งตำรวจทันทีเพื่อตามหาชายใจโหดคนนี้กลับมารับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป และหลังจากนี้เจ้าเหมียวน้อยก็คงต้องเปลี่ยนไปนอนในบ้านแทนแล้ว คลิปวิดีโอของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถูกถ่ายโดยกล้องวงจรปิด (ใครดูไม่ได้ก็กดเข้าไปดูตรงนี้นะ Twitter) 家の前で飼っている猫がエアーガンで撃たれました。 動画でも分かる通り、パンを投げてそのまま一周して来て、次にエアーガンを手に持ち、車の窓越しから猫に撃ちました。 警察に連絡は入れてます。 住之江付近でこのナンバー見かけたら連絡お願いします。#拡散希望#RTお願いします pic.twitter.com/09riPjJfNt — ryuki (@suminoe42) November 24, 2017…
-
นักประดิษฐ์จีนออกไอเดียแก้ปัญหาหมอกควัน ให้คน 15 ล้านคนใช้พัดยักษ์พัดพร้อมกัน
ปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้นในประเทศจีน เป็นสิ่งที่ยังคงแก้ไขไม่ได้มาจนถึงในปัจจุบัน เนื่องจากการสร้างมลพิษจำนวนมากที่ยังคงมีอยู่ภายในประเทศ และนั่นจึงทำให้ชาวจีนคนหนึ่งคิดวิธีขจัดหมอกควันออกไปจากเมือง โดยการใช้พัดขนาดใหญ่สร้างแรงลมไล่มลพิษออกไป นี่เป็นความคิดของชาวจีนแซ่ Du คนหนึ่ง เขาได้ยื่นคำขอจดสิทธิบัตรไอเดียสุดบรรเจิดนี้กับสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญามาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2017 ไอเดียของหนุ่มชาวจีน ในการใช้พัดยักษ์ขับไล่หมอกควัน ด้วยแรงจากคน 15 ล้านคน ไอเดียของเขาก็คือการให้คน 15 ล้านคนใช้พัดอันใหญ่สร้างแรงลมพร้อมๆ กัน ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อไล่หมอกควันออกไปจากกรุงปักกิ่ง ซึ่งเขาบอกว่ามลพิษจะหายไปจากเมืองภายในเวลาแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น เจ้าของไอเดียเรียกวิธีการนี้ว่าเป็นการแก้ปัญหาในทางปฏิบัติ และวิธีการดังกล่าวก็ใช้เวลาในการค้นคว้าและวิจัยมานานกว่า 7 ปีเลยทีเดียว ปัจจัยหลักของสิ่งที่เขาคิดก็คือ “ประหยัดค่าใช้จ่าย” และ “เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ซึ่งนี่ก็เป็นไปตามที่เขาต้องการ เขาได้แนะนำให้รัฐบาลเตรียมพื้นที่เก็บอุปกรณ์พัดขนาดใหญ่นี้เอาไว้ในที่สาธารณะ รวมถึงให้ช่วยกันกระตุ้นประชาชนคนอื่นๆ ให้ออกมาทำตามไอเดียของเขาในช่วงที่ว่างพร้อมๆ กัน อย่างเช่นตอนพักเที่ยง หรือตอนเลิกเรียน เขาได้บอกกับเว็บข่าว Thepaper.cn ว่า “ผมเชื่อว่ามันต้องทำได้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าผมจะใช้เวลาและพลังงานในการค้นคว้าวิจัยที่ไม่มากเท่าไหร่ก็ตาม” และนี่ไม่ใช่ไอเดียแรกของเขาที่คิดค้นขึ้นมาแก้ปัญหาหมอกควัน เพราะก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคม 2016 เขาก็เคยยื่นคำร้องจดสิทธิบัตรวิธีการแก้ปัญหาไปมากถึง 6 วิธี แต่ถึงอย่างนั้นวิธีทั้งหมด…
-
ผู้นำเทรนด์ทวีตมาแต่กาลก่อน… เมื่อ 25 ปีที่แล้ว SMS แรกถูกส่งออกไปด้วยคำว่า ‘Merry Christmas’
ในปัจจุบันนั้นเราส่งข้อความหากันผ่านช่องทางต่างๆ มากมายเป็นล้านๆ คำต่อวัน บ้างก็ยาวบ้างก็สั้นแล้วแต่ประโยคแตกต่างกัน แต่รู้หรือไม่ว่าประโยคแรกที่มนุษย์ชาติส่งผ่านระบบ SMS นั้นคือคำว่า ‘Merry Christmas’ SMS หรือชื่อเต็มๆ ที่เรียกกันว่า ‘Short Message Service’ ซึ่งความหมายตรงตัวก็คือระบบการส่งข้อความสั้นๆ ซึ่งมีการจำกัดคำอยู่ที่ 160 คำ โดย Friedhelm Hillebrand ผู้คิดค้นระบบนี้บอกว่ามันเป็นจำนวนคำที่เขาคิดว่าพอดีแล้ว Neil Papworth โปรแกรมเมอร์ชาวอังกฤษคือชายคนแรกที่ได้ส่ง SMS ด้วยคำอวยพรดังกล่าวเมื่อ 25 ปีก่อน ในวันที่ 3 ธันวาคม 1992 และที่สำคัญมันไม่ได้ส่งผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นที่แรก แต่มันส่งผ่านคอมพิวเตอร์ของเขาต่างหาก อย่างไรก็ตามหลังจากข้อความแรกได้ถูกส่งออกไปเมื่อปี 1992 ข้อความอื่นๆ ก็เริ่มตามมาจนเกิดเป็นกระแสนิยมเรื่อยมาบนโทรศัพท์มือถือ จนกระทั่งปี 2006 ทวิตเตอร์ก็เกิดขึ้นพร้อมยืมไอเดีย SMS มาใช้ในระบบของพวกเขา เพียงแต่ว่าทางทวิตเตอร์ได้ลดจำนวนคำลงเหลือ 140 เพราะให้เหตุผลว่าอีก 20 คำไว้ใช้กับยูสเซอร์เนมนั่นเอง และด้วยความนิยมดังกล่าวของระบบการส่งข้อความจึงทำให้ปี 2012…
-
19 การโฆษณาที่เจ๋งขึ้นไปอีกขั้น ช่วยดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด แบบนี้เอาใจไปเล้ยย!!
มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่แบรนด์จากบริษัทต่างๆ จะสามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ด้วยการโฆษณา ดังนั้น พวกเขาจึงต้องแข่งกันหาไอเดียเจ๋งๆ ที่มีทั้งความคิดสร้างสรรค์ ความแปลกใหม่ มานำเสนอให้น่าสนใจอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดจะรู้เป็นอย่างดีว่า ว่าความคิดเจ๋งๆ ที่แปลกแหวกแนวเพื่อโฆษณาสินค้าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการดึงดูดลูกค้านั่นเอง วันนี้เราได้รวบรวม 20 ภาพตัวอย่างการโฆษณากลางแจ้งที่น่าสนใจ และสามารถนำเสนอในสิ่งที่สร้างประโยชน์ให้แก่ผู้คนได้มากอีกด้วย มาดูกันเลยว่าการโฆษณาของบริษัทไหนที่คุณจะกดไลก์ให้มากที่สุด 1. ร้านกาแฟ Caribou Coffee ได้เปิดตัวโฆษณาที่จะมาช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ลูกค้าด้วยเมนูใหม่ “Hot ‘n Wholesome” ที่ได้ติดตั้งเครื่องทำความร้อนไว้ในจุดรอรถบัส 2. สไปรท์เติมความสุขได้ไม่อั้น ติดตั้งฝักบัวอาบน้ำที่ดูเหมือนตู้กดน้ำเอาไว้ที่ชายหาด ซาบซ่าไหมล่ะ!! 3. ป้ายโฆษณาเบียร์ Carlsberg ที่เรียกได้ว่าเป็นป้ายโฆษณาที่ดีที่สุดเลยนะเนี่ย อยากให้มีแบบนี้ให้บ้านเราบ้างเนอะ ฮร่าๆ 4. การโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์นี้ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การขี่จักรยานทำให้อากาศดีขึ้น 5. แปรงสีฟัน Oral-B ที่สามารถนำมาใช้ทำความสะอาดอะไรก็ได้ 6. COA Youth & Family ได้เปิดตัวโฆษณาแคมเปญที่ชวนให้เด็กๆ…
-
พ่อของเหยื่อฆาตกรรม ดึงสลักระเบิดกลางศาล พลีชีพตัวเองและแก้แค้นจำเลย
การพรากชีวิตของผู้อื่นไปย่อมเกิดผลกระทบที่ตามมาหลายๆ อย่าง หนึ่งในนั้นก็คือความรู้สึกโกรธแค้นของผู้ที่ต้องสูญเสียคนที่รักจนอาจเกิดเป็นการแก้แค้นอย่างในเหตุการณ์นี้ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ศาลเมืองนิโคปอล ประเทศยูเครน ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2017 ขณะที่พวกเขากำลังไต่สวนคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2016 จู่ๆ พ่อของเหยื่อในคดีนั้นก็เดินเข้ามาพร้อมกับดึงสลักระเบิดมือและทำการพลีชีพตัวเอง แรงระเบิดก็ได้ทำให้เขาเสียชีวิตทันทีพร้อมกับจำเลยอีกคนหนึ่ง ที่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิตหลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล จำเลยอีกสามคนก็บาดเจ็บสาหัสและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน รวมถึงเจ้าหน้าที่ศาลสองคนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกสองคน ที่โดนลูกหลงไปด้วย แรงระเบิดอันมหาศาลจนเกือบทำให้ประตูศาลหลุดออกมา จุดเริ่มต้นของการสูญเสียในครั้งนี้เชื่อว่าเกิดจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและทหาร Kiev ในประเทศยูเครน ที่มีมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2014 จนทำให้มีคนตายมากกว่า 10,000 คน และทำให้จำเลยในคดีฆาตกรรมปี 2016 ฆ่าตายไปอีกสองคน ก่อนที่พ่อของเหยื่อรายหนึ่งในคดีนั้นจะกลับมาแก้แค้นในที่สุด ความเสียใจที่เปลี่ยนเป็นความโกรธและกลายเป็นความแค้นในที่สุด ความแค้นคือสิ่งที่ทำให้เกิดการสูญเสียและความเสียใจเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นเอง แน่นอนว่าอารมณ์เป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยาก โดยเฉพาะอารมณ์โกรธแค้น เกลียดชังเหมือนกับคุณพ่อคนนี้ แต่ถึงอย่างไรเราก็ควรไตร่ตรองให้ดีก่อนว่า การใช้อารมณ์มาเป็นตัวตัดสินการกระทำนั้นมันดีแล้วจริงๆ หรือ ที่มา: dailymail
-
12 ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของเหล่าโจรสลัด ที่ไม่อาจได้เห็นในหนังสือเรียน…
โจรสลัดผู้ออกเดินทางไปทั่วผืนสมุทรเพื่อล่าขุมสมบัตินั้น หากมองดูผิวเผินแล้ววิถีชีวิตของพวกเขาอาจจะดูเข้าใจง่าย เพราะในภาพยนตร์หรือการ์ตูนแทบทุกเรื่องนั้น โจรสลัดก็แค่ล่องเรือ ดื่มเหล้า ร้องรำทำเพลง แล้วก็ปล้นทรัพย์จากเรือลำอื่นๆ แต่จริงๆ แล้วนั่นเป็นเพียงภาพรวมของชีวิตโจรสลัดเท่านั้น หากมองให้ลึกลงไปถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในวิถีแห่งโจรสลัดแล้ว มีวัฒนธรรมหลายอย่างเกี่ยวกับพวกเขาที่คุณยังไม่รู้ และมันก็จะทำให้คุณต้องตะลึงว่ามีวัฒนธรรมแบบนี้อยู่จริงเหรอ 1. ถ้าอยากตายดี อย่าทำต่างหูหาย หากโจรสลัดเสียชีวิตโดยบังเอิญ ต่างหูที่ติดตัวนั้นจะช่วยใช้เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อให้มีคนจัดพิธีศพอย่างเหมาะสมได้ ไม่อย่างนั้นก็ตายอย่างศพไร้ญาติไปซะ 2. จงระวังเมื่อเห็นธงสีแดง แน่นอนว่าเมื่อต้องสู้รบกับเรือลำอื่นๆ ไม่ว่าเมื่อไรก็อันตรายทั้งนั้น แต่หากเห็นธงสีแดงอยู่ด้วย มันแปลว่าการสู้รบครั้งนี้อันตรายถึงชีวิต เพราะว่าเรือที่ชูธงดีแดงเหล่านั้นจะไม่จับแบบเป็นๆ แต่จะจับตายเท่านั้น 3. โจรสลัดนี่แหละคือสุดยอดคนชงเหล้า ในเมื่อพวกเขาชอบดื่มเป็นชีวิตจิตใจ แน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องชงเหล้ารสเยี่ยมได้เช่นกัน ขอแค่มีเหล้า น้ำ และมะนาว จะแก้วไหนๆ ก็อร่อยได้ 4. น้อยคนนักที่จะฝังสมบัติ ถึงเราจะเข้าใจไปเองว่าโจรสลัดมักมีสมบัติฝังอยู่ แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขามักจะขโมยอาหาร เหล้า หรืออาวุธจากเรือลำอื่นแทน ถึงจะเอาไปฝังมันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอก 5. โจรสลัดไม่ได้มีแต่ผู้ชาย จริงๆ แล้วท่ามกลางเหล่าโจรสลัดก็มีผู้หญิงอยู่มากมาย แถมพวกเธอยังต่อสู้เก่งเหมือนกับโจรสลัดชายด้วย 6. โจรสลัดหนวดดำมีอยู่จริง…
-
แม่เอาของกินมาล่อลูกให้พูดคำว่า ‘มาม๊า’ แต่กลายเป็นเจ้าหมาที่พูดตามแทน!?
เรารู้กันอยู่แล้วว่าหมามีความสามารถพิเศษในหลายๆ เรื่อง อย่างเช่นความสามารถในการดมกลิ่น หรือการทำตามคำสั่งที่ได้รับ สั่งให้นั่งก็นั่ง ขอมือปุ๊บก็ยื่นให้ หรือจะขอให้มันพูดก็ยังได้.. คุณพระ!! และนี่ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา เมื่อเจ้าหมาตัวหนึ่งได้พูดคำว่า “มาม๊า” ออกมา สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ถูกโพสต์ลงในยูทูบที่ชื่อว่า Sam Giovanini ในวันที่ 30 มิถุนายน 2015 ขณะที่คุณแม่ Andrea Diaz-Giovanini พยายามใช้อาหารหลอกล่อลูกชายวัย 9 เดือนของตัวเองให้พูดคำว่า “มาม๊า” ที่หมายถึงให้เรียกแม่นั่นเอง เจ้าหมาที่ดูเหมือนจะสงสัยว่าทำอะไรกันอยู่ อาหารที่นำมาเป็นรางวัลในครั้งนี้ไม่ได้ล่อตาล่อใจแค่กับ Sam ลูกชายของเธอ แต่รวมถึงเจ้าหมาสายพันธุ์ออสเตรเลียนเชเพิร์ดที่ชื่อว่า Patch อีกด้วย ทำให้เด็กน้อยและเจ้าหมาพยายามที่จะพูดคำนั้นออกมาเพื่อให้ได้รางวัลชิ้นนั้นไปเป็นของตัวเอง และผู้ชนะในครั้งนี้ก็กลับกลายเป็นเจ้าหมาซะอย่างนั้น เพราะจู่ๆ มันก็เปล่งเสียงออกมาเป็นคำว่ามาม๊าจริงๆ คงจะหิวมาก ถึงขนาดที่พูดมาม๊าออกมาได้เลย โหดเกิ๊นนน และความตลกหลังจากนั้นก็คือเด็กน้อยที่โดนเจ้าหมาแย่งผลงานไป ก็เหมือนกับว่าไม่พอใจ จึงเอามือเล็กๆ ต่อยเข้าไปที่หน้าเจ้าหมาซะเลย สร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนที่ได้เห็น ทำไมเอ็งถึงทำกับข้าอย่างนี้เล่าเจ้า Patch !! ไปชมคลิปความน่ารักของเด็กน้อยและเจ้าหมาพูดได้ตัวนี้กันเลยยย …
-
ภารกิจปล่อยเพนกวินกลับทะเล หลังนำมาฟื้นฟูสภาพให้แข็งแรง มีชาวเมืองมาส่งใจเชียร์เพียบ
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 สำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานว่า นกเพนกวินตัวน้อยนับสิบที่มีอายุระหว่าง 6 เดือนไปจนถึง 1 ปี ได้รับการปล่อยตัวกลับคืนสู่ท้องทะเลในเพลตเตนเบิร์กเบย์, ประเทศแอฟริกาใต้แล้ว ภายหลังจากที่พวกมันถูกนำตัวไปรักษา เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพเป็นเวลานาน 4 เดือน เนื่องด้วยพวกมันมีสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์แข็งแรง และบางตัวก็มีอาการเจ็บป่วย และนี่เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาของเหล่าเพนกวินที่ถูกปล่อยตัวกลับคืนสู่ถิ่น มีคนมารอดูเยอะเลย ทางด้าน Garth Ensley ชายผู้ที่ได้บันทึกคลิปวิดีโอช่วงวินาทีสุดประทับใจนี้เอาไว้ได้ออกมากล่าวว่า “คลิปวิดีโอนี้ได้แสดงให้เห็นถึงการปล่อยตัวเพนกวินนับสิบ หลังจากที่พวกมันได้รับการดูแลจนทำให้กลับมาแข็งแรงดังเดิม และในตอนนี้พวกมันก็พร้อมที่จะกลับไปใช้ชีวิตตามธรรมชาติแล้ว” พวกมันได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นจำนวนมาก “มีผู้คนเข้ามารอรับชมการเปิดตัวของพวกมันประมาณ 500 คน โดยเจ้าเพนกวินน้อยทั้งหมดนี้ได้รับการช่วยเหลือด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน มีเพนกวิน 3 ตัวที่ป่วยเป็นโรคบาบีซิโอซิส อีก 3 ตัวเป็นไข้มาลาเรียในนก และอีก 4 ตัวมีสภาพร่างกายอ่อนเพลียและขาดน้ำ” Garth กล่าว ขอแชะภาพก่อนน้า เตรียมลงทะเล อย่างไรก็ตาม…
-
หนุ่มบังเอิญเห็นภาพวัยเด็กของแฟนสาว แล้วก็สงสัยว่าคนข้างๆ นั่นคุ้นจัง เห้ย นั่นมันตรูเอง!?
บางครั้งชีวิตก็มักจะเล่นตลกกับเราเสมอ เหมือนกับคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามันคู่นี้ ที่พึ่งจะแต่งงานกันแล้วก็พบหลักฐานชิ้นหนึ่ง ที่บ่งชี้ให้เห็นว่าจริงๆ พวกเขานั่งเคียงคู่กันมาตั้งแต่สมัยยังแบเบาะ ซึ่งในตอนนั้นทั้งคู่เรียนชั้นอนุบาลห้องเดียวกัน แต่จำกันไม่ได้ ด้วยโชคชะตาฟ้าลิขิตหรือว่าดวงของพวกเขาสมพงศ์กันจริงๆ ถึงทำให้ Evan Ayers และ Brytin Waterlyn ได้มาใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยา โดยทั้งคู่เพิ่งจะแต่งงานกันเมื่อเดือนมีนาคม 2017 ที่ผ่านมานี้เอง ภาพถ่ายของทั้งคู่สมัยยังเป็นเด็กสดใสแรกแย้ม มีอยู่วันหนึ่งเมื่อ Evan กำลังหาอุปกรณ์ทำอาหารภายในบ้าน ก็บังเอิญไปเจอกับรูปถ่ายเก่าใบหนึ่ง ซึ่งเป็นรูปของเด็กๆ วัยกระเตาะที่ถ่ายรูปร่วมกัน และรูปถ่ายใบนั้นได้ทำให้เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา และรีบวิ่งไปหา Brytin ภรรยาของเขาในทันที นี่คือ Brytin ในตอนที่มีอายุเพียง 3 ขวบ ภาพดังกล่าวเป็นภาพของ Brytin สาวน้อยในวัยอนุบาล โดยเธอมีความน่ารักสดใสเหมือนดอกไม้แรกแย้มและมีรอยยิ้มพิมพ์ใจ Evan สามีปัจจุบันของเธอ ดันมานั่งข้างๆ โดยที่ทั้งสองต่างก็จำกันไม่ได้ แต่ว่าภาพนี้ก็คงเป็นภาพเด็กธรรมดาใบหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเด็กผู้ชายที่นั่งถัดจากเธอไปดูหน้าคุ้นๆ นั่นก็เพราะว่าเด็กชายคนนั้นก็คือ Evan สามีในตอนนี้ของเธอนั่นเอง พรหมลิขิตได้ทำให้ทั้งคู่หากันจนเจออีกครั้งหนึ่ง รูปถ่ายใบนี้ได้สร้างเสียงหัวเราะดังลั่นให้กับทั้งคู่ พร้อมทั้งยังมีใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลาที่มองภาพนี้ ด้วยความที่พวกเขาต่างก็ไม่รู้เลยว่าได้อยู่ห้องเดียวกันมาตั้งแต่มีอายุเพียงแค่ 3 ขวบ เพราะว่าทั้งคู่ในย้ายไปอยู่ต่างเมืองกันในเวลาต่อมา…
-
งงเลย!! นักโทษคดีข่มขืนเด็ก ถูกนักโทษอีกคนเฮดบัตใส่คาศาลด้วยสาเหตุที่ไม่แน่ชัด
ขณะที่กำลังมีการไต่สวนคดีที่ศาลแห่งหนึ่ง ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อมีผู้ต้องหาสองคนที่ไม่รู้จักกัน แต่ต้องมาร่วมพิจารณาคดีในศาลเดียวกัน แต่คนหนึ่งเกิดบันดาลโทสะจากเหตุใดสักอย่างแล้ว เลยเอาหัวโหม่งบริเวณใบหน้าของผู้ต้องหาอีกคนซะงั้น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ศาลในเมือง Dover รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เมื่อมีนักโทษคนหนึ่งชื่อว่า Christopher Elwell มาเข้ารับการตัดสินคดีของเขา Christopher Elwell ขณะมาฟังผลการตัดสินคดีข่มขืนเด็กของเขา โดยเขาถูกจับในข้อหาข่มขืนเด็กหญิงอายุ 4 ปีขณะที่กำลังนอนหลับอยู่ โดยเบื้องต้นเขาได้ให้การปฏิเสธ แต่ก็ยอมรับในภายหลังว่าได้ก่อคดีสุดสะเทือนใจนี้จริง หลังจากศาลพิจารณาแล้วก็พบว่า Christopher มีความผิดจริงเขาจึงต้องโทษจำคุกระหว่าง 7 ปีครึ่งจนถึง 15 ปี และเมื่อเขาได้ฟังผลการตัดสินแล้ว ก็ได้มานั่งที่เก้าอี้ภายในศาลเพื่อรอให้เจ้าหน้าที่นำตัวไปทำดำเนินคดีขั้นตอนต่อไป แต่ว่าได้มีผู้ต้องหาอีกคนชื่อว่า Josiah Davies ซึ่งถูกจับมาในคดีปลอมแปลงเช็คเงินสด ทั้งๆ ที่ชายคนนี้ถูกใส่กุญแจมือและโซ่ตรวนอยู่ แต่เขาก็ยังเอาหัวเข้ามาโขกเข้าที่ใบหน้าของ Christopher หลายครั้ง โดยเจ้าหน้าที่คาดว่าอาจจะมีอะไรบางอย่างในคดีหรือผลการตัดสินของศาล ที่ทำให้ Davies มีอาการยัวะและก่อเหตุในครั้งนี้ขึ้น เพราะว่าเขาได้อยู่ร่วมฟังผลการตัดสินของศาลในห้องนั้นด้วย หน้าตาของ Davies ผู้กระทำผิดในข้อหาปลอมแปลงเช็คเงินสด และเป็นผู้กระทำการ ‘เฮดบัต’ ดังกล่าว …
-
ไขปริศนา “ขนาดจู๋” ผ่านวิทยาศาสตร์ คาดเดาความใหญ่ได้ด้วยขนาด “เท้า” ได้หรือไม่!?
ทุกคนน่าจะเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้างแล้วกับแนวคิดว่าขนาดเท้าของผู้ชาย สามารถบ่งบอกถึงขนาดของเจ้าโลกของเขาได้ บางคนถึงกับบอกว่าแค่ดูเท้าก็รู้เลยว่าใหญ่เท่าไหร่ ยาวกี่นิ้ว (ผู้ชายเท้าใหญ่นี่อมยิ้มกันใหญ่เลยนะครับ) แต่เคยสงสัยกันรึเปล่าว่าเรื่องนี้มันเป็นความจริงมากน้อยเพียงใด แน่นอนว่าพวกเราไม่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้แบบจริงๆ จังๆ ด้วยตัวของตัวเองได้ อย่างมากหากคุณผู้หญิงเคยมีแฟนมาหลายคนแล้ว อาจจะพอสรุปเองได้บ้างว่าจริงแท้มากแค่ไหน แต่มันย่อมไม่เพียงพอจะสรุปเป็นผลทางวิทยาศาสตร์ได้อยู่ดี แต่อะไรจะแน่นอนไปกว่าผลการวิจัยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอวัยวะเพศโดยเฉพาะ ผู้รู้ลึกเกี่ยวกับเจ้าโลก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายๆ ท่านเคยได้ทำการสำรวจข้อมูลเพื่อพิสูจน์ถึงความสัมพันธ์ของขนาดเท้าและขนาดอวัยวะเพศกันมาแล้ว วันนี้เราลองไปดูผลการวิจัยเหล่านั้นกัน ในปี 1993 แพทย์ชาวแคนาดาสองคนได้ทำการวัดขนาด โดยวัดส่วนสูง ขนาดเท้า และความยาวอวัยวะเพศ ของชายจำนวน 63 คน ผลสรุปออกมาว่าขนาดของอวัยวะเพศสัมพันธ์กับส่วนสูงและขนาดเท้าอยู่บ้าง แต่ว่าแทบไม่มีความแน่นอนเลย ซ้ำยังมีนักวิจัยท่านอื่นที่ชนะรางวัล Ig Nobel Prize for Statistics ในปี 1998 ออกมาค้านอีกว่าผลจากการคาดเดาขนาดของอวัยเพศจากส่วนสูงและขนาดเท้า มันใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย ต่อมาในปี 1999 นักวิจัยชาวเกาหลีก็ได้ทำการวิจัย โดยมีกลุ่มข้อมูลเป็นชายเกาหลีจำนวน 655 คน พวกเขาวัดความยาวและเส้นรอบวงของอวัยวะเพศชายตอนยังไม่แข็งตัว ขนาดเท้า ความยาวของนิ้วมือและเท้า ขนาดของใบหู รวมไปจนถึงจำนวนเส้นผมบนศีรษะอีกด้วย สุทด้ายก็พบเพียงว่ามีความสัมพันธ์เพียงเล็กน้อยระหว่างความยาวของอวัยวะเพศและเส้นรอบวง (ซึ่งก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว) แต่อย่างอื่นไม่พบความสัมพันธ์ใดๆ…
-
หนุ่มทนความหิวตอนดึกไม่ไหว เข้าไปทำอาหารในร้านเอง หลังจากที่พนักงานมัวแต่หลับ
บางครั้งอาการหิวตอนดึกอาจจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เจ้าความหิวนี้คงไม่เป็นมิตรกับเราแน่ ถ้าหากเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณจำเป็นต้องอยู่ดึกๆ ไม่ว่าจะเป็นปั่นงานที่ค้าง หรือนั่งดูซีรีส์เกาหลี และส่วนมากแล้วสิ่งที่พวกเรามักจะเลือกทำกันนั่นก็คือการออกไปหาอะไรมาเติมเต็มกระเพาะอาหารนั่นเอง และหนุ่มชาวอเมริกันผู้นี้เองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกความหิวเล่นงานกลางดึก เขาจึงตัดสินที่จะออกไปหาอะไรกิน Alex Bowen ชายหนุ่มนอนดึก ได้เข้าไปใช้บริการในร้านอาหารแฟรนไชส์ชื่อดังอย่าง Waffle House แต่หลังจากที่เขาไปถึงร้านก็พบว่าพนักงานของทางร้านได้เผลอหลับไป ชายหนุ่มเลยตัดสินใจยืมครัวของร้านเพื่อทำอาหารมื้อดึกประทังความหิวมันซะเองเลย Alex Bowen ได้เข้าไปในส่วนครัวของร้าน และจัดการทำอาหารด้วยตัวเอง นอกจากนี้ชายหนุ่มยังได้อัปภาพของตัวเองในขณะที่อยู่ในส่วนครัวของร้านลงบนเฟซบุ๊ก พร้อมกับข้อความว่า “นอนไม่หลับ ฉันว่าฉันไป waffle house ดีกว่า เดาสินี่อะไร พนักงานในกะกำลังหลับอยู่” ชายหนุ่มได้หยิบขนมปังในร้านออกมา และนอกจากนี้เขายังลงมือทอดเบคอนพร้อมกับทำแซนด์วิชด้วยตัวเองอีกด้วย ตามรายงานของสื่อต่างประเทศ ในวันรุ่งขึ้นชายหนุ่มได้กลับไปจ่าค่าอาหารเป็นเงินจำนวน 5 เหรียญ ภาพและข้อความบนหน้าเฟซบุ๊กของคุณ Alex Bowen แต่อย่างไรก็ตามทางด้านร้าน Waffle House เองก็ได้ออกมากล่าวว่า อันที่จริงแล้วลูกค้านั้นไม่ควรที่จะเข้าไปในพื้นที่หลังร้าน เนื่องจากเหตุผลทางด้านความปลอดภัย ที่มา mirror
-
ศิลปินสร้าง ‘ความรู้สึก’ ให้กับของที่ถูกทิ้งอยู่ข้างถนน ด้วยการวาดหน้าเศร้าใส่ให้พวกมัน
เวลาที่เราได้สิ่งของหรือของใช้ใหม่ๆ มา เรามักจะรู้สึกตื่นเต้นและทะนุถนอมมันเป็นอย่างดี แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะรู้สึกเบื่อและทิ้งมันไป จนกลายเป็นขยะไร้ค่าชิ้นหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ ศิลปินคนหนึ่งจากลอสแองเจลิส ในสหรัฐอเมริกา จึงนำศิลปะไปใส่ลงในสิ่งของที่ถูกทิ้งเหล่านั้น เพื่อให้ผู้คนเห็นว่าสิ่งของมีความรู้สึกอย่างไรเมื่อถูกเปลี่ยนสถานะกลายเป็นแค่ขยะ แน่นอนว่าคงไม่มีใครรู้สึกดีเมื่อถูกทิ้ง พวกสิ่งของเองก็เช่นกัน ครั้งหนึ่งพวกมันเคยอยู่สบายๆ ในบ้าน แต่วันหนึ่งมันถูกโยนออกไปข้างนอก รอรถขยะมาเก็บ…เจอแบบนี้ใครเล่าจะยิ้มออก ศิลปินจึงทำหน้าเศร้าให้กับสิ่งของทุกชิ้นที่เขาเจออยู่ข้างถนน ที่นอกจากจะสะท้อนความรู้สึกสิ่งของแล้ว ยังเป็นการสร้างรอยยิ้มให้กับผู้คนเมื่อมองขยะข้างถนนด้วย ใช่สิ๊ เรามันหมดประโยชน์แล้วนี่ ไม่มีอีกแล้ว บ้านที่แสนอบอุ่น น้องหมาไม่ได้ถูกทิ้ง แต่มันหายตัวไปและตอนนี้คงนั่งร้องไห้อยู่ที่ไหนสักที่ เดี๋ยวนี้เค้าหันไปใช้คอมพิวเตอร์จอแบนกันหมดแล้ว . . . . ไม่มีใครสนใจฉันเลย . . . อยากกลับบ้านนนน รู้สึกเหงาเหลือเกิน . ถึงจะเป็นสิ่งของสวยงามแค่ไหน สุดท้ายก็โดนทิ้งอยู่ดี . อย่าทิ้งฉันไว้กลางทาง…
-
นาทีแสนเศร้าเมื่อเด็กสาววัย 14 บอกพ่อแม่ให้หยุดรักษาเธอ หลังพวกเขาหมดตัวเพราะค่ารักษา
ในโลกนี้คงไม่มีใครอยากจากเสียชีวิตทั้งๆ ยังอายุน้อย แต่ด้วยข้อจำกัดในชีวิต ทำให้หลายๆ คนเลือกที่จะไปมากกว่าการมีอยู่ชีวิต เหมือนกับ Li Xiaoqing เด็กสาววัย 14 ปี จากประเทศจีนคนนี้ที่ตัดสินใจบอกพ่อแม่ให้หยุดรักษาเธอ หลังทั้งคู่นำเงินเก็บมารักษาเธอจนหมดตัวแถมยังเป็นหนี้ด้วย เด็กสาวบอกกับพ่อแม่ผู้น่าสงสารที่กำลังร้องไห้ว่า “ปล่อยหนูไปเถอะ หนูไม่อยากเป็นภาระให้พ่อกับแม่อีกแล้ว” ตามรายงานจากสื่อจีนระบุว่า Xiaoqing ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งตับชนิดหายากเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2014 ที่สำคัญมะเร็งของเธออยู่ในระยะสุดท้ายแล้ว เด็กสาวมีพื้นเพมาจาก Nanle County มณฑลเหอหนานของประเทศจีนตอนกลาง เธออาศัยอยู่กับพ่อแม่ พี่ชาย น้องสาว และย่าของเธอในฟาร์ม อย่างไรก็ตามแพทย์จากโรงพยาบาลใน Puyang ที่อยู่ใกล้ Nanle County ที่สุด แจ้งกับทางครอบครัวว่าไม่สามารถรักษาโรคให้เด็กสาวได้ เนื่องจากมีเครื่องมือที่ไม่เพียงพอ และแนะนำให้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลในกรุงปักกิ่งแทน พ่อแม่ของ Xiaoqing จึงตัดสินใจพาเธอไปยังเมืองหลวงของประเทศที่อยู่ห่างออกไปถึง 510 กิโลเมตร หรือขับรถไปประมาณ 5 ชั่วโมง หลังจากที่ตรวจประเมินโรคของ Xiaoqing แล้ว คุณหมอได้แนะนำให้เธอเข้ารับการทำเคมีบำบัดเป็นอันดับแรก เนื่องจากเนื้องอกของเธอโตเกินไป และจะทำการผ่าตัดได้ต่อเมื่อเนื้องอกเล็กลงเท่านั้น พ่อกับแม่ยอมรับข้อเสนอนั้นทันทีโดยไม่ลังเล…
-
คุณยายผู้มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้อง ตอนนี้ก็เลยได้ดังสมใจจากคลิปร้องคาราโอเกะ
การได้ทำตามความฝัน ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วเราก็คงรู้สึกมีความสุขไปกับมัน แม้บางครั้งเราจะได้อยู่ในจุดจุดนั้นแค่ในเวลาสั้นๆ ก็ตาม แต่มันก็เหมือนการประสบความสำเร็จชั่วขณะหนึ่ง อย่างคุณยาย Sylvia Jeneanne Weibel วัย 78 ปี ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่มีคำว่าสายเกินไปที่คุณจะทำตามความฝัน คุณยาย Sylvia อาศัยอยู่ในรัฐเคนทักกี ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอมีความฝันที่อยากเป็นนักร้องแนวคันทรี่ แต่เธอพลาดโอกาสที่ได้ทำตามความฝันในวัยสาวจนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้ อย่างไรก็ตาม Pam Kingberger ลูกสาวของคุณยายรู้มาตลอดว่าแม่อยากเป็นน้องร้อง เธอจึงช่วยทำให้ฝันของแม่เป็นจริงด้วยการซื้อเครื่องเล่นคาราโอเกะตัวใหม่มาให้ และนั่นทำให้ Sylvia ได้ทำตามความฝันในที่สุด เพลงแรกที่คุณยายร้องคือ “Blue Moon of Kentucky” และถูกโพสต์ลงในเฟซบุ๊กเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2017 ซึ่งถูกใจชาวเน็ตอย่างมาก จนมีคนเข้าไปดูกว่าล้านครั้งในเวลาไม่กี่วัน ตั้งแต่นั้นมา Sylvia ก็สร้างเพจเฟซบุ๊กของตัวเองโดยใช้ชื่อว่า Sylvia Jeneanne GrandmaSings เพื่อแบ่งปันเพลงแนวคันทรี่ที่เธอชอบให้กับแฟนๆ ที่ติดตามเธอจากทั่วทุกมุมโลก นอกจากนี้เธอยังชอบไลฟ์ทักทายแฟนๆ และโพสต์โชว์สุดเจ๋งของตัวเองให้ผู้คนได้ดูด้วย เฟซบุ๊กไลฟ์ล่าสุดบนหน้าเพจ Sylvia ได้โชว์ร้องเพลงที่มีการผสมผสานระหว่างแนวคลาสสิกกับคันทรี่ อย่างเช่นเพลง “The Rose” “Blanket on the Ground” และ…
-
ศิลปินวาดภาพหนังโปรดลงบน “ป๊อปคอร์น” กลายเป็นผลงานศิลปะสุดประณีต
ภาพศิลปะที่เราเห็นโดยทั่วไปนั้น มักจะถูกวาดลงบนผืนผ้าใบ เพราะมันมีพื้นผิวที่เรียบและมีสีสะอาด จึงเหมาะที่จะใช้เพื่อแสดงถึงอารมณ์หรือความชอบของจิตรกร ยิ่งภาพวาดใบใหญ่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องใช้ทั้งเวลา สมาธิ และความสามารถในการวาดมากจึงจะได้ภาพที่ดูประณีตและสวยงาม แต่ก็มีจิตรกรอีกจำนวนหนึ่งเลือกที่จะทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกัน นั่นคือการวาดศิลปะแบบไมโคร ซึ่งเป็นภาพย่อส่วนลงบนวัตถุขนาดเล็กมากๆ ซึ่งบางครั้งต้องใช้ฝีมือมากกว่าการวาดภาพปกติด้วยซ้ำ เพราะต้องใช้มือที่นิ่ง สายตาที่เฉียบคม เพื่อทำให้ผืนผ้าใบชิ้นจิ๋วนั้นปรากฏเป็นภาพที่ชัดเจน Hasan Kale จิตรกรชาวอิสตันบูลก็เป็นคนหนึ่งที่มีความสามารถในการวาดภาพศิลปะแบบไมโคร เขามักจะวาดภาพลงบนสิ่งของเล็กๆ เช่น เม็ดข้าว เล็บ เข็ม หรือปีกผีเสื้อ และในครั้งนี้เขาได้ตัดสินใจวาดผลงานของเขาลงบนป๊อปคอร์นที่เรามักจะกินกันระหว่างชมภาพยนตร์นั่นเอง โดยเขาเรียกผลงานกลุ่มนี้ว่า Artasnack เหตุผลหนึ่งที่เขาเลือกใช้ป๊อปคอร์น น่าจะเป็นเพราะว่าผลงานในครั้งนี้ของเขาเป็นภาพวาดของภาพยนตร์ที่เขาชื่นชอบ ซึ่งมีตั้งแต่ภาพยนตร์สุดคลาสสิกอย่าง Rocky ไปจนถึงภาพยนต์ในยุคปัจจุบันอย่าง Spider Man หรือ X-men โดยผลงานที่วาดลงบนป๊อปคอร์นเล็กๆ แต่ละชิ้นของเขา ต้องใช้เวลาวาดถึง 24 ชม. เลยทีเดียว เขาจะบรรจงใช้พู่กันขนาดเล็กหลากหลายด้ามค่อยๆ บรรจงแต่งแต้มสีสันลงไปทีละน้อย จนออกมาเป็นผลงานในครั้งนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่รักภาพยนตร์หรือว่าคนที่ชอบงานศิลปะ ก็จะต้องตกหลุมรักกับภาพจิ๋วเหล่านี้ Rocky Bridge On The River Kwai…
-
บริษัทในนิวยอร์กเสนอให้สร้างอพาร์ตเมนต์รังผึ้ง กลายเป็นความหวังใหม่ของคนไร้บ้าน
การไม่มีที่พักถือเป็นปัญหาระดับโลก โดยเฉพาะในเมืองหลวงอย่างนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีสถิติคนไร้บ้านเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1955 ตอนนี้มีประมาณ 61,000 คน ที่อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงสำหรับคนจรจัดของนิวยอร์ก และอีกหลายคนอาศัยอยู่ตามท้องถนน ปัญหาดังกล่าวนี้จะไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาสั้นๆ บริษัทด้านครีเอทีฟเอเจนซีอย่าง Framlab จึงได้เสนอโครงการ Homed เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ปัญหาคนไร้บ้าน ทางบริษัทเสนอให้ใช้ผนังด้านนอกของอาคารซึ่งเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ดัดแปลงเป็นที่พักใหม่สำหรับคนไร้บ้าน โดยมีลักษณะเป็นกล่องทรงหกเหลี่ยมแบบรังผึ้งที่สร้างขึ้นด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ และสามารถนำเอาไปติดตั้งกับเฟรมเหล็กข้างตึกที่มีอยู่แล้วได้ในทันที สำหรับตัวกล่อง Homed ถูกออกแบบมาให้ทนต่อสภาพอากาศในนิวยอร์กตลอดทั้งปี โดยเปลือกนอกจะเป็น Oxidized Aluminum Cladding ส่วนด้านในรวมถึงเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ จะเป็น 3D Print ด้วยวัสดุ Bioplastic ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ง่าย ในส่วนของกระจกด้านหน้ากล่อง Homed จะเป็นกระจก PMMA Smart Glass ที่สามารถใช้ฉายเนื้อหาดิจิตอลต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นอาร์ตเวิร์กหรือแม้แต่โฆษณา อย่างไรก็ตาม ขณะที่โครงการดังกล่าวดูเหมือนจะไปได้ด้วยดีและน่าประทับใจ ผู้สร้างได้ออกมาบอกว่าการติดตั้งกล่องรังผึ้งเหล่านี้ไม่สามารถแก้ปัญหาที่มีอยู่อย่างสมบูรณ์แบบ เขาบอกว่า “ขนาดที่ใหญ่โตและความซับซ้อนของสถานที่จำเป็นต้องดำเนินการภายใต้กฎหมายและควรจะมีนโยบายมารองรับ ที่สำคัญคือการออกแบบของชุมชนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้” …
-
สาวน้อยถึงกับร่ำไห้ หลังถูกเซอร์ไพรส์ด้วยเจ้าเหมียว ที่หน้าเหมือนอดีตเจ้านายที่เพิ่งจากไป
หากคุณเป็นคนที่คลุกคลีอยู่กับแมวเหมียวจะรู้ว่าแต่ละตัวมีนิสัยต่างกัน ดังนั้นเมื่อคุณสูญเสียแมวอันเป็นที่รักไป ต่อให้หาตัวใหม่ที่หน้าตาเหมือนกันมาก็ไม่สามารถทดแทนกันได้ แต่สำหรับ Marley เด็กสาววัย 9 ขวบ ถึงกับหลั่งน้ำตาเมื่อเห็นแมวน้อยที่เหมือนเจ้านายตัวเก่าที่จากไป เพราะมันทำให้เธอนึกถึงมัน เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา Marley อายุครบ 9 ขวบ คุณแม่ Nikki Frost จึงนำแมวดำมาให้เป็นของขวัญ เพื่อทดแทนเจ้า Simon แมวดำที่จากเธอไปเมื่อปีที่แล้ว คุณแม่เล่าว่า “Marley เป็นคนที่รักสัตว์มาก เธอมักจะนำอาหารกระป๋องไปให้สัตว์เลี้ยงในร้านขายสัตว์บ่อยๆ ทั้งที่ตอนนี้เรามีหมาสองตัว แมวสองตัว และหนูตะเภาอีกหนึ่งตัวอยู่กับครอบครัวแล้ว” “Simon เป็นแมวชราที่อยู่กับเรามานานและได้จากไปเมื่อปีที่แล้ว ตั้งแต่นั้นมา Marley ก็เฝ้าบอกฉันซ้ำๆ ว่าเธออยากเลี้ยงลูกแมว” แต่ด้วยความที่ครอบครัวมีแมวอยู่แล้ว 2 ตัว จึงไม่มีแผนที่จะหาแมวมาเลี้ยงเพิ่มอีก กระทั่งวันหนึ่งพวกเขาไปเจอเข้ากับ Ella แมวน้อยสีดำที่มีหน้าเหมือน Simon ไม่มีผิด คุณแม่บอกว่าเจ้ามิ้วน้อยถูกพบอยู่ที่ระเบียงบ้านของเพื่อนพร้อมพี่น้องตัวอื่นๆ และคาดว่าแม่ของพวกมันคงถูกรถชนตายบนท้องถนนไปแล้ว ยังโชคดีที่มีคนใจดีพยายามดูแลมันด้วยการให้กินขนมและนม จนกระทั่งโตพอสำหรับการรับเลี้ยง และวันนั้น Frost ได้ไปเจอเจ้าเหมียวพวกนี้พอดี เธอบอกว่า “เราไม่เคยคิดที่จะพาแมวตัวอื่นเข้าบ้านเลย แต่บางสถานการณ์มันทำให้เราเปลี่ยนความคิดได้ภายในพริบตา” เธอพามิ้วน้อย Ella กลับบ้าน แล้วนำไปวางไว้ในห้องของ Marley และรอให้เธอกลับมา… …
-
ขนลุก!! กลุ่มคนไร้บ้านร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ ร้องเพลงประสานเสียงในฮอลคอนเสิร์ต
คนไร้บ้าน คือกลุ่มคนที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ส่วนมากมีสาเหตุมาจากการไม่มีรายได้ จึงสามารถซื้อบ้านหรือเช่าหอพักอยู่ได้นั่นเอง เรามักจะพบเห็นพวกเขาเป็นขอทานอยู่ตามข้างทางเดิน หรือนอนอยู่ในที่สาธารณะไม่ว่าจะเป็นในตรอกซอย ส่วนสาธารณะ หรือว่าข้างถนน แต่นอกจากปัญหาเรื่องฐานะแล้ว ยังมีปัญหาใหญ่ๆ อีกอย่างหนึ่งที่พบในคนกลุ่มนี้ นั่นคือปัญหาที่ว่าพวกเขารู้สึกไม่มีคุณค่านั่นเอง เนื่องจากไม่สามารถทำอะไรที่ดูเป็นชิ้นเป็นอันอย่างการหางานหรือมีบ้านอยู่ จึงทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองนั้นด้อยค่าเหลือเกิน และก่อตัวเป็นปัญหาเรื้อรังในจิตใจ แต่จริงๆ แล้วคนกลุ่มนี้ไม่ได้ไร้คุณค่าแต่อย่างใด พวกเขาแค่หาคุณค่าในตนเองยังไม่เจอเท่านั้นเอง หากเพียงแค่เขาลองสร้างคุณค่าให้กับตัวเองโดยการทำอะไรสักอย่างให้ประสบผลสำเร็จ พวกเขาก็จะรู้สึกได้ว่าตนเองมีจุดยืนในสังคมเช่นเดียวกับคนทั่วๆ ไป The Dallas Street Choir กำลังทำการแสดงใน Carnegie Hall The Dallas Street Choir คณะประสานเสียงที่ล้วนมีสมาชิกเป็นคนไร้บ้าน ได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่าคนไร้บ้านก็สามารถสร้างคุณค่าให้กับตนเองและสังคมได้ โดยพวกเขาเริ่มต้นรวมกลุ่มผ่านทางชายที่ชื่อว่า Jonathan Palant เขามีความเชื่อว่าคนทุกคนสมควรได้รับโอกาสที่จะเริ่มชีวิตใหม่เสมอ และต้องการจะทำให้คนไร้บ้านเหล่านี้รู้สึกมีคุณค่า ในปี พ.ศ. 2557 Jonathan เดินทางไปตามศูนย์ช่วยเหลือคนไร้บ้านหลายๆ แห่งและชักชวนคนให้มาร่วมกันร้องเพลงด้วยกันเพื่อเสริมสร้างกำลังใจให้แก่กัน ดังที่ Carolyn Smith สมาชิกหญิงในคณะพูดว่า “ฉันรู้สึกว่านี่แหละคือครอบครัว แล้วฉันก็อยากกลับมาร้องเพลงร่วมกับพวกเขาอีก” จากนั้นคนไร้บ้านที่รู้สึกชอบที่ได้ร้องเพลงร่วมกันจึงรวมกลุ่มกันเป็น The Dallas Street Choir Carnegie…
-
หญิงผู้ตั้งใจใช้ชีวิตบนวีลแชร์ เพื่อเติมเต็มความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็น ‘คนพิการช่วงล่าง’
คนพิการแทบทุกคนอยากกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ยืน เดิน วิ่ง หรือทำอะไรหลายๆ อย่างได้เหมือนกับคนทั่วไป แต่เธอคนนี้กลับคิดไปอีกแบบหนึ่งเพราะเธอกลับต้องการที่จะใช้ชีวิตอย่างคนพิการซะเอง ความพิการและจะได้นั่งรถวีลแชร์นั้นคือความใฝ่ฝันของ Chloe Jennings สาววัย 61 ปีจากเมือง Salt Lake City ในรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา ทุกวันนี้ความใฝ่ฝันของเธอสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง เพราะเธอได้ใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นตามที่เธอต้องการแล้ว . สาเหตุที่ทำให้เธอมีความต้องการแบบนั้นก็เพราะเธอป่วยเป็นโรค Body Integrity Identity Disorder (หรือเรียกว่า BIID) ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอยากจะตัดแขนขาของตัวเองออกไป หรือมองว่าการได้เป็นคนพิการคือความสุขของชีวิต เธอถูกวินิจฉัยว่าป่วยเป็นอาการดังกล่าวตั้งแต่ปี 2008 ทำให้หลังจากนั้นเธอเลือกที่จะใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับการนั่งรถเข็น แต่เธอก็ยังคงสามารถยืนและเดินได้ด้วยตัวเองหากจำเป็น อย่างเช่นเวลาขึ้นลงบันได . เธอยังคงมีบางกิจกรรมที่ออกไปทำเหมือนกับคนปกติ ยกตัวอย่างการเล่นสกีน้ำแข็ง การปีนเขา หรือการขับรถ ที่ทุกวันนี้เธอก็ยังคงออกไปเล่นอยู่บ้าง แต่สิ่งที่น่ากลัวจากความต้องการของเธอก็คือ เธอต้องการจะพิการมากจนถึงขั้นคิดว่าต้องการขับรถไปชนเพื่อให้ขาของตัวเองขยับไม่ได้ แม้แต่ตอนที่เธอรถชนในปี 2009 เธอก็บอกว่าสิ่งนั้นอาจเกิดขึ้นจากความตั้งใจของตัวเองก็ได้ เพราะอย่างนั้นจึงทำให้คนในครอบครัวและเพื่อนๆ รู้สึกกังวลว่าเธอจะพยายามวิ่งเข้าหาอันตรายเพื่อให้ตัวเองได้พิการอย่างที่ฝันไว้ แต่มันอาจจะไม่ได้จบแค่ความพิการเสมอไป มันอาจร้ายแรงมากกว่านั้นก็ได้ .…
-
ร้านกาแฟ Cup C ที่ใครๆ ก็อยากไป แต่มันจะเป็นยังไงเมื่อมันอยู่ในมุมมองของฝรั่ง!?
จำกันได้ไหมร้านกาแฟ Cup C ร้านกาแฟที่ได้รับความสนใจเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจากชาวเน็ต ตอนนี้มันไม่ได้ดังแค่ในไทยแล้วนะ เพราะมันโด่งดังไปถึงเมืองนอกแล้ว… โดยในไทยเราก็จะรู้กันดีว่าอากาศนั้นมันร้อน การใส่ชุดแบบนี้ก็ไม่แปลกอะไร แถมเจ้าของร้านก็บอกว่าเธอไม่ได้คาดหวังอะไรจนกระทั่งมีคนเอารูปเธอไปโพสต์ งานนี้ลูกค้า ‘ผู้ชาย’ ก็เลยมากันให้เพียบ ส่วนชาวเน็ตในไทยก็ต่างพากันขอวาร์ปและพิกัดกันยกใหญ่ อยากจะไปเสพให้ถึงที่ ดูได้จากการตกแต่งร้านน่าไปจริงๆ นะ… สังเกตได้จากลูกค้ารอบๆ ทั้งนั้น…ก็บอกให้โฟกัสผู้ชายรอบๆ . ก็ตามนั้นแหละฮะท่านผู้ชม อย่างไรก็ตามทางเว็บ 9gag เมืองนอกก็ได้เอาร้านดังกล่าวไปแชร์ให้ชาวโลกได้เห็น ซึ่งชาวเน็ตต่างชาติก็พากันมาแสดงความคิดเห็นกันเพียบ ว่าแต่เราคิดว่าพวกเขาจะคิดเห็นยังไง พวกจะเขาอยากมากินที่ร้านหรือเปล่านะ? คำตอบคือ มันเหนือชั้นกว่านั้นมากๆ เพราะฝรั่งไม่ได้แสดงความคิดเห็นว่าอยากมาเท่าไหร่นัก แต่พวกเขากลับเตือนชาวเน็ตด้วยกันว่า ระวัง มันคือกับดัก!! ที่นี่ประเทศไทย พวกนายเชื่อในสิ่งที่เห็นกันจริงๆ เหรอ? ชุดปกติเพราะอากาศมันร้อน อืมมม โอเคร๊ กฎข้อแรกของประเทศไทย ทุกอย่างล้วนเป็นกับดัก แม้มันจะไม่ใช่ สุดท้ายมันก็ใช่อยู่ดี ถ้ายังไม่เชื่อคุณลองกดเลื่อนคอมเมนต์ดูให้สุดแล้วค้นหาคำว่า Trap ดูคุณจะพบคำนี้ถึง 70 คำ!! …
-
หนุ่มเล่นเกมต่อคำออนไลน์เป็นเพื่อนให้กับคุณยายวัย 86 มาเป็นปี ในที่สุดก็ได้พบกัน!!
หลายๆ คนอาจมองว่าสังคมออนไลน์เต็มไปด้วยเรื่องราวแย่ๆ ความเกลียดชัง หรือการต่อว่าผู้อื่น แต่เพื่อนรักต่างวัยสองคนนี้ได้ทำให้เราเห็นว่ามันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป ในเมื่อพวกเขาเองก็ได้เริ่มเป็นเพื่อนกันจากการเล่นเกมออนไลน์ ทั้งสองคนมีอายุห่างกันมากถึง 64 ปีและยังอยู่กันคนละที่อีกด้วย โดย Spencer เด็กหนุ่มวัย 22 ปีจากนครนิวยอร์ก ได้รู้จักกับ Roz คุณยายวัย 86 ปีที่อาศัยอยู่ในรัฐฟลอริด้า ผ่านเกมออนไลน์ต่อคำศัพท์ที่ชื่อว่า Words With Friends Spencer และ Roz สองเพื่อนรักที่สร้างมิตรภาพต่างวัยจากการเล่นเกมออนไลน์ เด็กหนุ่มได้เล่นเกมเป็นเพื่อนคุณยายมานานกว่า 1 ปี และได้เล่นเกมไปด้วยกันมากกว่า 300 ครั้ง จนทำให้ทั้งคู่สนิทกันจนเปรียบได้กับเพื่อนที่รักกันมาก ในวันที่ 2 ธันวาคม 2017 Spencer จึงได้เดินทางไปหาคุณยายที่บ้านพักคนชรา และนั่นก็คือการเจอหน้ากันเป็นครั้งแรกของทั้งคู่ โพสต์ของ Spencer ที่บอกเล่าถึงการได้รู้จักกันครั้งแรกเมื่อ 1 ปีก่อน และการได้เจอกันครั้งแรกในปีนี้ เด็กหนุ่มได้โพสต์ในอินสตาแกรมด้วยว่า พวกเขาเล่นเกมกันมามากกว่า 300 ครั้งแล้ว…
-
หญิงสาวพยายามจะโดดน้ำฆ่าตัวตาย แต่เสื้อกันหนาวพองๆ ช่วยทำให้ลอยน้ำ และรอดมาได้…
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ขึ้นในมณฑลอานฮุย ประเทศจีน หลังจากที่หญิงสาวรายหนึ่งกระโดดลงมาจากสะพานเพื่อหวังที่จะจบชีวิตของตัวเอง แต่ทว่าความตั้งใจของเธอนั้นกลับไม่เป็นไปอย่างที่เธอตั้งใจ คลิปวิดีโอจากประเทศจีนได้เผยให้เห็นร่างของหญิงสาวคนดังกล่าวที่กระโดลงไปในแม่น้ำ หลังจากที่เธอมีปัญหากับทางบ้านจากการรายงานของสื่อประเทศจีน เธอพยายามที่จะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดน้ำ แต่เดชะบุญเสื้อขนเป็ดที่เธอใส่นั้นกลับทำให้เธอลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ และทำให้เธอรอดตายได้ในที่สุด หญิงสาวนิรนามลอยเคว้งคว้างอยู่ท่ามกลางแม่น้ำก่อนที่ทีมช่วยเหลือจะมาถึง ทีมช่วยเหลือทำการเกลี้ยกล่อมอยู่นานก่อนที่หญิงสาวจะยอมขึ้นมาจากน้ำแต่โดยดี เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเหน็บและร่างกายที่เปียกน้ำ ทำให้ทีมช่วยเหลือเป็นห่วงในความปลอดภัยของเธอ พวกเขาจึงรีบพาหญิงสาวคนดังกล่าวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆ นั้นทันที วินาทีที่ทีมช่วยเหลือกำลังนำตัวของเธอขึ้นมาจากน้ำ ไปชมวินาทีช่วยชีวิตหญิงสาวท่านนี้จากคลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… ปัญหาการฆ่าตัวตายกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศจีนขณะนี้ และสาเหตุหลักๆ ที่เจ้าหน้าที่พบก็คือความขัดแย้งภายในครอบครัวนั่นเอง เมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมาก็ได้เกิดเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เช่นกัน เมื่อคุณแม่วัย 47 ปีจากมณฑลเหอหนาน ได้พยายามกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย หลังจากที่เธอมีปัญหากับลูกสะใภ้ ที่มา shanghaiist
-
แฟนๆ นางแบบ Victoria’s Secret ต่อว่าสถานี ไม่ตัดช่วงที่เธอเดินลื่นล้มบนเวทีออก
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา Ming Xi นางแบบสัญชาติจีนวัย 25 ปี หนึ่งในผู้ที่ได้เข้าร่วมเดินแฟชั่นโชว์ให้กับแบรนด์ชุดชั้นในสุดหรูอย่าง Victoria’s Secret ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่เกิดผิดคิวลื่นล้มขณะกำลังเดินอยู่บนรันเวย์ แต่เธอก็ยังคงโชว์สปิริตแรงกล้าด้วยสีหน้าที่ยิ้มอยู่ ก่อนที่จะมีการแชร์คลิปวิดีโอขณะที่เธอล้มลงไปทั่วโลกออนไลน์ งานนี้สร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาแฟนๆ Victoria’s Secret เป็นอย่างมาก โดยได้มีการออกมาต่อว่าทางสถานี CBS ของอเมริกา เนื่องจากไม่ยอมตัดภาพขณะที่นางแบบสาวลื่นล้มออกไป ทั้งๆ ที่สามารถตัดออกได้ก่อนที่จะนำไปออกอากาศในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 ภาพของนางแบบสาวขณะเกิดอุบัติเหตุกลางเวที โดยเธอได้พลาดเหยียบชายกระโปรงของตัวเองจนลื่นล้ม อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่เธอได้ลืมลงหน้าเวที กล้องบันทึกเทปรายการก็ได้ตัดไปยังฉากเบื้องหลังเวที พร้อมกับมีเสียงตกใจจากผู้ชม ก่อนที่จะตัดภาพมายังหน้าเวทีขณะที่ Ming Xi ได้รับความช่วยเหลือจาก Gizele Oliveira นางแบบสาวชาวบราซิล ที่ได้เข้ามาช่วยพยุงตัวของเธอขึ้น เพื่อให้เธอสามารถเดินโชว์ได้ต่อไป แต่หลังจากที่นางแบบสาวได้เดินกลับเข้าไปยังด้านหลังเวที กล้องก็ได้ถ่ายภาพขณะที่เธอกำลังร้องไห้ ซึ่งก็มีนางแบบคนอื่นๆ ได้เข้าสวมกอด และปลอบใจเธอ …
-
เมื่อ “เลดี้ กาก้า” ไปเที่ยวชายหาดทั้งที จะไปแบบธรรมดาได้ไง๊ จัดส้นสูงไปสิคะ!!
เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า “เลดี้ กาก้า” เป็นสุดยอดเจ้าแม่เรื่องแฟชั่นที่มีความแปลกแหวกแนวจนออกนอกกรอบไปไกลมาก และไม่รู้ว่าชาตินี้จะมีใครที่สามารถโค่นล้มบัลลังก์ความเวอร์วังของนางได้หรือเปล่า เพราะในทุกๆ ครั้งเวลาที่เราได้เห็นแม่มาออกงาน เธอก็มักจะมาพร้อมกับชุดสุดอลังการ พร้อมเสื้อผ้า หน้าผม เครื่องประดับต่างๆ รวมไปถึงรองเท้า ที่มีความล้ำยุคล้ำสมัยไปไกลจนธรรมดาๆ อย่างเราเข้าไม่ถึง และล่าสุดแกร๊…ขุ่นแม่ก็จัดหนักจัดเต็มอีกแล้ว เพราะหลังจากที่สิ้นสุดการทัวร์คอนเสิร์ตในไมอามี รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เธอก็ขอไปแวะเที่ยวพักผ่อนแบบชิวๆ ที่ชายหาดสักหน่อย แต่ทว่าการไปเที่ยวหาดของระดับเจ้าแม่แฟชั่นทั้งทีจะต้องมีความไม่ธรรมดา ก็ดูสิ…คุณเธอเล่นมาเต็มทั้งบิกินี่ตัวจิ๋ว เสื้อคลุมสุดพลิ้ว พร้อมรองเท้าส้นสูงขนาดนี้ โอ๊ยยย ชะนีทั่วหล้าถึงกับต้องยอมใจ การไปเที่ยวหาดในรูปแบบของคนธรรมดาๆ ก็จะมีเพียงชุดว่ายน้ำ หมวก แว่นกันแดด หรือรองเท้าแตะ แต่ระดับแม่กาก้านี่อย่าได้หวังว่าจะได้เห็นภาพแบบนั้นนะจ๊ะ เธอคือความแตกต่างที่ทุกคนต้องกราบบบบบบ ก็ใครบ้างล่ะจะใส่ส้นสูงมาเดินเล่นกลางทะเล ฮร่าๆ ก็เซ็กซี่กันไป อึ้งในอึ้ง ถ้าเหล่าปลาในท้องทะเลสามารถว่ายน้ำขึ้นบกได้ มันคงอยากจะมาดูแม่แหละนี่ว่านะ!! ที่มา : buzzfeed
-
เด็กสาวไม่พอใจในรูปร่างตัวเอง เขียนวันสั่งลาไว้ในไอจี ก่อนจะปลิดชีพตัวเองหลังจากนั้น…
การฆ่าตัวตายมีโอกาสเกิดได้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศใดหรืออายุเท่าไหร่ แม้แต่กับเด็กน้อยวัย 11 ปีคนนี้ที่ได้แสดงความต้องการในแง่ลบของเธอออกมาอย่างชัดเจน จนสามารถสังเกตเห็นได้ว่าเธอต้องการที่จะฆ่าตัวตาย แต่กลับไม่สามารถช่วยเธอเอาไว้และได้จากโลกนี้ไปอย่างน่าเศร้า นี่คือเรื่องราวของเด็กสาวที่ชื่อว่า Milly Tuomey อาศัยอยู่ในเมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2017 พ่อแม่ของเธอได้เจอกับ “ไดอารี่ฆ่าตัวตาย” ของเด็กสาวที่บันทึกไว้ในอินสตาแกรมว่าตนเองต้องการที่จะตายวันไหน เด็กสาว Milly ที่ฆ่าตัวตายไปตั้งแต่อายุ 11 ปี เธอได้เข้ารับการบำบัดด้วยศิลปะ หลังจากที่เธอได้รับการตรวจสอบอาการทางจิตและพบว่าเธอมีบางอย่างที่ไม่ตรงตามคุณสมบัติทั่วไป ในครั้งแรกที่เธอได้เข้ารับการบำบัดเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2015 นักบำบัดก็ได้แนะนำครอบครัวให้พาเธอไปเข้ารับการตรวจจาก บริการด้านสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นของ HSE เพื่อสำรวจในเรื่องของอารมณ์ที่เกิดขึ้นผ่านการพูดและความหมายของภาพที่เธอรับรู้ นักจิตวิทยาในสถานที่ดังกล่าวกลับไม่ได้สนใจในความผิดปกติของเธอมากเท่าที่ควร พวกเขาได้นัดให้เธอเข้ามารับการตรวจสอบและรักษาในวันที่ 30 มกราคม 2016 ซึ่งนั่นก็สายเกินกว่าที่จะช่วยเด็กคนนี้เอาไว้ได้ Fiona แม่ของเด็กสาวรู้สึกกังวลใจอย่างมาก เธอเล่าว่า “ลูกสาวฉันโพสต์ลงไปว่า ‘คนสวยจะไม่กินอาหาร’ แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติ แล้วเธอก็ยังเขียนบอกอีกว่าต้องการตายวันไหน ซึ่งนั่นทำให้ฉันไม่รู้เลยว่าควรต้องทำอย่างไรต่อไปดี” จนกระทั่งวันที่ 1…
-
แพทย์ถึงกับไปไม่เป็นหลังเห็นรอยสักว่า ‘อย่าช่วยชีวิต’ อยู่บนหน้าอกของผู้ป่วยที่ไม่ได้สติ
หมอมีหน้าที่ช่วยเหลือคนไข้ให้สามารถรอดชีวิตจากความตายมาได้ แต่แน่นอนว่าความต้องการของคนไข้เองก็เป็นส่วนสำคัญเพราะปัจจุบันได้มีกฎหมายที่คนไข้สามารถเลือกที่จะปล่อยให้ตัวเองตายก็ได้ แล้วถ้าคนไข้ไม่ได้พูดกับหมอตรงๆ แต่บอกผ่านรอยสักเหมือนชายคนนี้ล่ะ คุณหมอจะตัดสินใจช่วยเขาดีหรือไม่? สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยไมอามี่ สหรัฐอเมริกา เมื่อชายแก่วัย 70 ปีถูกพบในสภาพเมาหมดสติ ก่อนที่จะถูกนำตัวมาที่โรงพยาบาล แต่ในตอนที่หมอกำลังจะทำการช่วยชีวิตเขาอยู่นั้นเอง ก็ได้เจอกับรอยสักที่เขียนไว้ว่า “อย่าช่วยชีวิต” อยู่บนหน้าอกของเขา รอยสักบอกไว้ว่า “อย่าช่วยชีวิต” ความสับสนที่เกิดขึ้นนี้ได้ถูกนำเสนอผ่านเว็บไซต์ Daily Mail วันที่ 30 พฤศจิกายน 2017 นายแพทย์ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องช่วยกันตัดสินใจว่าพวกเขาควรทำตามความต้องการของคนไข้หรือควรทำตามหน้าที่ของตนเองกันแน่ นายแพทย์ Greg Holt หนึ่งในหมอผู้อยู่ในเหตุการณ์อธิบายว่าตามกฎหมายแล้ว คนไข้มีสิทธิ์เลือกให้ตัวเองได้ โดยที่หมอจะไม่ทำการช่วยชีวิตใดๆ เลยทั้งสิ้น ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะต้องทำการเซ็นแบบฟอร์มข้อตกลงของคนไข้และแพทย์เสียก่อน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่า รอยสักคือความต้องการของคนไข้จริงๆ หรือเป็นเพียงแค่การสักเล่นๆ ตอนวัยรุ่นกันแน่ จึงทำให้การตัดสินใจเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ เพราะนี่คือเรื่องของความเป็นตายของคนเลยทีเดียว จนกระทั่งนายแพทย์ Greg ตัดสินใจยื้อชีวิตของชายหนุ่มเอาไว้ โดยการควบคุมความดันเลือดที่สูงมากของคนไข้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ได้ใช้เครื่องช่วยหายใจเพราะยังคงไม่แน่ใจกับความต้องการที่แท้จริงของคนไข้ หลังจากนั้นกลุ่มผู้ให้การปรึกษาด้านจริยธรรมและทีมแพทย์จำนวนมากได้ประเมินสถานการณ์ทุกอย่างทั้งหมดแล้ว และพวกเขาก็ได้เลือกที่จะปล่อยให้ชายแก่คนนี้ตายไปในที่สุด ตามความต้องการที่อยู่บนรอยสัก นายแพทย์ Greg…