Category: รวมเรื่องมหัศจรรย์

‘งานแต่งงาน’ คงเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจที่สุดในชีวิตของใครหลายๆ เป็นวันแห่งความฝันที่ทุกคนต่างรอคอย เพราะช่วงชีวิตหนึ่งเราอาจจมีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น… ทำให้ปัจจุบันนี้มีงานแต่งงานรูปแบบต่างๆ ออกมามากมาย บ้างก็เป็นงานแต่งงานกระโดดหน้าผาสูง บ้างก็เป็นงานแต่งงานในปราสาท แต่ที่ดูแล้วน่าจะเป็นที่นิยมมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น ‘ทะเล’ นี่แหละ ที่เป็นโลเคชั่นในฝันของใครหลายๆ คน     เช่นเดียวกันกับเจ้าบ่าว Jovany และเจ้าสาว Susana Zamos ที่ตัดสินใจออกไปจัดงานแต่งงานกันที่ชายหาดบนเกาะ Cozumel ประเทศเม็กซิโก   แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดยั้งเพื่อนๆ และครอบครัวของเขาให้มาร่วมงานได้ จนทำให้งานแต่งงานของทั้งคู่กลายเป็นงานที่ใหญ่โตมโหฬารมีผู้เข้าร่วมงานคับคั่งกว่า 100 คนเลยล่ะ   ซึ่งบรรยากาศในงานแต่งงานก็ไม่ได้เป็นการแต่งงานบนชายหาดธรรมดาๆ ทั่วไป เพราะพิธีทุกอย่างนั้นจัดในน้ำ!?   “พวกเราได้รับคำแนะนำจากผู้วางแผนงานแต่งงานว่า ‘คุณไม่สามารถแต่งงานท่ามกลางมหาสมุทรได้หรอก เพราะมันมีเรื่องที่จุกจิก และเรื่องยุ่งยากมากมาย” คุณ Zamos เล่า   “พวกเราก็เลยคิดว่า โอเค พวกเราจะแต่งงานกันบนชายหาดเหมือนกับคู่รักคู่อื่นๆ”   แต่หลังจากที่จะวางแผนงานแต่งงาน จู่ๆ ช่างภาพของพวกเขาก็ได้เสนอไอเดียที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่ได้คิดไว้   “เธอบอกพวกเราว่า ‘คุณต้องทำมันนะ คุณต้องแต่งงานกันในน้ำ มันจะต้องเป็นอะไรที่เจ๋งมากๆ แน่ๆ’ และความคิดของเราก็เปลี่ยนไปในทันที ต้องขอขอบคุณสตูดิโอ…

โลกของเรานั้นเปลี่ยนแปลงไปมากมายจากยุคอดีต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยี อุตสาหกรรม แฟชั่น วิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์ หรือแม้แต่สภาพแวดล้อมเองก็เช่นกัน ก็อย่างที่รู้กันดีว่าปัจจุบันโลกของเรานั้นต้องประสบกับปัญหาโลกร้อนมาอย่างยาวนาน ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงขึ้น เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นน้ำแข็งขั้วโลกก็ค่อยๆ ละลายลงไป สำหรับในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมภาพความแตกต่างระหว่างอดีต กับปัจจุบันของน้ำแข็งขั้วโลกที่มีสภาพแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว     ช่างภาพชาวสวีเดน Christian Åslund ที่ทำงานเป็นนักถ่ายภาพให้กับองค์กร Greenpeace ได้ทำการเก็บภาพธารน้ำแข็งในเมือง Svalbard ประเทศนอร์เวย์ เมื่อปี 2002 จากนั้นก็นำไปเปรียบเทียบกับภาพของธารน้ำแข็งที่ถ่ายขึ้นเมื่อยุค 1900s แสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นมุมเดียวกันแต่มันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน… เพื่อนำภาพเหล่านี้มาเป็นส่วงนหนึ่งในแคมเปญ #MyClimateAction ของ National Geographic เพื่อแสดงถึงจุดยืนของพวกเขาในเรื่องของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อต่อต้านบริษัทน้ำมันในประเทศนอร์เวย์ที่ทำการเจาะธารน้ำแข็งเพื่อค้นหาแหล่งน้ำมัน   และนี่คือผลงานภาพถ่ายของธารน้ำแข็งในอดีต เปรียบเทียบกับปุจจุบัน จะแตกต่างกันแค่ไหนลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   เขาออกตามถ่ายธารน้ำแข็งเหล่านั้นในมุมเดียวกัน   บางมุมที่ต้องขึ้นไปยังที่สูง   หรือบางมุมที่ต้องมีคนอยู่ในฉาก   เขาก็ทำมันออกมาให้คล้ายคลึงกับต้นฉบับที่สุด .   นี่ขนาดอยู่ในช่วงปี 2002 นะเนี่ยยังหายไปมากมายขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าถ้านำมาเทียบกันกับยุคนี้ล่ะก็คงหายไปอีกเยอะแน่ๆ เลยล่ะ เพราะในช่วงหลังๆ…

การสตรีมมิ่งทานอาหารให้คนได้ชมเป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว และตอนนี้ก็เริ่มมีมาเรื่อยๆ และหลายคนก็เริ่มรู้จักการทำแบบนี้มาแล้ว ซึ่งหนึ่งคนที่ถ้าพูดถึงเรื่องการกินโชว์ก็จะขาดคนนี้ไปไม่ได้เลย เธอมีชื่อว่า ยูกะ คิโนชิตะ ทางเว็บเราก็เคยนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเธอไปบ่อยครั้ง ซึ่งการกินโชว์ของเธอแต่ละทีจะไม่เหมือนยูทูบเบอร์กินโชว์คนอื่นๆ เพราะว่าอาหารที่เธอกินเข้าไปนั้นมันเยอะมากซะจนคนดูยังอึ้งว่าเธอทานเข้าไปได้ยังไง เพราะว่าเธอตัวเล็กมากๆ   ในแชแนลยูทูบ Yuka Kinoshita เธอก็ได้อัพคลิปการกินจุของเธอมาตลอด จนตอนนี้มียอดติดตามสูงถึง 2,400,000 ล้านคนแล้ว ซึ่งเธอก็ได้อัพไปแล้วกว่า 800 คลิป นั่นก็หมายความว่าเธอกินอาหารไปกว่า 800 ครั้ง นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2014 ที่เธอเริ่มสร้างแชแนลนี้ขึ้นมา และเธอก็ไม่ได้ดูอ้วนเลยแม้แต่น้อย เราอาจจะดูคลิปของเธอมาบ้างและ แต่วันนี้ #เหมียวสามสี จะพาไปดู 10 อันดับการกินของเธอที่เรียกได้ว่าสร้างปรากฏการณ์ให้คนอึ้งไปตามๆ กัน ไปดูกันว่าจะมีคลิปไหนบ้าง   10. ชีสเบอร์เกอร์ 4 ชิ้น ที่แต่ละชิ้นมาพร้อมกับเนื้อ 10 ชั้น แต่ละชั้นก็จะมีชีสสอดแทรกอยู่ตรงกลาง รวมพลังงานทั้งหมด 7,826 kcal   9. ครั้งนี้เธอมาที่ร้ายซูชิบุฟเฟต์ พร้อมทั้งสังหารซูชิไปทั้งหมด 200 ชิ้น คุณพระะะะะะะ เรากินแค่ 10…

ในทุกฤดูกาลแฟชั่นดีไซเนอร์จะนำเทรนด์ใหม่สุดชิคมาให้สาวทันสมัยอย่างเราๆ ได้เเต่งตัวอวดโฉมท้าสภาพอากาศในทุกฤดู ไม่ว่าจะเป็น ฤดูหนาว ฤดูฝน หรือฤดูร้อนในไทยที่กำลังจะมาถึง ในซีซั่นสุดร้อนเเรงนี้ #เหมียวหน่าได้รวบรวมเเฟชั่นสุดเก๋รับหน้าร้อนจากไอเดียของทางเว็บ Bright Side ที่เพื่อนๆ จะสวยท้าเเดด รับลมร้อน ได้อย่างไม่มีหลุดเทรนด์เเน่นอน   1. ผ้าพิมพ์ลายดอกไม้   สีสันสดใสตอนรับฤดูใบไม้ผลิ เเรงบันดาลใจจากรูปทรงความพริ้วไหวเเละสดชื่นของดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ ผสมผสานความเบาสบายของผ้าไหม ให้ความรู้สึกของดอกไม้ที่เบ่งบานนฤดูใบไม้ผลิอย่างเเท้จริงเลยล่ะ .   2. ชุดโชว์เรียวขาสุดเซ็กซี่ เหมาะกับหน้าร้อนที่สุด เพราะทำให้คุณดูโดดเด่นกว่าใคร เเถมเรียกคะเเนนจากหนุ่มๆ ได้มากทีเดียวเชียวเเหละ .   3. ชุดสีเหลือง สำหรับสาวๆ ที่เบื่อหน่ายความหนาวเย็นจากฤดูหนาวที่กำลังจะผ่านพ้นไป ลองหันมาใส่เสื้อผ้าโทนสีสดใส อย่าง “สีเหลือง” เพราะเป็นสีที่มาเเรงมากๆ สำหรับฤดูกาลที่จะมาถึง ทั้งทันสมัย ใส่เเล้วดูเป็นสาวมั่น เเสดงถึงความสดใสเเละปราดเปรียวได้เป็นอย่างดี .   4. การใส่ยีนส์ขาดๆ หรือปะกางเกงยีนส์ ปฎิเสธไม่ได้เลยมาเเรงจริงสำหรับกางเกงยีนส์ขาดๆ ที่ไม่ใช่ให้เเค่ลุคสาวเซอร์เเละยังโดดเด่นไปด้วยความหรูหราเปล่งประกาย เป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความฝัน เเถมยังสามาถจับคู่กับเสื้อตัวโปรดได้อย่างง่ายๆ เลยล่ะ .   5.…

นักวิทยาศาตร์จากศูนย์ Argonne National Laboratory ได้คิดค้นฟองน้ำชนิดใหม่ขึ้นมา ซึ่งพวกเขาเคลมว่าเจ้าฟองน้ำตัวใหม่นี้จะสามารถดูดซับคราบน้ำมันได้อย่างดีเยี่ยมกว่าฟองน้ำไหนๆ ที่เคยมีมา ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่มีปัญหาน้ำมันรั่วฟองน้ำที่จะถูกนำมาใช้ซับคราบก็คือ Sorbents ซึ่งมันสามารถดูดซับคราบนรน้ำมันได้ดี แต่กลับใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เลยทำให้นักวิทยาศาตร์ต้องคิดค้นฟองน้ำชนิดใหม่ขึ้นมานั่นเอง     แน่นอนว่าเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่มันย่อมดีกว่าของเก่ามา พวกเขาได้ให้เหตุผลในการคิดค้นเจ้าฟองน้ำตัวนี้ว่า มันจะเป็นนวัตกรรมที่สามารถช่วยธรรมชาติได้อย่างรวดเร็ว ดูดซับมากกว่าแบบเก่าถึง 90 เท่า โดยเฉพาะเวลาที่มีเหตุการณ์น้ำมันรั่วในทะเล เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าการจะขจัดคราบน้ำมันในทะเลได้ต้องใช้เวลานานมากๆ เลยทีเดียว       ทางหัวหน้าทีมพัฒนา Seth Darling ได้อธิบายถึงคุณสมบัติของเจ้าฟองน้ำชนิดใหม่นี้ว่า มันคือฟองน้ำที่สร้างจาก Polyurethane และพลาสติก Polyimide แถมยังเคลือบด้วยสารอณู Silane ทำให้มันสามารถดูดซับคราบน้ำมันได้มากถึง 90 เท่าของน้ำหนักตัวมันเอง ที่สำคัญยังสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้อีกด้วย   ภาพนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของฟองน้ำชนิดใหม่ได้เป็นอย่างดี . คราบน้ำมันบนผิวน้ำเหรอ ไม่ต้องกลัวฟองน้ำชนิดใหม่นี่จัดการได้สบายๆ เลยล่ะ . ภาพนี้แสดงให้ว่ามันสามารถที่จะรีดน้ำมันออกแล้วนำกลับมาใช้ซ้ำได้   และจากการทดลองหลายๆ ครั้งก็พบว่าเจ้าโฟมชนิดใหม่นี้มันใช้งานได้ดีกว่า Sorbent จริงๆ แต่ก็ยังมีคำถามในเรื่องที่ว่าถึงแม้จะขจัดคราบบนผิวน้ำได้ แล้วคราบที่อยู่ในทะเลลึกล่ะ พวกเขาจะรับมือยังไง ซึ่งก็ต้องอยู่ในการพัฒนาในจุดนั้นต่อไป… แต่ไม่ว่ายังไงการคิดค้นฟองน้ำตัวนี้ขึ้นมาก็น่าจะช่วยประหยัดเวลาและช่วยเรื่องปัญหาคราบน้ำมันรั่วบนท้องทะเลได้มากขึ้นเลยทีเดียวล่ะ   สามารถรับชมความสามารถของมันแบบเต็มๆ…

คุณคงเคยรับชมภาพถ่ายวิวทิวทัศน์อันแสนสวยงาม ที่ถ่ายขึ้นมาจากกล้องดิจิตอล หรือกล้องโทรศัพท์มือถือกันมาเยอะพอสมควรแล้ว แต่ถ้าหากลองเปลี่ยนมารับชมภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดละ!! มันจะออกมาเป็นแบบไหนกันนะ และในครั้งนี้ #เหมียวขี้อ้อน จะขอพาเพื่อนๆ ทุกคน มารับชมภาพถ่ายวิวทิวทัศน์ ที่ถูกบันทึกโดยกล้องวงจรปิด แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้มีสีสันที่สวยงามเหมือนกล้องโดยทั่วไป แต่ก็ถือเป็นภาพที่ดูแปลกตาไม่น้อยเลยละ     ในขณะที่ช่างภาพส่วนใหญ่มักจะเดินเข้าไปในป่า พร้อมกับกล้องถ่ายรูปและขาตั้งกล้อง เพื่อบันทึกภาพวิวสวยๆ แต่ Marcus DeSieno ช่างภาพไอเดียแปลกคนนี้ เขาได้ทำการดัดแปลงกล้องวงจรปิด แล้วนำมาบันทึกภาพวิวทิวทัศน์อันสวยงาม จนทำให้ภาพเหล่านั้นดูแปลกตาในแบบที่น้อยคนจะเคยเห็น   . . . . . . . . . . . . .   ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่า ภาพทั้งหมดนี้จะถูกถ่ายขึ้นมาจากกล้องวงจรปิด เอาจริงๆ มันก็ดูสวยงาม และน่าสนใจไปอีกแบบ แล้วคุณละ!? คิดอย่างไรกับภาพถ่ายเหล่านี้บ้าง? ที่มา : petapixel, diyphotography

สำหรับคนที่ชื่นชอบ ‘หิมะ’ การได้ออกไปท่องเที่ยวตามประเทศต่างๆ ในฤดูหนาวคงจะเป็นตัวเลือกที่โผล่ขึ้นมาในหัวเป็นอันดับแรกๆ แน่นอนว่าบนโลกของเรามีประเทศที่มีหิมะตกอยู่มากมาย แต่สำหรับช่างภาพวัย 16 ปี อย่างนาย Marco Lopez แล้วการได้ไปส่องวิวหิมะที่ขาวโพลนสุดลูกหูลูกตาผ่านหน้าต่างรถไฟที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์บ้านเกิดของเขานั้นถือว่าเป็นสถานที่ที่เพอร์เฟ็คมากๆ สำหรับการชมความงามของหิมะ     พ่อหนุ่ม Lopez นั้นเป็นช่างถ่ายภาพที่ถ่ายแต่วิวธรรมชาติ จากงานอดิเรกที่ทำเล่นๆ จนในที่สุดก็กลายเป็นความหลงใหลจริงๆ และทำให้เขาไม่สามารถหยุดที่จะทำมันได้เลย “ผมเริ่มถ่ายภาพเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ในตอนแรกแค่อยากที่จะทำให้ความทรงจำของเรากลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา จากนั้นก็ค่อยๆ ฝึกฝนด้วยการดูคลิปตัวอย่าง เรียนจากหนังสือเพื่อศึกษาเกี่ยวกับกล้อง” นาย Lopez เล่า   .   จากประสบการณ์ถ่ายภาพที่ค่อยๆ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำให้เขารู้แล้วว่าการเดินทางโดยรถไฟนั้น ทำให้เขาสามารถเก็บเกี่ยวทุกภาพเหตุการณ์ได้มากกว่าการเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ เขาสามารถออกไปท่องเที่ยวอย่างมีความสุขเพราะได้ทำมันพร้อมกับการถ่ายภาพที่รักไปด้วย     ผลงานของเขาทำให้ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ดูเป็นสถานที่ที่แสนวิเศษราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย “มันก็จริงอยู่ที่ว่าผมอยากจะไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ ให้มากกว่านี้ แต่ในขณะเดียวกันผมก็อยากจะออกเดินทางสำรวจประเทศของตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” Lopez กล่าว เพื่อนๆ สามารถไปติดตามการผจญภัยของหนุ่มคนนี้ กันได้ที่อินสตาแกรม exploremarco ได้เลยนะจ๊ะ   . . . . ที่มา :…

ด้วยความน่าอายจากการ “ตด” นั้น ปกติก็จะทำให้หลายๆ คนไม่ค่อยกล้าที่จะตดในบางโอกาสหรือจำเป็นจะต้องหาที่ลับๆ เพื่อที่จะตดออกมา แถมบางครั้งเราก็ไม่รู้ว่าการตดของเราในครั้งนั้นจะมีเสียงหรือกลิ่นหรือเปล่า ถ้าคนจับได้ก็คงจะน่าอายพอตัวเลย   แต่ทว่ากลับมีผู้ชายคนหนึ่งที่เขาไม่อายที่จะตด แถมยังสามารถเอามันมาเป็นอาชีพได้อีกตะหาก ชายคนนี้มีชื่อว่า Joseph Pujol ที่เราจะเล่าเรื่องของเขาให้ฟัง… เขามีชื่อในวงการว่า Le Pétomane ได้ตระเวนไปโชว์ตดทั่วฝรั่งเศสและยุโรปในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จนได้รับการเข้าชมและชื่อเสียงมากมาย มีหลายคนให้สมญานามของเขาว่า “นักตดมืออาชีพ” คนแรกและคนเดียวบนโลกใบนี้     แต่กว่าจะมาถึงจุดนั้น เขาก็เป็นคนหาเช้ากินค่ำทั่วไป ทำงานบาร์เทนเดอร์ และคอยเอนเตอร์เทนลูกค้าจากหลังเคาน์เตอร์ด้วยการตดเป็นเสียงเพลง พร้อมกับตดใส่เครื่องดนตรีโดยที่ลูกค้าไม่รู้ว่าเขาทำแบบนั้นได้อย่างไร หลังจากนั้นเขาได้มีโอกาสขึ้นเวทีโชว์ในเมือง Marseilles เมื่อปี 1887 และเป็นการเริ่มต้นของเส้นทางอาชีพนักแสดงตดของเขา เขามีไฮไลท์เด็ดอย่างเช่น การตดเสียงยิงปืนใหญ่ ตดเสียงพายุฟ้าผ่า รวมถึงกระทั่งดับเทียนที่อยู่ห่างไปเป็นเมตรด้วยตดของเขาเอง หลังจากจบสงครามโลกครั้งที่ 1 เขาก็ขอถอนตัวจากวงการแล้วกลับไปดูแลร้านเบเกอรี่ของเขาในเมือง Marseilles ต่อจากนั้นไม่นานเขาก็ได้เปิดโรงงานบิสกิตในเมือง Toulon และท้ายที่สุดเขาก็เสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1945 ที่อายุ 88 ปี   หนึ่งในอุปกรณ์เครื่องดนตรี ที่เขาใช้ในการแสดง โดยการเสียบเข้าที่ก้นของเขาและบรรเลงออกมา   นอกจากการขึ้นโชว์ตามงานต่างๆ…

ใครจะคิดว่าเจ้า “เป็ดยางลอยน้ำ” สีเหลืองๆ ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี จะกลายมาเป็นของที่ทำให้คนคนหนึ่งคลั่งไคล้ และนำมาสู่การเปิดร้านขายพวกมันโดยเฉพาะได้ เรื่องราวมันเริ่มต้นไม่กี่ปีก่อนในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อคุณ Oude Leliestraat เจ้าของร้านของเล่น เริ่มสังเกตว่าแม้ร้านของเขาจะมีของเล่นเจ๋งๆ มากมาย แต่ลูกค้าหลายรายก็เพ่งความสนใจไปที่เป็ดยางสีเหลืองซะมากกว่า นั่นคือแรงบันดาลใจให้เขา ด้วยเหตุนี้เขาก็เลยจัดการเอาของเล่นอย่างอื่นทิ้งไปให้หมด แล้วหันมาโฟกัสที่การขายเป็ดยางอย่างเดียวเท่านั้น นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของร้าน Amsterdam Duck Store   นี่แหละ Amsterdam Duck Store   จะเห็นได้ว่าในร้านมีเป็ดยางอยู่เต็มไปหมด   และอีกสาเหตุที่เขาเปิดร้านเป็ดยางอย่างจริงจัง เพราะครั้งหนึ่งได้ไปเจอกับคำพูดของ Florentijn Hofman ศิลปินชาวดัตช์ที่เป็นเจ้าของผลงาน เป็ดยักษ์ลอยน้ำ อันเลื่องชื่อซึ่งศิลปินคนนี้ได้กล่าวไว้ว่า   “เป็ดยางมันไม่มีขอบเขตหรอกนะ มันไม่เลือกปฏิบัติต่อผู้คนและไม่มีความหมายแฝงทางการเมืองอีกต่างหาก เจ้าเป็ดยางพวกนี้ยังสามารถช่วยเยียวยาความเครียดของผู้คนได้ด้วย แถมมันยังนุ่มนิ่มและเป็นมิตรกับทุกคน”   จึงเป็นที่มาของข้อความที่ติดอยู่ในร้านแบบนี้   The Amsterdam Duck Store ได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมามากที่สุดของเมืองเยอรมัน ภาพนับพันของเจ้าเป็ดยางพวกนี้ถูกแชร์บนโซเชียลเน็ตเวิร์ค แถมบางคนยังตั้งใจเดินทางไกลเพียงเพื่อจะได้แวะเวียนมาที่ร้านขายเป็ดยางสุดฮิตนี้เท่านั้น ธุรกิจนี้มันไม่ได้หยุดอยู่แค่เมืองเดียว เพราะไม่กี่ปีต่อมาร้านขายเป็ดยางนี้ก็ขยายธุรกิจและเปิดสาขามากมายทั่วหัวเมืองต่างๆ ในยุโรปไม่ว่าจะเป็น เวนิส, บาร์เซโลน่า, ฟลอเรนซ์, โตรินและมายอร์ก้า ก็ล้วนมีสาขาตั้งอยู่แล้วทั้งนั้น…

โดยปกติแล้วเมื่อพูดถึง ‘การซื้อขายสารเสพติดจำพวกกัญชา’ ในบ้านเรานั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ไม่สามารถทำการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนกันได้อย่างอิสระเหมือนในหลายๆ ประเทศ ซึ่งในประเทศที่กัญชาถูกกฎหมายนั้นจะมีหน้าร้านที่วางขายกันแบบเรียงรายเลยทีเดียว บ้างก็เป็นร้านแบบธรรมดาๆ บ้างก็เป็นร้านที่ขายผ่านทางออนไลน์ แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมร้านขายกัญชาแบบสุดหรู ที่ขายกัญชากันแบบไฮเอนด์ที่ตั้งอยู่ในเมือง Portland มาให้เพื่อนๆ สายเขียวได้ชมกัน     ร้าน Serra เป็นร้านที่ยกระดับอุตสาหกรรมกัญชาให้สูงขึ้นไปอีก 1 ขั้น ด้วยการเปิดเป็นร้านที่มีบรรยากาศแบบไฮเอนด์ จัดแต่งทุกมุมให้ดูหรูหราฟู่ฟ่า แถมยังวางขายเฉพาะกัญชาเกรดพรีเมี่ยมอีกด้วย     ข้างในร้านก็จะประกอบไปด้วยเมนูกัญชามากมายหลากหลายสายพันธุ์ที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี บ้องที่ถูกออกแบบเป็นรูปแบบต่างๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นงานศิลปะมากกว่า     และในส่วนของการลองก็จะมีเมล็ดกาแฟอบแห้งเอาไว้เคลียร์กลิ่น หลบังจากที่ลองดมกัญชาชนิดต่างๆ เอาไว้ให้ด้วย เพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อได้อย่างแม่นยำ     นอกจากนี้ก็จะมีมุมช็อคโกแลต ของหวาน ที่ทางร้านผลิตขึ้นมาเองอีกด้วย แหม่ เยี่ยมจริงๆ!!   .   มีเสื้อขายด้วยนะเออ!!   แหม่ มาเป็นเซ็ต   ยกเซ็ตนี้อาจทำให้ขนหน้าแข้งร่วงเป็นแถบเลยทีเดียว .  …

เพื่อนๆ หลายคนคงจะเคยเห็นภาพถ่ายของเหล่าสัตว์ตัวเล็กๆ อย่างเช่น แมว หรือ สุนัข ในมุมใต้ท้องกันมาบ้างแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าพวกมันก็ยังคงดูน่ารักเสมอไม่เปลี่ยนแปลง แล้วหากเราลองเปลี่ยนมาเป็นสัตว์ตัวใหญ่อย่าง ‘ม้า’ บ้างมันจะเป็นอย่างไรกันนะ!? โดยปกติแล้วเราจะรู้กันดีว่าม้านั้นเป็นสัตว์ที่มีความงดงาม ไม่ว่าจะเป็นทั้งรูปร่าง หน้าตา ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และขนที่ยาวสลวย     และในวันนี้ #เหมียวหง่าว ก็จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมผลงานภาพถ่ายของช่างภาพ Andrius Burba ที่จะมาเผยภาพถ่ายในมุมใต้ท้องของเจ้าม้ามาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน     ซึ่งก่อนหน้านี้ Andrius ได้ถ่ายทำโปรเจคถ่ายภาพมุมใต้ท้องของเจ้าเหมียวมาก่อนแล้ว ภายหลังเธอจึงตัดสินใจที่จะเริ่มโปรเจคใหม่ที่ใหญ่ยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยการถ่ายใต้ท้องของ ‘ม้า’ แทน     “ฉันได้ลองศึกษาตัวอย่างในอินเตอร์เน็ตจากหลายๆ ที่มาแล้ว ไม่เคยมีใครทำโปรเจคแบบนี้มาก่อน ก็เลยตัดสินใจที่จะทำโปรเจคถ่ายภาพใต้ท้องของม้า ที่ต้องทำก็แค่พาเจ้าม้าที่มีน้ำหนักมากกว่า 600 กิโลกรัมมายืนอยู่บนกระจกที่วางห่างจากพื้นข้างล่างประมาณ 3 เมตร จากนั้นก็ถ่ายภาพ” Andrius เล่า     คอนเซ็ปต์ของงานก็แทบจะไม่มีอะไรที่แตกต่างจากโปรเจคถ่ายรูปใต้ท้องแมวเลย ที่ไม่เหมือนกันก็แค่ตัวแบบเท่านั้น     Andrius ต้องใช้เวลาในการถ่ายทำทั้งหมดเป็นระยะเวลานานกว่า…

โดยปกติแล้วสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่เช่น ‘ตึก’ ต่างๆ มักจะมีโทนสีไปในทิศทางเดียวกันหมดซึ่งก็คือสีขาว หรือไม่ก็เทาไปเลย แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมตึกสวยๆ ที่มีสีแบบฉูดฉาดกันบ้าง เป็นผลงานจากนักศึกษาสถาปนิก ที่ทำการถ่ายภาพและนำมาตกแต่งในโฟโต้ชอปจนกลายมาเป็นผลงานที่โด่งดังมีคนติดตามนับหมื่นเลยทีเดียว!! นาย Paul Eis นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์วัย 19 ปี เมื่อช่วงฤดูร้อนปี 2015 เขาได้ออกไปเดินเล่นไปตามท้องถนนของเมือง Berlin แล้วก็ทำให้รู้สึกว่าการเดินเล่นในเมืองของเขามันช่างน่าเบื่อซะเหลือเกิน     ทั้งตึกรามบ้านช่องต่างๆ มักจะมีสีไปในทิศทางเดียวกันหมดก็คือสีขาว และสีเทา เขาก็เลยคิดขึ้นมาในใจว่าหากเจ้าตึกเหล่านั้นมีสีสันขึ้นมาจะเป็นอย่างไรกันนะ!? เขาก็เลยเริ่มที่จะออกเดินทางถ่ายรูปตึกต่างๆ จากนั้นก็นำมาโฟโต้ชอปเพิ่มสีให้ดูฉูดฉาดกว่าเดินแล้วก็นำไปโพสต์ลงในอินสตาแกรม จนผลงานของเขาโด่งดังและเริ่มมีผู้ให้ความสนใจมากมาย     จากกระแสที่หลั่งใหลเข้ามากันเรื่อยๆ ทำให้ Paul เริ่มงานชิ้นใหญ่ยิ่งกว่าเดิม ก็คือการเดินทางไปยังเมืองอื่นๆ เพื่อถ่ายรูปตึกบ้างอย่างเช่นเมือง Hamburg และ เมือง Munich นอกจากนี้ก็ยังเดินทางไปยังต่างประเทศที่เนเธอร์แลนด์ และออสเตรีย อีกด้วย     Paul เล่าว่าการนำสีสันมาเติมให้กับเจ้าตึกเหล่านี้ทำให้พวกมันดูมีความน่าสนใจ และมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น . . .…

หลายคนน่าจะคุ้นเค้ยกับชื่อของ เค้กหยดน้ำ หรือ โมจิหยดน้ำ กันมาบ้างใช่ไหม ซึ่งถ้าใครคิดภาพไม่ออกว่ามันคืออะไร มันก็คือเจ้าก้อนใสๆ เหมือนหยดน้ำที่ดูน่ากินที่เคยฮิตอยู่ช่วงหนึ่งในบ้านเรานั่นเอง ตัวอย่างของขนมโมจิหยดน้ำ…   พอดีกับช่วงนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ที่ดอกซากุระจะเบ่งบาน และดูท่าคนญี่ปุ่น (รวมถึงนักท่องเที่ยว) จะคลั่งไคล้เทศกาลชมซากุระกันมากเลยทีเดียว จนเป็นกระแสซากุระฟีเวอร์ขึ้นมาในทุกๆ ปี เจ้าโมจิหยดน้ำนี้เดิมที่ก็เป็นขนมที่มาจากทางฝั่งญี่ปุ่นอยู่แล้วก็ไม่แปลกที่ทางญี่ปุ่นจะนำมันไปต่อหยอดอีกขั้นโดยการนำเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นอย่างดอกซากุระเข้ามาผสมผสานจนเกิดเป็น โมจิหยดน้ำดอกซากุระ!!     โมจิหยดน้ำดอกซากุระที่ว่านี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทผลิตขนมเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Eitaro ซึ่งจริงๆ แล้วพวกเขาผลิตเจ้าโมจิหยดน้ำนี้มากว่า 13 ปีแล้วแต่มันพึ่งจะมาบูมเอาเมื่อปีที่แล้ว แถมยอดขายยังทะลุเป้าสุดๆ พวกเขาขายมันได้ราวๆ 250,000 กล่องเลยทีเดียว   แบบกล่องสามชิ้นดีไซน์สวยงาม เหมาะสำหรับไว้เป็นของขวัญ เซตนี้สนนราคาอยู่ที่ราวๆ 270 บาท แต่ถ้าใครสนใจแบบ 9 ชิ้นก็จะอยู่ที่ราวๆ 730 บาท   ถ้าใครสนใจเซตข้างบนนี้แล้วละก็สามารถเข้าไปสั่งออนไลน์ได้โดยตรงจาก eitaro ได้เลย นอกจากเจ้าโมจิหยดน้ำซากุระแล้ว ยังมีรูปแบบอื่นๆ ที่ดูน่ากินอีกมากมายเลยเช่นกัน   แต่ถ้าใครสนใจและได้เดินทางไปที่ญี่ปุ่นในช่วงนี้แล้วอยากจะลองชิมโมจิหยดน้ำซากุระแบบข้างบนแต่ว่าหาซื้อไม่ได้แล้วละก็ สามารถเดินทางหาซื้อได้ที่ย่านรปปงงิจากร้านที่ชื่อว่า Sun Fruits โดยหน้าตาของโมจิหยดน้ำที่นี้ก็จะมีหน้าตาคล้ายๆ ตัวข้างบนแต่จะเสิร์ฟในถ้วยเซรามิคสวยงาม     ของเจ้านี้จะราคาอยู่ที่ราวๆ 160…

เรื่องราวของนางแบบสาวที่ถึงแม้ว่าจะมีร่างกายไม่ปกติเหมือนกับคนอื่นๆ แต่เธอก็ยังคงไม่ยอมล้มเลิกความฝัน ใช้ความแตกต่างนี้ให้กลายเป็นจุดแข็งของตัวเองและยอมรับที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมัน     Marit Smith นางแบบสาวที่เกิดมาพร้อมความผิดปกติที่แขน ทำหใ้เธอไม่มีมือเหมือนกับคนปกติทั่วไป เธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับความไม่มั่นใจมากตั้งแต่เด็กๆ นั่นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ที่จะเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง แต่โชคชะตาก็ได้นำพา เพราะในที่สุดน้องสาวของเธอก็ตัดสินใจที่จะเดินเส้นทางสายช่างกล้อง และเธอก็ต้องกลายเป็นนางแบบให้กับน้องสาวไปโดยปริยาย     ในช่วงแรก Marit กะเอาไว้ว่าจะทำแบบสนุกๆ เท่านั้น เพื่อช่วยเหลือน้องสาวของตัวเองฝึกสกิลในการถ่ายภาพพอเทรท แต่กลับกลายเป็นว่าน้องสาวของเธอกลับจริงจังขึ้นมา และสร้างโปรเจคชื่อว่า Blik en Bloos ขึ้นมา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้กำลังใจกับเด็กสาว ที่เกิดมามีร่างกายไม่ปกติ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ และเสริมสร้างความมั่นใจในการดำเนินชีวิตให้กับพวกเธอ     ตั้งแต่นั้นมาเธอก็กลายเป็นนางแบบเต็มตัว แถมยังเคยถ่ายภาพขึ้นปกนิตยสารเรื่องความสวยความงามอีกด้วย และเธอก็ได้รับฟีดแบ็คจากเด็กสาวคนหนึ่งที่เกิดมาพร้อมกับความพิการไม่มีแขนเหมือนกับ Marit บอกว่าเธอรู้สึกภูมิใจมากที่จะโชว์แขนของตัวเองให้คนอื่นเห็น     และ Marit เองก็รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่วิเศษมาก ซึ่งเธอเองภูมิใจมากที่สามารถเปลี่ยนแปลงทัศนะคติ ให้เด็กผู้หญิงหันมารักทุกสิ่งที่เป็นตัวเอง Marit เล่าว่าความฝันของเธอยิ่งใหญ่มากกว่านี้เสียอีก เธอหวังว่าวงการแฟชั่น และวงการความสวยความงามทั้งหลาย จะทำเหมือนกับว่าเหล่าผู้พิการเป็นเสมือนกับคนปกติธรรมดาทั่วไป แน่นอนว่ามันยังเหลือหนทางอีกยาวไกลให้เธอต้องฝ่าฟันไป   เพื่อนๆ สามารถเข้าไปชมผลงานภาพถ่ายของ…

หากย้อนกลับไปในอดีต หลายๆ คนคงไม่เคยรู้มาก่อนว่า ‘ผู้หญิง’ ยังไม่ได้ออกจากบ้านไปทำงานกันเหมือนกับทุกวันนี้ โดยเฉพาะในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ถือเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่าง เช่นเดียวกันกับภาพลักษณ์ของผู้หญิง เพราะเหล่าผู้ชายทั้งหลายจะต้องออกไปสู้ศึกสงคราม ทำให้พวกเธอต้องเปลี่ยนลุคของตัวเองกลายมาเป็นสาวแรงงานคอยช่วยเหลืองานในกองทัพ และนี่คือผลงานภาพถ่ายที่บ่งบอกถึงการทำงานของผู้หญิงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จะเป็นอย่างไรบ้างไปชมกันเลยดีกว่า…   หญิงสาวกำลังทำอะไรบางอย่างกับเครื่องยนต์ของเครื่องบิน ที่โรงงาน American Aviation Inc รัฐแคลิฟอร์เนีย ปี 1942   กำลังทำการประกอบห้องนักบินของเครื่อง B-17F อยู่ที่ ฐานทัพอากาศ Long Beach แคลิฟอร์เนียปี 1942   ภาพของพนักงานซ่อมแซมชั้นอาวุโส Eloise J. Ellis ที่ฐานทัพอากาศ Naval Air Station รัฐเท็กซัส ปี 1942   Virginia Davis และผู้ควบคุมดูแล Chas. Potter กำลังช่วยกันซ่อมแซมส่วนไอพ่นของเครื่องบินที่ Corpus Christi รัฐเท็กซัส ปี 1942…

สำหรับคู่รักคู่นี้แล้วต้องขอบอกเลยว่าการขอแต่งงานของพวดเขาจะต้องสร้างความประทับใจ และตราตรึงใจของทั้งคู่ไปตราบนานเท่านานเลยทีเดียว Dale Sharpe ได้ทำการขอแต่งงานกับเจ้าสาว Karlie Russell ราวกับทำเป็นหนังรักโรแมนติกท่ามกลางแสงออโรร่าดูน่าอิจฉาสุดๆ     คุณ Dale วัย 34 ปี ได้ปิ๊งไอเดียว่าจะขอแฟนสาวของเขา คุณ Karlie วัย 29 ปี ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงออโรร่า โดยใช้ระยะเวลาในการเตรียมการมาแล้วกว่า 5 ปี “ผมไม่เคยเห็นใครทำแบบนี้มาก่อนเลย และผมเองก็อยากที่จะทำอะไรที่แตกต่างจากคนอื่นๆ” สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่สำคัญกับคู่รักนี้ เพราะพวกเขาไปเที่ยวที่นี่มาแล้วกว่า 30 ครั้ง “พวกเราทั้งคู่ชื่นชอบการออกไปล่าแสงเหนือ และถ่ายรูปคู่กับมันด้วยกัน ดูเหมือนว่าจะเข้ากันมากๆ เลยล่ะ”     ในตอนแรกนั้นแผนของเขาได้ล่มไป เพราะ Dale ได้วางแผนนำแหวนแต่งงานไปซ่อนในขวดครีมทาผิว แต่ดูเหมือนว่าเจ้าขวดครีมทาผิวนั้นมันบันจุของเหลวมากกว่าที่สนามบินกำหนด เจ้าหน้าที่จึงหยิบเจ้าขวดครีมทาผิวที่มี ‘แหวนแต่งงาน’ มูลค่ากว่า 141,000 บาท ทิ้งลงถังขยะ “ผมไม่รู้ตัวเลยหลังจากเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ ขณะที่เราทั้งคู่อยู่ที่ไอซ์แลนด์ พอถึงเวลาที่จะขอ Karlie แต่งงานผมกลับหาแหวนแต่งงานไม่เจอซะได้”  …

หิวมั้ย หิวมั้ยเอ่ย? ถ้าเพื่อนๆ กำลังหิวๆ อยู่ แนะนำให้ปิดบทความนี้เลย เพราะมันอันตรายกับคุณมากๆๆ แบบชนิดที่ว่าท้องไส้อาจจะปั่นป่วนอย่างรุนแรงงงงง!! เอ๊ะ หรือใครไดเอตอยู่ก็ไม่ควรดูเหมือนกันนะ นี่เตือนแล้วนะ เพราะภาพที่เพื่อนจะได้เห็นต่อไปนี้ รับรองต้องน้ำลายไหลก็ถีงภาพสุดท้ายแน่นอน… ยิ่งดูก็เหมือนยิ่งยุ หรือหากกำลังต้องการทดสอบความอดทนของตัวเอง ก็มาพิสูจน์กันเลย   1. Philly cheese ชีสเยิ้มๆ น่าหม่ำซะให้หมดในคำเดียว   2. Calamari เมนูชั้นเลิศที่จะทำให้คุณเผลอกลืนน้ำลาย 3. โฮะๆ นี่มันสวรรค์ของคนชอบซี่โครงชัดๆ   4. ขอซูชิ แบบนี้สักชุดจะได้มั้ยอ่า   5. อย่าบอกนะว่าไม่ชอบพิชซ่า   6. สปาเกตตี้กับลูกชิ้น อื้มมมม   7. มักกะโรนีกับชีส เอามากระแทกปากที   8. นี่ทาโก้ที่วิเศษสุดในสามโลก   9. ป๊าดดด สเต็กที่เราคู่ควร เห็นนั่นมั้ยเนื้อแดงๆ ขอบเกรียมๆ   10. เฝอ…

เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเว็บไซต์ Catdumb ของเราได้นำเสนอเรื่องราวของนักการเมืองสวีเดนที่ออกมาสนับสนุนนโยบายให้พนักงานได้พักกลับบ้านไปปั่มปั๊ม เพื่อลดความเครียดจากงาน ไปแล้ว หลายๆ คนก็อาจจะสงสัยว่ามันจะเป็นไปได้จริงๆ เหรอ? อาจจะเหนื่อยจนไม่สามารถมีแรงมาทำงานต่อในช่วงบ่ายได้หรือไม่? สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปอ่านบทความงานวิจัยจากนักวิจัยในมหาวิทยาลัย Oregon State University เกี่ยวกับเรื่องการมีเซ็กส์ระหว่างทำงานกันว่ามันจะได้ผลจริงหรือไม่? ลองไปติดตามชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า     จากงานวิจัยของรองศาสตราจารย์ Keith Leavit จากมหาวิทยาลัย Oregon State University ได้ผลว่า คนที่ถึงจุดสุดยอดอย่างน้อย 1 ครั้ง ใน 1 วัน จะมีแนวโน้มที่จะมีความสุขกับงาน สู้งาน และมีความก้าวหน้ามากกว่า แถมยังมีสุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วย การมีชีวิตเซ็กส์ที่ดีจะช่วยส่งเสริมให้พนักงานสามารถทำงานกันได้อย่างมีความสุข ซึ่งมันส่งผลดีต่อทั้งพนักงานและองค์กรที่พวกเขาทำงานให้ เพราะการมีเพศสัมพันธุ์จะทำให้เกิดการปลดปล่อยสารโดพามีน (Dopamine) ออกมา ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่เป็นตัวช่วยให้เรารู้สึกมีความพึงพอใจ เกิดความรักใคร่ชอบพอ นอกจากนี้เมื่อโดพามีนหลั่งออกมามากๆ จะช่วยให้เรารู้สึกตื่นตัว กระฉับกระเฉง และไวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ รอบตัวมากขึ้นอีกด้วย     เพื่อความเข้าใจถึงผลกระทบของเซ็กส์ที่มีต่อการทำงานนักวิจัยได้ดำเนินการเก็บข้อมูลจากพนักงานที่แต่งงานแล้วกว่า 159 คู่ เป็นระยะเวลากว่า 2…

คิดว่าถ้าทุกคนเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากจะแก่หรอกจริงมั้ย? แต่เวลาคือสิ่งที่เดินหน้าไปเรื่อยๆ ไม่มีย้อนกลับ สังขารของเราก็เช่นเดียวกัน แต่ไม่ใช่กับคุณตา Can Dağarslani สถาปนิกผู้หลงใหลการสร้างงานศิลปะผ่านเลนส์กล้อง เพราะถึงแม้ว่าคุณตาจะอายุมาก แถมสังขารก็เริ่มร่วงโรย แต่ภาพถ่ายศิลปะล่าสุดที่เจ้าตัวปล่อยออกมานั้นเรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลย นี่มันฮิปสเตอร์รุ่นพ่อเลยนี่หว่า   แถมงานนี้ยังมีคุณยายมาเป็นนางแบบ ให้แก่คอลเลคชั่นภาพสุดฮิปของคุณตาอีกด้วย   โดยคุณตาได้แนวคิดการถ่ายภาพชุดนี้จาก ความสัมพันธ์ของผู้คน ชีวิตอันแสนจะธรรมดาของชาวเมือง และความเงียบสงบในใจเรา   ก่อนหน้าคุณตาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง และสุดท้ายก็พบว่า ‘ความสงบสุขเกิดขึ้นจริงตอนที่คุณแก่หงำเหงือก’   ภาพถ่ายทั้งหมดนี้ไม่มีการปรับแสง หรือแต่งสีใดๆ โดยคุณตาได้เลือกใช้สีแดง น้ำเงิน และเหลือง ในการเล่าเรื่อง   ส่วนฉากพื้นหลังก็ไม่มีการเติมแต่งใดๆ โดยคุณตาคิดว่าทุกอย่างรอบตัวเรามีเสน่ห์ความงามในตัวมันเอง โดยไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งอะไรเลย   พื้นหลังสีโล่งๆ มองกล้องตรงๆ มุมนี้แหละใช่เลย!!   แต่บางทีคุณตาก็แอบเล่นท่ายาก เพื่อพิสูจน์ความแข็งแรงเหมือนกัน   ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาคุณตาเฝ้าตามหา ‘ความสงบสุข’ แห่งชีวิตมาโดยตลอด จนเขาได้ค้นพบมันด้วยตัวของเขาเองในวัยชรา   นอกจากจะโพสท่าเท่ๆ แล้วยังมีมุมน่ารักๆ แบบตายายเหมือนกันนะ   เห็นรูปนี้แล้วนึกถึงโทนภาพของหนังเรื่อง Mary Is Happy เลยอ่ะ ฮ่าๆๆๆ  …

คราวนี้เราจะมาพูดกันถึงเรื่องของฝรั่งเศสกันบ้าง แต่ไม่ใช่ในเชิงวิเคราะห์ที่ชวนให้ปวดกบาลอะไรทำนองนั้นหรอกนะ แน่นอนว่าถ้าพูดถึงดินแดนน้ำหอมแห่งนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘หอไอเฟล’ แลนด์มาร์คสำคัญของกรุงปารีส แล้วรู้กันมั้ยล่ะว่า…มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสามารถสร้างหอคอยขนาดใหญ่แบบนี้ได้ในช่วงยุคสมัยนั้น  ดังนั้นเราจะพานั่งไทม์แมชชีนไปชมภาพกระบวนการกว่าจะออกมาเป็นหอไอเฟล แหม่…มันไม่ง่ายเลยแฮะ   เบื้องหลังการออกแบบหอไอเฟล ก็คือผลงานของ Alexandre Gustave Eiffel ผู้นี้นี่เอง!! (ชื่อหอคอยก็มาจากนามสกุลของแกเองนั่นแหละ)   ในปี 1887 เริ่มมีการวางโครงสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก   หอคอยดังกล่าวตั้งอยู่ที่บริเวณ Champ de Mars ในกรุงปารีส   หอคอยแห่งนี้ในภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า ‘La Tour Eiffel’ แถมยังมีชื่อเล่นว่า ‘La dame de fer’ ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า ‘กุลสตรีเหล็ก!’   หอคอยแห่งนี้จะมีขนาดความสูง 324 เมตร เทียบได้กับตึก 81 ชั้นเลยนะจะบอกให้   หอคอยแห่งนี้สร้างเสร็จในปี 1889 และหลังจากนั้นมามันก็ได้กลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่เตะตาผู้คนไปทั่วโลก (ใช้เวลาสร้าง 2 ปีเองแฮะ)   ภาพของคนงานกำลังช่วยกันสร้างลิฟท์ตัวแรก สำหรับหอคอยแห่งนี้   Alexandre Gustave…

สำหรับคนที่ชอบปั่นจักรยานแล้ว เรื่องความปลอดภัยคงเป็นสิ่งที่ต้องคิดถึงเป็นอันดับต้นๆ เพราะว่าสิ่งที่ป้องกันเราได้มีแต่หมวกกันน็อคหรือไม่ก็สนับเข่าหรือแขน ยิ่งถ้าใครปั่นตอนกลางคืนที่แสงน้อยๆ ก็จำเป็นต้องติดไฟเพิ่มเพื่อที่จะสามารถปั่นบนท้องถนน แต่มันก็ลำบากตอนเราจะเบรกหรือเลี้ยว เพราะว่ามันไม่ได้มีไฟเหมือนรถคนอื่นๆ ปัญหานั้นจะหมดไป เมื่อได้พบกับ Lumos Helmets สุดยอดหมวกกันน็อคสำหรับจักรยานที่จะทำให้คุณได้มีไฟสัญญาณติดตัว ไม่ต้องกลัวว่ารถคันข้างหลังจะงงแล้วว่าเราจะทำอะไรต่อไป   . . .   ทางผู้ผลิตเล่าว่าเขาได้ยินข่าวหรืออุบัติเหตุเกี่ยวกับจักรยานอยู่บ่อยครั้ง และส่วนมากก็มาจากการปั่นในช่วงเวลากลางคืน ทำให้รถทั่วไปมองเห็นได้ยาก ซึ่งหมวกกันน็อคอันนี้ก็จะมาช่วยแก้ปัญหานั้น ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไปสามารถมองเห็นคนปั่นจักรยาน รวมถึงรู้ว่าเขาจะปั่นไปทางไหนได้ด้วย เพราะมันมีฟังก์ชั่นไฟเลี้ยวมาให้!!   .   โดยคุณสมบัติหลักๆ ของมันก็คือเป็นตัวบอกสัญญาณ ทั้งตอนที่จักรยานกำลังจะเบรก หรือแม้ตอนจะเลี้ยว เราก็สามารถเปิดไฟเลี้ยวได้เหมือนรถทั่วไปเลย ผ่านทางรีโมทไร้สายที่ติดอยู่กับแฮนด์จักรยาน ส่วนเรื่องแบตเตอร์รี่นั้นก็ไม่ต้องห่วง เพราะว่าสามารถชาร์ตผ่านสาย USB ได้ ถือว่าสะดวกสบายเป็นอย่างมาก   . .   ชมคลิปการทำงานของหมวกกันน็อคนี้กันเลย   ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตรกรรมที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้จริงและเป็นประโยชน์ต่อผู้ปั่นจักรยาน ไม่แน่ว่าถ้าในอนาคตเป็นที่แพร่หลาย เราอาจจะเห็นข่าวอุบัติเหตุจากจักรยานน้อยลงก็ได้ ใครสนใจก็ลองเข้าไปชมได้ในเว็บไซต์ Lumos Helmets ได้ ราคาประมาณ 6,000 บาท…

สำหรับคนที่เป็นหนอนหนังสือแล้ว มันคงไม่มีอะไรจะสร้างความสุขได้กับเราเท่าการได้ใช้เวลาอยู่ในร้านหนังสือ พร้อมทั้งตามหาหนังสือเล่มโปรด จะให้อยู่ทั้งวันทั้งคืนก็ยังได้ ‘Mollat’ ร้านขายหนังสือสุดฮิปจากฝรั่งเศส ได้ปิ๊งไอเดียชวนลูกค้ามาถ่ายรูปกับปกหนังสือเล่มโปรด โดยวางองค์ประกอบให้มันออกมาได้อย่างเป๊ะสุดๆ เอาเป็นว่าเราตามไปดูกันเลย   ช่ะแว๊บบบ อะไรจะเป๊ะได้ขนาดนั้น   ทั้งทรงผม ทั้งโครงหน้า พอดีกันได้อีก   หรือถ้าอยากจะเป็นเด็ก ที่นี่เค้าก็จัดให้ได้   ปากแดงๆ จะไว้ใจได้ก๋าาา   ทั้งมุมตรง มุมข้าง พอดีกันเป๊ะ!!   นึกว่านี่เป็นหัวคนจริงๆ ซะอีก   สังเกตตรงปลายจมูกสิ ต่อกันได้อย่างเหมาะเจาะเหลือเกิน   นี่ก็ด้วยทั้งโครงหน้า ทั้งทรงผม   ไมเคิล แจ็กสันก็มานะ หง๊อววววว   หนูน้อยหมวกแดงก็มาเหมือนกัน   ถ้าใครอยากจะชมไอเดียการถ่ายรูปเจ๋งๆ กับปกหนังสือแบบนี้อีก เข้าไปติดตามได้ที่อินสตาแกรม @librairie_mollat กันเลยจ้า ที่มา: Sobadsogood

ทุกๆ ปีที่มีการประกวดมิสยูนิเวิร์สเราก็จะมีเหล่าสาวงามจากทั่วโลกเข้าร่วมประกวดกันเต็มไปหมด ซึ่งแต่ละคนก็จัดเต็มในเสื้อผ้าหน้าผมกันสุดๆ แน่นอนว่าพวกเธอก็สวยมากๆ เช่นกัน แต่ทว่าพวกเราเคยสงสัยกันไหมว่าในใบหน้าที่จัดเต็มของพวกเธอ ภายใต้นั้นถ้าเราลบเครื่องสำอางออกจะเป็นยังไงกัน พวกเธอจะยังคงสวยเหมือนเดิมไหมน่ะ!? วันนี้เราเลยมีคำตอบนั้นมาให้ทุกคนได้ดูกัน   Rebecca Rath อายุ 23 ปี  ประเทศเบลีซ ก่อนเข้าประกวดเธอทำงานเป็นผู้จัดการร้านอาหาร   Raquel Pelissier  อายุ 25 ปี ประเทศเฮติ ก่อนเข้าประกวดเธอทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์   Yam Kaspers Anshel อายุ 18 ปี ประเทศอิสราเอล   Johanna Acs อายุ 24 ปี ประเทศเยอรมนี ก่อนเข้าประกวดเธอเป็นนักศึกษา   Roshmitha Harimurthy อายุ 22 ปี ประเทศอินเดีย ก่อนเข้าประกวดเธอเป็นนักศึกษา   Hildur Maria อายุ 24 ปี ประเทศไอซ์แลนด์ ก่อนเข้าประกวดเธอทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน   Carolina…

ปัจจุบันกระแสของ ‘ยูนิคอร์น’ กำลังมาแรงเป็นอย่างมาก มันถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น กาแฟ, การแต่งหน้า, ผ้าห่ม, หรือช็อคโกแล็ต แต่ล่าสุดมันกำลังจะไปโผล่อยู่ในอุตสาหกรรม ‘เซ็กส์ทอย’ แล้ว!! เพราะทางบริษัท Geeky Sex Toys ได้ทำการผลิตดิลโด้ที่มีรูปร่างคล้ายกับเขาของยูนิคอร์นออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   ก่อนหน้านี้บริษัท Geeky Sex Toys นี้ก็เคยผลิตเซ็กส์ทอยโปเกมอนมาแล้ว เรียกได้เลยว่าช่างเป็นการปฏิวัตวงการเซ็กส์ทอยให้เข้าไปสู่โลกแห่งจินตนาการเลยทีเดียว     จากปกติที่เรามักจะเห็นดิลโด้เป็นแท่งๆ มีรูปร่างคล้ายกับอวัยวะเพศชาย แต่สำหรับเจ้าเขายูนิคอร์นนี้จะมีความยาวประมาณ 19 เซนติเมตร ความกว้างที่ฐานประมาณ 14 เซนติเมตร และความกว้างที่ปลายประมาณ 5 เซนติเมตร     ด้วยความกว้างของฐานทำให้มันสามารถยึดติดกับที่ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นกำแพง หรือบนส่วนต่างๆ ของร่างกายคู่รัก เพื่อเล่นบทบาทสมมติช่วยให้ชีวิตเซ็กส์มีความสุขมากยิ่งขึ้น ส่วนตัวของเจ้าดิลโด้เขายูนิคอร์นนี้ทำมาจากซิลิโคนที่เป็นมิตรต่อร่างกาย มันจะให้ความรู้สึกแน่น แต่ก็ยืดหยุ่นในคราวเดียวกัน แถมยังมีพื้นผิวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว     หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจก็สามารถเข้าศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่เว็บไซต์ geekysextoys มีราคาอยู่ที่ชิ้นละ 1,750…

เมื่อกล่าวถึง ‘หนวดเครา’ หลายๆ คนก็อาจจะรู้กันดีอยู่แล้วว่ามันเป็น ‘ขน’ ชนิดหนึ่งที่ขึ้นอยู่บริเวณใบหน้าของเรา ซึ่งความแตกต่างระหว่างมีเครากับไม่มีเครานั้นมันเป็นอะไรที่เรียกได้ว่า ‘ฟ้ากับเหว’ เลยทีเดียว ถ้าไม่เชื่อล่ะก็ลองไปชมภาพของดาราฮอลลีวูดหนุ่มสุดฮอตเหล่านี้พิสูจน์กันได้เลย ขอบอกเลยว่าแตกต่างกันแทบจะเป็นคนละคนกันเลยล่ะ ฮร่าๆ   1. Viggo Mortensen   2. Ben Affleck   3. Bradley Cooper   4. Pierce Brosnan   5. Hugh Jackman   6. Jake Gyllenhaal   7. Leonardo DiCaprio   8. Robert Pattinson   9. Danzel Washington   10. David Beckham   11. Mel…

สำหรับใครที่เบื่อหน่ายกับการต้องมาสวมถุงยางอนามัยแบบเดิมๆ ไม่ว่าจะลองเปลี่ยนไปใช้แบบผิวขรุขระ หรือแบบที่เคลมว่าอึดทนนาน ก็ยังไม่รู้สึกว่ามันจะน่าตื่นเต้นขึ้นตรงไหน เรามีนวัตกรรมตัวใหม่มาแนะนำ เพราะล่าสุดบริษัทผลิตถุงยางอนามัย British Condoms ได้ประกาศเปิดตัวนวัตกรรมถุงยางอัจฉริยะแห่งโลกอนาคต ‘The iCon Smart Condom’ อุปกรณ์ที่จะทำให้รสชาติการมีเซ็กส์ของทุกคู่สะเด่าเร่าร้อนยิ่งกว่าแดดในบ้านเราซะอีก   สนนราคาเปิดตัวอยู่ที่ 74 ดอลล่าร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2,600 บาท)   อุปกรณ์ดังกล่าวไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่ถุงยางสำหรับคุมกำเนิดเท่านั้น เพราะมันสามารถตรวจวัดระดับคุณภาพเซ็กส์ของเรา ผ่านการตรวจจับจากความเร็ว จำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาญไปทั้งหมด และระยะเวลาของการมีเซ็กส์ ซึ่งถุงยางอนามัยอัจฉริยะนี้ จะมีห่วงที่ให้ท่านชายสวมติดไว้บริเวณโคนของน้องชาย โดยห่วงนั้นจะมีระบบเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวอยู่ เพื่อทำการตรวจวัดระดับคุณภาพของเซ็กส์หลังเสร็จกิจ   ห่วงเซนเซอร์จะทำการบลูทูธข้อมูลไปยังแอพฯ บนสมาร์ทโฟน ทีนี้จะได้รู้กันไปเลยว่าที่บอกว่าเด็ดน่ะ เด็ดจริงรึเปล่า?   อุปกรณ์ดังกล่าวคาดว่าจะวางจำหน่ายบนเกาะอังกฤษก่อนเป็นที่แรกภายในปีนี้ ก่อนจะทำการขยายตลาดส่งออกไปทั่วโลก แบบนี้อีกไม่นานเกินรอคนไทยเราก็จะมีโอกาสได้ใช้กับเค้าบ้างเหมือนกัน นอกจากนั้นผู้ผลิตยังเคลมว่าถุงยางอัจฉริยะ ยังสามารถช่วยตรวจจับหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่าง ซิฟิลิส หรือหนองในได้อีกด้วย   ‘I.Con คือถุงยางแห่งอนาคตที่จะเปลี่ยนโฉมการมีเซ็กส์ของผู้คนไปโดยสิ้นเชิง’ บริษัทผู้ผลิตกล่าว   ทีนี้แหละไอ้คนที่บอกว่าตัวเองเก่งนักเก่งหนา จะได้รู้กันไปเลยว่าเก่งจริงอ๊ะเปล่า!! ที่มา: BusinessInsider

โดยปกติแล้วพ่อแม่หลายๆ คนเมื่อมีลูกแล้วก็ต้องคอยเลี้ยงดูลูก เอาใจใส่ลูก ปกป้องลูกจากสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้นจากสิ่งรอบตัว และแน่นอนว่าสัตว์เลี้ยงทั้งหลายโดยเฉพาะแมวเหมียวเองก็เช่นกัน แต่สำหรับคุณแม่ที่เป็นดารานักแสดงชาวญี่ปุ่น Asami Mizukawa กลับมองว่าทั้งลูกของเธอและแมวนั้นสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ เธอก็เลยอนุญาตให้ลูกใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับเจ้าเหมียวมิสเตอร์ Secom อยู่ตลอดเวลา     ไม่ว่าจะไปไหนก็ไปด้วยกัน ทำอะไรก็ทำด้วยกัน ทั้งตอนเล่น ตอนทานอาหาร ตอนร้องไห้ ออกไปข้างนอก ล้วนแล้วแต่ทำด้วยกันหมดจนเรียกได้ว่าถ้าขาดใครไปซักคนจะกลายเป็นเรื่องที่ไม่ปกติเลยทีเดียว!!     นอกจากนี้คุณแม่ Asami ยังเป็นคนคิดค้นโปรเจ็คที่จะใช้แมวในการส่งความรักให้กับทุกๆ คน เธอเชื่อว่าแมวนั้นสามารถสร้างความรักได้ และต้องการที่จะส่งมอบความรักนั้นไปให้กับคนอื่นๆ     หากเพื่อนๆ เข้าไปส่องในอินสตาแกรม megmilk5628 ที่คุณ Asami สร้างขึ้นมาแล้ว ก็จะพบว่าเจ้าเหมียวมิสเตอร์ Com และลูกชายสุดน่ารักของเธอ Ohta คุง นั้นมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันขนาดไหน     ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ Ohta คุง กำลังวาดภาพอยู่เจ้ามิสเตอร์ Secom เองก็จะมาเล่นด้วยตลอด (เอ๊ะหรือว่าหิว??)   ทั้งสองคนดูสนิทกันสุดๆ ><   แม้ยามร้องไห้เจ้าเหมียวมิสเตอร์ Secom…

กลายเป็นเรื่องที่เหล่าชาวเน็ตต่างก็ให้ความสนใจ กับผลงานการสักของช่างสักชาวเกาหลี ที่ไม่เพียแค่มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเท่านั้น แต่ผลแต่ละอย่างยังล้วนแล้วแต่เป็น ‘รูปของสัตว์เลี้ยง’ อีกด้วย   และนี่ก็คือผลงานบางส่วนของช่างสัก จะน่ารักขนาดไหนลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   หลายๆ คนตัดสินใจที่จะสักเป็นรูปของสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักของตัวเอง แต่สำหรับช่างสักชาวเกาหลีคนนี้แล้วเธอมีชื่อเสียงโด่งดังมากๆ ไม่ว่าจะเป็นกับในประเทศเกาหลีเอง หรือต่างประเทศรอบโลกก็ตาม จนมีคนหลายคนยอมเสียเงินบินไปที่เกาหลีเพื่อขอให้เธอสักรูปสัตว์เลี้ยงให้เลยทีเดียว!!     โดยศิลปินช่างสักคนนี้จะใช้ชื่อว่า Jiran และชื่อเสียงของเธอก็โด่งดังมาก โดยเฉพาะในอินสตาแกรมที่มียอดผู้ติดตามสูงถึงเกือบ 100,000 คนเลยทีเดียว แม้ว่าการสักนั้นจะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งหากจะสักได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากคุณหมอแล้วเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่การสักเริ่มกลายเป็นที่นิยมกันมากขึ้น จากผลสำรวจพบว่าผู้หญิงหลายคน และวัยรุ่นต่างก็เริ่มออกมาสักกันมากขึ้น จนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปซะแล้ว   สามารถนำภาพของสัตว์เลี้ยงหลายๆ ตัวมาเป็นแบบให้ ช่างสักเค้าก็จะนำพวกมันมารวมกันให้เป็นลายเดียวกันให้เอง .   ลายเส้นการสักที่ดูเป็นการ์ตูนก็สามารถสร้างความน่ารักให้กับสัตว์เลี้ยงได้อีกแบบ   จากหน้าดุๆ พอเป็นการ์ตูนปุ๊บน่ารักขึ่นมาเชียว   ถ้าแบ๊วๆ อยู่แล้วพอกลายเป็นลายสักแล้วก็แบ๊วยิ่งขึ้นไปอีก ><   เพื่อนๆ สามารถเข้าไปติดตามผลงานของช่างสักเพิ่มเติมได้ที่อินสตาแกรม jiran__ ได้เลยจ้า ที่มา : koreaboo

จะว่าไปแล้วเมนูอาหารใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมาในยุคสมัยนี้ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นการนำเอาของเดิมที่มีอยู่แล้ว จับมาฟิวส์ชั่นกันจนกลายเป็นอาหารรูปแบบใหม่ที่มีความน่ากินมากกว่าเดิม คราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับเมนูใหม่ที่กำลังฮิตสุดๆ จากรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยร้านอาหารญี่ปุ่น ‘Norigami’ ได้คิดค้นเมนูที่นำเอา ทาโก้ จากเม็กซิโก มาผสมผสานเข้ากับ ซูชิ ในแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น แล้วมันก็บู้มมมม กลายเป็น ซูชิทาโก้ เห็นแล้วชวนให้น้ำลายสอเหลือเกิ๊นน   แกรรรรรร ดูสิ… มันน่ากัดมากเลย   ใครจะไปเชื่อล่ะว่าเมื่อสองวัฒนธรรมการกินจากคนละทวีป มาเจอกันจะกลายเป็นเมนูที่ชวนให้ลิ้มลองซักครั้งในชีวิต   จุดเริ่มต้นของไอเดียนี้เกิดขึ้นง่ายมาก ‘พวกเราแค่ลองเอาสาหร่ายไปทอดเป็นแผ่น เสร็จแล้วก็ลองยัดไส้ด้วยข้าวปั้น แซลมอน เทมปุระ และทุกอย่างที่เรามี เสร็จแล้วมันก็เป็นแบบที่เห็นนี้แหละ’ เจ้าของร้านกล่าว   ตอนนี้ก็มีหลายหน้าให้เลือกทั้งแซลมอน ไข่ปลา และอีกสารพัดสิ่งอย่างที่มีในเมนูซูชิ   อื้อหืออ มันช่างน่านัก!!   ดู๊วว ดู อะไรจะน่ากินขนาดน๊านน   เห็นแล้วหิวเลย ขอตัวไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า…   ถ้ามีเมนูนี้ในบ้านเราเมื่อไหร่นะ รับรองว่าคนแห่ไปกินกันให้พรึ่บแน่นอน ฮ่าๆๆ ที่มา: Sobadsogood

โดยปกติแล้วการที่เราได้เห็นอะไรที่จัดเรียงกันเป็นระเบียบ หรือมีสีที่ไล่กันไปตามความเข้มแล้วก็จะทำให้เรารู้สึกว่ามันช่างดีต่อใจซะเหลือเกิน แล้วจะเป็นอย่างไรถ้าหากมีคนนำสิ่งเหล่านี้มาทำให้มันกลายเป็นผลงานศิลปะ!?   ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับนาย Adam Hillman ชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นศิลปิน และนักจัดสิ่งของในตำนาน!!   1. เขาเป็นคนสร้างผลงานภาพถ่ายสวยๆ เหล่านี้ขึ้นมา   2. จนหลายๆ คนมองว่าเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการเล่นสนุกกับอาหารรึเปล่า?   3. แต่ไม่ใช่เลย สิ่งที่เขาทำน่ะมันเป็นศิลปะต่างหาก   4. และต้องขอขอบคุณเขาซักหน่อยล่ะ เพราะดูเหมือนว่าโลกจะดูสวยสดงดงามมากยิ่งขึ้นเพราะผลงานที่เขาสร้างขึ้นมา   5. คุณเคยรู้จักกับคำว่า ‘สงบสุข’ มั้ย?   6. ถ้าไม่เคยพบกับมันมาก่อน ก็ขอให้จำความรู้สึกที่ได้มองภาพเหล่านี้เอาไว้   7. และไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าแค่ซีเรียลธรรมดาๆ จะสามารถสะกดจิตของเราได้   8. เมื่อ M&M เป็นพระเจ้า และนี่อาจจะเป็นวิหารที่มีไว้เพื่อบูชา   9. นี่แหละคือความหมายของชีวิตในแบบของปรัชญา   10. จักรวาลนี้ดูเหมือนจะเข้าที่เข้าทางขึ้นมาแล้ว   11. รู้สึกโชคดีจริงๆ ที่ได้เกิดมาแล้วเห็นภาพอะไรแบบนี้ อ่าห์…

ช่วงซัมเมอร์ใกล้จะเข้ามาถึงทุกทีแล้วสินะ หลายๆ คนก็กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่จะสามารถช่วยให้คุณคลายร้อนจากอากาศอันอบอ้าวได้ และหนึ่งในสถานที่ที่คนส่วนใหญ่เลือกไป เชื่อว่าจะต้องหนีไม่พ้น โอ้ทะเลแสนงามมมมม แน่นอนนน!! และอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าไปทะเลทั้งที ก็จะต้องมีการถ่ายภาพสวยๆ เอาไว้อวดเพื่อนในเฟสบุ๊ค และอินสตาแกรมกันใช่ไหมละ ซึ่งถ้าหากใครที่อยากจะมีท่าโพสต์สวยๆ ชิคๆ ในแบบที่ไม่เหมือนใครละก็ เชิญทางนี้ได้เลยจ้า เพราะในวันนี้ #เหมียวขี้อ้อน ได้รวม 20 ภาพท่าโพสต์เวลาไปเที่ยวทะเลมาฝาก งานนี้บอกเลยว่า ถ้าได้ลองทำตามแล้วยอดไลค์พุ่งปรี๊ดดดดดแน่นอน   มาเริ่มจากภาพแรก นอนอยู่บนริมหาดโพสต์แบบเก๋ๆ แค่นี้ก็ได้ใจหนุ่มๆ แล้ว   แนวนี้ก็ดูไม่เหมือนใคร   ถือเป็นการใช้แว่นตาได้เป็นประโยชน์มาก   สาวๆ สามารถลองทำตามได้นะจ๊ะ   แบบนี้ก็ชิคๆ คูล   ให้เห็นต้องร้องอู้วววหูววววแน่นอน   แค่ภาพอ่านหนังสือธรรมดาๆ ก็ดูน่าสนใจขึ้นมาได้   แบบเล่นท่ายากก็มา   โพสต์ภาพถ่ายเป๊ะๆ ตามแบบฉบับเพื่อนสาว   หรือจะเป็นการเซลฟี่ร่วมกับน้องปลาใต้น้ำ ก็ดูเก๋ไม่เบา   จุ๊บๆ   เห็นแล้วอยากจะให้ถึงซัมเมอร์เร็วๆ…

สาวๆ ที่มีหน้าอกเล็ก อาจจะรู้สึกกังวลเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะทำให้ใส่เสื้อผ้าไม่สวยแล้ว บางครั้งยังถูกแซวว่านี่หน้าอกหรือแม่คุณเอย ทำไมมันเรียบอย่างกับไม้กระดาน แหม!! คิดแล้วก็เซ็งไม่น้อยเลยใช่ไหมละ ถ้าอย่างนั้นหมดกังวลไปได้เลย เพราะจริงๆ แล้ว สาวๆ อกไข่ดาวทั้งหลายก็สามารถสร้างหน้าอกของตัวเองให้ดูตู้มได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งการทำศัลยกรรมเลย และนี่คือคลิปวีดีโอจาก Noah และ Ross สองหนุ่มที่จะมาทดลองวิธีการสร้างอกให้อึ๋มภายในพริบตา บอกเลยว่าผลลัพธ์ที่ได้มันเจ๋งจนน่าเหลือเชื่อ ว่าแล้วก็ไปดูกันได้เลย      มาดูอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมกันก่อน -บราซิลิโคนไร้สาย -ยกทรง 2 ชิ้น เอาให้ตูมกันไปเลย -ถุงเท้าเพิ่มความอึ๋ม 2 คู่ -บรอนเซอร์ -แปรงบรัช -รองพื้น -ไฮไลท์   ต่อไปเป็นสร้างอกให้อึ๋มได้ดั่งใจ เริ่มจากใส่บราซิลิโคลนแบบไร้สาย   ตามด้วยใส่ยกทรงทับเข้าไป 2 ชั้น   เท่านั้นยังไม่พอ หากอยากจะเพิ่มความตู้มเข้าไปอีก ให้โกยเนื้อเข้าด้านข้าง แล้วนำถุงเท้ามายัดเข้าไปใต้หน้าอก   ต่อไปเป็นการเพิ่มความสมจริงโดยการสร้างแสงและเงา โดยเริ่มจากใช้แปรงบรัชจุ่มไปที่บรอนเซอร์ จากนั้นก็เริ่มวาดโครงร่างหน้าอกที่ต้องการบริเวณเนินอก   นำรองพื้นมาลงบริเวณร่องอกตามภาพ จากนั้นใช้แปรงเกลี่ยให้ทั่วเพื่อสร้างความเนียน…

ทุกคนต่างก็มีสไตล์แบบบ้านในดวงใจทั้งนั้น บางคนก็ชอบแนวลอฟท์ บ้างก็แนวโมเดิร์น บ้างก็ชอบสไตล์บ้านสวนชวนรื่นรมย์ ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมที่แตกต่างกันออกไป วันนี้เราจะพาไปชมบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่กลางที่โล่งกว้าง จากรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของ Doug Aitken ศิลปินผู้สร้างบ้านให้ตัวเองด้วยการหยิบยืมสไตล์บ้านชานเมือง มาผสมกับการนำกระจกสะท้อนมาเป็นวัสดุหลักในการสร้างบ้าน เอาเป็นว่าไปชมกันเลย…   เจ้าของบ้านได้ให้คำนิยามบ้านหลังนี้ว่ามันคือ ‘Mirage’ (ภาพลวงตา)   ถึงแม้ว่าจะตั้งตระหง่านอยู่กลางสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ แต่ก็ไม่ได้บดบังทัศนียภาพคนที่ผ่านไปมาแต่อย่างใด   จากในตัวบ้านก็สามารถมองเห็นวิวข้างนอกได้อย่างชัดแจ๋ว   ส่วนด้านนอกของบ้านก็สามารถสะท้อนภาพได้จากทุกทิศทาง ราวกับว่าพรางตัวได้เลยล่ะ   นอกจากจะใช้เป็นบ้านแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่สำหรับโครงการ Desert X   ซึ่งเป็นโปรเจคที่จะนำผลงานศิลปะจาก 15 ศิลปิน มาโชว์ในวันที่ 30 เมษายน   และแบบบ้านหลังนี้จะเปิดให้ผู้คนทั่วไปเข้าชมได้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม ปีนี้เท่านั้น   ถึงเราจะไม่มีโอกาสได้เข้าไปชมของจริง แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าการนำเอากระจกสะท้อน มาเป็นวัสดุสร้างบ้านแบบนี้ ก็เป็นไอเดียที่เจ๋งเหมือนกันนะเนี่ย!   ที่มา: ThisisColossal

Georgie St Clair สาวแม่ลูกสามที่มีความใฝ่ฝันอยากจะสวมชุดเดรสสวยๆ ที่ทำมาจากกลีบดอกไม้ และพืชพรรณนานาชนิด จนกลายมาเป็ฯแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของเธอ     “ฉันมีลูกอยู่สามคน นอกจากนี้ก็ยังมีธุรกิจเกี่ยวกับงานศิลปะ ทำให้ชีวิตของฉันยุ่งเอาซะมากๆ” Georgie กล่าว     เธอท่องเที่ยวไปยังสถานที่ที่งดงามต่างๆ รอบโลก ไม่ว่าจะเป็นปารีส, โรม, ฟลอเรนซ์, หาดมัลดีฟส์, หรือจะเป็นสวนดอกไม้ของญี่ปุ่น ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นแรงบันดาลใจที่ดี     ไอเดียของ Georgie นั้นเป็นอะไรที่ง่ายมากๆ เพราะเธอจะวาดภาพคาแรคเตอร์เดิมๆ ด้วยการจินตนาการภาพแบบที่มีความงามและมีเสน่ห์ แน่นอนว่าเธอจำเป็นจะต้องมีชื่อ และ Sassy Du Fleur ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น!!     ตัดกลับมาที่ชีวิตจริง Georgi กลับสวมใส่แค่เพียงกางเกงยีส์ และเสื้อยืดธรรมดาๆ เท่านั้น แต่ Sassy นั้นจะเป็นตัวแทนที่ส่งต่อความงามและแรงบันดาลใจจากการได้พบเห็นสิ่งสวยงามจากสถานที่ต่างๆ     เสื้อผ้าแต่ละชุดของ Sassy นั้นจะประกอบไปด้วยกลีบดอกไม้ และพืชพรรณต่างๆ โดย Georgi ได้ให้เหตุผลว่าที่ใช้กลีบดอกไม้นั้นเป็นเพราะว่า…

เรามักจะรับรู้ว่าแค่ว่าเราควรจะนอนระหว่าง 7- 9 ชั่วโมงต่อวันเพียงเท่านั้น แต่ทว่าเรากลับไม่รู้ว่าเราควรจะนอนยังไงนอนท่าไหน เพราะบางครั้งที่เราตื่นขึ้นมา เราก็มักจะมีอาการต่างๆ ตามมาบ่อยครั้ง ด้วยเหตุนี้ทาง TechInsider จึงได้จัดปัญหาการนอนทั่วๆไปที่พบได้มากที่สุดมารวมกันไว้ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหลังทั่วไปจนถึงความรู้สึกกระสับกระส่ายต่างๆ ด้วยความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ จากวิทยาศาศตร์และการแพทย์ โดยแค่ลองทำตามวิธีทั้ง 9 นี้ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป   อาการปวดไหล่ สำหรับคนที่มีอาการปวดไหล่ สามารถแก้ไขการนอนด้วยการ อย่านอนตะแคงข้าง หรือ ถ้าคุณชอบนอนตะแคงและปวดไหล่ข้างเดียว พยายามนอนอีกข้างแทน แต่การนอนหงายและใช้การกอดหมอนตามแบบในภาพก็สามารถช่วยได้เช่นกันนะ   อาการปวดคอ ผู้มีปัญหาปวดคอ แนะนำว่าควรจะเปลี่ยนหมอนอย่างน้อยทุกๆ 2 ปี ซึ่งมีรายงานว่าหมอนประเภท หมอนยางพารา  จะเป็นหมอนที่สร้างความสบายมากที่สุด ถ้าคุณกำลังปวดคออยู่ หมอนที่คุณนอนอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งก็ได้     อาการปวดหลัง สำหรับอาการปวดหลัง การย้ายหมอนมาวางไว้ที่ตำแหน่งต่างๆ เช่นนำหมอนมาวางใต้ต้นขาถ้าคุณนอนคว่ำ หรือไว้ที่ใต้ขาถ้าคุณนอนหงาย เป็นสิ่งที่จะช่วยให้อาการเหล่านี้หายไป   อาการนอนไม่หลับสักที คนที่นอนหลับยาก ให้หลีกเลี่ยงพวกคาเฟอีนหลายชั่วโมงก่อนจะเข้านอน ไม่ก็ออกกำลังกายในตอนเช้าหรือตอนบ่าย อย่าออกกำลังแบบหักโหมตอนใกล้จะนอน และที่สำคัญขอแนะนำว่าควรเลี่ยงการดูมือถือก่อนนอนเพราะมันจะกินเวลาจนลืมง่วงไปได้ ทางที่ก็ปิดมือถือก่อนเข้านอนหรือเอาไปเก็บไว้ให้ไกลเลยก็ได้  …

หลายคนอาจนิยามคำว่า “เซ็กซี่” ในรูปแบบที่ต่างกันออกไป บางคนมองว่าผู้หญิงอวบๆ ดูแล้วมีความเซ็กซี่ บางคนก็มีความเห็นว่าผู้หญิงที่มีรูปร่างดี หน้าอกใหญ่ เป็นคนที่เซ็กซี่ หรืออีกหลายๆ คนคิดว่าความเซ็กซี่นั้นมักจะเกิดขึ้นแต่เฉพาะหนุ่มสาวเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว คุณอาจจะมองข้ามไปว่าความเซ็กซี่นั้น ไม่ได้เกิดขึ้นกับคนที่มีอายุน้อยเพียงอย่างเดียว แต่สำหรับผู้ที่มีอายุเยอะอย่าง Julie H หญิงวัย 56 ปีคนนี้ ก็ได้ออกมาพิสูจน์ให้คนทั่วทั้งโลกได้เห็นแล้วว่า เธอก็มีความเซ็กซี่ในแบบของตัวเองได้เช่นกัน แม้ว่าจะอายุเยอะแล้วก็ตาม       สำหรับ Julie H จากรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอก็เป็นผู้หญิงธรรมดาๆ ทั่วๆ ไป แต่สิ่งที่ทำให้เธอได้กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกมันได้เกิดขึ้นหลังจากที่เธอได้โพสต์ภาพถ่ายสุดเซ็กซี่ของตัวเองลงในเว็บไซต์ Tumblr และนั่นก็เป็นจุดกำเนิดที่ทำให้เธอกลายเป็นกระแสที่โด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์   แม้ว่าเธอจะอายุ 56 ปี แล้ว แต่ Julie ก็สามารถสร้างความเซ็กซี่ของตัวเองขึ้นมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ     แต่ละภาพถ่ายที่เธอได้นำมาปรากฏให้เราได้เห็นนั้น ไม่เพียงแต่จะแสดงถึงความเซ็กซี่เพียงอย่างเดียว แต่มันยังทำให้เราได้เห็นถึงความงามในรูปร่างของผู้หญิงวัยกลางคนอีกด้วย   ว่าแล้วก็ไปชมผลงานภาพถ่ายสวยๆ ของเธอกันได้เลย . . .…

เป็นอย่างที่รู้ๆ กันว่าบ้านของเหล่าอภิมหาเศรษฐีต่างๆ มักจะมีความหรูหราพอสมควรตามฐานะของพวกเขา ซึ่งแน่นอนว่าบ้านของคนมีเงินเหล่านี้มักจะน่าสนใจเสมอ แถมนอกจากบ้านปกติแล้ว ด้วยความที่มีเงินมากจนแทบใช้ไม่หมด พวกเขาเหล่านี้ยังนิยมที่จะมีบ้านพักตากอากาศอีกตะหาก วันนี้เราเลยจะมาดูบ้านพักตากอากาศของนักลงทุนชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ กัน ส่วนใครที่ไม่รู้จัก วอร์เรน บัฟเฟตต์ จะขอเล่าสั้นๆ ให้ฟัง เขาเป็นนักลงทุนสัญชาติอเมริกัน ซึ่งเขามาชื่อเสียงจากปรัชญาการลงทุนแบบเน้นคุณค่าและความเป็นอยู่อย่างประหยัด ถึงแม้ว่าเขาจะร่ำรวยเกือบที่สุดในโลกก็ตาม และเขายังมีชื่อเสียงจากความใจบุญด้วย     เขาคนนี้เคยติดอันดับคนที่รวยที่สุดอันดับที่  3 ในปี 2554 ซึ่งมีทรัพย์สินมากถึง 5 พันล้านเหรียญ (ตีเป็นราวๆ 1.7 แสนล้านบาท) ที่สำคัญเขายังเป็นเพื่อนกับ บิลล์ เกตส์ ด้วยนะ ซึ่งทั้งคู่ชอบที่จะเล่นเกมไพ่บริดจ์กับบิลล์ เกตส์ผ่านทางระบบออนไลน์บ่อยๆ เพื่อลับสมอง… ก็พอรู้จักเขาคนนี้ไปพอประมานแล้วนะ เอาเป็นว่าเรามาส่องบ้านพักสุดหรูของเขากันเลยดีกว่า   เขาได้ซื้อบ้านนี้ไว้ตั้งแต่ปี 1971 ในราคา 1.7 แสนเหรียญเท่านั้น (ราวๆ 5.9 ล้านบาท) แต่ว่าล่าสุดเขาได้เปิดขายบ้านหลังในราคา 11 ล้านเหรียญ (ราวๆ 380 ล้านบาท) เรียกว่าราคาดีดสูงมากๆ เลยทีเดียว  …

ยิ่งนานวันหุ่นยนต์ยิ่งเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของเรามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตประจำวัน หรือจะเป็นในเรื่องของอุตสาหกรรมต่างๆ หุ่นยนต์ต่างล้วนมีเข้ามีบทบาททั้งสิ้น และอย่างที่เรารู้ว่า ปัญหาสภาพอากาศอันเลวร้ายในหลายๆ เมืองของประเทศจีนกำลังถูกพูดถึงในวงกว้าง ผู้คนก็เลยคิดว่ารัฐบาลควรจะมีมาตรการอะไรสักอย่างมาช่วยและล่าสุดจีนก็ได้ปล่อยหุ่นยนต์ตัวใหม่ออกมาเพื่อช่วยดูแลผู้คนในสถานีรถไฟกันแล้ว หุ่นยนต์ตัวนี้ประจำการอยู่ที่สถานีรถไฟเจิ้งโจวตะวันออก ในเมืองเจิ้งโจว ซึ่งมันมีหน้าที่ตรวจสอบสภาพอากาศ ความชิ้น รวมถึงควันไฟภายในสถานีและโชว์ออกมาผ่านทางหน้าจอมอนิเตอร์ แม้กระทั่งตอนกลางคืนมันก็ยังทำหน้าที่ได้อย่างดี   นี้คือหน้าตาของเจ้าหุ่นลาดตระเวนที่ว่า   ดูแล้วเหมือนเด็กๆ จะชอบเจ้าหุ่นตัวนี้เป็นพิเศษเลยล่ะ มันถูกออกแบบมาให้หน้าตาเป็นมิตร และเข้าถึงกับทุกคน มันจะสามารถเดินไปเดินมาเพื่อทำให้คนทราบสภาวะของอากาศตอนนั้นว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย   มันยังเป็นที่สนใจมากๆ สำหรับคนที่ผ่านไปมาในสถานีอีกด้วย นอกจากจะช่วยรายงานเรื่องสภาพอากาศแล้ว ตอนกลางคืนมันยังกลายเป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่จะคอยเดินเคลียร์สถานีรถไฟให้สะอาดอยู่เสมอ   ถ้าเพิ่มฟังค์ชั่นอื่นๆ เข้าไปอีก มันคงจะน่าสนใจไม่น้อยเลยนะเนี่ย   ไม่ว่าจะรูปไหนก็มีเด็กๆ เสมอ ถือว่ามันเป็นที่ถูกอกถูกใจเด็กๆ มาก   ถือว่านี้เป็นก้าวแรกของยุคอนาคตเลยก็ว่าได้สำหรับการนำห่นยนต์เข้ามามีบทบาทในที่สาธารณะแบบนี้ อีกหน่อยเราอาจจะต้องใช้ชีวิตอยุ่กับพวกมันแบบในภาพยนตร์หลายๆ เรื่องก็ได้ใครจะรู้ แต่ที่รู้แน่ๆ คือพวกมันช่วยอำนวยความสะดวกให้เรามากๆ เลยล่ะ!! ที่มา chinadaily

ผ่านไปสดๆ ร้อนๆ สำหรับงานประกาศรางวัล Academy Awards หรือ Oscars ครั้งที่ 89 ประจำปี 2017 ที่ได้จัดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่าในปีนี้ นอกจากเราจะได้ลุ้นว่าใครจะได้เป็นผู้ที่ได้รับรางวัลสุดยิ่งใหญ่แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนจับตามองไม่แพ้กันนั้นก็คือ แฟชั่นสุดเริ่ดบนพรมแดงของเหล่าเซเลปคนดังนั่นเอง และในปีนี้ เราจะได้เห็นว่ามีเหล่าคนดังมากมาย พากันแต่งองค์ทรงเครื่องกันแบบจัดหนักจัดเต็ม แถมแต่ละคนก็สวยแบบไม่มีใครยอมใครซะด้วย ว่าแต่แฟชั่นการแต่งตัวของใครจะเด่น จะเริ่ด หรือจะพลาดแบบไม่มีชิ้นดีบ้างนั้น วันนี้เราได้รวมภาพของ 16 เซเลปสาวคนดังในงานประกาศผลรางวัล Oscars มาให้ชมกันแล้ว   1.Olivia Culpo   2.Felicity Jones   3.Emma Roberts   4.Karlie Kloss   5.Leslie Mann   6.Kirsten Dunst   7.Ginnifer Goodwin   8.Dakota Johnson   9.Scarlett…

ศิลปินชาวบัลแกเรียนามว่า Nevena Atanasova เธอได้สร้างผลงานประติมากรรมจากเส้นลวดขึ้นมา โดยเธอได้สร้างเป็นรูปปั้นสัตว์ต่างๆ ที่มีขนาดเล็กพอดีๆ แต่ว่าก่อนที่เธอจะตัดสินใจสร้างผลงานชิ้นนี้เธอได้เล่าถึงแรงบันดาลใจว่า… เธอเป็นคนที่เกิดและโตในประเทศบัลแกเรีย ซึ่งเธอชื่นชอบธรรมชาติมากๆ ทำให้เธอจึงเลือกที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแสนสงบสุขในหุบเขา Rhodope Mountains โดยเธอพยามที่จะหาแรงบันดาลใจจากพื้นที่แสนสงบสุขแห่งนี้แต่ว่าเธอก็ยังไม่รู้ว่าจะสร้างผลงานยังไงดี!?     ศิลปะที่เธออยากจะทำ มันต้องเป็นศิลปะที่ช่วยอนุรักษ์และเตือนถึงปัญหาของทรัพยากรธรรมชาติ ที่กำลังจะหมดไปจากโลกนี้ด้วยน้ำมือของมนุษย์ จึงเป็นที่มาของงานรูปสัตว์ ทั้งแบบที่สวยงาม หายาก และบางชนิดก็ใกล้สูญพันธุ์ไป…     เธอตั้งเป้าไว้ว่าเธอจะใช้วัสดุรีไซเคิลเท่านั้น เพียงแต่ว่าการจะสร้างประติมากรรมสักชิ้นด้วยวัสดุรีไซเคิลเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร ด้วยความที่ว่าไม่รู้จะใช้วัสดุอะไรดี จนสุดท้ายแล้วเธอก็ค้นพบว่าเส้นลวดเป็นวัสดุที่หาได้ไม่ยาก เธอจึงเริ่มลงมือสร้างประติมากรรมเส้นลวดขึ้นมานั่นเอง ส่วนนี้ก็คือตัวอย่างผลงานทั้งหมดของเธอ   . . . . . . . . . . . . . .   สุดท้ายแล้วเธอได้บอกว่าตอนนี้เธอกำลังเริ่มโปรเจคประติมากรรมเส้นลวดใหม่ ในชุดของ 12 ราษีและตัวละครในตำนานกรีก ซึ่งถ้าใครที่สนใจอยากจะสั่งซื้อผลงานของเธอก็สามารถกดเข้าได้ดูที่ Etsy นอกจากเส้นลวดแล้วเธอยังมีผลงานอื่นๆ อีกมากมายเลยล่ะ ที่มา boredpanda

ถ้าพูดถึงโปเกมม่อนแล้ว บ้านเราก็คงรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะว่าเป็นการ์ตูนที่เราดูกันมาตั้งแต่เด็กๆ ตื่นเช้ามาก็ต้องเปิดช่อง 9 ตั้งตารอคอย โดยไม่ต้องให้พ่อหรือแม่มาปลุก แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักการ์ดโปเกมม่อน ของสะสมที่มีมานาน ซึ่งบ้านเราเรียกได้ว่าหาซื้อยากและมีราคาที่สูง จึงไม่ค่อยมีใครนิยมกันมากนัก แต่ที่ต่างประเทศนั้นหลายคนก็ซื้อเก็บตลอดจนมีการ์ดที่ซ้ำกันเยอะมากๆ แล้วจะทำอะไรกับการ์ดพวกนั้นดีล่ะ ศิลปินท่านหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Lunumbra เขาเป็นคนหนึ่งที่สะสมการ์ดพวกนี้ ได้ทำการเอาการ์ดเก่าๆ เหล่านั้นมาเพิ่มมูลค่าใหม่ ด้วยการวาดเพิ่มเติมลงไปด้วยสีอะคริลิค ทำให้เหล่าโปเกม่อนที่อยู่บนการ์ดได้ชีวิตใหม่     บางการ์ดมีอายุนานเกือบ 20 ปี (วางขายเมื่อปี 1999) ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องมีร่องรอยความเสียหายบ้าง เขาก็ได้เอามาทำใหม่ให้ดูสวยงาม บางอันก็วาดต่อจากภาพพื้นหลังที่ติดมาด้วย เสริมความงามขึ้นไปอีกขั้น เขาไม่ได้วาดเล่นๆ ด้วยนะ เพราะบางครั้งก็มีลูกค้ามาขอให้เขาวาดบนการ์ดให้ เพราะว่ามีการ์ดที่ซ้ำ และบางทีก็มีคนจ้างให้วาดเพราะจะทำให้เป็นของขวัญก็มีเช่นเดียวกัน     ลวดลายที่เขาวาดเพิ่มเติมลงไปนั้นทำให้การ์ดดูมีสีสันสวยงามมากยิ่งขึ้น เพราะบางการ์ดที่อยู่มานาน สีมันอาจจะซีดลงไปบ้าง เขาก็ชุบชีวิตมันขึ้นมาใหม่ได้     ในการวาดแต่ละครั้ง เขาใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ตามความซับซ้อนของแต่ละการ์ด แต่การ์ดส่วนมากก็จะมีคนบริจาคมาให้เขา ซึ่งผลงานทั้งหมดล้วนเป็นงานวาดมือด้วยสีอะคริลิคแล้วเคลือบต่ออีกชั้น     และนี่คือผลงานบางส่วนของเขา บอกเลยว่าเจ๋งมากๆ…

บนโลกของเรานั้นมีประชากรที่มีความบกพร่องทางสายตามากกว่า 285 ล้านคน ชีวิตของพวกเขาต้องอาศัยอยู่ในโลกที่มืดมิดไม่รู้คืนและวันเวลา แต่แล้วบริษัทของประเทศเกาหลีใต้ Dot ก็ได้ทำการสร้าง ‘นาฬิกาอักษรเบรลล์’ ขึ้นมาเป็นรายแรกของโลก!! เพื่อช่วยเหลือเหล่าผู้พิการทางสายตาให้พวกเขาสามารถรับรู้วันและเวลาเหมือนกับคนปกติทั่วไปได้   โดยที่หน้าปัดของมันจะมีจุดต่างๆ ไปตามอักษรเบรลล์ ที่จะขยับเขยื้อนอัพเดทเวลาให้ตลอด   นอกจากนี้เจ้านาฬิกา Dot ยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนด้วยระบบ Bluetooth เพื่อรับและส่งข้อความจากแอพลิเคชั่นที่ให้บริการไม่ว่าจะเป็น Messenger, Google Maps, Line เป็นต้น คล้ายกับ Apple Watch เลยล่ะ โดยเจ้า Dot จะทำการแปลงข้อความที่ได้รับมาให้กลายเป็นภาษาเบรลล์ ทำให้ผู้พิการทางสายตาสามารถอ่านข้อความที่ถูกส่งมาได้อย่างง่ายดาย     นอกจากนี้ในอนาคตนักพัฒนาก็ได้วางแผนที่จะทำให้เจ้า Dot สามารถเชื่อมต่อเข้ากับการคมนาคมขนส่งต่างๆ เช่นการแสดงตารางเดินรถที่มีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน หรือจะเป็นการเชื่อมต่อกับระบบ ATM จากธนาคาร เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้พิการทางสายตาอีกด้วย!!   .   หลังจากที่ใช้เวลาในการพัฒนามามากกว่า 3 ปี ในตอนนี้เจ้านาฬิกาสมาร์ทวอทช์ Dot นี้ก็กำลังจะถูกนำออกไปจำหน่ายมากกว่า 140,000 เรือน และจะเพิ่มขึ้นเป็น…

ปกติถ้าเราออกไปทานอาหารมื้อค่ำกับคนรัก หรือครอบครัว เราก็มักจะเลือกไปร้านที่มันบรรยากาศดีๆ หน่อย หรือไม่ก็ต้องเป็นร้านที่อร่อยมากๆ ใช่มั้ยล่ะ จะว่าไปถ้าเกิดว่าร้านอาหารทั่วไปทำให้คุณรู้สึกเบื่อแล้วละก็ เราจะขอแนะนำให้รู้จักกับ ‘Anatomy Lab Live’ คอร์สดินเนอร์สุดหรูที่ไม่มีใครเหมือนแน่นอน เพราะคุณจะได้ทานอาหารไปด้วย ดูคุณหมอ (ปลอม) สาธิตการผ่าตัดไปด้วย!!   Sam Piri ผู้สร้างความบันเทิงใจระหว่างการทานอาหารค่ำ   เดิมที Sam Piri ผู้ริเริ่มไอเดียนี้เรียนจบมาจากสาขาชีววิทยา เขามีความรู้ความช่ำชองเกี่ยวกับอวัยวะภายในของหมูเป็นอย่างดี จึงคิดขึ้นมาได้ว่า คงจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่น่าดูถ้าเค้าได้พาผู้คนผจญภัยไปในโลกของอวัยวะมนุษย์ พร้อมกับรับประทานอาหารไปด้วย โดยคอร์สดินเนอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้จะเสิร์ฟ ปลาแซลม่อน มันอบ ถั่วเขียว แครอทอบเนย ของหวานเป็นพายแอปเปิ้ล ส่วนเครื่องดื่มมีให้เลือกระหว่างไวน์ และเบียร์   หลังจากที่แขกทานอาหารเสร็จแล้ว Sam จะทำการเปิดม่านห้องผ่าตัด และสาธิตการผ่าตัดจำลอง หยิบอวัยวะภายในขึ้นมาโชว์ทีละส่วน ทั้งสมอง ตับ ไต ไส้ พุง มาหมด!!   ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอารมณ์ของคนที่ได้ไปนั่งตรงนั้นจะรู้สึกยังไง แต่ด้วยความแปลกใหม่ที่ไม่ซ้ำใคร ทำให้หนุ่ม Sam ต้องตระเวนออกไปจัดงานดินเนอร์ตามเมืองต่างๆ…

น้อยคนนักที่ไม่รู้จัก “แฮร์รี่ พอตเตอร์” และคนส่วนมากที่รู้จักก็มักจะหลงใหลในโลกเวทมนตร์ จนบางทีเราก็เคยจินตนาการว่าโลกพ่อมดแม่มดมันมีอยู่จริงๆ   แต่วันนี้ #เหมียวสามสี ขอเอาใจสาวๆ ที่เป็นสาวกแฮร์รี่สักหน่อย ถ้าใครอยากเป็นแม่มด ตอนนี้เราไม่ต้องไปง้อฮอกวอตส์ให้ส่งจดหมายมาให้เราแล้ว เพราะตอนนี้เราสามารถกลายเป็นแม่มดอย่างง่ายดาย รออะไรอยู่ ปรบมือสิครับ   เพราะนี่คือ “อายแชโดว์ สำหรับพ่อมด-แม่มด” เห็นความงามของมันมั้ย แต่ละสีน่าลองมากๆ   โดยพาเลตนี้จะประกอบไปด้วย 12 สีสไตล์เวทมนตร์ ชื่อของแต่ละสีก็อ้างอิงมาจากสิ่งของต่างๆ ในโลกเวทมนตร์นั่นเอง งามหยดย้อย!!   ถ้าลองเอาแต่ละสีมาแต่งแบบผสมๆ กัน มันก็ได้ออกมาในลักษณะนี้เลย อย่างในภาพนี้ใช้สี Prophecy, Spell Book, และ Merlin   และที่ดีงามสุดท้ายก็คือแพ็กเกจของมันทำออกมาเป็นเหมือนหนังสือนิทาน ถ้าเราเปิดออกมาก็จะเจอสีต่างๆ เหมือนเป็นไอเทมเวทมนตร์ที่เราสามารถเอามาใช้งานเมื่อไหร่ก็ได้   อีกทั้งยังเปิดให้พรีออร์เดอร์กันแล้ว ถ้าใครอยากได้ก็ลองเข้าไปในเว็บไซต์ Storybook Cosmetics ได้เลย ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,800 บาท กำลังพอดีๆ นะ   นี่สินะที่เขาบอกว่าการแต่งหน้าก็เหมือนเวทมนตร์ที่เสกให้เราสวยได้เพียงไม่กี่นาที   ที่มา buzzfeed

เรากล้าฟันธงเลยว่าสำหรับสาวๆ ทุกคน ไม่ว่าพวกเธอจะโตมากขนาดไหน หรือยังเป็นสาวน้อยอยู่ สิ่งหนึ่งที่พวกเธอมักจะมีเหมือนกัน ก็คือความชอบที่มีต่อสิ่งของกุ๊กกิ๊กน่ารักๆ โดยเฉพาะถ้าได้เข้าไปร้านกิ๊ฟท์ช็อปด้วยแล้ว ให้เวลาเลือกดูของทั้งวันก็คงไม่พอ วันนี้เราจะพาไปชม 16 สิ่งของที่หาซื้อได้บน Amazon สำหรับสาวๆ ผู้มีหัวใจสีชมพู นิยมความมุ้งมิ้งน่ารัก เอาเป็นว่าไปดูกันเลยดีกว่า ว่าจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง…   1. ถุงเท้าที่เป็นลายเจ้าหญิงจากดิสนีย์ สั่งซื้อ   2. สเปรย์ผสมสารบำรุงผิวสกัดจากผลไม้ตระกูลเบอรร์รี่ Pocket Bunny สั่งซื้อ   3. ถุงน่องลายไดโนเสาร์ กรอบอร่อยไม่มีสูญพันธุ์ เฮ้!! สั่งซื้อ   4. ชุดชั้นในรูปหัวใจที่ดูหวานแหววสุดๆ สั่งซื้อ   5. อายไลน์เนอร์ที่มีตราปั๊มเก๋ๆ สั่งซื้อ   6. ตุ๊กตาช้างน้อยที่กลายเป็นหมอนรองคอได้ สั่งซื้อ   7. กระบองเพชรจิ๋วที่ช่วยทำให้เสื้อผ้าเรานุ่มยิ่งขึ้น สั่งซื้อ   8. พลาสเตอร์ปิดแผลลายตัวการ์ตูนมุ้งมิ้ง สั่งซื้ิอ   9.…

ก็เป็นอย่างที่เราทุกคนทราบกันดีว่า เมื่อไหร่ที่เราเริ่มพาตัวเองเข้าสู่ช่วงออกกำลังกาย ลดอาหารการกิน หวังให้หุ่นกลับมากระชับฟิตเปรี๊ยะได้ดังเดิม ส่วนใหญ่เราก็จะวัดผลจากน้ำหนักตัวเราที่บอกบนตราช่างใช่ไหมล่ะ? แต่สำหรับ Adrienne Osun เธอมีวิธีการวัดผลสำเร็จที่ต่างออกไป เดิมทีเธอเป็นคุณแม่ที่หนักถึง 83 กิโลกรัม เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอเต็มไปด้วยไขมันส่วนเกิน จากนั้นเธอจึงเริ่มที่จะหันมาออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นของตัวเอง   รูปร่างของเธอเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด แต่เชื่อไหมว่าน้ำหนักเธอลดลงมาแค่ 1 กิโลฯ เท่านั้น!!   ‘มาตรวัดตัวเลขไม่สามารถวัดค่าความแตกต่างระหว่างไขมัน และกล้ามเนื้อ ได้หรอกคะ’ เธอกล่าว   เธอเริ่มที่จะฝึกการออกกำลังกายด้วยการยกเวท และทำคาร์ดิโอบ้าง   ถึงแม้ตัวเลขน้ำหนักจะยังเยอะอยู่ แต่ดูทรวดทรงของเธอสิ เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก   จากนั้นเธอก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่แค่สุขภาพกายเท่านั้นที่ดีขึ้น แต่สุขภาพจิตใจของเธอก็ดีตามไปด้วย   เมื่อไขมันในร่างกายถูกนำไปใช้งาน และสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาทดแทน ทำให้เธอต้องลดไซส์เสื้อผ้าลงมาอีก   เธอช่วยพิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า การลดน้ำหนักนั้นอย่าดูแต่ตัวเลขอย่างเดียว บางทีให้ดูที่การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายของเราด้วย   และเธอก็หวังว่าเรื่องราวนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจดีๆ ต่อไปในสังคมได้   ที่มา: Boredpanda

เมื่อกล่าวถึง ‘ทะเล’ แล้วคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดโปรดของใครหลายๆ คน ทั้งเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ลมทะเลที่พัดเย็นย่อมสร้างความจรรโลงใจได้เป็นอย่างดี และในวันนี้เอง #เหมียวหง่าว ก็จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมชายหาดสวยๆ เด็ดๆ จากรอบโลก รวมไปถึงช่วงเวลาที่ที่พักถูกที่สุดเผื่อไว้ว่าจะออกเดินทางไปท่องเที่ยวหนีร้อนกันนะจ๊ะ   1. หาด Ngapali Beach ในเมือง Ngapali ประเทศ Myanmar ช่วงเดือนที่ถูกที่สุด : กันยายน ราคาห้องพักโดยเฉลี่ย : 3,640 บาทต่อคืน   2. หาด White Beach ในเมือง Boracay ประเทศ Philippines ช่วงเดือนที่ถูกที่สุด : ตุลาคม ราคาห้องพักโดยเฉลี่ย : 5,250 บาทต่อคืน   3. หาด Playa Manuel Antonio ในอุทยานแห่งชาติ Manuel Antonio National Park…

ปกติแล้วพื้นดิน พื้นทราย หรือพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะ คงไม่มีศิลปินคนไหนคิดอยากจะไปสร้างผลงานศิลปะอยู่บนนั้นหรอก เพราะรู้ทั้งรู้ว่าสร้างไปสุดท้ายงานศิลปะดังกล่าวก็จะเลือนหายไปตามกาลเวลา แต่สำหรับ Jim Denevan เขาไม่คิดอย่างนั้น เพราะนี่คือผลงานศิลปะที่เจ้าตัวสร้างขึ้นมาบนผืนหิมะเมื่อปี 2010 โน้นแล้ว ซึ่งกว่าจะได้ขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องทุ่มทั้งเวลา และความพยายาม ท่ามกลางสภาพอากาศอันหนาวเหน็บ เราตามไปชมกันเลย     เดิมที Jim Denevan เป็นทั้งเชฟทำอาหาร และศิลปินผู้คอยสร้างงานศิลปะบนพื้นที่กว้าง   ไม่ว่าจะเป็นพื้นทราย พื้นดิน หรือแม้แต่บนธารน้ำแข็ง เจ้าตัวก็ไปสรรสร้างงานศิลปะมาแล้วทั้งนั้น   และงานศิลปะชิ้นนี้ถูกสร้างขึ้นที่ทะเลสาปไบคาล ประเทศรัสเซีย   หลายคนอาจจะไม่รู้จักชื่อของเขาเท่าไหร่นัก แต่ผลงานของเจ้าตัวเคยปรากฏอยู่บนนิตยสาร New York Times, National Geographic, GQ หรือแม้แต่ นิตยสาร Elle   วัสดุที่เขาเลือกใช้สำหรับการวาดวงกลมบนธารน้ำแข็งแห่งนี้ ก็ใช้วัสดุที่หาได้จากธรรมชาตินั่นแหละ   กลายเป็นวงกลมปริศนาที่ดูน่าค้นหาสุดๆ ถ้าใครขับเครื่องบินผ่านคงเผลอคิดว่าเป็นฝีมือเอเลี่ยนแน่ๆ   ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า ต้องใช้ระยะเวลานานอยู่หลายวันเหมือนกัน กว่าจะได้วงกลมปริศนานี้ออกมา  …

ใครที่ชื่นชอบ และหลงใหลความงดงามของท้องฟ้าในยามค่ำคืนละก็ เชิญทางนี้เลยจ้า เพราะสิ่งที่เราจะนำมาให้คุณได้รับชมนี้ บอกเลยว่ามันจะทำให้คุณได้เห็นความสวยงามของท้องฟ้าแบบใกล้ๆ และนี่คือ ภาชนะเซรามิกที่ถูกวาดลวดลายให้มีสีสันสวยงาม โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากท้องฟ้าในยามค่ำคืน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลงานของ Amanda Joy Wells ศิลปินนักออกแบบที่อาศัยอยู่รัฐโอคลาโฮมา ประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับภาชนะที่มีลวดลายสวยงามเหล่านี้ มันเริ่มขึ้นหลังจากที่ลูกค้าคนหนึ่งของ Amanda อยากจะให้เธอออกแบบแก้วที่เต็มไปด้วยเมฆหมอก เพื่อเป็นการรำลึกถึงลูกชายของเธอที่ได้จากไปแล้ว     ในส่วนของการวาดลวดลายลงบนภาชนะต่างๆ Amanda ได้ใช้ส่วนผสมของน้ำยาเคลือบเงา เนื่องจากมันดูมีความเปล่งประกายสวยงามเหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้านั่นเอง   ว่าแล้วก็มาชมผลงานของเธอกันเลยดีกว่า… . . . . . . . . . . . . .   หากใครสนใจอยากจะได้แก้วสวยๆ แบบนี้มาครอบครองสักใบ สามารถคลิกเข้าไปรับชมภาพเพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์ etsy เลยจ้า ที่มา : boredpanda

ทุกวันนี้การมีภาษามือทำให้การสื่อสารระหว่างผู้พิการทางการพูดและการได้ยินเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าการเรียนภาษามือนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะนอกจากจำนวนคำที่มหาศาลแล้ว เรายังต้องจำท่าทางจำนวนมากอีกด้วย ล่าสุดทาง Robert DeMayo จากสถาบันภาษามือ American Sign Language ได้สร้างไฟล์ Gifs สอนภาษามือกว่า 2,000 คำให้แก่คนทั่วไปได้ศึกษาและทำความเข้าใจ นอกจากจะสะดวกน่ารักแล้ว ยังได้ความรู้แบบเต็มๆ อีกด้วย ลองไปชม 20 คำที่ #เหมียวอ๊อดโด้ รวบรวมมาให้ชมกันดีกว่า รับรองว่าเพื่อนๆ จะต้องชอบอย่างแน่นอน   เมาแล้วนะจา   เบื่อจุง   แฟชั่น   คนผอมแบบสุดๆ   ฝนตก   ทำแบบนี้ แปลว่า วัว   โชว์เครื่องบินผาดโผน   ฉลาม   ยีราฟ   ไฟลุก   ฟ้าผ่า   แมว   จระเข้  …

หากย้อนกลับไปในช่วงที่อินเตอร์เน็ต หรือเทคโนโลยีเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ยังไม่พัฒนาเท่ายุคปัจจุบัน เพื่อนๆ เคยสงสัยหรือไม่ว่าเด็กๆ แต่ละคนเขามีกิจกรรมอะไรให้ทำแก้เบื่อกันบ้างนะ? สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมภาพประวัติศาสตร์ชีวิตการละเล่นของเด็กๆ ต่างประเทศ ทำให้เห็นว่าในยุคที่เทคโนโลยียังไม่พัฒนาแตกต่างกับปัจจุบันแค่ไหน   1. สาวน้อยกำลังเล่นกีต้าร์ให้เจ้าหมาฟัง   2. เด็กน้อยกำลังเต้นรำอยู่ด้านหน้าของตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ ที่เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปี 1961   3. พ่อบ้าน Paul Ramos กำลังอุ้มลูกชายด้วยมือเดียวเพื่อป้อนอาหารให้ยีราฟ ในสวนสัตว์ลอนดอน ช่วงปี 1950   4. เด็กสองคนกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน บนถนนกลางกรุงนิวยอร์คซิตี้ ช่วงปี 1940   5. เด็กๆ กับเล่นเกม ‘แข่งดันถั่ว’ บนถนน King’s Cross Street ในกรุงลอนดอน เมื่อปี 1938   6. เพื่อนรัก   7. แม้แต่หมาก็มาเล่นม้ากระดกด้วย   8.…

สำหรับใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้การ์ตูนทั้งหลายละก็ สิ่งหนึ่งที่เราเชื่อว่าหลายคนชื่นชอบที่จะเก็บสะสม ก็คือ ‘หุ่นฟิกเกอร์’ ใช่ไหมล่ะ? ทว่าปัญหาก็คือยิ่งซื้อมาเก็บไว้เยอะ พื้นที่ในบ้านก็ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ จะให้ย้ายไปอยู่บ้านหลังใหญ่เงินก็ไม่พอ จะทำยังไงดีน้อ… เช่นเดียวกับ ‘Hank Cheng’ เขาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบการสะสมหุ่นฟิกเกอร์เป็นชีวิตจิตใจ หากแต่ว่าเขาอาศัยอยู่ในห้องพักที่มีขนาดเล็ก แต่วิธีการสะสมของพี่แกนั้นครีเอทมาก เรียกได้ว่าเห็นแล้วเป็นต้องอิจฉาไปตามๆ กันเลยล่ะ   หูวว มีหุ่นไอร่อนแมนตัวใหญ่ขนาดนี้ ห้องพักจะใหญ่ขนาดไหนกันนะ?   ผิดคาดจ้า ภาพที่เห็นไม่ใช่ห้องพักของจริง แต่มันคือห้องจำลองขนาดจิ๋วที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเก็บหุ่นฟิกเกอร์ตัวโปรด   ทว่าทุกส่วนที่ถูกจำลองขึ้นมากลับสมจริงสุดๆ   หุ่นฟิกเกอร์จากสตาร์วอร์ ที่กำลังขายขนมดังโงะก็มีเหมือนกันนะ   ไม่ใช่แค่หุ่นยนตร์ตัวโปรดเท่านั้น แต่เค้ายังจำลองสภาพบ้านเมืองหลังถูกก็อตซิลล่าถล่ม ได้สมจริงสุดๆ   นั่นไง!! ก็อตซิลล่ามานู้นแล้ว บรึ๋ยยยย   ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมล่ะ ว่าจริงๆ แล้วทั้งหมดนี้เป็นแบบจำลองไซส์จิ๋ว ประหยัดพื้นที่ในห้องไปได้อีกเย๊อะเลย   วันไหนที่พ่อหนุ่ม Hank Cheng นึกอยากจะเปลี่ยนธีม เขาก็สามารถเปลี่ยนมันได้อย่างง่ายๆ…   เมื่อซูมภาพเข้าไปชัดๆ จะได้เห็นว่าในบ้านฟิกเกอร์จำลองขนาดจิ๋ว ยังมีสิ่งที่จิ๋วกว่าซ้อนอยู่ ยิ่งกว่าอินเซปชั่นอีกแหน่ะ   ถ้าใครอยากชมผลงานศิลปะหุ่นฟิกเกอร์ขนาดจิ๋วนี้ละก็…

น้ำตกที่เราเห็นทั่วไป มันก็มีความงดงามในตัวของมันเองอยู่แล้ว แต่จะมีสักกี่คนที่เคยเห็นน้ำตกที่กลายมาเป็นน้ำแข็ง ซึ่งให้อารมณ์เหมือนเวลาของโลกนี้กำลังหยุดอยู่ ช่างภาพคนนี้มีชื่อว่า Tamas Toth เขาได้เดินทางจากบ้านเกิดในเมือง Budapest ไปยังอุทยานแห่งชาติทะเลสาบ Plitvice ในประเทศโครเอเชีย ซึ่งเป็นอุทยานอันโด่งดังและมีพื้นที่กว้างถึง 295 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ตั้งแต่เหนือจรดใต้นั้นมีทะเลสาบกว่า 16 แห่ง เต็มไปด้วยหุบเขาและภูเขาหินปูน ทำให้มีพื้นที่ยกระดับและน้ำตกมากมาย ซึ่งทะเลสาบ Plitvice ก็เป็นอีกหนึ่งแห่งที่มีความงดงาม เพราะถูกน้ำกัดเเซาะหินปูน จนเกิดเปนน้ำตกที่มีหลากหลายรูปร่างและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา   ภาพในช่วงปกติ ที่เขียวขจีและมีน้ำใสงดงาม   และเมื่อย่างเข้าฤดูหนาวแล้ว ก็ทำให้เกิดความหนาวเย็นเข้าปกคลุมทะเลสาบจนน้ำตกที่เราเห็นแข็ง ราวกับว่าน้ำหยุดนิ่งท่ามกลางกาลเวลาของโลกที่ยังคงหมุนไป และนี่คือภาพที่ช่างภาพได้ไปตามถ่ายมา เราไปชมความงดงามเหล่านี้กันเลย…   . . . . . . . . .   เกิดมาเราก็ไม่เคยเห็นน้ำตกที่กลายเป็นน้ำแข็งแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน ถือเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่หาดูได้ยากในบ้านเรา ถ้าชอบผลงานของเขาก็ไปติดตามได้ที่เฟซบุ๊ก TT Pixels ได้เลย ที่มา boredpanda

สำหรับใครที่กำลังมองหาของขวัญสักอย่างที่จะเอาไปให้คนรู้จักที่ชื่นชอบในศิลปะ แต่ว่าก็ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรให้ดี จะเป็นเซ็ทเครื่องเขียนหรือของอาร์ตๆ ดีนะ แต่ถ้าคนรู้จักคนนั้นเขาชื่นชอบแวนโก๊ะเป็นทุนเดิมอยู่แล้วละก็ ของขวัญชิ้นนี้ต้องโดนใจเขาคนนั้นแน่นอน เพราะว่าของขวัญชิ้นนี้มันก็คือ “แอ็คชั่นฟิกเกอร์ แวนโก๊ะ” แอ็คชั่นฟิกเกอร์ตัวนี้คิดค้นขึ้นมาโดยบริษัที่มีชื่อว่า Today Is Art Day โดยพวกเขาได้หยิบนำจิตรกรชื่อดังอย่าง แวนโก๊ะ มาย่อขนาดให้ดูน่ารักๆ พร้อมกับใส่เสื้อสีผ้าติดดอกทานตะวันเล็กๆ แถมยังมีรูปวาด The Starry Night มาเป็นพรอพประกอบอีกด้วย แต่จุดสำคัญมันอยู่ตรงที่เราสามารถเอาหูแวนโก๊ะออกได้ด้วยนะ ตามที่เขาว่าแวนโก๊ะตัดหูตัวเองยังไงล่ะ ด้วยหูถอดออกได้นี้มันเลยทำให้หลายคนที่เห็นตกหลุมรักไปในทันที   ถ่ายคู่กับภาพ The Starry Night ที่โด่งดัง   ภาพ Sunflowers ก็มีนะ   มุมมองด้านข้างของตัวฟิกเกอร์ ที่ดูดีไม่ยอก   ถอดหูได้ด้วยนะเออ   น่ารักใช่ไหมล่ะ นี้และของขวัญชั้นยอดเลย   ใครที่สนใจแอ็คชั่นฟิกเกอร์ แวนโก๊ะ ตัวนี้อยู่ละก็สามารถเข้าไปติดตามและร่วมลงขันกับโปรเจคคิกสตาร์ทเตอร์ได้ที่ลิ้งนี้เลย todayisartday แต่ต้องร่วมลงทุนมากกว่า 28 ดอลลาร์แคนาดา (ราวๆ 900 บาท) นะ ถึงจะได้แวนโก๊ะมานอนกอด ตอนนี้โปรเจ็คกำลังได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะจากเป้าที่ตั้งไว้ที่ 20,000 ดอลลาร์แคนาดา (ราวๆ 520,000…

เข้าใจว่าปัญหาเรื่องกลิ่นตัวเนี่ย เป็นอะไรที่แก้ไขได้ย๊ากยาก เพราะมันเป็นเรื่องของฮอร์โมนในร่างกาย แถมบางทีเจ้าตัวก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากลิ่นกายของเขาหน่ะ ไปรบกวนคนข้างๆ มากขนาดไหน… แน่นอนว่าเมื่อมีปัญหา สิ่งที่ตามมาก็คือทางแก้ไข และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ประเทศญี่ปุ่นได้โชว์ความเจ๋งทางเทคโนโลยีให้เราได้ชมกันอีกครั้ง กับเครื่อง ‘Kun Kun‘ อุปกรณ์ตรวจจับกลิ่นกาย ผู้ใหญ่ใช้ได้ เด็กใช้ดี โอ้วโหววเฮ๊ะ!!   หน้าตาของเจ้าเครื่่องตรวจจับกลิ่นกาย   นวัตกรรมดังกล่าวเป็นผลงานของบริษัท Konika Minolta โดยจุดกำเนิดมันเริ่มมาจากคุณลุงที่ชื่อว่า Hiroshi Akiyama วัย 43 ปี เขามีปัญหาด้านกลิ่นกายมาโดยตลอด ถึงแม้จะทาโคโลญก็แล้ว ฉีดน้ำหอมก็แล้ว เผลออีกทีกลิ่นตัวก็ไปเตะใส่จมูกชาวบ้านเค้าอยู่เรื่อย จากนั้นคุณลุงก็ได้นำไอเดียนี้ไปเสนอให้กับทางบริษัท ซึ่งทางผู้ผลิตพบว่าปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่ชายวัยกลางคนในญี่ปุ่นส่วนใหญ่กำลังเผชิญอยู่     พวกเขาจึงได้มอบหมายให้ทีมนักวิทยาศาสตร์ และนักประดิษฐ์ ทั้ง 6 คนจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเมืองโอซาก้า สร้างเครื่องตรวจจับกลิ่นนี้ขึ้นมา (โอ้วโหวมีเรื่องราวด้วยนะ ไม่ธรรมดาๆ) วิธีการใช้ของมันก็ง๊ายง่าย เพียงแค่เอาเครื่องนี้เชื่อมต่อกับแอพฯ บนสมาร์ทโฟน จากนั้นผู้ใช้งานจะได้เห็นกราฟแสดงระดับความรุนแรงของกลิ่นตัว อีกทั้งยังมีการบอกด้วยนะว่ากลิ่นตัวผ่าน หรือควรไปปรับปรุงโดยด่วน   ‘มันไม่ง่ายเลยที่เราจะดมกลิ่นตัวเองได้ และนวัตกรรมชิ้นนี้จะทำให้พวกเขาหายกังวลเรื่องกลิ่นตัว แถมยังช่วยเรียกความมั่นใจกลับมาได้อีกครั้งด้วยครับ’  Daisuke Koda…

ทุกวันนี้เรามีสิ่งประดิษฐ์ที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกสบาย ในชีวิตประจำวันของเราเยอะแยะมากมายเต็ไปหมด ทว่าทั้ง 17 สิ่งที่เราเอามาให้ดูนี้ ล้วนเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีไอเดียบรรเจิดสุดๆ เห็นแล้วถึงกับต้องร้องอู้ววหูวว คิดได้ไงอ่ะเจ๋งเป้งไปเลยคร๊าบบลูกพี่   1. เครื่องจำหน่ายตั๋วรถไฟใต้ดินในปักกิ่ง ที่สามารถใช้ขวดพลาสติกซื้อได้!!   2. การบ้านที่มีบาร์โค๊ดติดมาด้วย ซึ่งเป็นลิ้งก์ของวิดีโอจากยูทูป ที่ครูผู้สอนอัพโหลดให้นักเรียนสามารถทบทวนเองที่บ้านได้   3. ตะกร้าที่ช่วยทำให้ลูกค้าสามารถบอกพนักงานได้ว่า ต้องการความเป็นส่วนตัวหรือไม่   4. ร้านขายเสื้อผ้าที่มีห้องอุณหภูมิต่ำ สำหรับลองเสื้อกันหนาว   5. เพดานของคลีนิคทำฟัน ที่จะทำให้คนไข้ไม่รู้สึกน่าเบื่ออีกต่อไป   6. เก้าอี้สาธารณะที่สามารถหมุนเปลี่ยนด้านได้ ถ้าหากว่ามันเปียก   7. ลิฟท์ที่มีปุ่มตรงเท้า สำหรับคนที่มือไม่ว่าง   8. เก้าอี้นักเรียนที่มีล้อให้ปั่นเล่นได้ตลอดเวลาเรียน   9. สระว่ายน้ำที่มีทางขึ้นสำหรับกบน้อย ที่มักจะหลงมาอยู่ในสระเสมอ   10. เนคไทที่ทำมาจากผ้าไมโครไฟเบอร์ สามารถเอามาเช็ดหน้าจอโทรศัพท์ได้   11. ตู้ดื่มน้ำสาธารณะที่ออกแบบให้ใช้ได้ทั้งคน และน้องหมา   12. ปากกาไฮไลท์ที่ทำให้เน้นคำได้อย่างแม่นยำ…

งานศิลปะตามนิทรรศการต่างๆ นั้น ผลงานบางชิ้นอาจจะทำให้เราเข้าถึงได้ยาก ไม่สามารถเข้าใจความหมายที่ศิลปินต้องการจะสื่อ แต่ถ้าหากว่าผลงานสามารถทำให้เรารู้สึกจรรโลงใจขึ้นมาได้ ก็คงจะดีต่อใจมากเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามผลงานศิลปะทั้งหลายบนโลก ก็ใช่ว่าจะไม่เข้าถึงคนไม่ได้ซะทีเดียว เพราะยังมีอีกหลากหลายแขนงให้ผู้คนได้สัมผัสทั้งทางสายตาและร่างกายเช่นกัน     ขอเชิญทุกท่านมาพบกับนิทรรศการ ‘พงไพรแห่งตัวเลข’ ผลงานของนักออกแบบและสถาปนิกชาวฝรั่งเศส  Emmanuelle Moureaux ที่เปลี่ยนพื้นที่ขนาด 2,000 ตารางเมตร ให้กลายเป็นพื้นที่แห่งสีสันสดใสและเต็มไปด้วยตัวเลข   .   ภาพอันลานตานี้ ประกอบไปด้วยการตัดกระดาษกว่า 60,000 ชิ้น โดยทุกๆ ชิ้นจะเป็นตัวเลขตั้งแต่ 0 ไปจนถึง 9 ไล่เรียงติดลงมาจากเพดานแยกเป็นทั้งหมด 4 กลุ่มด้วยกัน เรียงตัวทั้งหมด 10 ชั้นให้มีลักษณะคล้ายกับตัวเลขปีที่ลอยออกมา   . .   และจากตัวเลขสีรุ้งทั้งหมดนี้ก็เพื่อแสดงให้เห็นเป็นตัวเลขปีที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ 2017 ไปจนถึง 2026 ไล่เรียงไปข้างหน้าอีก 10 ปี อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความก้าวหน้าของศูนย์ศิลป์แห่งชาติ โตเกียว ซึ่งผู้เข้าชมผลงานก็สามารถเดินผ่านตัวเลขเหล่านี้ได้ เหมือนกับการแหวกว่ายเข้าไปในโลกแห่งอนาคต  …

ไม่ว่าอะไรๆ ก็ตามที่กลายเป็นสีชมพู มันก็มักจะทำให้ดูสวยงามไปซะหมด แม้แต่สถานการณ์หมอกควันในประเทศจีนที่กำลังอยู่ในระดับหนักหนาสาหัส เมื่อใส่สีชมพูเข้าไปแล้วก็ทำให้บรรยากาศดูงดงามขึ้นมาทันตา…   ช่างภาพชาวฝรั่งเศส Marilyn Mugot ที่มีรสนิยมแบบ Dépaysement ซึ่งคำศัพท์ดังกล่าวนี้เป็นคำภาษาฝรั่งเศส และไม่มีคำแปลแบบตรงตัวในภาษาอังกฤษ แต่จากพจนานุกรมบางสำนักได้ให้ความหมายเอาไว้ว่า ‘ความเปลี่ยนแปลง หรือ ความสับสนของภาพ’ ซึ่งทางช่างภาพได้ให้คำอธิบายถึงรสนิยมของตัวเองเอาไว้ว่า “เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับว่าได้อยู่ในสถานที่ที่ห่างไกลจากบ้าน”     และเธอก็พบมันที่ประเทศจีน Mugot ได้ทำการถ่ายภาพในช่วงกลางคืน เพราะแสงที่อยู่ภายในภาพนั้นจะไม่สามารถบังคับได้     เมื่อพระจันทร์โผล่ขึ้นมาเธอรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นอิสระและไม่ถูกควบคุม ที่จะออกไปเดินตามถนนสายต่างๆ ของเมืองที่เธอไม่รู้จัก     ช่วงหลังตะวันตกดินนั้นได้สร้างปริศนาที่เธอไม่สามารถแก้ไขได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่เธอไม่คุ้นเคยอย่างเขตฉงชิ่งและเขตกุ้ยหลิน รวมไปถึงฮ่องกง     ซึ่งผลงานของเธอส่วนใหญ่จะออกมาเป็นโทนสีชมพู…   เพราะความมืดมิดยามค่ำคืนบวกกับแสงและหมอกควันรวมกันทำสร้างเฉดสีที่ดูงดงามตา . .   ดูแล้วให้ความรู้สึกเหงา นึกถึงความรู้สึกของคนที่อยู่ห่างไกลบ้านสุดๆ . . .   แม้จะรู้ดีว่ามันส่งผลร้ายต่อสุขภาพร่างกาย แต่มันก็สร้างผลงานภาพถ่ายสวยๆ ขึ้นมาได้เหมือนกันนะ . . .   หากเพื่อนๆ…

ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน เด็กชาย Josh Llewellyn-Jones เพิ่งจะตื่นขึ้นมาดูโลกพร้อมกับโรคปอดเรื้อรัง คุณหมอวินิจฉัยแล้วว่าโอกาสที่ทารกน้อยคนนี้จะมีชีวิตรอดผ่านพ้นคืนนี้ไปได้มีเพียงแค่ 10% เท่านั้น แต่ปาฏิหาริย์มีจริง ทารกน้อย Josh เติบโตขึ้นมากลายเป็นหนุ่มนักกล้ามและปีนี้เขาก็กำลังจะมีอายุครบ 30 ปีแล้ว!!     Josh อาศัยอยู่ในเมือง Cardiff ประเทศเวลส์ เขาเล่าว่า “คุณหมอบอกให้ครอบครัวของผมตอนที่ผมเกิดว่าให้พาผมไปออกกำลังกายนั่นจะทำให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไปได้” “การออกกำลังกายมันช่วยชีวิตของผม หลายๆ คนออกกำลังไปก็เพื่อให้ตัวเองมีร่างกายที่ดูดี แต่สำหรับผมแล้วการออกกำลังกายมันช่วยให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไปได้”     เมื่ออายุ 21 ปี Josh เล่าว่าเขาต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะอาการปวดท้อง คุณหมอบอกว่าเขามีโอกาสรอดชีวิตน้อยมากๆ น้อยกว่าโอกาสตอนที่เพิ่งเกิดมาซะอีก     ในตอนนั้นเขาเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องไม่รอดแน่ๆ พร้อมกับบอกลาครอบครัวของเขาไว้เรียบร้อยแล้ว “การผ่าตัดดำเนินไปเป็นเวลากว่า 7 ชั่วโมง และผมก็ต้องนอนรอความตายอยู่บนเตียงนั้น”  “ย้อนกลับไปเมื่อตอนเป็นทารก พวกเขาคิดว่าผมจะต้องไม่รอดแน่ๆ พวกเขาก็เลยทำการผ่าตัดลำไส้ของผมเพื่อพลิกมันกลับด้าน นั่นทำให้ผมรอดชีวิตมาได้ และมันก็กลับด้านมาอย่างนั้นตลอดระยะเวลา 21 ปี และในการผ่าตัดในครั้งนี้พวกเขาก็กลับด้านมันอีกครั้ง  ศัลยแพทย์บอกว่าถ้ามันไม่ได้ผลล่ะก็ ผมคงไม่รอดแล้วล่ะ”    …

สำหรับคู่รักที่พร้อมจะลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวแล้วนั้น บางคู่ก็ต้องพบกับปัญหาด้านสุขภาพบางประการส่งผลทำให้พวกเขามีลูกยาก หรือบางกรณีก็อาจถึงขั้นไม่สามารถมีลูกได้ และนี่เป็นอีกเรื่องราวน่ารักๆ ของ Todd Krieg และ Amanda Diesen คู่หมั้นที่คิดว่าพวกเขาไม่สามารถมีลูกได้ ทั้งที่ใจอยากจะมีเหลือเกิน แต่แล้ววันหนึ่งหญิงสาวก็ได้ทำเซอไพรส์สุดซึ้ง เพราะทั้งคู่กำลังจะมีทายาทตัวน้อยแล้วล่ะ…   เดิมที Todd Krieg เป็นนักแข่งรถวิบาก ทว่าอุบัติเหตุทำให้เขากลายเป็นอัมพาต และคุณหมอได้วินิจฉัยว่า เขาจะไม่สามารถมีลูกได้   ถึงคุณหมอจะบอกอย่างนั้น แต่ตอนนี้เจ้าตัวก็ทำได้สำเร็จแล้วล่ะ งานนี้ฝ่ายหญิงเลยถ่ายภาพนี้ให้พร้อมกับข้อความบนกำแพงที่แปลได้ว่า ‘มันยังใช้งานได้อยู่!’   เมื่อวันหนึ่ง Amanda ได้ลองไปทำอัลตร้าซาวด์ดู แล้วพบว่าเธอตั้งท้องแล้วจริงๆ เธอจึงใช้ภาพนี้เป็นสื่อในการเซอไพรส์แฟนหนุ่มเธอซะเลย   และตอนนี้ทั้งคู่ดูมีความสุขสุดๆ กับชีวิตครอบครัวที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งลูกน้อยของพวกเขาจะออกมาลืมตาดูโลกในช่วงเดือนสิงหาคม   ย้อนกลับไป… ทั้งคู่เจอกันครั้งแรกที่โรงพยาบาล ตอนนั้น Todd ต้องรักษาตัวจากอุบัติเหตุ และอัมพาต ส่วน Amanda คือนักกายภาพบำบัด และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความรัก   ‘เหมือนเราได้รับพรจากพระเจ้าให้มีกันและกัน และฉันคิดว่าเขาคือคู่ชีวิตที่ดีที่สุดค่ะ’ Amanda กล่าว   ‘ทุกสิ่งอย่างที่เขาทำมันช่างเป็นความรู้สึกดีที่อธิบายไม่ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะเดินไม่ได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลยค่ะ’ แฟนสาวเล่าเสริม…

หลังจากที่ได้เห็นแฟชั่นเครื่องประดับที่แปลกแหวกแนวมามากมาย ในครั้งนี้เราก็เลยจะพาทุกคนไปรับชม “เครื่องประดับ” สุดล้ำแห่งอนาคตจากผลงานของนักออกแบบเครื่องประดับชาวเกาหลีใต้นามว่า YunSun Jang   สำหรับเครื่องประดับเหล่านี้ ไม่ใช่เครื่องประดับธรรมดาๆ ทั่วๆ ไป เพราะแต่ละชิ้นจะมีปฏิสัมพันธ์กับร่างกายของผู้สวมใส่ในรูปแบบที่ไม่ซ้ำกัน เพียงแค่เห็นจากรูปทรงภายนอกก็ดูน่าสนใจมากๆ แล้ว เพราะมันถูกออกแบบขึ้นมาให้ดูแปลกตา และเก๋ไก๋กว่าเครื่องประดับทั่วๆ ไป ไม่เชื่อก็ลองดูได้เลย…     อยากได้สักชิ้นไหมละ   นอกจากจะดูไม่ซ้ำใครแล้ว ยังทำให้เราได้เห็นจินตนาการที่ไร้ขีดจำกัดของนักออกแบบอีกด้วย   มารับชมผลงานบางส่วนของเธอกันเลย . . . . . . .   นอกจากนี้ เพื่อนๆ ยังสามารถเข้าไปรับชมภาพ หรือข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ yunsunjang ได้เลย ที่มา : sobadsogood

เมื่อช่วงวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ไม่ว่าเราจะไปที่ไหนก็มักจะเห็นพ่อค้า แม่ค้า ออกมาตั้งร้านวางขายช่อดอกกุหลาบกันให้พรึ่บ จะมองซ้ายมองขวาก็เห็นมีแต่คนถือช่อดอกไม้สีแดงอยู่เต็มไปหมด และสำหรับสายเขียวที่รู้สึกเบื๊อเบื่อกับดอกกุหลาบที่ฮิตแค่เฉพาะวันวาเลนไทน์ บริษัท Lowell Herb จากรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ออกไอเดียบริการรับจัดส่ง ‘ช่อดอกกัญชา’ รับประกันเลยว่างานนี้ตาเยิ้มหน้ายิ้มกันทั้งผู้ให้ และผู้รับเลยทีเดียว   เธอเห็นดอกไม้นั่นไหม…. ฉันเก็บมันไว้ให้เธอ….   นอกจากความสวยงาม และไอเดียเก๋ไก๋ที่ไม่ซ้ำใครแล้ว ทางบริษัทได้คัดสรรนำกัญชาพันธุ์ ‘Purple Princess’ ซึ่งจัดว่าเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ และได้รับการการันตีจากสหายเขียวทั่วโลก   ดูดอกนั่นซะก่อน ฮึ่มม….มันช่างน่านัก!!   ส่วนราคาสำหรับช่อดอกกัญชาสายพันธุ์ดีนี้ อยู่ที่ $400 หรือประมาณ 14,000 บาทนั่นเอง ไม่ค่อยจะแพงเท่าไหร่เล๊ยยย   ถึงราคาอาจจะดูสูงไปนิด แต่ดอกกัญชาทั้งหมดในช่อ คิดเป็นน้ำหนักรวมประมาณ 28 กรัม ซึ่งจะว่าไปมันก็มากที่จะทำให้คู่รักนั่งทำตาเยิ้มกันได้นานหลายวันเลยทีเดียว   แต่น่าเสียดายตรงที่บริษัทจัดทำออกมาเพียงแค่ 500 ช่อเท่านั้น และต้องมีบัตรผู้ใช้กัญชาเพื่อการรักษาตามกฏหมายรัฐก่อนนะจ๊ะ ถึงจะสั่งซื้อได้   แหม่…..ถ้ามีคนเอาดอกแบบนี้มาให้เราบ้าง รักตายเลยยย >< ที่มา: Boredpanda

เมื่อช่วงปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย ซึ่งหลายๆ เหตุการณ์ก็ถึงกับทำให้ชาวโลกทั้งโลกต้องหันไปจับตามอง…   และในวันนี้เอง #เหมียวหง่าว ก็จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านภาพถ่ายที่ได้รับรางวัล World Press Photo Contest ทั้ง 25 รางวัล   จะมีเหตุการณ์ใดบ้างลองไปชมพร้อมๆ กันที่ข้างล่างได้เลยจ้า…   มือปืน Mevlüt Mert Altıntaş ชูนิ้วขึ้นฟ้าพร้อมกับตะโกน หลังจากที่ทำการสังหารเอกอัครราชทูตรัสเซียที่ตุรกี Andrey Karlov ณ ห้องแสดงงานศิลปะในเมือง Ankara   Usane Bolt นักวิ่งลมกรดจากจาไมก้า กำลังยิ้มพร้อมกับหันไปมองเหล่าคู่แข่งที่วิ่งกวดมาข้างหลัง ในการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรชาย รอบรองชนะเลิศโอลิมปิค ที่กรุง Rio de Janeiro ประเทศบราซิล   นักกิจกรรมเพียงคนเดียว Ieshia Evans กำลังยื่นมือออกไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ในฐานะผู้ก่อจลาจลเพราะเธอไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงของตำรวจที่กระทำในเมือง Baton Rouge รัฐ Louisiana   เจ้าช้างแอฟริกันที่ยืนอยู่ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวสุกสะกาว   งานศพของ…

โดยปกติแล้วในวันวาเลนไทน์พวกเราก็มักจะมีการแสดงความรักให้กับคนที่เรารักด้วยการมอบดอกไม้ให้ หรือพากันไปดินเนอร์ใต้แสงเทียน อาจจะเป็นพ่อแม่ คุณย่า คุณยาย หรือคู่รัก   แต่สำหรับวันวาเลนไทน์ของนาย Jonathan Graziano นั้นไม่เหมือนกับคนทั่วๆ ไป เพราะแทนที่จะออกไปไหนมาไหนกับหญิงสาวที่ตัวเองรัก แต่ชาวนิวยอร์กคนนี้กลับเลือกที่จะใช้เวลาในช่วงวันวาเลนไทน์ไปสวีทหวานแหววกับเจ้าหมาปั๊กของตัวเองซะนี่ เจ้า Noodle หมาปั๊กคู่หูดูโอ้ของนาย Jonathan ทั้งคู่ได้จูงมือกันออกไปถ่ายภาพคู่รักสุดหวานแหวว ที่จะทำให้ใครหลายๆ คนต้องอิจฉา     “จริงๆ แล้วมันเหมือนกับว่าผมจะต้องเป็นคนที่ต้องออกแอคชั่นหรือท่าทางต่างๆ มากกว่า แต่กลับกัน เจ้า Noodle มันกลับรู้วิธีการโพสต์ท่าทางเมื่ออยู่ต่อหน้ากล้อง นั่นเลยทำให้ภาพแต่ละภาพของพวกเราออกมาดูเป็นธรรมชาติ” นาย Jonathan เล่า     เหนียงเยอะจังเลยล่ะจ๊ะที่รัก มานี่มาเดี๋ยวเค้าเก็บให้ .   สวีทหวานแหววกันจริ๊งงงง   นั่นแน่ะ มีมุมเหม่อซะด้วย!!   ดูนั่นสิจ๊ะ   กินกล้วยกันนะ อ้ามมมมมม   อร่อยมั้ย? เจ้าหมา ><   จับมือกันและกัน…

คำว่า “โอกาส” จริงๆ แล้วไม่ได้มาง่ายๆ เลย แต่สำหรับใครที่เคยทำผิดแล้วได้รับโอกาสที่ดี นั่นแสดงว่าคุณคือหนึ่งในผู้ที่โชคดีกว่าใครๆ แล้ว เหมือนดังเช่น Jeremy Meeks อดีตนักโทษผู้กระทำความผิดฐานครอบครองอาวุธผิดกฎหมายเมื่อปี 2014 คนนี้ แม้ว่าเขาจะเคยทำผิดมาก่อน แต่อย่างน้อยสังคมก็ยอมให้อภัย และยังมอบโอกาสดีๆ ให้ในแบบที่ทำเอาหนุ่มๆ ทั่วโลกถึงกับอิจฉา     ย้อนกลับไปในปี 2014 หลังจากที่เขาถูกจับในข้อหาพกอาวุธผิดกฎหมาย ทางตำรวจจึงได้นำภาพของเขาไปเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์ จนทำให้เขาได้รับคำชมว่ามีใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นอย่างมาก และที่เด็ดไปกว่านั้นก็คือ เพราะความหล่อของเขาเลยทำให้โมเดลลิ่งจากสังกัด White Cross Management มาปิ๊งเข้าเต็มๆ จนให้ Jeremy ได้เซ็นสัญญาเป็นนายแบบให้กับเขา ในขณะที่ยังอยู่ในคุกกันเลยทีเดียว     ภายหลังจากที่ถูกตัดสินให้ได้รับโทษเป็นระยะเวลา 27 เดือน ปัจจุบันเขาได้พ้นโทษออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในตอนนี้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอดีตนักโทษหน้าหล่อ ก็ได้กลายมาเป็นนายแบบอย่างเต็มตัว แถมยังได้มาเดินแบบเปิดตัวในงาน New York Fashion Week 2017 อีกด้วย     และนี่คือภาพของ Jeremy…

เป็นที่รู้กันดีว่าประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่อันดับต้นๆ ของโลกและมีประชากรเยอะที่สุดในโลก ทำให้ประเทศนี้เวลาจะทำอะไรทีต้องยิ่งใหญ่อลังการพอสมควรเลยทีเดียว!!   ซึ่งล่าสุดเมืองเซี่ยเหมิน ในประเทศจีนนี่แหละ ก็ได้สร้างสิ่งที่สุดยอดจนติดอันดับโลกขึ้นมา ซึ่งนั้นก็คือ ทางจักรยานที่ยาวที่สุดในโลกนั่นเอง Skyway เส้นทางจักรยานลอยฟ้าแห่งนี้มีความยาวถึง 7.6 กิโลเมตรสูง 5 เมตรเหนือพื้นถนน  ซึ่งเดือนนี้กำลังจะเปิดทดลองทำการให้ทุกคนสามารถเข้ามาปั่นได้   Skyway จะเปิดทำการทุกวัน อนุญาตให้ปั่นได้ในช่วงเวลาตั้งแต่ 6 โมงเช้าไปจนถึง 4 ทุ่มครึ่งโดยเป้าหมายของเจ้าทางจักรยานแห่งนี้ก็คือ เพื่อลดปัญหาการจราจรในตัวเมืองและรณรงค์ให้คนหันมาใช้พลังงานสีเขียวแทน โดยการยกทางพิเศษเพื่อจักรยานโดยเฉพาะ   แน่นอนว่า Skyway น่าจะทำให้จักรยานกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งในจีน ซึ่งการกลับมาใช้จักรยานจะช่วยปัญหาการจราจรได้มากเลยทีเดียวล่ะ แถมยังเป็นการลดมลพิษ ส่งเสริมคนให้หันมารักษ์สุขภาพด้วยการออกกำลังกายมากขึ้นอีกด้วย     จากมุมนี้เห็นได้ชัดเลยว่ายาวจริงๆ   แถมผู้คนก็ดูจะให้ความสนใจมากๆ   ถือเป็นการแสดงความใส่ใจต่อประชาชน และสร้างจุดเด่นให้กับเมืองได้อย่างมากอีกด้วยเนอะ ที่มา shanghaiist

“ญี่ปุ่น” เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความครีเอท ซึ่งในหลายครั้งที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่าประเทศนี้มักจะมีสินค้าน่ารักๆ ผุดขึ้นมาอยู่เสมอ อย่างเช่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางผู้ผลิตสินค้าในญี่ปุ่นก็ได้ออกสินค้าใหม่ล่าสุดเอาใจแฟนโปเกมอน นั่นก็คือ แว่นตาปิ๊กะจู และดูเหมือนจะมีกระแสตอบรับค่อนข้างดี     และถ้าหากจะพูดถึงสิ่งมีชีวิตซึ่งได้รับความนิยมไม่แพ้ปิก๊ะจู นั่นก็ต้องเป็น แมวเหมียว นั่นเอง ด้วยความที่พวกมันกำลังจะเป็นเจ้าของโลกใบนี้รายต่อไปถัดจากมนุษย์ มันเลยมักจะมีสิทธิพิเศษเสมอ ในตอนนี้ก็ได้ผุดสินค้าใหม่เอาใจทาสแมวขึ้นมาแล้ว ซึ่งสินค้าดังกล่าวคือ แว่นตาแมวเหมียวนั่นเอง บอกเลยว่าหากทาสแมวทั้งหลายได้เห็นจะต้องอยากได้แน่นอน เพราะมันน่ารักมากกกกกกก!!     สำหรับแว่นตาเหล่านี้ แน่นอนว่าทางบริษัทผู้ผลิตเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหล่าแมวเหมียว ถูกออกแบบขึ้นมาให้มีลักษณะคล้ายหูแมว ปลายขาแว่นจะเป็นรูปอุ้งเท้าแมวสุดน่ารัก มีคุณสมบัติก็คือนำมาสวมใส่เพื่อเพิ่มความชิคให้กับใบหน้า เห็นแล้วอยากได้ชะมัดเลย!!   กรอบแว่นตาที่ออกแบบให้เป็นหูแมวในรูปแบบต่างๆ   และที่ขาดไม่ได้ก็คืออุ้งเท้าแมวอันแสนน่าฟัด   สาวๆ ใส่แล้ววิ๊งมาก   มีรอยเท้าแมวเป็นเอกลักษณ์อีกจุดหนึ่ง   ในส่วนของฐานรองจมูกนั้น ทางด้านบริษัทผู้ผลิตยังได้ภูมิใจนำเสนออีกว่า มันมีความนุ่มแบบพิเศษอีกด้วย เวลาสวมใส่แล้วจะไม่รู้สึกรำคาญแน่นอน   มาพร้อมผ้าเช็ดแว่น และกล่องใส่แว่นตาสุดเลิศหรู   สำหรับทาสแมวท่านไหนที่สนใจอยากจะครอบครองแว่นตาแมวเหมียวสุดคิ้วท์เหล่านี้ละก็ สามารถคลิกเข้าไปสั่งซื้อในราคาอยู่ที่ราวๆ 8,000 บาท หรือรับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่เว็บไซต์ rakuten ได้เลยจ้า ที่มา…

‘ความตาย’ เป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่ว่าใครต่างก็ต้องพบเจอ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นมันก็มักจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดความเศร้า และความคิดถึงแทบใจจะขาด ให้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีวิธีการจัดการกับความเศร้าที่แตกต่างกันออกไป และนี่ก็คือวิธีที่เรียกได้เลยว่าแปลกมากๆ เพราะทางบริษัท And Vinyly ของประเทศอังกฤษ ได้ทำการนำเถ้ากระดูกของผู้เสียชีวิตมาทำเป็นแผ่นเสียง   นั่นก็เพื่อให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้เปิดฟังและระลึกถึงคนสำคัญที่จากไป…   วิธีการทำก็คือการนำเถ้ากระดูกของผู้เสียชีวิตมาโรยลงไปบนแผ่นเสียง ที่ทางลูกค้าจะเป็นคนเลือกเพลง หรือเสียงอะไรก็ตามที่ต้องการให้เขียนลงบนแผ่นเสียง จากนั้นก็จะทำการเคลือบแผ่นเสียงอีกครั้ง ให้เถ้ากระดูกติดอยู่กับแผ่นเสียงไม่หลุดออกไป และเวลาเปิดแผ่นเสียงฟังนั้นจะมีเสียงตะกุกตะกักอันเกิดมาจากเศษเถ้ากระดูกเล็กน้อย เป็นการแสดงว่าพวกเขายังคงอยู่ในแผ่นเสียงนั้น ใกล้ๆ กับเราตลอดเวลา     นอกจากนี้ในส่วนของตลับแผ่นเสียงนั้นก็มีบริการจากศิลปินจาก National Portrait Gallery มาช่วยวาดภาพพอร์เทรทให้อีกด้วย     นาย Jason Leach ผู้ก่อตั้งได้กล่าวเอาไว้ในหนังสั้นเรื่อง Hearing Madge ถึงธุรกิจของเขาเอาไว้ว่า “เรื่องราวอันอ่อนโยนของชีวิตนั้นถูกบันทึกไว้โดยเสียง” .   หากใครสนใจล่ะก็สามารถติดต่อโดยตรงไปยังบริษัท andvinyly ได้เลย และมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 130,000 บาท ถึงจะเป็นราคาที่ดูแพงไปสักหน่อย แต่สำหรับหลายคนมันกลับคุ้มค่ามาก…   ลองไปชมคลิปหนังสั้นโปรโมท ของบริษัท And Vinyly กันแบบเต็มๆ ในตัวอย่างวิดีโอด้านล่าง… ที่มา…

สำหรับเพื่อนๆ หลายคนที่ใช้โทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนแล้ว เรื่องของการติดฟิล์มกันรอยนั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ เพราะต้องเปลี่ยนอยู่บ่อยครั้งและแต่ละครั้งก็จะเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 50-100 บาท จากนั้นพนักงานก็จะทำการเปลี่ยนฟิล์มให้ แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะพาไปชมเรื่องที่จะทำให้เพื่อนๆ มองว่าการติดฟิล์มกันรอยนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาอีกต่อไป!!   เพราะล่าสุดทางบริษัท Kawasaki ได้ทำการเปิดตัวเจ้าหุ่นยนต์ที่มีชื่อว่า duAro ในงาน Pepper World ในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น งานที่จะรวมนวัตกรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไว้ที่นี่     ที่พิเศษก็เพราะว่าเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้มันสามารถติดฟิล์มโทรศัพท์ได้ด้วย แถมยังทำได้เนี๊ยบ และรวดเร็วแบบสุดๆ อีกต่างหาก!!   เจ้าหุ่นยนต์ชนิดนี้เป็นนวัตกรรมหุ่นยนต์ SCARA ที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานต่างๆ ได้เฉกเช่นเดียวกันกับมนุษย์ และด้วยรูปลักษณ์ที่เป็น ‘แขนคู่’ แล้ว ทำให้มันสามารถทำงานต่างๆ ที่อาจจะดูยากและละเอียดอ่อนเหมือนกับการติดฟิล์มโทรศัพท์ได้อย่างง่ายดาย   แต่ในปัจจุบันเรื่องของต้นทุนและการผลิตนั้นยังคงมีราคาที่แสนแพงอยู่ จึงทำให้การนำมาใช้งานตามห้าง หรือร้านขายโทรศัพท์ต่างๆ ยังเป็นเรื่องที่ยาก แต่หากทางผู้ผลิตสามารถลดต้นทุนได้ก็มีโอกาสได้เห็นกันอย่างแน่นอน!!   ลองไปชมคลิปการติดฟิล์มกันรอยของเจ้าหุ่นยนต์ duAro กันแบบเต็มๆ ว่ามือของมันจะติดฟิล์มเหมือนหรือต่างจากมือคนแค่ไหน!? . ที่มา : wonderfulengineering

ในอดีตที่ผ่านมา บ้านเราก็เคยมีโค้กรสชาติแปลกๆ ให้ได้ลิ่มลองกันเช่นโค้กวินาลาเป็นต้น แต่ว่าในต่างชาตินั้นโค้กกลับมารสชาติแปลกๆ ให้ได้ลิ่มลองอยู่มากมายเลยทีเดียว ล่าสุดทางโค้กญี่ปุ่นก็ได้ออกโค้กรสชาติใหม่ในชื่อ “โค้กซากุระ” ซึ่งรสชาติของมันระบุว่าถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ สำหรับช่วงเวลาชมซากุระเช่นนี้ (ความจริงแล้วหลายคนน่าจะเคยเห็นรสชาตินี้มาก่อนแล้ว แต่ว่ามันไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ของโค้กนะซิ เพราะว่ารสชาติซากูระที่เราเคยเห็นกันมาก่อนหน้านี้มันดันเป็นของ เป็ปซี่ นั่นเอง)     ซึ่งโค้กรสชาติซากูระนี้ จะขายในรูปแบบลิมิเตดอิดิชั่น ที่มาพร้อมกับดีไซน์ขวดที่สวยงามดีไซน์สีชมพูมาเฉพาะกิจ ส่วนฝาอลูมิเนียมสีแดงดูโดดเด่น โดยเริ่มเปิดขายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ และจะขายเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น   ในส่วนของโค้กที่ทำเป็นรสชาติลิมิเตดนั้น ซากุระไม่ได้เป็นรสชาติแรกที่ทำแบบนี้ ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นเคยปล่อยรสชาติลิมิเตดมาแล้วสองอันด้วยกันนั่นก็คือ รสเลม่อน และรสขิง (ลองจินตนาการดูสิว่ารสชาติแบบนั้นจะเป็นอย่างไร!?)   แต่สุดท้ายแล้วพวกเราชาวไทยจะได้ลิ่มรสของ โค้กหรือน้ำอัดลมลดชาติแปลกๆ อีกไหมก็คงต้องลุ้นกันเอาแล้วล่ะ ส่วนตัว #เหมียวมู่ทู่ คิดถึงเป็ปซี่ไฟกับไอซ์จังเลยแฮะ     ที่มา rocketnews24

โลกของเรานั้นเดี๋ยวนี้มีมลพิษมากมายเต็มไปหมด ทำให้หลายคนเริ่มที่จะหันมาแต่งห้องแนวธรรมชาติกันดูบ้าง แต่ว่าก็ยังเลือกไม่ได้สักทีว่าจะเอาต้นไม้อะไรมาแต่งออกดีนะ ฉะนั้นวันนีเราก็เลยมีของใหม่มานำเสนอซึ่งรับรองว่าหลายๆ คนที่กำลังมองหาของแต่งห้องอยู่น่าจะต้องชอบอย่างแน่นอน มันก็คือต้นไม้เรื่องแสงสุดฮิพยังไงล่ะ เจ้าต้นไม้เรืองแสงที่พูดถึงนี้่ ผลิตโดยบริษัท Mar de fe ที่ตั้งขึ้นโดยศิลปิน Mariana Folberg ซึ่งเจ้าต้นไม้เรืองแสงที่ว่านี้ไม่ใช่ต้นไม้จริงๆ หรอกนะ แต่ว่าเป็นโคมไฟรูปต้นไม้ตะหาก   โดยบริษัทที่ออกแบบเจ้าต้นไม้เรืองแสงนี้ พวกเขาบอกว่าพวกเขาได้ใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ให้ได้สุนทรียภาพ ดุจดั่งต้นไม้จริงๆ รวมถึงรูปทรงและตัวใบของมันแต่ละต้นก็จะมีรูปร่างที่เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร   ตัวโคมไฟใช้หลอดไฟ LED ในการให้แสงสว่าง ซึ่งก็เท่ากับว่าตัวโคมไฟจะไม่ได้สว่างมากเหมือนโคมไฟตั้งโต๊ะทั่วๆ ไปแต่จะให้ไฟสลัวๆ จากโคนต้นไปถึงใบของมัน เหมาะกับการเอาไปตั้งไว้บนโต๊ะหนังสือหรือเป็นของแต่งห้องที่สวยงามพอสมควรเลยทีเดียว   ถ้าไม่ได้เปิดไฟ ตัวต้นไม้ก็จะออกเป็นใสๆ แบบนี้ซึ่งดูแล้วมันก็สวยเหมือนกันนะเนี่ย ใครที่สนใจเจ้าต้นไม้เรืองแสงนี้ อยากได้ไวเป็นของแต่งห้องฮิพๆ ก็สามารถเข้าไปติดตามรายละเอียดได้ที่เฟสบุ๊ค Mar de Fe by Mariana Folberg หรือถ้าใครสนใจอยากจะสั่งซื้อก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ etsy แต่บอกเลยว่าราคาก็ตามความสวยของตัวต้นไม้เลยล่ะ ที่มา boredpanda

ย้อนกลับไปในช่วงปี 1930s ประเทศสหรัฐอเมริกา ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งยิ่งใหญ่ จากเหตุการณ์ดังกล่าว กลายเป็นจุดต้นกำเนิดของเหล่าแก๊งค์มาเฟียชื่อดัง ที่เลือกใช้วิธีสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเองด้วยสิ่งผิดกฏหมาย ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด หรือการค้าประเวณี และทั้งหมดนี้คือรูปภาพ ขาว-ดำ ที่หาชมได้ยาก สะท้อนให้เราเห็นถึงการเป็นอยู่ของผู้คนในยุคสมัยที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยแก๊งค์มาเฟีย อาวุธปืน การฆาตกรรม และการก่อจลาจล   ชายนิรนามคนหนึ่งกับการโพสท่าที่ดูเหมือนการครอบครองปืนจะเป็นเรื่องธรรมดา   ‘Bonnie Parker’ เธอคือหนึ่งในอาชญกรตัวฉกาจในยุคนั้น ภาพนี้ถูกถ่ายเมื่อ 17 เมษายน 1933   ผู้ตรวจการกำลังอธิบายวิธีการใช้อาวุธปืนรุ่นใหม่ แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ   รถยนต์กันกระสุน และนายตำรวจจากชิคาโก   กลุ่มชายนิรนามที่กำลังห่ำหั่นยิงปืนอย่างเมามันส์ เมื่อปี 1930   24 กันยายน 1930 มีการระดมยิงรถใส่มาเฟีย และนำไปสู่การจับกุมในที่สุด   ด้วยอำนาจของมาเฟียในชิคาโกที่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เหล่าตำรวจต้องเริ่มหันมาพกอาวุธปืนชนิดรุนแรง เพื่อป้องกันตัวในยามฉุกเฉิน   เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการวิสามัญนาย ‘Frankie Yale’ หนึ่งในหัวหน้าแก๊งค์มาเฟียชื่อดัง   21 กุมภาพันธ์ 1931…

สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกคลอดก่อนกำหนดแล้ว การจะหาผ้าอ้อมที่พอดีกับตัวของทารกตัวน้อยนั้นเป็นอะไรที่ยากมากๆ แถมผิวหนังของพวกเขาก็ยังบอบบาง และต้องการการดูแลที่มากกว่าปกติอีกด้วย บริษัท Huggies ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ ‘ผ้าอ้อมเด็ก’ ได้ทำการผลิตผ้าอ้อมขนาดจิ๋ว สำหรับเด็กคลอดก่อนกำหนด     เมื่อเทียบกับขนาดทั่วๆ ไปแล้ว ผ้าอ้อมสำหรับเด็กคลอดก่อนกำหนดนั้นมีขนาดจิ๋วกว่ามากๆ   ด้วยความร่วมมือกับองค์กร NICU (หออภิบาลทารกแรกเกิด) Huggies จึงได้ทำการผลิตผ้าอ้อมนาโนขนาดจิ๋วสำหรับทารกที่คลอดก่อนกำหนดออกมา   มีไว้สำหรับเด็กที่มีน้ำหนัก 900 กรัม และถูกออกแบบมาเป็นพิเศษทำให้พื้นผิวของผ้าอ้อมนั้นมีความอ่อนโยนมากกว่าผ้าอ้อมแบบปกติ เพื่อปกป้องการพัฒนาผิวหนังของเด็กทารก และไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองอีกด้วย อย่างไรก็ตามมีเพียง 1.4% ของประชากรเด็กทารกทั้งหมดเท่านั้นที่จะมีโอกาสคลอดก่อนกำหนด แต่ทาง Huggies ก็ต้องการที่จะทำให้แน่ใจว่าพวกเขาเหล่านั้นจะได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีด้วยผ้าอ้อมชนิดพิเศษนี้ “พวกเราต้องการที่จะช่วยเหลือเหล่าทารกทุกคนบนโลกนี้ โดยเฉพาะเด็กที่มีขนาดตัวเล็ก และผอมบาง ด้วยความช่วยเหลือจากจเ้าหน้าที่ NICU เจ้าผ้าอ้อมสำหรับเด็กคลอดก่อนกำหนดนี้จะมีทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับผิวหนัง นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และทีมงานของเราก็ได้พยายามทำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อนำคอนเซ็ปต์ Huggies Little Snugglers Nano Preemie Diapers นี้ไปใช้งานในโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดภายใน 6 เดือนนี้” คุณ Eleonora Daireaux รองประธานกรรมการบริษัท…

โดยปกติแล้วหากทาสๆ ทั้งหลายมีธุระจะต้องออกเดินทางไปไหนไกลๆ ส่วนใหญ่แล้วเราก็มักจะพาเจ้าเหมียวของเราไปฝากไว้ที่คลีนิค หรือบ้านรับเลี้ยงแมว หรือไม่ก็ฝากเพื่อบ้านดูแลใช่มั้ยล่ะ? แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว มีทางเลือกใหม่มาให้เพื่อนๆ….ขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับโรงแรมสำหรับแมวเหมียวแห่งใหม่ ชื่อว่า Catzonia ตั้งอยู่ที่ Damansara เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียนี้เอง     โรงแรม Catzonia นี้ประกอบไปด้วยห้องพักสุดหรูทั้งหมด 35 ห้อง มีบริการรับ-ส่ง ถึงสนามบิน, ทรีทเม้นต์ในสปา, และห้องพักสาธารณะ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นบริการที่มีไว้บริการเฉพาะ ‘เหล่าแมวเหมียว’ เท่านั้น!!     สำหรับเหล่าทาสที่มีธุระ อันเป็นเหตุทำให้ไม่อยู่บ้านเป็นเวลาหลายวัน แล้วอยากให้เจ้าเหมียวของท่านได้รับการดูแล และการพักผ่อนหย่อนใจที่ดีเยี่ยม ก็สามารถพามาไว้ที่โรงแรมแห่งนี้ได้เลย     ที่โรงแรมเจ้าเหมียวจะได้รับอาหารคุณภาพเยี่ยมวันละ 3 มื้อ, การลูบไล้ลำตัวสร้างความฟิน, การเสริมสวย (ไม่ต้องห่วงว่าพนักงานจะตัดเป็นทรงสิงโตให้นะจ๊ะ), และบริการหาคู่หากแมวเหมียวตัวไหนมีอาการฮีต   .   แขกแมวเหมียวทั้งหมดจะถูกสอดส่องโดยกล้องวงจรปิด ซึ่งสามารถส่งตรงไปยังสมาร์ตโฟนของทาส ทำให้สามารถสอดส่องดูแลความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของเจ้าเหมียวได้ด้วยนะเออ     ทั้งนี้ที่โรงแรมยังมีรูปแบบห้องให้เลืแกมากมาย สำหรับคนไหนที่งบน้อยก็จะมีห้องแบบ Economy…

และนี่คือภาพถ่ายที่จะทำให้ทุกคนต่างหลงใหล เมื่อช่างภาพชาวออสเตรเลียได้คิดค้นโปรเจคสุดแหวกแนว จับชายฉกรรจ์มาแต่งหน้าทำผมให้กลายเป็นสาวประเภทสองสุดเริ่ด   Dan Newell ชื่อในวงการ Dandrogyny   โปรเจคนี้มีชื่อว่า #Draginformation โดย Aaron Walker ช่างภาพมีจุดประสงค์ที่ต้องการให้ทุกคนรู้ว่าแท้จริงแล้วในสังคมนั้นยังมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่เรายังไม่รู้อีกมากมาย เพราะจริงๆ แล้วเหล่าผู้ชายหน้าโหดทั้งหลายนั้น บางทีเขาอาจจะมีเบื้องหลังอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ก็ได้ อย่างเช่นการแต่งหญิงเพื่อทำมาหากิน เป็นต้น “ยังมีความซับซ้อนอยู่อีกมากมาย ที่ผู้คนยังคงนึกไม่ถึง” Aaron กล่าว   Lachlan Loki Rickus   นาย Aaron นั้นถือเป็นช่างภาพอีกคนหนึ่งที่มีความสามารถในวงการ เขาเริ่มต้นอาชีพการเป็นตากล้องตั้งแต่อายุ 15 ปี และจากการฝึกฝนอย่างเป็นประจำ ทำให้เขากลายเป็นตากล้องผู้เชี่ยวชาญทั้งทางด้านการจับภาพเคลื่อนไหวทางกายภาพ ปัจจุบันเขาทำงานเป็นช่างถ่ายภาพให้กับแวดวงของการแสดง ละครเวที ละครตลก งานอีเว้นท์ใหญ่ และตามงานเทศกาลต่างๆ ด้วยความเทพของเขา ทำให้เคยได้รับรางวัลช่างภาพดีเด่นมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรางวัล Australian Professional Photography Awards (APPA) ในปีล่าสุด หรือรางวัล Australia’s Top Emerging Photographers, Capture Magazine เมื่อปี 2015 และรางวัลอื่นๆ…

โดยปกติแล้วสิ่งของที่ต่างๆ ที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้แล้ว ก็ต้องถูกนำไปทำลายทิ้ง หรือไม่ก็ถูกนำไปทิ้งรวมๆ กันจนกระทั่งมีจำนวนที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นสุสานในที่สุด และนี่ก็คือสุสานทิ้งของเก่าแปลกๆ จากรอบโลก ที่ต้องขอบอกเลยว่ามันช่างน่ากลัว และมีแต่สิ่งของแปลกๆ อยู่รวมกันเต็มไปหมด แทบจะไม่คิดเลยว่าจะมีของแปลกๆ แบบนี้ในจำนวนมหาศาลในสถานที่เดียวกัน!!   1. สุสานตู้โทรศัพท์เก่าในประเทศอังกฤษ ใครขับผ่านไปมาจะต้องเห็นแต่ตู้สีแดงซีดเรียงยาวสุดลูกหูลูกตา   2. สุสานรถถังของประเทศยูเครน ที่เผยให้เห็นถึงความมั่นคงทางการทหาร   3. ซากรถสองคันที่ถูกตั้งทิ้งไว้ในโรงรถข้างๆ กับโรงเรียนสอนขับเครื่องบิน   4. สุสานหัวรถจักรพลังไอน้ำที่ถูกทิ้งไว้บนพื้นที่ฟาร์ม   5. สุสานรถลากที่ถูกโยนทิ้งไว้อย่างระเกะระกะ ใกล้กับอ่างเก็บน้ำแห่งหนึ่งใน Kafrul เมืองหลวงของบังกลาเทศ   6. โรงจอดรถเก่าๆ ที่ตอนนี้กลายเป็นบ้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ไม่รู้ว่าเป็นสถานที่ไหนแต่ดูจากทรงรถแล้วเป็นไปได้ว่าจะอยู่ในประเทศอเมริกา   7. สุสานเรือรบของกองทัพเรือ Kremlin ที่ถูกปลดเกษียณ ถูกทิ้งเอาไว้ให้ลอยอยู่เฉยๆ บนชายฝั่งของประเทศรัสเซีย   8. สุสานรถของเหล่าทหารอเมริกันที่ถูกทิ้งไว้หลังช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง   9. สุสานรูปปั้นของอดีตประธานธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ถูกทิ้งไว้ให้อยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บ   10. สุสานรถคลาสสิคที่ถูกทิ้งไว้โดยกองกำลังทหารของสหรัฐในช่วงสงครามโลก…

ในปัจจุบันนิยามของความสวยความงามนั้นมีมากมายหลากหลายแบบ…   และนี่ก็คือเหล่าผู้หญิงที่เรียกได้เลยว่าเป็น ‘ผู้หญิงแห่งแรงบันดาลใจ’ ที่จะทำให้สาวๆ หลายคนหันมามองตัวเอง และภูมิใจในสิ่งที่มี   Chantelle Brown-Young หรือ Winnie Harlow นางแบบชาวแคนาดาที่ได้รับความทุกข์ทรมาณจากความผิดปกติของเม็ดสีในเส้นขน จึงทำให้เธอมีสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอทั่วร่างกาย ตั้งแต่เด็กๆ เธอรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง และถูกสังคมรอบข้างรังเกียจ แต่ถึงอย่างนั้นก็เลือกที่จะปฏิเสธสิ่งเหล่านั้นและมุ่งหน้าสู่เส้นทางของการเป็นนางแบบจนประสบความสำเร็จ     Viktoria Modesta นักร้องสาวชาวลัตเวีย ต้องสูญเสียขาข้างซ้ายของเธอไปตั้งแต่เกิด แต่ถึงอย่างนั้น ‘ความขาด’ นี้ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกด้อยค่าไปกว่าใคร แต่กลับกันเธอมีความมั่นใจเต็มขีด จนกลายเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงอย่างทุกวันนี้   Erica Irwin นางแบบวัย 35 ปี จากแคลิฟอร์เนีย เธอถูกจัดไว้ว่าเป็นนางแบบที่ตัวสูงมากที่สุดในโลก (2 เมตรกับอีก 5 เซนติเมตร)   Masha Tyelna นางแบบสาวชาวยูเครน ที่มีดวงตาโตมากกว่าคนปกติทั่วไป จนโดนคนรอบข้างแซวว่าเป็น ‘เอเลี่ยน’ หรือไม่ก็เป็น ‘เอลฟ์’ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความฝันที่อยากเป็นนางแบบของเธอลดน้อยลงแต่อย่างใด     Carmen…

นับตั้งแต่การเข้ามาปรากฏตัวของนวัตกรรม ‘คอมพิวเตอร์’ พูดได้ว่ามันเข้ามาเปลี่ยนแปลงบริบท และวิถีการใช้ชีวิตของคนเราในหลายๆ ด้าน ถึงขนาดที่ว่าอุปกรณ์เครื่องมือใช้สอยต่างๆ ถูกทำให้เลือนหายไป ด้วยนวัตกรรมที่ใหม่กว่า และใช้สอยได้สะดวกกว่า ‘เครื่องพิมพ์ดีด’ ก็เป็นอีกหนึ่งในอุปกรณ์ที่กำลังจะเลือนหายไปตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย แล้วจะเป็นอย่างไรละถ้าเกิดว่ามีคนประยุกต์นำเอาเสน่ห์ของเครื่องพิมพ์ดีด มาผสมผสานกับคีย์บอร์ดของคอมพิวเตอร์ งานนี้รับรองว่าพิมพ์กันมันส์มือแน่นอน!   และนี่ก็คือโฉมหน้าของคีย์บอร์ดสุดจ๊าบ จาก ‘Lofree’   เป็นคีย์บอร์ดที่สามารถเชื่อมต่อได้กับโทรศัพท์มือถือ แทบเล็ต หรือโน๊ตบุ๊ค โดยผ่านสัญญาณบลูทูธ   อีกหนึ่งจุดเด่นที่ผู้ผลิตชูโรงขึ้นมาก็คือเสียง ‘แต๊กๆๆ’ เหมือนตอนที่เราใช้เครื่องพิมพ์ดีดสมัยก่อน   แถมยังมีหลากสีสันให้เลือก และส่วนใหญ่จะอยู่ในโทนสีพาสเทล แหม่..แอบเอาใจฮิปสเตอร์เหมือนกันนะเนี่ย   ส่วนประกอบภายในคีย์บอร์ดชุดนี้ (เป็นแบบ Mechanical นะจ๊ะ) . .   ลองนึกดูสิว่าถ้าเราได้นั่งพิมพ์งานไป พร้อมกับมีเสียง ‘แต๊กๆๆๆ’ แบบสมัยก่อนไปด้วย ต้องได้อารมณ์วินเทจมากแน่ๆ   แถมยังมีขนาดเล็กกระทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวก ละไม่มีสายเชื่อมต่อให้ดูยุ่งยาก   สำหรับใครที่อยากได้ตอนนี้ทางผู้ผลิตเขาประกาศแจกฟรี 20 อัน เพียงแค่เราเข้าไปลงทะเบียนด้วยอีเมล์ได้ที่เว็บไซต์ Lofree.co…

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2015 เมื่อหนุ่มคนนี้ได้ทำการเล่นสกีแล้วเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง จนทำให้กระดูกไหปลาร้าและซี่โครงของเขาหักไปถึง 4 ซี่ ถือเป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับเขามาก และจะต้องจดจำไปอีกนาน ระหว่างเข้ารับการรักษา เขาต้องใส่เหล็กดามไว้ข้างในร่างกายตัวเองจนอาการหายเป็นปกติ และต้องผ่าตัดเอาเหล็กออก ซึ่งเหล็กนี้เคยอาศัยอยู่ในร่างกายเขามาแล้ว และในครั้งนี้เขาก็อยากจะเอามาสวมไว้ข้างนอกบ้าง     นี่คือภาพสามวันหลังจากเข้ารับการรักษา จะเห็นได้ว่ามีเหล็กยึดอยู่ที่กระดูกไหปลาร้าของเขาแล้ว   และหนึ่งปีต่อมา ถึงคราวที่ต้องเอาเหล็กออกแล้ว ดูรอยแผลของเขาซะก่อน   และนี่คือหน้าตาเหล็กและน็อตที่เคยอยู่ในร่างกายของเขา   ปกติแล้วทางโรงพยาบาลต้องนำไปทิ้ง แต่เขาได้ขอมันไว้เผื่อจะเอาไปทำอะไรบางอย่างได้   และนี่คือแหวนสวยๆ จากเหล็กดามไหล่ของเขา ทำเองทุกอย่างกับมือ เพื่อเป็นการย้ำเตือนว่าชีวิตนี้ได้เจออะไรมาบ้าง   นอกจากนี้เขาได้ยังสลักคำว่า “DON’T FUCK UP” ไว้ข้างในด้วย!!   ก็ถือเป็นการเตือนสติตัวเองอย่างหนึ่งเพื่อไม่ให้ตัวเองทำอะไรที่ประมาทเกินไป แถมยังออกมาเจ๋งอีกด้วย ใครที่มีเหล็กดามอยู่ในตัว ก็ลองเอาไอเดียนี้ไปทำกันได้ ที่มา designyoutrust

อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลขจริงๆ ถ้าคุณรู้จักดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ก็ไม่มีใครสามารถเดาอายุของคุณได้ โดยเฉพาะเหล่าดารารุ่นใหญ่ทั้งหลายที่อยู่ในวงการมานาน จนบางทีเราก็ลืมนับอายุของพวกเขาไปเลย มีดาราหลายคนที่ตอนวัยรุ่นดูดียังไง แก่มาก็ยังดูดีไม่เปลี่ยนแปลง และบางคนก็เพิ่งมาดูดีตอนแก่ก็มีเหมือนกัน เราไปดูกันดีกว่าว่าจะมีใครบ้างที่เรายังไม่รู้ว่าพวกเขาเกิน 50 มาแล้ว   Dylan McDermott เขาโด่งดังจากซีรีส์ “American Horror Story” และตอนนี้เขาอายุได้ 52 ปี แล้ว แต่ดูเหมือนอายุยัง 30 ต้นๆ อยู่เลย   Colin Firth นักแสดงหนุ่มผู้โด่งดังจากเรื่อง Kingsman และ หนังออสการ์อย่าง The King’s Speech ตอนนี้ยังดูเซ็กซี่และหล่อเนี้ยบอยู่เลย   Pierce Brosnan กลายเป็นเซ็กซ์ซิมโบลไปตั้งแต่ยุค 90 แล้วกับบทเจมส์ บอนด์ ซึ่งถึงแม้ตอนนี้จะอายุ 60 แล้วแต่ก็ไม่ต่างจากตอนนั้นเลย   Liam Neeson กลายเป็นอีกหนึ่งดาราคิวบู้ที่ยังเล่นไหวอยู่ถึงแม้อายุจะเกิน 50 แล้ว และก็ยังคงความฮอตไว้ได้   David…

  ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาฟิกเกอร์ได้พัฒนาขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งแบบที่น่าสนใจสุดๆ ก็คงจะเป็นฟิกเกอร์ที่มีตัวเอฟเฟคต่างๆ เพิ่มเข้ามาด้วย แต่ว่าทำไมเราถึงจะหยุดกันอยู๋แค่ฟิกเกอร์ที่มีเอฟเฟกนิ่งๆ ล่ะ? ในเมื่อเราสามารถทำมันได้ดีกว่านั้น เพราะในบางครั้งการมองตัวฟิกเกอร์ที่มีเอฟเฟคต์พลาสติกลอยออกมา มันก็ดูธรรมดาไปในบางครั้ง วันนี้เราเลยจะมาเพิ่มระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยการเอาฟิกเกอร์โงกุนธรรมดาๆ มารวมเข้ากับโฮโลกราฟิกนั่นเอง   ผลงานดังกล่าวเป็นการออกแบบของทาง  ZW Design ซึ่งต้องการออกแบบให้ฟิกเกอร์พระเอกดราก้อนบอลของเราเท่ไปอีกขึ้น เลยบรรจงสร้างเครื่องทรงปิรามิดขึ้นมาโดยเฉพาะ   เอาฟิกเกอร์ธรรมดาๆ ไปวางไว้ตรงกลางเครื่องฉายโฮโลกราฟฟิค   เตรียมชาร์จพลังคลื่นเต่า….   เพิ่มเอฟเฟคต์จากโฮโลกราฟิคเข้าไปอีกขั้นหนึ่ง   ยังไม่พอจัดไฟสีฟ้าเข้าไปอีก เพื่อความสมจริงและโอ้วว้าวมากยิ่งขึ้น   แบบภาพนิ่งมันยังไม่พอ จัดแบบภาพเคลื่อนไหวจากแชแนล ZW Design ไปเลย   นอกจากโงกุนแล้ว ซาสึเกะก็มีนะเออ…   เท่ไม่ยอกเลยทีเดียว ไม่คิดว่าแค่เพิ่มโฮโลกราฟฟิกเข้าไปจะเปลี่ยนฟิกเกอร์ธรรมดาๆ ให้ดูดีได้ขนาดนี้ยิ่งถ้าเพิ่มเสียงเข้าไปจะยิ่งแจ่มสุดๆ เลยล่ะ ที่มา rocketnews24

หลายๆ คนน่าจะชื่อชอบห้วงอวกาศหรือกาแล็กซี่อะไรพวกนี้ แล้วก็มีของสะสมเป็นของใช้ต่างๆ เช่นเสื้อ กางเกง รองเท้า หมวก หรืออื่นๆ อีกมากมาย แต่รับรองได้ว่าไอเทมประเภทนี้จะต้องยังไม่มีอยู่ในคอลเลคชั่นแน่นอน ของที่เรากำลังพูดถึงอยู่มันก็คือ กางเกงใน นั่นเอง ซึ่งเจ้ากางเกงในคอลเลคชั่นนี้จะมาพร้อมกับลานกาแล็กซี่ที่สวยงาม แถมยังสามารถเรืองแสงในที่มืดได้ด้วย!!   ดูดีใช่ไหมล่ะ?     เจ้ากางเกงในเรืองแสงนี้ ออกแบบโดย Make It Good Apparel ร้านค้าเสื้อผ้าในโอเรกอน ซึ่งทำสินค้าของทั้งผู้ชายและผู้หญิง ทำให้กางเกงในนี้ก็เลยมีของทั้งสองเพศด้วย ใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติม รวมถึงเลือกซื้อกันได้ที่ร้าน makeitgoodapparel  กันได้เลยครับ…   แบบขาสั้นก็มีนะ หรือจะเป็นแบบขายาวดี?   ของผู้ชายก็มีเช่นกัน แต่ว่าเหมือนจะมีแค่แบบเดียวเนี่ยสิ ไฮไลท์หลักก็คือตอนเรืองแสงนี้แหละ สวยฟรุ้งฟริ้งเชียว   ก็เรียกได้ว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงแม้เราจะไม่ค่อยได้ใส่กางเกงในโชว์ใครก็เหอะ แต่ถ้าใครที่ชอบแนวนี้อยู่แล้ว ก็น่าโดนไม่น้อย!!!   ที่มา boredpanda

บนโลกของเรานั้นยังมีวัฒนธรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจเกิดขึ้นอยู่มากมาย และหมู่บ้านที่ถูกปกคลุมไปด้วยภาพวาดดอกไม้สีสันสดใสเองก็เช่นกัน หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในประเทศโปแลนด์ มีชื่อว่า Zalipie ถูกปกคลุมไปด้วยภาพวาดดอกไม้มากมาย จนกลายเป็นแรงดึงดูดใจเหล่านักท่องเที่ยวทั้งหลายให้ไปเยี่ยมเยือน     เมื่อนานมาแล้วมีผู้อยู่อาศัยลงมือเพ้นต์ดอกไม้ลงบนฝาบ้านเพื่อปกปิดคราบเขม่าที่เกิดขึ้นจากเตาไฟจากการสร้างความอบอุ่น หรือทำครัว ในตอนแรกมีแค่บางบ้านเท่านั้นที่ทำแบบนี้ แต่ภายหลังทั้งหมู่บ้านก็ถูกปกคลุมไปด้วยภาพวาดดอกไม้แสนงดงามทั้งหมด     ไม่ว่าจะเป็น โรงนา คอกสัตว์ โบสถ์ และสะพาน จนกลายเป็นวถีชีวิตของคนในหมู่บ้าน ในทุกๆ ช่วงฤดูใบไม้ผลิตั้งแต่ปี 1948 หมู่บ้านแห่งนี้จะมีการแข่งขันกันวาดภาพดอกไม้ลงบนฝาผนังบ้าน ที่ชาวท้องถิ่นเรียกกันว่า ‘Malowana Chata’ เดิมทีการแข่งขันนี้จัดขึ้นก็เพื่อฟื้นฟูความเสียหายที่ชาวโปแลนด์ได้รับจากความโหดร้ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2     จนถึงทุกวันนี้หมู่บ้าน Zalipie ได้ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากมาเป็นที่เรียบร้อย และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศโปแลนด์เลยล่ะ หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศโปแลนด์ ห่างจากตัวเมือง Kraklow ประมาณ 90 นาทีเท่านั้นเอง หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากไปเยี่ยมชม และอยากสร้างความทรงจำในรูปแบบที่ไม่ซ้ำใคร ก็สามารถลองไปแวะชมกันได้นะ     แม้แต่สะพานก็ถูกประดับตกแต่งไปด้วยลายดอกไม้ . . . .  …

การที่ใครซักคนหนึ่งจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนพฤติกรรมการกินจุกกินจิก และเริ่มออกกำลังกายเพื่อลดไขมันส่วนเกินตามร่างกายของตัวเอง ให้มีรูปร่างที่สมส่วนมากขึ้น เรียกได้ว่าต้องใช้ทั้งความพยายาม และแรงบันดาลใจอย่างสูงเลยล่ะ เช่นเดียวกับ ‘Tilitha Rogers’ สาววัย 24 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้เธอเคยหนักมากถึง 130 กิโลกรัม แต่ทว่าวันหนึ่งเธอได้มีโอกาสเดินทางไปท่องที่ยวที่ยุโรป เธอกลับพบว่าตัวเองอ้วนเกินกว่าที่จะนั่งบนเก้าอี้ผู้โดยสารของสายการบินได้ และนั่นคือจุดเปลี่ยนในชีวิตเธอ   Tilitha Rogers ในอดีต   “หลังเหตุการณ์บนเครื่องบิน ทำให้ฉันคิดได้ว่าคงไม่มีใครอยากจะอยู่อย่างอึดอัดแบบนี้ตลอดไปแน่นอน และนั่นเป็นเหมือนโมเม้นต์ที่ทำให้ฉันรู้สึกปิ๊งขึ้นมา ก่อนที่จะลงมือลดความอ้วน” เธอเล่า เธอต้องต่อสู้กับปัญหาน้ำหนักที่มากเกินไปตั้งแต่วัย 12 ปี ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกเกลียดตัวเอง และกลายเป็นว่าเธอกินมากกว่าเดิมซะอีก   ไม่น่าเชื่อว่าเธอสามารถลด 65 กิโลฯ ภายใน 11 เดือน   ส่วนวิธีการลดน้ำหนักของเธอนั้น เธอเลือกที่จะตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกายเท่านั้น “ฉันไม่เลือกที่จะอดอาหารหรอกค่ะ แบบนั้นไม่ไหวแน่ๆ แต่ฉันลดปริมาณอาหาร และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่มีน้ำตาลสูง นั่นแหละค่ะตัวการสำคัญของไขมันส่วนเกิน” เธอเล่า นอกจากนั้นแล้วเธอเลือกที่จะหันไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยการวิ่ง หรือว่ายน้ำอย่างเป็นประจำ   อาหารเช้าจากสุขภาพ จากเดิมที่เคยเป็นฟาสต์ฟู๊ด  …

ในปัจจุบันเทคโนโลยีของโลกเรานั้นพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งทำให้พวกเราถึงกับตามไม่ทันเลยทีเดียว…   และนี่ก็ถือเป็นข่าวดี (รึเปล่า!?) สำหรับศิลปินทั้งหลาย เพราะต่อไปนี้พวกนายจะไม่ต้องลงสีภาพวาดด้วยตัวเองอีกต่อไปแล้ว!! ด้วยโปรแกรมอัจฉริยะที่เรียกว่า Paints Chainer ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยวิศวกรเครื่องกลนามว่า @tai2an     เจ้าโปรแกรมดังกล่าวจะช่วยลงสีให้กับภาพวาดของเราผ่านหน้าเว็บไซต์ ที่เราต้องทำก็ไม่มีอะไรมาก แค่อัพโหลดภาพลงไป ไกด์สีให้กับเจ้า Paints Chainer โดยเอาไปแต้มเป็นจุดๆ จากนั้นมันก็จะลงสีให้เราตามที่ต้องการ นอกจากนี้เจ้าโปรแกรมดังกล่าวยังสามารถลงสีให้เราได้เองโดยที่ไม่ต้องไกด์ให้ เพียงคลิ๊กที่ปุ่ม Colouriser แค่นี้มันก็จะคำนวณและลงสีภาพให้กับเราจนออกมาสวยงามโดยที่ไม่ต้องเหนื่อยเลย   ไม่ว่าจะเป็นภาพสเก็ตช์ก็สามารถทำให้มีสีสันได้   ไกด์สีให้กับโปรแกรมเพื่อให้มีการใส่รอยยับ มุมตกกระทบของแสง ทำให้ภาพดูสวยงามยิ่งขึ้น   ราวกับลงสีน้ำด้วยมือของตัวเองเลย     หากอยากได้สีตามที่ต้องการก็แค่ขีดๆ เพื่อไกด์ให้โปรแกรมลงสีตามที่เราต้องการ   สีผิว และริมฝีปากก็ทำออกมาได้แนบเนียน ราวกับศิลปินทำเอง     ลองเปรียบเทียบระหว่างการลงสีของ Chainer กับการลงสีเอง ก็ถือว่าไม่เลวเลยนะเนี่ย   หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากทดลองความเจ๋งของเจ้าโปรแกรมอัจฉริยะนี้ก็สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ Paints Chainer ได้เลยนะจ๊ะ   แหม่ อะไรจะง่ายดายปานนี้ เชื่อเลยว่าในอนาคตมันจะถูกพัฒนาจนทำออกมาได้เนียน…

ปกติทั่วไปแล้วบ้านหลังหนึ่ง มักจะถูกสร้างขึ้นจากวัสดุก่อสร้างที่ใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็นพวกอิฐ ปูน เหล็กกล้า ฯลฯ แบบที่แหวกแนวหน่อยในบ้านเราก็เห็นจะเป็น บ้านดิน ทำนองนี้เป็นต้น แต่คราวนี้เราจะไปกันที่เมือง Rockport รัฐเมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐฯ ที่ๆมีบ้านอยู่หลังหนึ่ง นอกจากความเก่าที่มีมาตั้งแต่ยุค 1922 แล้ว อีกความพิเศษหนึ่งก็คือทั้งหลังถูกสร้างขึ้นมาจากหนังสือพิมพ์ล้วนๆ!!   ดูเผินๆก็เหมือนบ้านทั่วไป แต่ทว่ามันถูกสร้างขึ้นจากหนังสือพิมพ์ ที่เคลือบเงา และกาวโฮมเมด (ยกเว้นก็แต่ปล่องไฟที่ใช้อิฐสร้าง)   เดิมทีบ้านหลังนี้เป็นของ ‘Elis Stenman’ วิศวกรเครื่องยนตร์ ผู้ต้องการสร้างบ้านด้วยต้นทุนแสนประหยัด ในช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หรือเรียกว่า ‘Great Depressions’ ขึ้น   กาวสำหรับติดหนังสือพิมพ์ ก็เป็นกาวที่เขาทำขึ้นเองโดยใช้ น้ำ, แป้ง และเปลือกแอปเปิ้ล มาผสมกัน   ไม่ใช่แค่ตัวบ้านเท่านั้น แม้แต่เฟอร์นิเจอร์ด้านในก็ถูกสร้างขึ้นมาจากหนังสือพิมพ์เช่นกัน   คาดกันว่าต้องใช้หนังสือพิมพ์มากถึง 100,000 ฉบับ กว่าจะออกมาเป็นบ้านทั้งหลังแบบนี้ได้   แม้แต่โซฟา เก้าอี้ หรือโต๊ะทานอาหาร ก็ล้วนทำมาจากกระดาษหนังสือพิมพ์…

ลองนึกดูสิว่าเราจะรู้สึกสนุกมากขึ้นขนาดไหน ถ้าหากว่าเราได้เข้าไปมีส่วนร่วมการปลูกไม้ประดับบ้านที่นอกเหนือจากการแค่รดน้ำเช้าเย็น แต่เรายังได้เป็นคนออกแบบความเก๋ไก๋ของพรรณไม้ก่อนที่มันจะเลื้อยออกมาอยู่นอกแจกัน ‘Wig Flower Vase’ คือไอเดียการนำเอากระถางไม้ดอกแบบเดิมที่แสนจะน่าเบื่อ มาเติมให้เต็มไปด้วยลูกเล่นและความสนุกมือที่ผู้ปลูกจะได้รับ เพราะมันมาในรูปจำลองหัวคนส่วนพืชพรรณที่จะงอกออกมาก็จะคอยทำหน้าที่คล้ายกับทรงผม งานนี้จะไม่ให้สนุกมือผู้ปลูกได้ไงล่ะ เราอยากได้ทรงผมแบบไหนก็ลงมือตัดแต่งกันได้อย่างเต็มที่เลย!!   ไม่ว่าจะหัวฟู หัวหยิก หรือ หัวหยอย ก็ได้ทั้งน๊านนน   ผลงานการออกแบบแจกันสุดแปลกนี้เป็นของ ‘Tania da Cruz’ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากภาพคนในแบบของศิลปิน ‘Amedeo Modigliani’   ‘Amedeo Modigliani’ และผลงานภาพวาดของเขาที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับแจกันทั้งหมดนี้   จะทำทรงผมให้ใกล้เคียงกับความเป็นมนุษย์ป้าแบบนี้ก็ได้นะ   หรือจะเอามาตกแต่งด้วยดอกไม้แบบนี้ก็ได้เหมือนกัน   แต่เห็นแบบนี้ราคาก็เอาเรื่องใช้ได้ เพราะจากเว็บไซต์ Crowdyhouse วางขายอยู่ที่ใบละ 12,000 บาท   การที่ราคามันสูงกว่าปกติอาจเป็นเพราะแจกันทุกใบ เป็นของแฮนด์เมด ทุกอันถูกหล่อหลอมขึ้นมาจากคนงานภายในครอบครัวชาวอิตาลี ช่วยกันทำขึ้นมา   ส่วนวัสดุที่ใช้ก็ใช้เครื่องเคลือบดินเผาแบบสไตล์อิตาลี   แต่ถ้าเป็นสีดำแบบนี้ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 22,000 บาท เท่านั้นเอ๊ง!!   ถ้าใครมองหาไอเท็มแต่งบ้านสุดชิคชิ้นใหม่ไม่ซ้ำใครล่ะก็ เราขอแนะนำให้คลิกเข้าไปซื้อจากเว็บไซต์ Crowdyhouse…

ใครต่างก็อยากจะมีรักแท้รักเดียว ที่เป็นรักนิรันดร์ และจะอยู่คู่กันตราบชั่วฟ้าดินสลายทั้งนั้นแหละ (น้ำเน่าได้อีก) เพราะคงไม่มีใครอยากผิดหวังกับความสัมพันธ์ที่ไปไม่รอดซ้ำแล้วซ้ำอีกใช่ไหมล่ะ? แต่เรื่องราวความรักของทั้งสองคนที่เราเอามาเล่าสู่กันฟังนี้ มันไม่ได้มีความวิเศษวิโสอะไรมากนักหรอก เพียงแต่ว่าวิธีการโพสท่าถ่ายรูปแบบเดิมๆของพวกเขา มันช่างน่าอิจฉาซะเหลือเกิน ก็แหม… โพสท่าเดิมตั้งแต่สมัยเรียนเพิ่งเริ่มคบกัน มาจนถึงวันที่ได้แต่งงานกันเป็นฝั่งเป็นฝา เห็นแล้วก็อยากมีคนรู้ใจแบบนี้กับเค้าบ้าง ><   ในสมัยที่ยังเป็นนักเรียน พวกเขาเพิ่งคบหาดูใจกันได้ไม่นาน บ่อยครั้งทั้งคู่มักจะถ่ายภาพร่วมกันออกมาเป็นแบบนี้ (เหมือนผู้หญิงต้องบังคับให้แฟนหนุ่มมาถ่ายด้วยเลยเนาะ)   พอโตขึ้นมาหน่อยในคืนงานพรอม พวกเขาก็ยังคบหากันอยู่ และแน่นอนว่าไม่ลืมที่จะถ่ายรูปด้วยท่าทางแบบเดิมๆ   และในที่สุดจนถึงช่วงเวลาที่พวกเขาแต่งงานกัน เจ้าบ่าวเจ้าสาวขอถ่ายรูปให้เหมือนกับภาพแรกที่คบกันซักหน่อยนะ   คบกันตั้งแต่เรียนจนแต่งงานแบบนี้ มีเหรอชาวเน็ตจะไม่อิจฉา เราไปดูปฏิกริยาจากทวิตเตอร์กันบ้าง…   “โอ๊ยยพวกเธอช่างน่ารักได้อีก เมื่อไหร่ฉันจะได้เจอคนรักแบบนี้บ้างนะ?”   เพิ่มดีกรีความน่าอิจฉาด้วยภาพตัดเค้กของทั้งคู่ซะเลย   ถึงแม้บางคนจะเพ่งจุดสนใจไปที่ฝ่ายชายว่าเขาชอบท่านี้ แต่ประเด็นหลักจริงๆแล้วคือการที่ทั้งคู่ร่วมกันสร้างภาพเก่าขึ้นมาใหม่อีกครั้งต่างหากล่ะ   โอ๊ยอิจฉาอย่างแรง ไหนขอมือคนโสดมาเป็นกำลังใจให้กันหน่อยเร๊ววว…ฮิ้ววว!! ที่มา: Distractify

เชื่อว่าชาวเน็ตทั้งหลายคงเคยเห็นภาพลวงตา ที่มักจะมีคนนำมาแชร์บนโลกอินเตอร์เน็ตกันหลายต่อหลายภาพแล้วใช่ไหมล่ะ? บางภาพเมื่อมองแล้วก็เกิดความสงสัยว่า เอ๊ะ…ทำไมมันถึงขยับได้ มันเป็นภาพ Gif รึเปล่า? แล้วทำไมมันถึงสามารถลวงตาเราได้ ซึ่งอันที่จริง #เหมียวบ็อบ ลองดูแต่ละภาพแล้วไม่ใช่ภาพ Gif ขยับดุ๊กดิ๊กแต่อย่างใด ทว่าเป็นภาพที่สร้างมาเพื่อหลอกให้ดวงตาและสมองของเราเห็นเป็นแบบนั้นมากกว่า เอาเป็นว่าเพื่อเป็นการแก้เบื่อฆ่าเวลา เราไปชม 14 ภาพลวงตาในตำนาน ที่หลายคนคงเคยเห็นกันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อยแหละนะ   Fraser’s Spiral ถ้าเรามองที่จุดตรงกลางจะพบว่ามันสามารถขยับได้ อันที่จริงแล้วส่วนที่ลวงตาเกิดจากสีที่ทับซ้อนกันบริเวณเกลียวที่วนรอบออกมา และจุดสีม่วงทึบตรงกลางนั่นแหละ คือส่วนที่ทำให้มันลวงตาเราได้   The Ebbinghaus illusion ภาพอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของวงกลมนี้ ถูกตั้งชื่อตามนักจิตวิทยาชาวเยอรมัน ‘Hermann Ebbinghaus’ ซึ่งเป็นภาพที่วงกลมทั้งสองวงขนาดเท่ากัน แต่ดูเหมือนมีขนาดต่างกัน   Impossible Cube illusion ภาพสี่เหลี่ยมลูกบาศก์นี้ถูกสร้างขึ้นโดย ‘Charles Cochran’ เมื่อปี 1966 จากในภาพเราจะเห็นได้ว่ามีมุมอยู่ 2 มุมที่ทำให้เรารู้สึกงงงวยเหลือเกิน   Zöllner illusion ภาพของเส้นคู่ขนานกันสองเส้นที่มีความเอียงต่างกัน ซึ่งทำให้มันดูเหมือนว่าเส้นหนึ่งตั้ง และอีกเส้นหนึ่งนอน รูปแบบภาพลวงตานี้…

บนโลกของเรานั้นมีพื้นที่กว้างใหญ่มากมายมหาศาล ทำให้การที่จะมีเหตุการณ์ประหลาดๆ เกิดขึ้นบนโลกของเรานั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด และในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมความงดงามของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หากใครได้เห็นก็อาจจะเข้าใจผิดได้ว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ จะมีอะไรบ้างเราลองไปชมพร้อมๆ กันที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   1. Light Pillars ปรากฏการณ์เสาไฟ เป็นปรากฏการณ์ที่เกี่ยวกับการมองเห็น เกิดจากแสงสะท้อนจากแสงอาทิตย์หรือแสงจันทร์ที่ตกกระทบกับผลึกน้ำแข็งที่อยู่บนชั้นบรรยากาศของโลก เจ้าเสาแสงนี้จะมีลักษณะเป็นลำแสงเล็กๆ บางๆ ที่ตั้งตรงเป็นแนวตั้ง มีช่วงหนึ่งที่ผู้คนเชื่อกันว่ามันคือลำแสงของยาน UFO จนสามารถหาหลักการทางวิทยาศาสตร์มาหักล้างความเชื่อนี้ออกไปได้   2. Sailing Stones ปรากฏการทางธรณีวิทยาที่ดูเหมือนกับว่าก้อนหินสามารถเคลื่อนตัวไปได้เอง พร้อมกับทิ้งร่องรอยไว้บนทางโดยไม่ได้เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ หรือว่าสัตว์แม้แต่น้อย   3. Christmas Island’s Red Crabs ในแต่ละปี เจ้าปูแดงเป็นจำนวนกว่า 43 ล้านตัว จะทำการอพยพจากผืนดินเพื่อไปวางไข่ในมหาสมุทร ในช่วงนั้นประชากรบนเกาะ Christmas ที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย จะเห็นปูแดงเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ปู ปู และก็ปู เต็มไปหมด ซึ่งการอพยพนี้จะกินระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์เต็มๆ     4. Dirty Thunderstorms กลุ่มควันที่เต็มไปด้วยสายฟ้าบนปากปล่องภูเขาไฟนี้เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เห็นแล้วทำให้รู้สึกขนลุกขนพอง ราวกับเป็นทางเข้าสู่ขุมนรก เกิดจากการที่ หิน น้ำแข็ง และแร่ธาตุอื่นๆ…

Qatar Airways จัดว่าเป็นอีกหนึ่งสายการบินในระดับต้นๆ ของโลก และมักจะได้รางวัลสุดยอดสายการบินอยู่เป็นประจำ อย่างล่าสุดในการจัดอันดับของ WAW ก็คว้าอันดับ 2 ของปีล่าสุดมาได้… แล้วเคยสงสัยกันบ้างไหมล่ะว่า บริการระดับเฟิร์สคลาสของสายการบินนี้จะเป็นยังไง? เอาเป็นว่าทางเว็บไซต์ ThisisInsider ได้รวบรวมรูปภาพจากการบริการสุดหรูทั้งหมดมาให้ได้ชม โดยที่เราไม่ต้องลงทุนเสียตังซักบาท (แต่ถ้าอยากสัมผัสประสบการณ์จริง ก็คงต้องทุ่มทุนกันหน่อยละนะงานนี้)   เครื่องบิน A380 ที่จะพาทุกท่านขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างมีระดับ   บริการระดับเฟิร์สคลาสของที่นี่ การันตีด้วยรางวัลมากมาย…   ก่อนอื่นเลยเมื่อเช็คอินที่สนามบินแล้ว สายการบินจะยินดีต้อนรับคุณเข้าสู่ห้องรับรองสุดหรู ในภาพนี้เป็นตัวอย่างของเลาจน์ที่สนามบินในกรุงลอนดอน   ที่ห้องรับรองแห่งนี้มีทุกอย่างคอยให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นของทานเล่น อาหาร หรือเครื่องดื่ม   ไม่ว่าจะเป็นอาหารเช้า สาย บ่าย หรือเย็น คุณลูกค้าสามารถสั่งอาหารร้อนๆ มาทานพร้อมกับแชมเปญสุดหรูได้ตลอดเวลา   ตัวอย่างอาหารมื้อเย็นจากห้องรับรองลูกค้า ราวกับอยู่ในโรงแรมระดับ 5 ดาวเลยหล่ะ   อีกทั้งห้องรับรองยังมีขนาดกว้างขวาง มีคอมพิวเตอร์ เครื่องปริ้นท์  ที่ชาร์จแบตฯ และไวไฟคอยให้บริการอย่างครบครัน   ต่อไป…มาขึ้นเครื่องกันบ้าง นี่คือภาพแรกที่คุณจะได้เห็นถ้าหากเดินทางด้วยชั้นเฟิร์สคลาส   เบาะที่นั่งผู้โดยสาร…

ในวันที่ 26 มกราคมของทุกปี ถือเป็น ‘วันชาติ’ ของประเทศอินเดียเป็นวันที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญอันแสดงให้เห็นว่าอินเดียเป็นประเทศที่มีอธิปไตยและเป็นสาธารณรัฐอย่างสมบูรณ์ ทำให้ความฝันของท่านมหาตมา คานธี บิดาแห่งประชาชาติของอินเดียและผู้ที่ต่อสู้เสียสละพลีชีพเพื่อเอกราชของประเทศกลายเป็นความจริง ดังนั้น ในวันที่ 26 มกราคม จึงได้รับการประกาศให้เป็นวันชาติและเป็นวันหยุดตั้งแต่นั้นมา สำหรับในวันนี้ก็จะมีกิจกรรมต่างๆ เพื่อเฉลิมฉลองไปทั่วประเทศ และส่วนที่เป็นไฮไลท์หรือที่จับตามองที่สุดก็คือขบวนพาเหรดรถมอเตอร์ไซค์ผาดโผน ที่จะมาโชว์ให้เหล่าชาวประชาได้รับชมนี่แหละ     เหล่าเจ้าหน้ารักษาดินแดนที่ได้ทำการฝึกซ้อมเพื่อการแสดงผาดโผนนี้กันมาอย่างหนักหน่วง… ในทีมของเหล่าสตั๊นท์แมนทั้งหลายนั้นถูกตั้งชื่อว่าทีม “Daredevil” และรับหน้าที่ในการจัดแสดงโชว์ท่าขี่มอเตอร์ไซค์แบบหวาดเสียวมาให้เห็นกันในทุกๆ ปี ซึ่งในแต่ละปีก็จะมีเทคนิคต่างๆ มาให้ทุกคนได้ชมกันอยู่เสมอ และสำหรับในปี 2017 นี้เองก็เช่นกัน     ไม่ว่าจะเป็นการต่อตัวกันบนรถมอเตอร์ไซค์ พร้อมกับมีการยืนทรงตัวข้างบน สร้างความหวาดเสียวให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก   เอาบันไดมาต่อเพื่อขึ้นไปยืนข้างบนก็ได้นะเออ!! ที่มากไปกว่านั้นมีการหมุนติ้วๆ ด้วย (เห็นแล้วเวียนหัวแทน ฮร่า)   ลองไปชมคลิปขบวนพาเหรดกันแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้…   ระ ระ ร้ายกาจจจ (ได้สติ้กเกอร์ตัวข้างล่างมาใหม่ ขอใช้เลยละกัน ฮร่าา) ที่มา : rocketnews24

สำหรับสังคมยุคปัจจุบันนั้น สาวๆ หลายคนต่างก็หันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับที่ประเทศมอริเตเนียกลับมีมุมมองด้านความสวยความงามที่แตกต่างกันออกไป ประเทศมอริเตเนีย หรือสธารณรัฐอิสลามมอริเตเนีย ตั้งอยู่ในทวีปแอฟริกา ใช้ภาษาฝรั่งเศสและภาษาอาหรับเป็นภาษาราชการ     ในประเทศมอริเตเนียจะมีวัฒนธรรมแปลกๆ อย่างหนึ่ง ก็คือผู้หญิงจะไม่สามารถดึงดูดผู้ชายได้เลยหากเธอไม่มีพุง หรือมีน้ำหนักมากพอ!! เพื่อให้แน่ใจว่าสาวๆ จะเป็นที่หมายปองของเหล่าหนุ่มๆ พ่อแม่จะส่งลูกให้ไปอยู่ที่ฟาร์ม ที่ซึ่งสาวๆ จะสามารถทานอาหารในปริมาณมากถึง 16,000 แคลอรีในแต่ละวันได้หากเธอต้องการ หรือแม้แต่สามีก็จะมีการบังคับให้ภรรยากินดื่มอาหารเป็นปริมาณมากไม่ว่าจะเป็นนม เนย หรือเนื้อสัตว์ต่างๆ เพื่อขุนให้ผู้หญิงนั้นอ้วนท้วนสมบูรณ์ ที่ทำแบบนี้เพราะว่าความอ้วนนั้นแสดงถึงความมั่งคั่ง และความสวยงาม     ด้วยเหตุนี้เองทำให้ผู้หญิงหลายๆ คนมีอาการป่วยเป็นโรคอ้วน เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง และมีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร เท่านั้นยังไม่พอยังมีความเสี่ยงในเรื่องของการตั้งครรภ์ด้วย แต่ปัจจุบันก็เริ่มมีกระแสออกมาต่อต้านถึงวัฒนธรรมดังกล่าว Houriya Mint Chérif ผู้รายงานข่าวที่มีชื่อเสียงของประเทศ Mauritanian ได้ให้ความเห็นว่า “การบังคับให้เพิ่มน้ำหนักนั้น เป็นวัฒนธรรมที่มีมาแต่โบราณ เป็นความทรงจำในอดีตที่แสนเลวร้าย หากผู้หญิงต้องการที่จะมีหุ่นอ้วนก็เพียงเพื่อจะได้สวมชุด M’lahfa ได้ดูดีก็เท่านั้นเอง” (ชุด M’lahfa นั้นเป็นชุดพื้นเมืองของชนเผ่า Mauritania ผู้หญิง) และกระแสต่อต้านนี้ถูกนำทัพโดย Aminata Mint Mound…

การสัก ถือเป็นอีกหนึ่งงานศิลปะที่มีความงดงาม โดดเด่น มีลวดลายที่น่าสนใจหลากหลายรูปแบบ สำหรับใครที่ชื่นชอบการสักเป็นชีวิตจิตใจ ในวันนี้ #เหมียวขี้อ้อน ได้นำชุดภาพผลงานการสักแบบเจ๋งๆ จากศิลปินชาวบราซิลนามว่า Brian Gomes มาฝาก ซึ่งผลงานศิลปะการสักของศิลปินท่านนี้ ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่ได้มีแต่ความงดงามเพียงเท่านั้น แต่มันได้รับแรงบันดาลใจมาจากชนเผ่าโบราณอะเมซอนอีกด้วย “ผมได้รับแรงบันดาลใจจากงานกราฟิกแบบพื้นเมืองของบราซิล ไม่ว่าจะเป็น รูปทรงเรขาคณิต รวมไปถึงการผสมผสานสถาปัตยกรรมในวัฒนธรรมอิสลาม รวมถึงรูปแบบโอเรียนเต็ล” เขากล่าว     นอกจากนี้ ฝีมือในการสักของเขานั้น ยังทำให้เราได้เห็นถึงความไม่ธรรมดา เพราะงานสักแต่ละชิ้นมันมีทั้งความสวยงาม และมีลวดลายที่ละเอียดลออมาก อีกทั้งยังมีความคลาสสิคอีกด้วย ลองคิดดูสิหากความคลาสสิคเหล่านี้มาอยู่บนร่างกายของเรา เชื่อเถอะว่ามันจะยิ่งช่วยเปล่งความงดงามมากขึ้นไปอีก…   และนี่คือผลงานส่วนหนึ่งของเขา   เพราะผลงานที่ไม่ธรรมดา จึงทำให้ศิลปินคนนี้มีผู้ติดตามในอินสตาแกรมมากกว่า 66,000 คนเลยทีเดียว ส่วนเพื่อนๆ คนไหนอยากจะรับชมผลงานอื่นๆ ของเขาเพิ่มเติม ก็สามารถคลิกเข้าไปในอินสตาแกรม briangomes และเฟสบุ๊ค briangomestatuagem ได้เลย ที่มา : boredpanda

เชื่อว่าทุกคนที่ผ่านการเรียนโรงเรียนอนุบาลต้องเคยแอบเอาของเล่นไปเล่นที่โรงเรียนแน่ๆ จากประสบการณ์ตรงคือเอาไปแล้วเพื่อนเอาไปเล่น แล้วก็หายไปเลย กลับมานึกอีกทีก็รู้สึกเสียดาย คุณแม่ Melissa Kaseman ก็เป็นคนหนึ่งที่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ เมื่อเธอกำลังจัดกระเป๋าของลูกอยู่ ก็ได้เห็นข้าวของแปลกๆ ที่ลูกเอาใส่ไว้ข้างใน     เธอเห็นของเหล่านั้น แต่เธอก็ไม่รู้ไม่รู้ว่าลูกเอาของเหล่านี้มาจากไหน เธอก็เลยตัดสินใจสร้างโปรเจคต์หนึ่งขึ้นมา แทนที่จะเอาของเหล่านั้นทิ้งไป โปรเจกต์นี้มีชื่อว่า “Preschool Pocket Treasures” ซึ่งเธอได้ไปตามถ่ายภาพสิ่งของที่เจอจากกระเป๋าเด็กๆ ถ่ายออกมาในสไตล์มินิมอล จัดเรียงสวยงามและเข้าใจได้ง่าย   คุณแม่ Melissa Kaseman เป็นช่างภาพอยู่ใน Seattle เธอได้เรียนถ่ายภาพมาจากมหาวิทยาลัยในเนเธอร์แลนด์ โดยส่วนมากเธอมักจะถ่ายภาพการตกแต่งภายในสายสถาปัตยกรรม และภาพถ่ายบุคคลทั่วไป   แต่เมื่อลูกชาย Calder เข้าโรงเรียนอนุบาล เธอก็กลับมาถ่ายภาพสิ่งที่ลูกเอากลับมาจากโรงเรียนทุกวัน แล้วก็พบว่าของเหล่านั้นมักจะมีโทนสีและพื้นผิวคล้ายๆ กัน   และสิ่งที่เจอในกระเป๋าแต่ละวันมันก็เข้ากันเป็นอย่างมาก เธอก็เลยอยากใช้รูปพวกนี้เป็นตัวบันทึกช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตของลูกชาย   อีกทั้งลูกของเธอก็ยังภูมิใจมากๆ กับการถ่ายภาพครั้งนี้   และนี่คือผลงานของคุณแม่และลูกชาย ที่มา thisisinsider

เก้าอี้ถือเป็นอีกหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่ทุกบ้านต้องมี ไม่ว่าจะเป็นห้องรับแขก ห้องครัว ห้องนอน บางบ้านยังมีอยู่ในห้องน้ำด้วย มันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก แต่วันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปพบกับเก้าอี้ที่ออกแบบมาได้ล้ำไม่เหมือนใครมากๆ เพราะคุณจะได้เห็นอาหารจานโปรดของคุณทุกที่ทุกเวลา แถมยังสามารถนั่งลงไปได้ด้วย นี่เป็นไอเดียของศิลปินที่ชื่อว่า Haris Justovic ที่ได้ออกแบบเก้าอี้อาหารเหล่านี้ขึ้นมา โดยได้ต้นแบบมาจากอาหารยอดฮิตที่เราชอบกัน แล้วก็ดัดแปลงมาเป็นเก้าอี้ทรงทั่วไป แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นอาหารไว้ได้อยู่   ไม่ว่าจะเป็นขนมหวานอย่างช็อคโกแลต   หรือการคั้นน้ำกะทิ ก็เป็นเก้ากี้ที่ดูเก๋ๆ ได้   ส่วนอาหารคาวอย่างสปาเก็ตตี้ ก็ขดออกมาเป็นขาเก้าอี้   หรือกระทั่งเก้าอี้เลียนแบบไข่ที่ตอกครึ่งหนึ่ง   ถ้าชอบผลงานที่เขาออกแบบมาก็ลองไปติดตามกันได้ที่อินสตาแกรม Haris Justovic  ที่มา Apartment Therapy

อีกหนึ่งนักร้อง – นักแสดง ระดับโลกที่เรามักจะได้เห็นตามหน้าสื่อฝรั่งอยู่บ่อยๆ ก็คือ ‘ไมลี่ ไซรัส’ เนี่ยแหละ ก่อนหน้านี้เคยมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ที่พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของเธอ ก็แหม…เปิดตัวมาตอนแรกจากการเป็นสาวน้อยในสังกัดดิสนีย์สุดน่ารัก แต่ตอนนี้ขอบอกเลยว่าเธอไปไกลกว่านั้นเย๊อะ!! จะว่าไปแล้วคนเราก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และช่วงวัยอายุนั่นแหละถูกแล้ว คราวนี้เราจะพาย้อนจากอดีตแล้วมาจบที่ปัจจุบัน เกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของเธอคนนี้ เอาเป็นว่าตามไปชมพร้อมๆกันเลย   ปี 2006 กับการปรากฏตัวครั้งแรกของเธอบนพรมแดงในงานของช่องดิสนีย์   ช่วงนั้นเธอยังอายุได้เพียง 14 ปีอยู่เลย ส่วนภาพนี้จากงาน ‘American Music Awards’   ในปีเดียวกัน กับงานประกาศรางวัล ‘CMA Awards’   ปี 2007 กับสีสันที่ดูฉูดฉาดมากขึ้นในงานของ ‘MTV’   ในปีนี้เธอยังได้รับรางวัลจากงาน ‘Teen Choice Awards’ สาขา ‘Choice TV Actress’ และ ‘Choice Summer Music Star’ เรียกได้ว่าครบเครื่องจริงๆเธอคนนี้   ปีต่อมา…

โลกของเราประกอบไปด้วยชนเผ่ามากมายหลายกลุ่ม กระจัดกระจายกันอยู่ทั่วโลก แต่ทว่าหนึ่งในชนเผ่าที่มีความยูนิคด้านแฟชั่นมากที่สุด เราต้องขอยกให้กับเผ่าเหล่านี้ จากประเทศเอธิโอเปีย ภาพถ่ายทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของช่างภาพสาวชาวเลบานอน ‘Omar Reda’ เธอได้เดินทางไปยังหุบเขา ‘Omo’ เพื่อศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมของชนเผ่าแห่งนี้ แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การที่พวกเขาประดับประดาร่างกายให้เต็มไปด้วยสิ่งของมากมายแบบนี้นั้น ก็เพื่อการไม่ยอมตกเป็นทาสในยุคสมัยก่อนนั่นเอง   แผนที่บริเวณหุบเขา ‘Omo’   ย้อนกลับไปในยุคล่าอาณานิคมจากประเทศโลกตะวันตก ในช่วงสมัยนั้นมีการเดินทางเข้ามายังบริเวณทวีปแอฟริกา เพื่อซื้อขาย ‘ทาสชาวแอฟริกัน’ อย่างเปิดเผยราวกับเป็นเรื่องปกติ แน่นอนว่าลึกๆแล้วในความเป็นมนุษย์ ไม่มีใครอยากถูกยึดครองอิสรภาพ และเอาไปใช้งานเยี่ยงทาสแน่นอน นี่จึงเป็นที่มาของการที่ผู้หญิงในชนเผ่าเหล่านี้ เลือกที่จะตกแต่งตัวเองด้วยการเอาจานมาติดที่หู ปาก หรือแม้แต่การหาวัสดุจากธรรมชาติ มาประดับประดาตัวเองให้ดูไม่ปกติมากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการคัดเลือกจากกลุ่มนายทุนค้าทาสในอดีตกาล     “ชนเผ่า Mursi จะเป็นที่รู้จักกันในเรื่องของการเจาะริมฝีปากด้านล่าง ในอดีตพวกเขาทำไปเพื่อไม่ต้องการถูกนำไปเป็นภาพ พวกเขาจะเริ่มจากจานขนาดเล็ก ค่อยๆขยายไปจนมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้น โดยชนเผ่านี้มีค่านิยมที่ว่าถ้าหากแผ่นไม้ที่อยู่ใต้ริมฝีปากยิ่งใหญ่ เธอคนนั้นก็จะยิ่งมีความสวยงามมาก” ช่างภาพสาวชาวเลบานอนเล่า     ภาพถ่ายส่วนหนึ่งจากชนเผ่าท้องถิ่น แสดงให้เห็นถึงการประดับร่างกายด้วยวัสดุจากธรรมชาติ   ผู้เฒ่าผู้แก่จากชนเผ่าเดียวกัน ที่ประดับร่างกายด้วยสร้อยคอที่ทำจากเม็ดพลาสติก   “อีกชนเผ่าหนึ่งที่ฉันไปเจอคือชนเผ่า ‘Hamar’ หญิงสาวในชนเผ่านี้จะชะโลมเส้นผมของพวกเธอด้วยดินเหนียว เนย…

แต่ละร้านค้าก็มักจะมีวิธีการโปรโมทสินค้าของตัวเองแตกต่างกันออกไป บ้างก็เลือกที่จะนำเสนอด้วยภาพที่สวยงามน่าดึงดูด บางที่ก็อาจจะเลือกใช้การโฆษณารูปแบบอื่นๆ และในวินาทีนี้เชื่อว่าคงไม่มีใครจะโปรโมทสินค้าตัวเองได้น่าสนใจเท่ากับเชฟทำขนมชาวฝรั่งเศส ‘Tal Spiegel’ อีกแล้ว เพราะทุกๆ วันเขาจะนำขนมหวานที่ตัวเองได้สร้างขึ้น มาถ่ายรูปโดยมีรองเท้าคู่ใจคอยคุมโทนของภาพอยู่ เพื่อให้ทั้งสองสิ่งอยู่ในตีมเดียวกัน เอาเป็นว่าเราตามไปดูกันเลย กับไอเดียที่สามารถนำเอารองเท้า และขนม มามิกซ์แอนด์แมช์กันได้อย่างลงตัว   Tal Spiegel เชฟหนุ่มผู้รักในการทำขนม   เอาล่ะ…เพื่อไม่ให้เปลืองค่าเน็ต ไปชมภาพถ่ายสุดครีเอทจากเจ้าตัวกันเลย   เชื่อรึยังล่ะว่าเขาสามารถคุมโทนระหว่างรองเท้า กับขนมหวาน ให้อยู่ในตีมเดียวกันได้อย่างลงตัวจริงๆ ถ้าใครสนใจอยากจะติดตามผลงานของเชฟหนุ่มคนนี้เพิ่มเติมละก็ เข้าไปกดติดตามได้ที่อินสตาแกรม @desserted_in_paris หรือจะที่เฟซบุ๊ก DessertedInParis ก็ได้เหมือนกัน   ขนมที่เอามาโชว์ก็ช่างน่ากินเหลือเกิ๊นน ส่วนรองเท้าที่ใส่ก็สีสันเตะตาได้อีก จบจากการเป็นเชฟทำขนมแล้ว ไปเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ต่อได้เลยนะเนี่ย!! ที่มา: Boredpanda

มีอยู่บ่อยครั้งที่เรามักจะได้เห็นผลงานการวาดภาพของศิลปินหลายๆ คนแล้วเข้าใจผิดว่าเป็นภาพถ่ายรึเปล่า?   เช่นเดียวกันกับผลงานภาพวาดของศิลปินมือฉมังอย่าง Yigal Ozeri ที่วาดภาพออกมาได้สมจริงราวกับเป็นภาพถ่ายจริงๆ ทุกรายละเอียดไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผม ท่าทางการโพสต์ท่า หรือองค์ประกอบอื่นๆ ในภาพอย่างเช่นต้นไม้ ดอกไม้รอบๆ ฉาก วิวพื้นหลังแบบมัวๆ ทำให้ดูเหมือนกับว่าเป็นการถ่ายรูปแบบพอเทรทโฟกัสไปที่ตัวนางแบบด้วยกล้องถ่ายรูป     เท่านั้นยังไม่พอการไล่แสงและเงา มุมตกกระทบต่างๆ ก็ทำออกมาได้อย่างดูมีมิติ จึงไม่แปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดถึงทำให้เราปักใจเชื่อว่ามันคือภาพถ่ายได้โดยง่ายดาย แม้จะจ้องแล้วจ้องอีกก็ตาม     หลายๆ ผลงานของช่างภาพชาวอิสราเอลคนนี้จะเน้นไปที่การวาดภาพบุคคล มีนางแบบหลากหลายคนยืนอยู่ด้านหน้าพื้นหลังที่เป็นวิวแบบต่างๆ อย่างเช่นภูเขา ทะเล ทะเลทราย เป็นต้น     ผลงานภาพแต่ละภาพของเขาล้วนแล้วแต่เป็นสีน้ำมันทั้งสิ้น และผลงานภาพวาดของเขาถูกนำไปจัดแสดงโชว์มาแล้วหลากหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา สเปน อิตาลี ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส และ เยอรมนี                 ไม่ว่าจะเป็นตัวนางแบบหรือพื้นหลังก็ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ ให้ใครดูก็ต้องคิดว่าเป็นภาพถ่ายอย่างแน่นอน  …

เมื่อพูดถึง ‘การเข้านอนดึกตื่นสาย’ เพื่อนๆ หลายคนคงจะเข้าใจกันดีว่ามันเป็นนิสัยของคนขี้เกียจ แต่จริงๆ แล้วมันอาจไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป เพราะการที่เรานอนดึกนั้นมันบ่งบอกสัญญาณบางอย่าง จากงานวิจัยล่าสุดบ่งบอกว่าคนที่นอนดึกจะมีความฉลาดและประสบความสำเร็จมากกว่าคนปกติธรรมดาทั่วไป   งานวิจัยชิ้นนี้มีชื่อว่า Why Night Owls Are More Intelligent จากการศึกษาพบว่าคนที่เข้านอนช้ากว่าปกติ มีแนวโน้มว่าจะมีความเฉลียวฉลาดมากกว่าคนที่ชอบเข้านอนเร็ว เท่านั้นยังไม่พอยังพบอีกว่าเด็กๆ ที่เข้านอนดึกจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความฉลาดมากกว่าเด็กปกติทั่วไป     ผลสรุปในงานวิจัยจะพบว่าความฉลาดของผู้คนนั้นมีการวิวัฒนาการขึ้นมาเรื่อยๆ จากที่บรรพบุรุษของเราจะมีวัฒนธรรมการเข้านอนเร็วแล้วตื่นเช้าเป็นปกติ ซึ่งปัจจุบันมันได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว เพราะต้องรับกับความเจริญที่เข้ามาในสังคม เท่านั้นยังไม่พอการนอนดึกก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับความฉลาดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความมั่งคั่งร่ำรวยอีกด้วย     ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัย University of Madrid ได้ทำการเก็บข้อมูล จากวัยรุ่นเป็นจำนวน 1,000 คน และพบว่าคนที่มีนิสัยชอบนอนดึกจะมีความเกี่ยวข้องกับความฉลาด ส่งผลให้แต่ละคนมีหน้าที่การงานที่ดีกว่า และมีรายได้มากกว่าคนที่นอนเร็ว ถึงแม้ว่าคนนอนเช้าจะมีผลการสอบ หรือผลการเรียนที่ดีกว่า แต่บางทีอาจเป็นเพราะว่าระบบการเรียนการสอนนั้นเอื้อให้กับเหล่าคนนอนเช้ามากกว่า หากลองเปลี่ยนหลักสูตรมาเป็นตอนกลางคืน อาจทำให้คนที่นอนดึกมีผลคะแนนที่มากกว่าก็เป็นได้     บางทีการนอนดึกตื่นสายก็เป็นอะไรที่ไม่เลวเหมือนกันนะเนี่ย… ที่มา : dailymail

สำหรับเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งหลายแล้วเวลาที่เราสวมใส่ชุดสุภาพก็มักจะมีปัญหากับเจ้าชายเสื้อ ที่มักจะหลุดลุ่ยออกมานอกกางเกง ทำให้ต้องยัดเข้าไปใหม่หลายๆ รอบ จนบางครั้งก็ถึงกับหัวร้อนเลยทีเดียว ในวันนี้ #เหมียวหง่าว มีไอเทมมาแนะนำ เป็นตัวช่วยที่จะยึดไม่ให้ชายเสื้อหลุดออกจากกางเกงอีกต่อไป ทำให้เราไม่ต้องพะวงว่าจะไม่เรียบร้อย เดินไปไหนมาไหนก็ไม่ต้องกังวลว่ามันจะหลุดออกมาอีกต่อไป   เจ้าสิ่งประดิษฐ์ชนิดนี้มีชื่อว่า S-Holder เป็นไอเดียของนักออกแบบชาวสโลวีเนีย เป็นเข็มขัดรัดขาพร้อมที่ยึดชายเสื้อ ซึ่งมันจะสามารถช่วยตรึงชายเสื้อของเราไม่ให้หลุดออกนอกกางเกง     “ผมได้ไอเดียนี้มาจากการที่ชายเสื้อของตัวเองมักจะหลุดออกจากกางเกงอยู่แทบจะตลอดเวลา และผมก็เกลียดโมเม้นท์แบบนี้มาก” Nik Vene ผู้ออกแบบและประดิษฐ์ S-Holder วัย 21 ปี กล่าว “ก็เลยลองไปเดินตามตลาดและห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพื่อหาซื้ออุปกรณ์ที่จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ ก็เลยคิดว่าเราน่าจะทำมันออกมาดีๆ โดยใช้วัสดุดีๆ และมีดีไซน์ที่สวยงามไปซะเลย” เขากล่าวเสริม     Vene ใช้เวลาประมาณ 6 เดือนในการเปลี่ยนความคิดของเขาให้กลายเป็นความจริง และใช้เวลาอีก 5 เดือนในการพัฒนาให้มันดียิ่งขึ้นกว่าเดิม จนกลายเป็นเวอร์ชั่นที่สมบูรณ์แบบ หลังจากที่ตัวต้นแบบสำเร็จแล้วเขาก็เริ่มทำการใช้งาน แน่นอนว่ามันได้ผลเป็นอย่างมาก ก็เลยตัดสินใจที่จะทำมันออกมาขาย โดยการเข้าไประดมทุนในเว็บไซต์ Kickstarter และตั้งเป้าหมายไว้ที่ 176,000 บาท หลังจากที่ลงประกาศไปไม่นานก็ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม มีผู้คนให้ความสนใจเข้ามาบริจาคมากมายจนมียอดเงินพุ่งขึ้นไปสูงถึง 772,800…

โดยปกติแล้ว อาคารสำนักงานที่เปิดให้บริษัทต่างๆเข้าไปเช่าทำออฟฟิศ มักจะมีการออกแบบที่ได้มาตรฐาน และมีสวัสดิการเรื่องที่จอดรถ ห้องน้ำ หรือในส่วนอื่นๆ ที่ดีในระดับหนึ่ง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยทำงาน แต่สำหรับผู้สาวชาวเน็ตรายหนึ่ง เธอได้ย้ายไปทำงานกับบริษัทแห่งใหม่ ภายในอาคารที่มีชื่อว่า ‘Venus Tower’ และเมื่อวันแรกของการเริ่มงานมาถึง เธอถึงกับต้องผงะอึ้งแดกไปหลายตลบ… หลังเธอค้นพบว่าอาคารแห่งนี้มีการก่อสร้าง และออกแบบได้ตาลปัตรวุ่นวาย อะไรๆก็ดูมั่วไปหมด โอ๊ยยนี่มันสำนักงานจริงๆเหรอฟร๊ะเนี่ย!!   อย่างแรกเลยที่เธอสังเกตุเห็นก็คือไอ้นี่แหละ บันไดนี้เอ็งสร้างมาทำไม? แล้วช่องประตูนั่นจะเอาไว้ทำเพื่อ?   พอเข้ามาในลิฟท์ก็งงหนักกว่าเดิม ดูวิธีการเรียงเลขซะก่อน นี่ถ้าจะไปชั้น 3 ต้องกดทั้งสองอันเลยใช่มั้ย?   หน้าลิฟท์ก็ใช่ย่อย มีที่ไหนออกแบบให้มีแต่ปุ่มลง ไม่มีปุ่มขึ้น โอ๊ยยนี่เอ็งเล่นตลกอะไรกันเนี่ย!!   ในส่วนของกลอนล็อคประตู เดี๋ยวนะ!! แบบนี้จะล็อคยังไง? ด้ามจับก็ไม่มี เฮ้ออ….   พอเธอเดินมาดูที่ป้ายชื่อหน้าสำนักงาน ปรากฏว่าชื่อของเธอก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละ คือมันไม่มี และเว้นว่างไว้เลย สงสัยจะทำมาติดไม่ทัน   ดูที่จอดรถกันบ้าง สองช่องสำหรับห้องเดียวเนี่ยนะ? จะไม่ให้คนอื่นเค้าจอดแล้วว่างั้น?   กลับมาที่ห้องน้ำ มะ มะ มันมีปลั๊กไฟ…

นับตั้งแต่มีเทคโนโลยี ‘โดรน’ เข้ามา มนุษย์เราก็สามารถที่จะเก็บภาพถ่ายจากเบิร์ดอายวิวได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบนตึกสูงระฟ้า เหนือน่านน้ำทะเล หรือบนภูเขาอันสูงชัน การถ่ายภาพจากมุมบนฟ้าก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป คราวนี้เราจะพาไปชม 11 สุดยอดภาพถ่ายจากทั้งหมด 27,000 ภาพ ในการประกวด ‘SkyPixel’ เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา (คงไม่ช้าไปเนอะ) ขอบอกเลยว่าแต่ละภาพไม่ได้มาเล่นๆ นะจ๊ะ เป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆ ที่เราไม่ค่อยเห็นกันได้ดีเลยทีเดียว   ภาพนี้ได้ที่ 2 จากการประกวด เป็นภาพเขื่อน ‘Huia’ จากเมือง Auckland ประเทศนิวซีแลนด์   ส่วนภาพนี้ได้ที่ 1 เป็นภาพขบวนคาราวานของอูฐกลางทะเลทราย   ภาพนี้มีชื่อว่า ‘Dead Straight’ สะพานเส้นหนึ่งในประเทศสหรัฐฯ   ภาพทุ่งสีเขียวขจีแห่งนี้ ถูกถ่ายจากประเทศอิตาลี   ศิลปะบนผืนน้ำแข็ง เป็นภาพจากผืนทะเลสาปที่แข็งจนกลายเป็นน้ำแข็งแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ   ภาพของชาวประมงจากมณฑลฝูเจี้ยน กับภูมิปัญญาการจับปลาที่แตกต่างออกไป   ภาพนาข้าวบนหุบเขาจากประเทศจีน สวยงามซะจนอยากจะไปสัมผัสให้เห็นกับตาตัวเอง   ภาพของลานจอดรถขนาดใหญ่…

ถ้าพูดถึงเหตุการณ์เรือล่ม (ไม่ใช่ที่ปากอ่าวนะ) เหตุการณ์เรือล่มหรือเรืออับปางที่ดังที่สุดครั้งหนึ่งในโลก คงหนีไม่พ้นเรื่องราวของ ‘เรือไททานิค’ เรื่องราวของเรือสำราญขนาดยักษ์ใหญ่สุดหรูที่ออกเดินทางเมื่อปี 1912 แต่เรือดันไปชนกับภูเขาน้ำแข็งเข้า ทำให้มีลูกเรือกว่า 1,500 ชีวิตที่ต้องจากโลกนี้ไป   ภาพของเรือไททานิคในอดีต ตัวจริงเสียงจริง   ภูเขาน้ำแข็งที่สร้างความโกลาหลครั้งใหญ่หลวงให้เรือลำนี้   แม้ว่าเรือไททานิคจะกลายเป็นเรื่องเล่าในอดีตนานหลายชั่วรุ่น แต่ตอนนี้บริษัทเดิมที่เคยสร้างเรือดังกล่าว จะนำมันมาสร้างใหม่อีกครั้ง!! โดยครั้งนี้บริษัท ‘White Star Line’ ได้ตัดสินใจที่จะฟื้นคืนชีพเรือขนาดมหึมาอีกครั้งหนึ่ง โดยคราวนี้มันจะรองรับเรือกู้ชีพได้มากถึง 64 ลำ จุผู้โดยสารได้มากกว่าเดิมถึง 4,000 คน “ไททานิคลำใหม่จะประกอบไปด้วยนวัตกรรมสุดล้ำทันสมัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนด้วยสัญญาณดาวเทียม มีระบบนำทางดิจิตัล ระบบเรดาร์ที่ช่วยเรื่องความปลอดภัยมากกว่าเดิม และทุกสิ่งอย่างที่มันควรจะมีสำหรับศตวรรษที่ 21 “ James McDonald หัวหน้าฝ่ายการตลาดของบริษัทให้สัมภาษณ์   ตัวอย่างโมเดลของเรือไททานิคยุคใหม่ ที่จะเดินทางจากเมืองเจียงซูในจีน มาจนถึงนครดูไบ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2018   เราตามไปชมภาพตัวอย่างด้านในของตำนานเรือที่กำลังจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่กันเล้ยยย   ตัวอย่างห้องพักสำหรับลูกค้าชั้นเฟิร์สคลาส   Café Parisien ตัวอย่างร้านกาแฟชิคๆ…

สำหรับเพื่อนๆ ชาวมินิมอลแล้ว ต้องขอบอกเลยว่าในเรื่องของเครื่องแต่งกายนั้นก็เป็นอะไรที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เลยล่ะ เพราะชาวมินิมอลทั้งหลายนั้นจะไม่เน้นการสวมเสื้อผ้าที่หรูหราอู้ฟู่ แต่เน้นความเรียบง่าย และความเข้ากันดีของเครื่องแต่งกาย แต่สำหรับเรื่องของ ‘ต่างหู’ เองก็เป็นเรื่องที่เลือกยากเหมือนกันเพราะต่างหูปกติทั่วไปนั้นจะมีความฟรุ้งฟริ้ง ไม่เรียบง่ายถูกใจเหล่ามินิมอลซักเท่าไหร่   1. หยดน้ำ   สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมต่างหูที่ดูเรียบง่าย แปลกแต่เจ๋ง รับรองว่าต้องถูกใจชาวมินิมอลอย่างแน่นอน ผลงานต่างหูเหล่านี้เป็นของบริษัทออกแบบจาก London ชื่อว่า Otis Jaxon โดยมีคอนเซ็ปต์คือ ‘เครื่องประดับที่มาจากอนาคต’ แต่ละชิ้นนั้นทำมาจากเงินบริสุทธิ์ และล้วนแต่เป็นงานฝีมือทั้งสิ้น สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่สนใจสามารถเข้าไปสั่งซื้อได้ที่ร้านค้าของเขา OtisJaxon ได้เลย มีราคาอยู่ที่ประมาณชิ้นละ 1,000 บาทเท่านั้นเอง     2. สี่เหลี่ยม   3. สามเหลี่ยม   4. วงกลมซ้อนกันสองวง   5. รูปหนาม   6. เป็นกรอบครอบหู   7. โครงเหล็กรูปตัว U…

ย้อนกลับไปในวัยเด็กแล้วการมีบ้านต้นไม้เป็นของตัวเองซักหลังถือได้ว่าเป็นความต้องการสูงสุดในชีวิตเลยทีเดียว บางคนก็อาจจะนำไม้มาต่อเองให้กลายเป็นระเบียงเล็กๆ เพื่อให้ขึ้นไปนั่งเล่นบนต้นไม้ แค่นี้ก็ฟินแล้ว แต่สำหรับเจ้าบ้านต้นไม้ที่ #เหมียวหง่าว จะพาเพื่อนๆ ไปชมในวันนี้ ต้องขอบอกเลยว่ามันไม่เพียงแต่เติมเต็มความฝันในวัยเด็กให้กับทุกคน แต่มันจะทำให้เหล่าผู้ใหญ่ทั้งหลายตาลุกวาวด้วยเช่นกัน ฮร่า   เจ้าบ้านต้นไม้หลังนี้มีชื่อว่า The 7th Room ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศสวีเดน อยู่บนต้นไม้ที่ระดับความสูง 10 เมตรด้วยกัน     ตัวบ้านทำมาจากอลูมิเนียมสีดำทั้งหลัง ประกอบไปด้วยห้องหับต่างๆ ถึง 7 ห้อง พร้อมกับกระจกรอบด้านรวมไปถึงหลังคาด้วย ทำให้สามารถรับชมแสงออโรร่าได้จากทุกทิศทาง นอกจากนี้ตัวบ้านยังตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้เป็นจำนวนมาก ทำให้มองไปทางไหนก็เจอแต่ป่าและป่า ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติแบบสุดๆ ผู้ออกแบบบ้านต้นไม้หลังนี้ก็คือบริษัทสถาปนิก Snøhetta     เจ้าของบ้านหลังนี้ก็คือบริษัท Treehotel และมันก็ถูกเปิดเป็นโรงแรม หากใครสนใจก็สามารถไปจองเช่ากันที่เว็บไซต์ได้เลยนะ ไม่แพงหรอกราคาต่อคืนก็ประมาณ 60,000 บาทเท่านั้นเอ๊งงง!!     นอกจากนี้ทางบริษัท Treehotel เองก็ยังมีบ้านต้นไม้แบบอื่นๆ อีกมากมายถึง 6 แบบด้วยกัน และแต่ละแบบมันก็ช่างน่าอยู่ซะเหลือเกิน บอกเลยว่าถ้าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งจะขอไปนอนซักสองสามคืน ฮร่า       ทางเชื่อมระหว่างตึกทำเป็นตาข่าย…

ส่วนมากสถานที่รกร้างเหล่านี้จะค่อนข้างที่จะอันตราย และถูกละเลยไปในที่สุด แต่ช่างภาพคนนี้สามารถเนรมิตให้ออกมาราวกับเป็นโลกแห่งแฟนตาซีได้อย่างน่าพิศวงเลยล่ะ!!   Karen Jerzyk คือช่างภาพมือใหม่ที่เริ่มงานถ่ายภาพมาตั้งแต่ปี 2009 ด้วยการที่เธอไม่ค่อยมีทุนทรัพย์มากเท่าไหร่ ทำให้เธอต้องคิดและครีเอทสถานที่ๆ จะถ่ายภาพออกมา และจะมีที่ไหนที่สามารถทำอะไรก็ได้ แถมต้นทุนต่ำ ไปมากกว่าสถานที่รกร้างที่ไม่มีใครสนใจเหล่านี้อีกล่ะ!? เธอเริ่มถ่ายภาพมาเรื่อยๆ จนจุดพีคก็คือในปี 2011 ที่พ่อของเธอเสียชีวิตเพราะโรคร้าย เธอเสียใจมาก แต่นั่นกลับเป็นจุดกำเนิดการถ่ายภาพอาชีพของเธอ เธอพบว่าถาพถ่ายของเธอนั้นเข้าถึงอารมณ์มากกว่าเดิม เพราะเธอทุ่มเททุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างให้กับการถ่ายภาพ และด้วยการสร้างสรรค์ของเธอ ทำให้สถานที่เหล่านี้ราวกับออกมาจากโลกแฟนตาซี!! เธอเรียนรู้ที่จะควบคุมความรู้สึกและอารมณ์ความเศร้า ความเหงา เธอถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดนี้ลงไปในภาพถ่ายของเธอ ลองมาชมผลงานของเธอกัน… อย่างกับออกมาจากเรื่อง Alice in Wonderland เลยนะเนี่ย ใครที่อยากติดตามผลงานของเธอมากกว่านี้ล่ะก็ เข้าไปชมกันได้ที่ karenjerzykphoto เลยน้าาาา เพื่อนๆ คนไหนอยากถ่ายภาพต้นทุกถูกๆ ล่ะก็ ลองหาสถานที่เหล่านี้ไว้ก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย แต่ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยกันด้วยนะจ๊ะ ที่มา: Boredpanda

เชื่อว่าบ้านทุกหลังต้องมีห้องครัวเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นครัวที่หน้าตาเหมือนๆ กันไปหมด เพราะคิดแค่ว่าจะเอาทำอาหารกินก็พอ แต่วันนี้เราจะมาเพิ่มสีสันให้กับครัวของคุณด้วยเครื่องมือต่างๆ ที่ดูน่ารัก ถ้าบ้านเรามีอุปกรณ์ธรรมดามันก็ไม่ค่อยดึงดูดเราให้ไปทำอาหารใช่มั้ยล่ะ ไม่ต้องกลัวไป เพราะเราจะเปลี่ยนห้องครัวของคุณให้มันน่ารักมากๆ พร้อมกับลิงค์สั่งซื้อ รับรองได้ว่าสั่งมาใช้งานซักชิ้น แล้วการเข้าครัวของคุณก็จะสนุกขึ้นมาทันที!!   ขวดใส่ซอสนกน้อย ซื้อที่นี่เลย   ที่ใส่ไม้จิ้มฟันคุณกระต่าย ซื้อที่นี่เลย   ที่ปิดฝาถ้วยน้องหมู ซื้อที่นี่เลย   แม่พิมพ์น้องปลาน่ารัก ซื้อที่นี่เลย   กรรไกรนกทูแคน ซื้อที่นี่เลย   ตัวกรองน้องปลาวาฬ ซื้อที่นี่เลย   ถุงชาน้องสล็อธแช่น้ำ ซื้อที่นี่เลย   ถุงมือหมีตะปบ ซื้อที่นี่เลย   ตะกร้าล้างผักน้องเป็ด ซื้อที่นี่เลย   ถ้วงตวงกุ๊กไก่ ซื้อที่นี่เลย   ถุงชาหอยทาก ซื้อที่นี่เลย   เจ้าเหมียวถ้วยตวง ซื้อที่นี่เลย   เจ้าเม่นขูดชีส ซื้อที่นี่เลย   จุกไวน์เจ้าเหมียว ซื้อที่นี่เลย…

คำว่าลูกไม้อยู่ไม่ไกลต้นเป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้บ่อยๆ คำนี้มักจะใช้กับลูกที่มีอะไรที่เหมือนกับพ่อหรือแม่ ซึ่งในกรณีนี้ คุณแม่ Dominique จากประเทศอังกฤษ กับลูกอีก 2 คน Amelia (10 ขวบ) และ Penny (3 ขวบ) เธอเล่าว่า “ฉันลาออกจากงานในปี 2015 เพื่ออยู่กับบ้านกับลูกๆ ทั้งวัน มันยอดเยี่ยมมากๆ และไม่เคยคิดเสียดายเลย แรกๆ ก็มีเหงาบ้าง แต่อินสตาแกรมก็ทำให้ฉันหนีมันมาได้”     คุณแม่ได้ทำการโพสต์เรื่องราวต่างๆ ลงในบล็อกและอินสตาแกรมของเธอ เป็นภาพของเธอและลูกๆ ที่สวมชุดที่คล้ายๆ กัน แล้วทำอะไรเหมือนๆ กัน พร้อมตั้งชื่อโปรเจกต์นี้ว่า #allthatisthree เหตุเกิดจากการที่วันหนึ่งคุณแม่และ Penny สวมชุดเหมือนกันแบบไม่ได้ตั้งใจ แล้วพอลูก Amelia ออกมาจากห้อง ก็ดันใส่เสื้อเหมือนกันอีกโดยไม่ได้นัดหมาย พวกเธอก็เลยหัวเราะ แล้วก็พยายามถ่ายรูปด้วยกันไปเรื่องๆ พร้อมกับเล่าเรื่องบังเอิญนี้ให้ทุกคนได้ฟัง     คุณแม่ยังเล่าอีกว่าการทำงานอยู่ที่บ้านพร้อมกับทำงานไปด้วยเป็นสิ่งที่ท้าทายเป็นอย่างมาก แต่มันก็คุ้มค่าและน่าภูมิใจที่ทำให้ลูกของเธอเติบโตมาเป็นคนที่พร้อมเผชิญโลกได้     “รางวัลที่มีค่าที่สุดคือการเป็นแม่ได้เห็นลูกเติบโต กลายเป็นคนที่ฉลาด ร่าเริง แล้วสมกับวัย ลูกๆ ทำให้ฉันทึ่งได้ทุกวัน และก็ทำให้ฉันได้ภูมิใจ…

สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่คอยย้ำเตือนถึงความสูญเสียของมวลมนุษยชาติ มีผู้บริสุทธิ์มากมายที่ต้องได้รับผลกระทบจากพิษสงครามที่ระอุไปทั่วโลก ด้วยความที่ ‘Sergey Larenkov’ ช่างภาพชาวรัสเซียอยากจะช่วยย้ำเตือนถึงความสูญเสียในอดีต ไม่ให้เกิดขึ้นอีก เขาจึงออกเดินทางไปยังเมืองที่อดีตเคยเป็นสมรภูมิรบครั้งใหญ่ไม่ว่าจะเป็น เบอร์ลิน ปราก หรือเวียนนา เพื่อสร้างสรรค์ผลงานภาพถ่ายทับซ้อนกันระหว่างอดีต – ปัจจุบัน….     ปัจจุบันเขาอายุ 40 ปี และมีอาชีพหลักคือกัปตันเรือ แต่เขาก็ใช้เวลาว่างในการถ่ายภาพและเดินทางเพื่อทำโปรเจ็คนี้ “วิธีการสร้างผลงานของผมก็ไม่ยากเลย ผมออกเดินทางถ่ายภาพสถานที่จริง เสร็จแล้วก็นำเอาภาพในอดีตมาต่อเข้ากับภาพที่ผมถ่ายมา โดยใช้โปรแกรมโฟโต้ช็อป” ช่างภาพชาวรัสเซียเล่า “ตอนที่ผมทำมันขึ้นมา ผมไม่คิดว่าจะได้รับการตอบรับขนาดนี้ ผมได้รับการรีวิวดีๆ มากมาย จนทำให้มีกำลังใจที่จะสร้างสรรค์มันต่อไป ผมเดินทางไปมอสโก เบอร์ลิน ปราก และเมืองอื่นๆ นี่ก็เพิ่งปล่อยภาพของเมืองปารีสออกมา”     แถมเขายังทิ้งท้ายว่า “มันเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ในจุดที่ช่างภาพถ่ายออกมา แล้วคุณได้มีโอกาสมาเห็นด้วยตาตัวเอง มันเหมือนคุณได้ย้อนเวลาไปด้วยไทม์แมชชีน บางครั้งมันน่ากลัวและท้าทายนะ” ส่วนใครที่ติดใจอยากจะติดตามผลงานใหม่ๆ ของเขา สามารถเข้าไปได้ที่เว็บไซต์ส่วนตัว Sergey’s LiveJournal เลยครับ…       “ผลงานทั้งหมดนี้ ผมทำออกมาเพื่อที่อยากจะให้คนที่เข้ามาชม…

ถ้าจู่ๆมีคนบอกให้เราไปกอดกับคนแปลกหน้า คงเป็นธรรมดาที่เราอาจจะเกิดความรู้สึกตะขิดตะขวงใจ เพราะส่วนใหญ่แล้วเราคงคุ้นเคยกับการกอดคนที่เรารัก หรือคนที่เราสนิทด้วยมากกว่าใช่ไหมล่ะ? ‘WatchCut Video’ แชนแนลหนึ่งในยูทูปได้ทำการทดลองโดยให้อาสาสมัครต่างเพศ ต่างวัย และต่างที่มา แน่นอนว่าทุกคนไม่มีใครรู้จักกัน แต่ทุกคนต้องแก้ผ้า และโอบกอดซึ่งกันและกัน!?   การทดลองครั้งนี้มีชื่อว่า ‘Skin to Skin’   สาเหตุที่ทางรายการจัดทำการทดลองนี้ขึ้นมา เพราะมีการศึกษาเชิงวิทยาศาสตร์ระบุไว้ว่า “มนุษย์เราเมื่อสัมผัสต้องตัวกัน สามารถช่วยลดความเครียด อีกทั้งยังช่วยให้รู้สึกเชื่อใจกันมากขึ้นได้จริง” ดังนั้นทางรายการจึงอยากจะรู้ว่า ถ้าหากนำเอาคนแปลกหน้ามาสัมผัสต้องตัวกัน จะสามารถช่วยทำให้พวกเขาต่างรู้สึกดีขึ้นได้จริงหรือไม่   มีทั้งคู่ที่เป็นชายสูงอายุ กับชายหนุ่มที่ยังเด็กกว่า   หลังจากที่อาสาสมัครพร้อมแล้ว ทางรายการก็ให้ทุกคนถอดเสื้อออก ซึ่งเท่ากับว่าไม่ว่าจะเป็นเพศไหนทุกคนต่างอยู่ในจุดที่เสมอภาคกันอย่างแท้จริง (ลืมเรื่องลามกไปได้เลย)   จากนั้นก็ให้อาสาสมัครเข้าโอบกอดซึ่งกันและกัน ทั้งๆที่พวกเขาเพิ่งจะมารู้จักกันตอนถ่ายทำเนี่ยแหละ   หลังจากที่อาสาสมัครได้โอบกอดกันแล้ว รายการก็ได้ถามว่าพวกเขาเกิดความคิด หรือความรู้สึกใดบ้าง จากการกอดคนแปลกหน้าในครั้งนี้ ซึ่งอาสาสมัครส่วนใหญ่ก็จะตอบว่า พวกเขาต่างรู้สึกสบายตัวมากขึ้น รู้สึกดีจากการได้กอดกัน และยังรู้สึกว่าหายวิตกกังวลจากตอนแรกอีกด้วย   มีการเปลี่ยนท่าให้โอบกอดจากด้านหลังด้วยนะ   มีงานวิจัยด้านจิตวิทยาได้กล่าวไว้ว่า “มนุษย์ในยุคดิจิตัล (ปัจจุบัน) จะรู้สึกดีมากขึ้นถ้าได้สัมผัสร่างกายของกันและกัน ส่วนหนึ่งมันช่วยลดพฤติกรรมความรุนแรง เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน…

การศึกษาด้านโบราณคดีนับว่าเป็นอีกหมวดวิชาที่ค่อนข้างจะสำคัญมากเลยทีเดียว เพราะการย้อนกลับไปศึกษาเรื่องราวในประวัติศาสตร์ มันช่วยทำให้มวลมนุษยชาติรู้จักตัวตนของเราในวันนี้ได้มากขึ้น จากหลักฐานต่างๆที่บรรพบุรุษเคยทิ้งเอาไว้ จะว่าไปแล้วทุกการค้นพบทางโบราณคดี ย่อมมีความสำคัญต่อโลกเราทั้งนั้นแหละ หากแต่วาการค้นพบทั้ง 6 สิ่งนี้ คือเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อองค์ความรู้ด้านประวัติศาสตร์เสียเหลือเกิน….   1. การค้นพบเมืองปอมเปอี ประเทศอิตาลี ในอดีตเคยเป็นเมืองที่รุ่งเรือง แต่ทว่าวันหนึ่งทุกอย่างก็ถูกฝังลงใต้เถ้าถ่านจากภูเขาไฟลึก 20 ฟุต ทำให้เมืองนี้หายไปตลอดระยะเวลา 1,500 ปี ก่อนที่จะถูกค้นพบอีกครั้งในปี 1599 และต้องใช้เวลานานกว่า 150 ปี กว่าจะบูรณะเมืองนี้กลายเป็นอีกสิ่งทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ได้   2. หีบศพฟาโรห์ทุตอังค์อามุน ประเทศอียิปต์ ปี 1922 นักสำรวจ ‘Howard Carter’ ได้ค้นพบหีบศพของฟาโรห์องค์นี้ หลังจากที่ถูกซ่อนมาอย่างยาวนานถึง 3,000 ปี  และคาดว่านี่คือหีบศพที่มีสภาพสมบูรณ์มากที่สุด การค้นพบนี้เองส่งผลให้เรามีองค์ความรู้ที่เข้าใจในวิถีชีวิต และวัฒนธรรมของชาวอียิปต์โบราณมากยิ่งขึ้น   3. ศิลาโรเซตต้า นี่คือแท่งศิลาจารึกโบราณซึ่งถูกเขียนขึ้นโดยนักบวชชาวอียิปต์โบราณ เพื่อเทิดทูนการขึ้นครองราชย์ของ ‘King Ptolemy V’ ในช่วง 196 ปีก่อนคริสตศักราช โดยศิลาจารึกชิ้นนี้ถูกค้นพบโดยทหารฝรั่งเศสนายหนึ่ง…

ถ้าพูดถึงราเม็ง เราก็จะนึกถึงน้ำซุปร้อนๆ รสชาติได้อารมณ์แบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่น พร้อมกับเส้นนุ่มๆ ที่ผ่านกรรมวิธีการทำแบบพิเศษ จนออกมาเป็นหนึ่งในเมนูยอดฮิตจากแดนอาทิตย์อุทัย ที่ป็อปปูล่าร์ไปทั่วโลก แต่ก็อีกนั่นแหละ เป็นอย่างที่เรารู้กันดีว่า ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ไม่เคยหยุดพัฒนาเลยจริงๆ เพราะแม้แต่เมนูพื้นฐานอย่างราเม็ง ตอนนี้ก็ได้มีคนพัฒนาทำให้มีน้ำซุปเป็นสีฟ้าแล้วนะ เห็นแล้วรู้สึกต้องไปลองให้ได้ซักครั้งเลย!!   ดูู๊ววว!! น้ำซุปสีฟ้าพาสเทลแบบนี้ อยากจะยกซดให้รู้แล้วรู้รอดไป   ผลงานการคิดค้นน้ำซุปราเม็งให้ออกมาเป็นสีฟ้านี้ เป็นเมนูใหม่ของร้าน ‘Kipposhi’ ร้านอาหารที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับ ‘Tokyo Sky Tree’ ใช้เวลาเดินเพียงประมาณ 10 นาทีเท่านั้น   สนนราคาก็อยู่ที่ 900 เยน หรือประมาณ 280 บาท โดยทางร้านอาหารได้ใช้ประยุกต์นำเอาเทคนิคพิเศษการทำอาหารในแบบของจีนมาใช้ ซึ่งเป็นกรรมวิธีลับที่ช่วยทำให้ขจัดกากที่ไม่จำเป็นออกจากน้ำซุป ได้มาซึ่งน้ำซุปที่ใสแจ๋ว คู่กับรสชาติที่แสนจะกลมกล่อม   แต่ทางร้านก็ไม่ขอเปิดเผยนะ ว่าสูตรลับที่ทำให้น้ำซุปเป็นสีฟ้านั้นทำยังไง   เมนูนี้จะเสิร์ฟมาพร้อมกับไก่อบ ไข่เค็ม หมูชาชู และที่ดูน่าดึงดูดที่สุด คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกซะจากน้ำซุปที่มีสีฟ้าอมเขียว ได้อารมณ์ฮิปสเตอร์ดีมาก   ทีมงานจากเว็บไซต์ RocketNews24 ได้ไปลองชิมมาแล้วก็ได้อธิบายไว้ว่า ตอนแรกดูเหมือนเป็นโปรเจคการทดลองทางวิทยาศาสตร์อะไรซักอย่าง แต่พอตักใส่ปากแล้วเท่านั้นแหละ ช่างเป็นอะไรที่อร่อยกลมกล่อมหอมหวลเหลือเกิ๊นนน…

อาหารมื้อเย็น ไม่ได้สำคัญเฉพาะกับร่างกายเท่านั้น เพราะอันที่จริงแล้วมันคือช่วงเวลาดีๆของทุกวัน ที่สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะได้มารับประทานอาหารร่วมกัน พร้อมทั้งพูดคุยเรื่องราวในแต่ละวันที่ผ่านมา     ‘Lois Bielefeld’ ช่างภาพสาวที่ออกตระเวณเก็บภาพอาหารมื้อเย็น จาก 30 ครอบครัว โดยเธอได้เล่าถึงแรงบันดาลใจในการถ่ายภาพชุดนี้ว่า “ตอนเด็กๆครอบครัวของฉันมักจะทานอาหารเย็นร่วมกันเสมอ และฉันก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า ทุกครอบครัวจะเป็นแบบนี้เหมือนกันไหม?” “ภาพทั้งหมดนี้ฉันเลือกที่จะถ่ายเฉพาะในเย็นวันจันทร์ ถึงพฤหัสบดีเท่านั้น เพราะฉันอยากจะเก็บภาพอาหารมื้อเย็นของแต่ละครอบครัว หลังจากที่ทุกคนต่างออกไปเจองานหนักมา ซึ่งมันสามารถสะท้อนอะไรหลายๆอย่างได้ดีกว่าอาหารมื้อเย็นในวันหยุดแน่นอน” ช่างภาพเล่า     เอาเป็นว่าเราตามไปชมผลงานจากทั้ง 30 ครอบครัวของเธอกันเลย งานนี้ไม่ขออธิบายอะไรมาก ขอปล่อยให้ภาพได้เล่าเรื่องจากตัวมันเองแทนแล้วกันเนาะ     จากผลงานของเธอ ทำให้เราได้ตระหนักกลับมาคิดถึงความสำคัญของการใช้เวลาร่วมกับคนในครอบครัวให้มากยิ่งขึ้น จัดว่าเยี่ยมไปเลย!! ที่มา: buzzfeed

วันนี้ #จ่าสิบเหมียว จะพาเพื่อนๆ ไปพบกับบ้านที่แพงที่สุดในประเทศสหรัฐฯ ด้วยราคา 250 ล้านเหรียญ หรือราวๆ 8,800,000,000 บาท!! (อื้อหือออ 0 จะเยอะไปไหน)   บ้านเลขที่ 924 บนถนน Bel Air แห่งแคลิฟอร์เนียของ Bruce Makowsky และในปัจจุบันนี้คือบ้านที่แพงที่สุดในสหรัฐอเมริกาในตอนนี้ และก็อยู่ในกลุ่มบ้านที่แพงที่สุดในแนวหน้าของโลก ด้วยพื้นที่ 3,530 ตารางเมตรนี้ อัดแน่นไปด้วยความหรูหราและเทคโนโลยีเต็มขั้น 12 ห้องนอน 21 ห้องน้ำ ห้องครัว 3 ห้อง ห้องชมภาพยนตร์ สระว่ายน้ำ ห้องโยนโบวลิ่ง สนามกอล์ฟ แถมมีลานจอดฌอลิคอปเตอร์ให้อีกต่างหาก!!   924 บนถนน Bel Air แห่งแคลิฟอร์เนีย   คลิปวิดีโอแบบเต็มๆ ได้เห็นวิวและภาพบรรยากาศเต็มที่เลยล่ะ   การเดินแบบปกติ ต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์มา   คอลเล็คชั่นรถหรู   โยนโบวล์ก็ยังได้   ห้องชมภาพยนตร์…

แน่นอนว่าหลายๆ คนคงคิดว่าการ ‘ดื่มเบียร์’ นั้น รังแต่จะก่อผลเสียต่อร่างกาย แต่ถ้ามีกิจกรรมการออกกำลังกายประกอบกับการดื่มเบียร์ไปด้วยล่ะ!?   ส่งตรงจากมหานครเมืองเบียร์อย่างเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี กิจกรรมใหม่ที่ชื่อว่า ‘BierYoga’ หรือ โยคะเบียร์ ซึ่งจะมอบโอกาสให้คุณได้เข้าร่วมกับคลาสโยคะ 1 ชั่วโมงเต็มๆ แต่ในระหว่างนั้น คุณก็สามารถดื่มเบียร์ไปด้วยได้ 1-2 ขวดด้วยกันเลยทีเดียว   เบียร์โยคะ การออกกำลังกายแบบใหม่จากกรุงเบอร์ลิน   สำหรับคอนเซ็ปต์ของการคิดค้นแนวทางการออกกำลังกายแบบใหม่นี้ขึ้นมาก็คือ ‘การผสมผสานของคู่แตกต่างที่ลงตัว’ และตอนนี้ก็เริ่มแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของโลกแล้วเป็นที่เรียบร้อย อย่างตอนนี้ประเทศออสเตรเลียก็ได้มีการจัดตั้งยิมสำหรับเล่นโยคะเบียร์แล้วล่ะ วิธีการออกกำลังกายก็ง่ายๆ เลย แค่ค่อยๆ จิบขวดเบียร์ที่อยู่ตรงหน้าคุณ แล้วค่อยๆ จัดท่าทางให้เหมือนกับเทรนเนอร์ผู้สอน แถมยังสามารถทำเองได้อีกด้วย แค่นำเบียร์มาดื่มด้วยตอนคุณเล่นโยคะด้วยก็ถือว่าไม่ผิดกฎนะ อิอิ   จากภาพนี่ ทุกคนดูร่าเริงจริงๆ   ด้วยคอนเซปท์ที่ว่า “การผสมผสานของคู่ที่แตกต่างแต่ลงตัว”   เป็นกิจกรรมสังสรรค์กับเพื่อนฝูงก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ แถมยังดีต่อสุขภาพอีกด้วยนะเนี่ย (เหรอ!??)   และด้านล่างนี่คือกิจกรรมโยคะเบียร์จากที่ต่างๆ รอบโลก ที่ดูเหมือนจะได้รับความนิยมมากเช่นกัน   ถือว่านี่เป็นมิติใหม่แห่งการออกกำลังกายจริงๆ #จ่าสิบเหมียว ลองนำเบียร์มาจิบๆ ตอนเล่นโยคะจากวิดีโอบ้างดีกว่า…

ถ้าใครที่เคยดูหนัง ‘แฮร์รี่ พ็อตเตอร์’ คงจะได้สังเกตเห็นกันมาบ้างว่า ทั่วทั้งปราสาทฮอกวอตส์ มักจะมีห้องแห่งความลับคอยแอบซ่อนอยู่เต็มไปหมด ที่ชวนพูดถึงเรื่อง ‘แฮร์รี่ พ็อตเตอร์’ ก็ไม่ใช่อะไรหรอก เราแค่ยกตัวอย่างมาให้ดูเฉยๆ แต่คราวนี้เป็นบ้านของคนจริงๆ เมื่อชาวเน็ตคนหนึ่งผู้ใช้นามบนโลกออนไลน์ว่า ‘notadeckofcards’ ได้ออกมาโชว์ผลงานการสร้างห้องแห่งความลับที่อยู่ใต้ดินของตัวเอง เราตามไปดูกันเลยว่าผลลัพธ์นั้นจะคุ้มค่าขนาดไหน   เริ่มต้นจากพื้นที่ดูเรียบๆ เหมือนไม่มีอะไรนี่แหละ ก่อนอื่นก็ต้องทำการวัดขนาดที่จะตัดเป็นทางเดินลงไปให้พอดีก่อน   พอวัดขนาดได้ที่แล้วก็หาอะไรมากั้นไว้ซะ   ซึ่งทางเข้าของห้องแห่งความลับแห่งนี้ จะเป็นหีบกล่องสมบัติแบบนี้นี่เอง (เสียงแบบทีวีแชมเปี้ยนนนนนน)   จากนั้นเขาก็ทำการเจาะพื้นบ้านให้ทะลุลงไปถึงชั้นใต้ดิน แต่ขนาดต้องอยู่ในกรอบของกล่องสมบัติที่ใช้ปกปิดทางเข้าเมื่อกี้นะจ๊ะ   สิ่งของชิ้นต่อไปที่ต้องการก็คือ…บันได…. ได…. ได… ได.. ได.   ติดตั้งบันไดให้เข้าที่เข้าทาง แล้วพ่อหนุ่มชาวเน็ตคนนี้ ก็ได้ทางเข้าสุดลึกลับแบบนี้หล่ะ   “สมัยเด็กผมเคยคิดเล่นๆว่า มันต้องเป็นอะไรที่สุดยอดมากแน่ๆ ถ้าหากว่าบ้านของตัวเองมีห้องลับใต้ดิน และตอนนี้ความฝันของผมก็เป็นจริงแล้ว หลังจากที่ภรรยาอนุญาติให้ผมเจาะพื้นได้ หวังว่าโปรเจคนี้ของผม จะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคน นำเอาไปประยุกต์ใช้กันนะครับ” เจ้าของไอเดียเล่า   เอาล่ะ…ลองลงมาดูข้างล่างกันบ้างดีกว่า ว่าจะคุ้มค่ากับสิ่งที่ทำไปมั้ยเอ่ย   ถ่ะแด๊มม!! ในส่วนของโซฟานั่งเล่น…

เคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับ ‘สุสานของฟาโรห์ทุตอังค์อามุน’ กันมาบ้างไหมเอ่ย? ย้อนกลับไปในช่วงปี 1922 ‘ลอร์ด คาร์นาร์วอน’ ได้ทำการว่าจ้างทีมนักสำรวจของ ‘โฮเวิร์ด คาร์เตอร์’ ให้เข้าไปทำการสำรวจในสุสานของฟาโรห์องค์นี้ แต่คราวนี้เราไม่ได้พาไปเจาะลึกเรื่องคำสาป หรือสิ่งเร้นลับอะไรทำนองนั้นหรอกนะ แต่เราจะพาไปชมภาพเก่าเก็บของทีมนักสำรวจ แน่นอนว่าในยุคนั้นยังไม่มีกล้องสี แต่ด้วยนวัตกรรมของโลกสมัยใหม่ ทำให้เราสามารถนำภาพขาว-ดำ ให้กลายเป็นภาพสีราวกับรูปภาพทั้งหมดนี้ มีชีวิตขึ้นมาจริงๆ   ภาพจากกำแพงทางทิศเหนือของสุสาน   สมบัติมากมายที่ถูกค้นพบในสุสานแห่งนี้ ก่อนจะถูกเอามารวบรวมไว้ที่ห้องโถง   29 พฤศจิกายน 1923 Howard Carter (ซ้าย) กำลังห่อรูปปั้นผู้เฝ้ายามด้วยผ้าอย่างดี เพื่อนำไปศึกษาต่อ   สมบัติอีกจำนวนหนึ่งจากสุสานแห่งนี้ ส่วนใหญ่แล้วทำมาจากทองคำบริสุทธิ์ และอัญมณีแท้   บริเวณที่บรรจุหีบศพขององค์ฟาโรห์ โดยมีเหรียญบรอนซ์วางกระจัดกระจายอยู่ด้านบน ตามความเชื่อโบราณของชาวอียิปต์   ตุลาคม 1926 กับการค้นพบหีบใส่อวัยวะภายในขององค์ฟาโรห์ ซึ่งหีบทั้งหมดที่เห็นนี้จะประกอบไปด้วย ตับ ไต ม้าม หัวใจ ฯลฯ   30 ตุลาคม 1925 คาร์เตอร์…

จะบอกว่าเป็นปัญหาของพ่อบ้านหลายคนเลยก็ว่าได้มั้ง เพราะหลังจากที่ลูกผู้ชายอกสามศอกอย่างเราๆ ได้ฝากหัวใจดวงน้อย และความรักให้แม่บ้านที่เราเฝ้าจีบมานานแสนนานคอยดูแลแล้ว ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้เอาไปแต่หัวใจ แต่บางทีพวกเธอก็เอาอิสระภาพของเราไปด้วย T^T โดยเฉพาะวันไหนที่เพื่อนๆโทรมาชวนไปแฮงค์เอาท์ตอนกลางคืนด้วยแล้ว โอกาสที่แม่บ้านสุดที่รักจะยอมให้เราออกไปเที่ยวได้นี่ช่างดูริบหรี่ยิ่งกว่าประชาธิปไตยในประเทศไทยอี๊กก (ยิ่งพูดยิ่งเศร้า) แต่คราวนี้เรามีวิธีจัดการกับปัญหาดังกล่าวมานำเสนอ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าวิธีนี้จะใช้ได้กับคนที่อาศัยอยู่คนละที่กับแฟนสาวเท่านั้นนะ โดยพ่อหนุ่มชาวอังกฤษที่ชื่อว่า ‘James’ คนนี้ ต้องแอบหนีแฟนสาวออกมากินเหล้ากับเพื่อนฝูงเหมือนอย่างเราๆนั่นแหละ และคืนไหนที่แฟนสาวโทรมาเช็คความเรียบร้อย พ่อหนุ่มคนนี้ก็ไม่กลัวที่จะเปิดกล้องวิดีโอโชว์ซะเลย   ถ่ะแด๊มม!! วิธีการแบบบ้านๆที่ช่วยให้พ่อบ้านเอาชีวิตรอดได้จริง “ตอนนี้เค้าอยู่บนเตียงแล้วนะตัวเองจ๋าา” (ต้องพยายามแอ๊บเสียงเป็นคนดี ว่านอนสอนง่ายด้วยนะ 555+)   “นี่ตัวเอง เค้าง่วงมากเลยขอนอนต่อก่อนนะไม่ไหวแล้ว…” ภาพที่ปรากฏในกล้องมือถือนี่เนียนจริง ดูผ่านๆก็คงคิดว่านอนบนเตียงจริงๆนั่นแหละ   หลังจากที่พ่อหนุ่มคนนี้ได้ออกมาแชร์วิธีการเอาตัวรอดอย่างแนบเนียนได้ไม่นาน ก็มีคนทดลองเอาไปทำอย่างจริงจังกันเลยทีเดียว   แม้แต่กลางวันแสกๆ วิธีนี้ก็ใช้ได้ผลเหมือนกันนะเออ แต่ต้องมีทีมงานนะห้ามลืม   และวิธีการโกหกแฟนสาวแบบเนียนๆ ที่เจ้าตัวโพสต์ผ่านทวิตเตอร์นี้เอง ก็กลายเป็นที่ฮือฮาของชาวเน็ตทั้งหลาย…   “โถ่ววพวกผู้ชาย ไม่เคยคิดบ้างเหรอว่าทำไมผู้หญิงถึงยอมไว้ใจพวกนายน่ะ” นี่ต้องเป็นความเห็นจากแม่บ้านแน่นอน!!   “ออกมาบอกแบบนี้ ความลับมันก็ใช้ไม่ได้ผลแล้วอ่ะดิ ปั๊ดดโถ่วว”   “หวังว่าจะมีเพื่อนมาช่วยแบบนี้บ้าง โคตรจะเรื่องจริงเลย”   ใครอยากจะลองเอาวิธีนี้ไปใช้ก็ลองดูได้นะ แต่ถ้าโดนจับได้ขึ้นมา ไม่ขอรับประกันเรื่องความปลอดภัยในชีวิตนะจ๊ะ…

น่าเสียดายหน่อยที่เมืองไทยบ้านเราไม่มีอากาศหนาวๆ แบบนี้ ไม่งั้นคงได้เล่นกันฟินๆ อย่างแน่นอน ฮร่าาาาา   ถึงแม้ว่าในฤดูหนาวที่หนาวจัดๆ ของประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย อย่างประเทศฟินแลนด์นั้นจะไม่มีกิจกรรมกลางแจ้งอะไรให้ทำกันมากนัก แต่นั่นอาจจะเป็นแค่ความเข้าใจผิดๆ เท่านั้นหลังจากเพื่อนๆ ได้เห็นกิจกรรมนี้ของพวกเขา!? Janne Käpylehto นักเขียนชาวฟินแลนด์ เลยได้เกิดปิ๊งไอเดียสร้าง ‘ม้าหมุน’ นำแข็งขึ้น เพื่อเชื้อเชิญเหล่าผู้คนมาทำกิจกรรมสนุกๆ แบบเอ้าท์ดอร์กัน ในวันที่หิมะตก เหน็บหนาว และแม้กระทั่งแม่น้ำยังกลายเป็นน้ำแข็ง   ในวันที่น้ำหนาวเหน็บจนแม้น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง   หมุนกันไปฟินๆ แบบนี้เลย!!   ลองมาชมคลิปวิดีโอกันได้ที่นี่!!   เริ่มด้วยการเจาะพื้นน้ำแข็งเป็นวงกลมแบบนี้เลย…   ส่วนความลับของการหมุนได้แบบนั้นก็คือมอเตอร์ของเรือ ที่ติดตั้งกับพื้นน้ำแข็งนั่นเอง   เป็นไอเดียที่ดีมากๆ เลยนะเนี่ย เล่นกันได้กลางแจ้งแบบฟินๆ เลยล่ะ น่าเสียดายจริงๆ ที่ประเทศเราไม่มีอากาศแบบนี้ ><   ที่มา: janne Käpylehto

ปกติแล้วถ้าเข้าสู่ช่วงฤดูที่อากาศหนาวจัด จนถึงขั้นมีหิมะโปรยปรายลงมาจากฟ้า ถ้าเป็นคนไทยเราคงนึกดีใจ เพราะต้องทนอยู่กับอากาศร้อนมาตลอดทั้งปี แต่กลับกันในประเทศที่ต้องเจอกับความหนาวสุดขั้วหัวใจเป็นประจำทุกปี ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาก็เลือกที่จะปิดตัวเองอยู่ในบ้าน ไม่ออกไปไหน เพราะมันหน๊าวววหนาวว แต่สำหรับที่ประเทศญี่ปุ่น #เหมียวบ็อบ ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้ามีการเรียนการสอนเรื่องความคิดสร้างสรรค์กันรึเปล่า เพราะเรามักจะได้เห็นไอเดียเจ๋งๆ กระจายกันอยู่แทบจะทั่วประเทศ และทั้ง 16 ภาพที่เอามาให้ชมนี้ก็เหมือนกัน ถึงแม้ว่าอากาศจะหนาว หิมะจะตก พายุจะถล่ม ไม่มีอะไรมาหยุดอาการคันไม้คันมืออยากจะโชว์ไอเดียเจ๋งๆ ของคนประเทศนี้ได้หรอกนะ!!   1. ดูซิ เจ้าโทโทโร่ก็มาแหละ   2. จ๊ะเอ๋!! ผีไร้หน้าขอออกมาทักทายแฟนคลับกับเค้าบ้าง   3. นี่ก็โทโทโร่จากอีกมุมนึงของเมือง เป็นตุ๊กตาหิมะที่เอาไปประกวดได้เลยนะเนี่ย!!   4. ปล่อยให้คนอื่นเค้าโชว์ตัวกันไป สนูปปี้ขอนอนพักก่อน คร่อกกกZzzz   5. ตอนกลางคืนเดินมาเห็นมีตกใจกันบ้างแน่ๆ เทวดาตกสวรรค์รึเปล่านะรูปนี้?   6. มะ มะ มะ มา แว้วววว คาเม็กซ์!!   7. เจ้า Danbo จากมนุษย์กล่อง…

หลายคนอาจจะเคยเห็น “ทรงผม” สุดแปลกแหวกแนวกันมาเยอะแล้ว และในครั้งนี้เราจะขอพาสาวๆ มาชมการเนรมิตแฟชั่นทรงผมอันงดงามที่สร้างสรรค์ขึ้นโดย George Kot ช่างทำผมจากประเทศรัสเซีย ที่โด่งดังในเรื่องการออกแบบทรงผมเป็นอย่างมาก   นี่คือผลงานการจัดแต่งทรงผมของ George ผู้ที่ได้เปลี่ยนให้ทรงผมธรรมดาๆ กลายเป็นเครื่องประดับสุดเก๋ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ   ส่วนนี่คือผลงานการจัดแต่งทรงผมเป็นรูปหมวก ที่เขาได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากการเต้นประเภทบอลรูม “ผมเคยเต้นลีลาศประเภทละตินอเมริกามาเป็นเวลานาน จนได้เป็นแชมป์ ครั้งหนึ่งผมได้ไปเวิร์กชอปที่โรงละคร และได้เห็นโปสเตอร์เกี่ยวกับการประกวดเต้น และภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมหมวก และผมก็จำช่วงเวลาเมื่อตอนที่ผมเต้นได้” เขากล่าว     หลังจากที่ George ได้ทำการอัพภาพผลงานของตัวเองลงในอินสตาแกรม ก็มีผู้คนเข้ามาติดตาม และชื่นชมผลงานของเขาเป็นจำนวนมาก ซึ่งในตอนนี้อินสตาแกรมของเขาก็มีคนเข้ามาติดตามมากกว่า 1 ล้านคนเลยทีเดียว…ถือว่าเขาเป็นช่างทำผมที่มีคนติดตามเยอะมากๆ เลยนะเนี่ย   ตัวอย่างคลิปการทำผม หากคลิปไม่ขึ้น ให้คลิกที่นี่ Просматривая рейтинг моих работ в ленте, меня удивило, что простая прическа на мой взгляд стала популярней всех,…

ส่วนมากสถานที่รกร้างเหล่านี้จะค่อนข้างที่จะอันตราย และถูกละเลยไปในที่สุด แต่ช่างภาพคนนี้สามารถเนรมิตให้ออกมาราวกับเป็นโลกแห่งแฟนตาซีได้อย่างน่าพิศวงเลยล่ะ!! Karen Jerzyk คือช่างภาพมือใหม่ที่เริ่มงานถ่ายภาพมาตั้งแต่ปี 2009 ด้วยการที่เธอไม่ค่อยมีทุนทรัพย์มากเท่าไหร่ ทำให้เธอต้องคิดและครีเอทสถานที่ๆ จะถ่ายภาพออกมา และจะมีที่ไหนที่สามารถทำอะไรก็ได้ แถมต้นทุนต่ำ ไปมากกว่าสถานที่รกร้างที่ไม่มีใครสนใจเหล่านี้อีกล่ะ!? เธอเริ่มถ่ายภาพมาเรื่อยๆ จนจุดพีคก็คือในปี 2011 ที่พ่อของเธอเสียชีวิตเพราะโรคร้าย เธอเสียใจมาก แต่นั่นกลับเป็นจุดกำเนิดการถ่ายภาพอาชีพของเธอ…   เธอพบว่าถาพถ่ายของเธอนั้นเข้าถึงอารมณ์มากกว่าเดิม เพราะเธอทุ่มเททุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างให้กับการถ่ายภาพ   และด้วยการสร้างสรรค์ของเธอ ทำให้สถานที่เหล่านี้ราวกับออกมาจากโลกแฟนตาซี!!   เธอเรียนรู้ที่จะควบคุมความรู้สึกและอารมณ์ความเศร้า ความเหงา เธอถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดนี้ลงไปในภาพถ่ายของเธอ   ลองมาชมผลงานทั้งหมดของเธอกัน…   ผลงานของเธออย่างกับออกมาจากเรื่อง Alice in Wonderland เลยนะเนี่ย ใครที่อยากติดตามผลงานของเธอมากกว่านี้ล่ะก็ เข้าไปชมกันได้ที่ karenjerzykphoto  เลยน้าาาา ที่มา: Boredpanda