Category: รวมเรื่องมหัศจรรย์

สำหรับเส้นทางรถไฟฟ้าในตัวเมืองโดยปกติแล้วเราก็คงจะแค่มองผ่านๆ หรือจำเส้นทางที่เราจะไปเพียงเท่านั้น เพราะว่าถ้าจะให้จำได้หมดก็คงจะไม่ไหว เพราะมันมีหลากหลายเส้นทางเยอะแยะไปหมด แต่เราเคยคิดกันไหมว่าเส้นทางเหล่านี้พอดูดีๆ มันกลับสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ!! ศิลปินชาวอเมริกันนามว่า Peter Dovak ก็คงจะมองเห็นในจุดนั้นเช่นกัน เขาจึงได้จัดการนำภาพเส้นทางรถไฟสายต่างๆ ของแต่ละหัวเมืองทั่วทุกมุมโลกมารวมเป็นภาพกราฟฟิกสุดมินิมอลในสไตล์ของเขา     ภาพดังกล่าวมีชื่อผลงานว่า 220 Mini Metros ซึ่งเป็นการรวมเส้นทางรถไฟจากทุกมุมโลกไม่ว่าจะเป็นเมืองเล็กเมืองใหญ่ หรือแม้แต่เมืองที่มีเส้นทางเดียวเขาก็ยังหยิบมาอยู่ในผลงานนี้ด้วย นอกจากนั้นใครจะเชื่อว่าพอมองดีๆ แล้วภาพเส้นทางรถไฟของบางเมืองดูเป็นระเบียบกว่าที่คิดแถมยังสวยงามสุดๆ แม้จะมีเส้นทางเยอะแยะมากมายก็ตาม   สำหรับกรุงโซลที่แม้จะมีเส้นทางมากมายซะเหลือเกิน ดูยุ่งเหยิงพอสมควร แต่พอดูในแผนที่จริงๆ แต่ละเส้นสายก็จะมีระยะทางที่ห่างกันพอดูจนลบจุดดังกล่าวออกไปได้   ทว่าในส่วนของเมืองโตเกียวที่แม้จะมีเส้นทางเยอะเช่นกัน แต่จะเห็นได้ว่าเส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นเส้นทางที่ดูมีระเบียบและไปในทิศทางที่คล้ายๆ กัน   เมืองใหญ่อย่างปารีสที่มีการวางผังเมืองมาอย่างดี   สำหรับเซี่ยงไฮ้ จะเห็นว่ารถไฟเกือบทุกสายจะมีปลายทางที่มาจากนอกตัวเมืองและหมุนมาบรรจบกันที่ใจกลาง   ทางด้านปักกิ่ง ตัวเส้นทางรถไฟจะเน้นเป็นการทำมุม 45 องศาเสียส่วนใหญ่ และมีบางสายที่เป็นเส้นตรงยาวๆ   ทว่าสำหรับเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์ก เส้นทางกลับไม่ได้วนอยู่แค่ภายในเมือง แต่เป็นการกระจายไปทั่วและเส้นทางแต่ละสายก็จะยาวมากๆ   ทางด้านมาดริดก็ดีไม่แพ้กัน เส้นทางรถไฟของเมืองนี้จะมีทั้งเส้นขาออกไปนอกตัวเมืองหรือวนเวียนอยู่ภายใน และมีการอธิบายเส้นทางต่างๆ ที่เข้าใจได้ง่าย   ลอนดอนคืออีกหนึ่งเมืองหลวงที่มีผู้คนมากมาย จึงไม่แปลกที่เส้นทางในเมืองนี้จะมีให้เลือกหลากหลาย   ปิดท้ายด้วยมอสโควที่ผังทางรถไฟสุดยอด…

สำหรับคนทั่วๆ ไปแล้วหลังจากการซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัยสักแห่ง เมื่อเราได้เป็นเจ้าของแล้วที่แห่งนั้นก็จะกลายเป็นที่ของเรา แน่นอนว่าเราก็อยากจะตกแต่งมันให้เข้ากับสไตล์ที่เราชื่นชอบอย่างการทาสีห้อง แปะวอลเปเปอร์ หรือตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในส่วนของ Lauri Svedberg ก็รักในการแต่งบ้านเช่นกัน แต่อาจจะต่างไปจากที่แนวที่หลายคนเห็นได้บ่อยๆ เพราะเธอชื่นชอบในธรรมชาติและผืนดิน ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่แต่งบ้านให้เหมือนกับใครๆ โดยเธอเริ่มมันเริ่มตั้งแต่เมื่อปี 1979 ตอนที่เธอซื้อบ้านที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองมินนีแอโพลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา     สภาพภายในบ้านที่เธอตั้งใจตกแต่งให้สวย   บ้านของเธอเป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่สร้างในปี 1912 ประกอบด้วย 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำเท่านั้น แต่เธอก็คิดว่าจะปล่อยให้บ้านของตัวเองเป็นแบบนั้นไม่ได้ เธอจึงใช้เงินเดือนจากการเป็นครูของเธอมาเริ่มจัดการตกแต่งบ้านของตัวเอง ส่วนวิธีที่เธอใช้นั้นต้องบอกว่าสุดยอดและยอมในความพยายามของเธอเลย เธอใช้เพียงก้อนอิฐ ก้อนหิน และปืนกาวในการสร้างและตกแต่งบ้านของเธอเท่านั้น ลองจินตนาการบ้านที่ถูกตกแต่งด้วยวิธ๊ดังกล่าวและทำด้วยมือของคนคนเดียวดูสิ มันสุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ!?     เธอใช้เวลากว่า 35 ปีไปกับการตกแต่งบ้านของเธอด้วยปืนกาว บรรจงตกแต่งก้อนหินสวยๆ ที่ทั้งเก็บรวบรวมและซื้อจากที่ต่างๆ ให้อยู่ในทุกส่วนของตัวบ้าน แถมยังเปลี่ยนพื้นที่ข้างนอกเป็นสวยให้ดูสวยงามและน่าอยู่มากขึ้น ด้วยผลลัพท์ที่ออกมานั้น ก็คงจะเรียกว่าน่าพึ่งพอใจสำหรับเธอแล้วล่ะ…     ภาพของการตกแต่งบริเวณหน้าต่างของบ้าน   สวนภายนอกบ้านของเธอ . . .  …

ใครที่ชอบกินนูเทลล่าเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะเอาไปทาขนมปัง หรือจะเอานิ้วจิ้มแล้วดูดเฉยๆ คงต้องบอกว่านี่คือข่าวดีของแฟนๆ นูเทลล่าทั่วโลกเลยล่ะ โดย Nutella Café อย่างเป็นทางการสาขาแรกสุดคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะตั้งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Chicago’s Millennium Park Plaza   แบบแปลนตัวอย่างของนูเทลล่าคาเฟ่ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต   Noah Szporn หัวหน้าฝ่ายการตลาดนูเทลล่าให้สัมภาษณ์ว่า ‘เราต้องการจะเสิร์ฟประสบการณ์ครั้งใหม่ให้แก่แฟนๆ นูเทลล่าทั่วโลก ไม่เพียงแค่เมนูสุดวิเศษที่มีนูเทลล่าเป็นส่วนประกอบเท่านั้น แต่ลูกค้าทุกท่านจะได้สัมผัสถึงประสบการณ์ครั้งใหม่ที่มีต่อนูเทลล่าอีกด้วย’   ตัวอย่างเมนูจากนูเทลล่าอย่างเป็นทางการ ที่ทางบริษัทนำมาแสดง   แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการเปิดคาเฟ่นูเทลล่าขนาดย่อม ในห้างแห่งหนึ่งที่แคนาดามาแล้ว แต่สำหรับที่ชิคาโก้ ต้องถือว่าเป็นร้านนูเทลล่าคาเฟ่ แบบเต็มตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก   ถึงแม้ว่าสาขาแรกสุดจะเปิดที่ชิคาโก้ และดูจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างไกลตัวเราไปซักหน่อย แต่ก็ต้องนับว่านี่คือข่าวดีสำหรับคนรักนูเทลล่าทุกคนทั่วโลก เพราะแน่นอนว่าถ้ามีสาขาแรกแล้วผลตอบรับดี ทางบริษัทก็คงอยากจะเปิดคาเฟ่ขยายสาขาไปทั่วโลก และในอนาคตคนไทยเราก็อาจจะได้ลิ้มลองกับเค้าด้วยเหมือนกัน   อีกหน่อยคงไปนั่งชิวร้านนูเทลล่า สั่งเมนูช็อคโกแลตมากินชิคๆ ก่อนจะถ่ายรูปลงอินสตาแกรมคูลๆ   ถ้ามาเปิดที่ไทยนะแหม่… ฉ่ำเลยพ่อคุณเอ๊ยยย ที่มา: Boredpanda

เชื่อเถอะว่าสำหรับมนุษย์เราแล้ว มันไม่มีอะไรจะรู้สึกชื่นอกชื่นใจไปกว่าการได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ป่าไม้เขียวขจี มีเสียงนกร้องจิ๊บๆ โอยยนี่มันชีวิตในฝันชัดๆ และวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับชุมชนแห่งหนึ่งจากประเทศจีน ซึ่งอันที่จริงก็เป็นชุมชนที่ชาวบ้านเค้าอยู่กันอย่างปกติสุขเนี่ยแหละ หากแต่ความพิเศษของมันคือที่ตั้งของชุมชนแห่งนี้ยังไงล่ะ   ไม่ว่าจะมองซ้าย มองขวา มองหน้า หรือมองหลัง ก็จะเจอต้นไม้เขียวขจีโอบล้อมไปทั่วทุกสารทิศ   ชุมชนแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองกุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว ทางตอนตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ซึ่งเป็นชุมชนขนาดเล็กตั้งอยู่ใกล้ติดกับอุทยานภูเขา Qianling บนถนน Qianchun     แต่ชาวบ้านผู้อยู่อาศัยในละแวกนี้ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พื้นที่ๆ พวกเขาอาศัยอยู่เป็นพื้นที่สงบ มีอากาศหายใจที่บริสุทธิ์ และไร้ซึ่งเสียงรบกวนยามค่ำคืน   ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าป่าไม้ทั้งหมดนี้เปรียบเสมือนเกราะป้องกัน ที่คอยปกป้องพวกเขาจากมลภาวะต่างๆ   ในส่วนของที่อยู่อาศัย ชาวบ้านก็จะอยู่กันเป็นชุมชนขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยความสงบสุข ซึ่งที่ดินบริเวณนี้สมัยก่อนขายถูกมาก ทว่าปัจจุบันราคาก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามยุคสมัย   เมื่อลองมองจากมุมนกมอง ก็จะได้ภาพตึกอพาร์ทเม้นท์ที่ดูเหมือนจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับต้นไม้เขียวขจี   หลายคนอาจจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติเฉพาะช่วงวันหยุด แต่สำหรับชาวบ้านที่นี่พวกเขาได้ใกล้ชิดในทุกช่วงลมหายใจ น่าอิจฉาจริงๆ   นับว่าเป็นอีกสถานที่ๆ น่าไปอยู่มาก โอบล้อมไปด้วยป่าเขียวขจี โอ้ยยฟินนห์~ ที่มา: Designyoutrust

ใครจะเข้าใจปัญหาไปดีกว่าคนที่ประสบปัญหาล่ะ อย่างปัญหาของสาวอกโตที่ใครๆ ก็คิดว่ามันดูเซ็กซี่ดี แต่ขอโทษทีนะหน้าอกบึ้มๆ มันกลับกลายเป็นการสร้างปัญหาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็เหมือนแบกลูกโป่งน้ำไปด้วยตลอด ยิ่งเวลาจะหาเสื้ออผ้าสวยๆ ซักตัวก็ยากกว่างมเข็มในมหาสมุทรซะอีก งั้นเราลองไปดูปัญหากวนใจของสาวๆ อกโตว่าจะมีอะไรบ้าง บางอย่างที่คุณเห็นแล้วอาจจะไม่อยากนมโตก็เป็นได้ 1. ปัญหาโลกแตก กระดุมปริ!!!   2. ด้วยความบึ้ม!! ของหน้าอกทำให้เสื้อฉีกออกเป็นชิ้นๆ   3. บรามันพร้อมจะหนีคุณลงไปด้านล่างเสมอ .   4. เมื่อคุณเสื้อผ้าจากร้านค้าออนไลน์ โดยลืมคิดเรื่องไซส์ของตัวเอง   5. การลองชุดที่แสนจะอึดอัด จะเอามันออกจากหน้าอกยังไงดีล่ะทีนี้   6. แม้จะใส่เสื้อมิดชิดแค่ไหน ก็ไม่สามารถปกปิดความใหญ่บึ้มได้   7. ชุดว่ายน้ำน่ารักๆ เป็นสิ่งที่หายากได้สำหรับสาวนมโต ถ้าใส่คงรัดหน้าอกสุดๆ   8. เสื้อครอปไม่เหมาะสำหรับคุณ   9. ทำไมบราที่ทรงใหญ่ๆ ต้องมีแต่สีเรียบๆ ด้วยล่ะ   10. แบบนี้เขาเรียกว่านมล้น   11. พอหน้าอกใหญ่ก็ต้องซื้อเสื้อตัวใหญ่ๆ แต่ชายเสื้อดันยาวนะสิ เราเลยต้องจัดการมัดซะเลย…

ทุกวันนี้ถ้าเราดูทีวี เราคงจะเห็นโลโก้ของทีวีที่ขึ้นอยู่ตรงมุมจอเป็นประจำ ซึ่งโลโก้เหล่านั้นล้วนใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิกในการสร้างมาทั้งนั้น แล้วสงสัยไหมว่าเมื่อก่อน ก่อนที่เทคโนโลยีจะก้าวไกลเหมือนตอนนี้ เขาทำโลโก้ออกมาอย่างไร การออกแบบโลโก้ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆ เลย เพราะว่ามันคือสิ่งที่ผู้คนจะจดจำได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการออกแบบก็ต้องทำออกมาให้สวยงาม และง่ายต่อการสร้างด้วย   Metro Goldwyn Mayer หรือ MGM   หลายคนอาจจะคุ้นกับ “โลโก้มีชีวิต” ของ Metro Goldwyn Mayer หรือ MGM ที่มักจะขึ้นก่อนหนังจะฉาย ซึ่งนั่นเป็นโลโก้ที่เก่าแก่และไม่มีการใช้คอมพิวเตอร์เลยแม้แต่น้อย นั่นคือการใช้สิงโตจริงๆ ทำการคำรามออกมา ซึ่งโลโก้ชิ้นนี้สร้างมาตั้งแต่ปี 1917 และเปลี่ยนมาใช้สิงโตที่ชื่อ Leo ในปี 1957 และใช้มาเรื่อยๆ กว่า 60 ปีแล้ว ตอนนี้เราไปดูกันดีกว่าว่าโลโก้ทีวีสมัยก่อนนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร บางช่องเราอาจจะไม่รู้จัก แต่อยากให้เห็นว่าการผลิตของเขาไม่ธรรมดาจริงๆ   RTF Television เครื่องข่ายวิทยุและโทรทัศน์ในฝรั่งเศส .   นี่คือคลิปที่เราเห็นในทีวี   BBC สถานีโทรทัศน์ในอังกฤษ .   ภาพที่เราเห็นในทีวีจะเป็นแบบนี้…

ว่ากันว่าอากาศหนาวทำให้คนเหงา และยิ่งหิมะตก มันก็ยิ่งทำให้เหงาขึ้นไปใหญ่… Elsa Bleda ผู้เชี่ยวชาญการถ่ายภาพด้วยธีมสีนีออน ได้ทำการร่ายเวทย์มนต์เปลี่ยนค่ำคืนที่หิมะตกในเมืองอิสตันบูลที่แสนธรรมดากลายเป็นภาพบรรยากาศที่ชวนเหงา ด้วยภาพโทนสีม่วงนีออนของเธอ ผลงานของ Elsa เป็นส่วนผสมของสีและพื้นผิวอันบริสุทธิ์ ภาพวิสัยทัศน์ของเธอสะท้อนให้เห็นถึงความหลงไหลในแสงนีออนและภาพยนตร์เอเชียเป็นอย่างมาก ภาพผลงานของเธอในเซตนี้จะประกอบไปด้วยถนนที่ว่างเปล่าและถังขยะที่ถูกทิ้ง ชวนให้จินตนาการตามความคิดและการตีความของแต่ละคน     เธอได้อธิบายถึงงานชุดนี้ของเธอว่า “ภาพของฉันล้วนจะเป็นภาพที่มีความสามารถในการเล่าของในตัวมันเอง แทนที่จะให้ฉันมาเป็นคนเล่าเรื่อง ซึ่งฉันก็มักจะมีธีมและร่างภาพบรรยากาศต่างๆ ของภาพไว้ก่อนแล้วด้วย  และเมื่อฉันเริ่มถ่ายภาพ ฉันก็จะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของมันเอง โดยที่ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว พร้อมกับปล่อยให้ภาพสร้างเรื่องราวของตัวเองขึ้นมา หน้าที่เดียวของฉันคือถ่ายภาพและปล่อยให้คนที่ดูได้จินตนาการถึงสิ่งต่างๆ รวมถึงเรื่องราวของรูปนั้นๆ เอง”   .   สุดท้ายแล้ว ภาพทั้งหมดก็มีธีมที่ชวนเหงาเวลามองดูจริงๆ แถมพอดูแล้วก็ยังทำให้เรารู้สึกว่าตรงจุดนั้นน่าจะมีเรื่องราวอะไรบางอย่างแน่ๆ จนสามารถคิดตามได้ไม่รู้จบเลยทีเดียว ถ้าใครที่ชื่นชอบอยากจะติดตามผลงานของ Elsa เพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปติดตามอินสตาแกรมของเธอได้ที่ elsableda บอกเลยว่ายิ่งดู ก็จะยิ่งจะหลงรักงานภาพของเธอมากขึ้นเลยล่ะ   . . . . . . . . . . . . . . .…

ไม่ใช่แค่เฉพาะหมาแมวเท่านั้นหรอกนะ ที่ควรจะได้บ้านหรือที่นอนสวยๆ เพราะเพื่อนรักสัตว์ปีกอย่างนกก็สมควรที่จะได้รับบ้านหลังงามเช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ เช่นกัน และเชื่อว่าใครหลายๆ คนก็อยากจะลองเลี้ยงนกดูบ้าง เลี้ยงนกที่ว่าไม่ใช่การไปจับมันมาขังในกรงนะ หมายถึงการทำที่ให้อาหารไว้นอกบ้าน หรือกระทั่งทำบ้านเล็กๆ ไว้ให้นกผู้ตกเป็นเหยื่อของเรา เผลอมาวางไข่ทำรังนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ทาง Sourgrassbuilt จึงทำการเนรมิตรบ้านนกสุดเจ๋งขึ้นมา โดยการผสมผสานสถาปัตยกรรมของมนุษย์เข้าไปกับบ้านของนก จนออกมาเป็นบ้านนกที่มีดีไซน์สวยงามทั้งแบบที่คล้ายกับบ้านคนแบบโมเดิร์นตามที่หลายคนนิยมกัน     ตัวบ้านของนกนั้นทำมาจากไม้ทั้งหลัง ไม่ว่าจะเป็นไม้วอลนัต, ไม้ไผ่, ไม้สัก และไม้มะฮอกกานี ตามด้วยการทาสีด้วยสไตล์ป็อบโมเดิร์นเพื่อหลอกล่อให้เพื่อนสัตว์ปีกของเราเข้ามาอยู่ บรรยายกันมาขนาดนี้แล้ว ลองมาดูตัวอย่างกันเลยดีกว่า เผื่อเห็นแล้วถูกใจอยากจะซื้อไปตั้งให้นกที่บ้านสักหลัง   บ้านน้ำชา ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก San Francisco’s Japanese Tea Garden (จากสวนบริเวณสะพานโกลเด้นเกต ในซานฟรานซิสโก)   บ้านที่มีการผสมผสานรวมสไตล์สถาปัตยกรรมมากมายเข้าไว้ด้วยกัน   The Bauhaus บ้านไม้ที่มีรั้วต้นไม้เสริมเข้าไปให้ตัวบ้านดูมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น   ส่วนรุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากบ้านสไตล์ Eichler อายุหกสิบกว่าปีในซันนีเวล แคลิฟอร์เนีย และมีจุดใส่เมล็ดพืชต่างๆ ที่ทำจากโลหะ   The Kauai House บ้านสไตล์ริมชายหาดที่ได้แรงบันดาลใจจากชาวฮาวาย  …

เมื่อคุณไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ นอกจากที่คุณจะชื่นชมในความงามของธรรมชาติและสถาปัตยกรรมแล้วคุณเคยลองสังเกตไหมว่า สิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกสดใสหรือเศร้าหมองได้นั้นมีอิทธิพลมาจากเฉดสีของสถานที่ที่คุณมองอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ไหนๆ ในโลกก็จะมีเฉดที่สีที่เข้าอย่างแนบเนียบอย่างเช่น ทรายและทะเล หรือตึกและอาคารบ้านเรือน ก็ย่อมให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ดังนั้นวันนี้เราจะพาไปพบกับนักกราฟฟิกดีไซน์คนหนึ่งที่เดินทางไปทั่วโลกเพื่อเก็บสีสันจากธรรมชาติคนนี้กันค่ะ   เธอคือ Andrea Antoni นักกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ชาวอิตาลี ที่ค้นหาเฉดสีตามสถานที่ต่างๆ เพื่อให้เราเข้าใจถึงธรรมชาติ เธอได้ศึกษาแนวภูมิทัศน์โดยเก็บเฉดสีต่างๆ ที่อยู่ในภาพเบื้องหน้าของเธอ เช่นโทนสีส้มของพระอาทิตย์ในยามเย็นที่กำลังจะจากลาไป ทำให้เกิดอารมณ์ที่เศร้าหมอง จนไปถึงเฉดสีของทุ่งหญ้าเขียวขจีที่พริ้วไหวในสายลม เฉดสีที่เธอเลือกขึ้นมาทำให้เราเห็นอารมณ์ของธรรมชาติมากขึ้น   ในฐานะที่เธอเป็นนักกราฟฟิกดีไซน์เธอมีความชื่นชอบใน Pantone Fan Decks หรือแผ่นเทียบเฉดสี เป็นอย่างมาก เธอสนุกกับสีสันและอยากที่จะเก็บรวบรวมสีสันให้ได้มากที่สุด   มีวันหนึ่งเธอได้ถ่ายภาพที่มีสีสันสดใสและพยายามที่จะนำภาพนั้นมาเทียบในแผ่นเทียบเฉดสี โดยเธอภาพของเธอเป็นการสะท้อนให้เห็นวิธีที่เธอมองโลกและความรู้สึกความทรงจำที่เธอมีต่อสถานที่นั้น   ภาพเฉดสีของหิมะขาวโพลน   ภาพของทางเดินและทะเล   โทนสีที่สบายตาของภูเขาและแม่น้ำ   สีของอาคารบ้านเรือนก็สามาถสร้างความทรงจำให้เราได้   ความสดใสของโทนสีในทุ่งดอกทานตะวัน   สีของผนังอาคารก็ทำให้เกิดความรู้สึกที่แตกต่างออกไปอยากสถานที่ธรรมชาติ .   และถ้าอยากชมภาพสวยๆ แบบนี้อีกก็สามารถเข้าไปชมได้ที่อินสตาแกรมเธอเลยที่ stailuan จะติดตามไว้ชมเฉดสีสวยๆ หรือสถานที่อันงดงามก็ได้เลยค่ะ ที่มา boredpanda

จากบทความที่แล้วที่เราได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชุดเจ้าสาวที่ทำมาจากขนมอย่าง “ชุดเจ้าสาวทานได้” ที่ได้สร้างความงดงามและน่าทึ่งกันแล้ว บทความนี้เราก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับชุดเดรสที่ทำจากวัสดุแปลกใหม่ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการรีไซเคิลได้เพราะมันทำมาจาก “กระดาษห่อลูกอม” ลูกอมนี้มีชื่อยี่ห้อว่า Starburst ที่มีลักษณะเหมือนซูกัสบ้านเราเลย โดยเป็นลูกอมรสผลไม้ที่เคี้ยวหนึบๆ และมีกระดาษสี่เหลี่ยมห่อไว้นั้นเอง ว่าแต่ชุดจากกระดาษห่อลูกอมจะมีแรงบันดาลใจมาจากอะไร และจะสวยแค่ไหนเราไปชมกันค่ะ   หญิงสาวผู้ที่สร้างสรรค์ชุดเดรสจากกระดาษห่อลูกอมนี้คือ Emily Seilhamer เธอได้รวบรวบกระดาษห่อลูกอมจากครอบครัวและเพื่อนๆ ของเธอกว่า 4 ปี ก่อนที่จะกลายมาเป็นเดรสสุดสวยนี้   เมื่อเธอรวบรวมกระดาษได้มากพอแล้วเธอก็เริ่มสร้างชุดเดรสโดยการแยกสีของกระดาษห่อลูกอมไว้ แล้วก็รีดให้เรียบโดยใช้เตารีด และเธอก็ค่อยๆ พับกระดาษแต่ละชิ้นก่อนที่จะประกอบเข้าด้วยกัน .   จากนั้นเธอก็ใช้ด้ายในการประกอบกระดาษแต่ละชิ้นจนเป็นแผ่นใหญ่ที่พร้อมจะนำไปทำเดรส   เธอเลือกที่จะใช้กระดาษสีไล่กันและเย็บซิปติดกับตัวชุดอีกด้วย   แรงบันดาลใจที่ใช้กระดาษห่อลูกอมในการทำชุดนั้นมาจากเมื่อไม่กี่ปีก่อนสามีของเธอแนะนำให้ทานเธอลูกอม Starburst แบบเป็นแพคใหญ่ สามีของเธอชอบทานเจ้าลูกอมนี้มากโดยชอบที่จะทิ้งกระดาษห่อไว้ในกระเป๋าของเธอ สงสัยจากความคับแค้นใจสามี ก็เลยมาทำชุดใส่ซะเลย ฮ่าาาาา   เรียกได้ว่าเป็นชุดที่สวยจริงๆ แถมยังเป็นการรีไซเคิลกระดาษห่อลูกอมอีกด้วย   มีชุดแล้วก็ต้องไม่ลืมที่จะแมทช์กับรองเท้าด้วย   เดรสทรงสวยๆ และสีที่สดใสทำให้มันสามารถใส่ได้อย่างเก๋ๆ ในชีวิตประจำวัน   ใครที่ชอบดัดแปลงหรือรีไซเคิลของใช้ก็ลองนำไอเดียเก๋ๆ ของเธอไปใช้ดูได้นะ และเธอคนนี้ยังมีไอเดียเจ๋งๆ ในการทำทั้งของกินและของใช้อีกมากมาย ลองเข้าไปดูในเพจเฟสบุ๊คเธอสิที่ EmilySeilhamerArt ที่มา boredpanda

การที่คุณจะแพ็คอาหารเพื่อนำไปทานในสถานที่ต่างๆ เป็นเรื่องที่ยุ่งยากเพราะด้วยอาหารต่างๆ นานา ที่ต้องยัดใส่ให้หมดในตะกร้าหรือกระเป๋าใบเล็กๆ ที่จำกัดพื้นที่ แถมจัดไม่ดีอาหารคงหกเลอะเทอะอีกด้วย และญี่ปุ่นก็ขึ้นชื่อการแพ็คอาหารไปกินตอนกลางวัน แถมจะไปกินแบบธรรมดามันก็คงไม่เท่ ต้องหาอะไรมากเป็นจุดเด่นด้วยอุปกรณ์ในการ์ตูนยอดฮิต มันก็คือโปเกบอล!! แต่งานนี้ไม่มีโปเกม่อนด้านในหรอกนะ เพราะมันจะใช่บรรจุอาหารกลางวันของคุณนั้นเอง   “กล่องข้าวโปเกบอล” สิ่งนี้แหละที่จะช่วยให้การพกพาอาหารนั้นง่ายขึ้น ไม่ว่าจะไปปิกนิกหรือมื้ออาหารกลางวันกล่องข้าวโปเกบอลจะช่วยเก็บรักษาอาหารของคุณให้อยู่ในสภาพที่ดีเหมือนเดิม   โดยข้าวกล่องโปเกบอลนี้เป็นแบบฝาพับปิด-เปิด และปุ่มกดที่สะดวกสุดๆ มันมีหน้ากว้าง 6 นิ้วครึ่งและสูง 5 นิ้ว มันมากพอที่จะบรรจุอาหารในปริมาณมากของคุณ แม้ว่ารูปร่างภายนอกมันจะดูกลมเหมือนบอลแต่ภายในช่องใส่อากหารกลับเป็นพื้นเรียบมันจึงช่วยให้ขนมและอาหารของคุณไม่หกเลอะเทอะนั่นเอง   คราวนี้คุณจะสะดวกสบายไปกับการพกพาอาหารไปทานในที่ต่างๆ อย่างสะดวกสบาย โดยราคาของกล่องโปเกบอลนี้อยู่ที่ 20 ดอลลาร์หรือประมาณ 700 บาท ถ้าหากคุณสนใจก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดการสั่งซื้อได้ที่นี้เลย thinkgeek     แล้วกล่องข้าวโปเกบอลนี้จะเป็นอุปกรณ์ตัวช่วยอีกหนึ่งสิ่งที่คุณหลงรักในความสะดวกและน่ารักของมัน   แฟนคลับโปเกม่อนคนไหนที่อยากพกโปเกบอลไปทุกที่ ก็ไม่ควรพลาดที่จะโฉบมาเป็นเจ้าของสักอันนะ ที่มา sobadsogood

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไปฝากท้องกับแมคโดนัลด์อยู่บ่อย คุณต้องรู้แน่ๆ ว่าแมคโดนัลด์ของไทยเรานั้นมีเมนูอะไรบ้าง  แต่คุณรู้หรือไม่ว่าแมคโดนัลด์ในต่างประเทศเขาก็มีเมนูแปลกใหม่ ที่เราไม่เคยเห็นกันมาก่อน ในบทความนี้เราจึงจะพาไปส่องแมคโดนัลด์ทั่วโลกว่าเขามีเมนูแปลกๆ ต่างจากประเทศไทยเราอย่างไรกันบ้าง แมคโดนัลด์แต่ละประเทศจะมีกลยุทธ์เสนอเมนูอาหารอย่างไรให้โดนใจคนประเทศนั้นๆ นั่นเอง   1. Chicken with Spaghetti สปาเก็ตตี้ซอสโบโลเนส(ซอสมะเขือเทศที่มีกลิ่มหอมเครื่องเทศ)กับไก่ทอด ประเทศอินโดนีเซีย   2. Desayuno Especial Mexicano อาหารชุดนี้อยู่ในประเทศเม็กซิโก ประกอบได้ด้วยไข่คนเม็กซิกันรสเผ็ด ไส้กรอก ชิ้นเนื้อจากแมคโดนัลด์ บนขนมปังวางด้วยชีส ราดด้วยถั่วและซอสซีซาร์   3. Pao de Queijo ขนมปังเนยแข็งแบบบราซิล ที่เป็นอาหารเช้าสำหรับชาวบราซิลทุกคน   4. McToast แซนวิชไส้แฮมและชีสกดย่างให้เป็นทรงคล้ายปีกนก มีขายที่ในโครเอเชียเท่านั้นนะ   5. McKřen ในสาธารณรัฐเช็ก มีเบอร์เกอร์ที่อัดแน่นไปด้วยแฮมเบิร์กหมู 2 ชิ้นเต็มๆ มะเขือเทศสองชิ้น และราดด้วยซอสรสเผ็ดทั้งหมดรวมกันอยู่ในขนมปังนุ่มๆ   6. McFlurry Tobleron ช็อคโกแลคทรงสามเหลี่ยมที่ทุกคนชื่นชอบได้กลายมาเป็นไอศกรีมในแมคโดนัลด์แล้ว   7. Rye Vegetarian Feast ขนมปังกรอบๆ กับเชดด้าชีส สลัดผักดองและซอสสามชนิดที่แตกต่างกัน…

ในตอนเป็นเด็กเพื่อนๆ คงเคยโดนคุณแม่ดุบนโต๊ะอาหารอยู่บ่อยๆว่า “อย่าเล่นกับข้าว!!” เพราะคุณแม่อยากให้เราทานอาหารอย่างเรียบร้อย ไม่เลอะเทอะ แต่ในความคิดของคุณลูกนั้นอาหารบนจานมันสามารถกลายเป็นศิลปะสุดเท่ได้นะ อย่างศิลปะที่เราจะพาไปชมในครั้งนี้ก็เกิดจากการสร้างสรรค์อาหารให้เป็นศิลปะที่สวยงามสุดๆ จากศิลปินสาวสุดน่ารัก ที่ทำให้มื้ออาหารนั้นกลายเป็นภาพศิลปะที่ไม่เหมือนใคร เห็นแล้วต้องขอไปลองกับอาหารที่บ้านบ้างแล้ว     เพื่อนๆ คงคุ้นตากับภาพพิมพ์คลื่นยักษ์สไตล์ Ukiyo-e ของญี่ปุ่น ซึ่งภาพนี้มีชื่อว่า “Great Wave off Kanagawa” เรียกสั้นๆ ว่า “The Wave” เป็นภาพที่สวยงามและทรงพลังมากๆ ของ Hokusai Katsushika  และแล้ว Tisha Cherry ผู้เป็นทั้งพยาบาลและศิลปินด้านอาหาร ก็ได้นำแรงบันดาลจากภาพนี้มาสร้างสรรค์ผลงานอาหารสุดเท่อย่าง “Oreo Wave” หรือคลื่นยักษ์โอรีโอ้นั่นเอง   Great Wave off Kanagawa   เธอใช้อาหารบนจานเป็นตัวสร้างศิลปะแทนที่ใช้สีหรือดินสอ พร้อมทั้งแชร์ผลงานลงบนอินสตาแกรมของเธอที่มีผู้ติดตามถึง 35,000 คนแล้วล่ะ ผลงานของเธอจะเด็ดแค่ไหนไปชมกัน   คลื่นยักษ์บนโอรีโอ้   ภาพโมนาลิซาในตำนานก็สร้างสรรค์จากครีมโอรีโอ้   เมล็ดงาก็สามารถนำมาทำเป็นแพนด้าได้   คุกกี้เซเลอร์มูนก็น่ารักสุดๆ  …

ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่หลงใหลในธรรมชาติ รักที่จะปลูกผักผลไม้ สูดอากาศสดชื่นอย่างเต็มปอดท่ามกลางไร่สวนและมองดูการเจริญเติบโตของพืชพรรณนานาชนิด แต่!! คุณดันอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่จำกัด คุณไม่สามารถขุดแปลงทำสวนได้อย่างใจ คุณจะทำอย่างไร?? วันนี้ #เหมียวหน่า จึงขอเสนอไอเดียการปลูกพืชผักในพื้นที่จำกัด อย่างเช่นหอพักหรือคอนโดมาให้คนที่รักธรรมชาติได้ไปทดลองทำกัน อย่างน้อยๆ ก็เป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับห้องและบอกเลยว่ามันไม่ใช่แค่ปลูกเล่นๆ เท่านั้น แต่มันสามารถใช้รับประทานได้จริงๆ อีกด้วย   ต้มหอม เจ้าต้นหอมเนี้ยมันโตได้ง่ายได้มากๆ เลยนะ แม้แต่ในน้ำธรรมดาๆ ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ คนไหนไม่มีกระถางและดินปลูกก็สามารถใช้แก้วเติมน้ำให้พอประมาณ แล้วหย่อนต้นหอมที่ขลิบใบออกแล้วใส่ลงไปอย่างในภาพ เพียงไม่กี่สัปดาห์ก็ได้ต้นหอมต้นใหม่ทานกันแล้วล่ะ หัวหอมแดง ส่วนเจ้าหัวหอมนี่ก็ใช้ทฤษฎีเดียวกับการปลูกต้นหอม แต่ถ้าปลูกลงดินจะเจริญเต็บโตได้ดีกว่าและจะขยายต้นได้ด้วย ใครที่อยากมีหัวหอมทานโดยไม่ต้องซื้อบ่อยๆ ก็ลองไปปลูกดูนะ   กระเทียม ใครที่ชอบทำอาหารควรที่จะปลูกกระเทียมติดห้องไว้เลยนะ เพราะเป็นเครื่องปรุงที่เพิ่มความหอมในแทบทุกเมนูและการปลูกก็ง่ายแสนง่ายโดยปักกลีบกระเทียมลงไปบนดิน จากนั้นกลบดินบางๆ ทับกลีบกระเทียมและรดน้ำสม่ำเสมอไม่กี่สัปดาห์เราก็จะได้เห็นต้นอ่อนเขียวๆ งอกขึ้นมาเหนือดินแล้วล่ะ   คื่นช่ายหรือเซเลรี่ (Celery) เชื่อว่าเป็นผักอีกชนิดที่ใครหลายคนชื่นชอบ เพราะกลิ่นหอมจะเฉพาะตัวของมันนั่นเอง โดยเราสามารถนำขั้วของมันไปแช่น้ำหรือจะเอาไปปลูกลงดินก็ได้เพราะเจ้าคื่นช่ายหรือเซเลรี่สามารถเจริญเติบโตได้ดี เพียงไม่กี่สัปดาห์ก็ได้ทานแล้วล่ะ   ต้นหอมญี่ปุ่น ต้นหอมญี่ปุ่นกรอบๆ ใครล่ะจะไม่ชอบกิน ดังนั้นก็ปลูกไว้ทานในห้องบ้างดีกว่า เพียงคุณน้ำขั้วของมันแช่น้ำไว้ในปริมาณที่พอเหมาะเพียง 1-2 สัปดาห์มันก็จะงอกต้นใหม่มาให้เราทานแล้ว   ตะไคร้ ตะไคร้สมุนไพรที่คนไทยขาดไม่ได้…

อาจจะจริงที่ทุกอย่างจะดูน่ารักขึ้นเมื่อหดตัวให้เล็กลง ดูอย่างรอยสักเล็กๆ พวกนี้ที่สร้างสรรค์จากศิลปินชาวเกาหลีที่มีความเชี่ยวชาญในการสักในแบบมินิมอล ที่ทำให้รอยสักดูน่ารักและเหมาะกับผู้หญิงมากขึ้น รอยสักเหล่านี้จะเน้นไปทางการเขียนลายเส้นสีดำที่เป็นสัญลักษณ่ต่างๆ รูปทรง ลายดอกไม้ หรือคำเขียนต่างๆ ซึ่งเป็นรอยสักที่ดูไม่รกตาและสามารถสักได้ตามจุดเล็กๆ ตามบริเวณร่างกาย เช่น ใบหู ข้อเท้าและแขน รอยสักเล็กๆ เหล่านี้จะน่ารักขนาดไหนเราไปดูกันเลย   1. ลายดอกไม้น่ารัก   2. ลายดาวเสาร์เล็กๆ ก็เก๋ไม่เบา   3. หรือจะมัดเป็นโบว์   4. ดอกบัวก็เท่ดีนะ   5. ยานอวกาศเล็กๆ น่ารักสุดๆ   6. หรือจะเป็นลายเส้นก็คมชัดเหมือนเขียนปากกา   7. เป็นกลุ่มดาวก็มีนะ   8. รอยเท้าเจ้าตูบก็มี   9. แม้แต่สักในใบหูก็ทำได้   10. กิ่งไม่เล็กๆ ก็น่ารัก   11. หรือจะเป็นกิ่งไม้ใหญ่ๆ   12. สัญลักษณ์ที่คิดขึ้นมาเองก็เท่ดีนะ  …

หากคุณเป็นสาวแบ๊วๆ ที่มีความชื่นชอบในการทำผมมัดแกละสูงเหมือนเซเลอร์มูนแต่คุณยังจะมีปัญหาในการสวมใส่หมวกที่ทำให้ทรงผมของคุณนั้นมันน่ารักน้อยลง… แต่ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปเมื่อคุณได้พบกับหมวกไหมพรมสุดชิคจากญี่ปุ่นที่จะช่วยให้การมัดแกละของคุณรวมเข้ากับหมวกได้อย่างแนบเนียน ทรงผมมัดแกละสูงเป็นที่นิยมอย่างมากในญี่ปุ่นโดยมีแบบจากตัวการร์ตูนสุดฮิตอย่าง Hatsune Miku และ Sailor Moon มันฮิตขนาดที่ว่ามีวันสำหรับมัดผมแกละอย่าง “Twintails Day” ที่เหล่าคอสเพลย์จะร่วมแชร์ภาพมัดแกละสวยๆ ของตัวเอง ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ของทุกปี     ทรงผมเหล่านี้ช่วยทำให้เย็นสบายได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อนแต่พอเข้าฤดูหนาวสาวๆ ก็ต้องพากันใส่หมวกเพื่อความอบอุ่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้อดทำทรงผมมัดแกละน่ารักๆ แบบนี้ แต่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปเพราะว่าตอนนี้มีหมวกไหมพรมที่จะทำให้คุณอบอุ่นในช่วงหน้าหนาวและยังน่ารักไปกับการมัดแกละพร้อมๆ กัน     หมวกไหมพรมอันนี้ออกแบบโดยบริษัท Kokaji ที่อยู่ในเมืองโอซาก้า มันมีชื่อว่าหมวก “Cuelitt” โดยเกิดจากคำว่า “cute” และ “slit” รวมกันนั่นเอง ซึ่งมีความหมายว่าน่ารักและการมีช่องโหว่ที่ใช้ในการปล่อยผมแกละออกมา     หมวกทุกใบถูกออกแบบมาเพื่อทรงผมมัดแกละโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะมัดแบบสูงๆ หรือต่ำๆ ก็น่ารักได้ทั้งนั้น หมวก Cuelitt ได้รับความนิยมมากๆ จากสาวๆ ทั้งหลาย ทางบริษัทจึงมีการวางแผนที่จะจดสิทธิบัตรเพื่อไม่ให้มีการลอกเลียนแบบสินค้าของพวกเขานั่นเอง   . .   นี่เป็นหมวกในคอลเลคชั่นที่มีลูกปุกปุยน่ารักๆ ด้านบน .   ส่วนนี่เป็นแบบธรรมดาที่เสริมน่ารักด้วยการถักนิตติ้ง   แบบสั้นๆ ก็มีนะ…

ถ้าหากพูดถึงการบันทึกสถิติระดับโลกชื่อของ “กินเนสเวิลด์ เรคคอร์ด” คงจะผุดขึ้นมาในหัวของหลายๆ คนอย่างแน่นอน การบันทึกสถิติระดับโลกนี้เริ่มตีพิมพ์เป็นหนังสือครั้งแรกเมื่อปี 1955 หลังจากที่เริ่มมีการบันทึกสถิติครั้งแรกในปี 1951 จุดประสงค์ของการจัดสถิติกินเนสบุ๊คนั้น ก็เพื่อที่จะบันทึกเรื่องราวต่างๆ ซึ่งในสมัยก่อนนั้นการบันทึกสถิติยังไม่เป็นที่นิยมมากเท่าไหร่ นั่นจึงนำมาสู่หนังสือบันทึกสถิติระดับโลกที่ปัจจุบันได้รับการตีพิมกว่า 70 ประเทศทั่วโลกและถูกแปลกว่า 22 ภาษา วันนี้เราก็มีหนึ่งในสถิติที่ถูกบันทึกโดยกินเนสเวอร์เรคคอร์ด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถิตินี่น่าเหลือเชื่อมากๆ นั่นก็คือหญิงสาวที่มีร่างกายที่เล็กที่สุดในโลก…     Jyoti Amge หญิงสาววัย 23 ปีจากประเทศอินเดีย เธอเกิดเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ปี 1993 ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงนาคปุระ ประเทศอินเดีย ในวันที่ 16 ธันวาคมปี 2011 เธอได้รับการบันทึกสถิติจากกินเนสเวิลด์เรคอร์ดว่าเป็นผู้หญิงที่ตัวเล็กที่สุด โดยมีความสูงเพียงแค่ 62.8 เซนติเมตรเท่านั้น เธอเล่าถึงความประทับใจในครั้งนี้ว่า“การได้รับการบันทึกสถิติระดับโลกครั้งนี้ทำให้ฉันรู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังได้รับความนิยมและกลายเป็นคนสำคัญ”     การบันทึกสถิติมีขึ้นหลังจากที่เธออายุครบ 18 ปีที่โรงพยาบาล Wockhardt Superspeciality ในบ้านเกิดของเธอ   ไปชมเรื่องราวของเธอเพิ่มเติมได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย โอโห เป็นสถิติโลกที่แปลกและน่าทึ่งจริงๆ!!…

ถ้าคุณกำลังหาถึงบริษัทสักที่ ที่จะให้โบนัสตอบแทนคุณอย่างดีในฐานะที่ทำงานมีประสิทธิภาพ ขยัน อดทน แล้วล่ะก็ คุณสามารถที่หาบริษัทแบบนี้ได้ทั่วไป แต่มีอยู่บริษัทหนึ่งในประเทศจีนที่ให้โบนัสกับพนักงานที่สามารถลดน้ำหนักได้ คุณฟังไม่ผิดหรอกบริษัทนี้เขาให้เงินกับพนักงานที่ลดน้ำหนัก เพราะต้องการให้พนักงานนั้นมีคุณภาพชีวิตและสุขภาพร่างกายที่ดี แค่แนวคิดขึ้นมาแบบนี้ก็น่าสนใจแล้วว่าแต่มันจะมีจริงๆ เร๊อะ!?     ไอเดียการให้โบนัสสำหรับพนักงานที่ลดน้ำหนักได้นี้ เป็นโครงการของบริษัทด้านการปรึกษาแห่งหนึ่งในเมืองซีอาน ประเทศจีน ที่มีการให้โบนัสพนักงานทุก 100 หยวนหรือ 500 บาท ต่อการลดน้ำได้ 1 กิโลกรัม แต่พนักงานจะได้เงินโบนัสเงินสดนี้ก็ต่อเมื่อลดได้ 3 กิโลกรัมขึ้นไปเท่านั้น เพราะฉะนั้นแล้วจะได้ 300 หยวนหรือ 1,500 บาทต่อการเบิกโบนัสหนึ่งครั้ง ซึ่งในตอนนี้พนักงานกว่าครึ่งบริษัทก็ได้ใช้ประโยชน์จากโครงการนี้แล้ว!! โครงการนี้มีขึ้นมาก็เพื่อเป็นการส่งเสริมให้พนักงานทุกคนนั้น มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง กระตือรือร้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งมันจะส่งผลดีต่อบริษัทโดยตรงนั้นเอง     โครงการนี้ได้สร้างแรงจูงใจให้แก่พนักงานสาวคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Zhou Wei ซึ่งเธอได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเธอสามารถเก็บเงินโบนัสได้ถึง 2,000 หยวนหรือประมาณ 10,000 บาท แลกกับน้ำหนักที่เธอลดไปได้มากถึง 20 กิโลกรัม โดยในอดีตนั้นเธอมักจะทานเนื้อสัตว์เป็นประจำทุกมื้อ แต่สำหรับอาหารมื้อกลางวันในปัจจุบัน เธอก็เลือกที่จะกินเห็ดและไข่แทน     ทางเจ้าของบริษัทก็ได้บอกว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมายมากๆ…

ทั้งหมดนี้เป็นผลงานของ Anna Halldin Maule ศิลปินสาวนักวาดภาพเหมือนชาวสวีเดน ผู้มีฝีมือในการวาดลวดลาย และเติมสีน้ำมัน ที่สมจริงซะจนใครๆ ก็คิดว่าเป็นภาพถ่ายซะมากกว่า ซึ่งปัจจุบันถือได้ว่าเธอเป็นหนึ่งในจิตรกรแนวเหมือนจริงแบบเป๊ะเว่อร์ (Hyper-Realistic) ที่โด่งดังคนนึงเลยล่ะ เอาเป็นว่าเราตามไปชมผลงานของเธอกันเลย   ดูให้ดีว่านี่คือภาพวาด ไม่ใช่ภาพถ่ายนะจ๊ะ   ถึงจะไม่ใช่ภาพถ่าย แต่ภาพวาดทั้งหมดนี้ก็ต้องใช้ภาพถ่ายมาเป็นแบบเหมือนกัน โดยขั้นตอนแรกเธอจะให้นางแบบมืออาชีพมาโพสท่า และให้สามีของเธอเป็นคนถ่ายภาพ หลังจากที่เธอได้ต้นฉบับจากของจริงมาแล้ว เธอก็จะทำการขีดๆ เขียนๆ และเติมสีลงไปทีละชั้น ทีละชั้น จนกว่ารายละเอียดทั้งหมดของภาพจะออกมาเป็นอย่างที่เราเห็นกัน   แม้แต่ผิวหนังคน หรือรอยยับบนผ้า ก็วาดออกมาได้เนียนเหลือเกิ๊นน   แต่กว่าจะได้ความสวยงามอันเพอร์เฟคแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเฉลี่ยงานชิ้นหนึ่งเธอใช้เวลาประมาณ 2 – 4 เดือนเลยทีเดียว   ผีเสื้อนี่ก็อย่างกับว่ามันมาเกาะจริงๆ ยังไงยังงั้น   ‘ฉันแค่อยากใช้ฝีมือการวาดภาพ นำเสนอความสวยงาม และเสน่หาของหญิงสาวออกมา บางครั้งฉันก็แอบสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของผู้หญิงในยุคปัจจุบันด้วยค่ะ’ เจ้าของผลงานเล่า     แม้แต่แววตาของนางแบบ เธอก็วาดมันออกมาได้สมจริงมากๆ   Anna Halldin Maule…

นาย Keenan Watkins จากเมืองนอร์ธเวอร์นอน รัฐอินเดียน่า ได้สร้างความแปลกใจให้กับผู้คนทั้งในห้างสรรพสินค้า Goodwill และในโลกอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างมาก หลังพกตุ๊กตาเด็กนั่งในรถเข็นขณะกำลังช็อปปิ้งอยู่ด้วย แถมยังมีการรัดเข็มขัดนิรภัยให้ซะดิบดี Sadie Collins พนักงานในห้างสรรพสินค้าแห่งนั้น ได้เห็นนาย Watkins พาตุ๊กตาของเขาเดินช็อปปิ้งซื้อของในห้าง ก็ได้ถ่ายภาพและนำเรื่องราวของเขามาโพสต์ลงบนเฟซบุ๊คของเธอเอง     เธอเล่าว่า “ชายคนนี้มาใช้บริการที่ร้าน Goodwill ในวันนี้ เขาเป็นชายตัวใหญ่มีรอยสักอยู่ที่ขาและแขน แถมยังมีรอยสักรูปหัวกระโหลกขนาดเท่าฝ่ามืออยู่ที่บริเวณด้านหลังศีรษะหลังของเขาด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเขานั้นมันช่างดูน่ากลัว จากรูปลักษณ์แล้วไม่ว่าใครก็ตามก็คงไม่อยากจะเข้าใกล้”     “และในวันนี้เขาเดินเข้ามาในร้าน Goodwill พร้อมกับตุ๊กตาเด็กตัวหนึ่ง เขาจับมันนั่งอยู่ในรถเข็นอย่างทะนุถนอม เมื่อฉันถามเกี่ยวกับเรื่องนี้เขาก็เล่าให้ฟังว่า เจ้าตุ๊กตาตัวนี้ เป็นตุ๊กตาตัวโปรของลูกสาวของเขา มันมีชื่อว่า Davey และลูกสาวของเขาก็อยากให้เจ้าตุ๊กตาของเธอ ได้มีชุดใหม่ใส่กับเค้าบ้าง Watkins ก็เลยพา Davey ขึ้นรถและบึ่งตรงมายังร้าน Goodwill แห่งนี้เพื่อหาซื้อเสื้อผ้าใส่ให้กับเค้านั่นเอง”     “มันน่าประทับใจมากๆ ที่เขาปฏิบัติกับเจ้าตุ๊กตาตัวนั้น ราวกับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตจริงๆ เหมือนกับเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ลูกสาวของเขารักและหวงแหน และเขาพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อทำให้ลูกสาวของตัวเองมีความสุข ช่างเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่เสียจริงๆ”…

เมื่อสาวๆ ต้องแต่งหน้าสิ่งที่ขาดไม่ได้และเป็นสิ่งสำคัญที่สุดคือ “การลงรองพื้น” เพื่อนๆ แต่ละคนคงจะมีอุปกรณ์ตัวช่วยที่จะทำให้การทารองพื้นนั้นกลมกลืนเรียบเนียนไปกับใบหน้าที่สุด การลงรองพื้นที่ดีนั้นจะช่วยปกปิดรอยต่างๆบนใบหน้าได้ ซึ่งจะทำให้ทำให้แต่งหน้าตามส่วนต่างๆ ง่ายขึ้น ว่าแต่ในตอนนี้มีอะไรบ้างที่ช่วยให้การลงรองพื้นของสาวๆ นั้นเป็นเรื่องง่ายขึ้นและทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนดูดี เราไปดูกันเลย 1. พัฟ พัฟแบบนี้เป็นพัฟแบบเก่าที่สาวๆ ส่วนใหญ่ก็ใช้ในการลงรองพื้น ซึ่งมันเป็นพัพฟองน้ำที่ไม่ค่อยมีความละเอียดมากนัก ดังนั้นเวลาให้มันทารองพื้นตัวฟองน้ำค่อนข้างกินเนื้อรองพื้นอยู่มากเลยทีเดียว แถมทำความสะอาดยากอีกด้วย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็บพัฟที่สาวๆ ใช้กันมากจริงๆ .   2. พัฟไข่ เป็นพัฟที่มีลักษณะเหมือนไข่ที่ง่ายต่อการใช้มากขึ้นและเนื้อฟองน้ำยังละเอียดมากกว่าแบบเก่า จึงทำให้กินเนื้อรองพื้นน้อยลงและสามารถซับรองพื้นส่วนเกินได้ดีและเกลี่ยได้เนียนพอสมควร เรียกได้ว่ามันถูกคิดค้นมาเพื่อเป็นพัฟทารองพื้นโดยเฉพาะ แล้วสาวๆ ส่วนใหญ่ก็มีมันเป็นหนึ่งในไอเทมสำคัญสำหรับการแต่งหน้าแล้ว . .   3. พัฟซิลิโคน พัฟรุ่นใหม่ที่ทำเอาสาวๆ ละลายไปกับความน่ารักของมัน แต่ทว่าเจ้าพัฟซิลิโคนนี้กลับให้ผลที่ไม่ค่อยน่าพอใจเท่าไหร่ ถึงแม้ว่ามันจะมีเนื้อนุ่มนิ่มและไม่กินเนื้อรองพื้น แต่มันก็ไม่ได้ช่วยซับเนื้อรองพื้นส่วนเกินออกไปได้ แถมทำให้เกลี่ยยากทำให้เกิดเป็นรอยรองพื้นติดอยู่ตามบนใบหน้า แต่ข้อดีของมันก็คือสามารล้างรองพื้นออกได้อย่างง่ายดายทำให้ไม่เป็นแหล่งหมักหม่มของเชื้อโรค . .   4. แปรงเกลี่ยรองพื้น แปรงเกลี่ยรองเท้านี้มีด้ามจับที่ทำให้ถนัดมือมากขึ้นและมีหลายขนาดเพื่อใช้ทารองพื้นตามจุดต่างๆ ข้อดีของมันก็คือมันสามารถเกลี่ยได้ง่ายและเนียนสุดๆ โดยไม่กินเนื้อรองพื้น เช่นเดียวกันกับการเฉดดิ้ง แปรงนี้ก็สามารถเกลี่ยได้เนียนมากๆ แต่ก็มีข้อเสียอยู่ที่เราต้องซื้อหลายๆ ขนาดเพราะถ้าแปรงหัวใหญ่ไม่สามารถเข้าไปตามร่องใต้ตาได้ .   5. ดิลโด้…

สาวๆ ที่ชื่นชอบการทำเล็บทั้งหลายเชื่อเลยว่าต้องเคยทำมาหมดทุกสีทุกแบบแล้ว แต่คุณจะต้องไม่เคยพบกับการทำเล็บในแบบที่เราจะนำมาเสนอในครั้งนี้แน่ๆ เพราะมันคือเล็บแนวใหม่ที่เหมือนกับหิน จึงเรียกได้ว่าเป็น “เล็บหินอ่อน” ที่จะทำให้การทำเล็บของสาวๆ เปลี่ยนไปราวกับอยู่ในความฝัน ด้วยความหรูหรา สวยงามของมันทำให้เหมาะกับสาวๆ เป็นที่สุด ไม่ว่าจะลุคไหนๆ เล็บหินอ่อนก็สามารแมทช์เข้าไปกับทุกสถานการณ์เลยที่เดียว เราไปดูความงดงามของมันกันเลย   #1 มีความเงาเหมือนหินอ่อนจริงๆ ละมุนมากๆ   #2 เพิ่มลูกเล่นด้วยสีทองก็ดูหรูหรายิ่งขึ้น   #3 ทำให้มือของสาวๆ ขาวผ่องขึ้นด้วย   #4 เหมือนเอาหินสีชมพูอ่อนมาแปะไว้ที่เล็บจริงๆ   #5 เสริมกับเครื่องประดับบนมือก็ดูแปลกตา   #6 หรือจะทาแค่บางนิ้วก็สวยมีระดับ   #7 เป็นสีที่สุภาพไม่ฉูดฉาดเกินไป เข้าได้กับทุกสถานการณ์   #8 สีชมพูอ่อนทำให้ได้ลุคสาวหวาน   #9 ดูไปดูมาก็คล้ายสีเล็บธรรมชาติเหมือนกันนะ   #10 อยากทำสีเล็บหินอ่อนแบบนี้บ้างแล้วสิ   สาวๆ ที่รักการทำสีเล็บพลาดไม่ได้กับเล็บลายหินอ่อนนี้เลยนะ เพราะถึงจะดูเรียบง่ายและก็ซ่อนลูกเล่นไว้อย่างสวยงามจริงๆ ที่มา boredpanda

เพื่อนๆ คงเคยได้ยินคำที่ว่ามื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่จริงที่สุด เพราะในแต่ละวันเราต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงสมองในการทำงานต่างๆ ดังนั้นเราควรเติมประโยชน์กับร่างกายด้วยอาหารเช้าที่ให้พลังงานกับเรา ครั้งนี้เราจะพาคุณไปพบกับอาหารเช้าของคนรักสุขภาพและออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ โดยที่พวกเขาก็ย่อมจะคัดเลือกอาหารมื้อสำคัญอย่างมื้อเช้าให้ดีที่สุดสำหรับเขาเอง เราจะไปตามชมกันว่าเมนูของพวกเขาจะเป็นอย่างไรและ ครบคุณประโยชน์แค่ไหน   1. ไข่ลวก อะโวคาโด ข้าวกล้องและผักต่างๆ Shauna Harrison สาวที่เป็นทั้งโค้ช ครูสอนโยคะ เธอกล่าวว่า “นี่เป็นอาหารเช้าที่ฉันชอบมากที่สุด หากมีเวลาไม่มากก็จะนำไข่เข้าถุงซิบล็อค แล้วทำให้สุกโดยการต้มแล้วจากนั้นก็จะนำใส่กล่องทานกับอะโวคาโด แต่ถ้าหากมีเวลามากหน่อยก็จะทานเป็นไข่ลวก อะโวคาโด ข้าวกล้องและผักต่างๆ ยิ่งถ้าได้จิบชาเขียวเพิ่มล่ะก็สวรรค์ของฉันเลยล่ะ”   2. เนยถั่วไขมันต่ำ แพนเค้กกล้วย “เนยถั่วไขมันต่ำและแพนเค้กกล้วยเป็นโปรตีนชั้นดีที่ทำให้คุณมีชีวิตชีวาในตอนเช้า เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพสุดๆ” Idalis Velazquez กล่าว   3. ข้าวโอ๊ตและเมล็ดเจียแบบไม่หวาน ลูกหม่อน แบล็คเบอร์รี่และเนยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ “ข้าวโอ๊ตที่เต็มไปด้วยสารอาหารมากมาย ฉันผสมมันกับกะทิที่ไม่ทำให้หวานแล้วราดด้วยเมล็ดเจียลูกหม่อน แบล็คเบอร์รี่และเนยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ มันเป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพและดีต่อการเริ่มต้นวันใหม่ของเธอ” Massy Arias กล่าว   4. ไข่กวน และทาโก้ถั่วดำ Erica Giovinazzo นักโภชนาการและผู้จัดการของ Crossfit กล่าวว่า “นี่เป็นหนึ่งในอาหารเช้าที่ฉันชอบ มันเป็นอาหารที่ง่ายและรวดเร็วทำให้คุณได้รับโปรตีนไขมันและคาร์โบไฮเดรตที่ดี มันดูเบื่อน่าที่คุณทานไข่กระทะทุกวัน”    5. กาแฟครีมเนย “คุณจะได้รสชาติที่เยี่ยมยอดจากกาแฟและความสดชื่นจากครีมเนยและน้ำมันมะพร้าว มันสะดวกและพกพาง่ายและให้พลังงานที่ดี” Albert…

สำหรับงานแต่งงานแล้ว เชื่อเถอะว่าใครๆ ก็อยากจะมีงานที่ดีจนเป็นความทรงจำที่น่าจดจำไปตลอดชีวิต เพราะการแต่งงานโดยปกติ แล้วเราก็หวังว่าจะได้จัดมันครั้งเดียวในช่วงชีวิตเท่านั้น และคู่บ่าวสาวในเรื่องนี้ก็เช่นกัน James Sissom วัย 35 ปี และ Ashley Schmieder วัย 32 ปี จากรัฐแคลิฟอเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาคือเจ้าของเรื่องราวในครั้งนี้ โดยทั้งคู่ได้เลือกสถานที่แต่งงานสุดแหวกไม่เหมือนใคร อย่างยอดเขาเอเวอเรสต์     ทว่าการจะไปที่แห่งนั้นไม่ใช่ว่าใครๆ ก็จะไปได้ หรือจู่ๆ คิดได้ว่าอยากไปเขาเอเวอเรสต์ก็ไปได้เลย เพราะภูเขาเอเวอเรสต์เป็นสถานที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเลไปถึง 8,848 เมตร แถมยังมีอุณหภูมิที่ติดลบอีกต่างหาก ทั้งคู่จึงต้องใช้เวลาเป็นปีเพื่อวางแผนในการปีนยอดเขาดังกล่าว เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว ทั้งคู่ก็จัดการเดินทางไปที่ยอดเขาทันที ซึ่งทั้งคู่จะใช้เวลาในการปีนเขาและอยู่ที่นั้นเป็นเวลา 3 สัปดาห์ด้วยกัน แถมตลอดเส้นทางทั้งคู่ก็ดูจะมีความสุขมากๆ กับการที่ได้ทำอะไรที่ท้าทายขนาดนี้     ทั้งคู่ยังได้บรรยายถึงประสบการณ์ในครั้งนี้ว่า “พวกเราทั้งคู่รู้สึกสนุกกับการปีนเขาในครั้งนี้ เราทั้งคู่รู้ดีว่าช่วงเวลา 3 สัปดาห์นั้นมันเป็นอะไรที่ท้าทายร่างกายและจิตใจมากๆ มากกว่าอะไรที่เราเคยเจอในชีวิตเสียอีก” จนสุดท้ายการเดินทางของทั้งคู่ก็หยุดอยู่ที่เบสแคม์ปเพื่อจัดพิธีกันตรงที่แห่งนั้น เพราะถ้าไปสูงกว่านี้คาดว่าไม่น่าจะรอด เพราะการขนชุดแต่งงานไปใส่กันด้านบนสุด มันคงจะลำบากซะจนเกินไป และนี่ก็เป็นภาพสุดประทับใจของทั้งคู่นั้นเอง   แค่ภาพแรกก็สวยสดงดงามแล้วไหมล่ะ   ช่วงเวลาสุดประทับใจ   ออกจากแคมป์เตรียมพร้อมลุยถ่ายรูปได้!!…

วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับนักคอสเพลย์สาวชาวเกาหลีนามว่า Seunghyo กัน ซึ่งทำให้ชาวเน็ตคลั่งไคล้ จากการที่เธอสามารถแต่งเป็นตัวละครหญิงก็สวยน่ารัก พอเป็นชายก็ดูหน้าหวานไปใหญ่ ปกติแล้วนักคอสเพลย์ส่วนใหญ่นั่น ล้วนเลือกที่จะคอสเพลย์เป็นตัวละครให้ตรงกับเพศตัวเองเพื่อง่ายต่อการเข้าถึงตัวละครนั้นๆ หรือการแต่งข้ามเพศก็จะไม่ค่อยแปลกเท่าไร ด้วยความรักในตัวละคร แม้จะไม่ตรงกับเพศของตัวเองก็ทำให้ไม่มีอะไรมาขวางกั้นพวกเขาได้ และด้วยความสามารถในการคอสเพลย์ของ Seunghyo เธอทำให้ตัวละครสาวๆ ออกมาเป๊ะและดีมากๆ แต่สำหรับตัวละครชายที่เธอชอบ เธอก็สามารถทำออกมาได้ดีไม่แพ้กันหรืออาจจะดีกว่าตัวละครหญิงเสียอีก   อุจิฮะ ซาซึเกะ จากนารูโตะ .   อุจิฮะ อิทาจิ จากนารูโตะ   คิรัวร์ โซลดิ๊ก จากฮันเตอร์เอ็กซ์ฮันเตอร์ .   คุราปิก้า จากฮันเตอร์เอ็กซ์ฮันเตอร์   โทโดโรกิ โชโตะ จากมายฮีโร่ อคาเดเมีย   มิโดริยะ อิซึคุ จากมายฮีโร่ อคาเดเมีย   บาคุโก คัตสึกิ จากมายฮีโร่ อคาเดเมีย   เคนมะ โคซาเมะ จากไฮคิว คู่ตบฟ้าประทาน   อาคาชิ เคย์จิ…

เคยไหมที่บางครั้งเรามองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวแล้วเกิดภาพขึ้นมาจากจินตนาการของเราว่าสิ่งของเหล่านั้นมีรูปร่างหน้าตาในแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครจากการ์ตูนที่ชอบ หรือหน้าเหมือนดาราคนดัง ล่าสุดทางเว็บไซต์ top-news นำเสนอเรื่องราวของชาวเน็ตคนหนึ่ง ซึ่งได้เปลี่ยนเส้นสปาเก็ตตี้ธรรมดาๆ แต่งเติมเสริมจินตนาการจนกลายมาเป็นตัวละครดังจากการ์ตูน “โคนัน เจ้าหนูยอดนักสืบ” ดูเหมือนว่าเขาจะต้องการดึงดูดเหล่าเด็กน้อยให้สนใจในอาหารชนิดนี้ สร้างกระแสให้เป็นที่พูดถึงบนโลกออนไลน์ และย้ำเตือนเราว่าหากมีจินตนาการ อะไรๆ ก็สามารถเป็นไปได้นั่นเอง   ถ้าเป็นเราปกติแล้วจะคิดอะไรแบบนี้ได้ไหมนะ!?   ดูแว๊บแรกก็รู้เลยว่านี้คือ ไฮบาระ ไอ   จากภาพเราจะเห็นว่าตัวเส้นก็อยู่ในมุมมองที่ปกติดี แต่ด้วยการจัดเส้นเพิ่มเติมนิดหน่อยบวกเข้ากับการลงสีเงาลงไป ทำให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเส้นมันกลายเป็นรูปตัวละครต่างๆ ปกติเราคงจะกินไปแบบไม่คิดอะไรแน่ๆ แต่ยอมรับว่าคนที่ทำภาพนี้ขึ้นมาสุดยอดจริงๆ นั่นแหละ     ภาพนี้ถ้ามองไม่ดีอาจจะเห็นแค่ตัวโคนัน แต่ถ้าลองโฟกัสลึกๆ เราจะเห็นกลุ่มนักสืบจิ๋วทั้งแก๊งเลยล่ะ   ไฮบาระ ไอ ชัดๆ อีกรูปหนึ่ง   ชินอิจิ กับ รัน   อากาอิ ชูอิจิ   ยอมใจคนทำจริงๆ ด้วยความสามารถในการจินตนาการระดับนี้ เชื่อเหอะว่าต่อให้เป็นเส้นผม หรือน้ำบนพื้น เจ้าของภาพก็สามารถคิดมันให้ออกมาเป็นรูปร่างต่างๆ ได้สบายๆ เลยล่ะ   ที่มา: top-news

บ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นเมฆบนท้องฟ้าจับตัวกันจนมีรูปร่างที่แปลกประหลาด หรือคล้ายกับสิ่งของหลายอย่างบนโลกของเรา บางครั้งอาจจะเป็นสัตว์บางครั้งอาจจะเป็นใบหน้าคน อะไรก็แล้วแต่คนจะจินตนาการไป แต่ที่เห็นวันนี้มันแปลกไปจริงๆ Graham Telford ช่างภาพวัย 49 ปี ได้เก็บภาพเมฆสุดตะลึงที่มีรุปร่างเป็นดวงตาขนาดใหญ่เหนือบ้านของเขา ในเมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษ   โฉมหน้าของ Graham Telford ผู้เป็นเจ้าของภาพ   ทางด้านของ Graham ก็ได้บรรยายถึงความรู้สึกต่อเมฆดังกล่าวว่า “ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย การที่เมฆจะมารวมตัวกันจนออกมาเป็นรุปดวงตาที่สวยงามแบบนี้มันสุดยอดมาก ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่เชื่อเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าจะมีคนจับตาเราจากบนฝากฝ้าอะไรทำนองนี้หรอกนะ จนกระทั่งผมเจอเมฆกลุ่มนี้แหละ ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกว่ามีใครสึกคนกำลังจับตาดูเราจริงๆ นะ ส่วนคนรู้จักอื่นๆ ที่ผมเอาภาพนี้ไปให้ดู พวกเขาล้วนบอกว่ามันเป็นดวงตาของพี่ชายผมที่กำลังจับตาดูอยู่ ส่วนคนอื่นๆ บ้างก็บอกว่านี้เป็นดวงตาของพระผู้เป็นเจ้ากำลังจับตาดูมวลมนุษย์อยู่”       อย่างไรก็ตาม หลังภาพดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกมา ทำให้นักทฤษฎีสมคบคิดและนักดูเมฆยังอ้างว่าเมฆในภาพเป็น ‘ตาของพระเจ้า’ หรืออาจจะหลักฐานการเฝ้าระวังของรัฐบาล ที่จับตาดูประชาชนในเมืองอยู่ก็เป็นได้   ทางด้านนักอุตุนิยมวิทยาได้บอกว่าเมฆดังกล่าว มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “stratocumulus standing lenticularis” เกิดขึ้นเพราะลมที่แรงได้พัดผ่านภูมิประเทศขรุขระ เกิดเป็นแรงต้านจนทำให้เมฆมีลักษณะดังกล่าวนั่นเอง สุดท้ายแล้วเขาบอกว่า กลุ่มเมฆดังกล่าวสลายตัวอย่างรวดหลังจากที่เขาจับภาพได้…   ภาพหลังจากที่เขาถ่ายดวงตาได้ม่นาน เมฆก็สลายตัวจนเป็นดังภาพที่เห็น   ระ…ระ.. หรือว่า จะมีคนที่มองจากข้างบนจริงๆ…

กาชาปอง สุดยอดวัฒนธรรมแสนลึกลับแต่น่าหลงไหลจากแดนอาทิศอุทัย ที่แต่เดิมเริ่มจากสุ่มฟิกเกอร์เล็กๆ จนตอนนี้ทุกอย่างในญี่ปุ่นแทบจะเป็นกาชาปองได้เกือบทั้งหมด แถมใครจะเชื่อว่าจดหมายรักก็ยังเป็นกาชาปองได้ด้วย!!? ใช่แล้ว… ล่าสุดได้มีตู้กาชาปองแนวใหม่ ที่ข้างจะมีจดหมายรักสุดมุ้งมิ้งแถมเขียนด้วยมือล้วนๆ ออกมาให้ผู้ชื่นชอบในการเสี่ยงดวงได้เก็บสะสมกัน ซึ่งมีคนไปพบเห็นตู้กาชาปองนี้ตั้งอยู่ในจังหวัดนะโงะยะของประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง   นี่คือหน้าตาของเจ้าตู้กาชาดังกล่าว   ส่วนราคาในการหยอดแต่ละครั้งจะอยู่ที่ 200 เยน (ประมาณ 62 บาท) ซึ่งก็ถือว่าไม่แพงเท่าไหร่สำหรับการเสี่ยงดวงแต่ละครั้ง เมื่อเทียบกับจดหมายเขียนมือที่มีเนื้อหาเฉพาะตัวจากสาวน้อยลึกลับนามว่า Kiki   ที่ตู้ยังมีวิธีเล่นแปะไว้ด้วยนะ โดยเขียนไว้ว่า ให้เอาจดหมายรักนี้ไปใส่ไว้ในล็อคเกอร์ของเพื่อน พอเพื่อนเปิดมาเจอก็จะตกใจคิดว่ามีสาวแอบชอบอะไรทำนองนี้อยู่นั่นเอง   เล่ายาวกันมาขนาดนี้อยากจะรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะ ว่าเนื้อหาภายในจดหมายเป็นยังไงบ้าง งั้นเราลองมาดูน้ำจิ้มกันสักฉบับดีกว่า…   “นี้ฉันเอง Kiki สาวน้อยที่นั่งถัดจากนายไง ขอบคุณนะที่ให้เรายืมแผ่นซีดีในวันนั้น เราสองคนนี้มีรสนิยมทั้งเรื่องเพลงและอื่นๆ ที่คล้ายกันลยเนอะ ส่วนฉันก็ได้ฟังเพลงที่นายแนะนำมาแบบนอนสต๊อปเลยล่ะ แน่นอนว่าฉันชอบมันมากๆ และฉันก็ได้ข่าวว่าพวกเขาจะมีคอนเสิร์ตเร็วๆ นี้ด้วย ฉันอยากจะไปมากเลยล่ะ แต่ถ้าไปคนเดียวก็คงจะเหงาแย่ นายอยากจะไปกับฉันไหม?? แต่ถ้านายไม่อยากก็ไม่เป็นไรหรอกนะฉันโอเค แต่ถ้านายอยากไปด้วยกันฉันว่ามันต้องเป็นอะไรที่สนุกมากแน่ๆ เลยล่ะ!! ฉันคิดมานานแล้วนะ เราได้แต่คุยกันแค่ที่โรงเรียนเท่านั้น ฉันเลยไม่มีโอกาสได้บอกกับนายเลยว่า บางทีเราอาจจะไปทำอย่างอื่นด้วยกันก็ได้ ไม่ใช่แค่คอนเสิร์ตแต่อาจจะเป็นไปร้องคาราโอเกะหรือกินข้าวด้วยกันหลังเลิกเรียน อะไรทำนองนี้แหละ แถมฉันยังมีเรีื่องมากมายที่อยากจะบอกนายมากๆ…

มันเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้เลยที่จะคุณจะเกิดอุบัติเหตุทั้งเล็กน้อยหรือใหญ่โตจนเกินเป็นรอยแผลเป็นที่ทำให้ผิวหนังของคุณดูไม่ดีเอาซะเลย บ้างคนเลือกที่จะทาครีมแก้รอยแผล บางคนเลือกที่จะให้รองพื้นปกปิดรอยแผลพวกนั้น แต่ไม่ใช่กับผู้คนเหล่านี้ที่พวกเขาเลือกที่จะปกปิดรอยแผลเป็นจากการสัก!? ใช่แล้วคุณได้ยินไม่ผิด พวกเขาเลือกที่จะประยุกต์เข้ากับรอยแผลเป็นที่ไม่อยากให้ใครเห็นเข้ากับรอยสักที่สวยงาม ซึ่งเราได้รวบรวมไอเดียการสักปกปิดรอยแผลเป็นมาถึง 20 ภาพ ที่จะทำให้ทุกคนทึ่งว่ารอยแผลเป็นก็สามารถสร้างการศิลปะเจ๋งๆ ได้เหมือนกัน   1. รอยแผลเป็นที่เป็นรอยลึกก็กลายเป็นดอกไม้ได้อย่างแนบเนียน   2. รอยเย็บก็กลายเป็นซิปไปเลย   3. รอยแผลที่เต้านมก็ถูกปกปิดไปด้วยดอกกุหลาบ   4. อันนี้เท่สุดๆ ไอเดียดีมาก   5. รอยแผลเป็นวงกลมก็กลายเป็นเต่าไปแล้วเรียบร้อย   6. ดอกไม้เป็นลายที่นิยมสุดๆ ในการพรางรอยแผลเป็น   7. เป็นเข็มและด้ายที่เย็บแผลไว้   8. ปิดซะเนียนเลยนะ แทบไม่รู้ว่ามีแผลเป็น   9. รอยแผลที่เป็นเส้นยาวก็กลายมาเป็นหางนกยูง   10. กลายเป็นก้านกุหลาบซะแล้ว   11. ไลท์เซเบอร์ก็มา   12. ??   13. ดอกไม้ที่เลื้อยยาวช่วยปกปิดรอยแผลเป็นได้อย่างสวยงาม   14.…

ย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 4 นักปรัชญาชาวกรีกชื่อดัง เพลโต้ เคยให้ความเห็นว่า รูปทรงสมมาตรที่ปรากฎอยู่ในธรรมชาติเป็นรูปทรงแห่งมวลจักรวาล เช่นเดียวกับกาลิเลโอ กาลิเลอิ ชายผู้ค้นพบกฎแรงโน้มถ่วงของโลก เคยเขียนบันทึกไว้ในหนังสือของเขาเองว่า ‘ภาษาของจักรวาลคือคณิตศาสตร์ และมีก็ถูกบรรยายมาในรูปแบบของรูปทรงสมมาตรต่างๆ เช่น ทรงกลม สามเหลี่ยม ฯลฯ’ ดังนั้น… เราจะพาทุกคนไปชมความงามอันน่าพิศวงจากธรรมชาติ โดยทั้งหมดนี้เป็นภาพของรูปทรงเลขาคณิตหลากหลายรูปแบบ ที่ไม่น่าเชื่อว่ามันปรากฎขึ้นมาจริงๆ บนต้นไม้ใบหญ้าที่ดูเหมือนจะธรรมด๊า ธรรมดา   1. Aloe Polyphylla   2. Crassula Buddha’s Temple Plant   3. Amazon Lily Pad   4. Dahlia   5. ดอกไม้ที่ดูเหมือนพรหมติดเพชร   6. Drosophyllum Lusitanicum   7. Hoya Aldrichii   8. ดอกทานตะวัน   9.…

อันที่จริงแล้ว ‘หมอน’ คงกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญต่อชีวิตประจำวันของเราไปซะแล้ว ก็แหม่.. ลองนึกภาพตัวเองนอนหลับบนพื้นแข็งๆ ดูสิ มันช่างไม่น่ารื่นรมย์เอาซะเลย แต่ถ้าจะให้ใช้หมอนสี่เหลี่ยมสีขาวธรรมดาอย่างเดียว มันก็อาจจะดูเชยและเอ๊าท์ไปหน่อย เพราะเดี๋ยวนี้อะไรๆ มันก็ต้องมีดูดี ดูฮิปไว้ก่อน เพราะฉะนั้นไปรู้จักกับหมอนสุดจ๊าบทั้ง 15 แบบกันเลย   1. หมอนเลือด ถ้าอยากจะแกล้งทำเหมือนว่าตัวเองกำลังนอนตายอยู่ละก็ เชื่อเถอะ..อันนี้เวิร์ค!!   2. หมอนนาฬิกาปลุก เหมาะสำหรับคนที่ตื่นยาก หรือชอบตื่นสาย ลองนึกดูสิว่าเมื่อถึงเวลาตั้งปลุกแล้ว หมอนสามารถฉายแสงมายังดวงตาให้เราตื่นได้ อะไรจะวิเศษขนาดนั้น   3. หมอน Ctrl + Alt + Del เป็นหมอนที่ถูกทำขึ้นมาจากวัสดุรีไซเคิล 100% ส่วนจุดประสงค์ก็เหมือนหมอนทั่วไปนั่นแหละ ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย   4. หมอน iSleep เป็นหมอนที่ถูกออกแบบด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ มันสามารถที่จะดูดความร้อนจากโน๊ตบุ๊คของคุณ ให้กลายมาเป็นความอุ่นในเนื้อสัมผัสของหมอนได้   5. หมอนบอกอารมณ์ ถ้าเบื่อที่จะต้องตอบคำถามว่า เป็นยังไงบ้าง? สบายดีมั้ย? ทำอะไรอยู่? หมอนบอกอารมณ์ช่วยคุณได้…

เจ้าแมวเหมียวแสนซนสุดน่ารักที่ใครๆ ก็ต่างรักและเอ็นดูมันเหมือนลูก เพราะความซื่อบื้อในความชาญฉลาดของมัน (อ๊ะ งงล่ะสิ!?) ทำเอาใครหลายๆ คนกลายเป็นทาสแมวไปแล้ว และด้วยความน่ารักของเจ้าแมวเหมียวทำให้คนเรามักนำรูปวาดหรือสัญลักษณ์ของมันมาตกแตกอยู่ตามข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ อย่างผลิตภัณฑ์ตัวนี้ที่เราจะพาเพื่อนไปทำความรู้จักกัน มันคือ “ถุงอุ้งเท้าเหมียว” สำหรับคนที่อยากมีอุ้งเท้านิ่มๆ น่ารักๆ อย่างเจ้าแมวเหมียวแถมมีลวดลายน่ารักๆ ต่างๆ มากมายเลย     เมื่อเดือนที่แล้วแบรนด์ Felissimo ของญี่ปุ่นได้เปิดตัวสินค้าที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเจ้าแมวเหมียวโดยมีสินค้าที่น่าสนใจตัวหนึ่งคือ “ชุดชั้นในแมวน้อย” ที่ทำเอาทาสแมวต้องร้องกรี๊ดเพราะความน่ารักของตัวสินค้านั่นเอง และ  “ถุงเท้าเหมียวง่าว” ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะมาขโมยหัวใจของทาสแมวทั้งหลาย ให้ซื้อไปใส่กันน่ารักๆ ได้ที่บ้าน     “ถุงเท้าเหมียวง่าว” ทำจากไนลอนผสมผสานกับโพลีเอสเตอร์ ทางแบรนด์ Felissimo กล่าวว่า ถุงเท้าไม่เพียงแต่นุ่ม แต่ยังสามารถระบายอากาศได้ดีสุดๆ จึงสวมใส่ได้แม้ในฤดูร้อนแบบนี้   ด้วยลายที่หลากหลายถึง 6 แบบ ทำให้คุณสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นแมวสีไหน แถมมีอุ้งเท้าเล็กๆ น่ารักๆ อยู่ใต้ถุงเท้าอีกด้วย จึงเหมาะสุดๆ สำหรับคนที่รักแมวและพร้อมที่จะมีเท้านุ่มๆ เหมือนกับเจ้าแมวเหมียว แต่ก็ต้องตัดสินใจยากนิดนึงเพราะมันน่ารักหมดทุกคู่เลย   โดยถุงเท้าเหมียวง่าวนี้มีราคาอยู่ที่ 808 เยน หรือ 250 บาท…

เรื่องความสวยความงามเป็นเรื่องที่อยู่คู่กับผู้หญิงมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นหรือเครื่องสำอางก็มีการพัฒนาอยู่เสมอตั้งในสมัยอดีตจนกระทั่งปัจจุบัน เรียกได้ว่าผู้หญิงนั้นเป็นผู้ที่สร้างความสวยงามให้แก่โลกเลยทีเดียว ซึ่งความงามของสาวๆ นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอตามแต่ละยุคสมัย เราจึงจะพาทุกคนย้อนเวลาไปดูแฟชั่นความงามในอดีตของสาวๆ ในยุคนั้น ว่าพวกเธอก็มีแฟชั่นความอยู่มากมายไม่ต่างจากปัจจุบัน ความงามตามอุดมคติในอดีตจะเป็นอย่างไร ไปดูกัน   ศตวรรษที่ 18 : ผิวขาวซีด ในศตวรรษที่ 18 ผู้หญิงนิยมมีผิวที่ขาวซีด เพราะถ้าหากมีผิวสีแทนจะหมายความว่าเป็นคนชั้นต่ำที่เอาแต่ทำงานอย่างหนัก สีผิวที่ซีดนั้นแสดงถึงการเป็นชั้นสูง สุภาพสตรีในสมัยก่อนได้สร้างน้ำบำรุงผิวจากสตรอเบอร์รี่และไวน์ โดยเทลงบนผิวของพวกเขาเพื่อช่วยให้ผิวของพวกเขาซีดลง   ศตวรรษที่ 18: บำรุงผิวหน้าด้วยตะกั่วผสมกับคาร์บอเนต สารนี้มีชื่อว่า Ceruse แม้จะมีการเตือนโดยแพทย์ว่ามันมีสารพิษอยู่สูงมาก แต่วงการเครื่องสำอางก็ถูกนำไปใช้กับใบหน้าเพื่อให้ได้ผิวขาวอย่างเป็นธรรมชาติ   ศตวรรษที่ 18 : สติกเกอร์ติดหน้า สติกเกอร์ชิ้นเล็กๆ น่ารักแบบนี้เรียกว่า “Beauty Patches” ซึ่งมันมีรูปร่างหลากหลายแบบไม่ว่าจะเป็นดวงจันทร์ ดาว หรือหัวใจ การใช้งานก็คือการติดมันไปที่บนบริเวณใบหน้าจุดไหนก็ได้ ก็จะได้ความน่ารักและแฟนซีขึ้นมาทันที   ศตวรรษที่ 18: วิกผมสีขาว การผมสีขาวโพลนนั้นเป็นที่นิยมสุดๆ ในยุคนั้น แต่เป็นสิ่งของที่หายากและมีราคาแพง   ศตวรรษที่ 18 : ผมสีขาว ในเมื่อวิกสีขาวนั้นเป็นที่นิยมสุดๆ ซึ่งเป็นของที่หายาก…

ผู้คนส่วนใหญ่มักจะมีความเห็นที่ตรงกันว่า ขี้มูกถือเป็นสิ่งสกปรกและยิ่งกินมันเข้าไปยิ่งถือเป็นเรื่องที่น่าขยะแขยงมากๆ ซึ่งนั่นก็คือเรื่องจริงที่ไม่มีใครอยากจะทำ แต่ใช่ว่าเราจะไม่เคยเห็นใครกินขี้มูกหรือหาดูได้ยากหรอกนะ เพราะว่าเด็กทารกหลายๆ คนก็มักจะเผลอกินขี้มูกของตัวเองเช่นกัน หนึ่งในนั้นอาจจะเป็นลูกของคุณก็ได้แม้แต่ตัวเราเองบางคนก็เคยกินตอนเด็กๆ เชื่อสิ…     แต่ทว่าการเผลอกินขี้มูกนั้นมีประโยชน์มากมายหลายอย่างเลยทีเดียว และมันอาจจะจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเด็กๆ ด้วยก็ได้ จากผลการวิจัยที่เผยแพร่ผ่าน US National Library of Medicine National Institutes of Health และรายงานจาก Kidspot บอกว่าภายในขี้มูกมีสาร Salivary mucins ที่จะเป็นเกราะในการช่วยป้องกันฟัน จากแบคทีเรียอันก่อให้เกิดฟันผุได้เป็นอย่างดี     ด้วยเหตุนี้ทางนักวิจัยจึงเลงเห็นและเริ่มคิดค้นสารสังเคราะห์ ที่มีผลเหมือนกับขี้มูกซึ่งจะนำไปใช้ในหมากฝรั่งและยาสีฟัน ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีหลักฐานบางอย่างที่เสนอว่าขี้มูกสามารถที่จะนำมาใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจ รวมถึงใช้รักษาแผลในกระเพาะอาหารและยังมีส่วนช่วยในการป้องกันเชื้อ HIV ได้อีกด้วย สุดท้ายผู้เชี่ยวชาญด้านปอดชาวออสเตรีย ศาสตราจารย์ Friedrich Bischinger ยังเชื่อว่าคนที่กินขี้มูกจะมีสุขภาพที่ดีกว่า มีความสุขกว่าคนที่ไม่ได้กินอีกด้วย     ถึงว่าในแฮรี่พอตเตอร์ถึงมีขนมรสขี้มูก รสขี้หู เพราะมันมีประโยชน์นี้เอง มองขาดสุดๆ ที่มา independent

กว่าเราจะเก่งกาจ หรือมีความสามารถในด้านใดด้านหนึ่งก็ต้องผ่านการฝึกฝนกันมาอย่างหนักหน่วงพอสมควร และพอมองย้อนกลับไปดูตอนเริ่มฝึกกับหลังฝึก มันช่างแตกต่างกันซะเหลือเกิน เช่นเดียวกับ Merrick Hanna เด็กหนุ่มวัย 12 ปี ที่มีความชื่นชอบและหลงใหลกับการเต้น เขาพยายามฝึกอย่างหนักจนกลายเป็นนักเต้นที่มีชื่อเสียงโด่งดัง     และเขาได้ทำการเปรียบเทียบฝีมือการเต้นระหว่างตอนที่เพิ่งเริ่มฝึกเต้นใหม่ๆ เมื่อ ปี 2014 ตอนเอายุได้ 9 ปี และหลังจากฝึกไปได้แล้วเป็นระยะเวลา 2 ปี ก็กลับมาถ่ายอีกครั้งเพื่อเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่าง     ผ่านไป 2 ปี Merrick อายุได้ 11 ปีแล้ว (แว๊บแรกที่เห็นทำไมเด็กฝรั่งมันโตไวจังเลยฟร๊ะ!?)   ในคลิปจะเห็นถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจนทั้งท่าเต้นที่ดูเข้มแข็ง และดูชำนาญขึ้นอย่างเห็นได้ชัด   อีกทั้งยังมีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมด้วย .   จากที่เริ่มฝึกหัดการเต้นเมื่อ 2 ปีก่อน ตอนนี้ Merrick กลายเป็นนักเต้นที่มีแฟนๆ ติดตามมากมายในยูทูบก็มีผู้ติดตามถึง 8 พันคน และในอินสตาแกรมอีกกว่า 50,000 คนเลยทีเดียว!!     ลองไปชมคลิปเปรียบเทียบความแตกต่างตอนเริ่มเต้นกับหลังเต้นไปแล้ว…

การต่อสู้กับความเครียดไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยสำหรับใครหลายๆ คน มิหนำซ้ำมันยังเป็นตัวการที่ทำให้สุขภาพร่างกายของเราย่ำแย่ลงอีกด้วย และนี่เป็นผลงานศิลปะ Minipeople ของศิลปินชาวโปแลนด์ชื่อว่า Dawid Planeta ที่ทำขึ้นมาเพื่อช่วยบำบัดความเครียดของตัวเอง     จึงสร้างโลกในจินตนาการขึ้นมาเป็นเรื่องราวของชายตัวเล็กๆ ที่เดินทางผจญภัยไปในป่าที่แสนมืดมิด และเผชิญหน้ากับความอ่อนแอ ความหวาดกลัว ที่โผล่ออกมาให้เห็นในรูปแบบของสัตว์ตัวใหญ่ยักษ์ที่มีดวงตาส่องสว่างดูน่ากลัว นอกจากนี้ยังมีการใช้โทนสีที่เป็นขาวดำ ทำให้ภาพแต่ละภาพออกมาดูหลอนๆ น่ากลัว แต่ขณะเดียวกันก็ดูสวยงามและน่าค้นหา   .   แม้ว่าความกลัวหรือความเครียดมันจะน่ากลัวแค่ไหน แต่สิ่งที่เราต้องทำก็คือการเผชิญหน้ากับมัน .   ความเครียดมันช่างน่ากลัวยิ่งนัก แต่ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ . .   ความรู้สึกของเราเมื่อต้องเผชิญกับความเครียด มันช่างโดดเดี่ยวและอ้างว้างเหลือเกิน   เราอาจจะต้องการแสงสว่าง หรือใครสักคนเพื่อระบายให้ความเครียดให้เขาฟังก็อาจจะช่วยได้นะ .   หากเราไม่ต่อสู้กับมัน สักวันหนึ่งมันอาจจะพรากชีวิตของเราไปก็ได้   กองไฟที่สว่างจ้าขึ้นมาก็เปรียบเสมือนกำลังใจในการต่อสู้กับอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามา . .   นี่เป็นโลกแห่งความกลัวในจินตนาการของเขา .   เปรียบตัวเองเป็นชายตัวเล็กในรูป และสัตว์ต่างๆ ก็คือความเครียดและความหวาดกลัวที่ตัวเองมี   บนโลกนี้ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เรายังต้องเผชิญ และเราต้องผ่านมันไปให้ได้   เพื่อนๆ…

เมื่อพูดถึงวัฒนธรรมที่โด่งดังของญี่ปุ่นคงไม่มีใครไม่รู้จักวัฒนธรรมกิโมโน โดยเฉพาะในเกียวโตถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมกิโมโน ยิ่งเสื้อผ้าสิ่งทอจากเกียวโตที่เรียกว่า “Nishijinori” จะมีราคาแพงเป็นพิเศษ เพราะลวดลายที่สลับซับซ้อนและสีสันหรูหราซึ่งเราจะได้เห็นผ้าดังกล่าว ในรูปแบบกระเป๋าสตางค์สุดน่ารักที่จะนำเสนอในวันนี้   กระต่ายและดวงจันทร์เป็นนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น ที่เล่าถึงกระต่ายผู้อาศัยอยู่บนดวงจันทร์ ซึ่งภาพของนิทานเรื่องนี้ก็มาปรากฏอยู่บนลายของผ้ากิโมโนมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ในเวลาเดียวกันก็มีตัวละครจากเรื่อง Sailor Moon ที่ชื่อว่า Usasgi Tsukino ที่มีความหมายว่ากระต่ายในดวงจันทร์ จึงเหมาะที่จะนำผ้ากิโมโนพื้นบ้านและตัวละครในการ์ตูนมาประกอบเข้าด้วยกัน เกิดเป็นกระเป๋าสตางค์สุดน่ารักที่แฝงไปด้วยวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น   ความเชื่อเรื่องโชคลางญี่ปุ่นที่เป็นที่นิยมถือได้ว่าถ้าคุณเก็บธนบัตรไว้ในกระเป๋าสตางค์โดยไม่พับนั้น จะทำมีความมั่นคงทางการเงินและความมั่งคั่งในชีวิต   กระเป๋าสตางค์เซเลอร์มูนนี้มีช่องเก็บธนบัตร ช่องเก็บเหรียญ และบัตรต่างๆ ถึง 19 ช่อง เพื่อให้ผู้ใช้ได้เก็บของส่วนตัวต่างๆ ได้อย่างสะดวก   อีกทั้งกระเป๋าสตางค์เซเลอร์มูนนี้ยังมีลูกเล่นน่ารักๆ อีกมากมายเช่นปุ่มสัญลักษณ์ “Crystal Star Compact” บนกระเป๋าและที่ห้อยซิปสุดน่ารักที่มีทั้งลูกคริสตัล กระดิ่งเล็กๆ และพระจันทร์เสี้ยว .   ในขณะที่กระเป๋าสตางค์ก็มาพร้อมกับกล่องสวยๆ สไตล์ Sailor Moon ที่ดูเข้ากันสุดๆ กับกระเป๋าสตางค์ คุณสามารถสั่งซื้อเจ้ากระเป๋าสตางค์เซเลอร์มูนนี้ได้ในราคา 19,800 yen(ประมาณ 6,000 บาท) หรือใครที่ไม่มีเงินสำรองเก็บไว้ก็สามารถแบ่งจ่ายเป็น 4 งวดได้โดนจ่ายครั้งละ 4,980 เยน(ประมาณ 1,500 บาท…

หากคุณเป็นคนรักธรรมชาติแต่พื้นที่ของบ้านคุณมีจำกัด จนอดซื้อต้นไม้ๆ สวยมาวางประดับเพราะอาจจะมีขนาดที่ใหญ่เกินไปและยากต่อการดูแลรักษา แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามีต้นไม้บางชนิดที่สามารถปลูกในบ้านโดยไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะแถมยังมีผลออกมาให้เราได้ทานกันอีกด้วย ดังนั้นเราจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับต้นไม้สุดเจ๋งที่เราสามารถปลูกได้ง่ายๆ ภายในบ้าน โดยเราได้รวบรวมวิธีดูแลรักษาไว้ให้เพื่อนๆ อีกด้วย ใครที่เป็นคนรักษ์โลกรักธรรมชาติพลาดไปไม่ได้เลย   1. Figs ต้นมะเดื่อ ต้นมะเดื่อที่ควรจะเลืกมาปลูกในอาคารคือพันธุ์เล็กๆ อย่าง Brown Turkey (หรือที่เรียกว่า Negro Largo หรือ Aubique Noire)  ซึ่งสามารถตัดแต่งกิ่งได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสามารถผสมเกสรตัวเองและสามารถเจริญเติบโตได้ในบ้าน ต้นมะเดื่อจะเติบโตมีใบและรูปร่างที่สวยงาม เป็นแน่นอนว่าคุณต้องมีกระถางที่ใหญ่พอสมควรเพื่อที่จะให้ต้นมะเดื่อนั้นเจริญเติบโต คุณควรรดน้ำมันสัปดาห์ละครั้ง หรือสังเกตจากหน้าดินที่แห้ง ส่วนการจัดวางต้นมะเดื่อนั้นควรจัดวางไว้ในที่ที่มีแสงเพียงพอแต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะวางมันใกล้ประตูหรือหน้าต่างที่เปิดรับลมตลอด เพราะต้นมะเดื่อไม่ชอบความหนาวเย็นสักเท่าไหร่ . .   2. Lemons ต้นเลม่อน ถ้าคุณอยากได้ต้นไม้น่ารักๆ แถมมีผลให้ทานได้ด้วยต้องต้นเลม่อนต้นนี้เท่านั้นแต่คุณต้องเลือกมะนาวพันธุ์แคระที่สามารถผสมเกสรตัวเองได้อย่าง Mayer Lemon ส่วนการปลูกนั้นดินที่ดีที่สุดสำหรับต้นเลม่อนคือดินที่มีความเป็นกรดเล็กน้อยและควรมรลักษณะร่วน เพราะต้นเลม่อนชอบความชื้นมากๆ ซึ่งคุณสามารถใช้สเปรย์ฉีดน้ำพ่นเป็นประจำ พืชตระกูลซีทรัสต้องการแสงตลอดวัน ดังนั้นควรวางต้นเลม่อนในจุดที่มีแสงแดดมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ . .   4. Olives ต้นมะกอก ต้นมะกอกนั้นไม่จำเป็นต้องดูแลมากนัก มันสามารถผสมเกสรเองได้พันธุ์ที่เหมาะสมที่จะปลูกในบ้านควรจะเป็นพันธุ์ Arbequina…

สำหรับคนที่กำลังจะได้เป็นแม่คนแล้ว คงไม่มีสิ่งไหนที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่าลูกน้อยที่กำลังจะออกมาดูโลก และชีวิตครอบครัวที่พวกเธอต่างเฝ้าใฝ่หามาโดยตลอด ด้วยไอเดียจากนิยายเจ้าหญิงดิสนีย์ ที่มักจะลงเอยด้วยคำว่า ‘อยู่อย่างมีความสุขตราบชั่วนิรันดร์’ ทำให้ Vic และ Marie คู่หูช่างภาพปิ๊งไอเดียที่จะถ่ายภาพคุณแม่ช่วงใกล้คลอด ก่อนที่พวกเธอจะได้พบกับความสุขชั่วนิรันดร์กับลูกน้อยจริงๆ นั่นเอง พวกเขาประกาศรับสมัครและตามหาคุณแม่ใกล้คลอดที่อยากจะมาเป็นนางแบบในโปรเจคนี้ ซึ่งแม้จะไม่ได้ครบนับสิบคนอย่างที่ต้องการไว้ทีแรก แต่นี่ก็คงเพียงพอแล้ว     คนแรกก็คือ.. เจ้าหญิงซินเดอเรลล่าผู้มาพร้อมกับรองเท้าแก้ว   สโนวไวท์กับชุดการแต่งตัวของเธอที่ดูมีเอกลักษณ์โดดเด่นสุดๆ   เจ้าของไอเดียคอลเล็คชั่นภาพชุดนี้ได้อธิบายว่า คนทั่วไปมักจะเห็นภาพของเจ้าหญิงในแบบที่เป็นหญิงสาววัยรุ่น ที่กำลังรอคอยรักแท้จากเจ้าชาย แต่ไม่เคยมีใครพูดถึงเจ้าหญิงที่กำลังท้อง ‘เหมือนเป็นอีกมุมมองหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเมื่อไหร่ที่คุณผู้หญิงท้อง และพร้อมที่จะมอบชีวิตใหม่ให้กับโลกใบนี้ ผมว่าพวกเธอนี่แหละคือเจ้าหญิงตัวจริง’ Vic ให้สัมภาษณ์   ถ้าพูดถึงเจ้าหญิงดิสนีย์ จะขาดเจ้าหญิงเบลล์ไปไม่ได้เลย   และสุดท้ายเจ้าหญิงที่โพสท่าได้เพอร์เฟคที่สุด เธอคือเจ้าหญิงทีอานา   ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ถ่ายแบบเจ้าหญิงครบทั้ง 13 องค์ แต่ต้องขอบอกเลยว่าคุณแม่ทุกคนก็คือเจ้าหญิงของครอบครัวตัวจริงนั่นเอง ที่มา: Metro

ผู้หญิงกับเรื่องความสวยความงามเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออกเลยจริงๆ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัยผู้หญิงก็ยังต้องสรรหาสารพัดเคล็ดลับลับความงามมาทำให้ตัวเองนั้นดูดีอยู่เสมอ โดยไม่คำนึงถึงผลเสียของมันเสียเท่าไหร่ ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบันอุปกรณ์เพื่อความงามนั้นก็ยังคงอยู่และพัฒนาขึ้นมาอย่างเรื่อยๆ เพื่อให้ผู้หญิงในแต่ละยุคนั้นพึงพอใจที่สุด ดังนั้นในครั้งนี้เราจะพาไปย้อนเวลาดูแฟชั่นความงามของสาวๆ ในอดีต ว่าพวกเธอมีวิธีบำรุงความงามอะไรกันบ้าง จะโหดแค่ไหน เราไปดูกันเลย   1. รองเท้าส้นสูง “Chopine” ในศตวรรษที่ 15-17 สุภาพสตรีในศตวรรษที่ 15-17 ได้สวยรองเท้าส้นสูง “Chopine” เพื่อป้องกันชุดกระโปรงของพวกเธอจากโคลน อีกทั้งยังแสดงถึงฐานะทางสังคม โดยรองเท้านี้จะบ่งบอกว่าผู้ใส่นั้นเป็นคนชนชั้นสูงนั่นเอง รองเท้าส้นสูง “Chopine” สามารถสูงได้ถึง 50 เซนติเมตร ดังนั้นเวลาที่จะสวมใส่ต้องมีเหล่าคนรับใช้มาคอยช่วยนายหญิงอยู่เสมอ   2. อุปกรณ์ปกป้องการแต่งหน้า ในปี 1939 อุปกรณ์นี้ใช้ปกป้องใบหน้าของหญิงสาวให้พ้นจากฝนและหิมะ เพื่อที่จะไม่ให้เครื่องสำอางต่างๆ นั้นหลุดไปกับสภาพอากาศ แต่มันก็มีข้อเสียคือมักจะเกิดฝ้าคล้ายๆ หมอกอยู่ภายในอุปกรณ์ ซึ่งจากการหายใจของผู้สวมใส่นั่นเอง   3.  เครื่องทำลักยิ้ม ในปี 1923 อุปกรณ์ทำลักยิ้มนี้ได้รับการจดสิทธิบัตร การทำงานของมันคือการนำมาวางบนใบหน้าของคุณ ด้านหนึ่งคล้องไว้ที่หลังหูเหมือนกับขาแว่น และยึดอีกด้านหนึ่งไว้ที่คาง แล้วจะมีแท่งเล็กๆ กดที่แก้มไว้ มันกดลงไปอย่างหนักทำให้เกิดความเจ็บปวด เมื่อใช้เจ้าอุปกรณ์นี้เป็นเวลานานก็จะเกิดลักยิ้มในแบบนี้ต้องการ   4.…

บ่อยครั้งที่สมาร์ทโฟนจากค่าย Apple มักจะแฝงฟังก์ชั่นอะไรบางอย่างไว้โดยที่ไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์บอกลูกค้า และกว่าจะรู้ก็ต้องให้มาค้นพบกันเอง นี่ก็เป็นอีกครั้งที่กว่าจะมีคนรู้ก็เล่นใช้เวลานานอยู่เหมือนกัน เพราะล่าสุด Jazz Johnson พ่อหนุ่มนักศึกษาวัย 19 ปี ได้ออกมาเผยให้ชาวเน็ตรู้ว่า.. ตัวเลขที่ยาวเหยียดบนเครื่องคิดเลขไอโฟนน่ะ สามารถลบด้วยสไลด์ไปข้างหลังได้นะ   โฉมหน้าฮีโร่สาวกแอปเปิ้ล ที่ออกมาเฉลยถึงวิธีการที่ไม่มีใครรู้มาก่อน   เป็นอย่างที่รู้กันว่าในเครื่องคิดเลขของไอโฟนนั้น เวลาที่เราต้องการจะลบตัวเลขเพียงแค่หลักเดียว เราไม่สามารถทำได้ เพราะมันมีแค่ปุ่ม C ให้เลือกเท่านั้น แถมมันยังเป็นปุ่มที่ลบตัวเลขให้หายไปทั้งยวงด้วยอีก   ‘ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันทำแบบนี้ได้ แล้วบังเอิญว่านิ้วไปเลื่อนใส่พอดี เออมันทำให้ชีวิตง่ายขึ้นอีกเยอะ’ Jazz Johnson เล่า   ถ้าใครนึกภาพตามไม่ออก ก็ลองชมคลิปวิดีโอนี้ดู รับรองว่าจะอ๋อทันที.. PSA: you can backspace on the iPhone calculator pic.twitter.com/sBJMlANDNJ — CENSORED dialogue (@censoredialogue) May 3, 2017   ถึงแม้จะเป็นการค้นในแอพฯ เล็กๆ แต่มันก็ยิ่งใหญ่มากพอที่จะทำให้มนุษยชาติสาวกแอปเปิ้ลอีกหลายๆ…

เชื่อว่าความฝันของผู้หญิงหลายๆ คือการได้แต่งงาน ได้ใส่ชุดเจ้าสาวสวยๆ  มีเค้กอันใหญ่ตั้งอยู่ในงาน แต่จะดีแค่ไหนถ้าสองอย่างนี้รวมอยู่ด้วยกัน หลายคนคงนึกภาพไม่ออกว่ามันจะมารวมกันได้อย่างไร ดังนั้นเราจะพาไปพบกับ “ชุดเจ้าสาวทานได้” ที่ออกแบบได้อย่างงดงามแถมยังสามารถลิ้มรสขอมันได้ด้วย!?   Emma Jayne นักออกแบบชุดเจ้าสาวทานได้สุดมหึมาและอลังการนี้ เธอได้นำผลงานชุดเจ้าสาวที่ทำจากลูกกวาดนี้ไปโชว์ในงาน Cake International show ในกรุง London   เธอได้ทำชุดเจ้าสาวทานได้สุดงดงามนี้ขึ้นหลังจากที่เธอได้มีโอกาสออกแบบชุดกับบริษัทออกแบบชุดเจ้าสาวในฟิลิปปินส์ของนักออกแบบ Mark Tumang      สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือ Emma Jayne เธอทำชุดเจ้าสาวทานได้นี้ด้วยมือทั้งหมด ไม่มีการใช่เครื่องพริ้นท์ 3D หรือเครื่องจักรใดๆ ทั้งสิ้น ชุดสุดอลังการนี้ทำมาฝีมือล้วนๆ   ถ้าคุณไม่เข้าไปดูดีๆ คุณไม่มีทางรู้แน่นอนว่าชุดเจ้าสาวนี้ทำมาจากขนมหวาน   ถ้าคุณเข้าไปดูใกล้ๆ ก็จะพบว่าชุดเจ้าสาวทานได้นี้ตกแต่งไปด้วยดอกเล็กๆ สลับซับซ้อนซึ่งเหมือนกับสไตล์การออกแบบชุดเจ้าสาวของ Tumang   โดยนักออกแบบ Jayne ได้ใช้เครื่องมือเล็กๆ ที่มีชื่อว่า Dragéekiss เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักออกแบบติดของตกแต่งลงไปบนชุดเจ้าได้ง่ายขึ้น ซึ่งปกติอุปกรณ์นี้เอาไว้ใช้ตกแต่งหน้าเค้กแต่งงานนั้นเอง   ดอกไม้เล็กๆ ที่ตกแต่งไปด้วยไข่มุกทำให้ดูหรูหรามากๆ   ไม่อยากจะเชื่อว่าทำมาจากลูกกวาด เป็นชุดที่ใหญ่โตมหึมาและงดวามจริงๆ . .   ลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นแบบให้ชุดนี้ เราจะต้องโพสท่านิ่งนานแค่ไหนกันนะ…

อันที่จริงแดดอุ่นๆ ยามเช้าถือเป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกายนะ แต่ถ้าแดดตอนสายๆ หรือตอนบ่ายๆ โดยเฉพาะแดดอันร้อนแรงของเมืองไทยที่ราวกับตั้งอยู่ข้างบ้านของดวงอาทิตย์ คงไม่ใช่อะไรที่ดีซักเท่าไหร่ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์เสมอไป แต่สำหรับพ่อศิลปินหนุ่ม Michael Papadakis แล้ว แสงอาทิตย์ยามบ่ายที่พร้อมจะแผดเผาผิวเราให้เป็นมะเร็งได้นั้น กลับเป็นประโยชน์ต่อการสร้างงานศิลปะของเขาเหลือเกิน   Michael Papadakis   เจ้าตัวได้เล่าว่า ศิลปินแบบที่เขาทำอยู่นี้เดิมทีมีจุดกำเนิดมาตั้งแต่ช่วงปี 1822 ซึ่งเป็นเทคนิคที่เรียกว่า Heliography  อันที่จริงก่อนหน้านี้เขาก็เป็นศิลปินที่ถ่ายทอดเรื่องราวด้วยพู่กัน และสี ผ่านลงบนกระดาษ หรือผ้าใบมาโดยตลอด แต่ครั้งหนึ่งเมื่อตอนเดินทางท่องเที่ยวบนเส้นทางสายไหม (จากยุโรป – เอเชีย) มันก็ทำให้เขาค้นพบวิธีการดังกล่าว และนำเอามาประยุกต์ใช้กับงานของตัวเอง     ‘จำได้ว่าผมเห็นเพื่อนชาวจีนใช้แว่นขยายส่องลงไปบนกระดาษ จากนั้นไฟก็ลุกติด มันทำให้ผมคิดได้ว่า เฮ้ย.. เราใช้วิธีนี้วาดรูปก็ได้นี่หว่า’ ศิลปินหนุ่มกล่าว   แต่กว่าจะควบคุมพลังงานจากแสงอาทิตย์ ให้ออกมาเป็นลวดลายแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเขาต้องใช้เวลาฝึกฝนนานถึง 5 ปี กว่าจะนำผลงานออกมาโชว์ได้     ‘ส่วนใหญ่แล้วงานชิ้นนึงก็ใช้เวลาตั้งแต่ 1 ชั่วโมง หรือลากยาวไปจนถึง 30 ชั่วโมงเลยก็มี ขึ้นอยู่กับสเกลความละเอียด…

เป็นอย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า เกาะบาหลี เป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ที่ต้องไปสัมผัสให้ได้ซักครั้งในชีวิต ทว่าก่อนที่กลายมาเป็นเมืองท่องเที่ยวอันสุดฮิตในปัจจุบัน เกาะแห่งนี้เคยเป็นชนบทที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชนพื้นเมือง แต่น่าเสียดายที่สิ่งเหล่านั้นเริ่มจางหายไปตามยุคสมัย และเราจะพาทุกคนไปพิสูจน์ผ่านภาพถ่ายทั้งหมดนี้…   ย้อนกลับไปเมื่อปี 1975 Clifford White (เจ้าของภาพ) ได้ไปเยือนที่เกาะบาหลีครั้งแรก และทั้งหมดนี้คือภาพสะท้อนวิถีชีวิตในอดีต   ในยุคสมัยนั้นยังไม่มีนักท่องเที่ยวจากตะวันตกมากนัก ทำให้ชาวบ้านอาจรู้สึกแปลกหูแปลกตาบ้าง เมื่อเห็นนักท่องเที่ยว   ภาพของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินทางไปเล่นกระดานโต้คลื่นด้วยเท้าเปล่า   ในภาพนี้คือ Jalan Tegal Wangi หมู่บ้านขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยความสงบสุข และเรียบง่าย   ย้อนกลับไปในอดีตที่บริเวณอ่าว Kuta เคยเต็มไปด้วยสินค้าจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนม (และของก๊อป)   ภาพซ้าย: บริเวณถนนหนทาง ภาพขวา: เจ้าของภาพ และชาวบ้านที่นั่น   สมัยก่อนถนนทางไปอ่าว Kuta เป็นถนนที่เงียบสงบ เช่นเดียวกับวิถีชีวิตของหญิงสาวที่มักจะวางสินค้าไว้บนหัวเพื่อขายให้นักท่องเที่ยว   ร้านซักรีดในสมัยก่อน ซึ่งเจ้าของภาพบอกว่าเมื่อปี 2011 เขามีโอกาสได้กลับไปอีกครั้ง แต่พบว่ามันกลายเป็น Hard Rock…

สาวๆ ที่ชอบการแต่งตัวไม่ควรพลาดบทความนี้เลย เพราะเราได้รวบรวมสาวๆ สุดเท่จากอินตาแกรม ที่จะทำให้คุณลุกขึ้นมามิกซ์แอนด์แมทช์เสื้อผ้าให้ดูชิคยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งสาวๆ เหล่านี้ก็มีแฟนคลับอย่างมากมายบนอินสตาแกรมของพวกเธอ จะว่าไปแล้วก็ถือว่าเป็นไอดอลของสาวๆ ในยุคนี้เลยก็ว่าได้ ใครที่ไม่อยากตกเทรนด์ก็ลองไปชมสิ่งที่เรานำมาฝากในวันนี้ได้เลย   เหมย ณภัสนันท์ สิรินดาศุภสิริ เธอกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ผลงานที่โดดเด่นจนทำให้กลายเป็นคนรู้จักก็คือหนังสั้นของ The 1 Card เรื่อง “จีบได้ แฟนตายแล้ว” ที่เธอได้แสดงความเป็นธรรมชาติจนเป็นเสน่ห์ที่ทุกคนหลงไหล และสิ่งที่ทำให้เธอดูพิเศษขึ้นไปอีกก็คือการแต่งตัวที่มีสไตล์สุดๆ เรียกได้ว่าเป็นไอดอลของสาวฮิปยุคนี้เลยก็ว่าได้ ไปชมความน่ารักของเธอเพิ่มได้อีกในอินตาแกรมนี้เลย meiinpsn . .   เมย์ ชูชีวา ชีพชล น้กร้องสาวและมือกีต้าร์วง Fwends เป็นสาวคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตได้คุ้มค่าสุดๆ เธอเป็นสาวนักกิจกรรม ทำธุรกิจส่วนตัว ทำงานประจำและสิ่งที่รักไปพร้อมๆ กัน ชีวิตที่ไม่หยุดนิ่งของเธอทำเธอเป็นสาวเก่งอีกคนในวัยเพียงแค่ 22 ปี ด้วยความที่เธอมีความชื่นชอบในแฟชั่นจึงทำให้เธอมีแบนรด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองที่ชื่อว่า Cornerstore  อีกทั้งภาพในอินสตาแกรมของเธอก็มีสไตล์ชัดเจน เป็นสาวเท่ที่น่าติดตามอีกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ chucheewa . .   เกรซ บูชิตา โค้ววิลัยแสง สาวสวยหุ่นดีคนนี้…

ใครที่ชอบชมภาพศิลปะไม่ควรพลาดบทความนี้เลยจริงๆ เพราะเรามีงานศิลปะที่แสดงให้เห็นถึงความกลืมกลืนและเข้ากันสุดๆ ของสิ่งแวดล้อมและเครื่องแต่งกายที่นางแบบสวมใส่ เกิดเป็นภาพสุดเจ๋งที่มองไปอาจจะงงหน่อยๆ เพราะเหมือนกับเธอจะพรางตัวจากสายตาคนมองยังไงอย่างงั้น     ศิลปินสาว Ariel Adkins เธอได้ฝากฝีมือการวาดภาพและการออกแบบชุดให้เข้ากันสุด ในอินสตาแกรมของเธอที่มีชื่อว่า artfullyawear เธอได้รังสรรค์ภาพวาดและชุดสวยๆ ให้เข้าอย่างกับจะพรางตัวจากสายตาผู้คน โดยเธอได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพวาดของศิลปินชื่อดัง Vasily Kandinsky ซึ่งเธอได้ออกแบบชุดเดรสให้เข้ากับภาพวาดได้อย่างแนบเนียน   อย่างดอกไม้สีสันสดใสเธอก็ตัดชุดออกมาได้สวยงามไม่แพ้ดอกไม้เลย .   ไม่มองดีๆ ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามีคนอยู่ . .   แม้ไม่มีลวดลายเธอก็ยังเนียนๆ ได้ กลมกลืนสุดๆ . .   มีความคล้าย .   ฝักทองลายจุดเธอออกแบบชุดมาได้น่ารักสุดๆ   อันนี้ก็เนียน เรียบหรูดูเป็นทางการ . . .   ปวดตาไปหมดแล้วววว . . . . .   ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพไหน เธอก็สามารถรังสรรค์ชุดให้ออกมาสวยงามเหมือนภาพวาดนั้นๆ . . . .   ตึกรามบ้านช่องเธอก็สามารถซ่อนตัวเนียนๆ…

เชื่อว่าใครหลายๆ คนต้องเคยเจอเข้ากับเหตุการณ์สุดแย่ที่ทำให้เสียความรู้สึกจนต้องนอนร้องไห้ขี้มูกโป่ง ไม่ยอมกินไม่ยอมนอน เอาแต่ฟูมฟายและตอกย้ำตัวเองให้แย่ลง ไม่ต่างกับสาวร่างใหญ่คนนี้ที่เธอโดนคู่หมั้นทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ทำให้เธอหมดหวังในชีวิตและรู้สึกไร้ค่า Jennifer Atkin สาวร่างใหญ่ จากเมือง Ulceby, Lincolnshire ประเทศอังกฤษ เธอมีน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม เธอทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและหมดอาลัยตายอยากหลังจากที่คู่หมั้นของเธอทิ้งไป     แต่ในปัจจุบันเธอทุ่มเทให้กับการออกกำลังกายจนมีหุ่นเซี้ยะและมีน้ำหนักเพียง 57 กิโลกรัมเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นสาวงามผู้เข้ารอบสุดท้ายของการประกวดนางงามอีกด้วย เธอกล่าวว่า “เมื่อตอนที่คู่หมั้นของฉันทิ้งไปฉันเสียใจมากๆ แต่สุดท้ายแล้วมันกลับกลายเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิต มันนำไปสู่การลดน้ำหนักของฉัน”     เธอได้พบรักกับแฟนเก่าในเดือนมีนาคม ปี 2011 ในตอนนั้นเธอมีน้ำหนักเกือบ 90 กิโลกรัม และเธอทานอาหารฟาสต์ฟู้ด อย่างหนัก “ในหนึ่งสัปดาห์ฉันกินพาสต้า พิซซ่าและช็อกโกแลตแท่งขนาดใหญ่อีกด้วย” เธอกล่าว และในวันหยุดสุดสัปดาห์เธอและแฟนมักจะนั่งเอื่อยๆ อยู่บนโซฟาเอาแต่สั่งอาหารมาที่บ้าน โดยซื้ออาหารแต่ละครั้งกว่า 900 บาท   เธอและคู่หมั้นวางแผนที่จะแต่งงานกัน แต่เมื่อเธอมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นคู่หมั้นของเธอก็เลือกที่จะเดินจากไป   “วันที่เขาทิ้งฉันไป ฉันคิดว่าโลกของฉันมันจบลงแล้ว”  เธอร้องไห้เป็นสัปดาห์และทานอาหารจำนวนมากเพื่อเยียวยาความเศร้า     แต่เมื่อเธอเข้มแข็งขึ้นและเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยการออกกำลังกาย เธอก็มีชีวิตที่ดีขึ้นในตอนนี้เธอก็มีแฟนใหม่อีกทั้งเธอยังเข้ารอบ 1 ใน 10 คนสุดท้าย ในการประกวด “Miss England” ซึ่งผู้ชนะจะเป็นตัวแทนประกวดต่อในงาน…

ใครที่หลงรักรอยสักแบบมินิมอลพลาดบทความนี้ไม่ได้เลย เพราะเราได้รวบรวมภาพรอยสักเล็กๆ น่ารักมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันแต่ที่พิเศษกว่านั้นก็คือมันเป็นรอยสักที่สักบริเวณใบหู ถึงแม้ว่ารอยสักที่ใบหูนั้นจะมีขนาดที่เล็ก แต่มันก็สามารถเพื่มความเท่ความชิคได้แบบสุดๆ อีกทั้งช่างสักยังต้องมีฝีมือด้วยเพราะมันเป็นส่วนที่เล็กจริงๆ เราลองไปชมไอเดียรอยสักที่ใบหูน่ารักๆ กันดีกว่า   ลายดอกไม้ก็เก๋ไก๋น่ารักทีเดียว เหมาะกับสาวๆ . ลายอุ้งเท้าน้องหมาก็มีนะ   เป็นสัญลักษณ์ต่างๆ ก็เท่สุดๆ   ไม้เลื้อยก็มา .   เป็นลายดอกไม้วินเทจหน่อยๆ ก็ชิคไม่เบา   หรือจะเป็นแบบดาร์กๆ ก็ดูสวยดี .   หรือจะ สีสันอย่างสีรุ้งก็น่ารัก   ใครที่ชอบในความน่ารักของเจ้ารอยสักแบบนี้ ก็ลองไปสักกันดูได้ หรือจะสร้างสรรค์ลายเฉพาะตัวก็เท่ไม่เบานะ ที่มา boredpanda

หากรู้ตัวว่าเป็นหนุ่มสไตล์เซอร์ละก็เชิญทางนี้ เพราะเรามีสินค้าใหม่ที่จะให้ให้คุณดูเซอร์แบบสุดลิ่มทิ่มประตูอย่างที่คุณต้องการ มันคือเสื้อผ้ายีนส์ ที่ไม่ใช่ยีนส์เฟดสี ไม่ใช่ยีนส์ขาดอะไรทั้งนั้น แต่มันเป็นยีนส์ที่เปื้อนโคลน ในช่วงที่ผ่านมาแบรนด์เสื้อผ้า Nordstrom ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากสื่อสังคมออนไลน์ หลังเผยว่าจะมีการจำหน่ายกางเกงยีนส์ที่มีรอยเปื้อนจากโคลนปลอมในราคา $425 หรือประมาณ 15,000 บาท     กางเกงยีนส์นี้มีชื่อว่า “The Barracuda Straight Leg Jeans” มันจุดขายตรงที่มีโคลนปลอมๆ เลอะเปรอะเปื้อนตามส่วนต่างๆ ของกางเกง โดยให้ความรู้สึกเหมือนคุณตกลงไปในเล้าหมูหรือกำลังทำความสะอาดฟาร์มวัว ถ้าดีหน่อยก็อาจจะเป็นเวลาที่คุณหล่นไปในคูน้ำหลังจากงานปาร์ตี้สุดเมามันส์นั้นเอง Nordstrom กล่าวว่าถึงแรงบันดาลใจว่า “กางเกงนี้จะโชว์ตัวตนว่าคุณนั้น ไม่กลัวที่จะลุย ไม่กลัวที่จะเลอะ” นั่นเอง (คล้ายๆ สโกแกนผงซักฟอก)       รูปภาพของชุดกางเกงขาสั้น Barracuda Straight Legends ได้รับการเผยแพร่ทางออนไลน์เมื่อไม่นานมานี้โดยผู้คนออกจากการแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลายบนเว็บไซต์ของ Nordstrom มีความคิดเห็นหนึ่งกล่าวว่า “มันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมสุดๆ ไปเลย มันทำให้ฉันดูเหมือนไปให้อาหารในเล้าหมู เลี้ยงวัวในฟาร์มหรือขับรถแทรกเตอร์อะไรประมาณนั้น โดยที่ฉันไมต้องออกจากรถ BWW ของฉันเลย” ทางแบรนด์ Nordstrom ก็ได้ลบการวิจราณ์เชิงลบนี่ออกไป แต่ก็โดนโจมตีอย่างต่อเนื่องทั้งใน Facebook และ Twitter อีกทั้งส่วนใหญ่ยังเป็นคำวิจารณ์จากสำนักข่าวรายใหญ่อีกด้วย…

สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับหน้าร้อนคงหนีไม่พ้นไอศกรีมเย็นๆ หวานฉ่ำ รสชาติหวานหอมที่ทานแล้วชื่นใจสุดๆ แถมช่วยดับความร้อนได้อีกด้วย ที่เกริ่นมาแบบนี้ก็เพราะว่าเรามีไอศกรีมสุดพิเศษมาให้ทุกคน และใครที่ชื่นชอบคุกกี้โอริโอ้ต้องกรี๊ดดังๆ เพราะมันคือ “ไอศกรีมแซนด์วิชโอรีโอ้เนยถั่ว” นั่นเอง!! แต่ได้ยินชื่อก็ทำเอาน้ำลายไหลอยากชิมกันแล้ว เราไปทำความรู้จักกับไอศกรีมแซนด์วิชสุดฉ่ำจากโอรีโอ้กันเถอะ     ในความจริงแล้วโอรีโอ้ได้มีสินค้าที่เป็นคุกกี้เนยถั่วมาตั้งแต่ปี 2015 แล้วและตอนนี้ก็ได้พัฒนามาเป็นไอศกรีมแซนวิชโอรีโอ้เนยถั่วสุดฉ่ำที่เหล่าสาวกโอรีโอ้ต้องรีบไปหามาโดนกันด่วนๆ ไอศกรีมแซนวิชโอรีโอ้เนยถั่วประกอบไปด้วยแซนวิชโอรีโอ้ ขนาดใหญ่ 2 ชิ้นประกบไอศกรีมเนยถั่วหอมมันที่มีคุกกี้โอรีโอบดผสมลงไปด้วย ทำให้ได้เนื้อสัมผัสกรุบกรับทานกันเพลินไปเลย   ใน 1 กล่องจะบรรจุไอศกรีมแซนด์วิชโอรีโอ้เนยถั่วไว้ด้านใน 6 ชิ้น ซึ่งในตอนนี้มีจำหน่ายแค่ในอังกฤษเท่านั้น ใครที่อยากกินก็คงต้องฝากเพื่อนๆ ที่อยู่อังกฤษซื้อมาแล้วล่ะ   อยากรู้จริงๆ ว่ารสชาติมันจะฉ่ำขนาดไหน?? เราลองไปชมคลิปรีวิวจากพ่อหนุ่มคนนี้กัน   ความหอมหวานของโอรีโอ้นั้นทำให้เราอดใจไม่ไหวตลอดเลย ได้แต่หวังว่าบ้านเราจะมีขายบ้างนะ ที่มา ladbible, youtube

สาวๆ คนไหนที่เบื่อกับการแต่งหน้าลุคเดิมๆ กันแล้วต้องไม่พลาดบทความนี้เลย เพราะการแต่งหน้าทั้ง 7 ลุคนี้ กำลังเป็นที่อินเทรนด์สุดๆ ในปี 2017 ใครที่ไม่ตามเทรนด์ก็ระวังเพื่อนๆ จะหาว่าเชยเอาได้นะ บางคนอาจจะคิดว่าการแต่งหน้าต้องใช้ความสามารถสูง ต้องมีประสบการณ์ แต่ลองไปดูเทรนด์การแต่งหน้าที่เรานำมาฝากซะก่อนบอกเลยว่าก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอก   #1 Black Liner Redux ขอบตาดำสุดคม ใครว่าการเขียนขอบตาดำนั้นตกเทรนด์ไปแล้ว การเขียนสีดำให้ชิดขอบตาด้านในที่สุดก็ทำให้ตาดูคมแลชัดยิ่งขึ้น แต่ก็ต้องไปฝึกฝนวิชาการเขียนขอบตามาให้ดีก่อนนะ ถ้าเขียนเลอะอาจจะโป๊ะได้ไม่รู้ตัว . #2 Glossy Lids เปลือกตาชุ่มฉ่ำ เปลือกตาแวววับมาแต่ไกลแบบนี้ไม่ได้เกิดจากการทากากเพรชหรือไฮไลท์ใดๆ ทั้งสิ้นนะ เพราะมันคือ “Glossy eyelids” แบรนด์ที่มีสินค้าตัวนี้ก็จะเป็น M.A.C. และ Kevyn Aucoin  หรือถ้าอยากได้ลุคแต่งหน้าแบบนี้ด่วนๆ ก็ใช้ลิปกลอสแทนได้ ผลลัพธ์ก็จะออกมาคล้ายๆ กันจ้า .   #3 Totally ’80s ยุค 80 กำลังจะกลับมา เปลือกตาสีสันสดใส แก้มที่แต่งแต้มไปด้วยบรัชออนหลายเฉดสี ผมฟูฟ่องสุดเท่ ความงามในยุค 80 กำลังจะกลับมาในยุคนี้ สาวๆ เตรียมพร้อมกันหรือยัง?? .  …

สาวๆ คนไหนที่ยังไม่มีไอเท็มเด็ดอย่างเสื้อครอปต้องรีบไปหาซื้อมาใส่แล้วล่ะ เพราะวันนี้เรามี 14 ไอเดีย ในการแมทช์เสื้อครอปกับชุดสไตล์ต่างๆ ที่ทำให้การแต่งตัวของสาวๆ นั้นมีสีสันมากขึ้น เสื้อครอปเป็นเสื้อที่มีลักษณะสั้น อาจจะเป็นแขนยาว แขนสั้น หรือแขนกุด เมื่อเวลาใส่ก็จะช่วยเพิ่มความยาวของช่วงเอวได้ ทำให้ดูมีส่วนเว้าส่วนโค้งมากขึ้น ซึ่งกำลังฮิตสุดๆ ในปัจจุบัน ดังนั้นเราไปดูกันดีกว่าว่าจะแมทช์เสื้อครอปยังไงให้เข้ากับคุณ   1. เสื้อครอปตัดให้สั้นโชว์เอวฟิตๆ นิดหน่อย ก็ทำให้คุณดูหรูหราขึ้น   2. ลองใส่เสื้อครอปกับกระโปรงพองๆ สีสันสดใสดูสิ ดูเป็นสาวมั่นขึ้นมาเลย   3. เสื้อครอปไหมพรมที่มีความยาวเพิ่มอีกเล็กน้อยก็ดูเรียบร้อยและน่ารัก   4. เสื้อครอปแขนยาวก็เป็นอีกทางเลือกที่จะทำให้ดูเท่และเนี๊ยบ   5. ลองจับคู่เสื้อครอปกับกระโปรงในแบบเดียวกันก็ดูเรียบหรู ใส่ไปได้ทุกที่   6. คุณก็สามารถประยุกต์ให้เสื้อยีนส์เก๋ๆ เป็นเสื้อครอปชิคๆ ได้โดยการนำมามัดปมไว้ที่เอวแบบนี้ ทั้งง่ายและเท่สุดๆ ไปเลย   7. หากไม่อยากจะโชว์ในเวลาที่ใส่เสื้อครอปละก็ลอง “Faux-Crop” ดูสิ เพราะมันคือเสื้อครอปสั้นๆ ที่มีกระโปรงหรือกางเกงเอวสูงเชื่อมต่อกันภายใต้เสื้อ ไม่ว่าคุณจะขยับท่าไหนก็ไม่มีโป้แน่นอน   8. เสื้อครอบที่สั้นด้านหน้าและยาวด้านหลังมันทำให้คุณดูเปรี้ยวขึ้นนะ   9.…

ในปัจจุบันนั้นกระแสการดูแลสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจเป็นอย่างมาก นักวิทยาศาสตร์ก็ต่างพากินคิดค้นวิธีที่จะรีไซเคิลขยะโลกให้นำกลับมาใช้เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่นเดียวกันกับศิลปินชาวดัตช์ผู้หนึ่ง ที่ใช้เทคนิคทางเคมีเปลี่ยนปุ๋ยคอกจากมูลสัตว์มาเป็น เสื้อผ้า, กระดาษและพลาสติกที่ย่อยสลายได้     ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกมีการพัฒนาเป็นอย่างมาก ในเรื่องการรีไซเคิลมูลวัวและเปลี่ยนปุ๋ยคอกเป็นก๊าซธรรมชาติ แต่นักออกแบบชาวดัตช์ Jalila Essaïdi ไม่คิดว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะแก้ปัญหาขยะที่ล้นโลกได้ เธอจึงมีความคิดที่จะเพิ่มมูลค่าให้แก่มูลวัวที่เป็นของเสียให้หลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทรงคุณค่ามากกว่าเดิม     ในการทำงานทดลองและออกแบบของเธอพบว่ามูลวัวสามารถเป็นวัสดุหลักในงานออกแบบของเธอได้เพราะมีคุณสมบัติที่สามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้และยังมีคุณสมบัติที่ต้องการในการผลิตชิ้นงานของเธอ เธอเริ่มต้นด้วยการแยกมูลวัวเพื่อสกัดเซลลูโลสบริสุทธิ์จากหญ้าที่วัวกิน ส่วนมูลวัวที่เปียกเธอได้สกัดสาร “เซลลูโลสอะซิเตต” (cellulose acetate) เพื่อใช้ในการสร้างเส้นใยจนกลายมาเป็นผ้าและพลาสติกชีวภาพและยังสามารถนำไปผ่านกระบวนการ freeze-dried เพื่อสร้าง “Aerogel” ได้อีกด้วย     วัสดุใหม่นี้มีชื่อว่า “Mestic” (รากศัพท์มาจากคำว่า mest ซึ่งแปลว่ามูลในภาษาดัตช์) ด้านนักออกแบบที่ชื่อ Jalila Essaïdi อ้างว่ามันมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับพลาสติกที่ได้มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล แต่สามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้ ในปีที่ผ่านมาเธอก็ได้ร่วมมือกับเทศบาลของเมืองไอนด์โฮเวน ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในงานแสดงแฟชั่น ด้วยการใช้ผ้า Mestic ในคอลเลคชั่น Mestic Couture จนแบรนด์เสื้อผ้ายักษ์ใหญ่อย่าง H & M มอบรางวัล Global Change Award และเงินรางวัลอีก 1 ล้านเหรียญ (หรือประมาณ…

เวลายิ่งผ่านไป สิ่งก่อสร้างและนวัตกรรมยุคอนาคตก็เริ่มที่จะมีออกมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงแนวคิดการใช้ชีวิตต่างๆ ก็เริ่มที่จะคล้ายคลึงกับนิยามของโลกอนาคตมากขึ้นไปอีกขั้นตามกาลเวลา ล่าสุดทางทางการของเมืองเซี่ยงไฮ้ ก็ได้เริ่มดำเนินการตามแผนที่จะเปลี่ยนโฉมเกษตรกรรมให้เข้ากับชีวิตคนเมือง ซึ่งเป็นการออกแบบร่วมกับบริษัท Sasaki   .   แผนการในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้เซี่ยงไฮ้สามารถผลิตอาหารขึ้นภายในตัวเมือง และหล่อเลี้ยงประชากรกว่า 24 ล้านคนได้ ซึ่งตามแผนแล้วก็จะเกิดขึ้นในย่านหนึ่งของอำเภอผู่ตงและเรียกย่านนี้ว่า Sunqiao สิ่งก่อสร้างในย่านนี้ทั้งหมดก็จะประกอบด้วยตึกสูงที่มีทั้งความงดงาม และพื้นที่ใช้สอยในการทำเกษตรกรรม โดยทั้งสองอย่างจะใช้งานร่วมกันจนเกิดเป็นสังคมเกษตรกรรมของคนเมือง   .   แต่ไม่ได้มีเพียงวิถีชีวิตทางเกษตรกรรมเท่านั้นที่จะเกิดขึ้นในย่านนี้ เพราะจะมีสิ่งก่อสร้างเพื่อความบันเทิงและอำนวยความสะดวกต่างๆ เกิดขึ้นมาควบคู่เช่นกัน ส่วนการปลูกพืชก็จะใช้วิธีการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ หรือการปลูกพืชแบบไม่ใช้ดิน โดยพืชที่จะปลูกในย่านนี้ก็จะประกอบด้วยผักต่างๆ เช่น ผักโขม, ผักเคล, ผักกาดกวางตุ้ง และสลัดน้ำ   .   ที่สำคัญจะใช้วิธีการดูแลด้วยหลอดไฟ LED พร้อมกับให้น้ำสะอาดกับพืชผักพร้อมกับการดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนผักที่โตเต็มที่ก็จะขายและกระจายให้กับร้านค้าต่างๆ ในย่าน Sunqiao นั่นเอง Michael Grove ประธานบริษัท Sasaki บอกว่า เขาเตรียมที่จะเริ่มแผนการจัดการที่ดินในบริเวณดังกล่าวในปี 2018 แต่ยังไม่สามารถระบุวันและเดือนที่แน่นอนได้ เขายังบอกเพิ่มเติมอีกว่าปัญหาใหญ่ของโปรเจคนี้ก็คือการออกแบบตึกที่จะใช้ในย่านดังกล่าว ว่าจะทำให้ยังไงให้ตัวตึกบดบังแสงอาทิตย์ให้ได้น้อยที่สุด   . .  …

ถ้าใครที่เคยดูหนังเรื่อง Cats and Dogs (2001) อาจจะรู้สึกว่าการที่แมวเหมียวผันตัวเองมาเป็นสายลับ ดูจะเป็นเรื่องที่โอเวอร์เกินจริงไปหน่อย แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะในอดีตหน่วย CIA ของสหรัฐอเมริกา เคยฝึกแมวเหมียวเพื่อใช้เป็นสายลับ ก่อนจะถูกส่งตัวไปสอดแนมที่ประเทศรัสเซียในช่วงสงครามเย็น!!   อาจจะดูโหดร้ายไปซักนิด แต่โครงการนี้มีชื่อว่า ‘Project Acoustic Kitty’   เป็นโครงการที่ทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกาคิดจะก่อตั้งขึ้น เมื่อช่วงปี 1960 และวางแผนที่จะลงทุนเป็นเงินสูงกว่า 50 ล้านบาท ในการสร้างเทคนิคการสืบข้อมูลลับแบบใหม่นี้ โดยโครงการนี้จะนำแมวเหมียวมาผ่าตัดฝังชิพ และเครื่องมือเทคโนโลยีทางสายลับต่างๆ ให้กลายเป็น Robocats เช่น มีการใส่ไมโครโฟนไปที่หูของแมว หรือมีแบตเตอรี่ฝังไว้ที่บริเวณหน้าอก ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ดูโหดร้ายสุดๆ ไปเลยล่ะ   โชคดีที่โครงการดังกล่าวถูกล้มเลิกตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม และนี่ก็คือเอกสารลับที่ถูกเปิดเผยโดย WikiLeaks   Victor Marchetti อดีตเจ้าหน้าที่ CIA ได้ออกมาเผยกับ Telegraph ว่า ‘ในตอนนั้นมีการทดลองแมวจริง พวกเขาผ่าตัดร่างกายของมันเพื่อฝังแบตเตอรี่ ฝังไมโครโฟน และเสารับสัญญาณ จากนั้นพวกเขาก็ทดสอบเจ้าเหมียวครั้งแล้ว ครั้งเล่า’  …

Ben Ketola ชายหนุ่มวัย 23 ปีผู้หลงใหลในการโยนโบว์ลิ่ง และเป็นผู้ทำงานให้กับลานโบว์ลิ่งแห่งหนึ่งใน Cortland เมือง New York จนวันหนึ่งเมื่อปี 2015 เขาดูคลิปของ Tom Dougherty โปรโบว์ลิ่งที่สามารถทำการโยนสไตรค์ 12 เลน เลนละ 1 ลูกได้ในเวลา 110.99 วินาที ซึ่งถือเป็นสถิติที่ไวที่สุดในโลกอย่างไม่ทางการในขณะนั้น     เขาจึงบอกกับตัวเองว่า “เฮ้ยมันเจ๋งว่ะ วันหนึ่งผมจะฝึกฝน แล้วลองดูว่าผมก็สามารถทำแบบนั้นได้เหมือนกัน” ทำให้ตั้งแต่นั้นมาเขาฝึกโยนโบว์ลิ่ง 50 เกมต่อต่อสัปดาห์ระหว่างที่เขาอยู่ที่ทำงาน Ben ได้สร้างความท้าทายให้กับตัวเองด้วยการโยนโบว์ลิ่ง 12 เลน และทุกเลนจะต้องสไตรค์ทั้งหมด ซึ่งมันจะต้องดีกว่าสถิติของ Tom Dougherty ที่เขาเคยดู (STRIKE หรือสไตรค์ คือการโยนโบว์ลิ่งให้พินล้มทั้ง 10 พิน ภายในครั้งแรกและจะไม่มีการโยนครั้งที่ 2 ต่อ)   แล้วเราคิดว่าเขาจะทำได้ไหมล่ะ? เชิญพิสูจน์ได้ในคลิปข้างล่าง   ถ้าดูคลิปแล้วอ่านกันมาจนถึงตรงนี้ เราก็จะรู้แล้วล่ะว่าเขาสามารถทำได้…

ภาพถ่ายทั้งหมดที่เราจะได้เห็นนี้เป็นผลงานของหนุ่มชาวฝรั่งเศส Romain Jacquet-Lagreze ซึ่งเขาได้ย้ายไปอาศัยอยู่บนเกาะฮ่องกงตั้งแต่ปี 2011 และได้เห็นการเจริญเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่งของเมืองบนแผ่นดินนี้ เจ้าตัวเล่าว่าวันหนึ่งเขาแหงนมองหน้าขึ้นไปบนฟ้า แล้วรู้สึกว่ามันเป็นมุมที่สามารถอธิบายความศิวิไลซ์ที่พัฒนาไปอย่างไม่หยุดนิ่งได้ดี เขาจึงใช้เวลากว่า 6 ปีรวบรวมเป็นผลงานทั้งหมดนี้มาให้เราได้ชมกัน   ภาพนี้ถ่ายเมื่อปี 2016 ไฟจากตึกที่อยู่อาศัยช่วยทำให้ท้องฟ้าดูสว่างไสวยามค่ำคืน   ภาพของตึกที่ถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์น ตั้งอยู่ที่เกาลูน ถูกถ่ายเมื่อปี 2012   สิ่งที่ทำให้ดูเหมือนว่าเมืองนี้ไม่เคยหลับใหล คือตึกรามบ้านช่องที่อยู่ทั่วทั้งเมือง   ภาพนี้ถูกถ่ายเมื่อปี 2015 จะเห็นได้ว่าคนที่นี่ส่วนใหญ่มักจะอาศัยอยู่ในแฟลต หรืออพาร์ทเม้นท์ซะส่วนใหญ่   สลับมุมกันบ้าง คราวนี้เป็นแบบถ่ายลงต่ำ   ภาพนี้ถูกถ่ายจากมาเก๊า เมื่อปี 2016   จะสังเกตได้ว่ามีพระจันทร์ส่องแสงผ่านมวลเมฆอยู่เหนือตึก   ช่วงเวลาที่ตะวันกำลังจะตกดิน เมืองทั้งเมืองก็จะถูกแทนที่ด้วยแสงจากหลอดนีออน   ภาพของตึกสำหรับคนที่มีฐานะค่อนข้างดี จะดูแออัดน้อยกว่า และมีพื้นที่กว้างขวางกว่า   ในขณะที่ตึกอื่นๆ อาจจะดูเหมือนกันหมด แต่เขาก็ได้ไปเจอกับตึกแห่งนี้ที่มีการออกแบบที่แตกต่างออกไป   ตึกจากบริเวณเมืองเก่าของมาเก๊า ถูกถ่ายเมื่อปี 2016   ตลาดแห่งหนึ่งในย่านเกาลูน ก็มีธงนานาชาติผูกไว้เหมือนกัน  …

หากใครที่ตอนนี้กำลังรู้สึกท้อแท้อยู่ละก็… เรื่องราวของคุณตาชาวจีนนักสู้ชีวิตตัวจริงคนนี้ จะทำให้เรามีกำลังใจลุกขึ้นสู้ได้อีกครั้ง เรื่องราวของคุณตาวัย 60 ปี Xi Tiangen กำลังเป็นที่ชนะใจประชาชนทั่วประเทศจีน เพราะเป็นเวลานานกว่า 40 ปี ที่เขาทำงานหาเลี้ยงครอบครัวด้วยตนเอง ถึงแม้ว่าจะสูญเสียขาทั้ง 2 ข้างไปแล้วก็ตาม   คุณตา Xi Tiangen   คุณตาเล่าว่าเขาประสบอุบัติเหตุทำให้สูญเสียขาทั้งสองข้างตอนอายุ 19 ปี   ในช่วงนั้นเขามักจะทำนาช่วยเหลือที่บ้านมาโดยตลอด จนกระทั่งปี 1986 คุณพ่อของเขาได้จากไป   ทำให้เขาต้องคอยดูแลมารดาผู้แก่เฒ่า และน้องชายที่มีอาการป่วยทางจิต แม้แต่อาหารทุกมื้อเขาก็จะเป็นคนจัดแจงให้ครอบครัวทั้งหมด   กระทั่งมารดาก็ได้จากเขาไปเมื่อปี 2006 และตามด้วยน้องชายผู้เป็นที่รักเมื่อปี 2015 ทำให้คุณตาต้องย้ายมาอาศัยอยู่กับญาติ   ด้วยความที่คุณตาทำงานหนักมาทั้งชีวิต เขาก็เลือกที่จะช่วยเหลือญาติทำเกษตรกรรม และหารายได้จุนเจือตัวเองจากการเกษตร   หลังจากที่เรื่องราวของคุณตาถูกนำมาเผยแพร่ ชาวเน็ตในจีนก็ช่วยกันบริจาคเงิน และหวังว่าคุณตาจะได้ใช้ชีวิตในช่วงวัยเกษียณอย่างสุขสบายซักที   เรื่องราวของคุณตาผู้ไม่เคยย่อท้อ เป็นกำลังใจดีๆ ให้เราได้ในวันที่เรารู้สึกเหนื่อยล้า ที่มา: Shanghaiist  

นับว่าเป็นงานศิลปะจากศิลปินชาวโปแลนด์ที่ดูน่าสนใจมาก เพราะเขาได้ให้คำนิยามของผลงานตัวเองว่าเป็นการเล่าถึงความหายนะของโลกด้วยจินตนาการจากฝันร้ายที่ต้องเผชิญ ซึ่ง  Zdzisław Beksiński เจ้าของผลงานก็เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ภาพทั้งหมดนั้นเป็นเหมือนการถ่ายภาพฝันร้ายที่เขาเคยเจอ คล้ายกับว่านี่คือการแคปเจอร์ภาพจากความฝันมาอธิบายให้เราได้เห็นกันชัดๆ เอาเป็นว่าลองตามไปชมกันดูเลย…   . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .   ดาร์คซะจนไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบาย ขอให้คืนนี้หลับฝันร้ายละกันนะ แฮร่!! ที่มา: Boredpanda

เกิดเป็นสาวๆ อย่างเราต้องห้ามเหนื่อยกับการทำตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอนะ เพราะถ้าเผลอแปปเดียวเทรนด์ใหม่ๆ ก็เข้ามาอีกแล้ว อย่างในฤดูใบใบผลินี้ ก็มีแฟชั่นสุดคูลจากรันเวย์ที่จะทำให้สาวๆ นั้นดูสดใสเปล่งปลั่งไปพร้อมๆ กับสภาพอากาศในฤดูนี้กันเลยทีเดียว ดังนั้นเราจะพาสาวๆ ไปพบกับลิปสุดชิค ที่ผ่านการการันตีจากรันเวย์ระดับโลกมาแล้วว่ามันอินเทรนด์สุดๆ ณ ตอนนี้ แถมเรายังแจกเว็บไซต์ที่สาวสามารถเข้าไปโฉบลิปสุดแซ่บกันได้อีกด้วย ใครไม่อยากตกเทรนด์ก็เชิญไปดูลิปสุดจ๊าบกันเลยจ้าา   #1 Matte Crimson  ลิปสีแดงเนื้อแมตต์ ที่ฮอตฮิตสุดๆ กับแฟชั่นฤดูใบใบ้ผลิ 2017 ลิปสีนี้จะเสกให้ใบหน้าของคุณโดดเด่นและกระจ่างใสขึ้นมาทันทีที่ทา การันตีจากแบรนด์แฟชั่นชั้นนำอย่าง Marco de Vincenzo, Mary Katrantzou, Olivier Theyskens, Valentino, Giambattista Valli และ Dolce & Gabbana    ช่างแต่งหน้าระดับโลกแนะนำเป็น ” M.A.C. Retro Matte Liquid Lipstick” ที่จะทำให้ริมฝีปากของคุณดูหรูหราสุดๆ ถ้าไม่อยากตกเทรนด์กับลิปสีแดงเนื้อแมตต์สุดชิคก็สามารถเข้าไปซื้อได้ที่ลิ้งค์นี้เลย ➜  maccosmetics    #2 Electric Orange ลิปสีส้มสุดแซ่บมันช่างเหมาะกับการเดินชิคๆ ที่ทะเล สีส้มสุดจี๊ดจะให้ลุคสดใสซ่าบซ่า แบรนด์แฟชั่นอย่าง Versus, Mary Katrantzou…

สำหรับคนที่ไม่ได้มีความสามารถในด้านการวาดภาพแล้ว แค่อาจารย์คาบวิชาศิลปะให้วาดรูปเหมือนก็เล่นเอาเหงื่อตกกันไปเป็นแถวๆ ทำไมมันช่างยากเหลือเกิน แต่ผลงานของศิลปินชาวอินเดียคนนี้ จะทำให้เรารู้สึกว่าเรื่องพวกนั้นมันเบสิคไปเลยก็ว่าได้ เพราะ Sadashiv G. Rangnekar ได้นำใบไม้มาวาดภาพจนกลายเป็นงานศิลปะขั้นแอดวานซ์     เดิมทีศิลปินชาวอินเดียคนนี้ เกิดมาในครอบครัวของศิลปินนักวาดภาพ และนั่นก็ทำให้เค้าได้คลุกคลีเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็กๆ   จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อพ่อของเขาจากไป เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะเดินตามรอยพ่อ ด้วยการแสดงฝีมือทักษะการวาดภาพที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น มาอยู่บนใบไม้แห้ง   สาเหตุที่เขาเลือกใช้ใบจากต้นโพธิ์ เพราะตามเรื่องเล่าของชาวพุทธ เจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสรู้ที่ใต้ต้นโพธิ์นั่นเอง   นอกจากนั้นแล้วในอดีตกาล ใบไม้จากต้นโพธิ์ก็เคยถูกนำมาใช้เป็นกระดาษ หรือแผ่นแคนวาสสำหรับวาดภาพด้วยเช่นกัน   แต่กว่าจะได้ใบไม้ที่พร้อมสำหรับการลงสีไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาต้องนำใบไม้ไปแช่น้ำนานนับเดือน ก่อนที่จะค่อยๆ ใช้แปรงขูดเอาสีเขียวออกจากใบไม้   ‘งานศิลปะบนใบไม้ ก็เหมือนกับชีวิตของเรานั่นแหละครับ มันเปราะบาง ดูเหมือนจะเรียบง่าย แต่ก็มีความซับซ้อนในตัวเอง และงานศิลปะของผมทั้งหมดนี้คุณต้องเก็บรักษาไว้ในกรอบอย่างดี ถ้าไม่อย่างนั้นฝุ่นก็จะเข้ามาจับทำให้เราอาจมองไม่เห็นสีที่เพ้นท์ลงไปได้’ เจ้าของผลงานเล่า   หลังจากที่ได้ใบไม้ที่พร้อมสำหรับการลงสีแล้ว เขาก็ใช้พู่กันขนาดเล็กแต่งแต้มสีลงไปจนกลายมาเป็นภาพอย่างที่เราเห็นกัน ซึ่งานหนึ่งก็ใช้เวลาประมาณ 1-2 วันเป็นอย่างน้อย   เป็นงานศิลปะที่แฝงไปด้วยปรัชญาแห่งพุทธ ละเอียดอ่อนและซับซ้อนในตัวเอง อู้วว๊าววว ที่มา: OddityCentral

ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบของเก่าและก็ชอบคอมพิวเตอร์ด้วย รับรองว่าเคสคอมพิวเตอร์ดัดแปลงตัวนี้จากหนุ่มชาวรัสเซียจะต้องถูกอกถูกใจคุณแน่นอน สมาชิกคนหนึ่งจาเว็บไซต์ของรัสเซียที่ชื่อว่า englishrussia ได้บอกว่าเดิมทีเป็นคนที่ชอบเก็บสะสมของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เก่าๆ จากยุคสมัยโซเวียตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บวกกับความที่เขาเป็นคนชอบคิดค้นอะไรใหม่ๆ เขาจึงคิดริเริ่มที่จะเอาของที่เขาเก็บสะสมไว้อย่าง สวิตช์ ปุ่มและหน้าปัดต่างๆ มารวมกันเพื่อเกิดเป็นผลงานชิ้นใหม่ และนี่ก็คือคัสตอมเคสผลงานล่าสุดของเขา…   มันมีชื่อว่า Felix โดยเขาตั้งตามเครื่องคิดเลขแบบเก่าของโซเวียต   ชิ้นส่วนต่างๆ ที่เขานำมาใช้เป็นชิ้นส่วนของเครื่องวิทยุเก่าของโซเวียต   บางชิ้นก็อยู่ในสภาพที่มีสนิมเกาะ ไม่สามารถใช้งานได้ เขาก็นำมาทำความสะอาดจนเอี่ยมสุดๆ   ส่วนสวิตช์ ต่างๆ ที่อยู่ข้างหน้านอกจากตัวเปิดปิดและรีเซ็ตเครื่องแล้ว เขาก็ไม่ได้ใส่ให้เกินมาเล่นๆ เพราะมันสามารถที่จะเปิดปิดเพื่อให้ตัวมิเตอร์แสดงค่าต่างๆ รวมถึงเปิดปิดพัดลมเสริมได้อีกต่างหาก   เช่นเดียวกับตัวหน้าปัดก็ไม่ได้แสดงอะไรมั่วๆ เพราะมันช่วยแสดงความร้อนของเครื่อง ความเร็วของพัดลม รวมถึงสามารถบอกหน่วยความจำที่เหลือในเครื่องได้อีกด้วย สุดยอดไหมล่ะ!!   นอกจากนี้ปกติแล้ววิทยุของโซเวียตจะไม่มีหลอดไฟ เขาจึงจัดการนำหลอดไฟ LED มายัดใส่เข้าไปบริเวณหน้าปัด เพื่อเพิ่มความสวยงาม .   และนี่คือผลงานก่อนและหลัง ที่จะกลายเป็นคัสตอมเคสสุดอลังการของหนุ่มรัสเซียผู้มากฝีมือ   #เหมียวมู่ทู่ ขอซื้อต่อได้ไหม เอาตังค์ไปเลย ที่มา designyoutrust

หัวข้อในครั้งนี้จะขอเอาใจคนชอบงานอาร์ตกันสักหน่อย กับผลงานภาพถ่ายแนวมินิมอลที่ดูแล้วสบายตาสุดๆ จากช่างภาพสตรีทชาวเยอรมัน Siegfried Hansen  Siegfried เกิดในปี 1961 และเริ่มหันมาเป็นช่างภาพสตรีทเมื่อตอนปี 2002 ซึ่งก็มีผลงานมากมายในช่วงนั้น จากนั้นในปี 2014 เขาก็ได้เข้าร่วมกับ in-public (กลุ่มของช่างภาพแนวสตรีท)     ในช่วงระยะเวลาตลอดหลายปีที่เขาทำงานสายนี้ เขาได้ไปออกนิทรรศการต่างๆ มากมาย แถมภาพที่เขาถ่ายมาก็เรียกว่าโดดเด่นเข้าตาคนที่เสพงานแนวนี้ด้วยกันพอสมควรเลยล่ะ และวันนี้ #เหมียวมู่ทู่ เลยจะพาทุกคนไปเสพงานของเขากัน ว่ามันสวยงามเรียบง่ายและดึงดูดขนาดไหน     ภาพผลงานของเขาบางภาพเราอาจจะคิดว่าตัดต่อ แต่บอกเลยว่าทุกรูปเป็นฝืมือการถ่ายของเขาล้วนๆ เพราะนอกจากการไปจัดนิทรรศการแล้ว เขายังได้รับการยอมรับจากหนังสือช่างภาพมากมายอย่าง Leica Fotografie International, Professional Photographer และ Photographie และชุดภาพที่เราจะได้ดูกันต่อไปนี้มีชื่อว่า Hold The Line ซึ่งเป็นงานจากหนังสือเล่มแรกของเขาในปี 2015 แถมผลงานของเขาคนนี้ยังได้รับคำชมจาก Jim Casper ทีมงานของเว็ปไซต์ lensculture ว่า “ผลงานที่อยู่ในหนังสือของเขาทั้งหมดล้วนเป็นเพรชเม็ดเอกทั้งนั่น”   . .   ต้องยอมรับเลยว่าเขาสามาถ่ายทอดภาพต่างๆ จากมุมมองต่างๆ รอบตัวเราที่มันปกติให้ออกมาได้วิเศษขนาดนี้ . .  …

ส่วนใหญ่เวลาที่สระผม เราก็มักจะมีผมที่ร่วงหลุดออกมาบ้างไม่มากก็น้อย ส่วนวิธีจัดการกับผมเหล่านั้นเราก็แค่เก็บกวาดและทิ้งมันไปเฉยๆ โดยไม่คิดอะไร แต่ Lucy Gafford ศิลปินสาวจากรัฐแอละแบมา ประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ทำแบบนั้น เพราะเธอเลือกที่จะไม่ทิ้งเส้นผมไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่หยิบมันมาทำเป็นศิลปะสุดอาร์ตบนกำแพงห้องน้ำของเธอแทน     เธอได้เรียกตัวเองว่า “Shower Hair Master” (ปรมาจารย์ด้านการสระผม) โดยเธอได้เริ่มทำศิลปะเส้นผมของเธอเมื่อ 3 ปีก่อน เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อตอนที่เธอกำลังตั้งใจจะเก็บกวาดเส้นผมทิ้งเหมือนกับที่คนทั่วไปเขาทำกัน แต่ในจังหวะที่เธอโยนผมทิ้งไป เธอหันไปสังเกตเห็นว่าผมที่เธอทิ้งมันมีรูปร่างที่น่าสนใจซะงั้น ช่วงเวลานั้นเองที่ทำให้เธอติดสินใจว่าเส้นผมนี่แหละคือศิลปะที่เธอจะทำให้มันโด่งดังขึ้นมา และนี่ก็คือผลงานตัวอย่างของเธอ   เปิดด้วยมาสเตอร์โยดา   ตามด้วยเจ้าหญิงเลอา   ฮิลลารี คลินตัน ก็มีเช่นกัน   และถ้ามี ‘ฮิลลารี คลินตัน’ จะไม่มี ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ได้ยังไง   ส่วนเจ้าตูบตัวนี้ก็เรียงออกมาได้สวยงาม .   ซานต้าก็สวยใช่เล่น ว่าแต่ซานต้ากำลังร้องไห้ใช่ไหมนั่น   ลูกรักบี้ก็มีรายละเอียดที่เนี๊ยบสุดๆ   เจ้านกนี้ก็เช่นกัน ใครจะคิดว่าทั้งหมดเกิดจากเส้นผมในห้องน้ำ   ลองชมคลิปสัมภาษณ์เธอเต็มๆ…

ในปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์มากมายหลายอย่างที่คิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาขยะล้นโลก ซึ่งผลิตภัณฑ์ต่างๆ ก็ถูกสร้างสรรค์มาอย่างดีจากไอเดียนักออกแบบที่มีแนวคิดที่จะทำให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้น และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่จะมาช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกและสร้างประการณ์ใหม่ของการดื่ม เพราะมันคือ “แก้วกินได้” มันสามารถเคี้ยวกรุบๆ แถมมีหลากหลายรสชาติอีกด้วย เราไปดูหน้าตาของมันกันดีกว่า     “แก้วกินได้” คือแก้วแบบใหม่ที่จะมาช่วยลดการใช้พลาสติกและโฟมมันถูกคิดค้นโดยบริษัท Loliware  คุณสามารถทานมันไปพร้อมๆ กับอาหารแสนอร่อยหรือหากทานไม่หมดแก้วนี้ก็สามารถใช้แล้วทิ้งได้โดยย่อยสลายๆ ง่ายๆ เป็นเหมือนเปลือกกล้วยตามธรรมชาติอีกด้วย แก้วกินได้นี้ทำมาจากสาหร่ายทะเลและสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ส่วนสีสันที่สวยงามของแก้วนั้น ก็ได้มาจากผักและผลไม้ 100% ทำให้มันปลอดภัยต่อคุณและสิ่งแวดล้อมมากๆ     สามารถเสิร์ฟได้ในอุณภูมิห้องโดยไม่ละลาย หรือจะแช่เย็นแล้วนำมาใส่เครื่องดื่มและของหวานก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี   แก้วกินได้น่ารักๆ แบบนี้ก็ช่วยสร้างความประหลาดใจและเพิ่มสีสันในปาร์ตี้ได้ด้วยนะ .   หรือจะชิลล์ๆ ริมสระน้ำก็เก๋ไม่เบา   รสชาติของแก้วก็มีกันอยู่ถึง 4 รส อันแรกเป็นรสของ “ส้มยูสุ”   ส่วนแก้วสีแดงสดใสคือรส “ทาร์ตเชอร์รี่”   ต่อไปเป็นแก้วกลิ่นหอมละมุนจากที่ได้มาจาก “วานิลลา”   ตามด้วยรส “ชาเขียวมัทฉะ” สีเขียวเข้มสวยงามเลยทีเดียว . .   ง่ำๆ . .…

เข้าช่วงฤดูร้อนกันแล้วสาวๆ ไม่ควรพลาดที่จะหาเสื้อผ้าสีสันสดใสมาประดับร่าง แต่งหน้าให้ดูชิคๆ ท้าลมร้อน สีผมก็เช่นกันที่ถึงเวลาต้องเปลี่ยนซะใหม่เพื่อต้อนรับหน้าร้อนที่มาถึงกับ “สีผมพาลเทล”!! #เหมียวหน่า จึงได้นำภาพสีผมพาสเทลสุดอลังการจากอินสตาแกรม shelleygregoryhair มาให้เพื่อนๆ ชาวเหมียวได้ลองเอาไปปรับเปลี่ยนลุคกันดู ใครที่ชื่นชอบความละมุนของโทนสีพาสเทลต้องไม่พลาดที่จะชมบทความนี้     รูปภาพสีผมสวยๆ เหล่านี้เป็นผลงานของ “Shelley Gregory” สาวลาสเวกัส เธอเป็นนักวาดภาพและสไตลิสต์อีกทั้งเธอยังเป็นเจ้าของอินสตาแกรม shelleygregoryhair ที่ได้โพสต์ภาพสีผมสุดงดงามที่เธอรังสรรค์ขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นสีผมโทนสีพาสเทลในแบบที่สาวๆ ชอบ ทำเอาตอนนี้เธอมีผู้ติดตามในอินสตาแกรมถึง 9,000 คน ดังนั้นเราไปชมภาพสีผมสวยๆ กันดีกว่า เผื่อว่าเพื่อนๆ จะได้แรงบันดาลใจไปเปลี่ยนสีผมของตัวเองบ้าง   สีเรนโบว์สวยราวกับไอศกรีมเลย น่ากัดมาก . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .   สาวๆ เลือกสีผมกันได้หรือยัง?? ถ้าใครที่เปลี่ยนสีผมมาแล้วก็ก็ถ่ายมาอวดบ้างนะ “Shelley…

ในช่วงที่ผ่านสตาร์บัคส์ในญี่ปุ่นก็ได้ปล่อยเครื่องดื่มและขนมออกมาให้แฟนคลับนักชิม ได้กรี๊ดกันอยู่เป็นช่วงๆ กับเมนูใหม่ที่ใครๆ ก็ต้องรีบไปซื้อหามาโดนกันอย่างด่วนๆ ครั้งนี้ก็เช่นกันกับเมนูเครื่องดื่มใหม่สุดหวานแหววที่สตาร์บัคส์ของญี่ปุ่นได้นำออกมาจำหน่าย นั่นก็คือ “American Cherry Pie Frappuccino” แค่ชื่อก็บ่งบอกได้ถึงความอลังการและการันตีได้ถึงรสชาติที่หอมอร่อยสดชื่นแล้ว เราไปทำความรู้จักกับเครื่องดื่มนี้กันเลย     ตื่นตาตื่นใจกับเมนูใหม่จากสตาร์บัคส์ “American Cherry Pie Frappuccino” ที่จะเปิดประสบการณ์ใหม่ของเครื่องดื่มที่ทำให้คุณรู้สึกถึงไอศกรีมละมุนๆ ราดด้วยพายเชอร์รี่ แล้วปิดด้วยความกรุบกรอบจากพายอบกรอบที่ใช้ครอบแก้วแทนฝาพลาสติก     เป็นครั้งแรกที่สตาร์บัคส์ของญุี่ปุ่นมองหาความสุขใหม่ๆ กับการลิ้มลองรสชาติที่สดชื่นและเนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบจากพายอบกรอบที่นำมาทำเป็นฝาครอบ และมีหลอดอยู่ตรงกลางเพื่อดื่มด่ำกับส่วนผสมที่ของไอศกรีมพายเชอร์รี่ที่เย็นฉ่ำ   .   โดยใต้ฝาครอบนั้นราดด้วยวิปครีมเนียนนุ่มอยู่ตามด้วยชิ้นแซนวิชพายเชอร์รี่ที่มีไอศกรีมวานิลลาหอมๆ อยู่ภายใน รสชาติที่หวานอมขมของเชอร์รี่เข้ากันได้ดีกับไอศกรีมวานิลลา ซึ่งก็เป็นการรับประทานอาหารแบบดั้งเดิมของของชาวอเมริกันด้วย   .   น่ากินสุดๆ เลยใช่ไหมล่ะ แต่น่าเสียดายสุดที่มีขายแค่ที่ญี่ปุ่น ราคาอยู่ที่  640 เยน หรือประมาณ 200 บาท และเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ 13 เมษายน ถึง 16 พฤษภาคมนี้เท่านั้น ใครที่มีโอกาสไปญี่ปุ่นในช่วงนี้ก็ไม่ควรพลาดที่จะซื้อมาชิมกันดูนะ     แต่ถ้าซื้อไม่ทันก็ไม่ต้องเสียใจไปเพราะในหน้าร้อนนี้สตาร์บัคส์ของญี่ปุ่นเขาก็มีอีกเมนูเครื่องดื่มที่อร่อยไม่แพ้กันกับเมนูที่มีชื่อว่า “Classic Tea Cream Frappuccino”…

สาวๆ หลายคนคงมีประสบการณ์กับการลงรองพื้นบนใบหน้าที่ใช้ทั้ง พัฟ ฟองน้ำหรือแปรงมาทาถูๆ ให้เนียนใสเป็นธรรมชาติ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติของสาวๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งเธอโนสนโนแคร์ทั้งพัฟ ฟองน้ำหรือแปรงใดๆ บนโลกใบนี้ เพราะเธอมีลูกป๋องแป๋งของแฟนหนุ่มที่ประสิทธิภาพดีกว่าน่ะสิ !?   คู่รักที่สวีทหวานปานจะกลืนกินกันคู่นี้มีแฟนสาวชื่อ Johnna Hines อายุ 18 ปี และแฟนหนุ่ม Damon Richards อายุ 20 ปี จากรัฐฟลอริดา   ในวันหยุดสุดสัปดาห์พวกเขาได้ไปเที่ยวเล่นกันอย่างสนุกสนาน เมื่อกลับถึงบ้านและอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย Hines แฟนสาว ทำการแต่งหน้าตามปกติ ทันใดนั้นแฟนหนุ่มก็คิดอยากจะหยอกล้อแฟนสาวด้วยลูกป๋องแป๋งของเขาขึ้นมา   Richards มักจะแกล้งแฟนสาวแบบนี้อยู่บ่อยๆ เขาเริ่มจากการเอาลูกป๋องแป๋งมาวางไว้บนหัวของแฟนสาว “ฉันก็แค่จะทำให้มันตลกขึ้นโดยการใช้มันเป็นอุปกรณ์แต่งหน้าอย่างที่เห็น จากนั้นเราก็เริ่มหัวเราะกันและเกิดเป็นคลิปสุดฮาขึ้นมา”  Hines แฟนสาวกล่าว   เมื่อเธอได้แชร์คลิปการทารองพื้นด้วยลูกป๋องแป๋งนี้ไปยังทวิตเตอร์ของเธอที่ชื่อว่า johnna ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีโดยมีการรีทวีตไปถึง 20,000 ครั้งเลยทีเดียว เรียกได้ว่ามีคนได้ชมลูกป๋องแป๋งงามๆ ของ Richards ไปแล้วกว่าสองหมื่นครั้ง ถ้าใครอยากชมคลิปนี้ก็ตามไปดูได้ที่นี่เลยนะ…เพราะเราไม่กล้าเอามาแปะให้ชมกันจริงๆ มันสะเทือนใจเกินไป รับม่ายด้ายยยย… (วาร์ป)     เราไปดูความคิดเห็นของชาวทวิตเตอร์ต่อคลิปสุดฮานี้กันดีกว่า   คลิปนี้ได้รับความสนใจจากช่างแต่งหน้า Manny Mua ซะด้วย…

สวัสดีจ้าา!!! ครั้งนี้ก็มาพบกับ #เหมียวหน่า อีกแล้วเช่นเคย แต่วันนี้ไม่ได้เผยสูตรอาหารอะไรหรอกนะ วันนี้จะมาแก้ปัญหาให้สาวๆ สำหรับคนที่มีขนบนใบหน้ามากๆ จะขจัดออกยังไง โกนก็ไม่ได้แล้วขึ้นหนากว่าเดิม คิดแล้วมันปวดหัว ในบทความนี้จึงจะมาเผยสูตรมาร์คหน้าสำหรับสาวๆ ที่มีไรขนอ่อนบนใบหน้าและสูตรมาร์คนี้มันยังช่วยทำให้หน้าเนียนใสขึ้นอีกด้วยล่ะ สูตรนี้ไม่ซับซ้อนและไม่ยุ่งยาก แค่ไปหาวัตถุดิบมาให้พร้อมแล้วก็เริ่มลงมือกันเลยยย!!!! >สูตรมาร์คขจัดขนบนใบหน้า< วัตถุดิบและส่วนผสม – แป้งกรัม (หรือแป้งเบซัน ใช้ในการทำขนมของชาวอินเดีย ปากีสถาน เนปาล และบังคลาเทศ มีประโยชน์ต่อผิวพรรณมากๆ ทำให้ผิวเนียนเปล่งปลั่ง แป้งกรัมอาจจะหาซื้อยากนิดหน่อยแต่เราก็ได้ไปหาเว็ปไซต์ที่ขายมาให้แล้วเหมียววว thai.alibaba ) 2 ช้อนชา – ผงขมิ้น 1/4 ช้อนชา – นมสด 3-4 ช้อนชา – น้ำมะนาว 1 ช้อนชา – น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนชา   มาเริ่มทำกันเลยดีกว่า เริ่มจากตวงส่วนผสมต่างๆ แป้งกรัม ผงขมิ้น นมสดและน้ำมะนาว ตามอัตราที่บอกไว้ลงในถ้วยเล็กๆ พอถนัดมือ   แล้วคนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อครีมเนียนๆ…

สาวๆ เตรียมกรี๊ดได้เลย เพราะตอนนี้มีแปรงแต่งหน้าแบบใหม่ ที่เอาใจสาวๆ ที่ชื่นชอบในความเป็นเมอร์เมด นั่นก็คือ “แปรงนางเงือก”!!? โดยแปรงแต่งหน้านี้มีดีไซน์รูปทรงสุดเก๋เป็นหางนางเงือกน้อยสุดน่ารัก มีขนาดกะทัดรัด พกพาได้สะดวก มีรูปทรงค่อนข้างเรียวและแบน ขนแปรงนุ่ม ปัดสบายหน้า ใช้ปัดได้ตั้งแต่บลัชออน แป้งฝุ่น รองพื้น ไปจนถึงคอนทัวร์เครื่องสำอาง จุดเด่นของแปรงนางเงือก นอกจากจะมีรูปร่างแปลกแล้ว ตรงด้ามยังตกแต่งเป็นเกล็ดหางของนางเงือกอีกด้วย เก๋สุด ๆ ไปเลยล่ะ ลองไปชมภาพกัน     ใครที่หลงใหลในความเป็นเมอร์เมดนี้พลาดไม่ได้เลยล่ะ   ขนแปรงนุ่มสุดๆ . .   มีหลากหลายสีให้เลือกซื้อ .   สีเหมือนอยู่ในท้องทะเลจริงๆ . สาวๆ คนไหนที่สนใจก็สามารถเข้าไปชมที่อินสตาแกรมนี้ได้เลย mermaid_salon หรือใครที่อยากสั่งซื้อก็ไปที่เว็ปไซต์นี้เลย www.mermaidsalon.com สงวนราคาแล้วอยู่ $16.00 หรือประมาณ 550 บาท เท่านั้นเอง ซึ่งอาจจะใช้เวลานิดนึงเพราะแปรงนางเงือกนี้ส่งตรงมาจากออสเตรเลียเลยล่ะ ที่มา IG @mermaid_salon , mermaidsalon.com.au

ในวงการแฟชั่นทั่วโลก เชื่อว่าเพื่อนๆ ทุกคนต้องเคยเห็นนางแบบนายแบบสวยๆ หล่อๆ กันมาบ้าง และแน่นอนพวกเขาเหล่ามีหุ่นที่ดี มีหน้าตาที่โดดเด่นและรักในอาชีพ จึงให้สามารถโลดแล่นอยู่ในวงการแฟชั่นได้ แต่ในวันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับคู่แฝดสองพี่น้องที่จะมาสะเทือนวงการแฟชั่นโลก ด้วยความแตกต่างที่พวกเขามีทำให้เกิดผลงานสุดวิเศษที่เรียกได้ว่าเป็นงานศิลปะกันเลยทีเดียว ใครอยากไปทำความรู้จักกับสองพี่น้องคู่นี้แล้วไปชมกันเลย   “Lara and Mara Bawar” คู่แฝดสองพี่น้องจากเซาเปาโล ประเทศบราซิล ที่อายุเพียง 11 ปีเท่านั้น ที่เห็นพวกเธอมีสีผิวและเส้นผมที่ขาวแบบนี้ไม่ใช่การทาสีแต่อย่างใด แต่เธอมีภาวะผิวเผือกนั่นเอง   ในปี 2016 เธอได้รับการทาบทามจากช่างภาพแมวมองชาวสวิส “Vinicius Terranova” ที่อาศัยอยู่ในเมืองเซาเปาโล ให้มาเป็นนางแบบในโปรเจคของเขาที่ชื่อว่า ‘Flores Raras’   ช่างภาพ “Terranova” ถ่ายภาพของคู่ฝาแฝดและพี่สาวคนโตอายุ 13 ปีของพวกเธออีกด้วย ซึ่งพี่สาวคนโตไม่ได้มีภาวะผิวเผือกแบบพวกเธอ   เพื่อเป็นการสนับสนุนพวกเธอให้โลกเห็นว่าสามพี่น้องมีความงามขนาดไหน พวกเธอทั้งสามคน “Lara, Mara and Sheila” จึงได้ลงนามเพื่อเป็นนางแบบให้กับแบรนด์ระดับโลกอีกด้วยอย่าง Nike, Insanis, และ Bazaar Kids   เรื่องความโด่งดังไม่ต้องพูดถึง พวกเธอมีแฟนคลับที่ติดตามในอินสตาแกรมถึง 6,000 คน…

ผู้ใหญ่บางคนอาจจะมองว่าการเป็นเด็กเป็นเรื่องที่ง่าย ไม่ต้องทำงานหนัก ไม่ต้องคิดมาก แต่ไม่ใช่สำหรับเธอคนนี้ Kheris เด็กสาวผิวสีเข้มอายุเพียง 10 ปี ที่เธอต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในชีวิตวัยประถม จากการล้อเลียนเรื่องสีผิวจากเพื่อนๆ จนเป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นใจและมองสิ่งต่างๆ ในแง่ลบ แต่ในปัจจุบันเธอยอมรับและภูมิใจในสิ่งที่เธอมีจากการช่วยเธอจากแม่และพี่สาวที่รักของเธอ ความอบอุ่นในครอบครัวนี้ จะช่วยเธอหนีพ้นจากสังคมอันโหดร้ายได้อย่างไร เราไปทำความรู้จักกับเธอกัน     นี่คือครอบครัว  Pollard พวกเขาอาศัยอยู่ที่เมืองลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ครอบครัวนี้มีกันอยู่ 3 คน มีคุณแม่ที่ชื่อว่า Erika Pollard ลูกสาวคนโตชื่อ Taylor อายุ 22 ปีและน้องสาวคนสุดท้อง Kheris อายุ 10 ปี ซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้นประถม 5 และเป็นช่วงเวลาที่ลำบากในการใช้ชีวิตในโรงเรียนของเธอ เด็กๆ ที่โรงเรียนมักล้อเลียน Kheris เกี่ยวกับสีผิวของเธอ แม่ของเธอจึงตัดสินใจที่จะย้ายโรงเรียนเพราะ Kheris โดนกลั่นแกล้งรุนแรงจนส่งผลให้เสียความเชื่อมั่นในตนเอง     Taylor พี่สาวของเธอกล่าวว่าโรงเรียนประถมของน้องสาวเธอนั้น มีเด็กผู้หญิงผิวสีอยู่เพียง 4 คนในหนึ่งห้อง Kheris เล่าถึงเหตุการณ์ในวันที่เธอทำกิจกรรมวาดภาพร่วมกับเพื่อนในห้อง คุณครูสั่งในนักเรียนวาดภาพตัวเองจากนั้นคุณครูก็ยื่นดินสอสีดำให้เธอ…

ย้อนกลับไปในช่วงยุค 60s – 70s เป็นช่วงที่โลกตกอยู่ในความวุ่นวาย ไม่ว่าจะเรื่องของสงครามที่ส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวม และความไม่เท่าเทียมกันของสังคม ทว่าอีกด้านหนึ่งก็ได้มีการกำเนิดของวัฒนธรรมที่เรียกว่า ‘ฮิปปี้’ หรือ ‘บุปผาชน’ เกิดขึ้น วันนี้เราจะพาไปชมภาพสะท้อนวิถีชีวิตของพวกเขาในยุคที่ดนตรีคือกระบอกเสียงแห่งเสรีภาพ และสันติภาพ   หญิงสาวกำลังดื่มด่ำไปกับดนตรีของวง Led Zeppelin ที่งาน Knebworth Festival   กลุ่มแฟนเพลงที่กำลังเฝ้ารอการแสดงสดของวง The Rolling Stones   ชาวบุปผาชนที่ดูยิ้มแย้มมีความสุขไปกับเสียงดนตรี ภาพจากแคลิฟอร์เนีย ปี 1969   ภาพของฮิปปี้วัยรุ่นจากนิวยอร์ค   วัยรุ่นคนหนึ่งกำลังหลับอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่บนกระโปรงรถ ภาพจากงาน Woodstock   คู่รักที่เพ้นท์ลายดอกไม้ไว้บนเรือนร่างของตัวเอง   กลุ่มฮิปปี้จากงาน Wight Festval เมื่อปี 1969   ภาพจากคอนเสิร์ตที่ Hyde Park เมื่อปี 1970 สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของวัยรุ่นในยุคนั้นที่ไม่แยแสสังคมใดๆ ทั้งสิ้น   ชาวฮิปปี้ที่กำลังเดินทางเข้าสู่งาน…

เมื่อกล่าวถึง ‘การชงกาแฟ’ เหล่าสาวกกาแฟทั้งหลายก็อาจจะได้ชมวิธีการชงแบบธรรมดากันมาจนเบื่อแล้ว แต่สำหรับวันนี้ #เหมยีวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมคลิปโฆษณาเมล็ดกาแฟ ที่ดูแล้วจะสร้างความฟินให้เหล่าสาวกกาแฟแบบสุดๆ!! เรื่องมีอยู่ว่าบริษัท Paulig ที่เป็นบริษัทขายเมล็ดกาแฟ ได้ขอให้ผู้กำกับและผู้ทำภาพยนตร์การ์ตูนอย่างนาย Lucas Zanotto ทำโฆษณาชิ้นหนึ่งขึ้นมาด้วยการทำกาแฟขึ้นมาจากเมล็ดกาแฟเพียง 1 เมล็ดเท่านั้น     และมันก็กลายมาเป็นคลิปวิดีโอชงกาแฟแบบจิ๋ว ที่ดูแล้วมันช่างฟินซะเหลือเกิน ไม่ได้มีเพียงแค่กรรมวิธีการชงแบบแปลกตาเท่านั้น แต่ยังมีการใส่ซาวด์เอฟเฟค และเลือกเพลงที่ฟังแล้วทำให้เคลิ้มจนตาปรือ   ก่อนอื่นก็ต้องบดเมล็ดกาแฟซะก่อน   ต้มน้ำด้วยเทียน   นำกาแฟผงไปใส่ในกระดาษกรอง จากนั้นก็เทน้ำที่ต้มเดือดลงไป   ป๊าปปปป ได้ออกมาเป็นกาแฟพร้อมดื่ม   ดูภาพเฉยๆ แล้วมันไม่ฟิน ลองไปชมแบบคลิปกันที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   ต้องขอบอกเลยว่าเป็นคลิปที่น่าดูชมซะจริงๆ เพราะนอกจากจะมีความครีเอทแล้ว ยังสามารถสร้างความฟินได้อีกต่างหาก สุดยอดดด ที่มา : thisiscolossal

เมื่อกล่าวถึง ‘มอนสเตอร์บอล’ จากเรื่องโปเกมอนแล้ว เพื่อนๆ หลายคนก็คงจะรู้กันดีว่ามีนเป็นภาชนะที่เอาไว้เก็บเหล่าโปเกมอน แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมมอนสเตอร์บอล ที่ไม่ได้มีไว้บรรจุโปเกมอน แต่เป็นมอนสเตอร์บอลที่จะช่วยให้กลิ่นลมหายใจของเรามีกลิ่นหอมสดชื่น   ล่าสุดทางบริษัท Bandai ได้ทำการออกแบบสินค้าตัวใหม่ ที่มาในธีมของการ์ตูนชื่อดังที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกอย่าง ‘โปเกมอน’ เป็นมอนสเตอร์บอลที่จะช่วยให้กลิ่นลมหายใจของเราหอมสดชื่น     ทั้งเซ็ตจะประกอบไปด้วยมอนสเตอร์บอล 11 ลูก ประกอบไปด้วย Poké Ball, Great Ball, Ultra Ball, และ Master Ball   แถมยังมีมอนสเตอร์บอลจากภาคใหม่ๆ อย่าง Luxury Ball และ Premier Ball อีกด้วยนะเออ   Quick Ball, Dusk Ball และ Timer Ball   Heal Ball และ Dive Ball…

การมีขนขา ขนจั๊กแร้ที่เยอะและยาวนั้นเป็นปัญหาใหญ่ของสาวๆ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้คงดูไม่งามแน่ๆ ต้องกำจัดโดยการแว็กซ์ โกน ถอน ทำเอาแสบๆ คันๆ ไปตามๆ กัน แต่เรื่องขนไม่ใช่ปัญหาของสาวฟิตเนสหุ่นเซียะคนนี้แน่นอน เพราะเธอไม่ได้กำจัดขนตามส่วนต่างๆ ของร่างกายมานาน 1 ปีเต็มแล้ว เพราะอะไรเธอถึงเลือกที่จะไว้ขน? เธอมีจุดประสงค์อะไร? เราไปทำความรู้จักกับเธอกันเลย   “Morgan Mikenas” สาวสวยฟิตเนสบล็อกเกอร์ ที่ไม่ได้ทำการกำจัดขนบนร่างกายมานานถึง 1 ปี เพื่อโปรโมทเรื่องความงามตามธรรมชาติ   และนี่คือผลลัพธ์จากการที่เธอไว้ขนมา 1 ปี!!   เธอไม่ได้ส่งเสริมหรือชักชวนให้ทุกคนหยุดกำจัดขนหรอกนะ แต่เธอแค่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนว่าการเป็นตัวของตัวเองมันสบายใจสุดๆ   เหตุผลหลักๆ ที่เธอเลิกกำจัดขนก็เพราะว่าการโกนหรือแว็กซ์นั้นใช้เวลานาน มันทำให้เธอเสียเวลามากๆ   เมื่อตอนที่เธออายุประมาณ 11 ปี เธอเข้าเรียนในวิชาพลศึกษาและโดนเพื่อนๆ ล้อเรื่องที่เธอมีขนหน้าแข้งที่ยาวเฟื้อย เธอจึงตัดสินใจที่ไว้ขนตามธรรมชาติของเธอตั้งแต่ตอนนั้น เพราะต้องการให้เห็นว่ามันไม่ใช่ปมด้อยของเธอ     เธออยากให้ทุกคนไม่อายที่จะเป็นตัวของตัวเอง   เธอคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเลย ที่ทุกคนคิดว่าต้องอยู่ในบรรทัดฐานของสังคมนี้ เพียงแค่ต้องทำทุกอย่างให้คนอื่นพอใจ   เธอจึงเลือกที่จะยอมรับความงามตามธรรมชาติแทนที่จะต้องสวยงามตามความคาดหวังของสังคม   และแฟนหนุ่มของเธอก็ชอบมันและบอกว่าเธอสวยเสมอในทุกๆ…

ก่อนหน้านี้เราเคยนำผลงานการแกะสลักผักผลไม้ ของศิลปินหนุ่มชาวญี่ปุ่น ผู้ไม่ประสงค์ออกนามแต่ใช้ชื่อเรียกว่า Gaku มาแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปผลงานของพี่แกก็เป็นที่รู้จักบนโลกอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ดังนั้นพ่อหนุ่มจึงแอบซุ่มซ้อมเก็บตัวอยู่นานหลายเดือน จนได้ปล่อยคอลเลคชั่นผลงานชิ้นล่าสุดออกมาให้เราได้ชมกัน ทุกอย่างเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือความไม่กล้ากิน   พ่อหนุ่มบอกว่างานชุดนี้เค้าเพิ่มความแอดว๊านซ์ลงไปให้ยากกว่าเดิม   ซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันดูยากขึ้นตรงไหน เพราะเอาจริงๆ มันก็ดูทำยากทุกชิ้นนั่นแหละ   แอปเปิ้ลที่มีลวดลายแบบนี้ ใครมันจะไปกล้ากิน   แตงกวาที่แกะสลักไปมา… เหมือนดิลโด้เฉ๊ยย!?   อื้อหือกลีบมาเป็นกลีบ   ต้องใจเย็นขนาดไหนนะถึงจะทำได้ขนาดนี้   มือพี่นิ่งมากผมนี่ยอมใจเลยครับ   ดูสบายตามากเลย น่าเอามือถูไถบู้บี้ให้มันเละเทะ   อู้วว น่าหม่ำมากเลย   ปิดท้ายด้วยงานพับใบไม้เป็นรูปตั๊กแตน มันเกี่ยวกับแกะสลักตรงไหนเนี่ย!?   ผมเชื่อแล้วครับว่ามือพี่นิ่งจริงอะไรจริง ที่มา: Thisiscolossal

สำหรับใครที่กำลังโสด หรือกำลังตั้งคำถามกับตัวเองว่า เอ..นี่เราจะอยู่บนคานคนเดียวไปจนแก่เฒ่าเลยรึเปล่านะ? ขอบอกเลยว่าเรื่องนี้จะทำให้คุณอิจฉา เป็นเรื่องราวของพ่อหนุ่มวัย 25 ปี Alec Horan และแฟนสาวของเขา Steph Gardner วัย 24 ปี ทั้งคู่เดินทางจากรัฐเพนซิลเวเนีย มายังเกาะฮาวาย โดยที่สาวเจ้าตัวไม่ทันได้รู้เลยว่าแฟนหนุ่มมีอะไรบางอย่างจะเซอไพรส์เธอ   ความชอบอย่างหนึ่งที่ทั้งคู่มีเหมือนกันนั่นก็คือ การเล่นโยคะ แน่นอนว่ามันเป็นการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะถ้าเรามีคู่ชีวิตคอยเล่นด้วย   ทั้งคู่คบหาดูใจกันมานานกว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้ทั้งสองคนกลายเป็นทั้งคู่ชีวิต เพื่อนคู่คิด และคู่ฝึกซ้อมโยคะ โดยครั้งนี้ทั้งคู่เดินทางไปท่องเที่ยวกันที่เกาะโฮโนลูลู รัฐฮาวาย ในขณะที่ทั้งสองกำลังเล่นโยคะอยู่นั้น แฟนหนุ่มก็ได้แอบตั้งกล้องไว้ข้างๆ หวังจะเซอไพรส์แฟนสาวในช่วงที่ตะวันกำลังจะตกดิน   ทันทีที่เธอทรงตัวอยู่บนเท้าของเขา แฟนหนุ่มก็ควักแหวนแต่งงานออกมาเซอไพรส์เธอทันที   ว่าที่เจ้าสาวถึงกับเซอไพรส์จนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ไม่อยากจะคิดเลยถ้าเราโดนแบบนี้บ้างจะเขินขนาดไหนเนี่ย อร๊ายยย ><   ‘อันที่จริงผมวางแผงไว้ทั้งหมดแล้ว ตั้งแต่เริ่มต้นซื้อตั๋วเที่ยวบิน จองโรงแรม แม้กระทั่งช่วงเวลาที่พระอาทิตย์จะตกดิน ผมก็ได้ทำการศึกษามาก่อนเหมือนกัน เพื่อที่จะได้ขอคนที่ผมรักมากที่สุดแต่งงานในช่วงเวลาที่ดีที่สุด’ ว่าที่เจ้าบ่าวเล่า     พ่อหนุ่มยังฝากบอกมาอีกด้วยว่า ‘เชื่อผมเถอะครับ รักเมีย…

Ksenia Voronycheva ศิลปินสาวชาวรัสเซีย เธอหลงใหลในการวาดภาพเหมือนมาตั้งแต่เริ่มจำความได้ และวันนี้เธอก็ขอพื้นที่นำผลงานมาให้เราได้ยลโฉมกัน โดยเธอจะนำภาพถ่ายของผู้คนที่ส่งไปให้เธอ วาดออกมาเป็นเวอร์ชั่นการ์ตูน กลายเป็นภาพที่ดูแล้วก็ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ไปอีก เอาเป็นว่าตามไปชมกันเลย   แม่ลูก   สาวน้อย   ท่าโพสเป๊ะมาก   แบบคู่รักในงานแต่งก็มา   อนาคตนางแบบแน่นอนหนูจ๋า   คุณแม่ และลูกๆ   อนาคตของวงการแฟชั่นโลก   ภาพการ์ตูนดูน่ารักมุ้งมิ้งได้อีก   แถมลายเส้นต่างๆ ของเธอก็ดูมีความเป็นเอกลักษณ์อยู่เหมือนกัน   แบบสองพี่น้องก็มา   ไม่ว่าจะรูปไหน ท่าไหน เธอก็วาดได้ทั้งนั้น   สาวน้อยคนนี้ดูน่ารักมาก   ถ้ามีรูปคู่รักแบบนี้ซักใบเก็บไว้ ก็ดีเหมือนกันนะ   เอ๊ะ!! ผู้หญิงเพิ่มมาจากไหนอีกหนึ่งคน หรือว่า…   ถ้าใครชอบผลงานของเธอ ก็เข้าไปชมเพิ่มได้ที่ @Kseniya   เห็นแล้วก็อยากมีรูปของตัวเองแบบนี้เก็บไว้ซักใบบ้างจัง ที่มา: Boredpanda

เป็นอีกเรื่องราวที่ชวนให้ซึ้งกินใจน้ำตาไหลจนต้องขอแชร์เลยก็ว่าได้ เรื่องมันมีอยู่ว่าก่อนหน้านี้เจ้าลา Shock ถูกช่วยเหลือมาจากชาวนาใจร้าย ที่มัดมันติดไว้กับเสา และไม่ยอมดูแลจนผอมแห้งเหลือแต่กระดูก หลังจากนั้นมันก็ถูกย้ายมาอาศัยอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือลาในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ และนั่นก็เป็นที่ๆ มันได้เจอกับสาวน้อย Amber ผู้เกิดมาพร้อมความผิดปกติของร่างกาย   เจ้าลา Shock   หนูน้อย Amber ตอนเกิดมาเธอหายใจไม่ออก คุณหมอจึงจำเป็นต้องต่อท่อช่วยหายใจให้เธอ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการที่เธอไม่สามารถพูดเปล่งเสียงออกมาได้   ‘ลูกสาวของเราเธอเกิดมาพร้อมกับโรคสมองพิการ เป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะขยับร่างกายไปไหนมาไหน และเธอก็ไม่สามารถพูดเปล่งเสียงออกมาได้  มีเพื่อนของเราแนะนำมาว่า เราสามารถบำบัดเด็กที่ป่วยโรคนี้ด้วยการใช้ลาได้ ในฐานะที่เราเป็นพ่อแม่ก็อยากจะทำทุกอย่างเพื่อลูก และเราก็พบว่ามันน่าอัศจรรย์ใจมากจริงๆ’ Julian Austwick คุณพ่อของหนูน้อยเล่า   สำหรับ Shock แล้ว หนูน้อย Amber ก็ถือเป็นคนไข้คนแรกของมันเหมือนกัน   ทั้งคู่ดูจะเข้าขากันได้ดีเอามากๆ และการฝึกขี่ลา ช่วยทำให้สาวน้อย Amber ได้รู้จักบริหารกล้ามเนื้อด้วยตนเอง ซึ่งมันก็ส่งผลดีต่อเธอในระยะยาว   จนกระทั่ง Amber อายุได้ 3 ขวบ เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดกล่องเสียงให้สามารถพูดได้อีกครั้ง แต่ก็ใช่ว่าผ่าตัดเสร็จแล้วจะพูดได้ทันทีเลย หนูน้อยต้องใช้เวลาในการฝึกอยู่พอสมควร และวันหนึ่งสิ่งที่เป็นเหมือนราวกับปาฏิหาริย์สำหรับคนเป็นพ่อแม่ก็ได้เกิดขึ้น หลังจากที่ลูกสาวได้เข้าคอร์สบำบัดกับเจ้าลาเสร็จแล้ว จู่ๆ ลูกสาวก็พูดออกมาว่า ‘ฉันรักเธอนะช็อคกี้’…