Category: ข่าวคราวรอบโลก
-
ความรู้ทางประวัติศาสตร์ ทำไมชาวเวียดนามถึงมีแต่คนนามสกุล ‘Nguyen’ เต็มไปโหม้ดดด..!!
หนึ่งในคำถามที่เรามั่นใจว่าหลายคนเคยสงสัย แต่ไม่ได้ออกไปหาคำตอบ.. เราเชื่อว่าหนึ่งในนั้นต้องมีคำถามที่ว่า ทำไมชาวเวียดนามถึงนามสกุลเหมือนกันหมดเลยนะ? ด้วยเหตุนี้เราจะพาไปหาคำตอบพร้อมๆ กันว่า เพราะเหตุใดชาวเวียดนามทุกคนแทบจะมีนามสกุล ‘Nguyen’ เหมือนกันหมด (อ่านว่า ‘เหงียน’ นะ ไม่ใช่ ‘งูเย็น’) ต้องบอกก่อนว่าเดิมทีสกุล ‘Nguyen’ เป็นชื่อที่ได้อิทธิพลมาจากประเทศจีนอีกทีหนึ่ง ซึ่งในภาษาจีนกลาง (แมนดาริน) มีการเรียกคำนี้ว่า ‘Ruan’ หรือ ‘Yuen’ ในภาษาจีนกวางตุ้ง ย้อนกลับไปเมื่อสมัยปี 1232 เจ้าชาย Trần Thủ Độ ได้แย่งชิงอำนาจมาจากราชวงศ์ Lý และมีการบังคับให้ลูกหลานในวงศ์ตระกูลของตัวเองเปลี่ยนมาใช้นามสกุล ‘Nguyen’ ต่อมาในยุคสมัยที่ Hồ Quý Ly ขึ้นครองราชย์แทนราชวงศ์ Trần ได้มีการกวาดล้างคนในตระกูลเดิมที่ใช้นามสกุล Nguyen เหมือนกันทั้งหมด ทำให้ในช่วงเวลานั้นเหล่าลูกหลานของราชวงศ์ Trần ต้องอพยพเอาตัวรอดระหกระเหินกันไปคนละทิศคนละทาง กระทั่งในปี 1407 ราชวงศ์ Hồ ได้ล่มสลายลง ทำให้ลูกหลานของราชวงศ์หลายคนหันไปเปลี่ยนมาใช้นามสกุล Nguyen อีกครั้ง เพราะกลัวว่าจะถูกตามล่าเหมือนในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ต่อมาในปี 1592 จากการล่มสลายของราชวงศ์ Mạc ก็ทำให้เหล่าลูกหลานสืบเชื้อสายทั้งหลายต้องระหกระเหินเปลี่ยนชื่อแซ่มาใช้เป็น Nguyen…
-
เพียงภาพเดียว.. กับเหตุผลที่ว่าทำไมไม่ควร “ปล่อยโคมลอย” เพราะส่งผลเสียมากกว่าที่คิด!?
จริงอยู่ที่การ ‘ปล่อยโคมลอย’ จะกลายมาเป็นหนึ่งในประเพณีประจำปีของไทยเรา โดยเฉพาะในช่วงลอยกระทง ทว่าสิ่งที่มาพร้อมกับความหวังในคำอธิษฐาน กลับเป็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับชีวิตอื่นไปซะได้!? เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2017 เว็บไซต์ Metro ได้รายงานเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ กับนกฮูกสายพันธุ์หายากตัวหนึ่งที่บินไปติดโคมลอยและกลายเป็นภาพสุดเศร้าให้เราต้องมาตระหนักถึงประเพณีการปล่อยโคมลอยกันอีกครั้ง สภาพของนกฮูกที่เสียชีวิตเพราะบินไปติดกับโคมลอย เรียกได้ว่าจากเหตุการณ์นี้… ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายในประเทศอังกฤษ ต้องกลับมาตั้งคำถามถึงการปล่อยโคมลอย ที่อาจนำมาซึ่งผลเสียมากกว่าผลดีทางจิตใจ โดยในแต่ละปี จะมีการปล่อยโคมลอยประมาณ 200,000 ลูกในประเทศอังกฤษ ข้อมูลจากองค์กร RSPCA เผยว่า ‘โคมลอย’ ที่เป็นประเพณีดั้งเดิมจากประเทศจีน ได้สร้างผลกระทบมากมายให้แก่สิ่งแวดล้อมทั่วโลก ไม่ว่าจะกับผืนป่า หรือสัตว์ป่าก็ตาม แล้วโคมลอยมันอันตรายยังไง? ด้วยความที่ประเพณีไทยเรามีการฝังความเชื่อเรื่องการอธิษฐานถึงสิ่งดีๆ และเชื่อว่าการปล่อยโคมจะช่วยสะเดาะเคราะห์กรรมได้ แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลังปล่อยไปแล้ว.. โคมลอยที่มีความร้อนสูงได้สร้างปัญหามากมายให้กับทั้งธรรมชาติ และชาวบ้านด้วยกันเอง RSPCA รายงานว่า มีสัตว์ปีกหลายชนิดที่มักจะเห็นแสงไฟบนท้องฟ้าแล้วบินเข้าหา บ้างก็คิดว่าเป็นอาหารจึงใช้ปากจิกกิน และสิ่งที่ตามมาก็คือลวดของโคมลอยมักจะไปเกี่ยวติดกับขาของสัตว์ปีกและทำให้พวกมันเสียชีวิตในที่สุด ไม่ใช่แค่กับสัตว์ปีกเท่านั้น แม้แต่สัตว์เดินดินหลายชนิดก็ต้องเผชิญปัญหานี้เช่นกัน เมื่อโคมลอยตกสู่พื้นบางครั้งไฟที่ยังมอดไม่สนิทก็อาจทำให้เกิดไฟป่าลุกลามจนกลายเป็นเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ก็มีมาแล้ว นอกจากนั้นผู้เชี่ยวชาญยังชี้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่สารเคมีในโคมลอยตกสู่พื้นดิน คราบน้ำมันและการเผาไหม้ต่างๆ จะกลายเป็นสารพิษตกค้างสู่ผืนดิน และส่งผลต่อการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในระบบนิเวศน์อีกด้วย..!!…
-
รู้จักกับ @RockWalkLondon ที่จะพาคุณไปตามรอยปกอัลบั้มวงดนตรีในตำนาน..!!
สำหรับใครที่เป็นแฟนศิลปินร็อคอันโด่งดังในอดีต ไม่ว่าจะ Pink Floyd, Bob Dylan, The Beatles หรือแม้แต่ยุคใหม่ไฟแรงอย่าง Oasis (ก็ถือว่าเด็กสุดในลิสต์นี้แล้วอ่ะนะ) เราจะพาไปรู้จักกับทวิตเตอร์ @RockWalkLondon ที่จะพาชาวเน็ตทั่วโลกไปตามรอยปกอัลบั้มเพลงในตำนานทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นบนเกาะอังกฤษ จะเป็นยังไงบ้างเราตามไปชมกันเลย… Oasis กับอัลบั้ม (What’s the story) Morning Glory? PJ Harveys นักร้องสาวที่ครั้งหนึ่งเคยโด่งดังไปทั่วโลก The Beatles กับอัลบั้ม Abbey Road ที่ใครหลายคนรู้จักกันดี ปกอัลบั้มของวง Led Zeppelin ยิ่งพูดยิ่งคิดถึง… ต้องเปิดเพลงฟังหน่อยแล้วล่ะ ปกอัลบั้ม The Animals จากวง Pink Floyd (ปัจจุบันโรงงานในภาพได้กลายเป็นตึกสำนักงานไปที่เรียบร้อยแล้ว) ปกอัลบั้ม CCR หนึ่งในตำนานที่ไม่ได้มีดีแค่เพลง Have you ever…
-
นักศึกษาแลกเปลี่ยน โดนวัยรุ่นเอาขวดไวน์ฟาดหน้า เหตุเพราะเขาเป็น ‘ชาวเอเชีย’
กลายเป็นประเด็นที่เป็นที่ฮือฮาบนโลกอินเทอร์เน็ต เมื่อมีนักศึกษาแลกเปลี่ยนชาวเกาหลีใต้คนหนึ่ง ถูกขวดแชมเปญฟาดเข้าไปที่ใบหน้าเหตุผลเพราะเพียงว่าเขาเป็นชาวเอเชีย โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมืองไบรท์ตัน ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นขึ้นที่ Yesung Kim ผู้ตกเป็นเหยื่อถูกขวดไวน์ปาเข้าที่หลังก่อน และเขาก็ถามผู้ลงมือว่า ปาขวดไวน์ใส่เขาทำไม และพวกนั้นก็ได้ตอบกลับมาว่า “เพราะนายเป็นคนเอเชียไง” หลังจากได้ยินอย่างนั้น Kim ก็ทำเป็นไม่สนใจและพยายามที่จะเดินกลับบ้าน แต่พวกเขาก็ยังคงทำหน้าตาล้อเลียน รวมทั้งพูดจาถากถางและในที่สุดก็เอาขวดแชมเปญที่ถือไว้ฟาดเข้าที่ใบหน้าของนาย Kim ซึ่งเพื่อนของเขาได้ถ่ายเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้ วีดีโอที่นักศึกษาถูกทำร้ายจากเหตุผลเพราะเป็นชาวเอเชีย หลังจากเขาถูกทำร้ายก็ทำให้เขาต้องสูญเสียฟันไป 1 ซี่และทำให้ฟันโยกอีก 10 ซี่ ซึ่งหมายความว่าผู้ลงมือนี้ต้องการที่จะทำร้ายเขาถึงกับชีวิตเลยทีเดียว โดยเพื่อนๆ ของ Kim ได้จัดทำกองทุนเพื่อหาเงินสำหรับช่วยเหลือ Kim ในเรื่องค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการทำฟันที่เสียหายของเขาในครั้งนี้ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 1,000£ หรือกว่า 43,735 บาท เลยทีเดียว ในตอนนี้ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับตำรวจและติดต่อไปยังสถานฑูตเกาหลีใต้ในประเทศอังกฤษแล้ว และผู้ร้ายยังคงลอยนวลอยู่ในขณะนี้ ที่มา: nextshark
-
สมเป็นญี่ปุ่น! เมื่อรัฐบาลใช้ “การ์ตูน” ที่เป็นจุดเด่นมาสอนการรับมือจรวดจากเกาหลีเหนือ
สำหรับประเทศญี่ปุ่นแล้ว การ์ตูนถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมของชาติเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อพูดถึงอนิเมะหรือมังงะแล้วล่ะก็ เราก็มักจะนึกถึงชาตินี้กันอยู่เสมอๆ และเมื่อคนทั่วโลกต่างพากันคิดเช่นนั้น ประจวบกับเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดจากจรวดเกาหลีเหนือ ทางรัฐบาลฮอกไกโดในญี่ปุ่น จึงหาทางออกด้วยการทำการ์ตูนที่เข้าถึงคนทุกวัยของชาติออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ การ์ตูนดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 6 หน้า 6 ตัวอย่างเหตุการณ์ผ่าน 6 ตัวละครหลักด้วยกัน ซึ่งการ์ตูนดังกล่าวจะเป็นภาพสีสดใสทั้งหมด เพื่อช่วยดึงดูดให้คนทุกเพศทุกวัยหันมาสนใจนั่นเอง ซึ่งก็นับว่าเป็นวิธีที่น่าสนใจมากๆ เลยล่ะ การ์ตูนตัวกล่าวนั้นวาดโดย Manabu Yamamoto ซึ่งเป็นนักวาดการ์ตูนที่เกิดในฮอกไกโด โดยปกติเขาก็จะรับวาดการ์ตูนให้กับรัฐบาลอยู่แล้ว ยกตัวอย่างแรกกันก่อน โดยในตัวอย่างนี้ได้อธิบายไว้ว่า ถ้าเกิดเหตุจรวดขึ้นจริงๆ ให้หาที่จอดรถให้ไวที่สุด จากนั้นก็ออกให้ห่างจากตัวรถอย่าอยู่ใกล้เด็ดขาด เพราะว่าน้ำมันอาจจะทำให้รถเกิดระเบิดแล้วเราถูกลูกหลงก็เป็นไปได้ (อย่าลืมว่าต้องอ่านจากขวามาซ้ายนะ) ถ้าเกิดว่าเรากำลังทำกิจกรรมอยู่ภายนอกแล้วเกิดเหตุ ให้หาที่กำบังใกล้เคียงอย่างอาคารบ้านเรือนที่ดูแข็งแรงทันที พร้อมกับเอามือปิดหัวไว้ให้ดี หรือถ้าคุณอยู่ในทุ่งนาหรือที่โล่ง พร้อมกับกำลังใช้เครื่องจักรกลอยู่ ให้ออกห่างจากเครื่องจักรและก้มลงเอามือกุมหัวทันที ถ้าอยู่ในบ้านแล้วเห็นข่าวจรวดเมื่อไหร่ ให้หลบอยู่ใต้โต๊ะ อยู่ห่างจากกระจกให้ไกลที่สุด หาหมอนหรืออะไรมาบังส่วนหัวเอาไว้ ถ้าอยู่กลางทะเลหรือบนเรือ ก็พยายามหาจุดกำบังใส่เสื้อชูชีพให้พร้อม จากนั้นก็เอามือบังส่วนสำคัญของร่างกายไว้ เรียกว่าเป็นวิธีหาทางออกให้ชาวเมืองด้วยจุดแข็งของประเทศได้ดีมากๆ ถ้าเป็นบ้านเราล่ะ ใช้อะไรดีนะ? ที่มา rocketnews24
-
สามีมาดเข้มสลัดผ้า ถ่ายรูปในธีมฟักทอง เพื่อแสดงความรักต่อภรรยาที่เป็นช่างภาพ
การจะให้ความรักยืนยาว ไม่เพียงแต่บอกรักกันไปวันๆ แต่คู่รักควรจะหากิจกรรมทำด้วยกันบ้าง เช่น ช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว แคมป์ปิ้ง หรือแม้แต่ทำสวนด้วยกันในวันหยุด แต่ดูเหมือนคู่รักคู่นี้จะทำกิจกรรมที่แหวกแนวนิดนึง นั่นคือ การถ่ายรูป ถ้าถ่ายรูปปกติคงไม่แปลกหรอก แต่นี่คุณสามีถึงกับทิ้งคราบหนุ่มมาดเข้ม แล้วผันตัวหนุ่มสายฮาเพื่อเอาใจภรรยาโดยเฉพาะ จริงๆ แล้วนี่เป็นแนวคิดของคุณสามีที่อยากแสดงความรักต่อภรรยาในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการถ่ายรูปในธีมฟักทอง ส่วนคนถ่ายน่ะหรอ ไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคือภรรยาของเขาเองนั่นเอง Gayla Thompson เป็นช่างภาพที่ GT Photography แม้จะมีประสบการณ์การถ่ายรูปมานาน แต่การได้ถ่ายภาพสามีถือเป็นอีกหนึ่งความใฝ่ฝันของเธอ ภรรยาอาจจะเคยถ่ายภาพสามีมาบ้างแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการถ่ายเล่นๆ ไม่เป็นทางการ กระทั่งปลายเดือนกันยายน ทั้งคู่ก็ได้คุยกันเพื่อถ่ายรูปเป็นจริงเป็นจังสักที ที่ทำให้ภรรยาประทับใจคือ สามียอมเปลือยทั้งตัวเหลือแต่กางเกงในตัวเดียวและโพสต์ตามที่ภรรยาบอกด้วยความเต็มใจ นี่สิถึงจะเรียกว่ารักแท้ แล้วดูภาพของสามีแต่ละรูปสิ คงมีผู้ชายไม่กี่คนหรอกที่จะยอมให้ผู้หญิงถึงขนาดนี้ แต่การที่คุณไม่ทำแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่รักภรรยา เพราะแต่ละคนแต่ละคู่ย่อมมีวิธีแสดงความรักต่างกัน ภรรยาคงอยากบอกเป็นนัยๆ ว่า ‘สามีฉันนี่แหละ เซ็กซี่ที่สุด’ ดูสิ พ่อคุณทูนหัว หล่อระเบิดระเบ้ออะไรเบอร์นั้น ถึงไม่มีซิกแพ็ค แต่พุงหมีๆ…
-
หนุ่มโสดถูกยกให้เป็นยอดคุณพ่อ หลังรับเลี้ยงเด็กผู้พิการเป็นลูกถึง 4 คนด้วยกัน
การเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากต้องทุ่มเทดูแลพวกเขาตั้งแต่ตื่นจนกระทั่งเข้านอนแล้ว คุณยังต้องมีเงินจำนวนหนึ่งสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละวันด้วย เลี้ยงลูกคนเดียวว่าเหนื่อยแล้ว แต่หนุ่มโสดคนนี้กลับรับเด็กมาเป็นลูกถึง 4 ยิ่งไปกว่านั้นคือทั้งหมดนี้เป็นเด็กพิการ ที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ Ben Carpenter วัย 33 ปี ได้รับเลี้ยง Jack วัย 10 ขวบ Ruby 7 ขวบ Lily 5 ขวบ และ Joseph วัย 2 ขวบ ทั้งหมดนี้เป็นเด็กพิการ จนทำให้เขาได้รับรางวัลสุดยอดผู้รับเลี้ยงแห่งปี Ben เริ่มรับเลี้ยงเด็กคนแรกเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน เมื่อเขากลายเป็นเกย์ที่อายุน้อยที่สุดในยอร์กเชียร์ที่รับเลี้ยงเด็ก แต่การที่ชายโสดจะรับเลี้ยงเด็กนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาต้องใช้เวลาถึง 3 ปี ในการโน้มน้าวเจ้าหน้าที่ว่าเขามีความจริงใจที่จะรับเลี้ยงเด็กจริงๆ ที่สำคัญไปกว่านั้นเขามีทักษะในการเลี้ยงและพร้อมที่จะเป็นพ่อที่ดี ก่อนที่ตัดสินใจรับเลี้ยงเด็ก Ben เคยทำงานกับหน่วยงานที่ให้การดูแลผู้ใหญ่และเด็กหลายรูปแบบ เขาบอกว่า “ครั้งแรกผมตั้งใจรับเลี้ยงแค่คนเดียว ผมเป็นคนที่เชื่อในโชคชะตา และนี่คือสิ่งที่ผมต้องการ” หลังจากที่มุ่งมั่นต่อสู้มาเป็นเวลาหลายปี ในที่สุด ไม่เพียงแต่จะได้รับเลี้ยงเด็กคนเดียวตามที่ตั้งแต่ใจแต่แรก แต่ตอนนี้เขาได้กลายเป็นพ่อของเด็กๆ ถึง 4 คน…
-
น้ำตาแห่งการจากลา.. Justin Trudeau หลั่งน้ำตาหลังนักร้องดังเสียชีวิต จนผู้คนแห่ให้กำลังใจ
ดูเหมือนว่าคนหล่อไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหนก็จะยังดูหล่อเสมอ เช่นเดียวกับ Justin Trudeau ที่แม้แต่ร้องไห้ก็ยังดูหล่อได้อีก..!! โดยเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานการออกมาแสดงความเสียใจของ Justin Trudeau ที่มีต่อนักร้องชื่อดังชาวแคนาดา Gord Downie น้ำตาลูกผู้ชาย… Gord Downie คือนักร้องและนักแต่งเพลงชาวแคนาดา ผู้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนหนุ่มสาวมาแล้วหลายรุ่นด้วยเสียงเพลงและถ้อยคำจากปลายปากกาของเขาเอง และเมื่อวันอังคารที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมาก็ได้มีการรายงานการเสียชีวิตของ Gord Downie ด้วยวัย 53 ปี จากอาการร้ายของมะเร็งสมองที่เจ้าตัวพยายามต่อสู้มาตั้งแต่ปี 2015 “เช้านี้เราได้สูญเสียหนึ่งในบุคคลที่สำคัญต่อประเทศของเรา Gord เป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของผม และ Gord จะยังคงอยู่ในใจพวกเราทุกคน” Justin กล่าว นอกจากนั้นในฐานะของนายกรัฐมนตรีของประเทศ ยังได้ออกมากล่าวว่า Gord Downie ก็เป็นเพื่อนสนิทของเขาอีกคนหนึ่งที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันกับชาวแคนาดาทุกคน นั่นคือการทำให้ประเทศของพวกเขาเป็นที่ๆ ดีกว่า “Gord Downie ไม่ได้จากเราไปไหน… แม้ว่าร่างของเขาจะได้พักผ่อนอย่างสงบสุขตลอดกาล…
-
จราจรจีนทำงานท่ามกลางสายฝนหลายชั่วโมง ผู้ใช้ถนนรู้สึกสงสารเลยโยนร่มให้กลางถนน
ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำในเมืองอู่หู มลฑลอันหุย ประเทศจีน เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรคนหนึ่งได้ทำหน้าที่ของเขาอย่างขยันขันแข็ง นั่นคือการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนภายในเมือง ฝนที่เทลงมาอย่างหนักหลายชั่วโมงจนร่างกายของเขาเปียกโชกไปทั้งตัว แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาละหน้าที่ในการปฏิบัติเลยแม้แต่นาทีเดียว และเมื่อวันที่ 12 ตุลาคมก็ได้มีการโพสต์คลิปวิดีโอบนช่องยูทูบของ People’s Daily สำนักข่าวของประเทศจีน แสดงให้เห็นว่าตำรวจราจรผู้นี้ทำงานด้วยความขยันขันแข็งอยู่ท่ามกลางสายฝน และแล้วก็มีผู้ใช้รถใช้ถนนคนหนึ่งขับมาใกล้ๆ ที่เขายืนอยู่ จากนั้นก็โยนร่มออกจากทางหน้าต่างรถยนต์ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรผู้นั้น . หลังจากการตรวจสอบป้ายทะเบียนแล้วก็พบว่าเป็นชายวัย 50 ปีท่านหนึ่ง ที่เป็นผู้โยนร่มออกมาจากรถ ทางตำรวจจึงได้โทรไปสอบถามว่าทำไมเขาจึงทำเช่นนั้น และชายผู้โยนร่มออกมาก็บอกว่า เขารู้สึกสงสารเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนี้ที่ยืนตากฝนมาเป็นเวลานานหลายชั่วโมงแล้ว และบอกอีกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้นั้นก็มีรูปร่างคล้ายกับลูกชายของเขา เขาจึงโยนร่มออกไปให้จราจรได้นำไปใช้กันฝน ความจริงนั้นเขาอยากจะยื่นร่มคันนั้นให้กับมือแต่ว่ามีรถขับตามมาจึงไม่สามารถจอดได้ คลิปวิดีโอขณะที่เกิดเหตุการณ์ ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่ปฏิบัติงานอย่างแข็งขัน และขอบคุณชายผู้ให้ร่มกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำให้เรารู้สึกว่าบนโลกใบนี้ยังมีคนที่มีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมโลกอยู่ ที่มา shanghaiist
-
นักศึกษาสาวร่างกายพัง หลังจากสูด ‘แก๊สหัวเราะ’ มากถึง 360 กระป๋องในสัปดาห์เดียว
แก๊สหัวเราะ หรือ ไนตรัสออกไซด์ เป็นแก๊สสารพัดประโยชน์ ที่ทางการแพทย์ใช้ในการผ่าตัดและการทันตกรรม โดยผู้ที่สูดดมแก๊สหัวเราะเข้าไปจะรู้สึกเคลิบเคลิ้ม มีความสุขจนหัวเราะออกมา ซึ่งในปัจจุบันนั้นได้ถูกนำมาใช้อย่างผิดวิธี โดยนำแก๊สหัวเราะมาสูดดมเพื่อทำให้อารมณ์ดี ผ่อนคลายและกำลังเป็นที่นิยมกันในชื่อ Nungs หมู่วัยรุ่นในออสเตรเลีย เนื่องจากมีการซื้อขายกันอย่างง่ายดายจึงทำให้มีการแพร่ระบาดของกิจกรรมปาร์ตี้แก๊สหัวเราะในหมู่นักศึกษา โดยการสูดแก๊สหัวเราะนั้นก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่อัดแก๊สหัวเราะเข้าไปในลูกโป่งหรือกระป๋องวิปครีมแล้วสูดดม แต่ไม่มีใครตระหนักเลยว่าการสูดดมแก๊สหัวเราะในปริมาณมากๆ จะส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไร นักศึกษาสาววัย 20 ปีของมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียคนหนึ่งไม่สามารถกลับมาเดินแบบปกติได้เนื่องจากการสูดดมแก๊สหัวเราะเกินปริมาณ โดยเธอสูดแก๊สหัวเราะมากกว่า 360 กระป๋องภายใน 1 สัปดาห์!!! แก๊สหัวเราะได้ทำลายเส้นประสาทบริเวณไขสันหลังของเธอ ทำให้ไม่สามารถทรงตัวได้และทำลายสมองเทียบเท่ากับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ติดต่อกัน 40 ปีเลยทีเดียว Dr.Andrew Dawson ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องยาพิษของโรงพยาบาล Westmead ได้เปิดเผยว่าผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากการสูดดมแก๊สหัวเราะ มีจำนวนเพิ่มขึ้นสูงมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา “เรามีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ส่วนมากเป็นวัยรุ่นที่ได้สูดดมแก๊สหัวเราะเข้าไปในปริมาณมาก ซึ่งมันส่งผลโดยตรงกับเส้นประสาทและสมอง มันจะไม่ทำให้ตายในทันทีแต่จะค่อยๆ ทำลายร่างกายและสมองไปเรื่อยๆ การสูดดมหนึ่งครั้งก็จะทำให้สมองขาดออกซิเจนไปชั่วขณะ” Dr.Dawson กล่าว .…
-
Dr. Kitty หมอเถื่อนวัย 19 ถูกตำรวจจับ หลังแอบเปิดคลินิกศัลยกรรมโดยไม่มีใบอนุญาต
ทุกวันนี้ใครที่รู้สึกไม่พอใจในรูปลักษณ์หรือหน้าตาของตนเอง ก็สามารถเดินเข้าคลินิกความงามเพื่อแต่งเติมส่วนที่เหลือที่ขาดได้ แต่ก่อนจะลงมือทำอะไร โปรดตรวจสอบคลินิกเหล่านั้นให้ดีเสียก่อน ไม่อย่างนั้นท่านอาจจ๊ะเอ๋กับหมอเถื่อนก็เป็นได้ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2560 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้ออกมาตีแผ่เรื่องราวสุดฉาวของวงการศัลยกรรมเถื่อน เมื่อ Jingyi Wang หรือ Dr. Kitty (นามแฝง) หญิงสาววัย 19 ปี จากโตรอนโต ประเทศแคนาดา ถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมในวันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 2560 หลังจากที่เธอถูกกล่าวหาว่าเป็นหมอเถื่อน แอบเปิดคลินิกศัลยกรรมโดยไม่มีใบอนุญาต… จากการรายงานระบุว่า ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา Dr. Kitty ได้อ้างว่าเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามทั้งที่ไม่ได้เป็นแพทย์จริง โดยเธอได้ทำการเปิดคลินิกเสริมความงามที่ชั้นใต้ดินภายในบ้าน และที่น่าตกใจก็คือมีเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายได้หลงเข้ามาทำศัลยกรรมที่คลินิกเถื่อนแห่งนี้ ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่มักจะมีอายุที่ใกล้เคียงกับเธอ อย่างไรก็ตาม Dr. Kitty ได้ทำการฉีดฟิลเลอร์บนใบหน้าให้กับหญิงสาวรายหนึ่ง แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ ใบหน้าของหญิงรายดังกล่าวก็ได้รับการติดเชื้ออย่างรุนแรง และจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากศัลยแพทย์ตกแต่งตัวจริงที่มีใบอนุญาตอย่างเร่งด่วน ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกมาเผยว่า อาจมีผู้ตกเป็นเหยื่ออีกหลายรายที่ได้เข้ามาใช้บริการเสริมความงามจากคลินิกเถื่อนแห่งนี้ ทั้งนี้ Dr. Kitty ได้ออกมาปรากฏตัวต่อศาลในวันเสาร์ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมในวันวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเธอก็มีกำหนดให้ขึ้นศาลอีกครั้งในเดือนหน้า ที่มา…
-
สองครอบครัว สองฐานะ… สลับบ้านกันอยู่เป็นเวลา 1 สัปดาห์ กับบทเรียนที่เงินไม่อาจทดแทนได้
เคยคิดบ้างไหมว่า ถ้าอยู่ดีๆ เราที่เคยร่ำรวยสุดๆ สามารถใช้เงินโดยไม่คิดอะไรมากใช้ยังไงก็ไม่มีวันหมด ต้องมาสลับบ้านไปอยู่ในบ้านราคาถูก ส่วนคนที่เคยจนต้องใช้เงินอย่างประหยัดทำอะไรก็ต้องคิด อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนไปรวยจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณคิดไม่ออก รายการ Rich House, Poor House จากช่อง Channel 5 ในอเมริกาจัดให้!! โดยพวกเขาได้นำครอบครัวของ Matt และ Moniqe Fiddes ที่เป็นคนรวย สลับกันใช้ชีวิตกับ Andy และภรรยาพิการ ของเขา Kim Leamon ทั้งหมดจะต้องแลกความเป็นอยู่ รวมถึงฐานะกันเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์เต็มๆ จากนั้นก็รอดูสิ่งที่พวกเขาได้จากการสลับสับเปลี่ยนในครั้งนี้ ซึ่งแค่ฟังดูมันก็น่าสนใจแล้ว เริ่มกันที่ครอบครัวของ Andy Leamon กันก่อน โดยเขาได้รับการเพิ่มรายรับจากเดิมอยู่ที่ราวๆ 7,400 บาทต่อสัปดาห์ ให้กลายเป็นเท่ากับรายรับของ Matt Fiddes ซึ่งมีรายรับอยู่ที่ 65,000 บาทต่อสัปดาห์ ซึ่งมากกว่าหลายเท่าเลยล่ะ และเช่นเดียวกันด้าน Matt ก็ต้องไปอยู่ในฐานะเดียวกับที่ Andy เคยเป็น ด้าน Andy ที่ได้กลายเป็นคนรวย ก็ค้นพบว่าครอบครัวของ Matt นั่นใช้เงินมากกว่า…
-
ภารกิจสำคัญ เมื่อทีมงานญี่ปุ่น 1,200 คน ต้องย้ายรางรถไฟบนดิน ให้ลงใต้ดินภายใน 4 ชั่วโมง!!
บ้านเรานั้น เวลาต้องการจะสร้างอะไรสักอย่างหรือซ่อมทางสักทาง เราก็คงต้องปิดถนนแล้วใช้เวลากันเป็นสัปดาห์ เป็นเดือนหรืออาจจะเป็นปีในการสร้าง หนักหน่อยอาจจะสร้างไม่สำเร็จและทิ้งไว้แต่เสาก็เป็นได้ ทว่าในหลายประเทศการซ่อมถนนหรือสร้างอะไรสักอย่างที่อาจจะกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน พวกเขาจะเร่งทำมันให้ไว้ที่สุด พูดให้เห็นตัวอย่างง่ายๆ ก็คงหนีไม่พ้นญี่ปุ่นที่ล่าสุดมีเหตุการณ์ดินถล่ม แต่ในเวลาเพียงไม่กี่วันพวกเขาก็ซ่อมมันจนเสร็จ มาคราวนี้สถานีรถไฟญี่ปุ่นต้องการจะย้ายเส้นทางรถ พวกคุณคิดว่าพวกเขาจะใช้เวลากี่ชั่วโมง? กี่วัน? หรือกี่เดือนกันนะ? . ความท้าทายนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2013 ซึ่งเป็นผลงานของบริษัท Tokyu railway โดยพวกเขาจะเปลี่ยนเส้นทางรถไฟของสายโตเกียวใหม่ โดยสถานีไดกันยามาต้องปรับระดับของรางเพื่อเชื่อมกับเส้นทางใต้ดินของสถานีชิบุยะ ด้วยเหตุนี้ทางบริษัทจึงหาวิศวกรกว่า 1,200 มาช่วยกันจัดการโปรเจคนี้ การก่อสร้างใหญ่ๆ แบบนี้โดยปกติใครก็ต้องสังเกตเห็นแน่นอน แต่ในครั้งนี้แทบไม่มีประชาชนคนไหนรู้เลย ต่อให้คุณอาศัยอยู่ในกรุงโตเกียวก็ตาม เพราะเขาใช้เวลากันแค่ 3 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น!! พวกเขาเริ่มก่อสร้างตอนตีหนึ่งหลังจากที่ขบวนรถไฟสุดท้ายออกจากสถานีไป และเสร็จตอนประมาณตีสี่ครึ่งซึึ่งทันเวลารถไฟรอบแรกของอีกวันพอดี เอ้า เริ่มได้ ลุยๆ !! พูดไปก็จะหาว่าอวย งั้นลองมาดูคลิปการเปลี่ยนรางในครั้งนี้กัน แล้วเราจะรู้ว่าพวกเขานี่ของจริง!! มันจะโหดเกินไปแล้วนะลูกพี่!! ที่มา rocketnews24
-
ยลโฉม 14 เจ้าชายและเจ้าหญิงองค์น้อย จากราชวงศ์ต่างๆ ของแต่ละประเทศทั่วโลก
เจ้าชายจอร์จ อาจเป็นรัชทายาทของดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโลก แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็ไม่ได้เป็นรัชทายาทในราชวงศ์เพียงพระองค์เดียว เพราะยังมีรัชทายามจากราชวงศ์ต่างๆ จากหลายๆ ประเทศ ที่กำลังถูกจับตามอง และได้รับความสนใจจากสาธารณชนเช่นกัน และนี่คือ 24 พระฉายาลักษณ์ของเจ้าชายเจ้าหญิงจากราชวงศทั่วโลกที่อายุน้อยที่สุดในตอนนี้ และจะได้ขึ้นครองราชบัลลังก์ในอนาคต ว่าแล้วก็มารับชมไปพร้อมๆ กันเลย 1.เจ้าชายจอร์จแห่งเคมบริดจ์ พระชนมายุ 4 พรรษา พระโอรสพระองค์แรกในเจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ กับแคเธอริน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ และอยู่ในลำดับที่สามของการสืบสันตติวงศ์อังกฤษ 2.เจ้าหญิงชาร์ลอตต์แห่งเคมบริดจ์ พระชนมายุ 2 พรรษา เป็นพระขนิษฐาของเจ้าชายจอร์จแห่งเคมบริดจ์ อยู่ในลำดับที่สี่ของการสืบสันตติวงศ์สหราชอาณาจักร 3.เจ้าหญิงเอสเตลล์ ดัชเชสแห่งเอิสเตร์เยิตลันด์ พระชนมายุ 5 พรรษา อยู่ในลำดับที่สองของการสืบสันติวงศ์สวีเดน 4.เจ้าชายออสการ์ ดยุกแห่งสกอเน พระชนมายุ 1 พรรษา เป็นพระอนุชาของเจ้าหญิงเอสเตลล์ ทรงประสูติในเดือนเมษายน 2016 5.เจ้าชายฌัก รัชทายาทผู้มีสิทธิโดยตรงองค์ปัจจุบันของโมนาโก และ เจ้าหญิงกาเบรียลา เคาน์เตสแห่งการ์ลาแด็ส ทรงเป็นผู้สืบราชสมบัติลำดับที่สองของโมนาโก…
-
25 ภาพหลอนสยองวินเทจที่จะทำให้คุณนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายคล้ายจะโดนเข้าสิง!!
ความสยดสยองบางครั้งเราไม่จำเป็นต้องเจอด้วยตาของตัวเองตรงๆ เพราะเพียงแค่ฟังเรื่องเล่าหรือเห็นรูปภาพบางอย่างก็สามารถทำให้คุณรู้สึกขนหัวลุกแล้ว เช่นเดียวกับภาพวินเทจเหล่านี้ที่ไม่ต้องมีคำบรรยายอะไรมันก็ทำให้คุณรู้สึกกลัวการอยู่คนเดียวได้อย่างง่ายดาย ไม่เชื่อลองไปชมกันเลย โครงกระดูกและหัวกระโหลกที่เรียงไว้อย่างสวยงามในที่ฝังศพใต้โบสถ์ Capuchin ในกรุงโรม ตอนประมาณปี 1900 ช่วงศตวรรษที่ 19 นักมานุษยวิทยาเผยภาพหัวมนุษย์ที่ถูกล่าในประเทศเอกวาดอร์ ผลงานของนักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศส สร้างชีวิตให้กับตุ๊กตาเด็กในช่วงศตวรรษที่ 18 ภาพของเด็กน้อยเล่นกับปีศาจ Krampus โดยไม่รู้สึกกลัวอะไร ตอนประมาณปี 1900 การมาเยือนของแขกไม่ได้รับเชิญที่มาอย่างเงียบเชียบ ในปี 1860 ภาพถ่ายของ “Lionel เด็กชายหน้าสิงโต” ที่กำลังมีชื่อเสียงในปี 1907 Lon Chaney ตัวตลกผู้เป็นมิตรที่ได้แสดงในละครใบ้ชื่อ He Who Gets Slapped ปี 1924 ภาพของผู้หญิงไร้หัวหนึ่งในการแสดงบนเกาะ Coney Island สหรัฐอเมริกา ปี 1945 สถานที่เกิดเหตุคดีฆาตกรรมในยามค่ำคืน วันที่ 11…
-
ความน่ารักของคุณหมอ ช่วยผ่อนคลายให้กับหนูน้อย พาเต้นจนหายกลัวและยิ้มได้อีกครั้ง…
เมื่อพูดถึงโรงพยาบาลนั้น หมอก็คงจะเป็นสิ่งแรกๆ ที่เราจะนึกถึงสถานที่แห่งนี้ แน่นอนว่าไม่มีอยากไป เพราะเมื่อไปทีไรก็จะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเสมอๆ เช่นเดียวกับหนูน้อยสามคนจากรัฐฟลอริด้า เมื่อหนูน้อย Autum Moses จะต้องเดินทางไปที่โรงพยาบาล Wolfson เพื่อรักษาอาการป่วยจากโรคสเตรปโธรท ด้วยความกลัวหนูน้อยจึงมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก จนส่งผลไปถึงน้องสาวอีกสองคนกลัวไปด้วย ทว่าเมื่อ Dr. Chima Matthew ที่เห็นสีหน้าของทั้งสามดูไม่ค่อยจะดี เขาจึงตัดสินใจที่จะช่วยคลายความเครียดของเด็กสาวทั้หมด โดยการเปิดเพลงจากมือถือขึ้นมาแล้วออกลีลาท่าทางเท้าไฟของเขาให้หนูน้อยทั้งสามดูและเต้นตาม วินาทีที่เขาเริ่มเต้น หนูน้อย Autum ก็เริ่มจะคลายความตึงเครียดลงไปได้ระดับนึงจนถึงขั้นผ่อนคลาย และเริ่มเต้นตามในท้ายที่สุด ไม่พอเท่านั้นน้องสาวอีกสองคน Winter และ Kristlynn พอเห็นพี่สาวหายเครียด ทั้งหมดก็เริ่มเต้นตามคุณหมอ เอ้า อย่าเครียดนะหนูๆ เต้นตามหมอเร็ว ฮั๊ดฉึบๆ ดูๆ หมอแด๊บด้วย ฮั๊ดโช๊ะ ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดได้ถุูกบันทึกไว้ และเผยแพร่สู่โลกโซเชี่ยลมีเดียจนมีคนมากมายพากันพูดถึงคุณหมอ Chima ว่าเขาเป็นหมอที่ใจดีมากๆ แถมยังสร้างรอยยิ้มให้หนูๆ ได้อีก ลองชมคลิปเต็มๆ ของคุณหมอดูกัน ลีลาจะเด็ดจริงไหม (ลิ้งดูวีดีโอ) ด้านแม่ของ…
-
โรงเรียนแนวใหม่ในญี่ปุ่น เปิดสอนหญิงข้ามเพศ ให้กลายมาเป็นหญิงโดยสมบูรณ์!!
สังคมญี่ปุ่นในปัจจุบันนั้นการเป็นผู้ชายข้ามเพศ หรือการเป็นผู้ชายที่ชื่นชอบแต่งตัวแบบคอสเดรสนั้นเป็นอะไรที่แพร่หลายมากๆ ซึ่งเหตุผลของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป ในเขตชินจุกุนั้นก็มีย่านหนึ่งที่ชื่อว่า Nichome ซึ่งเป็นย่านที่คนในพื้นที่จะรู้จักกันดีว่าเป็นศูนย์กลางของชาวญี่ปุ่นที่เป็นเกย์หรือคนข้ามเพศ ที่ประกอบไปด้วยร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้าและอื่นๆ อีกมามาย แต่เร็วๆ นี้จะมีธุรกิจเปิดใหม่ที่สร้างมาเพื่อเอาใจสายนี้โดยเฉพาะ!! ธุรกิจที่ว่านั่นก็คือ Otome Juku หรือแปลได้ว่า Maiden School ซึ่งจุดประสงค์หลักของโรงเรียนแห่งนี้นั้นก็เปิดขึ้นเพื่อสอนเหล่าชายคอสเดรสที่อยากจะเข้าถึงความเป็นผู้หญิงเวลาแต่งตัว หรือคนที่เป็นข้ามเพศแต่ยังแสดงความเป็นหญิงได้ไม่ดีนั่นเอง ด้าน Satsuki Nishihara ผู้ก่อตั้งนั้นก็แน่นอนว่าต้องเป็นข้ามเพศด้วยเช่นกัน ซึ่งเธอต้องการจะสอนถึงการเข้าถึงความน่ารักแบบผู้หญิงๆ โดยบอกว่า “ฉันต้องการสอนให้ผู้คนที่เพิ่งหัดซื้อกระโปรงหรือชุดน่ารักๆ มาแต่ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงให้ดูน่ารักเวลาใส่ในที่สาธารณะ” . ในเรื่องของหลักสูตรก็มีหลากหลายเลยล่ะ โดยจะมีตั้งแต่การเดิน การแสดงออก หรือแม้แต่การดัดเสียงที่นี้ก็จะสอนให้จนชำนาญ และถ้าใครไม่เคยแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางผู้หญิง ที่นี่ก็มีผู้เชี่ยวชาญมาสอนให้ ฉะนั้นรับรองว่าเข้าเรียนปุ๊บแล้วจบมาจะเหมือนผู้หญิงทุกอย่างเลยล่ะ . . ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ยังเปิดสอนให้ผู้หญิงจริงๆ ด้วยนะไม่ใช่ว่าต้องเป็นข้ามเพศเท่านั้น ถ้าใครสนใจก็ลองเดินทางไปและสมัครเรียนดูกันได้ ค่าเรียนต่อหนึ่งหลักสูตรนั้นจะอยู่ที่ราวๆ 1,800 บาทต่อหนึ่งหลักสูตร แถมยังมีส่วนลดอีกเพียบสำหรับผู้ที่สนใจ . Otome Juku จะเปิดให้บริการรอบพิเศษในวันที่ 5 พฤศจิกายน และเปิดจริงๆ ในวันที่ 17…
-
เมื่อ ‘เจ้าหมึกยักษ์’ จำใบหน้าของคนที่ช่วยมันไว้ได้ วันรุ่งขึ้นมันจึงกลับมาขอบคุณพวกเธอ
แทบทุกคนจะรู้จักสัตว์ที่มีชื่อว่า หมึกยักษ์ กันอยู่ก่อนแล้ว แต่เคยรู้มั้ยว่าเจ้าสัตว์ชนิดนี้มีความสามารถพิเศษในการจดจำใบหน้าของคนได้ด้วย!! ในปี 2010 ได้มีการทดลองให้ผู้ชายคนหนึ่งไปแหย่มันเล่นเบาๆ และอีกคนหนึ่งไปคอยให้อาหารพวกมัน พอผ่านไป 2 สัปดาห์เจ้าหมึกยักษ์สามารถจดจำได้ว่าใครเป็นใคร ทำให้มันหนีชายคนแรกและว่ายน้ำเข้าหาชายคนที่สองเท่านั้น หากคุณยังไม่เชื่อว่าพวกมันสามารถจำหน้าเราได้จริงๆ ก็ต้องลองมาดูเหตุการณ์นี้ เมื่อผู้ใช้ยูทูปชื่อว่า Helena ได้โพสต์คลิปบอกเล่าเรื่องราวความประทับใจที่มีให้กับเจ้าหมึกยักษ์ตัวหนึ่งเอาไว้ ในวันที่ 2 ธันวาคม 2014 เธอได้เผยแพร่วิดีโอโดยเล่าว่า “ฉันและเพื่อนได้ไปเที่ยวทะเลแดงในมหาสมุทรอินเดียช่วงวันหยุด ขณะที่เดินเล่นริมชายหาดกันตามลำพังก็เจอกับเจ้าหมึกยักษ์ตัวหนึ่งมานอนเกยฝั่งอยู่” พวกเธอไม่แน่ใจว่ามันตายแล้วหรือยัง เลยดันมันลงน้ำเผื่อว่าอาการจะดีขึ้น จากนั้นไม่กี่นาทีมันก็กลับมาฟื้นตัวอีกครั้งก่อนจะว่ายจากไป บ๊ายบายนะเจ้าหมึก ในวันต่อมาพวกเธอมาเดินเล่นชายหาดแห่งนี้อีกครั้งและเห็นว่ามีบางอย่างว่ายเข้ามาหาพวกเธอ พอดูดีๆ ทำให้รู้ว่ามันคือเจ้าหมึกยักษ์ตัวเดิมนี่เอง “ฉันรู้เลยว่ามันจำพวกเราได้เพราะมันพยายามเข้ามาแตะตัวฉันและเพื่อน เราเดินไปไหนมันก็จะว่ายตามไปด้วย อยู่กับเรานานกว่าชั่วโมงนึงเลย” เธอได้บอกเอาไว้ในคลิป ไม่ยอมไปไหน อยากจะอยู่กับคนที่ช่วยมันไว้อย่างเดียวเลย คลิปเจ้าหมึกว่ายน้ำกลับมาขอบคุณผู้ช่วยชีวิต พวกเธอเชื่อว่ามันว่ายกลับมาเพื่อขอบคุณที่ได้ช่วยชีวิตมันเอาไว้แน่นอน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมากเพราะไม่คิดว่ามันจะฉลาดขนาดนี้ สุดท้ายแล้วพวกเธอก็ได้ตั้งชื่อให้มันว่า Kurt และตั้งใจที่จะไม่กินหมึกยักษ์อีกต่อไป ทำตัวน่ารักซะขนาดนี้ก็ไม่แปลกที่เธอคงจะกินเพื่อนๆ มันไม่ลงละนะ ก็น่ารักซะขนาดนี้ ใครจะไปใจจืดใจดำกินพวกมันได้ลงคอ…
-
พ่อแม่ที่มีแต่ลูกสาว จับลูกสาวของเพื่อนบ้านมาทำพิธีบูชายัญ ให้พวกเขาได้ลูกชาย
ปัจจุบันนี้หลายประเทศในโลกเขาเรายังมีวัฒนธรรมที่เชื่อว่าการมีลูกผู้ชายนั้นดีว่ามีลูกผู้หญิง เพราะพวกเขาคิดว่าเพศชายสามารถทำประโยชน์ได้มากกว่า รวมทั้งมีโอกาสทางสังคมมากกว่าผู้หญิง แม้ปัจจุบันประเทศส่วนใหญ่จะเปิดโอกาสให้เพศหญิงมีบทบาทเท่าเทียมผู้ชายแล้ว แต่ที่ประเทศอินเดีย ประชากรบางส่วนยังคงยืดติดกับความเชื่อดั้งเดิม ด้วยความเชื่อนี้ทำให้สามีภรรยาคู่หนึ่งถึงกับจับลูกสาวของเพื่อนบ้านมาฆ่าเพื่อเป็นการบูชายัญ เพราะเชื่อว่าการเสียสละของเธอจะทำให้พวกเขาได้ลูกชาย สามีภรรยาคู่นี้คือ Satish Singh วัย 35 ปี และภรรยาของเขา Namita วัย 30 ปี มาจาก Sahranpur รัฐ Uttar Pradesh ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 4 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด จริงๆ แล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขามีลูกชายคนหนึ่ง แต่ก็เสียชีวิตไปในวัยเพียง 18 เดือนเท่านั้น ทั้งคู่จึงได้ไปปรึกษาหมอผี ทราบชื่อคือ Vriksh Pal วัย 50 ปี จนได้รับคำแนะนำให้ฆ่าเด็กผู้หญิงมาทำพิธีบูชายัญ เพื่อที่จะได้ลูกชาย ด้วยความอยากมีลูกชายมาก พวกเขาจึึงยอมเชื่อคำแนะนำของหมอผีแล้วจับตัวลูกสาวเพื่อนบ้านวัย 4 ขวบ มาตัดแขน ตัดขา ตัดหู ก่อนจะตัดคอของเธอ!! ในการลงมือก่อเหตุครั้งนี้ ไม่ได้ทำแค่สองคนสามีภรรยาเท่านั้น แต่ Kabool Singh วัย…
-
ปฏิกิริยาสุดฮาของ “ทั่นปูติน” หลังรัฐมนตรีเกษตรแนะนำให้ส่งหมูไปขายอินโด…..
กลายเป็นกระแสโลกอินเตอร์เน็ตกันอย่างรวดเร็ว เมื่อมีคลิปจากงานประชุมสภารัสเซียที่ท่านผู้นำรัสเซีย ‘Vladimir Putin‘ ขำจนหยุดไม่อยู่ แสดงให้เห็นภาพน่ารักๆ ของเขาจนชาวเน็ตสงสัยว่าเขาขำอะไรกันนะ? เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2017 ระหว่างประชุมสภา ซึ่งมีช่วงหนึ่งที่รัฐมนตรีเกษตรของรัสเซียได้เสนอแนวทางบริหารประเทศ ด้วยการส่งออกเนื้อหมูไปยังประเทศอินโดนีเซีย!? โดยรายละเอียดเนื้อหาจากทาง Alarabiya บอกว่ารัฐมนตรีเกษตร Alexander Tkachev บอกว่าเขามีแผนจะเพิ่มกำลังการส่งออกของรัสเซียไปยังประเทศอื่นๆ ด้วยการส่งเนื้อหมู พร้อมยกตัวอย่างว่าประเทศเยอรมันยังส่งออกหมูไปในหลายๆ ประเทศทางเอเชียเลย เช่น จีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซียเป็นต้น และหลังจากที่ท่านผู้นำ Vladimir Putin ได้ยินเช่นนั้น เขาจึงอดขำไม่ได้ พร้อมถามกลับ Alexander ว่า “นี่นายรู้ใช่ไหมว่าอินโดนีเซียเขาไม่กินหมู” พร้อมยืนยันกับรัฐมนตรีดังกล่าวว่าประเทศอินโดนั้นเป็นประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุด เพราะฉะนั้นพวกเขาไม่กินหมู (และถ้าเน้นส่งออกหมูอย่างเป็นทางการ นอกจากจะรายได้น้อยแล้ว อาจจะโดนอินโดด่ากลับมาแน่ๆ) ด้าน Alexander Tkachev ก็ดันตอบกลับท่านผู้นำของเราว่า “พวกเขาจะกินแน่ๆ” ด้วยคำตอบดังกล่าวท่านผู้นำจึงอดใจไม่ไหว พร้อมหัวเราะออกมาแล้วตอบกลับไปว่า “ไม่ พวกเขาจะไม่กินแน่ๆ” พร้อมขำต่อยกใหญ่ . สุดท้ายนาย Alexander…
-
คุณพ่อชาวจีนใช้เท้าปกป้องลูกสาวจากโจรลักพาตัวเด็ก ในตอนกลางวันแสกๆ
อันตรายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาเพราะฉะนั้นเพื่อนๆ ควรจะต้องสังเกตและระวังภัยรอบข้างอยู่เสมอ เหมือนกับคุณพ่อชาวจีนคนนี้ เมื่อในวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมากล้องวงจรปิดในประเทศจีนได้จับภาพโจรพยายามลักพาตัวเด็กผู้หญิงวัยแบเบาะ ก่อนที่พ่อของเด็กคนนั้นจะเตะเข้าไปที่บริเวณท้องน้อยจนทำให้โจรต้องรีบหนีออกไปในที่สุด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบนถนนในเมือง Fujin มณฑลเฮย์หลงเจียง ในขณะที่คุณพ่อและเด็กน้อยกำลังเลือกสินค้ากันอยู่ได้มีผู้ชายสวมเสื้อแขนยาวเอาฮู้ดคลุมหัวทำตัวมีพิรุธอยู่ด้านหลังของทั้งสอง คนขายในร้านได้เข้ามาเตือนคุณพ่อเอาไว้แล้วว่าให้ระวังชายคนนี้ และดูแลลูกสาวของตนเองไว้ให้ดี ยืนมองมาอย่างมีพิรุธ คนขายของจึงได้เดินเข้าไปเตือน หลังจากนั้นเมื่อพ่อลูกเดินออกจากบริเวณหน้าร้านไป ชายคนดังกล่าวก็เดินตามไปด้วยและพยายามฉุดกระชากแขนของสาวน้อยให้หลุดออกจากมือของผู้เป็นพ่อ เมื่อเห็นอย่างนั้นคุณพ่อจึงกุมมือลูกสาวเอาไว้แน่นก่อนที่จะเตะเข้าไปที่บริเวณท้องน้อยชองโจรหนุ่มอย่างแรง ทำให้เขาต้องยอมแพ้ปล่อยมือเด็กและรีบหนีไป เมื่อพ่อลูกออกจากร้านไปชายคนนี้ก็รีบเดินตามทั้งสองไปในทันที พยายามที่จะกระชากลูกสาวออกไปอย่างแรง คุณพ่อที่ระวังตัวอยู่ก่อนแล้วรีบปกป้องลูกสาว จนทำให้โจรหนุ่มรีบหนีไป คลิปคุณพ่อปกป้องลูกสาวจากโจรลักพาตัว ต่อมาได้มีการสอบถามพ่อค้าที่เห็นเหตุการณ์จึงทำให้รู้ว่าชายสวมฮู้ดคนนี้เคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันเมื่อ 3 หรือ 4 วันก่อน โดยพยายามที่จะกระชากเด็กสาวออกมาจากแม่ของเธอ นอกจากนั้นคนขายก็บอกอีกว่าชายคนดังกล่าวดูเหมือนว่าจะมีอาการป่วยทางจิต คนขายที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและเชื่อว่าชายสวมฮู้ดมีอาการป่วยทางจิต อย่างไรก็ตามตำรวจประจำเมือง Fujin บอกว่าไม่เคยได้ยินว่ามีคนแจ้งข้อกล่าวหาในลักษณะนี้มาก่อนและย้ำกับชาวบ้านทุกคนว่า “หากมีสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยด่วน” กล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ตามร้านต่างๆ ช่วยระวังภัยเราได้เพียงส่วนเดียว สิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้เหมือนๆ กันคือการระวังตัวเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดเรื่องร้ายๆ ได้…
-
รวม 10 ข้อห้ามสุดแปลกจากทั่วโลก ที่ทั่วโลกทำได้ แต่ถ้ามาประเทศนี้ห้ามทำเด็ดขาด!!
ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปที่ไหนของโลก เราก็พอจะเข้าใจได้ว่าหลายๆ อย่างนั้นเป็นสิ่งผิดกฎหมายที่ห้ามทำกันโดยสากลโดยที่เราไม่ต้องถาม ทว่าก็ยังมีข้อห้ามอีกหลายอย่างที่มีเฉพาะเจาะจงในบางประเทศเท่านั้น… บางอย่างนั้นก็ผิดกฎหมาย บางอย่างก็เป็นแค่ข้อห้ามที่ไม่ได้บังคับแต่ก็ไม่ควรทำด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง เช่นเพื่อให้เกียรติ หรืออะไรก็ว่าไป อ่านแล้วดูน่าสนใจใช่ไหมล่ะ เราลองมาดูกันดีกว่าจะมีข้อห้ามอะไรแปลกๆ บ้าง เวลาเราไปจะได้ไม่ทำพลาด… ห้ามกินบิสกิตในวันคริสต์มาส แต่วันปกติกินได้ ข้อห้ามจากปี 1644 จากประเทศอังกฤษ ประกาศใช้โดย Oliver Cromwell ด้วยเหตุผลหลักว่ามันผิดศีลธรรม โดยทำการห้ามกินบิสกิตรวมถึงขนมปังหวานต่างๆ ในวันคริสต์มาส ทว่าในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ค่อยมีใครจะแคร์สักเท่าไหร่… ห้ามแตะหรือเอามือจับวาฬ กฎหมายนี้ก็ออกจะแปลกหน่อยๆ ซึ่งมาจากอังกฤษเช่นเดียวกัน โดยมีกฎว่าวาฬหรือโลมาที่อยู่ในรัศมี 3 ไมล์ รวมถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ ล้วนเป็นทรัพยสินของราชินีทันที ฉะนั้นจึงอย่าคิดได้ลองแตะมันเป็นอันขาด ห้ามช่วยคนจมน้ำ กฏหมายแปลกๆ จากประเทศจีน ที่ห้ามให้เราลงไปช่วยคนที่จมน้ำเด็ดขาด ซึ่งมันอาจจะฟังดูงี่เง่า ทว่าทาง Eastern philosophy ได้บอกว่ากฎนี้มีไว้เพื่อควบคุมประชากรชาวจีนที่มีมากเกินไปแบบเนียนๆ ด้วยเหตุผลว่าถ้าเข้าไปช่วยคนจมน้ำเท่ากับไปยุ่งกับชะตากรรมของชาวบ้าน ห้ามจูบที่สถานีรถไฟ อีกหนึ่งกฏหมายสุดแปลกจากประเทศฝรั่งเศส และบางสถานีในอังกฤษ ซึ่งบังคับใช้ในปี 1910 โดยมีข้อห้ามว่าห้ามจูบกันระหว่างรอรถไฟ แต่จะมีพื้นที่พิเศษไว้ให้ ฟังดูอาจจะแปลกสักหน่อย แต่กฎนี้มันมีเพื่อให้รถไฟไม่ต้องมามัวรอผู้โดยสารที่จูบลาเป็นเวลานานนั่นเอง ห้ามให้อาหารนก…
-
สาวนักรักบี้ดาวรุ่งวัย 16 ปีตัดสินใจดับชีวิตตัวเอง เพราะตกเป็นเหยื่อการกลั่นแกล้งในโรงเรียน
การกลั่นแกล้งในโรงเรียนเป็นสิ่งที่ยังคงมีอยู่ในทุกสังคมและดูเหมือนว่ามันจะเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะวัยรุ่นที่บางครั้งพวกเขาอาจทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายจนคาดไม่ถึง เช่นเดียวกับกรณีของเธอคนนี้ เมื่อเด็กสาวนักกีฬารักบี้และกีฬาเนตบอลวัย 16 ปีที่ชื่อว่า Brooke Firth กำลังศึกษาอยู่กฎหมายในวิทยาลัย Sixth Form เมือง Wakefield ประเทศอังกฤษ ตัดสินใจฆ่าตัวตายในวันที่ 12 ตุลาคม 2017 ที่ผ่านมา ภายหลังการจากไปอย่างน่าเศร้าของเธอเพื่อนๆ ใน Sandal Girls RUFC ทีมรักบี้ที่เธอเล่นอยู่รวมถึงเพื่อนในทีมอื่นได้โพสต์ข้อความแสดงความเสียใจลงโซเชียลมีเดีย และพูดว่าเหตุผลที่เธอทำอย่างนั้นเพราะถูกกลั่นแกล้งอย่างหนัก Ellie Smith “เป็นสิ่งที่เลวร้ายอย่างมากที่มีการกลั่นแกล้งคนคนหนึ่งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเธอตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง ขอให้ไปสู่สุขตินะเพื่อน” Tori-lea Harrison “ลาก่อนเพื่อนผู้เป็นที่รักและนักกีฬาเนตบอลที่ยอดเยี่ยมที่สุด หยุดการกลั่นแกล้งกันซักที!!” Paige Priestley “เลิกกลั่นแกล้งกันได้แล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยที่ต้องทำให้หลายคนต้องพบกับจุดจบแบบนี้” โค้ชในทีมที่ชื่อว่า John Ledger ก็ได้พูดถึงเธอเอาไว้ว่า “Brooke เป็นเด็กดี สดใสร่าเริงและมีความสามารถเป็นที่รักของทุกคนที่รู้จัก เธอคือหนึ่งในสมาชิกกลุ่มแรกของทีมตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อนที่มีกันอยู่แค่ 9 คน จนตอนนี้มีเกือบ 80 คนแล้ว และเธอเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับทีมมากกว่าใครๆ”…
-
โจรใช้อุปกรณ์ไฮเทค ทำการขโมยรถ BMW ได้ง่ายๆ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 60 วินาที
คนทั่วไปอย่างเราๆ การที่จะได้ครอบครองรถยนต์คันหรูสักคันเป็นเรื่องที่ใหญ่พอตัวเลยทีเดียว แต่จะรู้สึกอย่างไรถ้ารถยนต์ที่เราเก็บเงินซื้อมาทั้งชีวิต กลับถูกขโมยไปในเวลาไม่ถึง 1 นาที!!! เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นที่ทางเหนือของเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อมีโจรสองคนมาขโมยรถ BMW คันหรูราคากว่า 50,000 ดอลล่าร์สหรัฐหรือประมาณ 1.6 ล้านบาท ในเวลาไม่ถึง1 นาที ด้วยเครื่องมือพิเศษชนิดหนึ่งที่หาซื้อได้ในเว็บไซต์ ภาพขณะโจรเข้ามาขโมยรถ ซึ่งเห็นหน้าได้ชัดเจน โดยวิธีการของพวกเขาคือการใช้เครื่องมือส่งสัญญาณบางอย่างเพื่อให้ประตูปลดล็อค โดยเหยื่อที่โดนโจรกรรมครั้งนี้ได้เปิดเผยว่า “ตอนนั้นผมกำลังนอนอยู่ในบ้าน รถที่จอดอยู่หน้าบ้านพวกเรานั่นเพิ่งซื้อมาเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้เอง” “หลังจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ผมมั่นใจว่านั่นเป็นเสียงรถของผม ผมเลยเดินไปที่หน้าต่างและพุ่งลงจากตรงนั้นเลย แต่ก็ไม่ทันพวกมันอยู่ดี” เขาแกว่งเครื่องส่งสัญญาณบางอย่างไปมาหน้าบ้านของเหยื่อ นอกจากนี้เขายังบอกอีกด้วยว่า เพื่อนบ้านคนหนึ่งของเขาก็เคยก็เคยโดนขโมยรถด้วยวิธีนีี้เหมือนกัน ขับรถออกไปอย่างง่ายดาย ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้กล่าวไว้ว่าผู้ร้ายน่าจะใช้จุดอ่อนของรถที่เป็นระบบไม่ใช้กุญแจเสียบ (Key fobs) ที่ส่วนมากติดตั้งในรถที่มีราคาแพง และอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการขโมยสามารถหาซื้อได้ตามอินเทอร์เน็ตทั่วๆ ไปในราคา 1,000 ปอนด์ (ราวๆ 4 หมื่นบาท) เท่านั้น โดยเครื่องนี้ถูกเรียกว่า HackRF One ซึ่งวิธีการทำงานของมันก็คือ มันจะดึงสัญญาณจากรีโมทของเจ้าของมาไว้ แล้วนำไปโหลดลงอุปกรณ์แล็ปท็อปแล้วทีนี้ก็สามารถเริ่มโจรกรรมได้ทันที เห็นข่าวแบบนี้แล้วก็น่ากลัวแทนเจ้าของรถราคาแพงๆ เหมือนกัน…
-
ชายหูหนวกประทับใจ การบริการของพนักงานร้านสตาร์บัคส์ ที่แอบเรียนรู้ภาษามือเพื่อสื่อสารกับเขา
การบริการให้แก่ลูกค้านับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากทีเดียวสำหรับการขายสินค้าต่างๆ แต่จะมีใครที่มีจิตใจสวยงามได้เท่าเธอคนนี้ ที่พยายามเรียนรู้ภาษามือเพื่อที่จะได้ให้บริการชายหูหนวกคนหนึ่งอย่างเต็มที่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ร้าน StarBucks สาขา Leeburg รัฐเวอร์จิเนีย เมื่อมีชายคนหนึ่งชื่อว่า Ibby Piracha ซึ่งเป็นคนหูหนวกเนื่องจากอุบัติเหตุในวัยเด็ก มักจะเข้ามาใช้บริการที่ร้านกาแฟแห่งนี้ประมาณสัปดาห์ละ 3 ครั้ง โดยวิธีการสั่งกาแฟของเขาคือ เขียนเป็นตัวอักษรลงในโทรศัพท์เพื่อสื่อสารกับคนรับออเดอร์ และวันหนึ่งเขาได้เจอเข้ากับ Krystal Payne หญิงสาวคนหนึ่งที่เพิ่งจะเริ่มทำงานที่ร้านกาแฟแห่งนี้ และเธอก็ทำให้เขาประทับใจด้วยการรับออเดอร์ด้วยภาษามือที่เธอแอบร่ำเรียนมา “เขาก็เป็นลูกค้าธรรมดาคนหนึ่ง ฉันก็อยากให้บริการเขาแบบคนธรรมดา อย่างน้อยก็ให้ฉันได้ถามเขาบ้างว่า วันนี้เขาอยากที่จะดื่มอะไรดี” Krystal กล่าว เธอเล่าว่าเธอใช้เวลาหลังเลิกงานที่บ้านเรียนรู้ภาษามือผ่าน Youtube เพราะอยากสื่อสารพูดคุยกับเขา วันต่อมา Ibby ก็มาสั่งกาแฟตามปกติ เธอก็ได้ถามเขาว่า “วันนี้ดื่มอะไรดีคะ” ด้วยภาษามือ หลังจากนั้นเธอก็ได้ยื่นกระดาษบางอย่างให้แก่เขา ซึ่งเขาเข้าใจว่าเธอมีคำถามบางอย่าง แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเพียงข้อความที่เธออยากบอกกับเขาเท่านั้นเอง “ฉันเรียนรู้ภาษามือเพื่อสื่อสารกับคุณ เพราะฉะนั้นคุณมั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้รับบริการอย่างเท่าเทียมเหมือนกับทุกคนอย่างแน่นอน” นั่นคือข้อความที่เขาได้รับ ข้อความที่แสนสั้นมีคำพูดเพียงไม่กี่คำ กลับมีพลังทำให้โลกของเขาดูสดใสขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ซึ่งเขาดีใจที่มีคนเห็นความสำคัญของการสื่อสารกับคนหูหนวกอย่างเขา ถึงขั้นนำกระดาษใบนี้ไปใส่กรอบเลยทีเดียว ลองชมวีดีโอ ความมีจิตใจดีของเธอที่มีต่อคนหูหนวกได้ที่นี่ ที่มา: inspiremore, CBS Evening News
-
ฝรั่งเขียนบทความ 15 เรื่องแปลกๆ ในประเทศญี่ปุ่น จากมุมมองของคนชาติตะวันตก…
เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ประเทศญี่ปุ่น เคร่งครัดในเรื่องของวัฒนธรรมประเพณีอย่างมากและบางสิ่งก็มีความแตกต่างกับประเทศอื่นอย่างสิ้นเชิง แต่เพราะความไม่เหมือนใครของประเทศนี้บางครั้งก็อาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างถิ่นรู้สึกใช้ชีวิตลำบากกันซะหน่อย โดยเฉพาะชาวตะวันตกทั้งหลายที่กับบางเรื่องพวกเขาถึงกับตกใจในความแปลกเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวเหล่านั้นจึงได้รวบรวมความจริงที่พวกเขาคิดว่าไม่มีใครเหมือนของประเทศนี้ เราไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง โรงเรียนเปิดเทอมช่วงเดือนเมษายน . . ที่ญี่ปุ่นสถานศึกษาจะเปิดเทอมแรกในเดือนเมษายนและทุกคนก็ต้องเรียนปีละ 3 เทอมด้วยกัน นอกจากนั้นทุกๆ ปีพวกเขาก็จะได้ย้ายห้องคละคนกันไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้เจอกับเพื่อนใหม่ สอนให้เด็กรู้ว่าเราไม่สามารถอยู่กับสังคมเดิมไปได้ตลอดแต่ต้องรู้จักเข้าสังคมเหมือนกับที่ต้องไปเจอในโลกภายนอก ตุ๊กตาหิมะใช้บอลหิมะ 2 ลูก . เกือบทั้งโลกตุ๊กตาหิมะจะมี 3 ลูกแตกต่างกับญี่ปุ่นที่มีแค่ 2 ลูกตั้งเรียงกัน วัฒนธรรมการตีระฆัง 108 ครั้ง ตามความเชื่อของศาสนาพุทธในญี่ปุ่นตัวเลข 108 คือจำนวนความปรารถนาของผู้คนที่แบ่งออกมาในรูปของสัตว์ต่างๆ ทุกปีตอนเที่ยงคืนของวันที่ 31 ธันวาคมจะมีการตีระฆังเกิดขึ้นตามศาลเจ้าจนครบ 108 ครั้ง เพื่อปลดปล่อยความโชคร้ายและบาปของปีที่ผ่านมาให้หมดไป ผู้พัน Sanders เป็นสัญลักษณ์ประจำวันคริสมาสต์ ผู้พันชื่อดังแห่งร้าน KFC คนนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ในวันคริสมาสต์ของญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลที่ว่าหลายครอบครัวจะชอบไปกินไก่ร้านนี้ในวันคริสมาสต์อีฟ ยิ่งไปกว่านั้นหากใครต้องการไปกินในช่วงวันหยุดปีใหม่ พวกเขาอาจต้องจองล่วงหน้านานอย่างต่ำ…
-
รัฐแคลิฟอร์เนียประกาศ สั่งแบนการซื้อ-ขาย สัตว์เลี้ยงจากโรงเพาะพันธุ์เป็นรัฐแรก..!!
นับว่าเป็นอีกหนึ่งการประกาศใช้กฎหมายจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่กลายเป็นที่จับตามองจากทั่วโลก รวมทั้งรัฐอื่นๆ ในสหรัฐฯ โดยเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2017 เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า แคลิฟอร์เนียจะเป็น ‘รัฐ’ แรกในสหรัฐฯ ที่มีการประกาศใช้กฎหมายสั่งแบนการซื้อ – ขาย สัตว์เลี้ยงจากโรงเพาะพันธุ์อย่างเด็ดขาด!! เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย Jerry Brown ได้ออกมาประกาศยืนยันบังคับใช้กฎหมายข้อดังกล่าวให้มีผลกับร้านค้าสัตว์เลี้ยงทุกชนิด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2019 เป็นต้นไป… โดยเนื้อหาในตัวกฎหมายมีการระบุไว้ว่า ร้านค้าสัตว์เลี้ยงจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขายสัตว์เลี้ยงจากฟาร์มเพาะพันธุ์ แต่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงจากศูนย์พักพิง หรือศูนย์ช่วยเหลือสัตว์มาขายได้ (ในกรณีที่สัตว์เลี้ยงเพาะพันธุ์เองภายในครัวเรือนก็ยังสามารถขายได้อยู่เช่นกัน) หากเจ้าหน้าที่พบว่าร้านไหนฝ่าฝืนกฎหมาย จะถูกสั่งปรับเป็นจำนวนเงินทั้งหมด 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 17,000 บาท) นอกจากนั้นทางกลุ่ม The Humane Society และ American Society for the Prevention of Cruelty…
-
คุณแม่ลูกสองกำลังจะลาโลกไปด้วยโรคมะเร็ง แต่สุดท้ายก็ได้ยูนิคอร์นมาช่วยเยียวยาจิตใจ
Sammi Fox คุณแม่ลูกสองวัย 29 ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต แต่ก่อนจะจากไปเธอก็อยากจะบอกลาลูกน้อยของเธอด้วยตัวเอง ทว่ามันก็เป็นการยากเพราะลูกของเธอนั้นป่วยเป็นดาวน์ซินโดรม เธอได้บอกเล่าเรื่องราวผ่านเฟซบุ๊กของเธอก่อนจากไปว่า อาการของเธอลุกลามไปไวสุดๆ และเธอก็รักลูกๆ ทั้งสอง Bobby วัย 5 ขวบ กับ Kai วัย 13 ขวบ มากขนาดไหน… ข้อความของเธอได้ไปโดนใจกับ Lisa Walker คุณแม่ลูกสองวัย 41 ปี เข้า ทำให้เธอรู้สึกเห็นใจและอยากจะช่วย Sammi เธอจึงเดินทางตรงมายังโรงพยาบาลที่คุณแม่วัย 29 อยู่ทันทีพร้อมกับสัตว์ในตำนานที่ไม่มีใครคิดว่าจะเจอ สัตว์ที่ว่านั้นคือม้าแคระที่แต่งตัวเป็นยูนิคอร์นนั่นเอง ซึ่ง Lisa นั้นทำไงานอยู่ที่ Mini Pony Hire เป็นบริษัทที่ให้เช่าม้าแคระ หลังจากได้อ่านเรื่องราวของ Sammi และรู้ว่าเธอชอบยูนิคอร์นมากแค่ไหน เธอจึงพาม้าแคระจากบริษัทของเธอมาเพื่อให้กำลังใจเธอนั่นเอง . Lisa บอกว่าตอนที่เธอเห็นข้อความของ Sammi บนหน้าเฟซบุ๊กของเธอ เธอก็สะเทือนใจเป็นอย่างมากจนรู้สึกว่าต้องมาช่วยให้ได้ และวินาทีที่ Sammi เห็นเจ้ายูนิคอร์นเธอก็ดูมีความสุขมากๆ ฉะนั้นมันจึงคุ้มค่าแล้วที่เดินทางมาแม้จะเป็นคนแปลกหน้ากันก็ตาม และหลังจากเหตุการณ์นั้นจึงทำให้ Sammi มีกำลังใจที่มากขึ้นพร้อมกับต่อสู้โรคร้ายได้ดีขึ้น…
-
เรื่องราวของคู่รักวัยชรา ใช้ชีวิตเรียบง่ายเพียงสองคนภายในหมู่บ้านร้างที่สเปน
นับเป็นเวลากว่า 45 ปีแล้วที่คุณตา Martin และคุณยาย Sinforosa Colomer ได้เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง 2 คนใกล้กับเมือง La Estrella ประเทศสเปน ทั้งสองใช้ชีวิตด้วยกันอยู่ในบ้านร้างแห่งนี้ มีเพียงสุนัข 3 ตัว ไก่ 5 ตัว และแมวอีก 25 ตัว อยู่อาศัยด้วย และไม่มีเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่แถวนั้นแม้แต่คนเดียว บ้านคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็อยู่ห่างไป 25 กิโลเมตร คุณตา Martin ได้เล่าให้ฟังว่าเดิมทีหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ตอนนี้ไม่ใช่หมู่บ้านร้างแต่อย่างใด เคยมีผู้คนอาศัยอยู่ประมาณ 150-200 หลังคาเรือน มีคริสตจักร มีบาร์ดื่มกิน และโรงเรียน ชาวบ้านก็อยู่อาศัยกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งปี 1883 ได้เกิดพายุโหมกระหน่ำคร่าชีวิตและพังบ้านเรือนของชาวบ้าน เหลือเพียง 17 หลังคาเรือนที่สามารถอยู่รอดได้ ความสูญเสียในคราวนั้นนับได้ว่าเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดในหมู่บ้าน ผู้คนก็เริ่มทะยอยออกจากหมู่บ้านไปใช้ชีวิตที่อื่น แต่ฟางเส้นสุดท้ายจริงๆ คือช่วงที่เกิดสงครามกลางเมืองสเปนช่วงยุค 1930 ด้วยพิษเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้ชาวบ้านส่วนมากตัดสินใจย้ายถิ่นฐานเข้าไปในเมืองใหญ่ เพื่อหาอาชีพและชีวิตที่ดีกว่า แต่พ่อแม่ของคุณตากับคุณยายก็ยังคงอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ คุณตาได้เล่าให้ฟังว่า…
-
ชายไร้บ้านชาวบราซิล เลือกนอนอยู่กับหลุมฝังของเพื่อนในสุสานมานานกว่า 10 ปี
เชื่อว่ามนุษย์เราเกิดมาเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง โชคชะตาอาจไม่ได้เป็นผู้กำหนดชีวิต แต่การกระทำของตัวเรานั่นแหละที่เป็นคนกำหนดว่าชีวิตของเราจะไปในทิศทางไหน จะดีหรือจะร้ายก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราเอง นาย Fabio Beraldo Rigol อายุ 47 ปี ชาวบราซิล ในอดีตเคยเป็นพนักงานออฟฟิศ แต่มีเหตุที่ต้องถูกไล่ออกจากงานเนื่องจากติดยาเสพติด และถูกครอบครัวตัดหางปล่อยวัดจนกลายเป็นคนไร้บ้านในที่สุด เขากลายเป็นคนที่ไม่เหลืออะไรเลยในชีวิต นั่นก็เพราะว่าเขาเลือกทางเดินที่ผิด นาย Fabio ไร้ที่พึ่งไม่มีแม้แต่บ้านที่จะให้อาศัย เขาจึงไปอาศัยในสุสาน Brotas ในย่าน Santa Isabel เมือง Sao Paulo โดยนาย Fabio ได้เข้าไปอยู่ในสุสานแห่งนี้กับเพื่อนของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว 13 ปี กินนอนอยู่ร่วมกับศพทุกๆ คืน ความจริงเขาก็ยังอยากที่จะมีบ้านดีๆ ไว้อาศัยอยู่ แต่เมื่อไม่มีทางเลือกมากนักก็ต้องทนอยู่ในที่แห่งนี้ เขาใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ถึงแม้ว่าจะต้องอาศัยอยู่ร่วมกับศพ เขาก็ไม่กลัวและยังบอกอีกว่า เขาไม่เคยเห็นวิญญาณใดๆ เลยตลอด 13 ปีที่อยู่ในสุสานแห่งนี้ “ผมไม่กลัวคนตาย แต่ผมกลัวการมีชีวิตอยู่” Fabio กล่าว ปัจจุบันนาย Fabio ก็ยังคงอาศัยอยู่ในสุสานแห่งนั้น คอยดูแลทำความสะอาดให้กับผู้ที่มาเยือน…
-
แฟนเพลง ‘Craig David’ อยากให้เขามาร้องเพลงในงานแต่ง ทวีตหาทุกวัน จนเจ้าตัวยอมไปร่วมงาน!!
จะเป็นยังไงถ้าคุณส่งข้อความไปตื้อนักร้องชื่อดังให้เขามาร่วมงานแต่งของคุณทุกๆ วัน คุณคิดว่าเขาจะรำคาญหรือว่าจะรับรู้ถึงความต้องการที่แท้จริงจนยอมมาร่วมงานกัน? แต่เชื่อเถอะว่าความพยายามของแฟนพันธุ์แท้ย่อมชนะใจเสมอ Sophie McEvoy สาวชาวอังกฤษจากเมืองเบอร์มิงแฮมนั้น ได้สร้างประกฏการณ์ทวีตข้อความหา ‘Craig David‘ นักร้องดังเจ้าของเพลง 7 Days ทุกๆ วัน จนสุดท้ายเขาก็ใจอ่อนและยอมมาร่วมงานจนได้ เชร่ดดด!! เรื่องราวทั้งหมดมันเริ่มจากการที่คู่หมั้นของเธอได้ขอเธอแต่งงานเมื่อเดือนกุมพาพันธ์ 2016 แน่นอนว่าทั้งคู่ตกลงจะแต่งงาน ในระหว่างที่เตรียมงานนั้นเอง หญิงสาวได้บอกว่า เธอชอบ Craig David มาก จนอยากให้เขามาร้องเพลงให้ในงานแต่ง ด้านแฟนหนุ่มได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่งเต๊ก เพราะคนธรรมดาอย่างพวกเขาจะพา Craig David มาร่วมงานแต่งได้ยังไง Sophie จึงรู้สึกว่ามันอาจจะ…ไม่ดิมันต้องได้!! เธอจึงจะพิสูจน์ให้แฟนหนุ่มเห็นว่าเขาจะมาจริงๆ เธอเลยจัดการทวีตข้อความหานักร้องคนดังกล่าวพร้อมข้อความว่า “คุณคิดว่าถ้าฉันทวีตข้อความหา Craig David ทุกวันติดกัน 480 วัน เขาจะมางานแต่งฉันไหม?” แน่นอนว่าตอนแรกมันก็ไม่มีอะไร คุณอาจจะคิดว่าเธอล้อเล่น แต่ไม่เลย เธอจัดเริ่มภารกิจของเธอโดยการทวีตข้อความหาเขาทุกๆ วันตามที่เธอได้ลั่นวาจาไว้ นอกจากนั้นเธอก็ไม่ได้ทำเล่นๆ บางครั้งเธอถึงกับทำป้ายมาบอกให้นักร้องรู้ว่าเธอชอบและอยากให้เขามามากๆ ขนาดไปโดดร่มเธอก็ยังไม่วายเขียนติดมือว่าอยากให้เขามาเลย ฮร่าๆ …
-
คุณยายผู้พิการรู้สึกเหงา โพสต์อยากไปดินเนอร์ ชาวเน็ตเลยจัดให้ไปกินปิ้งย่างแบบฟรีๆ
ผู้สูงอายุในสังคมปัจจุบันนี้มีอัตราการเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก การจัดการและดูแลผู้สูงอายุยังเป็นอีกปัญหาหนึ่งในแต่ละประเทศที่ต้องได้รับการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน คุณยาย Pat Obyrne ชาวเมือง Brighton ประเทศอังกฤษได้โพสต์ลงในเพจ Brighton’s Sunday Roastclub ว่า “ฉันเป็นคนพิการ ฉันรักในการกินปิ้งย่าง แต่ว่าฉันอยู่คนเดียว ไม่มีรถ เหงามากๆ แต่ไม่ค่อยอยากทานอาหารซักเท่าไหร่” หลังจากนั้นก็มีชาวเมืองที่เห็นโพสต์ของคุณยายขี้เหงาคนนี้มาแสดงความคิดเห็นหลายคน และยังมีสาวสวยที่ใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า Kefi Chadwick ได้อาสาเข้ามาพาเธอไปทานอาหารปิ้งย่างตามที่คุณยายต้องการแถมยังไปรับไปส่งถึงบ้านอีกด้วย Kefi ได้บอกกับเธออีกว่าถ้าไม่รังเกียจที่จะร่วมทานอาหารกับลูกของเธอที่อยู่ในวัยหัดเดินก็ขอให้ตอบรับคำขอของเธอ คุณยายจึงตอบกลับไปว่าเธอไม่มีปัญหากับการทานอาหารร่วมกับเด็ก แถมยังดีใจด้วยซ้ำที่ได้ใกล้ชิดเด็กๆ เพราะว่าเธอโดนลูกหลานกีดกันไม่ให้เข้าใกล้มานานแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่โพสต์ของคุณยายคนหนึ่งจะทำให้ชาวเมืองนั้นออกมาแสดงความคิดเห็นและแสดงน้ำใจที่จะช่วยเหลือคุณยายอย่างล้นหลาม นอกจากนี้ก็ยังมีเจ้าของร้านอาหารปิ้งย่าง Rob Elgood มาอาสาที่จะเลี้ยงอาหารค่ำให้กับคุณยาย Pat แบบฟรีๆ พร้อมทั้งรับส่งถึงประตูบ้านอีกด้วย . เรื่องราวดีๆ ในสังคมแห่งการแบ่งปันนี้ถูกนำไปเผยแพร่ลงในทวิตเตอร์และมีผู้รีทวีตถึง 20,000 ครั้ง ดีใจแทนคุณยาย Pat จริงๆ ที่มีคนสนใจที่จะช่วยเหลือเธอมากขนาดนี้ จากการสำรวจความคิดเห็นโดย Jo Cox…
-
McDonald ผุด “ส้อมเฟรนช์ฟรายด์” ผลิตภัณฑ์แปลกใหม่สำหรับคนที่อยากมีสไตล์ในการกิน
เป็นที่รู้กันดีว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นสุดยอดแห่งการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่แปลกประหลาดขึ้นมามากมาย แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ดูเหมือนว่าอเมริกาได้พยายามที่จะแย่งชิงตำแหน่งดังกล่าวไปซะแล้ว เพราะไม่กี่เดือนที่ผ่านมา McDonald สหรัฐอเมริกาได้ปล่อยผลิตภัณฑ์ “ส้อมเฟรนช์ฟรายด์” ของเล่นรูปแบบใหม่ เพื่อคนอยากมีสไตล์การกินไม่เหมือนใครโดยเฉพาะ!! สำหรับส้อมเฟรนช์ฟรายด์ มาในชื่อว่า “Frork” มีลักษณะเป็นพลาสติกสีแดงที่มีด้ามจับ แถมยังมาพร้อมกับช่องสำหรับใส่เฟรนช์ฟรายส์ลงไป 3 ชิ้น (เพื่อทำเป็นซี่ของส้อม) จนกลายเป็นส้อมที่กินได้แบบนี้… อย่างไรก็ตามทาง McDonald ได้ทำการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ขึ้นมา ก็เพื่อเป็นการโปรโมตเมนูซิกเนเจอร์ใหม่ที่อัดแน่นไปด้วยเครื่องแบบเต็มๆ คำ หากกัดเข้าไปอาจจะล้นทะลักออกมาได้ ดังนั้น เจ้าอุปกรณ์สีส้มสุดแหวกแนวนี้ก็จะถูกนำมาใช้เป็นส้อมช่วยตักอาหารขึ้นมาทานใหม่เวลาที่เรากินเลอะ โดยการนำเฟรนช์ฟรายส์เสียบเข้าไป และพอกินเสร็จแล้วคุณก็สามารถกินส้อมต่อไปได้เลย แม้ว่าจะมีการสร้างผลิตภัณฑ์สุดแปลกนี้ขึ้นในอเมริกา แต่ทางด้าน McDonald กลับเห็นว่าสิ่งประดิษฐ์สุดล้ำนี้น่าจะเหมาะกับประเทศญี่ปุ่น ที่เลื่องชื่อลือชาในด้านการสร้างสรรค์สิ่งของสุดแหวกแนวด้วยเช่นกัน และนั่นจึงทำให้ทางผู้คิดค้นได้เล็งเห็นว่าจะนำอุปกรณ์ดังกล่าว มาวางจำหน่ายในร้าน McDonald ที่ญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป ด้านชาวเน็ตญี่ปุ่นเมื่อได้รับทราบข่าวดังกล่าว ต่างก็พากันออกมาแสดงความเห็นที่แตกต่างกันออกไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็น… “คุณไม่สามารถใช้มันเป็นส้อมปกติได้ และคุณจะทำอะไรต่อหากคุณกินมันฝรั่งสามชิ้นนั้นไป?…
-
2 แม่ลูกหลงป่านาน 10 วัน แต่รอดมาได้เพราะอาศัยวิธีเอาตัวรอดจากสารคดีของ “แบร์ กริล”
วันที่ 14 ตุลาคม 2560 เว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า Michelle Pittman และ Dylan ลูกชายวัย 9 ขวบ ได้หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อวันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ทั้งคู่ได้พากันออกไปเดินเที่ยวป่าที่อุทยานแห่งชาติ Mount Royal National Park ทางเหนือของเมือง Singleton ประเทศออสเตรเลีย ด้วยเหตุนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมหน่วยบริการเหตุฉุกเฉินต่างๆ จึงได้ช่วยกันออกตามหา จนกระทั่ง 10 วันต่อมา พวกเขาก็ได้พบกับสองแม่ลูกที่อยู่ในสภาพย่ำแย่และขนาดน้ำ อีกทั้งร่างกายก็เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและแมลงกัดต่อย แต่น่าแปลกที่ทั้งคู่กลับอยู่ในสภาพจิตใจที่เข้มแข็ง ทางด้าน Rob Post รักษาการผู้บังคับการตำรวจพื้นที่ Hunter Valley ได้ออกมากล่าวว่า “มันเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากที่พวกเขาสามารถรอดมาได้ทั้งๆ ที่หายตัวไปเป็นเวลานานขนาดนั้น… แต่ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าก็คือเด็กชาย Dylan อายุ 9 ขวบดูเหมือนจะแข็งแรงดี ในขณะที่ Michelle ผู้เป็นแม่อยู่ในสภาพที่อ่อนแอ ซึ่งเธอก็ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อพักรักษาตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” “Michelle…
-
เจ้าหมาตาบอด Smiley ผู้ช่วยบำบัดรักษาเด็กๆ ได้จากไปอย่างสงบด้วยโรคมะเร็ง
หลายคนอาจต้องเกิดมามีความผิดปกติทางร่างกายจนรู้สึกไม่อยากก้าวเดินต่อไป ถึงอย่างไรเราก็ต้องไม่ย่อท้อและใช้ทั้งชีวิตให้มีความสุขเหมือนกับเจ้าหมาตัวนี้ นี่เป็นเรื่องราวอันน่าเศร้าของสุนัขที่ชื่อว่า Smiley ที่ได้จากไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2017 หลังจากที่ต่อสู้กับโรคมะเร็งมาอย่างยาวนาน น้องหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวนี้ต้องเกิดมาพร้อมกับความพิการไม่มีดวงตาทั้งสองข้าง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงมีความสุขได้จากความผิดปกติหายากที่ทำให้ฟันมีขนาดใหญ่กว่าปกติจนเหมือนกับว่ามันยิ้มอยู่ตลอดเวลา แม้เกิดมาไม่มีดวงตาจนต้องถูกเย็บปิดเอาไว้เพื่อป้องกันการติดเชื้อ แต่เจ้า Smiley ก็ยังคงยิ้มอยู่เสมอ ชีวิตของมันเริ่มขึ้นในศูนย์ดูแลลูกสัตว์ก่อนที่ Joanne George จะมารับมันไปเลี้ยงในตอนที่อายุได้ 2 ขวบ หลังจากนั้นมันก็ได้ออกช่วยเหลือผู้คนจำนวนมาก เจ้าหมาจะเดินทางไปตามโรงพยาบาล สถานพักฟื้นหรือโรงเรียนเพื่อไปให้กำลังใจเหล่าคนไข้ที่ต้องอยู่ในช่วงเวลาอันย่ำแย่ ให้พวกเขาสามารถกลับมายิ้มได้อีกครั้ง Joanne ที่มอบความรักให้กับมันมาโดยตลอด ด้วยการที่มันต้องเกิดมาผิดปกติแต่ใบหน้าก็ยังคงเต็มไปด้วยความสุข ทำให้ทุกคนที่ได้เจอกับมันกลับมามีกำลังใจกล้าเผชิญกับปัญหากันต่อไป โดยเฉพาะกับเด็กที่ต้องพิการแต่กำเนิดซึ่งน้องหมาสามารถเข้าไปเยียวยาจิตใจพวกเขาได้เป็นอย่างดี คนไข้ที่ชื่อว่า Teddy ผู้ป่วยที่ไม่พูดไม่จาและไม่สื่อสารอะไรกับใครเลยก็ถึงกับทำให้ทุกคนแปลกใจเมื่อเขายิ้มออกมาเป็นครั้งแรกขณะที่ได้เจอกับ Smiley เหมือนกับว่ามันเกิดมาเพื่อมอบความสุขให้กับทุกคนเลยจริงๆ ใบหน้าที่ช่วยเยียวยาจิตใจให้กับทุกคน แต่เมื่อเดือนกรกฎาคมเจ้าของของมันก็ได้โพสต์ข่าวร้ายลงไปในเฟซบุ๊ก เมื่อมีการตรวจพบมะเร็งในตับและกระเพาะของเจ้าหมา นั่นหมายความว่ามันจะใช้ชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน การเดินทางเพื่อช่วยเหลือผู้คนมาตลอด 12 ปีกำลังจะจบลงอย่างน่าเศร้า ในตอนนี้อินสตาแกรมของมันมีคนติดตามมากกว่า 200,000 คนแล้ว ซึ่งล่าสุดเจ้าของได้โพสต์ภาพขอณะที่เขากำลังจับมือมันเอาไว้พร้อมกับแคปชั่นที่แสนสะเทือนใจว่า “นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่พอจะตอบแทนทุกอย่างที่มันทำมาตลอดได้ พรุ่งนี้คงต้องปล่อยให้มันจากไปอย่างสงบหลังจากที่ต่อสู้มาอย่างยากลำบาก”…
-
ลูกหมีขั้วโลกเดินโต๋เต๋มาไกลกว่า 724 กม. ผู้เชี่ยวชาญถึงกับงง รอดมาได้ไงไกลขนาดนี้?!
เราทุกคนรู้ว่าหมีขั้วโลกจะอาศัยอยู่บนน้ำแข็งหรือในพื้นที่หนาวเย็นเท่านั้น แต่ใครจะไปคิดว่าจะเจอมันมายืนอยู่ริมแม่น้ำแบบชิลล์ๆ ซะอย่างนั้น เมื่อไม่นานมานี้มีคนไปพบหมีขั้วโลกมายืนอยู่ริมแม่น้ำ Kolyma ในประเทศรัสเซีย ที่อยู่ห่างจากแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกมันถึง 724 กิโลเมตร!! มาได้ยังไงล่ะเนี่ย! หลงมาไกลขนาดนี้ไม่ได้มีความกลมกลืนกับพื้นที่โดยรอบเลยนะ จากการรายงานของเว็บไซต์ Dailymail เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมาบอกว่าเจ้าหมีตัวนี้มีชื่อ Umka มันใช้ชีวิตกินเศษซากอาหารจากโรงงานปลาใกล้ๆ หรือบางครั้งชาวบ้านแถวนั้นก็จะตกปลามาให้มันกิน เพราะพวกเขาคิดว่ามันยังเด็กอยู่จนไม่สามารถหาอาหารได้เอง บวกกับความน่ารักเวลาที่เล่นกับน้องหมาแถวนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกเอ็นดู แม้ว่ามันจะอยู่ในช่วงจำศีลที่ดูจะมีความดุร้ายอยู่บ้าง ได้เพื่อนใหม่ที่ไม่ใช่สายพันธุ์เดียวกัน หลังจากนั้นเมื่อมันเริ่มสงบลงได้ผู้เชี่ยวชาญได้เข้ามาช่วยเหลือพามันไปหาสัตวแพทย์ จากตอนแรกพวกเขาคิดว่ามันอายุประมาณ 2 ปีแต่เมื่อมีการตรวจสอบดูก็พบว่ามันมีอายุไม่เกิน 9 เดือนเท่านั้น จากความเป็นเด็กและระยะทางที่มันเดินทางมาจากบ้านเกิด ผู้เชี่ยวชาญหลายคนถึงกับสงสัยว่ามันมาได้ไกลขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?! มีการสันนิษฐานอยู่ข้อหนึ่งที่เชื่อว่าแม่ของเจ้าหมีถูกคนฆ่าอย่างผิดกฎหมายก่อนที่จะจับลูกน้อยมาเพื่อไปขายในตลาดมืด แต่เจ้าหมีก็สามารถหนีรอดมาได้จนมาโผล่ให้เห็นที่แม่น้ำแห่งนี้ ไม่ต้องกลัวพวกเรามาช่วยแล้ว อย่างไรก็ตามแม้จะยังหาคำตอบการมาของเจ้าหมีตัวนี้ไม่ได้ แต่ตอนนี้มันก็ได้ไปใช้ชีวิตที่ดีในสวนสัตว์ Orto Doidu เมือง Yakutsk เพราะผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่ามันไม่สามารถอยู่รอดได้ด้วยตัวเอง ออกเดินทางไปพบกับชีวิตใหม่กัน ด้วยความน่ารักและไม่กลัวคนทำให้มันได้กลายเป็นดาวเด่นประจำสวนสัตว์ สร้างรอยยิ้มและดึงดูดผู้คนเป็นจำนวนมาก แม้ก่อนหน้านี้เจ้า Umka อาจต้องเจออุปสรรคมาบ้างแต่ตอนนี้มันก็ได้ไปมีชีวิตที่ดีแล้ว …
-
การทดลองของหนุ่มรัสเซียปลีกวิเวกไปใช้ชีวิตเพียงลำพังเหมือนอาศัยอยู่ในยุคกลางปี 1100
การใช้ชีวิตของเราในยุคนี้เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในทุกเรื่อง จนเราคิดภาพกันแทบไม่ออกแล้วว่าหากต้องไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในป่าโดยที่ไม่มีไฟฟ้าใช้มันจะให้ความรู้สึกอย่างไร จนกระทั่งได้มีการทดลองเกิดขึ้นในประเทศรัสเซีย เมื่อหนุ่มวัย 24 ปีที่ชื่อว่า Pavel Sapozhnikov ปลีกวิเวกเข้าไปใช้ชีวิตในป่าด้วยตัวคนเดียวนานถึง 8 เดือน บ้านไม้ที่ไม่มีรั้วคือที่อยู่อาศัยของชายคนนี้ตลอดการทดลอง โปรเจกต์ดังกล่าวมีชื่อว่า Project Hero จากไอเดียของ Alexei Ovcharenko ซึ่งการทดลองในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานบริหารงานอีเว้นท์ที่มีชื่อว่า Ratobor เป็นบริษัทที่จัดอีเว้นท์หรือโปรเจกต์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้ามารับประสบการณ์แบบย้อนยุค นำผ้ามาพันไว้เพื่อให้สามารถผ่านคืนอันหนาวเหน็บไปได้ ทั้งสองคนนี้ได้ทำการปรึกษากันนานเป็นปีจนกระทั่งกลายเป็นการทดลองชิ้นนี้ มีเป้าหมายเพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและจิตใจที่จะแสดงออกมาผ่านบุคลิกภาพ และต้องการทราบว่าการได้รับแรงสนับสนุนจากสิ่งรอบตัวในปัจจุบันมีความสำคัญขนาดไหน เพื่อให้การทดลองเห็นผลลัพธ์มากที่สุด พวกเขาจึงเลือกช่วงเวลาในฤดูหนาวตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2013 ถึงพฤษภาคมปี 2014 เพื่อให้ Pavel ต้องเจอกับสภาพแวดล้อมอันยากลำบากและความท้าทายในการเอาชีวิตรอด เขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังกลางป่าในบ้านไม้และมีฟาร์มหลังเล็กๆ บ่อน้ำ โรงเก็บฟาง โรงเก็บอาหาร และห้องน้ำที่แยกออกมาให้ใช้ในการดำรงชีพ พร้อมกับเครื่องมือที่มีอยู่ในศตวรรษที่ 10 เท่านั้น การทดลองนี้จะอนุญาตให้ชายหนุ่มออกมานอกเขตบ้านได้ก็ต่อเมื่อออกไปล่าสัตว์หรือตกปลามาเป็นอาหารเท่านั้น ไม่สามารถออกบ้านไปเพื่อเหตุผลอื่นได้ ฟาร์มที่เขาสามารถเลี้ยงไก่ไว้กินหรือให้พวกมันออกไข่ การรักษาสภาพของบ้านเอาไว้เป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนั้นเขายังถูกห้ามไม่ให้ติดต่อกับใครยกเว้นผู้สังเกตการณ์ที่จะเข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเขาผ่านกระดาษโน้ตเดือนละหนึ่งครั้ง…
-
Gordon Ramsey มอบโอกาสให้ผู้เข้าแข่งขันหนุ่มใน MasterChef ให้ได้เรียนทำอาหารแบบฟรีๆ
หากใครเป็นแฟนคลับรายการทำอาหารชื่อดังอย่าง MasterChef ที่จัดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา ก็จะต้องรู้จักกับเชฟชื่อดังอย่าง Gordon Ramsey แน่นอน ชายผู้ที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการคนนี้ได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก เมื่อเขามอบโอกาสให้ผู้เข้าแข่งขันวัย 19 ปีที่ชื่อว่า Gabriel Lewis ได้เข้าไปเรียนทำอาหารอย่างจริงจังในมหาวิทยาลัย Johnson & Wales ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังด้านการสอนทำอาหาร และเขาจะเป็นคนรับผิดชอบค่าเล่าเรียนทั้งหมด เชฟจากรายการดังผู้มอบโอกาสให้กับเด็กหนุ่ม เรื่องราวนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนเดือนมีนาคมปี 2017 ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กหนุ่มได้เริ่มเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย Johnson & Wales ในเมืองเดนเวอร์ แต่เทปบันทึกภาพการแข่งขันได้ถูกนำออกมาฉายในช่วงหลังเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เด็กที่มีความพยายามและทักษะที่ดีควรได้รับการฝึกฝนที่ดีเช่นเดียวกัน คลิปสัมภาษณ์เชฟชื่อดังหลังจากที่เขามอบโอกาสให้กับผู้เข้าแข่งขัน ในรายการ Gordon ได้พูดถึงความสามารถอันน่าทึ่งที่เด็กคนนี้มีและเขาเชื่อว่าหากได้รับการฝึกฝนเด็กหนุ่มจะต้องมีอนาคตที่ก้าวไกลอย่างมากแน่นอน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขามอบข้อเสนอนี้ให้ เพื่อแลกกับการได้เรียนฟรี Lewis จะต้องติดต่อกลับมาเพื่อคุยเรื่องเกรดกับผู้ที่มอบโอกาสให้อยู่เรื่อยๆ Lewis ได้พูดถึงการได้เข้าไปแข่งขันในรายการว่า “กรรมการทุกคนคือครูที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตของผม ทำให้ได้รับประสบการณ์ที่มีค่า ได้เรียนรู้ และสามารถนำมาพัฒนาตัวเองต่อไปได้” หลังจากรายการในตอนนี้ได้ออกอากาศไป ทุกคนที่เรียนด้วยกันก็ถึงกับตกใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าเพื่อนร่วมห้องเคยออกรายการทำอาหารและได้รับโอกาสอันสุดวิเศษ Lewis เล่าว่าตอนที่เขาเรียนมัธยมปลาย เขาเคยไปทัศนศึกษาที่มหาวิทยาลัย Johnson & Wales มาแล้วครั้งหนึ่ง…
-
“ผมบินมา 3 ปี นี่เป็นวันแรกที่จะได้พาพ่อแม่บิน” คำพูดซึ้งจากนักบิน ทำให้ผู้โดยสารทั้งลำน้ำตาซึม
เวลาขึ้นเครื่องบินพาณิชย์ทั่วไป การได้เจอนักบินเป็นเรื่องที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นเพราะเราจะได้ยินแต่เสียงของพวกเขาเท่านั้นเอง แต่เที่ยวบินนี้กลับแตกต่างออกไปเมื่อนักบินหนุ่มเดินออกมาจากห้องควบคุมด้วยตัวเอง การได้เจอกับนักบินไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจอะไรเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาประกาศออกมาจนทำให้ผู้โดยสารกว่า 200 คนบนเครื่องถึงกับน้ำตาซึม ใบหน้าที่บอกได้ว่าเขารู้สึกมีความสุขกับการได้บังคับเที่ยวบินนี้มากแค่ไหน นักบินหนุ่ม Joe Woolings ผู้บังคับเครื่องในเที่ยวบินที่ออกเดินทางสู่เมืองเตเน่ริเฟ่ ประเทศสเปน ได้ออกมาพูดกับผู้โดยสารอย่างมีความสุขว่า “วันนี้เป็นวันที่พิเศษมากสำหรับผม มันคือวันแรกที่ผมได้มาขับเครื่องบิน!! ผมล้อเล่นนะ” ติดตลกซะด้วยนะพ่อหนุ่ม เขาพูดต่อว่า “ที่มันพิเศษก็เพราะวันนี้เป็นวันครบรอบ 3 ปีตั้งแต่ที่ผมได้ออกบินครั้งแรก และที่สำคัญมันคือวันแรกที่ผมได้พาพ่อกับแม่ออกบินในช่วงวันหยุดของพวกเขา ทั้งคู่นั่งอยู่ตรงแถวที่ 17 ขอเสียงปรบมือให้กับพวกเขาหน่อยครับ” การเซอร์ไพรส์ที่สร้างรอยยิ้มให้กับทุกคน โดยเฉพาะพ่อแม่ของเขา เมื่อเขาได้พูดอย่างนั้นออกไปก็ทำให้ผู้โดยสารทุกคนรวมถึงพ่อแม่ของเขาที่ไม่ได้รู้เรื่องนี้มาก่อนรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินไปหาคนทั้งสองท่ามกลางรอยยิ้มของทุกคนและได้รับอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นของคนเป็นแม่ เขาพูดกับทุกคนว่า “ผมรู้สึกขอบคุณพ่อแม่ของผมอย่างมาก เพราะถ้าหากทั้งสองไม่ได้เจอกันก็คงจะไม่มีผมมายืนอยู่ตรงนี้” ด้วยความสุขที่มากจนไหลออกมาเป็นน้ำตาแห่งความยินดีของผู้เป็นแม่ คลิปเหตุการณ์อันแสนประทับใจของนักบินหนุ่ม หลังจากคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวถูกโพสต์ลงในทวิตเตอร์ของบริษัท Thomas Cook เจ้าของเที่ยวบินดังกล่าว ก็กลายเป็นกระแสให้ชาวเน็ตเข้ามาชื่นชมและปลาบปลื้มกับสิ่งที่เขาทำ Robert Valentine “เยี่ยมมากเลยพ่อหนุ่ม พ่อแม่ต้องภูมิใจกับนายมากแน่ๆ และฉันก็รู้สึกดีที่ได้เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความสุขของคนเป็นแม่” Sandi Baxter “เป็นเรื่องที่น่ารักมากกก มันยอดเยี่ยมมากจริงๆ เห็นแล้วรักเลย” …
-
หนุ่มเกลียดยุง ลงทุนสร้างไม้ช็อตยุงแรงดันไฟสูง 50,000 โวลต์ ถือสองอันนี่นึกว่าปิกาจูมาเอง!!
ยุงและแมลงตัวเล็กๆ อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญใจสำหรับใครหลายๆ คน และแน่นอนว่าปัจจุบันนั้นก็มีอุปกรณ์ต่างๆ มากมายให้คุณได้เลือกใช้กำจัดเจ้าแมลงสุดน่ารำคาญนี้ และไม้ตียุงเองก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ว่านี้ แต่ปัญหาที่พวกเราส่วนใหญ่มักจะเจอกันก็คือไม้ช็อตยุงเจ้าปัญหานี้มันทำให้ยุงแค่สลบเท่านั้น หรือบางทีเจ้าแมลงต่างๆ ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ากำลังถูกช็อตอยู่ ยูทูบเบอร์หนุ่มที่ใช้ชื่อว่า styropyro ผู้นี้เองก็กำลังประสบปัญหาเดียวกับพวกเราๆ เหมือนกัน ดังนั้นงานนนี้เขาเลยจัดการสร้างไม้ช็อตยุงที่มีแรงดันไฟฟ้ามากถึง 50,000 โวลต์ขึ้นมาเลย เรียกได้ว่าเอากันให้ตายหอมฉุยในไม่กี่วินาทีเลยทีเดียว!! ชายหนุ่มผู้เบื่อหน่ายกับไม้ช็อตยุงแบบเดิมๆ ที่มีแรงดันไฟแค่เพียง 2,750 โวลต์ เขาได้ทำการออกแบบซุปเปอร์ไม้ช็อตที่มีพลังทำลายล้างรุนแรง เพื่อจัดการกับเหล่าแมลงเจ้าปัญหาที่ชอบกวนใจเขา เขาได้ทำการดัดแปลงวงจรไฟฟ้าแบบเดิมของไม้ช็อตยุงที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป โดยทำการเพิ่มตัวเก็บประจุขนาดใหญ่เข้าไปถึง 2 ตัว และได้นำตัวจุดระเบิดจากรถยนต์ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นแหล่งกำเนิดพลังงานไฟฟ้าขนาดมหาศาลในครั้งนี้ เขาอธิบายถึงหลักการสร้างพลังงานของเครื่องกำเหนิดไฟฟ้า ก่อนที่จะออกแบบแผงวงจรและเริ่มลงมือสร้างอาวุธสังหารชนิดนี้ นี่คือไฟฟ้าที่ออกมาจากตัวจุดระเบิดจากรถยนต์ และนี่ก็คือโฉมหน้าของเจ้าไม้ช็อตยุงที่ว่านี้!! ไปชมขั้นตอนการทำไม้ช็อตยุงขนาด 50,000 โวลต์กันที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… เจอแบบนี้อย่าว่าแต่ยุงเลยคุณเอ๊ย!! คนเองก็ไม่น่ารอดเหมือนกันนะฮ่าๆ แต่อย่างไรก็ตามขั้นตอนการประดิษฐ์เจ้าไม้ช็อตยุงนี้ค่อนข้างอันตราย ทางที่ดีคุณหนูๆ ไม่ควรลองทำเองที่บ้านนะจ๊ะ ที่มา styropyro
-
เผยภาพของ ‘ทางแยกมหามึน’ จากประเทศจีน ดูจากภาพแล้วจะเข้า จะออกยังไง!?
ทางแยกสุดมึนในมลฑลเหอเป่ย์จากทางตอนเหนือของประเทศจีนแห่งนี้ อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่ชอบเมารถสักเท่าไหร่ เพราะด้วยช่องจราจรที่มีหลายช่องแถมยังดูวกวนน่าสับสนอย่างมาก เรียกได้ว่าถ้าหากคุณไม่ใช่คนในพื้นที่แล้วล่ะก็ต้องเกิดอาการปวดหัวบ้างแน่ๆ และนอกจากทางแยกที่จะดูงงๆ แล้ว ถนนสายนี้ยังไม่มีป้ายกำกับอีกด้วยว่าช่องไหนเป็นทางเข้า หรือว่าช่องไหนเป็นทางออก ซึ่งทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในสถนนที่มีความซับซ้อนมากที่สุดแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ จากการรายงานของสื่อท้องถิ่นเมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา ถนนสายนี้ตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์แสดงนิทรรศการของเมืองจางเจี๋ยโกวใกล้กับกรุงปักกิ่ง โดยก่อนหน้านี้ทางเทศบาลของเมืองเองได้มีการปรับปรุงถนนเส้นนี้ แต่ว่าหลังจากการปรับปรุงเรียบร้อยแล้วกลับสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนในเมืองอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีเส้นสีขาวที่ทำไว้เพื่อแบ่งช่องทางการจราจรแบบดูงงๆ แล้ว ถนนเส้นนี้ยังไม่มีไฟสัญญาณจราจรอีกด้วย ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจากเมืองจางเจี๋ยโกวได้อธิบายถึงเรื่องนี้ว่า ตอนนี้ถนนสายดังกล่าวยังทำการปรับปรุงไม่เสร็จ พร้อมทั้งได้บอกให้ประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนกกับเรื่องนี้ และขอให้ขับรถตามช่องจราจรที่ได้มีการกำหนดไว้ และเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ใช้งานถนนคนอื่นๆ ชาวเน็ตท่านหนึ่งจึงได้ทำแผนผังเพื่ออธิบายการใช้งานของถนนเส้นนี้ พร้อมทั้งทำลูกศรแสดงเส้นทางเข้าออกของรถยนต์เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น แถมยังบอกเส้นทางของรถสาธารณะและทางเดินเท้าด้วยลูกศรสีขาวอีกด้วย และหลังจากที่ภาพของถนนเส้นนี้ถูกเผยแพร่ออกไปบนโลกออนไลน์ ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก jiege1123 “คนแก่ที่ใช้ถนนเส้นนี้จะต้องปวดหัวแน่ๆ ” nejoujeshe “เดี๋ยวนะ ถ้าเกิดเป็นช่วงที่จัดงานโอลิมปิกฤดูหนาวล่ะ นักท่องเที่ยวจะไม่งงกันใช่ไหม??” Fisherman53 “นักออกแบบทำให้งงสุดๆ ต้องมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ้างแหละ” ลองจินตนาการดูว่าคุณเพิ่งหัดขับรถวันแรก แล้วเผลอหลุดเข้ามาในถนนเส้นนี้ดูสิ!! อืม… เหงื่อแตกแน่นอน ที่มา dailymail
-
เด็กชายผู้ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ ถามไถ่ชายที่ใกล้จะจบชีวิตตัวเอง และเขาก็ได้รับตอบแทนอย่างงดงาม
ในวันที่ท้อแท้ หมดหวัง สิ่งที่มนุษย์อย่างเราๆ ต้องการมากที่สุดก็คงเป็นเพียงแค่กำลังใจเล็กๆ จากใครสักคน ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่มันก็อาจจะทำให้ความรู้สึกแย่ๆ นั้นถูกกำจัดออกไปและทำให้เรารู้สึกดีขึ้น ย้อนกลับไปในเดือนสิงหาคม ปี 2015 Jamie Harrington บังเอิญผ่านไปเจอชายผู้หนึ่งที่กำลังนั่งอยู่บนสะพาน Ha’penny ในเมือง Dublin ประเทศไอร์แลนด์ซึ่งดูสีหน้าเขาไม่ค่อยจะโอเคเท่าไหร่นัก ดูท้อแท้และสิ้นหวัง เขาจึงตัดสินใจลงไปนั่งกับชายผู้นั้นแล้วถามด้วยคำถามธรรมดาๆ ว่า “คุณโอเคหรือเปล่า?” ชายผู้นั้นหันกลับมามองเขาด้วยน้ำตาคลอเบ้า ไม่มีคำพูดใดๆ ที่ออกมาจากปาก แต่ชายผู้นั้นร้องไห้ไม่หยุด หลังจากนั้น Jamie ก็นั่งคุยกับชายผู้นั้นถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อให้เขารู้สึกผ่อนคลายที่ได้ระบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ใครสักคนฟัง และได้ทราบว่าเขาคนนั้นกำลังจะฆ่าตัวตาย Jamie จึงคุยให้ชายผู้นั้นสงบสติลงและบอกว่าการฆ่าตัวตายมันไม่ดีอย่างไร เมื่อเวลาผ่านไป 45 นาที ชายผู้นั้นก็มีอาการดีขึ้นเล้กน้อย แต่ทว่า Jamie ต้องออกไปทำธุระต่อแต่เขาก็ไม่อยากทิ้งชายผู้นั้นไว้คนเดียว จึงเดินออกมาแล้วเรียกรถโรงพยาบาลเพื่อมารับตัวชายผู้นี้ไป เขาได้แลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้เพื่อที่ Jamie จะได้มั่นใจว่าเขาจะไม่คิดที่จะฆ่าตัวตายอีก หลายเดือนต่อมาเขาทั้งสองนัดเจอกันอีกครั้งเพื่อถามสารทุกข์สุกดิบกัน และ Jamie ได้ทราบว่า แฟนของเขากำลังตั้งครรภ์ และลูกที่กำลังจะเกิดมานั้นเขาจะตั้งชื่อว่า Jamie เพื่อเป็นการรำลึกถึงคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้…
-
Ed Sheeran ประสบอุบัติเหตุแขนหัก แฟนๆ ลุ้น อาจหมดสิทธิ์มาทัวร์คอนเสิร์ตในไทย!?
ข่าวดีสำหรับแฟนคลับของพ่อหนุ่มเสียงใส Ed Sheeran ในปีนี้ก็คือ เจ้าตัวจะมาทัวร์คอนเสิร์ตในประเทศไทยให้แฟนคลับได้รับชมกันแบบสดๆ แต่ล่าสุดมีข่าวร้ายสำหรับแฟนๆ ที่กำลังรอชมเข้าซะแล้ว.. สื่อต่างชาติหลายแห่งรายงานว่า Ed ประสบอุบัติเหตุระหว่างการปั่นจักรยาน จนถึงขั้นแขนหัก และแม้มันจะไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่ก็มีผลกับการแสดงดนตรีอย่างแน่นอน Ed ในวัย 26 ปี ทัวร์คอนเสิร์ตมาแล้วหลายประเทศ และใช้เวลาช่วง 1 สัปดาห์ของการพักระหว่างทัวร์เพื่อปั่นจักรยาน ก่อนที่จะมีงานแสดงในไทเปสัปดาห์หน้า แต่โชคร้ายประสบอุบัติเหตุก่อน “ผมได้รับบาดเจ็บจากการปั่นจักรยาน” เจ้าตัวเขียนลงบนอินสตาแกรมพร้อมกับอัพภาพแขนใส่เฝือก “ตอนนี้ผมกำลังรอคำตอบจากคุณหมอ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อการแสดงทัวร์ของผมได้ ขอให้แฟนคลับทุกคนรอฟังข่าวกันนะครับ” นักร้องขวัญใจแฟนคลับคนนี้ยังมีอีก 14 งานแสดงก่อนจะถึงสิ้นปี ซึ่งรวมถึงในประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศไทยด้วย โดยปกติแล้ว Ed จะขึ้นแสดงทั้งร้องและเล่นกีตาร์เอง ซึ่งถ้าเขายังยืนยันที่จะแสดงเดี่ยวก็หมายถึงคอนเสิร์ตอาจจะต้องถูกเลื่อนออกไปด้วยเช่นกัน ตามรายงานจากทางแพทย์บอกว่า การพักรักษาตัวแขนหักให้กลับมาใช้ได้อย่างปกติสมบูรณ์ที่สุดนั้น อาจจะต้องใช้เวลามากถึง 2-5 เดือนเลยทีเดียว ซึ่งหมายถึงว่าจนกระทั่งสิ้นปีเขาอาจจะไม่สามารถเล่นกีตาร์ได้อีก ก่อนหน้านี้เขาเคยให้สัมภาษณ์กับทาง BBC เรื่องการร้องและมีวงเล่นให้โดยระบุว่า “ผมไม่คิดว่าผมอยากจะเป็นนักร้อง แล้วมีวงเล่นให้ข้างหลังนะ……
-
ตำรวจดูไบล้ำหน้าไกล รถสปอร์ตแรงๆ ยังไม่พอ ต้องเสริมกำลังด้วย ‘โฮเวอร์ไบค์’
มหานครดูไบ หนึ่งในเมืองที่มีความมั่งคั่งมากที่สุดในโลก และด้วยความมั่งคั่งนี่เองก็เป็นหนึ่งสิ่งที่ทำให้ผู้คนมากมายสนใจมาเยือนประเทศนี้ และนอกจากความทันสมัยของเมืองและอาคารต่างๆ แล้วที่นี่เขายังเพิ่มความไฮเทคให้กับหน่วยตำรวจอีกด้วย!! หน่วยตำรวจของมหานครแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหน่วยที่มีความทันสมัยมากที่สุด เพราะนอกจากจะมีรถตรวจการสุดหรู โดรนลาดตระเวนแบบไร้คนขับ และตำรวจหุ่นยนต์ พวกเขายังได้เพิ่มขีดความสามารถให้กับตำรวจอีกด้วย “โฮเวอร์ไบค์” หรือมอร์เตอร์ไซค์ลอยฟ้านั่นเอง พาหนะสุดไฮเทครูปร่างคล้ายกับยานจากหนังเรื่อง Star Wars นี้ถูกนำมาจัดแสดงที่งาน Gitex Technology Week ที่ผ่านมา โดยมันจะถูกนำไปใช้ในสถานะการณ์ฉุกเฉิน และช่วยให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงที่หมายได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าการจราจรจะติดขัดก็ตาม เจ้าโฮเวอร์ไบค์นี้สามารถรับน้ำหนักได้มากถึง 270 กิโลกรัม และมันยังใช้พลังงานไฟฟ้า โดยใช้เวลาในการชาร์จไฟเพียงแค่ 25 นาทีเท่านั้น มันสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถบินได้ไกลถึง 6 กิโลเมตร ทางด้าน CEO จากบริษัท Alexander Atamanov ได้ออกมากล่าวผ่านทางเฟซบุ๊กว่า บริษัทของเขาและกรมตำรวจของดูไบได้ทำการเซ็นสัญญา และจะมีการนำไปใช้ในมหานครดังกล่าวในเร็วๆ นี้ ก่อนหน้านี้หน่วยดับเพลิงของดูไปนั้นได้มีการนำเครื่องเจ็ทแพ็คมาใช้ในภาระกิจดับเพลิง ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย และการนำโฮเวอร์ไบค์มาใช้ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่นั้นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของที่นี่ ไปชมการทำงานของเจ้าโฮเวอร์ไบค์ ได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… ที่มา indianexpress, ladbible
-
หญิงสาวหนีจากไฟป่า พร้อมกับสะพายเจ้าหมาที่หนักกว่า 30 กิโลเอาไว้ในกระเป๋าด้วย
ไฟป่าเป็นภัยธรรมชาติอย่างหนึ่งที่นับได้ว่ามีความอันตรายต่อทุกชีวิต แน่นอนว่าเมื่อเจอเหตุการณ์อย่างนี้ต้องหนีเอาชีวิตรอด แต่มีสาวคนหนึ่งที่ไม่เพียงหนีเอาชีวิตรอดเพียงคนเดียว เธอยังนำเจ้าหมาที่มีน้ำหนักกว่า 30 กิโลหนีไฟไปกับเธอด้วย Natasha Wallace หญิงสาวคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเมืองซานต้าโรซ่า รัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่เธอนั่งเรียนอยู่นั้นก็บังเอิญเกิดไฟป่าขึ้น เธอจึงรีบกลับบ้าน สิ่งที่เธอเห็นจากบ้านเธอคือไฟป่าที่ลามอย่างรวดเร็วและรุนแรงราวกับเครื่องพ่นไฟเลยทีเดียว เธอจึงรีบกลับไปเก็บกระเป๋าพร้อมทั้งนำหมาของเธอที่ชื่อว่า Bentley ขึ้นรถเพื่อหนีไฟป่าแต่ว่าการจราจรในละแวกนั้นโกลาหลเป็นอย่างมากและไฟป่าก็กำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงตัดสินใจกลับบ้านและไปเปลี่ยนเป็นรถจักรยาน แต่การที่เธอต้องปั่นจักรยานทำให้ไม่สามารถนำสัมภาระไปได้เยอะ เธอจึงตัดสินใจทิ้งเสื้อผ้าทั้งหมดออกจากกระเป๋าแล้วเอาเจ้า Bentley ใส่ลงไปแทน “ฉันบอก Bentley ให้ไปนั่งข้างในกระเป๋า มันก็กระโดดเข้าไปทันทีเหมือนมันเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี” Natasha กล่าว และ เธอต้องปั่นจักรยานทั้งๆ ที่มีกระเป๋าหนักกว่า 30 กิโลกรัมห้อยคออยู่ “มันเป็นเรื่องที่ยากนะ ฉันต้องปั่นจักรยานหลบกิ่งไม้และสิ่งต่างๆ บนถนนอยู่ตลอดเวลา ในช่วง 2 กิโลเมตรแรกมันก็ยังโอเคอยู่หรอก” เธอกล่าวเพิ่ม ในที่สุดก็มีรถบรรทุกผ่านมา และจอดรับ Wallace และ Bentley ไปยังสถานที่ปลอดภัย แต่ว่าเธอได้สูญเสียบ้านจากการลุกลามของไฟป่า ปัจจุบันทั้งเธอและเจ้าหมาก็เลยต้องไปอยู่กับญาติของเธอ มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าแต่ถึงอย่างไร เธอก็ดีใจที่ตัดสินใจทำสิ่งที่ถูกต้อง “คุณสามารถนำเงินไปซื้อทุกสิ่งที่คุณสูญเสียกลับมาได้ แต่หมาของฉันนั้นมันตีราคาไม่ได้” Wallace กล่าวทิ้งท้าย นับว่าเธอเป็นคนสติที่ดีมากเลยทีเดียว…
-
ไปชมกันว่า “อาหารกลางวัน” ของเด็กในโรงเรียนแต่ละประเทศจะเป็นอย่างไรกันบ้าง
ในตอนที่เราเป็นเด็กเวลาไปโรงเรียนตอนพักเที่ยงเราก็จะได้กินอาหารที่ทางโรงเรียนเตรียมเอาไว้ให้ ซึ่งอาจทำให้หลายคนจดจำมาได้จนถึงตอนนี้ ซึ่งหน้าตาของอาหารที่เราต้องเจอในแต่ละวันก็จะไม่ได้แตกต่างกันมาก แล้วหน้าตาของอาหารกลางวันประเทศอื่นๆ หน้าตามันจะเป็นอย่างไร จะดูคล้ายกับที่เราเคยกินตอนเด็กหรือเปล่า? เราไปดูกันเลยว่าแต่ละประเทศมีอาหารกลางวันเป็นแบบไหนกันบ้าง เกาหลีใต้ อาหารกลางวันของที่นี่เรียกว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดมื้ออาหารได้เลย โดยจะแบ่งช่องใหญ่ไว้สำหรับใส่ข้าวและซุป นอกนั้นเป็นผักผลไม้หรืออาหารทะเล ซึ่งส่วนใหญ่อาหารที่เด็กได้กินก็จะเป็นซุปฟักทองมันฝรั่ง สลัดแตงกวาและแครอท หรือของขึ้นชื่ออย่างกิมจิ นอกจากนั้นหากเด็กคนไหนตัวเล็กกว่าปกติพวกเขาก็จะให้เด็กได้กินน้ำมันปลาที่ผ่านการคำนวนมาแล้วอีกด้วย ญี่ปุ่น ดูแล้วมีความคล้ายคลึงกับของเกาหลีอยู่บ้างที่เพิ่มมาจริงๆ ก็คือนมกล่อง เด็กญี่ปุ่นไม่สามารถห่อข้าวมากินเองได้จนกว่าจะขึ้นมัธยมปลายและการกินข้าวเที่ยงจะไม่ได้ไปกินที่โรงอาหารแต่จะมีมาเสิร์ฟให้กินในห้องเรียนแทน อังกฤษ มันฝรั่งทอด แครอทมาพร้อมกับโจ๊กและสลัดกับผลไม้ ของหวานจะเป็นวาฟเฟิลราดช็อกโกแลต แต่ก็มีหลายโรงเรียนที่มีงบไม่พอทำให้ต้องแจกอาหารฟาสต์ฟู้ดแทน ถึงอย่างนั้นเด็กๆ ก็ชอบกินกันนะ สหรัฐอเมริกา นี่คืออาหารกลางวันในรัฐเวอร์จิเนียซึ่งความเป็นจริงจะแตกต่างกับอาหารที่เด็กอเมริกันส่วนใหญ่กิน เพราะพวกเขานิยมฟาสต์ฟู้ดกันมากกว่า หรือไม่งั้นพ่อแม่ก็จะห่อข้าวให้ ตุรกี เป็นอาหารที่บำรุงสมองอย่างแท้จริงเพราะเต็มไปด้วยผลไม้และธัญพืชจากขนมปังข้าวไรย์ ถั่ววอลนัท และเครื่องดื่ม Kefir ที่ทำมาจากนมวัว ฝรั่งเศส อาหารกลางวันของประเทศนี้ค่อนข้างที่จะเป็นมื้อใหญ่และพวกเขาจะให้เวลา 1 ถึง 2 ชั่วโมงในการรับประทาน นอกจากนั้นเด็กๆ ยังสามารถกลับไปกินข้าวที่บ้านระหว่างพักได้…
-
เปิดคลิปเหตุการณ์ในเครื่อง Air Asia ลดระดับ 20,000 ฟุต ผู้โดยสารใจเสีย-แอร์กรีดร้อง
กลายเป็นประเด็นร้อนในรอบวันนี้เลยก็ว่าได้ หลังจากที่มีการรายงานอุบัติเหตุอันน่าระทึกขวัญที่เกิดขึ้นกับไฟลท์บิน QZ535 ของสายการบินแอร์เอเชีย โดยเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า ไฟลท์ดังกล่าวจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติเมืองเพิร์ท และมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่เดนปาซาร์ ประเทศอินโดนีเซีย ทว่าหลังออกเดินทางได้เพียง 25 นาที จู่ๆ ความดันในห้องโดยสารก็ลดลงอย่างกระทันหัน จนหน้ากากออกซิเจนร่วงลงมาจากเพดาน อีกทั้งยังมีการรายงานว่า เครื่องบินดังกล่าวได้ลดระดับจาก 32,000 ฟุต ลงมาอยู่ที่ 10,000 ฟุตภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น และนี่คือคลิปวิดีโอจากในเหตุการณ์… ผู้โดยสารคนหนึ่งเล่าว่า เป็นช่วงเวลาที่โกลาหลมากสุดๆ หลังจากที่จู่ๆ มีพนักงานบนเครื่องคนหนึ่งกรีดร้องวิ่งไปมา และร้องไห้ด้วยความกลัว แม้ว่าในท้ายที่สุดกัปตันจะสามารถนำเครื่องบินกลับมาลงจอดได้อย่างปลอดภัย แต่ผู้โดยสารหลายคนก็ได้ว่ากล่าวตำหนิถึงการทำงานของพนักงานบนเครื่องบิน.. ผู้โดยสาร Janet Canning เล่าว่า “หลังจากที่มีพนักงานบนเครื่องบินสติแตก ผู้โดยสารคนอื่นต่างก็รู้สึกหวาดกลัวตามทันที เราคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้รอดกลับมาอีกแล้ว หลายคนใช้เวลาบอกลาซึ่งกันและกัน หลายคนส่งข้อความกลับไปบอกลาครอบครัว” แม้หลังเหตุการณ์สงบ AirAsia จะออกมาแถลงการณ์ขอโทษผู้โดยสารทุกท่าน แต่ดูเหมือนว่าประเด็นความปลอดภัยของสายการบินโลว์คอสท์จะถูกนำมาพูดถึงกันมากขึ้น สำนักข่าว BBC ได้รายงานว่า เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน…
-
หญิงตัดสินใจช่วยคนไร้บ้านที่กำลังร้องไห้กับความทุกข์ แม้ทั้งคู่จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็ตาม…
ปกติแล้วเวลาที่เราเห็นคนแปลกหน้าที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนนั่งร้องไห้อยู่ เป็นเราจะทำยังไง จะเดินไปปลอบเขาคนนั้น หรือจะทำแค่มองแล้วก็คิดว่าเขาเจอกับอะไรมาถึงได้ร้องไห้กัน… โดยปกติแล้ว เราก็คงเลือกที่จะไม่เข้าไปยุ่งเพราะเราคงไม่อยากจะมีปัญหาตามมาหรือถูกมองว่าไปยุ่งเรื่องของเขา แต่กลับกันในเรื่องนี้การเข้าไปถามคนๆ หนึ่งว่าโอเคไหมต้องการอะไรหรือเปล่า กับทำให้เรื่องอบอุ่นหัวใจก่อตัวขึ้น… Katy Hurst หญิงคนหนึ่งที่ตั้งใจจะไปซื้ออาหารที่ร้านเบอร์เกอร์คิง ในเมืองอินดิเพนเดนซ์ รัฐมิสซูรี แต่แล้วเธอก็มองไปเห็นชายคนหนึ่งริมหน้าต่างกำลังนั่งร้องไห้ พร้อมกับเอามือกุมขมับอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าเธอไม่รู้จักชายคนดังกล่าวหรอก แต่ในเวลาไม่นาน เธอก็จำได้ว่าชายคนนั้นคือชายไร้บ้านที่เธอมักจะเห็นบ่อยๆ ในชุมชนของเธอ ซึ่งเขามักไปไหนมาไหนพร้อมกับจักรยานที่มีตระกร้าอยู่ข้างหลังเสมอ ด้วยความที่เธอเป็นคนใจดี Katy เลยตัดสินใจเข้าไปพูดคุยกับชายแปลกหน้าว่าเขาเป็นอะไร ทำไมถึงร้องไห้ ซึ่งนั่นทำให้เธอได้รู้ว่าชายคนนี้ผู้คนเรียกเขาว่า Pops อายุ 57 ปี และเขาก็กำลังตัดสินใจจะฆ่าตัวตาย พอได้ยินแบบนั้นด้าน Katy ก็คงจะยอมไม่ได้ เธอจึงเสนอให้ Pops ไปที่บ้านเธอ เธอจะช่วยให้เขารู้สึกอยากมีชีวิตอีกครั้ง เธอได้เสนอผ้าอุ่นๆ อาหารอร่อยๆ ที่พักดีๆ ให้กับชายไร้บ้านคนดังกล่าว Pops ได้บอกไว้ว่า เขาอยากจะจบชีวิต เขาอยากจะให้มันผ่านไปเสียที แต่ Katy ก็ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น เธอเริ่มดูแลเขาทีละอย่างตั้งแต่อาหารการกิน ที่พัก ไปจนถึงการเป็นอยู่และเข้าตรวจสุขภาพ…
-
ความประทับใจของหนูน้อยวัย 9 ขวบ หลังจากที่ได้อ่านหนังสือ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” เป็นครั้งแรก
สำหรับแฟนๆ พ่อมดแม่มดทั้งหลาย เราเชื่อว่าหลายคนคงจะจำความรู้สึกในตอนที่อ่านหนังสือ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” เป็นครั้งแรกได้ นั่นอาจจะทำให้หลายคนรู้สึกสนุก ตื่นเต้น ประทับใจ และหลงใหลในตัวละครต่างๆ กันไปเป็นที่เรียบร้อย ถ้างั้น Ellie หนูน้อยวัย 9 ขวบ จากเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกาคนนี้ ก็ไม่ต่างไปจากพวกคุณน่ะสิ เพราะหลังจากที่เธอได้เริ่มอ่านหนังสือดังกล่าว หนูน้อยก็รู้สึกประทับใจ แถมยังแอบเขียนคำถามตอนต่อไปทิ้งลงในกระดาษโน๊ตซะด้วย เมื่อ Teresa Eschmann แม่ของ Ellie เห็นว่าลูกสาวสุดรักของเธอกำลังเขียนคำถามเกี่ยวกับหนังสือ “แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์” ลงในกระดาษโน้ตใบเล็กๆ เธอก็ได้แอบบันทึกภาพของลูกสาว แล้วนำภาพถ่ายดังกล่าวไปให้น้องสาวดู จนในที่สุดความน่ารักเหล่านี้ก็ได้ถูกนำไปเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ Reddit จนได้รับความสนใจมากมายจากบรรดาชาวเน็ต “สเนปน่าสงสัย ฉันสงสัยว่าเขากำลังจะทำอะไร” “เมื่ออยู่ในชั้นเรียน ครูของเธอพยายามที่จะทำให้เด็กเกิดความสงสัย และตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาได้อ่าน บางครั้งก็จะให้เขียนในสิ่งที่กำลังสงสัยลงไป และนั่นก็ทำให้ลูกสาวของฉันได้ตัดสินใจตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจังลงในกระดาษชิ้นเล็กๆ” Teresa กล่าว “แฮร์รี่จะทำได้ดีไหมในควิดดิชนัดแรกของเขา” นอกจากนี้…
-
ส่องความหล่อ Sebastian Kurz นายกฯ คนใหม่ออสเตรีย ขึ้นแท่นผู้นำที่อายุน้อยที่สุดในโลก
ถือเป็นอีกหนึ่งผู้นำที่กำลังถูกทั่วโลกจับตาอยู่ ณ ขณะนี้เลยก็ว่าได้ สำหรับ Sebastian Kurz วัย 31 ปี หัวหน้าพรรคประชาชน ซึ่งเร็วๆ นี้ เขากำลังจะได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของออสเตรียอย่างเต็มตัว ภายหลังจากที่สามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปของประเทศมาได้ และด้วยความที่เขาอายุยังน้อย นั่นทำให้ Kurz ได้กลายเป็นผู้นำที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม ผู้นำหนุ่มคนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ความสามารถในด้านทางการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่เขายังมาพร้อมกับความหล่อเหล่า แถมรูปร่างรวมถึงบุคลิกก็ดี๊ดี งานนี้บอกเลยว่าถูกใจสาวๆ ทั่วโลกเป็นอย่างมาก สำหรับ Sebastian เขาเคยกลายเป็นกระแสฮือฮาไปทั่วโลกออนไลน์มาแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เขาเป็นนักการเมืองหนุ่มดาวรุ่งพุ่งแรงที่ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคของประชาชน เมื่อตอนที่อายุเพียง 27 เท่านั้น และด้วยความที่เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถมากมาย บวกกับมีแนวคิดอนุรักษ์นิยม ดังนั้น จึงทำให้ Sebastian ได้รับความสนใจจากประชาชนออสเตรียมากขึ้นเรื่อยๆ จนได้รับฉายาว่า “Wonderwuzzi” ซึ่งหมายถึง ผู้ที่สามารถเดินอยู่บนน้ำได้ นอกจากนี้ เขายังถูกนำไปเปรียบกับผู้นำอายุน้อยจากแคนาดาอย่าง Justin Trudeau และ Emmanuel Macron จากฝรั่งเศส…
-
คุณแม่ผิวสีถูกชาวเน็ตด่าว่า “น่ารังเกียจ” หลังโพสต์ภาพขณะกำลังตั้งครรภ์ลงบนโลกโซเชียล
ทุกวันนี้อินเตอร์เน็ตทำการแสดงความเห็นต่อสิ่งต่างๆ เป็นเรื่องง่ายดายขึ้น จนหลายๆ คนสามารถแสดงความเห็นต่อเรื่องราวได้อย่างสนุกปาก แต่บางครั้งการพิมพ์ด้วยความสนุกปากเหล่านั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ถูกกระทำอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผู้หญิงที่กำลังอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์… และ Porsche Thomas คุณแม่ที่ตั้งท้องลูกแฝดก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเธอจะต้องมาเผชิญกับเรื่องแบบนี้ด้วย เพราะภายหลังจากที่เธอได้โพสต์ภาพของตัวเองลงในโลกออนไลน์ บรรดานักเลงคีบอร์ดทั้งหลายต่างก็พากันเข้ามาโจมตีเธอด้วยคำพูดที่ดูถูกเหยียดหยาม ในช่วงที่ Porsche มีอายุครรภ์ 35 สัปดาห์ เธอรู้มีความสุขเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าเธอกำลังจะมีลูกแฝด แต่เมื่อเธอได้โพสต์ภาพถายขณะตั้งท้องของตัวเองลงในโลกออนไลน์ ความคิดเห็นที่แสนหยาบคายก็เริ่มปรากฏขึ้นเรื่อยๆ เพราะผู้คนเหล่านั้นได้แสดงความเห็นต่อภาพของเธอว่า “น่ารังเกียจ” พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าทำไมท้องของเธอถึงเป็น “สีดำ” โชคดีที่ Porsche ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านกับคำวิจารณ์แย่ๆ เหล่านี้ เพราะแทนที่เธอจะโจมตีกลับด้วยถ้อยคำที่เจ็บแสบ แต่เธอกลับตอบสนองพวกคนที่ชอบก่อกวนเหล่านั้น โดยการโพสต์ภาพอีกรูปแบบหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความงดงาม และความมหัศจรรย์ของคนผิวสี “ในขณะที่คนบางคนได้เข้ามาวิจารณ์เรื่องท้องของฉัน ระหว่างนั้นฉันกำลังสนุกอยู่กับการใช้ชีวิต เฝ้าดูการเติบโตของมนุษย์ตัวน้อยๆ รอคอยปาฏิหาริย์และหวังว่าพวกเขาจะเกิดมามีผิวสีดำ” Porsche กล่าว และเมื่อวันที่ 7 มกราคม ที่ผ่านมา เธอก็ได้ให้กำเนิด August และ Berlin ฝาแฝดตัวน้อยที่น่ารักที่สุดแล้ว…
-
เพราะขาดแคลนอาหาร “ลูกเพนกวิ้น”นับหมื่นพากันอดตาย ผู้รอดชีวิตคือเจ้า 2 ตัวเท่านั้น…
ความอยู่รอดของ “เพนกวินอาเดลี” ที่อยู่อาศัยทางตะวันออกของทวีปแอนตาร์กติกาหรือบริเวณขั้วโลกใต้ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงไม่น้อย หลังจากที่ได้ประสบกับปัญหาขาดอาหารในช่วงฤดูผสมพันธุ์ จนเป็นเหตุให้เพนกวินตัวน้อยที่น่าสงสารนับ 10,000 ตัว ไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์อันเลวร้ายได้ วันที่ 13 ตุลาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า ในช่วงฤดูกาลผสมพันธุ์นี้ มีลูกเพนกวินอาเดลีได้ตายจากการขาดอาหารไปหลายหมื่นตัว และเหลือเพียงแค่ 2 ตัวเท่านั้นที่รอดชีวิต โดยสาเหตุหลักมาจากปริมาณน้ำแข็งที่สูงขึ้นผิดปกติ นั่นจึงทำให้พ่อแม่เพนกวินต้องออกเดินทางข้ามแอนตาร์กติกาในระยะทางไกลที่ขึ้น เพื่อไปหาอาหาร และด้วยเวลาที่นานขึ้นทำให้ลูกเพนกวินตัวน้อยๆ รอคอยอาหารไม่ไหว และพากันอดตาย นับได้ว่าเป็นฤดูกาลแพร่พันธุ์ที่เลวร้ายที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากเมื่อปี 2015 ซึ่งเพนกวินที่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้เลยแม้แต่ตัวเดียว เหตุการณ์อันร้ายแรงที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ทางกลุ่มอนุรักษ์จำนวนมาก ได้ออกมาเรียกร้องให้มีมาตรการจัดตั้งพื้นที่คุ้มครองทางทะเลทางตะวันออกของทวีปแอนตาร์กติกาอย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นการป้องกันอาณาจักรเพนกวินที่มีจำนวนประชากรราว 36,000 ตัวนั่นเอง “เพนกวินอาเดลี เป็นหนึ่งในสัตว์ที่น่ารักที่สุดและน่าอัศจรรย์ที่สุดในโลก ความเสี่ยงในการเปิดอุตสาหกรรมประมงจะยิ่งเป็นการคุกคามและกระทบต่อการขยายพันธุ์ของสัตว์ในพื้นที่แอนตาร์กติกา และถ้าหากมีการห้ามจับสัตว์ทะเลในพื้นที่ดังกล่าว ก็จะเป็นการช่วยลดการแข่งขันในการหาอาหารของเพนกวินหลายสายพันธุ์ รวมถึงสัตว์ชนิดอื่นๆ ให้ยังคงมีชีวิตอยู่รอดได้” Rod Downie หัวหน้าโครงการ World Wide Fund…
-
คู่รักรับเด็ก 3 พี่น้องมาเลี้ยง แต่มารู้ภายหลังว่าพวกเขามีน้องเล็กอีกคน เลยขอให้เพื่อนบ้านช่วย!!
หลังจากที่ใช้เวลานานหลายปีในสถานรับเลี้ยงเด็ก Michael, Jess, Camden และ Elijah ก็ได้มีโอกาสพบกับชีวิตใหม่อีกครั้งหลังจากที่พวกเขาได้พบกับสองสามีภรรยาผู้ใจบุญ ถึงแม้ว่าคุณ Julia Washington และสามีของเธอจะมีลูกแท้ๆ อยู่ด้วยกันถึง 2 คนแล้ว แต่ทั้งสองก็ยังได้รับเด็กๆ ทั้ง 3 เข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาเพิ่มอีก และถึงแม้ว่าการมีสมาชิกในครอบครัวเพิ่มจะเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับพวกเขา และหนูน้อย Jess วัย 5 ขวบนั้นจะมีความพิการทางสมอง แต่ทั้งสองก็ได้ยื่นเรื่องขอรับบุตรบุญธรรมเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่หลังจากที่รับเจ้าหนูทั้ง 3 คนเป็นลูกบุญธรรมเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็พบว่าเด็กๆ ทั้ง 3 ยังมีน้องสุดท้องอีกหนึ่งคนนั่นก็คือ หนูน้อย Elijah วัย 17 เดือนนั่นเอง “เรารู้ดีว่ามีเด็กๆ ประมาณ 2 ถึง 5 คน และหนึ่งในนั้นก็ต้องการการดูแลอย่างเป็นพิเศษ บางคนอาจจะต้องแยกจากพี่น้องของเขาไปอยู่ที่ไกลๆ ถ้าหากเราไม่รับพวกเขาไว้ทั้งหมด” คุณ Julia กล่าว การดูแลเด็กๆ มาถึง 7 คนอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับครอบครัวของ Julia เธอจึงได้ปรึกษากับเพื่อนบ้านและเพื่อนสนิทของเธออย่างคุณ Jay Houston เพื่อช่วยรับดูแลพวกเด็กๆ…
-
ทุกคนขับรถหลบเจ้าไก่ไป แต่ชายหนุ่มคนนี้จอดช่วยเหลือและรับมันมาเป็นสมาชิกในครอบครัว
การช่วยเหลือเราสามารถลงมือทำได้ในทุกสถานการณ์ เช่นเดียวกันกับชายคนนี้ที่เขาเลือกที่จะช่วยเหลือชีวิตน้อยๆ มากกว่าที่จะปล่อยให้มันผ่านไป เมื่อเดือนมีนาคมปี 2017 ชายหนุ่มที่ชื่อว่า Warren Padgette กำลังขับรถกลับบ้านที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของรัฐวอชิงตัน เขาได้สังเกตเห็นว่ารถคันข้างหน้าเหมือนกับหักเลี้ยวหลบอะไรบางอย่างบนถนน หนุ่มอเมริกันที่ต้องเจอกับสิ่งที่ตนเองไม่คาดคิด ด้วยความสงสัยเขาจึงพยายามเพ่งมองดูว่าสิ่งนั้นคืออะไร และเขาก็ได้เห็นเจ้าไก่ในสภาพอิดโรยที่คาดว่ามันน่าจะตกลงมาจากรถบรรทุกที่กำลังจะพามันไปโรงเชือด แทนที่เขาจะขับหลบและปล่อยมันผ่านไปเหมือนกับคนอื่นๆ เขาตัดสินใจจอดรถและลงไปอุ้มมันขึ้นมาขณะที่เจ้าไก่หันมองและกระพริบตาให้หนึ่งที ก่อนที่เขาจะอุ้มมันไปไว้ตรงเบาะหลังพามันกลับบ้านไปด้วยกัน เขาไม่สามารถปล่อยมันผ่านไปได้เขาจึงรีบลงไปอุ้มมันขึ้นมาทันที เขาได้ตั้งชื่อให้มันว่า Lucky เพราะมันเป็นเจ้าไก่ที่โชคดีรอดมาจาการถูกเชือดได้ แต่ถึงอย่างไรร่างกายของมันก็อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ ตอนนั้นแค่จะยืนด้วยขาของตัวเองมันก็ทำไม่ได้เพราะหน้าอกมีน้ำหนักมากกว่าปกติจากการที่ถูกเลี้ยงดูมาให้โตเร็วเกินไปเพื่อทำให้ได้เนื้อเยอะๆ ร่างกายของมันผ่านการเลี้ยงดูมาเพื่อเป็นอาหาร ทำให้ไม่สามารถยืนได้เอง ชายหนุ่มรีบรักษาพยาบาลคอยดูแลเอาใจใส่มันอย่างเต็มที่ สร้างบ้านเล็กๆ เอาไว้ให้ที่สวนหลังบ้านและไปหาลูกเจี๊ยบมาอยู่ด้วยเพื่อให้เจ้าไก่ได้รับรู้ถึงการใช้ชีวิตที่แท้จริง รวมถึงแพะที่เขาหามาเป็นเพื่อนต่างสายพันธุ์ให้กับมัน ขั้นแรกอาบน้ำให้มันสดชื่นขึ้น บ้านหลังเล็กที่มันจะได้อยู่อย่างเป็นสุขนับจากนี้ไป ด้วยความรักความเอาใจใส่จนทำให้ตอนนี้เจ้า Lucky ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของเขาไปแล้ว มันจะชอบมาเกาะอยู่ที่ไหล่หรือเดินตามไปไหนมาไหนด้วยกันกับเขาอยู่เสมอ กลายเป็นเพื่อนซี้ที่จะไม่ทิ้งกัน Warren บอกว่า “เจ้า Lucky เข้ามาเปลี่ยนมุมมองที่ผมเคยเข้าใจเกี่ยวกับสัตว์ที่ต้องมาเป็นอาหารมนุษย์ จนตอนนี้เวลาที่ผมเห็นรถบรรทุกที่กำลังพาไก่มากมายไปโรงเชือด ผมรู้สึกต้องการช่วยพวกมันทุกตัวเลยจริงๆ ” คลิปเรื่องราวของเจ้าไก่ Lucky…
-
โมเม้นท์น่ารักๆ ของ ‘ลูกจิ้งจอกอาร์กติก’ ขี้สงสัยที่พยายามทำลายกล้องของนักถ่ายทำสารคดี
การถ่ายทำหนังสารคดีสัตว์ป่า จำเป็นต้องเข้าไปอยู่ในสถานที่จริงเพื่อให้ได้ภาพของสิ่งมีชีวิตต่างๆ แต่ในบางครั้งการที่เราเดินเข้าไปอาจทำให้พวกมันแตกตื่นได้ จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการซ่อนกล้องเหมือนกับในครั้งนี้ เมื่อสารคดีที่ชื่อว่า Fox Tales ของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้พยายามตามถ่ายชีวิตของ สุนัขจิ้งจอกอาร์กติก ด้วยวิธีการซ่อนกล้องเอาไว้ในเขตที่อยู่อาศัยของพวกมัน สุนัขจิ้งจอกสายพันธุ์นี้จะมีลักษณะของรูปลักษณ์ใบหน้าแตกต่างกับที่เราเคยเห็นเล็กน้อย แต่อุปกรณ์ดังกล่าวก็ไม่สามารถหลุดรอดสายตาของเจ้าลูกจิ้งจอกแสนซนทั้งหลายได้ พอพวกมันเริ่มสงสัยว่าสิ่งนี้คืออะไรก็เลยเข้ามาเช็คดูซะหน่อย ทำให้เราได้เห็นความน่ารักของพวกมันกันแบบใกล้ชิด เอ๊ะ นี่มันอะไรกันน่ะ?! หน้าตาน่าสงสัยต้องเข้ามาดูซะหน่อยแล้ว เห็นแล้วรู้สึกไม่น่าไว้ใจอย่างนี้ก็ต้องทำลายทิ้งซะ คนเดียวคงจัดการเองไม่ไหวต้องไปตามพรรคพวกพี่น้องของเรามาช่วยแล้ววว คลิปน่ารักๆ เมื่อลูกสุนัขจิ้งจอกพยายามทำลายกล้องที่ซ่อนไว้ เห็นน่ารักๆ อย่างนี้แล้วก็อยากจะออกไปเห็นไปทำความรู้จักกับพวกมันซักครั้งจริงๆ ถ้าได้เจอจะขอเอามากอดรัดฟัดเหวี่ยงให้หนำใจซะหน่อย ที่มา: sploid
-
“ผมไม่ห่วงรถ แต่ห่วงเมียมากกว่า” นางแบบสาวโกรธ ขับรถแฟนหนุ่มพุ่งลงน้ำ
การเลิกกัน เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก ซึ่งอาการหลังเลิกกันของแต่ละคนก็จะมีความแตกต่างกันออกไป บางคนเลือกที่จะเงียบ บางคนเลือกที่จะออกไปสังสรรค์กับเพื่อน แต่คงไม่มีใครเหมือนกับเธอคนนี้ที่เลือกที่จะขับรถของแฟนเก่าลงไปในน้ำ!!! หญิงสาวคนหนึ่งชื่อว่า Kristina Kuchma อายุ 24 ปี ออกอาการโกรธอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยงหลังจาก ถูกแฟนหนุ่มผู้บริหารนามว่า Guy Gentile ขอจบความสัมพันธ์หลังจากคบกันมาหนึ่งปีครึ่ง สภาพรถที่เธอขับลงสระน้ำ เธอได้ส่งข้อความไปหาเขาว่า “คนโกหก ไหนบอกจะช่วยฉันทำธุรกิจไงล่ะ” หลังจากถูกบอกเลิก หลังจากนั้นเธอก็ส่งไปหาเขาอีกว่า “พ่อนักลงทุน ฉันได้เตรียมเซอร์ไพรส์ไว้ให้ที่หลังบ้าน หวังว่าคุณจะได้ลงทุนกับสิ่งนี้เป็นสิ่งแรกนะ” และเมื่อ Gentile นักธุรกิจวัย 41 ปี กลับมาถึงบ้านก็พบว่ารถ เมอร์เซเดส เบนซ์ รุ่น S400 ราคากว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 3.2 ล้านบาทได้จอดแน่นิ่งอยู่ในสระน้ำ “ใจผมแทบหยุดเต้น ผมคิดว่าเธอติดอยู่ข้างในรถ ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องรถมากนักในขณะนั้น” Gentile กล่าว แต่เมื่อเขาพบว่าเธอไม่ได้อยู่ข้างในนั้น เขาก็เริ่มโกรธเธอขึ้นมาที่เธอได้ทำลายข้าวของจากน้ำพักน้ำแรงของเขา เขาได้เล่าเหตุการณ์ต่อว่า เขาและแฟนของเขาได้กินอาหารเย็นด้วยกัน และเธอได้ขอเงินจากเขา 50,000 ดอลล่าร์ เพื่อเอาไปลงทุนทำธุรกิจ แต่เขาตอบกลับไปว่า “ผมว่าคุณขอผิดคนแล้วล่ะ ถ้าคุณต้องการใครสักคนที่ลงทุนเงิน…
-
รู้จักกับ Shit Express บริการส่งขี้ถึงหน้าบ้านคนที่คุณเกลียด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็จะตามไปส่งให้!!
เวลาที่เราเกลียดใครซักคนเราจะทำอย่างไรที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บแสบและสะใจเรามากที่สุด วิธีการนี้อาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณก็ได้ เมื่อบริษัท Shit Express ในประเทศสโลวีเนียสามารถจัดส่งขี้แบบสดใหม่ให้คุณได้ในทุกที่ทั่วโลก เพียงแค่นั้นหากคุณไม่ชอบขี้หน้าใครก็แค่สั่งซื้อขี้ชุดใหญ่จัดไปให้ซะหน่อย โดยที่เราไม่ต้องออกแรงอะไรรอฟังข่าวดีก็เกินพอ ขี้ร้อนๆ มาส่งให้ถึงที่แล้วครับ อันแน่นเต็มๆ กล่อง คุ้มค่าราคาจริงๆ ไม่อยากจะคิดภาพเลยว่าการต้องเปิดประตูมารับพัสดุแต่ต้องมาเจอกับกองขี้เต็มหน้าบ้าน มันจะรู้สึกชวนอ้วกมากขนาดไหน แต่ถึงอย่างนั้นขี้ที่เขานำมาใช้ก็ไม่ได้เป็นขี้ของมนุษย์หรอกนะ แต่มันเป็นขี้ของม้าที่จะมีบรรจุภัณฑ์แบบเรียบง่าย น่ารักๆ หรือแบบกิ๊บเก๋ให้คุณได้เลือกตามความต้องการ และจ่ายตังผ่าน Bitcoin ที่มีมูลค่าประมาณ 500 บาทเท่านั้น สามารถติดข้อความเอาไว้ได้ด้วย บรรจุภัณฑ์ที่มีให้เลือกตามความต้องการได้เลย อย่างไรก็ตามธุรกิจประมาณนี้ก็เคยมีให้เห็นมาก่อนแล้วอย่างเช่น PoopSenders หรือ MailPoop แต่ว่าเรื่องของความน่าเชื่อถือหรือการจ่ายเงินก็ไม่สามารถสู้บริษัทน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวอย่าง Shit Express นี้ได้เลยจริงๆ เพราะพวกเขาการันตีเลยว่าขี้ที่คุณสั่งไว้จะต้องส่งถึงหน้าบ้านผู้รับอย่างแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์!! มีการปิดฝาเอาไว้อย่างแน่นหนา ป้องกันการร่วงหล่นระหว่างทาง ปัจจุบันทางบริษัทก็ยังคงพัฒนากันต่อไปเพื่อให้ได้มีขี้ที่คุณสามารถเลือกใช้ได้เยอะขึ้น ไม่แน่ว่าในอนาคตก็คงจะมีขี้หมา ขี้แมวหรือขี้ช้างอะไรอย่างนี้ออกมาให้เห็นละนะ ทำไมถึงมีแต่ขี้เต็มไปหมดเลยยย นับว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่เราหลายคนอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน และเป็นวิธีเจ๋งๆ ที่นอกจากจะส่งไปให้คนที่เกลียดแล้วเรายังสามารถใช้วิธีนี้แกล้งเซอร์ไพรส์เพื่อนๆ เพื่อเรียกเสียงฮาในงานปาร์ตี้ได้อีกด้วย…
-
ภาพสุดประทับใจเมื่อ ‘เจ้าวาฬ’ มากระโดดน้ำเล่นที่อ่าวซิดนีย์ในตอนพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน
วาฬ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่แห่งท้องทะเล มีความน่าหลงใหลทำให้ใครหลายคนอยากที่จะไปเห็นมันด้วยตาของตัวเอง โดยบ้านเราสามารถพบพวกมันได้ในฝั่งอ่าวไทย ในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ก็สามารถพบเห็นวาฬหลังค่อมได้อยู่บ่อยครั้ง จนถึงขนาดมีกิจกรรมการท่องเที่ยวที่ชื่อว่า Manly Ocean Adventures คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ ด้วยความโดดเด่นและสวยงามเป็นเอกลักษณ์ของพวกมันทำให้ช่างภาพผู้ได้รางวัลมามากมายอย่าง Matt Kemp ตัดสินใจตามเก็บภาพขณะที่พวกมันกำลังอพยพผ่านอ่าวซิดนีย์ ด้านหลังเป็นเส้นขอบฟ้าและวิวทิวทัศน์ของเมืองซิดนีย์ที่สวยงาม แสงธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ ด้วยระยะเวลากว่า 8 ปีที่เขาได้สังเกตและตามถ่ายพฤติกรรมของพวกมันทำให้ออกมาเป็นรูปที่สวยงามเกินคำบรรยาย ในท่วงท่าต่างๆ ของพวกมันไม่ว่าจะเป็นการใช้หางตีน้ำหรือพ่นน้ำออกมา แต่ที่พิเศษที่สุดก็คือการที่พวกมันพุ่งขึ้นมาเหนือน้ำ ชายคนนี้เลือกที่จะเก็บภาพในตอนที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นมาหรือยามเย็นที่พระอาทิตย์กำลังตก แสงภายในภาพจึงมีความมหัศจรรย์ดึงดูดสายตา นับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่น่าหลงใหลไม่ใช่น้อย ชูหางขึ้นมาในตอนที่สายรุ้งกำลังทอดผ่าน กระโดดขึ้นมาหมุนตัวซะนิดนึง จะอยู่ไกลขนาดไหนก็สามารถมองเห็นได้ไม่ยาก น้ำที่แตกกระจายมีความเข้ากันกับแสงและบรรยากาศอย่างไม่น่าเชื่อ บนโลกของเรามีธรรมชาติที่สวยงามจริงๆ ที่มา: dailymail
-
สวนสัตว์โทบุเตรียมโต๊ะวางดอกไม้ เพื่อระลึกถึงเจ้า ‘เกรปคุง’ แฟนคลับร่วมอาลัยไม่ขาดสาย…
ความเสียใจในการจากไปของคนที่เรารัก หลายคนคงเข้าใจความรู้สึกนั้นเป็นอย่างดี แม้ว่าที่ตายจากไปอาจไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสัตว์ก็ตามเช่นเดียวกับเพนกวินน้อยสายพันธุ์ฮัมโบลต์ที่โด่งดังในประเทศญี่ปุ่นตัวนี้ เพนกวินตัวนั้นมีชื่อว่า เกรปคุง ก่อนหน้านี้มันมีอาการป่วยที่รุนแรงมาตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา จากโรคที่เกิดขึ้นเฉพาะกับเพนกวิน และด้วยอายุที่มากถึง 20 ปี (ซึ่งเทียบเท่าได้กับคนอายุ 80 เข้าไปแล้ว) ทำให้อาการของมันแย่ลงไปอีก ต่อมาไม่นานในวันที่ 12 ตุลาคมมันก็ได้จากโลกนี้ไป สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับแฟนคลับของมันทั่วโลก ทางสวนสัตว์โทบุในเขตไซตามะ จึงได้ทำการสร้างอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงเจ้าเพนกวินน้อยตัวนี้ อนุสรณ์ชั่วคราวของเพนกวินอันเป็นที่รัก เหล่าแฟนคลับต่างพากันเข้ามาแสดงความเสียใจกับการจากไปในครั้งนี้ เหตุผลที่เจ้าเพนกวินได้รับความนิยมอย่างมากนั้น นอกจากความน่ารักน่าชักแล้วเจ้าเพนกวินน้อยตัวนี้ยังมีแฟนเป็นสาว 2D อีกด้วย เรื่องราวเกิดขึ้น ในตอนที่การ์ตูนอนิเมะชื่อดัง Kemono Friends ได้นำแผ่นป้ายโปรโมทรูปตัวละครหลักในเรื่องที่ชื่อว่า Hululu มาตั้งเอาไว้ในกรงอาศัยของมันตั้งแต่เดือนเมษายน เท่านั้นเองความรักของทั้งสองก็ได้เกิดขึ้น พอเจ้าเพนกวินเห็นสาวน้อยคนนี้เข้า มันก็เดินมายืนดูเธอนานเป็นชั่วโมงๆ ถึงกับไม่ยอมกินข้าวกินปลาเลยทีเดียว ความรักอันบริสุทธิ์ของเจ้าเพนกวิน ทุกคนรับรู้และเข้าใจว่ารักเธอมากเพียงใด ตรงอนุสรณ์ก็จะมีรูปของ Hululu ไปแปะไว้อยู่ ความรักอันสุดแสนประหลาดนี้ได้สร้างรอยยิ้มไว้ให้กับผู้คนจำนวนมาก และเหมือนกับฝันที่เป็นจริง เมื่อผู้วาดการ์ตูนเรื่องดังกล่าว Mine Yoshizaki ได้วาดภาพเจ้าเกรปคู่กับแฟนสาวของมันขึ้นมา เพื่อเป็นการระลึกถึงความน่ารักของเจ้าเพนกวินตัวนี้ ผู้วาดสร้างผลงานให้มันได้เข้าไปอยู่กับสุดที่รักได้ในที่สุด แม้แต่ห่วงเล็กๆ…
-
เพราะไฟป่าทำให้ครอบครัวต้องพลัดพรากสัตว์เลี้ยง แต่ “เจ้าหมา” ยังรอคอยอยู่ตรงที่เดิม…
เมื่อไม่กี่วันมานี้เราคงได้ติดตามข่าวไฟป่าในแคลิฟอร์เนียที่เผาทำลายแหล่งผลิตไวน์ รวมทั้งบ้านเรือน จนต้องมีการอพยพผู้คนกว่า 25,000 คน นอกจากความเสียหายของบ้านเรือนและทรัพย์สินแล้ว บางครอบครัวยังต้องสูญเสียสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักด้วย แต่โชคดีที่มีครอบครัวหนึ่งได้กลับมาพบกับสุนัขของพวกเขาในที่สุด นี่เป็นเรื่องราวสุดซึ้งของครอบครัวพ่อแม่ของ Beckyjean Widen ที่ประสบกับภัยพิบัติจากไฟป่าที่ลามเข้ามาถึงบ้านเรือนพวกเขา เหตุการณ์นี้ทำให้ครอบครัวไม่มีทางเลือก นอกจากต้องทิ้งทุกอย่างรวมทั้งของมีค่าไว้ที่นั่นและหนีออกมาให้เร็วที่สุด เพื่อเอาตัวรอด ที่น่าเศร้าคือ Izzy สุนัขผู้เป็นที่รักของพวกเขาได้หายไปก่อนเกิดไฟไหม้เพียงไม่กี่นาที จึงทำให้ครอบครัวต้องพลัดพรากกับมันตั้งแต่นั้น อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ไฟดับหมดแล้ว ครอบครัวก็ตัดสินใจกลับไปยังบ้านที่ตอนนี้เหลือแต่ซาก แต่ไม่น่าเชื่อว่า Izzy มารอพวกเขาอยู่ที่นั่น ด้านล่างนี้เป็นคลิปขณะที่ครอบครัวกลับไปตามหาน้องหมา โดยพยายามปรบมือเพื่อเรียกหามัน ในคลิปจะเห็นว่าบ้านเรือนบริเวณนั้นถูกไฟไหม้จนหมด และแทบจะไม่มีเห็นสิ่งมีชีวิตเคลื่อนไหวอยู่เลย แต่ใครจะไปคิด เมื่อพวกเขาเดินมาใกล้ถึงที่ที่เคยเป็นบ้าน อยู่ๆ ก็มีสิ่งมีชีวิตเคลื่อนที่ มันคือเจ้าหมา Izzy ที่วิ่งออกมาต้อนรับพวกเขาด้วยความดีใจ ไม่มีใครรู้ว่าช่วงที่เกิดไฟไหม้น้องหมาไปอยู่ที่ไหน แต่เห็นได้ชัดว่าขนของมันไม่มีรอยไหม้เลยสักนิด แถมยังกลับมารออยู่ที่บ้าน แม้บ้านจะถูกไฟไหม้ไปแล้วก็ตาม น้องหมาดูเหนื่อยและหิวน้ำ แต่อย่างอื่นมันไม่เป็นอะไรเลย หลังจากนั้นพวกเขาก็พามันไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอีกที หลังจากที่ Widen โพสต์คลิปนี้ในเฟซบุ๊กก็มีคนเข้ามาดูจำนวนมาก หลายคนถึงกับร้องไห้ด้วยความดีใจที่เห็นน้องหมาวิ่งออกมาต้อนรับเจ้าของ…
-
ชาวเน็ตร่วมแชร์ความแปลกของ ‘เพื่อนบ้าน’ ถ้าได้อยู่ข้างกันล่ะก็คงมีแต่เรื่องบันเทิงแน่!!
เราอาจจะเคยเจอเพื่อนบ้านที่ใจดีบ้าง เพื่อนบ้านหยิ่งบ้าง หรือแม้กระทั่งเพื่อนบ้านที่ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย แล้วมีเคยเจอเพื่อนบ้านแปลกๆ มั้ย? อย่างเพื่อนบ้านเหล่านี้ที่ชอบทำอะไรแปลกไปจากคนทั่วไป จนบางทีก็ออกจะน่ากลัวไปซะหน่อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นการสร้างความบันเทิงให้เพื่อนบ้านขี้เผือกอย่างเราๆ 1. ดัดแปลงระเบียงให้เป็นเรือโจรสลัด อืม คิดอะไรอยู่หนอ? 2. เจอแบบนี้ คุณจะคิดว่าเขาเป็นเพื่อนบ้านที่แปลกมั้ย? 3. ปกติเห็นแต่กวางลากซานต้า แต่นี่เอาซานต้าลากกวาง 4. เพื่อนบ้านกำลังประชุมกับแตงโมตอนตี 3!? 5. เพื่อนบ้านพานกแก้วไปเดินเล่น? 6. เพื่อนบ้านนำก้อนหิมะมาแช่แข็ง เพื่อเอาไว้ปาเล่นในช่วงฤดูร้อน 7. เอาเทปมาปิดรอยแตก แต่พอเพื่อนบ้านวัย 92 ปี มาเห็น คิดว่าติดเลขที่บ้านและเอามาแปะบ้าง 8. ระเบียงข้างบนเป็นของ 2 หนุ่ม ชั้นล่างเป็นของ 2 สาว นี่แหละความต่างของผู้หญิงกับผู้ชาย 9. เพื่อนบ้านติดป้ายไม่ให้ทิ้งก้นบุหรี่ลงในสวน เพราะเจ้าเหมียวชอบเอามาสูบต่อตอนกลางคืน และพวกเขาพยายามให้มันเลิกอยู่ …
-
จีนจัดนิทรรศการภาพถ่าย ‘แอฟริกา’ เทียบชนพื้นเมืองกับสัตว์ป่า… จนกลายเป็นการเหยียดผิว
กลายเป็นประเด็นดราม่าในโซเชียลเมื่อพิพิธภัณฑ์จีนจัดนิทรรศการภาพถ่ายที่มีการเทียบภาพชนพื้นเมืองคู่กับสัตว์ป่า จนถูกมองว่าเป็นการเหยียดชนชาติอื่น นี่คือนิทรรศการภาพถ่ายที่จัดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์ Hubei Provincial Museum เป็นชุดภาพที่ทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองความสามัคคีระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ซึ่งถ่ายโดยช่างภาพและนักธุรกิจระหว่างเดินทางไปแอฟริกาในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นิทรรศการนี้มีชื่อว่า “This is Africa” ภายใต้หัวข้อ “One’s heart makes one’s appearance” โดยนำเอาภาพเด็กและผู้ใหญ่ที่เป็นชนพื้นเมืองของแอฟริกามาประกบคู่กับภาพสัตว์ป่าชนิดต่างๆ ในชุดภาพดังกล่าวนี้ประกอบด้วยภาพชายชราประกบคู่กับลิง อีกภาพเป็นรูปของชายชาวแอฟริกาในท่าที่มองผ่านไหล่ตัวเองประกบกับภาพเสื้อชีต้าที่ทำท่าคล้ายกัน มีภาพเด็กอ้าปากกว้างวางคู่กับภาพกอริลลา และอื่นๆ อีกมากมาย ในบรรดาภาพเหล่านั้นมีภาพของกลุ่มนักเรียนแอฟริกาในประเทศจีนอยู่ด้วย และเมื่อรู้ว่ามีคนเอาภาพพวกเขาไปแสดงที่พิพิธภัณฑ์โดยประกบคู่กับสัตว์ที่ทำท่าคล้ายกัน จึงได้มีการขอร้องไม่ให้ระบุชื่อของพวกเขา เพราะกลัวจะถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสงสัยว่าลักลอบเข้ามา หลังจากที่ถูกร้องเรียน ทางพิพิธภัณฑ์ก็ได้เอาภาพดังกล่าวออก อย่างไรก็ตามนักเรียนแอฟริกาได้แจ้งเรื่องนี้ให้ทางคณบดีของมหาวิทยาลัยทราบ ในขณะที่คนอื่นๆ ได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยังสถานทูตแอฟริกาในจีน สำหรับนิทรรศการนี้ได้จัดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว เพื่อเป็นการฉลองวันหยุดแห่งชาติ 8 วันของจีน ซึ่งมีคนเข้าเยี่ยมชมพิพิภัณฑ์นั้นไปแล้ว 133,000 คน ต่อมา Wang Yuejun ผู้วางแผนจัดนิทรรศการนี้ได้ออกมาแถลงว่า “เราเข้าใจทุกๆ ความเห็นที่ร้องเรียนเข้ามา แต่ผมอยากเรียนให้ทราบว่าผู้เข้าชมนิทรรศการส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ในทัศนะของคนจีนการเปรียบเทียบคนกับสัตว์นั้นไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจเลย” Wang ยังชี้ให้เห็นว่า ชาวจีนมักจะบูชาเทวรูปสัตว์ และในระบบจักรราศีเกิดของจีนก็มีความเกี่ยวข้องกับสัตว์ด้วย…
-
ภาพถ่ายแนวธรรมชาติยอดเยี่ยมประจำปี 2017 ของ Nationl Geographic งามๆ ทั้งนั้น
โลกนี้เต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงามที่เราคงได้เห็นไม่หมดในชีวิตนี้ อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณช่างภาพหลายๆ คนที่ได้เก็บภาพความงดงามเหล่านั้นมาให้เราได้ดูกัน และนี่คือภาพถ่ายแนวธรรมชาติที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมประจำปี 2017 ของ Nationl Geographic ที่ทำให้รู้ว่าโลกนี้น่าหลงใหลแค่ไหน “Smile For The Camera” ถ่ายโดย Gary Peart ขณะที่ช่างภาพแอบดูจระเข้อเมริกันผ่านน้ำใสๆ จู่ๆ มันก็ว่ายเข้ามาใกล้เกือบชนจมูก แม้ช่างภาพจะรู้สึกลัวจนมือไม้สั่น แต่เขาก็พยายามรวบรวมสติแล้วก็เก็บภาพอันน่าทึ่งนี้ไว้ได้ “Over Glacial Waters” ถ่ายโดย Shane Kalyn ภาพนี้ถ่ายขณะที่ช่างภาพบินอยู่เหนือแม่น้ำโฮล์มส์ในรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา แม่น้ำสีฟ้าตัดกับผืนป่าสีเขียวช่างเป็นภาพที่งดงามมาก “There Is Always Room For One More” ถ่ายโดย Eivor Kuchta กลุ่มแกะน้อยกำลังเบียดกันยืนบนก้อนหินจนต้องซ้อนกัน บนเทือกเขาอีแวนส์ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา “Atlantic Puffin” ถ่ายโดย Harry Collins นี่คือนกพัฟฟินแอตแลนติกที่อยู่บนเกาะ Machias Seal นอกชายฝั่ง Maine “On The…
-
ช่างแต่งหน้าสาวกับผลงานการแต่งหน้าแบบสุดหลอน เหมือนจริงซะจนรู้สึกสยึ๋มกึ๋ย
การแต่งหน้าถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง นอกจากจะแต่งให้สวยให้หล่อได้แล้ว ยังสามารถแต่งเป็นแนวอื่นได้ด้วย เช่น การแต่งหน้าแฟนซี ให้ออกมาตลกบ้าง เป็นการ์ตูนบ้าง หรือแม้กระทั่งการทำให้ดูหลอนไปเลย เหมือนกับ Samantha Staines ช่างแต่งหน้าและช่างทำเล็บคนนี้ ที่จะทำให้คุณหลงรักด้วยการโชว์ทักษะการแต่งหน้าหลากหลายแนว โดยเฉพาะแนวหลอนจนทำให้หลายคนลืมไม่ลง Samantha มักจะแต่งหน้าแปลกๆ ไม่ซ้ำใคร เพื่อเป็นการสื่อว่าการแต่งหน้านั้นไม่มีขีดจำกัด และถึงจะดูหลอนไปสักหน่อยก็ตาม สำหรับใครที่สนและอยากลองแต่งหน้าแนวนี้บ้าง หญิงสาวคนนี้ก็ทำวิดีโอสอนให้ด้วยนะ ซึ่งสามารถติดตามได้ที่ช่องยูทูบของเธอ SammyLovesFossas และอินสตาแกรม sammylovesfossas . เหมือนโดนดูดจริงๆ เลย เอิ่ม ช่วยลบความจำตรูที . มีใครให้มากกว่านี้มั้ย . เวลาถูกลมตีหน้าแรงๆ มันก็จะเป็นแบบนี้แหละ . . . . . . . . . . ยึ๋ย!! . . . .…
-
คุณตาที่มักจะไปนั่งทานข้าวกับ ‘รูปถ่าย’ ของภรรยาที่จากไป รักแท้มันช่างงดงามเหลือเกิน
เรื่องราวนี้เริ่มต้นจากทั้งสองพบกันเมื่อปี 1948 ในตอนนั้นคุณตา Clarence Purvis นั้นอายุ 24 ปี ในขณะที่ภรรยาของเขาอายุเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น และถึงแม้ว่าจะมีอายุต่างกันมากถึง 8 ปี แต่ทั้งสองก็สามารถใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้ และอยู่ด้วยกันมานานถึง 60 ปี ทั้งสองชอบทานอาหารที่ร้าน Smith’s Restaurant ที่บ้านเกิดของพวกเขาในรัฐจอร์เจียอย่างมาก และถึงแม้ว่าภรรยาของคุณตาจะจากไปตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่ทุกวันนี้คุณ Clarence ก็ยังคงมาทานอาหารเที่ยงที่ร้านนี้พร้อมกับรูปภาพของภรรยาอยู่เป็นประจำ “เธอยังคงอยู่กับผมตลอดเวลาที่ผมยังมีชีวิตอยู่ และตอนนี้เธอก็ยังคงอยู่ข้างๆ ผม” ชายวัย 93 ปีกล่าว คุณตานั่งทานอาหารโดยมีภาพของภรรยาเขาอยู่ตรงด้านข้าง กรอบภาพแบบตั้งโต๊ะของเธอนั้นช่วยทำให้เขารู้สึกว่าเธอยังคงอยู่กับเขาตลอดเวลา คุณยาย Carolyn Purvis นั้นจากไปเมื่อช่วงเดือนตุลาคมในปี 2013 แต่ถึงแม้ว่าเธอจะจากคุณตาไปแต่สามีของเธอก็ยังคงไม่ลืมเธอ ในทุกๆ วันคุณ Clarence จะเดินทางไปเยี่ยมหลุมศพของเธอวันละ 4 ครั้ง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของเขา ถึงแม้จะมีหลายคนที่แนะนำให้คุณตาหาเพื่อนไว้ดูแลและช่วยให้คลายเหงาสักคน แต่ชายชรากลับปฏิเสธ และเขาก็ยังคงคิดถึงภรรยาอยู่ และความรักอย่างซื่อสัตย์ของเขานั้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เขายอมมอบให้ภรรยาสุดที่รักของเขาอย่างเต็มใจ ภาพถ่ายที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากสามีของเธอ ชมเรื่องราวความรักของคุณตาเพิ่มเติมได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… …
-
นายแบบหนุ่มหล่อ เซอร์ไพรส์วันเกิดให้กับพี่สาวผู้ป่วยดาวน์ซินโดรม อย่างมีความสุขสุดๆ
เรื่องราวอันแสนน่าประทับใจของนายแบบจากเมืองบอสตันผู้หนึ่ง ที่ทำให้กับพี่สาวที่ป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรมของเขา โดยการมอบประสบการณ์การเป็นนางแบบครั้งแรกในชีวิตให้กับเธอ!! คุณ Chris Garafola นายแบบหนุ่มวัย 29 ปี และ Brittany พี่สาววัย 32 ปีของเขา เติบโตมาด้วยกันในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในรัฐเวอร์มอนต์ นอกจากจะเป็นพี่น้องกันแล้วทั้งสองยังเป็นเพื่อนซี้กันอีกด้วย คุณ Chris นั้นประสบความสำเร็จในงานนายแบบของเขา โดยตัวเขาเองนั้นเป็นนายแบบให้กับแบรนด์กีฬาชื่อดังอย่างพูม่า และนิวบาลานซ์ นอกจากนี้เขายังติดอันดับหนึ่งใน 25 หนุ่มฮอตจากการจัดอันดับของนิตยสาร Harper Bazaar อีกด้วย Chris คอยดูแลพี่สาวของเขาอย่างดี และในครั้งนี้เองเขาก็ได้ทำบางอย่างเพื่อเธอ “ผมตั้งใจทำเรื่องนี้จริงๆ เพราะผมรักพี่สาวของผมมาก” นายแบบหนุ่มกล่าว Chris นายแบบหนุ่มที่มีผู้ติดตามอย่างมากบนอินสตราแกรม . ในตอนเด็กนั้น คุณ Brittany ต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจอยู่หลายครั้ง เนื่องจากอาการป่วยของเธอ ทางครอบครัวต้องพยายามอย่างมากเพื่อหาเงินมารักษาเธอ แต่อย่างไรก็ตาม Chris กลับบอกว่าความยากลำบากเหล่านั้นทำให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้น และทำให้ครอบครัวเขาใกล้ชิดกันมากขึ้น Chris จบการศึกษาด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัย University of Vermont ชายหนุ่มเริ่มเข้าสู่วงการโฆษณา แต่มันก็ไม่ค่อยราบรื่นนัก เขาจึงตัดสินใจที่จะลองเป็นนายแบบดู และเซ็นสัญญาการเป็นนายแบบครั้งแรกในปี 2013 และด้วยความสำเร็จในวงการนายแบบของน้องชาย ทำให้พี่สาวของเขาอยากที่จะลองสัมผัสประสบการณ์นั้นดูบ้าง Chris…
-
หมุดหมายใหม่ของการเมือง Sebastian Kurz ผู้นำคนใหม่แห่งออสเตรีย กับวัยเพียง 31 ปี
ดูเหมือนว่าผลการเลือกตั้งของ ‘ออสเตรีย’ จะสร้างเสียงฮือฮาไปทั่วโลก หลังได้ผู้นำคนใหม่มาดำรงตำแหน่งด้วยวัยเพียง 31 ปีเท่านั้น!! จากผลการเลือกตั้งทั่วไปในออสเตรีย ทำให้นาย เซบาสเตียน คูร์ซ วัย 31 ปี หัวหน้าพรรคประชาชน และรัฐมนตรีต่างประเทศ คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งและได้ครองตำแหน่งผู้นำรัฐบาลที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก เซบาสเตียน คูร์ซ จากผลการเลือกตั้งของประชาชน ทำให้หลายฝ่ายค่อนข้างมั่นใจว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ เซบาสเตียน คูร์ซ ได้รับคะแนนเสียงอย่างล้นหลามจากประชาชน อาจเชื่อมโยงมาจากนโยบายแนวทางของพรรคที่เปลี่ยนมาเป็นพรรคขวาจัด โดยก่อนหน้านี้ เซบาสเตียน คูร์ซ ได้ชูนโยบายที่จะปิดเส้นทางหลักที่ผู้อพยพใช้เดินทางเข้ามาในยุโรป ทั้งในแถบคาบสมุทรเมดิเตอร์เรเนียน และคาบสมุทรบอลข่าน สืบเนื่องจากการเปิดพรหมแดนเมื่อปี 2015 ทำให้ที่ผ่านมามีประชาชนนับหลายแสนคน ที่พยายามอพยพหนีความยากจน และภัยสงครามจากประเทศแถบตะวันออกกลางและที่ต่างๆ นอกจากนั้น เซบาสเตียน คูร์ซ ยังได้ชูนโยบายการลดสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของผู้ลี้ภัยให้ต่ำกว่าปกติ และเพิ่มมาตรการกีดกันไม่ให้ชาวต่างชาติได้รับเงินช่วยเหลือ จนกว่าจะอาศัยอยู่ในออสเตรียครบ 5 ปี ซึ่งที่ผ่านมาทั้งพรรคประชาชน และพรรคเสรีภาพ ต่างก็พยายามเรียกร้องให้มีการรักษาความมั่นคง และความปลอดภัยในบริเวณชายแดนออสเตรีย อีกทั้งยังมีการเรียกร้องให้เนรเทศผู้อพยพที่ไม่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยออกจากประเทศโดยเร็ว…
-
รวมภาพสงครามโลกครั้งที่ 2 จากภาพขาวดำนำมาลงสีใหม่ ทำให้เห็นภาพแล้วได้อรรถรสมากขึ้น!!
ภาพถ่ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นสิ่งที่หาดูได้ยากเพราะว่าระหว่างการสู้รบแต่ละคนก็ต้องพยายามเอาชีวิตของตัวเองให้รอด และนอกจากนั้นในสมัยนั้นยังมีแค่เพียงรูปถ่ายขาวดำเพียงอย่างเดียว แต่ว่าวันนี้มีผู้นำภาพดังกล่าวมาทำให้เป็นภาพสี เขามีชื่อว่า Royston Leonard อายุ 55 ปี จากประเทศเวลส์ เพราะเขาเชื่อว่าภาพที่เป็นสีจะให้ความถูกต้องในการแสดงภาพได้มากกว่า และทำให้เห็นรายละเอียดของทหารอเมริกันระหว่างสงครามว่ามีความลำบากขนาดไหน ซึ่งภาพเหล่านั้นจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นสงครามอย่างไร เชิญชมได้เลย ภาพขณะนาวิกโยธินชื่อ J. Paget ยิงถล่มเหล่า พลซุ่มยิงของญี่ปุ่นในปี 1944 ทหาารสหรัฐพยายามที่จะนำรถบรรจุปืนใหญ่ฝ่าพื้นดินในป่าที่สัญจรได้ยาก และในภาพคือทหารกองพันที่ 3 กำลังติดตั้งปืนใหญ่ในหมู่เกาะโซโลมอน กับระเบิดของญี่ปุ่นได้ทำลายแนวหน้าของสหรัฐ ที่ปาปัวนิวกินี ในระหว่างปี 1942-1943 หลังจากญี่ปุ่นเข้าโจมตี Pearl Harbor อย่างไม่คาดคิดในปี 1941 ทำให้อเมริกาเข้าร่วมสงคราม และในภาพคือกองเรือที่ส่งเข้าไปปกป้องเกาะ Peleliu ในเดือน กันยายน ปี 1944 ภาพนาวิกโยธินสหรัฐเริ่มยิงปืนครกที่เกาะ Solomon รถถังรุ่น M4 Cherman ของกองพันที่ 763 และกองกำลังภาคพื้นกำลังรบที่เกาะโอกินาว่า ในเดือนเมษายนปี 1945 …
-
คุณยายนักเต้นวัย 102 ปี ได้เห็นการเต้นของตัวเองผ่านจอภาพยนตร์เป็นครั้งแรก
วินาทีอันน่าประทับใจของคุณย่าอดีตนักเต้นวัย 102 ปี ที่ได้มีโอกาสเห็นภาพเคลื่อนไหวจากการแสดงของตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิต!! คุณย่า Alice Barker กำลังมีความสุขอย่างมากหลังจากที่ได้มีโอกาสเห็นการแสดงของเธอในช่วงปี 1930 ที่ Harlem Renaissance คลับชื่อดังในยุคนั้น เธอเคยปรากฏตัวในภาพยนตร์โฆาณาและรายการทีวีในสมัยนั้น แต่โดยส่วนตัวแล้วเธอเองไม่เคยมีภาพหรือของที่ระลึกจากการแสดงของเธอเลย นั่นจึงทำให้คุณย่าท่านนี้ไม่เคยได้เห็นภาพการแสดงของเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่หลังจากที่ได้พบกับ David Shuff เมื่อประมาณปีก่อนและได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของเธอ ก็ทำให้คุณย่าท่านนี้ได้มีโอกาสเห็นภาพเคลื่อนไหวของตัวเอง หลังจากใช้เวลาค้นคว้าอยู่นานคุณ Shuff ก็ได้พบกับคุณ Mark Cantor นักสะสมภาพถ่ายเกี่ยวกับดนตรีแจ๊สเจ้าของเว็บไซต์ Jazz on Film ทั้งสองพบว่าคลิปวิดีโอของการเต้นของคุณย่านั้นก็ได้มีการบันทึกไว้เช่นเดียวกัน แต่ทว่ามีการสะกดตัวอักษรผิดทำให้ไม่สามารถค้นเจอได้ คุณ Barker มีความสุขอย่างมากระหว่างที่เธอกำลังชมคลิปวิดีโอดังกล่าว คุณย่าอายุกว่า 100 ปียังจำเพลงที่เธอเต้นวันนั้นได้เป็นอย่างดีเธอร้องเพลงตามด้วยในระหว่างที่ชมวิดีโอนั้น และนอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่า วิดีโอนี้ทำให้เธอรู้สึกอยากจะลุกออกจาเตียงและออกไปเต้นอีกครั้งเลยทีเดียว Barker บอกว่าเธอมีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นนักเต้นมาตั้งแต่วัยเด็กแล้ว เธอเล่าว่าวันหนึ่งระหว่างที่แม่ของเธอออกไปด้านนอกเพื่อหาของบางอย่าง ในตอนนั้นเธอได้ยินเสียงวงดนตรีอยู่ใกล้ๆ และจึงตัดสินใจออกไปเต้นกับพวกเขา “เมื่อแม่ของฉันกลับมา เขาก็ไม่พบฉันแล้ว ในตอนนั้นฉันออกไปเต้นด้านนอกทั้งๆ ที่เปลือยกายเลย ฉันอยากจะเต้นต่อทั้งๆ ที่วงเล่นเสร็จไปแล้ว” คุณย่ากล่าว Shuff ได้แชร์เรื่องราวของคุณยายท่านนี้ลงบนโลกอินเตอร์เน็ต เขาบอกว่าเมื่อคุณย่าได้ดูแล้วมันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นดาราดังเลยทีเดียว นอกจากนี้เขายังได้กล่าวอีกว่า คุณย่ารู้สึกดีมากๆ…
-
นักโบราณคดีพบคำว่า “อัลเลาะห์” บนเสื้อผ้าชาวไวกิ้ง หรือว่าพวกเขานับถืออิสลาม!?
ศาสนาเป็นสิ่งที่อยู่ควบคู่กับมนุษย์มาทุกยุคทุกสมัย เพราะว่าเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่ใครจะไปเชื่อล่ะว่าชนเผ่าโบราณอย่างไวกิ้งอาจจะนับถือศาสนาอิสลามก็เป็นได้!! เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการค้นพบสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจหลังจากที่นักโบราณคดีได้พบคำว่า “Allah” บนชุดที่พวกเขาใช้สำหรับฝังศพ ผู้เชี่ยวชาญได้ค้นพบเสื้อผ้าในหลุมศพของชาวไวกิ้งซึ่งน่าจะมีอายุ 9 หรือ 10 ศตวรรษที่ผ่านมาในประเทศสวีเดน ซึ่งมีคำว่า Allah และ Ali ทอไว้บนเสื้อผ้า ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับอิทธิพลของศาสนาอิสลามในพื้นที่สแกนดิเนเวียขึ้นมา Annika Larsson ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งทอโบราณประจำมหาวิทยาลัย Uppsala ในประเทศสวีเดน บอกว่าวัสดุที่ใช้ทำผ้าน่าจะมาจากเอเชียกลาง เปอเซียหรือจีน และเธอยังบอกอีกด้วยว่าลวดลายบนผ้านั้นไม่ใช่รูปแบบของชาวสแกนดิเนเวียแต่เป็นภาษาอารบิกโบราณมากกว่า “เรารู้มาจากการขุดหลุมศพของชาว Viking หลุมอื่นว่า บางคนก็ถูกฝังจากที่ที่เขาจากมาอย่าง เปอร์เซีย ซึ่งเป็นที่ที่ศาสนาอิสลามโดดเด่นเป็นอย่างมากเลย” Larsson กล่าว อย่างไรก็ตามการค้นพบครั้งนี้ก็ทำให้เห็นว่าการฝังศพในยุคของชาว Viking อาจจะได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาอิสลามที่เชื่อเรื่องชีวิตที่เป็นอมตะหลังความตาย นี่เป็นการค้นพบสิ่งของที่ระบุถึง Ali เป็นครั้งแรกในสแกนดิเนเวีย และทีมโบราณคดีก็กำลังหาให้ได้ว่าศพนี้มาจากที่ไหนกันแน่? ที่มา: Metro
-
เครื่องดื่มชูกำลังทำชายคนหนึ่งเกือบตาย แต่รักแท้ของภรรยาได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้
เครื่องดื่มชูกำลังในปัจจุบันมีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ ซึ่งเครื่องดื่มชนิดนี้มีฤทธิ์ทำให้กระปรี้กระเป่าอยู่ช่วงหนึ่ง หลายคนจึงใช้มันเพื่อให้ผ่านวันยากๆ ไปจนกลายเป็นเสพติดโดยไม่รู้ตัว แต่มีเหตุการณ์หนึึ่งที่เครื่องดื่มชูกำลัง เกือบทำให้ชีวิตของคนสามคนต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล เพราะว่ามันทำให้เกิด ภาวะเลือดออกในสมองจนนำไปสู่เรื่องแย่ๆ ที่ไม่คาดฝัน เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นที่ Brianna หญิงสาวที่ขณะนั้นตั้งท้องได้ 9 เดือนและมีกำหนดคลอดในอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้าได้รับโทรศัพท์จากแม่สามีของเธอว่า “สามีของเธอประสบอุบัติเหตุ” เธอจึงขับรถไปกว่า 2 ชั่วโมงเพื่อจะไปหาสามีของเธอที่มีชื่อว่า Austin ผู้เป็นทั้งคนรักและเป็นพ่อของลูกเธอ เมื่อไปถึงทีมแพทย์ได้บอกกับเธอว่าเขามีภาวะเลือดออกในสมอง เนื่องจากการกินเครื่องดื่มชูกำลังมากเกินไป ซึ่งนี่เริ่มกลายเป็นนิสัยของเขาตั้งแต่ที่เขาเริ่มทำงานหนักขึ้น การผ่าตัดเริ่มขึ้นในเวลาต่อมาโดยใช้เวลาทั้งหมดกว่า 5 ชั่วโมง แน่นอนว่าเป็นช่วงที่ทนทุกข์ทรมานอย่างมากสำหรับเธอ เมื่อการผ่าตัดเสร็จสิ้นปรากฎว่าเขามีกระโหลกที่ยุบลงไปจนเกือบจะจำไม่ได้ และในวันต่อมามีการผ่าตัดสมองอีก 2 รอบ ทำให้มีอาการที่ไม่ค่อยสู้ดีนักทั้ง ชัก หัวบวม และอาการอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก แต่ Brianna ก็ไม่เคยหมดหวังในสามีของเธอ และไม่กลัวว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ขอแค่ให้ได้อยู่เคียงข้างกันก็พอ ซึ่งขณะที่ Austin นอนอยู่โรงพยาบาล Brianna ก็ต้องไปทำงานที่มหัศจรรย์ที่สุดในโลกอย่างการคลอดลูก โดยเธอบอกไว้ว่า “ฉันจะไม่โกหกใครหรอก มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ฉันได้คิดไว้ว่าสามีของฉันจะมาเป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ คอยอยู่เคียงข้างฉัน จับมือฉัน เป็นคนตัดสายสะดือ และให้การต้อนรับลูกชายของเราที่จะออกมาลืมตาดูโลก…
-
บริษัทชุดสูทผู้หญิงทำโฆษณาให้ผู้ชายเปลือยเป็นตัวประกอบ นำไปสู่ประเด็นร้อนในโซเชียล
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการโฆษณาเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อยอดการขายสินค้ามาก ดังนั้นผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงมักทุ่มเทให้กับการโฆษณาเป็นหลัก เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคให้มากที่สุด แต่ดูเหมือนโฆษณาตัวล่าสุดของ Suistudio จะเป็นการฉีกกฏการโฆษณาแบบเดิมๆ มากเกินไป จนนำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ทั่วโลกออนไลน์ในขณะนี้ Suistudio เป็นบริษัทชุดสูทผู้หญิง ได้ออกแคมเปญโฆษณาตัวล่าสุดภายใต้หัวข้อ “Not Dressing Men” ซึ่งน่าสะดุดตาตรงที่ว่าให้ผู้ชายเปลือยกายอยู่ในแคมเปญด้วย แม้ว่านี่จะเป็นการโฆษราชุดสูทผู้หญิง แต่ทางบริษัทได้นำผู้ชายเปลือยกายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของภาพ เพื่อเป็นการดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค อย่างไรก็ตามหากสังเกตดูดีๆ บริษัทจะเน้นที่ตัวนางแบบในชุดสูทเป็นหลัก โดยให้ผู้ชายเปลือยเป็นเพียงแค่ฉากประกอบเท่านั้น อย่างเช่น เฟอร์นิเจอร์ โฆษณาชิ้นนี้เรียกได้ว่าเป็นการฉีกกฏเดิมๆ ของวงการโฆษณาไปเลย ซึ่งก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีคนจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วย บางคนบอกว่า Kristina Barricelli ประธาน Suistudio และทีมงานโฆษณาชิ้นนี้ ส่งเสริมให้มองมนุษย์เป็นเพียงแค่วัตถุชิ้นหนึ่งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม Barricelli ได้ออกมาอธิบายว่า นั่นไม่ใช่เจตนาของบริษัท สิ่งที่เธอต้องการสื่อคือ ‘การให้ผู้ชมได้พิจารณาในเรื่องบทบาททางเพศผ่านการโฆษณา’ ชายเปลือยที่มีบทบาทเหมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่ง นางแบบในชุดสูทจะถูกชูให้โดดเด่นกว่าชายที่นอนเปลือย แต่หลายคนเข้าใจว่านี่เป็นการส่งเสริมให้มองมนุษย์เป็นแค่วัตถุเท่านั้น ชาวเน็ตรายหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นว่า “ไม่มีใครสมควรถูกทำให้เป็นเพียงแค่วัตถุเท่านั้น” ผู้ชายคนนั้นอาจเป็นเพื่อน พี่ชาย…
-
ทำไมคนเกาะซามัว 95% ถึงเป็นโรคอ้วน บทเรียนที่ประเทศไทยควรเอามาคิดตาม..!?
ไม่น่าเชื่อว่า ‘ประเทศซามัว’ กำลังเผชิญปัญหาวิกฤตโรคอ้วนที่มีประชากรเป็นมากถึง 95% เลยทีเดียว และนับว่าเป็นประเทศที่มีประชากรเป็นโรคอ้วนเยอะที่สุดในโลก อีกทั้ง 1 ใน 3 ของประชากรยังป่วยเป็นเบาหวานอีก..!! และคราวนี้เราจะพาไปหาคำตอบกันว่า ทำไมประชากรที่นี่ถึงต้องเผชิญกับวิกฤตโรคอ้วน ซึ่งทั้งหมดนี้อาจเป็นบทเรียนที่ทำให้คนไทยเราหันมารักสุขภาพกันมากขึ้น Tavita ชาวพื้นเมืองอีกคนหนึ่งที่กำลังต่อสู้กับโรคอ้วน อดีตคนขับแท็กซี่ Tavita เล่าว่า ก่อนหน้านี้เขามักจะดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำวันละ 2 ลิตร ขนมหวานจุกจิก อีกทั้งยังรับประทานแต่อาหารประเภทที่มีไขมันสูง “ผมรู้สึกเป็นห่วงสุขภาพตัวเองมากๆ ตอนนี้น้ำหนักตัวมันมากเกินไป และมันก็ส่งผลต่อการใช้ชีวิตของเรา ด้วยความรักที่มีต่อภรรยาและลูกๆ เราก็อยากจะอยู่กับพวกเค้าไปนานๆ” Tavita กล่าว แต่ดูเหมือนว่าปัญหา ‘โรคอ้วน’ ของชาวซามัวจะมีปัจจัยที่มากกว่าพฤติกรรมการบริโภคแบบจุกจิก เพราะข้อมูลจาก WHO พบว่า พฤติกรรมการบริโภคยังส่งผลตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงสุขภาพโดยรวมด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นยังพบว่ากว่า 9 ใน 10 ของชาวซามัว ยังต้องต่อสู้กับโรคอ้วน และตัวเลขของผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภท 2 ในแต่ละปีพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าใจหาย (เบาหวานประเภท 2 ส่วนใหญ่มักเกิดในกลุ่มคนอ้วนที่ขาดการออกกำลังกาย…
-
เที่ยวบินเลขเฮี้ยน 666 สู่ HEL (เฮลซิงกิ) บินเวลา 13.20 ในวันศุกร์ 13 ต.ค. เครื่องบินอายุ 13 ปี
ดูเหมือนว่าความเชื่อเกี่ยวกับเลข 13 ของฝั่งตะวันตกจะเป็นอะไรที่ถูกฝังลึกมานาน คล้ายกับความเชื่อเรื่องผีในบ้านเรานั่นแหละ แต่บางทีถ้ามันนานมากไปมันก็อาจกลายมาเป็นกิมมิคสนุกๆ แบบนี้ได้ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 2017 ที่ผ่านมา สายการบิน Finnair ได้จัดกิมมิคทริปสู่นรก เอาใจผู้โดยสารบนไฟลท์บิน AY666 ออกเดินทางจากกรุงโคเปเฮเก้น สู่เมืองเฮลซิงกิ (HEL) ด้วยเวลานาน 13 ชั่วโมง..!! (เต็มไปด้วยเลขเฮี้ยนๆ ทั้งนั้น) เที่ยวบิน AY666 พร้อมจะพาทุกท่านไปสู่นรก เอ๊ยยเมืองเฮลซิงกิแล้วจ้า (เวลาที่ออกก็ตอน 13.20 อีก) กัปตันเที่ยวบิน Juha-Pekka Keidasto ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เครื่องบินลำดังกล่าวก็มีอายุ 13 ปีแล้วเช่นเดียวกันนะ!! แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่มีการให้บริการเที่ยวบินหลอนๆ แบบนี้ เพราะตลอดเวลา 11 ปีที่ผ่านมามีเที่ยวบิน AY666 ทุกวันศุกร์ที่ 13 แล้วมากกว่า 21 ครั้ง แต่ดูเหมือนว่าในความไม่เป็นมงคลที่เชื่อกันมา จะแอบมีประโยชน์อยู่ไม่น้อย เมื่ออ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์…
-
โจรอินหนัก… เรียนรู้วิถีนินจาจาก ‘นารูโตะ’ ได้ไม่นาน ออกไปลองวิชา แต่สุดท้ายไปไม่รอด
เชื่อแน่ว่าในวัยเด็ก หลายๆ คนอาจจะเคยเลียนแบบตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบและอาจจะเคยเชื่อว่าตัวเองมีพลังแห่งจันทราแบบเซเลอร์มูนแน่ๆ แต่บางครั้งการเล่นสนุกแบบเด็กๆ นั้นอาจจะทำให้คุณถูกจับได้ ถ้าหากนำพลังวิเศษเหล่านั้นไปใช้ผิดที่แบบชายคนนี้!! นาย Christopher Zahyeer Atkins ชายหนุ่มเกะนินวัย 25 ปี ผู้ร้อนวิชากำลังอยากจะลองวิชานินจาของเขา แต่ทว่างานนี้พ่อหนุ่มจากหมู่บ้านโคโนฮะของเราทำไม่สำเร็จ หลังจากที่เขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจากแอตแลนตา จับกุมตัวได้ เมื่อกลางดึกของวันจันทร์ที่ผ่านมา ชายคนดังกล่าวถูกจับกุมตัวได้ระหว่างที่กำลังบุกเข้าไปขโมยของในร้าน Target เมื่อเวลาประมาณตี 1 เจ้าหน้าที่ Anwar Sillah จากสถานีตำรวจ Dunwoody เล่าว่าผู้ต้องหาคนนี้บอกว่าเขากำลังใช้พลังของเขาในการยกประตูขึ้น คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดของร้านได้เผยให้เห็นวินาทีที่ชายคนดังกล่าวกำลังพยายามที่จะพังประตูของร้าน และนั่นจึงเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสินใจเข้าจับกุมเขา “ชายคนนี้ได้ให้คำให้การกับเจ้าหน้าที่ว่าหลังจากที่เขาได้อ่านหนังสือการ์ตูนนารูโตะเล่มที่ 5 และได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิชานินจาในการ์ตูนเรื่องนั้น เขาจึงคิดว่าเขาสามาถหลบหนีจากระบบรักษาความปลอดภัยและเข้าไปในร้านค้านั้นได้” เจ้าหน้าที่ Sillah ให้สัมภาษณ์ และเพจของสถานีตำรวจ Dunwoody เอง ก็ได้ออกมากล่าวถึงพ่อหนุ่มเกะนินผู้นี้เช่นกัน นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังได้ให้สัมภาษณ์อีกว่า นาย Atkins นั้นเป็นหนึ่งในผู้ลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่พบว่าสัมภาระของเขานั้นมีเพียงถุงหนังสือเก่าๆ เครื่องเล่นดีวีดี และของใช้เก่าๆ อีกนิดหน่อยเท่านั้น ขณะนี้ชายคนดังกล่าวถูกตั้งข้อหาลักขโมยในระดับ 1 และกำลังรอการพิจารณาคดีในขั้นตอนต่อไป และแล้วเส้นทางการเป็นจูนิน ของชายหนุ่มก็จบลงเพียงเท่านี้ โถ่… คุณตำรวจก็!! ที่มา orlandosentinel, fox26houston, nextshark
-
โลกมันอยู่ยาก.. หญิงสาวกลับบ้านตอนกลางคืน แค่คืนเดียวโดนล่วงละเมิดทางเพศถึง 3 ครั้ง!?
บ่อยครั้งที่เราได้ยินข่าวเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ และโดยส่วนมากนั้นผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการกระทำดังกล่าวก็หนีไม่พ้นผู้หญิงนั่นเอง และหญิงสาวผู้นี้เองก็ตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดทางเพศ แต่สำหรับกรณีของเธอนั้นกลับแย่กว่า เพราะในระหว่างการเดินกลับบ้านในตอนดึกนั้นเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศถึง 3 ครั้งในคืนเดียว หลังจากที่เดินออกจากไนต์คลับแห่งหนึ่งของเมือง Tower Hamlets ทางตะวันออกของกรุงลอนดอน เธอก็ตกเป็นเป้าหมายของชายเแปลกหน้าโดยทันที โดยทางตำรวจกล่าวว่าผู้ต้องสงสัยหมดนั้นไม่มีความเชื่อมโยงกันแต่อย่างใด นักศึกษาสาวผู้ตกเป็นเหยื่อของการกระทำดังกล่าวไม่สามารถจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอได้ โดยทางตำรวจคาดว่าในตอนนั้นเธอน่าจะอยู่ในอาการเมาไม่ได้สติ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา หลังจากที่หญิงสาวแยกตัวจากเพื่อนๆ ของเธอที่ไนท์คลับ และกำลังเดินทางกลับบ้าน ภาพของเธอปรากฏบนกล้องวงจรปิดประมาณ 5 ทุ่ม 55 นาทีของคืนวันเกิดเหตุ โดยผู้ต้องสงสัยรายแรกนั้นปรากฏตัวขึ้นที่ถนน Cambridge Heath Road ก่อนที่จะพบเสื้อของเธอตกอยู่ในบริเวณดังกล่าว จากนั้นเวลาใกล้เคียงกันกล้องวงจรปิดอีกตัวได้จับภาพของผู้ต้องสงสัยคนที่ 2 ที่กำลังเดินผ่านถนนพร้อมกับจักรยานของเขา ซึ่งทางตำรวจเชื่อว่าชายคนดังกล่าวกำลังเดินตามเธอไปยังสถานีรถไฟ Bethnal Green และหลังจากนั้นหญิงสาวคนดังกล่าวก็เดินออกมาพร้อมกับสภาพเหมือนถูกข่มขืน ผู้ต้องสงสัยจากภาพของกล้องวงจรปิด จากนั้นไม่นานทางตำรวจเชื่อว่า เธอถูกล่วงละเมิดทางเพศอีกครั้งเมื่อราวๆ เที่ยงคืน 45 นาที ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นหนึ่งในสองผู้ต้องสงสัยก่อนหน้านี้ก็ได้ โดยภาพจากกล้องวงจรปิดได้เผยให้เห็นผู้ต้องสงสัยรายที่ 3 เดินเข้าไปในจุดเกิดเหตุ และเดินออกมาจากพื้นที่นั้น พลเมืองดีที่อยู่บริเวณนั้น ได้พบเห็นหญิงสาวคนดังกล่าวกำลังนอนอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด และได้ทำการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อช่วยเหลือเธอ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกมากล่าวว่า การล่วงละเมิดทางเพศหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และพวกเขากำลังสืบสวนพยานต่างๆ เพื่อจับตัวคนร้ายให้ได้…
-
ชายผู้คิดว่าสูญเสียทุกสิ่งไปจากเหตุไฟป่า แต่ยังคงมี ‘เจ้าแมว’ รอดชีวิตท่ามกลางความสิ้นหวัง
ในตอนที่เราต้องสูญเสียทุกอย่างไปความรู้สึกตอนนั้นมันคงจะสิ้นหวังอย่างบอกไม่ถูกแน่นอน เช่นเดียวกับชายคนนี้ที่ต้องรู้สึกว่าชีวิตของเขานั้นไม่เหลืออะไรอีกแล้วจนกระทั่งแสงแห่งความหวังได้เกิดขึ้น ชายหนุ่มคนดังกล่าวชื่อว่า Ed Ratliff วัย 68 ปีที่ต้องสูญเสียบ้านและทุกอย่างไปจากเหตุไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2017 ที่ผ่านมา ชายผู้ต้องสูญเสียบ้านไปเพราะไฟป่า เขาเล่าว่าในตอนตี 2 ของวันนั้นเกิดเหตุการณ์ไฟป่าขึ้นในบริเวณบ้านของเขา ในช่วงเวลาคับขันนั้นเจ้าเหมียวของเขา Milo ได้รีบวิ่งหนีหายไป ส่วนตัวของเขาเองก็ทำได้เพียงขับรถหนีออกไปเท่านั้น ไฟป่าที่ลุกลามมาอย่างหนักทำให้บ้านของเขาต้องวอดไปจนหมดและเขาก็รู้สึกสิ้นหวังกับทุกสิ่งรวมถึงเจ้าแมวที่ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง วันต่อมาเจ้าหน้าที่จากสำนักงานนายอำเภอเมือง Sonoma ได้เข้าไปค้นหาพื้นที่ในบริเวณบ้านของเขาหลังจากที่ได้ยินเสียง “เมี้ยววว” แหน่ะ!! เจอซักทีนะเจ้าเหมียว ตอนแรกมันก็ยังคงไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่และไม่ยอมออกมา แต่พอเริ่มเอาอาหารมาล่อมันก็รู้สึกไว้วางใจมากขึ้น หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้โพสต์คลิปเจ้าหน้าที่กำลังช่วยเหลือเจ้าแมว Milo ให้ออกมาจากใต้ท้องรถพร้อมข้อความว่า “ผู้ควบคุมกฎหมายพร้อมบริการความช่วยเหลือให้กับทุกวิกฤตในชุมชน” เมื่อเจ้าเหมียวออกมาพวกเขาก็รีบพามันไปที่โรงพยาบาลสัตว์ของเมืองทันที เมื่อไปถึงทางโรงพยาบาลก็ได้โพสต์รูปภาพของเจ้าเหมียวลงในโซเชียลมีเดียจนทำให้ Ratiff ที่ไปพักอยู่ทางใต้ของรัฐในตอนนั้นรีบมาหามันอย่างเร็วไว ในที่สุดก็ออกมาและพบว่ามันมีแผลไหม้ที่อุ้งเท้า พวกเขาจึงรีบพามันไปโรงบาล คลิปเจ้าหน้าที่พยายามช่วยเหลือเจ้าเหมียวออกมาจากใต้ท้องรถ ในที่สุดเพื่อนซี้ทั้งสองก็ได้กลับมาเจอกัน เจ้าเหมียวได้ทำใหเขากลับมามีความหวังในการใช้ชีวิตอีกครั้ง เขาบอกว่าจริงๆ ไม่ได้เป็นคนชอบแมวเลย ชอบหมามากกว่า…
-
สาวญี่ปุ่นร่วมโหวต 7 อันดับการ ‘ถูกบอกเลิก’ ที่ทำร้ายหัวใจพวกเธอมากที่สุด!!
ชีวิตคู่ของหลายคนบางครั้งเมื่อมาถึงจุดจุดหนึ่งการเลิกรากันไปอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่เราต้องเลือกวิธีการบอกเลิกให้ดีเพราะเราอาจทำให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากกับการถูกเลิกก็ได้ ในประเทศญี่ปุ่น จึงได้มีการใช้แบบสอบถามของ DoCoMo ที่รวบรวมประสบการณ์การถูกบอกเลิกอันแสนเจ็บปวดมาให้หญิงสาวชาวญี่ปุ่นวัยราวๆ 30 ในเมืองโตเกียว ได้เข้ามาตอบว่าสถานการณ์แบบไหนที่ทำให้พวกเธอรู้สึกเจ็บมากที่สุด ผลโหวตทั้งหมดได้ออกมาเป็น 7 การบอกเลิกที่เลวร้ายมากที่สุดสำหรับพวกเธอ 7. ถูกบอกเลิกหลังจากที่ความลับโดนเปิดเผยและอีกฝ่ายรับไม่ได้ (โหวต 141 คน/ 1 เปอร์เซ็นต์) หลายคนมองว่าสถานการณ์นั้นสมควรแล้วที่จะถูกบอกเลิก แต่ก็ยังมีบางส่วนที่คิดว่าเรื่องของตัวเองควรได้รับการให้อภัยไม่น่าถึงขนาดต้องเลิกคบกัน 6. ถูกบอกเลิกในที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำของทั้งสองคน (โหวต 245 คน/ 3 เปอร์เซ็นต์) เป็นตรรกะของบางคนที่คิดว่าการทำลายความทรงจำที่ดีที่มีให้กันไปซะจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่บางครั้งมันกลับทำให้อีกฝ่ายรู้สึกทรมานมากที่สุดก็ได้ 5. ถูกบอกเลิกหลังจากที่ทะเลาะกันอย่างหนัก (โหวต 245 คน/ 3 เปอร์เซ็นต์) จากคู่รักที่สนิทกันมากๆ บอกไว้ว่าการทะเลาะกันจะช่วยแยกแยะอารมณ์และปัญหาออกมาเพื่อแก้ไขมันให้ดีขึ้นได้ แต่บางครั้งการโต้เถียงบางเรื่องก็ไม่สามารถเรียกความรู้สึกเดิมกลับมาได้แม้อีกฝ่ายจะพยายามมากขนาดไหนก็ตาม 4. ถูกบอกเลิกในตอนที่ไปเจอกับพ่อแม่หรือคนในครอบครัว (โหวต 658 คน/ 8 เปอร์เซ็นต์) สถานการณ์นี้ไม่ได้มีการบอกว่าไปเจอพ่อแม่ของตัวเองหรือของอีกฝ่าย เลิกกันตอนไปเจอหรือหลังจากนั้น…
-
ประเทศเนเธอร์แลนด์ เตรียมฝึก ‘อีกา’ คาบบุหรี่ เพื่อแก้ปัญหาก้นบุหรี่เกลื่อนเมือง
สิงห์อมควันบางคนเวลาที่สูบบุหรี่เสร็จแล้วก็ทิ้งก้นลงบนพื้นจนเป็นความเคยชิน จนทำให้มองไปทางไหนก็จะมีแต่ก้นบุหรี่เกลื่อนพื้นเต็มไปหมดเช่นเดียวกับเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่พวกเขาได้หาแนวทางการแก้ปัญหานี้เอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้นักออกแบบ Ruben van der Vleuten และ Bob Spikman ได้คิดค้นหุ่นยนต์เก็บก้นบุหรี่ออกมาให้ได้เห็น แต่สุดท้ายโปรเจคท์นี้ก็ต้องสลายไปเพราะไม่สามารถตั้งโปรแกรมให้มันหลบคนเดินผ่านไปมาได้ หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ยอมและได้ไอเดียใหม่ออกมาโดยการใช้สัตว์ที่เราเห็นได้ทั่วไปในเมืองอย่างนกกระจอกหรือนกพิราบ แต่พวกมันก็ติดที่มีสติปัญญาที่น้อยทำให้ฝึกยาก จนกระทั่งเขาไปเจอกับสัตว์ปีกชนิดหนึ่งที่มีความฉลาดเอามากๆ นั่นก็คือ อีกา อีกาถูกจัดว่าอยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่มีความฉลาดมากที่สุดในโลก พวกมันสามารถเรียนรู้จากการสังเกตหรือวางแผนใช้เครื่องมือได้และยังสามารถพบเห็นได้ทั่วไปอีกต่างหาก ดังนั้นมันจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากที่สุดสำหรับงานนี้ นอกจากนั้นตัวช่วยของพวกเขาที่ทำให้แผนออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดก็คือเครื่องมือที่มีชื่อว่า Crow Box จากความคิดของ Joshua Klein เป็นอุปกรณ์ที่มีไว้ฝึกอีกาให้ไปคาบเงินมาแลกกับอาหาร เพราะฉะนั้นเพียงแค่เปลี่ยนจากเงินให้กลายเป็นก้นบุหรี่แทนเท่านี้ก็เรียบร้อย จากนั้นทั้งสามก็ได้เริ่มฝึกอีกาไปตาม 4 ขั้นตอนที่ Joshua ได้คิดเอาไว้ ขั้นตอนแรกคือทำให้พวกมันเห็นว่ามีอาหารและก้นบุหรี่วางอยู่บนถาดในเครื่องมือเพื่อให้มันจดจำความเชื่อมโยงของทั้งสองสิ่ง ขั้นตอนต่อมาคือปล่อยอาหารลงมาจากเครื่องทุกครั้งที่อีกาบินกลับมาเพื่อให้มันรู้ว่าอุปกรณ์นี้เอาอาหารมาให้มันได้ ขั้นตอนที่สามคือวางก้นบุหรี่ทิ้งไว้บนถาดเครื่องมือเพียงอย่างเดียว เมื่อพวกมันไม่เห็นว่ามีอาหารอยู่มันก็จะเริ่มโวยวายก่อนที่จะดันก้นบุหรี่ลงไปในเครื่องทำให้อาหารหล่นลงมาและพวกมันก็จะเริ่มเข้าใจได้ ขั้นตอนสุดท้ายจะให้คนมายืนสูบและทิ้งก้นบุหรี่เอาไว้ใกล้ๆ กับเครื่องมือ เหล่าอีกาทั้งหลายที่ผ่านการเรียนรู้มาทั้งหมดก็จะมาหยิบก้นบุหรี่มาแลกอาหารด้วยตัวเอง ซึ่งถ้าผ่านขั้นตอนนี้ไปได้พวกมันก็พร้อมออกไปเก็บก้นบุหรี่จากด้านนอกกลับมาได้แล้ว ถึงแม้ว่าทุกอย่างดูเหมือนจะพร้อมใช้งานได้จริงแต่ก็มีคำถามที่ว่าแล้วการให้อีกาไปคาบก้นบุหรี่จะไม่ส่งผลเสียกับสุขภาพของพวกมันหรือ? คำถามนั้นผู้คิดค้นได้ให้คำตอบไว้ว่า “อีกาจะคาบแค่ส่วนปลายๆ ทำให้มีโอกาสเกิดผลกระทบน้อยที่สุดรวมถึงการควบคุมจำนวนอีกาในแต่ละจุดที่จะนำเครื่องมือไปตั้งไว้ให้มีจำนวนไม่มาก ยิ่งไปกว่านั้นพวกผมจะยังคงศึกษาเรื่องผลกระทบกันต่อไปเพราะหากพบผลเสียที่เกิดขึ้นกับพวกมัน เราจะเปลี่ยนวิธีทันที”…
-
Harry & Thomas แฝดดาวน์ซินโดรม “คู่แรก” ของอังกฤษ กับการก้าวเข้าสู่วงการนายแบบเต็มตัว
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2560 สำนักข่าวเดลีเมล์ได้เปิดเผยภาพพร้อมเรื่องราวของ Harry และ Thomas Derricott วัย 15 ปี จากเชชเชอร์ “ฝาแฝดดาวน์ซินโดรม” คู่แรกของอังกฤษ ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วงการนายแบบอย่างเต็มตัว และคาดว่าในอนาคตทั้งคู่อาจจะได้เป็นหนึ่งในนักแสดงคณะตลก Ant and Dec อีกด้วย ทางด้าน Jill Perry ผู้เป็นแม่ได้ออกมาเผยว่า “พวกเขาเป็นฝาแฝดที่ชอบทำให้ตัวเองโดดเด่น และอยู่ในความสนใจของคนอื่นๆ ฉันหวังอยากจะให้เด็กทั้งสองคนที่เกิดมาในสภาพนี้ได้รับการช่วยเหลืออย่างใดอย่างหนึ่ง Harry และ Thomas ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นดาวน์ซินโดรมเพียงไม่กี่วันหลังจากที่พวกเขาเกิด แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับฉัน แต่พวกเขาก็สนับสนุน คอยช่วยเหลือกัน และเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกันและกันเสมอมา” อย่างไรก็ตาม Jill ยังมีลูกชายคนโตวัย 22 อีกหนึ่งคน และเธอก็รู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อกำลังจะคลอดลูกแฝดในเดือนสิงหาคม ปี 2001 “ในตอนนั้นฉันหวังว่าพวกเขาจะต้องเป็นฝาแฝดที่สมบูรณ์ที่สุด ฉันคลอดพวกเขาตามธรรมชาติ และแน่นอนว่าน้ำหนักของทั้งสองก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ฉันได้รับอนุญาตให้กอดพวกเขา แต่ไม่เคยทราบเลยว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น” Jill กล่าว…
-
ชีวิตของ “หนุ่มลาออกงานไปเที่ยวกับแมว” ตอนนี้ยังคงเที่ยวอยู่ ที่สำคัญคือไม่คิดจะหยุดง่ายๆ
จำได้ว่าเมื่อช่วงกลางปีของปีที่ผ่านมา เราเคยนำเสนอเรื่องราวของ Richard East หนุ่มชาวออสซี่ที่ยอมลาออกจากงาน เพื่อพาเจ้าเหมียวแสนรักออกผจญภัยทั่วออสเตรเลียกันไปแล้ว ซึ่งต้องบอกเลยว่าเรื่องราวของเขานั้นได้รับความสนใจจากโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก และในครั้งนี้ #เหมียวขี้อ้อน จะขอมาอัพเดทชีวิตสุดคูลของเจ้านายและน้องเหมียวคู่นี้กันอีกครั้ง และนั่นก็จะทำให้คุณได้เห็นว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา คู่นี้เขาได้ออกไปผจญภัยที่ไหนกันบ้าง แหม!! คิดแล้วก็น่าอิจฉาเหลือเกิน ย้อนเวลากลับไปเมื่อหลายปีก่อน Richard ได้ตัดสินใจลาออกจากงานที่เขาทำมากว่า 10 ปี พร้อมกันนี้เขายังได้ทรัพย์สินทุกอย่างที่มี และลงทุนซื้อรถแวนเก่าๆ คันหนึ่ง เพื่อที่จะได้ออกไปท่องเที่ยวกับ Willow แมวเหมียวแสนรัก “ผมขายบ้านและทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตัวเอง และลาออกจากงานที่ทำ ดังนั้น ผมจึงสามารถออกเดินทางตลอดชีวิตได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่สามารถบอกลาได้ก็คือ เจ้าแมวตัวน้อยตัวนี้ ดังนั้น ผมเลยตัดสินใจที่จะพามันไปด้วย” Richard กล่าว Richard และ Willow ได้เริ่มออกเดินทางตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2015 จนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ 2017 นี้ ทั้งคู่ได้เดินทางท่องเที่ยวครบทั้ง 6 รัฐ และ 2 ดินแดนของออสเตรเลีย ด้วยระยะทางกว่า 50,000…
-
หนุ่มโดนอัดคลิปขณะลากลูกหมาตัวน้อยที่หมดเรี่ยวแรงเดิน จนโดนชาวเน็ตด่ายับ
สุนัขมักจะมีความสุขเสมอเวลาที่เจ้าของพาไปเดินเล่นนอกบ้าน แต่มันอาจจะไม่ได้เป็นแบบกับสุนัขทุกตัวเสมอไป เหมือนกับหมาน้อยผู้น่าสงสารตัวนี้ที่ถูกเจ้าของจูงลากไปกับพื้นถนนอย่างโหดร้าย เพราะน้องหมาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเดิน เหตุการณ์นี้ถูกถ่ายโดย Jade Barker วัย 23 ปี ขณะที่เดินสวนกับชายคนหนึ่งที่มาพร้อมกับสุนัข 3 ตัว แม้สองตัวจะเดินนำหน้าปกติ แต่หมาน้อยอีกตัวกลับถูกลากอยู่ข้างหลังเจ้าของ ทราบชื่อเจ้าของหมาในภายหลังว่าเขาคือ Robert Loombe วัย 46 ปี… คลิปดังกล่าวถูกโพสต์ในโซเชียลจนทำให้เจ้าของหมาถูกจับกุมในที่สุด นาย Loombe ได้รับสารภาพในชั้นศาลว่าเขาได้ทำทารุณต่อสัตว์เลี้ยงจริง ทำให้เขาถูกปรับเป็นเงินทั้งสิ้น 18,000 บาท และถูกตัดสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของหมาที่ชื่อ Fatsy ซึ่งเป็นตัวที่ถูกลากในคลิปด้วย หลังจากที่เจ้าของหมารับสารภาพและถูกปล่อยตัว Barker บอกว่าเธอรู้สึกผิดหวังที่ Loombe ไม่ได้ถูกสั่งห้ามไม่ให้เลี้ยงสัตว์อีกต่อไป เธอบอกว่า “มันเป็นการลงโทษที่ไม่ยุติธรรมเลยและเขาก็ถูกปล่อยตัวออกมาง่ายๆ ตอนแรกตำรวจบอกว่าได้นำหมาออกมาจากการดูแลของเขาทั้งหมด แต่ตอนนี้ดูเหมือน Loombe จะพาสุนัขทุกตัวกลับไปอยู่กับเขาเหมือนเดิมแล้ว” “Fatsy คือหมาหนึ่งใน 7 ตัวที่อยู่ในบ้านของ Loombe เขาดูไม่เป็นมิตรตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ และสิ่งที่เขาทำมันก็บ่งบอกชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ได้รักสุนัขเลย” Barker บอก เธอยังได้เล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า “ตอนที่ฉันเห็นหมาน้อยผู้น่าสงสารถูกลากไปกับพื้น ฉันเดินเข้าไปและขออุ้มมันขึ้นมา แต่เจ้าของหมากลับตะคอกใส่ฉันว่า ‘ให้พ้นเลย!!’ จากนั้นน้องหมาก็โดนลากไปอีกกว่า 50 เมตร ฉันเสียใจมากที่ช่วยอะไรมันไม่ได้” …
-
พาไปส่องความงดงามของ ‘บ้านมาโคร’ ที่อังกฤษสร้างขึ้นมาเพื่อลดปัญหาคนไร้บ้าน
ทุกวันนี้มีกิจกรรมดีๆ มากมายที่่ขับเคลื่อนเพื่อคนไร้บ้าน และสำหรับคนที่ไม่มีที่อยู่อาศัยเหล่านี้ คงไม่มีของขวัญชิ้นไหนดีไปกว่าการมีบ้านเป็นของตัวเอง หนึ่งในกิจกรรมเหล่านั้นคือบ้านมาโครหรือที่ใช้ชื่อว่า iKozies ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ที่ทำขึ้นเพื่อจัดการกับคนเร่ร่อนในอังกฤษ โดยการทำบ้านขนาดเล็กมอบให้กับพวกเขา บ้านขนาดเล็กนี้มีพื้นที่ 17.25 ตารางเมตร ซึ่งได้แรงบรรดาใจมาจากเรือยอชท์และห้องโดยสารเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสที่มีราคาอยู่ที่ 1.7 ล้านบาท แม้จะเป็นบ้านที่ทำขึ้นเพื่อคนจรจัดในราคาที่ถูก แต่ก็มีการออกแบบภายในเป็นอย่างดี มีทั้งห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำ และโซนบันเทิงพร้อมด้วยเฟอร์นิเจอร์อย่างครบครัน ส่วนโครงสร้างของบ้านทำด้วยโครงเหล็ก และปิดทับด้วยไม้เนื้อแข็ง ส่วนหลังคาทำด้วยเหล็กลูกฟูกพร้อมติดแผ่นโซลาเซลล์ โครงการดังกล่าวนี้ ดำเนินการโดย Homeless Foundation และมี Spring Housing Association มาจัดการในเร่ื่องของคุณสมบัติของผู้ที่จะได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ สำหรับคนที่ผ่านการคัดเลือกจะต้องรับผิดชอบในเรื่องค่าเช่า ค่าน้ำและค่าอาหารเอง โดยทางทีมงานจะสอนวิธีการอยู่รอดให้พวกเขาก่อน หากโครงการดังกล่าวนี้ประสบความสำเร็จ ทางผู้ดำเนินการติดตั้งบ้านแบบนี้ทั่วประเทศเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศ้ัยในประเทศ และผู้โชคดีคนแรกที่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้คือ Kieran Evans ชายหนุ่มวัย 18 ปี หลังจากที่เขาต้องใช้ชีิวิตเป็นคนเร่ร่อนตลอด 1 ปีที่ผ่านมา Kieran ออกจากบ้านตอนอายุ 17 ปี เขาใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์อยู่ที่โฮสเทล YMCA ก่อนจะย้ายไปอยู่ในบ้านพักชั่วคราวตอนอายุ 18 ปี เขาบอกว่า…
-
ชายหนุ่มขี้เกียจเดินขึ้นบันไดหอพัก เลยสร้างลิฟท์ใช้ส่วนตัว ขึ้นตรงสู่ชั้น 6 ที่มีห้องตัวเอง
ปัจจุบันเทคโนโลยีทั้งหลายถูกออกแบบขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกสบายของมนุษย์ ซึ่งสามารถทำได้แทบทุกอย่าง ข้อดีของมันก็คือช่วยประหยัดเวลา ประหยัดแรง แต่ข้อเสียก็มีคือทำให้มนุษย์ขี้เกียจยิ่งขึ้น ในการเดินทางไปยังที่ต่างๆ เราก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็นระยะใกล้หรือระยะไกล ชายคนหนึ่งเบื่อกับการที่ต้องเดินขึ้นลงอพาร์ตเมนต์ชั้น 1-6 ในทุกๆ วัน อพาร์ตเมนต์แห่งนี้สร้างในเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีนมาเมื่อหลายสิบปีก่อน จึงไม่มีลิฟต์เอาไว้คอยอำนวยความสะดวก ซึ่งการที่จะย้ายอพาร์ตเมนต์นั้นก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงและไม่สะดวกด้วยปัจจัยหลายๆ ด้าน เขาจึงไปคุยกับพ่อตาเพื่อคิดโครงการสร้างลิฟต์ส่วนตัวขึ้นมาใช้ พ่อตาก็รู้สึกลำบากใจ หากจะไล่เจ้าลูกเขยนี้ออกไปก็สงสารลูกสาว จึงจำเป็นต้องตามใจโดยการทุ่มเงินเพื่อสร้างลิฟต์ส่วนตัว หลังจากตกลงกับเจ้าของอาคารแล้วก็พบว่าการที่จะสร้างลิฟต์ภายในอาคารนั้นทำได้ยากเนื่องจากตัวอาคารเก่ามากจึงต้องทำการสร้างลิฟต์แก้วภายนอกตัวอาคารแทนและจะหยุดเพียงชั้น 1 และชั้น 6 เท่านั้น หลังจากนั้นไม่กี่เดือนลิฟต์ตัวนี้ก็พร้อมใช้งาน โดยได้รับความสนใจจากคนในละแวกนั้น เพราะความส่วนตั๊ว ส่วนตัวของลิฟต์ตัวนี้ ถึงแม้ว่าลิฟต์ตัวนี้จะถูกสร้างขึ้นมาและเปิดใช้งานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สำนักงานวางแผนท้องถิ่นยังไม่ได้อนุญาตให้ก่อสร้าง ก็ต้องมาติดตามกันต่อไปว่าจะต้องรื้อลิฟต์ตัวนี้ออกเพื่อความปลอดภัยหรือไม่ ลิฟต์ส่วนตัวจริงๆ มีแค่ชั้น 1 กับชั้น 6 แค่นั้น ถือว่าเป็นคุณพ่อที่ทุ่มเทเพื่อลูกสาวซะจริงๆ ปรบมืออออ… ที่มา odditycentral
-
10 เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับโลก ที่ทำให้เห็นว่าโลกช่างกว้างใหญ่ เกินจะรับรู้ทั้งหมด…
หลายคนอาจจะคิดว่ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโลกใบนี้ แต่จริงๆ แล้ว นั่นเป็นความคิดที่ผิด เพราะทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ มากมายเกี่ยวกับจักรวาลอยู่ตลอดเวลา และพวกเขาเชื่อว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่ยังไม่ถูกค้นพบ และนี่คือการค้นพบอันน่าทึ่ง ที่ทำให้รู้ว่าโลกนี้เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์และยิ่งใหญ่เกินกว่ามนุษย์จะเข้าใจทั้งหมด 1. ยอดเขาเอเวอร์เรสไม่ใช่ภูเขาที่สูงที่สุดในโลก ที่ผ่านมาหลายคนเข้าใจว่าเทือกเขาเอเวอร์เรสเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งมีความสูงอยู่ที่ 8,848 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ในขณะที่ภูเขา Mauna Kea มีระดับความสูง 4,205 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล แต่ยังมีพื้นที่ส่วนใหญ่ของภูเขาที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ดังนั้นเมื่อวัดความสูงจากฐานไปถึงยอด Mauna Kea จะมีความสูงอยู่ที่ 10,203 เมตร ซึ่งสูงกว่าเอเวอร์เรสถึง 1,355 เมตร ภูเขา Mauna Kea ภูเขาที่สูงที่สุดในโลก 2. ชั้นบรรยากาศของโลกมีพรมแดน เส้น Kármán ได้รับการยอมในสากลว่าเป็นเส้นที่ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 100 กิโลเมตรเหนือระดับน้ำทะเล แม้ว่าระดับของชั้นบรรยากาศโลกจะอยู่สูงกว่า แต่เส้นดังกล่าวนี้ก็ได้รับการยอมรับจาก The World Air Sports Federation ว่าเป็นเส้นแบ่งระหว่างบรรยากาศกับนอกโลก 3. สถานที่ที่แห้งที่สุดในโลกตั้งอยู่ในแอนตาร์กติกา ปกติเราเชื่อกันว่าสถานที่แห้งแล้งที่สุดในโลกคือทะเลทรายอะตาคามาในชิลี ที่ไม่มีฝนตกเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว แต่มีการค้นพบว่า McMurdo Dry Valleys ในแอนตาร์กติกา…
-
7 แฟนเพลงเผย ‘วงดนตรีในดวงใจ’ ที่ช่วยเยียวยาคามรู้สึกแย่ๆ ของพวกเขาเอาไว้
หากคนส่วนใหญ่เลือกที่จะสวดมนต์ภาวนาในวันที่เหนื่อยล้า เราเชื่อว่ายังมีคนอีกบางส่วนเลือกที่จะเปิดเพลงฟังและใช้เสียงดนตรีเยียวยาจิตใจ ทั้งหมดนี้เป็น 7 ประสบการณ์ที่แฟนเพลงแต่ละคนได้ออกมาแชร์ผ่านบทความของ Noisey UK โดยจะเล่าถึงประสบการณ์จากบทเพลงที่ช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจให้กับพวกเขาในวันที่ถูกอย่างดูหมองหม่นไปหมด Rosalie วัย 25 ปี จากลอนดอน (วง Garbage) “ตอน 13 ขวบ ฉันได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งร้องเพลงด้วยท่าทางดุดันผ่านช่อง MTV จากนั้นเราก็รู้สึกว่า Garbage คือวงในดวงใจของเรามาโดยตลอด เพลง ‘Bleed Like Me’ ช่วยทำให้เราผ่านช่วงเวลาแย่ๆ มาได้ ทุกครั้งที่รู้สึกดาวน์เราจะใส่หูฟังและเปิดเพลงให้ดัง มันเป็นอะไรที่เรียบง่ายแต่ช่วยทำให้ความเจ็บปวดต่างๆ มันหายไปได้ชั่วขณะเลยล่ะ สาเหตุที่ชอบเพลงนี้ก็เพราะเป็นการพูดถึงมุมมองของความเจ็บปวดจากภายนอก และทุกครั้งที่น้ำตาไหลจากการฟังเพลง มันมักจะเป็นความเจ็บปวดที่งดงามเสมอ” Will วัย 29 ปี จากลอนดอน (วง TITUS ANDRONICUS) “ย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 ผมใช้ชีวิตเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่ในลอนดอน เครียดหนักมากจากการทำงานถึงกับต้องพาตัวเองออกไปดื่มทุกคืนเพื่อคลายความเศร้า จนกระทั่งวันหนึ่งรู้สึกว่าร่างกายมันไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมจำได้แม่นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2012 ผมตะโกนแหกปากร้องเพลง Monitor ของวง…
-
หนุ่มเข้าใจผิดคิดว่าแมวคนอื่นเป็นแมวของตัวเอง เลยลักพาตัวกลับบ้าน แถมวางยามันซะด้วย!!
ทั่วทุกอาณาบริเวณบนโลกใบนี้คลอบคลุมไปด้วยสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่เรียกว่า “แมว” และเราก็ต้องยอมรับเลยนะว่าถึงแมวจะมีหลากหลายสายพันธุ์ แต่ถึงกระนั้นแมวบางตัวก็ยังคงมีลักษณะที่เหมือนหรือคล้ายกันจนทำให้มนุษย์เข้าใจผิดมาแล้ว เหมือนดังเช่นเรื่องราวของหนุ่มชาวนิวซีแลนด์คนหนึ่ง ที่เข้าใจผิดคิดว่าแมวของเพื่อนบ้านเป็นแมวแสนรักของตัวเอง งานนี้เขาเลยลักพาตัวของมันกลับบ้าน แถมยังวางยาให้มันอีกด้วย โอ้ว!! มนุษย์ทำไรของเอ็งเนี่ยยย ทางด้าน Clarke Gayford ผู้จัดรายการทีวีซึ่งเป็นเพื่อนของหนุ่มรายดังกล่าว ก็ได้ออกมาเผยถึงที่มาที่ไปของเรื่องราวสุดฮาเกี่ยวกับเพื่อนของเขาลงบนทวิตเตอร์โดยระบุว่า… “เขาได้บอกแพทย์ว่าเจ้าเหมียวทำตัวแปลกๆ ดังนั้น จึงได้นำตัวของมันไปหาสัตว์แพทย์ ซึ่งทางแพทย์ก็ได้ให้ยาคลายความวิตกกังวลกับมัน แถมยังแนะนำให้ขังมันไว้ในห้องเป็นเวลานาน 5 วัน เพื่อให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม…เพื่อนของผมลักพาตัวแมวและวางยามัน” . และแล้วก็มาถึงจุดพีคของเรื่องจนได้ เพราะ 5 วันต่อมาเพื่อนของ Clarke ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้รู้ความจริงแมวที่เขาขังเอาไว้นั้นไม่ใช่แมวของตัวเอง เพราะจู่ๆ เจ้าเหมียวแสนรักตัวจริงของเขาได้ปรากฏตัวขึ้นในภายหลัง (ที่มีสีค่อนข้างคล้ายกัน) ซึ่งในตอนนั้นเขามีแต่ความคิดเดิมๆ วนอยู่ในหัวว่าเขาได้วางยาและขังแมวของคนอื่นเอาไว้ และเมื่อได้เห็นแมวของตัวเอง เขาก็รู้ว่ามันแตกต่างกันกับแมวของเพื่อนบ้านอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามทางเพื่อนบ้านก็ได้ส่งข้อความมาหาเพื่อนของ Clarke เพื่อแจ้งให้เขาได้ทราบว่าการกินยาคลายความวิตกกังวลนั้นไม่ได้ส่งผลอันตรายใดๆ แก่เจ้าเหมียว นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่อาจจะทำให้เจ้าของแมวหลายๆ คนรู้จักใส่ใจ และเริ่มให้ความสำคัญของแมวตัวเองมากขึ้น เพราะไม่อย่างนั้นหากคุณไม่สังเกตหรือจดจำจุดเด่นของแมวอย่างขึ้นใจ คุณอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าแมวคนอื่นเหมือนแมวของตัวเองก็เป็นได้ ที่มา : boredpanda, dailymail
-
เกิดอะไรขึ้นในแคลิฟอร์เนีย เมื่อไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุด เผาไหม้จนเมืองหายไปทั้งเมือง
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คนที่ติดตามข่าวต่างประเทศอยู่เสมอก็จะทราบว่าเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าครั้งยิ่งใหญ่ทางภาคเหนือของแคลิฟอร์เนีย เมืองซานตาโรซ่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันที่เกิดจากไฟป่าที่ลุกลามทำให้ประชาชนในเมืองต้องอพยพกันกว่า 20,000 คน และไฟก็ยังไหม้ลุกลามไปยังหุบเขา Napa และ Sonoma บริเวณพื้นที่ไร่องุ่น โรงงานผลิตไวน์ ลามเข้าสู่บ้านเรือนเสียหายไปกว่า 1,500 หลัง นับว่าเป็นเหตุการณ์ไฟไหม้ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย บ้านเมืองเสียหายกลายเป็นเถ้าถ่าน พื้นที่การเกษตรเสียหายและทำให้ผู้คนในเมืองกลายเป็นคนไร้บ้านในทันที . เมืองซานตาโรซ่าเป็นเมืองที่มีประชาชนพักอาศัยอยู่ประมาณ 8,000 หลังคาเรือน เป็นแถบชานเมืองที่ผู้คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำไร่องุ่นที่ขึ้นชื่อ . . ภาพก่อนไฟไหม้ป่า ภาพหลังไฟไหม้ป่า หลังจากที่ไฟป่าเริ่มสงบลงก็ได้มีการสำรวจความเสียหายจากภาพถ่ายทางดาวเทียม แต่เนื่องจากมีหมอกควันปกคลุมอยู่เป็นจำนวนมากทำให้ยากต่อการถ่ายภาพ จึงเปลี่ยนวิธีมาใช้การถ่ายภาพด้วยอินฟาเรดแทน พื้นที่สีเทาคือพื้นที่ส่วนที่ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ ส่วนพื้นที่สีแดงคือส่วนที่ไม่ได้รับผลกระทบ เส้นสีส้มที่เห็นนั้นคือเปลวเพลิงที่ยังไม่สงบ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซานตาโรซาที่ยังไม่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ สีเทาคือบ้านที่ถูกไฟไหม้ ไม้ต้นไม้ที่ถูกเผาจนกลายเป็นขี้เถ้า จะเห็นได้ว่าจากเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็เพราะฝีมือมนุษย์ที่ตัดไม้ทำลายป่าจนถึงเวลาที่ธรรมชาตินั้นกลับมาทวงคืน… ที่มา scholarship ,thisisinsider
-
งานแต่งงานในฝันของคู่รักทั่วโลกต้องล่มลง เพราะคู่รักที่ถ่ายภาพพรีเว้ดดิ้ง “โบลว์จ๊อบ” ในกรีซ
หลังจากที่คู่บ่าวสาวถ่ายภาพพรีเวดดิ้งสโม๊กกี้หน้าโบสถ์บนเกาะในประเทศกรีซ จนเป็นเหตุให้ชาวต่างชาติถูกแบนไม่ให้ไปจัดงานแต่งที่นั่นอีก เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้ชาวต่างชาติทั่วโลก โดยเฉพาะคู่รักที่มีแพลนจะไปแต่งงานที่นั่น ต้องฝันสลายไปด้วย เหมือนกับว่าที่เจ้าสาว Suzanne Sparkles วัย 33 ปี จาก Chorley ใน Lancashire สหราชอาณาจักร และแฟนหนุ่ม Steve Arnold วัย 38 ปี ที่ตั้งใจไปแต่งงานในโบสถ์เซนต์พอล เมือง Rhodes โดยได้จองสถานที่ไว้แล้วกว่า 1.7 ล้านบาท Suzanne และ Steve แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องถูกยกเลิก เมื่อรัฐบาลกรีซประกาศแบนชาวต่างชาติ เพราะคู่รักชาวอังกฤษคู่หนึ่งไปถ่ายภาพพรีเวดดิ้งสโม๊กกี้ที่นั่น หลังจากที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันมา 3 ปีครึ่ง ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจจะแต่งงานกัน โดยได้ทำการจองสถานที่แต่งงานบนเกาะกรีกเมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากที่ได้รับแจ้งว่างานแต่งอาจต้องถูกยกเลิก Sparkles รู้สึกโกรธมาก และโทษคู่รักชาวอังกฤษที่เป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องแบบนี้ เธอบอกว่า “ฉันเสียใจมาก การกระทำที่ไม่มีการยั้งคิดของพวกเขา ทำให้งานแต่งในฝันของต้องล่มอย่างไม่เป็นท่า มีแขกจากจากสหราชอาณาจักร 52 คน จะไปร่วมงานของเรา โดยได้จองที่พักไว้แล้วเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์”…
-
พนักงานเดือด พ่นสีสเปร์ยข้อความด่าบนรถของเจ้านาย ทำเอางงกันทั้งเมือง!!
เพื่อนร่วมงาน เป็นอีกหนึ่งสังคมที่มนุษย์วัยทำงานต้องประสบพบเจอ ซึ่งเราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนที่ทำงานอยู่กับเรานั้นนิสัยใจคอจะเป็นอย่างไร เข้ากับเราได้หรือไม่ การที่เจอเพื่อนร่วมงานที่ดีก็ถือว่าเป็นโชคดี แต่ถ้าเจอเพื่อนร่วมงานแย่ๆ ล่ะก็อาจจะทำให้การทำงานของคุณนั้นไม่สนุกไปเลย เช้าวันหนึ่งชาวเมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษ ได้พบกับรถเบ๊นซ์สีขาวคันหนึ่งจอดอยู่ริมถนนใกล้กับโรงแรม ซึ่งบนรถนั้นถูกพ่นด้วยสีสเปร์ยด้วยคำว่า “เจ้านายที่แย่ที่สุด”, “ไอ้เชรี้ยย ฉันลาออก” และ “ขอให้เจริญๆ นะ” จากการสันนิษฐานอาจจะเป็นเพราะว่ามีพนักงานคนหนึ่งโกรธแค้นเจ้านายของเขาจนต้องขอลาออก แต่ดูเหมือนว่าจะโกรธจัดถึงขนาดมาพ่นสีใส่รถเบ๊นซ์เลย โดยที่ตอนนี้ยังไม่มีใครมาแสดงตัวเป็นเจ้าของรถคันนี้ และยังพบว่ามีรถที่ถูกพ่นสีด้วยถ้อยคำที่คล้ายๆ กันบนถนนอัลเบียนภายในเมืองอีกด้วย ชาวเมืองคิดว่านี่อาจจะเป็นการโฆษณาอะไรซักอย่างที่เกี่ยวกับการดูแลรักษารถก็เป็นได้ Michelle Bunyan ชาวเมืองคนหนึ่งที่พบเห็นรถคันนี้ได้กล่าวว่า “ฉันคิดว่านี่ีอาจจะเป็นฝีมือของพนักงานที่เก๋ามากๆ เลย การโฆษณาแบบใหม่นี่ก็เจ๋งดีนะ” ที่มา Dailymail
-
เกาหลีใต้เผยการทดสอบ ‘ขีปนาวุธแบบลอบเร้น’ พุ่งตรงเข้าสู่เป้าหมาย สำเร็จอย่างงดงาม
ท่ามกลางไฟสงครามระหว่างเกาหลีเหนือ – ใต้ ที่กำลังถูกจับตามองจากทั่วโลก ล่าสุด.. เกาหลีใต้ได้ออกมาเผยผลการทดสอบ ‘ขีปนาวุธแบบลอบเร้น’ ได้อย่างประสบความสำเร็จ!! โดยเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2017 เกาหลีใต้ ได้ทำการทดสอบขีปนาวุธ ‘Taurus Missile’ จากเครื่องบินรบ F-15 ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถหลบการตรวจจับจากเรดาร์ก่อนพุ่งตรงเข้าสู่เป้าหมายได้อย่างน่ากลัว ก่อนอื่นเราไปชมคลิปวิดีโอสั้นสรุปการทดสอบขีปนาวุธครั้งนี้กันก่อนเลย… ด้วยคุณสมบัติจากนวัตกรรมการออกแบบขีปนาวุธของโรงงาน ‘Germany’s Taurus Systems’ ทำให้หัวจรวดรุ่นนี้มีระยะรัศมีไกลออกไปถึง 500 กิโลเมตร อีกทั้งมันยังถูกออกแบบด้วยเทคโนโลยี และดีไซน์การพรางตัวสุดล้ำ ที่ช่วยให้ขีปนาวุธสามารถพรางตัวจากการตรวจจับของเรดาร์ได้ (ประมาณว่า… รู้ตัวอีกทีมันก็พุ่งมาชนบ้านเราแล้ว) หลังการทดสอบสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี รัฐบาลเกาหลีใต้ก็ได้ทำข้อตกลงร่วมกับสหรัฐฯ ในการขยายอำนาจขอบเขตการครอบครองขีปนาวุธ ให้เพิ่มระยะสูงสุดได้มากถึง 800 กิโลเมตร ผ่านสัญญาข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย ซึ่งสาเหตุของการเร่งพัฒนาอาวุธทางทหารของเกาหลีใต้ก็เป็นอย่างที่เราทราบกันดีว่า หลักๆ แล้วก็เพื่อป้องกันและรับมือกับปัญหาอาวุธนิวเคลียร์ของฝั่งเกาหลีเหนือ หลังจากที่ฝั่งเหนือมีการทดสอบยิงขีปนาวุธไปยังที่ต่างๆ แล้วมากถึง 6 ครั้ง ในขณะที่ล่าสุดมีการรายงานว่า…
-
เจ้าหนูเท้าไฟ แสดงความเป็นตัวเองจนทำให้ผู้ชมต้องหัวเราะให้กับความน่ารัก!!!
หากคุณเคยดูการเต้นประจำงานโรงเรียนของเด็กๆ คุณมักจะได้เห็นความน่ารักของเด็กๆ ที่เต้นแบบเงอะๆ งะๆ เพราะกลัวว่าจะเต้นได้ตามที่ซ้อมมาไหม แต่ไม่ใช่สำหรับเด็กคนนี้!!! ผู้ใช้หนึ่งในยูทูปที่มีนามว่า Randall Burns ได้ออกมาเผยแพร่วีดีโอที่มีสาวน้อยคนหนึ่งชื่อว่า Jordyn ได้แสดงการเต้นที่แตกต่างจากเด็กคนอื่น เพราะว่าเธอเหมือนจะออกแบบท่าเต้นเองและนั่นทำให้โชว์ของเธอดูสุดแสนจะวิเศษ ขณะเพลง Broadway Baby กำลังเริ่มต้นขึ้น กล้องก็ได้จับมาที่หนูน้อย 3 คนที่อยูท้ายแถวของเวที ทั้งหมดเริ่มการเต้นขึ้น เด็กทั้งสองคนพยายามที่จะเต้นให้ได้เหมือนที่ซ้อมมา แต่เด็กผู้หญิงที่อยู่ตรงกลางกลับไม่ทำเหมือนทั้งสอง หนูน้อยคนนี้ได้ทิ้งการเต้นที่ได้ซ้อมไว้ทั้งหมด และปล่อยตัวปล่อยใจไปให้ตามเสียงเพลง และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอหันหน้าไปหาเพื่อน แล้วส่งรอยยิ้มกว้างไปให้เหมือนกับจะบอกว่า “นี่เป็นวันที่ดีที่สุดเลยเนอะ” และนั่นทำให้ผู้ชมทุกคนอดที่จะยิ้มให้กับความน่ารัก และรอยยิ้มอันสดใสของหนูน้อยคนนี้ไมได้ ซึ่งส่วนที่ดีที่สุดของหนูน้อยคนนี้คือเธอไม่เคยแสดงความเคอะเขินในเวลาที่มีคนหัวเราะ นั่นเป็นเพราะเธอมีความมั่นใจในสิ่งที่ทำลงไป และนี่อาจจะเป็นวันที่ดีที่สุดวันหนึ่งของเธอเลยก็ได้ หนูน้อยเท้าไฟจะทำให้คนดูมีความสุขได้อย่างไร เชิญชม ที่มา: inspiremore, Randall Burns
-
รู้จักกับ Liliane Bettencourt ‘ผู้หญิง’ ที่ร่ำรวยที่สุดบนโลกใบนี้จากการจัดอันดับจากนิตยสาร Forbes!!
โลกนี้มีคนอยู่มากมายเต็มไปหมด แต่หากจะพูดถึงผู้ที่รวยถึงขั้นเป็นมหาเศรษฐีบนโลกนี้คงมีอยู่ไม่กี่คน และในวันนี้เหมียวจะพาไปรู้จักกับ ผู้หญิงที่รวยที่สุดในโลกกัน!!! Liliane Bettencourt คือชื่อของผู้หญิงที่รวยที่สุดในโลกในปี 2560 จากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes ในเดือนมีนาคม และเป็นอันดับที่ 14 ของโลกเลยทีเดียว โดยเธอมีทรัพย์สินโดยรวมกว่า 39,500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือกว่า 1.3 ล้านล้านบาท เธอเป็นชาวฝรั่งเศสโดยกำเนิด และเป็นทายาทเจ้าของแบรนด์ L’Oreal โดยเธอรับช่วงต่อจากพ่อของเธอ Eugene Schueller ผู้ก่อตั้งแบรนด์นี้ในปี 1907 และเสียชีวิตลงในปี 1957 เธอเริ่มทำงานเป็นพนักงานฝึกหัดที่บริษัทลอรีอัลตั้งแต่ปี 1937 ซึ่งตอนนั้นเธอมีอายุเพียง 15 ปี จนกระทั่งพ่อของเธอเสียชีวิตลงจึงได้รับช่วงต่อและทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่รวยที่สุดในโลกในทุกวันนี้ เธอต้องทนทุกข์ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์มาตั้งแต่ปี 2549 และเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เธอก็เสียชีวิตลงอย่างสงบในบ้านพักด้วยโรคชรา ในวัย 94 ปี ปิดตำนานผู้หญิงที่รวยที่สุดในโลกไว้ในปีนี้เท่านั้น ที่มา: forbes
-
แปลกแต่จริง!! ครอบครัวชาวบราซิลเกิดมาพร้อมกับความพิเศษ มีนิ้วมือ 12 นิ้วทั้งตระกูล
โดยส่วนใหญ่แล้วหากพ่อแม่เห็นลูกเกิดมามีภาวะผิดปกติเหนือคนทั่วไป เช่น มีนิ้วเกินมาจากเดิมข้างละ 5 นิ้ว ก็เพิ่มมาเป็นข้างละ 6 นิ้ว นั่นอาจจะทำให้พวกเขาเกิดความกังวลอย่างหนัก เพราะกลัวว่าลูกจะมีปมด้อย แต่นั่นไม่ใช่สำหรับครอบครัว Da Silva จากประเทศบราซิล ที่รู้สึกภูมิใจกับความจริงที่ว่าสมาชิกทั้งหมดในตระกูลรวมถึง Vinicius ซึ่งเป็นสมาชิกใหม่คนล่าสุด ได้เกิดมาพร้อมกับนิ้วมือและนิ้วเท้าข้างละ 6 นิ้วทุกคน เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2560 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์มีรายงานว่า แม้ตระกูลนี้จะเกิดมามีนิ้วมือที่มากกว่าคนทั่วๆ ไป แต่อย่างน้อยพวกเขาก็จะทำให้มันกลายเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจ และยังหวังว่าเมื่อบุตรหลานเติบโตขึ้น พวกเขาจะสามารถนำความพิเศษเหล่านี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ เช่น Joao Assis อาจได้กลายเป็นผู้รักษาประตูฟุตบอลในอนาคต หรือ Maria Morena จะสามารถใช้นิ้วเล่นคีย์เพิ่มเติมบนเปียโนได้ ทางด้าน Alessandro หนึ่งในสมาชิกครอบครัวได้ออกมาเผยว่า “นี่ถือเป็นสัญลักษณ์ของครอบครัวเราในแบบที่ครอบครัวอื่นไม่มี แถมยังทำให้พวกเขาดูโดดเด่นจากคนอื่นๆ ด้วย” สำหรับ Alessandro เขาเกิดมาพร้อมกับนิ้วมือข้างละ 6 นิ้ว…
-
เจ้าของบ้านโวย.. ทนไม่ไหวแฟนๆ แห่มาโยนพิซซ่าตาม ‘Breaking Bad’ ถึงกับต้องสร้างรั้วกั้น!!
ไหนมีใครเป็นแฟนซีรีส์ดังเรื่อง ‘Breaking Bad’ บ้าง? ถ้าใครเคยดูคงจำกันได้ดีกับฉากที่อาจารย์ Walt หัวเสียโยนพิซซ่าไปติดอยู่บนหลังคา และนี่คือฉากที่ว่า… ใครจะไปคิดละว่าความหัวเสียของแกทำให้พิซซ่าดีๆ ไปคว่ำอยู่บนหลังคาซะได้ แม้ว่าซีรีส์จะออกอากาศมานานหลายปี แต่ดูเหมือนว่ากระแสความนิยมจะไม่ตกลงเลย เพราะเจ้าของบ้านที่ถูกใช้ถ่ายทำได้ออกมาโวยกับสำนักข่าวท้องถิ่น ถึงกรณีที่แฟนๆ จากซีรีส์ชอบมาบุกรุกถ่ายภาพ และโยนพิซซ่าใส่หลังคาบ้าน ลูกสาวเจ้าของบ้านเล่าว่า… เป็นเวลานานกว่า 4 ปีที่พวกเขาต้องคอยตามเก็บพิซซ่าที่ถูกโยนมาไว้บนหลังคาบ้าน ซึ่งอันที่จริงก่อนหน้านี้ทางผู้กำกับและทีมงานผู้สร้าเอง ก็เคยหยิบยกประเด็นนี้มาพูดกับแฟนๆ ว่าให้หยุดการโยนพิซซ่าไปที่หลังคาบ้านที่ถูกใช้ถ่ายทำ “ขอฝากอะไรถึงแฟนๆ อย่างหนึ่งนะ มันไม่ใช่เรื่องตลกหรือเรื่องที่ดูเท่อะไรเลย กับการที่คุณเอาพิซซ่าไปโยนใส่หลังคาบ้าน ภาพที่เห็นมันเป็นแค่การแสดงและคุณก็ไม่ได้คิดค้นเป็นคนแรก ได้โปรดหยุดการกระทำทั้งหมดนี้เสียที” Vince Gilligan ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ลองนึกภาพดูสิว่าเป็นเราจะเซ็งขนาดไหน ที่ตื่นเช้ามาแล้วต้องเจอพิซซ่ามาคว่ำหน้าแบบนี้ทุกวัน แม้ว่าจะมีการออกมาเตือนจากผู้กำกับ แต่ก็นั่นแหละ… มันไม่เคยได้ผลเลยแม้แต่น้อย เจ้าของบ้าน Joanne Quintana จึงตัดสินใจลงทุนจ้างช่างมาติดตั้งรั้วบ้านให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย “พวกเราหมดความอดทนแล้วจริงๆ ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่มีใครฟัง และเราคิดว่าวิธีนี้น่าจะช่วยแก้ปัญหาได้..” Joanne ให้สัมภาษณ์ ติดใจชอบใจซีรีส์เรื่องไหนไม่ต้องไปทำตามตัวละครหรอกนะ…
-
เผยภาพของไปรษณีย์ที่ยังคงทำหน้าที่ แม้บ้านเรือนจะมอดไหม้จากไฟป่าไปแล้วก็ตาม…
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2017 สำนักข่าว BBC ได้รายงานสภาพความเสียหายของเมืองซานตาโรซา ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย หลังถูกไฟป่าเผาไหม้ทำลายพื้นที่ไปแล้วมากกว่า 43,000 ไร่ จากไฟป่าขนาดใหญ่จำนวน 22 จุด ที่ลุกลามอย่างรวดเร็วและคาดเดาไม่ได้ ทำให้ชาวเมืองหลายคนต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน มีผู้สูญหายระหว่างการอพยพกว่า 300 คน และมียอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 23 ราย สภาพเมืองซานตาโรซา หลังถูกไฟป่าโหมกระหน่ำ ทว่าหลังเหตุการณ์สงบได้ไม่นาน Douglas Thron ผู้ขับโดรนเพื่อเก็บภาพบรรยากาศภายในเมือง ได้สังเกตเห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ ที่ยังคงขับรถส่งพัสดุตามบ้านต่างๆ ในละแวก Coffey Park ถ้าหากเป็นวันธรรมดา หรือวันก่อนเกิดเหตุไฟป่าลุกลาม ก็ดูจะเป็นเรื่องปกติทั่วไป หากแต่ทั้งหมดนี้เป็นภาพการส่งจดหมายพัสดุในวันที่บ้านเรือนถูกทำลายราบเป็นหน้ากอง..!! สังเกตว่าในละแวกนี้ไม่เหลือบ้านเรือนเลยแม้แต่หลังเดียว… “มันเป็นอะไรที่แปลกตามากเลยครับ อันที่จริงมันก็เป็นการทำงานอย่างหนึ่งของเจ้าหน้าที่ แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกอึ้งก็คือ.. ถนนเกือบทั้งหมดถูกสั่งปิดเส้นทาง ไม่เหลือบ้านเรือนเลยแม้แต่หลังเดียว แต่เขาก็ยังขับรถส่งพัสดุได้อย่างไม่มีข้อบกพร่อง” Douglas ให้สัมภาษณ์ ทุกตู้ไปรษณีย์ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพดีหรือไม่ เขาก็จะนำจดหมายหรือพัสดุไปวางไว้ให้ตรงตามเลขที่บ้าน …
-
ภาพมุมสูงของต้นไม้ที่ล้มเรียงกัน ผลจากพายุที่พัดกระหน่ำสะท้อนถึงปัญหาป่าไม้
เมื่อมีพายุเกิดขึ้นมา แน่นอนว่าย่อมมีความเสียหายเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดกับสิ่งใดก็ตามที่พายุได้พัดผ่าน แต่มีช่างกล้องคนหนึ่งกลับมองว่าสิ่งที่พายุได้ทำลายนั้นกลับนำมาทำเป็นงานศิลปะได้ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ได้มีพายุลูกใหญ่ที่ชื่อว่า Xavier ได้พัดผ่านเข้าไปในทวีปยุโรปและสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง และหลังจากพายุสงบลง เช้าในวันต่อมา Julian Stratenschulte ช่างกล้องชาวเยอรมัน ก็ได้นำโดรนติดกล้อง ถ่ายภาพต้นไม้ที่ถูกโค่นลงจากแรงของพายุ จนกลายมาเป็นความสวยงามที่หาดูได้ยาก “ในตอนเช้าก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น ผมขับรถไปรอบๆ เมืองเพื่อหาจุดที่น่าสนใจและเหมาะกับการถ่ายภาพ จนผมมาเจอต้นไม้ที่ถูกถอนรากถอนโคน ผมจึงบอกกับตัวเองว่า คงจะสวยน่าดูหากถ่ายจากมุมสูง” “ผู้คนทั่วโลกตื่นเต้นกับภาพที่ผมได้ถ่าย ผมรู้สึกประหลาดใจและไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามันจะเกิดขึ้น สำหรับผมมันเป็นแค่ภาพถ่ายธรรมชาติรูปหนึ่งเท่านั้นเอง” Stratenschulte กล่าว แต่ในภายหลังภาพนี้ได้กลายเป็นไวรัลบนอินเทอร์เน็ต จุดประกายสะท้อนให้ผู้คนเห็นว่าต้นไม้ในประเทศไม่ได้ถูกโค่นจากพายุอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น คือการตัดต้นไม้ของผู้คนในประเทศ ที่ทำให้ต้นไม้เหลือจำนวนน้อยจากที่เคยเป็นป่าใหญ่มาก่อนจนกลายมาเป็นรูปที่เห็นในที่สุด และช่างภาพคนนี้ยังมีผลงานถ่ายธรรมชาติอื่นๆ ที่น่าติดตามอย่างมากมาย อย่างเช่นภาพเหล่านี้ . . นี่คงเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าพายุไม่ได้นำมาซึ่งความเสียหายอย่างเดียว แต่ยังทำให้ผู้คนรู้ซึ้งถึงความสำคัญของธรรมชาติอีกด้วย ที่มา: petapixe,@jstrati
-
พิธี Quinceañera ของชาวเม็กซิกัน แม้จะเป็นชนกลุ่มน้อยในสหรัฐฯ แต่ก็เฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่
พิธี Quinceañera ซึ่งเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของชาวละตินอเมริกันที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองให้กับการก้าวข้ามจากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่ของสาวๆ ที่มีอายุครบ 15 ปี งานดังกล่าวนี้จะต้องถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และอลังการ แน่นอนว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่มากพอสมควร ถึงอย่างนั้นแทบทุกครอบครัวก็ยังคงเลือกที่จะจัดงานดังกล่าวขึ้นมาอยู่ดี วันนี้ #เหมียวตะปู จึงมาชวนเพื่อนทุกคนไปดูบรรยากาศภายในงานของชาวเม็กซิกัน ในนครนิวยอร์ก งานเฉลิมฉลองนี้เป็นอย่างไรไปดูกันเลยยย ภาพเหล่านี้ถูกถ่ายโดยช่างภาพที่ชื่อ Cinthya Santos Briones หญิงสาวอายุ 15 ต้องเลือกชุดที่เหมือนกับเจ้าหญิงเพื่อใช้ในพิธี แน่นอนว่าชุดเหล่านี้ย่อมมีราคาที่ค่อนข้างแพง แต่พ่อแม่ของพวกเธอก็ยอมที่จะสละเงินที่มีด้วยความเต็มใจ . พ่อแม่จะเข้ามาอวยพรเพื่อให้สาวๆ ได้โตขึ้นไปเป็นผู้หญิงที่ดี การแต่งกายที่ดูโดดเด่นเป็นอย่างมากเหมือนกับการไปเข้าพิธีแต่งงาน ในงานครั้งนี้จะต้องฟุ่มเฟือยไปกับการเช่ารถลีมูซีน เช่าสถานที่หรืออาหารจัดเลี้ยง แต่ทุกครอบครัวยินดีที่จะช่วยให้พวกเธอได้สวยที่สุดในพิธีกรรมครั้งนี้ ในช่วงแรกจะเป็นเรื่องของการเข้าพิธีกรรมกับคนในครอบครัว แค่ช่วงพิธีการก็เห็นได้ถึงความอลังการแล้ว หลังจากนั้นก็จะเป็นการเฉลิมฉลองที่มีผู้มาร่วมงานมากมาย ซุ้มดอกไม้ที่เหมือนกับงานแต่งบ้านเราชัดๆ การสร้างฉากหลังเอาไว้ในบ้านให้ได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เค้กแต่งงานที่จะต้องไม่ซ้ำใคร ในการฉลองจะมีการเต้นรำที่ให้พวกเธอได้จับคู่กับนักเต้นมืออาชีพ ในวันนั้นสาวๆ เหล่านี้เปรียบได้กับเจ้าหญิงในเทพนิยาย แขกมากหน้าหลายตาที่มาร่วมแสดงความยินดี .…
-
คุณหมอโต้คนไข้รุนแรง ‘ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้’ เพราะคนไข้ทนรอคิวที่นานเป็นชั่วโมงไม่ไหว
ความไม่พอใจของคนสองคนสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายสถานการณ์และบางครั้งมันอาจบานปลายจนถึงกับแสดงความก้าวร้าวออกมา เมื่อ Jessica Stipe ผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในคลินิก Gainesville After Hours เธอรู้สึกไม่สบายหนักกว่าเดิมเพราะต้องรออยู่เป็นเวลานานจนทำให้เธอเลือกที่จะขอค่าใช้จ่ายที่เสียไปคืน สิ่งนั้นจึงทำให้นายแพทย์ Peter Gallogly รู้สึกไม่พอใจและออกมาต่อว่ารวมถึงไล่เธอออกไปด้วยว่า “ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!!” คลิปคุณหมอไล่คนไข้ให้ออกไป เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่คลินิก Gainesville After Hours เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา เธอบอกว่าตอนแรกคุณหมอรายนี้นัดเธอไว้ตอน 18.30 แต่เมื่อถึงเวลา 19.45 เธอก็ยังคงไม่ได้รับการตรวจรักษาใดๆ จนทำให้เธอรู้สึกป่วยหนักกว่าเดิม และในตอนที่เธอขอกำลังขอเงินค่ารักษาคืนคุณหมอหนุ่มคนนี้ก็ออกมาบอกเธอว่า “พวกผมกำลังตรวจตัวอย่างปัสสาวะของคุณอยู่รู้บ้างมั้ย” . เธอจึงอธิบายว่าเธอไม่รู้ว่ามันต้องรอนานขนาดไหน ก่อนที่เขาจะตะคอกถามเธอว่า “นี่คุณต้องการเข้าพบหมอหรือไม่” จึงตอบกลับไปว่าเธอต้องการที่จะกลับไปนอนอยู่บนเตียงที่บ้านแล้ว เขาจึงตะคอกกลับมาอีกว่า “โอเค งั้นก็หยิบเงินของคุณและไสหัวออกไปได้แล้ว” และย้ำอย่างรุนแรงกว่าเดิมว่า “ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!!” ระหว่างที่กำลังจะออกไปจากคลินิกลูกสาวของเธอที่ถ่ายคลิปเหตุการณ์เอาไว้ชี้กล้องไปที่คุณหมอคนนั้นและถามว่าเขาชื่ออะไร เขาเลือกที่จะไม่ตอบและกระชากเอามือถือที่ถ่ายอยู่ไป ถึงอย่างไรคลิปที่ถ่ายไว้ก็ได้ถูกโพสต์ลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัวของเธอจนเกิดเป็นกระแสและมีการแชร์ออกไปมากถึง 2,300 ครั้ง ลูกสาวของเธอบอกเอาไว้ในโพสต์ว่า “ฉันไม่ต้องการให้มีพฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้นอีก” นอกจากนั้นตำรวจในเมือง Gainesville…
-
เด็กหนุ่มวัย 13 ปีสร้างบ้านหลังเล็กๆ ได้ด้วยตัวเอง ใช้งบไป 45,000 บาท แต่น่าอยู่โพดดด!!
สำหรับเด็กวัย 13 ปีส่วนใหญ่ก็คงกำลังสนุกสนานอยู่กับเพื่อนๆ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านหรือเหน็ดเหนื่อยกับการเรียน แต่สำหรับ Luke กลับแตกต่างออกไป วันหนึ่งที่เขากำลังรู้สึกเบื่อในฤดูร้อนก็ได้เกิดไอเดียหนึ่งขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็ใช้เวลาว่างไปกับการสร้างบ้านเป็นของตัวเอง!! เด็กชายวัย 13 ปีที่สร้างบ้านด้วยตัวเอง!! เด็กชายเริ่มที่จะเรียนรู้ในสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตัดไม้ การขึ้นโครงบ้านหรือแม้แต่การโยงสายไฟซึ่งเขาเป็นเขาทำเองเกือบทุกอย่าง รวมถึงการตัดสินใจในเรื่องของเงินที่ต้องใช้ ค่าใช้จ่ายที่ใช้มาจากการทำงานพิเศษเล็กๆ น้อยๆ ที่พอสามารถทำได้อย่างเช่นการตัดหญ้าภายในสวน หรืองานทั่วๆ ไป นอกจากนั้นเขาก็ยังหาวัสดุต่างๆ จากสิ่งของที่คนในครอบครัวไม่ใช่แล้วมาช่วยลดค่าใช้จ่ายอีกด้วย เขาทำแทบทุกอย่างในการสร้างมันขึ้นมาด้วยความพยายาม รับงานพิเศษต่างๆ เพื่อให้มีงบประมาณในการลงทุนครั้งนี้ ความพยายามอย่างหนักเกือบ 1 ปีทำให้บ้านที่เขาสร้างเองกับมือในที่สุดก็เสร็จสมบูรณ์พร้อมให้เข้าไปอยู่ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังใช้เงินไปเพียงแค่ราวๆ 45,000 บาทเท่านั้นเอง บ้านหลังเล็กๆ ในพื้นที่ประมาณ 8 ตารางเมตรตามที่เขาต้องการ แม้ตอนนี้จะเล็กไปบ้างและยังขาดระบบประปา แต่เขาก็ตั้งใจเก็บเงินต่อไปเพื่อในอนาคตจะได้ขยายต่อเติม หรือสร้างรถบ้านเป็นของตัวเองซะเลย สำคัญที่สุดก็คือเขารู้สึกขอบคุณพ่อของเขามากที่คอยสอนและช่วยเหลือเขาในหลายๆ เรื่อง “ถึงแม้ว่าคุณพ่อจะยุ่งอยู่กับงานแต่ก็พยายามหาเวลามาช่วยผมอยู่เสมอ” เขากล่าว คุณพ่อผู้ที่เป็นเบื้องหลังในความสำเร็จของลูก ลักษณะภายในและภายนอกของบ้านหลังนี้…
-
เรื่องราวของสองพี่น้องบ้านเดียวกัน แต่กลับต้องแข่งฮอกกี้ในโอลิมปิกฤดูหนาวให้คนละประเทศ
หากใครมีพี่มีน้องก็คงจะเคยทะเลาะกันมาบ้างหรือในบางครั้งก็อาจจะมีการแข่งขันกันเองอย่างเช่นสองพี่น้องสาวคู่นี้ ที่พวกเธอต้องแข่งขันกันในระดับชาติเลยทีเดียว เมื่อสองพี่น้อง Marissa วัย 24 ปี และ Hannah Brandt วัย 23 ปี สองพี่น้องที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งแม้จะอยู่บ้านเดียวกันแต่กลับต้องแข่งขันกีฬาโอลิมปิกให้กับประเทศที่แตกต่างกันซะงั้น . จุดเริ่มต้นของความสับสนนั้นเกิดขึ้นเพราะว่า Greg และ Robin Brandt สองสามีภรรยาในสหรัฐอเมริกา ได้รับเลี้ยงเด็กคนหนึ่งนั่นคือ Marissa เด็กสาวชาวเกาหลีใต้ที่มีอายุเพียงแค่ 4 เดือน หลังจากนั้นเธอก็มีน้องสาวที่อายุห่างกันหนึ่งปีชื่อ Hannah ซึ่งในวัยเด็กทั้งคู่จะได้ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันอยู่เสมอเช่นการเต้น เล่นสเกตลีลา หรือยิมนาสติก รวมถึงการเข้าค่ายฝึกวัฒนธรรมเกาหลีที่แม่ของพวกเธอพาไป ในขณะที่คนพี่ตอนนั้นอายุ 10 ขวบรู้สึกไม่ค่อยชอบการไปค่ายนั้นเท่าไหร่แต่น้องสาวกลับรู้สึกชอบมันเอามากๆ นอกจากนั้นผู้คนรอบข้างก็มักจะไม่เชื่อว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน แต่ถึงอย่างนั้นทั้งสองก็ยังคงอยู่เคียงข้างกันมาตลอดจนกระทั่งเข้าเรียนวิทยาลัยและต้องแยกทางกัน . เมื่อทั้งสองได้เล่นฮอกกี้น้ำแข็งและรู้สึกชอบมากๆ โดยเฉพาะ Hannah ที่มีความฝันจะเป็นนักกีฬาโอลิมปิก ส่วน Marissa เองในตอนนั้นขณะที่กำลังศึกษาอยู่ปีสุดท้ายที่วิทยาลัยศิลปศาสตร์ Gustavus Adolphus ในรัฐมินนิโซตา เธอก็ได้ถูกชักชวนให้ไปอยู่ในทีมชาติของเกาหลีใต้ โดยโค้ชผู้รักษาประตูของเกาหลีใต้ Rebecca…
-
Born With It หนังสั้นเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของเด็ก ‘ผิวสี’ ในสังคมญี่ปุ่นที่ไม่ยอมรับในเชื้อชาติ
การเหยียดเชื้อชาติในประเทศญี่ปุ่น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดภายในสังคมและเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างมาก เรื่องนั้นทำให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้ามาศึกษาวัฒนธรรมอันสวยงามไม่ได้รับการต้อนรับจากคนในประเทศนี้ซักเท่าไหร่ ซึ่งพวกเขาบอกว่ามันเกิดจากความไม่รู้ถึงความแตกต่างไม่ใช่ความเกลียดชังอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เพราะอย่างนั้นจึงทำให้นักทำหนังชาวแอฟริกัน-อเมริกันจากเท็กซัสที่ชื่อว่า Emmanuel Osei-Kuffour ได้ใช้ประสบการณ์กว่า 6 ปีที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นมาถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ที่เขาต้องเจอมาตลอดผ่านหนังสั้น Born With It (生まれつき) หนังสั้นที่พูดถึงเรื่องราวของเด็กประถมผิวสีคนหนึ่งที่ต้องเจอกับเพื่อนร่วมห้องที่แสดงถึงการเหยียดเชื้อชาติตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้าไปในโรงเรียน โดยในหนังเด็กคนนี้ต้องพยายามพิสูจน์ให้เพื่อนเห็นว่าสีผิวไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจ คลิปที่ถูกตัดมาจากตอนต้นเรื่องของหนัง เขาบอกว่าการที่เขาถ่ายทอดผ่านมุมมองของเด็กก็เพราะเวลาที่เราเห็นใครสักคนสูญเสียความความไร้เดียงสาของตัวเองไป มันคือสิ่งที่มีพลังต่อความรู้สึกเราอย่างมาก “เป็นเรื่องราวของอคติและการได้เห็นเด็กๆ แสดงพฤติกรรมออกมาเหมือนกับผู้ใหญ่หลายคนที่ทำกับผมมาโดยตลอด เพียงเพราะผมเป็นนักท่องเที่ยวต่างเชื้อชาติจึงทำให้ได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจนเหมือนกับว่าผมไม่ใช่มนุษย์” เขากล่าว นอกจากนั้นชาวญี่ปุ่นหลายคนคิดว่าเขาไม่สามารถเข้าใจถึงแนวคิดและวัฒนธรรมของที่นี่ได้ในเมื่อไม่ได้เป็นคนญี่ปุ่น ซึ่งเขาสามารถสังเกตได้จากเวลาไปประชุมกับบริษัท งานเลี้ยง หรือการพูดคุยกับหลายๆ คน จากเรื่องราวสะท้อนสังคมทำให้หนังสั้นความยาว 17 นาทีเรื่องนี้ได้รับรางวัลจากงานเทศกาลหนังต่างๆ ทั่วโลกเช่นรางวัล The Best Film & Social Impact จากเทศกาลหนังสั้น NBC-Universal แม้ว่าเราจะเกิดมาแตกต่างกันแต่เราต้องไม่ลืมว่าถึงอย่างไรเราก็คนเหมือนกัน ที่มา: nextshark , japansubculture
-
ใจคอไม่ดีเลย.. กับทางเดินกระจกใส ที่มีระบบสร้าง ‘รอยร้าวปลอมๆ’ เมื่อคุณเดินไปเหยียบมัน
เวลาที่เราเห็นกระจกแตกหรือกระจกร้าวเราก็คงจะกลัวว่ามันจะบาดมือทำให้เกิดแผลเอาได้ แต่ถ้าเราต้องไปยืนอยู่บนพื้นกระจกที่มีความสูงเหนือพื้นจนอาจทำให้เราตกไปตายได้เหมือนกับชายคนนี้ละ ตอนที่มันเกิดรอยร้าวขึ้นมามันจะทำให้รู้สึกหวาดเสียวขนาดไหนกัน? เมื่อนักท่องเที่ยวหนุ่มคนหนึ่งได้ไปเจอกับพื้นทางเดินทำมาจากกระจกในประเทศจีนอยู่สูงเหนือพื้นกว่า 1,000 เมตร ที่เมื่อเขาเหยียมลงไปปุ๊บก็เกิดรอยร้าวขึ้นมาอย่างน่ากลัว ปฏิกิริยาของนักท่องเที่ยวหนุ่มเมื่อเหยียบลงไปแล้วเกิดรอยร้าว ทางเดินที่เห็นกันในคลิปนั้นอยู่ที่ประเทศจีน ยื่นออกมาจากด้านข้างของภูเขา Taihang แหล่งธรรมชาติอันสวยงามในมณฑลเหอเป่ย์ ซึ่งรอยแตกที่เกิดนั้นเป็นเพียงแค่ของปลอมที่มีเอาไว้แกล้งผู้คนเท่านั้นเอง ด้านล่างจะมีจอภาพติดตั้งเอาไว้เมื่อมีคนเดินไปเหยียบก็จะเห็นเป็นรอยและเสียงเหมือนกระจกกำลังแตก ทำให้นักท่องเที่ยวหน้าใหม่ต้องรู้สึกหวาดเสียวเพราะกลัวที่จะตกไปกลายเป็นผีไร้ญาติ เป็นใครก็กลัวถ้ามันจะน่าหวาดเสียวขนาดนี้ แล้วใครมันจะไปดูออกละว่าเป็นจอภาพ แม้จะเข้าใจกันได้ว่าการทำแบบนี้ก็เพื่อเสริมในเรื่องของการท่องเที่ยว แต่หลายคนก็บอกว่ามันอาจทำให้บางคนต้องหัวใจวายตายไปได้เลย ภายหลังผู้บริหารการท่องเที่ยวของภูเขาลูกนี้ได้ออกมากล่าวขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ได้มีแผนที่จะเอาเจ้ารอยแตกปลอมๆ นี้ออกหรอกนะ ก่อนหน้านี้ที่ภูเขา Yuntai Mountain ในมณฑลเหอนานก็เคยมีรอยแตกอยู่บนสะพานกระจกเหมือนกัน แต่พวกเขาทำเพื่อทดสอบความแข็งแรงเฉยๆ ไม่รู้ว่าแกล้งกันแรงขนาดนี้จะช่วยดึงดูดหรือไล่นักท่องเที่ยวกันแน่นะ ถ้าใครกลัวความสูงก็อย่าคิดจะไปเที่ยวที่นี่เชียว ที่มา: shanghaiist
-
เมื่อคุณแม่เห็นภาพตัวเองถูกแชร์ไปด่าสนั่นโซเชียล เลยตอกกลับด้วยความจริง จนชาวเน็ตเงิบ
ทุกวันนี้โลกโซเชียลน่ากลัวกว่าที่คิดที่เยอะ เพราะผู้คนสามารถแสดงความคิดเห็นต่อสิ่งที่เห็นบนสื่อออนไลน์ได้อย่างกว้างขวาง โดยที่บางคนยังไม่ทันรู้ความจริงด้วยซ้ำ เหมือนอย่างกรณีของคุณแม่คนนี้ที่ถูกถ่ายรูปแล้วเอาไปโพสต์ในสื่อออนไลน์ จนทำให้เธอถูกชาวเน็ตด่าสนั่นโซเชียลอย่างเสียๆ หายๆ ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าคุณแม่แต่ละคนอาจจะมีวิธีเลี้ยงลูกที่แตกต่างกัน แต่ทุกคนก็รักลูกเสมอ เช่นเดียวกับ Molly Lensing ที่มีแผนการเลี้ยงลูกในแบบของตัวเอง โดยเธอมีวิธีจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ ที่บางคนอาจไม่เห็นด้วย กระทั่งวันหนึ่งขณะที่เธออยู่ในสนามบินและได้วางลูกน้อยนอนกับพื้น โดยปูผ้าไว้ให้ ซึ่งเธอคงมีเหตุผลที่ทำแบบนั้น แต่มีบางคนไม่เข้าใจ จึงได้แอบถ่ายรูปเธอ ก่อนจะนำไปโพสต์ลงในโลกออนไลน์ คนที่เผยแพร่ภาพดังกล่าวไม่ได้ถาม Molly สักคำว่าทำไมถึงให้ลูกนอนพื้นแบบนั้น แต่กลับไปโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นที่คิดขึ้นมาเอง และแน่นอนว่ามันทำให้เธอถูกชาวเน็ตรุมด่าอย่างรุนแรง Molly ไม่รู้เลยว่าภาพดังกล่าวถูกแชร์ไปด่าในโลกโซเชียล กระทั่งเวลาผ่านไปหลายเดือน และภาพนั้นถูกแชร์ไปมากกว่า 60,000 ครั้งแล้ว เธอก็เพิ่งจะรู้ตัว… ที่ร้ายไปกว่านั้นคือ ใต้ภาพของเธอนั้นมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นหลายพันคน ซึ่งส่วนใหญ่จะออกไปทางด่าทอซะมากกว่า ต่อมา Molly ได้ออกมาเผยความจริงเกี่ยวกับภาพนั้นว่า “คำพูดทั้งหมดเหล่านั้นไม่เป็นความจริงเลย วันนั้นฉันอุ้มลูกสาว Anastasia เป็นเวลาหลายชั่วโมง จนแขนเริ่มล้า” “แต่การอุ้มในอ้อมแขนนานๆ จะทำให้เด็กนอนไม่สบาย เธอจำเป็นต้องนอนในพื้นที่กว้างกว่านี้ เพื่อที่จะได้ยืดแขนยืดขา และฉันเองก็ต้องติดต่อกับญาติๆ เพื่อบอกพวกเขาว่าเราอยู่ที่ไหน” เธอยังบอกอีกว่าการอยู่ในสนามบินนานๆ มันก็เครียดพออยู่แล้ว แต่นี่เธอต้องอุ้มลูกวัย 2 เดือนไว้ตลอดเวลา…
-
ชายหนุ่มพยายามเปิดตู้เซฟเก่าแก่สมัยปู่ทวด ที่ข้างในไม่ใช่ทองแต่เป็นกระดาษมูลค่าสูง!!
ในบางครั้งเราอาจได้ค้นพบกับของที่คาดไม่ถึงจากการรื้อค้นหรือจัดของในบ้านของเราเองที่มีอายุเก่าแก่ เป็นที่อยู่อาศัยของตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ย่า เช่นเดียวกับผู้ใช้ Imgur ชื่อว่า Jacob ที่ไปเจอกับเซฟปริศนาที่แอบซ่อนเอาไว้อยู่ในบ้านของเขาเอง จนทำให้ต้องหาคำตอบกันว่าภายในนั้นมันจะมีอะไร แต่ก่อนที่จะเปิดดูได้เขาจำเป็นต้องขนมันออกมาจากชั้นใต้ดินเสียก่อน เพราะบ้านหลังนั้นกำลังจะมีการรื้อทิ้งในอีกไม่ช้านี้แล้ว หลังจากที่มีอยู่มาตั้งแต่สมัยปู่ทวด เราไปดูกันว่าภารกิจการขนย้ายตู้เซฟจะสำเร็จหรือไม่และภายในนั้นมันมีอะไรกันแน่ ขณะที่กำลังเก็บข้าวของภายในบ้านอันเก่าแก่สมัยปู่ทวดได้มีตู้เซฟแอบซ่อนเอาไว้อยู่ลับๆ ก่อนที่บ้านจะถูกทำลาย Jacob และเพื่อนอีกคนได้พยายามใช้รถเข็นเฟอร์นิเจอร์มานำมันออกไป ด้วยน้ำหนักของตู้เซฟกว่า 450 กิโลกรัม ทำให้ความพยายามครั้งแรกไม่สำเร็จ ต่อมาพ่อของเขาก็เข้ามาช่วยโดยพยายามใช้รถมาลากเจ้าเซฟตัวปัญหานี้ขึี้นมาจากทางลาดที่ทำเอาไว้ตรงบันได ใช้สายพ่วงผูกกับโซ่เอาไว้และใช้แรงจากรถดึงขึ้นไป ด้วยความพยายามในหลายๆ แบบก็ทำให้มันสามารถขึ้นมารับแสงแดดได้ในที่สุด จากนั้นพวกเขาก็นำมันมาไว้ในโรงรถและเล่าเรื่องของตู้เซฟให้ปู่ของเขาฟัง ทำให้คุณปู่นึกขึ้นได้ก่อนที่จะรีบกลับบ้านไปเอากระดาษที่บอกวิธีการปลดล็อคตู้ดังกล่าวนี้มาให้ เขาบอกว่า “ถ้าไม่มีกระดาษแผ่นนั้นรับรองว่าคงไม่สามารถเปิดตู้เซฟนี้ได้แน่นอน เพราะมันมีความซับซ้อนอย่างมากและต้องเปิดเข้าไปถึง 4 ชั้น” “เปิดเข้าไปต้องเจอประตูอีกชั้นตอนแรกก็ถึงกับท้อกันเลย แต่พอสังเกตดีๆ มันมีกุญแจเสียบเอาไว้พร้อมให้เราได้เปิดเข้าไปดูกัน” เขากล่าว ในตอนแรกพวกเขาไม่ได้หวังจะเจอของมีค่าอะไรเพราะทราบดีว่าปู่ทวดของเขาใช้เงินไปกับการเล่นหุ้นหรือตลาดหลักทรัพย์เป็นหลัก และมีรายได้หรือเงินปันผลที่ไม่มากนักจากการประกอบอาชีพเป็นชาวไร่ อย่างไรก็ตามแม้ภายในตู้จะมีแต่เอกสารแต่เมื่อได้ลองตรวจสอบดูก็พบว่ากระดาษเก่าๆ เหล่านั้นมันมีค่ามากกว่าทองเสียอีก เพราะมันคือเอกสารรับรองว่าปู่ทวดของเขาเคยถือหุ้นอยู่กับบริษัท Disney เป็นจำนวน 30 หุ้นก่อนถูกปิดไปหลังจากที่เสียชีวิต…
-
ชาวเน็ตต่างชาติสั่ง ‘ผัดไทย’ ขอเน้นแบบเผ็ด พ่อครัวก็จัดให้เผ็ดนรกแตกอย่างสาสม!!
เราคงทราบกันดีว่าวัฒนธรรมของบ้านเราแตกต่างกับหลายประเทศโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะเรื่องของอาหารการกินที่หากชาวต่างชาติได้มาลองบางคนอาจถึงกับทานไม่ได้และต้องเข้าโรงพยาบาลกันเลย หนุ่มผู้ใช้ Reddit ที่ชื่อ Logan Doan ก็ต้องพบกับบทเรียนที่แสนสาหัสไม่น้อย เมื่อเขาตัดสินกิน ผัดไทย โดยที่บอกพ่อครัวไว้ก่อนว่า “ขอเผ็ดๆ” เท่านั้นเองเขาก็ต้องเจอกับความเผ็ดแบบจัดหนักจัดเต็ม เรื่องนี้เกิดขึ้นในเมือง Jacksonville รัฐฟลอริด้า ซึ่งมีถนนคนเดินชื่อ Hawkers Asian Street Fare ที่เต็มไปด้วยอาหารจากหลากหลายประเทศในเอเชีย ไม่กี่วันที่ผ่านมาในช่วงพักเที่ยงชายคนดังกล่าวได้สะดุดตาเข้ากับร้านอาหารไทยร้านหนึ่งก่อนที่จะสั่งผัดไทยมาหนึ่งจาน โดยเน้นย้ำไว้ตอนสั่งว่า “ขอเพิ่มความเผ็ดนะ” เขาคนนี้เชื่อมาตลอดว่าตัวเองสามารถกินเผ็ดได้แบบสบายๆ แต่เมื่ออาหารมาถึงเขาก็ต้องถึงกับสยองเพราะที่เขาได้รับคือ ”ผัดไทยที่คลุกเคล้าด้วยพริกป่นและความเผ็ดร้อนที่พร้อมจะเผาไหม้ระบบทางเดินอาหารทันทีที่กลืนลงไป” นั่นคือสิ่งที่เขาบอกไว้ ต่อมาเขาก็ได้โพสต์ภาพของใบเสร็จสั่งอาหารจากร้านที่มีคำว่าเผ็ดมากถึง 17 คำ เรียกได้ว่าเป็นความเผ็ดแบบ 17 เท่าเลย อีกทั้งยังมีตรงข้างล่างที่เขียนเอาไว้ว่า “ทำให้เขารู้สึกเสียใจที่เกิดมาซะ!!” เผ็ดจนไม่รู้จะเผ็ดยังไงแล้วสินะ กลายเป็นกระแสให้ชาวเน็ตเข้ามากดไลค์ถึง 124,000 ครั้งและอีก 3,000 ความคิดเห็น ซึ่งบางอันก็มาเล่าถึงประสบการณ์ของตัวเองจากการเจอความเผ็ดแบบไทยเข้าไป “ผมเคยสั่งเพิ่มความเผ็ดเป็นภาษาไทยอยู่ครั้งหนึ่งมันทำให้ผมต้องเจอกับหายนะ หลังจากกินเข้าไปขนาดจะเดินกลับรถเองก็ยังไม่ได้จนต้องให้เพื่อนมาช่วยมาพยุง” “ร้านอาหารไทยแถวบ้านจะเขียนให้เลือกความเผ็ดได้เลยว่าจะเอาปานกลาง เผ็ด หรือเผ็ดแบบไทย ซึ่งบอกเลยว่าอันหลังนี่มันคือการเอาชีวิตไปทิ้งชัดๆ” …
-
เทรนด์ของเหล่าอปป้า นิยมหันมาใส่รองเท้าเสริมส้น เพื่อช่วยให้ความสูงเพิ่มขึ้นอีกหลายระดับ
หลายคนคงคิดไม่ถึงว่ารองเท้าเสริมส้นนอกจากจะได้รับความนิยมในบรรดาสาวๆ ทั้งหลายแล้ว ในตอนนี้คุณผู้ชาย โดยเฉพาะหนุ่มๆ เกาหลีก็เริ่มนิยมหันมาใส่รองเท้าเสริมส้นกันแล้วนะจ๊ะ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมารองเท้าเสริมส้นสำหรับผู้ชายมียอดขายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศเกาหลีใต้ โดยสามารถเปรียบเทียบกันได้อย่างชัดเจนเลยว่า ในปีที่แล้วยอดการขายรองเท้าในลักษณะดังกล่าวมีมากถึง 43,000 คู่ ขณะที่ในปี 2014 มียอดขายทั้งหมดเพียง 36,000 คู่เท่านั้น สำหรับรองเท้าเสริมส้นของคุณผู้ชาย ได้ถูกออกแบบขึ้นมาสำหรับเพิ่มความสูงของหนุ่มๆ โดยเฉพาะ ซึ่งถ้าหากดูจากระยะไกลแล้วมันก็จะเหมือนกับรองเท้าหนังธรรมดาๆ ทั่วไป แต่จริงๆ แล้วมันแอบเสริมส้นเบาๆ อยู่นะแกรรร ในส่วนของส้นด้านนอกจะมีความสูงประมาณ 4 เซนติเมตร เท่านั้นไม่พอยังมีการเพิ่มด้านในให้อีก 2 เซนติเมตร เรียกได้ว่าสูงสะใจอปป้ากันไปเลย อย่างไรก็ตาม เทรนด์รองเท้าเสริมส้นสำหรับผู้ชาย อาจจะฟังดูแปลกสำหรับใครหลายๆ คน แต่ความจริงแล้วน้อยคนนักที่จะรู้ว่าแฟชั่นรองเท้าเสริมส้นของบผู้ชายนั้น ได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 10 โดย Elizabeth Semmelhack ผู้ดูแลอาวุโสของพิพิธภัณฑ์รองเท้า Bata ในโตรอนโตได้ออกมาเผยว่า…
-
ประเทศกรีซสั่งแบนชาวต่างชาติ ไม่ให้แต่งงานบนเกาะ หลังภาพพรีเวดดิ้งสโม๊กกี้ว่อนเน็ต!!
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้นำเสนอเรื่องภาพพรีเวดดิ้งที่ไม่เหมาะสม จนถูกชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์สนั่นโซเชียล ซึ่งน่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับคู่รักอ่ื่นๆ ในการถ่ายรูปพรีดิ้งบ้าง แต่ปรากฏว่าตอนนี้มีคู่รักอีกคู่หนึ่งที่ถ่ายภาพพรีเวดดิ้้งในลักษณะที่คล้ายกัน แถมยังไปถ่ายในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของกรีซด้วย จึงทำให้พวกเขาถูกแบนในที่สุด เรื่องนี้กลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์เมื่อ Matthew Lunn จากเบอร์มิงแฮมได้โพสต์ภาพขณะที่ตัวเองถอดกางเกง ส่วนภรรยา Carly คุกเข่าและทำท่าเหมือนกำลังมีเพศสัมพันธ์ทางปากต่อหน้าโบสถ์กรีกอันศักดิ์สิทธิ์ ทั้งคู่อ้างว่าที่ถ่ายแบบนั้นก็เพื่อทำอะไรที่แตกต่างและมองเป็นเรื่องขำๆ เท่านั้น แต่เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้ครอบครัวของทั้งคู่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้เป็นปู่ที่ไม่รู้สึกตลกด้วยสักนิด ไม่เพียงแต่ครอบครัวเท่านั้น แต่สร้างความไม่พอใจให้กับชาวกรีกทั้งประเทศ จนในที่สุดรัฐบาลกรีซถึงกับออกมาประากาศสั่งแบนชาวต่างชาติไม่ให้มาจัดงานแต่งงานบนเกาะหแห่งนี้อีก นั่นหมายความว่าคู่รักชาวต่างชาติคู่อื่นๆ ที่วางแผนจะมาแต่งงานที่นี่ก็ต้องฝันสลายไปด้วย Giorgos Eleftheriou ผู้นำชุมชน Lindos ใน Rhodes ได้ออกมาพูดถึงกรณีนี้ว่า “เราเป็นชาวกรีก เรารักประเพณีอันดีงามของเรา เราให้พื้นที่ทางศาสนาเป็นพื้นที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเราจึงรับไม่ได้ที่มีพฤติกรรมอันน่ารังเกียจปรากฏขึ้นบนเกาะแห่งนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม” การตัดสินใจในครั้งนี้ทำให้คู่รักจากอังกฤษและทั่วโลกไม่น้อยรู้สึกเสียใจและเสียดาย แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเป็นบทเรียนให้กับชาวต่างชาติ ทางด้าน Carly หลังจากแต่งงานไปเมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมาได้ออกมาพูดว่า “เราคิดไว้แล้วว่าจะถ่ายรูปแบบนั้น ซึ่งคาดหวังว่ามันจะเป็นภาพตลกที่สร้างเสียงหัวเราะให้ผู้ที่ได้เห็น แต่ปรากฏว่าหลังจากที่ภาพถูกโพสต์ ทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด” ตอนนี้ผู้คนทั่วอังกฤษกำลังวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของคู่รักคู่นี้ และแน่นอนว่ามันยังส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลก เพราะตอนนี้ชาวต่างชาติไม่สามารถไปจัดงานแต่งที่นั่นได้อีกแล้ว จะทำอะไรให้ขอให้คำนึงถึงความเหมาะสมด้วยนะเออ…
-
หนุ่มน้อยวัย 11 ใส่ชุดทหารไปโรงเรียนทุกวัน เพื่อสนับสนุนพี่ชายแต่กลับโดนเพื่อนกลั่นแกล้ง
หากคุณคิดถึงคนที่คุณรักเพราะต้องอยู่ห่างไกลกันด้วยภาระหน้าที่หรืออะไรก็ตาม หลายคนอาจจะทำสิ่งที่พิเศษที่สุดให้กับพวกเขา และ Isaiah Picklesimer นักเรียนเกรดห้าวัย 11 ปี จากเมืองชาร์ลอตต์ ในมลรัฐนอร์ทแคโรไล ประเทศสหรัฐอเมริกา คนนี้ก็จะทำแบบนั้นเช่นกัน ในวันที่ 11 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา (วันครบรอบ 16 ปีเหตุการณ์ 911) Isaiah ได้ตัดสินใจสวมชุดเครื่องแบบทหารไปโรงเรียน เพื่อสนับสนุน Aaron Picklesimer ผู้เป็นพี่ชายที่กำลังเตรียมตัวปฏิบัติหน้าที่อยู่ในกองทัพเรือสหรัฐ แต่ทว่าหนุ่มน้อยกลับถูกเพื่อนร่วมชั้นกลั่นแกล้งซะงั้น แถมยังถูกมองว่าเป็นตัวตลกอีกด้วย “ผมรักเขา และผมก็จะสนับสนุนเขา เขาเป็นฮีโร่ของผม ผมคิดถึงพี่ชายมาก และผมก็ต้องการที่จะสวมใส่ชุดเครื่องแบบนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนเขา” Isaiah กล่าว แม้ว่าหลายคนอาจจะเห็นถึงความตั้งใจที่แสนบริสุทธิ์ของ Isaiah แต่สำหรับเพื่อนนักเรียนร่วมชั้นกลับไม่คิดเช่นนั้น แถมยังมองหาโอกาสที่จะล้อเลียนเขาอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ Isaiah ยังได้ออกมาเผยอีกว่า “เพื่อนบางคนรังแกผม มันทำร้ายความรู้สึกของผมมาก พวกเขาบอกว่าชุดของผมคือชุดนอน และมองว่าผมเป็นตัวตลก ซึ่งผมก็ได้บอกพวกเขาไปว่าเธอไม่เข้าใจหรอก ฉันกำลังพยายามสนับสนุนพี่ชายอยู่” ทางด้าน Mellanie…
-
ภาพบรรยากาศในช่วงสัปดาห์วันชาติจีน เมื่อประชาชนแห่มาเที่ยวที่เดียวกันจนล้น…
ช่วงเทศกาลวันหยุดแห่งชาติ หลายครอบครัวมักวางแผนไปเที่ยวด้วยกันในสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของประเทศ และหากคนส่วนใหญ่มีเป้าหมายอยู่ที่สถานที่เดียวกัน มันจะเกิดอะไรขึ้น!? นีี่คือภาพที่ถ่ายจาก Millennium City Park มณฑลเหอหนานใจกลางประเทศจีน ในช่วง “สัปดาห์ทอง” ซึ่งเป็นวันหยุดประจำชาติ ตั้งแต่วันที่ 1-7 ตุลาคม แต่ปีนี้ให้หยุดถึง 8 วัน เนื่องจากมีเทศกาล Mid-Autumn ด้วย ในภาพแสดงให้เห็นนักท่องเที่ยวจำนวนมากแห่มาเที่ยวที่ Millennium City Park ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีิทิวทัศน์สวยงาม ที่เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี 1998 สำนักข่าว People’s Daily รายงานว่า สวนสาธารณะแห่งนี้มีพื้นกว่า 10 เอเคอร์หรือราวๆ 25 ไร่ แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจนแทบจะไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ จุดที่แออัดกว่าพื้นที่อ่ื่นเห็นจะเป็นสะพานหินของสวนสาธารณะ ผู้คนต่างเบียดเสียดพาตัวเองไปยืนบนนั้น เพราะเป็นที่ที่มองเห็นการแสดงได้เจนที่สุด แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลซักเท่าไหร่ เพราะผู้คนมีมากเกินไป จนทำให้มองเห็นแต่หัวผู้คนแทนที่จะเห็นการแสดงหรือวิวอื่นๆ ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาใน Millennium City Park ตลอดทั้ง 8 นี้ พบว่าสูงถึง 705 ล้านคน ทำรายได้กว่า 2,968…
-
เจ้าหมาจรจัดทำเนียนแอบเข้ามาร่วมงานแต่งของคู่รักใจดี สุดท้ายก็ถูกรับไปเลี้ยงอีกจนได้
วันที่สำคัญที่ทำให้ Matheus และ Marília มีความสุขมากที่สุดก็คือวันแต่งงานพวกเขา และแน่นอนว่าในวันเดียวกันนั้นก็เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่ดีที่สุดสำหรับสุนัขจรจัดผู้โดดเดี่ยวตัวหนึ่งเช่นกัน Marília และ Matheus คู่รักที่อาศัยอยู่ในเซาเปาโล ประเทศบราซิล ได้เข้าพิธีวิวาห์กลางแจ้งเมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยในวันนั้นดูเหมือนว่าจะเกิดพายุและฝนตกหนัก ดังนั้น จึงทำให้ทั้งคู่รวมถึงแขกที่มาร่วมงานทั้งหมดได้ย้ายเข้าไปทำพิธีในเต็นท์ แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่เพียงแค่มนุษย์เท่านั้นที่อยากจะหลบฝน เพราะเจ้าหมาจรจัดตัวหนึ่งก็อยากจะมีที่พักพิงเช่นกัน ดังนั้นจึงทำให้มันได้ตัดสินใจเดินเข้าไปในงานทันที และด้วยสภาพร่างกายที่เต็มไปด้วยโคลน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เจ้าหมาถูกผู้คนขับไล่ให้ออกไปข้างนอก แต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็กลับเดินเข้าไปในงานอีก แถมคราวนี้ยังเดินไปหาคู่บ่าวสาวในระหว่างที่พวกเขากำลังเริ่มกล่าวคำปฏิญาณ…นับว่าใจกล้ามากเลยนะเอ็ง!! “ในตอนที่พิธีเริ่มขึ้น ทุกคนต่างก็รู้สึกแปลกใจที่มีสุนัขตัวหนึ่งเดินเข้ามา จากนั้นมันก็มานอนหลับลงบนผ้าคลุมหน้าของฉัน” Marília กล่าว มันได้รับอนุญาตให้เข้ามาร่วมงานแต่งได้ และนั้นก็ทำให้ Marília ยินดีที่จะแบ่งปันชุดของเธอให้เจ้าหมาได้นอนหลับอย่างสบายๆ “มันน่าแปลกใจมากสำหรับฉัน และฉันก็รักสัตว์” Marília กล่าว “ฉันชอบมันมาก” ภายหลังจากที่เสร็จสิ้นพิธีเจ้าหมาตัวดังกล่าวก็ได้หายตัวไป และก็ไม่มีใครเห็นมันอีกเลย แต่นี่ไม่ใช่จุดเริ่มของเรื่องราวทั้งหมด เพราะมันยังคงมีเรื่องที่ประทับใจมากกว่านั้น ในคืนหลังจากการแต่งงาน Marília และ Matheus ได้ตัดสินใจออกตามหาเจ้าหมาจรจัด และถ้าหากพบเจอมันพวกเขาก็ติดสินใจรับมันมาดูแลทันที …
-
15 แฟชั่นยุคใหม่ เผยความล้ำหลุดโลก จนต้องคิดแล้วคิดอีก จะทำตามดีมั้ย!?
ทุกอย่างย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา โดยเฉพาะแฟชั่นในปัจจุบันนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนบางทีเราก็ตามไม่ทันเหมือนกันนะ แต่สำหรับแฟชั่นต่อไปนี้ ดูเหมือนมันจะล้ำเกินไปมากๆ จนหลายคนขอเซโนไม่ตามเทรนดีกว่า แต่ไม่แน่ นี่อาจจะถูกใจชาวเด็กแนวก็เป็นได้… 1. เสื้อเดนิมที่ทำจากชิ้นส่วนของกางเกงยีนส์ 2. เลกกิ้งขนหน้าแข้ง…นี่แน่ใจนะว่าไม่ใช่ขนจริงๆ 3. เสื้อที่ดูเหมือนเลอะโคลนตลอดเวลา 4. เล็บขนปุย 5. ถุงน่องปักลายดอกไม้ 6. ผ้าขนหนูสำหรับหุ้มนม 7. ใส่กางเกงกลับด้าน+เสื้อขาดๆ 8. ชุดแซกสำหรับผู้ชาย 9. รองเท้าคาวบอย 10. บราที่ใส่นอกเสื้อ 11. กระเป๋าพุงพลุ้ย 12. ใส่กางเกงในชุดเดรส 13. รองเท้ากีฬาแบบส้นสูง 14. กางเกงขาสั้นที่มีซิปต่อเป็นกางเกงขายาว..หรือจริงๆ ก็เอากางเกงปกติมาตัดเป็น 2 ท่อนนั่นเอง 15. เลกกิ้งแบบบางเฉียบจนมองทะลุได้ อืม ใครไม่อยากตกเทรน…
-
ทีมสำรวจพบ “หลุมยุบ” ใจกลางทวีปแอนตาร์กติกา ขนาดใหญ่เท่ากับประเทศสกอตแลนด์
บ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นหลุมบนถนนต่างๆ และสร้างความรำคาญใจให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างมาก แต่เชื่อแน่นอนว่าคงไม่มีใครเคยเห็นหลุมบนถนนที่มีความกว้างพอๆ กับประเทศสกอตแลนด์มาก่อนแน่ๆ ซึ่งเจ้าหลุมขาดใหญ่หรือที่เรียกว่า Polynya นี้เกิดขึ้นในทวีปแอนตาร์กติกา โดยทีมนักฟิสิกส์บรรยากาศจากมหาวิทยาลัย University of Toronto ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหลุมที่ว่านี้มีขนาดใหญ่ถึง 80,000 ตรารางกิโลเมตร และถ้าหากไม่มีเทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียม พวกเขาคงไม่มีทางรู้แน่ๆ ว่ามันอยู่ตรงนี้ Polynya คือพื้นที่ของน้ำที่ถูกล้อมรอบไปด้วยทะเลน้ำแข็ง โดยในทวีปแอนตาร์กติกานั้นมีการค้นพบพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่ปี 1970 แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหลุมที่มีการค้นพบใหม่ครั้งนี้มีขาดใหญ่กว่า 5 เท่าของ Polyny ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังค้นหาสาเหตุของสิ่งที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์นี้ หลุมขนาดใหญ่มากกว่า 50 เท่าของกรุงลอนดอนนี้เกิดขึ้นมาเป็นครั้งที่ 2 แล้ว แต่อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้การศึกษาเกี่ยวกับปรากฏการณ์ดังกล่าวนั้นยังไม่ค่อยได้รับความสนใจมากเท่าไหร่ ศาสตราจารย์ Kent Moore จาก University of Toronto ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “การสำรวจทวีปแอนตาร์กติกาในฤดูหนาวนั้นเป็นเรื่องที่ยาก นั่นจึงทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้มีน้อย” แต่อย่างไรก็ตามหลายๆ ฝ่ายก็ยังมีความกังวลว่าการค้นพบ Polynya ขนาดใหญ่ในครั้งนี้อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทางศาสตราจารย์ Moore เองก็ได้กล่าวว่าการที่พบหลุมดังกล่าวนี้ถึง 2 ครั้งในรอบหนึ่งปี…
-
หนุ่มพาตัวเองย้อนเวลา ตัดต่อรูปปัจจุบันเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตวัยเด็กของตัวเอง
ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถย้อนเวลาได้หรอก แต่ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยที่มาในรูปแบบโปรแกรมตัดต่ออย่างโฟโต้ชอป อะไรๆ ก็เป็นได้ทั้งนั้น ขอแค่คุณใช้มันเป็น เหมือนกับ Conor Nickerson ช่างภาพที่ใช้โฟโต้ชอปตัดต่อภาพปัจจุบันตัวเองไปอยู่ในภาพวัยเด็กที่อยู่ระหว่างปี 1997-2005 เพื่อเป็นการย้อนเวลาให้ตัวเอง และมันก็ดูสมจริงซะด้วยสิ Conor บอกว่า “ขณะที่ดูภาพเก่าๆ ของครอบครัว ผมก็สงสัยว่ามันจะเป็นอย่างไร ถ้าเราใช้โฟโต้ชอปตัดต่อตัวเองในวันนี้ไปอยู่ในภาพเหล่านั้น” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ได้หาเสื้อผ้า หมวก และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใกล้เคียงกับช่วงเวลาในรูปให้มากที่สุด แล้วก็ถ่ายรูปให้เหมือนอยู่ในบริบทเดียวกัน ก่อนจะใช้โฟโต้ชอปปรับแต่งให้มีความสมจริงยิ่งขึ้น มันอาจจะฟังดูง่าย แต่ Conor บอกว่า “สิ่งที่ท้าทายที่สุดคือ การทำให้ภาพปัจจุบันกับภาพในอดีตกลมกลืนกันอย่างแนบเนียน ทั้งความคมชัด รอยเปรอเปื้อน โทนสี และการวางตำแหน่งของรูป” ชายหนุ่มต้องใช้เวลาค่อนข้างนานในการปรับแต่งรูปและต้องมีความละเอียดสูงมาก เพื่อให้ภาพออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ท้ายที่สุดหลังจากทำเสร็จแล้ว เขารู้สึกว่าเหมือนได้พาตัวเองกลับไปอยู่ในวัยเด็กจริงๆ แม้จะเป็นเพียงความรู้สึก แต่มันก็ได้ทำให้เขาเห็นตัวเองในปัจจุบันกับตัวเองในวัยเด็กอยู่ในเฟรมเดียวกันอย่างกลมกลืน นี่ถ้าไม่บอก ไม่คิดเลยนะว่าเป็นการตัดต่อ Conor ปัจจุบันกับวัยเด็กในเฟรมเดียวกัน เนียนซะเหมือนพ่อเล่นกับลูก ที่แท้ก็คนเดียวกันนั่นแหละ . ทั้งตำแหน่ง…
-
ชมภาพประเพณี Buso ของประเทศฮังการี ทั้งดูหลอน แต่งดงามไปในเวลาเดียวกัน…
ทุกๆ ปีในทางตอนใต้ของประเทศฮังการี ชายหนุ่มทั้งหลายในเมืองจะออกมาเฉลิมฉลองฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ประเพณี Buso ซึ่่งชายหนุ่มจะแต่งตัวด้วยเสื้อขนสัตว์หลายๆ ชั้น เพื่อเป็นการต้อนรับความหนาว รวมไปถึงสวมหน้ากากแฮนด์เมดที่ไม่เหมือนใคร เผยให้เห็นเฉพาะดวงตา และมีชื่อเรียกว่า “Jenkeles” Jenkeles ประเพณีนี้คล้ายกับวันฮาโลวีน เพียงแต่ไม่ได้แต่งตัวเป็นผี โดย Jenkeles ทั้งหลายจะออกมาเล่นซนไปทั่วหมู่บ้าน ให้ความบันเทิงแก่ผู้พบเห็น โดยที่ไม่เปิดเผยตัวตนที่อยู่ภายใต้หน้ากาก ประเพณีนี้เป็นสิ่งที่ทำต่อกันมานานแล้ว ซึ่งก็เป็นการปลดปล่อยอารมณ์ของชายหนุ่มทั้งหลาย ให้ได้เล่นเหมือนเด็กอีกครั้งก่อนฤดูหนาวที่จะมาถึง แต่ไม่มีใครที่แต่งตัวเป็น Jenkeles แล้วก่อความวุ่นวายเลย ชายหนุ่มทั้งหลายจะออกมาเต้นรำ และวิ่งเล่นไปรอบๆ หมู่บ้าน และการแต่งตัวแบบตลกๆ ของพวกเขานั้นก็ทำให้ชาวบ้านมีความสุข จากนั้นก็จบพิธีด้วยการมาก่อกองไฟขนาดใหญ่กลางหมู่บ้านเพื่อให้ความอบอุ่น ซึ่งบรรยากาศของประเพณี Buso ก็ได้ช่างภาพ Zsolt Repasy เก็บภาพมาให้ผู้คนได้ทราบถึงความแปลกของประเพณีนี้ เขาพูดถึงงานของตัวเองว่า.. “ภาพที่เขาถ่ายมา การจัดงานนี้มีไว้เพื่อบันทึกวัฒนธรรมอันเก่าแก่” “เป้าหมายคือการรำลึกความหลัง และแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมอันเก่าแก่และทรงคุณค่าของ Buso” และนี่ก็คือภาพจากงานเทศกาลท้องถิ่นดังกล่าว ซึ่งถือว่าแปลกตา และไม่คิดว่าจะมีอยู่จริงๆ…
-
21 ภาพประวัติศาสตร์ไม่มีในห้องเรียน ที่ทำให้เห็นว่าโลกของเรา เคยผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาด้วย!?
โลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวัน เทคโนโลยีใหม่ๆ ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ โดยนำปัญหาที่เกิดขึ้นมาหาวิธีแก้ไข เพื่อให้มนุษย์ได้ใช้ชีวิตแบบสะดวกสบาย ซึ่งกว่าที่มนุษย์โลกจะมาอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าก็ต้องผ่านยุคสมัยต่างๆ มาหลายยุคทั้งยุคแห่งประวัติศาสตร์ ยุคแห่งการคิดค้นและพัฒนามานานพอสมควร เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตก็สามารถนำมาเป็นบทเรียนให้กับมนุษย์ยุคปัจจุบันได้อย่างดีเยี่ยม มาดูกันดีกว่าว่ามนุษย์ในอดีตนั้นเขาต้องประสบพบเจออะไรกันบ้าง แต่ละเรื่องนั้นอาจจะดูแปลกๆ แต่มันก็สามารถทำให้มนุษย์ในยุคปัจจุบันอยู่ได้อย่างสบาย ผู้กำกับภาพยนตร์ในตำนาน Alfred Hitchock เข้าร่วมดื่มน้ำชากับสิงโตที่ Metro Goldwyn Mayer Studio ในปี 1942 ผู้หญิงนิยมเพ้นท์ขาให้ดูเหมือนว่าสวมถุงน่อง ตำรวจตระเวนชายแดน ยื้อแย่งฉุดลากผู้ลี้ภัยที่พยายามที่จะข้ามฝั่ง บริเวณชายแดนสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก โดยไม่มีข้อมูลยืนยันว่าทำไมทั้งสองฝ่ายจึงต้องเกิดการฉุดแย่งแบบนี้ มีการคาดว่าทั้งสองต่างต้องการผู้หลบหนีเพื่อใช้ในการดำเนินคดีของฝั่งตน นักบินฝึกหัด George Aird ดีดตัวเองออกจากเครื่องบินที่สูญเสียการควบคุม ช่วงพักกลางวันของกองถ่ายภาพยนตร์ Star Wars ต้นแบบของโทรทัศน์แบบพกพาที่ถูกคิดค้นในปี 1967 การแข่งขันการกินสปาเก็ตตี้ของผู้หญิง รถตำรวจที่ออกแบบในปี 1920 ให้มีกันชนป้องกันคนบาดเจ็บ โรงงานผลิตเบียร์ของอังกฤษส่งเบียร์มาให้กองทัพทหารที่กำลังต่อสู้ในนอร์มังดี เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 1944…
-
เจ้าของทีมฟุตบอล ตัดสินใจรับชายไร้บ้าน 2 คนเข้าทำงาน แถมยังให้ที่พักฟรีๆ อีก…
ปัญหาคนไร้บ้านนั้น ล้วนเป็นปัญหาที่เรื้อรังและไม่ได้รับการจัดการมาเป็นเวลานาน ซึ่งคนที่ต้องกลายมาเป็นคนไร้บ้านนั้นก็มาด้วยเหตุผลแตกต่างกันไป แต่ที่เหมือนกันคือ พวกเขาเหล่านั้นหลายคนยังคงรอโอกาสที่ใครสักคนจะหยิบยื่นมาให้… ล่าสุดได้มีเรื่องราวอบอุ่นหัวใจ เมื่อ Glenn Tamplin เศรษฐีจากเมือง Essex ในอังกฤษ ผู้เป็นเจ้าของทีมฟุตบอล Billericay Town F.C. ซึ่งเป็นทีมฟุตบอลประจำเมืองได้หยิบยื่นโอกาสเปลี่ยนชีวิตให้กับคนไร้บ้านสองคนที่เขาเจออยู่บ่อยๆ Glenn เล่าว่าชายทั้งสองนั้นมักจะนั่งอยู่บริเวณเส้นทางที่เขาไปทำงาน จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้ตัดสินใจพูดคุยกับ Richard ชายไร้บ้านคนหนึ่ง จนได้พบว่าชายคนนี้นั้นเคยเป็นอดีตทหารอากาศที่เคยร่วมรบในสงครามฟอล์กแลนด์ แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นคนไร้บ้านนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ Glen จึงตัดสินใจที่จะหยิบยื่นโอกาสให้อดีตนายทหารคนดังกล่าวและเพื่อนของเขาอีกคนหนึ่ง Rey ให้มาทำงานให้กับเขา Richard นั้นได้รับงานเป็นผู้ดูแลทั่วไป ส่วน Rey ได้รับหน้าที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่สนาม AGP Arena ซึ่งเป็นสนามฝึกซ้อมของทีม โดยที่นั้นทั้งคู่จะมีที่พักให้นอนและมีงานให้ทำตามที่เขากำหนดข้างต้น ฉะนั้นชีวิตพวกเขาทั้งคู่จะได้ดีขึ้น Glen บอกว่าเขาตัดสินใจจะช่วยเหลือทั้งคู่ และเปลี่ยนชีวิตพวกเขา ทั้งเรื่องปัญหาการติดสุราและการใช้ชีวิตในระยะยาว ซึ่งพวกเขาจะได้ลดการดื่มเหล้า และมีเงินเก็บเพิ่มขึ้น นอกจากนี้เขาบอกว่าเขายินดีที่จะมอบชีวิตใหม่ให้กับคนดีๆ แบบคนทั้งสองที่ขาดแค่โอกาสแก้ตัวนั่นเอง… เขาเปิดเผยแนวคิดที่น่าสนใจให้สื่อที่ไปสัมภาษณ์ได้ฟังว่า “ผมเริ่มคิดว่า ผมควรจะเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาให้ดียิ่งขึ้น และในตอนเช้าผมก็เลยตัดสินใจให้โอกาสทั้งคู่ใหม่…
-
หญิงสาวตัดสินใจ “แต่งงานกับสุนัข” และใช้ชีวิตกับเจ้าหมาอันเป็นที่รัก มานานกว่า 8 ปี!!
ว่ากันว่าความรักนั้นมีหลายรูปแบบ ทั้งรักแบบคนรัก รักแบบพี่น้อง รักแบบครอบครัว และความรักเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขบนโลกใบนี้ Wilhelmina Morgan Callaghan ชาวไอร์แลนด์เหนือ วัย 43 ปี ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เชื่อในเรื่องของความรักเพียงแต่ว่าความรักของเธอนั้นอาจจะดูไม่ธรรมดาสำหรับสายตาคนอื่นไปหน่อย Wilhelmina ทำงานเป็นฟรีแลนซ์ เธอมักจะทำงานอยู่ที่บ้านตลอดเวลา โดยมีเพื่อนคู่ใจคลายเหงาคือเจ้า Henry สุนัขพันธุ์ยอร์กเชียร์สีน้ำตาลหน้าตาน่ารักตัวนี้ ด้วยความจงรักภักดีของเจ้า Henry ที่คอยอยู่เคียงข้างเธอมาตลอด เธอจึงตัดสินใจแต่งงานกับสุนัขอันเป็นที่รักของเธอเมื่อปี 2009 โดยมีเพื่อนๆ เป็นสักขีพยานในการแต่งงานในครั้งนี้ด้วย เธอเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่เธอแต่งงานกับเจ้า Henry ชีวิตของเธอก็มีเรื่องร้ายๆ เข้ามาหลายเรื่องทั้งเงินไม่พอใช้ และบ้านก็เกิดน้ำท่วม แต่ก็มีเจ้า Henry นี่แหละที่ไม่เคยทิ้งเธอไปไหนเลย เรื่องของการแต่งงานกับสัตว์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับ Wilhelmina เป็นคนแรก นอกจากจะมีคนแต่งงานกับสุนัขแล้วยังมีคนแต่งงานกับแมว หรือแม้กระทั่งแต่งงานกับงู เธอคิดว่ามันไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยง แต่มันเป็นคู่ชีวิตที่ดีที่สุด ถึงแม้ว่าในทางกฎหมายจะยังไม่ยอมรับเรื่องการจดทะเบียนสมรสระหว่างคนกับสัตว์ แต่เธอก็ได้รับใบประกาศว่าเธอกับ Henry เป็นสามีภรรยากันจากสมาคมคนรักสัตว์จากทางเว็บไซต์ . ปัจจุบันเธอกับ…
-
7 อาชีพเกิดใหม่แห่งอนาคต ถ้าโลกพัฒนาไปข้างหน้า ต้องมีงานแบบนี้อย่างแน่นอน!!
โลกเรานั้นยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งเราอาจจะคิดว่ายุคสมัยของการท่องอวกาศและยุคของหุ่นยนต์อาจจะมาไวกว่าที่คิด และด้วยเหตุผลดังกล่าวเราจึงต้องมองหาอาชีพและแนวทางการใช้ชีวิตแบบใหม่ๆ ทว่าอาชีพอะไรกันล่ะที่โลกอนาคตต้องการ อาชีพอะไรที่เราจะขาดพวกเขาไม่ได้ถ้ายุคสมัยนั้นมาถึง ด้วยเหตุนี้จึงมีการยกตัวอย่าง 7 อาชีพที่ในอนาคตจะขาดคนเหล่านี้ไปไม่ได้เลย เพราะพวกเขาจะกลายเป็นกลไกสำคัญในยุคหุ่นยนต์ เทคโลยี และอวกาศ… ช่างผู้ชำนาญการใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติ ในปัจจุบันเครื่องพิมพ์ 3 มิตินั้นเริ่มเป็นอะไรที่แพร่หลายมากขึ้น เทคโนโลยีที่สามารถสร้างสิ่งของได้ง่ายๆ เพียงแค่สั่งพิมพ์ขึ้นมาราวกับสั่งปริ้นเอกสาร และเชื่อได้เลยว่าในอนาคตเทคโนโลยีนี้จะมีส่วนในชีวิตมากๆ ทั้งการสร้างบ้าน สร้างหุ่นยนต์ รวมถึงสิ่งต่างๆ เยอะแยะไปหมด สถาปนิกผู้เชี่ยวชาญการใช้ขยะ… ฟังดูอาจจะงงๆ แต่ว่าในอนาคตนั้น โลกของเราจะเต็มไปด้วยขยะมากมาย ถ้าโลกไม่มีระบบการจัดการขยะที่ดีปัญหาขยะก็จะตามมา และอาชีพนี้ก็จะกลายเป็นอาชีพที่โลกต้องการ เพราะพวกเขาจะสามารถนำขยะหรือของเหลือทิ้งมาสร้างบ้านสร้างอาคารได้ด้วยการใช้ขยะ ช่วยโลกไม่พอ ยังสร้างอะไรใหม่ๆ ด้วยนะ ไกด์นำเที่ยวในอวกาศ เมื่อมันเข้าสู่ยุคท่องอวกาศ และเกิดการท่องเที่ยวไปทั่วอวกาศ อาชีพที่จะขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือไกด์ ซึ่งพวกเขาจะคอยนำทางและแนะนำว่าตรงไหนคือจุดน่าสนใจ ตรงไหนมีอะไร และทำยังไงถึงจะปลอดภัยในอวกาศ ผู้จัดการความตายโลกดิจิทัล อ่านแล้วหลายคนคงจะงงว่านี่มันอาชีพบ้าอะไรกัน แต่รอดูอีก 20 หรือ 30 ปี อาชีพนี้อาจจะมาแน่ๆ ลองคิดดูสิว่าแค่ตอนนี้สื่อออนไลน์นั้นมีผลกับเรามากขนาดไหน แล้วในอนาคตมันจะทวีคูณขึ้นหรือเปล่า…
-
Jake DuPree ฟิตเนสไอดอลกล้ามโต๊โต ไม่ขายความหล่อเท่ แต่น่ารักและฮาได้แบบจัดเต็ม!!
โดยปกติแล้วฟิตเนสไอดอลที่เราเห็นกันในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง พวกเขามักจะมาในรูปแบบการนำเสนอรูปร่าง โชว์กล้ามหรือซิกแพ็ค เพื่อสร้างแรงบันดาลในการดูแลตัวเอง แต่ดูเหมือน Jake DuPree จะมีวิธีการนำเสนอที่แตกต่างออกไป เพราะแม้จะเป็นชายหนุ่มกล้ามโต แต่เขาเลือกที่จะมาทางสายฮามากกว่า ความหล่อความเท่นะหรอ ลืมไปได้เลย สื่อที่ออกมาก็จะประมาณนี้ เป็นหนุ่มกล้ามโตที่น่ารักใช้มั้ยล่ะ?? แต่จะว่าไปหน้าแบบนี้ขายความหล่อได้เลยนะ แล้วบวกกับกล้ามโตๆ นั่นอีก มันได้ค่ะขุ่นแม่ มาถึงจุดนี้หลายคนคงอยากรู้จักเขาคนนี้ให้มากกว่านี้ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน ทำอะไร และตัวตนที่แท้จริงเป็นอย่างในคลิปที่นำเสนอไปหรือเปล่า? Jake เป็นเจ้าของฟิตเนสและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังที่เป็นที่ปรึกษาให้กับ The Doctors and PopSugar Fitness คลาสสอนของ Jack เป็นที่รู้จักในวงกว้าง จนได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสาร Pasadena Magazine ในฐานะคลาสชั้นสูงและยอดเยี่ยมที่สุด นอกจากนี้เขายังได้รับการยกย่องจาก RateYourBurn.com ว่าเป็นหนึ่งในห้าของสุดยอดผู้สอน BARRE ในลอสแอนเจลิส ไม่เพียงแต่เป็นฟิตเนสไอดอล แต่ในลอสแอนเจลิสเขายังเป็นที่รู้จักในฐานะนักเต้นมืออาชีพ เทรนเนอร์ นักเสริมสร้างรูปร่างจากการออกกำลังกายแบบ Pilates และผู้สอนการออกกำลังกายเป็นกลุ่ม ด้วยความสามารถเหล่านี้ ทำให้ Jack นำเสนอรูปแบบการออกกำลังกายที่แตกต่างไปจากไอดอลคนอื่นๆ เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนหันมาออกกำลังกายตามที่ใจต้องการ …
-
สะ..สะตรอง!! ฉลามถูกคลื่นซัดเข้ามาในสระน้ำริมทะเล หญิงสาวไปอุ้มมันโยนคืนทะเลแบบโคตรเท่
ว่ากันว่าฉลามนั้นเป็นสัตว์ที่อันตราย การที่อยู่ดีๆ จะเข้าไปจับมันนั้นถือเป็นความคิดที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เพราะอาจจะถูกกัดจนเกิดการบาดเจ็บตามมาก็เป็นได้ ทว่าหญิงสาวคนคนนี้กลับไม่คิดแบบนั้น Melissa Hatheier ซึ่งทำงานเป็นตัวแทนอสังหาริมทรัพย์จากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียคนนี้ ได้จับเจ้าปลาฉลามตัวหนึ่งที่มันดันหลุดเข้าไปในบริเวณอ่างเก็บน้ำ โดยเธออุ้มมันขึ้นมาอย่างกล้าหาญและแข็งแรง จากนั้นก็นำตัวเจ้าฉลามไปปล่อยยังทะเล ซึ่งมีการบันทึกภาพไว้ได้ด้วย… และเมื่อภาพเหตุการณ์ของเธอที่ถูกบันทึกได้ถูกปล่อยไปบนโลกอินเตอร์เน็ต เรื่องราวของเธอก็กลายเป็นไวรัลทันที… ก่อนอื่นลองรับชมคลิปเหตุการณ์ได้ข้างล่างเลยครับ และด้วยวีรกรรมนั้นทางสำนักข่าว The Today Show ก็เลยรู้สึกสนใจขอสัมภาษณ์เธอทันที ซึ่งเธอเล่าว่าที่เกิดเหตุนั้นอยู่ที่ Cronulla ขณะที่ทางด้านพิธีกรก็ถามว่านี่คุณไม่กลัวมันจะหันมากัดบ้างเหรอ คุณทำแบบนั้นไม่ได้นะ!! Melissa ก็บอกว่า ในหัวของเธอคิดแค่ว่าเธอจะต้องช่วยเจ้าฉลามให้ได้ เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นหรอก เธอชอบช่วยเหลือผู้รอดชีวิตอะไรทำนองนี้ และผลลัพท์ก็ออกมาอย่างที่เห็น คลิปเหตุการณ์ของเธอนั้นมีคนเข้าชมแล้วมากกว่า 360,000 ครั้ง ชาวเน็ตมากมายก็ต่างพากันมาชื่นชมว่าเธอช่างกล้าหาญ และเป็นคนดีจริงๆ ยังไงก็ตามผู้เชี่ยวชาญก็ยังแนะนำว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่แนะนำให้ทำ เพราะอาจจะเกิดอันตรายได้นั่นเอง ทางที่ดีควร แจ้งผู้เชี่ยวชาญหรือหน่วยงานเฉพาะให้พวกเขามาเป็นคนจัดการ แทนที่จะลงไปด้วยตัวเองอย่างที่เห็นในคลิป โชคดีที่เธอไม่ถูกฉลามทำร้ายล่ะนะ… ที่มา buzzfeed
-
ชายหนุ่มเห็น “หมีขั้วโลก” ถูกตาข่ายพันกำลังเกือบจมน้ำ ตัดสินใจทิ้งความกลัว เข้าไปช่วยเหลือมัน!!
Kaktovik ในอลาสก้า เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรอยู่ 300 คน ที่นั่นผู้คนจะเห็นหมีขั้วโลกอยู่รอบๆ เมืองเต็มไปหมด จนกลายเป็นภาพที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว หมีขั้วโลกกับชาวเมืองแห่งนี้อยู่ร่วมกันโดยไม่เบียดเบียนกัน นั่นทำให้หมีขั้วโลกสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ และชุมชนก็ไม่ต้องกลัวหมีทำร้ายด้วย ธรรมชาติอันน่าหลงใหลนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมักจะเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่ เพื่อดูวิถีชีวิตของหมีขั้วโลกอย่างใกล้ชิด แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎที่ตั้งไว้ เพื่อไม่เป็นการคุกคามพวกมัน อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่ไกด์นำเที่ยว Rolan Warrior พานักท่องเที่ยวไปยังเกาะเพื่อดูวิถีชีวิตหมีขั้วโลก เขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติ เขาเห็นหมีขั้วโลกตัวหนึ่งถูกตาข่ายจับปลาพันรอบตัว และมันกำลังตะเกียกตะกายเอาตัวรอดจากการจมน้ำ ท่ามกลางตวามตกใจของลูกทัวร์ที่มาด้วย สิ่งที่ Rolan คิดได้อย่างแรกคือหมีต้องได้รับการช่วยเหลือโดยด่วน แต่หมีเป็นสัตว์ใหญ่และอันตราย ใครล่ะจะลงไปช่วย และจะช่วยมันด้วยวิธีไหน พลาดไปเขาจะโดนมันฆ่าเสียเองหรือไม่? โชคดีที่มีกลุ่มชาวเมือง Kaktovik มาที่เกิดเหตุพอดี และได้พยายามทำให้หมีขั้วโลกตัวนั้นสงบลง เพื่อให้มันเข้าใจว่าพวกเขามาช่วย ไม่ได้จะมาทำร้าย นี่เป็นภารกิจที่ค่อนข้างยาก เพราะน้ำมีความเย็นมาก ที่สำคัญหมีขั้วโลกตัวนี้ก็หนักมาก โดยตัวผู้ที่เต็มวัยจะมีน้ำหนักมากกว่า 500 กิโลกรัม ซึ่งพวกเขาต้องลากเจ้าหมีตัวนี้ขึ้นไปยังฝั่งให้เร็วที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น…
-
เจ้าหมากลายเป็นฮีโร่ ช่วยระบุตำแหน่ง “เด็กน้อย” ที่หายจากบ้านตอนกลางคืน จนเจ้าหน้าที่พบตัว..
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายๆ คนจึงนับสุนัขเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว สาเหตุหนึ่งคงเป็นเพราะความซื่อสัตย์ของมัน ที่สำคัญมันมีประโยชน์มากกว่าที่จะเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงเท่านั้น เหมือนกับเจ้าหมาตัวนี้ที่ช่วยเหลือเด็กน้อยวัย 2 ขวบ ด้วยการระบุที่อยู่ให้เจ้าหน้าที่ทราบ จนเด็กน้อยได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย หลังจากที่เขาหายออกจากบ้านไปถึง 3 ชั่วโมง เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วใน Richmond รัฐมินิสโซตา ขณะที่เด็กน้อยกำลังเล่นกับลูกพี่ลูกน้องอยู่นอกบ้านตามปกติเหมือนทุกครั้ง ด้วยความชะล่าของผู้ปกครอง พวกเขาจึงไม่ได้อยู่ดูเด็กๆ ตลอดเวลา และปล่อยให้พวกเขาเล่นกันเอง แต่แล้วเหตุไม่คาดคิดก็เกิด เมื่อเด็กน้อยวัย 2 ขวบไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว ครอบครัวตกใจมาก ทุกคนจึงช่วยกันออกตามหา กระทั่ง 30 นาทีผ่าน เมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มมืดลงทุกที พวกเขาจึงตัดสินใจโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ช่วยออกตามหาอีกแรง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย เจ้าหน้าที่ของอำเภอจึงได้ร่วมภารกิจตามหาในครั้งนี้ด้วย โดยได้มีคำสั่งให้นำเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนมาใช้ในการค้นหาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากขณะนั้นฟ้ามืดจนมองอะไรแทบไม่เห็นแล้ว เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้อุปกรณ์จับความร้อน(heat-seeking device)เข้ามาช่วย และแล้วอุปกรณ์ดังกล่าวที่ติดตั้งบนเฮลิคอปเตอร์ก็จับภาพสุนัขที่กำลังเดินอยู่ใกล้ๆ กับเด็กน้อยที่หายตัวไป เจ้าหน้าที่บอกว่าการเคลื่อนไหวของสุนัขเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้เจ้าหน้าที่มองเห็นพวกเขาผ่านอุปกรณ์จับความร้อน โดยสุนัขอยู่ใกล้กับเด็กในลักษณะดูแลและคอยปกป้องเด็กน้อยตลอดเวลา เนื่องจากตลอดเวลาที่เห็นคือมันไม่ยอมอยู่ห่างจากตัวเด็กเลย ทั้งคู่กำลังเดินอยู่ในทุ่งหญ้าแห่งหนึ่ง ซึ่งปกคลุมไปด้วยความมืด เจ้าหน้าที่จึงได้ลงพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือทันที และพาทั้งคู่กลับมาอย่างปลอดในเวลา 21.20 น. เด็กน้อยถูกพบในสภาพหิวโหยและร่างกายค่อนข้างอ่อนล้า…
-
เชิญชม 22 ภาพที่พิสูจน์ให้เห็นว่าโลกของเราน่ะ มีอะไรเจ๋งๆ กว่าที่คุณคิดไว้เยอะ!!
โลกของเรานี้กว้างใหญ่ไพศาล เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจและน่าอัศจรรย์มากกมาย เหมือนกับภาพเหล่านี้ที่แสดงให้เห็นว่าโลกมีอะไรเจ๋งๆ กว่าที่เราคิดไว้เยอะ 1. สะพานข้ามแม่น้ำซึ่งแข็งจนเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว ในประเทศแคนาดา 2. โรงแรมที่มีห้องใต้น้ำในดูไบ 3. ทางเดินกระจก ความสูง 1,430 เมตร ในประเทศจีน 4. Melissani Lake ทะเลสาบที่น้ำใสที่สุดในโลก อยู่ในประเทศกรีซ 5. ถนนผ่าน Death Valley ในสหรัฐอเมริกา 6. เงาของเครื่องบินโดยสารสะท้อนในชั้นหมอก เหนือสนามบิน Logan Airport ในบอสตัน 7. ต้นโอ๊กที่มีอายุนับพันปี พร้อมด้วยโบสถ์อยู่ภายใน ตั้งอยู่ในประเทศฝรั่งเศส 8. ภาพวาดที่สร้างขึ้นจากเส้นตรงทั้งหมด ซ้อนทับกันจนเรามองว่าเป็นเส้นโค้ง 9. สระว่ายน้ำแก้วที่อยู่ระหว่าง 2 อาคาร ในลอนดอน 10. วิวยอดเขาเอเวอร์เรส เมื่อมองลงมาจากบนเครื่องบิน 11. ประติมากรรมที่ทำจากขวดพลาสติกบนชายหาดริโอเดอจาเนโร 12. สะพานที่ทำจากรากไม้…
-
ปิดฉาก “เกรปคุง” เพนกวินน้อยผู้หลงรักสาว 2D ได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบแล้ว…
ยังจำกันได้ไหมกับเจ้า ‘เกรปคุง’ เพนกวิ้นจากประเทศญี่ปุ่นที่หลงรักในตัวการ์ตูน 2D จนเกิดเป็นภาพน่ารักๆ แม้ในยามพายุพัดผ่านก็ตาม… (สามารถอ่านข่าวเก่าได้ที่ ‘เชื่อเหอะ ใครๆ ก็รักสาว 2D แม้แต่เจ้านกเพนกวิ้น ก็ยังตกหลุมรักยืนจ้องไม่เคยห่าง!!‘) และหลังจากเรื่องราวดังกล่าว เกรปคุงก็ได้กลายเป็นเซเลบของสวนสัตว์ไปในทันที ชนิดที่ว่าแม้กิจกรรมของตัวละคร Hululu ที่มันชอบหมดเวลาลงตามกำหนดเดิม กิจกรรมก็ยังต้องจัดต่อไปเพื่อเจ้าเกรป ยิ่งไปกว่านั้นทางสวนสัตว์ถึงกับประกาศจัดงานพิเศษให้แฟนๆ ในชื่องานว่า “Autumn Grape Festival” ในวันที่ 11 ถึง 15 พฤศจิกายนี่จะถึงนี้ แต่ล่าสุดข่าวร้ายของแฟนๆ เกรปคุงก็ต้องใจสลาย เมื่อทางสวนสัตว์ได้ออกมาแจ้งว่าเพนกวิ้นตัวโปรดของพวกเขา จะไม่มีโชว์ตัวในงานที่กำลังจะจัดอีกต่อไป เพราะว่าเกรปคุงนั้นป่วยหนัก ด้วยสาเหตุจากการป่วยเป็นโรคเฉพาะของเพนกวิ้น ทางทีมแพทย์จึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งหลังจากเรื่องราวนี้ได้เผยแพร่ออกไป แฟนๆ ก็ต่างพากันให้กำลังใจเพนกวิ้นตัวโปรดของพวกเขาสุดๆ พร้อมกับหวังว่ามันจะหายดีและไม่มีข่าวร้ายตามมา… แฟนๆ วาดรูปให้กำลังใจเกรปคุง แต่แล้วเรื่องที่แฟนๆ กลัวมากที่สุดก็เกิดขึ้น เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 13 ตุลาคมนี้ ทางสวนสัตว์ได้ออกมาทวีตข้อความว่า เกรปคุงนั้นได้จากโลกใบนี้ไปแล้ว และทางสวนสัตว์ก็ขอขอบคุณทุกคนที่ชื่นชอบพร้อมกับเป็นกำลังใจให้กับเกรปคุงมาตลอด สุดท้ายพวกเขาก็หวังว่าเพนกวิ้นตัวโปรดของทุกคนจะพักผ่อนอย่างสงบในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต …
-
นักบำบัดความงามแนะนำเหตุผล ทำไมคุณถึงควรล้างหน้าใน “อ่างล้างหน้า” มากกว่าที่ฝักบัว!?
โดยทั่วไปแล้ว คนส่วนใหญ่มักจะล้างในซิงค์ล้างหน้า แต่ก็มีหลายคนเหมือนกันที่มักจะล้างหน้าโดยใช้ฝักบัวในระหว่างอาบน้ำ อาจจะเป็นเพราะสะดวกที่จะทำแบบนั้นมากกว่านั่นเอง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามชาวเกาหลีคนหนึ่งได้ออกมาให้เหตุผลว่าทำไมคุณถึงควรล้างหน้าในซิงค์ล้างหน้า ไม่ใช่ที่ฝักบัว?? Charlotte Cho ผู้ก่อตั้ง Soko Glam หนึ่งในแหล่งขายผลิตภัณฑ์เสริมความที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี ทั้งยังเป็นนักบำบัดความงามที่มีใบอนุญาตในนิวยอร์กซิตี้ด้วย เมื่อไม่นานนี้ Charlotte ได้มีการพูดถึงความงามแบบเกาหลี รวมทั้งสิ่งที่ควรทำกับไม่ควรในการดูแลผิว โดยสิ่งแรกที่หญิงสาวแนะนำคือ คุณควรจะหยุดล้างหน้าด้วยฝักบัว หญิงสาวให้เหตุผลว่า “น้ำอุ่นที่ไหลมากับฝักบัวนั้น จะทำลายความชุ่มชื้นบนผิวหน้า ส่งผลให้ผิวหน้าแห้งกร้าน หย่อนยานและแตกลายได้ง่าย” “ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงน้ำอุ่นจากท่อฝักบัวโดยตรง ควรจะล้างหน้าในซิงค์ด้วยน้ำอุ่นที่เตรียมมาเองจะดีกว่า เพื่อเป็นการถนอมผิวหน้า” ใน The Klog Tina Cho บรรณาธิการของ Soko Glam และผู้ช่วยด้านความงามเขียนไว้ว่า เธอมักล้างหน้าสองรอบเสมอ จากนั้นก็ลงน้ำมันบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นกับหน้าแล้วค่อยไปอาบน้ำ เธอบอกอีกว่า “น้ำมันจะช่วยสร้างเกราะป้องกันผิวและช่วยกันความชุ่มชื้นไม่ให้หายไปกับน้ำอุ่นจากฝักบัวที่กระทบกับใบหน้ากระหว่างอาบน้ำ” ในระหว่างอาบน้ำ อาจจะมีแชมพูหรือสบู่โดนหน้าบ้าง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหากคุณลงน้ำมันบนผิวก่อน เพราะหลังจากที่อาบน้ำเสร็จคุณก็แค่เช็ด ทำความสะอาดใบหน้าเท่านั้น โดยที่แชมพูหรือสบู่ไม่ได้ซึมเข้าสู่ผิว และความชุ่มชื้นก็ไม่หลุดออกไปด้วย Charlotte บอกว่า “คุณสามารถล้างหน้าก่อนหรือหลังอาบน้ำก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่ต้องจำไว้คือ ควรจะใช้วิธีที่อ่อนโยนที่สุดในการดูแลผิวหน้า…
-
23 ภาพลับๆ เบื้องหลังชีวิตสุดฮาของเหล่าสัตว์ป่า เมื่อนักสำรวจตั้งกล้องแอบถ่ายพวกมัน…
โดยปกติแล้วกล้อง Trail Cameras มักจะใช้ในการล่าสัตว์หรือสำรวจทางธรรมชาติ โดยจะมีโหมดตั้งค่าให้บันทึกภาพเคลื่อนไหวอัตโนมัติ นอกจากนี้มันใช้ในการสังเกตการเคลื่อนไหวของสัตว์ที่อยู่ตามธรรมชาติอีกด้วย ต้องขอบคุณกล้องตัวนี้ที่ทำให้เราเห็นเบื้องหลังของสัตว์ป่า ว่าจริงๆ แล้วเวลาที่อยู่ตามธรรมชาติ ไม่มีสายตามนุษย์คอยจับจ้อง พวกมันทำอะไรกันบ้าง 1. มนุษย์ติดตั้งเครื่องให้อาหารกวาง แม้จะอยู่สูงไปหน่อย แต่แรคคูนก็ฉลาดพอที่จะหาวิธีเข้าถึงอาหารนั้น 2. เจ้ากวางกำลังวิ่งหนีกระรอกบินด้วยความหวาดกลัว 3. แม่หมีกำลังช่วยลูกน้อยทำอะไรสักอย่าง 4. แม้จะง่วงมากแค่ไหน แต่แม่หมาป่าก็พยายามยืนเพื่อให้นมลูกน้อยทั้ง 8 ตัว 5. เข้าใจผิดมาตลอดว่ากวางเดินสี่ขา 6. ทำไรกันหนะ อย่าคิดว่าไม่เห็นนะ 7. แหม่ ดึกๆ ดื่นๆ แต่งเขาซะเริศเชียว จะไปไหนหรอ? 8. มีหมูป่าไว้ทำไม ขี่หลังมันสิ ดีกว่าเดินเองเย๊อะ 9. ว้ายตายว้ายกริ๊ด บัดสีบัดเถลิง เล่นสวิงกิ้งกันเลยหรอ 10. นี่คงจะพลาดท่าตกบ่อโคลนมาสินะ …
-
เพื่อยาย!! The Rock อัดคลิปให้กำลังใจคุณยายป่วยมะเร็ง ที่ชอบเขาถึงขั้นทำคัทเอาท์ไว้ข้างเตียง!!
อะไรคือส่วนที่ดีที่สุดของการมีชื่อเสียง มีเงินเยอะ มีคนคลั่งใคล้จำนวนมาก!? แต่นั่นไม่ใช่ส่วนที่ดีที่สุดสำหรับชายคนนี้ ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงคุณภาพ และบุคคลคุณภาพของสังคมด้วย สำหรับ Dwayne Johnson หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “The Rock” เขาคิดว่าส่วนที่ดีที่สุดของการเป็นคนมีชื่อเสียงคือ สามารถให้กำลังใจผู้คนได้มากกว่าคนปกติ โดยเฉพาะกับเหล่าแฟนคลับที่เป็นแฟนของเขา การได้กำลังใจจากเขานั้นคือพลังอันยิ่งใหญ่เลยล่ะ คุณยายป่วยเป็นโรคมะเร็ง เมื่อไม่นานมานี้ The Rock ได้รับอีเมลฉบับหนึ่งที่มีเนื้อหาว่า.. คุณยายคนหนึ่งชื่อว่า Judy ป่วยเป็นโรคมะเร็ง จึงต้องย้ายออกจากบ้านไปนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่ว่าคุณยายคนนี้เนี่ย ชื่นชอบเขามากถึงขั้นมีรูปคัตเอาท์ขนาดเท่าตัวจริงอยู่ด้วยที่โรงพยาบาล(อย่างที่เราเห็นในภาพ) และท้ายอีเมลได้ขอให้เขาช่วยให้กำลังใจคุณยายคนนี้หน่อย มีหรือเขาคนนี้จะไม่จัดให้ ลองรับชมวีดีโอการให้กำลังใจแสนจะน่ารักของ The Rock ได้ที่นี่ โดยเนื้อหาของวิดีโอนั้นเป็นเชิงให้กำลังใจ แถมยังมีแคปชั่นที่ระบุเอาไว้ว่า.. “เข้มแข็งไว้นะ Judy สุดที่รัก คุณเป็นคนสวยที่สุดเลย ผมและคนที่ดูคลิปนี้กำลังส่งกำลังใจไปให้คุณและครอบครัว ผมรู้สึกดีใจอย่างมากที่ได้รับอีเมลฉบับนี้ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งเลยล่ะครับ” หล่อมากเลยพี่!! กำลังใจนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งสำหรับผู้ป่วย ถ้าคุณยายคนนี้ได้เห็นคนที่ตนเองชื่นชอบทำอย่างนี้ให้ รับรองว่าต้องหายวันหายคืนอย่างแน่นอนเลย!! ที่มา: inspiremore
-
คุณแม่ผู้ใช้เวลาว่าง “พาลูกล่าสัตว์” ด้วยเหตุไม่อยากให้ติดสมาร์ทโฟน จุดดราม่าบนโลกออนไลน์
ในปัจจุบันไม่ว่ามองไปทางไหน ก็จะเจอผู้คนเล่นโทรศัพท์สมาร์ทโฟนกันจนเป็นเรื่องชินตาไปแล้ว ที่ไม่ว่าทั้งผู้ใหญ่หรือเด็ก ต่างก็ติดกันซะงอมแงมจนแทบจะเป็นปัจจัยที่ 5 เลยทีเดียว แต่มีแม่ท่านหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่อยากให้ลูกๆ ของเธอติดโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมากจนเกินไป เธอจึงตัดสินใจพาพาลูกๆ ของเธอออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านแทนการเล่นสมาร์ทโฟน.. แต่มันเกิดประเด็นดราม่าเพราะเป็นการพาออกไปล่าสัตว์แทน คุณแม่ Heather Del Moral อายุ 34 ปี ได้พาลูกๆ ของเธอที่มีชื่อว่า Papi Isa และ Armonia ซึ่งมีอายุระหว่าง 9 และ 14 ปี ออกล่าสัตว์ ถึงพวกเขาจะยังมีอายุที่น้อย แต่แม่ของเธอก็ยืนยันที่จะพาลูกๆ ของเธอไปทำกิจกรรมดังกล่าว โดยเธอบอกว่า การล่าสัตว์ทำให้สายใยในครอบครัวของเธอมีความแข็งแรงมากขึ้นและยังสอนให้มีความเคารพแก่สัตว์ทั้งหลาย อีกทั้งยังทำให้ห่างไกลจากโลกโซเชียลมีเดีย ที่ปัจจุบันมีความหลอกลวงอยู่อย่างมากมาย “มันเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำสำหรับฉัน ในเวลาที่ออกล่าสัตว์ด้วยกัน เราได้พูดคุย หัวเราะ และใช้เวลาร่วมกันแทนที่จะมากดแต่ โทรศัพท์สมาร์ทโฟน” “มีบางคนไม่เชื่อเหมือนกันนะ ว่าที่ฉันพาลูกๆ ออกล่าสัตว์เนี่ยจะเป็นเรื่องที่ดี ฉันก็เคารพความคิดเห็นของพวกเขานะ แต่ขอให้พวกเขาเคารพความคิดของฉันเหมือนกัน” Heather กล่าว “การล่าสัตว์ทำให้เด็กๆ ได้ออกไปสู่ธรรมชาติที่กว้างใหญ่ ทำให้ฉันสามารถสอนพวกเขาถึงชนิดของสัตว์ต่างๆ ได้ และยังมีกีฬามากมายให้เล่น…
-
เกิดเหตุกราดยิงกลางตลาดในสวีเดน บาดเจ็บ 4 ราย ตำรวจสันนิษฐานไม่น่าใช่การก่อการร้าย
ข่าวเหตุการณ์กราดยิงในลาสเวกัสยังไม่ทันจางหาย ก็มีเกิดเหตุในลักษณะเดียวกันซ้ำซะแล้ว แต่คราวนี้เป็นการกราดยิงในประเทศสวีเดน เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (13 ตุลาคม 2017) มีรายงานว่า เกิดเหตุกราดยิงขึ้นกลางตลาดในสวีเดน แต่ทางตำรวจสันนิษฐานไม่น่าจะเป็นการก่อการร้ายเหมือนกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา หลังจากที่เกิดเหตุกราดยิงกลางตลาด Trelleborg เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ก็มีรายงานว่าพบผู้เสียชีวิตหลายราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องเข้าปิดล้อมสถานที่ดังกล่าวในเวลาต่อมา ต่อมาโฆษกตำตรวจ Fredrik Bratt ได้ออกมาเผยว่า “ตั้งแต่เกิดเหตุ มีพลเมืองโทรมาแจ้งอย่างต่อเนื่องว่ามีการกราดยิงใน Trelleborg” “เมื่อเราไปถึงก็พบว่า พลเมืองหลายคนได้รับบาดเจ็บเหตุดังกล่าว โดยพบผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย แต่คาดว่าน่าจะมีกว่านี้ เราจึงได้ทำการปิดล้อมที่เกิดเหตุ เพื่อที่ทำการตรวจสอบอย่างเข้มงวดต่อไป” ตำรวจยังบอกอีกว่านี่คือข้อมูลทั้งหมดที่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ และเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างหาหลักฐานเพิ่มเติม หากมีความคืบหน้า จะมารายงานให้ทราบอีกครั้งในภายหลัง ที่มา dailymail
-
เมื่อไฟลท์ดีเลย์ทำคนหัวเสีย หนุ่มคนหนึ่งเลยไปจับไมค์ร้องเพลง จนผู้คนกลับมายิ้มอีกครั้ง!!
ทุกครั้งที่เราต้องการจะเดินทางด้วยเครื่องบิน เราก็มักจะต้องเตรียมใจกับการที่เที่ยวบินของเราจะเกิดการดีเลย์อยู่เสมอ แม้เราจะรู้ว่ามันอาจจะดีเลย์จริงๆ แต่พอมันเกิดขึ้นเราก็อดไม่ได้ที่จะหัวเสียทุกที เช่นเดียวกับผู้โดยสารที่สนามบินนานาชาติ Louis Armstrong New Orleans International Airport ที่ต้องหัวเสียเพราะเครื่องบินดีเลย์เช่นกัน ทุกคนก็ต่างพากันหัวร้อนโวยวายกับเจ้าหน้าที่ยกใหญ่ จนกระทั่งชายคนหนึ่งสามารถแก้ความตึงเครียดทั้งหมดลงได้อย่างเหลือเชื่อ!? ชายไม่ทราบชื่อคนหนึ่งเดินตรงมายังโต๊ะเจ้าหน้าที่ พร้อมกับคว้าไมค์ตรงโต๊ะมาพร้อมกับร้องเพลง No Diggity จาก Blackstreet ด้วยท่าทางร่าเริง ไม่นานนักหลังจากที่ชายคนนั้นเริ่มร้องเพลงและเต้น ผู้คนที่เคยตึงเครียดจากเครื่องบินดีเลย์ก็เริ่มจะลุกขึ้นเต้นและร้องเพลงตาม รวมถึงเจ้าหน้าที่คนอื่นเช่นกัน เรียกว่าเขาได้เปลี่ยนบรรยากาศสุดอึดอัดให้กลายเป็นบรรยากาศที่ผ่อนคลายทันที . ยังไงก็ตาม คลิปเหตุการณ์ดังกล่าวมีคนเข้าดูแล้วถึง 1.5 ล้านคนเข้าไปแล้ว งานนี้ชาวเน็ตก็ต่างพากันชื่นชมและชื่นชอบพ่อหนุ่มคนนี้กันยกใหญ่เลย โดยมีชาวเน็ตบอกว่า ก่อนพ่อหนุ่มคนนี้จะมาร้องเพลง พนักงานของสายการบิน Southwest Airlines เห็นคนเครียดๆ เลยยิงมุขเล่นๆ ว่าถ้าใครจะมาถามคำถามเรื่องเครื่องดีเลย์ละก็ ต้องร้องเพลงให้ฟังก่อน เดี่ยวจะให้ถาม พ่อหนุ่มคนนี้ก็เลยร้องเพลงอย่างที่เห็น… Dottie Moffitt ชาวเน็ตอีกคนก็ได้แสดงความคิดเห็นว่า “ฉันชอบที่จะเห็นคนแปลกหน้าพากันหัวเราะและสนุกในช่วงเวลานั้นด้วยกัน เพราะยังไงสุดท้ายพวกเราก็ไม่ได้แตกต่างกัน จะเครียดจะหัวเราะตอนจบของทุกคนก็เหมือนกันอยู่ดี” ลองรับชมคลิปของพ่อหนุ่มคนนี้ดูหน่อยเป็นไง สุดท้ายเขาทำให้เราได้เห็นว่า แม้ในยามที่ทุกคนตึงเครียด ถ้าทำให้มันสนุกและเปลี่ยนบรรยากาศโดยรอบได้…
-
ผู้นำเติร์กเมนิสถานเข้าพบ “ปูติน” พร้อมพกลูกหมาน้อยเป็นของขวัญ กอดใหญ่เลยนะท่าน!!
อีกหนึ่งโมเม้นท์น่ารักๆ ที่เราคงไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ จากผู้นำรัสเซียอย่าง ‘วลาดิเมียร์ ปูติน’ และไม่ว่าพี่ท่านจะทำอะไร มันก็มักจะกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเสมอ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2017 เว็บไซต์ต่างประเทศได้เผยแพร่ภาพถ่ายจากการเข้าพบกันระหว่างประธานาธิบดีจากเติร์กเมนิสถาน Gurbanguly Berdimuhamedov โดยการมาเยือนในครั้งนี้ทางฝั่งผู้นำของเติร์กเมนิสถานก็ได้นำลูกหมาสายพันธุ์ท้องถิ่น ‘Alabai’ มามอบเป็นของกำนันน่ารักๆ ให้กับปูติน และแน่นอนว่าชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างปูตินก็ยังยอมแพ้ให้กับความน่ารักของหมาน้อย แต่เห็นหิ้วคอแบบนี้ไม่ต้องตกใจไป เพราะการจับหลังคอลูกหมาหรือลูกแมวไม่ได้สร้างความเจ็บปวดใดๆ และที่ดูจะเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์มากที่สุด ก็ต้องยกให้กับใบหน้าของปูตินหลังได้โอบอุ้มเจ้าตูบตัวน้อย จากนั้นชายที่ขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดแห่งรัสเซีย ก็ได้โชว์มุมหวานๆ จุ๊บเจ้าตูบให้สื่อถ่ายภาพซักหน่อย โดยการประชุมในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นที่เมืองโซชิ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย เจ้าหมาน้อยจะรู้ตัวมั้ยนะ… ว่ากำลังจะได้อาศัยอยู่กับชายที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แม้จะไม่มีการเปิดเผยเนื้อหาในที่ประชุม แต่ดูๆ แล้วเชื่อว่าชาวรัสเซียเห็นมุมน่ารักๆ ของผู้นำแบบนี้แล้ว คงอดอมยิ้มกันไม่ได้แน่นอน… คลิปการให้ลูกสุนัข ที่ถูกพูดถึงไปทั่วโลก… มัวแต่จับไม่ยอมยกให้สักที ต้องให้ท่านปูตินลุกขึ้นมารับเองเลยนะ แหม่!!! อ๊ะ แต่เห็นแบบนี้ก็ใช่ว่าจะมีแต่เสียงชื่นชมสักทีเดียวนะ เพราะก็แอบมีดราม่าเบาๆ จากชาวเน็ตเหมือนกัน จากกรณีที่ท่านผู้นำของเติร์กเมนิสถานจับลูกหมาในท่าหิ้วตรงหลังคอนั่นเอง… ตามข้อมูลของทางผู้เชี่ยวชาญระบุว่า…
-
คุณแม่เดือด!! หลังมีคนเอารถเข็นแมวอยู่ข้างในมาแย่งที่บนรถบัส ทำให้ลูกของเธอต้องยืน
การนำรถเข็นเด็กขึ้นรถบัสนั้นเป็นธรรมดาของต่างประเทศ แต่ว่าแต่ละประเทศก็จะมีกฎระเบียบ ว่าแต่ละคันจะสามารถมีรถเข็นเด็กได้กี่คันบนรถบัส และที่ทำให้เป็นประเด็นบนโลกอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นก็คือ มีแม่คนหนึ่งชื่อว่า Mia Jade Wilson และลูกของเธอ ได้ขึ้นรถบัสที่จะไปยังเมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษ แต่กลับถูกคนขับรถบอกว่าให้พับรถเข็นเด็กเก็บไว้หรือไม่ก็รอรถคันอื่น เพราะว่าบนรถนั้นมีรถเข็นเด็กครบตามจำนวนที่กำหนดไว้แล้ว แต่เมื่อเธอได้เดินไปดูยังรถเข็นเด็กคันดังกล่าว กลับต้องตะลึง เพราะพบว่าภายในรถเข็นนั้นไม่ใช่เด็ก แต่กลับเป็นแมวตัวอ้วนแทน จึงทำให้เธอเกิดโมโหขึ้น “มันเป็นเรื่องไร้สาระมากเลยนะเนี่ย อะไรกันทำไมแมวถึงมีสิทธิ์ที่เหนือกว่าคนได้” “ฉันบอกกับคนขับว่า มีแมวอยู่ในรถเข็นนะไม่ใช่คน เขากลับบอกเพียงว่า มีจำนวนรถเข็นเด็กครบบน รถคันนี้แล้ว กรุณาพับรถเข็นเด็กหรือไม่ก็รอรถคันอื่น เขาพูดแค่นี้จริงๆ ” Mia กล่าว ขณะเดียวกันผู้โดยสารคนอื่นก็เริ่มรำคาญที่แม่เด็กคนนี้ ไม่ยอมหยุดซักทีและพยายามที่จะใช้รถเข็นเด็กของเธอให้ได้ ภาพของ Mia และลูกวัย 1 ขวบของเธอ ต่อมาภายหลังตัวแทนของบริษัทที่ให้บริการรถบัส ก็ได้ออกมากล่าวว่า “พวกเรารู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ได้ยินมาว่ามีผู้โดยสารไม่พอใจกับการตัดสินใจของคนขับรถของเรา ในตอนนี้เรากำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีนี้อยู่” ต่อมาในโลกอินเทอร์เน็ตก็ได้มีการออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกรณีนี้กันอย่างดุเดือด อาทิ คุณ Debbie Tunstall “มาก่อน ได้ก่อน” คุณ Louise McFarlane “เราไม่สามารถต่อว่า ทั้งแมวและเจ้าของแมว…
-
21 เหตุผลว่าทำไม “ประเทศออสเตรเลีย” ถึงเป็นประเทศน่าไปเที่ยวมากที่สุดตอนนี้
การไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ เป็นหนึ่งในสิ่งที่มนุษย์หลายๆ คนตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องทำให้ได้ซักครั้งก่อนตาย และมันถือเป็นการออกไปเรียนรู้รับสิ่งใหม่ๆ เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ อีกด้วย ประเทศออสเตรเลีย ดินแดนที่รวบรวมความทันสมัยและความธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เป็นอีกหนึ่งดินแดนที่ไม่ว่าใครที่ได้มาเยือนแล้วจะต้องประทับใจในประเทศนี้ ด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลายจะทำให้นักท่องเที่ยวที่มาในที่แห่งนี้รับความสุขกับประสบการณ์ใหม่ๆ กลับไปโดยที่ไม่รู้ตัว และนี่คือสิ่งที่รอคุณอยู่ในดินแดนจิงโจ้แห่งนี้ ลองไปดูกันเลยว่ามีอะไรบาง 1. Sydney Opera House สถาปัตยกรรมสุดล้ำ ที่ไม่ว่าใครๆ ที่มาเยือนก็ต้องมาถ่ายรูปกับจุดแลนด์มาร์คสำคัญนี้ 2. สะพาน Harbour Bridge ซึ่งใหญ่ที่สุดในซิดนีย์ และรู้หรือไม่ว่าตรงเสาของสะพานยังเป็นจุดชมวิวอันแสนงดงามอีกด้วย 3. เสาหินสาวกทั้ง 12 ของพระเจ้า ซึ่งตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Port Campbell จุดชมวิวทางธรรมชาติที่สวยที่สุด 4. น้ำตกแนวนอน Horizontal Waterfalls 5. ดินแดนแห่งจิงโจ้ สัตว์ประจำชาติสุดแสนจะน่ารัก 6. หลีกหนีความวุ่นวายไปเยือนอุทยานแห่งชาติ Nitmiluk ล่องเรือ Katherine Gorge สูดอากาศบริสุทธิ์ 7.…
-
เด็กสาวตาโปนถูกบังคับให้ร้องไห้เพื่อขอทาน แต่ชายหนุ่มผู้ใจดีได้ช่วยเหลือเธอเอาไว้
ปัญหาเรื่องการค้ามนุษย์นั้นเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ยังไม่สามารถหาวิธีกำจัดให้สิ้นซากได้และยังทวีความรุนแรง แถมยังกระจายวงกว้างไปอีกเรื่อยๆ ไม่รู้จักจบจักสิ้น Anabell วัย 7 ขวบ เกิดมาด้วยความผิดปกติจากโรคทางพันธุกรรมที่มีชื่อว่า Crouzon Syndrome ซึ่งอาการของโรคนั้นจะทำให้กะโหลกศีรษะมีรูปร่างที่ไม่เหมือนคนทั่วไป จนส่งผลให้เกิดความผิดปกติบนใบหน้า หนู Anabell ถูกแม่แท้ๆ ของเธอขายให้กับพวกแก๊งค้ายาเสพติด เนื่องจากที่ไม่สามารถดูแลเด็กที่ป่วยด้วยโรคประหลาดแบบนี้ได้ อีกทั้งยังต้องดูแลลูกๆ อีก 6 คน เด็กน้อยถูกแก๊งค้ายาเสพติดนำตัวเป็นเป็นขอทานในเมือง Bacolod ทางฝั่งตะวันตกของฟิลิปปินส์ โดยที่เธอจะถูกทำร้ายและบังคับให้ร้องไห้ทั้งวันเพื่อที่จะได้มีคนสงสารและนำเงินมาให้เธอเยอะๆ จนทำให้ดวงตาของเธอที่ผิดปกติอยู่แล้วอาการแย่ลงไปอีก ซึ่งอาการของหนู Anabell เป็นที่น่าสงสารแก่ชาวเมือง แต่ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือได้เนื่องจากกลัวอิทธิพลของแก๊งค้ายา เลยทำได้แต่เพียงให้เงินหนูน้อยเป็นครั้งๆ จนกระทั่งมีฮีโร่ใจดี Gonzalo Erize อาสาสมัครชาวอาร์เจนติน่าที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตัวเด็กน้อยจากแก๊งค้ายา Anabell หลังจากถูกช่วยเหลือมาก็ได้รับความดูแลจากมูลนิธิ Kalipa Negrense ซึ่งเป็นองค์กรที่ก่อตั้งมาเพื่อช่วยเหลือเด็กฟิลิปปินส์ที่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ นอกจากนี้นาย Gonzalo ยังช่วยระดมทุนจากองค์กรการกุศลเพื่อการรักษาผ่าตัดของ Anabell โดยเฉพาะ เมื่อระดมทุนได้เงินในจำนวนที่เพียงพอต่อการรักษาแล้ว หนู Anabell…
-
ตำรวจที่จับกุมพยาบาลสาวเพราะไม่ยอมให้เจาะเลือดผู้ป่วยหมดสติ ถูกไล่ออกแล้วในที่สุด!!
จากเหตุการณ์ขอความเป็นธรรมของพยาบาลสาวในเหตุการณ์ที่เธอปฏิเสธเจ้าหน้าที่ตำรวจ เหตุเพราะเธอไม่อยากเจาะเลือดของคนไข้รายหนึ่งออกมาในขณะที่เขาหมดสติอยู่ ทำให้เธอถูกเจ้าหน้าที่คนนั้นจับใส่กุญแจมือและดึงออกไปขังไว้ในรถก่อนที่จะถูกปล่อยตัวในอีก 20 นาทีต่อมา คลิปเหตุการณ์ เมื่อมีคลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวออกมา ก็กลายเป็นกระแสให้ชาวเน็ตและนายกเทศมนตรีเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอทำในการรักษาสิทธิ์ของคนไข้ นอกจากนี้คนส่วนใหญ่ก็ไม่พอใจเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวกลับไม่ได้รับโทษใดๆ เลยและยังออกตรวจพื้นที่ตามปกติได้อย่างหน้าตาเฉย อ่านข่าวเก่า จากเหตุการณ์คลิปวิดีโอ “พยาบาลถูกตำรวจจับ” เพราะทำหน้าที่ ตอนนี้ได้บทสรุปแล้ว ต่อมานายตำรวจ Brandon Shearer ได้ออกมาบอกว่าหัวหน้าของพวกเขาได้เห็นคลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย และเขาก็ได้บอกด้วยอีกว่าเรื่องข้อระเบียบของการเจาะเลือดผู้ป่วยนั้นไม่ได้รับการอัปเดตให้ทุกคนได้ทราบ จึงทำให้มีตำรวจบางคนไม่รู้เรื่องข้อบังคับดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หลังจากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น รายละเอียดเรื่องนี้ก็ได้ถูกเพิ่มเติมในข้อระเบียบและได้แจ้งให้กับตำรวจทุกนายทราบอย่างเป็นทางการแล้ว ทางด้าน Jeff Payne นายตำรวจในเหตุการณ์แม้ว่าในตอนแรกจะได้รับปล่อยตัวให้กลับไปทำหน้าที่ตามปกติ แต่ต่อมาก็ได้ถูกพักงานและกำลังอยู่ในช่วงการดำเนินการตรวจสอบภายใน ในขณะที่พยาบาลสาว Wubbles ผู้เสียหายในเรื่องนี้ได้ออกมาบอกว่าเธอต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวได้รับการอบรมอย่างเข้มงวด เพื่อเป็นการลงโทษและจะได้ไม่มีการทำผิดซ้ำอีก คดีนี้ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง แม้ Payne จะถูกพักงานไปแล้ว แต่ผู้คนก็ยังสงสัยว่าเขาจะได้รับโทษอะไร กระทั่งวันนี้ข้อสรุปที่ทุกคนรอคอยได้ออกมาเรียบร้อยแล้ว Mike Brown หัวหน้าตำรวจที่ Payne สังกัดอยู่ได้ออกมาพูดถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า “พฤติกรรมของ Payne ที่เห็นในคลิป เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ทั้งยังทำให้ชื่อเสียงตำรวจเสื่อมเสียด้วย” Brown ยังบอกอีกว่า “Payne ได้ทำการจับกุมพยาบาลโดยไม่ฟังข้อเท็จจริง แม้จะอ้างว่าอยู่ในเหตุการณ์คับขันแต่ก็เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น…
-
พาส่อง 10 อันดับ ‘ปลา’ ที่ชาวญี่ปุ่นบอกว่าอร่อยและเลิศรสที่สุด ใครก็พลาดไม่ได้!!!!
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ล้อมรอบไปด้วยทะเล จึงทำให้คนในประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่ชอบกินปลา เพราะว่าหาได้ง่ายและอุดมไปด้วยโปรตีน และนี่คือ 10 อันดับปลาที่ชาวญี่ปุนได้โหวตแล้วว่า มีความชอบมากที่สุด กินบ่อยที่สุด จากการสำรวจชาวญี่ปุ่นกว่า 1,000 คน ซึ่งใครอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างก็ไปดูกันเลย 10. ปลาไข่ ถึงหน้าตาจะดูหน้ากลัวไปซักนิดแต่ชาวญี่ปุ่นการันตีถึงความอร่อย โดยปลาไข่นี้จะนำไปย่างไฟ เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงคือ มะนาวและเกลือ โดยนิยมกินทั้งตัวโดยไม่เอาก้างออก 9. ปลาหางเหลือง เมนูนี้เป็นเมนูที่สามารถหากินได้ตามร้านซูชิทั่วๆ ไป โดยนิยมนำปลาหางเหลืองเนื้อนุ่มๆ ไปเคี่ยวช้าๆ กับซอสถั่วเหลือง ซอสมิริน และน้ำตาล ซึ่งจะให้รสชาติที่กลมกล่อม ทานคู่กับหัวไชเท้าดิบ สไตล์ญี่ปุ่นนั่นเอง 8. ปลากะพงแดง ปลาชนิดนี้ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า หากได้ทานจะทำให้โชคดี จึงนิยมกินกันในงานแต่งงาน หรืองานฉลองโอกาสต่างๆ ซึ่งทานได้ทั้งแบบดิบก็จะให้ความหวานของเนื้อปลา หรือจะนำไปย่างก็ได้ทั้งนั้น 7. ปลาโอ โดยปลาชนิดนี้จะมีกรรมวิธีที่พิเศษกว่าปลาทั่วไปคือจะย่างเพียงขอบๆ ของปลาเท่านั้นขณะที่ส่วนที่อยู่ตรงกลางยังคงมีความดิบอยู่ 6. ปลาไหล ปลาไหลย่างเตาถ่านชิ้นโต เสิร์ฟพร้อมข้าวญี่ปุ่นราดน้ำซอสที่มีลักษณะเฉพาะตัว โดยปกติหากกินในฤดูหนาวจะทำให้ช่วยให้อุ่นขึ้นได้ 5. ปลาซาบะ…
-
หนุ่มสร้างภาพโปรไฟล์ในแอปฯ Tinder แบบเจ๋งๆ จนสาวๆ อยากรู้จักเขาให้มากขึ้น
แม้ว่า Tinder จะเป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับหาคู่หรือเพื่อนคุย แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะประสบความสำเร็จ ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากรูปโปรไฟล์ที่คุณเลือกใช้ด้วย ด้วยเหตุนี้ Jesse จึงใช้กลยุทธ์สุดสร้างสรรค์ในการสร้างรูปโปรไฟล์ที่แหวกแนว ทั้งเจ๋งและน่าสนใจซะจนสาวๆ ไม่กล้าปัดผ่าน ใครที่เคยสมัครเข้าใช้ Tinder จะรู้ว่าคุณสามารถใส่รูปโปรไฟล์ได้มากกว่า 1 รูป คนส่วนใหญ่มักจะเลือกใช้รูปที่คิดว่าดูดีที่สุด แต่ Jesse กลับคิดต่างด้วยการใช้รูปเรียงต่อกันพร้อมข้อความที่ให้คนเลื่อนไปยังภาพต่อไป Jesse เริ่มด้วยภาพที่เขาใส่เสื่อผ้ามิดชิดพร้อมเสื้อคลุมกับข้อความด้านข้างว่า “แตะเพื่อลบชั้นแรก” ก่อนจะโผล่ไปยังภาพถัดมาที่ไม่ได้มีเสื้อคลุมแล้ว แน่นอนว่ามันทำให้ผู้คนเกิดความสนใจและลุ้นว่าภาพต่อไปยังไงนะ?? และเมื่อเลื่อนต่อไปก็เป็นภาพที่ชายหนุ่มใส่แค่กางเกงในตัวเดียว มาถึงจุดนี้สาวๆ คนจะเริ่มสนใจแล้วว่าภาพต่อไปจะเหลืออะไร แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ชายหนุ่มมาแบบล่อนจ้อนเลยจ้า แต่ยังค่ะ ยังไม่จบแค่นี้ เค้ายังบอกให้เลื่อนต่อไปอีก และสิ่งที่เห็นคือ Jesse ในสภาพที่เหลือแต่เนื้อหนัง โอ้ย แบบนี้มันเข้าขั้นหลอนแล้ว แต่ในเมื่อมีข้อความให้เลื่อนต่อไปอีกก็เลื่อนต่อไปละกัน ดูสิ๊จะมีอะไรเซอร์ไพรส์กว่านี้มั้ย นั่นไง จากหนังก็เหลือแต่กระดูก ตามสเต็ปเลย พร้อมข้อความว่า เลื่อนเพื่อนอ่านประวัติของ Jesse มาถึงจุดนี้แน่นอนว่าผู้คนต้องอยากรู้แน่ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน ทำอะไร …
-
หนุ่มไปชมงานแข่ง MMA จับพลัดจับผลูได้ลงแข่งเองเฉย แถมยังคว้าเข็มขัดแชมป์กลับบ้านอีก!!
เรียกว่าเล่นเอาคนดูในสนามแข่ง MMA งงกันเป็นไก่ตาแตก เมื่อชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งสามารถชนะนักชกมืออาชีพรุ่นเวลเตอร์เวทลงได้ แถมยังมีเซอร์ไพรส์คนดูอีกหนึ่งระลอก จนกลายเป็นกระแสโซเชี่ยลพูดถึงกันไม่หยุด… เรื่องทั้งหมดนั้นมันเริ่มจาก Carlos Eduardo Rufino นักชก MMA มืออาชีพจะต้องดวลตัวต่อตัวกับ Claudinei Kall นักสู้มืออาชีพอีกคนหนึ่ง แต่ในระหว่างที่ชั่งน้ำหนักนั้น Carlos กลับมีน้ำหนักเกินกำหนด ซึ่งตามกฎปกติแล้ว ไฟต์จะต้องถูกยกเลิกไป ทางด้าน Claudinei นั้น ตอนแรกเขาก็ตกลงด้วยดีว่าเขาโอเคยอมชกก็ได้ ทว่าผ่านไปไม่นานเขากลับเปลี่ยนใจไม่ชกดื้อๆ ในเวลาเดียวกัน Luis Felipe Alvim ชายหนุ่มผู้เป็นแฟนตัวยงของกีฬาต่อสู้ MMA ได้นำขนมบราวนี่มาขายอยู่ข้างนอกโรงแรมที่จัดการแข่งขัน โดยเขาและแฟนสาวตั้งใจจะขายของให้หมดเพื่อนำเงินนั้นไปซื้อตั๋วเพื่อเข้าไปดูการชกของ Carlos และ Claudinei แต่เวลาผ่านไปก็ขายไม่หมดสักทีและงานก็จะเริ่มแล้วด้วย… ทั้งคู่ตัดสินใจนำเงินที่เตรียมไปจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้านไปซื้อตั๋วแทน แล้วใครจะเชื่อว่าชายหนุ่มที่เป็นแฟนกีฬาชนิดนี้ยอมขายขนมเพื่อมาดู อยู่ดีๆ เขาก็กลายเป็นคนที่ลงไปแข่งซะอย่างนั้น!? หลังจากซื้อตั๋วแล้ว เขาตั้งใจไปทักทายโค้ชกับเพื่อนคนหนึ่งที่จะได้ขึ้นชกในคืนเดียวกันที่หลังเวที จังหวะนั้นเอง ทีมงานโปรโมเตอร์ได้ประกาศตามหาคนมาชกแทนอิตา Claudinei ที่ถอนตัวไป พอ Luis ได้ยินแบบนั้นก็คิดในใจว่า “นี่แหละโอกาสของตรู” แม้ว่า Luis นั้นจะไม่มีมีประสบการณ์ในการชกมวย MMA มาก่อนเลย แต่เขาก็ฝึกมวยไทยระดับสูงมาบ้าง โดยถ้าให้เปรียบเทียบเขาก็อยู่ในระดับสายดำของศิลปะการต่อสู้อื่นๆ เลยทีเดียว…
-
8 สัญญาณยืนยันว่า “ปัญหาอายุ-สังคมญี่ปุ่น” เหมือนระเบิดเวลา ที่กำลังรอวันระเบิดครั้งใหญ่
ขณะนี้ญี่ปุ่นอยู่ในจุดที่เรียกได้ว่าปัญหาอายุและสังคมกำลังจะระเบิด เนื่องจากมีอัตราเด็กเกิดใหม่ที่ต่ำ การใช้จ่ายของผู้บริโภคก็ลดลง และเศรษฐกิจของประเทศค่อยๆ หดตัวลงในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ประชากรมีอายุยืนนานขึ้น ทำให้ต้องเสียเงินค่าครองชีพมากขึ้น ที่สำคัญไม่มีคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาแทนที่พวกเขา และต่อไปนี้คือสัญญาณว่าสังคมญี่ปุ่นใกล้จะถึงเวลาระเบิดแล้ว 1. ขณะนี้มีผู้คนกว่า 68,000 คนที่มีอายุมากกว่า 100 ปี ญี่ปุ่นมีกลุ่มประชากรที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งร้อยปีขึ้นไปสูงที่สุดในโลก โดยมีใน 100,000 คน จะมีผู้สูงอายุ 4.8 คน ในขณะที่ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ มีเพียง 2.2 คน ใน 100,000 คนเท่านั้น 2. ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ขายได้มากกว่าผ้าอ้อมเด็ก นับตั้งแต่ปี 2011 ยอดขายได้ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ได้แซงหน้าผ้าอ้อมเด็กอย่างต่อเนื่อง ยอดขายนี้แสดงให้เห็นว่ากลุ่มประชากรผู้สูงอายุของญี่ปุ่นนั้นมีมากขนาดไหน ประชากรที่มีอายุตังแต่ 65 ปี ขึ้นไป คือกลุ่มประชากรที่มีมากที่สุดในญี่ปุ่น จากทั้งหมด 127.11 ล้านคน มีผู้สูงอายุถึง 26.7% 3. ปี 2016 มีรายงานว่าอัตราการเกิดต่ำที่สุดในญี่ปุ่นในรอบ 117 ปี นับตั้งแต่ปี…
-
11 ทริคอันชาญฉลาดเกี่ยวกับความสวยความงาม รับรองเป็นประโยชน์กับสาวๆ ทุกคนแน่นอน
ผู้หญิงหลายคนกว่าจะเป๊ะปังออกจากบ้านได้ ต้องเสียเวลาแต่งหน้านานแสนนานแถมยังเสียเงินไปไม่ใช่น้อย แต่ความจริงแล้วสาวๆ สามารถสวยเป๊ะได้ด้วยวิธีง่ายๆ แถมไม่ต้องเปลืองตังเยอะด้วย และนี่คือ 11 วิธีอันชาญฉลาดที่ทางเว็บไซต์ Bright Side รับรองว่าทำให้สาวๆ สวยได้อย่างประหยัดแน่นอน 1. นำลิปสติกเก่าไปละลายด้วยความร้อนเพื่อให้ดูเหมือนใหม่ นำตลับลิปเก่าไปละลายด้วยความร้อน จนกระจายทั่วตลับ จากนั้นก็รอให้มันเย็นลง แล้วจะเห็นมันดูเหมือนของใหม่อีกครั้ง 2. ทำให้ที่ดัดขนตาอุ่นขึ้นด้วยไดร์เป่าผมก่อนนำไปใช้ ก่อนที่จะตัดขนตา ควรทำให้ที่ดัดขนตาอุ่นซะก่อนเพื่อขนดูงอนและยาวมากขึ้น 3. วาสลินช่วยให้รอยด่างดำดูจางลง ผลิตภัณฑ์เสริมความงามหลายชิ้นอาจจะช่วยลดจุดด่างดำได้ แต่ก็อาจเป็นอันตรายต่อผิวได้เช่นกัน… คุณสามารถเลือกวิธีที่ดีกว่านั้นได้ด้วยการใช้วาสลิน ล้างหน้าให้สะอาดแล้วใช้วาสลินทาบริเวณที่มีจุดด่างดำ จากนั้นก็ทับด้วยแผ่นพลาสติกบางๆ จากนั้นก็ปิดด้วยผ้าขนหนู ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วลอกพลาสติกออก ต่อด้วยการนำทิชชู่แห้งบีบจุดด่างดำออก 4. ใช้ทำมาสคาร่าจากวัตถุทางธรรมชาติ นำเม็ดคาร์บอนกับเจลว่านหางจระเข้ผสมให้เข้ากัน มันจะกลายเป็นมาสคาร่าชั้นดี แถมไม่อันตรายต่อดวงตาและผิวหนังของคุณด้วย 5. ใช้เทปกาวติดกรรไกรตัดเล็บ เพื่อไม่ให้เล็บกระเด็นเวลาตัด การใช้เทปกาวติดกรรไกรตัดเล็บจะทำให้เล็บที่ตัดไม่กระเด็นและง่ายต่อการเก็บไปทิ้ง 6. วิธีทำให้แปรงแต่งใช้งานได้นานขึ้น หากคุณเก็บแปรงแต่งหน้าไม่เป็นที่เป็นทางจะทำให้หัวแปรงพังได้ง่าย คุณสามารถทำให้มันอยู่ได้นานขึ้นด้วยวิธีง่ายๆ คือการนำไปติดไว้บนคลิปบอร์ด โดยใช้ยางรัดยืดเอา แถมยังง่ายต่อการหยิบใช้และจัดเก็บด้วย…
-
ช่างตัดผมลงทุนนอนลงไปตัดผมให้กับเด็กชายป่วยเป็น ‘ออทิสติก’ เพื่อให้เจ้าหนูรู้สึกสบาย…
กลายเป็นกระแสไวรัลกันบนโลกอินเตอร์เน็ตพอสมควรเลย สำหรับภาพช่างตัดผมร่างใหญ่ที่ลงทุนยอมนอนลงไปกับพื้น เพื่อที่จะตัดผมให้กับเจ้าหนูคนหนึ่งที่นอนเล่นบนพื้นเช่นกัน หลายคนอาจจะคิดว่าเขาสปอยเด็กหรือเปล่า แต่เรื่องราวจริงๆ นั้นมันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก!! ช่างตัดผมคนดังกล่าวนั้นมีชื่อว่า Franz Jacob ถ้าเรามองภาพลักษณ์ผิวๆ ของเขาทั้งร่างกายและรอยสักเราอาจจะคิดว่า ชายคนนี้น่าจะเป็นคนที่ห้าวๆ และมีนิสัยดุแน่ๆ แต่เชื่อเหอะว่าเราตัดสินคนจากภายนอกไม่ได้หรอก เพราะช่างตัดผมคนนี้เป็นคนที่ดีมากๆ Franz นั้นได้ทำการตัดผมให้กับเด็กชาย Wyatt Lafrenièr วัย 6 ขวบ ซึ่งเด็กชายคนดังกล่าวนั้นป่วยเป็นออทิสติก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เด็กชายอยู่ไม่เป็นสุขเท่าไหร่นัก คุณแม่ของ Wyatt เล่าว่า วินาทีแรกที่ลูกของเธอเดินเข้ามาในร้าน พนักงานทุกคนต่างพากันตื่นตระหนกพอสมควร เพราะพวกเขารู้ทันทีว่าการตัดผมให้เด็กคนนี้มันจะต้องเป็นเรื่องยากแน่ๆ แต่ Franz ไม่คิดแบบนั้น และตัวเขาก็ยินดีที่จะตัดผมให้ลูกของเธอ เธอยังเล่าอีกว่าในตอนที่เขาต้องตัดผมให้ลูกของเธอ Wyatt นั้นอยู่ไม่เป็นสุขเลย เขาวิ่งพล่านไปมาตลอดนอนบ้างยืนบ้าง แต่ตัว Franz ไม่บ่นเลยและเขาก็ทำมันอย่างตั้งใจด้วย ตัวเธอยังบอกเสริมอีกว่าช่างตัดผมคนนี้เป็นคนที่จิตใจที่มากๆ เขาเป็นดั่งฮีโร่ที่มีตัวตนจริงๆ ทางด้าน Franz เองก็เล่าว่าเขาทำงานเป็นช่างตัดผมมาตั้งแต่อายุ 12 แล้ว นั่นทำให้เขาได้มีโอกาสเข้าถึงความรู้สึกของผู้คนมากมาย รู้ว่าคนจะคิดยังไงและทำให้เขาเข้าใจคนเหล่านั้นเป็นอย่างดี เขาพูดว่า “ผมเข้าใจความรู้สึกของ Wyatt นะ ผมรู้ว่าเด็กชายต้องทรมานขนาดไหน ตอนที่ผมตัดผมให้เขา…
-
เมื่อลูกชายคลั่งไคล้ใน ‘Minecraft’ พ่อก็เลยใช้สกิลตัดต่อสร้างเป็นเรื่องราวให้ซะเลย!!
เมื่อพูดถึงเกมในยุคปัจจุบันที่เด็กๆ จะเข้าถึงได้มากที่สุดในศักราชนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น Minecraft อย่างแน่นอน เพราะด้วยความที่เป็นเกมที่มีภาพน่ารักๆ แถมยังเป็นการฝึกใช้ความคิดสร้างสรรค์ไปพร้อมๆ กัน จึงไม่แปลกอะไรที่เกมนี้จะฮิตติดลมบนมาหลายปี เด็กชาย Tony ก็เป็นเด็กอีกคนที่หลงรักในเกมนี้เช่นกัน เรียกว่าคลั่งไคล้เลยก็ว่าได้ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับมันและเมื่อคุณพ่อของเจ้าหนูเห็นความชอบในตัวลูกชาย แทนที่เขาจะห้ามทว่าเขากลับสนับสนุน พร้อมกับเลือกผลักดันให้ลูกชายไปในทิศทางที่ถูกต้อง เขาเล่าว่าลูกชายนั้นชื่นชอบในเกมดังกล่าวตั้งแต่อายุ 1 ขวบครึ่งแล้ว จนตอนนี้เขาอายุ 6 ขวบไปแล้ว ลูกชายของเขาก็ยังไม่เลิกชอบในเกม Minecraft ฉะนั้นเมื่อลูกรักในเกมนี้มากๆ เขาก็เลยเกิดไอเดียอยากจะเนรมิตรโลกใบใหม่ให้กับเขาจากเกมที่เขาชอบ แต่ตัวคนเป็นพ่อเองก็เล่าว่าตอนแรก เขาก็ไม่รู้นะว่าไอเดียนี้มันเริ่มจริงจังตอนไหน รู้อีกทีก็ไปซื้อเกมดังกล่าวให้ลูกชายแล้ว จากนั้นแหละทุกอย่างเลยเริ่มต้นจริงจังมากขึ้น เขาเริ่มเก็บข้อมูลเกี่ยวกับตัวเกมและจัดการถ่ายภาพลูกชายทันที และใช้ความสามารถในด้าน Photoshop ของเขาผสมเขาไปจึงได้ภาพเซตสุดสวยออกมา… ชุดสีฟ้าและกางเกงสีน้ำเงิน ที่คล้ายคลึงกับตัว Steve ที่เป็นตัวละครหลักในเกม ออกผจญภัยไปในโลก Nether World กับเจ้าหมาเพื่อนรัก Alex สู้กับกองทัพ Creeper และฝูงซอมบี้เพื่อเอาชีวิตรอด!! จากนั้นก็พักผ่อนหลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน หายเหนื่อยก็กลับไปขุดแร่ เตรียมออกผจญภัยกันอีกรอบ!! มีแบบฉบับภาพเคลื่อนไหวและเสียงด้วยนะ …
-
สายเปย์ที่แท้ทรู!! หมอศัลยกรรมที่ทำทุกอย่างให้ “เมีย” ตัวเองสวยเช้งแม้วัยใกล้ 50
ผู้หญิงที่มีแฟนเป็นสายเปย์ ซื้อเครื่องสำอาง จ่ายเงินให้ทำศัลยกรรม คงจะรู้สึกโชคดีมาก แต่ก็คงไม่มีใครโชคดีไปกว่าผู้หญิงที่มีแฟนเป็นหมอศัลย์ ที่พร้อมจะทำให้เธอสวยเป๊ะตามความต้องการได้ทุกเมื่อ เหมือนกับ Phillip Craft ศัลยแพทย์วัย 47 ปี ที่เปิดคลินิกเป็นของตัวเองที่ไมอามี่ รัฐฟลอริด้า และได้ทำการศัลยกรรมเสริมความงามให้ภรรยา Anna ตั้งแต่เธอให้กำเนิดลูกชาย 2 คนทั้งสองคน ตอนนี้ Anna อายุ 43 ปี เธอบอกว่าตื่นเต้นกับร่างกายที่สมบูรณ์แบบของตัวเอง ซึ่งหมดนี้เป็นผลงานที่ทำให้สามีรู้สึกภาคภูมิใจมาก ตลอด 21 ปีที่ทั้งคู่แต่งงานกันมา Anna ได้รับการศัลยกรรมจากสามีนับครั้งไม่ถ้วนและทำแทบทุกอย่าง เช่น ดูดไขมัน ทำหน้าอก เพิ่มขนาดบั้นท้าย ผ่าตัดเปลี่ยนรูปร่าง ทั้งช่วงเองและหน้าท้อง นอกจากนี้ยังฉีดโบท็อกซ์ ฉีดฟิลเลอร์ที่แก้มและริมฝีปาก จริงๆ แล้วเธอค่อนข้างภูมิใจในรูปร่างตัวเองอยู่แล้ว แต่เพื่อทำให้สามีสมความปรารถนาในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของเธอ Anna ได้ตัดสินใจให้เขาศัลยกรรมหลังจากที่เธอคลอดลูกชายคนที่สอง หลังจากที่ผ่านการศัลยกรรม Anna รู้สึกชื่นชอบรูปร่างใหม่ของเธอมาก เพราะมันมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าที่เธอคาดหวังไว้ในตอนแรกซะอีก ภรรยาบอกว่า “Phillip เป็นคนที่ชอบแต่งรถสปอร์ต ชอบดัดแปลงเฟอร์นิเจอร์ และที่ชอบมากที่สุดการเปลี่ยนแปลงรูปร่างให้ฉัน ซึ่งฉันก็ยินดีให้เขาทำทุกอย่างที่ต้องการ”…
-
13 เทคนิค “ไลฟ์แฮ็ก” ที่แชร์กันทั่วในโลกออนไลน์ แท้จริงแล้วมันทำไม่ได้หรอกนะ…
ไลฟ์แฮ็กคือวิธีการง่ายๆ ที่จะทำให้ชีิวิตของเราง่ายขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ได้เห็นการแชร์วิธีต่างๆ เหล่านี้ทั่วโลกออนไลน์ แต่จริงๆ แล้วไลฟ์แฮ็กบางอย่าง เมื่อนำไปใช้จริงกลับทำให้มีปัญหามากกว่ามีประโยชน์ซะอีก แถมยังเปลืองเวลาและพลังงานโดยใช้เหตุ และต่อไปนี้คือไลฟ์แฮ็กที่ควรหลีกเลี่ยง 1. เคร่ื่องปิ้งขนมปังไม่ได้ทำให้ชีสสุกพอดีได้ วิธีที่ได้รับการแนะนำคือ วางชีสไว้บนขนมปังแล้วเอาไปวางในเครื่องปิ้งขนมปัง โดยให้เครื่องอยู่ในลักษณะนอน… มันคือวิธีที่ผิดและไม่ควรทำ วิธีดังกล่าวนี้นอกจากจะอันตรายแล้วมันยังไม่ได้ผลด้วย เพราะสุดท้ายแล้วชีสกับขนมปังจะไม่ติดเป็นเน่ื้อเดียวกัน เนื่องจากความร้อนที่ไม่เพียงพอ ที่สำคัญคือขนมปังอาจจะเด้งออกมา แต่ชีสจะละลายอยู่ภายในเครื่องปิ้งขนมปัง จนอาจทำให้เครื่องพังได้ 2. ม้วนกระดาษทิชชู่ไม่สามารถนำมาทำเป็นลำโพงโทรศัพท์ได้ วิธีที่แนะนำคือนำแกนกระดาษทิชชู่มาต่อกัน แล้วเจาะช่องตรงกลางสำหรับเป็นช่องวางโทรศัพท์ จากนั้นเมื่อเปิดเพลงหรือเสียงอะไรก็แล้วแต่ จะทำให้เสียนั้นดังขึ้น ราวกับเปิดลำโพง แต่จริงๆ มันไม่ได้ทำเสียงดังขึ้นตามที่อ้างมา เนื่องจากมันเป็นเพียงแค่กระดาษที่ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกับเคลื่อนที่ของเสียง แต่หากนำโทรศัพท์ไปวางในถ้วยหรือแก้ว มันจะเห็นผลมากกว่า เพราะเสียงกระทบกับแก้วจะทำให้เสียงก้องขึ้น 3. ช้อนไม้ไม่ได้ทำให้น้ำต้มไม่ทะลักออกจากหม้อ ไลฟ์แฮ็กบอกว่าให้วางช้อนไม้บนปากหม้อ สามารถป้องกันไม่ให้น้ำในหม้อทะลักออกมาและหกเลอะเทอะ วิธีนี้อาจจะใช้ได้กับหม้อตุ๋นบางประเภท แต่ถ้าเป็นหม้อทั่วไป น้ำจะเดือดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดีไม่ดีช้อนคุณอาจจะตกลงไปพร้อมน้ำก็ได้ 4. ที่งัเตะปูไม่ได้ช่วยให้เปิดจุกขวดไวน์ วิธีที่แนะนำกันมาคือ ตอกตะปูเข้าไปให้แน่นแล้วก็ใช้ที่ดึงตะปูที่อยู่ปลายค้อนดึงตะปูนั้นขึ้นมา มันจะทำให้จุกไวน์ติดออกมาด้วย วิธีนี้จะได้ผลเฉพาะในกรณีที่คุณมีเคร่ื่องมือในการเปิดหลายอย่าง ดังนั้นแทนที่จะหาอุปกรณ์เหล่านี้มาแนะนำให้เปิดด้วยที่เปิดธรรมดาจะดีกว่า 5.…
-
20 ภาพจากเกาะร้างใจกลาง New York City ที่หลายคนไม่รู้ว่ามี และไม่เปิดให้คนเข้าไป!!
เคยคิดกันบ้างไหมว่าในมหานครนิวยอร์กอันกว้างใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยตึกรามบ้านช่องนั้น จะมีเกาะร้างแห่งหนึ่งตั้งอยู่โดยไม่มีใครสนใจ เกาะที่ว่านั้นมีชื่อว่าเกาะ North Brother Island ซึ่งเป็นเกาะที่น้อยคนนักจะรู้จัก เพราะว่าเจ้าเกาะนี้อยู่ทางตอนเหนือของแมนแฮตตัน และเป็นเกาะร้างกลางทะเลสาบขนาด 55 ไร่ที่ถูกคนทอดทิ้งไว้เป็นเวลากว่า 55 ปีแล้ว นอกจากนั้นก็ไม่ค่อยจะมีคนผ่านไปมาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั่นเอง ไม่เชื่อดูสิ อยู่แอบๆ แบบนี้สะพานเชื่อมก็ไม่มี ใครจะเข้าไปกัน… แต่ถึงแม้จะมีคนอยากไปที่ดังกล่าวก็ไม่ได้รับอนุญาติให้เข้าไปแต่อย่างใด นอกเสียจากว่าจะได้รับการอนุญาตให้เข้าไปโดยเจ้าหน้าที่จากที่ว่าการนิวยอร์ก และด้วยความลึกลับน่าค้นหานี้ ทีมงาน Business Insider จึงเกิดสงสัยเลยยื่นเรื่องและขอไปสำรวจเกาะที่ว่าดูสักหน่อย… เมื่อทีมงานไปถึงก็พบกับสิ่งก่อสร้างมากมาย แน่นอนว่าทั้งหมดล้วนพุพังตามกาลเวลาที่พวกมันถูกทิ้งไว้ แต่ที่น่าสนใจคือ มันเป็นสถานที่รกร้างที่ปกคลุมไปด้วยธรรมชาติ มีต้นไม้และเถาวัลย์อยู่เต็มไปหมดเลยล่ะ แม้ว่าเกาะนี้จะถูกทิ้งไปตั้งแต่ปี 1963 แล้ว แต่ทีมงานก็หวังว่าสักวันทางรัฐจะกลับมามองเห็นพื้นที่ว่างตรงนี้ และพวกเขาจะบูรณะมันกลับมาอีกครั้งพร้อมทำพื้นที่นี้ให้เกิดประโยชน์ และให้ผู้คนได้ย้ายเข้ามาอยู่แทนที่จะปล่อยว่างไว้นั่นเอง ออกเดินทางไปได้!! . . . . . . . . . . . . . . .…
-
รวม 20 ภาพ ความแตกต่างของการทานอาหารมื้อค่ำของแต่ละครอบครัวในสหรัฐอเมริกา
การใช้ชีวิตของแต่ละครอบครัวบนโลกนั้นล้วนจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งก่อนหน้านี้หลายคนน่าจะจำได้ว่าเราเคยนำเสนอความแตกต่างของห้องนอนแต่ละครอบครัวในอเมริกากันไปแล้ว (อ่านข่าวเก่าได้ที่ “ช่างภาพตามถ่าย 20 ภาพห้องนอนของชาวอเมริกัน สะท้อนวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไป“) มาคราวนี้ถึงคราวของโต๊ะอาหารแต่ละครอบครัวกันบ้าง โดยคราวนี้เป็นฝีมือของ Lois Bielefeld ช่างภาพมากฝีมือที่เดินทางไปยังบ้านของแต่ละครอบครัว และขอถ่ายภาพช่วงเวลารับประทานอาหารของทุกครอบครัว เธอบอกว่า “ฉันชอบที่จะเข้าไปสอดส่องการใช้ชีวิตของผู้คน เพราะมันทำให้ฉันได้รู้ถึงชีวิตประจำวัน ความคิดและความเป็นอยู่ของใครสักคน” และแน่นอนว่าการเข้าไปดูความเป็นอยู่ของคนประเภทต่างๆ ต่างฐานะต่างความคิดและต่างวัยนั้นเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ ฉะนั้นอย่ารอช้าเราลองมาดูกันเลยดีกว่า… โต๊ะอาหารของ Willie Mae ที่เธอเลือกจะหยิบจานมากินและไม่ใช้โต๊ะ แต่ห้องโดยรอบนั้นดูหรูหรามากๆ John และ Janet กับห้องอาหารเล็กๆ แต่ที่อบอุ่นของทั้งสอง Glynis, Liam, Jorin, และ Mona กับการกินอาหารกันพร้อมหน้าของครอบครัวพร้อมดูทีวีไปด้วยกัน การกินอาหารนอกบ้านด้วยบรรยากาศสบายๆ ของ Zoe, Dave, Emma, และ Karen บางครั้ง Nik ก็ต้องกินอาหารอย่างโดดเดี่ยว สองสามีภรรยา David และ Cathy ที่ต้องอธิษฐานก่อนกินมื้อค่ำด้วยกัน บางครั้งการกินข้าวกับสัตว์เลี้ยงตัวโปรดกับโซฟาสบายๆ…
-
นี่คือ Auroville เมืองแห่งอนาคต ที่หลายคนวาดฝัน ไม่แคร์เชื่อชาติ ศาสนา หรือแม้กระทั่งฐานะ!?
จะเป็นยังไงถ้าเราได้อยู่ในเมืองที่ไม่มีการแบ่งเชื้อชาติ ศาสนา และฐานะ ที่ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขโดยไม่ต้องมานั่งคิดถึงเรื่องอะไรเหล่านั้น ทุกคนต่างมองว่าเราก็คือคนเหมือนๆ กัน ไม่มีอะไรมาแบ่งแยกคนในเมืองได้…ถ้าใครโหยหาเมืองดังกล่าวอยู่ ที่ Auroville คือคำตอบ Auroville หรือ the City of Dawn อยู่ทางใต้ของประเทศอินเดีย เป็นเมืองที่ทุกคนสามารถจะอยู่ร่วมกันด้วยแนวที่ดังกล่าวได้อย่างเสรี ตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ที่ทางตอนใต้ของอินเดีย ไม่ว่าจะนับถืออะไรเป็นคนชาติไหนก็มาสามารถอยู่ด้วยกันได้ อาคารที่อยู่ไกลๆ Matrimandir นั้นคือ วิหารที่ใช้สำหรับฝึกโยคะ นั่งสมาธิ หรือจะอะไรก็แล้วแต่ เพราะที่นี้ไม่มีการแบ่งศาสนา . ตัวอาคารก็ดูมีเอกลักษณ์และดูเงียบสงบมากๆ การไม่แบ่งแยกที่ว่านั้นหมายถึงสัตว์ด้วยเช่นกัน ทุกคนอยู่กันอย่างผ่อนคลายกับธรรมชาติ และเมื่อธรรมชาติผสมผสานกับเทคโนลีในปัจจุบัน ทุกอย่างก็ลงตัว ถ้าใครคิดว่าที่ Auroville จะได้อยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องทำงานคุณคิดผิดแล้ว ที่นี่ทุกคนจะมีหน้าที่ของตนแบ่งปันกันไปโดยไม่แบ่งแยก ซึ่งทุกหน้าที่จะเป็นส่วนร่วมในการดูแลชุมชนของพวกเขา ช่วยกันดูแลธรรมชาติ ปลูกป่ารอบๆ มีฝ่ายจัดการอาหารที่ทุกคนจะได้กินพร้อมๆ กัน ฝ่ายจัดการน้ำ เด็กๆ ก็จะได้ชีวิตในแบบที่พวกเขาต้องการ…
-
ชาวต่างชาติเขียนถึง 11 เรื่องน่าประหลาดใจ ที่ต้องพบเจอเมื่อเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น
“ญี่ปุ่น” เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมอันแสนหลากหลาย แต่ในขณะเดียวกันก็มีกฎระเบียบที่เข้มงวดมากๆ ดังนั้น หากใครที่จะเดินทางไปยังประเทศนี้ หรือไม่ว่าจะประเทศไหนๆ ก็ตามคุณควรจะศึกษาวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรมของผู้คนในประเทศนั้นๆ ด้วย ดั่งสำนวนที่ว่า “เข้าเมืองหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” ด้วยกฎระเบียบที่เข้มงวด จึงทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติคนหนึ่งที่ได้เดินทางไปเยือนญี่ปุ่นรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ดังนั้น เขาจึงได้ออกมาบอกเล่า 11 เรื่องราวที่คุณควรรู้ก่อนเดินทางไปญี่ปุ่นผ่านทางโลกออนไลน์ ว่าแล้วก็มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง 1. หลีกเลี่ยงเรื่องที่เกี่ยวกับเลข 4 ทั้งหมด ในญี่ปุ่น “เลข 4” คือสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะมันมีการออกเสียงที่คล้ายกับคำว่า “ตาย” เช่นเดียวกับเลข 13 ในวัฒนธรรมตะวันตกที่เป็นเลขอัปมงคล และนี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นมักหลีกเลี่ยงการใช้เลข 4 ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ หากคุณได้ไปญี่ปุ่นจะสังเกตได้ว่าในบางแห่ง เช่น ลิฟต์ หรือเลขชั้นอาคาร จะไม่มีการปรากฏของเลข 4 เลย 2. ไม่ควรสั่งน้ำมูกในที่สาธารณะ ที่ประเทศญี่ปุ่นการสั่งน้ำมูกในที่สาธารณะไม่เพียงแต่เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเพียงอย่างเดียว แต่มันยังเป็นเรื่องที่น่าขยะแขยงมากอีกด้วย ดังนั้น หากมีความจำเป็นที่จะสั่งน้ำมูกเราขอแนะนำว่าควรทำให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ 3. การให้ทิปอาจถูกมองว่าเป็นการดูถูก การให้ทิปถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สุภาพ…
-
ช่างภาพตามถ่าย “สถานที่ทิ้งร้าง” ตามที่ต่างๆ ในฝรั่งเศส ที่ยังคงความงดงามอยู่
เมื่อพูดถึงสถานที่ที่ถูกทิ้งร้าง เชื่อว่าหลายคนอาจไม่กล้าที่จะย่างกรายเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นหรอกใช่ไหมละ เพราะมันอาจเต็มไปด้วยความลึกลับ และน่ากลัว หรือบางที่ก็อาจจะมีประวัติสุดหลอนซ่อนอยู่ แต่สำหรับ Roman Robroek ช่างภาพหนุ่มวัย 30 ปีจากประเทศเนเธอร์แลนด์คนนี้ เขากลับเดินทางออกสำรวจ และบันทึกภาพสิ่งก่อสร้างที่ถูกทิ้งร้างในประเทศฝรั่งเศสตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีทั้ง บ้าน โบสถ์ โรงพยาบาล ปราสาท รวมถึงยานพาหนะต่างๆ “สถานที่เหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะถูกพบในสวนสาธารณะ มันถูกเปิดทิ้งไว้ และไม่มีใครดูแลอีกต่อไป แต่เมื่อจะเข้าไปในอาคารเหล่านั้น บางครั้งผมก็ต้องวางแผนอย่างละเอียด เพราะมันไม่ใช่ว่าจะสามารถเข้าได้ง่ายๆ เสมอไป พอจอดรถเสร็จก็จะเดินข้ามสวน แล้วไต่เข้าไปทางหน้าต่างที่เปิดอยู่ หรือบางทีก็คลานผ่านช่องโหว่ของอาคาร” Roman กล่าว นอกจากนี้ Roman ยังบอกอีกว่าประเทศฝรั่งเศสมีสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ที่สวยงามและน่าหลงใหลมากมาย นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาชอบมาถ่ายภาพสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่ถูกทิ้งร้างในประเทศนี้ แถมยังเห็นถึงแตกต่างระหว่างทางภาคเหนือและใต้ของฝรั่งเศสอย่างชัดเจน “โดยส่วนตัวแล้วผมสนุกกับการออกสำรวจสถานที่ในภาคใต้มากกว่า ถนนดูเหมือนจะกว้างขึ้นแต่ผู้คนกลับน้อยลง ส่วนอาคารต่างๆ ก็มีความสวยงามเหมือนกับทางเหนือ แต่สำหรับผมแล้วรู้สึกว่าในภาคเหนือจะมีสิ่งที่น่าสนใจ และเข้าถึงได้ง่ายกว่า อาคารบางส่วนถูกทำลายไป หรือบางที่ก็กำลังได้รับการปรับปรุงใหม่ เช่น โบสถ์เก่าๆ…
-
วิธีลงโทษสุดเถื่อน เมื่อหญิงสาวคองโก “เสิร์ฟปลาต้องห้าม” โหดเกินกว่าจะเขียนในหัวข้อข่าว!!
คำเตือน: เนื้อหานี้มีความรุนแรง และไม่เหมาะกับคนจิตอ่อน แนะนำให้อ่านด้วยวิจารณญาณ คลิปการข่มขืนหญิงสาวกลางถนนของเมือง ในช่วงเวลากลางวันแสกๆ ที่ถูกเปิดเผยผ่านทางแอพพลิเคชั่น Whatsapp ในประเทศคองโก กลายเป็นที่พูดถึงทั่วโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว กลุ่มกบฎต่อต้านรัฐบาล Kamuina Nsapu มีความเชื่อในหมู่นักรบของพวกเขาว่าก่อนที่จะออกไปรบ จะต้องห้ามมีเซ็กส์ ห้ามอาบน้ำ ห้ามกินเนื้อหรือปลาเด็ดขาด เพราะจะทำให้พรวิเศษที่พวกเขาได้รับนั้นเสื่อมลง และส่งผลเสียต่อตัวพวกเขาเอง แต่แล้วหญิงสาวคนหนึ่งและลูกบุญธรรมของเธอ ได้ทำการเสิร์ฟอาหารที่เป็น “ถั่วและเนื้อปลาท้องถิ่น” ในร้านอาหารของเธอให้เหล่านักรบ พวกเขารู้เข้าจึงโกรธจัด เธอถูกบังคับให้มีเซ็กส์กับลูกชายของหัวหน้ากลุ่มด้วย ก่อนที่จะโดนข่มขืนซ้ำอีก ตามรายงานข่าวระบุว่าหัวหน้ากลุ่มได้สั่งลงโทษเธอและลูกทันที ร่างของเธอที่เปลือยเปล่าและถูกข่มขืน ถูกลากไปตามถนนในเมือง Luebo จนถึงแก่ความตาย สื่อต่างชาติรายงานถึงคำพูดจากที่เกิดเหตุว่า “พวกเขาพูดว่าเธอเสิร์ฟอาหารเป็นถั่ว และมีส่วนผสมของปลาท้องถิ่นอีกนิดหน่อย นั่นทำให้พวกเขาเชื่อว่ามันทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองอยู่นั้นเสื่อมลง หัวหน้าที่มีชื่อว่า Kabata จึงสั่งให้ประหารทั้งคู่กลางที่สาธารณะ” หลังจากการข่มขืน ร่างของพวกเขาถูกลากไปตามถนนก่อนจะสิ้นใจ ซ้ำร้ายยังถูกฟันด้วยมีด และให้เหล่านักรบดื่มเลือดของทั้งคู่อีกด้วย… เรื่องดังกล่าวนี้กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงมากโดยทันที แม้ความรุนแรงในคองโกจะมีมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ภาพและคลิปวิดีโอที่เห็นกลายเป็นเรื่องที่กระแทกจิตใจผู้รับชมเป็นอย่างมาก ปัญหาการปะทะของทั้งสองฝ่าย ส่งผลกระทบต่อผู้คนแล้วอย่างน้อย 1.4 ล้านคน รวมถึงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เพิ่งมีข่าวว่ากลุ่มกบฎทำการสังหารคนบริสุทธิ์เพื่อแสดงแสนยานุภาพไปอีกอย่างน้อย 10…
-
เจ้าสาวเซอร์ไพรส์คุณยาย ด้วยการสวมใส่ชุดแต่งงานของเธอที่มีมาตั้งแต่ปี 1962
ช่วงเวลาของการแต่งงานนั้นเป็นสิ่งที่สวยงาม ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัยก็ตาม ชุดเจ้าสาวอันสง่างามก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการสละช่วงชีวิตแห่งอิสระ และเข้าสู่การใช้ชีวิตคู่อยากแท้จริง และเนื่องด้วยวันสุดพิเศษนี้หลานสาวคนหนึ่งจึิงได้นำชุดเจ้าสาวของคุณยายมาใส่ เพื่อทำเซอร์ไพร์สสุดซึ้งให้คุณยายของเธอ Jordyn Cleverly เจ้าสาวอายุ 23 ปี ตัดสินใจที่จะใช้ชุดแต่งงานของคุณยายที่เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีตั้งแต่ปี 1962 ซึ่งมันเป็นชุดที่น่ารักและสวยงามมากๆ คุณยายของเธอไม่รู้หรอกว่าหลานรักจะสวมชุดนี้ จนกระทั่งวันซ้อมพิธีการ Kortney Peterson เป็นช่างภาพที่ต้องทำหน้าที่เก็บภาพช่วงเวลาที่สวยงามเหล่านี้ ช่างภาพได้กล่าวว่า “สีหน้าของคุณยายเมื่อตอนได้เห็นหลานรักในชุดเจ้าสาวของเธอ มันคือคำตอบ อารมณ์ รอยยิ้มและน้ำตา มันเป็นสิ่งที่คุณยายแสดงถึงความรู้สึกปราบปลี้มออกมาได้ดีที่สุด” ในตอนแรกนั้นเจ้าสาวหลานรัก Jordyn จะเซอร์ไพรสในตอนที่เดินออกมาจากทางเดินในวันจริง แต่เธอเลือกที่จะเซอร์ไพรส์ในวันซ้อมแทน เพื่อที่จะได้เก็บภาพสุดพิเศษและเธอไม่ต้องการให้คุณยายร้องไห้ในตอนที่เธอเดินออกมานั้นเอง คุณยายดูจะดีใจและปลื้มปริ่มมากๆ ที่ได้เห็นชุดนี้อีกครั้ง . ช่วงเวลานี่ทุกคนเงียบและจากนั้นน้ำตาก็เริ่มไหลด้วยความน่ารักของคู่ยายหลาน . . ชุดเจ้าสาวของคุณยายดูน่าทึ่งมากๆ ในความวินเทจของมัน . ดูแล้วน้ำตาก็จะไหลตามเขาเหมือนกันนะเนี้ยะ ที่มา boredpanda
-
หญิงชราญี่ปุ่นไร้ทางหนี ถูกแตนยักษ์รุมต่อยกว่า 150 ครั้งใน 50 นาที ส่งผลถึงขั้นเสียชีวิต
วันที่ 6 ตุลาคม 2560 ทางสำนักข่าวเดลีเมลล์มีรายงานว่า Chieko Kikuchi คุณยายวัย 87 ปีผู้เคราะห์ร้าย ถูกฝูงแตนยักษ์นับร้อยเข้ามารุมต่อย จนเป็นเหตุทำให้เสียชีวิตคาที่บนรถเข็น จากการรายงานระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยในขณะนั้นคุณยายท่านนี้ กำลังเดินทางกลับบ้านจากศูนย์พักพิงชุมชนในเมืองโอซึ จังหวัดเอฮิเมะ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ดูแลคนหนึ่ง แต่ทว่าจู่ๆ ก็มีฝูงแตนยักษ์เข้ามารุมต่อยเธอมากถึง 150 ครั้ง ซึ่งทางผู้ดูแลก็รีบโทรแจ้งหน่วยกู้ภัยให้เข้ามาช่วยเหลือทันที ภายหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินทางมาถึงยังที่เกิดเหตุ พวกเขาก็พบว่าคุณยายถูกโจมตีจากฝูงแตนจำนวนมาก อีกทั้งไม่มีอุปกรณ์ป้องกันแมลงต่อยด้วย นั่นจึงทำให้ไม่มีใครสามารถที่จะเข้าไปช่วยเหลือคุณยายได้เลย อย่างไรก็ตาม คุณยาย Chieko ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับความเจ็บปวดเป็นเวลานานถึง 50 นาที จนในที่สุดฝูงแตนจำนวนมากก็ค่อยๆ ลดลง ทำให้ทางเจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปช่วยเหลือและนำตัวของเธอไปส่งที่โรงพยาบาลทันที แต่ทว่าคุณยายกลับไม่สามารถทนพิษบาดแผลได้ทำให้เธอเสียชีวิตในเวลาต่อมา ด้านเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ออกมาเผยว่า ฝูงแตนยักษ์มักจะโจมตีผู้คนหากรังของมันได้รับการรบกวน และเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการถูกพวกมันโจมตี ขอแนะนำว่าควรอยู่ให้ห่างจากรังของสัตว์พวกนี้ หรือใส่เสื้อคลุมป้องกันเวลาถูกแตนทำร้าย รวมถึงใช้สเปรย์ฆ่าแมลง ทั้งนี้ทางสถานีโทรทัศน์ NHK ได้ออกมารายงานว่า ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตเพราะถูกต่อต่อยราว 20 คนในประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว ที่มา : dailymail
-
สุดแน่น!! คุณลุงชาวจีนหุ่นแซ่บ แม้จะอายุ 62 แต่กล้ามยังแน่นไม่แพ้หนุ่มๆ… สาวๆ ล่ะว่าไง??
การดูแลร่างกายให้ดูดีอย่างสม่ำเสมอนั้นเป็นเรื่องที่ดีสำหรับทุกคน เพราะนอกจากคุณจะได้สุขภาพที่แข็งแรงแล้ว คุณจะมีรูปร่างที่เพอร์เฟค และถึงแม้ว่าอายุของคุณจะล่วงเลยวัยซุกซนไปแล้ว คุณก็ยังสามารถดูดีได้เหมือนกับคุณลุงท่านนี้!! พบกับ Xu Ji Lin คุณลุงชาวจีนวัย 62 ปี ที่สร้างความฮือฮาบนโลกอินเตอร์เน็ตของประเทศจีน ด้วยซิกแพคและกล้ามเป็นมัดๆ พร้อมกับหุ่นสุดล่ำของเขา… ชายวัย 62 ปีผู้นี้เริ่มต้นออกกำลังกายและดูแลตัวเองอย่างดีเมื่อประมาณ 19 ปีที่แล้ว ตอนที่เขาอายุได้ 40 ปี หลังจากที่ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานทั้งการดื่มแอลกอฮอลล์เป็นประจำ นอนดึก ทำงานหนัก และกิจกรรมอื่นๆ ที่ทำลายสุขภาพของเขา คุณ Xu รู้สึกว่าร่างกายของเขานั้นเริ่มส่งสัญญาณเตือนบางอย่างเกี่ยวกับสุขภาพ และนั่นจึงทำให้เขาตัดสินใจที่จะหันมาดูแลตัวเองในช่วงวัยกลางคน ถึงแม้ว่าการกลับมาฟิตเหมือนเดิมในตอนอายุ 40 ปีอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขา แต่ Xu นั้นก็ไม่ละความพยายามเขาเลือกที่จะออกกำลังกายในฟิตเนสและมีเทรนเนอร์ส่วนตัวคอยให้คำแนะนำ ชายวัย 62 กล่าวว่า “คนหนุ่มหลายๆ คนควรมีเวลาดูแลตัวเอง เพราะเมื่อไหร่ที่คุณอายุมากแล้ว การรักษาร่างกายให้แข็งแรงนั้นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญเช่นกัน” โอโห!! ถึงจะอายุมากแล้ว แต่คุณลุงท่านนี้ก็ยังดูดีไม่แพ้หนุ่มๆ นายแบบเลยนะเนี่ย และเรื่องราวของคุณลุงท่านนี้ก็คงจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ คนที่กำลังจะเริ่มต้นออกกำลังกายได้ไม่น้อยเลยทีเดียวนะ ที่มา excite, recordchina
-
การตัดสินใจครั้งสำคัญของคู่พ่อลูกข้ามเพศ ซึ่งทั้งสองต่างเคยเป็นอีกเพศหนึ่งมาก่อน!!
การแปลงเพศในปัจจุบันเป็นเรื่องที่ได้รับการยอมรับทำให้เรามีทางเลือกที่จะเป็นไปตามที่ตนเองต้องการได้มากขึ้น แต่การตัดสินใจที่จะทำสิ่งนั้นก็ยังคงเป็นเรื่องยากเพราะมันถือว่าเป็นสิ่งที่จะติดตัวเราไปอีกนาน เด็กชายวัย 11 ขวบชื่อ Corey Maison เป็นคนหนึ่งที่ต้องติดอยู่กับความไม่แน่ใจว่าตนเองจะแปลงเพศดีหรือไม่ แม้ว่าเขาจะรู้ตัวตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าต้องการเป็นผู้หญิง เหตุผลหลักของปัญหานั้นก็คือเขากลัวว่าครอบครัวจะรับไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าคุณแม่ Erica สังเกตเห็นว่าเขามีความต้องการที่จะเปลี่ยนไปเป็นอีกเพศหนึ่งมากขนาดไหน และตัวคุณแม่เองก็ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงซักเท่าไหร่ คุณแม่ของลูกๆ 5 คนที่รู้สึกเกลียดการตั้งท้องอย่างมาก หนุ่มน้อยที่รู้ตัวเองว่าไม่ได้ต้องการเกิดมาเป็นผู้ชาย 4 ปีผ่านไปคนเป็นแม่จึงตัดสินใจแปลงเพศไปพร้อมๆ กับลูกชายเสียเลย เพราะเธอเองก็คิดว่าไม่ได้ต้องการจะเป็นผู้หญิงอยู่แล้วและทำให้ลูกของเธอเกิดความกล้าและทำการแปลงเพศในที่สุด ปัจจุบันทั้งคู่ได้เปลี่ยนสถานะจาก “แม่กับลูกชาย” ให้กลายเป็น “พ่อกับลูกสาว” ซะแทน ซึ่งถึงแม้ตอนแรกทั้งสองจะกลัวคนในครอบครัวคนอื่นรับไม่ได้แต่สิ่งนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะทุกคนยังคงมอบความรักให้ทั้งคู่ได้เหมือนเดิม จากชายกลายเป็นหญิงจากหญิงกลายเป็นชาย ตามที่ทั้งสองคนต้องการ . เมื่อกลายเป็นผู้หญิงก็สามารถแสดงออกมาได้อย่างมั่นใจ . . ความฝันที่กลายเป็นจริงและเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต . ตอนนี้คุณแม่ Erica ได้กลายเป็นคุณพ่อ Eric แล้ว ในตอนแรกทั้งสองก็ยังคงกลัวกับการตัดสินใจครั้งนี้ พวกเธอไม่มีใครรู้ว่าผลลัพธ์และอนาคตจะเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามความวิตกกังวลได้หายไปหมด เมื่อทั้งคู่ได้รับความรักจากทุกคนในครอบครัว …
-
น้องหมาชิบะ Yu ตัวแสบ ที่พอไม่ได้ดั่งใจก็จะลงไปนอนประท้วงเหมือนเด็กอยากได้ของเล่น!!
หลายคนคงเคยเห็นเด็กๆ งอแงร้องไห้อยากได้ของเล่นหรือไม่อยากกลับบ้านซะจนลงไปนอนอยู่บนพื้นเพื่อให้พ่อแม่ตามใจ วิธีนี้เองที่กลายเป็นเอกลักษณ์ให้กับน้องหมาชิบะในประเทศญี่ปุ่นตัวหนึ่งที่ชื่อว่า Yu จนกลายเป็นกระแสและมียอดติดตามในทวิตเตอร์มากกว่า 14,000 คนเลยทีเดียว แง่ก.. ไม่อยากกลับบ้านเลยอ่ะ เจ้าของของเจ้า Yu เล่าให้ฟังว่า เวลาเขาพามันออกไปเดินเล่น แล้วมันไม่อยากกลับบ้าน มันก็จะทิ้งตัวลงนอนดื้อๆ แบบภาพข้างบนนั่นแหละ เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมขยับ จนเขาไม่รู้จะโกรธหรือว่าจะขำดี ยิ่งไปกว่านั้นก็คือมันไม่ได้นานๆ แสดงพฤติกรรมนี้ออกมาทีเหมือนหมาตัวอื่น แต่มันกลับทำเป็นกิจวัตรประจำวันเลย!! ไม่รู้ว่าที่บ้านมันไม่มีแอร์หรือว่าอะไรถึงทำให้มันไม่ยากกลับขนาดนั้น ธรรมชาติที่นี่สวยมากเลย หนูขออยู่ต่อเถอะนะ ถึงจะหันมายิ้มยังไงก็ต้องกลับบ้านนะ ปราสาทนาริตะก็ยังไม่เว้นเลยนะเจ้า Yu เดี๋ยวคนอื่นเขาก็เข้าใจผิดคิดว่าโดนรถชนมาหรอก ถ้ามันไม่ยอมลุกเองจะออกแรงขนาดไหนก็ไม่ยอมไป จะอุ้มก็เห่าแล้วแม่ควรทำยังไงดี สถานที่เปลี่ยนแต่พฤติกรรมของเจ้าหมาก็ยังไม่เปลี่ยนจริงๆ เป็นอย่างนี้สงสัยคงต้องตัดค่าขนมแล้วแหละ ไม่งั้นไม่ยอมกลับบ้านแน่นอน หากใครอยากติดตามความน่ารักของน้องหมาตัวนี้ก็สามารถเข้าไปอินสตาแกรม always_with_yu หรือทวิตเตอร์ @always_with_yu ได้เลยน้าาา ที่มา: rocketnews24
-
พิธี Quinceañera การฉลองวันเกิดสาวชาวละตินวัย 15 ปี ที่ครอบครัวต้องเสียสละกับความฟุ่มเฟือย
บนโลกของเรามีวัฒนธรรมประเพณีแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ซึ่งทำให้มีวัฒนธรรมอีกเป็นร้อยๆ แบบที่เราอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน เช่น Quinceañera หรืออีกชื่อคือ Fiesta de quince años ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของชาวละตินอเมริกัน ประเพณีดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองให้กับเด็กสาวในวันเกิดอายุครบ 15 ปีของพวกเธอ โดยในงานเธอจะได้แต่งตัวราวกับเจ้าหญิงท่ามกลางคนจำนวนมาก ได้เต้นรำกับหนุ่มๆ และมีอาหารมากมายพร้อมกับเค้กก้อนโต แต่งานที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นก็ต้องแลกมาด้วยเงินจำนวนมหาศาล ทว่าแทบทุกครอบครัวก็พยายามจัดงานนี้ให้ได้แม้จะต้องทำงานหนักเพื่อเก็บเงินนานเป็นปีก็ตาม ประเพณีที่ว่านี้มีความสำคัญต่อครอบครัวและเด็กสาวมากขนาดนั้นเลยหรือ? คำถามนี้ทำให้ช่างภาพสาวชื่อ Delphine Blast ออกเดินทางไปถึงโคลัมเบีย เพื่อหาคำตอบ นั่นจึงทำให้เธอนำเสนอผลงานที่ให้ทุกคนเห็นระหว่างการจัดงานที่ดูฟุ่มเฟือยกับครอบครัวที่มีฐานะยากจนว่าทั้งสองอย่างนั้นมันขัดแย้งกันมากเพียงใด เธอได้ถ่ายรูปเด็กสาวจำนวน 15 คนในชุดราตรีที่พวกเธอใส่กันภายในงาน เราลองไปดูเรื่องราวส่วนหนึ่งของพวกเธอเหล่านั้นกัน Laura Cristina Zarta เธอเป็นคนที่ชอบเล่นฟุตบอลมากจนได้ไปอยู่ในทีมเยาวชนทีมชาติ และเมื่อโตขึ้น เธออยากเป็นตำรวจสืบสวน พ่อของเธอขายผลไม้ซึ่งเป็นรายรับเดียวภายในบ้าน ทำให้พวกเขาต้องเก็บเงินเป็นเวลาถึง 6 เดือนเพื่อจัดงานนี้ให้กับเธอและผู้คนในงานอีก 200 คน Luna Valentina Arias Beltrán หญิงสาวผู้ฝันจะเป็นนางเอกละครคนนี้ พ่อของเธอเป็นช่างทำรองเท้า ส่วนแม่เป็นคนเก็บขยะมารีไซเคิล…
-
เมื่อนักท่องเที่ยวหัวเราะเฮฮาขณะเยี่ยมชม “สุสานทหารไร้ชื่อ” นายทหารจึงต้องออกมาเตือนสติ!!
สถานที่บนโลกนี้มีกฎระเบียบที่แตกต่างกันออกไป บางที่เป็นสถานที่สำหรับพักผ่อน บางสถานที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเข้าไปแล้วก็ควรให้ความเคารพในกฎระเบียบของแต่ละสถานที่นั้นๆ หรือบางแห่งถึงจะไม่มีกฎระเบียบที่เคร่งครัดอะไร แต่ก็ควรดูกาลเทศะให้เหมาะสมกับสถานที่ มิเช่นนั้นคุณอาจจะโดนต่อว่าเหมือนกับบุคคลที่ไม่ให้ความเคารพสถานที่อย่างนี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่สุสานแห่งชาติอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสุสานแห่งนี้สร้างขึ้นใน ค.ศ.1921 โดยมีจุดประสงค์คือ เพื่อเป็นเกียรติและระลึกถึงเหล่าทหารที่เสียชีวิตลง แต่ไม่สามารถที่จะระบุตัวตนได้ ซึ่งสุสานแห่งนี้ก็เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามาเยี่ยมชมเพื่อเป็นการระลึกถึงผู้เสียชีวิต แต่ก็พบว่ามีประชาชนบางกลุ่มอาจจะไม่รู้ว่าในสุสานควรใช้ความสงบและไม่ควรส่งเสียงดังจนเกินไป เพราะว่านั่นเป็นเหมือนเป็นดูหมิ่นเกียรติของทหารที่เสียชีวิต โดยประชาชนกลุ่มหนึ่งได้ส่งเสียงหัวเราะดังขึ้นมา ทหารผู้ที่เข้าเวรยามเฝ้าอยู่นั้นจึงได้ออกมาตักเตือนผู้ที่มีการกระทำดังกล่าว โดยการออกมาบอกว่า “กรุณาใช้ความเงียบและให้ความความเคารพด้วย” หลังจากนั้นประชาชนกลุ่มนี้ก็ได้เงียบลงไป ซึ่งนับว่าทหารนายนี้ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องและเหมาะสมเลยทีเดียวแหละ คลิปวีดีโอขณะนายทหารได้ออกมาตักเตือน ไม่ว่าจะไปสถานที่ใดก็ควรให้เกียรติสถานที่นั้นด้วยนะ ที่มา: warhistoryonline, chaleco86
-
สาวอ้วนรีวิวโรงแรมให้คะแนนติดลบ เจอโรงแรมสวนกลับให้ไปลดน้ำหนัก กลายเป็นเรื่องใหญ่!!
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า Emily Chance หญิงสาวที่ถูก Ken Evans ผู้จัดการของโรงแรม Nelcon Hotel ที่เธอได้เข้าไปใช้บริการไล่ให้ไปควบคุมอาหาร เหตุเพราะเขารู้สึกไม่พอใจอย่างแรงหลังจากที่ Emily ได้แสดงความเห็นในเชิงลบเกี่ยวกับโรงแรมแห่งนี้ว่าทั้ง “สกปรก” และ “น่ากลัว” จากการรายงานระบุว่า เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา Emily ได้จ่ายเงินจำนวน 38 ปอนด์ เพื่อเข้าพักที่โรงแรมดังกล่าวที่ตั้งอยู่ในเมืองแบล็กพูล แคว้นแลงคาเชอร์ ประเทศอังกฤษ กับ Michael ผู้เป็นสามีเป็นเวลา 2 คืน เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบวันแต่งงานของพวกเขา แต่ดูเหมือนว่าโรงแรมแห่งนี้จะทำให้ Emily รู้สึกผิดหวังและไม่ประทับใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เธอได้ติดสินใจเข้าไปโพสต์รีวิวเกี่ยวกับโรงแรมดังกล่าวในเว็บไซต์ท่องเที่ยว Booking.com โดยระบุใจความสำคัญว่า… “เมื่อได้เดินเข้าไปคุณจะพบกับกลิ่นที่เหม็นมาก แถมในห้องน้ำก็เต็มไปด้วยสกปรก รวมถึงผ้าขนหนูก็ยังสกปรกด้วย ฉันให้โรงแรมนี้ 3.8 จากคะแนนเต็ม 10” . อย่างไรก็ตาม…
-
หญิงสาวลงทุนบินไปหาแฟนหนุ่มถึงอัมสเตอร์ดัม ก่อนโดนปฏิเสธ “ก็แค่แกล้งขำๆ ไม่ได้อยากคบ!!”
ความรักที่เหมือนจะเป็นสิ่งสวยงามของใครหลายคนบางครั้งอาจต้องพังทลายลงไปเพียงเพราะว่า อีกฝ่ายมองว่าสิ่งนี้เป็นเพียงเครื่องมือไว้เล่นสนุกเท่านั้นเอง เมื่อหญิงสาวชาวอังกฤษวัย 24 ปีชื่อ Sophie Stevenson ยอมเสียเงินจำนวนกว่า 15,000 บาทเพื่อไปหาแฟนหนุ่มของเธอถึงกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนพบว่าความรักที่เขามีให้นั้นเป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่น เรื่องราวของทั้งสองเริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอได้ไปเที่ยวกับเพื่อนสนิทของเธอที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ในตอนที่เกิดเหตุนองเลือดขึ้นเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา จากเหตุการณ์นั้นทำให้เธอและเพื่อนที่พักอยู่ใกล้กับสถานที่เกิดเหตุต้องเก็บตัวอยู่แต่ในโรงแรมและนั่นจึงทำให้เธอได้พบกับ Jesse Mateman หนุ่มวัย 21 ปีชาวเนเธอร์แลนด์กับเพื่อนของเขาอีกสามคน หลังจากนั้นความรักของทั้งคู่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น พวกเขาได้นอนด้วยกันและพูดคุยกันในเรื่องต่างๆ จนกระทั่งเธอถึงกำหนดต้องกลับไปประเทศอังกฤษ ทั้งสองก็ยังคงติดต่อหากันอยู่ตลอดทุกวัน สองคนที่ยืนอยู่คือ Jesse และ Sophie ความรักทางไกลอันหวานชื่นได้ดำเนินไปเรื่อยๆ จนเธอตั้งใจจะไปหาเขาที่อยู่ห่างไปกว่า 600 กิโลเมตร จากนั้นจึงจองโรงแรมกับตั๋วเครื่องบินและนัดหมายกับเขาเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย เมื่อถึงวันเดินทาง 29 กันยายน เธอก็ยังคงส่งข้อความคุยกับเขาอยู่เรื่อยๆ ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบินจนไปถึงที่หมายและพบว่าแฟนหนุ่มของเธอไม่ได้ยืนรออยู่ที่นั่น เธอรีบโทรหาเขาไปหลายสายแต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับอะไรและเธอก็นั่งรออยู่ที่สนามบินไปนานถึง 2 ชั่วโมง ในความรู้สึกที่แทบจะอยากเป็นบ้าที่ต้องมาอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยนี้คนเดียว หลังจากนั้นเธอก็นั่งรถประจำทางมาที่โรงแรม 6 ชั่วโมงต่อมาแฟนหนุ่มของเธอก็ส่งข้อความมาบอกว่า “เธอเป็นหมู…
-
21 ภาพความเท่ห์ของ ‘แก๊งไบค์เกอร์สาวแห่ง New Orleans’ ชมรมนี้มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นนะ!!
วิถีไบค์เกอร์หรือการขี่รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เป็นเรื่องปกติที่เราจะเห็นผู้ชายหลายคนชื่นชอบ แต่ในครั้งนี้กลับไม่ได้มีแต่หนุ่มๆ เพราะ #เหมียวตะปู จะพาทุกคนไปเจอกับแก๊งไบค์เกอร์ของสาวๆ ในเมือง New Orleans แก๊งนี้มีชื่อว่า Caramel Curves เป็นการรวมกลุ่มของเหล่าไบค์เกอร์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 มีชื่อเสียงอย่างมากจากการที่แก๊งจะมีแต่ผู้หญิงเท่านั้น!! ด้วยการแต่งตัวและรองเท้าส้นเข็มที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเธอก็ทำให้ช่างภาพชื่อ Akasha Rabut รู้สึกหลงใหลไปกับสิ่งเหล่านี้ ถึงขนาดใช้เวลาถึง 3 ปีเพื่อเข้าไปเก็บภาพและเป็นส่วนหนึ่งในแก๊ง เราไปดูกันดีกว่าว่าสาวๆ กลุ่มนี้มีความเท่มากขนาดไหน จุดเริ่มต้นในการเก็บภาพครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่างภาพสาวได้ไปเจอกับผู้หญิง 2 คนที่กำลังนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ กลุ่มสุดเท่ห์นี้จะมารวมตัวกันในทุกวันอาทิตย์ และจะแต่งตัวให้เหมือนกันบวกกับรองเท้าส้นเข็มที่เป็นเอกลักษณ์ ช่างภาพสาวได้ถูกชวนให้ไปพบปะกับสาวๆ ภายในแก๊งทั้ง 28 คนที่ร้านทำเล็บของสมาชิกกลุ่ม ก่อนที่เธอจะตัดสินใจตามถ่ายภาพทั้งหมดนี้ พวกเธอคือหญิงแกร่งผู้ขึ้นมาอยู่บนสังเวียนที่หนุ่มๆ เป็นใหญ่ ความน่าหลงใหลและเสน่ห์ของพวกเธอเมื่อได้อยู่บนมอเตอร์ไซค์ เป็นแก๊งที่มีจุดยืนอันแข็งแกร่งในเรื่องของค่านิยมที่มักมองว่าบิ๊กไบค์เป็นเรื่องของผู้ชายเท่านั้น ช่างภาพสาวบอกว่าทุกภาพล้วนแล้วแต่มีคุณค่าที่ไม่อาจประเมินได้ รถคันนี้ที่มองดูก็รู้เลยว่ามันมีมาเพื่อเธอจริงๆ รถที่มีขนาดใหญ่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเธอ ย้อมสียางก่อนที่จะเอามาเบิร์นให้เป็นสีประจำแก๊ง เห็นปุ๊บรู้ปั๊บว่าใครเป็นสมาชิก เพราะพวกเธอแต่งตัวเหมือนกันซะขนาดนี้ ขนาดรองเท้าส้นเข็มบางทีก็มีธีมเดียวกันด้วยนะ พวกเธอได้ระดมทุนจากผู้คนเพื่อนำไปช่วยในงบของการก่อสร้างสิ่งต่างๆ…
-
เจ้าแมวหนุ่มออกจากบ้านทุกวันจนเจ้าของสงสัย สะกดรอยตามเกือบ 10 กิโล พบว่าเอ็ง… ติดสาว!!
เคยเป็นมั้ยเวลาที่คิดถึงใครสักคนจนต้องหยิบโทรศัพท์รีบโทรหาหรือไม่ก็เฟซไทม์เห็นหน้ากันซะหน่อย แต่ถ้าหากเราเป็นแมวละเราจะทำอย่างไรเวลาคิดถึงคนที่เรารัก? เมื่อเจ้าเหมียวหนุ่มตัวหนึ่งชอบวิ่งหายออกไปจากบ้านทุกวันจนเจ้าของของมันรู้สึกสงสัยว่ามันไปไหนของมันกันนะ เขาจึงตัดสินใจที่จะลองหาคำตอบของเรื่องนี้ดู แหน่ะ!! แอบวิ่งออกไปไหนน่ะ ด้วยการสะกดรอยตามเจ้าเหมียวทำให้พบว่าที่มันหายออกไปตลอดก็เพราะมันวิ่งไปหาแฟนสาวของมันที่อยู่บ้านอีกหลังหนึ่งนี่เอง สิ่งที่น่าทึ่งก็คือมันวิ่งในระยะทางถึง 8 กิโลเมตรเลยทีเดียวเรียกว่าไม่ธรรมดาสำหรับภารกิจวิ่งเพื่อเธอในครั้งนี้เลยจริงๆ ถึงขาจะล้าแต่ใบหน้าของเธอฉันต้องไปเจอให้ได้เลย สู้โว้ยยย น่าพาไปวิ่งมาราธอนจริงๆ เลยนะเจ้าเหมียว เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วผู้ที่เป็นคนเจ้าของจึงตัดสินใจปล่อยให้มันอยู่ที่บ้านหลังนั้นไปซะเลย เพราะเขาก็คงไม่อยากที่จะพรากคู่รักให้ห่างจากกันแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็จะขับรถไปเยี่ยมหาหรือซื้ออาหารไปให้มันกับแฟนสาวอยู่บ่อยๆ รักกันขนาดนี้แล้วใครจะไปแยกมันทั้งสองได้ลงคอกันละ นอกจากที่เจ้าของแมวสาวตัวนั้นจะยอมให้มันได้มาเจอและเข้ามาอยู่ด้วยแล้ว สิ่งที่สำคัญก็คือเจ้าเหมียวมันมีลูกน้อยที่น่ารักอยู่ด้วยถึง 2 ตัวเรียกว่าครบความเป็นครอบครัวเรียบร้อยแล้ว เหมียวน้อยอีก 2 ตัวก็ตั้ลล๊ากกก วิดีโอของยอดเหมียวหนุ่มผู้วิ่งไกลถึง 8 กิโลเมตรเพื่อรักแท้ เห็นแล้วก็รู้สึกอมยิ้มให้กับความพยายามและรักอันหวานชื่นของเจ้าเหมียวตัวนี้จริงๆ ไม่ว่าตัวจะอยู่ไกลกันแค่ไหนแต่ใจก็ไม่เคยห่างกันเลยยย วิ่งมาไกลขนาดนี้ก็ขอพักซักหน่อยนะ.. คร่อกกก ที่มา: SBS TV동물농장x애니멀봐
-
คู่รักนักปีนเขาร่วมใจทำภารกิจช่วยเหลือชีวิต ‘น้องหมา’ ที่ติดอยู่บนเขามานานถึง 6 สัปดาห์
สัตว์เลี้ยงของเราไม่ได้เป็นเพียงสิ่งของที่เราครอบครองเท่านั้น แต่พวกมันคือส่วนหนึ่งของครอบครัว ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อไหร่ที่มันต้องหายไปจากชีวิตนั่นคงเป็นสิ่งที่เราทำใจกันไม่ได้แน่นอน แต่ในบางครั้ง เราอาจได้รับความช่วยเหลือที่คาดไม่ถึง จนทำให้เราได้พบกับพวกมันอีกครั้ง เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อในกลุ่มเฟซบุ๊กสำหรับนักปีนเขาที่ชื่อว่า 14ers มีโพสต์หนึ่งเขียนบอกว่าได้ยินเสียงน้องหมาร้องไห้อยู่บนภูเขา Bross . เมื่อหญิงสาวชื่อ Trinity Smith เห็นข้อความนั้นก็ไม่รอช้าที่จะเริ่มภารกิจปีนขึ้นไปบนเขาดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือมัน และเธอก็พบว่าเธอได้ยินเสียงนั้นจริงๆ แต่ในเวลานั้นฟ้าก็เริ่มมืดทำให้การเดินอยู่ข้างบนอยู่คนเดียวเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก เธอจึงตัดสินใจลงจากเขามาและพาแฟนหนุ่มของเธอ Sean Nichols กลับขึ้นไปบนเขาลูกนั้นอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น . เมื่อไปถึงทั้งสองก็พยายามร้องเรียกหาน้องหมานานหลายชั่วโมงถึงแม้ว่าเจ้าหมาจะหยุดส่งเสียงแล้วก็ตามแต่พวกเขาก็ไม่ย่อท้อ จนกระทั่งได้ยินเสียงของมันเห่าออกมาเบาๆ ก็ได้ไปเจอมันเข้าในที่สุด จากจุดที่มันอยู่คาดว่ามันน่าจะลื่นตกลงไปจากตรงโขดหินทำให้ต้องลงไปนอนเจ็บอยู่ด้านล่าง เห็นอย่างนั้นพวกเธอก็ไม่รอช้ารีบพามันไปร้านสัตว์เลี้ยงใกล้ๆ ในทันที หลังจากนั้นทั้งคู่ก็นำอาหารมาให้มันกิน เพราะมันอยู่ในสภาพอิดโรยเป็นอย่างมาก และพวกเขาก็ได้แจ้งข่าวไปยังเจ้าของของมัน เมื่อ Larry Osborne เจ้าของหมาตัวดังกล่าวได้มาเจอมันอีกครั้ง เขารู้สึกตื้นตันและดีใจเป็นอย่างมาก เพราะเขาพยายามตามหามันมาตลอด 6 สัปดาห์ที่มันหายตัวไป . Larry ได้ขอบคุณคู่รักทั้งสองที่พาสุนัขของเขากลับมา ต่อมาเขาได้พามันไปหาสัตวแพทย์และเขาพบว่ามันเหลือน้ำหนักเพียง 11 กิโลกรัมจากตอนแรก 38 กิโลกรัม และมันต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษเนื่องจากร่างกายที่อ่อนแอจากการขาดน้ำและสารอาหาร ร่างกายที่ซูบผอมจากน้ำหนักที่ลดลงอย่างฮวบฮาบ…
-
ชายรุ่นพ่อจับเด็กสาวแต่งานตอนอายุ 12 ขวบ และกักขังเธอนาน 19 ปี พร้อมข่มขืนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เรื่องราวสะเทือนขวัญนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจากเม็กซิโกได้รับแจ้งว่าชายหนุ่มคนหนึ่งได้ข่มขืนลูกสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของเขา และกักขังเธอไว้นานเกือบ 2 ทศวรรษ นาย Henri Michele Piette ชายวัย 62 ปีถูกจับกุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากที่เขาถูกตั้งข้อหาข่มขืนและข้อหาหนักอื่นๆ เมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ โดยเหยื่อเขานั้นคือ Rosalynn McGinnis หญิงสาวจากเมือง Wagoner รัฐโอกาโฮมาซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของเขาเอง Rosalynn McGinnis และพ่อเลี้ยงของเธอ ในงานวันเกิดเมื่อตอนที่เธออายุได้ 13 ปี คุณ McGinnis ซึ่งปัจจุบันอายุ 33 ปีให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า พ่อเลี้ยงของเธอลักพาตัวเธอตั้งแต่ตอนที่เธออายุได้ 12 ปี หลังจากที่เลิกกับแม่ของเธอเนื่องจากปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศ จากการรายงานของสื่อท้องถิ่น McGinnis ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมอีกว่าพ่อเลี้ยงของเธอมอบแหวนแต่งงานให้ระหว่างที่อยู่บนรถตู้และขอเธอแต่งงาน พ่อเลี้ยงลักพาตัว McGinnis ไปยังแม็กซิโกและขังเธอไว้ในบ้านเป็นเวลานานถึง 19 ปี แต่ในปี 2016 หญิงสาวและเด็กๆ อีก 8 คนที่ถูกจับตัวไปไว้กับเธอในภายหลัง สามารถหนีจากพ่อเลี้ยงออกมาได้สำเร็จ ซึ่งก่อนหน้านี้มีเด็กน้อย 1 คนที่หนีออกมาได้แล้ว อย่างไรก็ตามยังไม่มีการยืนยันว่าเด็กๆ ทั้ง 9 คนนั้นเป็นเหยื่อหรือเกี่ยวข้องกับนาย Piette อย่างไร แต่จากคำให้การในศาล…
-
18 สถานที่ที่เราไม่คิดว่าจะมีสัตว์ไปอยู่หรือไปทำกิจกรรมอะไรกันแปลกๆ แบบนี้กันด้วย!?
เวลาที่เราออกไปเที่ยวตามแหล่งธรรมชาติ สิ่งที่คิดว่าจะได้เห็นก็คือสัตว์น้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่ตามที่ต่างๆ นกบินอยู่บนท้องฟ้า ปลาอยู่ในน้ำ สัตว์อื่นๆ ก็วิ่งเล่นกันอยู่บนพื้น แต่ถ้าความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไปล่ะ? จะเป็นยังไงถ้าหากว่าสัตว์บางชนิดมันดันสลับแหล่งที่อยู่อาศัยไปมา หมูว่ายอยู่ในน้ำหรือสัตว์ 4 ขาที่ปีนขึ้นไปบนต้นไม้อะไรอย่างนี้มันจะทำให้เรารู้สึกสับสนได้ขนาดไหน แน่นอนว่าธรรมชาติย่อมมีความพิเศษที่แปลกใหม่คาดไม่ถึงซ่อนเอาไว้อยู่แล้ว งั้นเราไปดูความพิสดารเหล่านั้นที่ว่ามากันเลยดีกว่า แพะต้นไม้ ประเทศโมร็อกโก . พืชชนิดพิเศษที่มีแต่ในประเทศนี้ชื่อว่าต้น Argania เป็นสิ่งที่หาพบได้ยากและผลของมันคงเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าแพะจำนวนมาก จนทำให้พวกมันยอมปีนขึ้นไปกินด้วยตัวเองเลยทีเดียว นอกจากพวกมันจะอิ่มอร่อยกันแล้วก็ยังช่วยให้เกษตรกรได้รับเมล็ดที่ดีขึ้นจากการย่อยของมันอีกด้วยนะ ถ้ำงูห้อยหัว ประเทศเม็กซิโก ถ้ำนี้จะเต็มไปด้วยงูแรทสเนคเหลืองแดงจำนวนมากที่ห้อยหัวลงมาจากเพดานถ้ำแทนการเลื้อยอยู่บนพื้นแทน เหตุผลที่เป็นอย่างนั้นเพราะว่านอกจากจะมีพวกมันอาศัยอยู่ในถ้ำแล้วก็ยังมีฝูงค้างคาวขนาดเล็กที่อยู่กันอย่างเยอะแยะ นั่นจึงทำให้เจ้างูตัดสินใจไปอยู่ด้านบนเพื่อเวลาที่ฝูงค้างคาวบินผ่านพวกมันก็จะโฉบกินได้อย่างง่ายดาย เกาะ Lambay ไอร์แลนด์ เจ้าตัววัลลาบีที่มาอาศัยอยู่กันที่เกาะนี้ไม่ได้มีขึ้นเองตามธรรมชาติเพราะความเป็นจริงที่นี่ห่างจากบ้านเกิดมันมากกว่า 16,000 กิโลเมตร เมื่อย้อนกลับไปในช่วง 1980’s สวนสัตว์ Dublin ได้นำพวกมันมาปล่อยเอาไว้ที่นี่เพราะไม่สามารถควบคุมจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นได้และตอนนี้เองพวกมันก็มีโอกาสที่จะล้นเกาะแล้ว น้ำตก Akaka ฮาวาย สถานที่แห่งนี้หากใครได้ไปก็จะเห็นกลุ่มวงศ์ปลาบู่ที่พยายามใช้ปากกระดึ๊บๆ จากลำธารข้างล่างขึ้นไปด้านบน เพราะว่ากระแสน้ำ Kolekole ที่อยู่เหนือน้ำตกขึ้นไปเป็นแหล่งวางไข่ของพวกมัน เพื่อให้ไข่ได้รับการพัดออกไปสู่มหาสมุทรก่อนที่ปลาเล็กปลาน้อยจะฟักและเติบใหญ่ขึ้นมาเป็นปลาบู่รุ่นต่อไป …
-
แบบนี้ก็มี!! ก๊วน 3 สาวโดน ตม.เกาหลี กักตัว หลังศัลยกรรมจนหน้าไม่เหมือนพาสปอร์ต
เรียกได้ว่าวงการศัลยกรรมในเกาหลีใต้นี่เลื่องชื่อลือชาเป็นอย่างมาก ถึงขนาดบรรดาสาวจีนที่ต้องการปรับปรุงรูปโฉมของตัวเอง ลงทุนซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางเข้าไปทำศัลยกรรมเกาหลีโดยเฉพาะ สำหรับการทำผ่าตัดทำศัลยกรรมนั้น คนที่เคยทำจะรู้ดีว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาในการดูแลรักษา และพักฟื้นเป็นเวลานานหลายวัน แต่สำหรับ 3 สาวจากประเทศจีนกลุ่มนี้กลับไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนั้น เพราะภายหลังจากการผ่าตัดดูเหมือนว่าพวกเธอจะยังไม่ได้รับการพักฟื้นอย่างเต็มที่ งานนี้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองในสนามบินเกาหลีใต้ จึงไม่เชื่อว่าพวกเธอเป็นคนๆ เดียวกับที่อยู่ในภาพถ่ายของหนังสือเดินทาง สุดท้ายเลยทำให้พวกเธอไม่สามารถเดินทางกลับไปยังประเทศบ้านเกิดได้.. โอละพี่!! งานเข้าเต็มๆ ซะแล้วล่ะคนสวยยยยยยย วันที่ 9 ตุลาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้เผยภาพของสามสาวจีน ขณะกำลังรอการยืนยันตัวตน หลังจากที่พวกเธอได้ปรากฏตัวที่สนามบินเกาหลีใต้ พร้อมกับสภาพใบหน้าที่บวมเต่ง และห่อหุ้มไปด้วยผ้าพันแผลมากมาย แต่ทว่าทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกลับไม่สามารถให้พวกเธอออกนอกประเทศได้ เนื่องจากใบหน้าที่อยู่ในภาพถ่ายของหนังสือเดินทางมันดูแตกต่างจากตัวจริงอยู่มากโข ภายหลังจากที่ภาพของหญิงสาวกลุ่มนี้ได้ถูกนำไปเผยแพร่ลงบนโลกออนไลน์ ก็ได้รับความสนใจจากบรรดาชาวเน็ตจีนเป็นอย่างมาก ซึ่งก็มีคนเข้ามากดไลค์มากกว่า 66,000 คน และแชร์มากถึง 27,000 ครั้งเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงขบขันกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “ถ้าคุณมีใบหน้าที่บวมขนาดนี้ บอกเลยว่าแม้แต่แม่ของคุณเองก็ยังจำไม่ได้” “อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ แต่หน้าของพวกเธอดูบวมจริงๆ” ทั้งนี้ยังไม่มีการะบุที่ชัดเจนว่าสามสาวจีนจะได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับประเทศได้เมื่อไหร่ ดังนั้นครั้งต่อไปหากใครที่จะบินไปทำศัลยกรรมใบหน้าในต่างประเทศ คุณอาจจะต้องอยู่พักฟื้นสัก 2-3 สัปดาห์ก่อนเดินทางกลับ เพราะไม่อย่างนั้นอาจประสบปัญหาเหมือนสาวจีนเหล่านี้ได้…
-
เปิดคลิปเตือนภัย คนขับรถตู้พยายามล่อเด็ก 3 ขวบ ด้วยโดนัทเพียงชิ้นเดียว…
ในช่วงเวลาที่เด็กๆ กำลังปิดเทอมอยู่นี้ เป็นช่วงเวลาที่ผู้ปกครองควรจะระมัดระวังในเรื่องของการดูแลบุตรหลานเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันอาชญากรรมการล่อลวงเด็กที่อาจเกิดขึ้นได้บ่อยๆ Rechelle Haigh วัย 26 ปี ได้ออกมาเตือนภัยให้กับเหล่าผู้ปกครองของเด็กๆ ในเมืองแมนเชสเตอร์ ให้ระวังชายแปลกหน้าที่จะเข้ามาล่อลวงบุตรหลานถึงแม้จะอยู่ในบ้านก็ตาม!! เธอได้นำหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดบริเวณสวนหน้าบ้านของเธอเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2017 ออกมาเผยแพร่ให้โลกออนไลน์ได้ดู เป็นคลิปของลูกสาวของเธอกับลูกเลี้ยงกำลังเล่นแทมโพลีนกันอย่างสนุกสนาน คลิปวิดีโอขณะที่เกิดเหตุการณ์ จากนั้นก็มีชายคนหนึ่งขับรถตู้สีขาวมาหยุดตรงที่ตรงรั้วบ้านแล้วเรียกให้เด็กๆ สนใจ แล้วตะโกนบอกว่า “เฮ้ เด็กๆ อยากได้โดนัทหรือเปล่า!!!” . ซึ่งเด็กหญิง Sade พี่ใหญ่สุดเห็นว่าท่าทางลุงคนนี้ไม่น่าไว้ใจจึงรีบพาน้องสาว Roxie วิ่งเข้าบ้านไปก่อน แล้ววิ่งออกมารับ Ameya น้องสาววัย 2 ขวบอีกคนที่กำลังยืนงงอยู่บนแทมโพลีน . . Rechelle ได้โพสต์เรื่องราวนี้ลงบนโลกออนไลน์เพื่อเป็นการเตือนชาวเมืองแมนเชสเตอร์ เธอได้เขียนรายละเอียดไว้ว่า “วันที่ 7 ตุลาคม 2017 เวลาประมาณบ่ายสองโมงได้มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งขับรถเข้ามาใกล้ๆ บริเวณบ้านแล้วถามเด็กๆ ของฉันว่า อยากได้โดนัทหรือเปล่า” และเธอก็ได้เขียนเพิ่มเติมอีกว่า “ฉันรู้สึกโชคดีที่ Sade…
-
10 บุคคลธรรมดาๆ ที่มีรูปร่างหน้าตาราวกับเป็น “ตุ๊กตา” ในโลกแห่งความเป็นจริง
โลกสมัยใหม่เป็นโลกที่เต็มไปด้วยโอกาสและทางเลือกมากมาย ไม่ว่าจะด้านการงาน การเงิน การศึกษา คู่รัก รวมถึงการเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้มีรูปลักษณ์เหมือนกับ “ตุ๊กตา” ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่คนเรายอมเก็บเงินทำศัลยกรรมเพราะอยากดูสวยหล่อ แต่สำหรับบางคนกลับไม่ได้ต้องการแค่ความสวยหล่อธรรมดาๆ แต่มีความอยากเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ดูเหมือนตุ๊กตาในชีวิตจริงอย่างเช่น Barbies และ Kens ในครั้งนี้เราจึงได้ตัดสินใจที่จะพาเพื่อนๆ ทุกคนมาทำความรู้จักกับ 10 ตุ๊กตาในชีวิตจริงที่มาพร้อมกับการปรากฏตัวอันน่าทึ่ง มาดูกันว่าพวกเขาจะเป็นใครกันบ้าง… 10. Rodrigo Alves สำหรับหนุ่ม Rodrigo Alves เขาได้ลงทุนจ่ายเงินทั้งหมดในการทำศัลยกรรมมากกว่า 250,000 เหรียญ (ราวๆ 8.3 ล้านบาท) เพื่อให้ดูเหมือนกับตุ๊กตาเคนในชีวิตจริง และนั่นก็ทำให้เขาได้เริ่มโด่งดังจนได้ไปออกรายการสัมภาษณ์ดังๆ มาแล้วมากมาย . 9. Lil Miquela Lil Miquela นางแบบสาวส่งตรงจากแอลเอซึ่งโด่งดังมาจากอินสตราแกรม ที่เราได้เห็นโฉมหน้าของเธอครั้งแรกก็ต้องรีบร้องออกมาว่าเห้ย!! นี่คนจริงๆ หรือตัวละครจาก The Sim กันแน่ เธอบอกว่าภาพที่เห็นนั้นเป็นการผสมระหว่างภาพจริงๆ กับโมเดลสามมิติ . 8. Amber Guzman…
-
รวมภาพการแข่งขันสุนัขกระโดดไกล แต่ละตัวพากันงัดท่าสวยๆ ออกมาโชว์เพียบเลย
การแข่งขัน Splash Dog National Championships อาจจะเป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยคุ้นหู หรือไม่เคยได้ยินมาก่อน ซึ่งจริงๆ แล้วมันคือการแข่งขันหมาบิน หรือการแข่งขันสุนัขกระโดดไกลนั่นเอง สำหรับการแข่งขันสุนัขกระโดดไกล เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอีกประเภทหนึ่งของสุนัขในสหรัฐอเมริกา โดยทางเจ้าของจะพากันส่งสุนัขแสนรักของตัวเองมาเข้าร่วมแข่งกันกีฬาดังกล่าว หากสุนัขตัวไหนที่สามารถกระโดดงับหรือแตะของเล่นให้ไกล และสูงที่สุด ซึ่งกติกาการเล่นคือ จะใช้ผู้เล่น 1 หรือ 2 คนก็ได้ โดยคนหนึ่งจับสุนัข และอีกคนหนึ่งเป็นคนโยนของเล่นให้มันคาบก่อนจะทิ้งตัวลงในน้ำ… และถ้าน้องหมาตัวไหนสามารถกระโดดได้ไกลที่สุดก็จะได้เป็นผู้ชนะ ภาพที่แสดงให้เห็นว่า บรรดาน้องหมากำลังทำการแข่งขันกระโดดไกลในรอบชิงชนะเลิศ โดยในปีนี้การแข่งขันชิงแชมป์กระโดดไกลได้ถูกจัดขึ้นที่รัฐเนวาดา ในระยะกระโดดจะมีตัวเลขกำหนดความไกลเอาไว้ด้วย สู้ๆ นะเจ้าหมา กีฬาประเภทดังกล่าวได้รับความนิยมในประเทศสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ช่วงปลายยุค 90 จนแพร่หลายไปทั่วสหราชอาณาจักรและยุโรปเลยทีเดียว นี่คือโฉมหน้าของ Bo Nose น้องหมาสายพันธุ์โดเบอร์แมนเจ้าของสถิติสุนัขที่กระโดดได้สูงที่สุดในปี 2017 นี้ โดยมันสามารถกระโดดได้ไกลถึง 27 ฟุตเลยทีเดียว นอกจากนี้ กีฬาดังกล่าวยังมีการจัดประเภทสำหรับสุนัขลูกสุนัขที่มีขนาดเล็กอีกด้วย ในการที่จะได้เป็นผู้ชนะ ทางเจ้าของและสัตว์เลี้ยงจะต้องร่วมมือร่วมใจกันเป็นอย่างดี…
-
เมื่อให้ช่างภาพที่ถนัดถ่ายภาพ “คน” มาถ่ายภาพ ‘ม้า’ ผลที่ได้มันก็จะออกมาเป็นแบบนี้!!
คนเรามักจะทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดออกมาดีอยู่เสมอ แต่ในบางครั้งเรากลับไม่กล้าลองทำอะไรที่มันแปลกใหม่และไม่คุ้นเคย เพราะมันอาจจะทำให้รู้สึกเป็นกังวลได้ว่าสิ่งที่ทำไปมันจะออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจหรือไม่…แต่ถ้าเราไม่ลองดูก็คงไม่มีทางรู้หรอกจริงมั้ยยยย? Phillip Haumesser เป็นหนึ่งในช่างภาพฝีมือดีที่ถนัดในด้านการถ่ายภาพบุคคล (Portrait) อย่างมาก แต่วันหนึ่งเขากลับต้องมาทำงานที่ตัวเองไม่ค่อยถนัดอย่างการถ่ายภาพสัตว์ตามความต้องการของลูกค้า แต่แทนที่จะปฏิเสธ Phillip เลือกที่จะลงมือทำมัน เพราะในฐานะที่เป็นช่างภาพนี่ถือเป็นสิ่งที่ท้าท้ายสำหรับเขาที่สุดเลยล่ะ สำหรับ Phillip เขาได้เริ่มถ่ายภาพเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังจากที่ภรรยาของเขาบอกว่าอยากถ่ายรูปพัฒนาการของลูกๆ ซึ่งเธอก็ได้ซื้อกล้อง Samsung NX500 มา และนั่นก็ทำให้ Phillip ตกหลุมรักการถ่ายภาพขึ้นมาทันที ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้พยายามเรียนรู้และฝึกฝนการถ่ายภาพด้วยตัวเองจากการรับชมคลิปวีดีโอสอนถ่ายภาพในยูทูป จนในที่สุดเขาก็สามารถค้นพบตัวเองว่าภาพถ่ายที่เขาสามารถทำออกมาได้ดีที่สุดคือ การถ่ายภาพบุคคล “ผมมักจะผลักดันตัวเองให้ลองทำอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ และผมก็ชอบอะไรที่มันท้าท้าย ผมรู้ว่านี่อาจเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดที่จะได้เรียนรู้ ดังนั้นเมื่อมีคนมาบอกให้ผมทำอะไรบางอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ผมก็เลยต้องลองทำมันสักตั้ง เมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้รับงานหนึ่งและคิดว่าลูกค้าจะให้ถ่ายรูปตอนกำลังขี่ม้า แต่ปรากฏว่าเธออยากจะได้เพียงแค่ภาพถ่ายของเจ้าม้าเท่านั้น ซึ่งปกติแล้วผมจะถ่ายแค่ภาพคนเพียงอย่างเดียว แต่นี่มันทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะไม่สามารถที่จะบอกให้ม้าโพสต์ท่าได้” Phillip กล่าว แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่แสนท้าทาย แต่สุดท้ายเขาก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ลองไปรับชมผลงานภาพถ่ายของเขากันเลย… . . . . .…
-
เน็ตไอดอลสาวแคนาดาสุดแซ่บ เปิดตัวแฟนเป็น ‘หนุ่มเอเชีย’ เจอกระแสชาวเน็ตวิจารณ์เพียบ!?
ความรักของคนสองคนแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดีและเป็นสิ่งสวยงาม แต่ในบางครั้งผู้คนโดยรอบอาจไม่ได้คิดเช่นนั้น จนถึงกับถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเลยก็มี นี่เป็นเรื่องราวของสาวแคนาดาสุดฮอต Lisa Vannatta เธอเป็นเน็ตไอดอลผู้โด่งดังจากการสตรีมวิดีโอเกมบวกกับความแซ่บของหุ่นอันเซ็กซี่ที่ทำให้มีผู้ติดตามอินสตาแกรมเธอมากกว่า 400,000 คน แน่นอนว่าเธอจะต้องเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ หลายคน แต่เมื่อไม่นานมานี้เธอก็ได้โพสต์คลิปตอนที่เธอไปงาน Anime Expo ที่แคลิฟอร์เนีย จนทำให้ทุกคนได้เห็นกันว่าเธอมีแฟนหนุ่มที่รักกันมากอยู่แล้ว!! แต่สิ่งที่กลายเป็นกระแสจนทำให้ชาวเน็ตต้องออกมาแสดงความไม่พอใจก็เพราะว่า Jay แฟนหนุ่มของเธอเป็นคนเอเชีย จากนั้นมาเธอและหนุ่มเกาหลีคนนี้จึงต้องเจอกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่รุนแรง เช่นเรื่องความแตกต่างของรูปร่างและเชื้อชาติ “ทำไมเธอถึงออกเดทกับหนุ่มเอเชียที่สูงแค่ 172 เซนติเมตรเองละ? ฉันคงรู้สึกแย่ถ้าพวกเขามีลูกพันธุ์ผสมออกมา” “ผิวเหลืองเป็นที่นิยมขนาดทำให้เธอไปเดทกับชาวเอเชียเลยหรอ?” . หรือแม้แต่การแสดงความคิดเห็นที่บอกว่าเธอคบกับเขาเพียงเพราะเรื่องเงิน “ไม่น่าเชื่อเลยว่าหนุ่มเอเชียหน้าตาขี้เหร่จะไปเป็นแฟนกับสาวผิวขาวสุดเซ็กซี่คนนี้ได้ ทั้งคู่ต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยนะเพราะฉะนั้นเขาต้องรวยมากแน่นอน” อีกความคิดเห็นหนึ่งก็บอกว่าชายผิวขาวจะคบสาวเอเชียก็ไม่แปลก แต่หนุ่มเอเชียจะคบกับสาวผิวขาวน่ะมันไม่ได้ “ตรรกะความเป็นจริงบนโลกคือชายผิวขาวสามารถคบสาวเอเชียได้ แต่หนุ่มเอเชียจะมาคบกับสาวผิวขาวมันเป็นไปไม่ได้” . จากความคิดเห็นส่วนใหญ่บอกได้เลยว่า การเหยียดเชื้อชาติและสีผิวยังคงมีอยู่เสมอไม่ว่าโลกจะหมุนไปไกลแค่ไหน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นอย่างนั้น คนที่เห็นด้วยกับทั้งสองอยู่ก็มี “ทั้งสองเป็นคู่รักที่น่ารักมากขอให้รักกันให้นานๆ นะ คนที่เกลียดชังคุณเขาจะพยายามดึงคุณลงมาเพียงเพราะว่าเขาอิจฉา เพราะฉะนั้นก็อย่าไปสนใจพวกเขาเลย” คลิปวิดีโอไปงาน Anime Expo และเปิดตัวแฟนหนุ่มของเธอ . การจะแสดงความคิดเห็นกับเรื่องอะไรต้องทำลงไปอย่างมีสติและเหตุผลจะใช้แต่อารมณ์อย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ…
-
ให้ตายเถอะ… 18 ภาพวาดคู่รักในช่วงเวลาโรแมนติก ที่จะฆ่าคนโสดให้ตายอย่างช้าๆ
เป็นคนโสดไม่มีคนจีบมันก็เศร้าพออยู่แล้ว ยังต้องมาเห็นรูปคนมีแฟนเค้าสวีทกันอีก คิดดูหัวใจมันจะหงอยเหงาและห่อเหี่ยวแค่ไหน ตอกย้ำด้วยภาพวาดของ Zipcy หรือชื่อจริง Yang Se Eun ศิลปินเกาหลีวัย 29 ปี จากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ที่วาดการ์ตูนคู่รักได้บาดใจคนโสดมาก กอดกันในวันที่มีเรื่องไม่สบายใจ นี่คือชุดภาพที่มีชื่อว่า Touch เป็นภาพวาดที่แสดงให้เห็นความโรแมนติกของคู่รักในช่วงแรกๆ ที่คบกัน พวกเขาแทบจะไม่ได้อยู่ห่างกัน แต่จะอยู่ใกล้ชิดกันในทุกช่วงเวลา มันช่างเป็นภาพชวนให้คนโสดอยากมีแฟนซะเหลือเกิน แต่ตอนนี้เลื่อนดูให้สะเทือนอารมณ์กันก่อน มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเมื่อไหร่ค่อยจัดเต็มเนาะ ตอนนี้ก็รู้สึกอิจฉากันไปก่อน ฮร่าาาา นอนฟังเสียงลมหายใจของกันและกันในวันที่ฝนตก อยากกอดกันไว้ตลอดเวลา ชอบที่จะสัมผัสผิวของกันและกัน ใช้ริมฝีปากสัมผัสหูของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา อื้มมม ความรู้สึกที่คนโสดอาจไม่เข้าใจ ชอบจ้องมองอีกฝ่ายตลอดเวลา ฝ่ายหญิงจะเคลิ้มทุกทีเมื่อนิ้วของเขาสัมผัสกับผมของเธอ ไม่ใช่แค่การสัมผัสทางร่างกาย แต่จิตใจของคุณจะได้รับการเข้าถึงโดยอีกฝ่ายจนคุณอยากปล่อยความรู้สึกให้ลอยไปกับเขา มันเป็นครั้งแรกที่คุณจะสัมผัสถึงความรู้สึกล่องลอย คุณจะชอบการสัมผัสที่นุ่มนวลของอีกฝ่าย คุณจะจำกลิ่นของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี มันเป็นเวลาที่คุณจะปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามความรู้สึก เมื่อได้จับมือจะไม่อยากปล่อย และการจับมือ…
-
เจ๋งอ่ะ… ‘กล่องความเป็นแม่’ ที่หญิงชาวฟินแลนด์ จะได้รับฟรีจากรัฐ เมื่อเธอตั้งท้อง!?
เมื่อเข้าสู่ช่วงตั้งครรภ์ของคุณแม่ ก็ต้องมีการเตรียมพร้อมหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างด้วยกัน เพื่อลูกน้อยที่กำลังจะคลอดออกมา ซึ่งทางรัฐบาลของฟินแลนด์ใส่ใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ก็เลยจัดกล่องสุดพิเศษให้กับหญิงตั้งครรภ์ทุกคน โดยมีชื่อเรียกกันว่า Maternity Box หรือ กล่องแห่งความเป็นแม่ มาให้ เอ๊ะ!? แล้วในกล่องนี้จะมีอะไรซ่อนอยู่นะ มาดูกันดีกว่า เมื่อรัฐบาลรู้ว่ามีคุณแม่ตั้งครรภ์ ก็จัดกล่องแห่งความเป็นแม่มาให้ ซึ่งสามารถไปรับได้ที่ทำการไปรษณีย์ได้ทันที (แมวเหมียวยังตื่นเต้นไปด้วยเลยอ๊ะ) ขนาดของกล่องก็ใหญ่เบ้อเร่อ ข้างในจะมีอะไรซ่อนอยู่น้าาาา? คุณแม่ท่านนี้ก็จัดการเปิดกล่องเพื่อดูสิ่งของที่อยู่ข้างใน เปิดกล่องออกมาก็เจอกับ เสื้อกันหนาว หมวก และถุงมือ ซึ่งก็เป็นของใหม่หมดเลยด้วย นอกจากนั้น ก็ยังมีหมวกไหมพรม ,ถุงเท้า, ถุงน่อง, ถุงเล็กๆ ที่มีหนังสืออยู่ภายใน รวมทั้ง ของเล่นเด็กต่างๆ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยสำหรับเด็กทารก (ให้มาเยอะมาก) ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ รัฐบาลฟินแลนด์ก็จัดผ้าอ้อม, ผ้าขนหนู แล้วก็เสื่้อผ้าเด็กคุณภาพสูงของประเทศฟินแลนด์ให้อีกด้วย ใส่ได้ทั้งเด็กหญิงและเด็กชายเลย และสิ่งที่อยู่ใต้สุดของกล่องก็คือ ที่นอนสำหรับเด็กทารกแรกเกิด ที่คุณแม่สามารถให้ลูกน้อยนอนได้ทันที ไม่ต้องไปหาที่ไหนอีกแล้ว …
-
วินาทีระทึกของเครื่อง Airbus A380 ขณะร่อนลงจอดในเยอรมนี ตัวเครื่องส่ายไปมาน่ากลัว!!
ปกติแล้วถ้าเครื่องบินจะทำการลงจอดแบบ Crosswind นั้น จะต้องอาศัยความชำนาญของตัวนักบินเป็นหลัก ยิ่งลมที่แรงมากเท่าไหร่ การลงจอดแบบนี้จึงเป็นอะไรที่อันตรายมากๆ ก่อนที่ทุกคนจะงงว่า Crosswind คืออะไร เราขออธิบายให้เข้าใจก่อนว่ามันคือการบินกรณีที่มีลมกำลังแรงพัดมาเป็นแนวขวางกับรันเวย์ ซึ่งทำให้เครื่องที่จะลงโดนลมพัดออกทางด้านข้าง กัปตันจะต้องประคองเครื่องให้อยู่ในแนวของรันเวย์ให้ได้ ระดับความยากในการลงจอดก็จะขึ้นอยู่กำลังแรงของลม ยิ่งลมแรงมากการลงจอดก็จะเป็นไปได้ยากมากๆ ซึ่งล่าสุดได้มีคนปล่อยคลิปวินาทีสุดหวาดเสียวของการจอดแบบ Crosswind มาให้เราดูกัน ซึ่งคลิปดังกล่าวทำให้เราได้เห็นว่าลมบนฟ้านั้นแรงขนาดไหน และตอนที่เครื่องลงจอดก็ทำให้เราลุ้นจนอยู่ไม่ติดเก้าอี้สุดๆ เครื่องบิน AIRBUS A380 ในภาพนั้น จะต้องเผชิญกับลมสวนทางที่แรงมากๆ ก่อนจะลงจอดได้นั้น จะต้องเอียงเครื่องไปในทิศทางเดียวกับลมเสียก่อน!! เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่สนามบิน Düsseldorf ในประเทศเยอรมนี และเครื่องบินในภาพก็คือเครื่อง Airbus A380 ลำใหญ่ที่ต้องเจอกับกระแสลมจากพายุ โดยมีความเร็วอยู่ที่ 32 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้นทิศทางลมดังกล่าวยังพัดตัดผ่านรันเวย์ ทำให้ตัวเครื่องบินจะต้องลงจอดแบบ Crosswind และด้วยลมขนาดนี้การลงจอดจึงเป็นอะไรที่ยากมากๆ เพราะตอนที่เครื่องลงถึงพื้นนั้น มีอาการส่ายไปมาที่รุนแรงทำให้เราต้องลุ้นว่าเครื่องจะลงจอดได้อย่างปลอดภัยหรือไม่? ตามรายงานบอกว่ากัปตันบนเครื่องสามารถควบคุมเครื่องและสติไว้ได้ดีมาก จนสามารถนำเครื่องลงจอดได้อย่างปกติ ทางด้าน Marin Bogdan ชายผู้จับภาพเหตุการณ์ดังกล่าวบอกว่าเขาจับภาพเครื่องบินที่ทำการ Crosswind มามากมาย แต่ไม่เคยเจอลำไหนต้องสู้กับลมแรงขนาดนี้มาก่อน และการลงจอดนี้ก็เป็นอะไรที่น่าทึ่งสุดๆ พร้อมกับบอกว่านักบินทำได้ดีมากๆ ในตอนที่ลงจอด ตัวเครื่องทำท่ากับจะหลุดออกจากรันเวย์ แม้ล้อจะถึงพื้นแล้ว…
-
คุณพ่อสายเมาพาเพื่อนมาขุดดินหลังบ้าน เมียรู้สึกไม่ปลื้มก็เลยจัดสระว่ายน้ำให้แทนเลย
ในบางครั้งเวลาที่เราเมาด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์อาจทำให้เราได้ทำอะไรแปลกๆ ลงไปโดยไม่รู้ตัว จนบางครั้งมันอาจเป็นเรื่องที่ทำให้คนรอบข้างไม่ปลื้มซักเท่าไหร่เช่นเดียวกับเขาคนนี้ เมื่อชายวัย 59 ปีที่ชื่อว่า Andrew Ellery ได้ชวนเพื่อนมาดื่มกันที่บ้านในปี 2015 พวกเขาดื่มกันจนเมาได้ที่และตัดสินใจยกโขยงกันไปขุดดินตรงสวนหลังบ้าน เพียงเพื่อความสนุกเท่านั้นเอง เช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็ต้องตื่นมารับชะตากรรมของตัวเองจาก Stella ภรรยาที่ไม่ปลื้มกับหลุมที่เขาขุดทิ้งไว้ซักเท่าไหร่ แต่แทนที่เขาจะกลบหลุมให้เหมือนเดิม ไอเดียสุดเจ๋งก็เกิดขึ้นมาในหัวและเลือกที่จะสร้างเป็นสระว่ายน้ำไปซะเลย ทำอะไรเอาไว้ตื่นมาก็ต้องรับผิดชอบ นักดื่มตัวจริงทำสระว่ายน้ำไป จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ไป ชื่นใจนะ!! ในสัปดาห์ต่อเขาก็เปลี่ยนเจ้าหลุมขนาดใหญ่ให้กลายเป็นสระว่ายน้ำด้วยเงินราว 13,000 บาท นอกจากนั้นเขายังนำเงินจำนวน 26,000 บาทไปซื้อท่อนไม้ เครื่องทำความร้อน และอ่างน้ำเพื่อมาสร้างเป็นห้องซาวน่าราคาประหยัดเอาไว้หลังสนามหญ้าอีกด้วย กลายเป็นสระว่ายน้ำด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง สร้างความสุขให้กับทุกคนในครอบครัว สิ่งประดิษฐ์ที่เขาสร้างขึ้นมาเองเหล่านี้ทำให้บ้านของเขาในเมือง Cardiff ประเทศเวลส์ กลายเป็นที่รู้จักของผู้คนโดยรอบ ชวนให้เพื่อนบ้านหรือคนรู้จักอยากเข้ามาดูผลงานของเขากัน บ้านหลังไม่ได้ใหญ่มากแต่จุดเด่นคือมีสระว่ายน้ำอยู่ในสวนหลังบ้านนี่แหละ เขายังบอกอีกว่าเขาได้ลงไปเล่นน้ำในสระบ่อยมากเพราะการที่ต้องออกไปทำงานมาทั้งวัน เขาก็จะรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งเวลาที่กลับมาบ้านแล้วเข้าไปในห้องซาวน่า หลังจากนั้นก็ลงไปในสระว่ายน้ำเพื่อให้ร่างกายเย็นลง เขาเสริมอีกว่า “และไม่ได้มีเพียงแค่ผมที่ชอบสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ หลานๆ ของผมเองก็ชอบที่จะลงไปเล่นด้วยเหมือนกันและหลานผมคนหนึ่งก็เรียนว่ายน้ำจากสระหลังบ้านแห่งนี้อีกด้วย” ห้องซาวน่าขนาดย่อมเยา …
-
8 ท่าบริหารไม่ง่ายไม่ยาก ที่จะทำให้คุณหน้าเรียว ดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้แบบไม่คาดคิด
เดี๋ยวนี้สาวๆ ส่วนใหญ่อยากมีใบหน้าเรียวได้รูป จึงเลือกที่จะทำศัลยกรรมบ้าง ฉีดโบท็อกซ์บ้าง ทั้งเจ็บและต้องใช้เงินเยอะ แต่จริงๆ แล้ว คุณสามารถมีหน้าเรียวได้โดยไม่ต้องพึ่งสิ่งเหล่านั้น และนี่คือท่าบริหารกล้ามเนื้อหน้าแบบง่ายๆ จาก Bright Side กับผลลัพธ์ที่จะทำให้หน้าเรียว ดูกระชับและอ่อนเยาว์ โดยผ่านการรับรองจากแพทย์แล้วว่าเป็นท่าที่มีประสิทธิภาพจริง เริ่มด้วยการวอร์มกล้ามเนื้อหน้าก่อน ก่อนจะเข้าสู่ท่าบริหารให้คุณวอร์มกล้ามเนื้อหน้าก่อน จะยืนขึ้นหรือนั่งลงก็ได้ แต่ต้องให้หลังตรงเสมอ จากนั้นก็ออกเสียงตัว “I” “O” “E” และ “A” โดยแต่ละตัวนั้นให้ลากเส่ียงยาวเท่าที่จะทำได้ และทำจนกว่าจะรู้สึกว่าหน้าของคุณจะมีความพร้อมสำหรับการบริหาร ท่าที่ 1 นั่งลงและเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็จินตนาการว่าคุณจะใช้ริมฝาปากล่างแตะเพดานให้ได้ พร้อมๆ กับทำริมฝีปากล่างชี้ขึ้นไปข้างบนและค้างไว้ 5-10 นาที จากนั้นก็ทำซ้ำท่าเดิม 2-3 ครั้ง ท่าที่ 2 ยืนตรง ไขว้แขนทั้งสองข้างแล้วเอามือจับที่แขน คล้ายกับท่ากอดตัวเอง โดยกอดให้แน่นที่สุด จากนั้นก็ยกคางขึ้นแล้วหายใจเข้าลึกๆ นับถึง 10 หรือ 15 ก่อนจะกลับมาอยู่ในท่าเดิม และทำซ้ำอีก…
-
ยัง..ยังไม่เลิก!! “ลุงทรัมป์” โทษรัฐบาลก่อนไร้น้ำยาจัดการเกาหลีเหนือ เหลือแค่ “ทางเดียว” เท่านั้น!!
สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศมหาอำนาจที่นำโดย ทวิตเตอร์แมน และ ร็อคเกตแมน นั้นดูท่าจะไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ เมื่อสองผู้นำได้เล่นเกมประสาทพร้อมส่งอาวุธที่เป็นเรื่องถนัดของตัวเองสู้กันไปมาอยู่เรื่อยๆ ล่าสุดทวิตเตอร์แมน หรือ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ออกมาทวีตข้อความตามสไตล์พี่แกเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2017 ว่า “บรรดาประธานาธิบดีและรัฐบาลในชุดก่อน ๆ ได้เจรจากับเกาหลีเหนือมาเป็นเวลานานกว่า 25 ปี มีการทำข้อตกลงเยอะแยะมากมาย ซึ่งมันมีราคาที่ต้องจ่ายเป็นจำนวนมหาศาล แต่ข้อตกลงเหล่านั้นกลับถูกฉีกทิ้งก่อนหมึกที่เขียนลงไปจะแห้งเสียอีก ซึ่งนั่นทำให้อเมริกาถูกมองว่าเป็นแค่ไอ้หน้าโง่ ฉะนั้นก็ต้องเสียใจด้วยนะ แต่มีวิธีเดียวเท่านั้นแหละที่มันจะได้ผล… “ . นอกจากนี้ ยังมีบทสัมภาษณ์ที่ทาง CNN ลงคำพูดของเขาเอาไว้ว่า “มันน่าจะจัดการเรื่องนี้ไปได้เมื่อ 10 ปีก่อนแล้ว มันน่าจะเรียบร้อยไปตั้งแต่ตอนที่โอบาม่ายังดำรงตำแหน่ง ตอนที่เขาเป็นรัฐบาลและมีอำนาจจัดการ ความจริงก็คือ ผมต้องมาจัดการดูแลกับเรื่องยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องที่นั่น (เกาหลีเหนือ) แต่มันยังมีเรื่องยุ่งเหยิงในตะวันออกกลางอีก รวมๆ กันแล้วมันยุ่งชิบเป๋งเลยครับ!!” จากข้อความที่ทวิตเตอร์แมนได้ทวีตออกมานั้น ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับน้ำที่นิ่งกลายเป็นน้ำที่รุนแรงได้ด้วยคำเพียงแค่คำเดียวว่า “วิธีเดียว” ซึ่งแม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้พูดตรงๆ ว่าไอ้วิธีเดียวที่ว่ามันคืออะไร แต่การบอกว่ารัฐบาลก่อนๆ แก้ปัญหานี้ไม่ได้สักที พร้อมเปรยคำนี้ออกมา…
-
สุดซาบซึ้ง.. เมื่อแม่แมวจรจัดยอมอดอาหารเพื่อให้ลูกน้อยทั้ง 5 ของมันทุกตัวได้อิ่มท้อง
คนเป็นแม่แน่นอนว่าจะไม่ยอมเห็นลูกของตัวเองต้องเจอกับความลำบากหรืออันตรายใดๆ ด้วยความรักและสัญชาตญาณของพวกเธอไม่ต่างกับเจ้าแมวตัวนี้ เรื่องที่เรากำลังจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องของเจ้าเหมียวจรจัดที่ต้องดูแลลูกน้อยมากถึง 5 ตัวและด้วยสิ่งแวดล้อมโดยรอบมีอาหารไม่เพียงพอให้กับทุกตัว คุณแม่ตัวนี้ถึงกับยอมอดอาหารเพื่อให้ลูกๆ ของมันได้อิ่มท้องและช่วยป้องกันไม่ให้พวกมันต้องเป็นโรคต่างๆ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในเมือง Terrey Hills ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเมื่อกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ภายในเมืองที่ชื่อว่า CatRescue 901 ทราบข่าว พวกเขาก็รีบเข้าไปช่วยเหลือพวกมันในทันที ความยากลำบากที่ทำให้เจ้าเหมียวตัดสินใจสละอาหารทั้งหมดให้กับลูกๆ สภาพที่แทบจะหมดเรี่ยวหมดแรงกันทุกตัว ในตอนนั้นพวกเขาต้องไปเจอเจ้าเหมียวทั้งหลายอยู่ในสภาพผอมแห้งไม่มีแรง เพราะถึงแม้ว่าแม่ของพวกมันจะยอมอดอาหารแต่ด้วยสิ่งแวดล้อมที่มีจำกัด ทำให้เหล่าลูกน้อยวัย 6 สัปดาห์ได้รับอาหารเพียงแค่มื้อหรือสองมื้อต่อวันเท่านั้นเอง นอกจากนั้นอาหารที่พวกมันได้กินกันก็ยังมีคุณภาพที่ต่ำมากอีกด้วยทำให้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงกันมากนัก ทีมช่วยเหลือจึงต้องรีบเคลียร์พื้นที่เพื่อรองรับการดูแลเจ้าเหมียวกลุ่มนี้ทันที ทุกคนในทีมคิดว่านี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่ออย่างมากที่เจ้าแมวตัวนี้สามารถอดอาหารมาได้นานขนาดนี้ รวมถึงดูแลให้ลูกๆ ทุกตัวสามารถมีชีวิตรอดมาได้ในสภาพแวดล้อมที่แทบจะไม่มีอาหารให้พวกมันกินได้เลย ลูกแมวทั้งหลายได้รับการช่วยเหลือเพื่อให้สามารถมีชีวิตที่ดีได้ ในตอนแรกการดูแลพวกมันจะมีความยากลำบากอยู่เล็กน้อยเพราะคุณแม่แมวไม่ยอมที่จะเข้าใกล้ผู้ดูแล เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้มันและลูกๆ ต้องไปนอนอยู่ข้างถนนโดยที่ไม่มีมนุษย์คนไหนในละแวกนั้นเลยที่จะเข้ามาสนใจช่วยเหลือพวกมัน ดังนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่เดินออกจากห้องไปมันถึงจะยอมเอาอาหารไปให้ลูกๆ ของมันกิน ยังคงมีอาการกล้าๆ กลัวๆ กันบ้างในช่วงแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้นมันเริ่มที่จะเข้าหาเจ้าหน้าที่อย่างเป็นมิตร แรกสุดน้องเหมียวทุกตัวจะได้รับวิตามินเสริมรวมถึงอาหารเปียกสำหรับลูกน้อยและอาหารแห้งสำหรับคุณแม่ที่มีคุณภาพมากที่สุด เพื่อช่วยพัฒนาสภาพร่างกายและโภชนาการ เวลาผ่านไปน้องเหมียวก็เริ่มจะร่าเริงมากขึ้นแล้ว ด้วยความสามารถของเจ้าหน้าที่ในกลุ่มช่วยเหลือที่มีประสบการณ์ช่วยเหลือแมวมาโดยตลอดและลงแรงทำกันอย่างเต็มที่ ทำให้แม่เหมียวและลูกๆ เริ่มมีร่างกายที่แข็งแรง น้ำหนักเพิ่มขึ้นและร่าเริงแล้ว…
-
ประมวลภาพการเยือนรัสเซียของกษัตริย์ซาอุฯ พร้อมผู้ติดตามกว่า 1,000 และของใช้อีกเพียบ!!
หนังสือเดินทาง โน๊ตบุ๊กและโทรศัพท์มือถือ อาจจะเป็นหนึ่งในสัมภาระที่คุณนำติดตัวไปด้วยเวลาที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ของพวกนี้อาจจะธรรมดาไปเมื่อเทียบกับสิ่งที่กษัตริย์แห่งซาอุดิอาระเบียนำติดตัวมาด้วยในระหว่างที่ไปเยือนประเทศรัสเซีย เพราะนอกจากผู้ติดตามกว่า 1,500 คนแล้ว ยังมีเฟอร์นิเจอร์ พรม อาหารเกือบ 1,000 กิโลกรัม และบันไดเลื่อนที่ทำจากทองคำอีกด้วย!! การมาเยือนกรุงมอสโค ประเทศรัสเซียของสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดิอาระเบีย เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานั้นถือเป็นการเยือนประเทศรัสเซียครั้งแรกของราชวงศ์ซาอุ ผู้คนที่จองห้องพักไว้ที่โรงแรม Ritz Carlton และ Four Seasons ถูกยกเลิกการจองทั้งหมด นอกจากนี้ผู้ที่พักอยู่เป็นประจำยังถูกย้ายออกจากโรงแรม เพื่อเตรียมจัดเป็นสถานที่ต้อนรับกษัตริย์ซาอุและคณะผู้ติดตามในระหว่างการปฏิบัติราชกรณียกิจจนถึงวันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้นประมาณ 3 ร้อยล้านบาท จากการรายงานของ Telegraph คณะผู้ติดตามทั้งหมดประกอบไปด้วยองค์รัชทายาท 25 คนที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ พร้อมกับเชฟอีก 125 คน นอกจากนี้ยังมีผู้ติดตามส่วนตัว และหน่วยรักษาความปลอดภัยอีกจำนวนมาก รถเบนซ์ S600 ยานพาหนะสำหรับการเดินทางเยือนกรุงมอสโค ของกษัตริย์ซาอุครั้งนี้ การบริการต่างๆ ในโรงแรมยังถูกแทนที่ด้วยคนของกษัตริย์ และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ กับพรมที่นำมาด้วย ก็ถูกใช้ตกแต่งภายในโรงแรมตามพระราชประสงค์ของกษัตริย์ นอกจากนี้เครื่องบินยังต้องเดินทางไปมาระหว่างกรุงรียาด เมืองหลวงของประเทศซอุดิอาระเบีย ทุกๆ วันเพื่อขนอาหารอย่างเช่นผลไม้ และอาหารฮาลาลจำนวนมากเพื่อใช้ในการประกอบอาหารให้ถูกต้องตามหลักของศาสนา…
-
หญิงสาวโชว์ให้เห็นถึงวิธีการปลอมหุ่นลงโซเชียล ‘ก่อนหลังลดน้ำหนัก’ แบบเนียนๆ
เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็หันมาฟิตหุ่นให้เฟิร์มดูดีกันทั้งนั้น แต่กว่าจะทำได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จึงไม่แปลกที่หลายคนเมื่อทำสำเร็จแล้วจึงมักจะมีการถ่ายรูปอวดโซเชียล แต่ก็นั่นแหละ ใช่ว่าทุกอย่างที่อยู่บนโซเชียลจะเป็นความจริงเสมอไป บางคนตัวจริงเป็นอีกอย่างแต่ลงรูปในอินเตอร์เน็ตอีกอย่าง อาจจะมีการใช้มุมกล้องบ้าง แต่งรูปบ้าง หรือทริคอื่นๆ ตามที่สรรหามาทำได้ ด้วยเหตุนี้บล็อกเกอร์ฟิตเนสอย่าง Madalin Giorgetta จึงได้ออกมาเตือนผู้คนว่า ‘อย่างหลงเชื่อทุกอย่างที่คุณเห็นบนโซเชียล’ ด้วยการทำบางอย่างให้ดู เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Giorgetta ได้โพสต์วิดีโอลงในอินสตาแกรมของเธอ ซึ่งเธอได้ทำให้เห็นกันจะๆ ว่าการขยับกล้ามเนื้อเพียงเล็กน้อยก็สามารถเปลี่ยนรูปร่างของคุณได้อย่างเหลือเชื่อ อีกเหตุผลหนึ่งที่หญิงสาวเผยแพร่คลิปดังกล่าวเพราะเธอเป็นคนที่ชอบลงรูปหุ่นตัวเองในอินสตาแกรม จนหลายคนหาว่าเธอใช้โฟโต้ช้อปในการตัดต่อรูปตัวเองบ้าง หาว่าเป็นภาพปลอมบ้าง ทั้งๆ ที่ทั้งหมดนั้นคือรูปร่างของเธอจริง แต่แทนที่หญิงสาวจะอธิบายเป็นคำพูดให้พวกเขาฟัง เธอเลือกที่จะถ่ายวิดีโอ โดยทำให้ทุกคนเห็นว่าหุ่นที่แท้จริงเป็นยังไง และการสร้างหุ่นปลอมๆ นั้นทำยังไง หญิงสาวบอกว่า “หุ่นของฉันมันสามารถขยายออกและลดลงได้ตลอดเวลา เพราะฉันไม่ใช้รูปปั้น” โพสต์ของ Giorgetta ได้สร้างความตระหนักให้ผู้คนได้ดีมาก ในเรื่องความน่าเชื่อถือของข้อมูลบนโลกออนไลน์ และที่สำคัญคือไม่มีร่างกายของใครจะดูเหมือนเดิมตลอดเวลา ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ คลิปที่หญิงสาวแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย จากการขยับกล้ามเนื้อเพียงเล็กน้อย ที่มา thisisinsider
-
ในที่สุดเจ้าหมาก็มี “บ้าน” สักที หลังต้องอยู่ใน “สถานสงคราะห์สัตว์” มานานกว่า 10 ปี!!
สำหรับสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัข พวกมันไม่ได้ต้องการชีวิตที่หรูหราหรืออาหารรสเลิศทุกมื้อ แต่สิ่งที่มันต้องการคือเจ้าของที่รักมันและบ้านที่อบอุ่นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ Floyd น้องหมาจากสถานสงเคราะห์จึงรอคอยบ้านด้วยความหวังเกือบตลอดชีวิต จนกระทั่ง 10 ปี ผ่านไป ความหวังของมันก็เป็นจริงสักที Floyd อาศัยอยู่ในสถานสงเคราะห์ Freshfields Animal Rescue ในเมืองลิเวอร์พูล มานานมาจนที่นี่เปรียบเสมือนบ้านของมันไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็หวังว่าสักวันจะมีคนมารับเลี้ยงมันบ้างเหมือนเพื่อนหมาตัวอื่นๆ ก่อนที่ Floyd จะได้รับความช่วยเหลือจาก Freshfields มันอยู่ในสวนหลังบ้านกับครอบครัวหนึ่ง แต่ที่นั่นน้องหมาไม่ได้รับความรักเลย แถมยังถูกทรมาณอย่างต่อเนื่องโดยเด็กๆ ที่ชอบขว้างปามันด้วยก้อนหิน ทาง Freshfields ซึ่งมีสุนัขอยู่ 122 ตัว บอกว่าปกติสุนัขที่เข้ามาอยู่ในนี้จะอยู่แค่ไม่กี่สัปดาห์ก็มีคนมารับเลี้ยงแล้ว แต่สำหรับ Floyd มันอยู่มานานเป็นปี และไม่ใช่แค่ปีหรือสองปี แต่นานถึง 10 ปีเลยทีเดียว หลังจากที่หาบ้านให้น้องหมาเป็นเวลาหลายปี หนึ่งในเจ้าหน้าที่ของ Freshfields ก็ได้ตัดสินใจรับ Floyd ไปเลี้ยง เพราะมันแก่ขึ้นทุกปี และไม่อยากให้มันต่อรอนานกว่านี้อีกแล้ว แม้ Floyd จะถูกรับเลี้ยงแล้ว แต่มันก็ยังกลับมาเยี่ยมศูนย์พักพิงนี้บ่อยๆ พร้อมเจ้าของ เพราะมันมีความผูกพันกับที่แห่งนี้ โดยเฉพาะกับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่คอยดูแลมันเป็นอย่างดีตลอด…
-
โฆษณาโลชั่นยี่ห้อดัง ถูกชาวเน็ตวิจารณ์เรื่องการเหยียดผิว เปลี่ยนจากคนดำกลายเป็นขาวได้!?
การเป็นกระแสวิพากย์วิจารณ์กันอย่างมากบนโลกอินเตอร์เน็ต หลังจากที่ทาง Dove ได้ออกโฆษณาครีมทาผิวตัวใหม่ของพวกเขา โดยมีเนื้อหาที่ดูเป็นการเหยียดผิว และล่าสุดทางบริษัทแชมพูชื่อดังก็ได้ออกมาขอโทษต่อการกระทำดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภาพโฆษณาดังกล่าวถูกโพสต์ลงบนเฟซบุ๊กของทาง Dove ซึ่งเป็นภาพของผู้หญิงผิวสีที่เมื่อเธอถอดเสื้อออกก็กลายเป็นผู้หญิงผิวขาวขึ้นมาทันที และนี่คือภาพโฆษณาดังกล่าว ทาง Dove ได้ลบภาพโฆษณาดังกล่าวออกไปทันทีหลังจากที่เกิดกระแสวิพากย์วิจารณ์อย่างหนัก และได้ทวีตข้อความว่า “สำหรับรูปภาพที่เราโพสต์ไปบนเฟซบุ๊กก่อนหน้านี้ มันเป็นข้อผิดพลาดในการเปรียบเทียบสีผิวของผู้หญิง และเรารู้สึกเสียใจอย่างยิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น” อย่างไรก็ตามชาวเน็ตบางท่านก็ได้แสดงความคิดเห็นว่า โฆษณาชิ้นนี้ของทาง Dove ทำให้พวกเขานึกถึงโฆษณาสบู่ในสมัยก่อนที่มีการเหยียดผิวแบบนี้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Dove ไม่ใส่ใจเรื่องของการเหยีดผิว โดยข้างขวดโลชั่นของพวกเขายังมีการเขียนข้อความว่า “สำหรับผิวธรรมดาถึงผิวดำ” นอกจากนี้ยังมีโฆษณาอีกชิ้นหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของสีผิวหลังจากการใช้โลชั่นดังกล่าว โดยให้ผู้หญิงผิวสีอยู่ในฝั่งก่อนใช้และให้ผู้หญิงผิวขาวอยู่ในฝั่งหลังใช้ และนี่ก็คือโฆษณาอีกชิ้นที่แสดงให้เห็นถึงการเหยียดผิว ข้อความข้างขวดโลชั่นที่เขียนว่า “สำหรับผิวธรรมดาถึงผิวดำ” หลังจากที่ทางบริษัทยักษ์ใหญ่ได้ออกมากล่าวขอโทษก็มีชาวเน็ตจำนวนมากเขามาแสดงความคิดเห็น คุณ La’Quell หนึ่งในชาวเน็ตท่านหนึ่งกล่าวว่า “พวกเขาใส่ใจที่จะอธิบายเรื่องการเหยียดผิวให้กับฉัน” แต่ในขณะที่คุณ Emma Louise Sinclair กลับไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว และรีทวีตข้อความดังกล่าวว่า “นี่คือโฆษณาของ Dove มันแย่จริงๆ ฉันไม่มีทางจะซื้อสินค้าจากบริษัทที่มีการเหยียดผิวแบบนี้แน่ๆ “ ประเด็นเรื่องการเหยียดผิวในต่างประเทศนั้นถือเป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหวอย่างมาก บางครั้งการนำเรื่องเหล่านี้มาเปรียบเทียบและแสดงออกอย่างไม่ถูกต้องก็อาจจะทำให้กลายเป็นที่พูดถึงได้อย่างเช่นโฆษณาชิ้นนี้ ที่มา metro
-
มีทหาร 12 คนกำลังพรางตัวอยู่ในภาพนี้ คุณสามารถหาได้ครบทุกคนหรือไม่!?
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าเวลาที่ทหารมีการลาดตระเวนนั้นจำเป็นต้องมีการอำพรางตัวเพื่อไม่ให้เป้าหมายเห็น โดยทำตัวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมนั้นๆ เมื่อไม่นานนี้กองทัพอังกฤษได้โพสต์ภาพสุดน่าทึ่งในเฟซบุ๊ก ซึ่งถ่ายที่ป่าแห่งหนึ่งในบรูไน โดยระบุว่ามีทหารซ่อนอยู่ในรูปนี้ถึง 12 คน ใต้ภาพที่ถูกโพสต์ลงเฟซบุ๊กระบุว่า “นี่คือกรมทหารราบที่ดีที่สุด พวกเขามีสติปัญญาที่ซับซ้อน มีทักษะการต่อสู้ที่ร้ายกาจ และเป็นความคาดหวังของกองทัพอังกฤษในการสู้รบ พวกเขากำลังอยู่ระหว่างการฝึกทักษะที่สำคัญในบรูไน ซึ่งเป็นทักษะการเอาตัวรอดในสนามรบ” ประเด็นคือ หลายคนพยายามหาทหารทั้ง 12 คนที่ว่านั้นในรูปนี้ ซึ่งไม่ว่าจะหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอสักคน เพื่อนๆ ช่วยกันหาหน่อยสิ๊… สำหรับกลุ่มทหารทั้งหมดนี้มาจาก Household Cavalry หน่วยทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดของกองทัพอังกฤษ ที่ประจำการอยู่ในบรูไน และอยู่ระหว่างการฝึกลาดตระเวน Close Target Reconnaissance กรมทหารราบ Household Cavalry ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1660 จนกลายเป็นกองทหารที่เก่าแก่ที่สุดในกองกำลังติดอาวุธของสหราชอาณาจักร ใครที่ยังจมอยู่กับการหาทหารในภาพด้านบน ถ้าไม่ไหวแล้ว ภาพด้านล่างนี้คือเฉลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีภาพการอำพรางตัวของทหารนาวิกโยธินหน่วย US Marine Brent Downing ของสหรัฐฯ ซึ่งเขาได้ทำการพรางตัวกับป่าได้อย่างแนบเนียน จนเรามองไม่ออกเลยว่าเขาอยู่ตรงไหน ต่อให้เฉลยแล้วก็ตาม ในหน่วยนี้เขาฝึกให้ทหารสามารถอำพรางตัวได้และสร้างพื้นที่ที่สามารถมองเห็นศตรูได้ทั่วถึง ไปดูกันว่าเขาจะซ่อนจากสายตาเราได้หรือไม่ 1. . .…
-
ญี่ปุ่นผลิต “หมอนหุ่นยนต์หางแมว” สำหรับคนรักสัตว์ที่ไม่สามารถเลี้ยงสัตว์ตัวจริงได้
สำหรับคนที่ชอบเล่นกับสัตว์เลี้ยงแต่ยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตพวกมันในฐานะเจ้าของ การได้ครอบครองหมอนหางแมวชิ้นนี้อาจะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับคุณก็ได้ นี่คือ Qoobo ที่พัฒนาขึ้นโดย Yukai Engineering Co ซี่งเป็นบริษัทในญี่ปุ่น มันคือหมอนหุ่นยนต์รูปทรงหางแมว หนัก 0.9 กิโลกรัม เท่ากับขนาดสัตว์เลี้ยงจริงๆ Qoobo เปิดตัวครั้งแรกในงานแสดงสินค้า CEATEC 2017 โดยคาดว่าจะถูกวางจำหน่ายในซัมเมอร์ถัดไปด้วยราคาใบละ 3,300 บาท ผู้สร้างเผยว่าเจ้าหมอนหางแมวนี้มีแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นาน 8 ชั่วโมง และคุณสามารถชาร์ตแบตได้โดยใช้สาย USB เช่นเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป ลักษณะเด่นของหมอนหางแมวนี้คือ ส่วนหางของมันจะมีการเคลื่อนไหวได้หลากหลายรูป ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของคุณ นอกจากนี้หากมันยังสั่นได้ด้วยหากคุณลูบมันอย่างเป็นจังหวะ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เหมือนแมวจริงๆ เลย สำหรับแรงบันดาลใจในการสร้างหมอนหุ่นยนต์ตัวมาจากนักออกแบบของ Yukai Engineering Co คนหนึ่ง เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ตอนนั้นนักออกแบบคนนี้จำเป็นต้องทิ้งแมวสุดที่รักไว้กับพ่อแม่ที่บ้าน เนื่องจากเธอต้องย้ายไปอยู่อพาร์ทเม้นต์และที่นั่นไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ นั่นทำให้เธอคิดจะทำบางสิ่งเพื่อเป็นตัวแทนสัตว์เลี้ยง ซึ่งมันก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นจริงๆ แม้ว่ามันจะไม่มีหัว ไม่มีแขนขาก็ตาม แต่การมีหมอนหางแมวนี้อยู่ด้วย ก็ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจเหมือนมีสัตว์เลี้ยงอยู่ข้างๆ หมอนหุ่นยนต์นี้อาจจะมีลักษณะเหมือนหางแมว แต่ Shunsuke Aoki CEO ของ Yukai…
-
เปิดประวัติ “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล” ผลกระทบต่อชีวิต และอุบัติเหตุที่ไม่ควรเกิดขึ้น…
ทุกการก่อสร้างบนโลกนี้มักจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวคิดที่ว่า ‘เพื่อทำให้ชีวิตที่ดีขึ้น’ แต่ผลที่ออกมาไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวังเสมอไป เหมือนกับวิถีชีวิตของผู้คนใน Pripyat ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเชอร์โนบิล ที่มีการสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์เพียง 20 กิโลเมตร ในตอนแรกนั้น ผู้คนนับร้อยได้ตั้งชื่อให้โรงงานนี้ว่า V.I. Lenin Nuclear Power Station ซึ่งถูกสร้างขึ้นในระหว่างยุคสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต (USSR) วัตถุประสงค์หลักของโรงงานนี้คือการผลิตพลังงานไฟฟ้าโดยใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ RBMK-1000 จำนวน 4 เครื่อง และแต่ละเครื่องสามารผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ 1,000 เมกกะวัตต์ต่อชั่วโมง หากดูแค่ตัวเลขมันอาจจะไม่เข้าใจขีดความสามารถมากเท่าไหร่ แต่หากเจาะลึกลงไปตัวเลขดังกล่าวนี้หมายความว่าโรงงานแห่งนี้สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าถึง 10% จากพนังงานที่ใช้ทั้งหมดในยูเครน ทั้งนี้เครื่องปฏิกรณ์ตัวแรกสร้างขึ้นในปี 1977 หนึ่งปีต่อมาได้สร้างเครื่องที่สองสำเร็จ หลังจากนั้นอีก 3 ปี ได้สร้างเครื่องที่ 3 จนเสร็จ ตามด้วยเครื่องที่ 4 ในปี 1983 ตามแผนที่วางไว้คือเครื่องปฏิกรณ์เหล่านี้จะถูกใช้เป็นเวลาหลายปี แต่แล้วแผนทั้งหมดก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือความหายนะที่ทำให้อนาคตของหลายคนกลายเป็นฝันร้าย… มันเกิดขึ้นในวันที่ 26 เดือนเมษายน ปี 1986 เมื่อเครื่องปฏิกรณ์ตัวที่ 4 ระเบิดขึ้นระหว่างการทดสอบ…
-
ขุ่นแม่จับลูกๆ มาแต่งตัว ‘แบบเดียวกัน’ กลายเป็นครอบครัวสุขสันต์ น่ารักจริงๆ เลย
เราคงเคยเห็นเสื้อคู่หรือการแต่งตัวเหมือนๆ กันซึ่งคงทำให้ใครหลายคนรู้สึกว่ามันน่ารักดี เหมือนกับคุณแม่ลูกสองคนนี้ที่ได้นำไอเดียนั้นมาใช้ Dominique คุณแม่สาวชาวอังกฤษและลูกสาวทั้งสองคนของเธอ Amelia กับ Penny วันหนึ่งพวกเธอตื่นนอนมาและพบว่าทั้งสามแต่งตัวเหมือนกันเป๊ะ! จนต้องตกใจและสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคน และความบังเอิญนั้นก็ได้ทำให้คุณแม่สาวสวยคนนี้เกิดไอเดียจับลูกๆ มาแต่งตัวเหมือนกันแล้วถ่ายลงอินสตาแกรมซะเลย ภายใต้ชื่อหัวข้อว่า All that is three ที่มียอดไลก์กว่าหมื่นครั้งและทำให้คนที่มาเห็นต้องอมยิ้ม เรามาดูกันดีกว่าว่าพวกเธอสามารถถ่ายทอดรอยยิ้มและความสุขของพวกเธอในตอนนั้นออกมาได้มากขนาดไหน สงสัยชาคงจะฝาดลิ้นไปสำหรับหนูน้อยวัย 4 ขวบ หลับฝันดีราตรีสวัสดิ์น้าาา สำรวมหน่อยสิเจ้าตัวเล็ก แฟชั่นยุค 90′ ของสาวๆ ชุดไม่เหมือนแต่มาในธีมเดียวกันคือ Game of Thrones มุ่งไปยังจักรวาล สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นนน สงสัยไปยืนอยู่กลางป่านาน นกมาทำรังเอาไว้หมดแล้ว หญิงแกร่งสามแม่ลูก ออกแรงเป่ากันหน่อย เอ้า ฟู่ววว.. กินทางปากนะจ๊ะ ไม่ใช่ทางจมูก สามสาวตะลุยไร่อ้อย เป็นการแต่งตัวที่ประหยัดงบประมาณดีจริงๆ …
-
เรื่องราวของ Bessie Coleman นักบินหญิงผิวสีคนแรกของกองทัพสหรัฐ สู่แรงบันดาลใจให้คนรุ่นต่อไป…
ช่วงฤดูร้อนปี 1922 เป็นวันที่สภาพอากาศดูสดใสเป็นปกติ คลื่นวิทยุมีการรายงานข่าวถึงการทดสอบเครื่องบินรุ่นใหม่โดยมีชาวเมืองนิวยอร์กยืนมุงกันอยู่บนพื้นโลก ก่อนจะมีการรายงานข่าวตามมาว่า “เครื่องยนต์ 220 แรงม้า L.F.G ได้ทำการบินผ่านเหนือน่านฟ้าอย่างไร้ข้อติดขัดใดๆ ครับผม!!” ผิวเผินอาจจะดูเหมือนเป็นวันปกติที่ไม่มีอะไรพิเศษ ทว่าน้อยคนนักที่จะรู้ว่านี่เป็นการทดสอบนักบินหญิงผิวสีคนแรกของสหรัฐอเมริกา ‘Bessie Coleman’ ผู้สามารถทำลายขนบธรรมเนียมเดิมและกลายเป็นแรงบันดาลให้แก่สาวๆ ทั่วโลก Bessie เป็นบุตรสาวคนที่ 10 ของครอบครัวชาวไร่ที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของรัฐเท็กซัส ในช่วงที่โรงเรียนปิดระหว่างฤดูเก็บเกี่ยว เธอก็มักจะวุ่นอยู่กับการหาหนังสือในห้องสมุดและนำมาศึกษาต่อด้วยตนเอง สำหรับเธอแล้ว ‘มหาวิทยาลัย’ ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของชีวิต ช่วงแรกเธอต้องทำงานในร้านซักรีดเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเทอม ทว่าเธอสอบตกในเทอมแรกสุดระหว่างศึกษาอยู่ที่ Langson University รัฐโอคลาโฮม่า เมื่อทางที่คิดไม่เป็นไปตามที่หวัง เธอจึงเปลี่ยนแผนมาอาศัยอยู่กับญาติที่เมืองชิคาโก้ ในระหว่างนี้เธอก็ยังคงหาเลี้ยงชีพด้วยการทำงานเป็นช่างทำเล็บอยู่ในซาลอนแห่งหนึ่ง สงครามโลกครั้งที่ 1 ปะทุขึ้น… ในช่วงเวลานั้นเองที่เธอได้เห็นภาพเครื่องบินของกองทัพเป็นครั้งแรก ทำให้เธอรู้สึกว่า… นี่คือหนทางที่เธออยากจะเป็นและเฝ้าตามหามาโดยตลอด เธอพยายามติดต่อโรงเรียนสอนการบินหลายต่อหลายแห่งในสหรัฐฯ แต่เธอกลับถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดีด้วยเหตุผลหลักที่ว่าเธอเป็นผู้หญิงผิวสี แต่โชคดีที่มีสถาบันแห่งหนึ่งในฝรั่งเศสตอบรับให้เธอเข้าไปศึกษาได้ ช่วงปี 1920 ที่เธอได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่เมือง Le Crotoy เธอเป็นนักเรียนหญิงเพียงคนเดียวในละแวกนั้นที่มีเชื้อสายเป็น แอฟริกัน-อเมริกัน อีกทั้งเธอยังต้องเดินเท้าไกลกว่าวันละ 16…
-
บริษัท Lotte คิดค้น “หมากฝรั่งช่วยเพิ่มความจำ” นี่แหละคือสวรรค์ของคนขี้ลืมที่แท้ทรู
การเคี้ยวหมากฝรั่งนอกจากจะช่วยทำให้เราได้รับความเพลิดเพลินไปกับการเคี้ยวแล้ว มันยังมีประโยชน์อีกมากมายในแบบที่เราคาดไม่ถึง เช่น ช่วยลดความเครียด ป้องกันฟันผุ รวมถึงช่วยให้เรามีสมาธิมากยิ่งขึ้น แต่จะดีแค่ไหนกันถ้าหากมีหมากฝรั่งที่สามารถช่วยเสริมสร้างความจำให้กับคนที่ขี้ลืม? งานนี้มันจะต้องเป็นอะไรที่เจ๋งมากแน่ๆ เพราะจะได้ทั้งเคี้ยวเพลิน แถมยังได้บำรุงสมองไปในตัวอีกด้วย เมื่อไม่นานมานี้ทางบริษัทผลิตขนมชื่อดังของญี่ปุ่นอย่าง “ลอตเต้” ได้ทำการคิดค้นผลิตภัณฑ์หมากฝรั่งที่จะช่วยพัฒนาเรื่องความจำขึ้นมาแล้ว โดยหมากฝรั่งดังกล่าวมาพร้อมกับชื่อที่แสนยาวว่า Ha ni Tsukinikui Gum — Kioku Ryoku o Ijisuru Type หรือ หมากฝรั่งไม่ติดฟัน ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องความจำของคุณให้ดียิ่งขึ้น แน่นอนว่าเมื่อได้ลองเคี้ยวมันเป็นครั้งแรกคุณจะไม่มีวันลืมรสชาติของมันอย่างแน่นอน เพราะเจ้าหมากฝรั่งสุดพิเศษนี้มาในรสเปบเปอร์มิ้น และมีส่วนผสมของใบแปะก๊วยที่เราทราบกันดีว่ามีคุณสมบัติในการบำรุงสมองและช่วยเรื่องความจำนั่นเอง นอกจากนี้ทางบริษัทยังได้ผลิตออกมาจำหน่ายถึง 2 แบบ โดยแบบแท่งจะมีจำนวน 9 ชิ้นต่อแพ็ค และแบบเม็ดที่มีรสชาติขมกว่าเล็กน้อยจะมีจำนวน 12 ชิ้นต่อแพ็ค แต่น่าเสียดายที่มันถูกวางจำหน่ายเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น และมาในราคาเบาๆ เพียงแค่แพ็คละ 140 เยน หรือราวๆ 42 บาท …
-
รู้จักอาชีพ “ทำความสะอาดท่อระบายน้ำ” ในบังกลาเทศ ต้องผจญสิ่งสกปรกด้วยตัวเปล่า…
ในการทำงานที่มีความเสี่ยงสูงต่อชีวิตอย่างเช่นการปีนเสาไฟฟ้า การขุดอุโมงค์ หรืองานก่อสร้างต่างๆ ย่อมมีมาตรฐานในการดูแลผู้ปฏิบัติงานกันอยู่แล้ว แต่ว่ามาตรฐานที่ว่านี้จะสูงมากน้อยแค่ไหนอันนี้ก็คงต้องแล้วแต่กฎหมายของประเทศนั้นด้วย และหนึ่งในอาชีพที่ต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานนั่นก็คือนักดำน้ำ!! อ่า..หลายคนอาจจะงงว่าอาชีพนักดำน้ำนี่มันอันตรายตรงไหนฟระ?? ใจเย็นๆ ยังบอกไม่หมดเลย กำลังจะบอกว่านักดำน้ำในท่อระบายน้ำเพื่อกำจัดสิ่งปฏิกูลที่เข้าไปติดค้างในท่อต่างหากล่ะ เมื่อไม่นานมานี้ทางเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานเรื่องของชายหนุ่มชาวบังกลาเทศท่านหนึ่ง ซึ่งประกอบอาชีพเป็นพนักงานกำจัดของเสียในบ่อเกรอะของบริษัททำความสะอาดแห่งหนึ่งในเมื่อง Dhaka งานของเขาคือการดำลงไปในท่อระบายน้ำที่เต็มไปด้วยของเสียที่ตั้งอยู่หลายแห่งทั่วเมือง พร้อมกับไม้หนึ่งด้ามเพื่อจัดการกับของเสียอย่างเช่นขยะ เศษอาหาร และสิ่งปฏิกูลมากมายที่ไหลมาจากบ้านเรือนในเมืองนี้ แล้วมันทำให้ท่ออุดตัน ชายหนุ่มต้องดำลงไปในบ่อที่เต็มไปด้วยของเสียต่างๆ และต้องตักของเสียทั้งหมดที่อยู่ในท่อขึ้นมาด้วยมือเปล่า โดยปราศจากเครื่องป้องกันอย่างเช่นหน้ากาก หรือชุดคลุม เมือง Dhaka มีประชากรมากถึง 14 ล้านคน และมักจะประสบกับปัญหาน้ำท่วมอยู่บ่อยๆ เนื่องจากขยะในเมืองที่มากมายทำให้ท่ออุดตัน และระบายน้ำไม่ทัน ตอนนี้ถึงแม้จะมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากอาชีพล้างท่อนี้เป็นจำนวนมาก แต่ทางบริษัทก็ยังคงไม่มีมาตรการในการให้ความปลอดภัยในการทำงานของพวกเขาแต่อย่างไร และต่อไปนี้คือภาพของคนงานที่กำลังทำหน้าที่ของพวกเขา โดยปราศจากเครื่องป้องกัน คนงานมีเพียงไม้ไผ่หนึ่งแท่งและตัวเปล่า เพื่อทำความสะอาดของเสียที่อยู่ในท่อ คนงานยังคงดำลงไปในท่อ ถึงแม้พวกเขาจะรู้ดีว่าสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในท่อนั้นสามารถทำให้เขาตายได้ เขาต้องดำลงไปเพื่อจัดการกับของเสียที่อยู่ในท่อนี้โดยไม่มีหน้ากากหรือชุดเพื่อป้องกันเลย . ความปลอดภัยในการทำงานของพวกเขาต่ำมากจนน่าตกใจ!! แม้จะมีเสียงวิจารณ์ถึงการที่ต้องทำงานเสี่ยงๆ แบบนี้โดยไม่มีเครื่องป้องกันอะไร แต่ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยที่ต่ำของข้อกฎหมายและบริษัท รวมถึงความจำเป็นในการหาเลี้ยงปากท้องของพนักงาน ทำให้งานเช่นนี้ก็ยังคงอยู่ต่อไป…. ที่มา dailymail
-
สาวเจ้าทำโทรศัพท์ตกในเขตของเพื่อนบ้าน แถมไม่มีใครอยู่ ก็เลยต้องทำภารกิจกู้ชีพขึ้นมา
เวลาที่ทำมือถือตกลงพื้นหลายคนจะรีบหยิบขึ้นมาและลุ้นว่าหน้าจอมันจะแตกหรือเปล่า ถ้าแตกนั่นก็ถือว่าเป็นความโชคร้ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สำหรับเธอคนนี้มันกลับแย่ซะยิ่งกว่านั้น เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อ Liz Bertorelli ดันทำมือถือตัวเองตกลงพื้น แต่ที่สำคัญเลยก็คือมันดันตกลงไปบนพื้นระเบียงของห้องข้างล่าง!! เธอจึงต้องสวมบทบาทเป็นหน่วยกู้ภัยไอโฟนขึ้นมา เธอได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดลงในทวิตเตอร์ของตัวเอง เราไปดูกันเลยว่าภารกิจของเธอนี้มันยากลำบากมากขนาดไหน คืนวันที่ 3 ตุลาคม เธอทำไอโฟนตกลงไปและรู้สึกอยากจะบ้าตายเมื่อเห็นการแจ้งเตือนมันเด้งขึ้นมาเรื่อยๆ เช้าวันถัดมาเธอใช้วิธีเขียนเบอร์โทรของอีกเครื่องหนึ่งที่เธอมีลงในโน้ตแผ่นเล็กๆ และหย่อนลงไปบนโต๊ะด้านล่าง แต่พอผ่านไปแค่ไม่กี่นาที กระดาษโน้ตแผ่นนั้นก็ปลิวลงไปอยู่ตรงพื้นซะแล้ว จากนั้นก็มีคนมาให้คำแนะนำด้วยนะ อย่างชายคนนี้ที่บอกให้เธอลองเขียนสัญลักษณ์ที่มองเห็นได้ชัดห้อยเอาไว้ หรืออาจจะวาดการ์ตูนลงไปด้วยก็ได้ อีกคนที่แนะให้เธอลองหย่อนเอ็นตกปลากับอะไรเหนียวๆ ไปติดเจ้าไอโฟนขึ้นมา Liz จึงคิดได้ว่าเธอมีไม้ถูพื้นกับเทปกาวอยู่ หวังว่าสิ่งนั้นจะช่วยเธอได้นะ ตอนนี้เธอก็ลองมาคิดดูอีกว่าเธอจะส่งโดรนลงไปซะเลยดีมั้ยเนี่ย เวลาผ่านไปไม่นานแต่เธอก็รู้สึกคิดถึงเจ้ามือถือเครื่องนี้มาก แม้ตอนกำลังให้อาหารเจ้าหมาก่อนออกไปทำงาน หลังเลิกงานกลับมาบ้านเธอก็ต้องพบว่ามือถือดันต้องเปียกฝนซะอีก แถมเจ้าหมาก็ยังรอคอยการกลับมาของไอโฟนไม่ต่างกับเธอเลย เธอลงไปเคาะห้องด้านล่างนั้นดูถึง 3 ครั้งแต่ก็ไม่มีการตอบรับ สงสัยว่าพวกเขาคงจะออกไปเที่ยวหรือไม่ก็ออกไปทำงานเป็นเวลานาน ไม่อย่างนั้นอาจเป็นคนหลับลึกนอนอยู่ในห้องก็ได้ สุดท้ายเธอก็นำอุปกรณ์ที่มีขนาดยาวออกมาทั้งหมด (รวมถึงโดรนและน้องหมาด้วยนะ) ขณะนี้ไอโฟนก็ยังทำงานได้ดีอยู่เพราะหน้าจอยังคงมีการแจ้งเตือนให้เห็น เครียดไปตลอดคงจะไม่ไหว โชคดีที่เธอได้สหายและสุราคู่ใจมาดับความหัวร้อนเอาไว้ เธอนำเอ็นมาผูกกับกระเป๋าเพื่อหย่อนลงไปป้องกันไม่ให้มือถือต้องเปียกน้ำ…
-
ชมภาพมุมสูงไซต์ก่อสร้าง ‘กำแพงทรัมป์’ ตัวต้นแบบ ที่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ
หลายคนคงจำกันได้เมื่อตอนที่โดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีประเทศสหรัฐอเมริกา เขาเคยประกาศว่าจะสร้างกำแพงสูงเพื่อกั้นเขตแดนระหว่างอเมริกาและเม็กซิโกออกจากกัน ซึ่งได้มีการเริ่มก่อสร้างมาได้สักพักแล้ว และนี่คือภาพล่าสุดของโครงการดังกล่าว โดยทรัมป์คาดหวังว่ามันจะเป็นกำแพงที่มีประสิทธิภาพในการกันคนลักลอบเข้ามาสหรัฐอเมริกาอย่างผิดกฏหมาย กำแพงทรัมป์ถูกสร้างขึ้นเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ทะเลทรายแคลิฟอร์เนียใกล้กับซานดิเอโก…ที่มีความล่าช้าเพราะถูกผู้รับเหมาที่ไม่ชนะการประมูลประท้วงนานถึง 3 เดือน เมื่อสัปดาห์นี้เองช่างภาพและผู้สื่อข่าวได้รับเชิญจาก Customs and Border Patrol ให้เข้าไปชมการก่อสร้าง ซึ่งขณะนี้มีการเทคอนกรีตในบางส่วนแล้ว ตามแแผนคือ กำแพงจะมี 8 แบบด้วยกัน แต่ละแบบจะมีความสูง 9 เมตร ยาว 9 เมตรต่อกำแพงหนึ่งอัน ส่วนต้นแบบทั้ง 8 นั้นจะถูกจำแนกเป็นกำแพงที่มีคอนกรีตเป็นวัสดุหลัก 4 แบบ ส่วนอีก 4 แบบจะเป็นวัสดุอะไรก็ได้ ขณะนี้ผู้รับเหมากับทำการก่อสร้างกำแพงทั้ง 8 แบบ เมื่อเสร็จแล้วจะมีการคัดเลือกแบบที่ดีที่สุดเพื่อใช้ทำกำแพงกั้นตามที่ทรัมป์ได้กล่าวไว้ นี่คือแบบแผนของกำแพงทรัมป์ที่จะกั้นเม็กซิโกกับสหรัฐอเมริกา สำหรับกำแพงดังกล่าวนี้นับเป็นนโยบายหลักที่ทำให้ทรัมป์ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ซึ่งทางด้านรัฐบาลเม็กซิโกได้ย้ำแล้วย้ำอีกว่าจะไม่มีการจ่ายเงินให้โครงการดังกล่าว แต่ทรัมป์ยืนยันว่าสุดท้ายแล้วเม็กซิโกต้องยอมจ่ายเงินให้โครงการนี้ โดยให้ผู้เสียภาษีชาวอเมริกันจ่ายภาษีจนกว่าเม็กซิโกจะยอมทำตามข้อเสนอ . ในระหว่างการก่อสร้างนี้มีการลาดตระเวนชายแดนในแถบซานดิเอโกอย่างต่อเนื่อง ทำให้การลักลอบข้ามพรมแดนในช่วงนี้จึงเป็นอะไรที่ยากมากๆ …
-
Chloe อัพคลิปหวานถูก Brooklyn ขโมยหอมแก้มระหว่างดูฟุตบอล โลกอินเตอร์เน็ตก็ลุกเป็นไฟ!!
ถือเป็นอีกหนึ่งคู่รักฮอลลีวู้ดที่มักจะมีข่าวรักๆ เลิกๆ (อารมณ์ประมาณรักไม่รุ่งมุ่งเททิ้ง) ออกมาบ่อยมากกกก สำหรับ Brooklyn Beckham หนุ่มหน้าใสขวัญใจสตรีทั่วโลก และนักแสดงสาวผู้นำเทรนด์อวบอย่าง Chloë Moretz ที่ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ได้รับเสียงเชียร์จากบรรดาแฟนๆ กับความรักใสๆ กันอยู่ไม่น้อย ก่อนที่จะมีข่าวว่าได้เลิกรากันไป ซึ่งทางหนุ่ม Brooklyn ก็ได้มี Madison Beer นักร้องสาวสุดเซ็กซี่หวานใจคนใหม่ที่มาดามหัวใจกันไป ส่วนสาว Chloë ก็ขอลาไปค้นหาตัวเองสักครู่ และเมื่อไม่นานมานี้ ทางสื่อต่างประเทศก็ได้ออกมารายงานว่า Brooklyn และ Chloë คู่รักใสๆ ใสหัวใจต๊ะติ๊งโหน่งคู่นี้ เขาได้โคจรกลับมารักกันอีกครั้งแล้วจ้า แถมดูเหมือนว่ารักที่มีให้กันยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความหวานถึงขนาดน้ำตาลยังเรียกพี่… ได้ยินข่าวว่ากลับมาคบกันอีกครั้งยังไม่ทันไร ล่าสุด (7 ตุลาคม 2560) Chloë สาวน้อยหน้าใสก็ได้ออกมาเติมความหวาน โดยการโพสต์คลิปวีดีโอของเธอในตอนที่ถูก Brooklyn หอมแก้มม๊วบๆ ขณะไปชมการแข่งขันฟุตบอลด้วยกันลงในอินสตาแกรม งานนี้บอกเลยว่าทำเอาบรรดาแฟนๆ ถึงขั้นอิจฉาตาร้อนผ่านกันเป็นแถว แหมๆๆ หวานกันจริงๆ เลยนะ มารับชมช่วงเวลาน่ารักๆ ของคู่รักรีเทิร์นคู่นี้กันเลย…
-
นักแสดงหนุ่มเกือบโดนยิงตาย เพราะถ่ายหนังฉากปล้นธนาคารแต่ไม่ได้แจ้งให้ตำรวจรู้!?
ในการถ่ายทำละครหรือหนัง หากต้องใช้สถานที่สาธารณะหรือมีฉากเกี่ยวข้องความรุนแรง ทีมงานควรตรวจสอบให้มั่นใจว่าได้มีการประสานกับคนในพื้นที่รวมทั้งเจ้าหน้าที่แล้วเรียบร้อย เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด เหมือนกับการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ที่ทำเอานักแสดงเกือบถูกตำรวจยิงตาย หลังถ่ายทำฉากปล้นธนาคาร แต่ไม่ได้แจ้งให้ตำรวจรู้ล่วงหน้าก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมือง Crawfordsville ได้ยิง Jeff Duff นักแสดงที่สวมหมวกโม่ง หลังได้รับแจ้งว่ามีการโจรกรรมที่บริษัท Back Step Brewing ในคลิปจะเห็น Duff ถือปืนปลอมในมือแล้วค่อยๆ ถอยออกมาจากอาคาร ซึ่งเป็นฉากหนึ่งในการปล้นธนาคาร ขณะนั้นตำรวจมาถึงพอดีและได้สั่งให้เขาวางปืนลง ก่อนจะยิงปืนใส่เขา แต่โชคดีที่ตำรวจยิงพลาด นักแสดงหนุ่มจึงรีบตะโกนบอกตำรวจว่า “เรากำลังถ่ายทำหนังอยู่ ผมไม่ได้โกหกนะ!!” หลังจากที่นาทีระทึกนี้ผ่านไป Phillip Demoret นักแสดงอีกคนเล่าว่า “กระสุนเฉียดหัวเขาไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น มันใกล้มากๆ ผมไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ากระสุนโดนเขาจริงๆ” ต่อมา Kodi Swank เจ้าของ Montgomery County Production ที่ถ่ายทำหนังดังกล่าวได้ออกมาแถลงว่า “จากเหตุการณ์นี้เราได้รับบทเรียนที่สำคัญ 2 เรื่องคือ การทำงานของเรามีคุณภาพต่ำ และกรมตำรวจมีการปฏิบัติหน้าที่อย่างรวดเร็ว” “เราต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีเยี่ยม แม้ว่านั่นจะเป็นการเข้าใจผิดก็ตาม และต้องขออภัยที่ทางเราไม่ได้มีการประสานงานให้ดี ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาบอกว่า “ปืนที่นักแสดง Duff เป็นปืนปลอมที่ใช้ในการถ่ายทำหนัง แต่ทางทีมงานไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ถ่ายทำให้พื้นที่สาธารณะ”…
-
คนขับแท็กซี่นำเงินกว่า “ครึ่งล้าน” กลับมาคืนให้คุณตา หลังรู้ว่าเขาถูกแก๊งต้มตุ๋นหลอก…
การตกเป็นเหยื่อของแก๊งต้มตุ๋นนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัว เพราะบางครั้งคุณเองก็อาจจะเคยตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพได้เหมือนกับคุณตาท่านนี้ แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดี เมื่อคุณตาได้พบกับแท็กซี่หนุ่มพลเมืองดีทำให้เขาได้รับเงินทั้งหมดคืน… คุณตา Barry Stone ได้รับโทรศัพท์จากบุคคลนิรนาม ที่อ้างว่าเขาโทรมาจากสำนักงานตำรวจสกอตแลนด์ยาร์ด เพื่อจะขอทำการตรวจสอบบัญชีของคุณตา เนื่องจากมีความเกี่ยวโยงในเรื่องของการฉ้อโกงธนาคาร แก๊งมิจฉาชีพได้บอกให้คุณตาถอนเงินเป็นจำนวนประมาณ 12,128 ปอนด์ (ประมาณ 530,000 บาท) โดยแยกเป็นธนบัตรมูลค่า 50 ปอนด์ จำนวน 8,000 ปอนด์ (350,000 บาท) และเงินสกุลยูโรอีกประมาณ 4,128 ปอนด์ (180,000 บาท) โดยมีการบอกขั้นตอนว่าหลังจากที่ถอนเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้นำไปมอบให้กับคนขับรถแท็กซี่เพื่อที่จะให้นำส่งตำรวจไปตรวจสอบที่ลอนดอนต่อไป…. หลังจากที่ได้ยินกระบวนการทั้งหมด คุณตาจึงได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปฝากให้กับแท็กซี่ แต่แล้ว Izy Rashid พนักงานขับรถแท็กซี่พลเมืองดี กลับรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล เขาจึงตัดสินใจนำเงินกลับไปส่งคืนให้คุณตาถึงที่บ้าน “ผมรู้สึกไม่ดีเลย มันไม่ใช่เงินจำนวนนน้อยๆ แต่หลังจากที่ได้เงินคืนตอนนี้ผมรู้สึกดีมากๆ และไม่กังวลอะไรแล้ว” คุณตา Stone กล่าว นอกจากนี้คุณตายังได้เล่าถึงเหตุการณ์ต้มตุ๋นในครั้งนี้ว่า “บางครั้งเราก็หลงเชื่อเรื่องพวกนี้นะ พวกเขาบอกผมว่าต้องการตรวจหาลายนิ้วมือจากธนบัตรของธนาคาร เพื่อหาตัวคนร้าย” หลังจากที่ได้ติดต่อกับทางตำรวจจริงๆ คุณ Izy Rashid…
-
โลกวิกฤตหนัก!! เหมียวอ้วนป่วนหนูน้อยขณะทำการบ้าน เด็กกำลังจะมีอนาคตดีๆ…ไม่น่าเล๊ย!!
ตั้งแต่แมวเหมียวได้เริ่มเข้ามามีบทบาท และอิทธิพลในโลกออนไลน์มากขึ้น นี่นับเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่เราได้นำเสนอเรื่องราวของพวกมัน ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา “แมว” ทำให้เราได้รับรู้ว่าพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือความคาดหมาย และเต็มไปด้วยความลึกลับ ความแปลก ความบ้าบอคอแตก แต่ก็ต้องยอมรับอะนะว่าในบางครั้งมันก็น่ารักดี…อืม!! หลายครั้งที่เราได้รับข่าวว่าโลกกำลังจะถูกบรรดาแมวเหมียวยึดครองไป นั่นอาจทำให้หลายคนรู้สึกขำ เพราะมันคงไม่ใช่เรื่องจริง แถมบางคนก็ไม่คิดที่จะใส่ใจและโทษว่ามนุษย์ใส่ร้ายป้ายสีพวกมัน แต่สิ่งที่เราจะมานำเสนอให้คุณในวันนี้ มันอาจจะเป็นใบเบิกทางที่ทำให้คุณตระหนักขึ้นมาได้บ้างว่าในตอนนี้แมวทรงอิทธิพลต่อโลกมากขนาดไหน ถึงขั้นเข้ามาทำลายเด็กน้อยตาดำๆ ที่จะกลายเป็นอนาคตของชาติในไม่ช้า คิดแล้วปวดใจมากอะ!! เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2560 ทางผู้ใช้ยูทู[ในชื่อ People’s Daily, China ได้เผยคลิปวีดีโอแสดงหลักฐานชิ้นสำคัญของเจ้าเหมียวอ้วนตัวหนึ่ง ที่กำลังทำพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมต่ออนาคตของชาติ ในคลิปวีดีโอได้ปรากฏให้เห็นเป็นภาพของหนูน้อยชาวจีนที่กำลังทำการบ้านอย่างตั้งใจ แต่ทว่าดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยมีสมาธิสักเท่าไหร่ นั่นเป็นเพราะว่าได้รับการรบกวนจากเจ้าเหมียวอ้วนที่พยายามห้ามปรามอยู่ตลอด น้องขอทำการบ้านก่อนนะพี่ เสร็จแล้วจะไปเล่นด้วย ไม่ได้!! หยุดทำแล้วมาเล่นด้วยกันเดี๋ยวนี้นะ เห้ย…คือได้เห็นภาพแล้วรู้สึกว่าใจมันสั่นๆ อยากจะเข้าไปช่วยเหลือหนูน้อยที่ถูกแมวแกล้งใจจะขาด แล้วแบบนี้จะทำการบ้านเสร็จไหมเนี่ย หรือโลกของเรากำลังอยู่ในขั้นวิกฤตหนักถูกแมวครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างไปซะแล้ว แม้แต่เด็กมันก็ยังไม่เว้นเลย คุณสามารถรับชมคลิปน่ารักๆ ได้ที่นี่… อย่างไรก็ตาม คลิปวีดีโอดังกล่าวอาจจะเป็นการนำเสนอเพื่อให้เห็นถึงความขี้เล่นของเจ้าเหมียวที่กำลังแสดงความรักที่มีต่อเจ้านายตัวน้อย ซึ่งหนูน้อยก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเลย…
-
เทคโนโลยีใหม่ ‘แบตเตอรี่ผสมยางมะตอย’ สามารถชาร์จไฟได้เต็มภายใน 5 นาทีเท่านั้น!!
ในยุคที่อะไรๆ ก็รวดเร็วทันใจไปหมดแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะยังมีอีกหนึ่งอย่างที่เราล้วนอยากให้มันพัฒนาไปจนไม่ต้องเสียเวลาไปกับมันให้มากนัก ก็คงเป็นเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่นั่นแหละ ทว่าล่าสุดนักวิทยาศาสตร์จาก Rice University ได้ทดลองสร้างแบตเตอรี่ที่มีส่วนผสมจาก ‘ยางมะตอย’ ซึ่งช่วยทำให้ประหยัดเวลาในการชาร์จแบตฯ ได้มากกว่าเดิมถึง 10 – 20 เท่าเลยทีเดียว ศาสตราจารย์ James Tour หัวหน้าภาควิจัยให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า “ค่าความจุของแบตฯ จากการทดลองชิ้นนี้นับว่ายิ่งใหญ่มาก… เราสามารถทำให้จากค่าพลังงานที่มีเพียง 0 เพิ่มมาเป็นเต็ม 100 ได้ภายในระยะเวลา 5 นาทีเท่านั้น” โดยทีมวิจัยได้นำ ‘คาร์บอน’ ที่ได้จากยางมะตอยซึ่งมีส่วนผสมของแกรฟีน ก่อนจะนำมาเคลือบด้วยลิเทียมอีกชั้นหนึ่งตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ทีมวิจัยยังได้นำแบตเตอรี่รุ่นตัวต้นแบบ ไปทดสอบชาร์จเป็นระยะเวลาติดต่อกันมากกว่าร้อยครั้งเพื่อทดสอบความเสถียรในการใช้งาน และพบว่าแบตเตอรี่ที่มีส่วนผสมของ ‘คาร์บอน’ จะมีอายุการใช้งานที่ทนทานกว่า ไม่ใช่แค่สถาบันวิจัยของ Rice University เท่านั้นที่กำลังมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอร์รี่ เพราะไม่ว่าจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Tesla หรือ Qualcomm เองก็กำลังพยายามที่จะศึกษาและพัฒนาขีดจำกัดด้านพลังงานต่อไป “ในยุคที่ความต้องการใช้เทคโนโลยีสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ปัญหาเรื่องแบตเตอร์รี่ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่กำลังจะถูกพัฒนาให้ตอบโจทย์ชีวิตคนยุคใหม่มากยิ่งขึ้น เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าข้อจำกัดหลายๆ…
-
เกิดอะไรขึ้นในรัสเซีย เมื่อมีการประท้วง “ปูตินออกไป” จนนำไปสู่การจับกุม-ปะทะกัน
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งได้รายงานเหตุการณ์ประท้วงที่เกิดขึ้นที่กรุงมอสโคว ประเทศรัสเซีย อันนำไปสู่การปะทะและการจับกุม… ตามรายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุม Alexei Navalny นักเคลื่อนไหวต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชั่น ที่ประกาศจะลงสมัครแข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซีย และนั่นนำมาสู่การปลุกประท้วงครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ทั่วรัสเซีย Alexei Navalny นาย Alexis Navalny ได้เรียกร้องให้กลุ่มผู้สนับสนุนออกมาประท้วงเพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองใหม่ ตามหัวเมืองต่างๆ ทั่วประเทศกว่า 80 แห่ง และการประท้วงใหญ่จะเกิดขึ้นที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายปูตินเอง ทางกลุ่มผู้สนับสนุน Navalny มองว่า วลาดิเมียร์ ปูติน ดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำมาเกือบ 20 ปี และถึงเวลาแล้วที่กลุ่มผู้สนับสนุนเองมีสิทธิที่จะเลือกผู้นำคนใหม่บ้าง… Polina Kostyleva หนึ่งในหัวขบวนผู้ชุมนุมได้ให้สัมภาษณ์ว่า “การประท้วงครั้งนี้มาจากการที่ผู้สนับสนุนต้องการให้ Navalny ได้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี” ในการชุมนุมประท้วงมีการชูป้ายเรียกร้องว่า “เราต้องการการเลือกตั้งอย่างเป็นธรรม” และ “พวกเราจะไม่ไปไหนถ้าไม่มี Navalny” สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนฝ่าย Navalny ออกมาเรียกร้อง ส่วนหนึ่งก็เพราะก่อนหน้านี้วลาดิเมียร์…
-
ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ… คลิปโปรโมททริป “สยิวกิ้ว” บนเกาะส่วนตัว บุฟเฟ่ต์อาหาร-เซ็กส์ไม่อั้น!!
กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมกันบนโลกอินเตอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ได้มีการปล่อยคลิปวิดีโอโปรโมทการท่องเที่ยวสุดสยิวบนเกาะส่วนตัว พร้อมปาร์ตี้กับเหล่าสาวๆ สุดเซ็กซี่แบบถึงเนื้อถึงตัว… โดยคลิปดังกล่าวนั้นเป็นคลิปวิดีโอจากบริษัท Good Girls Company ที่ได้ทำออกมาเพื่อโปรโมทแพคเกจการท่องเที่ยวของในวันที่ 24 ถึง 27 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ภายในคลิปวิดีโอเผยให้เห็นถึงการเดินทางสุดหรูด้วยเรือยอร์ชส่วนตัว พร้อมกับการต้อนรับจากสาวๆ สุดเซ็กซี่ และเมื่อเดินทางมาถึงเกาะคุณก็สามารถที่จะทำอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเซ็กส์ เหล้า ยา หรือปาร์ตี้กันแบบสุดเหวี่ยง!! โฆษณากันแบบโต้งๆ เลยว่าคุณสามารถมีเซ็กส์ได้อย่างไม่จำกัด!! นอกจากกิจกรรมต่างๆ ที่เราได้เห็นในคลิปวิดีโอแล้ว ทางบริษัท Good Girls Company ยังได้อธิบายเพิ่มเติมผ่านสื่อออนไลน์อีกว่า… “มีสาวๆ ทั้งหมด 60 คน ไว้คอยบริการลูกค้า 30 คน และจะมีผู้หญิงสองคนคอยประกบดูแลคุณตลอด 24 ชั่วโมง ราคานี้รวมค่าอาหารทุกมื้อแล้ว” สถานที่จัดงานนนั้นอยู่บนชายหาดของเมือง Cartagena ทางชายฝั่งด้านเหนือของประเทศโคลอมเบีย โดยกำหนดการในวันแรกนั้นลูกค้าสามารถที่จะมีเซ็กส์กับเหล่าสาวๆ ได้ทันทีเลย ส่วนในวันที่ 2 นั้นลูกค้าสามารถใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเพื่อทำอะไรกับสาวๆ 16 คนพร้อมๆ กันได้…
-
เจ้าวัว Cowboy Tuff Chex ที่มีเขายาวที่สุดในโลก ถูกประมูลขายไปในราคา 5.5 ล้านบาท
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าวัวนั้นมีราคาซื้อขายอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ใครจะคิดว่ามันจะมีราคาสูงถึง 5.5 ล้านบาท จริงๆ แล้วราคาวัวทั่วไปคงไม่สูงขนาดนี้หรอกถ้าไม่ใช่เจ้าวัว Cowboy Tuff Chex ตัวนี้ Cowboy Tuff Chex หรือ Chex ได้รับการบันทึกในกินเนสเวิร์ลในฐานะวัวที่เขายาวที่สุดในโลก ถูกประมูลไปในราคา 5.5 ล้านบาท เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Chex เป็นวัวพันธุ์ Texas Longhorn มีเขาที่โดดเด่นกว่าวัวทั่วไป ซึ่งสามารถยาวได้ถึง 2.1 เมตร สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งได้ดี สำหรับเจ้า Chex มันมีความยาวของเขาอยูที่ 2.5 เมตร จึงไม่แปลกที่มันจะครองตำแหน่งวัวที่มีเขายาวที่สุดในโลก มันถูกซื้อโดย Richard และ Jeanne Filip ก่อนที่การประมูลจะเริ่มขึ้น มันถูกคาดหวังมูลค่าไว้ที่ 16 ล้านบาท ขณะนั้นทาง Filip เตรียมที่จะซื้อมันในราคา 33 ล้านบาท ด้าน Jeanne ผู้เป็นภรรยาบอกว่า สามีของเธออยากได้วัวตัวนี้มาก และเขายอมจ่ายให้คู่แข่งคนอื่นๆ เพื่อที่จะเจ้า Chex…
-
หนุ่มเลื่อนการขอแต่งงานให้เร็วขึ้น หลังแฟนสาวตรวจเจอ ‘มะเร็งร้าย’ ก่อนจากไปไม่มีวันกลับ
ในโลกนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เรื่องไม่คาดคิด และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ดังนั้นไม่ว่าคุณจะวางแผนชีวิตมาดีแค่ไหน ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เหมือนกับ Will Arnold หนุ่มที่วางแผนจะขอแฟนสาว Katie Sutterby แต่งงาน แต่แล้วก็ต้องเลื่อนเข้ามาให้เร็วขึ้นเมื่อเธอตรวจเจอมะเร็ง ก่อนที่เธอจะจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ Katie เป็นครูอยู่ที่โรงเรียนประถม Maltese Road Primary School เธอมีอายุ 29 ปี ตอนที่เสียชีวิต ทั้งที่เพิ่งแต่งงานได้เพียงสามวัน จริงๆ แล้ว Arnold มีแผนที่ขอแฟนสาวแต่งานในปีนี้ แต่เมื่อรู้ว่าแฟนสาวป่วยเป็นมะเร็ง ทั้งคู่จึงตัดสินใจจัดงานแต่งภายในเวลาสั้นๆ Arnold เผยว่า “ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ เพราะ Katie มีสุขภาพดี เธอดูแข็งแรงมาตลอด ที่สำคัญคือเธอเพิ่งอายุ 29 ปีเท่านั้นเอง” นอกจากนี้หญิงสาวยังเป็นคนที่มีความกระฉับกระเฉง มีความสุขในการทำงาน และมักจะชวนแฟนหนุ่มไปวิ่งและเข้ายิมบ่อยๆ กระทั่งเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่าน เธอก็เริ่มมีอาการไม่ดี แต่ทุกคนคิดว่าจะเป็นอาการไม่สบายทั่วไป ก็เลยไปซื้อยาจากร้านยามาทาน แต่อาการของหญิงสาวไม่ดีขึ้น เธอจึงตัดสินใจไปพบแพทย์ ตอนแรกหมอสันนิษฐานว่าอาจเป็นโรคนิ่ว จึงได้มีการแสกนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ในระหว่างนี้ Katie ยังรู้สึกปวดอย่างต่อเนื่อง เธอจึงถูกส่งตัวไปที่ A&E เพื่อทำการเอ็กซ์เรย์ จนวันรุ่งขึ้นแพทย์ก็ได้แจ้งข่าวร้ายกับเธอ…
-
นักแข่งตัดสินใจหักพวงมาลัยหยุดรถ ยอมเสียโอกาสคว้าชัยชนะ เพื่อไม่ให้น้องหมาได้รับอันตราย…
ในทุกการแข่งขันผู้เข้าแข่งทุกคนย่อมพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไปให้ถึงชัยชนะอยู่เสมอ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้บางครั้งเราจำเป็นต้องเสียสละสิ่งหนึ่งเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย ถึงอย่างนั้นนักแข่งรถแรลลี่ที่ชื่อว่า Carlos Matos กลับเลือกที่จะปล่อยชัยชนะให้หลุดลอยไปในการแข่งขัน เมื่อเขาต้องเจอกับน้องหมาที่วิ่งเข้ามาในเขตสนามแข่งโดยไม่ได้ตั้งใจ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในเดือนกันยายนปี 2017 ที่ผ่านมาได้มีการจัดการแข่งขันรถแรลลี่ชื่อ Constalica Rallye Vouzela ใช้เวลาการแข่งขัน 2 วันในประเทศโปรตุเกส Carlos Matos (ซ้าย) Carlos Matos เป็นหนึ่งในนักแข่งของรายการนี้และเคยได้แชมป์มาแล้วถึง 3 สมัย และกำลังลุ้นสมัยที่ 4 อยู่ในปีนี้แต่เรื่องราวก็เกิดขึ้นในช่วงพริบตาของสนามสุดท้าย ด้วยความเร็ว 144 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขณะที่เลี้ยวโค้งมา เขาต้องเจอกับน้องหมาที่วิ่งอยู่บนถนนก่อนที่จะตัดสินใจหักพวงมาลัยเพื่อหยุดรถก่อนที่จะเกิดอันตรายขึ้น จนในที่สุดแล้วน้องหมาก็รอดปลอดภัยมาได้อย่างหวุดหวิด การที่เขาทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าเขาต้องพลาดโอกาสการเป็นแชมป์ของรายการนี้ไปในทันที แต่ถึงอย่างนั้นสัญชาตญาณของเขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเลือกชีวิตน้องหมามากกว่าความสำเร็จของตัวเอง คลิปวิดีโอการสละโอกาสแห่งชัยชนะเพื่อน้องหมา อย่างไรก็ตามนักแข่งคนนี้ก็ได้ออกมาบอกกับสื่อว่า “แม้ว่าสุนัขตัวนั้นจะตัวเล็กอยู่แต่ทุกชีวิตย่อมมีค่ากว่าทุกสิ่งเสมอ และหากใครรู้จักผมก็จะรู้ว่าผมรักสัตว์มากขนาดไหน” ความรักสัตว์ของเขาพิสูจน์ได้จากน้องหมาที่เลี้ยงไว้มากถึง 5 ตัว ท้ายสุดแล้วเขาก็ยังยืนยันอีกด้วยว่า “ต่อให้เกิดเรื่องเดียวกันนี้ขึ้นมาอีก ผมก็จะยังทำเหมือนครั้งนี้อยู่ดี” นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม เปรียบได้กับคำพูดที่ว่า “ชัยชนะไม่ใช่ทุกสิ่งเสมอไป” ที่มา: thedodo
-
10 สัตวโลกที่ดูน่ารักน่าชัง แต่ที่จริงแล้วพวกมันสามารถ ‘คร่าชีวิต’ ของคุณได้เลย!!
สัตว์โลกบางชนิดดูแล้วน่ารักน่าชัง ไม่มีพิษภัยอะไรจนใครก็พากันชื่นชมมัน แต่จริงๆ แล้วมันอาจจะอันตรายถึงกับฆ่าเราได้เลย เหมือนกับสัตว์ต่อไปนี้ ที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับพวกมันในฐานะสัตว์น่ารัก แต่สัญชาตญาณธรรมชาติของพวกมันไม่ได้น่ารักอย่างที่เห็นนะ 10. แพนด้า แพนด้ามักจะถูกมองเป็นสัตว์น่ารัก ดูไร้เดียงสา แถมบางชุมชนยังยกให้มันเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพและความเมตตาอีกด้วย แต่เมื่อไรก็ตามที่มันถูกคุกคามหรือรู้สึกว่าตกอยู่ในอันตราย มันสามารถเผยพฤติกรรมตามธรรมชาติออก ที่มีความร้ายแรงถึงกับฆ่าคุณได้เลย 9. แมวน้ำเสือดาว แมวน้ำเสือดาวมีหน้าตาน่ารัก ดูไม่มีพิษภัย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มันถูกคุกคาม มันจะเผยความก้าวร้าวออกมา และอาหารโปรดของมันก็คือนกเพนกวิน 8. หงส์ หงส์อาจจะถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความโรแมนติก แต่รู้มั้ยว่ามันสามารถทำทุกอย่างเพื่อปกป้องตัวเอง รวมถึงการฆ่าคนด้วย ดังนั้นอย่าเผลอทำให้มันไม่พอใจล่ะ 7. ตัวนิ่ม ตัวนิ่มมักจะใส่กรงเล็บในการขุดหาอาหาร แต่นอกเหนือจากนี้มันยังใช้ป้องกันตัวด้วย ที่น่ากลัวคือมันสามารถฆ่าเราให้ตายทันทีด้วยการตวัดกรงเล็บใส่เราเพียงครั้งเดียว 6. แทสเมเนียนเดวิล แทสเมเนียนเดวิล มักจะปรากฏในการ์ตูนที่ถูกสร้างคาร์แร็กเตอร์ให้ดูน่ารัก จนไม่คิดว่ามันจะเป็นอันตราย แต่ดูดีๆ มันจะมีเขี้ยวเล็กๆ 2 ซี่ และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราไปแหย่มัน หรือทำให้มันไม่พอใจ มันสามารถใช้เขี้ยวคู่นั้นฆ่าเราได้เลยนะ 5. ช้าง ช้างเป็นสัตว์ที่ตัวใหญ่ แต่มันมักจะถูกทำให้เป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่องและดูน่ารัก เป็นเหตุผลที่ทำให้มนุษย์นำช้างมาหาผลประโยชน์มากมายสารพัด…
-
สาวเผยความรู้สึกเมื่อได้ยินเสียงแม่กรีดร้อง ตอนถูกข่มขืนและฆาตกรรมโดยชายแปลกหน้า
เราทุกคนย่อมรักพ่อแม่ไม่น้อยไปกว่าที่พวกเขารักเรา เวลาที่ลูกเจ็บ พ่อแม่คงจะรู้สึกเจ็บยิ่งกว่า เช่นเดียวกันหากรู้ว่าพ่อแม่เจ็บ ลูกก็คงปวดร้าวไม่ต่างกัน เช่นเดียวกับหญิงสาวคนนี้ ที่เผยความรู้สึกเมื่อได้ยินเสียงแม่กรีดร้อง ขณะถูกข่มขืนและถูกฆาตกรรมโดยคนแปลกหน้าอย่างโหดเหี้ยม ตอนที่เกิดเหตุการณ์นี้ Sarah Parry อายุเพียง 12 ปี ในขณะที่คุณแม่ Crystal Perry อายุ 30 ปี เธอถูกข่มขืนและถูกแทงมากกว่า 50 ครั้ง จนเสียชีวิตภายในห้องครัวของเธอ ที่ทำให้ลูกสาวเจ็บปวดอย่างไม่มีที่สิ้นสุดคือ เธอต้องรอนานถึง 10 ปี กว่าคุณแม่ผู้ล่วงลับจะได้รับความยุติธรรม… Sarah เล่าว่า ในวันนั้นเธอใช้เวลาอยู่กับแม่ทั้งวัน รวมทั้งทานข้าวเย็นด้วย ก่อนจะเข้านอน… แต่จู่ๆ เธอก็ได้ยินการเปิดลิ้นชักในครัว แล้วก็ได้เสียงมีดแทงเข้ากับบางอย่าง ตามด้วยเสียงกรีดร้องของแม่!! ตอนแรก Sarah ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าแม่คงทะเลาะกับแฟนของเธอ แต่ทว่าเสียงกรีดร้องนั้นดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและดังขึ้นเรื่อยๆ จนเธอคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ตลอดระยะเวลาที่ได้ยินเสียงแม่กรีดร้องนั้น สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือวิ่งไปหลบอยู่ในห้องตัวเอง แล้วรอฟังเสียงสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเจ็บปวด จนกระทั่งเสียงกรีดร้องสงบลง ลูกสาวได้รวบรวมความกล้าแล้วค่อยๆ เดินไปที่ห้องครัว ก่อนจะเห็นร่างแม่กองอยู่บนพื้น Sarah รีบโทรไปยัง 911 ทันที แต่โชคร้ายที่สายไม่ว่าง…
-
ลูกแมวตัวน้อยมาร้อง ‘เมี้ยว’ อยู่หน้าบ้าน ผ่านไปสองปีอยู่ดีกินดี จนกลายเป็นเจ้าของบ้านไปแล้ว
เมื่อมีคนมาส่งเสียงเรียกอยู่หน้าบ้านหรือว่ามาเคาะประตู เราจะต้องออกไปดูกันซะหน่อยว่าเป็นใคร แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่เสียงร้องของคนเนี่ยสิ… เพราะเจ้าแมวน้อยตัวนี้ได้ใช้วิธีเดียวกันนั้นส่งเสียงร้องอยู่ตรงชานบ้านของเด็กสาวคนหนึ่งในปี 2015 เรียกร้องความสนใจของเธอและเจ้าแมวอีกสองตัวที่เธอเลี้ยงเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว เรื่องนี้ถูกถ่ายทอดผ่านผู้ใช้ Reddit ที่มีชื่อว่า hrtofdixie ในตอนที่เธอไปเจอกับสภาพอันผอมแห้งของมัน จึงรีบไปหาอาหารมาให้มันกิน ก่อนที่จะอุ้มมันขึ้นมาและตั้งใจว่าจะดูแลมันไปก่อน เพื่อรอวันที่หาบ้านใหม่ที่ดีและเหมาะสมให้กับเจ้าตัวเล็กได้ ขอเข้าไปหน่อยได้มั้ยเมี้ยววว ป๋มเหนื่อยล้ามากเลยอ่ะครับ ขอเข้าไปหน่อยน้าาา หลังจากนั้นเธอก็พามันไปอาบน้ำให้เรียบร้อยเพื่อล้างคราบสกปรกและหมัดออกไปให้หมด จนตัวหอมฉุยพร้อมที่จะเข้าไปอยู่ในบ้านร่วมกัน เวลาผ่านไปกลับกลายเป็นว่าเจ้าตัวเล็กที่ชื่อ Binx ตัวนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเธอไปเสียแล้ว เพราะมันเริ่มสร้างความสนิทสนมกับเธอและแมวตัวที่เหลือตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ได้เข้ามาแล้ว.. เย้ ที่นี่ต้องกลายเป็นฐานทัพใหม่ของป๋มแน่นอน ตรงนี้นุ่มดีงั้นลงไปนอนเล่นเลยดีกว่าาา พอเข้าบ้านปุ๊บมันก็รีบไปครอบครองที่นอนเอาไว้เป็นอย่างแรกก่อนที่จะเข้ามากอดมาเล่นกับเธอ รวมถึงเจ้าเหมียววัย 16 ปีที่ชื่อว่า Nickel ที่ตอนแรกยังไม่ค่อยไว้ใจเจ้าตัวเล็กเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ต้องตกหลุมพรางความน่ารักจนเข้ามาคลอเคลียกันอยู่ตลอดนานเป็นสัปดาห์ แต่เมื่อผ่านไป 1 เดือนเจ้าแมวชราตัวนั้นก็ต้องจากไปอย่างน่าเศร้า ทิ้งให้เจ้าแมวน้องใหม่ตัวนี้เป็นสิ่งเยียวยาจิตใจให้กับเจ้าของสาว เจ้า Nickel (ตัวทางขวา) ที่ได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบ แต่ถึงยังไงแม่ก็ยังมีผมอยู่นะครับ เจ้าเหมียวน้อยคอยใช้เวลาเยียวยาเธอมาตลอด เวลาผ่านไป…
-
‘กางเกงในพุงแมว’ ที่จะทำให้คุณแปลงร่างเป็นเจ้าเหมียว ‘สามเหลี่ยมขาว’ ได้อย่างแนบเนียน!!
ปัจจุบันเรื่องเครื่องแต่งกายจะมีความแปลกใหม่ไม่เหมือนใครออกมาให้เราได้เห็นกันอยู่ตลอด ทั้งจากจินตนาการของนักออกแบบทั้งหลายเองหรือลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสิ่งรอบตัวอย่างเจ้ากางเกงในตัวนี้ หลายคนคงทราบดีว่าญี่ปุ่นนั้นจะให้ความสนใจกับน้องแมวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นหมวกหูแมว พวงกุญแจ ของที่ระลึก หรือแม้แต่กางเกงในสำหรับสาวๆ ที่ครั้งนี้ก็ได้ต้นแบบมาจากลายตรงท้องของเจ้าเหมียวกันเลยล่ะ!! เมื่อบริษัทเสื้อผ้า Felissimo ได้ทิ้งข้อความแปลกๆ เอาไว้ในทวิตเตอร์เมื่อเดือนมิถุนายนว่า “อยากให้ทุกคนช่วยแชร์รูปแมวดำที่มีลวดลายเหมือนกับว่ามันใส่กางเกงในสีขาวมาให้ดูหน่อย” หากงงว่ามันเป็นอย่างไรก็ลองดูได้จากรูปข้างล่างนี้ ลักษณะของแมวที่ทางบริษัทอยากได้ จากคำพูดตอนนั้นจึงทำให้ทาสแมวหลายคนเข้ามาตอบโพสต์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือน้องเหมียวจากโอซาก้า ที่ชื่อว่า Naoko ในท่านอนที่เห็นแล้วก็หมั่นเขี้ยว น่ารักน่าเอ็นดูและมีลักษณะตรงกับที่บริษัทดังกล่าวขอไว้เป๊ะๆ นอนสบายเกินไปมั้ยเนี่ย Naoko แต่ทุกคนก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าจะเอารูปแมวที่มีลวดลายแบบนี้ไปทำไมกันนะ? จนกระทั่งเวลาผ่านไปหนึ่งเดือนคำถามนั้นก็ได้รับการคลี่คลายลง… เมื่อมีการโพสต์รูปของกางเกงในสตรีที่มีลวดลายไม่ต่างกับหน้าท้องของแมวตัวนั้นเลย ที่แท้ทางบริษัทคงต้องการที่จะหาแมวต้นแบบไปดีไซน์ต่อให้กลายเป็นสินค้าชิ้นนี้นี่เอง!! ลวดลายสุดกิ๊บเก๋ เปลี่ยนให้คุณกลายเป็นเจ้าแมวตัวเมื่อกี้ได้ในพริบตาเดียว รูปทรงคล้ายกับกางเกงขาสั้นแบบรัดรูป รูปทรงของกางเกงในตัวนี้ในภาษาญี่ปุ่นจะเรียกว่า Haramaki โดยจะมีความหนาและเนื้อผ้าที่ช่วยสร้างความอบอุ่น เหมาะสำหรับอากาศในช่วงฤดูหนาว โดยปกติกางเกงในชนิดนี้จะมีสีสันที่โดดเด่นแต่สำหรับเจ้าตัวลวดลายพุงแมวกลับมีสีที่เรียบง่าย จะมีเพียงแค่ส่วนของขนสีขาวฟรุ้งฟริ้งที่ดูจะเด่นชัดมากที่สุดเพียงจุดเดียว ลักษณะแบบขนๆ ฟูๆ หยิกหยอยนี้ช่างดึงดูดสายตาได้ดีจริงๆ เจ้าสินค้าที่ชื่อว่า Fluffy Black Cat Haramaki ตัวนี้มีราคาอยู่ที่ประมาณ 430…
-
หญิงสาวตัดสินใจอยู่เคียงข้างแฟนหนุ่ม แม้ว่าเขาจะเป็น ‘อัมพาต’ พร้อมแต่งงานเพื่อดูแลใจ!!
เรื่องราวความรักสุดโรแมนติกครั้งนี้เกิดขึ้นกับคุณ Brett Greenhill หนุ่มวัย 39 ปี ที่เป็นอัมพาตเนื่องจากอุบัติเหตุเมื่อปี 2016 หลังจากที่มีสภาพร่างกายที่ไม่ปกติเหมือนดั่งเช่นเคย เขาจึงพยายามที่จะบอกเลิกแฟนสาวและขอร้องให้เธอทิ้งเขาไป แต่เธอกลับปฏิเสธและหลังจากนั้น 9 เดือนทั้งคู่ก็เข้าพิธีวิวาห์ด้วยกันต่อหน้าเพื่อนฝูงที่มาเป็นพยานรักของทั้งสอง เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา “มันเป็นวันที่พิเศษมาก หลังจากที่ผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ต่อไปนี้พวกเราจะไม่ต้องอยู่ลำพังอีกต่อไปแล้ว” คุณ Meg Alexander เจ้าสาววัย 30 ปีกล่าว คุณ Brett ประสบอุบัติเหตุระหว่างเล่นน้ำในงานเลี้ยงรวมรุ่น ชายหนุ่มถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล Lee Memorial Hospital คุณหมอบอกว่ากระดูกสันหลังของเขาแตก ซึ่งส่งผลให้เป็นอัมพาตตั้งแต่ส่วนคอลงมา ในตอนแรกทั้งคู่ได้วางแผนที่จะแต่งงานกันในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2017 พวกเขาแจกบัตรเชิญและเตรียมงานต่างๆ ไว้แล้ว แต่ในระหว่างนั้นฝ่ายเจ้าบ่าวกลับต้องมาประสบอุบัติเหตุ Brett พยายามบอกให้แฟนสาวของเขาตัดใจและทิ้งเขาไปซะ เพราะว่ามันไม่ใช่สิ่งที่แฟนสาวของเขาควรจะได้รับเลย แต่ Meg ก็ไม่ตัดใจ เธอยืนยันที่จะอยู่เคียงข้างเขา งานแต่งงานถูกเลื่อนไปจัดในเดือนกันยายน ทั้งสองเข้าพิธีอย่างเรียบง่ายในธีมแบบย้อนยุค “ทุกๆ คนต่างพูดถึงสีหน้าของเขา วันนั้นเขาดูมีความสุขอย่างมาก” Meg พูดถึงสามีของเธอ ส่วนทางด้านคุณ Brett ก็ได้พูดถึงชีวิตของเขาหลังจากประสบอุบัติเหตุว่า “ชีวิตของผมมันเหมือนรถไฟเหาะเลยล่ะ มีทั้งวันที่ดีและวันที่แย่ๆ ชีวิตก็เหมือนการผจญภัย และตอนนี้บางสิ่งบางอย่างกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว”…
-
คู่รักหัวเสียเพลียเพื่อนบ้าน ฟ้องร้องค่าเสียหายกว่า 83 ล้านบาท เพราะบ้านดั๊นเหมือนกันเป๊ะ!!
บ่อยครั้งที่เรามักจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับการฟ้องร้องแปลกๆ ในต่างประเทศ ที่บางทีเราอาจจะงงว่าเรื่องแบบนี้ถึงกับต้องขึ้นศาลกันด้วยหรือนี่!? และเรื่องราวของครอบครัวจากเมือง Toronto ครอบครัวนี้ ก็เป็นหนึ่งในการฟ้องร้องแปลกๆ เช่นกัน ครอบครัวของคุณ Barbara Ann และ Eric Kirshenblatt จากเขต Forest Hill เมือง Toronto ประเทศแคนาดา ถูกเพื่อนบ้านของพวกเขาฟ้องศาลเรียกค่าเสียหายกว่า 83 ล้านบาท หลังจากที่แบบบ้านของพวกเขานั้นคล้ายกับแบบบ้านของเพื่อนบ้านคนดังกล่าว สองสามีภรรยาต้องต่อสู้กับคดีความดังกล่าวอยู่นานถึง 3 ปี หลังจากที่ครอบครัวของ Jason กับ Jodi Chapnick เพื่อนบ้านของพวกเขาได้ฟ้องศาลเกี่ยวกับเรื่องการลอกแบบบ้าน ครอบครัว Chapnick อ้างว่าคุณ Barbara Ann นั้นได้จงใจปรับปรุงบ้านให้คล้ายกับบ้านของพวกเขา ทางครอบครัว Chapnick ได้เรียกร้องให้มีการชดเชยค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท สำหรับการลอกแบบบ้าน 600,000 บาท และอีก 33 ล้านบาทสำหรับค่าเสียหายเชิงลงโทษ พร้อมกันนี้ทางฝ่ายจำเลยยังต้องมีการแก้ไขแบบบ้านใหม่อีกด้วย ทางครอบครัว Chapnick อ้างว่าพวกเขาได้จ้างให้สถาปนิคทำการออกแบบบ้าน และบ้านหลังดังกล่าวก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีชื่อเสียงอย่างมากในย่าน Forest Hill และการสร้างบ้านลอกเลียนแบบก็ทำให้คุณค่าของบ้านพวกเขาลดลงไป เมื่อเปรียบเทียบจากภาพของบ้านทั้งสองหลัง…
-
20 ภาพการคมนาคมจากหลากประเทศ วิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละวัน ต้องเดินทางในรูปแบบไหนบ้าง!?
ว่ากันว่าสภาพการจราจรเป็นตัวสะท้อนความจริงหลายๆ ด้านให้แก่ประเทศนั้นๆ อย่างบ้านเราก็เอิ่มมม… คงไม่ต้องพูดถึงก็ได้เนาะ แต่เอาเป็นว่าเราจะขอพาไปชม 20 ตัวอย่างภาพการเดินทางของผู้คนในเมืองจากหลากหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งเราก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สภาพการจราจรของแต่ละเมืองแต่ละที่ เป็นตัวชี้วัดคุณภาพชีวิตของประชากรได้ดีในระดับนึงเลยล่ะ 1. ที่เวียดนามผู้คนนิยมที่จะเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์ และจักรยาน 2. แต่ถ้าข้ามไปฝั่งตุรกีละก็… เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้คนจะเดินทางโดยสารด้วยเรือเฟอร์รี่ 3. สำหรับเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา เราอาจจะได้เห็นภาพการขนย้ายทั้งคน รถ และสิ่งของข้ามแม่น้ำไปอีกฝั่งหนึ่งกันเป็นเรื่องปกติ 4. ที่ประเทศเฮติผู้คนมักจะโดยสารด้วยบริการรถกระบะสองแถว 5. แม้แต่ม้าที่โจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ ก็ยังต้องมีแวะเติมน้ำมันกับเขาบ้าง 6. ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ถูกยกย่องว่าเป็นเมืองที่มีระบบขนส่งรถรางทั่วถึงมากที่สุดในโลก 7. ที่ประเทศโบลิเวียอาจจะมีความผาดโผนมากกว่าที่อื่น เพราะมีรถกระเช้าสำหรับการเดินทางไว้คอยให้บริการ 8. ว่ากันว่าหากเกิดเป็น ‘ลา’ ในประเทศปากีสถาน คุณจะไม่มีวันตกงานแน่ๆ… 9. ชาวเมืองฮังการีมักจะเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินกันซะเป็นส่วนใหญ่ 10. และก็เช่นเดียวกันกับที่ประเทศออสเตรีย 11.…
-
หญิงสาวผู้อยู่ในแวดวง ‘เด็กเสี่ย’ เผยความจริงอีกด้าน มันก็คือ ‘โสเภณี’ ในอีกหนึ่งชื่อ
อีกหนึ่งเรื่องราวจาก Alex Page สาวชาวอเมริกันที่มีประสบการณ์อันเลวร้ายหลังเลือกเดินบนเส้นทางของการเป็น ‘Sugar Daddy’ หรือที่เรารู้จักกันในคำสั้นๆ ว่า ‘เด็กเสี่ย’ ผ่านทางเอเจนซี่เว็บไซต์แห่งหนึ่ง แม้ว่าในพื้นที่ๆ เจ้าของเรื่องราวอาศัยอยู่จะสามารถทำงานด้านการค้าประเวณีได้อย่างถูกกฎหมาย ทว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวที่เธอออกมาเตือนใจให้สาวๆ ได้รู้ว่า.. แท้จริงแล้วทั้งหมดมันคือการโฆษณาชวนเชื่อ!! Alex Page “ฉันเข้าใจว่าในยุคสมัยแบบนี้ สาวๆ หลายคนคงเห็นข้อดีของการหาใครซักคนมาเปย์ และหวังว่าจะได้สร้างสิ่งดีๆ ให้กับชีวิตบนเส้นทางนี้ แต่อันที่จริงแล้วมันก็คือคำเปรียบเปรยของคำว่า ‘การค้าประเวณี’ นั่นแหละ” Alex เล่า เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้ Alex Page ได้ทำการสมัครสมาชิกบนเว็บไซต์ Seeking Arrangement ซึ่งเป็นเว็บไซต์หาคู่ที่มีจำนวนสมาชิกถึง 10 ล้านรายจากทั่วโลก และความพิเศษอย่างหนึ่งของเว็บไซต์นี้ก็คือ มีการให้บริการในส่วนที่เรียกว่า ‘Sugar Daddy & Sugar Baby’ ซึ่งเป็นคอมมิวนิตี้ที่ช่วยให้ ‘คนเปย์’ ได้จับคู่กับ ‘คนอยากโดนเปย์’ ง่ายยิ่งขึ้น จากเว็บไซต์นี้เองที่ทำให้ Alex Page ได้เจอกับชายคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเมืองเดียวกัน…
-
สาวจีนตาบอดกะทันหัน หลังเล่นเกมบนมือถือนานติดต่อกัน 7-8 ชั่วโมงแบบไม่หยุดพัก!!
ไม่เพียงแต่วัยรุ่นไทยเท่านั้นที่ติดเกมกันงอมแงม เพราะวัยรุ่นที่ประเทศจีนก็ชื่นชอบการเล่นเกมไม่แพ้กันบางคนก็เสพติดหนักเล่นเป็นเวลานานหลายชั่วโมง จนส่งผลกระทบร้ายแรงถึงขั้นทำให้ตาบอดสนิท!! เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า Xiao Wu (นามแฝง) หญิงชาวจีนวัย 21 ปี จากเมืองตงกวน มณฑลกวางตุ้ง ติดเกมบนมือถืออย่างหนัก โดยเล่นเป็นเวลานาน 7-8 ชั่วโมงแบบไม่หยุดพัก จนเป็นเหตุให้ดวงตาข้างขวาสูญเสียการมองเห็นไปอย่างถาวร จากการรายงานระบุว่า ในวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะที่ Wu กำลังเล่นเกม King of Glory (เกมแนวต่อสู้ MOBA อันดับหนึ่งของจีนคล้าย ROV) ที่เธอชื่นชอบบนมือถืออยู่นั้น เธอก็รู้สึกเหนื่อยล้าและหลับไป แต่ทว่าเมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น (2 ตุลาคม 2560) Wu ก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกๆ ในดวงตาข้างขวา จนทำให้เธอรู้สึกตกใจหนัก และรีบเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ทันที จนในที่สุดแพทย์ก็ทำการวินิจฉัยและพบว่า Wu มีอาการเส้นเลือดแดงของจอประสาทตาอุดตัน (ส่วนใหญ่มักจะเกิดเฉพาะในผู้ป่วยสูงอายุ) โดยเลือดไม่สามารถเข้าไปหล่อเลี้ยงจอประสาทตาได้ และอาจทำให้เธอสูญเสียการมองเห็นไปตลอด …
-
12 คดีฆาตรกรรมที่มีผู้กระทำผิดเป็น ‘เยาวชน’ กับวีรกรรมสุดโหด ที่ไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือเด็ก
เป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กหรือเยาวชนอาจจะทำผิดพลาดบ้าง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความไม่รู้ ความอยากรู้อยากลองรวมทั้งสภาพแวดล้อมที่เด็กเติบโตมา แต่สำหรับเยาวชนเหล่านี้ได้สร้างวีรกรรมด้วยการก่อคดีฆาตรกรรมสุดโหดเหี้ยม จนกลายเป็นฆาตรกรวัยเยาว์ที่โลกต้องตะลึง 1. Jon Venables และ Robert Thompson ทั้งสองคนนี้อายุเพียง 10 ขวบ พวกเขาได้ล่อลวงเด็กน้อยวัย 2 ขวบ ออกห่างจากแม่ของเขาในศูนย์การค้าของอังกฤษเมื่อปี 1993 จากนั้นทั้งคู่ได้พาเด็กน้อยไปที่รางรถไฟก่อนที่จะลงมือฆ่าเด็กน้อยคนนั้นอย่างโหดเหี้ยม แต่หลังจากที่แพทย์ชันสูตรศพแล้ว ก็ไม่สามารถเผยสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงได้ 2. Sandra และ Beth Andersen Sandra วัย 16 ปี และ Beth วัย 15 ปี ได้ก่อคดีฆาตกรรมจนถูกเรียกว่า “Bathtub Girls” เพราะเด็กสาวทั้งสองทำการมอมเหล้าแม่ของตัวเองในปี 2003 ก่อนจะให้เธอกินไทลินอลแล้วจับเธอกดน้ำในอ่างอาบน้ำ 3. Brenda Spencer Brenda เด็กสาววัย 16 ปีใช้อาวุธปืนไรเฟิลที่ได้รับเป็นของขวัญจากพ่อในวันคริสมาสต์กราดยิงเด็กๆ 8 คน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่โรงเรียนในคลีฟแลนด์ นอกจากนี้เธอยังพยายามฆ่าครูใหญ่และผู้ปกครองท่านอื่นด้วย ส่วนเหตุผลที่เธอก่อเหตุเช่นนี้เพราะว่าเธอเกลียดวันจันทร์ …
-
เปิดประวัติโต๊ะทำงานในทำเนียบขาว ของขวัญพระราชทานจากควีนวิคทอเรีย ตั้งแต่ยุค 1900s
ใครก็ตามที่ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกานั้น แม้จะต้องแบกรับภาระอันหนักหน่วงแต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็จะรู้สึกภาคภูมิใจที่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสเข้าไปทำงานในทำเนียบขาว เหตุผลสำคัญที่ทำให้ประธานาธิบดีรู้สึกภูมิใจคือการได้นั่งทำงานบนโต๊ะตัวหนึ่งในทำเนียบขาว ซึ่งมีประวัติความเป็นมาไม่ธรรมดา จนทำให้หลายคนอยากมีโอกาสได้สัมผัสโต๊ะตัวดังกล่าวสักครั้งในชีวิต เพื่อให้เพื่อนๆ เข้าใจความสำคัญของโต๊ะตัวนี้ #เหมียวขี้ส่อง ขอเล่าย้อนไปตั้งแต่แรกเลยละกันนะ John Franklin นักสำรวจผู้มีประสบการณ์และเจ้าหน้าที่กองทัพเรือได้ออกจากอังกฤษในปี 1845 เพื่อทำภารกิจสำรวจแนวชายฝั่งอาร์กติก และไม่เคยกลับมาอีกเลย เรือที่เดินทางมากับเขาสองลำคือ HMS Erebus และ HMS Terror ได้ไปชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็ง ส่งผลให้กัปตันเรือและคนของเขาเสียชีวิต กระทั่ง 3 ปี หลังจากที่เขาออกมาสำรวจ รัฐบาลอังกฤษก็ได้ส่งเรือหลายลำออกไปตามหาลูกเรือที่สูญหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว จากการค้นหาในครั้งนี้พวกเขาได้พบกับเรือ HMS Resolute หนึ่งในเรือที่ออกเดินทางพร้อม Franklin และเป็นเรือที่ถูกออกแบบมาพิเศษกว่าเรือลำอื่นๆ ก่อนจะถูกส่งไปยังแถบอาร์กติกตะวันออก ต่อมาในปี 1852 เรือ Resolute ถูกส่งไปทำภารกิจกู้ซากเรือจากเหตุการณ์นี้อีกครั้ง แต่แล้วเรือลำนี้ก็เจอชะตากรรมเดียวกันคือชนกับภูเขาน้ำแข็งที่นั่น เรือ Resolute ถูกทิ้งไว้ที่อาร์กติก จนกระทั่งปี 1855 มันก็ถูกพบโดยนักล่าวาฬจากอเมริกา ทางกัปตันเรือจึงได้ส่งลูกเรือครึ่งหนึ่งไปกู้ Resolute ออกมา ต่อมาในปี 1856 เรือ Resolute ก็ถูกนำกลับมายังอังกฤษ และพวกเขาได้มอบเป็นของขวัญให้กับควีนวิกตอเรีย จนกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของพระองค์ เรือ Resolute ถูกใช้ในกองทัพอังกฤษจนถึงปี 1879 หลังจากนั้นรัฐบาลอังกฤษก็มีคำสั่งให้ทำโต๊ะ…
-
สุดยอดน้องหมา ผู้ครองตำแหน่งสุนัขที่มี “ลิ้นยาวที่สุดในโลก” โดยยาวกว่า 7.3 นิ้ว!!
หลายคนต้องรู้จักหนังสือ “กินเนสบุ๊ก” กันมาก่อนเพราะมันคือสิ่งที่บันทึกความเป็นที่สุดในแต่ละเรื่องบนโลกเราเอาไว้ ซึ่งครั้งนี้เราก็จะพูดถึงหนึ่งในสถิติที่เจ๋งไม่แพ้อันอื่นเลย นั่นก็คือสถิติของน้องหมาที่มี ‘ลิ้น’ ยาวที่สุดในโลก โดยเจ้าของสถิติในปัจจุบันก็คือสุนัขสายพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ดที่ชื่อว่า Mochi วัย 8 ขวบในเมือง Sioux Falls รัฐดาโคตา ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่มันจะได้ตำแหน่งนี้ไปครอง เพราะว่าลิ้นของมันมีความยาวจากระยะของริมฝีปากจนถึงปลายลิ้นวัดออกมาได้ถึง 7.3 นิ้วหรือกว่า 18 เซนติเมตรเลยทีเดียว!! เจ้าหมา Mochi ครองแชมป์สุนัขที่มีลิ้นยาวที่สุดในโลกตอนนี้ Carla Rickert เจ้าของของมันได้บอกว่า “ฉันรู้สึกภูมิใจกับตำแหน่งที่มันได้รับเป็นอย่างมาก รู้สึกได้เลยว่าช่วงเวลากว่า 6 ปีครึ่งที่ฉันดูแลมันมามันช่างคุ้มค่า” เธอและสามีได้รับช่วยเหลือและพามันกลับมาเลี้ยงตั้งแต่อายุได้ 2 ขวบ หลังจากนั้นพวกเธอก็ต้องคอยดูแลมันอย่างใกล้ชิดเพราะความยาวลิ้นที่ผิดปกติทำให้ต้องคอยป้องกันเรื่องฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่อาจติดอยู่บนลิ้นของมัน นอกจากนั้นมันยังได้สอนให้พวกเธอเข้าใจว่าจงภูมิใจกับเอกลักษณ์ในตัวเอง และหวังว่ามันจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆ คนหันมาช่วยเหลือและรับเลี้ยงสัตว์จรจัดทั้งหลาย คลิปวิดีโอตอนที่เจ้าหมาตัวนี้ได้รางวัล แม้ว่ามันจะเป็นแชมป์อยู่ในตอนนี้แต่ถ้าหากย้อนกลับไปในอดีต สุนัขที่มีลิ้นยาวที่สุดในโลกจริงๆ มีชื่อว่า Brandy สายพันธุ์บ็อกเซอร์ในรัฐมิชิแกน วัดความยาวลิ้นได้มากถึง 17 นิ้ว หรือกว่า 43 เซนติเมตร แต่เจ้าตัวนี้ได้ตายไปในเดือนกันยายน ปี…
-
มาถึงขนาดนี้แล้วเหรอ!? พบกับอุปกรณ์ที่จะช่วยกรองให้คุณสูดแต่อากาศบริสุทธิ์เข้าไป
เครื่องฟอกอากาศที่เราเห็นกันทั่วไปจะมีขนาดที่ใหญ่เหมาะกับการวางไว้ในห้องเพื่อทำให้อากาศในนั้นบริสุทธิ์ แต่สำหรับเครื่องนี้จะทำให้เราได้รับอากาศที่ดีในทุกที่ทุกเวลา มาทำความรู้จักกับ Treepax เครื่องมือที่จะช่วยให้คุณสามารถสูดอากาศหายใจได้แบบสดชื่น เพราะเจ้าสิ่งนี้จะเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์ให้กลายเป็นออกซิเจนไม่ต่างกับต้นไม้ ความสามารถนี้มาจากการสกัดเอา DNA ของใบไม้ด้วยวิธีการ CRISPR เพื่อให้ได้ระบบการสังเคราะห์แสงมาใส่เอาไว้ในแท่งทรงกระบอกเล็กๆ และเมื่อเสียบมันเข้ากับตัวเครื่องก็จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนพกพาต้นไม้ส่วนตัวเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการหายใจทางปากหรือจมูกก็ล้วนแล้วแต่เป็นอากาศอันบริสุทธิ์ทั้งนั้น เพราะท่าทางการใช้งานของมันจะต้องคาบเอาไว้ในปากและจ่อจมูกคาไว้อย่างนั้น ดูไปดูมาก็แอบรู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้เกิดจากไอเดียของ Bacho Khachidze และ Lashe Kvantaliani ชาวจอร์เจีย ซึ่งทั้งสองสนใจในเรื่องของการพัฒนาสิ่งแวดล้อม ก่อนหน้านี้พวกเขาได้สร้างแอปฯ ที่ทำให้เราสามารถติดตามพัฒนาการต้นไม้ที่เราปลูกได้ แต่แอปฯ ดังกล่าวก็ไม่ประสบความสำเร็จนัก จนกระทั่งได้เกิดเจ้าสิ่งนี้ขึ้นมาโดยพวกเขาบอกว่ามันจะทำให้คนเราเข้าใจและตระหนักได้ว่าหากเราปลูกต้นไม้เพิ่มมากขึ้นแล้วจะดีต่อร่างกายอย่างไรบ้าง อีกทั้งในเมื่อเราไม่สามารถลดการตัดไม้ทำลายป่าลงได้ นี่ก็นับเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีอย่างหนึ่ง ช่วยให้เราสามารถรอดพ้นจากปัญหาอากาศเป็นพิษได้ดี ยิ่งกว่านั้นคุณอาจมีมันไว้เผื่อเวลาเกิดสงครามนิวเคลียร์หรือต้องอพยพไปอยู่บนดาวอังคาร คุณก็จะเป็นคนหนึ่งที่จะมีออกซิเจนไว้หายใจได้อยู่เสมอ นอกจากขนาดเล็กกะทัดรัดพกพาสะดวกแล้วมันยังมาพร้อมกับฟังก์ชันที่จะทำให้ใช้งานง่ายอีก ไม่ว่าจะเป็นการชาร์จแบบไร้สาย 30 นาทีเต็ม เมื่อชาร์จเต็มก็สามารถอยู่ได้นานถึง 24 ชั่วโมงอีกด้วย รวมถึงหลอดไฟ LED ที่จะบอกได้ว่าเจ้าแกนกรองอากาศมันใกล้หมดแล้วหรือยัง คลิปโฆษณาและการใช้งานผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตามเจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้ก็ยังไม่ได้มีการประกาศวันหรือราคาจำหน่ายแต่อย่างใด จึงเป็นไปได้ว่าการโฆษณาผลิตภัณฑ์อาจมีขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการปลูกต้นไม้และอากาศบริสุทธิ์เท่านั้นเองก็ได้ …
-
เผยประวัติศาสตร์ 2,000 ปี แห่ง “ลอนดอน” เมืองหลวงของอังกฤษ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
อังกฤษเป็นประเทศหนึ่งที่สำคัญมากที่สุดในโลก ที่ไม่ว่าใครๆ ต่างก็จับตามองถึงความเจริญรุ่งเรือง และยังเป็นที่ที่หลายๆ คนอยากจะไปเยือนสักครั้งในชีวิต เมืองหลวงของอังกฤษคือลอนดอน ซึ่งปัจจุบันมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 8.6 ล้านคน เป็นศูนย์กลางแห่งแฟชัน ดนตรี ศิลปะ ผู้คนทั่วโลกต่างก็ปรารถนาที่จะได้มาเยือนมหานครแห่งอำนาจแห่งนี้ เมื่อปี 1999 และปี 2010 ได้มีการศึกษาและรวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ กว่าจะมาเป็นลอนดอนในปัจจุบัน เพื่อให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ศึกษาความเป็นมา จุดเริ่มต้นของลอนดอนพบว่าเริ่มมีการตั้งถิ่นฐานใกล้กับแม่น้ำเทมส์ในช่วง 4500 ปีก่อนคริสตกาล โดยเป็นยุคของการทำเกษตรและยุคสำริด ปีค.ศ. 43 ชาวโรมันก่อตั้งชุมชนที่เรียกตัวเองว่า Londinium ซึ่งในปัจจุบันกลายมาเป็นลอนดอน และในปีค.ศ. 200 ก็ได้สร้างสะพานแห่งแรกของแม่น้ำเทมส์ ในช่วงศตวรรษที่ 7 ถึงศตวรรษที่ 11 ชาวแองโกลได้อพยพเข้ามาอาศัย โดยเริ่มมีการวางผังเมือง ประชากรเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 10,000 ถึง 12,000 คน วิหาร Westminster ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 10 เป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดในลอนดอน วิหารแห่งนี้สร้างเสร็จสิ้นในปีค.ศ. 1066 …
-
หญิงแก่ถูกจับได้เมื่อพบความจริงว่า ‘ลักพาตัวแมว’ มาเก็บเอาไว้ในบ้านมากถึง 15 ตัว!?
คดีการลักพาตัวส่วนใหญ่ที่เราจะเคยได้ยินตามสื่อต่างๆ มักจะเป็นการลักพาตัวเด็กหรือหญิงสาว แต่ความเป็นจริงสิ่งที่เกิดขึ้นไม่จำเป็นต้องเกิดแค่กับคน เพราะเธอคนนี้คือโจรที่ลักพาตัวแมว!! เมื่อตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านของหญิงสูงวัยคนหนึ่งและพบกับแมวที่หายไปจากเจ้าของมาอยู่ที่นี่ถึง 15 ตัว นั่นก็เพราะเธอคนนี้ได้ไปพรากมันมาจากเจ้าของทั้งหลาย ที่นี่ที่ไหน? พวกหนูไม่คุ้นเลย บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในเมือง Stretford เขตแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ โดยตำรวจได้รับแจ้งในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าแมวที่อยู่ในบ้านของเธอคนนี้ดูน่าสงสัย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจดูในวันที่ 4 ตุลาคม เจอกับแมวที่ถูกขโมยมาจริง จากนั้นจึงส่งต่อให้กับ องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งประเทศอังกฤษ (ชื่อย่อว่า RSPCA) เพื่อให้พวกมันได้รับการดูแลและตามหาเจ้าของกันต่อไป โดยเจ้าเหมียวที่พบแทบทั้งหมดจะเป็นตัวผู้ มีตัวเมียที่ตาบอดแค่ตัวเดียวและมีการระบุตัวตนของพวกมันกับเจ้าของเดิมได้เพียงแค่ 4 ตัวเท่านั้น เจ้าของคงต้องกำลังคิดถึงพวกมันอยู่มากๆ แน่เลย ตอนนี้ทุกคนก็ได้เร่งตามหาเจ้าของเก่าของพวกมันทุกตัว โดยมีการโพสต์ภาพของพวกมันลงไปในโซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นสามารถติดต่อมารับตัวพวกมันกลับไปได้ อีกทั้งยังบอกอีกว่าไม่ต้องกังวลเรื่องการเป็นอยู่หรือสวัสดิภาพของเจ้าเหมียวเหล่านี้ เพราะเจ้าหน้าที่ได้ดูแลเอาไว้อย่างดี สบายใจได้หายห่วง ป๋มคิดถึงบ้านนน.. อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับเรา เพื่อนๆ ต้องอย่าลืมที่จะดูแลเอาใจใส่น้องเหมียวของเรากันให้ดีๆ นะ ที่มา: dailymail
-
รู้หรือไม่? ครั้งหนึ่งรัสเซียเคยขาย ‘อลาสก้า’ ให้สหรัฐฯ ด้วยราคาแค่ 300 ล้านบาท!!
ปัจจุบันรัฐอลาสก้านับว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพราะแม้แต่พระเอกหนังดังขวัญใจฮิปสเตอร์อย่างเรื่อง ‘Into the Wild’ ก็ยังไปตายที่นั่น… แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าครั้งหนึ่งพื้นที่ทั้งหมดของอลาสก้าเคยเป็นของรัสเซีย ก่อนที่จะขายให้สหรัฐฯ ในปี 1867 ด้วยราคา 7.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 300 ล้านบาท) และสร้างมูลค่าอย่างมหาศาลให้กับสหรัฐฯ ในเวลาต่อมา อลาสก้ายุคก่อนเป็นของสหรัฐฯ ย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 19 อาณาเขตของอลาสก้าที่อยู่ใต้การปกครองของรัสเซีย ถือเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจสำคัญของโลก ในยุคนั้นมีเมืองหลวงที่ชื่อ Novoarkhangelsk (Sitka) ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ใช้ในการรับซื้อสินค้าจากจีน เช่นผ้า ถ่านหิน แร่ธาตุ ชา ธัญพืช หรือแม้แต่ทองคำ นอกจากนั้นยังเป็นช่วงเวลาที่กลุ่มพ่อค้าชาวรัสเซียจำนวนมากต่างหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมการส่งออกงาของตัววอลรัส ซึ่งมีราคาสูงพอๆ กับงาช้าง โดยหลักๆ ในช่วงนั้นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีส่วนแบ่งในตลาดมากที่สุดตกเป็นของ Russian-American Company ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่ผูกขาดการค้ามากซะจนสามารถต่อรองกับรัฐบาลได้ จนช่วงเวลาต่อมาเขตอลาสก้าก็ถูกพัฒนาให้มีการใช้ธงและสกุลเงินเป็นของตัวเอง ตัวอย่างเหรียญทองส่วนหนึ่งจากอลาสก้าที่ถูกใช้แลกเปลี่ยนในยุคนั้น RAC ท่อน้ำเลี้ยงสำคัญของอลาสก้า Alexander Baranov พ่อค้าหัวใสชาวรัสเซีย ได้เปลี่ยนจากเมืองอลาสก้าที่มีแต่อุตสาหกรรมและเครื่องจักร ให้เพรียบพร้อมไปด้วยสถานศึกษา สถานพยาบาลให้แก่กลุ่มแรงงาน และถ่ายทอดความรู้ด้านการเพาะปลูกให้คนพื้นเมือง ภายใต้การบริหารงานของเขาทำให้กำไรของบริษัท…
-
หนุ่มจงใจปล่อยเชื้อ HIV ใส่คู่นอนที่เจอกันผ่าน “แอปหาคู่” ถึง 4 คน แถมส่งข้อความเยาะเย้ย
ทุกคนคงรู้จักโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่าง HIV กันอยู่แล้ว และนั่นจึงทำให้ถุงยางมีประโยชน์มากกว่าการคุมกำเนิดเพราะสามารถป้องกันโรคดังกล่าวนี้ได้อีกด้วย ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้เองก็ต้องระวังไม่ให้ใครได้รับโรคร้ายนี้ไปด้วย ตรงข้ามกับชายหนุ่มชื่อ Daryll Rowe ที่ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคนี้แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะแพร่เชื้อไปให้กับคนอื่นๆ เรื่องราวของช่างตัดผมวัย 26 ปีคนนี้เริ่มขึ้นเมื่อเขาได้ถูกวินิจฉัยว่าป่วยติดเชื้อ HIV ในเดือนเมษายน 2015 ที่เมือง Edinburgh ประเทศสกอตแลนด์ หลังจากนั้นเขาจึงกินยาต้านเพื่อไม่ให้ไวรัสเข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ต่อมาเขาก็ย้ายไปเมือง Brighton ประเทศอังกฤษ และเนื่องจากเขาไม่มีที่ไหนที่พอจะสามารถพักพิงได้ จึงใช้แอปฯหาคู่ชื่อ Grindr ตามหาการมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน โดยเขาจะพูดคุยกับคนในแอปฯ ก่อนที่จะไปหาพวกเขาเหล่านั้นที่บ้านและมีอะไรกัน เพื่อที่เขาจะสามารถแพร่ไวรัสที่ตัวเองเป็นอยู่ไปให้กับคนอื่นๆ ได้ วิธีการของเขาก็คือหลอกให้ทุกคนตายใจว่าเขาไม่ได้ป่วย HIV และปฏิเสธที่จะใช้ถุงยาง หรือถ้าหากอีกฝ่ายไม่ยอมเขาก็จะใส่แล้วค่อยฉีกถุงในตอนที่กำลังร่วมเพศกันอยู่ ถึงแม้ว่าในตอนแรกเขาจะกินยาต้านแต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เลิกกินเพื่อให้คนอื่นๆ มีโอกาสที่ติดเชื้อจากเขาไปได้มากขึ้น หลังจากนั้นเมื่อแยกย้ายกันไปเขาก็จะโทรหรือส่งข้อความไปเยาะเย้ยให้กับผู้โชคร้ายเหล่านั้นอย่างเช่น “ไม่แน่ว่าคุณอาจจะมีไข้ เพราะว่าผมสอดใส่เข้าไปในตัวคุณและผมเป็น HIV อุ๊บส์!” หรือ ”ตอนนั้นผมฉีกถุงยางโดยที่คุณไม่รู้ เพราะคุณเป็นคนที่โง่มาก” อัยการ Caroline Carberry ได้เล่าว่า ชายคนนี้ได้ทำพฤติกรรมดังกล่าวมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2015 จนถึงธันวาคม 2016…
-
รายการ Carpool Karaoke ไฟเขียว เตรียมออนแอร์ตอนของ Linkin Park ส่งท้ายให้กับ Chester
อย่างที่แฟนๆ หลายคนได้ทราบกันดีว่า เราได้สูญเสียนักร้องมากฝีมือ Chester Bennington ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความเสียใจให้แฟนเพลงและครอบครัวของเขาเป็นอย่างมาก ซึ่งนั่นยังส่งผลให้รายการ Carpool Karaoke รายการนั่งรถเล่นไปร้องเพลงไปที่ฉายผ่านช่อง Apple TV และสร้างโดย James Corden ต้องหยุดแผนการออกอากาศของรายการดังกล่าวในตอนของวง Linkin Park และแขกรับเชิญ Ken Jeong ลงทันที… เดิมทีแล้วสมาชิกวง Linkin Park ทั้งตัว Mike Shinoda และ Chester Bennington ได้เดินทางไปถ่ายรายการตอนดังกล่าวก่อนหน้าวันที่เราจะเสีย Chester ไปเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น และด้วยความเศร้าโศกที่เกิดขึ้นทำให้ตัว James ที่เป็นเจ้าของรายการจึงคิดว่าไม่เหมาะสม เลยต้องหยุดไว้ก่อนอย่างไม่มีกำหนด ทางด้าน James เคยให้สัมภาษณ์ว่า ตอนดังกล่าวของรายการจะได้รับการฉายหรือไม่นั้น เขาไม่ใช่คนตัดสินใจแต่มันขึ้นอยู่กับทีมงานที่มีส่วนร่วม สมาชิกวงและครอบครัวของ Chester ทว่าล่าสุดคำตอบก็ได้ออกมาแล้ว คำตอบนั้นได้ถูกประกาศผ่านเพจของวง Linkin Park เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าตอนดังกล่าวจะได้ออกฉายแน่นอนในสัปดาห์หน้า หรือก็คือวันที 12 ตุลาคม 2017 นั่นเอง ทางด้าน Talinda…
-
แก๊งโจรลงทุน 43 ล้านบาทขุดอุโมงค์ลึก หวังปล้นเงินธนาคารหมื่นล้าน แต่ดันไม่ได้ใช้งานซะงั้น!!
ถ้าหากใครที่เป็นแฟนๆ หนังแนวโจรกรรม อาจจะคุ้นเคยหนึ่งในพล็อตสุดคลาสสิคของหนังแนวนี้กันเป็นอย่างดี นั่นก็คือการขุดอุโมงค์เพื่อไปโผล่ในห้องเก็บตู้เซฟของธนาคาร และกวาดเงินหลายล้านหนีไปอย่างไร้ร่องรอย ถึงแม้การขุดอุโมงไปโผล่ใต้ตูเซฟในหนังนั้นอาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่อันที่จริงแล้วการจะทำแบบนั้นได้แค่มีสกิลพระเอกอย่างเดียวคงไม่พอ และดีไม่ดีอาจะถูกตำรวจจับอย่างหนุ่มชาวบราซิลคนนี้อีกต่างหาก!! โทษทีนะคะ คุณไม่ใช่เดอะเฟซค่ะ คุณตำรวจจากเมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล ได้หยุดยั้งแผนโจรกรรมเงินของธนาคารมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาทจากกลุ่มโจรที่พยายามขุดอุโมงค์ใต้ติดเพื่อเข้าไปในธนาคาร เจ้าหน้าที่พบอุโมงที่มีความยาวถึงครึ่งกิโลเมตรอยู่ใต้ดินในเมืองเซาเปาโล พร้อมกับระบบไฟและเครื่องระบายอากาศอยู่ภายในนั้น เจ้าหน้าที่กล่าวว่าผู้ต้องหารับสารภาพว่าพวกเขาวางแผนที่จะขุดอุโมงดังกล่าวจากบ้านเช่า เพื่อขโมยเงินในธนาคาร Banco do Brasil “ถ้าหากแผนการนี้สำเร็จ มันอาจจะเป็นหนึ่งในการปล้นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขาเป็นหนึ่งในแก๊งที่อันตรายที่สุดในบราซิล และมีประวัติอาชญากรอย่างโชกโชน “ เจ้าหน้าที่ Fabio Pinheiro Lopes กล่าว เด็กหนุ่มวัย 16 ปี หนึ่งในผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมได้ในคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ใกล้ๆ กับโกดังแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของเมือง ซึ่งเป็นจุดที่พวกเขาเริ่มขุดอุโมงค์ดังกล่าว จากติดตามมาความเคลื่อนไหวของแก๊งนี้มาตลอดระยะเวลา 2 เดือน ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการคนอื่นได้อีกกว่า 20 คน ในการขุดครั้งนี้พวกเขาใช้เงินลงทุนมากถึง 1 ล้าน 3 แสนเหรียญหรือ 43 ล้านบาทเลยทีเดียว อุโมงค์ดังกล่าวใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 4…
-
เจ้าบ่าวแก้แค้น เปิดวิดีโอ “เจ้าสาวอยู่กับชู้” ให้แขกรับชมกลางงานแต่ง วุ่นสิครับงานนี้!!
อีกหนึ่งเรื่องราวที่กลายเป็นประเด็นร้อนฉ่าไปทั่วโลกโซเชียล จากเหตุการณ์กลางงานแต่งงานที่เจ้าบ่าวขอเอาคืนเจ้าสาวที่เคยแอบไปมีกิ๊ก มันวุ่นวายตรงที่มาเอาคืนกันในคืนวันจัดงานนี่แหละ เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งสำนักข่าวท้องถิ่นได้นำภาพการแก้เผ็ดเจ้าสาวกลางงานแต่งให้แขกได้เห็นกันแบบเต็มๆ ตา แทนวิดีโอพรีเซ้นท์งานแต่งที่เตรียมไว้ แขกภายในงานทุกคนได้เห็นวิดีโอหลุดของเจ้าสาว… กับชายคนอื่นที่ไม่ใช่ว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ เหตุการณ์เริ่มมาจาก ช่วงก่อนหน้างานแต่งหลายเดือน เจ้าบ่าวรู้สึกตะขิดตะควงใจต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเจ้าสาว เขาจึงทำการว่าจ้างนักสืบเอกชนจากบริษัทแห่งหนึ่ง ตัวนักสืบผู้รับเรื่องนี้ (Ms. Zhuo) ก็ได้ออกมาชี้แจงกับสำนักข่าวท้องถิ่นว่า ก่อนหน้านี้เธอได้รับการว่าจ้างจริง เธอจึงนำข้อมูลต่างๆ ที่ฝ่ายเจ้าบ่าวรู้สึกผิดสังเกตมาประกอบการสืบหาหลักฐาน ก่อนจะพบว่า… เจ้าสาวแอบไปอยู่กับคนอื่นอย่างลับๆ จริง!! “แม้ว่าการทำงานของเราอาจสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัว แต่มันก็เป็นความจริงที่ดีกว่าการปกปิด… เราใช้เวลาเฝ้าส่องพฤติกรรมเจ้าสาวนานกว่า 6 สัปดาห์ถึงจะมั่นใจที่จะบอกคำตอบให้แก่ฝ่ายเจ้าบ่าว” นักสืบเล่าถึงการจ้างงานดังกล่าว ส่วนวิธีการแก้เผ็ดก็แสบสันใช่ย่อย โดยตัวเจ้าบ่าวได้แสร้งทำเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ ปล่อยให้แขกผู้มีเกียรติมาร่วมงานอย่างคับคั่ง โดยเฉพาะฝั่งญาติของเจ้าสาว เมื่อถึงช่วงที่ทุกคนกำลังชมวิดีโอเรื่องราวความรักของทั้งสองคน จู่ๆ ภาพก็ตัดหายไป จากนั้นภาพที่ปรากฎบนจอกลับเป็นคลิปวิดีโอหลุดจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมที่เจ้าสาวไปเข้าพักกับชายคนอื่น!! หลังจากนั้นไม่ได้มีรายงานข่าวว่าพวกเขาตัดสินใจยกเลิกงานแต่งงานครั้งนี้หรือไม่ แต่เรียกได้ว่าหลังแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายได้รับชมแล้ว ต่างก็รู้สึกอึ้งและทำตัวไม่ถูกไปตามๆ กัน เกิดเป็นความวุ่นวายเล็กๆ น้อยๆ ขึ้นมากลางงานมงคลครั้งนี้เลยทีเดียว.. ที่มา: Dailymail
-
ชะตากรรมของลูกหมาจรจัด กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงอยู่กับสารกัมมันตรังสีในเชอร์โนบิล
ผ่านมานานกว่า 31 ปีแล้ว สำหรับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลในประเทศยูเครน เมื่อปี 1986 ส่งผลกระทบให้มีผู้เสียชีวิตมากมาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บทางกัมมันตรังสีกว่าหลายร้อยคน นับได้ว่าเหตุการณ์หายนะนิวเคลียร์ที่มีความรุนแรงมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ภายหลังจากที่เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ทำให้สารกัมมันตรังสีจากโรงงานแห่งนี้ได้ลอยปนเปื้อนออกไปในอากาศ ผืนดิน รวมถึงแม่น้ำไปไกลหลายพื้นที่เลยทีเดียว และถึงแม้ว่าเหตุการณ์ครั้งร้ายแรงนี้จะผ่านมาเป็นเวลานานแล้ว แต่พื้นที่ในบริเวณที่อยู่ใกล้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็ยังคงไม่เอื้ออำนวยให้มนุษย์เข้าไปอยู่อาศัย เนื่องจากยังมีระดับสารกัมมันตภาพรังสีอยู่ในปริมาณมากนั่นเอง แต่ที่น่าเศร้าก็คือ ในเมืองที่เต็มไปด้วยสารอันตรายแห่งนี้กลับมีเพื่อนร่วมโลกที่ดีที่สุดของมนุษย์อย่างสุนัข อาศัยอยู่ในเมืองปริปยัต และเชอร์โนบิลเป็นจำนวนมาก เพราะเมื่อ 31 ปีที่แล้ว ชาวเมืองต้องพากันอพยพออกจากพื้นที่อยู่อาศัย และมีความจำเป็นที่จะต้องทิ้งสัตว์เลี้ยงของพวกเขาเอาไว้ที่บ้านเพียงลำพัง พอเวลาผ่านไปสุนัขที่รอดชีวิตต่างก็ขยายเผ่าพันธุ์จนทำให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าในตอนนี้น่าจะมีสุนัขอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณดังกล่าวมากถึง 900 ตัว อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ยังคงโชคดีที่มีองค์กร Four Paws และ Clean Futures Fund (CFF) ได้เข้ามาดูแล และให้ความช่วยเหลือ พร้อมฉีดวัคซีคเพื่อป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้กับสุนัขเหล่านี้อีกด้วย ทางด้าน Julie Sander จากองค์กร…
-
ผลงานเมคอัพ Body Of Souls สะท้อนอาการ “ไบโพลาร์” ในจิตใจที่กำลังกัดกินมนุษย์
อาการทางจิตที่มีชื่อเรียกว่า ไบโพลาร์ หรืออีกชื่อคือ โรคอารมณ์สองขั้ว เป็นโรคที่หลายคนรู้จักกันว่ามันจะทำให้ผู้ป่วยต้องจมอยู่กับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปมาอยู่ตลอดเวลา จากร่าเริงอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นเศร้าและกลับมาร่าเริงอีกครั้ง สิ่งนั้นจึงได้กลายเป็นไอเดียให้กับศิลปินสาวชาวอังกฤษ Kelly Odell ผู้สร้างผลงานการถ่ายภาพที่สื่อให้เห็นว่าผู้ที่ป่วยเป็นโรคดังกล่าวหรืออาการทางจิตอื่นๆ เช่น โรคซึมเศร้ากับสมาธิสั้น พวกเขาเหล่านั้นจะต้องรู้สึกอย่างไรกันบ้าง เธอจึงใช้ยางทำหน้ากากและชิ้นส่วนต่างๆ นานถึง 9 วันให้ออกมาเป็นใบหน้าและมือของปีศาจที่ซ่อนอยู่ภายใน คอยฉุดจิตใจของเราลงไปให้ต่ำลง ชิ้นส่วนต่างๆ ที่เกิดจากฝีมือและระยะเวลา แปะติดกับทุกส่วนของร่างกายนางแบบ จากนั้นทั้งหมดก็จะได้ไปตกแต่งอยู่บนร่างของนางแบบที่ชื่อว่า Suzi Cumming นอกจากนั้นเธอคนนี้ยังมีส่วนร่วมในการออกแนวคิดต่างๆ ให้กับผลงานชิ้นนี้อีกด้วย นอกจากนั้นพวกเธอยังได้ร่วมมือกับ Rick Jones ช่างภาพมืออาชีพของสตูดิโอชื่อ Horrify Me ที่ทำให้การนำเสนอเพิ่มความหลอนมากขึ้นไปอีกจากเทคนิคเพิ่มเติมต่างๆ เช่น การใช้เลือดปลอมแต่งเติมเข้าไป หน้ากากที่สมจริงสมจัง เป็นผลงานที่เกิดจากความพยายามของทุกคน ในระหว่างนั้นทุกคนจะช่วยกันออกความคิดเพื่อเพิ่มให้งานมีความหมายมากยิ่งขึ้น อย่างการใส่หน้ากากเพื่อสื่อถึงการที่เราทุกคนซ่อนความรู้สึกภายในเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ สุดท้ายจากความช่วยเหลือของ Claire Jones ผู้ร่วมงานอีกคนหนึ่งก็ทำให้ทุกอย่างเสร็จสิ้นลงได้ในเวลาเพียงแค่ 6 ชั่วโมง ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบและน่าดึงดูด ชวนให้ทุกคนค้นหาความหมายจากสิ่งต่างๆ ที่พวกเธอสื่อออกมา…
-
งานหนักฆ่าคนได้… นักข่าวสาวเสียชีวิตจากการ ‘ทำงานล่วงเวลา’ จำนวน 159 ชั่วโมงต่อเดือน
กลายเป็นกระแสวิพากย์วิจารย์เกี่ยวกับกฎหมายแรงงานของประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง หลังจากผู้ประกาศข่าววัย 31 ปีของสำนักข่าว NHK ต้องเสียชีวิตจากการทำงานอย่างหนัก คุณ Miwa Sado ผู้ประกาศข่าวที่ประจำอยู่ในสำนักงานใหญ่ของสื่อดังกล่าวในกรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น ทำงานล่วงเวลาอย่างหนักถึง 159 ชั่วโมงในหนึ่งเดือน และมีวันหยุดเพียงแค่เดือนละ 2 ครั้งเท่านั้น ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตเนื่องจากสภาวะหัวใจล้มเหลวเมื่อปี 2013 โดยการเสียชีวิตของนักข่าวสาวท่านนี้เรียกว่า karoshi หรือการตายจากการทำงานหนัก ซึ่งได้รับการเปิดเผยจากอดีตนายจ้างของเธอเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา การเสียชีวิตของผู้ประกาศข่าวสาวทำให้เกิดแรงกดดันเกี่ยวกับสวัสดิการของเหล่าพนักงงาน และเรียกร้องให้ภาครัฐมีการจัดการแก้ปัญหาและทำให้หลายๆ คนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับความสมดุลระหว่างเวลาทำงานและชีวิตส่วนตัว การเสียชีวิตจากการทำงานหนักนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของพนักงานชาวญี่ปุ่น แต่ก่อนหน้านี้ Matsuri Takahashi พนักงานสาววัย 24 ปีก็ตัดสินใจฆ่าตัวตาย เนื่องจากความเครียดจากการทำงานหนัก ตามการรายงานของสำนักงานมาตรฐานแรงงาน Takahashi ทำงานล่วงเวลามากกว่า 100 ชั่วโมงในหนึ่งเดือนก่อนที่เธอจะเสียชีวิต หนึ่งสัปดาห์ก่อนที่เธอจะตัดสินใจจบชีวิตตัวเองในวันที่ 25 ธันวาคม 2015 หญิงสาวได้โพสต์ข้อความว่า “ฉันอยากตาย ตอนนี้ทั้งร่างกายและจิตใจของฉันพังไปหมดแล้ว” การเสียชีวิตจากการทำงานหนักนั้นถือเป็นปัญหาระดับชาติที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ การทำงานหนักนั้นเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมการทำงานของพนักงานญี่ปุ่น ที่อยากแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและทุ่มเทให้กับบริษัท แต่อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทางการญี่ปุ่นได้ออกกฎห้ามพนักงงานทำงานล่วงเวลาเกิน 100 ชั่วโมงต่อเดือน และมีบทลงโทษสำหรับบริษัทที่อนุญาตให้พนักงงานละเมิดกฎข้อห้ามดังกล่าว …
-
40 ภาพถ่ายเงาสะท้อน ที่ออกมาสวยงามสุดๆ คัดจากผลงานช่างภาพมืออาชีพทั่วโลก
หนึ่งในเทคนิคการถ่ายภาพเจ๋งๆ คือการถ่ายภาพสะท้อน ที่ดูเหมือนจะถ่ายง่ายๆ แค่มีกระจกหรือน้ำที่ทำให้เกิดภาพสะท้อนได้ก็ถ่ายได้แล้ว แต่จริงๆ แล้ว เบื้องหลังการถ่ายภาพสะท้อนมันมีอะไรมากกว่านั้น เพราะต้องอาศัยความอดทนและความคิดสร้างสรรค์ในการหามุมกล้องให้ภาพออกมางดงามและสมบูรณ์แบบที่สุด นอกจากนี้ต้องอาศัยแสงสี และจังหวะที่เหมาะสมด้วย บางภาพเหล่านี้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะถ่ายออกมาแบบนี้ได้แม้จะอยู่ในสถานที่เดียวกันก็ตาม เพราะบางสถานที่ บางช่วงจังหวะ มีโอกาสเกิดขึ้นแค่หนึ่งในล้านเท่านั้น นั่นหมายความว่านอกจากช่างภาพจะมีฝีมือแล้ว พวกเขาต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในการหาจังหวะหามุมในการจับภาพสะท้อนด้วย สำหรับภาพต่อไปนี้เราได้รวบรวมมาจากเว็บไซต์รูปภาพชื่อดังอย่าง Pinterest โดยเหล่านี้เป็นผลงานของช่างภาพมากฝีมือจากทั่วโลก . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .…
-
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยอมขายรางวัลส่วนตัว “ฟีฟ่าบัลลง ดอร์” เพื่อให้การกุศล 26 ล้านบาท!!
Cristiano Ronaldo หนึ่งในนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก อดีตดาวเตะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดผู้เคยเป็นเจ้าของสถิติค่าตัวแพงที่สุดในโลก สำหรับด้านความสามารถของเขานั้นคงไม่ต้องสงสัย เพราะนอกจากจะยิงประตูได้อย่างมากมายแล้ว เขาผู้นี้ยังกวาดรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของโลก หรือรู้จักกันในชื่อ “ฟีฟ่าบัลลง ดอร์” มาครองได้ถึง 4 สมัยอีกด้วย และล่าสุดเจ้าตัวได้ประกาศขายถ้วยรางวัลดังกล่าวในมูลค่าสูงถึง 26 ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้ไปสนับสนุนกับกองทุนเพื่อการกุศล Cristiano ได้ประกาศมอบเงินจากการขายถ้วยรางวัลที่เขาได้รับในปี 2013 ให้กับมูลนิธิ Make-A-Wish Foundation องค์กรการกุศลเพื่อเด็ก เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ดาวเตะชาวโปรตุเกสนั้นได้ให้การสนับสนุนองค์กรดังล่าวมาเป็นเวลานานแล้ว จำนวนเงินที่ได้จากการขายถ้วยรางวัลของเขานั้นถูกนำไปรวมกับเงินระดมทุนของทางสหราชอาณาจักร เพื่อนำไปช่วยเหลือเหล่าเด็กๆ ที่ป่วยด้วยโรคร้ายทั่วโลก ตามวัตถุประสงค์ขององค์กร Make-A-Wish Foundation รางวัลฟีฟ่าบัลลง ดอร์ นั้นเป็นรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของโลกที่เป็นการรวมรางวัลฟีฟ่า เวิลด์ เพลเยอร์ ออฟ เดอะ เยียร์ และรางวัลบัลลง ดอร์ หรือรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปเข้าด้วยกัน โดยเริ่มมีการมอบรางวัลดังกล่าวต้นตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา รางวัลฟีฟ่าบัลลง ดอร์ นั้นจะมีการโหวตลงคะแนนเสียงให้กับนักฟุตบอลจากทั่วโลกที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ซึ่งคะแนนดังกล่าวจะมาจากผู้ฝึกสอนและกัปตันทีมฟุตบอลประเทศต่าง ๆ รวมถึงผู้สื่อข่าวจากทั่วโลก โดย Cristiano นั้นสามารถคว้ารางวัลนี้ได้ในปี 2008, 2013,…
-
ภัยยาเสพติด Flakka เปลี่ยนคนให้เป็นซอมบี้ ไร้สติและทำร้ายตัวเอง กำลังระบาดหนัก..!!
กลายเป็นเรื่องน่าสะพรึงไปทั่วโลก หลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของหญิงสาวนิรนามจากบราซิลที่มีอาการผิดปกติคล้ายซอมบี้อันเกิดจากการใช้สารเสพติดที่เรียกว่า ‘Flakka’ คลิปวิดีโอที่ทำให้คนทั้งโลกรู้สึกสะพรึงกลัวถึงภัยอันตรายของมัน… แล้วมันคืออะไรกันแน่นะ? ‘Flakka’ (ฟลักกา) เป็นสารเสพติดในตระกูลเดียวกับพวก Bathsalt – Cathinone เนื่องจากมีลักษณะคล้ายเกลือที่ใช้สำหรับอาบน้ำ อีกทั้งยังมีความรุนแรงที่มากกว่าโคเคนและยาบ้าอยู่หลายเท่า แต่ด้วยราคาที่ถูกและหาซื้อได้ง่าย ทำให้มันกลายเป็นที่ระบาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยหลังจากที่ผู้เสพได้รับสารดังกล่าวเข้าไปสู่ร่างกายแล้ว จะทำให้เกิดความฮึกเหิมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หัวใจเต้นแรง ขาดสติสัมปชัญญะ ขาดการตัดสินใจด้านผิดชอบชั่วดี และทำให้เรากลายเป็นฆาตกรเลือดเย็นได้อย่างไม่รู้สึกผิดใดๆ ลักษณะอาการของผู้เสพฟลักกา ย้อนกลับไปในช่วงเดือนสิงหาคมเมื่อปี 2016 ได้เกิดเหตุการณ์น่าสะเทือนขวัญขึ้นที่รัฐฟลอริด้า เมื่อ Austin Harrouff เด็กหนุ่มวัย 19 ปี ได้ทดลองเสพยาดังกล่าวและเกิดอาการคุ้มคลั่ง นำมีดไปแทงสามีภรรยาเพื่อนบ้านจนเสียชีวิต..!! อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้คดีนี้กลายเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก ก็คงเป็นความสยดสยองที่นอกจาก Austin จะใช้มีดแทงเพื่อนบ้านจนตายแล้ว เขายังกัดกินและใช้ฟันแทะใบหน้าของผู้เสียชีวิตอย่างเอร็ดอร่อยอีกด้วย แต่กว่าที่เจ้าหน้าที่จะสามารถหยุดความโหดร้ายนี้ได้ เขาต้องใช้กำลังจากนายตำรวจถึง 4 นาย และสุนัขตำรวจอีก 1 ตัว และเมื่อสอบสวนถึงได้รู้ว่าก่อนหน้านี้ Austin ไม่เคยมีปัญหากับเพื่อนบ้านมาก่อน โดยทั้งหมดเป็นเพียงฤทธิ์ของฟลักกา …
-
ลูกน้องเห็นนายใช้ถุงกระดาษใบเดิมทุกวัน จึงสร้าง “กระเป๋าหิ้วหนัง” สวยๆ เก๋ๆ ให้เป็นของขวัญ
เรื่องราวน่ารักๆ ครั้งนี้เกิดขึ้นในบริษัทแห่งหนึ่ง เมื่อพนักงานของทางบริษัทได้มอบของขวัญชิ้นพิเศษ ให้กับเจ้านายของเขาในวันเกิดอายุ 78 ปีของเขา พนักงานท่านนี้เล่าว่า เขารัก Bob เจ้านายของเขามากๆ เพราะ Bob เป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนและเรียบง่าย และในทุกๆ วันเจ้านายจะมาทำงานพร้อมกับถุงกระดาษใบเก่าหนึ่งใบ พร้อมกับอาหารมากมายสำหรับแบ่งให้พนักงาน “Bob เป็นเจ้านายที่ดีมากๆ เขาเป็นหนึ่งในคนที่คุณต้องอยากทำงานด้วยแน่ๆ และวันนี้เป็นวันเกิดอายุ 78 ปีของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะอายุมากแล้วแต่ก็ยังคงทำงานอย่างหนัก และพวกเราคิดว่าจะมอบของขวัญชิ้นพิเศษบางอย่างให้กับเขา” พนักงานท่านหนึ่งกล่าว และนี่คือถุงกระดาษใบเก่า ที่ Bob ใช้ใส่ของมาทำงาน ถุงกระดาษใบเก่าถูกใช้เป็นต้นแบบในการสร้างกระเป๋าใบใหม่ ที่ใช้ชื่อว่า “The Bob Tote” พวกเขาลงมือร่างแบบและทำการเตรียมชิ้นส่วนต่างๆ โดยใช้หนังวัวเป็นวัสดุหลักสำหรับเจ้ากระเป๋าใบนี้ . และแล้วก็ได้เป็นโครงคร่าวๆ ของกระเป๋าใบนี้ออกมาแล้ว!! จากนั้นก็เริ่มเจาะรูก่อน ก่อนที่จะนำไปทาสีและประกอบกันในขั้นตอนต่อไป และแล้วก็มาถึงขั้นตอนการย้อมสีหนัง อ่า… จากหนังธรรมดาๆ ตอนนี้เริ่มดูมีสีสันสวยงามขึ้นมาแล้ว น้ำมันย้อมหนัง ช่วยให้หนังที่ได้มีสีสันที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น…
-
พ่อชาวรัสเซียตบสั่งสอนเด็กวัย 9 ขวบซะหน้าหงาย เพราะไปกลั่นแกล้งลูกชายของตน
เป็นธรรมดาของเด็กๆ ที่อาจจะมีเรื่องให้ทะเลาะกันบ้าง แต่พอวันรุ่งขึ้นพวกเขาก็สามารถกลับมาเล่นด้วยกันเหมือนเดิมได้ และผู้ปกครองเองก็ควรจะตักเตือนเด็กๆ ด้วยเหตุผล เพื่อไม่ให้พวกเขาใช้ความรุนแรงต่อกันอีก แต่ดูเหมือนคุณพ่อท่านนี้จะโมโหจัดเมื่อรู้ว่าลูกตัวเองถูกเพื่อนๆ รังแกในสนามเด็กเล่น เขาจึงเข้าไปหาเด็กกลุ่มนั้น และใช้ความรุนแรงกับพวกเขาเพื่อเป็นการสั่งสอน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมือง Krasnodar ในพื้นที่ Krasnodar Krai ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย โดยมีคนบันทึกวิดีโอเอาไว้ได้ก่อนจะโพสต์ลงในสื่อออนไลน์ ในคลิปดังกล่าวไม่ได้เปิดเผยชื่อคุณพ่อคนนั้น แต่คาดว่าน่าจะอายุประมาณ 34 ปี เขาได้เดินเข้าไปยังกลุ่มของเด็กๆ ที่อยู่ในสนามเด็กเล่น ก่อนจะใช้มือฟาดไปที่ตัวเด็กน้อยคนหนึ่งอย่างแรง แล้วจับเขย่าจนเด็กล้มลงไปกับพื้น แค่นั้นยังไม่พอ คุณพ่อคนนี้ยังหันไปด่าเด็กอีกคนหนึ่งที่นั่งชิงช้าแล้วก็ตีเขาด้วย ก่อนจะหันไปยังเด็กคนแรกที่นอนกองกับพื้น จากนั้นก็ตีและเตะซ้ำเข้าไปอีกจนมีผู้ใหญ่สองคนพยายามเข้ามาห้าม Olga แม่ของหนึ่งในเด็กชายที่ถูกคุณพ่อคนนั้นทำร้ายเผยว่า “ตอนแรก Ratmir ลูกชายวัย 9 ขวบของฉันและเพื่อนของเขา Timur ไปออกไปเล่นด้วยในสนามเด็กเล่น” “จากนั้นก็มีเด็กชายคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วก็ตี Ratmir จน Timur ต้องเอาอาหารในมือปาใส่เด็กชายคนนั้น และไล่ให้เขาไปที่อื่น” “แต่ไม่นานหลังจากนั้นพ่อของเด็กชายคนนั้นก็เดินเข้ามาหา Ratmir ด้วยความโกรธ แล้วก็ใช้ฝ่ามือทุบตีเขา จนกองลงไปกับพื้นอย่างที่เห็น” เธอบอกอีกว่า “หลังจากที่ชายคนนั้นเดินจากไป ลูกชายของฉันรีบลุกขึ้นแล้วกลับมาที่บ้านทันที แต่เหตุการณ์นั้นทำให้เขานอนไม่หลับ และกลัวที่จะกลับไปที่สนามเด็กเล่นนั้นอีกครั้ง” สำหรับเหตุการณ์นี้อยู่ระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ…
-
นางแบบชาวสวีเดนถูกวิพากษ์วิจารณ์หนัก หลังโชว์ขนหน้าแข้งในแคมเปญใหม่ของ Adidas
ผู้คนส่วนใหญ่มักจะคาดหวังว่าคนที่เป็นนางแบบนั้นต้องมีรูปร่างดี ตัวสูง ผอม ผิวพรรณดี หรือมีคุณลักษณะตามที่นางแบบควรจะเป็น แต่ล่าสุดแบรนด์กีฬายอดนิยมอย่าง Adidas ได้เปิดตัวแคมเปญ “Superstar” ซึ่งเป็นแคมเปญที่ให้ความสำคัญกับความเป็นจริง ดังนั้นการเลือกนางแบบสำหรับสินค้าชิ้นนี้จึงต้องมีความสมจริงตามคอนเซปต์ด้วย สำหรับ Superstar นั้น เป็นรองเท้าผ้าใบที่ทาง Adidas ต้องการสื่อให้เห็นถึงความงามในมิติใหม่ แต่หลังจากที่ปล่อยคลิปโฆษณาออกไป ปรากฏว่านางแบบที่เลือกมาถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั่วโลกอินเตอร์เน็ต เหตุผลหลักของการวิพากษ์วิจารณ์นี้เป็นเพราะพรีเซนเตอร์ของสินค้าดังกล่าวคือ Arvida Byström ซึ่งเป็นศิลปิน นางแบบ และช่างภาพชาวสวีเดน ที่เป็นรู้จักในฐานะผู้ที่ต่อต้านคตินิยมและเป็นนักเคลื่อนไหวที่สนับสนุนไม่ให้มีการโกนขนตามร่างกาย (no-shave) แม้จะถูกเลือกให้มาเป็นพรีเซนเตอร์รองเท้าของ Adidas แต่หญิงสาวก็ยังคงเอกลักษณ์ของตัวเองไว้ เธอใส่ชุดเดรสสีขาวกับเสือข้างในสีชมพูและใส่รองเท้า Superstar สีพาสเทล ในโฆษณาชุดนี้ Byström ได้นำเสนอความงามในแบบของตัวเอง นั่นคือการโชว์ท่อนขาที่ไม่มีการโกนขนแต่อย่างใด ซึ่งเป็นความงามในแบบของตัวเอง และเธอก็มั่นใจกับสิ่งที่เป็นนี้มาตลอด แต่ปรากฏว่าหลายคนมองว่าไม่สวย ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์เธออย่างเสียๆ หายๆ ทั้งยังส่งข้อความข่มขู่หญิงสาวสารพัด ต่อมา Byström ได้เขียนในอินสตาแกรมส่วนตัวว่า “ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์แรงขนาดนั้น ฉันแค่ทำให้สิ่งที่มีสิทธิ์จะทำ มันอาจจะดูแตกต่างจากความที่ทุกคนคาดหวัง แต่อยากให้จำไว้ว่าเราทุกคนไม่ได้มีประสบการณ์เหมือนกันเสมอไป” …
-
ปืนพลาสม่า ที่เรามักจะเห็นในหนังไซไฟ แต่ชายคนนี้ประดิษฐ์มันขึ้นมาให้ยิงได้แล้วจริงๆ!!
ขอบอกเลยว่าช่วงนี้ใครทำตัวมีปัญหาอย่าซ่าเป็นอันขาด… เพราะตอนนี้มีคนสามารถประดิษฐ์ปืนยิงเลเซอร์ได้แล้วจริงๆ!! รับรองว่างานนี้ยิงกันสะบั้นหั่นแหลกแน่ๆ ปกติเราจะเคยเห็นกันแต่ปืนเลเซอร์จากในหนัง หรือไม่ก็ในเกมที่มีลักษณะทำนองนี้ใช่มั้ยล่ะ? แม้ผลงานการประดิษฐ์ปืนเลเซอร์สุดล้ำของคุณปู่ Al Stahler จะทำให้เรารู้สึกตะขิดตะขวงใจกับภาพที่เคยจำมาจากในหนังอยู่หน่อยๆ แต่เชื่อเถอะว่านี่คือการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดทางด้านเทคโนโลยีของมวลมนุษยชาติครั้งสำคัญ แม้หน้าตาจะออกมาดูเทอะทะไปหน่อย ทว่าสำหรับรุ่น Prototype ก็ถือว่าดูเจ๋งไม่หยอกเลยล่ะ เจ้าของผลงานเล่าว่าสิ่งประดิษฐ์ของเขาเกิดขึ้นจากการนำวัสดุอย่าง ขวดพลาสติก ท่อ ถังแก๊ส และใช้ความรู้เฉพาะทางในการผสมสารเคมีโดยมีส่วนประกอบหลักเป็นแก๊สโพรเพน (Propane) และแก๊ส MAPP มีแสงออกมาจริง แถมยังสัมผัสวัตถุได้จริงด้วย..!! หลักๆ แล้วกลไกจะทำงานตัวแก๊สภายปืนจะทำให้เกิดไฟที่มีความร้อนสูงแต่มีการคายพลังงานความร้อนที่ต่ำ จนทำให้เกิดการระเบิดของมวลอากาศพุ่งออกมา ปืนเลเซอร์ของลุง Al Stahler ดูตอนกลางคืนก็ยังเท่ได้ไม่หยอก (เหมือนย้อนกลับไปในหนังไซไฟยุค 80s ไรงั้น) ทดสอบการยิงเจ้า ‘Plasma Popper’ กันซักหน่อย… จริงอยู่ที่ในช่วงแรกเริ่มของการสร้างปืนเลเซอร์อาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด และนับว่าเป็นการท้าทายความรู้ความสามารถของมนุษย์อย่างหนึ่ง แต่ปืนรุ่นต้นแบบที่คุณปู่ Al Stahler ประดิษฐ์ออกมา.. ได้กลายเป็นหนึ่งการพัฒนาทางเทคโนโลยีครั้งสำคัญของมนุษยชาติ ซึ่งในอนาคตเรามั่นใจว่าเมื่อมีรุ่นแรกออกมาแล้ว เดี๋ยวก็ต้องมีการนำไปพัฒนาต่อจนมีรุ่นใหม่เจ๋งๆ…
-
คู่รักนักเดินทาง ถ่ายภาพแต่งงานระหว่างออกเดินทางรอบโลก 5 ทวีปในเวลา 3 ปี!!
ในการถ่ายพรีเวดดิ้งแต่ละครั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ไหนจะค่าชุด ค่าช่างภาพ ค่าเช่าสถานที่ หรือแม้กระทั่งค่าเดินทาง ล้วนแต่ต้องใช้เงินทั้งนั้น แต่จริงๆ แล้ว เราสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนั้นได้มากถ้ามีการวางแผนกันเป็นอย่างดี (แต่ไปเสียให้กับการท่องเที่ยวแทน) เหมือนกับคู่รักนักเดินทางคู่นี้ ที่ถ่ายภาพพรีเวดดิ้งระหว่างเดินทางด้วยงบที่จำกัด ประเทศกรีซ ชายหนุ่มเล่าว่าเขาและภรรยา Zhu ชอบการเดินทางมากๆ และทั้งคู่ก็มักจะไปด้วยกันทุกที่ จนเมื่อ 3 ปีที่แล้วพวกเขาตัดสินใจจะถ่ายภาพพรีเวดดิ้งระหว่างที่เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ด้วยงบที่มีจำกัด ทั้งคู่จึงตัดสินใจที่จะไม่จ้างช่างภาพแต่เลือกที่จะถ่ายกันเอง โดยเริ่มที่การซื้อชุดแต่งงานคนละชุด Zhu ไปเรียนแต่งหน้าด้วยตัวเอง ส่วนชายหนุ่มก็ได้ซื้อกล้องมาพร้อมเลนส์อีก 2-3 ตัว ที่สำคัญคือขาตั้งกล้อง ประเทศจีน หลังจากที่วางแผนทุกอย่างมาเป็นอย่างดีแล้วทั้งคู่ก็ออกเดินทางไปยัง 5 ทวีปทั่วโลกคือ ทวีปเอเชีย ทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปโอเชียเนีย ทวีปยุโรป และทวีปแอฟริกา ภายในเวลา 3 ปี ภาพถ่ายส่วนใหญ่จะใช้ขาตั้งกล้องและรีโมท ส่วนภาพที่เหลือได้จากเพื่อนร่วมเดินทางที่อาสาถ่ายให้ ประเทศเวียดนาม ทั้งคู่เลือกถ่ายภาพในสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นหมู่เกาะแปลกๆ แหล่งมรดกโลก ถ้ำ ท่ามกลางหิมะ และแม้กระทั่งเทือกเขาหิมาลัย…
-
เสาหินสุดประหลาดในประเทศอิตาลี มองแล้วเหมือนอยู่บนดาวอะไรซักอย่างที่ไม่ใช่โลกนี้
โลกเป็นดวงดาวอันซับซ้อนที่มีความลับซ่อนอยู่มากมาย และวันนี้เราจะพาไปดูสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ที่มีความแปลกและสวยงาม ราวกับหลุดมาจากภาพยนตร์แฟนตาซี เราไปชมกันเลย ภาพชุดนี้เป็นผลงานของ Kilian Schönberger เขาได้ถ่ายภาพสถานที่แสนประหลาดที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี เขาตั้งชื่อภาพทั้งหมดที่ได้ถ่ายมาทั้งหมดว่า “OtherWorld” หรือแปลได้ว่า “โลกใบอื่น” นั่นเอง ภาพที่เขาได้ถ่ายมานั้น เป็นเหมือนภูเขาหินย้อยที่กลับหัว คือแทนที่หินจะย้อยตามแรงโน้มถ่วงโลก กลับพุ่งขึ้นซะอย่างงั้น และยังปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก ที่ยิ่งเพิ่มความพิศวงขึ้นอีกเสมือนอยู่นอกโลกเลยทีเดียว ที่มาที่ไปที่ทำให้มันมีรูปร่างที่แปลกประหลาดนี้ ยังไม่สามารถสรุปได้ บางสมมุติฐานบอกว่า เกิดจากการกัดเซาะของน้ำที่อดีตเคยสูงท่วมภูเขาลูกนี้ อีกสมมุติฐานบอกว่า ในอดีตอาจเกิดจากแผ่นดินถล่มหรือสไลด์ทำให้เหลือเพียงเสี้ยวอย่างที่เราเห็นในภาพเหล่านี้ . . . . ถึงจะไม่สามารถหาที่มาของมันได้ แต่แท่งเสาเหล่านี้ มีความน่าอัศจรรย์ซ่อนอยู่อย่างแน่นอน ถ้าเพื่อนๆ ไปเยี่ยมชมภูเขาแห่งนี้รับรองได้ว่า จะให้ความรู้สึกเหมือนเราไปอยู่ที่ดาวดวงไหนซักแห่งในจักรวาลเลยล่ะ ที่มา: sobadsogood
-
สาวหน่าย เจอผู้ชายปากหมาแซวไม่เลิก เลยถ่ายเซลฟี่เอามาอวดลงอินสตาแกรมซะเลย..!!
คงไม่มีอะไรจะทำให้สาวๆ รู้สึกรำคาญใจได้มากเท่าการเจอพวกผู้ชายปากหอยปากปูที่ไม่รู้ไปขาดความอบอุ่นมาจากไหน เห็นคนสวยทีไรเป็นต้องแซวทู๊กกที เหตุการณ์ทำนองนี้ก็เกิดขึ้นกับ Noa Jansma นักศึกษาสาววัย 20 ปี จากเมืองอัมสเตอร์ดัมเช่นเดียวกัน ไม่ว่าเธอจะไปไหนมาไหนก็มีคนแซะแซวตลอด แต่ใช่ว่าจะมีแค่ความฮาเท่านั้นที่เธอต้องการนำเสนอผ่านอินสตาแกรม @dearcatcallers เพราะอีกแง่หนึ่งเธอต้องการให้สังคมได้รับรู้ว่า ในแต่ละวันมีผู้หญิงที่ต้องรับมือกับปัญหาอันน่ารำคาญใจนี้มากขนาดไหน… “ฮึ่มมมม… ขอป๋าจุ๊บหน่อยสิจ๊ะ” หนุ่มคนนี้เดินตามเธอประมาณ 10 นาทีได้ จากนั้นก็แซวว่า “สาวเซ็กซี่จะไปไหนจ๊ะ… ขอพี่ไปด้วยได้ป่ะ!?” และเธอก็เบื่อเหลือเกินกับการถูกแซวว่า.. ไงจ๊ะเบบี๋ ลุงคนนี้ขับรถตามเธอ จากนั้นก็ตะโกนแซวว่า “คนงาม.. ตั๋วไค่ไปตวยอ้ายก่อ” บางทีก็ถูกแซวเป็นภาษาสเปน อย่างกรณีนี้โดนประมาณว่า “สาวน้อย… จะไปไหนคนเดียวจ๊ะ?” ถ้าเป็นบ้านเราก็คงประมาณโดนเด็กแว๊นแซวว่า…. เฮ้ยสาว!! ไรงี้ คนนี้มาแบบน่ากลัว… “พี่รู้นะว่าพี่ทำอะไรหนูได้บ้างแม่สาวน้อย ฮึ่ฮึ่ฮึ่” คราวนี้โดนตามตอแย.. “สาวน้อยทำไมทำหน้าเศร้างั้นล่ะ… อ้าวไม่ได้เศร้าแล้วทำไมไม่ยิ้มให้พี่ละจ๊ะ!?” เธอโดนบีบแตรใส่ 3 ครั้ง จากนั้นก็พูดออกมาว่า…
-
พาชมร้าน “ไม้จิ้มฟัน” เก่าแก่ ยืนหยัดทำธุรกิจมาตั้งแต่สมัยเอโดะ จนถึงปัจจุบันก็ยังขายเหมือนเดิม!?
แม้ว่าคุณจะได้เห็นตึกระฟ้าสูงตระหง่าน และเห็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แต่คุณรู้หรือไม่ว่า? บนถนนในกรุงโตเกียวนั้น ยังเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายที่ยังคงเก็บรักษาประเพณีอันเก่าแก่เอาไว้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Nihonbashi Saruya ร้านขายไม้จิ้มฟันเล็กๆ ที่มีมานานกว่า 300 ปี โดยถูกก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยเอโดะ (กรุงโตเกียวในปัจจุบัน) เมื่อปี 1704 สำหรับร้านขายไม้จิ้มฟันดังกล่าวได้เริ่มต้นขึ้นมายุคที่ Tokugawa Tsunayoshi โชกุนคนที่ 5 แห่งตระกูลโทะกุงะวะ ซึ่ง โทะกุงะวะ สึนะโยะชิ กำลังเป็นผู้ปกครองประเทศญี่ปุ่นในขณะนั้น และถึงแม้ว่าจะมีหน้าร้านที่ดูทันสมัย แต่ร้านนี้ตั้งอยู่ในย่าน Nihonbashi ของกรุงโตเกียวซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าเก่าแก่ที่ขายไม้จิ้มฟันแบบดั้งเดิมมากมาย ไม้จิ้มฟันดังเดิมของทางร้าน มักจะถูกนำมาใช้ใน “พิธีชงชาของญี่ปุ่น” เพื่อที่จะได้รับรสหวานของชาเขียว และผงชาเขียว โดยจะมาในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ที่มีรูปทรงและขนาดที่แตกต่างกัน สำหรับไม้จิ้มฟันที่ขายในร้าน Saruya ส่วนใหญ่จะเป็นแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า “kuromoji” ถูกทำขึ้นจากไม้ Lindera umbellata หรือ Spicebush มาตั้งแต่แรกเริ่ม โดยหนึ่งในไม้จิ้มฟันที่ขายดี…
-
จุดเริ่มจากทวิตเตอร์ ความรักของคนที่ไม่เคยสนิทกัน กลายมาเป็นรักแท้ในสองปีให้หลัง…
อีกหนึ่งเรื่องราวความรักของวัยรุ่นหนุ่มสาวที่รู้จักกันผ่านทวิตเตอร์ แม้ทั้งคู่จะไม่เคยสนิทกันมาก่อน แต่ก็กลายมาเป็นรักแท้ได้ในท้ายที่สุด… นี่คือ Madison O’Neill และแฟนหนุ่มของเธอ Charlie Dohrman ทั้งคู่ต่างอาศัยอยู่ในรัฐไอโอวา แต่ปัจจุบันฝ่ายชายต้องไปรับราชการทหารในต่างแดน เรื่องราวของทั้งคู่กลายเป็นกระแสไวรัลบนโลกทวิตเตอร์ หลังจากที่มีการทำเซอร์ไพรส์แฟนสาวที่คบกันมา 2 ปีกว่าด้วยการขอเธอแต่งงานโดยให้ชาวเน็ตทั่วโลกเป็นพยาน แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะพีคยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อชาวเน็ตรู้ว่าความรักของทั้งคู่ก่อตัวมาจากการรู้จักกันผ่านๆ บนทวิตเตอร์ ซึ่งตอนนั้นฝ่ายสาวเองก็เพิ่งเลิกกับแฟนเก่าได้ไม่นาน ทว่าหลังจากที่ถูกแฟนเก่าบอกเลิก เธอก็ไม่อยากจะไปงานคนเดียวให้รู้สึกว้าเหว่ Madison จึงโพสต์เล่นๆ ผ่านทวิตเตอร์ของเธอว่า “มีใครอยากไปเป็นคู่เดทกับฉันที่งานแต่งงานบ้าง…” อาจจะเป็นเพราะความเหงาที่พัดพาสองคนนี้ให้มาเจอกัน หลังจากที่ฝ่ายสาวทวีตข้อความดังกล่าวลงไป ฝ่ายพ่อหนุ่ม Chuck Dohrmann ก็ลองทักทายไปถามดู.. ปรากฏว่าทั้งคู่ได้ไปด้วยกันจริงๆ จากนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นให้ทั้งสองคนได้เรียนรู้นิสัยใจคอกัน จนเวลาผ่านล่วงเลยมา 2 ปีกว่า… แต่ด้วยภาระหน้าที่ทำให้บางครั้งทั้งคู่ก็ไม่ได้เจอกัน เพราะฝ่ายหนุ่มต้องไปประจำตำแหน่งตามคำสั่งของหน่วยนาวี ล่าสุดหนุ่มได้กลับบ้านมาเจอแฟนสาว… เป็นเวลา 2 ปีแล้วที่ทั้งคู่รู้สึกดีต่อกัน และครั้งนี้เขาจะไม่ปล่อยให้เธอต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป และเป็นที่ประจักษ์โดยทั่วกันว่า งานนี้ชาวเน็ตก็ได้ร่วมเป็นสักขีพยานด้วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บ้างก็เข้ามาแซวว่า……
-
หนุ่มผู้รอดชีวิตจากเหตุกราดยิงเผย ตั้งใจขอแฟนสาวแต่งงานหลังคอนเสิร์ต แต่ไม่มีวันนั้นแล้ว…
ไม่กี่วันมานี้ทั่วโลกถึงกับช็อคเมื่อรู้ข่าวเหตุการณ์กราดยิงผู้ในงานคอนเสิร์ตที่ลาสเวกัส เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในวันที่ผู้คนจำนวนมากกำลังมีความสุขกับเสียงดนตรี หนึ่งในผู้ที่หัวใจแตกสลายมากที่สุดจากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้คงจะเป็น Derek Miller ที่ตัดสินใจจะขอแฟนสาว Andrea Castilla แต่งงานหลังจบคอนเสิร์ต แต่น่าเศร้าที่เธอถูกยิงเสียชีวิตไปก่อนจะถึงเวลาสำคัญนั้น Andrea ได้มาฉลองวันเกิดครบรอบ 28 ปี ของที่เทศกาลดนตรี Route 91 พร้อมกับแแฟนหนุ่ม น้องสาวของเธอ Athena และแฟนน้องสาว Shane Armstrong โดยหญิงสาวไม่รู้เลยว่า Derek กำลังมีแผนเซอร์ไพรส์เธอหลังจบคอนเสิร์ต ในระหว่างที่ทุกคนสนุกกับเสียงดนตรีที่บรรเลงอย่างต่อเนื่องนั้น อยู่ดีๆ ก็มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น เสียงปืนเข้ามาแทนที่เสียงดนตรี ตามด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวของผู้คนในงาน ผู้คนวิ่งหนีหาที่กำบังอย่างวุ่นวาย Andrea จับมือน้องสาวไว้แน่น และคอยเอาตัวป้องเธอไว้ตลอด และโชคร้าย กระสุนนัดหนึ่งพุ่งใส่ศีรษะ จนทำให้ร่างของเธอร่วงลงไปกองกับพื้น ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก แต่ทั้ง Derek Athena และ Shane พยายามมีสติและรีบคว้าตัว Andrea ขึ้นมา ก่อนจะพาไปหลบในที่ปลอดภัย จนกระทั่งได้ขึ้นรถพยาบาล Andrea ถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที ในขณะที่แฟนหนุ่มและคนอื่นๆ ต่างก็รออยู่หน้าห้องด้วยความวิตกกังวลเป็นเวลากว่า 7 ชั่วโมง และคาดหวังให้การผ่าตัดจะผ่านพ้นไปด้วยดี แต่สุดท้ายแล้ว คุณหมอได้ออกมาแจ้งข่าวร้ายให้ทุกคนทราบว่าไม่สามารถยื้อชีวิตหญิงสาวไว้…Andrea ได้เสียชีวิตลงท่ามกลางความโศกเศร้าของพี่น้อง โดยเฉพาะแฟนหนุ่ม Derek หลังจากที่แฟนสาวจากไปแล้ว Derek…
-
รู้จักชายหนุ่มในภาพก้องโลก เอาตัวบังหญิงสาวในเหตุกราดยิง Las Vegas แถมช่วยคนอื่นๆ อีกเพียบ!!
ภาพของชายหนุ่มที่กำลังเอาตัวเข้าปกป้องหญิงสาวผู้หนึ่ง ระหว่างเหตุการณ์กราดยิงที่งานคอนเสิร์ต Route 91 Harvest บริเวณโรงแรม Mandalay Bay Las Vegas ในลาสเวกัส เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา กลายเป็นที่พูดถึงความกล้าหาญของชายคนนี้อย่างมาก Matthew Cobos ทหารหนุ่มจากกองทัพสหรัฐฯ ได้เข้าไปในพื้นที่กราดยิงและช่วยเหลือผู้คนที่กำลังตกอยู่ในอันตราย โดยการเอาร่างกายของตัวเองเป็นเกราะป้องกันกระสุนให้เหยื่อการกราดยิงผู้หนึ่ง Cobos และหญิงสาวคนดังกล่าว นอนหมอบอยู่กับพื้นสนาม ในระหว่างที่ผู้เข้าชมคอนเสิร์ตคนอื่นๆ กำลังตื่นตระหนกและวิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันอยู่ และนี่คือภาพของคุณ Cobos ที่กำลังเข้าปกป้องหญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย ท่ามกลางความวุ่นวาย Cobs พยายามปกป้องหญิงสาวคนนั้นด้วยร่างกายของเขา และพาเธอเข้าไปหลบในที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานว่าหญิงสาวคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด คุณ David Becker ผู้ถ่ายภาพของทั้งสองคนกล่าวว่า หลังจากที่ทั้งสองวิ่งไปหลบที่หลังรถ พวกเขาก็ออกจากที่เกิดเหตุไปเลย คุณ Cobos (ตรงกลาง) นายทหารหนุ่มที่เข้าช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายอย่างกล้าหาญ ทางเว็บไซต์ Daily Mail ได้รายงานว่าหลังจากที่ช่วยหญิงสาวคนดังกล่าวแล้ว คุณ Cobos ยังได้วิ่งเข้าไปในพื้นที่กราดยิง เพื่อช่วยผู้เคราะห์ร้ายคนอื่นๆ อีกด้วย ชายหนุ่มได้ใช้เข็มขัดของเขาเพื่อช่วยห้ามเลือดให้กับเหยื่อและใช้นิ้วมือของเขาอุดไปที่รูกระสุนของคนที่ถูกยิง Cobos เล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นกับคนใกล้ชิดของเขาว่า เขาได้ยินเสียงกระสุน พร้อมกับเห็นวิถีกระสุนที่วิ่งเขาไปขณะที่กำลังวิ่งอยู่ …
-
หนุ่มแกล้งขอแต่งงาน ‘แฟนสาวที่นอกใจ’ ก่อนจะโยนแหวนหมั้นให้ แล้วเดินจากไปแบบคูลๆ
คุณจะทำยังไงเมื่อวันหนึ่ง คุณกำลังตั้งใจจะขอแฟนสาวแต่งงาน แต่กลับได้รู้ความจริงก่อนหน้านั้นว่าเธอกำลังนอกใจคุณอยู่ลับหลัง คุณจะทะเลาะและขอเลิกไปเฉยๆ หรือจะดัดหลังเธอแบบเจ็บแสบ? โดยชายเจ้าของเรื่องราวในครั้งนี้เลือกที่จะดัดหลังแฟนสาว เขาทำทีว่าจะขอแฟนสาวแต่งงานกลางร้านอาหาร พร้อมควักแหวนแต่งงานออกมาต่อหน้าแฟนสาวและผู้คนที่นั่งร่วมโต๊ะ ผู้คนที่พบเห็นก็ต่างพากันเริ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ราวกับรู้สึกว่าได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคู่ของชายหญิง ชายคนดังกล่าวเริ่มพูดขึ้นมาว่า “ผมรักคุณมากๆ รักสุดหัวใจ แน่นอนว่าผมแนะนำคุณให้กับลูกชายของผมและให้คุณเข้ามาอยู่ในชีวิต พร้อมตัดสินใจว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” เรื่องมันกำลังไปได้สวยผู้คนต่างพากันยิ้มกันมากขึ้น ราวกับเป็นสัญญานว่าเขาต้องขอแต่งงานและมันจะสำเร็จแน่ๆ แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้น!? ทุกคนคาดหวังว่าชายหนุ่มจะคุกเข่าพร้อมกล่าวว่า แต่งงานกับผมนะ แต่ชายหนุ่มกับพูดว่า “อันนี้จริงเรื่องนั้นมันก็ดีนะ แต่เมื่อคืน เพื่อนผมที่ชื่อว่าคริสบอกผมว่า เขาจับได้ว่าคุณนอกใจ” วินาทีนั้นชายหนุ่มโยนแหวนลงบนโต๊ะทันที พร้อมเดินจากมาและชูขึ้นมาเยาะเย้ยแฟนสาว งานนี้เล่นเอาเงิบกันทั้งงาน เราอาจจะไม่เห็นสีหน้าของแฟนสาว แต่ตัดสินได้จากสีหน้าของคนรอบๆ ว่ามันจะต้องช็อคมากแน่ๆ เมื่อคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวได้เผยแพร่ออกสู่สายตาชาวเน็ต ผู้คนก็ต่างให้กำลังใจว่าชายคนนี้ทำถูกแล้ว หรือไม่ก็ให้กำลังใจว่าเขาควรจะเจอคนที่ดีกว่านี้นั่นเอง ไม่หมดเท่านั้น ยังมีความเห็นอีกมากมายว่าอยากรู้ถึงตอนต่อ หรือไม่ก็อยากเห็นหน้าแฟนสาวว่าเธอรู้สึกยังไงมีรีแอคชั่นยังไง แล้วทำยังไงต่อไปหลังจากเรื่องนี้ และมันจะดีมากถ้าได้เห็นหน้าสุดช็อคของแฟนสาว สุดท้ายแล้ว เรื่องราวจะจบยังไงก็ตาม ถ้าเธอคนนั้นนอกจากใจเขาจริงๆ ก็ถือว่ามันเป็นอะไรที่สมควรแล้วหรือไม่? ที่มา mirror
-
คู่รักแคนาดา เปลี่ยนรถให้กลายเป็น “บ้าน” ออกท่องเที่ยวพร้อมกับเจ้าเหมียวคู่ใจ
หลายคนตั้งเป้าที่จะใช้ชีวิตให้ดีขึ้น ถึงขั้นมีชีวิตที่หรูหราหรือมองหาโอกาสที่จะก้าวหน้า ทว่าสำหรับ Lisa Felepchuk วัย 33 ปีและแฟนหนุ่ม Coleman Molnar วัย 31 ปี กลับไม่คิดอย่างนั้น ทั้งคู่มีการงานที่ยอดเยี่ยม Lisa เป็นหัวหน้านักเขียนให้กับนิตยสารแฟชั่นชั้นนำ ที่กำลังมีแผนจะต้องเดินทางไปดูแฟชั่นโชว์ที่ปารีส ส่วน Coleman ก็เป็นนักเขียนให้กับนิตยสารผู้ชายมีชื่อ แถมเขากำลังมีโปรเจคที่ต้องบินไปคุยงานถึงอินเดีย ฟังดูแล้วทั้งคู่นั้นมีชีวิตที่ดีการงานที่กำลังไปด้วยสวย แต่พวกเขากลับรู้สึกว่าไม่ต้องการอะไรแบบนั้น ทั้งคู่ยอมรับงานให้น้อยลง ปฏิเสธงานใหญ่ๆ 5 ถึง 9 งาน เพื่อแลกกับอิสระที่จะได้ท่องเที่ยวและทำงานไปพร้อมกัน พวกเขาเลยตัดสินใจซื้อรถแวน 1983 VW ในราคา 260,000 บาท ทั้งคู่ตัดสินใจออกเดินทางพร้อมกับเจ้าเหมียวหนึ่งตัว ใช้ชีวิตเดินทางไปเรื่อยๆ ทั่วอเมริกาและแคนาดา แม้ว่าเงินอาจจะน้อยลง งานก็เปลี่ยนเป็นฟรีแลนซ์ แต่พวกเขาก็บอกว่ามันมีความสุขมากขึ้น อิสระมากยิ่งขึ้น นอกจากเรื่องเหตุผลของความอิสระแล้ว พวกเขาบอกว่าทำไมพวกเขาจะต้องทำงานอยู่กับที่ แทนที่จะเลือกออกไปท่องเที่ยวใช้ชีวิตให้สนุกเมื่อตอนยังไม่แก่กัน ซึ่งมันก็เป็นเหตุผลที่เข้าท่าเลยล่ะ . . ทั้งคู่บอกว่าการใช้ชีวิตในรถและทำให้มันกลายเป็นดั่งบ้านก็มีความสุขดีเหมือนกัน เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนกับคุณมีบ้านไปด้วยทุกที่ แม้จะท่องเที่ยวไปบนท้องถนนก็ตาม… …
-
Chris Hemsworth เล่าสุดซึ้งถึงภรรยา “เธอต้องเสียสละหลายสิ่งในชีวิต เพื่อผมและครอบครัว”
เมื่อพูดถึง Chris Hemsworth เชื่อว่าหลายคนคงคิดถึงเทพเจ้าสายฟ้าธอร์กันอยู่แน่ๆ แต่จะมีใครจำภาพของชายผู้รักครอบครัว มักจะถ่ายรูปกับลูกบ่อยๆ บ้างไหม? หลายคนน่าจะรู้กันดีว่า Chris Hemsworth นั้นเป็นคนที่รักครอบครัวมากๆ และเขาก็มักจะพูดถึงลูกกับภรรยาบ่อยๆ เขามักจะพูดว่าภรรยาของเขาเสียสละอะไรหลายอย่างๆ ไปมากขนาดไหน มากกว่าเขาเสียอีก Elsa Pataky กับ Chris Hemsworth มีลูกด้วยกันสามคน โดยหนุ่ม Chris ได้เล่าว่าเมื่อช่วงปี 2011 ที่เขาต้องรับบทธอร์ มันเป็นช่วงขาขึ้นของเขาพอสมควรและเพิ่มกำลังในการทำงาน ทว่าในจังหวะเดียกวันมันก็ทำให้ชีวิตครอบครัวเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะ Elsa ต้องการให้เขารับงานน้อยลงและถอยมาใช้เวลากับลูกให้เยอะขึ้น แต่เขาก็ทำไม่ได้ เพราะเขาให้เหตุผลว่างานของเขากำลังไปได้ดี เขาต้องปูทางให้อนาคตมั่นคงกว่านี้เสียก่อน นั่นจึงทำให้ Elsa เป็นคนเสียสละและรับงานน้อยลง แต่ยังไงซะเมื่อพวกเขามีลูกกันถึงสามคนแล้ว ลูกจึงเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ของทั้งคู่ให้แน่นแฟ้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีเวลาออกไปเดทหรือทานมื้อค่ำด้วยกันก็ตาม เพราะตกดึกทั้งคู่ก็เหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไรแล้ว . . แต่ยังไงซะ ตอนนี้ Chris ก็รู้สึกว่าเขาจะต้องกลับเข้าสู่เกมรักและเติมพลังให้กับภรรยาอีกครั้งแล้ว ยังไงก็หวังว่าทั้งคู่จะกลับมามีเวลาให้กันเป็นส่วนตัวกันมากขึ้นนะ… ที่มา buzzfeed
-
การตีกอล์ฟที่นานและไกลที่สุดในโลก กับ 14,000 พาร์ ระยะทางกว่า 2,000 กิโลฯ
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าการตีกอล์ฟนั้นต้องใช้พื้นที่ที่ค่อนข้างกว้าง และใช้เวลานาน แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะนานถึง 80 วัน แถมต้องใช้ระยะทางกว่า 2,011 กิโลเมตรเลยทีเดียว กว่าลูกจะลงหลุม Adam Rolston คือผู้เปิดประวัติศาสตร์ใหม่ของวงการกอล์ฟ ด้วยการใช้เวลานานที่สุดและตีจำนวนครั้งมากที่สุดในโลก โดยทั้งหมดนี้ก็เพื่อระดมทุนเพื่อองค์กรการกุศล เขาบอกว่านี่เป็นสิ่งที่ยากที่สุดในชีวิต ที่แม้แต่ตัวเขาก็แทบไม่อยากเชื่อว่าจะทำได้ เช่นเดียวกับเพื่อนๆ ของเขาก็ต่างหัวเราะเขาในตอนแรก และต่างพูดเป็นเสียเดียวกันว่าเขาทำไม่ได้แน่นอน ทุกอย่างมันเริ่มขึ้นเมื่อ Rolston ได้เจอกับ Ron Rutland เพื่อนเก่าที่เคยเล่นรักบี้ด้วยกันในเคนย่า และทั้งคู่ก็ได้มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับภารกิจเพื่อองค์กรการกุศลของ Rutland ก่อนหน้านี้ นั่นทำให้ Rolston ปิ้งไอเดียที่จะตีกอล์ฟเพื่อที่จะช่วยเหลือองค์กรการกุศล จากนั้นพวกเขาก็ตั้งจุดเริ่มต้นที่มองโกเลีย เพราะเป็นประเทศขนาดใหญ่ที่มีผู้คนอยู่ไม่มาก ไม่มีรั้ว และมีพื้นที่ราบที่กว้างที่สุดในโลก Rolston ตั้งเป้าไว้ว่าเขาจะต้องตีจำนวน 14,000 ครั้ง ให้ลูกลงหลุมและเป็นอันเสร็จภารกิจ ซึ่ง Rutland ก็เห็นด้วย และพร้อมร่วมภารกิจกับเขา กระทั่ง 8 เดือนต่อมา ทั้งคู่ได้ทำภารกิจระดมทุนช่วยเหลือ Laureus ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ให้การช่วยเหลือเด็กๆ จากทั่วโลก Rolston บอกว่า “มีคนบอกเราว่า ‘มันเป็นความคิดที่บ้าบอมาก’ ‘มันเป็นไปไม่ได้หรอก’ และ…
-
หญิงสาวเล่าประสบการณ์ “อ่อย” ชายแปลกหน้าบนรถไฟหลายปี จนสุดท้ายก็ได้รักกัน!!
เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเราจะมัวมานั่งรอให้ฝ่ายชายเป็นมาจีบก่อนก็คงไม่ทันการแล้วหล่ะ เดี๋ยวโดนคนอื่นแย่งไปซะก่อน แต่จะจีบเขาตรงๆ ก็กลัวถูกปฏิเสธ มีอีกทางเลือกหนึ่งคือการอ่อยค่ะ แล้วต้องอ่อยจนกว่าจะได้ด้วยนะ เหมือนกับ Zoë Folbigg หญิงสาวที่ตกหลุมรักชายหนุ่มคนหนึ่งที่เจอบนรถไฟโดยยังเอิญระหว่างเดินทางไปทำงาน และเธอก็ตัดสินใจทำบางอย่างเพื่อให้เขาเห็นเธอในสายตาบ้าง เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเกือบๆ สิบปีก่อน ทุกๆ วัน Zoë จะเดินทางไปทำงานด้วยรถไฟขบวนเดิมๆ ที่เจอแต่ผู้คนเดิมๆ จนเธอรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับชีวิตเป็นอย่างมาก จนกระทั่งวันหนึ่ง มีผู้โดยสารหนุ่มหน้าใหม่มานั่งตรงข้ามกับเธอ แล้วใครจะไปคิดล่ะว่าผู้โดยสารหนุ่มคนนี้ได้ดึงดูดความสนใจของ Zoë เป็นอย่างมาก และเธอก็อยากให้เขาหันมาสนใจเธอด้วยเช่นกัน แต่ดูเหมือนเรื่องราวจะไม่ง่ายอย่างนั้น เพราะชายหนุ่มมักจะก้มหน้าอ่านหนังสือตลอดการเดินทาง หญิงสาวจึงตัดสินใจใช้กลยุทธ์ใหม่เพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา Zoë เริ่มด้วยการเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวเล็กน้อย ปกติแล้วเธอจะใส่กางเกงยีนส์กับรองเท้าคอนเวิร์สทุกวัน แต่เพื่อเรียกความสนใจจากหนุ่มแปลกหน้า เธอจึงหันมาสวมชุดกระโปรงบ่อยขึ้น แต่การเปลี่ยนเสื้อผ้าดูเหมือนจะไม่ได้ผลเลย เพราะชายแปลกหน้ายังคงก้มหน้าอ่านหนังสือเหมือนเดิม แต่นั่นไม่ได้ทำให้หญิงสาวยอมแพ้ หญิงสาวได้เล่าเรื่องหนุ่มบนรถไฟให้เพื่อนร่วมงานฟังด้วย ตั้งแต่นั้นมาเพื่อนๆ ก็จะถามว่า ‘หนุ่มรถไฟเป็นไงบ้าง เขาเงยหน้าขึ้นมามองเธอยัง’ คำตอบคือ ‘ยัง’ หลังจากที่ทำการอ่อยหนุ่มแปลกหน้าเป็นเวลาหลายเดือนแล้วไม่ได้ผล ในที่สุด Zoë ก็คิดว่าปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้การแล้ว เธอต้องลงมือทำอะไรบางอย่างจริงๆ จังๆ สักที เมื่อถึงวันเกิดของเธอในเดือนพฤษภาคม หญิงสาวได้เขียนโน๊ตไว้แล้วยื่นให้เขาตอนเดินออกจากรถไฟ…
-
ศิลปินเปลี่ยนรูปปั้นประวัติศาสตร์ไร้ชีวิตให้กลายเป็นรูปวาดที่มีสีสัน ราวกับมีชีวิตอีกครั้ง
เรื่องราวอดีตมักจะถูกท่ายทอดในรูปของสัญญะเพื่อที่ทำให้เกิดความน่าสนใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้น รูปวาด รวมทั้งสื่อในรูปแบบต่างๆ ด้วย แต่บางครั้งรูปปั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ดูนิ่งและน่าเบื่อ ด้วยเหตุนี้ศิลปินที่ใช้ชื่อว่า Jane Long จึงได้เปลี่ยนรูปปั้นให้เป็นรูปวาดพร้อมตกแต่งด้วยสีสันสวยงาม Hebe รูปปั้นเหล่านี้ถูกถ่ายมากจากสวน Ballarat Botanical Gardens ในรัฐวิคตอเรียเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งเป็นผลงานของ Charles Summer โดยรับอิทธิพลจาก James Russell Thompson ในปี 1888 แม้จะเป็นการเปลี่ยนรูปปั้นให้มีสีสันแต่ศิลปินยังคงรักษาท่าทีเดิมของรูปปั้นเอาไว้ พร้อมสร้างบริบทใหม่ที่มีความเหมาะสมกับท่าทางของรูปปั้นแต่ละตัวด้วย ติดตามผลงานเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ janelong.com.au เฟซบุ๊ก Jane Long Photography และอินสตาแกรม long_jane รูปปั้น Hebe เมื่อถูกเปลี่ยนเป็นภาพวาด Susannah . Ruth . Rebekah . Modesty . ราวกับเป็นการฟื้นชีวิตให้รูปปั้นอีกครั้ง ที่มา boredpanda
-
สาวสวม “ชุดแต่งงาน” ที่คุณยายเคยสวมเมื่อ 50 ปีก่อน เพื่อเซอร์ไพรส์คุณยาย ทำเอาน้ำตาซึม
การแต่งงานถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตคู่ของคู่รักทุกคู่ และงานแต่งงานจัดขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนเข้ามาเป็นสักขีพยาน เป็นงานแห่งความสุขที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความรักของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว เรื่องราวสุดประทับใจในงานแต่งงานนี้เกิดขึ้นในงานแต่งของ Jordyn Cleverly เจ้าสาวที่สวยทั้งหน้าตาและจิตใจ เจ้าสาวคนอื่นอาจจะต้องการที่จะใส่ชุดแต่งงานสวยๆ ในงานแต่งงานของตัวเอง แต่ Jordyn กลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เธอจึงมีความคิดว่าการนำชุดแต่งงานของคนที่รักกันมาอย่างยาวนาน จะช่วยทำให้ชีวิตของคู่ของเธอยืนยาวไปด้วย เธอตัดสินใจสวมชุดแต่งงานของคุณยาย ในวันแห่งความรักของเธอ… คุณยาย Penny Jensen เคยสวมชุดแต่งงานชุดนี้เมื่อปี 1962 กับชายผู้เป็นที่รัก นับเป็นเวลา 55 ปี แล้วที่ชุดแต่งงานชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในตู้เป็นอย่างดี Jordyn ได้ทำการเซอร์ไพรส์คุณยายของเธอด้วยการสวมชุดแต่งงานของคุณยายแล้วค่อยๆ ปรากฏตัวทางด้านหลังของยาย พอคุณยายหันมามองหลานสาว น้ำตาแห่งความประทับใจก็หลั่งไหลออกมาทันที Jordyn บอกว่าเธอต้องการที่จะรื้อฟื้นความทรงจำของคุณยาย เพราะคุณยายอาจจะลืมไปแล้วว่าชุดแต่งงานชุดนี้ยังถูกเก็บไว้อย่างดี เพียงแค่คุณยายเห็นหลานสาวสวมชุดแต่งงานของเธอพร้อมกับถือรูปถ่ายของเธอในขณะที่สวมชุดแต่งงาน ความทรงจำต่างๆ ก็กลับคืนมา แล้วน้ำตาก็พรั่งพรูออกมาด้วยความปิติยินดี น่าเสียดายที่คุณตาไม่ทันได้เห็นหลานสาวสวมชุดแต่งงานพร้อมกับคุณยาย เพราะคุณตาเสียชีวิตก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี Kortney Peterson ช่างภาพประจำงานแต่งของเธอได้ถ่ายช่วงเวลาที่น่าประทับใจระหว่างหลานสาวกับคุณยาย รูปภาพเหล่านี้ได้ถูกโพสต์ลงบนโซเชียลและมีคนเข้ามาแสดงความประทับใจกับเรื่องราวความรักสุดประทับใจในสิ่งที่หลานสาวทำเพื่อคุณยายในวันแต่งงานของเธอ ที่มา metro
-
30 ลายสักสวยๆ จาก 6 สไตล์แบบมินิมอล ที่ไม่ว่าจะประทับไว้บนส่วนไหนก็ดูเจ๋ง
สำหรับคนรักลายสัก นอกจากจะคำนึงถึงความหมายของลายสักแล้ว พวกเขายังให้ความสำคัญกับลายเส้นและรูปแบบของการสักด้วย และแน่นอนว่าที่คนส่วนใหญ่คิดคือ ลายสักบนร่างกายของพวกเขาต้องไม่เหมือนใคร เพื่อเป็นการสร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง ส่วนใครที่อยากสักแต่ไม่รู้จะสักแนวไหน Bright Side ได้นำลายสักมินิมอลสวยๆ มาให้ดู เผื่อเป็นแนวทางในการเลือกลายสักได้บ้าง 1. มินิมอลสายธรรมชาติ . . . 2. มินิมอลแบบเน้นลายเส้นบางๆ . . . 3. มินิมอลแบบเน้นรายละเอียดลายสัก . . . . . . . 4. มินิมอลลายอวกาศ . . 5. ลายสัตว์เลี้ยง . . . . . . 6. ลายรูปวาดสีน้ำ . . . …
-
14 แนวคิดล้ำโลกของ Elon Musk ในตอนนี้ ที่บางคนก็ว่าบ้า บางคนว่าอัจฉริยะ!!
ความคิดของคนบ้ากับคนอัจฉริยะนั้นห่างกันเพียงเส้นบางๆ เท่านั้น จนบางทีก็แยกไม่ออกด้วยซ้ำว่านี่มันคนบ้าหรือคนอัจฉริยะกันแน่?? เหมือนกับ Elon Musk ประธานบริหารของบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังอย่าง Tesla และ SpaceX ที่มีแนวความคิดที่น่าสนใจเกี่ยวกับการมองทั้งโลกและจักรวาล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเขาได้เผยแนวคิดของเขาเกี่ยวกับการใช้จรวด SpaceX ในการส่งผู้คนไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลกภายในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น ได้ยินแบบนี้แล้ว หลายคนอาจจะคิดว่าเขาคงเพี้ยน บางคนก็คนก็บอกว่าเขาเป็นอัจฉริยะ แต่ไม่ว่าคุณจะคิดยังไงกับ Musk ลองไปดูรายเอียดแผนการของเขาก่อน แล้วค่อยตัดสินกันอีกที และนี่คืือแนวคิดของ Musk ทั้ง 14 ข้อ ตั้งแต่เรื่องดาวอังคารไปจนถึงเรื่องปัญญาประดิษฐ์ ที่คุณจะต้องทึ่งในวิสัยทัศน์ของอย่างแน่นอน 1. Musk บอกว่าเขาจะเริ่มส่งมนุษย์ไปยังดาวอังคารภายในปี 2024 เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2016 Musk บอกว่า “เรากำลังสร้างเที่ยวบินบรรทุกสินค้าไปยังดางอังคารที่ทุกคนสามารถวางใจได้” “วงโคจรของโลกกับดาวอังคารจะมาประจบกันทุกๆ 26 ปี ดังนั้นเราจะไปถึงที่นั่นครั้งแรกในปี 2018 และครั้งถัดไปในปี 2020 ผมคิดว่าถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน เราน่าจะเปิดโอกาสให้ทุกคนในปี 2024 และถึงในปี 2025” 2. เขาได้เผยแผนการที่จะก่อตั้งรัฐบาลของชาวดาวอังคารด้วย …
-
ช่างภาพถ่ายภาพแมวตาบอด เพื่อให้คนได้เห็นถึงความงดงามของมัน และรับไปเลี้ยง
สัตว์ทุกตัวต่างมีความน่ารักในตัวเอง ต่อให้พวกมันเกิดมาด้วยสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์บ้างก็ตาม แต่หากคุณสัมผัสมันด้วยใจ จะรู้ว่าแมวก็คือแมวที่พร้อมจะทำให้คุณตกหลุมรักได้เสมอ ด้วยเหตุนี้ Casey ช่างภาพแมวจากลอสแองเจลิสจึงตัดสินใจถ่ายภาพแมวตาบอดในศูนย์พักพิง รวมทั้งในศูนย์รักษาพันธุ์สัตว์ Milo’s เพื่อให้คนรับพวกมันไปเลี้ยง Cooper เป็นแมวตาบอดที่ได้รับการช่วยเหลือตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ มันขี้กลัวและกินเก่ง ช่างภาพบอกว่า “ฉันถ่ายรูปแมวตาบอกจากศูนย์พักพิงหลายๆ แห่ง เพื่อให้มีคนมารับไปเลี้ยง เพราะพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ” หลังจากที่ช่างภาพได้ถ่ายรูปแมวตาบอดไปครั้งแรก ปรากฏว่ามีจำนวนแมวตาบอดที่ถูกรับเลี้ยงมีมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจสร้างชุดภาพแมวตาบอดแบบจริงๆ จังๆ เพื่อเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงในการประกาศให้โลกรู้ว่าแมวตาบอดก็ต้องการคนดูแลเหมือนกัน Pixie Pawspouncer ถูกทิ้งอยู่บนถนนขณะที่มันท้อง โชคดีที่ Milo’s ช่วยเหลือไว้ทัน Thomas Trueheart ถูกน้ำกรดเทใส่หน้า แต่ดีที่มันได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ทำให้ยังพอมองเห็นบ้าง Daisy มาจากบ้านคนเก็บของที่มีแมวถึง 200 ตัว และหมาอีก 100 ตัว ซึ่งมันก็เอาตัวรอดมาได้อย่างหวุดหวิด Phoenix Flamepaws ได้รับการช่วยมาจากถนนในลองแองเจลิส ในสภาพที่ตาบอดและไม่สบาย Regis ได้รับการช่วยเหลือจากศูนย์ฆ่าสัตว์ในลอสแองเจลิส หลังจากที่เจ้าของมันจากไป มันเป็นโรคต้อหิน ทำให้ต้องผ่าตัดตาออก…
-
“ศิลปะบนผืนนา” ชาวญี่ปุ่นปลูกข้าวให้เหมือนภาพวาด เพื่อใช้โปรโมทการท่องเที่ยว
ใครหลายคน คงคุ้นชินกับการทำเกษตรกรรมมาตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น การปลูกผัก ผลไม้ เพราะว่าเป็นพื้นฐานหลักในการดำรงชีวิต แต่ในปัจจุบัน เกษตรกรรมหลักอย่างการปลูกข้าว กลับกลายเป็นศิลปะได้อย่างไม่น่าเชื่อ!!! เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อรองนายกเทศมนตรีเมือง Inakadate ชื่อว่า Yukio Kasai เล็งเห็นว่าแต่เดิมเมือง Inakadate มีชื่อเสียงในเรื่องการปลูกข้าวด้วยมืออยู่แล้ว แต่จะทำอย่างไรจึงจะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้นจึงเกิดเป็นโปรเจกต์ยักษ์ขึ้นมา โปรเจกต์ที่ว่านี้คือ การปลูกข้าวให้เป็นรูปภาพต่างๆโดยใช้ข้าวสายพันธุ์ต่างๆถึง 7 สายพันธุ์เพื่อให้สีที่แตกต่างกันออกไปโดยรูปภาพต่างๆ นั้นเป็นรูปที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นท้องถิ่นของหมู่บ้าน . ขั้นตอนแรกของการดำเนินการคือการวางแผน โดยได้มีจำลองวาดรูปที่ต้องการในคอมพิวเตอร์ จากนั้นเมื่อได้รูปที่ต้องการ แล้วก็นำรูปไปปรึกษาครูศิลปะในพื้นที่ เพื่อให้ทราบถึงรายละเอียดว่าต้องปลูกสีใดตรงไหนบ้าง จากนั้นก็ถึงขั้นตอนการลงมือทำ เมื่อได้แบบที่ต้องการแล้วก็ลงพื้นที่สำรวจจุดต่างๆ ว่าจุดนี้ควรปลูกสีนี้และทำเครื่องหมายไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อให้การปลูกข้าวเป็นสีสวยงามตามที่ต้องการ ซึ่งในปีนี้มีอาสาสมัครมาร่วมช่วยปลูกข้าวกว่า 1,300 คน และใช้เวลาถึง 3 เดือน นับจากขั้นตอนการวางแผน การออกแบบ จนถึงการลงมือปลูกข้าวเสร็จสิ้นลง การที่มีผู้คนมาเยี่ยมชมศิลปะการปลูกข้าวที่ชาวบ้านร่วมกันทำ ทำให้ชาวบ้านรู้สึกภูมิใจในหมู่บ้านของตัวเองอย่างมาก ต่างจากตอนแรกที่ไม่คิดว่าจะมีผู้คนมาเยี่ยมชมมากขนาดนี้ ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะจากเมือง…