Category: สยามเมืองยิ้ม

หลังจากที่เมื่อวานในโลกโซเชียลมีการแชร์คลิปของหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนด่าตำรวจอย่างเสียๆ หายๆ หลายคนอาจอยากรู้ว่าเรื่องนี้เป็นมาอย่างไรและไปจบที่ตรงไหน ในวันนี้เรามีการลำดับเหตุการณ์มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันแล้ว…   หากใครยังไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลองมาดูกันก่อน (จากเพจเฮีย)    จุดเริ่มต้นของเรื่อง เมื่อวานนี้ (16 พ.ค.) ในช่วงบ่ายๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจสน. คลองตันได้ทำการตั้งด่านตรวจ ซึ่งชายคนในคลิปก็ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาในด่านพร้อมกับแฟนสาว แต่ว่าเขาเมื่อเขาถูกเรียกตรวจใบขับขี่ก็ปรากฏว่าไม่มี!! และเกิดบันดาลโทสะใช้คำพูดที่ไม่ค่อยดีนัก เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้เข้ามาที่บริเวณเกาะกลางถนนเพื่อพูดคุยกัน ทว่าก็ไม่ใช่อย่างที่คิดเอาไว้ เพราะหนุ่มรายนี้ยังคงใช้คำพูดว่าเจ้าหน้าที่ต่อ ทั้งคำพูดที่บอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้วนจะไปจับใครทัน หรือขู่ว่าจะต่อยกลับเจ้าหน้าที่ และที่เด็ดคือคำพูดที่ว่า ‘กูจะตบให้ดาวกระเด็นเลย’ ในที่สุดแล้วเจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจใส่กุญแจมือพาไปโรงพัก     เหตุการณ์ที่โรงพัก หลังจากที่หนุ่มคนในคลิปโดนรวบไปเรียบร้อย ขณะที่อยู่ที่โรงพักเขาก็เอาแต่นั่งซึม จนกระทั่งในเวลาต่อมาแม่ของเขาก็มาที่โรงพักพร้อมกับบอกว่าลูกชายของเธอ มีอาการทางจิตบวกกับเป็นคนโมโหร้าย ทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้ แน่นอนว่าเกิดเหตุอย่างนี้ขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้แจ้งข้อหา 4 ข้อหาด้วยกันได้แก่ ไม่มีใบขับขี่ ไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่พกพาสำเนารถและดูหมิ่นเจ้าพนักงานนั่นเอง     ความคิดเห็นของคนในโซเชียล หลังจากเรื่องนี้ดังออกไป คนในโซเชียลก็พากันคอมเมนต์ต่างๆ นานา ซึ่งโดยส่วนมากแล้วจะหนักไปในทางเห็นด้วยกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และบางคนก็บอกว่าเขาสมควรแล้วกับการได้รับข้อหาทั้งหมดนี้…   ที่มา: khaosod, thairath,…

วันนี้เราจะมาพูดถึงเหตุการณ์ที่กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล นับตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2019 ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ คนอาจได้ยินเรื่องนี้กันมาบ้างแล้ว แต่ยังแอบสงสัยในข้อเท็จจริงบางจุด กับกรณี “พลเมืองดีพยายามงัดรถช่วยเด็ก 1 ขวบ แต่แม่ของเด็กกลับเอาแต่เล่นมือถือ และจะเรียกค่าเสียหาย”   รายละเอียดเรื่องราวจากรายการทุบโต๊ะข่าว    จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดขึ้นที่บริเวณด้านหลัง ตลาดกิมหยง เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ชาวบ้านในละแวกนั้นพบว่ามีรถเก๋งยี่ห้อ MG คันหนึ่งจอดอยู่ และเห็นว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งพยายามใช้เหล็กงัดประตูรถ แต่ที่เธอพยายามทำอยู่นั้นไม่ใช่เพราะว่าต้องการขโมยรถ “เธอทำไปด้วยความหวังดี” เพราะเมื่อชาวบ้านเข้าไปตรวจสอบดูถึงได้รู้ว่า “มีเด็กเล็กติดอยู่ภายในรถคันดังกล่าว”     แล้วสาวพลเมืองดีคนนี้มาพยายามช่วยเด็กได้อย่างไร? มันเริ่มจากการที่ “แม่ของเด็ก” ไม่สามารถเปิดเข้าไปในรถได้เพราะ “ลืมกุญแจไว้ในรถ” เธอจึงโทรหาสามีที่เป็นช่างทำกุญแจอยู่ใน กทม. เพื่อจะหาทางช่วยเหลือลูกน้อยวัย 1 ขวบที่ติดอยู่ภายใน สามีของเธอจึงตัดสินใจโทรหาเพื่อนที่เป็นช่างทำกุญแจอยู่ในละแวกใกล้เคียง แต่ตอนนั้นเพื่อนไม่ว่างและฝากให้ หนาย ผู้เป็นภรรยาเข้ามาช่วยเหลือแทน เนื่องจากว่า หนาย ก็มีความรู้ในเรื่องนี้เหมือนกัน   หนาย หญิงสาวชุดน้ำเงินที่พยายามใช้เหล็กงัดรถ   เมื่อ หนาย…

จากคดีโด่งดังที่กลายเป็นตำนานเล่าขานกันเมื่อ 60 ปีที่แล้วกับเรื่องของ “ซีอุย” ชายหนุ่มชาวจีนที่ถูกตัดสินประหารชีวิตจากคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสังหารเด็กกว่า 6 คน คดีสะเทือนขวัญของนายหลีอุย แซ่อึ้ง เมื่อปีพ.ศ. 2501 ที่กลายเป็นเรื่องเล่าต่อๆ กันมากับตำนาน ซีอุยกินตับเด็ก ที่เรื่องราวที่แท้จริงของคดีนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันในปัจจุบัน ล่าสุดได้มีการแชร์ส่งต่อกันในโลกออนไลน์กับแคมเปญที่มีชื่อว่า “นำร่างซีอุย แซ่อึ้งออกจากพิพิธภัณฑ์ศิริราช คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ล้างฉายามนุษย์กินคน” ที่เปิดให้ชาวเน็ตมาร่วมลงชื่อเอาร่างของนายซีอุยออกจากพิพิธภัณฑ์ศิริราช     แคมเปญนี้ถูกสร้างบนเว็บไซต์ Change.org โดยผู้ใช้ชื่อว่า ฟาโรห์ จักรภัทรานน ที่ออกมาเรียกร้องให้มีการพิจารณานำร่างของนายซีอุยออกจากการแสดงโชว์ที่พิพิธภัณฑ์ศิริราชเพื่อคืนความเป็นธรรม ลบล้างฉายามนุษย์กินคนที่ถูกกล่าวหามานานกว่า 60 ปี   รายละเอียดและเหตุผลในการตั้งแคมเปญนี้ . . .     ยอดผู้ลงชื่อสนับสนุนในวันที่ 14 พฤษภาคม 2019 พุ่งสูงถึง 6,000 คนแล้ว โดยได้มีการตั้งเป้าให้ถึง 7,000 คนเพื่อนำรายชื่อไปเสนอให้กับทางพิพิธภัณฑ์ศิริราชต่อไป   ที่มา change.org

ในชีวิตหนึ่ง หลายคนอาจจะเคยผ่านเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่า ‘ระทึกใจ’ ที่มีความเชื่อมโยงกับความเป็นและความตายของชีวิตเรามาแล้ว เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่ไม่ได้ระทึกแค่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ทำเอาคนดูต่างก็เสียวท้องน้อยไปตามๆ กัน!! เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2562 ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Book Za Sooksun ได้เปิดเผยคลิปเหตุการณ์สุดระทึกใจ เมื่อต้องปีน ‘ต้นไผ่’ เพื่อหนีเอาชีวิตรอดจาก ‘เสือโคร่ง’ ตัวเบ้อเร่อ จากรายงานของเว็บไซต์ Kapook เปิดเผยว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณทางเข้า-ออกของหมู่บ้านไล่โว่ ที่ตั้งอยู่ในป่าลึก และบริเวณนั้นก็ตั้งอยู่ใกล้กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.ตาก     เจ้าของเรื่องโพสต์คลิปวิดีโอที่มีความยาวกว่า 30 นาที ที่ตัวเองปีนขึ้นไปเกาะอยู่บน ‘ต้นไผ่’ โดยมีเสือโคร่งขนาดใหญ่คอยอยู่ด้านล่าง พร้อมกับแคปชันว่า “การเอาตัวรอดจากเสือทุ่งใหญ่คือปีนต้นไม้ไผ่ให้สูงเข้าไว้เพราะเชื่อว่าเสือปีนไม้ไผ่ไม่ได้ [จริงหรือเปล่าไม่แน่ใจ]” “เสือจะไม่ทำอะไรเราถ้าเราไม่ทำเสือก่อนเพราะเสือเป็นมิตรกับคนทุกคนและเป็นพี่น้องกับลูกเสืออื่นทั่วโลก โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม ให้เสียงภาษาโดยพันธมิตร”     และผู้ประสบกับเหตุดังกล่าวไม่ได้มีแค่คนเดียว จากในคลิปจะเห็นว่ามีคนเกาะอยู่ข้างล่างอีกคนหนึ่งที่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน เจ้าเสือโคร่งนั่งๆ นอนอยู่บริเวณเกิดเหตุอยู่เป็นเวลานาน ก่อนที่จะเดินจากไป และโชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตราย     ลองไปชมคลิปวิดีโอเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…  …

เรื่องของ ‘ขยะ’ จัดได้ว่าเป็นเรื่องที่ต้องมีการจัดการให้ดีๆ เพราะมิฉะนั้นแล้วมันอาจนำพามาซึ่งความเดือดร้อนอย่างเช่นเรื่อง สุขอนามัยหรือเรื่องสิ่งแวดล้อมได้ อย่างเช่นในเหตุการณ์ที่ชาวบ้านบางกอกใหญ่ต้องเผชิญ เมื่อรถขยะของทางเขตเกิดพังขึ้นมา ทำให้พวกเขาต้องอยู่กับขยะที่หมักหมมติดต่อกันกว่า 12 วัน     เรื่องราวที่ว่านี้เกิดขึ้นที่เขตบางกอกน้อยกทม. เมื่อเฟซบุ๊ก ‘ขาลมีนา ราศีกุมภ์’ ได้ทำการโพสต์ภาพของกองขยะที่สุมกันจนดูเหมือนภูเขา พร้อมเขียนอธิบายว่าในซอยอิสรภาพ 27 กทม. เจ้าหน้าที่เขตบางกอกใหญ่ไม่มาเก็บขยะจำนวนหลายวันแล้ว   จากโพสต์ดังกล่าวทำให้ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวอมริมทร์ทีวี ลงพื้นที่ซอยอิสรภาพ 27 ในเมื่อวาน (12 พ.ค.) ซึ่งตลอดระยะทาง 1 กิโลเมตร จะเห็นได้ว่าหน้าบ้านของชาวบ้านก็จะมีขยะกองๆ กันอยู่อย่างพูนจนล้นออกมาจากถัง     และจุดที่หนักที่สุดก็คือบริเวณท้ายซอยเพราะนั่นคือจุดที่เป็นกระบะสำหรับทิ้งขยะ ซึ่งที่นี่มีขยะเยอะจนกองเป็นภูเขาย่อมๆ พร้อมกับส่งกลิ่นเหม็นและเต็มไปด้วยแมลงวัน!! จากเรื่องขยะที่เกิดขึ้นทำให้ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กับกองขยะตัดสินใจปิดร้านของตัวเอง เนื่องจากมีแมลงวันเยอะเกินกว่าที่จะขายได้ ซึ่งทางร้านก็ได้แขวนป้ายเอาไว้หน้าร้านว่า  “ปิด-หยุดขาย เหม็นขยะ แมลงวันเยอะ จนกว่าขยะจะเบาลง”     ทางด้านนายประวิทย์ ไชโย อายุ 56 ปี เจ้าของร้านอาหารดังกล่าว เล่าว่าตั้งแต่วันที่ 1…

ระหว่าง “กฎหมาย” กับ “กฎหมู่” เพื่อนๆ กลัวอะไรมากกว่ากัน?? ซึ่งสำหรับหัวขโมยหนุ่มคนนี้ ถ้าหากเขาเลือกได้ เขาขอยอมถูกกฎหมายตัดสินความผิด ดีกว่าจะต้องโดนกฎหมู่ “ลากไปรุมกระทืบ” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา (12 พ.ค. 2019) รายการ ข่าวอรุณอมรินทร์ รายงานว่า สภ.เมืองชลบุรี ได้รับแจ้งจากตำรวจนายเวรศูนย์ฝึกตำรวจภูธรภาค 2 ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ว่าสามารถจับกุมตัวหัวขโมยคนหนึ่งเอาไว้ได้     จากคำบอกเล่าของ นายวิทวัฒน์ กรงแก้ว นักเรียนนายสิบตำรวจ ปี 1 กล่าวว่า นายสุภะกิจ พันธ์วงศ์ อายุ 20 ปี หัวขโมยคนดังกล่าว ถูกกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 6-7 คนวิ่งไล่กวดมาจากซอยบ้านสวน เขาน้อย 4 ฝั่งตรงข้ามกับศูนย์ฝึก นายสุภะกิจ ได้เข้ามาขอความช่วยเหลือ ก่อนที่จะเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ภายในป้อมตรวจการของตำรวจ และให้การสารภาพว่าตนเองได้ไปขโมยเสื้อของกลุ่มวัยรุ่นที่วิ่งไล่ตนเองมา   เสื้อที่ นายสุภะกิจ ได้พยายามจะขโมยมา  …

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จับตัวชายหนุ่มผู้ต้องสงสัยได้ พอตรวจในเป้ที่เขาสะพายมาก็ถึงกับต้องตกใจ เพราะมี ‘ซากลูกหมีควาย’ อยู่ในนั้นด้วย!? นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน เผยว่าเมื่อเวลาราวๆ 7.57 น. คณะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ได้รับการแจ้งเตือนจากกล้องดักถ่ายภาพอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ (กล้อง NCAPS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เอาไว้ตรวจจับความผิดปกติ และสังเกตพฤติกรรมของสัตว์ป่า แต่ในช่วงเกิดเหตุพบบุคคลต้องสงสัยเดินบุกรุกเข้าไปยังเขตอุทยาน     เจ้าหน้าที่จึงวางแผนและเข้าติดตามจับในทันที และสามารถควบคุมตัวเอาไว้ได้ จากการตรวจสอบก็ทราบว่าชายผู้ต้องสงสัยคือ นายศุภกิตต์ มองบรรจบ อายุ 40 ปี เป็นผู้อยู่อาศัยในละแวกนั้น     นอกจากนี้จากการตรวจค้นเป็นสะพายหลัง พบซากลูกหมีควายอายุราว 3-6 เดือนอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งทางด้านเจ้าตัวอ้างว่า เข้าไปหาตัดยอดหวายเพื่อนำไปขาย     แต่พบลูกหมีควายติดบ่วงตายอยู่ใกล้ๆ จุดที่กำลังตัดหวายพอดี เลยแอบเอาใส่เป้สะพายออกมา เพื่อที่จะเอาไปทำเป็นอาหาร แต่ดันถูกจับเสียก่อน     อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ทำการควบคุมตัวชายคนดังกล่าวให้นำเข้าไปชี้จุดเกิดเหตุเพื่อตรวจสอบหาหลักฐาน เพื่อใช้ในการดำเนินคดีผู้ต้องหาต่อไป  …

การใช้รถใช้ถนนเป็นเวลาที่จะต้องระมัดระวังให้มากกว่าปกติ เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ว่าบางครั้งถึงเราจะระวังขนาดไหน ทว่าก็ยังมีเรื่องที่เกิดจาก ‘คนอื่น’ มาทำให้เกิดเรื่องจนได้ อย่างเช่นในกรณีต่อไปนี้ ที่เจ้าของรถคนหนึ่งต้องเดือดร้อน จาก ‘เด็กแว้น’ ที่ยกล้อกลางไฟแดง แต่ว่าควบคุมรถไม่อยู่พุ่งเข้ามาชนประตูรถ แถมเท่านั้นยังไม่พอชนเสร็จยังบิดหนีไปอย่างหน้าตาเฉย!?     เฟซบุ๊ก Max PunMile Krisada คือผู้ประสบกับชะตากรรมดังกล่าว ซึ่งในโพสต์ได้ใส่แคปชั่นเอาไว้ว่า  “เต็มประตู รอเจอตัวอยู่นะครับ #ชนแล้วหนี ข้อมูลหลักฐานคิดว่ามากพอ ต้องดันโพสยังไงให้ถึงเจ้าตัว #หน้าตาพี่ไม่มีสำนึก”  นอกจากคำพูดดังกล่าวแล้วภายในโพสต์ยังมีหลักฐานเป็นวิดีโอจากกล้องติดหน้ารถ ซึ่งสามารถจับภาพขณะที่เกิดเหตุการณ์เอาไว้ได้ทั้งหมด   คลิปขณะเกิดเรื่อง    และนอกจากคลิปแล้วก็ยังมีภาพของใบบันทึกการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้ด้วย   โฉมหน้าของคนยกล้อ .   โพสต์นี้ได้รับการแชร์ออกไปนับพันครั้ง ซึ่งก็มีคอมเมนต์เข้ามาอย่างมากมายภายในโพสต์ ทั้งให้กำลังใจรวมถึงต่อว่าคนที่ก่อเหตุดังกล่าว   . . . .   โพสต์ต้นฉบับ  ที่มา: Max PunMile Krisada

อย่างที่รู้กันดีว่าในห้างแต่ละห้างก็จะมี ‘ที่จอดรถบิ๊กไบก์’ แยกเอาไว้ให้สำหรับเหล่าไบก์เกอร์ทั้งหลาย เพราะเนื่องจากว่าขนาดที่ใหญ่ของมัน ทำให้อาจต้องใช้พื้นที่ในการเลี้ยว หรือถอยมากกว่ารถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป แต่ใครเล่าจะคิดว่าพอเอารถบิ๊กไบก์เข้าไปจอดในที่จอดรถบิ๊กไบก์ในห้าง มีสเปกตรงตามที่กำหนดเอาไว้ทุกอย่างแล้ว ดั๊นนนถูก ‘ล็อกล้อ’ ซะได้!? เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Oran Supasaen ได้เปิดเผยประสบการณ์จอดรถที่ห้างดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่     ซึ่งที่จอดรถบิ๊กไบก์ของห้างดังกล่าว มีการกำหนดเอาไว้ว่าบิ๊กไบก์ที่จะมาจอดได้นั้นจะต้องมีขนาดเครื่องยนต์ 500 ซี.ซี. ขึ้นไป หากต่ำกว่านั้นจะต้องถูกล็อกล้อและปรับเป็นจำนวนเงิน 500 บาท       แต่กลายเป็นว่ารถยี่ห้อ KTM 690 SMC ซึ่งมีขนาดเครื่องยนต์สูงถึง 690 ซี.ซี. แถมราคายังอยู่ที่ราวๆ 690,000 บาท ชายหนุ่มก็เลยเกิดความงงงวยเป็นอย่างมาก เพราะทำถูกตามเงื่อนไขทุกอย่างแต่ดันถูกล็อกล้อซะได้!?     โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก หลายคนต่างก็คอมเมนต์กันไปต่างๆ นานา   บ้างก็บอกว่าหน้าตามันอาจจะคล้ายกับ KSR มั้ง (มอเตอร์ไซค์วิบาก…

แหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยมีอยู่มากมายหลายรูปแบบ ซึ่งก็รวมถึง ‘การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม’ อยู่ด้วย และเมื่อไม่นานมานี้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมก็ได้ประกาศ ‘ผลการคัดเลือก 10 แหล่งวัฒนธรรมที่ต้องไป’ ออกมา แต่ว่าผลการคัดเลือกนั้นกลับเป็นที่ฉงนสงสัยของชาวเน็ตว่าใช้หลักเกณฑ์อะไรในการวัด จึงได้ผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้!? เฟซบุ๊ก สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด เชียงใหม่ ได้โพสต์ภาพประกาศกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เรื่องผลการคัดเลือก 10 แหล่งวัฒนธรรมที่ต้องไป ซึ่งข้อความภายในภาพมีอยู่ว่า     ‘กระทรวงวัฒนธรรมได้มอบนโยบายให้คัดเลือกสุดยอดงานด้านวัฒนธรรม เพื่อประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติ รณรงค์ให้มีการรักษามรดกศิลปวัฒนธรรม ส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้กับศิลปวัฒนธรรม ในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ทั้งนี้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้มอบหมายให้ดำเนินการคัดเลือก 10 แหล่งวัฒนธรรมที่ต้องไปนั้น บัดนี้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้คัดเลือก 10 แหล่งวัฒนธรรมที่ต้องไป เรียบร้อยแล้วดังนี้  1.  ดอยตุง จังหวัดเชียงราย 2. ฮิโนกิแลนด์ จังหวัดเชียงใหม่  3. จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม จังหวัดนครราชสีมา 4. ปราสาทสัจธรรม จังหวัดชลบุรี 5. สวนนงนุช จังหวัดชลบุรี 6. หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย จังหวัดสุพรรณบุรี 7. วู้ดแลนด์…

กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวอันน่าตกใจ เมื่อเพจดังได้โพสต์เรื่องราว สาวไปทำคลอด ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ ก่อนจะนำไปสู่อาการช่องคลอดอักเสบ และพบผ้าก๊อซคาอยู่ในช่องคลอด ซึ่งเธอได้รับเงินชดเชยแค่ 30 บาท ทางเพจ ห้องสืบสวยสยอง ได้โพสต์ถึงเรื่องราวดังกล่าวไว้ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2019 พร้อมภาพประกอบเป็น “ใบรับรองแพทย์” ที่ยืนยันว่าเธอตรวจพบความผิดปกติเหล่านั้นจริง   ใบรับรองแพทย์   เรื่องราวนี้มีอยู่ว่า หญิงสาวคนดังกล่าวนั้นได้ไปทำคลอด ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ ตอนช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เธอเข้าทำคลอดในช่วงกลางดึกและพบว่าเจ้าหน้าที่ในห้องคลอดนั้นมีอาการมึนเมา กว่าจะได้ทำคลอดก็คือหลังจากที่มีพยาบาลมาสับเปลี่ยน พอออกจากโรงพยาบาลมา เธอก็รู้สึกเหมือนมีอะไรปูดๆ ออกมาจากช่องคลอด รู้สึกเจ็บบริเวณนั้นมาก     หลังคลอด 7 วัน เธอก็เข้ารับการตรวจช่องคลอดที่โรงพยาบาลเดิม ซึ่งพยาบาลบอกว่าไม่พบความผิดปกติใดๆ จนกระทั่งผ่านไป 45 วัน เธอตัดสินใจย้ายไปรับการตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการแทน ซึ่งพยาบาลพบว่ามีอะไรคาอยู่ในช่องคลอดของเธอ พอดึงออกมาถึงพบว่าเป็น “ผ้าก๊อซ 2 ชิ้น” !! เธอจึงถูกส่งตัวไปพบหมอสูตินรีเวชเพื่อตรวจภายใน พบว่ามีอาการอักเสบและมีแผลในมดลูกจำนวนมาก     และอีกหนึ่งส่วนสำคัญของเรื่องนี้ที่หลายๆ…

“แม่ฉันต้องได้กินกุ้ง” วลีสุดฮาที่ไม่ว่าใครๆ ต่างก็ต้องพูดกัน ซึ่งประโยคนี้กำเนิดขึ้นโดยฮาซัน แห่งเพจอาหารทะเลตากแห้ง จ.สตูล จากความที่เขาไลฟ์ขายอาหารทะเลตากแห้งแบบสุดแนว จนกลายเป็นที่ถูกอกถูกใจชาวโซเชียล และด้วยความฮอตฮิตนี้เองทำให้อาหารแห้งของบังขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนเมื่อไม่นานมานี้ ‘สรรพากร’ ก็ไปเยี่ยมบังที่บ้าน ซึ่งเขาก็ได้เล่าประสบการณ์ฮาๆ กับการถูกมาเยี่ยมให้ชาวเน็ตได้รู้กัน โดยต้องบอกเลยว่าแนวคิดของบังฮาซันนอกจากจะตั้งใจขายของแล้ว เขาก็ยังแนะนำทิ้งท้ายให้ทำการเสียภาษีให้ถูกต้องด้วยเพราะนอกจากจะเป็นการช่วยเหลือประเทศแล้ว ยังทำให้เกิดความสบายใจแบบบอกไม่ถูก (สุดยอดเลยครับบัง ><)     ฮาซันหรือนายอนุรักษ์ สรรฤทัย ได้โพสต์ในเพจถึงเรื่องนี้โดยเริ่มต้นเล่าว่า เขาเริ่มต้นธุรกิจมาด้วยเงินไม่มากนัก แล้วก็คิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ วันที่ใครหลายคนคิดว่าเขานั้นสุดยอด วันที่มีคนคิดว่าเขาเก่งแบบสุดๆ แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความเป็นสุดยอดนั้นเอง ทำให้มันเปราะบางจนพร้อมจะหักลงมาเมื่อไหร่ก็ได้ เขาจึงต้องทำให้ยอดอ่อนกลายเป็นยอดที่แข็งแรงด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่าง อย่างเมื่อตอนธุรกิจมียอดขายเป็นหลักล้านบาท เวลาที่โพสต์ข้อความหรือรูปก็มักจะมีคนมาคอมเมนต์ว่า ‘ระวังสรรพากรนะครับบัง’ หรือไม่ก็ ‘แท็กสรรพากร’ ทำให้บังเกิดความระแวงในเรื่องนี้     จนกระทั่งวันหนึ่ง วันนั้นบังขับรถออกไปจากบ้านแล้ววนกลับมาเอาของ จู่ๆ มีน้องที่ทำงานโทรมาบอกว่าบังคะ มีเจ้าหน้าที่สรรพากรมา… “จอดรถแล้วเดินลงไป ผมเดินลงจากรถด้วยหน้าตาที่ใจหวิวหวิว รู้สึกได้ถึงพลังบางอย่าง แต่พยายามที่จะดึงย้อนกลับไปว่ามีคนเคยแนะนำผมว่าให้ใช้หลายบัญชีหลายธนาคารเพื่อที่จะไม่ให้เขารู้ถึงการมียอดเงินในบัญชีหรือยอดเข้าออกในบัญชีจำนวนมาก แต่โดยที่ผมกังวลใจตั้งแต่แรกผมคิดภาษาคนไม่รู้เรื่อง ผมคิดว่าผมต้องใช้บัญชีเดียวดีกว่าเพราะผมอยากจะเสียภาษีถูกต้อง แต่ไม่รู้จะเสียยังไงไม่รู้จะทำยังไงก็ศึกษาในโลกออนไลน์มาตลอด     เริ่มมีกระแสที่น่ากลัวขึ้นแต่พอมาถึงวันนั้น…

จากเหตุการณ์ที่เรียกว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในโลกโซเชียล เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา (10 พฤษภาคม 2562) กับกรณีของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ไม่ได้ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ เพราะเจ็บขา จนถูกชายคนหนึ่งมาตักเตือน และกลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา   ลองไปอ่านโพสต์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างกันดูครับ . . . .   โพสต์ต้นฉบับ   โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นอย่างมาก มีคนเข้ามากดไลก์มากกว่า 18,000 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 13,000 ครั้งเลยทีเดียว ทางด้านสำนักข่าวหลายสำนักต่างก็นำเรื่องราวดังกล่าวไปเผยแพร่ จนกลายเป็นประเด็นใหญ่ขึ้นมาในโลกโซเชียล หลายคนต่างก็เข้ามาคอมเมนต์กันไปในทิศทางเดียวกัน ว่าฝ่ายชายที่เข้ามาเตือนนั่นแหละที่เป็นคนผิด เพราะการไม่ยืนเคารพก็ถือเป็นสิทธิ์ของเราไม่ควรมายุ่ง หรือก้าวก่าย ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2562 ก็มีผู้ใช้เว็บไซต์พันทิปรายหนึ่ง ที่อ้างตัวว่าเป็นชายคนที่ไปเตือนหญิงสาว ในเหตุการณ์ดังกล่าว มาเปิดเผยเรื่องราวอีกด้าน โดยใช้ชื่อกระทู้ว่า “ชี้แจงประเด็นที่เป็นข่าว ไม่ลุกยืนแสดงความเคารพและโดนแจ้งตำรวจครับ” ซึ่งตรงกันแทบจะทุกอย่าง ก่อนที่เผยว่าความรุนแรงนั้นเกิดจากการ ‘บันดาลโทสะ’ และปิดท้ายด้วยความสำนึกผิด อยากจะขอโทษฝ่ายสาวที่กระทำรุนแรง   ลองไปอ่านข้อความในกระทู้แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยครับ .…

สืบเนื่องประเด็นดังที่เกิดขึ้นวานก่อน สำหรับเรื่องที่พิธีกรงานศพกล่าวห้ามไม่ให้เพศที่สามรำหน้าไฟ ไม่อย่างนั้นคนตายจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์ อ่านข่าวเก่าที่ >> โซเชียลเดือด เหตุพิธีกรงานศพประกาศ ‘ห้ามกะเทยรำหน้าไฟ คนตายจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์’!? ล่าสุดสื่อได้ไปสัมภาษณ์เรื่องนี้กับทางคุณครูสอนนาฏศิลป์ของทางกลุ่มนางรำ ซึ่งคุณครูก็บอกว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้ยินการห้ามไม่ให้กะเทยรำหน้าไฟเลย!?   คลิปขณะที่พิธีกรพูด    เว็บไซต์ sanook.com ได้เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าว โดยกล่าวว่าทางผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามกับ อ.พิทยา แข็งฤทธิ์ ครูอัตราจ้างโรงเรียนบ้านหนองกุง อำเภอชื่นชม จังหวัดมหาสารคาม ผู้ควบคุมการแสดง ได้ความว่า เด็กๆ นางรำกลุ่มนี้เป็นนักเรียนของที่โรงเรียนและเป็นสาวประเภทสอง ที่มารวมกลุ่มกันแสดงออกความสามารถทางการฟ้อนรำแบบจิตอาสา ซึ่งจะออกแสดงเมื่อมีงานฌาปนกิจศพ หรือพิธีต่างๆ ตามที่เจ้าภาพติดต่อขอให้ไปช่วย ซึ่งเรื่องนี้ทางโรงเรียนไม่ได้เรียกค่าใช้จ่ายใดๆ แล้วแต่ทางเจ้าภาพจะสนับสนุนเป็นทุนการศึกษา และถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 1 ปีแล้วที่น้องๆ นางรำกลุ่มนี้ได้ออกแสดงความสามารถทางการฟ้อนรำ ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร   อ.พิทยา แข็งฤทธิ์   จนกระทั่งงานฌาปนกิจศพล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2562 ที่วัดในหมู่บ้านจึงเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น โดยพิธีกรได้พูดประกาศออกไมค์ว่า “พึงสังวรไว้ว่าห้ามกะเทยรำหน้าไฟเด็ดขาด เพราะคนตายจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์ ต้องเป็นสาวพรหมจรรย์เท่านั้น”      คำพูดดังกล่าวจึงทำให้ตนและชาวบ้านมีคำถามเกิดขึ้นว่ากะเทยรำหน้าไฟไม่ได้จริงหรือ…

เว็บบอร์ดพันทิปเป็นพื้นที่ที่หลายคนมักจะเลือกแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในเรื่องต่างๆ แต่ว่าในวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปดูความคิดเห็นของเรื่องที่เรียกได้ว่ามีใครหลายคนต้องอยากรู้แน่นอน กับหัวข้อที่ว่า “ถามคุณผู้หญิงตรงๆ รถของผู้ชายมีผลในการจีบคุณมั๊ย” .   ซึ่งก็แน่นอนว่าความเห็นในเรื่องนี้มีอย่างมากมายหลายรูปแบบ แต่ถ้าจะลองแบ่งเป็นฝ่ายๆ ดูก็จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ฝ่ายด้วยกันได้ฝ่ายที่มองว่ามีผล ไม่มีผล และไม่แน่ใจนัก ดังเช่นตัวอย่างต่อไปนี้   ฝ่ายที่เห็นว่ารถของผู้ชายมีผลในการจีบ . . . . .   ฝ่ายที่มองว่าเรื่องรถไม่มีผลต่อการจีบ . . .     ฝ่ายที่บอกว่าไม่แน่ใจ . .   แล้วคุณล่ะ คิดว่ายังไง??   ที่มา: pantip

เมื่อมีอาการ ‘เมา’ เกิดขึ้น ก็อาจทำให้เราไม่สามารถควบคุมร่างกายและสติสัมปชัญญะได้ และที่มันร้ายกาจกว่านั้นก็คือความเมามันอาจทำให้เราทำอะไรเพี้ยนๆ หรือทำอะไรที่เกินกว่าใครจะคาดเดา อย่างเช่นในกรณีของคาวบอยหนุ่มคนนี้ ที่เขาปีนเข้าไปอาบน้ำในบ้านของคนอื่นเพราะฤทธิ์ของกัญชา แถมพอตำรวจมายังไม่วายขอครีมนวดผมกับเจ้าหน้าที่อีกด้วย!!     เว็บไซต์เรื่องเล่าเช้านี้รายงานว่าเมื่อวานนี้ (11 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ. เมืองระนอง ได้รับแจ้งเหตุมีชายอาการมึนเมาบุกรุกบ้านของชาวบ้านใน ต. เขานิเวศน์ จึงได้เข้าตรวจสอบ เมื่อไปถึงก็พบกับชาวบ้านมุงดูเหตุการณ์อยู่นอกบ้านนับสิบชีวิต ซึ่งบ้านหลังที่ว่านี้เป็นบ้านของนางน้ำทิพย์ นิยมรัฐ (ไฮโซแอ๋ว) อายุ 57 ปีที่ยืนอยู่นอกบ้านด้วยเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เข้าตรวจสอบภายในบ้านก็พบกับ ชายคนหนึ่งกำลังยืนอาบน้ำอยู่ที่ห้องน้ำภายในห้องนอนของไฮโซแอ๋ว โดยทราบชื่อภายหลังว่าเขาคือนายธนพงศ์ มหาปิดธนาธร(โกไข่ คาวบอย) อายุ 58 ปี     แต่ถึงเจ้าหน้าที่จะเร่งให้เขาอาบน้ำให้เสร็จไวๆ เขาก็ไม่ยอมอาบน้ำให้เสร็จเสียทีเอาแต่ถูสบู่ตามเนื้อตัวโดยอ้างว่าเจ้าบ้านชอบกลิ่นหอมๆ พร้อมกันนี้ก็ร้องขอครีมนวดผมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย จากนั้นโกไข่ก็เดินโทงๆ ออกมาจากห้องน้ำอย่างปราศจากเสื้อผ้า แล้วออกมาร้องเรียกเจ้าของบ้านเพื่อจะขอครีมนวด เจ้าหน้าที่เห็นทีท่าว่าไม่ค่อยดีพูดจาไม่รู้เรื่องและเมามาย จึงตัดสินใจเข้าชาร์จในที่สุด     เจ้าตัวสารภาพว่าเมากัญชาก่อนปั่นจักรยานมาหาไฮโซแอ๋ว ซึ่งทันทีที่ฤทธิ์ความเมาลดลงจนได้สติก็รู้ว่าตัวเองโดนจับเสียแล้ว จึงร่ำไห้ออกมาด้วยความเสียใจ ทางด้านไฮโซแอ๋วเล่าให้ฟังว่าในวันนั้นเธอได้ยินเสียงเรียกอยู่ที่ประตู จึงออกไปดูว่าใครเรียก แต่พอสักพักจึงกลับไปที่ห้อง โกไข่ก็ได้มาดึงประตูทางเข้าอีกบานที่ไม่ได้ล็อคไว้เข้ามาในตัวบ้าน โดยจริงๆ…

บางครั้งเรื่องราวในชีวิตจริงของใครบางคน อาจจะยิ่งกว่าในละครเสียอีก…   เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของหญิงสาวคนนี้ ที่โทรไปเล่าในรายการพุธทอล์คพุธโทร ที่ออกอากาศทางช่อง EFM94 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกับตั้งชื่อตอนว่า ‘กรงกรรมในชีวิตจริง’     ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวอาจจะเป็นความจริง หรือแต่งขึ้นมาก็ได้ ก็ขอให้ใช้วิจารณญาณในการรับชมนะครับ หญิงสาวเจ้าของเรื่องมีชื่อว่า เมย์ ได้เปิดเผยเรื่องราวแห่งความพีค ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเธอเมื่อราวๆ 4-5 ปีก่อน เธอเล่าว่าคบอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง เขาเป็นคนดีมาก จนกระทั่งวันหนึ่งก็มี ‘พ่อบุญธรรม’ เข้ามา ซึ่งหลายคนก็มองว่า ‘ไม่น่าจะใช่พ่อธรรมดานะ’ เพราะฝ่ายชายไม่เคยพาเมย์ไปเจอกับคุณพ่อเลย     ส่วนเรื่องราวของพ่อบุญธรรมนั้น คุณเมย์เล่าว่า เป็นคนรับเลี้ยงเขา (แฟนของคุณเมย์) เพื่อให้มีหน้ามีตา 4-5 ปี ถึงจะได้เจอกันสักครั้งหนึ่ง ส่วนแม่ก็ไม่ได้อยู่กับพ่อบุญธรรม และแฟนหนุ่มก็บอกกับพ่อบุญธรรมว่าคุณเมย์นั้นเป็นเพื่อนของตน เคยมีครั้งหนึ่งที่พ่อไปรื้อเสื้อผ้าในตะกร้าผ้าแล้วเจอกางเกงในของคุณเมย์ แฟนหนุ่มก็โดนพ่อด่ามา และเรื่องราวความพีคก็เกิดขึ้น มีอยู่วันหนึ่งคุณเมย์ตั้งใจที่จะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด แฟนก็เลยไปส่งที่ขนส่ง แต่บังเอิญว่าไม่มีรถไป ก็เลยตัดสินใจกลับไปเซอร์ไพรส์แฟน เนื่องจากว่าแฟนไม่อยากให้เธอกลับบ้านอยู่แล้ว ซึ่งทั้งคู่อยู่ด้วยกัน และต่างคนต่างก็มีกุญแจห้องอยู่แล้ว หลังจากนั้นเสียงของคุณเมย์ก็เริ่มสั่นเครือ พร้อมกับปล่อยโฮออกมา     ก่อนจะเล่าต่อว่า…

เมื่อไม่นานมานี้ นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เผยว่าในปี 2019 นี้ ทาง ธ.ก.ส. ได้เตรียมวงเงินพิเศษสำหรับกลุ่มเกษตรกร วงเงินที่เตรียมไว้นั้น คือวงเงินสินเชื่อสำหรับการซื้อ “อากาศยานไร้คนขับ” หรือที่เราเรียกกันว่า “โดรน” รวมถึงเครื่องจักรอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้กับเกษตรกร และกลุ่มเกษตรกร วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท!!     โดยเบื้องต้นนั้น พวกเขาคาดว่าจะมีเกษตรกรซื้อโดรนสำหรับใช้ทำการเกษตรไม่ต่ำกว่า 100 ลำ ในราคาลำละ 500,000 บาท เพื่อทดแทนแรงงานในการพ่นยาฆ่าแมลง หว่านเมล็ดพันธุ์ ลดต้นทุนการผลิต     บางคนอาจสงสัยว่า การใช้โดรนในการเกษตรนั้นมันได้ผลดีจริงหรือไม่? พวกเขากล่าวว่าในปีก่อน (2018) มีกลุ่มสหกรณ์ขอสินเชื่อเพื่อซื้อโดรนไปแล้ว ทั้งหมด 60 ลำ วงเงิน 30 ล้านบาท ซึ่งเกษตรกรเหล่านั้นยืนยันว่าการใช้โดรน “ช่วยลดต้นทุนการผลิตได้จริง” นั่นเพราะการใช้โดรนช่วยลดปริมาณการใช้ปุ๋ย ลดเวลาในการหว่านเมล็ดพืช และยังลดค่าจ้างแรงงานคน ตกไร่ละ 500…

ยังคงเป็นประเด็นที่หลายๆ คนให้ความสนใจ กับวลีฮิตติดหู “ผมเพื่อนโชค” ซึ่งมีที่มาจากเหตุการณ์ “เจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูใบขับขี่อธิบดี” นำไปสู่ผลที่ตามมามากมายหลายสิ่งอย่าง อ่านข่าวเก่าได้ที่ลิงก์: ความคืบหน้า ‘สิบตำรวจขอดูใบขับขี่’ โดนย้าย ตอนนี้ย้ายกลับมาแล้ว ลือต่อ ผกก. โดนย้ายแทน     จุดหนึ่งที่หลายๆ คนให้ความสนใจเป็นอย่างมากก็คือ เรื่องการแก้ปัญหาของ พ.ต.อ. โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ ผู้ถูกอ้างว่าเป็นเพื่อนกับอธิบดีคนดังกล่าว สิ่งที่ พ.ต.อ. โชคดี ตัดสินใจทำหลังจากที่เกิดเหตุดังกล่าวขึ้นก็คือ เขาได้มีคำสั่งให้ “ย้าย” ตำรวจชั้นสิบตรีที่ทำหน้าที่ในวันเกิดเหตุ ให้ไปปฏิบัติหน้าที่อื่น โดยให้เหตุผลว่า “เพื่อให้ไปศึกษาเรียนรู้งานใหม่ให้เกิดความชำนาญ”   คำสั่งย้ายดังกล่าว   ณ จุดนี้เองที่กลายเป็นสิ่งกระตุ้นให้ชาวเน็ตต่างตั้งข้อสงสัยกันว่า “ทำไม พ.ต.อ. โชคดี จึงตัดสินใจอย่างนั้น” ทำให้เขาดูเหมือนว่าไม่ได้ปกป้องผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของตัวเอง เนื่องจากหลายๆ คนมองว่าตำรวจชั้นผู้น้อยไม่ได้ผิดอะไร ในความสงสัยที่เกิดขึ้นของหลายๆ คน ทำให้ล่าสุดเมื่อช่วงวานนี้ พ.ต.อ. โชคดี ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงว่าเหตุใดเขาจึงทำอย่างนั้น พร้อมพูดถึงข้อกฎหมายไว้ให้ดังนี้  …

**คำเตือน : บทความนี้มีภาพเนื้อหาที่รุนแรง หากเพื่อนๆ คนไหนมีความอ่อนไหว ขอให้พิจารณาก่อนจะเลื่อนลงไปอ่านนะครับ   กำลังกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอยู่ในโลกโซเชียล ณ ขณะนี้เลย กับกรณีของหญิงสาวโพสต์แฉ ถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายจนถึงกับแท้งลูก สุดท้ายเหมือนคดีจะพลิกเมื่อฝ่ายชายงัดหลักฐานเด็ดออกมา ว่าแฟนสาวกุเรื่องขึ้นมา!? เรื่องของเรื่องคือเมื่อวานที่ผ่านมา (10 พฤษภาคม 2562) หญิงสาวรายหนึ่งได้ทำการโพสต์ภาพลงบนเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นภาพลูกของตัวเองที่แท้งออกมา พร้อมกับกล่าวหาว่าเป็นฝีมือแฟนหนุ่มของตัวเอง ที่ทำร้ายร่างกายขณะกำลังตั้งท้องอยู่   โพสต์ที่เป็นประเด็น (เนื้อหาบางส่วนถูกเฟซบุ๊กเซนเซอร์ไว้ เนื่องจากมีความรุนแรง)   โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย หลายคนต่างก็เข้ามาประณามการกระทำของแฟนหนุ่มที่ถูกกล่าวหา   . .   หลังจากที่โพสต์ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม สื่อหลายสำนักก็เข้ามาทำข่าว และทำให้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่าดังนี้ครับ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมารายการ ข่าวเที่ยงอมรินทร์ ช่องอมรินทร์ ทีวี เปิดเผยว่าหญิงสาวเจ้าของเรื่องได้ให้สัมภาษณ์ว่าตนกับแฟนหนุ่มคบหากันมานาน 5 ปี มีลูกด้วยกันก่อนหน้านี้แล้ว 1 คนเป็นผู้หญิง อายุ 10 เดือน ฝ่ายผู้ชายนั้นเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง เวลาโมโหก็จะลงมือทำร้ายร่างกายอยู่เป็นประจำ…

ทุกคนอาจจะเคยมีทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดีผ่านเข้ามาในชีวิต แต่สำหรับหนุ่มคนหนึ่งแล้วข่าวร้ายที่สุดในชีวิตของเขาก็คือการพบว่าตัวเองเป็น ‘มะเร็ง’ ในวัยเพียงแค่ 25 ปี แต่เขาก็สามารถผ่านพ้นมันมาได้ด้วยความใจสู้ไม่เกรงกลัวกับมัน!?     เฟซบุ๊ก JI Jiraphat หรือคุณจิ ได้แชร์ประสบการณ์ชีวิตของเขา โดยเริ่มต้นเล่าว่าตัวเองนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างจะรักสุขภาพทั้งกินอาหารคลีน และเล่นฟิตเนสอยู่ตลอด      แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2561 คุณหมอก็กลับบอกข่าวร้ายที่สุดในชีวิตนั่นคือเขาป่วยเป็น ‘มะเร็งโพรงจมูก’ หลังจากที่คลำเจอก้อนปริศนาโตขึ้นที่บริเวณคอล่างติ่งหู     ส่วนสาเหตุที่ทำให้เขาเป็นโรคนี้ ทางแพทย์ก็ตอบไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร และสำหรับเขาแล้วมันคือความซวยอย่างหนึ่งในชีวิต เพราะบรรพบุรุษก็ไม่ได้เป็นปัจจัยเสี่ยงต่างๆก็ไม่ได้ทำ ทว่าก็ไม่อยากคิดว่าเป็นเพราะเบญจเพส     “ถ้ารักษาจบแล้วเนื้อร้ายสงบ กูจะกลับไปใช้ชีวิตเต็มที่กว่านี้” นี่คือสิ่งเขาที่เขาคิด     เขาเริ่มต้นเข้ารักษาตัวด้วยการเจาะช่องท้อง และฉายแสงจนครบ 33 ครั้ง ซึ่งผลของมันก็คือทำให้คอของเขาไหม้จนกินอาหารไม่ได้ และต้องรับอาหารเหลวผ่านทางช่องท้องที่เจาะไว้     ในช่วงนี้คุณจิยอมรับว่าเครียดเอามากๆ จนครั้งหนึ่งมีความคิดอยากจะกระโดดจากห้องพักชั้น 4 ให้ลาโลกไปเลย ทว่าก็ทำไม่ลงเพราะสงสารแม่…     ต่อมาก็รักษาต่อด้วยการทำคีโมอีก 3 รอบจนทำให้น้ำหนักตัวลดลงไปราวๆ…

เรื่องราวนี้อาจทำให้หลายๆ คนรู้สึกว่า “เงินแค่ 300 บาท สามารถบีบให้คนเรา ‘ฆ่ากันตาย’ ได้เลยหรือ?” เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รายงานการจับกุมตัวสามี-ภรรยา ผู้ร่วมกันก่อเหตุฆาตกรรม หนีคดีมานานกว่า 8 ปี เมื่อวานนี้ (10 พ.ค. 2019) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ได้ทำการเข้าจับกุมตัว 2 ผู้ต้องหาในคดี “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ลงบันทึกไว้ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย. 2011     ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนั้นมีชื่อว่า นายปิยะพงษ์ สมบัติศรี อายุ 35 ปี และ น.ส.พีระพรรณ์ นวมโคกสูง อายุ 40 ปี สามี-ภรรยาชาวกรุงเทพฯ ซึ่งทำการหลบหนีคดีดังกล่าวมาได้นานกว่า 8 ปี คดีที่ว่านั้นเกิดขึ้นในวันที่ 18 พ.ย. 2011 ทั้งสองคนได้ร่วมกันใช้อาวุธมีดแทง นายนพดล สิทธิพันธ์ จนเสียชีวิต…

อย่างที่รู้กันดีว่าช่วงนี้ เป็นช่วงพีคของ ‘หน้าทุเรียน’ เลยก็ว่าได้ เพราะขับรถไปทางไหน หรือไปเดินตลาดแถวไหนก็จะเห็น ‘แผงขายทุเรียน’ เต็มไปหมด ที่จังหวัดเชียงใหม่เองก็เช่นกัน ไม่ว่าเราจะไปที่ตลาดใหญ่ๆ อย่างกาดเมืองใหม่ กาดหลวง หรือตามกาดต่างๆ (กาดแปลว่าตลาด) พอเดินเข้าไปปุ๊บก็จะได้กลิ่นทุเรียนคลุ้งเลยทีเดียว จึงกลายเป็นเรื่องง่ายมากๆ สำหรับชาวเชียงใหม่ และบรรดานักท่องเที่ยว ที่จะหาทุเรียนมาทานกัน และแน่นอนว่า ‘ทุเรียนหมอนทอง’ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีเนื้อหวาน และกรอบอร่อยที่สุด ในบรรดาสายพันธุ์อื่นๆ ก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จนเศษเปลือกของมันถูกเอามาตั้งเป็นภูเขาขนาดใหญ่เป็นประจำทุกวัน!!     เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมาสำนักข่าว เชียงใหม่นิวส์ เปิดเผยว่าในปีนี้ผลผลิตทุเรียนมีมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา จึงทำให้คนสามารถหามาทานได้ง่ายขึ้น เพราะราคาไม่สูงเกินไปนั่นเอง ทางด้านนายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่ เปิดเผยว่าในแต่ละวันในพื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ จะมีการบริโภคทุเรียนเป็นจำนวนมาก   ส่งผลให้มีขยะจาก ‘เปลือกทุเรียน’ กองเป็นภูเขาเลากาอย่างที่เห็นในภาพนี้แหละครับ       จากข้อมูลของเทศบาลนครเชียงใหม่พบว่า เปลือกทุเรียนที่เป็นขยะนั้นจะมาจากตลาดสดปริมาณราวๆ 4-5 ตันต่อวัน คิดเป็น 60…

เรียกได้ว่ากลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมายจริงๆ กับกรณีของคนขับรถบรรทุกขับรถชนเด็กวัย 8 เดือน จนเสียชีวิตคาที่ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา บริเวณสะพาน 3 ซอยวัดคู่สร้าง อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าคุณแม่ลูกอ่อนปล่อยลูกเล่นใน ‘รถหัดเดิน’ ที่บริเวณลานปูนหน้าบ้าน ส่วนแม่เด็กกำลังเล่นมือถือคุยไลน์กับพี่สาวอยู่     และทันใดนั้นเองเหตุน่าสลดก็เกิดขึ้น เมื่อรถเข็นเด็กไปเกี่ยวกับเหล็กประตูลูกกรง เป็นเหตุให้ประตูเปิดออก ทั้งเด็กและรถเข็นไหลลงไปที่บริเวณกลางถนน ประจวบกับรถบรรทุกสิบล้อขับผ่านมาพอดี ทำให้เบรกไม่ทัน แม้ว่าจะหักหลบไปได้ แต่ท้ายรถก็ไปชนเข้ากับรถเข็นเด็กทำให้เด็กวัย 8 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากนั้นไม่นานเพจเฟซบุ๊ก เรื่องเด่นเย็นนี้ ช่อง3 ก็เผยแพร่คลิปวิดีโอรายงานข่าว เปิดเผยให้เห็นนาทีที่แม่ของเด็กอยู่ในอาการร้องไห้เสียใจอย่างหนัก พร้อมตะโกนด่าคนขับรถสิบล้อว่า “มึงฆ่าลูกกู มึงฆ่าลูกกู!!” ส่วนทางด้านพ่อเด็กก็อยู่ในอาการโศกเศร้าเช่นกัน นั่งร้องไห้อยู่บริเวณใกล้กับศพลูก และพูดออกมาว่า “ทำไมไม่ดูลูก”     เพื่อนๆ สามารถเข้าไปชมคลิปเหตุการณ์โดยการคลิกที่ลิงก์นี้ได้เลยครับ   จึงเกิดเป็นกระแสในโซเชียลขึ้นมา หลายคนต่างก็แสดงความเห็นใจต่อแม่ของเด็ก ต่อว่าคนขับรถบรรทุกว่า ทำไมถึงไม่ขับให้ระวัง บ้างก็ตราหน้าว่าเป็นฆาตกรไปเสียแล้ว จากคลิปดังกล่าวดูเหมือนว่าคนขับรถบรรทุกจะตกเป็นจำเลยสังคม ซึ่งทางเพจ…

เกิดประเด็นร้อนๆ ในโลกโซเชียลที่ได้รับการพูดถึงอย่างมาก เมื่อไลฟ์วิดีโอหนึ่งได้เผยให้เห็นถึงวินาทีที่พิธีกรงานศพกล่าวห้าม ‘สาวประเภทสอง’ ออกไมค์ไม่ให้รำหน้าไฟ ไม่อย่างนั้นคนตายจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์ เฟซบุ๊ก Kaweesak Phaengdan ได้เป็นผู้เผยแพร่ไลฟ์สดในงานศพดังกล่าว ซึ่งภายในงานนั้นก็มีการทำพิธีตามศาสนารวมถึงการ ‘รำหน้าไฟ’ ร่วมด้วย   ไลฟ์ภายในงานศพ    โดยช่วงหนึ่งทางพิธีกรได้ประกาศออกไมค์อธิบายที่มาของการรำหน้านาค ซึ่งมีใจความว่า “มีผู้รู้เล่ามาว่าเมื่อครั้งอดีตกษัตริย์แห่งกรุงพาราณสีเกิดสวรรคต แล้วจะผ่านด่านไปสวรรค์ ด่านแรกจะเป็นการถามคำถาม ด่านที่สองจะต้องหาคนมารำเพื่อเป็นการเปิดทาง แต่มีกติกาว่าต้องเป็น ‘สาวพรหมจรรย์’ เพราะฉะนั้นห้ามเอากะเทยมารำอย่างเด็ดขาด ถ้าหากกะเทยมารำคนนั้นจะไม่ได้ไปสวรรค์ จึงนิยมเอาเด็กๆ มารำเพราะยังพรหมจรรย์อยู่  ฉะนั้นพึงสังวรเอาไว้ว่าห้ามเอากะเทยมารำหน้าไฟอย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นจะไม่ผ่านจุดที่สอง”    คลิปที่ตัดมาตอนที่พิธีกรพูด    อย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้กันดีว่าในปัจจุบันสภาพสังคมไทยเป็นสังคมที่เปลี่ยนไปจากในอดีต และมีการเปิดกว้างมากขึ้นมาเรื่องของ ‘เพศสภาพ’ ในการทำกิจกรรมต่างๆ ประกอบกับขนบธรรมเนียมในอดีตก็ไม่มีการกำหนดเอาไว้ว่า ‘ห้ามเพศที่สาม’ เป็นผู้รำหน้าไฟ เรื่องนี้จึงต้องหาคำตอบกันต่อไปว่าแท้จริงแล้วเช่นไรกันแน่… ส่วนทางด้านความคิดเห็นจากชาวเน็ต โดยส่วนมากแล้วก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับคำพูดของพิธีกรมากนัก…   . . .   แล้วคุณล่ะ คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้…   ที่มา: Kaweesak…

การร้องเพลงนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลายๆ คนชอบทำในยามว่าง ยามเครียดหรือในยามที่สบายใจ และถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมผ่อนคลายที่สามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก แต่ว่าการร้องเพลงของน้องคนหนึ่งกลับทำให้ชาวเน็ตเห็นต่างกัน เพราะเสียงที่เขาร้องมันดูเหมือนจะผิดคีย์จนเพี้ยนไป รวมถึงบางคนก็ตั้งข้อสงสัยว่าเสียงที่น้องเปล่งออกมานั้นเพี้ยนจริงๆ หรือตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นกันแน่!? เพจ BoRis CQ คือเพจของน้องผู้ชายคนหนึ่งที่มักจะลงคลิป Cover เพลงต่างๆ ซึ่งเพจของเขาก็มีผู้ติดตามเป็นหลักแสน ก่อนอื่นเลยเราลองไปฟังผลงานของเขาดูก่อน ว่าอะไรที่ทำให้เพจนี้มีผู้ติดตามเยอะขนาดนี้…   ธารารัตน์    เจ็บนิดเดียว    อยู่ต่อเลยได้ไหม  ถึงตรงนี้หลายๆ คนอาจจะรู้แล้วว่าอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ของหนุ่มน้อยคนนี้ จนทำให้มีผู้ติดตามเขามากขนาดนี้ แต่อย่างไรก็ตามความคิดเห็นชาวเน็ตที่มีต่อเพลงของเขาก็แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะสามารถแบ่งได้ง่ายๆ ออกเป็นสองฝ่ายได้แก่ฝ่ายที่สนับสนุนน้องและฝ่ายที่ไม่สนับสนุน…   ฝ่ายที่สนับสนุนการร้องเพลงของน้อง . . .   ฝ่ายที่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการร้องของน้อง . . .   บางคนก็ตั้งข้อสงสัยว่าน้องตั้งใจร้องเพี้ยนรึเปล่า!? . .   ซึ่งน้องเองก็เคยทำคลิปบอกเอาไว้ว่าไม่ได้แกล้งร้องเพี้ยน มันเป็นอย่างนั้นเองจริงๆ    แล้วถ้าเพื่อนๆ มีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ มาแชร์กันได้นะจ๊ะ!!  …

เรียกได้ว่ากลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางจริงๆ กับกรณีของ “แก๊งกระบะซิ่งเบิร์นยางแห่นาค” ทำเอาชาวบ้านเดือดร้อนกันระนาว ทั้งกลิ่นยางไหม้ ทั้งควันโขมง และเสียงดังรบกวน   อ่านข่าวเก่าได้ที่ : ชาวบ้านโวย “เบิร์นยางแห่นาค” บนถนนหลวง เสียงดัง ควันโขมง “สรุปจะได้บุญหรือบาป” ?!   หลังจากที่เรื่องดังกล่าวกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในโลกโซเชียล ทางด้านพล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา ก็ได้สั่งการให้ สภ. ที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง และหากพบว่ามีความผิดก็จะมีการดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป     ล่าสุดหลังจากทำการตรวจสอบแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ทำการแจ้งข้อหา แก๊งกระบะซิ่งกลุ่มที่เป็นประเด็น ซึ่งมีทั้งหมด 2 กลุ่มด้วยกัน     นอกจากนี้ศาลจังหวัดอำเภอตะกั่วป่า ยังออกคำสั่งให้ยึดรถกระบะซิ่งเบิร์นยางอีก หลายคัน ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้ให้ความร่วมมือแค่ 2 คนเท่านั้น     ทางด้านกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกแจ้งข้อหา ก็เริ่มเดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับเปิดเผยว่า พิธีแห่นาคดังกล่าวนั้น เกิดจากผู้อุปสมบทเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน เคยทำกิจกรรมดีร่วมกัน ทั้งทำบุญ ช่วยน้ำท่วม     อยากให้คนมองกิจกรรมดีๆ ที่พวกตนร่วมกันสร้างขึ้นมาบ้าง ไม่อยากให้ถูกสังคมลงโทษด้วยภาพเพียงบางภาพ ทางด้านเพจแก๊งรถซิ่งที่เป็นประเด็น…

เมื่อพูดถึงการเป็นแฟนคลับ หรือที่เราอาจเรียกกันว่า “ติ่ง” แน่นอนว่าเราก็คงอยากจะหาโอกาสได้ไปใกล้ชิดกับศิลปินที่เราชื่นชอบ มีคอนเสิร์ตที่ไหน เมื่อไหร่ เราก็อยากจะตามไปดูให้จงได้ แต่ด้วยราคาค่าบัตรคอนเสิร์ตที่แพงแสนแพง ยิ่งถ้าเป็นศิลปินต่างชาติด้วยแล้ว นั่นก็อาจทำให้เงินในบัญชีของเราถึงกับร้องโอดโอยออกมา มันจึงกลายเป็นที่มาของบริการ “เงินกู้สำหรับติ่ง” บริการเงินด่วนทันใจที่ว่านั้นถูกพูดถึงเป็นวงกว้างในสังคมทวิตเตอร์บ้านเรา หลังมีคนเสนอเงินกู้ให้ไปเปย์ค่าบัตรคอนเสิร์ตของศิลปินที่เราชื่นชอบได้   โพสต์บริการ “เงินกู้สำหรับติ่ง” (6 พ.ค. 2019) . .   อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเริ่มถูกแชร์ออกไป มีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก หลายๆ คนก็กลับมองว่ามันดู “ไม่น่าเชื่อถือ” อันตรายที่จะให้ข้อมูลเอกสารสำคัญ นอกจากนั้น พวกเขายังมองว่า “การเป็นติ่งก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเกินตัว” ไม่จำเป็นที่จะต้องกู้ยืมจนอาจส่งผลเสียต่อตัวเอง   คอมเมนต์จำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้บริการเงินกู้ดังกล่าว . . . . .   เราต้องไม่ลืมที่จะ “คำนึงถึงตัวเราเองเป็นอันดับแรก” คิดหน้าคิดหลังให้ดี ก่อนที่จะตัดสินใจทุ่มเทให้กับสิ่งไหนก็ตาม รวมถึงเรื่องการเป็น “ติ่ง” ก็ด้วยนะ   เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู

กำลังเป็นที่สนใจในโลกโซเชียล สำหรับเคสของคุณป้าคนหนึ่งที่จอดรถขวางถนนพร้อมกับเปิดประตูรถทิ้งเอาไว้จนกลายเป็นกีดขวางเส้นทางจราจร จากนั้นก็ลงมาด่าทอชาวบ้านพร้อมบอกว่าวันนี้แหละกูจะดังระดับโลก!?     จากการรายงานของเรื่องเล่าเช้านี้ระบุว่า เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวาน (10 พ.ค.) เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.นครพนม ได้รับแจ้งเหตุคนจอดรถกีดขวางการจราจรบริเวณหน้าท่าเทียบเรือการท่องเที่ยว ถนนสุนทรวิจิตร จึงรีบไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุก็พบกับรถกระบะยี่ห้อฟอร์ด ป้ายทะเบียนกรุงเทพฯ คันหนึ่งจอดขวางคร่อมเลนอยู่กลางถนนพร้อมกับเปิดประตูฝั่งคนขับทิ้งเอาไว้   คลิปขณะที่คุณป้ายืนด่าชาวบ้าน    ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ทราบว่ารถคันดังกล่าวเป็นของคุณป้าวัย 72 ปีคนหนึ่งที่มีอาชีพเป็นตัวแทนประกันชีวิตแห่งหนึ่งและมีออฟฟิศอยู่แถวๆ นั้น โดยหลังจากจอดรถทิ้งเอาไว้คุณป้าก็เดินเข้าไปทำงานอย่างหน้าตาเฉยก่อนที่จะออกมาหน้าออฟฟิศอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอร้องให้คุณป้าเคลื่อนย้ายรถ แต่ว่าคุณป้าก็ยังคงยืนตะโกนด่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย     เบื้องต้นนั้นคุณป้าอ้างว่าคนงานขนสินค้าข้ามฟากสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตน มีการจอดรถขนสิ่งของขวางทางจึงต้องออกมาต่อต้านด้วยการจอดรถขวางนั่นเอง คำพูดของคุณป้ามีทั้งคำหยาบ คำดูถูกต่างๆ นานารวมถึงพูดเรื่องของฐานะ ซึ่งคุณป้าอ้างว่าตัวเองนั้นรวยเป็นหมื่นล้าน พูดจาดูหมิ่นรวมทั้งด่าพ่อด่าแม่คนอื่น จนทำให้ชาวบ้านเกิดความไม่พอใจ พร้อมกันนี้คุณป้าก็ทันทีที่คุณตำรวจไปถึง คุณป้าก็บอกว่าจะชี้แจงในเรื่องนี้แต่จะขอรอสื่อนอกอย่าง CNN เสียก่อน…     ทางด้านเสียงของชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงก็กล่าวว่า คุณป้ามีพฤติกรรมจอดรถขวางถนนอย่างนี้มาแล้วหลายครั้ง และมักจะขึ้นโรงขึ้นศาลอยู่บ่อยๆ ในเรื่องทำนองนี้ ซึ่งบางคนก็วอนให้ลูกหลานของคุณป้าพาไปตรวจสุขภาพจิตเลยทีเดียว      ที่มา: เรื่องเด่นเย็นนี้, amarintv

เพื่อนๆ หลายคนโดยเฉพาะกับสาวๆ เชื่อว่าจะต้องเคยเห็นผลิตภัณฑ์สินค้าออนไลน์อย่างพวก “ครีมทาหน้า” มาบ้างไม่มากก็น้อย และหนึ่งในชื่อที่คุ้นหูใครหลายๆ คนก็คือผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า “ครีมหมีปริญญา” ครีมทาหน้าที่มีรีวิวออกมาว่าใช้แล้วดี ลดปัญหาที่เกิดบนผิวหน้าได้   ผลิตภัณฑ์ ครีมหมีปริญญา   แต่ล่าสุด เหล่าลูกค้าที่เคยใช้ครีมยี่ห้อนี้ก็กลับต้องขวัญผวา เมื่อเจ้าหน้าที่ กองบังคับการ ปราบปรามคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้บุกทลายโรงงานผลิตครีมดังกล่าวแล้วพบว่าเป็น “ครีมเถื่อน” สารปรอทเพียบ!!   เจ้าหน้าที่บุกทลายโรงผลิตครีมเถื่อน .   โดยทางเพจ ดอกจิก v.6 ได้แชร์เหตุการณ์ดังกล่าว หลังจากที่เจ้าหน้าที่บุกเข้าไปในโรงงานที่จังหวัดหนองคาย แหล่งผลิตครีมหมีปริญญาที่หลายๆ คนรู้จักกัน พบว่าไม่มีเลขจดแจ้งสินค้า และ อย. จากการตรวจค้นพบเครื่องกวนครีมจำนวนมากที่ใช้มือกวนกันเอาเอง ไม่ใช่เครื่องจักรที่ถูกต้องตามมาตรฐาน พร้อมตลับบรรจุวางเกลื่อนพื้น   .   นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังพบว่าภายในครีมที่ผลิตมีการใส่ “สารปรอท” เข้าไป ซึ่งนั่นอาจส่งผลทำให้เกิดอันตรายต่อไต อาจทำให้ไตพิการ และเสี่ยง “หน้าพังยับเยิน” ได้   . .…

กลายเป็นปัญหาร้องทุกข์เกิดขึ้น เมื่อชายคนหนึ่งได้ออกมาโพสต์เรื่องราว “ผ่อนซื้อคอนโด ก่อนที่รัฐจะมายึดคืนคอนโดดังกล่าวไป โดยที่เขาไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายใดๆ เลย” เรื่องราวนี้ได้ถูกแชร์ในโลกโซเชียลนับตั้งแต่เมื่อช่วงวานนี้ (9 พ.ค. 2019) เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งเผยภาพจดหมายปฏิเสธคำร้องของ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.)     เรื่องราวดังกล่าวนั้นสรุปได้ใจความว่า ทางเจ้าของโพสต์ได้ทำการผ่อน-ดาวน์ห้องคอนโดแห่งหนึ่งไว้ ราคารวมๆ น่าจะหมดไป 500,000 บาทได้แล้ว ภายหลังจึงได้มีการพบว่าเจ้าของคอนโดแห่งนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับ “คดีทุจริตรับจำนำข้าว” (ในช่วงปี 2017) นั่นจึงทำให้คอนโดถูกยึดคืนเป็นของรัฐในเวลาต่อมา   โพสต์เรื่องราวดังกล่าว   สิ่งที่ทำให้เจ้าของโพสต์รู้สึกไม่พอใจก็คือ เขาและผู้ผ่อนซื้อคอนโดรายอื่นๆ นับร้อยราย ต่างพยายามสู้คดีกันมานานกว่า 2 ปี เนื่องจากภาครัฐตัดสินว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้พวกเขา “ไม่ได้ถือเป็นผู้เสียหาย” ท้ายที่สุดแล้วจึงกลายเป็นว่า พวกเขาไม่ได้ห้องและไม่ได้เงินคืนจากใครเลยแม้แต่บาทเดียว ในขณะที่คอนโดดังกล่าวที่รัฐยึดไปก็ถูกปล่อยขายให้กับคนอื่นๆ ต่อไป   .   จากเรื่องราวที่เขาได้นำมาแชร์นั้นก็ทำให้คนในโลกโซเชียลจำนวนไม่น้อยเริ่มให้ความสนใจ และเข้ามาคอมเมนต์ แสดงความคิดเห็นในทางกฎหมาย อธิบายถึงความเป็นไปได้ที่จะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้   . . . .  …

ประชาชนหมู่มากคงได้รับทราบถึงจำนวน “ส.ส.บัญชีรายชื่อ” จากสูตรการคำนวณของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กันไปแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. 2019 โดยผลลัพธ์จากสูตรคำนวณนั้นก็ได้สร้างความสงสัยให้กับบางคนว่า “มีความถูกต้อง เหมาะสมอย่างที่ควรเป็นหรือไม่?” และนั่นก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนได้ลองวิเคราะห์ถึงเรื่องนี้     หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่ให้ความสนใจกับสูตรคำนวณดังกล่าวก็คือ นายลอย ชุนพงษ์ทอง ผู้เชี่ยวชาญทางด้านคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์ ผู้ทรงคุณวุฒิสหวิทยาการ ราชบัณฑิตสภา และจากการวิเคราะห์สูตรคำนวณดังกล่าวแล้วนั้น ล่าสุด (9 พ.ค.) เขาก็ได้ออกมาโพสต์คลิปที่ต้องการจะบอกว่า กกต. นั้นคิดสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ “ผิดพลาดถึง 4 จุดด้วยกัน”     เขาอธิบายว่า.. ความผิดแรก การคำนวณข้อ 3 ส.ส.เพื่อไทย ต้องได้ติดลบ ในครั้งนี้ได้ 110.74 – 136 = -25.26 การที่ กกต. ไปทำให้เป็น 0 นั้น เป็นการทำผิด มาตรา 91(3)…

การเดินทางไปทำงานยังต่างประเทศนั้นถือเป็นอีกทางหนึ่งเพื่อเก็บประสบการณ์ และหาเงินที่มากขึ้น แต่หากเราไปแบบไม่ถูกกฎหมายล่ะก็ อาจจะทำให้เจอเรื่องราวน่ากลัวเช่นนี้ก็เป็นได้… เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่คาดว่าน่าจะเป็นคนไทยที่เข้าไปขายแรงงานในประเทศเกาหลีใต้แบบผิดกฎหมาย ได้ออกมาโพสต์เล่าประสบการณ์ เจอนายจ้างโหด กักขังหน่วงเหนี่ยว ไถเงิน จนต้องหนีตายออกมาอย่างสุดระทึก   โพสต์ต้นฉบับ   ซึ่งชายคนดังกล่าวเล่าว่าตนถูกนายจ้างเอาปืนข่มขู่ ยึดพาสปอร์ต และไถเงินอีกเป็นจำนวน 50,000 บาท จากเพื่อนร่วมงานที่ไปขายแรงงานแบบผิดกฎหมายอีกหลายคน พร้อมทั้งเปิดเผยอีกว่านายจ้างให้ทำงานไม่ตรงกับที่แจ้งเอาไว้ แถมจ่ายเงินครบไปแล้วก็ยังไม่ยอมปล่อยออกมา จนได้คนไทยที่เป็นเจ้าของร้านไทยในเมืองที่เกิดเหตุต้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือ และออกมาได้อย่างปลอดภัย     โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก หลายคนต่างก็เข้ามาคอมเมนต์กันไปต่างๆ นานา   บ้างก็ว่าโดนเอาเปรียบทำไมไม่ไปแจ้งตำรวจล่ะ?   ให้ตม. ช่วยสิ   ทำไมไม่แจ้งตำรวจล่ะ แสดงว่าเข้าไปแบบผิดกฎหมายกันใช่มั้ย?   ไปแบบผิดกฎหมาย โดนโขกสับก็เป็นเรื่องธรรมดาอ่ะนะ   ยังไม่ลบโพสต์อีก เดี๋ยวร้านก็ซวยหรอก (ล่าสุดลบโพสต์ไปแล้ว) .   บางส่วนก็แสดงความเป็นห่วงเจ้าของโพสต์   ส่วนเรื่องที่ว่าเข้าไปแบบผิดกฎหมายจริงหรือไม่อย่างไร? ก็คงต้องรอเจ้าตัวมาแถลงเพิ่มเติมแล้วล่ะครับ…

เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่ายินดีไม่น้อยเลยกับ กรณีของ ‘น้องพลอย’ หรือ น.ส.ยลฤดี ปิยะทัต นักเรียนหญิงวัย 17 ปี ที่กลายเป็นข่าว หลังได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนแข่งขันโครงงานวิทยาศาสตร์ระดับโลกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เนื่องจากว่าเธอไร้สัญชาติ จนทำให้เกือบจะต้องทิ้งความหวังไปแล้ว จากความช่วยเหลือของโลกโซเชียล และสำนักข่าวต่างๆ ก็ทำให้เรื่องราวของน้องได้รับความสนใจ จนทำให้กระทรวงมหาดไทยตอบรับคำร้อง และพิจารณาว่าน้องพลอย ‘มีสิทธิ์ขอสัญชาติไทยได้เป็นกรณีพิเศษ’   น้องพลอย ยลฤดี   ซึ่งทางด้านนายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนองเปิดเผยว่า การขอมีสัญชาติไทยแบบกรณีพิเศษนั้น จะต้องดูในเรื่องของวัตถุประสงค์ ซึ่งในกรณีของน้องพลอย เป็นการขอสัญชาติเพื่อไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ การดำเนินการทุกอย่างต้องดูทั้งเรื่องวัตถุประสงค์ จุดมุ่งหมายของข้อกฎหมาย เจตนารมณ์ของข้อกฎหมาย และต้องคำนึงถึงความมั่นคงของประเทศเป็นสำคัญ ซึ่งล่าสุดในวันนี้ (10 พฤษภาคม 2562) สำนักข่าว เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่าน้องพลอยได้เดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดระนอง พร้อมกับครอบครัวและครูที่ปรึกษา เพื่อดำเนินการทำบัตรประชาชน   ภาพของน้องพลอย ตอนไปถ่ายบัตรประชาชนครั้งแรก   โดยมีทั้งท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอเมืองระนองคอยดูแลความเรียบร้อย และอำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดีจนจบขั้นตอน ซึ่งทางน้องพลอยเองก็กล่าวว่ารู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทำให้ตนได้อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของในหลวง และทำให้ตนได้เกิดมาอยู่ในประเทศไทย     นอกจากนี้ยังกล่าวขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี…

โดยปกติแล้วเราจะเห็นว่าการถ่ายภาพโปรโมทการท่องเที่ยว จะมีการดึงดาราดังหรือพรีเซนเตอร์มาช่วยในการโปรโมท แต่จะเป็นอย่างไรถ้าหากว่าการโปรโมทชุมชน คนที่เป็นพรีเซนเตอร์เป็นคนในชุมชนซะเอง อัลบั้ม Local Presenter ของทางเพจ Choojai ได้นำไอเดียที่ว่านี้มาเป็นคอนเซ็ปต์ในการถ่ายงาน และได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในโลกโซเชียล โดยในอัลบั้มได้ใส่แคปชั่นอธิบายเอาไว้ว่า      “เมื่อเราจะทำโฆษณาโปรโมตการท่องเที่ยวที่จัดการโดยชุมชนเอง มันก็น่าจะดี ถ้าเราให้คนในชุมชนมาเป็นพรีเซ็นเตอร์กันซะเองเลย Photograph : Chubby INC Studio Assistant Photo : Seeam Kanjina Kamol Santhaveemaneerat Thitirat Benjatikul Style : Tee Phasux Assistant Thanapat Mueangchai #JourneyD #เพื่อทุกคนคือจุดหมายที่ดีที่สุด #LocalPresenter ถ้าอยากลองเที่ยวแบบนี้บ้าง คลิกเลยที่ www.Journey-D.com และรอติดตามโปรโมชั่นการท่องเที่ยวโดยชุมชนได้เร็วๆ นี้” ถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยว่าภาพที่ออกมาจะสวยงามขนาดไหน ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ลองไปดูกันดีกว่าว่าการโปรโมทท่องเที่ยวในชุมชนโดยคนในชุมชนจะเป็นอย่างไรกัน!!    . .  . …

ก่อนหน้านี้เพื่อนๆ คงจะได้รับทราบประเด็น “ลิฟต์สำหรับผู้พิการ” ณ สถานี MRT เตาปูน ที่เต็มไปด้วยคนธรรมดายืนต่อแถวใช้บริการกันเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ปล่อยให้ “ผู้พิการ” ต้องรอต่อแถวอยู่ท้ายสุด อ่านข่าวเก่าได้ที่ลิงก์: ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ!! ภาพคนต่อแถวขึ้นลิฟต์สำหรับ ‘ผู้พิการ’ โดยมี ‘ผู้พิการ’ ต่อแถวท้ายสุด   ภาพที่เป็นประเด็น (8 พ.ค. 2019)   โพสต์ดังกล่าวในเฟซบุ๊กได้ถูกแชร์ออกไปแล้วมากกว่า 11,000 ครั้ง พร้อมกับคอมเมนต์จำนวนมากที่ต่าง “ไม่พอใจกับสิ่งที่เห็น” มองว่าคนปกติธรรมดาทั่วไปไม่ควรเข้าไปต่อแถวแย่งคิวคนพิการอย่างที่เห็นในภาพเลย ล่าสุด ช่วงดึกวันที่ 9 พ.ค. 2019 ทางเพจ Street Hero Project ก็ได้ออกมาแชร์คลิป “คำพูดเปิดใจ ของชายนั่งวีลแชร์ที่เราเห็นในภาพนั้น” ซึ่งเขาก็ได้เล่าถึงเรื่องราวสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นเอาไว้   ชายผู้พิการนั่งวีลแชร์ที่เราเห็นในภาพนั้น   ผู้พิการหนุ่มเล่าว่า ในวันนั้นเขาออกมาจากรถไฟฟ้าแล้วตรงไปที่ลิฟต์ แต่ก็เห็นว่ามีคนจำนวนมากยืนออกันอยู่ เมื่อคนอื่นๆ เห็นตนก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหลีกทางให้แต่อย่างใด พอลิฟต์มาถึงก็พากันกรูเข้าไปโดยไม่สนใจเขาเลย ในตอนนั้นก็มีคนเสนอให้เขาเข้าไปในลิฟต์พร้อมๆ กัน แต่ด้วยการที่เขานั่งวีลแชร์…

จากกรณีหนุ่มป่วยลูคีเมีย ที่เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน เข้ารักษาตัวกับโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง มาทราบทีหลังว่าคือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จากการรักษาโรคดังกล่าว ต้องมีการ ‘ถ่ายเลือด’ อยู่เป็นประจำ แต่กลายเป็นว่าผู้ป่วยได้รับเชื้อ HIV มาจากการรับเลือดซะอย่างนั้น!? จากเหตุดังกล่าวหนุ่มที่เป็นผู้ป่วยและครอบครัว ก็เลยออกมาร้องเรียนต่อสื่อ เพื่อให้ทางโรงพยาบาลรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น     อ่านข่าวเก่าได้ที่ : หนุ่มป่วยลูคีเมียทรุดหนัก ถ่ายเลือดแล้วติดเชื้อ HIV โรงพยาบาลรับให้เลือดติดเชื้อจริง   ล่าสุดทางฝั่งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ก็ได้ออกมาแถลงถึงประเด็นดังกล่าวแล้ว ว่าเกิดจากความผิดพลาดของโรงพยาบาลจริงๆ และยืนยันว่าจะดูแลผู้ป่วยจนถึงที่สุดเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2562 สำนักข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ เปิดเผยเอกสารชี้แจงจากทางโรงพยาบาลออกมา ทำให้ทราบว่าคนไข้คนดังกล่าวเริ่มรักษามาตั้งแต่ปี 2547 แล้ว   นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดที่สามารถนำมาเปิดเผยได้ดังนี้…   1. ในการให้เลือดนั้น โรงพยาบาลมีข้อปฏิบัติในการรับเลือดจากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ที่ดำเนินการโดยสภากาชาดไทย ซึ่งเป็นสถาบันที่มีขั้นตอนในการรับบริจาคเลือดจากเหล่าผู้บริจาคอย่างมีมาตรฐานในระดับประเทศและระดับสากล แต่อย่างไรก็ตามการตรวจและคัดกรองก็ยังคงมีข้อจำกัดอยู่ หากผู้บริจาคเพิ่งรับเชื้อเข้ามาใหม่ ในเลือดจะไม่มีปริมาณเชื้อมากพอที่จะตรวจพบได้ด้วยวิธีใดๆ ที่ทำได้ในปัจจุบัน จึงอาจทำให้ผู้ป่วยได้รับเชื้อเหล่านี้ได้ แต่โอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมากๆ ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าทางโรงพยาบาลต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีข้อปฏิบัติในการให้ป่วยผู้เซ็นต์รับทราบถึงความเสี่ยงดังกล่าวแล้ว    …

บางครั้งเรื่องเพียงแค่เล็กน้อยก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้ เพราะด้วยอารมณ์และการตัดสินใจในช่วงเวลานั้น ดั่งเช่นกรณีที่เกิดขึ้นในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อคุณลุงวัยดึกคนหนึ่งไปเดินเที่ยวห้าง แต่จู่ๆ ก็มีเด็กเข็นรถเข็นมาชน คุณลุงเลยควักปืน (ปลอม) ออกมาขู่เด็กคนนั้นซะเลย…     ในช่วงเย็นของวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา ศูนย์วิทยุสภ.เมืองสมุทรสาครได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนใช้อาวุธปืนข่มขู่ภายในห้างฯ บิ๊กซี สาขามหาชัย จึงประสานเรื่องไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเข้าไปตรวจสอบเหตุการณ์ โดยทันทีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงจุดเกิดเหตุก็พบกับคุณลุงคนที่ใช้อาวุธปืนปลอมและผู้เสียหายยืนอยู่ด้วยกัน จึงได้เรียกตัวทั้งคู่ไปที่โรงพักเพื่อสอบปากคำ     นายสุรนันท์ ไวยกาญจน์ อายุ 35 ปี ชาวจังหวัดสมุทรสาคร พ่อของเด็กที่ถูกลุงขู่เล่าว่า ในวันนั้นตนพาลูกไปเดินซื้อของใช้ก่อนเปิดเทอมภายในห้างบิ๊กซี แล้วก็มีลุงคู่กรณีเดินมาชนลูกสาววัย 7 ขวบของตน ต่อมาลูกของตนก็เข็นรถไปชนลุงคู่กรณีโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ทันใดนั้นเองคุณลุงกลับชักปืน (รู้ทีหลังว่าเป็นปืนปลอม) ออกมาโชว์ ซึ่งถ้าตอนนั้นตนมีอาวุธปืนก็คงยิงสวนกลับไปแล้วเพราะต้องปกป้องลูกสาว แล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นปืนจริงหรือปืนปลอม     “ตอนที่ลุงชักปืน ออกมานั้น มีคนเห็นกันเยอะแยะมากมาย ครั้นพอลูกสาวตนเห็น เกิดตกใจกลัวจึงเดินหนี แต่ลุงคู่กรณีก็ยังเดินตามมาแล้วบอกให้อยู่เฉยๆ ซึ่งความที่ตนเองไม่รู้ว่าเป็นปืนจริงหรือปืนปลอม จึงไม่กล้าเข้าชาร์จ พอเด็กยืนนิ่งๆ เจ้าตัวก็ยืนด่าอยู่หลายคำ ตนเห็นท่าไม่ดีจึงโทรแจ้งตำรวจให้มาช่วยเหลือ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สร้างความตกใจกลัวให้กับทั้งตนและลูก…

หลังจากที่กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในโลกออนไลน์อย่างล้นหลาม กับกรณีของ ‘เจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูใบขับขี่หนุ่มใหญ่ แต่อ้างว่าเป็นข้าราชการระดับบิ๊ก’   อ่านข่าวเก่าได้ที่ : ชาวเน็ตรุมประณาม หนุ่มใหญ่ถูกเรียกดูใบขับขี่ บอกชื่อตำแหน่งแทน อ้างเป็นอธิบดีศาล!?   ล่าสุดสำนักข่าว ไทยรัฐ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากเหตุว่า หลังจากเกิดเหตุคลิปดังกล่าวแล้ว ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ก็พาเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อย 2 ราย ที่เป็นคนปฏิบัติหน้าที่ในคืนเกิดเหตุ เข้าไปพบตัวอธิบดีศาลอาญาเพื่อทำการขอโทษ ซึ่งทางด้านอธิบดีศาลอาญาก็ไม่ติดใจอะไร พร้อมกับให้อภัย     พอกลับถึงโรงพักทุ่งใหญ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยก็ส่งข้อความไปในไลน์กลุ่มที่เคยส่งคลิปการปฏิบัติงานว่าให้ลบออกเสีย พร้อมกับไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้เพื่อเป็นหลักฐานว่า หากมีคลิปแพร่กระจายออกไป ไม่ได้เกิดจากการกระทำของพวกตนแล้ว แต่แล้วเรื่องก็แดงขึ้นมา เพราะมีคนนำคลิปดังกล่าวไปเผยแพร่ จนกลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่ว่อนไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ต อย่างที่เราเห็นกัน   ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดหลังจากที่คลิปวิดีโอหลุดออกมาได้ไม่นาน เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ ก็มีคำสั่งให้ ‘ย้าย’ ตำรวจชั้นผู้น้อยที่ทำหน้าที่ในวันเกิดเหตุ ให้ไปปฏิบัติหน้าที่อื่นที่ไม่ใช่ตำแหน่งจราจร   คำสั่งย้ายโดยมีสาเหตุว่าเพื่อให้ไปศึกษาเรียนรู้งานใหม่ ให้เกิดความชำนาญ   แต่หลังคำสั่งออกไปได้ไม่นาน…

เว็บไซต์ forbesthailand ได้ทำการเปิดเผยรายชื่อจากการการจัดอันดับ ‘มหาเศรษฐีไทย’ ประจำปี 2563  ออกมาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งอันดับที่ 1 ก็ยังคงเป็นตระกูลแห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เช่นเดิม แต่นอกจากนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปดู Top 10 ของการจัดอันดับว่าจะมีใครหรือตระกูลใดบ้าง และที่น่าสนใจก็คือยังมีผู้คนในแวดวงการเมืองติดอยู่ใน 50 อันดับด้วย ซึ่งจะเป็นใครนั้นไปติดตามกันเลยแล้วกัน   อันดับที่ 1: พี่น้องตระกูลเจียรวนนท์ แหล่งที่มา: เครือเจริญโภคภัณฑ์ มูลค่าทรัพย์สิน: 892,000 ล้านบาท   อันดับที่ 2: เฉลิม อยู่วิทยา แหล่งที่มา: กระทิงแดง มูลค่าทรัพย์สิน: 660,000 ล้านบาท   อันดับที่ 3: เจริญ สิริวัฒนภักดี แหล่งที่มา: ไทยเบฟเวอเรจ มูลค่าทรัพย์สิน: 343,000 ล้านบาท   อันดับที่ 4: ตระกูลจิราธิวัฒน์ แหล่งที่มา: กลุ่มเซ็นทรัล…

จากที่เมื่อวานนี้ (9 พ.ค. 2019) ได้มีคลิปที่กลายเป็นกระแสถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโลกโซเชียล เผยให้เห็น “นาคหนุ่มเต้นนัวเนียโคโยตี้” อยู่บนท้ายกระบะ ทำเอาหลายๆ คนมองว่าไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก อ่านข่าวเก่าได้ที่ลิงก์: “บวชทั้งทีต้องเอาให้สุด” คลิปนาคเต้นนัวโคโยตี้ ถูกมองไม่เหมาะสม ตร.เล็งแจ้งข้อหา หลังจากที่คลิปถูกพูดถึงในรายการ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ล่าสุดในวันเดียวกันนั้นก็ได้มีผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังจังหวัดสงขลา     ทางผู้สื่อข่าวพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นที่วัดทุ่งลุงอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ แต่เกิดขึ้นที่วัดอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดเดียวกัน หลังจากนั้นก็ได้มีการพูดคุยกับทางเจ้าอาวาส ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อตน ชื่อวัด รวมถึงชื่อของนาคที่เห็นอยู่ในคลิป โดยปัจจุบันนาคคนนั้นก็บวชประจำอยู่ที่วัดดังกล่าวจริง     พระที่เต้นนัวเนียโคโยตี้ในคลิปนั้นก็ได้ยอมรับว่าตนเองทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และขณะนี้ก็กำลังตั้งใจบวชเรียนศึกษาธรรม รู้สึกผิดเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พระหนุ่มกล่าวว่าตนเองทำไปด้วยอารมณ์คึกคะนองและความสนุกสนาน ณ ตอนนั้น พร้อมกล่าวขอโทษทุกคนที่ทำให้มีภาพที่ไม่เหมาะสม   คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   ทางด้านเจ้าอาวาสเล่าว่าคลิปที่เห็นนั้นเกิดขึ้นในงานบวชนาควันที่ 7 พ.ค. จัดขึ้นที่ลานศาลาอเนกประสงค์นอกวัด แต่ในคืนนั้นเจ้าอาวาสไม่ได้อยู่ที่วัดด้วย เนื่องจากติดกิจนิมนต์ เจ้าอาวาสยังกล่าวอีกว่า หากพูดจริงๆ เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นก็ไม่ได้ถือว่าผิด เพราะยังเป็นนาค ไม่ได้เป็นสงฆ์ ไม่ได้ห่มเหลือง เพียงแต่ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่นาคจะไปทำอะไรแบบนี้…

แม้ว่าเรื่องของการ ‘จัดฟันแฟชั่น’ จะมีการเตือนกันอยู่ตลอดว่าเป็นเรื่องที่อันตราย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีกรณีเกิดขึ้นให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ถึงการจัดฟันแฟชั่นที่ทำให้ฟันผิดรูปไปหรือบางครั้งก็รุนแรงมากกว่านั้น แต่ว่าในเคสล่าสุดที่เกิดขึ้นนี้ไม่เพียงแต่ฟันผิดรูปจากการจัดแฟชั่นเพียงเท่านั้น เพราะแม้ว่าฟันจะมีปัญหาแต่ก็ยังไปแก้กับร้านเถื่อนอยู่ดี!? ทวิตเตอร์ @ronrephanejorn ได้โพสต์ภาพจากร้านจัดฟันแฟชั่นร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นภาพของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการที่ร้านเพื่อให้แก้ปัญหาฟันผิดรู จากการจัดฟันแฟชั่น ซึ่งในแคปชั่นของโพสต์ได้อธิบายเอาไว้ว่า   ตลกร้ายเนอะ #จัดฟันแฟชั่น จนฟันเจ๊ง แล้วมาแก้กับร้านเถื่อนอีก ไหนจะฟันผุทะลุโพรงประสาทฟันแล้วอุดฟันปิดทับไปอีก เก่งเกินหมอกันไปแล้ว~ ถ้ามันง่ายขนาดนี้เค้าจะแข่งกันสอบเข้า แล้วอดทนเรียนกันจนจบ6ปีเป็นอย่างน้อยกันทำไมล่ะ ไม่มีใครรู้เรื่องเหงือก ฟัน ขากรรไกรดีเท่าทันตแพทย์แล้วเชื่อดิ pic.twitter.com/hdRCy4meEs — ronrephanejorn (@ronrephanejorn) May 7, 2019   “ตลกร้ายเนอะ #จัดฟันแฟชั่น จนฟันเจ๊ง แล้วมาแก้กับร้านเถื่อนอีก ไหนจะฟันผุทะลุโพรงประสาทฟันแล้วอุดฟันปิดทับไปอีก เก่งเกินหมอกันไปแล้ว~ ถ้ามันง่ายขนาดนี้เค้าจะแข่งกันสอบเข้า แล้วอดทนเรียนกันจนจบ 6 ปีเป็นอย่างน้อยกันทำไมล่ะ ไม่มีใครรู้เรื่องเหงือก ฟัน ขากรรไกรดีเท่าทันตแพทย์แล้วเชื่อดิ”   และนี่คือรูปภาพที่อยู่ภายในโพสต์ดังกล่าว . . .   โพสต์ดังกล่าวได้รับการรีทวีตไปมากกว่า 20,000 ครั้ง…

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมาเพจเฟซบุ๊ก Red Skull Racing ได้ทำการโพสต์คลิปเหตุการณ์ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังขอดูใบขับขี่ของชายเจ้าของรถคันหนึ่ง แต่ว่าพี่แกดันไม่ให้ความร่วมมือ และอวดอ้างว่าเป็นคนมีตำแหน่งใหญ่โตซะงั้น!? ในคลิปเริ่มจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูใบขับขี่ของชายผู้เป็นเจ้าของรถ พร้อมกับบอกว่าตนมีอำนาจหน้าที่เต็มในการขอดูใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งชายในรถก็ตอบมาว่า “รู้ มีอำนาจหน้าที่เต็ม รู้” หลังจากจบประโยคที่ว่า ก็สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจว่า “ไปเรียกผู้กองมา” พร้อมกับขับรถไปจอดบริเวณใกล้ๆ เนื่องจากกีดขวางทางจราจร     เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เรียกผู้กองตามคำขอ พร้อมกับบอกว่า “เขาไม่ยอมให้ดูใบขับขี่” พอผู้กองเดินไปหาที่รถก็กล่าวทักทายยังไม่ทันเสร็จ ชายคนขับรถก็พูดตำแหน่งของตัวเองอ้างว่าเป็น “อธิบดีศาลอาญา ทุจริต ภาค 8 เพื่อนกับผู้กำกับคนหนึ่ง โทรไปเลย” ก่อนจะบอกต่อว่า “โชคปัจจุบันนี่แหละ ที่มาแทนคนเก่า อืมมม แต่มันจะเอาให้ได้” ตำรวจที่ขอดูใบขับขี่ตอนแรกก็อธิบายว่า “ไม่ครับ คือมันเป็นขั้นตอนไงครับ”     ชายคนดังกล่าวก็ขู่ว่าจะฟ้อง หากค้นแล้วไม่เจอของผิดกฎหมาย “ก็บอกเป็นอธิบดี จะค้นรถมั้ย? ฟ้องเลยถ้าไม่เจอของผิดกฎหมาย” ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามจะอธิบายว่า ไม่ได้จะขอค้นรถ แค่จะขอดูใบขับขี่เท่านั้น ก่อนที่ชายคนขับรถจะบอกว่า “ไปแล้วนะ…

ในยุคปัจจุบัน ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเลือกสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก หรือร้านอาหาร ส่วนใหญ่ก็จะขึ้นอยู่กับ ‘รีวิว’ ต่างๆ แน่นอนว่าบางครั้ง หากเราไปเที่ยวจริงๆ มันอาจจะไม่ตรงปกอย่างที่เห็นในรีวิวก็ได้ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้… เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพประสบการณ์ที่ตนได้พบเจอมา จากการเที่ยวตามรีวิว ซึ่งในบรรดารีวิวทั้งหลายนั้นต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่างานดี พร้อมกับมีภาพสวยๆ มายืนยันมากมาย แต่ทว่า พอไปถึงจริงๆ กลับพบว่า ‘ไม่ตรงปก’ เลยแม้แต่น้อย   ภาพจากรีวิว   โดยสถานที่ท่องเที่ยวดังกล่าวนั้นเป็นรีสอร์ตริมน้ำใน จ.นครนายก ที่เพิ่งจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ และได้รับความนิยมจากผู้คนเป็นจำนวนมาก   ภาพจากรีวิว   จากรีวิวทั้งหลายก็พบว่าเป็นสถานที่ที่สวยงาม เงียบสงบ ห้องพักติดกับลำธารที่สวยงาม แต่พอไปถึงจริงๆ กลับพบว่าทางรีสอร์ตเปิดให้คนนอกเข้ามาใช้สถานที่บริเวณริมน้ำ รวมไปถึงโซนที่ติดกับบริเวณหน้าห้องพักด้วย!?   ภาพตอนไปจริงๆ   นอกจากนี้ก็ยังมีรายละเอียดอื่นๆ อีกมากมายที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนดังกล่าวตำหนิ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ไม่พร้อมเลยแม้แต่น้อย แต่ดันเรียกราคาแพงหูฉี่!!   ลองไปอ่านโพสต์แบบเต็มๆ กันดูครับ .  …

อย่างที่รู้กันดีว่าตาม ‘ที่สาธารณะ’ ต่างๆ ในปัจจุบันจะมีการอำนวยความสะดวกให้กับเหล่า ‘ผู้พิการ’ เพื่อให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตร่วมกันกับผู้อื่นในสังคมได้ แต่ทว่าบางครั้งเราก็อาจจะเห็นภาพของ ‘บุคคลปกติ’ ที่ไม่มีความพิการใดๆ ไปเบียดเบียนเหล่าผู้พิการ ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านั้น เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้   ภาพที่เป็นประเด็น   เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Wan Tulyada ได้ำการแชร์ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ สถานี MRT เตาปูน บริเวณหน้า ‘ลิฟต์สำหรับผู้พิการ’ ที่มีคนธรรมดาเข้าแถวใช้บริการกันมากมาย แต่ให้ ‘ผู้พิการ’ ต่อแถวอยู่ท้ายสุด   โพสต์ต้นฉบับ   ลองไปอ่านแคปชั่นแบบเต็มๆ กันดูครับ “อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ mrt สถานีเตาปูน มีบันไดเลื่อนทั้งทางขึ้นและลงค่ะ มีพนักงานเข้ามาให้ความช่วยเหลือ แต่คุณพี่ท่านนั้นน่าจะปฏิเสธ และไปต่อแถวด้านหลังเองค่ะ โดยเลื่อนผ่านแถวยาวๆตอนแรกไปต่อท้าย ขออนุญาติไม่เหมารวมทุกคนที่ใช้ลิฟต์นะคะ ถ้าหากผู้สูงอายุหรือบางคนที่มีปัญหาไม่สามารถเดินไหวจริงๆ ขอให้เป็นกรณียกเว้นนะคะ แต่อย่างน้อยก็สมควรให้ผู้ที่ ’จำเป็น’ ได้รับสิทธิของเขาก่อนนะคะ”   หลังจากที่ผ่านไปได้ไม่นาน…

อีกหนึ่งเรื่องน่ายินดีที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่ธรรมชาติของบ้านเรา เมื่อมีการค้นพบ “สัตว์ป่าหายาก” ภายในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ในวันนี้ (9 พ.ค. 2019) คณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้รายงานถึงผลการสำรวจ การศึกษาและวิจัยพันธุ์พืชและจำนวนสัตว์ป่าหายาก     โดยผลการรายงานนั้นมาจากการ “ติดกล้องดักถ่าย” เก็บภาพสิ่งมีชีวิตภายในอุทยาน ซึ่งนอกจากจะช่วยในการศึกษาวิจัยแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันเหตุลักลอบล่าสัตว์ป่าได้อีกด้วย และจากการบันทึกภาพดังกล่าว ก็ทำให้พวกเขาได้พบกับสัตว์ป่าหายากที่รวมไปถึง เสือดาว เสือโคร่ง และเสือดำ   นอกจากนั้นแล้วยังพบ เก้ง หมาใน และหมีขออีกด้วย   ในรายงานยังบอกอีกว่า มีนักท่องเที่ยวสามารถบันทึกภาพเสือดาวและเสือดำเดินหากินอยู่ด้วยกัน โดยพวกเขาเชื่อว่าทั้งสองตัวนั้นน่าจะเป็นพี่น้องกัน แต่ที่เห็นว่าเป็นเสือดำนั้นก็อาจเกิดจากยีนส์ด้อยที่ทำให้เสือดาวดูมีลักษณะที่แตกต่างออกไป อย่างไรก็ตาม ภาพที่เห็นนั้นก็ช่วยเป็นตัวยืนยันได้ว่าผืนป่าแห่งนี้ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก     ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อทางเจ้าหน้าที่ได้นำภาพจากกล้องที่ติดไว้ในป่ามาตรวจสอบ พวกเขาก็ได้พบกับเสือดำโตเต็มวัย เดินวนเวียนผ่านหน้ากล้อง และยังพบเสือโคร่งขนาดใหญ่เดินอยู่ไม่ไกลกัน   เสือดำโตเต็มวัยที่ถูกถ่ายเอาไว้ได้   รวมไปถึงเสือดาวในวัยผสมพันธุ์ที่ถูกบันทึกภาพไว้ได้อย่างชัดเจนทั้งในกลางวันและกลางคืน และในจุดที่ตั้งกล้องห่างกันเพียง 16 ตารางกิโลเมตรก็พบเสือดาวถึง 5 ตัวด้วยกัน โดยพวกเขาบอกว่าภาพเหล่านี้ยังไม่เคยปรากฏให้เห็นที่ไหนมาก่อน    …

กลายเป็นเรื่องราวที่ได้รับความสนใจในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กับกรณีของหนุ่มลูกครึ่ง ติดเชื้อ HIV จากการ ‘รับเกล็ดเลือด’ จากโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เรื่องมีอยู่ว่าหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น วัย 24 ปี ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวตั้งแต่อายุ 9 ขวบ คุณแม่ก็เลยพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ ซึ่งการรักษาจะมีลักษณะเป็นคอร์ส ในคอร์สจะต้องทำคีโม และให้เกล็ดเลือดเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดขาว แต่พอดำเนินการรักษามาถึงการให้เลือดถุงที่ 12 ก็พบว่าผู้ป่วยมีอาการทรุด ไข้ขึ้น และยิ่งทรุดหนักลงจนร่างกายผอม     อีกทั้งหมอเจ้าของเคสได้ทำการแจ้งให้ทราบว่า ลูกของตนมีเชื้อวัณโรคแทรก จึงต้องทำการรักษาใช้เวลา 6 เดือน จนหายกลับมาเป็นปกติ แต่ทว่าหลังจากที่รักษาจนหายดี คุณหมอที่ทำการรักษาประจำก็ถามแม่ว่า พ่อแม่มีเชื้อ HIV ไหม? แน่นอนว่าคุณพ่อกับคุณแม่ก็ยืนยันว่าไม่มี… ก็เลยเกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมา เพื่อสืบหาสาเหตุว่าเชื้อมาจากทางไหน โดยโรงพยาบาลทำการเรียกประชุมคนที่เกี่ยวข้อง ทั้งแพทย์ และครอบครัว รวมไปถึงเรียกทนายความมาด้วย   บทสัมภาษณ์จากช่อง AMARIN TV    ฝ่ายครอบครัวเล่าว่าไม่อยากเอาความ แต่อยากให้ทางโรงพยาบาลดูแลลูกให้ดี อีกทั้งยังเปิดเผยว่าตอนคุยกัน มีคนของสภากาชาดโรงพยาบาลมาคุยด้วย ซึ่งรับปากว่าจะดูแลลูกไปตลอดชีวิต…

ตามประเพณีของ“งานบวช” ในยุคสมัยปัจจุบัน มักจะเกิดขึ้นพร้อมกับการเฉลิมฉลอง ซึ่งหลายๆ คนมองว่าควรจะเป็นงานรื่นเริงที่สะท้อนความสุขของคนในครอบครัว กับการจะส่งนาคเข้าวัดไปปฏิบัติธรรม ในขณะเดียวกัน บางครั้งงานเฉลิมฉลองดังกล่าวก็อาจทำให้หลายๆ ฝ่ายรู้สึกว่ามีความ “ไม่เหมาะสม” เช่นเดียวกับคลิปที่กำลังถูกพูดถึงอยู่นี้ เผยให้เห็น “นาคเต้นนัวเนียอยู่กับสาวๆ โคโยตี้”   ภาพจากคลิปที่กำลังกลายเป็นประเด็นร้อน   เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2019 ทางเพจ หนังสือพิมพ์ใต้สันติสุข ได้แชร์คลิปงานเลี้ยงฉลองบวชนาคแห่งหนึ่ง ที่เชื่อว่าเกิดขึ้นในพื้นที่บ้านทุ่งลุง ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยในคลิปนั้นจะเห็นว่านาคหนุ่มคนหนึ่งกำลังเต้นอย่างสนุกสุดเหวี่ยง รายล้อมด้วยสาวๆ โคโยตี้ที่มีทั้งเด้งหน้าเด้งหลัง นัวเนียกันอยู่หลังกระบะ   คลิปกับแคปชั่นว่า “บวชทั้งทีต้องเอาให้สุดส่งท้ายก่อนขึ้นโบสถ์”   คลิปดังกล่าวทำให้หลายๆ คนมองว่ามันไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก . . . .   ล่าสุด (9 พ.ค.) ทางรายการ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทางวัดทุ่งลุง ทางวัดทุ่งลุงนั้นยืนยันว่าเหตุการณ์ในคลิปนั้นไม่น่าจะเกิดขึ้นในพื้นที่วัดได้ เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและทางวัดก็ไม่มีทางที่จะอนุญาตให้มีการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นภายในวัดอย่างแน่นอน    …

หากพูดถึงผลไม้ยอดนิยมในบ้านเราที่ถึงแม้ว่ามันจะมีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ แต่มันก็ได้รับสมญาว่า “ราชาแห่งผลไม้” ใช่แล้วฮะ เรากำลังพูดถึง “ทุเรียน” อยู่นั่นเอง ซึ่ง #เหมียวตะปู ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยชอบกินผลไม้ชนิดนี้สักเท่าไหร่นัก แต่นั่นมันเมื่อก่อนอ่ะนะ เพราะเมื่อได้เจอกับ “แม่ค้าทุเรียน” คนนี้แล้ว บอกเลยว่า “ผมนี่จะกินยันเปลือกเลย!!”   แม่ค้าทุเรียนที่ดูแล้วน่ากิ๊นน่ากิน (หมายถึงทุเรียนนะ) .   ถ้าพูดกันตามความจริง มันคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หนุ่มๆ ทั้งหลายจะให้ความสนใจกับแม่ค้าสาวสวย สุดเซ็กซี่ และยิ่งเป็นเธอคนนี้แล้ว มันก็ยิ่งกระตุ้นความอยากกินทุเรียนของชายไทยหลายๆ คนได้เป็นอย่างดีเลย และเมื่อดูกันชัดๆ หลายคนก็อาจรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเธออยู่ไม่น้อย นั่นก็เพราะว่าแท้จริงแล้วเธอก็คือ น้องชมพู่ – ชลชญา หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ น้องชมพู่ FHM นั่นเอง   หลายๆ คนอาจจดจำเธอในชื่อ “น้องชมพู่ FHM” .   เหตุผลที่หนุ่มๆ บางคนอาจจดจำใบหน้าของเธอได้นั้นก็เพราะว่าเธอเป็นนางแบบให้กับนิตยสารผู้ชายชื่อดัง FHM และรับงานถ่ายแบบ พริตตี้ มาแล้วมากมาย แต่นอกเหนือจากการเป็นนางแบบแล้ว อีกหนึ่งงานหลักของเธอก็คือการเป็นแม่ค้าทุเรียน ช่วยเหลือธุรกิจที่บ้านในจังหวัดจันทบุรี  …

ปัญหาเรื่องของเหล่า ‘โจร’ ยังคงเป็นเรื่องที่มีให้เห็นในแทบจะทุกหัวระแหง ไม่เว้นแม้แต่ ‘เขตอภัยทาน’ ตามวัดต่างๆ ซึ่งทุกๆ คนต่างก็รู้กันดีว่าเป็นเขตอภัยทานเป็นพื้นที่ที่ไม่ให้มีการจับสัตว์ และคราวนี้แม้ว่าพระที่ดูแลรับผิดชอบเขตอภัยทาน จะสามารถจับโจรที่มาลวกอวนขโมยปลาได้แบบคาหนังคาเขา แต่ก็ไม่วายถูกโจรด่ากลับ งานนี้พระเลยต้องขึ้นโรงพักไปแจ้งความขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยจับโจร!!     เว็บไซต์เรื่องเล่าเช้านี้ระบุว่า เรื่องราวที่ว่านี้เกิดขึ้นที่วัดแสนสุข เขตมีนบุรี ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ติดกับริมคลองแสนแสบ โดยที่ตลิ่งของวัดแห่งนี้มีป้ายเขียนชัดเจนว่าเป็นเขตอภัยทาน จึงทำให้มีปลาสวายอาศัยอยู่อย่างชุกชุม ในแต่ละวันชาวบ้านประชาชนจะพากันมาให้อาหารปลาในบริเวณนี้เพื่อเป็นการทำบุญ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางคนที่เรียกได้ว่านอกจากจะไม่ได้ทำบุญแล้วยังทำบาปเสียอีก     ภาพจากกล้องวงจรปิดให้เผยให้เห็นถึงนาทีที่ผู้ก่อเหตุสองคนพากันพายเรือเลาะตลิ่งของวัด มาขโมยปลาสวายในเขตอภัยทานของวัดไปขาย และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น พระหนุ่ม กลิ่นจันทร์ พระลูกวัดแสนสุขเล่าว่า กลุ่มโจรที่มาก่อเหตุขโมยปลาก่อเหตุมาหลายปีแล้ว และแต่ละครั้งจะได้ปลาสวายไปไม่น้อยกว่า 500 กิโลกรัม ก่อเหตุเดือนละไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง ทว่าก็จะเว้นช่วงเข้าพรรษา 3 เดือน แต่ว่าในปี 2562 กลุ่มโจรกลุ่มนี้ก็ก่อเหตุหนักขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งครั้งล่าสุดคือเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา…     ส่วนวิธีการก็คือผู้ก่อเหตุจะลากอวนให้ปลาติดตาข่าย พอลงตาข่ายเสร็จก็จะไปวางยาปลา (ยาที่ใช้เป็นกลุ่มสารเคมีที่มีกลิ่นเหม็นที่เหนือน้ำ) เพื่อต้อนให้ปลาว่ายหนีกลิ่นสารเคมีมาลงอวนที่ดักไว้ จากนั้นก็นำอวนขึ้นเป็นอันเสร็จสรรพ พระหนุ่มเล่าต่อว่า…

เรื่องของ ‘ความซวย’ บางครั้งมันก็ไม่เข้าใครออกใคร ถ้าขึ้นชื่อว่าคนมันกำลังจะซวยแล้วล่ะก็ ยังไงเราก็หนีไม่พ้น!! เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้… เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา สำนักข่าวมติชนออนไลน์ รายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหนองคาย ได้นำหมายค้นบ้านของเป้าหมาย ที่คาดว่าน่าจะมียาเสพติดไว้ในครอบครอง     เจ้าของบ้านเป็นหนุ่มวัย 27 ปี ตกใจ พยายามทิ้งยาบ้า 6 เม็ดลงชักโครก แต่ทว่าโชคร้ายน้ำประปาไม่ไหลพอดี ทำให้กดน้ำไม่ลง เจ้ายาบ้าทั้ง 6 เม็ดก็เลยกลายเป็นหลักฐานมัดตัว ถูกจับดำเนินคดีไปในที่สุด เมื่อเวลา 9.30 น. ของวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 ณ ห้องสืบสวน สภ.เมืองหนองคาย พ.ต.อ.เกษม มุทาพร ผกก.สภ.เมืองหนองคาย พร้อมกับ้จ่าหน้าที่ร่วมกันแถลงข่าวผลการกวาดล้างอาชญากรรมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา     โดยทำการจับกุมผู้ต้องหา คือนายธวัชชัย สว่างไทรสาขา อายุ 27 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 6 เม็ด…

จากกรณีของนางสาวยลฤดี ปิยะทัต หรือ น้องพลอย อายุ 17 ปี นักเรียนโรงเรียนสตรีระนองได้รับโอกาสเข้าร่วมแข่งขันโครงการวิทยาศาสตร์นานาชาติ  ‘Genius Olympiad’ ปี 2019 ที่ประเทศสหรัฐฯ แต่ด้วยความที่ ‘ไร้สัญชาติ’ จึงทำให้เธออาจชวดโอกาสครั้งสำคัญในชีวิต อันเนื่องมาจากไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้… อ่านข่าวเก่าได้ที่: เด็กสาวจะถูกตัดสิทธิ์แข่งวิทย์ระดับโลก เพราะไร้สัญชาติ สูญเสียโอกาสที่คว้าไว้ไม่ได้   นางสาวยลฤดี ปิยะทัต หรือ น้องพลอย   เรื่องราวของเธอได้รับการแชร์ออกไปในโลกโซเชียลเพื่อขอความช่วยเหลือในเรื่องนี้ ซึ่งก็มีผู้เข้ามาให้กำลังใจรวมทั้งมีการเรียกร้องให้มีการช่วยเหลือน้องพลอย ให้สามารถไปแข่งขันวิทย์ฯ ได้อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ความคืบหน้าล่าสุดของเรื่องนี้ก็มีข่าวดีเกิดขึ้น เพราะน้องพลอยได้รับสัญชาติไทยแล้วเป็นที่เรียบร้อย และพร้อมสำหรับการเดินทางไปยังประเทศสหรัฐฯ เพื่อเข้าร่วมแข่งขันโครงการวิทยาศาสตร์     เมื่อวานนี้ (8 พ.ค.) สำนักข่าวอมรินทร์ รายงานว่า ในช่วงบ่ายกรมการปกครองได้รับหนังสือเหตุความจำเป็นเพื่อขอสัญชาติจากผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว จากการพิจารณามีความเห็นชอบและอนุญาตให้น้องพลอย ได้รับหนังสือรับรองการเป็นคนไทยเป็นที่เรียบร้อย โดยจะมีการส่งหนังสือกลับไปแจ้งให้กับโรงเรียนและให้ครอบครัวได้รับทราบ ต่อจากนี้ไปจะเป็นหน้าที่การดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะทำเรื่องขอหนังสือการเดินทางให้กับน้องพลอยเพื่อใช้เดินทางออกนอกประเทศ ในการเข้าร่วมแข่งขันโครงการวิทยาศาสตร์ระดับโลกต่อไป     ทางด้านเฟซบุ๊กส่วนตัวของน้องพลอย Ploy Yonladee Phiyatat ก็ได้มีการลงภาพหนังสือรับรองผลการพิจารณาคำร้องเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา…

เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2019 ที่ผ่านมา เมื่อรายการโทรทัศน์ในประเทศเยอรมนี ได้มีการนำเสนอลักษณะท่าทางล้อเลียน “พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส”     กรณีดังกล่าว เกิดขึ้นในวันที่ 3 พ.ค. 2019 จากรายการ Frühstücksfernsehen ของทางสถานีโทรทัศน์ในประเทศเยอรมนี มีการโพสต์คลิปสั้นๆ ผ่านโซเชียลมีเดีย นำเสนอลักษณะท่าทางล้อเลียนการหมอบคลานและกราบในพระราชพิธีอภิเษกสมรส โดยทางผู้ดำเนินรายการมองว่า ลักษณะท่าทางที่เห็นในพระราชพิธีนั้นมีความคล้ายคลึงกับ “แมวน้ำ”   .   แน่นอนว่าเมื่อคลิปรายการได้ถูกเผยแพร่ออกไป สร้างความไม่พอใจให้กับชาวไทยทุกคนเป็นอย่างมาก และเริ่มกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง ในวันที่ 7 พ.ค. ทางเพจเฟซบุ๊กของรายการโทรทัศน์ดังกล่าวก็ได้ออกมาขอโทษเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น สรุปใจความได้ว่า… “ทางรายการ Frühstücksfernsehen ได้ถกเถียงกันในเทปรายการวันนั้นแล้ว ซึ่งมีผู้ชมจำนวนมากแสดงความคิดเห็นว่ามันมีเนื้อหาไม่เหมาะสม หมิ่นเบื้องสูง” “อย่างไรก็ตาม ทางเราไม่ได้มีเจตนาที่จะโจมตีหรือดูแคลนวัฒนธรรมไทยแต่อย่างใด แต่หากมีเนื้อหาตรงจุดไหนที่ส่งผลเสียไปในทิศทางนั้น ทางเราก็ขออภัยด้วย”   คำขอโทษจากรายการ Frühstücksfernsehen   ในเวลาต่อมา Georg Schmidt เอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นในทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า… “หลายท่านได้ถามความเห็นของผมเกี่ยวกับรายการของสถานีโทรทัศน์เอกชนเยอรมันเมื่อเช้านี้ ผมคิดว่าเป็นที่ไม่น่าพอใจครับ ผู้ชมจำนวนมากคิดอย่างนี้เช่นกัน #Thailand…

เพราะด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นทุกวัน ทำให้เดี๋ยวนี้เราแทบจะไม่ต้องจะไปธนาคารก็สามารถทำธุรกรรมต่างๆ ได้บน ‘สมาร์ทโฟน’ แต่ว่าบางครั้งความสะดวกสบายนี้ก็เป็นเสมือนกับดาบสองคม ดั่งเช่นในกรณีของสมาชิกพันทิปคนหนึ่งที่ตั้งกระทู้สอบถามว่าจะทำอย่างไรดี เมื่อน้องชายได้ขโมยเงินแม่ไปเติมเงินเกมออนไลน์ ซึ่งเงินจำนวนที่ว่านี้มันมากถึง 150,000 บาท!? ผู้ใช้เว็บบอร์ดพันทิปชื่อว่า สมาชิกหมายเลข 3254070 ได้เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าว โดยเริ่มต้นเล่าว่าน้องชายของเขามีอายุ 12 ปี และชื่นชอบกับการเล่นเกมออนไลน์ ทางด้านคุณแม่ก็ใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนและมีแอพฯ Mymo (Mobile Banking ของธนาคารออมสิน) สำหรับทำธุรกรรมอยู่ในโทรศัพท์เครื่องนั้น แต่ว่าคุณแม่ก็ใช้โทรศัพท์ไม่ค่อยจะเป็น     เมื่อรู้ดังนั้นทางน้องชายของเจ้าของกระทู้ จึงได้ออกอุบายขอยืมโทรศัพท์ของคุณแม่ทำทีเป็นค้นหาแอพฯ ต่างๆ (น้องชายรู้รหัส Mymo ของแม่) ทว่าจริงๆ แล้วน้องชายกลับแอบโอนเงินแบบลับๆ ทีละ 200 – 900 บาท วันละ 2 – 3 รอบโดยที่ไม่มีใครรู้เนื่องจากว่าแม่ใช้โทรศัพท์ไม่เป็น แต่ความก็มาแตกเอาในวันหนึ่งจากความที่ว่าแม่ของเจ้าของกระทู้บอกให้โอนเงินเข้าบัญชีของเจ้าของกระทู้ เมื่อตรวจดูจึงได้รู้ว่าเงินจากที่มี 400,000 กว่าบาทกลับลดลงเหลือเพียง 300,000 บาท ทางเจ้าของกระทู้จึงนำเรื่องนี้ไปถามกับแม่ ซึ่งทางคุณแม่ก็บอกว่ายังไม่ได้เอาเงิน 100,000 บาทไปทำอะไรเลย…

หากกล่าวถึง ‘ภาวะโลกร้อน’ หลายๆ คนก็คงจะรู้ดีว่านี่เป็นปัญหาที่โลกของเรากำลังเผชิญอยู่ ซึ่งเราก็สามารถช่วยโลกของเราได้แม้ว่าจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ อย่างลดใช้พลังงานหรือพลาสติกที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน แต่ว่าถ้าหากเราไปซื้ออาหารสดภายในห้างจะทำอย่างไรให้ลดการใช้พลาสติกดี (พ่อบ้านแม่บ้านคงจะรู้ดีว่าโดยปกติซื้ออาหารสดภายในห้างฯ จะมีถุงพลาสติกเตรียมไว้ให้) ในวันนี้มีหนุ่มคนหนึ่งจะมาเผยเคล็ดลับดีๆ ในการรักษ์โลกให้ได้รู้กัน กับการรีวิวซื้อไก่ในห้างยังไงให้ Save Earth!!        เฟซบุ๊ก Kitipat Nantapondej ได้รีวิววิธีซื้ออาหารสดภายในห้างด้วยการนำกล่องเตรียมไปเอง ซึ่งเขาได้อธิบายวิธีการผ่านทางแคปชั่นเอาไว้ว่า  ” *** how to ซื้อไก่สดที่โลตัสยังไงให้ save earth *** รีวิวนี้ต้องบอกว่าอาจจะทำให้ซื้อของที่โลตัสครั้งหน้าเขาอาจจะจำหน้าได้ 555 มาๆ เข้าเรื่องก็คือด้วยความที่ว่าไม่อยากได้พลาสติกใสๆ ที่ต้องใส่ไก่ เลยคิดวิธีว่าจะทำไงดีเลยเอากล่องใส่ติมเก่ามาด้วย ตอนแรกไปถามพนักงานว่าได้มั้ยเขาบอกว่าได้ เข้าทางเลย วิธีง่ายๆก็คือ 1. เอากล่องให้เขาชั่งดูก่อนว่าน้ำหนักเท่าไหร่ (เผื่อมาตัดน้ำหนักออกทีหลัง) ของเราไม่ถึงขีด 2. ไปตักของที่อยากได้ตามปกติเลย 3. เอาไปให้เขาชั่งแล้วก็บอกน้ำหนักกล่องที่ชั่งตอนแรกให้เขาตัดออก 4. จ่ายตังกลับบ้านนอน   กล่องใบน้อยช่วยรักษ์โลก   ขอบคุณ Tesco Lotus…

กลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างดุเดือดในโลกโซเชียลตอนนี้สำหรับแฮชแท็ก #สิวน้ำประปา หลังจากที่มีทวิตเตอร์หนึ่งระบุว่าแบคทีเรียในน้ำประปาอาจทำให้เกิด ‘สิว’ ได้ แต่ทางการประปาก็ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว พร้อมกับระบุว่าจะมีการดำเนินการทางกฎหมายกับเรื่องนี้ด้วย!? เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 2 พ.ค. จากทวิตเตอร์หนึ่งได้ทวีตโปรโมทผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า พร้อมกับใส่แคปชั่นเอาไว้ว่า     “#สิวน้ำประปา เป็นสิวซ้ำๆซากๆ.. ทั้งที่หน้าและหลัง สาเหตุสิวอาจเพราะแบคทีเรียในน้ำประปา ท่อ ก็อกน้ำที่ใช้มานาน เช็ดโทนเนอร์หลังล้างหน้าขจัดแบคทีเรียสาเหตุสิว #เช็ด****โทนเนอร์ขวดฟ้าขจัดสิวน้ำประปา #บอกลาสิวซ้ำซาก #สิวน้ำประปา“ หลังจากนั้นวันนี้ (8 พ.ค.) ทางทวิตเตอร์ การประปานครหลวง ก็ได้ออกมาชี้แจงต่อเรื่องดังกล่าวในทวีตเดียวกัน โดยสามารถแบ่งเป็นข้อๆ ได้ดังต่อไปนี้   ข้อ 1   ข้อ 2   ข้อ 3   ข้อ 4   ชี้แจงถึงกระบวนการผลิตน้ำประปา กรณี #สิวน้ำประปา กปน.ขออนุญาตให้ข้อมูลดังนี้กระบวนการผลิตน้ำประปาตามมาตรฐานน้ำประปาปลอดภัยของWHOตรวจสอบคุณภาพน้ำที่มีประสิทธิภาพทุกขั้นตอนขอยืนยันว่าไม่มีเชื้อแบคทีเรียในระบบการผลิตสูบส่งสูบจ่ายน้ำตลอดจนในท่อประปาอย่างแน่นอนทั้งนี้ควรหมั่นดูแลระบบประปาภายในบ้าน/อาคาร Admin pic.twitter.com/s5F8MhyZec — การประปานครหลวง (@MWAthailand) May 8,…

คำเตือน: บทความนี้อาจมีเนื้อหาที่ค่อนข้างหยาบนิสๆ ดูพอเป็นสีสันสนุกๆ แล้วกันนะจ๊ะ…   หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ขึ้นที่สนามแอนฟิลด์ เมื่อทีมลิเวอร์พูลสามารถเปิดบ้านเอาชนะบาเซโลน่า ยอดทีมจากสเปนไปได้ถึง 4 – 0 ประตูและพลิกเข้ารอบอย่างไม่น่าเชื่อ ชัยชนะดังกล่าวทำให้เหล่าเดอะค็อป (แฟนบอลลิเวอร์พูล) ต่างก็เฮกันลั่นซอย แต่ว่ามันกลับเป็นเรื่องสุดพีคของหนุ่มคนหนึ่ง หลังจากที่เขาลั่นวาจาเอาไว้ว่าถ้าลิเวอร์พูลเข้ารอบจะแก้ผ้าวิ่งรอบไฟแดง เขาเลยต้องทำอย่างที่พูดไว้จริงๆ!! เรื่องนี้มีอยู่ว่าก่อนเกมการแข่งขันระหว่างลิเวอร์พูล – บาเซโลน่าจะเริ่มขึ้น เฟซบุ๊ก Panya Sainet ได้ปล่อยคลิปประกาศลั่นว่าถ้าลิเวอร์พูลพลิกนรกเข้ารอบ (นัดแรกแพ้มา 0 – 3 ประตู) จะยอมแก้ผ้าวิ่งรอบไฟแดง   ไปดูลีลาของพี่เขากันซะก่อนว่าเดือดขนาดไหน    หลังจากนั้นผลการแข่งขันก็ออกมาประจักษ์อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าลิเวอร์พูลเปิดบ้านเอาชนะไปได้ 4 – 0 ประตู เข้ารอบไปได้แบบงงๆ งานนี้เขาเลยทำคลิปออกมาให้เห็นว่าเขานี้แหละคนจริงไม่พูดเยอะ!!   มามอบตัวแล้วจ้า    สุดจริงพี่เอ๋ย   รีบไป เดี๋ยวเค้ามาจับ   เรื่องฮาๆ ของคุณพี่คนนี้ได้รับการแชร์ออกไปแล้วมากกว่า 10,000 ครั้ง…

ละครเรื่องแรงเงา ถือว่าเป็นละครที่เคยสร้างปรากฎการณ์ให้แก่วงการโทรทัศน์เมืองไทยมาแล้ว กับตัวละครมุตตาและมุนินทร์ที่เป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง และในปีนี้ ทางผู้จัดได้เผยภาคต่อของละครเรื่องนี้ โดยใช้ชื่อว่า แรงเงา 2 ซึ่งส่วนมากทางผู้จัดก็ได้มีการนำนักแสดงคนเก่าๆ จากภาคเดิมมาแสดงต่อ     แต่นักแสดงที่กำลังกลายเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่คู่พระนางแต่อย่างใด แต่กลับเป็นน้อง ลิซ่า ชาริสา โอแฮม วัย 16 ปี ผู้รับบทเป็นน้องต้อม ลูกสาวคนเล็กของ ผอ.เจนภพ หากใครเคยรับชมแรงเงา 1 จะพบว่า ตอนเด็กๆ น้องลิซ่าหน้าตาน่ารักอยู่แล้ว พอโตมายิ่งน่ารักขึ้นพันเท่าเลย!!   น้องลิซ่าตอนเด็กๆ   เป็นสาวน้อยสุดแก่นเชียว   เราลองมาชมกันดีกว่าว่าน้องจะน่ารักมากขึ้นขนาดไหน   แถ่นแท้นนนนน   น้องยิ้มน่ารักสุดๆ ไปเลย   น้องชอบนัมจูด้วยน้า   สดใสฝุดๆ   หวานเจี๊ยบไปเลย   รูปนี้องค์ประกอบดีมากเว่อร์   ใส่ชุดพละยังน่ารักเลยคิดดู๊ววว   ดาเมจรุนแรงมากลูก   น้องลิซ่าสวยสมวัยจริงๆ แค่น้องยิ้มโลกก็ดูสวยงามไปหมดแล้ว…

ประเด็นในเรื่องของบุคคลไร้สัญชาติในประเทศไทย เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งและเป็นข่าวใหญ่ที่สังคมให้ความสนใจมากๆ และในคราวนี้ก็เป็นเรื่องราวของ น้องพลอย ยลฤดี ปิยะทัต วัย 17 ปี เด็กหญิงนักเรียนโรงเรียนสตรีระนอง ผู้อาศัยอยู่ในจังหวัดระนอง และเกิดในประเทศไทย ทว่ารัฐยังไม่สามารถรับรองเรื่องสัญชาติให้ได้ รายงานจาก Thaipbs ระบุว่า พ่อแม่ของน้องพลอยเป็นแรงงานชาวเมียนมา เข้ามาทำงานในประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย     เมื่อช่วงเวลา 17.15 น. ของวันที่ 6 พฤษภาคม 2561 น้องพลอยได้โพสต์ข้อความบนเฟสบุ๊กส่วนตัว Ploy Yonladee Phiyatat ระบุว่า… ที่ผ่านมาเธอได้ทุ่มเทให้กับการศึกษา ได้รับโอกาสอันดีจากผู้ใหญ่แสดงความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ (การแข่งสุนทรพจน์) ตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมัธยม ซึ่งไม่เคยได้รับรางวัลใดๆ แต่ยังคงมุ่งมั่นแข่งขันมาจนถึงปัจจุบัน     จนกระทั่งโอกาสครั้งใหญ่มาถึง น้องพลอยได้รับเชิญไปเข้าร่วมแข่งขันโครงการวิทยาศาสตร์ภาษาอังกฤษ ในหัวข้อผลงาน ‘เครื่องคัดแยกขวดอัตโนมัติ’ ผ่านจากระดับภาค ระดับประเทศ จนถึงการผ่านเข้าไปสู่การแข่งขันระดับโลกที่สหรัฐอเมริกาในงาน ‘Genius Olympiad’ ของปี 2019     งานการแข่งขันดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 17…

กลายเป็นที่สงสัยกันว่า “สรุปแล้วขบวนแห่นาคนี้กำลังเดินทางไปสร้างบุญ หรือกำลังทำบาปอยู่กันแน่?” เมื่อตลอดการเดินทางไปยังวัดนั้นเต็มไปด้วย “รถกระบะแต่งซิ่ง” หลายสิบคันโชว์ “เบิร์นยาง” กันควันโขมง… เมื่อวานนี้ (5 พ.ค. 2019) ทางเพจ เพื่อพังงา น่าอยู่ ได้แชร์คลิปขบวนแห่นาคดังกล่าวใน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ปิดถนน โชว์เบิร์นยางตลอดการเดินทางไปยังวัด จนชาวบ้านแอบรู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าไหร่นัก   ภาพจากคลิปเบิร์นยางแห่นาค   ทางเพจได้เขียนอธิบายไว้ในแคปชั่นว่า.. “จัดว่าเด็ดจัดปลัดบอก นานๆ ได้มันส์บนถนนหลวง สร้างความเดือดร้อน ปิดถนน กู้ภัยดูแลการจราจร ตำรวจไม่ทราบเรื่อง ทำได้ด้วยหรือ?? อหังการงานบวชผู้กว้างขวางแก๊งรถซิ่งแห่งเมืองตะกั่วป่า” “ตรรกะอะไร แห่นาคแล้วเบิร์นยางบนถนนหลวงแบบนี้ เกี่ยวอะไรกับแห่นาค ชาวบ้านเช้ง จะได้บุญหรือบาป”   คลิปต้นเรื่อง   จากคำอธิบายทำให้เราทราบว่า ที่เห็นนั้นคือขบวนแห่นาคของหนึ่งในผู้ที่เป็นคนกว้างขวางใน อ.ตะกั่วป่า แต่สิ่งที่หลายๆ คนมองก็คือ นั่นมันไม่ใช่เหตุผลที่คนเหล่านั้นจะสามารถมาทำอะไรแบบนี้ได้ ฝุ่นควันตลบอบอวล บวกกับเสียงที่ดังไปทั่ว ทำเอาชาวบ้านหลายๆ คนรู้สึกได้รับความเดือดร้อน และเริ่มสงสัยว่าการแห่นาคในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อการสร้างบุญหรือว่าบาปกันแน่?   คลิปอีกมุมหนึ่ง…

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2562 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนพระองค์ H.R.H Princess Sirivannavari Nariratana ความว่าดังนี้ “ขอบใจทุกคนที่รักเราแบบใจจริงแท้ เข้าใจเรา และอยู่เคียงข้างเราเสมอมา” “เรา ถึงแม้จะมียศสูงขึ้น แต่เราก็จะเป็นท่านหญิงองค์เดิม นิสัยเหมือนเดิมทุกประการ ดั่งเฉกเช่นที่เป็นมาไม่เปลี่ยนแปลง”     อย่างที่รู้กันดีว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง กับพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ในงานพระราชพิธีก็จะมีผู้คนร่วมงานมากมาย รวมไปถึงบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ราชกัญญา ก็ทรงอัปโหลดภาพบรรยากาศต่างๆ ในงานพระราชพิธีลงหน้าเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นมุมจากบุคคลที่อยู่ภายในงานจริงๆ ทำให้เราได้เห็นภาพต่างๆ แบบใกล้ชิด และรู้สึกอบอุ่นอย่างถึงที่สุด   ทรงฉายพระฉายาลักษณ์แบบเซลฟี่ร่วมกับ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา   พระฉายาลักษณ์ร่วมกับ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ในบริทที่ทรงเป็นกันเองสุดๆ   ทรงแอบถ่ายพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ   ทรงแอบถ่ายขบวน และพระฉายาลักษณ์เบื้องหลังของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา   เรียกได้ว่าเป็นอีกมุมน่ารักๆ ในงานพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก…

อย่างที่รู้กันดีว่าในช่วงนี้ประเทศไทยของเรา กำลังอยู่ในช่วงพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราสถลมารคบนพระราชยานพุดตานทอง จากพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร-วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม-วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม รวมระยะทาง 7.15 กิโลเมตร     ในระหว่างทางก็จะมีนายทหารและตำรวจ ที่คอยยืนประจำตามจุดรอขบวนรับเสด็จ รวมไปถึงประชาชนชาวไทย ที่มาร่วมรอรับเสด็จและชื่นชมพระบารมีของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 จากเหตุดังกล่าวก็มีเรื่องน่าประทับใจเกิดขึ้น เปิดเผยให้เห็นถึงความน่ารักของคนไทย ที่พร้อมช่วยเหลือกันทุกเมื่อ เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Pega Nid พร้อมกับแคปชันว่า “ความเอื้อเฟื้อของคนไทย…น้องนายร้อย จปร.มายืนประจำจุดรอขบวนเสด็จ แต่งกายเต็มยศ เหงื่อไหลหยดจากปลายนิ้วทุกนิ้ว” “พี่น้องก็ช่วยกันพัด พัดมือบ้าง พัดลมไฟฟ้าบ้าง…. #คนไทยน่ารัก #thecoronationofthekingramaX”     อย่างที่รู้กันดีว่าทั้งนายทหารและตำรวจต่างก็ถูกฝึกและซ้อมพระราชพิธีมาเป็นอย่างดี ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องอากาศร้อน ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาหวั่นใจแม้แต่น้อย แต่กลายเป็นว่าประชาชนต่างก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะเห็นว่าเหงื่อของพี่นายร้อย จปร. คนนี้ไหลออกมาแบบชนิดที่ว่า หยดลงมาทุกปลายนิ้วเลยทีเดียว     ก็เลยช่วยกันเอาพัดลมมาเป่า บ้างก็ใช้มือพัด บ้างก็ใช้พัดช่วยพัด…

เมื่อวานนี้ (5 พ.ค. 2019) ทางเพจเฟซบุ๊ก FM91 Trafficpro ได้โพสต์ภาพของกลุ่ม “ช่างภาพเยาวชนจิตอาสา” กลุ่มเด็กนักเรียนที่เข้ามาช่วยเก็บภาพเหตุการณ์ในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก   โพสต์ดังกล่าว   เราจะสังเกตเห็นว่าเลนส์กล้องของน้องๆ โดยเฉพาะน้องคนกลางนั้นมีขนาดใหญ่ สำหรับการถ่ายภาพระยะไกล และแน่นอนว่าราคาของมันก็เรียกได้ว่าเป็นตัวเลขที่สูงเอามากๆ     และเรื่องของเลนส์กล้องนั้นเองที่ได้กลายมาเป็นกระแสดราม่าที่เกิดขึ้น เมื่อมีคนเข้ามาคอมเมนต์พูดประมาณว่า “ถ้าไม่รวยก็เป็นจิตอาสาไม่ได้”   คอมเมนต์ที่มีการพูดถึงฐานะทางบ้านของน้องๆ   คอมเมนต์ในลักษณะนั้นส่งผลทำให้ผู้คนจำนวนมากแห่เข้ามาปกป้องกลุ่มเยาวชนจิตอาสา เมื่อส่วนใหญ่มองว่าการที่พ่อแม่ของน้องๆ มีเม็ดเงินมากพอที่จะช่วยสนับสนุนเรื่องเลนส์ได้แบบนี้ ก็ไม่น่าเป็นสิ่งที่ต้องไปแซะ ไปต่อว่าอะไร   คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับคอมเมนต์ก่อนหน้านี้ . . . . .   อย่างไรก็ตาม #เหมียวตะปู ก็ขอเป็นกำลังใจอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ และจะรอดูภาพประวัติศาสตร์ที่น้องๆ ถ่ายเก็บมาได้นะ   ที่มา: FM91 Trafficpro

อย่างที่รู้กันดีว่า ‘การเดินทาง’ เรื่องของเวลานั้นเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ ฉะนั้นการที่เราจะขึ้นรถไฟ หรือขึ้นเครื่องบิน จึงต้องไปให้ถึงก่อนเวลาเพื่อที่จะไม่ได้พลาดการเดินทาง แม้ว่าบางครั้งคุณจะมาก่อนเวลาแค่ไหนก็ตาม แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น อย่างการ ‘เจ้าหน้าที่ขายตั๋วหลับ’ จนเลยเวลาขึ้นรถไฟ ก็อาจจะทำให้คุณชวดรถไฟไปอย่างน่าเจ็บใจ อย่างเช่นเรื่องราวต่อไปนี้ เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Anusha Teerapapong ได้ทำการโพสต์ร้องเรียนกับสถานีรถไฟขอนแก่น ถึงประสบการณ์ตกรถไฟที่น่าเจ็บใจที่สุด โดยที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย   ลองไปอ่านโพสต์แบบเต็มๆ กันดูครับ   “ผมกำลังเดินทางไปจังหวัดอุดรธานี โดยเลือกเดินทางด้วยรถไฟขบวนที่ 77 ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2562 เวลา 02.00 น. ตามเวลาที่กำหนด ( แต่รถไฟล่าช้า 24 นาที ตามในเว็บ )” “แต่ผมไปถึงสถานีตั้งแต่เที่ยงคืนแล้ว พอมาถึงปรากฏว่าไม่มีเจ้าหน้าที่พนักงานขายตั๋วอยู่หน้าเคาน์เตอร์เลยซักคน ผมเลยรอ จนถึงเวลาตีสองกว่าๆ จนรถไฟมา”   ห้องขายตั๋ว   “ในเวลาเดียวกัน…

บางครั้งการเรียนรู้ ก็อาจไม่ได้เกิดจากในห้องเรียนเสมอไป…เพราะมันอาจจะมาจากที่อื่น โดยที่เราอาจจะนึกไม่ถึงอย่าง เว็บไซต์สตรีมมิ่งชื่อดัง Netflix ซึ่งล่าสุดทางโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ก็เล็งเห็นถึงความสำคัญนี้ ก็เลยเปิด ‘วิชาเลือกเสรี’ เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษจากเว็บสตรีมมิ่งดังกล่าว เรื่องมีอยู่ว่าผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า แดนนี่ ダニー ได้โพสต์รูปภาพตารางรายวิชาเลือกเสรีของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ประจำปีการศึกษา 2562 และปรากฏว่ามีวิชาหนึ่งที่ดูน่าสนใจมาก!!   นั่นก็คือว่าชา ‘ภาษาอังกฤษจากภาพยนตร์ Netflix’ วิชาเลือกเสรี โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ปีการศึกษา 2562 แบบ ภาษาอังกฤษจากภาพยนตร์ Netflix, การแสดงขั้นพื้นฐาน , อาหารจานเดียว pic.twitter.com/mHjow3t2rR — แดน 🎇🌈 (@sapalldan) May 3, 2019   นอกจากนี้ก็ยังเปิดเผยอีกว่ามีวิชาอื่นๆ ที่น่าสนใจมากมาย อย่างเช่น การแสดงขั้นพื้นฐาน, อาหารจานเดียว เป็นต้น โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย มีคนเข้ามากดไลก์กว่า 3,572 ครั้ง และรีทวีตไปอีกกว่า 35,083 ครั้งเลยทีเดียว  …

กลายเป็นประเด็นดังที่เป็นที่กล่าวถึงในโลกออนไลน์อีกครั้งกับเรื่องของเว็บตูนชื่อดังเรื่อง คุณแม่วัยใส หลังจากที่เว็บตูนเรื่องนี้ถูกเอาไปแปลเป็นภาษาเกาหลีเผยแพร่ผ่านแอปพลิเคชัน Line Webtoon เรื่อง คุณแม่วัยใส เป็นเรื่องราวของ ฟ้า นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่ตั้งท้องก่อนที่จะเข้ามหาวิทยาลัย โดยเธอจะต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ ตั้งแต่ตั้งท้องจนกระทั่งถึงตอนที่คลอดลูก   คุณแม่วัยใส เว็บตูนที่มีผู้ติดตามอ่านถึง 2.3 ล้านคนและเคยถูกนำพล็อตเรื่องไปทำเป็นซีรีส์ออกฉายทางช่อง GMM ซึ่งในขณะนี้ถูกเผยแพร่ออกทาง Line Webtoon ของไทยกว่า 128 ตอน     หลังจากที่เรื่องคุณแม่วัยใสถูกนำไปเผยแพร่ทางเว็บตูนของเกาหลี ก็เกิดเป็นประเด็นที่ทำให้ชาวเน็ตเกาหลีเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องความไม่เหมาะสมของเนื้อหา และมีการกล่าวว่าสร้างความรู้แบบผิดๆ จนถึงขั้นร้องเรียนให้ถอดถอนกันเลยทีเดียว     ทางฝั่งชาวเน็ตไทยที่ได้ติดตามข่าวก็ได้มีการเข้ามาร่วมกันเผยแพร่ข่าวสารกันใน #คุณแม่วัยใส แจ้งข่าวว่าในขณะนี้ชาวเกาหลีเริ่มมีการทักท้วงให้พิจารณาเรื่องการเผยแพร่เว็บตูนเรื่องนี้ในประเทศแล้ว ต้นทวีตของชาวเกาหลีที่ออกมากล่าวเรื่องนี้ พูดถึงความไม่เหมาะสมของเนื้อหาเว็บตูน มีผู้รีทวีตไปมากกว่า 24,000 ครั้ง 네이버 신작 틴맘 정말 끔찍하다. 미성년자로 임신한 여성의 공포는 찾을 수 없다. '어린…

โดยปกติแล้วเราจะเข้าใจว่า ‘ฤๅษี’ เป็นนักบวชจำพวกหนึ่ง ที่สละบ้านเรือนของตัวเองออกไปบำเพ็ญพรตแสวงหาความสงบตามสถานที่เงียบๆ ไม่ว่าจะเป็นในป่าลึก ในถ้ำ หรือตามแหล่งน้ำธรรมชาติ เป็นต้น แต่ถ้าเทียบกับ ‘การบวชพระ’ แล้วเรียกได้ว่ามีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะโดยปฏิบัติแล้วฤๅษีจะไม่ได้เคร่งเท่ากับการบวชพระนั่นเอง ดังนั้นเราอาจจะเห็นภาพของฤๅษีมีภรรยา หรือแม้กระทั่ง ‘ออกมอเตอร์ไซค์วิบาก’ เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ต่อไปนี้!! เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก Kawasaki Buriram Siam Motorbike จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ทำการแชร์ภาพลงหน้าเพจ ซึ่งเป็นภาพของลูกค้ามาออกรถมอเตอร์ไซค์วิบาก รุ่น KLX150BF  พร้อมแคปชันว่า “ทางนี้เลยจร้า จองปุ๊บ ทำสัญญาปั๊บ ผ่านปุ๊บ รับรถปั๊บ รวดเร็ว ทันใจสายลุย”   แต่ดูไปดูมาแล้ว เอ๊ะ ในภาพนั้นไม่ใช่ลูกค้าธรรมดา แต่เป็นฤๅษีตนหนึ่ง!?   โพสต์ดังกล่าว   หลังจากที่โพสต์ไปไม่นานก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย มีคนเข้ามากดไลก์ที่โพสต์ถึง 1,900 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 2,400 ครั้งเลยทีเดียว หลายคนต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นไปในเชิงแซวแบบตลกๆ…

เรียกได้ว่าเป็นประเด็นดราม่าที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว กับกรณีของ ‘ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า’ โพสต์โวยหมอ เพราะไม่ยอมให้เอาใบรับรองแพทย์ไปใช้ในการรับรองเพื่อครอบครองกัญชา เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวาน (3 พฤษภาคม 2562) เพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่งแชร์เรื่องราวของผู้ป่วยโรคซึมเศร้ารายหนึ่ง ที่ไปขอใบรับรองแพทย์จากหมอเพื่อนำไปใช้ในการรับรองเพื่อครอบครองกัญชา แต่ทว่าหมอได้ปั๊มตราปั๊มเอาไว้ในใบรับรองแพทย์ว่า ไม่สามารถนำไปใช้กับเหตุดังกล่าวได้ ก็เลยโพสต์ลงโซเชียลว่า “ต้องทำถึงขนาดนี้เลย? เป็นหมอมีหน้าที่ตรวจและรักษาผู้ป่วย มีสิทธิอะไรมาห้าม มาลิดรอนสิทธิ์ในการรักษาของผู้ป่วย?” “กฎหมายก็ออกมาแล้ว ให้ผู้ป่วยสามารถใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ ผู้ป่วยก็ยอมทำตามกติกา แล้วหมอคนนี้มาทำแบบนี้ต้องการอะไร?”   ภาพโพสต์ดังกล่าว   ใบรับรองแพทย์ว่าป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และตราปั๊ม   มีชาวเน็ตหลายคนต่างก็เข้ามาคอมเมนต์ตำหนิการกระทำของหมอ บางส่วนก็แนะนำให้แอบใช้เลย .   ประเด็นดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก ทั้งในทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก แต่ดูเหมือนว่าเกมจะพลิก เมื่อบรรดาแพทย์ทั้งหลายต่างก็ออกมาบอกว่าที่หมอท่านนี้ทำน่ะเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว!!   กัญชาไม่มีข้อบ่งชี้ในการใช้รักษาโรคจิตเวช ในฐานะจิตแพทย์​ บอกเลยว่ามันถูกต้องแล้ว *** กัญชาไม่มีข้อบ่งชี้ในการใช้รักษาโรคจิตเวช​ และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการทางจิตเวช​ *** คนมีอาการทางจิตจากกัญชาเยอะ​ มีรายใหม่มารักษาทุกวัน​ และสิ่งที่หมอทำ​ไม่ใช่การริดรอนสิทธิ์​ เพราะไม่มีสิทธิ์ใช้​ตั้งแต่แรกแล้ว — Faith In You 🌱🌺 (@blissbeat_) May…

เข้าใกล้บทสรุปกันไปทุกทีแล้วกับกรณีของคดีอีนุงตุงนัง ‘หวย 30 ล้าน’ ที่กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากพี่น้องชาวไทยมากมายเมื่อช่วงปลายปี 60 หรือราวๆ 2 ปีก่อนหน้านี้ เผื่อหลายคนอาจจะหลงลืมไปว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง #เหมียวหง่าว จะมาสรุปให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันก่อนครับ เรื่องของเรื่องก็คือเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2560 ร้อยตำรวจโทจรูญ หรือ ที่รู้จักกันในชื่อหมวดจรูญ อ้างว่าซื้อสลากกินแบ่งหมายเลข 355726 จำนวน 5 ใบ 1 ชุด ราคา 700 บาท จากแม่ค้าที่ตลาดเรดซิตี้ ซึ่งภายหลังสลากชุดนี้ดันไปถูกรางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท หมวดจรูญก็เลยไปขึ้นเงินที่กองสลากเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ในปีเดียวกัน   หมวดจรูญ   27 พฤศจิกายน 2560 ครูปรีชาได้ไปแจ้งความว่า ‘สลากกินแบ่ง’ ที่หมวดจรูญเอาไปขึ้นเงินนั้นเป็นของตนเอง ซึ่งได้ทำหล่นไปก่อนหน้านี้   ครูปรีชา   28 พฤศจิกายน 2560…

แน่นอนว่าเหล่าพ่อค้าออนไลน์ย่อมจำเป็นต้องใช้บริการของบริษัทขนส่งต่างๆ เพื่อส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย ไว้ใจได้ แต่ความไว้ใจกับบริษัทขนส่งที่เราใช้บริการนั้นอาจต้องหมดลง เมื่อพ่อค้าออนไลน์รายหนึ่งได้แชร์เรื่องฉาวของบริษัทขนส่งชื่อดัง หลังจากที่เขาทำการส่ง “โทรศัพท์มือถือ” ไปให้ลูกค้า แต่ปลายทางกลับ “เหลือแค่ที่ชาร์จ”?!   เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Ekkaluk Zaelo เมื่อวานนี้ (3 พ.ค. 2019) มีใจความว่า…   ภาพประกอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   ลักษณะของกล่องเมื่อไปถึง มีการพันเทปใสรอบๆ   เปิดออกมาด้านในมีแต่ที่ชาร์จโทรศัพท์เท่านั้น   ช่างน้ำหนักดูก็พบว่าลดลงกว่าเดิมไปอย่างเห็นได้ชัด   เรื่องราวและภาพที่เห็นนั้นก็ส่งผลทำให้หลายๆ คนรู้สึกไม่เชื่อมั่นกับบริษัทขนส่งชื่อดังแห่งนี้อีกต่อไป บางคนบอกให้เลิกใช้บริการไปเลย ขณะที่บางคนบอกว่าตนเองก็เคยมีประสบการณ์ในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน   . . . . .   อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่มีความคืบหน้าว่าท้ายที่สุดแล้วทางบริษัทดังกล่าวจะรับผิดชอบให้ชายคนนี้ยังไง ซึ่งไม่แน่ว่าอาจนำไปสู่การฟ้องร้องได้   ที่มา: Ekkaluk Zaelo

หลังจากที่กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามในโลกโซเชียลเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กับกรณีของพระสงฆ์รูปหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตหรูหราซะเหลือเกิน แถมยังอัปภาพอวดลงโซเชียลอีกต่างหาก!! ไม่ว่าจะเป็นการใช้โทรศัพท์สมาร์ตโฟนราคาแพงหลายเครื่อง กล้องถ่ายรูปแบบ DSLR และเครื่องอำนวยความสะดวกภายในกุฏิต่างๆ ทั้งโซฟา โทรทัศน์ ชุดเครื่องเสียง เครื่องปรับอากาศ ที่ดูเหมือนในโรงแรมไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย     จากเหตุดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก หลายคนต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันไป ส่วนใหญ่ก็มองว่าไม่เหมาะสม และวิจารณ์ว่าในปัจจุบันการบวชพระนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อน กลายเป็นธุรกิจอย่างหนึ่งไปเสียแล้ว     ซึ่งล่าสุดสำนักข่าวไบรท์ทีวี ก็ได้นำเสนอว่า เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2562 นาย ทรงพุฒิ ชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเลย ได้ทำการตรวจสอบถึงเรื่องราวที่เป็นกระแสในโลกโซเชียล และได้รับความคืบหน้าว่าดังนี้     พระรูปดังกล่าวชี้แจงว่า ภาพเหล่านั้นเป็นภาพเมื่อครั้งที่ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่อินเดียช่วงหนึ่ง ซึ่งตัวท่านเองก็ได้ประกอบศาสนกิจและได้เข้าพักในโรงแรมที่ประเทศอินเดีย แล้วก็ถ่ายภาพในห้องพักเอาไว้ พร้อมกับยืนยันว่าเป็นภาพที่ถ่ายเมื่อนานมาแล้ว ส่วนที่อัปโหลดลงเฟซบุ๊กนั้นตัวพระเองไม่ได้เป็นคนลง เชื่อว่าอาจจะมีคนไม่หวังดีทำเฟซบุ๊กปลอม แล้วนำรูปมาลง พร้อมกับใส่แคปชันเพื่อใส่ร้าย ล่าสุดทางวัดก็เรียกพระที่ตกเป็นประเด็นมาตักเตือน และตัวพระเองก็ยินดีที่จะปรับปรุงตัว ประพฤติตนให้อยู่ในกรอบพระวินัยต่อไป     ที่มา : brighttv

เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ทุเรียนกลับมาฟีเวอร์อีกครั้ง บรรดาคนรักทุเรียนทั้งหลายต่างก็อยากลองท้าทายอะไรใหม่ๆ อย่างเช่น ‘การแข่งกินทุเรียน’ ซึ่งล่าสุดก็มีร้านทุเรียนดังแห่งหนึ่ง ใน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี การจัดการท้าแข่งให้กินทุเรียนเป็นจำนวน 4 กิโลกรัม หมดภายในเวลา 3 ชั่วโมง ใครทานได้หมดรับไปเลย 5,000 บาท!! โดยมีกติกาว่าหากกินไม่หมดก็จะเสียเงินเพียงค่าทุเรียนที่กินไปเท่านั้น คอรักทุเรียนทั้งหลายต่างก็ให้ความสนใจกับการแข่งขันดังกล่าวเป็นจำนวนมาก แต่พอผ่านไปได้วันเดียว ก็เกิดประเด็นดราม่าขึ้นมาซะได้ เมื่อจู่ๆ ก็มีชาวเน็ตที่อ้างว่าไปร่วมการแข่งขันที่ร้านดังกล่าวออกมาแฉว่าเสีย ‘ค่าครู’ ไปตั้ง 1,000 บาท!?     โดยเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นโพสต์ที่อยู่ในกลุ่มเฟซบุ๊ก ชุมชนคนรักบ่อวิน หญิงสาวคนหนึ่งที่ไปร่วมการแข่งขันดังกล่าวได้โพสต์เล่ารายละเอียดว่าการเข้าร่วมแข่งขัน ทางร้านได้คิด ‘ค่าครู’ เป็นจำนวน 1,000 บาท ซึ่งมันนอกเหนือจากที่โฆษณาไว้คือ ให้กินทุเรียนให้หมด 4 กิโลกรัม ถ้าไม่หมดก็เสียแค่ค่าทุเรียนอย่างเดียว ในกรณีของหญิงสาว เธอบอกพ่อค้าว่าขอลองก่อน 1 กิโลกรัม ซึ่งทางร้านก็ให้มา 1.4 กิโลกรัม แต่ระหว่างที่กินอยู่ก็ได้ยินพ่อค้าพูดกับผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งว่าต้องเสีย ‘ค่าครู’ ด้วย และนำมาบวกกับค่าที่กินไป ตอนนั้นหญิงสาวกับแฟนกินไปได้ประมาณ…

การมีปัญหาเกี่ยวกับเพื่อนบ้านเรือนเคียง ขอบอกเลยว่าเป็นอะไรที่ปวดหัวมาก เพราะต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันทุกวัน… เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่เจ้าของบ้านรายหนึ่งต้องเผชิญกับเพื่อนบ้านที่เปลี่ยนบ้านให้กลายเป็น ‘รังนกพิราบ’ สร้างความเดือดร้อน จนทนไม่ไหวจึงต้องมาโพสต์เรียกร้องขอความเป็นธรรม เรื่องมีอยู่ว่าผู้ใช้งานเว็บไซต์พันทิปชื่อว่า สมาชิกหมายเลข 4922460 ได้ทำการตั้งกระทู้เพื่อเล่าเรื่องราวดังกล่าว โดยใช้ชื่อกระทู้ว่า “เมื่อเพื่อนบ้าน ทำบ้านกลางสุขุมวิทเป็นรังนกพิราบ”   เนื้อหาในกระทู้มีใจความว่าดังนี้ครับ   “วันนี้ผมมีเรื่องมาแชร์ให้ทุกท่านฟัง เกี่ยวกับความทุกข์ที่ได้รับจากพฤติกรรมของเพื่อนบ้านที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่” “ผมพักอาศัยที่บ้านทาวน์เฮ้าส์หลังหนึ่งในหมู่บ้านมณียาวิลล์ ซอยสุขุมวิท 101/1 กับพ่อแม่พี่น้องตั้งแต่ปีพ.ศ.2537 จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 24 ปี”  “อยู่มาวันหนึ่ง ปีพ.ศ.2559 ข้างบ้านติดกันได้มีการเปลี่ยนเจ้าของบ้านใหม่ และเขาได้มีการรีโนเวตบ้านทั้งหลังโดยมาแจ้งกับทางบ้านผมด้วยวาจา ว่าอาจมีเสียงรบกวนจากการรีโนเวต ซึ่งทางผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหากเป็นการทำเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยทั่วไป”     “เจ้าของใหม่ได้ทำการรีโนเวตตั้งแต่ต้นปี 2560 และใช้เวลาร่วมปีกว่าจะแล้วเสร็จ โดยสิ่งสุดท้ายที่เค้าทำคือต่อเติมชั้นลอยขึ้นไปอีกชั้นเพื่อทำกรงนก “ “เดิมที โครงสร้างบ้านจริงๆ มี 4 ชั้น โดยชั้นสี่เป็นดาดฟ้า แต่ข้างบ้านได้ต่อเติมดาดฟ้าขึ้นไปอีกชั้นเป็นชั้นที่ 5 ในช่วงที่เค้าต่อเติม ผมได้สอบถามกับผู้รับเหมาว่า เจ้าของบ้านต่อเติมอีกชั้นนึงไว้ทำอะไร ก็ได้ทราบว่าเจ้าของจะทำกรงนก”      “เมื่อทราบดังนั้น…

เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ทีมงานแคทดั๊มบ์ได้นำเสนอเรื่องราวของ ‘ฟุตปาธ’ ของเอกชนที่ทำมาอย่างดี ถูกหน่วยงานของกทม. รื้อและทำใหม่ โดยให้เหตุผลว่าจะต้องทำเหมือนกันทั้งหมด จนเกิดเป็นประเด็นให้บรรดาชาวเน็ตทั้งหลายวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา   อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่ : ชาวเน็ตวิจารณ์หนัก ‘ฟุตปาธ’ แข็งแรงของเอกชนถูกรื้อ กทม. แถลง ‘ต้องทำเป็นแบบเดียวกัน’   ซึ่งล่าสุดก็ได้มีการเปิดเผยความคืบหน้าของทางเท้าใหม่ที่เป็นฝีมือของ กทม. ออกมาให้เราได้รับชมกันแล้วครับ ภาพดังกล่าวถูกแชร์โดยเพจเฟซบุ๊ก Eat Clean Baby พร้อมกับแคปชันว่า “กทมซ่อมเสร็จแล้วนะทุกคน สวยเท่าเทียมกันแล้วจ้า **มีลูกเพจกล่าวถึงตรงทางสีเหลืองสำหรับคนพิการที่ใกล้ตู้เกินไป น่าคิด”     อย่างไรก็ตาม จากที่ดูแล้วน่าจะยังไม่เสร็จดี แต่ที่น่าสนใจก็คือของใหม่นั้นมีการใส่เบรลล์บล็อก (Braille Block) เข้ามาด้วย (บล็อกนำทางสำหรับคนพิการทางสายตา)   โพสต์ต้นฉบับ   โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย มีคนเข้ามากดไลก์ถึง 3,100 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 1,000 ครั้ง เลยทีเดียว…

เมื่อพูดถึง “พระสงฆ์” แล้ว หลายๆ คนก็คงนึกไปถึงการโกนหัว ห่มผ้าเหลือง ใช้ชีวิตอย่างสมถะภายในวัด น้อมนำคำสอนตามหลักพระพุทธศาสนา แต่จะเป็นอย่างไร เมื่อพระรูปหนึ่งกลับใช้ชีวิตที่ดูแล้วค่อนข้างจะ “หรูหรา” แตกต่างจากคำว่าสมถะไปอย่างสิ้นเชิง แถมหลวงพี่รูปนี้ยังโพสต์ภาพการใช้ชีวิตของตนลงบนโลกโซเชียลอีกด้วย?!     เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2019 เพจเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า สำนักข่าวเจริญพวง ได้โพสต์ภาพที่เผยให้เห็นการใช้ชีวิตของพระรูปหนึ่งใน จ.เลย มีความเป็นอยู่ที่หรูหราไฮโซ เกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้ว่า “ในกุฏิพระนี่เขามีอะไรแบบนี้ด้วยหรือ?” ไม่ว่าจะเป็นภาพที่เผยให้เห็นโทรศัพท์มือถือราคาแพง (ที่อาจมีมากกว่าหนึ่งเครื่อง) กล้องถ่ายรูป เครื่องอำนวยความสะดวกภายในกุฏิต่างๆ ทั้งโซฟา โทรทัศน์ ชุดเครื่องเสียง เครื่องปรับอากาศ ราวกับโรงแรมยังไงยังงั้น   . . . .   ภาพที่เห็นนั้นได้ทำให้ชาวเน็ตต่างเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม มองว่าปัจจุบันการบวชเป็นพระนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อนไปอย่างสิ้นเชิง และอาจกลายเป็นธุรกิจอย่างหนึ่งไปแล้ว   . . . . .   โพสต์ดังกล่าวได้กลายเป็นกระแสในโลกโซเชียล และทาง สำนักข่าวช่อง 3…

“ทำดีย่อมได้ดี” เป็นประโยคที่พวกเราทุกคนคุ้นหูกันมาตลอด ในความหมายที่ว่าเมื่อเราทำสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่น เราก็จะได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทนกลับคืนมา เฉกเช่นเดียวกันกับเธอคนนี้ เรากำลังพูดถึง น.ส.พิมลพรรณ มานพพงษ์ วัย 36 ปี แม่ค้าขายน้ำจับเลี้ยง ในตลาดหัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา หญิงสาวผู้เก็บคืน “แผงลอตเตอรี่” ให้แก่เจ้าของที่เป็นแม่ค้าหวย   น.ส.พิมลพรรณ ผู้เก็บแผงลอตเตอรี่ส่งคืนตำรวจ   ย้อนกลับไปในวันที่ 27 เม.ย. 2019 มีการรายงานว่าระหว่างที่ น.ส.พิมลพรรณ กำลังขายของอยู่นั้น เธอเหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษวางอยู่ที่พื้น เมื่อหยิบมาดูก็พบว่าเป็นแผงขายสลากกินแบ่งรัฐบาล เธอมองหาพ่อค้าแม่ค้าโดยรอบแล้วแต่ก็ไม่พบ เธอจึงรีบเดินทางไปยัง สภ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตามหาเจ้าของ ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวน ลงบันทึกประจำวันอยู่นั้น น.ส.ชรินพร วาริคิด แม่ค้าหวยวัย 28 ปี ก็ได้เข้ามาแจ้งความกับตำรวจว่าตนเองได้ทำแผงลอตเตอรี่หาย   น.ส.ชรินพร แม่ค้าหวยเจ้าของแผงลอตเตอรี่ดังกล่าว   จนกระทั่งเธอได้เจอกับแผงลอตเตอรี่ที่ น.ส.พิมลพรรณ เก็บได้ และพบว่านั่นคือแผงลอตเตอรี่มูลค่ากว่า 20,000 บาทที่หายไปของเธอ…

หมาของใคร ใครก็รัก ยิ่งมันหายออกจากบ้านไป ก็คงเป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าของจะต้องร้อนใจและอยากได้คืน แต่ใครเล่าจะคิดว่าจะมีคนที่นำความร้อนใจของเจ้าของมาใช้ในการแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง ดังเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไปนี้… ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Chitsanucha Chumwongjun ได้เปิดเผยเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่หมาของตัวเองหายไป โชคดีที่มีคนเจอ แต่คนที่เจอนั้นดันเล่นแง่ เรียกค่าดูแลเป็นจำนวน 5,000 บาท ถ้าไม่ให้ก็จะเอาไปขายให้กับเพื่อน   . .   ซึ่งตัวเจ้าของหมาเองก็ร้อนใจ อยากจะได้คืน พร้อมยืนยันว่าไม่มีเงินจำนวนมากขนาดนั้น พร้อมยืนยันว่าจะให้เงินเป็นรางวัลมูลค่า 2,000 บาท     แค่ทว่าหนุ่มที่เก็บหมาเอาไว้ได้เหมือนจะไม่ยอมคืน และบอกว่าเขาได้ตกลงกับเพื่อนเอาไว้แล้วว่าจะขายเป็นจำนวนเงิน 5,500 บาท พร้อมย้ำว่า “ถ้าไม่ได้ผมขอบล็อกนะครับ” ก่อนที่จะบล็อกไปในที่สุด   .   เรื่องราวดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย มีคนแชร์ไปมากกว่า 1,200 ครั้งด้วยกัน หลายคนต่างก็เข้ามาคอมเมนต์กันไปต่างๆ นานา หลายคน ก็แนะนำให้เจ้าของหมาไปแจ้งความเอาผิดกับชายหนุ่ม เพราะทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยเป็นอย่างมาก บ้างก็แนะนำให้ล่อจับ “ยอมๆ ไปก่อน พาตำรวจไปด้วย พอถึงที่ก็รวบตัวเลย”  บางส่วนก็บอกว่า “เหตุการณ์แบบนี้สามารถแจ้งตำรวจได้…

หลังจากกลายเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจ กับกรณีของคนขับรถฉุกเฉินโพสต์สะใจที่คู่อริของตัวเองได้รับบาดเจ็บ และจงใจขับรถไปส่งที่โรงพยาบาลอย่างช้าๆ พร้อมปิดท้ายว่า ขอให้ตายอย่างสงบ จนเกิดเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคมโซเชียล ทั้งตำหนิผู้โพสต์ว่าไม่รู้จักแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน บ้างก็ไล่ให้ไปทำอาชีพอื่น เพราะขาดจรรยาบรรณทางวิชาชีพอย่างรุนแรง     อ่านข่าวเก่าได้ที่ : คนขับรถฉุกเฉินโพสต์สะใจ คู่อริเก่าบาดเจ็บหนัก-จงใจขับช้าๆ ลั่น ‘ขอให้ตายอย่างสงบนะ’   แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก จนผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปสืบข้อมูลเพิ่มเติม ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา รายการเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่านายแพทย์วิโรจน์ รัตนอมรสกุล แพทย์สาธารณสุขประจำจังหวัดนครนายก ได้ออกมาแถลงการณ์ถึงการตรวจสอบเหตุดังกล่าว     พร้อมกับเผยวาหากเป็นการตั้งใจขับช้าๆ จริงอย่างที่กล่าวเอาไว้ คนขับจะต้องโดนข้อหาพยายามฆ่าอย่างแน่นอน แต่ทว่าจากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูล GPS ของรถฉุกเฉินคันดังกล่าวแล้ว พบว่าคนขับใช้ความเร็วตามปกติ     ส่วนเรื่องของระยะเวลาการเดินทางส่งตัวจากโรงพยาบาลบ้านนา ไปยังโรงพยาบาลนครนายกก็พบว่าไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด ไม่มีความคลาดเคลื่อนหรือจงใจขับช้าอย่างที่โพสต์เอาไว้ โดยทางนายแพทย์วิโรจน์คาดเอาไว้ว่าเจ้าตัวน่าจะแค่ระบายความแค้นลงโซเชียลเท่านั้น     ลองไปชมคลิปวิดีโอรายงานข่าวแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยครับ   ที่มา : เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร

เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับคอทุเรียนทั้งหลาย กับกรณีของวัดท่าไม้ ที่จัดโครงการแจกทุเรียนฟรีในวันแรงงานที่ผ่านมา (1 พฤษภาคม 2562)   อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่ : วัดท่าไม้สมุทรสาคร เชิญญาติโยมทาน ‘ทุเรียนฟรีไม่อั้น’ จัดให้ 10 ตัน วันแรงงานแห่งชาติ   หลังจากที่ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศไปร่วมงานดังกล่าวกันอย่างคับคั่ง แต่ทว่าจู่ๆ ก็ดันเกิดเหตุดราม่าขึ้นมาซะได้!? เมื่อชาวเน็ตหลายคนที่ไปร่วมงานมาต่างก็ออกมาโพสต์แฉว่าที่แท้จริงแล้ว ‘การไปกินทุเรียนที่วัด’ ไม่ได้ฟรีอย่างที่โฆษณาเอาไว้เลยแม้แต่น้อย บรรดาชาวเน็ตทั้งหลายต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ว่า ‘วัดเดี๋ยวนี้ทำอะไรก็เป็นเชิงธุรกิจไปหมด’ บ้างก็ว่า ‘ตกเป็นทาสการตลาดของวัด’ รวมไปถึงออกมายืนยันว่า ‘มันไม่ได้ฟรีอย่างที่โฆษณาเอาไว้ตอนแรก’     จะกินทุเรียนต้องเสียค่าทำบุญก่อน 100 แล้วรับใบเสร็จไปแลก ได้ทุเรียน 1 พู   รถติดทำคนในพื้นที่เดือดร้อน   ต่อแถวเป็นชั่วโมงได้กินทุเรียนคนละเม็ด . .   หลังจากที่ประเด็นดังกล่าวได่รับความสนใจ ทางเพจเฟซบุ๊ก วัดท่าไม้ จังหวัดสมุทรสาคร ว่าทั้งหมดเป็นการกล่าวหา ทั้งเรื่องเก็บเงินทำบุญ 100 บาทนำไปแลกคูปอง หรือเก็บค่าที่จอดรถ…

เมื่อพูดถึงอาหารพื้นบ้านจากทางภาคเหนือ ‘น้ำพริกตาแดง’ ถือเป็นดั่งของขึ้นชื่อใครมาเที่ยวก็เป็นต้องซื้อพกติดตัวกลับไปด้วย จึงไม่แปลกที่คนเหนือเวลาไปทำงานที่อื่น ก็มักจะให้คนที่บ้านส่งเมนูอาหารสุดโปรดนี้มาให้ แต่ใครเล่าจะคิดว่าความหอมอร่อยของมัน จะน่าเย้ายวนจนไม่ว่าใครก็อดใจไม่ไหว แม้แต่พนักงานส่งของเอง!?     เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา สำนักข่าวรายงานว่า ดีเจสาวชาวลำปางรายหนึ่งออกมาร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว เธอระบุว่าเมื่อราวๆ 2 เดือนก่อน เธอได้ทำการส่ง ‘หมูแดดเดียว’ และ ‘น้ำพริกตาแดง’ ผ่านทางบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง แต่ทว่าพอไปถึงปลายทางที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ผู้รับซึ่งเป็นญาติกลับพบว่า น้ำพริกตาแดงที่อยู่ในถ้วยพลาสติกหายหมดเกลี้ยง หลงเหลือไว้แต่คราบ แถมหมูแดดเดียวยังถูกแกะออกไปอีกตั้งครึ่งถุง     ดีเจสาวยืนยันว่าเธอเป็นคนแพ็กสินค้าลงกล่อง และนำไปส่งเอง พร้อมทั้งเล่าว่าตอนไปส่ง พนักงานก็ถามว่าข้างในคืออะไร? เธอก็ตอบไปตามตรงว่าเป็นหมูแดดเดียวกับน้ำพริกตาแดง หลังจากนั้นพนักงานก็ตอบกลับมาว่า ‘พัสดุประเภทของกิน ไม่มีการรับประกันให้นะ หากเกิดความเสียหาย หรือสูญหาย จะไม่มีการรับผิดชอบนะ’     เธอเองก็ไม่ได้เฉลียวใจกับข้อห้ามตรงจุดนี้ จนกระทั่งเกิดเป็นเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งเธอได้ทำการร้องเรียนไปยังบริษัทดังกล่าวเพื่อให้ทำการตรวจสอบแล้ว แต่เรื่องก็เงียบหายไปนานถึง 2 เดือน จึงต้องออกมาร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว  …

หลายครั้งในบ้านเราที่อาจจะเห็นข่าวคนอารมณ์ร้อน เพราะรออะไรเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นเหตุความรุนแรงต่อยตีกัน หรือจนถึงขนาดฆ่ากันตายเลยก็มี และครั้งนี้เองก็เช่นกัน แต่ไม่ได้เกิดขึ้นที่ประเทศไทยนะ เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ฮ่องกงเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 30 เมษายน 2562 (เมื่อวาน) โดยคนก่อเหตุก็เป็นคนไทยที่ไปทำงานอยู่ที่นั่น… คลิปเหตุการณ์ดังกล่าวถูกแชร์โดยเพจเฟซบุ๊ก 泰國潮流 Thaiin ที่ทำเกี่ยวกับคลิปวิดีโอไวรัล โดยกลุ่มคนจีนที่รักประเทศไทย     ในคลิปจะเห็นได้ว่ารถเมล์คันหนึ่งจอดส่งผู้โดยสาร แต่ทว่ามีผู้โดยสารคนหนึ่งไม่ยอมลงจากรถ มายืนหาเรื่องคนขับ ทำทีเหมือนกับว่าจะท้าตีท้าต่อย ทว่าด้วยเรื่องของภาษาที่ไม่แข็งแรงเท่าไหร่นัก จึงทำให้ดูเหมือนว่าพูดไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ แต่ก็พอจับใจความได้ว่าชายคนดังกล่าวเป็นชาวไทย (เพราะมีบางช่วงที่พูดภาษาไทยออกมา)     เขาไม่พอใจที่ต้องมารอรถเมล์นานเป็นชั่วโมงในทุกๆ วัน วันนี้อดทนไม่ไหวก็เลยเดินมาคุยกับคนขับรถหมายจะเอาเรื่อง สังเกตจากการพูดแล้วก็เหมือนกับพี่แกจะสื่อถึงประโยค ‘ตัวตัวกันมั้ย?’ กับคนขับรถเมล์     ซึ่งฝ่ายคนขับรถเมล์ดูเหมือนจะตีความได้ระดับหนึ่ง จึงอธิบายไปว่าที่ขับช้าเพราะต้องระวังเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ก่อนที่จะโทรแจ้งกับหัวหน้าถึงเหตุดังกล่าว เพราะชาวไทยคนนี้ไม่ยอมลงจากรถไปเสียที   ลองไปชมคลิปวิดีโอแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยครับ (มีซับไทยให้ด้วย)   คลิปดังกล่าวได้รับความสนใจมากมายจากชาวโซเชียล ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีคนเข้าไปกดไลก์ถึง 1,700 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 1,400 ครั้งเลยทีเดียว  …

ความช่างสังเกตถือเป็นหนึ่งในทักษะที่เราต้องหมั่นทำอยู่เป็นประจำ เพราะนอกจากจะช่วยให้เราแก้ไขปัญหา หรือช่วยหาคำตอบได้แล้ว ยังอาจช่วยให้เราจับผู้ร้ายได้อีกด้วย!? เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้… เรื่องมีอยู่ว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า JibJib Pongpakkittikul ได้ทำการโพสต์รูปภาพพร้อมเล่าเรื่องราวว่าพบชายแปลกหน้าคนหนึ่งท่าทางมีพิรุธบนรถเมล์ และกลับกลายเป็นว่าพี่แกเป็นหัวขโมยจริงๆ จนนำไปสู่การจับกุมในที่สุด!!   อ่านโพสต์เต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยครับ   โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก มีคนเข้ามากดไลก์ถึง 97,000 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 18,000 ครั้งเลยทีเดียว หลายคนต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆ นานา บ้างก็ชื่นชมในความช่างสังเกตของพี่ผู้ชาย และเจ้าของโพสต์ รวมไปถึงการร่วมมือกันของกระเป๋ารถเมล์และคนขับ จนนำไปสู่การจับกุมตัว   ชายผู้มีพิรุธ   แต่ขณะเดียวกันก็มีบางส่วนที่เข้ามาจับผิดอีกทอดหนึ่ง ว่าอาจจะเป็นเรื่องจ้อจี้รึเปล่า? เพราะทุกอย่างมันดูพอเหมาะพอเจาะเกินไป… ซึ่งล่าสุดก็มีสำนักข่าวหลายสำนักเข้ามาทำข่าว รวมไปถึงลงไปสัมภาษณ์คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุอีกด้วย   ทางด้านกระเป๋ารถเมล์ และคนขับรถเมล์ก็ให้สัมภาษณ์เล่าว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจริงๆ   แต่พี่ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างหลังหัวขโมยนั้นปรากฎว่าเป็นเพื่อนของเจ้าของโทรศัพท์ ซึ่งเป็นคนโทรไปบอกเพื่อนให้ลองโทรเข้าเบอร์ตัวเองดู เป็นการพิสูจน์ว่าใช่จริงๆ หรือไม่? และผลก็คือใช่จริงๆ โดยกระเป๋ารถเมล์เป็นผู้ไกล่เกลี่ย พูดคุยกับคนร้าย พร้อมกับบอกให้มอบตัว ก่อนที่จะขับไปจอดที่ป้อมตำรวจพระโขนงส่งตัวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป   ลองไปชมคลิปวิดีโอให้สัมภาษณ์กันดูครับ   ที่มา :…

กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพาษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลบ้านเรา กับกรณีของคนขับรถฉุกเฉินโพสต์เล่าถึงความสะใจที่คู่อริเก่าได้รับบาดเจ็บหนัก นอนอยู่บนรถฉุกเฉินที่เขากำลังขับอนู่ พร้อมจงใจขับไปให้ถึงโรงพยาบาลช้าๆ     เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก ที่นี่ “นครนายก” ได้ทำการเผยแพร่เรื่องราวดังกล่าว พร้อมกับแคปชันว่า “เมื่อ บุคลากรโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โพสแบบนี้ ตอนนี้ ผู้บาดเจ็บอยู่ในอาการสาหัส”   ลองไปอ่านโพสต์เต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยครับ   โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก หลายคนต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นตำหนิผู้โพสต์ ว่าไม่รู้จักแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน รวมไปถึงไล่ให้เจ้าของโพสต์ไปทำอาชีพอื่น เพราะขาดจรรยาบรรณทางวิชาชีพอย่างไม่น่าให้อภัย!!   ควรหางานใหม่นะ   เรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานต้องแยกแยะให้ออก   ไม่สมควรเอามาโพสต์เป็นอย่างยิ่ง   คิดแบบนี้อย่าทำงานที่ต้องรับผิดชอบชีวิตของผู้อื่นเลย   คิดได้แค่นี้อย่าทำงานด้านนี้เลย   ผลกรรมจะตกอยู่กับตัวของผู้โพสต์เอง   จรรยาบรรณในวิชาชีพ   หน้าที่ของคนขับรถฉุกเฉินคือต้องช่วยชีวิตคน   จะฝากชีวิตไว้กับโรงพยาบาลได้อย่างไร?   ก็จริงที่กระทรวงไม่ให้ขับเกิน 80 แต่ก็ไม่ควรโพสต์แบบนี้   ไร้จรรยาบรรณ   หลังจากที่เรื่องดังกล่าวกลายเป็นประเด็นใหญ่โต…

สำหรับคอทุเรียนทั้งหลายแล้วล่ะก็ ขอบอกเลยว่านี่คือข่าวดีสุดๆ เพราะคุณๆ ทั้งหลายจะได้ทาน ‘ทุเรียนแบบฟรีๆ ไม่อั้น’ หากไปที่ ‘วัดท่าไม้ จังหวัดสมุทรสาคร’ ภายใน 17.00 น. ของวันนี้!! เพจเฟซบุ๊ก วัดท่าไม้ จังหวัดสมุทรสาคร ได้ทำการโพสต์เชิญชวนให้ประชาชนมากินทุเรียนแบบฟรีๆ ที่วัด เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ จัดเป็นโครงการ ‘วัดท่าไม้แทนคุณแผ่นดิน กลับคืนสู่ประชาชน’ เพื่อถวายเป็นพระชายกุศลแด่ในหลวง ร.๙ และ ร.๑๐   โพสต์ดังกล่าว   โดยงานดังกล่าวจะแจกจ่ายทุเรียนมากกว่า 10 ตันให้กับประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือคนต่างประเทศ ให้กินกันอย่างจุใจ แบบฟรีๆ ไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียว นอกจากนี้ในงานก็มีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ขาย ทั้งของฝาก พืชผักผลไม้ต่างๆ ไข่ไก่สดๆ จากฟาร์ม และอาหารเครื่องดื่ม ซึ่งทุกอย่างที่ว่ามานี้ก็ลดราคาอีก 10% ด้วยเช่นกัน!! งานเริ่มต้นเวลา 9.00 น. ของวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 (วันนี้)…

เรียกได้ว่ากลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในโลกโซเชียลบ้านเราเป็นอย่างมากเลยทีเดียว กับกรณีของพนักงานบริษัทขนส่งชื่อดัง ได้ทำการแอบนำพัสดุของลูกค้าที่เป็น ‘เซ็กส์ทอย’ จากในกล่อง ออกมาถ่ายรูปล้อเลียนแล้วโพสต์ลงโซเชียลเน็ตเวิร์ก เท่านั้นยังไม่พอมีการเปิดเผยชื่อที่อยู่ของหญิงสาวที่เป็นผู้รับพัสดุกล่องนั้นออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน จนเป็นเหตุให้เธอได้รับความเดือดร้อนและตกเป็นผู้เสียหาย     เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างรุนแรงถึงฝ่ายผู้เสียหาย โดยเฉพาะทางด้านจิตใจ ที่รู้สึกอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว จากนั้นไม่นานทางด้านบริษัทที่เป็นต้นสังกัดของพนักงานที่ก่อเหตุ พอได้ทราบเหตุการณ์ก็ทำการตรวจสอบ และเลิกจ้างพนักงาน 4 คนทันที พร้อมทั้งจะดำเนินการทางกฎหมายบุคคลที่เลิกจ้างไปให้ถึงที่สุดด้วย หลังจากประกาศเลิกจ้างไปแล้วก็ดูเหมือนว่าเรื่องยังไม่จบ เพราะกลายเป็นว่าฝ่ายหญิงสาวที่เป็นผู้เสียหาย ถูกเผยแพร่ชื่อและที่อยู่ออกไป และไม่ได้รับการเยียวยาเลย ชาวโซเชียลทั้งหลายก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา จากนั้นฝ่ายผู้เสียหายก็ออกมาเปิดใจกับเพจ ล่า ถึงผลกระทบที่ได้รับ ทั้งทะเลาะกับครอบครัว มีผู้ชายแปลกๆ ทักมา จนถึงกับจะเลิกกับแฟนก็มี โดยที่ของที่สั่งมานั้นไม่ใช่ของตัวเธอเองด้วย จนเป็นเหตุให้คิดที่จะฆ่าตัวตาย   การเปิดใจจากฝั่งเจ้าของ ถึงผลกระทบที่ถูกเปิดห่อพัสดุ    บทสรุปของเหตุการณ์เปิดพัสดุ ล่าสุดเมื่อวานนี้ (30 เมษายน 2562) ทางด้านบริษัทต้นสังกัดของผู้ก่อเหตุ ก็ได้พาอดีตพนักงานทั้ง 4 คนเข้าขอโทษกับผู้เสียหาย ซึ่งทางด้านผู้เสียหายเองได้ให้อภัยและไม่ดำเนินคดีใดๆ เพราะเห็นว่าอดีตพนักงานทั้ง 4 คนนั้นสำนึกผิดจริงๆ และเข้าใจชีวิตการเป็นลูกจ้าง หาเช้ากินค่ำเหมือนกัน นอกจากนี้ยังให้เหตุผลอีกว่าเพราะอดีตพนักงานทั้ง 4…

กลายเป็นประเด็นร้อนช่วงกลางดึกเมื่อวานนี้ (29 เม.ย. 2019) ที่ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังเพจดังได้แชร์ภาพ “พนักงานส่งพัสดุ” ของบริษัทแห่งหนึ่ง ได้ทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างมาก ช่วงเวลาประมาณ 4 – 5 ทุ่มของเมื่อคืน ทางเพจเฟซบุ๊ก ล่า ได้แชร์ภาพโพสต์ของพนักงานคนดังกล่าว แสดงให้เห็นว่ามีการเปิดพัสดุระหว่างการจัดส่ง เมื่อพบว่าเป็น “เซ็กส์ทอย” ก็นำมาถ่ายภาพพูดล้อเลียนในโลกโซเชียล   ภาพของพนักงานส่งพัสดุ เปิดหีบห่อของลูกค้า   โพสต์ที่มีการล้อเลียน   ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะในคอมเมนต์ของโพสต์ดังกล่าวยังบอกอีกว่า จะนำที่อยู่และเบอร์โทรของลูกค้าเจ้าของพัสดุไปบอกคนอื่นอีกด้วย   . . .   โพสต์ของทางเพจชื่อดัง   ต่อให้อ้างว่าพัสดุชำรุดฉีกขาด แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่พนักงานจะมาทำอะไรอย่างนี้ได้เลย   หลังจากที่ประเด็นดังกล่าวได้ถูกแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก ทางบริษัท Kerry Express บริษัทต้นสังกัดของพนักงานที่เราเห็นในภาพ พวกเขาเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ในช่วงเวลาประมาณตี 2 – ตี 3 ทางบริษัทได้ออกมาแถลงการณ์ขอโทษ พร้อมทั้งกล่าวว่าได้ไล่พนักงานทั้ง 4 คนออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…

กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ เมื่อ นางอ้อ สาวอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ประจำหมู่บ้าน หลอกเอาเงินบริจาคของเด็กยากจนวัย 15 ปี ไปมากกว่า 500,000 บาท จนตอนนี้เด็กไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม เรื่องราวนี้ได้ถูกนำมาตีแผ่ความจริงผ่านทางรายการ ทุบโต๊ะข่าว เมื่อวานนี้ (29 เม.ย. 2019) ในขณะที่คนในสังคมจำนวนมากต่างประณามในสิ่งที่เกิดขึ้น และสงสารเด็กหนุ่มที่ต้องมารับชะตากรรมจากการถูกโกงเงินดังกล่าว   คลิปรายการ ทุบโต๊ะข่าว เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น    เงินกว่า 500,000 นั้นมาจากไหน? นายปกรณ์ เด็กหนุ่มวัย 15 ปี คือเจ้าของเงินจำนวนกว่า 500,000 บาทนั้น โดยนั่นเป็นเงินที่เขาได้รับบริจาคมาตั้งแต่ปี 2561 เหตุผลที่คนจำนวนมากบริจาคเงินให้แก่เด็กคนนี้ก็เพราะความสงสารที่มีให้หลังจากที่พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตไป และญาติๆ เองก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือค่าเล่าเรียนของเขาได้มากนัก นั่นจึงทำให้คนจำนวนมากตัดสินใจบริจาคเงินเพื่อช่วยเป็นค่าเล่าเรียนให้กับเด็กหนุ่มคนนี้ โดยเป็นบัญชีที่ในตอนแรกนั้นอาจารย์ประจำชั้นที่โรงเรียนจะเป็นคนรับผิดชอบดูแลให้มาโดยตลอด   นายปกรณ์ เด็กหนุ่มวัย 15 ปี   จุดเริ่มต้นของการโกงเงินบริจาคเด็ก หลังจากที่มีการบริจาคเงินเข้ามาช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก ในช่วงเดือนเมษายน 2561 นางอ้อ…

แม้การเลือกตั้งปี 2562 จะผ่านมานานกว่า 1 เดือนแล้วก็ตาม แต่เรื่องนี้ก็ยังคงถูกพูดถึงอยู่เรื่อยๆ ทั้งกรณีที่มีการนับคะแนนใหม่ในหลายๆ เขต รวมไปถึงเรื่อง “สูตรคิดคำนวณรายชื่อ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสท์” ก็ด้วย โดยก่อนหน้านี้ในวันที่ 24 เมษายน ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ว่า “ไม่รับคำร้องในกรณีสูตรคำนวณดังกล่าว” เนื่องจากมองว่านั่นควรเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ต้องคิดขึ้นมา ด้วยเหตุนั้นเอง มันจึงอาจส่งผลทำให้ข้อสรุปของการเลือกตั้งยิ่งล่าช้ามากกว่าเดิม     จากกรณีต่างๆ ที่เกิดขึ้นซึ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้งหมดนั้น ทำให้นักข่าวสาวชื่อดังอย่าง จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ ได้ออกมาตั้งคำถามกับทุกคนในสังคมว่า…   “ทำไมเลือกตั้งผ่านมาเป็นเดือน ยังไม่รู้ผลสรุป” และ “คำตอบของ กกต. น่าเชื่อถือแค่ไหน?”   โพสต์ของนักข่าวจอมขวัญ (29 เม.ย.) . . . .   โพสต์ดังกล่าวได้มีคนเข้ามาตอบอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งแต่ละคนก็มองว่า… . . . .   แล้วเพื่อนๆ…

เกิดเป็นประเด็นให้ถกเถียงกันในวันนี้ (29 เม.ย. 2019) เมื่อยูทูบเบอร์ชื่อดังได้ทำการอัปคลิปล่าสุด “ทำงูสิงกินแบบเป็นๆ” จนเกิดเป็นการตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์ว่า “งูสิง” นั้นเป็นสัตว์คุ้มครองไม่ใช่หรือ?     ยูทูบเบอร์ที่มียอดผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคนในคลิปดังกล่าวนั้น ได้โพสต์คลิปที่แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการนำงูสิงมาทำอาหารกิน พร้อมรีวิวในเรื่องของรสชาติว่ากินแล้วเป็นอย่างไร   ภาพจากคลิปดังกล่าว .   ทว่าชาวเน็ตจำนวนมากก็ได้เข้ามาถกเถียงกันในคอมเมนต์ทั้งในเฟซบุ๊กและยูทูบของทางช่องว่า สัตว์เลื้อยคลานที่เราเห็นกันอยู่นี้มันเป็น “สัตว์คุ้มครอง” ไม่ใช่หรือ? ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่สามารถนำมากินได้สิ   คอมเมนต์จากชาวเน็ตจำนวนมาก บอกว่างูสิงคือสัตว์คุ้มครอง . . . . .   อย่างไรก็ตาม จากประเด็นที่เกิดขึ้นทำให้ยูทูบเบอร์รายนี้ได้ทำการลบคลิปดังกล่าวออกไปแล้วทั้งในยูทูบและเฟซบุ๊ก แต่ทว่ายังคงไม่มีการออกมาชี้แจงใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้   เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู

ในขณะนี้ไม่ว่าใครก็อยากสัมผัสประสบการณ์ดูหนังอันยอดเยี่ยมที่สุด หากเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ชอบและรอคอยมานาน การตีตั๋วเข้าไปดูในระบบพิเศษของโรงหนังจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีทีเดียว ทว่าในเหตุการณ์ครั้งนี้ของคุณ Vittawat Harnvanich ที่ได้แชร์ภาพถ่ายภายในโรงหนังระบบ 4DX (ถ่ายช่วงหยุดฉาย) และเป็นภาพของน้ำที่ไหลลงมาจากเพดานของโรงหนัง จนเกือบทำคล้อยตามแล้วว่าเป็นเอฟเฟกต์น้ำ!?     จากต้นโพสต์ของวันที่ 26 เมษายน 2562 เวลา 20.03 น. ระบุเอาไว้ด้วยแคปชั่นว่า “เหลืออีกชั่วโมงก็จะจบแล้ว นึกว่าเอฟเฟคในหนัง #เหยดเขร้”   .   ทั้งนี้ โรงหนังที่เกิดเหตุฉายเอฟเฟกต์น้ำทะลุจอ 4DX ระดับความคมชัดแบบ 4K นี้ อยู่ภายในพื้นที่ อ. บ้านโป่ง จ. ราชบุรี ขณะกำลังฉายภาพยนตร์เรื่อง Avengers: Endgame โดยในส่วนความคิดเห็นของชาวเน็ตก็จะออกไปในแนว แซวทั้งเรื่องระดับความคมชัด ระบบภาพยนตร์ที่เกินกว่า 4DX เสียอีก     อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เกิดเป็นเรื่องชุลมุนวุ่นวายขึ้นภายในระหว่างการรับชมภาพยนตร์ ทางโรงภาพยนตร์ได้ทำการรับผิดชอบด้วยการชดเชยให้ผู้ชมในรอบดังกล่าว รับชมภาพยนตร์ต่อในรอบถัดไปแทน   ที่มา: @vittawat.harnvanich

สำหรับใครที่มีรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์เป็นของตัวเอง โดยเฉพาะ “รถบิ๊กไบค์” ด้วยแล้ว คงไม่แปลกที่เราจะรู้สึกเป็นห่วงเวลาต้องจอดทิ้งไว้ข้ามคืน และยิ่งถ้ารถเราเคยโดนทำมิดีมิร้ายมาด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกกังวลมากกว่าเดิม เหมือนกับผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า PaiNatpee Natpee เมื่อรถบิ๊กไบค์คันงามของเขาต้อง “ถูกขโมยเบรก” มาถึงสองครั้งสองครา ทั้งๆ ที่เป็นที่จอดรถภายในคอนโด แต่กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ ด้วยเหตุนั้นเอง เขาจึงตัดสินใจพารถมอเตอร์ไซค์สุดรักขึ้นมานอนด้วยกันบนห้องซะเลย   โพสต์ของเขา (26 เม.ย. 2019)   โดนขโมยบ่อยนัก งั้นก็พาขึ้นลิฟต์ไปด้วยเลยละกัน   จอดไว้ข้างเตียงไปเลยจ้า ไม่ต้องกลัวอะไรหายละทีนี้ . .   แม้จะลำบากหน่อย แต่ก็คงได้นอนหลับอย่างสบายใจสักทีนะ   งานนี้ทำเอาชาวเน็ตชอบอกชอบใจกันใหญ่ . . . .   สงสัย #เหมียวตะปู คงต้องเอารถขึ้นมาจอดบนหอบ้างละ กลัวโดนคนขโมย…   ที่มา: PaiNatpee Natpee

นี่สิ Endgame ของจริง!!   แม้จะรู้กันดีว่าแมวเป็นสัตว์ที่อินดี้แสนเอาแต่ใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางตัวที่เรียกได้ว่า ‘ร้ายสุดๆ’ ร้ายจนแม้แต่คนยังไม่สามารถจับตัวมันได้อย่างเช่นแมวตัวนี้ แต่ถึงอย่างไรแล้วมันก็ต้องยอมสยบเพราะ ‘เอ็นขาด’ เฟซบุ๊ก Nattapong Ngamsanga ได้เปิดเผยเรื่องราวของ ‘ไอ้ขวด’ แมวสุดร้ายจอมเจ้าชู้ที่ทำแมวตัวเมียท้องไปแล้วไม่รู้กี่คอก แถมยังไม่เคยมีใครจับตัวมันได้ ซึ่งเขาได้ใส่อธิบายเรื่องราวของไอ้ขวดไว้ว่า     “ENDGAME “ไอขวด” แมวมาเฟียแห่งวัดประทุม ที่หลวงพี่บ่นว่าไอแมวตัวนี้มันร้ายสุดๆ ไล่กัดแมวไปทั่ววัด ทำแมวตัวเมียท้องไปไม่รู้กี่ตัวกี่คอก ไม่มีใครเคยจับได้ ขนาดพระจะจับยังกัดพระ แต่ในที่สุดวันนี้ก็เสร็จผมครับ ผมเลยเอาไปทำหมันแล้วค่อยส่งกลับคืนที่วัดครับ ให้โอกาสเจ้าขวด กลับตัวกลับใจเป็นแมวที่ดี เป็นแมวที่เรียบร้อยครับ”    และนี่คือภาพของไอ้ขวดอดีตแมวมาเฟีย   ฮั่นแน่ มาเฟียเหรอเราอ่ะ   เรียบร้อย   ไป เดี๋ยวพาไปเปลี่ยนนิสัย   ดูผลงานพี่สิครับ   เรียบร้อยโดนทำหมัน นอนหงายหมดท่า   ทางด้านชาวเน็ตส่วนมากก็พากันขำขันกับเรื่องที่เกิดขึ้น ว่าสิ้นแล้วลายนักเลงของมาเฟียนามว่า ‘ไอ้ขวด’ . . .…

หากพูดถึงการ “อาบน้ำ” สไตล์ชายชาติทหารแล้วล่ะก็ หลายๆ คนคงจะนึกไปถึงภาพของการ “อาบน้ำรวม” ล้อมรอบอ่าง ใช้ขันตักน้ำอาบนกันเสียงดังซู่ๆ วุ๊วฮุ๊ววว สดชื่น!! แต่การอาบน้ำในลักษณะนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วสำหรับทหารเกณฑ์หน่วยนี้ เมื่อได้มีการสร้างห้องน้ำใหม่สุดหรูหรา น่าใช้บริการ แถมยังมีห้องอาบน้ำแยกเพื่อความเป็นส่วนตัวเอาไว้ให้อีกด้วย!!   ห้องน้ำและห้องอาบน้ำแยกสำหรับทหารเกณฑ์ .   ที่เราเห็นอยู่นี้คือห้องอาบน้ำใหม่สำหรับทหารเกณฑ์ของหน่วย บก.ร้อย ร.29 พัน 1 จังหวัดกาญจนบุรี ที่ทั้งแยกห้องเพื่อความเป็นส่วนตัว แถมยังมีฝักบัวให้แทนการใช้ขันอีกต่างหาก โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Wassana Nanuam ได้พูดว่า พ.ท.อัครพัฒน์ เทพณรงค์ หรือ ผู้พันโอม ผบ.ร.29 พัน 1 รอ. อดีตทหารคนสนิทของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้รับสั่งให้ทำการสร้างห้องอาบน้ำแห่งใหม่นี้ขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อรองรับทหารเกณฑ์รุ่นใหม่ๆ ที่จะเข้ามา รวมถึงให้ความสะดวกสบายแก่เหล่าพลทหารชุดปัจจุบัน เพื่อให้ได้รับความสดชื่นหลังจากการฝึก ปิดตำนานการอาบน้ำรวมของเหล่าชายชาติทหาร   โพสต์ดังกล่าว (26 เมษายน 2019)   เราลองไปชมภาพห้องน้ำแห่งใหม่นี้กันเลย  …

ปัญหา “ขยะในแหล่งน้ำ” ยังคงเป็นปัญหาที่ทั่วโลกให้ความใส่ใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะมันสามารถส่งผลเสียต่อระบบนิเวศ สิ่งมีชีวิตนานาชนิด รวมถึงส่งผลโดยตรงกับมนุษย์ก็ด้วย แต่ล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Auttachai Pluemwutthiwat ก็ได้แชร์ภาพผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ในการแก้ปัญหาดังกล่าว ด้วยการผูก “ตาข่ายดักขยะ” ไว้ปลายท่อน้ำทิ้ง จนสามารถเก็บเศษขยะจำนวนมหาศาลขึ้นมาได้ง่ายๆ   แคปชั่นของโพสต์ดังกล่าว ในเขตเทศบาลนครระยอง จังหวัดระยอง (25 เม.ย. 2019)   ภาพการใช้ตาข่ายดักขยะปลายท่อ . .   อย่างที่เราเห็นว่าการใช้วิธีดังกล่าวนั้นสามารถช่วยดักไม่ให้ขยะลงสู่แม่น้ำลำธารได้อย่างดีเยี่ยม ชนิดที่ว่าแทบไม่มีลงเหลือให้เห็นว่ามีขยะลอยขึ้นมาบนผิวน้ำเลย   วิธีการดีๆ ส่งผลดีต่อทั้งตัวเราและธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัด . . . . . .   ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำลำธารน้อยใหญ่ ก็สามารถใช้วิธีนี้ช่วยลดปัญหาขยะในแหล่งน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ . . .   วิธีการเจ๋งๆ แบบนี้ แน่นอนว่าจะต้องได้รับคำชมจากทุกๆ คนอยู่แล้ววว . . . . .  …

สำหรับร้านขายของมือสองคงต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ ‘ตาดีได้ตาร้ายเสีย’ จริงๆ เวลาที่เราจะซื้ออะไร และแน่นอนว่าบางทีร้านเหล่านี้มักจะมีแรร์ไอเทมซ่อนเอาไว้อยู่ แต่อยู่ที่ว่าเราจะหาเจอหรือไม่!?   แต่สำหรับหนุ่มช่างภาพคนหนึ่งแล้ว เขาเหมือนกับเจอสิ่งมหัศจรรย์จากการซื้อฟิล์มม้วนหนึ่งมา… Tamon Rujirongnangkul ได้แชร์เรื่องราวของตัวเขาเอง กับการไปซื้อฟิล์มเก่ามาจากโกดังมือ 2 ญี่ปุ่น ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้เอะใจอะไรคิดว่าเป็นฟิล์มเก่าๆ ทั่วๆ ไป แต่ว่าพอเอามาสแกนแล้วเขาก็พบว่าสิ่งที่อยู่ในฟิล์มมันไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาจริงๆ เพราะมันคือภาพของผู้หญิงน่ารักๆ คิ้วท์ๆ สไตล์คาวาอี้คนหนึ่ง ที่แม้ว่าฟิล์มจะนานมากแล้วทว่าภาพของเธอกลับออกมาอย่างสุดวิเศษ      แคปชั่นเขียนเอาไว้ว่า: “อันนี้เป็นฟิล์มสไลด์ ที่ไปเจอมาจากร้านโกดังมือ2ญี่ปุ่น ซื้อมาในราคา 5 บาท แต่โดนค่าสแกนสไลด์ไป 100 บาท 55555 ทางร้านบอกว่าดูจากตัวฟิล์มสไลด์น่าจะถูกถ่ายมานานมาก ป่านี้เจ๊ในรูปก็ไม่รู้อายุเท่าไหร่แล้ว ถ้าเจ้าของรูปหรือคนถ่ายมีโอกาสได้ผ่านมาเจอ (แต่ขอเป็นตัวเป็นๆดิ้นได้ มีชีวิตนะครับ 555) ก็ยินดีส่งฟิล์มสไลด์คืนให้ครับผม <3″   และนี่คือสิ่งที่อยู่ในฟิล์มม้วนนั้น   หลังจากล้างฟิล์ม สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในก็คือเธอคนนี้   คนที่คาวาอี้แบบสุดๆ   หลายคนอาจสงสัยว่าแม่นางคนนี้เป็นใครกัน โดยคำตอบของคำถามนี้ก็ได้มาจากคอมเมนต์ในโพสต์ และชื่อของเธอก็คือ Kana…

เรื่องจริงหรือโกหก?! กับกรณี “ขึ้นรถเมล์ผิดสาย วูบหลับ โผล่กลางป่าหัวหิน” ที่กำลังถูกตั้งคำถามกันอย่างหนาหูว่า เด็กหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นได้สร้างเรื่องขึ้นมาหลอกทุกคนหรือไม่… ล่าสุด (25 เมษายน 2019) ทางรายการ ทุบโต๊ะข่าว ได้ออกมาพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ผลลัพธ์อาจไม่ได้เป็นอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจมาโดยตลอด เพราะทุกอย่างนั้นคือเรื่องที่ทางตัวเด็กหนุ่มแต่งขึ้นมาเองทั้งหมด!!   เด็กหนุ่มที่บอกว่าขึ้นรถเมล์ผิดสาย วูบหลับ ไปโผล่กลางป่าหัวหิน มีรอยแผลเหมือนถูกรัดคอ   เรื่องที่ “น้องเอิร์ท” เล่า น้องเอิร์ท หรือ นายนวพล มาตช่วง เด็กหนุ่มวัย 17 ปี คือคนที่ประสบเหตุการณ์ดังกล่าวก่อนจะนำมาเล่าให้คนในครอบครัวฟังและกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากในช่วงนี้ เขาเล่าว่าในวันนั้นตนเองออกจากหอในกรุงเทพมหานครฯ ช่วงเช้าตรู่ เพื่อที่จะขึ้นรถเมล์เดินทางไปทำงานตามปกติ แต่กลับพบว่าตนขึ้นรถผิดสาย จากที่ต้องขึ้นสาย 12 กลับขึ้นสายที่ 13 แทน     เมื่อขึ้นรถเมล์ไปแล้วตนเองก็เผลอวูบหลับไป ก่อนจะตื่นขึ้นมาอีกทีกลางป่าในอำเภอหัวหิน จังหวัดประจบคีรีขันธ์ ตอนช่วงบ่าย และพบว่าเงินในกระเป๋า 4,000 บาทกับโทรศัพท์มือถือของตนได้หายไป เด็กหนุ่มไปโผล่ในป่าวันที่ 13 เมษายน…

หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้กลายเป็นเหตุระทึกขวัญหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในกรณีของชายหนุ่มคนหนึ่งที่จอดรถเก๋งป้ายแดงแล้วนำ ‘งูเห่า’ มาปล่อยกลางถนนพร้อมกับใช้มีดทำร้ายตัวเอง   คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น    ในวันที่ 24 เมษายน 2562 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมชายคนดังกล่าวได้ และทราบชื่อคือ นายคเณศพิศณุเทพ จักรภพมหาเดชา (เค ร้อยล้าน) ชาวไทยเชื้อสายอินเดีย นักธุรกิจอสังหาฯ และเจ้าของร้านตัดสูทชื่อดัง วัย 44 ปี   RT @baitongkks: คืออะไรก็ไม่รู้อ่ะหน้า CTW มีมีด มีงู เอามีดสับๆคอ อันตรายอ่ะ น่ากลัว pic.twitter.com/lWs83fxeR7 — JS100Radio (@js100radio) April 24, 2019   การตรวจสุขภาพจิต การรายงานความคืบหน้าเรื่องนี้จากสำนักข่าวสปริงนิวส์ ระบุว่า ผลจากการประเมินสุขภาพจิตของชายลักษณะคล้ายลูกครึ่งคนนี้ เขาสามารถพูดภาษาไทยได้ชัดเจน แต่ว่ามีดวงตาคล้ำทั้งสองข้าง บริเวณลำคอและแขนมีรอยกรีดแดง ท่าทางการเคลื่อนไหวรวดเร็ว พูดคุยพูดเร็ว ยกมือไหว้เกือบตลอดเวลา จากการพูดคุยเขาเชื่อว่าตัวเองนั้นเป็นผู้วิเศษ มีความเชื่อด้านการทำบุญด้านธรรมะ คิดว่าตัวเองเป็นพญานาค รวมทั้งการพูดถึงบุคคลชั้นสูงบ่อยครั้ง…

อย่างที่รู้ๆ กันดีว่าเจ้า ‘ซิกแพค’ หรือกล้ามท้องเป็นมัดๆ นั้นสามารถสร้างได้ด้วยการออกกำลังกายและกินอาหารเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ แต่จะเป็นอย่างไรถ้าหากว่าเจ้าสิ่งๆ นี้มันสามารถสร้างขึ้นได้ด้วยวิธีการผ่าตัด!?   เฟซบุ๊ก Atittayapa Photiya ได้โพสต์รูปภาพการผ่าตัดปลูก ‘ซิกแพค’ ให้กับชายคนหนึ่ง และมีเช็คอินเอาไว้ที่โรงพยาบาล Masterpiece Hospital พร้อมกับแคปชั่นอธิบายว่า  “#ซิกแพค #Sixpack ถ้ามีด้วยวิธีธรรมชาติ….จะยากและใช้เวลานานมาก แต่ถ้ามาให้หมอทำให้….คุณจะมีซิกแพคกลับบ้านเลย #omepangpaparn #PSaspecT #PSTPR”       และนี่คือรูปภาพลำดับไทม์ไลน์ของการผ่าตัดซิกแพคในครั้งนี้   ศัลยกรรมซิกแพค หลังทำทันที   ศัลยกรรมซิกแพค หลังทำ 3 วันแรก   ศัลยกรรมซิกแพค ครบ 7 วันตัดไหม   ศัลยกรรมซิกแพค หลังตัดไหม   ศัลยกรรมซิกแพค ครบ 14 วัน   ศัลยกรรมซิกแพค ครบ 1 เดือน…

แน่นอนว่าคนที่รู้ว่าตัวเองทำสิ่งผิดกฎหมาย เวลาเจอตำรวจก็จะสั่นเป็นเจ้าเข้า และก็พยายามจะหาวิธีหนีจากเงื้อมมือของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ให้ได้ไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม แต่ว่าก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะหนีรอด ดั่งเช่นหนุ่มน้อยรายนี้ที่เกือบจะบึ่งมอเตอร์ไซค์คู่ใจหนีรอดตำรวจอยู่แล้ว แต่ว่ากลับมาแพ้ภัยตัวเองซะอย่างนั้น…     คลิปวิดีโอจากเพจ คุณตำหนวด ได้เผยคลิปที่บันทึกโดยกล้องจากหมวกนิรภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ของเจ้าหน้าที่ขณะขี่ประกบหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่กำลังมอเตอร์ไซค์อยู่ เพื่อจะขอตรวจค้น  “‘ผมใช้ชีวิต ¼ ไมล์ ไม่ต้องไปสนใจอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ทีมงาน ไม่ว่าใครหน้าไหน ในช่วงเวลา 10 วินาทีหรือต่ำกว่านั้น ผมเป็นอิสระ’ – The Fast and the Furious #คำคมจากหนัง” แคปชั่นที่เพจให้ไว้ ทว่าเจ้าหนุ่มคนนั้นกลับบิดหนีอย่างสุดชีวิตซะอย่างนั้น อย่างนี้ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ เจ้าหน้าที่จึงขี่รถตามเขาจนกลายมาเป็นเหตุการณ์ระทึกขวัญอย่างกับเกม GTA ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้นไปดูกัน…   เริ่มจากคุณตำรวจได้เรียกหนุ่มน้อยคนนี้ให้จอด   แต่ใครจะจอดกันล่ะ ไปก่อนละจ้า   ไฟดงไฟแดงไม่มีสน คนมันจะไป   ไม่ได้กินตูหรอก   มีการเข้าซอยหลบซะด้วย   ฮั่นแน่… ชอบเร่งเครื่องหรอเราอ่ะ   ดริฟท์โชว์สักหนึ่งที  …

‘งานแต่งงาน’ เป็นพิธีที่จัดขึ้นเพื่อให้ผู้คนมาเป็นสักขีพยานและเฉลิมฉลองให้กับคู่รักที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน นับเป็นประเพณีที่ทำกันมาอย่างเนิ่นนาน แต่ว่างานแต่งงานที่เกิดขึ้นในปัจจุบันก็มีหลากรสหลายสไตล์ตามแต่ความต้องการของแต่ละคน ทว่าวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปดูรีวิวงานแต่งงานน่ารักๆ งานหนึ่งที่จัดขึ้นในแนวอีสานพื้นบ้าน และใช้งบเพียงแค่ 15,000 บาทเท่านั้น!!   คู่บ่าวสาวของงาน   ผู้ใช้งานเว็บไซต์พันทิป สมาชิกหมายเลข 1640133 ได้เป็นผู้มาแบ่งปันเรื่องราวดังกล่าว และนี่คือรายละเอียดของงานแต่งของเจ้าตัว ซึ่งบอกไว้ว่าเป็นงานแต่งเล็กๆ เชิญแขกไม่ถึง 30 คน     เงื่อนไขการจัดงาน – งบจัดงานมีน้อย ไม่อยากสิ้นเปลือง – ครอบครัวทั้งคู่มีคุณพ่อคุณแม่แก่ชรา ญาติผู้ใหญ่ที่มาร่วมงานก็มีทั้งคนป่วย อากาศร้อนมากกลัวคนมาร่วมงานจะไม่ไหวกับพิธีนานๆ อีกทั้งคุณแม่ฝ่ายเจ้าบ่าวก็ป่วยหนักไม่สามารถมาร่วมงานจึงต้องจัดงานแบบใช้เวลาน้อยที่สุด จะได้รีบกลับไปดูแลคุณแม่ฝ่ายเจ้าบ่าว และทางฝ่ายเจ้าสาวจะต้องตามไปกราบให้กำลังใจคุณแม่แฟน ในช่วงบ่าย (ระยะทางระหว่างสองบ้าน ห่างกัน 120 กม.) – พิธีจัดที่ต่างจังหวัด แต่ลางานได้แค่ 3 วัน เพราะมีหน้าที่รับผิดชอบจึงมีเวลาจัดสถานที่ 1 วัน วันรุ่งขึ้นแต่ง นอน 1 คืน เช้าอีกวันต้องเดินทางกลับ    …

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมากตั้งแต่เมื่อวาน (23 เม.ย.) เมื่อทางเพจสมาชิกบัตรโรงหนังแห่งหนึ่งได้ออกมาประกาศว่า จะขอเพิ่มราคาจากปกติ 20 บาท เพราะตัวหนังมีความยาวมากกกว่า 3 ชั่วโมง!?     เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเวลาราวๆ 20.00 น. ทางเพจ M Generation ได้โพสต์ถึงประเด็นดังกล่าว โดยมีแคปชั่นที่เขียนอธิบายรายละเอียดเอาไว้ว่า ‘เรียน สมาชิก M Pass เนื่องจากภาพยนตร์ เรื่อง MAVEL STUDIOS’ AVENGERS :ENDGAME มีความยาวในการฉายมากกว่าภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ โดยมีความยาวมากกว่า 3 ชั่วโมง ทางบัตร M Pass จึงได้มีการเพิ่มส่วนต่างในการชมสำหรับที่นั่ง Normal และที่นั่ง Honeymoon ในระบบปกติ ที่นั่งละ 20 บ. แต่สำหรับภาพยนตร์เรื่องอื่นๆยังสามารถใช้สิทธิ์ชมได้ตามปกติ’ (หมายเหตุ : M Pass คือ บัตรดูภาพยนตร์แบบเหมาจ่าย โดยมีราคาตั้งแต่ 200-300 บาทต่อเดือน)…

MK Restaurant ร้านอาหารชื่อดังกับเมนูที่คุ้นเคยกันดีอย่าง สุกียากี้แสนอร่อยที่สามารถทานได้ไม่ว่าจะโอกาสไหนๆ และมักจะถูกเลือกให้เป็นร้านอาหารโปรดของหลายๆ ครอบครัว ซิกเนเจอร์ความเป็น MK Restaurant นอกจากความสด สะอาด รสชาติอาหารและการบริการที่ยอดเยี่ยมแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นสีสันประจำร้านเลยก็คือเหล่าพนักงานที่คอยบริการลูกค้าทุกท่าน ตลอดช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาลูกค้า MK Restaurant ทุกท่านก็คงจะคุ้นเคยกันดีกับชุดยูนิฟอร์มสีเทาขาวของเหล่าพนักงาน ที่ในตอนนี้ถึงเวลาปรับโฉมใหม่เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยแล้ว     ภาพจากเพจ MK Restaurants โพสต์เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2019 โพสต์เปิดเผยภาพชุดใหม่ของพนักงาน โดยได้รับความร่วมมือจากแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังอย่าง Milin มาร่วมออกแบบให้ชุดพนักงานดูเดิร์นขึ้นด้วย การปรับเปลี่ยนโฉมใหม่ของชุดพนักงาน MK ในครั้งนี้ ดูท่าจะโดนใจชาวเน็ตเป็นอย่างยิ่งและได้มาคอมเมนต์กันรัวๆ ส่วนทางด้านแอดมินก็เด็ดไม่แพ้กัน ตอบกลับทุกความเห็นด้วยคอมเมนต์สุดฮา   เปลี่ยนพื้นร้านให้เป็นรันเวย์ไปเลยแม่   จังหวะนี้ต้องมาสักแคมเปญแล้ว   ข้าวโพดอ่อน2 ผักบุ้ง1 ผักกาดขาว 1 มาแล้วค้าาาาาา   บางทีก็แอบเขิน   ทางนี้ขอด้วย พ่อครัวไม่พอขอเป็ดย่างหมูกรอบจานใหญ่ 2 จ้า  …

ก่อนหน้านี้เพื่อนๆ อาจเคยได้ยินกรณีของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่ได้โพสต์ร้องเรียนขอให้ช่วยมีการตรวจสอบร้านอาหารย่านเพชรเกษมซอย 2 กทม. โดยเขากล่าวว่ารู้สึกตกใจเมื่อตนได้ไปซื้อ “ผัดกระเฉดกุ้งราดข้าว” ใส่กล่องแล้วถูกคิดในราคา 100 บาท ซึ่งมองว่าแพงเกินไป กังวลว่าคนหาเช้ากินค่ำค่าแรงแค่ 300 บาทอาจตกเป็นเหยื่อของร้านนี้ได้   ผัดกระเฉดกุ้งราดข้าวใส่กล่อง ที่กลายเป็นประเด็น   ล่าสุด (22 เมษายน 2019) ทางรายการ ทุบโต๊ะข่าว ของช่อง AMARIN TVHD ก็ได้เข้าไปสัมภาษณ์ นางง้วงอี่ อนทินกร วัย 62 ปี เจ้าของร้านข้าวดังกล่าว เกี่ยวกับประเด็นที่เกิดขึ้นนี้ นางง้วงอี่ ให้สัมภาษณ์ว่า ราคาของข้าวแต่ละจานนั้นมีบอกอยู่ในเมนูแล้วชัดเจน ซึ่งปกติก็จะขายผัดกระเฉดกุ้งราดข้าวในราคา 100 บาทตามที่เจ้าของเฟซบุ๊กรายนั้นบอกจริงๆ   นางง้วงอี่ เจ้าของร้าน   อย่างไรก็ตาม เธอก็ชี้แจงว่าไม่ใช่ทุกคนที่เธอจะขายให้ในราคานั้น เพราะด้วยเข้าอกเข้าใจคนหาเช้ากินค่ำ โดยเธออธิบายว่าอย่าง ข้าวราดผัดกระเฉด ถ้าไม่ใส่กุ้ง จะขายในราคา 70-50 บาท “ขึ้นอยู่กับการแต่งตัว” ถ้าเห็นว่าลูกค้า…

เรียกได้ว่าเป็นประเด็นอันน่าสลดใจที่กำลังถูกพูดถึงอย่างหนาหูในช่วงนี้ หลังจากที่ได้มีการจับกุมตัวชายวัย 52 ปี กระทำชำเราหนูน้อยวัย 5 ขวบ ณ พื้นที่ ต.หนองยาว อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา   ชายผู้ก่อเหตุและแม่ของเด็กที่ถูกกระทำชำเรา   จากการรายงานโดยเพจ ที่นี่แปดริ้ว เบื้องต้นพบว่า ตำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์ว่า มีรถกระบะต้องสงสัยมาจอดอยู่ในบริเวณเดิมตั้งแต่ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2018 ก่อนที่จะมีผู้หญิงนำเด็กมาส่งให้ที่รถ หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง รถกระบะก็จะขับออกไป ซึ่งจะเห็นเป็นประจำในทุกวันพฤหัสบดีและวันอาทิตย์   กระบะต้องสงสัยคันดังกล่าว   จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน ทำให้ในวันที่ 21 เมษายน 2019 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าทำการบุกค้นรถกระบะต้องสงสัย พบ นายวินัย พรหมทองสุข วัย 52 ปี เจ้าของรถอยู่ในสภาพถอดเข็มขัด ปลดซิปกางเกง ด้านข้างรถกระบะพบเด็กหญิงวัย 5 ขวบ (ไม่ระบุชื่อ) อยู่ในสภาพถอดกางเกง อยู่ในอาการตกใจ นายวิชัยถูกจับกุมตัวพร้อมให้การสารภาพหมดเปลือก บอกว่าตนเองได้ติดต่อซื้อบริการเด็กหญิงวัย 5 ขวบคนนี้มาจากแม่ของเธอด้วยเงิน 250…

ในวันที่ 20 เมษายน 2562 เวลา 21.09 น. เกิดเป็นกรณีการถูกจับเรื่องผิดลิขสิทธิ์ของร้าน วุ้นละมุน เชียงใหม่ โพสต์รายละเอียดลงโลกออนไลน์ จากการถูกล่อซื้อให้ไปส่งที่ร้านกาแฟ บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรภูพิงค์ราชนิเวศน์ ต้องจ่ายเงินค่าปรับหลักหมื่น     ช่วงเวลาเหตุการณ์ก่อนที่จะถูกจับ ทางร้านได้ระบุเอาไว้ว่า มีสายโทรมาสั่งวุ้นเค้กลายโดราเอม่อน ให้กับเด็กฝาแฝด 2 กล่อง ทั้งแบบ 1 ปอนด์และ 2 ปอนด์ จนกระทั่งถึงเวลานัดส่งของช่วง 15.00 น. จึงเริ่มสงสัยในสถานีนัดรับของ จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่เข้ามาแสดงตัว อ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากบริษัท เข้าทำการจับกุมละเมิดลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนโดราเอม่อนจากเค้กวุ้นดังกล่าว มีการเจรจราไกล่เกลี่ยค่าเสียหายหลักหมื่นบาท ซึ่งโดยปกติแล้วข้อหานี้จะโดนค่าปรับหลักแสน     ความผิดของการละเมิดลิขสิทธิ์จากการทำเค้กวุ้น ลักษณะของการทำซ้ำในกรณีนี้ คือการหยอดวุ้นเป็นพิมพ์โดราเอม่อน ซึ่งทางร้านคิดว่าการลงสี กับการตกแต่งของทางร้านเอง ไม่ได้ใช้พิมพ์ของบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์นั้นไม่น่ามีความผิด แต่สุดท้ายก็โดนจับในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งทางร้านเลือกที่จะไม่สู้คดีบนชั้นศาล ไม่มีเวลาและเกรงว่าจะลำบากคนรอบข้าง   เจ้าของร้านให้สัมภาษณ์กับสื่อ    เจ้าของร้านวุ้นได้ทำการเปิดเผยเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยทำวุ้นโดราเอม่อนให้เพื่อน โดยไม่ได้ตั้งใจจะทำขาย จนมีสายมาล่อซื้อไป…

มักจะมีเรื่องราวมหัศจรรย์เกิดขึ้นได้ในประเทศไทยเสมอ โดยความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่อาจจะเป็นความเคยชิน จนไม่รู้สึกแปลกใจอะไร ในขณะเดียวกันด้วยความรู้สึกของชาวต่างชาติ กลับมองเห็นในอีกมุมที่รู้สึกเอะใจว่า ‘นี่มันอะไรกัน’     ภายในกลุ่มเปิดสาธารณะบนเฟสบุ๊ก TIT (This is Thailand) เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2562 เวลา 19.24 น. ผู้ใช้เฟสบุ๊กที่ชื่อ Jan Willem de Lindvanwijngaarden ได้ทำการโพสต์ข้อความพร้อมแนบรูปภาพทางเท้าในบางแสน จังหวัดชลบุรี ด้วยความรู้สึกที่ว่ามันแปลกดีนะ   แคปชั่นแปลได้ว่า “ทางเท้าเดินข้ามถนนของไทย ตำแหน่ง ถนนลงหาดบางแสน ชลบุรี” .   หลังจากที่โพสต์ลงรายละเอียดไปแล้ว ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องจริงผ่านจอ ได้สัมผัสถึงความขัดแย้งในตัวรั้วกั้นกับทางม้าลาย ชาวเน็ตจึงออกมาพูดว่า…   เอ็งควรจะกระโดดให้เหมือนในเกม Assassin’s Creed นะ ดู Ezio เป็นตัวอย่าง   ภาพประกอบเผื่อใครนึกไม่ออก…   น่าจะเหมาะสมที่สุดแล้วล่ะ เพราะถ้าเอ็งเดินข้ามถนน ก็คงจะโดนชนอยู่ดี  …

เกิดเป็นเรื่องเดือดร้อนของคุณชิดชัย สัมปันนัง (โพสต์ร้องเรียนผ่านเฟสบุ๊ก Chidchai Sampannung Zille) กรณีที่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Ducati รุ่น Monster 795 ของเขา ที่ได้รับความเสียหายและถูกนำมาเก็บไว้ที่ สน. พญาไท ทว่าในระหว่างที่จอดทิ้งเอาไว้ กลับเจอเหตุการณ์ถูกขโมยอะไหล่ ถูกถอดออกไปจากตัวรถมูลค่าไม่ต่ำกว่าหลักแสนบาท ทั้งที่ตัวเขาเองได้รับอุบัติเหตุไม่สามารถไปถอดออกเองได้ หากจะให้คนอื่นไปถอดของออก ก็ต้องมีใบแจ้งความจากเจ้าตัว     ในช่วงวันที่ 19 เมษายน 2562 เขาระบุว่าหลังจากที่ไป สน. พญาไท เพื่อที่จะทำการยกรถกลับไปซ่อมแซมที่อู่ ก็พบว่าอะไหล่รถจักรยานยนต์ถูกถอดออกไป ทั้งปั๊มเบรกบน ปั๊มเบรกล่างซ้ายขวา ชุดโช๊คด้านหน้า จานเบรก และเรือนไมล์ รวมมูลค่าแล้วเป็นจำนวน 128,844 บาท     ภายหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวกลายมาเป็นที่ถูกพูดถึงและได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยชาวเน็ตส่วนใหญ่จะแสดงความคิดเห็นออกไปในเชิงที่ว่า อยู่ในพื้นที่ของโรงพักไม่ควรหาย และอาจถูกคนในพื้นที่ขโมยไปขายแล้ว     สำนักข่าวหลายแห่ง รายงานความคืบหน้าในวันที่ 22 เมษายน 2562 โดยคุณชิดชัยได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า หลังจากประสบอุบัติเหตุ…

ในขณะที่ปัจจุบันผู้คนเริ่มตื่นตัวกับปัญหาขยะกันมากขึ้น มีการรณรงค์ผ่านโลกออนไลน์กันมากมาย จนนำไปสู่การลงพื้นที่จริง ลงมือทำจริง ช่วยกันเก็บกวาดขยะให้โลกนี้สะอาดมากขึ้น แต่ประเด็นที่เกิดขึ้นกับคุณ Juhjuh Merit Cats (จุ๊) ที่โพสต์ข้อความพร้อมแนบรูปภาพการเก็บขยะไว้เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2562 เวลา 23.42 น. กลับทำให้รู้สึกแย่เมื่อการเก็บขยะ ทำให้ผู้คนในบริเวณนั้นเดือดร้อน     ในช่วงที่เขาทำการเริ่มเก็บขยะบริเวณชายหาดชะอำ มีคนเข้ามาขอถ่ายรูปด้วย พร้อมกับชื่นชมในการกระทำของเขา อีกทั้งยังมีผู้ใจดี ส่งน้ำดื่มขวดใหญ่ผ่านทางเด็กน้อย ใช้เวลาเดินเก็บขยะประมาณ 2 ชั่วโมง จนกระทั่งสามารถรวบรวมขยะจากชายหาดได้ 4-5 ถุงใหญ่ ก่อนที่จะนำมากองรวมไว้ข้างเปลริมหาด     ทว่าหลังจากนั้น กลับมีเสียงจากผู้ประกอบกิจการเปลริมหาดพูดขึ้นมาว่า ‘จะเอามาตั้งไว้ตรงนี้ไม่ได้’ และในช่วงที่กำลังจะกลับมีคุณลุงรายหนึ่งพูดคำว่า ‘ใจดำ’ เป็นคำด่าตามหลังมา     เนื่องจากอยากให้ยกไปทิ้งไว้บริเวณข้างถนน ไม่ใช่บนชายหาด จะได้ให้คนมาเก็บง่ายๆ ซึ่งตัวของเขาเองก็รู้สึกเหนื่อยพอแล้ว จนถึงขั้นมีปากเสียงกับคุณลุง โดยคุณลุงยกเองไม่ไหว ก็ไม่ต้องยกไปไหน ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบมาเก็บ แต่กลับถูกตอกย้ำว่า ‘แล้วไปเก็บมาทำไม’    …

มันคงเป็นเรื่องปกติถ้าหากว่าเราไปร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วจะเห็นว่าพ่อค้า,แม่ค้า มักจะล้างเส้นก่อนที่จะลวก แต่จะเป็นอย่างไรถ้าหากเห็นว่าแม่ค้าล้างเส้นก๋วยเตี๋ยวในน้ำคลอง!? เฟซบุ๊ก Tom Denver ได้โพสต์คลิปวิดีโอซึ่งเผยให้เห็นถึงจังหวะที่แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเรือในคลองแห่งหนึ่ง ล้างเส้นก๋วยเตี๋ยวในน้ำคลอง โดยใส่แคปชั่นเอาไว้ว่า… “เพื่อความสะอาด ควรล้างเส้นก่อนลวก ผักบุ้งหมด เอาผักตบแทน จะได้ไม่ขาดตอน”   คลิปวิดีโอจังหวะแม่ค้าล้างเส้น    จะเห็นว่าแม่ค้ากำลังจะลวกเส้นบะหมี่เหลือง แล้วก่อนที่จะนำไปลวกก็นำไปจุ่มน้ำในคลองก่อน จากนั้นก็นำไปลวกและปรุงต่อเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น   ล้างเส้นจ้า   ในตอนนี้คลิปดังกล่าวมีผู้เข้าชมแล้วมากกว่า 1,500,000 ครั้ง พร้อมกับการกดไลก์อีกจำนวนมาก ส่วนความเห็นของชาวเน็ตก็มีอย่างหลากหลายอย่างเช่น   . . . . . . . .   แล้วเพื่อนๆ ล่ะ ว่าไงดี??   ที่มา: Tom Denver

เรียกได้ว่าเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในโลกโซเชียลบ้านเราเลยทีเดียว กับกรณีของ โจ-จิรายุส วรรธนะสิน หรือ โจ นูโว นักร้องชื่อดังคอมเมนต์จวก รศ. ดร. โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ (คุณพ่อของจอห์น วิญญู) ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง   เรื่องของเรื่องก็คืออาจารย์โกวิท ได้ทำการโพสต์ทวิตเตอร์เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าไม่ใช่ว่าทุกคนที่ถือศีล 5 จะเป็นคนดี และได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมายจนกลายเป็นกระแสไวรัล   ทวีตที่เป็นประเด็น เบื่อที่ชอบพูดกันว่าหากทุกคนถือศีลห้าก็เป็นคนดีหมดแล้ว เพราะมันง่ายไปเหมือนเป็นคนดีกันได้ง่าย ๆ เพียงเพราะไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ผิดลูกเมียคนอื่น ไม่พุดปด ไม่ดื่มสุราเมรัย ถ้านั่งหรือนอนเฉย ๆ ก็จะไม่ทำอะไรก็เป็นคนดีกันหมดซี ทำไมเป็นคนดีจึงง่ายนักนะ — kovitw (@kovitw1) April 16, 2019   มีสื่อนำทวีตดังกล่าวนี้ไปทำข่าว และปรากฎว่าผู้กำกับชื่อดังท่านหนึ่งได้แชร์ข่าวนั้นออกไปพร้อมแคปชันว่า “Like Father, like Son…พ่อเป็นยังไง, ลูกเป็นยังงั้น!! ^__^”     จากนั้น โจ นูโว ก็เข้ามาคอมเมนต์ในโพสต์ดังกล่าว…

เรื่องราวหลายๆ เรื่องอาจจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังซ่อนอยู่ และมันอาจจะดำมืดจนคุณอาจคาดไม่ถึงเลยก็เป็นได้ อย่างเช่นกรณีดังต่อไปนี้ ที่ ‘คาเฟ่แมว’ น่ารักๆ แต่เบื้องหลังคือการ ‘ทารุณกรรมสัตว์’ ขังไว้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันกว่า 50 ตัว แถมยังพบ ‘ศพแมว’ ถูกแช่แข็งไว้ในตู้อีกมากกว่า 20 ตัว!! เรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ถูกแชร์โดยคุณทัฬอิญ อาสาสมัครจิตอาสาที่ดำเนินการช่วยเหลือเหล่าแมวที่โชคร้ายเหล่านี้จากเงื้อมมือของธุรกิจดำมืด   คุณทัฬอิญและเจ้าเหมียวที่ช่วยออกมาได้   โดยเขาได้ทำการโพสต์ภาพและคลิปวิดีโอภารกิจช่วยเหลือผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก ทัฬอิญ เสรีรวมไทย บึงกุ่ม รามอินทรา ที่ดำเนินมาถึง 5 วันด้วยกัน!!   คาเฟ่แมวที่เป็นประเด็น   คาเฟ่แมวดังกล่าวนั้นอยู่ในย่านวัชรพล ถูกสั่งปิดไปตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2562 ที่ผ่านมาเพราะเจ้าของถูกดำเนินคดีและถูกตัดสินให้จำคุกในข้อหาฉ้อโกง และผู้เสียหายก็ยังคงดำเนินคดีอย่างต่อเนื่องจนมาสืบทราบว่ามีคาเฟ่แมวอยู่ จึงดำเนินการตรวจสอบและก็ทำให้ทราบถึงเรื่องราวอันน่าสลดใจ     คุณทัฬอิญเล่าในคลิปว่า คาเฟ่ดังกล่าว ทำธุรกิจด้วยกัน 3 อย่างด้วยกัน อย่างแรกคือคาเฟ่แมว อย่างที่สองคือโรงแรมแมว (เปิดอยู่บนชั้นสอง) และอย่างสุดท้ายคือการ ‘เพาะพันธุ์แมว’ ซึ่งสายพันธุ์ดังกล่าวก็คือพันธุ์สฟิงซ์เตี้ย ที่เป็นลักษณะของยีนส์ด้อย…

กรุงเทพมหานครฯ นั้นขึ้นชื่อได้ว่าเป็นเมืองที่มีการจราจรที่แออัดเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยการที่คนต่างจังหวัดได้หลั่งไหลเข้าไปทำงานเป็นจำนวนมาก และนั่นทำให้เมื่อเข้าถึงเทศกาลเมื่อไหร่ ถนนหลายสายในกรุงเทพฯ จะลดความจราจรแออัดทันทีเพราะคนส่วนมากจะกลับภูมิลำเนาของตัวเอง และก่อนจะถึงเทศกาลสงกรานต์ในปี 2562 นี้ ชาวเน็ตที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ก็ได้ร่วมแชร์ภาพถนนในพื้นที่ต่างๆ ว่ามันโล่งขนาดที่กลายเป็นสวรรค์ของชาวกรุงเทพฯ เลยทีเดียว   หน้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต https://twitter.com/whatyouknowme5/status/1116642229852835840   ทางด่วนทางไป ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต @js100radio #ทางด่วนมุ่งหน้าธรรมศาสตรรังสิต #16:57 น. โล่งเลยย pic.twitter.com/f67oSzkvOd — ซ้อบรู๊ว (@sorboow) April 12, 2019   ถนนเพชรบุรี @js100radio ถ.เพชรบุรี แยกอโศก pic.twitter.com/UVnRRQ43sy — นวเทพ บุญชูดวง (@MobilephoneTen) April 12, 2019   ถนนราชพฤกษ์ จากบางหว้าไปถึงสาทร @js100radio ถนนราชพฤกษ์ จาก บางหว้า > สาทร ถนนโล่งสุดๆไปเลย…

#เหมียวบู้บี้ เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเสียเงินไปกับการซื้อสติกเกอร์ไลน์ไปจำนวนไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะเป็นสติกเกอร์แบบน่ารัก แบบกวนๆ ยิ่งมีครีเอทเตอร์ขยันทำสติกเกอร์สวยๆ ออกมาขายแบบนี้ล่ะก็ กระเป๋าตังเบากันไปเลย มีสติกเกอร์ไลน์ที่เป็นสติ๊กเกอร์ยอดฮิตที่เห็นบ่อยมากในช่วงนี้ก็คือ สติกเกอร์ที่ใช้เป็นคำแทนชื่อตัวเอง เช่น ตู่ขอบคุณ ตู่ขอโทษ ตู่ไปนอนแล้วนะ     ในเมื่อสติกเกอร์แทนชื่อได้รับความนิยมมากขนาดนี้ ทาง Line ก็ได้ออกสติกเกอร์มาใหม่ที่ผู้ใช้สามารถเติมคำว่าอะไรก็ได้ลงไปบนสติกเกอร์   ราคาของสติกเกอร์ชุดนี้อยู่ที่ 100 เหรียญไลน์ หรือราคาประมาณ 60 บาท     แน่นอนว่า สติกเกอร์น่ารักขนาดนี้ #เหมียวบู้บี้ ไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอน ขอจัดมาสักเซต ของมันต้องมี!! ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เอาไปคุยกับใครก็เถอะ   เสียตังไปแล้ว เรียบร้อย   ตัวอย่างการใช้สติกเกอร์   บู้บี้ขอร้องงงง   บู้บี้ชาร์จแบตอยู่   ใครที่อยากได้สติกเกอร์น่ารักๆ แบบนี้ล่ะก็ ดูรายละเอียดได้ตามลิงก์นี้เลย store.line.me/stickershop   ส่วนใครที่ซื้อมาแล้วไม่รู้จะไปอวดใคร เอามาอวดเหมียวได้นะ แอดมาเลยที่ไลน์ไอดี…….แค่กๆๆๆ  …

ตอนหลายๆ คนยังเป็นเด็ก อาจจะต้องประสบกับปัญหาฟันผุ และต้องเข้าพบหมอฟันเพื่อทำการถอนและรักษา แต่จะเป็นอย่างไรเมื่อเราฟันผุพร้อมกันถึง 18 ซี่ ในเวลาเดียวกัน!? เมื่อไม่นานมานี้ ทพ.เสถียร สุรวิศาลกุล หรือหมอเคน ทันตแพทย์โรงพยาบาลป่าตอง ได้โพสต์ลงในเฟสบุ๊กเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2562 กรณีทำเคสถอนฟันของคนไข้ วัย 4 ขวบ มากถึง 18 ซี่ เนื่องจากอาการฟันผุ     ล่าสุดนี้ทางคุณหมอเคนได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอมรินทร์ทีวี โดยระบุว่าคนไข้ท่านนี้เป็นเด็กอายุ 4 ขวบ จากที่สอบถามผู้ปกครองพบว่า เด็กยังคงกินนมขวดอยู่ แม้จะพยายามให้เลิกมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ ซึ่งโดยปกติแล้วเด็กควรจะเลิกดูดนมขวดตั้งแต่อายุ 1 ขวบ ด้วยเหตุนี้ เชื้อโรคในปากจึงเติบโตได้ดี เพราะถึงแม้เด็กจะแปรงฟันสม่ำเสมอ แต่หลังแปรงฟันเสร็จก็พบว่า เด็กยังมีการกินนมขวดต่ออีก     คุณหมอถอนฟันของเด็กน้อยออกทั้งหมด 18 ซี่ จาก 20 ซี่ เพราะสภาพฟันทั้งหมดผุจนเหลือแต่ตอ ทางด้านนางสุภัตรา ทุ่มกลิ่น คุณแม่ของเด็กได้เล่าว่า…

กลายเป็นกระแสดังในชั่วข้ามคืนและกำลังได้รับการพูดถึงกันอย่างต่อเนื่องในตอนนี้ สำหรับกรณีของคุณพ่อท่านหนึ่งที่ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่าลูกชายของเขามีอาการแขนบวม และอาการที่ว่านี้มาจากโรงพยาบาล!? เมื่อวานนี้ (10 เม.ย.) เวลาประมาณ 22.00 น. เฟซบุ๊ก Panya Mahasuk ได้โพสต์ข้อความบรรยายอาการของลูกชายของเขา พร้อมกับภาพประกอบ ซึ่งแคปชั่นที่ได้เขียนเอาไว้มีดังต่อไปนี้      “10 เมษายน 2562 เวลา 22:03 ผมไม่ไหวแล้ว ผมกราบเพื่อนทุกคนที่เป็นเพื่อนในเฟส ช่วยแชร์ให้ถึงนักข่าวที วันที่สามที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ผมก็ยังไม่ได้คำยืนยันที่แน่นอนจากหมอว่าจะรับผมชอบกับเหตุการนี้ยังไง มีแต่ให้รอ รออะไร รอเรื่องเงียบหรอคับ มือลูกผมจะหายเป็นปกติไหมใครจะรับผิดชอบ เหตุเกิดเพราะความไม่ใส่ใจของพยาบาลเพียงคนเดียว เมื่อคืนวันที่ 8 เมษายน ลูกผมอายุ 1ปี 6เดือน ยังพูดไม่ได้ ไปรักษาอาการผื่นคัน หมอแทงสายน้ำเกลือให้ตอนประมาณตี 1 จากนั้นก็ไม่มาสนใจเรยว่าสายน้ำเกลือนั้นอยู่ปกติดีหรือเปล่า จนมาถึงประมาณ8โมงเช้าลูกผมร้องหนักมาก หมอเพิ่งมาดูปรากฎว่าน้ำเกลือไม่ได้เข้าเส้นเลือด แต่เข้าไปอยู่ใต้ผิวหนังของแขนลูกผม ทำให้แขนลูกผมบวมจนขยับไม่ได้   รูปภาพบางส่วนที่คุณพ่อโพสต์เอาไว้   จากนั้นหมอได้มาดูอาการ บอกว่าจะรับผิดชอบให้ “พูดเพียงปากป่าว” พอมาวันที่ 9…

นับได้ว่าเป็นความแปลกใหม่ที่ครีเอทและถูกใจชาวเน็ตเอามากๆ สำหรับโรงพยาบาลพญาไทศรีราชา ที่ได้นำเอาชุดไทยมาแต่งตัวให้ทารกน้อยแรกเกิดเพื่อรับเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง เพจโรงพยาบาลพญาไทศรีราชา ได้โพสต์ถึงเรื่องราวน่ารักๆ ดังกล่าวพร้อมทั้งรูปของน้องพร้อมด้วยทีมคุณหมอ ซึ่งเพจได้ใส่แคปชั่นเอาไว้ว่า      “รพ.พญาไทศรีราชาร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ด้วยภาพทารกแรกเกิดแต่งกายชุดไทยสีเหลืองสดใสพร้อมด้วยปืนฉีดน้ำและขันน้ำจิ๋ว สร้างบรรยากาศรับวันสงกรานต์ให้กับหนูน้อยที่เกิดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ 9 – 15 เมษายน 2562 เพื่อมอบเป็นของขวัญสุดพิเศษให้กับคุณแม่และครอบครัวหนูน้อย  คุณแม่และครอบครัว ต่างบอกว่าน่ารัก และรู้สึกประทับใจ กิจกรรมนี้ยังได้รับเสียงตอบรับจากผู้ใช้บริการและบุคคลภายนอกเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก พญ.รัญชนก วัฒโย กุมารแพทย์ รพ.พญาไทศรีราชา ร่วมแต่งกายชุดไทยออกตรวจบรรดาหนูน้อยสงกรานต์ และถ่ายภาพกับเด็กๆ อีกด้วย    น่ารักแบบไทยๆ ไหมล่ะ   ทางโรงพยาบาลพญาไทศรีราชาได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในเรื่องของเสื้อผ้าที่นำมาสวมใส่ให้กับหนูน้อย โดยได้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสำหรับเด็กซักชุดดังกล่าว ทำให้คุณแม่มั่นใจและไว้วางใจที่จะมาใช้บริการกับทางโรงพยาบาลพญาไทศรีราชา นอกจากนี้มีคุณแม่หลายท่านให้ความสนใจและต้องการวางแผนการคลอดในช่วงเทศกาลสงกรานต์และเทศกาลอื่นๆมากขึ้นทุกปี  ซึ่งโรงพยาบาลพญาไทศรีราชา ได้จัดการแต่งกายน่ารักๆ ให้กับหนูน้อยแรกเกิดแบบนี้เป็นประจำทุกเทศกาลและวันสำคัญ”   และนี่คือภาพของคุณหมอที่มาตรวจ (นึกว่านางแบบมาเอง)   ร้องใหญ่เลยนะหนู   นิ่งสยบการเคลื่อนไหว   เย้ๆ ได้แต่งชุดไทยด้วย   ตะเบ๊ะให้หนึ่งที   งุ้ยๆ…

Black Panther ถือว่าเป็นตัวละครตัวหนึ่งที่สำคัญสำหรับทีม Avengers และ Marvel Cinematic Universe ซึ่งสำหรับคนที่ได้รับชมภาพยนตร์จบแล้ว ก็คงจะชื่นชอบตัวเอกอย่าง “ฝ่าบาท” T’Challa ที่รับบทโดย Chadwick Boseman กันไม่น้อย     ซึ่งเมื่อวานนี้ (9 เมษายน 2019) Chadwick Boseman ก็ทำให้แฟนๆ ชาวไทยต้องเซอร์ไพรส์ เมื่อแอบมาเยือนจังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทยอย่างเงียบๆ โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Kamonchanok Noree ได้โพสต์รูปของ Chadwick Boseman ที่มาทานอาหารที่ร้านครัวอาจารย์สายหยุดพร้อมกับแคปชั่นว่า “เมื่อ T’Challa จากเรื่อง Black Panther มาเยือนร้าน ครัวอาจารย์สายหยุด&หมอทราย เด็กๆและผู้จัดการร้านตื่นเต้นกันมากค่ะ ตัวจริงน่ารักเป็นกันเองจริงๆค่า ไม่มีถือตัวเลย ถ่ายรูปกับทุกคนที่ขอถ่าย ปลื้มมากๆ… ตัวจริงแน่นอนค่ะ น้องที่ได้ถ่ายบอกว่าได้กอดเอว แอบลูบหน้าท้องกล้ามแน่นมากๆค่า เค้าจ่ายเองหมดนะคะ ไม่ได้ทานฟรีแต่อย่างใดค่า คอนเฟิร์มด้วยการจ่ายบัตรเครดิตในชื่อเค้าเองเลยค่ะ แถมไม่ขอสิทธิพิเศษใดๆเลยค่ะ น่ารักที่สุด ???”…

หลายๆ คนอาจจะจำได้ว่าทางเพจ Catdumb News เคยนำเสนอเรื่องราวของเด็กหญิงชาวไทย ผู้มีฝีมือในการแต่งหน้าขั้นเทพ เธอผู้นั้นก็คือ น้องแพร ด.ญ.ณัฏฐนันท์ สนุ่นรัตน์ น้องแพร หรือที่รู้จักกันในโลกออนไลน์ชื่อว่า น้องแพรพาเพลิน เด็กหญิงผู้มีใจรักในการแต่งหน้า ประกอบกับที่ได้ครอบครัวช่วยเหลือซัพพอร์ตน้องจนน้องได้ไปโชว์ฝีมือบนเวทีระดับโลกมาแล้ว     ทั้งนี้ น้องยังเคยอวดฝีมือในการแต่งหน้าคุณพ่อจนเป็นที่ชื่นชมบนโลกออนไลน์อีกด้วย: น้องแพรพาเพลิน โชว์สกิลฝีมือแต่งหน้าขั้นเทพ เปลี่ยนคุณพ่อให้เป็นแดรกควีน     ด้วยความสามารถที่มีล้นตัวของน้อง ที่มีทั้งพรสวรรค์และพรแสวง ทำให้มีคนยอมรับว่าฝีมือของน้องนั้นเทียบเท่าระดับเมคอัพอาร์ตติสดังๆ เลยก็ว่าได้ และน้องยังใช้ความสามารถในการหารายได้ให้กับครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย   ล่าสุดน้องแพรก็ได้โพสต์รูปภาพให้ชาวเน็ตได้ชื่นชมอีกครั้ง เมื่อน้องได้โพสต์รูปรถยนต์คันหรูพร้อมแคปชั่นว่า “? HBD TO ME ? ปีนี้น้องแพรอายุครบ 12 ปีแล้วนะคะ ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้น้องแพรมีวันนี้ ขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจน้องแพรมาตลอด รักทุกคนมากค่ะ ?? ขอบคุณทุกๆคำอวยพร?? ขอให้พรนั้นกลับคืนสู่ทุกคนนะคะ?”     จากเด็กน้อยที่เอาเครื่องสำอางของคุณแม่มาแต่งหน้าเล่นในวันนั้น สามารถเก็บหอมรอมริบเงินจากการแต่งหน้า ซื้อรถยนต์ได้ตอนอายุ 12 ปี นับได้ว่า น้องแพรสมควรได้รับการยกย่องให้เป็นไอดอลและเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชนทั้งหลาย…

เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนอาจเคยมีโอกาสได้สั่งซื้อสินค้าออนไลน์กันมาบ้าง และแน่นอนว่าจะต้องมีการพูดคุยกับทางร้านค้าเพื่อการจัดส่ง การชำระค่าใช้จ่าย รวมไปถึงการแสดงความคิดเห็นต่อการบริการหรือสินค้าที่เราได้รับ แต่สิ่งที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Ratchio Jiratmtanakorn ต้องเจอนั้นอาจเรียกได้ว่า “เป็นการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ที่แย่ที่สุด” เลยก็ว่าได้ เมื่อเขาเล่าประสบการณ์การสั่งซื้อสินค้า และการตอบกลับที่ไม่คาดคิดมาก่อน   โพสต์ของเขาในวันที่ 7 เมษายน 2019   ร้านค้าดังกล่าว   การพูดคุยของเขากับทางร้านค้า   สังเกตที่การพิมพ์ตอบจากทางร้าน . .   เรื่องพิมพ์ผิดนี่ยังพอเข้าใจ . .   แต่การมาอารมณ์เสียใส่ลูกค้าในลักษณะนี้ อาจไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม . . . . . . . . . . . .   เจ้าของเฟซบุ๊กตอบกลับไป หลังจากที่มีคนโทรมาหา   ภาพจากโพสต์ของเขา   แล้วเพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไรกับการตอบกลับของร้านนี้ สิ่งที่ลูกค้าพูดกับสิ่งที่ทางร้านพิมพ์ตอบกลับมามันเหมาะสมแล้วหรือ?  …

สำหรับคนไทยแล้วเรื่องอาหารการกินนี่จัดได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว เพราะบ้านเรานั้นมีความอุดมสมบูรณ์ ข้าว น้ำ ปลา อาหาร แถมของอร่อยยังมีอยู่เพียบให้เลือกสรรกันแทบไม่มีวันเบื่อ อย่างที่ #เหมียวบู้บี้ บอกไว้ตอนต้นว่าสำหรับคนไทยแล้วเรื่องกินเรื่องใหญ่ จากประเด็นในโซเชียลที่ผ่านมา เราคงจะเคยเห็นกันว่ามีการถกเถียงกันเรื่องของอาหารอยู่บ่อยครั้ง และในครั้งนี้เป็นเรื่องของเครื่องดื่มยอดฮิตอย่าง ชาเย็น ผู้ใช้เว็บไซต์พันทิปชื่อ Pacharapon ได้ตั้งกระทู้พันทิปสอบถามความเห็นสมาชิกชาวเว็บไซต์ว่า ตกลงแล้ว เจ้าเครื่องดื่มแก้วนี้ ทุกคนเรียกว่าอะไร?     ที่กลายเป็นปัญหาขึ้นมา ก็เพราะว่าแต่ละร้านเรียกเจ้าเครื่องดื่มชาสีส้มนี้ต่างกัน ทั้ง ชาไทย ชาเย็น ชานมเย็น ชานม แต่ทว่า เจ้าของกระทู้ได้เขียนกระทู้อธิบายเพิ่มเติมให้ชาวพันทิปเป็นงงขึ้นไปอีกเมื่อเขาบอกว่า ชานมเย็น มีหน้าตาแบบนี้   แถวบ้านเจ้าของกระทู้เรียกเครื่องดื่มนมผสมน้ำแดงแก้วนี้ว่า ชานมเย็น เจ้าของกระทู้เลยเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า ตกลงแล้ว เจ้าสองแก้วนี้ มันมีชื่อเรียกว่าอะไรกันแน่ ปัญหาเรื่องของกินมีมาแบบนี้ มีหรือชาวพันทิปจะปล่อยผ่าน เข้ามาถกเถียงกันว่าสรุปแล้วมันเรียกว่าแบบนี้นะ ชาเย็น คือชาสีส้ม ส่วนแก้วสีชมพู เขาเรียกว่านมเย็น   ชาไทยใส่นมเรียกง่ายๆ   ชาเย็น นมเย็นอีกหนึ่งเสียง   บางร้านเรียกว่า ชานมเย็น…

นักแคสเกมที่มาแรงและท็อปฟอร์มสุดๆ ตอนนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น คุณเอก Heartrocker นักแคสเกมชื่อดังที่มีผู้ติดตามมากเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย จากที่ #เหมียวบู้บี้ เคยนำเสนอคอนเทนต์เรื่องการฝันดีแบบแปลกๆ สไตล์พี่เอกไป ที่ในแต่ละคืนเขาจะมาบอกฝันดีแฟนคลับผ่านทางทวิตเตอร์ชื่อบัญชี @MisterHeartz การบอกฝันดีแบบแปลกๆ ของคุณเอก Heartrocker ที่บอกฝันดีแต่ไม่มีคำว่าฝันดี แต่ทว่าการบอกฝันดีของพี่เอกที่ว่าแปลกอยู่แล้ว มันมีขั้นที่เรียกว่าเป็นขั้นสูงกว่าแล้ว เมื่อการบอกฝันดีของพี่แกในครั้งนี้ มาเป็นแบบแอดวานซ์ เป็นโจทย์ปัญหาให้ไปแก้กันเล่นๆ ก่อนนอน แม้ว่าการบอกฝันดีนั้นจะแปลกถึงขั้นแอดวานซ์แค่ไหน แฟนคลับของพี่เอกก็ไม่มีความย่อท้อ พยายามแก้ไขโจทย์ให้ได้ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที สมกับเป็นกลุ่มไอดอลและแฟนคลับที่แข็งแกร่ง!!   โจทย์ล่าสุด ถ้าคิดว่าแก้ได้ก็มา   แต่โจทย์นี้ค่อนข้างยากหน่อย (จริงๆ พี่แปะแค่ลิงก์ยูทูบมาก็จบแล้วนะ)   น้ำกกยืนไส้ตะเกียงขนมปัง น้ำกกยืนไส้ตะเกียงขนมปัง   ไม่ยากเกินความพยายาม ฮั่นแหน๊   จัดไปอีกหนึ่งโจทย์ก่อนนอน   แฟนคลับตัวจริง   มาเป็นภาพหนึ่งภาพ   แหน๊ ภาษาฝรั่งเศสซะด้วย   วันไหนไม่มีโจทย์ก็จะเป็นภาษาแบบนี้   นี่มันรหัสอะไรกันแน่เนี่ย   Oyasuminasai =…

เป็นที่รู้กันดีว่าสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติในปัจจุบันนั้นอยู่ในขั้นย่ำแย่มากแค่ไหน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เกิดจากการที่มนุษย์นั้นเป็นผู้ทำลายทุกสิ่งด้วยน้ำมือของตัวเองมาเป็นระยะเวลานาน และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ทำให้ได้เห็นว่า มนุษย์ของเราทำลายธรรมชาติไปมากแค่ไหน เป็นภาพจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Mac Laovechprasit ที่ได้เผยภาพของการผ่าชันสูตรซากเต่าที่หาดเจ้าหลาว จ.จันทบุรี พร้อมกับเล่าว่า   “ขอเล่าหน่อยนะจากการทำงานกับทะเลมา 4 ปีแล้วโดนคนพูดว่าไร้สาระมาตลอด แม็คชอบโดนพูดว่าทำไมมึงต้องเรื่องเยอะ กับอีแค่หลอดเดียว ถุงเดียวมึงจะอะไรนักหนา อย่ามาเวอร์ วันนี่ไม่รู้เป็นเคสที่เท่าไรแล้วกับการผ่าซากเต่าและโลมาที่เจอขยะในทางเดินอาหาร ปัจจุบันขากสถิติการเกยตื้นพบว่าร้อยละ 30 จะพบขยะในทางเดินอาหาร ถามว่ามันใช่เรื่องของเต่าที่ต้องมากินหรอ บางคนบอกก็มันโง่เอง ต้องโดนคัดสรรตามธรรมชาติไปสิ”     “คนอยู่ไกลทะเลก็จะบอกว่าชั้นไม่ได้เกี่ยวข้องนิ่ ทำไมต้องลดด้วย? มันมีแม่น้ำมั้ยล่ะ อีผี! มันก็ไหลมารวมๆกันลงทะเลอยู่ดีสิโว้ยยย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเคยเก็บกระแสน้ำไหลจากปากแม่น้ำทั่วกทม เจอว่าขยะหลายตันไหลลงทะเลจากแม่น้ำเหล่านี้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง! สำหรับแม็คนะ เรารู้สึกว่ามันอยู่ของมันมานานกว่ามนุษย์อีก เรา, ในฐานะมนุษย์, จะทำลายทุกอย่างเลยหรอ? หรือถ้าจะอยู่ร่วมกันแบบยั่งยืนได้ไหม?”     “วันนี้หมอข้าวตู ข้าวตูซัง กับไอติมรสมะนาว ชันสูตรพ่อเต่าตนุยาวถึง 70 เซนติเมตร ต้องมาตายลง ผ่าปุ๊ปเจอทั้งเชือก ขยะ โฟม!?!? แล้วก็ยังมีหมอนุ่น Korn Kamol…

กลายเป็นอีกหนึ่งดราม่ามาแรงสุดๆ ในเว็บไซต์พันทิปตอนนี้ หลังจากที่มีสมาชิกเว็บไซต์เขียนกระทู้ร้องเรียนโรงภาพยนตร์ชื่อดังเกี่ยวกับเรื่องของการฉายตัวอย่างภาพยนตร์จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในโลกออนไลน์ ผู้ใช้สมาชิกเว็บไซต์พันทิปชื่อ ม้าคะนองอิตาเลียน ได้ตั้งกระทู้เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2019 ในหัวข้อที่ว่า “อยากให้ทางโรงภาพยนตร์เมเจอร์แก้ไขและคิดถึงหัวใจของผู้ปกครองเด็กครับ”     ใจความของกระทู้สรุปให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้ 1. เจ้าของกระทู้ได้พาลูกชายอายุ 4 ขวบไปดูภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง Dumbo เพราะว่าภาพยนตร์มีความน่าสนใจและทั้งพ่อและลูกก็ชอบเรื่องนี้มาก 2. โดยปกติแล้วก่อนภาพยนตร์จะฉาย ทางโรงภาพยนตร์ก็จะมีการฉายตัวอย่างก่อนเพลงสรรเสริญพระบารมี ปัญหาอยู่ที่ว่า ตัวอย่างภาพยนตร์ก่อนฉายนั้นมีความไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเรื่องที่ไปดูเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่น แน่นอนว่าจะต้องมีเด็กมาดูเยอะมาก     3. ตัวอย่างหนังที่ว่าเป็นหนังเกี่ยวกับวันสงกรานต์ ซึ่งมีฉากที่ค่อนข้างจะล่อแหลม อนาจาร ไม่สมควรที่จะนำมาฉายก่อนภาพยนตร์สำหรับเด็ก 4. คุณพ่อจึงได้มาเขียนกระทู้ร้องเรียนให้ทางโรงภาพยนตร์พิจารณาเรื่องการฉายตัวอย่าง ควรมีการแยกแยะและจัดประเภทให้เหมาะสมด้วย หลังจากที่กระทู้ได้โพสต์ออกไปก็กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ทำให้ชาวโลกออนไลน์เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นซึ่งส่วนมากก็เห็นด้วยกับการที่มีคนออกมาร้องเรียนแบบนี้ . . .   อัปเดต ทางเมเจอร์ได้รับเรื่องราวและชี้แจง ดังนี้   ประเด็นเรื่องการฉายตัวอย่างหนังที่กำลังเป็นดราม่าเดือดในตอนนี้ก็ยังคงกลายเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ต่อไป หวังว่าทางโรงภาพยนตร์จะพิจารณาและมีการจัดการที่ดีมากกว่านี้ในโอกาสต่อไป   ที่มา ม้าคะนองอิตาเลียน

หากได้ตามคราวประเทศไทยในช่วงนี้เราคงรู้กันดีว่าภาคเหนือของประเทศเรา โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่นั้นกำลังเผชิญกับปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 อย่างหนัก อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาดังกล่าวมาเป็นระยะเวลาเป็นเดือนๆ แต่ดูเหมือนหน่วยงานของรัฐจะไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องสักเท่าไหร่นัก คราวนี้ประชาชนจึงต้องลุกขึ้นดูแลตัวเองแทน     วันนี้ (1 เมษายน 2019) ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า TanunwatWeraphongkamon นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่พร้อมกับเพื่อนๆ นักศึกษาได้ทำการรวบรวมหน้ากาก N95 ออกมาแจกให้คนอื่นๆ ในบริเวณสี่แยกรินคำ      ซึ่งน้องๆ ก็ไม่ใช่กลุ่มเดียวที่มีแนวคิดที่อยากให้ประชาชนได้ตื่นตัวและป้องกันกับปัญหาดังกล่าว มีผู้ใช้เฟซบุ๊กอีกคนชื่อว่า Thana Lucksanapirak ได้ทำการรวบรวมหน้ากาก N95 มาแจกในบริเวณเดียวกันเช่นกัน     ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวก็ร้อยยิ้มและเสียงชื่นชมให้กับผู้ที่ผ่านไปมา พบเห็นเหตุการณ์น่าประทับใจครั้งนี้เป็นอย่างมาก จนคุณ Warisa Jankham อดไม่ได้ที่นำเรื่องดังกล่าวมาแชร์ลงเฟซบุ๊กให้ชาวเน็ตได้ดูกัน พร้อมแคปชั่นว่า “ชาวเชียงใหม่” คุณว่ามันสะท้อนอะไรบ้างมั้ย?? #ที่นี่จังหวัดเชียงใหม่  . เรา : จากไหนคะ? (ที่ตั้งคำถามเพราะทุกคนจริงจัง&จริงใจ ท่าทีไม่ได้กลัวรถ/อากาศที่ร้อน) ผู้ให้? : อ๋อ ไม่ได้มากจากไหนค่ะ ทำกับเพื่อนๆ กันเอง?  (สังเกตได้จากรอยยิ้มที่ส่งออกมาใต้หน้ากาก)  ….…

สถานการณ์ฝุ่นควันที่กำลังวิกฤตในจังหวัดเชียงใหม่ดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสาเหตุของปัญหานี้ส่วนหนึ่งเกิดจากการ ‘เผาป่า’ และล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Pijakkana Meechaiudomdaj ได้ออกมาเผยภาพแสดงให้เห็นว่า “ดอยหลวงเชียงดาว” สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเชียงใหม่ ในอุทยานแห่งชาติผาแดง ‘ลุกท่วมไปด้วยไฟป่า’…   ภาพเหตุการณ์ดังกล่าว .   คุณ Pijakkana Meechaiudomdaj ได้ออกมาโพสต์ภาพพร้อมกับข้อความในวันที่ 30 มีนาคม 2019 ว่ามีไฟป่าเกิดขึ้นที่ยอดดอย และรับบริจาคสิ่งของให้กับเจ้าหน้าที่ “ค่ำคืนนี้คงเป็นภาพสะเทือนใจที่สุด ไฟเริ่มขึ้นสูงไปทางยอดดอย เสียงไม้ไผ่ระเบิดดั่งกึกก้องไปทั้งเขา สัตว์ป่าคงวิ่งหนีตายกันอลหม่าน เราทำได้แค่เพียงภาวนาขอให้พรุ่งนี้มีฝนตกลงมามากๆ ภาวนาให้ทุกชีวิตปลอดภัย  #เชียงดาวช่วงเวลาวิกฤต #รับบริจาคหน้ากาก #pm2.5 ข้าวสาร อาหารแห้ง ชุดปฐมพยาบาล ยาทาแผลสดเพื่อ จนท. เพื่อทุกชีวิตในเชียงดาว #ขอเพิ่มเติมนกหวีดด้วยนะคะ“   . .   จากนั้นเมื่อประมาณ 20.30 น. ของวันที่ 31 มีนาคม คุณ Pijakkana Meechaiudomdaj ก็ได้เผยว่าไฟนั้นลุกลามไปถึงยอดดอยแล้ว “วันนี้ลมแรง ไฟได้ลุกลามถึงยอดดอยเรียบร้อยแล้ว…

กลายเป็นกระแสดราม่าเกิดขึ้น หลังจากที่ “คุณโจ้” จากเพจ Spotlight Tahiland ได้ออกมาไลฟ์สด กล่าวถึงประเด็นร้อนในจังหวัดภูเก็ต   คุณโจ้ ผู้ทำการไลฟ์สดถึงประเด็นที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 มี.ค. 2019)   ประเด็นดังกล่าวนั้น ทาง คุณโจ้ ได้รับร้องเรียนจากหลายๆ ฝ่ายว่าร้านเหล้าชื่อดังในจังหวัดได้จัดงานคอนเสิร์ตปาร์ตี้ครบรอบ 50 ปีของแบรนด์ชื่อดัง โดยในงานนั้นมีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่กลับให้เด็กต่ำกว่า 18 ปีเข้างาน   งานคอนเสิร์ตที่ถูกกล่าวถึง (29 มี.ค. 2019)   สำหรับประเด็นดังกล่าวนั้น ทางผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Paul Deeper ได้สรุปจากการไลฟ์สดดังกล่าวเอาไว้ดังนี้…   โพสต์เกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าว .   คลิปจากคนร้องเรียน บอกว่ามีเด็กอายุ 14 นั่งดื่มเบียร์อยู่ในงาน   หนึ่งในศิลปินของงานดังกล่าว   โพสต์ที่มีการพูดถึงว่า ศิลปินดังต้องการท้าทายคุณโจ้   คลิปที่คุณโจ้ได้ออกมาไลฟ์สด   สำหรับความคืบหน้าในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้นอาจต้องรอดูกันต่อไป ซึ่งหากเป็นอย่างที่คุณโจ้ว่ามาจริงก็อาจนำไปสู่การดำเนินคดีกับทางผู้จัดงานและทางร้านในที่สุด…

กระแสต่างๆ ในยุคที่โซเชียลมีเดียได้รับความนิยมนั้นดูเหมือนจะมาไวไปไวเกินไปหน่อย โดยเฉพาะด้านอาหาร ที่อาหารชนิดใดได้รับกระแสดี เป็นที่นิยม ก็จะมีอาหารแบบเดียวกันออกมาจำหน่ายให้เห็นได้ทั่วไป พอกระแสหด หมดความนิยม คนเบื่อกันแล้วก็แทบจะไม่มีใครนึกถึง หรืออยากกินกันอีกต่อไป จนทำให้ผู้ใช้กระทู้พันทิปสมาชิกหมายเลข 3470033 ได้ตั้งกระทู้ชวนให้ย้อนไปถึงอาหารและขนมแต่ละแบบที่เคยเป็นที่นิยม และดังเอามากๆ แต่ในปัจจุบันนั้นไม่ค่อยได้รับความสนใจ และกระแสเริ่มหายไป   ‘มีอาหารหรือขนมอะไรบ้าง ?! ที่เมื่อก่อนกระแสดัง แต่ตอนนี้คนเริ่มเบื่อกันแล้วบ้าง ?!?!’ โดยอาหารที่เจ้าของกระทู้ได้ยกตัวอย่างขึ้นมานั้นได้แก่ “ต้มเล้งแซ่บ กระเพราถาด บะหมี่ชามยักษ์ หมูปลาร้า ไก่ทอดเกาหลี เค้ก 3 ชิ้น 100 ฮันนี่โทส บิงซู เฟรนฟรายชีส ชีสราดต่างๆ ส้มตำถาดยักษ์ และขนมตระกูลลาวา” . .     จากกระทู้นั้นเอง ได้มีผู้เข้าร่วมตอบคำถาม และแสดงความคิดเห็นมากมาย อาหารบางอย่างยังพอให้เห็นอยู่บ้าง แต่บางอย่างก็ได้สูญหายไปกับกาลเวลาราวกับว่าไม่มีอยู่จริง ซึ่งจะเป็นอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย   กุ้งถัง/ทะเลถังเคยฮิตเป็นกระแสมาก .   ชาเขียวก็ยังรอดอยู่น่า  …

หากว่าใครที่ได้ติดตามข่าวสารช่วงนี้กันอย่างใกล้ชิดกับเรื่องวิกฤตฝุ่นควันที่ก็คงจะทราบกันดีว่าในตอนนี้ประชาชนชาวเชียงใหม่กำลังเผชิญกับปัญหาเรื่องฝุ่นควันกันขั้นสูงสุด และยังไม่สามารถหาวิธีการแก้ไขจัดการปัญหาได้ดีอย่างที่ควร คนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือประชาชนผู้ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงที่ต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่นควัน ซึ่งค่าดัชนีชี้วัดคุณภาพอากาศก็อยู่ในขั้นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมาหลายสัปดาห์แล้ว   ในเมื่อการจัดการจากทางภาครัฐยังไม่สามารถทำได้ดีเท่าที่ควร ประชาชนชาวเชียงใหม่จึงทำได้เพียงช่วยเหลือจัดการตัวเองไปก่อน แต่ก็มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับปัญหาเรื่องฝุ่นควันกันมากในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตที่ได้รับทราบปัญหาก็ได้ส่งกำลังใจให้ประชาชนชาวเชียงใหม่ให้ผ่านพ้นวิกฤตฝุ่นควันไปได้เร็วๆ และอีกหนึ่งคนที่ได้มาส่งแรงใจและตระหนักถึงปัญหาวิกฤตฝุ่นควันในครั้งนี้ก็คือคุณติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี   คุณติ๊กได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และได้โพสต์โชว์ค่าฝุ่น PM 2.5 จากเครื่องวัดพร้อมแคปชั่น “เราจะอยู่กันแบบนี้จริงๆหรอ?? ไหม้ทุกที่ เผาทุกวัน#เชียงใหม่ #แม่ฮ่องสอน #pm25 #วิกฤตฝุ่นเชียงใหม่ #ฝุ่นเชียงใหม่” เราจะอยู่กันแบบนี้จริงๆหรอ?? ไหม้ทุกที่ เผาทุกวัน#เชียงใหม่ #แม่ฮ่องสอน #pm25 #วิกฤตฝุ่นเชียงใหม่ #ฝุ่นเชียงใหม่ pic.twitter.com/igjjinkLrF — Tik Jesdaporn Pholdee (@tik_pholdee) March 30, 2019   นอกจากคุณติ๊กที่ได้ประกาศให้รู้ถึงความวิกฤตของฝุ่นควันเชียงใหม่แล้ว อีกคนหนึ่งที่ได้มาลงพื้นที่เพื่อจัดการหาทางแก้ไขปัญหาก็คือ คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ วันนี้ ผมมาเชียงใหม่ มาหาข้อมูลปัญหาเรื่องฝุ่นครับผู้โดยสารหลายคนเตรียมหน้ากากมาด้วย แต่แปลกใจที่ไม่เห็นข้อมูลที่สนามบินเกี่ยวกับสภาวะอากาศหรือข้อแนะนำ ถ้ามีข้อมูลหรือมีการแจกหน้ากากให้ผู้โดยสารน่าจะเป็นประโยชน์ครับ#ฝุ่นเชียงใหม่ #วิกฤตฝุ่นเชียงใหม่ pic.twitter.com/EZm85QqdAC — ชัชชาติ สิทธิพันธุ์…

จากที่กลายเป็นประเด็นไปเมื่อช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา (28 มีนาคม 2562) กับกรณีของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (คุณแม่หน่อย) ไปกดฟอลโลว์ทวิตเตอร์ของพี่เอก HRK (Heartrocker)   คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์   ซึ่งพี่เอกแกก็รู้สึกตื่นเต้นซะเหลือเกิน จนออกมาทวีตรัวๆ พร้อมกับทักท้วงว่าคุณแม่หน่อยกดติดตามคนละเอกรึเปล่าครับ? ผมไม่ใช่เอกธนาธรเด้อ!!   ว่าแล้วก็โพสต์ขายของซะหน่อย   คุณหญิงจะรู้ไหมว่าฟอลผิดแอค   ฟอลมาใช่มั้ยฟอลกลับไม่โกง เพิ่มเติมคือฟอลกลับแบบยกปาร์ตี้!!   ของเจรงงง!!   ซึ่งหลายคนต่างก็สงสัยกันไปต่างๆ นานา ว่าเอ๊ะ!? ที่คุณแม่หน่อยมากดติดตามพี่เอกเนี่ย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ กดผิดรึเปล่า? หรือเข้าใจผิดว่าเป็นอีกเอกนึงจริงๆ!!   ล่าสุดทางด้านคุณแม่หน่อยก็ออกมาโพสต์ชี้แจงแล้วครับ ว่าดังนี้…. ขอโทษที่ตอบช้านะคะ ที่ฟอลน้องเอกเพราะอยากเข้าใจ Gamer แม่หน่อยจะได้มีข้อมูลว่า #เราจะยกระดับeSportสู่ระดับโลก ได้อย่างไร ตอนนี้ #แม่หน่อยติดเกม (การเมือง)อยู่ ต้องเจออีกหลายด่านจึงจะถึงตัวบอส นี่เจอแค่ด่านแรกแทบหมดหลอดแล้วค่ะ ว่างแล้วจะขอนัดมานั่งคุยกันนะคะ ^^ — คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat…

หลังจากที่ฝากผลงานให้กับเกมเมอร์ชาวไทยได้ประทับใจกันในภาคที่แล้วสำหรับ ‘Home Sweet Home’ เกมแนว Horror สัญชาติไทยแท้ ที่มาพร้อมกับกลิ่นอาย ‘ผี’ ชวนหลอนแบบไทยสไตล์ ในตอนนี้คงต้องบอกว่าถึงจุดสิ้นสุดเสียทีสำหรับใครที่กำลังรอภาคต่อของเกมนี้อยู่ เมื่อในตอนนี้ได้มีตัวอย่างเกม ‘Home Sweet Home EP.2’ ออกมาเรียกน้ำลายกันเป็นที่เรียบร้อย และต้องขอบอกว่ามันน่าโดนเอามากๆ!!   โปสเตอร์สำหรับภาคต่อที่ออกมานี้ (แค่เห็นก็กลัวแล้วเนี่ย บรื๋ออ)   สำหรับในภาคต่อของ Home Sweet Home นี้ แว่วๆ มาว่าจะเป็นภาคที่มาไขปริศนาที่ถูกทิ้งเอาไว้ในภาคแรก อย่างเช่นคำถามที่ว่านางรำเป็นใคร ? และนอกจากนี้ก็น่าจะมีปริศนาต่างๆ มาให้เราได้บริหารสมองกันมากกว่าเดิม   ตัวอย่างที่เพิ่งออกมาหมาดๆ เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา    แต่อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงแค่ทริลเลอร์เรียกน้ำย่อยเพียงเท่านั้น เพราะทางทีมงาน YggGame ได้บอกเอาไว้ว่าจะมีตัวอย่างแบบเต็มๆ ตามในเร็วๆ นี้ ถ้าเพื่อนๆ อยากติดตามความเคลื่อนไหวของเกมนี้ก็สามารถไปตามข่าวได้ที่แฟนเพจ Home Sweet Home : Game…

ในช่วงของกระแสข่าวการเมืองที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ หลายๆ ท่านก็คงจะได้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด แทบทุกการเคลื่อนไหวผ่านทางสื่อออนไลน์สำนักต่างๆ ที่ได้นำเสนอสู่สายตาทุกท่าน และนี่คืออีกมุมหนึ่งที่กำลังกลายเป็นที่พูดถึงกับสิ่งที่เรียกว่าเป็นการรวมตัวกันของสองบุคคลที่กำลังมาแรงในโลกออนไลน์ในขณะนี้นั่นก็คือ คุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และคุณเอก   คุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์   แต่…คุณเอกในเรื่องนี้ไม่ใช่คุณเอก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่หรือพ่อของฟ้าแต่อย่างใด ทว่าเขาคือ คุณเอก Heartrocker นักแคสต์เกมชื่อดังอันดับต้นๆ ของวงการเกมไทยล่ะ   คุณเอก Heartrocker     สิ่งที่เกิดขึ้นและกลายเป็นประเด็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ก็คือ การที่คุณหญิงหน่อยมาติดตามบัญชีทวิตเตอร์ของตัวพ่อแห่งวงการแคสต์เกมของไทยนั่นเอง   ซึ่งทางคุณเอก Heartrocker ก็ได้ทวีตรัวๆ หลังจากที่รู้ว่าคุณหญิงหน่อยมาติดตามทวิตเตอร์แบบนี้ อ่ะ ขายของเก่ง     คุณหญิงจะรู้ไหมว่าฟอลผิดแอค   ฟอลกลับยกตี้ ไม่ชี้นำแล้ววววว   ยกตี้จริงๆ   ชัชชาติไม่ต้องติดตามพี่เอก แต่ชัชชาติใช้พลังให้พี่เอกมาติดตามชัชชาติ   และก็ได้มีการสังเกตต่ออีกว่า คุณหญิงหน่อยไม่ได้ติดตามทวิตเตอร์ของคุณเอก ธนาธรด้วย   แล้วสรุปว่าคุณหญิงตั้งใจจะติดตามเอกไหน…

เมื่อช่วงวันที่ 27 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา เกิดเป็นกระแสสังคมในโลกออนไลน์ #RespectPaiboon เป็นการพูดถึงในเรื่องการนำเสนอเนื้อหาคลิปที่นำ นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป มานั่งอ่านความคิดเห็นของชาวเน็ตที่พาดพิงถึงตัวเองในเชิงลบ ข่าวเก่า: #RespectPaiboon กรณีมองย้อนกลับ เมื่อให้ลุงไพบูลย์ มานั่งอ่านคำด่าพาดพิงตัวเอง จนเป็นดราม่า     ภายหลังจากเป็นประเด็นขึ้นมาแล้ว ทางเว็บไซต์อมรินทร์ทีวี ได้ทำการสัมภาษณ์นายไพบูลย์ เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า คนที่ต่อว่าตนนั้นไม่ได้น้อมนำคำสอนของพระพุทธเจ้า ส่วนตัวของเขานั้นไม่ได้ติดใจอะไร แต่เขารู้สึกเห็นใจกับความคิดเห็นประเภทนี้ เนื่องจากแสดงให้เห็นถึงความกดดันและความเครียดที่มีอยู่ในตัว โดยเฉพาะวัยที่อายุยังน้อย     อีกทั้ง อยากให้คนเหล่านั้นทำการจัดการอารมณ์ของตัวเองให้ดี คิดในด้านบวก ลดความโกรธ เกลียดและปล่อยวาง จะเกิดเป็นประโยชน์กับทุกคนทุกฝ่ายในสังคม แต่ที่สำคัญที่สุดคือ เกิดเป็นประโยชน์กับตัวเอง     ทางด้านนายเสถียร วิริยะพรรณพงศา ผู้อำนวยการฝ่ายข่าว PPTV ได้แสดงความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับประเด็น #RespectPaiboon ลงบนเฟสบุ๊กส่วนตัว โดยเขามองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ช่วยทำให้เราลองมองย้อนกลับมาที่ตัวเอง ว่าสามารถฟังความคิดต่าง และตอบโต้อย่างมีเหตุผลได้จริงหรือไม่ แทนที่จะกดอีกฝ่ายให้ต่ำลง…   ที่มา:…

บนโลกอินเทอร์เน็ตที่ใครๆ ต่างแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมาได้ ก็กลายมาเป็นภาพสะท้อนตัวตนของบุคคลนั้นๆ ว่าคิดเห็นกับแต่ละประเด็นไปในทิศทางใด ซึ่งจะมีทั้งกระแสบวกและกระแสลบขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและอารมณ์ร่วม ณ ขณะนั้น…   คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกปล่อยไปเมื่อวันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2562   กรณีล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นกลายเป็นดราม่าบนโลกออนไลน์ หลังจากที่มีคลิปของคุณลุง ไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป มานั่งอ่านคอมเม้นท์หรือความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ที่เจาะจงถึงตัวเขา คล้ายกับคลิปที่ให้พี่แดนมานั่งอ่านคอมเม้นท์ที่ทวงคืนแพตตี้ แต่สำหรับกรณีนี้เป็นคำด่าและคำวิจารณ์ที่รุนแรง…   สำหรับใครยังไม่ทราบสาเหตเราม่า #RespectPaiboon สืบเนื่องจาก #snook นำเสนอคลิปสัมภาษณ์ คุณไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป โดยให้แกได้อ่านคอมเม้นในเน็ตที่วิพากษ์วิจารณ์ ด่าทอการทำงานของแก ซี่งได้สร้างความไม่สบายใจให้กับผู้ชมจำนวนมาก จนมีดาราม่า และจึงมีการลบคลิปไป pic.twitter.com/qq1agXh1yv — トーニー (@antk241) March 27, 2019   แต่ภายหลังจากที่คลิปถูกปล่อยออกไปแล้ว และมีผู้ชมบางส่วนรู้สึกไม่สบายใจกับเนื้อหาที่นำเสนอ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ และเป็นการทำร้ายจิตใจทั้งตัวบุคคลที่ต้องมานั่งอ่านคำด่าตัวเอง รวมไปถึงผู้ชมที่ต้องรับสารผ่านจากคำด่าเหล่านั้นด้วย   เมื่อมองให้เห็นอีกด้านแล้ว จึงเกิดเป็น #RespectPaiboon ขึ้นมา https://twitter.com/MISTERCL4SSIC/status/1110654877112238080 .…

พิธีมอบปริญญานั้นเกิดขึ้นทุกปี และแน่นอนว่าเพื่อนๆ ญาติๆ และครอบครัวของบัณฑิตต่างต้องร่วมแสดงความยินดีถึงความสำเร็จนี้ และหนึ่งในสิ่งที่ยอดฮิตที่ทุกคนนำติดไม้ติดมือมานั่นคือของขวัญต่างๆ ทั้งเงินสด ตุ๊กตา ดอกไม้ แต่สิ่งเหล่านั้นดูธรรมดาไปเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่สาวบัณฑิตใหม่แห่งมหาวิทยาลัยกรุงเทพได้   คุณ Pannin Palasoon   เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมานั้น โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Pannin Palasoon ได้โพสต์รูปภาพของขวัญวันรับปริญญาที่ได้ จนกลายเป็นภาพที่ถูกแชร์ต่อๆ กันมากว่า 2,400 ครั้ง “กลับบ้านมาเจอ เซอร์ไพรส์❗️จากเพื่อนที่น่ารัก❗️ ของขวัญที่มีดีแค่มีหน้ากูอยู่บนนั้น❗️❗️❗️  ตอนนี้แม่กูอายมาก เพราะทุกคนคิดว่าแม่กูเป็นคนทำ!!!  ซึ่งแถวบ้านกูคนครึ่งร้อยเอ็ดต้องขับรถผ่าน #แน่จริงทำไมไม่ใส่เบอร์กูให้ครบ #ขอบคุณของขวัญที่มีประโยชน์ของพี่กิ๊ฟนะคะชอบมาก“     โดยสิ่งที่เธอได้นั้นคือป้ายไวนิลพร้อมข้อความว่า ” ‘ปริญญามีให้แม่แล้ว เหลือแต่ผู้ชายมาขอ’ โปรโมชั่นจีบวันนี้แถมฟรีกิจการร้านน้ำ สนใจธุรกิจติดต่อ. 084-59009** #ตกงานไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ ด้วยความหวังดีจากสำมะปริเอ็นเตอร์เทนเมนต์ (ในเครือสำมะปริกรุ๊ป)” หลังจากที่ภาพนี้ถูกแชร์ส่งต่อกันไป ทาง Catdumb News ก็ได้ทักไปสัมภาษณ์ น้องแบมแบม แม่สาวน้อยผู้ได้รับของขวัญสุดพีคคนนี้เพิ่มเติมด้วย เรียนจบสาขาอะไร…

ในช่วงหลังเลือกตั้งแบบนี้หลายๆ คนก็อาจมีทั้งที่ดีใจกับพรรคที่ตัวเองเลือกได้ที่นั่งในสภา และอาจมีหลายๆ คนที่ผิดหวังกับผลคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการที่ถูกประกาศออกมาเมื่อคืน (เกือบทั้งหมด) #เหมียวตะปู จึงอยากให้เพื่อนๆ ได้พักชมสิ่งที่น่าสนใจ รับชมความสวยงาม (+ ความน่ารัก, แซ่บ, เผ็ช, ฯลฯ) ของเหล่า “ลูกสาวนักการเมือง” ทั้ง 5 คนที่เรียกได้ว่าเหล่าชายไทยต่างพากันหมายปอง จะมีใครบ้างและพวกเธอจะร้อนแรงขนาดไหนนั้น ลองไปชมกันด้วยสองตาของตัวเองเลยจ้าาา   1. เบอร์ดี้ – ปาวา นาคาศัย   ลูกสาวคนสวยของคุณพ่อ อนุชา และคุณแม่ พรทิวา นาคาศัย จากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเพื่อนๆ อาจคุ้นชื่อแม่ของเธอกันเป็นอย่างดี เพราะเธอเป็นถึงอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สำหรับลูกสาวคนสวยคนนี้ก็ไม่ได้มีดีแค่หน้าตาเพียงอย่างเดียว แต่เธอยังมีความเป็นแฟชั่นนิสต้าที่เปี่ยมล้น ผนวกกับความชอบในงานดีไซน์ต่างๆ จนทำให้เธอได้ออกไปให้สัมภาษณ์กับนิตยสารต่างๆ มาแล้วมากมาย   สาวเท่ผู้มีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง   เผลอเบาๆ   เพื่อนๆ สามารถเข้าไปติดตามเธอได้ในอินสตาแกรม birdieparva   2.…

เหตุเกิดในวันนี้ (22 มี.ค.) ณ บริเวณหน้าร้านไก่ย่างข้าง วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ได้มีทีมกู้ภัยลงช่วยชายคนหนึ่งที่ ‘ติดอยู่ในท่อ’ มาเป็นเวลายาวนานกว่า 2 วัน ชายคนนั้นมีชื่อว่า นายสมปอง นกน้อย อายุ 59 ปี เป็นอาจารย์สอนวิชานาฏศิลป์อยู่ที่ วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ใช้อุปกรณ์งัดฝาท่อและช่วยเหลือชายคนดังกล่าวได้สำเร็จในสภาพเปื้อนโคลนทั้งตัว   นายสมปองก้มกราบเจ้าหน้าที่กู้ภัย หลังได้รับการช่วยเหลือ   นายเมคิน ใชย์คำหาร เจ้าของร้านไก่ย่างเผยว่าเขาได้ยินเสียงตะโกนออกมาระหว่างย่างไก่ในช่วงเช้าขณะเปิดร้าน แต่ไม่ทราบว่าเสียงมาจากไหน จนกระทั่งลูกเขยได้ยินว่าเสียงออกมาจากท่อระบายน้ำ เมื่อมองลงไปก็เห็นนายสมปอง จึงโทรแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาช่วย     นายสมปองเผยว่าตนติดอยู่ข้างในเป็นเวลาประมาณ 43 ชั่วโมง นับตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันพุธที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุที่ทำให้นายสมปองติดอยู่ในท่อนั้น สื่อแต่ละสื่อรายงานไม่ตรงกัน บ้างก็ว่าท่อเปิดอยู่ทำให้พลัดตกลงไป บางสื่อก็อ้างว่านายสมปองเกิดความสงสัยจึงลงไปด้านล่างแต่กลับขึ้นมาไม่ได้ ทางด้าน นายสุวิทย์ พึงเกษม ชาวบ้านที่รู้จักกับนายสมปองก็บอกว่าเหตุอาจจะเกิดขึ้นจากอาการทางสมอง เพราะนายสมปองเคยประสบอุบัติเหตุรถชนเมื่อ 4-5 ปีก่อน ทำให้มีอาการหลงๆ ลืมๆ…

เรียกได้ว่าเป็นประเด็นที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ในโลกโซเชียล ณ ขณะนี้เลย กับกรณีของหญิงโพสต์เฟซบุ๊กเล่าอุทาหรณ์เตือนใจ เอาโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋าโหลดใต้เครื่อง แต่ดันหายไปซะงั้น!? เรื่องมีอยู่ว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Tithalie Wongchawakronkul ได้โพสต์เล่าประสบการณ์ใช้บริการสายการบินแห่งหนึ่ง โดยได้ทำการถามเจ้าหน้าที่สายการบินแล้วว่าสามารถเอาโทรศัพท์เก็บเอาไว้ในกระเป๋าที่จะโหลดใต้เครื่องได้ไหม? ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าได้ แต่ไปๆ มาๆ ตอนเช็กดูกระเป๋า กลับกลายเป็นว่าโทรศัพท์เครื่องที่เอาใส่กระเป๋าที่โหลดใต้เครื่องเอาไว้ดันหายไปซะงั้น!? พอสืบสาวราวเรื่องไปก็พบว่าทำกันเป็นกระบวนการกันเลยทีเดียว ลองไปอ่านเรื่องเต็มๆ กันดูครับ… “อุทาหรณ์เตือนใจ!!!…เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับตัวเราเอง เมื่อวันที่ 9 มีนาคม เราเดินทางจากอุดรฯ มา ดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยสายการบินแห่งหนึ่ง   แอป Find my iPhone ขึ้นแจ้งเตือนพิกัดของโทรศัพท์ที่ถูกขโมยไป   เครื่องขึ้น 18.15 ก่อนขึ้นเครื่องเราได้ทำการโหลดกระเป๋า และด้วยการที่เรามีมือถือ 2 เครื่องพกติดตัวไม่สะดวกเราเลยปิดเครื่องมือถือบริษัท แล้วใส่ลงในกระเป๋าเดินทางเพื่อโหลดเที่ยวขาไปอุดรฯ เราก็โหลดก็ไม่มีปัญหา **ก่อนโหลดโทรศัพท์ลงกระเป๋าเราสอบถามเจ้าหน้าที่เคาทน์เตอร์แล้วเจ้าหน้าที่บอกว่าสามารถโหลดได้จึงโหลดค่ะ  พอเครื่องลงยังสนามบินดอนเมือง ตอนเวลา ทุ่มกว่าๆ เราลงเครื่องแล้วตรงไปยังจุดสายพานรับกระเป๋าแล้วก็ตรงกลับบ้านเลยไม่ได้มีการเปิดกระเป๋าใดๆ เมื่อถึงคอนโดเราก็เลยเปิดรื้อของ และจะเอาโทรศัพท์ปรากฏว่าโทรศัพท์หายไป   เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังยืนพูดคุยกับชายที่อ้างว่ารับซื้อโทรศัพท์มา   ในใจตอนแรกไม่มั่นใจว่าหายที่โรงแรมที่อุดรฯ ในรถที่เช่า หรือ สนามบิน…

เชื่อเลยว่าหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตาคุ้นหูกันดีกับ ‘วี วิโอเล็ต’ สาวลูกครึ่งที่มาพร้อมกับเสียงสุดไพเราะและรูปลักษณ์ชวนฝัน ที่แค่เธอส่งสายตาก็ทำเอาใครๆ ต่างอ่อนระทวย (อย่างน้อยๆ ก็ #เหมียวจิวยี่ นี่แหละ ฮ่าๆ) และในวันนี้เราก็มีรูปภาพเซ็ตใหม่ของคุณวี มาฝากเพื่อนๆ กันโดยนี่เป็นภาพจากงานมีตติ้งครั้งที่ 2 ของเธอนั่นเอง ซึ่งต้องบอกเลยว่าเซ็ตนี้ทำเอาใจแตกกระเจิงอีกแล้ว เพราะดาเมจของเธอนั้นมันช่างรุนแรงเหลือเกิน เอาเป็นว่าถ้าใครอยากรู้ว่าเป็นเช่นไรก็ลองปัดลงล่างไปดูเลยดีกว่า แต่ขอเตือนไว้ก่อนเลยว่าคุณอาจจะรู้สึกเหมือนกับกำลังต้องมนต์สะกดจนหยุดดูไม่ได้!!   แค่รูปแรกก็เล่นเอาเคลิ้มไปไกล   คิดจะหลบสายตาเหรอจ๊ะ   อื้อหืออออ คุณวี   หลับตายังดูสวยคนอะไรเนี่ย!!   อ่ะขอแอบมาแชะสักหน่อย   อย่าทำหน้าอย่างนี้สิ…   มุมข้างๆ บ้างดีกว่า   เล่นเอาแฟนๆ ต้องมนต์สะกด   ยิ้มค่อยๆ แค่เธอยิ้มค่อยๆ   ตัวเล็กสเปคเลย!!   ที่มา: Violette Wautier

ในส่วนงานวิชาชีพครูถือว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติในสังคมไทย ถูกยกย่องให้เป็นแม่พิมพ์ของชาติในทุกๆ สาขาความรู้ เพื่อถ่ายทอดให้นักเรียนได้มีทักษะทางด้านความคิด นำไปต่อยอดสู่การเรียนรู้ระดับสูงต่อไป ทว่า ในเรื่องของค่าตอบแทนหรือเงินเดือนที่ได้รับ กลับสวนทางกันกับสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น เงินเดือนของครูอัตราจ้างยังคงอยู่ที่เพียงหลักพันบาทเท่านั้น     จากรายการทุบโต๊ะข่าว ช่องอมรินทร์ทีวี เปิดเผยในประเด็นของการประกาศรับสมัครงานครู ที่ปรากฎทั้งบนเฟสบุ๊กและเว็บไซต์ของ Thaijobsgov โดยระบุว่า รับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อจ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราว 1 อัตรา โรงเรียนบ้านดงยาง จ.ศรีสะเกษ     ในตำแหน่งครูผู้สอนภาษาอังกฤษ คุณสมบัติการศึกษาปริญญาตรี เอกวิชาภาษาอังกฤษ เงินเดือน 5,000 บาท อีกทั้งยังระบุว่า การจ้างงานเป็นแบบอัตราจ้าง ทำงานเต็มเวลา ตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ ซึ่งได้รับความสนใจจากโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่เป็นการพูดถึงในประเด็นของเงินเดือนที่ไม่สอดคล้องกับเอกวิชาที่ต้องการ     ด้าน นางสาวณัชชานันท์ เลียงอรุณวงศ์ หรือ ครูนุ่น English AfterNoonz ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า รู้สึกตกใจกับเงินเดือนเพียง 5,000 บาท โดยมองว่ายังน้อยเกินไป ทั้งนี้ อาจจะมีบุคคลสองกลุ่มที่สนใจสมัคร คือมีใจรักความเป็นครู…

กลายมาเป็นอีกหนึ่งสีสันน่ารักในการเมืองไทย ที่เกี่ยวข้องกับคนในวงการบันเทิงอย่าง น้องแคน นายิกา อดีตสมาชิกวงไอดอล BNK48 เมื่อคุณพ่อของน้องแคน ภูวกร ศรีเนียน ผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ กำลังลงพื้นที่หาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ก็เจอเรื่องของแฟนคลับเข้ามาประชิดตัวเพื่อขอเซลฟี่ด้วย     คุณภูวกร ได้ทำการโพสต์รูปภาพพร้อมระบุข้อความผ่านเฟสบุ๊กของตนเอง เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2562 เวลา 21.17 น. ด้วยใจความว่า… “เดินหาเสียงอยู่ มีหนุ่มขี่มอไซด์ ไม่ถอดหมวก. มาขอถ่ายรูป ผมถามว่า ชอบอนาคตใหม่ ใช่มั้ย “เปล่าครับ ผมชอบแคน ชาวทรูป นี่เอง” *ชาวทรูป คือกลุ่มแฟนคลับของน้องแคน*     ภายหลังจากที่ได้รู้ความจริงแล้วว่า การเข้ามาขอเซลฟี่ด้วยของพ่อหนุ่มรายนี้ ไม่ได้มาเพราะชอบพรรคการเมือง แต่ชอบลูกสาวของภูวกร ที่ยังคงมีแฟนคลับติดตามอย่างต่อเนื่อง แม้จะจบการศึกษาจากวงไอดอลไปแล้วก็ตาม   ด้านความคิดเห็นจากชาวเน็ต ก็ออกมาในเชิงว่า แหม่ ทำไปได้!   อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดแล้ว…

เมื่อช่วงวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา เกิดเป็นกระแสไวรัลที่ถูกแชร์ต่อไปในวงกว้าง หลังจากที่มีหนึ่งในบัณฑิตของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ทำการหมุนตัว 360 องศา ในระหว่างพิธีการรับปริญญา ซึ่งในช่วงแรกที่คลิปถูกเผยแพร่ออกไป ใครๆ ต่างมองในแง่เป็นสีสันการรับปริญญา     ผู้ใช้เฟสบุ๊ก วรายุส โกลด์วี่ บุญแนะ หรือน้องโกล์ด บัณฑิตสาวประเภทสอง ผู้เข้าร่วมพิธีรับปริญญาบัตรของทางมหาวิทยาลัยกรุงเทพครั้งล่าสุด ได้ทำการโพสต์คลิปดังกล่าวด้วยตนเอง พร้อมระบุไว้ว่า “หมุนเบาๆ หล่อนรู้จักคำว่าลูกข่างปะคะ #bu รับทั้งที #มหาวิทยาลัยกรุงเทพมหาวิทยาลัยสร้างสรรค์”     แต่ทว่า เมื่อคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง และถูกนำไปอัปโหลดผ่านเพจต่างๆ กระแสความเป็นไวรัลเริ่มตีกลับ จากในตอนแรกที่ได้รับเสียงตอบรับไปในทางตลกขำขัน กลายมาเป็นถูกตำหนิและวิจารณ์ในเรื่องของความเหมาะสม ไม่ให้ความเคารพคณาจารย์ พิธีการ ผู้ปกครองที่มาร่วมงาน เพื่อนบัณฑิต และสถานที่ จึงต้องทำการลบคลิปดังกล่าวออกไปในที่สุด…     จนกระทั่งในวันที่ 18 มีนาคม 2562 เวลา 14.41 น. น้องโกลด์ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กของตนเอง เพื่อขอโทษและยอมรับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพิธีการรับปริญญา โดยที่ตนเองไม่ทันได้ยั้งคิด กราบขออภัยสังคมและจะนำไปเป็นบทเรียนสำคัญในชีวิต  …

ในยุคโลกาภิวัตน์อย่างในปัจจุบัน เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมต่างๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมานั้นสามารถช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับเราได้อย่างมากมาย เช่นเดียวกับ QR Code (Quick Response Code) หนึ่งในนวัฒกรรมที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นใช้โฆษณา ใช้ดาวน์โหลดข้อมูลหรืออื่นๆ   QR Code ของ CatDumb   และเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2019 ที่ผ่านมานี้เอง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีการจัดประชุมชี้แจงการจัดทำบัญชีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งให้แก่ผู้รับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และผู้จัดทำบัญชี กทม. ซึ่งในช่ว’ท้ายของการบรรยาย ทาง กกต. ได้มีการฉายสไลด์เกี่ยวกับช่องทางการดาวน์โหลดคู่มือบัญชีรายรับและรายจ่าย โดยมีการใช้ QR Code มาประกอบเพื่อความสะดวกในการดาวน์โหลดคู่มือของผู้เข้าประชุม   .   ซึ่งประเด็นในคราวนี้ ก็อยู่ที่ QR Code ดังกล่าวเช่น เพราะเมื่อทำการสแกนโค้ดแล้ว QR Code ดังกล่าวไม่ได้พาเราไปยังช่องทางดาวน์โหลดคู่มือรายรับและรายจ่ายแต่อย่างใด แต่กลับพาเราไปยังไลน์ของ “บริษัทขายครีม” ซะอย่างนั้น!!   เมื่อทางเราได้สแกน QR…

เราคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชานั้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งล่าสุด วันนี้ (18 มีนาคม 2019) เพจเฟซบุ๊กของพรรคพลังประชารัฐได้ทำการเผยคลิปวิดีโอความยาว 47 วินาที พร้อมแคปชั่นว่า “สิ่งที่ “ลุงตู่” อยากทำ เพื่อพี่น้องคนไทย คือ การสร้างโอกาสให้ประเทศไทยก้าวไกลไปกว่านี้อีกหลายเท่า และเยาวชนต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้”     โดยในวิดีโอพลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชาได้กล่าวว่า “ผมตัดสินใจตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามของพรรคพลังประชารัฐ เพราะผมตั้งใจที่จะทำหน้าที่รับใช้ประเทศชาติด้วยความรับผิดชอบ และผมจะทำอย่างสุดความสามารถของผม ผมเชื่อว่าหน้าที่ของผมจากนี้ไปคือการสร้างโอกาสให้ประเทศไทยก้าวไกลไปกว่านี้อีกหลายเท่า ผมรับรองว่าเยาวชนของเราต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้ นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะทำให้ทุกคน พวกเรา ประสบความสำเร็จ ผมเชื่อมั่นว่าเมื่อเราร่วมมือกัน เราจะสามารถนำพาประเทศไทยของเราเข้าสู่ยุคสมัยที่ดีกว่านี้แน่นอน”      หลังจากที่พรรคพลังประชารัฐได้โพสต์วิดีโอดังกล่าวลงในเฟซบุ๊ก ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย   บางคนก็เข้ามาให้กำลังใจและยังเชื่อมั่นในตัวลุงตู่   ต้องเข้มแข็งและเด็ดขาด เร่งรีบจัดการกบฏขายชาติให้หมด   ชอบลุงตู่มากครับ   ผลงาน 5 ปีที่ผ่านมา   ลุงตู่ออกเตรียมตัวพร้อมขนาดนี้แล้ว วันที่ 24 นี้รักใครชอบใคร…

หลังจากที่มีภาพของเด็กผู้หญิงถือกีตาร์เล่นดนตรี เพื่อรับเงินบริจาคจากประชาชน ที่เดินสัญจรผ่านไปมาบริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต กลายมาเป็นประเด็นที่ทำให้ผู้คนในท้องที่รู้สึกสงสัยกับสิ่งที่น้องทำ โดยมีการติดป้ายระบุว่าเพื่อเป็นทุนการศึกษา แต่กลับกลายเป็นว่ามาใช้บริการในร้านกาแฟชื่อดัง โดยที่ผู้เป็นแม่นั้นนั่งเล่นไอแพด นับเงินรอ จนเกิดเป็นคำถามว่าทำแบบนี้เหมาะสมหรือไม่…     ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคม 2562 บนโลกออนไลน์ต่างวิจารณ์การกระทำจากภาพที่เห็นไปต่างๆ นานา จนล่าสุดนี้ ทางนางดารินา วิชัยรัตน์ วัย 46 ปี ผู้เป็นแม่ของน้องฝาแฝด ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการทุบโต๊ะข่าว…     ระบุว่า ในช่วงแรกตนเดือดร้อนมาก เนื่องจากมีหนี้ค่าเทอมของลูกชายอยู่ 150,000 บาท ลูกสาวฝาแฝดจึงมาเล่นดนตรีเปิดหมวก ขอรับบริจาคเพื่อเป็นทุนการศึกษา ที่สถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต แม้จะขายทั้งบ้านและรถแล้ว ก็ยังไม่พอ ทำให้เรียนช้ากว่าเกณฑ์จนต้องออกมาเรียนนอกระบบ     และการออกมาเล่นดนตรีหารายได้เสริมนั้น เป็นการอาสาของลูกชายและลูกสาวฝาแฝด ซึ่งยืนยันได้ว่ามีใบอนุญาตจากสำนักงานเขต ในส่วนของเงินบริจาคที่ได้มานำไปใช้ดำรงชีพ ทั้งค่าเรียน-เรียนพิเศษ ค่ากินและค่าอยู่     ในส่วนของภาพที่ปรากฏบนโลกออนไลน์นั้น ตนยืนยันว่าไม่ได้ใช้ชีวิตติดหรูหรือฟุ่มเฟือย แต่เป็นการเข้าใช้บริการร้านค้าด้วยบัตรเงินสดที่ได้มาจากกิจกรรม โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ และการเข้าร้านกาแฟจะเป็นการใช้เงินส่วนตัวหรือเงินจากที่ลูกได้รางวัลจากการประกวด…

สำหรับสาวๆ แล้วคงจะรู้กันดีว่าในวันนั้นของเดือนหรือที่พูดกันง่ายๆ ว่า วันแดงเดือด อาการของสาวๆ แต่ละคนก็ค่อนข้างที่จะคล้ายกันคือ จะเป็นวันที่ผู้หญิงแบบเราๆ ค่อนข้างอ่อนไหว เพียงแค่คลื่นลมเพียงแผ่วเบา ยังทำให้เหน็บหนาวได้แบบนี้ ความอ่อนไหวของสาวๆ ในวันแดงเดือดนั้นพูดเลยว่าแทบจะเป็นเกือบทุกเรื่องที่เข้ามาในชีวิตช่วงนั้นเลยก็ว่าได้ แม้แต่ทะเลาะกับแมว หมาไม่เล่นด้วย หรือถ้าไม่ได้กินของที่อยากกินนะ เรื่องใหญ่ อีกหนึ่งกระทู้จากชาวพันทิปในวันนี้ เป็นเรื่องที่ถูกเผยแพร่มาจากผู้ใช้สมาชิกหมายเลข 5159979 ที่ได้มาตั้งกระทู้ปรึกษาปัญหาชีวิตคู่ กับหัวข้อที่มีชื่อว่า “ผิดไหม นอยด์แฟนหนักมาก แฟนไม่ยอมให้สั่งตำหอยแครง”     บางคนอาจจะคิดว่า แค่เรื่องตำหอยแครง ถึงกับต้องทะเลาะกับแฟนเลยเหรอ ในความเป็นจริงแล้วถ้าเป็นวันแดงเดือดของเหล่าสาวๆ แล้ว เรื่องแค่นี้ก็อาจจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเธอก็ได้นะ เธอเล่าในกระทู้เอาไว้ว่า เธอคบกับแฟนมา 2 ปีไม่เคยทะเลาะกันเลย พอดีว่าวันแดงเดือดของเจ้าของกระทู้จึงได้ชวนกันไปทานส้มตำร้านดัง ร้านค่อนข้างจะไกลแต่ขึ้นชื่อว่าอร่อย เจ้าของกระทู้อยากทานตำหอยแครงจึงสั่งไป     แต่ก็โดนแฟนเบรกเมนูนี้เนื่องจากว่า ราคามันแพงกว่าส้มตำปกติและมันจานใหญ่ กลัวทานไม่หมด พอเห็นโต๊ะอื่นๆ เขาสั่งกันหมดก็รู้สึกนอยด์แฟน จึงได้มาตั้งกระทู้สอบถามความเห็นชาวพันทิป โดยในภายหลังเธอได้เข้ามาแก้ไขข้อความเพิ่มเติมหลังจากที่ได้เคลียร์กับแฟนเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงได้ปรับความเข้าใจกันและขอโทษกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าของกระทู้ก็อธิบายในส่วนของตัวเองว่าเธออยากทานมากจริงๆ เพราะเธออาจจะไม่ได้ทานมันอีกกว่า 1 เดือนเนื่องจากต้องเข้ารับการผ่าตัด     ชาวพันทิปผู้เป็นทุกอย่างและเป็นที่พึ่งพิงของชาวพันทิปด้วยกันเองจึงได้เข้ามาให้กำลังใจและแสดงความคิดเห็นดังนี้ สั่งทานใครทานมัน…

ปัจจุบันการโพสต์อะไรลงไปในโลกโซเชียล อาจจะเกิดกระแสเป็นประเด็นได้อย่างรวดเร็วอย่างที่เราคาดไม่ถึง เพราะฉะนั้นเราควรจะคิดอะไรให้ถี่ถ้วนก่อนจะโพสต์ลงไป เช่นเดียวกับเหตุการณ์นี้ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า โน อิ ออกมาโพสต์รูปภาพ เล่าเรื่องราวเหมือนว่าเธอเป็นคุณครู และให้ฟีดแบ็คในการบ้านของนักเรียนไปว่า “ควรปรับปรุงลายมือ” ก่อนจะถูกนักเรียนเขียนกลับมาว่า “ปรับแม่-ึงสิ”     พร้อมกับเขียนแคปชั่นวิจารณ์ถึงเด็กรุ่นใหม่อย่างดุเดือดคร่าวๆ ว่า เด็กสมัยนี้หัวรุนแรง ไม่มีมารยาท สังคมสมัยนี้เปลี่ยนไป อนาคตเด็กเหล่านี้โตขึ้นไปจะเป็นอย่างไร ป.1 ก็พกไอโฟนไปโรงเรียนกันแล้ว และชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันคุณครูไม่สามารถตีเด็กได้เพราะเดี๋ยวก็จะถูกถ่ายวิดีโอโพสต์ลงให้เป็นข่าว แต่สมัยก่อนครูตีนักเรียนได้ทำให้เด็กมีระเบียบวินัย พร้อมปิดท้ายว่าเด็กก่อนยุค 90 กับเด็กรุ่นใหม่ คุณภาพต่างกัน จากนั้นก็มีชาวเน็ตมากมายเข้ามาแสดงความคิดเห็น เห็นด้วยกับคำวิจารณ์ แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วย   ชาวเน็ตที่เห็นด้วย . .   ชาวเน็ตที่ไม่เห็นด้วย . .   หลังเรื่องราวถูกแชร์ออกไปแพร่หลาย มีชาวเน็ตอีกกลุ่มได้สังเกตเห็นความผิดปกติในรูปว่า ลายมือของเด็กนักเรียนในการบ้าน ไม่เหมือนกับลายมือที่เขียนด่ากลับคุณครู ว่า “ปรับแม่-ึงสิ” แต่ไปเหมือนกับคำว่า “ควรปรับปรุงลายมือ”    ทำให้ชาวเน็ตเชื่อว่าโพสต์ดังกล่าวทำไปเพื่อสร้างกระแส เพิ่มยอดแชร์และยอดไลก์รึเปล่า? .   รูปภาพที่ชาวเน็ตจับสังเกต . .   อีกทั้งชาวเน็ตยังพบว่าโพสต์ดังกล่าวมีการถูกแก้ เพิ่มเติมคำว่า “สู้ๆนะคะเหล่าซือ…

หลังจากที่ในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2019 มีข่าวที่กลายเป็นเรื่องราวถูกแชร์และกล่าวถึงกันในโลกออนไลน์กับเรื่องราวของหนุ่มไทยที่ได้ตัดสินใจทำการุณยฆาตที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ข่าวเก่า: บันทึกเดินทางสู่จุดสุดท้ายของคุณก๊อป หนุ่มไทยผู้เลือกการุณยฆาตตัวเอง ณ สวิตเซอร์แลนด์ การุณยฆาต (Euthanasia) คือการทำให้บุคคลหรือสิ่งมีชีวิตจากโลกนี้ไปด้วยวิธีทางการแพทย์ หรือปล่อยให้เสียชีวิตไปโดยไม่ทำการรักษาต่อ     การการุณยฆาตแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ แบบ Active เป็นการรับสารเร่งให้ผู้ป่วยถึงสู่ความตายโดยเร็ว  ซึ่งยังไม่มีกฎหมายรองรับในหลายๆ ประเทศ ส่วนการการุณยฆาตแบบ Passive คือการการุณยฆาตที่ผู้ป่วยหรือญาติตัดสินใจหยุดการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยจากโลกนี้ไปอย่างสงบ   เรื่อราวต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวอีกเรื่องหนึ่งที่กำลังถูกแชร์ส่งต่อกันในโลกออนไลน์ ถูกเผยแพร่มาจากเพจ แม่บ้านแคชเมียร์ ที่ได้เล่าเรื่องของชีวิตสาวป่วยมะเร็งที่ตัดสินใจจากโลกนี้ไปด้วยวิธีที่เรียกว่า Palliative care โดยทางเพจ ได้เล่าเรื่องราวของ พี่กันย์ รสวรรณ ม่วงมิ่งสุข ที่เป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยของทางเจ้าของเพจ โดยที่เมื่อประมาณ 6-7 ปีก่อน พี่กันย์ตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะระยะที่ 4   พี่กันย์ รสวรรณ ม่วงมิ่งสุข   เจ้าของเพจติดตามเรื่องอาการมะเร็งของพี่กันย์อยู่ตลอด และทราบมาว่า พี่กันย์เริ่มใช้ชีวิตตามในแบบที่ตัวเองต้องการ ทั้งไปเที่ยวญี่ปุ่น ปฏิบัติธรรม เข้าคอร์สเตรียมตัวตาย อีกทั้งยังชวนเพื่อนและน้องๆ…

เรียกได้ว่ากลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในโลกออนไลน์ของบ้านเรา กับกรณีของเจ้าหมาตัวหนึ่งบังเอิญติดขึ้นไปบนเรือขนส่งสินค้าจากแหลมฉบังไปขึ้นฝั่งที่ฮ่องกง แต่ทว่าถูกรัฐบาลของฮ่องกงทำการการุณยฆาตไปในที่สุด ซึ่งทางรัฐบาลของฮ่องกงได้ให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องของการป้องกันการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า ทางด้านชาวเน็ตต่างก็แบ่งความคิดเห็นออกเป็นสองฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาลฮ่องกง และฝ่ายที่ประนามการการะทำดังกล่าว แต่แล้วล่าสุดเหตุการณ์ก็กลับตาลปัตร เมื่อจู่ๆ ทางฝ่ายท่าเรือก็ออกมาชี้แจงว่า ได้ทำการตรวจเช็กกล้องวงจรปิดแล้ว ไม่เห็นเจอหมาซักกะตัว!?   เรื่องราวทั้งหมดเป็นมาอย่างไร #เหมียวหง่าว สรุปมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันที่นี่ที่เดียวแล้วครับ   เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมาเจ้าหมาผู้โชคร้ายตัวนี้ติดขึ้นไปบนเรือขนส่งสินค้าที่แหลมฉบัง ต่อมาวันที่ 12 มีนาคม 2562 ช่วงเช้า เมื่อเรือจอดเทียบท่าที่ฮ่องกง เจ้าหน้าที่ท่าเรือพบตัวเข้า และได้ทำการจับตัวไปยังสถานกักกัน พร้อมกับระบุว่าให้เวลา 4 วัน หากไม่มีใครแสดงเจตจำนงค์รับเจ้าหมาตัวนี้ไปดูแล ทางรัฐบาลฮ่องกงจะทำการกำจัดทิ้งด้วยการการุณยฆาต     วันที 13 มีนาคม 2562 เวลา 00.38 น. เพจ WATCHDOG โพสต์ว่าได้ประสานกับกลุ่มอนุรักษ์สัตว์ฮ่องกงเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางกลุ่มอนุรักษ์สัตว์ของฮ่องกงจะเป็นคนพาเจ้าสุนัขตัวดังกล่าวออกมาจากสถานกักตัว ก่อนที่จะส่งตัวให้กับมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ที่เข้ามาแจ้งความจำนงว่ายินดีที่จะพาน้องกลับบ้านและรับมาดูแล     วันที่ 13…

เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ที่ถูกแชร์ต่อๆ กันในโลกออนไลน์ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2019 ผู้ใช้อินสตาแกรมชื่อบัญชี ig_rb ได้โพสต์เหตุการณ์การเกิดอุบัติเหตุที่โครงการก่อสร้างถนนเชื่อมต่อ ราชพฤกษ์-กาญจนาภิเษกเอาไว้ว่า “กองถ่าย #พยัคฆ์ร้ายสายสลับ ตั้งกองอยู่ใต้สะพานบ้านเกาะเกรียง ปทุมธานี มีรถคันหนึ่งเสียหลักพลิกตีลังกาตกคูน้ำ กระจกแตกน้ำเข้ารถอย่างรวดเร็ว โชคดีมากๆๆๆๆๆๆที่กองถ่ายอยู่ตรงนั้น แถมยังมีทีมสตั๊นท์ที่แข็งแรงและรู้วิธีช่วยที่ถูกต้อง จึงช่วยกันพลิกตะแคงรถและทุบกระจก พบคนขับบาดเจ็บและน้องหมาชิสุ 1 ตัว”   .   “กองถ่ายนำเสื้อผ้าให้ผู้บาดเจ็บเปลี่ยนแล้วเรียกกู้ภัยนำส่งรพ. ส่วนน้องหมามีอาการช็อค ตกใจ เราก็ช่วยกันอาบน้ำล้างโคลนเบื้องต้น ตอนนี้น้องหมายังอยู่กับกอง ติดต่อผู้บาดเจ็บไม่ได้ กำลังพยายามไล่โทรตามรพ.แถวนี้อยู่ ใครรู้จักติดต่อกลับมาด้วยนะคะ”   น้องหมาชิสุที่ถูกช่วยเหลือออกมา .   คุณจั๊กจั่นดูแลน้องหมาเป็นอย่างดี .   โชคดีที่กองถ่ายละครเรื่อง พยัคฆ์ร้ายสายสลับ กำลังถ่ายทำอยู่ในบริเวณนั้นพอดี ประกอบกับมีบุคลากรที่มีความรู้ในการช่วยเหลือชีวิตทำให้ผู้ประสบอุบัติเหตุปลอดภัยทั้งหมด อีกทั้งทางกองละครยังช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่น่าชื่นชมจริงๆ   ที่มา ig_rb

การรายล้อมไปด้วยผู้คนดีๆ มักจะเป็นต้นเหตุของสิ่งดีๆ ในชีวิตเสมอ เช่นเดียวกันกับการมีเพื่อนบ้านที่ดี คอยถามไถ่สารทุกข์ สุกดิบ และคอยเป็นห่วงเป็นใยกัน อย่างที่เจ้าของกระทู้ Pantip รายหนึ่งนามว่าคุณ “ลูกชายคนสุดท้อง” ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวสุดน่ารัก ระหว่างเขากับคุณเพื่อนบ้านในวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ 2562 ผ่านทางกระทู้ชื่อว่า “การได้เพื่อนบ้านดี คือสิ่งประเสริฐ…”ุ   เนื้อหาจากกระทู้โดยคุณลูกชายคนสุดท้อง .   โดยเรื่องราวเริ่มต้นจากคุณลูกชายคนสุดท้อง ได้ออกจากบ้านไปทำงานตามปกติ เพียงแต่วันนั้นเขาได้พกแบงค์ 500 ติดตัวไปด้วย 2 ใบขณะออกจากบ้าน แต่ดั๊นทำท่าไหนไม่รู้ เมื่อถึงที่ทำงานกลับไม่พบแบงค์ 500 ทั้ง 2 ใบนั้น และเขาก็ลืมไปเลยว่าเงินจำนวนหนึ่งได้หายไป จนกระทั่งเวลาเที่ยง เสียงไลน์ก็ดังขึ้น และคนที่ทักมาคือพี่ข้างบ้านที่เขารู้จักนั่นเอง พี่ข้างบ้านถ่ายรูปแบงค์ 500 จำนวน 1 ใบส่งมาให้กับเขา นั่นทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าอาจทำเงินหล่นไว้     เรียกได้ว่าช่วยกันตามหากันทั้งบ้าน   “ถ้าไม่ใช่อย่าเก็บ”   หลังจากพี่ข้างบ้านทราบว่าเจ้าของกระทู้ทำแบงค์ 500…

เมื่อคืนวันที่ 13 มีนาคม 2019 เกิดเหตุการณ์เฟซบุ๊ก-อินสตาแกรม ขัดข้อง ทำให้ผู้ใช้งานทั่วโลกไม่สามารถใช้เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมได้ตามปกติ ซึ่งทางทีมงานก็ได้ทำการเร่งมือแก้ไขให้สามารถใช้ได้ตามปกติในเวลาถัดมา เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมเป็นอีกหนึ่งโซเชียลมีเดียที่มีจำนวนผู้ใช้มากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เมื่อไหร่ที่เกิดเหตุขัดข้อง คนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือเหล่าผู้ใช้งานนั่นเอง       จากเหตุการณ์เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมล่ม ทำให้ชาวโลกออนไลน์หลายๆ คนหันไปติดตามข่าวสารในทวิตเตอร์ว่าที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น สำหรับชาวเน็ตไทยแล้วก็ติดตามกันผ่านแฮชแท็กที่มีชื่อว่า #ไอจีล่ม       โดยพื้นฐานของชาวเน็ตไทยแล้ว ไม่ว่าจะเกิดเหคุการณ์อะไรขึ้นก็สามารถจับมาเล่นมุกเรียกเสียงฮากันได้อยู่เสมอ #เหมียวบู้บี้ ก็ได้รวบรวมมุกจากแฮชแท็กนี้มาให้ดูกัน   หากคุณลองทำตามวิธีเหล่านี้ เราคือเพื่อนกัน ก่อนเข้าทวิตแล้วพบว่า #ไอจีล่ม 1กดรีเซ็ทไปกี่ครั้งนับไม่ได้เลย2เปลี่ยนเน็ต เน็ตช้าเหรอ?3สงสัยทรศ.พัง ปิดเครื่อง เปิดใหม่5ลบแอพโหลดใหม่ 6เข้าไม่ได้เลยอีสัด7เปลี่ยนไปเล่นทวิต8กู…… pic.twitter.com/cDuM1Y0ePM — บาบี้รูบี้เจน (@nwhnie91) March 14, 2019   มาร์ค: ไม่รับรู้ https://twitter.com/tiistagotsh/status/1105999273554960384   กลับมาเร็วๆ ใจจะขาดแล้ว https://twitter.com/Sorry46299607/status/1105996983326498816   ขนาดหนีไปนอน ตื่นมาแล้วก็ยังล่มอยู่เลยจ้า…

ปัจจุบันในแวดวงการเล่นเกม จะมาควบคู่กับการมีสตรีมเมอร์หรือแคสเตอร์ เล่นเกมถ่ายทอดสดให้ผู้ชมได้ชมกันสดๆ ผ่านแพลทฟอร์มต่างๆ ทั้งผ่านระบบไลฟ์ของเฟสบุ๊กหรือ Twitch ที่รองรับส่วนนี้โดยเฉพาะ ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงในวงการนี้ สตรีมเมอร์แต่ละคนจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ทว่าหนึ่งในสตรีมเมอร์สาวไทยกลับถูกกล่าวหาและโจมตีบนโลกออนไลน์ กรณีที่สตรีมจอตัวคนเล่นใหญ่เกือบครึ่งจอ วิจารณ์การแต่งตัวขณะสตรีม และพูดถึงที่มาของการมีชื่อเสียง     กรณีนี้เกิดขึ้นกับ Arisa Homgroon หรือ เดียร์ สตรีมเมอร์สาวไทยจากเพจ เดียร์ลอง ถูกโจมตีด้วยข้อความเชิงดูถูกและเหยียดหยาม ว่าการกระทำของเธอทำให้วงการเกมถูกดึงให้ต่ำลง โดยในช่วงเวลา 21.35 น. ของวันที่ 13 มีนาคม 2562 กวางได้ทำการโพสต์ชี้แจงเกี่ยวกับสิ่งที่ถูกกล่าวหา ด้วยใจความจากโพสต์ข้างต้น ระบุไว้ว่า…     “สำหรับเรื่องนี้ กวางจะขอชี้แจง 2 ประเด็นนะคะ @นอนวย ประเด็นที่ 1 กวางสตรีมในที่ของกวางค่ะ เป็นที่ที่ทุกคนเข้ามาด้วยความพอใจ ไม่ได้ไปบังคับใคร และตัวเกมพื้นที่ด้านซ้ายเป็นปุ่มกดก็ไม่จำเป็นต้องโฟกัสพื้นที่ด้านข้างมากมายนัก (ถ้าใครดูสตรีมเกม PUBG M บ่อยๆจะรู้ค่ะ) ยิ่งพอมีฉากเขียวมาเสริมด้านหลัง ก็ยิ่งทำให้ตัวกวางไม่บังเกมอีกด้วย ประเด็นที่ 2…

อีกหนึ่งเรื่องราวที่กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์จากวงการศึกษา คราวนี้เป็นเรื่องราวของครูสาวท่านหนึ่งที่ได้ออกมาโพสต์ระบายเหตุการณ์สุดพีค หลังจากถูกเด็กนักเรียนวางตะปูเจาะยางรถ วันที่ 13 มีนาคม 2019 ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Patcha Dhanasilankura  ได้โพสต์ระบายด้วยแคปชั่นพร้อมรูปภาพของตะปูตัวใหญ่ โดยบอกว่าเป็นฝีมือของนักเรียนชั้นป.5 คนหนึ่งที่ไม่พอใจเรื่องที่เธอบ่น   “ตั้งแต่เป็นครูมาสิบปี นี่เป็นเหตุการณ์ที่พีคสุดละ ขนาดสอนเด็กมัธยมมาเจอเด็กมาทุกรูปแบบ เด็กยังไม่เคยทำขนาดนี้เลย แต่นี่เด็กประถมนะ เด็กป.5 อ่ะ คิดอะไรอยู่ลู้กกก”   โพสต์ต้นฉบับ .   “ผอ. ถามว่าเจตนาเธอต้องการอะไรทำไมถึงทำกับรถครูแบบนี้ เด็กตอบว่าอยากแกล้งให้รถครูยางรั่ว เพราะครูบ่น พอผอ. ถามว่าครูบ่นเธอเรื่องอะไร เด็กกลับตอบไม่ได้ อยากรู้ว่ามีครูคนไหนในโลกนี้บ้างที่ไม่เคยดุถ้าคุณทำตามกติกา”     “เด็กสารภาพว่าเมื่อวานก็ทำแต่ครูถอยหลังเลยไม่โดน วันนี้เลยทำอีก ทำ 3 ล้อเลย เอาจริงๆนะ ทุกวันนี้แทบจะกราบ นร. ให้ส่งงานอยู่แล้ว นี่จะให้บ่นไม่ได้ ตักเตือนไม่ได้จริงๆเหรอ แอบผิดหวังอยู่นะ ที่ความหวังดีของครู จะทำให้เด็กคนนึงโกรธและแค้นครูได้ขนาดนี้ RIP ลูกฉันเป็นคนดี.”   ตะปูตัวใหญ่ที่นักเรียนใช้วางเพื่อต้องการจะเจาะยางรถครู  …

กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นดราม่าขึ้นมาอีกครั้งเกี่ยวกับเรื่องของการ Cyberbullying ในสังคมออนไลน์ของไทยอีกครั้งหลังจากเพจดังเพจหนึ่งโพสต์รูปภาพเชิงแซะหนึ่งในสมาชิกวง BNK48 มีการตั้งกระทู้โดยสมาชิกเว็บไซต์พันทิปชื่อว่า การระเบิดของน้ำในไมโครเวฟ ได้ตั้งกระทู้ประนามการกระทำของเพจดังว่ามักจะเอารูปภาพสมาชิกวง BNK48 มาโหนกระแสแล้วให้ชาวเน็ตด่าอยู่เสมอ     เจ้าของกระทู้ได้ทำการแคปภาพโพสต์ของเพจดังที่โพสต์เอาไว้ว่า “พบกับคุณไข่ ไข่มุก BNK48 ในไทยบ้านXBNK48 เข้าฉายกรกฎาคมนี้”     โดยเจ้าของกระทู้ได้กล่าวว่า เหมือนเพจดังจงใจให้เกิดกระแส เพราะโพสต์เก่าๆ มักจะมีชาวเน็ตเข้ามาถล่มคอมเมนต์อยู่เสมอ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นคอมเมนต์ด่าสมาชิกวง   โพสต์ของเพจชื่อดัง   ซึ่งจากโพสต์นี้ ดันไปตรงกับเหตุการณ์หลังจากที่ ไข่มุก หนึ่งในสมาชิกวง BNK48 โพสต์เกี่ยวกับการ Cyberbullying ที่ตนประสบพบเจออยู่ . . .   นอกจากนี้ สมาชิกเว็บพันทิปก็ได้ร่วมกันประนามการกระทำของเพจชื่อดังเพจนี้อีกด้วย . . .   ในตอนนี้เพจชื่อดังก็ได้ลบโพสต์ดังกล่าวออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องแถลงการขอโทษจากทางเพจจะเป็นอย่างไรก็ต้องมาติดตามกันต่อไป   อัปเดต: 13 มีนาคม 17.55 น. เพจ Major Group…

เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 62 จากรายงานของเรื่องเล่าเช้านี้ ได้เผยว่ามีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นที่ บ้านของนายอรุณ หนูรอด ผู้อาศัยอยู่ที่ ต.นาโหนด อ.เมืองพัทลุง เหตุเกิดจากต้นสะตอที่นายอรุณปลูกไว้ มีน้ำไหลออกมาเหมือนกับฝนลงเม็ด ตกลงมาตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค. 62 โดยไม่ทราบที่มาว่าเกิดจากอะไร ชาวบ้านจึงเชื่อว่านี่คือน้ำศักดิ์สิทธิ์ และมาไหว้ขอพรต้นสะตอ อีกทั้งชาวบ้านยังแห่นำภาชนะมารองน้ำเพื่อนำไปดื่ม เชื่อว่าน้ำดังกล่าวช่วยให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ     ต้นสะตอดังกล่าว   หนึ่งในนั้นคือหลานสาวของคุณยายวัย 86 ปี ที่เป็นโรคนอนติดเตียง แต่เมื่อได้ดื่มน้ำดังกล่าวคุณยายก็สามารถลุกขึ้นมาได้     หลังข่าวออกมา นายพงศ์เทพ ประทุมสุวรรณ นายอำเภอเมืองพัทลุง ได้ออกมาแจ้งว่าสำนักงานสาธารณสุขได้เก็บตัวอย่างน้ำไปพิสูจน์แล้ว แต่ผลการตรวจยังไม่ออกมา และขอร้องให้ชาวบ้านอย่าเพิ่งนำน้ำไปดื่ม     ถัดมาในวันที่ 8 ก.พ. 62 ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ ได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านนายอรุณอีกครั้งในเวลากลางวัน เพื่อหาสาเหตุที่มาของน้ำปริศนา และก็ได้พบว่า ที่แท้ก็คือ ‘ฉี่จักจั่น’      ในวันเดียวกันรายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่องอมรินทร์ทีวี ได้รายงานว่า นายอำเภอเมืองพัทลุงออกมาแจ้งว่า…

ปัญหางานบวชยังเป็นประเด็นต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 62 ที่ผ่านมา มีนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กบอกเล่าถึงมลพิษทางเสียงที่ดังมาจากงานบวช ในบริเวณหลังมอที่มีชื่อเรียกว่าเขตเชียงราก ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Nantachai Yuennan เผยว่าชุมชนใกล้เคียงเปิดเพลงดังมากถึงกับได้ยินชัดเจนแม้จะอยู่ในหอพัก เปิดตั้งแต่ 9 โมงเช้า สืบทราบมาว่าดังมาจากงานบวช และน่าจะจัดยาวไปจนถึงวันที่ 4 มี.ค 62     ด้วยความที่ม.ธรรมศาสตร์ใกล้จะเข้าช่วงสอบมิดเทอม นักศึกษาหลายคนจึงไม่พอใจที่เสียงดังรบกวนจนไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ ก็เข้ามาคอมเมนท์เห็นด้วยกับโพสต์ต้นทาง หลังผ่านไปสักพัก ทางด้านฝ่ายงานบวช เมื่อทราบว่าถูกนักศึกษาต่อว่า ก็ได้รวบรวมพรรคพวกเข้ามาคอมเมนท์โจมตีโพสต์ต้นทางอย่างหนัก   . .   บ้างก็คอมเมนท์ในเชิงข่มขู่และเหยียดเพศ   . . .   หลังเกิดการประทะกันระหว่างฝั่งงานบวชและฝั่งนักศึกษา จึงเกิดแฮชแท็ก #SaveChiangrak ขึ้นมาในโลกโซเชียล   สรุปเหตุการณ์จากคุณ @smookauei อะก่อนนอน ไหนๆแท๊กติดเทรนเลยขอสรุปให้ กลัวชาวเน็ตงงดิฉันจะสรุปให้ ใครอยากรู้ละเอียดอยากเสพย์คอมเมนต์ขำๆจากชาวเน็ตคุณภาพลองตามหาอ่านดูเองจ้ะ #SaveChiangrak pic.twitter.com/aeztEE0WsG — Perlapearl…