นี่เห็นอยู่นี้คือหน้าเว็บ CatDumb เวอร์ชันเก่า

การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นธรรมดาที่คุณต้องอยู่ท่ามกลางความแออัด โดยเฉพาะช่วงไปทำงานกับเลิกงาน แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะยังไงซะก็ต้องพึ่งพามันอยู่ดี แต่ที่ว่าแออัดของเรานั้น คงจะไม่ได้ครึ่งหนึ่งของรถไฟในกรุงธากา ประเทศบังกลาเทศแน่นอน เพราะถือว่าเป็นหนึ่งในระบบการขนส่งที่ได้รับความนิยมสูงและมีความแออัดมากที่สุดในโลก (ไม่แพ้อินเดียเลย)     ทุกๆ เช้าจะมีผู้โดยสารเดินทางออกจากกรุงธากาเพื่อไปทำงานและกลับมาในช่วงบ่าย ดังนั้นการรถไฟของที่นี่จึงเต็มไปด้วยผู้โดยสารตลอดทั้งวัน เต็มทุกตู้ เต็มทุกที่นั่ง จนล้นออกมาไปถึงหน้าต่างยันหลังคา!! ถ้าคิดไม่ออก เรามีภาพมาฝากกันค่ะ เป็นภาพจากสถานีรถไฟแห่งหนึ่งในกรุงธากา ที่ผู้คนต้องแย่งกันขึ้นรถไฟให้เต็มจนไม่เหลือที่ว่าง อย่าพูดถึงข้างในเลย เพราะภายนอกรถไฟก็เต็มไปหมดแล้ว เรียกได้ว่าตรงไหนนั่งหรือยืนได้ก็จะมีผู้โดยสารอยู่ทุกที่     ทุกครั้งที่ขึ้นรถไฟ พวกเขาจะภาวนาให้เดินทางถึงที่หมายด้วยความปลอดภัย   เมืองธากาเป็นเมืองหลวงของบังกลาเทศที่ขึ้นชื่อมีขบวนรถไฟที่แออัดที่สุด ซึ่งทุกคนก็ชินกันความแออัดนี้ไปแล้ว   เพราะที่นี่มีประชากรมากเกินไป มีที่นั่งไม่พอสำหรับทุกคน เลยต้องมีบางกลุ่มปีนขึ้นไปนั่งบนหลังคาแทน   แม้ว่าจะเป็นการเดินทางที่เสี่ยงอันตรายมากๆ แต่มันก็เป็นทางเลือกเดียวที่จะเดินทางเข้าและออกเมืองได้   ในบังกลาเทศมีคนจนอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นไม่ว่าจะอันตรายแค่ไหนพวกเขาก็จำเป็นต้องขึ้นรถไฟขบวนนี้อยู่ดี ทั้งที่มันมีโอกาสสูงมากที่เกิดอุบัติเหตุในแต่ละวัน   พวกเขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อไปทำงานให้ทันเวลา จนบางทีต้องยอมอดอาหารเช้าและเย็นในวันนั้น   ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง เด็กเล็ก หรือคนชราก็ต้องเดินทางที่เสี่ยงเช่นนี้เหมือนกัน   แต่ส่วนใหญ่พวกเขาจะให้คนชราได้นั่งในรถไฟมากกว่า แต่มันก็ไม่พอสำหรับคนชราทุกคนอยู่ดี   ส่วนกฏระเบียบที่ตั้งขึ้นมานั้น แทบไม่มีผลอะไรเลย ดังนั้นจึงอนุโลมให้มีการเดินทางแบบแออัดเช่นนี้อยู่ .…

อาชีพนักดับเพลิงนั้น ไม่ใช่ใครจะเป็นก็ต้องแต่คุณต้องมีใจรักและอยากทำเพื่อสังคมจริงๆ ไม่ใช่การช่วยแค่เพื่อนมนุษย์เท่านั้น แต่มันหมายถึงการต้องช่วยเหลือทุกชีวิตบนโลกนี้ด้วย เหมือนกับ Andrew Klein นักดับเพลิงจาก Santa Monica Fire Department ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่พร้อมจะช่วยเหลือทุกชีวิตอย่างสุดความสามารถ     เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดเหตุไฟไหม้ที่อาคารอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดย Marley สุนัขตัวเล็กๆ ติดอยู่ในบ้าน ส่วนเจ้าของวิ่งออกมาได้และได้โทรแจ้งหน่วยดับเพลิงทันที เมื่อนักดับเพลิงมาถึง พวกเขาไม่ลังเลที่จะวิ่งเข้ากองเพลิงเพื่อช่วยเหลือสุนัขตัวน้อย และเหตุการณ์ทั้งหมดเหล่านี้ถูกบันทึกไว้โดย Billy Fernando ช่างภาพที่บังเอิญผ่านมาเห็นพอดี Fernando เล่าว่า “หลังจากที่พวกเขาวิ่งเข้าไปในกองเพลิงแล้ว สักพักผมก็เห็น Klein เดินออกมาที่สนามหญ้าพร้อมกับอุ้มลูกหมาตัวน้อยออกมาครับ”     เจ้า Marley ถูกอุ้มออกมาในสถาพที่หมดสติและไม่ขยับตัว แต่นั่นไม่ได้ทำให้ Klein ยอมแพ้ เขานอนลงข้างๆ สุนัขแล้วเริ่มทำการช่วยชีวิตมัน เขาใส่หน้ากากออกซิเจนให้สุนัข แต่ดูเหมือนมันไม่มีการโต้ตอบใดๆ กลับมาเลย Klein จึงตัดสินใจทำการผายปอดให้สุนัขโดยไม่ลังเลเลยสักนิด     ในขณะที่เจ้าของก็นั่งเฝ้าดูเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือสุนัข เธอภาวนาให้มันฟื้นขึ้นมา ภาวนาให้เจ้าหน้าที่ทำสำเร็จ เพราะหญิงสาวรักมันเหมือนดั่งลูกคนหนึ่ง และแล้วหลังการช่วยเหลือผ่านไป 20 นาที ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เมื่อ Marley เริ่มมีการตอบสนอง มันค่อยๆ…

จิบลิ เป็นสตูดิโอภาพยนตร์อะนิเมะของประเทศญี่ปุ่นที่หลายคนคุ้นเคยดี  ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของ โทคุมะ โชเท็น ด้วยส่วนอะนิเมะของสตูดิโอนี้ก็จะเต็มไปด้วยจินตนาการ เข้าถึงอารมณ์ จนได้รับการชื่นชมไปทั่วโลก โดยทางจิบลิเองก็ได้มีการเอาใจแฟนๆ ด้วยสินค้าที่น่าสนใจมากมาย ทั้งของใช้ ของเล่น และอื่นอีกเพียบ แต่สำหรับตอนนี้ได้มีการผลิตความเป็นจิบลิที่ทานได้ ให้ทุกคนได้ฟินกันยิ่งขึ้น     โดยปกติคนญี่ปุ่นชอบดื่มชาอยู่แล้ว ดังนั้นสตูดิโอจิบลิจึงได้ร่วมมือกับ Lupicia ตัวแทนจำหน่ายชาในญี่ปุ่น ผลิตชาให้กลายเป็นสินค้าที่น่ารักมายิ่งขึ้นด้วยตัวละครจากสตูดิโอเนี่ยแหละ ลักษณะของชานั้นทำจากวัตถุดิบที่มีสีคล้ายกับตัวละครในจิบลิ พร้อมทำกล่องชาที่น่ารัก มุ้งมิ้งแบบที่คุณไม่เคยมีมาก่อนแน่ๆ อย่างเช่น กล่องชาที่เป็นรูป Jiji แมวดำที่มีดอกไม้และผีเสื้ออยู่รอบๆ ชาจะมีกลิ่นหอมที่มีรสชาติของสตรอเบอร์รี่ แอปริคอทและน้ำผึ้ง มีส่วนผสมของกลีบกุหลาบ พริกสีชมพู และบลูเบอร์รี่แห้งโดยทั้งหมดถูกนำมาผสมจนออกมามีรสชาติลงตัวพอดี     ส่วนตัว Kiki นั้นมารูปแบบชาดำที่มีรสหวานและผสมกับรสเปรี้ยวจากสตรอว์เบอร์รี่กับแบล็คเคอแรนท์ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ได้จากการออกผจญภัยของ Kiki จนทำให้เธอกลายเป็นแม่มดน้อยอย่างเต็มตัว     และกล่องสุดท้ายนี้ ทุกคนต้องอยากได้แน่ๆ เพราะมันเป็นตัวละครที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ Totoro นั่นเอง กล่องนี้ดูน่ารักเป็นพิเศษ เพราะจะมีลายของเจ้า Toro นอนกางพุงอยู่ ส่วนชาที่อยู่ข้างนั้นเป็นชาเขียวจากขุนเขา Sayama Hills จังหวัดไซตามะ ที่มีอยู่จริงในประเทศญี่ปุ่น…

แบบนี้ก็ได้เหรอเนี่ย!? เมื่อตำรวจในเปรูได้เข้ายึดการขนส่งโคเคนมากถึง 1.4 กิโลกรัมซึ่งมีการแปะโลโก้และรูปของ “ลีโอเนล เมสซี่” ดาวเตะชื่อดังจากทีมบาร์เซโลน่า เอาไว้บนแพ็คเกจอีกต่างหาก     โดยของกลางทั้งหมด เป็นโคเคนเกรดเยี่ยม มีมูลค่ารวมกันอยู่ที่ 73 ล้านปอนด์หรือราว 3 พันล้านบาท และยังทำการแปะโลโก้ของเมสซี่เอาไว้ แถมนอกเหนือจากนี้แล้วยังมีห่อที่ใช้ตราแผ่นดินของสเปนแปะเอาไว้อีกต่างหาก จากรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพีได้ระบุว่าการขนส่งนี้มีปลายทางอยู่ที่ยุโรป ก่อนจะถูกตำรวจเปรูเข้ายึดไว้ทันเวลา   .   ยิ่งไปกว่านั้น เอล มุนโด้ เดปอร์ติโบ สื่อจากประเทศสเปนยังรายงานอีกว่า ยาเสพติดล็อตดังกล่าวถูกซ่อนไว้ภายใต้หมึกนับพันตัวที่อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์อีกชั้นหนึ่ง     ปีก่อนก็เคยมีการซ่อนโคเคนมูลค่า 24 ล้านปอนด์เอาไว้ในกล้วยปลอมให้กับ ดาเนียล บัลเดส ฆารามิโญ ราชายาเสพย์ติดชาวโคลอมเบียที่ใช้นามแฝงว่า “เมสซี่” ตามชื่อของนักเตะอันดับหนึ่งของโลกจากทีมบาร์เซโลน่า ซึ่งถูกพบในโกดังที่อังกฤษใกล้ๆ กับย่านแรนแนม เมืองเคนท์ ประเทศอังกฤษ เดี๋ยวนะ เรื่องนี้เมสซี่จะไม่ยุ่ง!!   แบบนี้ก็ได้เหรอ ที่มา dailymail

เชื่อว่าเพื่อนๆ ทุกคน คงจะเคยได้ยินคำว่า “สามัคคีคือพลัง” กันอย่างแน่นอน เพราะความสามัคคีจะส่งผลทำให้ทุกๆ อย่างที่ตั้งใจทำดำเนินการไปอย่างราบรื่น และสำเร็จได้โดยง่าย และเมื่อไม่นานมานี้ ทางเว็บไซต์เดลีเมลล์ก็ได้ออกมาเผยภาพน่ารักๆ ของทั้งคนและสัตว์ ที่จะมาแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีและการทำงานร่วมกันเป็นทีม บอกเลยว่ามีทั้งความฮา ความน่ารัก และความประทับใจแบบเต็มฉบับกันเลยทีเดียว   หนูน้อยใจดีมาช่วยเปิดน้ำ เพื่อให้เจ้าหมาได้กินน้ำแก้กระหาย   เมื่อน้องเหมียวขาสั้น พี่หมาก็คอยมาเป็นฐานให้น้องได้ปีนขึ้นไป   ม้าชื่อ Brenda Lee ได้ลงไปเล่นน้ำกับ Lucy เพื่อนหมาตัวน้อย ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการการบำบัดด้วยสัตว์ที่ชื่อว่า Horses Know the Way Home   เป็นการแก้ไขปัญหาที่ยอดเยี่ยมมาก   ความน่ารักของพี่สาว และน้องสาว   2 หนุ่มน้อยที่ได้รับบาดเจ็บที่แขนซ้ายของพวกเขา กำลังใช้คอมพิวเตอร์ด้วยกัน ซึ่งคนหนึ่งเป็นผู้พิมพ์ คนหนึ่งก็ใช้แขนอีกข้างจับเมาส์   พี่หมาใจดีกำลังป้อนนมให้ลูกแกะตัวน้อย   ภาพความน่ารักของครอบครัวแรคคูนที่ต่อตัวช่วยลูกน้อยข้ามกำแพง   หนูน้อยและเจ้าหมา กำลังช่วยกันล้างจานอยู่   หนุ่มน้อยที่กำลังพลัดกันเล่นวีดีโอเกม  …

หากคุณกำลังมองหาวิธีประกาศขายบ้านที่กลายเป็นที่น่าสนใจบนโลกออนไลน์ ต้องบอกเลยว่าหากมาในคอนเซปต์ที่ดูธรรมดาๆ หรือมีสาวๆ สวยๆ มาเป็นพรีเซนเตอร์ นั่นอาจจะดูไม่พิเศษสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากมาในชุดนกแก้วสีสันสดใส ไม่แน่นอนว่าบ้านของคุณอาจจะขายออกก็เป็นได้ ฮร่าๆ     เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า เจ้าของบ้านคนหนึ่งได้ปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิดในการจ้างพนักงานจาก Platinum Properties มาแต่งตัวในชุดนกแก้ว เพื่อถ่ายภาพโฆษณาขายบ้านแฝด 3 ห้องนอนบนถนน Boardman ใน Blackrod สหราชอาณาจักร ลงบนเว็บไซต์ และแน่นอนว่า หลังจากที่ภาพดังกล่าวได้ถูกนำไปเผยแพร่ลงบนโลกออนไลน์ ต่างก็ได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีคนเข้ามารับชมบนเว็บไซต์ Right Move มากเกือบ 100,000 ครั้งเลยทีเดียว     ที่สำคัญดูเหมือนว่าการลงทุนทำในสิ่งที่แปลกแหวกแนวในครั้งนี้ก็ประสบความสำเร็จซะด้วยสิ เพราะหลังจากที่เขาได้ประกาศขายบ้านไปเป็นเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ในที่สุดก็มีคนมาซื้อบ้านหลังนี้ไปในราคา 225,000 ปอนด์ หรือประมาณ 9.7 ล้านบาท     นายแบบขายบ้านในชุดนกแก้วสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้เป็นอย่างดี   มาในแบบคอนเซปต์ที่ดูแหวกแนวฝุดๆ เรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยที่ดีไม่น้อย…

เรื่องราวอันน่าสลดใจของคู่รักที่ดิ้นรนต่อสู้เพื่อลูกๆ ทั้ง 3 คน หลังเสียพวกเขาไปภายในระยะเวลา 6 เดือน กับกฎหมายอังกฤษที่ไม่ยอมรับว่าพวกเขามีตัวตนอยู่ในสังคม เจ้าหนู Matilda ลูกของ Lucy Black และ Adam Henry เพิ่งจะเสียชีวิตจากการคลอดหลังจากมีอายุครรภ์ได้ 8 เดือน เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา     แม้ว่าทั้งคู่เพิ่งจะได้พบกับเรื่องเศร้ามาหมาดๆ แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือนทั้งคู่ก็ได้รับข่าวดีเพราะคุณ Lucy วัย 32 ปี ได้ตั้งครรภ์อีกครั้ง และครั้งนี้ก็ได้ลูกแฝดด้วย!! แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อนหลังจากที่ตั้งครรภ์ไปได้เพียง 5 เดือน ก็ต้องคลอดออกมาก่อนกำหนด และหลังจากคลอดออกมาประมาณ 20 นาที เจ้าหนู Joshua และ Harriet ก็เสียชีวิต     ซึ่งตามกฎหมายของประเทศอังกฤษแล้วจะไม่ถือว่าเด็กทั้งสองคนอยู่ในฐานะของการมีตัวตน โดยจะนับเป็นทารกและมีชีวิตจริงๆ ก็ต่อเมื่อมีอายุ 5 เดือนกับอีก 2 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งการจดทะเบียนเกิด และการจดทะเบียนเสียชีวิตของเจ้าหนู Joshua และ Harriet ไม่สามารถทำได้เพราะเสียชีวิตตอนมีอายุครรภ์ได้ 5…

ถ้าเลือกเกิดได้ทุกคนก็อยากเป็นคนสวยคนหล่อกันทั้งนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วเราทำไม่ได้ จึงทำให้บางคนเกิดมามีความผิดปกติทางร่างกายไปบ้าง เหมือนกับ Carter Blanchard เด็กชายวัย 8 ขวบ ที่เกิดมาพร้อมโรค Vitiligo (ด่างขาว) ส่งผลให้ผิวหน้าของมีรอยด่างเป็นบางจุด และเด็กชายก็ไม่ชอบที่เป็นแบบนี้เอาซะเลย     แต่แล้ววันหนึ่งเด็กชายก็เปลี่ยนความคิดเมื่อได้พบกับสุนัขที่มีหน้าตาลักษณะเหมือนกับเขา Carter ไม่รู้สึกเกลียดใบหน้าตัวเองอีกต่อไปแล้ว แต่เขากลับยิ้มได้อย่างภาคภูมิ Rowdy เป็นสุนัขอายุ 13 ปี มีขนสีดำ แต่ขนรอบดวงตาเป็นสีขาว เพราะมันก็เป็นโรค Vitiligo เหมือนกับที่ Carter เป็นอยู่ตอนนี้     การที่สุนัขตัวนี้มีสีขนที่แปลกนี้ทำให้มันเป็นที่รู้จักมากมายในโลนออนไลน์ และเมื่อแม่ของ Carter ไปเจอกับมันเขา เธอจึงตัดสินใจรับมันมาเลี้ยงทันที และเมื่อเด็กชายได้เห็น Rowdy เป็นครั้งแรก เขาตื่นเต้นมาก เพราะมันเป็นโรคเดียวกับเขา และมีลักษณะหน้าตาเหมือนกัน     แม่ของเด็กชายบอกว่า “ตอนที่ลูกชายเจอกับสุนัขตัวนี้ เขาเปลี่ยนสีหน้ารวดเร็วอย่างไม่หน้าเชื่อ จากที่เคยหน้าบึ้งก็กลายเป็นยิ้มแป้นเลยค่ะ” เธอยังบอกอีกว่า “ทุกครั้งที่ขึ้นรถ ลูกจะพูดเสมอว่าเขาเกลียดใบหน้าตัวเอง และไม่ชอบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เลย แต่เมื่อมีเจ้าหมาตัวนี้เข้ามา ดูเหมือนมันจะสอนลูกชายฉันเกี่ยวกับการยอมรับรูปลักษณ์ตัวเองมากขึ้น”     ตั้งแต่นั้นมาพวกเขาก็กลายเป็นเพื่อนรักกันที่มักจะเล่นด้วยกันเสมอ…

ในโลกนี้ต่อให้จะมีคนมาบอกว่ารักเรามากแค่ไหน แต่คงไม่มีใครที่รักและดูแลเราได้ดีไปกว่าพ่อกับแม่อีก แม้จะอยู่ในช่วงที่ลำบากที่สุด พ่อแม่ก็จะอยู่เคียงข้างเสมอ เหมือนกับคุณแม่วัย 69 ปี คนนี้ ที่แม้จะแก่แล้วแต่เธอยังรวบรวมกำลังทั้งหมดแบกลูกสาวพิการวัย 30 ปี เพื่อไปทำธุรกรรมในธนาคาร     เรื่องราวนี้ถูกโพสต์ในเฟสบูุ๊คโดย Gilbred Cargason Alsagon Jr เป็นช่วงเวลาประทับใจที่บันทึกได้จากธนาคาร DBP (Development Bank of The Philippines) ในเมือง Roxas ประเทศพิลิปปินส์ ภาพของ Julieta Lorenzo วัย 69 ปี เดินเข้ามาในธนาคารพร้อมกับแบกลูกสาว Mary Jane ไว้ข้างหลัง สร้างความประทับใจให้ทุกคนที่พบเห็น     Alsagon บอกว่า หลายคนพยายามจะเข้าไปช่วยเธอ แต่หญิงชราปฏิเสธอย่างสุภาพ เพราะ Mary ไม่ไว้ใจใครเลยนอกจากแม่เท่านั้น ต่อมา Alsagon ได้ทราบว่า แม่ลูกคู่นี้จะมาที่ธนาคารทุกเดือนเพื่อมารับเงินบำนาญ 4,400 บาทต่อเดือน เมื่อมาถึงสองแม่ลูกก็จะนั่งทานของว่างที่วางอยู่บนโต๊ะในระหว่างรอคิว     เมื่อเหตุการณ์นี้ถูกโพสต์ลงในเฟสบุ๊ค ก็มีชาวเน็ตก็มาชื่นชมมากมาย พวกเขาต่างประทับใจกับคุณแม่คนนี้ที่แม้จะแก่แล้วแต่เธอก็ยังดูแลลูกสุดความสามารถ…

ใครที่ชอบพวกเครื่องดื่มชูกำลัง บอกได้ว่างานนี้คุณต้องเซอร์ไพรส์แน่ๆ เพราะนี่ไม่ใช่เครื่องดื่ม ไม่ใช่น้ำ และไม่ใช่ยา แต่มันคือ ซุปบำรุงกำลัง!! แหน่ ไม่เคยได้ยินละสิ นี่คือซุปบำรุงกำลังจากนิชชิน อะ งงเข้าไปอีก ก็ปกติเรารู้จักนิชินในฐานะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใช่มั้ยล่าาาา แต่ครั้งนี้มาในรูปแบบของการชูเรื่องซุปมากกว่าเส้นบะหมี่!!     และซุปให้พลังงานนี้คือ Cup Noodle Energy Miso Ginger Big มีส่วนผสมของกรดอะมิโน อาร์จินีนและวิตามินไนอาซิน (วิตามินบี 3) ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย น้ำซุปนี้ไม่ได้มาแต่น้ำเท่านั้น แต่มาพร้อมกับเนื้อและซุปมิโซะ โดยใช้ขิงและกระเทียมในการเพิ่มรสชาติ นอกจากนี้ในเซตเดียวกันยังมีน้ำซุปรสขิงที่เพิ่มความอร่อยให้ซุปเพิ่มกำลังอีกด้วย   ไม่ได้มาแค่ซุปนะ แต่มาพร้อมเครื่องแบบจัดเต็ม   ข่าวดีคือ Cup Noodle Energy Miso Ginger Big จะวางขายแล้วในวันที่ 27 มีนาคมที่จะถึงนี้ ในซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น ราคาถ้วยละ 205 เยน (ประมาณ 63 บาท) เตรียมตัวบินไปลิ้มลองกันได้เลยนะจ๊ะ   ดูจากภาพแล้วน่ากินมากๆ ได้ฟื้นฟูพลังเหมือนเครื่องดื่มชูกำลังแบบนี้ก็เยี่ยมไปเลย ที่มา nissin, rocketnews24

คนจรจัดหรือขอทานนับว่าเป็นปัญหาหลักของหลายๆ ประเทศเนื่องจากเป็นการทำให้ประเทศเสียภาพลักษณ์มีปัญหาอื่นๆ ตามมาอีก แม้ว่าที่ผ่านมาประเทศต่างๆ จะพยายามแก้ปัญหาด้วยวิธีต่างๆ แต่ก็ไม่อาจทำให้คนจรจัดหมดไปจากสังคมได้ โดยเฉพาะในอังกฤษที่มีจำนวนของคนจรจัดพุ่งสูงมากถึง 51%     อังกฤษจึงได้ออกมาตรการกำจัดคนจรจัดอย่างจริงจังด้วยการปรับอย่างน้อย 4,300 บาท (100 ปอนด์) แน่นอนว่าวิธีนี้สร้างความไม่พอใจกับกลุ่มมนุษยชนเป็นอย่างมาก การกำจัดคนจรจัดนี้อยู่ภายใต้ระบบ PSPO (Public Space Protection Order) หรือระเบียบการปกป้องพื้นที่สาธารณะ ซึ่งถูกนำเสนอเมื่อปี 2014 โดยจะทำการปรับคนที่มีพฤติกรรมผิดแปลกไปจากคนทั่วไป เพราะถือว่ามีความผิดทางอาญา     Jenny Hollingsbee สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจาก Shepway Council บอกว่า ที่เสนอให้มีการปรับเป็นเงิน 4,300 บาทนั้น เป็นเพราะไม่อยากให้คนจรจัดมานอนข้างถนน เนื่องจากไม่มีความปลอดภัย เธอยังบอกอีกว่า การปรับนี้จะช่วยจัดการผู้กระทำผิดอย่างถาวรและดูเหมือนว่าจะได้ผลด้วย เพราะหลังจากที่ใช้ระบบนี้พบว่าในพื้นที่ที่ Jenny ดูแล มีคนจรจัดลดลงไปเป็นจำนวนมาก แต่การแก้ปัญหานี้เปรียบเสมือนเหรียญสองด้านคือ มันอาจจะแก้ปัญหาคนต่อต้านสังคมได้ แต่สำหรับคนที่ไม่มีที่อยู่อาศัยจริงๆ วิธีนี้ยิ่งจะเป็นการรังแกพวกเขามากขึ้น     Rick Henderson จาก Homeless Link บอกว่า “มีหลายคนที่ไม่อยากนอนข้างถนนเลย…

ในแต่ละวันมีการก่ออาชญากรรมมากมายจนบางทีตำรวจเองยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำเกิดที่ไหนอย่างไร หรือรู้ในเวลาที่สายเกินไปแล้วและทำให้คนร้ายหลบหนีไปได้ ด้วยเหตุนี้กรมตำรวจในเกียวโตจึงติดตั้งระบบ Predictive Crime Defense System (Yosokugata Hanzai Bogyo System) หรือระบบคาดการณ์สถานที่และเวลาเกิดอาชญากรรม     ระบบนี้ควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ที่สามารถบอกตำรวจได้มีการก่ออาชญากรรมประเภทใด เมื่อไหร่และที่ไหน เช่น ถ้าตำรวจกำลังตามตัวคนร้ายแต่ไม่รู้ว่าอยู่ในบริเวณไหน พวกเขาก็แค่พิมพ์ประเภทและเวลาของอาชญากรรมลงในระบบตรวจจับ จากนั้นก็จะมีแผนโชว์ขึ้นมาพร้อมระบุตำแหน่งเป็นสีที่ได้ตั้งไว้     ระบบนี้จะช่วยให้ตำรวจจัดหน่วยลาดตระเวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะรู้ว่าต้องไปตรวจเหตุจุดไหน เวลาไหน เหมือนเป็นการลงพื้นที่ที่ถูกจุดนั่นเอง ซึ่งมันก็ช่วยป้องกันการก่ออาชญากรรมได้เป็นอย่างดีเลย ตั้งแต่นำระบบนี้มาใช้ ตำรวจเกียวโตสามารถจับคนร้ายมี่คุกคามทางเพศในรถได้หลายรายแล้ว โดยระบบจับได้เพระาะไฟกระพริบรถนั่นเอง     นอกจากนี้ ระบบตรวจจับจะเผยให้เห็นการโจรกรรมรถที่เกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียงด้วย ดังนั้นตำรวจจึงต้องมีการตื่นตัวเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับทรัพย์สินและชีวิต เป้าหมายหลักของเครื่องตรวจจับนี้คือป้องกันการก่ออาชญากรรม ดังนั้นระบบจะเตือนก่อนที่คนร้ายจะลงมือได้สำเร็จเสมอ     ระบบนี้ เกียวโตได้รับไอเดียมาจากเมือง Santa Cruz รัฐแคลิฟอร์เนียอีกที ซึ่งใช้ระบบเดียวกันมานานหลายปีแล้ว และพบว่ามีการก่ออาชญากรรมลดลงถึง 20% ระบบดังกล่าวนี้สร้างมาจากการวิเคราะห์สถิติอาชญากรรมที่เคยเกิดขึ้นเป็นประจำ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความผิดพลาดเลย เพราะบางครั้งก็ทำให้ตำรวจจับผิดตัวบ้าง     เช่นในเดือนก่อนหน้านี้ ในจังหวัดฟุกุโอกะ ชายคนหนึ่งถูกจับเพียงเพราะถือไฟฉาย… จึงกลายเป็นปัญหาว่าควรจะให้ตำรวจใช้ระบบดังกล่าวในการจับคนร้ายต่อไปมั้ย…

การทำศัลยกรรมกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับสังคมปัจจุบันนี้ไปแล้ว แต่ก็อย่างที่รู้ ไม่ว่าจะทำส่วนไหน ยังไง มันก็มีทั้งผลดีและผลเสียตามมาเสมอ โดยเฉพาะการทำหน้าอก ที่มีงานวิจัยล่าสุดพบว่าการอัพเกรดหน้าอกนั้นเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ ซึ่งเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดหายากและยังไม่มีการรักษาให้หายขาดได้ (ทางการแพทย์เรียกว่า Anaplastic Large Cell Lymphoma) โดยนักวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาได้ศึกษารูปแบบต่างๆ ของซิลิโคนเสริมหน้าอก และพบว่าซิลิโคนบางชนิดไม่มีความปลอดภัย นำไปสู่การเป็นมะเร็งได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีซิลิโคนหลายชนิดที่ถูกสั่งห้ามมาใช้ในการเสริมหน้าอก     ในสหรัฐฯ นั้น การทำศัลยกรรมหน้าอกได้รับความนิยมเป็นอันดับสองจากการทำศัลยกรรมทั้งหมด โดยพบว่ามีการใช้บริการเสริมหน้าอกมากกว่า 300,000 ครั้งต่อปี และการตรวจสอบที่ผ่านมาพบว่า มีผู้ได้รับผลกระทบจากการทำหน้าอกมากถึง 99% ส่วนการรักษาเบื้องต้นนั้น คือ ต้องนำซิลิโคนที่เสริมอกออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังพบว่า แม้ผู้หญิงที่ทำหน้าอกมานั้นเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองน้อย แต่เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ทำแล้วกลับพบว่ามีความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน     คนที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเนื่องจากการทำหน้าอกนั้น ส่วนใหญ่จะได้รับการรักษาด้วยการเอาซิลิโคนออก และฝังแคปซูลไว้รอบๆ จุดที่เคยเป็นตำแหน่งซิลิโคน แต่บางกรณีก็จะรักษาด้วยการทำเคมีบำบัดและฉายรังสี การสำรวจของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2017 พบว่า มีคนที่ป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเนื่องจากซิลิโคนทำหน้าอก 359 คน และเสียชีวิตไปแล้ว 9 ราย ส่วนในการกระบวนการทำศัลยกรรมหน้าอกนั้น มีรูปแบบที่หลากหลาย แต่ในสหรัฐฯ…

เคยมั้ย? มองไปทางไหนก็รู้สึกเบื่อไปหมด ต้องอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดิมๆ บรรยากาศเดิมๆ สิ่งก่อสร้างเดิมๆ ไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นเลย ถ้าไม่อยากเบื่อแบบนี้ก็ทำให้สิ่งที่น่าเบื่อกลายเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากขึ้นในแบบของคุณสิ เหมือนกับผู้ใช้อินสตาแกรมจากสแกนดิเนเวียคนนี้ที่เปลี่ยนเมืองตัวเองให้น่ามองยิ่งขึ้น     โดยปกติแล้วฤดูหนาวในภูมิภาคสแกนดิเนเวียจะกินเวลานานถึง 6 เดือน ทำให้บางคนรู้สึกเบื่อเป็นธรรมดา ชาวเมืองต้องอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดิมๆ อาการศเดิมๆ วันแล้ววันเล่า ด้วยเหตุนี้ผู้ใช้อินสตาแกรมที่ใช้ชื่อว่า uppsala.ser.dig จึงได้ทำให้สิ่งแวดล้อมรอบตัวให้น่ามองด้วยการไล่ติดดวงตาปลอมไปทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นบนต้นไม้ เสาไฟฟ้า ถึงขยะ รูปปั้น และอื่นๆ ที่ติดได้   นี่คือบรรยากาศในฤดูหนาวของประเทศวีเดน   ทีนี้เวลาออกจากไปบ้านก็จะมีสิ่งที่ชวนให้ตื่นเต้นแล้ว คุณจะรู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองอยู่ตลอดเวลา และไม่ว่าจะไปทางไหน คุณก็จะเจอกับสายตาคู่นั้น แหม่ มันอาจจะดูเหมือนการเล่นแบบเด็กๆ นะ แต่ปฏิสเธอไม่ได้เลยว่า สิ่งเหล่านี้ได้ทำลายความเบื่อหน่ายลงไปมากเลยล่ะ   ทำให้สิ่งของกลายเป็นสิ่งที่ยิ้มได้   เพื่อทำลายความน่าเบื่อ ยิ้มให้เต็มที่ไปเลย   อันนี้อาจจะดูหลอนไปซะหน่อยนะ   ใส่ดวงตาให้เจ้าเหมียวยักษ์สักหน่อย   อะไรๆ ก็มีตาได้ ดูสิ . . . . .  …

ในสมัยที่ทุกคนกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยม เชื่อว่าทุกคนต้องเคยมีโมเมนต์ที่เบื่อการเรียนคณิตศาสตร์มากๆ เพราะนอกจากมันจะยากแล้ว การเรียนการสอนมันก็ช่างแสนน่าเบื่ออีกด้วย (#เหมียวอ๊อดโด้ ล่ะคนหนึ่งที่เกลียดวิชาคณิตศาสตร์มากๆ) แต่คุณครูชาวแอฟริกาใต้คนนี้ได้คิดค้นวิธีการสอนคณิตศาสตร์ขึ้นมาใหม่ เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนได้อย่างสนุกสนานไม่และไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ด้วยการนำเพลงฮิปฮอป การแรป และการเต้นเข้ามาเป็นสื่อช่วยสอน     ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อที่คณิตศาสตร์กับเพลงฮิปฮอปจะมาอยู่ด้วยกัน แต่ก็เป็นเรื่องจริง คุณครูคนนี้มีชื่อว่า Kurt Minnaar วัย 31 ปี จากเมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ เขาเล่าว่าเด็กนักเรียนของเขาหลายคนประสบปัญหากับวิชาคณิตศาสตร์มาก เนื่องจากการเรียนการสอนคณิตเป็นเรื่องน่าเบื่อ จนพวกเขาไม่สามารถโฟกัสไปที่เนื้อหาได้ ซึ่ง Kurt ก็เข้าใจดีเพราะเคยผ่านมาก่อน ด้วยความที่เขาเคยเป็นนักออกแบบท่าเต้นและศิลปินเพลงฮิปฮอปมาก่อน เขาจึงตัดสินใจลองพัฒนาแนวทางการสอนใหม่ๆ ขึ้นมาด้วยความรู้ที่เขามี จนกลายเป็นการสอนคณิตศาสตร์แบบฮิปฮอปอย่างที่เราได้เห็นกัน     “วิธีการสอนแบบดั้งเดิมนั้นน่าเบื่อมาก มีเด็กในห้องของผมบางคน ทำโจทย์ระดับประถมไม่ได้ด้วยซ้ำ ผมจึงลองใช้เพลงแรป สร้างวิธีการสอนแบบใหม่ขึ้นมา เพื่อให้เหมาะกับเด็กๆ ที่สมาธิสั้นหรือมีอาการไดอาเล็กเซีย” Kurt กล่าว     โดยเขาได้เขียนเพลงแรปที่มีเนื้อหาเป็นการสอนบวกลบคูณหารขึ้นมาหลายเพลงและให้นักเรียนได้จำไปร้อง ขณะเดียวกันระหว่างอยู่ในชั้นเรียน เขาก็จะสอนนักเรียนเต้นไปด้วย เพื่อให้นักเรียนได้ผ่อนคลาย และกลับมามีสมาธิกับสิ่งทีกำลังสอน     ซึ่งหลังจากทดลองนำสื่อฮิปฮอปมาใช้งาน ผลปรากฎว่านักเรียนของเขาสามารถเรียนวิชาคณิตศาสตร์ได้ดียิ่งขึ้น “ผมเห็นผลลัพธ์ในแง่บวกของนักเรียนของผม…

โยคะถือว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่หลายๆ คนชอบเล่น เพราะนอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยฝึกสมาธิอีกด้วย และถ้าเพื่อนๆ คนไหนอยากลองเล่นโยคะท่ามกลางบรรยากาศแบบธรรมชาติๆ ล่ะก็ ลองไปรู้จัก “โยคะแพะ” อันนี้กันดีกว่า “โยคะแพะ” คิดค้นขึ้นมาโดย Lainey Morse เจ้าของฟาร์ม No Regrets จากรัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอเล่าว่าปกติแล้วทุกๆ เทศกาลวันสำคัญ อย่างเช่นวันเด็ก เธอจะเปิดฟาร์มให้ครอบครัวอื่นๆ ได้มาจัดปาร์ตี้กัน จนวันหนึ่ง ผู้ปกครองท่านหนึ่งที่เป็นครูสอนโยคะพูดขึ้นมาว่า “ที่นี่เหมาะเป็นสถานที่เรียนโยคะดีนะ” เมื่อได้ยินแบบนั้น เธอจึงทดลองจัดคลาสโยคะขึ้นมาทันที     โดยผู้เข้าร่วมทั้งหมดจะทำกิจกรรมกันกลางฟาร์ม และปล่อยให้สิงสาลาสัตว์ต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมอย่างอิสระ ซึ่งทางผู้ที่เข้าร่วมต่างบอกว่า สัตว์เหล่านี้ช่วยให้ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก Morse เผยว่าหลังจากทดลองเปิดคลาสโยคะที่นี่ ก็มีคนสนใจเป็นจำนวนมาก หลายๆ คนถึงกับยอมเดินทางกว่า 200 กิโลเมตร เพื่อมาร่วมคลาสกันเลยทีเดียว       ใครนึกภาพไม่ออกลองชมคลิปนี้ดู   ตอนนี้เธอกำลังมีแผนจะจัดคลาสโญคะเพิ่มในช่วงปลายปีนี้ ใครสนใจก็จองคิวกันได้นะ ที่มา wideopenpets

สำหรับเด็กๆ ส่วนใหญ่แล้ว วันเกิดก็เป็นอีกหนึ่งวันพิเศษที่พวกเขาจะได้รับของขวัญชิ้นโปรด หรือได้จัดปาร์ตี้สนุกๆ กับเพื่อนๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดีตอนโต แต่สำหรับหนูน้อยวัย 6 ขวบ จากชิคาโก Armani Crews เธอต้องการของขวัญวันเกิดที่แตกต่างออกไป ของขวัญที่เธอต้องการไม่ใช่ของเล่น หรือของสะสมน่ารักๆ แต่มันคือการได้ช่วยเหลือคนไร้บ้าน จากน้ำใจที่แท้จริงของตัวเธอเอง   เธอชักชวนให้เพื่อนทุกคนเปลี่ยนจากการส่งของขวัญวันเกิด ให้มาช่วยกันทำแซนวิชคนละไม้คนละมือ เพื่อนำไปแจกให้กับคนไร้บ้าน   หลังจากที่เธอได้โพสต์ความต้องการของเธอลงบนเฟซบุ๊ก ชาวเน็ต และเพื่อนบ้านต่างก็ร่วมแรงร่วมใจส่งของใช้จำเป็นมาให้ บ้างก็ส่งเป็นเงินบริจาค เพื่อที่เธอจะได้นำไปแจกจ่ายให้กับคนไร้บ้าน   เธอเกิดไอเดียที่จะช่วยสังคมดีๆ แบบนี้ทันที หลังจากที่วันหนึ่งเธอเห็นน้องชายของเธอนำอาหารไปให้กับคนไร้บ้าน   และเมื่อวันเกิดของเธอมาถึง หนูน้อย Armani ก็ได้สวมมงกุฏประจำตำแหน่งแบบน่ารักๆ พร้อมทั้งพาครอบครัวไปตั้งโต๊ะแจกจ่ายน้ำดื่ม เสื้อผ้า และของใช้ยามจำเป็นอื่นๆ ให้กับคนไร้บ้านในเมืองที่เธออาศัยอยู่   งานนี้มีคนไร้บ้านมากกว่า 125 คน ที่ได้รับการช่วยเหลือจากเธอ พวกเขาต่างรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของหนูน้อยอย่างที่สุด   เป็นอีกเรื่องราวดีๆ ที่เราได้เห็นเด็กน้อยลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อสังคม โลกนี้น่าอยู่ขึ้นไปอีกเย๊อะ ที่มา: Viralnova

นี่คือภาพขณะที่ทางเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติภารกิจเพื่อเข้าไปช่วยชีวิตแม่วัวโชคร้ายตัวหนึ่ง ที่ดันเดินตกลงไปในหน้าผาสูงกว่า 100 ฟุต (30 เมตร) หลังเดินแยกออกจากกลุ่มของมันที่อาศัยอยู่บริเวณ Polzeath ในคอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษ แต่โชคดีที่มันได้รับการช่วยเหลือเอาไว้ได้ทัน จนทำให้มันรอดชีวิตมาได้     เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า แม่วัวสีขาวตัวนี้ถูกพบในหมู่บ้านที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง ในช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่ 18 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของ Polzeath Coastguard และกองทัพเรือกู้ภัยจาก Padstow Lifeboat ได้รับแจ้งว่ามีวัวพันธุ์ White Park ที่พบได้ยากต้องการความช่วยเหลือ นั่นทำให้พวกเขาได้รีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุทันที     แต่ทว่า ในขณะนั้นทางเจ้าหน้าที่อาจยังไม่สามารถช่วยเหลือมันได้ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ปริมาณน้ำกำลังเพิ่มขึ้น อีกทั้งท้องฟ้าก็เริ่มมืดมิด ดังนั้น จึงเป็นการยากที่จะให้ความช่วยเหลือมัน ซึ่งพวกเขาต้องรอจนกว่าจะเป็นช่วงเช้าอีกวันหนึ่งจึงจะสามารถช่วยชีวิตแม่วัวตัวนี้ได้     วันรุ่งขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เดินทางกลับไปยังที่เกิดเหตุอีกครั้ง และพวกเขาก็ต้องโล่งใจ หลังพบว่าแม่วัวยังคงติดอยู่กับโขดหินตรงที่เดิม และพวกเขาก็ยังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่มันไม่ถูกกระแสน้ำพัดลงไปน้ำ หรือจมน้ำตาย หลังจากที่เห็นว่าแม่วัวยังคงปลอดภัย พวกเขาก็พยายามเข้าช่วยเหลือมัน…

ถ้าใครอยากเอาใจผู้หญิง บอกเลยไม่ยากค่ะ แค่พาเธอช้อปปิ้ง ซื้อเครื่องสำอางค์ ดูหนัง ฟังเพลง ทำเซอร์ไพรส์ หรืออะไรก็ได้ที่คิดว่าเธอชอบ แต่ถ้ายังไม่ได้ผลอีก เราขอแนะนำให้คุณฟิตหุ่นให้ล่ำๆ หาแมวมาอุ้มในอ้อมกอดสักตัว รับรองว่าผู้หญิงต้องใจละลายแน่นอน เหมือนกับชายหนุ่มกับแมวเหล่านี้จากอินสตาแกรม hotdudeswithkittens ที่ใครเห็นก็ต้องกริ๊ดดดด   1. อุ๊ตะ อยากเป็นแมวน้อยจุง   2. ผู้ชายก็หล่อ แมวก็น่ารัก มาอยู่ด้วยกันแล้วลงตั๊วลงตัว   3. มีความมุ้งมิ้งกับเมี๊ยวตัวน้อย   4. นี่มันจะสวีทเกินหน้าเกินตาไปแล้ว   5. ต๊ายตาย ยิ้มหวานเชียว   6. ขออยู่แทนที่เหมียวได้มั้ย   7. ผู้ชายแมนก็รักสัตว์นะ   8. ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นอ่า อยากได้   9. อยากได้คนช่วยเลี้ยงแมวมั้ยคะ   10. แหม่ อยากเข้าไปลูบแมวจัง   11. แบบนี้แหละที่จะทำให้ผู้หญิงใจละลาย  …

เรื่องราวของเจ้าหมีสองตัวที่เกษียณชีวิตจากการทำงานในคณะละครสัตว์ ที่ถูกทิ้งเอาไว้ทั้งอย่างนั้น…   นาย Pavel Kurya อดีตครูฝึกสัตว์จึงตัดสินใจที่จะรับเจ้าหมีสองตัวมาดูแลต่อ ในบ้านที่ตั้งอยู่ในเขต Kalachyovsky District เมือง Volgograd Oblast ประเทศรัสเซีย เจ้าหมีสองตัวชื่อว่า Egor และเจ้า Heaven ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นนักแสดงในคณะละครสัตว์ ก่อนที่จะตัดสินใจลดขนาดลงเมื่อปี 2014 จึงต้องมีการโละสัตว์บางตัวทิ้งไป และแจ๊คพ็อตก็มาตกที่พวกมันสองตัว เนื่องจากว่าเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ และต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากในการดูแล แน่นอนว่าการที่จะปล่อยพวกมันให้ไปอยู่ในธรรมชาตินั้นเป็นเรื่งอที่เป็นไปไม่ได้เลย เพราะตลอดชีวิตมันถูกเลี้ยงดูมาด้วยความหวาดกลัวมาโดยตลอด   และนี่คือภาพของชีวิตหลังเกษียณในบ้านของเจ้าหมีทั้งสองตัวที่อยู่ในบ้านของนาย Kurya…   ถึงเวลาให้อาหารแล้ว   พร้อมทั้งมีการทำเก้าอี้แบบพิเศษเพื่อให้มันนั่งอีกด้วย   ได้เวลาอาบน้ำแล้ว   หลังจากที่มันถูกทิ้งอย่างไม่ใยดี นาย Kurya ก็ตัดสินใจที่จะรับมันมาเลี้ยงไว้ที่บ้าน   ช่วงเวลางีบตอนกลางวัน   Kurya จะคอยดูแลเจ้าหมีทั้งสองตัวเป็นอย่างดี ทั้งน้ำอาหาร แต่ด้วยความที่พวกมันเป็นสัตว์ที่มีความอันตรายจึงต้องมีการสวมที่รัดปาก และต้องอยู่ในกรง . . .   แม้ว่าคุณภาพชีวิตของพวกมันไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยก็ทำให้มันรอดชีวิตจากการถูกปล่อยเอาไปไว้ในธรรมชาติที่พวกมันจะต้องเผชิญกับความตายอย่างแน่นอน   ที่มา…

ต้องยอมรับว่าโซเชียลมีเดียมีอิทธิต่อสังคมปัจจุบันนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งมันก็มีทั้งผลดีและผลเสีย แต่ถ้าคุณรู้จักใช้มันให้เป็นคุณก็ได้รับประโยชน์จากมันอย่างมหาศาลเลยล่ะ เหมือนกับ Sjana Earp นางแบบสาวชาวออสเตรเลีย ที่ทำให้วงการอินสตาแกรมกลายเป็นแหล่งขุมทรัพย์จนประสบความสำเร็จในทุกวันนี้     Earp เป็นผู้ใช้อิสตาแกรมที่มีผู้ติดตาม 1.2 ล้านคน และมีรายได้จากโพสต์รูปลงอินสตาแกรมสูงถึง 5 แสนบาทต่อหนึ่งโพสต์ (15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) แน่นอนว่ามันไม่ใช่แค่งานอดิเรกเท่านั้น แต่การเล่นอินสตาแกรมคือสิ่งที่เธอยึดเป็นอาชีพหลัก และไม่ใช่แค่การหารายได้เพียวอย่างเดียวแต่มันยังช่วยให้เธอเอาชนะโรคซึมเศร้าด้วย     หญิงสาวเล่าให้ฟังว่า “ตอนอายุ 10 ฉันต้องเผชิญกับภาวะซึมเศร้าจนต้องเข้าไปคุยกับจิตแพทย์ในบางครั้ง ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจหยุดเรียนในปลายปีนั้น” “หลังจากออกมา ฉันก็ตัดสินใจเรียน Certificate III เพื่อฝึกสมรรถภาพทางกายและศึกษา Photojournalism (ภาพถ่ายเชิงข่าวสารคดี) ไม่นานหลังจากนั้นฉันก็มีรายได้จากการเล่นอินสตาแกรม”     รายได้จากอินสตาแกรมนั้น มาจากการที่ Earp เล่นโยคะแล้วอัพรูป ซึ่งมันเป็นการฝึกที่ช่วยบำบัดจิตให้เธอเป็นอย่างดีเลย “ฉันใช้อินสตาแกรมในการระบายความในใจ และฉันก็คิดวมันเป็นการแสดงออกที่สร้างสรรค์นะ ต่อมาฉันก็ได้รับการติดต่อให้ถ่ายรูปใน Perth งานนี้ทำให้ฉันได้เดินทางไปบาหลีในฐานะผู้เชี่ยวชาญการฝึกโยคะ” หญิงสาวเล่า “ฉันจำไม่ได้ว่าเคยโพสต์เรื่องสุขภาพจิตของตัวเองตั้งแต่เมื่อไร แต่ฉันจำได้ว่าตัวเองเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่อินสตาแกรมทำให้ฉันได้พูดมากขึ้นผ่านตัวหนังสือ ซึ่งคนที่ติดตามก็บอกเหมือนกันว่าฉันพูดมากขึ้น เปิดใจมากขึ้น”     ตอนนี้เธอไม่ใช่คนพูดน้อยอีกแล้ว แต่เธอเป็นหญิงสาวผู้ร่าเริงที่สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ…

ต้องยอมรับว่าปัจจุบันนี้สื่อโซเชียลมีผลต่อสังคมมาก จนบางคนให้ความสนใจกับโลกออนไลน์มากกว่าชีวิตในโลกแห่งความจริงซะอีก และสำหรับการทำธุรกิจผ่านโซเชียลนั้นเราอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้ว แต่สำหรับ THIRDHOME มีระบบการทำงานที่ง่ายกว่าที่คุณเคยได้เห็นแน่และมันก็น่าสนใจมากๆ ซะด้วยสิ     สิ่งที่บริษัทต้องการคือ ให้คุณกลายเป็นคนดังในอินสตาแกรม แล้วก็ส่งคุณไปเที่ยวตามสถานที่ชื่อดังต่างๆ และงานที่คุณต้องทำก็แค่ถ่ายรูปสถานที่พักภายในเครือบริษัท แล้วแชร์ให้คนทั้งโลกได้ดู ในการทำงานนั้น ทางบริษัทจะให้คุณไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ได้พักภายในบ้านพักสุดหรู เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ทางบริษัทก็จะครอบคลุมให้ทั้งหมด!!     Wade Shealy ผู้ก่อตั้งบริษัท THIRDHOME รวมถึงเป็น CEO ได้บอกไว้ว่า “สมาชิก THIRDHOME จะได้พักในบ้านพักตากอากาศสุดหรู มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แต่คุณต้องรักในการเดินทางจริงๆ” นอกจากค่าใช้จ่ายตลอดทริปที่ทางบริษัทออกให้แล้ว คุณยังจะได้รับเงินเดือนอีกเดือนละ 3 แสนกว่าบาท (10,000 ดอลลาร์) เรียกได้ว่าไม่มีอะไรคุ้มกว่านี้อีกแล้ว     แต่คุณก็ต้องทำงานให้คุ้มกับค่าจ้างเช่นกัน คือ หลังจากที่ทำข้อตกลงแล้ว คุณต้องเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ที่บริษัทเตรียมไว้ให้ จากนั้นก็แชร์รูปของคุณกับสถานที่เหล่านั้นลงในสื่อโซเชียล ภายใต้สัญญาจ้าง 3 เดือน โดยคุณสมบัติที่ผู้สมัครต้องมีคือ มีความรู้ในด้านอุตสาหกรรมโรงแรม…

โตเกียวนอกจากเป็นเมืองหลวงญี่ปุ่นแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนทั่วโลกแวะเวียนเข้าไปเยี่ยมชม และแน่นอนว่าภาพที่เห็นจึงมักจะเต็มไปด้วยผู้คน รถรา และความวุ่นวายของสังคมเมือง แต่สำหรับช่างภาพอย่าง Yota Yoshida แล้ว เขามักจะนำเสนอมุมที่แตกต่างออกไป หรือมุมที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยจะได้เห็นกันมากนัก     Yoshida ได้ถ่ายทอดความเหงาของโตเกียว เพื่อให้เห็นว่าท่ามกลางสังคมที่วุ่นวายนั้น ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่ใช้ชีวิตท่ามกลางความเงียบสงบและเรียบง่าย สำหรับภาพชุดนี้ ช่างภาพได้รับแรงบันดาลใจจาก Jorge Luis Borges, Paul Gauguin และวัฏจักรของชีวิตในทัศนะของพุทธศาสนา ซึ่งมีทั้งเกิด แก่ เจ็บ และตาย     ในแต่ละวัน Yoshida มักจะออกไปเดินเล่นตามท้องถนนพร้อมกล้องประจำตัว เพื่อดูวิถีชีวิตของผู้คนและถ่ายรูปเก็บเอาไว้ ภาพทุกภาพที่ถ่ายมานั้นจะแฝงไปด้วยความเหงาเล็กน้อยอยู่เสมอ แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นภาพทั่วไป แต่มันกลับทำให้คนดูรู้สึกถึงความเหงาที่เขาต้องการถ่ายทอดได้อย่างชัดเจน ลองดูภาพชุดนี้กันนะคะ คุณอาจจะสัมผัสความเหงาภายในเมืองใหญ่ก็เป็นได้   . . . . . . . . . . . . . . . . . .…

ถ้าพูดถึงรถไฟในประเทศญี่ปุ่น เราอาจนึกถึงรถไฟหัวกระสุนความเร็วสูงที่สามารถวิ่งจากเหนือจรดใต้ด้วยระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง แต่ล่าสุดทางประเทศญี่ปุ่นกำลังจะเปิดตัวรถไฟสุดหรูสายชิว ที่ให้เพื่อนๆ สามารถนั่งชมความงดงามของภูมิทัศน์ พร้อมๆ กับบริการอันสะดวกสบายราวกับโรงแรมห้าดาว ขบวนรถไฟดังกล่าวมีชื่อว่า Train Suite Shiki-Shima เป็นของบริษัท East Japan Railway Company ออกแบบโดยผู้ที่เคยออกแบบให้รถหรู Porsche, Ferrari, และ Maserati     รถไฟขบวนดังกล่าวจะวิ่งผ่านทางด้านตะวันตกของประเทศญี่ปุ่น โดยมีแพ็คเกจแบบหนึ่งคืน สองคืน สามคืน ภายในรถไฟจะมีห้องอาหาร เลาจ์พักผ่อน จุดชมวิว และอื่นๆ อีกมากมาย   บริเวณห้องอาหาร ผู้โดยสารสามารถรับชมทิวทัศน์ภายนอกผ่านกระจกใสด้านหลัง   โดยในหนึ่งเที่ยว จะมีผู้โดยสารแค่ 34 คนเท่านั้น ห้องพักบนรถไฟก็ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยดีไซน์แสนงดงามและหรูหรา   อ่างอาบน้ำ   บาร์เครื่องดื่ม   รถไฟขบวนนี้ออกแบบโดย Ken Okuyama ผู้เคยเป็นหัวหน้าทีมออกแบบของบริษัท General Motors และเคยออกแบบ Ferrari Enzo, Maserati Quattroporte, Porsche AG…

Leonardo Viscarra เป็นเด็กหนุ่มวัย 14 ปี จากประเทศโบลิเวีย ร่างกายของเขาปกติดีแทบทุกอย่างยกเว้นเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือมือซ้ายที่ไม่พัฒนาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ซึ่งเกิดจากโรคความผิดปกติของน้ำคร่ำ (amniotic band syndrome) ด้วยความที่มือซ้ายของเขาผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด ทำให้เขาแทบไม่สามารถใช้มือซ้ายทำกิจวัตรประจำวันได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการหยิบจับหรือยกสิ่งของขึ้นมา จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาทำของเล่นตก และเขาเห็นว่าภายในของเล่นประกอบไปด้วยกลไกลมากมาย เหตุการณ์นั้นจึงจุดประกายให้เขาอยากสร้าง “มือเทียม” ที่จะมาทำให้ชีวิตเขาง่ายขึ้นมา     หลังจากพยายามศึกษาด้วยตนเองมาหลายปี ในที่สุดเขาก็สามารถประดิษฐ์มือเทียมของตนเองขึ้นมาได้สำเร็จ แม้มันจะออกมาหน้าตาเหมือน “คีม” มากกว่า “มือ” แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาสามารถหยิบจับสิ่งของได้อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ถ้านับว่าเป็นความพยายามครั้งแรก ก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจล่ะนะ ต่อมา Leonardo ได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กชายชาวฝรั่งเศสที่ใช้มือเทียมอัจฉริยะที่สร้างจากเครื่องพิมพ์สามมิติ เขาจึงขอข้อมูลจากเด็กชายคนนั้น และพบว่ามีองค์กรการกุศลแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาได้ผลิตมือเทียมเหล่านี้ให้กับเด็กๆ ที่ต้องการ เขาจึงติดต่อกับมูลนิธิดังกล่าวทันที ซึ่งทางมูลนิธิก็ได้จัดส่งมือเทียมมาให้เขาในเวลาต่อมา แต่โชคร้าย มือเทียมดังกล่าวกลับมีขนาดใหญ่เกินไปจนเขาไม่สามารถใช้งานได้อย่างพอดี     แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขายอมแพ้แต่อย่างใด เขาจึงใช้ความรู้ที่มีศึกษามือเทียมอัจฉริยะที่ได้มา ประกอบกับศึกษามือเทียมแบบอื่นๆ บนอินเตอร์เน็ต รวมทั้งความช่วยเหลือจากสถาบันหุ่นยนต์ Sawers Robotics Institute แล้วก็สร้างมือเทียมอัจฉริยะของตนเองขึ้นมา ซึ่งปกติแล้วค่าใช้จ่ายในการสร้างมือเทียมอัจฉริยะจะอยู่ที่ 15,000 ดอลลาร์…

บางครั้งคนที่ทำผิดก็ไม่ไช่คนที่ไม่ดีเสมอไป บางครั้งพวกเขาอาจจะตัดสินใจไปโดยพลการโดยที่ยังใตร่ตรองได้ไม่ถี่ถ้วนก็เป็นได้ หากได้รับกำลังใจ หรือคำพูดดีๆ ก็อาจทำให้พวกเขารู้สำนึก และกลับตัวกลับใจได้ทัน เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้…   เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 19 เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่เมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโงะ คนขับรถแท็กซี่วัย 66 ปี ก็ทำการจอดรถที่ข้างถนนเพื่อรอรับลูกค้าตามปกติ เมื่อช่วงเวลา 1.00 น. ชายหนุ่มวัย 25 ก็เดินเข้ามาในรถ แต่ก่อนที่คุณลุงแท็กซี่จะถามถึงจุดหมายปลายทาง เขาก็ถูกล็อคคอจากด้านหลังอย่างรุนแรง     “มีเงินเท่าไหร่ส่งมาให้หมด” ผู้โดยสารหนุ่มกล่าว ขณะที่เอามือล็อคคอของคุณลุงคนขับรถแท็กซี่อยู่ ทั้งที่อยู่ในสถานการณ์น่ากลัวแบบนี้แต่คุณลุงกลับใจเย็น พร้อมกับตอบไปอย่างใจเย็นว่า “นายยังเด็กอยู่เลยนะ นายต้องทบทวนสิ่งที่นายกำลังทำอยู่ให้ดีกว่านี้”     ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ คำพูดของคุณลุงก็ทำให้ชายหนุ่มผู้เกือบกลายเป็นอาชญากรฉุกคิดขึ้นมาได้ จากนั้นคุณลุงก็ทำเรื่องที่เหนือความคาดหมาย ด้วยการขับรถพาชายหนุ่มไปทานอาหารที่ร้านอาหารแบบสายพานด้วยกัน หลังจากที่ทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ไม่ทราบว่าทั้งคู่ได้พูดคุยอะไรกันบ้าง แต่หลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมง ช่วงเวลา 2.00 ของวันเดียวกัน ชายหนุ่มก็ได้เดินไปที่สถานีตำรวจใกล้ๆ เพื่อทำการมอบตัว     เป็นเรื่องน่าเศร้าที่จะรู้ว่าในอีกไม่นานที่ประเทศญี่ปุ่นจะมีการใช้รถยนต์อัตโนมัติที่ขับเคลื่อนโดยระบบ AI และคงจะไม่มีแท็กซี่ผู้ใจดีแบบนี้เกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว… ที่มา : sankei,…

ถ้าคุณเห็นบ่อน้ำที่มีจระเข้อยู่ แล้วเพื่อนท้าให้โดดลงไปเล่นกับมัน เป็นคุณจะโดดมั้ย? แน่นอนคงไม่ แต่พ่อหนุ่มคนนี้กลับโดดลงไปหน้าตาเฉ๊ย!? เมื่อวันที่ 19 มีนาคม สำนักข่าว Dailymail ได้รายงานเรื่องของ Lee De Paauw หนุ่มออสซี่วัย 18 ปี ผู้รอดชีวิตมาได้หลังถูกจระเข้งับแขน เหตุเพราะถูกเพื่อนท้าให้ลงไปเล่นกับมัน   Lee De Paauw   เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่บริเวณ Johnstone River ทางตอนเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย โดยตอนนั้นเป็นช่วงเวลาประมาณ ตี 2.30 ของเช้าวันอาทิตย์ หนุ่มคนดังกล่าวได้เล่าว่า พวกตนได้เดินผ่านมายังบริเวณริมแม่น้ำที่เกิดเหตุ แล้วเกิดความคึกคะนองท้าทายให้เพื่อนกระโดดลงไปในแม่น้ำที่ชาวบ้านต่างรู้ดีว่ามีจระเข้อาศัยอยู่ ทันทีที่ Lee De Paauw กระโดดลงไป เขาก็พบว่ามีจระเข้ตัวหนึ่งเข้ามางับที่แขนเข้าอย่างจัง และพยายามจะลากเขาลงไปกินในน้ำ แต่ด้วยสัญชาติญาณการเอาตัวรอด พ่อหนุ่มตัดสินใจชกเข้าไปที่ปลายจมูกจระเข้อย่างจัง ทำให้เขารอดกลับมาได้   บริเวณแม่น้ำที่เกิดเหตุ   Brenton Gangemi หนึ่งในผู้ดูแลบริเวณนั้นได้เล่าว่า ตนเชื่อว่าจระเข้ตัวนั้นน่าจะเป็นตัวที่มีขนาดยาว 3 เมตรครึ่ง ซึ่งมักจะมาให้ชาวบ้านในละแวกนั้นได้พบเห็นอยู่บ่อยๆ   หลังจากที่เขารอดมาได้ก็ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลทันที…

ในอดีตนั้นปัญหาการเหยียดผิวนับว่ารุนแรงมาก และแม้ว่าปัจจุบันนี้จะไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว มันก็ยังคงปรากฏในรูปของสินค้า โดยเฉพาะตุ๊กตาคนที่มักจะผลิตให้เป็นคนผิวขาวอยู่เสมอ ดังนั้นเมื่อคุณพ่อคนหนึ่งต้องการซื้อตุ๊กตาเป็นของขวัญให้ลูกสาว แต่ในร้านนั้นมีแค่ตุ๊กตาผิวขาวเท่านั้น เขาจึงตัดสินใจที่จะทำตุ๊กตาผิวสีด้วยตัวเอง     Taofick Okoya วัย 43 ปี ได้ทำตุ๊กตาด้วยตัวเอง โดยทำให้มีสีผิวที่หลากหลายเพื่อมอบเป็นของขวัญวันเกิดให้ลูกสาวในปี 2007 แต่ใครจะไปรู้ว่าตุ๊กตานั่นได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก Taofick จึงตัดสินใจผลิตตุ๊กตาแบบบาร์บี้ขายจนประสบความสำเร็จและอยู่มาถึงปัจจุบันนี้     ตุ๊กตาของเขามีชื่อว่า Queens of Africa ที่ไม่เหมือนบาร์บี้ทั่วไปในแน่นอน เพราะมันเป็นบาร์บี้ที่มีความหลากหลายทางผิวสี เสื้อผ้า ที่เด็กสาวไนจีเรียสามารถเลือกตามต้องการได้เลย สนนราคาอยู่ที่ตัวละ 200 บาท รูปลักษณ์ของตุ๊กตาบาร์บี้ชุดนี้ทำขึ้นมาให้เหมือนกับ 3 ชนเผ่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมอุดมคติผู้หญิงในเรื่องความเข้มแข็ง รักความสงบและอดทน     ปัจจุบันตุ๊กตาบาร์บี้ของ Taofick ได้รับความนิยมสูงมาก จนสามารถขายได้ 9,000 ตัวต่อเดือน และ 15% ของตุ๊กตาในท้องตลาดของที่เห็นๆ อยู่ก็คือบาร์บี้ของเขานี่เอง แต่ Queens of Africa ไม่ได้ขายแค่ในประเทศเท่านั้น เจ้าของยังได้ขายออนไลน์ให้กับคนทั่วโลก โดยเฉพาะอเมริกา บราซิล…

สำหรับคนที่ชอบสัตว์ ไม่ว่าสัตว์ชนิดไหนก็ดูน่ารักไปซะหมด อยากเลี้ยงให้เต็มบ้านไปเลย แต่ถ้าคุณได้เห็นความจริงที่ซ่อนอยู่ตัวของสัตว์ต่อไปนี้ คุณอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ เพราะมันคือภาพช่องปากของสัตว์ชนิดต่างๆ ที่มีความสยดสยองจนน่าขนลุกเลยทีเดียว นี่เราพูดจริงๆ นะ เพราะฉะนั้นโปรดทำใจให้พร้อมก่อนเลื่อนลงไปชม….   1. และนี่คือด้านในของเต่ามะเฟือง   2. นี่ก็ปากเต่าเช่นกัน   3. ช่องปากเต่าอีกแล้ว   4. ห่านผู้เลอโฉม แต่ดูปากของมันสิ   อะ ซูมเข้าไปดูใกล้อีกนิด ยึ๋ย   5. ช่องปากเพนกวิน   6. ช่องปากกวาง   7. ช่องปากปลาแลมป์เพรย์   8. ปากอูฐ   9. ฟันฉลาม   10. ปากวาฬหลังค่อม   11. ตัวนี้มีชื่อว่า Promachoteuthis sulcus   12. ปากปลาชีพส์เฮด   13. ปลาคู้  …

ถ้าพูดถึงปัญหาเรื่อง ‘ซีสต์’ (ถุงน้ำหรือก้อนตุ่มไตที่ผิดปกติ) ที่สาวๆ มักจะพบเจออยู่บ่อยๆ เชื่อว่าขนาดของมันอาจจะอยู่ในระดับประมาณไม่กี่ซม. หรือไม่กี่มล. แต่สำหรับสาวชาวเม็กซิโกวัย 24 คนนี้ คุณหมอเชื่อว่าเธอมีซีสต์ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มีการเคยค้นพบมา Dr. Erik Hanson Viana คุณหมอผู้รับผิดชอบการผ่าตัดในครั้งนี้ เขาได้เล่าว่าหญิงสาวคนดังกล่าวมีก้อนซีสต์ขนาดเทียบเท่าได้กับเด็กทารก 10 คนในครรภ์มารดา!! **คำเตือน: ภาพที่จะได้เห็นต่อไปนี้อาจทำให้รู้สึกไม่สบายใจได้**   ด้วยซีสต์ที่ใหญ่ขนาดนี้ ทำให้เธอหายใจไม่สะดวก จะลุกเดิน หรือทานอาหารก็ไม่ได้ และอยู่ในภาวะที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิต   ‘นี่เป็นซีสต์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา มันมีขนาดมากกว่า 95% ของพื้นที่หน้าท้องคนไข้ มันใหญ่ยิ่งกว่าบันทึกงานวิจัยที่เคยมีเมื่อปี 1902 อีกครับ’ คุณหมอเล่า โดยแรกเริ่มเดิมทีผู้ป่วยรายนี้ต้องการจะไดเอทลดน้ำหนักให้ตัวเอง เธอเริ่มสังเกตเห็นว่าบริเวณแขน ขา หรือแม้แต่ใบหน้าของเธอดูผอมลง แต่บริเวณหน้าท้องกลับดูใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆ     ‘ตอนที่เราได้พบกับคนไข้คนนี้ครั้งแรก เธอสามารถเดินได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดหายใจ ด้วยน้ำหนัก และขนาดของซีสต์ที่ใหญ่มากเกินไป ทำให้มันไปเบียดพื้นที่ปอดของเธอ’ ทีมพยาบาลเล่า   ภาพเอ็กซ์เรย์เผยให้เห็นถึงขนาดที่แท้จริงของก้อนซีสต์ มันมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางครึ่งเมตร และเส้นรอบวงยาว 157 ซม.…

ในโลกศิลปะนั้นมักจะทำให้เราเกิดความหลงใหลอยู่เสมอ เพราะไม่ใช่แค่ความงามเท่านั้นแต่ศิลปินยังมีการถ่ายถอดอารมณ์ ความรู้สึกผ่านภาพเหล่านั้นให้คนดูรู้สึกอินไปกับมันมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับผลงานชิ้นนี้ที่ได้มีการถ่ายทอดภาพอาคารบ้านเรือนให้มีมุมมองที่แตกต่างออกไป เพื่อให้คนดูได้เสพงานศิลปะที่มีความน่าหลงไหลยิ่งขึ้น     และนี่คือ Flying Houses เป็นชุดภาพอาคารลอยฟ้าที่สร้างสรรค์ขึ้นโดย Laurent Chéhère ผู้เป็นทั้งนักเขียน ศิลปินและช่างภาพ Laurent ได้นำเสนออาคารเก่าและทรุดโทรมของกรุงปารีสโดยเน้นการสื่ออารมณ์ผ่านภาพเหล่านี้ โดยทำให้ภาพดูเสมือนจริงด้วยการเติมสีสันต่างๆ ให้สดใสน่ามอง     ความโดดเด่นของผลงานชุดนี้ไม่ได้อยู่ที่การนำเสนอตัวอาคารแบบธรรมดา แต่ทำให้มันเป็นบ้านลอยฟ้า ให้ดูเหมือนถอดบ้านออกจากฐานแล้วล่องลอยสู่ฟากฟ้า ทั้งนี้ในแต่ละภาพในได้มีการนำเสนอวิถีชีวิตของผู้คนลงไปด้วย เพื่อให้เห็นวัฒนธรรมของคนปารีสที่ต้องอยู่กับอาคารบ้านเรือนเก่าๆ     คนดูจะได้เห็นอาคารในรูปแบบต่างๆ ทั้งโรงแรม บ้าน อพาร์มเม้นต์ และบาร์ ซึ่งอยู่ในลักษณะลอยอยู่กลางอาคาร แม้แต่หน้าต่างๆ ที่เป็นจุดเล็กๆ ศิลปินก็ยังได้มีการใส่ภาพคนเข้าไปเพื่อให้ดูสมจริงทุกตารางนิ้ว     แต่กว่าจะมาเป็นภาพที่น่าหลงใหลได้ขนาดนี้ Laurent ต้องถ่ายภาพเหล่านี้แยกกัน แน่นอนว่าต้องถ่ายภาพเป็นร้อยๆ รูปเลยล่ะ จากนั้นก็นำภาพที่มีองค์ประกอบต่างกันเหล่านี้มาตัดต่อให้อยู่ในภาพเดียวกันแต่มีความกลมกลืนกันอย่างลงตัว และเกิดเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบอย่างนี้แหละพี่น้อง     ภาพที่เหมือนอาคารทั้งหลังกำลังลอยอยู่กลางอากาศ   รายละเอียดภายในบ้าน   มีการเติมสีสันในภาพให้ดูน่าหลงใหลยิ่งขึ้น   แม้มองระยะใกล้ มันก็ยังคงดูสมจริง   อาคารเก่าๆ ที่ยังมีการใช้งาน   ทั้งสัตว์ก็ถูกนำมาเติมในภาพเช่นกัน  …

โดยปกติแล้วห้องน้ำสาธารณะจะมีทิชชู่ไว้บริการเสมอ แต่บางทีเราก็ยังต้องพกติดตัวอยู่ดี เป็นการป้องกันปัญหาห้องน้ำที่ไม่มีทิชชู่หรือทิชชู่หมดบ้าง รวมทั้งมีคนขโมยไปด้วย อาจจะเป็นเรื่องที่เล็กน้อยแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี เพราะมันกลายมาเป็นปัญหาใหญ่ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อได้ทำการอนุมัติติดตั้งเครื่องสแกนใบหน้าไว้ที่ตู้ทิชชู่ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันคนที่จะมาเอาทิชชู่ซ้ำแล้วซ้ำอีก ตู้ทิชชู่สแกนใบหน้านี้ถูกติดตั้งไว้ที่ห้องน้ำของหอสักการะฟ้า (Temple of Heaven) อันเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังมากที่สุดของจีน และเป็นแหล่งมีการถูกขโมยทิชชู่มากที่สุดด้วย ทำให้ทางการต้องเสียเงินซื้อทิชชู่ในแต่ละเดือนเป็นจำนวนมาก     ทางเจ้าหน้าที่จึงได้มีการเปลี่ยนตู้ทิชชู่แบบเก่าให้มีความไฮเทคมากขึ้น ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีสแกนใบหน้า โดยจะให้ทิชชู่ความยาว 60 เซนติเมตรต่อหนึ่งคน ซึ่งมันก็เพียงพอสำหรับการทำธุระส่วนตัวในแต่ละครั้งแน่นอน บางคนสงสัยว่า งั้นก็ใช้ห้องน้ำนี้ได้แค่ครั้งเดีวยวสิ? ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะเครื่องสแกนนี้จะจดจำใบหน้าลูกค้าเพียงชั่วคราวเท่านั้น และจะกลับมาใช้ได้ในอีก 10 นาทีข้างหน้า     ระบบบริการทิชชู่แบบใหม่นี้ทำขึ้นมาเพื่อลดต้นทุนการซื้อทิชชู่ในระยะยาว และเพื่อให้ผู้ใช้บริการทุกคนได้รับทิชชู่กันอย่างทั่วถึงด้วยนั่นเอง ก่อนหน้านี้สำนักข่าว Beijing Evening News ได้รายงานว่า มีหลายคนที่เข้ามาในห้องน้ำของหอสักการะฟ้า เพียงเพื่อมาขโมยทิชชู่ไปใช้ ฟังดูอาจจะไม่น่าเชื่อแต่มันก็เกิดขึ้นจริง!!     เครื่องสแกนดังกล่าวนี้จะเปิดทดลองใช้ประมาณ 1 สัปดาห์ หากผู้ใช้บริการรู้สึกว่าไม่สะดวกหรือไม่โอเคกับเครื่องนี้ ทางผู้ประกอบการก็จะทำการยกเลิกในภายหลัง แต่หากผู้ใช้รู้สึกพอใจ ก็จะมีการนำเครื่องสแกนนี้ไปติดตั้งไว้ที่ห้องน้ำสาธารณะอื่นๆ ของจีนด้วยเช่นกัน เพราะมันเป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ ดังนั้นในช่วงการทดลองนี้จะมีพนักงานคอยบริการอยู่ โดยจะคอยบอกวิธีการใช้เครื่องสแกนใบหน้านี้ให้กับผู้ใช้บริการทุกคน…

หลายคนเชื่อว่าการตั้งชื่อนั้นมีผลต่อชีวิต ดังนั้นก่อนจะตั้งชื่อพวกเขาจึงได้มีการศึกษามาเป็นอย่างดีเช่น ดูดวงบ้าง ตั้งให้ตรงกับราศีเกิดบ้าง หรือบางคนก็ให้พระตั้งให้ก็มี แต่สำหรับชายหนุ่มคนนี้เขาดันมีชื่อว่า ซัดดัม ฮุสเซน ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับอดีตผู้นำอิรักจอมเผด็จการ จนทำให้เขาต้องตกงานเพราะชื่อนี้     ซัดดัม ฮุสเซนเป็นวิศวรกรทางทะเลจากเมือง Jamshedpur ประเทศอินเดีย แต่แล้วเพราะชื่อของเขาทำให้ต้องเสียตำแหน่งนี้ไป ซึ่งชื่อนี้ปู่ของซัดดัมเป็นคนตั้งให้เมื่อ 25 ปีก่อน ไม่มีใครคิดว่ามันจะส่งผลอะไรต่อชีวิตแถมมันยังเป็นชื่อที่ฮอตในหมู่ชาวมุสลิมอินเดียด้วย จนกระทั่งถึงเวลาที่เข้าสู่วัยทำงาน… หลังจากที่จบจากมหาวิทยาลัย Tamil Nadu’s Noorul Islam University เขาก็หางานในฐานะวิศวกรทางทะเล ในขณะที่เพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันต่างได้มีงานทำกันหมดแล้ว เพื่อนๆ ได้ร่วมงานกับบริษัทต่างๆ ทั่วโลก ยกเว้นซัดดัมที่ยังคงดิ้นรนหางานด้วยความยากลำบาก   ซัดดัม ฮุสเซน อดีตผู้นำประเทศอิรัก   เขาเคยไปสัมภาษณ์งานกับบริษัทขนส่งข้ามชาติประมาณ 40 ครั้งแล้ว แต่ก็โดนปฏิเสธทุกครั้ง ในตอนแรกเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงหางานไม่ได้สักที ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจถามฝ่ายบุคคลของบริษัทแห่งหนนึ่งที่เขาไปสมัคร ซัดดัมเล่าว่า “ผมถามฝ่ายบุคคลว่า ทำไมถึงไม่ได้รับเลือกเข้าทำงาน พวกเขาตอบว่า มันเป็นเพราะชื่อของผมที่เป็นปัญหา และพวกเขาก็กลัวที่จะจ้างผม” จริงๆ แล้วชื่อนี้หากทำงานภายในประเทศคงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ตำแหน่งและบริษัทที่ซัดดัมไปสมัครนั้นต้องมีการเดินทางระหว่างประเทศเป็นประจำ ซึ่งชื่อนี้จะเป็นอุปสรรคเวลาเดินทางแน่นอนและจะทำให้บริษัทเดือนร้อนไปด้วย เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ซัดดัมคิดว่าถ้ายังใช้ชื่อนี้ต่อไป คงไม่มีโอกาสได้ทำงานเป็นวิศวกรทางทะเลแน่ๆ เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเป็น Sajid…

อู้วววว้าววว!! วันพีชถือเป็นการ์ตูนคุณภาพอีกเรื่องนี้มีผู้ติดมากที่สุดและเป็นการ์ตูนโปรดของคนทุกเพศทุกวัย ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการผลิตสินค้าในธีมวันพิซเพื่อเอาใจแฟนๆ อีกด้วย และไม่ว่าจะผลิตอะไรออกมาในธีมวันพีชมันก็มักจะได้รับการตอบรับดีเสมอ เช่น ตุ๊กตา ของใช้ ของตกแต่ง รวมทั้งเสื้อผ้า เพราะสามารถเข้าถึงได้ทุกวัย แต่ทว่าของเล่นชุดใหม่นี้ มีเป้าหมายเป็นกลุ่มลูกค้าที่อายุเกิน 15 ปี ขึ้นไป อาจจะไม่เหมาะกับเด็กๆ สักหน่อย…     สำหรับของเล่นชิ้นนี้ทาง Weekly Shonen Jump ได้ออกแบบมาเพื่อเอาใจแฟนๆ ผู้ชายโดยเฉพาะ แต่อย่าลืมว่าต้องมีอายุ 15 ปีขึ้นไปเท่านั้นนะ เพราะนี่คือ นามิ ตัวละครผู้หญิงในจากกลุ่มหมวกฟางที่มีหุ่นยั่วยวนซะจนหนุ่มๆ เอาไปเพ้อฝันแล้วหลายต่อหลายคน และอีกคนคือ ทาชิงิ มือขวาที่เปรียบเสมือนน้องสาวของสโมคเกอร์ มาในลุคสาวคาดแว่นที่มีหุ่นแซ่บไม่แพ้กัน     ทั้งนามิและทาชิงิถูกนำมาทำเป็นรูปสามมิติในชุดว่ายน้ำที่รัดติ้ว แถมดูเหมือนมันจะเล็กว่าสัดส่วนซะด้วย ทำให้อะไรต่อมิอะไรโผล่ออกมาให้หนุ่มๆ ได้กลืนน้ำลายไปตามๆ กัน สำหรับคุณผู้ชายที่อยากได้พวกเธอมากครอบครอง 24 มีนาคมนี้ เตรียมตัวเตรียมเงินไว้เลย เพราะจะมีการเปิดจองตั้งแต่ 13.00 น. เป็นต้นไป     หลังจากหมดเวลาจองแล้ว ทางบริษัทจะมีการจัดส่งสินค้าในต้นเดือนกันยายน…

เป็นที่รู้กันว่าปกติแล้วสภาพความเป็นอยู่ของคนเมืองนั้นนอกจากการอยู่แบบคนปกติบ้านธรรมดาๆ แล้วมัมก็มักจะมีพื้นที่หนึ่ง ที่แบ่งแยกออกมาระหว่างคนปกติและคนมีเงินอย่างชัดเจนซึ่งบางครั้งสองพื้นที่นี้ก็มักจะไม่อยู่ใกล้ๆ กันสักเท่าไหร่ แต่ทว่าก็มีไม่น้อยเช่นกันที่เราสามารถมองเห็นความต่างของพื้นที่เหล่านั้นเพียงแค่ไม่กี่ก้าวหรือเพียงแค่กั้นด้วยรั่วเหล็กบางๆ วันนี้เราเลยจะมาดูภาพที่รวบรวมมาจากทั่วมุมโลกที่แสดงให้เห็นถึงความต่างของสลัม และพื้นที่คนรวยที่ถูกกั้นโดยพื้นที่เล็กๆ แต่เหมือนอยู่กันคนละโลก อย่ารอช้ามาดูกันเลยดีกว่า   ภาพจากเมืองเดอร์บันในแอฟริกาใต้ ที่แสดงให้เห็นถึงสนามกอลฟ์สุดหรู the Papwa Sewgolum Golf Course ที่อยู่ห่างจากชุมชนสลัม tin shacks   ภาพของย่านสลัมในเขต Paraisopolis รัฐเซาเปาลูประเทศบราซิล ที่อัดแน่นไปด้วยบ้านเรือนและมีคนอาศัยมากถึง 60,000 คนแต่ถูกกั้นด้วยกำแพงเล็กๆ ถัดจากนั้นก็เป็นโรงแรมที่สระว่ายน้ำสุดหรู   ภาพของกำแพงที่ชื่อว่า Wall of Shame ในประเทศเปรู ที่ใช้สำหรับกั้นชุมชนสลัมออกจากชมุชนคนเมืองอย่างชัดเจน   ภาพจากประเทศเม็กซิโก ที่แสดงให้เห็นความต่างของชนชั้นสุดๆ โดยทางซ้ายคือย่านสลัมที่ชื่อว่า ramshackle ส่วนทางขวาก็คือย่านที่อยู่อาศัยของคนรวยที่ถูกกั้นด้วยกำแพงบางๆ และนี้คือภาพจริงๆ ไม่ได้ตัดมาต่อกันแต่อย่างใด   ภาพของแฟลทชนบทในประเทศเม็กซิโก ที่เป็นฉากหลังของโรงแรมสุดหรู ซึ่งสามารถแสดงความต่างและขยายภาพข้างบนได้เป็นอย่างดี ภาพจากนครมมุมไบที่แสดงให้เห็นถึงย่านสลัมของชนชั้นแรงงาน และมีอพาร์ทเม้นท์ที่พึ่งสร้างใหม่เป็นฉากหลังที่ดูแล้วอยู่ห่างกันไม่มาก   ชุมชนสลัมในประเทศบลาซิลที่ถูกกั้นกับชุมชนของคนรวยด้วยเนินเขาเล็กๆ   ตึกที่ใช้กระจกเป็นกำแพง ซึ่งดูจากภายนอกไฮโซมากๆ โดยเป็นตึกที่สร้างขึ้นใหม่แถมอยู่ห่างจากตัวสลัมในเมืองบังคาลอร์ประเทศอินเดียแค่นิดเดียวอีกต่างหาก   มุมไบถือเป็นหนึ่งในเมืองที่มีการแบ่งแยกมากที่สุดในโลก ตัวสลัมก็ตั้งอยู่ไม่ห่างจากย่านคนรวยมากเท่าไหร่นัก…

ในบัจจุบันมีการพัฒนาวัตกรรมต่างๆ อย่างไม่หยุดยั้ง เพราะสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์และแก้ปัญหาในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ทั้งทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย และเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องที่ยากขึ้น ห๊ะ!? วันนี้ เราจะพาทุกคนไปดู 25 สิ่งประดิษฐ์ที่ใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ กับการใช้ชีวิตของเรา แต่บางอย่างก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าอาจจะทำให้ชีวิตลำบากมากกว่าเดิมรึเปล่านะ ฮร่า   1.เริ่มต้นที่สิ่งแรก สกูตเตอร์รถเข็นเด็ก เหมาะสำหรับพ่อแม่สายเข็นที่ขี้เกียจเข็น 2. ไม้โกยหน้าอก ไหลหลบมุมก็ใช้ไม้อันนี้โกยมันออกมา 3. ประตูที่กลายเป็นโต๊ะ ปิงปองได้   4. ร่มส่องทะลุได้ ไม่ต้องกลัวเดินชนอะไรตอนกางร่มอีกต่อไปแล้ว   5.ผ้าเช็ดพื้นที่ติดกับเจ้าตัวน้อย คลานไปที่ไหนสะอาดที่นั่น แต่ต้องระวังเรื่องความสะอาดด้วยนะ   6. หมอนสำหรับสาวขี้เหงา ทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้รับความอบอุ่นตลอดเวลา   7.เวลาเช้าคือชั่วโมงเร่งรีบ เตารีดที่ใช้ความร้อนจากกาแฟ รีดไปด้วยกินไปด้วยละกัน 8.อุปกรณ์สร้างซิกแพค สำหรับคนขี้เกียจ   9.ถุงใส่อาหารลาย “ขึ้นรา” ที่จะช่วยปกป้องอาหารของคุณจากผีตู้เย็น   10.เข็มขัดบอกรอบเอว   11.หมวกไหมพรมแบบนี้ อุ่นทั้งหน้าทั้งหัวเลยนะเนี่ย   12.ถุงนอนสำหรับคนชอบละเมอ มาเป็นชุดปีนเขาไปเลย   13.ตะกร้อครอบปาก เปลี่ยนจากหมาให้กลายเป็นเป็ด…

พูดถึงอาหารจีน หนึ่งในเมนูที่หลายๆคนต้องนึกถึง ก็คงหนีไม่พ้นติ่มซัมแน่ แล้วจะฟินแค่ไหน ถ้าได้กินติ่ซัมระดับ มิชลินสตาร์ พร้อมกับชมความสวยงามของเมืองฮ่องกงพร้อมๆกันล่ะ อ่า นี่มันสวรรค์ชัดๆ สำหรับใครที่กำลังมีแผนที่จะไปเที่ยวฮ่องกง วันนี้เราของนำเสนอ “คริสตรัลบัส” ซึ่งจะพาคุณท่องเที่ยวไปรอบๆเกาะฮ่องกง พร้อมทั้งเสริฟอาหารเย็นเป็น ติ่มซำระดับ มิชลินสตาร์!!     ตามชื่อของมัน “คริสตรัลบัส” คือรถบัสสุดหรูที่ประดับตกแต่งด้วย คริสตัลบริสุทธิ์มูลค่าถึง 300,000 ดอลล่าร์ฮ่องกง (1.3 ล้านบาทไทย) พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งทีวีและวีดีโอเกมส์ ครบครันความบันเทิง ซึ่งนอกเหนือจากนั้นแล้ว คุณก็จะได้รับอาหารชุดติ่มซำ 7 อย่าง ที่ถูกปรุงแต่งจากภัคตาคารท้องถิ่นในระดับมิชลินสตาร์ ให้คุณได้ลิ้มรถชาติความอร่อยในระหว่างการนั่งชมเมืองฮ่องกง     โดยค่าใช้จ่ายในการเดินทางสุดพิเศษนี้ สนนราคาอยู่ที่ 380 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 1,700 บาทเท่านั้น   รถบัสคันนี้ สามรถจุผู้โดยสารได้ทั้งหมด 47 ที่นั่ง โดยจะแบ่งการเดินทางออกเป็นสองรอบ รอบละ 2 ชั่วโมง ซึ่งเส้นทางการท่องเที่ยวนั้นจะอยู่ในบริเวณเมืองเกาลูน และเกาะฮ่องกง  …

เดี๋ยวนี้มองไปทางไหนก็เจอแต่ร้านกาแฟเต็มไปหมด บางทีเปิดติดกันเลยก็มีนะ ทีนี้คงต้องมีวัดกัดด้วยอุบายของแต่ละร้านแล้วล่ะว่าจะงัดไม้เด็ดอะไรมาเรียกลูกค้า แต่จะบอกว่าวิธีการของร้านกาแฟหลายแห่งในอเมริกามันช่างเด็ดอะไรเบอร์นี้ ไม่เหมือนใครแถมเรียกลูกค้าดีมากๆ โดยเฉพาะผู้ชาย ไม้เด็ดนี้มารูปแบบของการบริการ บาริสต้าบิกินี่ โดยบาริสต้าจะเป็นสาวสวยที่มาในชุดบิกินี่ชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่บางคนอยากเอาใจลูกค้ามากหน่อยก็แก้ซะหมดเลย     Bikini Beans Espresso หนึ่งในร้านกาแฟที่มีบาริสต้าใส่บิกินี่ได้เปิดเป็นสาขาที่สองแล้วที่รัฐแอริโซนา หลังจากประสบความสำเร็จกับสาขาแรกในวอชิงตัน โดย Carlie Jo ผู้เป็นเจ้าของร้านบอกว่า “ในฐานะที่เราเปิดร้านบาริสต้าบิกินี่เป็นเจ้าแรกในแอริโซนา เราได้ทำบริการนี้ขึ้นเพื่อให้ผู้หญิงมีความภูมิใจในตัวเองครับ” เขายังบอกอีกว่าอยากให้สังคมให้ความเท่าเทียมกันทางเพศ โดยระบุไว้ว่า “ผู้หญิงทุกคนมีสิทธิ์ออกเสียงลงคะแนน มีสิทธิ์ที่จะเป็นเกย์ มีสิทธิ์ที่จะเป็นผู้นำ และมีสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจ รวมทั้งการเป็นประธานาธิบดีด้วย” “ดังนั้นเราจึงเต็มทำงานร่วมกับทุกคน ไม่ว่าคุณจะใส่สูทหรือใส่แค่บิกินี่ เพราะทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่ากัน”   อย่างไรก็ตาม สำหรับบริการดังกล่าวนี้ก็มีบางคนไม่เห็นด้วย เช่น Mike Fagan บอกว่า “การให้บาริสต้ามาให้บริการแบบนี้ ดูไม่เหมาะสมเอาซะเลย”  “คุณเปิดร้านกาแฟควรจะเน้นในเรื่องของกาแฟ ไม่ใช่ไปเน้นในเรื่องของรูปลักษณ์ของผู้ให้บริการ เพราะทำแบบนี้บางคนเข้าร้านมาไม่ได้ตั้งใจมาทานกาแฟ พวกเขามาดูเรือนร่างของบาริสต้ามากกว่า แน่นอนว่าถ้าลูกค้าเห็นบาริสต้าปิดส่วนสำคัญด้วยสติ๊กเกอร์เล็กๆ เพียง 3 ชิ้น พวกเขาคงอยากทานกาแฟแล้วแน่ๆ”     Kimberly Curry จากเมือง Spokane ก็เห็นด้วยกับ ZAGAT ว่า “ปัญหามันไม่ได้อยู่แค่พวกเขาจะเห็นอะไร…

เป็นข่าวดีสำหรับใครที่กำลังมองหางานทำในต่างประเทศ เมื่อประเทศจีนกำลังจะออกใบอนุญาตทำงานที่มีอายุนานถึง 5 ปี เพื่อลดความยุ่งยากของการทำงานในประเทศจีน เว็บไซด์ caixin รายงานว่า ทางการจีนเตรียมออกกฎหมายใหม่สำหรับชาวต่างชาติที่ทำงานติดต่อกันภายในประเทศอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป สามารถที่จะขอใบอนุญาติทำงานระยะยาวนี้ได้ เป็นข่าวดีอย่างมากสำหรับ ผู้ที่กำลังทำงานอยู่ในประเทศจีน เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาและความยุ่งยากในการ ต่อใบอนุญาติทำงานแบบเดิม ตามรายงานกล่าวว่าโครงการนี้ มีแผนที่จะเริ่มบังคับใช้ในปลายปีนี้ โดยจะเริ่มใช้กับ 9 มลฑลใหญ่ๆ อย่างเช่น ปักกิ่ง หวู่ฮั่น และเหอเป่ย และอีก 11 เขตการค้าเสรี เช่น เทียนจิน ฉงชิ่ง และเหอหนาน เป็นต้น     และนอกจากนี้ยังมีแผนที่จะมอบที่พำนักถาวรให้กับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศจีนมากว่า 4 ปีขึ้นไปอีกด้วย ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณารายละเอียดและความเป็นไปได้ของแผนนี้ โดยเมื่อไม่นานมานี้จีนเริ่มดำเนินมาตรการในการที่จะดึงดูดนักลงทุนใหญ่ๆ จากต่างชาติให้เข้ามาในประเทศมากยิ่งขึ้น โดยมีการผ่อนคลายนโยบายที่พักอาศัยและการเข้าเมืองให้กับชาวต่างชาติกว่า 1,567 คนแล้วในปีที่ผ่านมา และเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทางการจีนได้ประกาศให้ชาวต่างชาติที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยของจีน หรือมหาวิทยาลัยต่างประเทศที่มีชื่อเสียง สามารถที่จะขอวีซ่าสำหรับทำงานได้ทันทีเมื่อเรียนจบ ซึ่งก่อนหน้านี้จะต้องมีประสบการณ์ทำงานในระดับปริญญาโทอย่างน้อย 2 ปี     ถือว่าเป็นข่าวดีมากเลยนะครับ ที่ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างประเทศจีนกำลังเปิดประเทศ นึกไม่ออกเลยว่า เศษฐกิจของจีน จะเติบโตมากขนาดไหน ส่วนใครที่สนใจจะทำงานในต่างประเทศก็ลองศึกษารายละเอียดดีๆ ก่อนนะครับ…

ในทุกๆ ปี Mercer หนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลที่ใหญ่ที่สุดของโลกจะจัดอันดับเมืองและประเทศที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลกเป็นประจำทุกๆ ปี และในคราวนี้ก็เป็นปี 2017 ล่าสุด… โดยเกณฑ์ในการจัดอันดับจะครอบคลุมด้านต่างๆ มากที่สุด เช่น ด้านการศึกษา เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชน เป็นต้น และนี่คือ 23 อันดับประเทศที่ดีที่สุด ไปดูกันเลยดีกว่า   23 เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของแคนาดา และเป็นเมืองที่ผู้คนพูดภาษาฝรั่งเศสมากที่สุดในโลกจนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าการเงินและเทคโนโลยี   22. เมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลก โดยมีชายหาดที่สวยที่สุดของประเทศอยู่ที่เมืองทางตะวันตกของออสเตรเลีย   21. ลักเซมเบิร์ก ลักเซมเบิร์ก เป็นประเทศเล็กในยุโรปที่มีพรมแดนติดกับเบลเยี่ยม ฝรั่งเศส และเยอรมนี เป็นประเทศที่มีอาชญากรรมและความรุนแรงต่ำมาก ซึ่งบางคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกก็อยู่ในประเทศนี้เช่นกัน   20. เมืองสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน สตอกโฮล์มนับเป็นเมืองหลวงที่ดีที่สุดในโลก เพราะผู้คนมีคุณภาพชีวิตดี มีความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมที่สวยงาม   19. เมืองฮัมบวร์ค (ฮัมบูร์ก) ประเทศเยอรมนี ฮัมบวร์คเป็นเมืองท่าสำคัญในภาคเหนือของเยอรมนีซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ และกลายเป็นศูนย์กลางของสื่อและอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของธนาคาร…

ในวัยเด็กเพื่อนๆ เคยหลงทางมั้ย? มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ เพราะหากไปเจอคนไม่ดีเข้าเราอาจจะไม่ได้กลับบ้านเลยก็ได้ แต่ถ้าโชคดีเจอคนดีๆ เค้าก็จะช่วยและพาเรากลับบ้านในที่สุด เหมือนกับเรื่องราวของคนขับรถประจำทางคนนี้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นฮีโร่ หลังจากที่เธอช่วยเด็กชายวัย 5 ขวบที่เดินหลงทาง ให้ได้กลับไปหาพ่อแม่อีกครั้ง     ในวันเกิดเหตุนั้น Denise Wilson คนขับรถประจำทางจากระบบขนส่ง Milwaukee County Transit System กำลังเลอยู่ว่าจะหยุดพักหรือจะขับต่อไปดีนะ?? แต่แล้วเธอก็ตัดสินใจที่จะพัก และนั่นนับว่าเป็นเรื่องโชคดีมากๆ เพราะตอนที่เอารถไปเก็บที่ศูนย์นั้น เธอก็เห็นเด็กชายคนหนึ่งวิ่งร้องไห้อยู่กลางถนนคนเดียว     เด็กชายวิ่งไปร้องไห้ไป Wilson จึงวิ่งตามไป และพาเด็กชายมาอยู่ในรถสบัสที่เธอขับ… เด็กชายอยู่ในสภาพมอมแม ไม่ใส่รองเท้า ใส่เสื้อตัวใหญ่ๆ ซึ่งน่าจะมีคนจากปั๊มน้ำมันใกล้ๆ นี้ให้มาอีกที และใส่กางเกงขาสั้นขาดๆ ตัวหนึ่ง จากนั้นเด็กชายก็บอกกับ Wilson ว่า “ผมหลงทางครับ” จากนั้นคนขับรถบัสจึงซื้อขนม ซื้อของเล่นให้เพื่อทำให้เด็กชายรู้สึกดีขึ้น และส่วมเสื้อแจ็คเก็ตให้เขาด้วยเพราะเขาตัวเย็นมาก     จากนั้นเธอก็โทรแจ้งตำรวจเพื่อตามหาพ่อแม่เด็ก และมาทราบในตอนหลังว่า เด็กชายเดินออกจากบ้านโดยไม่บอกพ่อแม่ไว้ แต่เมื่อเดินไกลออกไปเรื่อยๆ ก็จำทางกลับบ้านไม่ได้ จึงเป็นเหตุทำให้หลงทาง อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณ Wilson ที่ช่วยเหลือเด็กชายไว้ และเธอยังเป็นฮีโร่ที่ช่วยให้เด็กชายได้กลับไปเจอพ่อแม่อีกครั้ง  …

เป็นปกติที่คนวัยชราจะรู้สึกห่อเดี่ยวและโดดเดี่ยว ดังนั้นเราจึงต้องหากิจกรรมต่างๆ ให้ทำเพื่อทำให้ท่านเหล่านี้มีความสุขในบั้นปลายของชีวิต เหมือนที่ Providence Mount St. Vincent ใน Seattle ซึ่งเป็นบ้านพักคนชรา ที่พยายามจะหากิจกรรมสนุกๆ ให้กับคนชราที่อาศัยอยู่ในนี้กว่า 400 คน     ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นบ้านพักคนชราเท่านั้น แต่ยังเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองสำหรับเด็กๆ ก่อนวันเรียนด้วย ดังนั้นแต่ละวันจึงมีแต่เสียงเด็กเจี๊ยวจ๊าวทั่วไปหมด ซึ่งนั่นแหละที่เป็นความสุขของคนชรา การให้เด็กๆ มาอยู่กับคนชราเป็นกิจกรรมที่ Providence Mount St. Vincent ได้จัดขึ้น เพื่อให้เด็กได้มาเรียนรู้ชีวิตของผู้ใหญ่ เพราะสักวันหนึ่งพวกเขาก็จะต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่เช่นเดียวกัน     นอกจากนั้น กิจกรรมนี้ยังเป็นการทำให้คนชรารู้สึกผ่อนคลายได้อีกด้วย พวกเขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเมื่อมีเด็กวิ่งเล่นอยู่รอบๆ ตัว พวกเขาเล่นกับเด็กและร้องเพลงให้เด็กฟัง จากการสำรวจที่ผ่านมาพบว่า คนชรากว่า 43% ต้องอยู่แยกออกจากสังคม ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงรู้สึกโดดเดี่ยวและกลายเป็นโรคซึมเศร้าซึ่งส่งผลให้สุขภาพจิตและกายแย่ลงไปด้วย และในอีก 25 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีผู้ใหญ่ที่อายุ 65 ขึ้นไปเพิ่มมากขึ้นอีกเป็นสองเท่าจากตอนนี้…     ดังนั้นกิจกรรมนี้จึงเปรียบเสมือนให้เด็กๆ และคนชราได้มาแลกเปลี่ยนความสุขให้กับกันและกัน เด็กได้เรียนรู้และเข้าใจคนชรามากขึ้น ในขณะที่คนชราเองก็มีความสุขกับการได้เล่นกับเด็กๆ อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกแล้ว หลังจากกิจกรรมนี้เสร็จสิ้น…

โดยปกติแล้ว ‘คนอ้วน’ มักจะถูกตัดสินให้อยู่ในอีกสถานะหนึ่งในสังคม ทั้งๆ ที่พวกเขาก็เป็นมนุษย์ เพียงแต่ว่ามีความสุขกับการกิน และไม่ค่อยชอบการออกกำลังกายเท่านั้นเอง แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าความอ้วนนั้นมันไม่ดีต่อร่างกาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังโดนผู้คนในสังคมเดียวกันดูถูกและเหยียดหยามจนทำให้กำลังใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือลดน้ำหนักหายไปจนหมด จนอาจก่อให้เกิดอาการซึมเศร้าได้ เช่นเดียวกันกับร้านทำเล็บที่ตั้งอยู่ในรัฐ Tennessee นี้ ที่กำลังโดนชาวเน็ตของสหรัฐฯ โจมตีอย่างหนักหลังขึ้นป้ายประกาศว่าจะทำการเก็บเงินคนที่มีน้ำหนักมากเกินไปที่มาใช้บริการที่ร้าน     มีคนถ่ายภาพป้ายประกาศนี้และนำมาแชร์ลงบนเฟซบุ๊ค ทำให้ชาวเน็ตมากมายเข้ามาต่อว่าทางร้านกันเพียบ… “ขออภัย หากคุณเป็นคนที่มีน้ำหนักมากเกินไป การทำเล็บเท้ากับร้านของเรา ก็จะขอเก็บค่าบริการเพิ่มเติมเป็นมูลค่า 45 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,560 บาท) ขอบคุณ!”   ภาพดังกล่าวถูกแชร์ไปมากกว่า 500 ครั้ง หลายๆ คนต่างก็ตกใจกับภาพดังกล่าวว่าทำไมราคามันถึงบวกเพิ่มเข้าไปสูงซะขนาดนั้น บางคนก็ถึงกับต่อว่าทางร้านว่า ‘เป็นการกระทำที่รุนแรงมาก’ ซึ่งโดยปกติแล้วทางร้าน Rose Nails จะเก็บค่าบริการเพิ่มเติมเป็นจำนวน 30 ดอลลาร์อยู่แล้ว (ประมาณ 1,040 บาท) แต่สำหรับคนอ้วนต้องเสียเพิ่มอีก 15 ดอลลาร์ (ประมาณ 520 บาท)     เจ้าของร้าน Rose…

ประสบการณ์และการฝึกฝน เป็นหนึ่งในสิ่งที่จะขัดเกลาให้งานศิลปะออกมาได้สวยงามและมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น เหมือนกับคุณยายท่านนี้ ที่เป็นช่างภาพมาแล้วถึง 64 ปี!! นักถ่ายภาพสาวผู้คร่ำหวอดในวงการถ่ายภาพของจีนผู้นี้เธอมีชื่อว่า Li Yuzhen ปัจจุบันเธอมีอายุกว่า 105 ปี นับว่าเป็นคนที่มีประสบการณ์ถ่ายรูปมาอย่างยาวนานคนหนึ่งเลยทีเดียว     ดูจากกล้องที่ใช้ก็รู้เลยว่ารุ่นใหญ่ขนาดไหน   เมื่อวันที่ 14 มีนาคมสำนักข่าว China Daily ได้รายงานเรื่องราวของเธอให้กับชาวเน็ตได้รับรู้ จากการสัมภาษณ์นั้นระบุว่าเธอเริ่มต้นถ่ายรูปครั้งแรกในปี 1953 หลังจากที่แต่งงาน โดยที่สามีของเธอเป็นคนสอนถ่ายรูปและเทคนิคให้ แถมทั้งคู่ยังมีสตูดิโอถ่ายภาพเล็กๆอยู่ในเมือง Guangdong อีกด้วย     ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาเธอได้ฝึกฝนทักษะเกี่ยวกับการถ่ายภาพและการล้างภาพในห้องมืด จนได้เป็นผู้จัดการในสตูดิโอถ่ายภาพหลายๆ แห่งในประเทศจีน ทั้งนี้คุณยาย Li Yuzhen ได้เล่าว่าเธอได้เห็นพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมการถ่ายภาพในประเทศจีนตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา     ทุกวันนี้คุณยายยังคงทำงานช่วยเหลือสตูดิโอถ่ายภาพแบบโบราณของน้องสาวเธอ ที่อยู่ในเมือง Lianhui เขตปกครองพิเศษ Guangxi     คุณยายมีความสุขทุกครั้งเมื่อได้เห็นฟิล์มที่ล้างออกมาจากฝีมือการถ่ายภาพของเธอ   แหม่ ดูท่าทางการจับกล้องซะก่อน โปรเฟสชันแนลไม่เบา การได้ถ่ายรูปกับคนในครอบครัวคือสิ่งที่มีความสุขที่สุดสำหรับเธอ   สายเลือดของความเป็นช่างภาพของคุณยาย ถูกถ่ายทอดไปสู่หลานสาวตัวน้อย เมื่อเธอเริ่มถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนเป็น เราได้เห็นเรื่องราวของคุณยาย ที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและรักมาอย่างยาวนาน เพราะการทำในสิ่งที่เราชอบเนี่ย ต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็เราก็ยังคงสนุกและมีความสุขกับมันใช่ไหมล่ะครับ!! ที่มา shanghaiist

กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างเผ็ดร้อนในโลกโซเชียลของต่างประเทศ กับเหตุการณ์นักศึกษามหาวิทยาลัย 2 คน ง้างปากฉลามที่เกยตื้นขึ้นมาบนชายหาด เพื่อใช้ฟันของมันเจาะกระป๋องเบียร์     ซึ่งเทคนิคการดื่มแบบนี้เค้าเรียกว่า ‘ช็อตกัน’ นักดื่มจะดื่มเบียร์จากรูที่ถูกเจาะจากข้างกระป๋อง ที่ถูกเจาะโดยกุญแจ หรืออะไรก็ตาม และมักจะเป็นสิ่งที่ทำกันเป็นประจำในระหว่างช่วง Spring Break หรือช่วงหยุดปิดเทอมเมามายของเหล่านักศึกษา     การดื่มแบบนี้จะทำให้เครื่องดื่มที่อยู่ในกระป๋องสามารถไหลออกมาได้เร็วขึ้น และทำให้ผู้ดื่มเมาเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย แต่แทนที่จะใช้กุญแจ หรืออุปกรณ์ที่หาได้ทั่วไป หนุ่มนักศึกษากลับใช้ฟันของปลาฉลามที่เกยตื้นอยู่บนชายหาดมาเจาะรูกระป๋องแล้วดื่มอย่างสนุกสนาน     ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กันได้เลย…   ทำให้ชาวเน็ตหลายคนไม่พอใจ บ้างก็แช่งให้พวกเขาถูกฉลามกัดจนแขนขาด   บ้างก็บอกว่า “มันไม่โอเคเอาซะมากๆ เลย ปลาฉลามควรได้รับความเมตตามากกว่านี้ และไม่ควรถูกนำมาใช้เป็นเครื่องเปิดกระป๋องโดยเด็กหนุ่มสองคนนี้” บางคนก็บอกว่า “ฉันยังไม่เห็นเลยว่ามันจะสนุกตรงไหน? และมันไม่ใช่การดื่มแบบช็อตกันที่เจ๋งเลย” ชาวเน็ต Erin Jasper ให้ความเห็นว่า “เจ้างั่ง 2 ตัวนี้ต้องการที่จะดูเท่เพียงแค่ 3 วินาที โดยการแลกกับชีวิตอีก 1 ชีวิตเนี่ยนะ!?” ชาวเน็ต tiglet5 ให้ความเห็นว่า “นี่เป็นเรื่องที่โง่เง่าที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลยล่ะ”   แล้วเพื่อนๆ…

หลังจากที่มีรายงานข่าวของชายหนุ่มชาวสหรัฐอเมริกาถูกจับกุมข้อหาพกโคเคนมากกว่า 5 กิโลกรัม มูลค่า 6 ล้านบาทซ่อนไว้ในกางเกงหลังพยายามเข้าเมืองนิวยอร์ค ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่เดินทางกลับมาจากการไปท่องเที่ยวที่ประเทศสาธารณรัฐโดมินิกัน และเดินทางกลับมาโดยเครื่องบินถึงที่สนามบิน John F. Kennedy International Airport ในนิวยอร์ค หน่วยป้องกันชายแดนของสหรัฐอเมริกาก็สังเกตเห็นว่าชายคนดังกล่าวมีท่าทางพิรุธ ขาของเขาทั้งสองข้างนั้นดูบวมใหญ่มากกว่าปกติ หลังจากเข้าไปในห้องตรวจลับก็พบว่ามีห่อที่บรรจุผงสีขาวถูกพันด้วยเทปติดแนบไปกับขาของเขาอยู่     แต่ล่าสุดเมื่อวานที่ผ่านมาเว็บไซต์ Daily Mail ก็ได้รายงานว่ามีการพบเหตุการณ์เดียวกันนี้ที่สนามบิน John F. Kennedy International Airport ชายหนุ่มพยายามจะพกพาโคเคนเป็นมูลค่ากว่า 2.9 ล้านบาทมัดติดกับขา เข้ามายังประเทศสหรัฐอเมริกา     Mayobanex Ruiz Gomez ชาวสาธารณรัฐโดมินิกันกำลังเดินทางมาถึงที่สนามบิน และพบว่าดูท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงพาเขาเข้าไปในห้องตรวจลับ จากการตรวจสอบก็พบโคเคนปริมาณ 5 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 2.9 ล้านบาท ถูกพันเอาไว้รอบๆ ขาของเขาด้วยเทปกาว เป็นวิธีเดียวกับชายที่ถูกจับก่อนหน้านี้เด๊ะๆ เลย     ขณะนี้เขาก็ถูกจับกุมและรอดำเนินคดีต่อไป แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสองเหตุการณ์นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด…   แหม่…

เจ้าหน้าที่ฝ่ายชันสูตรได้ออกมาแจ้งเตือนว่าที่ชาร์ต iPhone นั้นสามารถก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้เลย หลังจากที่ผลชันสูตรของชายคนหนึ่งที่เสียชีวิตเพราะถูกไฟฟ้าช็อตขณะอาบน้ำไปด้วยเล่นโทรศัพท์ที่เสียบสายชาร์จแบตฯ ไปด้วย นาย Richard Bull จากเมือง Ealing ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของกรุงลอนดอนได้เสียชีวิตในบ้านของตนเอง เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมทีผ่านมา     ชายวัย 32 ปี ถูกพบว่ากำลังนอนอยู่ในห้องน้ำโดยภรรยา Tanya ที่คิดว่าสามีของตัวเองถูกทำร้ายเพราะมีรอยไหม้อย่างรุนแรงอยู่ที่หน้าออกของเขา จากการสืบสวนการตายของเขาเจ้าหน้าที่ชันสูตรได้ออกมาเตือนว่าอุปกรณ์ที่เราใช้กันในปัจจุบันแบบทั่วไปอาจจะสร้างอันตรายถึงแก่ชีวิตได้หากนำไปใช้ในห้องน้ำ อย่างเช่นการใช้ไดร์เป่าผมในห้องน้ำ “ผู้ผลิตควรจะติดป้ายเตือนบนตัวอุปกรณ์ด้วยว่าห้ามใช้โทรศัพท์ขณะอยู่ในห้องน้ำ” เจ้าหน้าที่ชันสูตรกล่าว เจ้าหน้าที่ Craig Pattison ได้ให้ข้อมูลในการไต่สวนคดีที่ศาล West London Coroner’s Court ว่า “พวกเราพบสายชาร์จแบตไอโฟนกำลังเสียบอยู่ และมันเชื่อมต่อเข้าไปในห้องน้ำ” และผลจากการชันสูตรก็สรุปได้ว่านาย Bull เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ เนื่องจากถูกกระแสไฟฟ้าจากโทรศัพท์ไอโฟนที่เสียบสายชาร์จเกิดลัดวงจรขึ้นมาขณะที่เขากำลังใช้งานในอ่างอาบน้ำ ซึ่งในตอนแรกเจ้าหน้าที่คิดว่าเป็นการฆ่าตัวตาย     ในวันนั้นนาย Bull กำลังจะเตรียมตัวเพื่อออกไปเยี่ยมหาครอบครัวในงานฉลองวันคริสต์มาส ร่วมกับพ่อแม่ของเขา และก็ต้องตกใจเมื่อทราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าว     แม่ของเขาคุณ Carole บอกว่า “ฉันรู้สึกเป็นห่วงผู้คนอีกหลายๆ คน โดยเฉพาะเหล่าวัยรุ่น ที่ไม่สามารถแยกตัวเองให้อยู่ห่างจากโทรศัพท์ได้…

เรื่องราวชีวิตของเจ้าหมาที่กำลังจะถูกนำไปทำเป็นยาบำรุงในประเทศเกาหลี จนในที่สุดก็ถูกมนุษย์ผู้ใจดีช่วยเหลือ และได้พบกับชีวิตที่เป็นอิสระร่วมกับเจ้าของผู้ในดีที่ประเทศสหรัฐอเมริกา!?   เมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คุณ Jiyoon Yi ได้เดินทางไปยังตลาดในเมือง Daegu ประเทศเกาหลีใต้ และที่นั่นเธอก็ได้พบกับเรื่องราวที่น่าสะเทือนใจ มีหน้าร้านแห่งหนึ่งที่มีแม่หมาและลูกๆ อีก 5 ตัวถูกขังอยู่ในกรงเล็กๆ กำลังร้องขอความช่วยเหลืออยู่ ที่้รานไม่ได้ขายมันเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยง แต่เป็นอะไรที่น่ากลัวกว่านั้น เพราะความเชื่อในเรื่องของการทำยาบำรุงด้วยสุนัขของชาวเกาหลี ที่สามารถรักษาโรคได้ทุกโรค     การทำเครื่องดื่มสุนัขนั้น เหล่าสุนัขทั้งหลายจะต้องถูกฆ่า ลอกหนังออก แล้วหั่นเป็นชิ้นๆ จากนั้นเนื้อของมันก็จะถูกนำไปต้มรวมกับสมุนไพรจนกลายเป็นของเหลวสีดำ ในร้านแห่งนี้แม่สุนัขและลูกๆ ของมันถูกขังเอาไว้ในกรง เพื่อรอเวลาที่จะถูกนำไปทำเป็นยาบำรุง     คุณ Ek Park ผู้ก่อตั้ง Free Korean Dogs ที่เป็นองค์กรช่วยเหลือสุนัขจากการซื้อขายเนื้อ ได้ออกมากล่าวอย่างมั่นใจว่าเหล่าสุนัขทั้งหลายที่ถูกขังอยู่ก็รับรู้ได้ถึงโชคชะตาของตัวเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกมัน “แม้พวกมันจะพูดไม่ได้ แต่มันก็รู้ว่ามันจะถูกทำอะไรบ้าง เหล่าสุนัขทั้งหลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนโยน และพวกมันสามารถหวาดกลัวได้ จากภาพแล้วเราจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความกลัว” คุณ Ek กล่าว     หลังจกาที่คุณ Yi กลับมาถึงบ้านก็หยุดคิดถึงเจ้าหมาที่อยู่ในกรงไม่ได้เลย สองวันต่อมาเธอก็เลยตัดสินใจกลับไปที่ร้านนั้นอีกครั้ง และตั้งใจที่จะจ่ายเงินซื้ออิสรภาพให้กับพวกมัน แต่พอไปถึงแล้วก็พบว่าตัวแม่ของมันไม่อยู่แล้ว คาดว่าน่าจะถูกฆ่าไปแล้ว…

ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับหนุ่มน้อยวัย 5 ขวบ Dresden Manning และคุณย่าของเขา คุณ Patricia Manning ทั้งคู่นั้นสนิทกันเป็นอย่างมาก     “เธอเป็นคนพิเศษสำหรับเขา และแน่นอนว่าคุณย่าเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน” คุณ Brandon พ่อของเจ้าหนู Dresden เล่า ก็เหมือนกันกับคุณย่าคนอื่นๆ คุณ Patricia สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อให้หลานของตัวเองมีความสุข และคุณย่าก็สังเกตเห็นว่าเจ้าหนู Dresden นั้นชื่นชอบการชมยูทูบแชแนล Guava Juice ที่มักจะเอาตัวลงไปแช่สิ่งของต่างๆ ในอ่างอาบน้ำ   ก็เลยตัดสินใจที่จะทำอ่างอาบน้ำแบบพิเศษให้กับหลานชายบ้าง   “เธอเป็นผู้หญิงที่น่าทึ่งมาก และมักจะชอบทำอะไรบ้าๆ บอๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดูน่าสนุกเสมอ” คุณ Brandon กล่าวถึงแม่ของตัวเอง   ด้วยการสั่งซื้อเส้นสปาเก็ตตี้มาต้ม และย้อมเป็นสีต่างๆ ที่มีน้ำหนักมากกว่า 7 กิโลกรัมมาเติมลงในอ่างอาบน้ำให้เจ้าหนู Dresden ได้กระโดดลงไปเล่นอย่างสนุกสนาน   คุณ Brandon เล่าว่าคุณย่า Patricia ใช้เวลาในการเตรียมอ่างอาบน้ำนี้เป็นเวลามากกว่า 3 ชั่วโมง  …

สุนัขไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยงธรรมดา แต่พวกมันยังถูกเลี้ยงไว้เพื่อใช้งานหรือทำหน้าที่ต่างๆ ด้วย โดยต้องอยู่ในการดูแลของผู้ควบคุม แต่สำหรับเหตุการสุดสะเทือนใจนี้ ได้สร้างความสะเทือนใจไปทั่วโลกออนไลน์ เมื่อสุนัขรักษาความปลอดภัยหลุดออกไป จนทำให้มันต้องถูกยิงตาย เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ประเทศนิวซีแลนด์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิงสุนัขรักษาความปลอดภัยของสนามบิน Auckland Airport เนื่องจากมันหลุดออกไปและพนักงานไม่สามารถไปจับตัวมันกลับมาได้     Grizz เป็นสุนัขรักษาความปลอดภัยประจำสนามบิน ทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยเจ้าหน้าตำรวจที่ได้รับรายงานว่ามันหลุดออกไปเมื่อเวลา 04.00 ของวันนี้ เมื่อไม่สามารถพา Grizz กลับมาได้ พนักงานของสนามบินจึงได้แจ้งให้ตำรวจยิง Grizz ทันที เพราะเกรงว่ามันจะไปทำร้ายผู้โดยสารในสนามบิน     ในขณะที่ Tracy Phillips เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก Manukau บอกว่า “เราได้ยิงสุนัขตัวดังกล่าว เพราะคิดว่าเป็นคำสั่งของหน่วยรักษาความปลอดภัยของสนามบิน ที่มีความเกี่ยวข้องกับสุนัขตัวนี้ ก่อนจะมารู้ภายหลังว่า คนที่สั่งให้ยิงนั้นเป็นพนักงานของสนามบินนี้เท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสุนัขเลย” อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จะถูกสอบสวนหาข้อเท็จจริงในการยิงสุนัข เพื่อให้ความยุติธรรมกับหมาที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเสมอมา และนี่ถือว่าเป็นการเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ด้วย หลังจากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ก็มีชาวเน็ตมากมายออกมาแสดงความคิดเห็นกับเรื่องนี้ อย่างเช่น… “ทำไมต้องยิงสุนัขด้วย ทำไมคุณไม่ใช่ปืนยาสลบแทนที่จะฆ่ามัน”   “นี่มันวันศุกร์ที่ควรจะแฮปปี้ แต่ทำไมต้องมารู้เรื่องการยิงสุนัขตายแต่เช้าเนี่ย”   “ทางสนามบินคงรอไม่ไหวก็เลยสั่งยิงสุนัขทิ้ง ต่อจากนี้พวกเขาจะสั่งยิงใครอีกล่ะ ถ้าเกิดมีเหตุการณ์ดีเลย์?”  …