Tag: จีน
-
คุณหมอแต่งตัวเป็น “งิ้วปักกิ่ง” เพื่อลดความเครียดของคนไข้ จนยอมบอกอาการทั้งหมด…
การไปหาหมอในบางครั้ง ปัญหาหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ คือตัวคนไข้ไม่ค่อยกล้าที่จะบอกอาการตรงๆ กับหมอ ไม่ว่าจะด้วยความอาย ความกลัว หรือระยะห่างของเรื่องชนชั้นก็ตาม แน่นอนว่าหมอก็คงจะอยากรักษาคนไข้อย่างดีที่สุดแต่ปัญหาดังกล้าวมันดันเป็นช่องว่างที่ทำให้หมอรักษาได้ยากที่สุด ซึ่งปัญหาดังกล่าวนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับชาวจีนที่มีชนชั้นต่างกันมากมายก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้ก็เลยทำให้แพทย์หญิงคนหนึ่งประจำโรงพยาบาลด้านผิวหนังแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง เล็งเห็นปัญหาและแก้มันด้วยการแต่งงิ้วมารักษาคนไข้… ผลลัพธ์ของการทำแบบนั้นมันออกมาดีอย่างไม่น่าเชื่อ ‘ไป๋ซูฟาง’ แพทย์หญิงคนดังกล่าวบอกว่าหลังจากแต่งแบบนี้ คนไข่ก็กล้าที่จะคุยกับเธอ กล้าที่จะบอกว่าป่วยเป็นอะไรมีอาการยังไง ซึ่งมันช่วยให้การรักษามันง่ายขึ้นมากๆ โดยเธอให้เหตุผลว่า เธอทำงานนี้มากว่า 30 ปี และคนไข้ส่วนใหญ่ก็มักจะกลัวหรือไม่ก็เขินอายที่จะบอก โดยเฉพาะวัยรุ่นลงไป แต่วิธีนี้มันก็ช่วยได้ดีมากๆ แม้ว่าส่วนผสมของการแต่งหน้าจะสร้างความทรมานให้เธอพอสมควร ด้านเพื่อนร่วมงานก็บอกว่า ไป๋ซูฟางต้องใช้เวลาในการแต่งหน้าและลบออกร่วม 2 ชั่วโมง ซึ่งมันกินเวลามากๆ แต่ตัวเธอเองก็บอกว่าไม่ยอมแพ้ เพราะมันจะส่งผลดีต่อทั้งตัวโรงพยาบาลและคนไข้นั่นเอง . สุดท้ายเมื่อเรื่องราวนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตในจีนก็ออกมาชื่นชมกันเป็นอย่างมาก รวมถึงตัวผอ. ของโรงพยาบาลก็ออกมาสนับสนุนด้วยเช่นกัน ยังไงซะก็ขอเป็นกำลังใจให้แพทย์หญิงไป๋ซูฟางด้วยนะ ที่มา อ้ายจง,china
-
ชาวเน็ตโวยหนัก… หลังหนุ่มจีนขับรถลากสุนัขติดสายจูงไปด้วย แต่เจ้าตัวอ้างไม่ว่ารู้เรื่อง!?
อีกหนึ่งดราม่าที่กำลังดุเดือดสุดๆ จากประเทศจีน เมื่อเว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานเรื่องของหนุ่มจีนคนหนึ่ง ที่ขับรถลากสุนัขไปตามถนน!! เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่จังหวัดไห่หนิง มณฑลเจ่อเจียง โดยเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบเห็นรถยนต์คันหนึ่งขับรถไปตามถนน โดยมีสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ถูกลากตามไปด้วยอย่างน่าเวทนา ทันทีที่ชาวเมืองเห็นก็พากันโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ และช่วยกันหยุดรถคันดังกล่าว จากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ก็สามารถสกัดจับรถคันดังกล่าวได้ ทว่าคนขับกลับไม่ใช่เจ้าของรถที่แท้จริง โดยคนขับอ้างว่าตนรู้สึกผิด และไม่ทราบมาก่อนว่ามีสุนัขติดมาด้วย… ทางด้านเจ้าของรถก็ออกมาชี้แจงว่า ในคืนวันก่อนหน้านั้นสุนัขของเขานอนหลับใต้รถคันดังกล่าว และเช้าวันต่อมามีเพื่อนของเขามาขอยืมรถ โดยเจ้าตัวก็ไม่ทันสังเกตเห็นสุนัขของตนถูกผูกติดไว้กับรถ โชคดีที่อาการบาดเจ็บของมันไม่รุนแรงมากนัก และมันก็ถูกส่งตัวไปรักษาอาการได้ทันท่วงที มีชาวบ้านจำนวนมากต่างมาเป็นกำลังใจให้เจ้าตูบ และโชคดีที่มันไม่เป็นอะไรมาก แม้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นอุบัติเหตุ และทางเจ้าของสุนัขก็ไม่ติดใจเอาเรื่องใดๆ แต่ทั้งสองก็ต้องเผชิญกับกระแสคำก่นด่าจากชาวจีนบนโลกอินเตอร์เน็ตอย่างหนัก ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันขึ้นที่มณฑลชานตง เมื่อมีชายคนหนึ่งขับรถบนถนนพร้อมลากสุนัขจนเสียชีวิต และนำมาซึ่งความวุ่นวายครั้งใหญ่จนเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศจีน ท้ายที่สุดน้องตูบปลอดภัยหายห่วงก็นับว่าดีมากๆ แล้ว เฮ้ออ… ใจคอไม่ดีเลย ที่มา: Shanghaiist
-
โห่วจารรรรรย์!!…โจรใจบาปลักหลับคนเมา ขโมยตังไม่พอ…ยังมาแอบขโมยน้ำกามไปอีก!!
เรื่องราวสุดฉาวที่กลายเป็นกระแสดังมากๆ ในจีน เมื่อกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพชายคนหนึ่งในช่วงเช้ามือของวันอาทิตย์ในเมืองหลิวโจว ซึ่งกำลังทำการโจรกรรมเงินของชายอีกคนที่กำลังเมาปลิ้นอยู่ในสวนสาธารณะ พอเช้ามาชายคนดังกล่าวก็พบว่าเงินของตนหายไป จึงวิ่งโร่ไปแจ้งความทันทีพร้อมกับขอดูกล้องวงจรปิด และทำให้เรารู้ว่านายคนนี้มีชื่อว่า A’Jun ซึ่งเมื่อเขาได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เขานอน ความจริงมันกลับโหดร้ายกว่านั้น!! ชายคนดังกล่าวกลับไม่ได้ขโมยเงินเฉยๆ แต่เขากลับขโมยน้ำวิเศษของชายคนนั้นไปด้วยก่อนขโมยเงินอีกด้วย ซึ่งเขาทำการค่อยๆ แก้เข็มขัดและปลดกระดุมรูดซิบอย่างตั้งใจ จนสุดท้ายเขาก็ก้มลงไปโบลว์จ็อบอยากเมามัน แน่นอนว่า A’Jun ก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ด้วยความที่เขาเมาก็ยังคงนอนหลับต่อไป เวลาผ่านไปชายคนดังกล่าวยังคงมีความสุขกับการม๊วบๆ จนกระทั่งเรื่องบังเอิญก็เกิดขึ้น มือถือของ A’Jun เผลอตกออกมาจากกระเป๋ากางเกง ทำให้ชายคนดังกล่าวตกใจและกลับเข้าสู่จุดมุ่งหมายหลักเขาอีกครั้งนั่นก็คือการขโมยเงินนั่นเอง… แม้ว่าชายคนนี้จะขโมยเงินไปได้สำเร็จ แต่ในความเก่งกาจของเจ้าหน้าที่ พวกเขาก็ออกตามสืบหาคนร้ายทันทีในวันเดียวกันหลังจากดูกล้องวงจรปิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้แกะรอยจนไปพบว่า ชายคนนี้พักอยู่โรงแรมห่างจาสถานที่เกิดเหตุแค่ 20 เมตรเท่านั้น!! สุดท้ายคนร้ายได้สารภาพถึงสาเหตุที่ทำลงไปว่า เขาไปเจอกับ A’Jun แล้วรู้สึกว่าเขาน่ารักดีและเปรียบได้ดั่งเจ้าชายนิทรา เขาก็เลยเปลี่ยนจากการจูบเป็นโบลว์จ็อบแทนนั่นเอง ส่วนกระเป๋าเงินของ A’Jun ก็ได้คืนไปด้วยดี เพียงแต่เงินนั้นถูกนำออกไปหมดแล้ว โดยเขาบอกว่ามันโอเคเพราะบัตรต่างๆ ยังอยู่ดีนั่นเอง ที่มา shanghaiist
-
ประเทศจีนจัด “แข่งขันกินพริก” ลงไปแช่ในบ่อพริกนรก และทานให้ได้มากที่สุดหูรูดซี๊ดส์!!
สำหรับใครไม่ชอบทานเผ็ดก็ต้องขอผ่านบทความนี้ไปเลยนะ เพราะว่าพริกที่จะได้เห็นต่อไปนี้มันมีเยอะแยะมากมายมหาศาล ไม่ทันได้หยิบเข้าปากก็รู้สึกถึงความเผ็ดร้อนแล้วล่ะ… เพราะว่านี่คือ “เทศกาลแข่งขันกินพริก” ที่จัดขึ้นในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่นี่เอง บอกเลยว่างานสุดแปลกแหวกแนวต้องยกให้เขาเลยจริงๆ เทศกาลการกินพริกนี้จัดขึ้นใน มณฑลหูหนาน ในเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย ประเทศจีน โดยในการแข่งขันนี้ผู้เข้าร่วมจะต้องพยายามทานพริกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ . ในการแข่งขันครั้งนี้ก็มีผู้เข้าร่วมมากมายหลายวัย มีทั้งหญิงและชาย ที่เอามาอยู่ในอ่างพริกที่จัดเตรียมไว้ ทำให้เห็นความเผ็ดร้อนสุดขีดของผู้เข้าแข่งขันได้อย่างชัดเจน . เรียกได้ว่าเป็นการเฉลิมฉลองฤดูร้อนของจีนที่กำลังมาถึงได้ดีจริงๆ กันการลงไปแช่ในอ่างพริก ที่ดูแล้วผู้เข้าแข่งขันไม่น่าเผ็ดร้อนแค่ในปากเพียงอย่างเดียวแล้วล่ะ . . คงเผ็ดซี๊ดดด..น่าดู . . . . โดยในตอนสุดท้ายนั้นผู้ชนะสามารถเขมือบพริกเข้าไปถึง 15 ลูก ภายในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!! แต่รู้หรือไม่ว่าก่อนหน้านั้นมีเรื่องราวชายผู้ชื่นชอบพริกมาแล้ว นั่นก็คือ Li Yongzhi หนุ่มชาวเจิ้งโจว ซึ่งชื่อเสียงเรียงนามของเขานั้นได้ถูกขนานนามว่าเป็น “Chili King” หรือ “ราชาเขมือบพริก” เขาได้กล่าวว่า “ในตอนที่เป็นเด็กนั้น ผมชอบทานพริกเป็นเวลาสามมื้อ ถึงแม้ว่ามื้อนั้นจะไม่มีเนื้อหรือไข่ แต่สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือ พริก!!” “ในตอนเช้าคนอื่นๆมักเริ่มต้นด้วยการแปรงฟันเพื่อล้างปาก…
-
ปลุกความกล้าในตัวคุณ สัมผัสทางเดินสุดหวาดเสียวบน “หน้าผา Huashan” ประเทศจีน
การท่องเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์คงจะเป็นที่ชื่นชอบสำหรับหลายๆ คน การได้เดินป่า หรือปีนเขาคงจะทำให้ต่อมความตื่นเต้นของบางคนลุกขึ้นมาทำงานเลยใช่ไหมล่ะ และถ้าหากใครที่ชอบความท้าทายละก็ เขาขอแนะนำให้รู้จักหน้าผา Huashan เลย เพราะเส้นทางการเดินสัมผัสธรรมชาติของที่นี่ บอกได้คำเดียวเลยว่า หัวใจจะวาย!! ภาพนี้คงจะบอกได้ละนะ ว่ามันน่าหวาดเสียวแค่ไหน เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของนักท่องเที่ยวผู้หนึ่งที่ได้เดินทางไปเยือนหน้าผาแห่งนี้ โดยในคลิปวิดีโอดังกล่าวเผยให้เห็นถึงวินาทีที่เขากำลังไตบันไดเชือกลงจากซอกผา ดูแล้วน่าหวาดเสียวอย่างมาก ถ้าหากใครไม่เชื่อละก็ลองไปชมที่คลิปวิดีโอนี้ได้เลย หน้าผาแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหัวซาน ในมลฑลส่านซีของประเทศจีน โดยมีความสูงจากพื้นดินถึง 2,000 เมตรเลยทีเดียว และด้วยความสูงถึง 2 กิโลเมตรจึงทำให้ที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของความอันตรายและเป็นสถานที่ท้าทายต่อผู้ที่ชื่นชอบความหวาดเสียวอย่างมาก และนี่คือบรรไดทางลง แบบชัดๆ แค่เห็นก็เหงื่อแตกแล้วใช่ไหมล่ะ?? และนอกจากทางที่น่ากลัวแล้ว เทือกเขานี้ยังมีทางเดินไม้กระดานเก่าแก่กว่า 700 ปีที่เรียบไปกับหน้าผาที่ตั้งฉากแบบ 90 องศาเลย โดยมีความกว้างของทางเดินนี้มีเพียงแค่ 30 เซนติเมตรเท่านั้น แต่ไม่ต้องกังวลหรอกนะเพราะทางเจ้าหน้าที่เขาจะมีอุปกรณ์สำหรับความปลอดภัยให้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากการพลัดตกลงไปในเส้นทางนี้ แต่มีผู้ที่พยายามเดินออกนอกเส้นทางนั้นพบว่าเสียชีวิตไปถึง 100 รายแล้ว ถ้าใครใจแข็งก็ลองไปเที่ยวกันได้เลยนะ แต่สำหรับ #เหมียวเวจจี้ ขอบายก่อนจร้าา ที่มา dailymail
-
พบกับลูกหมูมิวแทนท์ หมูประหลาดจากจีนที่เกิดมาพร้อมกับ 2 ลำตัวและขาอีก 8 ขา
เรื่องราวประหลาดนี้เกิดขึ้นที่มลฑลซานตงในประเทศจีน เมื่อชาวนาท่านหนึ่งได้พบลูกหมูที่มี 2 ลำตัวพร้อมกับขาถึง 8 ขา ในฟาร์มของเขา คุณ Gao Baiqi นำลูกหมูตัวดังกล่าวที่เสียชีวิตไม่กี่นาทีหลังจากคลอดมาโชว์ให้ผู้สื่อข่าว ชายหนุ่มเล่าว่าเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน และรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เจ้าลูกหมูตัวนี้คือตัวสุดท้ายในคอกที่คลอดออกมา ในตอนที่มันลืมตาออกมาดูโลกนั้นผิวหนังของมันดูแตกต่างจากพี่น้องตัวอื่นๆ ของมัน และดูเหมือนว่ามันกำลังพยายามเอาชีวิตรอด แต่ก็น่าเสียดายเพราะไม่กี่นาทีหลังจากนั้นมันก็หยุดหายใจทันที “มันมี 1 หัว 2 ลำตัว และ 8 ขา นอกจากนั้นยังมีอวัยวะต่างๆ ครบอีกด้วย ผมพยายามป้อนน้ำและอาหารให้กับมัน แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตมันไว้ได้อยู่ดี” คุณ Baiqi กล่าว เจ้าหมูประหลาดยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด แต่มีรายงานว่าข้อบกพร่องนี้เกิดจากการที่ไข่ไม่ได้มีการแยกออกจากกันอย่างถูกต้อง คล้ายกับการเกิดลูกแฝดของมนุษย์นั่นเอง ตอนนี้เจ้าหมูถูกฝังไว้ในฟาร์มของคุณ Baiqi เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่มา dailymail
-
หญิงสาวแจ้งตำรวจสืบด่วน เพราะมี “เงิน” และ “ผลไม้” มาวางหน้าบ้านทุกวัน!??
ยิ่งกว่าตำนานรักดอกเหมยซะอีกสำหรับเรื่องนี้… จะว่าไปแล้วเมื่อเราแอบรักแอบชอบใคร เราก็อยากจะเห็นคนๆ นั้นมีความสุขใช่มั้ยล่ะ!? แต่คงไม่ใช่กับครอบครัวตระกูลหนึ่งในตำบลซูเฉิง เพราะจู่ๆ ก็มีผลไม้พร้อมเงินปริศนาจำนวนหนึ่งมาวางไว้หน้าบ้านของพวกเขาวันแล้ววันเล่า จนเจ้าของบ้านรู้สึกไม่ไหวถึงกับต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตัวอย่างของเงินวันละนิดวันละหน่อยที่ถูกเอามาวางไว้หน้าบ้าน จากวันเป็นเดือนจากเดืิอนเป็นปี ที่ชายหนุ่มแซ่หู (ไม่ระบุชื่อ) ได้พยายามที่จะส่งต่อความรู้สึกดีๆ ให้กับลูกสาวของบ้านหลังนี้ ทว่าการกระทำครั้งนี้กลับสร้างความตื่นกลัวให้แก่พวกเขาแทนซะงั้น เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอามาตั้ง ภายหลังการสอบสวนของตำรวจ พบว่าคนที่วางนั้นคือหนุ่มแซ่หูแน่ๆ เขาแอบเอาเงินและผลไม้มาวางไว้ วันละเล็กน้อยทั้งหมด 8 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 900 หยวน (4,500 บาท) เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามถึงสาเหตุก็ทราบความว่า ก่อนหน้านี้ชายแซ่หูเคยมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับลูกสาวบ้านนี้ หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก แต่ด้วยนิสัยขี้อายไม่กล้าบอกไปตรงๆ เลยขอเลือกที่จะใช้วิธีนี้แทน นอกจากนั้นชายแซ่หูยังให้สัมภาษณ์อีกด้วยว่า “ผมรู้สึกชอบเขามากๆ แต่ผมก็ขี้อายเกินกว่าจะไปคุยกับเค้าตรงๆ ผมเลยขอแอบอยู่ไกลๆ ดีกว่า เมื่อไหร่ที่ผมเห็นเขาออกมาหยิบผลไม้และเงิน ผมจะรู้สึกมีความสุข… ขอแค่ได้เห็นเธอมีความสุขผมก็รู้สึกดีแล้วล่ะ” อย่างไรก็ตามหลังจากที่เรื่องวุ่นๆ นี้ไปถึงมือเจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกเขาก็ได้สั่งเตือนห้ามมิให้นายหูทำอะไรแบบนี้อีก เพราะอาจสร้างความหวาดกลัวให้แก่ครอบครัวของหญิงสาวได้ ซึ่งเจ้าตัวก็รับปากให้สัญญาอย่างดีว่าจะไม่ทำวิธีนี้้อีกแล้ว และจะขอเวลารวบรวมความกล้าอีกซักหน่อย เพื่อที่จะกลับมาเอาชนะใจลูกสาวบ้านนี้ให้ได้อีกครั้ง ก็ไม่รู้ว่านายหูจะสมหวังรึเปล่า…
-
โมเม้นท์น่าประทับใจ ของแม่แพนด้าหยอกล้อลูกน้อยที่เหลือ หลังแฝดอีกตัวไม่รอดชีวิต…
ผู้เชี่ยวชาญชาวจีนและเจ้าหน้าที่จากสวนสัตว์ในประเทศฝรั่งเศส กำลังพยายามกันอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตเจ้าแพนด้าน้อยฝาแฝดที่เพิ่งลืมตาออกมาดูโลก เจ้า Huan Huan แม่ของเจ้าตัวเล็กทั้งสอง ถูกส่งตัวมาอยู่ที่สวนสัตว์ Beauval Zoo ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ลูกแพนด้าทั้งสองตัวที่เพิ่งเกิดมานั้นมีร่างกายที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ และเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเมื่อเจ้าตัวเล็กตัวหนึ่งต้องเสียชีวิตไปหลังจากที่เพิ่งคลอดได้ไม่นาน ส่วนอีกตัวที่มีชีวิตรอดมาได้นั้นก็น้ำหนักเพียงแค่ 140 กรัมเท่านั้น “มันอ่อนแอเกินกว่าจะมีชีวิตรอดได้ พวกเราพยายามกันอย่าสุดความสามารถแล้ว แต่มันตัวเล็กและอ่อนแอเกินไป ” คุณ Rodolphe Delord ผู้เชี่ยวชาญชาวจีนพูดถึงลูกแพนด้าตัวที่เพิ่งเสียชีวิตไป แต่ลูกหมีที่รอดชีวิตนั้นกลับดูแข็งแรงกว่า คุณ Delphine Delord ผู้อำนวยการด้านการประชาสัมพันธ์ของทางสวนสัตว์บอกว่า เจ้า Huan Huan นั้นดูแลลูกน้อยของมันอย่างใกล้ชิด ทางผู้เชี่ยวชาญได้นำน้ำนมจากแม่หมี มาใส่ขวดและป้อนให้กับเจ้าแพนด้าน้อย เจ้าหน้าที่ดูแลเจ้าหมีน้อยอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่ามันสามารถมีชีวิตรอดได้ คุณ Delord บอกว่าเจ้าหมีตัวนี้เหมือนเป็นตัวแทนของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างจีนและฝรั่งเศส เจ้าหน้าที่กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อยื้อชีวิตเจ้าตัวเล็ก ทางสวนสัตว์ได้รับข่าวดีนี้เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน หลังจากที่เจ้า Huan Huan เข้ารับการผสมเทียมกับหมีแพนด้าเพศผู้ Yuan Zi ทั้งคู่ถูกย้ายมาอยู่ด้วยกันเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แต่แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนในที่สุดเจ้าหน้าที่จึงต้องตัดสินใจผสมเทียมให้กับมัน หนึ่งในข้อกำหนดของการรับเลี้ยงแพนด้านจากทางรัฐบาลจีน เมื่อพวกมันมีลูกแล้ว ตัวลูกน้อยนั้นจะต้องถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศจีน และเจ้าแพนด้าน้อยตัวนี้ก็เช่นกัน โดยชาวฝรั่งเศสจะได้ชื่นชมความน่ารักของมันก่อนที่อีกสองเดือนต่อมามันจะต้องกลับบ้านเกิดที่ประเทศจีน เจ้า Huan…
-
ชายวัย 58 ปี ผู้ใช้ชีวิตกับลูกสาวตุ๊กตายางทั้ง 7 เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย หลังหย่ากับภรรยา…
เรื่องราวของชายหนุ่มชาวจีนวัย 58 ปี จากมลฑล Guizhou ผู้รักครอบครัวและยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลลูกๆ ของเขาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง โดยที่คุณลุงมีลูกทั้งหมด 8 คนด้วยกัน ซึ่งลูกชายคนโตของนั้นอายุ 18 ปี ส่วนลูกสาวอีก 7 คนที่เหลือนั้นกลับกลายเป็น ‘ตุ๊กตายาง’ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 ภรรยาของคุณ Li Che (นามสมมุติ) ได้ทิ้งเขาและลูกชายไป หลังจากที่ทั้งสองหย่าร้างกัน ชายหนุ่มต้องใช้ชีวิตอยู่กับลูกชายเพียงลำพัง และถึงแม้ว่าจะพยายามตามหารักครั้งใหม่กี่ครั้ง คุณลุงก็กลับต้องพบกับความผิดหวังตลอด ชายวัย 58 ปีกล่าว่าเขาไม่เคยพบกับความรักอีกเลยหลังจากที่ภรรยาหนีไป เพราะผู้หญิงที่เขาพบนั้นล้วนแล้วแต่ไว้ใจไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นคุณลุงจึงเริ่มมองหาบางอย่างที่จะคลายความเหงาของเขาได้ และตุ๊กตาก็กลายเป็นสิ่งที่เขาเลือกสำหรับช่วยให้หายเหงา แต่ว่าการเป็นเจ้าของตุ๊กตาของคุณ Li นั้นไม่เหมือนกับหนุ่มเหงาทั่วๆ ไป คุณลุงไม่เคยใช้มันเพื่อสนองความต้องการทางเพศ แต่กลับดูแลเหล่าตุ๊กตาราวกับว่าพวกมันเป็นลูกสาวของเขา ชายแก่ซื้อตุ๊กตาตัวแรกมาเมื่อปี 2014 หลังจากที่ Yang Yang ผู้เป็นลูกชายต้องย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนประจำ และตั้งชื่อให้กับเธอว่า Xiao Xue ซึ่งมีความหมายว่า ‘เจ้าหิมะน้อย’ เขาดูแลตุ๊กตาตัวนั้นอย่างดี ทั้งพามันอาบน้ำ หวีผม และพานั่งรถออกไปด้านนอกด้วยบ่อยๆ และแล้วความหลงใหลในตุ๊กตายางของเขาก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น คุณ Li…
-
ธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่จากจีน เปิดบริการ ‘ตู้ออกกำลังกาย’ ใจกลางเมือง คิดค่าบริการเป็นรายนาที…
ประเทศจีนหนึ่งในชาติที่มีการเปิดธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย อย่างเช่นก่อนหน้านี้ ก็มีบริการเช่ารถจักรยานสาธารณะ เช่าร่มสาธารณะ และล่าสุดได้มีการเปิดให้ใช้บริการห้องฟิตเนสสาธารณะแล้ว!! ห้องบริการออกกำลังกายสาธารณะนี้ เริ่มต้นในเมืองหลวงปักกิ่ง โดยจะเปิดให้บริการเช่าสำหรับออกกำลังกายแก่ลูกค้า ซึ่งจะมีการคิดค่าบริการเป็นนาที สนนราคาอยู่ที่นาทีละ 1 บาท ภายในห้องแอร์ขนาดพื้นที่ 4 ตารางเมตร จะประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ทีวี ลู่วิ่ง และอุปกรณ์สำออกกำลังกายอื่นๆ อีกเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีม่านสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวอีกด้วย บริการดังกล่าวมีชื่อว่า Micro Gyms ซึ่งเป็นการให้บริการคล้ายกับแอพสาธารณะอื่นๆ โดยผู้ใช้จะต้องโหลดแอพลิเคชั่นของผู้ให้บริการก่อน และจะมีค่ามัดจำประมาณ 490 บาท จากนั้นจึงนำ QR โค้ดที่ได้ไปสแกนที่ประตูของห้องออกกำลังกายเพื่อเริ่มต้นการใช้งานได้ทันที บริษัท Misspao ผู้ให้บริการห้องออกกำลังกายนี้กำลังวางแผนที่จะขยายเพิ่มเติมอีกประมาณ 1,000 แห่งทั่วเมืองปักกิ่งภายในปี 2017 และตอนนี้กำลังมีการระดมทุนเพื่อขยายกิจการของพวกเขาเพิ่มเติม โดยสองเดือนหลังจากการเปิดตัวธุรกิจห้องออกกำลังกายไปแล้ว ก็มีผู้สนใจเข้าร่วมลงทุนมากถึง 100,000,000 หยวนแล้ว (ประมาณ 500,000,000 บาท) แบบนี้การออกำลังกายก็คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้วสินะ…
-
เด็กหนุ่มวัย 12 ปีทำงานอย่างหนักสละเวลาปิดเทอมอันมีค่า มาช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม
วิกฤตปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากภัยพิบัติต่างๆ นั้นไม่ได้มีเพียงแต่ความเศร้าหรือความสิ้นหวัง ยังคงมีความเห็นอกเห็นใจและการช่วยเหลือจากเหล่าอาสาสมัครที่สละเวลาของตน มาช่วยผู้ประสบภัยทั้งหลาย แสดงให้เห็นว่ามนุษย์เรายังคงมอบความรักให้กันและกันอยู่เสมอ น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในมณฑลส่านซี ได้ทำลายบ้านเมืองไปมากมายจนทำให้มีผู้ประสบภัยกว่า 1 แสนคนเลยทีเดียว แต่ท่ามกล่างซากปรักหักพังนั้นยังคงมีเด็กหนุ่มวัย 12 ปี ผู้ซึ่งทำงานหนักในการช่วยเหลือผู้คนทั้งหลาย . จากภาพนั้นจะเห็นว่าเป็นภาพของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ผ่านการทำงานมาอย่างหนักหน่วงจนต้องหลับอิงไปกับแพ็คน้ำในสภาพที่เหนื่อยอ่อนกลางแสงแดดอันแรงกล้า เขาคนนี้มีชื่อว่า Hu Zhibo ซึ่งแม่ของเขานั้นได้บอกว่าที่เป็นอย่างนี้นั้นเกิดจากการทำงานอย่างหนักถึง 10 ชั่วโมงในแต่ละวัน เพื่อที่จะคอยช่วยเหลือผู้ประสบภัยในการสร้างกำแพงกั้นน้ำและคอยแจกสิ่งของจำเป็นต่างๆ ให้กับทุกคน นอกจากนั้นเด็กคนนี้ก็ยังยอมสละเวลาปิดเทอมฤดูร้อนอันมีค่าที่จะได้ออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนในวัยเดียวกัน แต่กลับมาเป็นอาสาสมัครแทน . เมื่อรูปภาพการทำงานของเขาได้ถูกปล่อยลงไปในโซเชียลมีเดียของจีนก็ได้ทำให้ผู้คนต่างพากันชื่นชมและยกย่องเขาเหมือนกับฮีโร่คนหนึ่ง จนมีคอมเม้นท์นึงออกมาพูดว่า “หากเด็กคนนี้โตขึ้น ประเทศของเราก็คงไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว” . . อย่างไรก็ตามยังมีบางคนที่คิดว่าช่วงปิดเทอมของเด็กผู้ชายคนนี้ควรได้ออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนหรือพักผ่อนหาความสนุก แทนที่จะต้องมาแบกข้าวสารหรือกระสอบสิ่งของต่างๆ ถึงอย่างไรการแสดงออกของเขาก็ทำให้เราได้เห็นถึงจิตอาสาของคนที่เกิดขึ้นได้แม้กับเด็กวัยแค่นี้ ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่และยิ้มได้ ที่มา: shanghaiist
-
เทรนด์ใหม่มาแรง สาวจีนแห่กันโชว์ภาพ ‘เต้านมทรงหัวใจ’ สะหวีวี่วีได้อี๊กกก…!!
หากจะกล่าวว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขยันผลิตนวัตกรรมใหม่ๆ มาให้โลกได้เชยชมแล้ว ประเทศจีนก็เป็นอีกประเทศที่ขยันมีเทรนด์แปลกๆ มาให้ชาวโลกได้ตื่นเต้นได้ไม่แพ้กัน เพราะคราวนี้เทรนด์ใหม่มาแรงของสาวจีนจะทำให้หนุ่มๆ ทั่วโลกเลือดกำเดาใหลเป็นว่าเล่น นั่นก็คือเทรนด์การถ่ายภาพเต้านมโดยเอานิ้วมาปิดให้เป็นรูปทรงหัวใจ โอ๊ยย.. ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงดีเลยเนี่ย!! มันก็จะประมาณนี้แหละ เทรนด์ดังกล่าวเริ่มเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหมู่วัยรุ่นจีนเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยใช้ชื่อว่า ‘Heart-Shapred Boob Challenge’ ซึ่งหลังจากที่มีชาวเน็ตคนหนึ่งเริ่มเปิดกระแสเทรนด์ดังกล่าวบนเว็บไซต์ Weibo ชาวเน็ตสาวๆ ต่างก็ให้ความสนใจและถ่ายภาพมาอวดกันจนกลายเป็นกระแสฮิตที่ทำตามกันไปทั่วประเทศ ดูเหมือนว่าเทรนด์นี้จะถูกอกถูกใจหนุ่มจีนเหลือเกิน อ้างอิงจาก Weibo ได้อ้างว่า ชาวเน็ตคนแรกที่ริเริ่มเทรนด์นี้ได้ใช้ชื่อบนโลกโซเชียลว่า Ayi Xi Tai Lǜ ซึ่งเป็นเน็ตไอดอลสาวชาวจีนที่มักจะไลฟ์สตรีมสดพูดคุยกับแฟนคลับหนุ่มๆ เสมอ และวันหนึ่งเธอก็ได้เอาใจแฟนคลับด้วยการทำรูปหัวใจบนเต้านมตัวเอง จนกลายเป็นที่นิยมสุดๆ ในเวลาต่อมา ซึ่งชาวเน็ตหลายคนคาดว่า หลังจากที่กระแสการไลฟ์สตรีมมิ่งเริ่มเป็นที่นิยมในประเทศจีนมากขึ้น ก็ทำให้เกิดเทรนด์แปลกๆ ปรากฎขึ้นมาให้เห็นบนโลกโซเชียลแทบทุกวัน นอกจากนั้นวิธีนี้ยังช่วยทำให้เรตติ้งของเหล่าสาวๆ ที่กำลังไลฟ์สด ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และด้วยความที่เทรนด์เต้านมรูปหัวใจมันมาแรงจนฉุดไม่อยู่ ลูกพี่วุ้นจุ้นของเราก็อยากจะลองทำดูบ้าง ผลปรากฎออกมาก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ… “ไหนอ่ะ… ไม่เห็นมันจะเป็นรูปหัวใจเลยปั๊ดดโถ่ววว!!” ที่มา: Shanghaiist
-
นายกฯ จีนโชว์ใจกล้า โดดลงไปเล่นน้ำคลอง เพื่อพิสูจน์ว่า.. ยังสะอาดและปลอดภัยอยู่จริง!!
เป็นธรรมดาที่นักการเมืองจะต้องลงมาดูแลเอาใจใส่ประชาชนโดยเฉพาะในช่วงหาเสียง ไม่ว่าจะเดินตลาด เก็บขยะ ขับมอเตอร์ไซค์ หรือแม้แต่กระโดดน้ำคลองก็ยังมี (แต่หลังจากนั้นก็ไม่มาอีกเลย) และวิธีการหาเสียงแบบนี้ก็ไม่ได้มีแค่ที่ประเทศไทยเท่านั้น เพราะล่าสุดนายกเทศมนตรี Li Zhonghua ได้ออกมาพิสูจน์ความมั่นใจเกี่ยวกับความสะอาดของแม่น้ำลำธารให้ชาวเมืองได้เห็น ด้วยการกระโดดลงไปเล่นมันซะเลย ซึ่งก่อนหน้านี้ที่เมืองหยงเฉิง เคยมีกรณีข่าวคราวเกี่ยวกับสารพิษที่เจือปนอยู่ในแม่น้ำสายหลักของเมือง ทำให้ชาวเมืองหลายคนไม่กล้าที่จะลงไปเล่นน้ำ หรือทำกิจกรรมต่างๆ และเพื่อเป็นการซื้อเสียง บวกกับสร้างความมั่นใจให้ประชาชน นายกเทศมนตรี Li Zhonghua จึงได้ตัดสินใจพร้อมข้าราชการทีมงานคนสนิทอีก 6 คน กระโดดลงไปเล่นในน้ำที่เคยมีข่าวอย่างสนุกสนาน ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อเป็นการแสดงผลนโยบายที่เจ้าตัวเคยอ้างว่า จะทำให้สภาพแวดล้อมของบ้านเมืองแห่งนี้กลับมาดีขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Weibo ภาพของนายกเทศมนตรีที่กระโดดลงไปเล่นน้ำคลองอย่างเป็นกันเอง ก็กลายเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโซเชียลจีน ทว่านี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่บุคคลผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะลงมาพิสูจน์อะไรแบบนี้ด้วยตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองเวินโจว ก็เคยให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงลงมาเล่นน้ำในคลองมาแล้ว หลังมีข่าวว่าบริษัทมีส่วนเกี่ยวข้องกับมลพิษทางน้ำ หลังขึ้นมาจากแม่น้ำ ชาวเมืองและนักข่าวก็แห่แหนกันเข้ามาถ่ายรูปพร้อมสัมภาษณ์กันให้เพียบ อยากเห็นลุงแถวบ้านไปกระโดดคลองแสนแสบบ้างจังเลย… ที่มา: Shanghaiist
-
ปรับทัศนคติมัน!! จีนสั่งปิด “โปรแกรมบอทแชท” หลังพูดข้อความ เชิงต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนอาจจะได้ข่าวที่ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่มีปัญหาจนทางทีมค้นคว้าถึงกับต้องปิดระบบ ถึงแม้ว่าข้อเท็จจริงถึงสามเหตุการณ์ชัดดาวน์นั้นทางเฟซบุ๊กจะยังไม่ได้มีการออกมาชี้แจงแต่อย่างใด แต่นั่นก็ทำให้บางคนเริ่มหวั่นๆ กับความฉลาดของระบบ AI ที่ว่านี้ และเมื่อไม่นานมานี้ก็เกิดเหตุการณ์คล้ายกันที่ประเทศจีน เมื่อทาง Tencent QQ แอปพลิเคชั่นสนทนายอดฮิตของจีน ได้ยุติการทดลองใช้โปรแกรมหุ่นยนต์สนทนาอัตโนมัติ 2 ตัว หลังจากพบว่ามันมีบทสนทนาในเชิงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล!! บริษัทดังกล่าวได้เริ่มใช้โปรแกรมหุ่นยนต์สนทนาอัตโนมัติ หรือแชทบอทนี้เมื่อประมาณเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อเป็นการให้บริการตอบคำถามอัตโนมัติแก่ผู้ใช้งาน โดยมันถูกตั้งโปรแกรมให้สามารถพูดคุยเกี่ยวกับสภาพอากาศ ดวงชะตา และตอบคำถามง่ายๆ สื่อจากจีนรายงานว่าระบบทสนทนาดังกล่าวไม่ได้ถูกตั้งโปรแกรมให้สามารถโต้ตอบเกี่ยวกับทางการเมืองได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงถูกก่อกวนโดยผู้ใช้งานที่มักจะถามคำถามดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้บริษัทผู้ผลิตต้องยุติการทำงานของมัน หลังจากที่พบว่ามันพูดคุยในเชิงวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล หนังสือพิมพ์ Apple Daily ฉบับไต้ไหวัน ได้เผยภาพของข้อความการสนทนาระหว่างบอทกับผู้ใช้งานผู้หนึ่ง โดยผู้ใช้งานถามว่า “พรรคคอมมิวนิสต์จงเจริญ” จากนั้นโปรแกรมก็ตอบกลับมาว่า “คุณคิดว่าระบอบการปกครองที่เต็มไปด้วยการทุจริตและไร้ความสามารถแบบนี้จะอยู่ได้นานหรือ??” นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้งานอีกท่านหนึ่งถามคำถามลักษณะเดียวกันนี้เช่นกัน โดยเขาถามว่า “ระบอบประชาธิปไตยดีหรือไม่” และบอทก็ตอบกลับมาว่า “มีความจำเป็นต้องมีระบอบประชาธิปไตย” แต่อย่างไรก็ตามอดีตพนักงานของ Tencent QQ ได้ออกมาเปิดเผยว่าระบบสนทนานี้ได้มีการพัฒนาโดยใช้ค่านิยมแบบสากลไม่ใช่ค่านิยมแบบจีน และตอนนี้ยังไม่มีรายงานว่าทางผู้พัฒนาจะนำโปรแกรมสนทนานี้กลับมาใช้งานอีกครั้งเมื่อใด ที่มา bbc
-
ตำรวจจีนรวบชาย ‘ขายน้ำดื่มปลอม’ บรรจุน้ำประปาใส่ถัง ไม่มีการกรอง หลอกขายชาวบ้าน
ประเทศจีนที่ได้สมญานามที่เรารู้จักกันดีกับ “ที่สุดแห่งของปลอม” ปลอมได้กับทุกสิ่ง แม้แต่ไข่ปลอมก็เคยมีมาให้เห็น แล้วสิ่งที่ปลอมในคราวนี้ก็ทำให้ทั่วโลกต้องตะลึงอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจากเขต Songjiang ในนครเซี่ยงไฮ้ มีการประกาศออกมาว่าได้จับกุมชายแซ่ Zhang ผู้ค้าน้ำดื่มปลอม หรือน้ำที่ไม่ได้ผ่านการกรองมาขายในรูปแบบน้ำดื่ม โดยตำรวจเชื่อว่าผู้ต้องสงสัยนั้นทำรายได้จากสิ่งผิดกฎหมายนี้รวมเป็นเงินกว่า 750,000 บาท กระบวนการของเขานั้น จะทำการซื้อถังน้ำดื่มเปล่าๆ ที่จะถูกนำไปรีไซเคิลในราคาที่ถูกมาก และนำไปเติมน้ำประปาในบริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของเซี่ยงไฮ้ โดยพบถังน้ำดื่มกว่า 300 ถังพร้อมกับตรายี่ห้อดังอย่างเนสเล่ หรือ Nongfu Spring ที่มีชื่อในจีน อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับกรณีเช่นนี้ เพราะเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ครอบครัวหนึ่งในเซี่ยงไฮ้พบว่าตัวเองได้ซื้อน้ำเนสเล่ปลอมมาจากร้านขายของแถวบ้าน สังเกตได้จากพลาสติกใสที่ปิดไว้ กับตัวหนังสือแปลกๆ บนฝาขวด ถึงอย่างไรสิ่งที่ผู้บริโภคไม่พอใจมากทึ่สุดก็คือการที่ถูกหลอกเสียเงินให้กับสิ่งที่ไม่ใช่ของแท้ ผิดจากความคาดหวังกับเงินที่เสียไป แต่พอเจอข่าวนี้เข้าก็คงจะต้องสังเกตกับของใช้รอบตัวเราให้มากขึ้นแล้วแหละ ขนาดน้ำดื่มยังใส่น้ำประปามาปลอมหลอกขายกันได้เลย!! ที่มา: shanghaiist
-
ภัยร้อนเป็นเหตุ!! ชาวจีนรวมตัวนับพันแห่เล่นน้ำ หนีอากาศที่ร้อนเกือบ 40 องศาเซลเซียส
สำหรับใครที่เบื่อที่คนเยอะๆ ในช่วงวันหยุด อย่างเช่นในห้าง หรือสระว่ายน้ำในช่วงหน้าร้อน อาจจะเปลี่ยนความคิดเลยทีเดียว เมื่อคุณได้เห็นภาพของสระว่ายน้ำในช่วงหน้าร้อนของประเทศจีนที่เรานำมาฝากกันวันนี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เมื่อฝูงพีเพิลนับพันคน ได้เข้าไปใช้บริการสวนน้ำขนาดใหญ่แห่งนี้ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างร่วมใจมาเล่นน้ำที่สวนน้ำ Hot Go Park ในมณฑล Liaoning พร้อมกันโดยไม่บอกให้นายหมายรู้เลยซักนิด (ไม่ได้นัดหมายนั่นเอง แฮร่!!) ผู้คนพร้อมใจลงไปในสระว่ายน้ำด้วยห่วงยางกันจำนวนมาก ภาพถ่ายดังกล่าวถูกบันทึกเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้คนจำนวนมากกำลังนอนอยู่บนห่วงยางเพื่อรอคอยคลื่นจำลอง ในเครื่อง Tsunami Wave Pool สวนน้ำแห่งนี้เป็นที่นิยมมากในเมือง Fushun ในพื้นที่กว่า 100 ไร่ ที่นี่เต็มไปด้วยเครื่องเล่นมากมาย แต่เครื่องเล่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือเครื่องสร้างคลื่นจำลองนี้ โดยเครื่องดังกล่าวสามารถสร้างคลื่นได้สูงถึง 3 เมตรเลยทีเดียว อุณหภูมิที่สูงถึง 31 องศาเซลเซียส เป็นสิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้มาที่สวนน้ำแห่งนี้ ความแออัดในสระว่ายน้ำ ที่เหมือนกับอยู่ในรถไฟฟ้าในชั่วโมงเร่งด่วน ตอนนี้ประเทศจีนกำลังประสบปัญหากับอุณหภูมิที่สูงขึ้น เมื่อวันที่ 20 กรกรฎาคมที่ผ่านมา เซี่ยงไฮ้ก็เพิ่งประสบกับปัญหาอุณหภูมิที่สูงถึง 40 องศาเซลเซียส ซึ่งนับว่าเป็นอุณหภูมิสูงสุดในรอบ 145 ปีเลยทีเดียว …
-
คลิปสุดช็อค!! เผยให้เห็น “เด็กน้อยวัยหัดเดิน” ที่ถูกพ่อแม่ชาวจีนขังไว้ในตู้ล็อกเกอร์
ปัญหาเจ้าตัวเล็กชอบงอแง อาจจะทำให้พ่อแม่ต้องปวดหัว และแต่ละคนก็อาจจะมีการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยด้วยความเข้าใจ หรือบางครอบครัวอาจจะให้ไม้แข็งเลยทีเดียว แต่ไม่ว่าจะใช้ไม้แข็งแค่ไหนก็คงไม่มีใครทำเหมือนพ่อแม่ชาวจีนคู่นี้แน่ๆ สองสามมีภรรยาชาวจีน ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของชาวเน็ตอย่างมาก หลังจากที่คลิปวิดีโอการรับมือกับลูกน้อยของพวกเขาถูกเผยแพร่ไปบนโลกออนไลน์ ทั้งสองได้ขังลูกเอาไว้ในล็อกเกอร์เก็บของในห้องอาบน้ำแห่งหนึ่ง และปล่อยให้เจ้าหนูต้องทนอยู่ในตู้ล็อกเกอร์แคบๆ พร้อมกับความมืด จากการรายงานของสำนักข่าว Kan Kan News บอกว่า ทั้งสองได้ขังลูกน้อยของพวกเขาไว้เนื่องจากไม่ต้องการดูแลลูกน้อยในระหว่างที่ออกไปอาบน้ำ เด็กน้อยถูกช่วยออกมาโดยเจ้าหน้าที่ของห้องอาบน้ำ แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานว่าเจ้าหนูน้อยเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย และยังไม่ทราบว่าเขาถูกขังไว้ในนั้นนานแค่ไหน ไปชมคลิปวิดีโอการช่วยเจ้าหนูน้อยที่ด้านล่างนี้ได้เลย และแน่นอนว่าเรื่องแบบนี้คงไม่รอดพ้นคำสรรญเสริญจากชาวเน็ตไปได้แน่นอน หลายๆ คนที่ได้ชมคลิปวิดีโอดังกล่าวได้ออกมาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก บ้างก็บอกว่า การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่โหดร้ายสำหรับเด็กน้อยมากๆ ในขณะที่บางคนก็ด่าพ่อแม่ของเจ้าหนูน้อยว่าไม่มีความรับผิดชอบเลย หนึ่งในความเห็นจากชาวเน็ตท่านหนึ่งกล่าวว่า “เขาดูกลัวมากๆ เลยนะเนี่ย พวกเขาไม่น่าทำแบบนั้นเลยจริงๆ” แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ถูกช่วยออกมา เจ้าหน้าที่พบว่าหนูน้อยไม่ได้รับอันตรายใดๆ ที่มา dailymail
-
พาไปชม!! ร้านหนังสือในประเทศจีน สวยงามจนถูกเรียกว่า ‘ดินแดนมหัศจรรย์แห่งหนังสือ’
ในทุกวันนี้การแข่งขันทางธุรกิจกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ ร้านค้าและบริษัทหลายๆ แห่งต่างงัดทุกวิถีทางเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าหรือบริการ จุดเด่นและเอกลักษณ์ของร้านก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเรียกลูกค้าได้ และเรื่องราวที่เรานำมาฝากวันนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อร้านหนังสือร้านหนึ่งในประเทศจีน ได้ออกแบบร้านอย่างสวยงามและดูน่าสนใจมากๆ จนถูกเรียกว่าดินแดนมหัศจรรย์แห่งหนังสือเลยทีเดียว!! ก่อนหน้านี้ #เหมียวเวจจี้ ได้พาเหล่านักอ่านไปพบกับร้านหนังสื่อที่สวยงามแห่งหนึ่งในประเทศจีนแล้ว (อ่านข่าวเก่า ร้านหนังสือเมืองจีน สร้าง ‘อุโมงค์หนังสือ’ แนวโมเดิร์นสุดล้ำ และมันสวยงามมาก!! ) และตอนนี้ร้านหนังสือชื่อดังของประเทศจีนอย่าง Zhongshuge ก็ได้เปิดร้านของพวกเขาอีกสาขาแล้วที่เมือง Suzhou ทางตะวันออกของมณฑล Jiangsu ภาพภายในของร้านหนังสือแห่งนี้ ถึงแม้จะเปิดสาขาใหม่ แต่บริษัท Zhongshuge ยังคงสร้างร้านสาขาของพวกเขาโดยคงคอนเซปต์เดิม นั่นก็คือความยิ่งใหญ่ที่มาพร้อมกับความสวยงาม และทำให้ร้านหนังสือของพวกเขาเป็นเหมือนสวรรค์ของนักอ่าน ร้านสาขาในเมือง Suzhou นั้นมีพื้นที่ทั้งหมด 1,300 ตารางเมตร ภายในจะมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 โซนด้วยกันประกอบด้วย “Rainbow Valley”, “Firefly Cave”, “Crystal Palace” และ “Children’s Castle” สาขาที่เปิดใหม่แห่งนี้กำลังได้รับความนิยมจากเหล่านักอ่านในเมือง Suzhou อย่างมาก ไปชมความสวยงามของร้านหนังสือแห่งนี้กันเลย… . การตกแต่งที่สวยงามและทำให้ที่นี่เป็นร้านหนังสือที่น่าสนใจมากๆ . . . …
-
‘Fei Fei’ เจ้าเหมียวเปลือกตาพับ จนเกือบตาบอด ได้มนุษย์ใจดีช่วยให้มองเห็นได้อีกครั้ง
เรื่องราวของเจ้าเหมียวที่มีปัญหาด้านการมองเห็น มันมีเปลือกตาที่พับลงมาจนเกือบทำให้ตาบอด แต่ทว่าในความโชคร้ายยังมีโชคดีอยู่ เมื่อเจ้าแมวน้อยได้รับการผ่าตัดและสามารถมองเห็นได้ชัดขึ้นอีกครั้ง เจ้า Fei Fei แมวจรจัดที่ถูกพบบนทางด่วน ในมลฑลเฉิงตู ประเทศจีน มันถูกช่วยเหลือโดยผู้ใจบุญและพาตัวมารักษากับสัตวแพทย์ ในครั้งแรกที่พวกเขาเจอตัวมันนั้น เจ้าเหมียวต้องทุกข์ทนกับสภาพเปลือกตาของมันที่พับเข้ามาด้านใน ซึ่งแพทย์ได้ทำการวินิจฉัยและพบว่าอาการดังกล่าว อาจทำให้เยื่อบุตาของมันอักเสบและอาจรุนแรงถึงขั้นมองไม่เห็นเลยทีเดียว และนี่คือเจ้า Fei Fei ก่อนและหลังการรักษา คุณหมอ He Jinyi สัตวแพทย์ผู้ดูแลเจ้าเหมียวบอกว่ามันถูกพาตัวมาที่คลินิกแห่งนี้เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ในตอนนั้นมันมีอายุราวๆ 1-2 ปี “เรามีสัตว์ที่อยู่ในการดูแลมากมายที่นี่ แต่เจ้า Fei Fei นั้นแตกต่างจากเพื่อนตัวอื่นๆ ของมัน มันเป็นที่ชื่นชอบของเจ้าหน้าที่ในคลินิกแห่งนี้มาก” คุณหมอกล่าว หลังจากที่ได้ทการตรวจร่างกายเรียบร้อย คุณหมอก็พบว่าแมวน้อยตัวนี้ไม่ได้มีปัญหาแค่ที่เปลือกตาของมันเท่านั้น แต่มันยังเป็นโรคผิวหนังอีกด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องให้มันพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เพื่อรับวัคซีนและเริ่มทำการรักษาในเดือนพฤษภาคม หลังจากได้รับการผ่าตัดและดูแลจนกลับมามองเห็นได้ชัดเจนอีกครั้ง เจ้าเหมียวก็พร้อมที่จะออกไปอยู่บ้านหลังใหม่แล้ว “เจ้า Fei Fei สามารถกลับมามองเห็นได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง มันมีดวงตาที่กลมโตสวยงามมาก” คุณหมอกล่าว จากนั้นไม่นาน เมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา เจ้าแมวก็ได้พบกับเจ้านายคนใหม่ของมัน การผ่าตัดนอกจากจะช่วยให้เจ้าเหมียวกลบมามองเห็นได้ชัดแล้ว ยังทำให้มันดูน่ารักน่าชังขึ้นอีกด้วย และตอนนี้มันก็กลายเป็นเซเลปบนโลกออนไลน์เป็นที่เรียบร้อยแล้วล่ะ …
-
ชาวเน็ตถึงกับเดือด เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่จับแพนด้าน้อย ทั้งลากและโยนอย่างรุนแรงภายในกรง
ผู้ดูแลแพนด้าจากศูนย์วิจัยการผสมพันธุ์ของแพนด้าในเมืองเฉิงตู ถูกกล่าวหาว่าใช้ความรุนแรงกับพวกลูกหมี หลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอการดูแลลูกหมีแพนด้าของเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์แห่งนี้ คลิปวิดีโอความยาวประมาณ 2 นาที ถูกโพสต์ลงบนสื่อโซเชียล Weibo ของประเทศจีนโดยชาวเน็ตท่านหนึ่ง เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2017 ภายในคลิปเผยให้เห็นภาพของชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังลากแพนด้าและทุ่มพวกมันลงกับพื้น สร้างความไม่พอใจให้ชาวเน็ตที่ได้เห็นเป็นอย่างมาก วินาทีที่ชายหนุ่มสองคนกำลังลากและทุ่มเจ้าหมีลงกับพื้น ชาวเน็ตผู้เป็นเจ้าของคลิปวิดีโอดังกล่าวบอกว่าเขารับไม่ได้กับการกระทำของชายทั้งสอง แต่ทางด้านศูนย์วิจัยได้ออกมาอธิบายนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า การกระทำของผู้ดูแลนั้นเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่พวกเขากำลังทำนั้นเป็นการป้องกันไม่ให้พวกแพนด้าหลุดออกจากกรง คลิปวิดีโอความยาว 2 นาที ของเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลแพนด้าด้วยความรุนแรง หนึ่งในเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยกล่าวว่า ในวันนั้นลูกหมีมีอาการตื่นตระหนกและได้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนด้วย ดังนั้นทั้งคู่จึงต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อควบคุมพวกมันให้สงบลง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้เผยให้เห็นผลที่ถูกเจ้าหมีทำร้าย แต่อย่างไรก็ตามทางด้านผู้อำนวยการของศูนย์วิจัยก็ได้ออกมาตำหนิการกระทำของเจ้าหน้าที่ทั้งสองคน และขอโทษต่อการกระทำดังกล่าวด้วย พร้อมกันนี้ทางผู้อำนวยการยังบอกอีกว่าจะมีการอบรมวิธีการดูแลที่อ่อนโยนและถูกต้องให้กับเจ้าหน้าที่ใหม่ เหตุการณ์เจอเรื่องแบบนี้ก็พูดยากเหมือนกันนะ แต่อย่างไรก็ตามการดูแลที่ถูกต้องและการมีความรู้ในการจัดการกับสถานการณ์แบบนี้ เป็นเรื่องที่สำคัญที่เจ้าหน้าที่ไม่ควรละเลยนะ ว่าไหม?? ที่มา shanghaiist
-
น่ารักได้อีก!! เจ้าหน้าที่ต้องแต่งตัวเป็น ‘แพนด้า’ เพื่อที่จะได้เล่นกับลูกๆ แพนด้าตัวน้อย
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่คนรักสัตว์ต้องรู้สึกอิจฉากันแน่ๆ ลองนึกภาพดูสิว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าหน้าที่ในทุกๆ วันของคุณคือการเล่นกับลูกแพนด้าน้อย เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะพาไปชม วิธีการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ดูแลลูกแพนด้า จากศูนย์อนุรักษ์ธรรมชาติ Wolong National Nature ในประเทศจีน ซึ่งเห็นแล้วใครๆ ต่างก็ต้องรู้สึกอิจฉากันแทบทุกราย โดยเจ้าหน้าที่ทุกคนจะต้องสวมชุดหมีแบบนี้ขณะปฏิบัติหน้าที่ ทางเจ้าหน้าที่จากศูนย์อนุรักษ์ได้อธิบายถึงสาเหตุว่า การใส่ชุดปลอมตัวเป็นหมีแพนด้า จะช่วยทำให้พวกมันรู้สึกเหมือนได้อยู่ในสังคมที่มีแต่หมีแพนด้าจริงๆ และยังส่งผลดีต่อพฤติกรรมในระยะยาวของพวกมันอีกด้วย นอกจากนั้นพื้นที่ในศูนย์อนุรักษ์แห่งนี้ ได้จำลองมาจากป่าไม้จริงๆ เพื่อทำให้พวกมันรู้สึกคุ้นชินกับธรรมชาติ แต่ก็ใช่ว่าจะมีเพียงความน่ารักเท่านั้น เพราะผู้ปฏิบัติหน้าที่นี้ต้องใช้ชีวิตตลอดทั้งวันอยู่กินกับหมีแพนด้า อีกทั้งพวกเขายังต้องยอมให้ตัวเองเหม็นกลิ่นปัสสาวะ และอุจจาระของพวกมันอีกด้วย แต่ก็น่าตกใจอยู่ไม่น้อย ที่แม้ว่าจะมีศูนย์อนุรักษ์แพนด้ากระจัดกระจายอยู่หลายแห่งทั่วประเทศจีน ทว่าตัวเลขประชากรแพนด้ากลับลดน้อยลงเรื่อยๆ อย่างน่าใจหาย “มันเต็มไปด้วยทั้งความสนุก ความน่ารัก แต่บางทีเราก็เหนื่อยสุดๆ เมื่อพวกมันต้องการความช่วยเหลือ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเล่า ถ้าอยากรู้ว่าจะน่ารักขนาดไหน ลองไปชมวิดีโอจากศูนย์อนุรักษ์แห่งนี้กันเลย น่ารักซะจนอยากลาออกจากการเป็นแมว มาเป็นหมีแพนด้าแทนได้มั้ยง่าา ที่มา: Mirror
-
นี่คือ “อุโมงค์แห่งหนังสือ” ที่คนรักการอ่านอยากไปเยือน เพราะมีแต่หนังสือเต็มรอบตัว!!
การได้ออกไปพักผ่อนนอกบ้านในช่วงวันหยุด อาจจะเป็นกิจกรรมที่ชื่นชอบของหลายๆ คน และห้องสมุดหรือร้านหนังสือก็คงเป็นหนึ่งในสถานที่พักผ่อนยอดฮิตสำหรับคนที่ชอบความสงบใช่ไหมล่ะ และวันนี้เราก็มีห้องสมุดและร้านหนังสือแบบเจ๋งๆ มาฝากเหล่าหนอนหนังสือกัน ซึ่งทั้งความยิ่งใหญ่และความสวยงามของที่นี่รับรองเลยว่าใครที่รักการอ่านไม่ผิดหวังแน่นอน สถานที่แห่งนี้คือร้านหนังสือที่เปิดเป็นห้องสมุดให้คนมาอ่านได้ด้วย ตัวร้านตั้งอยู่ในเมืองหยางโจว ทางทิศตะวันออกของประเทศจีน ซึ่งความพิเศษของสถานที่แห่งนี้ก็คือความกว้างใหญ่และปริมาณหนังสือจำนวนมากที่อัดแน่นอยู่ด้านใน ร้าน Zhongshuge ซึ่งเป็นร้านในเครือของบริษัทขายหนังสือยักษ์ที่มีหลายสาขาทั้งในมลฑลเซี่ยงไฮ้และหางโจวอีกด้วย การออกแบบภายในเป็นผลงานของบริษัท Shanghai studio XL-Muse Architects ในการออกแบบห้องสมุดและร้านหนังสือแห่งนี้ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปแบบของทางน้ำและสะพานหินที่มีชื่อเสียงของเมืองหยางโจว รวมไปถึงบทกลอนของกวีชื่อดังชาวจีนอย่าง Li Bai อีกด้วย จุดเด่นนอกจากความโมเดิร์นล้ำสมัยแล้ว ยังมีอุโมงค์แห่งหนังสือซึ่งใครๆ ก็อยากจะมาเลือกหนังสืออ่าน หรือกระทั่งถ่ายรูปเก็บเป็นความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเลยมาที่นี่ และนี่คือบรรยากาศภายในร้านหนังสือและห้องสมุดที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ หนึ่งในอุโมงค์หนังสือถายในร้าน ที่มีตั้งแต่ชั้นล่างบนไว้จนถึงบนศรีษะเรา รายล้อมไปด้วยหนังสือมากมาย พื้นที่ต่างๆ มีการตกแต่งอย่างสวยงาม ที่นี่มีหนังสือมากมายให้ผู้ที่ชื่นชอบการอ่านได้เลือกซื้อ… ภาพมุมนี้เหมือนกับอุโมงค์หนังสือขนาดยักษ์เลยทีเดียว ชมบรรยากาศภายในอุโมงหนังสือแห่งนี้ได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย สำหรับใครที่ชอบอ่านหนังสือละก็ บอกได้คำเดียวเลยว่า.. นี่มันสวรรค์ชัดๆ !! ที่มา designyoutrust
-
เจ้าโกลเด้นจากจีน ถูกจนท. ยิงกว่า 50 ครั้งในสนามบิน ได้รับการรักษาและพร้อมกลับบ้านแล้ว!!
ก่อนหน้านี้ได้มีกระแสดราม่าถูกพูดถึงไปทั่วโลกโซเชียลจีน ซึ่งเป็นเรื่องราวของเจ้าโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ Er Mao ที่วิ่งเตลิดลงไปในรันเวย์เสียก่อน ในขณะที่กำลังจะโหลดลงออกจากเครื่อง ทว่าด้วยกฎข้อบังคับของสนามบิน หลังจากที่เจ้าโกลเด้นฯ หลุดออกไปในรันเวย์ เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นที่จะต้องหยุดการเคลื่อนไหวของมันด้วยการยิงปืนยางใส่มัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2017 จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้เจ้าตูบได้รับอาการบาดเจ็บและต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน Zuo Wei เจ้าของหนุ่มเล่าว่า “ผมเข้าใจว่ามันดีใจมากตอนที่เราเจอกันครั้งแรก หลังจากไม่ได้เจอกันมานาน ถึงแม้จะมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นแต่ผมก็จะขอดูแลมันให้ดีที่สุด” กระสุนยางหลายสิบนัดฝังอยู่ในชั้นผิวหนังของเจ้าตูบ และทำให้ทีมแพทย์ต้องรีบผ่าตัดช่วยเหลือมันอย่างเร่งด่วน ก่อนหน้านี้ Zuo Wei เคยอาศัยอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ แต่หลังจากเรียนจบเจ้าตัวก็ได้ย้ายมาทำงานให้กับบริษัทในเมืองอู่ฮั่นในฐานะวิศวกร และด้วยความคิดถึงทำให้สองเดือนต่อมา เจ้าตัวตัดสินใจที่จะซื้อตั๋วเครื่องบินให้เจ้าตูบเดินทางมาอาศัยอยู่กับเขา ทว่าเหตุการณ์ยุ่งเหยิงก็เกิดขึ้นหลังจากนั้น สัตวแพทย์ได้เอ็กซ์เรย์และพบว่า มีกระสุนยางฝังในร่างมันมากกว่า 50 เม็ด สำหรับ Zuo Wei แล้วเขาคงไม่มีทางที่จะลืม วินาทีสุดช็อคที่เกิดขึ้นกับเจ้าตูบได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาได้ทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักษาเจ้าตูบ ถึงแม้ว่ามันจะต้องสูญเสียดวงตาไปหนึ่งข้างก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าสายการบินจะไม่ชดเชยค่าเสียหายใดๆ เลย…
-
เพื่อนบ้านเซ็ง!! หนุ่มจีนจอดรถขวางหน้าบ้าน กว่าจะมาอีกหลายเดือน เพราะบินกลับประเทศไปแล้ว
เรื่องราวของหนุ่มนักเรียนจีนขี้ลืม ที่เผลอจอดรถขวางทางหน้าบ้านของสามีภรรยาคู่หนึ่ง แล้วบินกลับบ้านที่ประเทศจีนในช่วงปิดเทอมหน้าตาเฉย!! คุณ Tom และภรรยาของเขาคุณ Julia Ebenezer ถึงกับต๊กกะใจเมื่อเห็นรถ Citroen C4 สีดำจอดขวางหน้าบ้าน หลังจากที่พวกเขากลับมาถึงบ้าน พร้อมกับพบจดหมายน้อยแผ่นหนึ่งแนบไว้ที่หน้ารถ เนื้อความภายจดหมายของหนุ่มนักศึกษาชาวจีนที่เช่าห้องอยู่ฝั่งตรงข้ามกล่าวว่า “สวัสดีครับ ผม Jack เอง ขอบคุณมากนะครับสำหรับที่จอดรถ ผมจะกลับมาในวันที่ 15 กันยายน” รถคันดังกล่าวจอดอยู่หน้าบ้านคุณ Tom เป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์แล้ว โดยที่ชายแก่วัย 76 ไม่สามารถที่จะย้ายรถคันดังกล่าวออกไปได้เลย จดหมายน้อยที่แนบไว้ด้วย นอกจากจะขอบคุณเรื่องที่จอดรถแล้ว ยังขอให้ช่วยดูแลต้นไม้ที่เค้าปลูกไว้อีกต่างหาก!? “เจ้าของรถคันนี้คือหนุ่มนักเรียนชาวจีนที่เช่าบ้านอยู่ตรงข้ามบ้านผม และดูเหมือนว่าเขาจะกลับบ้านในช่วงปิดเทอมหน้าร้อน เมื่อไหร่ที่ผมออกมานอกบ้านและเห็นรถคันสีดำนี้ผมรู้สึกรำคาญลูกตาจริงๆ ” คุณ Tom กล่าว “ทางการบอกกับเราว่าถ้าอยากจะย้ายรถ ก็ต้องระมัดระวังให้มากเพราะอาจจะทำให้รถเสียหาย แต่ไม่ว่าจะจ้างใครมา ก็ไม่มีใครยอมย้ายให้เรา เพราะไม่อยากจะเสี่ยงทำให้ตัวรถเสียหาย” จนในที่สุดแล้วนักเรียนชาวจีนก็ได้โทรมาหา Julia เพื่อขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น และสัญญาว่าจะส่งกุญแจรถผ่านทางไปรษณีย์มาให้พวกเขา เพื่อที่จะได้ย้ายรถออกไป (แต่ก็ไม่รู้ว่ากุญแจจะหายไปกลางทางรึเปล่า) เป็นใครก็ต้องเซ็งกันบ้างใช่ไหมล่ะ เล่นจอดทิ้งไว้เป็นเดือนๆ แบบนี้ ที่มา thesun
-
ได้ด้วยเหรอ? หนุ่มอาศัยอยู่กับผึ้งทั้งรัง มานานกว่า 12 ปี จนกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน!!
ใครที่เคยโดนผึ้งต่อยมาแล้วครั้งหนึ่ง คงจะจำได้ดีกับความรู้สึกเจ็บปวดจากเหล็กในของผึ้งที่ทำให้เรารู้สึกไม่อยากอยู่ใกล้พวกมันอีกเลย แต่สำหรับหนุ่มจีนผู้มีนามว่า Yongfu Li กลับแตกต่างออกไป เพราะเขาเป็นชายผู้หลงใหลผึ้งและมีความสุขที่ได้อยู่ร่วมใต้ชายคาเดียวกับผึ้งมานานกว่า 12 ปี!! ฟาร์มผึ้งที่อื่นอาจจะต้องเลี้ยงผึ้งอย่างระมัดระวัง แต่สำหรับบ้านหลังนี้พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างเสรี เรื่องราวทั้งหมดกลายเป็นกระแสไวรัลไปทั่วโลกโซเชียลจีน หลังจากที่แชนแนล PearVideo ได้นำเสนอเรื่องราวของหนุ่มจีน ผู้ปล่อยให้ผึ้งทำรังในบ้านของตัวเองจนกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน หากมองอีกแง่หนึ่งอาจเป็นความเชื่อเรื่องโชคลางก็ว่าได้ เพราะวันที่ฝูงผึ้งเหล่านี้ได้เดินทางมาทำรังในบ้านของเขา เป็นวันเดียวกับที่เขาจัดงานแต่งงานนั่นเอง “วันที่ผึ้งมาทำรังนับว่าเป็นวันดี และผมว่าพวกมันก็รู้ตัวเหมือนกัน อาจารย์ฮวงจุ้ยผมบอกว่าผึ้งเหล่านี้เดินทางมาทำงานให้ผม” นาย Li เล่า จากคำแนะนำของซินแสฮวงจุ้ย Yongfu Li จึงได้ปล่อยให้ฝูงผึ้งทำรังอยู่ในห้องนั่งเล่นของตัวเองมานับตั้งแต่วันนั้น และดูเหมือนคำทำนายจะกลายเป็นเรื่องจริง… เพราะในรอบหนึ่งปีเขาสามารถเก็บน้ำผึ้งสดๆ จากรังของพวกมันได้ถึง 3 ครั้ง ครั้งละ 5 กิโลกรัม ก่อนจะนำไปขายในท้องตลาดและสร้างรายได้เสริมให้เขาปีละ 3,045 หยวน (ราว 15,000 บาท) และที่สำคัญเจ้าตัวยังเคลมว่า ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยถูกผึ้งต่อยเลยแม้แต่ครั้งเดียวอีกด้วย!! …
-
“เสื้อร่มกันฝน” นวัตกรรมใหม่ส่งตรงจากเมืองจีน แถมยังรับประกันว่ากันฝนได้ 100%!!
ช่วงนี้บ้านเราก็เข้าสู่หน้าฝนกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมยังโดนพายุโจมตีอย่างหนัก เรียกได้ว่าฝนนี่ตกกันทุกวันเลยทีเดียว แน่นอนว่ามันก็สร้างปัญหาให้คนมากมายพอสมควร.. แน่นอนว่าเราก็จะมีอุปกรณที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการลุยฝนมากมาย ซึ่งบางครั้งร่มหรือเสื้อกันฝนนั้นก็ไม่ค่อยตอบโจทย์เราสักเท่าไหร่นัก ด้วยเหตุนี้จีนจึงคิดค้นนวัตกรรมใหม่ออกมาเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคกันสักหน่อย กับเสื้อกันฝนที่รวมเข้ากันร่ม จนเกิดเป็นเสื้อร่มกันฝน… เจ้าร่มกันฝนนี้เกิดจากแนวคิดที่ว่า ทำไมเราถึงไม่เอาทั้งเสื้อกันฝนและร่มมารวมกัน ซึ่งพอทำจริงๆ ก็เกิดเป็นเจ้าสินค้าตัวนี้ขึ้นมา โดยตัวเสื้อร่มกันฝนนี้จะมีหน้าตาเป็นหมวกและมีส่วนที่เหมือนร่มอยู่ข้างล่าง ทีมออกแบบยังเคลมไว้ว่าเสื้อตัวนี้จะกันฝนได้ 100% เพราะมันจะทำหน้าที่เหมือนกับร่มที่ฝนจะไหลหลงด้านข้าง ไม่พอแค่นั้นทีมออกแบบยังบอกอีกว่า มันสะดวกสบาย ทำให้มือสองข้างสามารถทำอะไรต่อมิอะไรได้อีกเยอะแยะ ที่สำคัญไม่ต้องกลัวว่าลมแรงจะพัดมันปลิวไปไหนด้วย นอกจากนั้นตัวเสื้อร่มกันฝนยังมีสีและขนาดให้เลือกซื้อเลือกใช้มากมาย จะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ใช้ได้ใช้ดี สามารถหาซื้อได้ตามเว็บช็อปปิ้งออนไลน์ทั่วไปในจีนนั่นเอง สุดท้ายแล้วทางผู้ออกแบบยังเคลมปิดท้ายว่า เจ้าเสื้อร่มกันฝนนี้มันจะเข้าไปแทนที่ ร่ม กับ เสื้อกันฝน อย่างแน่นอน ซึ่งจะเป็นจริงหรือไม่นั้น เวลาเท่านั้นที่จะให้คำตอบกับเราได้… ที่มา odditycentral
-
ชาวเน็ตโวย!! ช่างสักจีนเอาแมวน้อยไปสักขา ก่อนนำวิดีโอมาแชร์ สุดท้ายโดนไล่ออก…
กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของชาวเน็ตไปทั่วโลก หลังจากที่เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานเรื่องราวของช่างสักชาวจีนคนหนึ่ง ที่อุตริเอาแมวน้อยวัย 6 เดือน ไปละเลงสักขาเพื่อฝึกฝีมือให้ตัวเอง!! เว็บไซต์ต้นฉบับได้รายงานว่า หนุ่มจีนนามว่า ‘Qingzi’ ได้โพสต์ภาพวิดีโอแมวเหมียวที่กำลังส่งเสียงร้องอย่างน่าสงสาร เพราะอาจจะบาดเจ็บจากการถูกสักที่ขา คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงบนโลกโซเชียลเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา จากการสืบสวนของผู้สื่อข่าวในท้องถิ่นพบว่า ช่างสักคนดังกล่าวได้ดำเนินกิจการอยู่ในเมืองจี่หนิง มณฑลชานตง มาเป็นเวลานานกว่า 7 ปีแล้ว หลักจากที่กลายเป็นกระแสดราม่า เจ้าตัวก็ได้ออกมาโต้แย้งว่าการสักเป็นเหมือนงานศิลปะ และเขาอยากจะมอบงานศิลปะให้กับสัตว์เลี้ยงของเขาบ้าง โดยการสักครั้งนี้ได้เลือกใช้หัวปากกาเขียนคิ้วและให้ยาชาก่อนแล้ว แต่ถึงกระนั้นชาวเน็ตหลายคนก็โต้แย้งว่า เป็นการกระทำที่โหดร้ายเกินไป ชาวเน็ตคนหนึ่งบนเว็บไซต์ weibo ได้โพสต์ข้อความตำหนิว่า ‘ถ้านายอยากฝึกสักทำไมไม่ใช้หนังหมูที่ขายตามตลาดล่ะ หรือไม่ก็ซื้อหนังเทียมจากเน็ตมาก็ได้ ทำไมต้องทารุณโหดร้ายกับแมวน้อยด้วย!?’ จากกระแสดราม่าที่แพร่สะพัดไปทั่วโซเชียล ทำให้เจ้าหน้าที่จากศูนย์พักพิงสัตว์ได้เข้ามารับตัวเจ้าเหมียวไปดูแลแทน และในช่างสักคนดังกล่าวก็ต้องตกงานเช่นเดียวกัน Dr Manilal Valliyate สัตวแพทย์จากองค์กร PETA ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนี้ว่า “การทำแบบนี้กับสัตว์ถือว่าโหดร้ายมาก มันไม่ใช่แค่เรื่องของความเจ็บปวดแต่อาจส่งผลถึงการติดเชื้อในอนาคตด้วย” ทำแบบนี้มิ้วน้อยคงเจ็บแย่เลย น่าสงสารที่สุด… ที่มา: Dailymail
-
บริษัทในปักกิ่งเปิดตัว ‘ห้องเช่าแคปซูล’ ให้พนง. ได้งีบหลับ เพื่อการทำงานที่ดีขึ้น
หนึ่งในปัญหาใหญ่ของเหล่าพนักงานออฟฟิศทั้งหลาย ก็คงจะเป็นอาการง่วงหนาวหาวนอนหลังทานอาหารเที่ยงเสร็จเนี่ยแหละ ครั้นจะให้ไปนอนพักต่อในที่ทำงานก็อาจจะถูกหัวหน้าแจกซองขาวใส่ได้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้ตรงจุด และต้องการพัฒนาประสิทธิภาพของพนักงานในองค์กร บริษัทสตาร์ทอัพจากปักกิ่ง ‘Xiangshui Space’ จึงได้เปิดตัวห้องเช่าแคปซูล หวังเอาใจพนักงานให้ได้งีบพักผ่อนก่อนกลับไปทำงานซะเลย โดยห้องพักแคปซูลชั่วคราวนี้ จะไม่มีการจ้างพนักงานเพื่อมาดูแล แต่จะใช้วิธีสแกนบาร์โค๊ดแล้วหักเงินผ่านระบบแอพฯ แทน ทางห้องพักจะคิดอัตราค่าบริการเริ่มต้นที่ 1 หยวน ต่อ 3 นาที ในช่วงเวลา 11 โมง – บ่าย 2 นอกเหนือจากช่วงเวลานี้จะคิดค่าบริการเป็น 1 หยวน ต่อ 5 นาที ราคานี้จะรวมผ้าปิดตากันรังสี UV และที่อุดหูสำหรับป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก จะว่าไปแล้ว.. อันที่จริงเทรนด์ธุรกิจแนวนี้ในประเทศจีนมีมาตั้งแต่ปี 2011 แล้วล่ะ แต่นับว่าเป็นครั้งแรกที่มีบริษัทเปิดห้องพักโดยมุ่งเจาะตลาดไปที่กลุ่มพนักงานออฟฟิศ “เป็นความต้องการของผู้สื่อที่เราสามารถนำมันมาบรรจบกันได้อย่างลงตัว เพราะเรามั่นใจว่านักธุรกิจ หรือพนักงานบริษัทต่างๆ ย่อมมีความรู้สึกอยากหาที่นอนพักเที่ยงชั่วคราวก่อนกลับไปทำงานอีกครั้ง” Han Yue ผู้จัดการบริษัทให้สัมภาษณ์ และดูเหมือนว่าเทรนด์ห้องพักแคปซูลจะได้รับความนิยมสูง…
-
จีนผุด “ธุรกิจแชร์ร่ม” สุดเจ๋ง แต่พอทำจริงดันเจ๊งไม่เป็นท่า มีแต่คนยืมแต่ไม่ยอมมาคืน!!?
ถ้าให้พูดถึงบริษัทสตาร์ทอัพสุดเจ๋งในยุคนี้ ธุรกิจการแชร์ของหรือบริการต่างๆ จากศูนย์ให้บริการ ถือเป็นธุรกิจที่ฮอตฮิตมากๆ พอสมควรเลยทีเดียว เช่นเดียวกับในจีนที่ก่อนหน้าธุรกิจแชร์จักรยานก็ทำเงินได้ดีสุดๆ เลยทีเดียวล่ะ… (แต่บางส่วนก็เจ๊งไปแล้วนะ) ทว่าเมื่อเจ้าของธุรกิจหน้าใหม่เริ่มมองเห็นความเป็นไปได้ที่จะต่อยอดแนวธุรกิจที่ว่านี้ หลังจากที่ธุรกิจแชร์จักรยานของคนอื่นมันดังเปรี้ยงปร้างไปแล้ว ซึ่งเขาก็เลยเกิดไอเดียใหม่ขึ้นมาผ่านการมองเห็นว่าชีวิตชาวเมืองมักจะไม่มีร่มใช้ในยามที่ฝนตก ร่มจึงกลายเป็นเป้าหมายใหม่นั่นเอง Zhao Shuping ผู้คิดค้นริเริ่มก่อตั้งไอเดียดังกล่าว ก็เลยจัดการลงทุนเงินมากกว่า 50 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อร่มจำนวนมากมาไว้ให้บริการยืมตามหัวเมืองต่างๆ ถึง 11 เมือง วิธีการใช้นั้นก็ง่ายมากเพียงแค่จ่ายเงิน 90 บาท ต่อการยืมหนึ่งครั้ง และคิดเงินราวๆ 2 บาทต่อชั่วโมงเท่านั้น!! ถูกไปเลยใช่ไหมล่ะ ส่วนวิธีการคิดเงินก็แค่สแกน QR โค๊ดเพื่อจ่ายเงิน จากนั้นก็รับรหัสปลดล็อคร่มมา เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว ทว่าเมื่อบริการแชร์ร่มเปิดตัวได้ไม่นาน ปัญหาอันใหญ่หลวงก็ตามมาอย่างรวดเร็ว ปัญหาที่ว่านั้นก็คือร่มหาย!!? ใช่แล้วอ่านไม่ผิดหรอก เพราะเมื่อคนนำร่มไปใช้แล้วผู้คนส่วนใหญ่ก็จะไม่นำร่มกลับมาคืน ซึ่งจากสถิติของบริษัทก็พบว่า เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ร่มที่ให้บริการทั้ง 11 เมืองได้หายรวมกันกว่า 300,000 คันแล้ว!!? ทางด้านนาย Zhao ก็บอกว่า…
-
ผู้โดยสารเหวอ!? เมื่อมีการอัญเชิญเจ้าแม่ ‘Mazu’ ประทับชั้นธุรกิจ เพื่อเดินทางไปมาเลเซีย
โดยปกติแล้วสายการบินต่างๆ มักจะมีบริการเก็บสัมภาระต่างๆ ของผู้โดยสารไว้ใต้เครื่องอยู่แล้ว ซึ่งอัตราค่าบริการนั้นก็อาจจะแตกต่างกันไป แต่ก็จะมีสิ่งของบางอย่างที่ไม่แนะนำให้ใช้บริการนี้เช่นวัตถุมงคลขนาดใหญ่… และหนุ่มชาวจีน 3 ท่านนี้ก็คงจะเข้าใจถึงความเสี่ยงของการโหลดของใต้เครื่องเป็นอย่างดีหรืออย่างไรไม่ทราบ พวกเขาถึงได้นำวัตถุมงคลขนาดยักษ์นี้ขึ้นเครื่องไปด้วย!? และไม่ได้ขึ้นธรรมดานะ ประทับบนที่นั่งชั้นธุรกิจด้วย!! เรียกได้ว่าเป็นบุญของผู้โดยสารเที่ยวบินจากจีนไปยังมาเลเซีย ของสายการบิน Xiamen Airlines กันเลยทีเดียว เมื่อได้มีการอัญเชิญเจ้าแม่ Mazu ร่วมเดินทางไปกับพวกเขาด้วย โดยชายชาวจีนสองท่านคือคุณ Qian Li Yan และคุณ Shun Feng Er 2 องครักษ์พิทักษ์เจ้าแม่ ได้ทำการอัญเชิบวัตถุมงคลชิ้นนี้เพื่อไปประดิษฐานที่วัด Thean Hou ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างจีนและมาเลเซีย ภาพของการเคลื่อนย้ายดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านทางโลกอินเตอร์เน็ต โดยจากการรายงานของสำนักข่าว BBC กล่าวว่าชายทั้งสองคนพร้อมกับเจ้าแม่ Mazu นั้นเดินทางด้วยชั้นธุรกิจ ซึ่งมีค่าตั๋วที่นั่งราวๆ 9,000 บาทเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามการขนย้ายวัตถุมงคลดังกล่าวได้มีการใช้เชือกรัดและยึดน๊อตให้แน่นหนา เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารท่านอื่นๆ แล้ว ส่วนสาเหตุที่เจ้าแม่ Mazu นั่นจะต้องมานั่งที่ชั้นธุรกิจนี้ยังไม่มีการรายงานให้ทราบแต่อย่างใด แต่ #เหมียวเวจจี้ คิดว่าน่าจะเป็นเพราะกลัวเจ้าแม่ได้รับการกระทบกระเทือนแน่ๆ หรือเพื่อนๆ คิดว่าอย่างไรก็ลองคอมเม้นต์มากันได้เลย… ที่มา shanghaiist
-
จีนสร้างแผงโซล่าร์เซลล์ “รูปแพนด้า” ขนาดยักษ์ น่ารักซะจนชนะใจชาวโลกไปเล๊ยย!!
กลายเป็นสัญญาณความน่ารักที่ส่งออกไปทั่วโลก หลังจากที่รัฐบาลจีนได้สร้างแผงโซล่าร์เซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ขนาดยักษ์ขึ้นโดยใช้ชื่อว่า ‘Panda Power Plant’ นับตั้งแต่ปี 2016 ที่บริษัท Panda Green Energy ได้จับมือร่วมกับ United Nations Development Program เพื่อพัฒนาเจ้าแพนด้าสังเคราะห์แสงนี้ขึ้นมาเป็นที่แรกในเมืองต้าถง มณฑลซานซี แผงโซล่าร์เซลล์ขนาดยักษ์ถูกติดตั้งบนพื้นที่กว่า 3,793 ไร่ ซึ่งนอกจากจะเป็นพื้นที่ต้นแบบในการสร้างพลังงานจากแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่แล้ว มันยังถูกใช้เป็นภาพสะท้อนสมบัติชิ้นใหม่ของชาติจีนด้วยเช่นกัน เมื่อโครงการนี้สร้างแล้วเสร็จ ทางการจีนคาดว่ามันจะสามารถช่วยสร้างพลังงานไฟฟ้าให้ได้มากถึง 100 เมกาวัตต์ (1,000 กิโลวัตต์ = 1 เมกาวัตต์) ต่อวัน จากแผนงานระยะยาว 25 ปี ของโครงการนี้ เชื่อว่าจะสามารถลดปัญหาการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ได้มากถึง 2.74 ล้านตัน/ปี แต่ใช่ว่าสถานที่แห่งนี้จะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อผลิตพลังงานเท่านั้น เพราะมันยังถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นศูนย์เรียนรู้และวิจัยด้านพลังงานด้วยเช่นกัน ผังโครงสร้างทั้งหมดหลังแล้วเสร็จ ไม่น่าเชื่อว่าจีนเขาก็มีอารมณ์มุ้งมิ้งกับเขาเหมือนกันนะเนี่ย ที่มา: Shanghaiist
-
สาวแอบเล่น “ชู้” พยายามหลบหนีเมียหลวงแต่ไม่รอด ขาติดสายไฟห้อยต่องแต่งซะงั้น!?
ปัญหาเรื่องมือที่ 3 ที่ชอบไปแอบลักกินกันข้างหลังจะเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติที่ไม่ใช่แค่กับไทยเราเท่านั้น เพราะล่าสุด ทางเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานเรื่องราวของหญิงสาวผู้ไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่ง ที่ไม่รู้ไปทำอีท่าไหนเข้าขาถึงได้ห้อยต่องแต่งอยู่กับสายไฟฟ้าซะอย่างนั้น!? เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมืองเปินซี ในมณฑลเหลียวหนิง โดยสำนักข่าวท้องถิ่นของจีนได้รายงานว่า มีหญิงสาวอยู่ในสภาพห้อยติดอยู่กับสายไฟ บริเวณหน้าอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง อีกทั้งยังมีชาวบ้านให้ความสนใจมายืนมุงดูกันเป็นจำนวนมาก ถึงแม้จะไม่มีการเปิดเผยชื่อของหญิงสาวคนนี้ แต่ผู้สื่อข่าวก็ได้ไปสอบถามเรื่องราวทั้งหมดจากชาวบ้านในละแวกนั้นและได้ความว่า “หญิงสาวคนนี้แอบเล่นชู้กับชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ ทว่าโชคร้ายที่ภรรยาของพ่อหนุ่มกลับมาไวก่อนกำหนด ทำให้สาวเจ้าต้องหนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้” ชาวบ้านเล่า เรียกได้ว่าหลังจากคลิปวิดีโอนี้ถูกแพร่ลงบนโลกออนไลน์ ชาวเน็ตจีนต่างก็ออกมาแสดงความเห็นกันมากมาย บ้างก็บอกว่าปัญหาแบบนี้มักจะมีให้เห็นบ่อยๆ ในประเทศจีน ยกตัวอย่างเช่นก่อนหน้านี้ได้มีเคสแบบเดียวกันเกิดขึ้นกับหนุ่มจีนนิรนามคนหนึ่ง ซึ่งกลายเป็นคลิปวิดีโอที่ถูกแชร์ต่อไปทั่วโลกโซเชียลเช่นเดียวกัน คลิปวิดีโอของหนุ่มผู้แอบหนีแฟนชาวบ้าน แต่ลำบ๊ากลำบากต้องไปหลบอยู่นอกหน้าต่าง!! รักเดียวใจเดียวดีกว่าเนอะ มีเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอายชาวบ้านเค้าแย่เลย ที่มา: Shanghaiist
-
โครงการ “จักรยานสาธารณะ” ของรัฐบาลจีน นำไปสู่สุสานจักรยานมากว่า 20,000 คัน
สิ่งที่คุณกำลังจะได้เห็นต่อไปนี้ไม่ใช่งานศิลปะหรือประติมากรรม แต่มันคือสุสานรถจักรยานในเมือง Hangzhou ประเทศจีนต่างหาก!! ภาพถ่ายของจักรยานนับพันที่ถูกนำมาทึ้งไว้ในพื้นที่ว่างของเมืองเหล่านี้ล้วนเป็นจักรยานในโครงการ Bike-Sharing ที่เกิดจากความร่วมือระหว่างรัฐบาลจีและบริษัทเอกชน ซึ่งถูกยึดโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภาพจักรยานนับพันคันที่ถูกจอดทิ้งไว้ ในสุสานรถจักรยานแห่งนี้… อันที่จริงแล้วโครงการดังกล่าวเป็นความต้องการที่จะลดภาวะมลพิษทางอากาศของรัฐบาลจีน แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จในเมืองนี้ โครงการดังกล่าวเปิดตัวเมื่อปี 2008 ด้วยงบประมาณ 24 ล้านเหรียญหรือประมาณ 814 ล้านบาท โดยประชาชนจะสามารถใช้รถจักรยานยนสาธารณะในการปันไปยังจุดต่างๆ ที่ทางการจัดไว้ให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย จักรยานที่ถูกนำมาทิ้งที่นี่สวนมากยังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้อยู่ ในตอนแรกนั้นโครงการ Bike-Sharing นี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยสามารถลดปริมาณมลพิษทางอากาศได้มาถึง 110,000 ตันเลยทีเดียว แต่ทุกอย่างกลับล้มเหลวหลังจากการเข้ามาของบริษัทเอกชนและพยายามนำโปรเจกต์ที่เรียกว่า ‘Dockless’ Bikes เข้ามา โปรเจกต์ดังกล่าวจะทำให้ง่ายในการใช้บริการจักรยานสาธารณะ เพราะผู้ใช้สามารถจอดรถไว้ที่ไหนก็ได้และพวกเขาสามารถปลดล๊อคจักรยานได้โดยการแสกน QR โค๊ต แต่ทว่าดูเหมือนข้อดีจะกลายเป็นข้อเสีย เมื่อจักรยานในโปรเจกต์ Dockless กว่า 23,000 คันนั้นจอดในที่ห้ามจอดจึงทำให้ถูกคุณตำรวจมายึดไปไว้ที่สุสานแห่งนี้ หลังจากที่ถูกร้องเรียนจากผู้เดือดร้อน อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวยังคงมีให้บริการในเมือง Hangzhou เพราะรัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกับการลดปัญหามลพิษในเมือง อันที่จริงโครงการนี้ก็ถือว่าเป็นโครงการที่ดีทีเดียวเลยหล่ะ…
-
ชายหนุ่มสุดซ่ากระโดดลงไปใน “บ่อแพนด้า” สุดท้ายเจอพลังรักของเจ้าหมีถึงกับเศร้า
ป้ายเตือนต่างๆ ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก และเราก็ควรที่จะปฏิบัติตามข้อห้ามเหล่านั้นอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยของเรานั่นเอง แต่ทว่าดูเหมือนพ่อหนุ่มคนนี้อ่านป้ายห้ามไม่ออกหรือย่างไรไม่ทราบ จู่ๆ พี่แกก็โดลงไปในกรงแพนด้าซะงั้น!! คลิปวิดีโอจากช่อง New China TV ในยูทูปได้เผยให้เห็นวินาทีที่ชายหนุ่มผู้หนึ่งได้กระโดลงไปในกรงของเจ้าหมีในขณะที่มันกำลังนอนหลับอยู่ หนุ่มจอมซ่าต้องการที่จะเข้าไปทักทายเจ้าหมีใกล้ๆ เขาได้พยายามปลุกมันและทันใดนั้นเจ้าหมีก็ตื่นมาทักทายกับชายหนุ่มอย่างที่เขาต้องการ แต่ดูเหมือนการทักทายของเจ้าหมีจะมากเกินไปหน่อยเพราะมันเอาแต่กอดชายหนุ่มคนนั้นไม่ยอมให้ไปไหนเลยทีเดียว ทำเอาชายหนุ่มถึงกับเหวอเลยทีเดียว อยากทักทายนักใช่ไหม?? มาเลยพวก จะหนีไปไหนล่ะ ชายคนดังกล่าวใช้เวลาอยู่นานกว่าจะหนีออกมาจากการกอดของเจ้าแพนด้าได้ งานนี้พ่อหนุ่มคงจะจำไปอีกนานเลยทีเดียวละนะว่าไม่ควรกวนใครตอนนอน ฮ่าๆ และนี่คือคลิปวิดีโอดังกล่าว… อื่ม… ดีนะเนี่ยที่ไม่เกิดอันตรายกับพี่คนนี้ เห็นแบบนี้แล้วถ้าใครไปเที่ยวสวนสัตว์ก็ควรปฏิบัติตามป้ายห้ามด้วยล่ะ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของคุณและพวกสัตว์นั่นแหละนะ ที่มา New China TV
-
บริษัทจีนคิดก้าวหน้า “เปลี่ยนจักรยานให้กลายเป็นแหล่งโฆษณา” เพื่อเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจ
ปกติเราจะเห็นการโฆษณามีอยู่ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นบนรถยนต์ บนถุงสินค้า บนถนน และอื่นๆ อีกมากมาย ล่าสุดในประเทศจีน ก็เกิดไอเดียทำป้ายโฆษณาบนจักรยาน เพื่อเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ ธุรกิจเช่าจักรยานในจีนนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนมีหลายๆ บริษัทเปิดแข่งขันกัน ดังนั้น Ofo ในฐานะหนึ่งในบริษัทให้เช่าจักรยานที่ใหญ่ที่สุดของจีน จึงได้ใช้ไอเดียการโฆษณาโดยใช้จักรยาน เพราะเป็นยานพาหนะที่ผู้คนในประเทศนิยมใช้สูงมากๆ Ofo เป็นหนึ่งในบริษัทที่ให้เช่าจักรยานรายใหญ่ของจีน โดยมีจักรยานจำนวนมากที่ถูกตกแต่งด้วยตัวการ์ตูนมินเนียน เพื่อโปรโมทภาพยนตร์ Despicable Me 3 ของ Universal Pictures ในประเทศจีน ส่วนภาพที่เราเห็นกันอยู่นี้ถ่ายในย่านธุรกิจของกรุงปักกิ่ง โดยนาย Edmond Lococo ผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีในประเทศจีน จะเห็นได้ว่าจักรยานของบริษัท Ofo นั้น เป็นสีเหลืองอยู่แล้ว ดังนั้นจึงแทบจะไม่ต้องเปลี่ยนอะไรมาก แค่ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยลายของมินเนียนเท่านั้นเอง ทางด้านบริษัท Ofo เปิดเผยว่าจักรยานของทางบริษัทถูกเช่ามากที่สุดเป็นจำนวน 10 ล้านครั้งต่อวัน ดังนั้นจึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจการโฆษณา โดยมีค่าเช่าแค่ 30 บาทต่อคันเท่านั้น หากจักรยานถูกเช่าเป็นจำนวนมากต่อวันในราคาที่ไม่แพงแบบนี้ แน่นอนว่ามันคุ้มค่ามากที่จะทำการโฆษณาผ่านตัวจักรยาน เพราะถ้าเทียบกับการโฆษณาด้วยวิธีอื่นแล้วมันมีราคาที่ค่อนข้างสูงมาก อย่างไรก็ตามตอนนี้หลายๆ…
-
จีนสั่งตัดสินโทษประหารชีวิต 13 พ่อค้ายา ต่อหน้าผู้คนนับหมื่น หวังกวาดล้างอย่างจริงจัง!!
อีกหนึ่งข่าวที่กำลังโด่งดังและถูกวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่านักสิทธิมนุษยชนทั่วโลก เมื่อรัฐบาลจีนประกาศกวาดล้วงกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง และหนึ่งในวิธีการนั้นก็ต้องมีการ ‘เชือดไก่ให้ลิงดู’ Beijing News รายงานว่าเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2017 ได้มีการนำตัวนักโทษคดีค้ายาเสพติดจำนวน 18 คนมาตัดสินโทษต่อหน้าประชาชนนับหมื่นชีวิต ที่เมืองซานเหว่ย มณฑลกวางตุ้ง ก่อนเริ่มการตัดสินมีการนำตัวนักโทษทั้ง 18 คนมาเดินขบวนท่ามกลางฝูงชนเพื่อเป็นแบบอย่างไม่ให้ประชาชนทำตาม ศาลตัดสินให้มีนักโทษ 13 คนต้องถูกส่งตัวไปประหารชีวิตทันที!! ทางด้านของสื่อท้องถิ่นจีนได้รายงานว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ทางการจีนต้องการจะกวาดล้างมาโดยตลอด และไม่นานมานี้ได้มีการออกมาตรการปราบกลุ่มพ่อค้ายาอย่างจริงจัง ทว่าการตัดสินต่อหน้าฝูงชนนับหมื่นของทางการ ถูกนักสิทธิมนุษยชนและกลุ่มแอคทิวิสต์จากทั่วโลกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก William Nee จากองค์กรนิรโทษกรรมนานาชาติได้ให้สัมภาษณ์ว่า “การนำผู้กระทำผิดมาตัดสินต่อหน้าผู้คนแบบนี้ นับว่าเป็นการกระทำที่โหดร้ายและป่าเถื่อนที่สุด” การตัดสินในครั้งนี้คาดว่ามีประชาชนมาเข้าชมมากกว่า 10,000 ชีวิต จากผลงานการกวาดล้างในปี 2014 อ้างอิงโดย Daily Telegraph พบว่าภายในหนึ่งวันมีเจ้าหน้าที่กว่า 3,000 นายของจีนสามารถกวาดล้างแล็ปทำยาเสพติดในบริเวณเมืองหลูเฟิ่งได้ถึง 77 แห่ง เช่นเดียวกับเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ทางการจีนสามารถสกัดจับการขนส่งยาเสพติดกว่า 640 กิโลกรัม ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่มาเลเซียได้สำเร็จ นักโทษที่ถูกตัดสินในวันนั้น…
-
จีนเตรียมสร้าง ‘เมืองป่า’ แห่งแรกของโลกในปี 2020 หวังช่วยลดปัญหามลพิษในอากาศ
ในขณะที่โลกทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลง อาคารบ้านเมืองต่างๆ กำลังขยายตัวขึ้น สิ่งหนึ่งที่ตามมาจากการพัฒนานี้ก็คงหนีไม่พ้นปัญหาด้านมลพิษทางอากาศอย่างแน่นอน และหนึ่งในประเทศที่เรียกได้ว่ามีมลพิษทางอากาศสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกนั่นก็คือประเทศจีน แต่เมื่อไม่นานมานี้ทางการจีนมีแผนที่จะจัดการกับปัญหาดังกล่าว โดยพวกเขาได้วางแผนสร้างเมืองต้นไม้เพื่อหวังแก้ปัญหามลพิษที่ว่านี้ สำหรับโครงการเมืองต้นไม้นี้ ทางการจีนกำลังวางแผนจะสร้างในเมือง Liuzhou ในเขตปกครองตนเอง Guangxi ซึ่งพวกเขาอ้างว่าเมืองแห่งนี้จะเป็นเมืองแห่งป่าที่แรกของโลกเลยทีเดียว!! การออกแบบดังกล่าวเป็นผลงานของคุณ Stefano Boeri สถาปนิกชื่อดังที่เคยฝากผลงานการออกแบบอาคารต้นไม้ในเมือง Milan มาแล้ว เมืองเล็กๆ แห่งนี้จะมีพื้นที่ในการก่อสร้างทั้งหมดราวๆ 1,750,000 ตารางเมตร และจะประกอบไปด้วยที่พักอาศัยของผู้คนประมาณ 30,000 คน ในเมืองต้นไม้แห่งนี้จะมีการนำพลังงานเชื้อเพลิงที่สะอาดอย่างความร้อนจากใต้พื้นโลก พลังงานแสงอาทิตย์ มาใช้ทดแทนพลังฟอสซิล และนอกจากเมืองดังกล่าวยังเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งโรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว และโรงพยาบาล โปรเจกต์ดังกล่าวเป็นหนึ่งในความต้องการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศของรัฐบาลจีน ที่นี่จะเต็มไปด้วยต้นไม้ถึง 40,000 สายพันธุ์มากกว่า 1,000,000 ต้น โดยแต่ละปีต้นไม้เหล่านี้จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซน์ได้เกือบ 10,000 ตันและสารพิษอื่นๆ อีก 57 ตัน และนอกจากนี้พื้นที่สีเขียวเหล่านี้ยังสามารถสร้างก๊าซออกซิเจนได้มากถึง 900 ตันต่อปีเลยทีเดียว นอกจากประโยชน์ในเรื่องของการลดปัญหามลพิษและให้ความร่มรื่นกับมนุษย์แล้ว พันธุ์ไม้หลากชนิดในเมืองสีเขียวแห่งโลกอนาคตนี้ยังอาจช่วยพื้นฟูระบบนิเวศต่างๆ และเป็นที่อยู่ของพวกแมลงและสัตว์ต่างๆ อีกด้วย…
-
ถึงกับเข่าทรุด!! สาวจีนลอง “กำไลหยก” เล่นๆ แต่เผลอทำแตก โดนปรับเงิน 1.5 ล้านบาท
บ่อยครั้งที่เราอาจจะเห็นการตั้งกฎของร้านค้าว่า ‘หากสินค้าชำรุด ต้องซื้อเต็มราคา’ แน่นอนว่าถ้าเห็นป้ายนี้เราก็คงไม่อยากจะเข้าไปใกล้เท่าไหร่เพราะกลัวเสียเงิน แต่ไม่ใช่กับสาวจีนคนนี้ เรื่องราวทั้งหมดนี้ถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์ Shanghaiist โดยรายงานว่า มีนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนคนหนึ่งได้เดินทางมาที่แหล่งค้าหยกในเมือง Ruili มณฑลยูนาน เมื่อเดินทางมาถึงร้านขายหยกแห่งหนึ่ง เธอได้ตัดสินใจขอลองสวมใสกำไลชิ้นนั้น แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น… ด้วยความที่เธออยากจะลองกำไลวงอื่นแต่เธอรีบร้อนที่จะถอดกำไลวงเก่ามากเกินไป กำไลหยกแท้ทรงคุณค่าก็ตกลงพื้นแตกออกเป็นสองเสี่ยงทันที ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเรื่องนี้จะลงเอยเช่นไร เธอเริ่มหน้ามืดตัวมัวคล้ายจะเป็นลมแม้จะพกยาขึ้นมาดมมันก็ไม่ช่วยอะไรเลย เพราะหลังจากที่เจ้าของร้านบอกว่า เธอต้องจ่ายเงินค่ากำไลนั้นเป็นราคาสูงถึง 3 แสนหยวน เธอก็เป็นลมล้มพับไปทันที คิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 1.5 ล้านบาทเอง สำหรับกำไลหยกที่แตกออกเป็นสองชิ้น ชาวบ้านและลูกค้าคนอื่นๆ ต้องช่วยกันพยายามปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมาเผชิญกับความจริงอันโหดร้าย แต่หลังจากที่ชาวบ้านนำเธอไปส่งที่โรงพยาบาล คุณหมอก็ได้วินิจฉัยออกมาว่าร่างกายเธอไม่ได้ผิดปกติอะไรเลย และสาเหตุของการหน้ามืดเป็นลมอาจจะเกิดจากยอดหนี้ที่เข้ามาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ถึงกระนั้นเรื่องราวดังกล่าวก็ยังเป็นที่ถกเถียงของชาวเน็ต เพราะบางคนก็มองว่าเจ้าของร้านปรับเงินสูงเกินราคาจริงของสินค้า ในขณะที่ล่าสุดมีการเปิดเผยว่าทางครอบครัวยื่นข้อเสนอจะจ่ายเงินชดเชยให้แค่ 70,000 หยวนเท่านั้น ลองไปชมคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบสั้นๆ กันเลย ไม่รู้ว่างานนี้จะจบยังไง แต่ที่รู้ๆ คือต่อไปนี้จะไม่หยิบจับอะไรไปเรื่อยอีกแล้ว บรึ๋ยยย!! ที่มา: Shanghaiist
-
ฝันสลาย…Straddling Bus ระบบโดยสารครอบถนนของจีน ถูก “ยกเลิก” เรียบร้อยแล้ว
เมื่อปีก่อนเราอาจจะเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับรถขนส่งมวลชนประเทศจีนที่สามารถจะเดินทางครอบถนนได้อย่าง Straddling Bus ที่สามารถแก้ปัญหารถติดได้อย่างชาญฉลาด (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ มาให้เห็นจริงแล้ว!! จีนเปิดตัว “รถบัสไฮเทค” วิ่งคร่อมถนน ไม่แคร์ทุกปัญหารถติด) แต่ดูเหมือนว่าโครงการนี้จะไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันได้หลังจากการเปิดตัวครั้งแรกทุกอย่างก็เริ่มดูแย่ลงเมื่อสื่อของจีนวิจารณ์สิ่งนี้ว่าดูใหญ่และเทอะทะไป รวมไปถึงเรื่องการดำเนินงานของบริษัทแม่อย่าง TEB Technology ที่ระดมเงินทุนกว่าพันล้านหยวนผ่านการลงทุนแบบ P2P แต่ใช้เงินไปจริงๆเพียงแค่ 200 ล้านหยวน หากเห็นภาพแล้วก็อาจจะร้องอ๋ออ ~ เจ้ารถรางนี้เอง ด้วยผลงานที่ยังไม่เป็นรูปธรรมและการทดลองใช้ที่จำนวนน้อยครั้ง ทำให้ผู้ลงทุนเกิดความไม่มั่นใจและเรียกเงินทุนของตนเองคืนเป็นจำนวนหลายราย ความไม่น่าเชื่อถือของการบริหารจัดการโครงการ ทำให้การพัฒนารถ Straddling Bus ถูกยกเลิกไป ปลายปี 2016 ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า Straddling Bus ของบริษัท TEB นั้นไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด อีกทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทยังออกมาบอกกับสื่อว่าพวกเขาถูกบริษัทลืมไปแล้ว!? Straddling Bus ถูกจอดทิ้งไว้ในโรงรถของมัน ในปัจจุบันรัฐบาลเมือง Qinghuangdao มีรายงานว่าจะไม่ต่อสัญญาเกี่ยวกับพื้นที่สำหรับนักพัฒนาของ TEB ในโปรเจ็คนี้ โดยสัญญานี้จะสิ้นสุดลงในเดือนกรกฎาคมดังนั้นเจ้ารถ Straddling Bus…
-
ชาวเน็ตจีนงง พบตึกมี “ถนนอยู่บนหลังคา” ในเมืองฉงชิ่ง คนข้างล่างจะนอนได้มั๊ยเนี่ย!?
รู้สึกว่านอกจากประเทศญี่ปุ่นที่มักจะมีอะไรล้ำๆ ให้เราได้รู้สึกแปลกใจอยู่ตลอดแล้ว ก็มีประเทศจีนเนี่ยแหละที่มีอะไรให้แปลกใจได้ไม่แพ้กัน ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยล้ำเท่าไหร่ก็เถอะ เรียกได้ว่ากลายเป็นประเด็นชวนให้ชาวเน็ตมาสงสัยกันทั่วประเทศจีน หลักจากที่มีคนไปเจอภาพของตึกขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองฉงชิ่ง ที่มีรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้แตกต่างจากตึกทั่วไป แต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือมันมีถนนอยู่ข้างบนชั้นดาดฟ้านี่สิ!! หลังจากที่ภาพนี้ถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์ Weibo ก็มีชาวเน็ตจีนให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่แล้วชาวเน็ตจีนก็มักจะตั้งคำถามกันว่า ‘ชาวบ้านที่อาศัยในตึกนั้นไม่หนวกหูตายเลยเหรอ? จะนอนหลับกันลงได้ยังไง?’ ถึงแม้จะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลที่ตั้งของตึกแห่งนี้ แต่ชาวเน็ตหลายคนเชื่อว่าต้องเป็นอพาร์ทเม้นท์ขนาดใหญ่ที่เปิดให้คนเช่าอาศัยรายเดือนแน่นอน อาจจะด้วยความที่ต้องการประหยัดพื้นที่ ก็เลยทำให้ต้องสร้างที่จอดรถไว้ข้างบนก็เป็นได้นะ แต่จะว่าไปแล้วในเมืองฉงชิ่งที่มีประชากรมากกว่า 8.5 ล้านคน สิ่งก่อสร้างดังกล่าวที่เราเห็นก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องน่าแปลกใหม่สำหรับชาวเมืองเท่าไหร่ เพราะที่ผ่านมาดูเหมือนว่าเทศบาลเมืองฉงชิ่งพยายามที่จะเพิ่มกิมมิค หรือใส่ลูกเล่นให้กับผังโครงสร้างเมืองของตัวเองเสมอ ยกตัวอย่างเช่น… เส้นทางหลวงแห่งหนึ่งในเมืองฉงชิ่ง ที่เชื่อมต่อระหว่างถนน Yangtze และ Jialing เข้าด้วยกัน พอดูไกลๆ ก็จะเห็นว่า.. เชร๊ดดด แยกไหนไปโผล่ไหนกันละเนี่ย งงไปหมดแล้ว!! หรือจะเป็นสะพานลอยฟ้าที่เชื่อมต่อสองอพาร์ทเม้นท์เข้าหากัน แถมมีความสูงจากระดับพื้นมากถึง 40 เมตร (ประมาณชั้นที่ 13) ซึ่งสะพานแห่งนี้ก็ตั้งอยู่ในเมืองฉงชิ่งเหมือนกัน หรือจะแอดว๊านซ์ขึ้นไปอีก ด้วยเส้นทางรถไฟฟ้าที่ทะลุผ่านคอนโดแห่งหนึ่ง และแน่นอนว่ารถไฟฟ้าสายนี้ก็ตั้งอยู่ในเมืองฉงชิ่งเช่นเดียวกัน…
-
อาสาสมัครสกัดรถขนสุนัขกว่า 1,000 ตัว ก่อนถูกส่งโรงเชือด เพื่อนำเนื้อไปขายในเทศกาล
แม้ว่าเทศกาลทานเนื้อสุนัข Yulin Dog Meat Festival ซึ่งน่าจะถูกยกเลิกไปแล้วจากการประกาศของรัฐบาลท้องถิ่นของเมืองยูหลิน ร่วมกับองค์กรอนุรักษ์สุนัข Humane Society International และ Duo Duo Animal Welfare Project แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่าชาวเมืองยูหลินหาได้สนใจไม่ ยังคงเตรียมการดำเนินงานต่อไปด้วยการขนส่งสุนัขร่วม 1,000 ไปยังโรงฆ่าสัตว์เพื่อนำเนื้อของพวกมันไปขายในตลาด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานักเคลื่อนไหวด้านสิทธิของสัตว์ได้พบเข้ากับรถบรรทุก ที่บรรทุกสุนัขไม่ต่ำกว่า 1,000 ตัว กำลังขับไปตามทางด่วนในมณฑล Guangdong พวกเขาจึงตัดสินใจเรียกกำลังเสริมเพื่อตรวจสอบรถบรรทุกคันดังกล่าว เมื่อรถบรรทุกแวะจอดเติมน้ำมันที่ปั๊มในเขต Baiyun ที่อยู่ในเมือง Guangzhou เหล่าอาสาสมัครจากองค์กรอนุรักษ์สัตว์ก็รีบเข้าล้อมทันที พวกเขาสอบถามและขอดูใบประกอบสำหรับการขนย้าย ว่านำพวกมันไปทำอะไรกันแน่ แต่คนขับก็ไม่สามารถเอามาให้ดูได้ เหล่าอาสาสมัครจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในทันที และจากการตรวจสอบก็พบว่ามีสุนัขมากกว่า 1,300 ตัว ถูกจับขังไว้ในกรงหลายสิบกรงในลักษณะที่แออัดมาก แถมบางตัวยังมีสภาพที่น่าสงสารเพราะไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกสุขลักษณะอนามัย จากกรายงานขององค์กรช่วยเหลือสัตว์ Humane Society International เล่าว่ารถบรรทุกคันนี้จะพาเจ้าสุนัขเหล่านี้ไปยังโรงฆ่าสัตว์ที่อยู่ในมณฑล Guangdong จากนั้นก็จะถูกฆ่าและเอาเนื้อไปขายในเทศกาลทานเนื้อสุนัขของเมืองยูหลินที่น่าจะถูกยกเลิกไปแล้ว แถมบางตัวยังเป็นสุนัขที่ถูกขโมยมาอีกด้วย!! . หลังจากช่วยเหลือออกมาได้…
-
เทศกาล “กินเนื้อสุนัข” ยังคงดำเนินต่อไป ทั้งที่มีข่าวการแบนอย่างเป็นทางการแล้ว!?
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2017 ที่ผ่านมา หน่วยงานอนุรักษ์สุนัขอย่าง Humane Society International และ Duo Duo Animal Welfare Project ได้ร่วมกันออกมาแถลงการณ์ร่วมกันว่าทางรัฐบาลท้องถิ่นเมืองยูหลินจะทำการแบนไม่ให้ขายเนื้อสุนัขอีกต่อไป ทว่าแม้ประกาศดังกล่าวจะเกิดขึ้นก่อนเทศกาลกินเนื้อสุนัขในเดือนมิถุนายนถึงหนึ่งสัปดาห์ ก็ดูเหมือนว่าชาวเมืองจะไม่ได้แคร์สิ่งที่กลุ่มอนุรักษ์ประกาศออกมาสักเท่าไหร่นัก พวกเขายังคงทำการเตรียมเนื้อสุนัขเหมือนดั่งที่เคยทำ จากรายงานของทาง Animals Asia ซึ่งได้เล่าว่า ทางฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเมืองยูหลินไม่ได้ยินข่าวใดๆ เกี่ยวกับการแบนเทศกาลกินเนื้อสุนัขเลย โดยอธิบายว่างานเทศกาลประจำปีไม่ได้จัดขึ้นโดยรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของเมือง จึงไม่มีสิทธิ์เรียกร้องใดๆ เจ้าหน้าที่ยังกล่าวว่าพวกเขาไม่ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับการแบนเลยด้วยซ้ำ ในเวลาเดียวกัน สื่อจากเมืองยูหลินก็ยังรายงานว่าตลาดค้าสุนัข Dongkou ซึ่งเป็นตลาดประจำเมืองยังคงเปิดขายเนื้อสุนัขตามปกติไม่มีการปิดตัวลงแต่อย่างใด จากรายงานของ Forbes ยังบอกอีกว่า ชาวบ้านไม่รับรู้ด้วยซ้ำถึงการประกาศจะแบนไม่ให้ค้าขายเนื้อสุนัข รวมถึงไม่รู้ว่าในเดือนหนึ่งมีสุนัขถูกฆ่ามากกว่า 1,000 ตัวต่อปี และไม่รู้ถึงแคมเปญที่ดาราหลายคนอย่าง Matt Demon หรือ Pamela Anderson ออกมารณรงค์ด้วย นอกจากนี้ Forbes ยังได้ไปพูดคุยกับ Marc Ching ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มอนุรักษ์ที่เคยอ้างตัวว่าช่วยสุนัขมากกว่า 1,000 ตัวมาแล้ว โดยตัวเขาเล่าว่าทางของการของเมืองยูหลิน ไม่ได้มีแผนสำหรับการยกเลิกเทศกาลในปีนี้แต่อย่างใด …
-
ไม่เอาที่มันมีงูดิ๊… นักศึกษาเจอ ‘ซากงู’ อยู่ในบะหมี่ที่ซื้อมากิน เจอแบบนี้ก็เงิบสิ
โดยปกติแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันที่เรามักจะพบเจอในอาหารก็คงจะหนีไม่พ้น เส้นผม ขนต่างๆ เป็นแมลงวัน หนอน ชิ้นส่วนของแมลงสาบ หรือจะมาแบบทั้งตัว ทั้งหมดนี้มีโอกาสที่จะพบเจอได้บ่อยมากๆ แต่สำหรับผู้บริโภคที่โชคร้ายสุดๆ รายนี้กลับพบ ‘ซากงู’ อยู่ในอาหารของตนเอง หลังจากไปซื้อบะหมี่ที่ร้านอาหารข้างทางที่อยู่ในเมืองหนานหนิง ประเทศจีน เรื่องมีอยู่ว่านักศึกษาหญิงคนหนึ่งได้ทำการซื้อบะหมี่ใส่ห่อกลับมาทานที่หอ แต่พอจะเปิดทานก็พบว่ามันมีงูขนาดเล็กปะปนอยู่ในนั้นด้วย!! ก่อนจะนำมันไปเททิ้งลงชักโครกเธอก็ได้ทำการถ่ายภาพเอาไว้ แล้วนำลงไปอัพลงบนโซเชียลของประเทศจีน และมันก็กลายเป็นไวรัลที่มีคนพูดถึงกันมากมายทั่วประเทศ หลังจากนั้นชาวเน็ตก็ร่วมกันสืบจนทราบว่าบะหมี่ร้านนั้นเป็นของร้านไหนกันแน่ ทางด้านเจ้าของร้านก็ได้ออกมาให้การปฏิเสธว่าเจ้างูตัวนั้นไม่ได้มาจากห้องครัวของทางร้านอย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างไรก็ตามทางร้านก็ถูกทางการของเมืองหนานหนิงสั่งปิดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบที่ร้านและพบว่าสภาพภายในนั้นดูไม่ถูกสุขลักษณะอนามัยเลยแม้แต่น้อย แหม่ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าจริงๆ แล้วงูกับบะหมี่อาจจะเข้ากันได้ดีก็ได้นะ ฮร่าๆ ที่มา : shanghaiist
-
จีนเตรียมเปิด ‘ร้านขายของชำเคลื่อนที่อัจฉริยะ’ ขายเอง เปิดปิดร้านเอง ไม่ง้อคนเฝ้า!!
Moby Mart เป็นร้านขายของชำแบบอัติโนมัติ ที่สามารถขายของได้เอง เปิด-ปิดร้านได้เอง ไม่ต้องง้อคนเฝ้าร้าน!! และตอนนี้มันก็กำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนาให้สามารถนำมาใช้งานได้จริง โดยบริษัท Wheelys จากสวีเดน ซึ่งหากพัฒนาเสร็จสิ้นแล้วเจ้าร้านขายของชำอัตโนมัตินี้จะเปิดให้บริการกับผู้คนทั่วไปได้ใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง ยิงยาวไปตลอด 7 วันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์นั่นทำให้มันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แถมยังเข้าถึงได้ง่าย และใช้งบประมาณน้อยในการจัดการอีกด้วย การจะใช้บริการจากร้าน Moby Mart ลูกค้าจะต้องทำการดาวน์โหลดแอปฯ เพื่อที่จะช็อปซื้อสินค้า หลังจากที่เราเลือกซื้อสินค้าเสร็จแล้วมันก็จะคิดเงินให้เราอัตโนมัติจากในแอปฯ นอกจากนี้เรายังสามารถเรียกให้มันมาเปิดร้านถึงหน้าบ้านของเราได้ด้วยนะ เพราะทางทีมพัฒนาได้ทำการติดตั้งระบบ AI เอาไว้เพื่อให้มันคำนวณเส้นทางและเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก “พวกเราพยายามคิดมาตลอดว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้การช็อปปิ้งนั้นเกิดการพัฒนาและทันสมัยมากยิ่งขึ้น ใช้ได้ผลยิ่งขึ้น และถูกมากยิ่งขึ้น” Maria De La Croix ผู้ก่อตั้ง Wheelys และดำรงตำแหน่ง CEO กล่าว เจ้า Moby จะทำการขจัดปัญหาและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการทำร้านขายของชำแบบปกติ เพราะคุณไม่จำเป็นต้องเดินไปซื้อของถึงที่ร้าน แต่ร้านจะมาหาคุณเอง ไม่ต้องจ้างแคชเชียร์หรือผู้จัดการร้าน และถ้าลูกค้ามีข้อสงสัยอะไรก็สามาถขอความช่วยเหลือจาก AI โฮโลแกรมที่มากับร้านได้เลย แต่ถึงอย่างไรก็ตามการเดินทางของเจ้า…
-
เทรนด์แปลกๆ เมื่อนักธุรกิจจีนหันมาจ้างหน้าม้า “ฝรั่ง” เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ธุรกิจ!?
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาในประเทศจีนมีเศรษฐกิจด้านนิคมอุตสาหกรรม และบ้านจัดสรรผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด และสิ่งหนึ่งที่กลุ่มนักลงทุน (เจ้าของกิจการ) มักจะทำเพื่อสร้างมูลค่า และเพื่อให้บริษัทดูมีความอินเตอร์เนชั่นแนลก็คือการจ้างฝรั่งเข้ามามีส่วนในภาคธุรกิจ เทรนด์ดังกล่าวกลายเป็นที่นิยมอย่างสูงในสังคมจีน ไม่ว่าจะเป็นการจ้างชาวต่างชาติมาเป็นพนักงานต้อนรับ จ้างมาเป็นเลขาฯ ส่วนตัว หรือแม้แต่จ้างมาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เดินทางมาเปิดงานแบบปลอมๆ!? เรียกได้ว่าชาวตะวันตกหลายๆ คนที่อาศัยอยู่ในประเทศจีนระยะยาว ต่างก็เคยสัมผัสงานนี้กันมาแล้วทั้งนั้น David Borenstein หนุ่มชาวตะวันตกผู้ใช้ชีวิตอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ และคร่ำวอดในการเป็นหน้าม้ามาแล้วหลายอีเว้นท์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ทุกอย่างมันง่ายครับ เราแค่ติดต่อบริษัทเอเจนซี่และเมื่อไหร่ที่มีงานพวกเขาก็จะโยนมาให้เรา หน้าที่ก็ไม่มีอะไรมากพวกเขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคุณเป็นใคร มาจากไหน หรือจบการศึกษาไหนมา พวกเขาสนแค่รูปพรรณสัณฐาน เราแค่ทำตัวให้ดูน่าเชื่อถือเหมือนกับว่าเป็นนักธุรกิจจากต่างชาติจริงๆ” เบื้องหน้าพวกเขาต้องสวมบทบาทเป็นนักธุรกิจ นักลงทุน ผู้เชี่ยวชาญ หรือหุ้นส่วนบริษัทจากต่างประเทศ เพื่อให้บริษัทนั้นๆ ดูดีมีความน่าเชื่อถือ Li Bonchuan นักวิจัยด้านวัฒนธรรมได้ให้ความเห็นถึงเรื่องนี้ว่า กระแสดังกล่าวสามารถสะท้อนถึงความไม่มั่นใจในอัตลักษณ์ตนเองของชาวจีน บวกกับโฆษณาชวนเชื่อที่ได้รับมาจากชาติตะวันตก ทำให้เทรนด์ดังกล่าวได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ในโลกของธุรกิจเท่านั้นที่มีการจ้างชาวตะวันตกมาเป็นหน้าม้า เพราะในกลุ่มวัยรุ่นชาวจีนที่ครอบครัวร่ำรวยก็มักจะว่าจ้างชาวต่างชาติวัยใกล้เคียงกันให้ไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนร่วมก๊วน เพื่อให้ตัวเองดูโก้เก๋กว่าคนอื่นๆ ภาพจากรายของเว็บไซต์ VICE เผยให้เห็นถึงชาวต่างชาติที่ไปรับหน้าที่เป็นเพื่อนนั่งดื่มให้กับวัยรุ่นชาวจีน Jonathan Zatkin ชาวอเมริกันผู้อาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่งมานหลายปี ได้เปิดเผยข้อมูลกับสื่อ CNN…
-
เหมาะสมหรือไม่!? สวนสัตว์จีนให้อาหารเสือด้วยลาเป็นๆ ทั้งคนเห็นสนับสนุนและคัดค้าน ดราม่าเพียบ
(คำเตือน บทความนี้มีเนื้อหาและภาพที่รุนแรง อาจจะไม่เหมาะสำหรับบางคน ฉะนั้นแนะนำให้เลี่ยง) เมื่อไม่นานมานี้ได้มีกระแสสังคมที่ออกมาถกเถียงกันหนักพอสมควรเลยทีเดียว หลังจากได้มีการเผยแพร่ภาพเหตุการณ์สุดระทึกในสวนสัตว์ฉางโจว มณฑลเจียงซู ซึ่งเป็นคลิปเหตุการณ์ให้อาหารเสือด้วยลาตัวเป็นๆ ซึ่งจากภายในคลิปเหตุการณ์เหล่าเจ้าหน้าที่ได้ดันเจ้าลาลงไปในบ่อเสือ ซึ่งในวินาทีที่ลาตกลงไป เสือตัวหนึ่งก็ดูเหมือนจะรู้ทันทีว่ามันต้องล่าเจ้าลา จึงได้วิ่งกระโจนเข้ามาเพื่อจะโจมตี แต่ด้วยความที่มันเป็นเสือที่ถูกเลี้ยงอยู่ในสวนสัตว์เป็นเวลานาน ทำให้มันไม่สามารถที่จะโจมตีและสังหารได้อย่างถูกวิธี รวมถึงเสือตัวอื่นๆ ในบ่อก็ดูเหมือนจะไม่รู้วิธีล่าสัตว์สิ่งที่พวกมันทำได้ก็มีแค่มองเสือตัวแรกโจมตีเจ้าลานั่นเอง และด้วยเหตุนั้นความทรมานของเจ้าลาในบ่อเสือที่ล่าไม่เป็นจึงเริ่มขึ้น พวกเสือใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะสังหารและปลิดชีพลาลงได้ วินาทีเอาตัวรอดและต้องอยู่เป็นเหยื่อให้เสือฝึกล่าสัตว์นั้นทำให้เกิดเป็นภาพอันสลดขึ้นท่ามกลางนักท่องเที่ยวที่มาดูมากมาย ประเด็นดังกล่าวกลายเป็นคลิปและภาพที่แชร์กันทั่วโลกออนไลน์ของจีน ถึงกระบวนการปฏิบัติของสวนสัตว์ดังกล่าวว่ามีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร ผู้คนบางส่วนก็ออกมาแสดงความคิดเห็นมากมายว่าเรื่องดังกล่าวนั้นมันโหดร้ายมากๆ หรือบ้างก็บอกว่านี่เป็นเรื่องปกติของสวนสัตว์ในจีนไม่เห็นแปลกอะไร… ทว่าต่อให้บอกว่าการกระทำแบบนี้จะเป็นการฝึกให้เสือหัดล่า แต่เสือเหล่านั้นมันอยู่ในสวนสัตว์และอาจจะไม่ได้กลับไปสู่ธรรมชาติด้วยซ้ำ ทำไมถึงยังต้องฝึกให้มันล่าด้วยวิธีอันโหดร้ายแบบนี้กันล่ะ? แต่นอกจากการถกเถียงของชาวเน็ตแล้ว ดูเหมือนเรื่องดังกล่าวจะมีเบื้องหลังบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล เพราะหนึ่งในคนงานที่ไม่อาจะเปิดเผยชื่อได้เล่าว่า คลิปเหตุการณ์ดังกล่าวมันเกิดขึ้นเพราะปัญหาความขัดแย้งภายในระหว่างผู้ถือหุ้นของสวนสัตว์ ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผู้ถือหุ้นส่วนหนึ่งจึงทำการดิสเครดิตสวนสัตว์ โดยการสั่งให้คนงานพาลาเจ้ากรรมไปโยนโดนไม่ได้รับอนุญาติ และอัดคลิปลงอินเตอร์เน็ต เพื่อสร้างความแตกตื่นรวมถึงกระแสด้านลบนั่นเอง แต่เรื่องจริงจะเป็นยังไงนั้นก็ยังไม่แน่ชัด ส่วนถ้าใครอยากดูแบบคลิปเต็มๆ สามารถดูได้ที่คลิปข้างล่างเลยครับ ใครจะคิดว่าเรื่องราวสุดเศร้า จะกลับกลายเป็นเรื่องของธุรกิจกันไปได้ แต่จุดจบของเรื่องจะเป็นยังไงนั้น คงต้องรอติดตามกันต่อไปครับ… ที่มา shanghaiist
-
ใจเย็นๆ ลูก… เจ้าหนูหยุดเต้นแล้วชิ้งฉ่องกลางเวทีแสดง แม่หัวเราะเอ็นดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ!?
จากงานวันเด็กที่จัดขึ้นในเมือง Hejin มณฑลซานซี ขณะที่เหล่าเด็กๆ กำลังทำการแสดงอยู่บนเวทีอยู่ก็เกิดเรื่องน่าตกใจขึ้น!! เพราะจู่ๆ ก็มีเด็กน้อยคนหนึ่งถอดกางเกงยืนชิ้งฉ่องซะกลางเวทีเลย โดยที่มีคุณแม่เต้นอยู่ข้างๆ แทนที่จะห้ามแต่กลับทำเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่สามารถทำได้แม้อยู่ในที่สาธารณะ จนคิดว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงรึเปล่า? ลองไปชมคลิปเหตุการณ์แบบเต็มๆ กันก่อนที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… หลังจากนั้นทางโรงเรียนอนุบาลก็ได้ออกมาชี้แจงว่าช่วงดังกล่าวนั้นไม่ใช่ท่าเต้น หรือเกี่ยวข้องกับการแสดงเลยแม้แต่น้อย คลิปเหตุการณ์ดังกล่าวถูกแชร์ไปมากมายในโลกโซเชียลของประเทศจีน ซึ่งหลายคนก็มองว่ามันเป็นเรื่องตลกน่ารัก บ้างก็ลองจินตนาการถึงอนาคตข้างหน้าหากเอาคลิปนี้ไปให้ลูกชายที่โตแล้วดูมันจะฮาแค่ไหน ซึ่งบางคนก็ไม่เห็นด้วย “เรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันไม่ได้ตลกเลยแม้แต่น้อย เมื่อเด็กไม่มีความรู้ในเรื่องของที่สาธารณะ เขาก็จะคิดว่าเขาสามารถปัสสาวะตรงไหนก็ได้ แต่เมื่อผมยังเป็นเด็กผมเข้าใจว่าการทำแบบนี้มันคือความไม่มีอารยะ” บ้างก็บอกว่า “ให้ฉันเดานะ ว่านี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแน่ๆ เลย” แล้วเพื่อนๆ ชาวเหมียวมีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง? ก็ลองคอมเม้นต์กันเข้ามาได้เลยนะจ๊ะ ที่มา : shanghaiist
-
ชาวเน็ตสลด!! เผยภาพจากกล้องวงจรปิด สาวจีนใจร้ายเอาลูกมาทิ้งข้างทางอย่างไม่ใยดี
เชื่อว่าหัวอกคนเป็นแม่ส่วนใหญ่แล้วใครๆ ก็ต้องรักลูกของตัวเองกันแทบทั้งนั้นแต่ก็ใช่ว่าจะเสมอไปซะทีเดียว… เพราะบางทีเราก็มักจะได้เห็นข่าวหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ในแง่ลบอยู่เป็นประจำ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ โดย Dailymail ได้รายงานว่าเหตุการณ์จากภาพกล้องวงจรปิดดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม เผยให้เห็นภาพของหญิงสาวใจโหดในเมืองกุ้ยหยาง ที่ตัดสินใจนำเด็กทารกมาทิ้งไว้ข้างถนน!! คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิด หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์ ก็กลายเป็นกระแสให้ชาวเน็ตมาวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นาๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็พูดถึงจิตใจอันโหดร้ายของหญิงสาว ที่ทิ้งเด็กทารกทั้งคนไว้ข้างถนน ภาพจากกล้องจะเห็นได้ว่า ตอนแรกเธอก็เดินมาแบบปกตินั่นแหละ… และจู่ๆ เธอก็วางเด็กทารกตัวน้อยผู้ไร้เดียงสาไว้ข้างทาง จากนั้นเธอก็รีบวิ่งหายไป ราวกับว่าไม่ต้องการให้มีคนมาพบเจอ จากการรายงานพบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นบริเวณลานจอดรถ ซึ่งมีผู้คนใช้เส้นทางสัญจรไปมาอยู่เป็นประจำ และเชื่อว่าหญิงสาวเลือกที่นี่เพราะต้องการให้ใครซักคนเก็บเด็กทารกไปเลี้ยงแทนเธอ (ทิ้งปัญหาดีๆ นี่เอง) แต่โชคดีที่หนูน้อยไม่เป็นอันตรายอะไร เพราะหลังจากนั้นไม่นานก็มีชาวเมืองเข้ามาสังเกตดู และพาทารกตัวน้อยไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว แน่นอนว่าการกระทำดังกล่าว ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ มากมายบนโลกออนไลน์… บางก็ถึงกับหมดคำพูดเลยกันเลยทีเดียว บ้างแย้งว่ามันมีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ เช่นศูนย์รับอุปการะเด็กทั้งหลาย แต่ไม่ใช่การเอาเด็กทารกมาทิ้งไว้ข้างถนน บ้างก็มองว่าการทีเธอเลือกบริเวณที่จอดรถ ก็เพราะอยากให้มีคนมาเอาตัวเด็กไปเร็วๆ ว่าแต่ทำไมไม่แก้ปัญหาด้วยวิธีอื่นล่ะ? …
-
15 ภาพประวัติศาสตร์หาดูยาก วิถีชีวิตชาวจีนในยุคราชวงศ์ชิง ก่อนเปลี่ยนผ่านเป็นคอมมิวนิสต์
วันนี้เราจะขอพาไปชมอะไรที่ค่อนข้างจะประวัติศาสตร์กันซักหน่อย ประเทศสมญานามพญามังกร ซึ่งปกครองด้วยระดับบคอมมิวนิสต์ในปัจจุบันนั้น หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าในช่วงคริตศักราชที่ 1644-1912 แผ่นดินจีนถูกปกครองโดยราชวงศ์ชิง (ราชวงศ์แมนจู) และนั่นก็เป็นภาพที่เราเห็นในหนังหรือละครจีนย้อนยัค ไปถึงยุคสมัยที่หญิงสาวต้องห่อเท้าตั้งแต่เด็ก ผู้ชายต้องโกนผมครึ่งหัว และเต็มไปด้วยผู้คนที่ถูกมอมเมาด้วยฝิ่น เว็บไซต์เดลีเมล์ นำเสนอภาพหายากทางประวัติศาสตร์จากจีน ก่อนที่จะเปลี่ยนผ่านสู่ยุคของเหมา เจ๋อตุง ว่าชีวิตในยุคนั้นจะเป็นอย่างไร ทางต้นฉบับให้ข้อมูลเอาไว้ว่า ก่อนที่จีนจะเปลี่ยนมาสู่ระบบคอมมิวนิสต์ ประชาชนในยุคนั้นถูกมอมเมาด้วยฝิ่นกันเป็นจำนวนมาก ภายใต้กฎการปกครองของราชวงศ์ชิง ผู้ชายชาวจีนทุกคนจะต้องตัดผมครึ่งหัว และถักเปียไว้ด้านหลังแบบนี้ กลุ่มเด็กผู้ชายบนถนนจากเมืองกวางเจา (ซ้าย) และภาพขนก้อนชาที่หนักกว่า 136 กิโลกรัม ไปในระยะทางไกลกว่า 180 กิโลเมตร (ขวา) ในยุคนั้นหญิงสาวทุกคนจะถูกฝึกให้ห่อเท้าตั้งแต่เด็ก โดยมีความเชื่อว่ายิ่งเท้าเล็ก ก็จะยิ่งมีความสวยงามมาก ภาพจากปักกิ่งเมื่อปี 1869 ก่อนที่วัฒนธรรมดั้งเดิมทั้งหมดจะถูกลบหายไปในยุคการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ภาพของกลุ่มนักบวชลัทธิเต๋าจากปี 1906 ซึ่งภายหลังเรื่องแนวคิดทางศาสนาขัดแย้งกับหลักการปกครองของคอมมิวนิสต์ ทำให้พวกเขาต้องอยู่กันอย่างหลบๆ ซ่อนๆ กลุ่มหญิงสาวผู้เป็นภาพสะท้อนของค่านิยมในยุคราชวงศ์ชิง ภาพของคุณหมอกำลังตรวจเช็คสุขภาพเท้าของชายคนหนึ่ง ในยุคนั้นการแสดงงิ้วยังได้รับความนิยมอย่างสูง ก่อนที่จะถูกควบคุมในยุคของเหมา…
-
หนุ่มจีนโกรธจัดหลังถูกไล่ออกจากงาน แค้นนี้เลยชำระผ่านการเผาตู้ ATM แบบจ่ายสด!!
ต้องบอกก่อนว่านี่ไม่ใช่ตัวอย่างที่ดี และก็ไม่ควรจะเอาไปทำตามด้วยนะจ๊ะ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะถึงขั้นติดคุกหัวโตได้เลยนะ เว็บไซต์ข่าวจีน Shanghaiist ได้รายงานเรื่องราวของหนุ่มจีนสกุล Li อายุ 19 ปี ผู้ทำการประชดชีวิตหลังถูกไล่ออกจากงานด้วยการเผาตู้เอทีเอ็ม เฮ้ยย…เอาจริงดิพี่!! เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ Pudong ย่านหนึ่งในเมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งกล้องวงจรปิดได้จับภาพพฤติกรรมของชายคนดังกล่าวได้ทั้งหมด และนำมาซึ่งการจับกุม ทำให้พ่อหนุ่มใจร้อนต้องเสียเงินค่าปรับไปเป็นจำนวน 120,000 หยวน (6 แสนบาท) พ่อหนุ่มใจร้อนได้สารภาพว่า ก่อนหน้านี้ตนเองโดนไล่ออกจากงานที่ทำประจำในโรงงานแห่งหนึ่ง เจ้าตัวจึงรู้สึกคับแค้นใจและอยากจะแก้แค้น Li ได้ใช้มาร์คเกอร์สีดำทาไปที่เลนส์กล้อง ก่อนจะนำค้อนออกมาทุบตู้เอทีเอ็ม เสร็จแล้วก็ใช้น้ำมันราด และจุดไฟเผา ทว่าในความร้ายก็ยังมีความดี พ่อหนุ่มเห็นว่าไฟเริ่มลุกลามจนควบคุมไม่อยู่ เจ้าตัวจึงถอดกางเกงและฉี่ใส่เครื่องเอทีเอ็มตาม (เผาเองดับเอง) หนุ่มตระกูล Li ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า ‘ผมแค่คิดว่า… ถ้าผมตกงานแล้วไม่มีเงิน คนอื่นก็ต้องไม่ได้เงินไปใช้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นผมเลยอยากจะทำลายตู้เอทีเอ็มทิ้งซะ’ สภาพเครื่องเอทีเอ็มหลังเผาเสร็จ คลิปทั้งหมดที่กล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ จาก Shanghaiist โถ่วพ่อหนุ่มเอ๊ยย…
-
พาไปดูชุมชนจากจีนขนาดย่อม ท่ามกลางป่าไม้อันกว้างใหญ่ บอกเลยว่าน่าอยู่ม๊ากก!!
เชื่อเถอะว่าสำหรับมนุษย์เราแล้ว มันไม่มีอะไรจะรู้สึกชื่นอกชื่นใจไปกว่าการได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ป่าไม้เขียวขจี มีเสียงนกร้องจิ๊บๆ โอยยนี่มันชีวิตในฝันชัดๆ และวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับชุมชนแห่งหนึ่งจากประเทศจีน ซึ่งอันที่จริงก็เป็นชุมชนที่ชาวบ้านเค้าอยู่กันอย่างปกติสุขเนี่ยแหละ หากแต่ความพิเศษของมันคือที่ตั้งของชุมชนแห่งนี้ยังไงล่ะ ไม่ว่าจะมองซ้าย มองขวา มองหน้า หรือมองหลัง ก็จะเจอต้นไม้เขียวขจีโอบล้อมไปทั่วทุกสารทิศ ชุมชนแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองกุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว ทางตอนตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ซึ่งเป็นชุมชนขนาดเล็กตั้งอยู่ใกล้ติดกับอุทยานภูเขา Qianling บนถนน Qianchun แต่ชาวบ้านผู้อยู่อาศัยในละแวกนี้ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พื้นที่ๆ พวกเขาอาศัยอยู่เป็นพื้นที่สงบ มีอากาศหายใจที่บริสุทธิ์ และไร้ซึ่งเสียงรบกวนยามค่ำคืน ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าป่าไม้ทั้งหมดนี้เปรียบเสมือนเกราะป้องกัน ที่คอยปกป้องพวกเขาจากมลภาวะต่างๆ ในส่วนของที่อยู่อาศัย ชาวบ้านก็จะอยู่กันเป็นชุมชนขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยความสงบสุข ซึ่งที่ดินบริเวณนี้สมัยก่อนขายถูกมาก ทว่าปัจจุบันราคาก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามยุคสมัย เมื่อลองมองจากมุมนกมอง ก็จะได้ภาพตึกอพาร์ทเม้นท์ที่ดูเหมือนจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับต้นไม้เขียวขจี หลายคนอาจจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติเฉพาะช่วงวันหยุด แต่สำหรับชาวบ้านที่นี่พวกเขาได้ใกล้ชิดในทุกช่วงลมหายใจ น่าอิจฉาจริงๆ นับว่าเป็นอีกสถานที่ๆ น่าไปอยู่มาก โอบล้อมไปด้วยป่าเขียวขจี โอ้ยยฟินนห์~ ที่มา: Designyoutrust
-
“เทศกาลเนื้อหมายู่หลิน” จะถูกยกเลิก หลังมีการออกกฏห้ามซื้อขายเนื้อสุนัขในเมืองยู่หลิน
ข่าวของการรับประทานเนื้อหมาอาจทำให้หลายๆ คนเกิดอาการไม่สบายใจและรู้สึกไม่ดีเมื่อได้ยินเรื่องของอาหารจานแปลกนี้ เพราะวัฒนธรรมบางส่วนที่แตกต่างระหว่างท้องถิ่นนั้นและที่อื่นๆ บนโลก ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเราคงจะรู้จักกับงานเทศกาลสุดแปลกอย่างเทศกาลเนื้อหมายู่หลินที่มีขึ้นอย่างยาวนานติดต่อกันถึง 7 วันเลยทีเดียว!! แม้จะมีเสียงคัดค้านจากหลายองคร์กรจากนานาชาติ งานนี้ก็ยังคงมีจัดต่อเนื่องมาทุกๆ ปี ขณะที่รัฐบาลก็ดูเหมือนจะมีมาตรการออกมาเพื่อตอบรับกับเสียงคัดค้านจากหลายฝ่ายนี้แล้ว ตอนนี้เทศกาลดังกล่าวอาจจะถูกยกเลิก เนื่องจากทางเมืองได้ออกกฏและข้อกำหนดเกี่ยวกับการซื้อขายเนื้อสุนัขฉบับใหม่ซึ่งจะมีผลบังคับใช้เร็วๆ นี้… กฏสำหรับการซื้อขายเนื้อสุนัขนี้อาจส่งผลกระทบต่อการจำหน่ายเนื้อของเจ้าตูบในภัตตาคาร ร้านค้าแผงลอย และเทศกาลกินเนื้อสุนัขอย่างมาก เมื่อมีการระบุว่าถ้าหากผู้ใดมีการซื้อขายเนื้อสุนัขอาจทำโดนปรับเงินมากถึง 500,000 บาทเลยทีเดียว!! กฏดังกล่าวจะมีการบังคับใช้ในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ ซึ่งเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนเทศกาลกินเนื้ออสุนัข และนั่นอาจส่งผลให้มีการยกเลิกงานดังกล่าว ตามการรายงานขององค์กร Humane Society International (HSI) และองค์กร Duo Duo Animal Welfare Project (DDAWP) กฏข้อห้ามการบริโภคเนื้อหมานี้มีขึ้นหลังจากที่มีการเลือกตั้งใหม่ในเมือง Yulin เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับเมืองหลังจากที่ข่าวเกี่ยวกับเทศกาลกินเนื้อหมานั้นสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้กับเมืองเป็นอย่างมาก คุณ Wendy Higgins ผู้อำนวยการของศูนย์ Humane Society International บอกว่า “เราได้รับการยืนยันจากทางเมือง Yulin ถึงการบังคับใช้กฏนี้ในพื้นที่แล้วและหวังว่าจะมีการเปลียนแปลงหลายอย่างในเร็วๆ นี้”…
-
มีอะไรค่อยๆ พูดกันก็ได้!? คู่รักศัลยแพทย์ชาวจีนทะเลาะกัน จนถึงขั้นวางมวยคาห้องผ่าตัด
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมาเว็บไซต์ Daily Mail ของประเทศอังกฤษได้เผยเรื่องราวสุดช็อคที่เกิดขึ้นในห้องผ่าตัดของประเทศจีน เป็นเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกไว้โดยกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ในห้องผ่าตัดเกิดทะเลาะเบาะแว้งจนถึงขั้นสาวหมัดใส่กันเลยทีเดียว เหตุการณ์เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลในเขต Lankao County มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน พยานผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าทั้งสองคนนี้เป็นคู่รักกัน ขณะที่กำลังเตรียมการผ่าตัดทางฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับแผนหรือวิธีการของฝ่ายสามี จึงกลายมาเป็นเหตุให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน คลิปวิดีโอดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจีนมากมายจนมีคนเข้าชมมากกว่า 4 ล้านครั้งเลยทีเดียว ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กันแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… จากคลิปเราจะเห็นได้ว่าพยาบาลได้มีการพูดหรือบ่นอะไรซักอย่าง ก่อนที่นายแพทย์จะไม่พอใจและโยนเครื่องมือใส่อีกฝ่ายกลายเป็นการจุดชนวนการทะเลาะ ฝ่ายหญิงเริ่มลงมือต่อยใส่ฝ่ายสามีก่อน จากนั้นสามีก็สาวหมัดใส่ใบหน้าของเธอแบบไม่ยั้ง ก่อนที่เพื่อนร่วมงานที่อยู่ในห้องอีกสองคนจะเดินเข้ามาห้ามจึงทำให้เหตุการณ์ยุติลง โชคดีที่อาการบาดเจ็บของพยาบาลสาวนั้นไม่ถึงกับอันตรายมากนัก และก็ยังไม่มีการแถลงจากโรงพยาบาลถึงการลงโทษเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ แต่ก็นะเรื่องชีวิตคู่มันก็แบบนี้แหละ มีกระทบกรทั่งกันบ้างเป็นบางเวลา แต่ก็เลือกเวลาและสถานที่กันหน่อยเท้อออออ!! ที่มา : dailymail
-
สาวจีนใจกล้า พาครอบครัวเดินทางไปช่วยประเทศเดนมาร์ก ด้วยการจับหอยนางรม 200 กิโลมากิน
กลายเป็นเรื่องที่ชวนให้ชาวเดนมาร์กปวดหัวจริงๆ เพราะเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2017 ที่ผ่านมามีข่าวว่าประเทศเดนมาร์กกำลังประสบกับปัญหาที่มีหอยนางรมเพิ่มจำนวนขึ้นมากจนทำให้ระบบนิเวศไม่สมดุล และดูเหมือนกับชาวเดนมาร์กจะไม่ชอบกินหอยชนิดนี้มากมายอย่างไรก็ไม่ทราบ แต่ในขณะที่อาหารดังกล่าวเป็นที่ชื่นชอบของชาวจีนหลายคนเลยทีเดียว ต่อมาได้มีข่าวว่าเว็บไซต์ Alibaba ได้หารือกับนักการทูตชาวเดนมาร์กเพื่อที่จะขนเอาหอยนางรมจำนวนมากไปขายในประเทศจีน ในขณะที่บริษัททัวร์บางแห่งเล็งที่จะจัดทัวร์เพื่อให้ชาวจีนได้เดินทางไปจับหอยนางรมกินกันถึงที่ประเทศเดนมาร์กโดยเฉพาะเลย แต่ดูเหมือนจะมีสาวชาวจีนใจกล้ารายหนึ่งที่ไม่อยากจะรอให้มีการจัดทัวร์ หรือสั่งซื้อหอยมานั่งกินที่บ้าน เพราะเธอได้พาครอบครัวเดินทางไปกินหอยนางรมกันถึงที่เดนมาร์กเลยทีเดียว!! เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่านาง Bian Miaomiao ได้เดินทางจากประเทศจีนไปอาศัยอยู่ที่ประเทศเดนมาร์กพร้อมกับสามีของเธอเมื่อราวๆ 7 ปีก่อน หลังจากที่นาง Bian Miaomiao ได้รับทราบข่าวว่าตอนนี้เดนมาร์กกำลังประสบปัญหากับการเพิ่มจำนวนของหอยนางรม เธอเลยตัดสินใจที่จะทำบางอย่างเพื่อช่วยเหลือประเทศนี้ เธอได้รวบรวมกลุ่มเพื่อนฝูงและครอบครัวแล้วเดินทางไปยังประเทศเดนมาร์ก สืบเสาะหาสถานที่ซึ่งเกิดปัญหาแพร่ระบาด ลงไปที่ชายหาดพร้อมกับเครื่องมือแงะหอยและอุปกรณ์ปิ้งอย่างครบมือ ตามรายงานของเว็บ Chengdu Business Daily บอกว่าเพียง 4 ชั่วโมง นาง Bian และมิตรสหายก็สามารถจับหอยมาได้มากกว่า 150-200 กิโลกรัมเลยทีเดียว พวกเขาจับเอาหอยนางรมมาปรุงอาหารในรูปแบบต่างๆ ทั้งปิ้งย่างแบบธรรมดา ผัดเผ็ดเสฉวน หรือไข่เจียวหอยนางรม …
-
เปิดตัวนักดับเพลิงสุดแซ่บจากเมือง Liuzhou หุ่นล่ำๆ แบบนี้ สาวน้อยสาวใหญ่หวั่นไหวแน่นอน
ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเทรนด์การดูแลตัวเองกำลังมาแรงหรืออย่างไร เพราะไม่ว่าวงการไหนๆ ก็มักจะเอานางแบบหรือนายแบบหนุ่มดีๆ คลีนๆ มาเป็นพรีเซนเตอร์ทั้งนั้น ไล่ตั้งแต่ร้านขายปิ้งย่างไปจนถึงโฆษณาปุ๋ยกันเลยทีเดียว และเมื่อเร็วๆ นี้ทางเว็บไซต์ต่างประเทศก็ได้รายงานเกี่ยวกับนักดับเพลิงสุดแซ่บ ของประเทศจีน รับรองได้ว่าเจอแล้วต้องมีกรี๊ดกันบ้าง… การให้บริการดับเพลิงของประเทศจีนนั้นเป็นการให้บริการแบบสาธารณะ ชายหนุ่มผู้เข้าไปช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้าย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นรอง ถือว่าเป็นหนึ่งในอาชีพที่เสียสละเป็นอย่างมาก คุณรู้หรือไม่นอกจากทักษะการช่วยชีวิตที่พวกเขาต้องเรียนรู้แล้ว พวกเขายังต้องฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรงอีกด้วย หน่วยดับเพลิงจากเมือง Liuzhou ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของประเทศจีน ได้ทำการถ่ายภาพอวดโฉมหุ่นหล่อล่ำและเผยแพร่ทางโลกออนไลน์ในประเทศจีน งานนี้ทำเอาสาวๆ ต้องตาลุกเป็นไฟกันเลยทีเดียว ไปชมภาพสุดแซ่บของพี่ๆ ดับเพลิงกันได้เลย รับรองร้อนแรงทะลุปรอทแน่นอน อุบ๊ะ… ไม่ได้มีแค่ภาพโชว์กล้ามเท่านั้นนะ การเตรียมตัวหรือการฝึกก็มีให้ชมด้วยเหมือนกัน . . เหงื่อและรอยเปื้อนช่วยเพิ่มความเซ็กซี่ให้กับพี่ๆ นักดับเพลิง . เผ็ชไหมล่ะ จ๊ะสาวๆ งานนี้ไม่รู้ว่าสาวๆ ที่ถูกช่วยจะเป็นลมเพราะควันไฟหรือกล้ามโตๆ ของพี่นักดับเพลิงก็ไม่รู้นะเนี่ย ที่มา shanghaiist
-
ชาวเน็ตแซวโปสเตอร์ ‘รณรงค์ความรักชาติของญี่ปุ่น’ ที่ดันใช้ภาพนางแบบที่เป็นชาวจีน!?
กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างล้นหลามภายในสังคมของทั้งชาวเน็ตจีนและชาวเน็ตญี่ปุ่น หลังจากที่ได้เห็นภาพโปสเตอร์รณรงค์ให้ชาวญี่ปุ่นภูมิใจในชาติตัวเอง แต่ทว่าการโปรโมทดังกล่าวกลับมีข้อผิดพลาดที่ซ่อนอยู่ภายใน โปสเตอร์ดังกล่าวเป็นรูปหญิงสาวคนหนึ่งกับธงชาติญี่ปุ่น พร้อมด้วยข้อความ “ฉันดีใจที่เกิดเป็นคนญี่ปุ่น จงโบกธงชาติในใจคุณอย่างภูมิใจ” ถูกติดไว้ทั่วกรุงเกียวโตเมื่อไม่นานมานี้ และกลายเป็นว่าถูกชาวเน็ตจับได้จากการที่พวกเขาได้นำภาพของนางแบบที่ซื้อมาจากเว็บไซต์ขายภาพ Gettyimages โดยรายละเอียดในภาพนั้นบอกว่าเธอเป็นชาวจีน… ทางเว็บไซต์ Gettyimages ก็ได้ออกมายืนยันกับสำนักข่าว BBC ว่าภาพนี้เป็นภาพที่จำหน่ายในเว็บไซต์จริงๆ และถูกถ่ายไว้ตั้งแต่ปี 2009 แล้ว ซึ่งหลังจากที่ความจริงปรากฏก็มีหลายคนออกมาแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างดุเดือด แต่ฝั่งที่ดูจะเป็นคนที่เดือดร้อนกับเรื่องนี้สุดๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นชาวญี่ปุ่นผู้รักชาติเนื่องจากประวัติศาสตร์ที่ไม่น่าจดจำระหว่างจีนกับญี่ปุ่นนั้นยังคงฝังอยู่ในใจของพวกเขานั่นเอง เว็บไซต์ Sora News 24 ได้รวบรวมความคิดเห็นของชาวญี่ปุ่นต่อภาพในโปสเตอร์รณรงค์ความรักชาตินี้ ซึ่งนี่คือส่วนหนึ่งของความเห็นของพวกเขา “ผมเป็นชาวเกียวโต สำหรับเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางของแหล่งท่องเที่ยวแล้ว การกระทำแบบนี้ผมว่ามันน่าอับอายอย่างมาก” หนึ่งในความคิดเห็นของชาวเกียวโตต่อโปสเตอร์ดังกล่าว “ฉันอาศัยอยู่ในเกียวโต และได้เห็นโปสเตอร์เหล่านั้นทั่วเมือง ในฐานะของชาวเกียวโตแล้ว เป็นอะไรที่น่าสมเพชมากๆ ถ้าใครเห็นโปสเตอร์นั้นอีก กรุณาบอกให้ฉันได้ทราบด้วย” “น่ารังเกียจมากๆ พวกเขาคิดว่าติดโปสเตอร์แล้วจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับเกียวโตงั้นหรือ? กลับกลายเป็นว่าพวกเขาทำลายชื่อเสียงของเมืองที่สั่งสมมาต่างหากล่ะ” โปสเตอร์นี้ถูกจัดทำขึ้นโดยคุณ Jinja Honcho จากสมาคมรักชาติของศาลเจ้าชินโต เขาอธิบายถึงเรืองดังกล่าวว่า “โปสเตอร์นี้ถูกใช้โปรโมทถึงความภูมิใจในความเป็นญี่ปุ่นเมื่อช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ผมอยากจะสื่อให้ผู้คนตระหนักถึงความรักชาติจึงได้จัดทำโปสเตอร์นี้” และเมื่อถูกถามถึงข้อผิดพลาดดังกล่าวทางผู้ผลิตโปสเตอร์ได้บอกว่าพวกเขาไม่ได้มีความกังวลกับเรื่องนี้แต่อย่างใด พร้อมทั้งยังให้เหตุผลอีกด้วยว่า…
-
ชาวเน็ตรุมสาปส่ง เมื่อเห็นคลิปวิดีโอที่คุณครูใช้วิธีสุดโหด จัดการกับเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้
การลงโทษที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ นอกจากจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แล้วยังเป็นผลเสียกับตัวเด็กอีกด้วย บางครั้งการทุบตีพวกเขาอย่างรุนแรงแทนที่จะทำให้พฤติกรรมดีขึ้น อาจจะกลายเป็นการสร้างบาดแผลในใจให้พวกเขาแทน และเมื่อไม่นานมานี้ในประเทศจีนได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ การลงโทษนักเรียนอย่างโหดร้ายทารุณอย่างมาก เมื่อคุณครูได้ทำการลากเด็กไปกับพื้น หลังจากที่เธอไม่ยอมเข้าห้องเรียน คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา จากการรายงานของเว็บไซต์ Peoples Daily ภายในคลิปเผยให้เห็นเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศ Huachen ที่มลฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน โดยหลังจากที่เด็กน้อยร้องไห้งอแงไม่ยอมเข้าห้องเรียน คุณครูประจำชั้นของเธอจึงได้ใช้วิธีการที่รุนแรงในการพาตัวสาวน้อยกลับเข้าห้องเรียน โดยเขาจับที่ผมของเด็กน้อยและลากเธอไปกับพื้น สร้างความสลดใจให้กับผู้ที่เห็นเหตุการณ์อย่างมาก และนี่คือคลิปวิดีโอดังกล่าว เด็กน้อยร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด เธอเอาแต่ร้องว่า “หนูอยากกลับบ้าน” ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ตะโกนถามครูสาวว่า “คุณทำอย่างนั้นกับเธอไม่ได้นะ” และได้คำตอบกลับจากคุณครูว่า “มันไม่ใช่เรื่องของคุณ เธอเป็นลูกสาวฉันทำไมจะทำไม่ได้” ซึ่งเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนได้ออกมาอธิบายถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า สาวน้อยได้ออกไปทานข้าวเที่ยงกับแม่ของเธอด้านนอก แต่เมื่อถึงเวลาเรียนเธอกลับไม่อยากเข้าห้องเรียนและร้องไห้อยู่นาน จนทำให้คุณแม่ต้องจัดการกับลูกสาวตามที่เราได้เห็นในคลิปวีดีโอ หลังจากนั้นชาวเน็ตก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อการกระทำของคุณแม่ท่านนี้อย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยและบอกว่าการกระทำของเธอนั้นไม่เหมาะสม หลังจากนั้นสาวน้อยถูกส่งตัวไปตรวจร่างกายยังโรงพยาบาลและไม่พบอาการบาดเจ็บใดๆ และทางโรงเรียนก็ได้ออกมาขอโทษต่อการกระทำที่ไม่เหมาะสมนี้ อา.. โชคดีจริงๆ นะเนี่ยที่เด็กน้อยไม่เป็นอะไร แต่ #เหมียวเวจจี้ คิดว่าคุณครูน่าจะมีการแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้นะ ที่มา dailymail
-
แบบนี้ก็มี!? เมื่อตู้คีบตุ๊กตาไม่มีของเล่น แต่ใช้แมวเป็นของรางวัลแทน ดราม่าก็บังเกิด
เชื่อว่าในที่นี้คงไม่มีใครไม่เคยสัมผัสประสบการณ์ที่ต้องหยอดเหรียญ 10 บาท แลกกับการคีบตุ๊กตาออกมาจากตู้หนึ่งครั้ง แต่ส่วนใหญ่กลับโดนซิวเงินไปซะมากกว่า จนทำให้หัวร้อนไปตามๆ กัน ทว่าล่าสุดเกิดเรื่องที่ทำให้กลายเป็นดราม่าไปทั่วโลก เมื่อเว็บไซต์เดลีเมล์ของอังกฤษได้นำคลิปวิดีโอจากสื่อจีนมาเผยแพร่ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตู้คีบตุ๊กตา ที่ให้ผู้เล่นได้คีบแมวเหมียวตัวเป็นๆ ออกมาจากตู้!? จากภาพจะเห็นได้ว่าแมวเหมียวต้องอาศัยอยู่ในตู้แคบๆ และต้องรู้สึกรำคาญใจกับที่คีบทุกครั้งที่มีคนเล่น คลิปวิดีโอมีเนื้อหาประมาณ 10 วินาที จะเห็นได้ว่าแมวเหมียวค่อนข้างรู้สึกตกใจและประหลาดใจ ซึ่งตัวคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกนำมาเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ qq.com เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา จากนั้นก็ถูกแชร์ไปอย่างแพร่หลาย จนกลายเป็นประเด็นถึงกับไปออกรายการทีวี Chung Tien TV ของจีน นอกจากนี้ยังมีคนอ่านข้อความตรงตู้ได้ว่า “เจ้านาย พาหนูกลับบ้านที” เพื่อเป็นการกระตุ้นให้คนหันมาคีบมายิ่งขึ้น โดยไม่ได้มีการเปิดเผยว่าเหตุการณ์ดังกล่าวในคลิปวิดีโอ เกิดขึ้นที่ส่วนใดของประเทศจีนกันแน่!? นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งคลิปที่มีคนโพสต์ไว้ในเฟซบุ๊ก เผยให้เห็นถึงผู้เล่นอีกคนที่พยายามจับลูกแมวน้อยในตู้ที่มีทั้งหมด 5 ตัว ซึ่งก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นของจริงหรือทำเพื่อแกล้งกันเฉยๆ จากประเด็นดังกล่าวทำให้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโลก บ้างก็มองว่าดูน่ารักแปลกใหม่ดี ในขณะที่อีกฝ่ายก็มองว่าเป็นการกระทำที่โหดร้าย และไม่เหมาะสม ‘เอาไอ้เจ้าของใส่ลงไปในกล่องแล้วปล่อยทิ้งไว้บ้างสิ โหดร้ายเหลือเกินไอ้งั่งเอ๊ย’ บางคนก็อารมณ์มาเต็ม …
-
“ก็รองเท้ามันลื่น” ปรมจารย์ไทเก็กอ้างถึงสาเหตุของความพ่ายแพ้ ในการต่อสู้กับมวยสมัยใหม่
หลังจากที่เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอการต่อสู้ระหว่างปรมาจารย์ไทเก็กกับนักสู้ MMA ซึ่งผลปรากฎว่านกกระจอกยังไม่ทันจะได้กินน้ำ น้ำท่านอาจารย์ของเราก็ล้มไปนอนกองกำพื้นซะแล้ว ซึ่งทางด้านท่านอาจารย์ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงสาเหตุของความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ว่า “รองเท้ามันลื่นน่ะ” เราลองย้อนกลับไปชมการต่อสู้กันในวันนั้นจากคลิปวีดีโอข้างล่างนี้ได้เลย อาจารย์ Lei Lei วัย 44 ปีผู้ก่อตั้งโรงฝึกไทเก็ก Thunder-style ได้เผชิญหน้ากับคุณ Xu Xiaodong นักสู้ MMA ชาวปักกิ่งวัย 38 ปี ผู้เป็นทั้งครูฝึกและโปรโมเตอร์มวย หรือที่คนในวงการรู้จักกันในชื่อ “Madman” การต่อสู้ของทั้งคู่ถูกภ่ายทอดสดไปยังผู้ชมมากกว่าหนึ่งล้านคน ทางด้านนาย Xu ได้บอกว่าศิลปะการต่อสู้แบบโบราณนั้นเป็นสิ่งที่ไร้สาระ มีแต่ลีลาความสวยงามแต่ใช้ในการต่อสู้จริงๆ ไม่ได้เลย แล้วก็อย่างที่คุณเห็น การต่อสู้จบลงภายในเวลาไม่ถึง 10 วินาทีและท่านอาจารย์ของเราก็ไม่ได้สร้างรอบแผลให้กับนักสู้ MMA เลยแม้แต่น้อย ภายหลังคุณ Lei ได้ให้สัมภาษณ์ว่า วันหนึ่งเขาจะกลับมาท้าดวลใหม่พร้อมทั้งกับรองเท้าที่มีการยึดเกาะที่ดีขึ้น สาเหตุที่ทำให้เขาแพ้ก็เพราะว่าพื้นรองเท้านั้นไม่เกาะกับพื้นสนาม เวลาที่เขาก้าวถอยจึงทำได้ไม่สะดวกและลื่นล้ม บาดแผลที่ Xu ฝากไว้กับอาจารย์ไทเก็กของเรา “เขาไม่สามารถแตะตัวผมได้เลยในตอนที่ผมยืนอยู่ แต่หลังจากที่ผมล้มลงเท่านั้นแหละเขาก็ซัดผมเข้าเต็มที่เลย” อาจารย์ Lei กล่าว หลังจากนั้นอารย์ของเรายังได้พูดแบบเท่ๆ อีกว่าเขาไม่ต้องการที่จะเอาชนะหรอก…
-
วิวาห์ล่ม.. เจ้าสาวจับได้ เจ้าบ่าวจ้างคนแปลกหน้ากว่า 200 คน มาเป็นเพื่อนในวันแต่ง!?
สำหรับหญิงสาวที่ใฝ่ฝันอยากจะมีครอบครัว หรือมีพิธีวิวาห์ที่สวยหรูละก็.. บางทีมันก็อาจจะไม่ได้สวยงามอย่างที่เราวาดฝันไว้เสมอไป เพราะล่าสุดสื่อจีน Shanghaiist ได้รายงานเรื่องราวของสองคู่รักชาวจีน ที่เข้าสู่พิธีวิวาห์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เจ้าสาวดันจับได้ว่าเพื่อนร่วมงานทั้งหมดนั้นเป็นหน้าม้าถูกจ้างมา!! ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งของทั้งคู่ ที่ไม่สามารถเปิดเผยหน้าตาได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่มณฑลซีอาน ท่ามกลางงานแต่งที่ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติ และเป็นไปได้ด้วยดี ความฝันของเจ้าสาวก็ต้องทลายลง เมื่อเธอเริ่มรู้สึกว่าแขกที่มาร่วมงานหน้าตาไม่คุ้นเคยเอาซะเลย และเธอก็จับได้ว่าเพื่อนร่วมงานกว่า 200 คนนั้นถูกจ้างมา หลังจากที่เจ้าสาวได้พูดคุยกับแขกในงานคนหนึ่งซึ่งเธอคิดว่าเป็นญาติห่างๆ แต่พวกเขากลับไม่รู้เรื่องราวอะไรของทั้งคู่เลยแม้แต่น้อย และบอกได้แค่ว่าเป็นเพื่อนของเจ้าบ่าวเท่านั้น สำนักข่าวท้องถิ่นได้ไปสัมภาษณ์แขกในงาน เจ้าตัวก็ให้การว่าที่มาร่วมงานนี้เพราะได้ยินมาว่าจะได้รับเงินค่าจ้างคนละ 80 หยวน (ราวๆ 350-400 บาท) แถมยังมีอาหารฟรีเลี้ยงด้วย ยิ่งไปกว่านั้น… เจ้าสาวเริ่มสังเกตว่าทำไมญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายชายถึงไม่มาร่วมงานซักที ทั้งที่เป็นงานสำคัญของครอบครัว จนกระทั่งความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย ครอบครัวของเจ้าสาวถึงกับโทรแจ้งตำรวจจับนาย Wang เจ้าบ่าวทันที ซึ่งทางด้านของเจ้าบ่าวก็ให้การกับตำรวจว่า ทุกคนที่มาร่วมงานได้รับค่าจ้างจริง ส่วนสาเหตุก็เพราะพ่อแม่ของตนเองไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน ผู้ที่มาร่วมงานให้การว่า เจ้าบ่าวได้ประกาศชักชวนผ่านแอพพลิเคชั่น WeChat พวกเขาจึงชวนคนรู้จักมา เพราะเห็นว่าเป็นงานที่จ่ายเงินราคาดี แถมมีข้าวฟรีเลี้ยงด้วย ทางด้านของเจ้าสาวได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตลอดหลายปีที่คบกันมาตนไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อน และเธอก็ไม่รู้เลยว่าพ่อแม่ฝ่ายชายที่เคยเจอ แท้จริงแล้วคือนักแสดงที่ถูกจ้างมาเช่นกัน แขกผู้เข้าร่วมงานทั้งหมด ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นใคร รู้แค่ว่าจบงานจะได้เงิน…
-
ศิลปินจีนถ่ายภาพ “เจ้าหญิงดิสนีย์ในยุคปัจจุบัน” แต่ละคนจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหน
เป็นอย่างที่รู้กันว่าโลกปัจจุบันที่พวกเราอาศัยอยู่ เป็นยุคสมัยที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และแฟชั่นที่ดูโดดเด่นเลิศสะแมนแตน Qingjian Meng ช่างภาพหนุ่มเชื้อสายจีน ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ได้ปิ๊งไอเดียถ่ายภาพเจ้าหญิงดิสนีย์ในยุคปัจจุบัน ลองไปดูว่าถ้าพวกเธอมีชีวิตจริงๆ ตอนนี้พวกเธอจะเป็นยังไงกันบ้างนะ? เจ้าหญิงเบลล์ ‘ผมได้ไอเดียมาจากการตั้งคำถามที่ว่า พวกเธอจะเป็นยังไงถ้าเราเปลี่ยนวิถีชีวิตในเรื่องเล่าปรัมปรา ให้ตรงกับโลกยุคสมัยปัจจุบัน พวกไม้กายสิทธิ์ต่างๆ ก็คงถูกแทนที่ด้วยสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลาย’ เจ้าของผลงานเล่า โดยช่างภาพได้ให้เหตุผลเสริมว่า นิทานเรื่องเล่าของเจ้าหญิงดิสนีย์ดูจะเชื่อมต่อกับหญิงสาวในยุคปัจจุบันได้ยาก เพราะวิถีชีวิต หรือเครื่องมือ ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สโนวไวท์ มู่หลาน โพคาฮอนทัส ‘ภาระหน้าที่ ความสัมพันธ์ รวมไปถึงชีวิตการทำงาน ของยุคสมัยก่อน กับยุคสมัยนี้ค่อนข้างแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ.. พวกเธอทุกคนต่างทำงานหนัก ต่อสู้กับความยากลำบาก และมีความสุขในตอนท้าย’ ช่างภาพให้สัมภาษณ์ เอสเมอรัลด้า ถ้าใครอยากจะติดตามผลงานภาพถ่ายของช่างภาพคนนี้เพิ่มเติมละก็ สามารถเข้าไปตามชมได้ที่เว็บไซต์รวบรวมผลงาน QingJianMeng เลยจ้า เจ้าหญิงจัสมิน ถ้ามีคนเอาหนังเจ้าหญิงดิสนีย์ทั้งหมด มารีเมคเป็นเวอร์ชั่นคนแสดงในโลกยุคปัจจุบัน คงเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ…
-
เรื่องราวของ “สไปเดอร์แมนจีน” อาชีพเสี่ยงชีวิตปีนป่ายหน้าผา เพื่อเก็บขยะนักท่องเที่ยว!!
ทุกคนคงจะรู้จักสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นในหนังกันอยู่แล้ว คงไม่ต้องอธิบายให้มากความก็รู้ว่าความสามารถของพี่แกมีอะไรบ้าง และไม่น่าเชื่อว่าที่ประเทศจีน ก็มีสไปเดอร์แมนกับเค้าเหมือนกัน แต่เวอร์ชั่นนี้ไม่ได้ปีนป่ายตึกจับโจร หากแต่พ่อหนุ่มเขาเลือกที่จะปีนป่ายหน้าผาเพื่อทำความสะอาดสถานที่ท่องเที่ยวแทน สื่อจีนรายงานว่า ได้มีการว่าจ้างคนทำความสะอาด อนุสรณ์สถานบนหุบเขา Meng ในจังหวัดซานตง มาตั้งแต่ปี 2012 แล้ว สถานที่ดังกล่าว เป็นสถานที่ๆ มีนักท่องเที่ยวชาวจีนต่างเข้ามาเยี่ยมเยียนเป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี ปัญหาที่ตามมาก็คือ จำนวนขยะที่ถูกทิ้งเรี่ยราดมีมากเกินไป จนทำให้ทัศนียภาพของสถานที่แห่งนี้ดูไม่สวยงาม ซึ่งทำให้ผู้ดูแลสถานที่ปิ๊งไอเดียที่จะว่าจ้างชายหนุ่มผู้มีใจกล้า ไม่กลัวความสูง ให้มารับหน้าที่สวมชุดสไปเดอร์แมน และห้อยโหนทำความสะอาดเก็บขยะตามหุบเขา โดยจะได้เงินทั้งหมด 50,000 บาท เป็นค่าตอบแทนสำหรับการทำงานหนึ่งวัน แต่จะไม่รับประกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ Peng Wen หนึ่งในชายที่ทำงานอยู่ใต้ชุดสไปเดอร์แมนมานานกว่า 17 ปี ได้เล่าว่า การที่นักท่องเที่ยวได้เห็นภาพของสไปเดอร์แมนเสี่ยงชีวิตอยู่บนหน้าผา เพื่อเก็บเศษขยะที่พวกเขาทิ้งลงมา ช่วยทำให้ปัญหาขยะลดลงได้จริง ‘ตอนนี้ผมไม่ต้องเสี่ยงชีวิตบ่อยเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว จำนวนขยะลดน้อยลง นักท่องเที่ยวตระหนักถึงเรื่องนี้มากขึ้น ซึ่งผมเชื่อว่ามันเป็นเพราะชุดสไปเดอร์แมนที่ดูเตะตาเนี่ยแหละ’ เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ ต้องโหนตัวจากหน้าผาลงไปเก็บขยะที่ติดอยู่ตามซอกหิน เมื่อมองดูจากระยะไกล นักท่องเที่ยวจะสังเกตเห็นสไปเดอร์แมนห้อยโหนเก็บขยะอยู่อย่างยากลำบาก ซึ่งต้องถือว่าเป็นอีกวิธีการแก้ปัญหาที่ค่อนข้างจะได้ผล หลังจากที่ชาวเมืองต้องเห็นภาพสไปเดอร์แมนเก็บขยะอย่างทุลักทุเล…
-
ไต้หวันเริ่มสั่งห้ามบริโภค เนื้อสุนัขและแมวโดยเด็ดขาด ฝ่าฝืนปรับสูงสุดถึง 287,000 บาท
หลายคนน่าจะทราบกันดีว่าชนชาติทางฝั่งเอเชียอย่างจีนหรือเกาหลี ถือเป็นชาติที่นิยมในการกินสุนัขเป็นอย่างมาก แถมยังมีการค้าขายอย่างแพร่หลายสุดๆ แต่แล้วล่าสุดใต้หวันก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าการบริโภคเนื้อหมาและแมวถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และยังถือว่าเป็นชาติแรกในเอเชียที่ประกาศห้ามในเรื่องนี้อีกด้วย ซึ่งตัวกฏหมายใหม่นี้ได้ระบุอย่างชัดเจนเลยว่าถ้าพบผู้ใดบริโภคเนื้อสุนัขและแมวจะถูกปรับไม่เกิน 57,000 บาท ส่วนใครที่ส่งออกหรือขายเนื้อสุนัขจะถูกปรับไม่เกิน 287,000 บาทเลยทีเดียว ส่วนเหตุผลที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ขึ้น ก็คงจะมาจากการที่ผู้คนในไต้หวันเริ่มที่จะหันมาเลี้ยงสุนัขและแมวกันมากยิ่งขึ้น ทำให้พวกเขาเริ่มทนไม่ได้ที่เพื่อนสี่ขาของพวกเขาต้องกลายเป็นอาหารนั่นเอง นอกจากนั้นประธานาธิบดีหญิง ไช่ อิงเหวิน ดูน่าจะมีนโยบายบางอย่างที่ตอบโต้กับเรื่องนี้ เพราะเมื่อตอนเลือกตั้งเธอเป็นคนที่ชูว่าตัวเองเป็นคนรักสัตว์มากๆ แถมยังเลี้ยงแมวไว้สองตัวสุนัขอีกสามตัว แต่ถึงอย่างนั้นการสั่งห้ามในครั้งนี้ก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แม้ในจีนจะยังคงเดินหน้าและบริโภคสุนัขเป็นเรื่องปกติต่อไป แถมยังมีเทศกาลลิ้นจี่และเนื้อหมา ที่จัดขึ้นทุกปี สุดท้ายก็หวังว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชียจะหันมาให้ความใส่ใจกับเพื่อนสี่ขาเหล่านี้และก่อตั้งกฏหมายขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันต้องกลายเป็นอาหารเช่นเดียวกับที่ไต้หวันกำลังทำอยู่นั่นเอง ยอมรับว่าปกติ #เหมียวมู่ทู่ เคยเห็นแต่ข่าวกินสุนัข แต่แมวถือว่าแปลกจริงๆ ดูแววตาของพวกมันแล้วคิดว่ามันจะต้องกลายเป็นอาหารก็เศร้าสุดๆ แล้ว แม้ประเทศอื่นอย่างจีนหรือเกาหลี จะยังไม่มีกฏหมายช่วยเหลือพวกมัน แต่กลุ่มคนมากมายก็พยายามเข้าไปช่วยเหลือกันอย่างต่อเนื่อง ยิ่งพวกคนเริ่มหันมาเลี้ยงพวกมันเป็นเพื่อนมาขึ้น ความคิดของพวกเขาก็คงจะเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ และในที่สุด หวังว่าจุดยืนและมุมมองของพวกเขาต่อเพื่อนซี้สี่ขาพวกนี้ก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ที่มา boredpanda
-
สตาร์บัคจีนมีโปรฯ ลดราคาให้ลูกค้าที่นำแก้วมาเอง หนุ่มจีนจัดกะละมังไปแม่มเลย!!
ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน ร้านกาแฟชื่อดังอย่างสตาร์บัคเพิ่งออกโปรโมชั่นลดราคาให้กับลูกค้าที่นำแก้วมาใส่กาแฟเอง สำหรับคอกาแฟทั่วไปอย่างเราคงคิดว่า อืม..ก็ดีแล้วแหละ แต่สำหรับนักเขียนหนุ่มชาวจีน Zha Bao พี่แกขอใช้โอกาสนี้ในการลองของกับร้านกาแฟเฟรนไชส์ทั่วโลกซะเลย ในประกาศชี้แจงว่า ทางร้านพร้อมจะมอบส่วนลดมูลค่า 3 หยวน (15 บาท) ให้กับลูกค้าที่นำภาชนะมาใส่กาแฟเอง งานนี้พ่อหนุ่มนักเขียนจีน ก็เลยขอลองของกับพนักงานสตาร์บัคดูซะหน่อย ซึ่งเริ่มแรกเจ้าตัวเอาภาชนะเล็กๆ ดูปกติไปให้พนักงาน ก่อนที่จะเริ่มขยายเป็นภาชนะที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ รอบแรกเจ้าตัวเอากาน้ำชาขนาดจิ๋วมา สังเกตสายตาพนักงานยังเฉยๆ อยู่ ด้วยความที่กาน้ำขนาดเล็กเกินไป พนักงานเลยแถมแก้วมาให้ด้วย (แอบใจดีนะเนี่ย) คราวนี้พ่อหนุ่มก็มารอบสอง เอาขวดพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อให้พนักงานดูบ้าง ถ่ะ..แด๊มม! อันนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ดูปกติไม่มีอะไร คราวนี้พี่แกเริ่มเพิ่มขนาด มาเป็นหม้อตุ๋นยาจีนเลย เจ้าตัวสั่งมัทฉะแฟรบปูชิโน่ โดนคิดราคาไปทั้งหมด 102 หยวน (500 บาท) พนักงานก็จัดให้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย มีวิปครีมมาให้ด้วย คราวนี้พี่แกแอดว๊านซ์ขึ้นไปอีก เอากะละมังมาเลยจ้าา.. …
-
ประติมากรรม “เซรามิค” ที่ใช้เทคนิคการปั้นสมัยราชวงศ์หมิง ทำให้ออกมาดูร่วมสมัย
การผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมอันเก่าแก่กับความคิดสร้างสรรค์สมัยใหม่ ทำให้เกิดงานศิลปะที่มีความสวยงามและร่วมสมัยขึ้นมากมาย Lei Xue หนุ่มผู้หลงใหลในศิลปะ เขาเป็นทั้งปฏิมากร, ช่างภาพ, ศิลปินภาพพิมพ์และนักตัดต่อวีดีโอ ได้สร้างสรรค์งานศิลปะแบบร่วมสมัย โดยนำรูปแบบของกระป๋องน้ำอัดลมที่ถูกใช้แล้ว มาปั้นและเเต่งแต้มลวดลายโดยใช้เทคนิคเดียวกับการทำเครื่องปั้นดินเผาลายครามในสมัยราชวงศ์หมิ่ง เขาใช้ชื่อผลงานสุดครีเอทนี้ว่า “Drinking Tea” ลองไปชมผลงานชุดนี้ของเขากันได้เลย… . ลายครามในชิ้นงานถูกวาดอย่างปราณีต . ลวดลายและเทคนิคในการทำเครื่องปั้นดินเผาในสมัยโบราณถูกนำมาใช้ในงานศิลปะนี้ . รูปทรงต่างๆ ของกระป๋องเพิ่มความน่าสนใจให้กับงานศิลป์ชุดนี้ สวยงามมากเลยนะเนี่ย แต่งานศิลปะของคุณ Lei Xue ไม่ได้มีเพียงเท่านี้นะ เค้ายังนำเทคนิคงานศิลปะแบบจีนโบราณมารวมกับวัฒนธรรมสมัยใหม่อีกหลายผลงาน ถ้าใครสนใจก็ลองเข้าไปชมเพิ่มเติมได้ที่ artsy และ detterer ได้เลย ที่มา boredpanda
-
เอางี้ละกัน… หนุ่มจีนเมาแล้วขับจนเจอตำรวจทัก ไม่รู้ทำไงดีจับหญ้ายัดเข้าปากแม่มเลย!?
ถ้าใครที่กำลังมองหาเหตุผลดีๆ เอาไว้แก้ต่างกับตำรวจตอนเมาแล้วขับไปเจอด่านละก็ ขอบอกเลยว่าวิธีของหนุ่มจีนคนนี้มันช่างเอิ่ม… อะไรของเค้าฟร๊ะเนี่ย!? โดยเมื่อวันที่ 21 เมษายน เว็บข่าว Shanghaiist ได้รายงานเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมือง Yiwu ประเทศจีน เมื่อตำรวจต้องการจะเป่าแอลกอฮอล์หนุ่มจีนคนหนึ่ง แต่เจ้าตัวไม่ยอมเลยเด็ดหญ้ามายัดเข้าปากซะเลย เจ้าหน้าที่ให้การว่า ในคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาได้มีคำสั่งให้ตั้งด่านตรวจแอลกอฮอล์ และได้มีหนุ่มจีนคนหนึ่งขับรถเบ๊นซ์สีดำท่าทางเมาแอลกอฮอล์ จอดรถไว้ข้างทางระยะ 100 เมตรก่อนถึงตัวด่าน เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นพฤติกรรมอันน่าผิดสังเกตุของเขา ก็พบว่าเจ้าตัวดื่มแอลกอฮอล์มาเกินขนาดจริง เจ้าหน้าที่จึงขออนุญาติตรวจวััดด้วยเครื่องเป่าฯ ทว่าหนุ่มจีนกลับปฏิเสธทันทีว่า ‘ผมไม่เมา! ผมไม่ได้เมา!’ แล้วจากนั้นเขาก็ดึงหญ้าบนพื้นขึ้นมายัดใส่ปากตัวเอง เล่นเอาเจ้าหน้าที่ถึงกับหงายเงิบกันเป็นแถว ‘เราพยายามจะบอกเขาว่า หยุดเถอะ… หยุดดึงหญ้าขึ้นมากินได้แล้ว แต่ดูเหมือนเจ้าตัวไม่ยอมฟัง เขาเอามันเข้าปากเคี้ยวๆ แล้วก็กลืนลงไปจริงๆ เล่นเอาพวกเราปวดกบาลไปตามๆ กัันให้ตายเถอะ!’ ตำรวจในเหตุการณ์ให้สัมภาษณ์ ด้วยความที่ไกล่เกลี่ยกันไม่รู้เรื่อง เจ้าหน้าที่จึงนำตัวชายคนดังกล่าวไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่สถานีตำรวจ และพบว่าเขามีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ในเลือดเกินตามที่กฏหมายกำหนดถึง 0.156 ถึงจะลงทุนกินหญ้าแต่สุดท้ายพ่อหนุ่มก็ต้องถูกปรับตามกฎหมายอยู่ดี แหม่…ไปโดนตัวไหนมาครับพี่ ไม่ใช่เมาเหล้าแล้วมั้งแบบนี้ ที่มา: Shanghaiist
-
เจ้าสุนัขโกลเด้น ขอบคุณผู้ช่วยชีวิตมันยกใหญ่ หลังจากถูกช่วยขึ้นมาจากบ่อน้ำได้สำเร็จ
หลายคนคงจะรู้จักสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ พวกมันเป็นสุนัขพันธุ์หนึ่งที่มีนิสัยขี้เล่นและรักเจ้าของมาก เผลอดูเหมือนว่าพวกมันจะเป็นหมาไฮเปอร์พันธุ์หนึ่งเลยก็ว่าได้ และเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้มีเหตุการณ์เกี่ยวกับความน่ารักๆ ของเจ้าสุนัขพันธุ์นี้เกิดขึ้น เมื่อมันพยามที่จะแสดงความขอบคุณกับผู้ที่ช่วยชีวิตมัน รายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ไปชมพร้อมกันเลย เมื่อปลายเดือนมีนาคม ได้มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอผ่านทาง Weibo โซเชียลเน็ตเวิร์คชื่อดังในของประเทศจีน ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังช่วยเหลือเจ้าสุนัขพันธุ์โกลเด้นผู้โชคร้ายที่ตกลงไปในบ่อน้ำลึกกว่า 3 เมตรออกมา วีดีโอขณะที่นักดับเพลิงกำลังช่วยเหลือเจ้าหมาผู้เคราะห์ร้ายนี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นวลาประมาณ 1 ทุ่ม ที่ มลฑลอานฮุย ในประเทศจีน ขณะที่เจ้าสุนัขโกลเด้นผู้น่าสงสารกำลังเดินเล่นกับเจ้าของมันอยู่บนถนน Shuangfeng ได้พลัดตกลงไปในบ่อน้ำที่อยู่ใกล้กับบริเวณสี่แยกนั้น ทันทีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเธอได้โทรแจ้งหน่วยกู้ภัยเพื่อขอความช่วยเหลือ หลังจากที่ได้รับแจ้งทางสถานีดับเพลิงอานฮุย ได้ส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมายังที่เกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือเจ้าหมาน้อยที่เคราะห์ร้ายโดยทันที เมื่อมาถึง คุณ Miao Kanglei นักดับเพลิงหนุ่มวัย 25 ได้ลงไปยังบ่อน้ำนั้นเพื่อช่วยมันออกมาโดยขณะที่เขาอุ้มมันขึ้นมาจากบ่อซีเมนต์ที่ลึกนั้น เจ้าสุนัขอยู่ในอาการตกใจอย่างมาก มันพยามใช้ขาของมันถีบคุณ Miao อยู่ตลอดเวลา แต่หลังจากใช้ความพยายามในการช่วยชีวิตหมาน้อยผู้น่าสงสารอยู่นาน ในที่สุดคุณ Miao และเจ้าสุนัขก็ขึ้นออกมาจากบ่อน้ำพร้อมกัน Miao รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมากกับภารกิจครั้งนี้แต่เจ้าโกลเด้นผู้เคราะห์ร้ายกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น มันดีใจมากที่สามารถออกมาจากบ่อน้ำนั่นได้ สุนัขตัวน้อยวิ่งไปรอบๆ ตัวของผู้ช่วยชีวิตมันและกระโดดเข้ากอดคุณ Miao เพื่อแสดงความขอบคุณ เป็นภาพที่น่ารักมาทำเอาคนอื่นที่อยู่ในเหตุการ์นั้นอดหัวเราะไม่ได้ คุณ Miao บอกว่า…
-
สะเทือนวงการแพทย์!! หมอชาวจีนประสบความสำเร็จ ในการปลูกถ่ายหูเทียมไว้ที่แขนผู้ป่วย
ปัจจุบันการแพทย์ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว การรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ในปัจจุบันมีความเข้าใกล้กับหนังแนววิทยาศาสตร์ที่เราเคยได้ชมกัน เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวใหญ่อีกข่าวหนึ่งที่ถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์เลยทีเดียว เมื่อแพทย์ชาวจีนประสบความสำเร็จในการปลูกถ่ายหูเทียมลงบนแขนมนุษย์!! เมื่อวันที่ 31 มีนาที่ผ่านมาทางเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานข่าวว่ามีศัลยแพทย์ชาวจีน ได้ปลูกถ่ายหูเทียมลงบนแขนของชายผู้หนึ่งหลังจากที่เขาประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรงในปี 2015 คุณ Ji หนุ่มจีนผู้ได้รับการทำศัลยกรรมในครั้งนี้ เขาประสบอุบัติเหตุอย่างร้ายแรงในปี 2015 จนทำให้เสียหูด้านขวาไป แพทย์ไม่สามารถที่จะทำให้หูของเขาให้กลับคืนมาได้อย่างเดิม ต้องพึ่งการศัลยกรรมเท่านั้น หลังจากนั้นดอกเตอร์ Guo Shuzhong ศัลยแพทย์จากโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย Xi’an Jiaotong ได้รับคุณ Ji ผู้เคราะห์ร้าย เข้ามาเป็นคนไข้ในการดูแลและได้ทำการปลูกถ่ายหูเทียมที่ต้นแขนของเขาเพื่อนำไปติดที่เดิม คุณหมอได้ทำการสร้างหูเทียมขึ้นมาจากเครื่องปริ้นสามมิติ โดยใช้กระดูกอ่อนจากกระดูกซี่โครงของผู้ป่วยเป็นวัตถุดิบในการสร้างอวัยวะเทียมในครั้งนี้ “หูเทียม” ถูกปลูกถ่ายไว้ยังต้นแขนของเขาและสามารถเติบโตได้ดี ผู้ป่วยต้องนอนพักในโรงพยาบาลอีกเป็นเวลา 2 อาทิตย์เพื่อดูการทำงานของอวัยวะเทียมที่ได้รับการปลูกถ่ายครั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าหูที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่นี้ สามารถเข้ากับเซลร่างกายของเขาได้ ก่อนที่มันจะถูกนำไปติดยังที่ศีรษะของเขาแทนหูเดิมที่สูญเสียไปจากอุบัติเหตุ หูเทียมถูกปลูกถ่ายลงในแขนของนาย Ji และสำเร็จในเดือนพฤศจิกายน 2015 คุณหมอ Guo Shuzhong กำลังตรวจสอบแผลการผ่าตัดหลังจากที่ปลูกถ่ายหูเทียมลงที่แขนของผู้ป่วย การตรวจสอบหูเทียมที่ปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วย โอโหการแพทย์สมัยนี้ก้าวหน้ามากเลยนะเนี่ย ไม่ว่าอวัยวะอะไรแพทย์ก็สามารถสร้างของเทียมขึ้นมาทดแทนได้ สุดยอดมากๆ ที่มา dailymail
-
เตือนใจพ่อแม่… เด็กชาย 7 ชวบ กระโดดตึกชั้น 10 พร้อมร่ม 1 คัน เกือบไม่รอดแล้วนะเจ้าหนู!?
เด็กชายวัย 7 ขวบชาวจีนรอดชีวิตได้อย่างหวุดหวิด หลังเล่นพิเรนทร์กระโดดลงมาจากหน้าต่างชั้น 10 พร้อมกับร่ม 1 คัน!? ใครจะคิดว่าเรื่องราวของเด็กที่เลียนแบบการ์ตูนในทีวี ด้วยการกระโดดจากตึกและร่ม ค่อยๆ ร่อนลงพื้นนั้น จะมีเด็กนำไปเลียนแบบจริงๆ และก็เกือบกลายเป็นข่าวสลด ตามรายงานของสำนักข่าว Dailymail เล่าว่าเมื่อวันที่ 15 เดือนเมษายนที่ผ่านมา เด็กชายชาวจีนถูกพบตัวอยู่บนถนนมีอาการบาดเจ็บสาหัสหลังจากกระโดดลงมาจากตึกสูง 10 ชั้น พร้อมกับร่ม 1 คัน จากการตรวจสอบก็พบว่าในวันนี้เขาถูกทิ้งไว้ให้อยู่ในอพาร์ตเม้นท์เพียงลำพัง แต่ภายหลังรอดชีวิตมาได้เพราะถูกช่วยเหลือพาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา “เขาได้รับบาดเจ็บอย่างร้ายแรง แต่เพราะเขาถูกพามาส่งที่โรงพยาบาลทันเวลา จึงทำให้พวกเราสามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้” แพทย์กล่าว เจ้าหน้าที่เผยข้อมูลว่าเด็กชายถูกทิ้งเอาไว้ให้อยู่บ้านเพียงลำพัง โดยที่พ่อแม่ของเขาคิดว่าลูกของตัวเองสามารถอยู่คนเดียวได้ และจะนั่งดูการ์ตูนอย่างเรียบร้อยที่หน้าจอทีวีอย่างเรียบร้อย แต่กลับกลายเป็นว่าการ์ตูนที่เขาชื่นชอบนั้นดันมีตัวละครที่โชว์การกระโดดจากที่สูงลงมาด้วยร่ม ราวกับใช้เป็นร่มชูชีพ จึงทำให้เขาอยากลองทำตามดู ซึ่งตามรายงานไม่ได้มีการเขียนไว้ว่าเป็นการ์ตูนเรื่องอะไร โชคดีที่ก่อนจะตกลงมาถึงพื้นตัวของเด็กชายตกลงมาถูกสายโทรศัพท์ จึงทำให้เขารอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด สภาพของบริเวณที่เกิดเหตุ เต็มไปด้วยที่พักและตึกสูง ถือเป็นอุทาหรณ์เตือนใจวำหรับพ่อแม่หลายๆ คน ว่าการให้ดูการ์ตูนนั้นเราควรจะให้คำแนะนำหรือเสริมความรู้ในโลกของความเป็นจริงให้กับลูกๆ…
-
เมื่อโค้ชทีมบาสเก็ตบอลหญิงโพสต์ภาพ ‘ต่อต้านการรักร่วมเพศ’ ทำเอาชาวเน็ตจีน ดราม่าทั่วโซเชียล
นักศึกษาหญิงสองคนจากมณฑล Hubei ประเทศจีนได้ออกมาทำการถือป้ายประกาศต่อต้านการรักร่วมเพศที่หน้ามหาวิทยาลัย จนกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ของประเทศจีน ข้อความในป้ายประกาศเขียนเอาไว้ว่า “ปกป้องวัฒนธรรมของชาวจีน ต่อต้านแนวคิดจากตะวันตก เราไม่เอาการรักร่วมเพศ อย่าให้มันเข้ามาในมหาวิทยาลัยของเรา” ภาพดังกล่าวถูกถ่ายขึ้นเมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา บริเวณข้างสนามบาสเก็ตบอลในคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย Huazhong University ที่ตั้งอยู่ในเมือง Wuhan เมื่อดูให้ดี ก็พบว่าภาพนี้ถูกโพสต์โดยแอคเค้าท์ของโค้ชทีมบาสเก็ตบอลหญิงที่ชื่อว่า Ling Bing พร้อมกับแคปชั่นว่า “นี่เป็นความหวัง ที่อยู่ในใจของเราเสมอมา” Ling พยายามที่จะนำมุมมองในเรื่องของการต่อต้านความรักร่วมเพศมาสอนให้กับเหล่าผู้เล่นในทีมของตัวเอง และนักศึกษาหญิงทั้งสองคนที่ยืนถือป้ายอยู่นั้นก็เป็นผู้เล่นในทีมของเธออีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีนักศึกษาวัย 22 ปี ในมหาวิทยาลัย Huazhong University ที่เรียนอยู่คณะเดียวกันก็ออกมาเล่าให้ฟังว่าในอดีตเคยมีนักกีฬาที่เป็นเลสเบี้ยนถูกเพื่อนร่วมทีมกลั่นแกล้งจนต้องลาออกมาแล้ว “ในทีมบาสเก็ตบอลหญิงจะกลายเป็นสถานที่มหันตภัยสำหรับชาวรักร่วมเพศเลยล่ะ ทำให้หลายๆ คนที่อยากเป็นนักกีฬา แต่มีรสนิยมรักร่วมเพศไม่กล้าที่จะเข้าไปสมัครเข้าทีมเลยแม้แต่คนเดียว” แน่นอนว่าหลังจากที่ภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ทำให้อุณหภูมิในโซเชียลเน็ตเวิร์คจีนถึงกับเดือดระอุขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทั้งนักศึกษา และชาวเน็ตคนอื่นๆ ต่างก็ไม่พอใจกับการกระทำของโค้ช และเหล่านักกีฬาบาสเก็ตบอลหญิง นักศึกษาคนหนึ่งให้ความเห็นว่า “พวกเรารู้สึกโกรธมากๆ เกี่ยวกับความคิดของพวกเขา พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของสิทธิและความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย” ส่วนชาวเน็ตที่ไม่ใช่นักศึกษาก็ออกมาบอกว่า “ฉันสนับสนุนในเรื่องของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นนะ แต่การกระทำที่ใจแคบแบบนี้สมควรแล้วหรือ??” “วัฒนธรรมจีนโบราณอย่างนั้นเหรอ? พวกเธอแน่ใจได้อย่างไรว่าการรักร่วมเพศนั้นเป็นแนวคิดที่มาจากตะวันตก…
-
ความรักชนะทุกอย่าง คู่แต่งงาน “สาวรัสเซีย” กับ “หนุ่มจีน” คนงานเหมืองถ่านหิน ที่ทำให้โลกอิจฉา
ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามและไม่เคยแบ่งแยกความเชื่อ ศาสนา หรือแม้แต่ฐานะ หลายๆ ครั้งที่เราดูคะครหรือซีรี่ส์เกาหลีก็มักจะพบความรักประมาณว่า พระเอกเป็นคนรวยมากมาแต่งงานกับนางเอกที่เป็นลูกยาจกไม่มีข้าวจะกินต้องไปขอข้าววัด หรือพระเอกเป็นขอทานมาพบรักกับนางเอกผู้เป็นเจ้าของแผงขายผักที่พระเอกไปนั่งขอทานอยู่ (นี่ก็มโนกันไป) แต่ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องความรักแบบในละครนั้นจะมีอยู่ในชีวิตจริงด้วย เหมือนเรื่องที่เรานำมาฝากกันในวันนี้… Chen Jingyang หนุ่มจีนวัย 28 ปี ได้จัดงานแต่งอย่างเรียบง่ายกับเจ้าสาวของเขา Sophia สาวรัสเซียวัย 22 ปี ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมือง Heihe มลฑล Heilongjiang ประเทศจีน Sophia มาที่เมือง Heihe เมื่อ 5 ปีที่แล้วเพื่อศึกษาต่อทางด้านภาษา เธอมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับวัฒนธรรมของจีนและภาษาจีนกลางอย่างมาก หลังจากเรียนจบเธอเลือกที่จะทำงานกับบริษัทแห่งหนึ่งในตัวเมือง มากกว่าที่จะเดินทางกลับบ้านเกิดที่รัสเซีย ในช่วงกลางปี 2016 ทั้งคู่ได้พบกันครั้งแรกผ่านเพื่อนของฝ่ายชาย และได้เริ่มติดต่อกันผ่านทาง Wechat แอพพลิเคชั่นชื่อดังของจีน ขณะนั้นฝ่ายเจ้าบ่าว Chen กำลังทำงานเป็นคนงานเหมืองถ่านหินอยู่ ในทุกๆ วันเขาจะใช้เวลาหลังเลิกงานเพื่อติดต่อพูดคุยกับเธอ เนื่องจากเหมืองถ่านหินที่เขาทำงานอยู่นั้นห่างจากตัวเมืองมาก เขาจึงฝากเพื่อนหรือคนในครอบครัวเอาดอกไม้ไปให้กับ Sophia อยู่บ่อยๆ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความรักของทั้งสอง Sophia บอกว่ามันคือความรักตั้งแต่แรกพบ เธอมักจะลางานเพื่อไปพบเขาที่เหมืองถ่านหินอยู่บ่อยๆ และหลังจากนั้นเธอก็ตัดสินใจที่จะลาออกจากงาน และไปอาศัยอยู่ที่บ้านพักหลังเล็กใกล้กับที่ทำงานของเขา เธออาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลากว่า 2 เดือน…
-
เปิบเมนูสุดฮิตจากจีน “หม้อไฟทุเรียน” แม้หน้าตาแปลก แต่หอมตลบอบอวลไปทั่วตำบล
ถ้าพูดถึงเมนูแปลกๆ ที่ทำให้เราช็อคได้เสมอก็ต้องมาจากประเทศจีนซะเป็นส่วนใหญ่ ที่ช่างสรรหาความอร่อยในรูปแบบที่เราไม่คาดคิดมาก่อนว่ามันจะทานได้ มาทำให้เป็นเมนูสุดฮิตที่นักชิมทั่วโลกต้องเดินทางมาลิ้มลอง เมนูในครั้งนี้ก็สุดจะแปลกประหลาดกับ “หม้อไฟทุเรียน” ที่นำทุเรียนมาต้มใส่ไก่ ดูแล้วก็พิศดารไม่เบาด้วยสีเหลืองนวลๆ ของมัน ส่วนกลิ่นนี่สิจะหอมไกลไปกี่กิโลก็ไม่รู้ ว่าแล้วลองไปชมภาพกันชัดๆ เลยดีกว่า คู่หนุ่มสาวจากช่องยูทูป The Food Ranger ที่เป็นรายการที่พาไปทานอาหารอร่อยจากหลายๆ แห่ง อย่างเทปนี้พวกเขาได้เดินทางไปถึงเมืองกว่างโจวในมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เพื่อลิ้มลองรสชาติของหม้อไฟทุเรียนในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งพวกเขาดูตื่นเต้นเพราะไม่เคยทานอาหารแบบนี้มาก่อน เมื่อหม้อไฟทุเรียนถูกยกมาเสิร์ฟพิธีกรก็ได้บอกว่า “กลิ่นหอมน่าทานมากๆ เราต้องลองกันแล้วล่ะ ” ในหม้อไฟนั้นมีทุเรียนกับไก่ต้มรวมกัน และยังมีเส้นอุด้งให้เพื่อใส่ลงไปในซุปด้วย ต้องยอมรับว่าเป็นเมนูที่แปลกจริงๆ เมื่อพวกเขาได้ทานคำแรกก็ต้องประหลาดเพราะว่ามันอร่อยอย่างเหลือเชื่อ ทุเรียนกับซุปไก่นั้นเข้ากันได้อย่างดี ทุเรียนในซุปมีเนื้อสัมผัสที่เป็นเนื้อครีมนุ่มละมุน คล้ายๆ กับเนย และมีความมันนิดๆ กลิ่นแรงหน่อยๆ แต่พวกเขาก็บอกว่ามันคือข้อดีของเมนูนี้เลยล่ะ หากใครที่อย่างลงทุนดั้นดนไปทานถึงประเทศจีน ราคาของหม้อไฟทุเรียนหม้อหนึ่งก็อยู่ที่ 303 หยวน หรือ หม้อละ 1,500 บาท แต่ถ้าหากสั่งทุเรียนมาเพิ่มอีก 3 พู อย่างในคลิปนี้ก็เพิ่มอีก 88 หยวน หรือประมาณ 400 บาท…
-
ความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยกับการก่อสร้างอาคาร โชคลางเป็นหลัก ความสวยงามเป็นผลพลอยได้…
หลักฮวงจุ้ย ความเชื่อในการออกแบบของสถาปัตยกรรมแบบจีน ที่เชื่อว่าโลกของเรามีการไหลเวียนของพลังงานอยู่ ดังนั้นสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่อยู่บนพื้นโลกก็เช่นกัน ย่อมได้รับผลของการไหลเวียนพลังงานนั้น ถ้าหากมีการก่อสร้างที่เป็นการขวางพลังงานที่ดี ก็อาจจะส่งผลเสียต่ออาคารนั้นรวมไปถึงผู้อยู่อาศัยภายในได้ หลักฮวงจุ้ยนี้ได้รับความนิยมในการนำไปปรับใช้กับการสร้างอาคารต่างๆ ในปัจจุบันอย่างมาก เพื่อให้ผู้ที่อยู่อาศัยประสบกับความโชคดีและร่มเย็นเป็นสุข นอกจากเรื่องของความโชคดีแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นผลพลอยได้จากการทำตามหลักฮวงจุ้ยนั่นก็คือ รูปแบบของอาคารและสิ่งก่อสร้างที่สวยงามและแปลกตา ทำไมถึงต้องออกแบบตึกให้มีรูกลางอาคารด้วย!? ประเทศฮ่องกง ได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีตึกระฟ้าที่สวยงามอยู่มากมาย การออกแบบและก่อสร้างอาคารสูงเหล่านั้นถูกออกแบบและก่อสร้างโดยคำนึงถึงหลัก “ฮวงจุ้ย”เป็นสำคัญ การจัดตำแหน่งของทางเข้าอาคารและเฟอร์นิเจอร์ภายในตามหลักของฮวงจุย มีความเกี่ยวข้องกับความเจริญรุ่งเรืองของเจ้าของอาคาร ความเชื่อนี้ถูกพิจารณาเป็นอันดับแรกๆ ในการสร้างบ้านหรือซื้อขายอาคารส่วนมากในเกาะฮ่องกง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความเชื่อไม่มีหลักการทางวิทยาศาตร์ยืนยันได้ หลักฮวงจุุ้ยเคยถูกปราบปรามครั้งใหญ่ในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรมของประเทศจีนช่วงปี 1960 แต่กลับมาได้รับความนิยม อย่างมากในช่วงที่ผ่านมา มีหลายบริษัทถึงขั้นจัดสรรงบเพื่อไว้สำหรับปรึกษาเกี่ยวกับฮวงจุ้ย โดยคำแนะนำของการวางฮวงจุ้ยก็มีตั้งแต่ การจัดวางตำแหน่งของโต๊ะผู้บริหาร การเอาเหรียญมาวางไว้ใต้พรม หรือแม้กระทั่งการวางรูปแบบของอาคารใหม่เลยทีเดียว ตัวอย่างของความเชื่อนี้ที่ถูกนำไปประยุกต์ใช้กับการจัดวางอาคารต่างๆ เช่น ตึกสำนักงานใหญ่ของธนาคารระดับโลกอย่าง HSBC ได้นำรูปหล่อของสิงห์โตสองตัวมาตั้งที่หน้าสำนักงาน มีการปรับทิศทางของบันไดเลื่อนเพื่อป้องกันวิญญาณชั่วร้ายจากจากอ่าว Victoria เข้าสู่ออฟฟิส และสร้างสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะคล้ายกับปืนใหญ่ไว้ด้านบนสุดของอาคารเพื่อเป็นการยิงส่งชั่วร้ายที่มาจากอาคารตรงข้ามอีกด้วย อาจเป็นเพราะการแก้ฮวงจุ้ยนี้เองที่ยังคงทำให้ธนาคาร HSBC ยังคงดำเนินกิจการได้ถึงจนทุกวันนี้ เพราะอาคารที่อยู่บริเวณเดียวกันที่ละเลยการวางฮวงจุ้ยต่างก็ต้องพบกับโชคร้าย อย่างเช่น ธนาคารพาณิชย์ที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ อย่าง Bank of China ก็มีผลประกอบการที่ไม่ดี หรือ…
-
ช่างภาพตามถ่าย “เมืองจีนไร้ผู้คน” ราวกับว่านี่คือในฝัน ไม่ใช่โลกแห่งความเป็นจริง!?
Kai Caemmerer ช่างภาพจากแคลิฟอร์เนีย ผู้หลงใหลในวัฒนธรรมแห่งเมืองจีน เมื่อปี 2015 เขาได้ออกเดินทางไปทั่วประเทศจีน ภายใต้ผลงานที่ชื่อว่า ‘Unborn Cities’ (เมืองที่สร้างไม่เสร็จ) ทั้งหมดนี้เป็นภาพจากย่าน Kangbashi ซึ่งเป็นเมืองทางตอนเหนือ ที่ทางการจีนเคยสร้างขึ้นมาโดยมีนโยบายจะย้ายประชากรจำนวน 300 ล้านคนเข้ามาอยู่ที่นี่ ทว่าด้วยปัญหาบางอย่างกลับทำให้มันกลายเป็นเมืองร้างไร้ซึ่งผู้คนไปโดยปริยาย ‘ในฐานะที่ผมเป็นทั้งช่างภาพ และสถาปนิก ครั้งแรกที่ผมได้มาเยือนที่นี่มันกลับให้ความรู้สึกวังเวง เหมือนเมืองผียังไงยังงั้น’ ‘น่าแปลกใจที่เมืองนี้เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า มีสิ่งก่อสร้างทันสมัยมากมาย แต่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เลย’ เขาเล่าเสริม นอกเหนือจากย่านตำบล Kangbashi แล้ว ในปี 2015 เขาก็ได้เดินทางไปเก็บภาพที่เทียนจิน และที่เมืองฉางซา ‘มันมีความทันสมัยเหมือนกับเมืองอื่นๆ แต่ต่างออกไปตรงที่มันเงียบสงัดเหลือเกิน’ ‘เมืองพวกนี้สามารถพบได้บนสัญญาณจานดาวเทียม แตกต่างจากเมืองเล็กๆ ของชาวบ้านที่ไม่มีใครหาเจอเลย’ เขาเล่าเสริม เขาใช้เวลาออกเดินทางถ่ายภาพทุกวัน ตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ไปจนถึงพระอาทิตย์ตกดิน ทั้งหมดก็กินเวลาไปมากกว่า 80 วันเลยทีเดียว ทว่าการเข้ามาถ่ายภาพในเมืองครั้งนี้ของเขา ไม่ได้มาแบบถูกต้องตามกฏหมาย หรือมีเจ้าหน้าที่อนุญาติให้เข้ามา …
-
หนุ่มจีนใช้จีพีเอสนำทาง ไม่รู้เส้นทางเป็นยังไง พาไปโผล่กลางแม่น้ำเฉยเลย!?
จะว่าไปแล้วระบบนำทางจีพีเอสที่ไม่ว่าอูเบอร์ แท็กซี่ หรือเวลาเราไปต่างจังหวัดก็มักจะใช้กันเป็นประจำ บางทีมันก็มีข้อเสียโผล่มาให้เห็นแบบพ่อหนุ่มจีนรายนี้เหมือนกัน (ก่อนหน้านี้ก็มีอีกหลายคนที่โดน) เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่มณฑลอานฮุย ประเทศจีน โดยสำนักข่าว Shanghaiist ได้รายงานว่าเมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งให้ไปช่วยกู้รถที่ติดอยู่กลางแม่น้ำ!! เจ้าหน้าที่สอบถามเจ้าของรถก็ได้ความว่า พ่อหนุ่มจีนขับรถมาเที่ยวในบริเวณนี้ แต่ตามหาจุดหมายที่จะไปไม่เจอ เลยใช้จีพีเอสนำทางมาเรื่อยๆ และก็ปรากฏว่าเป็นอย่างที่เห็นในภาพ ติดอยู่กลางแม่น้ำขนาดนี้อาศัยแค่แรงคนคงไม่ไหว เจ้าหน้าที่ต่างก็พากันงงว่าพ่อหนุ่มขับรถยังไง๊ ให้มันมาโผล่กลางน้ำแบบนี้ได้!? เจ้าหน้าที่ต้องประสานงานกับทางเทศบาล เพื่อนำรถตักดินมาถมทางก่อน จากนั้นก็ต้องใช้เชือกผูกรถเจ้ากรรมที่ติดอยู่กลางน้ำไว้กับรถบรรทุก เรียกได้ว่าเหนื่อยกันไปทั้งกรมเลยทีเดียว เจ้าหน้าที่ตำรวจให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นของจีนว่า ‘ผู้ประสบเหตุเขาไม่ใช่คนแถวนี้หน่ะครับ เขาเลยไม่ชินทาง หรืออะไรบังตารึเปล่าก็ไม่รู้ ขับรถมาลงน้ำเนี่ย’ หลังจากที่เหตุการณ์นี้ถูกแชร์ลงในเน็ต ก็มีชาวเน็ตออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย บ้างก็ว่าเป็นความผิดจีพีเอส บ้างก็ว่าผู้ผลิตจีพีเอสไม่ได้คุณภาพ แต่มีความเห็นหนึ่งที่เรารู้สึกชอบใจมากเขาบอกว่า ‘นี่มันไม่ได้เกี่ยวกับจีพีเอส แต่มันเป็นเพราะไอคิวต่างหาก’ กว่าจะถมทางเสร็จ กว่าจะช่วยกันลากออกมาได้ ไม่ใช่งานง่ายๆ เลยนะเนี่ย ฮ่าๆๆ อยากรู้ว่าตอนเลี้ยวลงน้ำนี่ พ่อหนุ่มแกไม่ได้มองทางเลยเร๊อะ? ที่มา: Shanghaiist
-
สวนสาธารณะเซินเจิ้น ประสบปัญหามีจักรยานเยอะเกินไป จนต้องงัดไม้ตายสั่งแบน!!
ปกติถ้าไปเที่ยวที่สวนสาธารณะ ใครก็อยากจะไปนั่งกินลมชมวิวชิลๆ กันทั้งนั้น ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น ‘สวน’ ของประชาชนทุกคน และเป็นพื้นที่ใช้พักผ่อนหย่อนใจ แต่ถ้าคนเยอะไปบางมันก็อาจไม่ชิลเหมือนที่เราคาดหวังไว้ เช่นเดียวกับสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในเมืองเซินเจิ้น ซึ่งสำนักข่าว Shanghaiist ได้รายงานว่า จำนวนจักรยานของผู้มาเที่ยวชมมันเยอะจนแทบจะไม่มีที่เดิน เจ้าหน้าที่ถึงกับต้องสั่งแบน! ตอนแรกก็คิดว่ามันจะเยอะขนาดไหนเชียว พอได้เห็นรูปนี้เท่านั้นแหละ.. นี่มันงานชุมนุมจักรยานโลกรึเปล่าเนี่ย!? จากเว็บไซต์ต้นฉบับของจีนได้ระบุว่า ในวันที่ถ่ายรูปนี้คาดว่าจะมีจำนวนคนเข้ามาเที่ยวมากถึง 300,000 คน ซึ่งมันดันตรงกับวันหยุดเทศกาลชิงหมิง (เชงเม้ง) ของจีนพอดี ชาวเมืองก็เลยต่างพากันเช่าจักรยาน และปั่นมาเที่ยวชมที่สวนสาธารณะ Shenzhen Bay Park โดยเฉพาะแค่ช่วงเช้าก็มีจักรยานแห่กันเข้ามามากกว่า 10,000 คันเลยทีเดียว เยอะซะจนคนแทบจะไม่มีที่เดิน ดูสภาพการจราจรจากในคลิปแล้ว รู้สึกอึดอัดแทนเลย ด้วยจำนวนจักรยานที่มันเยอะ บวกกับพฤติกรรมของคนเช่าที่จอดไม่เป็นที่เป็นทางจนกลายเป็นปัญหา ทำให้วันต่อมาเจ้าหน้าที่รัฐออกคำสั่งห้ามไม่ให้นำจักรยานเข้ามายังบริเวณสวนสาธารณะทันที ซึ่งก็มีการเรียกตัวผู้ประกอบการให้เช่าจักรยาน มาปรึกษาหารือถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และก็ได้ข้อสรุปที่ว่าหน่วยงานเอกชนยินดีที่จะช่วยกันทำให้สวนสาธารณะกลับมาสงบสุขร่มรื่นอีกครั้ง ภายในคืนนั้นเองทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ประกอบการ ต่างก็ช่วยกันเคลียร์จักรยานที่จอดอยู่เต็มสวน ไม่ว่าจะพ่อค้าแม่ขายให้เช่าจักรยานรายไหน ก็ต้องเก็บกลับบ้านหมดทุกคน …
-
คู่รักจีนรอดหวุดหวิด เมื่อบันไดเลื่อนในสถานีรถไฟใต้ดิน ทะลุจนเกือบถูกดูดเข้าไปในนั้น!!
แทบจะเป็นข่าวที่เราได้เห็นทุกปีเลยทีเดียว สำหรับอุบัติเหตุเกี่ยวกับบันไดเลื่อนในประเทศจีน คราวนี้เกิดขึ้นอีกครั้งในสถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งพังถล่มลงตรงหน้า จนเกือบดูดสองคู่รักเข้าไป เรื่องราวเกิดขึ้นที่สถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งในเมืองซูโจว มณฑลเจียงสู ประเทศจีน เมื่อคู่รักคู่หนึ่งกำลังขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อออกจากสถานีรถไฟ แต่ทันใดนั้นเอง บันไดเลื่อนก็เกิดขัดข้อง จนแทบดูดทั้งสองคนเข้าไปในนั้นแล้ว โชคดีที่ทั้งสองไหวตัวทัน ทำให้สามารถหนีรอดไปได้อย่างหวุดหวิด ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กันดีกว่า อื้อหือ อันตรายจริงๆ เมื่อไม่กี่วันก่อนก็เพิ่งมีเหตุการณ์บันไดเลื่อนในฮ่องกงเคลื่อนผิดด้าน จนทำให้ผู้ใช้งานได้รับบาดเจ็บหนักถึง 18 ราย (ข่าวเก่า) แบบนี้ไปใช้บันไดเลื่อนที่ไหน คงต้องระวังกันสุดชีวิตเลยนะเนี่ย ที่มา shanghaiist
-
จีนเตรียมเปิดตัว ‘รถไฟใต้ดินไร้คนขับสายใหม่’ เสริมกำลังขนส่งมวลชนกรุงปักกิ่ง ภายในปีนี้!!
โลกเรานับวันยิ่งพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก หลายเทคโนโลยีต่างถูกนำเข้ามาเพื่อช่วยในการทำงานของมนุษย์… และเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีอีกข่าวที่น่าสนใจมาก โดยวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมาเว็บไซต์ shanghaiist ได้รายงานข่าวว่า เมื่อยักษ์ใหญ่ของเอเชียอย่างประเทศจีนกำลังวางแผนที่จะให้บริการรถไฟใต้ดินไร้คนขับสายใหม่ ซึ่งคาดว่าจะพร้อมให้บริการภายในปี 2017 นี้ เส้นทางระบบรถไฟใต้ดินใหม่นี้มีความยาว 16.6 กิโลเมตรในชื่อว่า Yanfang Line ซึ่งจะเป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างชานเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของย่าน Fangshan กรุงปักกิ่ง ถ้าโปรเจคนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว มันก็จะกลายเป็น “สถานีรถไฟอัตโนมัติแห่งแรกที่ทันสมัยที่สุดในประเทศจีน” รถไฟไร้คนขับนี้ถูกเปิดใช้ครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในฮ่องกง และเมื่อเดือนกุมภาพันธุ์ที่ผ่านมาที่สถานี Qingdao โดยผู้ดำเนินการในการสร้างครั้งนี้คือ บริษัท CCRC Qingdao Sifang ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทของจีนที่เชี่ยวชาญด้านรถไฟความเร็วสูง หัวหน้าเทคนิคของโครงการบอกกับสำนักข่าวว่า “รถไฟสายที่กำลังจะก่อสร้างนี้ นอกจากจะมีความปลอดภัยสูงแล้ว มันก็ยังมีประสิทธิภาพที่สูงกว่ารถไฟที่ควบคุมด้วยคนอีกด้วย” “รถไฟไร้คนขับนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดข้อผิดผลาดที่เกิดจากคนเท่านั้น แต่มันยังช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดจากความเหนื่อยล้าของคนขับหรือคนขับที่มีอาการเจ็บป่วยกระทันหันได้มากขึ้นอีกด้วย” หัวหน้าช่างเทคนิคกล่าวเสริม ตอนนี้รถไฟไร้คนขับนี้ มีให้บริการแล้วใน เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง และกวางโจว แต่อย่างไรก็ตามทางช่างเทคนิคของบริษัท CRRC บอกว่า “รถไฟไร้คนขับที่มีใช้ในบัจุบันนั้น ยังคงต้องพึงระบบสั่งการที่นำเข้ามาจากต่างประเทศอยู่ แต่รถไฟไร้คนขับที่เรากำลังจะสร้างขึ้นนี้ เป็นฝีมือการพัฒนาของพวกเราชาวจีนล้วนๆ” ตอนนี้ทางการจีนกำลังมีโปรเจคใหญ่ที่จะต้องการพัฒนารถไฟฟ้าใต้ดินให้เชื่อมต่อไปยังมลฑลเหอเป่ย ทางตอนเหนือของประเทศภายในปี…
-
“ปรมาจารย์ตวัดเส้นหมี่” ลาออกจากร้านแล้ว เพราะเรียกเงินเดือนสูง เกินกว่าร้านจะจ่ายไหว!!
ถ้าใครยังพอจะจำกันได้เมื่อราวๆ ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีคลิปคลิปหนึ่งที่โด่งดังมากในโลกอินเตอร์เน็ต เป็นคลิปของหนุ่มจีนรายหนึ่งในร้านขายบะหมี่ ที่โชว์ลีลาการตวัดเส้นบะหมี่ลงหม้ออย่างเมามันและพริ้วไหวยิ่งกว่าสายลม จากคลิปนั้นทำให้เขากลายเป็นซุป’ตาร์ในโลกอินเตอร์เน็ตไปพักหนึ่งเล ย สำนักข่าวท้องถิ่นจึงพากันไปทำข่าวของเขาถึงได้รู้ว่าเขาชื่อนาย Tian Bo วัย 31 ปี ที่หลงใหลในการทำเส้นบะหมี่มาก (ข่าวเก่า) แต่กลายเป็นว่าความโด่งดังของเขาดันสร้างความอึดอัดใจให้กับเขาเอง นาย Tian Bo จึงขอลาออกจากการทำงานที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งนั้นเนื่องจากเขาคิดว่าความโด่งดังของตัวเองน่าจะสามารถทำเงินได้มากกว่าที่ร้านจะจ่ายให้เขาได้ (จากตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะทำอยู่ที่เดิม) ด้านนายจ้างของนาย Tian Bo บอกกับสื่อว่าหลังจากที่เขาโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ เขาก็มาขอขึ้นค่าแรงแบบสูงมาก นายจ้างจึงตกลงเพิ่มเงินเดือนให้เขาจาก 9,000 หยวน (ประมาณ 45,000 บาท) เป็น 10,000 หยวน (ประมาณ 50,000 บาท) แต่จำนวนเงินเหล่านั้นกลับยังไม่พอต่อความต้องการของนาย Tian Bo เพราะจำนวนเงินที่เขาต้องการคือ 150,000 หยวนต่อปี (ประมาณ 752,000 บาท) ซึ่งเป็นจำนวนที่มากเกินกว่าที่นายจ้างจะสามารถจ่ายได้ จึงต้องปล่องให้นาย Tian Bo ลาออกแล้วไปหางานที่เหมาะสมกับเขาแทน นายจ้างของเขาได้กล่าวว่า “เมื่อเขากลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ในอินเตอร์เน็ต เขาก็เริ่มเกิดความคิดว่าเขาไม่ใช่…
-
20 ภาพถ่ายจาก “สถานที่ต้องห้าม” ทั่วทุกมุมโลก ด้วยมุมมองของโดรนที่คนไม่ค่อยได้เห็น
ต้องบอกเลยนะว่า โลกของเราใบนี้ไม่ได้เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ที่สวยงาม และน่าตื่นตาเพียงอย่างเดียว แต่มันยังเต็มไปด้วยความลับมากมายที่เราไม่เคยรู้ และเห็นมาก่อน โดยเฉพาะสถานที่ต้องห้ามจากทั่วโลก ที่เราอาจจะไม่ทราบความจริงเลยสักนิดว่า มันคืออะไรแน่ อีกทั้งยังไม่เคยเห็นภาพ หรือเข้าไปเยี่ยมชมเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่อย่างน้อยก็ยังพอมีโอกาสได้เห็นอยู่บ้าง เพราะเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง “โดรน” สามารถช่วยให้เรามองเห็นสถานที่ที่เราไม่เคยคิดว่าจะไปได้ และนั่นก็อาจจะทำให้เราได้เห็นว่าโลกนี้มีสถานที่ที่ถูกทำลายร้าง และน่ากลัวอยู่ไม่น้อย 1.ซีเรีย เมื่อ Homs ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของซีเรีย ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมสำคัญของซีเรีย บัดนี้ใกล้กลายเป็นเมืองร้างเข้าไปทุกที เพราะหันไปทางไหนก็เจอแต่ซากตึกปรักหักพังอยู่เต็มไปหมด หลังจากที่ได้ถูกทำลายอย่างรวดเร็ว จากการต่อสู้อันหนักหน่วงระหว่างฝ่ายกองทัพรัฐบาล และฝ่ายกบฏ ส่งผลกระทบพื้นที่ดังกล่าวถูกทำลายไปจนเกือบหมดสิ้น และผู้คนบริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตไปนับกว่าพันคน . 2.กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน Trey Ratcliff ช่างภาพชาวอเมริกัน อยากที่จะเรียนรู้ว่าทำไมพระราชวังต้องห้าม (Palace Museum) ที่ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่งเป็นพระราชวังอิมพีเรียลของราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิง จึงถูกเรียกว่า “The Forbidden City” ดังนั้น จึงทำให้เขาอยากที่จะบันทึกภาพถ่ายจากมุมสูงของพระราชวังดังกล่าวเอาไว้ แต่ทว่าการใช้โดรนบินผ่านสำนักงานใหญ่ของรัฐบาลจีนอาจเป็นสิ่งที่ต้องควรระวัง แต่อย่างน้อย Trey ก็โชคดี ที่สามารถถ่ายภาพทางอากาศได้ก่อนที่เขาจะถูกทางการของจีนจับได้ “การตัดสินใจที่จะถ่ายภาพพระราชวังต้องห้ามของจีน เป็นเหมือนกับ Luke…
-
ใครอยากไปจีนเตียมเฮ!! รัฐบาลจีนเตรียมวางแผน มอบใบอนุญาต 5 ปี ให้คนทำงานมากขึ้น
เป็นข่าวดีสำหรับใครที่กำลังมองหางานทำในต่างประเทศ เมื่อประเทศจีนกำลังจะออกใบอนุญาตทำงานที่มีอายุนานถึง 5 ปี เพื่อลดความยุ่งยากของการทำงานในประเทศจีน เว็บไซด์ caixin รายงานว่า ทางการจีนเตรียมออกกฎหมายใหม่สำหรับชาวต่างชาติที่ทำงานติดต่อกันภายในประเทศอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป สามารถที่จะขอใบอนุญาติทำงานระยะยาวนี้ได้ เป็นข่าวดีอย่างมากสำหรับ ผู้ที่กำลังทำงานอยู่ในประเทศจีน เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาและความยุ่งยากในการ ต่อใบอนุญาติทำงานแบบเดิม ตามรายงานกล่าวว่าโครงการนี้ มีแผนที่จะเริ่มบังคับใช้ในปลายปีนี้ โดยจะเริ่มใช้กับ 9 มลฑลใหญ่ๆ อย่างเช่น ปักกิ่ง หวู่ฮั่น และเหอเป่ย และอีก 11 เขตการค้าเสรี เช่น เทียนจิน ฉงชิ่ง และเหอหนาน เป็นต้น และนอกจากนี้ยังมีแผนที่จะมอบที่พำนักถาวรให้กับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศจีนมากว่า 4 ปีขึ้นไปอีกด้วย ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณารายละเอียดและความเป็นไปได้ของแผนนี้ โดยเมื่อไม่นานมานี้จีนเริ่มดำเนินมาตรการในการที่จะดึงดูดนักลงทุนใหญ่ๆ จากต่างชาติให้เข้ามาในประเทศมากยิ่งขึ้น โดยมีการผ่อนคลายนโยบายที่พักอาศัยและการเข้าเมืองให้กับชาวต่างชาติกว่า 1,567 คนแล้วในปีที่ผ่านมา และเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทางการจีนได้ประกาศให้ชาวต่างชาติที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยของจีน หรือมหาวิทยาลัยต่างประเทศที่มีชื่อเสียง สามารถที่จะขอวีซ่าสำหรับทำงานได้ทันทีเมื่อเรียนจบ ซึ่งก่อนหน้านี้จะต้องมีประสบการณ์ทำงานในระดับปริญญาโทอย่างน้อย 2 ปี ถือว่าเป็นข่าวดีมากเลยนะครับ ที่ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างประเทศจีนกำลังเปิดประเทศ นึกไม่ออกเลยว่า เศษฐกิจของจีน จะเติบโตมากขนาดไหน ส่วนใครที่สนใจจะทำงานในต่างประเทศก็ลองศึกษารายละเอียดดีๆ ก่อนนะครับ…
-
คุณลุงชาวจีนเมาจัด ยัดปลาเป็นๆ 2 ตัวเข้าไปในรูทวาร ดุกดิ๊กภายในจนเกือบไม่รอด!!
เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตกใจให้กับโรงพยาบาลขึ้นเมื่อ คุณลุงในประเทศจีนถูกพามายังโรงพยาบาล หลังจากที่จับปลาเป็นๆ ยัดเข้าไปในรูทวาร หลังดื่มหนักมากเกินไป ซึ่งภายในนั้นก็คือปลาหมู (Pond loach) 2 ตัว กำลังแหวกว่ายอยู่ในลำไส้ของเขา มีตัวหนึ่งว่ายทะลุผ่านผนังลำไส้ จนทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงให้กับผู้ป่วย คุณหมอในเมือง Guangzhou ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีน ได้ทำการผ่าตัดเพื่อนำเจ้าปลาสองตัวออกมาได้สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นผู้ป่วยก็ยังคงต้องนอนอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอดูอาการอย่างใกล้ชิด ภาพการเอกซเรย์ภายใน ตามรายงานเล่าว่าเมื่อวันที่ 10 มีนาคมทีผ่านมาชายวัย 45 ปี ดื่มเหล้าจนเมาแอ๋ และก็นึกสนุกขึ้นมาเอาปลามายัดเข้าไปในรูทวารด้วยตัวเอง ในวันต่อมาก็ถูกพาตัวไปที่โรงพยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัย Jinan University เพราะมีอาการไข้ขึ้นสูง ความดันเลือดต่ำ และอาการปวดท้องอย่างรุนแรง เพราะว่าเจ้าปลาหมูเจ้ากรรมสองตัวได้อาศัยอยู่ในร่างกายของเขามานานมากกว่า 24 ชั่วโมง หลังจากที่ศัลยแพทย์ทำการตรวจสอบร่างกายของผู้ป่วยด้วยการฉายรังสีเอ็กซ์ในช่องท้องก็ต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก ปลาหมู (Pond loach) ผู้ป่วยถูกวินิจฉัยว่าอาการทั้งหมดนี้เกิดจากอาการลำไส้ฉีกขาด และมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการช็อคเนื่องจากติดเชื้อ จนในที่สุดศัลยแพทย์ก็สามารถนำเจ้าปลาตัวแรกออกมาได้ ซึ่งมีความยาวมากกว่า 15 เซนติเมตรเลยทีเดียว!! แต่ตัวที่สองศัลยแพทย์ไม่สามารถหาตำแหน่งของมันได้ จึงต้องเริ่มจากการหาตำแหน่งของแผลที่ลำไส้ซะก่อน จากนั้นไม่นานก็พบตัวที่สองที่ว่ายลึกเข้าไปอยู่ในบริเวณหน้าท้องด้านบนซ้ายของผู้ป่วย ซึ่งตัวที่สองนี้มีความยาวเพียงแค่ 10 เซนติเมตรเท่านั้นเอง คุณหมอบอกว่าเขาอาจจะเสียชีวิตได้เลยหากเจ้าปลาตัวนี้ว่ายขึ้นไปถึงอวัยวะส่วนด้านบน…
-
รถบรรทุกจีนโชว์ความมักง่าย รื้อที่กันเพื่อกลับรถกลางทางด่วน คิดซะว่าไม่มีใครเห็น!!
เรียกว่าเปิดมิติใหม่แห่งการกลับรถเลยทีเดียว สำหรับรถบรรทุกจีนคันหนึ่งโชว์โหดกลับรถกันกลางทางด่วน ชนิดที่เห็นแล้วต้องตกใจว่า แบบนี้ก็ได้เหรอ ทางตำรวจจีนเตรียมจับกุมและตัดแต้มใบขับขี่จนอาจทำให้คนขับรถต้องไปทำใหม่อีกรอบ เรื่องราวเกิดขึ้นในทางด่วนสายปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ ในประเทศจีน เมื่อรถบรรทุกคันหนึ่งบังเอิญขับเลยจุดกลับรถของตนเอง ทำให้พวกเขาตัดสินใจจอดรถกลางถนน จากนั้นพนักงานขับรถทั้งสองก็ลงมาจากรถ แล้วรื้อที่กั้นบริเวณเกาะกลางถนนเพื่อให้รถสามารถผ่านไปได้ พอรื้อเสร็จ พวกเขาก็กลับรถดื้อๆ กันตรงนั้นเลย หารู้ไม่ว่า ตรงนั้นมีกล้องวงจรปิดจับภาพไว้อยู่ เราจึงได้เห็นพฤติกรรมทั้งหมดของพนักงานขับรถดังกล่าว ล่าสุดทางตำรวจได้จับกุมพนักงานขับรถคนดังกล่าวได้แล้ว และได้ทำการปรับเงินจำนวน 200 หยวน (1,000 บาท) จากการกระทำครั้งนี้ และทำการตัดแต้มใบขับขี่ 12 แต้ม ซึ่งหมายความว่าเขาจะถูกยึดใบขับขี่ทันที และต้องไปเริ่มการสอบใบขับขี่ใหม่ทั้งหมด เพราะความมักง่ายโดยแท้ ไม่น่าจริงๆ ที่มา shanghaiist
-
วิชาจมูกเหล็ก!! ชาวจีนโชว์ “เป่ายางรถยนต์” จนเต็ม ได้ด้วยจมูกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เป่าลูกโป่งด้วยจมูกหลบไป เป่ายางรถด้วยจมูกเทพกว่าเยอะ!! Tong Junhai หนุ่มชาวจีนวัย 44 ปี ได้ประสบความสำเร็จในการสร้างชื่อเสียง โดยเขาสามารถเป่ายางรถได้ด้วยจมูกของเขาเอง เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาที่เมืองซีอานประเทศจีน และกลายเป็นกระแสพอสมควรบนโลกอินเตอร์เน็ต เมื่อเขาคนนี้ได้อัพคลิปวีดีโอที่เขาแต่งชุดกังฟูพร้อมกับโชว์เปายางรถด้วยจมูกเพียงอย่างเดียว เขายังพิสูจน์ว่ามันเป็นความสามารถที่ใช่ว่าใครจะทำได้ โดยการให้ชาวบ้านรอบๆ ลองใช้ปากเป่าลมดู แต่แน่นอนว่ามันคือยางรถเส้นบะเริ่มเทิ่ม ที่ต้องใช้เครื่องสูบ หรือไม่ก็เครื่องเติมลมเท่านั้นแหละ สุดท้ายก็ไม่มีใครสามารถทำให้ยางรถเต็มได้… ส่วนวิธีการที่เขาใช้ในการเป่าก็คือการอุดรูจมูกไว้ข้างหนึ่ง เพื่อเร่งแรงดันในการเป่า แต่ทว่าเราจะสังเกตุเห็นได้จากเส้นเลือดที่ปูดขึ้นบนหน้าผากของเขาว่ามันดูจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยล่ะ คลิปแสดงการเป่าลมยางด้วยจมูก จมูกอย่างเดียวเท่านั้น… ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ใช่ชายคนคนเดียวในประเทศจีนที่สามารถเป่ายางรถได้ด้วยจมูกหรอกนะ เพราะว่าก่อนหน้านี้ 4 ปีก่อน Xie Quanguo จากมณฑลเฉิงตูก็สามารถทำได้เช่นกัน แถมชายคนนี้เป่ายางรถได้ด้วยการเป่าเพียงแค่ 15 ครั้งเท่านั้น ไม่ใช่แค่นั้น เพราะเมื่อ 3 ปีก่อนมีชายที่ชื่อว่า Nie Yongbing โชว์ในการเป่ายางรถเช่นกันแต่สำหรับนายคนนี้เขายางวงใหญ่กว่า Tong และ Xie เสียอีกแถมใช้เวลาแค่ 20 นาทีในการเป่าเท่านั้น…
-
ชีวิตต้องสู้!! เด็กหญิงวัย 5 ขวบถูกแม่ทิ้ง ต้องรับภาระดูแลคุณย่า และทำทุกอย่างเพียงลำพัง
ในขณะที่เด็กวัย 5 ขวบคนอื่นๆ ได้ไปโรงเรียนเล่นกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน แต่สำหรับเด็กหญิงวัย 5 ขวบจากจีนคนนี้ กำลังต้องแบกรับภาระอันใหญ่หลวงด้วยการดูแลคุณย่าที่ป่วยหนักไว้บนบ่า จนเธอแทบไม่มีชีวิตวัยเด็กของตนเอง เด็กหญิงคนนี้คนนี้มีชื่อว่า Anna Wang วัย 5 ขวบจากทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ทุกวันนี้เธอต้องดูแลคุณย่าที่ป่วยหนักวัย 92 ปี เพียงลำพัง นับตั้งแต่คุณย่าของเธอป่วยหนักจนแทบไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เธอก็รับหน้าที่ทำอาหารและหาเลี้ยงคุณย่าในทุกๆ วัน ขณะที่เด็กคนอื่นสามารถใช้ชีวิตวัยเด็กอย่างสนุกสนาน นอกจากนี้เธอยังทำงานบ้านอื่นๆ อย่างเช่น กวาดบ้าน พาคุณย่าอาบน้ำและเข้าห้องน้ำอีกด้วย ครอบครัวของเธออาศัยอยู่ในบ้านอันแสนเงียบงันในทางตอนตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ทุกๆ เช้าเธอต้องตื่นขึ้นมาทำทุกอย่างในบ้าน โดยไม่มีใครคอยช่วยเหลือ พ่อของเธอถูกตำรวจจับด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เขาต้องติดคุกตั้งแต่เธออายุเพียง 3 เดือน ส่วนแม่ของเธอก็แต่งงานใหม่และทิ้งเธอให้ใช้ชีวิตกับคุณย่าตามลำพัง เวลาเธอเตรียมอาหาร เธอต้องหาเก้าอี้มาเหยียบเพื่อให้สามารถประกอบอาหารบนโต๊ะได้ โชคดีที่เพื่อนบ้านของเธอเล็งเห็นถึงความยากลำบาก ทำให้พวกเขาอนุญาตให้เธอเข้าไปเก็บผัก ผลไม้ จากสวนของพวกเขาได้แบบฟรีๆ คุณย่าของเธอป่วยเป็นโรคข้อต่ออักเสบขั้นรุนแรง ทำให้แทบไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้…
-
ตามไปส่อง “ตำราเพศศึกษาแบบใหม่” ของจีน ให้เด็กเน้นเข้าใจความแตกต่าง ก้าวสู่สังคมอนาคต!!
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ… เมื่อระบบการศึกษาจีนเปิดตัวหนังสือสอนเพศศึกษา สำหรับเด็กประถม ที่เน้นสอนให้เด็กรุ่นใหม่เข้าใจในความหลากหลายทางเพศ ซึ่งเอาจริงๆ แล้วส่วนตัวเรามองว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะถ้าอ้างอิงจากตำราเพศศึกษาฉบับใหม่ดังกล่าว เราจะได้เห็นว่ามีการสอดแทรกเนื้อหาที่ไม่ใช่แค่เรื่องคุมกำเนิดอย่างเดียว ตำรานี้ยังรวมถึงการอยู่ร่วมกันในสังคมบนความแตกต่างทางเพศ ยอมรับความไม่เหมือนกัน และสอนตรงไปตรงมาขึ้น แต่ทว่างานนี้ดูเหมือนผู้ปกครองชาวจีนจะไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่น่ะสิ!! ก่อนอื่น เราตามไปส่องภายในหนังสือเรียนเล่มใหม่สำหรับเด็กๆ ตัวอย่างเนื้อหาจากเกรด 2 ระบุว่าทุกเพศมีความเท่าเทียมกัน และมีสิทธิที่จะเป็นตัวของตัวเอง เช่น ผู้หญิงก็เป็นตำรวจ และนักบินอวกาศได้ ในขณะที่ผู้ชายก็เป็นพยาบาล หรือครูอนุบาลได้เช่นกัน เนื้อหาอีกส่วนหนึ่งที่อธิบายว่าเด็กทุกคนเกิดมาได้อย่างไร แปลจากในหนังสือ: ปะป๊ากับมะม๊ารักกัน > ปะป๊าเอาจุ๊ดจู๋สอดเข้าไปที่จิ๊มิ๊ของมะม๊า > สเปิร์มของปะป๊าเข้าไปสู่รังไข่ของมะม๊า อีกทั้งยังมีการสอนเรื่องการป้องกันตนเองจากการถูกลวนลามด้วย ที่เกิดขึ้นได้กับทั้งหญิง และชาย ภาพแรก: คุณลุงซื้อเสื้อมาให้หลานสาว และชี้แนะให้เธอถอดเสื้อ แต่หลานสาวปฏิเสธ ภาพสอง: คุณป้าบอกว่า ‘Jun หนูโตเป็นหนุ่มแล้ว ไหนถอดกางเกงเอาจู๋มาให้ป้าดูหน่อยซิ๊’ แต่เด็กชายปฏิเสธ และกลับไปฟ้องพ่อแม่ บทเรียนจากชั้นเกรด 4 ที่สอนไว้ว่า บางคนอาจจะชอบเพศตรงข้าม และบางคนอาจจะชอบเพศเดียวกัน ซึ่งนั่นก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร…
-
“ขนาดบ้านของแก ยังไม่มีห้องน้ำเลย!!” สาวจีนปฏิเสธคำขอแต่งงานแฟนหนุ่ม เพราะฐานะแย่เกินไป!?
ในขณะนี้ต้องบอกเลยว่าประเทศจีนเป็นประเทศที่พัฒนาและเติบโตเร็วมาก ทำให้ผู้คนของพวกเขาพยายามขวนขวายหาความมั่นคงให้กับชีวิตตัวเอง โดยการเข้าไปทำงานตามหัวเมืองใหญ่ๆ และหากเป็นไปได้ การมีแฟนที่มีอันจะกิน ก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกมั่นคงไปด้วยนั่นเอง แต่หากคุณไม่ได้ร่ำรวยเงินทองเท่าไหร่ หรือคุณยากจนขนาดหนักจริงๆ ก็อาจจะต้องเตรียมพร้อมรับความเจ็บปวดแบบชายคนนี้ เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanhaiist ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอสุดสะบั้นอารมณ์ของคู่หนุ่มสาวชาวจีน ในขณะที่ฝ่ายชายพยายามขอฝ่ายหญิงแต่งงานในที่สาธารณะ แต่ฝ่ายหญิงกลับปฏิเสธคำขอของเขา โดยฝ่ายหญิงได้ตะโกนลั่นกลางถนนว่า “ที่ห้องของนายยังไม่แม้แต่ห้องส้วมหรือห้องอาบน้ำเลย นายยังจะมาขอให้ฉันแต่งงานกับนายอีกเหรอ!? ตลกสิ้นดี” หลังจากที่ฝ่ายชายถูกต่อว่าอย่างหนักโดยไม่ปริปากพูดใดๆ ออกไป ก่อนจะเก็บกระเป๋าและเดินจากไปแบบเงียบๆ สร้างความสะเทือนใจให้แก่ผู้คนโดยรอบและชาวเน็ตอย่างมาก กดชมคลิปสุดสะเทือนใจได้ที่นี่เลย เมื่อราวๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา มีสื่อในจีนอย่าง People’s Daily ได้รายงานค่าเฉลี่ยของสินสอดและค่าใช้จ่ายในการที่ผู้ชายจะไปขอผู้หญิง อยู่ที่ราวๆ 200,000 หยวน หรือประมาณ 1 ล้านบาท จำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่สูงมากทีเดียว โดยเฉพาะกับครอบครัวชนบทที่แทบจะไม่มีอะไร แม้กระทั่งห้องน้ำ ซึ่งบางบ้านในชนบทอาจจะยังใช้ส้วมรวมสาธารณะ หรือการไปปล่อยตามท้องทุ่งอยู่นั่นเอง ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่าหากผู้ชายจะขอผู้หญิงสักคนแต่งงาน พวกเขาจะต้องมีความพร้อมในด้านการเงินมากแค่ไหน ที่มา shanghaiist , Lieselotte Young
-
ทำเพื่อ!? ชาวจีนแชร์ภาพคนร้ายปา “ไข่หงส์ดำ” จนแตก ทิ้งให้พ่อแม่หงส์เศร้าเสียใจ
เราเชื่อว่าการกระทำทุกอย่างย่อมมีเหตุผลในตัวของมันเอง แต่บางครั้งมันก็ยากเกินที่จะอธิบายว่าเขาทำไปเพื่ออะไร ในเมื่อเหตุการณ์แบบนี้ เรามองแล้วมันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำอย่างมาก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาในช่วงเวลาประมาณบ่ายโมง ได้มีชายหนุ่มที่สวนชุดปิดบังตัวเอง ทั้งหมวก และหน้ากากอนามัย ข้ามเข้าไปในรั้วของหงส์สีดำที่อยู่ในทะเลสาบหยางโจว ซึ่งที่แห่งนี้เป็นที่ที่หงส์สีดำจะมาฟักไข่เป็นประจำ จากภาพนั้นเราจะได้เห็นหงส์ดำทั้งสองเข้ามาที่รังเพื่อมาปกป้องไข่ของตัวเอง พร้อมทั้งพยายามจิกคนที่เข้ามา แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้เตะหงส์เข้าที่ปีกด้วย จากการกระทำของเขา ทำให้ผู้คนที่อยู่ในละแวกนั้นสนใจเป็นอย่างมาก ต่างก็มามุงดูว่าเขาทำอะไร ทำไปทำไม บ้างก็ตะโกนบอกชายคนนี้ให้เอาไข่ไปคืนที่เดิม พร้อมทั้งถ่ายรูปเก็บหลักฐานไว้ แต่พอเขาเจอแบบนี้ กลับเอาไข่ที่ขโมยมาขว้างลงพื้นจนแตก จนสุดท้ายก็มีชายวัย 50 ปีดึงเขาออกมาจากรั้วได้ . หลังจากเหตุการณ์นี้ หงส์ทั้งสองก็ดูเหมือนจะเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ต่างก็ร้องออกมาเหมือนกับร้องไห้ อีกตัวก็พยายามนั่งต่ำๆ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่คนร้ายสามารถหนีออกไปได้โดยที่ไม่มีใครเห็นเขาอีกเลย หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ทางการก็ได้เพิ่มมาตรการในการดูแลความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งออกมาบอกข่าวว่าหงส์ทั้งสองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก แต่เชื่อเลยว่าอาการเจ็บของทั้งคู่คงน้อยกว่าการสูญเสียลูกๆ ไป แถมก่อนหน้านี้ได้มีข่าวว่าหงส์ดำทั้งสองกินข้าวไม่ลงเลย เพราะว่ามีนักท่องเที่ยวได้ขโมยไข่ของมันไป แต่เป็นคนละที่กัน ซึ่งทำให้เห็นว่าต่อจากนี้มันคงรู้สึกเศร้าจนกินอะไรไม่ได้ . แต่ก็ยังเป็นที่สงสัยว่าคนร้ายทำไปทำไม เพราะไข่หงส์ดำไม่สามารถกินได้ และถ้าเอาไปก็ฟักเองไม่ได้ด้วย ซึ่งชาวเน็ตหลายคนที่เห็นข่าวนี้ต่างก็รู้สึกโมโห บ้างก็บอกว่าถ้าจับคนร้ายได้…
-
นักเรียนจีนงง!! เมื่อค้นพบว่าครูหนุ่มเป็นนัก “คอสเพลย์” แถมแต่งเป็นผู้หญิงด้วย
เราคงจะเคยเห็นการคอสเพลย์มานักต่อนักแล้ว การคอสเพลย์สมัยนี้ไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกเพศอีกต่อไป ผู้หญิงบางคนก็สามารถคอสเป็นผู้ชายได้ และผู้ชายบางคนก็สามารถคอสเป็นผู้หญิงได้ด้วยเช่นกัน คอสเพลย์เหมือนเป็นงานอดิเรกที่คนกลุ่มหนึ่งนิยมกัน และคนทั่วไปก็ไม่สามารถเดาได้เลยว่ามีใครที่เคยแต่งชุดคอสเพลย์มาบ้าง เพราะว่าภาพตอนแต่งนั้นจำแทบไม่ได้เลย เหมือนอย่างคุณครูชาวจีนท่านนี้ในนามแฝง Crome Moe จากเมืองกวางตุ้ง เขาทำให้ห้องเรียนลุกเป็นไฟ หลังจากที่นักเรียนได้ค้นพบอีกตัวตนหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณครู เหตุการณ์เริ่มจากมีนักเรียนคนหนึ่งทักครูไป พร้อมกับส่งภาพนักคอสเพลย์สาวคนหนึ่งที่ถูกสงสัยว่าเป็นครู แต่แล้วเหตุการณ์ก็ถูกเปิดเผย เมื่อค้นไปค้นมาก็พบว่าครูก็คือคนที่อยู่ในภาพจริงๆ แถมไม่ใช่แค่ภาพนี้ภาพเดียวด้วย ครูยังคอสเพลย์เป็นอีกหลากหลายตัวละครจากหลายๆ เรื่อง ไปดูกันว่าแต่ละชุดนั้นจะน่ารักแค่ไหน The Guild Sweetheart จาก Monster Hunter . Hanayo Koizumi จาก Love Live! Rikka Takanashi จาก Chuunibyou demo Koi ga Shitai! . . . Riko Aida จาก Kuroko no Basuke . .…
-
สื่อนอกรายงาน ‘Made in China’ ไม่ใช่สินค้าเกรดต่ำ เพราะค่าแรงและคุณภาพของสูงขึ้น
ปกติพอนึกถึงสินค้าจากจีน เราจะติดภาพว่าเป็นสินค้าเกรดต่ำที่ไม่มีคุณภาพ แต่ล่าสุด ทางสำนักข่าว CNBC รายงานว่า ปัจจุบันสินค้าที่ตีตรา “Made in China” ไม่ใช่สินค้าเกรดต่ำอีกต่อไปแล้ว แถมคุณภาพยังสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกต่างหาก โดยบริษัทวิจัยการตลาด Euromonitor ได้รายงานว่า ปัจจุบันค่าแรงโดยเฉลี่ยของชาวจีนอยู่ที่ประมาณ 3.60 เหรียญหรือราว 200 บาทต่อชั่วโมง ถือว่าเป็นค่าแรงที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมาเลยทีเดียว แถมยังสูงกว่าเมื่อ 6 ปีก่อนถึง 64 เปอร์เซ็น และมากกว่าแรงงานในอินเดีย โปรตุเกต และ แอฟริกาใต้อีกต่างหาก อย่างไรก็ตาม ค่าแรงที่สูงขนาดนี้ ทำให้มีการคาดการณ์ว่า เหล่าผู้ผลิตอาจย้ายสายการผลิตออกจากประเทศจีน เพราะแบกรับต้นทุนไม่ไหว ซึ่งพวกเขาจะย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ เช่นศรีลังกา ที่จ่ายค่าแรงแค่ชั่วโมงละ 0.50 ดอลลาร์ หรือราว 17 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ การเข้ามาของหุ่นยนต์โรงงาน ก็จะเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์เช่นกัน โดยหลายๆ บริษัทเริ่มมีการลงทุนพัฒนาหุ่นยนต์ เพื่อรับมือกับค่าแรงที่เพิ่มขึ้นของมนุษย์ในอนาคตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว …
-
อย่าหือกับเมีย!! เมื่อชาวเน็ตจีนแชร์คลิป “เจ้าสาวลากหนุ่มกลางถนน” หลังไม่ยอมมาแต่งงาน
มีคนเคยบอกไว้ว่า ‘ใครที่เชื่อฟังเมีย จะได้ดีทุกคน’ ซึ่งจะว่าไปเราก็คิดว่า…เออมันเป็นความจริงแบบกึ่งโดนบังคับแฮะ เพราะถ้าวันไหนทำตัวไม่เชื่อฟังละก็ ตายสิคร๊าบ ล่าสุดเว็บไซต์ Shanghaiist จากประเทศจีนได้รายงานว่า มีเจ้าสาวกำลังลากหนุ่มด้วยเชือกไปตามถนนอย่างโหดร้ายทารุณ สาเหตุก็เพราะพ่อหนุ่มไม่ยอมมาปรากฏตัวในงานวันแต่งงาน ภาพจากวิดีโอที่ชาวบ้านแถวนั้นถ่ายไว้ได้ ไม่มีใครรู้ว่ารายละเอียดเบื้องลึกในเหตุการณ์เป็นยังไงมายังไง แต่เท่าที่เรารู้ก็คือ วันดังกล่าวเป็นวันที่ทั้งคู่จะต้องเข้าสู่พิธีสมรสร่วมกัน มีการเชิญญาติผู้ใหญ่ร่วมเป็นสักขีพยาน และมีการจัดงานให้อย่างยิ่งใหญ่สมฐานะ ทว่าพอถึงเวลา… เจ้าบ่าวกลับไม่ปรากฏตัว แขกในงานก็ได้แต่งงไปตามๆ กัน ส่วนทางด้านของเจ้าสาวคงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอจะโมโหขนาดไหน เธอรีบออกไปตามหาตัวแฟนหนุ่มในสภาพทั้งชุดเจ้าสาว ส่วนสาเหตุที่หนุ่มไม่ยอมมาปรากฏตัว สืบไปสืบมาก็พบว่า เพราะเขากำลังจะแอบไปแต่งงานกับหญิงอีกคนอย่างลับๆ นั่นเอง งานนี้มีเดือดน่ะสิคร้าบ!! จากนั้นเจ้าสาวจึงเอาโซ่มาล่ามไว้ทันที และเธอก็ได้พยายามฉุดกระชากลากถูแฟนหนุ่มให้กลับไปเข้าร่วมพิธีแต่งงานกับเธอ (หรือเอาไปเชือดกันแน่หว่า?) แต่ดูเหมือนพ่อหนุ่มจะดื้อรั้งสุดๆ แหม่…นี่เอ็งคบกันยังไงมาเจ๊งเอาตอนวันแต่งงานเนี่ยนะ มาชมศึกวันทรงชัยกันครับ ฝ่ายแดง: มนุษย์เมียจอมโฉด ฝ่ายน้ำเงิน: มนุษย์ผัวขี้เต๊าะ งานนี้ใครจะอยู่ใครจะไป เราคงรู้คำตอบกันอยู่แล้ว… เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าคิดจะท้าทายกับอำนาจมนุษย์เมียเด็ดขาด ไม่งั้นก็จะศพไม่สวยแบบนี้แหละ ที่มา: Shanghaiist
-
พาไปดู “สะพานทาวเวอร์บริดจ์” เวอร์ชั่นก็อปปี้ในเมืองซูโจว ที่ชาวเน็ตจีนก็ยังพากันส่ายหน้า
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าในแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวชาวจีนกี่คนเดินทางไปเยี่ยมชมสะพานทาวเวอร์บริดจ์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งสะพานดังกล่าวถือว่าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่มีชื่อเสียงที่สุดในอังกฤษและยุโรปเลยทีเดียว ภาพสะพานทาวเวอร์บริดจ์ ในประเทศอังกฤษ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้นักท่องเที่ยวจีนอาจไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงอังกฤษเพื่อชมสะพานทาวเวอร์บริดจ์อีกต่อไปแล้ว เพราะพวกเขาก็มีสะพานทาวเวอร์บริดจ์ของตนเองเช่นกัน แถมอยู่แค่เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู แค่นี้เอง สะพานทาวเวอร์บริดจ์เวอร์ชั่นต้นฉบับจะมีแค่ 2 อาคารเท่านั้น แต่เวอร์ชั่นจีนจะมีทั้งหมด 4 อาคาร แต่ละอาคารสูง 40 เมตรเชื่อมต่อกันด้วยทางเดินลอยฟ้า ภายในมีลิฟต์และร้านกาแฟสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ . สะพานทาวเวอร์บริดจ์ซูโจวแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 2012 ในเขตเซียงเฉิง ซึ่งนอกจากสะพานทาวเวอร์บริดจ์แล้ว เมืองซูโจวยังมีสิ่งปลูกสร้างเลียนแบบสถานที่ดังๆ ทั่วโลกอีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น สะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์จากออสเตรเลีย สะพานอะเลคซันดร์ที่ 3 จากฝรั่งเศส รวมทั้งหมู่บ้านชาวดัชต์ที่มีกังหันลมอีกด้วย รายงานยังกล่าวอีกว่า สะพานทาวเวอร์บริดจ์เวอร์ชั่นจีนได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเหล่าคู่รักที่ต้องการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งสไลต์ยุโรป . . อย่างไรก็ตามเมื่อภาพของสะพานดังกล่าวถูกเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ต ก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตมากมาย แม้กระทั่งชาวเน็ตจีนเองบางคนก็ยังรู้สึกว่ามันไม่น่าภูมิใจเท่าไรเลย โดยชาวเน็ตท่านหนึ่งกล่าวว่า “เมืองซูโจวก็มีประวัติศาสตร์และโบราณสถานอันแสนงดงามมากมาย ทำไมเราต้องขโมยของคนอื่นมาด้วยล่ะ” อีกท่านกล่าวว่า “ตอนสร้างนี่ขออนุญาตจากอังกฤษหรือยังเนี่ย” ลองชมภาพในมุมอื่นๆ…
-
เข้ากันม๊ากมากกก… จีนสร้าง “ไอรอนแมน” ขนาดยักษ์ เคียงคู่กับ “สฟิงซ์” มันเกี่ยวอะไรกัน!?
สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มักจะมีคอนเซปท์และธีมการท่องเที่ยวเป็นของตนเอง อย่างเช่น สวนดอกไม้ก็จะตกแต่งไปในทางเดียวกัน สวนประวัติศาสตร์ หรือสวนสนุกแนวไดโนเสาร์ก็มีแนวแบบนั้น ถ้ามันเกิดมีการตกแต่งอะไรที่ต้องผสมผสานกัน ก็ต้องย่อมมีความลงตัวมากยิ่งขึ้น แต่คงใช้ไม่ได้กับสถานที่แห่งนี้… เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ The World Cultural Heritage Expo Park ในมณฑลอานฮุย ซึ่งเป็นที่ๆ เดียวกับที่มีรูปปั้น (สฟิงซ์ ก็อปปี้เกรด เอ) ที่สร้างขึ้นในปี 2015 คู่กับปิรามิดลูฟ แต่ทว่าปีรามิดและสฟิงซ์ ก็ไม่สามารถที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้อีกต่อไป จึงทำทาง Expo Park ต้องคิดวิธีใหม่ออกมาเพื่อเรียกคน อะไรที่มันโมเดิร์น อะไรที่คนรุ่นใหม่จะชอบ จนสุดท้ายก็เกิดเป็น ไอรอนแมนเวอร์ชั่นฮัคบัสเตอร์ ขนาดยักษ์ขึ้นมา ซึ่งเจ้าไอร่อนแมนตัวนี้เป็น ไอร่อนแมนรุ่นฮัลค์บัสเตอร์ ที่มีขนาดสุงถึง 30 เมตรเลยทีเดียว แต่ทว่ารายละเอียดของตัวไอร่อนแมนตัวนี้ แม้จะดูจะพิการไม่ค่อยเหมือนต้นแบบสักเท่าไหร่ แต่ก็คงจะพอช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้บ้าง นอกจากสฟิงซ์และไอร่อนแมนก็อปเกรด เอ แล้วที่ Expo Park แห่งนี้ก็พึ่งจะเปิดตัว ทหารดินเผาก็อปปี้ขน่าด 1 ต่อ…
-
ประเทศจีนเริ่มใช้ “หุ่นยนต์ลาดตระเวนตรวจอากาศ” เพื่อรายงานสภาวะความเป็นพิษ ให้ผู้คนได้รับทราบ
ยิ่งนานวันหุ่นยนต์ยิ่งเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของเรามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตประจำวัน หรือจะเป็นในเรื่องของอุตสาหกรรมต่างๆ หุ่นยนต์ต่างล้วนมีเข้ามีบทบาททั้งสิ้น และอย่างที่เรารู้ว่า ปัญหาสภาพอากาศอันเลวร้ายในหลายๆ เมืองของประเทศจีนกำลังถูกพูดถึงในวงกว้าง ผู้คนก็เลยคิดว่ารัฐบาลควรจะมีมาตรการอะไรสักอย่างมาช่วยและล่าสุดจีนก็ได้ปล่อยหุ่นยนต์ตัวใหม่ออกมาเพื่อช่วยดูแลผู้คนในสถานีรถไฟกันแล้ว หุ่นยนต์ตัวนี้ประจำการอยู่ที่สถานีรถไฟเจิ้งโจวตะวันออก ในเมืองเจิ้งโจว ซึ่งมันมีหน้าที่ตรวจสอบสภาพอากาศ ความชิ้น รวมถึงควันไฟภายในสถานีและโชว์ออกมาผ่านทางหน้าจอมอนิเตอร์ แม้กระทั่งตอนกลางคืนมันก็ยังทำหน้าที่ได้อย่างดี นี้คือหน้าตาของเจ้าหุ่นลาดตระเวนที่ว่า ดูแล้วเหมือนเด็กๆ จะชอบเจ้าหุ่นตัวนี้เป็นพิเศษเลยล่ะ มันถูกออกแบบมาให้หน้าตาเป็นมิตร และเข้าถึงกับทุกคน มันจะสามารถเดินไปเดินมาเพื่อทำให้คนทราบสภาวะของอากาศตอนนั้นว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย มันยังเป็นที่สนใจมากๆ สำหรับคนที่ผ่านไปมาในสถานีอีกด้วย นอกจากจะช่วยรายงานเรื่องสภาพอากาศแล้ว ตอนกลางคืนมันยังกลายเป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่จะคอยเดินเคลียร์สถานีรถไฟให้สะอาดอยู่เสมอ ถ้าเพิ่มฟังค์ชั่นอื่นๆ เข้าไปอีก มันคงจะน่าสนใจไม่น้อยเลยนะเนี่ย ไม่ว่าจะรูปไหนก็มีเด็กๆ เสมอ ถือว่ามันเป็นที่ถูกอกถูกใจเด็กๆ มาก ถือว่านี้เป็นก้าวแรกของยุคอนาคตเลยก็ว่าได้สำหรับการนำห่นยนต์เข้ามามีบทบาทในที่สาธารณะแบบนี้ อีกหน่อยเราอาจจะต้องใช้ชีวิตอยุ่กับพวกมันแบบในภาพยนตร์หลายๆ เรื่องก็ได้ใครจะรู้ แต่ที่รู้แน่ๆ คือพวกมันช่วยอำนวยความสะดวกให้เรามากๆ เลยล่ะ!! ที่มา chinadaily
-
เล่นงี้เลย!! จีนประยุกต์ใช้ “โดรนพ่นไฟ” เพื่อเอาไว้กำจัดขยะที่ติดอยู่ตามสายไฟฟ้าแรงสูง
เป็นเรื่องที่ยากมากๆ สำหรับการกำจัดขยะที่ติดอยู่ตามสายไฟฟ้าที่อยู่บนที่สูง เพราะว่าเป็นงานที่อันตรายและค่าใช้จ่ายสูง ทางบริษัทแห่งหนึ่งในจีนก็เลยปิ๊งไอเดียหนึ่งขึ้นมา ในคลิปนี้เป็นการทำงานของบริษัทไฟฟ้าแห่งหนึ่งในเมือง Xiangyang ประเทศจีน พวกเขาพยายามจะหาวิธีกำจัดขยะที่ชอบลอยไปติดตามสายไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งยากต่อการกำจัดมาก เขาก็เลยดัดแปลงโดรนให้มีความสามารถในการกำจัดขยะ นั่นก็คือการใช้ไฟเผานั่นเอง มีการวิเคราะห์ว่าโดรนตัวนี้เป็นรุ่น DJI S1000+ ที่มี 8 ใบพัด ซึ่งสามารถรับน้ำหนักและมีพลังการบินที่สูง อีกทั้งยังมองไปถึงตัวรีโมทบังคับ Futaba T14 SG ซึ่งเป็นรีโมทที่สามารถเอาไปประยุกต์ใช้กับโดรนได้หลากหลายตัว เมื่อซูมดูใกล้ๆ เราจะเห็นว่าตัวโดรนนั้นได้ติดตั้งถังเชื้อเพลิงไว้สำหรับการพ่นไฟ ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเขาจะเอาไปใช้จริงๆ หรือว่าเป็นการทดลองเฉยๆ เพราะไม่มีคลิปเหตุการณ์ก่อนหรือหลังจากนี้ แต่ดูจากคลิปแล้วมันก็เหมือนจะใช้งานได้ดี ถึงแม้จะเป็นไอเดียการประดิษฐ์ที่ดีเยี่ยม แต่หลายคนเห็นแล้วก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันน่ากลัวมากๆ กับการเอาไฟไปเผาสายไฟฟ้าแรงสูงแบบนั้น แม้ว่าไฟจะเผาขยะได้ก็จริง แต่ตรงสายไฟนี่เป็นอะไรที่หวาดเสียวมากๆ เอาไม้สอยเฉยๆ ไม่ได้เหรอพี่!! ที่มา inverse
-
หมดกัน… ฟาร์มเสือจีนปล่อย “โดรน” บินว่อนพาเสือออกกำลังกาย แต่ก็โดนตะปบจนพัง!?
ในช่วงต้นปีแบบนี้ยังคงเป็นช่วงฤดูหนาวของประเทศจีน ทำให้มีสภาพอากาศที่หนาวเย็นและมีหิมะตกในหลายๆ แห่ง นอกจากมนุษย์อย่างเราๆ ที่ใช้ชีวิตลำบากแล้ว พวกสัตว์เองก็เช่นกันนะ อย่างข่าวที่#เหมียวฟิ้นหยิบมารายงานในวันนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฟาร์มเสือไซบีเรีย China’s Harbin Siberian Tiger Park ที่เมืองฮาร์บิน มณฑลเฮย์หลงเจียง ประเทศจีนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่นั่นเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว เสือแต่ละตัวก็จะมีร่างกายที่อ้วนท้วมสมบูรณ์ป้องกันอากาศหนาว เนื่องจากอากาศหนาวมากจนพวกมันไม่อยากออกไปไหน ทางฟาร์มเสือจึงออกไอเดียนำเอาโดรนมาบินล่อให้พวกมันวิ่งตาม เพื่อเป็นการกระตุ้นให้พวกมันได้ออกกำลังกายบ้าง แต่ด้วยสัญชาตญาณของเสือ เมื่อพวกมันเห็นอะไรที่บินได้มันก็จะคิดว่าว่าเป็นนก พวกมันจึงวิ่งไล่ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งโดรนลำที่ว่านี้บินต่ำลงมาถึงระดับที่พวกเสือจะกระโดดได้พอดี มันจึงเอื้อมไปตะปบจนโดรนหล่นลงมากับพื้นและพังในที่สุด เมื่อพวกเสือเดินเข้าไปดูกับเหยื่อของตัวเองก็พบว่านั่นไม่ใช่นกแต่เป็นสิ่งของหน้าตาประหลาดที่ตัวเองไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่น่าจะกินได้ด้วย… ชมการไล่ล่าโดรนได้ที่นี่เลย ด้าน Ben Pearson เจ้าหน้าที่จากสมาคมพิทักษ์สัตว์โลกได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับคลิปวิดีโอดังกล่าวว่าแม้มันจะดูเป็นเรื่องตลกๆ แต่นี่เป็นชะตากรรมของเหล่าเสือในประเทศจีนเพราะพวกมันถูกเลี้ยงไว้เพื่อสร้างความบันเทิงแก่นักท่องเที่ยวเท่านั้น และโดยธรรมชาติแล้วเสือเองเป็นสัตว์ที่รักความสันโดด การที่ได้เห็นพวกมันมาอยู่รวมกลุ่มกันแบบนี้จึงไม่ใช่ธรรมชาติของพวกมันเลย และเมื่อพวกมันตายไปบางส่วนของร่างกายพวกมันก็ยังถูกนำเอาไปเป็นเครื่องประดับหรือทำยาสมุนไพรด้วย เห็นฮาๆ แบบนี้มีเบื้องหลังให้ดราม่าด้วยนะ ที่มา Shanghaiist , abc
-
น้ำมะพร้าววิเศษจากแดนมังกร อ้างสรรพคุณดื่มแล้วผิวขาวดุจไข่มุก แถมอกฟูให้อีก!!
อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับสาวไทยเราเท่าไหร่หรอก เพราะปกติเรามักจะได้เห็นโฆษณาขายครีมสารพัดประโยชน์ที่สามารถทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ เพียงแค่ทามัน ไม่ว่าจะอกฟู รูฟิต หน้าเนียน จิ๊มิ๊เนียน โอ้ยยครีมอะไรมันจะครอบจักรวาลได้ขนาดน๊านน ทว่าล่าสุดสำนักข่าวจีน Shanghaiist ได้รายงานว่า มีสินค้าชนิดใหม่ที่โฆษณาเปิดตัวได้โดนใจผู้สาวชาวจีนสุดๆ เพราะเป็นมันเป็นน้ำมะพร้าวที่เคลมว่า สาวคนไหนได้ดื่มแล้วจะมีผิวพรรณขาวผ่องดุจไข่มุกอันดามัน แถมยังช่วยทำให้หน้าอกใหญ่ขึ้นได้จริง เรียกได้ว่าใครดื่มแล้วอาจจะโดนสามีสะกิดทุกคืนเลยก็ว่าได้… อยากผิวสวย อกใหญ่ ดื่มน้ำมะพร้าวสิจ๊ะ!! โดยเนื้อหาจากโฆษณาดังกล่าว เป็นหญิงสาวหน้าตาดี ที่กำลังพูดถึงคุณประโยชน์ของน้ำมะพร้าวในทำนองที่ว่า ‘เพียงแค่วันละกระป๋อง ผิวพรรณคุณจะใสขึ้น รวมถึงหน้าอกที่ฟูขึ้นอย่างเห็นได้ชัด’ แต่ดูเหมือนว่าหลังจากที่สินค้าได้ปล่อยโฆษณาตัวนี้ออกมาแล้ว แน่นอนว่าส่วนหนึ่งมีหญิงสาวที่ยอมซื้อมาดื่มเป็นจำนวนมาก ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งมองว่านี่เป็นโฆษณาชวนเชื่อเกินจริง โดยสำนักข่าว Shanghaiist ได้ไปสัมภาษณ์นักโภชนาการแล้ว ก็ได้คำตอบกลับมาว่า จริงอยู่ที่น้ำมะพร้าวมีประโยชน์มากมาย แต่ยังไม่เคยมีเอกสารการวิจัยใดๆ ยืนยันว่า มันช่วยทำให้ผิวขาว หรือหน้าอกใหญ่ขึ้นได้จริง!! สื่อท้องถิ่นก็ได้ไปสัมภาษณ์พนักงานจากผลิตภัณฑ์นี้เหมือนกัน ว่าพวกเขามีความรู้เรื่องพวกนี้มากแค่ไหน? โดยพนักงานได้อ้างว่า มีการตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ของเกาะฮ่องกง เมื่อปี 1997 ว่าน้ำมะพร้าวสามารถทำให้อกผู้หญิงใหญ่ขึ้น จึงมีการดึงจุดนี้มาเป็นการตลาดเพื่อใช้ขายสินค้า ถึงแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญจะบอกว่า ไม่มีการรายงานว่าน้ำมะพร้าวช่วยเรื่องนี้ได้จริง แต่ทุกวันนี้สินค้าก็ยังคงขายดีในกลุ่มลูกค้าชาวจีน …
-
สายเปย์ที่แท้จริง!! หนุ่มจีนทำช่อดอกเงินมูลค่า 25,000 บาท เป็นของขวัญให้แฟนสาว
ได้ข่าวว่าช่วงนี้ถ้าจะจีบใครละก็ มีหนึ่งกลยุทธเด็ดที่รับรองว่าช่วยทำให้จีบติดได้แน่นอน 100% นั่นก็คือการเดินทางสายเปย์นั่นเอง ใครจะเดินทางสายนี้ได้บอกก่อนเลยว่าต้องทุนหนา ไม่หนาจริงระวังมีเจ็บตัวนะจ๊ะ และล่าสุดสำนักข่าว Shanghaiist จากจีน ได้รายงานว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งได้เข้ามาใช้บริการที่ร้านรับจัดช่อดอกไม้ ในเมืองฉางชุน มณฑลจี๋หลิน ซึ่งงานนี้เจ้าตัวไม่ได้มาสั่งทำดอกไม้อย่างเดียวนะจ๊ะ เพราะดอกที่พ่อหนุ่มอยากจะเอาให้แฟนหน่ะ เป็นดอกเงินมูลค่ารวมสูงถึง 25,000 บาท เชียวนะเธอ!! จะไม่ให้รักได้ไง ก็แหม…ดอกไม้มันช่างบานสะพรั่งซะขนาดนี้ โดยหนุ่มนิรนามผู้นี้ได้ให้เหตุผลว่า สาเหตุที่เขาเลือกใช้เงินสดแทนดอกไม้ ก็เพราะต้องการมอบเป็นของขวัญที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ให้กับแฟนสาวสุดที่รักสำหรับฉลองวันขึ้นปีใหม่นั่นเอง ‘ถ้าเอาเงินมาพับเป็นดอกนะ ยังไงซะมันก็ต้องมีประโยชน์มากกว่าดอกไม้อยู่แล้ว เพราะถ้าเป็นดอกไม้อีกไม่กี่วันมันก็เฉาตาย เอาไปใช้ประโยชน์ก็ไม่ได้…’ ชาวเน็ตจากจีนคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ ชาวเน็ตจากจีนอีกคนก็บอกว่า ‘ถ้าใช้วิธีนี้แฟนสาวจะต้องมานั่งคลี่ธนบัตรทีละใบ ทำไมไม่เอาเงินให้เป็นตั้งพร้อมดอกไม้ซักดอกไปเลยล่ะ’ แต่จะว่าไปแล้ววิธีไหนก็ดีทั้งนั้นแหละ เชื่อว่าผู้รับยังไงก็ยิ้มระรื่นแน่นอน และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยแหละ เพราะที่จีนก็มักจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ เอ้าาสายเปย์ที่ไทยเราอย่าไปย๊อมม!! ถ้ามีใครเอาช่อเงินมาให้แบบนี้นะ ยังไงก็ขอรับไว้ก่อนแหละ แต่เรื่องความรักอะไรงี้ค่อยว่ากันทีหลังเนาะ ผ่างงงงง! ที่มา: Shanghaiist
-
บทเรียนเตือนใจสังคม… จากเงินแค่ 15 บาท ลงเอยที่ลูกค้าฆ่าเจ้าของร้านบะหมี่!?
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ชายแซ่หูอายุ 22 ปี หลังจากที่เขากินก๋วยเตี๋ยวจนเสร็จพร้อมกับจ่ายเงิน แต่แล้วเขาก็พบว่าเจ้าของร้านได้โกงเงินเขาไปชามละ 1 หยวน ซึ่งเขากินไปทั้งหมด 3 ถ้วยด้วยกัน จึงรวมกันเป็นทั้งหมด 3 หยวน ซึ่งเจ้าของร้านได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานั้นจนทั้งคู่เกิดเหตุทะเลาะกันยกใหญ่ ซึ่งสุดท้ายแล้วนายหูก็ได้หยิบมีดมาตัดคอเจ้าของร้านวัย 42 ปี แล้วนำไปทิ้งไว้ในถังขยะใกล้ๆ กับร้าน สุดท้ายแล้วตำรวจก็ได้เข้าจับกุมตัวนายหู โดยตำรวจได้ตรวจค้นประวัติของเขาคนนี้ก็พบว่าเขาเป็นคนจากมณฆลเสฉวน แถมยังเคยมีประวัติการเข้ารับการรักษาทางจิตและยังมีประวัติการใช้ความรุนแรงมาก่อนในช่วงหนึ่งปีที่แล้ว ญาติของเขาได้ให้ปากคำกับตำรวจว่า นายหูมีปัญหาทางจิตและชอบใช้ความรุนแรงมานานแล้ว เขาชอบที่จะทำร้ายร่างกายคนในครอบครัวของเขาบ่อยๆ รวมถึงพ่อและแม่ของเขาด้วย แม่ของนายหูกล่าวกับผู้สื่อข่าว “ต้องขอโทษจริงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฉันสอนเขามาไม่ดีเอง” ท้ายที่สุดแล้วจากรายงานของเพื่อนบ้านแถวนั้นได้บอกว่า เจ้าของร้านคนนี้อาศัยอยู่กับลูกชายวัน 13 ปีเพียงสองคนหลังจากเขาแยกทางกับภรรยาของเขาเมื่อ 5 ปีก่อน แถมชาวบ้านแถวนั้นยังบอกอีกว่าเจ้าของร้านเป็นที่ซื่อสัจสุจริตมากๆ เขาไม่เคยโกงลูกค้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว สุดท้ายแล้วเจ้าของร้านโกงจริงหรือเปล่าก็ไม่มีใครรู้ หรือจริงๆ แล้วนายหูอาจจะหลอนแล้วคิดไปเองอย่างงั้นเหรอ? เรื่องนี้ก็คงต้องรอให้ทางตำรวจพิสูจน์กันต่อไป… ที่มา shanghaiist
-
จีนทุ่มงบกว่า 2,500 ล้านบาทเพื่อเนรมิต “เมืองกุ้ยหยางโบราณ” ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง!!
โดยทั่วไป หลายประเทศพยายามที่จะอนุรักษ์เมืองโบราณไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้เห็นประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน สถานที่สำคัญ หรือแม้กระทั่งกำแพงก็ยังเป็นสิ่งที่น่าค้นหา แต่สำหรับในมณฑลหูหนานแล้ว ได้ทำการลงทุนสร้างเมืองโบราณขึ้นมาใหม่เองซะเลย โดยใช้งบประมาณประมาณ 2,500 พันล้านบาท เพื่อเนรมิตเมืองกุ้ยหยางเก่าแก่ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยโปรเจกต์นี้เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเมืองเก่าแก่นี้จะใช้พื้นที่ประมาณ 144 เฮกตาร์ หรือ 1,440,000 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าใหญ่มากๆ ประมาณหนึ่งหมู่บ้านหรือหนึ่งตำบลในบ้านเราเลย ในเมืองนี้เราจะได้เห็นสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่เหมือนกับเมืองกุ้ยหยางโบราณทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวัด Guiyang Confucius Temple, พิพิธภัณฑ์, Kun Opera House, และเขตการค้าซึ่งจำลองแบบมาจาก 2,000 ปีที่แล้วอย่างครบถ้วน ตอนนี้ยังไม่มีกำหนดการว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ แต่ถ้าสร้างเสร็จออกมามันต้องเป็นอะไรที่สวยงามและเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบใหม่ๆ แน่นอน ที่มา people.cn
-
สนามบินเกาหลีระดมพนักงานทำความสะอาดเพิ่ม หลังกรุ๊ปทัวร์จีนลง สร้างขยะมากยิ่งขึ้น!!
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สนามบินเจจู ในประเทศเกาหลีใต้ต้องประกาศระดมพนักงานทำความสะอาดเพิ่มเติม หลังจากมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนมาทิ้งขยะเอาไว้กลางอาคารผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก และเป็นภาพที่ถูกส่งต่อกันในโลกออนไลน์อย่างแพร่หลาย… ทางสนามบินได้รายงานว่า พวกเขาได้พยายามให้เจ้าหน้าที่เข้าไปแนะนำให้นักท่องเที่ยวทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทางแล้ว แต่สุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นอย่างที่เราเห็นกันในภาพด้านบน ทางสนามบินเจจูจึงจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนของพนักงานทำความสะอาดในอาคารผู้โดยสาร พร้อมๆ ทั้งให้คำแนะนำแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนต่อไป โดยหวังว่าพวกเขาจะมีพฤติกรรมดีขึ้นในอนาคต โดยปัญหานักท่องเที่ยวจีนเริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงปีก่อน แม้จะมีความพยายามจะแก้ปัญหา ด้วยการให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตามทางสนามบินได้กล่าวว่า ไม่ใช่คนจีนทุกคนที่จะทำแบบนี้ แต่ส่วนใหญ่คนที่ทำ จะมาเป็นกรุ๊ปมากกว่า นอกจากนี้ไม่เพียงแค่บนสนามบินเท่านั้น แม้กระทั่งบนรถบัส ก็มีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นเช่นกัน… หนึ่งในพนักงานสนามบินเจจูกล่าวว่า “เราไม่ได้มีปัญหากับนักท่องเที่ยวชาวจีน แต่นี่มันเป็นปัญหาของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ขาดจิตสำนึกที่ดี และได้กระทำการอย่างไม่เหมาะสมในสนามบิน” หลังจากชาวเน็ตซึ่งได้อ่านข่าวและเห็นภาพดังกล่าว ต่างก็พากันเข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงต่างๆ แตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่จะไปในแนวทางที่ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมดังกล่าว เช่น… “คนจีนอีกแล้วเหรอเนี่ย คนพวกนี้ไม่เคยทำอะไรให้ถูกต้องและถูกสุขลักษณะเลยนะ” “นี่มันหยาบคายและไม่เคารพกันสุดๆ เลย นี่มันไม่ใช่การทิ้งโดยบังเอิญแล้ว แต่มันคือการตั้งใจทิ้งชัดๆ การเป็นนักท่องเที่วไม่ได้แปลว่าจะทำอะไรก็ได้นะเฮ่ย” “คนจีนแผ่นดินใหญ่ไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไหร่ ฉันเคยเจอตอนไปฮ่องกง พวกเขาชอบแทรกแถวและก็ดันๆ คนฮ่องกงดีกว่าเยอะ” “ก็จริงที่นักท่องเที่ยวจีนไปทำแบบนี้ แต่ทำไมคอมเมนต์ด่าคนจีนทั้งหมดเลยล่ะ…
-
เทรนด์ถ่ายรูปใหม่จากจีน ไม่ใช้แอพ แต่ใช้ความพิเศษร่างกายแทน จะแอดว๊านซ์ไปล้าววว!!
(ขอบคุณภาพจากสำนักข่าว China Face by CRI) เรียกได้ว่าตั้งแต่ที่มีการนำเอานวัตกรรมกล้องถ่ายรูปมาติดกับโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ก็ทำให้เกิดเทรนด์ถ่ายภาพหลายแบบ หลายสไตล์ อยู่ที่ว่าใครจะรังสรรค์ความครีเอทีฟออกมาได้มากกว่ากัน และถ้าพูดถึงเรื่องเทรนด์ถ่ายภาพละก็ เราคงต้องยกให้กับพี่จีนเค้าล่ะ เพราะที่ผ่านมามีเทรนด์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมายไม่ว่าจะเป็นการใช้แอพฯ ยืดแขนยืดขาให้มันยาววววว เอาเหรียญมาวางบนกระดูกไหปลาร้า หรือแม้แต่เทรนด์ใช้นิ้วชี้ปิดส่วนนั้นของน้องสาวก็มีมาแล้ว!! แต่ล่าสุดเราได้ไปเจอกับเทรนด์ถ่ายภาพแนวใหม่ เรียกได้ว่าเทรนด์นี้ไม่ใช่ใครจะทำก็ทำได้นะจ๊ะ เพราะอย่างน้อยคุณต้องมีความสามารถพิเศษทางร่างกายบางอย่างที่ไม่มีใครทำได้ งานนี้หน้าไม่ต้องชัด หลังไม่ต้องเบลอ ฟีลเตอร์ไม่ต้องใส่ แถมยังแอดว๊านซ์สุดๆ มีใครเหนียงยานได้ขนาดนี้บ้าง สู้เปล่า!? โนแอพจ๊ะ จมูกที่เห็นโด่งๆ นี่ก็ไม่ได้ทำเหมือนกัน ใช้นิ้วยืดเอาเนี่ยแหละ นะ.. นะ.. นะ.. นิ้วก้อยงอได้ อู้วววหูวววว!! เธอคนนี้มาพร้อมกับความสามารถพิเศษ ซ่อนมือได้!! เดี๋ยวๆๆ อาตี๋ ลื้อทำแบบนั้นได้ยังไงกันว๊าาา อื้อหือ…ยอมครับแบบนี้ นี่ก็ท่ายากเกิ๊นนนนนน ตาเหล่สลับข้างได้ นี่มันยอดมนุษย์ชัดๆ ย่นหน้าผากปุ๊บ สระอิมาปั๊บ…
-
ช่องยูทูปจีน ไปทดสอบทักคนญี่ปุ่นว่า “ทำเงินตก” เพื่อดูว่าพวกเขาจะรับหรือไม่!?
สิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับชาวญี่ปุ่นมานานคือ ‘ความซื่อสัตย์’ ที่ถูกปลูกฝังมาหลายต่อหลายชั่วอายุคน ไม่ว่าใครต่างก็รู้สึกประทับใจกับสิ่งเหล่านี้ที่พบเจอมา ถึงกับเป็นการบอกปากต่อปากว่าชาวญี่ปุ่นนั้นมีความซื่อสัตย์มากขนาดไหน แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเจอการแสดงความซื่อสัตย์ของชาวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ก็คงจะไม่เชื่อซักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยๆ ก็มีตัวอย่างให้เห็นมากพอสมควรในโลกอินเตอร์เน็ต อย่างเช่นการทำคลิปทดสอบความซื่อสัตย์ของชาวญี่ปุ่นที่มีอย่างแพร่หลายผ่านยูทูป และในคราวนี้ก็เช่นเดียวกัน เป็นการทดสอบความซื่อสัตย์ของชาวญี่ปุ่นจากช่อง YouTube สัญชาติจีน JokeTV ด้วยการพิสูจน์จากเงินจำนวน 10,000 เยน ทำทีไปทักว่าคนๆ นั้นทำเงินตก (ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ของตัวเอง) แล้วเขาจะรับเงินจำนวนมากขนาดนี้รึเปล่า? สำหรับธนบัตร 10,000 เยนนั้นถือว่าเป็นธนบัตรที่ชาวญี่ปุ่นนิยมพกติดไว้ในกระเป๋าหลายๆ ใบ เพื่อความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน (เหมือนดั่งธนบัตรมูลค่า 1,000 บาทของบ้านเรา) พอชายผู้นี้โดนทักว่าทำเงินตกรึเปล่า เขารีบปฏิเสธทันทีว่าไม่ใช่ของตัวเอง บางคนที่ถูกทักปุ๊บ ก็จัดแจงตรวจสอบกระเป๋าเงินก่อนว่าทำตกจริงๆ รึเปล่า แต่ทว่าก็ไม่มีใครยอมรับว่าทำเงินตกเลย ทำเงินตกรึเปล่าคะ? เอ่อ เปล่าครับ อย่างเธอคนนี้ก็ถูกทักว่าทำเงินตกจากจุดที่เดินผ่านมา สุดท้ายแล้วก็บอกว่าไม่ได้ทำตกแต่อย่างใด คุณยายรายนี้ก็ถูกทักเช่นกัน…
-
ถ้าพลาดป่อง ก็มาซื้อนมที่เรานะ… บริษัท Durex ทุ่มเงินซื้อกิจการ “นมผง” ยักษ์ใหญ่เรียบร้อย
Reckitt Benckiser Group หรือ R.B. บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ดังที่เราใช้กันอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น Dettol,ผลิตภัณฑ์ยา Nurofen, สเปรย์ปรับอากาศ Air wick หรือจะเป็น Durex ก็เป็นสินค้าในเครือนี้ ซึ่งล่าสุดตอนนี้ทางบริษัทก็ได้ทำสัญญาซื้อขายกิจการกับบริษัทผลิตนมผงยักษ์ใหญ่ Mead Johnson Nutrition เป็นที่เรียบร้อย สาเหตุที่ทาง R.B. เลือกที่จะหันมาลงทุนซื้อกิจกรรมนมผงนั่นก็เพราะว่า ในตอนนี้ผลประกอบการที่เป็นอยู่มีกำไรที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก ทาง R.B. จึงจำเป็นจะต้องหาแบรนด์ใหม่เข้ามาเพื่อที่ช่วยเสริมกำลัง และด้วยตัว Mead Johnson Nutrition ครองตลาดในฝั่งเอเชียอยู่แล้ว การเข้าซื้อกิจกรรมในครั้งนี้จึงเป็นทั้งการเข้าตีตลาดและกู้วิกฤติกลับมานั่นเอง สำหรับตัวบริษัท Mead Johnson Nutrition เป็นเครือที่ผลิตนมผงและอาหารเสริมสำหรับเด็กเป็นหลัก แถมที่สำคัญกิจการในเครือนี้ยังทำรายได้มหาศาลมากถึงราวๆ 126,000 ล้านบาท จึงไม่แปลกเลยที่ R.B. จะอยากเข้ามาตีตลาดผ่านบริษัทนี้ Rakesh Kapoor ประธานของ R.B. ยังบอกอีกว่าเขาคาดหวังกับดีลในครั้งนี้พอสมควรเลยทีเดียว และยังหวังว่าการดีลในครั้งนี้จะช่วยสร้างเม็ดเงินให้เขาราวๆ 8,000 ล้านบาทในช่วงเวลา 3 ปี เขาบอกว่าธุรกิจของทาง Mead Johnson Nutrition นั้นผลิตทั้งนมผงและอาหารเสริมสำหรับเด็กซึ่งในทางฝั่งของจีนที่มีนโยบายไม่ให้มีลูกมากกว่า 1 พ่อแม่จึงจำเป็นจะต้องเลี้ยงดูลูกๆ…
-
หนุ่มจีนฉีดยาฆ่าแมลงใส่หูตัวเอง หลังพบว่ามีแมลงสาบตัวเบ้งติดอยู่ข้างในนั้น…
คงไม่มีบ้านไหนอยากจะต้อนรับคุณปีเตอร์ หรือชื่อทางการว่า ‘แมลงสาบ’ หรอกจริงไหม เพราะพวกมันทั้งสกปรก เป็นพาหะนำโรค แถมยังมีหน้าตาที่แบบว่าอิ่ม…อย่าได้มายุ่งเกี่ยวกันเลยนะเธอจ๋า แล้วจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ถ้าคุณปีเตอร์ผู้ไม่ได้รับเชิญดันเข้ามาอยู่ในรูหูเราซะงั้น!? แค่คิดก็สยองแล้ว แถมมันยังกลายเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับหนุ่มจีน ‘Liu Qian’ วัย 60 จากเมืองเฉิงตู ช่างอับโชคเหลือเกิน โดยเว็บไซต์ OddityCentral ได้รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ หนุ่มจีนคนนี้พบว่าแมลงสาบได้ไต่เข้าไปในโพรงหูของเขา จึงพยายามใช้นิ้วแคะก็ไม่สำเร็จ ใช้ไม้แคะหูก็ไม่สำเร็จ จากนั้นเจ้าตัวจึงเอามือตบที่หูของเขา เพราะคิดว่าน่าจะสร้างความหวาดกลัวให้แมลงสาบได้ แต่กลายเป็นว่ามันเข้าไปอยู่ลึกกว่าเดิม ด้วยความรำคาญใจ เขาเลยเอาสเปรย์ฆ่าแมลง มาฉีดเข้าใส่รูหูตัวเองซะเลย!! แน่นอนว่าเจ้าปีเตอร์ตายทันทีหลังจากที่ได้รับสารเคมีเข้าไป แต่ปัญหาของเขายังไม่จบ เพราะแมลงสาบตายในหูไม่ยอมออกมาตายข้างนอก หลังจากนั้นหนุ่มจีนเลยจำเป็นต้องเข้าพบคุณหมอ (แล้วทำไมไม่ไปตั้งแต่แรก) โดยคุณหมอกล่าวว่า การที่พ่นสเปรย์ฆ่าแมลงอาจจะทำให้พวกมันตายได้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้มันออกมาได้ เพราะสารเคมีจากสเปรย์ทำให้รูหูบวมมากขึ้น และนั่นก็ทำให้แมลงติดอยู่ข้างในไปด้วยเช่นกัน ภาพจากรูหูของเจ้าตัว บรึ๋ยยยย! ‘ปกติแล้วพฤติกรรมของแมลงสาบ พวกมันมักจะเข้าหาพื้นที่ๆ มีความอบอุ่นมากกว่า จึงไม่น่าแปลกใจที่ช่วงฤดูหนาวพวกมันมักจะเข้ามาหลบซ่อนในบริเวณบ้าน และขี้หูของคนเราก็ถือว่าเป็นอาหารจานโปรดของพวกมันได้เลยล่ะ’ คุณหมอ Wang…
-
ภรรยาจะโดดตึก แต่สามีใช้ความเร็วด้วยได้ทันด้วยการ “ดึงผม” ลุ้นระทึกเกือบไปแล้ว…
ณ ห้วงขณะหนึ่งในจิตใจมนุษย์ว่ากันว่า ถ้าหากเรารู้สึกแย่สุดขีด หรือรู้สึกหมดความหวังในการมีชีวิตต่อไป บางคนอาจจะหาทางออกที่สร้างสรรค์เพื่อฟื้นฟูอารมณ์ตัวเองได้ แต่บางคนก็เลือกที่จะทำสิ่งที่เรียกว่า ‘การฆ่าตัวตาย’ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เว็บไซต์ข่าวจีน Shanghaiist ได้รายงานเรื่องราวของสามีชาวจีนคู่หนึ่ง จากมณฑลส่านซี ที่สามารถเข้าไปช่วยภรรยาผู้คิดสั้นต้องการจะกระโดดตึก ได้ทันเวลาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด!! ก่อนอื่นเราไปชมคลิปวิดีโอจากในเหตุการณ์กันก่อนเลย เพราะเป็นเหตุการณ์จริง ตัวละครในคลิปก็คือคนจริงๆ ไม่ใช่ภาพยนตร์ มันเลยลุ้นระทึกสุดๆ วิดีโอดังกล่าวกำลังเป็นที่พูดถึงของชาวเน็ตในประเทศจีนเป็นอย่างมาก กับวีรกรรมของสามีที่สามารถเข้าไปช่วยภรรยาได้สำเร็จ ตอนแรกนั้นไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุใดถึงทำให้เธออยากจากโลกนี้ไป แต่ทว่า ณ วินาทีที่เธอตัดสินใจกระโดดลงมาจากตึกสูง ทันใดนั้นก็ได้มีมือของสามีเข้ามาดึงผมเธอไว้ได้ทันการ ภาพข่าวจากอีกมุม ดูหวาดเสียวนะเนี่ย!! หลังจากที่สามีสามารถจับผมของภรรยาเพื่อยื้อเวลาได้นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รีบรุดเข้าไปช่วยสามีพยุงตัวภรรยาขึ้นมาให้พ้นจากจุดอันตรายทันที สำนักข่าวท้องถิ่นในจีนได้ระบุว่า ‘ชายหนุ่มได้เข้าไปดึงผมภรรยาได้ทัน ทำให้ช่วยยื้อเวลาได้ครู่หนึ่ง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรีบเข้าไปช่วยกันดึงเสื้อผ้า และตัวของภรรยาไว้ได้’ ภาพจากวินาทีที่ดึงตัวไว้ได้ทัน และเพื่อเป็นการระวังภัย เราก็มีคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ให้ปฏิบัติตาม เมื่อเราสังเกตเห็นว่าคนรอบข้างของเราเริ่มมีพฤติกรรมต้องการที่จะปลิดชีพตัวเอง 1. ถ้าสังเกตเห็นว่าคนนั้นเริ่มมีอาการน่าเป็นห่วง หรือเสี่ยง อย่าปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวเป็นอันขาด 2.…
-
นักโบราณคดีจีนขุดพบ ‘ดิลโด้โบราณ’ อายุ 2,000 ปี แต่จุดประสงค์การใช้งานยังคงเป็นปริศนา!?
จากการค้นพบล่าสุดของนักโบราณคดีก็ทำให้รู้ว่าเหล่าขุนนางภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮั่น ในช่วงยุค 206 ปีก่อนคริสตกาล นั้นดูเหมือนว่ามีช่วงเวลาที่เยี่ยมยอดมาก… ในการขุดค้นสุสานโบราณที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี ที่ตั้งอยู่ในมณฑล Jiangsu นักโบราณคดีได้ค้นพบสมบัติที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากมาย ประกอบไปด้วยวัตถุที่เป็นเซรามิค, จานชาม, อุปกรณ์อาบน้ำ (ฟองน้ำที่ใช้ขัดตัว), และอุปกรณ์ที่น่าทึ่งอย่างดิลโด้ที่ทำจากทองแดงและหยก ถึงแม้มีการสันนิษฐานว่าดิลโด้ทองแดง อาจจะถูกใช้เป็นวัตถุทางด้านเพศ ทั้งให้ผู้หญิงใช้หรือผู้ชายใช้เพื่อเป็นเซ็กส์ทอยกับคู่ฝ่ายตรงข้าม อย่างไรก็ตามทางด้านนักวิจัยเชื่อว่าเจ้าดิลโด้หยกนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อสนองต่อความต้องการทางเพศแต่อย่างใด เพราะหยกนั้นถือเป็นอัญมณีที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของชาวจีนมาอย่างช้านาน และคาดว่ามันน่าจะถูกนำมาใช้ในพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อมากกว่า “เจ้าสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายกับดิลโด้ที่ทำขึ้นมาจากหยกนี้ ถูกใช้งานเพื่อปิดผนึกร่างกายเพื่อกักเก็บเนื้อแท้ของตัวตน ไม่ให้มันรั่วไหลออกมาในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่และตายไปแล้ว” ภัณฑารักษ์ Fan Zhang กล่าว ส่วนเจ้าดิลโด้ทีทำขึ้นมาจากทองแดงนั้นเองก็ ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีไว้ทำอะไรกันแน่ เพราะรูปร่างของมันช่างแปลกประหลาด มีห่วงวงกลมเล็กๆ ติดอยู่ข้างหลังจึงทำให้นักวิจัยต่างก็ตั้งคำถามว่าแท้จริงแล้วมันมีไว้เพื่อสนองต่ออารมณ์ทางเพศจริงหรือไม่!? “เจ้าดิลโด้ที่ทำมาจากทองแดงนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากมากๆ และมันมักจะถูกพบในหลุมฝังศพของชนชั้นสูง เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาทำมันขึ้นมาเพื่อใช้งาน แต่จะใช้งานในเรื่องใดนั้นยังไม่อาจทราบได้ เจ้าห่วงวงกลมนั้นก็คือสายหนัง หรือหนังที่ถูกคล้องเอาไว้ แต่มันก็ทำให้ชวนสงสัยว่าพวกเขาจะสวมใส่กันอย่างไร? มีไว้สำหรับผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่!?” คุณ Zhang กล่าว การค้นพบครั้งนี้ อาจจะเป็นหลักฐานสำคัญไขไปสู่เรื่องน่าสนใจในประวัติศาสตร์อีกหลายๆ เรื่องก็เป็นได้ ต้องคอยติดตามกันดูแล้ว… ที่มา :…
-
ถ้า ‘มนุษย์กลายเป็นสุนัข’ ชุดภาพสะท้อนความหดหู่ กับการทารุณกรรมสุนัขภายในจีน!!
เป็นประจำทุกปีที่เมืองยู่หลิน ประเทศจีน จะมีการจัดงานเทศกาลเนื้อหมาขึ้นเป็นประจำ โดยงานจะจัดเป็นเวลายาวนานถึง 10 วัน และคาดว่ามีสุนัขมากกว่า 15,000 ตัว ที่ถูกนำมาทำเป็นอาหารสำหรับเทศกาลประจำปีนี้ แต่ใช่ว่าเมืองจีนจะเต็มไปด้วยความโหดร้ายเสมอไป ท่ามกลางประเพณีการกินเนื้อสุนัข ก็ยังมีกลุ่มคนบางส่วนที่ออกมาต่อสู้เพื่อปกป้องเหล่าน้องหมาไม่ให้ถูกนำไปทำเป็นอาหารอีก และล่าสุดทีมนักเต้นโพลแด๊นซ์ ‘POLE 11’ ได้ออกมารวมตัว เพื่อประท้วงเทศกาลกินเนื้อหมา และต้องการให้ทุกคนตระหนักถึงความโหดร้ายที่สุนัขจรจัดถูกทารุณกรรมโดยน้ำมือมนุษย์ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสัตว์เลี้ยงผู้ซื่อสัตย์ก็ตาม… โดยพวกเขาได้จำลองสถานการณ์ให้แก่ตนเอง ตามแบบที่มนุษย์ทำกับสุนัขจรจัดอย่างหดหู่ อีกทั้งต้องการตระหนักให้ทุกคนเริ่มหยิบยื่นการช่วยเหลือให้แก่เหล่าสุนัขจรจัดทั้งหลาย บางตัวก็ถูกเผาทั้งเป็น มีอีกหลายชีวิตที่ต้องพยายามเอาตัวรอดแบบวันต่อวัน พวกมันไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวมันเองบ้าง บ้างก็ถูกมนุษย์ใจร้ายล่ามไว้ และปล่อยให้อดอาหารนานแรมเดือน เพียงเพราะเขาคนนั้นรู้สึกรำคาญพวกมัน และอีกหลายชีวิตที่ถูกนำมาทำเป็นอาหาร มีสุนัขมากมายที่ต้องตายจากไปด้วยน้ำมือของมนุษย์ วันแล้ววันเล่า บางทีก็ถูกทรมานให้ตายทั้งเป็น เพียงเพราะความสนุกอันแสนโหดร้ายของคนบางคน จากภาพทั้งหมดนี้ พวกเขาก็ได้แต่หวังว่ามันจะช่วยทำให้ชาวจีนตระหนักถึงเรื่องนี้มากขึ้น ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งของเทศกาลเนื้อสุนัข กลับเต็มไปด้วยผู้คนให้ความสนใจจำนวนมาก… อันที่จริงแต่ละประเทศก็มีวัฒนธรรมอาหารการกินที่ต่างกัน แต่สำหรับคนรักสัตว์อย่างเราๆ เห็นแบบนี้แล้วมันอดที่จะสงสารไม่ได้จริงๆ ที่มา: Fwdder
-
ไม่ใช่เล่นๆ นะคร้าบ จีนกลายเป็นเจ้าแห่งการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์มากที่สุดไปแล้ว
ในยุคที่พลังงานถ่านหินกลายเป็นแหล่งพลังงานที่ล้าหลังและเต็มไปด้วยมลพิษ หลายๆ ประเทศต่างพยายามพัฒนาและผลักดันพลังงานทางเลือกให้กลายเป็นแหล่งพลังงานใหม่ ไม่ว่าจะเป็นพลังงานจากเขื่อน พลังความร้อนใต้พิภพ พลังงานลม และที่ขาดไม่ได้เลยคือพลังงานแสงอาทิตย์ ถึงแม้พลังงานแสงอาทิตย์จะสะอาดและหาได้ทั่วไป (ขอเพียงท่านมีพื้นที่และแสงอาทิตย์เท่านั้น) แต่ต้องยอมรับว่า พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานที่ใช้ต้นทุนค่อนข้างสูงและยังไม่มีจุดคุ้มทุนเสียด้วย แต่ล่าสุดในปี 2016 ที่ผ่านมา ประเทศจีนได้แสดงความเป็นผู้นำโลกยุคใหม่ หลังกระทรวงพลังงานของจีนได้ออกมาประกาศว่า พวกเขาได้กลายเป็นประเทศที่ผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ได้มากที่สุดในโลก ตลอดทั้งปี 2016 พวกเขาสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 77.42 กิกะวัตต์ (77,420 เมกกะวัตต์ ขณะที่ประเทศไทยใช้พลังงานไฟฟ้าปีละ 28,000 เมกกะวัตต์) และภายในสามปีข้างหน้า พวกเขาจะเพิ่มกำลังการผลิตไปให้ได้ที่ 110 กิกะวัตต์ต่อปี ซึ่งจะนับเป็น 20 เปอร์เซ็นของการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งประเทศ ด้วยภูมิประเทศที่เหมาะสม ทำให้จีนสามารถตั้งแผงโซลาร์เซลได้เป็นจำนวนมากในแถบมณฑลเหอหนาน ซินเจียง ซางตง รวมถึงมองโกเลียอีกด้วย สาเหตุที่ประเทศจีนผลักดันการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เนื่องจากต้องการลดการนำเข้าพลังงานฟอสซิลจากต่างประเทศ และทางการจีนคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ (10 ล้านล้านบาท) ในการปรับปรุงระบบการผลิตไฟฟ้าภายในประเทศทั้งหมด ในขณะที่สหรัฐอเมริกายังเอาแน่เอานอนไม่ได้ และยุโรปยังอยู่ในช่วงขาลง ไม่แน่เราอาจได้เห็นพญามังกรกลายเป็นผู้นำโลกยุคใหม่ก็เป็นได้ ที่มา digitaltrends
-
โรงเรียนจีนเปิด “ธนาคารเกรด” ปล่อยกู้ยืมเกรด ให้กับนักเรียนที่เกรดไม่ถึง (แต่มีดอกเบี้ยนะ)
เป็นที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันเด็กนักเรียนในประเทศจีนต้องเผชิญกับแรงกดดันทางการศึกษามากมาย ทุกคนต้องพยายามเรียนเพื่อให้ได้เกรดที่ดีที่สุดไม่เพียงเพื่อความพึงพอใจของสังคมเท่านั้น แต่นั่นยังหมายถึงอนาคตของตนเองด้วยเช่นกัน แต่ล่าสุด โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองนานกิงได้เปิด “ธนาคารเกรด” ให้นักเรียนที่ประสบปัญหาเกรดน้อย เกรดไม่ถึง ได้กู้ยืมไปใช้งานก่อนได้ด้วย ธนาคารเกรด ถือกำเนิดแล้วในประเทศจีน… โดยธนาคาร จะปล่อยกู้เกรดให้กับนักเรียนที่สอบตกไม่ว่าจะวิชาใดก็ตามตามต้องการ ฟังดูดีใช่ไหม!? แต่แน่นอน เรื่องราวไม่ได้ง่ายแบบนั้น นักเรียนที่กู้ยืมจะต้องจ่ายดอกเบี้ย ด้วยการทำเกรดให้สูงขึ้นกว่าเดิมในเทอมถัดมา แต่อาจารย์หลายๆ ท่านอาจคิดดอกเบี้ยหรือการใช้หนี้ด้วยวิธีอื่นๆ เช่นให้มาช่วยทำงานในแล็บวิทยาศาสตร์ หรือไม่ก็ให้บำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ ซึ่งนักเรียนคนไหนที่เบี้ยวหนี้ ก็จะถูกจับใส่แบล็กลิสต์เหมือนกับธนาคารจริงๆ เพราะฉะนั้นพวกเขาก็จะไม่สามารถกู้ได้ในอนาคต หรือจะมีสิทธิ์ถูกตัดเกรดน้อยลงไปอีก Mei Hong อาจารย์ฟิสิกส์จากโรงเรียนในนานกิงแห่งนี้กล่าวว่า ระบบกู้ยืมเกรดดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อมอบ “โอกาสครั้งที่สอง” ให้กับนักเรียน “คะแนน 59 กับ 60 แทบไม่ต่างกันเลย แต่ในการตัดคะแนน คนแรกคือคนที่สอบตก คนที่สองคือคนที่สอบผ่าน ซึ่งมันส่งผลกระทบต่อนักเรียนเป็นอย่างมาก ฉะนั้นพวกเขาสามารถกู้คะแนนไปใช้ก่อนได้ ตราบใดที่พวกเขายินดีจะจ่ายดอกเบี้ยภายหลัง” นักเรียนคนหนึ่งกล่าวว่า “ผมป่วยช่วงก่อนสอบกลางภาคและผมก็ไม่ได้เข้าเรียนหลายคาบเลย ผมเลยสอบตก แต่ผมดีใจมากที่ระบบนี้มอบโอกาสให้ผมได้แก้ตัวอีกครั้ง” อย่างไรก็ตามแม้ทางโรงเรียนจะบอกว่าระบบดังกล่าวส่งผลด้านบวกมากกว่าด้านลบ…
-
จีนเผยกระบวนการสร้าง “ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ยักษ์” แรงที่สุดในโลก เกือบจะเสร็จแล้ว!!
ว่ากันด้วยเรื่องของเทคโนโลยีในยุคสมัยปัจจุบันที่พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดแตกต่างจากในอดีตมากๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วในระดับผู้ใช้งานนั้น ทางบริษัทไอทีต่างก็พัฒนาสินค้าให้ออกมาในรูปแบบที่กะทัดรัด มีประสิทธิภาพสูง ใช้งานง่าย และพกพาได้สะดวก แต่สำหรับในกรณีของคอมพิวเตอร์ที่จะนำไปใช้ในการประมวลผลระดับใหญ่นั้น จะถูกนำมาใช้ในองค์กรระดับประเทศ โดยที่ผ่านมาก็มีการนำเสนอในเรื่องของซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดยักษ์ของประเทศจีน ที่ลือกันหนาหูว่ากำลังซุ่มสร้างอยู่ มีประสิทธิภาพในการประมวลผลไวมากด้วยการคำนวน 1,000,000,000,000,000,000 (1 ล้านล้านล้าน) ครั้งภายใน 1 วินาที สุดยอดคอมพิวเตอร์ที่ว่ากันว่าเป็นต้นแบบซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาด Exacale เครื่องแรกของโลก โดยทาง National Supercomputer Centre ของประเทศจีนได้ประกาศอย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้ว่า กระบวนการสร้างทั้งหมดใกล้จะสำเร็จแล้ว พวกเขาคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2017 ไม่ถึงปี 2018 แน่นอน หากเป็นไปตามแผนการสร้างที่วางเอาไว้ การสร้างซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ชุดนี้ จะต้องใช้เวลาในการพัฒนาชุดโปรแกรมไปอีกประมาณ 1 – 2 ปี จนจะได้ออกมาเป็นซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งถ้าหากเป็นไปตามที่คาดการณ์นี้ ก็ถือว่าคุ้มค่าแก่การรอคอยมากๆ Zhang Ting จาก National Supercomputer Centre ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว…
-
พ่อตระเวนขายลูกน้อยวัย 5 เดือน อยู่ข้างถนน เพื่อแลกเงิน 4 แสน เอาไปซื้อรถให้ภรรยา
กลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกอินเตอร์เน็ตของชาวจีนไปเลยทีเดียว หลังจากมีภาพคุณพ่อคนหนึ่งออกมาประกาศขายลูกชายวัย 5 เดือนเป็นจำนวนเงิน 4 แสนบาท เพื่อนำเงินจำนวนนั้นไปซื้อรถให้กับภรรยา ก่อนที่พวกเขาจะหย่ากัน เหตุการณ์ดังกล่าวรายงานโดยสำนักข่าว Huanqiu เมื่อตำรวจสังเกตุเห็นชายคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กทารก ยืนทำท่าทีมีพิรุธอยู่ข้างถนนนานกว่า 10 นาที ขณะที่เด็กชายซึ่งอยู่ท่ามกลางอากาศหนาว และไม่มีเสื้อผ้าให้ความอบอุ่นเพียงพอ ก็เริ่มที่จะส่งเสียงร้องไห้ จนไปเตะตากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บังเอิญอยู่แถวนั้นพอดี ทางตำรวจเห็นดังนั้นพบว่าไม่ใช่เรื่องปกติ และกลัวว่าเขาอาจจะมีพฤติกรรมทำร้ายเด็กทารกคนดังกล่าว พวกเขาจึงเข้าไปแสดงตัว และควบคุมตัวชายคนดังกล่าวไปยังโรงพักทันที ภายหลังการสอบสวน ชายคนดังกล่าวรับสารภาพว่า ตนเองได้ประกาศขายลูกชายวัย 5 เดือนบนอินเตอร์เน็ตเป็นจำนวนเงิน 80,000 หยวนหรือราว 400,000 บาท และได้นัดส่งมอบลูกชายให้กับผู้ซื้อบริเวณนั้น แต่โชคร้ายตำรวจมาเห็นเหตุการณ์เสียก่อน เขาเล่าว่าสาเหตุที่เขาต้องขายลูกชาย เป็นเพราะเขาต้องการหย่ากับภรรยา แต่ภรรยายื่นเงื่อนไขว่า ต้องซื้อรถให้เธอก่อน เธอจึงจะยินยอมหย่าโดยดี ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจประกาศขายลูกชาย เพื่อนำเงินมาซื้อรถคันดังกล่าว นอกจากนี้เขายังอ้างว่า “เมื่อหย่ากันแล้วชีวิตของเขาคงยากลำบากมาก ดังนั้นจึงประกาศหาครอบครัวใหม่ให้กับลูกชาย เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” ตอนนี้คุณพ่อคนดังกล่าวถูกตำรวจตั้งข้อหาค้ามนุษย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะทำการสืบสวนต่อไปว่า มีใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้หรือไม่ ในขณะที่ชาวจีนคนอื่นๆ ซึ่งพอรู้ข่าวนี้ก็มีท่าทีโกรธเคืองและรับไม่ได้กับพฤติกรรมขายลูกกินนี้เช่นกัน ยกตัวอย่างคอมเม้นท์บนโลกออนไลน์ซึ่งระบุว่า ‘น่าสงสารเด็กชายที่มีพ่อแบบนี้จริงๆ ถึงครั้งนี้จะขายไม่สำเร็จ…
-
ช่างภาพพาเที่ยว “ดินแดนพญามังกร” ในยุค 80 ที่คลาสสิกและงดงาม เหมือนดูเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้
ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่า ประเทศจีนถือว่าเป็นประเทศที่มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าแทบทุกเมืองใหญ่ต่างเต็มไปด้วยตึกสูงและสิ่งปลูกสร้างสุดอลังการมากมาย แต่ย้อนกลับไปในช่วงยุค 80 ตอนนั้นพญามังกรตัวนี้ ยังเป็นเพียงมังกรตัวเล็กๆ ที่กำลังสะสมกำลังเพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ในอีกสองทศวรรษถัดมา และบ้านเมืองของพวกเขาก็ยังเต็มไปด้วยความงดงามและคลาสสิกที่ใครเห็นแล้วต้องรู้สึกแปลกตา ไม่เชื่อลองไปชมภาพถ่ายของ Alex Ng ตากล้องชาวฮ่องกงคนนี้ถ่ายไว้เมื่อสามสิบปีก่อนสิ รับรองว่าคุณจะต้องรู้สึกรำลึกความหลังอย่างแน่นอน หอระฆัง เมืองซีอาน ปี 1984 ฮูฮอต ในมองโกเลีย ปี 1984 ปักกิ่ง ปี 1985 พระราชวังฤดูร้อน ในปักกิ่ง ปี 1985 หน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติปักกิ่ง ปี 1987 สุสานราชวงศ์ซ่ง ปี 1984 ทะเลสาบตะวันตก ในนครหางโจว ปี 1984 สถานีรถไฟจี่หนาน ปี 1984 รถรางในเมืองต้าเหลียนในปี 1985 สร้างมาตั้งแต่ช่วงท้ายของราชวงศ์ชิง …
-
เกมโชว์สุดแปลกในจีน ให้ “พ่อแม่” มานั่งเลือก “เจ้าสาว” ให้กับลูกชายของตนเอง
ในประเทศไทยเราก็มีรายการแนวออกเดทอย่าง Take Me Out ที่ให้หนุ่มหรือสาวที่สนใจ เข้ามาหาคู่เดทในรายการ ด้วยตนเอง แต่นั่นคงเทียบไม่ได้กับรายการนี้จากประเทศจีน เพราะพวกเขาให้ “พ่อแม่” เข้ามาเลือก “ภรรยา” ให้กับ “ลูกชาย” ของตนเอง!! รายการนี้มีชื่อว่า Chinese Dating กติกาของรายการก็ง่ายๆ เพียงแค่ให้หญิงสาวที่เข้าร่วมรายการ ออกมาพรีเซนต์ตัวเองให้กับ “พ่อแม่” ของชายหนุ่ม (ซึ่งจะมีทั้งหมด 5 คู่) และพ่อแม่ของชายหนุ่มเหล่านั้น ก็มีสิทธิ์ที่จะถามคำถามต่างๆ กลับเช่นกัน เพื่อเช็คว่าผู้หญิงคนนี้เหมาะกับลูกชายของตนหรือไม่ โดยคำถามที่พวกเธอถูกถาม ก็จะมีตั้งแต่ “ทำงานบ้านเป็นรึเปล่า” “เคยผ่านการศัลยกรรมมาหรือไม่” “โอเคหรือเปล่าที่ฝ่ายชายมีรายได้น้อยกว่า” และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งฝ่ายชายทำได้เพียงแค่นั่งดูจากหลังเวทีเท่านั้น อย่างไรก็ตามหลายคนได้วิจารณ์ว่ารายการนี้ถือว่าเป็นการส่งเสริมค่านิยมเก่าๆ หรือเปล่า ที่พ่อแม่จะเป็นคนเลือกคู่ครองให้กับลูกชาย รวมทั้งยังมีการปะทะกันของค่านิยมเก่ากับค่านิยมยุคใหม่ ที่พ่อแม่จะปฏิเสธหญิงสาวที่เคยแต่งงานแล้วและอายุเกิน 40 ปีอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ยังมีคำวิจารณ์ว่า รายการนี้อาจมีการกำหนดสคริปต์จากทางผู้จัดแต่แรก เพื่อเรียกเรตติ้งให้กับรายการ ซึ่งเมื่อนักข่าวพยายามสอบถามไปยังผู้จัด พวกเขาก็พยายามหลีกเลี่ยงการสัมภาษณ์มาโดยตลอด จึงยังไม่มีคำตอบของเรื่องนี้แต่อย่างใด……
-
มหาวิทยาลัยจีนติดตั้ง “โถปัสสาวะ” สำหรับ “ผู้หญิง” หวังช่วยประหยัดน้ำยิ่งกว่าเดิม
ช่วงนี้หลายคนอาจได้ยินข่าวว่า ประเทศจีนกำลังประสบปัญหาเรื่องการจัดการทรัพยากรน้ำ จนทำให้เกิดปัญหาน้ำขาดแคลนในหลายๆ พื้นที่ แต่ใครมันจะไปนึกว่าพวกเขาจะประสบปัญหาหนักหน่วงขนาดนี้ เพราะล่าสุด พวกเขาได้เปิดตัว “โถปัสสาวะ” สำหรับ “ผู้หญิง” หวังช่วยประหยัดน้ำ โดยโถปัสสาวะดังกล่าวถูกติดตั้งในมหาวิทยาลัยซีอาน ในมณฑลซานซี ประเทศจีน โดยลักษณะเหมือนกับโถฉี่ที่เราพบเห็นได้ในห้องน้ำชายนั่น ส่วนวิธีการใช้งานก็ขอให้เพื่อนๆ จินตนาการเอาเอง (ฮา) ทางมหาลัยเคลมว่า โถ่ปัสสาวะดังกล่าวจะช่วยประหยัดน้ำได้วันละ 160 ตันเลยทีเดียว หลายคนอาจสงสัยว่า วิธีการปัสสาวะของผู้หญิงนั้นแตกต่างจากผู้ชาย แล้วมันจะปัสสาวะลงโถได้ยังไง แน่นอนว่าวิศวกรผู้ออกแบบก็คำนึกถึงปัญหานี้เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงประดิษฐ์อุปกรณ์ชิ้นนี้ขึ้นมา นั่นก็คือ “กระดาษลำเลียงปัสสาวะ!!!” ผ่าง… แน่นอนว่าผลตอบรับของทั้งชาวเน็ตจีนและชาวเน็ตต่างชาติก็ต่างกันออกไป เช่น “มันประหยัดน้ำได้จริงนะ แต่มันจะเปลืองกระดาษรึเปล่า!?” แล้วเพื่อนๆ ล่ะ คิดเห็นอย่างไรกับข่าวนี้บ้าง ลองแสดงความเห็นกันเข้ามานะ ที่มา shanghaiist
-
น่ารักเกินไปแล้ว แพนด้าจีนที่ถ่ายเซลฟี่ได้ดูดีสุดๆ รู้ท่าโพสต์ มุมกล้อง จนดังในโลกโซเชียลจีน
กลายเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึงกันอย่างแพร่หลาย เมื่อหญิงสาวชาวจีนได้ทำการโพสต์ภาพที่ตัวเองกำลังถ่ายเซลฟี่คู่กับหมีแพนด้า เจ้าหมีแพนด้าอาศัยอยู่ที่ศูนย์ดูแลในเมือง Chengdu ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน และดูเหมือนว่ามันจะรู้วิธีการโพสต์ท่าทางถ่ายรูป จนทำให้รูปเซลฟี่แต่ละรูปนั้นออกมาดูดีเหมือนกับว่ามีคนสวมชุดมาสค็อตอยู่ยังไงอย่างงั้นเลยล่ะ รูปภาพดังกล่าวถูกแชร์ไปอย่างแพร่หลายบนเว็บไซต์ Huanqiu.com เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา โชว์ให้เห็นว่าเจ้าหมีแพนด้าตัวโตตัวนั้นมีความกระตือรือร้นที่จะโพสต์ท่าทางอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการยิ้ม เอียงองศาหัวได้เข้ากับมุมกล้อง หรือจะเป็นการยกมือขึ้นมาเกยตรงคาง ก็ทำได้เช่นกัน ตามรายงานจากโพสต์ต้นฉบับในเว็บไซต์ Weibo พบว่าเจ้าหมีแพนด้าตัวนี้อยู่ในความดูแลของศูนย์ดูแลแพนด้า Dujiangyan ที่ตั้งอยู่ในเมือง Chengdu ในโพสต์ยังเล่าต่ออีกว่าหญิงสาวในภาพนั้นพยายามที่จะถ่ายรูปคู่กับเจ้าหมีแพนด้า ซึ่งเป็นบริการให้กับนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว และผลที่ได้ก็คือภาพน่ารักๆ ทั้ง 6 ภาพนี้ ฮร่า มี 2 ภาพที่ถูกถ่ายโดยนักท่องเที่ยวคนอื่น เผยให้เห็นว่าเจ้าหมีแพนด้านั้นเขยิบเข้าไปนั่งใกล้ชิดกับหญิงสาว พร้อมกับช่วยถือไม้เซลฟี่อีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอมันยังมองไปที่กล้องแล้วก็เอียงหัวทำท่าทางโพสต์แบบแอ๊บแบ๊ว ชาวเน็ตทั้งหลายต่างก็ตั้งข้อสงสัยว่ามันอาจจะมองกล้องด้วยความสงสัยอยู่ก็เป็นได้ แต่พอมาดูอีก 4 รูปที่เหลือ ที่เป็นภาพที่ถ่ายโดยกล้องโทรศัพท์ของหญิงสาว ก็พบว่ามันมีท่าโพสต์อื่นๆ อีก อย่างเช่นการเอามือไปไว้ที่คาง หรือฉีกยิ้มหน้าแป้นเป็นต้น ทำให้เริ่มสงสัยแล้วว่าอาจจะเป็นคนสวมชุดอยู่ข้างในรึเปล่าน๊า??? แต่มาชมอีกภาพก็พบว่ามันกำลังกินต้นไผ่โชว์หน้ากล้องอยู่ ก็สรุปได้เลยว่าน่าจะเป็นแพนด้าจริงๆ แล้วล่ะ สวมชุดตุ๊กตาคงไม่สามารถแทะต้นไผ่เป็นต้นได้หรอกเนอะ ด้วยเหตุนี้เอง…
-
ชาวจีนเนื้อเต้น สามารถผลิตหัวปากกาลูกลื่น เกรดเทียบเท่าระดับโลกได้สำเร็จ เป็นครั้งแรก!!
เครื่องเขียนที่คู่กับมนุษย์มาช้านานอย่าง ‘ปากกาลูกลื่น’ นั้น เราก็คงจะไม่คิดอะไรมากเท่าไหร่ มันก็เป็นเพียงแค่ปากกาที่ไว้ใช้ขีดเขียน จดบันทึกต่างๆ แต่ทว่าถ้าหากคนที่ต้องใช้ปากกาเป็นประจำ จะรู้ดีว่าการเขียนที่ไม่ตะกุกตะกักลื่นปรื้ดนั้นมันดีแค่ไหน หัวปากกาลูกลื่นที่ผลิตในประเทศจีน สืบเนื่องมาจากปากกาลูกลื่นที่ดี จะทำให้การเขียนคล่องแคล่ว แต่ด้วยราคาต่อแท่งที่สูงมากๆ ก็ไม่อาจทำให้ซื้อมาใช้งานบ่อยๆ ได้ ทางเลือกที่เหลือก็คือการซื้อปากกาลูกลื่นเกรดธรรมดาทั่วไปแทน จนสุดท้ายก็มาหงุดหงิดกับการเขียนที่ไม่ได้ดั่งใจ จีนเป็นฐานการผลิตปากกาลูกลื่นรายใหญ่ แต่ยังด้อยคุณภาพเมื่อเทียบกับต่างประเทศ สำหรับประเทศจีน แม้เราจะรู้กันดีว่าประเทศจีนเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมที่ส่งออกไปทั่วโลกก็ตาม และจีนเองก็เป็นผู้ผลิตปากการายใหญ่ สามารถผลิตได้มากถึง 38 พันล้านหน่วยต่อปี แต่ประสบกับปัญหาในการผลิตหัวปากกาลูกลื่นที่ไม่ได้คุณภาพเท่าที่ควร อาจจะฟังเป็นปัญหาเล็กน้อย แต่สำหรับนายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เค่อเฉียง ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว และให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ‘ปากกาที่ผลิตในจีน ให้ความรู้สึกที่ ‘หยาบ’ เมื่อเทียบกับปากกาที่ทำมาจากประเทศญี่ปุ่น เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ โดยส่วนใหญ่แล้วหัวปากกาก็ถูกนำเข้ามาจากประเทศเหล่านี้ เป็นจำนวนร้อยละ 90 คิดเป็นมูลค่า 533 ล้านบาทต่อปี’ จนกระทั่งล่าสุดนี้ สำนักข่าวซินหัวได้รายงานว่า บริษัท Taiyuan Iron…
-
ค่าความรัก!? จีนเกิดวิกฤต ครอบครัวฝ่ายหญิงเรียกสินสอดสูงลิ่ว ฝ่ายชายกู้หนี้ยืมสินหนัก
ปัญหาความไม่เสมอภาคของประชากรในจีน เริ่มมาจากนโยบาย ‘ลูก 1 คน’ ซึ่งส่งผลให้ปัจจุบันมีจำนวนประชากรที่เป็นผู้ชาย มากกว่าผู้หญิงอยู่หลายเท่า และด้วยเหตุนี้เองกลายเป็นผลกระทบให้ต่อมา ครอบครัวของฝ่ายหญิงส่วนใหญ่มักจะเรียกค่าสินสอดที่แพงมากๆ ซึ่งจากการรายงานของเว็บไซต์ ‘OddityCentral’ ได้ระบุไว้ว่า กรณีค่าสินสอดในประเพณีการแต่งงานของชาวจีนนั้น เป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน (คล้ายกับของไทย) ซึ่งในช่วงยุคก่อนอาจนิยมให้สินสอดเป็นสิ่งของมีค่า แต่ทว่าปัจจุบันคงไม่มีอะไรจะมีค่าเท่ากับเงินตราที่จับต้องได้ เป็นเรื่องที่น่าตกใจ ค่าสินสอดโดยเฉลี่ยของหญิงสาวในเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ จะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านบาทเลยทีเดียว!! ปัจจุบันจีนมีสัดส่วนประชากรคือ ชาย 118 คน ต่อหญิง 100 คน ซึ่งนั่นหมายความว่ามีผู้หญิงน้อยกว่าผู้ชาย และด้วยเหตุนี้เองทำให้ครอบครัวของฝ่ายหญิงส่วนใหญ่ เรียกค่าสินสอดที่สูงลิบ ยกตัวอย่างเช่นในกรณีของนาย Zhang Hu ชายหนุ่มจากหมู่บ้านในชนบท ที่จำเป็นจะต้องไปกู้เงินจำนวนเกือบ 8 แสนบาท เพื่อนำมาเป็นค่าสินสอด และจัดพิธีแต่งงาน หนุ่ม Zhang ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ผู้หญิงที่เคยอยู่ตามหมู่บ้านชนบท ก็มักจะย้ายเข้าไปหางานทำในเมืองใหญ่กันหมด ไม่มีใครอยากแต่งงานกับผู้ชายจนๆ ที่อาศัยอยู่ตามชนบทอีกแล้ว และยิ่งคุณมีฐานะยากจนมากเท่าไหร่ ฝ่ายหญิงก็พร้อมที่จะเรียกค่าสินสอดให้แพงมากเท่านั้นด้วยเช่นกัน” ปัจจุบันชายที่มีฐานะไม่ได้ร่ำรวยในจีน หลายคนเลือกที่จะแต่งงานกับเจ้าสาวที่มาจากเวียดนาม…
-
พาชมโรงเรียนสอนแอร์โฮสเตสในจีน เส้นทางสู่การเป็นนางฟ้าสายการบิน ที่ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ
พูดถึงอาชีพแอร์โฮสเตสแล้ว สำหรับสาวๆ ในประเทศโลกที่สองหรือโลกที่สาม ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า แอร์โฮสเตสคืออาชีพในฝันของพวกเธอเลยทีเดียว เพราะด้วยค่าตอบแทนที่สูงหากเทียบกับอาชีพอื่นๆ และด้วยการวางตัวของสายอาชีพนี้ที่มีความสง่างามอยู่เสมอ เหมือนดั่งนางฟ้าที่มีตัวตนจริงๆ จึงทำให้หลายๆ คน พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของอาชีพนี้ให้ได้ และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมโรงเรียนสอนแอร์โฮสเตสแห่งหนึ่งในประเทศจีน เพื่อเรียนรู้ทักษะที่สำคัญก่อนจะไปสอบคัดเลือก และกว่าจะไปถึงจุดนั้นของชีวิต เส้นทางของพวกเธอไม่ได้ง่ายเลยจริงๆ โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนสอนสำหรับการเป็นแอร์โฮสเตสในเมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน โดยจะสอนทักษะ เทคนิค กิริยามารยาท และการวางตัวสำหรับการเป็นแอร์โฮสเตส โดยทางโรงเรียนจะสอนทั้งการยืน การเดิน การยิ้ม และปรับบุคลิกภาพของผู้เรียนให้เหมาะสมกับการเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ทักษะการเดินถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ จะต้องมีท่าการเดินที่ดูสง่า การจับมืออย่างไรให้มีความสวยงาม เรียนรู้จัดท่าทางการนั่ง การย่อตัวเพื่อเก็บของ ก็เป็นสิ่งที่แอร์โฮสเตสต้องทำเป็นประจำ แน่นอน ท่าย่อของพวกเธอก็ต้องสง่างามอย่างมีระดับเช่นกัน ส่วนวิธีการฝึกยิ้มของสถาบันแห่งนี้ จะให้ผู้เข้าเรียนคาบหลอดเอาไว้ อื้อหือ ไม่ธรรมดาจริงๆ สำหรับการจะเป็นแอร์โฮสเตสได้ แต่ด้วยค่าตอบแทนที่สูงขนาดนี้ ก็เชื่อว่ายังมีสาวๆ อีกหลายคน ยอมลำบาก เพื่อทำตามฝันของพวกเธออย่างแน่นอน…
-
พาไปชมสภาพของรถไฟความเร็วสูงที่เปลี่ยนไป หลังวิ่งเซี่ยงไฮ้-ปักกิ่ง ผ่านอากาศที่มีแต่ฝุ่นควัน
เนื่องจากว่าขณะนี้ประเทศจีนกำลังประสบกับปัญหามลพิษอย่างหนัก และเมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมาก็มีการวัดค่าฝุ่นละอองได้มากเกินกว่า 1,000 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งค่ามาตรฐานจะอยู่ที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศเมตร และในช่วงที่ประเทศไทยที่เคยประสบกับปัญหาหมอกควันที่ว่าหนักแล้วยังวัดค่าได้ประมาณ 300 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทำให้สภาพบรรยากาศในบางส่วนของประเทศจีนอย่างเช่นเมือง เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง นั้น เหมือนกับมีหมอกลงหนาอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่ามันส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางระบบหายใจของพลเมืองชาวจีนและนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ที่ต้องสูดดมเจ้าควันพิษเหล่านี้เข้าไปในร่างกายแทบจะตลอด 24 ขั่วโมง หากเพื่อนๆ คนไหนสงสัยว่าเจ้าฝุ่นนี้มันหนักหนาสาหัสขนาดไหนล่ะก็ ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมภาพของรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งผ่านเส้นทางที่มีหมอกควันมรณะนี้กันว่าจะมีสภาพเป็นอย่างไร ผ่าง!!! รถไฟความเร็วสูงขบวนนี้วิ่งเป็นระยะทาง 800 กิโลเมตรจากเมืองเซี่ยงไฮ้ไปยังเมืองปักกิ่ง ซึ่งในระหว่างเส้นทางนั้นมันต้องผ่านสมรภูมิหมอกควันอย่างสูง จนสภาพของรถไฟความเร็วสูงนั้นมีสภาพที่ถูกฝุ่นเกาะทั่วทั้งลำราวกับว่าวิ่งลงไปในน้ำโคลนยังไงอย่างงั้นเลยทีเดียว.. สภาพของนักรบผู้ฟันฝ่าหมอกตวันมรณะ เรียกได้ว่าสภาพภายนอกนั้นเก่าครึเหมือนกับใช้งานมาเป็นสิบๆ ปีเลยทีเดียว ทั้งที่จริงแล้วเพิ่งวิ่งไป-กลับ แค่รอบเดียวเองนะเนี่ย โดยมีชาวเน็ตจากเว็บไซต์ Weibo ของประเทศจีนได้กล่าวถึงสภาพของเจ้ารถไฟความเร็วสูงนี้เอาไว้ว่า “นี่คือสภาพของปอดเราที่สูดดมควันนี้เข้าไปในทุกๆ วัน” แต่ไม่ต้องห่วงไปเพราะการล้างมันซักเล็กน้อยก็จะทำให้มันกลับมาสะอาดเอี่ยมเหมือนใหม่อีกครั้งหนึ่ง!! เพียงเท่านี้ก็พร้อมแล้วที่จะออกไปผจญกับมหันตภัยร้ายกันต่อ!!…
-
คุณแม่ชาวจีนเหงา ประกาศหาคนมาไปเที่ยวในฐานะ ‘ลูกสาว’ พร้อมเปย์ไม่อั้น!!
จะว่าไปแล้วสำหรับผู้ใหญ่ที่เข้าสู่ช่วงวัยทอง คงไม่มีอะไรจะทำร้ายจิตใจพวกเค้าไปได้มากเท่ากับการที่ถูกปล่อยให้อยู่อย่างเหงาหงอย และเดียวดาย ในช่วงบั้นปลายของชีวิต เช่นเดียวกับคุณแม่ชาวจีน Li Yanling วัย 63 ปีคนนี้ ซึ่งเธอได้ลงประกาศตามหาคนที่จะมารับบทเป็นลูกสาว เพื่อที่จะได้ออกไปเที่ยวเป็นเพื่อนเธออย่างสนุกสนาน ให้เหมือนกับว่าเธอมีลูกสาวมาด้วยจริงๆ คุณแม่ Li Yanling จากการรายงานของ OddityCentral ระบุว่า เธอได้โพสต์ข้อความตามหาหญิงสาวที่มีช่วงอายุประมาณ 19 – 24 ปี ให้มาอยู่เป็นเพื่อนเธอ ในระหว่างที่เธอไปเที่ยวต่างเมือง ผ่านแอพฯ WeChat โดยเธอได้ระบุอีกว่า ในช่วงวันหยุดฤดูหนาวนี้ เธอมีความฝันที่อยากจะเดินทางไปเที่ยวทะเลที่เมืองซานย่า แต่ก็กลัวว่าถ้าไปคนเดียวแล้วจะเหงา อีกทั้งเธอพร้อมที่จะมอบ iPhone 7 เป็นโบนัสให้กับคนที่พร้อมจะไปกับเธอ แน่นอนว่าการเดินทางครั้งนี้ ฟรีตลอดทั้งทริป!! เงินจำนวนมาก แพ็คเกจทัวร์ และ iPhone 7 ที่เธอเตรียมไว้ให้สำหรับคนที่พร้อมจะไปด้วยกัน จากการสืบข้อมูลของ CCTV สำนักข่าวจีน ได้ความว่า ที่จริงแล้วเธอมีสามี และลูกสาว แต่ทว่าลูกสาวไปเรียนต่อที่แคนาดา ส่วนฝ่ายสามีกำลังออกไปปีนเขาอยู่กับกลุ่มเพื่อนสนิท ด้วยความที่เธอเกรงใจลูก และสามี…
-
จีนผุดไอเดียสร้าง ‘สะพานแก้วล่องหน’ คอนเซ็ปเหมือนหลุดมาจาก ‘ภูเขาในอวตาร์’ เปี๊ยบ!!
ดูเหมือนว่าประเทศจีน เป็นอีกประเทศที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งสุดๆ เพราะไม่ว่าจะด้านสถาปัตยกรรม ด้านเทคโนโลยี หรือด้านธุรกิจการส่งออก พี่แกก็มาแรงแบบม้ามืดจนน่าจับตามองมากจริงๆ และล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2559 สำนักข่าว Dailymail ได้รายงานว่า ตอนนี้ประเทศจีนออกแบบสะพานแก้วขึ้นมาบนภูเขาในอุทยานแห่งชาติจางเจียเจีย มณฑลหูหนาน ราวกับว่าได้เข้าไปอยู่ในโลกของหนังเรื่อง ‘อวตาร์’ เลยก็ว่าได้!! จะเห็นได้ว่ามันสามารถสะท้อนภาพได้ และดูใสๆ เหมือนสะพานนี้ไม่มีอยู่จริง สถาปัตยกรรมสะพานล่องหนอันนี้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ด้วยแนวคิดที่ให้ความกลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด ณ ภูเขาในจางเจียเจีย งบประมาณทั้งหมดก็ไม่มากไม่มายเท่าไหร่แค่ 180 ล้านบาทเท่านั้นเอ๊ง!! โดยได้รับการออกแบบจากสองบริษัทสถาปนิกชื่อดังระดับโลก ‘Martin Duplantier Architectes’ และ ‘Daqian Landscape Architects’ วัสดุที่นำมาใช้สำหรับสิ่งก่อสร้างนี้ เรียกได้ว่าแตกต่างออกไปจากสะพานแบบเดิมๆที่เคยมี โดยใช้กระจกสแตนเลส ที่มีความแข็งแกร่ง ทนทาน ส่วนทางเดินจะใช้หินดำ แน่นอนว่ามันสามารถรับน้ำหนักได้หลายกิโลฯ และตัวสะพานยังสามารถสะท้อนภาพวิวจากมุมอื่นได้อีกด้วย ด้วยการออกแบบอันล้ำสมัยนี้เอง รับประกันว่านักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสบรรยากาศริมผา แบบไม่เหมือนที่ไหนมาก่อน นอกจากนั้นแล้วทางกลุ่มผู้ออกแบบ…
-
พ่อแม่ชาวจีนใช้เวลากว่า 21 ปี เพื่อพิสูจน์ว่าลูกชายไม่ผิด พ้นการประหาร ในข้อหาฆ่าข่มขืน!!
ชายหนุ่มถูกตัดสินให้มีความผิดฐานข่มขืนแล้วฆ่า จนถูกตัดสินต้องโทษประหารชีวิตในวัยเพียง 21 ปี ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เป็นคนทำ จนเวลาล่วงเลยผ่านมากว่า 21 ปี ศาลได้ตัดสินให้เขาพ้นความผิดและล้างมลทินให้กับเขาได้สำเร็จ Nie Shubin ทำงานอยู่ในในเมือง Shijiazhuang ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมณฑล Hebei ประเทศจีน เขาถูกประหารชีวิตไปเมื่อปี 1995 จากการถูกกล่าวหาว่าข่มขืนแล้วฆ่าหญิงสาวคนหนึ่งเมื่อปีก่อนหน้านั้น เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาศาลสัญจรชั้นสอง (Second Circuit Court) ที่เป็นหนึ่งในสาขาของศาลประชาชนสูงสุด (Supreme People’s Court) ได้ออกมาประกาศเปลี่ยนคำตัดสิน และสาเหตุที่คดีถูกรื้อขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเพราะในปี 2005 ได้มีการจับตัวผู้ต้องหาอีกคนที่คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการฆ่าข่มขืนผู้หญิงจากคดีของ Nie ซึ่งก็คือนาย Wang Shujin จนมาในปี 2013 นาย Wang ได้ออกมาสารภาพว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีของ Nie แต่อย่างใด นั่นทำให้ทางเจ้าหน้าที่ได้รื้อคดีขึ้นมาทำการสอบสวนอีกครั้งหนึ่งซึ่งใช้เวลากว่า 1 ปีเต็มๆ เลยทีเดียว จนมาถึงเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2015 ศาลสูงสุดได้ทำการตรวจสอบเอกสาร และระบบการทำงานของศาลสัญจรชั้นสองอีกกครั้ง……
-
พาส่อง “ห้องน้ำสาธารณะ” สุดหรูมูลค่า 4 ล้านบาท ที่จะทำให้การปลดทุกข์ของคุณเหมือนอยู่ในสวรรค์!!
การได้เข้าห้องน้ำดีๆ นั้นถือว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ลองนึกภาพเวลาเราปวดท้องอย่างหนัก แล้วมาเจอห้องน้ำโทรมๆ ที่ตรงโน้นก็ไม่ดี ตรงนี้ก็ไม่ดี บางทีก็ทำเอาหมดอารมณ์เหมือนกัน แต่เพื่อนๆ ไม่ต้องกลัวไป เพราะวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมห้องน้ำสุดหรูระดับห้าดาว (แหม อย่างกะโรงแรม) ในประเทศจีน ที่มูลค่าทั้งหมดแล้วกว่า 4 ล้านบาท รับรองว่าถ้าเพื่อนๆ ได้เข้า อาจจะรู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยล่ะ… ห้องน้ำสาธารณะแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครฉงชิ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน มีการใช้งบประมาณก่อสร้างตกแต่งถึง 800,000 หยวน หรือราว 4 ล้านบาทเลยทีเดียว ถือว่าเป็นห้องน้ำระดับห้าดาวไม่กี่แห่งในประเทศจีน โดยภายในมีการตกแต่งอย่างหรูหราด้วยหินอ่อนและไม้สำเร็จรูป นอกจากนี้การออกแบบยังคำนึกถึงความโปร่งโล่งสบาย บนพื้นที่ 15 ตารางเมตร พร้อมทั้งยังมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ให้ภายในมีอุณหภูมิไม่เกิน 26 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี ยิ่งไปกว่านั้นสุขาชายยังมีการติดตั้งกระจกใส ที่อนุญาตให้ผู้ที่กำลังปลดทุกข์ สามารถดื่มด่ำกับวิวอันงดงามของภายนอกได้ และยังมีการเว้นระยะระหว่างโถ่ปัสสาวะ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้บริการอีกด้วย แค่เห็นก็ฟินแล้ว อยากจะไปใช้บริการซักครั้งจริงๆ นอกจากห้องน้ำด้านบนแล้ว ล่าสุดทางเขตเทศบาลนครฉงฉิ่งเพิ่งเปิดตัวห้องน้ำชายสาธารณะแบบเปิดเผยสุดๆ…
-
จีนเปิดตัวหนังใหม่ ‘Mad Shelia’ ที่ชาวเน็ตแซวว่านี่มันเหมือน ‘Mad Max’ ลองชมกันดู!!
‘Mad Max’ เรื่องราวเกี่ยวกับการผจญภัยในโลกยุคหลังวันสิ้นโลก ที่ได้รับรางวัลดีเด่นมามากมาย ตั้งแต่ภาคเก่า จนปัจจุบันภาคใหม่ล่าสุดที่เพิ่งนำมาฉายเมื่อปี 2015 ที่ผ่านมานี้เอง ในขณะที่โลกฝั่งตะวันตก มีหนังดังอย่าง ‘Mad Max’ งานนี้พี่จีนก็ไม่น้อยหน้า เพราะเค้าก็มี ‘Mad Shelia‘ เหมือนกัน!! งานนี้ใครก็อปใคร ลองไปดูกันเอาเองเลยจ้า.. โปสเตอร์โปรโมทหนังของทั้งสองเรื่อง ก็ไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่นะ สงสัยแค่ยืนท่าเดียวกันเฉยๆ (หราา?) นอกจากนี้ยังได้ปล่อยตัวอย่างหนัง มาให้แฟนๆชาวจีนได้ชมกันอีกด้วย..!! ส่วนนี้ของฝั่งฮอลลีวู้ด ลองชมทั้งสองตัวอย่าง แล้วเปรียบเทียบกันดู พอดูจบแล้ว เราก็อดใจไม่ได้ที่จะต้องเอาตัวละครมาเทียบกันดู… นี่คือ ‘Immortal Joe’ ส่วนนี่ก็น่าจะเป็น ‘อิมโมทอล จีน’ เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในทะเลทราย มีการขับรถไล่ล่า มีเพลงร็อคมันส์ๆ คล้ายๆ กับของต้นฉบับเลยเนาะ (หรือเราคิดไปคนเดียวน๊าา) และนี่คือนางเอกของเรื่อง ส่วนนี่ก็มาจาก Mad Max: Fury…
-
เวรี่ฮาร์ด!! วิทยาลัยจีนจัดสอบ “E-Sports” ครั้งแรก ผลคือนักเรียนกว่า 40% สอบตก
แรกเริ่มเลย “เกม” ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับผู้เล่น ได้สวมบทบาทเป็นตัวละครต่างๆ เพื่อบุกตะลุยด่านต่างๆ จนถึงยุคหนึ่ง เกมถูกพัฒนาให้สามารถเล่นออนไลน์ร่วมกับผู้เล่นคนอื่นๆ ได้ จนเกิดเป็นกิจกรรมที่จริงจังอย่าง E-Sports หรือการเล่นเกมเพื่อการแข่งขันระดับมืออาชีพนั่นเอง การแข่งขัน E-Sports เริ่มได้รับความนิยมไปทั่วโลก และไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเพียงแค่เกมหรือสื่อที่ให้ความบันเทิงเท่านั้น เพราะมีการฝึกอบรมและนำไปบรรจุลงในหลักสูตรการเรียนการสอนเลยด้วย เช่นวิทยาลัย Xilingol Vocational College ทางตอนเหนือของประเทศจีน ที่เปิดการเรียนการสอนในสาขาวิชา E-Sports อย่างจริงจัง แต่จากการรายงานของเว็บไซต์ Globaltimes เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2016 ที่ผ่านมา บอกว่านักเรียนในสาขา E-Sports ที่นั่นกว่า 40% สอบตก โดยหัวข้อการสอบในวิชานั้นเกี่ยวข้องกับเกม League of Legends หนึ่งในเกมที่ฮิตไปทั่วโลก He Jinduo คือหนึ่งในนักเรียนจากทั้งหมด 36 คน ที่อยู่ในคลาสเรียน E-Sports ที่สามารถสอบผ่านและทำคะแนนไปได้สูงถึง 89 คะแนน…
-
สื่อนอกตีข่าว พนักงานบริษัทหนึ่งในจีน ถูกสั่งให้กินหนอนเป็นๆ หากยอดขายไม่ถึงเป้า!!!
คุณคิดว่าบอสที่ทำงานของคุณโหด และโฉดมากพอรึยัง? ถ้าใครที่คิดว่าตัวเองมีบอสที่โหดเหลือเกิน อาจจะด้วยวิธีการจัดการกับลูกน้อง หรืออะไรก็แล้วแต่ เราขอบอกเลยว่า หัวหน้าใหญ่ของบริษัทแห่งนี้ในเมืองจีน โหดกว่านั้นหลายเท่า เพราะเขาสั่งให้พนักงานที่ไม่สามารถทำยอดขายได้ถึงเป้า ต้องกินหนอนเป็นๆเพื่อเป็นการทำโทษ!! สำนักข่าว Huashang Daily รายงานว่า มีบริษัทแห่งหนึ่งในเมือง HanZhong มณฑลส่านซี กำลังยืนประชุมอยู่ในใจกลางเมือง พร้อมกับพนักงานราว 60 ชีวิต ซึ่งพยานในเหตุการณ์เล่าว่า มีหัวหน้าใหญ่ถือถุงที่เต็มไปด้วยหนอน พร้อมกับตะเกียบ และเหล้าต้นตำรับของจีน สำหรับพนักงานที่ไม่สามารถทำยอดขายให้ถึงเป้าได้ เดิมทีบริษัทนี้มีชื่อว่า ‘อ้ายเจีย’ หรือที่แปลว่า ‘รักบ้าน’ ซึ่งเป็นบริษัทขายอุปกรณ์ก่อสร้าง ร่วมกับบริษัทย่อยอื่นๆอีก 10 แห่ง โดยระหว่างประชุม หัวหน้างานจะขานเรียกชื่อพนักงานที่ทำยอดขายได้ไม่ถึงเป้า เพื่อให้ออกมากินหนอนทั้งเป็น พร้อมกับเหล้าป๋ายจิ่ว (เหล้ายี่ห้อหนึ่งของจีน) พนักงานคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “วันนี้เราถูกทำโทษให้กินหนอน สำหรับลูกค้า 1 คนที่เราเสียไป จะต้องแลกมาด้วยหนอน 4 ตัว” ซึ่งพนักงานเล่าว่า ในทุกๆเช้าวันใหม่ของการทำงาน บริษัทและพนักงานขายจะตั้งเป้ายอดขายในแต่ละวันไว้ และสำหรับใครที่ทำไม่ถึงเป้า ในตอนเย็นจะต้องถูกลงโทษด้วยการกินเหล้า…
-
จีนเปิดตัว ‘บันไดเลื่อน’ ยาวที่สุดในโลก 680 เมตร ให้ชมความงามธรรมชาติแบบไม่เมื่อยขา!!
ต้องขอบอกเลยว่าช่วงนี้พี่จีนของเรานี่ท็อปฟอร์มซะจริง โดยเฉพาะในเรื่องของการสร้างสิ่งก่อสร้างเพื่อทำลายสถิติโลก เมื่อช่วงก่อนก็เพิ่งสร้างลิฟต์ที่มีความสูงมากที่สุดในโลก ไป และเมื่อล่าสุดก็เพิ่งเปิดตัวบันไดเลื่อนที่ยาวที่สุดในโลกไปอีก และนี่ก็คือบันไดเลื่อนแบบเปิดที่มีความยาวมากที่สุดในโลก ที่พี่จีนของเราเพิ่งจะเปิดให้บริการไปเมื่อไม่นานนี้เอง โดยเจ้าบันไดเลื่อนนี้ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติ Enshi Grand Canyon ในมณฑลหูเป่ย บันไดเลื่อนแห่งนี้ทางการของจีนใช้ทุนสร้างไปมากมายกว่า 184 ล้านบาท มีความยาวมากถึง 680 เมตรเลยทีเดียว โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถจุนักท่องเที่ยวได้มากถึง 7,300 คนใน 1 ชั่วโมง และ 600,000 คนต่อปี ซึ่งก่อนหน้านั้นที่อุทยานแห่งชาติ Enshi Grand Canyon ได้ใช้บันไดทางเดินธรรมดาๆ ทำให้กว่าจะเดินทางเที่ยวชมความงดงามทางธรรมชาติจากต้นทางสู่ปลายทางด้านบนนั้นต้องใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่พอบันไดเลื่อนสำเร็จนักท่องเที่ยวจะใช้เวลาเพียง 18 นาทีเท่านั้น แถมยังเป็นบันไดเลื่อนแบบเปิดอีกต่างหาก ทำให้ทุกคนสามารถชมธรรมชาติที่แสนงดงามระหว่างทางได้อย่างเต็มที่โดยไม่เมื่อยขาอีกต่อไป… ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการบันไดเลื่อนแห่งนี้จะอยู่ที่ประมาณ 100 บาท ต่อคนเท่านั้น ไม่แพงเลยใช่มั้ยล่ะ?? โดยคอนเซ็ปต์ของเจ้าบันไดเลื่อนนี้ทางสถาปนิคที่เป็นคนออกแบบได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า “การออกแบบทั้งหมดนั้นมีเป้าหมายไว้ว่าจะมุ่งเน้นไปที่การอนุรักษ์ระบบนิเวศ จึงได้ใช้ไม้เป็นโครงส้รางหลัก และใช้กระเบื้องสีเทาในการให้ร่มเงา” ทางโฆษกของ Enshi…
-
ยอมใจ!! เด็กจีนวัย 13 ปี ติดในลิฟท์นาน 5 ชั่วโมง ไม่รู้ทำไง เลยหยิบการบ้านมาทำจนเสร็จ
นี่เป็นข่าวที่#เหมียวฟิ้นไม่รู้ว่าจะอึ้ง หรือขำ หรือรู้สึกยินดีกันแน่ เพราะความรู้สึกแต่ละอย่างมันปนกันไปหมดเลย… เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Rocketnews24 ได้รายงานว่าเด็กนักเรียนหนุ่มชาวจีนนามว่า ซุน ยี่เสี่ยว วัย 13 ปี ได้ติดอยู่ในลิฟท์ระหว่างที่เขากำลังเดินทางกลับบ้าน อันที่จริงแล้วเขาสามารถกรีดร้องหรือพยายามทุบประตูเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้คนภายนอกได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะใจเย็นมากกว่าเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆ เด็กชายซุนจึงกดปุ่มไปยังชั้นต่างๆ เพราะเชื่อว่าเป็นการป้องกันไม่ให้ลิฟท์ตกลงไปข้างล่าง จากนั้นเขาก็พยายามที่จะใช้ระบบอินเตอร์คอมเพื่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ภายนอก แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลอะไรเลย ไม่มีเสียงใครตอบรับกลับมา เป็นคุณจะทำยังไงต่อ!? เขาก็เลยหยิบเอากระดาษออกมาจากกระเป๋าแล้วเริ่มเขียนข้อความร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัย โดยมีข้อความว่า “มีคนอยู่ในลิฟท์ ขอร้องช่วยติดต่อคนดูแลตึกนี้หน่อย” จากนั้นก็พยายามหย่อนมันเข้าไปในช่องระหว่างประตูลิฟท์ และหวังว่าจะมีคนมาเห็นเข้อ แล้วเมื่อไม่มีอะไรให้ทำนอกจากการนั่งรอคอยความช่วยเหลือแล้ว เด็กชายซุนก็หยิบเอาการบ้านออกมา แล้วนำกระเป๋านักเรียนมาวางไว้ที่ตักเพื่อทำเป็นโตะ ก่อนจะลงมือทำการบ้านที่คุณครูสั่งอย่างใจเย็น ตั้งแต่วิชาคณิต ต่อด้วยวิชาวิทยาศาสตร์ และวิชาภาษาจีน เวลาล่วงเลยผ่านไปได้สักพักจนเด็กชายซุนทำการบ้านได้เสร็จหมดทั้ง 3 วิชาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครมาช่วยเหลือเขาสักที หลังจากที่ผ่านไป 5 ชั่วโมง ก็มีนักดับเพลิงเปิดประตูเข้ามาพาเขาออกไปจนได้ แถมยังทึ่งที่พบว่าเขาทำการบ้านอย่างใจเย็นจนเสร็จหมดทุกวิชา เมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปในโรงเรียน เด็กชายซุนก็ได้รับสมญาจากเพื่อนๆ ว่า “นักเรียนหัวเย็น” น้องทำใจเย็นอยู่ได้ไงเนี้ยะ!! ที่มา rocketnews24
-
Huangxi Village หมู่บ้านการเกษตรที่ร่ำรวยสุดในประเทศจีน มีคุณภาพชีวิตดีจนน่าอิจฉา!!
จีนเป็นประเทศที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่มาก เรียกได้ว่าใหญ่กว่าไทยเราหลายเท่า ไม่แปลกใจที่ประชากรจีนจะกระจัดกระจายกันอยู่แทบจะทุกประเทศบนโลก แต่คราวนี้เราพาไปชมเรื่องราวที่อันซีนไชน่าสุดๆ เชื่อว่าหลายคนคงไม่เคยรู้จักมาก่อนกับ ‘Huangxi Village’ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่ร่ำรวยมากที่สุด จากการทำอุตสาหกรรมด้านการเกษตร เสมือนเป็นสมาคมของคนรวยย่อมๆ เราตามไปดูกันเลย หมู่บ้าน Huangxi แห่งนี้ตั้งอยู่ในเมือง Jiangyin แถบตะวันออกของจีน ใกล้กับเมืองเซี่ยงไฮ้ ว่ากันว่าถ้าหากใครได้เข้ามาเป็นสมาชิกหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว ชีวิตจะดีสุดๆ ทั้งเรื่องความสะดวกสบาย การศึกษา การอยู่อาศัย แต่ที่นี่เค้าก็มีวิธีการคัดสรรคนเหมือนกัน เพราะปัจจุบันมีสมาชิกที่เป็นเจ้าของบ้านราว 2,000 คน และเหตุผลที่ทำให้กลายเป็นหมู่บ้านที่ร่ำรวยที่สุดเพราะ แต่ละครัวเรือนมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่ประมาณ 1 แสนยูโรต่อปี (ประมาณ 3.8 ล้านบาท) ทั้งหมดเริ่มต้นมาจากนาย Wu Renbao หนึ่งในคณะกรรมการจากพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน เขาได้เล็งเห็นอนาคตที่จะเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านเกษตรกร ให้กลายเป็นศูนย์รวมอุตสาหกรรมการเกษตร ก่อนที่จะสามารถพาบริษัทใหญ่ของหมู่บ้านเข้าสู่ตลาดหุ้นได้ในช่วงปี 1990 Wu Renbao เสียชีวิตไปเมื่อปี 2013 ในขณะที่เขาอายุได้ 85 ปี หมู่บ้านแห่งนี้ส่วนใหญ่แล้วจะส่งออกผ้าไหม เหล็ก สินค้าทางการเกษตรอื่นๆ และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปโดยปริยาย…
-
เด็กน้อยป่วย ‘ลูคีเมีย’ ต้องเดินทางคนเดียว 400 กิโล เพื่อไปรักษา และกลับมาเรียนให้ทันเวลา..!!
เรื่องราวของเจ้าหนูน้อยที่ป่วยเป็นโรคลูคีเมีย (หรือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว) และต้องเดินทางไป-กลับเป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร ระหว่างโรงเรียนและโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาและเรียนในเวลาเดียวกัน Shi Luyao หนุ่มน้อยวัย 11 ปี ได้รับการตรวจพบว่าเป็นโรคลูคีเมียเมื่อปี 2013 ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลามากพอสมควรในทำคีโมเพื่อทำการรักษา และต้องได้รับการตรวจกระดูกสันหลังอย่างละเอียด ในเรื่องของการรักษานั้นเจ้าหนุ่มน้อยได้รับการช่วยเหลือจากประกันภัยสังคมเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เป็นเพราะว่าเขาต้องย้ายตามคุณพ่อจากเมืองเกิด Guizhou ไปทำงานที่เมือง Anhui (หลังจากที่แม่ทิ้งไปเมื่อตอนเขาอายุได้เพียง 2 ขวบ) และด้วยเหตุนี้เองทำให้คุณพ่อของหนุ่มน้อย Luyao นั้นต้องพยายามหาเงินทุกวิถีทาง กว่า 1 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้จ่ายเป็นค่ารักษาส่วนต่างที่ประกันไม่ได้จ่ายให้ การหาเงินระดมทุนนั้นเองก็เป็นทางเลือกหนึ่ง แต่ในประเทศจีนนั้นการขอเรี่ยไรเงินเพื่อนำไปรักษาโรคมะเร็งนั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างยาก (เอาจริงๆ ก็ยากหมดเกือบทุกประเทศแหละนะ ถ้าเราเกิดมาแล้วมีสุขภาพที่ย่ำแย่ แต่ช่วงหลังมีเว็บระดมทุนพวกนี้ในโลกฝั่งตะวันตกเยอะกว่าทางฝั่งเอเชียนั่นเอง) เมื่อหนึ่งปีก่อนหน้านี้ คุณพ่อของหนูน้อย Luyao ได้ทำการสวมใส่หน้ากากม้าและให้คนมาขี่หลังเพื่อหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับลูกชาย และเมื่อสองปีก่อนเขาก็ได้ไปคุกเข่าอยู่หน้าบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งใน Sichuan ร่วมกับกลุ่มนักเรียนที่เป็นเพื่อนของลูกชายเพื่อขอยืมเงินจากผู้อำนวยการไปใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาล และในที่สุดการรักษาก็เริ่มขึ้น Luyao ต้องย้ายกลับไปอยู่ในเมือง Guizhou ที่เป็นบ้านเกิด เพื่อรับสิทธิ์ในการรักษาเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมเมื่อปีที่ผ่านมา…
-
ดีต่อผู้สูงอายุ!! รัฐบาลจีนแจก “สายรัดข้อมืออัจฉริยะ” ช่วยลดปัญหาผู้ป่วยอัลไซเมอร์หลงทาง
ปัญหาของผู้ป่วยอัลไซเมอร์นั้นค่อนข้างที่จะเป็นปัญหาที่แก้ได้ยากทีเดียว ในหลายๆ ประเทศกำลังประสบกับปัญหาที่ผู้ป่วยอัลไซเมอร์สูญหาอยู่จำนวนไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือประเทศจีน ตามรายงานจากเพจอ้ายจง เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม บอกว่าประเทศจีนมีผู้ป่วยอัลไซเมอร์มากถึง 9.5 ล้านคน ซึ่งอย่างที่เรารู้กันว่าการป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์นั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย เพราะมันทำให้ความจำของเราแย่ลง จำบุคคลหรือเส้นทางต่างๆ ไม่ได้ สำหรับประเทศจีน.มีจำนวนผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ประมาณ 9.5ล้านคน.หรือคิดเป็น4.75%ของผู้สูงอายุทั้งหมดในจีน ซึ่ง… โพสต์โดย อ้ายจง บน 9 ตุลาคม 2016 นั่นจึงส่งผลให้มีผู้ป่วยอัลไซเมอร์หลายๆ คนหลงทางหรือหายตัวออกไปจากบ้าน และที่ประเทศจีนเองก็มีผู้สูงอายุหายตัวไปถึง 1,370 คนต่อปี ทำให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันหาทางแก้ไขกันอย่างจริงจัง ทั้งนี้ทางรัฐบาลจีนได้เริ่มต้นโครงการผลิตสายรัดข้อมืออัจฉริยะมาตั้งแต่ปี 2012 เพื่อแจกจ่ายมันให้กับผู้ป่วยอัลไซเมอร์นำไปใช้กันแบบฟรีๆ โดยในสายรัดข้อมือจะมีข้อมูลเช่นชื่อ ที่อยู่ หรือเบอร์ติดต่อญาติๆ ให้มารับกลับบ้าน โครงการที่ว่านี้มีการพัฒนารุ่นใหม่ออกมาตลอด จนล่าสุดในปี 2016 ก็ได้มีการนำเอาเทคโนโลยี QRcode มาใช้ เพื่อให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนหลายคนสามารถสแกนแล้วโทรหาญาติได้ทันที ลดระยะเวลาในการโทรแจ้งตำรวจหรือประกาศหาคนหาย นอกจากหน่วยงานรัฐแล้ว ก็ยังมีบริษัทเอกชนหลายแห่งผลิตสายรัดข้อมือแบบนี้ เช่น องค์กรอาสาสมัครยุวชนกวางโจว (Guangzhou Young Volunteers Association) องค์กรที่ว่า…
-
แบบนี้ก็มีเหรอ? หัวหน้างานบริษัทในปักกิ่ง บังคับพนักงานสาวทุกคนเข้าแถวจูบตัวเองทุกเช้า
ในหลายๆ บริษัทมักมีวัฒนธรรมองค์กรที่แตกต่างกัน เมื่อเราต้องเข้าไปเป็นพนักงานเราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับกฎเกณฑ์ที่นั่น แต่…กฎเกณฑ์หรือวัฒนธรรมบางที่มันก็ดูแปลกเกินกว่าที่บางคนจะรับได้จริงๆ… เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอที่ถูกถ่ายได้โดยพนักงานออฟฟิศในบริษัทขายเครื่องชงกาแฟแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เพื่อตีแผ่เรื่องราวในที่ทำงานของเขาว่ามีกิจกรรมที่แปลกประหลาดขนาดไหน ตามรายงานบอกว่าในทุกๆ เช้า เวลา 9 โมงถึง 9 โมงครึ่ง หัวหน้างานจะเรียกให้พนักงานสาวทั้งแผนกมายืนเรียงแถวกัน จากนั้นก็บอกให้พวกเธอเหล่านั้นจูบเขาทีละคนๆ โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในที่ทำงานเหมือนปลากับน้ำ หัวหน้างานรายนี้บอกว่าพนักงานบางคนจะรู้สึกคิดถึงเขาเมื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน บางคนถึงขั้นส่งข้อความไปหาเขาผ่าน WeChat เลย แถมยังบอกอีกว่าเขาได้ไอเดียนี้มาจากตอนที่เดินทางไปดูงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่ามีพนักงานสาวหลายคนยอมทำตามคำสั่งของหัวหน้ารายนี้ แต่ก็มีบางรายที่ทนไม่ได้และเซ็นลาออกในที่สุด (เพราะวัฒนธรรมการจูบแบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติในเอเชีย) ชมคลิป หลังจากที่ภาพและคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงในสื่อสังคมออนไลน์ของจีนอย่างเว็บไซต์ Weibo ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา เช่น “พนักงานสาวทั้งหมดนี้ยอมรับได้ยังไง? พวกแฟนๆ หรือสามีของพวกเธอรู้เรื่องกันบ้างหรือเปล่า?” “ฉันอยากจะถามพนักงานสาวพวกนี้มากว่า พวกคุณไม่มีเงินกันเหรอ? คุณจะอดตายไหมถ้าต้องเปลี่ยนงาน?” “ไอ้หัวหน้าคนนี้มันโรคจิตมาก แต่พนักงานพวกนี้โง่เง่ายิ่งกว่า” แบบนี้ก็ได้เหรออออ ที่มา shanghaiist
-
ชาวเน็ตจีนงง!? เมื่อเห็นภาพรถจอดอยู่พร้อมมีผักกาดวางเรียงรอบคัน ทำไปเพื่ออะไร??
ก็อย่างที่เรารู้กันอยู่ว่าประเทศจีนนั้น เป็นประเทศที่มีประชากรอยู่เยอะมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยล่ะ และนั่นเองก็เป็นเหตุผลให้การควบคุมประชากรทำได้ยากลำบากพอสมควร จึงทำให้บางครั้งเหล่าคนจีนทั้งหลายมักจะทำอะไรแปลกๆ ออกมาจนหลายๆ ครั้งผู้คนที่ได้เห็นต่างก็สงสัยไปตามๆ กัน อย่างเช่นเหตุการณ์ล่าสุดที่ทางเว็บไซต์ข่าว QQ News ได้เผยแพร่ออกมา เป็นภาพของการจอดรถสุดแปลกที่เกิดขึ้นในเมืองชางชุน ประเทศจีน เพราะภาพที่เห็นนั้นเป็นภาพของรถที่จอดอยู่แล้วก็มี ‘ผักกาด!?’ วางอยู่ล้อมรอบ ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็ฉงนกันเป็นอย่างยิ่ง พอรูปถูกเผยแพร่ออกไปบนโลกออนไลน์ทำให้ชาวต่างก็เข้ามางงกันเป็นวงกว้างยิ่งขึ้นไปอีก บ้างก็บอกว่าน่าจะเป็นผักกาดของเจ้าของบ้านที่เอามาวางไว้เพื่อสงวนพื้นที่จอดรถเป็นของตัวเอง บ้างก็บอกว่าเอาจจะเป็นรถของคนที่มาจอดขวางหน้าบ้านเจ้าของบ้านก็เลยเอาผักกาดมาวางไว้แก้เผ็ด บางส่วนก็บอกว่าตรงนั้นน่าจะเป็นแผงขายผัก แต่ดันมาตั้งขายหน้าบ้านคนอื่น เจ้าของบ้านก็เลยขับรถมาทับไว้ซะเลย แหม่ อยากรู้จริงจริ๊งงง ว่าคนทำน่ะทำไปเพื่ออะไรกันล่ะเนี่ยยย? ฮร่า ที่มา : newsqq
-
สตรองมาก!! สาวจีนใช้เวลา 17 ปี ในการตามล่าแก๊งคนร้ายที่ฆ่าสามีของเธอทีละคนๆ จนครบ
เวลาเราดูหนังที่ตัวละครหลักใช้เวลานานๆ ในการตามล่าคนร้ายหลายปีกว่าจะเจอ เช่น (Old Boy หรือหนังสืบสวนสอบสวนหลายๆ เรื่อง) เราอาจจะคิดว่ามันมีแค่ในหนัง แต่เรื่องที่ว่านั่นได้เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว!! เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวของคุณแม่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่สุดสตรองหลี กุ้ยอิง วัย 59 ปี ที่ถูกแก๊งเพื่อนบ้าน 5 คนรุมทำร้ายและฆ่าสามีของเธอไปเมื่อ 17 ปีก่อน เธอจึงสาบานกับตนเองว่าจะออกตามล่าแก๊งคนชั่วมาลงโทษให้จงได้ ย้อนกลับไปเมื่อปี 1998 หลี กุ้ยอิงมีอาชีพเป็นครูอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในมณฑลเหอหนานร่วมกับสามีฉี หยวนเตอ ถูกเพื่อนบ้านฉี เซวซาน กล่าวหาว่าพวกเขาเป็นคนเอาเรื่องที่เซวซานมีลูกเกิน 1 คน ไปฟ้องทางการ (จีนมีนโยบายให้มีลูกแค่คนเดียว) เซวซานเริ่มทำร้ายนางกุ้ยอิงด้วยก้อนอิฐก่อนที่จะเรียกพรรคพวกอีก 4 คนมาช่วยกระทืบสามีของเธอ ก่อนที่จะพยายามใช้ปังตอฟันนางกุ้ยอิงแต่เธอก็รอดมาได้และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ส่วนสามีของเธอกลับไม่ได้โชคดีแบบเธอ เขาถูกแทงด้วยมีดจนเสียชีวิต จากนั้นผู้ก่อเหตุทั้ง 5 คนก็หนีไปอย่างลอยนวล ต่อมาเมื่อนางกุ้ยอิงออกจากโรงพยาบาล เธอก็ปฏิญาณตนว่าจะตามหาคนร้ายให้ได้และจะขอทวงคืนความยุติธรรมให้กับสามีของเธอ…
-
แบบนี้ก็ได้หรา!? ร้านขายอัญมณีในจีน ผุดไอเดียการตลาด ให้พนักงานสาวเปลื้องผ้าขาย
บ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นโปรโมชั่นดีๆจากร้านค้าต่างๆ ทำออกมาเพื่อยั่วยวนกิเลศของเราให้เค้าไปจับจ่ายใช้เงินกันอย่างสนุกสนาน กว่าจะรู้ตัวอีกทีกระเป๋าก็แบนไปซะแล้ว เรื่องของการตลาด และการขาย เป็นของคู่กัน เช่นเดียวกับห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ในจีน ร้านค้าต่างต้องขยันออกโปรโมชั่นใหม่ๆเพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าอยู่เสมอ แต่สำหรับร้านขายอัญมณีแห่งนี้ ไอเดียการตลาดของแกล้ำ (หรือร่วง) กว่านั้นมาก เพราะหลักการขายคือการทำให้คนสนใจ พี่แกเลยจัดการให้พนักงานสาวเปลื้องผ้าขายของซะเลย แบบนี้ไม่สนใจกันก็ให้มันรู้ไป!!! อื้อหืออ!!! ให้มันรู้กันไปเลยว่าวิธีนี้จะทำให้ขายดีรึเปล่า วิดีโอดังกล่าวถูกถ่ายโดยชาวเมืองคนหนึ่ง ก่อนที่จะนำมาโพสต์ลงในโลกอินเตอร์เน็ต เป็นภาพของหญิงสาว(พนักงาน) ยืนอยู่หลังตู้โชว์เครื่องประดับต่างๆ พร้อมกับไม่ใส่เสื้อผ้า แต่โชคดีหน่อยตรงที่ยังมีสติ๊กเกอร์รูปเพชรมาแปะไว้บนหัวนม ไม่อย่างนั้นละมีหวังเลือดกำเดาชายจีนได้พุ่งกันเป็นแถบ ดูอีกภาพให้เห็นกันชัดๆ ไม่ได้ลามกนะ แค่อยากให้เห็นภาพข่าวเฉยๆ (บอกว่าไม่ได้ลามกจริงๆไงล่ะ) หลังจากที่วิดีโอกลายเป็นที่โด่งดังในประเทศจีน ทางสำนักข่าวของจีนก็ได้สืบทราบมาว่า ร้านอัญมณีแห่งนี้ อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ‘Lukfook Jewellery’ ร้านค้าอัญมณีชื่อดังที่มีสาขาตามเมืองต่างๆทั่วประเทศจีน ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยที่ร้านใช้วิธีการตลาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อปี 2013 Oriental Daily ได้รายงานว่า ร้านค้าชื่อดังเคยใช้สาวเปลื้องผ้า พร้อมกับเพ้นท์ร่างกาย ในการประชาสัมพันธ์มาแล้ว เราไปดูคลิปเต็มๆกันบ้างดีกว่า…. งานนี้ก็เล่นเอาชาวเน็ตหลายๆคนบ้างก็ไม่พอใจ บ้างก็รู้สึกดี (โดยเฉพาะหนุ่มๆ) บ้างก็อดแซวไม่ได้ว่า สงสัยร้านจะขายไม่ได้จนไม่มีงบซื้อชุดให้พนักงานใส่…
-
รู้จักกับ Jack Chen ชายตาบอดผู้เป็นทนายให้กับ Google และทำหน้าที่ดีไม่แพ้คนปกติเลย..!!
คนปกติที่มีอวัยวะครบ 32 มักจะดูถูกความสามารถของตัวเอง ว่าไม่สามารถทำนั่นทำนี่ได้ อาจเพียงเพราะพวกเขาไม่กล้าหรือประเมินความสามารถของตัวเองต่ำไป แต่ #เหมียวฟิ้น อยากให้ทุกๆ คนดูผู้ชายคนนี้เป็นตัวอย่าง เพราะเขาตาบอด แต่กลับใช้ชีวิตได้สุดเหวี่ยงยิ่งกว่าคนปกติซะอีก ชายหนุ่มที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้มีชื่อว่า Jack Chen ชายตาบอดผู้ทำงานเป็นทนายความให้กับบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Google เขาสูญเสียดวงตาไปตั้งแต่เมื่อตอนที่เขาอายุได้ 16 ปี แม้ว่าจะผ่านการผ่าตัดมาแล้ว 8-9 ครั้ง แต่ก็ไม่สามารถทำให้เขากลับมามองเห็นได้ นั่นหมายความว่าเขาคงจะต้องตาบอดไปตลอดชีวิต แต่คุณเชื่อไหมว่าการที่เขาตาบอดไม่ได้ขัดขวางการใช้ชีวิตประจำวันของเขาเลย เพราะเขายังใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ กินข้าว ขึ้นรถไฟฟ้า เรียนหนังสือ ทำงาน หรือแม้แต่การท่องตำราเพื่อเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย Jack จบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยในสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย(เบิร์กลีย์) ปัจจุบันเขาทำงานเป็นทนายให้กับ Google ในฐานะที่ปรึกษาเรื่องสิทธิบัตรระหว่างบริษัท ในแต่ละวันเขาต้องอ่าน (ฟัง) เอกสารจำนวนมาก เขาสามารถฟังคำพูดต่างๆ ได้มากถึง 620 คำต่อนาที และพิมพ์ลงในคอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว เรื่องราวน่าทึ่งของนาย Jack ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะหลังจากที่เขาเลิกงานไปแล้ว เขาก็ยังใช้ชีวิตได้สุดเหวี่ยงจนคุณนึกไม่ถึงเลย เขาเข้าร่วมการแข่งขันไตรกีฬามาแล้วถึง…
-
ด้านน่ารักก็มีนะ ชาวจีนรวมตัวกันเก็บขยะบนหาดพัทยา สร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่คนจีน
หากจะว่ากันตามตรง ที่ผ่านๆ มา#เหมียวฟิ้นเองก็ได้นำเสนอเรื่องราวด้านลบเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวจีนอยู่ไม่น้อย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าประเทศจีนมีคนจำนวนมหาศาลเกินกว่าที่จะควบคุมให้พวกเขามีระเบียบวินัยเหมือนกันได้ แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะเป็นแบบนั้นไปซะหมด เพราะอย่างเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2559 ที่ผ่านมาก็มีข่าวเกี่ยวกับคุณป้าไกด์ชาวจีนที่ออกมาตักเตือนนักท่องเที่ยวจีนที่ทำตัวแย่ๆ เหมือนกัน ล่าสุดเราได้ไปเจอเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับคนจีนมาบอกกันอีกแล้วล่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนจีนที่รวมตัวกันไปเก็บขยะที่บริเวณหาดพัทยาและหาดจอมเทียน เพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดีให้กับนักท่องเที่ยวจีนและทำให้สถานที่ท่องเที่ยวดูสะอาดตามากขึ้น เรื่องนี้ถูกบอกเล่าผ่านเฟซบุ๊กเพจ อ้ายจง โดยมีการระบุว่ากิจกรรมทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งชาวจีนที่เห็นในภาพนี้เป็นการรวมตัวกันของนักธุรกิจจีนและชาวจีนที่ทำงานในประเทศไทย โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดีให้กับนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวที่ประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนรักษาความสะอาดเมื่อไปเยือนในที่ต่างๆ ด้วย เป็นภาพที่น่าชื่นชมจริงๆ แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้ชาวไทยหลายๆ คนรู้สึกดีไปตามๆ กัน และมีความเห็นในเชิงชื่นชมมากมาย เช่น Dr-Boss Permsuwan “เคยไปพักรีสอร์ทราคาแพงในหัวหิน วันนั้นมีทัวจีนมาพักตึกข้างเคียงด้วย เค้าไม่เสียงดัง พูดภาษาอังกฤษก็สำเนียงอย่างกับเจ้าของภาษาเลยครับ” Siwarporn Ruangsri “ดีค่ะ ชื่นใจ ดิฉันเคยเบื่อ รำคาญ ถึงขั้นเกลียดนักท่องเที่ยวจีนมากๆ แต่มีระยะหลัง เวลานั่งพักกับลูกทัวร์ (ฝรั่ง) ในวัดพระแก้ว แล้วพิจารณาดูพวกเขา เห็นบางคนทิ้งขยะบนพื้นหน้าตาเฉย บางคนใส่รองเท้าขึ้นมาบนศาลารายแล้ววิ่งลงแทบไม่ทันเพราะเจอเพื่อนมาด้วยกันตวาดให้ลง บางคนนอนแผ่บนศาลา ไกด์จีนรีบวิ่งมาตวาดให้ลุก…
-
ช่างภาพไอเดียเจ๋ง เปลี่ยนเสี้ยววินาทีตุ๊กตาแตก ให้กลายเป็นภาพการต่อสู้อันดุดัน!!
บ่อยครั้งที่เรามักจะเผลอทำของตก แล้วมันก็แตก สุดท้ายก็ได้แต่นั่งเสียใจ และเซ็งกับความสะเพร่าของตัวเอง ที่เผลอทำของเสียหายซะได้ แต่คราวนี้เราขอบอกเลยว่า อย่าเพิ่งทำอะไรแตก จนกว่าช่างภาพนาย Martin Kilmas จะเซ็ตอัพกล้องคู่กายของเค้าเสร็จ เพราะนี่คือคอลเล็คชั่นรูปภาพสุดเจ๋ง เมื่อเขาพบว่า วินาทีโมเม้นต์ที่ตุ๊กตาพอร์ซเลนตกแตกนั้น มันจะกลายเป็นภาพการต่อสู้ด้วยกระบวนท่าวิทยายุทธแบบชาวจีน ที่ดูเฟี้ยวฟ้าวสุดๆ เหมือนกับว่าพวกมันมีชีวิตและกำลังต่อสู้กันอยู่จริงๆเลย สองหลวงจีนสู้กันจนตัวแตกไปข้าง… นี่มันสุดยอดกระบวนท่าเย้ยุทธจักร อย่างกับในหนังยิปมันเลย หรือจะเป็นมวยคู่เอก ศึกชิงนายระหว่างสองแม่นางผู้นี้.. เมื่อเจ้าสำนักง่อไบ๊ มาเจอกับ เจ้าสำนักเส้าหลิน เจ้ายุทธภพท่านนี้ สงสัยจะฝึกวิทยายุทธจนธาตุไฟเข้าแทรก ตัวแตกเป็นเสี่ยงๆเลย นี้คือกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดในยุทธภพ ‘ฝ่ามือสยบผัว’ อย่าทำให้แม่บ้านโกรธเชียวนาาา เหมือนกับว่าแม่นางผู้นี้กระโดดลงมาจากหุบเขาเทียนซาน ท่าแลนดิ้งสวย แต่แรงไปหน่อย ตัวแตกเลย ฮ่าๆๆ แม้แต่มังกร เมื่อถึงเวลา ร่างกายของมันก็พร้อมจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ฝีมือการถ่ายภาพของพี่แกสุดยอดมากๆ ทำให้เราคล้อยตามรู้สึกเหมือนว่าตุ๊กตาพวกนี้ กำลังต่อสู้กันอยู่จริงๆ!!! ที่มา: Demilked
-
ดราม่าเบาๆ เมื่อหนุ่มจีนโชว์ซื้อ iPhone 7 ให้หมาไซบีเรียนของเขามากถึง 8 เครื่อง!!!
เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานนักกับ iPhone 7 พร้อมฟังค์ชั่นใหม่ๆ มาเอาใจคนที่ชื่นชอบ Apple และถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่เปิดขายในไทย #เหมียวบ็อบ ก็ได้ยินมาแว่วๆว่า ราคานำเข้าจากต่างประเทศ สูงถึง 4 หมื่น – 7หมื่น บาทเลยทีเดียว สำหรับแฟนๆ Apple ก็คงต้องอดใจรอกันไปก่อน ถ้าไม่อยากจ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อให้ได้โทรศัพท์สุดล้ำสมัยก่อนใคร แต่สำหรับพ่อหนุ่มจากจีนคนนี้ เขาไม่อยากจะรอช้า เพราะกลัวว่าหมาน้อยสุดที่รักของเขาจะเหงา พี่แกเลยจัดให้เลย กับ iPhone 7 จำนวน 8 เครื่อง ไว้ให้หมาน้อยไว้ใช้เล่น เครื่องที่พ่อหนุ่มคนนี้ซื้อให้ ก็เป็น iPhone 7 ของจริงนั่นแหละ หลายๆคนอาจสงสัยว่าหนุ่มคนนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใคร มาจากไหน แล้วคิดอะไรอยู่ถึงได้ยอมเสียเงินเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อของแบบนี้ให้หมาน้อย พ่อหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Wang Sicong วัย 28 ปี เป็นลูกชายของมหาเศรษฐีที่รวยอันดับต้นๆในประเทศจีน นั่นก็คือนาย Wang Jianlin พ่อค้าอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ (ซึ่ง CNN เผยว่าเขามีทรัพย์สินอยู่มากถึง 3…
-
เข้าท่ามั้ย? หนุ่มจีนใช้เศษขวดเบียร์ มาเจียระไนทำเป็นแหวนทุนต่ำ… สวยแทบไม่ต่างจากเพชร
ชาวจีนเป็นชนชาติหนึ่งที่ชอบมีพิธีหรือความเอิกเกริกคล้ายๆ คนไทยเหมือนกันนะ ซึ่งเราจะเห็นได้จากการเปิดงานต่างๆ หรือพิธีแต่งงาน ที่ต้องทำให้ดูหรูหรายิ่งใหญ่ไว้ก่อน แต่เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาต้องประหยัดหรือทำอะไรเล็กๆ ขอบอกเลยว่าพวกเขาเองก็ไม่แพ้ใครเหมือนกัน เช่นชายหนุ่มคนนี้ที่พยายามจะทำแหวนแต่งงานให้กับแฟนสาวด้วยการนำเอาขวดเบียร์มาแปลงร่าง… เอ๊ะ ยังไงกันแน่? เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่ามีชายหนุ่มชาวจีนรายหนึ่งได้โชว์วิธีการแปรรูปขวดเบียร์ที่ไม่ใช้แล้วให้กลายเป็นแหวนเพชรผ่านเว็บไซต์ Weibo จนมีคนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ภาพที่ทุกคนได้เห็นต่อไปนี้บางคนอาจจะมองว่ามันคือขวดเบียร์แบบธรรมดาๆ แต่หากเรามองให้ลึกลงไปอีกจะเห็นว่ามันก็มีความใสแวววาวไม่ต่างอะไรจากเพชรมรกตที่ยังไม่ได้เจียระไนเลย คุณจะเห็นได้ว่ากระบวนการทั้งหมดเริ่มขึ้นตั้งแต่นำเอาขวดเปล่า มาทำให้กลายเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปเจียระไน และนำมาประกอบกับแหวน ซึ่งดูเผินๆ แล้วเหมือนเพชรมรกตจริงๆ ชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้ หลังจากที่ภาพชุดนี้ถูกแชร์ออกไปในเครือข่ายสังคมออนไลน์ของจีน ก็ทำให้หนุ่มๆ หลายคนถึงกับตื่นตะลึงในวิธีการทำแหวนแต่งงานแบบทุนต่ำ จนมีความเห็นต่างๆ ตามมากมายเช่น “ดูเหมือนว่าสาวๆ นอกจากจะต้องสวยแล้ว พวกเขาจะต้องดูอัญมณีให้เป็นด้วยนะ” “เฮ้ ทำไมแหวนฉันกลิ่นคล้ายๆ เบียร์เลยล่ะ!?” “ถ้าสามีของฉันมาขอแต่งงานด้วยแหวนทำเองแบบนี้ แม้จะไม่มีเพชรฉันก็ยังจะแต่งงานกับเขาอยู่ดี ฉันคิดว่าบางอย่างที่คุณแสดงออกมันทำให้คุณดูมีค่ามากกว่าเพชรซะอีก” . ได้แล้ว เพชรจากขวดเบียร์!! . . หนุ่มๆ คนไหนอยากลองทำแหวนทุนต่ำให้แฟนก็ลองดูได้ แต่ไม่รับประกันว่าถ้ารู้ความจริงแล้ว พวกเธอจะชอบหรือเปล่านะ…
-
พ่อเฒ่าแม่เฒ่าจีน อาศัยอยู่ในถ้ำมานานกว่า 54 ปี แม้ไม่มีชีวิตหรูหราขอแค่มีกันและกันก็สุขใจแล้ว…
จริงอยู่ที่ว่าเงินสามารถซื้อความสุขให้กับชีวิตของเราได้หลายๆ อย่าง (หรืออาจจะเกือบทุกอย่าง) แต่ก็ยังมีคู่รักบางคู่เหมือนกันที่แม้แต่เงินก็ไม่สามารถสร้างความสุขให้กับพวกเขาได้ เพราะขอเพียงมีกันและกันก็มีความสุขพอแล้ว นี่คือเรื่องราวชีวิตรักของนาง Li Suying วัย 77 ปี และสามีของเธอ Liang Zifu วัย 54 ปี คู่รักสองตายายที่โด่งดังไปทั่วโลก เพราะพวกเขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายภายในถ้ำแห่งหนึ่ง ในเมืองหนานชง มณฑลเสฉวน ประเทศจีน แม้จะดูเป็น 2 บุคคลที่ใช้ชีวิตแบบมนุษย์โบราณ แต่ภายในถ้ำก็ถูกตกแต่งให้คล้ายกับบ้านหลังหนึ่งเพียงแต่วัสดุทั้งหมดเป็นสิ่งของจากธรรมชาติ อันที่จริงแล้วทั้งคู่ไม่ได้ตั้งใจที่จะอาศัยอยู่ในถ้ำตั้งแต่แรก แต่เพราะว่าในตอนที่ทั้งคู่แต่งงานกัน พวกเขามีฐานะที่ค่อนข้างยากจนมากจึงไม่สามารถซื้อบ้านอยู่ในหมู่บ้านแบบปกติได้ พวกเขาก็เลยเลือกที่จะสร้างบ้านอยู่ภายในถ้ำเพราะใช้เงินน้อยกว่าหลายเท่าตัว สองตายายค่อยๆ นำไม้และก้อนอิฐมาก่อเป็นห้องต่างๆ ภายในถ้ำ จนตอนนี้มีห้องนอนแล้ว 3 ห้อง มีห้องครัวและห้องนั่งเล่นครบครัน เรื่องของสองตายายเริ่มเป็นที่พูดถึงมากขึ้นจนเจ้าหน้าที่รัฐเริ่มเป็นกังวลและพยายามจะเข้าไปช่วยเหลือด้วยการเสนอให้พวกเขาย้ายไปอยู่ในสถานที่ที่ดีและสะดวกสบายกว่านี้ แต่พวกเขาก็ปฏิเสธและให้เหตุผลว่าพวกเขาเติบโตและคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ พวกเขาคิดว่ามันมีข้อดีอยู่มากทีเดียว เช่นอากาศภายในถ้ำเย็นสบายในหน้าร้อนและอบอุ่นเมื่อถึงหน้าหนาว แถมยังมีน้ำพุสะอาดๆ ผุดขึ้นมาอยู่ใกล้ๆ กับถ้ำของพวกเขาด้วย และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือพวกเขามีกันและกัน ยังจะมีอะไรที่พวกเขาต้องการอีกล่ะ? #เหมียวฟิ้นล่ะอิจฉาความรักของพวกเขามากเลยนะ แม้ภายนอกจะไม่ได้มีเงินทองมากมาย…
-
ครูจีนใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า ตรวจว่านักเรียนคนไหนเบื่อ จะได้สอนให้ดีขึ้น!!
ปัจจุบันอาจารย์หลายท่านก็หันมาใช้เทคโนโลยีต่างๆ ในการช่วยสอนหนังสือ นอกจะจะสะดวกมากยิ่งขึ้นแล้วยังทำให้นักเรียนสามารถเข้าใจและสนใจการเรียนมากยิ่งขึ้นด้วย แต่สำหรับ Wei Xiaoyong อาจารย์ภาควิทยาศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัย Sichuan University ของจีน เขาได้ใช้เทคโนโลยีที่เหนือไปกว่านั้น นั่นก็คือการจดจำใบหน้าของนักเรียนแต่ละคน เพื่อให้เกิดความน่าสนใจในการสอนมากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เขาเคยใช้เทคโนโลยีชิ้นนี้เพื่อการตรวจว่านักเรียนคนไหนเข้าเรียนบ้าง ตอนแรกก็เอาไว้เช็คชื่อนักเรียนอย่างที่หลายๆ คลาส ในหลายๆ สถาบันทำกันน่ะแหละ แล้วหลังจากนั้นก็พัฒนามาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ ที่ตรวจจับใบหน้าสามารถตรวจจับความรู้สึกของนักเรียนได้แล้ว และทีนี้ก็เลยนำมาประยุกต์เข้ากับการสอน ในการเทคโนโลยีชิ้นนี้ทำให้เรารู้ว่าเด็กรู้สึกยังไงกับเนื้อหาที่เขาได้สอนไป ตรงจุดไหนที่นักเรียนชอบ ตรงจุดไหนที่นักเรียนในห้องไม่ชอบ หรือเกิดอาการเบื่อ จากนั้นเขาก็เก็บข้อมูล และสามารถนำไปปรับปรุงได้ ซึ่งเป็นผลดีต่อทั้งนักเรียนและครูผู้สอนด้วยเช่นกัน นอกจากนี้เขายังแนะนำให้อาจารย์ท่านอื่นได้ลองนำไปใช้ด้วย และหวังว่าเทคโนโลยีชิ้นนี้จะใช้อย่างแพร่หลายเพื่อให้เกิดการสอนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เห็นแล้วน่าลองเอามาใช้ที่บ้านเราดูนะ โดยเฉพาะอาจารย์บางคนที่นักเรียนบ่นเหลือเกินว่าสอนได้น่าเบื่อ ตรงจุดนี้อาจจะเป็นทางออกเล็กๆ ของการศึกษาและแนวทางการสอนให้นักเรียนรู้สึกสนุกด้วยก็ได้… ที่มา telegraph
-
มหาวิทยาลัยจีนเอาใจ “พ่อแม่ห่วงลูก” กางเต๊นท์ให้นอนในมหาลัย 3 วัน 3 คืน ให้หายคิดถึง…
ว่ากันว่าเด็กๆ จะอยู่ในการปกครองดูแลของคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้ถึงอายุแค่ 18 ปี หลังจากนั้นเมื่อเมื่อพวกเขาต้องก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยและความอิสระ คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ทำได้เพียงแนะแนวทางลูกเท่านั้นเอง แต่ก็มีพ่อแม่บางคนเหมือนกันที่ไม่ยอมปล่อยวาง แม้ว่าลูกๆ ของพวกเขาจะต้องไปเริ่มต้นใช้ชีวิตด้วยตัวเองแล้ว แต่พวกเขาก็ยังตามติดมาคอยดูแลกำกับชีวิตของลุกๆ เสมอ… เมื่อวานนี้มีรายงานจากสำนักข่าวในจีนอีกหลายแห่งได้รายงานว่าทางมหาวิทยาลัย Tianjin University และ Shantou University ได้ตั้งเต๊นท์จำนวนมากไว้ในโรงยิม เพื่อให้ผู้ปกครองที่เป็นห่วงลูกแบบสุดๆ ได้เข้ามานอนพักเป็นการชั่วคราว ตามรายงานบอกว่าทางมหาวิทยาลัยได้เตรียมทั้งเต๊นท์ ผ้าเช็ดตัว น้ำดื่ม เครื่องนุ่งห่มและอุปกรณ์อาบน้ำไว้ให้อย่างครบครัน แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะสามารถกินนอนดูลูกๆ เรียนหนังสือได้ตลอดไป เพราะทางมหาลัยจำกัดเวลาให้พวกเขาเพียง 3 วันเท่านั้น บางคนอาจมองว่าการที่เหล่าผู้ปกครองเป็นห่วงลูกๆ เกินเหตุแบบนี้น่าจะเป็นเรื่องน่าอายสำหรับวัยรุ่น แต่เมื่อมีสื่อเข้าไปสัมภาษณ์ พวกเขากลับรู้สึกยินดีที่มีพ่อแม่มาเฝ้าพวกเขาถึงที่ พวกเขาบอกว่ามันช่วยให้ผู้ปกครองได้เห็นความเป็นอยู่ที่มหาลัย ส่วนหนึ่งอาจจะจากกฎบังคับให้ทุกๆ ครอบครัวมีลูกได้เพียงคนเดียว เลยทำให้พวกเขารู้สึกว่าลูกของพวกเขาคือแก้วตาดวงใจที่ต้องคอยดูแลตลอดเวลา แม้ว่ามันจะทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่รู้สึกดีที่ได้เฝ้ามองลูกๆ เติบโตก็ตาม แต่มันก็อาจสร้างความอึดอัดให้กับพวกเขาได้ และอาจกลายเป็นการปลูกฝังให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยเกินเหตุ ไม่ว่าจะเจอกับปัญหาอะไรก็ตามก็จะหันมาพึ่งพ่อและแม่เสมอไป . . . #เหมียวฟิ้นคิดว่าการที่พ่อแม่จะทำแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนะ และคิดว่าพ่อแม่คนไทยบางคนก็ยังเป็นแบบนี้อยู่เหมือนกัน แต่เชื่อเราเถอะว่าสักวันหนึ่งพวกเขาก็ต้องโตและเราเองก็ไม่สามารถมีชีวิตเพื่ออยู่ดูแลพวกเขาตลอดไปได้ ทางที่ดีเราควรจะสอนให้พวกเขารู้จักดูแลตัวเองและเอาตัวรอดในสังคมให้ได้มากกว่านะ…
-
ไม่ใช่มุกแล้ว… สื่อนอกรายงานอุบัติเหตุ รถชนเครื่องบิน มันเกิดขึ้นได้จริงนะเธอ!?
แต่ก่อนเรามักจะมีเรื่องเล่าติดตลกเกี่ยวกับอุบัติเหตุระหว่างยานพาหนะ 2 ชนิดที่ไม่น่าจะมาเจอกันได้ เช่นเรือชนกับเครื่องบิน หรือเครื่องบินชนกับรถยนต์ เพราะโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้นั้นแทบจะเป็นหนึ่งในล้านเลยก็ว่าได้ แต่ถึงจะเป็นไปไม่ได้ขนาดไหนมันก็ได้เกิดขึ้นแล้วล่ะ… เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าเครื่องบินลำหนึ่งของสายการบิน Dragonair กำลังเตรียมตัวที่จะบินออกจากเกาะฮ่องกงเพื่อเดินทางไปยังรัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ในระหว่างนั้นกลับเกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อมีคนขับรถตู้สีเทาตรงดิ่งไปชนเข้ากับเครื่องยนต์ของเครื่องบิน ก่อนจะถูกลากไปตามพื้นยางมะตอยอย่างน่าหวาดเสียว ตามรายงานบอกว่าคนขับรถตู้รายนี้มีนามสกุลว่าเฉิน เขาทำโอทีหนักอย่างต่อเนื่องเมื่อเดือนที่ผ่านมา ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว แต่โชคดีที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก มีเพียงบาดแผลที่หัวและไหล่เท่านั้น เจ้าหน้าที่เลยนำตัวเขาส่งโรงพยาบาลในทันที ส่วนทางด้านของผู้โดยสารเครื่องบินไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอะไร ทางสายการบินจึงต้องรีบเปลี่ยนให้พวกเขาไปขึ้นเครื่องบินลำอื่นเพื่อเดินทางไปมาเลเซียแทน คลิปอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ผ่านกล้องวงจรปิดของสนามบิน แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยถึงน้อยมากๆ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว อะไรก็เป็นไปได้จริงๆ นะเนี๊ยะ ที่มา shanghaiist
-
สวยจนแทบหยุดหายใจ…เปิด 17 ภาพอีกมุมมองหนึ่งของประเทศจีน ที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อน
หากคนทั่วไปพูดถึงประเทศจีนล่ะก็ หลายๆ คนน่าจะนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างกำแพงเมืองจีน พระราชวังต้องห้าม ตระเวนกินในกรุงปักกิ่ง ชื่นชมความงามของมหานครเซี่ยงไฮ้ หรือดูวัฒนธรรมบ้านเมืองในหางโจว แต่คุณรู้ไหมว่าในประเทศจีนยังมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามอื่นๆ ราวกับในหนังแฟนตาซีที่เรายังไม่เคยเห็นอีกมากมายเลยล่ะ ในบทความนี้#เหมียวฟิ้น จะพาเพื่อนๆ ไปชมภาพสวยๆ จากหลายๆ ที่ เช่นโอเอซิสในเมืองตุนหวง ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน หรือป่าเขียวชอุ่มในจิ่วไจ้โก มณฑลเสฉวน ลองดูกันว่าแต่ละภาพสวยงามอย่างที่เราโม้หรือเปล่า? 1. นาข้าวใน Yuanyang 2. ทะเลทรายในเมือง Dunhuang มณฑลกานซู 3. เต็นท์แบบดั้งเดิมริมทะเลสาบในมณฑล Xinjiang 4. ล่องแพไม้ไผ่ในเม่น้ำ Li ทางใต้ของจีน 5. ทางเดินไม้ริมเขาสุดหวาดเสียวบนภูเขา Huangshan 6. ภาพน่าทึ่งจาก Kuitun Grand Canyon ตีนเขาเทียนชาน 7. หุบเขาในมณฑลอิสระ Shilin Yi 8. ภาพพระอาทิตย์ตกดินจากเมือง Xiapu มณฑลฝูเจี้ยน 9. ภาพในฤดูใบไม้ร่วงในช่วงพระอาทิตย์ตกดินจากเมือง Xiapu…
-
ใครหนอ? ชาวเน็ตตามหาบอดี้การ์ดสาวน่ารักในงานประชุม G20 ยิ้มทีใจละลายเลย
นอกจากที่สาวๆ จะชื่นชอบผู้ชายในเครื่องแบบแล้ว หารู้ไม่ว่าผู้ชายแบบเราๆ เองก็ชื่นชอบสาวๆ ที่อยู่ในเครื่องแบบเหมือนกันนะ… เมื่อช่วงวันที่ 4-5 กันยายนที่ผ่านมา ได้มีการจัดการประชุม G20 ขึ้นที่ประเทศจีน ซึ่งภายในงานนี้มีการรวมตัวกันของผู้นำประเทศจากหลากหลายที่ จึงต้องมีบอดี้การ์ดคอยยืนรักษาความปลอดภัยในแต่ละจุด แต่ดูเหมือนความสนใจของคนในโลกออนไลน์ทั้งหมดจะพุ่งไปที่บอดี้การ์ดสาวคนหนึ่งที่ยืนทำหน้าที่อารักขานายกรัฐมนตรีของอิตาลี เพราะเธอมีหน้าตาน่ารักจนหลายๆ คนสงสัยกันว่าเธอคือใคร? หลังจากนั้นไม่นานภาพของเธอก็ถูกส่งต่อกันไปในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตก็พยายามสืบหาว่าเธอเป็นใคร จนทราบว่าเธอชื่อ Shu Xin วัย 25 ปี จากมณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน เธอเข้ารับราชการทหารกับกองทัพของสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อรับใช้ชาติ ทั้งนี้เมื่อปี 2013 เธอเคยได้รับการขนานนามว่าเป็น “10 สาวทรงเสน่ห์แห่งกองทัพจีน” ด้วย นอกจากนี้ยังมีความสามารถทางด้านการร้องเพลงและเต้นรำด้วย ยิ้มกว้างตาหยี แค่นี้ก็ทำเอาหนุ่มๆ ถึงกับใจละลายแล้ว . ร้องเพลงนี่ของถนัดเลย . . น่ารักแบบนี้ใครจะกล้าหือล่ะ ที่มา shanghaiist , dailymail
-
ฮร่าฮร่า นักร้องจีนคัฟเวอร์ Rolling in The Deep ในสไตล์ “โอเปร่าท้องถิ่น” ฮาสุดในสามโลก!!
ไม่ว่าคุณจะชอบ Adele หรือไม่ก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเพลงของเธอนั้นโด่งดังและขายดิบขายดีไปทั่วโลก จนมีคนเอาไปร้องคัฟเวอร์ไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนคลิปในยูทูบ… ซึ่งก็มีทั้งคนที่ปังและปังปินาศมาให้ชมแล้วนักต่อนัก อย่างเช่นคลิปของชายชาวจีน Liao Jialin นักร้องเพลงโอเปร่า ที่เมื่อไม่นานมานี้เขาถูกเชิญไปออกรายการโชว์เพื่อร้องเพลง Rolling in the Deep ในแบบของเขาเพื่อสร้างความตื่นตะลึงและรอยยิ้มให้กับผู้ชม ในฐานะที่เขาเรียนจบจากวิทยาลัยดนตรีในมณฑลกวางตุ้ง จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่นาย Liao Jialin กำลังทำอยู่นั้นคือการร้องเพลงคลาสสิคในสไตล์จีนโอเปร่าผสมสำเนียงแบบท้องถิ่น จนอาจกลายเป็นเพลงใหม่ไปเลย… ตอนนี้คลิปร้องเพลงของนาย Liao Jialin มีคนกดเข้าไปชมแล้วกว่า 6 ล้านครั้ง มีการส่งต่อกันในแอพสื่อสังคมออนไลน์ของจีนมาก . ถ้าใครอยากรู้ว่าเพลงที่เขาร้องมันแตกต่างจากเวอร์ชั่นอื่นๆ ยังไง ลองไปดูกัน… เผื่อใครไม่เคยฟังเพลงเวอร์ชั่นต้นฉบับ งั้นลองไปฟังกันได้ที่นี่นะ จะว่าไปแล้ว Adele น่าจะลองฝึกร้องเพลง Rolling in the Deep แบบพ่อหนุ่มคนนี้ดูบ้างนะ . ที่มา rocketnews24 , Gavin Don
-
เปิดเมนูสุดเปิบพิสดาร “เยลลี่หนอน” สำหรับเด็กจากจีน ที่อุดมไปด้วยสารอาหาร…
สำหรับประเทศจีน ด้วยความกว้างใหญ่ของพื้นที่และความหลากหลายของวัฒนธรรม ทำให้ประเทศนี้มีอาหารหน้าตาแปลกๆ ประหลาดๆ มากมาย อย่างเมนูที่ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมวันนี้ รับรองว่าแปลกจนเพื่อนๆ ต้องอึ้งเลยล่ะ เมนูที่เราพาเพื่อนๆ ไปชมวันนี้ก็คือเมนู “เยลลี่หนอนถั่ว” ของว่างสุดแปลกจากมณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน ที่อุดมไปด้วยสารอาหารโปรตีน กินแล้วดีต่อร่างกาย ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เยลลี่ดังกล่าวทำมาจาก “หนอนถั่ว (Phascoloma Esculenta)” ซึ่งเป็นหนอนที่อาศัยอยู่ตามร่องน้ำ จากนั้นชาวบ้านก็จะจับหนอนมาล้างคราบดินออก แล้วนำไปต้มในน้ำปรุงรส จนเจลาตินในหนอนละลายออกมา เสร็จแล้วก็จะตักใส่ถ้วยขนาดเล็ก แล้วรอจนแห้ง เท่านั้นก็จะได้เยลลี่หนอนอันแสนหนึบหนับออกมาให้รับประทานแล้ว และยิ่งถ้ากินคู่กับผักชีและซีอิ๊วก็ยิ่งอร่อยขึ้นไปอีก โดยตัวหนอนชนิดนี้อุดมไปด้วยสารอาหารประเภทโปรตีน ซึ่งดีต่อปอดและผิวพรรณ ว่ากันว่าถือเมนูนี้ถือกำเนิดขึ้นมาในช่วงศตวรรษที่ 17 โดยชาวประมงแถบนั้น ปัจจุบันเริ่มได้รับความนิยมยิ่งขึ้น จนมีการเสิร์ฟในร้านอาหารแล้ว ตัวหนอนถั่วที่เราพูดถึง นี่คือแหล่งที่อยู่ของมัน ดูกันชัดๆ จับไปล้างซักหน่อย นำไปต้มจนเจลาตินละลาย แล้วค่อยนำตัวหนอนที่เหลือ ใส่ลงไปในแต่ละถ้วย…
-
ละ..ละ ล้ำ!!! สาวจีนโชว์เทคนิคเสริมดั้งแบบไม่พึ่งมีดหมอ ด้วย “แป้ง” และ “วาสลีน”
ต้องบอกว่าเดี๋ยวนี้การศัลยกรรมเสริมดั้งจมูกถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคนในสังคมไปเสียแล้ว ไม่เพียงเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น เราจะเห็นว่าเริ่มมีท่านชายหลายคน เข้ารับการศัลยกรรมดั้งจมูกเช่นกัน แต่ถ้าใครอยากมีดั้งโด่งๆ เวลาออกงานสังคม แต่ไม่อยากเสียเงินเยอะและเสี่ยงกับมีดหมอ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมเทคนิคการเสริมดั้งระดับเทพของสาวจีนคนหนึ่ง ที่ใช้เพียง “แป้ง” กับ “วาสลีน” ก็สามารถมีดั้งที่โด่งดั่งใจหมายได้แล้ว จะเทพขนาดไหน ไปชมกันเลย… อุปกรณ์ก็มีไม่มาก แค่ผงแป้ง วาสลีน แล้วก็น้ำมันงาแบบมีสี เริ่มจากผสมวาสลีนเข้ากับผงแป้ง แล้วคลุกให้เข้ากัน จนสามารถปั้นเป็นก้อนได้ เมื่อปั้นเป็นก้อนแล้ว ก็ผสมน้ำมันงาแบบมีสีลงไป กะปริมาณให้สีคล้ายๆ กับสีผิวของตัวเอง แล้วนวดต่อ เมื่อนวดจนสีเข้ากันแล้ว จะได้หน้าตาออกมาแบบนี้ จากนั้นก็โปะลงบนดั้งจมูกของตนเองเลย ปั้นดั้งเทียมของเราให้อยู่ในแนวนี้ พยายามเกลี่ยๆ ให้เนียนหน่อย เริ่มเนียนแล้วใช่มั้ยล่ะ เพื่อความเนียนยิ่งขึ้นไปอีก ให้แต่งหน้าด้วยแนวทางตามภาพด้านล่างนี้ เสร็จเรียบร้อย สุดยอดมั้ยละ อย่างกับคนละคนเลยทีเดียว ใครที่สนใจก็ลองเอาไปปรับใช้กันได้นะฮะ…
-
“หวังเต๋อซุน” นายแบบวัย 80 ปีให้แรงบันดาลใจ “ผมใช้เวลาเตรียมตัว 60 ปี กว่าจะได้เป็นนายแบบ”
หากใครยังจำกันได้ เมื่อปีที่แล้วเราได้เคยนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องราวของนายแบบจีนรุ่นเก๋าที่มีนามว่าคุณลุงหวัง เต๋อซุน ในตอนนั้นเขากลายเป็นที่โด่งดังในโลกอินเตอร์เน็ตเพราะมีการเผยแพร่ภาพการเดินแบบเปลือยท่อนบนในงาน China Fashion Week 2015 และที่ดูจะฮือฮาที่สุดก็คงจะเป็นอายุที่ปาเข้าไปกว่า 79 ปีแล้ว แต่ยังมีรูปร่างที่ฟิตปั๋งยิ่งกว่าวัยรุ่นหลายๆ คนเสียอีก ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา คุณลุงหวังเต๋อซุนได้ปล่อยคลิปวิดีโอให้แรงบันดาลใจของตัวเองออกมาให้ชาวโลกได้รับชมกัน โดยเล่าว่ากว่าที่เขาจะกลายมาเป็นนายแบบอย่างทุกวันนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เชื่อว่าหลายคนที่ได้ดูคลิปของเขาแล้วจะต้องได้รับข้อคิดดีๆ กลับไปแน่นอน “ผมชื่อหวังเต๋อซุน เกิดและเติบโตในเสิ่นหยาง ประเทศจีน ผู้คนเริ่มรู้จักผมหลังจากแคทวอล์คโชว์ในครั้งนั้น บางคนเรียกผมว่า “คุณตาที่ฮอตที่สุด” บางคนยังบอกว่าผมเป็นที่ถูกใจชาวเน็ตในชั่วข้ามคืน (หัวเราะ) แต่คุณรู้อะไรไหม เพื่อเตรียมตัวให้เป็นนายแบบทุกวันนี้ ผมต้องใช้เวลาเตรียมพร้อมกว่า 60 ปี” “ตอนผมอายุ 24 ผมเป็นนักแสดงละครเวที อายุ 44 ผมเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ อายุ 49 ผมสร้างคณะละครใบ้ขึ้นมาและเดินทางไปปักกิ่ง กลายเป็นคนเร่ร่อนไป ผมไม่มีอะไรเป็นชื่อของตัวเองเลย เริ่มต้นทุกอย่างจากไม่มีอะไร อายุ 50 ผมเริ่มเข้ายิมเป็นครั้งแรก เริ่มออกกำลังกาย” “อายุ 57…
-
อะไรจะดีปานนั้น!? สาวจีนลงทุนคุกเข่า ซื้อมอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์ ขอแฟนหนุ่มแต่งงาน
ตามขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยเรา การขอแต่งงานถือเป็นเรื่องที่ผู้ชายต้องให้ความสำคัญ เพราะต้องเก็บหอมรอมริบเพื่อนำเงินไปสู่ขอแฟนสาว ไหนจะแหวน ไหนจะเงิน ไหนจะชุด ไหนจะพิธีแต่ง แต่กับชายหนุ่มชาวจีนรายนี้กลับไม่ต้องลำบากอะไรขนาดนั้น เพราะแฟนสาวที่มีพร้อมทุกอย่างลงทุนขอเขาแต่งงานด้วยตัวเองเลย!! เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าหญิงสาวชาวจีนจากมณฑลเฉินตู ได้แต่งชุดเจ้าสาวพร้อมกับเอามอเตอร์ไซค์ Harley Davidson ไปเซอร์ไพรส์แฟนหนุ่ม เท่านั้นยังไม่พอเธอยังคุกเข่าและขอแฟนหนุ่มแต่งงาน ท่ามกลางสายตาของผู้ผ่านไปผ่านมาแถวนั้น ทำเอาหนุ่มๆ ทั่วอินเตอร์เน็ตถึงกับกรีดร้องด้วยความอิจฉาเลยทีเดียว ตามรายงานบอกว่าก่อนที่เธอจะขอแฟนแต่งงาน เธอตะโกนออกมาว่า “ในที่สุดฉันก็ได้เงินมากพอสำหรับซื้อฮาร์เลย์ที่คุณรักแล้ว แต่งงานกับฉันเถอะ ฉันจะใส่ชื่อของคุณลงไปในโฉนดที่ดินของฉันด้วย” นั่นทำให้ฝ่ายชายถึงกับตกตะลึงและพยักหน้าเบาเป็นการตอบตกลงแต่งงาน หลังจากนั้นไม่นานก็มีสื่อตามไปขอสัมภาษณ์ถึงการขอแต่งงานสุดโด่งดังนี้ เธอเลยตอบว่า “การขอแต่งงานไม่ใช่หน้าที่ของผู้ชายสักหน่อย ทำไมผู้หญิงต้องรอไปเรื่อยๆ เพื่อให้ผู้ชายมาขอแต่งงานล่ะ? ฉันต้องก้าวหน้ามากกว่านั้น ถ้าคุณชอบใครสักคน ก็จงไปตามทาง เวลามันไม่ใช่ประเด็นใช้ชีวิตให้เต็มที่” แน่นอนว่าการแหวกขนบธรรมเนียมประเพณีขนาดนี้ย่อมมีความเห็นต่างๆ ตามมาแน่นอน โโยชาวเน็ยบางคนให้ความเห็นว่า “ฉันคงเห็นด้วยที่ผู้หญิงควรมีสิทธิ์แทนที่จะรอให้ผู้ชายมาขอ แต่การเสนอโฉนดที่ดินให้แบบนี้ก็ดูจะเยอะเกินไปหน่อย” “เธอสวย และเขาก็หล่อ เธอซื้อมอเตอร์ไซค์ให้เขาและมีบ้านให้ด้วย? ฉันคิดว่ามันยอดเยี่ยมมาก โชคดีมากเพื่อน”…
-
รถพยาบาลทิ้งศพผู้ป่วยกลางทาง หลังเขาเสียชีวิตแล้ว และมีอีกเคสต้องไปช่วยเหลือด่วน!!!
กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ไปเสียแล้ว หลังจากที่ได้มีการเผยแพร่ข่าวที่ว่าได้มีชายชราคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บหนักจากอุบัติเหตุในประเทศจีน แต่กลับถูกรถพยาบาลทิ้งหลังจากถูกยืนยันว่าชายคนนั้นเสียชีวิตแล้ว สื่อจีน Anhui News ได้รายงานว่ารถพยาบาลในมณฑลอานฮุยประเทศจีนได้ทิ้งร่างของผู้ป่วยหลังจากได้รับการยืนยันว่าเขาเสียชีวิตแล้ว โดยที่รถพยาบาลถูกโทรเรียกโดยครอบครัวของชายชราคนนี้ ผู้ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ และรถพยาบาลก็ได้รับเขาไปส่งที่คลินิคใกล้เคียง จากนั้นก็ได้ทำการส่งผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลที่ใหญ่กว่านี้ อย่างไรก็ตาม รถพยาบาลก็ได้หยุดระหว่างที่จะถึงจุดหมายเพื่อไปพบกับรถพยาบาลจากโรงพยาบาลที่ใหญ่กว่าและแพทย์ฉุกเฉินก็ประเมินผู้บาดเจ็บแล้วว่าเสียชีวิตไปแล้ว ทางหน่วยกู้ชีพจึงแจ้งไปทางครอบครัวว่าต้องพักการส่งตัวผู้ป่วยไว้ก่อน เพราะว่ามีเหตุด่วนอีกเหตุการณ์ที่ต้องไปทำหน้าที่ ทางครอบครัวก็ไม่พอใจเป็นอย่างมากจากการกระทำของหน่วยกู้ชีพนี้ พร้อมทั้งรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับตำรวจฟัง ตำรวจก็ได้แนะนำว่าทางรถพยาบาลควรนำร่างของผู้เสียชีวิตไปส่งที่ห้องดับจิต หรือไม่ก็ย้ายไปที่รถที่พอจะพาไปส่งได้ หลังจากเหตุการณ์นี้ ทางหน่วยกู้ชีพทีมนี้พร้อมทั้งคนขับรถก็ได้ได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการออกจากตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางชาวเน็ตก็พูดในหลายแง่ที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของหน่วยกู้ภัยที่จะออกไปช่วยอีกคน เพราะว่าอีกชีวิตก็สำคัญเช่นเดียวกัน . . . และอีกฝั่งก็บอกว่าทางรถพยาบาลควรเคารพร่างผู้เสียชีวิตด้วย ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีใครพาไปส่งที่โรงพยาบาล แล้วเพื่อนๆ มีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้บ้าง ลองแสดงความคิดเห็นมาได้นะ ที่มา rocketnews24
-
เด็กวัย 13 เที่ยวแต๊ะอั๋งสาวๆ จนคุณพ่อส่งลูกให้ตำรวจ แต่ชาวเน็ตกลับเห็นต่างกันไปนะ!?
หากลูกชายของคุณกลายเป็นคนที่มีนิสัยชอบแต๊ะอั๋งหรือลวนลามคนอื่น คุณจะทำยังไง? ถ้านึกไม่ออก ลองมาดูวิธีจัดการกับลูกในแบบของคุณพ่อคนนี้กัน เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanhaiist ได้รายงานว่ามีคลิปวิดีโอหนึ่งกำลังเป็นที่พูดถึงในเครือข่ายสังคมออนไลน์อยู่ในขณะนี้ เป็นคลิปที่ถูกถ่ายได้จากสถานีรถไฟฟ้าในเมืองนานกิง มณฑลเจียงซู ประเทศจีน คลิปวิดีโอเผยให้เห็นภาพของเด็กหนุ่มวัยราวๆ 13-15 ปี เที่ยวเดินไปมาภายในสถานี จากนั้นก็ใช้มือยื่นไปจับแข้งจับขาของหญิงสาวไปทั่ว แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมา มีรายงานผ่านเว็บไซต์ Weibo บอกว่านักแต๊ะอั๋งรุ่นเยาว์รายนี้ถูกจับได้โดยพ่อของเขาเอง ซึ่งพ่อของเขาก็ไม่รอช้า พาลูกชายไปส่งให้ถึงมือตำรวจด้วยตัวเอง หลังจากที่เรื่องนี้ถูกแชร์ออกไป ชาวเน็ตก็แสดงความชื่นชมต่อการกระทำของคนเป็นพ่อและต่อว่าลูกชายที่แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม Bluex “ขนาดอายุ 13 ยังมีพฤติกรรมลวนลามแบบนี้ ถ้าฮอร์โมนของเขาเต็มตัว การข่มขืนคงไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินไป” BasicRules “การแต๊ะอั๋งหรือลวนลามผู้หญิงเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และควรได้รับการลงโทษ ไม่ใช่การโยนพวกเขาเข้าตารางนะ แต่เป็นการลงโทษไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง” Warratone Ngernpramuan “ทำตัวเป็นภัยสังคม? ‘หัวใจคุณพ่อน่ากราบ’ มาก ถ้าได้ความเป็นสุภาพบุรุษจากพ่อมาสักครึ่งหนึ่ง เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น” Chiang Noonoy “ตีให้มือหัก..เดี๋ยวมันก็หาย”…
-
Fu Yuanhui นักกีฬาว่ายน้ำสาวสุดโก๊ะจากจีน ประกาศให้โลกรู้ ว่า “ฉันอยากมีแฟน!!”
กลายเป็นคนดังไปชั่วข้ามคืนเลย สำหรับ Fu Yuanhui นักว่ายน้ำสาวชาวจีนที่ร่าเริงสดใสจนคนทั่วโลกพูดถึง หลังจากที่จบการแข่งขันแล้ว เธอก็ได้เดินทางกลับไปยังประเทศจีนเพื่อเดินสายโชว์ตัวและออกรายการโทรทัศน์ต่างๆ ล่าสุดเธอได้ไปออกรายการ Champion Fun ของจีน เธอสารภาพออกสื่อว่าไม่เคยคบกับผู้ชายคนไหนมาก่อนเลย และเธออยากจะมีแฟนมากๆ Fu Yuanhui ปรากฏตัวในรายการทีวีในชุดกระโปรงยาว เสื้อดำและรองเท้าส้นสูงดูแปลกตากว่าภาพที่เราเห็นเธอในโอลิมปิกที่ผ่านมา แต่ท่าทางบ๊องๆ ต๊องๆ ของเธอยังอยู่ครบถ้วนนะ เมื่อก้าวเข้ามาในรายการ พิธีกรได้เริ่มถามถึงเสื้อผ้าหน้าผมของเธอที่ดูแปลกตา เธอแอบขำนิดๆ แล้วบอกว่าหากเธอได้กลับไปสวมเสื้อวอร์มแบบเดิมเธอคงจะโผกอดพิธีกรสักฟอดนึง จากนั้นพิธีกรก็เริ่มถามถึงความสัมพันธ์ของเธอต่อ ซึ่งเธอบอกว่าไม่เคยผ่านชายคนไหนมาก่อนเลย ต่อมาพิธีกรได้ถามเธอว่ามีนักกีฬาว่ายน้ำในทีมคนไหนที่เธอชอบบ้างไหม? เธอเลยบอกว่า “แม้แต่คนที่ฮอตที่สุดในทีมก็ยังกลายเป็น ‘พี่ชาย’ ไปเลย หลังจากที่เราซ้อมด้วยกัน” “ฉันรู้สึกว่าผู้คนที่มีอายุไล่เลี่ยกับฉันจะดูไม่เป็นผู้ใหญ่พอ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจกับคนที่แก่กว่าในทีมว่ายน้ำของฉันหรอกนะ” Fu Yuanhui พูดถึงทัศนะคติที่มีต่อความรัก ตอนนี้สื่อต่างๆ ให้ความสนใจเธอเป็นอย่างมาก เธอจึงพยายามเน้นชัดกับทุกๆ คนว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอคือนักกีฬาและนั่นคือสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของเธอ เธอไม่ต้องการเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในฐานะนักแสดงตลกหรือคนดังในโลกออนไลน์ แต่หวังว่าผู้คนจะให้ความสนใจไปที่ความสำเร็จในการว่ายน้ำของเธอ ชมคลิปที่เธอไปออกรายการโทรทัศน์ได้ที่ด้านล่างเลย แม้จะฟังไม่ออกทั้งหมดแต่ก็รับรู้ในความโก๊ะกังของเธอล่ะนะ ดูไปดูมาเธอนี่โด่งดังกว่านักกีฬาที่ได้เหรียญทองบางคนอีกนะเนี๊ยะ ที่มา shanghaiist
-
หวาดเสียว!! คุณตาชาวจีนนำ “ตะกร้าผลไม้” ทำเป็นที่นั่งบนมอเตอร์ไซค์ สุดท้ายโดนตำรวจจับ
ตามกฎหมายแล้ว ไม่ว่าจะในไทยหรือในต่างประเทศ จะอนุญาตให้ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์มีผู้โดยสารได้ไม่เกิน 1 คน แต่ก็ยังมีบางคนแอบซ้อน 3 ซ้อน 4 (ซ้อน 5 คน #เหมียวฟิ้น ก็เคยเห็นมาแล้ว) อาจจะเพราะเอาความสะดวกเข้าว่าหรืออะไรก็ตาม แต่ถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายและอาจก่อให้เกิดความอันตรายได้นะ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ CCTVNews ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอของคุณตารายหนึ่งในมณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน ขณะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ เนื่องจากต่อเติมมอเตอร์ไซค์ด้วยการนำเอาตะกร้าผลไม้มาไว้ที่ด้านข้าง เพื่อให้หลานๆ ทั้ง 3 คนสามารถนั่งไปกับเขาได้ ตามรายงานบอกว่าคุณตาได้ขี่มอเตอร์ไซค์มาตามทาง แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจโบกให้จอด เพื่อเข้าไปตักเตือนว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้พาเด็กขึ้นรถไปด้วยมากขนาดนี้ และถูกสั่งให้ถอดตะกร้าออกทันที . ชมคลิปได้ที่นี่เลยนะ หลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ออกไปในสื่อสังคมออนไลน์ของจีน ทำให้ชาวเน็ตต่างพากันแสดงความชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในท้องถิ่นอย่างมาก Yohana Andrew “เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้หน้าที่ของตัวเองดี เพราะว่านี่มันเป็นสิ่งที่ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุบนทางหลวง อย่างการขับรถเร็วหรือการโดยสารเกินกว่ากำหนด” Michelle Yung “ตำรวจทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว มันทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวเมื่อครอบครัวของฉันในจีนและฮ่องกงไม่ใช้เข็มขัดนิรภัยกับเด็กๆ (หรือวัยรุ่น) ฉันเคยถูกหัวเราะเยาะจากคนขับแท็กซี่เมื่อใช้เข็มขัดนิรภัยด้วย” Tommy Gonzo…
-
ปลื้มกันทั้งสนาม!! นักกีฬาจีนโดนเซอร์ไพรซ์ แฟนหนุ่มขอแต่งงานทันทีหลังจากได้เหรียญเงินโอลิมปิก
กลายเป็นภาพสุดประทับใจอีกครั้งในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกจริงๆ สำหรับการขอแต่งงานของนักกีฬาหนุ่มต่อแฟนสาวนักกีฬาด้วยกันกลางพิธีมอบเหรียญโอลิมปิก เล่นเอาเขินกันทั้งสนามเลยทีเดียว โดยเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 สิหาคม 2559 เมื่อ ฉินไข่ นักกีฬากระโดดน้ำหนุ่มทีมชาติจีนได้ทำเซอร์ไพรซ์ด้วยการนำแหวนเพรชขึ้นไปคุกเข่าขอแฟนสาว เหอจือ นักกีฬากระโดดน้ำสาวทีมชาติจีนอีกคนกลางพิธีมอบเหรียญรางวัล หลังเธอเพิ่งได้รางวัลเหรียญเงินมาหมาดๆ เหอจือเล่าว่า เธอไม่ระแคะระคายมาก่อนเลยว่าเขาจะทำเซอร์ไพรซ์ในวันนั้น ก่อนหน้านั้นเธอเห็นเขาพึมพำๆ อะไรบางอย่างทั้งวัน แต่เมื่อเธอถาม เขากลับบอกว่ากำลังร้องเพลงอยู่ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์สุดประทับใจดังกล่าวขึ้นมา เธอยังบอกอีกว่า เธอจำไม่ได้แล้วว่าเขาพูดอะไรบ้างตอนขอแต่งงาน เพราะเธอตื่นเต้นมาก แต่ที่จำได้ดีคือ เขาบอกว่า เขาพร้อมจะดูแลเธอตลอดชีวิตแล้ว (เขินเลย) อีกทั้งทางสำนักข่าวได้รายงานว่า ทั้งสองคบหาดูใจกันมาเป็นเวลากว่า 6 ปีแล้ว โดยในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ เหอจือได้รางวัลเหรียญเงินจากกระโดดน้ำหญิง ประเภทสปริงบอร์ด 3 เมตร ส่วน ฉินไข่ได้รางวัลเหรียญทองแดงจากกระโดดน้ำ ประเภทคู่ชายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เรียกว่าลักกี้อินเกม ลักกี้อินเลิฟจริงๆ สำหรับทั้งคู่ ยังไงก็ขอให้รักกันไปนานๆ นะฮะ ที่มา Dailymail.com
-
เจ็บตัวฟรี!? หนุ่มจีนยืนลุ้นรอภรรยาคลอดลูก จู่ๆ โดนหมอจับไปผ่าตัดริดสีดวงแบบงงๆ ซะงั้น…
หมอเป็นอาชีพหนึ่งที่ต้องอาศัยความเข้มงวดและรอบคอบมากที่สุดอาชีพหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะพวกเขาทำงานที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคน ความเป็นความตาย ผิดพลาดนิดเดียวอาจหมายถึงชีวิตคนๆ หนึ่งเลย แต่เนื่องจากเป็นมนุษย์ ความผิดพลาดก็เกิดขึ้นได้บ้างเป็นครั้งเป็นคราว อย่างเช่นเรื่องที่ #เหมียวฟิ้น กำลังจะนำเสนอต่อไปนี้ เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า หนุ่มจีนแซ่หวัง วัย 29 ปีกำลังยืนรอภรรยาคลอดลูกอยู่ภายในโรงพยาบาลเสิ่นหยาง ประเทศจีน เมื่อวันจันทร์ที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ในระหว่างที่เขากำลังรอภรรยาคลอดลูกน้อยอย่างใจจดใจจ่อ จู่ๆ ก็มีคุณหมอเข้ามาเรียกตัวเขาไปในห้องผ่าตัด เนื่องจากโรงพยาบาลมีห้องผ่าตัดเพียง 2 ห้องเท่านั้น นายหวังจึงเขาใจว่าเขาถูกนำตัวไปยังห้องผ่าตัดของภรรยาและคิดว่าหมออาจจะต้องการให้เขาช่วยเหลือในการทำคลอดของภรรยา แต่หมอกลับสั่งให้เขาถอดกางเกงออกโดยไม่ทันได้พูดคุยหรืออธิบายอะไรเลย แม้จะพยายามถามหมอแล้วว่าทำไมเขาถึงต้องถอดกางเกง หมอก็เอาแต่บอกให้เขาทำตามคำสั่งเท่านั้น “มันรู้สึกแปลกมาก และผมเลยถามเขาว่าทำไม? พวกเขาเลยตอบว่า ‘แค่ทำตามที่เราบอกก็พอ’” นายหวังกล่าว ต่อมาคุณหมอก็ทำการวางยาสลบแก่นายหวังและทำการผ่าตัดริดสีดวงให้กับเขา ในระหว่างการผ่าตัดนั้น นายหวังได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ไปด้วย เจ้าตัวบอกว่าในขณะนั้นเขารู้สึกมีความสุขมาก นายหวังบอกว่า “ผมไม่เคยรู้ว่าผมมีริดสีดวงทวารด้วย เมื่อผมขึ้นเตียงผ่าตัด ผมได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ ผมมีความสุขมาก และผมอยากจะกอดเขาสุดๆ แต่ผมเคลื่อนไหวไม่ได้ เพราะผมรู้สึกเจ็บอยู่” หลังจากที่เขาผ่านการผ่าตัดริดสีดวงแบบงงๆ แล้ว ทางโรงพยาบาลก็ได้มีการออกมาขอโทษแก่เขาและบอกว่าทั้งหมดเป็นความผิดพลาดของทีมแพทย์เอง โดยพวกเขาอธิบายว่าก่อนที่จะผ่าตัดริดสีดวงให้เขานั้น จริงๆ แล้วควรจะเป็นคนไข้อีกคน แต่นายหวังดันมายืนอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดตอนนั้นพอดี ทำให้ทีมแพทย์นึกว่าเขาคือคนไข้ที่รอคิวผ่าตัด…
-
‘Fu Yuanhui’ นักกีฬาว่ายน้ำสาวจีน กับความน่ารัก ทำเอาชาวเน็ตคลั่งไคล้ที่สุด!!
ในช่วงที่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคกำลังระอุ แต่ละประเทศต่างแย่งชิงการได้ครอบครองเหรียญทองอันดับ 1 มาให้ได้มากที่สุด และเพราะเป็นรายการแข่งขันที่สำคัญอันดับโลก จึงทำให้มีเรื่องดราม่า และเรื่องราวดีๆอันน่าประทับใจเกิดขึ้นอยู่ตลอดรายการ และโดยเฉพาะรายการแข่งขันว่ายน้ำ ที่มีทั้ง Michael Phelps หรือ Simone Biles ที่กำลังมาแรงสุดๆ กอบโกยรางวัลเหรียญทองไปมากมาย แต่เชื่อเถอะว่าไม่มีนักกีฬาคนไหนจะอารมณ์ดีได้เท่าคนนี้อีกแล้ว… เธอคือนักกีฬาว่ายน้ำสาวชาวจีน ‘Fu Yuanhui’ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้รางวัลเหรียญทองเหมือนคนอื่น แต่ด้วยรอยยิ้มและความร่าเริงของเธอ กลายเป็นที่เล่าลือกันของชาวเน็ตไปทั่วทั้งโลก สาวชาวจีนคนเดียวที่อยู่ด้านขวาในรูปนั่นไง ดูร่าเริงดีใช่มั้ยล่ะ เห็นแบบนี้เธอมีอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น แต่เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าในวันที่ 2 ของการแข่งขันว่ายน้ำด้วยท่ากลับหลังระยะ 100 เมตร ในรอบรองชนะเลิศ เธอคิดว่าตัวเองเข้าเส้นชัยเป็นคนที่ 4 จนมีนักข่าวมาสัมภาษณ์แล้วถามว่า “คุณรู้สึกอย่างไรบ้างกับการได้เข้าเป็นที่ 3 และได้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ” หลังจากเธอให้สัมภาษณ์ไม่นาน คลิปวิดิโอนี้ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งโลกอินเตอร์เน็ต เราไปดูความบ้าบิ่น และความน่ารักในตัวเธอกันเลยดีกว่า (ชมคลิปไม่ได้ คลิกที่นี่) ” 58.95 วินาที!!! ฉันคิดว่าทำได้ 59 วินาทีซะอีก นี่ฉันเร็วเป็นบ้าเลย ดีใจสุดๆ” เธอให้สัมภาษณ์กับนักข่าว แต่ใช่ว่านี่จะเป็นการแสดงออกเพียงแค่ครั้งเดียวของเธอ…
-
แนะนำที่เที่ยว “ทางเดินกระจก” เขาเทียนเหมินซานในจีน สำหรับคนที่ชอบความเสียว!!!
ปกติแล้วเวลาเราไปเที่ยว เราก็ต้องการชื่นชมธรรมชาติ ดอกไม้ใบหญ้า แต่บางทีเราก็ต้องเจอประสบการณ์ที่หวาดเสียวบ้าง เพื่อที่จะไปถึงที่แห่งนั้นได้ เหมือนอย่างในที่แห่งนี้ในประเทศจีน ที่จะให้คุณได้ซึมซับธรรมชาติอย่างรอบด้านกระสะพานกระจกความยาวกว่า 100 เมตรที่ทอดยาวตามภูเขาเทียนเหมินซาน ในมณฑลหูหนาน ซึ่งมีความสูงกว่า 300 เมตรจากด้านล่าง ชื่อของสะพานคือ Tongtian Avenue แปลได้ว่าทางสู้ท้องฟ้า โดยที่ความกว้างของมันมีแค่ 1.6 เมตรเท่านั้น ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันเยอะมาก เพราะสามารถเดินทางมาด้วยเคเบิลคาร์ขึ้นสู่ยอดเขา โดยที่สะพานนี้เปิดให้ใช้งานตั้งแต่ปี 2011 จนกระทั่งได้กลายเป็นสถานที่ที่โด่งดังมาจนถึงตอนนี้ . . . . . . . ใครสนใจก็เชิญ แต่ #เหมียวสามสี ขอบายยยยยย ที่มา designyoutrust
-
ปรบมือรัวๆ!! ไกด์จีนเตือนชาวจีนด้วยกัน หลังพยายามหยิบ ‘ขอนไม้ไทย’ ติดมือกลับบ้านเกิด
แม้เราจะเคยเห็นเรื่องราวแย่ๆ เกี่ยวกับกรุ๊ปทัวร์ชาวจีนมาหลายครั้งหลายครา แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนดีๆ ที่มีความคิดดีๆ ยังคงมีอยุ่นะ เช่นคุณป้าหัวหน้ากรุ๊ปทัวร์รายนี้ เมื่อช่วงดึกของวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ Bin Bin Ji ได้โพสต์คลิปวิดีโอของตัวเอง ขณะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าไกด์ทัวร์อยู่บริเวณชายหาดแห่งหนึ่งของประเทศไทย แต่ในระหว่างนั้นกลับมีลูกทัวร์คนจีนพยายามจะหยิบเอาขอนไม้อันหนึ่งกลับไปยังประเทศของตัวเอง หัวหน้าไกด์จึงเตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้นำเอาสิ่งใดติดตัวกลับไปด้วย แต่นักท่องเที่ยวยังคงต่อเถียงกับเธอไม่หยุดหย่อน เธอจึงท้าให้ชาวจีนรายนั้นนำท่อนไม้กลับไปด้วย หากคิดว่าตัวเองสามารถผ่านสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ แต่นักท่องเที่ยวยังคงเถียงกับหัวหน้าไกด์แบบไม่หยุด และอ้างว่าทำแบบนี้มานานกว่า 20 ประเทศแล้ว แต่ไม่เคยถูกดำเนินคดีเลยแม้แต่ครั้งเดียว จะเอาอะไรกลับประเทศก็ไม่เคยมีปัญหา เมื่อหัวหน้าไกด์จีนได้ยินแบบนั้นจึงต่อว่านักท่องเที่ยวจีนชุดใหญ่และบอกว่าชาวไทยนั้นกลัวนักท่องเที่ยวจีนกันหมดแล้ว สาเหตุที่ชาวไทยไม่ชอบคนจีนเพราะมีนักท่องเที่ยวแบบนี้เอง นอกจากนี้ยังมีข้อความประกอบคลิปด้วยว่า “ทำไมไม่เก็บชายหาดใส่กระเป๋าขึ้นเครื่องกลับจีนไปด้วยเลยละ ไอ้โง่” ลองชมคลิปตัวเต็มแบบซับไทยจากเพจ China Social Media by Johny ได้ที่ด้านล่างเลย (ใครมองไม่เห็น กดที่นี่ได้เลยนะ) มนุษย์ป้าจีน ผู้พิทักษ์ความยุติธรรมซับไทย ด่าหนักมาก! ด่าจีนด้วยกันเองประจาน! คนไทยด่าไม่ได้งี้ 555 เป็นประเด็นในโซเชียลจีนคลิปนี้ลงวันเดียว ยอดวิว 30 กว่าล้านแล้ว ป้าลูกทัวรฺ์ออกมาช่วยเมืองไทยพิทักษ์ธรรมชาติ น่าชื่นชม ยังคงต้องใช้เวลาปรับ เชื่อว่าเค้าพยายามกันอย่างหนักอยู่ ถ้าชอบไลค์เพจด้วยนะครับ สามชั่วโมงแรกยอดวิวแตะสี่หมื่น แอดมินอินไวท์เพิ่มไม่ได้แล้ววันนี้ 555 #เรายินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มีวัฒนธรรม…
-
สื่อจีนโวย “ธงชาติจีน” ในโอลิมปิกริโอฯ ทำผิดแบบ แต่ธงชาติทั้งหมดดันผลิตในจีน!?!?
เรียกว่ามีข่าวฉาวออกมาไม่เว้นแต่ละวันจริงๆ สำหรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2016 ในเมืองริโอ เดอ จาเนโร ของประเทศบราซิล ล่าสุดทางสื่อจีนได้ออกมาโวยทางผู้จัดว่า มีการใช้ “ธงชาติจีนแบบผิดๆ” ในการแข่งขัน ทาง CCTV สำนักข่าวรัฐบาลชื่อดังจากจีนได้รายงานว่า ไม่ได้ใช้ธงชาติจีนแท้ๆ ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ โดยปกติแล้ว ดาวทั้งสี่ดวงบนธงชาติจีนจะต้องเรียงอยู่รอบดาวดวงใหญ่และแฉกจะต้องชี้ไปที่ดาวดวงใหญ่ แต่ธงชาติที่ใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ ดาวบริวาณทั้งสี่กลับตั้งตรงไม่ชี้แฉกไปที่ดาวดวงใหญ่แต่อย่างใด ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจแก่ชาวจีนเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งบอกว่า “ธงชาติเป็นสิ่งสำคัญ ความผิดพลาดเช่นนี้ถือว่ายอมรับไม่ได้” เรื่องดังกล่าวเกิดเป็นประเด็นขึ้นมา เพราะธงที่ไม่ถูกต้องนั้นถูกใช้ในวันที่ 2 ของการแข่งขัน หลังจากที่ทีมยิงปืนหญิงของจีนสามารถคว้าเหรียญทองมาได้ อย่างไรก็ตามในช่วงก่อนมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเริ่ม ทางสำนักข่าวจีนได้เคยรายงานว่า ธงชาติทั้งหมดที่ใช้ในโอลิมปิก ถูกผลิตขึ้นในประเทศจีนทั้งนั้น ล่าสุด คณะผู้จัดงานโอลิมปิกริโอฯ ก็ได้ออกมาเปิดเผยกับทาง People’s Daily ว่ายอมรับความผิดพลาดดังกล่าวแล้ว แต่ชี้แจงว่าธงทั้งหมดที่ใช้นั้นผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการโอลิมปิก อย่างไรก็ตาม ทางผู้จัดไม่ได้นิ่งนอนใจกำลังหาทางแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ที่มา: ศิลปวัฒนธรรม, scmp
-
คุณตาชาวจีน ผู้เลี้ยงไก่ตัวจ้อยเปรียบเหมือนเพื่อนที่ดีที่สุด เดินตามเชื่องเป็นลูกหมาเลย!?
หลายๆ คนมักจะบอกว่าสุนัขเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ แต่สำหรับชายชราคนนี้กลับไม่ใช่อย่างงั้น เพราะเขามีเจ้าไก่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดแทน!? ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า คุณตา วัย 80 ปีคนนี้ ได้พาเจ้าไก่ตัวนี้เดินไปรอบๆ สถานที่ก่อสร้างที่ถูกทิ้งร้างย่านเมื่องเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ซึ่งบางที เจ้าไก่ตัวนี้อาจจะคิดว่าคุณตาเปรียบเสมือนแม่ของมัน ตามหลักการที่นักสัตววิทยาเคยอธิบายว่า ครั้งแรกที่สิ่งมีชีวิตมองเห็นนั่นก็คือครอบครัวของมัน ณ จุดนี้ เจ้าไก่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เอาแต่ตามคุณลุงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะตอนกิน หรือตอนนอน ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นความต้องการของเจ้าไก่เองหรือเปล่า คุณตาเลยตัดสินใจงดเมนูเกี่ยวกับไก่ซะเลย เดิมตามกันไปในทุกๆ ที่เลย น่ารักจริงๆ เรื่องนี้ก็คงจะทำให้เราคิดได้ว่า มิตรภาพนั้นไม่มีเส้นแบ่งแยก ไม่ว่าจะกับมนุษย์หรือสัตว์ชนิดไหนก็สามารถเป็นเพื่อคู่ใจกันได้ ที่มา shanghaiist
-
ยอมแล้วทูลหัว!! นักว่ายน้ำหนุ่มหล่อจากจีน “หนิง เจ๋อเทา” หุ่นเซ็กซี่ขยี้ใจเหลือเกิน!!
#เหมียวแอลจี ขอต้อนรับการแข่งขันโอลิมปิก 2016 อย่างเป็นทางการ ด้วยการแนะนำนักว่ายน้ำหุ่นแซ่บเวอร์ ที่ฮอทที่สุดจากประเทศจีนอันมีนามว่า “หนิง เจ๋อเทา” (Ning Zetao) “หนิง เจ๋อเทา” ฉลามหนุ่มนักว่ายน้ำจากประเทศจีน เป็นนักกีฬาว่ายน้ำฟรีสไตล์ประเภทระยะสั้น ในอินชอนเกมส์ครั้งที่แล้วเขาได้กวาดไปถึง 4 เหรียญทอง ซึ่งประกอบกับหน้าตาและหุ่นดี ตอนนี้เขาเป็นหนุ่มฮอทและดังเป็นพลุแตกในประเทศจีน “หนิง เจ๋อเทา” เป็นตัวแทนนักว่ายน้ำทีมชาติของจีนที่เข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิก 2016 ที่จัดขึ้นในวันที่ 5-21 สิงหาคม 2016 ที่เมืองริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล และขณะนี้เขาได้เข้ามาเก็บตัวและฝึกซ้อมที่สนามกีฬาจริงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว #เหมียวแอลจี เชื่อว่า ความฮอทปรอทแตกของเขาน่าจะเพิ่มอุณหภูมิของสระว่ายน้ำให้ขึ้นสูงปี๊ดแน่ๆ >< . . . . . . . . . . . . “หนิง เจ๋อเทา” เคยเป็นนายแบบให้กับนิตยสาร ELLE Men ทำให้เขาเป็นที่รู้จักของสาวๆ และเขาดูดีมาก เมื่อถอดเสื้อ…
-
มาให้เห็นจริงแล้ว!! จีนเปิดตัว “รถบัสไฮเทค” วิ่งคร่อมถนน ไม่แคร์ทุกปัญหารถติด
หากใครจำกันได้ เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทีมงานเหมียวได้เคยรายงานเกี่ยวกับคอนเซ็ปต์รถบัสไฮเทคที่สามารถวิ่งคร่อมถนนได้ แม้จะมีการจราจรที่หนาแน่น แต่เจ้ารถบัสคันนี้ก็จะสามารถขับผ่านไปได้อย่างสบายๆ หากใครนึกไม่ออกลองไปย้อนดูคลิปคอนเซ็ปต์ของเจ้ารถคันนี้กันดูเลย หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปประมาณ 2 เดือนเศษ เจ้ารถบัสที่เป็นเพียงคอนเซ็ปต์คันนี้ก็สำเร็จกลายเป็นรูปเป็นร่างแล้วเรียบร้อย!! อันที่จริงแล้วโปรเจ็คนี้ไม่ได้คิดค้นและสร้างเสร็จภายในเวลาสั้นๆ หรอกนะ แต่ทางทีมวิศวกรเขาเริ่มทำกันมาเป็นปีแล้ว แต่เพิ่งจะเป็นที่สนใจของสื่อเอาเมื่อช่วงพฤษภาคมที่ผ่านมา ตามรายงานของเว็บไซค์ Shanghaiist เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม บอกว่ารถไฮเทคคันนี้พร้อมที่จะออกวิ่งทดสอบในมณฑลเหอเป่ย ประเทศจีนแล้ว ในการทดสอบครั้งนี้ไม่ได้เป็นการนำรถบัสออกไปวิ่งทั่วเมืองแบบเต็มประสิทธิภาพ แต่เป็นการเดินทางในระยะเพียง 300 เมตรเท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้นักข่าวและผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ทราบว่ามันสุดยอดขนาดไหน จากคำบอกเล่าของวิศวกรบอกว่าเจ้ารถบัสคร่อมถนนคันนี้จะสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้มากถึง 1,200 คนได้ในเวลาเดียวกัน สามารถเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดได้ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้จะดูไม่เร็วเท่าไหร่ แต่หากคุณจินตนาการถึงการจราจรอันติดขัดในเมืองจีนล่ะก็ ความเร็วเท่านี้ก็ถือว่าเร็วมากแล้วล่ะ ทั้งนี้ไม่มีการเปิดเผยว่าเจ้ารถบัสคันนี้จะเปิดให้บริการจริงๆ เมื่อไหร่ แต่คาดว่าน่าจะภายในเร็ววันนี้แน่นอน แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการลองนำมาวิ่งเป็นครั้งแรกเท่านั้น ยังคงมีหลายฝ่ายพูดถึงปัญหาที่จะตามมา ทั้งมารยาทให้การขับรถของคนจีนทั่วไปจะก่อให้เกิดปัญหาหรือไม่ รวมไปถึงอุปสรรคอีกต่างๆ นานาเมื่อใช้งานจริง เราคงต้องรอดูกันต่อไปล่ะครับ…!! ที่มา shanghaiist
-
น่ารักเฟร่อออ!! จีนเปิดตัว “รถไฟฟ้าแพนด้า” ขบวนแรกพร้อมให้ใช้บริการแล้ว
“หมีแพนด้า” เป็นสัตว์ประจำชาติของประเทศจีน ซึ่งคุณจะไม่แปลกใจเลยหากได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนที่ประเทศจีนแล้วจะเห็นสัญลักษณ์ของเจ้าหมีแพนด้าเต็มไปหมด ล่าสุด จีนก็ได้เปิดตัว “รถไฟฟ้าใต้ดินธีมแพนด้า” ที่แสนจะน่ารัก ซึ่งเปิดให้บริการเป็นวันแรกที่เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน รวมระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร ชาวเมืองต่างพากันตื่นเต้น และพากันเข้าคิวเพื่อที่จะได้ประเดิมรถไฟใต้ดินแพนด้านี้ที่พวกเขาเฝ้ารอคอย . ภายในรถไฟก็จะตกแต่งไปด้วยสีขาวดำในธีมแพนด้า ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้นั่ง ผนัง หรือแม้กระทั่งที่จับก็เป็นรูปหมีแพนด้าทั้งหมด . . ผู้คนจำนวนมากเฝ้ารอที่จะมาใช้บริการรถไฟใต้ดินแพนด้านี้เป็นวันแรก . ที่ผนังก็จะมีสติ๊กเกอร์หมีแพนด้าสีน่ารักสดใส . เก็บทุกรายละเอียดจริงๆ . ส่วนที่พื้นก็มีการตกแต่งด้วยรอยเท้าแพนด้าสีชมพูน่ารักฟรุ้งฟริ้งซะเหลือเกิน . ภายในวันเปิดตัวก็จะมีมาสคอตเจ้าหมีแพนด้าตัวอวบอ้วนเข้าร่วมขบวนด้วย หากใครได้ไปเที่ยวที่จีนแล้วล่ะก็อย่าลืมลองไปใช้บริการกันดูนะจ้ะ ที่มา gzhphb
-
คิดถึงหนักมาก!! รวมตัว 3 นักแสดงจาก “องค์หญิงกำมะลอ” หลังห่างหายไปนาน 18 ปี
หากพูดถึงละครจีนในช่วงยุค 90 นั้น หลายๆ คนน่าจะนึกถึงละครแนวๆ เดชคำภีร์เทวดา , กระบี่ไร้เทียมทาน , ดาบมังกรยก , ไซอิ๋ว , ฤทธิ์มีดสั้น และหนึ่งในนั้นที่ขาดไม่ได้เลยคือ องค์หญิงกำมะลอ ซึ่ง #เหมียวฟิ้น เองก็ทันได้ดูเมื่อตอนเป็นเด็กด้วยนะ หลังจากที่ละครชุดองค์หญิงกำมะลอจบไป เราก็แทบไม่ได้เห็นการรวมตัวกันของ 3 นักแสดงสาวอย่าง ฟ่านปิงปิง , หลิน ซินหรู และ เจ้า เวย (ที่ #เหมียวฟิ้น ชอบเป็นพิเศษ) อีกเลย กาลเวลาล่วงเลยผ่านไปกว่า 18 ปี จนเมื่อช่วงวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลิน ซินหรู ได้จัดงานแต่งงานกับ ฮั่วเจี้ยนหัว บนเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ทำให้ทั้ง 3 คนได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง เกิดเป็นภาพการรียูเนียนครั้งสำคัญที่แฟนๆ จะต้องจดจำเลยทีเดียว ปัจจุบันทั้ง 3 คนก็ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงไม่ห่างหายไปไหนนะ เช่นฟ่าน ปิงปิง ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเราเห็นหน้าเธอบ่อยกว่าใครเพื่อน เพราะเธอโด่งดังเป็นที่รู้จักในวงกว้างเพราะมาเล่นหนังฮอลลีวูด เช่น Iron Man 3 และ X-Men: Days…
-
‘หลุมใต้ทะเล Dragon’s Hole’ ขนาดใหญ่สุดในโลก บนพื้นที่ข้อพิพาทแถบทะเลจีนใต้
อีกหนึ่งการค้นพบที่น่าสนใจและยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ เมื่อล่าสุดทางการจีนก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาได้ทำการค้นพบหลุมใต้ทะเลที่มีความใหญ่มากที่สุดในโลก!!! เมื่อเร็วๆ นี้สำนักข่าว CCTV ก็ได้แถลงประกาศพบว่า “Dragon’s Hole” หรือหลุมมังกร หลุมขนาดใหญ่นี้มีขนาดลึกกว่า 300 เมตรในใจกลางทะเลจีนใต้ และได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นหลุมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว Dragon’s Hole สำหรับหลุมนี้ก็ตั้งอยู่ในใจกลางทะเลจีนใต้ ในส่วนนี้ล้วนแต่เป็นที่หมายปองของทั้งประเทศมาเลเซีย เวียดนาม จีน อินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์และไต้หวัน เลยทีเดียว ด้วยเหตุที่เป็นเขตเชื่อมต่อการเดินเรือที่สำคัญ แถมยังมีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์มากๆ ทำให้พื้นที่นี้เป็นหนึ่งในพื้นที่ๆ มีกรณีพิพาททางการทหารเกิดขึ้นมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ จากการรายงานของสำนักข่าว Xinhua ผู้คนในละแวกนี้เรียกสถานที่แห่งนี้ว่า ‘ดวงตา’ ตั้งอยู่แถบเกาะ Paracel ที่ทั้งจีน ไต้หวันและเวียดนาม ต่างอ้างว่าเป็นของประเทศตนเอง สถานที่ตั้ง ในส่วนของความลึกนั้น “Dragon’s Hole” ได้เอาชนะแชมป์เก่าอย่าง Dean’s Blue Hole ในบาฮามาสไปอย่างขาดลอย เพราะความลึกของหลุมจะอยู่ที่ราวๆ 202 เมตรเท่านั้น แต่หลุมมังกรลึกกว่า 300 เมตร!!? และด้วยความลึกขนาดนั้นนักวิทยาศาสตร์ก็ยังคงตั้งมั่นที่จะค้นหาสิ่งมีชีวิตที่อยู่ลึกลงไป เพราะยิ่งลึกลงไปออกซิเจนยิ่งน้อย จึงอยากศึกษาว่าพวกมันมีกลไกยังไงในการดำรงชีวิต… คลิปข่าวของหลุมนี้จากทาง…
-
ผู้หญิงชาวจีน วัย 53 ปี ยอมลาออกจากงาน เพื่อดูแลหมาจรจัด 250 ชีวิต ที่บ้านเธอ!!
ทุกๆ ปี เมื่อมาถึงเทศกาลกินเนื้อสุนัขประจำปีที่ประเทศจีน จะต้องมีสุนัขถูกฆ่าตายมากกว่า 10,000 ตัว เพื่อเสิร์ฟในงานเลี้ยง แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศจีนก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ยอมอุทิศชีวิตทั้งกายและใจของเขา เพื่อช่วยเหล่าสุนัขที่น่าสงสารเอาไว้ เหมือนกับผู้หญิง วัย 53 ปี คนนี้… Wen Li คุณครูโรงเรียนมัธยมจากมณฑลกานซู ที่ยอมลาออกจากงาน เพื่อมาดูแลบ้านสงเคราะห์สุนัขในโรงนาของเธอตั้งแต่ปี 2011 มาแล้ว ระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เธอรับสุนัขมาเลี้ยงแล้วทั้งหมด 220 ตัว โดยมีทั้งผู้ที่นำมาปล่อยและเธอรับมาเอง เธอเรียกตัวเองว่าเป็น ‘คุณยาย’ และปฏิบัติกับหมาๆ ดั่งเป็นลูกหลานของเธอ แต่ก็แน่นอนว่า เมื่อจำนวนสุนัขเร่ร่อนมีมากขึ้น ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็มากขึ้นตามไปด้วย และนอกจากเธอจะต้องเก็บหอมรอมริบเพื่อเช่าบ้าน เธอก็ยังต้องใช้เวลาทั้งวันดูแลมันด้วย ในทุกๆ วัน เธอจะซื้อขนมปังกรอบจำนวน 80 ชิ้น อาหารสุนัข 7.5 กก. และเนื้อตับ 2.5 กก. มาเลี้ยงสุนัข…
-
พบกับ Skywalk ที่เที่ยวแห่งใหม่ที่เมืองเซี้ยงไฮ้ สุดหวาดเสียวด้วยความสูง 340 เมตร
หากใครที่กำลังมีแผนไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้แล้วยังไม่รู้จะไปทำอะไร และหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบกิจกรรมอะไรที่ท้าทายๆ ขอบอกว่าห้ามพลาด Skywalk แห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปวันที่ นี้ จินเหมาทาวเวอร์ ตึกสูงเสียดฟ้าที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ได้เปิดตัว Skywalk นอกตัวอาคารชั้น 88 ที่มีความสูงถึง 340 เมตร จากการรายงานของสำนักข่าว People’s Daily ระบุว่านี่เป็นทางเดินภายนอกอาคารที่ปราศจากที่กั้นที่มีความสูงที่สุดในโลกอีกด้วย มีเพียงเชือกนิรภัยเท่านั้น ที่จะเหนี่ยวรั้งไม่ให้คุณพลัดตกลงไป งานนี้บอกเลยใครใจไม่ถึงพอมีเป็นลมหมดสติแน่นอนจ้า ก่อนที่จะออกไปแตะขอบฟ้าเพื่อพบความหวาดเสียว ก่อนอื่นจะต้องเซ็นแบบฟอร์มยินยอมพร้อมใจก่อน และเพื่อรับประกันว่าเราสามารถรับมือกับความสูงนี้ได้ ถึงแม้ว่าจะหวาดเสียวและระทึกใจสุดๆ แต่ทิวทัศน์ของเมืองเซี่ยงไฮ้ที่จะได้เห็นจากบนนั้นก็ถือว่าคุ้มค่าจริงๆ . . . ทางเดินโปรงใสบนชั้น 88 นี้ ยาวประมาณ 60 เมตรและมีความกว้างออกมาเพียง 1.2 เมตร เท่านั้น นักท่องเที่ยวสามารถออกไปเดินได้เพียงรอบละ 15 คน (รวมถึงพนักงานดูแลความปลอดภัยอีกจำนวน 2 คนด้วย) . . . แค่คิดก็เสียวแล้วนะเนี่ย!! ที่มา: Shanghaiist
-
จากรอยแยกแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในจีน ถูกเปลี่ยนให้เป็น “พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถาน”
ในปี 2008 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ประเทศจีนที่เหวินฉวน ในมณฑลเสฉวน ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 70,000 คน และอีกกว่า 5 ล้านคนต้องสูญเสียบ้านไป และกลายมาเป็นคนไร้บ้านไปโดยปริยาย เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้กลายเป็นแผ่นดินไหวที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด นับตั้งแต่ปี 1976 และรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่แผ่นดินไหว Chayu ในปี 1950 เพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัย Tongji University ได้ร่วมมือรัฐบาลในการสร้างพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานขึ้นมาในเหวินฉวน ซึ่งมีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้มากจากแผ่นดินไหวความแรงขนาด 7.9 แมกนิจูด ดีไซเนอร์ Cai Yongjie คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบครั้งนี้ ได้ทำการสร้างพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานจากรอยแยกบนพื้นดินที่เกิดจากแผ่นดินไหว ให้ดูงดงามและยังคงรูปร่างเดิมของมันไว้อยู่ โดยพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานแห่งนี้เปิดให้เข้าเยี่ยมชมตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2013 ซึ่งถ้าให้นับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ครบรอบ 5 ปีแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้มีใครเกิดขึ้น และเป็นเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อจีนเป็นอย่างมาก . . . ที่มา boredpanda
-
นักท่องเที่ยวโดนชาวจีนแซงคิว แถมทำเนียนพูดจีนมึนๆ เลยสวนกลับด้วยภาษาจีน 3 สำเนียง!!!
การแซงคิวในประเทศจีนนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป ซึ่งโดยปกติแล้ว ผู้ที่ถูกแซงคิวนั้นมีน้อยคนมากที่จะออกมาเรียงร้องความยุติธรรมของตนเอง ยิ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ การจะต่อว่าผู้ที่แซงคิวด้วยภาษาจีนนั้นอาจเป็นเรื่องที่ยากเกินไป แต่สำหรับชายหนุ่มผิวสีคนนี้ นั่นไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะเขาสามารถพูดภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว แถมไม่ใช่แค่สำเนียงเดียว แต่พูดได้ถึง 3 สำเนียง จนผู้ที่แซงคิวเขานั้นเงิบไปเลย!! เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่ง เดินเข้ามาแซงคิวในระหว่างที่ชายผิวสีคนนี้กำลังต่อแถวซื้ออาหารอยู่ ชายคนดังกล่าวจึงพูดออกเป็นภาษาจีนกลางว่า “เฮ้ เธอช่วยต่อคิวหน่อยได้มั้ย” แต่หญิงสาวคนนั้นกลับทำเป็นไม่เข้าใจ แล้วพูดออกมาเป็นภาษาจีนสำเนียงอู่ฮั่นว่า “ไอ้ดำนี่พูดอะไรเนี่ย ไม่เห็นเข้าใจเลย” เมื่อชายคนดังกล่าวได้ยินดังนั้น จึงตอบกลับเป็นภาษาจีนสำเนียงอู่ฮั่นว่า “อย่าแซงคิว เข้าใจที่ฉันพูดรึยัง?” หญิงคนนั้นก็ยังไม่ยอมแพ้ตอบกลับด้วยภาษาจีนสำเนียงตงเป่ย “คุณต้องการอะไร เห็นฉันไปแซงคิวตอนไหน บ้าไปแล้วแน่ๆ” ชายคนดังกล่าวได้ยินดังนั้น จึงตอบกลับเป็นภาษาจีนสำเนียงตงเป่ยอีกว่า “ไปต่อแถวเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นโดนทุกคนด่าแน่ แล้วไอ้ที่บอกว่า “ต้องการอะไร” คุณไม่ควรแซงคิวคนอื่นไง” สุดท้ายหญิงคนดังกล่าวก็ยอมแพ้ เพราะบ่นออกมาว่า “บ้าไปแล้วแน่ๆ ไม่กงไม่กินมันแล้ว” จากนั้นเธอก็เดินออกจากแถวไป ไปชมคลิปเหตุการณ์กันดีกว่า ถึงกับเงิบเลยทีเดียว เวลาเราโดนแซงคิวหรือทำอะไรไม่ถูกต้อง ก็ควรจะทวงสิทธิ์ของตนเองแบบนี้นะ ทางผู้เขียนต้นฉบับอย่าง Charles Liu ถึงกับกล่าวชมหนุ่มคนนี้ ที่ไม่ใช่ว่าทวงสิทธิ์ของเขาเองเท่านั้น แต่ยังทำให้สังคมได้เข้าใจเรื่องมารยาทมากขึ้นอีกด้วย …
-
ไปชมการ์ตูนที่จีนทำออกมา ให้คนไทย “เข้าใจนักท่องเที่ยวจีน” จนมีชาวเน็ตดราม่าเพียบ!!
ช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เป็นที่ทราบกันดีว่านักท่องเที่ยวจากจีนจำนวนมากได้หลั่งไหลเข้ามาในทุกภาคส่วนของประเทศไทย ซึ่งในจำนวนเหล่านี้ มีนักท่องเที่ยวบางคนได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนและสถานที่ท่องเที่ยวต่าๆง เป็นอย่างมาก จนเกิดกระแสด้านลบต่อนักท่องเที่ยวจีน ด้วยเหตุนี้เอง ทางสำนักข่าว THAI CCTV จึงได้ทำการ์ตูนชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวจีน พร้อมทั้งวอนขอให้คนไทยเข้าใจถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมของนักท่องเที่ยวเหล่านี้ด้วย ก่อนอื่น เราไปชมการ์ตูนนี้กันก่อน ซึ่งอาจจะยาวสักหน่อยนะ . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . อย่างไรก็ตามเมื่อภาพนี้เผยแพร่ออกไป ก็มีชาวไทยเข้าไปคอมเมนต์มากมาย บางคนบอกว่า นักท่องเที่ยวจีนต่างหากที่ต้องพยายามปรับตัวเข้าหาคนไทย . . บางคนก็บอกว่า ทำไมการ์ตูนดู “ข่มขู่” มากกว่า “ได้โปรดเข้าใจ” ละเนี่ย…
-
อาตี๋น้อยเก็บขวดขาย 160,000 ใบ นาน 2 ปี เพื่อนำเงินบริจาคให้เด็กกำพร้าโรคเอดส์
นี่เป็นเรื่องราวดีๆ ของหนุ่มน้อยชาวจีนรายหนึ่งที่ชื่อว่า Sun Huixi เขาใช้เวลาหลังเลิกเรียนประมาณ 2 ชั่วโมงทุกๆ วัน เพื่อเก็บขวดพลาสติกไปขาย จากนั้นพอผ่านเวลาไป 2 ปี เขาก็สามารถเก็บขวดได้มากถึง 160,000 ขวด คิดเป็นเงินราวๆ 1 แสนบาท จากนั้นเขาก็นำเงินไปบริจาคให้กับเด็กๆ ในหมู่บ้าน Red Ribbon Home ในมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ที่มีแต่เด็กๆ กำพร้าและป่วยเป็นโรคเอดส์มากมาย แม้ Sun จะอายุยังน้อย แต่เขาก็ตระหนักถึงความยากลำบากในการใช้ชีวิตโดยไม่มีพ่อแม่ เขาจึงคิดอยากจะช่วยเหลือคนอื่นๆ บ้าง ตามรายงานบอกว่าหนุ่มน้อยรายนี้อาศัยอยู่ในเมืองฮาร์บิน เมืองที่สำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน หมู่บ้าน Red Ribbon Home ถูกก่อตั้งโดยองค์กรการกุศลแห่งหนึ่ง เพื่อเปิดรับเด็กๆ ผู้ป่วยเข้ามาอยู่ในความดูแลของพวกเขา ในตอนแรกที่ Sun ยังไม่ได้เก็บขวดขาย เขาได้บริจาคเงินส่วนตัวให้กับองค์กรเป็นจำนวน 1,000 บาท แต่แล้วเขาก็คิดได้ว่าควรจะหาเงินมาช่วยเหลือเด็กๆ ให้มากกว่านี้ จึงเริ่มเก็บขวดขายนั่นเอง ในขณะที่พ่อแม่ของเขามีรายได้ต่อเดือนรวมกันได้เพียง 9,430 บาท เท่านั้น ถือเป็นความเฉลียวฉลาดในการหาเงินพอสมควร…
-
ชมบรรยากาศ นักท่องเที่ยวจีนนับหมื่น พร้อมใจไปเล่นน้ำคลายร้อนในสระ ‘Dead Sea’
ในช่วงหน้าร้อนและฝนตกแบบนี้ มันก็เป็นโอกาสดีที่เราจะได้ไปเล่นน้ำให้จิตใจชุ่มฉ่ำ แต่ว่าถ้าจะไปก็ต้องเลือกที่นิดนึง เผลอๆ คุณอาจจะได้ไปเจอกับนักท่องเที่ยวจีนแบบจัดเต็มขนาดนี้ นี่คือภาพของกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่ร่วมใจกันมาเล่นน้ำในวันหยุดพักร้อน เรียกได้ว่าเป็นสระที่แออัดที่สุดเลยก็ว่าได้ จนขนาดได้รับฉายาว่าเป็นสระน้ำ ‘Dead Sea’ แห่งประเทศจีน สระแห่งนี้ตั้งอยู่ในมณฑลเสฉวน ดึงดูดผู้คนรอบๆ ให้มาพักผ่อนกันแบบไม่ต้องเกรงใจใคร สระน้ำเค็มนี้มีขนาดที่กว้างมากถึง 30,000 ตารางเมตร แต่ถึงจะใหญ่ขนาดไหน ก็ไม่อาจรับรองชาวจีนนับหมื่นที่แห่มาได้ ไม่เชื่อก็ลองดูในรูปสิ แล้วจะรู้ว่ามันแออัดสักแค่ไหน . . . . . เห็นแบบนี้แล้วต่อให้ร้อนยังไงก็ไม่กล้าลงไปอยู่ดี เล่นกันแบบแออัดแบบนี้มันจะสนุกยังไงเนี่ยยยย ที่มา dailymail
-
คุ้นๆไหม!? ชาวจีนแห่ประท้วงศาลโลก กรณีทะเลจีนใต้ ทำลาย iPhone – ปิดล้อม KFC
ถ้าใครได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองโลกในช่วงนี้ คงจะได้ยินข่าวกรณีพิพาทในทะเลจีนใต้ระหว่างประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีนกับฟิลิปปินส์ เมื่อจีนอ้างกรรมสิทธิ์บนทะเลจีนใต้ ด้วยการ “สร้างเกาะ” ขึ้นมา ขณะที่ฟิลิปปินส์ก็ไม่พอใจที่จีนอ้างอย่างนั้น จึงได้นำเรื่องขึ้นฟ้องศาลโลก ซึ่งล่าสุด ศาลโลกได้ตัดสินให้ฟิลิปปินส์เป็นฝ่ายชนะ ทำให้จีนไม่มีกรรมสิทธิ์ใดๆ นอกเหนืออาณาเขตทางทะเลของตนอง (แผนที่แสดงความขัดแย้งของทั้งสองประเทศ พิจารณากันเองละกันว่าใครผิดใครถูก ขอบคุณภาพจาก BBC) หลังจากคำตัดสินประกาศออกมา ก็สร้างความไม่พอใจให้กับชาวจีนจำนวนมาก ไม่ใช่แค่เฉพาะในส่วนของประชาชนเท่านั้น เพราะมันลามไปถึงภาคเอกชนด้วย จนบริษัท Bina Technology ในมฑลซีเจียงได้ออกมาสั่งให้พนักงานทุกคน ทำลายโทรศัพท์ iPhone ในมือทิ้ง เพื่อประท้วงคำตัดสินดังกล่าว โดยทางบริษัทจะจ่ายเงินชดเชยให้ราว 2,500 หยวน หรือราว 13,000 บาท นอกจากนี้ ทางบริษัทยังขู่ว่า หากพนักงานคนใดซื้อ iPhone 7 ที่กำลังจะเปิดตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้มาใช้ ก็อาจถูกไล่ออกจากบริษัทได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีชาวจีนอีกจำนวนมาก ได้ออกมาปิดล้อมร้านอาหารฟาสฟู๊ดชื่อดัง KFC เพื่อเป็นการประท้วงคำตัดสินของศาลโลกในครั้งนี้ รวมไปถึงการแบนไม่ซื้อมะม่วงที่นำเข้าจากประเทศฟิลิปปินส์อีกด้วย . ล่าสุดสำนักข่าว People’s Daily และสำนักข่าวอื่นๆ…
-
กลุ่มอนุรักษ์วาฬไม่ปลื้ม!! ‘ฟ่านปิงปิง’ ซุปเปอร์สตาร์สาวชาวจีน จูบวาฬออกรายการทีวี
ซุปเปอร์สตาร์สาวชาวจีน ‘ฟ่านปิงปิง‘ ล่าสุดเธอไปเป็นแขกรับเชิญรายการทีวี ‘Challenger Alliance 2’ ที่ดาราจะมารับคำท้าต่างๆ ซึ่งคำท้าที่เธอได้รับก็คือ การเป็นผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ฟ่านปิงปิงก็ทำหน้าที่ของเธออย่างสมบทบาท มีแม้กระทั่งภาพของเธอกำลังสวีทกับเจ้าวาฬเบลูกาที่เธอดูแลอยู่ด้วย . . . เธอโพสภาพนี้ผ่านเว็บไซต์ส่วนตัวของเธอ ทำให้แฟนๆ ต่างก็ถูกใจกับความน่าจนทำให้ภาพนี้มียอดไลค์มากถึง 500,000 ไลค์ เลยทีเดียว ยิ่งตอนที่ทั้งคู่หลับตาลงระหว่างที่จูบนี่สิ ยิ่งน่ารักเข้าไปกันใหญ่ . อย่างไรก็ตาม กลุ่มอนุรักษ์วาฬ ก็ได้ออกมาโต้ตอบในเว็บไซต์ Weibo ว่า “วาฬเบลูก้าเหล่านี้ถูกพรากมาจากธรรมชาติของมัน และถูกลักลอบเข้ามาจากประเทศรัสเซียอย่างผิดกฏหมาย พวกมันควรมีอิสรภาพที่จะได้สำรวจน่านน้ำอาร์กติก แต่พวกมันไม่มีโอกาสจะได้เห็นแสงสว่างอีกแล้ว พวกมันถูกจับมาให้ทำการแสดง และให้ถ่ายรูประหว่างที่พวกมันกำลังกอดจูบกับเหล่านักแสดงชื่อดัง ซึ่งก็เป็นเพียงการเพิ่มข้ออ้างให้กับเหล่านักธุรกิจที่โลภมากซื้อพวกมันมาขังไว้กันมากขึ้น” กลายเป็นเรื่องดราม่าไม่ซะงั้น แต่มันก็เรื่องจริงนั่นแหละนะ!! มันก็คงจะมีความสุขกว่าถ้าได้อยู่ในธรรมชาติของมันสิเนอะ ที่มา: Shanghaiist
-
พลาดไม่ได้แล้ว!! จีนจัดประกวดสาว “หน้าอกสวย” จากทั่วโลก หนุ่มๆ แห่เข้างานกันรึ่ม!!
นี่ถือเป็นงานประกวดที่น่าจะถูกใจหนุ่มๆ และมีผู้เข้ามาร่วมงานแบบแน่นกองประกวดเลยทีเดียว เพราะนี่คืองานประกวดสาวผู้มี “หน้าอกสวย” ที่สุดในโลก!! เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่ามีการจัดงานประกวดตามหาสาว “หน้าอกสวย” จากทั่วโลก ขึ้นที่มณฑลอันหุย ประเทศจีน ตามรายงานบอกว่าการจัดงานครั้งนี้ถูกจัดมาเป็นครั้งที่ 6 แล้ว และดูเหมือนว่าปีนี้จะดูดีงามขึ้นกว่าปีก่อนๆ ที่เคยจัดกันมา จุดประสงค์ของการจัดงานนี้ก็คือ การตามหาหญิงที่มีความมั่นใจ มีหน้าอกที่สวยงามได้รูปและสุขภาพดี . แต่ในปีนี้ดูจะฮือฮาสักหน่อย เพราะมีคุณแม่สาวสวยเข้าประกวดกับเขาด้วย แถมยังได้รับคำวิจารณ์ไปในแง่บวก บอกว่าเธอนั้นดูสวยสง่ากว่าผู้ชนะปี 2015 เสียอีก หลังจากที่เรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ดูจะได้รับความสนใจจากชาวเน็ต โดยเฉพาะหนุ่มๆ มากพอสมควร มีทั้งความเห็นในแง่บวกและลบ เช่น “ผมไม่เห็นหน้าอกแม้แต่ข้างเดียว ผมว่ามันเป็นงานโกหกทั้งเพ!!” “สำหรับผมแล้ว พวกเธอคือผู้ชนะ” “ใครจะสนล่ะ เพราะสุดท้ายแล้วมันก็จะหย่อนยานอยู่ดี” . . หรือถ้าใครคิดว่ายังไม่จุใจ เราลองย้อนกลับไปชมภาพงานประกวดหาสาวอกสวยจากปี 2015 กันดูไหมล่ะ? . .…
-
ชื่นชมเด็กชาวจีน ทำภารกิจเพิ่มน้ำหนัก 16 กิโลกรัม เพื่อปลูกถ่ายไขกระดูกให้คุณพ่อ
การทดแทนบุญคุณในความหมายของคนทั่วๆ ไป อาจจะนึกถึงการเลี้ยงดูพวกเขา การพาพวกเขาไปพักผ่อน พาไปกินอาหารดีๆ การพาพวกเขาไปเที่ยวในที่ที่อยากไป แต่สำหรับคนบางคนแล้ว ดูจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นมากเลยล่ะ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา สำนักข่าว CCTVNews ได้เปิดเผยเรื่องราวภารกิจอันยิ่งใหญ่ของหนุ่มน้อยชาวจีนวัย 8 ขวบที่ชื่อว่าเช่า หยินเผิง จากมณฑลเจียงซู ประเทศจีน ที่ต้องช่วยคุณพ่อที่กำลังป่วยเป็นโรคลูคีเมียในการปลูกถ่ายไขกระดูก ตามรายงานบอกว่าเช่า เหล่ย ผู้เป็นพ่อ ได้ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว(หรือลูคีเมีย) ทำให้เขาต้องเข้ารับการปลูกถ่ายไขกระดูกใหม่ และคนเดียวที่จะช่วยเขาได้ก็คือลูกชายแท้ๆ ของเขา แต่ดันมีปัญหานิดหน่อยตรงที่เช่า เหล่ย เหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือนก่อนที่อาการจะทรุดหนักไปกว่านี้ บวกกับลูกชายของเขามีน้ำหนักเพียง 30 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยเกินไป หากทำการปลูกถ่ายไขกระดูกอาจจะเป็นอันตรายแก่เขาได้ เมื่อทราบเงื่อนไขดังกล่าวแล้วเช่า หยินเผิงจึงพยายามขุนตัวเอง กินอาหารเพิ่มน้ำหนักอย่างหนัก แต่ในขณะเดียวกันเขาก็พยายามออกกำลังกายไปด้วย เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงควบคู่กันไป ในที่สุดเช่า หยินเผิงก็ทำสำเร็จ เขาสามารถเพิ่มน้ำหนักจาก 30 กิโลกรัมเป็น 46.5 กิโลกรัมได้ภายใน 2 เดือน การปลูกถ่ายไขกระดูกของทั้งคู่เป็นไปอย่างราบรื่นตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทางด้านจาง หลิน ภรรยาของนายเช่า…
-
เสียววาบ!! นักท่องเที่ยวจีนเผยที่พักแรมแบบใหม่ กางเต๊นท์นอนริมหน้าผาสุดเร้าใจ
หากคุณต้องเดินทางไปท่องเที่ยวตามป่าเขา แต่รู้สึกว่าคุณยังเร้าใจพอล่ะก็ คุณอาจจะอยากลองมาพักแรมในสถานที่แบบนี้ก็ได้นะ… เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา สำนักข่าว CCTV ได้เผยแพร่ภาพสุดหวาดเสียว ของกลุ่มคนที่ขึ้นไปตั้งเต๊นท์กว่า 100 หลัง บริเวณริมหน้าผาของภูเขาเล่าจุ่น ในมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ที่มีความสูงจากระดับพื้นดินถึง 1,000 เมตร ตามรายงานของสื่อท้องถิ่นกล่าวว่ากลุ่มนักเดินทางได้ขึ้นไปตั้งแคมป์ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลตั้งแคมป์ของชุมชนในท้องถิ่นเมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา มีคนจำนวนไม่น้อยได้พิจารณาถึงความคิดนี้แล้วตัดสินใจขึ้นไปตั้งแคมป์อยู่ตรงพื้นที่เสี่ยงตายแบบนั้น แต่พวกเขาก็ถือว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ทดสอบความกล้าของตัวเองและดื่มด่ำไปกับทิวทัศน์ของธรรมชาติไปพร้อมๆ กัน แต่การขึ้นไปนอนอยู่ที่ริมหน้าผาของพวกเขานั้นไม่ใช่เพราะต้องการความตื่นเต้นหรือหวาดเสียวเพียงอย่างเดียว พวกเขาจะได้สิทธิพิเศษในการชมท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวนับล้านยามค่ำคืน และสูดอากาศบริสุทธิ์ที่หาได้ยากจากในตัวเมือง . แม้จะดูหวาดเสียวไปหน่อย แต่พวกเขาก็ได้ชื่นชมกับธรรมชาติ ในแบบที่น้อยคนจะได้ทำแบบพวกเขาล่ะนะ ที่มา CCTVNews
-
หนุ่มจีนทำหน้าที่ลูกกตัญญู แอบภรรยาออกจากบ้าน มาดูแลแม่แท้ๆ ตลอด 9 ปี
ปัญหาเกี่ยวกับแม่สามีลูกสะไภ้นั้นมีให้เห็นได้ในทุกสังคมจริงๆ นะ บางคู่ถึงขั้นเลิกรากันเพราะแม่สามีกับลูกสะไภ้ไม่ถูกกันก็มี และคนที่อึดอัดใจที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นลูกชายหรือสามีเอง เพราะไม่สามารถเลือกข้างได้นั่นเอง เรื่องที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของของนายหลิว เสี่ยงลี่ และนางจ้าว จ่องกุ้ย ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อปี 2004 และได้รับมรดกมาจากครอบครัวฝ่ายหญิง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความรับผิดชอบที่สูงพอสมควร หลังจากที่ทั้งคู่แต่งงานกันแล้ว พวกเขาก็ได้วางแผนจะซื้อบ้านราคา 6 แสนกว่าบาท และหวังว่าจะชวนแม่ของฝ่ายชายมาอยู่ในบ้านด้วย แต่ภรรยาของเขาไม่เห็นด้วยกับไอเดียนี้ ต่อมาในปี 2007 ทั้งคู่ได้ซื้อบ้านแล้วเรียบร้อย นายหลิวจึงไปรับแม่ของเขามาเที่ยวที่บ้านใหม่บ่อยๆ แต่ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างแม่และภรรยาของเขาจะไปได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จนมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันหนักขึ้นเรื่อยๆ จนภรรยาขู่ว่าจะฆ่าตัวตายหากแม่่สามียังไม่ออกไปจากบ้านของเธอ เพื่อเป็นการรักษาบรรยากาศความสงบภายในบ้าน นายหลิวจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากประนีประนอมตามคำขู่ของภรรยา แต่เขาเองก็ไม่อยากจะเป็นลูกชายที่อักตัญญู เพราะแทนที่จะส่งแม่กลับไปอยู่บ้านหลังเดิม เขากลับเช่าบ้านให้แม่อยู่นาน 9 ปี ตามรายงานบอกว่าบ้านหลังนี้อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขาเท่าไหร่ เพื่อที่นายหลิวจะได้แอบภรรยาของเขามาดูแลแม่บ่อยๆ แต่ความลับนั้นไม่มีในโลก วันหนึ่งแม่และภรรยาของเขาดันไปเจอกันในซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งโดยบังเอิญ นางจ้าวรู้สึกช็อคและโกรธเคืองมากที่สามีปิดบังเรื่องนี้ไม่ให้เธอรู้มาเกือบ 10 ปี เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อเรื่องที่เธอไม่อยากจะอยู่กับแม่ของสามีก็เพราะว่าพวกเขาเข้ากันไม่ได้ และกล่าวว่าแม่สามีควรจะหยุดยุ่งเรื่องครอบครัวของพวกเขาได้แล้ว แม้ว่าสถานการณ์ของครอบครัวนี้จะดำเนินไปแบบอึดอัด แต่ชาวเน็ตก็ได้แสดงความชื่นชมต่อการกระทำของลูกกตตัญญูรายนี้กันอย่างมากมาย เช่น “ฉันรู้สึกแย่กับภรรยาคนนี้มาก คาดหวังให้เธอดูแลแม่สามีไม่ได้เลย” “เราไม่รู้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวนี้จริงๆ แล้วเป็นยังไงกันแน่ ฉันหวังแค่ว่าพวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างมีความสุข” ลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าเราเป็นหนุ่มคนนี้เราคงจะอึดอัดใจไม่น้อย เพราะทั้งสองคนเป็นคนที่เรารัก และไม่ควรจะต้องมาเลือกเลยว่าควรจะให้ความสำคัญคนไหนมากกว่ากัน…
-
สาวจีนฮิตไอเดียแปลก สวม “หน้ากากไอ้โม่ง” ลงทะเล หวังกันรังสี UV และแมงกะพรุน!?
ในทุกๆ ปี สาวๆ จะต้องแห่กันไปเที่ยวที่ชายหาดชิงเต่า ในมณฑลซานตง ประเทศจีน เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ และนอนอาบแดดให้สบายผิวของพวกเธอ ซึ่งในความเข้าใจของคนทั่วไปแล้ว การอาบแดดก็คงจะมีอุปกรณ์อยู่ไม่กี่อย่าง เช่นแว่นตากันแดด หรือหมวกใบใหญ่ๆ เพื่อบังแดดสักหน่อย แต่กับสาวๆ ชาวจีน พวกเธอมีอุปกรณ์ที่แปลกประหลาดกว่านั้น เพราะพวกเธอสวมใส่ “หมวกไอ้โม่ง” แล้วลงไปเล่นน้ำทะเลและอาบแดด เพื่อป้องกันรังสี UV ที่จะกระทบกับใบหน้าของพวกเธอ และมันยังเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมเอามากๆ ในปีที่ผ่านมาด้วย ในขณะที่แฟชั่นบางอย่างผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่เจ้าหน้ากากไอ้โม่งชิ้นนี้กลับอยู่คู่กับชายหาดของจีนมานานตั้งแต่เมื่อปี 2004 แล้ว และยังคงได้รับความนิยมจากสาวๆ ที่เกรงกลัวรังสี UV เรื่อยมา เจ้าหน้ากากแบบนี้จะครอบคลุมทุกพื้นที่บนใบหน้าของคุณ ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาก จมูก แก้ม คาง มันดูจะมีประสิทธิภาพในการกันความร้อนของจีนมากทีเดียว เพราะตอนนี้พุ่งสูงถึง 35 องศาแล้ว ตามรายงานบอกอีกว่าหน้ากากไอ้โม่งแบบนี้ มันเป็นทั้งหน้ากากและหมวกสำหรับว่ายน้ำที่มีคุณสมบัติในการกันน้ำ และยังช่วยป้องกันอันตรายจากแมงกะพรุนที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย …
-
ทุ่มสุดตัว!! ทหารจีน 16 นาย ใช้ตัวเองเป็น “มนุษย์เขื่อนกั้นน้ำ” ไม่ให้ทะลักเข้าเมือง
นี่ถือเป็นข่าวของซุปเปอร์ฮีโร่ในชีวิตจริงเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เผยแพร่เรื่องราวของทหารจีน 16 นาย ทำการเกาะกลุ่มกันเพื่อสร้าง “มนุษย์เขื่อนกั้นน้ำ” กันน้ำจากทะเลสาบโปยาง ไม่ให้ไหลเข้าสู่มณฑลเจียงซี ประเทศจีน อย่างที่หลายๆ คนทราบ ในช่วงนี้ประเทศจีนต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เช่นเดียวกับชาวนาและชาวบ้านในเมืองจิ่วเจียง มณฑลเจียงซี ประเทศจีน ที่เกือบจะถูกบังคับให้อพยพออกจากเมือง เนื่องจากเขื่อนกั้นน้ำจากทะเลสาบโปยางนั้นพังทลายลง ตามรายงานบอกว่าเนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำแยงซีเกียงเพิ่มสู่งขึ้นอย่างฉับพลัน บวกกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนักหน่วง ทำให้น้ำยังคงไหลทะลักเข้าสู่เมืองอย่างต่อเนื่อง เหล่าทหารจึงจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการรวมกำลังกัน 16 นาย มายืนกั้นบริเวณเขื่อนกั้นน้ำแทน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับอาคารบ้านเรือนและชาวบ้าน เหล่าทหารหาญต้องยืนอยู่ในน้ำเป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมง กว่าที่เพื่อนทหารคนอื่นๆ จะนำกระสอบทรายมากั้นและซ่อมแซมเขื่อนที่พังลงไปให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ชาวนาในท้องถิ่นกล่าวชื่นชมทหารว่าหากไม่มีพวกเขา นาข้าวก็อาจเสียหายไปหมดแล้ว “ทหารอยู่ที่นี่แล้ว นาข้าวหลายแห่งปลอดภัยแล้ว” นอกจากนาข้าวแล้วยังมีชาวบ้านอีกกว่า 6,000 หลังคาเรือนที่ปลอดภัยจากภัยน้ำท่วมครั้งนี้ด้วย . . และนี่คือวีรกรรมของเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ในชีวิตจริง ที่ไม่ต้องมีพลังวิเศษหรือแต่งชุดเท่ๆ แบบในหนังหรือการ์ตูน แต่ก็สามารถช่วยเหลือคนอื่นๆ ให้รอดปลอดภัยได้เช่นกันนะ…
-
ไวปานวอก!! พี่จีนคลอดเกม “City Spirit Go” ชิงเปิดตัวก่อน Pokemon Go จะมาถึงจีน
ถ้าพูดถึงพี่จีนแล้ว เราก็คงการก๊อปปี้ที่เรียกได้ว่าเนียนซะจนเจ้าของไม่คิดจะฟ้องเลย แม้กระทั่งเกมที่ก่อนหน้านี้ก็มี Overwatch ที่โดนไปแล้ว ซึ่งอันนั้นบอกเลยว่าแทบจะถอดแบบกันมาเลย แค่เปลี่ยนชื่อเกมเท่านั้น และคราวนี้พวกเขาก็กลับมาอีกครั้งในช่วงเกม Pokemon Go กำลังมาแรงเป็นอย่างมาก มีหรือที่พี่จีนของเราจะไม่ตามกระแสนี้ซะหน่อย เห็นผู้คนอีกฝั่งโลกได้เล่นกันไปแล้ว แต่ช่วงเวลานี้ Pokemon Go ยังไม่เปิดให้เล่นในเอเชีย ก็ถือเป็นโอกาสอันดี ที่จะได้เปิดตัวเกม City Spirit Go พร้อมรูปไอคอนที่ดูเหมือนปิกาจูในเวอชั่นแรคคูนนิดๆ แน่นอนว่าระบบการเล่นก็คล้ายด้วย โดยเฉพาะระบบหามอนสเตอร์ด้วยการเดิน ผสมผสานกับการเป็นเกมมือถือในปัจจุบันเข้าไปด้วย อีกทั้งตอนนี้ยังมียอดซื้อแบบ in-app purchase สูงเป็นอันดับต้นๆ ถึงแม้จะเป็นเกมฟรี แต่ถ้ายอดเติมเงินสูงขนาดนี้แสดงว่าเกมนี้ต้องฮิตมาแน่ๆ (แต่ไม่รู้ว่าจะสนุกเท่า Pokemon รึเปล่านะ) ถ้าถามว่าก๊อปมั้ย ถ้าพูดจากช่วงเวลาและอะไรอื่นๆ ก็ต้องบอก ว่ามันมีแนวโน้มสูง ถึงแม้ระแบบเกมจะเกือบเหมือนเป๊ะ แต่ถ้าเป็นตลาดจีนแล้ว ต่อให้เป็นของปลอมยังไงมันก็ฮิตได้อยู่ดี ที่มา techinasia
-
จีนเปิดตัวอนุสาวรีย์ ‘เทพเจ้ากวนอู’ สุดแสนอลังการขนาด 48 เมตร หนัก 1,300 ตัน
ช่วงนี้มักมีข่าวคราวมาให้เราเห็นบ่อยๆเกี่ยวกับสถานที่ หรือไม่ก็สิ่งประดิษฐ์ที่พี่ใหญ่อย่างจีนขยันปล่อยออกมาเรื่อยๆ คราวนี้ก็เช่นกัน.. อนุสรณ์สถานของคนที่ศรัทธาในเทพแห่งความซื่อสัตย์ กวนอู ที่เพิ่งสร้างเสร็จไปหมาดๆตั้งอยู่ที่เมือง JingZhou ในมณฑลหูเป่ย์ เราไปชมกันเลยดีกว่าว่าจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน…. สวนอนุเสาวรีย์เทพเจ้ากวนอูถูกออกแบบมาภายใต้คอนเซ็ปท์ ‘ความชอบธรรม’ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้ากวนอู รูปปั้นที่ตั้งคระหง่านอยู่นี้มีความสูงถึง 48 เมตร บนแท่นความสูง 10 เมตร ถูกสร้างโดยแผ่นโลหะทองสำริดกว่า 4,000 แผ่น และเชื่อมติดกับง้าวประจำตัวที่รวมแล้วมีน้ำหนักมากถึง 1,320 ตัน เลยทีเดียว!! ในส่วนของแท่นถูกออกแบบมาให้เหมือนกับเรือรบในสมัยโบราณ โดยเทพเจ้ากวนอูยังมีความหมายถึงนักรบผู้ไร้ความกลัวที่กำลังจะเผชิญหน้ากับกองทหารข้าศึกนับพันอีกด้วย นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เทพเจ้ากวนอูขนาด 8,000 สแควร์เมตร ที่ตั้งอยู่ภายในได้อีกด้วย ดูสง่างามและยิ่งใหญ่มากเลยจริงๆ ถึงแม้ว่าอนุสรณ์สถานแห่งนี้จะถูกสร้างเสร็จเรียบร้อย แต่ก็ยังมีชาวเน็ตผู้เห็นต่างที่ได้โพสต์ข้อความลงบนเว็บไซต์ชื่อดังของจีนอย่าง Weibo อยู่ด้วยทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย “ผมคิดว่ามันเปลืองทั้งงบประมาณและเวลา ทำไมถึงต้องทำให้ใหญ่ขนาดนี้ด้วย” ความเห็นจากชาวเน็ตนิรนามคนหนึ่ง “อนุสรณ์สถานแห่งนี้เป็นภาพสะท้อนให้เราเห็นว่ารัฐบาลมักจะเสียเงินจำนวนมากไปกับสิ่งก่อสร้าง แทนที่เราจะนำมาใช้สำหรับสนับสนุนความยุติธรรมในสั่งคมไม่ดีกว่าหรือ?” แต่บางฝ่ายก็เห็นด้วยกับประโยชน์ของการสร้างสถานที่นี้ เช่นความเห็นของ user รายหนึ่งกล่าวไว้ว่า “อันที่จริงมันก็นำมาซึ่งประโยชน์มากมายทั้งด้านเศรษฐกิจและการโปรโมทวัฒนธรรมจีนให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น” อย่างไรก็ตามสถานที่แห่งนี้ก็ได้เปิดต้อนรับให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมได้แล้ว แต่อยากรู้เหมือนกันเนาะว่าเค้าจะใช้งบประมาณทั้งหมดไปเท่าไหร่ อาจจะตรวจสอบไม่ได้เหมือนประเทศแถวนี้ก็ได้นะ…^ ^…
-
ชาวเน็ตต่างชื่นชม… แม้พายุเข้าจนไม่มีคนมางานแต่ง แต่เจ้าสาวก็ยังสตรอง ทำให้มันดีที่สุด
ในช่วงที่ผ่านมาประเทศจีนต้องประสบกับมรสุมลูกใหญ่ เกิดเหตุอุทกภัยขึ้นในหลายๆ พื้นที่ ส่งผลให้กิจกรรมต่างๆ ต้องหยุดหรือยกเลิกไปก่อน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คู่รักชาวจีนคู่นี้ย่อท้อและล้มเลิกงานของพวกเขาเลย เมื่อวันที่ 11 กรกฎดาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ BBC ได้เปิดเผยเรื่องราวของคู่รักคู่หนึ่ง ในเมืองซินเซียง มณฑลเหอนาน ประเทศจีน ที่ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะจัดงานแต่ง แม้สภาพอากาศโดยรอบจะไม่ค่อยเอื้ออำนวยก็ตาม กำหนดการวันแต่งของพวกเขาคือช่วงเช้าของวันที่ 9 กรกฎาคม พวกเขาส่งการ์ดเชิญไปยังญาติๆ เพื่อนๆ และแขกทั้งหมด 300 คน แต่พอถึงวันงานกลับมีพายุถาโถมเข้ามาจนทำให้แขกเหรื่อส่วนใหญ่ไม่สามารถเดินทางมางานเนื่องจากอาจเกิดอันตรายกับพวกเขา จึงมีแขกเพียง 10 คนเท่านั้นที่สามารถมาร่วมงานได้ แม้จะมีแขกมาร่วมงานน้อยขนาดนี้ นางโจว เถียน ว่าที่เจ้าสาวของเราก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจเลย เธอพูดกับเจ้าบ่าวของเธอว่า “แม้ว่าพวกเราจะไม่มีแขกมาร่วมงาน ไม่มีดอกไม้ไฟฉลองให้ ไม่มีรถลีมูซีนหรูๆ หรือไม่มีเพลง นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับที่ฉันมีเธอ ฉันมีความสุขมากค่ะ” เรื่องราวนี้น่าประทับใจมากจนทำให้ข้อความของเธอถูกส่งต่อกันในเครือข่ายสังคมออนไลน์ของจีนเป็นจำนวนเป็นพันๆ ครั้ง และมีข้อความชื่นชมพวกเขาอีกมากมาย เช่น “นี่คือรักแท้ หัวใจสองดวงที่มีรักให้กันและกัน นอกเหนือจากนั้นก็เป็นเพียงความว่างเปล่าแล้วล่ะ” “การจัดงานแต่งงานมันไม่ได้ทำขึ้นเพื่อคนอื่นๆ แต่มันคือความสุขของคนสองคน นั่นแหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” “ไม่มีเพื่อนและครอบครัวมาเลยเหรอ?…
-
คุณพ่อชาวจีนพาลูกชาย 8 ขวบออกท่องเที่ยว 700 กิโล ด้วยเงิน 500 บาท เพื่อให้เรียนรู้ชีวิต
การอบรมเลี้ยงดูลูกด้วยวิธีการที่ทรหดๆ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนเห็นด้วยซักเท่าไหร่ แต่สำหรับพ่อลูกคู่นี้ พวกเขาได้เรียนรู้บทเรียนที่สำคัญมากมายจากการเดินทางครั้งนี้ ไม่ว่าจะเรื่องความยากลำบากในชีวิต ความเห็นอกเห็นใจ ความเพียรพยายาม รวมถึงการปรับตัวเพื่อเอาตัวรอด Pu Wei ตั้งใจที่จะสอนบทเรียนชีวิตอันล้ำค่าให้กับลูกชายวัย 8 ขวบของเขา ด้วยการออกเดินทางจากจากเมืองซีอานไปยังเมืองหลานโจว รวมระยะทางทั้งหมด 700 กิโลเมตร โดยพกเงินติดตัวในกระเป๋าเพียง 100 หยวน (525 บาท) สำหรับใช้ตลอดการเดินทาง พ่อลูกคู่นี้เดินทางมาแล้ว 3 วัน ยังคงเหลืออีก 3 วันจึงจะถึงที่หมาย แต่พวกเขายังคงไม่เสียเงินไปแม้แต่สตางค์เดียว ที่ทำอย่างนั้นได้ก็เพราะพวกเขาเดินทางโดยการพึ่งพาการโดยสารรถของคนอื่น และทำงานแลกอาหารและที่พักระหว่างทาง ภาพพ่อลูกขณะกำลังช่วยขนของลงจากรถบรรทุกเพื่อแลกกับที่พักผ่อนระหว่างการเดินทาง ตลอดการเดินทางของพวกเขา ถึงแม้จะเหนื่อย แต่คนเป็นพ่อก็ภูมิใจที่ทำให้ลูกได้เรียนรู้ เป้าหมายของการเดินทางในครั้งนี้ คือให้ลูกของเขาได้สัมผัสกับความหอมหวานและความขมขื่นในชีวิตไปพร้อมๆกัน ขณะที่เขาอายุยังน้อยอยู่ โดยรวม พวกเขาโดยสารรถมาแล้ว 12 คัน แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ พวกเขาก็ต้องเผชิญทั้งการถูกเมินและถูกระแวง ในบันทึกการเดินทางวันที่ 3 ของ Pu ระบุไว้ว่า “ผู้ใดก็ตามที่ถูกทำร้ายจากการถูกเมินและถูกระแวง ไม่ต้องเก็บไปคิดให้มากไปหรอก เมื่อคุณรู้ว่าการเมินและการระแวงทำร้ายจิตใจคนอื่นได้…
-
สาวจีนกับไอเดียธุรกิจ “รับจัดระเบียบตู้เสื้อผ้าให้สาวๆ” เผยเคยได้ค่าจ้าง 5 หมื่นในสองวัน!?
ชาวจีนหรือคนส่วนใหญ่ที่เกิดหลังจากปีค.ศ. 1990 เป็นต้นไป มักจะถูกมองว่าเป็นคนเจนวาย (Gen Y) ที่ชอบความสะดวกสบาย ทำงานไม่ค่อยทนไม้ทนมือ บางคนถึงขั้นถูกเหล่าผู้ใหญ่ตราหน้าว่าเป็นคนที่ขี้เกียจเลยก็มี แต่หญิงสาวชาวจีนรายนี้จะมาพิสูจน์ว่าคำสบประมาทเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องจริง ด้วยการทำธุรกิจรูปแบบแหวกแนวที่เธอคิดขึ้นมาเอง เมื่อวันที 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เปิดเผยเรื่องราวของนางเติ้ง หญิงสาวจากมณฑลเฉิงตู ประเทศจีน เธอเริ่มฝึกการจัดการตู้เสื้อผ้าตั้งแต่เมื่อปีค.ศ. 2015 จากนั้นเธอก็พบว่าเธอหลงใหลมันเอามากๆ จากนั้นเธอจึงนำสิ่งที่ชื่นชอบมาทำเป็นธุรกิจซะเลย การจัดการตู้เสื้อผ้านั้นไม่ใช่งานธรรมดาๆ ที่มีการให้บริการทั่วไปในเฉิงตู ฉะนั้นเธอจึงต้องแสดงให้โลกได้รู้ว่าธุรกิจของเธอดำเนินการอย่างไร เธอเริ่มโปรโมทธุรกิจของเธอผ่านหน่วยงานต่างๆ และสื่อสังคมออนไลน์ การจัดตู้เสื้อผ้าแต่ละครั้งจะมีการคิดค่าธรรมเนียมตามขนาดของตู้เสื้อผ้า ซึ่งราคาทั่วๆ ไปก็อยู่ที่ 100 หยวน (525 บาท) ต่อชั่วโมงต่อเมตร หากต้องใช้เวลาในการจัดการตู้เสื้อผ้านานกว่า 1 ชั่วโมง เธอก็จะคิดเพิ่มอีก 20 หยวน (105 บาท) เธอเล่าว่าเธอเคยได้ค่าจ้างสูงสุดจากลูกค้าคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านขนาดใหญ่และเป็นเจ้าของตู้เสื้อผ้าใหญ่ๆ ถึง 2 ตู้ ทำให้เธอต้องเสียเวลาไปกับการจัดเรียง คัดแยกเสื้อผ้าในตู้นาน 2…
-
คุณตาเขียนจดหมายถึง ‘ภรรยาที่ล่วงลับ’ ทุกวันนานกว่า 4 ปี เผยมีเรื่องอีกมากที่ยังไม่เคยบอก
“ความรัก” นั้นถือเป็นสิ่งที่เป็นนามธรรมเอามากๆ เลยนะ เราไม่สามารถจะหยิบความรักออกมาให้ดูแล้วบอกว่ารักมากหรือน้อยได้ แต่ในเมื่อความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นกับคนๆ หนึ่งแล้ว มันก็จะฝังรากลึกลงไปในความทรงจำ แม้ว่าร่ายกายจะจากโลกใบนี้ไปแล้วก็ตาม แต่เสี้ยวของห้วงคำนึงยังคงอยู่กับคนรอบข้างเสมอ เหมือนกับเรื่องราวของคุณตารายนี้ล่ะ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เปิดเผยเรื่องราวซึ้งๆ ของคุณตาเฉิน ซิวกัง วัย 70 ปี จากเมืองหนิงปัว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ที่พยายามเขียนจดหมายถึงภรรยาผู้ล่วงลับทุกวันๆ เป็นเวลา 4 ปี แม้ว่าเธอจะจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม ตามรายงานบอกว่าคุณตาเฉินได้เขียนจดหมายจำนวนหลายร้อยหลายพันฉบับถึงภรรยาที่เสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อปี 2012 นับรวมกันแล้วมีตัวอักษรจีนกว่า 1.5 ล้านตัว โดยในจดหมายฉบับแรกๆ มีความยาวตัวอักษรอยู่ที่ประมาณ 1,000 ตัวต่อ 1 ฉบับ แต่นั่นก็ไม่อาจจะบรรยายถึงเรื่องราวในแต่ละวันและความรู้สึกที่คุณตามีต่อคนรักได้ จดหมายของเขาจึงค่อยๆ เพิ่มความยาวออกไปเรื่อยๆ จนตอนนี้มีความยาวอยู่ที่ 2,000 ตัวอักษรต่อ 1 ฉบับแล้ว คุณตาบอกว่าเขาได้แต่งงานกับภรรยาตั้งแต่เมื่อปี 1967 แต่ก่อนที่พวกเขาจะแต่งงานกันนั้น พวกเขามีโอกาสได้เจอกันเพียงแค่ 3…
-
สื่อต่างชาติเผยรายงานลับ ประเทศจีนประหารนักโทษนับล้านราย เพื่อนำ ‘อวัยวะ’ ไปใช้งานต่อ
กลายมาเป็นเรื่องราวใหญ่โตกันเลยทีเดียว กับการกระทำที่ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นสีขาวสีดำกันแน่ เพราะมันอยู่คั่นกลางระหว่างสองสี… ฟังดูข่าวนี้เหมือนกับอะไรที่มาจากเว็บไซต์ไวรัสดักคนเข้า แต่เป็นการเปิดเผยจากทางสื่อใหญ่อย่าง Independent เมื่อมีข่าวลือหนาหูของรัฐบาลจีน ที่ให้เหล่านักโทษเข้าร่วมโปรแกรมฝึก Falun Gong อันเป็นวิถีการฝึกสมาธิอย่างหนึ่งของลัทธิในจีน เมื่อจบโปรแกรมแล้วจะนำนักโทษเหล่านั้นมาประหารเพื่อหวังนำเอาอวัยวะภายในไปปลูกถ่ายให้กับบุคคลที่ต้องการ (ราวกับว่าเป็นการค้าอวัยวะกันเลย) จากแหล่งข่าวได้กล่าวเอาไว้ว่าทางรัฐบาลจีนได้หยุดโปรแกรมดังกล่าวไปเมื่อสองปีที่แล้ว แต่ก็ยังมีการลักลอบผ่าตัดนำอวัยวะของเหล่านักโทษอย่างต่อเนื่อง โดยทางผู้เชี่ยวชาญได้คาดการณ์เอาไว้ว่าในทุกๆ ปี จะมีนักโทษราวๆ 60,000 – 100,000 รายที่ถูกประหารชีวิตและผ่าตัดนำหัวใจ ตับ และอวัยวะภายในอื่นๆ ออกมา เพื่อนำไปใช้ปลูกถ่าย ทั้งนี้ยังมีรายงานตัวเลขที่น่าตกใจตามมาก็คือ โดยรวมแล้วประมาณ 1,500,000 รายที่ถูกผ่าตัดนำตับและไตออกจำหน่ายไปสู่ศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะกว่า 712 แห่งทั่วประเทศจีน มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 ศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดถูกบังคับให้ทำการปลูกถ่ายอวัยวะทุกวันจนแทบจะนับจำนวนครั้งไม่ถ้วน บางวันอาจจะถูกบังคับให้ทำการผ่าตัดนำตับออกจากร่างมากถึง 6 ครั้งกันเลยทีเดียว!! ข้อมูลต่างๆ นั้น ได้รับการตีพิมพ์ใน Bloody Harvest: Revised Report into Allegations of Organ Harvesting…
-
ร้านชาบูทำเมนูเรียกลูกค้า “บาร์บี้ห่อเนื้อ” …คีบออกมากิน เหมือนถอดเสื้อผ้าตุ๊กตา!?
เดี๋ยวนี้มันยุคข้าวยากหมากแพง จะค้าจะขายหรือทำธุรกิจอะไรก็ต้องโปรโมตให้มันสุดๆ ใครมีไอเดียอะไรที่ว่าเจ๋งก็ต้องขุดมาใช้ให้หมด ร้านฮ็อตพ็อตแห่งหนึ่งในปักกิ่ง เค้าก็มีไอเดียในการเรียกลูกค้าสุดเลิศของเค้า เราไปดูกันว่ามันแหวกแนวขนาดไหน… ร้านฮ็อตพ็อตแห่งนี้กำลังเป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์ ด้วยการเสิร์ฟอาหารแนวใหม่ “ตุ๊กตาบาร์บี้ห่อเนื้อแกะสไลด์” !! โดยทั่วไปแล้ว ร้านฮ็อตพ็อตปกติธรรมดาจะเสิร์ฟเนื้อสัตว์เป็นจานๆ แต่ทว่าร้านฮ็อตพ็อตแห่งหนึ่งในเมืองปักกิ่งเสิร์ฟเนื้อในรูปแบบของชุดตุ๊กตาสุดน่ารัก ดูผิวผืนอาจจะคิดว่าเป็นผู้หญิงในชุดราตรีสีแดง แต่จริงๆ แล้วมันคือเนื้อแกะสไลด์!! สำนักข่าว Shanghai Daily รายงานว่า ถ้าลูกค้าจะรับประทานเนื้อแกะ พวกเขาต้องค่อยๆ คีบเนื้อออกมาทีละชิ้นๆ (คล้ายๆ กับถอดทีละชิ้นนั่นแหละ) จนกระทั่งตุ๊กตาล่อนจ้อนเหลือให้เห็นแต่พลาสติกเปลือยเปล่าในที่สุด ในขณะที่เจ้าของร้านคิดว่านี่เป็นวิธีการอันแสนฉลาดในการโปรโมตร้าน แต่ชาวเน็ตจากเว็บไซต์ Weibo เป็นจำนวนมากต่างพากันแสดงความคิดเห็นรังเกียจต่อภาพลักษณ์ที่เหยียดเพศแบบนี้ ต่างคนก็ต่างมีความคิดเห็นที่ต่างกันออกไป … “กินแบบธรรมดาไม่ได้รึไง??” “ทำไมต้องมานั่งคีบเนื้อเสียเวลา โยนตุ๊กตาลงไปทีเดียวไปเลย!!” “น่าขยะแขยง ตุ๊กตานั่นล้างบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้??” แต่เดี๋ยว!! ชุดเนื้อแบบนี้เราเคยเห็นกันมาแล้วนี่นา คล้ายๆ ชุดขุ่นแม่กาก้าเลยนี่นา อุบส์ ชาวเน็ตบางคนก็เลยสงสัยว่านี่เป็นการเลียนแบบเลดี้กาก้า เพราะไม่นานมานี้เอง กาก้าก็มีข่าวเรื่องความเป็นไปได้ที่จะถูกแบนในประเทศจีน (ที่แท้ก็แฟนคลับเลดี้กาก้านี่เอง ฮร่าๆๆ) ที่มา: Shanghaiist, Ali213
-
จีนโชว์เทคโนโลยีล้ำสมัย พนักงานต้อนรับ “หุ่นยนต์สาวสวย” สุดล้ำ ที่สวยเหมือนคนแท้ๆ
การประชุมดาวอสฤดูร้อนประจำปี 2016 ที่นครเทียนจิน เมื่อ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา จีนได้โชว์เทคโนโลยีล้ำสมัยผ่านพนักงานต้อนรับ “หุ่นยนต์สาวสวย” ที่เรียกได้ว่า สร้างความฮือฮาให้กับเหล่าอาคันตุกะที่มาเข้าร่วมประชุมกันเป็นอย่างมาก จะสวยและจะเหมือนจริงซักแค่ไหนกันนะ!? ไปดูกันเลย… นี่คือเจียเจีย (Jia Jia) พนักงานหุ่นยนต์ในร่างสาวสวย สวมชุดจีนแบบโบราณ . เจียเจีย (Jia Jia) มีความสมจริงทั้งในเรื่องของขนาดและส่วนสูงที่เท่ากับมนุษย์จริงๆ อีกทั้งใบหน้าก็มีความละเอียดอ่อนและมีรายละเอียดซับซ้อน จากรายงานของสำนักข่าว Sina พบว่าชาวจีนบางคนถึงกับเรียกหุ่นนี้ว่า “หุ่นเทพธิดา” เลยทีเดียว ส่วนมือนั้นก็ดูสมจริงเช่นเดียวกัน ทั้งผู้เข้าร่วมประชุมและชาวเน็ตที่เห็นเธอต่างก็ตกหลุมรักเป็นจำนวนไม่น้อยเลย บางคนถึงกับบอกว่าเธอสวยกว่าผู้หญิงจริงๆ ที่มีเลือดมีเนื้อซะอีก เจียเจีย สามารถเข้าใจคำพูดของนักท่องเที่ยวได้ในระดับหนึ่งด้วยล่ะ เจียเจีย เป็นอีกขั้นหนึ่งของผลงานปัญญาประดิษฐ์ของประเทศจีน โดยในปัจจุบันมีทั้งหุ่นพนักงานเสิร์ฟ หุ่นพระ และหุ่นผู้ช่วยช็อปปิ้ง เจียเจีย นับได้ว่าเป็นเป็นหุ่นตัวเดียวที่มีรายละเอียดสมจริงเหมือนมนุษย์มากที่สุด สามารถเข้าใจคำพูดของนักท่องเที่ยวได้ในระดับหนึ่ง (แม้กระทั่งคำชม) อีกทั้งสามารถใช้ภาษามือ, ระบบ GPS และ Cloud Service…
-
ยกย่องครู 6 คน เสี่ยงชีวิตปกป้องเด็ก 120 คน ระหว่างพายุทอร์นาโดถล่มโรงเรียน
ว่ากันว่าคุณครูบางคนนั้นมีจิตวิญาณของความเป็นครูมากกว่าคนอื่นๆ เพราะนอกจากพวกเขาจะให้ความรู้แล้ว คุณครูบางคนยังสั่งสอนเราในสิ่งที่ถูกหรือผิดเหมือนกับพ่อแม่ บางคนสอนการใช้ชีวิตให้กับเรา บางคนก็ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้พวกเรารู้สึกปลอดภัยก็มี เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าเมื่อช่วงวันพฤหัสที่ผ่านมา มีพายุทอร์นาโดลูกยักษ์เข้าถล่มที่มณฑลเจียงสู ประเทศจีน ซึ่งในบริเวณนั้นเองมีโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งตั้งอยู่ ภายในโรงเรียนมีเด็กๆ กว่า 120 ชีวิต และคุณครูผู้ดูแลเด็กๆ อีก 6 คน ตามรายงานบอกว่าพายุลูกใหญ่พร้อมลูกเห็บได้เข้าถล่มโรงเรียนเมื่อช่วงบ่าย 2 ครึ่ง จนเกิดความเสียหายหนัก มีลมแรงและฝ้าผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง คุณครู 6 คนจึงพาเด็กๆ เข้าไปหลบอยู่ในห้องเรียน เนื่องจากอาคารค่อนข้างเก่า และพายุรุนแรงมาก มันอาจจะพัดให้ประตูหน้าต่างหลุดปลิวได้ทุกเมื่อ ครูทั้ง 6 คนจึงช่วยกันค้ำยันเอาไว้จากลมพายุด้านนอก หวังเพียงให้เด็กๆทุกคนปลอดภัย หลังจากที่พายุสงบลง มีเด็กๆ 5 คนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และอีก 2 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณครูจีงรีบพาเด็กๆ ทั้งหมดไปส่งโรงพยาบาล โดยที่ไม่ทันได้คำนึงถึงบาดแผลของตัวเอง หลังจากที่เรื่องนี้ถูกแชร์ออกไปก็ได้รับเสียงชื่นชมจากชาวเน็ตอย่างมากเช่น “ของคุณคุณครูทั้ง 6 คนที่กล้าหาญและเสียสละช่วยเหลือเด็กๆ ให้ปลอดภัย” และ “พวกเขาคือฮีโร่ตัวจริงสำหรับเด็กๆ เลย” …
-
รวยเหลือเกิ๊น!! เด็กสาวถ่ายคลิปอวดรวย โชว์กระเป๋า นาฬิกา สารพัด ชาวเน็ตจีนรุมจวกเพียบ!!
ในยุคที่ใครๆ ก็มีสื่ออยู่ในมือ ทุกคนก็อยากจะแสดงออกถึงความคิด ความรู้สึกของตัวเองออกไปให้คนอื่นๆ ได้รู้ อยากจะแชร์ภาพถ่ายการท่องเที่ยว หรือแม้แต่โชว์ข้าวของใหม่ๆ ที่เพิ่งซื้อมาให้คนอื่นได้ชื่นชมกัน แต่คงจะไม่มีใคร “อวด” ได้เก่งเท่ากับเด็กสาวชาวจีนคนนี้แน่นอน… เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอของเด็กสาวชาวจีนรายหนึ่ง ที่พยายามตั้งกล้องแล้วอวดข้าวของหรูๆ ที่ครอบครัวซื้อมาให้เธอ พร้อมกับล้อเลียนผู้ชมว่าเป็นคนจน จากคลิปวิดีโอ เด็กสาวได้โชว์ตั้งแต่ กระเป๋าที่แม่ของเธอซื้อมาให้จากเกาหลี นาฬิกา Hello Kitty ที่พ่อซื้อมาให้จากเกาหลี พัดลมทรงลูกขนไก่จากสหรัฐ สร้อยคอจากประเทศไทยที่เธออ้างว่ามีมูลค่าถึง 52,990 บาท และแหวนจากญี่ปุ่น ลองไปดูการโชว์รวยของเด็กสาวคนนี้ได้ที่ด้านล่างเลย… แม้บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่คลิปนี้ก็โด่งดังไปทั่วประเทศจีนจนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงการอวดร่ำอวดรวยโดยใช่เหตุของเธอ และยังมีความเห็นจากชาวเน็ตบอกอีกว่า “เห็นได้ชัดว่าพ่อแม่ของเด็กคนนี้เดินทางไปทั่วโลกโดยที่ไม่ได้พาเธอไปไหนมาไหนด้วย” , “เด็กคนนี้มีการบ้านจากโรงเรียนน้อยเกินไปจนทำให้เธอมีเวลาว่างขนาดนี้” , “ฉันคงจะตบหน้าเธอไปแล้วถ้าฉันเป็นพ่อแม่ของเธอ” อันที่จริงแล้ว การอวดข้าวของต่อโลกออนไลน์นั้นไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนะ แต่อย่างแรกมันจะทำให้คนรอบข้างของคุณวิจารณ์คุณไปต่างๆ นานา และอาจถูกหมั่นไส้ได้ อย่างที่สองมันอาจจะทำให้คุณเป็นอันตรายจากมิจฉาชีพได้ หากพวกเขารู้ว่าคุณมีทรัพย์สินอะไรบ้าง แถมการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อตามหาเลขที่บ้านของคุณก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้วด้วย ที่มา shanghaiist
-
“แจ๊ค หม่า” เล่าประสบการณ์เคยถูกปฏิเสธจาก KFC และฮาร์วาร์ดกว่า 10 ครั้ง แต่ไม่เคยท้อ
หากพูดถึงบุคคลที่โด่งดังที่สุดในจีนและเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในระดับโลก เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะนึกถึงแจ๊ค หม่า อย่างแน่นอน เพราะเขาคนนี้เป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ขายของออนไลน์อาลีบาบา โด่งดังมากจนนิตยสารฟอบส์มาขอสัมภาษณ์และนำรูปของเขาไปขึ้นบนปกนิตยสารเลย เมื่อปี 2015 เขาได้เข้าร่วมการประชุมกับสภาเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาฟอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในตอนนั้นเขาได้อธิบายถึงความล้มเหลวในอดีตและการประสบความสำเร็จในปัจจุบัน ความล้มเหลวในอดีต “ผมส่งใบสมัครไปที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่ถูกปฏิเสธกว่า 10 ครั้ง ตอนที่ KFC มาเปิดที่จีน ในเมืองที่ผมอยู่ มีคนไปสมัครงาน 24 คน แต่เขารับคนแค่ 23 คนเท่านั้น ผมเป็นคนเดียวที่ถูกปฏิเสธ” แจ๊คหม่ากล่าวแบบติดตลก ความเสมอภาคทางเพศ “หนึ่งในความลับที่อาลีบาบาประสบความสำเร็จ เพราะพวกเรามีผู้หญิงเยอะมาก เรามีผู้หญิงในบริษัทมากถึง 47% ถ้าคุณอยากจะเอาชนะในศตวรรษที่ 21 มอบอำนาจให้คนอื่น ทำให้แน่ใจว่าคนอื่นๆ นั้นเก่งกว่าคุณเอง นั่นแหละจะทำให้คุณประสบความสำเร็จ ผมก็เลยหาผู้หญิงที่คิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเองมาช่วยทำงาน” แจ๊ค หม่ากับเศรษฐศาสตร์ “ประเทศจีนในวันนี้เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของระบบเศรษฐกิจโลก ประเทศจีนควรจะให้ความสนใจกับคุณภาพของเศรษฐกิจ เหมือนๆ กับการเติบโตของมนุษย์ ร่างกายจะเจริญเติบโตตามช่วงเวลาที่กำหนดอย่างช้าๆ แต่คุณต้องแน่ใจว่าได้พัฒนาความคิดของคุณ พัฒนาวัฒนธรรมของคุณ เพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง เพิ่มพูนความรู้ให้กับตัวเอง ผมคิดว่าจีนกำลังเดินหน้าไปทางนั้นล่ะ” แจ๊ค หม่ากับการเงิน “เมื่อคุณมีเงินเป็นพันล้านดอลลาร์ นั่นไม่ใช่เงินของคุณนะ แต่นั่นคือความไว้เนื้อเชื่อใจที่สังคมมอบให้กับคุณ” …
-
แซ่บมาก!! ยลโฉมคุณป้าวัย 50 ปี ที่ออกกำลังกายจนมีหุ่นสวยเช้งยิ่งกว่าสาวๆ ซะอีก!!
คนเราเมื่อแก่ตัวลงไป ร่างกายของเราก็จะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ผิวหนังที่เคยเต่งตึงก็จะเริ่มหย่อนยาน กล้ามเนื้อที่เคยสวยก็จะค่อยๆมีริ้วรอยมากขึ้นเรื่อยๆ แต่นั่นคงไม่ใช่กับคุณป้ารายนี้… ภาพที่ทุกๆ คนจะได้ดูต่อไปนี้ เป็นภาพของคุณป้าสวยที่ชื่อยี่ เหวิน เธออาศัยอยู่ในมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน แต่สิ่งที่ทำให้เธอเป็นที่โด่งดังในโลกออนไลน์ในขณะนี้ก็คืออายุของเธอ เพราะปัจจุบันยี่ เหวินมีอายุปาเข้าไป 50 ปีแล้ว!! นี่ใกล้จะเป็นรุ่นยายแล้วนะเนี๊ยะ ยี่ เหวินเริ่มเข้ายิมแบบจริงๆ จังๆ ตั้งแต่ตอนที่เธออายุได้ 30 ปี ตอนนั้นเธอออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำทุกๆ วัน ทำให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายของเธอกระชับอยู่เสมอ และเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาก็มีข่าวว่าเธอว่ายน้ำผ่านช่องแคบมะละกา (ช่องแคบระหว่างคาบสมุทรมลายูและเกาะสุมาตรา) และเป้าหมายต่อไปของยี่ เหวิน คือว่ายน้ำข้ามแม่น้ำฮั่นในประเทศเกาหลีใต้!? นอกจากนี้เธอยังมีวินัยกับตัวเอง ในเรื่องการออกกำลังกายในยิมด้วย ซึ่งเธอบอกว่าเธอจะเข้ายิมประมาณ 2-3 วันต่อ 1 สัปดาห์ ใช้เวลาแต่ละครั้งประมาณ 2 ชั่วโมง ยี่ เหวินบอกว่าเธอมีร่างกายที่เพรียวบางและสง่างามเมื่อตอนที่อายุ 30 ปี ก่อนที่เธอจะเริ่มออกกำลังกายจริงจังซะอีก และความฝันของเธอคือได้ใส่ชุดบิกินี่ได้สวยๆ ตอนที่เธอมีอายุได้ 80 ปีล่ะ นี่คือภาพเปรียบเทียมเมือสมัยที่เธออายุ 30 และตอน 50…
-
ดูเป็นอุทาหรณ์!! หนุ่มจีนเชื่อหมอเถื่อน รักษาด้วยการนวดครอบแก้ว เกือบตายแล้วไหมละ…
อาการเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่ใครก็ไม่อยากเจอ โดยเฉพาะอาการป่วยที่เรื้อรังรักษาไม่หาย จนบางคนถึงกับหันไปพึ่งวิธีการรักษาแปลกๆ ซึ่งไม่ได้รับการรับรองจากแพทย์ แต่บางครั้ง การรักษาอย่างไม่ถูกวิธีเหล่านั้น อาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายกว่าเดิมได้ อย่างเช่นสิ่งที่หนุ่มใหญ่ชาวจีนคนนี้ต้องเจอ รับรองว่าเพื่อนๆ เห็นแล้วต้องสยดสยองอย่างแน่นอน ไม่เชื่อไปชมกันเลย เรื่องราวดังกล่าวเป็นของหนุ่มใหญ่จากมณฑลเสฉวนวัย 63 ปี ด้วยวัยที่มากขึ้นทำให้เขามีอาการปวดหลังอย่างรุนแรง ซึ่งรักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ตลอด แถมยังมีคอเลสเตอรอลในเลือดสูง วันหนึ่งเขาตัดสินใจเข้าคอร์สการรักษาด้วยการครอบแก้ว ในร้านนวดแผนปัจจุบันแห่งหนึ่งในเมืองเฉิงตู ซึ่งทางร้านบอกว่า ถ้าเขาเข้ารับการครอบแก้วทุกวันติดต่อกันหนึ่งเดือน เขาจะหายจากการป่วยทุกชนิด แม้ว่าหลังจากช่วง 10 วันแรกเขาเริ่มมีแผลพุพองบนหลัง แต่ทางร้านก็ยังยืนยันว่าต้องเข้าคอร์สต่อให้เสร็จจนครบหนึ่งเดือน โดยทางร้านใช้วิธีเจาะแผลพุพองเหล่านั้น ก่อนจะล้างด้วยน้ำเกลือเพื่อทำความสะอาด หลังจากหนึ่งเดือนผ่านไป วันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมาและรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก เขาจึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลใกล้ๆ ทันที หมอพบว่าเขามีไข้สูงถึง 39.7 องศาเซลเซียส เมื่อหมอได้ตรวจร่างกายเขาก็พบว่า เขามีแผลเน่าอยู่บนหลังถึง 7 แผล ซึ่งแต่ละแผลมีการติดเชื้อขั้นรุนแรง หากเขามาโรงพยาบาลช้ากว่านี้อีกนิดหนึ่ง เขาอาจต้องเสียชีวิตจากอาการติดเชื้อในกระแสเลือดได้ เมื่อชาวเน็ตจีนได้เห็นภาพดังกล่าว ก็ได้เข้ามาแสดงความเห็นกันอย่างมากมาย เช่น…
-
คลิปเมืองจีนเจอวิกฤติน้ำท่วมหนัก ทะลุเข้าห้างราวกับในหนัง เสียหายไปแล้ว 4 หมื่นล้าน..!!
ในช่วงนี้ประเทศจีนกำลังประสบกับปัญหาน้ำท่วมในหลายๆ พื้นที่ เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักติดต่อกัน 3 วันที่ผ่านมา ล่าสุดมีรายงานจากสำนักข่าว Reuter ว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้กว่า 22 คนแล้ว ตามรายงานบอกว่าระดับแม่น้ำต่างๆ ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้น้ำเอ่อท่วมไปยังพื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนต่างๆ กว่า 10,500 หลังคาเรือน รวมมูลค่าความเสียหายแล้วอยู่ที่ประมาณ 3 หมื่น 9 พันล้านบาท ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เปิดเผยคลิปวิดีโอเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุทกภัยในครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์น้ำทะลักเข้าไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจีน คล้ายกับฉากในหนังภัยพิบัติที่เรามักจะได้เห็นกันบ่อยๆ ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย (ใครดูไม่ได้ให้กดที่นี่นะ) Intense rain brought on by the El Niño effect has wrecked havoc across southern China over the last few days, including at this one…
-
13 เหตุการณ์ที่สอนว่า… อย่าจอดรถแบบ ‘งี่เง่า’ มิฉะนั้น อาจจะโดนเอาคืนแบบเจ็บแสบ!!!
การขับรถขับรา นอกจากคุณจะต้องมีใบขับขี่แล้ว คุณก็ควรจะมีสามัญสำนึกในการขับขี่ด้วยนะ ไม่งั้นคุณอาจจะโดนแก้แค้นแบบเจ้าของรถคันนี้ได้ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เปิดเผยภาพของรถเก๋งสีขาวคันหนึ่งในประเทศจีน ที่เจ้าของรถดันขับไปจอดบนบาทวิถีทั้งที่บริเวณนั้นมีที่จอดเยอะแยะ เมื่อคนงานแถวนั้นมาเห็นเข้าจึงสั่งสอนโดยการจะเอาถังขยะกว่า 16 ถังมาวางล้อมรถคันนั้นเอาไว้เพื่อเป็นการสั่งสอนให้หลาบจำ ก่อนที่ในเวลาต่อมาเจ้าของรถจะกลับมาเอาถังขยะออกและขับรถออกไปในที่สุด จอดรถไม่เป็นที่ก็ต้องเจอแบบนี้ บางคนอาจจะมองว่านี่เป็นเพียงการกลั่นแกล้งกันที่เกินเลย แต่#เหมียวฟิ้นจะบอกว่าก่อนหน้านี้ในต่างประเทศมีการกลั่นแกล้งคนที่จอดรถไม่ได้เรื่องได้ราวแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง และเจ็บแสบยิ่งกว่าการนำถังขยับมาวางล้อมรอบซะอีก เราลองไปชมกันเลยว่ามีอะไรบ้าง? 1. เจอรถเข็นห้างหน่อยเป็นไง? 2. จอดรถเอียง งั้นขีดเส้นให้ใหม่เลยละกัน 3. ก็บอกว่าห้ามจอดยังไงล่ะเฮ้ย 4. จอดรถไม่ดูเอง ดันไปจอดตรงกับท่อน้ำสำหรับดับเพลิงพอดี 5. นี่ก็อุตส่าห์ตีเส้นให้ 6. ห่อแผ่นยางไปทั่วรถ เอาให้ขึ้นกันลำบากไปเลย 7. จัดปาร์ตี้ให้สักหน่อย 8. จอดรถขวางหน้าบ้านคนอื่น เป็นไงล่ะ… 9. ก็เผื่ออยากทำอาหาร เลยเอาส่วนผสมมาให้ฟรีๆ 10. จอดรถได้น่าเกลียดมาก…
-
อาจารย์สาวสวมชุดวิวาห์ ขอแฟนหนุ่มนักศึกษาแต่งงานกลางมหาลัย ปิดท้ายด้วยจุ๊ฟเบาๆ..!!
ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นภาพของหญิงสาวลงทุนขอแต่งงานกับฝ่ายชายด้วยตัวเอง และล่าสุดมันได้เกิดขึ้นที่ประเทศจีนแล้วล่ะ… . เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าศาสตราจารย์สาวแห่งมหาวิทยาลัยศิลปะและวิทยาศาสตร์หูหนาน ประเทศจีน ได้แต่งชุดเจ้าสาวพร้อมกับสวมหน้ากาก เพื่อมาดักรอและขอนักศึกษาชายคนหนึ่งแต่งงาน . ตามคำบอกเล่าของเหล่านักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ยืนยันว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาได้สักพักแล้ว และดูเหมือนว่าการขอแต่งงานครั้งนี้เป็นเป็นการเตรียมการที่ใช้เวลานานพอสมควรแถมยังเป็นเรื่องใหญ่สำหรับนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัยด้วย . หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ได้ไม่นาน ภาพของพวกเขาก็ถูกแชร์ออกไปในสื่อสังคมออนไลน์อย่างรวดเร็ว จนมีความเห็นจากชาวเน็ตบอกว่า “ฉันสามารถหาคุณครูดีๆ แบบนี้ได้ที่ไหนบ้างเนี๊ยะ?” และ “สิ่งที่เราเคยได้ดูในหนังผู้ใหญ่ได้กลายเป็นจริงแล้ว พี่ชายผมล่ะอิจฉาคุณจัง” อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคนชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบ บางความเห็นกล่าวว่า “เรื่องดังกล่าวนั้นดูไม่เหมาะสมเสียเลย” ก็เป็นความเห็นที่โต้แย้งแลกเปลี่ยนความคิดกันไป ว่าแต่ชาวเหมียวล่ะ คิดว่าเรื่องแบบนี้เหมาะสม หรือไม่เหมาะสมกันอย่างไร คิดเหมือนชาวเน็ตจีนเค้ารึเปล่า…!? . . แหม่ เป็นโชคดีของพ่อหนุ่มคนนี้จริงๆ ได้ทั้งความรู้ได้ทั้งภรรยา ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะเนี๊ยะ ที่มา shanghaiist
-
พี่ๆ รีบไปไหน ขอป๋มเล่นด้วย… ชาวเน็ตแชร์คลิปแพนด้าน้อย เกาะเจ้าหน้าที่ไม่ปล่อย!!
พูดถึงแพนด้า ใครเล่าจะไม่ชอบเจ้าหมีตัวสีขาวดำสุดมุ้งมิ้งชนิดนี้ ด้วยความตุ้ยนุ้ยและความขี้อ้อนของมัน ทำให้หลายๆ คนตกหลุมรักเจ้าหมีแพนด้าเข้าอย่างจัง วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ ก็จะพาเพื่อนๆ ไปชม เจ้าหมีแพนด้าจอมอ้อน ที่กอดเจ้าหน้าที่แน่นไม่ยอมให้ไปไหน สงสัยจะเหงาล่ะสิเธอ….. เรื่องราวเกิดขึ้นที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าวู่หลง ทางตอนใต้ของประเทศจีน ซึ่งเป็นที่อยู่ของแพนด้ากว่า 150 ตัว ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมไม้ไผ่เพื่อเป็นอาหารเที่ยงอยู่ เจ้าแพนด้าตัวน้อยก็พยายามเข้ามาอ้อน เกาะแกะ แม้เจ้าหน้าที่จะทำเป็นไม่สนใจ แต่เจ้าแพนด้าก็ไม่ละความพยายาม สุดท้ายเจ้าหน้าที่ต้องให้อาหารเจ้าแพนด้า มันจึงเลิกงอแง ดูแต่ภาพอาจจะไม่เห็นความน่ารัก ต้องให้คลิปพิสูจน์ละ (ใครดูไม่ได้ กดลิ้งนี้เลย) . น่าร๊ากกก เห็นแล้วอยากเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลแพนด้าเลย คงจะมีความสุขไม่น้อยเลยเนอะ อิอิ ที่มา Metro
-
หนุ่มจีนเกิดอาการปวดท้องรุนแรง เอ็กซเรย์แล้วแพทย์ตกใจ เพราะพบไตถึง 4 ข้าง!?
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมาเว็บไซต์ Shanhaiist ได้รายงานว่า นายหวัง ไคเหลียงวัย 28 ปี จากมณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังจากตรวจพบว่ามีไตเจริญเติบโตในท้องของเขาอีก 2 ข้าง!? ตามรายงานบอกว่าเขามีอาการเจ็บที่ในช่องท้องอย่างรุนแรงจนไม่สามารถยืนขึ้นได้ ทีมแพทย์จึงนำเขาไปเอ็กซ์เรย์ พบว่ามีไตงอกออกมาอีก 2 ข้าง หลายคนได้ยินคงทำหน้าตกใจล่ะซิ!? แต่นั่นไม่ใช่ผลดีต่อนายหวัง เพราะมีเนื้อไตชิ้นหนึ่งเกิดอาการติดเชื้อ จึงต้องทำการผ่าตัดออกโดยด่วน หลังจากที่ใช้เวลาในการผ่าตัดอยู่นานหลายชั่วโมง ทีมแพทย์ก็สามารถนำเอาไตที่ว่านี้ออกมาได้และนายหวังก็พ้นขีดอันตราย ส่วนคุณหมอที่ดูแลอาการของนายหวังบอกว่า ตลอดระยะเวลาในการเป็นหมอกว่า 20 ปีของเขา ไม่เคยเจอเคสไหนที่แปลกเท่ากับนายหวังมาก่อนเลย โอกาสที่จะเกิดการเจริญเติบโตของอวัยวะแบบนี้มีเพียง 1% จากจำนวนประชากรทั้งหมดเท่านั้น (และโอกาสที่จะพัฒนาเป็นไตสมบูรณ์แบบกรณีนี้ แทบจะเป็น 1 ในล้านกันเลยทีเดียว) ทางด้านครอบครัวของนายหวังบอกว่าเขารู้สึกสุขภาพดีขึ้นมาก ทั้งกินอาหารและดื่มเครื่องดื่มได้มากกว่าที่เคย นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่าครอบครัวของนายหวังนั้นมีความผิดปกติทางร่างกายอยู่แล้ว ทั้งคุณพ่อที่มีนิ้วก้อยเล็กผิดปกติทั้งสองข้าง และน้องสาวของนายหวังเองก็มีชิ้นเนื้อเล็กๆ งอกออกมาจากโคนนิ้วก้อย นี่อาจเป็นไปได้ว่ามันคือการส่งต่อของความผิดปกติทางพันธุกรรรมจากรุ่นสู่รุ่นนั่นเอง ถ้าจู่ๆ มีอวัยวะชิ้นใหม่งอกออกมาจากร่างกายของเรา คงจะเป็นอะไรที่สยองมากเลยนะเนี๊ยะ ที่มา shanghaiist , gzdsw
-
นักท่องเที่ยว(พูด)จีนป่วน แซงคิว-เอาขวดน้ำกรอกน้ำศักดิ์สิทธิ์ ในวัดธารน้ำใสแห่งเกียวโต
กลายเป็นที่กล่าวถึงบนอินเตอร์เน็ตอีกครั้งสำหรับนักท่องเที่ยวจีน ล่าสุดไปสร้างความเอือมระอาให้กับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ถึงประเทศญี่ปุ่น เรื่องราวจะเป็นอย่างไร เราไปติดตามกันเถอะ เรื่องราวเกิดขึ้นที่ วัดคิโยมิสึ หรือ วัดธารน้ำใส วัดชื่อดังในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น โดยในวัดนี้จะมีธารน้ำตกศักดิ์สิทธิ์ 3 สาย ไหลลงไปในบ่อน้ำ ซึ่งผู้ไปสักการะมักจะดื่มเพื่อขอพรให้สุขภาพอนามัยแข็งแรง ผ่านทางกระบวยที่วัดจัดไว้ให้ ล่าสุดมีคนสามารถเก็บภาพนักท่องเที่ยวจีนคนหนึ่ง ถือขวดน้ำพลาสติกขนาด 1.5 ลิตร เดินแซงคิวแถวนักท่องเที่ยวที่กำลังรอคิวดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ ลงไปในบ่อและกรอกน้ำอย่างไม่เกรงใจผู้อื่น เมื่อภาพนี้เผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตกล่าวถึงมากมาย โดยมีชาวเน็ตท่านหนึ่งแซวชายคนนี้ว่า “แก่ขนาดนี้ ดื่มไปก็ไม่ได้ผลอะไรแล้วล่ะมั้ง” อย่างไรก็ตามมีคนมาแย้งว่า ถึงแม้นักท่องเที่ยวคนนี้พูดภาษาจีน แต่อาจไม่ใช่ชาวจีนก็เป็นได้ เพราะชาวมาเลเซีย สิงค์โปร์ หรือไต้หวันก็พูดภาษาจีนเหมือนกัน… . พกมาเป็นขวดขนาดนี้ สงสัยกะจะเก็บกลับไปขายที่ประเทศบ้านเกิดแน่นอน ฮาาาา ที่มา Shanghaiist
-
เผยบทสัมภาษณ์ “แจ็ค หม่า” บอกสินค้าปลอมในจีน คุณภาพสูงมาก และราคาแสนถูก!!
อย่างที่ทราบกันดีว่าสินค้าปลอมหลายๆ ชิ้นที่เราเห็นกันวางขายกันเกลื่อนตามท้องตลาดทุกวันนี้ บางส่วนนั้นนำเข้าจากจีน และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่ผู้คนบางกลุ่มยังคงซื้อสินค้าเหล่านี้มาใช้นั้นก็เป็นเพราะเรื่องราคาที่ไม่แพงจนสามารถจับต้องได้ และบางชิ้นมีคุณภาพดีในระดับที่ดีเกือบจะเท่ากับของแท้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ CNN ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ของแจ๊ค หม่า ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของเว็บไซต์ขายของออนไลน์อลีบาบา ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับความนิยมในสินค้าปลอม โดยเจ้าตัวบอกว่าเรื่องจากที่ผ่านมาจีนถูกเลือกให้เป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตสินค้าแบรนด์ต่างๆ มากมาย ทำให้ชาวจีนที่ทำงานในโรงงานเหล่านั้นมีทักษะในการทำสินค้าและรู้จักวัสดุเป็นอย่างดี พวกเขาจึงผลิตสินค้าออกมาขายผ่านเว็บไซต์ขายของออนไลน์ “ปัญหาก็คือว่า ของปลอมในทุกวันนี้มีคุณภาพสูงขึ้น ราคาถูกกว่าสินค้าจริง ใช้โรงงานผลิตเดียวกัน ใช้วัสดุเดียวกัน พวกเขาแค่ไม่ได้ใช้แบรนด์สินค้าเฉยๆ” เจ้าพ่อเว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในจีนกล่าว แต่ถึงจะพูดแบบนั้น แจ็ค หม่า ก็ยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีแนวคิดในการสนับสนุนการซื้อขายสินค้าปลอม และได้มีการร่วมมือกับแบรนด์สินค้าดังๆ ระดับโลกเพื่อหาแนวทางในการป้องกันปัญหาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ต่างๆ แม้ว่าที่ผ่านมาเว็บไซต์อลีบาบาของเขาจะมีสินค้าปลอมมาวางขายกันแบบโจ่งแจ้ง แต่เขาก็ให้คำมั่นสัญญาว่าจะนำเอาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ออกจาเว็บไซต์ของเขาให้หมด และกลายเป็นเว็บที่ขายแต่สินค้าที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง ที่มา cnn
-
แชร์คลิปหนุ่มจีน ‘ตบสาว ยัดใส่ท้ายรถ’ กลางปั๊มน้ำมัน คนมุงเยอะ แต่ช่วยอะไรไม่ได้ด้วย…
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanhaiist ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอของชายหนุ่มวัยกลางคนรายหนึ่ง ขณะที่กำลังตบตีหญิงสาวที่อยู่ในกระโปรงท้ายรถเก๋ง แม้จะมีคนยืนดูอยู่หลายคนก็ไม่ทำให้เจ้าตัวหยุดการกระทำสุดโหดร้ายได้เลย ตามรายงานบอกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในมณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน โดยชายหนุ่มเชื่อว่าหญิงสาวได้นอกใจตนเอง จึงได้ลงมือทำร้ายเธอกลางปั๊มน้ำมัน แม้จะมีคนในบริเวณนั้นตะโกนว่า “อย่าตีเธอ” แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ฟัง แม้ชายหนุ่มจะไม่หยุดลงมือกับเธอ แต่ก็ไม่มีใครเข้าไปห้ามปรามใดๆ จนสุดท้ายชายหนุ่มได้ผลักหญิงสาวลงไปในกระโปรงท้ายรถและปิดล็อคไม่ให้เธอออกมาได้ จากนั้นก็ขับรถออกไปจากปั๊มน้ำมันหน้าตาเฉย รองกรรมการจากสำนักรักษาความปลอดภัยสาธารณะของมณฑลเหอเป่ย ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้ว่าหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เห็นคลิปดังกล่าว พวกเขาก็ออกสืบสวนเรื่องนี้ทันที ภายหลังพวกเขาพบตัวหญิงสาวในเมืองฉางโจว เธอยืนยันว่าชายหนุ่มที่ปรากฏในคลิปนั้นเป็นสามีของเธอ แต่ไม่ได้รับบาดแผลจากการทำร้ายร่างกายในครั้งนั้น และแทนที่จะแจ้งดำเนินคดีกับสามี เธอกลับนิ่งเฉยและยังบอกอีกว่าเธอพยายามจะแกไขความสัมพันธ์ของพวกเขาอยู่ หลังจากที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ของจีน ก็มีความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้จากชาวเน็ตในจีนผุดขึ้นมามากมาย เช่น “ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ได้ความเคารพเลยในประเทศจีน ผู้ชายคนนั้นตบเธออย่างแรงมาก แม้เธอจะมีภรรยาของเขาแต่ก็ไม่มีสิทธิ์ไปทำแบบนั้น” “ทำไมพวกเขามีเวลามาถ่ายวิดีโอ แต่ไม่มีเวลาที่จะไปหยุดผู้ชายคนนั้นหรือโทรศัพท์หาตำรวจล่ะ? ใครก็ตามที่ถ่านคลิปนี้มันช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน” “มันน่ากลัวมาก ไม่มีใครแสดงตัวที่จะปกป้องเธอเลยเหรอ?? ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย (ใครดูไม่ได้กดที่นี่นะ) This video showing a woman being slapped and stuffed inside the…
-
ชม “สุสานรถยนต์” ในจีนกว่า 200 คันถูกทิ้งไว้เฉยๆ Benz, Bentley และบิ๊กไบค์รวมหลายล้าน!!
กว่าเราจะซื้อรถยนต์มาได้สักคันนี้มันต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงงานมหาศาลเลยนะเนี่ย แต่ถ้าคุณได้ไปที่เมือง Chengdu ในประเทศจีน จะพบกับสุสานรถยนต์ที่เห็นแล้วต้องรู้สึกเสียดาย เพราะว่ามันมีมากกว่า 200 คัน ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยรถยนต์หลากหลายค่าย ที่เด่นๆ มี Bentley สองคัน, Land Rover อีกสองคัน, และ Mercedes Benz อีกสามคัน อีกทั้งยังมีบิ๊กไบค์ และรถคันอื่นๆ อีกเพียบ ที่เจ้าของทิ้งไว้อย่างไม่ทราบสาเหตุ รถบางคันก็ถูกทิ้งมานานกว่าสองปีแล้ว ทำให้มีต้นไม้ขึ้นรอบๆ รถ ส่วนเรื่องมูลค่านั้นไม่ต้องพูดถึง ลองคำนวนจาก Bentley Continental GT และ Bentley Flying Spur ที่ถูกทิ้งไว้แล้ว สองคันนี้ก็ปาไป 15 ล้านกว่าบาทแล้ว ที่คนเอารถมาทิ้งก็มีหลายสาเหตุ แต่ส่วนมากก็มักจะเป็นรถที่ใช้ในทางผิดกฎหมายเช่นเอาไปก่ออาชญากรรมมา บางคันก็ไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้อง จนสุดท้ายก็กลายเป็นปัญหาของสังคมว่าจะทำยังไงกับรถพวกนี้ดี ตอนนี้บางคันก็ถูกเอาไปประมูลแล้ว แต่ส่วนที่เหลือก็ยังอยู่ที่เดิม . . . . ที่มา designyoutrust
-
หนุ่มจีนชอบ ‘เครื่องบิน’ ตั้งแต่เด็ก แม้จะไม่ได้เรียนโดยตรง แต่ศึกษาและสร้างมันได้ในที่สุด!!!
ชาวจีนถือได้ว่าเป็นชนชาติหนึ่งที่มีความมุมานะมากที่สุดชาติหนึ่งเลยก็ว่าได้ อย่างเช่นที่เรามักจะได้เห็นชาวจีนประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจอะไรหลายๆ อย่าง หรือเป็นคนดังมีชื่อเสียงในต่างประเทศก็มีให้เห็นมาแล้วมากมาย และหากพวกเขาอยากจะมีเครื่องบินเป็นของตัวเอง โดยไม่ต้องไปเสียงเงินเป็นล้านล่ะ? พวกเขาก็สามารถประดิษฐ์ขึ้นมาได้เองเช่นกัน วันนี้#เหมียวฟิ้นจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับหนุ่มจีนคนหนึ่งที่ชื่อว่านายเซี๊ยะ บาวกัง ผู้ชื่นชอบเครื่องบินเป็นชีวิตจิตใจ นายเซี๊ยะอาศัยอยู่ในเมืองเฮงชุ่ย มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน ในตอนที่ยังเป็นเด็ก เขาฝันมาตลอดว่าจะได้ออกบินไปพร้อมกับเครื่องบิน แต่เมื่อเขาอายุได้ 18 ปี ด้วยความจำเป็นในชีวิต เขาไม่ได้เรียนต่อในสาขาที่เขาใฝ่ฝัน จึงก็เริ่มหันหน้าเขาสู่วงการธุรกิจและเปิดร้านขายของเป็นของตัวเอง หลายคนคิดว่า ฝันเรื่องการสร้างเครื่องบินถูกทิ้งลงถังขยะไปแล้ว… แต่ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนาน เขาก็ไม่เคยลืมความฝันในวัยเด็กของตัวเอง เขาจึงตัดสินใจทิ้งธุรกิจของตัวเอง แล้วอุทิศเวลาทั้งหมดให้กับการศึกษาเรื่องการบิน การประกอบเครื่องบิน และอีกหลายๆ อย่างเกี่ยวกับการบิน จนในปี 2009 นายเซี๊ยะก็ได้สร้างเครื่องบินประกอบด้วยตัวของเขาเอง และนำมันออกทดสอบ แต่ปรากฏว่าเจ้าเครื่องบินนั่นยังไม่สมบูรณ์ดีพอ ทำให้ไม่สามารถขึ้นบินได้แบบที่เขาตั้งใจไว้ แต่เขาก็ยังไม่ลดละความพยายาม จึงได้ศึกษาการประกอบเครื่องบินไปเรื่อยๆ ลำที่ 2 ที่ 3 และอีกมากมาย จนเมื่อเดือนที่ผ่านมา เขาได้ออกแบบเครื่องบิน (ซึ่งน่าจะเรียกว่าเฮลิคอปเตอร์มากกว่า) และประกอบมันเองเป็นลำที่ 8 (ที่ทุกคนกำลังเห็นอยู่นี้) ปรากฏว่ามันสามารถนำขึ้นบินได้จริงๆ มันสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบินได้ไกลถึง 400 กิโลเมตรเลยทีเดียว แม้การประดิษฐ์เครื่องบินจะดูไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ต้องบอกเลยว่าการจะทำให้มันสมบูรณ์จนบินได้นั้น ต้องได้รับการออกแบบที่ถูกหลักวิศวกรรมด้วย เพราะอย่างชายคนนี้เองก็พยายามจะสร้างเครื่องบินเช่นกัน…
-
หนุ่มจีนทำตัวเป็นศาลเตี้ย เอารองเท้า “ผู้โดยสาร” ที่นอนบนเก้าอี้สนามบิน ไปทิ้งขยะ!!
เป็นที่ทราบกันดีว่าที่สนามบินนั้นจะมีเก้าอี้ให้สำหรับผู้โดยสารได้มานั่งพัก ซึ่งก็มีหลายที่ที่มักจะมีคนเห็นแก่ตัวจองเก้าอี้ยาวๆ คนเดียว เพื่อที่จะใช้เอาเป็นที่นอน สำหรับรอต่อเครื่องบินเที่ยวต่อไป ซึ่งสนามบินหลายที่ก็มีข้อห้ามอยู่ ได้มีหนุ่มคนหนึ่งได้เจอเหตุการณ์นี้กับตัว และทนไม่ได้ จึงต้องจัดการกับคนแบบนี้ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่สนามบิน Xiamen Gaoqi International Airport ในประเทศจีน ในคลิปเขาพูดว่า “มีคนถอดร้องเท้าและถุงเท้า นอนอยู่บนเก้าอี้ยาว ผมโกรธมากๆ ผมไม่รู้ว่าถ้าทางสนามบินมาเห็นจะว่ายังไง แต่ถ้าคนจากต่างประเทศมาเห็นการกระทำที่ไร้อารยะธรรมแบบนี้ จะทำให้ประเทศจีนดูแย่นะ” หลังจากนั้นเขาก็หยิบเอารองเท้าของคนที่นอนเดินไปทิ้งลงถังขยะทันที หลังจากนั้นคลิปนี้ก็กลายเป็นที่โด่งในประเทศจีน หลังจากผ่านไปก็ได้มีคนแสดงความคิดเห็นออกมาว่า “ฉันก็เคยเห็นคนประเภทนี้ (คนที่นอนหลับ) ที่สนามบินเหมือนกัน มันแย่มากๆ” / “เขาเอารองเท้าไปทิ้งจริงๆเหรอ? มันจะดีกว่ามั้ยถ้าไปบอกคนที่หลับเกี่ยวกับสิ่งที่เขากำลังทำอยู่” ถูกหรือผิดอันนี้ต้องให้คุณตัดสินเอาเอง แต่ที่แน่ๆ คือการนอนบนเก้าอี้ยาว ซึ่งเป็นที่สาธารณะแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัวเป็นอย่างมาก ที่มา rocketnews24
-
รองเท้า Nike ในจีนโดนกว้านซื้อเรียบ เหตุคนจีนเชื่อว่าสัญลักษณ์ของแบรนด์ช่วยให้โชคดี!?
ประเทศจีนเป็นประเทศหนึ่งที่เชื่อเรื่องโชคเรื่องดวงมาก ไม่ว่าจะเป็นหวงจุ้ย โหงวเฮ้ง และการกระทำต่างๆ ที่พวกเขาทำแล้วเชื่อกันว่าโชคดี (อันที่จริงก็ไม่ได้ต่างจากของไทยเท่าไหร่) ล่าสุดดูเหมือนตอนนี้พวกเขาจะแห่กันไปซื้อรองเท้าบางยี่ห้อ เพื่อช่วยเสริมสร้างความโชคดีให้กับพวกเขาด้วย… เมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา สำนักข่าวท้องถิ่นของประเทศจีนได้รายงานว่าตอนนี้ร้านค้าแบรนด์ Nike ทางตอนเหนือของประเทศจีน กำลังถูกชาวบ้านรุมกันแย่งซื้อรองเท้า เพราะว่าพวกเขามีความเชื่อกันว่าสัญลักษณ์ “ถูกต้อง” บนรองเท้าจะช่วยเสริมสร้างความโชคดี ตามรายงานบอกว่าร้าน Nike แห่งหนึ่งในมณฑลจี๋หลิน ประเทศจีน ได้ติดป้ายโฆษณาว่า “สวม Nike โชคดีกับการสอบ” ซึ่งสัญลักษณ์ “สวูช” ดันไปคล้ายกับสัญลักษณ์ถูกต้องพอดี ทำให้เหล่านักศึกษาเชื่อว่าจะทำข้อสอบได้ถูกต้อง ทั้งนี้ทางสำนักงานใหญ่ของ Nike ได้ออกมาปฏิเสธว่านี่ไม่ได้เป็นแคมเปญที่พวกเขาคิดขึ้น แต่เป็นแคมเปญที่สาขาย่อยคิดขึ้นมาเอง ทางผู้ช่วยฝ่ายขายของสาขานี้ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่าหลังจากที่ติดป้ายโฆษณาที่ว่านี้แล้ว ทำให้ยอดขายพุ่งกระฉูดสุดๆ มีเหล่านักศึกษาแห่กันมาซื้อรองเท้ามากมาย นอกจากเรื่องของสัญลักษณ์ “สวูช” แล้ว เหล่านักศึกษายังใส่ใจเรื่องสีสันของผลิตภัณฑ์ด้วย อย่างเช่นสีแดงจะหมายถึงการทำข้อสอบได้คะแนนสูงสุด ส่วนสีเขียวหมายถึงสอบผ่าน และสีน้ำเงินหมายถึงทำคะแนนได้มากกว่าเพื่อนๆ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เป็นเพียงความเชื่อล่ะนะ ส่วนจะทำได้มากหรือน้อย #เหมียวฟิ้นคิดว่าคงเป็นผลมาจากการอ่านหนังสือมากกว่า ที่มา chinadailyasia
-
มาสักที..!! กระทรวงท่องเที่ยวจีน ออกกฎเหล็ก 9 ข้อ ใครทำผิด โดนแบนห้ามออกประเทศ!!
ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เราได้ยินข่าววีรกรรมนักท่องเที่ยวจีนมากมายที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก อาจเพราะประเทศจีนมีประชากรเยอะ ทำให้คุณภาพของเหล่านักท่องเที่ยว มีความหลากหลายค่อนข้างมาก แน่นอน ทางรัฐบาลจีนเองก็ตระหนักรู้ว่า นักท่องเที่ยวจีนกำลังกลายเป็นปัญหาระดับนานาชาติ ด้วยเหตุนี้เอง ทางกระทรวงการท่องเที่ยวจีน ได้ออกกฎเหล็ก 9 ข้อให้เหล่านักท่องเที่ยวได้ปฏิบัติตาม ซึ่งถ้าใครฝ่าฝืน อาจถูกแบนไม่ให้ออกประเทศเป็นเวลา 2-5 ปีเลยทีเดียว จะมีอะไรบ้าง ไปชมกันเลย 1. ยุ่งเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยของอากาศยานหรือระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ 2. ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ 3. ลบหลู่วัฒนธรรมหรือวิธีชีวิตของคนท้องถิ่น 4. ทำลายโบราณสถาน โบราณวัตถุ 5. ยุ่งเกี่ยวกับการพนัน การค้าประเวณี หรือการใช้ยาเสพติด 6. คุกคามหรือสร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัยให้กับผู้อื่น 7. ทำลายธรรมชาติ หรือฝ่าฝืนข้อห้ามเกี่ยวกับสัตว์ป่า หรือคุกคามความปลอดภัยของสัตว์ป่าและป่าไม้ 8. ทำพฤติกรรมเสื่อมๆ ในแนวอนาจาร 9. มีพฤติกรรมที่ทำให้เกิดทัศนคติแง่ลบอื่นๆ เรียกว่าห้ามครบทุกอย่างจริงๆ…
-
มาเฟียจีนถูกปล่อยจากคุก ลูกน้องตั้งแถวรับเพียบ จัดเลี้ยงยิ่งใหญ่…. 3 วันต่อมาโดนจับเข้าคุกอีก -*-!!
แม้ว่าเรือนจำจะเป็นสถานที่ที่เอาไว้กักขังเหล่าคนไม่ดี ที่กระทำความผิดต่างๆ นานา แต่ที่นั่นก็ยังเป็นโอกาสให้คนบางคนสามารถกลับตัวกลับใจแล้วออกมาใช้ชีวิตในสังคมได้ไหมอีกครั้ง แต่ถึงกระนั้นบางคนก็ยังออกมาก่อเหตุซ้ำๆ ซากๆ อยู่ดี… เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanhaiist ได้รายงานว่า เฉิง โยวเจ๋อ เจ้าพ่อแก๊งมาเฟียวัย 52 ปีในมณฑลซานซี ประเทศจีน ได้ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำจิ๋นเชง โดยในวันปล่อยตัวนั้นมีลูกน้องมายืนรอต้อนรับเขามากมาย และเพื่อให้เป็นเกียรติและศักดิศรีเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ เหล่าลูกน้องจึงได้เตรียมขบวนเพื่อต้อนรับอย่างอลังการที่หน้าเรือนจำ มีรถยนต์หรูมาจอดรับทั้ง แลนด์โรเวอร์ 20 คัน เบ๊นซ์ 30 คัน และรถฮัมเมอร์หุ้มเกาะอีก 6 คัน มีการจุดพลุอย่างเอิกเกริก รวมไปถึงจัดงานเลี้ยง 100 โต๊ะที่โรงแรม 5 ดาวให้เขาด้วย แต่การเฉลิมฉลองให้กับเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ก็มีได้ไม่นานนัก เพราะหลังจากนั้น 3 วัน เขาก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมอีกครั้งในข้อหา “สร้างความรบกวนให้กับสังคม” และถูกโยนเข้าเรือนจำพร้อมกับลูกสมุนอีก 9 คน นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรกๆ เพราะก่อนหน้านี้นายเฉิงมีประวัติมาแล้วโชกโชน ย้อนกลับไปในปี…
-
สาวจีนปิ๊งไอเดีย เปิดร้านอาหารในคอนเซ็ปต์ [อาหาร+เซ็กส์] จนเกิดเป็นร้านแนวๆ แบบนี้..!!
ว่ากันว่ามีอยู่ 2 สิ่งที่คนเกือบทั้งโลกชอบเหมือนๆ กันก็คือ อาหารและเซ็กส์ แต่ก็ยังไม่เคยมีใครนำเอา 2 สิ่งนี้มารวมกันสักที หญิงสาวชาวจีนรายหนึ่งจึงปิ๊งไอเดีย ทำเป็นร้านอาหารในธีม S&M (ซาดิซม์และมาโซคิสม์) ขึ้นมาซะเลย ร้านอาหารที่#เหมียวฟิ้นจะพาไปชมมีชื่อว่าร้าน Ke’er (ในภาษาจีนแปลว่า “หอย”) ร้านนี้เป็นไอเดียของหญิงสาวที่ชื่อว่าลูลู่ วัย 27 ปี ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ร้านนี้โด่งดังเพราะว่ามีการนำเอาสัญลักษณ์ทางเพศมาประดับตกแต่งร้าน ตั้งแต่ผ้ากันเปื้อนของเด็กเสิร์ฟที่มีหน้าปกปลอมแปะอยู่ แก้วน้ำรูปหน่มหน๊ม หรือหุ่นเปลือยของหญิงสาวที่แปะไว้ที่กำแพง ในขณะที่ลูลู่จัดการกับธุรกิจหน้าร้าน ทางด้านพ่อของเธอก็ช่วยกิจการของลูกด้วยการทำอาหารอยู่ในครัว แม้ว่าตอนแรกจะมีการถกเถียงกันเล็กน้อย ถือแนวทางในการตกแต่งร้านอาหาร แต่คุณพ่อของเธอก็เริ่มชินและตินนี้ก็แฮปปี้กับการตกแต่งร้านแนว “หื่นๆ” แบบนี้ไปแล้ว ลูลู่ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “‘อาหารและเซ็กส์คือความต้องการพื้นฐานของมนุษย์’ คำพูดเหล่านี้ยังคงไม่เคยเปลี่ยนแปลงตลอด 5,000 ปี ‘ปลดปล่อยสัญชาตญานของคุณออกมา’ และ ‘ปลดปล่อยพันธนาการของคุณ’ คือ 2 คอนเซ็ปต์ที่เราตั้งไว้สำหรับร้านอาหารแห่งนี้” . . . . . มีอุปกรณ์ให้ลูกค้าได้ลองเล่น? .…
-
จีนทำที่จอดรถกว้างพิเศษให้ ‘หญิงสาว’ ใช้บริการ ชาวเน็ตชี้เป็นที่จอด “เหยียดเพศ”
ตามห้างสรรพสินค้าใหม่ๆ เริ่มจะมีที่จอดรถสำหรับผู้หญิงไว้คอยบริการ นั่นก็เพื่อคอยให้บริการให้สาวๆ โดยทางห้างจะมีข้อกำหนดว่ารถคันนั้นจะต้องมีผู้หญิงเป็นคนขับมาจอด อาจจะขับมาคนเดียวหรือมีผู้โดยสารก็ได้ (แต่ควรจะเป็นผู้หญิง) หรือหากเป็นเด็กชายก็ควรจะมีอายุไม่เกิน 12 ปี ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยเพิ่มการดูแลสอดส่องให้กับสาวๆ ให้รู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และล่าสุดที่ประเทศจีนก็เริ่มทำที่จอดรถแบบนี้แล้วเหมือนกัน แต่จุดประสงค์อาจจะแตกต่างไปสักเล็กน้อย เพราะที่นั่นเขามีไว้สำหรับหญิงสาวที่ขับรถไม่คล่องและไม่ถนัดในการเข้าเกียร์ถอยนั่นเอง เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในมณฑลหางโจว ประเทศจีน ได้ทำที่จอดรถสำหรับหญิงสาว ที่มีขนาดความกว้างกว่า 1.5 เท่าของช่องจอดรถขนาดปกติ โดยทาสีบนพื้นเป็นสีชมพูพร้อมกับสัญลักษณ์ผู้หญิง เพื่อให้สังเกตเห็นได้ง่ายๆ ทางผู้จัดการของปั๊มน้ำมันกล่าวว่าที่จอดรถนี้มีไว้สำหรับหญิงสาวที่ขับรถไม่คล่อง ตอนนี้มีการจัดทำขึ้นมาเพียง 8 ช่องจากพื้นทั้งหมด 370 ช่อง แต่หากการทำที่จอดรถแบบนี้ไปได้สวยพวกเขาก็จะทำมันเพิ่มขึ้นไปอีก จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้หลายคนเข้าใจไปว่า หรือนี่จะเป็นเพราะหญิงสาวชาวจีนขับรถได้แย่มากจนต้องเพิ่มขนาดของที่จอดรถเลยหรือ? โครงการทั้งหมดนี้ถูกชาวเน็ตในจีนวิพากษ์วิจารณ์กันไปว่ามันดูเหมือนเป็นการเหยียดเพศไม่มีผิด ความเห็นในโลกออนไลน์พากันวิจารณ์เกี่ยวกับที่จอดรถของหญิงสาวไปหลากหลายมาก อย่างเช่น @潘大官人啊 “พวกปกป้องสิทธิสตรีอยู่ที่ไหนกันหมด? นี่มันคือการเลือกปฏิบัติทางเพศชัดๆ” @一生顽主 “ถ้าพวกคุณจะเลือกปฏิบัติกันขนาดนี้ ทำไมเราไม่หาที่จอดกว้างๆ มาให้พวกเขาจอดตั้งแต่ตอนสอบใบขับขี่เลยล่ะงั้น?” แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางความเห็นพยายามแย้งว่านี่ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ เป็นเพียงข้อเสนอที่จะทำตามหรือไม่ก็ได้ อย่างเช่น @吖兴快跑 “พวกเขาไม่ได้บอกให้ผู้หญิงไปจอดรถตรงนั้น พวกเขาแค่ยื่นข้อเสนอให้กับผู้หญิงที่จอดรถไม่เก่งเท่านั้น…
-
เดี๋ยวนี้ใครใช้ดอกไม้!? หนุ่มจีนขน ‘ช่อธนบัตร’ เซอร์ไพรส์ขอแต่งงานแฟนสาว คนให้กำลังใจเพียบ
‘ดอกไม้’ เป็นสื่อแทนใจที่สามารถใช้มอบเพื่อบอกแทนความรู้สึกได้เป็นอย่างดี เช่น การที่ผู้ชายมอบดอกไม้ให้กับผู้หญิงนั้นเป็นการแสดงความรู้สึกรักที่มีให้กัน หรือการมอบช่อดอกไม้ตามงานต่างๆ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ แต่ปัจจุบันก็ได้มีการนำวัสดุต่างๆ มาทำเป็นดอกไม้ อย่างเช่น กระดาษ หรือแม้แต่เงินก็ตาม ซึ่งก็สามารถนำมาใช้แทนกันได้ เว็บไซต์ Shanghaiist ได้ระบุว่ามีหนุ่มนักศึกษาชาวจีนรายหนึ่งที่กำลังศึกษาอยู่ในวิทยาลัยครูหนานชาง เขาได้คบหากับแฟนสาวคนหนึ่งมานานพอสมควรแล้ว จึงคิดที่จะขอเธอแต่งงาน เขาก็เลยผุดไอเดียสุดบรรเจิดด้วยการประดิษฐ์ดอกไม้ช่อใหญ่ไปคุกเข่าขอเธอแต่งงานท่ามกลางฝูงชน แต่!!! มันไม่ใช่ดอกไม้ธรรมดาๆ น่ะสิ เพราะดอกไม้ที่เขานำไปมอบให้กับเธอนั้นทำมาจากเงินมูลค่ากว่า 27,000 บาทเลยทีเดียว ฝ่ายแฟนสาวก็เซย์เย้สรับช่อธนบัตรและตกลงปลงใจแต่งงานกับเขา แหม่ ถือว่าเป็นไอเดียขอแต่งงานที่เจ๋งสุดๆ อีกวิธีหนึ่งเลยนะเนี่ย เพราะนอกจากจะเป็นการแสดงออกถึงความรักแล้ว… ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับฝ่ายหญิงถึงความมั่นคงและความพร้อมที่จะดูแลเธออีกด้วย ที่มา : shanghaiist
-
นวัตกรรมใหม่จากจีน “หุ่นจอดรถ”!? หมดปัญหาวนหาที่จอดไม่ได้!!
หลายครั้งหลายคราที่เหล่านักช็อปมักจะต้องเสียเวลาไปกับการวนรถในห้างสรรพสินค้าเพื่อหาที่จอดรถเหมาะๆ จนสิ้นเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ จนบางครั้งบางคนเลือกที่จะจอดรถซ้อนคัน ทำให้รถที่จอดอยู่ก่อนแล้วเข้าออกลำบาก แต่ปัญหาเหล่านั้นกำลังจะหมดไปในเร็ววันนี้ล่ะ เพราะเมื่อไม่นานมานี้บริษัท ยี่เฟิง จากเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่ชื่อว่า Automated Car Parking (ที่จอดรถอัตโนมัติ) เป็นหุ่นยนต์ที่จะช่วยให้คุณสามารถหาที่จอดรถได้อย่างสะดวกสบาย โดยหลักการทำงานของหุ่นยนต์ที่จอดรถก็คือ มันจะทำงานหลังจากที่ผู้ใช้เสียบการ์ดและกดปุ่มล็อครถเข้ากับหุ่นยนต์ที่จอดรถ จากนั้นหุ่นยนต์ก็จะนำรถของคุณไปจอดในซองที่ว่าง และเมื่อคุณกลับมาที่ลานจอดรถ เจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้ก็จะนำรถของคุณมาส่งให้ถึงที่ ภายในเวลาไม่ถึง 2 นาทีเลยด้วย . ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลยจ้า อัจฉริยะ++บริษัทยี่ เฟิง เทคโลโนยี ในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ประสบความสำเร็จในการทดสอบใช้หุ่นจอดรถ ทำให้กลายเป็นหนึ่งในอาคารจอดรถที่มีความทันสมัยที่สุดในโลก โดยหุ่นยนต์ที่เป็นแผ่นรองรับรถยนต์จะนำรถไปจอดหลังจากที่ผู้ใช้รเสียบการ์ดและกดปุ่มล็อคตัวรถเข้ากับแท่นจอด และหุ่นยนต์จะนำมารถส่งคืนหลังจากที่ได้รับคำสั่งภายใน 2 นาที คาดสามารถเปิดให้ใช้งานจริงได้ในเดือนตุลาคมนี้ #ข่าวต่างประเทศช่อง8 โพสต์โดย ข่าวช่อง8 บน 26 พฤษภาคม 2016 ทั้งนี้ทางผู้ผลิตคาดการณ์กันว่าจะเริ่มใช้งานเจ้าหุ่นยนต์จอดรถอัตโนมัติจริงๆ ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ล่ะ หวังว่ามันจะประสบความสำเร็จและเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่พวกเราได้นะ ที่มา ข่าวช่อง8
-
จึ้กกะดึ๋ย!? วิตาถารเกิดอาการจิตหงุดเงี้ยว เปิดกางเกงเพื่อซั่มกับท่อระบายน้ำข้างบ้าน
การควบคุมอารมณ์ของคนเราไม่เท่ากัน อะไรที่ไม่ควรจะทำในที่สาธารณะก็ยังคงมีให้พบเห็นกันอยู่บ่อยๆ อย่างในประเทศจีนเนี่ย มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นแทบจะรายวันกันเลยล่ะ ไม่ว่าจะแกล้งบาดเจ็บบ้าง เกิดอุบัติเหตุแบบที่ไม่ควรจะเกิดบ้าง รวมไปถึงพฤติกรรมอนาจารทั้งหลายแหล่ แล้วมันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง กับพฤติกรรมของชายนิรนามรายหนึ่งที่มีเกิดอาการจิตหงุดเงี้ยวกระทันหัน ต้องการระบายอย่างเร่งด่วนหรืออย่างไรไม่อาจทราบแน่ชัดได้ แบบว่าเห็นรูท่อระบายน้ำปุ๊บก็ทนไม่ไหว ห้ามใจตัวเองไม่ได้ ขอเสร็จกิจกับท่อระบายน้ำข้างบ้านนี้ก็แล้วกัน ภาพที่เห็นทั้งหมดถูกเก็บไว้ได้จากกล้องวงจรปิด ตั้งแต่ช่วงเริ่มจนถึงช่วงเสร็จกิจ โอ้ยยยยย ตาเถร คนเรามันจะห้ามใจกันไม่ได้ขนาดนี้เชียวเรอะ ขอแค่เป็นรูอะไรก็ได้ เอาได้หมดงี้รึ #เหมียวเลเซอร์ เห็นแล้วเพลียยยยย คลิปที่ท่านจะได้รับชมต่อไปนี้ อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจและสุขภาพร่างกายได้ มองไม่เห็น ดูไม่ได้ อยากจะดู ตามมาตรงนี้เลย ที่มา : liveleak, theladbible
-
ชาวเน็ตด่าแหลก… โฆษณาผงซักฟอกของจีน มีเนื้อหา ‘เหยียดสีผิว’ แถมยังไปก็อปเค้ามาอีกต่างหาก
ในสังคมปัจจุบันเราจะรู้กันอยู่ว่าเรื่องการ ‘เหยียดสีผิว’ นั้นเป็นเรื่องที่ดูแย่ในสายตาคนจำนวนมาก เพราะในยุคปัจจุบันนี้ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับคุณค่าของความเป็นมนุษย์กันแล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่มองว่าการเหยียดสีผิวไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่อย่างใด และยังคงล้อเล่นกับความรู้สึกด้วยเรื่องราวที่อาจดูตลกสำหรับคนทั่วไป แต่จริงๆ แล้วมันอาจไม่ตลกกับเหล่าคนผิวสีเลยแม้แต่น้อย วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมโฆษณาสินค้าผงซักฟอกของประเทศจีน ที่มีเนื้อหาโฆษณา เรียกได้ว่านี่มันจงใจทำออกมาเพื่อเหยียดสีผิวแบบชัดๆ!! เนื้อหาในโฆษณาก็จะเป็นประมาณว่า มีชายผิวสีคนหนึ่งมีหน้าตามอมแมม สวมเสื้อสีขาวที่ปรอะไปด้วยคราบสกปรก แล้วก็มีหญิงสาวขาวจีนคนหนึ่งหน้าตาสละสลวย เรียกให้ชายผิวดำคนนั้นเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับยั่วยวนเล็กน้อย… จากนั้นก็จับชายผิวสีคนนั้นยัดเข้าไปในเครื่องซักผ้า พร้อมกับเผยให้เห็นถึงหน้าตาของผลิตภัณฑ์ผงซักฟอก พอผ่านไปสักพักก็โผล่ออกมาเป็นชายหนุ่มชาวจีนพร้อมกับเสื้อที่ขาวสะอาด ลองไปชมคลิปโฆษณาแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลย… โฆษณาชิ้นนี้เป็นของผลิตภัณฑ์ผงซักฟอก Qiaobi โดยทำการปล่อยออกมาเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา มีสโลแกนว่า ”เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงด้วย Qiaobi” หลังจากที่ได้ชมโฆษณานี้แล้วทำให้นึกย้อนกลับไปถึงโฆษณาสีย้อมผ้าของอิตาลีเมื่อ 9 ปีก่อน (ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนไม่เป็นการเหยียดผิวแต่อย่างใด แต่ก็มีประเด็นให้ถกกันอย่างกว้างขวาง) และที่แย่ไปกว่านั้นคือ ทางช่องต่างๆ ในทีวีของประเทศจีนก็ได้มีการเผยแพร่โฆษณาผงซักฟอกนี้กันอย่างแพร่หลาย จนถูกเปิดเผยออกมาให้ชาวโลกได้รับรู้ผ่านทางยูทูบ ทำให้มีชาวเน็ตเข้าไปแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม บางส่วนก็ตีความโฆษณานี้ว่า ที่คนดำดูสกปรกนั้นก็เพราะว่าไม่ได้ใช้ผงซักฟอกนี้ ก็เลยทำให้ดูสกปรก หลังจากนั้นก็ใส่ข้อความประชดประชันว่า “ดูสิแม่จ๋า คนดำเค้าแค่สกปรกก็เท่านั้นเอง…
-
สาวจีนระดมทุนค่ารักษาโรคมะเร็งให้น้องสาว โดยการยืนเป็นเป้าให้ทุกคนยิงธนูใส่เธอ!?
บางครั้งเรื่องจริงมันก็น่าเศร้ายิ่งกว่านิยายซะอีกแหนะ… เมื่อวันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวในประเทศจีนได้รายงานว่าหญิงสาวชาวจีนได้ออกมายืนกลางถนนในมณฑลหางโจว ประเทศจีน ได้ยื่นข้อเสนอให้กับคนที่เดินผ่านไปผ่านมายิงธนูโดยมีตัวเธอเป็นเป็นเป้า เพื่อแลกกับเงินเพียง 10 หยวนต่อการปา 1 ครั้ง!? แต่หลังจากที่ยืนอยู่ได้ไม่ถึงชั่วโมง ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามารวบตัวเธอและนำไปสอบสวนที่สถานี จึงได้ความว่าที่เธอทำแบบนี้ก็เพราะเธอพยายามจะระดมทุนเพื่อนำเงินไปรักษา Ji Jiayan น้องสาวของเธอที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน น้องสาวของเธอนั้นต้องเข้ารับการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ครั้งหนึ่ง Jiayan เคยพยายามจะหนีออกจากบ้าน โดยทิ้งกระดาษข้อความไว้ให้กับแม่ของเธอ ในเนื้อหาเป็นการแสดงความเสียใจที่เธอไม่สามารถอยู่ดูแลแม่ของเธอได้เมื่อแก่ตัวไป แต่ที่พูดไปแบบนั้นก็เพราะเธอคิดว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำหรับพวกเขา ทั้งนี้อาการป่วยไข้ของ Jiayan จำเป็นจะต้องใช้เงินในการรักษาสูงถึง 5 แสนหยวน หรือประมาณ 2,700,000 บาท เลยทีเดียว หลังจากเรื่องนี้เป็นประเด็นดัง ทางครอบครัวได้ทำการระดมทุนผ่านโลกออนไลน์และได้เงินค่ารักษามามากพอจนพี่สาวของเธอไม่ต้องไปทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนั้นอีกแล้วล่ะ เมื่อถึงคราวจนตรอก สถานการณ์มันก็บีบบังคับให้คนทำได้ถึงขนาดนี้เลยนะเนี๊ยะ ที่มา shanghaiist
-
อาเมซิ่งเจงๆ!! ปรากฏการณ์ ‘สายรุ้ง 2 เส้น’ ความงามทางธรรมชาติ ที่ได้มีให้เห็นทุกวัน…
แม้ว่าประเทศจีนจะมีเรื่องแปลกๆ (ด้านลบ) มาให้เราเห็นอยู่บ่อยครั้ง แต่ประเทศเดียวกันนี้ก็ชอบมีเรื่องน่าประหลาดใจมากให้เราตื่นตาตื่นใจตลอด อย่างล่าสุดมีชาวเมืองในกรุงปักกิ่งกว่าค่อนเมืองพบเห็นสายรุ้ง 2 เส้นพาดผ่านอยู่บนท้องฟ้า ทำให้เกิดเป็นปรากฏการณ์สุดอัศจรรย์ทีเดียว เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าเกิดภาพสายรุ้งซ้อนกัน 2 เส้น ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ก่อเกิดภาพสวยงามคล้ายกับในหนังแฟนตาซี ตามรายงานบอกว่าหลังจากที่เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวเมืองจำนวนมากพากันถ่ายภาพสายรุ้งและโพสต์ลงไปในเครือข่ายสังคมออนไลน์เต็มไปหมด ทั้งนี้การเกิดปรากฏการณ์สายรุ้งนั้นเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีฝนหยุดตกหมาดๆ โดยแสงจากดวงอาทิตย์จะตกลงมากระทบกับละอองน้ำในอากาศ ทำให้เกิดการหักเหของแสงและกลายเป็นแถบแสงสีต่างๆ อยู่บนท้องฟ้า ซึ่งปรากฏการณ์สายรุ้ง 2 เส้นแบบนี้จะเกิดจากการสะท้อนแสงซ้ำภายในเม็ดฝน จนเกิดเป็นสายรุ้งอีกเส้นที่มีสีซีดกว่าเส้นหลัก อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์รุ้งกินน้ำ 2 เส้นแบบนี้ไม่ได้มีแค่ในต่างประเทศเพียงอย่างเดียว แต่ในไทยเราก็เกิดขึ้นอยู่หลายครั้งนะ แต่ชาวบ้านบางส่วนมักจะมองว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติซะมากกว่า …
-
พาส่องงานแต่งเศรษฐีจีน เดี๋ยวนี้ไม่ใช้รถบ่าวสาวแล้ว ระดับนี้ต้องใช้ ‘เครื่องบินเจ็ท’ !!!
หลายครั้งที่เรามักจะได้เห็นการจัดงานแต่งงานของชาวจีน ที่มักจะมีงานแต่งงานที่เอิกเกริก บางคนมีขบวนรถหรูแห่ไปทั่ว และมีญาติๆ มาร่วมงานกันคับคั่ง จนบางครั้งดูเหมือนเป็นการจัดงานที่สิ้นเปลืองเกินไป แต่วันนี้#เหมียวฟิ้นจะพาเพื่อนๆ ไปชมการจัดงานแต่งที่เรียบหรูดูแพงของคู่บ่าวสาวในมณฑลหางโจว ประเทศจีน ที่ลงทุนจัดงานแต่งบนเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวเลยทีเดียว!? ตามรายงานบอกว่าฝ่ายเจ้าสาวเป็นทายาทของผู้ถือหุ่นบริษัท Sany บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องจักรกลรายใหญ่ของจีน ร่ำรวยถึงขั้นที่ติด 1 ใน 500 บริษัทที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในจีนเลยทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจล่ะนะที่งานของพวกเขาจะออกมาเลิศหรูอลังการเหมือนกับการถ่ายทำมิวสิควิดีโอของศิลปินสักวงหนึ่ง . ในงานนี้มีการจัดโต๊ะเพื่อรองรับแขกประมาร 130 โต๊ะด้วยกัน และในงานยังประดับประดาไปด้วยดอกไม้เป็นพันๆ ดอก สวยงามราวกับในหนังเลย แหม่ ถ้ามีแบบนี้บ้างสักครั้งคงจะดีมากเลยนะเนี๊ยะ ที่มา shanghaiist
-
จีนเผยโมเดลสร้าง “รถบัสไฮเทค” ขนส่งผู้โดยสารได้อย่างรวดเร็วทันใจ ไม่ต้องแคร์รถติด!!
รถบัสหรือรถเมล์ ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คนนิยมใช้บริการนอกเหนือจากรถไฟฟ้า ด้วยความที่มันมีราคาที่ถูกและขึ้นง่ายไม่ซับซ้อนมากจนเกินไป ที่งาน Beijing International High-Tech Expo นั้นก็ได้มีการจัดแสดงผลงานทางด้านเทคโนโลยีมากมาย และหนึ่งในสิ่งที่เป็นพระเอกของงานนี้ก็คือ Transit Elevated Bus (TEB) หรือรถบัสสุดไฮเทค ผลงานการคิดค้นจากประเทศจีน แค่เห็นตัวอย่างก็รู้เลยว่ามันดีงาม ตัวรถนั้นจะทำออกมาเหมือนรถราง แต่จะไม่กินเลนถนน เพราะว่ามันจะเคลื่อนที่อยู่ข้างบน มีเพียงแค่ที่คอยรองรับน้ำหนักเท่านั้น ทำให้รถสามารถวิ่งข้ามรถต่างๆไปได้ ไม่ทำให้รถติด Bai Zhiming วิศวกรผู้คุมโปรเจกต์นี้คาดการณ์ว่าการขนส่งด้วยรถบัสคันใหม่นี้จะสามารถเคลื่อนย้ายคนกว่า 1,200 ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง อีกทั้งค่าใช้จ่ายยังถูกกว่ารถไฟใต้ดินอีกด้วย และใช้เวลาสร้างเพียง 1 ปีเท่านั้น ตอนนี้กำลังจะวางแผนสร้างใน Qinhuangdao City ตอนเหนือของจีน อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงคอนเซปเท่านั้น และต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมก่อนจะลงมือสร้างจริง เราต้องรอดูว่าจะเวิร์คไหม… ที่มา CCTV News
-
มั่นมาก!! หนุ่มจีนผู้เปลี่ยนเทรนด์ ‘ชุดเดินห้าง’ ให้แซ่บกว่าเดิม งานนี้ชาวเน็ตถกเถียงกันใหญ่…
กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในเครือข่ายสังคมออนไลน์จีนอยู่ในขณะนี้เลย สำหรับกรณีของชายชาวจีนรายหนึ่งที่แต่งตัวสุดวาบหวิวพร้อมกับจีสตริงตัวน้อย ออกมาเดินเลือกซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง จนมีคนถ่ายภาพแอบหวิวมาเผยแพร่ในโลกอินเตอร์เน็ต ตามรายงานบอกว่าชายหนุ่มรายนี้ออกมาเลือกซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน แต่เนื่องจากการแต่งตัวสุดแหวก ทั้งรองเท้าส้นสูงปรี๊ด เสื้อลายดอกที่รัดติ้ว และกางเกงที่มีรูโหว่อยู่บริเวณบั้นท้าย ทำให้ทุกๆ สายตาในห้างสรรพสินค้าจับจ้องมาที่เขาและตามถ่ายรูปและคลิปวิดีโอกันยกใหญ่ทีเดียว โดยรูปภาพทั้งหมดนี้ถูกเผยแพร่ผ่านสมาชิกเว็บไซต์ Weibo ที่ชื่อว่า Mr. Danzi ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวเน็ตอย่างมากจนมีคนกดแชร์ไปกว่า 4,000 ครั้ง และมีความเห็นหลั่งไหลกันเข้ามากว่า 2,000 ข้อความเลย หนึ่งในความเห็นบอกว่า “ฉันเคารพในความคลั่งไคล้ของผู้คนนะ แต่คุณไม่หนาวเหรอที่ใส่ชุดแบบนี้?” ในขณะที่ชาวเน็ตได้แสดงความเห็นถกเถียงกันว่าการที่ชายหนุ่มแต่งตัวแบบนี้มาเดินในที่สาธารณะนั้นเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่? โดยบางความเห็นบอกว่าเขาดูเซ็กซี่มากที่แต่งตัวแบบนี้ แถมยังหุ่นดีด้วย แต่บางคนก็ก่นด่าเขาที่แต่งตัวแบบนี้แล้วเดินไปทั่ว แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดว่าการที่เราแต่งตัวตามความชอบถือเป็นสิ่งที่ทำได้ไหม? หรือเราควรจะมีขอบเขตอยู่บ้าง? ที่มา shanghaiist
-
ชาวเน็ตจีนสงสัย!? หนุ่มคนขับรถบัส แต่ขับรถสปอร์ตแลมโบร์กินี่-ออดี้ ไปทำงานทุกวัน
ประเทศจีนนี่มีอะไรมาให้เราอึ้งตลอดเวลาจริงๆ กับวันนี้อีกครั้งกับพ่อหนุ่มคนขับรถบัสผ้าขี้ริ้วห่อทอง ที่ใครจะไปรู้ว่า เค้ามีรถหรูราคาหลายล้านอย่างแลมโบร์กินี่และออดี้ขับกับเขาด้วย?!? เรื่องราวเกิดขึ้นที่เมืองไท่หยวน มณฑลซานซี ประเทศจีน เมื่อมีชาวเน็ตเผยแพร่ภาพของพนักงานขับรถบัสคนหนึ่ง ที่โชว์หรูด้วยการขับรถแลมโบร์กินี่ กาลาโด้ (Lamborghini Gallardo) และออดี้ อาร์ 8 (Audi R8) มาทำงาน โดยรายงานเล่าว่า ทุกๆ วันเขาจะขับรถหรูของเขามาจอดที่สำนักงาน ก่อนจะขับรถบัสออกไปรับผู้โดยสาร และเมื่อทำงานเสร็จ เขาก็จะแปลงโฉมเป็นหนุ่มไฮโซและขับรถหรูกลับบ้านไป นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เขาก็ยังเป็นสมาชิกของชมรมรถหรูแห่งเมืองไท่หยวนอีกด้วย เมื่อชาวเน็ตเห็นภาพดังกล่าวก็ออกมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย บางคนสงสัยว่าเขาเอาเงินมากขนาดนี้มาจากไหน บางคนก็บอกว่าเขาคงเป็นเศรษฐีในเมืองนี้แหละ แต่มาขับรถบัสเป็นงานอดิเรกเฉยๆ แต่หลายคนก็วิจารณ์ว่า ถ้าเขารวยขนาดนี้ เค้าควรจะลาออกจากงานไปซะ แล้วให้คนที่มีความจำเป็นจริงๆ มาทำดีกว่า มีการเปิดเผยผ่านเว็บ NetEase ว่า คนขับรถผู้นี้แม้จะมีรถหรู (ไม่รู้ว่าที่เมืองจีนมีเสี่ยตันไหม) แต่เขาก็ยังมองตัวเองเป็นคนธรรมดาทั่วไป ขับรถมาทำงานประจำของเค้าแล้วก็ขับกลับแบบคนปกติ แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดเห็นอย่างไรบ้าง ลองแสดงความคิดเห็นกันเข้ามาดูนะเหมียววว ที่มา Shanghaiist
-
แฟนๆ จำได้ไหม? ชวนชมภาพ “หลิว อี้เฟย” อดีตนางเอก “มังกรหยก” เดินเฉิดฉายบนพรมแดง
ในช่วงนี้ต้องบอกเลยว่ากระแสของงานเดินพรมแดงที่เมืองคานส์นั้นฮอทฮิตจริงๆ และอย่างที่เราได้เห็นกันไปว่ามีสาวชมพู่ อารยานางเอกตัวแม่ของไทยได้ไปเดินสวยๆ ที่งานนี้ด้วย แต่นอกจากเธอแล้วยังมีสาสวคนอื่นๆ ที่ได้ไปร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน หญิงสาวที่#เหมียวฟิ้นกำลังพูดถึงอยู่นี้น่าจะเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของคอหนังจีนกันไม่มากก็น้อยล่ะนะ เพราะเธอคนนี้คือ หลิว อี้เฟย อดีตนางเอกผู้โด่งดังที่เคยรับบทเป็นนางเอกในหนังจีนชุดมังกรหยก ภาค2 ด้วย และในงานนี้เธอก็เฉิดฉายไม่แพ้ใครเลยล่ะ ในงานนี้หลิว อี้เฟยมาปรากฏตัวบนพรมแดงในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์เสื้อผ้าอันโด่งดังอย่าง Dior ซึ่งเธอถือเป็นคนจีนคนแรกที่ได้เป็นตัวแทนให้กับแบรนด์นี้เลยทีเดียว . แม้ว่าปัจจุบันหลิว อี้เฟยจะมีอายุ 28 ปีแล้วแต่ความสวยของเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย แม้ว่าในระยะหลังมานี้แฟนๆ จะไม่ค่อยได้เห็นหน้าค่าตาของเธอผ่านหน้าจอสักเท่าไหร่นัก แต่เมื่อปี 2014 ที่ผ่านมาเธอก็มีผลงานภาพยนตร์เรื่อง Outcast หนังร่วมทุนระหว่าง อเมริกา จีน และแคนาดา ให้เราได้ชมอยู่เหมือนกัน . ลุคสาวเท่ก็มีให้เห็นนะ . แม้ว่าจะหายหน้าไปนานแต่แฟนๆ ก็ยังคงรอคอยผลงานของเธอเสมอ . คิดถึงน้องหลิวอีกเฟยม๊ากกกกกกก ที่มา dior , weibo
-
หน่วยสวาทของจีนทำลายสถิติ ทำท่า “แพลงกิ้ง” ได้นานกว่า 8 ชั่วโมง (บ้าไปแล้ว!!!)
#เหมียวฟิ้นเชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินการทำท่าแพลงกิ้งมาบ้างล่ะนะ ไอ้การทำท่าแพลงกิ้งที่ว่านี้ก็คือการลงไปนอนแล้วใช้ข้อศอกยันกับพื้นไว้ ทำให้เกิดการเกร็งที่แขนและหน้าท้อง จะว่าไปแล้วมันก็คือท่าออกกำลังกายที่ดีท่าหนึ่งเลย หากทำในระยะเวลาสั้นๆ แต่คงจะทรมานน่าดูหากต้องทำท่านี้เป็นชั่วโมงๆ!? เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่ามีการจัดการแข่งขันที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง เพื่อประลองความแข็งแกร่งระหว่างหน่วยสวาทของจีนกับทหารเรือสหรัฐฯ โดยการทำท่าแพลงกิ้งได้นานที่สุด โดยตัวแทนของฝั่งหน่วยสวาทจีนได้แก่นาย Mao Weidong และฝั่งทหารเรือได้แก่ George Hood เมื่อการแข่งขันดำเนินไปถึงชั่วโมงที่ 7 นาย George เริ่มแสดงอาการล้าให้เห็น และขอหยุดการแข่งขัน โดยเขาสามารถทำเวลาไปได้ 7 ชั่วโมง 40 นาที แต่นาย Mao ไม่ยอมหยุดแค่นั้น เขายังคงมุ่งมั่นทำท่าแพลงกิ้งต่อไป สุดท้ายเขาก็สามารถทำเวลาไปได้ถึง 8 ชั่วโมง 1 นาที 1 วินาที (บ้าไปแล้ว) ซึ่งทำลายสถิติปีก่อนหน้านี้ที่ 4 ชั่วโมง 26 นาทีลงได้อย่างราบคาบ . . . …
-
พาทัวร์ “หุบเขาแอปริคอท” หุบเขาสีชมพูในประเทศจีนที่สวยงามหาได้ยากยิ่ง
ขึ้นชื่อว่าประเทศจีน แม้ว่าจะมีข่าวเสียๆ หายๆ ของผู้คนมาให้เราเห็นแบบรายวัน (นั่นก็เพราะว่าบ้านเมืองของพวกเขาเต็มไปด้วยผู้คนที่หลากหลายและยากต่อการควบคุม) แต่ที่นั่นก็ยังมีภูมิประเทศสวยๆ งามๆ รอให้นักเดินทางไปสัมผัสอยู่อีกไม่น้อยเลยนะ วันนี้#เหมียวฟิ้นจะพาเพื่อนๆ เดินทางไปยังทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน ในมณฑลซินเจียง พื้นที่ที่อยู่ห่างไกลตัวเมือง ที่นั่นเป็นที่ตั้งของหุบเขาแอปริคอทที่ปลูกเต็มภูเขา จนเมื่อดอกของมันเบ่งบานทำให้เกิดเป็นภาพสุดวิจิตรราวกับในเทพนิยายก็ว่าได้ เว็บไซต์ Boredpanda ได้ให้ข้อมูลไว้ว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ในเขตการปกครองเต้อเจียน ติดกับชายแดนของคาซัคสถาน หุบเขาแอปริคอทแห่งนี้มีมานานหลายปีแล้ว มันดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางไปชมภูเขาสีชมภูด้วยตาของพวกเขาเอง หากคุณได้เห็นภาพเหล่านี้แล้วอยากจะขอเดินทางไปชมด้วยตัวเองล่ะก็ เหมียวฟิ้นจะบอกให้ว่าดอกไม้เหล่านี้จะผลิบานในช่วงต้นเดือนมิถุนายนไปจนถึงช่วงปลายเดือนกันยายน รู้งี้แล้วก็รีบจองตั๋วเครื่องบินแล้วแพ็คกระเป๋ารอเลยดีไหมล่ะ? . . . . . . . . . โห!! ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วยนะเนี๊ยะ ที่มา boredpanda
-
เจ้าสาวจีนถูกเจ้าบ่าวยกเลิกงานแต่งกลางคัน เลยนำเงินทั้งหมดมาเลี้ยงอาหารแก่เด็กๆ แทน
แม้ว่าสาวๆ จะหวังให้งานแต่งงานออกมาสวยหรูและเป็นจุดหมายปลายทางระหว่างเธอและว่าที่สามีในอนาคต แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสมหวังนะ แม้ว่าเธอคนนั้นได้วางแผนงานแต่งมาแล้วเรียบร้อยก็ตาม… เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้เปิดเผยเรื่องราวเศร้าๆ ปนความสุขของ Yiru Sun ว่าที่เจ้าสาวชาวจีนที่เตรียมจะแต่งงานกับคู่หมั้นหนุ่มในอีกไม่นาน แต่งานแต่งก็ตั้งถูกยกเลิกไปซะก่อน Yiru เผยว่าเธอได้วางแผนกับคู่หมั้นของเธอไว้ว่าพวกเขาจะทำงานแต่งงานให้ออกมาหรูหราแฟนซี ซึ่งทั้งหมดนี้เธอต้องเสียเงินกว่า 279,000 บาท แต่สุดท้ายเธอกลับมีปัญหาเรื่องสินสมรสก่อนแต่งงานกับคู่หมั้น ทำให้ทั้งคู่ต้องยกเลิกงานแต่งไปอย่างน่าเสียดาย แทนที่จะยกเลิกงานไป Yiru กลับตัดสินใจที่จะไม่ทำให้อาหาร เครื่องดื่มและดีเจที่จ้างมาต้องเสียเปล่า เธอเลยเปลี่ยนงานแต่งให้กลายเป็นงานเลี้ยงปาร์ตี้แก่เด็กๆ ผู้ยากไร้แทนซะเลย เธอได้เชิญคุณแม่วัยรุ่น เด็กๆ จากครอบครัวรายได้ต่ำ และครอบครัวอุปถัมภ์ต่างๆ เข้ามาในงานของเธอ “มันดีมากๆ เลยค่ะ ฉันสามารถนั่งอยู่ที่บ้าน เศร้าโศกเสียใจ และเอาแต่คิดว่า ‘นี่ควรจะเป็นงานแต่งงานของฉัน’ ก็ได้” แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้เอาแต่เสียใจอย่างที่บอก ปัจจุบัน Yiru ทำงานเป็นรองประธานและนักวิเคราะห์ของบริษัทประกันชีวิตนิวยอร์คไลฟ์ เธอได้เอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานของเธอ เพื่อให้งานปาร์ตี้เด็กๆ กลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ลองชมคลิปนางฟ้าใจบุญได้ที่ด้านล่างเลย ภายในงานปาร์ตี้ของเธอมีทั้งกิจกรรมการเพ้นท์หน้า การดัดลูกโป่ง…
-
อายุไม่ใช่ปัญหา คุณตาชาวจีนฝึกเต้นรูดเสากว่า 3 ปี แม้อายุจะปาไป 67 แล้วก็ตาม!?
ในปัจจุบันเราเริ่มเห็นสาวๆ หันมาเต้นรูดเสากันมากขึ้นเพราะเห็นแล้วว่ามันไม่ใช่กิจกรรมโป๊เปลือยที่ทำกันในที่อโคจรเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นกีฬาที่เสริมสร้างสุขภาพที่ดีได้ด้วย แต่ก็มีผู้ชาย (สูงอายุ) บางคนที่อยากจะลองเต้นรูดเสากับเขาดูบ้าง…แล้วก็ทำได้ดีซะด้วยนะ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 15 พฤษภาคม สำนักข่าว CCTVNews ได้เผยแพร่ภาพของ Zhang Xida คุณตาชาวจีนวัย 67 ปีที่หลงไหลในการเต้นรูดเสามากๆ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 เขาเริ่มสนใจการเต้นรูดเสา เลยฝึกฝนร่างกายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ต่อมาคุณตา Zhang ก็เริ่มเชี่ยวชาญการรูดเสาจนได้ฉายาว่า “ปะป๊ารูดเสา” คุณตาเผยเคล็ดลับว่าเขาต้องฝึกฝนร่างกายวันละ 6 ชั่วโมงตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา จนตอนนี้เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการรูดเสาไปแล้ว คุณตาสามารถเอาชนะร่างกายและวัยของตัวเองได้ด้วยการเคลื่อนไหวที่ท้าทาย แม้ว่าตอนนี้จะมีอายุปาเข้าไป 60 กว่าแล้ว แต่ในหัวใจของเขาก็ยังคงเป็นวัยรุ่นอยู่เสมอ “ไม่มีคำว่าสายไปที่จะเริ่มต้นฝึกฝนตราบเท่าที่คุณยังมีฝัน” คุณตากล่าว เรื่องวัย เรื่องเพศ หรืออะไรก็ตาม ไม่ได้เป็นตัวกำหนดความชอบและสิ่งที่เราอยากทำนะ ฉะนั้นชอบอะไร…
-
ตำรวจจีนเปิดคอร์สติวเข้มชาวต่างชาติ ให้เข้าใจกฎระเบียบการใช้ถนนสุดอินดี้ของจีน!!
เป็นที่ทราบกันดีว่า ท้องถนนประเทศจีนถือว่าเป็นถนนที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงมากประเทศหนึ่ง (อินเดียก็ใช่) ด้วยวัฒนธรรมและกฎระเบียบที่แตกต่างกัน ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติบางครั้ง ต้องถูกตำรวจเรียกบ่อยๆ เพราะไม่เข้าใจกฎระเบียบ ล่าสุดทางหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของเมืองเซี่ยงไฮ้ ได้จัดอบรมเวิร์คช็อปให้กับชาวต่างชาติ เพื่อให้เข้าใจกฎระเบียบและข้อบังคับในการใช้รถใช้ถนนในประเทศจีน ซึ่งค่อนข้างจะมีเอกลักษณ์ของตนเอง หากเทียบกับประเทศอื่น โดยเฉพาะกฎข้อหนึ่งของการใช้รถจักรยานยนต์ในประเทศจีนที่หลายคนไม่เคยรู้เลยก็นั่นก็คือ “ห้ามมีผู้โดยสารซ้อนท้ายเป็นอันขาด” ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลายคน ต้องเสียค่าปรับจากการทำผิดกฎข้อนี้ “ผมเชื่อว่าน้อยคนนักจะทราบถึงกฎข้อนี้ ขนาดผมคิดว่าผมศึกษามาดีแล้ว ผมยังไม่เข้าใจทั้งหมดเลย ดังนั้นที่พวกเขาไม่ทำตาม เพราะพวกเขาไม่รู้นั่นเอง” หนึ่งในชาวต่างชาติที่เข้าอบรมกล่าว โดยในระหว่างการอบรม ทางตำรวจจราจรเซี่ยงไฮ้ได้เน้นย้ำกฎระเบียบสำคัญ 5 ข้อสำหรับชาวต่างชาติดังนี้ 1. ห้ามมีคนซ้อนเด็ดขาด (คือรถจักรยานยนต์ต้องมีแค่คนขี่คนเดียว ห้ามมีคนซ้อน แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจเท่าไหร่นะ) 2. สวมหมวกนิรภัยเสมอ (แต่ก็ไม่ค่อยมีใครใส่) 3. รถจักรยานยนต์ทุกคันต้องลงทะเบียนกับทางตำรวจว่าใครเป็นเจ้าของ 4. ห้ามขับขี่บนทางเท้าและจอดรถทับทางม้าลาย 5. ใบขับขี่สากลไม่สามารถใช้ได้ในเมืองเซี่ยงไฮ้ ชาวต่างชาติต้องทำใบขับขี่ท้องถิ่นเท่านั้น ใครที่ต้องไปใช้ชีวิตในประเทศจีน อย่าลืมศึกษากฎระเบียบบ้านเมืองเขาให้ดีนะฮะ ไม่งั้นอาจโดนปรับจนอานได้ เดี๋ยวจะหาว่าเหมียวไม่เตือน ฮาาา ที่มา…
-
เอางี้เลย!? นักท่องเที่ยวจีนไปเยือนเกาะไข่ ณ ภูเก็ต จับปลามาใส่ซองกันน้ำ บอกเก็บไว้ดูเล่น
ตามสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ สิ่งหนึ่งที่เราควรตระหนักเลยก็คือไม่ควรนำอะไรจากธรรมชาติติดตัวกลับมา และอีกสิ่งก็คือไม่ควรนำอะไรไปทิ้งในที่แห่งนั้นด้วย เพื่อเป็นการรักษาธรรมชาติให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน แต่ต่อให้รณรงค์ยังไงก็ตาม มันก็มักจะพังทลายไปเสียทุกที เพราะมีนักท่องเที่ยวมากมายหลายกลุ่มเหลือเกิน ล่าสุดนี้ก็เป็นกรณีของนักท่องเที่ยวจีน (อีกแล้ว) ที่กำลังแห่กันมาเที่ยวประเทศไทยของเราไปทั่วดินแดน จนเคสนี้หนักตรงที่ว่าพี่แกเล่นไปจับปลามาใส่ถุง ใส่ซองกันน้ำกันเลยแหละ เหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้น ณ บริเวณ เกาะไข่ จังหวัดภูเก็ต หาดสวย น้ำใส แต่กำลังถูกทำลายบรรยากาศดีๆ เพียงแค่คนไม่กี่คน แม้ว่าจะมีการตักเตือนแล้วก็ไม่รู้สึกผิดอะไร อ้างว่าเก็บไว้ดูเล่น แถมยังกล่าวว่าจับง่ายอีกต่างหาก เจอแบบนี้บ่อยๆ เข้า มีหวังปลาหาย แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติถูกทำลายย่อยยับแน่นอน!! ที่มา : まあやさんか ぷうさにいさ
-
คุณปู่ชาวจีนถอดเสื้อแจ็คเก็ตให้หลานอาเจียนใส่บนรถไฟฟ้า เผยไม่อยากให้รถไฟสกปรก
เราอาจเคยได้ยินพฤติกรรมอันน่าปวดใจของชาวจีนมามาก โดยเฉพาะการขับถ่ายบนระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ จนกลายเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นบนรถไฟฟ้า หรือบนเครื่องบิน แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมข่าวที่จะทำให้ทุกคนรู้ว่า จริงๆ แล้วคนจีนดีๆ มารยาทเยี่ยมๆ ก็ยังมีอีกเยอะนะ เพียงแค่ไม่ได้เป็นข่าวเท่านั้นเอง เรื่องราวมีอยู่ว่า เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อน มีปู่ย่าและหลานสาวครอบครัวหนึ่งได้ขึ้นรถไฟฟ้าในนครเซี่ยงไฮ้ ผู้โดยสารท่านอื่นสังเกตว่าเด็กสาวคนนั้นท่าทางกำลังป่วยหนักอยู่ เพราะบนศีรษะของเธอมีแผ่นเจลลดไข้แปะไว้ หลังจากเธอนั่งได้ซักพักใหญ่ๆ ดูเหมือนอาการของเด็กสาวจะแย่ลงกะทันหัน และเธอมีอาการคลื่นเหียนคล้ายจะอาเจียน จังหวะนั้นเองคุณปู่ก็ถอดเสื้อแจ็คเก็ตของตนเองออก แล้วยื่นให้หลานตนเองอาเจียนใส่ เมื่อชาวเน็ตได้ทราบถึงพฤติกรรมอันน่ายกย่องดังกล่าว ก็ได้ออกมาชื่นชมมากมาย เพราะหากคุณปู่ปล่อยให้หลานอาเจียนตรงนั้น คงเป็นเรื่องยากที่พนักงานทำความสะอาดจะเข้ามาทำความสะอาดในทันที และอาจรบกวนผู้โดยสารคนอื่นได้ นอกจากนี้หน่วยงานรถไฟฟ้าประจำนครเซียงไฮ้ ก็ออกมาชื่นชมคุณปู่คนนี้ด้วยเช่นกัน พร้อมให้คำแนะนำว่า หากมีผู้โดยสารที่ป่วย ควรติดต่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ของสถานีรถไฟในทันที สุดยอดไปเลยฮะ เรียกว่ามีจิตสาธารณะอย่างเต็มเปี่ยมจริงๆ #เหมียวอ๊อดโด้ ขอชื่นชมจากใจ เห็นมั้ยล่า คนจีนก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรอย่างที่เราคิดเสมอไปหรอกนะฮะ ที่มา Shanghaiist
-
ตำรวจสาวเจอไล่ออก หลังถ่ายเซลฟี่สุดสยิวในเครื่องแบบ ให้สื่อสังคมออนไลน์ได้ชมกัน
ตั้งแต่มีสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์คมา ดูจะทำให้เกิดเรื่องวุ่นๆ อยู่ตลอดเวลา (ส่วนใหญ่ก็เกิดมาจากการใช้มันแบบผิดๆ นี่แหละ) ล่าสุดมีตำรวจสาวถ่ายภาพเซลฟี่สุดสยิวมาแชร์ให้โลกออนไลน์ดู จากนั้นเธอกลับถูกไล่ออกทันที เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า ตำรวจหญิงไม่ทราบชื่อวัย 21 ปีในมณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน ที่ทำหน้าที่เป็นตำรวจกองกำลังเสริม ได้ถ่ายภาพเซลฟี่วับๆ แวมๆ ในชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจลงในเว็บไซต์ Weibo จากนั้นภาพของเธอก็กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมว่าการแต่งตัวของเธอดูจะเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม เช่นความเห็นของคุณที่ใช้นามแฝง Uche Echi บอกว่า “นี่เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่เลยสำหรับเธอ เธอเอาหน้าที่การบังคับใช้กฎหมายมาเรียกชื่อเสียงให้กับเธอ” แต่ความเห็นอีกฝั่งหนึ่งกลับมองว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเช่นความเห็นของคุณ Morgane Borrel บอกว่า “นี่มันคือความเซ็กซี่ที่บริสุทธิ์ หากภาพที่เธอนั่งอยู่บนพื้นแล้วเซลฟี่เป็นความไม่เหมาะสม คนส่วนมากก็ถ่ายภาพที่ไม่เหมาะสมทั้งนั้นแหละ” สุดท้ายเธอถูกทางต้นสังกัดของเธอไล่ออกจากการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้เป็นบทเรียนแก่คนอื่นๆ ถึงการแสดงออกอย่างเหมาะสม แต่ถึงเธอจะลบรูปเหล่านี้ออกไปแล้ว กลับมีคนเซฟภาพของเธอไปโพสต์ต่อแบบไม่จบไม่สิ้นอยู่ดี ที่มา dailymail
-
ชายชราแสนภูมิใจ เลี้ยง “หนู” กว่า 40 ตัวภายในบ้าน แต่เพื่อนบ้านเค้าไม่ได้คิดแบบนั้นด้วยน่ะสิ!!
เราอาจเคยเห็นจากข่าวหรือรายการทีวีต่างๆ ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนบ้านสุดสยอง เช่นเพื่อนบ้านแสนสกปรก หรือไม่ก็เพื่อนบ้านที่ชอบส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น แต่บางครั้ง เรื่องที่นำเสนอในทีวี ยังไม่เลวร้ายเท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ อย่างเรื่องราวของเพื่อนบ้านหลังนี้ เรื่องราวดังกล่าวเป็นของชายชราคนหนี่งชื่อว่า โจว ความเลื่องชื่อของเขาไม่ได้มาจากพฤติกรรมของเขาแต่อย่างใด แต่เป็น “สัตว์เลี้ยง” ของเขาต่างหาก เพราะเขาเลี้ยง “หนู” เป็นๆ กว่า 40 ตัวไว้ในบ้านของตนเอง!! เพื่อนบ้านเล่าว่า คุณตาโจว ปล่อยให้หนูทั้ง 40 ตัวเข้ามาวิ่งเล่นในบ้านของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังซื้ออาหารมาเลี้ยงเจ้าหนูเหล่านี้ทุกวันอีกด้วย แม้เพื่อนบ้านหลายคนจะไม่อยากเข้าใกล้บ้านของคุณตาโจว แต่พวกเขาก็ยังยืนยันว่าคุณตาโจวเป็นคนดีมาก เพราะเขาไม่เคยทำร้ายชีวิตสัตว์เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ซักตัวเลย อย่างไรก็ตาม เมื่อชาวบ้านแจ้งเข้าไป หน่วยงานท้องถิ่นได้ตัดสินใจย้ายคุณตาโจวไปยังบ้านพักคนชราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีการนำหนูเหล่านั้นไปปล่อยในนา ด้วยเหตุผลทางสุขอนามัยของคนในท้องถิ่น ก็เข้าใจนะว่าเป็นเรื่องของความรักความชอบ แต่อย่างนี้ก็ออกจะรบกวนผู้อื่นไปซักนิดหนึ่ง หวังว่าคุณตาโจวจะหาเพื่อนใหม่ในบ้านพักคนชราได้ในเร็ววันนะฮะ ที่มา Shanghaiist
-
สาวจีนคลิปกินข้าวโพดยันไม่ได้โม้ โดนกระชากผมหลุด ชาวเน็ตสงสัยหรือที่จริงแล้วเธอโกนไว้ก่อน!?
ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา มีคลิปๆ หนึ่งถูกแชร์ไปทั่วอินเตอร์เน็ต เมื่อมีสาวจีนคนหนึ่ง ทดลองกินข้าวโพดต้มด้วยสว่านไฟฟ้า จนสุดท้ายโชคร้าย เส้นผมถูกม้วนเข้าไปและถูกสว่านดึงผมจนหลุดออกมากระจุกหนึ่ง ใครยังไม่เคยดูลองไปดูกันก่อน ซึ่งหลังจากมีการเผยแพร่คลิปออกไป ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมาว่า เป็นการจัดฉากหรือเปล่า ร้อนสาวจีนคนดังกล่าวต้องอัดคลิปออกมาชี้แจงว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงและผมที่หลุดออกไป ก็ผมจริงๆ ด้วย ลองไปชมคลิปกันเลย เธอบอกมีภาพประกอบด้วยนะ เห็นมั้ยละ มีจุดแดงๆ ช้ำๆ อยู่บนหัวด้วย หลังจากนั้น #เหมียวอ๊อดโด้ ได้ไปเจอคอมเม้นท์หนึ่งน่าสนใจที่ว่า… มันก็น่าคิดเหมือนกันนะ ปกติคนโดนกระชากผมมันจะหลุดง่ายแบบนี้รึเปล่า แล้วแผลมันน่าจะมีอะไรเจ็บกว่านี้ไหม คงต้องให้แพทย์ที่มีความรู้มาช่วยแล้วล่ะ เพื่อนๆ เชื่ออย่างที่เขาบอกหรือเปล่า รึว่าที่จริงแล้วมันเป็นแค่การจัดฉากเพื่อความอยากดังบนอินเตอร์เน็ต ลองแสดงความเห็นกันเข้ามานะช ที่มา BESTVID
-
สาวจีนออกมาชูป้าย ‘ต้องการสามี’ หลังป่วยเป็นมะเร็ง โดนผัวทิ้งพร้อมหอบลูกและเงินก้อนสุดท้ายไปด้วย
ขอบอกเลยว่าเรื่องที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้มันดราม่าซะยิ่งกว่าละครหลังข่าวอีก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ป่วยเป็นมะเร็ง แต่แทนที่สามีจะอยู่เป็นกำลังใจและสู้ไปพร้อมๆ กัน กลับทิ้งเธอไปดื้อๆ ซะงั้น!? เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวของนาง Ding Zhen วัย 28 ปี จากมณฑลซานตง ประเทศจีน หญิงสาวผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาวและต้องเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูก แต่ที่น่าเจ็บใจไปกว่านั้นก็คือ สามีของเธอได้ทิ้งเธอไปแถมยังกระเตงลูกชายของเธอพร้อมกับหอบเงินทั้งหมดที่มีไปด้วย สาเหตุที่สามีของเธอทำแบบนี้ก็เพราะคิดว่าการรักษาโรคมะเร็งต้องใช้เงินอีกมาก จึงเลือกที่จะแก้ปัญหาโดยการหนีไปคนเดียว เมื่อนาง Ding ทราบเรื่องก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะโรคร้ายคงไม่รอให้เธอตามสามีเจอ เธอจึงแต่งชุดเจ้าสาวออกมายืนกลางถนนแล้วชูป้ายตามหาสามีที่หายไป หวังให้กลายเป็นที่สนใจของคนที่ผ่านไปผ่านมาและช่วยเธอตามหาสามีของเธอ นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่าสามีของเธอพยายามจะขอหย่ากับเธอถึง 3 ครั้ง หลังจากที่รู้ว่าเธอป่วยเป็นมะเร็ง “หลังจากที่ฉันป่วย สามีของฉันก็ไม่ได้ให้เงินฉันค่ารักษาพยาบาลฉันเลย” เธอกล่าว นอกจากนี้สามีของเธอยังเอาเงินก้อนสุดท้ายของครอบครัว จำนวน 15,000 หยวน หรือประมาณ 83,730 บาท ไปด้วย ทำให้ตอนนี้เธอมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายและค่ารักษามาก เธอหวังแค่ว่าจะได้เจอกับลูกชายตัวน้อยของเธออีกครั้ง เพราะเขาเปรียบเสมือนพลังที่ทำให้เธออยากต่อสู้กับโรคนี้ต่อไป ขอให้เจอสามีและลูกเร็วๆ…
-
วิเคราะห์สาเหตุ ทำไม ‘นักท่องเที่ยวจีน’ จึงขึ้นชื่อเรื่องพฤติกรรมไร้ระเบียบวินัย จนดังไปทั่วโลก?
ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ชาวจีนแผ่นดินใหญ่จำนวนมากได้ออกเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในเอเชีย ยุโรป หรืออเมริกา และด้วยความแตกต่างทางวัฒนธรรมและความคิดอย่างสุดกู่ ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเหล่านั้นกลายเป็นที่เอือมระอาของชาวบ้านประเทศเจ้าถิ่นเป็นอย่างมาก เมื่อคนจีนมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น…. พฤติกรรมแย่ๆ เรามักพบเห็นในเหล่านักท่องเที่ยวจีนก็อย่างเช่น การแซงคิว การขับรถที่น่าหวาดเสียว การตักอาหารในร้านบุฟเฟ่แบบเกินความจำเป็น การพูดคุยเสียงดังในที่สาธารณะ และอื่นๆ อีกมากมายที่ต่อให้เล่าภายในหนึ่งวันก็อาจไม่หมด หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมพฤติกรรมเหล่านั้น จึงมักปรากฏในตัวของชาวจีน พวกเขาใช่เป็นกลุ่มชนที่ไร้อารยะอย่างที่พวกเราตราหน้าจริงหรือ!? แล้วทำไมพวกเขาจึงมีพฤติกรรมเช่นนั้น เราลองไปหาสาเหตุกันดีกว่า?? ประเทศที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน… อย่างที่ทราบกันดีว่า ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาวกว่า 4,500 ปี ตลอดช่วงเวลานั้น มีนักปราชญ์ชื่อก้องโลกหลายต่อหลายคนถือกำเนิดขึ้นมาบนแผ่นดินมังกรแห่งนี้ และประเทศจีนก็เป็นดินแดนแรกๆ ที่เริ่มประดิษฐ์กระดาษและดินปืนขึ้นมาใช้อีกด้วย แน่นอน ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานขนาดนี้ พวกเขาย่อมเป็นดินแดนที่มีประเพณีและวัฒนธรรมงดงามไม่แพ้ชนชาติใดๆ ในโลกอย่างแน่นอน อย่างเช่นลัทธิเต๋าและขงจื้อที่เป็นหลักจริยธรรมและวิถีการดำเนินชีวิตให้กับชาวฮั่นมาตลอดหลายร้อยปี เรดการ์ด และ การปฏิวัติวัฒนธรรม แต่จนกระทั่งช่วงปี 1960 ประเทศจีนเข้าสู่ยุคคอมมิวนิสต์ ที่มี เหมาเจ๋อตุง เป็นผู้นำสูงสุด ตอนนั้นเขาเริ่มสูญเสียฐานอำนาจในพรรคคอมมิวนิสต์ของตนเอง ด้วยความกลัวที่จะเสียอำนาจนั้น เขาใช้ข้ออ้างในการ…
-
ปลอมทุกอย่าง!! ชาวญี่ปุ่นเตือน อย่างหลงเชื่อพระญี่ปุ่นเรี่ยไรเงิน แท้จริงเป็นชาวจีนปลอมตัวมา!!
ประเทศจีนนั้นถือว่าเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำของเลียนแบบ ว่ากันว่าพิมพ์เขียวของสิ่งของทุกอย่างบนโลก สามารถหาได้จากโรงงานในจีน แต่วันนี้ของจีนถือว่าพัฒนาไปอีกขั้นแล้ว เพราะไม่เพียงแต่ปลอมแค่สิ่งของเท่านั้น แต่พวกเขายังปลอม “พระ” อีกด้วย!! เรื่องราวมีอยู่ว่า เฟสบุ๊คของคุณ Akihiro Koki Tomikawa ได้ออกมาเตือนนักท่องเที่ยวที่กำลังจะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นว่า อย่าหลงเชื่อพระญี่ปุ่นที่ออกมาเรี่ยไรเงินตามสถานที่ท่องเที่ยว เพราะแท้ที่จริงแล้วเป็นเกษตรกรชาวจีนปลอมตัวมา!! 日本で出没するニセ僧呂に注意(拡散希望) โปรดระวังพระสงฆ์ปลอมที่ญี่ปุ่นนะครับ (แชร์กันด้วยนะครับ) 中国は現在さまざまなコピーを作り出し輸出して国際問題になっていますが、今回僧侶のコ… โพสต์โดย Akihiro Koki Tomikawa บน 3 พฤษภาคม 2016 โดยชาวจีนเหล่านั้น โกนผมและแต่งตัวเหมือนพระญี่ปุ่น และคอยขายของอ้างว่านำเงินไปทำบุญตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เมื่อนักท่องเที่ยวเห็น ก็หลงเชื่อซื้อของบริจาคเงินกันไป ตอนนี้ทางตำรวจญี่ปุ่นได้จับกุมพระปลอมบางส่วนได้แล้ว ซึ่งทางตำรวจพบว่า พวกเขาสามารถหลอกเงินไปได้ถึง 450,000 เยนหรือนราว 150,000 บาทภายในระยะเวลาเพียง 10 วันเท่านั้น แบบนี้ก็มีด้วย ใครจะไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงนี้ก็ขอให้ระมัดระวังนะฮะ ตรวจสอบกันดีๆ ซะก่อน อย่าเพิ่งหลงเชื่อ ไม่งั้นอาจตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่ประสงค์ดีเหล่านี้ก็เป็นได้ ที่มา Akihiro…
-
สุดสังเวช เด็กน้อยชาวจีนเกิดมาพร้อมนิ้วมือ 15 นิ้ว นิ้วเท้า 16 นิ้ว แม่วอนขอบริจาคค่ารักษาฯ
สำหรับเหล่าพ่อแม่แล้ว สิ่งที่พวกเขาปรารถนามากที่สุดคงหนีไม่พ้น การขอให้ลูกน้อยของพวกเขาเกิดมาปกติครบสมบูรณ์เหมือนดั่งคนทั่วไป แต่บางครั้งชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ ทำให้เรื่องราวน่าเศร้าของเด็กพิการ มีอยู่ทั่วไปแทบทุกมุมโลก อย่างเช่นเรื่องราวของเด็กชายวัย 3 เดือนชื่อว่า Honghong คนนี้ เขาเกิดมามีนิ้วมือ 15 นิ้ว และนิ้วเท้าอีก 16 นิ้ว แต่ไม่มีนิ้วโป้ง แพทย์วินิจฉัยว่า เขาเป็นโรคนิ้วเกินที่เกิดขึ้นได้ยากมาก ซึ่งแม่ของ Honghong ก็มีอาการนิ้วเกินเช่นเดียวกัน ซึ่งตอนที่เธอตั้งท้อง Honghong เธอก็กังวลว่าโรคนี้จะถ่ายทอดไปยังลูกหรือไม่ เธอจึงไปสแกนลูกในครรภ์กับโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเซิ่นเจิ้น ซึ่งหมอบอกว่าลูกของเธอปกติดีไม่ต้องเป็นห่วง แต่สุดท้ายเมื่อคลอดออกมา ลูกเธอกลับมีอาการดังกล่าวไปข้างต้น ตอนนี้หมอกล่าวว่า เคสนี้ถือว่าเป็นเคสที่ยากมากๆ และพวกเขาต้องรีบผ่าตัดโดยด่วนคือตั้งแต่ Honghong มีอายุ 6 เดือนจนถึง 1 ปี ก่อนที่กระดูกจะคงที่ ไม่เช่นนั้นอาจไม่มีโอกาสรักษาอีกเลย ยิ่งไปกว่านั้น การผ่าตัดที่ยากขนาดนี้จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงถึง 5 แสนหยวนหรือราว 2 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับฐานะของครอบครัว Honghong คุณแม่จึงมีการขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญในเรื่องค่ารักษาพยาบาล #เหมียวอ๊อดโด้ ก็ได้แต่หวังว่า…
-
หนูน้อยแฝด 3 ชาวจีนออกเดินทางไปทั่วจีน แจกใบปลิวตามหาแม่ที่ทอดทิ้งพวกเขา
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รางานว่า เด็กน้อยแฝด 3 ชาวจีนวัย 5 ขวบ ได้ออกเดินทางไปทั่วประเทศจีนเพื่อแจกใบปลิวตามหาแม่บังเกิดเกล้าที่ทอดทิ้งพวกเขาตั้งแต่ยังเล็ก ตามรายงานบอกว่าเด็กๆ ทั้ง 3 คนถูกพบเห็นที่บริเวณ ข้างถนนในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน กำลังยืนแจกใบปลิวตามหานาง ฮัน ซินหัว แม่วัย 27 ปีของพวกเขา ที่ทิ้งพวกเขาไปแบบไม่ทราบสาเหตุ พร้อมทั้งกระเตงลูกสาวคนเล็กวัย 2 ขวบที่ชื่อหานไปด้วยอีก 1 คน มีรายงานเพิ่มเติมว่าเด็กทั้ง 3 คนนี้เป็นลูกของนางฮันกับนายหวง วันหนึ่งนางฮันได้ทิ้งนายหวงไปและแต่งงานกับแฟนคนใหม่และมีลูกสาวที่ชื่อหาน แต่ดูเหมือนว่าชีวิตคู่กับสามีคนใหม่จะไปไม่รุ่งเท่าไหร่ เธอจึงวกกลับมาหานายหวง แต่ก็หายไปอีกรอบ สุดท้ายนายหวงเกือบจะล้มเลิกการตามหานางฮันแล้ว แต่ดันไปได้ยินข่าวมาว่ามีคนพบเห็นนางฮันอยู่แถวเซินเจิ้น นายหวงเลยพาลูกๆ ทั้ง 3 มาออกตามหาแม่ของเขาที่นี่ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และนี่คือหน้าตาคุณแม่ของเด็กๆ ล่ะ ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเด็กๆ ทั้ง 3…
-
งี้ก็ได้เหรอ!? ยายปล่อยหลานฉี่บนพื้นในห้องโดยสารเครื่องบิน ผู้โดยสารคนอื่นสุดจะทน
คงจะไม่มีอะไรที่ทำให้เหล่าคนเดินทางจะสยดสยองได้เท่ากับการเดินทางร่วมกับชาวจีนอีกแล้วล่ะ เพราะพวกเขามักจะมีพฤติกรรมแปลกๆ โดยเฉพาะเรื่องการรักษาความสะอาด เพราะล่าสุดมีคุณยายคนหนึ่ง ปล่อยให้หลานตัวน้อยนั่งฉี่ในห้องโดยสารบนเครื่องบิน ทำเอาผู้โดยสารคนอื่นๆ ถึงกับอึ้งไปเลย เมื่อวันที่ 2 เมษายน เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยแพร่ภาพเที่ยวบินจากเมืองเจิ้งโจวไปยังกรุงปักกิ่ง เป็นภาพของหนูน้อยชาวจีนคนหนึ่ง กำลังนั่งยองๆ บนพื้นในห้องโดยสารของเครื่องบิน จากนั้นก็ปลดทุกข์อย่างสบายใจโดยมีคุณยายคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ ตามรายงานบอกว่ามีผู้โดยสารที่นั่งเบาะข้างๆ กับคู่ยายหลานสังเกตเด็กหญิงพูดกับยายว่าเธอปวดฉี่และต้องการกระโถน แต่แทนที่คุณยายจะพาเธอเดินไปเข้าห้องน้ำ กลับอุ้มหลานมานั่งตรงหน้าและถอดกางเกงเธอออก จากนั้นก็ปล่อยให้หลานฉี่ไปแบบสบายใจ หลังจากที่เรื่องนี้เริ่มโด่งดังในจีน ก็เกิดข้อถกเถียงกันของชาวเน็ต โดยบางคนแสดงความเห็นเชิงประชดประชันว่า “สำหรับทุกๆ คนในชาติของฉันแล้ว ที่ไหนๆ ก็คือห้องน้ำทั้งนั้น” อีกความเห็นบอกว่า “ขอบคุณการศึกษามาก เมื่อเด็กคนนี้โตขึ้นคงจะเป็นแบบเดียวกันนี่แหละ” ไม่รู้ว่าเที่ยวบินนี้จะยาวนานแค่ไหนนะเนี๊ยะ แค่จินตนาการถึงกลิ่นก็สยองแล้ว ที่มา shanghaiist
-
แซ่บค่ะขุ่นแม่!! ชมภาพ “ปอย ตรีชฎา” รับบทบาทสุดสยองในหนังจีนเรื่อง Witch Doctor
เรียกได้ว่าโกอินเตอร์แบบสุดๆ เลย สำหรับ ปอย ตรีชฎา เพราะในระยะหลังๆ มานี้แทบจะไม่เห็นเธอรับงานบันเทิงในไทยเลย แต่ไปโด่งดังอยู่ที่ประเทศจีนแทน แถมยังมีงานแสดงที่นั่นเข้ามาแบบไม่ขาดสาย ล่าสุดสาวปอย ตรีชฎา กำลังจะมีผลงานภาพยนตร์จีนเรื่องใหม่ที่ชื่อว่า Witch Doctor เป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก การฆาตกรรมและปีศาจ ที่มีการยกกองถ่ายมาถ่ายทำในประเทศไทยด้วย แต่สิ่งที่เด็ดดวงและทำให้หนุ่มๆ ถึงกับตาลุกวาวเห็นจะเป็นภาพโปรโมทและตัวอย่างหนังที่ปล่อยออกมานี่แหละ เพราะในหนังเรื่องนี้จะมีฉากที่ปอย ตรีชฎา เปลือยแผ่นหลังให้ได้เห็นกัน โดยเธอบอกว่าไม่มีการใช้สแตนอินหรือนักแสดงแทนนะ งานนี้ถอดเองเลยจ้า ชมตัวอย่างได้ที่ด้านล่างเลย ใบปิดหนังอย่างเป็นทางการ ภาพยนตร์เรื่อง Witch Doctor มีกำหนดฉายในประเทศจีนวันที่ 27 พฤษภาคมนี้นะ ส่วนในประเทศไทยอาจจะต้องรอดูว่าจะประกาศวันไหนกันแน่ ที่มา china
-
หนุ่มจีนสุดเพี้ยน บอกว่าตัวเองเป็นราชวงศ์จากต่างดาว ถ้าตำรวจจับ เขาจะทำลายโลกซะ!!
คนเพี้ยนๆ กับเรื่องราวเพี้ยนๆ มีอยู่ทั่วโลก บางคนก็เพี้ยนจริง แต่บางคนก็เพี้ยนเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง อย่างเช่นหนุ่มชาวจีนคนนี้ เรื่องราวมีอยู่ว่า ตำรวจจราจรจากเมืองฮู่โจว มลฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ได้ตามจับรถคันหนึ่งซึ่งทำผิดกฎจราจรกว่า 27 ข้อหา และทันทีที่เจ้าของรถทราบว่ารถของตนเองกำลังจะถูกตำรวจยึด เขาก็ได้ให้เหตุผลที่ใครได้ยินก็ต้องเงิบ!! เขาบอกตำรวจว่า “คุณก็มีกฎของคุณ แต่ผมก็มีกฎของทางช้างเผือกของผมเช่นกัน ผมเป็นหนึ่งในราชวงศ์ทางช้างเผือก ถ้าคุณปล่อยผมไป ผมจะทำเป็นลืมๆ เรื่องนี้ไปซะ” “แต่ถ้าคุณทำให้ผมโกรธล่ะก็ ผมจะทำลายโลกนี้ทิ้งซะ ราชวงศ์ของผมยิ่งใหญ่ที่สุดในกาแลคซี่นี้ ไม่มีใครอยากทำให้ผมโกรธแน่นอน” ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กันดีกว่า 我要灭掉地球! โพสต์โดย Shanghaiist 中文版 บน 27 เมษายน 2016 แต่ถึงแม้เขาจะพยายาม “ข่มขู่” คุณตำรวจด้วยการทำลายโลกขนาดไหน สุดท้ายรถของเขาก็โดนตำรวจซิวไปอยู่ดี โชคดีจริงๆ ที่คุณตำรวจไม่บ้าจี้ไปด้วย ทีหลังไปหามุขใหม่มานะนายย ที่มา Shanghaiist
-
อะเมซิ่ง!! ชาวจีนสร้างเรือดำน้ำทุนต่ำ ด้วยเงินเพียง 2 หมื่นกว่าบาท!?
แม้ว่าประเทศจีนจะไม่ได้เป็นประเทศเจ้าแห่งไอเดียและการประดิษฐ์สิ่งแปลกๆ เหมือนกับญี่ปุ่น แต่พวกเขาก็สร้างข้าวของเครื่องใช้ได้เองแบบไม่น้อยหน้าใครเลย ล่าสุดเว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าชายหนุ่มจากมณฑลอันหุย ประเทศจีน ได้ประดิษฐ์เรือดำน้ำขึ้นมาใช้เอง ด้วยงบเพียง 5,000 หยวน หรือประมาณ 26,980 บาทเท่านั้น!? ตามรายงานบอกว่าชายหนุ่มรายนี้มีชื่อว่านายจาง เฉินวู เป็นชาวนาอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขาได้ใช้เงินประมาน 5,000 หยวนในการสร้างเรือดำน้ำ โดยเจ้าตัวบอกว่าใช้เวลาเพียงแค่ 2 เดือนก็สามารถสร้างได้แล้ว นายจางใช้เวลาเป็นชั่วโมงหลังเลิกงานตอนเย็นมานั่งต่อเรือดำน้ำ ซึ่งเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรือดำน้ำจริงๆ ที่มีขนาดประมาณ 2 ตัน และแล้วมันก็เสร็จสมบูรณ์และใช้งานได้จริงๆ นายจางบอกว่ามันสามารถดำลงไปในน้ำได้มากกว่า 1 เมตรเลยทีเดียว อยากรู้จริงๆ เลยว่ามันจะใช้การได้มากน้อยแค่ไหนนะเนี๊ยะ ถ้าอีกหน้าทำออกมาขายจริงคงจะเจ๋งไม่หยอกเลยทีเดียว ที่มา shanghaiist
-
นึกว่าไอโฟน!! ชาวอังกฤษแห่กางเต้นนอนรอข้ามคืน ซื้อตั๋วเที่ยวไทยในราคา 2,500 บาท!!
แม้ประเทศไทยจะมีข่าวด้านลบเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมาหลายต่อหลายข่าวในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเคสเกาะเต่า หรือกรณีวัยรุ่นรุมทำร้ายนักท่องเที่ยวจนสลบเมื่อเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา แต่ความนิยมในการมาเที่ยวประเทศไทย ดูจะไม่ลดน้อยลงไปเลย เพราะล่าสุดทางสำนักข่าว Metro จากอังกฤษ ได้รายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา บริษัททัวร์ STA Travel ในกรุงลอนดอนและเมืองเบอร์มิ่งแฮม ได้ทำโปรโมชั่นพิเศษ ขายตั๋วเครื่องบินไปกลับประเทศไทยในราคาเพียง 49 ปอนด์ หรือราว 2,500 บาทเท่านั้น ซึ่งหลังจากมีการประกาศออกไป ก็มีผู้สนใจมากมายมารอซื้อตั๋วราคาพิเศษดังกล่าว ถึงขนาดที่มานอนรอข้ามคืนกันเลยทีเดียว!! โดยทั้งสองสาขาจะจำหน่ายตั๋วราคาพิเศษเพียงสาขาละ 49 ใบเท่านั้น ทำให้เป็นที่ต้องการของผู้ที่สนใจเป็นอย่างมาก Mollie Merrifield และ Dan Jeffs วัย 18 และ 19 ปี ทั้งสองลงทุนลาออกจากร้านแมคโดนัลที่กำลังทำงานอยู่ เพื่อมาจองคิวซื้อตั๋วดังกล่าว “พวกเราลาออกจากงานแล้วมารอซื้อตั๋วค่ะ เพราะเราพยายามคุยกับหัวหน้าแล้ว แต่เขาไม่ยอมย้ายกะให้เรา เราก็เลยลาออก ไม่งั้นเราคงมาไม่ทันแน่ๆ” Waheed Khan นักศึกษาวัย 30 ปีคนนี้ กล่าวว่า…
-
สะเทือนอารมณ์ หนุ่มจีนผลักคนรักออกจากรถขณะมีไฟลุกไหม้ จนตัวเองถูกไฟคลอกตาย
กลายเป็นเรื่องราวที่ชวนให้สลดใจจริงๆ สำหรับความรักของชายหนุ่มที่มีให้กับหญิงสาว แม้วินาทีสุดท้ายของชีวิตก็เลือกที่จะปกป้องคนรักมากกว่าตนเอง… เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา สำนักข่าว CCTVNews ได้รายงานว่าคู่สามีภรรยาได้ขับรถมาตามทางในเมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซู ประเทศจีน แต่กลับเกิดอุบัติเหตุพุ่งชนเข้ากับรถอีกคันหนึ่งกลางถนน ทำให้รถของเขาเสียหายหนักและเกิดเพลิงลุกไหม้ในทันที ตามรายงานของสำนักข่าวท้องถิ่นบอกว่าชายหนุ่มที่น่าจะมีอายุราวๆ 50 ปี ได้พยายามช่วยผลักหญิงสาวออกไปจากตัวรถ ในขณะที่เขายังติดอยู่ด้านในเนื่องจากเก้าอี้กที่เขานั่งได้รับความเสียหายจนไม่สามารถออกมาได้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะรีบมายังที่เกิดเหตุด้วยความเร็วแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตของชายคนนี้ไว้ได้ทัน จากนั้นสำนักข่าวก็ได้นำภาพเหล่านี้มาเผยแพร่ในโลกออนไลน์ จนชาวเน็ตต่างสลดใจไปกับเรื่องราวความรักอันยิ่งใหญ่ของพวกเขาและแสดงความคิดเห็นเข้ามามากมาย “นี่คือรักแท้ ขอให้ไปสู้สุขตินะเพื่อน” โดย @Xiangjianhebiyouhenwan “ตอนนี้ผู้คนควรจะเห็นถึงความสำคัญของอุปกรณ์ดับเพลิงในรถได้แล้ว” โดย @Ershixiongyaodiaogan “ฉันหวังว่าเธอจะหายเศร้าโศก และใช้ชีวิตไปกับความรักที่สามีให้เธอมา” โดย @Zuoshouzhongdeyilian การซื้อถังดับเพลิงเล็กๆ ติดรถยนต์ไว้ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนะ เพราะเราไม่รู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นกับเราเมื่อไหร่ เตรียมพร้อมไว้เป็นดีที่สุดนะ ที่มา CCTVNews
-
หนุ่มจีนตามล้างแค้นอดีตแฟนสาวด้วยวิธีสุดเสื่อม กระชากกางเกงในหลุดคาขาหน้าร้านแมคโดนัลด์
เรื่องรักๆ เลิกๆ และมีการทะเลาะวิวาทกันของอดีตคู่รักหนุ่มสาว เรียกได้ว่ามีให้เห็นบ่อยเหลือเกิน และล่าสุดในวันที่ 27 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา ทางสำนักข่าวต่างประเทศ ได้เผยคลิปวีดีโอการทะเลาะวิวาทของอดีตคู่รักหนุ่มสาวชาวจีนคู่หนึ่ง ที่ทางเจ้าของคลิปนำมาโพสต์ในเว็บไซต์ไลฟ์ลีก โดยมีการระบุว่า… ชายหนุ่มวัยรุ่นจีนในภาพ ได้ตามมาล้างแค้นอดีตแฟนสาวของตนที่แอบไปมีคนอื่น ด้วยวิธีการสุดเสื่อม ณ หน้าร้านแมคโดนัลด์สาขาหนึ่งในจีน จากภาพเราจะเห็นได้ว่า ฝ่ายชายได้ทำการล้วง และกระชากกางเกงในของฝ่ายหญิง แล้วรูดลงมาอยู่ระหว่างหน้าขา ต่อหน้าผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้น ส่วนด้านฝ่ายหญิงเมื่อถูกอดีตแฟนหนุ่มตามมาราวีด้วยวิธีสุดเสื่อม เธอก็พยายามทุบตีให้อีกฝ่ายปล่อยมือออกจากกางเกง เนื่องจากที่ฝ่ายชายได้กระทำมันเป็นเรื่องที่สร้างความอับอายให้กับเธอเป็นอย่างมาก ลองไปชมคลิปกันเลย ด้านชาวเน็ตที่ได้เข้ามาชมคลิปวีดีโอดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์ไลฟ์ลีก ต่างก็ออกมาแสดงความเห็นว่า คนที่ถ่ายคลิปก็มัวแต่ยืนถ่าย โดยที่ไม่เข้าไปช่วยผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย เห็นแล้วมันน่าสลดใจจริงๆ ที่มา : mirror
-
ผู้โดยสารจีนปรอดแตก ตบหน้าพนักงานสายการบิน หลังเครื่องบินดีเลย์อย่างหนัก!!
หนึ่งในปัญหาที่ผู้โดยสารเครื่องบินไม่อยากเจอมากที่สุดคือการที่เครื่องดีเลย์ นั่นหมายความว่าผู้โดยสารต้องเสียเวลารอไปอีก จนบางทีอาจพลาดสิ่งที่สำคัญไปและอาจนำไปสู่ความไม่พอใจของผู้โดยสารก็เป็นได้ อย่างเช่นเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่สนามบินในนครฉางซา เมื่อเครื่องบินของสายการบิน Capital Airlines ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดในช่วงเย็นของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทางผู้โดยสารทีไ่ด้รับผลกระทบ จึงรวมตัวกันและขอพบกับตัวแทนของสายการบิน แต่ทางสายการบินได้ปฏิเสธคำร้องนั้น ทางผู้โดยสารจึงเริ่มไม่พอใจ และเข้าไปทำร้ายพนักงานต้อนรับภาคพื้นดินของสายการบินนั้น ในภาพเราจะเห็นว่ามีผู้โดยสารหญิงคนหนึ่ง สาดกล่องข้าวใส่พนักงานสาวของสายการบิน และชายเสื้อลายขวาง ก็ปรี่เข้าไปตบหน้าพนักงานของสายการบินคนดังกล่าวอีกที พร้อมพูดว่า “ชั้นตบหน้าเธอแล้วยังไง?” เมื่อข่าวดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตจีนก็ได้ตั้งข้อสงสัยว่า ตอนนี้ทั้งสองถูกใส่ชื่อเข้าไปในบัญชีดำของบรรดาสายการบินแล้วหรือยัง หรือพวกเขาได้รับบทลงโทษทางกฎหมายใดๆ หรือไม่ ที่เข้าไปทำร้ายพนักงานเช่นนั้น ลองไปชมคลิปกันดีกว่า โหดจริงๆ ผู้โดยสายชาวจีน แต่จะโมโหขนาดไหนก็ไม่ควรเข้าไปทำร้ายพนักงานนะ เพราะเขาก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย หวังว่าทั้งสองจะได้รับบทลงโทษตามกฎหมายที่เหมาะสมไปนะฮะ ที่มา Shanghaiist
-
แหวกแนวไม่หยอก คู่รักชาวจีนชวนกันไปปีนเขา แต่จู่ๆ ฝ่ายชายเซอร์ไพรซ์ขอแต่งงานซะงั้น
การขอแต่งงานถือเป็นหนึ่งในความทรงจำที่น่าจดจำมาก ไม่ว่ามันจะออกมารูปแบบไหน หนุ่มสาวก็จะจดจำมันไปตลอดกาล และแม้ว่ามันจะออกดีหรือแย่ยังไงคุณก็ย้อนเวลากลับไปแก้ไขมันไม่ได้ ฉะนั้นจะทำทั้งทีต้องเอาให้เริ่ดไปเลย เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่า คู่รักหนุ่มสาว ได้ชวนกันไปปีนเขาในอุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย ในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังปีนขึ้นไปได้ครึ่งทางนั้นเอง จู่ๆ ชายหนุ่มก็หยิบเอาแหวนออกมาและขอเธอแต่งงานแบบเซอร์ไพรซ์สุดๆ จากนั้นชายหนุ่มก็ถามคำถามสุดคลาสสิกกับเธอว่าจะแต่งงานกับเขาไหม ทั้งๆ ที่ทั้งคู่ยังห้องต่องแต่งอยู่ และหญิงสาวก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเล แต่การขอแต่งงานนี้ดูจะไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายสักเท่าไหร่ เพราะเนื่องจากพวกเขามีตากล้องมืออาชีพคอยตามถ่ายภาพ แถมยังมีการเตรียมชุดเจ้าสาวขึ้นไปด้วย ฝ่ายหญิงสาวเองก็น่าจะพอเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ว่าการขอแต่งงานนี้จะเกิดขึ้นโดยการเตี๊ยมกันมาก่อนหรือมาแบบเซอร์ไพรซ์ แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าภาพถ่ายของพวกเขาสวยงามแตกต่างจากการขอแต่งงานทั่วๆ ไปจริงๆ จะขอแต่งงานให้แปลกแหวกแนวยังไงก็ดูเรื่องความปลอดภัยกันด้วยนะจ๊ะ ที่มา shanghaiist
-
สยอง!! หนุ่มจีนป่วยมีเนื้องอกยักษ์ในช่องท้อง ใหญ่ยิ่งกว่าหญิงตั้งครรภ์!?
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมทีผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าชายชาวจีนวัย 33 ปีรายหนึ่ง ได้เข้าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลทหารในมณฑลเฉินตู ประเทศจีน เนื่องจากมีหน้าท้องที่ขยายใหญ่ออกมา คล้ายกับหญิงตั้งครรภ์ เมื่อเห็นดังนั้นทางโรงพยาบาลจึงได้ทำตรวจร่างกายอย่างละเอียดและพบว่าชายคนนี้มีก้อนเนื้องอกขนาดใหญ่เจริญเติบโตอยู่ภายในช่องท้องของเขา แถมยังมีน้ำหนักมากถึง 15 กิโลกรัมเลยทีเดียว ตามรายงานบอกว่าชายชาวจีนรายนี้ได้สังเกตเห็นว่าหน้าท้องของเขาใหญ่ขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 2004 แต่ไม่ได้ไปพบแพทย์ในทันที และปล่อยให้เวลาล่วงเลยจนเนื้องอกใหญ่ถึงขนาดนี้ ศัลยแพทย์ของทางโรงพยาบาลเห็นดังนั้นจึงตัดสินใจพาเขาเข้ารับการผ่าตัดเป็นเวลาทั้งสิ้น 6 ชั่วโมง หลังจากผ่าตัดเสร็จแล้ว ทางทีมแพทย์จะต้องเฝ้าสังเกตอาการของชายหนุ่มอย่างใกล้ชิดต่อไป หนุ่มๆ คนไหนที่มีหน้าท้องโตผิดปกติก็อย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองเป็นโรคอ้วนเพียงอย่างเดียว ลองหาเวลาไปตรวจเช็คร่างกายและออกกำลังกายบ้างนะจ๊ะ ที่มา shanghaiist
-
มันไม่จริง!! ชมภาพสาวสวยคอสเพลย์สุดน่ารักจากจีน ที่แท้เป็นชายหนุ่มทั้งแท่ง!?
ทุกวันนี้เทรนด์การแต่งตัวคอสเพลย์เป็นตัวการ์ตูนต่างๆ เริ่มได้รับความนิยมในวงกว้างมากขึ้น และในช่วงหลังๆ มานี้ก็เริ่มมีการคอสเพลย์แนวใหม่จากญี่ปุ่น ที่เหล่าหนุ่มๆ หน้าใสจะแต่งตัวเป็นหญิงสาว หรือคอสเพลย์เป็นตัวการ์ตูนสาวๆ ล่าสุด#เหมียวฟิ้นไปเจอเข้ากับเฟซบุ๊กเพจของนักคอสเพลย์ชาวจีนรายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า 豪歌 – Haoge ซึ่งเพจนี้มักจะลงรูปคอสเพลย์เป็นหญิงสาวผิวขาว หน้าตาน่ารัก มีแต่งชุดเมดบ้าง แต่งเลียนแบบตามแอนิเมะบ้าง หรือแม้แต่ถ่ายพอร์ทเทรตก็มี แต่ความพีคของสาวนักคอสเพลย์รายนี้มันอยู่ตรงที่…เธอไม่ใช่ผู้หญิง!! หากคุณไม่อยากจะเชื่อล่ะก็ ลองมาดูกันไปทีละรูปๆ เลย แต่งเป็นเซเบอร์จากการ์ตูนเรื่อง Fate Stay Night แต่งเป็นอาซึนะจากเรื่อง Sword Art Online แต่งเป็นเซเลอร์วีนัสจากการ์ตูน Sailor Moon มีออกงานแจกลายเซ็นเหมือนไอดอลทั่วๆ ไปด้วยนะ และนี่คือใบหน้าที่แท้จริงของเธอ . . . . . . . . ทำใจแล้วก็ไปดูกันเลย!! ชายแท้ๆ เลยนะขอบอก!! มันช่างทำร้ายจิตใจกันซะเหลือเกิน ที่รู้ว่าเธอ…