Category: สยามเมืองยิ้ม

สำหรับใครที่ชื่นชอบการทานไอศกรีมโบราณ การได้สัมผัสเนื้อกระทิเนียนๆ กับข้าวเหนียวมูนหวานๆ ในวันที่อากาศร้อนๆ คงจะเป็นอะไรที่ฟินไม่น้อยเลยทีเดียว แต่จะดีแค่ไหนถ้าหากการดื่มด่ำกับรสชาติอันแสนอร่อยนั้น มีโชว์เจ๋งๆ ให้เราดูอีก!! เมื่อไม่นานมานี้คุณ Warinthon Mint ได้โพสต์เรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับคุณลุงท่านหนึ่ง ที่มีลีลาการตักไอศกรีมที่แปลกและหาชมได้ยากสุดๆ      คุณ Warinthon Mint เล่าว่าคุณลุงท่านนี้ชื่อลุงสม เป็นคนอัธยาศัยดี โดยการเสิร์ฟไอศกรีมของแกนั้นก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะบางครั้งลุงเองจะโชว์ท่าไม้ตาย ‘ไอศกรีมลอยฟ้า’ ซึ่งหาชมได้ยากมากๆ ในปัจจุบัน เพื่อเป็นการสร้างความบันเทิงให้กับลูกค้าได้ชมกันฟรีๆ คุณ Mint เล่าว่าคุณลุงยึดอาชีพนี้มากกว่า 50 ปีโดยแกเริ่มขายไอศกรีมครั้งแรกตั้งแต่อายุ 21 จนปัจจุนแกมีอายุกว่า 71 ปีแล้ว และในทุกๆ วันแกจะตระเวนไปขายไอศกรีมในหลายๆ ที่ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหน้า BTS บางหว้า หรือเวลาประมาณ 5 โมงเย็นก็สามารถเจอแกได้ที่ใต้บันได BTS ฝั่งตลาดบางแค   ลองดูลีลาคุณลุงซะก่อน   ส่วนหน้าตาไอศกรีมก็น่ากินไม่แพ้ลีลาคุณลุงเลยนะเนี่ย   เรื่องราวของคุณลุงสมที่กำลังเป็นที่โด่งดังอยู่บนโลกออนไลน์ขณะนี้   และสำหรับใครที่อยากลิ้มลองความอร่อยไอศกรีมลอยฟ้า ก็ลองแวะเวียนไปหาคุณลุงกันได้ทุกๆ วัน ในเวลาประมาณ 17.00 น.…

กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์ในขณะนี้เลยล่ะ เมื่อสัตวแพทย์ท่านหนึ่งได้แชร์เรื่องราวเกี่ยวกับการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของน้องหมา หลังจากที่เจ้าของนำมันมารักษาตัวที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา คุณ Jakkarin Riangngoen ได้เล่าถึงเหตุการณ์การเสียชีวิตอย่างผิดปกติ ของสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียน วัย 7 เดือน น้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม ที่เจ้าของสุนัขนำมาให้สัตวแพทย์ตรวจร่างกายของน้องหมา หลังจากที่เดินทางมาพร้อมกับบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง โดยคุณ Jakkarin Riangngoen ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า สัตวแพทย์ท่านหนึ่งได้รับกระเป๋าน้องหมามาจากเจ้าของซึ่งเป็นนักศึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจ แต่เมื่อเปิดกระเป๋าดังกล่าวกลับพบว่าน้องหมาได้เสียชีวิตไปแล้ว พร้อมพบยาน่าสงสัยตกอยู่ในกระเป๋า 1 เม็ด   ยาหนึ่งเม็ดที่ตกอยู่ในกระเป๋า เบาะแสความผิดปกติที่เริ่มก่อตัวขึ้น   จากนั้นเมื่อทางสัตวแพทย์ผู้ทำการตรวจได้แจ้งกับเจ้าของว่าน้องหมาได้เสียชีวิตแล้ว ทางเจ้าของก็ได้เดินออกไปเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายกับบริษัทขนส่ง โดยชี้ชัดว่าเป็นความผิดของบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง แต่เพื่อความกระจ่างในกรณีนี้ ทางบริษัทขนส่งจึงได้ขอให้ทางโรงพยาบาลทำการผ่าพิสูจน์ซากน้องหมาเพื่อหาสาเหตุการตาย ก่อนการผ่าพิสูจน์ทางสัตวแพทย์ได้ทำการตรวจร่างกายภายนอก และพบคราบสีชมพูในซอกฟันน้องหมา และเมื่อเริ่มทำการผ่าแล้ว ก็พบว่าในกระเพาะของเจ้าตูบนั้น มีเม็ดยาเป็นจำนวนมาก   คราบสีชมพูที่สัตวแพทย์พบ   หลังจากนั้นไม่นานทางเจ้าของสุนัข ได้โทรมาถามการผ่าน้องหมากับทางโรงพยาบาล พร้อมกับบอกว่าเม็ดยาในกระเพาะน้องหมานั้นเป็นวิตามิน แต่เมื่อทางโรงพยาบาลถามถึงขวดยาเพื่อยืนยัน ทางเจ้าของก็ได้บอกว่าทิ้งขวดดังกล่าวไปหมดแล้ว พร้อมกับขอให้เขียนผลชันสูตรว่าไม่พบสาเหตุการตาย แต่ทางโรงพยาบาลไม่สามารถทำตามที่เจ้าของขอร้องได้ จึงได้แจ้งผลชันสูตรไปว่าน้องหมาเสียชีวิตเพราะได้รับยาเกินขนาด พร้อมกับแจ้งผลการตรวจให้กับบริษัทขนส่งทราบ   เม็ดยาที่พบในกระเพาะน้องหมา   ตอนนี้ทางคุณ Jakkarin Riangngoen ยังคงอัพเดทสถานการณ์ของเจ้าของสุนัขท่านนี้บนเฟซบุ๊กของเขาเรื่อยๆ…

เราเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนคงจะชอบดูละครหลังข่าว #เหมียวขี้อ้อน ก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะละครนอกจากช่วยสร้างความบันเทิงแล้ว ยังทำให้เราได้รับแง่คิดดีๆ ที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตจริงได้อีกด้วย สำหรับละครในบ้านเรา เรียกได้ว่ามีความหลากหลายมาก โดยจะมีทั้งละครบู๊ ละครรักโรแมนติก  ละครคอมเมดี้ รวมไปถึงละครเกี่ยวกับ “ภาษาพื้นเมือง”   โดยส่วนใหญ่แล้ว หลายคนอาจจะรู้สึกหงุดหงิดเมื่อมีการนำเสนอละครที่มีการพูดภาษาพื้นเมืองใช่ไหมละ เพราะบางครั้งก็ทำให้เราฟังไม่รู้เรื่อง หรืออาจเป็นเพราะสำเนียงของนักแสดงที่อาจจะผิดเพี้ยนไป แต่ปัญหานี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับ “แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์” นักแสดงสาวหน้าหวาน ที่เราต้องขอการันตีเลยว่าสำเนียงการพูดภาษาพื้นเมืองทั้งของภาคเหนือ และภาคอีสานนั้นชัดมากราวกับว่าเธอเป็นคนเหนือ-อีสานแท้ๆ เลยทีเดียว     และยัง ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะนอกจากภาษาพื้นเมืองแล้ว แต้วก็สามารถพูดภาษาอื่นๆ เช่น ภาษาฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมัน ได้เป๊ะมากกกก   ไม่เชื่อก็ลองดูคลิปวีดีโอจากละครเรื่อง สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายรัชชานนท์ ได้เลย   อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ทางช่อง 3 ก็ได้นำละคร “รากครา” ที่นำแสดงโดย “หมาก ปริญ” “แต้ว ณฐพร”…

วันที่ 21 สิงหาคม 2560 โลกออนไลน์ได้เผยคลิปวีดีเหตุการณ์ปะทะเดือดกันกลางเมือง เมื่อแท็กซี่สีชมพูคันหนึ่ง ได้ขับรถปาดหน้าแท็กซี่คันสีเหลืองเขียวจนเป็นเหตุให้กระจกหลุด งานนี้เลยทำให้คนขับแท็กซี่คันสีเขียวได้ลงไปเจรจา แต่ทว่าเหตุการณ์มันกลับรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม เพราะคนขับแท็กซี่คันสีชมพูกลับไม่พอใจ และท้าทาย จนในที่สุดก็เกิดการชกต่อยกันอย่างรุนแรงกลางถนน     สำหรับคลิปวีดีโอดังกล่าว ถูกบันทึกเอาไว้ได้โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ AmPoi Poi ซึ่งเป็นผู้โดยสารที่นั่งมากับรถแท็กซี่คันสีเขียวในขณะนั้น โดยเธอได้ทำคลิปวีดีโอมาเผยแพร่บนเฟซบุ๊กพร้อมกับระบุข้อความเอาไว้ว่า.. “วันนี้ตอนเย็น เรานั่ง taxi จากสยามเพื่อกลับโรงแรมแถวถนนวิทยุ รถ taxi ที่นั่งสีเหลืองเขียว คนขับใส่แว่นสีดำโดน taxi ชมพู (คนไม่ใส่แว่น) ขับปาดหน้าจนกระจกข้างพับ Taxi คันที่เรานั่งไปขับทันตรงสี่แยกไฟแดงเลยลงไปคุย แต่คู่กรณีไม่ขอโทษ แล้วยังทำหน้าตาเย้ย ท้าทาย สักพักก็ต่อยคนขับรถคันที่เรานั่งก่อน ตกใจมาก…แล้วมีแต่คนดูไม่มีใครห้ามเลย จนน้องผู้หญิงที่มากับเรา ต้องวิ่งออกจากรถไปห้าม (น้องเราก็ไม่กลัวเลย เราตกใจทำไรไม่ถูก) คนขับรถที่เรานั่งเลือดเต็มปากเลย แต่เค้าก็มาส่งเราได้ ไม่ผิดยังเจ็บตัวอีก ค่าโดยสารแค่ 99 บาท เราเลยให้ไป 200 เอาไปหาหมอ สงสาร ปล.เมืองหลวง น่ากลัวจริงๆ…

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ ที่แสดงให้เห็นการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้ใช้รถใช้ถนน แต่แทนที่จะพูดจากันดีๆ ชายผู้หนึ่งซึ่งทราบว่าเป็นนายทหารยศเรืออากาศตรี กลับเลือกที่จะใช้กำลังเข้าทำร้ายคู่กรณีของเขา… เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นบนถนนสายหนึ่ง โดยอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากการชนท้ายกันระหว่างรถเบ๊นซ์สีทองซึ่งมีคุณตาวัย 70 ปีท่านหนึ่งเป็นคนขับ ได้เข้าชนท้ายกับรถยนต์ของนายทหารท่านนี้ แต่เมื่อคู่กรณีซึ่งเป็นคุณตายังไม่ทันได้ลงมาเจรจา อีกฝ่ายก็ลงมากระหน่ำหมัดเข้าใส่ทันที…   สภาพของรถทั้งสองคันหลังจากเกิดเหตุ   อย่างไรก็ตามเมื่อพลเมืองดีผู้เห็นเหตุการณ์ได้เข้ามาช่วยเหลือคุณตาท่านนี้ และได้ห้ามปรามเรืออากาศตรีที่กำลังอยู่ในอาการโมโห เพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้อีก   ภาพบันทึกจากกล้องหน้ารถของพลเมืองดีท่านหนึ่ง   หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางด้านลูกชายของคุณตาได้ออกมาประนามการกระทำของนายทหารท่านนี้ และพร้อมที่จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด “วันนี้มีเหตุการณ์ที่โคตรจะไม่สบายใจและโมโหมาก ผมไม่เข้าใจว่า เรืออากาศตร…. คิดอะไรอยู่ เหตุการณ์คือมีรถของคุณลุงท่านนึง ไปชนท้ายรถเขา เพราะเขาก็เบรคกระทันหันเหมือนกัน มันคืออุบัติเหตุ มันเกิดขึ้นได้ ประกันภัยก็รับผิดชอบกันไป ไม่ใช่มาต่อยๆๆๆๆๆ ประชาชนวัยเจ็ดสิบกว่าผู้เป็นคนขับรถเบนซ์คันนี้ ซึ่งคุณลุงคนนี้คือพ่อผมเอง”     ผมไม่เข้าใจว่าทำไมท่านนี้ถึงไม่คุยกันดีๆ ผมไม่เข้าใจเลย ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แค่พ่อเล่าผมก็รู้สึกเจ็บแล้ว ทีแรกไม่กล้าดูคลิปด้วยซ้ำ ผมจะทำใ้ห้ถึงที่สุดตามความสามารถของผม ตามสิทธิ์ที่ลูกพึงกระทำได้ ตามสิทธิของประชาชนคนนึง เราจะต้องเจอกันแน่นอนครับท่านเรืออากาศตรี” คุณ Buri Sutherat กล่าวผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว     อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าการขับรถชนท้ายของคุณลุงนั้นอาจจะเป็นการกระทำที่ผิด แต่การเลือกใช้กำลังของนายทหารท่านนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเช่นกัน ส่วนในเรื่องของการดำเนินคดีนั้นจะเป็นอย่างไรก็คงต้องติดตามกันต่อไป…

สุนัขเพื่อนที่แสนดีของมนุษย์ นอกจากความซื่อสัตย์แล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่น่ายกย่องก็คือความรักเจ้านายของพวกมันนั่นเอง และเหตุการณ์ต่อไปนี้ก็แสดงให้เห็นว่าพวกน้องหมานั้นรักเจ้าของมันมากแค่ไหน วันหนึ่งระหว่างที่เด็กน้อยสองคนกำลังเล่นสนุกกันอยู่ในสนามหญ้าหลังบ้าน จู่ๆ ก็มีงูคอปเปอร์เฮดตัวหนึ่งจ้องจะเข้ามาทำร้าย แต่เป็นโชคดีของเจ้าหนูที่อยู่ใกล้กับ Paco และ Slayer เจ้าตูบทั้งสองจึงเข้าจัดการกับเจ้างูได้ทันเวลา!!     เจ้าพิทบลูทั้งสองเข้าต่อสู้กับงูคอปเปอร์เฮดอย่างกล้าหาญ แต่น่าเศร้าที่เจ้าตูบทั้งสองตัวก็ถูกงูพิษทำร้ายด้วยเช่นกัน เจ้า Paco นั้นถูกกัดเข้าที่ขา ส่วนเจ้า Slayer นั้นถูกกัดที่บริเวณหน้า เจ้าตูบทั้งสองจึงต้องถูกส่งตัวเข้ารับการรักษากับสัตวแพทย์อย่างเร่งด่วน ทั้งสองเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสัตว์ BluePearl Veterinary Partners Hospital พวกมันได้รับเซรุ่มต้านพิษโดยทันที เจ้า Paco นั้นมีอาการไม่น่าเป็นห่วงเพราะมันถูกกันที่ขา แต่ส่วนเจ้า Slayer นั้นกลับมีอาการที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่     เจ้า Slayer นั้นต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกหลายวัน ซึ่งนั่นทำให้ค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวของมันสูงขึ้นจนครอบครัวผู้ดูแลไม่อาจจ่ายไหว แต่อย่างไรก็ตามองค์กร Frankie’s Friends ก็ได้เข้าช่วยเหลือพวกเขา หลังจากที่ได้ทราบถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของเจ้าตูบทั้งสอง “หลังจากที่ได้รับเซรุ่มเข็มแรกเจ้า Slayer ก็ยังไม่มีอาการที่ดีขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องฉีดเซรุ่มให้อีก แต่ปัญหามันอยู่ที่ค่ารักษา พวกเรา Frankie’s Friends จึงได้เข้าช่วยเหลือในส่วนตรงนี้ ซึ่งรวมถึงค่ายาและค่ารักษาตัวในห้อง ICU อีก 3 วันด้วย” คุณ Danielle Martin ผู้บริหารของมูลนิธิกล่าว    …

เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องที่กำลังถูกวิจารณ์ในโลกสังคมออนไลน์ในขณะนี้เลย ถือว่าเป็นประเด็นที่กำลังฮอต และเผ็ชชชชช ระดับพริกยกสวนไปเลยจ้า!! จากการเผยแพร่ของคุณ บงกช แซ่ตั้ง ที่ได้โพสต์รูปภาพและคลิปวิดีโอแฉพฤติกรรมของลูกค้ารายหนึ่งเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจและเตือนภัยให้กับร้านเสริมสวยอื่นๆ กับลูกค้าสุดแย่คนนี้…     เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2560 ทางร้านเสริมสวยได้มีลูกค้าหญิงท่านหนึ่งเข้ามาใช้บริการ และให้ช่างเสริมสวยทำหลายอย่าง ทั้งถอดผมต่อทั้งหัว แล้วต่อผมใหม่ ทำสีผม ทำเล็บ เจาะหูและต่อขนตา รวมเป็นค่าบริการทั้งสิ้น 9,070 บาท โดยช่างเสริมสวยได้ให้บริการกับลูกค้าท่านนี้ตั้งแต่เวลา 15.00 น.-เที่ยงคืน รวมเวลาทั้งหมด 9 ชั่วโมง ทำให้เสียรายได้จากลูกค้าท่านอื่นไปด้วย แต่พอถึงเวลาที่จะชำระเงิน ลูกค้าคนนี้กลับไม่มีเงินจ่ายค่าบริการ โดยได้ให้เงินไว้เพียงแค่ 2,000 บาท พร้อมโยนกระเป๋าเงินไว้ให้แล้วขึ้นรถออกไป แต่ทว่าข้างในกระเป๋านั้นกลับไม่มีอะไรเลย เจ้าของร้านจำได้ว่าลูกค้าท่านนี้ได้บอกว่าพักอยู่ในโรงแรมไหน จึงไปตามหาถึงโรงแรมและให้ทางโรงแรมตามผู้หญิงคนนี้ออกมาเคลียร์ถึงค่าใช้จ่ายที่ยังคงค้างไว้อยู่ แต่ยังไงก็คิดว่าคงไม่ได้เงินค่าทำผมแล้วเพราะลูกค้าคนนั้นพูดจาวกไปวนมา บ่ายเบี่ยงที่จะไม่จ่าย เจ้าของร้านเสริมสวยจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับตำรวจทันที…   เมื่อพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเจ้าของร้านเสริมสวยก็ไม่อยากที่จะเอาเรื่องให้เสียเวลา จึงขอเอาสิ่งที่ลูกค้าทำไปทั้งหมดคืน ทั้งการถอดผมต่อ ตัดเล็บและขนตาที่ต่อไป พร้อมเอาน้ำยาย้อมผมสีดำไปทำคืนให้ด้วย ในคลิปวิดีโอกล่าวถึงความอัดอั้นที่ต้องเสียเงินเสียเวลา และเป็นอุทาหรณ์เตือนภัยให้กับทางร้านเสริมสวยอื่นๆ ด้วย    …

ในปัจจุบันได้มีการส่งเสริมสิ่งแวดล้อมในการทำงานต่างๆ มากมาย ด้วยการทำงานในออฟฟิศบริษัทนั้นต้องเผชิญกับความเครียดและแรงกดดันต่างๆ เพื่อให้ประสิทธิภาพในการทำงาน และแรงจูงใจของพนักงานเป็นไปในทางที่ดีขึ้น เหมือนอย่างบริษัทหนึ่งที่อนุญาตให้พนักงานทุกคนสามารถนำสัตว์เลี้ยงมาได้ โดยเฉพาะน้องหมาแต่ละสายพันธุ์ ซึ่งไม่ต้องไปไหนไกลเลยเพราะบริษัทดังกล่าวนั้นอยู่ที่กรุงเทพฯ บ้านเรานี่เอง     Adyim คือบริษัทรับทำการตลาดในสื่อมีเดียที่ประสบความสำเร็จในการสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงาน กับเรื่องที่ดูจะไม่น่าธรรมดา เมื่อภาพที่เห็นคือพนักงานหลายคนอุ้มน้องหมามาทำงานในบริษัทด้วย ไม่ว่าจะได้เห็นน้องหมาวิ่งเล่นไปรอบๆ นอนอยู่บนตักเจ้าของ หรือว่าจะเป็นการทำงานไปก็นั่งลูบหัวเหล่าหมาตัวน้อยทั้งหลายไปก็เพลินไปอีกแบบ ช่างเป็นบรรยากาศการทำงานที่ดูน่ารักได้อีกกกก!!     เรื่องนี้นั้นผู้จัดการบริษัทได้รับแรงบันดาลใจมาจากบริษัท Ferray ในประเทศญี่ปุ่น ที่กระตุ้นให้พนักงานพาน้องเหมียวมาทำงานด้วยเหตุผลเดียวกัน เกิดผลลัพธ์ที่ช่วยลดความเครียดและสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นนักวิจัยของมหาวิทยาลัยมินนิโซตาพบว่าการมีสัตว์เลี้ยงนั้นจะช่วยลดความเครียดและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้น ซึ่งก็เป็นไปตามที่บริษัทนี้ได้รับเช่นกัน     ปัจจุบันนั้นสถานที่นี้คือที่แรกของพนักงานหลายๆ คนให้ได้ทำความสนิทสนมกับน้องหมาจนตอนนี้มีน้องหมาในบริษัททั้งหมด 16 ตัว วิ่งเล่นเห็นกันเป็นเรื่องปกติเลยทีเดียว     พนักงานหลายคนก็ได้มาแสดงความคิดเห็นในทางที่ดีต่างๆ มากมาย หรือแม้แต่บางคนที่ก่อนเข้ามาทำงานที่นี่ไม่ได้เลี้ยงหมา หรืออาจจะไม่ชอบเสียงเห่าของพวกมันซักเท่าไหร่ แต่อยู่ไปอยู่มาก็เปลี่ยนใจและไปหาน้องหมามาเลี้ยง พามาเที่ยวเล่นที่บริษัทด้วยกันเลย     บรรยากาศการทำงานคงเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้ประสิทธิภาพการทำงานเลย หากเรามีความสุขในขณะที่ทำสิ่งต่างๆ ก็จะทำให้หลายอย่างมันสนุกและสุขไปด้วย ที่มา: odditycentral

ในยุคนี้โจรขโมยก็ชุกชุมเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด เราก็ต้องคอยเป็นหูเป็นตาซึ่งกันและกันไป หรือไม่ก็คงต้องใช้เทคโนโลยีอย่างกล้องวงจรปิดเข้ามาช่วย ให้การใช้ชีวิตของเราเป็นไปได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับกรณีที่เกิดขึ้นในวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา ในช่วงเวลาประมาณทุ่มครึ่งในเขตตำบลคลองสาม จังหวัดปทุมธานี ได้มีโจรสวมหมวกกันน็อคพยายามที่จะงัดรถมอเตอร์ไซค์หน้าร้านขายของเบ็ดเตล็ด   รถที่คนร้ายขับมาในตอนแรก   เป็นการกระทำที่รวดเร็วมาก หากเราเห็นในคลิปเมื่อโจรควักอะไรสักอย่างมาบิดครั้งเดียวไฟก็ติดพร้อมขับในทันที ใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็เกือบจะได้มีมอเตอร์ไซค์ใหม่พร้อบขับไปโชว์เพื่อนสบายๆ แล้ว โชคดีที่เจ้าของรถหรือก็คือพนักงานขายของดังกล่าว ซึ่งติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ที่บริเวณหน้าร้านทำให้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จนเมื่อคนร้ายกำลังจะขับออกไป จึงได้วิ่งเข้าไปฟาดด้วยท่อนเหล็ก เรียกได้ว่าหวดยับซะจนโจรจำทางกลับบ้านไม่ถูกเลยทีเดียว     ถึงแม้ว่าคนร้ายจะหนีไปได้แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้อะไรกลับไปเลยแถมยังต้องทิ้งรถคันเก่าที่ขับมาในตอนแรกเอาไว้ซะอีก เรียกว่าทำผิดก็มีแต่เสียกับเสียจริงๆ   โพสต์ต้นฉบับสามารถตามไปดูคลิปวิดีโอได้เลย   เนื้อหาจากทางโพสต์… “#โจรลักมอไซค์สเต็ปเทพ #เจอเจ้าของเทพกว่า #ผลลัพธ์จะทำให้มึงลั่น สวัสดีค่ะควีน มีเรื่องอยากจะให้แชร์ต่อๆกัน ให้ระวัง โจรลักรถมอไซค์ ล๊อคคอไว้อย่างเดียวไม่อยู่ โจรงัดง่ายมากไช้เวลาแป๊ปเดียว เหตุเกิดเมื่อวัน 4 ที่ผ่านมาคะเวลาประมานทุ่มครึ่ง แถวปทุมคลอง3 เป็นร้านขายของเบตเตล็ด มีกล้องวงจรปิด เจ้าของรถคือเป็นพนักงานขายของอยู่ในร้าน ตอนนั้นคือเห็นฺโจรในกล้องแล้วคะ ดูจนเห็นชัดเจนว่างัดรถ เลยออกมาดักรอคะ จนเกิดเหตุดังกล่าวในกล้องค่ะควีน ถ้าไม่ทันสังเกต รถหายแล้วเนี่ยเกือบซวย”   คลิปให้ชมกันแบบชัดๆ อีกครั้ง   หลังจากมีคลิปออกมา ซึ่งออกจะติดตลกในการหนีไม่คิดชีวิตของโจร…

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2560 ทางชานแนลยูทูปที่ชื่อ RPG Channel ได้ทำการเผยแพร่คลิปวีดีโอในชื่อ แกล้งคน..!! เชือกล่องหน !!  ซึ่งคราวนี้นอกจากจะได้ยอดวิวแล้ว ยังตามมาด้วยเสียงวิจารณ์อันหลากหลาย โดยในคลิปวิดีโอนั้นเป็นการทำท่าราวกับว่าดึงเชือก จากนั้นผู้ที่ขับขี่รถผ่านมาก็จะต้องเบรครถกะทันหัน เพราะคิดว่ามีเชือกอยู่จริงๆ ซึ่งในคลิปนั้นดูเหมือนจะเป็นจริงมากกว่าการจัดฉาก   ลองมารับชมคลิปกันก่อน…   ซึ่งภายหลังจากที่คลิปวีดีโอดังกล่าวได้ถูกนำไปเผยแพร่บนโลกออนไลน์ คุณสมาชิกหมายเลข 4020674 จากเว็บไซต์พันทิปก็ได้มาตั้งกระทู้ที่ชื่อ ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา Youtuber เหล่านี้มีปัญญารับผิดชอบไหมครับ? พร้อมกับระบุว่า… “จากคลิปๆ นี้ ผมว่ามันไม่ได้สร้างรอยยิ้ม แต่แสดงออกถึงสติปัญญาอันน้อยนิดของผู้ทำ ถ้าเกิดมีรถมอเตอร์ไซค์มาเร็วๆ แล้วเขาตกใจกับสิ่งที่พวกคุณกำลังแกล้ง เบรคไม่อยู่ ล้มไป อาจจะเจ็บหรือถึงขั้นเสียชีวิต คุณจะรับผิดชอบกันยังไง ผมว่าการแกล้งแบบนี้มันเกินไป ไม่นึกถึงความปลอดภัยของผู้อื่นเสียเลย”     ภายหลังจากที่กระทู้นี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีสมาชิกเว็บไซต์พันทิปรายอื่นๆ รวมถึงชาวเน็ตที่ได้รับการแชร์ต่อผ่านทางเฟซบุ๊ก เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อพฤติกรรมที่ไม่สร้างสรรค์ของผู้ทำคลิปวีดีโอกันอย่างมากมาย นอกจากนี้ ชาวเน็ตยังได้พากันเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์ในชานแนลของ RPG Channel ในกรณีที่ทำคลิปแกล้งคนขึ้นมาอีกด้วย   และนี่คือความคิดเห็นบางส่วนของชาวเน็ตที่ไม่เห็นด้วย   mark…

กลายเป็นกระแสให้โลกโซเชียลถกเถียงกันอย่างร้อนแรง เมื่อมีการแชร์คลิปวิดีโอของคุณครูรายหนึ่งขณะบังคับให้นักเรียนก้มลงกับพื้นเพื่อกราบรองเท้า!? เมื่อช่วงบ่ายสองของวันที่ 4 สิงหาคม เฟซบุ๊กเพจ DR.K v.3 ได้แชร์คลิปวิดีโอของคุณครูในอ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ขณะทำโทษนักเรียนเนื่องจากวางรองเท้าไม่เป็นระเบียบ โดยการสั่งให้เด็กนั่งลงกับพื้นแล้วนำรองเท้ามาวางไว้บนหัว ก่อนจะสั่งให้เด็กนักเรียนก้มลงไปกราบรองเท้าต่อหน้าเพื่อนๆ นับสิบคน   หลังจากที่คลิปวิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักตามมา โดยบางความเห็นมองว่าการกระทำของคุณครูดูรุนแรงเกินกว่าเหตุ ในขณะที่บางรายบอกว่าควรมองที่ต้นเหตุว่าเกิดจากอะไรมากกว่า   ชมคลิปเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย วุฒิภาวะขนาดนี้แต่ยังใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง…ยังไงก็ไม่สมควรทำแบบนี้กับเด็กว่ากล่าวตักเตือนก็ได้…ไปอารมณ์เสียมาจากไหนวะ #เเค่วางรองเท้าไม่เป็นระเบียบ #เหตุเกิดที่ อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี โพสต์โดย DR.K v.3 บน 4 สิงหาคม 2017   ความเห็นบางส่วนจากโลกออนไลน์ ต่อกรณีคุณครูลงโทษเด็กนักเรียน เยลลี่ สีโซดา “นี่ไม่ใช่การสั่งสอนหรือสมควรที่จะได้รับบทลงโทษแบบนี้ ครูนี่ใส่อารมณ์อย่างฉุนเฉียวแบบรุนแรงเลย มีเตะมีเขี่ยรองเท้า กระทืบๆ รองเท้าคู่นั้นด้วย” Ning Neverdie “เด็กเขาอายเพื่อนนะนั้น สภาพจิตใจของเด็กจะเป็นยังไงน้อ คุณครูขาาา” Shaye Saint John “ต้องดูก่อนเด็กมันทำอะไร ครูมันอาจจะคิดไม่ออกว่าควรทำโทษอย่างไรให้เด็กมันสำนึกก็เลยทำแบบนี้” Olichika Wivien…

เวลาไปท่องราตรีกับเพื่อนๆ ในผับหรือบาร์ เรามักจะถ่ายรูปและในรูปนั้นก็มีมักจะมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ติดมาด้วยเสมอ จนกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อัตราคนดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น 30% ในบ้านเรา ด้วยเหตุนี้บ้านเราจึงต้องบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น โดยห้ามโพสต์รูปภาพในเชิงโฆษณาหรือเชิญชวนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกกรณี และไม่ใช่แค่ดาราหรือคนดังเท่านั้น แต่ประชาชนทั่วไปก็ต้องปฏิบัติตามเช่นกัน     เจอแบบนี้ทำเอาขาดื่มคนรู้สึกอึดอัดและเกิดเป็นคำถามว่า หากไม่สามารถถ่ายกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว เราจะถ่ายกับอะไรได้บ้าง เมื่อคืน #เหมียวขี้ส่อง ได้มีโอกาสไปนั่งดริ้งกับเพื่อนๆ แล้วอยากถ่ายรูปเหมือนทุกครั้ง แต่กฎข้อบังคับใหม่แว่บขึ้นมาในหัว แหม่ งานนี้ใครจะกล้าฝ่าฝืนล่ะ แล้วรูปก็เลยออกมาประมาณนี้   1. อ่างล้างมือของร้าน   2. โถปัสสาวะ   3. น้ำแข็ง ทานกับอะไรก็อร่อย   4. ถังขยะ   5. กับแกล้มสุดแซ่บ   6. ผู้บรรเลงดนตรีสร้างบรรยากาศ   7. ที่คีบน้ำแข็ง   8. ทิชชู่   9. เมนูอาหาร  …

ปัญหาเมียหลวงเมียน้อยในบ้านเรา ต้องถือได้ว่าเป็นปัญหาที่มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ จนเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาบนความผิดทางศีลธรรมไปแล้วก็ว่าได้ เช่นเดียวกับเรื่องราวที่เราจะเอามาเล่าให้ฟังในครั้งนี้ เป็นเรื่องราวความรักใคร่แบบวุ่นๆ เมื่อคุณใช้ช่วงล่างนำทางชีวิตมากเกินไป เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ นายแมน (นามสมมุติ) ได้พานางสาวเล็ก (นามสมมุติ) มาหยามหน้า นางสาวใหญ่ (นามสมมุติ) ผู้เป็นแฟนสาวถึงในบ้าน พร้อมกับออกปากไล่เธอออกบ้านไป โดยอ้างว่าที่ทำไปนั้นก็เพื่อความรัก เพราะอยากให้เธอได้ดีกว่านี้…     คลิปวิดีโอที่นางสาวใหญ่ได้ถ่ายเอาไว้ หลังจากที่จู่ๆ ตนก็ถูกนายแมนเชิญออกจากบ้านโดยไม่ทันได้ตั้งตัว   โดยนายแมนได้โพสต์เหตุผลของการกระทำครั้งนี้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว   หลังจากนั้นผ่านมาได้ไม่นาน นายแมนได้ออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ แต่เมื่อเจ้าตัวกลับมาที่บ้านก็พบว่า นางสาวเล็กที่ตนเพิ่งพาเข้ามาอยู่ด้วยนั้น ได้แอบพาชายอื่นมานอนด้วย..!!   นายแมนจับได้คาหนังคาเขา จึงได้โพสต์คลิปวิดีโอลงในเฟซบุ๊กของตน   เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้สร้างความสนใจให้ชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่างๆ นาๆ   Teerachat Mudso: พี่แมน ไม่ต้องคิดมากครับ. ฝั่ง ผช. เค้าก็บอกอยู่ เอากัน 3 ครั้งใส่ถุงยางทุกครั้ง พี่แมนก็ถือเสียว่า ยังไม่ได้สัมผัสกันโดยตรง ทำใจสบายๆได้เลยครับ. เพราะถุงยางมันกั้นอยู่ ถือว่า ผญ. คนนั้นยังไม่โดนแบบจิงจัง…

***บทความนี้อาจมีภาพและเนื้อหาที่รุนแรง โปรดใช้จักรยาน แฮร่!! วิจารณญาณในการรับชมนะจ๊ะ   ‘เล็บขบ’ อาจเป็นหนึ่งปัญหาที่กวนใจหลายๆ คน บ่อยครั้งที่คุณต้องทนกับความเจ็บปวดที่แสนจะทรมาน เมื่อไหร่ที่มันเกิดอาการละคุณเอ๊ย ทำเอาน้ำหูน้ำตาไหลกันเลยทีเดียว และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีชาวพันทิปท่านหนึ่งชื่อว่าคุณ เด็กน้อยซอยซา ได้มาแบ่งปันประสบการณ์การถอดเล็บขบของตัวเองเพื่อเป็นวิทยาทานให้กับชาวเน็ต ขออโหสิกรรมที่เข้ามาดูด้วย…   และนี่คือสภาพเล็บขบของพี่คนนี้…   หลังจากที่ต้องงัด แงะ แซะ ถอน ด้วยตัวเองอยู่นาน แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ คุณ เด็กน้อยซอยซา จึงตัดสินใจเข้ารับการรักษากับแพทย์อย่างจริงจัง ชาวเน็ตท่านนี้เล่าถึงที่มาที่ไปของการตัดสินใจถอดเล็บขบในครั้งนี้ว่า เขาสุดจะทนกับอาการเจ็บปวดที่นิ้วโป้งมานานแล้ว ถึงแม้ว่าจะกลัวมากแค่ไหน แต่ก็จำเป็นต้องเอามันออก เพราะมันทั้งเจ็บและปวดแสบทรมานเหลือเกิน   ทั้งเจ็บ ทั้งหนอง พอกันที่!!   เนื่องจากเป็นเล็บขบแบบเลเวล 100 คุณหมอจึงต้องผ่าและตัดเล็บทั้ง 2 ข้างของเขาออก   ชายหนุ่มเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลหัวเฉียว คุณหมอเริ่มฉีกยาชาที่เท้า และแล้วทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตัดภาพไปที่ 10 นาทีหลังจากนั้น เล็บเท้าของพี่ท่านนี้ก็กลับคืนสู่สภาพปกติ     แต่เมื่อผ่านไป 5 นาที ความเจ็บปวดก็มาเยือนที่เท้าของเขาอีกครั้ง คุณเด็กน้อยซอยซาบอกว่าหลังจากถอดเล็บออกแล้ว มันเจ็บปวดมากซะจนแทบเดินไม่ไหวเลยทีเดียว…

กลายเป็นประเด็นร้อนไปทั่ววงการสื่อ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2560 ที่ประชุมสภาขับเคลื่อนปฎิรูปประเทศ (สปท.) มีมติเห็นชอบการรายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เรื่องผลการศึกษาและข้อเสนอแนะการปฏิรูปใช้สื่อโซเชียลมีเดีย และในการรายงานดังกล่าวได้มีการเสนอให้แต่งตั้ง ‘คณะกรรมการขับเคลื่อนการใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์’ ซึ่งจะคอยจัดทำแผนนโยบายส่งเสริมการใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์ ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี     หลังจากที่มีการประกาศผลรายงานดังกล่าวออกมา ก็กลายเป็นประเด็นร้อนไปทั่วโลกโซเชียล ด้วยเหตุนี้เราจะขอสรุปใจความสำคัญจากเกี่ยวกับแนวการปฏิรูปจากผลการรายงานดังกล่าวแบ่งออกเป็นข้อๆ ดังนี้    1. การเพิ่มมาตรการจัดระเบียบลงทะเบียนมือถือโดยเฉพาะระบบเติมงน กสทช. มีแผนที่จะใช้ลายนิ้วมือ ควบคู่การลงทะเบียนโทรศัพท์มือถือด้วยบัตรประชาชน โดยจะเน้นไปที่การบังคับใช้ในพื้นที่ๆ มีเหตุการณ์ความรุนแรงโดยเฉพาะสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อีกทั้ง กสทช. ได้เสนอให้บริษัท Operator หาวิธีการจัดเก็บรูปภาพของผู้ลงทะเบียนซิมด้วยเช่นกัน    2. ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ควรมีมาตรการเสริมในการจำกัดขอบเขตการใช้งานโทรศัพท์มือถือ เฉพาะที่ กสทช. ได้เสนอให้บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต ประสานงานและร่วมมือกันกำหนดพื้นที่ของหมายเลขใช้งานนั้นๆ (เน้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้) และหากผู้ใช้งานมีการเดินทางข้ามเขตพื้นที่ควรให้มีระบบแจ้งเตือน    3. จัดตั้งศูนย์กลางบริหารจัดการข้อมูลผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ เสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์กลางเพื่อเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ ที่อยู่ในความครอบครองของผู้ให้บริการ (Operator) อีกทั้งเพื่อเป็นประโยชน์แก่เจ้าหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่นการสืบสวนข้อมูลเพื่อคดีทางอาญาเป็นต้น     4.…

สำหรับประเด็นข่าวแวดวงบันเทิงที่กำลังมาแรงในวันนี้ คงจะหนีไม่พ้นกระแสรักหวานแหววของ “หนุ่ม ศรราม” และสาว “นิโคล เทริโอ” ซึ่งหลังจากมีข่าวถึงความสนิทเป็นพิเศษออกมา ก็ทำให้แฟนคลับติดตามว่าจะเป็นจริงแค่ไหน และล่าสุดเมื่อฝ่ายชายออกมายอมรับถึงขั้นที่บอกว่า “ผมอยากมีครอบครัว ผมอยากแต่งงานกับกี้” กันเลยทีเดียว     จากการให้สัมภาษณ์ของเจ้าตัว เริ่มแรกนั้นก็แค่คนรู้จักกันมานานราว 20 ปี เพราะว่านิโคลก็เป็นรุ่นพี่ศรรามที่เอแบค รวมถึงได้ทำงานออกเทปมาพร้อมๆ กัน แต่อย่างที่เรารู้ว่าฝ่ายสาวเคยพบรักกับหนุ่มนักร้อง “แมว จิรศักดิ์” ซึ่งทางศรรามก็ไม่ได้ชอบมาตั้งแต่ตอนนั้นหรอก เขาบอกแค่ว่าเจอกันทักทายปกติ     แต่เหตุการณ์บางอย่างก็เป็นตัวเปิดประเด็น… ศรรามบอกว่าเมื่อเปลี่ยนเบอร์ ก็มีเบอร์แปลก 2 เบอร์ขึ้นมา แล้วเช็คว่าใช่นิกกี้หรือไม่ จากการเช็คครั้งนั้นก็นำไปสู่การพูดคุย เริ่มนัดทานข้าวและเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์   เขาบอกว่าทั้งสองมีอะไรเหมือนๆ กัน เช่น ต่างก็ชอบเพลงคล้ายๆ กัน ถึงขั้นที่ฝ่ายชายเสนอตัวกำกับมิวสิควิดีโอให้ฝ่ายสาวได้เอาไว้ดูเล่นๆ และนั่นยิ่งทำให้สนิทเข้าไปใหญ่ ศรรามยอมรับว่าทั้งสองคนมีอะไรคล้ายกันหลายอย่าง โดยเฉพาะนิโคลที่มีลักษณะของผู้หญิงแกร่งแต่ยังคงความน่ารัก ยิ่งได้รู้จักก็ยิ่งรู้สึกว่าความคล้ายนั้นเป็นสิ่งที่ดีและดึงดูดทั้งสองเข้าหากันนั่นเอง ขณะที่ “ทิกเกอร์” ลูกชายของเธอก็ดูจะเข้ากับเขาได้ดีอีกด้วย   .   เมื่อนักข่าวไปถามฝ่ายหญิง…

จากประเด็น #เยได้ก็เลี้ยงได้ แฮชแท็กดังที่ได้มีการถกเถียงกันอย่างเข้มข้นอยู่ในโลกโซเชียลเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ซึ่งมีทั้งผู้เห็นด้วยและสนับสนุน แถมยังถกเถียงกันในประเด็นของเพศศึกษา เพศสัมพันธ์ ความรักในวัยเรียน และการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมเป็นอย่างมาก แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วสังคมมันกว้างและอาจจะไม่มีอะไรด้านเดียว วันนี้มีโอกาสได้ข้อมูลจากคุณป้า ประเวศ นิศากร ถึงเรื่องราวของเธอที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับคู่รักหนุ่มสาวที่พลาดตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร และมีผลกระทบต่อสังคมมากกว่าที่เราคิด…     แต่ความลำบากมันไม่ได้ตกไปอยู่ที่ตัวของตัวคนที่เป็นแม่ หรือครอบครัวของเธอแต่อย่างใด กลับมาสร้างความลำบากให้คุณป้า ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด หรือรู้จักหน้าค่าตากันมาก่อนเลยแม้แต่น้อย!?   เรื่องมีอยู่ว่า…. ป้าอยากมีโอกาสได้พูดให้คนซัก 100 คน 1,000 คน ว่าจากแฮชแท็ก #มีเพศสัมพันธ์ได้ก็เลี้ยงได้ป้าเป็นคนที่โชคร้ายโดนผลกระทบตรงๆค่ะ ไม่ใช่ลูก ไม่ใช่หลาน ไม่ใช่สายเลือด แต่ทำไมป้าต้องมารับผิดชอบกับการกระทำของคน 2 คน ที่รักสนุก สนุกกัน 2 คน แต่หลังจากนั้น 9 เดือนต่อมา ปัญหามันมันมาตกลงที่ป้าค่ะ 19 พ.ย. 2559 มีผู้หญิงคนหนึ่ง อายุ 20 ปี ติดต่อมาหาป้าเพื่อจ้างให้ป้าเลี้ยงลูกให้ แรกๆป้าก็ไม่อยากรับ แต่คุยไป คุยมาแล้วเกิดสงสาร ก็เลยรับปากรับเลี้ยงให้ ภาพในวันนั้นยังติดตาป้าไม่มีวันลืม…

แน่นอนว่าเด็กนักเรียนวัยรุ่น โดยเฉพาะผู้ชายคงจะต้องเคยผ่านช่วงทะเลาะวิวาทกันภายในโรงเรียน ซึ่งหากถูกจับได้ก็จะต้องยอมรับการลงโทษจากทางโรงเรียน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของพฤติกรรมเด็กคนนั้นๆ เอง แต่เมื่อเวลาผ่านไปการลงโทษเด็กๆ ด้วยความรุนแรงนั้นก็ดูจะไม่เป็นที่ยอมรับและถูกตั้งข้อสงสัยอย่างมากจากหลายๆ ฝ่าย ซึ่งทางคุณครูเองก็ได้มีการปรับเปลี่ยนการลงโทษให้ดูเบาๆ ลงไปบ้างแล้ว และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีอีกหนึ่งการลงโทษที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ เมื่อคุณครูได้ลงโทษเด็กนักเรียนสองคนหลังจากที่ทั้งคู่ทะเลาะวิวาทกัน โดยคลิปวิดีโอดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นอย่างมาก     เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีการเผยแพร่คลิปของนักเรียนสองคนที่กำลังยืนกอดกันอย่าน่ารักพร้อมกับทั้งหอมแก้มกันอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆ ตามเนื้อหาระบุว่าเด็กชายทั้งสองถูกคุณครูสั่งลงโทษหลังจากที่พวกเขาทะเลาะวิวาทกัน เมื่อสงบศึกจึงถูกนำมาลงโทษด้วยวิธีแปลกใหม่นี้นั่นเอง   และนี่คือคลิปวิดีโอดังกล่าว ซึ่งตอนนี้มีผู้เข้าชมกว่า 2 ครั้งแล้ว   ทางสำนักข่าวเดลินิวส์รายงานว่า เหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2560 ในระหว่างพิธีไหว้ครูของทางโรงเรียน เด็กนักเรียนทั้งสองได้เล่นซุกซนจนทำไปสู่การทะเลาะกันในที่สุด ทางคุณครูผู้ดูแลเห็นดังนั้นจึงได้สั่งทำโทษโดยการมให้ทั้งคู่กอดและหอมแก้มในกรอบสี่เหลี่ยม เพื่อเป็นการแสดงความรักแก่กันแทนการลงโทษด้วยการตีหรือวิธีอื่น     และจากในคลิปจะเห็นว่าเด็กทั้งสองหัวเราะ ดูมีความสุขมากกว่าจะรู้สึกแย่กับการถูกลงโทษแบบนั้น แท้จริงแล้วพวกเขาอาจจะเป็นเพื่อนกันและแค่ผิดใจกันเล็กน้อยก็ได้นะ…   หลังจากนั้นชาวเน็ตก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก บางคนนั้นเห็นด้วยกับการกระทำของคุณครูพร้อมทั้งบอกว่านี่เป็นการแก้ปัญหาที่ดีมาก หรือบางคนถึงกับแอบจิ้นกันเลยทีเดียว   และนี่คือความเห็นบางส่วนจากชาวเน็ตหลังจากได้ชมคลิปวิดีโอดังกล่าว . . .   ส่วนบางคนก็เห็นด้วยกับการลงโทษของคุณครู   แต่ก็หลายๆ คนก็แอบสงสัยเหมือนกับชาวเน็ตท่านี้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ??   แล้วเพื่อนๆ…

ภูมิใจได้เลยล่ะว่า ประเทศไทยของเรานั้นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม และดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างมากมายในทุกๆ ปี แค่เฉพาะในปี 2014 หรือราวๆ 2 ปีที่ผ่านมานั้น มีนักท่องเที่ยวเข้ามาพักผ่อนกันราวๆ 24 ล้านคนเลยทีเดียว และทางเว็บไซต์แชร์ภาพ EyeEm ก็ได้เปิดการแข่งขันการถ่ายภาพวิถีชีวิตของผู้คนในประเทศไทย เลยได้ภาพสวยเหล่านี้มาล่ะ ทีนี้เรามาลองดูกันว่า ประเทศไทยของเราในสายตาและมุมมองของนักท่องเที่ยวและช่างภาพชาวต่างชาติจะออกมาในลักษณะไหน ลองมาชมกันได้เลย…   เด็กๆ ที่กำลังเล่นกันอยู่ในลานวัด   ช่วงเวลาที่ควรไปเที่ยวประเทศไทยกันที่สุดก็คือช่วงพฤศจิกายน-มีนาคม ของทุกๆ ปี เพราะอากาศจะเย็นและดีกว่าช่วงอื่นๆ   ท่าอากาศยานในประเทศทั้งหมดมีมากกว่า 30 แห่ง แต่สนามบินสุวรรณภูมิคือสนามบินที่มีเที่ยวบินของนักท่องเที่ยวต่างประเทศมากที่สุด   วันที่ 11 พฤษภาคม 2492 สยามเปลี่ยนชื่อเป็น ‘ประเทศไทย’ อย่างเป็นทางการ   อาหารคือหนึ่งในเสน่ห์ของประเทศนี้   โดยเฉพาะประเภทต้มยำ ที่มีรสชาติอร่อย เผ็ด ร้อน จนชาวต่างชาติต่างติดอกติดใจ   แผงอาหารตามตลาดนัดจตุจักรก็มีมากมายหลายประเภท ตั้งแต่ผลไม้ยันแมลงทอด   ช้าง เป็นสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ คู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย   แถมยังมีหาดสวยๆ…

เช้ามา เอาละ ติ๊งน่อง… ไม่ใช่คนมากดกริ่งหน้าบ้านนะแต่เป็นเสียงไลน์ ดูสิใครทักมาก เปิดปุ๊บ…เจ้าเดิม ไม่พ่อก็แม่กับข้อความ ‘สวัสดีวันจันทร์ อังคาร… ยาวไปจนถึงอาทิตย์’ ใครเจอแบบนี้บ้าง? แหม่ก็ยุคนี้ชีวิตต้องติดโซเชียล มีรึพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่จะพลาด บางคนจริงจังถึงขั้นทำรูป ทำตัวหนังสือเองเลย และไม่ใช่ส่งให้แค่ลูกหลานนะ แต่ส่งเพื่อนๆ ในกลุ่มไลน์ที่ตั้งกันเองด้วย อย่างคุณ Prince Devitt หนุ่มชาวเหนือที่ได้แชร์ประสบการณ์ในกระทู้พันธิปว่า “เมื่อแม่อยากให้ผมทำภาพสวัสดีวันจันทร์-อาทิตย์ ความบรรลัยจึงบังเกิด” งานนี้คุณ Prince กับเราว่าแม่ได้ทักไลน์มาหา และขออย่างหนึ่งคือให้ช่วยหารูปดอกไม้สวยๆ ให้ เพื่อที่จะได้ส่งต่อให้เพื่อนๆ ในไลน์ คุณเจ้าของกระทู้เลยส่งรูปด้านล่างนี้ไปให้     แต่คุณแม่ตอบกลับมาว่า “ไม่ใช่แบบนั้นลูก แม่อยากได้แบบนี้อะ”   ชายหนุ่มเลยถามกลับไปว่า “อ๋อ งั้นจะให้ใส่ข้อความด้วยเลยมั้ย?” แม่จึงตอบว่า “ทำให้ด้วยก็ดีนะ” แถมยังบอกอีกว่าใส่สถานที่ด้วยจะดีมาก งานนี้ด้วยความที่อยากจะให้แม่ตัวเองเก๋กว่าคนอื่นเขา แถมยังได้อะไรเจ๋งๆ คูลๆ ก็เลยลงทุนทำให้แม่ซะเลย   เมื่อแม่ขอมา ลูกเลยจัดให้ “สวัสดีวันจันทร์”   “สุขสันต์วันอังคาร”  แถมคติเล็กน้อยให้ด้วย  …

เรียกได้ว่ากำลังเป็นประเด็นร้อนบนโลกโซเชียล ณ ตอนนี้เลย หลังจากที่มีชาวเน็ตคนหนึ่งผู้ใช้เฟซบุ๊กว่า Yaowalak Chusri ได้แชร์คลิปวิดีโอของคนขับแท็กซี่สาวผู้มีพฤติกรรมที่ดูไม่เหมาะสมรายหนึ่ง   โดยคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกแชร์ลงบนเพจ DR.K v.3  ก่อนจะอ่านต่อ ลองตามไปชมคลิปเหตุการณ์บนรถแท็กซี่คันนี้กันดู   จากข้อมูลที่ทางสำนักข่าวแมวเหมียวเราได้ไปเจอมา พบว่าหญิงสาวผู้เป็นลูกค้าได้นั่งแท็กซี่ทะเบียน ทร 2195 สีชมพูจากบริเวณหน้าแพลตตินั่มไปยังบริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์ โดยมีแม่ น้าสาว และลูกชายเดินทางไปด้วย หลังจากที่โบกแท็กซี่คันดังกล่าวแล้ว หญิงสาวเจ้าของเรื่องเล่าว่าคนขับแท็กซี่ได้จอดคุยโทรศัพท์ระหว่างทางโดยที่มิเตอร์ยังทำงานอยู่     อีกทั้งระหว่างทางคนขับยังคุยโทรศัพท์จนเกือบไปเฉี่ยวชนใส่รถตู้ประจำทาง เมื่อผ่านไปได้ประมาณ 500 เมตรจู่ๆ คนขับก็เลี้ยวรถกลับและเฉี่ยวคนที่ยืนอยู่ข้างทาง จนมาถึงบริเวณประตูน้ำคนขับก็พยายามที่จะไล่ผู้โดยสารลง     หลังจากที่จอดแล้วคนขับได้เรียกเงินค่าโดยสาร แต่ผู้โดยสารปฏิเสธที่จะจ่ายเพราะไม่ได้ไปถึงที่หมายตามที่ตกลงไว้ ทำให้คนขับพยายามขับออกนอกเส้นทางไปทางเส้นดินแดง-ห้วยขวาง ซึ่งในระหว่างนั้นเกิดปากเสียงขึ้นตลอดทาง และในตอนที่แท็กซี่กำลังจะจอด คุณแม่ของผู้โดยสารกำลังจะก้าวขาลงจากรถ คนขับก็ได้ขับแท็กซี่ไปเคลื่อนไปข้างหน้าราวกับว่าต้องการจะสร้างความตกใจให้กับครอบครัวนี้     หลังจากที่คลิปวิดีโอนี้ถูกแชร์ลงบนโซเชียล ก็มีชาวเน็ตออกมาให้ความเห็นกันมากมาย   ยิ่งทำให้บางคนรู้สึกกลัวการใช้บริการแท็กซี่มากยิ่งกว่าเดิม   บ้างก็บอกว่ายิ่งจะทำให้แท็กซี่ดูแย่ลงไปอีก   ชาวเน็ตบางคนก็เชียร์ให้คุณป้าไปต่อยมวยแทน   อืม… นี่อาจจะเป็นแท็กซี่ 1%…

เดี๋ยวนี้สาวๆ คงต้องระวังตัวจากโจรหื่นมากขึ้น พยายามอย่าเดินคนเดียวในที่เปลี่ยว ล็อคประตูให้ดีทุกครั้ง เพื่อป้องกันร่างกายและทรัพย์สินไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของคนพวกนี้ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้นสิ แม้แต่มอเตอร์ไซค์ก็ตกเป็นเหยื่อเหมือนกัน…นี่เป็นการเตือนภัยที่แชร์กันมากในโลกออนไลน์ตอนนี้ เมื่อมีโจรหื่นพยายามสำเร็จความใครกับรถมอเตอร์ไซค์!!     เหตุการณ์นี้ถูกโพสต์ลงเฟสบุ๊ค Piyarat Manomaihataitip เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2560 เป็นคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิด โดยระบุข้อความว่า “ไม่ดูนี่ถือว่าพลาด ณ ซีไซต์ ข้างม.บูรพา พี่เขาอยากดังช่วยๆกันครับ”     จากคลิปดังกล่าวนี้จะเห็นว่ามีชายคนหนึ่งที่ทำลับๆ ล่อๆ อยู่บริเวณมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง ก่อนจะทำการเจาะรูที่เบาะแล้วบรรเลงระบายความใคร่อย่างมัน ต่อมาในเพจ โอ้โห มอบู ก็ได้นำเหตุการณ์ดังกล่าวนี้มาเตือนภัย โดยมีข้อมูลเพิ่มเติมของเหตุการณ์นี้ ให้ระวังรถมอเตอร์ไซต์กันด้วย เพราะการทำเช่นนี้เท่ากับเป็นการทำลายทรัพท์ที่มีมูลค่าไม่น้อยเลย     ซึ่งคุณ Piyarat Manomaihataitip ก็ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับคนร้ายว่า ขับรถมอเตอร์ไซค์รุ่น cz110i สีขาว หุ่นคนลักษณะเหมือนในรูป หากใครพบเห็นให้แจ้งมาที่เบอร์ 0869071085 เพื่อนำตัวไปดำเนินคดี ก่อนที่คนร้ายจะก่อเหตุที่อื่นหรือก่อให้เหตุที่ร้ายแรงกว่านี้     บริเวณที่เกิดเหตุนั้นอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยบูรพา ดังนั้นน้องๆ ศึกษาทั้งหลายควรระวังตัวกันให้มากนะคะ ถ้าเป็นไปได้อย่าเดินคนเดียว เพราะในวันที่เกิดเหตุถ้ามีผู้หญิงอยู่ตรงนั้น เหยื่ออาจไม่ใช่รถมอเตอร์ไซค์ก็ได้    …

การใช้รถใช้ถนนนั้นควรจะควบคู่กับการมีสตินะ เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนนส่วนหนึ่งก็มาจากการขาดสติเนี่ยแหละจนทำให้เกิดการสูญเสียมามากมายแล้ว เช่นเดียวกับกรณีนี้ที่กลายเป็นกระแสฮืออาในโลกโซเซียล เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊ค ทรรศนันท์ ลอยฟ้า ได้โพสต์คลิปที่คนขับรถแดงกับคนขับกระบะวางมวยกันเนื่องจากความใจร้อนของทั้งคู่     เหตุการณ์นี้เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยบันทึกได้จากกล้องหน้ารถของรถกระบะคันหนึ่ง ในคลิปจะเห็นว่า ขณะที่รถกระบะคันดังกล่าวนี้ได้ขับมาตามถนนรอบคูเมือง แต่ในขณะที่ขับมาอยู่ดีๆ รถแดงคันหน้าที่จอดรับผู้สารเสร็จแล้วเกิดหักแล้วพอดี จนทำให้กระบะคันดังกล่าวเกือบจนกับรถแดง โชคดีที่เบรกทัน และได้บีบแตรใส่รถแดงก่อนจะขับต่อไป     แต่เรื่องไม่จบเท่านี้ เมื่อคนขับรถแดงเกิดไม่พอในที่ถูกบีบแตรใส่จึงได้ขับตามมา จนกระทั่งคนขับกระบะจอดรถเมื่อถึงที่หมาย ส่วนคนขับรถแดงได้ไปจอดอีกฝั่งหนึ่งของถนนก่อนจะพุ่งมาหาคนขับกระบะด้วยความโมโห ทั้งคู่จึงเกิดมีปากเสียกัน จนมีเข้ามาห้าม แต่ดูเหมือนไม่มีใครยอม สุดท้ายก็เกิดการชกต่อยขึ้น ก่อนที่ภาพของทั้งคู่จะหายไปจากกล้อง     พอกลับมาเข้าในกล้องอีกก็พบว่าทั้งสองถูกจับแยกแล้ว และดูเหมือนต่างฝ่ายต่างใจเย็นลงด้วย จึงได้มีการยุติการวิวาทด้วยการจับมือกันก่อนจะแยกย้ายกันไป มันอาจจะเป็นเหมือนเหตุการณ์ทะเลาะวิวาททั่วไป แต่จุดจบคือจุดพีคที่ทำให้ชาวเน็ตต่างพูดถึงกันอย่างแพร่หลาย แต่เสียงส่วนใหญ่ได้ต่อว่าคนขับแดงที่เป็นฝ่ายผิด นอกจากไม่ขอโทษแล้วยังมาหาเรื่องคนขับกระบะอีก     แต่ก็นับว่าโชคดีที่ทั้งคู่ใจเย็นลงก่อนที่เรื่องจะบานปลายกว่านี้ แต่คงมีไม่บ่อยนักที่เราจะเห็นการทะเลาะวิวาทจะจบลงด้วยดีแบบนี้ ก็ขอให้เป็นกรณีตัวอย่างสำหรับคนใช้รถใช้ถนนทุกคนนั้นนะคะ ให้ระมัดระวังให้มากขึ้น และมีความใจเย็นจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก     คลิปเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกไว้ได้   แล้วเพื่อนๆ มีความคิดเห็นยังไงกับเหตุการณ์นี้บ้างเอ่ย? ที่มา facebook  

ก็อย่างที่รู้กันดีว่า ‘ระบบการศึกษา’ เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดความเจริญก้าวหน้าของแต่ละประเทศ เพราะระบบการศึกษายิ่งดีมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้สามารถผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพได้ดีมากขึ้นเท่านั้น     และแน่นอนว่าคนไทยหลายๆ คนก็อาจไม่พอใจกับระบบการศึกษาของตัวเองสักเท่าไหร่ จนทำให้ใครหลายๆ คนออกมาบ่นกันผ่านแฮชแท็ก #ChangeEduTH แบบรัวๆ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็น หรือเล่าประสบการณ์ที่ได้พบเจอมาที่โรงเรียน   มาดูกันดีกว่าว่าคนไทยจะมีความคิดเห็นอย่างไรกับระบบการศึกษาบ้าง??   เป็นเพราะค่านิยมรึเปล่า??   จนทำงานแล้วก็ยังไม่รู้ตัว T T   ‘ความคาดหวัง’ อีกแล้วสินะ T T   เออแฮะ ทำไมเราไม่เคยคิดมาก่อน   ทำไมทำแบบนั้ล่ะครู ถ่อววววว   กลายมาเป็นตัววัดความเก่งซะงั้น   ที่จีนก็มีอะไรแบบนี้เหมือนกันนะเนี่ย   หู๊ยยยย สมัยม. ปลาย นี่ครูโหดหลายวิชาเลย กว่าจะผ่านมาได้นี่แถบรากเลือดเลยทีเดียว   มันก็แค่อากาศ….   แล้วสายศิลป์อย่างเราๆ ล่ะ? มันไม่มีค่าใดๆ เลยใช่ม๊ายยยย??   ทาลิปก็ผิดเหรอออ??   กลายเป็นดินแดนมหัศจรรย์ในพริบตา   นอกจากครูจะดีแล้วยังให้อิสระกับนักเรียนอีกด้วยนะ…

เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา เกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์บนอินเตอร์เน็ตเมื่อกรมขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ได้ทำการล่อจับบริการแท็กซี่ส่วนบุคคล “Uber” และ “Grabcar” ที่บริเวณสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่     ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กัน (ใครชมไม่ได้กดตรงนี้)   เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับชาวเน็ตชาวเชียงใหม่เป็นอย่างมาก เนื่องจาก Uber และ Grabcar ได้กลายเป็นตัวเลือกใหม่ในการใช้บริการรถสาธารณะ ซึ่งพวกเขาบางส่วนเบื่อหน่ายกับการใช้ระบบรถสาธารณะแบบเดิมๆ ของเมืองเชียงใหม่ และคิดว่าบริการดังกล่าวอาจจะทั้งสะดวก สบาย และรวมถึงมีราคาถูกกว่าการใช้บริการขนส่งมวลชนอย่างรถสี่ล้อแดง หรือกระทั่งรถแท็กซี่เช่นกัน     ล่าสุดได้มีการสร้างแคมเปญ “จัดระเบียบและปรับปรุงคุณภาพรถแดงในเชียงใหม่” บนเว็บไซต์ Change.org จนมีชาวเน็ตชาวเชียงใหม่ร่วมลงชื่อกว่า 7,500 คน จากที่ตอนแรกตั้งเป้าหมายไว้เพียงแค่ 2,500 คนเท่านั้น   โดยผู้เริ่มแคมเปญได้กล่าวว่า “รถแดงการขนส่งสาธารณะที่จำเป็นกับคนเชียงใหม่จริงหรือ ? ทั้งขับรถปาดไปปาดมา เสียงดัง ไล่ผู้โดยสารลงกลางทาง บริการแย่ และปล่อยควันพิษมาทำลายสุขภาพผู้ร่วมใช้ถนน” “ขนส่งเชียงใหม่ผ่านไปกี่ปี ๆ ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาของรถแดงได้ เมื่อชาวเชียงใหม่มีทางเลือกที่ดีกว่า เช่น อูเบอร์ (Uber) หรือแกร็บแท็กซี่ (Grab…

กลายเป็นข่าวที่ชวนอื้อหือทีเดียว สำหรับกรณีที่สำนักข่าว ThaiPBS ได้รายงานว่าเทศบาลนครศรีธรรมราชได้จัดตั้งงบกว่า 1,600,000 บาท เพื่อซื้อกล้องวงจรปิด 2 ตัว (ตกตัวละ 8 แสนบาท) ไว้ใช้สำหรับติดบริเวณบ่อขยะในต.นาเคียนและต.นาทราย     หลังจากที่ข่าวนี้ถูกแชร์ออกไป ก็สร้างเสียงวิพากษณ์วิจารณ์จากสังคมว่าจำนวนเงินทั้งหมดนั้นแพงเกินไปหรือไม่? #เหมียวฟิ้นจึงได้ทำการรวบรวมกล้องจรปิด 7 รุ่น ที่อังกฤษยกย่องว่าเป็นกล้องวงจรปิดที่มีคุณภาพสูงที่สุด แต่ราคาแค่หลักหมื่นเองนะ มาให้ทุกๆ คนได้ดูกัน เผื่อว่าจะเป็นแนวทางในการสั่งซื้อกล้องวงจรปิดในครั้งต่อๆ ไปในอนาคต ช่วยประหยัดงบประมาณได้เพียบ ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย   1. Swann DVR4-2600 สามารถบันทึกวิดิโอได้ที่ความละเอียด 480p มีเครื่องบันทึกวิดีโอในตัว ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องเปิดคอมไว้ตลอดเวลา มีโหมดบันทึกตอนกลางคืน 4 แบบ และสามารถกันน้ำได้อย่างดี ใช้ได้ทั้งในและนอกอาคาร ราคา: 449 เหรียญดอลลาร์ หรือราวๆ 15,700 บาท   2. Smart Monitoring by AlertMe มันคืออุปกรณ์เตือนภัยในหลากหลายรูปแบบทั้งรีโมทควบคุม ปลั๊ก พวกกุญแจ และกล้องวงจรปิด มันสามารถทำงานร่วมกับแอพฯ…

กลายเป็นเรื่องราวสุดประทับใจบนอินเตอร์เน็ตกันเลยทีเดียว สำหรับความรักของสาวหล่อชาวไทยกับหญิงวัยรุ่นชาวแคนาดา ที่รู้จักกันผ่านเฟซบุ๊กโดยบังเอิญ ก่อนความทั้งสองจะพัฒนาความสัมพันธ์เป็นคู่รักและลงเอยด้วยการแต่งงานในที่สุด เรื่องราวดังกล่าวเป็นของสาวหล่อชาวไทย “นิกกี้” และสาวชาวแคนาดา “ชียอน” พวกเธอเล่าว่า พวกเธอพบกันโดยบังเอิญบนเฟซบุ๊กเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2014 หลังจากพูดคุยกันมาหนึ่งเดือน พวกเธอก็ตัดสินใจคบหาดูใจกัน     แม้จะมีระยะทางขวางกั้นกว่า 11,400 กิโลเมตร แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรักของทั้งสองจืดจางแต่อย่างใด ในทางกลับกัน ระยะทางนั้นกลับทำให้ความสัมพันธ์ของมั่นคงและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น หลังจากนั้นคุณชียอนก็ได้เดินทางมาหาคุณนิกกี้หลายครั้งที่ประเทศไทย แม้ว่าเธอจะต้องทำงานหนักอย่างมากเพื่อเก็บเงินซื้อตั๋ว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอท้อแม้แต่นิดเดียว จนกระทั่งเมื่อช่วงปี 2015 คุณนิกกี้ก็ได้ตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่ประเทศแคนาดา และได้ตกลงปลงใจแต่งงานกับคุณจียอน   ปัจจุบันทั้งสองใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขในประเทศแคนาดา   และทางเว็บแคทดั๊มบ์ของเรา ก็ได้สัมภาษณ์คุณชียอนเกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าว เราไปติดตามพร้อมๆ กันเลยดีกว่า   #เหมียวอ๊อดโด้ : สวัสดีครับคุณชียอน คุณชียอน : สวัสดีค่ะ (คุณชียอนสามารถพูดและเขียนภาษาไทยได้ในระดับดีมาก) #เหมียวอ๊อดโด้ : เรื่องราวของคุณชียอนตอนนี้โด่งดังมากเลยนะครับ เชื่อว่าหลายๆ คนคงรู้กันแล้วว่า คุณชียอนรู้จักคุณนิกกี้ผ่านเฟซบุ๊ก แต่หลายๆ คนก็ยังสงสัยว่า คุณชียอนไปเจอเฟซของคุณนิกกี้ได้ยังไงครับ เป็นเรื่องบังเอิญเลยหรือเปล่า คุณชียอน : ฉันแค่เห็นเฟซบุ๊กนิคกี้โดยบังเอิญใน…

เราอาจได้ยินเรื่องราวด้านลบของแท็กซี่ไทยมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่หยาบคาย หรือแท็กซี่ที่มิเตอร์ขึ้นเร็วเป็นจรวด หรือแม้แต่แท็กซี่ที่ชอบพาขับอ้อมเพื่อให้ได้เงินเยอะขึ้น จนทำให้หลายๆ คนเสื่อมศรัทธาในบริการรถแท็กซี่ไป แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวน่าประทับใจของแท็กซี่แสนใจดีคนหนึ่งที่ชาวเน็ตไปพบเจอมา รับรองว่าเพื่อนๆ จะต้องเปลี่ยนความคิดที่มีแต่แท็กซี่ไปอย่างแน่นอน     เรื่องราวเป็นของคุณ Ssojinp Amas เธอเล่าว่าช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 16 มกราคม เธอได้เรียกแท็กซี่คันหนึ่งเพื่อไปส่งที่บ้าน แต่เมื่อขับไปได้ซักระยะหนึ่ง คนขับแท็กซี่หลงทางจนค่าแท็กซี่ขึ้นมาเป็นจำนวนมากกว่าปกติที่เธอเคยจ่าย คนขับแท็กซี่จึงปิดมิเตอร์ และคิดค่าแท็กซี่เท่าที่เธอเคยจ่ายเท่านั้น สร้างความประทับใจให้กับเธอเป็นอย่างยิ่ง เธอจึงมอบทิปเล็กๆ น้อยๆ ให้กับคนขับแท็กซี่ไป     เมื่อถึงที่หมาย เนื่องจากยามประจำหมู่บ้านไม่อยู่ ทำให้เธอไม่สามารถเข้าบ้านได้ คนขับแท็กซี่ใจดีดังกล่าว ก็อยู่รอเป็นเพื่อนเธอจนยามมาเปิดประตู จากนั้นเขาถึงได้ขับรถออกไป   (คุณสมชัย ศรีกิตติชัย คนขับแท็กซี่ดังกล่าว)    อ่านเรื่องราวน่าชื่นใจของพี่แท็กซี่รายนี้แบบเต็มๆ ได้ที่นี่เลย   เมื่อเรื่องราวเผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็นกันอย่างมากมาย   ชาวเน็ตท่านหนึ่งที่เคยใช้บริการของคนขับแท็กซี่ท่านนี้ ก็มาช่วยยืนยันว่า คุณลุงเป็นคนดีจริงๆ นะฮะ   คนดีแบบนี้ ไม่ชื่นชมได้ยังไงล่ะฮะ จริงมั้ยครับเพื่อนๆ  ^^…

สังคมไทยสมัยนี้อยู่ยากจริงๆ ทำเอานึกถึงคำพูดของหมู่เชียรจากภาพยนตร์รุ่นเก๋าเรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง เลยนะเนี่ยที่ว่า ‘แถวนี้แม่งเถื่อน บอกตรงๆ ถ้าไม่แน่จริง อยู่ไม่ได้’   เพราะล่าสุดได้เกิดเหตุสุดสะเทือนขวัญขึ้นสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา จากการโพสต์คลิปในเฟซบุ๊คของคุณ Boat Khamasit WeeRakul (คุณเขมศิต วีระกุล อายุ 19 ปี) เกี่ยวกับเหตุการณ์อุกอาจที่คนร้ายชักมีดออกมาปล้น ‘ยาแก้ไอ’ ของเขา!!? เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หน้าร้านขายยาแห่งหนึ่งย่านคลอง 2 จังหวัดปทุมธานี โดยมีกล้องวงจรปิดหน้าร้านสามารถจับภาพเหตุการณ์ไว้ได้ ตอนที่ชายสองคนกำลังจะขึ้นมอเตอร์ไซค์อยู่นั้น ได้มีคนร้ายเดินเข้ามาพร้อมชักมีดขู่เพื่อปล้น ‘ยาแก้ไอ’ ที่พึ่งซื้อมาไปต่อหน้าต่อตา   เหตุการณ์จากกล้องวงจรปิดหน้าร้าน   “เขาคงต้องการยาแก้ไอ จริงๆ แหล่ะครับ ผมไม่เคยมีปัญหาผิดใจกับใครครับ” คุณเขมศิตกล่าว จากการสัมภาษณ์โดยหนึ่งในทีมงานของ CatDumb “คนร้ายเดินเข้ามาพร้อมกับพูดคำว่า ‘ขอยาหน่อย’ และทำทีท่าเหมือนจะชักมีด ผมเลยรีบให้ไป” หลังจากเกิดเหตุการณ์เกิดขึ้นคุณเขมศิตก็ขอเข้าไปดูกล้องวงจรปิดของร้านขายยา และวันที่ 15 ก็ได้แจ้งความกับทางตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีต่อไปแล้วเรียบร้อย   คลิปจากเฟสบุ๊คของคุณ Boat Khamasit WeeRakul  …

โดยปกติแล้วตามหน้าเพจคลินิคศัลยกรรมต่างๆ เรามักจะได้เห็นพรีเซ็นเตอร์หน้าตาสวยๆ กลายมาเป็นโฆษณาเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภค บ้างก็เป็นดาราไทย บ้างก็เป็นคนเน็ตไอดอล บ้างก็เป็นดาราจากต่างประเทศ ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่าบุคคลที่อยู่ในภาพเหล่านั้นถูกจ้างมาเป็นพรีเซ็นเตอร์จริงๆ หรือไม่   จากกรณีล่าสุดที่มีเพจคลินิคศัลยกรรมแห่งหนึ่งในไทยได้นำภาพของดารานักร้องนักแสดงสาว แบ ซูจี ไปใช้โฆษณาโปรโมชั่นทำศัลยกรรมต้อนรับปีใหม่ของตัวเอง โดยเขียนตัวหนังสือทับลงไปบนภาพ     เดิมทีนั้น แบ ซูจี เป็นนักร้องที่มาจากวง Miss A ที่อยู่ในสังกัดของบริษัท JYP Entertainment นอกจากนี้ยังมีผลงานการแสดงในซีรี่ส์เรื่อง Dream High และภาพยนตร์เรื่อง Architecture 101 ทำให้ชื่อเสียงของ แบ ซูจี นั้นโด่งดังพอสมควร ด้วยหน้าตา และความสามารถในการแสดง จึงทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วทวีปเอเชีย รวมไปถึงในประเทศไทยด้วย และจะเห็นได้ว่ามีการนำรูปภาพของเธอไปใช้กันอยู่บ่อยๆ ทั้งในด้านดีและด้านที่ไม่ดี     มีรายงานว่าทางต้นสังกัดค่าย JYP Entertainment ได้ทำการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 177,000 บาท กับทางคลีนิคศัลยกรรมดังกล่าว “ซูจี ไม่เคยติดต่อกับทางคลีนิคศัลยกรรมนี้เลย และพวกเราจะรอดูสถานการณ์ต่อไป ซึ่งตอนนี้ก็ได้พูดคุยกันแล้วว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี” JYP กล่าว  …

แท็กซี่ถือเป็นระบบขนส่งที่ได้รับความนิยมจากคนเมืองมากๆ เพราะมันมีความเป็นส่วนตัวและรวดเร็วกว่ารถเมล์ และสามารถไปส่งคุณในสถานที่ที่เจาะจงได้ แต่บางครั้งคุณก็อาจจะต้องสังเกตที่มิเตอร์ของรถด้วยว่ามันมีความผิดปกติหรือไม่ เพราะไม่งั้นคุณอาจจะต้องจ่ายค่าโดยสารให้กับคนขับในจำนวนที่แพงกว่าค่าโดยสารปกติถึงหลายเท่าทีเดียว   เรื่องราวที่#เหมียวฟิ้นหยิบยกมาเล่าต่อไปนี้มาจากคุณศุภธัช บัวทองแก้ว จากกรุงเทพมหานครฯ โดยเขาได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่าเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 12 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา ได้ไปใช้บริการรถแท็กซี่คันหนึ่งบริเวณแฟชั่นไอส์แลนด์ แต่หลังจากที่คนขับแท็กซี่ออกตัวไปได้ไม่นาน เขาก็พบสิ่งผิดปกติบางอย่าง เพราะเมื่อมองที่มิเตอร์ของรถ ค่าโดยสารกลับพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ   จากภาพนี้จะสังเกตได้ว่าตัวเลขของค่าโดยสารพุ่งขึ้นราวๆ วินาทีละ 1 บาท ซึ่งเป็นจำนวนที่เกินกว่าที่กฎหมายระบุเอาไว้ ซึ่งอัตตราค่าโดยสารจากกิโลเมตรที่ 1 ถึงกิโลเมตรที่ 10 อยู่ที่กิโลเมตรละ 5.50 บาท และกิโลเมตรที่ 10 ถึงกิโลเมตรที่ 20 กิโลเมตรละ 6.50 บาท   คลิปหลักฐานที่เขาถ่ายเอาไว้…   นอกจากนี้คุณศุภธัชยังได้มีการถ่ายรูปป้ายทะเบียนของแท็กซี่คันดังกล่าวเอาไว้ด้วย เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ใช้บริการคนต่อไป   หลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ออกไปก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ มากมาย แถมยังมีชาวเน็ตอีกหลายรายพากันแชร์เรื่องราวการถูกโกงค่าแท็กซี่อีกเพียบ   ว่าที่ร้อยตรี ยอดรัก หงษา “ผมก็เคยเหตุการแบบนี้แหละครับ นั่งจากบางพลีใหญ่มา บางบอน วิ่งเส้นพระราม2…

เรียกได้ว่ากลายเป็นนักร้องหน้าใหม่แทบทุกปีเลยก็ว่าได้ สำหรับหนุ่ม “เป็ก ผลิตโชค” ที่ #เหมียวขี้อ้อน ต้องขอยอมรับเลยว่าเขาเป็นคนดังที่มักจะมีพัฒนาการในด้านความหล่อที่เปลี่ยนไปอยู่เสมอจริงๆ และล่าสุดหนุ่มเป็ก ก็กลับมาทำให้ชาวเน็ตได้ฮือฮาสนั่นโซเชียลอีกครั้ง เพราะในครั้งนี้เขากลับมาพร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนไปอีกแล้วจ้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไปอัพหน้ามาใหม่ หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะการแต่งหน้าทำผมหรือเปล่าที่ทำให้เขาดูเปลี่ยนไป งานนี้ต้องรอหนุ่มเป็กมาอัพเดทข่าวคราวของเขากับที่มาของใบหน้าที่ดูเปลี่ยนก็แล้วกันจ้า     และในวันนี้เราจะขอมาเพื่อนๆ มาส่องภาพพัฒนาการความหล่อของ “เป็ก ผลิตโชค” กันว่าสมัยที่เขายังเอ๊าะๆ กับปัจจุบันจะแตกต่างกันขนาดไหน ว่าแล้วก็มารับชมกันเลย     ปี 2011 สมัยยังเอ๊าะๆ น่ารักไหมละ   ดูโตขึ้นมาอีกนิด   ปี 2012 มาในสไตล์เกาหลีแล้วจ้า   ปี 2013 กับมาดโอปปาสุดเท่   ภาพเมื่อปี 2014 เปรียบเทียบกับตอนอายุ 18 และ 30 ปี   และภาพปัจจุบันที่แฟนๆ บอกว่าเปลี่ยนไปอีกแล้ว… จริงหรือไม่ต้องตัดสินกันเอาเองนะจ๊ะ           ต้องยอมรับเลยว่าหน้าตาของเขาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากจริงๆ…

เป็นอีกหนึ่งละครไทยที่ได้สร้างความฮือฮาในโลกโซเชียล ณ ขณะนี้เป็นอย่างมากเลยก็ว่าได้ สำหรับเรื่อง “คนละขอบฟ้า” ที่นำแสดงโดยพระเอกหนุ่ม “เกรท วรินทร” ประกบคู่กับนางเอกสาวสวยอย่าง “ชิปปี้ ศิรินทร์” นั่นเอง สำหรับละครเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของชินภัทรหนุ่มหล่อรวย ที่เป็นคนปากร้ายใจดี และมีปมในใจ จนได้มาเจอคุณหนูตกอับแล้วเกิดหลงรัก ใช้เงินเข้าช่วยเหลือนางเอก แต่ทั้งคู่เหมือนอยู่ไกลกันคนละขอบฟ้า ทั้งยังมีปัญหามากมายตามมาเป็นบททดสอบให้ชินภัทรและชนิกาอย่างไม่จบสิ้น แถมยังมีตัวอิจฉาที่คอยตามจับพระเอก ซึ่งทำให้ละครเรื่องนี้สนุก และน่าติดตามเป็นอย่างมาก     ซึ่งนอกจากความสนุกสนาน และเข้มข้นของเนื้อเรื่องแล้ว สิ่งที่ทำให้ละครเรื่องนี้ได้รับความสนใจจากผู้ชมเป็นอย่างมากก็คือ ฉากที่พระเอกของเราด่านางร้ายอย่างน้องมีน ที่รับบทโดยสาว “ดิว อริสรา” ได้แรงมากจนทำให้หงายเงิบกันไปเลยทีเดียว เรียกได้ว่าถือเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ฉีกทุกกฎของพระเอกละครไทยเลยก็ว่าได้   เห็นแววตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้าน นอโผล่เป็นแขนง…   อร๊ายยยยย พี่ชินภัทรด่ามีนหรออออ   ชมคลิปกันเลยจ้า   เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินมาถึงตอนที่ 11 ความสนุกก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แถมเรายังได้เห็นฉากกุ๊กกิ๊กของพระนาง ที่แฟนๆ หลายคนรอคอยที่จะชมมาน๊านนนนนานนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นบทของพระเอกลุกขึ้นมาด่านางร้ายกันอีกครั้ง จนทำให้เกิดเป็นกระแสฮือฮาไปทั่วโลกโซเชียล แถมยังทำให้แฟนละครทั้งหลาย แทบอยากจะลุกขึ้นยืนปรบมือให้กับพระเอกของเรากันเลยทีเดียว     นี่เป็นภาพหนึ่งในฉากขณะที่ศิริกัญญา…

ภัยธรรมชาติเป็นอะไรที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เกิด เพราะเวลาเจอแต่ละครั้งเราต้องเจอกับความสูญเสียนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะเวลาน้ำท่วม ที่ทำให้สูญเสียข้าวของบ้าง ต้องย้ายที่อยู่อาศัยบ้าง รวมทั้งอาจต้องเจอกับเรื่องแปลกที่เหลือเชื่อ เหมือนอย่างกรณีนี้ที่เกิดขึ้นในบ้านเราเมื่อไม่กี่วันนี้เอง เมื่อมีการโพสต์ภาพรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งผ่านเฟสบุ๊คที่ชื่อ Parisa Benjatumraksa โดยระบุว่า “รถคันนี้เป็นคันเดียวกับที่หายไปเมื่อปี 2554 และได้พบอีกครั้งในปี 2560” จนหลายคนไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง     ทางแคทดัมพ์จึงได้ติดต่อไปยังผู้โพสต์คนดังกล่าว เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง… คุณปาล์ม อายุ 24 ปี จากบ้านเผียน อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช เจ้าของโพสต์ดังกล่าวเล่าว่า “ในปี 2554 เกิดฝนตกหนัก จนมีน้ำป่าไหลหลากมาท่วมบ้านเรือน” ส่วนรถคันดังกล่าวนี้ เป็นของน้าคุณปาล์มที่จอดอยู่ข้างบ้าน ได้ถูกนำซัดห่างออกไปจากที่จอดราว 3 เมตร ก่อนจะจมหายไป “วันนั้นชาวบ้านได้จึงช่วยกันขุดหา แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ เราเลยคิดว่ามันคงจมหายไปแล้ว” คุณปาล์มกล่าว     จนกระทั่งคืนวันที่ 5 มกราคม 2560 ได้มีฝนตกหนักทั้งคืนที่อำเภอสิชล พอเช้าวันที่ 6 มกราคม ชาวบ้านก็เห็นรถมอเตอร์คันหนึ่งโผล่ออกมาจากน้ำ โดยมีหินและทรายถมอยู่ โดยห่างจากตัวบ้านประมาณ 3 เมตร พวกเขาจึงได้ช่วยกันขุดขึ้นมา…

กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอยู่ในโซเชียลขณะนี้ เมื่อมีชาวเน็ตคนหนึ่งได้เข้ามาตั้งกระทู้พันทิปถึงคลิปของยูทูบเบอร์ชาวฟิลิปปินส์ที่มารีวิวสตรีทฟู้ดของบ้านเราว่า “Vlogger จากฟิลิปปินส์มาเที่ยวกรุงเทพแล้วก็คายอาหารทิ้งต่อหน้าแม่ค้า” โดยเนื้อหาในกระทู้นั้นก็จะเล่าว่าเธอเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในเมืองมะนิลาประเทศฟิลิปปินส์ พร้อมกับอธิบายให้ชาวเน็ตฟังว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เธอไม่ชอบอะไรซักอย่างของที่นี่เลย แบ่งเป็นข้อๆ ดังนี้   “1. อาหารฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในอาหารที่แย่ที่สุดในโลก น้ำมัน, แป้ง, คนประเทศนี้ไม่กินผักผลไม้ ผู้หญิงก็เลยอ้วนเอา แยกไม่ถูกว่าท้องหรือมันอ้วน 2. คนฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่ไม่เคยออกนอกประเทศ เขามักคิดว่าประเทศตัวเองดีที่สุดแล้ว ทุกอย่างในประเทศนี้ดีสุดแล้ว กบในกะลา 3. เรอ, ตด, บ้วนน้ำลายไปทั่ว ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหน 4. ผู้หญิงชอบเป็นมือที่สามคนอื่น มองหาแต่ผู้ชายรวย ๆ 5. ผู้ชายที่นี่มันคิดว่ามันหล่อ 6. อย่าไปเปลี่ยนเมนูอาหาร มันจะเป็นเรื่องใหญ่มาก 7. มันคิดว่ามันเป็นอเมริกัน แต่อเมริกันบางคนไม่เห็นทำแบบมัน 8. เดินทางเท้า อย่าคิดว่ามันจะเดินชิดซ้าย มันเดินครอบคลุมทั้งทางเท้า คนอื่นต้องหลบให้มัน มันเดินเป็นหน้ากระดาน เดินก็ช้าเหมือนไม่มีอะไรทำ 9. ผู้ชายที่นี่หื่นกาม ไม่ได้กามแบบทะลึ่ง แต่กามแบบลากคุณไปข่มขืนได้ 10. มันมักจะบอกว่า มะนิลา คงไม่ต่างกับ กรุงเทพหรอก หืม อยากจะตบกะบาล…

ตอนนี้ถ้าถามว่าอาหารชนิดไหนกำลังเป็นที่นิยมที่สุดในแถบภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงใหม่ เชียงรายล่ะก็ หลายๆ คนจะต้องคิดถึง “หม่าล่า” ขึ้นมาเป็นอย่างแรกๆ แน่นอน เพราะไม่ว่าจะไปตรงไหนของเมือง ก็จะเจอร้านขายหม่าล่าตั้งอยู่อย่างน้อยๆ หนึ่งร้าน วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ เลยจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับการอาหารชนิดนี้ ว่าจริงๆ แล้วความเป็นมาของมันเป็นอย่างไรกันแน่ เราไปติดตามพร้อมๆ กันเลยดีกว่า!!     คำว่า “หม่า” แปลว่า “ชา”  ส่วนคำว่า “ล่า” แปลว่า “เผ็ด” ดังนั้น “หม่าล่า” จึงหมายถึงอาหารที่ทั้งเผ็ดทั้งชา หม่าล่าจริงๆ แล้วเป็นสูตรเครื่องเทศที่มาจากทางตอนใต้ของประเทศจีน ลักษณะเหมือนพริกป่นในไทยนี่แหละ แต่เขาจะใช้เครื่องเทศที่เรียกว่า “ฮวาเจียว” เป็นส่วนผสม ซึ่งเจ้าเครื่องเทศชนิดนี้เองที่ทำให้เกิดอาการชาในปากของเรา สำหรับชาวจีนแล้ว หม่าล่าสามารถนำไปกินกับทุกอย่างได้ ตั้งแต่ต้ม ผัด ย่าง โดยพวกเขานิยมรับประทานกับเนื้อแกะ เพราะหม่าล่าสามารถดับกลิ่นสาบของเนื้อแกะได้อย่างดีเยี่ยม   หน้าตาของ “ฮวาเจียว”      ด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์นี้เอง ทำให้ภายหลังได้มีการนำหม่าล่าเข้ามาขายในประเทศไทย โดยเริ่มจากจังหวัดเชียงราย ก่อนจะค่อยๆ…

เรียกว่ามาไกลเกินฝันจริงๆ สำหรับน้องม๊าเดียว อภิเชษฐ์ เอติรัตนะ เจ้าแม่แฟชั่นจากถิ่นที่ราบสูง ที่โด่งดังมาจากการออกแบบชุดอันเป็นเอกลักษณ์ที่สามารถผสมผสานสิ่งรอบตัวเข้ากับแฟชั่นยุคใหม่ได้อย่างลงตัว จนตอนนี้เธอได้กลายเป็นหนึ่งในเจ้าแม่แฟชั่นที่มีผลงานในระดับอินเตอร์ เรียกได้ว่ามาไกลจากเดิมมากเลยทีเดียว…     ล่าสุดนิตยสาร Time จากสหรัฐอเมริกา ได้ยกย่องน้องม๊าเดี่ยวให้เป็นหนึ่งในผู้นำแฟชั่นยุคใหม่ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ด้วยสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของเธอเอง โดยนิตยสาร Time ได้เขียนบรรยายว่า น้องม๊าเดี่ยวสามารถผสมข้าวของพื้นบ้านของไทยเข้ากับเสื้อผ้าที่เป็นสากลได้อย่างลงตัว โดยไม่เสียความเป็นไทยไป เช่น ชุดเดรสที่เธอประดิษฐ์จากผ้าขาวม้าของคุณยาย จนเธอมีชื่อเสียงโด่งดังภายในชั่วข้ามคืน เธอทำสิ่งเหล่านี้อยู่เป็นประจำ จนกลายมาเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ และส่งผลให้เธอได้รับโอกาสดีๆ ในชีวิตบนโลกแห่งความเป็นจริง ยิ่งไปกว่านั้น ผลงานการออกแบบของเธอ ยังไปเตะตา จนถูกเชิญไปเป็นนักออกแบบรับเชิญในรายการ Asia’s Next Top Model อีกด้วย     Cindy Bishop พิธีกรรายการ Asia’s Next Top Model ก็ได้กล่าวชื่นชมน้องม๊าเดียวว่า “เธอได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักออกแบบคนอื่นๆ ในการท้าทายวัฒนธรรมเดิมๆ เพื่อสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ จากความเป็นไปได้ที่มี ฉันมองเธอในฐานะผู้ที่สร้างแรงบันดาลใจ และงานของเขายังคงความเป็นไทยไว้อย่างครบถ้วน”   นอกจากนี้ ทาง Time ยังระบุว่าประเทศไทยหากเทียบกับประเทศอื่นๆ…

ใครที่เคยได้ใบสั่งจากตำรวจ นอกจากต้องเสียค่าแล้ว คุณยังต้องพยายามอ่านตัวหนังสือของคุณตำรวจให้ออกด้วย ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรีบหรือเพราะความเคยชินกันแน่ แต่สำหรับใบสั่งที่ “เหมียวขี้ส่อง จะให้ดูในวันนี้ เราคงไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไร เพราะตัวหนังสือของคุณตำรวจนั้นสวยผิดปกติ ราวกับคัดคัดลายมือยังไงอย่างงั้น!! ใบสั่งในนี้ออกโดย รตอ. ทวีศักดิ์ ทองงามตระกูล จาก ส.น.สำเหร่ ซึ่งเป็นตำรวจเจ้าของลายมือ เขียนเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมานี้     ส่วนผู้โชคดีที่ได้ใบสั่งนี้คือ นายวัชรา ในข้อหาขาดต่อภาษีรถจักรยานยนต์ประจำปี โดยโดนปรับเป็นจำนวนเงิน 400 บาท แต่ที่โดดเด่นคือ ตัวหนังสือของคุณพี่ตำรวจนั้นสวยมาก จนกลายเป็นที่สนใจของชาวเน็ตมากมาย ใบสั่งดังกล่าวนี้ถูกโพสต์ลงในเพจเฟสบุ๊ค เรารักด่านตรวจ พร้อมแคปชั่นชื่นตำรวจเจ้าของลายมือว่า “ใบสั่งออฟเดอะเยียร์ อ่านออกทุกคำ อย่างกับคัดลายมือ” เมื่อเทียบกับใบเสร็จอื่นๆ ที่เราเคยเห็นแล้ว มันก็สวยกว่าจริงๆ นั่นแหละ จนมีชาวเน็ตบางคนแซวเล่นว่า เป็นตำรวจปลอมหรือเปล่าเนี่ย และเรียกได้ว่าเป็นใบสั่งที่ไม่ได้รับเสียงบ่นเหมือนที่ผ่านมาเลย ตรงกันข้าม ใครๆ ก็บอกว่า อ่านง่าย ทำให้คนทำผิดได้รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร และอาจจะทำให้ยอมจ่ายค่าปรับด้วยความเต็มใจก็ได้   ส่วนนี่คือหน้าตาใบเสร็จทั่วไปจากผู้ใช้เฟสบุ๊ค Chonlatich ArmZa   แล้วเพื่อนๆ ว่าไงคะ ตัวหนังสือแบบนี้ผ่านมั้ย?…

ถ้าใครจำได้ช่วงกลางปี ทางเว็บเหมียวของเราได้นำเสนอเรื่องของของ คุณบีและดิมิทรี (แต่คุณบีชอบเรียกว่าสติ๊กมากกว่า) คู่รักชาวไทยฝรั่งที่ผันตัวมาใช้ชีวิตอันเรียบง่ายในจังหวัดสุรินทร์ CatDumb เคยทำคอนเท้นท์ โรแมนติก… สาวไทยผิวน้ำผึ้งพบรักหนุ่มฝรั่งเศส ย้ายมาใช้ชีวิตบ้านๆ ใน จ.สุรินทร์ ลองตามไปอ่านก่อนได้ และคู่รักนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากชาวเน็ตไปเป็นจำนวนมาก วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปอัพเดทชีวิตของคุณบีและสติ๊ก ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง แต่ขอบอกไว้เลยว่า เพื่อนๆ จะต้องอมยิ้มในความน่ารักของพวกเขาแน่นอน เราไปติดตามพร้อมๆ กันเลยดีกว่า     ตอนนี้ทั้งสองก็ยังคงใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่ายเช่นเดิมในจังหวัดสุรินทร์ และดูเหมือนว่านาข้าวที่ทั้งสองคนร่วมกันปลูก สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว ซึ่งพ่อหนุ่มสติ๊กของเราแม้จะเป็นฝรั่ง แต่ก็ช่วยลงมือเกี่ยวข้าวด้วยตนเองเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าพ่อหนุ่มสติ๊กจะยังไม่ชินกับอากาศร้อนในบ้านเรานะ แปปเดียวก็หมดแรงแล้ว (ฮา)     ลองติดชื่อแบรนด์แฟชั่นเข้าไปสักแบรนด์ น่าจะคิดว่าเป็นภาพถ่ายหรู เลยว่าไหม   คุณสติ๊กก็ช่วยคุณบีเกี่ยวข้าวอย่างขยันขันแข็ง   ดื่มน้ำดื่มท่าหน่อยดีกว่า   ยามว่างก็มานั่งเทรดหุ้นเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง   ช่างเป็นคู่รักที่น่าอิจฉาจริงๆ เลยเนอะ ขอให้รักกันไปนานๆ นะฮะ ส่วนใครที่อยากติดตามชีวิตของคนทั้งสองล่ะก็ กดติดตามได้ที่เฟสบุ๊กส่วนตัวของคุณบีได้ที่ด้านล่างเลยนะครับ รับรองว่ามีอะไรน่ารักๆ ให้เพื่อนๆ ได้ชมอีกเพียบแน่นอน ที่มา Jessica…

กลายเป็นประเด็นเดือดเลยทีเดียว เมื่อชาวเน็ตท่านหนึ่ง บังเอิญพบตะกั่วชิ้นเป้งในหัวกุ้งแม่น้ำขณะรับประทานอาหารที่อยู่ร้านอาหารไทยกลางห้างหรู ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับร้านอาหารระดับนี้ เรื่องราวดังกล่าวเป็นของ คุณ สมาชิกหมายเลข 1784847 จากเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เธอได้เล่าว่าเธอไปทานอาหารที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งกลางห้างดังกับครอบครัว และได้สั่งผัดไทกุ้งแม่น้ำหนึ่งจานซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1,000 บาท แต่ด้วยความที่พวกเธอไม่สามารถทานได้หมด เธอจึงสั่งให้พนักงานห่อผัดไทกุ้งแม่น้ำดังกล่าวกลับบ้าน วันต่อมาขณะที่พ่อของเธอได้นำผัดไทที่ห่อนั้นไปอุ่น แล้วก็พบว่าในหัวกุ้งมีตะกั่วขนาดใหญ่อยู่ภายใน     เมื่อเห็นดังนั้น พ่อของเธอจึงนำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียนกับร้านอาหารดังกล่าว ทางร้านก็ได้ชี้แจงว่ากุ้งดังกล่าวนำเข้ามาจากประเทศเมียร์ม่าซึ่งตอนนี้ทางร้านกำลังฟ้องร้องกับผู้ค้ารายนั้นอยู่ นอกจากนี้ทางร้านได้ทำการชดใช้ด้วยการคืนเงินค่าผัดไทให้ แต่ทางเจ้าของกระทู้ไม่ได้รับเงินส่วนนั้นกลับมาแต่อย่างได้ ซึ่งทางเจ้าของกระทู้ไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่ร้านไม่กระตือรือร้นจะรับผิดชอบลูกค้า เพราะตะกั่วนั้นเป็นสารอันตราย และอาจส่งผลต่อสุขภาพของครอบครัวของเธอได้     ล่าสุด ตอนนี้เจ้าของกระทู้ได้บอกว่าจะทำการร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แล้ว และเตรียมนำหลักฐานไปแจ้งกับทางห้าง พร้อมทั้งปรึกษาทนายว่าจะสามารถทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ได้บ้าง     เห็นแล้วช็อคจริงๆ ตะกั่วชิ้นเป้งเลย ถ้าเพื่อนๆ เจอเหตุการณ์แบบนี้แล้วไม่รู้จะทำยังไง #เหมียวอ๊อดโด้ ขอแนะนำให้เก็บหลักฐานทั้งหมดไว้ และส่งเรื่องไปยัง สคบ. โทร. 1166 หรือ ร้องเรียนออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์  http://www.ocpb.go.th/ อย่าลืมรักษาสิทธิ์ของตัวเองกันด้วยนะเพื่อนๆ ^^ ที่มา ก้อนตะกั่วโผล่ในหัวกุ้งร้านดังในเอ็มควอเทียร์!!!@พันทิป

ในช่วงนี้โลกอินเทอร์เน็ตได้มีการแชร์ภาพๆ หนึ่ง ที่เชื่อว่าเพื่อนๆ บางคนอาจจะเห็นกันมาบ้างแล้ว โดยภาพดังกล่าวเป็นภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง เอ้ย!! เจ้าหน้าที่ตำรวจชายท่านหนึ่ง… ที่ได้ปลอมตัวเป็นผู้หญิง เพื่อหลอกจับพวกโจรที่ชอบดักจี้ตามป้ายรถเมล์ งานนี้เรียกได้ว่าพวกโจรโดนสับขาหลอกเต็มๆ เลยล่ะ     เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2559 ทางสำนักข่าวไทยได้มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการจับกุมตัวหนุ่มวัย 17-18 ปี ในข้อหาทำร้ายร่างกายและชิงทรัพย์ หลังจากที่ได้ออกจี้ปล้นผู้คนตามป้ายรถเมล์ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเอเวอรี่มอลล์ ถนนรัตนาธิเบศร์ ไปเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2559 ก็ได้เกิดเหตุการณ์ชิงทรัพท์ที่หน้าศาลหลักเมืองนนทบุรีขึ้น และในวันที่ 9 ก็ได้เกิดเหตุชิงทรัพย์ที่ปากซอยรัตนาธิเบศร์ จากนั้นในวันที่ 10 ก็ได้เกิดเหตุชิงทรัพย์ขึ้นอีกครั้ง โดยเกิดที่หน้าห้างเอสพลานาด รัตนาธิเบศร์     สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า เหยื่อที่ถูกชิงทรัพย์นั้นส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ด้วยเหตุนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สั่งการให้ ด.ต.วิเวก กมลวิบูลย์ ผบ.หมู่.สส.สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้ปลอมตัวเป็นผู้หญิง เพื่อดักจับโจรชิงทรัพท์ตามสถานที่ต่างๆ ซะเลย…

กำลังกลายเป็นประเด็นที่พูดถึงกันมากมายอยู่ในโลกออนไลน์ ณ เวลานี้ เพราะจู่ๆ ก็มีการแชร์โพสต์ประกาศขาย ‘วุฒิการศึกษาราคาถูก’ โดยมีตั้งแต่วุฒิ ม.3 ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงระดับปริญญาโทเลยทีเดียว แถมยังมีราคาอยู่ที่หลัก 2,500 บาท จนไปถึง 7,000 บาทเลยทีเดียว เท่านั้นยังไม่พอยังมีการโปรโมทโพสต์ด้วยการจัดกิจกรรมกดแชร์ลุ้นรับวุฒิ ปริญญาตรี มูลค่า 5,000 บาทไปแบบฟรีๆ โดยไม่ต้องเสียเงิน ไม่ต้องเสียเวลาเรียนกันเลยทีเดียว   ในโพสต์มีเนื้อหาดังนี้   “วุฒิม.3 2500 ฿ วุฒิปวช. 3900 ฿ วุฒิกศน. 4000 ฿ วุฒิม.6 4000 ฿ วุฒิปวส. 4500 ฿ วุฒิป.ตรี 5000 ฿ วุฒิป.โท 7000 ฿ กรณีกดแชร์เปิดสาธารณะลดทันที500฿ อื่นๆ.. สามารถสอบถามได้ค่ะ มัดจำ50% เริ่มงานทันที จ่ายเต็มลด10% วุฒิใช้ได้จริง ใช้ไม่ได้ยินดีคืนเงินเต็มจำนวน…

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการมีอยู่ของหน่วยงานที่ชื่อ กยศ. (กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา) ทำให้เด็กไทยเป็นแสนเป็นล้านคนสามารถมีทุนการศึกษาเพื่อเล่าเรียนต่อและต่อยอดโอกาสให้กับตัวเอง โดยส่วนตัว#เหมียวฟิ้นเองในช่วงมัธยมก็ได้กู้เพื่อมาเรียนเหมือนกัน แต่คนบางคนเห็นว่ามีดอกเบี้ยที่ต่ำก็เลยเอาเงินไปผ่อนมือถือหรือซื้อของใช้ฟุ่มเฟือยเสียมากกว่า และเมื่อจบการศึกษาไปแล้วกลับไม่ยอมใช้หนี้ กยศ. จนตอนนี้มีรายชื่อผู้ค้างชำระหนี้มากถึง 1.9 ล้านราย   ด้วยเหตุนี้เองทางกยศ.จึงได้เตรียมร่างกฎหมายฉบับใหม่ เพื่อทำให้การกู้ยืมเงินเป็นไปได้ยากขึ้นและสร้างกฎเกณฑ์เพื่อให้คนหันกลับมาชำระหนี้หลังจากที่จบการศึกษาไปแล้ว โดยในร่างกฎหมายฉบับเดิมระบุว่าผู้มีสิทธิ์กู้คือนักเรียนและนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ แต่ในร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้จะเพิ่มเงื่อนไขเข้าไปอีก ว่านอกจากจะขาดทุนทรัพย์แล้วจะต้องเป็นนักเรียนนักศึกษาที่เรียนในสาขาที่มีความจำเป็นพ่อประเทศหรือสาขาที่ประเทศกำลังขาดแคลน (ถ้าเรียนตามใจตัวเองก็จะไม่สามารถกู้ได้) และต้องเรียนดีด้วย     ต่อไปนี้จะเป็นการเปรียบเทียบเงื่อนไขการกู้ยืมเงินแบบเก่าและแบบใหม่ดูว่ามีความแตกต่างกันยังไงบ้าง!?   1. เรื่องผลการศึกษา แบบเก่า: เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.00 แบบใหม่: เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 1.00 จุดนี้จะเห็นได้ว่าเปิดโอกาสให้นักเรียนที่มีผลการเรียนแย่กว่าเดิมสามารถกู้ได้ เหมือนกับการเปิดโอกาส แต่การที่จะมีคนได้เกรด 1.00 หรือ 1.25 แล้วได้เรียนต่อไป (จุดนี้ต้องตั้งคำถามว่ายังมีสถาบันที่เปิดโอกาสให้เรียนต่อไปอีกหรือไม่ เพราะบางสถาบันเกรดต่ำกว่า 1.75 หรือ 2.00 ก็จะถูกบังคับออกแล้ว)   2. ดอกเบี้ย แบบเก่า: ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี แบบใหม่: ดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จากเดิมที่เงินกู้ กยศ.…

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่ในเครือข่ายสังคมออนไลน์อยู่ในขณะนี้เลย สำหรับคลิปของเด็หญิงรายหนึ่งที่ถูกทำร้ายร่างกายโดยหญิงสาว จนเพื่อนบ้านอดรนทนไม่ได้ ต้องถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำไปแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยงข้องให้มาจัดการโดยเร็ว   คลิปนี้ถูกเผยแพร่ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊กของคุณ กาลเวลา ที่ทำให้เราได้พบกัน เผยให้เห็นภาพของหญิงสาวสวมใส่เสื้อสีชมพูขณะทำท่าข่มขู่เด็กหญิง ทั้งใช้มือกระชากหัวและใช้มีดจี้มาที่ปากของเด็กอย่างน่าหวาดเสียว ก่อนจะใช้ไม้กวาดตีที่หน้าแข้งของเด็กอย่างรุนแรงแล้วเดินจากไป   พร้อมกันนี้ผู้เผยคลิปวิดีโอยังได้โพสต์ข้อความด้วยว่า “ใครก็ได้ที่เห็นคลิปนี้ ช่วยแชร์ต่อด้วยนะครับ เหตุเกิดบ้านตรงข้ามผมเอง เกิดเป็นประจำ แต่ผมไม่รู้จะช่วยน้องเขาได้ยังไง เคยโพสต์ไปครั้งหนึ่งแล้ว” “นี่เป็นแค่เหตุการณ์บางส่วนเท่านั้นที่ถ่ายคลิปไว้ทัน น้องเค้าโดนเยอะกว่าที่เห็นอีกเป็นสิบเท่า ช่วยน้องเขาด้วยนะครับ เผื่อคลิปนี้จะเป็นประโยชน์.. ขอโทษทุกท่านอีกครั้งนะครับ ที่ผมแท๊คไป”     หลังจากที่คลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในอินเตอร์เน็ตเพียง 3 ชั่วโมง ก็สามารถเรียกความสนใจจากชาวเน็ตได้อย่างมาก จนผู้คนเข้ามากดดูคลิปกว่า 1 ล้านครั้งและมียอดแชร์อีกกว่า 6 หมื่นครั้ง พร้อมกันนี้ยังมีชาวเน็ตจำนวนมากต่างพากกันแสดงความคิดเห็นในเชิงก่นด่าหญิงสาวเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุกับเด็ก และยังมีผู้คนอีกไม่น้อยที่พร้อมให้ความช่วยเหลือเด็กหญิง   ชมคลิปต้นฉบับได้ที่นี่ ปัจจุบันมียอดเข้าชมว่า 800,000 ครั้ง มีการส่งต่อกันอย่างมากในโลกออนไลน์   ต่อมาในช่วงเวลา 12.41 นาฬิกา เฟซบุ๊กเพจ Red Skull V.SE ได้มีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าคลิปดังกล่าวถูกส่งให้กับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี และสภ.บางพลี สมุทรปราการ แล้ว ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานได้รับทราบและอยู่ในขั้นตอนการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือเด็กต่อไป   อัพเดท 14.10…

เชื่อว่าจนถึงตอนนี้ เพื่อนๆ หลายคนคงจะได้อ่านข่าวเกี่ยวกับกรณีของชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่ถูกการ์ดของดารารุมทำร้ายร่างกายภายในผับดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่จนกลายเป็นข่าวโด่งดังที่คนกำลังพูดถึงในโลกออนไลน์ขณะนี้ หลังจากที่ข่าวนี้เริ่มเป็นที่พูดถึงในช่วงบ่าย ผู้คนก็ต่างเฝ้ารอคำตอบว่าความจริงแล้วเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นยังไงมายังไงกันแน่ เพราะภายในเวลาไม่นานก็มีข้อมูลต่างๆ หลั่งไหลเข้ามามากมาย #เหมียวฟิ้นจึงขอนำข้อมูลทั้งหมดมาย่อยเป็นข้อๆ ให้ทุกคนได้อ่านง่ายๆ ว่าแล้วลุย!!     1. เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 23.30 นาฬิกาของวันที่ 25 พฤศจิกายน 2016 นายอิศราชนุวัฒภ์ วรรคาวิสันต์ อายุ 23 ปี ได้ไปเที่ยวที่ผับชื่อ “มาลินสกาย” ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นร้านเดียวกับที่มีดาราอย่าง “อุ้ม ลักขณา” “ไฮโซบอล กฤษณะ” “แต้ว ณัฐพร” “มิว นิษฐา” และ “หมาก ปริญ” อยู่ภายในร้านด้วย (บางที่ก็ใช้ตัวย่อดารา แต่ไม่จำเป็นหรอกเนอะ เพราะข่าวนี้ก็ดังทั่วบ้านเมืองจนทุกคนรู้ว่าใครแล้ว เราเอาความจริงมาพูดกันดีกว่า)   2. นายอิศราชนุวัฒภ์ให้การกับตำรวจว่าตัวเองจะเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่ที่หน้าห้องน้ำมีการ์ดยืนกันอยู่ 4 คน ตัวเองเลยโวยวายบอกว่าเป็นห้องน้ำสาธารณะไม่ควรใช้อภิสิทธิ์เหนือคนอื่น     3. นายอิศราชนุวัฒภ์บอกว่าหลังจากที่กลุ่มดาราใช้ห้องน้ำเสร็จแล้ว ได้ออกมาสั่งให้การ์ดทั้ง 4 รุมกระทืบเขา จนร่างกายได้รับบาดเจ็บ แม้จะอ้างว่าตัวเองเป็นลูกของทหารชั้นผู้ใหญ่แต่ก็ไม่ได้ผล…

กลายเป็นประเด็นร้อนบนอินเตอร์เน็ตเลยทีเดียว หลังจากมีคุณพ่อคนหนึ่งได้โพสภาพการบ้านของลูกที่ได้รับมอบหมายจากคุณครู แต่ที่จริงแล้วมีการแฝงการเก็บข้อมูลมาจากบริษัทประกันภัย เรื่องราวดังกล่าวเป็นของคุณพิทยา (Pittaya Pop Sattaboon) โดยเขาเล่าว่า ทางครูผู้สอนได้มอบหมายการบ้านระบายสีแก่ลูกของเขามา แต่ในการบ้านนั้น มีการแฝงเก็บข้อมูลจากบริษัทประกันภัยบริษัทหนึ่งมาด้วย ทางคุณพิทยาจึงไม่ให้ลูกทำการบ้านดังกล่าว พร้อมเขียนจดหมายชี้แจงไปยังคุณครูว่าเหตุใดจึงไม่ให้ทำการบ้านชิ้นนี้     เมื่อชาวเน็ตเห็นการบ้านดังกล่าว ก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย มีทั้งที่แซวแบบจิกกัด   และบางส่วนก็ไปในแนวทางที่ไม่เห็นด้วยกับการบ้านดังกล่าว   ล่าสุดทาง CatDumb ของเราได้ติดต่อไปยังคุณพิทยา และได้สัมภาษณ์คุณพิทยาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   #เหมียวอ๊อดโด้ : ไม่ทราบว่าคุณพิทยารู้สึกอย่างไร ตอนที่เห็นการบ้านชิ้นนี้ครั้งแรกครับ คุณพิทยา : เห็น logo ครั้งแรกเลย ก็พอจะเดาได้ละครับว่า การบ้านอันนี้มันต้องมีอะไรแปลกๆแน่ ยิ่งมีการขอข้อมูลของผู้ปกครองด้วย คิดว่าคงต้องการข้อมูลของผู้ปกครอง ไปทำอะไรสักอย่าง จะเอาไปเสนอแผนประกันกลับมาให้เราต่อ หรือเอาข้อมูลของเราไปขาย มันก็มีความเป็นไปได้ ซึ่งไม่ว่าเค้าจะเอาข้อมูลไปทำอะไร สุดท้ายมันก็คือการแสวงหาผลประโยชน์ดีๆ นี่เองครับ แล้วก็เป็นการขอข้อมูลที่ผิดวิธี ถ้าอยากจะได้ข้อมูลก็ควรจะทำเป็นหนังสือแจ้งมาเลยว่าผู้ปกครองคนไหนสนใจประกันชีวิตก็กรอกข้อมูล ขอกันตรงๆเลย น่าจะได้ลูกค้าที่ตรงจุดมากกว่าด้วย อีกอย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าเป็นเหมือนการหลอกลวงคือ มีการอ้างว่าเป็นโครงการเก็บออมเพื่อการันตีการศึกษาของบุตร ซึ่งพอเข้าไปดูในเว็บไซด์ของบริษัทดังกล่าวก็จะเห็นได้ชัดเจนครับ ว่ามีแต่ประกันชีวิต ไม่ได้มีโครงการเก็บออมเพื่อการันตีการศึกษาของบุตรแต่อย่างใด จะมีที่ใกล้เคียงก็คือ แผนคุ้มครองชีวิตจากแบบประกัน iGrow…

‘ปลากัด’ นับว่าเป็นอีกวัฒนธรรมของบ้านเราที่มีมาแต่โบราณ โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเลี้ยงเพื่อนำมาแข่งขัน มีการวางเงินเป็นเดิมพัน คล้ายๆกับ ‘ไก่ชน’ นั่นแหละ แต่สำหรับ ‘ปลากัด’ ตัวนี้ มันพิเศษซะจนสื่อนอกอย่าง Dailymail ต้องเอาไปทำข่าว ด้วยราคาของมันที่สูงถึง 53,500 บาท แบบนี้ต้องไม่ใช่ปลาธรรมดาแน่ๆ จากการรายงานพบว่า ปลาตัวนี้เป็นของ นายคเชนทร์ วรชัย เจ้าของฟาร์มปลากัด ที่บังเอิญเพาะพันธุ์ตัวหนึ่งออกมา แล้วปรากฏว่าสีของมัน เหมือนกับธงชาติไทยของเราเป๊ะ!!   ตอนแรกนายคเชนทร์ ได้นำปลาตัวนี้วางขายในตลาดประมูลปลา เขาคิดว่าคงจะทำราคาได้ซักหลักพัน ก็โอเคแล้ว แต่ทว่าจู่ๆราคาประมูลก็พุ่งขึ้นไปสูงถึง 10,000 บาท   ปลาตัวนี้มีขนาดความยาว 6.5 เซนติเมตร และเจ้าตัวบอกอีกด้วยว่า มันเหมือนโอกาสหนึ่งในแสน เนื่องจากพยายามที่จะเพาะพันธุ์ให้ได้สีนี้มาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ   “มีคนเลี้ยงปลากัดจำนวนมาก ที่ต้องการจะเพาะพันธุ์ให้ได้สีนี้ แต่ก็ยังไม่เคยมีใครทำได้สำเร็จ” นายคเชนทร์กล่าว   จนวันสุดท้ายของการประมูล ราคาก็จบอยู่ที่ 53,500 บาท ลายสวยๆ แบบนี้คงต้องเลี้ยงไว้ชื่นชมความงาม เพราะถ้าเอาไปกัดมีหวังเสียดายเงินแย่  …

เชื่อว่าประชาชนชาวไทยเกือบทั้งประเทศรู้ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศทรงโปรดปรานการถ่ายภาพและกล้องมากเป็นพิเศษ จนกลายเป็นต้นแบบให้แก่ชาวไทยจำนวนมากเริ่มหัดถ่ายภาพตามพระองค์   ย้อนกลับไปในปี 1996 บริษัท Leica จึงได้ผลิตกล้องรุ่นพิเศษขึ้นมา เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงขึ้นครองราชย์ครบ 50 ปี กล้องรุ่นนั้นคือ Leica Jubilee M6 เป็นกล้องสีทอง ที่มีส่วนผสมของทอง 25 กะรัต พร้อมเลนส์ Summicron 50mm f/2   พื้นฐานของกล้องรุ่นนี้เป็นกล้องแบบ Rangefinder ที่ถูกผลิตในระหว่างปี 1984 ถึง 1998 โดยจะมีการติดตราสัญลักษณ์งานพระราชพิธีกาญจนาภิเษก ฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ติดอยู่ที่ด้านบนของตัวกล้อง มาพร้อมกับกล่องไม้หรูหรา   ความพิเศษของกล้องรุ่นนี้อยู่ตรงที่จำนวนการผลิต เพราะทาง Leica ได้ผลิตมันออกมาเพียง 700 ตัวเท่านั้น และถูกจำหน่ายโดยมูลนิธิพัฒนาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในราคาตัวละ 353,370 บาท ซึ่งรายได้ทั้งหมดจะนำไปมอบให้กับโครงการด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย   แม้ว่าจะผ่านมาประมาณ 20 ปีแล้วก็ตาม แต่ทุกวันนี้กล้องรุ่น Leica M6 ก็ยังคงมีขายกันในอินเตอร์เน็ต แต่ราคาก็ขึ้นอยู่กับสภาพความเก่าและสภาพของมันด้วย บางครั้งอาจจะขึ้นไปถึง 6-7 แสนบาทเลยทีเดียว…  …

ทุกการจากไปนั้น นำมาซึ่งความเสียใจเสมอ แต่สำหรับการจากไปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 หรือในหลวงของเรา เป็นการจากลาที่สร้างความเศร้าโศกให้กับปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ ไม่เพียงชาวเท่านั้นที่เสียใจ แต่ประเทศต่างๆ ทั่วต่างก็เสียใจกับการจากไปครั้งนี้เช่นกัน เพราะในหลวงทรงเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก จึงเป็นที่เคารพของคนทั่วโลกเลยก็ว่าได้ เช่นเดียวกับสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน หรือกษัตริย์จิกมี ที่เสียใจกับการจากไปในครั้งนี้ เพราะที่ผ่านมาไทยและภูฏานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสมอมา แสดงให้เห็นถึงพันธมิตรที่แข็งแกร่งระหว่างสองประเทศนี้   กษัตริย์จิกมีจึงเป็นผู้นำที่คอยปลอบโยนจิตใจชนชาวไทย โดยทรงรับสั่งให้สมาชิกพระราชวงศ์ เจ้าหน้าที่ระดับสูง และประชาชนชาวไทยในภูฏานทุกคน ร่วมกับจุดเทียนเพื่อสวดมนต์ให้กับในหลวง ที่ Kuenra (สถานที่ทางศาสนา) ที่พระราชวัง Tashichho Dzong ในวันที่ 13 ที่ผ่านมา   และในวันนี้ (14 ตุลาคม) กษัตริย์จิกมี่ได้กำหนดให้เป็นวันไว้ทุกข์ในภูฏานเพื่อไว้อาลัยใหักับในหลวง โดยมีการลดธงชาติลงครึ่งเสา นอกจากนี้ยังได้มีรับสั่งให้ปิดโรงเรียน และสำนักงานต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้ไปร่วมกันสวดมนต์ให้ถวายเกียรติแด่ในหลวงด้วย เป็นเวลา 7 วัน   ส่วนตัวพระองค์เองนั้นจะเดินทางไปยังอนุสรณ์สถานแห่งชาติ Chorten เพื่อนำสวดมนต์ ส่วนที่พระราชวัง Tashichho Dzong จะมีสมเด็จเด็จย่าของพระองค์เป็นผู้นำสวดมนต์ จากการรับสั่งนี้แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นผู้นำที่ห่วงปวงชนชาวไทยทุกคนมากแค่ไหน…

หลังจากที่ลงจอฉายตอนแรกไปในวันจันทร์ ที่ 26 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา ก็ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก สำหรับละครเรื่อง “นาคี” ที่นำแสดงโดยนางเอกสาวหน้าหวาน “แต้ว ณฐพร” ประกบคู่กับพระเอกหนุ่มสุดฮอต “เคน ภูภูมิ” ซึ่งแน่นอนว่าฝีมือในการแสดงของพระนางทั้งคู่นั้น ก็ได้รับความชื่นชมจากแฟนๆ ละครเป็นอย่างมาก     และนอกจากคู่พระนางแล้ว อีกหนึ่งฉากที่ได้รับความสนใจจากบรรดาแฟนละครไม่แพ้กันก็คือ ฉากที่แก๊งลำเจียกตอนเด็ก ต่อปากต่อคำกับ คำแก้ว โดยหลายๆ คนได้โฟกัสไปที่เด็กผู้หญิงเสื้อเหลือง เพราะคุณเธออินเนอร์มาเต็มซะเหลือเกิน ทั้งการแสดงท่าทางการท้าวเอว ที่แม้แต่นางเอกแต้วยังยอมสยบ!!   สำหรับใครที่พลาดยังไม่ได้ดู เรามีคลิปมาฝากด้วยนะ   งานนี้บอกเลยว่าอินเนอร์ของคุณน้องได้ใจคนดูไปเต็มๆ ถึงขนาดทั้งในเฟสบุ๊ค และทวิตเตอร์ต่างก็พากันแซวแบบขำๆ กันยกใหญ่ พร้อมติดแฮชแท็ก #นาคี อีกด้วย เรียกได้ว่าแค่ลงฉายตอนแรกก็มาแรงแซงโค้งไปซะแล้ว   และนี่ก็คือความเห็นส่วนหนึ่งจากแฟนๆ ละครบางส่วน ที่พูดถึงน้องเสื้อเหลืองด้วย   แน่นอนว่าทุกคนโฟกัสไปที่น้องเสื้อเหลือง   เพราะน้องตีบทแตกกระจายยยยยยยย   แถมแอบแซวว่าคำแก้วนี่จะต้อมีอะไรเกี่ยวข้องกับแฮรี่แน่ๆ     สุดท้ายที่ให้สามผ่านก็คือ…

หลายต่อหลายครั้งในเรื่องของปัญหาพื้นผิวถนนของเมืองไทย ที่มักจะถูกบ่นกันว่าทางไม่ดี ผิวไม่เรียบ เป็นหลุมเป็นบ่อ ร้องเรียนทางการไปตั้งหลายครั้งแล้ว ก็ไม่ยอมซ่อมซักที จนสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการที่ชาวบ้านต้องมาซ่อมแซมกันเองอยู่เป็นประจำ     และล่าสุดที่ผ่านเมื่อไม่นานมานี้ เรื่องราวจากคุณ Kusuma Namwong ได้โพสต์ผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว เผยให้เห็นภาพการซ่อมแซมถนนของฝรั่งใหญ่นามว่า Mr. Peter ช่วยมาปิดหลุมกลางถนน บ้านสระแก้ว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ด้วยตนเองร่วมกับชาวบ้าน หลังจากเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง       และเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นอีก เขาจึงลงทุนและลงแรง จากงบของตัวเองและงบที่ชาวบ้านช่วยสบทบ บรรจงฉาบปูนกลางถนนแบบนี้!!         เขาตั้งใจทำอย่างบรรจง ค่อยปาดปูนอย่างช้าๆ (คลิป)   แบบนี้ #เหมียวเลเซอร์ ขอปรบมือให้อย่างงามเลยครับ สุดยอดมากๆ เลย ที่มา : kusuma.namwong

ช่วงนี้เราคงได้เห็น MV เที่ยวไทยมีเฮ ที่ได้นำตัวครในวรรณกรรมอย่าง ‘ทศกัณฐ์’ ยักษ์ในเรื่องรามเกียรติ์ เพื่อมาโปรโมทการท่องเที่ยวไทย แต่กลับกลายเป็นเรื่องดราม่ายกใหญ่ ระหว่างของสูงที่ไม่ควรนำมาใช้กับการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ แต่ท่ามกลางกระแสดราม่า ทางทีมช่างภาพฝีมือดีจาก เอพี โฟโตมิวสิค โฟโต มิวสิก ก็ได้ปล่อยภาพ เชิญชวนการท่องเที่ยวของ จ. ลพบุรี เรียกได้ว่า เป็นการเกาะกระแสในทางที่สร้างสรรค์จริงๆ     เอพี โฟโตมิวสิค โฟโต มิวสิก ได้โปรโมทการท่องเที่ยว ด้วยการแต่งเป็น หนุมาน ซึ่งเป็นตัวละครในเรื่อง รามเกียรติ์ เช่นเดียวกัน หนุมานตัวนี้ ได้ตะลุยทำกิจกรรมต่างๆ ในลพบุรี อย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน     ไม่ว่าจะเป็นการเซลฟี่กับสถานที่ขึ้นชื่อของจังหวัด ทักทายผู้คน รวมทั้งการให้อาหารลิงด้วย และที่โดดเด่นที่สุดคือ ภาพที่ถ่ายออกมานั้น มีความสวยงาม และน่าประทับใจ จนชาวเน็ตต่างชื่นชมภาพชุดนี้เป็นอย่างมาก   . . . . . . .   และนี่คือส่วนหนึ่งของชาวเน็ตที่ชื่อชมผลงานชุดนี้ . . . สามารถติดตามผลงานดีๆ…

หากเพื่อนๆ ได้ติดตามข่าวสาร หรือหน้านิวส์ฟีดเฟซบุ๊คในวันนี้ คงจะได้เห็นเรื่องราวของเด็กหญิงที่ถูกคุณครูปาแก้วน้ำใส่อย่างรุนแรงจนทำให้ปากเบี้ยวกันไปบ้างแล้ว… บางคนก็สงสัยว่าเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไร มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทำไมถึงมีคนแชร์กันมากมาย เดี๋ยว #เหมียวหง่าว จะมาสรุปเหตุการณ์ให้เพื่อนๆ อ่านกันเป็นข้อๆ ก็แล้วกันนะ     ภาพถ่ายของน้อง ช่วงก่อนที่จะเกิดเหตุ   1. เหตุการณ์เกิดขึ้นในเช้าวันที่ 8 สิงหาคม ขณะที่ น.ส. นฤดี จอดสัน (น้องทราย) นักเรียนชั้นม. 5 ได้เข้าแถวเรียนวิชาพละศึกษา แต่แถวที่น้องได้ต่ออยู่นั้นมีแดดส่อง ก็เลยลุกขึ้นยืนเพื่อหลบแดด แต่พอคุณครูมาเห็นเข้าก็เลยปาแก้วเซรามิคเข้าใส่โดนที่กกหูข้างซ้ายของน้อง   2. ในตอนแรกน้องทรายเล่าว่าไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไร แต่พอเวลาผ่านไปเธอก็เริ่มรู้สึกว่าขยับใบหน้าด้านซ้ายไม่ได้เลย เวลายิ้มตาซ้ายไม่สามารถหลับได้สนิท และปากด้านซ้ายก็ไม่สามารถขยับได้เช่นกัน   3. ต่อมาคุณแม่ของน้องก็ได้พาไปหาหมอที่โรงพยาบาลประจำอำเภอหนองบุณมาก ซึ่งคุณหมอเองก็วินิจฉัยว่าน่าจะเป็นเพราะกล้ามเนื้อบวมทับเส้นประสาท หรือกระดูกแตกทับเส้นประสาทกันแน่   ภาพของอาการบวมและดวงตา ใช้ภาพของน้องแบบไม่เซ็นเซอร์เพื่อให้เห็นอาการได้อย่างชัดเจน ตามที่น้องลงภาพไว้   4. ทางคุณหมอก็เลยส่งตัวน้องทรายไปที่โรงพยาบาลมหาราช และหมอที่โรงพยาบาลมหาราชก็ได้บอกว่าตอนนี้ไม่มียารักษา ต้องให้ร่างกายฟื้นฟูสภาพตัวเอง ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน   5. และตอนนี้…

แน่นอนว่าการใช้บริการแท็กซี่นั้นคงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเพื่อความสะดวกรวดเร็ว และสามารถไปส่งถึงที่หมายได้ตรงตามที่ต้องการ เช่นเดียวกับเรื่องราวของพ่อหนุ่มคนนี้ที่รีบร้อนขึ้นรถแท็กซี่ แต่ดั๊นลืมกระเป๋าสตางค์พอมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่นั่งไปบนรถแท็กซี่แล้ว แต่ดีที่คุณลุงคนขับรถแท็กซี่นั้นไม่ว่าอะไรและยินดีไปส่งโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ   เรื่องมีอยู่ว่าสมาชิกเฟซบุ๊คชื่อว่า  Tanat Panichingon ได้เล่าเรื่องราวสุดแสนประทับใจที่เขาได้พบเจอมากับตัวเอง   เขาเล่าว่า ในวันนั้นเป็นวันที่ฝนตกและรถติด เขามีธุระที่ต้องรีบไปที่สยามฯ ก็เลยเรียกแท็กซี่เพื่อที่จะไปต่อรถไฟฟ้า แต่พอขึ้นไปนั่งบนรถบอกเป้าหมายเสร็จสรรพ ก็เพิ่งมารู้ตัวว่าไม่ได้พกกระเป๋าเงินลงมาด้วย ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินอยู่ 5 บาท เขาก็เลยบอกกับลุงแท็กซี่ว่าเขาลืมกระเป๋าเงิน ไม่มีเงินซักบาท พร้อมกับบอกว่าให้คุณลุงทิ้งเขาไว้ตรงนั้นเลย แต่คุณลุงใจดีก็ตอบกลับมาว่าไม่เป็นไรลุงจะไปส่งเองโดยไม่คิดเงิน แต่ด้วยความเกรงใจคุณ เขาก็ปฏิเสธเลยไป แต่คุณลุงก็ไม่ยอมและบอกว่าถ้าไม่มีเงินแล้วจะไปต่อยังไงล่ะ พร้อมกับควักธนบัตร 100 บาท มอบให้กับหนุ่ม หลังจากนั้นเขาก็ทำการขอเบอร์คุณลุงพร้อมกับเลขบัญชีไว้เพื่อทำการคืนเงินในภายหลัง แต่คุณลุงก็ยังบอกอีกว่า “ไม่เป็นไรไม่ต้องคืนแค่ร้อยเดียวเอง เรื่องเล็ก แต่เรานั่นแหละต้องกลับให้ถึงบ้านนะ”   และเขาก็กล่าวทิ้งท้ายไว้ที่โพสต์ว่า “แท็กซี่ดีๆยังมีอีกเยอะมาก T-T ขอบคุณคุณลุงมากคับ ฝนก็ตก รถก็ติด ยังมาเจอลูกค้างงๆ ลืมเอากระเป๋าตังมาอีก ขอบคุณคุณลุงมากคับ คุณลุงขับรถแท็กซี่แถวบางนาเป็นหลัก ใครเจอถือว่าโชคดีมาก เป็นคนดี มีน้ำใจมากๆ”   เมื่อเรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไปทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมายโดยส่วนใหญ่แล้วจะเข้ามาชื่นชมความใจดีของคุณลุงคนขับแท็กซี่   บางส่วนก็บอกว่าเคยใช้บริการกับคุณลุงคนนี้ และแกเป็นคนใจดีมากๆ…

ในชีวิตประจำวันเรานั้น มีสิ่งของหลายต่อหลายอย่างที่คนไทยเรียกกันด้วยความเคยชินหรือความเข้าใจผิด เหตุผลส่วนใหญ่เป็นเพราะว่า คนไทยนิยมเรียกยี่ห้อแรกของสินค้านั้นๆ ที่เข้ามาขายในไทย จนเกิดเป็นความเคยชิน ส่งผลทำให้บางครั้งเมื่อต้องสื่อสารกับชาวต่างชาติ ถึงกับสื่อสารกันไม่รู้เรื่องว่าสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่!? ด้วยเหตุนี้เอง วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปพบกับ 11 คำที่คนไทยใช้กันผิด จนหลายคนลืมไปแล้ว ชื่อเรียกที่แท้จริงมันคืออะไรกันแน่ จะมีอะไรบ้าง เราไปชมพร้อมๆ กันเลย   1. แฟ้บ   เชื่อว่า “แฟ้บ” คงเป็นคำที่ใครหลายๆ คนเรียก “ผงซักฟอก” อย่างติดปาก ไม่ว่าจะซื้อยี่ห้ออะไรมาก็ตาม สุดท้ายเราก็เรียกว่า แฟ้บอยู่ดี สาเหตุอาจเป็นเพราะว่า แฟ้บเป็นผงซักฟอกยี่ห้อแรกๆ ที่มีขายอย่างกว้างขวางในประเทศไทย นับจากนั้นมา คงไทยจึงเรียกชื่อนี้แทนผงซักฟอกทุกยี่ห้อไปโดยปริยาย   2. รถแมคโคร   “รถแมคโคร” เป็นคำที่คนไทยส่วนมากใช้เรียก “รถตักดิน” รถก่อสร้างตีนตะขาบที่มีที่ตักอยู่บริเวณด้านหน้า ความจริงแล้วคำว่า “รถแมคโคร” เพี้ยนมาจากคำว่า “รถแบ็คโฮ (Back Hoe)” ซึ่งมาจากคำว่า Back ที่แปลว่า…

เพื่อนๆ หลายคนก็คงจะทราบข่าวเรื่องรถไฟฟ้าสายสีม่วงสายใหม่ที่เพิ่งเปิดบริการให้กับคนกรุงเทพได้ใช่เมื่อไม่นานมานี้ ปรากฎว่าได้รับผลตอบรับในทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก และด้วยเหตุนี้เอง ทางเพจ 8MRD ที่เป็นเพจเกี่ยวกับสื่อของประเทศเยอรมันก็เลยตั้งข้อสงสัยว่าเพราะเหตุใดรถไฟฟ้าสายสีม่วงจึงไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรกันนะ จะเป็นอย่างไรเราลองไปชมพร้อมๆ กันเลยจ้า   ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ นั้นมีแทบจะตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้เองก็เลยมีการสร้างรถไฟฟ้าสายใหม่ ซึ่งก็คือสายสีม่วงเพื่อแก้ไขปัญหานี้   จริงๆ แล้วมันเป็นความคิดที่ดีมากเลยนะ แต่ปัญหาก็คือทางรัฐได้ตั้งเป้าหมายจำนวนคนที่เข้ามาใช้บริการไว้ 200,000 คนต่อวัน แต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับมีแค่ 20,000 คนต่อวันเท่านั้น   ทางเพจ 8MRD ก็เลยเข้ามาดูปัญหาและก็พบว่าดังนี้…   ข้อแรกเลยคือการเปลี่ยนขบวนที่ต้องเดินไกลมาก เป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตรเลยทีเดียว   เขาก็เลยทดลองเดินเท้าเปล่าและจับเวลาให้ดูว่าจากสถานีบางซื่อ ไปสถานีของรถไฟฟ้าสีม่วงใช้เวลาเดินทั้งสิ้นเกือบ 14 นาที บวกกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้คนเลือกที่จะเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่หมายเลยดีกว่า (แต่นั่นก็เพราะว่าการสร้างนั้นยังไม่เสร็จสิ้นดี)   หรือจะเลือกใช้ Shuttle Bus ก็ต้องประสบกับปัญหารถติดกว่าจะไปถึงสถานีรถไฟฟ้าสีม่วงก็ต้องใช้เวลานานยิ่งขึ้นไปอีก   เพราะว่าการวางแผนที่ผิดพลาดในส่วนเชื่อมที่ยังสร้างไม่เสร็จ และราคาที่แสนจะแพง ก็เลยทำให้การเปิดใช้บริการรถไฟฟ้าสีม่วงนั้นไม่ตรงตามเป้าที่ตั้งไว้   ลองไปชมคลิปแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… Warum Bangkoks neue Bahnlinie so unbeliebt istBangkok…

เมื่อไม่นานมานี้ #เหมียวฟิ้น ได้ไปเจอกับกระทู้การเปลี่ยนแปลงตัวเองของคุณ ชีริน เบญจวรรณ กูมมุดดิน เธอได้เผยสูตร(ไม่)ลับในการออกกำลังกาย จากผู้หญิงหน้ากลมร่างท้วม กลายเป็นสาวสตรองหุ่นสวย ให้ทุกๆ คนได้นำไปทำตามกัน     ในตอนแรกคุณชีรินมีน้ำหนักมากกว่า 70 กิโลกรัม บวกกับผิวคล้ำทำให้ไม่ค่อยมั่นใจที่จะแต่งตัวสวยๆ เหมือนกับสาวคนอื่น เธอจึงแต่งตัวแบบทอมไปเลย แต่จุดเปลี่ยนมันก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอไปส่งน้องชายแคสติ้งงาน แล้วโดนคนนินทาว่าเป็นคนใช้ของน้องชาย เธอเลยอยากเอาชนะด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวเอง     สิ่งที่เธอทำมี 3 อย่างคือออกกำลังกายลดน้ำหนัก จัดฟัน และดูแลผิวพรรณ ในส่วนของกีฬานั้นเธอชอบมวยไทย ก็ฝึกต่อยมวยผสมกับการออกกำลังกายในฟิตเนสไปด้วย แม้จะทำงานเป็นสาวออฟฟิศแต่เธอก็พยายามแบ่งเวลามาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ     ขั้นตอนการออกกำลังกายก่อนต่อยมวย 1. วิ่งวอร์มร่างกายก่อนเล่นเวท จะใช้เวลาวิ่งประมาณ 5-10 นาที 2. ซิทอัพเซตละ 20 ครั้ง 5 เซต (ถือเวทไว้ด้วยระหว่างซิทอัพ ช่วยให้กล้ามท้องออกแรงมากขึ้น) 3. ยกเวทด้านข้างและด้านหลัง ยกเซตละ 12 ครั้ง 4 เซต 4. สควอช…

ถึงแม้ว่างูจะเป็นสัตว์ที่ชวนให้เรารู้สึกสยองและไม่อยากจะเข้าใกล้ แต่ยังไงแล้วมันก็ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจ รักตัวกลัวตายไม่ต่างไปจากสัตว์ชนิดอื่นๆ เลย และหากว่าพวกมันเจ็บไข้ได้ป่วย ใครล่ะจะยื่นมือเข้าไปช่วยพวกมันหากไม่ใช่มนุษย์อย่างเราๆ?     เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กของคุณ ทวีศักดิ์ อนันต์ศิริวัฒนา ได้เผยแพร่ภาพการช่วยเหลือของเจ้างูอนาคอนดาตัวหนึ่งที่โรงพยาบาลสัตว์คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังจากมันมีอาการป่วย แพทย์จึงนำมันไปตรวจร่างกายถึง 2 ครั้ง จนทราบผลว่ามันมีเนื้องอกที่หนักกว่า 1 กิโลกรัมอยู่ที่บริเวณหัวใจของมัน ทางโรงพยาบาลต้องระดมทีมแพทย์หลายคนให้เข้ามาช่วยผ่าตัดมัน และใช้เวลานานถึง 6 ชั่วโมงกว่าที่จะผ่าเอาเนื้องอกออกจากตัวของมันได้   .   ทั้งนี้คุณทวีศักดิ์ ยังได้โพสต์ข้อความด้วยว่า “การตรวจสองครั้งที่ผ่านมาทำให้ทราบว่า เจ้าอนาคอนด้ามีเนื้องอกอยู่บริเวณหัวใจก้อนใหญ่มาก จึงทำการผ่าตัดที่แสนยากครั้งนี้ ใช้เวลาผ่าถึง 6 ชั่วโมงครึ่งจึงจะเสร็จ ใช้หมอเปลืองมาก แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ” “ต้องขอขอบคุณทีมงานและพนักงานโรงพยาบาลสัตว์คลองหลวง และทีมงานของพี่อดัมในการถ่ายทำภาพและวีดีโอในครั้งนี้ด้วยครับ ก้อนเนื้อหนักหนึ่งกิโลครับ ผ่ายากมากแต่ก็ฟื้นตัวแล้ว ติดตามในรายการ Save life ได้นะครับ”   . . . . . . .  …

หลังจากที่ได้มีการแชร์ภาพของ รปภ. หนุ่มระดับอินเตอร์ ที่หน้าตาหล่ออย่างกับเทพบุตรไปทั่วโลกออกไลน์ ก็ทำเอาสาวไทยทั้งหลายถึงกับคลั่งไคล้กันเป็นแถว จนทำให้หลายคนนึกไม่ถึงเลยว่าบ้านเราจะมี รปภ. หนุ่มหล่อขนาดนี้เลยหรอเนี่ย งานนี้จึงทำให้ต้องไปตามล่าหาความจริงกันว่า เขาคนนี้เป็นใครกันแน่…!?   .   จนในที่สุด เราก็ได้ทราบมาว่า หนุ่ม รปภ. สุดแซ่บคนนี้ แท้จริงแล้วเขาคือ Kellen James ครูสอนภาษาอังกฤษต่างหากล่ะ แถมยังพูดภาษาไทยได้ชัดแจ๋วอีกด้วย   .   สำหรับหนุ่ม Kellen เขาเรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ ในเมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา และอีกใบจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ สหราชอาณาจักร อีกทั้งเขายังมีอาชีพเป็นครูสอนภาษามาเป็นเวลานานกว่า 6 ปีแล้วนะ     และนอกจากการเป็นครูแล้ว หนุ่ม Kellen ก็มักจะชอบโพสต์คลิปวีดีโอสอนภาษาลงในเพจของเขาอีกด้วย ลองไปชมคลิปกันหน่อยดีกว่า (ชมคลิปวิดีโอไม่ได้ คลิกที่นี่)   โอ๊ยยย มีครูสอนภาษาที่ทั้งหล่อ และเก่งแบบนี้ เชื่อเถอะว่านักเรียนจะต้องตั้งใจเรียนมากๆ อย่างแน่นอน แต่อย่าเผลอไปมองแต่หน้าครูละ เดี๋ยวจะเรียนไม่รู้เรื่องเอานะ ฮร่า ส่วนใครอยากจะรู้จักเขาเพิ่มเติม…

เชื่อว่าหลายๆคนที่เครียดจากการทำงาน เหนื่อยล้าจากการเรียน หรือจะอกหักเพราะรักมันร้าว คงไม่มีอะไรที่จะมาปลอมประโลมใจเราได้ดีเท่าการได้ดื่มเบียร์เย็นๆสบายๆ หรือสังสรรค์ยามค่ำคืนกับเพื่อนฝูงเพื่อลืมเรื่องเศร้าๆ อีกแล้ว   ขอพาไปรู้จักกับ #รีวิวขี้เมา แฮชแท็กยอดฮิตบนโลกโซเชียลที่นอกจากจะเต็มไปด้วยรีวิวเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แปลกๆใหม่ๆแล้ว ยังเต็มไปด้วยสูตรผสมแอลกอฮอล์แบบเจ๋งๆ ที่เหล่านักดื่มทั้งหลายต่างรังสรรค์กันออกมาได้ยั่วยวนชวนให้น่าลองชงกันซะจริงๆ รับรองว่า #รีวิวขี้เมา จะทำให้ค่ำคืนแห่งการดื่มด่ำน้ำเมาไม่ซ้ำซากน่าเบื่ออีกต่อไป…. เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาและค่าเน็ต เราตามไปดูกันเลยดีกว่าว่าชาวเน็ตแต่ละคนจะแห่กันเอาอะไรมารีวิวให้เราดูบ้าง ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องเป็นหนูทดลองด้วยตัวเองแล้วเย้!!! .   . .   เจ้าตัวเน้นซะขนาดนี้ เชื่อแล้วว่าดื่มแล้วเมาจริงๆ   หรือจะเป็นสูตรแปลกๆใหม่ๆ แบบนี้ก็ได้เหรอ? ฮ่าๆๆๆ   ผสมขนาดนี้ถ้าไม่เมาคงต้องรีบไปหาหมอด่วนๆ   เหล้าผสมสูตรใหม่ๆ แถมมีผลไม้มาร่วมแจมซะด้วย   สูตรนี้น่าจะเหมาะกับสาวๆ หรือคนที่ไม่อยากเน้นเมา แต่เน้นชิล   สั้นๆแต่ได้ใจความจริงๆ แต่ถ้าใครไม่เชื่ออยากจะลองดูเองก็ได้นะจ๊ะ   ผสมไปซะหลายอย่างเลย ยังไงก็เมาแน่ๆล่ะแบบนี้   หรือจะมาเป็นเกมส์ในวงเหล้าแบบนี้ก็มี แต่งานนี้กว่าจะจบตานึง คงมีอ้วกพุ่งกันไปหลายที   ถ้าใครอยากจะลองหาสูตรง่ายๆที่ทำดื่มเองได้ที่บ้าน หรือจะดูรีวิวแบบง่ายๆแต่ได้ใจความ สามารถเข้าไปตามดูได้เลยที่ #รีวิวขี้เมา#รีวิวขี้เมา ขอตัวไปขโมยสูตรมาใช้สำหรับคืนนี้ก่อนล่ะ บ๊ายยบายย ที่มา: #รีวิวขี้เมา

หลายๆ คนคงเคยได้ยินการจัดรายการวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ ที่มีนักจัดรายการวิทยุชื่อดังมาอ่านข่าวทั้งในประเทศ รวมไปถึงข่าวต่างประเทศ กันมาแล้ว ซึ่งเสียงที่เราได้ยินนั้น เรียกได้ว่าเป็นเสียงที่มีลักษณะนุ่มนวล สุขุม และมีความเป็นเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก จนทำให้ใครหลายคนอยากรู้ขึ้นมาทันทีว่า เขาคนนั้นเป็นใครกันหนอ? และเมื่อไม่นานมานี้ (วันที่ 3 สิงหาคม 2559) ทางผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ Wannipha Puttawongsa ก็ได้ทำการโพสต์คลิปวีดีโอ เผยโฉมนักจัดรายการวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ กับเสียงในตำนานที่ฟังกันจนคุ้นหู งานนี้บอกเลยว่าทำเอาชาวเน็ตถึงขั้นพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า “ตายตาหลับแล้ว”     โดยเขาคนนั้นก็คือ “นายบุญมา ศรีหมาด” นักจัดการรายวิทยุชื่อดัง ประจำกรมประชาสัมพันธ์ Fm 92.5 MHz เจ้าของเสียงที่คุ้นหูมาตั้งแต่เด็กๆ   ได้เห็นหน้าคร่าตาของเขาคนนี้กันแล้ว ก็ทำเอาหลายคนหายคาใจ   นี่แหละเจ้าของเสียงอันสุขุมนุ่มลึกในตำนาน   ว่าแล้วก็มาชมลีลาการอ่านข่าวของเขากันเลย (ลิงค์คลิป)   หลังจากที่คลิปวีดีโอความยาวกว่า 14.20 นาที ได้ถูกนำไปเผยแพร่ลงในเฟสบุ๊ค ก็ได้กลายเป็นกระแสฮือฮาไปทั่วโลกออนไลน์ เพราะนอกจากจะได้เห็นโฉมหน้าของผู้จัดรายการ ผู้ที่มาพร้อมกับเสียงในตำนานแล้ว ยังทำให้เราได้เห็นถึงเบื้องหลังบรรยากาศในการทำงานของเขาอีกด้วย ที่มา : บุญมา ศรีหมาด, Wannipha Puttawongsa  

ม๊าเดี่ยว อภิเชษฐ์ เอติรัตนะ นางแบบระดับโลก ผู้ที่มาพร้อมกับความสามารถในการออกแบบชุดแฟชั่น ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจากวัสดุเหลือใช้ รวมไปถึงวัสดุในท้องถิ่น ให้ออกมาสวยสดงดงาม ถึงขนาดเว็บต่างชาติยังยกย่องมาแล้ว (อ่านข่าวย้อนหลัง คลิกที่นี่) และล่าสุด น้องม๊าเดี่ยว ก็ได้อัพเดทคอลเลคชั่นใหม่ลงในอินสตาแกรม โดยชุดดังกล่าวเป็นชุดที่ดัดแปลงมาจาก “ผ้ากระสอบสีน้ำตาล” นำมาเนรมิตให้กลายเป็นชุดแฟชั่นสุดแซ่บ แถมงานนี้บอกเลยว่านางตัดเองเย็บเองทั้งหมดเลยนะจ๊ะ   กระสอบทรายธรรมดาๆ เมื่อถูกมารังสรรค์ให้กลายเป็นผลงานแฟชั่นสุดเลิศหรู สิ่งที่ได้คือ…   เป๊ะปังอลังการงานสร้างไหมล่ะ   เป็นชุดที่มีความโดดเด่น และมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร   ต้องใส่คู่กับรองเท้าสีแดง ถึงจะเป็นแฟชั่นที่ดูลงตัว   แซ่บสุด   เป็นดีไซเนอร์ และนางแบบดังระดับโลกอายุยังน้อยของไทย ที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ   มาดูการเดินแบบในชุดผ้ากระสอบของนางกัน ว่าจะปังเว่อร์ขนาดไหน (ลิงค์ IG) A video posted by ม๊าเดี่ยว นางแบบระดับโลก (@madaew99) on Aug 1, 2016 at 5:31am PDT…

เรื่องมันเริ่มจากที่ชาวเน็ตบอกว่า… ละครไทยส่วนใหญ่ มักจะมีฉากซ้ำๆ เดิมๆ ออกมาให้ผู้ชมรับชมกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นฉากถูกคนร้ายยิงใส่รัวๆ แต่ไม่โดนซักนัด  หรือแม้กระทั่งเวลานอนก็ยังแต่งหน้าแบบจัดเต็ม     ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ คุณ สมาชิกหมายเลข 3342485 จากเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้เข้ามาตั้งกระทู้ “ชวนแชร์ ฉากซ้ำ ๆ เพลีย ๆ หรือฉากที่ควรหมดไปจากโลกนี้ได้แล้ว ในละครไทย มีอะไรบ้างต้องไปดู บอกเลยคุ้นกันทุกฉาก!!” งานนี้บอกเลยว่า มีชาวพันทิปจำนวนมากได้เข้ามาแสดงความเห็นกันอย่างมากมายเลยละ     ความเห็นจากคุณ Ludovic Giuly นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชาย โคตะระเอียน     ความเห็นจาก สมาชิกหมายเลข 1782762 -ฉากยืนอ้าปากกลางถนน แล้วรถชน – ทำไมมุงไม่หลบบบบบบ -….- -ฉากคนโดนยิงแล้วนั่งคุยเป็นชม. -เรียกรถพยาบาลสิคะ อีดวกกกก -ฉากนางเอกโดนใส่ร้าย/โดนแกล้ง บลาๆๆ พระเอกไม่ช่วยไรเล้ยยยยย -ฉากนางเอกโกรธพระเอกตอนรู้ว่าเป็นเจ้าชาย/เศรษฐีปลอมตัวมา -ฉากนางเอกสะดุดยอดหญ้าล้ม ขณะโดนไล่ล่า -ฉากตำรวจมาตอนจบ -ฉากพระเอก-นางเอก…

การจะเลือกแบบบ้าน หรือออกแบบบ้านให้ถูกใจเราสักหลังนั้น ดูจะเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เลยทีเดียว (ใครผ่านจุดนั้นมาแล้วจะเข้าใจดี) บางคนอาจจะเน้นความสะดวกสบาย จุดใช้สอยต่างๆ แต่บางคนอาจจะมีงบจำกัด ทำให้ต้องเลือกกันแบบพิถีพิถันหน่อย   แต่ที่#เหมียวฟิ้นจะให้ดูในวันนี้ เป็นแบบบ้านที่ประหยัดงบนิดนึง จากสมาชิกเว็บไซต์พันทิปที่ใช้นามแฝงว่าคุณ Innrae ซึ่งเธอยืนยันว่างบประมาณในการก่อสร้างเฉพาะตัวบ้านของเธอ “ไม่ถึงล้าน” มันจะออกมาสวยงามพอให้บางคนเอาไปทำตามหรือเปล่า เราลองมาดูกันเลย   เจ้าของกระทู้เล่าว่านี่คือบ้านไม้ 100 ตารางวา ที่เธออยู่กันมาหลายรุ่น ในจังหวัดประจวบฯ ซึ่งตัวบ้านทำจากไม้ที่เก่าไปตามกาลเวลา ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนมันให้กลายเป็นบ้านใหม่ คุณ Innrae เล่าว่าช่างที่มารับเหมาสร้างบ้านให้เธอเป็นคนเธอรู้จัก ทำให้พอจะคุยกันง่ายหน่อย ช่างได้รื้อบ้านของเธอออกและเก็บเอาไม้ที่ยังพอใช้ได้เอาไว้ใช้ในอนาคต   เจ้าของกระทู้บอกว่าเธอมีคอนเซ็ปต์ในใจคือ อยากสร้าง “บ้านชั้นเดียว ยกพื้นสูง 1 ห้องนอน มีห้องโถงกว้างๆ ลมโกรกๆ หน่อย ฝ้าสูงๆ หน้าต่างเยอะๆ สีเรียบๆ” เธอหาแบบบ้านตามอินเตอร์เน็ตและขับรถออกไปดูตามที่ต่างๆ มาหลายที่จนได้แบบที่ต้องการ   นี่คือแบบบ้านที่เธอลองทำออกมาให้ชมกัน   จากการพูดคุยกับผู้รับเหมา ตกลงกันที่ราคา 850,000 บาท ไม่มีสัญญาใดๆ นอกจากสัญญาใจ เธอแบ่งเงินออกเป็น 4 งวด ระยะในการสร้าง…

เรียกได้ว่าเป็นละครที่เปิดตัวออกมาได้น่าขนลุก และทรงพลังชวนให้น่าติดตามมากจริงๆ สำหรับละครเรื่อง “พิษสวาท” ที่กำลังฮิต และมาแรงไปทั่วบ้านทั่วเมืองในขณะนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งจุดเด่นของละครเรื่องนี้ หลายคนก็คงจะรู้ๆ กันอยู่ว่ามีทั้งความสนุกสนาน ความเข้มข้น องค์ประกอบฉากที่สามารถทำออกมาได้ดีสุดๆ เครื่องแต่งกายของคุณอุบลที่มีความละเมียดละไม รวมไปถึงเหล่านักแสดง ที่สามารถเล่นได้ถึงบทบาทจนทำให้แฟนๆ อินไปตามๆ กัน งานนี้ด้วยความแร๊งงงงงของละคร จึงทำให้ทั่วโลกออนไลน์ต่างก็พากันพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง พร้อมติดแฮชแท็ก #พิษสวาทกันทั้งเมือง งานนี้บอกเลยว่าเรียกเสียงฮาให้กับบรรดาแฟนๆ รวมถึงชาวเน็ตไม่น้อยเลยละ     ไม่ใช่แค่เพียงนักแสดงเท่านั้น ที่จะสามารถทำให้ละครสนุก และน่าติดตาม แต่ทั้งตัวบท รวมไปถึงองค์ประกอบอื่นๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน อีกทั้งแค่เปิดตัววันแรกก็ทำเอาคนดูติดละคร พิษสวาทกันทั้งเมืองแล้วจ้า     ว่าแล้วก็มาดูความฮาจากแฮชแท็ก #พิษสวาทกันทั้งเมือง ได้เลย . . .   แม้แต่ นุ่น วรนุช นักแสดงหลักในเรื่องยังต้องรีบกลับบ้านมาดูพิษสวาท ฮิตแค่ไหนถามใจดู . . .   เป็นละครที่สนุก และเข้มข้นขึ้นทุกตอนจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้ชมถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาที่จะรอชมละครเรื่องนี้ ว่าแต่คุณอุบลจะสามารถทำให้อัคนี รู้ถึงเรื่องราวในอดีตได้หรือไม่? เรามาตามเอาใจช่วยได้ในละคร…

โลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความของผู้ใช้เฟซบุ๊ก Sunshine Sketcher เป็นภาพฉลามหัวค้อน ถูกปลิดชีพวางอยู่บนจานเป็นเมนูอาหาร ในร้านอาหารแห่งหนึ่งบนเกาะลันตา จังหวัดกระบี่     ซึ่งภาพนี้ถูกถ่ายไว้เมื่อ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยผู้โพสต์ได้บอกว่า “วันนั้นมีลูกฉลามถูกนำมาเสิร์ฟเป็นอาหารถึง 3 ตัว และเมื่อไม่กี่วันนี้ยังมีนักท่องเที่ยวร้องเรียนมาว่าที่ร้านอาหารแห่งนี้มีลูกฉลามเล็กมาขายอีกหลายตัว” ทั้งนี้ผู้โพสต์ยังบอกอีกว่า “ปลาฉลามหัวค้อน Scallopped Hammerhead ในจาน เป็นปลาฉลามที่งานวิจัยในประเทศไทยบ่งชี้ว่ามีประชากรลดลงมากถึง 95% ในช่วงเวลาแค่ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มประชากรทั่วโลกที่ลดลงกว่า 95%เช่นกัน จนถูกจัดให้มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ (Endangered) ในระดับโลกตามการประเมินของ IUCN Red List นอกจากนี้ก็ยังอยู่ในบัญชีสองของอนุสัญญาไซเตสอีกด้วย หมายความว่าชนิดพันธุ์ถูกคุกคามจากการค้าโดยเฉพาะ การแปรรูปเป็นหูฉลาม”   ทางด้าน ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการทางทะเล ก็ได้ร่วมแชร์ข้อความดังกล่าว ผ่านเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat พร้อมระบุข้อความว่า “เราควรผลักดันให้ฉลามหัวค้อนเป็นสัตว์คุ้มครอง เพราะสถิติชัดเจน 10 ปี ลดลงกว่า 95% สำหรับฉลามบางชนิด เช่น “ฉลามหัวค้อน” มีข้อมูลชัดว่าอยู่ในภาวะวิกฤต มีโอกาสสูญพันธุ์ ถ้าเรายังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป” จึงอยากให้ประชาชนทุกคนร่วมกันเลิกกินเลิกขายฉลามหัวค้อน…

ยิ่งได้เห็นผลงานในการออกแบบแฟชั่นการแต่งกายของ อภิเชษฐ์ เอติรัตนะ หรือน้อง ม๊าเดี่ยว บอกเลยว่ามันทำให้คนไทยอย่างเราๆ ปลื้มปริ่มในความสามารถของเด็กไทยอายุเพียง 16 ปีคนนี้เลยจริงๆ เพราะนอกจากจะเก่ง และมีความสามารถมากมายแล้ว น้องม๊าเดี่ยวยังเป็นดีไซเนอร์ที่มีความคิดสร้างสรรค์ และครีเอทมากๆ อีกด้วย ดูจากผลงานก็ไม่ต้องพูดอะไรมากแล้วละ มันยอดเยี่ยมมาก     ซึ่งแน่นอนว่าความครีเอทของชุดแต่ละชุดที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นมานั้น มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการนำวัสดุเหลือใช้ รวมไปถึงวัตถุดิบในท้องถิ่นมาสร้างสรรค์ จนกระทั่งเว็บไซต์ต่างประเทศ HintMag.com ถึงกับทำบทความยกย่องและรวมภาพความสร้างสรรค์ของเธอขึ้นมา ว่าแปลกใหม่จนกระทั่งวงการแฟชั่นตะวันตกยังจับตามอง   .   และนี่คือผลงานที่ทางเว็บ HintMag รวบรวมไว้ให้คนทั่วโลกได้ชม . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .…

การอยู่ร่วมกันในสังคมนั้นเราจะต้องมีน้ำใจและเคารพกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่มีการกำหนดไว้นะ เพราะหากแต่ละคนทำตามใจตัวเองโดยไม่ฟังเสียงรอบข้างล่ะก็ คุณก็อาจจะกลายเป็นปัญหาแบบนี้ได้ล่ะ   เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อคุณ Konun Konun ได้เล่าเรื่องราวของตัวเองลงในโลกออนไลน์ โดยเจ้าตัวบอกว่าภายในหมู่บ้านที่ตัวเองอาศัยอยู่นั้น มีเพื่อนบ้านรานหนึ่งได้เทปูนเลยออกมาหน้าบ้านกว่า 2.5 เมตร กินพื้นที่ในหมู่บ้านครึ่งหนึ่งของถนน ทำให้คนในหมู่บ้านเข้าออกลำบาก     แถมยังมีการนำเอากระถางต้นไม้และถังขยะมาวางหน้าบ้านเพื่อกั้นเป็นอนาบริเวณของตัวเอง แม้จะมีการเข้าไปพูดคุยกับเพื่อนบ้านรายนี้แล้วแต่กลับแสดงความไม่พอใจ พร้อมกับบอกว่า “เหมือนเอารถมาจอดหน้าบ้าน 1 คัน ทำมาตั้งนานไม่เคยมีปัญหากับใคร” เจ้าตัวจึงทนไม่ได้ต้องมาระบายให้ชาวเน็ตรับทราบ     หลังจากที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปได้ไม่นานก็มีชาวเน็ตให้ความสนใจกับประเด็นดังกล่าวมากพอสมควร และร่วมกันแชร์ประสบการณ์แย่ๆ เกี่ยวกับเพื่อนบ้านอีกมากมาย   . .   ถ้าเราจะมีเงินซื้อบ้านหลังละเป็นล้าน แต่สิ่งที่เราซื้อไม่ได้ก็คือเพื่อนบ้านนี่แหละนะ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าเพื่อนบ้านเราจะเป็นคนยังไง ทางที่ดีเราควรมีน้ำใจกับคนอื่นๆ ด้วยนะ เราจะได้อยู่ด้วยกันแบบสันติ ที่มา Konun Konun

ถือว่าน้ำใจเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับสังคมยุคปัจจุบัน การจะทำให้สังคมน่าอยู่ต้องมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน หากมีสิ่งไหนที่พอจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้ แม้เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยก็เป็นที่น่ายกย่องชื่นชม อย่างเช่นร้านขนมปังร้านนี้ ได้ติดป้ายประกาศ ให้สตรีมีครรภ์กินฟรี วันละ 3 ชิ้น จนถึงวันคลอด นอกจากนี้ยังมีโครงการบริจาคขนมปัง โดยมีชื่อว่า “โครงการขนมปังฝาก” มีขนมปังแจกให้กับผู้ที่มีรายได้น้อย คนยากไร้และคนจรจัด คนละ 2 ชิ้น     ซึ่งได้สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่มาพบเห็นอย่างมาก และโพสต์นี้ถูกเผยแพร่ขึ้นโดย ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pat Sangtum ชาวเน็ตได้นำไปแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมาก “ขนมปังนุ่ม กินแล้วสุขใจ ไม่ใช่กินฟรีเพราะมีครรภ์ – รถถีบขายขนมปังเจ้านี้ ขายขนมปังมีไส้ ชิ้นละ 7 บาท หรือ 3 ชิ้น 20 บาท… จากเงิน 7 บาท ก็จะหักไว้ทำบุญ 2 บาท เพื่อจัดเป็นขนมปังให้ ผู้หญิงท้องและคนจรจัด… ถ้าเราอยากจะสมทบร่วมด้วยเท่าไหร่ ก็มอบเงินไป แล้วพี่เขาก็จะไปแก้จำนวน ขนมปัง ที่มีแจกฟรีวันนี้ให้กับผู้หญิงท้องและคนจรจัด… คอยเฝ้าดูอยู่ ทุกครั้งที่คนมาซื้อ แกก็จะไปเปลี่ยนตัวเลขตามเงินที่ขายได้ ‪#‎ขนมปังก็นุ่มอร่อยทีแรกว่าจะร่วมบริจาคเฉยๆ‬ 555”…

เราคงจะเคยเห็นการถ่ายพรีเวดดิ้งสไตล์หวานๆ ฟรุ้งฟริ้งๆ หรือการถ่ายในรูปแบบอื่นกันมาเยอะแล้ว แต่พรีเวดดิ้งที่เหมียวจะนำมาเสนอในวันนี้เชื่อว่ายังไม่มีใครเคยเห็น และไม่มีใครกล้าทำแน่นอน เพราะมันคือ “พรีเวดดิ้งสายดาร์ก” ขอเรียกว่าทั้งดาร์กทั้งโหดเลยล่ะ เพราะทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเต็มไปด้วยเลือด และผ้าพันแผล แต่ถึงแม้ว่าจะดูโหดยังไง ก็ยังแฝงไปด้วยความรักของทั้งคู่ เรียกได้ว่างานนี้ต้องยกความครีเอทให้กับคนคิดคอนเซ็ปต์ และฝีมือการถ่ายของช่างภาพด้วย เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าจะโหด จะดาร์กขนาดไหน…   . . . . . . . . . .   หากเจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่ไหนชอบสไตล์นี้ก็สามารถนำไปเป็นอินสไปเรชั่นได้นะจ้ะ และหากชอบผลงานของช่างภาพท่านนี้สามารถเข้าไปกดติดตามได้ที่เพจ Resstory Photography มีรูปสวยๆ อีกเพียบ ขอบคุณเอื้อเฟื้อภาพโดย : resstoryphoto

กลายเป็นเรื่องราวอันน่าประทับสำหรับนักศึกษาทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่เลยทีเดียว เมื่อ รศ.ธีรภัทร วรรณฤมล คณบดีคณะสื่อสารมวลชน มช. ปลอมเป็นพนักงานกวาดขยะ หวังช่วยส่งเสริมจิตสำนึกรักษาความสะอาดให้กับเหล่านักศึกษาใหม่ที่กำลังจะเข้าพิธีปฐมนิเทศ     เรื่องราวดังกล่าวถูกนำมาแชร์บนเฟสบุ๊ค สิงห์คาล สิงห์เชียงใหม่ เขาเล่าว่า เมื่อช่วงประมาณ 07.00 น. ของวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ใจความว่า คณบดีคณะสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดของคณะ เข้าไปทำความสะอาดบริเวณลานกิจกรรม คณะสื่อสารมวลชน โดยไม่แจ้งให้เหล่านักศึกษาที่มาทำกิจกรรมทราบไว้ก่อน     ซึ่งนักศึกษาเหล่านั้นต่างไม่ทราบและไม่ได้เอะใจเลยว่า เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดคนนั้น คือคณบดีของตนเอง . .   จนกระทั่งถึงช่วง 09.00 น. ขณะพิธีปฐมนิเทศน์นักศึกษาใหม่ของคณะสื่อสารมวลชน เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดคนดังกล่าวก็เปิดเผยตัวว่าแท้จริงแล้ว เขาเป็นคณะบดีคณะสื่อสารมวลชน สร้างความตื่นตะลึงให้กับเหล่านักศึกษาเป็นอย่างมาก     โดยทาง รศ.ธีรภัทร วรรณฤมล ได้แจงสาเหตที่ทำเพราะว่า ต้องการให้นักศึกษาได้เรียนรู้การมองคน รู้คุณค่าของทุกคน และมีจิตสำนึกในการรักษาความสะอาด เพื่อเป็นประชาชนที่มีคุณภาพในอนาคต   เมื่อชาวเน็ตได้เห็นภาพดังกล่าว ก็ได้เข้ามาแสดงความชื่นชมคณบดีท่านนี้มากมาย .  …

โลกออนไลน์ได้มีการแชร์โพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊ก Itsares Khumdee กับเหตุการณ์ที่น่าเศร้าใจ โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ได้ส่งลูกสุนัขสายพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ทางเครื่องบินไปยังจังหวัดตรัง แต่กับต้องเจอเรื่องราวที่ไม่ได้คาดฝัน เมื่อไปถึงปลายทางพบว่าลูกสุนัขได้ตายลง   ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Itsares Khumdee ได้บอกว่า “วันที่ 12 ก.ค. 2559 เวลา 14:00 น. ที่ผ่านมาผมได้ส่งน้องพอใจย้ายบ้านให้กับพ่อแม่ใหม่ที่จังหวัดตรัง ส่งโดยคาร์โก้ของสายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD7410 โดยพอไปถึงสนามบินทางเจ้าหน้าที่ก็ให้เปลี่ยนบล็อคใส่น้องหมาที่ผมเตรียมมาโดยแจ้งว่ามีขนาดเล็กเกินไป ผมก็ได้เปลี่ยนบล็อคตามที่พนักงานแจ้งในราคา 1,300 บาท และเสียค่าส่งทางเครื่องบินราคา 860 บาท โดยเครื่องบินจะเดินทางไปตรังเวลา 16:00 น. แต่กฎต้องนำสัตว์เลี้ยงมาก่อน 2 ชั่วโมง ซึ่งผมได้ถามกับเจ้าหน้าที่แล้วว่า น้องหมาช่วงรอขึ้นเครื่องจะอยู่ห้องแอร์ตลอดเลยใช่ไหม พนักแจ้งว่าอยู่ห้องแอร์ตลอด ผมก็วางใจ และแจ้งให้กับพ่อแม่ใหม่น้องพอใจทราบว่าส่งน้องแล้ว และให้มารอรับที่สนามบินจ.ตรัง เวลา 17:20 นาที แต่เมื่อถึงเวลาผมก็ได้รับข่าวร้ายว่าน้องพอใจตาย โดยพ่อแม่ใหม่ที่มารับน้องพอใจได้แจ้งว่าสภาพน้องมีอาการตัวแข็งเกร็ง ตาไม่หลับ เหงือกซีด และอุจาระแตกรี่ราด ผมได้ยินข่าวถึงกลับขาทรุดไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับน้องหมาที่ผมรัก เพราะก่อนส่งขึ้นเครื่องน้องยังวิ่งเล่นแข็งแรงสดใสอยู่เลย”     “ตอนนั้นผมยอมรับว่าทำอะไรไม่ถูก น้ำตาไหลคิดแต่โทษตัวเองที่ไม่น่าส่งน้องไปตาย แต่พอมีสติก็ได้โทรไปถามทางคาร์โก้นกแอร์ ทางเจ้าหน้าที่หัวหน้าคาร์โก้ชื่อ อมร…

อย่างที่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าหลักของการทานบุฟเฟต์คือ การบริการตนเอง ตักมาแต่พอดี และหมดค่อยไปเติม แต่ก็มีลูกค้าบางคนที่ชอบตักมาทานแบบเยอะๆ แล้วก็เหลือทานไม่หมด ก็ต้องโดนปรับกันไปตามกฎ อย่างเช่นกรณีนี้   เจ้าของร้านหมูกระทะ ชุมแพเนื้อกะทะเชียงใหม่ ได้ออกมาตัดพ้อแสดงถึงความเสียใจปนน้อยใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีลูกค้าเข้ามาทานบุฟเฟต์หมูกระทะแล้วทานเหลือเป็นจำนวนมาก ตามกฎของร้านที่ตั้งไว้หากทานเหลือต้องมีการปรับเงิน ซึ่งทางเจ้าของร้านก็ได้ปรับไปเป็นจำนวนเงิน 100 บาท แต่กลับต้องถูกลูกค้าโวยวายรุมต่อว่าเธอ   “ปรับลูกค้าโต๊ะยาว 100 บาท เหลือเยอะขนาดนี้ เจ้าของร้านผิดมากหรอคะ รุมต่อว่าผู้หญิงคนเดียวได้ขนาดนี้. หากคุณเป็นเจ้าของร้าน คุณจะปรับฉันกี่บาทคะ หรือเพิกเฉย… แลกกับลูกค้าในอนาคตกับคุณค่าของอาหาร. เสียใจสุดๆๆ ไม่เคยร้องให้ให้ลูกค้ามา 20 ปี นี่ครั้งแรกที่น้ำตาไหล….”   #เหมียวแอลจี ดูแล้วก็รู้สึกเช่นเดียวกับชาวเน็ต ว่าเหลือเยอะมากจริงๆ .   ทั้งนี้ต่างก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย โดยความคิดเห็นส่วนใหญ่บอกว่าปรับแค่นี้ยังน้อยไป . .   ใครเคยเปิดร้านหรือเคยไปกิน แล้วมีประสบการณ์เห็นการกินเหลือเยอะขนาดนี้บ้าง… คิดยังไงกับประเด็นนี้คะ!? ที่มา ชุมแพเนื้อกะทะเชียงใหม่

ไม่ใช่ทุกคนที่จะเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ แต่สำหรับ เด็กชายนัทธกรณ์ ศรีพะลาน อายุ 6 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านโนนเดื่อ จังหวัดอุดรธานี คนนี้ บอกเลยว่าเขาเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ของจริงเลยละ เพราะเด็กคนนี้มีความจำดี แถมยังมีความสามารถในด้านการวาดภาพอย่างเต็มเปี่ยม จนทำให้ คุณใบหม่อน ผู้เป็นคุณครูของน้องไอซ์ทึ่งในความสามารถสุดพิเศษเหล่านี้ และอดไม่ได้ที่จะนำเรื่องราวดีๆ มาแชร์ผ่านเฟสบุ๊คที่ชื่อว่า Piyamon Jaem   และนี่คือโฉมหน้าของ น้องไอซ์ เด็กชายนัทธกรณ์ ศรีพะลาน คนเก่งนั่นเอง   เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา ทางคุณครูใบม่อน ได้เผยภาพพร้อมเรื่องราวน่าทึ่งของลูกศิษย์ว่า น้องไอซ์นั้นสามารถวาดภาพกินรี แค่ได้เห็นเพียงครั้งเดียวได้อย่างงดงาม อีกทั้งยังจำพุทธประวัติเบื้องต้นได้อย่างแม่นยำอีกด้วย และไม่เพียงแต่ภาพของกินรีเท่านั้น เพราะน้องไอซ์ยังสามารถวาดภาพเทพเจ้าทางฮินดูอย่างพระแม่อุมา, แม่ลักษมี เทพเจ้าแห่งความร่ำรวย รวมไปถึงภาพพระพุทธเจ้า  ก็สามารถวาดออกมาได้อย่างน่าทึ่ง แถมยังเก็บรายละเอียดได้ทุกเม็ด     นอกจากนี้เธอยังเผยอีกว่า หากน้องไอซ์ไม่ได้รับการสนับสนุนในเวลาที่เหมาะสม ไอซ์จะกลายเป็นเด็กธรรมดาๆ คนหนึ่ง แทนที่จะมีโอกาสเป็นศิลปินใหญ่อย่างที่เขาน่าจะทำได้ไม่ยาก และหลังจากที่คุณครูใบหม่อน ได้นำเรื่องราวของน้องไอซ์ ไปแชร์ลงไปเฟสบุ๊คส่วนตัว ชาวเน็ตต่างก็เข้ามาชื่นชมความสามารถของน้องกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีการแชร์เรื่องราวออกไปถึง 3,734…

สาวๆ มักมีข้ออ้างในการออกกำลังกายหรือดูแลตัวเองอยู่เสมอๆ บ้างก็บอกว่าไม่มีเวลา บ้างก็บอกว่าเหนื่อย บ้างก็บอกว่าไม่มีเพื่อน แต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้วมันอยู่ที่แรงใจล้วนๆ ก่อนหน้านี้เราเคยมีตัวอย่างดีๆ ในการออกกำลังกายมาให้เพื่อนๆ ได้เห็นแล้วมากมาย เช่น หนุ่มหนัก 88 กิโลฮึดวิ่งมาราธอน , หนุ่มวัย 42 ออกกำลังกายเพราะพ่อเสีย หรือ คุณป้าวัย 50 ปี ที่ออกกำลังกายจนมีหุ่นสวยเช้ง และวันนี้เองเราก็มีแรงบันดาลใจคนใหม่มาให้คุณดูอีกแล้วล่ะ     เรื่องราวต่อไปนี้เป็นของคุณพลอย เธอเล่าว่าเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน เธอปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนน้ำหนักพุ่งไปสูงถึง 95 กิโล กลายเป็นสาวไซส์ XL ไปโดยไม่ตั้งใจ     แต่ด้วยความที่เธอเองยังอยากกลับมาใส่เสื้อผ้าตัวเล็กๆ เหมือนกับสาวๆ คนอื่น เธอเลย “ลอง” ลดความอ้วนด้วยการลดคาร์โบไฮเดรตก่อน     ในตอนแรกจาก 95 กิโล ลดลงมาเหลือ 87 โล จากนั้นเธอก็เริ่มวิ่งเพื่อให้ร่างกายเผาผลาญไขมันออกไปด้วย น้ำหนักเธอเลยลดลงไปอีก 5 กิโล เหลือ 82 กิโล…

กระแสมาแรงจนทำให้หยุดพูดถึงไม่ได้เลยจริงๆ สำหรับละครเรื่อง “พิษสวาท” ที่ได้รับความนิยม และถูกพูดถึงไปทั่วโลกออนไลน์ ซึ่งหลังจากที่เราได้นำเสนอเรื่องราวของ ฉาก CG ในละคร “พิษสวาท” ที่สามารถสร้างขึ้นมาได้สมจริง จนแฟนละครถึงขั้นออกมาตั้งกระทู้ชื่นชมในพันทิป ก็ไม่พ้นได้รับคำชื่นชมของแฟนละครคนอื่นๆ อยู่ดี และนอกจากความเจ๋งของฉาก CG แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถสะกดสายตาแฟนๆ จนมิอาจปฏิเสธได้เลยก็คือ “ชุดนางละคร” ของคุณ อุบล ที่นางเอกสาวนุ่น วรนุช ได้สวมใส่ในการแสดง ก็ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก     โดยวันที่ 29 กรกฎาคม 2559 คุณ Jaijay สมาชิกเว็บไซต์พันทิป หนึ่งในแฟนละคร ก็ได้มาตั้งกระทู้ “ว่าด้วยเรื่องชุดในละครพิษสวาท” หลังจากที่ได้เห็นชาวเน็ตแชร์ ภาพจิตนกรรม สมัยอยุธยาตอนปลาย สู่ชุดนางละครของจริง #พิษสวาท ในเฟสบุ๊คของคุณ Peeramon Chomdhavat ดังนั้นเธอจึงได้นำเรื่องราวดีๆ มาแชร์ต่อในพันทิป เพื่ออยากให้ทุกคน ได้เห็นถึงความละเอียดของทุกองค์ประกอบจากละครเรื่องนี้นั่นเอง     สำหรับชุดนางละครที่เราได้เห็นกันนั้น เป็นชุดไทยที่มีความวิจิตรงดงาม และเลอค่าน่าชมมาก อีกทั้งยังถอดแบบมาจากภาพจิตรกรรมโบราณ…

จากที่เมื่อวานช่วงดึกได้เกิดเหตุการณ์ที่กลายเป็นกระแสไปทั่วโซเชียล ในกรณีที่น้องปันปัน สุทัตตา ได้โพสต์รูปภาพ (เป็นรูปที่แคปมา) แล้วใส่แคปชั่นว่า ‘อีกะ… เสียงสู๊ง’ ก็เลยทำให้หลายๆ คนต่างก็สงสัยว่าเอ๊ะ มันเกิดอะไรขึ้น เธออัพรูปและข้อความนั้นมีเจตนาที่จะว่าให้ใครรึเปล่า? แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ลบรูปภาพและข้อความนั้นออกไป     แต่ก็ไม่ทันแล้วเพราะมีมือดีแคปภาพเอาไว้ได้ทัน จากนั้นก็มีการสืบเสาะหาเรื่องราวก็พบว่า คู่กรณีที่เธอกล่าวถึงนั้นก็คือ น้ำชา ชีรณัฐ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์แล้วว่าเธอก็ยังงงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และก็ไม่โอเคกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่หากน้องปันๆ จะออกมาขอโทษก็ยินดีที่จะรับไว้     และล่าสุดมีการเปิดเผยจากสำนักข่าวมติชนว่า สาวปันปันยอมรับว่าเป็นคนเขียนพิมพ์เนื้อหาดังกล่าวเอง แต่เป็นการเขียนทันทีด้วยอารมณ์ตอนนั้น บอกไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไร แต่พอเห็นว่ามันไม่เหมาะสมก็ลบทิ้งทันที ในส่วนของปัญหากับน้ำชา ปันปันได้ขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อขอโทษแล้ว และฝากขอโทษไปยังแฟนคลับและทุกคนที่ติดตามประเด็นที่ทำให้เกิดเรื่องราวดราม่าดังกล่าวขึ้นมา     แหม่ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าจะทำอะไรก็ตามอย่าใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินนะจ๊ะ เพราะฉะนั้นแม้เรื่องเล็กๆ ก็อาจจะกลายมาเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้ และที่สำคัญโลกโซเชียลนั้นมันเป็นอะไรที่กว้างมาก อย่าคิดว่าทำแค่นี้คงไม่มีใครเห็น เพราะฉะนั้นจะทำอะไรจะโพสต์อะไรก็ขอให้คิดให้ดีก่อนที่จะลงมือทำนะจ๊ะ ^^ ที่มา : ข่าวสด

การเดินทางและชาวตะวันตกมักจะเป็นของคู่กันจริงๆ เพราะบ่อยครั้งที่เราได้เห็นฝรั่งจากหลากหลายประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเราเป็นระยะเวลานานพอสมควร ไม่ว่าจะด้วยการปั่นจักรยานไปทั่วประเทศ การล่องเรือ และล่าสุดที่จะมานำเสนอคือ การเดินทางด้วยเท้า!! สองแม่ลูกผู้ใช้เวลากว่า 4 เดือนกับการออกเดินทางจากจังหวัดภูเก็ตไปยังอำเภอเบตงด้วยการเดินเท้า นี่ถ้าไม่ว่างและใจรักจริงๆทำไม่ได้นะเนี่ย   เรื่องมันก็มีอยู่ว่าผู้สื่อข่าวประจำอำเภอเบตง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบเห็นชาวต่างชาติ 2 คนเดินทางพร้อมสัมภาระมากมาย บนถนนสาย 410 ยะลา – เบตง สอบถามพบว่าชื่อนางดอมินิค และ นายโคลัมบัส สองแม่ลูกชาวฝรั่งเศส ที่ตั้งเป้าว่าจะเดินเท้าจากภูเก็ตไปถึงเบตงให้ได้รวมระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร!!!   นางโดมินิคกล่าวผ่านทางเพจ สวท.เบตง กรมประชาสัมพันธ์ ว่า “เราเดินเท้ามาแล้วหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เวียดนาม กัมพูชา อินโดนิเซีย พม่าและประเทศไทย ซึ่งในประเทศไทยก็ได้เดินทางมาแล้วหลายจังหวัดทางภาคใต้ตอนบน เช่น ภูเก็ต กระบี่ ชุมพร ตรัง หาดใหญ่ ลงมาถึงภาคใต้ตอนล่าง 3 จังหวัด นราธิวาส ปัตตานี และจังหวัดยะลา เพื่อต้องการเดินทางรอบโลก” แถมยังกล่าวเสริมอีกว่า “เราเลือกที่จะมาประเทศไทยก็เพราะที่นี่เต็มไปด้วยความสวยงามที่แตกต่างกันไปในแต่ละท้องที่ ชาวไทยต่างก็ล้วนมีน้ำใจงาม…

กลายเป็นประเด็นดราม่าใหญ่โตเลยทีเดียว หลังจากนักแสดงสาว “ปันปัน สุทัตตา” แขวะสาว “น้ำชา ชีรณัฐ” ผ่านทางไอจีจนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโซเชียล ข่าวเก่า: งานปูเผือกมา!! IG ปันปันโพสต์ข้อความ “อีกะxรี๊” ชาวเน็ตงง โพสต์เองหรือโดนแฮ็ค!?     หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ทางน้ำชาก็ได้โพสภาพลงบนไอจีของตนเอง พร้อมเขียนแคปชั่นว่า “วันนี้มีเรื่องตลกเกิดขึ้น…จงยิ้มเข้าไว้”   ล่าสุดทาง “น้ำชา ชีรณัฐ” ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว โดยเธอบอกว่า ตอนแรกเธอโกรธมาก แต่ก็ไม่อยากทะเลาะกับเด็กที่อายุห่างกันนับ 10 ปี รวมทั้งบอกว่า ไม่ชอบเด็กที่ไม่มีสัมมาคารวะ  (แอบแรงเหมือนกันนะเนี่ย #เหมียวอ๊อดโด้)   ไปชมคลิปสัมภาษณ์ของเธอกันเลยดีกว่า   โดยสาเหตุของดราม่าครั้งนี้เกิดจากการที่ “น้ำชา” ได้ถ่ายซีรี่ย์คู่กับ “มาร์ช จุฑาวุฒิ” แฟนเก่าของ “ปันปัน” จนเกิดความสนิทสนมกันขึ้น แต่ทางน้ำชายืนยันว่า ทั้งสองไม่มีอะไรเกินเลยนอกจากเพื่อนรวมงานเท่านั้น   งานนี้บอกเลยว่านอกจากเสียงแล้ว ความเผือกของชาวเน็ตมันสู๊งสูงเหลือเกิน   เอาละ ฝ่ายคู่กรณีก็ออกมาชี้แจงแล้ว ก็ต้องรอชมกันต่อไปว่าฝั่ง ปันปัน จะทำอย่างไรต่อไป รอติดตามกันได้เลย…

หล๊ายค๊นอ๊าจ.. พอแล้ว!! หลายคนอาจจะผ่านหน้าผ่านตากันมาบ้างแล้วกับกรณีที่เกิดขึ้น ที่มีดาราวัยรุ่นคนหนึ่งลั่นไอจีด่าใครสักคนพร้อมกับแฮชแท็ก #เสียงสูง ซึ่งเป็นที่จับตามองมากๆ ว่าเธอตั้งใจหรือไม่อย่างไร เพราะลงไปแค่แป๊บเดียวรูปก็ปลิวไปซะละ แต่ก็ยังไม่วาย มีชาวเน็ตหลายคนแคปทันแล้วก็ตามสืบกันรัวๆ จนตอนนี้ #เสียงสูง มันก็ไปไกลมากจนกู่ไม่กลับในโลกทวิตเตอร์ มีทั้งเอาไปดัดแปลงเป็นอะไรเยอะแยะมากมาย วันนี้ก็เลยหยิบมาฝากทุกท่านให้ได้หายเมื่อยกัน จะฮาแค่ไหน ไปดูกันเลย   งานโฆษณาก็มา   สาระมีอยู่จริง   สาระยิ่งกว่า   เป็นเหมือนกันใช่มั้ยล่ะะะะ   ขายยังไงให้ติดเทรนด์   เดี๋ยวนะ.. ใช่เหรอ   เด็กมหาลัยทุกคนคงคิดแบบนี้   วิงกาเดียม เลวิโอซา ไม่ใช่ วิงกาเดี๊ยม เลวิโอ๊ซ๊าาา     ถ้ายังไม่จุใจ ไปตามต่อได้ที่ #เสียงสูง

กลายเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาว์นให้ผู้คนตามเผือกกันจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลยทีเดียว เพราะเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา IG ของปันปัน สุทัตตา ได้โพสต์ภาพบุคคลปริศนา พร้อมกับข้อความว่า “อิกะหรี๊ *เสียงสูง*”  หลังจากนั้นได้ไม่นาน IG Punpun_sutatta ก็ได้ลบภาพนี้ออกไป แต่ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และความสงสัยจากโลกออนไลน์อย่างหนักว่าหมายถึงใครกันแน่?   ในเวลาต่อมาก็มีคนตาดีสังเกตเห็นว่าภาพที่ปันปันโพสต์นั้น เป็นการครอปภาพมาจากภาพใน IG ของน้ำชา ชีรณัฐ นักร้องและนักแสดงชื่อดัง ที่ถ่ายคู่กับหวานใจอย่างไฮโซพก ที่โพสต์ลงไปตั้งแต่เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน เมื่อเรื่องราวนี้ถูกแชร์ออกไปในโลกออนไลน์ก็มีชาวเน็ตจำนวนหนึ่งตามมาคอมเม้นในภาพของน้ำชาและปันปันอย่างล้นหลาม แถมยังมีเหล่าพ่อค้าแม่ค้าใน IG ตามไปขายของอีกเพียบ…   จากนั้นดูเหมือนว่าเรื่องราวดังกล่าวจะไปเข้าหูของน้ำชา เจ้าตัวจึงได้โพสต์ภาพยิ้มพร้อมกับข้อความ “วันนี้มีเรื่องตลกเกิดขึ้น…จงยิ้มเข้าไว้ Good Night All #งงแป็บ #สติค่ะสติ”   มีการตั้งข้อสังเกตจากชาวเน็ตว่าที่ IG ของปันปันโพสต์ข้อความออกไปแบบนั้น อาจจะเกิดจากความหึงหวงมาร์ช จุฑาวุฒิ เพราะในช่วงนี้ IG ของน้ำชาและมาร์ชเองมีการลงภาพคู่และคลิปวิดีโอกันอยู่บ่อยๆ เพราะทั้งคู่ต้องร่วมงานถ่ายละครด้วยกัน ในขณะที่ความเห็นอีกฝั่งหนึ่งมองว่านี่อาจเกิดจากการถูกแฮ็ค IG ก็เป็นได้ . . . .   ในชั่วข้ามคืนที่ผ่านมา…

เรียกได้ว่าเปิดตัวแรงตั้งแต่ยังไม่ทันฉายกันเลยทีเดียว สำหรับละครรีเมคน้ำดีอย่างเรื่อง “พิษสวาท” ที่นำแสดงโดย ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ และ นุ่น วรนุช ภิรมย์ภักดี ซึ่งหลังจากที่ละครได้ลงจอฉายตอนแรกไปในวันอังคาร ที่ 19 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา ก็ได้กลายเป็นกระแสที่โด่งอัง และถูกพูดถึงในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก…     ไม่ว่าจะเป็น ตัวของนักแสดง ที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาจนคนดูถึงขั้นอินไปตามๆ กัน รวมถึงเนื้อเรื่องที่เข้มข้นชวนให้น่าติดตาม จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมละครเรื่องนี้ถึงได้รับคำชื่นชมจากบรรดาแฟนๆ อย่างไม่ขาดสาย และนอกจากสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้ละครเรื่องนี้ได้สร้างความประทับใจให้แฟนๆ ก็คือ ฉาก CG ที่สามารถสร้างขึ้นมาให้ดูสมจริง จนทำให้เหมือนกับดูหนังฮอลลีวู้ด งานนี้จึงทำให้คุณ ข้าคือเวตาล หนึ่งในผู้รับชมละครเรื่องนี้ มาตั้งกระทู้ชื่นชม และเล่าความประทับใจที่มีต่อฉาก CG ในพันทิปก็กันเลยทีเดียว   ทางเจ้าของกระทู้ได้อธิบายความรู้สึกว่า “รู้สึกชื่นชอบมากๆ ที่ละครไทยทำเอฟเฟคแบบนี้ มันดูสมจริง ดูมีมิติ จับต้องได้ เหมือนกับดูหนังฮอลลีวู้ดเลย อีกทั้งละครเรื่องนี้ก็ครบเครื่องเป็นอย่างมาก ทั้งบทที่เข้มข้น ลึกลับน่าค้นหา น่าติดตาม แหวกแนวจากละครไทย”…

การที่เราจะลงมือเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นั้น บางครั้งคุณต้องการใครสักคนที่ช่วยจุดประกายหรือสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ หากคุณไม่รู้จะไปหาที่ไหนล่ะก็ ลองมาดูพ่อหนุ่มคนนี้เป็นตัวอย่างดีไหม? เรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้ เป็นของคุณเต้ อภิรัตน์ นทีประสิทธิพร วัย 33 ปีจากจังหวัดกำแพงเพชร เขาได้สร้างอัลบั้มภาพการเปลี่ยนแปลงของตัวเองขึ้นเพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ     ในภาพเหล่านั้นบอกเล่าเรื่องราวตอนที่เขามีน้ำหนักมากถึง 88 กิโล ทั้งกินดื่มจนร่างกายเริ่มอ้วนขึ้นๆ ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว คุณเต้ก็เริ่มรู้สึกอึดอัดกับร่างกายและหันไปวิ่งออกกำลังกายแบบจริงจังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา . . . .   หลังจากที่วิ่งไปได้ 3 เดือน เขาก็เข้าร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอนเป็นครั้งแรก และเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองเรื่อยมา จนตอนนี้เขากลายมาเป็นนักวิ่งมาราธอนเต็มตัวแล้ว .   คุณเต้ได้เผยกับ#เหมียวฟิ้นว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจในการวิ่งมาจากภาพยนตร์เรื่อง รัก 7 ปี ดี 7 หน ของ GTH เมื่อไม่กี่ปีก่อน คุณเต้บอกว่า “ผมก็ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังที่นิชคุณเล่น ถ้าคุณอยากวิ่งคุณวิ่งแค่กิโลเดียว แต่ถ้าคุณอยากพบชีวิตใหม่คุณลองมาวิ่งมาราธอน” . . . . . . . . . . .…

กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ จากกรณีที่ ดร. นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘หมอเปรม’ ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านไผ่ แต่งงานกับเด็กสาวชั้น ม.5 คล้ายๆ กับที่เราเคยเห็นเรื่องการแต่งงานระหว่างคนสูงอายุกับคนวัยรุ่น แต่เรื่องราวกลับไม่จบเพียงแค่การแต่งงานทั่วๆไป และในส่วนของวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็จะพาเพื่อนๆ ไปเกาะประเด็นนี้กัน ลองมาติดตามกันเลยดีกว่าว่ามันมีเรื่องราวและที่มาอย่างไรกัน!!?     เรื่องราวของการแต่งงาน ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา มีการแชร์ภาพในงานแต่งของหมอเปรมกับเจ้าสาว กำลังนั่งประกบให้ผูกข้อมือ นอกจากนี้ยังมีเงินสดจำนวนหนึ่ง (ราวๆ 4 แสนบาท) รวมทั้งพระพุทธรูป วางอยู่บนพานทอง ซึ่งมีข้อความชี้แจงว่าไม่ได้เป็นงานหมั้นแต่อย่างใด แต่เป็นงานแต่งงานไปในคราวเดียว   พาดหัวข่าวจากเดลินิวส์   กลายเป็นประเด็น เมื่อไม่จบแค่นั้น!? แต่กระนั้นเหตุการณ์กลับบานปลายหลังจากนั้น เว็บไซต์ผู้จัดการรายงานว่า วันถัดมาหมอเปรมได้ประสานมายังสื่อมวลชนในจังหวัด เพื่อขอแถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยนัดหมายให้นักข่าวมาพบที่เทศบาลเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น พอสื่อมากันครบแล้วหมอเปรมกลับสั่งเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองบ้านไผ่ 4 คน แก้ผ้าผู้สื่อข่าวชาย หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วัย 64 ปี จนเหลือแต่กางเกงชั้นในแล้วถ่ายภาพไว้ เหตุผลเพราะไม่พอใจเกี่ยวกับการนำเสนอข่าวของตนลงหน้าหนึ่ง!!!…

ช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เป็นที่ทราบกันดีว่านักท่องเที่ยวจากจีนจำนวนมากได้หลั่งไหลเข้ามาในทุกภาคส่วนของประเทศไทย ซึ่งในจำนวนเหล่านี้ มีนักท่องเที่ยวบางคนได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนและสถานที่ท่องเที่ยวต่าๆง เป็นอย่างมาก จนเกิดกระแสด้านลบต่อนักท่องเที่ยวจีน ด้วยเหตุนี้เอง ทางสำนักข่าว THAI CCTV จึงได้ทำการ์ตูนชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวจีน พร้อมทั้งวอนขอให้คนไทยเข้าใจถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมของนักท่องเที่ยวเหล่านี้ด้วย   ก่อนอื่น เราไปชมการ์ตูนนี้กันก่อน ซึ่งอาจจะยาวสักหน่อยนะ . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .   อย่างไรก็ตามเมื่อภาพนี้เผยแพร่ออกไป ก็มีชาวไทยเข้าไปคอมเมนต์มากมาย บางคนบอกว่า นักท่องเที่ยวจีนต่างหากที่ต้องพยายามปรับตัวเข้าหาคนไทย . .   บางคนก็บอกว่า ทำไมการ์ตูนดู “ข่มขู่” มากกว่า “ได้โปรดเข้าใจ” ละเนี่ย…

ขึ้นชื่อว่าความสัมพันธ์ระยะไกล มักจะมีอุปสรรค์อยู่มากมาย เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายไปไหนทำอะไร เขาจะไปเจอคนใหม่ที่ดีกว่าหรือเปล่า? เขาจะยังซื่อสัตย์กับเราหรือเปล่า? เพราะตัวอย่างของความรักที่ล้มเหลวอันเนื่องมาจากระยะทางมีให้เห็นอยู่ทั่วไป     แต่ใช่ว่าความสัมพันธ์ระยะไกลจะพังไปซะทุกคู่หรอก เพราะบางคนก็มีความมั่นคง แม้จะอยู่ห่างกันคนละมุมโลก ความรักของพวกเขาก็ไม่ได้น้อยลงไปเลย อย่างเช่นเรื่องที่#เหมียวฟิ้นได้หยิบมานำเสนอในวันนี้   .   นี่เป็นเรื่องราวความรักของคุณก้อย ธนาพร และคุณเจเรมี เป็นชาวต่างชาติ พวกเขาได้รู้จักกันผ่านโปรแกรม Skype เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว   ในตอนนั้นทั้งคู่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แม้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะไปได้ดีจะกลายเป็นความรัก แต่เนื่องจากระยะทางที่ไกลคนละซีกโลก ทำให้พวกเขาทำได้เพียงพูดคุยผ่านวิดีโอคอลเท่านั้น แต่พวกเขาก็ยังคงติดต่อกันเรื่อยมา จนเวลาผ่านไปได้ปีกว่า เจเรมีก็บินมาหาเธอที่ประเทศไทยเป็นระยะเวลาสั้นๆ ได้คลุกคลีและรู้จักกับบ้านฝ่ายหญิง และกลับไปยังบ้านของตัวเอง   ความสัมพันธ์ของพวกเขาดำเนินไปเรื่อยๆ ผ่านเวลาไป 4 ปี พวกเขามีโอกาสเจอกันเพียง 4 ครั้งเท่านั้น (เป็นเราคงอกแตกตายไปแล้ว) อยากรู้ว่าตอนจบจะเป็นยังไงลองไปอ่านเต็มๆ เลย . . . . . . . . . . .…

เสร็จสิ้นกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับงาน “โอลิมปิกของศิลปะการแสดงระดับโลก” หรือ World Championships of Performing Arts (WCOPA) ครั้งที่ 20 ที่ได้จัดขึ้น ณ นครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในปีนี้ ตัวแทนที่ได้ไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยและสามารถคว้ารางวัลกลับมาได้มากมาย ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนักร้องหนุ่มเสียงดีมีเอกลักษณ์จากเวทีเดอะวอยซ์อย่าง “เก่ง ธชย” นั่นเอง ซึ่งนอกจากหนุ่มเก่งแล้ว อีกหนึ่งผลงานที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยของเราก็คือ รางวัลชนะเลิศชุดประจำชาติระดับโลก และรางวัลชนะเลิศชุดดีไซเนอร์ระดับโลก จากผลงานของสองดีไซเนอร์ไทยอย่าง คุณสรินพัฒน์ จันดาวงศ์ และ คุณพิกุล ชุมพล     สำหรับชุดดังกล่าว มีลักษณะเป็นชุดเดรสเกาะอกยาว ที่นอกจากจะมีรูปแบบที่ความสวยงาม และดูเรียบหรูแล้ว สิ่งที่ทำให้ชุดเดรสชุดนี้มีความเป็นเอกลักษณ์ และแสดงให้เห็นถึงความเป็นไทยได้อย่างชัดเจนก็คือ การนำ “ผ้าขาวม้า” มาตัดเย็บทั้งหมดนั่นเอง และนี่ก็คือ “ชุดเดรสผ้าขาวม้าสไตล์ไทย” ที่มี “น้องปิ่น เอวิตรา จันดาวงศ์” เป็นตัวแทนในการนำเสนอ จนสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศชุดประจำชาติระดับโลก ในงานโอลิมปิกศิลปะการแสดงระดับโลก ครั้งที่ 20 มาได้อีกด้วย    …

กลายเป็นประเด็นดราม่าบนอินเตอร์เน็ตในทันที เมื่อพริตตี้สาวชื่อดังได้ออกมาแฉว่า นักแสดงหนุ่มสังกัดผู้กำกับชื่อดังที่เคยแสดงภาพยนตร์เรื่อง “หลวงพี่แจ๊ส 4G” และ “หอแต๋วแตก” ภาคล่าสุด ได้ทำร้ายร่างกายเธออย่างหนัก ทั้งๆ ที่เป็นแค่แฟนเก่า?   ฟ้าโดนแฟนเก่าที่เลิกไปแล้วเป็นเดือนๆกลับมาทำร้ายร่ายกาย ผู้ชายคนนี้คือ เป็นนักแสดง เล่นหนังเรื่องหลวงพี่แจ๊ส วัยเป้ง หอแ… โพสต์โดย Wisansaya Pakasupakul บน 20 กรกฎาคม 2016   ภาพโพสต์ (สำหรับบางคนที่โพสต์ไม่แสดง)   โดยเธอเล่าว่า เธอกับนักแสดงคนนั้นเคยคบหาดูใจกัน แต่ได้เลิกรากันไปแล้ว ซึ่งทางนักแสดงชายพยายามขอคืนดีมาโดยตลอด แต่เธอไม่ตอบรับ จนกระทั่งเมื่อช่วงกลางดึกของเมื่อวาน นักแสดงชายคนดังกล่าวได้บุกมาหาถึงบ้านเธอ และพยายามโวยวายเสียงดังเรียกร้องความสนใจหน้าบ้านของเธอ ด้วยความเกรงใจเพื่อนบ้าน เธอตัดสินใจนั่งรถของนักแสดงชายคนนั้นไปที่อื่น ซึ่งระหว่างนั้น นักแสดงชายก็พยายามง้อคืนดีอีกครั้ง แต่เธอก็ปฏิเสธไปเหมือนเดิม สุดท้ายนักแสดงคนนั้นไม่พอใจ ทำร้ายร่างกายของเธออย่างรุนแรง ทั้งตบ ตี บีบคอ เหยียบที่ศีรษะ แม้เธอร้องไห้วิงวอน แต่นักแสดงหนุ่มคนนั้นก็ไม่หยุด สุดท้ายเธอก็สามารถกลับมายังบ้านของเธอได้ เธอจึงได้นำเรื่องราวดังกล่าวมาแชร์ให้ชาวเน็ตได้รับทราบ และยืนยันว่าจะแจ้งความให้ถึงที่สุด     เมื่อชาวเน็ตได้ทราบเรื่องดังกล่าว…

อัพเดท: จับคนร้ายได้แล้ว ยอมรับสารภาพ และตุ๊กตุ๊กไม่ได้เกี่ยวข้องแต่อย่างใด #เหมียวหง่าว กลายเป็นประเด็นวิพากย์วิจารณ์กันในโลกออนไลน์ขึ้นมา เมื่อเพจเฟซบุ๊คเกี่ยวกับการท่องเที่ยว GOtrip ได้แชร์คลิปเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงได้มาเที่ยวที่ประเทศไทย ขณะที่กำลังนั่งรถตุ๊กๆ อยู่ จู่ๆ ก็ถูกคนร้ายซ้อนมอเตอร์ไซค์ขี่มาตีคู่แล้วฉกกระเป๋าไปเฉยเลย ทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาชมกันมากมายโดยตอนนี้มียอดเข้าชมกว่า 1.7 ล้านครั้งแล้ว ทำให้มีการถกเถียงกันไปต่างๆ นาๆ   ลองไปชมคลิปกันดูก่อนที่ข้างล่างนี้ได้เลย…   เรื่องนี้ดังมาก เพราะมีการแชร์ทั้งในเพจต่างประเทศ ที่มีคนแชร์ต่อมากถึง 20,000 ครั้ง ยอดวิวกว่า 1.7 ล้านครั้ง!!!   เว็บข่าวต่างประเทศเอาไปตั้งประเด็น อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศในด้านการท่องเที่ยวอย่างมาก   จากรายงานข่าวในต่างประเทศ ดูเหมือนว่าการปล้นครั้งนี้จะทำเป็นกระบวนการด้วย ทั้งคนขับรถตุ๊กๆ และคนขี่รถมอเตอร์ไซค์ ที่ตั้งข้อสังเกตแบบนี้ก็เพราะว่าในระหว่างที่นักท่องเที่ยวจะถูกขโมยกระเป๋านั้น พวกเขาก็ได้ทำการบันทึกคลิปวิดีโอไว้ด้วย (เจ้าตัวอ้างว่าเป็นการถ่ายบรรยากาศเมือง ขณะนั่งรถตามประสานักท่องเที่ยว)   และจะเห็นได้ว่าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ฉกกระเป๋าขึ้น ที่มือของคนขับตุ๊กๆ เหมือนจะมีปฏิกิริยาอะไรซักอย่าง เหมือนกับว่าส่งสัญญาณเพื่อให้คนขี่มอเตอร์ไซค์ลงมือเด๊ะๆ เลย   หลังจากที่คลิปถูกแชร์ลงในโลกโซเชียลก็มีชาวเน็ตเข้ามาตั้งข้อสังเกตกันมากมาย… โดยมีอยู่ 3 ประเด็นด้วยกัน ดังนี้ – อย่างแรกคือบังเอิญปวดข้อมือ รวมถึงใส่นาฬิกาอยู่ด้วย ก็เลยสะบัดเฉยๆ…

อื้อหือออออ จะภูมิใจดีมั้ยเนี่ยสำหรับการจัดอันดับครั้งนี้ ฮร่าาาา เพราะล่าสุดทางสำนักข่าว CNN ได้รายงานว่า TomTom บริษัทเครื่องมือนำทางแบบจีพีเอสรายใหญ่ได้จัดอันดับว่า ‘กรุงเทพมหานคร’ เป็นเมืองที่มีการจราจรเลวร้ายและยุ่งเหยิงที่สุดในโลก!!! และถึงแม้ผู้คนจะมีการคมนาคมหลายช่องทางทั้งระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้า เรือข้ามฟาก และคลองต่างๆ ที่ใช้ในการสัญจรมากมาย แต่ก็ยังเป็นเมืองที่มีการจราจรเลวร้ายที่สุดในชั่วโมงเร่งรีบอยู่ดี…   กรุงเทพมหานคร   ทาง TomTom ยังได้รายงานเพิ่มเติมอีกว่า ระยะเวลาของการเดินทางในกรุงเทพมหานครนั้นอาจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเลยทีเดียว ในช่วงเย็นของวัน   Nick Cohn ผู้เชี่ยวชาญด้านการจราจรของทาง TomTom ได้กล่าวว่า ‘มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างบ้าคลั่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะสังคมชนชั้นกลางที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนแค่อยากจะขับรถและออกรถส่วนตัว เพราะมันดูเหมือนกับว่าเป็นการยกระดับสถานะทางสังคมของพวกเขา’ นอกจากนี้ทาง TomTom ก็ยังจัดอันดับอีก 9 เมืองที่มีการจราจรเลวร้ายที่สุดในโลกมาให้เราได้ชมกันด้วยล่ะ มาดูกันเลยจะมีประเทศอะไรบ้างที่ใกล้เคียงกับประเทศเรา…   อันดับ 2. อิสตันบูล   อันดับ 3. เม็กซิโกซิตี้   อันดับ 4. มอสโคว์   อันดับ 5. เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก   อันดับ 6. บูคาเรสต์  …

หายหน้าหายตากันไปสักพัก สำหรับคุณลีน่าจัง ที่หลังๆ มาไม่ค่อยมีกระแสหรือข่าวคราวเกี่ยวกับตัวเธอให้พูดถึงเท่าไหร่ แต่วันนี้#เหมียวฟิ้นมีข่าวเกี่ยวกับเธอมาให้แฟนๆ ได้อึ้ง ทึ่ง งง กันล่ะ… เมื่อช่วงวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีการจัดงาน The Ppalladium Inter Cover Dance Contest ขึ้นที่ห้าง พาลาเดียมไอทีประตูน้ำ ซึ่งภายในงานนี้มีคณะกรรมการด้วยกัน 3 คน คือ อุ๊ป วิริยะ,ครู ฉิ่ง และ ซาร่า AF3   แต่ระหว่างการแข่งขันนั้นเอง จุ่ๆ คุณแม่ลีน่าจังก็โผล่เข้ามาในงานพร้อมกับมือถือขึ้นมาถ่ายทอดสด จากนั้นเธอก็เริ่มก่อกวนเวทีประกวดด้วยการยืนบังหน้าเวที ต่อว่ากรรมการในงาน วิจารณ์นักเต้นแต่ละคนด้วยวาจาหยาบๆ คายๆ   แม้จะมีทีมงานพยายามเข้ามากันเธออกจากงาน แต่เธอกลับแสดงท่าทีไม่พอใจพร้อมกับบอกว่า “กูรู้แล้วค่ะ กูไม่ได้มาแข่งกูมาถ่ายทอดสดไอ้ควาย” หลังจากนั้นเธอก็ยังคงยกมือถือขึ้นมาถ่ายทอดสดต่อแล้วเดินวนเวียนอยู่แถวเวทีไม่ยอมไปไหน สร้างความน่าอึดอัดใจให้กับผู้ร่วมงานไม่น้อย .   ลองชมคลิปความป่วนของคุณลีน่าจังได้เลย (ลดเสียงก่อนดูด้วยนะ…เราเตือนแล้วนะ…)   หลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ออกไป ดูเหมือนว่าชาวเน็ตไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้สักเท่าไร เพราะตัวคลิปมีการกดดิสไลค์กว่า 4 ร้อยครั้ง และมีความคิดเห็นในเชิงต่อว่าเธอเข้ามาอีกเพียบ . . .   ในขณะที่บางความเห็นมองว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็นการเตี๊ยมกันระหว่างคุณลีน่าจังและผู้จัดงานเพื่อเป็นการสร้างกระแสให้การแข่งขันมากกว่า…

กลายเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วประเทศทีเดียว สำหรับกรณีของคุณปุ๋ย พริตตี้สาวที่ถูกผีปอบสิงกลางรายการปากโป้ง จนคุณหนุ่ม กรรชัย พิธีกรของรายการต้องเอาของขลังมาช่วงไล่ผีกลางรายการ จนตอนนี้คลิปถูกแชร์ต่อๆ กันไปจนกลายเป็นข่าวในต่างประเทศไปเรียบร้อยแล้ว   . หลังจากที่คลิปรายการถูกเผยแพร่ออกไป ก็ทำให้ชาวต่างชาติถึงกับอึ้งและงงกับปรากฏการณ์สุดแปลกแบบนี้เลย #เหมียวฟิ้นเลยลองรวบรวมเอาความคิดเห็นจากชาวต่างชาติมาให้เพื่อนๆ ได้ลองอ่านกันดูนะ Sam Andrews “เอิ่ม นี่หมดเวลากับคลิปนี้ไป 1.30 นาที แบบไม่มีทางได้คืน เสียงเธอเหมือนลิงชิมแปนซีเลย” Assis Ghrieb “เธอแกล้งทำ เธอเป็นตัวตลกที่พยายามจะเล่นบทเพี้ยนๆ ได้ดีมาก” Mark Penrice “เรื่องประหลาดๆ ได้เกิดขึ้นแล้ว” Ciaran Lyons “ฮ่าๆๆๆ บอกว่านี่คือผีเข้า ฉันก็ตั้งตารอคลิปผีๆ โลกนี้ต้องการอะไรแบบนั้นนะ” Stephen Moon “ไปให้พ้นเลย! เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนบ้าและถ้าคุณเชื่ออะไรแบบนี้ล่ะก็ งั้นคุณต้องไปนั่งภาวนาในมุมไหนสักที่แล้วล่ะ” Mohammed Ibrahim “ไม่เอาน่า นี่คุณจริงจังกับเรื่องนี้จริงดิ? เราอยู่ในศตวรรษที่ 21 แล้วนะเฮ้ย!! คุณยังเชื่อเรื่องบ้าบอแบบนี้อีกเหรอ?”   ล่าสุดพริตตี้สาวได้ออกมาชี้แจงผ่านหน้าเฟซบุ๊กของตัวเอง ยืนยันว่าอาการผีเข้าทั้งหมดที่ได้เห็น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง พร้อมกับบอกว่าทั้งหมดนี้คือเวรกรรมที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่อดีตชาติ แม้จะพยายามเข้ารับการรักษาแล้วแต่ก็ยังไม่หาย…

ในช่วงนี้คงไม่มีข่าวไหนโด่งดังไปกว่าข่าวของหญิงไก่ มณตา หยกรัตนากาญ อีกแล้วล่ะ เพราะมีการแจ้งความเท็จ เข้าไปพัวพันกับการค้ามนุษย์ และหมิ่นสถาบันตามมาตรา 112 เพราะแอบอ้างเป็นคุณหญิงนี่แหละ   แต่แล้วเรื่องนี้ก็ดันส่งผลให็นักร้องสาวอย่างหญิงลี ศรีจุมพลต้องเดือดร้อนไปด้วย เพราะล่าสุดเจ้าตัวถูกถามว่าเหตุใดถึงชื่อ “หญิงลี” หรือเธอแอบอ้างเป็นคุณหญิงหรือเปล่า? ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาชี้แจงผ่าน Instagram ว่าไม่ใช่ความจริง และไม่ได้แอบอ้างเป็นคุณหญิงแต่อย่างใด   หญิงลีโพสต์ข้อความว่า “วันนี้ถูกถามถึงชื่อหญิงลี! ว่าตั้งตนเป็นคุณหญิงหรือไม่? คำตอบคือไม่ค่ะ มีชื่อเล่นแต่เกิดว่าหญิง เพราะตาชื่อตาสิงห์ แม่ชื่อติ๋ง น้องแม่ชื่อน้ากิ้ง หนูจึงถูกตั้งชื่อว่าหญิง งานที่ชอบคือหมอลำซิ่ง ชื่อจริงคือนางสาว ธิดารัตน์ ศรีจุมพลค่ะ” “ซึ่งเมื่ออายุ 18 ปี ตั้งชื่อลำซิ่ง ว่า นุชลี เคยอยู่ค่ายเพลง MD จึงตั้งชื่อตัวเองว่า (หญิงลี) ค่ะ พื้นฐานครอบครัวคือลูกชาวนา ภูมิใจที่หญิงมีวันนี้ได้ด้วยลำแข้งและลำคอค่ะ” . . . .   สรุปว่าไม่ได้แอบอ้างเป็นคุณหญิง แต่ชื่อหญิงนะจ๊ะ ใครเข้าใจผิดก็เข้าใจเสียใหม่นะ ที่มา yinglee_lalla

เพื่อนๆ หลายคนคงเคยเห็นชายหนุ่มองค์กรต่างๆ ในต่างประเทศที่ออกมาทำการถ่ายรูปโชว์กล้ามเพื่อทำอะไรดีๆ ให้กับสังคมกันมาบ้างแล้ว อย่างเช่นนักดับเพลิงออกมาถ่ายแบบเพื่อหาเงินมาช่วยเหลือเด็กที่ยากไร้ เป็นต้น แต่หนุ่มไทยของเราก็ไม่น้อยหน้านะเออ ตอนนี้กระแสในโลกออนไลน์กำลังมีแคมเปญที่น่าสนใจซึ่งก็คือนำหนุ่มๆ นายร้อยมาถ่ายรูปโชว์กล้ามเพื่อหาบ้านให้กับน้องหมาจรจัด     โดยเป็นการร่วมมือของเพจชื่อดังที่มีชื่อเสียงหลายเพจดังต่อไปนี้ Supper, PickAPet4Home-Bangkok, Jaytherabbit,และ หนุ่มสาวนายร้อยสอยดาว ให้ความร่วมมือกันจนเกิดเป็นแคมเปญนี้ขึ้นมา และนอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนเสื้อผ้าสวยๆ จากเพจสินค้าแฟชั่นสัตว์เลี้ยง Devon & Drew จนได้ภาพออกมาแซ่บสุดๆ ทั้งมะหมา และนายแบบเลยทีเดียว     ซึ่งนายแบบแต่ละคนนั้นก็เป็นนายร้อยที่มาจากเพจ หนุ่มสาวนายร้อยสอยดาว ที่ต้องบอกเลยว่าแต่ละคนนี่มีหุ่นไม่แพ้นายแบบมืออาชีพเลยทีเดียว     เอาล่ะ หากเพื่อนๆ คนไหนอยากช่วยหาบ้านให้น้องหมาก็ทำการแชร์ภาพเหล่านี้ออกไปให้ชาวโลกได้รับรู้โดยทั่วกัน และถ้าใครสนใจอยากรับเลี้ยงน้องหมาก็สามารถติดต่อโดยตรงไปยังเพจต่างๆ ที่ #เหมียวหง่าว ได้เอ่ยชื่อไว้ที่ข้างบนได้เลยนะจ๊ะ   . . . . . . .   เป็นอย่างไรกันบ้างจ๊ะเพื่อนๆ ต้องขอบอกเลยว่านอกจากจะได้ชมภาพซิกแพ็คสวยๆ งามๆ ของชายในเครื่องแบบทั้งหลายแล้ว ยังได้ช่วยเหลือน้องหมาอีก เป็นแคมปญที่ดีไม่เบาเลยทีเดียวนะเนี่ย ^^ ที่มา : Jaytherabbit

เป็นหนึ่งคู่รักที่แฟนๆ ให้ความสนใจมากทีเดียว ระหว่างนักฟุตบอลดาวรุ่นเจ ชนาธิป และดาราสาวเมย์ พิชญ์นาฏ ที่แม้หน้าที่การงานจะต่างกันสักหน่อย แต่ทั้งคู่ก็บอกว่าไม่ได้เป็นปัญหาอะไร พร้อมยืดอกรับคำวิจารณ์ต่างๆ   วันนี้#เหมียวฟิ้นก็เลยจะขอพาเพื่อนๆ ไปชมโมเม้นต์น่ารักๆ ระหว่างพวกเขากัน ไม่ว่าจะพาไปเที่ยว ดูหนัง เล่นกีฬา หาหมอ ขอบอกเลยว่าดูไปมดไต่หน้าตาไปด้วยเลยทีเดียว   มีช่วงเวลาต๊องๆ ด้วยกัน   โทรหากัน น่ารักมาก   มีมุ้งมิ้งกันสองต่อสอง   กินข้าวด้วยกัน   ไปดูหนังด้วยกัน   ภาพแรกๆ ที่เราได้เห็นพวกเขาถ่ายรูปด้วยกัน   ไปหาหมอด้วยกัน   ไปเที่ยวกุ๊กกิ๊กกัน   หนุ่มเจแอบโพสต์รูปแฟนสาว น่ารักจริงๆ   เมย์ พิชญ์นาฏโพสต์รูปขณะสวมชุดเจ้าสาว แล้วติดแท็กไปยังเจ ชนาธิป เอ๊ะมันหมายความว่ายังไงกันน้าาา   เห็นคนรักกันแบบนี้ #เหมียวฟิ้นก็ยินดีด้วยนะ ได้แต่อวยพรให้ทั้งคู่รักกันไปนานๆ และส่งเสริมซึ่งกันและกันนะ ที่มา jaychanathip , maypitchy

มีให้เห็นไม่บ่อยนัก ที่เราจะได้เห็นดาราสาวในวงการบันเทิงไทยที่มีอายุเยอะ แต่ยังสามารถดูแลรูปร่างตัวเองได้สวยเช้งเหมือนกับวัยรุ่นได้ แต่ถ้าจะมีใครทำได้#เหมียวฟิ้นก็ต้องนึกถึงเธอคนนี้เลย อ๋อม สกาวใจ พูนสวัสดิ์   อ๋อม สกาวใจ เธอเป็นคนจากจังหวัดสุรินทร์ จบป.ตรีจากคณะมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง และป.โทจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เธอเป็นทั้งนักแสดงและพิธีกรที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่าเห็นสวยๆ แบบนี้ เธออายุเฉียดหลัก 4 แล้วนะเออ เพราะเธอเกิดวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2519 แต่ถึงกระนั้นเราก็ยังอึ้งกับรูปร่างสุดเป๊ะของเธอเหลือเกิน   เพราะทุกครั้งที่เข้าไปส่อง IG ของเธอ ก็มักจะเห็นรูปที่เธอใส่ชุดว่ายน้ำอยู่บ่อยครั้ง จนเกิดคำถามขึ้นในใจว่า “นี่ใช่คนอายุใกล้ 40 จริงดิ!?” ถ้าคุณอยากรู้ว่าทำไมเราถึงคิดแบบนั้น งั้นไปชมภาพจาก IG ของเธอกันเลย . . . . . . . . . . . . . . . .   เห็นแล้วแซ่บจริงๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่านี่คือภาพของผู้หญิงวัย…

เรียกได้ว่าตอนนี้เธอกลายเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์อย่างมากทีเดียว สำหรับพริตตี้สาว ปุ๋ย มินิ ที่ไปออกรายการปากโป้งมาเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมาแล้วดันมี “ผีปอบ” เข้าสิงเธอกลางรายการ เหนื่อยถึงคุณหนุ่ม กรรชัยต้องช่วยกันเอาพระออกมาไล่ผีกันจ้าละหวั่น   แต่ถึงเธอจะมีอาการแปลกๆ อย่างเช่นผีเข้าแบบนี้ ในชีวิตจริงเธอก็เซ็กซี่ไม่เบาเลยทีเดียว งั้นเราลองไปส่องภาพจากเฟซบุ๊กของเธอกัน ว่าในเวลาปกติ เธอแต่งตัวยังไง เซ็กซี่แค่ไหน? . . . . . . . . . . . . . . .   หากใครยังไม่ได้ชมคลิปผีเข้ากลางรายการ ลองไปดูได้ที่นี่เลย ใครอยากเผือก เอ้ย อยากส่องก็ตามไปดูกันได้ที่ ปุ๋ย มินิ เลยนะจ๊ะ ที่มา ปุ๋ย มินิ

เป็นอีกหนึ่งคู่รักที่ตอนแรกมีข่าวว่าแฟนคลับค่อนข้างจะแอนตี้พอสมควร สำหรับคู่รักของหนุ่มฮั่น อิสริยะ และไอซ์ ปรีชญา ที่ประกาศว่าเริ่มคบหาดูใจกันมาตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว   แต่ทั้งคู่ก็แสดงให้เห็นถึงความน่ารักแบบหนุ่มสาวเรื่อยมา เช่นหนุ่มฮั่นรับหน้าที่เป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวให้กับสาวไอซ์ หรือที่ควงกันไปงานแต่งของบี้และกุ๊บกิ๊บเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา   แต่ล่าสุดกลับมีกระแสว่าทั้งคู่เริ่มห่างๆ กันแล้ว เพราะในช่วงเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา ทั้งคู่ไม่มีการลงรูปคู่ด้วยกันเลย เอ๊ะนี่ห่างกันแล้วหรือว่าลืมติดแฮชแท็กกันแน่?   ภาพจากไอจีของสาวไอซ์จะเห็นได้ว่าไม่มีรูปหนุ่มฮั่นเลย   ฝั่งของหนุ่มฮั่นเองก็ไม่มีรูปของสาวไอซ์เช่นกัน   แถมยังมีข่าวลือออกมาอีกว่าสาวไอซ์ชอบไปเที่ยวกันน้องมาร์ช จุฑาวุฒิ ด้วย มันอะไรยังไงกัน!?   และเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 6 กรกฎาคม หนุ่มฮั่นก็ได้ไปร่วมงานอีเว้นของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่ง นักข่าวจึงสบโอกาสเข้าไปถามไถ่ถึงเรื่องดังกล่าว เจ้าตัวก็เลยตอบแบบชัดๆ ว่า “ผมว่าไม่น่าจะมีอะไรตรงนั้น คือตัวน้องไอซ์และมาร์ชเขารู้จักกันมาก่อน ทำงานด้วยกันอยู่แล้ว ผมว่าไม่น่าจะมีอะไร” “ช่วงนี้มันก็มีคำถามมากมายเข้ามาถามเรื่องผมกับน้อง ก็ตอบตรงๆ ว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ ยอมรับตรงๆ แบบลูกผู้ชายว่าช่วงนี้ผมไม่มีเวลาให้น้องเลย” .   เอ่ ที่หนุ่มฮั่นออกมาบอกว่าตอนนี้ไม่ค่อยมีเวลาให้ หรือจะเป็นการยอมรับแบบอ้อมๆ ว่าทั้งคู่ห่างกันแล้ว? หรือว่าทั้งคู่แค่ไม่มีเวลาให้กันเพราะงานยุ่งกันแน่ ยังไงก็ติดตามกันต่อไปนะจ๊ะ ที่มา hunz_iph , icepreechaya , thaich2

แรงไม่หยุดจริงๆ สำหรับละครแรงตะวัน ที่ออกฉายทางช่อง 3 ทุกวันพุธ-พฤหัส แต่ดูเหมือนว่าตอนล่าสุดจะกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของชาวเน็ตไปซะแล้วล่ะ เพราะในละครนั้นมีฉากการใช้ความรุนแรงในหญิงสาว แต่กลับได้รับคำชื่นชมจนมองข้ามความรุนแรงไป?   กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ทีเดียว เพราะเมื่อวันพุธที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีสมาชิกเว็บไซต์พันทิปที่ใช้นามแฝงว่าคุณ Nannielion ได้เข้ามาตั้งกระทู้ชื่นชมเกี่ยวกับละครแรงตะวัน ที่มีอั้ม อธิชาติ (รับบทนายภู)และชิปปี้ ศิรินทร์ ปรีดียานนท์ (รับบทเคท)แสดงนำ   โดยในเนื้อหากระทู้ได้พูดถึงละครแรงตะตอนที่ 6 ที่ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่การแสดงของพระนางเข้าขากันได้ดี ถึงพริกถึงขิง พร้อมกับแคปฉากที่นายภูกำลังจะบีบคอเคท และฉากที่นางเอกถูกขึงพืดอยู่กับพื้น ทำเอาแฟนๆ ถึงกับฟินจิ้นกระจาย . .   หลังจากที่ฉากละครนี้ออกอากาศไปได้ไม่นาน แฟนๆ ในเว็บไซต์พันทิปก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงชื่นชมการแสดงของอั้มที่ทั้งเถื่อนและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน พร้อมทั้งชื่นชมในการกำกับของคุณไก่วรายุฑ พร้อมทั้งชื่นชมในการกำกับของคุณไก่วรายุฑมที่ทำออกมาได้ลงตัวถูกใจแฟนๆ ละคร . . .     แต่เนื่องจากในช่วงนี้มีกระแสข่าวเกี่ยวกับคุณครูสาวคนหนึ่งที่ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตคาห้องพักของตัวเอง เกิดเป็นกระแสสะเทือนขวัญที่ชาวเน็ตต้องออกมารณรงค์ ข่มขืน = ประหาร ทำให้หลายๆ คนมองว่าความรุนแรงในละครเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนัก   ล่าสุดเฟซบุ๊กเพจ โจ๊กเกอร์ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า “หลายวันก่อนรณรงค์…

เชื่อว่าสาวๆ หลายคนต้องประสบกับปัญหาการเปิดขวดน้ำ ซึ่งขวดน้ำบางยี่ห้อดันทำมาแน่นหนาเกินไปจนไม่สามารถเปิดได้เอง จนต้องให้คนอื่นๆ ช่วยเหลือ แต่วันนี้ปัญหานั้นจะหมดไป ด้วยสุดยอดนวัตกรรมฝีมือของหนุ่มไทยชิ้นนี้ ที่จะทำให้เหล่าหญิงสาว ไม่ต้องเผชิญหน้ากับการเปิดขวดน้ำอันยากลำบากอีกต่อไป (บางรายอาจจะบิดจนกล้ามขึ้น ก็ยังเปิดไม่ออก)     ผลงานชิ้นนี้เป็นของคุณ Nuttapon Poncharernpong เขาได้ออกแบบอุปกรณ์ช่วยเปิดขวดน้ำขึ้นมา โดยมีลักษณะคล้ายกับที่เปิดขวดไวน์ ที่เจ๋งยิ่งกว่าขึ้น ผลงานชิ้นนี้ออกแบบและสร้างบนเครื่องพิมพ์สามมิติทั้งหมดเลยนะจ๊ะ     วิธีการใช้งานก็ไม่ยากเพียงแค่ครอบเจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้ลงไปบนฝาขวด แล้วก็หมุนเท่านั้นก็ใช้งานได้แล้ว     ลองชมคลิปนำเสนอของเขาดูดีกว่า   นอกจากนี้ ใครที่มีเครื่องพรินท์แบบ 3 มิติ ดูเหมือนว่าจะมีตัวอย่างไฟล์ให้ดาวน์โหลดกันในเว็บต้นฉบับด้านล่างด้วย นี่มันสุดยอดนวัตกรรมชัดๆ สาวๆ คนที่ไหนมักมีปัญหากับขวดน้ำ ต้องจัดซักอันแล้วล่ะ รับรองว่าไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นอีกต่อไป อิอิ!!! ที่มา thingiverse

กลายเป็นเรื่องราวความรักที่ชาวเน็ตกำลังแชร์อยู่ในโลกออนไลน์ขณะนี้เลย สำหรับเรื่องราวของคุณน้ำผึ้ง สาวไทยวัย 30 ปี จากจังหวดสุรินทร์ และแฟนหนุ่มดิมีเทรียส (หรือที่เธอชอบเรียกเขาว่า “สติ๊ก จ่อย หลวมหลอด”) ชาวฝรั่งเศสวัย 24 ปี     สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นคู่รักที่น่าอิจฉาก็เพราะว่าพวกเขาจดทะเบียนสมรสและย้ายกันมาใช้ชีวิตแบบบ้านๆ ที่สุรินทร์ นี่แหละ คุณน้ำผึ้งได้เล่าผ่านอัลบั้มภาพว่าพวกเขาชอบวิถีวิชีวิตแบบชนบท ช่วยกันปลูกพืชผัก และใช้ชีวิตแบบพอเพียง   คุณน้ำผึ้งเล่าว่าเธอเพิ่งจะจดทะเบียนสมรสกับแฟนหนุ่มเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของฝ่ายชายด้วย ถือเป็นของขวัญที่ดีมากๆ สำหรับเขาเลยก็ว่าได้ แม้ว่าฝ่ายชายจะย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในชนบทของเรา แต่เจ้าตัวก็ยังคงทำงานเดิมกับบริษัทฝรั่งเศสและแคนาดา ผ่านอินเตอร์เน็ตอยู่ จึงไม่ใช่ปัญหาอะไรที่เจ้าตัวย้ายมาอยู่ที่นี่ล่ะ   ตอนนี้คุณน้ำผึ้งได้วางแผนไว้ว่าจะจัดงานแต่งงานด้วยกัน 3 ที่ นั่นก็คือที่สุรินทร์บ้านเกิดของเธอ ที่ฝรั่งเศสบ้านของฝ่ายชาย และที่ภูเก็ต เพื่อเลี้ยงฉลองให้กับเพื่อนๆ ด้วย . . . . . . . . . . .   บางทีชีวิตก็แค่นี้ล่ะเนอะ ไม่ได้ใช้ชีวิตหรูหราเหมือนใคร แค่มีความพอใจกับสิ่งที่มี เท่านี้ความสุขก็บังเกิดแล้วล่ะ ที่มา Jessica…

ก่อนหน้านี้ เราเคยนำเสนอเรื่องราวของ “ม๊าเดี่ยว อภิเชษฐ์ เอติรัตนะ” ผู้ที่ได้โชว์ผลงานชุดแฟชั่นสุดเป๊ะปังของตัวเองลงในโลกโซเชียล จนกลายเป็นกระแสโด่งดังไปในชั่วข้ามคืน จนทำให้เธอได้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะเจ้าแม่แฟชั่นสุดแซ่บของเมืองไทย และนอกจากน้องม๊าเดี่ยวแล้ว ณ ตอนนี้เรายังมีหนุ่มน้อยบ้านนา ที่อยากจะขอตามรอยความแซ่บเหมือนกับรุ่นพี่ม๊าเดี่ยวเช่นกัน และเขาคนนั้นก็คือ…   กีกี้จูโน่นางฟ้าบ้านนา แฟชั่นนิสต้าคลื่นลูกใหม่ ที่ได้นำเสนอผลงานชุดแฟชั่นสุดอลังการ ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจากธรรมชาติ และสิ่งของรอบตัวผ่านอินสตาแกรม งานนี้ขอการันตีเลยว่าแจ่มไม่แพ้ม๊าเดี่ยวเลยละ     ด้วยความที่มีไอเดียสุดบรรเจิด บวกกับความคิดอันสร้างสรรค์ในการเนรมิตชุดแฟชั่นเก๋ๆ  จึงทำให้กีกี้จูโน่ ได้ใจบรรดาแม่ยกทางบ้านไปเต็มๆ เลยละ ลองไปชมผลงานของเขากันเลย     งานสตรอง งานกระสอบทราย เก๋ๆ   ชุดแฟชั่นที่ว่าแซ่บแล้ว ท่าโพสต์นั้นแซ่บยิ่งกว่า   งานดีมีคุณภาพต้นแบบชุดซีทรูขนานแท้   ชุดสวยๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผ้าม่านในห้อง ดูสวยเด่นเป็นสง่าเมื่อได้มาอยู่กลางท้องนาสีเขียว   ปัง ปัง ปัง!!   พฤกษาสุ่มไก่ อีกหนึ่งผลงานสุดอลังที่เจ้าแม่แฟชั่นระดับโลกยังต้องยกนิ้วให้   งานผัก งานเครื่องแกงก็มา   มุ้งเก่าๆ ที่นำมาเนรมิตให้กลายเป็นชุดราตรีสุดแซ่บ   มีความเก๋ไก๋มากกกก…

ช่วงนี้กระแสวินเทจย้อนยุคกำลังมาแรง จนหลายๆ คนเริ่มตามหาข้าวของเก่าๆ มาสะสม เพื่อย้อนรำลึกถึงวันวานในอดีต และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปดูสินค้าเก่าๆ ที่เคยมีขายในไทยเมื่อครั้งอดีตกาล ซึ่งถ้าใครเคยเห็นสินค้าเหล่านี้ตั้งแต่เด็กๆ ขอรับประกันเลยว่า ท่านอายุไม่น้อยแล้วนะ อิอิ ว่าแล้วก็ไปชมกันดีกว่า!!   ผงซักฟอกบรีสและแฟ้บรุ่นแรกๆ   ลูกอมฮอลล์   แชมพูหลากหลายยี่ห้อ   ชุดชั้นในแอปเปิ้ล   แป้งฮอลลีวูด   ชุดชั้นในหญิง   ยาสระผม   แป้งเด็ก   น้ำหอม   แป้งเด็ก   แป้งสำหรับสาวๆ   ยาสระผมยี่ห้อดัง   แป้งเย็น   น้ำยาย้อมผม รึเปล่า?   เข้าใจว่าเป็นผงซักฟอก   อันนี้คืออะไรหว่า ใครเกิดทันมั่ง   ยาสระผมสูตรเย็นมีมาตั้งนานแล้วนะ   เป็นไงล่ะ สารภาพมาซะดีๆ ว่าคุ้นเคยกับอันไหนบ้าง…

หลายต่อหลายครั้งที่เหล่าเหมียวมักจะนำเสนอข่าวคราวในการให้ความช่วยเหลือสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บบ้าง ได้รับการทารุณบ้าง มีทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งส่วนมากแล้วในแต่ละเคสก็จะเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมอย่างหมาและแมว อาจจะมีสัตว์ป่าหรือสัตว์ใหญ่อย่างม้าหรือช้าง เป็นต้น   แต่ในคราวนี้ต้องขอบอกเลยว่าเป็นอีกกรณีการให้ความช่วยเหลือสัตว์ที่น่าสนใจมากๆ อย่าง ตัวเงินตัวทอง ที่ใครๆ เห็นแล้วต่างก็รังเกียจมัน ไม่ว่าจะในแง่ของชื่อเอย หรือลักษณะนิสัยเอย ลักษณะร่างกายของมันเอย จึงทำให้มันเป็นสัตว์ที่ผู้คนไม่ใยดีซักเท่าไหร่   โดยเมื่อไม่นานมานี้เอง คุณ Jira Niyom ได้โพสต์เรื่องราวการให้ความช่วยเหลือตัวเงินตัวทองอาการปางตายตัวหนึ่ง มันถูกรถชนอยู่บริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งถ้าเป็นบุคคลทั่วไปก็อาจจะไม่ใส่ใจกับมัน ปล่อยให้มันตาย และรอให้ใครซักคนมาเก็บซากมันไปทิ้ง แต่สำหรับกรณีนี้เขาเลือกที่จะช่วยชีวิตมัน!!     เหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ระหว่างที่เขาเข้าเวรที่ป้อมหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล ตัวเงินตัวทองผู้โชคร้ายตัวนี้ก็ถูกรถเหยียบจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและนอนขวางถนนอยู่ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ เขาจึงเข้าไปเคลียร์การจราจรและพาตัวเงินตัวทองออกมาจากที่เกิดเหตุ     เมื่อลากมันขึ้นมาอยู่ริมทางเดิน ดูจากสภาพแล้ว อาการของมันปางตาย รอเพียงแค่เวลาที่จะหมดลมหายใจในอีกไม่นาน ถ้าปล่อยไว้แบบนี้มันคงไม่รอดแน่ๆ ถ้าหากจะพาไปรักษา ก็ไม่รู้ว่าจะพาไปรักษาที่ไหน เพราะส่วนใหญ่แล้วก็มีแต่รับรักษาสัตว์เลี้ยงอย่างหมาและแมว ไหนจะต้องคิดในเรื่องของค่าใช้จ่ายอีก เขาก็ได้แต่ยืนมองมันด้วยความเวทนา     แต่แล้วในที่สุดความสิ้นหวังในความมืดมิดก็สว่างขึ้นมาทันที เมื่อมีการแชร์เหตุการณ์ดังกล่าวไปในไลน์…

หากพูดถึงครกแล้ว เชื่อว่าคงไม่มีคนไทยคนไหนไม่รู้จัก ครกมีประวัติศาสตร์ในอารยธรรมแถบนี้มาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่าเป็นเครื่องครัวสามัญประจำบ้านของคนไทยเลยทีเดียว   ล่าสุดเฟสบุ๊กของคุณ Pan Malakul ได้โพสภาพห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเยอรมันนี ซึ่งในห้างนั้นมี “ครก” แบบไทยๆ ขายอยู่ แถมมีแพคเกจที่หรูหราเอาการ   โดยครกที่เห็นในภาพเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท ZWILLING บริษัทเครื่องใช้ภายในบ้านจากประเทศเยอรมันนี มีราคาอยู่ที่ชิ้นละ 26.95 ยูโร หรือราว 1,000 บาท เทียบกับในไทยแล้ว อยู่ที่อันละ 200-500 บาทเท่านั้น   เมื่อชาวเน็ตได้เห็นภาพดังกล่าว ก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย รวมทั้งตั้งข้อสงสัยว่าในไทยเองก็มีโรงงานทำครกดีๆ มากมาย แต่ทำไมไม่สามารถทำแข่งกับนานาชาติแบบนี้ได้   เราอาจจะคิดว่าครกนั้นเป็นของคนไทยโดยเฉพาะ แต่จริงๆแล้วนักวิทยาศาสตร์ มีการค้นพบหลักฐานของมนุษย์โบราณกว่า 35,000 ปีมาแล้ว ในพื้นที่หลายๆแห่งทั่วโลก   จริงๆ ถ้าข้าวของเราหลายอย่างทำดีๆ ก็น่าจะขายดีในระดับนานาชาตินะเนี่ย แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดเห็นอย่างไรบ้าง ลองแสดงความเห็นกันเข้ามานะเหมียววว ที่มา Pan Malakul

เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝนเต็มตัว…  แม้แต่กรุงเทพที่ว่าร้อน ก็ยังไม่วายเจอกับปัญน้ำรอการระบายอีก ดั่งเป็นคำพูดเปรยๆ ออกมาว่า ฝนตกว่าแย่แล้ว เมื่อเป็นดังนั้น ชาวทวิตเตอร์ก็เลยร่วมกันระบายความรู้สึกผ่าน #ฝนตกว่าแย่แล้ว แชร์ประสบการณ์ที่แย่ยิ่งกว่าฝนตกซะอีก!! #ฝนตกว่าแย่แล้ว แต่เxือกมีเรื่องที่แย่ยิ่งกว่า จะมีอะไรแย่ไปกว่าการเจอฝนตก มาดูกันได้เลย!!   . . . . . . . . . . . . . . .   เป็นไงละครับ แฮชแท็กแต่ละคนพีคยิ่งกว่า…  ถึงฝนจะตกฟ้าจะร้องแต่ของบอกว่า… (หาข่าวมาเขียนนั้นแย่ยิ่งกว่าาาาาา) ฮร่าาาา เอาเป็นว่ายังมีความพีคอีกเยอะแยะมากมายเลย ไปติดตามกันได้ในทวิตเตอร์ผ่าน #ฝนตกว่าแย่แล้ว กันได้เลยจ้า ที่มา : Twitter

จริงๆ แล้วสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ในบ้านเรานั้นมีอยู่มากมายหลายที่ และแน่นอนว่า ‘เชียงใหม่’ เองก็เป็นสถานที่ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งภูเขา ป่าไม้ วัฒนธรรมประเพณี ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมือง และสถาปัตยกรรมที่สวยงดงาม ทำให้ใครหลายๆ คนอยากลองมาเยี่ยมชมให้เห็นกับตาตัวเองสักครั้งหนึ่ง และวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมภาพของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเมืองเชียงใหม่ ที่ ทางเพจ KT Traveler ได้ไปเยี่ยมชมมา และแต่ละภาพเขาใช้แค่ ‘กล้องสมาร์ทโฟน’ ถ่ายมาเท่านั้น แต่กลับออกมาดูสวยราวกับใช้กล้องโปรยังไงยังงั้นเลย!!   1. ดอยม่อนแจ่ม   2. วัดต้นเกว๋น หรือวัดอินทราวาส เป็นวัดที่สร้างด้วยไม้เป็นสถาปัตยกรรมโบราณของชาวล้านนา   3. วัดเจดีย์หลวง   3. อีกมุมหนึ่งของวัดเจดีย์หลวง   4. ผาช่อ ในอุทยานแห่งชาติแม่วัง   5. ไร่ชาบนดอยอ่างขาง   6. ไร่นาขั้นบันได ที่บ้านป่า บง เปียง   7. รีสอร์ทที่สร้างจากไม้…

เมื่อประมาณเที่ยงของวันที่ 25 มิถุนายนนี้ ได้มีการแชร์ภาพสุดแสนน่ารักของเด็กญี่ปุ่นที่สนามบินเชียงใหม่ เมื่อพวกเขานั่งอ่านหนังสืออย่างเป็นระเบียบ แถมยังไม่มีใครเล่นมือถือเลย ภาพเหล่านี้ถูกโพสต์โดยคุณ Burachai Sonthayanon ซึ่งบรรยายในภาพว่า “เด็กญี่ปุ่น รอขึ้นเครื่อง อ่านหนังสือกันหมด ไม่มีใครเล่นมือถือ ภาพนี้ขอก๊อปเพื่อนในไลน์มา ถ่ายที่สนามบินเชียงใหม่ ทำไงเด็กไทยจะสนใจอ่านหนังสือมากเท่าเขา ?” หลังจากโพสต์ไปไม่นาน ก็ได้มีการแชร์ออกไปมากมาย จนตอนนี้ยอดแชร์สูงถึง 6,500 ครั้งแล้ว . . .   จากการสอบถามไปยังพนักงานที่ทำงานอยู่ที่นี่ มีเด็กญี่ปุ่นประมาณครึ่งเครื่องบิน ต่อแถวเข้าไปอย่างเป็นระเบียบ แต่ละคนก็น่ารักมากๆ จากประสบการณ์ที่เคยไปญี่ปุ่น เด็กที่นั่นเขาไม่ค่อยติดมือถือเท่าไหร่ เวลาขึ้นรถไฟก็มีไม่กี่อย่าง ถ้าไม่อ่านหนังสือก็หยิบเครื่อง 3DS มาเล่น ซึ่งไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูจริงจังไปหมด นี่ก็เป็นเหตุการณ์น่ารักๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเรา ซึ่งหลายคนก็มองเป็นเรื่องที่แปลก เพราะเด็กบ้านเราเดี๋ยวนี้ติดมือถือ แท็ปเล็ตกันหมด น้อยครั้งที่จะเห็นเด็กๆ อ่านหนังสือจริงจังกันแบบนี้ ที่มา Burachai Sonthayanon

เป็นข่าวฉาวขึ้นมาอีกแล้วกับ ไปรษณีย์ไทย หลังจากที่มีชาวเน็ตเฟซบุ๊คออกมาโพสต์ข้อความหลังใช้บริการส่งไปรษณีย์แล้วพบว่า ของที่อยู่ข้างในกล่องพัสดุและเงินที่ทำการชำระจากปลายทางถูกขโมยไป!? เรื่องมีอยู่ว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ พรทิพา สุพัฒนุกูล ที่เป็นเจ้าของกิจการร้านขายน้ำสมุนไพร ได้ทำการโพสต์รูปภาพและข้อความเล่าถึงเหตุการณ์ที่ตนเองและลูกค้าของตนได้พบเจอมา   เธอล่าว่ามีลูกค้าเป็นคุณลุงท่านหนึ่ง ได้ทำการสั่งซื้อน้ำสมุนไพรและรับของที่ไปรษณีย์ปากคลอง ด้วยการชำระเงินที่ปลายทาง หลังจากที่ชำระเงินแล้วก็นำพัสดุกลับไปที่บ้านเปิดดูก็พบว่ามีแต่ก้อนหิน แต่ยังโชคดีที่ยังพบหลักฐานเด็ดเพื่อมัดตัวหัวขโมย   เป็นบิลค่าไฟที่บอกชื่อ-ที่อยู่ชัดเจนของพนักงานไปรษณีย์คนหนึ่ง คุณลุงจึงเข้าไปติดต่อสอบถามกับไปรษณีย์แต่กลับถูกบอกขอร้องอย่าเอาเรื่องเพราะรู้ตัวคนทำแล้ว และจะดำเนินการให้ และพร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง   นอกจากนี้เธอยังเปิดเผยอีกว่าเงินที่ลูกค้าจ่ายที่ปลายทางนั้นมักจะส่งมาถึงช้า บางครั้งก็เป็น 1-2 เดือนเลยทีเดียว ต้องคอยโทรจี้ตลอดเวลาถึงจะได้ เหมือนกับว่าเขาเอาเงินไปหมุนก่อนยังไงยังงั้นแหละ . .   และล่าสุด ทางไปรษณีย์ก็ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยบอกว่าพวกเขาไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับขออภัยสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   ตอนนี้ก็ได้ทำการย้ายพนักงานที่เกี่ยวข้องไปช่วยงานที่ไปรษณีย์จังหวัด และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย หากพบว่าผิดจริง จะมีการลงโทษสถานหนักต่อไป… พอเห็นเหตุการณ์นี้แล้วเพื่อนๆ ชาวเหมียวของเรามีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง?? ก็สามารถแสดงความคิดเห็นกันเข้ามาได้เลยนะจ๊ะ ^^ ที่มา : พรทิพา สุพัฒนุกูล

วันนี้ #เหมียวหง่าว ไปเจอกระทู้ตั้งคำถามในพันทิปของคุณ สมาชิกหมายเลข 2629576 ชื่อกระทู้ว่า “เคยใช้เงินไปกับอะไร แล้วคิดว่ามันไร้ประโยชน์ที่สุด?”  ก็เลยฉุกคิดขึ้นมาว่า มีหลายครั้งที่เราเก็บเงินกันมาแทบตาย จู่ๆ ก็เผลอซื้ออะไรไปโดยที่ไม่ได้คิดเหมือนกัน บางทีซื้อซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้งานซะงั้น สิ้นเปลืองเงินไปโดยเปล่าประโยชน์   ซึ่งแน่นอนว่าก็มีผู้คนให้ความสนใจเข้ามาแชร์เรื่องราวของตัวเองมากมาย จะมีอะไรบ้างนั้นลองไปชมกันได้เลย…   คอนเม้นท์จากคุณ สมาชิกหมายเลข 2729607 “นานมาแล้ว เคยไปเที่ยวคั่วน้องนักร้อง ประชดแฟน กว่าจะคืนดีกันได้ หมดไปหลายตังค์เหมือนกัน หึหึ… ดื่มเพื่อลืมเธอ….”   คอมเม้นท์จากคุณ สมาชิกหมายเลข 2826259 “โมเดลเครื่องบิน หมดไปครึ่งแสน ตอนหลังคิดได้เลยขายทิ้งได้เงินกลับมาสองหมื่นกว่า สรุปขาดทุนไปเกือบๆสามหมื่น ตอนนี้เริ่มมาบ้า Gunpa โมเดลกันดั้ม แต่เพิ่งมีตัวเดียว พยายามห้ามใจตัวเองอยู่ไม่งันมีหวังหมดเงินอีกเยอะ ช่วงนี้เลยเข้าไปดูชาวบ้านเขารีวิวเอา”   คอมเม้นท์จากคุณ คุณแม่มาเฟีย “ปีที่แล้ว เราไปดัดผม ครั้งแรกจ่ายไป 2,000 แล้วไม่ได้ดั่งใจ เลยตัดสินใจดัดอีกครั้ง 5,000 มาตอนนี้ รู้สึกไร้สาระมากๆ ฉันเสียค่าดัดผมไป 7,000″   คอมเม้นท์จากคุณ สมาชิกหมายเลข 719831 “อาหารสด…

‘มารยาท’ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารในร้านอาหาร การใช้บริการขนส่งสาธารณะ หรือ การดูหนังที่ฉายในโรง ควรมีความเกรงใจต่อผู้อื่นที่มาใช้บริการร่วมกับเราด้วย แต่ก็อย่างว่า คนเราเกิดมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน ย่อมมีคนที่มักจะทำตัวไร้มารยาทอยู่ในสังคมร่วมกับเราอยู่ไม่น้อยเลย   อย่างล่าสุดก็มีเหตุการณ์ที่ชาวเน็ตเฟซบุ๊ครายหนึ่งได้ประสบพบเจอมาในโรงหนัง โดยเธอซื้อตั๋วเข้าไปชมหนังเรื่อง The Conjuring 2 แต่ดันต้องมาหัวเสียเพราะเจอกับคนไร้มารยาท ทำให้ทนไม่ไหวลุกออกไปทั้งๆ ที่ยังไม่จบเรื่อง จึงได้เก็บภาพและเอามาโพสต์ระบายความอัดอั้นตันใจ   โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า พบกลุ่มชาย 3-4 คนส่งเสียงดังมาก ดังกว่าเสียงหนังซะอีก แถมตอนฉากที่เงียบก็ส่งเสีย แฮ่!! ให้คนอื่นตกใจกลัว ยังไม่พอมีการเอาเท้าไปพาดบนเบาะที่นั่งด้านหน้า ซึ่งแถวนั้นมีคนนั่งถัดไปจากเบาะที่เอาเท้าพาดอีก 2 ที่นั่ง มีคนส่งเสียงเตือน จุ๊ๆๆ ก็ยังไม่หยุด นอกจากนี้หนึ่งในนั้น ก็เล่นโทรศัพท์มือถือโดยไม่ปิดเสียงแจ้งเตือน ดังทั้งเสียงปุ่มกด โทรศัพท์เข้า และเมจเสจเด้ง มาเต็ม แถมแสงจากหน้าจอก็สว่างจ้าอีกด้วย ถักมาข้างๆ เธอก็มีคู่รักหญิงชายนั่งซ้อนกันบนเบาะเดียว พร้อมกับจูบปากกันเป็นระยะๆ (โอ้วหมายก้อดดด) และสุดท้ายเจ้าของโพสต์ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า ฝากถึงคนทั้งหลายที่รู้ตัวว่าไม่พร้อมที่จะดูหนังร่วมกับผู้อื่น เป็นเวลา 2 ชั่วโมง ก็ให้ดูอยู่ที่บ้านจะดีกว่า เพราะคนอื่นที่มาดูเค้าเสียเงินมาดูเพื่อพักผ่อนจากการทำงานนที่เหน็ดเหนื่อย และต้องการใช้สมาธิในการดู…

ต้องบอกเลยว่าการลักเล็กขโมยน้อยนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเอาซะเลย เพราะนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังสร้างความเสียหายให้กับผู้อื่นอีกต่างหาก ฉะนั้นน้องๆ หนูๆ ไม่ควรทำกันนะจ๊ะ   ซึ่งล่าสุดร้านเกม Nook Net ในจังหวัดปทุมธานีเองก็เพิ่งเป็นผู้เสียหายมาหยกๆ จากความมือบอนและมักง่ายของเหล่าเกมเมอร์แย่ๆ บางคน ที่ทำการลักขโมยอุปกรณ์ของทางร้านไป จากงานการแข่งขันเกมออนไลน์แนว FPS ชื่อดังอย่าง Spacial Force นั่นเอง การแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 18-19 มิถุนายน โดยทางร้านเป็นผู้จัดขึ้นมาเองและใช้ที่ร้านเป็นสถานที่ในการจัดแข่ง     ซึ่งก็ทำให้มีผู้ที่ให้ความสนใจเข้ามาสมัครแข่งมากมาย จนมีคนเข้ามาแน่นร้านเลยทีเดียว ลองไปชมภาพบรรยากาศกันเลยดีกว่า . . . .   หลังจากการแข่งขันวันแรกจบลงไป ก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อพบว่าอุปกรณ์ของเครื่องที่ใช้ในการแข่งขันได้สูญหายไปเป็นจำนวนมาก ทั้งหูฟัง คีย์บอร์ด เม้าส์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบว่ามีการแงะ ‘ปุ่ม’ ของคีย์บอร์ดออกไป ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายถึง 20 แป้น ด้วยกัน   เท่านั้นยังไม่พีคพอ เพราะทางร้านแจ้งว่ามีคนเอาคีย์บอร์ดอันเก่ามาสับเปลี่ยนกับของทางร้านที่เป็นของดีราคาแพงไปอีกด้วย!! (โอ้โห อะไรจะใจดีขนาดน๊านนนน!!)   และตอนนี้ทางร้านก็ได้ออกมาประกาศทางหน้าแฟนเพจเฟซบุ๊ค ว่าได้ทำการเปิดกล้องวงจรปิดและแคปหน้าจอคนร้ายไว้หมดแล้ว…

ไม่รู้ว่ามีใครพอจะคุ้นหน้าคุ้นตาพ่อหนุ่ม Jack Brown ในโลกออนไลน์บ้างหรือเปล่า เขาคือฝรั่งผู้หลงรักเมืองไทย เดินทางมากินมาอยู่ที่นี่และมีสุนัขคู่ใจที่ชื่อเจ้า Chester จนตอนนี้มีคนกดติดตามเขาแล้วเกือบ 3 แสนคน   ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา นาย Jack Brown ได้โพสต์คลิปวิดีโอเกี่ยวกับการให้บริการของรถแท็กซี่ในจังหวัดภูเก็ต ที่คิดค่าบริการในอัตราที่ค่อนข้างแพง วิ่ง 1 กิโลเมตร ในเวลาไม่ถึง 2 นาที โดนไป 200 บาท จนเจ้าตัวงงว่าทำไมถึงแพงขนาดนี้? นาย jack ได้พูดไว้ในคลิปวิดีโอว่า “ตอนนี้ผมกำลังจะกลับโรงแรมนะครับ จากนี้ประมาณ 1 กิโล จะให้ดูว่าแท็กซี่ที่นี่มันแพงแค่ไหนครับ   ชมคลิปวิดีโอได้ที่ด้านล่างเลย (ใครดูไม่ได้กดเบาๆ ที่นี่เลยนะ) เกิดอะไรขึ้นกับแท็กซี่ที่ภูเก็ต??เกิดอะไรขึ้นกับแท็กซี่ที่ภูเก็ตทำไมถึงได้แพงเว่อร์ขนาดนี้ ใครมีอำนาจลงมาดูแลหน่อยดีมั้ย เงินเข้ากระเป๋าใครหมดเนี่ย นั่งให้ดูในคลิปนั่งไม่ถึง2นาที ไม่ถึง1กิโล โดนไป200 รบกวนพลังโซเชียล ช่วยกันแชร์ เพื่อจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นบ้าง โพสต์โดย Jack Brown บน 18 มิถุนายน…

นับวันจะยิ่งพัฒนาไปไกลทีเดียว สำหรับเจ้าแม่แฟชั่นเลือดใหม่อย่างน้องม๊าเดี่ยว อภิเชษฐ์ เอติรัตนะ ที่เราเคยสัมภาษณ์เธอไปเมื่อช่วงปลายปี 2015 ซึ่งเธอบอกกับเราว่า “ความฝันหนึ่งเดียวของหนูเลย ก็คือการทำงานทางด้านแฟชั่นค่ะ” และปัจจุบันเธอก็ได้ทำตามฝันจริงๆ   หลังจากนั้นพวกเราก็ได้เห็นผลงานความคิดสร้างสรรค์ของน้องม๊าเดี่ยวเรื่อยมา ทั้งทางโลกออนไลน์และบนจอโทรทัศน์ และเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เธอก็ได้ไปออกรายการ Asia’s Next Top Model ด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของเธอเลย แถมเร็วๆ นี้เธอจะมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองด้วยนะ   ถือว่าตอนนี้น้องม๊าเดี่ยวเดินทางตามฝันมาได้ไกลมากเลยทีเดียว สำหรับระยะเวลาเพียง 1 ปีที่เธอแจ้งเกิดในวงการแฟชั่น จากการหยิบวัสดุ เสื้อผ้าเล็กๆ น้อยๆ มาผสมผสานกัน จนตอนนี้เธอได้อัพเกรดตัวเองมาใส่เดรสหรือเสื้อผ้าหนังหรูๆ แล้ว เราลองไปชมกันดีกว่า ว่าแฟชั่นเช็ตล่าสุด เธอมีสไตล์การแต่งตัวยังไงบ้าง? . . . . . . . . . .   เราก็ได้แต่ติดตามเฝ้ามองความเป็นไปของน้องอยู่ห่างๆ และหวังว่าเธอจะไปได้ไกลกว่าที่หวังเอาไว้นะ นี่แหละ เน็ตไอดอลที่เราควรดูเป็นแบบอย่าง ที่มา @madaewzii2542

เพื่อนๆ หลายคนคงจะรู้กันอยู่แล้วว่าการกระทำความผิดย่อมเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย และเป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครก็ไม่ควรกระทำ ยิ่งการก่ออาชญากรรมด้วยยิ่งแล้วใหญ่ ผู้กระทำผิดส่วนมากมักจะรู้สึกผิดต่อสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไปหลังจากที่ถูกจับได้ แต่ไม่ใช่กับนักท่องเที่ยวสาวชาวสิงคโปร์ 2 คนนี้แน่นอน เพราะพวกเธอได้ทำการขโมยเสื้อผ้าในร้านค้าที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังและถูกจับได้ แต่กลับไม่แสดงความรู้สึกผิดใดๆ แม้แต่น้อย แถมยังแสดงอาการดี๊ด๊ามีความสุขแบบสุดๆ ให้เห็นอีกต่างหาก     เรื่องมีอยู่ว่าผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อว่า Auk Thanima ได้ทำการโพสต์ภาพและข้อความของหญิงสาวชาวสิงคโปร์ที่ทำการขโมยสินค้าและถูกจับได้พร้อมหลักฐานคามือ แต่พวกเธอกลับไม่มีท่าทีสำนึกแต่อย่างใด… โดยให้แคปชั่นว่า… “วันที่ 16 มิถุนายน 2559 สถานที่ ศูนย์การค้า Platinum fashion mall หญิงชาวต่างชาติจากประเทศ Singapore 2คนนี้ถูกจับได้พร้อมหลักฐาน จากการขโมยสินค้าจากร้านค้าในห้างนี้ ถึงแม้ทางร้านจะเรียกค่าเสียหายเป็นเงินค่าปรับแลกกับสินค้าที่ถูกขโมยไป แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจมากที่สุด คือหลังจากที่หัวขโมยถูกจับได้ นางกลับ ไม่มีท่าทีสำนึกผิดในสิ่งที่ได้ทำลงไปแม้แต่นิดเดียว กลับมองเป็นเรื่องสนุก ตลกขบขัน กับการกระทำที่ถือได้ว่าเป็นอาชญากรรม น่าอับอายจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากประเทศที่คนมีการศึกษาดี และกฏหมายลงโทษที่รุนแรงชัดเจน”   . . . .   แน่นอนว่าเมื่อเรื่องนี้ถูกแชร์ออกไปก็ทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกัน… บ้างก็แซะเรื่องความรุนแรงและความเด็ดขาดของกฎหมายบ้านเรา บ้างก็สันนิษฐานว่าผู้ต้องหาคงจะสติไม่ดีกระมัง บางคนก็ไม่เข้าใจว่าจะลั้นลาอะไรกันขนาดนั้น   แล้วเพื่อนๆ…

กลายเป็นประเด็นร้อนบนอินเตอร์เน็ตเลยทีเดียว สำหรับเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่ซื้อโต๊ะไม้มาตกแต่งบ้าน แต่กลับได้ของแถมฟรีๆ เป็น ‘ปีเตอร์’ เกือบร้อยตัว เล่นเอาสยองถึงขั้วหัวใจ!!!   งานหยาบมากคะ ! #ซื้อโต๊ะเล่นไพ่มาแต่กลับได้รังแมลงสาบมาแทน ( จากร้านขายเฟอร์นิเจอร์ในห้างดัง ) เค้าพึ่งมาส่งให้วันนี้ตอน… โพสต์โดย Hanna Zadiie บน 16 มิถุนายน 2016   เรื่องราวดังกล่าวเป็นของคุณ Hanna Zadiie เธอเล่าว่า เธอซื้อโต๊ะไม้จากห้างดังแห่งหนึ่งซึ่งทางห้างก็นำมาส่งที่บ้านตามปรกติ แต่หลังจากที่เธอออกบ้านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง พอกลับมาถึงกลับพบว่ามีแมลงสาบหลายสิบตัววิ่งอยู่บนโต๊ะตัวนั้น เมื่อเห็นดังนั้น เธอกับสามีจึงรีบนำยามาฉีด ปรากฎว่ามีแมลงสาบอีกเกือบ 50 ตัววิ่งออกมาจากในโต๊ะ และวิ่งแตกกระจายไปอยู่ในที่ต่างๆ ในบ้าน   “งานหยาบมากคะ ! ‪#‎ซื้อโต๊ะเล่นไพ่มาแต่กลับได้รังแมลงสาบมาแทน‬ ( จากร้านขายเฟอร์นิเจอร์ในห้างดัง ) เค้าพึ่งมาส่งให้วันนี้ตอนบ่ายสภาพสวยงามปกติดี แต่… หลังจากนั้นเราก็ออกไปกินข้าวข้างนอกแล้วก็กลับบ้านมาประมาณ 3 ทุ่ม เปิดประตูเข้ามา ตกใจเชี้ยยยยย. แมลงสาบขึ้นมาอยู่บนโต๊ะเกิน 30 ตัว แล้วเราก็ช่วยกันเอายาฆ่าแมลงสาบฉีดเข้าไปในโพลงโต๊ะ งานหยาบสุดคือ มันวิ่งออกมาอีกเป็น…

ถือว่าเป็นสัตว์ที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศไทยอยู่แล้ว สำหรับตัวเงินตัวทองหรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า “ตัวเหี้ย” ล่าสุดชาวเน็ตได้แห่แชร์ภาพตัวเงินตัวทองไซส์โครตบิ๊กเบิ้ม กำลังพยายามเปิดประตูบ้าน เห็นแล้วน่าขนหัวลุกเป็นอย่างยิ่ง ภาพดังกล่าวถูกถ่ายโดยคุณ Aristocat Duchess ซึ่งสิ่งที่เราเห็นคือ มีตัวเงินตัวทองขนาดใหญ่(มาก) กำลังพยายามเปิดประตูบ้าน โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง   โอ้โห ตอนเด็กๆ พ่อแม่ให้กินอะไรเนี่ย ทำไมตัวใหญ่ขนาดนี้!!   ต่อมาหลังจากภาพถูกแชร์ไปเป็นจำนวนบ้าน ทางเจ้าของบ้านตัวจริง ก็ได้นำคลิปวีดีโอตัวเห้ตัวนี้มาอัพโหลดขึ้นเฟสบุ๊ค เพื่อให้ชาวเน็ตได้ชมกัน ลองไปชมกันดีกว่า (ใครที่ดูไม่ได้คลิกตรงนี้เลยนะจ๊ะ)   เหี้ยส่องกระจก น่ารักจัง Aristocat Duchess Anamika Thaiyuenwong Noong-noong Pimpitcha โพสต์โดย Attanai Thaiyuanwong บน 12 มิถุนายน 2016   เมื่อเห็นทั้งภาพทั้งคลิปแล้ว ชาวเน็ตเค้าว่ายังไงกันบ้างนะ . . สงสัยพืชพันธุ์ธัญญาหารจะอุดมสมบูรณ์ ถึงได้ออกมาตัวใหญ่ขนาดนี้ แต่ถ้าเป็น #เหมียวอ๊อดโด้ เจอแบบนี้นะ รับรองว่าช็อคเป็นลมตายตรงนั้นแน่นอน จะใหญ่อะไรเบอร์นั่น ฮาาา ที่มา Attanai Thaiyuanwong