Category: สยามเมืองยิ้ม

ตามข่าวประเทศไทย เราจะเห็นได้ว่ามีเรื่องของสามีภรรยาหรือคู่รักตบตีทะเลาะกันโดยไม่เว้นแต่ละวัน โดยที่ปัจจัยอาจจะมีหลายสาเหตุ แต่สาเหตุหลักๆ คงไม่พ้นเรื่องของชู้รักหรือมือที่สาม อย่างกรณีที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งของกรณีการนอกใจ ซึ่งฝ่ายที่ถูกนอกใจก็ย่อมที่จะเจ็บแค้นเคืองโกรธกันเป็นธรรมดา แต่คราวนี้ฝ่ายภรรยาไม่รอให้เวรกรรมตามทัน สะสมความแค้นและซิ่งรถพุ่งเข้าใส่ฝ่ายสามีผู้นอกใจเต็มๆ ท่ามกลางความตกใจของชาวบ้านแถวนั้น      ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ธวัชชัย ชนะพล ได้อัปโหลดวิดีโอพร้อมกับคำอธิบายว่า “เหตุเกิดที่หน้ายิมผมเองครับ… ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราจะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุคืออะไร แต่สิ่งที่ผมเห็นต่อหน้าคือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันถูกทำร้าย อย่าดูอย่านิ่งเฉยเพราะเราไม่รู้ว่า ถ้าเหตุการณ์มันจะจบยังไง ถ้ามันโหดร้ายถึงขั้นเกิดการสูญเสีย คุณจะเสียใจมากที่อยู่ในเหตุการณ์แล้วไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย“ จากในวิดีโอจะแสดงให้เราเห็นว่ามีชายคนหนึ่งได้ถูกรถเก๋งพุ่งเข้าชนเต็มๆ จากข้างหลัง ด้วยความรุนแรงทำให้เขาต้องล้มไปนอนนิ่งอยู่กับพื้น ฝ่ายผู้โพสต์ก็ตกใจว่าทำไมต้องขับชนกันแบบนี้ แถมยังไม่ยอมลงมาดูคนเจ็บด้วยจึงได้วิ่งเข้าไปเปิดประตูเพื่อเรียกให้ลงมาดูคนเจ็บ แต่ก็ผู้หญิงในรถก็ตอบว่า “ผัวหนู มันมีเมียน้อย” หลังจากที่ผู้โพสต์ได้อัปโหลดวิดีโอลงในโซเชียลมีเดีย ชาวเน็ตก็เข้ามาแสดงความเห็นที่คิดต่างกันออกไป   บางคนก็คิดว่า คนแบบนี้มันต้องเจอแบบนี้   บางคนก็ว่าการกระทำครั้งนี้โหดร้ายมากๆ   คนตะลึงกับการกระทำของเธอก็มี   ไม่สงสารลูกบ้างเลยเหรอ รู้ว่าโกรธ แต่ไม่น่ามาทำแบบนี้ต่อหน้าลูกเลย   สุดท้ายนี้เหตุการณ์นี้จะจบลงอย่างเรา เราก็คงต้องติดตามกันต่อไป   ที่มา ธวัชชัย…

ในช่วงที่ผ่านมา หลายๆ คนอาจเคยเห็นคลิปวิดีโอของคุณครูท่านหนึ่ง ที่ออกมาพร้อมกับชุดข้าราชการและกำลังโซโล่เพลงแนวอีโมอย่างเมามันจนกลายเป็นกระแสดังบนโลกออนไลน์เลยก็ว่าได้ เสียงกีตาร์อันแสบดากของคุณครูที่เราได้ยินนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือเสียงกีตาร์จากครูน้อย คุณครูกิตติชัย พันธมาศ ครูสอนวิชาศิลปะดนตรีและนาฎศิลป์ จากโรงเรียนวัดลาดประทุมคงคาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้นี้นี่เอง และในวันนี้ก็ถือเป็นโอกาสดีเราได้สัมภาษณ์แบบเจาะลึกกับคุณครูดูอี้ ฟินน์ เอ้ย!! คุณครูน้อย เกี่ยวกับเรื่องราวของดนตรี และแรงบันดาลใจที่ทำตั้งใจจะนำดนตรีเข้าไปอยู่ในใจของเหล่าเด็กๆ     คุณครูน้อยเล่าให้เราฟังว่า ความชื่นชอบในดนตรีของเขานั้นเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตอนอายุ 7-8 ขวบ หลังจากที่พี่ชายซึ่งเล่นดนตรี ได้แนะนำให้รู้จักกับวงร็อกชื่อดังประจำยุค 80’s ไม่ว่าจะเป็นคณะ UFO, Scorepion, Deep Purple ก่อนที่จะเริ่มฝึกเล่นดนตรีตอนม. 5 กับเพลงแรก “ตลอดเวลา พงษ์สิทธิ์ คำภีร์” “เราชื่นชอบดนตรีหนักๆ แต่เราหัดเล่นเพลงแนวนี้เพราะชอบวลี ทำนองมันอ่อนหวานครับ” คุณครูน้อยให้สัมภาษณ์ หลังจากที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฎกำแพงเพชร คุณครูน้อยของเราก็เริ่มต้นเส้นทางการสอนที่โรงเรียน กศน. และมาถึงถึงโรงเรียนวัดลาดประทุมคงคาราม ในปัจจุบัน     แม้ว่าจุดเริ่มต้นเพลงที่หัดเล่นนั้นอาจจะห่างไกลจากแนวเพลงในคลิปวิดีโอที่เราเห็นกัน แต่ครูน้อยเล่าว่าเขาเริ่มหลงรักดนตรีแนวอีโมร็อกหลังจากที่ได้ฟังมัน “ผมฟังดนตรีหลายแนวครับตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย  เมื่อก่อนก็ชอบ X-Japan อะไรพวกเนี๊ยะครับ เล่นศึกษาไปหลายๆ แนว แต่มาชอบอีโมร็อกจริงๆ…

เมื่อวานนี้ (22 ก.ค. 2018) ได้มีเรื่องราวที่ถูกพูดถึงกันอย่างหนัก เมื่อเจ้าสาวคนหนึ่งออกมาเล่าทั้งน้ำตากลางงานแต่งของตัวเอง หลังจากที่เจ้าบ่าวหนีหายไปก่อนถึงวันงานเพียงแค่ 1 วัน อ่านข่าวเก่าได้ที่ลิงก์: เจ้าสาวกล่าวปิดงานแต่งทั้งน้ำตา เหตุเจ้าบ่าวชิ่งหนี ปล่อยให้เธอมางานแต่งงานคนเดียว… แต่ล่าสุดทางฝ่าย เจ้าบ่าววัย 18 ปี ที่หายตัวไปนั้น ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทางสื่อมวลชน เล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด และเหตุผลที่ตนหนีหายไป   การสัมภาษณ์ที่เกิดขึ้น   #เหมียวตะปู จึงได้สรุปใจความสำคัญของการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ ออกมาเป็น 5 ข้อดังต่อไปนี้ 1. ทั้ง 2 รู้จักกันครั้งแรกผ่านเฟซบุ๊ก ประมาณ 2 เดือนก่อนงานแต่งงาน โดนฝ่ายหญิงเป็นคนส่งคำขอเพิ่มเพื่อนมา เมื่อฝ่ายชายเห็นว่าน่ารักดีจึงกดรับเอาไว้และเริ่มพูดคุยกันหลังจากนั้น 2. พูดคุยกันได้อยู่ 1 สัปดาห์ ฝ่ายชายได้ขอนัดไปกินข้าวเย็น แล้วไปเที่ยวสถานบันเทิงด้วยกันต่อ หลังจากนั้นก็ได้มีอะไรกัน โดยฝ่ายชายยืนยันว่าทำไปครั้งเดียว และสวมใส่ถุงยางอนามัยป้องกันไว้แล้ว 3. ผ่านไป 1 สัปดาห์ ฝ่ายชายก็เริ่มตีตัวออกห่าง ส่วนหนึ่งเพราะว่าตนเองมีแฟนสาวที่คบหาดูใจกันอยู่แล้ว ทำให้เขาและฝ่ายหญิงจะได้คุยกันแค่นานๆ ครั้งเท่านั้น จนกระทั่งฝ่ายหญิงติดต่อกลับมาและบอกว่าตนเองท้อง…

สัตว์เลี้ยงที่มนุษย์นี้นิยมเลี้ยงกันแล้วใหญ่ๆ ก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด นั่นคือสุนัขกับแมวเหมียว ซึ่งเจ้าสัตว์ทั้งสองนี้ก็มีนิสัยและพฤติกรรมที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว เจ้าหมาก็จะดี๊ด๊าออดอ้อนเจ้าของอยู่ตลอดเวลา ส่วนจะเหมียวน่ะเหรอ มันก็มักจะนอนหลับอยู่ตลอดเวลาเลยล่ะ แล้วเราจะรู้ได้ไงล่ะว่าใครเลี้ยงหมาหรือเลี้ยงแมว การแยกคนเลี้ยงหมาอาจจะยากหน่อย แต่สำหรับคนเลี้ยงแมวนั้นดูออกง่ายๆ เพราะมันต้องมีขนแมวติดตามเสื้อผ้าอย่างแน่นอน และเรื่องของขนแมวนี่แหละที่เราจะนำมากล่าวถึงในวันนี้ ปกติแล้วคนเลี้ยงแมวจะรู้ดีว่าขนของเจ้าเหมียวมันหลุดออกมาบ่อยมากๆ หลุดทีเป็นกระจุก ทำให้เราต้องมาเหนื่อยเก็บกวาดอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุดได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @SAILOR_SOLE ได้แชร์ว่ามีคนหัวใส ปิ๊งไอเดียเอาขนแมวมาขายในเว็บชอปปิงออนไลน์เสียอย่างนั้น ได้หรอวะมึง แกล้งว่ารักสัตว์เพื่อคุยกับคนที่แอบชอบ55555 #ไว้รีวิวห้ามขายของโว้ยย #ShopeeTH #HowtoPerfect pic.twitter.com/cIVlUWyEHE — เซเลอร์มูน🌛 (@sailorsole) July 20, 2018   อู้วหูวววว พีคขนาดจนคนแชร์ต่อกันขนาดนี้… ทางเราจึงไม่รอช้าตามดูให้เห็นกับตา ว่ามันมีจริงๆ มั้ยร้านขายขนแมวเนี่ย   ขุ่นพระ!! มันมีอยู่จริงงงงงง!!   ขายขนแมวว่าพีคแล้ว แต่รายละเอียดสินค้าจัดว่าพีคกว่าค่ะคุณขา… “อาจจะนำสินค้าไปใช้ติดตามเสื้อผ้า เพื่อแสร้งว่าเป็นคนรักสัตว์ เพื่อหาเรื่องคุยกับคนที่แอบชอบ”   มีให้เลือกสีขนด้วยนะ ใครใคร่แมวส้มก็ซื้อขนของเจ้าตัวนี้ไป   ส่วนใครชอบสีทึบๆ หน่อยต้องมาอุดหนุนเจ้าตัวนี้เลยจ้า   หลังที่ได้มีการโพสต์ภาพของร้านขายขนแมวลงไปในโลกออนไลน์…

ก่อนหน้าที่บ้านเมืองของเราจะพัฒนาสู่ยุคโลกาภิวัตน์ ที่อะไรต่อมิอะไรช่างรวดเร็วเฉกเช่นทุกวันนี้ หลายๆ คนคงจะจำบรรยากาศในสมัยก่อนได้ดีว่ามีความสุขมากขนาดไหน แม้ว่าในตอนนั้นจะไม่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเหมือนดั่งทุกวันนี้ เดินไปตลาดกับแม่ เล่นกับเพื่อนๆ แถวบ้านด้วยการละเล่นอย่างดีดลูกแก้ว กินนมเย็นที่ร้านกาแฟโบราณ ยืนจิบโค้กที่ร้านขายของชำ บรรยากาศเหล่านี้เป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่งในปัจจุบัน แต่ถึงอย่างไรแล้วนี่ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่อยู่ในวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมที่ใครหลายคนอยากย้อนเวลากลับไป และนี่คือภาพส่วนหนึ่งที่ทางเพจ เด็กบ้านสวน ได้วาดออกมาสะท้อนให้เห็นว่าบรรยากาศ ณ เวลานั้นเป็นอย่างไร และมั่นใจได้เลยว่าเมื่อใครๆ ต่างได้เห็นภาพเช่นนี้จะต้องคิดถึงอดีตอันหอมหวานอย่างแน่นอน ว่าในตอนนั้นมันสุขใจขนาดไหนกัน…   ‘สภากาแฟ’ จุดรวมตัวของแทบจะทุกเพศทุกวัยในหมู่บ้าน   ยืนจิบน้ำแบบชิลๆ หน้าร้านขายของชำ   สภาพปากท้องตลาดที่เรามักจะเดินไปเที่ยวเล่นอยู่บ่อยๆ   ขนมนมเนยต่างๆ ช่างยั่วตายวนใจดีจริงๆ   น้ำแข็งไสหวานเย็นที่เด็กๆ ชอบกินกัน   มีงานวัดทีก็จะมีลิเก หรือหนังกลางแปลงให้ดูกัน   ต้องรีบวิ่งกลับบ้านเพราะสองข้างทางมีไฟไม่สว่างนัก   ยืนฉี่ที่ชานบ้านแบบไม่ต้องอายใคร (แต่แม่เห็นนี่ตบคว่ำเลยนะ)   ใช้เวลาร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา   ยายรีดผ้าให้โดยใช้เตารีดแบบโบราณ (หนักจริงๆ อันนี้)   ยังไม่มีของเล่นอะไรให้เล่นมากนัก ต้องเล่นกับแมลงกับธรรมชาติไปก่อน   วันพระทีก็หิ้วปิ่นโตกันไปถวายพระกันอย่างเนืองแน่น   ไล่จับปลามาแกงกินกันอย่างสนุกสนาน…

โชคชะตาบางครั้งอาจจะเป็นเหมือนกับสิ่งที่วิ่งสวนทางกับชีวิตของเรา หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าทำไมนะทำไม เจ้าความโชคดีมักจะไม่ค่อยจอดรับเรา ทำตัวเหมือนกับแท็กซีรีบไปเติมแก๊สซะอย่างนั้น แถมบางช่วงยังไม่พอ เจอความซวยเอาแบบรัวๆ ซะอีก เรียกว่าไม่ต้องขอฉันก็จะทำให้กันเลยทีเดียว อันที่จริงเรื่องแบบนี้ก็ไม่เข้าใครออกใครหรอกนะว่าไหม?? ฮ่าๆ คุณชา หญิงสาวรายหนึ่งได้เล่าเรื่องราวที่เผชิญมากับตัวเองในช่วงต้นปีที่ผ่านมาทางเฟซบุ๊ก ทำเอาหลายๆ คนที่มักจะดวงไม่ค่อยดี ได้รู้ว่าตอนนี้คุณเองก็ไม่ได้อ้างว้าง   เธอเล่าให้เราฟังว่าจริงๆ แล้วตัวเธอเองนั้นเป็นคนที่โชคไม่ค่อยดีอยู่แล้ว แถมยังเป็นคนที่ไม่ค่อยถูกโรคกับจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย!! “จริงๆ เราเป็นคนโชคไม่ค่อยดี พีคสุดน่าจะรถคว่ำ ที่เชียงใหม่ สามสี่ปีก่อน เป็นทริปที่จะไปเชียงใหม่แล้วลงใต้ต่อเลย ก็คือทริปลากยาวเลย ปรากฏว่าถึงเชียงใหม่ได้สองสามชั่วโมง จังหวะรอเพื่อนอีกกรุ๊ปที่ยังไม่ถึงเชียงใหม่ เราก็ไปขับรถเล่นขึ้นดอยปรากฏรถคว่ำ เข่าฉีก ต้องนั่งรถกระบะลงมาผ่านหลายรพ.มากแผลใหญ่เขาไม่รับเย็บจนต้องนั่งเข้าตัวเมืองมาเย็บแผล แพลนทริปล่มหมดเลย เราต้องกลับกทม แต่เพื่อนอยู่เที่ยวต่อนะ ตั๋วบินก็ต้องซื้อเดี๋ยวนั้นก็แพงมาก แล้วก็ต้องทิ้งทุกอย่างที่จ่ายเงินไปแล้ว รวมถึงทริปที่จะลงใต้ด้วย….สรุปรวมๆ รถคว่ำที่เชียงใหม่รวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างตกๆ เกือบแสน เข้าเฝือกบำบัดอยู่เกือบครึ่งปี “     ถึงแม้ว่าความโชคร้ายครั้งใหญ่ของเธอจะผ่านไปกว่า 3 ปีแล้ว แต่ดูเหมือนเธอยังต้องเจอหน้ามันอยู่เรื่อยๆ (ไม่แน่ อาจเป็นเพราะไม้เท้าที่เจ้าของโฮสเทลมอบให้เธอไว้ก็ได้ ฮ่าๆ ) คุณชาเล่าว่าเธอกลับมาโชคร้ายหนักอีกครั้งในช่วงต้นปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น ตกเครื่อง…

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเพลงที่ฮอตฮิตซะเหลือเกินในศักราชนี้สำหรับเพลง DDU-DU DDU-DU ของวง Blackpink ที่ไม่ว่าหันไปทางก็ต้องได้ยินกันทั้งตลอดๆ และด้วยความน่ารักของน้องๆ วงนี้ก็เป็นธรรมดาที่จะมีแฟนคลับชาว Blink (ศัพท์ที่ใช้เรียกแฟนคลับวงนี้) อย่างมากมาย แถมในประเทศไทยก็ไม่ใช่น้อยๆ ด้วย แต่ที่เป็นที่ฮือฮากันอยู่ช่วงหนึ่งก็คือความที่ คุณ โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร ได้ประกาศตัวเอาไว้ว่าเขาก็เป็นหนึ่งใน Blink เช่นเดียวกัน และล่าสุดดูเหมือนกับว่าคุณโอ๊คจะหาทางไปเจอะเจอกับศิลปินในดวงใจของเขาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม!!     โดยในเริ่มแรกนั้นคุณโอ๊คได้ทวีตตั้งรับสิ่งของที่เกี่ยวกับ Blackpink ว่าใครมีอะไรมาขายช่วยเอามา reply ไว้ใต้ทวีตนี้หน่อย เพราะเขานั้นไม่รู้ว่าสิ่งของพวกนี้ต้องซื้ออะไรที่ไหนยังไงนั่นเอง   blink ครับ ใครมีของอะไรเกี่ยวกับ #blackpink อยากขายรบกวน reply ไว้ใต้ทวิตนี้ได้เลยครับ ผมไม่ทราบเค้าหาซื้อกันที่ไหน สองอาทิตย์ก่อนสั่งบั้มได้บง อาทิตย์นี้จะสั่งบั้มใหม่ได้บงจิ๋ว ผมงงไปหมดละครับ 😅😅 — Oak Panthongtae (@oak_ptt) July 20, 2018   แต่ทันใดนั้นเองก็มีแสงจุดประกายความหวังของคุณโอ๊คให้สว่างไสวขึ้นมา เมื่อมีคนมาบอกว่าน้อง Lisa สาวไทยหนึ่งในสมาชิกวง Blackpink จะมาปรากฏตัวในงานอีเวนท์หนึ่งของทาง EVEANDBOY งานนี้เลยมีหรือที่จะพลาดกันได้ รีบถามไถ่ใหญ่ว่าต้องทำอะไร ยังไงบ้าง…  …

Ear Pit หรือรูเล็กๆ ที่ปรากฏอยู่ตรงส่วนบนของหูเป็นอีกสิ่งที่น่าสงสัยของมนุษย์ ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่จะเกิดมามีเจ้ารูเล็กๆ นี้ อาจจะเป็น 1 ใน 100 เลยก็ว่าได้ แต่เจ้ารูน้อยๆ นี้ ไม่ได้ทำให้ร่างกายเกิดอันตรายแต่อย่างใด เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องของการเตือนคนที่มี Ear Pit โดยผู้ใช้เว็บไซต์พันทิป หมายเลขสมาชิก 3718555 เริ่มจากที่ จขกท. ได้มาเล่าประสบการณ์ของตัวเอง คือตั้งแต่จำความได้ก็มีรู Ear Pit อยู่ข้างซ้าย 1 รู 24 ปี ที่มีมาเจ้ารูนี้ไม่เคยสร้างปัญหาให้กับเธอเลยแม้แต่น้อย   ****คำเตือน บทความนี้มีภาพประกอบที่อาจจะทำให้รู้สึกสยองได้  “เตือนแล้วนะ” (เสียงเชฟป้อม)****     จนกระทั่งวันหนึ่งจขกท. เริ่มปวดและเจ็บบริเวณรู Ear Pit ปวดได้ประมาณ 2-3 วันก็เริ่มหนักขึ้นจนแทบนอนตะแคงด้านซ้ายไม่ได้เลย   ผ่านไปอีก 3 วันเริ่มเจ็บและปวดมากขึ้น ปวดแบบหนึบๆ ผิดปกติ จขกท.เลยไปหาหมอเพื่อตรวจ หมอวินิจฉัยว่าอาจจะเป็นซีสต์ที่หูพร้อมให้ยาฆ่าเชื้อและยาลดบวมมา ถ้าหากกินยาแล้วยังบวมอยู่ต้องผ่าตัดเอาก้อนซีสต์นี้ออก…

เรียกได้ว่าปกติแล้วถ้าหากเราเปิดดูรายการ ‘ใต้โต๊ะทำงาน’ เราก็จะเห็นหน้าของคู่หูดีเจเผือกกับดีเจอาร์ต กันจนเบื่อกันไปข้าง แต่ว่าตอนนี้ลืมหน้าพวกเขากันไปก่อนเมื่อเจอหน้าของนักศึกษาฝึกงานแห่งรายการนี้!! เรียกได้ว่าเป็นความน่ารักในแบบที่ใครเห็นแล้วก็ต้องกระชุ่มกระชวย เพราะอย่างนี้แล้ว #เหมียวจิวยี่ เลยอยากแนะนำให้รู้จักกับนักศึกษาฝึกงานหน้าใสทั้งสองที่ใครเห็นเป็นต้องละลาย นั่นคือน้องสิรามณี และน้องศุภธิดา นั่นเอง!! เอาเป็นว่าไม่ต้องเสียเวลาพูดพร่ำทำเพลง ไปดูมุมน่ารักๆ สดใสของน้องๆ กันดีกว่าแล้วอย่าลืมส่งใจช่วยให้น้องทั้งสองผ่านการฝึกงานจากรายการนี้กันด้วยนะ และหวังว่าทั้งสองเจได เอ๊ย ดีเจจะไม่แกล้งน้องๆ ด้วยความเป็นห่วง…   อ่ะๆ น้องสิรามณีอย่าทำหน้าอย่างนี้สิ จะละลายแล้วว   อากาศที่ว่าแย่ๆ ยังดูสดใสขึ้นเลย   ยิ่งใกล้ยิ่งใจสั่น…   ใส่แว่นแบ๊วๆ ก็ไม่มีตาย   หัวเราะอะไรเบอร์นั้นล่ะลูกศุภธิดาเอ๋ย   อ่ะ ตั้ลล้ากก   ตอบ #เหมียวจิวยี่ อยู่ใช่ไหมล่ะ   แจกความสดใสซะโหน่ย   อ่ะๆ เดี๋ยวจะหาว่าใจร้ายว่าทำไมรูปมีแค่นี้ เอาเป็นว่าเราขอทดแทนด้วยการเปิดวาร์ปให้แทนละกัน จะได้ดูกันจนเป็นโรคหัวใจกันไปเล้ย!! IG น้องศุภธิดา >> Pkvicx IG น้องสิรามณี >> Siraaung  …

จะเป็นอย่างไรถ้าหากวันดีๆ ของคุณต้องพังทะลายไปกับปัญหาเรื่องการสัญจรไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าเสีย รถแน่นเกิน หรือรถมาช้ากว่าเวลา มันก็คงจะเป็นอะไรที่ทำให้อารมณ์อันแสนจะวิเศษของเรามลายหายไปทันตาเห็นเลยใช่ไหมล่ะ แต่ถ้าเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณชินชาจนเอือมระอาไปแล้วล่ะก็ ลองมาเจอเหตุการณ์แบบสาวคนนี้ดูแล้วรับรองว่าคุณจะต้องเข็ดขยาดไปอีกนานเลยทีเดียว เพราะใครจะไปคิดว่าบนรถไฟฟ้า BTS จะมีคนมา ‘ขรี้’ ทิ้งเอาไว้บนที่นั่งซะอย่างอย่างนั้น…     แค่คิดก็เห็นภาพแล้วใช่ไหมล่ะ โดยนี่เป็นเรื่องราวที่คุณ Nidtayaporn Songsri ได้นำมาแบ่งปันให้กับสังคมได้รับรู้ถึงเรื่องชวนอ้วกดังกล่าว โดยเธอได้โพสต์ภาพของ ‘ขรี้’ ก้อนเต็มๆ ที่ขนาดแค่ดูก็ยังเวียนหัวแล้ว พร้อมกับใส่แคปชั่นภาพเอาไว้ว่า “…เช้าวันศุกร์ที่สดใส สงสารชีวิตที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ #คนขี้บนบีทีเอส พี่จะขี้ละหนีลงไปแบบนี้ไม่ได้นะคะ ชาวบ้านเดือดร้อน”   สภาพที่ผู้โดยสารต้องปิดจมูกทนเหม็นกัน   ทั้งนี้ทางสาวเจ้าของโพสต์ก็ได้อธิบายถึงเหตุการณ์เพิ่มเติมว่า คนที่มากระทำอุจาดทิ้งไว้อย่างที่เห็นนี้เป็นผู้ใหญ่วัยกลางคนคนหนึ่งที่แต่งตัวดูดี และลงที่สถานีพระโขนงด้วย   เลขรถ…จะเอาไปทำอะไรดีน้า   แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่แสนจะพิลึกพิลั่นเช่นนี้ ก็ต้องมีความเห็นจากชาวเน็ตเข้ามาอย่างถาโถม โดยบางคนก็มองโลกในแง่ดีว่าเค้าอาจจะมีปัญหาด้านสุขภาพ หรือว่าปวดท้องจนทนไม่ไหวก็เป็นได้…   . .   ที่มา: Nidtayaporn Songsri

เข้าสู่ช่วงของการเข้าปีการศึกษาใหม่ในแต่ละมหาวิทยาลัย สิ่งหนึ่งที่ตกเป็นข่าวในทุกๆ  ปีนั่นก็คือเรื่องของ การรับน้อง ซึ่งยังคงเป็นธรรมเนียมที่บางมหาวิทยาลัยยังคงยึดถือและปฏิบัติ เพื่อให้นักศึกษารุ่นใหม่ได้เข้าร่วมกิจกรรม ทำความรู้จักรุ่นพี่และมหาวิทยาลัย แต่ก็มักจะมีข่าวเรื่องของการรับน้องแบบรุนแรงออกมาให้เห็นอยู่เสมอ     เรื่องต่อไปนี้กำลังกลายเป็นกระแสสังคมและถูกวิพากษ์วิจารณ์ ณ ขณะนี้ โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Rungroj Khwunkomol ได้โพสต์เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับหลานชายเอาไว้ว่า “เรียน เพื่อน ๆ ทุกคน ข้อความนี้อยาก ให้ทุกคนช่วยแชร์ค่ะ หลานชายรุ่งโดนรุ่นพี่คณะวิทยาศาสตร์ สาขาการออกแบบผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ‘ต่อยจนม้ามแตก’ โดยให้เหตุผลต่อการกระทำอันชั่วช้าเพียงเพราะว่า ดูแลรุ่นน้องไม่ดี เพื่อนหลานรุ่งประมาณ 20 คน ก็โดนต่อยเช่นกัน ความโชคร้ายเล่นตลกตกที่หลานรุ่งถึงขนาดม้ามแตก ต้องตัดม้ามทิ้ง ตอนนี้ยังอยู่ ICU ใส่เครื่องช่วยหายใจ มันคือ พยายามฆ่า เหตุการณ์นี้รุ่งได้แจ้งทางสถาบันให้รับทราบว่าทางเราจะดำเนินการให้ถึงที่สุด ทางรุ่งได้สอบถามรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงทำให้ทราบตัวผู้กระทำความผิดและต้องการให้เพื่อนๆ ช่วยแชร์กันออกไปให้คนที่กระทำความผิดได้รับโทษ ให้เหตุการณ์นี้ไม่เงียบหายไป คนทำผิดเขาสมควรได้รับบทลงโทษที่เขาได้กระทำ พ่อแม่จะรู้ไหมส่งลูกมาเรียนแต่ต้องมาโดนคนพวกนี้ทำร้ายร่างกาย อย่าให้ลูกหลานเราโดนคนเหล่านี้ที่เป็นเห็บหมัดในสังคมมาทำร้ายร่างกายและคุกคามจิตใจลูกหลานเรานะคะ การศึกษา ครอบครัว สังคมไม่สามารถขัดเกลาจิตใจคนเหล่านี้ มันเกินเยียวยา เหตุการณ์วันที่ 19 กรกฎาคม 2561…

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจช่วยเหลือนักฟุตบอลทีมหมูป่าพร้อมโค้ชออกมาจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนที่กลายเป็นภารกิจโด่งดังระดับโลก ผู้ที่ติดตามข่าวทั้งในไทยและทั่วโลกต่างก็ดีใจที่ทั้ง 13 ชีวิตรอดชีวิตและออกมาอย่างปลอดภัย เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมาได้มีการจัดแถลงข่าว พาหมูป่ากลับบ้าน หลังจากที่ทุกคนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลมานานหลายวันจนอาการปลอดภัยแล้วก็ได้มีการออกมาแถลงข่าวเพื่อปิดภารกิจนี้ James Longman ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว ABC  ขวัญใจสาวๆ ชาวไทย ก็ได้มาติดตามรายงานข่าวนี้เช่นเดียวกัน     James เป็นผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศสำนักแรกๆ ที่เข้ามาทำข่าวเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือทีมหมูป่า จากการที่ได้มาประจำการรายงานข่าวชั่วคราวที่ประเทศไทย คุณนักข่าวท่านนี้ก็ได้หลงใหลมนต์เสน่ห์ของเมืองไทยไปซะแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่ James ตกหลุมรักเมืองไทยเพียงอย่างเดียว สาวๆ ชาวไทยหลายคนก็ต่างสมัครใจเป็นแฟนคลับคุณนักข่าวท่านนี้ด้วย เนื่องจากความประทับใจที่เขาไปรายงานข่าวกลางไร่สับปะรด จนได้รับฉายาจากชาวไทยว่า Mr.Pineapple หรือนายสับปะรดไปโดยปริยาย     มีแฟนคลับชาวไทยด้วยนะ ของขวัญเป็นพายสับปะรด   ไร่สับปะรดคอยรัก   ล่าสุด James กลับมาทำข่าวเรื่องน้องๆ ทีมหมูป่าอีกครั้งเพื่อรายงานข่าวให้คนทั้งโลกรู้ว่า น้องๆ ปลอดภัยดี พร้อมกลับบ้านแล้ว   ไปเยี่ยมน้องๆ พร้อมมอบของขวัญให้ด้วย   สัมภาษณ์พี่หมอภาคย์ อร๊ายยยย   และการมาเยือนเมืองไทยอีกครั้งเขาได้ลิ้มลองอาหารเช้าของชาวไทย เมนูข้าวเหนียวหมูปิ้งนั่นเอง…

ช่วงสองสามเดือนก่อนจะมีอยู่ข่าวหนึ่งที่เป็นกระแสโด่งดังไปทั่วไทย นั่นคือข่าวของ “หมู่บ้านป่าแหว่ง” หมู่บ้านที่มีตัดต้นไม้บริเวณป่าของดอยสุเทพและนำพื้นที่ไปสร้างบ้านพักให้แก่ข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ซึ่งเมื่อประชาชนคนไทยได้ทราบเรื่องนี้ต่างก็ไม่พอใจกันเป็นอย่างมาก และแม้ว่าก่อนหน้านี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะได้ออกคำสั่งห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปพักอาศัยที่หมู่บ้านดังกล่าว แต่ก็ได้มีรูปหลุดออกมาว่ามีการเปิดไฟ ซึ่งก็มีการอ้างว่าไฟดังกล่าวเป็นการทดสอบระบบไฟ พอมีผ้าตากอยู่ให้เห็นก็อ้างว่าคนอาศัยเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย     ล่าสุดเหมือนจะไม่ใช่แค่ข้าราชการชั้นผู้น้อยเหมือนที่เคยได้อ้างกันไว้เสียแล้ว เมื่อในวันที่ 16 กรกฎาคม 2561 เพจเฟซบุ๊ก ขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ได้ทำการโพสต์ภาพจากหมู่บ้านป่าแหว่งที่แสดงให้เห็นว่ามีรถหรูยี่ห้อ Mercedes Benz จอดเรียงรายกันเป็นตับ พร้อมกับข้อความว่า “[ แฉตุลาการ ตอนที่ 1 : อาคารชุดสุดหรู ของผู้น้อย? ] – ข้อตกลงกับรัฐบาล 6 พ.ค.61: ไม่มีผู้อาศัย ในอาคารชุด 9 หลัง และบ้านพัก 45 หลัง – จนถึงปัจจุบัน กลางเดือน ก.ค. 61 มีคนทยอยเข้าไปอยู่ในอาคารชุดทั้ง 9 หลัง ราว 30 ครอบครัว…

แม้ว่าก่อนหน้านี้ในกรณีเรื่อง ‘หมู่บ้านป่าแหว่ง’ จะมีคำสั่งจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าห้ามมีผู้ใดเข้าอยู่อาศัย แต่ว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็มีข่าวว่าได้มีผู้เข้าอาศัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมไม่ใช่เพียงแค่หลังเดียวด้วย ในตอนนี้ก็ดูเหมือนกับว่าเรื่องราวนี้จะยิ่งไปกันใหญ่และเปิดเผยมากยิ่งขึ้น เพราะว่าได้มีภาพหลุดออกมาว่าได้มีคนงาน – คนสวนจำนวนหนึ่งกำลังขนต้นไม้ต้นหญ้าขึ้นไป ณ สถานที่ดังกล่าว เพื่อตกแต่งบ้านของท่านตุลาการให้ดูสวยสดงดงามเหมาะกับฐานะข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ (รึเปล่านะ)     โดยผู้ใช้งานเฟสบุคชื่อว่า วัลลดา เพชรพิชัย ได้โพสต์ข้อมูลข้างต้นในกลุ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นภาพของรถที่กำลังขนต้นไม้ต้นหญ้าต่างๆ ขณะกำลังเข้าไปในหมู่บ้านแห่งนี้ รวมถึงแคปชั่นข้อความว่า     “ผลาญงบกันต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งและละอายใจ ภาพล่าสุดเมื่อวาน คนงานกำลังปลูกหญ้า ที่บ้านเดี่ยว #ป่าแหว่ง ฤดูฝนแบบนี้เหมาะกับการเพาะปลูก ปัญหาคือดินที่ถูกไถปาดจนเหลือแต่หินและกรวด มันจะปลูกต้นไม้ขึ้นรึ โพล: ท่านคิดว่า ต้นหญ้า ณ ป่าแหว่งจะมีชีวิตรอดไหม? เพราะหญ้าแฝกที่เค้าปลูกสร้างภาพกันเมื่อสองเดือนก่อนนั้น…ตายหมดแล้ว ก. รอด และเขียวขจี ข. เขียวสามเดือนที่เหลือร่อแร่ ค. ตายหมดแน่นอน ง. ไม่รู้ เพราะน้ำป่ากวาดลงก่อน ปล.รถเครนที่เห็นนี่ไว้ใช้ยกหญ้าขึ้นไปนะครัช คนงานแบกขึ้นเนินอาจตายด้ายยย 5555 CR : Bunnaroth Buaklee #เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ”  …

ที่อยู่อาศัยบนโลกนี้มีอยู่หลายประเภทตั้งแต่บ้านธรรมดาไปจนถึงคอนโด อพาร์ทเมนต์หรือหอพักต่างๆ ซึ่งข้อดีของมันก็แตกต่างกันไป แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงหอพักกัน หอพักนั้นมีข้อดีตรงที่ราคาไม่สูงมากๆ หากอยู่กันแค่คนสองคนก็ถือว่าสะดวกสบายพอตัว และยังดูแลง่ายเพราะรับผิดชอบทำความสะอาดแค่ในห้องเพียงเท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้มีเพียงข้อดีอย่างเดียว แต่ข้อเสียมันก็มีเช่นกัน เหมือนกับประสบการณ์ที่สมาชิกเว็บบอร์ดพันทิปท่านนี้ได้รับมา มีคนปากระดาษปริศนาเข้ามาที่ระเบียงห้องของเธอ ซึ่งมีข้อความว่า “พี่คับ ผมแอบชอบพี่ แฟนไม่อยู่แอบเสียวกัน” ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่ากลัวที่ใกล้ตัวของผู้เช่าห้องหลายๆ คน     วันที่ 17 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมาสมาชิกเว็บไซต์พันทิปชื่อว่า สมาชิกหมายเลข 1279811 ได้ตั้งกระทู้เพื่อขอคำแนะนำจากสมาชิกท่านอื่นๆ ว่า “มีคนปากระดาษที่มีข้อความชวนเสียวที่ระเบียงห้อง เราทำอะไรได้บ้างคะ” ซึ่งในกระทู้มีข้อความว่า “วันศุกร์ที่ผ่านมา มีคนปากระดาษปั้นเป็นกลมๆ มาที่ระเบียงห้องค่ะ ตอนแรกได้ยินเสียงอะไรมากระทบประตูบานเลื่อนกระจก เจอกับกล่องโฟมก็ไม่ได้สนใจอะไร สักพักถึงเดินออกไปดูที่ระเบียง เห็นกระดาษก้อนกลมๆตกอยู่ 2 ก้อน ตอนแรกคิดว่าใครแกล้งรึเปล่า เราทำอะไรให้ห้องไหนไม่พอใจอะไรมั้ย เปิดอ่านแผ่นแรกขำๆ ค่ะ ทิ้งขยะ ”พี่คับผมแอบชอบ พี่@ผมหน่อย” ส่งไปบอกแฟน พอตกเย็นแฟนมาเปิดดูแผ่น 2 บอกว่าโรคจิตแล้ว ”พี่คับผมแอบชอบพี่ แฟนไม่อยู่แอบเสียวกัน” แฟนเลยเอาไปให้ป้าที่หอเราดู เห็นว่าสนิทกับหอข้างๆ เราฟังคร่าวๆ ให้แจ้งความ…

การบูลลี่ในไทยที่จริงแล้วมีมาแต่เนิ่นนาน แต่ไม่ถูกให้ความสำคัญมากเพียงพอ ทำให้มันยังอยู่คู่กับสังคมมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชีวิตวัยเรียน ในหนึ่งโรงเรียนมักจะมีเด็กที่ตกเป็นเป้าของการกลั่นอยู่อย่างน้อยหนึ่งคนเสมอๆ เช่นกันกับเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เป็นเรื่องของพี่สาวที่นำเรื่องของน้องชายที่ถูกกลั่นแกล้งอย่างรุนแรงมาแชร์ให้ชาวเน็ตได้ดูเป็นอุทาหรณ์ ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Phennapha Suthanaphan ได้โพสต์ภาพพร้อมกับเรื่องราวของน้องชายว่า น้องชายของเธอนั้นย้ายมาโรงเรียนใหม่ แต่มีเพื่อนเก่าอยู่ เพื่อนเก่าได้ไปโน้มน้าวให้เพื่อนใหม่เกลียดและรุมแกล้งน้องของเธอ ไม่ว่าจะเป็นนำสมุดไปซ่อน ด่าทอต่างๆ นานาสารพัด     น้องเธอโดนรุมแกล้งสารพัดจนเธอไม่รู้จะทำอย่างไรดี เลยต้องไปตั้งกระทู้ในบอร์ดพันทิปเพื่อขอคำแนะนำจากเพื่อนๆ สมาชิกในเว็บนั้น     แต่หลังจากที่ตั้งกระทู้ขอคำแนะนำจากเพื่อนสมาชิกพันทิปและถูกเพจใหญ่แชร์ช่วย ฝ่ายที่รุมรังแกน้องของเธอก็แสดงความไม่พอใจแล้วเข้ามาต่อว่าน้องของเธอต่อ   “หลังจากแชร์เรื่องที่เกิดขึ้นกับน้องในพันทิป และจ่าก็เอาลงเพจให้ด้วย เด็กพวกนี้ก็มาเมนต์ในโพสต์ของน้องสาวเรา น้องส่งมาให้ดูตอนขับรถกลับบ้าน ก ใช้เฟซชื่อตัวเอง แต่ ล ใช้เฟซปลอมเป็นเด็กคนอื่นอยู่ มีที่แคปไว้อีกเยอะค่ะ เดี๋ยวจะเอามาลงเพิ่ม”   แม้กระทั่งเพื่อนใหม่ที่คอยปกป้องน้องของเธอ ก็โดนแกล้งไปด้วย จนไม่ค่อยจะคุยกับน้องของเธอเลย   และเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2561 เธอก็ได้กลับมาอัปเดตเรื่องราวการโดนกลั่นแกล้งของน้องของเธอ .  …

เดี๋ยวนี้การซื้อขายของบนโลกออนไลน์เป็นอีกหนึ่งช่องทางการค้าขายที่ถือว่าง่ายและสะดวกที่สุด เพียงแค่เลือก โอนเงิน แล้วก็รอของมาส่งที่หน้าบ้าน แต่ทว่าการแข่งขันก็สูงอีกด้วย เหล่าพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายจึงต้องงัดกลเม็ดวิธีการต่างๆ ที่จะมาพรีเซนต์ให้ตัวเองสามารถขายของได้ และหนึ่งแม่ค้าออนไลน์ที่มาแรงสุดในปฐพี ณ เวลานี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณ ณัฐนัน ต้นศึกษา แม่ค้าออนไลน์ยุค 4.0 ที่ #เหมียวบู้บี้ ขอคอนเฟิร์มเลยว่า นาทีนี้ไม่มีแม่ค้าคนไหนแซ่บจัดจ้านเท่าคุณพี่คนนี้แล้ว ทุกครั้งที่คุณพี่ณัฐนันถ่ายทอดสดขายของเมื่อไหร่ก็จะมีเหล่าลูกค้าและแฟนคลับทั้งหลายเข้ามาร่วมคอมเมนต์และกดแชร์มากมาย และการถ่ายทอดสดครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมมีการแชร์ไปกว่า 18,000 ครั้งเลยทีเดียว มาแรงสุดๆ   ชุดนี้กูยังขายไม่ได้ จะให้กูเปลี่ยนชุดนั่นชุดนี่ // เจ๊ใจเย็นนนน https://twitter.com/Sogafae/status/1018590364242866176   ไม่ซื้อก็เรื่องของมึง กูจะเต้น กูเต้นขนาดนี้ยังไม่เอฟกูอีกหรอ (เอฟ=กดจอง) https://twitter.com/Sogafae/status/1018593216373772288   เสื้อคลุมไง ใส่จนจั๊กกะแร้เปียกหมดละ https://twitter.com/Sogafae/status/1018599256414773248   อย่าเพิ่งเอฟ ขอหลับตาร้องเพลงนี้สักท่อนก่อน ท่อนฮุคมาค่อยเอฟ https://twitter.com/Sogafae/status/1018613481296224256   เจ๊แกสอนแต่งหน้าไปอีก โฟกัสที่ถุงเครื่องสำอางเจ๊ด้วย https://twitter.com/Sogafae/status/1018818982097256448   โลกสวยไปซื้อกับแม่ค้าคนอื่น 555 https://twitter.com/Sogafae/status/1018846450380226565   เจ๊แกสุดจริงงงงง…

แทบจะกลายเป็นข่าวประจำปีไปแล้ว สำหรับข่าวคราวการรับน้องในสารพัดรูปแบบ ที่มีทั้งน่ารักบ้าง แปลกบ้าง อันตรายบ้าง และไม่เหมาะสมบ้าง (และที่มักจะกลายเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้งก็คงจะเป็นอย่างหลังๆ นี่แหละ) อย่างกรณีล่าสุดที่เฟซบุ๊กเพจ ANTI SOTUS ที่เป็นตัวแทนของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต่อต้านการรับน้องแบบไม่สร้างสรรค์ ได้ออกมาโพสต์ภาพการรับน้องจากเด็กๆ ในรั้วมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จังหวัดตาก ที่มีการให้รุ่นพี่รุ่นน้องลงไปทำท่าคล้ายกับการออรัลเซ็กส์     จากภาพดังกล่าว เป็นภาพของนักศึกษาชายหญิง ที่กำลังทำท่าเลียนแบบการออรัลเซ็กส์ในกิจกรรมรับน้อง .   ภาพดังกล่าวถูกสังคมออนไลน์วิจารณ์กันว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และเป็นการรับน้องที่ไม่สร้างสรรค์ . .   ศิษย์เก่าบางคนได้ออกมาแสดงคำขอโทษแทนรุ่นน้อง และบอกว่าในรุ่นตนนั้นมีกิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะมากกว่านี้   ในขณะที่รุ่นพี่รายหนึ่งออกมาชี้แจงว่านักศึกษาคนดังกล่าวไม่ใช่ผู้หญิง   ที่มา ANTI SOTUS

เป็นคลิปที่ชาวเน็ตในโลกออนไลน์กำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้เลย สำหรับคลิปวิดีโอของกลุ่มคุณครูที่มาร่วมประชุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยพักหนี้ ช.พ.ค. กับธนาคารออมสิน และหากทางรัฐฯ ไม่ให้ความช่วยเหลือ พวกตนจะรวมกันไม่จ่ายหนี้ให้กับธนาคาร     คลิปดังกล่าวถูกแชร์ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชัยณรงค์ ขุนจันทร์ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา (ปัจจุบันได้ลบไปแล้ว) เป็นคลิปของกลุ่มคุณครูที่ร่วมกันทำปฏิญญามหาสารคาม เพื่อคว่ำบาตรไม่จ่ายหนี้ ช.พ.ค. (สวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา)     โดยหนึ่งในผู้นำการประชุมได้กล่าวถ้อยคำในคลิปว่า “วันที่ 14 ก.ค. 61 ข้าพเจ้าขอให้รัฐบาล และธนาคารออมสิน พักหนี้โครงการ ช.พ.ค.ทุกโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 61 เป็นต้นไป ลูกหนี้ ช.พ.ค จำนวน 450,000 คน จะดำเนินการยุติการชำระหนี้กับธนาคารออมสิน ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 61 เป็นต้นไป”     หลังจากที่คลิปนี้ได้ถูกแชร์ออกได้ ก็ได้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในโลกออนไลน์ ถึงการกระทำดังกล่าว เนื่องจากบุคลากรเหล่านี้เป็นครูจึงมองว่านี่อาจเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่คนอื่นๆ “ละอายสังคมบ้างไหม?” “ปวดใจ นี่หรือคือแม่พิมพ์ของชาติ แล้วจะสอนนักเรียนอย่างไร”…

ในขณะที่ฝั่งสาวๆ มีเวทีประกวดความงามอยู่หลายเวที ไม่ว่าจะเป็น Miss Universe Thailand, Miss Grand, นางสาวไทย, Miss Thailand World  ส่วนฝั่งของผู้ชายเองก็มีบ้างเหมือนกันกับเวที Mister Star Thailand ที่เพิ่งมีการจัดขึ้นในปีนี้เป็นปีแรก เพื่อเฟ้นหาหนุ่มหล่อทั่วไทยเพื่อไปเวทีระดับโลก และเมื่อช่วงคืนวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมาก็ได้มีการประกาศผลการประกวดไปแล้วเรียบร้อย โดยผู้ชนะได้แก่ เพทริก โคฮ์เลอร์ จากลพบุรี     แต่สิ่งที่เราอยากให้คุณได้ดูกันคือชุดประจำจังหวัดในการแข่งขันรอบสุดท้าย ที่ต้องบอกเลยว่าอลังการงานสร้างราวกับเป็นตัวละครในเกม RPG ที่หลุดออกมาในโลกแห่งความเป็นจริงยังไงยังงั้น!!     กลองสะบัดชัยก็มา . .   โอนิกิริ .   ชุดนี้ดูแน่นดีจริงๆ .   น้ำสาดกระจาย   เจร็อกมาก . .   ธีมพยานาค   Mortal Kombat .   ปีกอลังการมาก . .…

ความช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่ของ นาวาตรีสมาน กุนัน ฮีโร่แห่งถ้ำหลวง คงจะไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าการเสียสละครั้งสำคัญที่มีส่วนทำให้อีก 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำสามารถออกมาได้สำเร็จและปลอดภัยในที่สุด การเสียสละชีวิตของเขาเป็นสิ่งที่คนไทยทั้งประเทศต่างโศกเศร้า รวมถึงเด็กๆ ทั้ง 12 คนและโค้ชอีกหนึ่งคน ที่ในตอนนี้ได้รู้เรื่องนี้แล้ว และก็ได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งด้วย…     ในวันนี้ (15 กรกฎาคม)  นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าหลังจากทางคณะแพทย์พิจารณาสภาพร่างกายของทีมฟุตบอลหมูป่าและโค้ชว่าแข็งแรงขึ้น มีสภาพจิตใจดีขึ้น จึงได้ตัดสินใจให้ญาติแจ้งข่าวการเสียชีวิตของนาวาตรีสมาน กุนัน ให้กับพวกเขาทราบ     โดยทั้งนี้การแจ้งข่าวนี้ก็ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของทีมจิตแพทย์ นักจิตวิทยาเพื่อความปลอดภัย ซึ่งหลังจากที่เด็กๆ ทราบเรื่องดังกล่าวต่างก็ร้องไห้ออกมาด้วยความโศกเศร้า พร้อมกันนี้ก็ได้เขียนความรู้สึกที่มีลงในภาพวาดของนาวาตรีสมาน ร่วมกับยืนไว้อาลัยแก่ความเสียสละครั้งนี้ด้วย     นอกจากนี้ก็ยังมีคำกล่าวขอบคุณจากทีมหมูป่า พร้อมกับคำสัญญาที่ว่าจะเป็นคนดีตอบแทนการกระทำของนาวาตรีสมาน ซึ่งพล.ต.วุฒิไชย อิศระ แพทย์ใหญ่กองทัพภาค 3 ได้กล่าวกับผู้ประสบภัย ในฐานะตัวแทนทหารว่า ถือเป็นภารกิจ เป็นเกียรติยศ ศักดิ์ศรี จากการกระทำดังกล่าวด้วย   . .  ที่มา: กระทรวงสาธารณสุข, ThaiPBS

การช่วยชีวิตเด็กๆ และโค้ช ทีมหมูป่าอะคาเดมี ให้สามารถออกมาจากถ้ำหลวงได้อย่างปลอดภัย สิ่งที่เราจะขาดไม่ได้เลยคือคำขอบคุณแก่ทุกฝ่าย ทุกคนที่ร่วมมือกันทำให้ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างดีที่สุด ด้วยเหตุนั้นเอง อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชื่อดังจากจังหวัดเชียงราย เขาได้นำทีมศิลปินเกือบ 100 ชีวิต แถลงข่าวเกี่ยวกับการสร้างศาลา ภาพวาด และรูปปั้นเพื่อระลึกถึงทีมช่วยเหลือในครั้งนี้   การแถลงข่าวจัดขึ้นในวันที่ 14 กรกฎาคม 2018 .   ผลงานศิลปะที่จะเกิดขึ้นนั้นประกอบไปด้วยภาพวาดความยาว 13 เมตร เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงการร่วมมือจากทั้งคนไทยด้วยกัน รวมไปถึงชาวต่างชาติจำนวนมากที่หยิบยื่นไมตรีจิตมาให้     ต่อมาคือรูปปั้น นาวาตรีสมาน กุนัน หรือ จ่าแซม ผู้ที่เสียชีวิตขณะดำน้ำเข้าไปช่วยเหลือเด็กๆ ภายในถ้ำ การจากไปอันน่าโศกเศร้านี้จะยังคงอยู่ในใจทุกคนเสมอ   รูปปั้นของเขาจะมีขนาดสัดส่วน 1:2 (ประมาณครึ่งตัวของจ่าแซม) .   ทั้ง 2 ผลงานนั้น เมื่อเสร็จแล้วจะถูกจัดแสดงไว้ที่ ขัวศิลปะ บ้านขัวแขร่ ต.บ้านอู่ อ.เมือง จ.เชียงราย ก่อนที่จะย้ายไปจัดแสดงในศาลาหน้าถ้ำหลวงที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดสร้าง ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นได้ด้วยงบประมาณส่วนตัวของอาจารย์เฉลิมชัย…

กำลังกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักในโลกโซเชียลตอนนี้ ถึงกรณีที่มีทหารรายหนึ่งออกมาถ่ายคลิปวิดีโอระบายความอัดอั้นตันใจถึงเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ เพราะเขาตั้งใจจะเข้ามาฝึกความเป็นทหาร แต่สิ่งที่ได้กลับกลายว่าต้องมาเฝ้าเลี้ยงไก่ให้นายทั้งวันทั้งคืนซะอย่างนั้น!!     เรื่องราวที่ว่านี้เผยแพร่ออกมาโดยเพจ พลังโซเชียล ที่ได้โพสต์ภาพและคลิปวิดีโอของหนุ่มคนหนึ่งที่อ้างว่าตัวเองนั้นได้สมัครเข้ามารับใช้ชาติที่อยู่กองพันทหารราบ ศูนย์กองพันทหารราบที่สอง ค่ายธนะรัชต์ แต่ว่ากลับถูกนายใช้ไปเลี้ยงไก่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว พร้อมทั้งยังให้กินนอนร่วมกับไก่ทั้งวันทั้งคืน     “พลทหาร สมัครมารับใช้ชาติ แต่ต้องถูกใช้มาเลี้ยงไก่ ทั้งตบ ทั้งด่า อย่างไม่ใช่คน ⁉ (ตามคลิป) เป็น2ปีที่ไม่มีค่าอะไรเลย​ ผมเป็นแค่พลทหารชั้นน้อยที่สมัคร​มาด้วยใจที่รักในการฝึก” แคปชั่นโพสต์ดังกล่าว     ซึ่งนอกเหนือจากนี้แล้วเสียงในคลิปก็ยังบอกอีกว่า เขาต้องอยู่อย่างแร้นแค้นเพราะที่นี่ไม่มีห้องน้ำให้ใช้จะเข้าห้องน้ำทีต้องเข้าไปในป่า ทว่าก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เลวร้ายกว่านั้นเพราะเขาได้เผยว่าได้ถูกทำร้ายร่างกายตบตี พร้อมกับโดนจิกด่ายันโคตรเหง้าอีกด้วย   คลิปวิดีโอดังกล่าว  เมื่อเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปก็มีเสียงจากชาวเน็ตมากมายที่ได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เป็นเสียงก่นด่าว่าระบบนี้ได้เป็นรากเหง้าของสังคมไทยไปซะแล้ว… . . . . .   โพสต์ต้นฉบับ    ที่มา: พลังโซเชียล

กำลังเป็นประเด็นร้อนที่มีคนพูดถึงในโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้ สำหรับประเด็นของคุณเม จีระนันท์ กิจประสาน อดีตนักร้องค่ายดัง ที่ออกมาแชร์ประสบการณ์การบินไปทำศัลยกรรมถึงที่เกาหลีผ่านเอเจนท์ที่ไทย ที่แทบจะทำให้เธอเสียชีวิต เธอจึงอยากนำเอาเรื่องราวของเธอมาเล่าเป็นอุทาหรณ์ให้ทุกๆ คนได้อ่านกัน คุณเมเล่าว่าเธอเปิดร้านขายเสื้อผ้า และถ่ายแบบด้วยตัวเอง แต่ด้วยความที่เธอมีรูปร่างเล็ก จึงอยากเสริมหน้าอกเพื่อให้ถ่ายภาพได้ดูดีขึ้น ประกอบกับเริ่มมีอายุมากขึ้นทำให้หนังตาหย่อนคล้อย เธอจึงอยากจะศัลยกรรมทั้ง 2 ส่วนนี้ให้มันดีขึ้น     คุณเมจึงเลือกติดต่อผ่านเอเจนท์ที่ไทยซึ่งก็คือคุณอุ้ม รัสรินทร์ และโรงพยาบาลที่เธอจะบินไปศัลยกรรมคือโรงพยาบาลแกรนด์ (Grand Plastic Surgery) ซึ่งคุณอุ้มยืนยันกับเธอว่าเป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงในประเทศเกาหลี มีทั้งดารา คนดัง หรือนักการเมืองบินไปศัลยกรรมมาแล้วมากมาย เดือนนึงไม่ต่ำกว่า 50-60 คน   สรุปแล้วในการผ่าตัดเสริมหน้าอกในครั้งนี้ เธอต้องจ่ายเป็นเงินสดทั้งสิ้น 800,000 บาท โดยที่เธอไม่ได้รับใบกำกับภาษี เนื่องจากทางโรงพยาบาลจะให้ส่วนลดเพิ่มอีก 10% กำหนดผ่าตัดของเธอคือวันที่ 21 ธันวาคม 2560     หลังจากที่ผ่าตัดเสร็จแล้วคุณเมบอกว่าเธอเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนภายใต้ทรวงอก แม้จะลุกไปเข้าห้องน้ำยังไม่สามารถทำได้ และเธอจะต้องใส่สายระบายเลือดอยู่ตลอดเวลา โดยคุณหมอลี เซ ฮวาน ได้บอกกับเธอว่าควรจะใส่ไว้ประมาณ 3-7 วัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปอาการของเธอกลับไม่ดีขึ้นและยังต้องใส่สายระบายเลือดนี้ไปจนเธอบินกลับมาที่ไทย  …

ในแต่ละเดือนเหล่าบรรดาทาสแมวต้องเสียค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงไปไม่น้อยเลยใช่ไหม? ไม่ว่าจะเป็นอาหารเปียกหรืออาหารเม็ด ไม่รวมค่าของเล่น ค่ายา ค่าจิปาถะอื่นๆ ที่ต้องเสียในแต่ละเดือนรวมๆ แล้วเป็นเงินไม่น้อยเลย แต่เพื่อแลกกับความสุขแล้ว สำหรับทาสทำได้เสมอ ค่าอาหารน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้บรรดาทาสแมวเสียเงินไปไม่น้อย เพราะน้องต้องกินอาหารทุกๆ วัน อย่างต่ำวันละ 2 มื้อ ทำให้ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้พุ่งสูงขึ้น เราจึงมีสูตรการทำอาหารแมวสูตรประหยัดจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก กรงกระต่าย โคราช มาฝากสำหรับเหล่าบรรดาทาสแมวกัน “อาหารแมว งบ 200 ทำใส่กระปุกขนาด 350มล. ได้ 24 กระปุก เฉลี่ยต้นทุนกระปุกละไม่ถึง 10 บาท ทำง่าย สะอาด และประหยัด” เตรียมวัตถุดิบ หาซื้อได้จากแมคโคร ปลาสวายแล่เอาก้างออก ราคาถูกเนื้อเยอะ ไม่มีก้างย่อย   อกไก่ลอกหนังออกเอาแต่เนื้อๆ   แครอท 1 กิโลปอกเปลือกแล้วเอามีดฝานเป็นชิ้นๆ   มันฝรั่ง 1 กิโลกรัม ล้าง ปอกเปลือก ฝานเป็นชิ้นๆ   ต้มปลา ต้มไก่…

ประเด็นร้อนเกี่ยวกับการศัลยกรรมมาอีกแล้ว เป็นอีกหนึ่งอุทาหรณ์ที่มักจะเกิดขึ้นให้เห็นบ่อยๆ ในโลกออนไลน์ กับการศัลยกรรมราคาถูก ซึ่งอาจกลายเป็นบทเรียนราคาแพงให้กับหลายๆ คนเลยก็ได้ เพจ ดอกจิก v.5 ได้โพสต์ภาพพร้อมกับข้อความอุทาหรณ์เตือนภัยสำหรับผู้ที่ต้องการจะทำศัลยกรรมตาสองชั้น ซึ่งถ้าหากเลือกคลินิกไม่ดีหรือราคาถูกจนเกินไปอาจมีสภาพเป็นแบบนี้ก็ได้   “อุทาหรณ์อีก 1 คลินิก นายแพทย์ วว ชื่อดังเมื่อก่อนอยู่ห้วยขวาง ตอนนี้ย้ายไปแถวแยกนิด้า ไปศัลยกรรมตา 2 ชั้นแต่แจ็กพอตได้โชคเพิ่มมาอีก 1 ชั้น กลายเป็นตา 3 ชั้น จะทำอะไรก็ตัดสินใจให้ดีพลาดมามันแก้ยากมากๆ เสียเงินแพงกว่าเดิมอีก เป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย แต่จะสวยก็ต้องสวยแบบปลอดภัย อย่าดูแค่เพียงรีวิวและของราคาถูก ปอลู!! เจ้าของภาพอนุญาตให้เผยแพร่ได้ งดดราม่า” .   มีความบวมและไม่เท่ากัน   เมื่อลืมตาแล้วเปลือกตาดูหนาและเห็นว่ามี 3 ชั้นชัดเจน   ตาทั้งสองข้างเหมือนว่าลืมขึ้นไม่ได้เพราะว่าบวมมาก   3 ชั้นแบบชัดๆ . . .   หลังจากที่หายบวมแล้วก็ยังเห็นว่าไม่เท่ากันและมี 3 ชั้นเหมือนเดิม   หลังจากผ่าแก้ไข…

เวทีการประกวดนางงาน Miss Grand Thailand 2018 หลังจากที่มีการเริ่มเก็บตัวนางงามเพื่อประชันว่าในปีนี้สาวงามจากจังหวัดไหนจะได้มงกุฎไปครองก็เริ่มมีคนติดตามและให้ความสนใจเรื่อยๆ ในโลกออนไลน์ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ทางกองประกวดได้มีการเปิดโหวตรอบ Best National Costume Award หรือรอบชุดประจำจังหวัด ที่สาวงามแต่ละจังหวัดนั้นต่างขนมาเพื่อประชันกันอย่างดุเดือด จะอลังการแค่ไหน เรามาดูตัวอย่างชุดที่มีการพูดถึงมากที่สุดกันเลย   มิสแกรนด์กระบี่ ชุดสุสานหอยล้านปี   มิสแกรนด์กาญจนบุรี ชุดสุริยะฉัตรยุทธหัตถี   มิสแกรนด์ขอนแก่น ชุดอารยะสตรี   มิสแกรนด์ชลบุรี ชุดสามมุข   มิสแกรนด์ชุมพร ชุดวิหกเหิรลม   มิสแกรนด์เชียงใหม่ ชุดวีระสตรีล้านนา   มิสแกรนด์ตราด ชุดยุทธนาวีสดุดีวีรชน   มิสแกรนด์ตาก ชุด ที ลอ ซู   มิสแกรนด์นครพนม ชุดราชินีแห่งท้องทุ่ง   มิสแกรนด์นครราชสีมา ชุดนารีสีสวาด   มิสแกรนด์นครศรีธรรมราช ชุดหัตถศิลป์เครื่องถมเมืองนคร  …

อย่างที่รู้ๆ กันว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีเหตุที่ทำให้ชาวกรุงต้องหงุดหงิดหัวเสียกันแทบจะทุกวัน เพราะเจ้ารถไฟฟ้า BTS เจ้ากรรมมันดันมาพังซะจนทำให้ใครหลายคนต้องไปเข้างานสาย หรือผิดนัดแฟนกันเป็นแถวๆ ดังนั้นจึงต้องมีการทักไปถามถึงเรื่องนี้กับทางแอดมิน BTS ซะหน่อย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นหรือจะรับการชดเชยได้อย่างไรกันแน่ แต่ว่าไม่แน่เหมือนกันนะว่าบางทีอาจจะเจอแอดมินที่ขี้เล่นเหมือนกับสาวคนนี้… โดยนี่เป็นเรื่องราวที่เปิดเผยจากผู้ใช้งานเฟซบุ๊คนามว่า Dusaya Sukwarapirom ที่ได้แคปภาพระหว่างที่คุยกับทาง Official Line ของทาง BTS เอาไว้ ซึ่งเธอก็ได้ระบุในแคปชั่นว่าในตอนแรกจะแค่ทักไปถามถึงเรื่องการชดเชยเหตุที่ผ่านมาเพียงเท่านั้น  “ไม่รู้เราเหงาหรือแอดมินบีทีเอสเหงา คุยเก่ง!! ประเด็นคือแค่จะทักไปถามเรื่องขอเที่ยวพิเศษเพิ่มงี้ พอขัดข้องก็จะทักไปด่างี้ ดูม๊านดูมันตอบ!!! 5555555555555555555555555555 #BTSSKYTRAIN”  แต่ปรากฏว่าหลังจากที่สาวคนนี้ทักไป แอดมินของทาง BTS ก็เป็นคนมาตอบเองแทนที่จะเป็นระบบออโต้เมสเสจแบบปกติๆ ทั่วไป ซึ่งการตอบนั้นก็น่ารักกุ๊กกิ๊ก ปนกวน… อยู่หน่อยๆ ถ้าอยากรู้ว่าสิ่งที่เธอคนนี้เจอเป็นอย่างไรบ้าง ลองไปดูกัน!!   มีเริ่มแย๊บลองเชิง   เธอนั่นแหละ เธอนั่นแหละ   อย่าโกรธกันเลย ขอโทษถ้าฉันนั้นทำผิดไป   มาอ้อนมาอุ๋งเฉย   มีการเป็นห่วงด้วย!!   แหม่ เทคแคร์ดีเจงๆ   เริ่มมีมุก   ขอเนียนบ้างไม่ได้เลย ชิ   ตีสนิทเก่งง  …

แม้ว่าภารกิจการช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำจะสำเร็จลุล่วงไปหมดแล้ว แต่เรื่องราวดีๆ ยังคงเกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน อย่างเช่นเรื่องของหญิงสาวชาวอเมริกันรายนี้ ที่ตั้งใจเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย แต่ดันได้รับรู้เหตุการณ์นี้เขา เธอเลยเปลี่ยนแผนมาทำงานอาสาช่วยเหลือที่นี่แทน     เรื่องนี้ถูกแชร์ผ่านเฟซบุ๊กของคุณ เสกสม แจ้งจิต เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา เล่าเรื่องราวของ Anne Marie Trenholm ชาวอเมริกันวัย 23 ปี ที่ตอนแรกตั้งใจจะเดินทางมาเที่ยวที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย แต่พอเครื่องของเธอลงจอดที่เชียงราย เธอก็เปลี่ยนใจจากแผนเดิม เพราะเธอได้รับรู้เรื่องราวการช่วยเหลือเด็กๆ และโค้ชทีมหมูป่า เธอเลยตัดสินใจเดินทางมายังที่หน้าถ้ำหลวงแล้วเข้าครัวลงมือช่วยงานอาสาอย่างการทำอาหาร     Anne เล่าว่าเธอเดินทางมาถึงอบต. โป่งผาและช่วยทำงานตั้งแต่เมื่อ 2 วันที่แล้ว และในวันนี้ (11 กรกฎาคม) ก็จะมาช่วยงานอีก เธอบอกว่ารู้สึกดีใจที่ได้เห็นคนไทยร่วมมือกันยามเกิดปัญหา เพราะหาภาพเหล่านี้ในต่างประเทศได้ยาก   ชมคลิปการช่วยเหลือของเธอได้ที่นี่เลย   ในช่วงเวลาแบบนี้ การได้เห็นภาพการร่วมแรงร่วมใจกันแบบนี้ ก็ทำให้รู้สึกชื่นใจอย่างบอกไม่ถูก ที่มา เสกสม แจ้งจิต

ข่าวการช่วยเหลือทีมหมูป่าที่ติดอยู่ในถ้ำกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก ทำให้ผู้คนในหลายๆ ประเทศพากันส่งกำลังใจถึงทีมกู้ภัยต่างๆ ในประเทศไทย ที่กำลังวุ่นอยู่ที่ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน เพื่อพาตัวเด็กๆ ออกมา และในบรรดากลุ่มคนที่ส่งกำลังใจถึงประเทศไทยนั้น มีหนึ่งคนดังที่รวมอยู่ในนั้นด้วย นั่นคือ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Facebook ที่เรากำลังอ่านอยู่ตอนนี้     ภาพด้านล่างนี้เป็นภาพจากเฟซบุ๊กเพจของหน่วยซีล Thai NavySEAL ได้โพสต์ข้อความจำนวนเด็กๆ ที่ถูกช่วยเหลือออกมาเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ต่อมา Mark Zuckerberg ก็ได้เข้ามาคอมเมนต์แสดงความยินดีกับเหล่าเจ้าหน้าที่ และเป็นตัวแทนจาก Facebook ให้กำลังใจในการทำงานอย่างปลอดภัย     “จากทุกๆ คนใน Facebook ความกล้าหาญของพวกคุณช่างน่าอัศจรรย์ และขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จในการช่วยเหลือหมูป่า 8 ตัว ขอให้พวกคุณโชคดีในการช่วยเหลือนักฟุตบอลที่เหลืออีก 4 คนและโค้ชได้อย่างปลอดภัย”   ปฏิกิริยาของชาวเน็ตเมื่อได้เห็นข้อความของ Mark Zuckerberg Apple Ratchadaporn Najaiyen “Wow …thank you mark” Rittikorn Techanuntachaikul “Thank you, Mark” Pornpit…

กลายเป็นกระแสดราม่าอีกครั้ง หลังจากที่หญิงสาวรายหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กของเธอ พร้อมกับเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการใช้บริการรถแท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2561 ทางเฟซบุ๊ก Ning Sukanya Kongrattanapram ได้เล่าว่า ตัวเธอเองได้เดินทางมาถึงสนามบินพร้อมกับสามีและลูกๆ อีก 4 คน ก่อนจะเรียกแท็กซี่ และเจอกับคนขับที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พร้อมกับขอราคาพิเศษ      “เปิดประสบการ์ณตรง แท๊กซี่บางคันที่สุวรรณภูมิเลวมาก เมื่อตอน 3 ทุ่ม ลงเครื่องเรียกแท๊กซี่แบบคันใหญ่ สัมภาระไม่ได้เยอะ มีเด็กเล็ก 1 เด็ก 5 ขวบ 1 และเด็กอายุ 13 กับ 16 และเรากับสามี เรียกมาบางกะปิ แว๊บแรกที่เจอหน้าคนขับ หน้าตาบอกบุญไม่รับ และพูดจาห้วนๆ ไม่ช่วยหยิบยกอะไรสักชิ้น ให้เรากับเด็กๆ จัดเรียงกันเอง (สามีอุ้มลูกวัย 1ขวบ) มันถามแบบไม่พอใจว่าจะไปไหนเนี้ยะ เราตอบบางกะปิ มันถามต่อ จะใส่พอมั้ย(เสียงเ-ี้ย) ไม่มีใครพูดไร เสร็จแล้วขึ้นรถขับมาได้นิดเดียว สามีเราก็บอกพี่ไม่กดมิเตอร์หรอ เดี๊ยวลืมนะ…

ดูเหมือนว่าการประกวดนางงามเวที Miss Grand Thailand ปีนี้จะมีอะไรสนุกๆ มาให้คนดูได้ร่วมลุ้นกันอีกแล้ว เพราะอย่างล่าสุดทางเฟซบุ๊กเพจ Miss Grand Thailand ได้มีการนำเอานางงามผู้เข้าประกวดทั้งหมดมาร่วมกันโชว์รักแร้ แล้วให้ผู้ชมทางบ้านช่วยกันโหวตว่ารักแร้ของใครขาวเนียนถูกใจที่สุด เพื่อชิงเงินรางวัล 2 แสนบาท!?     กองประกวด Miss Grand Thailand ได้โพสต์ภาพของรักแร้สาวงามกว่า 77 ภาพเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมาแบบไม่เปิดเผยหน้าตา หมายเลข หรือจังหวัดของนางงามแต่ละคน แล้วให้ผู้ชมทางบ้านร่วมกันกดไลก์กดแชร์ภาพของนางงามที่มีรักแร้สวยโดนใจ และจะมีเพียง 20 คนเท่านั้นที่ได้รางวัลไป โดยเกณฑ์การให้คะแนนคือ 1 ไลก์ = 1 คะแนน และ 1 แชร์ = 3 คะแนน แฟนๆ เริ่มโหวตได้ตั้งแต่ตอนนี้ไปถึง 12.00 น. ของวันอังคารที่ 10 กรกฎาคม ซึ่งเมื่อได้ผู้ชนะแล้วก็จะมีการเปิดเผยใบหน้าทั้ง 20 คนด้วย   ภาพบางส่วนของรักแร้จากสาวงาม . . .…

พระสงฆ์ เปรียบได้กับสาวกของพระพุทธเจ้า ผู้เกิดความเลื่อมใสและยึดมั่นอยู่ในหลักศีลธรรม ละทางโลกไป แต่สำหรับเหตุการณ์ที่ถูกถ่ายเอาไว้โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก Salinee Rattanachotchairit อาจทำให้เรารู้สึกว่า ไม่ใช่พระทุกคนที่จะเป็นอย่างที่เราเข้าใจกันมาตลอด คลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2018 เผยให้เห็นชายห่มจีวร (ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นพระ ในขณะที่ไม่มีใบยืนยันใดๆ เลย) แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวและไม่เหมาะสมต่อคนอื่นๆ ที่กำลังรอต่อคิวขึ้นรถตู้   คลิปของบุคคลที่อ้างตนว่าเป็นพระ (โดยไม่มีอะไรมายืนยันได้)   สรุปเรื่องจากเจ้าของโพสต์คร่าวๆ คือ พระที่เราเห็นในคลิปนั้นได้ทำการแซงคิวคนจำนวนมาก พร้อมทั้งหันมาพูดคำหยาบคายใส่คนอื่นๆ บอกว่าตัวเองจ่ายเงินจะขึ้นรถก่อนแล้วจะทำไม? หลังจากขึ้นรถไปก็ยังมีเรื่องถกเถียงกับคนขับรถ เหมือนว่าอยากจะได้เงิน 3 บาทคืน (ที่อ้างว่าเป็นของตน) โดยระหว่างนั้นรถกำลังแล่น ทำให้ผู้โดยสารคนอื่นๆ รู้สึกวิตกกังวล ไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุ เป็นเหตุให้มีการถกเถียงกับผู้โดยสารบนรถคนหนึ่ง ทั้ง 2 ฝ่ายต่างใช้คำหยาบคายต่อว่าและด่าทอใส่กัน   คลิปขณะที่เกิดการถกเถียง ด่าทอกันบนรถ   ท้ายที่สุดเจ้าของโพสต์ยังบอกอีกว่า พระที่เห็นในคลิปอาจเป็นพระปลอม เพราะไม่มีใบอะไรมายืนยันตัวตนได้เลย ทั้งใบบวชหรือบัตรประชาชน ซึ่งเธอยังบอกอีกว่าตำรวจได้ควบคุมตัวพระคนนี้เอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว   เรื่องราวจากเจ้าของโพสต์   ชาวเน็ตมองว่านี่ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก และเชื่อว่าคงจะเป็นพระปลอม……

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้ในสังคมใกล้ตัวเรายังคงเลือกที่จะตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกและหน้าตากันอยู่ทุกที่ จนต้องมีการมาคิดทบทวนกันอีกครั้งว่าการตัดสินคนจากภายนอกนั้นเป็นสิ่งที่สมควรทำแล้วหรือ เรื่องต่อไปนี้กำลังเป็นกระแสในโลกออนไลน์หลังจากที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า วราพร โพธิ์สวัสดิ์ ที่ได้โพสต์รูปภาพของเธอเองพร้อมแคปชั่นว่า “วันที่บินไปฮ่องกงใส่ชุดนี้บิน ที่สุวรรณภูมิ เดินผ่านเคาน์เตอร์ของสายไหนสักสายนึงไม่ได้มอง พนักงานนั่งกัน 3-4คน มีคนนึงนางหันมาเห็นเล็กแล้วพยายามสะกิดเพื่อนข้างๆ ให้หันมามองเรา แต่เพื่อนเม้าท์มอยอยู่เลยไม่มีใครสนใจหันมา เล็กมองนางตลอดตั้งแต่เริ่มสบตากัน ตั้งแต่นางสะกิด จนเล็กเดินผ่านเล็กก็ยังหันไปมอง นางหลบสายตาก้มหน้าทำหน้าเจื่อนๆ ไม่เข้าใจเลยสังคมไทยเป็นอะไร เสือกกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนอื่นตลอด กูไม่ได้มี 2 หัว 6 ขา กูไม่ได้ประหลาดสะกิดกันมองเพื่ออะไร??”     “มึงเจอคนอ้วน ดำ ไม่แต่งตัวผมเผ้ารุงรังมึงก็เหยียดมึงก็ขำ มึงเจอคนอ้วนที่แต่งตัวมึงก็มองแบบไม่เคยเห็น กูผิดอะไรที่กูอ้วน กูไม่ผิด!!!! กูไม่ผิด!!! และกูไม่ผิด!! ฝากถึงคนอ้วน อย่าเดินตัวงอหลังค่อม ยอมให้คนพวกนี้แสดงกิริยาดูถูกได้นะคะ เราต้องมั่นใจในตัวเอง ถามว่าถ้ากูจะมั่นหน้ามั่นโหนกกูผิดมั้ย?? ไม่ผิดค่ะะะ ชีวิตกู ตัวกู กูไปเดินเหยียบหางมึงหรอ ถ้ากูอ้วนแล้วมึงตายกูจะยอมลดให้ ถ้าไม่ใช่ก็อย่าเสือกเยอะ” ข้อความนี้ถูกเผยแพร่ออกไปไม่นานก็มีผู้เข้ามาแชร์และคอมเมนต์กล่าวแสดงความคิดเห็นเป็นอย่างมากมายด้วยยอดไลก์มากกว่า 100,000 ครั้งและยอดแชร์กว่า 28,000 ครั้งและนี่เป็นตัวอย่างคอมเมนต์ที่ได้มาแสดงความคิดเห็นกับข้อความของเธอ   อ้วนก็สวย จบนะ…

ดราม่ามาอีกแล้วไม่เว้นแต่ละวันกับการเกาะติดสถานการณ์ถ้ำหลวง หลังจากที่เราได้รับข่าวดีว่าทั้ง 13 ชีวิตปลอดภัยดีก็แต่ก็ยังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการพูดภาษาอังกฤษของน้องๆ ตามมา ประเด็นมาจากคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ออกไปที่น้องๆ ทีมหมูป่าสามารถพูดโต้ตอบกับนักดำน้ำด้วยภาษาอังกฤษ กลายเป็นที่ชื่นชมกับคนทั่วไปว่า น้องๆ เก่ง สามารถใช้ภาษาอังกฤษโต้ตอบได้ เมื่อไม่นานที่ผ่านมานี้ได้มีการเผยแพร่ภาพของการโพสต์ข้อความของหนุ่มท่านหนึ่งที่ได้โพสต์เอาไว้ว่า “ศัพท์ภาษาอังกฤษที่เด็กตอบฝรั่งในถ้ำอ่ะ ลูกผมอยู่อนุบาลก็พูดได้แล้วนะ ทำไมชื่นชมกันจัง มันควรจะพูดเป็นประโยคๆ แล้วหรือเปล่า”     หลังจากที่เขาโพสต์ออกไปก็ได้มีการแคปหน้าจอข้อความและถูกนำไปวิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า ในสถานการณ์แบบนี้สมควรที่จะออกมาวิจารณ์เรื่องการพูดภาษาอังกฤษของเด็กๆ หรือไม่? กลายเป็นประเด็นที่มีการพูดถึงและวิจารณ์ข้อความที่หนุ่มคนนี้โพสต์ออกไป       ประเด็นอยู่ที่ว่า สามารถฟังเข้าใจและสามารถสื่อสารได้เข้าใจมากกว่า   จบ ป.ตรี บางคนสกิลยังด้อยกว่าน้อง   สามารถฟังและพูดให้เข้าใจเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า   ถึงแม้ว่าน้องจะอยู่ห่างไกลแต่ก็สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ มันก็น่าชื่นชมแล้วไม่ใช่หรือ   ความกล้าและความเข้มแข็งของน้องๆ เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมากกว่า . .   เด็กต่างจังหวัด หายากที่จะสามารถสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วแบบนี้ . . .   หยุดเถียงกันดีกว่า . .   ไปดูกันแบบเต็มๆ ว่าเดือดกันแค่ไหน…

คนที่คิดจะเลี้ยงแมวก็ต้องรู้ดีว่า การเลี้ยงแมวสักตัวมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะว่าการเลี้ยงแมวไม่ใช่แค่การให้อาหาร แต่เป็นการที่เหล่าทาสแมวทั้งหลายจะต้องปรับตัวใช้ชีวิตให้เข้ากับวิถีของแมวให้ได้ ซึ่งอันนี้ก็ยากพอสมควร เรื่องราวของชีวิตทาสแมววันนี้ได้รับการเผยแพร่มาจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Chantep Champ ที่ได้โพสต์เอาไว้ในกลุ่มทาสแมวเพื่อเตือนให้ผู้เลี้ยงแมวทั้งหลาย ระวังกับสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น “สวัสดีทาสแมว แมวเราไม่ดื้อ แมวเราไม่ซน 55555 เราผิดเอง 555555 ลืมเอาอาหารแมวออกจากตะกร้า เอาไปซ่อนแมว กลัวแมวมารื้อ 555555 เกมส์โอเฟว่อร์ #เก็บอาหารแมววนไป #ทาสแมว”   เปิดมาแบบนี้ไม่ว่าใครก็ต้องผงะ แจ็คพ็อตเต็มๆ   มาเป็นก้อน แบบนี้กินได้หลายมื้อเลยนะน่ะ   อาหารแมวสีเขียวสีแดงอย่างที่คุ้นเคย ตอนนี้กลายสภาพเป็นอาหารเปียก   เครื่องปั่นอาหารพลังงานไฟฟ้า สามารถใช้ซักผ้าได้ด้วย (ฮ่า ฮ่า)   มีความฟรุ้งฟริ้งเบาๆ แต่เรื่องกลิ่นนี่ขอไม่พูดถึง   ไม่รู้สึกรู้สา เพราะว่าไม่ผิด เจ้าทาสเอาอาหารไปซ่อนข้าเอง ช่วยไม่ได้   แต่ดูจากหุ่นแล้ว ที่ทาสต้องเอาอาหารไปซ่อนก็ไม่แปลกใจ   น้องอ้วนนนนน   คุณแม่อ้วนเกินพิกัด แถมต้องเลี้ยงลูกน้อย เจ้าทาสยังจะเอาอาหารไปซ่อนอีก   เห้อ…

ในระหว่างช่วงที่ผ่านมาในประเทศไทยของเราจะมีสองกระแสหลักๆ ที่มาแรง นั่นคือกระแสปฏิบัติการช่วยเหลือเด็กๆ ทีมหมูป่าที่ติดอยู่ในถ้ำทั้ง 12 พร้อมโค้ชอีก 1 คนและอีกกระแสหนึ่งก็คือกระแสข่าวเกี่ยวกับรถไฟฟ้า BTS พังติดต่อกันหลายวัน จนหลายๆ คนไปทำงานสาย หลังจากที่การปฏิบัติงานเพื่อช่วยทีมหมูป่าประสบความสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนความนี้กระแสของ BTS ของเรากำลังจะกลับมา เมื่อไม่ใช่มีแค่รถไฟฟ้าเท่านั้นที่พัง แต่แอคเคานต์ของ BTS เองก็พังเช่นกัน ทำให้ชาวเน็ตอดใจที่จะล้อ จะแซวไม่ได้เลยล่ะ   สวัสดีครับ เนื่องจากบัญชีทวิตเตอร์ @Bts_skytrain ซึ่งเป็นบัญชีหลักของรถไฟฟ้าบีทีเอส เกิดปัญหาทางเทคนิค และอยู่ระหว่างการแก้ไขครับ ทีมงานจึงได้ตั้งบัญชีทวิตเตอร์สำรอง @Btsskytrain2 เป็นช่องทางการสื่อสารชั่วคราว จนกว่าจะสามารถกู้บัญชีเดิมกลับมาได้ครับ — Btsskytrain (@Btsskytrain2) July 4, 2018   เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2561 ช่วงเวลา 20.21 น. ได้มีแอคเคานต์ทวิตเตอร์ที่ใช้ชื่อว่า Btsskytrain2 ได้โพสต์ทวิตว่า “สวัสดีครับ เนื่องจากบัญชีทวิตเตอร์ @Bts_skytrain ซึ่งเป็นบัญชีหลักของรถไฟฟ้าบีทีเอส เกิดปัญหาทางเทคนิค…

เรียกได้ว่าในตอนนี้ไม่ว่าจะแม่หมอหรือเจ้าพ่อคนไหน ก็ต้องยอมชิดซ้ายเมื่อเจอกับความฮอตของน้องแนทเธอรีน (Natherine) สุดน่ารักน่าหยิกแห่งวง BNK48 ที่ออกมาใบ้ผลฟุตบอลโลกได้แม่นราวกับล็อกสกอร์เอาไว้ แต่ว่าแม่นไปทางตรงกันข้ามซะมากกว่านะ!! เพราะไม่ว่าเธอจะโพสต์เชียร์ทีมไหนทีมนั้นร่วงตกรอบแทบจะทุกทีมจนในตอนนี้ ใครๆ ต่างก็เรียกเธอว่า ‘ขวัญใจชาวสวน’ ไปซะแล้ว   แม่หมอแนทเธอรีนช่วงเริ่มออกมาทายผล    ความศักดิ์สิทธิ์แม่หมอแนทเธอรีนได้เริ่มขึ้น เมื่อน้องได้โพสต์บอกว่าได้นอนฝันเอาไว้ว่า ทีมชาติเซเนกัลจะชนะทีมชาติโคลอมเบียด้วยสกอร์ 2-0 หรือ 2-1 หรือ 3-1 นี่แหละ ซึ่งผลจากการฝันยามค่ำคืนของน้องก็ปรากฏว่า ทีมชาติโคลอมเบียเอาชนะไปด้วยสกอร์ 1 – 0 ประตู…   ยังไม่ย่อท้อแต่อย่างใด  หวังจากพลาดท่าไปในศึกคราแรก แต่น้องแนทเธอรีนคนสวยก็ยังไม่ย่อท้อแต่อย่างใดได้ออกมาทายผลคู่บอลวันที่ 30 มิถุนายน ว่าทีมชาติอาร์เจนติน่า กับทีมชาติโปรตุเกสมาแน่ๆ เข้ารอบใสๆ แถมรอบนี้ยังไม่ได้มาจากฝันเหมือนคราวที่แล้วอีกด้วย ซึ่งผลก็ปรากฏว่า ทีมชาติอาร์เจนติน่าแพ้ทีมชาติฝรั่งเศส 3 – 4 ประตู ส่วนทีมชาติโปรตุเกสแพ้ทีมชาติอุรุกวัยไป 1 – 2 ประตู ตกรอบทั้งคู่… (ยั๊งไม่ได้นอนไหมล่ะจ๊ะ)   เจิมอย่างไม่หยุดยั้ง …

หากใครได้ดูหนังเรื่อง Black Panther เราก็คงจะได้เห็นโลกของวากานดา ประเทศสมมติที่มีเอกลักษณ์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ตึกรามบ้านช่อง ยานพาหนะ เครื่องแบบ หรือแม้แต่ผู้คนที่มีการแต่งหน้าแต่งตาแบบชนเผ่าในแถบแอฟริกาใต้ ล่าสุดดูเหมือนจะมีกลุ่มเด็กๆ ที่ชื่นชอบในความเป็นชนเผ่าวากานดา จนถึงขนาดเอามาแต่งหน้าแต่งตา (หรือเรียกง่ายๆ ว่าคอสเพลย์) เพื่อไปเดินขบวนกีฬาสีในโรงเรียน แถมออกมาดูดีมีชาติการ์ตูนอีกด้วย!?     นี่เป็นภาพการเดินขบวนจากโรงเรียนแสงทองวิทยา ในอำเภอหาดใหญา จังหวัดสงขลา ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยจุดเด่นของขบวนคือเหล่าดรัมเมเยอร์ที่พากันแต่งตัวเป็นชาววากานดา มีการขีดหน้าขีดตา และเปลี่ยนคทาให้กลายเป็นหอกแบบในหนังด้วย   .   เดินขบวนต้องปังเพื่อนจำไปอีก 10 ปี   Wakanda Forever!!   เครื่องแต่งกายและอุปกรณ์เต็มไปด้วยรายละเอียดมาก . . . .   นำตัวกบฏไปประหาร .   การแข่งขันจะชนะหรือเปล่าไม่รู้ แต่ชุดต้องมาก่อน   วากานดาจงเจริญ!! ที่มา The Closet House

หลังจากที่เราได้ทราบข่าวดีที่คนไทยและต่างชาติเฝ้ารอคอยนั่นก็คือ การพบเจอเด็กๆ ทีมนักฟุตบอลและโค้ชที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ทั้ง 13 ชีวิต หลังจากที่ติดอยู่ในถ้ำเป็นเวลากว่า 9 วัน เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ขอวันที่ 2 กรกฎาคม ทางสื่อสำนักต่างๆ ก็ได้รับรายงานมาว่า มีการพบเจอกับทั้ง 13 ชีวิตแล้ว ทั้งหมดปลอดภัยดี ทำเอาเฮลั่นกันไปทั้งประเทศหลังจากที่เกาะติดขอบจอเฝ้ารอข่าวดีกันมานาน     จากเหตุการณ์นี้เราได้เห็นว่ามีการส่งความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไทยหรือเทศเข้ามาร่วมภารกิจค้นหา ภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกคนสะท้อนให้เห็นได้เลยว่า ฮีโร่ ไม่ได้มีแค่ในภาพยนตร์หรือการ์ตูน แต่ฮีโร่ ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นก็คือพวกพี่ๆ เจ้าหน้าที่ทุกคนนี่เอง และฮีโร่ที่เราจะมาพูดถึงเป็น 2 ฮีโร่ที่เป็นคนแรกที่พบเจอกับทั้ง 13 ชีวิต ผู้ส่งข่าวดีออกมาให้กับเราทุกคน 2 ท่านนี้มีชื่อว่า Richard William Stanton อายุ 56 ปี และ John Volanthen อายุ 47 ปี นักดำน้ำจากอังกฤษที่เข้ามาช่วยในการค้นหา   Richard William…

ในช่วงนี้คงจะไม่มีข่าวไหนที่อยู่ในความสนใจของผู้คนทั้งประเทศได้เท่ากับข่าวคราวการช่วยเหลือเด็กๆ และโค้ชทั้ง 13 คนอีกแล้ว มีทั้งข่าวการช่วยเหลือจากหน่วยต่างๆ การรายงานความคืบหน้า และการส่งมอบอุปกรณ์และกำลังใจไปยังเด็กๆ และโค้ชผ่านช่องทางต่างๆ ล่าสุดในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพการส่งขวัญและกำลังใจไปให้เด็กๆ ผ่านการแปรอักษรด้วยการขับรถไปจอดเรียงกันบนท้องถนน ทำให้เกิดการวิจารณ์ไปต่างๆ นานา ว่าเป็นการกระทำที่เหมาะสมหรือไม่?     เมื่อไม่นานมานี้มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก อครเดช หล่อล้ำ ได้โพสต์ภาพลงในกลุ่ม ซื้อ-ขาย มีโอ ฟีโน่ นูโว สภาพ หล่อๆแรงๆ พร้อมดันโล เป็นภาพของกลุ่มผู้ขับขี่รถ Vios กลุ่มหนึ่ง ที่พากันไปจอดรถบนท้องถนนแล้วเรียงกันเป็นเลข 13 และยังนั่งจับกลุ่มกันเป็นรูปหัวใจ เพื่อสื่อถึงกำลังใจที่พวกเขาพยายามจะส่งไปให้กับทีมหมูป่าที่ยังติดอยู่ในถ้ำ พร้อมกันนี้ยังมีข้อความด้วยว่า “ขยะไอ_ อยากทราบว่าถนนปิดยังไม่เปิดใช้งานสามารถขับรถเข้าไปจอดได้หรอครับ #ไม่ได้โลกสวย #ขอผู้รู้มาตอบ”     หลังจากภาพนี้ถูกแชร์ออกไป ก็ได้เกิดการถกเถียงกันอย่างร้อนแรงในโลกออนไลน์ มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยและพยายามโต้เถียงแทนกลุ่มผู้ใช้รถดังกล่าว และกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยเนื่องจากอาจเกิดอันตรายกับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ได้   . . . . .   ที่มา อครเดช หล่อล้ำ

กลายเป็นกระแสดราม่าบนโลกออนไลน์อีกครั้ง เกี่ยวกับภารกิจช่วยเหลือนักฟุตบอลเยาวชนจากจังหวัดเชียงราย หลังจากที่ทางเพจอีจัน ได้รายงานว่านายกสมาคมน้ำบาดาล ถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ถ้ำเนื่องจากไม่มีบัตร “#เสียความรู้สึก #เขาแค่อยากเห็นว่าการเจาะน้ำบาดาลของเขามีผลมากน้อยเพียงใด ขอเข้าไปดูระดับน้ำในถ้ำ ทหารบอกเข้าไม่ได้ ไม่มีบัตร!!!! #มันคือ… ? เขาคือนายกสมาคมน้ำบาดาลที่ขนเครื่องเจาะน้ำราคา 30 ล้านมาเจาะน้ำบาดาล ระบายน้ำจากถ้ำตั้งแต่เกิดเรื่อง” โพสต์บางส่วนจากเพจอีจัน     ทางเพจดังรายงานว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างที่ทางทีมข่าวของเพจกำลังรอหาข่าวที่บริเวณหน้าถ้ำ ก่อนที่จะได้พบกับนายสุรทิน และได้ทราบว่าเขาถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปในพื้นที่เนื่องจากไม่มีบัตร “ผ่านไป 15 นาที ทีมสมาคมน้ำบาดาลเดินกลับมา ยื่นโทรศัพท์คืน พูดน้ำตาซึม ‘เขาไม่ให้เข้า บอกไม่มีบัตร ผมอยากถาม ที่มาทำงานให้หลายวันนี้ต้องมีบัตรเท่านั้นเหรอ มันคือ อะไร?” ข้อความจากแฟนเพจอีจัน   และนี่คือข้อความทั้งหมด   โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์มากกว่า 19,000 ครั้ง หลังจากที่เผยแพร่ออกไปเมื่อเวลาประมาณ 4 นาฬิกาของวันที่ 2 กรกฎาคม มียังมีชาวเน็ตจำนวนมากที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนกลายเป็นกระแสดราม่า    และนี่คือความคิดเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ไม่ควรเสนอข่าวที่สร้างความแตกแยก ดราม่าต่างๆ คนทำงานเป็นสิบเป็นร้อยหน่วยงาน ไม่มีใครรู้จักทุกคน ควรประสานงานกับพ่อเมืองเดี๋ยวเขาก็จัดการให้เรียบร้อย. การเสนอข่าวแบบนี้ไม่มีผลดีกับใครเลย นักข่าวก็ชอบสร้างดราม่าไม่น้อยนะ” Candy Florida  “ข่าวก็คือข่าว ถ้าไม่เสนอข่าวอีกด้านให้ประชาชนรับรู้ ก็คงไม่มีใครเห็น กลัวอะไรกับความแตกแยกครับ…

เมื่อซื้อรถใหม่มาทั้งที ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องมั่นใจว่าต้องไม่มีปัญหากวนใจเหมือนกับรถมือสองอย่างแน่ๆ แต่ว่าเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนทนไม่ได้ จึงทำให้ต้องออกมาเรียกร้องผ่านทางโซเชียลให้โลกรู้กันไป!! โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อทางผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า อุบลวรรณ ดอกบัว ได้ออกมาโพสต์ถึงปัญหาเรื่องรถป้ายแดงที่ได้ซื้อมาว่ามีปัญหาซ้ำซากที่แก้ไม่ตกสักทีพร้อมกับภาพของรถส่วนหนึ่ง ซึ่งในแคปชั่นประกอบนั้นได้เขียนเอาไว้ว่า      “HONDA CRV คันนี้ออกที่โชว์รูมธัญบุรีรังสิตคลองสอง เมื่อวันที่ 23 มิ.ย 2560 พึ่งจะครบปีเดือนนี้ แต่ต้องลากเข้าศูนย์ 3 ครั้งด้วยสาเหตุเดียวกันคือระบบเบรคกับระบบไฟเสียในขณะที่กำลังขับขี่อยู่บนท้องถนน โชคดีที่ยังไม่มีเรื่องเศร้า ซ่อมแล้วซ่อมอีกด้วยปัญหาเดียวกันแต่ก็ไม่หาย ศูนย์ดูแลแบบขอไปที แก้ปัญหาให้จบไม่ได้ เราพยายามเจรจากับผจก.ศูนย์เพื่อหาทางออกร่วมกัน แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร มีแต่รับปากแบบส่งๆ เราอยากทราบถึงความรับผิดชอบของ HONDA ว่าทำได้แค่นี้เหรอ รถเป็นล้าน ดูแลหลักร้อย จะต้องให้ทำยังไงถึงจะจบ บอกมา!!! #HONDA #ฮอนด้าเซลล์ประเทศไทย #สคบ. #อัมรินทร์ทีวี #ไทยรัฐทีวี #wearethepink “   . . . . . .   โพสต์ดังกล่าวได้กลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว โดยมีคนกดไลก์กว่า 1,000 ครั้ง และแชร์กว่า 500 ครั้งแล้วในตอนนี้ รวมทั้งยังมีความคิดเห็นมากมายในแง่มุมต่างๆ ดั่งเช่นความเห็นต่อไปนี้ของชาวเน็ต…   . .…

จบไปแล้วสำหรับงานประกวดนางงาม Miss Universe Thailand 2018 ที่ปีนี้มีผู้ได้รางวัลชนะเลิศคือ นิ้ง โศภิดา กาญจนรินทร์ หมายเลข 20 แต่หลังจากที่การประกาศผลเสร็จสิ้นลง กลับทำให้ชาวเน็ตในเฟซบุ๊กพากันแสดงความไม่พอใจ เพราะหลายๆ ความคิดเห็นมองว่ารองชนะเลิศอันดับ 1 อย่าง นางสาวฐิตารีย์ เกษร หมายเลข 10 ควรจะเป็นผู้ชนะมากกว่า และมองว่าความงามแบบ นิ้ง โศภิดา ยังไม่ถูกใจสายตาของคนส่วนใหญ่เท่าไหร่     ความคิดเห็นบางส่วนจากโลกออนไลน์บอกว่า “นิ้งสวยนะ Profileดี แต่หน้างานและ Stage Performance นิ้งไม่ได้จริงๆ ไม่ประจักษ์จริงๆ” “ช่วยบอกเหตุผล ทำไมถึงเลือกคนนี้มง ทั้งๆ ที่คนอื่นโปรไฟล์ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย Performance บนเวที รวมไปถึงการตอบคำถาม คนอื่นๆ ยังตอบได้ดีกว่า ส่วนคนที่กองเลือก เดินไม่สวย หน้าไม่ยิ้ม โพสต์ก็ไม่ดี ตอบคำถามก็งั้นๆ” “ยินดีกับนิ้งด้วย แต่ปีนี้สิ่งที่กองต้องปรับปรุงมีหลายเรื่องมาก ตั้งแต่การไลฟ์สด เก็บตัว จนถึงโปรดักชันวันไฟนอล คือบ้งมากจริงๆ อันนี้กองต้องลองย้อนดูตัวเองนะ และที่รับไม่ได้เลยคือ หนังสือพิมพ์สยามดารา สปอยแม่นทุกปี…

ประเด็นร้อนล่าสุดที่กำลังเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ในขณะนี้ ถูกโพสต์โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Loveauiaui Sakaya ได้โพสต์อุทาหรณ์เตือนใจสำหรับผู้เลี้ยงสุนัข หลังจากที่เธอพา เจ้าบีบี้ สุนัขสุดรักของเธอไปอาบน้ำ ฉีดวัคซีนที่คลินิกแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร เธอได้โพสต์เอาไว้ว่า “ช่วยกันแชร์หน่อยค่ะ สงสารน้องหมาตัวอื่นที่อาจต้องมาตายเหมือนบีบี้ T_T อุทาหรณ์พาหมาไปอาบน้ำ ฉีดวัคซีนที่คลินิก (ขอสงวนชื่อ)  ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร….. รักษาแบบไหน แค่อาบน้ำตัดขน วางยาซึมจนน้องหัวใจวายตาย น้องแข็งแรงดี ไปฉีดวัคซีน อาบน้ำตัดขน อ้างหมาดุ ดื้อ ทำไมไม่ใส่ตะกร้อครอบปาก วางยาก่อนอาบน้ำ โดยไม่ได้รู้จริง ว่าเขาไม่ทำกัน จะเกิดภาวะช็อกได้     สุดท้ายหัวใจล้มเหลว หมอตอบข้างๆ คูๆ อีผู้ช่วย ไม่ใช่หมอ ปากน่าเอาตีนยัดปาก แต่ตอนนั้น ต้องอดทนเพื่อจะเอาหลักฐานคำพูดจากปากหมอ มาเอาเรื่อง ปัญญาจะรับผิดชอบไม่มี ปากดีน่าเอายาซึมวางให้มันทุรนทุรายช็อกตายเหมือนกับน้องหมา ที่มันทำจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เอกสารที่แพทย์ออกให้ ต้องให้เติมให้แก้ 3 ครั้ง ปากพูดจะรับผิดชอบ แต่การกระทำตรงกันข้าม  **#ขั้นตอนต่อไป แจ้งความเอาผิด #พรบ.ป้องกันการทารุณกรรมต่อสัตว์…

หลังจากที่เราได้รายงานไปก่อนหน้านี้ว่าพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ได้ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์อย่างมาก เนื่องจากมีการปล่อยคลิปที่เจ้าตัวยืนพูดคุยออกคำสั่งกับลูกน้องถามหาใบอนุญาตบินโดรน และอีกคลิปเป็นการถามหาใบอนุญาตเจาะถ้ำ เพราะอาจผิดข้อกฎหมายได้ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม ซึ่งเจ้าตัวเอ่ยปากจะตามหาตัวคนถ่ายคลิปในเร็วๆ นี้ (อ่านข่าว “ศรีวราห์” ถามหาคนถ่ายคลิป ได้ที่นี่)   ล่าสุดได้เกิดกระแสขึ้นในเฟซบุ๊ก โดยมีผู้ใช้รายหนึ่งได้โพสต์ข้อความเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พิจารณา ปลด พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล ออกจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยอ้างว่ามีพฤติกรรมขัดขวางเจ้าหนักงานในทุกหน่วยงาน ใช้ข้อกฎหมายข่มขู่ผู้ปฏิบัติงานหลายหน่วย อีกทั้งยังเป็นการย่ำยีหัวใจของชาวไทยจำนวนมาก     โดยข้อความฉบับเต็มกล่าวว่า “กราบเรียน พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ จันทรโอชา ด้วย พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ อุทยาน เขาหลวง – ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้กระทำการอันเป็นการขัดขวาง เจ้าพนักงานทุกหน่วยงาน แกมข่มขู่ ในขณะที่ เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ได้ปฏิบัติงานเพื่อกู้ชีพอย่างเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เด็ก 13 ชีวิตที่ติดในถ้ำของอุทยานเป็นเวลา 7 วัน 7…

กลายเป็นข่าวโด่งดังลั่นทุ่งจริงๆ สำหรับกรณีที่พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือปฏิบัติการพาเด็กๆ และโค้ชที่ติดอยู่ในถ้ำทั้ง 13 คนออกมา แต่กลับทำให้ชาวบ้านและชาวโซเชียลไม่พอใจ เนื่องจากตนเองถามหาใบอนุญาตโดรนและการขุดเจาะถ้ำ (สามารถอ่านข่าว สรุปถ้ำหลวงวันที่ 7 ได้ที่นี่)   ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับรายการของสำนักข่าวไทย ว่าที่ตนเองทำไปทั้งหมดนั้นก็เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายและบอกด้วยว่าตนเองกำลังตามหาคนถ่ายคลิปอยู่ ไม่รู้ว่ารับจ้างจากใครมาหรือเปล่า?  “ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าโซเชียลที่มันลงพวกมันรับจ้างใครมา มันไม่บริสุทธิ์ใจหรอกท่านผมเรียนเลย คุณใช้งบประมาณแผ่นดิน จะมาซี้ซั้วได้ไง คุณเป็นคนของแผ่นดิน ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎหมายบรรเทาสาธารณภัยไม่ได้ยกเว้นกฎหมายอื่น เห็นมีอัยการออกมาวิจารณ์ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำงานมายังไง”     เมื่อนักข่าวถามว่าการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นการบั่นทอนเจ้าหน้าที่หรือเปล่า เจ้าตัวก็ตอบว่า “ไม่มีใครบั่นทอนหรอกคุณ เจ้าหน้าที่เขาขุดเจาะ ผมก็บอกว่าคุณเข้าไปขุดเจาะพื้นที่อุทยานมีกฎหมายอยู่ มันไม่ใช่ของกรมบาดาลหรือทรัพยากรเหมืองแร่ คุณก็ไปบอกเจ้าของบ้านเขาเสีย ทำหนังสืออนุญาต 1 แผ่น ใช้เวลาเพียง 1 นาที ก็ไม่เห็นจะเสียหาย ใช้เวลา 30 วินาทีถึง 1 นาทีในการทำให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบ ผมคุยกับลูกน้องผมคุยกับตำรวจ ไม่ได้คุยกับชาวบ้าน” นอกจากนี้พล.ต.อ.ศรีวราห์ ยังบอกอีกว่าตนเองไม่ทราบว่าใครเป็นคนถ่ายหรือปล่อยคลิป ยังอยู่ในระหว่างการหาตัวอยู่ เชื่อว่าเป็นขบวนการและจะทำการตรวจสอบเรื่องนี้หลังกลับมายังกรุงเทพฯ   ชมคลิปสัมภาษณ์เต็มๆ ได้ที่นี่…

จากการเกาะติดสถานการณ์ ภารกิจช่วยเหลือผู้สูญหาย 13 คน ณ ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย วันที่ 28 มิถุนายน 2018 ก็เข้าสู่ช่วงวันที่ 6 แห่งการค้นหาแล้ว เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปปฏิบัติงานต่างก็ร่วมมือกันช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง อีกทั้งยังมีกำลังใจจากคนไทยทุกภาคส่วน รวมไปถึงการช่วยเหลือจากต่างประเทศที่ยื่นมือเข้ามาช่วยด้วย แต่นอกจากสิ่งที่น่าประทับใจแห่งการช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนในครั้งนี้ ก็ยังมีเหล่ามิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาใช้สถานการณ์เพื่อหลอกเอาเงิน ทุบรถเอาทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ หรือแม้กระทั่งหลอกรับเงินบริจาคเพื่อการช่วยเหลือ ภาพการสนทนาต่อไปนี้ ได้รับการเผยแพร่จากผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อว่า ผ้าล้นบ้าน ขอบ้านคืน ที่ได้ออกมาโพสต์เตือนภัยให้ระวังเหล่ามิจฉาชีพที่จะหลอกให้โอนเงินเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ “แค่ตุ๋นข้าวให้จีจี้แค่นี้ก็รอไม่ได้เลยเหรอคะ  #กูใจดีแต่กูไม่ได้โง่ #ที่สำคัญกูรู้จักมึงในกลุ่มแม่และเด็ก #หากินผิดคน #มึงผิดตั้งแต่ทักหากูเองล่ะ #ต่ำตมไม่หยุด #ขนาดบอกระวังทีเร็กซ์นางยังไม่รู้ 555555 #จีจี้กัดมันเลยลูก!!!!!” เริ่มจากที่ว่า เจ้าของโพสต์หาคนในพื้นที่ เธอจะโอนเงินเพื่อซื้อของช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการค้นหาผู้สูญหายที่ถ้ำหลวง อีกฝ่ายที่ไม่รู้ว่าเธอผู้นั้นเป็นใครก็ได้ทักมา แต่เจ้าของโพสต์รู้ว่า อินี่มิจฉาชีพแน่นอนเพราะเคยเห็นประวัติมาก่อน     เจ้าหน้าที่แจ้งเอาไว้ว่าได้ของครบแล้ว แต่เธอคนนี้จะเอาเงินไปทำอะไร?   เจอมิจฉาชีพแบบนี้ อยากจะแนะนำให้รู้จักกับน้องจีจี้ ลูกสาวสุดรัก   ยัง ยังไม่รู้ตัวอีก   นี่คือจีจี้ สวัสดีพี่เค้าสิลูก…

กลายเป็นข่าวที่โลกออนไลน์พูดถึงอยู่พอสมควร สำหรับกรณีที่บิ๊กป้อมออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 มิถุนายน ที่ออกมาปฏิเสธว่านายกตู่ไม่ได้ดูเหมือน “สฤษดิ์น้อย” และยังบอกด้วยว่าตนเองยังไม่ได้อ่านเนื้อหาในนิตยสาร Time ฉบับเต็มๆ เนื่องจากตนเองอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก ทำให้กลุ่มนักศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รวมตัวกันเพื่อจัดงาน “แปลภาษาอังกฤษให้ประวิตรฟัง” แต่กลับมีคำสั่งจากอาจารย์จุฬาฯ สั่งให้ยกเลิกกิจกรรมดังกล่าว เนื่องจากอาจกระทบกับภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัย     ชมคลิปวิดีโอได้ที่ด้านล่าง   นายธนวัฒน์ วงค์ไชย ประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กของตัวเองว่ากิจกรรมดังกล่าวถูกยกเลิกเพราะทางผู้บริหารได้ขอร้องให้ยกเลิกกิจกรรม ในขณะที่ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางจุฬาฯได้มีการอนุญาตให้พรรคประชาธิปัตย์เข้ามาจัดกิจกรรมในมหาวิทยาลัยได้ ข้อความจากเฟซบุ๊กของนายธนวัฒน์ระบุว่า “กิจกรรม ‘แปลภาษาอังกฤษให้ประวิตรฟัง’ ที่จุฬาฯ เมื่อตอนเย็น ถูกผู้บริหารร้องขอ (แกมบังคับ) ให้ยกเลิกการจัดกิจกรรมนี้ ทั้งๆ นี่เป็นกิจกรรมที่สร้างเสริมปัญญาให้กับประวิตรและคนในประเทศเสียด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้ช่วงเดือนเมษายนจุฬาฯ เคยมีการ “อนุญาต” ให้พรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาจัดกิจกรรมกับนิสิตได้ แต่ในครั้งนี้ผู้บริหารจุฬาฯ บางท่าน กลับมีการขอร้อง (แกมบังคับ) ผมและเพื่อนไม่ให้ทำกิจกรรมในครั้งนี้ และมันสะท้อนมาตรฐานของผู้บริหารจุฬาฯ ครับ ที่อนุญาตให้พรรคประชาธิปัตย์ทำกิจกรรม แต่กลับไม่อนุญาตให้นิสิตจุฬาฯ จัดกิจกรรม น่าละอายที่เรามีผู้บริหารที่รักความมั่นคงของรัฐบาลทหารมากกว่าสิทธิในการทำกิจกรรมของนิสิตครับ”     ในขณะเดียวกันทางสำนักบริหารกิจการนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เพราะทางมหาวิทยาลัยเคารพเสรีภาพในการแสดงออกและสนับสนุนการจัดกิจกรรมของนิสิตที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์เสมอ  …

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินกันมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าหากเราเป็นงูสวัด (อาการที่มีตุ่มขึ้นบนผิวหนัง) แล้วไม่ไปให้หมอบริกรรมคาถาแล้วเป่า มันจะลามไปรอบๆ ตัวแล้วทำให้เราตายในที่สุด ทั้งหมดนี้ถือเป็นความเชื่อที่ค่อนข้างผิดไปจากการรักษาแผนปัจจุบันพอสมควร เพราะในตอนนี้เรามีวิธีการรักษาอย่างถูกต้อง และมีตัวยาที่สามารถรักษาได้จริงๆ     เมื่อเร็วๆ นี้เราได้ไปเจอเรื่องราวประสบการณ์การเป็นงูสวัดของผู้ใช้เฟซบุ๊ก Peemichao Phatchara หรือคุณพีม ที่ออกมาเล่าว่าตัวเองเป็นงูสวัดและวิธีรักษาที่ถูกต้องแบบที่แพทย์แนะนำ โดยคุณพีมเล่าว่าตัวเองเป็นคนนอนน้อยและนอนไม่เป็นเวลา จนในที่สุดก็มีอาการ งูสวัด (Herpes Zoster) มีลักษณะเป็นตุ่มผื่น สาเหตุหลักๆ มาจากร่างกายอ่อนเพลีย เครียด นอนน้อย นอนไม่เป็นเวลา ภูมิคุ้มกันต่ำ   สภาพบริเวณต้นคอหลังเป็นงูสวัดได้ 3 วัน   วันที่ 4 ตุ่มเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ   ซึ่งคนที่เป็นโรคนี้ได้จะต้องเคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน เพราะการเป็นอีสุกอีใสจะทิ้งเชื้อไวรัส Varicella-zoster Virus ไว้ตามปมประสาทของเราไปตลอดชีวิต นั่นหมายความว่าคุณเองก็อาจจะมีโอกาสเป็นได้เช่นกัน เมื่อไหร่ที่คุณอดหลับอดนอน อ่อนเพลีย ไวรัสที่นอนสงบนิ่งมาเป็นเวลาหลายปีอยู่ใต้ผิวหนังของคุณก็จะเติบโตขึ้นและแบ่งตัว ทำให้เส้นประสาทอักเสบ เกิดอาการปวดและตุ่มใสๆ ตามแนวเส้นประสาท   สภาพวันที่ 6   วันที่ 8 จะเห็นว่าตุ่มบางจุดเริ่มแห้งแล้ว   ขั้นตอนในการรักษา 1.…

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งในโลกออนไลน์กับการประกวดสาวงามเวที Miss Grand Thailand 2018 ที่เปิดฉากการประกวดไปเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2018 หลังจากการเดินแฟชั่นโชว์รอบชุดว่ายน้ำจากผู้เข้าประกวดทั้ง 77 จังหวัด ทางเพจ Miss Grand Thailand ก็ได้เผยแพร่ภาพนิ่งของเหล่าสาวงาม แต่รูปที่โพสต์ออกไปนั้นกลับถูกวิพากษ์วิจารณ์กันว่า ทำไมชุดว่ายน้ำของผู้เข้าประกวดบางจังหวัดนั้นโป๊จนเกินไปหรือดูไม่งามเหมือนตามที่ควรจะเป็น   ชุดมิสแกรนด์นครพนมมีความเว้าลึกจนเกินไป   ผู้เข้าประกวดมีความผอมมาก ทำให้ชุดว่ายน้ำที่ใส่ดูโป๊เกินไป   ชุดนี้ไม่มีการเซฟจุดสงวนให้มิดชิด ทำให้ภาพออกมาดูไม่ดี   ชุดนี้ก็มีความเว้าลึกเช่นกัน   เว้าสูง   ชุดนี้ก็เว้าสูง   ชุดนี้ไม่เซฟจุดสงวน   ชุดนี้ก็ไม่เซฟเช่นกัน   และนี่คือความเห็นส่วนหนึ่งที่มีต่อภาพของผู้เข้าประกวด Kan Tinannaphattra “บางจังหวัดควร save นางงามนะครับ ชุดควร save เข้าใจว่าชุดว่ายน้ำ แต่ก็ควร save บ้าง ดูไม่งาม” Hongthong Chompoo “จริงค่ะ แล้วทางแอดมินเพจก็ควรเช็กรูปด้วยนะ ไม่ใช่อะไรๆ…

ตอนนี้ข่าวการช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่า ที่ประกอบไปด้วยเด็กๆ 12 คน และโค้ชอีก 1 คน กำลังกลายเป็นที่จับตามองของสื่อไทยและต่างชาติ และเมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา สื่อต่างชาติอย่าง Metro และ Dailymail ก็ได้มีการถ่ายทอดสดการช่วยเหลือให้ชาวต่างชาติได้รับรู้ด้วย ซึ่งในระหว่างการถ่ายทอดสดต่างๆ ได้มีชาวโลกจำนวนมากพากันคอมเมนต์ส่งแรงใจช่วยให้เหล่าทีมกู้ภัยสามารถช่วยเหลือเด็กๆ ออกมาได้ เราลองไปดูความคิดเห็นบางส่วนจากพวกเขากัน     Serey Edwen “หวังว่าพวกเขายังรอดชีวิตนะ และกลับบ้านได้เร็วที่สุด พ่อแม่ของพวกเธอกำลังรออยู่ข้างนอกถ้ำนะ พระพุทธเจ้าอวยพรให้พวกเธอทั้งหมดปลอดภัยด้วย จากกัมพูชาครับ”   Emma Hicks “พระเจ้า ได้โปรดส่งความช่วยเหลือไปยังพวกเขาเถอะ ได้โปรดนำทางให้เด็กๆ ที่ติดอยู่ในถ้ำออกมาสู่อากาศภายนอกได้และมอบพละกำลังให้กับพวกเขาในการต่อสู้จนถึงตอนที่ความช่วยเหลือไปถึง ในนามของพระเจ้า อาเมน”   Jerry Laughlin “ประเทศไทยมีถ้ำอยู่มากมายหลายที่ หวังว่านักฟุตบอลทั้ง 12 คนจะสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ ขออธิษฐานให้พวกเขาปลอดภัย”   Vivekanandan Puvirajaratnam “พวกเราจากศรีลังกาหวังและภาวนาให้เกิดปาฏิหาริย์กับทั้ง 13 คน ได้รอดปลอดภัยและกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เพราะเรารู้ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนที่คนที่รักพวกเขาต้องรออยู่ข้างนอกเพื่อรอพวกเขากลับมา”     Yany…

เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมาคุณหมอผิวหนังผู้ใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า Sarinthip Sriphak Wainwright หรือคุณกี้ ได้โพสต์ตำหนิชายหนุ่มรายหนึ่งที่มารักษาหน้ากับตนเองที่คลินิกในจังหวัดโคราชอยู่หลายเดือน แต่หลังจากที่ผิวหน้าดีขึ้นแล้ว กลับบอกว่าตนเองหายได้เพราะครีมและเซรั่มแบรนด์หนึ่ง พร้อมกับโพสต์ขายครีมตัวดังกล่าว ซึ่งตนมองว่าเป็นการหลอกลวงคนอื่นๆ     ข้อความต้นฉบับกล่าวว่า “เคสนี้หมอกิ่งคลินิกที่โคราชรักษาหลายเดือนค่าใช้จ่ายสองแสนกว่าบาท รักษาใบหน้าที่ติดสารสเตียรอยด์ให้ฟรี หมอตั้งใจมาก รักษาให้จนหน้าดีขึ้นจากหน้าศพๆ ที่พังพินาศจากครีมที่ขายในอินเตอร์เน็ต ไหนจะหลุมสิว พอหายมาบอกมาโฆษณาครีมและเซรั่มแหกตาประชาชนว่าตัวเองใช้จริงดีจริง เอามาฝากเป็นน้ำจิ้ม แชร์ได้ให้คนที่ไร้สามัญสำนึก #แหกตาประชาชนจ้า”     ทั้งนี้ยังได้แนบภาพการรีวิวการรักษาใบหน้าของชายหนุ่มรายดังกล่าวมาด้วย จากที่มีสิวและริ้วรอยมากจนเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเจ้าตัวบอกว่าการรักษาทั้งหมดนี้เป็นการรักษาให้ฟรีๆ ซึ่งรวมมูลค่าแล้วกว่า 2 แสนบาท จากคลินิกดังกล่าวด้วย     ไลฟ์ขายครีมและคอลลาเจน โดยมีการอ้างว่าเพราะการใช้ครีมและคอลาเจนตัวดังกล่าวที่ช่วยให้หน้าของตัวเองดีขึ้น . . . . . . .   ที่มา Sarinthip Sriphak Wainwright

ในช่วงงานแข่งขันฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง ฟุตบอลโลก 2018 นี้ หลายๆ คนคงอยากจะบินไปเชียร์ทีมรักถึงขอบสนามกันใช่มั้ยล่ะ บางคนก็มีโอกาสได้ไปชมถึงขอบสนามจริงๆ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่ได้ไป ซึ่งก็ต้องเชียร์ผ่านการถ่ายทอดอยู่ที่บ้านกันตามระเบียบ และในช่วงพักครึ่งระหว่างการแข่งขัน ทางช่องก็จะนำโฆษณาของสปอนเซอร์ออกมาให้เราชมรอการแข่งกันไป ทีนี้หลายๆ คนคงไปสะดุดตากับสาวสวยคนหนึ่งจากโฆษณาของธนาคารชื่อดัง โดยก็มีคนถามหากันเข้ามามาก ว่าเธอนั้นเป็นใครกันนะ   สรุปว่างานงอกหรืองานง่าย!?    อ้าว!! ก็ป้าน้ามาไง…    วันนี้เราจึงมาเปิดวาร์ป เอ้ย!! เราจึงไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเธอมา จึงพบว่าเธอชื่อ ณัชชา ดาวพลังพรหม สาวสวย จากคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งขณะนี้กำลังทำงานเป็นนักแสดงและนางแบบอิสระนั่นเอง สำหรับคนที่อยากติดตามผลงานของสาวน้อยแสนสวยคนนี้ก็สามารถเข้าไปติดตามผลงานของเธอที่เฟซบุ๊ก Natcha Daopalangphrom หรือทางอินสตาแกรม Nattiliii ได้เลยนาจา ต่อไปเราจะมาดูความสดใสและน่ารักของสาวน้อยคนนี้กันดีกว่า รับรองเพื่อนๆ ต้องสดชื่นกันเป็นอย่างแน่นอน   แฟนทีมชาติสเปนตัวยงรึเนี่ย!? https://www.instagram.com/p/BkR3dn-HQ6j/?taken-by=nattiliii   ยิ้มที ใจละลายเลยง่า https://www.instagram.com/p/BeCrLfPn_yh/?taken-by=nattiliii   สดใสมากๆ ฮะ https://www.instagram.com/p/BkE3jHgHbkH/?taken-by=nattiliii   รัสเซียก็เชียร์รึเนี่ย https://www.instagram.com/p/BkC0H3GnmJz/?taken-by=nattiliii   อย่ายิ้มบ่อยสิ…

จากที่เมื่อวานเราได้ตั้งกระทู้ชวนคุยผ่านหน้าเพจ CatDumb News เพื่อให้ชาวเน็ตได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์การถูกลงโทษในวัยเด็ก ว่าพวกเขาเคยโดนลงโทษแบบที่น่าอับอายและไร้เหตุผลแบบไหนมาบ้าง? ซึ่งจากหลายๆ คอมเมนต์ได้แสดงให้เราเห็นว่ามีเหล่าคุณครูผู้ใช้ความรุนแรงและลุแก่อำนาจแฝงตัวปะปนกับเหล่าคุณครูดีๆ จำนวนมาก และบทลงโทษเหล่านั้นก็อาจทำให้เด็กๆ จำฝังใจจนเกิดเป็นปมหรืออาจส่งต่อความรุนแรงไปยังคนรุ่นต่อๆ ไปได้ เราลองไปดูบางส่วนของประสบการณ์การถูกลงโทษในวัยเด็กของแต่ละคนกัน     Kochaporn Khruthanuchat “เคยโดนจิกหัวตบหน้า เหตุเพราะไม่สบายเป็นอีสุกอีใสแล้วไม่มีการบ้านไปส่ง ตอนนั้นป.5 จำได้ ก็อธิบายนะว่าหยุดเพราะป่วยเลยไม่มีการบ้านส่ง นางก็ว่ายังไงก็ต้องยืนขึ้นพร้อมกับพวกที่ไม่มีส่ง แล้วนางก็จิกหัวเขย่าๆ แล้วตบหน้า อื้อหือ พร้อมกับบอกว่าปากมีก็หัดโทรถามเพื่อนสิว่าเค้ามีการบ้านกันมั้ย อห สมัยนั้นใช่ว่าบ้านกูมีโทรศัพท์ที่ไหน กว่าจะขอเบอร์ไปได้ยากชิบผาย จำได้จนตอนนี้อายุ 30 แล้วก็จำไม่เคยลืมว่าเจอครูแย่ๆ แบบนี้นางชอบหาเรื่องตีแต่กะเรานี่แหละ บางทีการบ้านทำถูกก็หาเรื่องไปด่าไปตี โรคจิต”   นายจักรกฤษ เป็นคนปาก้อนอิฐใส่หัวพระเจ้า “ถอดเสื้อกลางห้อง แล้วให้เอาปากกาเขียนชื่อลงไปที่อกเสื้อ เพราะเสื้อที่ใส่ไม่ได้ปักชื่อ โคตรอาย 5555+ แต่เคยมีเรื่องเล่าว่า ครูคนเดียวกันนี้หลายปีก่อนทำโทษนักเรียนโดยให้แบกโต๊ะวิ่งรอบสนาม วันต่อมาเด็กที่ถูกทำโทษ กินยาตาย แกเป็นครูฝึกรด. เวลาลงโทษนักเรียนเลยใช้วิธีแบบทหารๆ”   เค้าเรียกผมว่า ลูกหมู “ด่าเราให้เพื่อนทั้งห้องฟัง หาว่าเราเขียนคำว่า ‘ครวย’ ใส่ช่องเซ็นชื่อสอบของเพื่อนผู้ชาย ระบุชื่อจริงอีกต่างหาก ถามว่าจะไม่ยอมรับจริงๆ…

เดี๋ยวนี้เราคงจะเห็นบริการส่งหมูกระทะถึงที่อยู่เยอะพอสมควร นั่นก็เพราะว่าผู้บริโภคเดี๋ยวนี้ต้องการความสะดวกสบาย หากเราสามารถนั่งปิ้งย่างได้เองที่บ้านพร้อมกับหมูกระทะครบชุด เหตุใดเราจะต้องเดินทางไปต่อคิวรอที่ร้านอีกล่ะ? แต่การจะเลือกร้านแล้วโทรสั่งคุณก็ควรจะพิจารณาร้านที่น่าเชื่อถือหรือมีหน้าร้านจริงๆ หน่อยนะ เพราะเดี๋ยวนี้มีมิจฉาชีพแอบเนียนโฆษณาร้านไปทั่ว แต่เปลี่ยนชื่อร้านและเบอร์โทรไปเรื่อยๆ เพื่อหลอกให้เราสั่งแล้วก็เอาเนื้อหมูที่ไม่ได้คุณภาพมาให้คุณกิน     เรื่องราวต่อไปนี้มาจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก ของคุณกองพล บุพศิริ ที่ได้ออกมาเตือนภัยทั้งชาวเน็ตทั้งหลายว่าในตอนนี้มีเหล่ามิจฉาชีพแอบปลอมแปลงเป็นร้านหมูกระทะเดลิเวอรีระบาดไปทั่วเขตดอนเมือง, สมุทรปราการ, ดินแดง,ห้วยขวาง,อนุสาวรีย์ และรัชดา โดยเหล่ามิจฉาชีพเหล่านี้เป็นชาวเวียดนาม พวกเขาจะนำเอาชื่อร้านหมูกระทะอื่นๆ มาทำเป็นป้ายโฆษณาแล้วเปลี่ยนเบอร์โทร ก่อนจะนำมันไปติดตามที่ต่างๆ ซึ่งหมูกระทะที่จัดส่งเหล่านั้นเป็นเนื้อหมูที่สกปรกไม่ได้คุณภาพ   สภาพแหล่งผลิตหมูกระทะของมิจฉาชีพกลุ่มนี้   ทั้งนี้คุณกองพลเป็นหนึ่งในเจ้าของร้านที่ถูกเหล่ามิจฉาชีพนำชื่อไปแอบอ้าง ได้แนะนำวิธีในการตรวจสอบว่าร้านเหล่านั้นมีอยู่จริงหรือไม่ ให้ลองถามที่ตั้งเช่น หมู่บ้านอะไร ซอยอะไร บ้านเลขที่เท่าไหร่ เพราะหากเป็นร้านที่ถูกต้องจะสามารถบอกที่อยู่ได้ แต่ถ้าเป็นร้านปลอมมักจะมีการบ่ายเบี่ยงและรีบตัดสายทิ้งทันที     เบอร์โทรศัพท์จำนวนมากที่ถูกเปิดขึ้นเพื่อใช้ในการหลอกลวงเหยื่อ . . . .   ชมคลิปวิดีโอการเข้าตรวจค้นแหล่งผลิตหมูกระทะได้ที่นี่เลย   ที่มา กองพล บุพศิริ

กลายเป็นข่าวสะเทือนขวัญไปทั่วประเทศ สำหรับกรณีที่มีการพบชิ้นส่วนมนุษย์ถูกหั่นทิ้งไว้กระจัดกระจายไปทั่วพงหญ้าที่คลองสามวา กรุงเทพมหานคร ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มีการตามจับตัวคนร้ายได้แล้ว ตามรายงานจากเฟซบุ๊กเพจ เรื่องเล่าเช้านี้ บอกว่าฆาตกรรายนี้มีชื่อว่านายธนกฤต ประกอบ เป็นผู้ลงมือฆ่าและหั่นศพอดีตแฟนสาวออกเป็น 14 ท่อน และนำใส่กระเป๋าเป้ไปทิ้งตามพงหญ้า โดยเจ้าตัวได้เซ็นเอกสารรับสารภาพแล้วเรียบร้อย   แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ มีชาวเน็ตจำนวนมากพากันเข้าไปดูเฟซบุ๊กของนายธนกฤต และพบว่าในวันที่ข่าวฆ่าหั่นศพนี้เริ่มโด่งดังในโลกออนไลน์ เจ้าตัวได้มีการแชร์รูปภาพข่าวลงในเฟซบุ๊กตัวเองด้วย พร้อมกับข้อความว่า “ใจคนสมัยนี้ทำด้วยไรว๊าา เดี๋ยวยิงกัน เดี๋ยวฆ่ากัน หั่นคนอย่างกะหั่นหมู หั่นวัว”     นอกจากนี้ยังได้มีการตอบโต้ในคอมเมนต์กับเพื่อนในเฟซบุ๊กว่า “สงสัยแค้นมากถึงทำขนาดนี้” “มันดังแล้วเนอะพี่ คราวก่อนก็ยิงกันตลาดมีน” “หั่นขนาดนี้ โห รู้ข้อต่อทุกๆ จุดเลย” “แยกทุกๆ ข้อ สยอง” “ยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร น่าสงสารญาติพี่น้องเนอะพี่”   จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากพากันเข้าไปแสดงความคิดเห็นต่อว่าในเฟซบุ๊กของนายธนฤกตเป็นจำนวนมาก และพาหันหวาดกลัวในพฤติกรรมการตีหน้ามึนราวกับตัวเองไม่รู้ไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย   ที่มา วุธ ธนกฤต ประกอบ , เรื่องเล่าเช้านี้

‘สัตว์ป่า’ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่อยู่ร่วมโลกเดียวกับเรา และคอยปรับสมดุลให้แก่ธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทว่าชีวิตของพวกเขาเหล่านี้ก็ถูกเบียดเบียนโดยเหล่าสัตว์ประเสริฐอย่าง ‘มนุษย์’ เราดั่งที่เห็นในหลายๆ ข่าวที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และนี่ก็คืออีกหนึ่งเรื่องเศร้าที่ได้รับการเปิดเผยจากเพจ ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช      ที่ได้เผยภาพของกระทิงตัวหนึ่งที่ถูกนายพรานลักลอบฆ่าอย่างน่าเวทนา แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะพยายามจะปกป้องชีวิตของสัตว์ป่าที่ไร้ทางสู้เหล่านี้ ด้วยการออกลาดตระเวนอย่างหนักก็ตาม และนี่คือข้อความที่ทางเพจได้อธิบายเรื่องราวเอาไว้     “พรานโหด ฆ่ากระทิงเขาอ่างฤาไนถลกหนังกลางป่า เจ้าหน้าที่เศร้าขนาดลาดตระเวนอย่างหนัก ชีวิตสัตว์ยังไม่ปลอดภัย” สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 มิ.ย 2561 เวลา 20.00 น. ขณะเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าเขาปอออกลาดตระเวน ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นในป่า จำนวน 4 นัด เจ้าหน้าที่จึงได้ดักซุ่มจนถึงวันที่ 21 มิ.ย. 2561 เวลา ประมาณ 13.00 น.     เจ้าหน้าที่พบชายจำนวน 3 คนแบกกระสอบคล้ายถุงปุ๋ยการเกษตร ออกมาจากป่า เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว แต่ชายทั้ง 3 คนได้วิ่ง หลบหนีเข้าป่าไป เจ้าหน้าที่จึงตรวจภายในกระสอบพบชิ้นเนื้อสัตว์ลักษณะใหม่สด…

ใครๆ ก็รู้ว่าการใช้รถบนท้องถนนนั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้แทบจะตลอดเวลา ดังนั้นแล้วทางที่ดีเราควรจะไม่ประมาทและใช้สมาธิในการขับขี่เพื่อให้ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยในที่สุด ทว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่คิดอย่างนั้น ไม่รู้ว่าด้วยความช่ำชองหรือความเคยชินจึงทำให้เธอขี่รถด้วยความเร็วแบบปล่อยมือทั้งสองมือ เพื่อที่จะมากดโทรศัพท์ทั้งๆ ที่มีเด็กน้อยนั่งอยู่ข้างหน้าและไม่มีเครื่องป้องกันอะไรสักอย่างเลยด้วย!!   โดยภาพเหตุการณ์ของผู้หญิงคนดังกล่าวได้ถูกถ่ายจากผู้ใช้รถใช้ถนนคนหนึ่ง และต่อมาได้นำไปเผยแพร่ในเพจ Phuket Live I Живой Пхукет ซึ่งระบุว่าวิดีโอที่ถ่ายขึ้นนี้ถ่ายในพื้นที่ จ. ภูเก็ตนั่นเอง ในวิดีโอเราจะเห็นได้ว่าเป็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์บรรทุกของอยู่ พร้อมกับเด็กน้อยที่นั่งอยู่ข้างหน้า แต่ก็มีบางครั้งที่เธอปล่อยมือออกจากแฮนด์ของมอเตอร์ไซค์เพื่อมากดโทรศัพท์มือถือ ทั้งๆ ที่ขี่รถด้วยความเร็วอยู่ประมาณหนึ่งด้วย   วิดีโอของผู้ขับขี่ดังกล่าว  และอีกจุดหนึ่งสังเกตภายในคลิปนี้ก็คือ ทั้งตัวผู้หญิงคนขี่เองหรือกระทั่งเด็กน้อยก็ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันอย่าง หมวกกันน็อคใดๆ ทั้งสิ้น และถ้าเห็นพฤติกรรมการขับขี่แล้วต้องบอกเลยว่ามีความเสี่ยงอันตรายเป็นอย่างมากเลย หลังจากที่คลิปวิดีโอนี้ได้ออกสู่สายตาโลกโซเชียล ก็มีผู้คนมากมายเข้ามาแสดงความคิดเห็นกับพฤติกรรมการขับขี่นี้ ซึ่งก็มีทั้งชาวไทยชาวต่างชาติด้วย และส่วนมากก็จะมีความเห็นในเชิงตำหนิซะมากกว่าที่ขับขี่ด้วยความประมาทอย่างนี้ อย่างเช่น   นี่สามารถอธิบายได้เลยว่า ทำไมประเทศไทยถึงมีอุบัติเหตุทางมอเตอร์ไซค์มากที่สุดในโลก   นั่นมีเด็กอยู่ด้วยนะ คุณน่าจะละอายใจบ้าง   มีความสามารถนะ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเอาซะเลย   ไม่ชอบพ่อแม่ประเภทนี้เลยจริงๆ คุณไม่ควรจะมีลูกถ้ายังไม่รู้ว่าจะปกป้องพวกเขาอย่างไร น่าสงสารจริงๆ   ถ้าคุณอยากตาย โปรดทำมันเพียงคนเดียวและปล่อยเด็กเอาไว้ที่บ้าน   . .   ที่มา: Phuket…

ความไร้เดียงสาของเหล่าเด็กๆ นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เรายิ้มได้เสมอ ถึงแม้ว่าเด็กๆ จะทำอะไรผิดพลาดไป เราก็สามารถสอนให้เขาทำในสิ่งที่ถูกต้องได้ด้วยการบอกเหตุและผลให้กับพวกเขา เรื่องต่อไปนี้ถูกโพสต์โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า กนกพร ลิ่มสุวรรณโรจน์ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2017 ถึงแม้ว่าเรื่องราวนี้จะผ่านมาหนึ่งปีแล้ว #เหมียวบู้บี้ก็อยากนำเรื่องราวสุดน่ารักนี้มาพูดถึงอีกครั้งหนึ่ง โดยคุณกนกพร ได้เขียนเอาไว้ว่า   “เช้านี้มี ด.ช.มานั่งร้องไห้ในห้องธุรการ ครูนกถามว่าเป็นอะไร? น้องย้งบอกว่าจะมาขอ ‘ลาออก’ เพราะลืมไม้ปิงปองที่บ้าน คุณแม่ (ใจร้าย) ก็ไม่ยอมกลับไปเอาให้!!  ครูนกจึงให้เขียนใบลาออกเอง และถามว่าเขียนได้ไหม? น้องย้งก็รีบตอบเลยว่า ‘ได้ครับ’ พอเขียนเสร็จครูนกก็อ่านให้น้องย้งฟังตามที่น้องย้งเขียน สรุป เขียนแบบนี้ไม่สามารถลาออกได้….ต้องขึ้นไปเรียนเพิ่มเติมอีก ถ้าเขียนภาษาไทยถูกต้อง ค่อยมาเขียนใบลาออกใหม่….และบอกให้วันนี้ทำหน้าที่ช่วยครูเก็บลูกปิงปองแทน เพราะลืมไม้ ไม่ต้องตี น้องย้งก็พยักหน้า กลับขึ้นห้องด้วยความผิดหวัง….ที่เขียนภาษาไทยผิดหลายคำจึงอดลาออก”     หลังจากที่ #เหมียวบู้บี้ ใช้การถอดจิตและวุ้นแปลภาษาคร่าวๆ แล้ว เนื้อหาในใบลาออกของเด็กชาย ย้ง มีใจความว่า เรื่อง ขออนุญาตลาออก เรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนจอย (สงสัยผอ.ชื่อจอย) ข้าพเจ้า ด.ช. รชต…

ในช่วงเปิดเทอมก็จะเป็นช่วงเวลาที่มีข่าวเกี่ยวกับเด็กๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่ว่าก็มีข่าวหนึ่งที่ได้กลายเป็นประเด็นดังบนโลกโซเชียล เพราะมีเด็กคนหนึ่งถูกทวงค่าเทอมด้วยการติดข้อความประจานบนเสื้อ จนไม่มีเพื่อนๆ คนไหนกล้าเล่นด้วย!! โดยเรื่องราวที่ว่านี้ได้ถูกเปิดเผยขึ้นจากเพจในเฟสบุคชื่อว่า Red Skull Phatthalung ที่ได้โพสต์รูปภาพของเด็กคนหนึ่งที่อยู่ในชุดลูกเสือพร้อมกับมีการแปะเทปกาวที่มีคำพูดว่า ‘ยังไม่ได้ชำระค่าเทอม 700 บ.’ เอาไว้ที่เสื้อของเด็กคนดังกล่าวด้วย อีกทั้งยังมีแคปชั่นประกอบภาพเอาไว้ว่า     “ครูจะรู้ไหมว่ามันฝากบาดแผลอะไรไว้ในจิตใจเด็กบ้าง สอบเป็นครูมาได้ไงวะ ไม่ถือสาไม่ได้หรอกคนับ เหี้ยแบบนี้ไม่น่าเป็นครูละ ไอ้สัส ค่าเทอมไม่จ่ายมึงไปทวงกับพ่อแม่ ไม่ใช่ประจานเด็ก โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบูรณ์ ปล.ตอนนี้มีคนจ่ายค่าเทอมให้เรียบร้อยละคนับ  ::::::::::::::::::::::::::::::: ค้างค่าเทอม ทำลูกกูขนาดนี้กูจะไว้หน้ามึงทำไม ลูกกูถูกประจานถูกล้อจากเพื่อนในห้องไม่มีใครเล่นด้วย”…………” คุณครูโรงเรียนเทศบาล 1 บ้านในเมืองลาออกไปซะ ไม่ต้องเป็นหรอกคุณครู ส่วนพ่อของลูกไม่รับผิดชอบอะไรบอกว่าอย่าไปถือสาอะไรคุณครูเลยเดี๋ยวจะตามไปจ่ายเองบอกครูไว้แล้ว มึงยังเรียกตัวเองว่าคนอีกหรือนี่หรือพวกใจสัตว์พึ่งมาเห็นสภาพลูกวันนี้ความไร้เดียงสาของเด็กวิ่งมาบอกว่าแม่ไม่มีใครคุยกับหนูเลยแม่ดูๆๆ หนูถูกลงโทษ” และทันทีที่โพสต์นี้ได้แพร่สู่สายตาชาวเน็ตก็มีการแชร์ไปแล้วกว่า 5,000 ครั้ง และก็มีคอมเมนต์มากมายถึงเรื่องดังกล่าวนี้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะออกไปในทิศทางที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณครูทำกับเด็กคนนี้ ดั่งเช่น   . . . . . .   ตอนนี้ยังทางฝั่งคุณครูยังไม่ได้ออกมาชี้แจงแต่อย่างใด ชาวเน็ตก็ต้องรอติดตามผลกันต่อไป แต่ต้องยอมรับเลยว่า รู้สึกสงสารเด็กจริงๆ  …

หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวคราวเรื่องการรับน้องที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้นในหลายๆ สถานศึกษา จนกลายมาเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียลกันอยู่สักพักหนึ่ง และในตอนนี้ก็มีเรื่องใหม่ในประเด็นนี้เกิดขึ้น เพราะมีรูปภาพของนักศึกษาวิชาทหารที่ส่งต่อลูกอมกันทางปากปรากฏออกมา!!     โดยรูปภาพดังกล่าวนี้ได้เผยแพร่โดยเพจชื่อว่า Anti Sotus ซึ่งทางเพจได้ใส่แคปชั่นประกอบรูปภาพเอาไว้ดังต่อไปนี้ ‘”จูบ” ใครคิดว่าไม่สำคัญ “ลูกอมเพื่อชาติ” รด.งง ทั้งประเทศ มีรับน้องกับเขาด้วย!!!!!!!!!! รับน้อง ร.ด. ปี1 (ม.4) โรงเรียนกุสุมาลย์วิทยาคม สกลนคร สมัครผ่านก็ไปเรียนในค่ายนะครับ ตรงนั้นก็ว่ากันไปตามระเบียบกลาโหม ไม่ใช่มานอกรอบแบบนี้ ไวรัสตับอักเสบ เอ บี ที่จริงสถานศึกษา เขาสอนกันทั่วนะครับ ไอ้คิดว่าไม่เป็นอะไรหรอกนี่ ตายกันไปเยอะแล้วนะ จูบเดียวเท่านั้นนิรันดร์ยั่งยืน………… แอดมินประธาน รายงาน’”   รูปภาพที่ทางเพจได้นำมาโพสต์ . . . . .   โพสต์ต้นทาง    หลังจากที่โพสต์นี้เผยแพร่ออกไปในโลกอินเทอร์เน็ต ก็ได้ทำให้มีชาวเน็ตมากมายมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว ในทำนองที่ว่าเป็นการรับน้องที่ไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไหร่นัก อย่างเช่นความเห็นต่อไปนี้   . . . .…

นี่เป็นคลิปอุบัติเหตุที่กำลังกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่ในสังคมออนไลน์อยู่ในขณะนี้ สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ที่ออกมาตั้งด่านตรวจกลางถนนแบบฉับพลัน แต่ดันทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมา คลิปวิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก BP-Poaot Rcp หรือ คุณภัตร เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยคุณภัตรได้เล่าให้ทีมงานแคทดั๊มบ์ฟังว่าก่อนเกิดเหตุ เขาได้กลับรถบริเวณหน้าห้าง Mega บางนา จากนั้นก็ขับตามถนนมาเรื่อยๆ แต่จู่ๆ ก็เจอเข้ากับตำรวจจราจรที่โผล่พรวดออกมาตั้งด่าน และวางกรวยลงในเลนขวาสุด ทำให้รถกระบะสีฟ้าต้องเบรกอย่างกะทันหัน ส่งผลให้รถบรรทุกที่ตามมาชนเข้ากับรถกระบะสีฟ้าอย่างจัง     ภาพวินาทีที่รถบรรทุกพุ่งเข้าชนรถกระบะจนเกือบจะชนตำรวจจราจร   คุณภัตรบอกกับเราว่า “ผมกลับรถตรงหน้า Mega บางนามา แล้วขับมาสักนิดนึงก็พบอย่างในคลิปครับ ถูกชนหลังยุบกระจกแตกเท่าที่เห็นนะครับ”   ชมคลิปเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย   คลิปดังกล่าวได้รับความสนใจจากโลกออนไลน์พอสมควร จนมีการกดแชร์ไปกว่าหมื่นครั้ง และมีการวิจารณ์ถึงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจราจรตามมาอีกมากมาย เก่ง เกียร์อาร์ “รถนะไม่ใช่ขนมเบื้อง” Nut Nitid “เขาไม่เหยียบก็ดีแล้ว ดูไปวาง มาสร้างมาเดือดร้อนให้ประชาชน” ณัฐพล ระดมสุทธิศาล “รีบเก็บให้ไว แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขี้น” Adisak Niyomsri “บ้าป่าววะ ถ้าเกิดอุบัติเหตุคนเสียชีวิตขึ้นมาล่ะ โถ่ว” Nattawat Jadorol “ใจหายไปเลย…

กลายเป็นดราม่าร้อนแรงที่กำลังถูกพูดถึงในขณะนี้กับภาพของสาวคนหนึ่ง โพสต์รูปภาพขอเงินจากผู้ติดตามคนละ 1 บาท เพื่อนำไปจ่ายค่าผ่อนรถ แต่ทว่าเธอนั้นกลับอัปรูปไปเที่ยวต่างประเทศ ใส่ชุดแบรนด์เนมทั้งตัว แถมชีวิตยังดีกว่าใครหลายๆ คนซะอีก สาวเจ้าของเฟซบุ๊กโพสต์ภาพตัวเธอเองพร้อมข้อความว่า “เพื่อนๆ ในเฟสและผู้ติดตามอีก 30,000 กว่าคน ทับทิมมีเรื่องให้ช่วยคะ ขอคนละ 1 บาทได้มั้ยคะ ช่วยทับทิม ผ่อนรถเดือนนี้หน่อย  #โครงการปันน้ำใจคนละ 1 บาท #ใครไม่ชอบปล่อยผ่านนะคะไม่ต้องคอมเมนต์ด่า ช่วยแชร์หน่อยนะคะ”   เที่ยวต่างประเทศ ใส่ชุดแบรนด์เนมทั้งตัว . . .   หลังจากที่เธอได้โพสต์ออกไปก็มีคนเข้ามาคอมเมนต์และแชร์ออกไปด่าว่าเธอนั้นทำตัวเป็น “ขอทานออนไลน์” .   ทำไมไม่ขายรองเท้าเอาเงินไปผ่อนรถ .   เอาไปเลย 0.01 บาท . .   ไม่รู้ว่า สาวเจ้าของเฟซบุ๊กจะออกมาโพสต์อย่างไรต่อไป แล้วเธอจะนำเงินที่ได้รับริจาคมาไปทำอะไรต่อ ช่างเป็นเรื่องที่น่าติดตามซะจริงๆ   ที่มา ขอโทษนะคะที่เพื่อนทำตัวแบบนี้

สำหรับคนมีลูกแล้ว การจะพาลูกๆ ออกไปกินข้าวนอกบ้านได้นั้นดูจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเล็กน้อย เพราะต้องคอยดูแลหรือควบคุมให้ลูกๆ อยู่ในความสงบ ไม่ให้ไปก่อความรำคาญใจแก่ลูกค้าคนอื่นๆ แต่หากคุณไม่สามารถควบคุมลูกๆ ได้ก็อาจจะถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์เอาได้ นี่เป็นเรื่องเล่าจากเฟซบุ๊กเพจ ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน ที่บอกว่ามีครอบครัวหนึ่งได้ไปทานอาหารที่ร้าน Hot Pot สาขาเซ็นทรัล พระราม 2 ในระหว่างนั้นพ่อแม่ได้เอาลูกน้อยใส่ไว้ในรถหัดเดิน แต่เนื่องจากในบริเวณนั้นเป็นร้านอาหารที่มีคนพลุกพล่าน ทำให้อาจเกิดอันตรายกับเด็กน้อยที่เดินอยู่ในร้านได้   ภาพของเด็กน้อยพร้อมรถหัดเดินที่อยู่ภายในร้านอาหาร   นอกจากการปล่อยเด็กให้เดินเล่นภายในร้านพร้อมกับรถหัดเดินแล้ว ยังมีการวิ่งเล่นกันในร้านระหว่างแม่ลูก สร้างความรำคาญใจให้กับลูกค้าคนอื่นๆ อีกทั้งยังอาจทำให้ได้รับอันตรายจากน้ำซุปร้อนๆ ที่พนักงานถือไปมาอีกด้วย   ข้อความเต็มๆ จากเพจ “ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน”   หลังจากเรื่องนี้ถูกแชร์ออกไปก็มีเหล่าชาวเน็ตเข้ามาแชร์ประสบการณ์ที่เลี้ยงลูกนอกบ้านในแบบต่างๆ พร้อมแนะนำวิธีที่ถูกต้องในการพาลูกไปนั่งทานอาหารนอกบ้าน   . . . .   เรื่องการเลี้ยงลูกนอกบ้านให้ถูกที่ถูกทาง ดูจะเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันมานาน เพราะแม้ว่าลูกน้อยจะดูน่ารักขนาดไหน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กๆ อาจสร้างความรำคาญให้กับคนอื่นๆ โดยที่คุณไม่รู้ตัว หากครอบครัวไหนที่ต้องพาลูกน้อยออกไปใช้บริการที่ไหนก็ตาม อาจจะต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากกว่าเดิมล่ะนะ   ที่มา ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน

โดยทั่วไปแล้วเวลาที่เราจะกู้เงินธนาคารเพื่อซื้อบ้านสักหลัง เราก็ต้องเลือกบ้านสวยๆ ที่เหมาะกับวิถีชีวิตของเรา เลือกบ้านที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบครบครัน คงมีน้อยคนที่จะนำเอาเงินก้อนนั้นไปซื้อ “บ้านร้าง” นี่เป็นเรื่องราวน่ารักๆ ของคุณอ้อมและคุณเจาะ คู่รักคู่หนึ่งที่กู้เงินมาเพื่อซื้อบ้านร้างในราคา 2.5 ล้านบาท เพื่อนำมันปรับปรุงและตกแต่งเสียใหม่เพื่อทำเป็นร้านคาเฟ่เล็กๆ ที่ดูแล้วน่ารักอบอุ่นมาก     คุณอ้อมได้เล่าผ่านกระทู้หนึ่งว่าเธอรู้สึกภาคภูมิใจกับ “ที่ดินผืนแรกของชีวิต” ที่เป็นบ้านร้าง “ถึงจะยังไม่ได้ถือโฉนดในมือก็เถอะ ความพยายาม ดิ้นสุดชีวิต เริ่มต้นจากศูนย์ เป็นบ้าน และ อยากให้บ้านช่วยตัวเอง เป็น ‘คาเฟ่เล็กๆ’ โดยให้คนในครอบครัวช่วยกันดูแล คาเฟ่น้อยๆ หลังนี้ ที่ภูมิใจ คือ ทุกอย่าง ‘ลงมือทำด้วยตัวเอง’ คิดเอง ออกแบบเอง แม้กระทั่ง ก่ออิฐ ฉาบปูน หาเก็บเศษไม้มาตกแต่งก็มี #ประหยัดค่ะ”     จากการตกแต่งต่อเติมบ้านร้างที่ว่านี้ ก็ทำให้พวกเขาได้ร้านคาเฟ่น่ารักๆ ที่ชื่อว่า ร้านษญา (SAYA cafe & restaurant) อยู่ในจังหวัดชัยภูมิ ที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติสีเขียวสวยงาม     บ้านร้างที่เต็มไปด้วยเศษฝุ่นและสิ่งสกปรก…

แม้ในปัจจุบันสังคมไทยเราจะเปิดกว้างในเรื่องเพศมากขึ้น สังเกตได้จากในสื่อบันเทิงหรือโลกออนไลน์ที่มีการแสดงตัวว่าเป็นเพศที่ 3 ที่ 4 มากขึ้น ซึ่งก็มีพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนเริ่มยอมรับกับรสนิยมทางเพศดังกล่าวได้แล้ว แต่ทั้งหมดนั้นอาจเป็นเพียงแค่ภาพมายาคติ เพราะทุกวันนี้ยังคงมีสาวประเภทสองหลายคนไม่สามารถทำงานในองค์กรหลายแห่งได้ เนื่องจากองค์กรนั้นๆ ยังไม่เปิดกว้างเพื่อให้เหล่าเพศที่ 3 เข้าไปทำงานเท่าไหร่นัก     นี่เป็นเรื่องเล่าจากคุณ Peerachaya Jankham ที่เพิ่งจะไปสมัครงานในบริษัทแห่งหนึ่งมา แต่เนื่องเธอมักจะยินข่าวคราวที่สาวประเภทสองแต่งหญิงถูกปฏิเสธงานอยู่บ่อยครั้งบวกกับบริษัทแห่งนี้อยู่ไกลด้วย ทำให้เธอตัดสินใจลองถามกับทางบริษัทที่เธอเพิ่งจะได้รับอีเมลเรียกสัมภาษณ์งาน ว่าทางบริษัทมีนโยบายในการรับพนักงานที่เป็นสาวประเภทสองหรือไม่?     แต่เธอก็ต้องจุกเมื่อทางบริษัทได้อีเมลตอบกลับมาว่าไม่มีนโยบายในการรับสาวประเภทสองเข้าทำงาน และยังบอกด้วยว่าหน้าตาของเธอนั้นเหมือนผู้หญิงจนทางบริษัทไม่ทันได้สังเกต   ข้อความในอีเมลระบุว่า “เรียนคุณ Preerachaya เสียดายจังค่ะ ทางบริษัทฯไม่รับสาวประเภทสองค่ะ ต้องขออภัยด้วยนะคะ แต่คุณ Preechaya ชื่อผู้หญิงมากค่ะ และหน้าตาก็เหมือนเลย ถ้าไม่ได้แจ้งก่อน มองไม่ออกเลยค่ะ เนื่องจากดิฉันไม่ได้มอง Mr. Miss ขอบคุณนะคะ”     หลังจากที่เรื่องของเธอถูกเผยแพร่ออกไปก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นและให้กำลังใจเธอมากมาย Aimmie Jakkrit Janthoun “สู้ๆ ลูกสาวที่นี่อาจไม่ใช่ที่ของเรา” ดอกไม้ ลิม “อย่าไปใส่ใจ พรุ่งนี้ย้งมีเรื่องให้เจออีกเยอะหนักกว่าอีกเยอะ…

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายๆ โรงเรียนได้มีการจัดกิจกรรมพิธีไหว้ครู ซึ่งเหล่านักเรียนทั้งหลายก็จะรวมตัวกันเพื่อทำพานไหว้ครูสวยๆ ไปไหว้ครู และพานไหว้ครูที่เราจะพาคุณไปชมต่อไปนี้เป็นหนึ่งในพานที่อลังการงานสร้างสุดๆ (ถ้าใหญ่กว่านี้หน่อยอาจกลายเป็นขบวนแห่แล้ว) นี่เป็นภาพการทำพานไหว้ครูจากเหล่านักเรียนในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า สมุทรปราการ ที่ถูกแชร์ลงในโลกออนไลน์เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยเหล่าคุณครูภายในโรงเรียนเอง     ตัวพานไหว้ครูมีลักษณะเป็นพญานาคที่มีน้ำหนักมาก และต้องใช้คนถือกว่า 3 คนถึงจะสามารถยกขึ้นมาได้เนื่องจากมีน้ำหนักราวๆ 3 กิโลกรัม จากการรายงานของเว็บไซต์ Dailynews บอกว่าพานดังกล่าวได้แรงบันดาลใจมาจากละครเรื่องนาคี     งานนี้ใช่ว่าสาวๆ จะต้องเป็นคนทำเท่านั้น เพราะเบื้องหลังมีหนุ่มๆ มาช่วยกันทำอย่างขะมักเขม้นเลย   ที่มา ธนัญญ์พัฒน์ มหัทธนปัทมกร , Kim Phitchayakorn

หลังจากครั้งก่อนมีดราม่า “อ๊บไสไม้” จนกลายเป็นกระแสทั่วโลกออนไลน์ ก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับอีกหนึ่งสมาชิกของวง BNK48 ตามมา อ่านข่าวเก่า: ดราม่า ‘ไข่มุก BNK48’ กรณีตอบใบ้คำ อ๊บใสไม้-ป้ายเป่าหลง ถูกวิจารณ์หนักและแซะรุนแรง…     ล่าสุดมีกลุ่มผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนหนึ่ง เข้าไปคอมเมนต์ต่อว่า จนถึงขั้น Bully ในรูปโปรไฟล์แรกของน้อง จิ๊บ BNK48 ในเรื่องหน้าตาของเธอ   หลังจากคอมเม้นต์แรก ก็มีเหล่าชาวเน็ตบางส่วนตามเข้าไปคอมเม้นต์ในเชิงต่อว่ากันอย่างล้นหลาม (ตามไปอ่านคอมเม้นต์ได้ในโพสต์นี้…    จากนั้นก็เลยกลายเป็นประเด็นไวรัลขึ้นมาทันที!! เพราะทางน้องจิ๊บมาคอมเม้นต์ตามภาพนี้…   ชาวเน็ตบางส่วนทั้งที่เป็นแฟนคลับและไม่ใช่แฟนคลับ เข้าไปคอมเมนต์ให้กำลังใจ ทั้งเพศชายและเพศหญิง โดยพูดถึงประเด็นที่ต่างกันไป พอจะสรุปใจความได้ดังนี้   1. บางส่วนคอมเมนต์ในเชิงว่าน้องมีความสามารถหลากหลาย และแสดงให้เห็นว่าวงนี้ไม่ได้ขายแค่หน้าตา 100% แต่ขายความสามารถด้วย   2. ผู้หญิงบางส่วนคอมเม้นต์ให้กำลังใจ พร้อมติงถึงการแต่งหน้า ที่อาจจะมีการแต่งเติม และทำให้บางมุมรูปถ่ายออกมาได้สวยกว่านี้   3. มีการคอมเม้นต์ต่อว่าคนเหยียดหน้าตาน้อง บางคนถึงขั้นพิมพ์ว่าไม่อยากด่าคนเหยียด เพราะยิ่งกลายเป็นเหยียดหน้าตาคนเหยียดไปอีก (เนื่องจากคนพิมพ์เหยียดก็ไม่ได้หน้าตาดีอะไรนั่นเอง)  …

ปัญหาของการจัดฟันเถื่อนยังคงเกิดขึ้นในทุกๆ วัน แม้ว่าจะมีการออกมาเตือนถึงความร้ายแรง ความเสี่ยง หรือแม้แต่การพยายามประโคมภาพในโซเชียลรัวๆ ว่าหากคุณทำแล้วมันจะออกมาเลวร้ายแค่ไหนบ้าง และเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้มีผู้เคราะห์ร้ายรายใหม่ที่จัดฟันเถื่อนและเกิดความผิดพลาดขึ้นอีกราย คราวนี้ฟันที่จัดแทนที่จะสวย ดันเรียงตัวกันเป็นแถวเดียวตรงแน่วเลยทีเดียว ภาพนี้ถูกแชร์ผ่านเฟซบุ๊กเพจ ห้องทำฟันหมายเลข 10 ที่มักจะแชร์ภาพการจัดฟันเถื่อนและพิษภัยของการจัดฟันที่ไม่ถูกวิธี เป็นภาพของหญิงสาวรายหนึ่งที่ไปจัดฟันเถื่อนมา พร้อมกับข้อความว่า “ห้องทำฟันหมายเลข 10 เมื่อวานนี้ เวลา 8:30 น. · สวยพี่สวย!?! แอบแคปมาจากผู้จัดฟันแฟชั่นท่านหนึ่ง #จัดฟันแฟชั่นอันตราย”     การจัดฟันเถื่อนที่เห็นนี้นอกจากจะไม่ได้ผลที่ดีแล้ว ยังทำให้คุณต้องเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆ และหนักที่สุดเลยคือต้องเลาะฟันออกจากปาก อย่างข่าวก่อนหน้านี้ที่เราได้เคยนำเสนอไปเกี่ยวกับหมอฟันแชร์ภาพสาวจัดฟันเถื่อน ต้องถอนออกเกือบหมดปาก นอกจากนี้แล้วการจัดฟันเถื่อนยังมีความผิดตามกฎหมายมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ     หลังจากที่ภาพดังกล่าวถูกแชร์ออกไปในโลกออนไลน์ ก็มีความคิดเห็นจากชาวเน็ตตามมาอีกมากมาย Yolthida Weerachai “ตอนมันขยับ ไม่รู้สึก ไม่สังเกต แล้วไม่กลัวไรเลยหรอ กว่าจะเป็นงี้ต้องใช้เวลามั้ยอะ ถึงขั้นสุดก็วิ่งมาหาหมอจริงๆ สินะ เสียเงินมากกว่าเดิมไปสิ” ธีระพล กรวิภาสเรือง “นั่นฟันหรือสวนกล้วย…

ในวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีโพสต์หนึ่งที่ต่อมากลายเป็นกระแสร้อนในโลกโซเชียล เมื่อมีหนุ่มคนหนึ่งโพสต์ว่าโดนตำรวจจับอย่างไม่เป็นธรรมทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าด่านแท้ๆ แต่ว่าไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นเหมือนว่าคดีจะพลิก เพราะชาวเน็ตเห็นต่างจำนวนมาก โดยโพสต์ที่ว่านี้ได้มาจากผู้ใช้งานเฟซบุ๊กชื่อว่า เล็ก วิทวัส อุตตโน ที่บอกว่าจอดรถกินข้าวก่อนเข้าด่านกว่า 500 เมตร แต่ตำรวจก็ยังเดินมาปรับซะอย่างนั้น    โพสต์ต้นทาง    พร้อมกันนี้เขาได้เขียนแคปชั่นประกอบคลิปวิดีโอและรูปภาพเอาไว้ว่า “จอดกินข้าวก่อนถึงด่านยังจะเสือกตามมาให้บริการถึงที่ สุดยอด บริการประทับใจ อยากเขียนไรก็เขียนไปดิ ผมไม่สน อีกอย่างเขียนรหัสหมวกให้ตรงกับใบสั่งด้วยคุณรำตรวจ อาชีพขับรถบรรทุกมีแต่สร้างเศรษฐกิจให้เจริญมากขึ้นดูประเทศอื่นๆ เป็นตัวอย่าง มีแต่ไทยนี่แหละจับได้จับดี ทำเหมือนตรูเป็นโจร อาชีพเดียวกันแชร์ด้วยครับ  ….เพื่มเติมนะครับ ผมจอดก่อนถึงด่าน 500 ม. (จอดแดกข้าว) ที่ผมสังเกตด่านไม่มีเครื่องหมายบอกอะไรบอกเลยว่ามีด่านตรวจข้างหน้า มีแต่กรวยไม่กี่อัน ด่านตั้งเลยแยกไฟแดงมาไม่ถึงกิโล แล้วคุณรำตรวจก็มาหาตามคลิปนะครับจะมาเขียนใบสั่ง     ทั้งๆ ที่ผมจอดอยู่เฉยๆ แล้วตรงที่จอดก็ไม่ได้มีป้ายห้ามจอด ด่านอยู่อีกที่แล้วจะมาจับมาออกใบสั่งนอกด่านตรวจ ผมรู้ว่าข้ออ้างมันมีเยอะ จะบอกว่ากีดขวางจราจร หรือจะอ้างว่ากระทำความผิดซึ่งหน้า มันก็อ้างได้ เอาหน้าที่การงาน เอาอำนาจ มากดขี่ข่มเหงประชาชน ใช้ในทางมิชอบ…

ฤดูกาลทุเรียนได้มาถึงแล้ว ทุเรียนอาจจะเป็นผลไม้สุดโปรดของใครหลายๆ คน ด้วยกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และที่สำคัญมีเพียงปีละครั้งเท่านั้นทำให้ผลไม้ชนิดนี้มีราคาแพง แต่ก็มีผู้คนยอมเสียเงินเพื่อที่จะได้ทานสิ่งที่เรียกว่าเป็น ราชาแห่งผลไม้ เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของ ทุเรียน 2 ลูก จากเจ้าของเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า ไพรัช คำนวณแสง ที่กลายมาเป็นซีรีส์ที่มีผู้ติดตามเรื่องราวมากมายในโลกออนไลน์ขณะนี้  #เหมียวบู้บี้ จึงขออนุญาตนำเรื่องราวของทั้งคู่มารวบรวมให้อ่านกัน   เรื่องราวเริ่มต้นที่ทุเรียนวัยรุ่น 2 ลูกมาเจอกัน   เวลาผ่านไป ความเหงาเป็นขั้วบวกขั้วลบ ทุเรียนหนุ่มสาวได้มาพบกันในคืนร้าวราน   ทั้งสองมีความสุขดีกับเจ้าของ ทั้งคู่ยังไร้เดียงสามากและอ่อนต่อโลก   ความรักของทั้งสองได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของพาไปที่ต่างๆ ชมพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันโดยที่ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเขาในวันข้างหน้า   เป็นแฟนกันใหม่ๆ ก็ย่อมหวานแหววกันเป็นธรรมดา   เจ้าของตั้งชื่อน้องว่า สุกยากและสุกเย็น   จากวัยรุ่น เริ่มเติบโตเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ย่อมมีความเก๋าเพิ่มขึ้นในตัว   เรื่องตีรันฟันแทงเป็นธรรมดาของวัยรุ่นเลือดร้อน นักรบย่อมมีบาดแผล   แต่เรื่องราวที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นก็มาถึงชีวิตคุณสุกยาก-สุกเย็น เมื่อมีคดีสยองขวัญเกิดขึ้น พบซากทุเรียนถูกฆาตกรรมแล้วนำชิ้นส่วนมาทิ้งในสวนหลังบ้าน . .   สภาพของทุเรียน ขออนุญาตเซนเซอร์ภาพผู้เสียชีวิต .  …

หลังจากที่ทางเพจ ANTI SOTUS ทำการเผยแพร่ภาพกิจกรรมรับน้องในสถานศึกษาแห่งหนึ่งของจังหวัดชลบุรี ซึ่งมีการให้นักเรียน “ก้มหน้าแนบชิดกับดิน” จนกลายเป็นกระแสทั่วโลกออนไลน์   ภาพบางส่วนจากโพสต์นั้น . . .   หลังจากเรื่องราวเป็นไวรัลไปทั่วเฟซบุ๊ก ก็นำมาสู่การถกเถียง คอมเม้นต์ และส่งเมสเสจเข้าไปหาเพจดังกล่าวอย่างมากมาย ซึ่งบางส่วนของข้อความระบุว่าอยากให้เพจ Anti Sotus ลบรูปภาพเพราะอาจารย์ก็รับทราบในกิจกรรมดังกล่าวแล้ว.. ประเด็นเรื่องอาจารย์รับทราบและรู้เห็นในกิจกรรมรับน้องแบบนี้ จึงนำไปสู่ดราม่าที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม…   ทางด้าน อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ คนดังบนโลกออนไลน์ได้ออกมาโพสต์ให้ทางกระทรวงศึกษาธิการลงมาตรวจสอบ เพราะหากอาจารย์หรือผู้บริหารรู้เห็นด้วย นับว่าเป็นสิ่งไม่สมควร   ขณะที่ทางเพจ Drama Addict ได้ให้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เรื่องการให้เด็กนักเรียนก้มหน้าจูบดิน แม้จะดูเผินๆ ไม่อันตราย แต่มีโอกาสติดเชื้อในดินได้    นอกจากนี้ นักเรียนบางส่วนของโรงเรียนดังกล่าวระบุว่า การรับน้องแบบนี้มีมานานนับร้อยปี และทำสืบต่อมาโดยตลอด ตามสาขาหลักในกรุงเทพอีกด้วย แต่ก็เกิดการถกเถียงกันขึ้น เพราะมีศิษย์เก่าจากโรงเรียนสาขาหลัก มาคอมเม้นต์ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นที่สาขาหลัก ไม่มีการให้ก้มหน้าจูบดินแบบนี้   คอมเม้นต์ชาวเน็ตคนหนึ่ง “ในฐานะศิษย์เก่า*****ขอพูดหน่อยเถอะ เห็นภาพแล้วอุบาทว์ตาไม่เคยพบเคยเจอกิจกรรมอะไรที่สิ้นคิดขนาดนี้”   คอมเม้นต์ชาวเน็ตคนหนึ่ง…

คุณเคยทำผมแพงที่สุดเท่าไร!? มีการแชร์เหตุการณ์ดราม่าล่าสุดบนโลกออนไลน์ หลังจากที่เฟซบุ๊ก มาดามพงษ์ เชื้อสุวรรณ์ ออกมาโพสต์ถึงเหตุการณ์ทำผมยังร้านทำผมแห่งหนึ่ง ซึ่งหมดเงินไปนับแสนบาท   ก่อนอื่นเรามาอ่านโพสต์ต้นทางก่อน… “ตีกันเรื่องทำผม ผู้หญิงที่ตะโกนอยู่ทำผมมา ราคา 140,000 #รายละเอียด สรุปไปทำครั้งแรก1หมื่น ครั้งที่สอง 2หมื่น ครั้งสาม 3หมื่น พอครั้ง4ถามไม่ตอบ คนทำบอกหนูไม่ได้เอาเงินมาเยอะนะ พอทำเสด140,000 ต้องโอนให้ 45,000 งั้นเขาไม่ให้ออกร้าน แถมตามมาถึงบ้านจะเอาเรื่อง #ที่คลิปเขาเล่านะ”   คลิปแรก   คลิปสอง    ในคลิปเราจะเห็นทั้งการตะโกนด่าทอ มีคนที่ชกต่อยมีเรื่องกัน (ตามข่าวระบุว่าเป็นแฟนของฝ่ายสาวคนมาทำผม) และบางคนตั้งข้อสังเกตว่าผู้หญิงที่ทำสีผมมีอาการเหมือนคนมึนเมาเล็กน้อย เรื่องราวจึงเกิดการแชร์ต่ออย่างแพร่หลาย และส่งต่อกันไปต่างๆ นานา เพื่อหวังที่จะทราบความจริงจากทางร้านว่าเพราะเหตุใดจึงแพงขนาดนี้   หลังจากที่ให้ชาวเน็ตรอคอยไม่นาน ทางร้านก็ออกมาชี้แจง… ทางร้านบอกว่ามีทั้งการทำเล็บ สปา ต่อผม ย้อมผม ทำตั้งแต่บ่ายสองโมงจนถึงตีห้า และนอกจากนั้นลูกค้าก็พูดจาตลอดว่าตัวเองรวย (มีสายสัมพันธ์กับทูต และบ้านอยู่ญี่ปุ่น) จึงไม่อยากย้ำราคาบ่อยครั้ง เพราะกลัวจะเป็นการดูถูกลูกค้า   …

ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งการท่องเที่ยว มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายแบบที่รอคอยให้เราไปเยือนทั้งทะเล ภูเขา สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติสุดอัศจรรย์ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นเมืองน่าเที่ยว มีชาวต่างชาติในหลายๆ ประเทศแวะเวียนมากันอย่างไม่ขาดสาย วัดในประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งสถานที่ทางศาสนาที่มีความงดงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชาวต่างชาติเวลามาเที่ยวที่ประเทศไทยก็ไม่มีใครพลาดที่จะไปเยี่ยมชมวัดวาอารามที่แสนสวยงามนี้ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @TUTOR_TOM หรือครูทอม ได้ทวีตรูปภาพสุดน่ารัก เป็นภาพของคุณป้าคนขายตั๋วเข้าชมประจำวัดเทพธิดารามกับสมุดเล่มเล็กๆ ที่เธอบรรจงเขียนคำศัพท์เอาไว้เพื่อสื่อสารกับชาวต่างชาติที่มาเยี่ยมชมวัด “โพยภาษาอังกฤษของคุณป้าขายตั๋วเยี่ยมชมวัดเทพธิดารามครับ :)” คุณป้าคนขายตั๋วกับโพยคำพูดเอาไว้สื่อสารกับชาวต่างชาติ   “ฮาโหล สวัสดีค่า” “แวร์ อาร์ ยู คำ ฟรอม คุณมาจากประเทศไหน” “ยู ว้อน ลุก อินไซด์ คุณต้องการดูข้างในไหม” “ยู เพ ทิกเก็ต ฟิฟตี้ บาท คุณจ่ายค่าตั๋ว 50 บาท” “ยู แคน ลุก อะลาว คุณจะดูได้รอบๆ ทั้งหมด”     ภาพเหล่านี้เป็นอีกภาพที่ทำให้เราอมยิ้มไปกับความน่ารักของคุณป้าที่พยายามจะสื่อสารกับชาวต่างชาติด้วยวิธีการจดโพยแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะมีวิธีการที่แตกต่างกัน แต่ก็ช่วยให้ชาวต่างชาติเข้าใจได้แบบง่ายๆ เนาะ   ที่มา @TUTOR_TOM

ใกล้เวลาหวยออกอย่างนี้มีเลขเด็ดกันรึยังเอ่ย ถ้ายังล่ะก็บางทีเราก็อาจจะไปหาเอาตามต้นไม้ เลขทะเบียนรถ เลขที่บ้าน หรือถ้ายังหาทีเด็ดไม่ได้จริงๆ ล่ะก็ ลองมาไหว้ ‘เจ้าพ่อเหี้ย’ ตัวนี้ดูสิไม่แน่ว่าอาจจะได้กอดเงินล้านก็เป็นได้นะ!! โดยเรื่องราวของเจ้าพ่อตัวเงินตัวทองนี้ ได้รับการเปิดเผยจากผู้ใช้งานเฟซบุ๊กชื่อว่า ไพรวัลย์ วรรณบุตร ที่ได้โพสต์รูปของตัวเงินตัวทองตัวหนึ่งที่มานอนอยู่ในศาล พร้อมด้วยของบูชาทั้งหลายอย่างน้ำแดง พวงมาลัย ตุ๊กตาต่างๆ ซึ่งผู้ใช้งานคนดังกล่าวได้เขียนแคปชั่นเอาไว้ว่า “ชาวบ้านบอกว่า เจ้าพ่อเข้าสิงเหี้ย เพื่อมาให้โชคลาภ ก็เลยพากันไปไหว้เจ้าพ่อเหี้ยที่เลื้อยมานอนอยู่ในศาล #ความเชื่อส่วนบุคคล”    รูปภาพของเจ้าพ่อเหี้ยตัวอ้วนที่ชาวบ้านบอกว่ามาให้โชคลาภ   ผู้คนเข้ามากราบไหว้อย่างคับคั่ง   เจ้าพ่อนอนนิ่งไม่ไหวติง   มีสิ่งของบูชาเพียบ   ภายหลังโพสต์ได้กลายเป็นกระแสในโซเชียลเน็ตเวิร์คด้วยยอดกดแชร์กว่า 400 ครั้ง รวมถึงยังมีความเห็นจากชาวเน็ตจำนวนหนึ่งที่พูดถึงเกี่ยวกับเจ้าพ่อเหี้ย ดั่งเช่นความเห็นต่อไปนี้ . . . . . .   ก็ถือว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลจริงๆ สำหรับเรื่องนี้ แต่เอาเป็นว่าไม่แน่เหมือนกันนะบางทีท่านอาจจะให้เลขเด็ดก็เป็นได้ ถ้าใครตีเลขได้แล้วล่ะก็อย่าลืมบอก #เหมียวจิวยี่ ด้วยล่ะ   รวย รวย พรุ่งนี้รวยแฮร่ ที่มา: ไพรวัลย์ วรรณบุตร

กระแสการทวงคืนผืนป่ากลับมาอีกครั้ง หลังจากมีการพบว่าครอบครัวข้าราชการกว่า 30 ครอบครัว ได้ย้ายเข้าไปอยู่ในโครงการบ้านพักตุลาการ เชิงดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุดมีกระแสการแชร์ภาพป้ายโครงการก่อสร้างบ้านพักดังกล่าว ผ่านทางเฟซบุ๊กของคุณ Teerasak Rupsuwan ซึ่งภาพดังกล่าวกลายเป็นกระแสดังไปในข้ามคืน…      จุดแรก สร้างจากภาษีประชาชน ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งคอมเม้นต์ว่า “บรรทัดสุดท้ายเสียดแทงเข้าไปกลางใจทุกคน” หลายคนคอมเม้นต์ไปในทางที่ว่า โครงการดังกล่าวสร้างจากภาษีประชาชน แต่ไม่มีการทำประชาพิจารณ์และสอบถามประชาชนในพื้นที่แต่อย่างใด ขณะที่การก่อสร้างบ้านพักให้ข้าราชการที่มีตำแหน่งใหญ่โต มีเงินเดือนสูง และยังมีค่าพาหนะส่วนตัวอีก จำเป็นหรือไม่ที่ต้องสร้างให้ใหญ่โตและอยู่บนพื้นที่ซึ่งสุ่มเสี่ยงอย่างนี้   ภาพแบบแปลนโครงการ   จุดที่สอง มีคนตั้งข้อสังเกตว่า โครงการดังกล่าวมีกำหนดก่อสร้างเสร็จในวันที่ 9 กรกฎาคม 2558 แต่ตอนนี้ผ่านมาเกือบ 3 ปี พบว่าโครงการยังไม่เสร็จสิ้น เรื่องดังกล่าวมีการดำเนินการจากภาครัฐอย่างไรหรือไม่ มีชาวเน็ตคนหนึ่งมาชี้แจงถึงความเป็นไปได้ที่งานจะล่าช้า ว่าอาจจะเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้ 1. งานแลนด์สเคป จบยากที่สุด เพราะสร้างไปพังไป จนไม่สามารถจบงานได้ 2. ก่อนจะถึงเวลาส่งมอบ งานโครงสร้างจะเริ่มมีปัญหา ต้องแก้ไขอีกหลายครั้ง หลายหลัง 3. งานที่เหลือ จะต้องใช้ฝีมือจริง ๆ แต่ตอนนี้คนงานเหลือไม่เท่าไหร่แล้ว…

“หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา” กลายเป็นสโลแกนที่ฮิตติดหูของเราไปแล้ว เวลาที่หิว หรือต้องการสิ่งของอะไร อย่างแรกที่เรานึกถึงเลยก็คือ 7-11 ร้านสะดวกซื้อขวัญใจชาวไทยที่มีสาขาเยอะมากๆ แทบทุกจังหวัด ทุกอำเภอในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ เมื่อปลายปี 2017 เราอาจจะเคยได้ข่าวกันมาว่าทาง 7-11 ได้มีการนำเอาผักและผลไม้สดมาจัดจำหน่าย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อผักสด แต่ตลาดอาจจะอยู่ไกลหรือร้านขายผักไม่ได้เปิดตลอดเวลา 24 ชั่วโมง พอมีผักสดขายที่เซเว่นก็ไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป     ล่าสุดผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @Narumonp ได้ทวีตบอกว่า นอกจากผักสดธรรมดาๆ แล้ว เซเว่นยังเอาใจด้วยการจัดเซ็ตชุดผักเพื่อการกินหมูกระทะไว้อำนวยความสะดวกให้ด้วย “#รีวิวเซเว่น เคยรู้ว่ามีผัก ผลไม้ ดอกไม้ขายใน 7-11 แล้ว แต่ล่าสุดเจอชุดหมูกะทะแล้ว”     ชุดหมูกระทะประกอบด้วย ผักบุ้ง ผักกาดขาว เห็ดเข็มทอง เต้าหู้ไข่ วุ้นเส้น รวมกันแล้วก็อยู่ที่ราคา 82 บาท ถ้าหารกับเพื่อนก็น่าจะคุ้ม   มีทั้งฟักแฟง แตงกวา มะเขือก็ไม่เว้น   ดอกไม้สดก็มีนะ   ใครไม่แคร์ ดอกแค…

ในปัจจุบันการใช้ชีวิตคู่ดูจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไวกว่าสมัยก่อน เพราะหากเราพูดกันแบบเปิดอกเราจะเห็นว่าคนสมัยนี้เริ่มใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยแล้ว เราจะเห็นได้จากข่าว คนรอบตัว หรือแม้แต่เพื่อนๆ ของเราเอง ซึ่งการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงานแบบนี้ถูกมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ผู้ใหญ่หลายคนเป็นห่วงว่าหนุ่มสาวอาจจะทำอะไรเกินเลยจนท้องก่อนแต่ง หรืออยากให้ทำตามขนบธรรมเนียมแบบเดิมอย่างการแต่งงานก่อนอยู่ด้วยกันมากกว่า ประเด็นนี้ดูจะเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันไม่จบไม่สิ้น ซึ่งในโลกทวิตเตอร์เองก็ได้มีการถกเถียงกันผ่านแฮชแท็ก #อยู่ก่อนแต่งหรือแต่งก่อนอยู่ เช่นกัน แม้นี่อาจไม่ใช่ความเห็นทั้งหมดแต่ก็พอจะสะท้อนอะไรให้เราได้เห็นบ้าง เราลองไปดูความคิดเห็นจากโลกออนไลน์กันเลยครับ   ข้อเสียของการอยู่ก่อนแต่งคือกลายเป็นจุดอิ่มตัว   การเที่ยวด้วยกัน 1-2 วัน เทียบไม่ได้เลยกับการได้เห็นอีกคนยืนนั่งนอนเดินในบ้านเดียวกัน   สนับสนุนให้แต่ง…หน้า   ถ้าแฟนมีผีสิง   การทดลองอยู่ด้วยกันก็อาจจะไม่จำเป็น   การอยู่ด้วยกัน 24 ชม. มันแตกต่างกันมาก   แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าแฟนของเราไม่ได้ถอดกางเกงในเป็นเลข 8   บางที Sex มันก็ไม่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นเวลาทดลองอยู่ด้วยกัน   บางทีอยู่ด้วยกันก็ทำให้เรียนรู้ถึงความสะอาด   ถึงไม่อยู่ด้วยกันก็มี Sex ได้   การอยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็ทำให้มีเรื่องจุกจิก   อะไรก็ได้   แล้วแบบนี้เรียงร้องอะไรกับสังคมได้บ้าง?   สำหรับบางคน การแต่งงานเหมือนได้เข้าไปเป็นแม่บ้าน…ให้กับทั้งครอบครัว…

ร้านอาหารมักเป็นสถานที่ที่เราสามารถปฏิบัติตัวได้อย่างตามสบายและเพลิดเพลินไปกับอาหารแสนอร่อย แต่ว่ามีร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะเมื่อถึงเวลาเคารพธงชาติเจ้าของร้านแห่งนี้จะพูดออกไมค์ในเชิงเหน็บแนมให้ลูกค้ายืนตรงเคารพธงชาติ จนในตอนนี้ได้กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกอินเทอร์เน็ตไปแล้ว!!     โดยร้านอาหารที่ว่านี้ได้ถูกพูดถึงผ่านทางเพจ ฉันเป็นนักเสียดสี โดยทางเพจได้ใส่แคปชั่นภาพเอาไว้ว่า  “เจ้าของร้านจะพูดนั่นนี่ออกไมค์ตลอด พอถึงตอน 6 โมงเย็น มีสัญญาณเคารพธงชาติ พูดว่า ‘หมายังยืนถ้าไม่อายหมา ก็นั่งกินต่อไปครับ’” ซึ่งแคปชั่นที่ว่านี้ยังมาพร้อมกับภาพของเจ้าของร้านที่ป่าวประกาศออกไมค์ และลูกค้าที่พร้อมใจกันยืนตรงพรึ่บขณะที่ยังมีอาหารอยู่บนโต๊ะและกำลังกินกันอยู่ด้วย     จากเหตุการณ์ที่ได้นำมาเปิดเผยในครั้งนี้ได้มีผู้แชร์ออกไปแล้วกว่า 200 ครั้ง และก็ได้ทำให้มีความเห็นจากชาวเน็ตเข้ามาอย่างมากมายในแง่ต่างๆ อย่างเช่นความคิดเห็นต่อไปนี้…   . . . . . .   แล้วคุณล่ะ คิดว่ายังไงบ้าง…   ที่มา: ฉันเป็นนักเสียดสี

หลังจากที่เราได้นำเสนอเรื่องราวความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณี “บ้านป่าแหว่ง” ไปเมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่มีการพบครอบครัวข้าราชการประมาณ 30 ครอบครัวย้ายเข้าไปอยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าว อีกทั้งรองศาสตราจารย์ สุจิตร พิตรากูล นักวิชาการด้านธรณีวิทยามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยังได้ระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวลาดชันเกิน 30 องศา มีโอกาสเสี่ยงต่อการพังทลายอย่างมาก (อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่)     ล่าสุดทีมงานแคทดั๊มบ์ได้พบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมู่บ้านดังกล่าว เป็นภาพความลาดชันของที่ดินในบริเวณนั้น ที่ถูกน้ำฝนกัดเซาะจนอาจจะมีโอกาสถล่มลงมาได้ในอนาคต ภาพดังกล่างถูกแชร์ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ariya Aruninta เมื่อช่วงดึกของวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมาพร้อมกับข้อความว่า “บ้านพักตุลาการอิงดอย สภาพดูไม่จืดของเนินที่มีความชันมาก จากการตัดดินเกินความชันที่อยู่ตัว ทำให้เกิดการกัดเซาะพังทลายลงมาบ้างแล้ว”     นี่คือสภาพด้านหน้าของบ้านหลังหนึ่งในโครงการ ที่จะเห็นได้ว่าหน้าดินถูกน้ำฝนชะล้างไปบางส่วน . . . . . . . . .   หลังจากที่ภาพเหล่านี้ถูกแชร์ออกไปก็ยิ่งสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมเพิ่มขึ้นอีก Namsiri Saksiri “ไม่นานมันคงพังครืนนน” Kulsiree Wongwiggarn “พังเลย ฝนนี้ ไม่ต้องรื้อ เสียงบเก็บขยะอีก” Boon Paiboon…

กำลังเป็นประเด็นร้อนให้โลกโซเชียลวิจารณ์กันสนั่นอยู่ในขณะนี้เลย สำหรับกรณีคลิปวิดีโอของกลุ่มวัยรุ่นกลุ่หนึ่ง ที่พากันถ่ายคลิปสุดห่ามบริเวณย่านอโศก เช่นถีบกันใส่พุ่มไม้ ทำท่าเหมือนมีเพศสัมพันธ์ข้างถนน และวิ่งข้ามรถเก๋งแบบหน้าตาเฉย จนทำให้เกิดการวิจารณ์อย่างหนักว่าเหมาะสมหรือไม่?     กลุ่มยูทูบเบอร์วัยรุ่นกลุ่มนี้ใช้ชื่อว่า Oalate โดยคลิปเจ้าปัญหานี้ได้ถูกเผยแพร่ผ่านช่องยูทูบ Oslate แต่ได้มีการลบออกไปในภายหลังจากเกิดเสียงวิจารณ์ ในคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นกลุ่มวัยรุ่น 4 คน พากันเกรียนไปทั่วเมือง เริ่มจากการแสดงท่าทางเหมือนมีเพศสัมพันธ์กับต้นไม้ โดยไม่สนใจสายตาของรถที่ผ่านไปผ่านมาบริเวณนั้น   .   ต่อมากลุ่มวัยรุ่นได้พากันไปป่วนห้องน้ำด้วยการวิ่งเอาหัวมุดเข้าไปในชักโครก นอนบนบันไดเลื่อน สไลด์ลงบันไดเลื่อนของรถไฟฟ้าใต้ดิน กระโดดข้ามต้นไม้ และอีกมากมาย แม้ว่าคลิปวิดีโอดังกล่าวจะถูกลบออกไปจากยูทูบแล้ว แต่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Wanchalerm Permasem ที่เป็นหนึ่งในวัยรุ่นที่ปรากฏอยู่ในคลิปวิดีโอ ได้นำกลับมาอัปโหลดลงเฟซบุ๊กอีกครั้งเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา   .   ทั้งนี้คุณโน้ต หนึ่งในสมาชิกของกลุ่มยูทูบเบอร์กลุ่มนี้ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Note Phakhin ว่าคลิปวิดีโอดังกล่าวได้ถูกลบออกไปแล้ว แต่มีสมาชิกในกลุ่มนำมาอัปโหลดใหม่     ชมคลิปตัวเต็มได้ที่ด้านล่างเลย   ที่มา Wanchalerm Permasem , Note Phakhin , Oalate

หลายคนอาจจะเคยประสบกับปัญหาที่ว่า นอนหลับอยู่ดีๆ ก็มีแก๊งแว้นที่ไหนไม่รู้มาสร้างเสียงรบกวนจนหลับตาต่อไปไม่ไหว ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวและกวนใจซะเหลือเกิน และไม่แน่ว่าบางครั้งก็อาจจะต้องส่งคำขู่ไปยังพวกเขาเหล่านั้นเหมือนกับวิธีของหัวหน้าแก๊งมังกรฟ้าคนนี้ก็ได้… ในวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีโพสต์ๆ หนึ่งที่สร้างเสียงฮือฮาไปทั่วทั้งโลกอินเทอร์เน็ต โดยเป็นโพสต์ของผู้ใช้งานเฟซบุ๊กคนหนึ่งผู้เรียกตัวเองว่า “หัวหน้าแก๊งมังกรฟ้า” เขาได้กล่าวลั่นวาจาเอาไว้ในกลุ่ม กูขี่ Super Cub? ว่าถ้ามีเด็กแว้นคนไหนมาก่อเสียงดังอึกทึกจนแม่เขาตื่นล่ะก็ เตรียมรับชะตากรรมไว้ได้เลย…    ภาพของหัวหน้าแก๊งมังกรฟ้า   “คืนนี้ใครมาเเว้นรถหน้าบ้านกูเเล้วเเม่กูตื่น มึงเตรียมยางรั่วได้เลย. กูทนมานานละ #หัวหน้าเเก๊งมังกรฟ้า“ และสำหรับสิ่งเขาเตรียมเอาไว้สำหรับเหล่าผู้ที่ก่อกวนแม่ของเขา ก็คือตะปูที่พร้อมจะทำให้ยางรถของเด็กแว้นเหล่านั้นรั่วจนกลับบ้านไม่ได้และต้องยอมสิโรราบให้กับความยิ่งใหญ่ของหัวหน้าแก๊งมังกรฟ้าผู้นี้   อาวุธที่เขาเตรียมเอาไว้ใช้รับมือ   ในตอนนี้โพสต์ของเขาได้มีผู้กดไลก์ให้แล้วกว่า 2,000 ครั้ง รวมถึงมียอดแชร์อีก 3,000 ครั้ง จึงทำให้เห็นว่าเขาคนนี้ไม่ได้มาเล่นจริงๆ ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องมีความคิดเห็นของชาวเน็ตเกี่ยวกับสิ่งที่ออกมาป่าวประกาศด้วย ดั่งเช่นความเห็นต่อไปนี้   .   . . . .   ใครอย่าไปแว้นให้แม่เค้าตื่นล่ะ เดี๋ยวจะซวยเอา… ที่มา: กูขี่ Super Cub

หลังจากที่มีสื่อนำเสนอข่าวการเข้าสำรวจบ้านพักตุลาการเชิงดอยสุเทพ และพบว่ามีครอบครัวของข้าราชการย้ายเข้าไปอยู่ประมาณ 30 หลัง สร้างความไม่พอใจให้กับคนในพื้นที่อย่างมาก     ภาพในตอนกลางคืน มีการเปิดไฟของคนที่อาศัยจริงๆ   นั่นทำให้กระแส “ความไม่พอใจ” ของชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งดูเหมือนจะเงียบไปในช่วงหลัง ได้ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง… ทางเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ มองว่านี่คือการละเมิดคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่สั่งการห้ามไม่ให้ใครเข้าไปอยู่ และทวงถามราชการว่าการเข้าไปอยู่อาศัยนี้คืออะไร!? หน่วยงานรัฐควรจะมีคำตอบสำหรับเรื่องนี้     ขณะที่คุณ Teerasak Rupsuwan โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กของตนเอง พร้อมกับข้อความที่ต้องการคำตอบจากสำนักงานศาลยุติธรรม ทั้งกำหนดเสร็จงานน และการอยู่อาศัยของข้าราชการบางส่วน ใจความมีดังนี้… “หมดเวลาของพวกคุณแล้ว !!! บ้านตุลาการบนดอยสุเทพ ต้องหยุดก่อสร้างและเลิกยื้อ !!! เครือข่ายและชาวเชียงใหม่ ยอมยืดเวลามาให้ถึง 18 มิ.ย. 61 เพราะพวกคุณอ้างว่า ผู้รับเหมาจะฟ้อง หากไม่ส่งงานงวดสุดท้าย งานนี้ ผู้รับเหมาซึ่งได้รับการขยายเวลามาเกือบ 3 ปี เป็นคนผิดสัญญา เพราะทำไม่เสร็จเอง จึงไม่มีข้ออ้างอันใดอีก สำนักงานศาลยุติธรรม ต้องแถลงการณ์ออกมา ว่าพวกคุณจะคืนพื้นที่ วันไหน ?? ข้าราชการที่เข้าไปอยู่ทั้ง 30 ครอบครัว…

ในขณะที่ช่วงนี้กระแสเรื่องการโกงค่าอาหารกลางวันเด็กนักเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งที่แพร่สะพัดออกไป ทำให้คนในสังคมต่างออกมาให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องความเป็นอยู่และสวัสดิภาพของนักเรียนมากขึ้น เพราะว่าที่ผ่านมาไม่ได้มีการตรวจสอบว่าเด็กๆ นั้นมีความเป็นอยู่อย่างไรบ้าง เรื่องราวสุดสะท้อนสังคมเรื่องนี้ ได้รับการเผยแพร่จากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่าคุณ Punyapat Pun ได้โพสต์ภาพขณะที่เขากำลังนำสิ่งที่เรียกว่า ‘อาหารกลางวัน’ ไปให้เหล่าเด็กๆ นักเรียนที่อยู่บนพื้นที่ห่างไกลความเจริญ จังหวัดแม่ฮ่องสอน “ไม่ต้องห่วง พี่ใส่โซ่ สุดท้ายติดหล่มโซ่หลุดหายหมด ขึ้นไม่ไหวก็แบก #อาหารกลางวันเด็กๆ  ‘การดำรงชีวิตที่ดีจะต้องปรับปรุงตัวตลอดเวลา ต้องมีความเพียรและความอดทนเป็นที่ตั้ง ถ้าไม่อดทนก็อาจท้อใจ’ #คำพ่อสอน “   สภาพเส้นทางที่ต้องเดินทาง เต็มไปด้วยโคลนตลอดเส้นทาง   มีเพียงสองล้อคู่ใจที่จะพาเขาไปสู่จุดหมาย นั่นก็คือการนำอาหารกลางวันไปให้เด็กๆ   ดูจากสภาพแล้วน่าจะทุลักทุเลพอสมควร   โคลนติดล้อจนแทบเดินทางต่อไม่ได้ แต่คุณครูท่านนี้ก็ยังพยายามที่จะเอาสิ่งของไปให้เด็กๆ   ในกระสอบสองใบนี้ มีอาหารกลางวันของเหล่านักเรียนอยู่ในนั้น   สุดท้ายติดหล่มโซ่หลุดหายหมด ขึ้นไม่ไหวก็แบก   ภาพของคุณครูท่านนี้ อาจจะสะท้อนให้ผู้ใหญ่หลายคนคิดว่า ยังมีเด็กๆ อีกมากมายที่ยังไม่ได้รับสวัสดิการเท่าที่พวกเขาสมควรจะได้รับเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ในสังคมหรือไม่?   ที่มา Punyapat Pun

เป็นประเด็นให้ถกเถียงกันในโลกโซเชียลอยู่ในขณะนี้ สำหรับคลิปของชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังให้อาหารแมวอยู่ข้างถนน พร้อมกับมีคุณลุงคนหนึ่งเดินมาไล่เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มคนนั้นให้อาหารแมวเรี่ยราด จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นการกระทำที่เหมาะสมหรือไม่? คลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊ก Rescuing Juh Towpun เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 10 มิถุนายน โดยเจ้าตัวเล่าว่าเขาได้เอาอาหารไปวางไว้ให้กับแมว ริมถนนในซอยแห่งหนึ่ง ก่อนจะมีคุณลุงเดินมาบอกว่า “อย่ามาให้อาหารแมวตัวนี้” ทำให้เจ้าตัวเกิดอาการไม่พอใจจนหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปของคุณลุงเอาไว้     นี่คือภาพของคุณลุงคนหนึ่งที่เจ้าของเฟซบุ๊กกล่าวถึง . .   ชมคลิปได้ที่ด้านล่าง   เรื่องนี้ได้รับความสนจากผู้คนในโลกออนไลน์อยู่ไม่น้อย เนื่องจากการให้อาหารแมวในที่สาธารณะอาจสร้างความสกปรกและปัญหามากมายตามมา ในขณะที่ความเห็นอีกฝั่งหนึ่งกังวลว่าคุณลุงอาจจะทำร้ายแมวได้ บ้านคุณยาย สวีทโฮม “คือว่าเคยให้แบบนี้ แล้วกลัวเขาจะตีแมวน่ะค่ะ (คนพวกนี้เกลียดสัตว์ ใจร้าย ส่วนมาก)” ส้มใสกะ ไข่เจียว “เจอเหมือนกันแบบนี้อ่ะ..พวกไร้เมตตาจิตในสังคมมีเยอะด้วยพวกแบบนี้..ทำดีเดินหน้าต่ออย่าท้อค่ะ..เป็นกำลังใจให้คุณยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว” ปัญจพล ร่วมด้วยฯหนึ่งเก้าหนึ่ง ลิมป์จรรยาวงศ์ “หาอะไรรองจะได้เก็บง่าย ใจเขาใจเราครับ ดูจากภาพแล้วพื้นที่สะอาดจริง” Intarni Nimnuanpardit “ระวังน้องแมวด้วยนะ เป็นห่วงหลังจากนี้ บอกแกไปอีกทีนี่คือการทำทานคนไทยชาวพุทธเค้าทำบุญทำทานกัน ยกเว้นได้กุศลกันนะลุงนะ ปะเหลาะแกดีๆ ยอมเรื่องคำพูดเพื่อให้น้องแมวอยู่ได้นะ” Sutthikiat Binaree “ทำไมคุณไม่รักษากฎระเบียบสังคมอ่ะครับรักแมวก็เอาแมวไปเลี้ยงที่บ้าน​ ไม่ใช่มาให้อาหารแมวในพื้นที่สาธารณะ​ซึ่งมันสกปรกและก่อปัญหาให้คนอื่นๆ​ สงสัยจะรักแมวจนเสียสติจนลืมมารยาทสังคมพื้นฐาน​ พวกที่ไปเฮโลเห็นดีกับคุณก็คงป่วยไม่ต่างกันเท่าไหร่​หรอก​…

นี่เป็นภาพเหตุการณ์น่ารักๆ ที่โลกโซเชียลกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ เป็นภาพของเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่ถูกคุณครูถามเกี่ยวกับทรงผมที่ยาวขึ้น ในขณะที่นักเรียนชายเองได้ตอบกลับคุณครูไปว่ามีกฎกระทรวงศึกษาธิการเคยออกมาบอกว่าไม่ให้ตัดผมนักเรียน และยื่นเอกสารกฎกระทรวงดังกล่าวให้คุณครูอ่านด้วย ภาพนี้ถูกแชร์ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Gorn Soranakom เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา พร้อมกับข้อความบทสนทนาสั้นๆ ระหว่างนักเรียนกับครูว่า ครู: ผมยาวจังไหนมาตัดสิ ล็อต**: ครูครับกฎกระทรวงไม่ให้ตัดผมนักเรียน ครู: จริงหรอ ล็อต**: จริงครับ ครูเอาไปอ่าน ครู: โอ้โห เอามาเลยหรอ ครู: ก็ได้   เรื่องการจัดการกับทรงผมนักเรียนชายหญิงดูจะเป็นประเด็นให้มีการพูดถึงทุกปี เนื่องจากโรงเรียนหลายๆ แห่งยังคงตั้งกฎเกณฑ์ให้เด็กๆ ต้องตัดผมสั้น เด็กผู้ชายต้องตัดเกรียน และเด็กผู้หญิงต้องสั้นถึงติ่งหู (จะสั้นกี่เซ็นก็แล้วแต่กฎของโรงเรียนนั้นๆ)   แต่อย่างที่เราได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้ว่า นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรมว.ศึกษาธิการ ได้เคยออกมาเปิดเผยกฎกระทรวงศึกษาเกี่ยวกับการตัดผมของนักเรียนที่เคยตั้งไว้ตั้งแต่ 22 เมษายน 2515 หรือราวๆ 46 ปีที่แล้ว ว่าอนุญาตให้เด็กนักเรียนชายสามารถไว้ผมยาวได้ และนักเรียนหญิงเองก็ไม่จำเป็นต้องตัดผมสั้นถึงติ่งหูเช่นกัน     สามารถอ่านเอกสารฉบับเต็มได้ที่ด้านล่าง   เด็กๆ คนไหนที่มีปัญหาเกี่ยวกับทรงผม…

ประเด็นร้อนโซเชียล เมื่อเพจดังแฉคลิปหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์แบบยกล้อกลางถนน ไม่ฟังคนเตือนแถมหาเรื่องกลับ!? เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 11 มิถุนายน เฟซบุ๊กเพจ Red Skull Phatthalung ได้นำเสนอเรื่องราวของผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่าคุณ Chaiyasu Nakano Wuttikai หรือชื่อจริงคือ นายวุฒิไกร ไชยสุ จากจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีพฤติกรรมการขับขี่มอเตอร์ไซค์แบบหวาดเสียว มีทั้งการยกล้อกลางถนน และยกล้อในสถานีตำรวจ   .   หลังจากที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ได้มีชาวเน็ตถ่ายภาพและคลิปวิดีโอของเขาไปเตือนลงในกลุ่มผู้ขับขี่บิ๊กไบก์ Motobigbike Thailand เพื่อเตือนว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและจะทำให้ภาพลักษณ์ของผู้ขับขี่ 2 ล้อเสียหาย แต่จากการตักเตือนดังกล่าว ทำให้เจ้าตัวเกิดความไม่พอใจ และนำเอาข้อความที่ว่านี้มาโพสต์ลงในเฟซบุ๊กของตัวเอง     หลังจากนั้นนายวุฒิไกรยังได้มีการโพสต์ข่มขู่ผู้ที่มาตักเตือนตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับบอกว่า “มึงด่ากูขนาดนี้คิดว่าจะจบง่ายๆ เหรอ ไม่ทันละวัยรุ่น เรารู้ตัวแล้วว่านายอยู่ไหน เจอกัน ด่าใน Youtube กูไม่ว่า เสือกมาด่าในโลกออนไลน์ เจ็บ!! สั้นๆ”     ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่านายวุฒิไกรได้มีการโพสต์คลิปการขับขี่มอเตอร์ไซค์ในเชิงหวาดเสียวแบบนี้อยู่หลายครั้ง และไม่มีความสะทกสะท้านต่อคำวิจารณ์ใดๆ   . .   นอกจากนี้ชาวเน็ตหลายๆ คนยังได้พยายามช่วยกันหาข้อมูลจนพบว่านายวุฒิไกรนั้นเป็นพนักงานทดลองงานของบริษัทยามาฮ่า…

เป็นเรื่องปกติที่เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะต้องมีนักข่าวและหน่วยกู้ภัยเข้าไปยังสถานที่เกิดเหตุ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งในบางครั้งมันก็อาจเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันได้ นี่เป็นคลิปเหตุการณ์ที่ถูกแชร์ผ่านเฟซบุ๊ก หนองปรือ ศูนย์หนึ่ง เมื่อช่วงดึกของวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยรายหนึ่งที่พยายามจะเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บภายในรถบรรทุกที่อยู่ข้างถนน     แต่เนื่องจากในขณะนั้นมีนักข่าวรายหนึ่งในเสื้อสีเทากำลังยืนถ่ายภาพอยู่ ทำให้เขาต้องเบียดตัวเข้าไป ในจังหวะนั้นเองทำให้นักข่าวเกิดความไม่พอใจจนเตะเข้าไปที่ก้นของเจ้าหน้าที่กู้ภัย และหลังจากที่คลิปจบไปยังได้มีการชกต่อยกันเกิดขึ้นด้วย     ข้อความอธิบายจากเฟซบุ๊กของเจ้าหน้าที่กู้ภัยหนุ่มระบุว่า “#ผมผิดอะไร นักข่าวต่อยกู้ภัยเพื่อจะทำข่าวมากกว่าการที่จะช่วยชีวิตคน ช่วยกันดูว่าผมทำอะไรผิดครับ กับนักข่าวท่านนี้ ขณะที่ผมจะเข้าไปช่วยผู้ได้รับบาดเจ็บและติดภายในรถ และนักข่าวท่านนี้เป็นนักข่าวที่ส่งข่าวให้กับทางช่อง TV ช่องดังช่องนึ่ง เหตุการณ์ขณะ ทีมงานกู้ภัยกำลังใช้เครื่องมือตัดถ่างเพื่อจะนำผู้ได้รับบาดเจ็บออกจากภายในรถ และได้มุดเข้าไปเพื่อจะยกท่อหรือสายเครื่องตัดถ่างขึ้นให้พ้นจากกระจกรถที่มันแตก เพื่อกันสายเครื่องตัดถ่างโดนกระจกที่ทิ่มสาย โดยนักข่าวท่านนี้ผมไม่รู้เขาคิดอะไรกับผมหรือจะต้องการข่าวมากขนานนี้ เข้ามาทำร้ายผมในขณะที่กำลังจะช่วยเหลือคนเจ็บให้ออกมาจากในรถ นักข่าวท่านนี้เกิดอาการไม่พอใจทั้งๆ ที่มันเขตพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยกู้ภัยที่ผมสังกัดอยู่ แต่คลิปที่ท่านเห็นอยู่ซึ่งโดนตัดไปบ้างส่วนและตัดไปในขณะที่นักข่าวท่านนี้ได้ใช้กำลังต่อยผมนั้น ท่านใดที่เห็นคลิปนี้โปรดใช้ดุลย์พินิจจารณาดูว่าผมผิดอะไรครับ และการกระทำของนักข่าวท่านนี้เหมาะสมที่จะเป็นนักข่าวหรือไม่ครับ ผมไม่เคยมีปัญหาหรือเรื่องอะไรกับนักข่าวท่านนี้นะครับ”   ชมคลิปแบบเต็มๆ ได้ที่นี่   เมื่อคลิปดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็ทำให้ชาวเน็ตพากันวิพากษ์วิจารณ์กันถึงการปฏิบัติหน้าที่ของนักข่าวรายนี้อย่างหนัก Good Person “ไม่แปลกค่ะนักข่าวในพื้นที่เขตสว่างสระบุรีก้อเป็นค่ะ ไม่ได้ข่าวแล้วโวยวาย” คน ทำข่าว ทำข่าว “เสียสถาบันนักข่าวหมดแบบนี้ นักข่าว กู้ภัย ตำรวจ…

กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์อยู่ในขณะนี้เลย สำหรับภาพของการต่อเติมบ้านจากหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ที่นำเอาเสาไฟฟ้าที่อยู่ติดถนนมาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านแบบไม่หวั่นเกรงการถูกไฟฟ้าช็อตแต่อย่างใด ภาพดังกล่าวถูกแชร์ผ่านเฟซบุ๊กเพจ บิ๊กเกรียน เมื่อช่วงดึกของวันที่ 9 มิถุนายน โดยให้ข้อมูลว่าหมู่บ้านจัดสรรที่ปรากฏในรูปนี้เป็นทาวน์เฮาส์ที่ตั้งอยู่ในซอยเทพคุณากร 8/5 จังหวัดฉะเชิงเทรา     ข้อความจากเพจระบุว่า “#แบบนี้ทำได้เหรอ ลูกบ้านจัดสรรขนาดเล็กแห่งหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา ทาวน์เฮาส์ตั้งอยู่ในซอยเทพคุณากร 8/5 มาแบบแหวกแนวใช้เสาไฟส่องสว่างทางเป็นเสาระเบียงบ้าน ต่อเติมอย่างถาวร ไม่กลัวทรุด ไม่กลัวไฟช็อต ไม่กลัวสายตาเพื่อนบ้านที่มองแปลกๆ ใครเกี่ยวข้องดูแลหน่อยครับ #บิ๊กเกรียน”     จากภาพจะเห็นได้ว่ามีการใช้เสาไฟฟ้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน .   เมื่อภาพนี้ถูกแชร์ออกไป ชาวเน็ตหลายๆ คนก็ต่างพากันวิจารณ์อย่างหนัก ว่าเป็นการต่อเติมบ้านที่ไม่เหมาะสม และมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ควบคุม อาคาร Umm Vongphaithoon “ทำไมทุกหลังเลยมีเสาไฟเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงบ้าน เรียกว่าอยู่ในเขตบ้านเลยก็ว่าได้ หรือหมู่บ้านนี้เขามีนโยบาย 1 เสา 1 หลัง หรือมันเป็นมุมกล้อง ส่วนหลังที่ต่อเติมนี่ก็อาจหาญเกิ๊น” Chan Aero “มันจะคุ้มเหรอครับ ถ้าเสาเอียง จะทำบ้านพัง (เพราะเสาไฟฟ้าเข็มไม่น่าจะลึก)” Apdunrorseet Sangman “มีความผิด…

สมัยนี้การซื้อขายกันในโลกออนไลน์เป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพียงแค่คุณเห็นสินค้าน่าสนใจๆ เราก็อาจจะวู่วามแชตไปถามราคาแล้วกดโอนผ่านโมบายแบงก์กิ้งได้ทันที หรือบางคนอาจจะเห็นราคาสินค้าที่ถูกมากกว่าตามท้องตลาดจนเกิดอาการหน้ามืดตามัวจนแทบไม่ทันได้สังเกต ว่ามันอาจจะเป็นสินค้าปลอมที่มาหลอกขายกับเราได้ เมื่อไม่นานมานี้เฟซบุ๊กเพจ Drama-addict ได้ออกมาเตือนเหล่าผู้โหยหาของถูกว่าคุณอาจถูกหลอกเอาได้ เพราะล่าสุดมีเหยื่อยรายหนึ่งสั่งซื้อเครื่อง Play Station 4 Pro จากเพจ Global Purchase ซึ่งเป็นเพจขายของจากประเทศจีน มาในราคา 1,299 บาท!?     ทั้งนี้ทางเพจมีการโษณาว่าสินดังกล่าวเป็นสินค้าค้างโกดังที่ถูกนำมาขายในราคาพิเศษ สามารถรองรับภาพแบบ 4K แต่เมื่อได้สินค้ามาก็ทำให้เหยื่อรายดังกล่างถึงกับอึ้ง เพราะแทนที่จะเป็น Play Station 4 Pro กลับได้เป็นเครื่องเล่นเกม 8 บิตที่ต้องเสียบตลับเล่นเท่านั้น     สภาพภายใน…ก็ค่อนข้างใกล้เคียงกับกล่อง .   นอกจากเหยื่อรายนี้แล้วยังมีอีกหลายๆ คนที่ตกเป็นเหยื่อของสินค้าราคาถูก จึงมีการแนะนำกลุ่ม ผู้เสียหายจากการซื้อสินค้าผ่านโฆษณาทาง facebook เพื่อให้ผู้คนที่เคยตกเป็นเหยื่อได้ร่วมกันแชร์ประสบการณ์แย่ๆ ในการซื้อสินค้าราคาถูกหรือถูกหลอกลวง เพื่อจะได้เป็นอุทาหรณ์แก่คนอื่นๆ ในการซื้อของออนไลน์     เห็นสินค้าที่ไหนราคาถูกผิดปกติ ก็อย่าเพิ่งวู่วามกดโอนเงินนะ เช็กดีๆ ก่อนว่ามันใช่จริงหรือเปล่านะ ที่มา Drama-addict

นี่เป็นอีกหนึ่งข่าวในบ้านเราที่ถูกเผยแพร่ไปไกลในต่างประเทศ หลังจากที่หนุ่มชาวออสเตรเลียคนหนึ่งกำลังเมาได้ที่ จับก้นหญิงสาวชาวไทยจนทำให้แฟนของเธอคนนั้นเกิดความโมโห ควักมีดออกมาแทงในทันที ชายชาวต่างชาติคนนั้นมีชื่อว่า Jaydon Sienkiewicz ในคืนวันที่ 7 มิถุนายน 2018 เขาได้ออกไปเที่ยวผับ Mixx Discotheque ในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี กับเพื่อนๆ และครอบครัว   Jaydon หนุ่มชาวต่างชาติที่ถูกแทง   ช่วงเวลาประมาณตี 4 เขากำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่ด้วยความเมาทำให้เขายื่นมือไปจับก้นของหญิงสาวชาวไทยโต๊ะใกล้ๆ ในขณะที่เธอกำลังยืนอยู่กับแฟนหนุ่ม   ด้วยความเมา ก็หมับเข้าให้   พฤติกรรมดังกล่าวทำให้แฟนหนุ่มคนนั้นเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก รีบดึงตัวแฟนสาวให้หลบไปก่อนจะควักมีดออกมาแทงเข้าไปที่สีข้างของ Jaydon ในทันที     หนุ่มชาวต่างชาติถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ในขณะที่นาง Khumkhun Songnangrong แม่เลี้ยงชาวไทยของเขาบอกว่า ตนเองไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนคนนั้นต้องมาทำร้ายลูกเธอด้วย โชคดีที่อาการของนาย Jaydon ไม่ได้สาหัสมากนัก จึงทำให้ตอนนี้อาการของเขาคงที่และได้รับเงินเป็นจำนวน 5,000 บาทสำหรับค่ารักษาอาการบาดเจ็บ โดย มูลนิธิช่วยเหลือนักท่องเที่ยว     ทางด้านนายตำรวจ Sombat…

กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียลแบบสดๆ ร้อน กับเรื่องของแอดมินเพจดังเพจหนึ่ง ที่ตอบกลับผู้มาถามรายละเอียดการสมัครงานเบื้องต้น ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงจนเฟซบุ๊กชื่อว่า Sirawit Ssw ได้นำเรื่องดังกล่าวมาแชร์ “เรื่องมีอยู่ว่า.. ผมได้เห็นโฆษณาลงรับสมัครงานทาง FANPAGE หม่อมถนัดแดก ตัวผมเองชื่นชอบและติดตามช่องนี้มาโดยตลอด เลยลองอินบ็อกไปถามข้อมูลเบื้องต้น ทางเพจแต่สิ่งที่แอดมินตอบกลับมาคือ.. หม่อมถนัดแดก สหัสวรรษ ชอบชิงชัย ปล. 1. ผมได้โทรไปแจ้ง HR จะว่าผมฟ้องก็ได้ครับ แต่แอดมินเพจสมควรพูดกับคนที่เข้ามาสอบถามแบบนี้หรอครับ? ควรจะควบคุมอารมณ์ได้มากกว่านี้ 2. ผมอาจผิดที่สอบถามผิดช่องทาง แต่ถ้าแอดมินตอบกลับมาดีๆ ผมก็จะยินดีขอโทษครับ 3. ผมไม่ได้ตั้งใจดูถูกอาชีพแอดมิน ตรงส่วนนี้ผมต้องขอโทษด้วยครับ ถามไปนิดเดียวเจอแบบนี้ ตอนนั้นยอมรับว่าพิมพ์ด้วยอารมณ์เหมือนกันครับ ผมไม่ได้ต้องการเรียกร้อง หรืออยากจะประจานหรอกนะครับ เพราะเป็นแฟนคลับหม่อมถนัดแดกคนนึงเหมือนกัน ผมเคารพความมีเหตุมีผล ความตรงไปตรงมาของพี่เสก แต่ในเมื่อน้องเค้าบอกอยากจะประจานผม ก็ให้คนอ่านตัดสินแล้วกันนะครับ”   . . . . . . . . . . . . .…

เกิดเป็นผู้หญิง แน่นอนว่าต้องประสบพบเจอกับปัญหามากมายหลายสิ่งในชีวิตประจำวัน ผู้หญิงบอบบางแบบเราๆ บางทีก็สงสัยว่า ทำไมการเป็นผู้หญิงต้องเจอะเจอกับอะไรแบบนี้ด้วยนะ อีกหนึ่งเรื่องที่ผู้หญิงต้องดูแลเป็นพิเศษมากๆ เลยนั่นก็คือเรื่องของ จิ๋ม อวัยวะสำคัญส่วนหนึ่งที่มีความบอบบางและต้องดูแลเป็นอย่างดีไม่แพ้กับการบำรุงหน้าเลย อย่างที่บอกว่า จิ๋มของผู้หญิงนั้นมีความบอบบางกว่าที่คิด #เหมียวบู้บี้ จึงขออนุญาตนำเรื่องราวจากเจ้าของทวิตเตอร์ที่ใช้ชื่อว่า @fernnnfernnfern หรือ คุณเฟิร์น มาเป็นวิทยาทานให้กับคุณผู้อ่าน     คุณเฟิร์น มาเล่าเรื่องของประสบการณ์ที่เจอกับตัวเองเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้หญิงหลายคนน่าจะเคยประสบกับปัญหานี้ แต่ไม่มีการพูดถึง เพราะการเจ็บจิ๋ม มันเป็นเรื่องน่าอายและไม่สามารถบอกใครได้   วันจันทร์ (4 มิถุนายน 2018) คุณเฟิร์นได้เข้าห้องน้ำแห่งหนึ่ง แต่ไม่ได้ทดสอบระดับความแรงของสายชำระ น้ำที่ฉีดออกมาแรงเกินไปจนทำให้น้องจิ๋มรู้สึกเจ็บ   อาการเจ็บจิ๋มที่ว่าตอนแรกก็รู้สึกขำๆ แต่ว่าพอรุ่งขึ้นมาอาการเจ็บจิ๋มก็ยังอยู่ นี่มันไม่ปกติแล้ว   คุณเฟิร์นไม่กล้าไปหาหมอเพราะว่าอายเรื่องอาการเจ็บจิ๋ม   ประคบด้วยเจลเย็นน่าจะบรรเทาอาการได้   เช้าวันพุธ (6 มิถุนายน 2018) ก็ยังไม่หายเจ็บจิ๋มจึงต้องตัดสินใจไปหาหมอแล้ว เกรงว่าจะเป็นอันตราย   ไปหาหมอสูตินรีเวช บอกอาการเบื้องต้นแบบอายๆ ว่า เจ็บจิ๋ม   บอกกับพยาบาลถึงสาเหตุของการเจ็บจิ๋ม พยาบาลก็อมยิ้มเบาๆ…

เมื่อโลกขาดความเฮฮาและเสียงหัวเราะ พวกเขาคู่นี้จึงจะมาอาสาทำให้เมืองไทยของเราได้มีสีสันอีกครั้งแถมยังถือว่าเป็นแมทต์หยุดโลกเลยก็ว่าได้ เมื่อในตอนนี้ทาง “แปะดูดแหนม” หนุ่มสุดบ้าบิ่นกำลังจะมาออกมาไฟว้กับนักร้องเสียงสวรรค์ในตำนานอย่าง “แร็ปเอก” !! งานนี้ต้องบอกว่าไม่ใช่งานเล่นๆ แล้ว เพราะถึงขนาดที่ว่าโค้ชรายการเดอะแร็ปเปอร์อย่าง โจอี้บอย ออกมาโปรโมทการแบทเทิลครั้งนี้ผ่านเฟซบุ๊ค Apisit Joeyboy Opasaimlikit ของตัวเอง ซึ่งโค้ชโจอี้ได้ใส่แคปชั่นการท้าทายครั้งนี้เอาไว้ว่า  “เอาละเว้ย!!!!!! แร็ปเอก Vs แป๊ะดูดแหนม งานนี้เดือด!!!!! รอชมกันได้เลย เดี๋ยวเฮียจัดให้”   แป๊ะดูดแหนม   คลิปจากฝั่งแป๊ะดูดแหนม   โดยเรื่องราวจากในคลิปก็คาดว่าน่าจะเป็นทางฝั่งแป๊ะดูดแหนมที่ไปท้าทายขอดวลกับทางแร็ปเอก ที่งานนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะออกมาทางแนวไหนแต่ถึงอย่างไรล่ะก็ มันจะต้องกลายเป็นการดวลกันที่มันส์สุดโคนอย่างแน่นอนเลยใช่ไหมล่ะ   แร็ปเอก โจ้ว โจ้ว   ทางฝั่งแร็ปเอกไม่ยอมแพ้ อัดคลิปรับคำท้าเต็มที่   ความคิดเห็นบางส่วนจากชาวเน็ตเกี่ยวกับแมทต์นี้ . .   เฮียโจอี้ถึงกับต้องเปิดเวทีประลอง และบอกให้แฟนคลับรอติดตามกันได้เร็วๆ นี้!!  มันส์ละหงกันล่ะทีนี้ ที่มา: Apisit Joeyboy Opasaimlikit

จากกรณีอาหารกลางวันของเด็กในโรงเรียนบ้านท่าใหม่ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีเพียงแค่ขนมจีนคลุกน้ำปลา กับแตงกวา 2 ซีก ล่าสุดได้มีการเข้าตรวจสอบ ชี้แจง และสั่งย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น     ประเด็นดังกล่าวก็ยังคงมีการพูดถึงในแง่ของ การจัดการมื้ออาหารกลางวันสำหรับโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง และเมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมานั้น นาย จรูญ หยูทอง นักวิชาการและนักเขียน ได้ทำการพูดถึงประเด็นขนมจีนอีกครั้ง     “เด็กระดับอนุบาลที่ไหน ๆ เขาก็ให้กินขนมจีนกับน้ำปลา เพราะเด็กมันกินเผ็ดไม่ได้ ไม่เห็นแปลกถ้ามีสมองสำหรับคิด และไม่อคติจนเสียสติกันไปหมด” จากข้อความดังกล่าวข้างต้นที่เขาได้แสดงความคิดเห็นของตนผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว ทำให้ชาวเน็ตบางส่วนไม่เห็นด้วย เนื่องจากมื้ออาหารของเด็กชั้นอนุบาล ควรได้รับสารอาหารที่ถูกต้องตามโภชนาการ ค่าอาหารกลางวันของโรงเรียนผู้ปกครองต้องจ่ายอยู่แล้ว     และนอกเหนือจากเรื่องของความเผ็ดในอาหาร เมื่อเด็กรับประทานไม่ได้ เมนูอื่นๆ สำหรับเด็กก็ยังมีให้เลือกอีกมากมายหลากหลาย อีกทั้งประเด็นของขนมจีนน้ำปลา ผอ. ของโรงเรียนทำการโกงเงินค่าอาหารกลางวันของเด็กๆ ไป ส่งผลทำให้ไม่มีเงินไปจัดซื้ออาหารดีๆ ให้กับเด็กนักเรียนได้     ภายหลังนายจรูญ หยูทอง ได้ทำการโพสต์ข้อความอีกครั้ง…   “กรณีขนมจีนกับน้ำปลา ผมไม่ได้บอกว่ามันดีกว่าอย่างอื่น เพียงแต่บอกว่า…

ต้องยอมรับว่าคุณครูสมัยนี้มีวิธีสอนนักเรียนที่ทันสมัยขึ้นมาก นั่นก็เพื่อทำให้เด็กๆ รู้สึกสนุกสนานและสนอกสนใจในเนื้อหามากขึ้น อย่างล่าสุดเราได้ไปเจอแบบฝึกหัดจากติวเตอร์รายหนึ่ง ที่ออกข้อสอบได้เข้ากับกระแสของหนังซูเปอร์ฮีโร่มาก แบบฝึกหัดที่ว่านี้เป็นแบบฝึกหัดที่ยกเอาตัวละครธานอส จากหนังเรื่อง The Avengers : Infinity War มาเป็นโจทย์ โดยโจทย์นี้ทำขึ้นในโครงการพี่ช่วยน้องสอวน.ของโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ เป็นโจทย์ที่ให้หาค่าความเร็วของดวงจันทร์ที่ธานอสดึงมาถล่มใส่เหล่า Avengers     โดยโจทย์มีอยู่ว่า ระหว่างที่ธานอสกำลังหัวร้อน เขาได้ใช้ Infinity Guantlet ในการดึงดวงจันทร์ลงมา จากเดิมดวงจันทร์ซึ่งมีมวล M โคจรเป็นวงรี โดยจุด P เป็นจุดที่อยู่ใกล้ “ดาวไททัน (จุด T)” ที่สุด อยู่ห่างเป็นระยะทาง R ความเร็วที่จุดนั้นเท่ากับ รูทเศษ 6GM ส่วน 5R และให้จุด A ไกลจากดาวไททันมากสุด ถ้าการดึงของธานอสทำให้ดวงจันทร์เปลี่ยนวงโคจนเป็นแบบวงกลม จงหาว่าความเร็วของดวงจันทร์ต้องเปลี่ยนไปเท่าไหร่ (15 คะแนน)     หลังจากที่โจทย์ปัญหานี้ถูกแชร์ออกไป ก็ทำเอาผู้คนในโลกออนไลน์รู้สึกแปลกใจกับโจทย์ข้อนี้จนมีคนกดแชร์ไปกว่า 1,500 ครั้ง และมีการช่วยกันแก้ปัญหาแบบ (ไม่) จริงจังอีกเพียบ   Winter Zemo…

ก่อนหน้านี้เราอาจได้เห็นกรณีเรื่องของอาหารกลางวันสำหรับเด็กนักเรียน ที่ถูกร้องเรียนมาอย่างหนัก เพราะคนจำนวนมากมองว่ามันไม่ถูกกับหลักโภชนาการ การเจริญเติบโต โยงไปถึงเรื่องของผู้ใหญ่ที่อาจโกงกินงบประมาณในส่วนนี้ อ่านข่าวเก่าได้ที่ลิงก์: อัปเดต.. ผอ.ถูกสั่งย้าย จากเหตุการณ์อาหารกลางวัน “ขนมจีนคลุกน้ำปลา” ที่ไม่เหมาะสม ล่าสุด วันนี้ (5 มิ.ย. 2018) เพจ แหม่มโพธิ์ดำ ก็ได้ออกมาแชร์เรื่องราวที่เธอได้รับร้องเรียนมาจากลูกเพจ เผยให้เห็นภาพอาหารกลางวันของเด็กในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่จังหวัดลพบุรี   ภาพจากโพสต์ดังกล่าว   ในโพสต์เล่าไว้ว่า… “ครูเป็นกรรมการตรวจรับ แต่พูดอะไรไม่ได้ ทำแบบนี้มาหลายปี จนทนไม่ได้แล้วเลยลาออกจากการเป็นกรรมการ แจ้งไปเขตก็เงียบ เส้น ผอ. เขาดีมาก รร.แห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี #เงินอาหารกลางวันได้ปีละเกือบสองแสน ราคาเท่านั้น แต่อันนี้ภาพอาหารวันนี้เลยค่ะ สวนทางกันไหม ดูเองนะคะ ส่วนเรื่องโกง อยากให้มาตรวจสอบเอง เพราะมีเรื่องอื่นอีก แย่มาก”   แคปชั่นของโพสต์   ภาพที่เราเห็นนี้เป็นผลลัพธ์ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดจากการโกงงบประมาณของผู้ใหญ่ที่ดูแลเรื่องอาหารกลางวัน ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเงินที่ได้รับมาควรต้องทุ่มให้กับเด็กทั้งหมด แต่กลับมีบางคนหักเก็บไว้เข้ากระเป๋าตัวเองหรือเปล่า?   ความคิดเห็นจากชาวเน็ต หลังได้อ่านและเห็นภาพจากโพสต์นี้ . . . .…

ช่วงนี้สำนักข่าวต่างๆ ออกมาตีแผ่เรื่องราวเกี่ยวกับร่างทรงกันอย่างมากมาย หลังจากที่มีการเปิดตัวร่างทรงที่อ้างว่าเป็นตัวแทนแห่งสุริยเทพมาประทับร่างกลางรายการเผยแพร่ออกไป จนทำให้มีคนเริ่มสงสัยว่า ร่างทรงเหล่านี้แท้จริงแล้วเป็นตัวจริงหรือเป็นเพียงแค่การแอบอ้าง หลังจากนั้นมาก็มีการออกมาแหกเรื่องร่างทรงกันอย่างมากมาย ทั้งพิสูจน์ว่าบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นร่างทรงมีความรู้จริงหรือไม่ รวมไปถึงการทดสอบอภินิหารต่างๆ อีกหนึ่งร่างทรงที่มีการพูดถึง ณ ขณะนี้ก็คือบุคคลท่านหนึ่งที่อ้างตัวว่า ตนนั้นเป็นร่างประทับของพ่อปู่ไบรอัน โอคอนเนอร์ จากภาพยนตร์เรื่อง Fast& Furious ที่รับบทโดย พอล วอล์คเกอร์ผู้ล่วงลับ     จากข้อมูลที่ทางสำนักข่าว News-TV รายงาน ร่างทรงพ่อปู่ไบรอัน โอ คอนเนอร์ เปิดสำนักอยู่ที่จังหวัดนครปฐม อ้างสรรพคุณว่าสามารถดูฤกษ์ยาม ทำนายดวงชะตาชีวิต ใบ้หวย รักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วย และที่สำคัญสำหรับการเป็นไบรอันโอคอนเนอร์นั่นก็คือการรับเจิมรถ ดูวันออกรถใหม่ได้ด้วย     ร่างทรงไบรอัน โอคอนเนอร์ จากเรื่อง Fast & Furious   พ่อปู่แต่งตัวไม่เหมือนในหนังเลยนะ   พ่อปู่รำเป็นด้วย   เพื่อนร่างทรงและพ่อปู่ไบรอัน   คนละไบรอันแล้ว   นอกจากนี้ยังมีคาถาบูชาพ่อปู่ไบรอันอีกด้วย กันแคล้วคลาด “นะโมเทอร์โบ ลัมโบ…

บางครั้งการเลือกทำอาชีพสักอาชีพก็จำเป็นจะต้องใช้ความอดทนและใจเย็นพอสมควร เพราะต้องรับแรงกดดันจากรูปแบบของการทำงาน อย่างเช่นอาชีพยามรักษาความปลอดภัยเป็นต้น เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 5 มิถุนายน เฟซบุ๊กเพจ แหม่มโพธิ์ดำ ได้นำเสนอเรื่องราวของยามรักษาความปลอดภัยที่ทำงานอยู่ละแวกอพาร์ตเมนต์แถวบางกะปิ ที่ถูกคู่สามีภรรยาที่อยู่อาการมึนเมาจอดรถลงมาหาเรื่อง โดยอ้างว่าไม่พอใจที่รปภ.ใช้ไฟฉายส่องเข้าตา     จากภาพจะเห็นพนักงานรปภ.ยืนอยู่กลางถนน โดยมีหญิงสาวพยายามดึงคอเสื้อและทำท่ายื้อยุดฉุดกระชาก ในขณะที่มีคนเข้ามาช่วยห้าม ทั้งนี้ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่าหลังจากเกิดเหตุดังกล่าวแล้ว ทั้งสามีภรรยาก็ยังมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อที่สถานีตำรวจอีก   (สามารถกดชมคลิปได้ที่นี่)   ข้อความจากแหม่มโพธิ์ดำระบุว่า “คลิปนี้กู้ภัยส่งมา เกิดเหตุลูกบ้านอพาร์ตเมนต์แถวบางกะปิ มีอาการมึนเมาทั้งสามีภรรยา กล่าวอ้างว่ารปภ.ได้ส่องไฟฉายเข้าตา ความเป็นจริงคือไฟหน้ารถวิ่งขึ้นลูกระนาดแยงตา พอไม่พอใจเลยเรียกพวกมาเอาเรื่อง และก็เป็นตามคลิปที่เห็น  ที่อยากแชร์ให้ทุกคนเห็นคลิปนี้ คือ อย่าได้ดูถูกในอาชีพของคน รู้ไหมว่ามันต้องอดทนแค่ไหน ในการทำอาชีพแบบนี้ ต่อสู้ไม่ได้ ได้แต่กัดฟันทน และยอมรับในสิ่งที่จะทำอะไรก็ได้งั้นหรอ? สายรายงานว่า พอไปสถานีตำรวจ ก็ทะเลาะกับตำรวจอีก จริงเท็จแค่ไหน รอฟังความอีกข้างหนึ่ง อย่าลืมนี่คือข้อมูลดิบ ดูแล้วอินแต่พอดี”   ที่มา แหม่มโพธิ์ดำ

ในขณะที่หลายๆ คนมองว่าบ้านเมืองเราเต็มไปด้วยเรื่องราวอันแสนโหดร้าย ความรุนแรงและความขัดแย้งต่างๆ แต่ทว่าความจริงแล้วมันก็ยังคงมีเรื่องราวดีๆ หลงเหลือให้เราได้เห็นกันอยู่เสมอ ตัวอย่างเรื่องราวดีๆ อันแสนประทับใจนั้นเกิดขึ้นแล้วกับกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ในเขตสาทร กรุงเทพมหานคร เมื่อพวกเขาช่วยเหลือคนพิการ ยกรถวีลแชร์ขึ้นบันไดสะพานลอย   กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ ช่วยกันแบกคนพิการนั่งวีลแชร์ ขึ้นมาบนสะพานลอย   เหตุการณ์นี้ถูกถ่ายเอาไว้โดยเจ้าของเฟซบุ๊ก Anurak Nontakanan ซึ่งเจ้าตัวเล่าว่า “วันนี้ยืนคุยกับพี่อยู่ กำลังเครียดเลยทีเดียว หันไปเห็นภาพนี้ ยืนยิ้มคนเดียว #ความสุขบางครั้งอยู่รอบๆ ตัวเอง #มอเตอร์ไซต์วินดีๆ ก็มีนะ #คนดีต้องชื่นชม”     คลิปจากเจ้าของโพสต์ (เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2018)   นับว่าเป็นภาพที่ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างมาก เพราะนี่แหละคือการแสดงให้พวกเราเห็นว่าสังคมไทยยังคงเต็มไปด้วยความมีน้ำใจ และการช่วยเหลือกันอยู่เสมอ   ความคิดเห็นจากชาวเน็ต เกี่ยวกับเรื่องดีๆ ในครั้งนี้ .   บางคนโยงไปถึงเรื่องของสวัสดิการที่ควรต้องดูแลคนพิการ   การทำความดี ช่วยเหลือกัน อาจง่ายกว่าที่พวกเราคิด อยู่ที่ว่าเราพร้อมที่จะลงมือทำกันแล้วหรือยัง   ที่มา: Anurak Nontakanan

เราอาจเคยเห็นการกระทำอนาจารในที่สาธารณะมาหลากหลายรูปแบบ แต่การสวมชุดไอ้โม่งออกไปยืนแก้ผ้าล่อนจ้อนอยู่ในป่าชายเลนหรือกลางถนนนั้น อาจเป็นสิ่งที่เราไม่เคยเห็นกันมาก่อน และเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ ไทย!! ในวันที่ 3 มิถุนายน 2018 เพจ หมีซ่าส์ ทันข่าวทั่วไทย ได้โพสต์เผยแพร่ภาพของคนกลุ่มหนึ่ง สวมหมวกไอ้โม่งปิดหน้าปิดตา แก้ผ้าไม่ใส่อะไรเลย โพสท่าอยู่กลางป่าและท้องถนนในยามค่ำคืน   ภาพจากโพสต์ของเพจดังกล่าว . . . .   เจ้าของโพสต์ชี้แจงว่าบุคคลที่เห็นภายในภาพนั้นคือกลุ่มเกย์รักธรรมชาติที่ตระเวนถ่ายภาพเปลือยตามป่าชายเลน ในเขตจังหวัดชลบุรี โดยไม่ทราบเหมือนกันว่าสถานที่ในภาพนั้นเกิดขึ้นที่ตรงส่วนไหนของจังหวัด   . . . .   ไม่ใช่เพียงแค่การโพสท่าทั่วไปเพียงอย่างเดียว เพราะยังมีอีกหลายภาพแสดงให้เห็นว่าผู้ชายเหล่านั้นทำท่าเหมือนกำลังมีเพศสัมพันธ์กันอยู่กลางถนน   ท่าทางของคนสองคน เหมือนกำลังมีเพศสัมพันธ์กันกลางถนน . . . . . .   อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่มีการรายงานว่าได้มีเรื่องของกฎหมายเข้ามาควบคุมตัวเหล่าคนที่ทำอนาจารในภาพหรือไม่ แต่เชื่อว่าหลังจากนี้อาจมีการสืบสวนต่อไปเพื่อตามหาบุคคลในภาพทั้งหมด และสถานที่ที่มีการถ่ายทำนั้นอยู่แห่งใดกันแน่   โพสต์จากเพจ หมีซ่าส์ ทันข่าวทั่วไทย   ที่มา: หมีซ่าส์ ทันข่าวทั่วไทย

จากคราวที่แล้วเราได้กล่าวถึงถุงน่องกระชับสัดส่วนและพรางหุ่นยี่ห้อหนึ่งจากเกาหลีไปในข่าว “ใครๆ ก็ขาเรียวได้!! กับถุงน่องสุดเจ๋งจากแดนโสม ที่เปลี่ยนให้ขาเรียวสวยเพียงแค่สวมใส่” มาวันนี้ได้มีเพจ คุยกับหมอจิ๋ม ได้ออกมาเตือนคนที่คิดจะซื้อถุงน่องดังกล่าวหรือกางเกงอื่นๆ ที่มีการรัดรูปร่างเพื่อพรางหุ่นนั้น อาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพก็เป็นได้   https://www.facebook.com/doctorjimmi/posts/180845645909575   โดยที่ทางเพจได้ลงรูปภาพพร้อมกับข้อความว่า “กางเกงพรางหุ่น ระวังโรคถามหา…กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ติดเชื้อรา ผื่น ฝี มีลูกยาก มาครบ หรือที่เรียกกันว่า สแปงกี้ส์ กางเกงกระชับหุ่นไม่โบราณแบบสเตย์ แต่สร้างปัญหาสุขภาพได้ไม่น้อย ตั้งแต่ติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะไปจนถึงเชื้อราในช่องคลอดเพราะความที่มันรัดเกินไป นอกจากนี้ ยังไปกดทับเส้นประสาทที่ขาหนีบทำให้ปวดขา ไม่มีแรง ยิ่งเป็นชุดที่ใส่ตั้งแต่ช่วงอกลงมา อาจกดทับทำให้หายใจติดขัด   ผลลัพธ์ของความรัด.. เสื้อผ้าหรือกระทั่งชั้นในที่รัดไปทุกส่วนนั้น นอกจากส่งผลกับสุขภาพกายแล้วยังมีผลต่อจิตใจด้วย ซึ่งต้องขอบอกว่าเหมือน “มัจจุราชเงียบ” ทีเดียว มันมักทำให้เกิดอาการหงุดหงิดโดยไม่รู้ตัว ไปจนถึงอาจป่วยง่ายดายโดยไม่รู้สาเหตุ โดยผลของมันจะแจงได้ ดังนี้ 1. ปวดศีรษะ 2. ตกขาว เชื้อราในร่มผ้า 3. ปวดท้องน้อย 4. เหนื่อยง่าย 5. นอนไม่หลับ 6. ปวดมวนแสบท้อง กรดไหลย้อน 7.…

ปกติแล้วการละเล่นของเด็กๆ ก็มักจะมีการหกล้มหรือผิวหนังถลอกกันเป็นเรื่องปกติ แต่หากเกิดบาดแผลหรือความผิดปกติทางร่างกาย ก็ทำให้เหล่าผู้ปกครองเกิดความตกอกตกใจได้ว่าเกิดอะไรกับลูกๆ ของพวกเขา เมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ แหม่มโพธิ์ดำ ได้เผยแพร่เรื่องราวของเด็กหญิงคนหนึ่ง ที่เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 1 ในโรงเรียนประจำที่อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ แต่เนื่องจากเด็กมีอาการบวมช้ำรอบดวงตา ทำให้ผู้ปกครองเกิดอาการตกใจและไปสอบถามกับทางหอพักว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลานสาว ทางหอพักจึงแจ้งว่าเด็กหญิงเดินชนกับเพื่อน แต่ผู้ปกครองยังคงปักใจเชื่อว่ารอยช้ำที่ว่านั้นไม่น่าจะเกิดจากการเดินชนเฉยๆ แต่น่าจะเป็นการถูกใครชกมากกว่า     จากภาพจะสังเกตได้ว่ารอบๆ ดวงตามีอาการบวมช้ำ และมีรอยนูนบริเวณหน้าผาก   หลังจากที่ภาพนี้ถูกแชร์ออกไปก็สร้างความตกอกตกใจให้กับเหล่าชาวเน็ตและผู้ปกครองทั้งหลายพอสมควร ชาวเน็ตท่านหนึ่งกล่าวว่า “ถ้าชนกับเพื่อนจริง เพื่อนน้องต้องเป็นรถถังแน่นอนค่ะ ทุกวันนี้ส่งลูกส่งหลานไปเรียนหรือว่าไปรบกันแน่คะสังคม” บ้างก็บอกว่า “ลูกตัวเองโดนครูใช้กำปั้นทุบหลังดึงผ้าถุงยกเท้าทีบต่อหน้าเด็กทั้งโรงเรียนประจำ ผ.อ. ยังนิ่งเฉยเลยสอบถามหลายคนว่าครูคนนี้ชอบใช้กำลังประจำแต่ร้องเรียนเท่าไรเรื่องก็เงียบตลอดต้องทำไงแบบนี้ปวดหัวเลย” ชาวเน็ตอีกท่านกล่าวว่า “ดูลักษณะน้องแล้วคือมีรอยแผลแห่งเดียวคือรอยปูดที่กลางหน้าผาก เกิดจากการกระแทกกับอะไรสักอย่าง ส่วนที่เบ้าตาเขียวช้ำทั้งสองข้าง เพราะเลือดตกลงมาที่ตา ซึ่งเป็นผลจากรอยกระแทกที่หน้าผากค่ะ เราเองก็เคยเป็นแบบนี้ ขอรอฟังการสอบสวนก่อนนะคะ”   แต่ก็มีผู้ปกครองบางคนเข้ามาร่วมแชร์ประสบการณ์ว่าอาการแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับลูกชายของตัวเองเหมือนกัน ซึ่งมันไม่ใช่รอยช้ำที่เกิดจากการถูกทำร้ายแต่เป็นเพราะหกล้มจนหลอดเลือดดำแตก     ทั้งนี้ยังได้มีชาวเน็ตเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าอาการดังกล่าวนั้นเรียกว่าตาแรคคูน หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า Periorbital echymosis เกิดจากการกระเทือนรุนแรงทำให้มีเลือดออกที่ฐานของกะโหลก หากเด็กคนไหนมีอาการแบบนี้ควรรีบพาไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจให้แน่ใจ จะได้มีการรักษาและสังเกตอาการอย่างสม่ำเสมอ     ที่มา แหม่มโพธิ์ดำ

สำหรับใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้สติกเกอร์ไลน์ล่ะก็ อาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีกับน้องหมีสีขาวสุดน่ารักอย่างเจ้า Bac Bac กันแน่ๆ ล่าสุดความน่ารักของน้องหมีตัวนี้ก็กลับทำให้เกิดเรื่องดราม่าขึ้นแล้ว หลังจากที่นักออกแบบเจ้าหมีชาวฮ่องกง ได้ออกมาโพสต์ในแฟนเพจ Darylhochi บอกว่าเขาถูกสาวไทยรายหนึ่ง ขโมยเจ้า Bac Bac ของเธอไปทำตุ๊กตาขายโดยไม่ได้รับอนุญาต   โพสต์จากทางแฟนเพจ Drama-addict “โปรดระวัง!!นี่คือของขวัญที่เกิดจากความน่าละอาย และการไร้ความรับผิดชอบ นี่คือการละเมิดลิขสิทธิ์ของสติกเกอร์เบอร์ 02 ที่ขายออนไลน์อยู่ ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าถ้าหากคุณเคารพในทรัพย์สินทางปัญญา โปรดอย่าซื้อและสนับสนุนสิ่งที่เธอทำ” ข้อความจากเจ้าของ Bac Bac เรื่องราวดังกล่าวกลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ หลังจากที่ทางเพจ Drama Addict ได้นำเสนอเรื่องดังกล่าว ซึ่งหลังจากที่มีการเผยแพร่ออกไป ก็มีผู้คนจำนวนมากที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น   .   ซึ่งส่วนมากก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของหญิงสาวรายนี้ “นี่ก็ชอบหมีแบคๆมาก รอซื้อของลิขสิทธิ์ดีกว่าถึงมันจะแพงแต่มันก็เป็นการสนับสนุนผลงาน เขาจะได้มีกำลังใจผลิตงานออกมาอีก” ความคิดเห็นของชาวเน็ตรายหนึ่ง   และนี่คือความคิดเห็นของพวกเขาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น . .   อย่างไรก็ตามมีชาวเน็ตรายหนึ่งได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า แม่ค้ารายดังกล่าวได้โพสต์ขอโทษในกลุ่มที่ลงขายของเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์นี้คงจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับพ่อค้าแม่ค้าหลายๆ คนได้เป็นอย่างดี และทำให้พวกเราตระหนักว่าการละเมิดลิขสิทธิ์นั้นไม่ใช่เรื่องที่ควรสนับสนุน   ที่มา Drama-addict, Darylhochi

หากใครติดตามข่าวคราวเกี่ยวกับการกู้ภัยวาฬและสัตว์น้ำอื่นๆ ในเว็บไซต์ของเราบ่อยๆ ก็น่าจะได้เห็นว่ามีข่าวการเสียชีวิตของสัตว์น้ำที่ตายเพราะกินเศษขยะและพลาสติกเกิดขึ้นมากมายขนาดไหน และในครั้งนี้มันเกิดขึ้นในบ้านเรา นี่เป็นเรื่องเล่าสุดสะเทือนใจจากสัตวแพทย์สัตว์น้ำ วัชรา สากรวิมล จากศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร ที่พบกับวาฬเกยตื้นตัวหนึ่ง แต่เมื่อผ่าท้องออกมาดูก็พบว่าภายในกระเพาะของมันเต็มไปด้วยเศษพลาสติกมากถึง 8 กิโลกรัม หรือราวๆ 80 ชิ้น นับเป็นเรื่องที่แย่ที่สุดในการทำอาชีพเป็นหมอของเธอ     คุณวัชราได้โพสต์เล่าเรื่องราวผ่านเฟซบุ๊ก Watchara Sakornwimon โดยมีข้อความว่า “ตั้งแต่เป็นหมอมาไม่เคยรู้สึกแย่เท่านี้เลย​ ทุกครั้งที่​มี​โลมาหรือวาฬเกยตื้นเราจะทำใจแล้วว่าอาการสัตว์​เหล่านี้คือวิกฤต​โอกาสรอดน้อย​ ทุกครั้งมันคือความท้าทายที่จะช่วยมันให้รอดแม้ว่าบางครั้งจะจบด้วยการชันสูตรก็ตามที​ ครั้งนี้​เป็นครั้งที่ปวดใจที่สุดเมื่อก่อนตายมันขย้อนเอาถุงพลาสติกออกมา 5 ชิ้น​ แต่ที่ปวดใจยิ่งกว่าคือการเจอขยะในกระเพาะ​ 8​ กิโลกรัมหรือขยะกว่า​ ​80 ชิ้น​ ถึง​แม้ว่าเจ้าวาฬนำร่องครีบสั้นจะป่วยแต่ถ้าไม่กินขยะเข้าไปด้วยโอกาสรอดคงเพิ่มขึ้น​ เศร้าว่ะเมื่อคนยังเป็นผู้ฆ่าสิ่งมีชีวิตต่าง​ ๆ​ ด้วยความมักง่าย #ขอบคุณทุกคนจริงๆ​ ที่อดหลับอดนอนเฝ้ากัน​และช่วยกันผ่าซากจนข้ามวัน และชาวบ้านและคนในพื้นที่ที่ช่วยอำนวยความสะดวกทุกอย่าง #ขอโทษด้วยนะวาฬนำร่องตัวแรกในชีวิต”   สภาพของวาฬเกยตื้น . . .   สภาพเศษขยะภายในท้องของวาฬ   เศษขยะและถุงพลาสติกมากมายถูกนำมาวางเรียงรายกัน .   เรื่องนี้สร้างความสะเทือนใจให้แก่ผู้พบเห็นในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก และเราได้เห็นถึงความโกรธเกรี้ยวในหลายๆ ความคิดเห็น Oye Sriphochai “ขอบคุณที่ถ่ายทอดออกมาให้เห็นว่าพวกเรากำลังทำร้ายมันโดยที่เราไม่ทันคิด”…

อาหารอินเดียน่าจะเป็นอาหารสัญชาติหนึ่งบนโลกในนี้ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เนื่องจากมีกลิ่นเครื่องแกงผสมอยู่ในบรรดาเมนูต่างๆ และมีรสชาติที่จัดจ้านจนเป็นที่ถูกอกถูกใจของคนที่นั่นเพราะรสชาติที่จี๊ดจ๊าด และก็น่าจะเป็นเรื่องปกติที่มีคนจากชาติอื่นที่ทั้งชอบและไม่ชอบมัน เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 1 มิถุนายน เราได้สังเกตเห็นว่าบนหน้าฟีดเฟซบุ๊กมีอัลบั้มภาพชุดหนึ่งถูกแชร์กันอย่างมากมาย เป็นภาพการรีวิวอาหารอินเดียในสไตล์เกรี้ยวกราด สั้นๆ ง่ายๆ ตรงๆ จากผู้ใช้เฟซบุ๊ก สมหมาย นอนหงายหลัง (แค่ชื่อเฟซบุ๊กก็เด็ดดวงแล้ว) คุณสมหมาย ได้มีโอกาสไปทานอาหารอินเดียในร้านแห่งหนึ่ง และตามสัญญาที่ให้ไว้กับผู้ติดตามทางเฟซบุ๊ก เขาจึงนำรีวิวการทานอาหารนี้มาแบ่งปันกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องบอกไว้ก่อนว่าเป็นความคิดเห็นเฉพาะบุคคล และรสชาติอาหารอาจเปลี่ยนแปลงไปตามฝีมือของแต่ละร้านนะ ว่ามาถึงขนาดนี้แล้ว เราลองไปชมรีวิวสุดฮาร์ดคอร์ของเขากัน   เฉยๆ   เลี่ยนๆ   เลี่ยนๆๆๆ   เลี๊ยนเลี่ยน   อันนี่ยิ่งโคตรเลี่ยน   น้องงงง   แต่ที่อร่อยก็มีอยู่   อื้ม อันนี้ก็อร่อย   เผื่อไว้เวลาไม่หิวมาก   ชาใส่เม็ดอัลมอนด์   เค็มๆ แต่อร่อย   โอเค   อื้ม งั้นๆ   ถ้าเป็นเป็ดน้ำแดงจะอยู่ในจาน   ก็ข้าวผัดไง…

จากกรณีอาหารกลางวันของเด็กในโรงเรียนบ้านท่าใหม่ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีเพียงแค่ขนมจีนคลุกน้ำปลา กับแตงกวา 2 ซีก ล่าสุดได้มีการเข้าตรวจสอบ ชี้แจง และสั่งย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อ่านข่าวเก่าได้ที่ลิงก์: เผยคลิปอาหารกลางวันโรงเรียน เด็กกินขนมจีนน้ำปลา แตงกวา 2 ชิ้น ชาวบ้านฮือขับไล่ ผอ.!! ในวันที่ 1 มิถุนายน 2018 สำนักข่าว เดลินิวส์ รายงานว่าชาวบ้านในละแวกโรงเรียนนั้นเกิดความไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งยื่นเรื่องขอถอดถอน นายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว   อาหารกลางวันที่ทางโรงเรียนจัดให้   เมื่อสอบถามไปยัง นายจักรรินทน์ อภิสมัย รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จึงได้ทราบว่าเรื่องอาหารกลางวันของเด็กนั้นเกิดขึ้นจริงในโรงเรียนแห่งนี้ นายจักรรินทน์ชี้แจงว่าโรงเรียนบ้านท่าใหม่มีนักเรียนทั้งสิ้น 290 คน และได้รับเงินงบประมาณสนับสนุนอาหารกลางวันจากองค์กรปกครองท้องถิ่น อัตราหัวละ 20 บาท และจากคลิปที่เห็นไปก่อนหน้านี้ก็ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นการจัดอาหารที่เหมาะสม เพราะแม้การกินขนมจีนในตอนกลางวันจะไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ก็ควรที่จะจัดให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ รับสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่     ด้วยเหตุนั้นเอง จึงมีการตัดสินสั่งย้ายนายสมเชาว์ ผอ.โรงเรียน ไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ โดยจะมีผลในทันที…

ตอนเด็กๆ เราแทบทุกคนคงจะต้องเคยกินอาหารกลางวันที่ทางโรงเรียนจัดให้ ก็อาจจะมีข้าว กับสัก 2 อย่าง ซึ่งคำนึงถึงคุณค่าทางอาหารเป็นหลัก เพื่อการเจริญเติบโต แต่ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2018 เฟซบุ๊กชื่อว่า สุราษฎร์ธานี ได้โพสต์คลิปวิดีโอ เผยให้เห็นอาหารกลางวันของเด็กใน โรงเรียนบ้านท่าใหม่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีเพียงแค่ขนมจีน น้ำปลา และก็แตงกวาอีก 2 ซีก   อาหารกลางวันของเด็กในโรงเรียน   แน่นอนว่าอาหารที่เด็กๆ กินกันนั้นถือว่าไม่ได้โภชนาการเอามากๆ ทั้งๆ ที่เด็กในวัยนี้คือวัยกำลังเจริญเติบโต ควรได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ทว่าอาหารที่พวกเขาได้กินนั้นกลับเป็นเพียงแค่เส้นขนมจีนคลุกน้ำปลา ซึ่งดูขัดกับหลักการที่ว่ามานั้น และนี่ก็เป็นอาหารที่โรงเรียนเตรียมเอาไว้ โดยที่เด็กก็ไม่ได้เอ่ยปากบ่นอะไร ราวกับกินอาหารแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว   อิ่มหรือเปล่าไม่รู้ แล้วอย่างนี้สารอาหารจะเพียงพอสำหรับเด็กหรือ?   คลิปจากโพสต์ดังกล่าว   สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้ทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่องการดูแลจัดการงบประมาณ รวมถึงการโกงกินที่อาจเกิดขึ้นในโรงเรียนดังกล่าว   ความคิดเห็นจากชาวเน็ต . . .   ล่าสุดมีอีกหลายความคิดเห็นที่เข้ามาบอกว่า มีการยื่นเรื่องตรวจสอบเพื่อขับไล่ผู้อำนวยการโรงเรียน และหวังว่าเด็กๆ…

หลังจากที่ทางสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคหรือสคบ. ได้ออกมากำหนดกฎหมายเพื่อผู้ที่เช่าหอพักทุกคน โดยห้ามให้เก็บค่าน้ำ-ค่าไฟเกินอัตราที่กำหนดไว้ เพื่อเป็นการไม่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคจนเกินไป มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป แต่เรื่องนี้ทำให้ผู้ประกอบการหอพักเกิดความเดือดร้อน จนต้องหาวิธีการต่างๆ มาทดแทน อย่างเช่นเรียกเก็บค่าส่วนกลางโดยไม่บอกให้ผู้เช่าทราบล่วงหน้า อย่างเช่นกรณีดราม่าหอพักแห่งหนึ่งกลางเมืองเชียงใหม่ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในขณะนี้ เรื่องนี้ได้รับการเผยแพร่มาจากเจ้าของเฟซบุ๊ก Udompong Vongfun เขาได้โพสต์ว่า “ขอปรึกษาผู้รู้ หรือ ผู้ที่เป็นแบบผม ว่าในกรณีแบบนี้!!ตามกฎหมาย สคบ. (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) คือให้ปรับค่าไฟ แล้วห้ามซิกแซกเก็บเพิ่ม แต่ที่พักผมตอนนี้เกิดปัญหา ซึ่งเพื่อนผมหรือผู้บริโภคแบบผมก็ว่าตามด้วยกฎหมาย ไม่อยากเดือดร้อนอะไร แต่แบบนี้มันเกินไปไหมครับ  ผมได้แชท ได้โทรคุย แต่ก็ไม่ได้คำตอบว่า #ค่าส่วนกลาง มาจากอะไร ผมเป็นผู้บริโภคผมก็อยากได้ความยุติธรรม ไม่ได้อยากจะมีปัญหากับใคร แต่ผู้ให้เช่าเอาเปรียบผู้บริโภคแบบนี้ก็ไม่ไหวมั้งครับเงินไม่กี่บาทสำหรับผู้เช่าก็จิง แต่เยอะสำหรับผมคับ 500 ผมทำอะไรได้อีกเยอะ  เพื่อนผม โดนไปเกือบ 900 ขอฝากถามผู้รู้ด้วยนะครับ”   บิลแรก ค่าไฟหน่วยละ 4.5 บาทตามที่สคบ.กำหนด แต่มีค่าส่วนกลางที่เพิ่มขึ้นมา 528 บาทแบบไม่ทราบสาเหตุ   ผู้เช่าจึงได้ไลน์ไปสอบถามทางเจ้าของว่าค่าส่วนกลางที่ว่านี้ทำไมอยู่ดีๆ ถึงเรียกเก็บ .…

การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถพบได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเนื่องในโอกาสสำคัญหรือไม่สำคัญ คนไทยก็นิยมใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในการสังสรรค์ อย่างที่เรารู้ๆ กันอยู่ว่าการดื่มเหล้าน่ะมันไม่ดี เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับเด็กและเยาวชน เรามาดูกันว่าเด็กน้อยไร้เดียงสา มีทัศนคติต่อการดื่มเหล้าอย่างไร?     คลิปวิดีโอคลิปนี้ที่ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวของคุณ ณัฐพล วันลับแล หลังจากที่เผยแพร่ออกไป มีคนกดเข้ามาดูมากกว่า 1.5 ล้านครั้ง กับแคปชั่น “เมื่อชวนสไปรท์กินเหล้า ถ้าใครกินเหล้า แม่จะเรียกกลับบ้าน #แชร์ไป โลกจะได้รู้ว่าในเบียร์มีน้ำมะขามป้อม 555555”   หนูน้อย: มันโดนฮ้องปิ๊กยิหยัง? (มันโดนเรียกกลับบ้านทำไม?) ผู้ใหญ่: มันกิ๋นเหล้า แม่มันเลยฮ้องมันปิ๊ก (มันดื่มเหล้า แม่มันเลยเรียกกลับ)   หนูน้อย: มันกิ๋นเหล้า แม่มันเลยฮ้องมันปิ๊กก๋า? (มันดื่มเหล้า แม่มันเลยเรียกกลับเลยหรอ?) หนูน้อย: ยิหยังมันกินข้าวแม่มันบะฮ้องปิ๊กอ่ะ (แล้วทำไมเวลามันกินข้าว แม่มันไม่เรียกกลับบ้างอ่า?) ผู้ใหญ่: นั่นมันกิ๋นข้าว แม่มันบะฮ้อง นิมันกิ๋นเหล้า (นั่นมันกินข้าวไง แม่มันเลยไม่เรียก นี่ดื่มเหล้า)   หนูน้อย: แม่มันฮ้องก๋า (แม่มันเรียกหรอ?) ผู้ใหญ่: ตั๋วจะกินเหล้าก่อ (แล้วหนูจะดื่มเหล้าไหม?)…

หลังจากมีกระแสของคุณ “อุ๊ หฤทัย” เปิดเผยภาพวาดของศิลปินดัง “วินเซนต์ แวน โก๊ะ” ที่เธอซื้อมาในราคาแสนถูกเพียง 1,000 เดียว แต่อาจจะมีราคาสูงถึง 3,000 ล้านบาท ล่าสุดอาจารย์น้ำอ้อย อ่าวสินธุ์ศิริ ซึ่งเป็นครูสอนศิลปะคนดัง ได้ออกมาพูดถึงประเด็นดังกล่าวผ่านบทความบนโพสต์เฟซบุ๊ก และชี้ถึงจุดอ่อนที่อาจจะพิสูจน์ได้ว่าภาพนั้นไม่ใช่ของจริง     บทความดังกล่าวมีหัวข้อว่า… มืออาชีพไม่ควรไปร่วมเลอะเทอะด้วย สอนศิลปะมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ถ้าจะนับก็นานถึง 27 ปีแล้ว ใช้ผลงานของ van Gogh เป็นร้อยๆ ชิ้นประกอบการสอนมาตลอดในวิชาจิตรกรรมและวิชาทฤษฎีสี นอกจากนี้ ในฐานะของคนทำงานจิตรกรรมอย่างจริงจังและวิเคราะห์เป็น ผมรู้จักประวัติชีวิตและการทำงานของแวนโก๊ะดีกว่าคนในสังคมไทยโดยเฉลี่ย     ชื่อเสียงของแวนโก๊ะได้รับการยอมรับหลังจากการฆ่าตัวตายของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากการรับอิทธิพลเรื่องการใช้สีของเขาโดยศิลปินกลุ่ม Fauvism และ German Expressionism การสร้างสรรค์ของแวนโก๊ะทำให้การทำงานจิตรกรรมสามารถข้ามพ้นความคิดเรื่องการจำลองธรรมชาติภายนอกแบบเหมือนจริงได้     ในช่วงชีวิตของเขา แวนโก๊ะเป็นคนล้มเหลวและใช้ชีวิตแบบแย่ๆ (มาก) มีสิ่งเดียวในชีวิตของเขาเท่านั้นที่เขาไม่เคยละเลยและเข้มงวดกับมันอย่างถึงที่สุด มันคือการทำงานจิตรกรรม และด้วยการใช้สีและวิธีการปาดป้ายพู่กันที่มีวัตถุประสงค์อันชัดเจน องค์ประกอบสองอย่างของการทำงานงานจิตรกรรมดังกล่าวนี้เป็นทั้งวิธีการและเป้าหมายในการทำงานศิลปะของเขา  …

เชื่อว่าหลายๆ คนในวัยทำงานนั้นทำงานหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง วิถีชีวิตแบบนี้สามารถพบได้ทั่วไปในช่วงวัยนี้ แต่รู้ไหมว่าการโหมงานหนักมากๆ อาจส่งผลต่อร่างกายของเราได้ ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Opor Sue หรือคุณปอ ได้ออกมาเผยแพร่เรื่องราวของตัวเองผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว #เหมียวบู้บี้ ขออนุญาตสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้ คุณปอบอกว่า อดีตเธอเป็นคนที่แข็งแรงมากๆ ไม่เคยป่วยหนัก เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่สูบ ร่างกายปกติแข็งแรงทุกอย่าง จนกระทั่งเริ่มทำงานหนักมากขึ้นจนไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย งานประจำที่คุณปอทำบางครั้งต้องเลิกดึกถึง ตี 2 เนื่องจากงานยังไม่เสร็จ บางครั้งงานด่วนเข้ามาก็ต้องรีบทำรีบส่ง เฉลี่ยแล้วประมาณ 15 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งถือว่าเยอะมากๆ   จนกระทั่งวันหนึ่ง คุณปอเริ่มป่วย เป็นหวัด ผื่นขึ้นเต็มตัวแบบไม่ทราบสาเหตุ บางวันถึงขั้นหน้าบวม ตาบวม เท้าบวม ความดันต่ำ วูบอยู่บ่อยๆ จากที่เคยขับรถได้นานๆ กลับกลายเป็นเหนื่อย ต้องแวะพักบ่อยๆ คุณปอจึงไปพบหมอ ซึ่งหมอบอกว่า “ร่างกายเริ่มส่งสัญญานว่าไม่ปกติ” เนื่องจากคุณปอนอนน้อยมาก     คุณปอตระเวนพบหมอหลายทางมากทั้งอายุรกรรม หมอผิวหนังเพื่อรักษาอาการผื่นคันที่ขึ้นเต็มตัว รักษาตามอาการด้วยการทานยา แต่ร่างกายข้างในไม่ค่อยปกติ ทำให้คุณปอไม่สบายอยู่บ่อยๆ หมอจึงบอกว่า ถ้าปล่อยไว้แบบนี้อาจจะหนักถึงขั้นเป็นโรคพุ่มพวงหรือโรคภูมิแพ้ตัวเองได้  …

คำเตือน!! ข่าวนี้อาจมีภาพและเนื้อหาที่ทำให้สะเทือนใจ   กลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์อีกครั้ง หลังจากที่คุณหมอท่านหนึ่งได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กของเขา เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเด็กน้อยรายหนึ่ง ที่เกือบจะเสียมือไปเพราะการรักษาด้วยการเป่าสมุนไพร โพสต์จากต้นฉบับ   คุณหมอท่านดังกล่าวเล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่แม่ของเด็กได้ตัดสินใจเลือกใช้วิธีรักษาแบบพื้นบ้านด้วยการเป่าสมุนไพร จากคำแนะนำของคนรอบข้าง เพื่อหวังให้แผลของลูกหายไว้ขึ้น “1 สัปดาห์ก่อน เด็กน้อยเผลอไปเอามือซ้ายจุ่มหม้อข้าว ในขณะที่ผู้ปกครองไปโรงพยาบาลชุมชน… ได้แนะนำทำแผลต่อเนื่อง ทำไป 2 วัน แผลเริ่มค่อยๆดีขึ้น… แต่คราวซวยของเด็กน้อย เพราะว่ามันไม่ทันใจผู้ปกครอง คำแนะนำที่ #ไร้ซึ่งความรู้ผิดชอบชั่วดี #ไร้ซึ่งความรับผิดชอบ เป่าหูพ่อแม่เด็ก “ไปหาหมอบ้าน คนนี้สิ… แผลหายเร็วดีแน่… ลูกหลานคนโน้น เค้าไปหาก็หาย” เจอของ “ปลุกเสก…” ด้วยยาทาสารพัดชนิด… ที่สำคัญที่สุด#น้ำลายหมอบ้าน… ทาไปแค่ 3 วัน… เด็กน้อยมีไข้ ร้องงอแง แผลอักเสบเป็นหนอง นิ้วจะเน่าแล้ว พ่อแม่จึงได้ย้อนกลับมา โรงพยาบาลชุมชน… และส่งตัวต่อมาให้ผมที่ โรงพยาบาลจังหวัด…” ข้อความจากเฟซบุ๊ก Pongsakorn Bomberman Karnchana     เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากโลกออนไลน์อย่างมาก หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็ได้มีผู้คนจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น พร้อมกับเล่าประสบการณ์ที่ตัวเองเคยเจอ   ความคิดเห็นบางส่วนของชาวเน็ตต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น…

เป็นภาพที่ทั้งน่ารักและชวนยิ้มในเวลาเดียวกัน สำหรับภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรนายหนึ่ง ที่สวมใส่ชุดไดโนเสาร์ขณะยืนปฏิบัติหน้าที่อยู่หน้าโรงเรียนอนุบาลเมืองนครนายก จนกลายเป็นภาพที่ชาวเน็ตให้ความสนใจและแชร์ต่อกันอย่างมากมาย จากการสืบค้นพบว่าภาพดังกล่างถูกเผยแพร่จากคุณธนิต บุษบงค์ ซึ่งเป็นตำรวจจราจรในจังหวัดนครนายก สร้างรอยยิ้มให้กับผู้ที่ผ่านไปผ่านมา จนเฟซบุ๊กเพจ ที่นี่ “นครนายก” นำเอาภาพดังกล่าวไปแชร์พร้อมกับข้อความว่า “ผู้ใหญ่เห็นแล้วยังมีความสุขขนาดนี้แล้วเด็กๆ จะมีความสุขขนาดไหน ขออีกนะคะชุดนี้คุณตำรวจ เด็กๆ บางคนยังไม่เห็น”     ทั้งนี้คุณธนิต ได้เข้ามาให้ความเห็นว่า “เดี๋ยวใส่ให้ดูอีกครับ เจอกันอีกทีวันพฤหัส พรุ่งนี้รร.หยุด วันพุธเวรพักผ่อนผม แวะมาเซลฟีกันได้ ขอบคุณที่ชอบกันครับ ผมเองก็ทำงานแล้วก็มีความสุขสนุกกับงาน จุดหน้ารร.ผมดูแลบริการทุกวันที่เข้าเวรปฎิบัติหน้าที่”     ทั้งนี้ทีมงานแคทดั้มได้สอบถามไปยังคุณตำรวจ ถึงการแต่งชุดไดโนเสาร์ปฏิบัติงานว่าผู้บังคับบัญชารู้สึกอย่างไรบ้างเมื่อเห็นการใส่ชุดแบบนี้ เจ้าตัวเลยบอกว่า “ผู้บังคับบัญชาก็ให้การสนับสนุนคับ ตอนแรกก็ขออนุญาตก่อนครับ นำเสนอไปครับว่าจะใส่แบบนี้ แล้วก็ปฏิบัติเรื่อยมาหน้าโรงเรียนคับ ชุดที่ใส่นี่ก็มีผู้ใหญ่ใจดีที่มาส่งบุตรหลาน เห็นเราแล้วชอบซื้อมาให้ใส่ครับ ปกติใส่มาสคอตปฎิบัติหน้าที่ อำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับผู้ปกครองที่มาส่งบุตรหลานครับ ทำมาจะได้เกือบปีละครับ”   ชุดไดโนเสาร์สุดน่ารัก   เมื่อเราถามต่อไปว่าเคยมีผู้ปกครองหรือเด็กๆ ให้การตอบรับยังไงบ้าง คุณตำรวจเลยบอกว่า “ครับเข้ามาทักทายและขอจับมือถ่ายรูปด้วย หลายคนบอกชอบครับ สามารถหลอกให้เด็กอยากมาโรงเรียนได้ครับ555”     เมื่อชาวเน็ตได้เห็นภาพน่ารักๆ ของตำรวจจราจรรายนี้เข้าก็พากันเข้ามาคอมเมนต์ชื่นชมอย่างมาก New…

นี่เป็นภาพเหตุการณ์สุดหวาดเสียว ที่ถูกแชร์มาจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่ขณะขับขี่รถยนต์ผ่านเส้นทางแคบๆ โดยมีเส้นห้ามแซงอยู่กึ่งกลางถนน แต่เมื่อคลิปดำเนินไปเรื่อยๆ กลับพบว่ามีรถสิบล้อเบียดเลนเข้ามาจนเกือบทำให้เกิดอุบัติเหตุ คลิปดังกล่าวถูกแชร์มาจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก Desh Srd เมื่อช่วงสายของวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่ารถบรรทุกคันดังกล่าวเป็นรถบรรทุกของบริษัท นวไพศาลคอนกรีต พร้อมกับข้อความว่า “ฝากถึง #นวไพศาลคอนกรีต# (จันทบุรี) ขับรถได้แย่มากคิดว่าเป็นรถใหญ่ไม่สนใจรถยนต์​ที่สวนทางมา”     จาคลิปจะเห็นได้ว่ารถคันดังกล่าวเบียดเข้ามาในเลนอีกฝั่งจนทำให้เจ้าของรถต้องชะลอและลงไปวิ่งอยู่บนไหล่ทาง คลิปดังกล่างได้รับความสนใจจากชาวเน็ตอย่างมากและมีการแชร์ออกไปกว่า 19,000 ครั้ง และพากันเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างร้อนแรง ภาณุ บุญเรือง “แซงเส้นทึบเกือบถึงทางโค้งแล้ว แย่มาก พลาดมา มีแต่ตายกับตาย” Adisorn Prachachai “มีหลักฐานครบแบบนี้เล่นให้หนักคับอย่าให้มันมีที่ยืนในสังคม คนแบบนี้บุคคลอันตรายต่อสังคม” Kaotua Sakchai “ส่งรูปถ่ายเข้าแอปของขนส่ง พวกนี้อย่าให้ลอยนวลทำเพื่อนร่วมอาชีพเสียชื่อ ดีที่เขาอ่านเกมเกือบเกิดอุบัติเหตุสูญเสีย” ApPle Myapple “คนขับมีสติดีมากค่ะ ถ้ามันขับรถใหญ่แบบนี้ไปเจอคนที่ขับรถไม่เก่งรึผู้หญิงที่ตกใจง่ายขับ ต้องเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงแน่ๆ เพราะมันขับเร็วด้วย” Suchet Wisuttipat “หลักฐานครบขนาดนี้ แจ้งความได้เลยนะครับผม”     รับชมคลิปได้ที่ด้านล่าง   ที่มา Desh Srd