Tag: ญี่ปุ่น
-
สาวญี่ปุ่นถูกลวนลามบนรถไฟมาตั้งแต่เธออายุ 12-18 ปี บอกเล่าความรู้สึกผ่านหนังสือที่เธอเขียน
ทุกครั้งที่เราพูดถึงการลวนลามบนรถไฟ เหล่าท่านชายหลายคนก็คงจะคิดถึงพล็อตหนังผู้ใหญ่ที่มักจะเจอกันบ่อยๆ จากแดนอาทิตย์อุทัยใช่ไหมละ หรืออาจจะพูดกันติดตลกไปตามภาษา แต่เรารู้กันหรือไม่ว่าในชีวิตจริงมันกลับตลกไม่ออกเลย ปัญหาการลวนลามทางเพศในบนรถไฟในประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน ซึ่งแม้ทางรัฐจะหาทางออกยังไงมันก็ไม่หมดไปเสียที ด้วยเหตุนี้ Kumi Sasaki หญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อของเหล่าโรคจิตบนรถไฟ จึงได้เขียนหนังสือพร้อมบอกเล่าถึงประสบการณ์อันเลวร้ายที่เธอต้องถูกลวมลามมาตั้งแต่อายุ 12 ขวบ หนังสือของเธอนั้นมีชื่อว่า Tchikan ซึ่งบอกเล่าเหตุการณ์ที่เธอต้องเจอมาตลอดระยะเวลาเกือบ 7 ปี โดยในหนังสือได้เล่าถึงประสบการณ์แรกที่เธอถูกลวนลามบนรถไฟเมื่อตอนอายุ 12 ปี ว่า “ตอนนั้นฉันอยู่บนบนรถไฟสายยะมะโนะเตะ ซึ่งฉันรู้สึกว่าเหมือนมีมือใครบางคนมาสัมผัสบริเวณบั้นท้าย ในตอนแรกฉันก็คิดว่ามันเป็นเพราะรถไฟที่แน่นคนเลยบังเอิญมาโดน แต่เอาเข้าจริงๆ มันไม่ใช่ และก็ไม่มีท่าทีจะหยุดด้วย มือดังกล่าวลูบมาที่หลังของฉัน มาที่เอวและก้น ยิ่งนานไปมือนั้นก็ล้วงเข้าไปถึงในกระโปรง ด้วยความที่ตอนนั้นฉันยังเด็ก ความกลัวและความตกใจมันทำให้ฉันทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะหาทางรับมืออย่างไร” หลังจากเรื่องราวดังกล่าวเธอคิดว่ามันจะจบลง แต่ไม่เลย ปัญหาดังกล่าวนั้นยังคงดำเนินต่อไปและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ บางวันถึงกับมีชายวัยกลางคนแอบตามเธอมาถึงบ้านเลยก็มี หนักหน่อยก็มีชายที่แต่งงานแล้วมาบอกให้เธอมีลูกกับเขา ปัญหาดังกล่าวมันหนักขึ้นมากจนทำให้ Kumi คิดฆ่าตัวเลยทีเดียว แต่ก็ต้องขอบคุณเพื่อนของเธอที่เป็นกำลังใจและช่วยเหลือให้เธอผ่านมันมาได้ ซึ่งปัจจุบันเธออายุเข้าเลข 3 แล้วและตัดสินใจอาศัยอยู่นอกเขตตัวเมือง เพราะทุกครั้งที่ขึ้นรถไฟเธอยังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์เดิมๆ นั่นเอง…
-
พบกับอุปกรณ์เสริมสมาร์ตโฟน ‘มีดโกนขนจมูกไฟฟ้า’ ใช้ง๊ายง่าย เสียบ แหย่ แค่นั้นจอบอ
อย่างที่รู้กันดีว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของการประดิษฐ์อุปกรณ์แปลกๆ ออกมาวางขายกันเหมือนเป็นเรื่องปกติ และถึงมันจะแปลกแต่เอาจริงๆ มันก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงอย่างไม่น่าเชื่อ!? เช่นเดียวกันกับเจ้าอุปกรณ์เสริมติดกับสมาร์ตโฟนนี้ที่สามารถโกน ‘ขนจมูก’ ของคุณให้เกลี้ยงเกลาได้ โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่มือถือของคุณนั่นเอง เจ้าอุปกรณ์ดังกล่าวนี้ผลิตขึ้นมาโดยบริษัท Thanko ที่เป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์เพื่อใช้งานในชีวิตประจำวันแบบแปลกๆ ขึ้นมามากมาย มีทั้งหูฟังเอลฟ์, อุปกรณ์ซักผ้าขนาดจิ๋ว, หรือแม้แต่เครื่องทำความเย็นให้กับจั๊กกะแร้ก็มี หูฟังเอลฟ์ เครื่องซักผ้าจิ๋ว เครื่องทำความเย็นให้จั๊กกะแร้ โดยคุณสามารถเป็นเจ้าของอุปกรณ์เสริมตัดขนจมูกนี้ในราคาแค่ 413 บาท วิธีใช้งานก็ง่ายๆ เสียบมันเข้ากับช่องชาร์ตแบตเตอรี่สมาร์ตโฟนของคุณ แล้วก็ยัดส่วนใบมีดไฟฟ้าเข้าในรูจมูกของคุณได้เลย “ไม่ต้องชาร์ตแบต ทำความสะอาดได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่เห็นขนจมูกแพลมออกมาก็จัดการได้ง่ายๆ แค่เสียบมันเข้ากับโทรศัพท์ของคุณ ใช้ได้ทั้งระบบแอนดรอยด์ และไอโอเอส นอกจากนี้ตัวใบมีดยังสามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ด้วย ขอบอกเลยว่ามันเหมาะกับคุณสุดๆ!!” คำโฆษณาสินค้าจากหน้าเว็บไซต์ ใช้ง๊ายง่าย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ทำได้ แค่หยิบออกมา เสียบเข้าไปที่โทรศัพท์ แล้วก็ยัดเข้าไปในรูจมูก จอบอเลย หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจแล้วล่ะก็ลองเข้าไปเยี่ยมชมหน้าเว็บไซต์ของ Thanko กันได้เลย ที่มา :…
-
Tomioka Dance Club ชมรมนักเต้นสาวมัธยม ปล่อยคลิปเต้นเท้าไฟใหม่ “This is Me”
หากใครยังจำกันได้ เมื่อราวๆ เดือนกันยายนปีที่แล้ว เว็บไซต์ของเราได้เคยนำเสนอเรื่องราวของเกิร์ลกรุ๊ปญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Tomioka Dance Club ที่ก่อตั้งมาจากชมรมเต้นในโรงเรียนมัธยม Tomioka เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น สิ่งที่ทำให้ Tomioka Dance Club เริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกก็เพราะว่าพวกเธอได้เข้าประกวดการแข่งขันที่ชื่อว่า Nippon High School Dance Club Championship (กิจกรรมประกวดเต้นสำหรับเด็กมัธยม) พร้อมกับแต่งตัวย้อนยุคแบบสาวออฟฟิศสมัยยุค 80s แถมยังมีท่าเต้นแปลกๆ จนผู้ชมและคณะกรรมการต่างก็ฮาไปตามๆ กัน ใครนึกไม่ออกเรามีคลิปฉบับเต็มๆ ให้ดูด้วยนะ และล่าสุดทาง Tomioka Dance Club ก็ได้ปล่อยคลิปใหม่ออกมา คราวนี้เป็นเพลง This is Me ที่ใช้สำหรับประกอบภาพยนตร์ The Greatest Showman (ที่เข้าฉายในบ้านเราไปแล้วตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2017 ที่ผ่านมา) ดูไกลๆ อาจจะนึกว่า CG แต่จริงๆ แล้วนี่คือเหล่าบรรดานักเต้นทั้งจริงๆ กว่า…
-
ไม่น่าเชื่อ!? อัตราการฆ่าตัวตายในญี่ปุ่น “ลดลง” แต่วัยรุ่นกลับฆ่าตัวตายกันเพิ่มขึ้น
จากผลการวิจัยในสมัยก่อน บอกให้เราได้ทราบกันว่าคนญี่ปุ่นฆ่าตัวตายเป็นลำดับต้นๆ ของโลก โดยในปี 1960 นั้นทุกๆ 100,000 คนในญี่ปุ่น จะมีคนฆ่าตัวตายมากถึง 25 คนเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามในช่วง 8 ปีที่ผ่านมานั้นดูเหมือนว่าตัวเลขเหล่านั้นจะลดลงเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องทุกปี สำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่นได้ออกมาเปิดเผยว่า ในปี 2017 มีคนที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายที่ได้รับการรายงานในญี่ปุ่นเพียง 21,140 คน ลดลงนับเป็น 3.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเมื่อปีที่แล้ว สำนักงานตำรวจยังกล่าวอีกว่าตั้งแต่ที่ญี่ปุ่นมีการเก็บข้อมูลการฆ่าตัวตายมา ปีนี้เป็นปีที่มีเลขการฆ่าตัวตายน้อยที่สุด ด้วยตัวเลขเพียง 16.7 คน ในทุกๆ 100,000 คน (ข้อมูลอย่างละเอียดเริ่มเก็บเมื่อปี 1978) อย่างไรก็ตามตัวเลข 16.7 นั้นก็ยังถือว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นอยู่ดี (ประเทศไทยอยู่ที่ 6 คนต่อประชาชน 100,000 คนในปี 2015) โดยที่การฆ่าตัวตายในผู้ชายนั้นยังคงมีมากกว่าผู้หญิงถึงสองเท่าไม่ต่างจากหลายๆ ปีที่ผ่านมา มีผู้ชายฆ่าตัวตายเป็นจำนวนกว่า 14,600 คนต่อผู้หญิงที่ประมาณ 6400 คน เรื่องที่ไม่น่าเชื่อคือ ภายในตัวเลขที่ลดลงนั้นจำนวนวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20…
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นเผยเทคนิคการทำคะแนนสอบให้ได้ระดับท็อป ง่ายมาก..จดมันแมร่มให้หมด!!
เวลาพูดถึงเทคนิคการสอบ หลายคนก็มักจะมีเทคนิคที่เป็นแบบเฉพาะตัวเสมอ บางคนอาจจะเน้นความเข้าใจ บางคนอาจจะเน้นการท่องจำ แน่นอนว่าวิธีหลังนั้นเป็นวิธีที่เรามักจะฮิตมากที่สุด แต่นั่นก็ไม่ได้มีแค่คนไทยที่ชอบทำหรอกนะ.. เพราะล่าสุดชาวเน็ตจากญี่ปุ่นนามว่า @yuusuke_suzuki ก็ได้ออกมาเผยภาพเทคนิคในแบบสายท่องจำของนักเรียนคนหนึ่งของเขา โดยนักเรียนคนนี้นั้นสามารถทำคะแนนได้ระดับท็อปของชั้น เรียกว่าไม่ธรรมดาเลยใช่ไหม เกริ่นมาขนาดนี้แล้วเราคงอยากรู้แล้วว่าเขาจดยังไง ท่องจำยังไงถึงได้คะแนนดี งั้นเราลองมาดูกัน… @yuusuke_suzuki นั้นได้บอกว่านักเรียนของเขา พยายามจดทุกอย่างที่เขาอ่านและเสริมความเข้าใจทั้งหมดลงไป และการจดทุกอย่างที่ว่าไม่ใช่จดเล็กๆ น้อยๆ แต่มันคือทุกอย่าง!! ถ้าพื้นที่ไม่พอก็เสริมกระดาษโน๊ตเข้าไปในจุดที่เกี่ยวข้องกัน เรียกว่าเอาให้แน่น อ่านทีต้องเข้าใจ ซึ่งกลับกันเมื่อมีการเสริมโน๊ตเข้าไปในหนังสือ สภาพมันก็จะดูยุ่งเหยิงพอสมควร แต่รับรองเข้าใจ!! ลองดูเนื้อหาข้างในเสียก่อน มีการโยงการวาด คือเสริมส่วนที่ช่วยเข้าไป งานนี้จำง่ายขึ้นแน่ๆ เยอะจริงๆ นะเนี่ย ยิิ่งเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ การวาดแผนที่หรือวาดส่วนต่างๆ เข้าไปในแบบที่เราเข้าใจมันถือเป็นตัวช่วยชั้นดีเลย ดูตรงแผนที่ เหมือนมันจะแหว่งๆ เขาเลยวาดเพิ่มเข้าไปเอง หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วก่อนหน้านั้นหนังสือของนักเรียนคนนี้มันมีหน้าตายังไง และนี่ก็คือหน้าตาของหนังสือประวัติศาสตร์โลก Ichimon Itto และนี่ก็คือสภาพหลังจากที่มันถูกนักเรียนคนดังกล่าวยัดความรู้เสริมลงไป สุดท้ายแล้วทางด้าน…
-
ไอเดียน่ารัก… การ์ดเชิญงานแต่งในธีมโปเกม่อน พร้อมถามแขกว่าจะมาอย่างไรและแพ้อาหารมั้ย!?
สมัยนี้การจัดงานแต่งงานแบบธรรมดาๆ นั้นมันเชยเกินไปเสียแล้ว หลังๆ มานี้เราจึงเห็นว่ามีข่าวการแต่งงานหลายคู่ที่มาในธีมที่ดูแล้วทั้งแปลกและสร้างสรรค์ แต่งานนี้บอกได้เลยว่า คู่บ่าวสาวนั้นมีความขึ้เล่นและชื่นชอบการ์ตูนและเกมแน่ๆ เพราะว่าทั้งคู่นั้นมาในธีม โปเกมอน! ซึ่งมันก็ไม่ใช่คู่แรกที่มาในธีมโปเกมอนหรอกนะ แต่จุดเด่นมันอยู่ที่การ์ดเชิญแขกต่างหากล่ะ ที่บอกได้เลยว่า มีไอเดียสร้างสรรค์และน่าสนใจสุดๆ ซึ่งมันจะมีหน้าตาเป็นยังไง ไปดูกันเลย ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @sumito_47 ได้โพสต์รูปภาพการ์ดเชิญไปงานแต่งงานที่เขาได้รับ พร้อมบอกว่า “การ์ดเชิญใบนี้มันเจ๋งสุดๆ ไปเลย ผมชอบมาก อยากจะเอามันไปใส่กรอบจริงๆ” โดยเนื้อความภายในการ์ดประกอบไปด้วยคำพูดและคำถามต่างๆ ดังต่อไปนี้ บรรทัดบนสุด เหนือรูปคู่บ่าวสาว คือ “ยินดีต้อนรับ” “คู่รักข้าวใหม่ปลามัน Issei และ Shoko ต้องการจะเชิญคุณเข้าร่วมงานแต่งงาน!” “ต้องการจะเข้าร่วมหรือไม่? >ตกลง >ไม่” “จงระบุชื่อของคุณ!” “จงระบุที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของคุณ!” “คุณมีอาการแพ้อะไรหรือไม่? มี/ ไม่มี” “คุณสามารถขึ้นรถโดยสารมาได้หรือไม่? จากที่ไหน? ใช่/ ไม่ใช่ (จาก___)” “สามารถเขียนข้อความของคุณได้ที่นี่!” เป็นการ์ดเชิญที่มีไอเดียการออกแบบที่สร้างสรรค์และน่ารักมากๆ แถมยังใส่ใจแขกผู้ที่จะเข้าร่วมงานอีกด้วย จนทำให้ชาวเน็ตบนทวิตเตอร์ของญี่ปุ่นที่เห็นการ์ดใบนี้ ออกมาแสดงความเห็นกันยกใหญ่ “เป็นการ์ดเชิญที่เยี่ยมมาก…
-
ญี่ปุ่นเปิดตัวเครื่องมือป้องกันของหาย ไอเทมสุดเจ๋งสำหรับคนที่ชอบนั่งทำงานตามที่ต่างๆ
ในปัจจุบันนั้นคนมักจะนิยมหยิบแล็ปท็อปออกไปทำงานข้างนอกบ้าน ตามร้านกาแฟหรือห้องสมุด จะด้วยเหตุผลของการออกไปเจอผู้คนหรือการเปลี่ยนสถานที่อะไรก็แล้วแต่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่คนชอบออกไปร้านกาแฟมักจะรู้สึกคือ ความกังวลว่าจะมีคนมาหยิบของของตัวเองไปขณะที่ลุกไปสั่งกาแฟหรือไปห้องน้ำ ซึ่งปัญหานั้นกำลังจะหมดไปเพราะบริษัทหนึ่งในญี่ปุ่นได้คิดค้นอุปกรณ์กันขโมยสุดเจ๋งให้เราได้ใช้กันแล้ว… เจ้าอุปกรณ์ที่ว่านั้นมีชื่อว่า Trene โดยการทำงานของมันก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่เราเอาเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ขึ้นมา เปิดแอปพลิเคชันของเจ้าเครื่องนี้ กดปุ่มเชื่อมสัญญาณข้างใต้แล้วก็เอาวางไว้บนแล็ปท็อป เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย ซึ่งถ้าใครพยายามจะยกแล็ปท็อปของเราออกไป เจ้าเครื่องนี้มันก็จะดังขึ้นทันที แถมถ้าหัวขโมยอยากจะปิดเสียงก็ทำไม่ได้ด้วย เพราะต้องสั่งปิดจากตัวแอปพลิเคชันเท่านั้น . ถ้าคิดว่าเจ้า Trene จะใช้ได้แค่กับแล็ปท็อปแล้วละก็คุณคิดผิด เพราะมันสามารถใช้ได้กับทุกสิ่งทุกอย่าง หนังสือ กระเป๋าหรือแม้แต่บนฝาแก้วกาแฟมันก็ยังทำงานได้ปกติดี ส่วนใครที่สนใจอยากจะได้เจ้าเครื่อง Trene มาใช้งานก็เก็บเงินรอกันได้เลย โดยเจ้าเครื่องนี้จะมีราคาอยู่ที่ 6,800 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยก็จะอยู่ที่ราว 1,960 บาทเท่านั้น เรียกว่าราคาโอเคเลยทีเดียวละ ถ้าใครอยากติดตามหรือหารายละเอียดเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ kingjim ได้เลย ที่ rocketnews24
-
การ์ดยูกิ ‘บลูอายอัลติเมทดราก้อน’ ระดับโคตรแรร์ โผล่วางขายในย่านอากิฮาบาระ ราคา 13 ล้านบาท!!
แม้กระแสการ์ดเกมสุดคลาสสิกอย่าง การ์ดยูกิ ในบ้านเราจะเบาบางลงไปมากแค่ไหน แต่กระแสการ์ดดังกล่าวในเมืองนอกโดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นยังคงร้อนแรงไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนการ์ดหายากด้วยเงินจริง… ล่าสุดได้มีชาวเน็ตญี่ปุ่นนามว่า @saku06s ซึ่งเขาเป็นคนที่ซื้อขายการ์ดเป็นชีวิตจิตใจ และก็ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นการ์ดยูกิเพียงอย่างเดียว แต่ความพีคของเรื่องมันอยู่ที่การ์ดใบที่เขาไปเจอต่างหาก @saku06s บอกว่าระหว่างที่เขากำลังเดินอยู่ในย่านอากิฮาบาระ ซึ่งเป็นย่านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องสินค้าจากอนิเมะและเกม โดยเขาบังเอิญเจอกับการ์ดยูกิสุดหายากที่มีมูลค่ากว่า 45 ล้านเยน หรือตีเป็นเงินไทยก็สูงถึง 13 ล้านบาท!! หลายคนคงงง การ์ดยูกิบ้าอะไรแพง 13 ล้าน ซึ่งตอนแรก #เหมียวมู่ทู่ ก็ไม่เชื่อ แต่พอรู้ว่าการ์ดดังกล่าวคือการ์อะไรและมีที่มาที่ไปยังไงก็ได้ถึงบางอ้อทันที การ์ดที่ว่านั่นก็คือการ์ด ‘บลูอายอัลติเมทดราก้อน’ แต่เป็นเวอร์ชันแรร์ที่มีภาพแตกต่างจากปกติ โดยระดับความหายากของมันนั้นจัดอยู่ระดับท็อปเลยก็ว่าได้ เพราะว่าใบที่เป็นของแท้นั้นมีเพียงใบเดียวในโลก โดยเป็นการ์ดที่มอบให้กับผู้ชนะการแข่งขันรายการ Asian Tournament Promos: 2001 (การ์ดนี้จะเป็นรางวัลในงานแข่งที่ 3 ของทัวร์) งานนี้ใครเป็นนักสะสมเห็นแล้วคงจะต้องตาลุกวาวแน่นอน แต่ที่พีคกว่าคือ เจ้าบลูอายอัลติเมทดราก้อนนี้เป็นเพียง 1 ใน 5 ใบที่แจกในการแข่งขันดังกล่าว ซึ่งนั่นหมายความว่ายังมีการ์ดราคาระดับนี้อยู่บนโลกอีก 4 ใบ! ฉะนั้นไม่แน่คนที่ได้ไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อนอาจจะยอมตัดใจเอามันมาขายแล้วก็ได้นะใครจะรู้… ที่มา rocketnews24
-
หนาวกันเข้าไป ญี่ปุ่นหนาวถึงขั้นน้ำพุร้อนยังกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง นับประสาอะไรกับหัวใจ…
ในสภาพอากาศหนาวๆ แบบนี้ หลายคนคงรู้สึกว่า ‘อ่าห์…ฉันอยากจะไปแช่ออนเซ็นที่ญี่ปุ่นจังเลยนะ’ แน่ๆ ก็อากาศมันเย็นแบบนี้ ก็เป็นปกติที่เราคิดอยากแช่ในบ่อน้ำอุ่นๆ เพราะมันคงจะรู้สึกฟินไม่น้อยใช่ไหมล่ะ? แต่จะเป็นยังไงถ้าเกิดว่าออนเซ็นที่เราอยากจะไปแช่นักแช่หนา มันดันไม่ร้อนซะได้ แถมยังกลายเป็นน้ำแข็งอีก เอ้า!? เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดที่ Tsuruya Intaku เรียวกัง (ที่พักในสไตล์ญี่ปุ่น) เก่าแก่แห่งหนึ่งในจังหวัดโออิตะ ประเทศญี่ปุ่น โดยหนึ่งในเจ้าหน้าที่ของที่นั่นได้โพสต์คลิปลงบนทวิตเตอร์ พร้อมบอกว่าตอนนี้น้ำร้อนที่เรียวกังไม่ช่วงวันจัทนร์ที่ผ่านมากลายเป็นน้ำแข็งเรียบร้อยแล้ว!! อย่างไรก็ตามปัญหาดังกล่าวนั้นก็ทำให้ผู้คนงงอยู่ได้ไม่นาน พวกเขาก็พบสาเหตุของการที่น้ำแข็งตัวแล้วว่า ท่อจ่ายน้ำต่างหากที่แข็งตัวเลยส่งผลมาถึงน้ำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้เอาผ้าขนหนูพันรอบๆ และเทน้ำอุ่นราดลงไปพร้อมหวังว่าปัญหานั้นจะแก้ไขได้สำเร็จ น้ำไม่ไหล เล่นเอาหัวหมุนกันเลยทีเดียว . ทว่าพนักงานก็บอกว่าพวกเขาต้องใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมงถึงแก้ปัญหาดังกล่าวได้สำเร็จ ซึ่งตอนที่น้ำกลับมาไหลอีกครั้งนั้นทีมงานถึงกับบอกว่า “เหมือนช่วยโลกไว้ได้สำเร็จเลย” ในทวิตเตอร์ถึงกับบอกว่าตอนที่น้ำไหลนี่เพลง Armageddon ลอยมาในหัวกันเลยทีเดียว (ถ้าใครดูคลิปข้างล่างไม่ได้ สามารถกดเข้าไปดูที่ลิ้งค์ข้างๆ นี้ได้เลย @ turuyaintaku) 脳内でアルマゲドンの主題歌が流れました。 pic.twitter.com/CNZtMKLUhw — 旅館つるや隠宅 (@turuyaintaku) January 12, 2018 สุดท้ายแล้วสาเหตุที่ท่อน้ำถึงกับแข็งตัวนั่นก็เพราะอากาศที่หนาวเย็นในช่วงกลางคืนที่หนาวถึง 3…
-
12 ตอนของรายการญี่ปุ่นสุดฮา คนธรรมดาไม่มีทางคิดอะไรแบบนี้ออกมาได้หรอก มันต้องญี่ปุ่นเท่านั้น
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มักจะมีอะไรแปลกๆ มาให้เราได้ดูกันอยู่เสมอๆ และของแปลกพวกนั้นส่วนใหญ่ก็ดันสนุกอย่างไม่น่าเชื่อเสียด้วย ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พวกเราได้นำของแปลกจากญี่ปุ่นมานำเสนอแก่เพื่อนๆ ด้วย 12 ตอนแปลกของรายการญี่ปุ่นที่คนธรรมดาไม่น่าจะคิดออกมาได้ แต่สุดท้ายมันก็มีออกมาฉายจนได้ “ขนมหรือเปล่า?” “Sokkuri Sweets” คือรายการสุดจะแปลกประหลาดที่จะให้แขกรับเชิญแต่ล่ะคน ไปลองชิมทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ลูกบิดประตู หรือรองเท้า แล้วบอกว่าของพวกนั้นเป็นขนมหรือไม่ แม้ว่าจะแปลกอยู่บ้างแต่บางอย่างก็ต้องชมคนทำขนมเหมือนกันที่ทำขนมบางอย่างออกมาเหมือนของจริงอย่างกับแกะ . . “สาวๆ ปะทะ กิ้งก่า” ถึงบางคนอาจจะคิดว่ากิ้งก่าไม่เห็นน่ากลัวเลย แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากกิ้งก่าตัวใหญ่ที่ว่ามันกำลังวิ่งตามชิ้นเนื้อดิบที่ดันแปะอยู่บนหน้าผากของคุณล่ะ แหม…ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าโดนกัดจะเป็นยังไง ซึ่งบังเอิญว่ารายการญี่ปุ่นรายการหนึ่งก็ทำแบบนี้ว่าไปข้างบนนี่ล่ะ เอาสาวๆ มายื่นหัวเข้าไปในตู้ที่มีกิ้งก่าอยู่เพราะทดสอบความกล้า ถ้ากลัวบนเอาหัวออกมาก็ถือว่าแพ้ วีดีโอรายการที่ว่าจาก Xichayle “เกมหาเก้าอี้” จากรายการ “Gaki No Tsukai” ฟังดูมันก็เป็นเกมที่ง่ายดีอยู่หรอก ถ้าผู้เล่นไม่โดนปิดตาล่ะก็นะ แถมยังต้องแบกรับความอับอายเวลาเดินชนโน่นชนนี่แล้วโดนคนหัวเราะใส่อีก และแน่นอนว่ายิ่งเจ็บคนยิ่งชอบ “ขอให้อร่อย” จากรายการ “AKBingo!” ซึ่งเกมนี้ก็ไม่มีอะไรมากเช่นกัน…
-
มาดูเครื่องแบบพนักงานรักษาความปลอดภัยของศาลเจ้าที่ญี่ปุ่นที่เท่สุดๆ แถมคล้ายชุดของตัวละครในอนิเมะอีก
ประเทศญี่ปุ่นนั้น ขึ้นชื่อในเรื่องของระเบียบวินัย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานไหนก็ต้องมีชุดเครื่องแบบทั้งนั้น ตั้งแต่พนักงานต้อนรับบนรถไฟ ไปจนถึงพนักงานร้านอาหารก็มี แถมยังมีหนังสือเกี่ยวกับชุดเครื่องแบบในญี่ปุ่นตลอด 150 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย จึงไม่แปลกใจเลยว่า กลุ่มพนักงานรักษาความปลอดภัยของศาลเจ้าสึรุงะโอะกะ ฮะจิมังกู ในเมืองคามาคุระ นั้นจะต้องมีเครื่องแบบประจำตัว เพื่อให้ประชาชนมองเห็นได้ง่ายจากฝูงชน สิ่งที่ดูน่าสนใจก็คือ ชุดสีแดงอันฉูดฉาด และมีลักษณะเหมือนกับเสื้อโค้ทยาว พวกเขาเรียกตัวเองว่า กลุ่มโค้ทสีแดง หรือ The Redcoats ซึ่งดูเหมือนกับ Redcoats ของประเทศอังกฤษในเวอร์ชันอนิเมะ ศาลเจ้าสึรุงะโอะกะ ฮะจิมังกู ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองคามาคุระ ก็ได้มีการรับสมัครพนักงานดูแลรักษาตวามปลอดภัย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวทุกปี แต่ก่อนนั้น ชุดของพนักงานจะเป็นสีกรมน้ำเงิน แต่ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อปี 1996 เพราะสามารถมองเห็นได้ในที่มืดและระยะไกล และเพื่อ รักษาเกียรติของศาล ชุดเหล่านี้เป็นชุดที่สั่งทำขึ้นมาพิเศษเพื่อใช้ที่ศาลเจ้านี้เท่านั้น . พนักงานรักษาความปลอดภัยบางคนก็สวมปลอกแขน ซึ่งจะแบ่งไปในแต่ละหน้าที่ในงานอีเวนท์ใหญ่ๆ ถึงแม้ว่าผู้คนอาจจะคิดว่าชุดเครื่องแบบเหล่านี้ กับชุดที่ใช้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นมีความคล้ายกัน แต่จริงๆ แล้วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด ในความคิดของหลายๆ คน กลุ่ม…
-
จับกุมเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่น จากการยิง ‘ไม้จิ้มฟัน’ ใส่หน้าพนักงาน และสารพัดวิธีทรมาน…
เพราะด้วยการที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งกว่า แน่นอนว่าย่อมมีการใช้อำนาจเหนือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา แต่ก็ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้เหมือนกับว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ ไม่งั้นอาจจะถูกจับกุมเหมือนกับบุคคลเหล่านี้ ที่ใช้เครื่องยิงไม้จิ้มฟันยิงเข้าใส่ใบหน้าของลูกน้องจนได้รับบาดเจ็บ รวมถึงยังมีการทำร้ายร่างกายอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมากร่วมด้วย โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ร้านอาหาร Yakiniku GyuuGyuu แห่งหนึ่งในเมืองโอซากะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อมีเหยื่อที่ไม่ประสงค์ออกนาม ออกมาระบุว่าเขาต้องทนกับการถูกทำร้ายร่างกายต่างๆ นานา มาตลอดปี 2017 หน้าตาของร้านอาหารดังกล่าว และในวันที่ 10 มกราคมในปีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้าจับกุม Masao Mukai เจ้าของร้านอาหารวัย 42 ปี พร้อมกับภรรยาวัย 26 ปีของเขา รวมถึงผู้จัดการร้านอาหารแห่งนี้ด้วย ซึ่งข้อหาที่ทั้งสามคนนี้ถูกตั้งก็คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่น 3 คดี และทำให้ร่างกายของผู้อื่นได้รับบาดเจ็บอีก 1 คดีนั่นเอง โดยเหตุการณ์การทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม ปี 2017 เมื่อมีผู้อ้างว่า ผู้ต้องหาทั้งสามคนนี้ใช้ไม้ตีเข้าที่ใบหน้าของเหยื่อวัย 35 ปีหลายต่อหลายครั้ง หลังจากนั้นพวกเขาก็เทน้ำร้อนเดือดลงบนก้นและต้นขาของชายคนนั้น หน้าไม้ยิงไม้จิ้มฟัน ส่วนเหตุการณ์ครั้งที่สองเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม ปี 2017 เช่นเดียวกัน เมื่อพวกเขาได้ร่วมกันทรมานเหยื่อด้วยการ มัดมือของเหยื่อจนไม่สามารถขัดขืนได้ จากนั้นก็นำกระดาษทิชชู่ที่พันกับขดลวดไปติดไฟ และนำไปยัดใส่จมูกของเหยื่อจนเกิดความทรมานอย่างแสนสาหัส นั่นเอง…
-
ส่องตลาดปลา Tsukiji แห่งกรุงโตเกียว ปลาทูน่าตัวที่แพงที่สุดนั้น มีมูลค่าถึง 56 ล้านบาท!!
สวัสดีครับทุกท่าน ถ้าหากว่าพูดถึง ประเทศญี่ปุ่น แล้วล่ะก็ หลายคนคงทราบว่าเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นในหลายๆ ด้าน เช่น สถานที่ท่องเที่ยว และอาหาร ซึ่งอาหารญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคยกันดีก็คงจะหนีไม่พ้น ซูชิ ซาชิมิ หรือพวกปลาดิบอะไรทำนองนี้ วันนี้เราจึงจะพาไปส่อง ตลาด Tsukiji ตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยในทุกๆ วันจะมีทั้งชาวประมง ผู้ค้าปลา รวมไปถึงเจ้าของร้านซูชิระดับท็อปในญี่ปุ่นมาทำการซื้อขายปลากันที่ตลาดแห่งนี้ ปัจจุบัน Tsukiji กลายเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งอาหารที่มีชื่อเสียงสำหรับนักท่องเที่ยวไปเสียแล้ว เพราะว่าใครกันจะไม่อยากเห็นตลาดที่ด้านในมีปลาราคาราวๆ 56 ล้านบาท วางขายอยู่ อยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะว่าข้างในตลาดจะเป็นยังไงกันนะ เชิญไปรับชมกันได้เลย… ก่อนอื่นที่ตั้งของตลาด Tsukiji จะอยู่ภายในย่าน Tsukiji ใจกลางกรุงโตเกียวนั่นแหละ หากว่ามาก่อนพระอาทิตย์ขึ้นก็จะเห็นบรรยากาศแบบนี้ (กำลังเตรียมปลากันเลย) ที่ตลาดจะแบ่งเป็น 2 โซนด้วยกัน นั่นคือ โซนร้านอาหารและร้านขายของ กับโซนขายปลาสด จะเห็นว่ามีร้านขายของชำเล็กๆ ไว้สำหรับซื้อขนม หนังสือพิมพ์ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็น ปลานานาชนิด ถูกส่งมาที่ตลาดแห่งนี้มากกว่าแห่งใดในโลก ว่ากันว่าตลาดแห่งนี้มีรายได้ต่อปีมากกว่า 1 แสนล้านบาท!! ที่นี่ขายอาหารทะเลมากกว่า 480 ชนิด และผลิตภัณฑ์แปรรูปอีกมากกว่า 270…
-
การ์ตูนน่ารักอธิบาย ‘ชีวิตทาสแมว’ แม้จะทำตัวแย่ไปหน่อย แต่ยังไงก็รักโดยไม่มีข้อแม้
สำหรับบรรดาคนรักสัตว์ทั้งหลาย การที่เราได้ใช้เวลาเล่นกับสัตว์เลี้ยงน่ารักๆ คงจะมีความสุขกันน่าดูเลย แต่การที่ต้องเลี้ยงและใช้ชีวิตอยู่กับมันนั้นไม่ได้มีแต่ความสุขน่ะสิ ต้องมีทั้งความรับผิดชอบและพร้อมยอมรับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น แล้วยิ่งถ้าหากว่าคุณ ‘เลี้ยงแมว’ แล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่าเจ้าเหมียวนี่มันเอาใจยากสุดๆ ราวกับมันเป็นเจ้าของชีวิตคุณอย่างนั้นแหละ นักวาดการ์ตูนท่านหนึ่งบนทวิตเตอร์ ชื่อว่า Koyo Watanabe (@akuta0716) ได้วาดการ์ตูนจำลองเหตุการณ์คนเลี้ยงแมวว่ามันเลวร้ายขนาดไหนกันแน่ ไปชมกันได้เลย… *อ่านจากภาพซ้ายไปขวา 1. “บางทีเจ้าเหมียวก็กระโดดใส่คุณ บางทีกระโดดใส่หน้าเลย” “ก่อกวนอย่างสุดพลังเพื่อให้คุณเล่นกับมัน จากนั้นมันก็จะเล่นกับคุณอย่างสุดแรง” “มันจะคอยขัดขวางคุณเสมอไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม” 2. “มันมักจะเกาะแข้งเกาะขาเฉพาะเวลาคุณมีสิ่งที่ต้องรีบไปทำ” “ชอบเนียนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เวลาทำสิ่งของหล่น ราวกับของมันหล่นเอง” “ทำทุกวิถีทางเพื่อเข้ามาขวางคุณให้ได้” 3. “มันจะไม่ยอมนอนที่อื่นนอกจากบนที่นอนของคุณ…แถมแย่งผ้าห่มคุณอีกต่างหาก” “มันชอบทำตัวเป็นของเหลว” “แอบขโมยของกินบนโต๊ะคุณด้วย” 4. “แต่เมื่อคุณสนใจหรืออยากเล่นกับมัน มันก็จะไม่สนใจ” “มันจะแสดงอาการบางอย่างที่น่ารักน่าเอ็นดูตอนที่คุณไม่มีกล้องหรือมือถือ” “มันทำให้การพักแป๊บเดียวของคุณยาวนานเป็นชั่วโมง” จริงๆ แล้วที่อ่านมายังแค่จิ๊บๆ ยังมีความรับผิดชอบใหญ่หลวงอีกเยอะที่รอให้ผู้เลี้ยงเหมียวต้องเจอ… 5. หมอ: “พบเนื้องอกใกล้กับหัวใจของแมวคุณ…และมันมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นอีกเรื่อยๆ” – แมวของคุณมักจะไม่แสดงว่ามันป่วย ส่วนค่ารักษาของสัตว์เลี้ยงนั้นก็แพงแสนแพง แทนที่คุณจะได้เล่นกับหมาแมวของคุณกลับต้องหันไปดูแลสุขภาพมันแทน – 6. “แม้แต่ตอนมันตาย มันก็ไม่สามารถแสดงให้คุณรู้ได้เลยว่ามันมีความสุขที่ได้อยู่กับคุณหรือไม่” …
-
โพสอิทสุดเจ๋ง ‘OMOSHIROI Block Shape’ ใช้ง่ายฉีกสนุก พร้อมรูปทรงอันเลอค่าน่าโดนมาก!!
กระดาษโน๊ตแปะผนัง หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า โพสอิท (Post-it) ตามแบรนด์ดั้งเดิมของมันนั้น เป็นอุปกรณ์ที่ไม่ว่าจะวัยเรียน หรือวัยทำงาน ก็ได้ใช้ประโยชน์กันทั้งนั้น นอกจากนี้ โพสอิทก็มีหลากสีสันและหลากหลายรูปแบบด้วย สมัยนี้จะเห็นว่าโพสอิทบางอันไม่ได้ทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมธรรมดาๆ แต่ทำเป็นรูปสัตว์บ้าง รูปผลไม้บ้าง เพื่อทำให้ดูน่าซื้อ น่าใช้งานมากขึ้น เพื่อนๆ คนไหนที่ชอบโพสอิทสวยๆ ขอให้เอาโพสอิสแบบเก่าที่กล่าวมาเก็บลงกรุไปได้เลย วันนี้เราจะมานำเสนอโพสอิทรูปแบบใหม่ ที่ดูเก๋ไก๋ไฉไลมากกว่าเดิมให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกัน รับรองว่าทุกคนต้องอยากตำแน่นอน เชิญพบกับโพสอิทแบบใหม่ ‘OMOSHIROI Block Shape’ โพสอิทรูปแบบใหม่ที่จะนำเสนอวันนี้มีชื่อว่า OMOSHIROI Block Shape เป็นโพสอิทจากประเทศญี่ปุ่นที่ไม่เพียงแต่ใช้งานเพื่อเขียนข้อความเท่านั้น แต่ยังเป็นผลงานศิลปะไปในตัวด้วย โดยโพสอิสรูปแบบใหม่นี้ หลังใช้งานไปสักพัก ก็จะค่อยๆ เห็นรูปแบบสามมิติของสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้โพสอิทนั่นเอง และเมื่อใช้โพสอิทไปจนหมดถึงด้านล่างแล้ว ก็จะได้ชมผลงานศิลปะจากโพสอิทที่เหมือนกับตัวต่อโมเดลกันเลยทีเดียว ในตอนเริ่มต้นนั้นก็ดูเหมือนโพสอิทกองหนาๆ ธรรมด๊าธรรมดา ไม่เห็นว่าจะพิเศษอะไรตรงไหนเลย แต่พอเริ่มฉีกด้านบนออกไปใช้ส่วนหนึ่ง ก็เริ่มเห็นอะไรบางอย่างโผล่ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ทำให้ได้ลุ้นกันว่าข้างในมันมีอะไรกันแน่!? ยิ่งใช้โพสอิสไปเยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในชัดมากขึ้นเท่านั้น ตอนแรกเห็นเพียงแค่หลังคา แต่ตอนนี้เห็นแล้วว่ามันคือวัดคิโยะมิซุนี่เอง โอ้ย!! ช่างสวยอะไรอย่างเน้ …
-
ไม่มีเงินจ่าย ไม่มีปัญหา… ร้านอาหารญี่ปุ่นไอเดียดี ใช้แรง 50 นาที ก็แลกกับความอร่อยได้
จะเป็นอย่างไรถ้าเราเดินผ่านร้านอาหารแสนน่ากินที่มีกินหอมหวนโชยมาตลอดเวลา แต่ว่าในกระเป๋าไม่มีเงินแม้แต่แดงเดียว นั่นมันคงทำให้เราเข้าใจถึงอารมณ์ผู้ที่ไม่มีเงินซื้อของกินหรือคนไร้บ้านได้เป็นอย่างดี ทว่ามีร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เข้าใจถึงความลำบากของผู้คนเหล่านี้ จึงได้เปิดร้านอาหารที่สามารถให้ลูกค้าสามารถทำงานแลกกับค่าอาหารได้ และที่สำคัญคือใช้เวลาเพียงแค่ 50 นาทีเท่านั้น.. ร้านอาหารที่ว่านี้มีชื่อว่า Mirai Shokudo ตั้งอยู่ที่เขตชิโยะดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเจ้าของไอเดียสุดเจิดจรัสนี้ก็คือ Sekai Kobayashi อดีตวิศวกรวัย 33 ปีเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้นั่นเอง “ที่ฉันเลือกที่จะใช้ระบบนี้ก็เพราะว่า ฉันอยากจะช่วยเหลือผู้คนหิวโหย ที่ไม่มีเงินแม้แต่จะเข้าร้านอาหาร” Kobayashi กล่าว สำหรับงานที่เจ้าของร้านแห่งนี้บอกว่าจะทำให้ทำเป็นเวลา 50 นาทีเพื่อแลกกับอาหารนั้น ก็เป็นงานง่ายๆ ที่ใครๆ ก็สามารถทำได้อย่างเช่น เสริฟอาหาร จัดเก็บโต๊ะเมื่อลูกค้าออกไปแล้ว เตรียมโต๊ะอาหารให้พร้อมสำหรับการบริการครั้งต่อไป เป็นต้น เธอบอกว่าร้านอาหารแห่งนี้เปิดมาได้เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว และเป้าหมายสูงสุดก็คือ จะทำให้ร้านอาหารแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ต้อนรับและพร้อมให้บริการทุกคน ซึ่งในตอนแรกก่อนที่เธอจะเปิดร้านนี้ เธอก็บอกว่าเธอเคยทำงานมาหลายอย่างตั้งแต่สมัยยังคงเป็นนักเรียนอยู่ และจุดเปลี่ยนในชีวิตของเธอก็คือการไปทำงานที่บาร์แห่งหนึ่งในย่านโกลเด้นไก หลังจากที่เรียนจบ ซึ่งสถานที่นี้เองที่ทำให้เธอรู้ว่า “มันคงไม่ใช่ประสบการณ์ที่แย่อะไรที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอก” หลังจากนั้น Kobayashi ก็ไปทำงานเป็นวิศวกรที่บริษัท IBM และได้ย้ายงานต่อไปที่บริษัท Cookpad ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินการเกี่ยวกับเว็บไซต์สูตรทำอาหาร โดยภายในออฟฟิศบริษัทนี้ก็มีห้องครัวที่ให้พนักงานสามารถทำอาหาารได้ด้วยตัวเอง สถานที่นี้จึงกลายมาเป็นสถานที่ฝึกรสมือของเธอเลยก็ว่าได้ “เพื่อนร่วมงานของฉันหลายคน…
-
ไขกระจ่างเรื่อง ‘แมวมองดาวโป๊’ ในประเทศญี่ปุ่นมีจริงหรือไม่ และมีวิธีการอย่างไรกันบ้างนะ??
หากกล่าวถึงประเทศญี่ปุ่น ใครหลายคนก็คงนึกถึงประเทศที่มีความเป็นระเบียบ มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงมีอาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลก ทว่าก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นที่ขึ้นชื่อของประเทศนี้เช่นเดียวกัน นั่นก็คือ หนังผู้ใหญ่หรือที่เราเรียกกันว่า ‘หนังเอวี’ นั่นเอง สำหรับหนังเอวีที่ว่านี้ ก็คือภาพยนตร์ที่บันทึกการมีเพศสัมพันธ์หรือพฤติกรรมที่สื่อไปในเรื่องทางเพศ ซึ่งในประเทศญี่ปุ่น หนังที่ว่านี้เป็นหนังที่ถูกกฎหมายและสามารถหาซื้อได้โดยทั่วไป และเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่สามารถสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศได้เป็นจำนวนหลายล้านเยนต่อปี สำหรับการหาดาราสาวมาถ่ายหนังเอวีนั้น บางครั้งเราก็อาจจะได้ยินเรื่องว่ามีแมวมองอยู่ในเมืองต่างๆ เพื่อคอยทาบทามสาวๆ หน้าใหม่ให้มาแสดงหนังอย่างว่า จึงทำให้ช่องแชนแนลยูทูบชื่อว่า Asian Boss ได้ลงไปพื้นที่จริงเพื่อหาคำตอบจากการสัมภาษณ์สาวๆ ว่ามีแมวมองเช่นนั้นจริงหรือไม่ และถ้าหากมีพวกเขามีวิธีทาบทามอย่างไรกันบ้าง และคนญี่ปุ่นมีความคิดเห็นกับเรื่องนี้เช่นไร ในวันนี้พวกเขาได้มีคำตอบให้กับทุกคนได้รู้ถึงความจริงของสังคมญี่ปุ่นกันแล้ว พิธีกรที่ลงพื้นที่สัมภาษณ์ สังคมญี่ปุ่นมีแมวมองทาบทามสาวๆ ไปแสดงหนังเอวีจริงหรือไม่?? จากการสัมภาษณ์สาวๆ หลายคนในเมืองหลวงของประเทศอย่างโตเกียว พวกเธอก็ได้ให้คำตอบว่าในประเทศญี่ปุ่นนั้น มีแมวมองที่คอยหานักแสดงอย่างว่าจริง และพวกเธอก็เคยถูกทาบทามมาก่อนแล้วทั้งนั้น โดยพวกแมวมองเหล่านี้จะอาศัยอยู่ตามถนนที่มีผู้คนชุกชุม เพื่อจะได้พบปะกับสาวๆ จำนวนมากในแต่ละวันนั่นเอง พวกเขามีวิธีทาบทามอย่างไรกันบ้าง?? สาวๆ ที่ให้สัมภาษณ์ได้บอกเอาไว้ว่า จากการที่พวกเธอถูกทาบทามแทบจะทุกวัน ทำให้รู้ว่าแมวมองแต่ละคนก็จะมีวิธีชักจูงที่แตกต่างกัน อย่างแมวมองบางคนก็จะบอกว่าพวกเขาจะพาเข้าวงการนางแบบ และได้กล่าวอ้างถึงดาราสาวที่มีชื่อเสียงว่าล้วนอยู่ในสังกัดของพวกเขาทั้งนั้น และถ้าพวกเธอไปกับเขาก็จะมีชื่อเสียงที่โด่งดังเช่นเดียวกับเหล่าดาราได้แบบง่ายๆ หรือบางคนก็จะเดินเข้ามาหาสาวๆ แล้วชมถึงความน่ารักต่างๆ นานา จากนั้นพวกเขาก็จะชวนสาวๆ ไปกินกาแฟ โดยในระหว่างนั้นก็จะพยายามหว่านล้อมคำพูดต่างๆ เพื่อให้หญิงสาวเชื่อว่าพวกเขานั้นสามารถเชื่อถือได้ และในที่สุดพวกเขาก็จะชักชวนให้แสดงหนังอย่างว่า และในกรณีสุดท้ายที่เลวร้ายที่สุด ก็คือการหลอกลวง…
-
พบกับนักเปียโนสายแจ๊สสาวชาวญี่ปุ่น ที่บอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา ดูคลิปให้จบนะจ๊ะ
วันนี้เราจะพาท่านผู้ชมไปรู้จักกับนักเปียโนแจ๊สสาวชาวญี่ปุ่น ที่บอกได้เลยว่าฝีไม้ลายมือนั้นไม่ธรรมดาเพราะว่า เธอนั้น ‘เล่นใหญ่’ ดีจริงๆ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต้องตั้งใจฟังกันจนจบแน่นอน ว่าแล้วเราก็ไปพบกับเธอคนนี้เลยดีกว่า นักเปียโนสาวคนนี้ชื่อว่า Riyoko Takagi ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงคริสต์มาสเธอได้เผยแพร่วิดีโอที่แต่งกายเป็นซานตี้และเล่นเพลงคริสต์มาสมาแล้ว โดยมีเสียงตอบรับและการสนัับสนุนอย่างดีเยี่ยม ทำให้เธอต้องกลับมาอีกครั้งในธีม นางโลมยั่วสวาท!! ในวิดีโอชิ้นใหม่ของเธอนั้น บทเพลงที่เธอนำมาบรรเลงคือ “Haru no Umi” (The Sea in Spring) ซึ่งเป็นเพลงที่ชาวญี่ปุ่นนิยมเล่นกันในช่วงปีใหม่ แต่งขึ้นโดย Michio Miyagi ในปี 1929 โดย Riyoko นั้นนำบทเพลงนี้มาบรรเลงพร้อมแต่งท่อนแจ๊สสุดพิเศษของเธอเองใส่เข้าไปร่วมประสานอีกด้วย จะเป็นอย่างไรลองไปรับชมกันเลย การบรรเลงเปียโนของ Riyoko นั้นยอดเยี่ยมตลอดคลิปจริงๆ ดูเรียวนิ้วที่กรีดกรายลงบนตัวโน้ตนั่นสิ นี่ขนาดยกมือข้างหนึ่งมาเปิดไหล่ให้เห็นบราสีชมพูสดของเธอ ก็ยังบรรเลงได้อย่างไม่มีพลาดสักโน้ต ต่อด้วยการที่เธอขยับกายออกจากเปียโนไปอยู่บนเตียงเพื่อให้แฟนๆ ได้มองเห็นเครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยของวัฒนธรรมญี่ปุ่น และถ้าใครดูจนจบคลิปละก็ จะเห็นว่า Riyoko นั้นอำลาด้วยท่าทางที่ช่างน่าหลงใหล ที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า “Koto Yoro” ซึ่งย่อมาจาก “Kotoshi mo yoroshiku onegaishimasu” ที่แปลว่า “ขอให้ทุกคนเอ็นดูฉันในปีนี้อีกด้วยเถอะ” กลุ่มแฟนคลับของ Riyoko เพิ่มขึ้นในทุกคลิปวิดีโอที่เธอปล่อยออกมา ตอนนี้ทุกคนต่างรอให้ถึงวันพิเศษเพื่อรอดูว่านักเปียโนสาวคนนี้จะนำอะไรออกมานำเสนออีก แน่นอนว่าใกล้วันวาเลนไทน์แล้ว เหมียวเองก็ว่าจะตั้งตารอดูเหมือนกันว่าจะออกมาเป็นอย่างไรกันน้อ……
-
ลูกสาวใส่ผ้าโอบิลายแปลกในวันฉลองบรรลุนิติภาวะ พ่อเพิ่งเห็น ‘นี่มันลายทดสอบสายตานี่หว่า’
หลายคนอาจจะเคยได้ยินวัฒนธรรมหนึ่งของญี่ปุ่นที่เรียกกันว่า ‘วันฉลองบรรลุนิติภาวะ‘ หรือ ‘Seijin no Hi‘ ซึ่งมันเป็นวันที่หนุ่มสาวทั่วญี่ปุ่นจะได้สวมชุดกิโมโนสวยๆ จากนั้นพวกเขาก็จะรวมตัวกันที่ศาลากลางของแต่ละจังหวัดเพื่อรับประกาศนียบัตรว่าพวกเขาได้ย่างเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ (หรือก็คืออายุ 20 ปีบริบูรณ์) เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งงานดังกล่าวนั้นจะจัดในวันจันทร์สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคม แน่นอนว่าวันดังกล่าวจะเป็นวันที่ทุกคนต่างภูมิใจทั้งพ่อแม่และตัวคนที่อายุ 20 ปีเอง เช่นเดียวกับคุณพ่อชาวเน็ตคนหนึ่งที่รู้สึกปลาบปลื้มกับลูกสาวของเขาเช่นกัน ที่เข้าถึงวัยผู้ใหญ่และจะได้สวมชุดสวยๆ เพียงแต่ว่าระหว่างที่เดินทางไปงานด้วยกัน คุณพ่อดันแปลกใจกับลวดลายบนผ้าโอบิของลูกเพราะมันดันเป็นลายที่ใช้วัดสายตา!? คุณพ่อคนนี้ถึงกับเงิบว่าลายผ้าโอบิมีตั้งเยอะแยะ ทำไมลูกสาวถึงเลือกลายกวนๆ แบบนี้ แต่อย่างไรก็ตามคุณพ่อก็บอกว่ามันเป็นวันที่ดีสำหรับลูกสาวเขา และมันก็สวยแปลกตาเช่นกัน นอกจากนี้หลังจากภาพผ้าโอบิวัดสายตานี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตญี่ปุ่นก็ให้ความสนใจและเป็นที่พูดถึงกันในวงกว้าง มันคือที่วัดสายตาจริงๆ นะ ซึ่งด้านคุณพ่อชาวเน็ตก็ไม่รอช้าออกมาชี้ลายแทงว่า ถ้าเกิดใครอยากได้ผ้าโอบิดังกล่าว เขาจำได้ว่าลูกสาวกับภรรยาไปซื้อกันที่ร้าน omoiya โดยใครสนใจก็สามารถลองไปเช็กดูกันได้ ที่มา rocketnews24
-
35 โฆษณาญี่ปุ่นสุดแหวกแห่งปี 2017 ชวนให้เราหัวเราะและซาบซึ้งไปอย่างเพลิดเพลิน
หนึ่งสิ่งที่น่าจดจำของการดูทีวีในประเทศญี่ปุ่นก็คือโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาผลิตภัณฑ์หรือโฆษณาการบริการต่างๆ ก็ตาม เหตุผลที่มันควรค่าแก่การจดจำก็เพราะ โฆษณาหลายๆ ตัวของประเทศนี้มันช่างแปลกเสียเหลือเกิน ความแปลกของมันทำเอาบางเราดูไม่ออกเลยว่า โฆษณานี้มันต้องการจะขายอะไรกันแน่ และเพื่อทำให้พวกเราเห็นภาพกันมากยิ่งขึ้น ทางช่องยูทูบ JPCMHD ツ ได้รวบรวมโฆษณาเจ๋งๆ ของญี่ปุ่นในปี 2017 มาไว้ในคลิปเดียว มันจะทำให้เราเพลิดเพลินมากขนาดไหนเราไปดูกันเลย คลิปรวมโฆษณาแปลกๆ ของญี่ปุ่นในปี 2017 (คำอธิบายของแต่ละโฆษณาสามารถอ่านได้จากด้านล่างคลิปนะ) 1.บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป U.F.O. รสยากิโซบะ : นำเสนอด้วยการต่อสู้ของฮีโร่จากนอกโลก Yakiso-boy ต่อสู้กับเหล่าร้าย แสดงให้เห็นถึงความเผ็ดร้อนในรสชาติบะหมี่ 2.Sugon Chips (0.46) : การพาไปในประเทศฝั่งแอฟริกาตะวันตก ทำให้เรารู้สึกลืมภาพที่เห็นไม่ลงจริงๆ 3.Pocari Sweat (1.16) : หนึ่งในโฆษณาสุดอลังการของปี 2017 ใช้คนแสดงและเบื้องหลังรวมกันหลายร้อยคน 4.Hi-Chew Premium (2.16) : เน้นไปที่ความจ้ำม่ำ นุ่มนิ่ม หอมหวาน เหมือนกับผิวสัมผัสของเยลลี่ 5.Sushi Delivery (2.31)…
-
อัปเดตภาพ Logan Paul จ้างบอดีการ์ดพิเศษ เฝ้าบ้านมูลค่า 200 ล้าน หลังเกิดดราม่าดัง
หลังจากที่ถูกวิพากย์วิจารณ์อย่างหนังเกี่ยวกับกรณีทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อผู้เสียชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่น ล่าสุดหลังจากกลายเป็นกระแสดราม่าอย่างหนัก จากรายงานของ Daily Mail เผยว่า Logan Paul ได้จ้างบอดี้การ์ดในการดูแลความปลอดภัยของเขาที่บ้านหรูมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ภาพของรถรักษาความปลอดภัยที่จอดอยู่หน้าบ้านของยูทูบเบอร์หนุ่มวัย 22 ปี ถูกถ่ายภาพได้หลังจากมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของเขาที่ป่าอาโอกิกาฮาระเพียงแค่ไม่กี่วัน รถของบริษัทรักษาความปลอดภัยทั้ง 4 คนที่จอดอยู่ในบ้านหรูของยูทูบเบอร์หนุ่มถูกถ่ายได้พร้อมกับการออกมาปรากฏตัวครั้งเป็นครั้งแรกของเขาหลังจากที่เกิดกระแสดราม่า แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดของเรื่องนี้แต่อย่างใด และทางด้านเซเลบหนุ่มก็ยังไม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในครั้งนี้ ภาพของรถจากบริษัทรักษาความปลอดภัยที่จอดอยู่หน้าแมนชั่นหรูของ Logan Paul จากรายงานระบุว่าภาพของหนุ่ม Logan ในระหว่างออกกำลังกายในตอนเช้านั้นดูมีอาการวิตกกังวลหลังจากที่มีกระแสดราม่าของเขา พฤติกรรมการหัวเราะและพูดเรื่องตลกเกี่ยวกับศพในป่าอาโอกิกาฮาระนั้นได้รับการวิจารณ์อย่างหนักจากเล่าคนดัง และสื่อหลายสำนัก ยูทูบเบอร์หนุ่มได้ออกมาขอโทษต่อการกระทำดังกล่าวแล้วถึง 2 ครั้ง และเมื่อวันพุธที่ผ่านมาเขาก็ได้บอกว่าสิ่งที่ทำไปนั้นเพียงแค่อยากจะสร้างกระแสด้านบวกไม่ได้เป็นการดูถูกแต่อย่างใด หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว หนุ่มวัย 22 ปีไม่ได้ปรากฏตัวอีกเลย จนกระทั่งเมื่อวันศุกร์ที่ 5 มกราคมที่ผ่านมามีคนพบเห็นเขาออกกำลังกายบนถนนใกล้กับบ้านหรูที่ลอสแองเจลิส สีหน้าของยูทูบเบอร์หนุ่มที่ดูวิตกกังวลหลังจากถูกโจมตีอย่างหนัก . ขณะนี้ช่องยูทูบของ Logan Paul กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยจากเดิมยอดผู้ติดตามใหม่ของเขาจะมีเพิ่มมากถึง 40,000 รายต่อวันลดลงเหลือเพียงแค่ 16,000 รายต่อวันเท่านั้น…
-
รู้จักกับ Wotagei รูปแบบการเต้นสไตล์ญี่ปุ่นที่ผสมผสานกับแท่งเรืองแสง ดูแล้วเพลินตาสุดๆ
Wotagei คือรูปแบบการเต้นอย่างหนึ่งของญี่ปุ่น ด้วยการผสมผสานระหว่างแสงสีท่ามกลางความมืดและท่าเต้นที่หนักแน่น แต่ยังคงเอาไว้ซึ่งความอ่อนช้อย ดูลงตัวไปอีกแบบ นักเต้นที่นิยมสไตล์การเต้นแบบดังกล่าวนั้นส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้คลั่งไคล้ไอดอล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเต้นแต่เพลงของไอดอลในประเทศเพียงอย่างเดียว เพราะแม้แต่เพลงดังอย่าง Shape of You ของ Ed Sheeran ก็สามารถนำมาผสมกับสไตล์การเต้นแบบนี้ได้เหมือนกัน เรากำลังพูดถึงผลงานโชว์กลุ่มนักเต้นที่ชื่อว่า Kita no Uchishi Tachi ที่สร้างผลงานให้หลายๆ คนตื่นตาตื่นใจกันในยูทูบ หนุ่มๆ นักเต้นชาวญี่ปุ่น ที่มีชื่อกลุ่มว่า Kita no Uchishi Tachi ท่าเต้นอันดุดันและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน บวกกับแท่งเรืองแสงสีสันต่างๆ ท่ามกลางความมืด ทำให้ผลงานของเขากลายเป็นที่สะดุดตาอย่างมาก มองไปมองมาก็ดูเหมือนว่าพวกเขาถือไลท์เซเบอร์อยู่เหมือนกันนะ เราไม่ได้เพียงแค่ชื่นชมในฝีมือการเต้น แต่เรายังได้ชื่นชมกับลูกเล่นที่เกิดจากไอเดียของพวกเขา จนบางครั้งคุณอาจจะเผลอหลงระเริงไปกับแสงสีได้อย่างง่ายๆ การเต้นประกอบเพลง Shape of You อันสวยงาม ดึงดูดสายตา การแสดงของพวกเขาได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างมากจากชาวเน็ตญี่ปุ่น เห็นได้จากหลายๆ ความคิดเห็นที่เข้ามาแสดงความชื่นชมผลงานของพวกเขา “พวกเขาคือกลุ่มนักเต้นที่อนาคตไกลมากจริงๆ” “พวกนายเจ๋งไปเลย เป็นการแสดงที่อัศจรรย์มากๆ”…
-
ญี่ปุ่นประสบปัญหาแต่งงานกันน้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2!!
ก่อนหน้านี้ใครหลายคนอาจจะเคยได้ยินข่าวที่ว่า ประเทศญี่ปุ่นในตอนนี้ได้เกิดภาวะวิกฤติในเรื่องจำนวนประชากร เพราะว่าจำนวนเด็กที่เกิดมามีน้อยลงไปทุกที และดูเหมือนว่าปัญหานี้จะเป็นปัญหาที่แก้ได้ยากยิ่งขึ้น สำหรับรัฐบาลของประเทศแดนปลาดิบ อ่านข่าวเก่าได้ที่ >> ญี่ปุ่นมีอัตราการเกิดลดลงอย่างน่าใจหาย และต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2017 ในตอนนี้ได้มีข้อมูลใหม่เปิดเผยออกมาว่า ในปี 2017 ที่ผ่านมานั้นคนญี่ปุ่นได้มีจำนวนการแต่งงานเกิดขึ้นน้อยที่สุดตั้งแต่สมัยสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยทีเดียว!! แม้ว่าช่วงเทศกาลคริสต์มาสในประเทศญี่ปุ่น จะเป็นเทศกาลที่ทำให้คู่รักได้ออกมานัดเดตกันมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น แต่อย่างไรก็ตามข้อมูลจากกระทรวงคุ้มครองแรงงานและสุขภาพ ของประเทศญี่ปุ่นก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงสถิติที่ดูจะไม่เป็นผลดีต่อชาวญี่ปุ่นมากนัก โดยข้อมูลที่ทางการได้นำมาเปิดเผยก็คือ จำนวนตัวเลขของการแต่งงานที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนมกราคม – เดือนตุลาคม ในปี 2017 ที่มีจำนวนการแต่งงานเกิดขึ้นเพียงแค่ 607,000 คู่เท่านั้น ซึ่งจะน้อยกว่าจำนวนการแต่งงานในปี 2016 ในช่วงเวลาเดียวกันถึง 13,000 คู่ และนับได้ว่าเป็นตัวเลขการแต่งงานที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยทีเดียว สำหรับในเรื่องนี้รัฐมนตรีกระทรวงคุ้มครองแรงงานและสุขภาพ ก็ได้ออกมาชี้แจงว่า ที่จำนวนการแต่งงานมีตัวเลขที่น้อยลงนั้น เนื่องมาจากการที่จำนวนประชากรวัยหนุ่มสาวมีจำนวนที่ลดน้อยลง และอาจจะส่งผลให้มีจำนวนการเกิดที่น้อยลงตามไปด้วยในอนาคต ดังนั้นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นในสังคมญี่ปุ่น เพื่อที่จะทำให้การแต่งงานเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นสำหรับคู่รักในประเทศ โดยเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้คนญี่ปุ่นไม่อยากแต่งงานและมีลูกนั่นก็คือ เรื่องของค่าครองชีพในประเทศ ซึ่งหากมีลูกก็จะต้องมีค่าดูแลและค่าใช้จ่ายทางการศึกษาที่มีราคาค่อนข้างสูงนั่นเอง แม้ว่าจะรัฐมนตรีคนนี้จะไม่ได้กล่าวถึง แต่น่าจะมีเหตุผลอีกบางประการที่ทำให้ตัวเลขการแต่งงานในประเทศญี่ปุ่นลดน้อยลงก็คือ…
-
เหตุการณ์ Sankebetsu ‘หมีโจมตีคน’ เมื่อปี 1915 ในญี่ปุ่น ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์
ความอันตรายของหมีนั้นมีอยู่มากมาย ทั้งกำลังขาที่รวดเร็วพอที่จะทำให้มนุษย์หมดโอกาสวิ่งหนีและกำลังแขนมากพอที่จะทำให้มนุษย์คอบิดกลับหลังด้วยการตะปบเพียงครั้งเดียว ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่ามนุษย์เราจะลืมความอันตรายของหมีไปกันอย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นวันนี้เราจึงนำเรื่องราวของเหตุการณ์หมีสีน้ำตาลโจมตีมนุษย์ที่ร้ายแรงที่สุดมาให้ชมกันเป็นอุทาหรณ์ ในฤดูหนาวปี 1915 ช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ที่หมู่บ้าน Sankebetsu Rokusen Sawa ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งทางตะวันตกของเกาะฮอกไกโดเข้าไปในหุบเขา 29 กิโลเมตร ต้องรับศึกกับหมีสีน้ำตาลยักษ์พันธุ์ Ussuri ที่ตื่นขึ้นจากจำศีลเร็วกว่าปกติ มันหิวโซและเริ่มที่จะออกหาอาหาร ด้วยความดุร้ายมันได้สังหารสิ่งมีชีวิตไปนับไม่ถ้วน ทั้งสัตว์ป่าและมนุษย์ เรื่องราวของมันถูกบันทึกไว้อย่างพิถีพิถันโดยคนในสมัยนั้น และทำให้เรื่องราวอันน่าเศร้ายังนี้คงอยู่มาถึงในปัจจุบัน ทุกอย่างมันเริ่มขึ้นในเช้าวันหนึ่งในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนในปีเดียวกัน เมื่อหมีสีน้ำตาลปรากฎตัวขึ้นที่หน้าประตูบ้านของครอบครัว Ikeda การปรากฎตัวครั้งแรกนั้นจบลงด้วยดีเพราะแม้ว่าหมีจะน่ากลัวแต่มันก็แค่มาขโมยข้าวโพดเล็กน้อยแล้วจากไป แม้ว่ามันจะดูเร็วเกินกว่าเวลาที่ปกติหมีจะออกจากจำศีล แต่การพบสัตว์ป่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกของหมู่บ้านที่เพิ่งจะสร้างเสร็จแห่งนี้ ช่างโชคร้ายที่หมีได้ปรากฎตัวออกมาอีกครั้งในวันที่ 20 พฤศจิกายน ทำให้หัวหน้าครอบครัว Ikeda ตัดสินใจเรียกลูกชายและชาวบ้านจากบ้านใกล้ๆ พวกเขายิงหมีบาดเจ็บได้ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึงอย่างนั้นหมีตัวนั้นก็สามารถหนีกลับเข้าป่าไปได้โดยทิ้งไว้แค่รอยเลือดเท่านั้น พวกชาวบ้านแกะรอยตามไปยังภูเขา Onishika แต่ไม่สามารถหาตัวหมีพบ พวกชาวบ้านที่เชื่อกันว่าหมีจะไม่กลับมาอีกเพราะพิษบาดแผลจากกระสุนปืน ทำให้พวกเขายกเลิกการค้นหาไป หลังจากนั้นไม่นานนักพวกเขาก็รู้ว่าคิดผิด หมีสีน้ำตาลกลับมาอีกครั้งในเช้าวันที่ 9 ธันวาคม ที่บ้านของตระกูล Ota ภายในบ้าน Abe Mayu ภรรยาของหัวหน้าตระกูล Ota กำลังดูแลเด็ก (ซึ่งไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือด) ชื่อ Hasumi Mikio มันได้เข้ามาโจมตีและฆ่าเด็กทิ้งกลางบ้าน หลังจากนั้นก็ลาก Mayu ออกมาจากบ้านในสภาพเละเทะ ร่างของเธอถูกพบและฝังไว้ใต้ต้นไม้และกองหิมะหลังจากนั้น กลุ่มค้นหาของชาวบ้านพบตัวหมีห่างเข้าไปในป่า 150 เมตร…
-
พ่อแม่ขังลูกสาวไว้ในห้องขนาดเพียง 3 ตารางเมตรอยู่อย่างอดยาก จนหนาวตายในที่สุด
บางครอบครัวอาจเลี้ยงดูลูกด้วยวิธีการที่แปลกประหลาด หรือในบางครั้งที่รู้สึกว่าบุตรหลานมีอาการป่วยก็ไม่ยอมพาไปหาหมอ แต่เลือกที่จะจัดการปัญหาดังกล่าวกันด้วยตัวเอง เช่นเดียวกันกับครอบครัวนี้ ที่สุดท้ายผลลัพธ์ออกมาเลวร้ายกว่าที่คาดคิดเอาไว้อย่างมาก ครอบครัวดังกล่าวอาศัยอยู่ในเขตจังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ Yasutaka และ Yukari Kakimoto กักขังลูกสาวของตัวเองเอาไว้นานกว่า 15 ปี เพราะสงสัยว่าเธอป่วยเป็นอาการทางจิตจนทำให้มีพฤติกรรมก้าวร้าวอย่างหนัก ทั้งสองบอกว่า Airi ลูกสาววัย 33 ปี แสดงอาการผิดปกติทางจิตมาตั้งแต่อายุราว 16-17 ปี เธอเริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง จึงขังเด็กสาวเอาไว้ในห้องตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ห้องที่เล็กมาก มีเพียงแค่กล้องวงจรปิดคอยสอดส่องพฤติกรรมต่างๆ ห้องน้ำแบบชั่วคราวภายในและสายยางสำหรับไว้ใช้น้ำจากถังเท่านั้นเอง นอกจากจะมีการติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ในห้องที่ขังเธอไว้แล้ว ทั้งสองยังติดกล้องไว้อีกกว่า 10 ตัวรอบบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้เธอสามารถหลบหนีออกมาได้เลย พวกเขาจะนำอาหารมาให้ลูกสาวแค่วันละมื้อเท่านั้น นั่นจึงทำให้เธอมีอาการขาดสารอาหารอย่างหนัก มีส่วนสูงเพียงแค่ 145 เซนติเมตร และน้ำหนักแค่ 19 กิโลกรัม การที่ได้รับอาหารเพียงน้อยนิด อาศัยอยู่ในห้องเล็กๆ แคบๆ และอุณหภูมิที่หนาวเย็น ทำให้ Airi เสียชีวิตลงในวันที่ 18 ธันวาคม…
-
นาฬิกาข้อมือที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งดาบและมีด สืบทอดกันมาอย่างยาวนานของชาวญี่ปุ่น
นาฬิกานั้นนอกจากจะทำหน้าที่ในการบอกเวลาแล้ว บางครั้งมันยังเปรียบเสมือนเครื่องบอกฐานะอีกด้วย แน่นอนว่าถึงแม้จะเป็นนาฬิกาที่ยืมเพื่อนมาใส่ก็ทำให้คุณดูดีได้ไม่น้อยเลยทีเดียว (หรือจะเป็นมรดกตกทอดจากครอบครัวก็เท่ไม่แพ้กัน) และวันนี้เราก็มีนาฬิกาอีกชิ้นหนึ่งจากแดนปลาดิบที่น่าสนใจสุดๆ เพราะขึ้นชื่อว่าประเทศญี่ปุ่นแล้วเรื่องรายละเอียดและความพิเศษนั้นแทบไม่ต้องพูดถึงเลยทีเดียว พบกับนาฬิกาสุดพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจจากการตีดาบโบราณ จนกลายมาเป็นการออกแบบที่หรูหราจนคุณลุงยังอยากจะเป็นเจ้าของ!! หมู่บ้าน Seki ในนครกิฟุของประเทศญี่ปุ่นนั้นถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เปรียบเสมือนของเมืองหลวงแห่งดาบ เพราะดาบและมีดที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่นหลายเล่ม ล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ และเมื่อไม่นานมานี้บริษัท Musha ก็ผลิตนาฬิการุ่นใหม่ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมากจากงานฝีมืออันเก่าแก่ของหมู่บ้านแห่งนี้ วัสดุหลักของนาฬิกา MUSHA Damascus Watch เรือนนี้ก็คือเหล็ก Damascus ที่ต้นกำเนิดจากประเทศอินเดีย ที่มีลวดลายสวยงามคล้ายกับลายไม้ เหล็กชนิดนี้ถือเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการตีมีดที่มีคุณภาพสูงเลยทีเดียว ฝาครอบหน้าปัดนาฬิกานั้นถูกสร้างและออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับตราของตระกูล Nobunaga ตระกูลขุนนางที่ยิ่งใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น หลังจากที่ผ่านการตีขึ้นรูปแล้ว ทุกๆ ส่วนชิ้นส่วนจะได้รับการขัดเงาอย่างปราณีตโดยคุณ Masayuki Otsuka ผู้ก่อตั้งบริษัทนาฬิกา Musha รายละเอียดและควาวสวยงามของเนื้อเหล็ก Damascus ที่อยู่บนนาฬิกา . นอกจากความสวยงามแล้ว นาฬิกาเรือนนี้ยังมาพร้อมกับตัวเรือนและหน้าปัดป้องกันรอยขีดข่วน รวมถึงควบคุมการบอกเวลาด้วยระบบ Japanese quartz สายนาฬิกาที่ถูกออกแบบให้คล้ายกับด้ามของดาบคาตานะ ที่ถักอย่างปราณีตเพื่อให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบาย หรือใครที่ชอบความหรูหรา ทางบริษัทก็มีสายแบบหนังกระเบนให้เลือกอีกด้วยนะ!! สนนราคาของเจ้านาฬิกาชิ้นพิเศษนี้ในแบบสานถักธรรมดาก็อยู่ที่ประมาณ 11,100 บาทเท่านั้นเอง ส่วนในรุ่นสายกระเบนก็เพิ่มเงินขึ้นมาอีกหน่อยที่ประมาณ 14,000 บาท และสำหรับใครที่สนใจสั่งซื้อล่ะก็สามารถเข้าไปชมรายละเอียดกันได้ที่เว็บไซต์ makuake กันได้เลย…
-
The Solitary Gourmet ตามติดชีวิต ‘ชายกินเดี่ยว’ หนุ่มญี่ปุ่นผู้ไม่ยอมกินข้าวกับใครทั้งสิ้น…
ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวคนเดียว หรือชอบออกไปทางอาหารนอกบ้านเพียงลำพังล่ะก็เราขอแนะนำซีรีย์ญี่ปุ่นอย่าง Kodoku no Gurume หรือ The Solitary Gourmet ที่มาพร้อมกับหนุ่มนักธุรกิจที่จะตะลุยไปกินอาหารเพียงลำพังทั่วประเทศญี่ปุ่น!! ตลอดระยะเวลากว่า 1 ชั่วโมงครึ่งต่อตอน คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับการเดินทางชิมอาหารญี่ปุ่นเพียงลำพังของคุณ Goro Inogashira ซึ่งเผยให้เห็นถึงชายหนุ่มที่กำลังมีความสุขกับการใช้ชีวิตเพียงลำพัง The Solitary Gourmet ออกอากาศมาแล้วทั้งหมด 6 ซีซั่นด้วยกัน โดยถ่ายทอดเรื่องราวของ Inogashira (รับบทโดย Yutaka Matsushige) เซลล์แมนหนุ่มโสดที่ใช้ชีวิตไม่เหมือนกับมนุษย์เงินเดือนชาวญี่ปุ่นทั่วไป “มนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่นนั้นคือพนักงานที่ทำงานถวายชีวิตให้กับบริษัท แต่ Inogashira นั้นไม่เหมือนกับมนุษย์เงินเดือนทั่วๆ ไป นั้นจึงเป็นเหตุผลที่เขาเป็นฮีโร่ของหลายๆ คน” Ushio Yoshida นักวิจารณ์ชาวญี่ปุ่นให้สัมภาษณ์ ตลอด 6 ซีซั่นที่ผ่านมา Inogashira ของเราได้เดินทางไปทั่วญี่ปุ่นเพื่อทำการขายเฟอร์นิเจอร์ และลองชิมของดีในแต่ละจังหวัด แถมยังทานอย่างอร่อยคนเดียวแบบไม่สนใครอีกด้วย!! เรื่องราวของนักธุรกิจที่รักความอิสระนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น “เขาเป็นแค่ชายวัยกลางคนธรรมดาๆ แต่ดูมีความสุขกับชีวิตมากๆ มันทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายที่ได้ชม” นักวิจารณ์กล่าว อื้มมม อโร่ยยย!! ชมตัวอย่างการโซ้ยแหลกกันที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้ได้เลย… Kodoku no Gurume…
-
นักพัฒนาแอพฯ ชาวญี่ปุ่นใช้ iPhone X พรางหน้าตัวเอง เนียนจนหายไปเลย งานนี้ถึงกับงง!?
กลายเป็นเรื่องราวที่เรียกเสียงฮาบนโลกออนไลน์ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากที่นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นหนุ่มชาวญี่ปุ่น นามว่า Kazuya Noshiro ได้โพสคลิปวิดีโอสั้นๆ ที่ทำเอาชาวเน็ตถึงกับงงเมื่อเขาได้พรางหน้าตัวเองให้เนียนไปกับสิ่งของด้านหลัง!! แน่นอนว่าการพรางหน้าของหนุ่มรายนี้ยังคงเป็นที่สงสัยของชาวเน็ตมากมายรวมถึงพวกเราด้วย และไม่แน่ว่าเทคนิคการซ่อนใบหน้านี้จะเกี่ยวข้องกับโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่อย่าง iPhone X หรือไม่!! อ่า… งงเด้!? “ฉันสามารถพรางหน้าตัวเองได้ด้วย iPhone X” แคปชั่นจากทวิตเตอร์ของคุณ Kazuya พร้อมกับคลิวิดีโอที่เผยให้เห็นส่วนต่างๆ ในใบหน้าที่กลืนไปกับแสงเหลือเพียงแค่ดวงตากับปากของเขาเท่านั้น หลังจากที่หลายๆ คนเกิดความสงสัย ในที่สุดนักพัฒนาหนุ่มก็ได้ออกมาเฉลยแล้วว่า คลิปวิดีโอดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานในแอพที่เขากำลังพัฒนาร่วมกับบริษัทเอ็นจินวิดีโอเกมชื่อดังจากญี่ปุ่นอย่าง Unity การพรางหน้าด้วยแอพพลิเคชั่นสุดเจ๋งของหนุ่มรายนี้ ทำให้หลายๆ คนที่เป็นแฟนๆ เกมอาจจะตื่นเต้นกันแน่ๆ ว่าอีกไม่นานจะมีเกมในรูปแบบล้ำๆ ให้เราได้สัมผัสกันอย่างแน่นอน ไปชมความเนียนในการพางหน้าของพ่อหนุ่มรายนี้ได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… (ดูคลิปไม่ได้กด ที่นี่ ) iPhoneXで顔だけ光学迷彩っぽくなるやつできた pic.twitter.com/aPXJcHi8Y4 — のしぷ (@noshipu) 27 ธันวาคม 2560 แหม่… น่าตื่นเต้นจังเลยนะเนี่ย ว่าแต่จะออกมาเป็นเกมแบบไหนกันนะ?? ที่มา designtaxi
-
ถ้าไปชม “ภูเขาไฟฟูจิ” แล้วโดนเมฆบัง โรงแรมแห่งนี้ยินดีให้คุณพักฟรี!! รออะไรตีตั๋วสิงานนี้!!
ภูเขาไฟฟูจิถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น และแน่นอนว่าหนึ่งในเป้าหมายของนักท่องเที่ยวหลายๆ คนที่ได้มีโอกาสไปเยือนดินแดนแห่งนี้ และอย่างที่รู้ๆ กันว่าสภาพอากาศนั้นเป็นสิ่งที่มักจะคาดเดาอะไรไม่ค่อยได้ ถึงแม้ว่าจะมีการพยากรณ์อากาศที่แม่นยำมากแค่ไหนก็ตาม และการที่คุณต้องนั่งชมความสวยงามของเมฆแทนวิวของภูเขาไฟฟูจิผ่านทางห้องพักโรงแรมอาจจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ แต่คุณอาจะโชคดีก็ได้ถ้าหากว่าได้มีโอกาสเข้าพักที่โรงแรม Hotel Mt. Fuji เพราะที่นี่เค้ายินดีจะให้คุณกลับมาพักฟรีๆ ได้อีก 1 คืน หากคุณเจอสภาพอากาศที่แย่ๆ บดบังวิวของภูเขาไฟฟูจิ ทางฝ่ายบริการของทางโรงแรมนั้นเข้าใจความรู้สึกของผู้เขาพักที่ต้องเจอสภาพอากาศแย่ๆ เป็นอย่างดี และมีการคาดว่าในช่วงเดือนมกราคมนั้นลูกค้าอาจจะต้องประสบปัญหาที่ว่านี้ก็ได้ ดังนั้นในช่วงวันที่ 9-19 มกราคมทางโรงแรมจึงได้ออกประกาศให้ลูกค้าสามรถกลับมาพักฟรีได้อีก 1 คืน ถ้าหากเจอสภาพอากาศที่เลวร้ายในระหว่างที่เข้าพักในช่วงเวลาดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามประกาศดังกล่าวนั้นก็มีข้อกำหนดอีกนิดหน่อยนั่นก็คือลูกค้าที่จะได้สิทธิ์ดังกล่าว จะต้องมีการเช็คเอาท์ระหว่าง 7 โมงเช้าถึง 11 โมงเท่านั้น และนอกจากนี้ลูกค้าที่จองห้องพักล่วงหน้าเพียงแค่ 1 วันหรือคนที่ไม่สามารถยืนยันการจองได้ชัดเจนก็ไม่สามารถใช้สิทธิ์นี้ได้อีกด้วย ห้องพักที่ทางโรงแรมจะให้เข้าพักเพื่อชดเชยนั้นจะเป็นห้องพักแบบมาตรฐาน 2 คน แต่อย่างไรก็ตามคุณสามารถอัพเกรดห้องได้หากมีว่าง โดยไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใดๆ เพิ่มเลย แหม่… แบบนี้ถ้าใครมีแผนจะเดินทางไปชมความสวยงามของภูเขาไฟฟูจิในช่วงเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ล่ะก็ โรงแรมนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีเหมือนกันนะ โดยสามารถตรวจสอบรายละเอียดห้องพักได้ที่เว็บไซต์ mtfuji-hotel ได้เลยครับ บรรยากาศภายในโรงแรม และบริการต่างๆ . .…
-
โคตรฮาร์ดคอร์!! โอตาคุเดินทางไกลร่วม 400 กิโลฯ ด้วย ‘จักรยานแม่บ้าน’ เพื่อร่วมงานอนิเมะ
การจะเข้าร่วมงานเทศกาลต่างๆ ในสมัยนี้เป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ เพราะว่าการเดินทางค่อนข้างสะดวกสบายและมีให้เลือกหลายช่องทางทั้ง รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ เครื่องบิน หรือรถไฟก็ยังได้ แต่ว่าเมื่อเดินทางด้วยยานพาหนะซ้ำๆ มันก็อาจจะสร้างความเบื่อหน่ายขึ้นมาได้ ชายคนหนึ่งจึงปั่นจักรยานไกลกว่า 400 กิโลเมตร เพื่อเดินทางเข้าร่วมงานอนิเมะ!! ในวันที่ 29 ธันวาคม 2017 เป็นวันเปิดงาน ‘คอมิเก็ตฤดูหนาว’ ซึ่งปกติงานนี้จะเป็นมหกรรมสำหรับเหล่าโอตาคุและเหล่าโดจินชิ (แวดวงการ์ตูนมือสมัครเล่น) ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยจะจัดขึ้นปีละสองครั้ง… และแต่ละครั้งก็จะสามารถดึงดูดผู้คนมากมายจากทั่วประเทศ ให้สามารถมาเข้าร่วมงานได้นับหมื่นนับแสนคนเลยทีเดียว รวมถึงชาวจังหวัดไอชิคนหนึ่ง ที่ใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า @DJ_FLANDRE ก็เช่นเดียวกัน จุดสีแดงคือจังหวัดไอชิ จุดเริ่มต้นของการปั่นจักรยานไปจนถึงจุดสีน้ำเงิน นั่นก็คือกรุงโตเกียว โดยระยะทางจากจังหวัดไอชิบ้านของเขา มายังกรุงโตเกียวมีระยะทางห่างกันถึง 400 กิโลเมตร แต่ก็ด้วยเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง จึงทำให้เขาสามารถมายังกรุงโตเกียวได้ด้วยเวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น ทว่าคนๆ นี้กลับทำสิ่งที่เหนือความคาดหมาย เพราะว่าเขาดันตัดสินใจควบจักรยานปั่นมาร่วมงานซะอย่างงั้น!! แต่ยังมีสิ่งที่ทำให้อึ้งมากกว่านี้อีก เพราะหากเป็นจักรยานที่ไว้สำหรับปั่นระยะไกลคุณภาพดี ก็คงจะไม่เหนื่อยสักเท่าไหร่ แต่จักรยานที่เขานำมาใช้ดันเป็นจักรยานแม่บ้านธรรมดาๆ ที่ทั้งหนักทั้งช้า ที่ปกติเหล่าแม่บ้านจะใช้สำหรับการจ่ายตลาดเท่านั้น พาหนะที่ใช้เดินทางกว่า 400 กิโลเมตร โดยชายสุดระห่ำคนนี้ได้เริ่มออกเดินทางตั้งแต่เช้าวันคริสต์มาสที่…
-
งานวิจัยของญี่ปุ่น เผยให้เห็นถึงอันดับ ‘สถานีรถไฟ’ ที่มีข่าวฉาวโฉ่เกิดขึ้นบ่อยที่สุด!!
เราอาจจะคุ้นเคยกับการบอกว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลก มีเหตุอาชญากรรมเกิดน้อยมาก ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ถูกบอกเล่าผ่านสื่อชั้นนำต่างๆ หลายต่อหลายครั้ง แต่กลับกันในความเป็นจริง คนในประเทศญี่ปุ่นกลับบอกว่าประเทศของพวกเขายังต้องเจอกับปัญหามากมายไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งอาชญากรรมและข่าวฉาวต่างๆ ซึ่งหนึ่งในปัญหายอดฮิตที่คนญี่ปุ่นมักจะเจอนั่นก็คือ การลวนลามทางเพศหรืออะไรก็ตามบนรถไฟ รวมถึงคนน่าสงสัยที่คาดว่าจะมีพฤติกรรมไม่ดีๆ แน่นอนว่าพอพูดแบบนี้หลายคนอาจจะคิดถึงพลอตสุดฮิตในหนังผู้ใหญ่หรือพูดติดตลก แต่ในความเป็นจริงมันไม่ตลกเลย เพราะในโลกความจริงมันส่งผลกระทบหลายอย่างมากๆ และที่สำคัญมันก็ผิดกฎหมายด้วย และเพื่อชี้ให้เห็นกันชัดๆ ว่าเรื่องดังกล่าวมันเป็นภัยร้ายและเกิดขึ้นจริงๆ แถมยังเกิดไปทุกหนแห่งในญี่ปุ่น ทางสถาบัน JASPIC จึงได้ออกมาเปิดเผยว่ามีการรายงานเกี่ยวกับคนที่น่าสงสัย ซึ่งเกิดขึ้นทั่วประเทศตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงเดือนตุลาคมในปีเดียวสูงถึง 11,607 ครั้ง (Japan Suspicious Person Information Centre หรือ JASPIC นั้นเป็นสถาบันที่จะทำการศึกษาและรวบรวมผลรับแจ้งเกี่ยวกับบุคคลน่าสงสัยจากหลายๆ หน่วยงานทั่วญี่ปุ่น) แต่ที่สำคัญที่สุดคือ รายงานทั้ง 4,487 ครั้งล้วนเกิดขึ้นบนรถไฟ ซึ่งคิดเป็นอัตราที่มากกว่า 1 ส่วน 3 จากจำนวนทั้งหมดเสียอีก โดยสถานีจากจังหวัดไซตะมะนั้นเป็นจังหวัดที่ได้รับการรายงานเข้ามามากที่สุด โดยมีการรายงานเข้ามาถึง 1,711 ครั้ง รองลงมาคือจังหวัดโอซะกะที่มีจำนวนห่างกันพอสมควร 1,227 ครั้ง ส่วนสามอันดับต่อมาอย่าง จังหวัดไอชิ, กรุงโตเกียวและจังหวัดเฮียวโงะ กลับมีอันดับที่ไม่ห่างกันมากซึ่งจะอยู่ที่ 923 ถึง 989 …
-
เปิดแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ป่าอาโอกิกาฮาระ หรือ ป่าฆ่าตัวตาย แห่งญี่ปุ่น!!
ป่าอาโอกิกาฮาระ (Aokigahara Forest) ป่าที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงภูเขาไฟฟูจิ แลนด์มาร์กที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ป่าแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นป่าอาถรรพ์ที่น่ากลัวมากๆ เหตุเพราะว่ามักมีคนนิยมมาฆ่าตัวตาย ณ ที่แห่งนี้นั่นเอง ป่าแห่งนี้มีความกว้างประมาณ 30 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่ขึ้นเรียงรายและความงามจากธรรมชาติทำให้ป่าแห่งนี้ได้รับอีกสมญานามว่า “ทะเลต้นไม้” นั่นเอง อีกหนึ่งความลึกลับของป่าแห่งนี้คือ ทุกๆ ปี มักจะมีคนนิยมเข้ามาฆ่าตัวตายภายในป่าแห่งนี้จำนวนมากกว่า 100 คนต่อปี ซึ่งไม่สามารถหาสาเหตุได้เลยว่าทำไมผู้คนถึงนิยมมาฆ่าตัวตายที่ป่าแห่งนี้ ทางการจึงได้มีการติดป้ายสำหรับผู้มาเยือนป่าแห่งนี้เพื่อเตือนสติว่าอย่าคิดฆ่าตัวตาย ถึงแม้ว่าป่าแห่งนี้จะขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่สุดหลอน แต่มันก็มีความงามตามธรรมชาติและขึ้นชื่อว่าเป็นอีกป่าแห่งหนึ่งที่มีความสวยงามมากๆ เมื่อเดินเข้าไปในป่าจะพบกับอีกชุมชนเล็กๆ ที่มีชาวบ้านอาศัยกันอยู่ชื่อว่า ชุมชนโอกิกาฮาระ ที่ได้จัดทำแผนโปรโมตการท่องเที่ยวป่าแห่งนี้และลบภาพความหลอนของป่าฆ่าตัวตายแห่งนี้ ชาวบ้านเริ่มจัดทำแผนการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและได้ทำการโปรโมตเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้มาเยือน โดยในปีนี้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ถึงกว่า 17,000 คน ให้มาชื่นชมความงามที่แท้จริงของผืนป่าผืนนี้ . . . นอกจากนี้หลายฝ่ายก็ได้ให้ความร่วมมือในการโปรโมตการท่องเที่ยวป่าแห่งนี้ และหวังว่าจะไม่มีผู้ที่คิดอยากจะมาฆ่าตัวตายอีกต่อไป ที่มา en.rocketnews24,@abcde4963
-
แข็งเกิ๊น!! มีดสุดคมที่ทำมาจากปลาแห้ง แหมใครจะไปคิดว่ามันจะแข็งได้ขนาดน๊าน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในเวลานี้ อาหารญี่ปุ่นเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ซึ่งอาหารที่มีชื่อเสียงของประเทศนี้ก็มีทั้ง ซูชิ ซาซิมิ ราเม็งและอื่นๆ อีกมากมาย ด้วยรสอันเป็นเอกลักษณ์ในตัวเองทำให้มันกลายเป็นอาหารจานโปรดสำหรับใครหลายคน แต่รู้หรือไม่ว่าอาหารญี่ปุ่นนอกจากจะใช้รับประทานได้แล้ว ยังมีอาหารบางชนิดที่ยังทำเป็นสิ่งของเครื่องใช้ได้อีกด้วย ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากหากจะบอกว่า ปลาตากแห้งของญี่ปุ่นสามารถนำไปทำเป็นมีดที่แสนคมได้ เอ๊ะนี่มันแข็งขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย?? ปลาตากแห้งสุดแหลมคมนี้มีชื่อเรียกว่า Katsuobushi หรือว่าปลาแห้งโบนิโตะนั่นเอง โดยปลาแห้งที่ว่านี้ปกติแล้วจะใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในอาหารญี่ปุ่นหลายอย่างเช่น น้ำซุปดาชิ หรือใช้สำหรับโรยหน้าอาหารให้มีกลิ่นหอมและมีรสชาติที่อร่อยมากขึ้น ซึ่งส่วนมากจะใช้สำหรับการโรยหน้า ทาโกะยากิ หรือว่าพิซซ่าญี่ปุ่น ที่เห็นเป็นขุยๆ ปลิวตามลมใครจะคิดว่ามันสามารถเอาไปทำมีดได้ แต่ว่าก่อนที่จะนำปลาแห้งโบนิโตะไปสไลด์ให้มันเป็นขุยๆ ดั่งในวิดีโอ จริงๆ แล้วมันมีความแข็งจนแทบจะเหมือนหิน จนครั้งหนึ่งมันเคยได้รับการบันทึกว่าเป็นอาหารที่แข็งที่สุดในโลก และด้วยเหตุนี้จึงมีคนอยากนำความแข็งของมันมาลองใช้ในทางอื่นดูบ้าง ว่าผลของมันจะดีเหมือนรสชาติหรือไม่ คลิปวิดีโอการทดลองนำปลาแห้งมาทำเป็นมีด และผู้ทดลองในครั้งนี้ก็คือยูทูบเบอร์ชื่อว่า Attoteki Fushinsha no Kiwami โดยในตอนเริ่มแรกของวิดีโอ เขาได้สาธิตว่าเจ้าปลาชนิดนี้ว่าแข็งขนาดไหน เขาจึงได้เอามันไปทดลองใช้เป็นค้อนสำหรับการตอกตะปู ซึ่งผลของมันก็ปรากฏว่าใช้ได้ดีจนตอกตะปูแทบจะทะลุไม้เลยทีเดียว ตะปูแทบงอ กว่าที่จะได้ปลาแข็งๆ นี้มาเขาบอกว่าต้องใช้กรรมวิธีหลายอย่างทั้งการ นำปลามารมควัน ทำให้แห้งด้วยการตากแดด หรืออบแห้งด้วยการนำมาหมักกับเชื้อรานั่นเอง จากนั้นเมื่อทดสอบความแข็งเสร็จแล้ว หนุ่มคนนี้ก็ลองนำปลาแห้งโบนิโตะมาสไลด์ให้เห็นกันว่า กว่าจะได้เป็นแบบขุยๆ มาให้เรากินกันนั้น หากใช้เครื่องที่ทำด้วยมือมันจะต้องใช้แรงขนาดไหน ซึ่งผลลัพธ์ก็คือกว่าเนื้อมันจะออกมาจากตัวปลาได้ก็ต้องใช้เวลามากประมาณหนึ่งเลยทีเดียว…
-
ญี่ปุ่นเตรียมทดลอง ‘รถไฟชินคันเซ็น’ รุ่นใหม่ที่วิ่ง 500 กม./ชม. เป็นครั้งแรก ก่อนใช้จริงปี 2027
ก้าวไปข้างหน้าไม่หยุดยั้งกับเทคโนโลยีรถไฟของญี่ปุ่น เมื่อล่าสุดได้เตรียมเปิดให้ประชาชนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองวิ่งรถไฟชินคันเซ็นรุ่นใหม่ล่าสุด L0 Series ที่วิ่งได้เร็วกว่า 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง!! รถไฟ L0 Series นั่นเป็นรถไฟประเภท ‘แม็กเลฟ’ หรือก็คือรถไฟที่ทำงานด้วยระบบแม่เหล็กแทนระบบล้อ โดยรถไฟขบวนนี้ถือเป็นรถไฟรุ่นใหม่ที่จะวิ่งได้เร็วยิ่งกว่ารถไฟหัวกระสุนเสียอีก ซึ่งตัวขบวนจะลอยเหนือราง 10 เซนติเมตร ตัวรถไฟขบวนดังกล่าวนั้นมีกำหนดเปิดให้บริการในเส้นทางโตเกียวไปนะโงะยะ โดยตัวรถไฟขบวนนี้เดิมทีจะมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2027 แต่ว่าอย่างไรก็ตามเราก็ไม่ต้องรอจนถึงตอนนั้นเพื่อทดสอบรถไฟขบวนนี้ เพราะว่าทางผู้ผลิต Central Japan Railway Company (หรือที่รู้จักกันในชื่อ JR Tokkai)ได้เตรียมเปิดทดสอบให้คนทั่วไปซื้อตั๋วเข้าใช้บริการในเส้นทางทดสอบตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2019 ส่วนสถานที่ทดสอบนั้นจะอยู่ที่ JR Tokkai Yamanashi Research Center ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดยะมะนะชิ โดยจะเปิดให้ทดสอบจำนวน 6 ขบวนใน 6 เส้นทางด้วยกัน และจะเปิดทดสอบในวันที่ 23, 28, 29, 30 มีนาคม จากนั้นก็จะทดสอบอีกทีในวันที่ 3, 4, 5, 6 เมษายน ใครที่สนใจอยากจะบินไปทดสอบก็จะมีตั๋วสองราคาด้วยกัน…
-
ระบบน้ำพุร้อนออนเซ็นแบบการ์ตูนเรื่อง Spirited Away เชร้ดดดด น่าไปโดนสักที
เวลาที่เราพูดถึงออนเซ็น เราก็จะนึกถึงบ่อน้ำร้อนสุดชิวที่ใครๆ ก็สามารถลองไปแช่เพื่อผ่อนคลายร่างกายได้ แต่ปกติเราจะไม่ค่อยเห็นออนเซ็นที่จำเป็นจะต้องใช้กลไกเพื่อให้น้ำร้อนออกมาสักเท่าไหร่ ทว่าล่าสุดได้มีชาวเน็ตค้นพบออนเซ็นแบบดังกล่าวแล้ว และมันก็ตื่นตาตื่นใจสุดๆ เลยละ ที่ต้องตื่นเต้นเพราะว่า ออนเซ็นดังกล่าวนั้นมีวิธีการใช้งานเหมือนกับกลไกใช้งานออนเซ็นในอนิเมะยอดฮิตจากสตูดิโอจิบลิเรื่อง Spirited Away ในฉากที่เทพแห่งแม่น้ำได้เดินทางมาอาบน้ำ ซึ่งตัวเอกของเรื่องจะต้องใช้ป้ายไม้บางอย่างเพื่อให้ออนเซ็นทำงานนั่นเอง ในเรื่อง Spirited Away นั้นการใช้อ่างออนเซ็นต้องใช้แผ่นไม้เพื่อเปิดน้ำ เทพแห่งแม่น้ำที่ตัวเป็นโคลน เช่นเดียวกับออนเซ็น Wakasugi no Yu ในเมืองฟุกุโอะกะที่ต้องใช้แผ่นไม้เสียบลงไปในช่องเสียก่อน น้ำอุ่นๆ จึงจะไหลออกมาจากกระบอกไม้ไผ่ ซึ่งมันอาจจะดูไม่มีอะไรแต่สำหรับคนที่เป็นแฟนอนิเมะเรื่องดังกล่าว เรียกว่าทำให้ตื่นตาตื่นใจได้ไม่น้อยเลยล่ะ คลิปการใช้งานแผ่นไม้ดังกล่าวนั้นถูกโพสต์โดยชาวเน็ตที่ชื่อ @RiLze04 ผ่านทวิตเตอร์ของเขา ซึ่งได้โพสต์เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2017 แต่เชื่อไหมว่าผ่านไปไม่กี่วันก็มีคนสนใจมากมายจนตอนนี้มีคนดูกว่า 4 ล้านครั้งแล้ว เช่นเดียวกับในอนิเมะที่ต้องใช้แผ่นไม้เสียบก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นน้ำก็จะไหลออกมา!! ส่วนสาเหตุที่ทำให้คลิปดังกล่าวฮิตสุดๆ นั่นก็เพราะชาวญี่ปุ่นจะรู้กันดีว่าการแช่ออนเซ็นนั้นมันไม่ใช่แบบนี้ และวิธีของ Wakasugi no Yu ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่มากๆ ฉะนั้นผู้คงจึงให้ความสนใจกันสุดๆ ถ้าใครดูคลิปดังกล่าวไม่ได้ สามารถเข้าไปดูคลิปเต็มๆ ได้ที่ลิงก์ข้างๆ นี้เลยจ้า りるぜ 千と千尋でしか見たことなかった湯張りシステム pic.twitter.com/zXLawZHo5k —…
-
ห้องพัก Airbnb สุดฟินกับหนุ่มมหาลัยโตเกียวหุ่นเปรี๊ยะ 5 คน พักที่นี่ประสบการณ์ใหม่เพียบ!!
เมื่อพูดถึงห้องพักราคาถูกของเหล่านักเดินทางแบบแบ็คแพ็ค การไปอยู่ห้องพักแบบแชริ่งอย่าง Airbnb ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกหลักๆ ที่นักเดินทางแนวนี้มักจะเลือกเป็นเป้าหมายเวลาท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ เป็นเวลาไม่นานและเน้นราคาถูก (Airbnb คือบริการแชร์ห้องพักแบบที่เราต้องไปอาศัยอยู่ร่วมกับเจ้าของบ้าน โดยเจ้าของบ้านจะทำการแชร์ห้องให้เราไปอยู่ด้วยและได้ใช้ประสบการณ์ต่างๆ ร่วมกัน) แต่ทีนี้กลับมาห้องพักแบบ Airbnb แห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ที่ทำการโปรโมตมาอย่างน่าสนใจ โดยที่แห่งนี้ได้ใช้ชื่อว่า ‘Fantastic Memory with Univ Stu 2nd‘ ซึ่งให้แปลตรงตัวก็คือ ความทรงจำอันยอดเยี่ยมกับหนุ่มมหาลัย อ่านดูแล้วน่าสนใจใช่ไหมล่ะ โดยรายละเอียดที่พักดังกล่าวนั้นจะเป็นการเข้าไปพักร่วมกับหนุ่มจากมหาลัยโตเกียว 5 คน ซึ่งผู้เข้ามาอาศัยจะได้พักอยู่บนชั้นสองที่มีห้องว่าง 2 ห้องด้วยกัน นอกจากนี้ในรายละเอียดการจองยังบอกอีกว่า ผู้มาพักจะได้รับประสบการณ์เหมือนพักอยู่กับเพื่อน แต่ก็สามารถใช้เวลาส่วนตัวในห้องได้ตามสบายไม่ถูกรบกวนแน่ๆ ส่วนจำนวนคนที่สามารถเดินทางมาพักได้ในแต่ละครั้งจะอยู่สูงสุดที่ 5 คน ซึ่งเยอะกว่านั้นมันจะทำให้เหล่านักศึกษากล้ามโตเจ้าของที่ต้องย้ายไปนอนที่ห้องครัวหรือปูผ้านอนแทน ฉะนั้นมากันแต่พอดีจะดีมากๆ นอกจากนั้น ผู้ที่มาพักอาศัยสามารถใช้ห้องน้ำรวมถึงอุปกรณ์ทุกอย่างในห้องน้ำได้ตามสบาย แต่ที่เด็ดกว่าคือตัวที่พักจะอยู่ใจกลางโตเกียว ทำให้เหล่านักเดินทางที่มาพักสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวฮิตๆ ได้สบายมากๆ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เพื่อนๆ ที่สนใจก็สามารถเข้าไปอ่านและจองที่พักได้ที่ airbnb โดยอัตราการเข้าพักก็ไม่แพง สนนราคาอยู่ที่ 573 บาทต่อคืนเท่านั้น ถูกกว่าไปนอนโรงแรมหรือโฮสเทลอีกนะเออ …
-
เจ้าของตู้คีบญี่ปุ่นถูกจับกุม หลังพบว่ามีการตั้งค่าเครื่องเล่นให้คีบได้ยากเกินไป
หากจะกล่าวถึงตู้เกมอย่างหนึ่งที่เป็นขวัญใจของใครหลายคน สำหรับสาวๆ แล้ว ‘ตู้คีบตุ๊กตา’ ดูเหมือนจะเป็นตู้เกมที่เป็นที่โปรดปรานเป็นอย่างมาก เพราะด้วยความน่ารักของตุ๊กตาที่อยู่ข้างในตู้และมีราคาที่ไม่แพงมากนัก ทำให้ไม่ว่าใครๆ ต่างก็ต้องเคยลองเล่นเจ้าเครื่องที่ว่านี้มาแล้วทั้งนั้น แต่เมื่อได้ลองสัมผัสเครื่องเล่นแนวๆ นี้ดูก็จะพบว่า จริงๆ แล้วการคีบตุ๊กตามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ไม่ว่าจะด้วยการเล็ง การคิดคำนวณ หรือกระทั่งการกะระยะไว้อย่างพอดิบพอดี บางทีคำนวนมาอย่างดิบดี แต่พอกดคีบเท่านั้นแหละ กลับพลาดอย่างง่ายๆ จนทำให้บางคนต้องเสียเงินให้กับเจ้าเครื่องหนีบนี้เป็นร้อยเป็นพัน เพื่ออยากจะแก้แค้นให้สาสมใจเลยก็มี ซึ่งปัญหานี้ได้เกิดขึ้นกับผู้คนมากมาย จนบางทีเราก็คิดไปว่าเครื่องนี้มันโกงเราหรือเปล่านะ และดูเหมือนว่าการสันนิษฐานของเราอาจจะกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาก็ได้ เพราะในตอนนี้ที่ประเทศญี่ปุ่นได้มีเจ้าของเกมตู้คีบ ถูกตั้งข้อหาว่าตั้งค่าเครื่องเกมให้ไม่สามารถเอาชนะได้จริงๆ!! เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งเมืองโอซาก้า ได้ควบคุมตัวนาย Takeshi Ohira อายุ 33 ปี เจ้าของตู้เกมชื่อว่า Amusement Trust ซึ่งเป็นตู้เกมคีบที่ได้รับความนิยมทั้งในเมืองโอซาก้าและเกียวโต นอกจากนี้ยังมีการจับกุมพนักงานของเขาอีก 5 คนร่วมด้วย สำหรับข้อหาที่ผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ถูกตั้งขึ้นก็คือ ‘ตั้งค่าหรือปรับแต่งเครื่องเล่นเกมให้ไม่สามารถเอาชนะได้’ โดยทั้งนี้ทั้งนั้นรูปแบบเครื่องจักรภายในตู้เกม ก็ดูเหมือนจะได้รับการปรับแต่งจนกลายเป็นกลโกงขึ้นมา ซึ่งสามารถดูได้จากวิดีโอการสาธิตข้างล่างนี้ วิดีโอการสาธิตกลโกงเครื่องจักรจากสำนักข่าว ANN นอกจากกลไกของตู้เกมจะถูกตั้งข้อสงสัยแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจยังบอกอีกด้วยว่า ตัวพนักงานเองก็มีส่วนร่วมในการโกงเช่นเดียวกัน โดยพนักงานเหล่านี้จะมาคอยให้กำลังใจผู้เล่นในตอนที่เล่นเกมอยู่ และหากเมื่อเห็นว่าผู้เล่นได้พยายามหลายครั้งและถอดใจจะเลิกเล่นแล้วจริงๆ พวกเขาก็จะแกล้งสาธิตการเล่นให้ดู แต่ก่อนที่จะมีการสาธิตเกิดขึ้น…
-
‘ตู้หยอดเหรียญ’ สัญลักษณ์ของญี่ปุ่น สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่ซ่อนอยู่ในประเทศอย่างไร?
ในประเทศญี่ปุ่น ตู้หยอดเหรียญ เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่ามีอยู่แทบจะทุกที่ในเมืองและขายสินค้าหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น กาแฟ ชา บุหรี่ เบียร์ ซุป ขนมขบเคี้ยว หรือแม้แต่อาหารร้อน ด้วยความสะดวกในการใช้งาน จึงทำให้ประชากรจำนวนมากนิยมมาใช้บริการตู้เหล่านี้ แต่ทว่านอกจากมันจะได้รับความนิยมแล้ว สิ่งนี้สามารถสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมของญี่ปุ่นได้อีกหลายๆ เรื่อง เราสามารถเข้าใจสังคมของประเทศนี้ผ่านตู้หยอดเหรียญได้อย่างไรกันบ้าง ลองไปดูกันเลย ค่าแรง William A. McEachern ศาสตราจารย์ทางด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยคอนเนตทิคัต สหรัฐอเมริกา บอกว่า ญี่ปุ่นอยู่ในช่วงประชากรลดลง ผู้อยู่อาศัยจำนวนมากเป็นผู้สูงอายุ และขาดแคลนคนอพยพเข้าเมือง จึงทำให้หาแรงงานได้ยากและค่าแรงงานมีราคาสูง Robert Parry ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์จึงบอกว่า ตู้หยอดเหรียญเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งแม้แต่ร้านค้าปลีกเองก็หันมาใช้ตู้เหล่านี้ เพื่อความสะดวกสบายและไม่จำเป็นต้องจ้างแรงงานเพิ่มเติมใดๆ เลย ความหนาแน่นของประชากรสูง และอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาแพง ญี่ปุ่นคือหนึ่งในประเทศที่มีความหนาแน่นของประชากรอย่างมาก ด้วยประชากรราวๆ 127 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในประเทศเล็กๆ ล้อมรอบไปด้วยภูเขาอีกกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผู้คนกระจายตัวออกไปได้อย่างมาก จนผู้คนกว่า 93 เปอร์เซ็นต์มาแออัดอาศัยกันอยู่ในเมือง เพราะเหตุนั้นราคาของที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ในเมืองจึงมีราคาสูงมาก คนส่วนใหญ่จึงต้องอยู่กันในหอพักเล็กๆ…
-
กลุ่มพันธมิตรปฏิวัติหนุ่มจืด ออกประท้วงการเดตกลางเมืองโตเกียว ในวันคริสต์มาสอีฟ
เป็นที่รู้กันว่าเทศกาลคริสต์มาสที่ผ่านมานั้น จะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขโดยเฉพาะของเหล่าคนมีคู่ ที่มักจะชวนกันมาออกเดต เสพบรรยากาศอันสวยงามในสถานที่ต่างๆ เกิดเป็นความสุขอันล้นเหลือเกินจะบรรยาย แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะแฮปปี้กับเทศกาลดังกล่าว เพราะยังมีคนอีกไม่น้อยที่มักมักจะช้ำใจทุกครั้งที่เห็นเหล่าคนมีคู่พากันออกเดต ไม่เว้นแต่คริสต์มาสนะ วาเลนไทน์ ปีใหม่และวันอื่นๆ พวกเขาก็ยังรักษาสถานะหนุ่มจืดในทุกเทศกาล อย่างไรก็ตามเหล่าหนุ่มจืดจากกรุงโตเกียวก็ดูจะทนไม่ไหวอีกต่อไป โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พวกเขาได้ออกมาประท้วงเพื่อให้วันแห่งความสุขเหล่านี้ได้หายไป ซึ่งกลุ่มประท้วงนี้ได้ใชชื่อว่า ‘Revolutionary Alliance of Unpopular Men‘ หรือก็คือกลุ่มพันธมิตรของเหล่าคนที่ไม่ฮอตนั่นเอง การประท้วงของพวกเขานั้นเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยมีสมาชิกออกมาเดินประท้วงราวๆ 15 คน ซึ่งป้ายประท้วงของพวกเขานั้นเขียนไว้ว่า ‘คริสต์มาสจงหายไปซะ’ นอกจากนั้นสมาชิกกลุ่มก็จะตะโกนออกมาเรื่อยๆ ว่า “พวกเราต่อต้านวันคริสต์มาส พวกคนที่มีชีวิตมีสังคมการงานที่ดีจงระเบิดไปซะ จงสำนึกผิดซะ เจ้าพวกคู่รัก ผิดตรงไหนที่เป็นหนุ่มจืด” การประท้วงนี้มีระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 30 นาที โดยพวกเขาเดินทางไปรอบๆ กรุงโตเกียว และทำแบบนี้มาแล้วเป็นปีที่สอง ซึ่งคาดว่าปีหน้ากลุ่มคนเหล่านี้ก็น่าจะยังคงสถานะหนุ่มจืดและออกมาประท้วงนี้เช่นเคย แม้จะเป็นการประท้วง เจ้าหน้าที่ตำรวจของญี่ปุ่นก็ยังออกมาคอยเคลียร์ทางให้ ยอดจริงๆ . การประท้วงดังกล่าวอาจจะไม่ได้สร้างความเดือดร้อนมากนัก แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงสังคมหนุ่มจืดของญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้นๆ นั่นเอง… …
-
นิทรรศการ ซองตะเกียบ 8,000 ชิ้น ของญี่ปุ่น แสดงให้เห็นถึงอีกหนึ่งวัฒนธรรมที่กำลังเป็นที่นิยม
ที่ประเทศญี่ปุ่น วัฒนธรรมการใช้ตะเกียบถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวญี่ปุ่น โดยร้านอาหารแทบทุกที่ในญี่ปุ่นก็จะมีซองใส่ตะเกียบลายน่ารักๆ แตกต่างกันไปแต่ละร้าน เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ดูเหมือนว่าญี่ปุ่นช่างดูแลเอาใจใส่กับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ นี้เหลือเกิน และอีกหนึ่งวัฒนธรรมของญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวหลายๆ คนยังไม่ค่อยมีใครรู้นั่นก็คือ เวลาที่ไปทานอาหารที่ร้าน ชาวญี่ปุ่นจะไม่นิยมให้ทิปกันเด็ดขาด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าอัตราค่าครองชีพที่สูงและชาวญี่ปุ่นก็มีความนอบน้อม และถือว่าการบริการนั้นออกมาจากใจจริงๆ ดังนั้นการให้ทิปจึงไม่มีความจำเป็นสักเท่าไหร่ Yaki Tatsumi พนักงานเสิร์ฟร้านอาหารแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ได้สังเกตว่าทุกครั้งที่เขาเก็บโต๊ะ ซองตะเกียบมักถูกพับเป็นรูปร่างต่างๆ และเขาก็เกิดปิ๊งไอเดีย อยากจะเก็บประติมากรรมเล็กๆ นี้ไว้ เขาจึงได้เก็บรวบรวมผลงานของลูกค้าแต่ละท่านไว้ รวมไปถึงการขอความร่วมมือจากร้านอาหารร้านอื่นๆ อีก 47 แห่ง ให้เก็บผลงานเหล่านี้ไว้อีกด้วย . . . . เขาสามารถรวบรวมผลงานการพับซองตะเกียบได้ถึง 8,000 ชิ้น ที่ทำมาจากซองตะเกียบกว่า 13,000 ชิ้นเลยทีเดียว ถึงจะเป็นสิ่งเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่มากเลยนะเนี่ย เขาได้นำผลงานซองตะเกียบทั้งหมดมาจัดแสดงโชว์ในศูนย์นิทรรศการโตเกียว เพื่อแสดงให้เห็นการแสดงความชื่นชมต่อพนักงานในอีกรูปแบบหนึ่งที่ชาวญี่ปุ่นทำ . ที่มา mymodernmet, thisiscolossal
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นค้นพบว่ากล่อง Amazon มันพอดีตัว เขาเลยเปลี่ยนตัวเองให้เป็นอสูรกาย 4 ขา!!
ญี่ปุ่นมักจะเป็นประเทศที่มีประชากรแปลกๆ อาศัยอยู่ และพวกเขามักจะคิดค้นอะไรที่คนทั่วไปมองข้ามเช่นกระแสแฟชั่นหรือเทรนการทำกิจกรรมแปลกๆ โดยล่าสุดพวกเขาก็ได้คิดค้นการแปลงร่างแบบใหม่ง่ายๆ แต่หลอนสุดๆ ไอ้การแปลงร่างที่ว่านั้นมันเกิดขึ้นจากการที่ชาวเน็ตคนหนึ่งนามว่า @donguri_rui ก็ได้สั่งของออนไลน์จากเว็บไซต์ Amazon ซึ่งเป็นโต๊ะ Kotatsu หรือโต๊ะที่มีฮีทเตอร์อยู่ข้างใต้นั่นเอง โดยไอ้เจ้าโต๊ะที่ว่ามันก็มาพร้อมกับกล่องจากทาง Amazon แต่ทีนี้ไอ้กล่องเจ้ากรรมมันดันมีโลโก้ Amazon ที่เป็นตัวหนังสือแบบโลโก้หน้ายิ้มติดมาด้วย พอหนุ่มเห็นเลยรู้สึกว่า เฮ้ย!! กล่องนี่ขนาดมันได้นะเนี่ย เลยจัดการตัดเป็นช่องสี่ช่องข้างกล่อง พร้อมยัดตัวเองเข้าไป และนี่ก็คือผลที่ได้… ผ่างงงง!! อสูรสี่ขา Amazon Box!! ดูใบหน้าอันมั่นใจของเจ้าสี่ขาซะก่อน เอาไปตัดต่ออีกสักหน่อยนี่หลอนใช้ได้เลยนะ อยากจะเห็นเวลาเดินจริงๆ แต่อย่างไรก็ตาม @donguri_rui ก็ไม่ใช่คนแรกที่ริเริ่มการแปลงร่างเป็นเจ้ากล่องอสูรสี่ขา Amazon Box หรอกนะ เพราะว่าชาวเน็ตญี่ปุ่นคนหนึ่งได้เคยทำมันเมื่อนานมาแล้ว ซึ่ง @donguri_rui บอกว่าเขาก็ได้ไอเดียมาจากชาวเน็ตคนนี้แหละ นอกจากนี้ชาวเน็ตคนอื่นๆ ที่เห็นภาพของ @donguri_rui ก็ยังช่วยกันหาภาพของชาวเน็ตคนอื่นที่คิดแบบเดียวกับเขามาแชร์อีกเพียบ แต่ละอันนี่สุดมากๆ ทว่าลองคิดแบบหลอนๆ ดูว่าถ้าเกิดพัสดุที่เราสั่งมันคลานสี่ขาเดินมาแบบนี้ตอนกลางคืน มันจะหลอนขนาดไหนกันนะ อสูรสี่ขา Amazon Box ร่างดาบ อสูรสี่ขา Amazon…
-
บรรยากาศของชาวญี่ปุ่นในฮอกไกโด ที่ต้องผจญกับความหนาวและหิมะปกคลุมไปทั่ว
ในช่วงฤดูหนาวของประเทศญี่ปุ่น จะมีเส้นทางรถไฟสายหนึ่งที่ชื่อว่า Okhotsk no Kaze ช่วยให้คุณสามารถเดินทางไปในเมืองที่ห่างไกลในจังหวัดฮอกไกโดได้ และนั่นก็กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับช่างภาพสาวชาวจีน Ying Yin เธอขึ้นรถไฟสายนี้ไปจบที่เมือง Abashiri และเก็บภาพการเดินทางท่ามกลางหิมะปกคลุม สร้างลักษณะโดดเด่นที่สวยงามจนออกมาเป็นซีรีส์ภาพชื่อว่า Wind of Okhotsk ซึ่งทำให้เราเห็นสิ่งปลูกสร้างหรือผู้คนภายในเมืองที่กำลังใช้ชีวิตอยู่บนพื้นหลังสีขาวโพลน Yin บอกว่า “หิมะที่ปกคลุมช่วยให้ทุกอย่างดูโดดเด่น และสามารถสื่อถึงอารมณ์ความเงียบเหงาออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม” อย่ารอช้า เราลองไปชมภาพเหล่านั้นกันเลยว่ามันมีความสวยงามมากขนาดไหน ฮอกไกโดคือจังหวัดที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ หิมะที่ปกคลุมจึงอาจเยอะกว่าที่อื่น โดดเด่นขึ้นมาราวกับด้านหลังเป็นแค่ฉากสีขาว แต่แท้จริงแล้วมันคือหิมะ สีสันที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีขาว ดูเป็นเอกลักษณ์ หิมะจำนวนมาก ทำให้เราเห็นคนเดินไปมาแทนการใช้รถ . . . รถที่จอดทิ้งเอาไว้เฉยๆ เพราะไม่สามารถนำออกมาขับได้ . ในบางจุดที่จำเป็นจะมีการกวาดหิมะออกไป เพื่อให้รถสามารถวิ่งบนถนนได้ บ้านที่เกือบจมหายไปในหิมะ . เสาไฟฟ้าธรรมดาๆ ที่ดูๆ ไปกลับรู้สึกถึงความไม่ธรรมดา ความโดดเดี่ยวที่สะท้อนออกมาจากภาพต่างๆ …
-
Sayako Ito สาวแดนปลาดิบ มีดีกรีเป็นถึงไอดอลเซ็กซี่และผู้ประกาศอิสระ อู้วๆๆๆๆ
หลายๆ คนอาจรู้จักกับวงการ กราเวียร์ไอดอล (Gravure Idol) ที่รวบรวทสาวสวยในประเทศญี่ปุ่นเอาไว้ ทำให้หนุ่มๆ ถึงกับใจละลายไปทุกครั้งที่ได้เห็นผลงานการถ่ายแบบของพวกเธอ และวันนี้เราจะมาพูดถึงหนึ่งในระดับท็อปของวงการนี้ Sayako Ito Sayako คือผู้ประกาศอิสระสาวสวยและควบตำแหน่งไอดอลสาวที่มีแฟนคลับอยู่เป็นจำนวนมาก เธอคนนี้เกิดในจังหวัดโอซาก้า เมื่อปี 1994 จึงทำให้ปัจจุบันเธออายุแค่ 23 ปีเท่านั้นเอง ผู้ประกาศสาวสุดเซ็กซี่ Sayako Ito . . ความสวยของเธอโดดเด่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ปี 2013 เธอเรียนเอกวรรณกรรมภาษาญี่ปุ่นในมหาวิทยาลัย Kindai เธอได้รับเลือกให้เป็นดาวมหาวิทยาลัยในปีนั้น และยังได้ตำแหน่งรองชนะเลิศในการประกวด Miss Campus อีกด้วย ในปีถัดไป Sayako รับงานถ่ายแบบให้กับหนังสือพิมพ์กีฬา Sankei Sports แสดงให้เห็นว่านอกจากความสวยแล้ว หุ่นของเธอเองก็แซบไม่แพ้กัน น่ารักใสๆ เห็นแล้วใจสั่นวูบวาบๆ เลยทีเดียว . . หลังจากเรียนจบในปี 2016 เธอได้กลายเป็นผู้ประกาศข่าวในรายการทีวี ควบคู่กับการถ่ายแบบให้กับบริษัท Cent…
-
หมู่บ้านปลอดขยะในญี่ปุ่น ด้วยนโยบายสุดเจ๋งที่ได้เปลี่ยนชีวิตทุกคนที่นี่ไปตลอดกาล!!
บอกไปใครก็คงไม่อยากจะเชื่อ ว่าจะมีหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่สามารถทำให้ขยะหายไปได้ตลอดกาล เพราะอย่างน้อยทุกคนก็จะต้องมีการทิ้งขยะกันบ้างไม่มากก็น้อย แต่หมู่บ้าน Kamikatsu ในจังหวัดโทะกุชิมะประเทศญี่ปุ่นสามารถทำได้จริงๆ !! หมู่บ้าน Kamikatsu นั้นมีประชากรอาศัยอยู่ราว 1,500 คน ซึ่งปัจจุบันถือเป็นเมืองที่มีอัตราการปลอดขยะเยอะที่สุดในญี่ปุ่น โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นมันเริ่มมาจากที่สมัยก่อนชาวบ้านมักจะเผาขยะที่บ้านของตนเอง จึงทำให้เกิดอากาศที่ไม่สะอาดขึ้น และมันก็ส่งผลกับทุกสิ่งมีชีวิตรอบๆ ด้วยเหตุนี้ทางหมู่บ้านจึงเริ่มนโยบายที่เรียกว่า ‘Zero Waste‘ ขึ้นมา โดยนโยบายดังกล่าวนั้นจะให้ชาวเมืองทุกคนแยกขยะอย่างชัดเจนโดยต้องไม่ทิ้งหรือเผาขยะของพวกเขาเลย และเมื่อเวลาผ่านไปอัตราการรีไซเคิลของหมู่บ้านนี้ก็เพิ่มสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับที่อื่นๆ รอบญี่ปุ่นที่มีอัตราอยู่ที่ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น คุณ Akira Sakano หญิงสาวผู้เริ่มคิดและประกาศใช้นโยบาย Zero Waste เมื่อปี 2003 ส่วนถ้าใครสงสัยว่า แค่การออกนโยบายมันแก้ปัญหาได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ คำตอบคือ ไม่!! ทุกคนในหมู่บ้านไม่ได้ปรับตัวเพื่อเข้ากับนโยบายดังกล่าวได้ทันที และมันก็ยากมากๆ กว่าจะสำเร็จ เช่นคุณ Takuya Takeichi เจ้าของร้านของชำในหมู่บ้าน เขาเล่าว่า “ตอนที่นโยบาย Zero Waste ประกาศ ผมลำบากใจมากเลยนะ มันให้ความรู้สึกเหมือนชีวิตต้องถูกตีกรอบ ไหนจะต้องแบ่งเวลามาจัดแยกขยะอีก” …
-
ร้านคาเฟ่ในญี่ปุ่น รับสมัครพนักงานสาวที่ ‘ไม่แต่งหน้า’ มาทำงาน เพื่อชูความงามแบบธรรมชาติ
ผู้หญิงอย่าหยุดสวย คำพูดที่ใช้กระตุ้นตัวเองของเหล่าสาวๆ ที่ผลักดันให้พวกเธอก้าวไปข้างหน้า เพื่อใบหน้าและร่างกายอันงดงามของพวกเธอ โดยเฉพาะใบหน้าที่ทุกคนก็จัดเต็มด้วยเครื่องสำอางเพื่อให้ดูดีที่สุด แต่สาวๆ เคยคิดไหมว่าบางครั้ง ความงามแบบธรรมชาติก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีดึงดูดเพศตรงข้ามและสร้างความสนใจได้ดีไม่น้อยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ร้านกาแฟในญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Naturalia จึงใช้แนวคิดดังกล่าวมาดึงดูดลูกค้าที่ชอบในความงามแบบธรรมชาติ โดยการเปิดรับสมัครพนักงานที่ไม่แต่งหน้าเข้ามาทำงาน หรืออาจจะแต่งให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ร้านกาแฟดังกล่าวนั้นตั้งอยู่ในเมืองซัปโปะโระ จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเจ้าของร้านได้บอกถึงเหตุผลของการจ้างลูกจ้างประเภทดังกล่าวว่า “แน่นอนว่าหญิงสาวทุกคนล้วนมีความงามของตัวเองอยู่ แต่ส่วนใหญ่ก็จะทำผมสีทอง ทำเล็บจัดเต็ม และบางคนก็ยังสูบบุหรี่อีก ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่บางครั้งเราก็ต้องการความเป็นธรรมชาติบ้างเช่นกัน” ล่าสุดทางเจ้าของร้านยังอยากจะขยายสาขาเพิ่มเติมไปยังย่านชิบุยะ ในกรุงโตเกียวและในย่านนิปปอนบาชิ จังหวัดโอซะกะ งานนี้เธอก็เลยจัดการเปิดระดมทุนเพื่อขยายสาขาผ่านเว็บไซต์ camp-fire เพื่อช่วยสมทบทุนไปขยายสาขาที่ย่านดังกล่าวนั่นเอง ผู้ร่วมลงทุนก็จะได้รับของตอบแทนเยอะแยะมากมายตามแต่จำนวนเงินที่ลงทุนไป โดยจะมีค่าร่วมลงทุนต่ำสุดอยู่ที่ 3,000 เยน หรือเป็นเงินไทยก็ราว 870 บาท ส่วนยอดสูงสุดที่ร่วมลงทุนได้จะอยู่ที่ 300,000 เยน ตีเป็นเงินไทยก็ราว 87,000 บาท ซึ่งยอดสูงสุดจะได้ของตอบแทนเป็นตั๋วเข้าใช้บริการร้านแบบพิเศษนั่นเอง เอาเป็นว่าถ้าใครชอบสาวๆ แต่งหน้าน้อยๆ หรือแบบไม่แต่งหน้าเลยเน้นความเป็นธรรมชาติ ร้านกาแฟแห่งนี้ตอบโจทย์ของคุณแน่นอน ใครสนใจสามารถไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของร้านที่ s-naturalia ได้เลย ที่มา nextshark,camp-fire
-
ญี่ปุ่นผุดไอเดีย ‘ไก่ทอดไม่มีกลิ่น’ เพื่อให้คุณสามารถทานได้ในรถไฟใต้ดิน โดยไม่รบกวนคนอื่น
ที่ประเทศญี่ปุ่น การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งการคมนาคมหลักที่ชาวญี่ปุ่นนิยมใช้กันเป็นอย่างมาก เพราะว่ามีความปลอดภัย ความรวดเร็ว และมีค่าใช้จ่ายที่ถูกมากๆ และอีกหนึ่งอย่างที่ชาวญี่ปุ่นนิยมไม่แพ้รถไฟฟ้านั่นก็คือ ไก่ทอดแบรนด์ดังอย่าง KFC ที่มีอยู่แทบทุกสถานี แต่การหิ้วไก่ทอดขึ้นรถไฟฟ้านั้นมันกลายเป็นปัญหาเนื่องจากว่ากลิ่นหอมๆ ของมันมักจะทำร้ายผู้โดยสารในรถไฟให้ทรมานเพราะความหิวได้ ทาง KFC จึงต้องออกมาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งสิ่งที่ทาง KFC ได้ทำนั่นก็คือ การผลิตไก่ทอดแบบไร้กลิ่นมานำเสนอ ไก่ทอดสูตรพิเศษที่เรียกว่า KFC Home Type นั้นเป็นไก่ทอดที่เจ๋งสุดๆ คือไก่ทอดสูตรนี้เนี่ยมันจะไม่มีกลิ่นเหมือนไก่ทอด KFC สูตรปกติทั่วไป จึงทำให้สามารถหิ้วขึ้นรถไฟฟ้าได้โดยที่กลิ่นไม่ไปรบกวนคนอื่นแล้ว ยิ่งช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้ จะเป็นช่วงที่มียอดขายไก่ทอดที่สูงที่สุด เพราะว่าผู้คนนิยมซื้อไก่ทอดไปฉลองปาร์ตี้กับคนที่บ้านหรือที่ทำงาน ราคา KFC Home Type นี้ตกอยู่ที่ประมาณ 140 บาท ต่อ 2 ชิ้น . . . แต่อย่าคิดว่าไก่ทอดไร้กลิ่นนี้มันจะไม่อร่อยนะ เพียงแค่นำไก่ทอดนี้ไปอุ่นไมโครเวฟซ้ำ มันก็จะส่งกลิ่นไก่ทอดที่เราคุ้นเคยออกมายั่วน้ำลายเหมือนเดิม ที่พิเศษไปกว่านั้นไก่ทอดสูตรนี้จะขายเฉพาะที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินชินจูกุ ในกรุงโตเกียวเท่านั้น และจะขายถึงแค่สิ้นปีนี้ ใครอยากลองก็ไปจัดได้เลยนะจ๊ะ ที่มา en.rocketnews24
-
ญี่ปุ่นเปิดบริการให้เข้าเคารพศพแบบไดร์ฟทรู เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ ‘คนแก่และคนพิการ’
การสูญเสียใครสักคนไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงหรือแม้แต่คนรู้จักผ่านๆ ไม่ว่าจะแบบไหนผลที่ตามมาก็ย่อมสร้างความเสียใจเสมอ และในบางครั้งคนที่เสียใจก็กับการจากไปก็ไม่พร้อมที่ต้องแสดงตัวในงานศพนั้นๆ ก็เป็นได้ และด้วยเหตุนี้ทางสถานที่จัดงานศพในญี่ปุ่นที่มองเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้เพิ่มตัวเลือกใหม่กับญาติๆ หรือคนรู้จักของผู้เสียชีวิตสามารถขับรถมาเคารพศพโดยที่ตัวเองไม่ต้องลงจากรถ หรือที่เราเรียกว่าการเข้าเคารพศพแบบไดรฟ์ทรูนั่นเอง โรงประกอบพิธีฌาปนกิจศพ The Ueda-Minami Aishoden ในเมืองยูดะ จังหวัดนะงะโนะ ประเทศญี่ปุ่น ได้ริเริ่มแนวคิดดังกล่าวพร้อมเปิดหน้าต่างส่วนหนึ่งเพื่อให้ญาติหรือคนรู้จักของผู้เสียชีวิต สามารถลงทะเบียนเข้าเคารพศพผ่าน iPad และเดินทางมาทำพิธีแบบญี่ปุ่นได้โดยผ่านหน้าต่างโรงประกอบพิธีและหน้าต่างรถของพวกเขา ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่เข้าใช้บริการนั้นจะเป็นกลุ่มคนที่อยากจะมาเคารพศพจริงๆ แต่พวกเขาก็มีธุระต้องไปต่อเช่นกัน การทำแบบนี้จึงเพิ่มความสะดวกสบายให้กับญาติ รวมถึงคนบางกลุ่มที่เสียใจเกินกว่าออกไปพบปะผู้มาร่วมงานศพคนอื่นๆ นั่นเอง แต่จุดประสงค์หลักของการเปิดบริการนี้จริงแล้วนั่นก็คือ การเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้สูงอายุ เพราะว่าการทำพิธีแบบญี่ปุ่นนั้นจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรในการเคารพศพ และผู้คนก็จะต้องต่อแถวกันเป็นเวลานาน ฉะนั้นผู้สูงอายุที่ยากต่อการเดินทางและยืนรอนานๆ จึงจำเป็นจะต้องใช้ตัวเลือกนั่งทำพิธีกรรมในรถผ่านระบบนี้นั่นเอง Juken Takehara หัวหน้าของโรงประกอบพิธีฌาปนกิจศพ The Ueda-Minami Aishoden ได้กล่าวว่า “ในตอนแรกที่เราเริ่มระบบนี้นั้น เราก็พบว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่ออกมาตอบโต้ว่าระบบของเรานั้นไม่ให้ความเคารพต่อผู้เสียชีวิต แต่พอเวลาไปสักระยะหนึ่งปัญหานั้นก็เริ่มหมดไป และพวกเราก็ได้เสียงตอบรับที่ดีมากขึ้น เพราะว่ามันส่งผลดีต่อผู้สูงอายุและคนพิการเป็นอย่างมากนั่นเอง” . อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าการเข้าเคารพศพจะเกิดขึ้นด้วยวิธีไหน แต่ถ้าคนที่มาเขามีใจอยากจะบอกลาคนรู้จักหรือคนรักจริงๆ มันก็ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นไดรฟ์ทรูหรือยืนรอหรอกจริงไหม เพราะความรู้สึกที่พวกเขาส่งออกมานั้นแหละคือตัวบ่งบอกเจตนาของพวกเขา……
-
ไม่ได้มีไว้นั่ง? พนักพิงดีไซน์แปลก ที่ชาวเน็ตญี่ปุ่นกำลังถกเถียงว่าเอาไว้ใช้ทำอะไรกันแน่?
กลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากในโลกออนไลน์ที่ประเทศญี่ปุ่น หลังจากชาวเน็ตท่านหนึ่งได้โพสต์ภาพสิ่งของบางอย่างจากสวนสาธารณะที่มาพร้อมกับรูปทรงแปลกๆ จนทำเอาหลายๆ คนสงสัยว่าตกลงแล้วเราจะนิยามเจ้าสิ่งนี้ว่าอะไรกันดี?? และนี่คือรูปร่างหน้าตาของมัน!! คุณ @C_Kyoro เจ้าของภาพชวนน่าสงสัยดังกล่าว ได้พบวัตถุสีดำแปลกประหลาดนี้บริเวณสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในเมืองโตเกียว และด้วยความไม่สบายใจเขาจึงได้นำภาพดังกล่าวมาโพสต์ถามเพื่อนๆ บนโลกออนไลน์ ซึ่งนอกจากรูปทรงที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนแล้ว เจ้าแท่งดำๆ นี้ยังมีป้ายติดเอาไว้ว่าห้ามนอนอีกด้วย งานนนี้ทำเอาชาวเน็ตถึงกับปวดหัวกันเลยทีเดียว ซึ่งหลายๆ คนก็ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย บางคนก็บอกว่านี่อาจจะเป็นที่พักเท้าสำหรับคนที่เมื่อยแข้งเมื่อขาก็ได้ หรือบางคนก็บอกว่าเจ้าสิ่งนี้อาจจะเป็นเก้าอี้ก็ได้นะ “ฉันคิดว่าเจ้าแผ่นสี่เหลี่ยมที่ยื่นออกมานั้นมีไว้เพื่อป้องกันคนมาเล่นสเกตบอร์ดแน่ๆ เลย” หนึ่งในความคิดเห็นของชาวเน็ต แต่ก็ได้มีชาวเน็ตท่านหนึ่งโพสต์ภาพของเก้าอี้ในสวนสาธารณะจากแคนาดาสุดล้ำภาพนี้ พร้อมกับเปรียบเทียบการออกแบบกับเจ้าแท่งที่ว่านี้ “นี่คือเก้าอี้ในสวนสาธารณะที่แคนาดา ที่ออกแบบมาเพื่อให้คนไร้บ้านได้ใช้เป็นที่หลบฝนได้ นี่สิคือการออกแบบที่คุ้มค่ากับภาษีที่พวกเขาเสียไป” ความคิดเห็นจากเจ้าของภาพเก้าอี้ดังกล่าว แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ขณะนี้การจำกัดความหมายและการใช้งานของแท่งดำๆ นี้ยังคงเป็นปริศนาสำหรับชาวเน็ตญี่ปุ่นอยู่ และดูเหมือนว่านอกจากนกแล้วก็คงจะไม่มีใครที่สามรถนั่งตรงแท่งเหล็กนี้ได้แน่นอน เอ่!? หรือเค้าทำเอาไว้บูชาพระราหูกันนะเนี่ย ที่มา rocketnews24
-
เวทย์มนต์ชัดๆ!! หนุ่มญี่ปุ่นที่สามารถใช้สิ่งของแทบทุกอย่าง ดึงผ้าออกจากเป้าได้อย่างง่ายดาย
หลายๆ คนอาจจะเคยคุ้นหน้าคุ้นตากับชายหนุ่มหน้าเหลี่ยมที่ไม่ใช่อดีตนายก ผู้มาพร้อมกับผ้าปูโต๊ะผืนสีแดงกับถ้วยน้ำชาหนึ่งใบ และกลการดึงผ้าออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งเหลือไว้เพียงแค่ถ้วยน้ำชาที่ปิดน้องชายเอาไว้เท่านั้น และนอกจากการดึงผ้าด้วยท่านอนแบบธรรมดาๆ แล้ว พี่แกยังมีท่าดึงแบบล้ำๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการดึงผ่านหมวกกันน็อค ใช้พัดลมดึง หรือแม้แต่เครื่องนวดที่เราเห็นในหนังผู้ใหญ่หนุ่มหน้าเหลี่ยม (ย้ำอีกครั้งว่าไม่ใช่อดีตนายก!!) ผู้นี้ก็เคยใช้มาแล้ว!! พบกับเรื่องราวของคุณ Uekusa Kazuhisa และกายกรรมดึงผ้าสุดล้ำของเขาได้เลย… คุณ Uekusa ได้โพสต์ความสามารถพิเศษของเขาลงในทวิตเตอร์ ซึ่งหลายๆ คลิปวิดีโอนั้นก็ได้รับความนิยมจากชาวเน็ตอย่างมากซึ่งแต่ละคลิปนั้นก็มีคนดูไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคนเลยทีเดียว และนอกจากความหวาดเสียวสำหรับสาวๆ แล้ว เสียงเพลงประกอบคลิปและสีหน้าของพี่แกตอนที่สามารถเอาผ้าสีแดงเลื่อมๆ ออกจากเป้าได้สำเร็จโดยที่น้องชายไม่ออกมาสวัสดีผู้ชมนั้น ยังดูฟินสุดๆ อีกด้วย พูดแล้วไม่เห็นภาพ #เหมียวเวจจี้ ว่าเราไปชมความฮาของพี่แกกันดีกว่า (ดูไม่ได้กด ที่นี่ นะ) 【巻尺を使って危険なテーブルクロス引き】 pic.twitter.com/DQkGd03X7q — ウエスP (@uespiiiiii) 9 ธันวาคม 2560 ถัดจากตลับเมตรแล้วก็มาต่อกันที่พัดลมเลย 1.. 2… 3… !! (ดูคลิปไม่ได้คลิก ที่นี่)…
-
เที่ยวชม ‘คุกญี่ปุ่น’ ดูสะดวกสบาย แต่ลึกๆ กลับให้ความรู้สึกอึดอัดและทุกข์ทรมาน!!
หากจะกล่าวถึงหนึ่งในประเทศในฝันแถบเอเชียที่มีทั้งระเบียบวินัยเป็นเลิศ ประเพณีอันงดงามเป็นเอกลักษณ์ บ้านเมืองสะอาด อัตราการเกิดอาชญากรรมน้อยถึงน้อยมาก อันเนื่องมาจากเป็นประเทศที่พัฒนาทั้งทางด้านความคิดและรูปลักษณ์ภายนอก นั่นก็คือ ‘ประเทศญี่ปุ่น’ นี่แหละ ว่ากันว่าประเทศญี่ปุ่นมีอาชญากรรมน้อยมาก การปล้นจี้แทบจะไม่มีเลย โดยเทียบอัตราส่วนของประชากร 100,000 คน จะมีเพียงแค่ 49 เท่านั้นที่เป็นนักโทษ เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างอเมริกาตัวเลขพุ่งสูงไปถึง 760 คน (อัตราเทียบในปีค.ศ. 2008) โดยระบบยุติธรรมของประเทศญี่ปุ่นเน้นในเรื่องของ ‘การสำนึกตัวให้กลับมาเป็นคนดี’ หากใครกระทำความผิดที่ไม่ร้ายแรงมากเป็นครั้งแรก ทั้งตำรวจและศาลจะว่ากล่าวตักเตือนก่อนและทำการปล่อยตัวไป พยายามติดต่อคนในครอบครัวช่วยพาผู้ที่หลงผิดกลับตัวเป็นคนดีให้ได้ แต่ถ้าหากว่ารุนแรงเกินกว่าจะเป็นคนดีได้ ก็ต้องถูกส่งตัวเข้าคุกไปตามระเบียบ ดูผิวเผินจากระบบดังกล่าวแล้ว คล้ายๆ กับการให้อภัยแก่ผู้ที่หลงผิดให้มีโอกาสกลับตัวกลับใจ และสภาพภายในของคุกญี่ปุ่นนั้นดูสะดวกสบายมากๆ มีเครื่องอำนวยความสะดวกให้เพรียบพร้อมทุกอย่าง แต่กระบวนการต่อจากนี้อาจทำให้ผู้ต้องหาภายในคุกกลับทุข์ทรมานยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก เพราะหัวใจหลักของระบบยุติธรรมของญี่ปุ่นคือ ‘การสารภาพ’ เพราะเชื่อว่าการสารภาพคือขั้นแรกของการกลับตัวกลับใจ โดยเฉพาะผู้ที่ถูกกล่าวหาในอาชญากรรมรุนแรงอย่างการฆาตกรรม ทำให้เกิดปัญหาที่ว่าผู้ต้องสงสัยหลายรายยอมรับสารภาพ เพื่อที่จะไม่ต้องเจอการสอบสวนแบบหนักหนาสาหัสอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 23 วัน โดยที่ยังไม่ถูกตั้งข้อหา โดยการสอบสวนเพื่อเค้นให้ยอมรับสารภาพของตำรวจญี่ปุ่น จะกินเวลาประมาณ…
-
อดีตประธานบริษัท Komatsu จัดงานเลี้ยง ‘ปิดฉากชีวิต’ ของตัวเอง หลังจากรู้ว่าอยู่ได้อีกไม่นาน
หากเรารู้ว่าเราเหลือเวลาใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นาน เราจะทำอย่างไรกับช่วงเวลาที่เหลืออยู่นั้น บางคนอาจเศร้าโศกเสียใจอยู่กับคนในครอบครัว บางคนอาจออกไปเที่ยวรอบโลก หรือบางคนอาจจัดงานเลี้ยงฉลองให้ยิ่งใหญ่เหมือนกับเขาคนนี้ Satoru Anzaki ชาวญี่ปุ่นวัย 80 ปี อดีตประธานบริษัทเครื่องจักร Komatsu ได้จัดงานเลี้ยงอำลาชีวิตของตัวเองในวันที่ 11 ธันวาคม 2017 บนโรงแรมโตเกียว หลังจากที่เขารู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานหลังจากนี้ ในเดือนตุลาคมปีเดียวกันนั้น แพทย์บอกกับเขาว่า มีการตรวจพบมะเร็งถุงน้ำดีระยะสุดท้าย แต่ Satoru เลือกที่จะไม่เข้ารับการรักษา เพื่อรักษาคุณภาพของชีวิตของตัวเองให้ดีที่สุด มีความสุขกับช่วงเวลาที่เหลืออยู่ Satoru อดีตประธานบริษัทเครื่องจักร Komatsu ต่อมาเดือนพฤศจิกายน ได้มีการประกาศเรื่องของงานเลี้ยงดังกล่าวลงในหนังสือพิมพ์ จนทำให้มีการพูดถึงกันเป็นวงกว้าง หลายคนชื่นชมในความกล้าที่จะเผชิญหน้าความตาย บางส่วนก็อยากให้ตัวเองได้รับเชิญไปร่วมงานฉลองนี้ จนกระทั่งในวันเลี้ยงฉลองมาถึง แขกกว่า 1,000 คนที่ได้รับเชิญต่างเดินทางมาร่วมงาน มีทั้งเพื่อนคนสนิทในปัจจุบัน เพื่อนเก่าร่วมชั้นในวัยเด็ก คู่ค้าและหุ้นส่วนทางธุรกิจ รวมถึงพนักงานบริษัทในสังกัด Komatsu ภายในงานถูกตกแต่งไปด้วยสิ่งของแห่งความทรงจำของชายคนนี้ อีกทั้งเขายังจ้างนักเต้นรำสไตล์ดั้งเดิมจากบ้านเกิดของเขาในจังหวัดโทคุชิมะ เข้ามาสร้างสีสันและความบันเทิงให้กับแขกทุกคนในงาน Satoru พยายามเดินทักทายและจับมือกับแขกทุกคนที่มาร่วมงาน เขายังคงยิ้มอย่างสดใสร่าเริง ไม่แสดงอาการเศร้าโศกใดๆ ทั้งสิ้น…
-
เผยผลสำรวจจาก “สาวนักอ่านการ์ตูน” ชาวญี่ปุ่น ชอบที่จะถูกกอดในแบบไหนบ้าง?
พอเข้าหน้าหนาวแล้ว เราก็ต้องหาทางรับมือกับลมหนาวที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของเรา การออกไปหาซื้อเสื้อกันหนาว ผ้าพันคอก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดี หรือถ้ามีเงินหน่อยจะหาซื้อฮีทเตอร์มาใช้ก็ได้นะ แต่คงไม่มีอะไรสู้ไออุ่นจากอ้อมกอดของคนรู้ใจได้อีกแล้ว เราทุกคนรู้ดีว่าตอนโดนกอดมันอุ่นกายอุ่นใจมากแค่ไหน แต่ว่าการกอดน่ะไม่ได้มีแค่หันหน้ากอดกันแบบเดียวนะ อาจจะอ้อมมากอดจากข้างหลัง หรือนอนกอดกันบนเตียงก็ได้ แล้วแบบไหนมันฟินที่สุดกัน ถ้าอยากรู้ละก็ เป็นโชคดีของเราพอดีที่เว็บไซต์ Mecha Comic ได้ทำแบบสอบถาม เก็บข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ให้เราแล้ว Mecha Comic เป็นเว็บไซต์สื่อสิ่งพิมพ์ออนไลน์ที่มีหนังสือการ์ตูนประเภทโชโจจำนวนมาก ซึ่งก็คือหนังสือการ์ตูนแนวน่ารักหวานๆ ที่ผู้หญิงชอบอ่านกัน แน่นอนว่ามีการ์ตูนรักโรแมนติกรวมอยู่ในนั้นเยอะมากด้วย จึงมีกลุ่มลูกค้าหญิงสาวจำนวนมากใช้เว็บไซต์นี้ ทางเว็บไซต์ก็เลยเปิดแบบสอบถามให้สาวๆ จำนวน 1,054 คน เข้ามาตอบกันว่าพวกเธอชอบที่จะถูกกอดหรือเปล่า ผลสำรวจก็เป็นที่คาดเดาได้ว่าคนส่วนมากอยากถูกกอดแน่ๆ ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นเพราะผลก็คือ หญิงที่ทำแบบสอบถาม 82 เปอร์เซ็นต์ต้องการให้กอด อีก 17 เปอร์เซ็นต์รู้สึกเฉยๆ มีก็ดีไม่มีก็ได้ และมีเพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ไม่ชอบให้กอด จากบนลงล่าง: กอดจากด้านหน้า, กอดจากข้างหลัง, โอบกอดกันจากด้านข้างแบบไหล่ชิดกัน, กอดให้ร่างกายทุกส่วนแนบชิดกัน, กอดและมองตากัน, กอดและเอาแก้มถูกัน, กอดโดยให้ส่วนหนึ่งของใบหน้าแนบกัน (หน้าผาก, จมูก…
-
เกิดเหตุรถไฟขัดข้องกลางสะพานนานนับชั่วโมง งานนี้ต้องพึ่งพาของวิเศษ “ห้องน้ำฉุกเฉิน”
การใช้บริการรถไฟนั้นถือเป็นตัวเลือกแรกๆ สำหรับการเดินทางในญี่ปุ่นเลย และเมื่อเป็นหนึ่งในระบบขนส่งมวลชนที่ผู้คนนิยมใช้มากที่สุดนั้น การให้บริการและการดูแลเอาใจใส่ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ต้องมาเป็นอันดับแรกๆ และล่าสุด พวกเขาก็ได้ยืนยันเรื่องนี้อีกครั้ง เหตุการณ์น่ารักๆ นี้เกิดขึ้นกับรถไฟสาย Joshin Dentetsu Joshin ระหว่างที่กำลังเดินทางผ่านจังหวัดกุนมะ โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 11 ธันวาคมรถไฟสายดังกล่าวได้หยุดเดินอย่างกะทันหันเนื่องจากเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า jinshin jiko เหตุการณ์ jinshin jiko นั้นหมายถึงการที่มีคนพยายามที่จะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงไปในรางรถไฟ และเป็นสาเหตุที่ทำให้รถไฟนั้นต้องหยุดการเดินรถชั่วคราว ซึ่งเป็นผู้โดยสารส่วนมาจะทราบกันดีว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้คงต้องทำใจรอกันยาวๆ เลยทีเดียว ตัดกลับมาที่รถไฟสาย Joshin Dentetsu Joshin หลังจากที่ผ่านไปกว่า 20 นาที เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีวี่แววที่จะคลี่คลายได้ง่ายๆ ในครั้งนี้ทางขบวนรถไม่สามารถที่จะเปิดประตูให้ผู้โดยสารออกไปด้านนอกเพื่อรอได้ เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำพอดี และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือบนรถเองก็ไม่มีห้องน้ำอีกด้วย แต่ก็เป็นโชคดีของผู้โดยสารที่ทางขบวนรถนั้นก็ไม่ได้ละเลยเรื่องท้องไส้ของพวกเขา ห้องน้ำแบบฉุกเฉินถูกนำมาตั้งไว้เพื่อบริการผู้โดยสาร โดราเอม่อน ตอน ห้องน้ำแบบฉุกเฉิน!! ใครจะกล้าเข้ามั้ยเนี่ย หลังจากที่ติดบนสะพานอยู่นานกว่าชั่วโมง ในที่สุดรถไฟขบวนดังกล่าวก็สามารถเดินทางต่อได้ และงานนี้ผู้โดยสารหลายๆ คนก็ต้องรู้สึกขอบคุณเจ้าห้องน้ำแบบฉุกเฉินนี้อย่างแน่นอน ถ้าเพื่อนๆ อยู่บนรถไฟขบวนนี้ เพื่อนๆ จะกล้าเข้าห้องน้ำฉุกเฉินนี้รึเปล่า ฮ่าาา ที่มา rocketnews24
-
โตเกียวขอร้องให้ออกกฎหมายใหม่ เพื่อเอาผิดกับกลุ่มคนที่ชอบขอดูรูปโป๊ของเยาวชน
ปัจจุบันการติดต่อสื่อสารกันผ่านทางสื่อออนไลน์และโซเชียลเน็ตเวิร์คเป็นสิ่งที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย และสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย แต่อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นช่องทางที่มีความเสี่ยงที่จะถูกคุกคามง่ายเช่นกัน ในประเทศญี่ปุ่นเองก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน โดยกลุ่มวัยรุ่นมักจะถูกผู้ประสงค์ร้าย คุกคามขอดูรูปภาพโป๊เปลือยอยู่บ่อยครั้ง ทางประเทศญี่ปุ่นจึงเล็งเห็นว่าปัญหานี้ควรได้รับการป้องกันและแก้ไขโดยเร็ว ในวันที่ 12 ธันวาคม 2017 คณะกรรมการการจัดการทั่วไปแห่งเมืองโตเกียว ได้จัดการประชุมเพื่อเปลี่ยนแปลงกฎหมายคุ้มครองเยาวชนที่ใช้อยู่ โดยหัวข้อสนทนาหลักนั้นเกี่ยวกับกฎหมายที่ใช้ปกป้องเยาวชนที่ถูกบังคับให้ส่งรูปอนาจารให้คู่สนทนาทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค เดิมทีนั้นกฎหมายระบุว่า เจ้าหน้าที่สามารถเอาผิดผู้ที่ขอดูรูปอนาจารในลักษณะเชิงข่มขู่หรือบังคับเท่านั้น แต่บางครั้งก็ไม่สามารถเอาผิดกลุ่มคนที่ขอรูปได้ เนื่องจากพวกเขาใช้ข้อความกำกวม และดูไม่สื่อไปทางบังคับขู่เข็ญจนผิดกฎหมายนั่นเอง จึงมีข้อเสนอในการเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายดังกล่าว โดยเปลี่ยนให้เจ้าหน้าที่สามารถเอาผิดผู้ต้องหาได้ หากผู้ต้องหาขอดูรูปอนาจารจากเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยที่เยาวชนได้ทำการปฏิเสธไปแล้ว โดยบทลงโทษของการผิดกฎนี้ คือโดนปรับประมาณ 3 แสนเยน หรือประมาณ 86,000 บาท ข้อเสนอนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากทางคณะกรรมการทุกคนอย่างเป็นเอกฉันท์ และจะถูกนำเสนอในที่ประชุมอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ธันวาคม 2017 โดยคาดว่าที่ประชุมจะให้การสนับสนุนและรับรองให้กฎหมายนี้ผ่านโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม หากเราลองอ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว จะเห็นได้ว่ากฎหมายนี้ยังปล่อยให้คู่สนทนา สามารถขอรูปเปลือยจากเยาวชนได้ครั้งหนึ่ง และแม้จะโดนปฏิเสธไปแล้ว แต่ถ้าไม่ได้ขอตรงๆ ก็ยังสามารถตื้อคุยกับเยาวชนได้ แต่ก็ยังดีกว่ากฎหมายเดิมที่ปล่อยให้คู่สนทนาขอดูรูปโป๊ของเยาวชนกี่ครั้งก็ได้ ขอแล้วโดนปัดก็ยังตื้อขอแล้วขออีกได้ไม่มีความผิดใดๆ ล่ะนะ ถึงแม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย อย่างน้อยก็ช่วยมากขึ้นนิดนึงก็ยังดี…
-
สายการบินของญี่ปุ่นใช้ ‘หุ่นยนต์’ สาธิตระบบความปลอดภัยบนเครื่อง ราวกับเป็นสจ๊วตเลยนี่!?
‘ญี่ปุ่น’ ประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของหุ่นยนต์ เทคโนโลยี และการเอาใจใส่ลูกค้าอย่างเต็มที่ ซึ่งเมื่อพวกเขานำทุกอย่างมารวมไว้ด้วยกันมันจึงเกิดเป็นวิดีโอสาธิตระบบความปลอดภัยบนเครื่องบินที่บ่งบอกความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว วิดีโอสาธิตดังกล่าวนั้นเป็นวิดีโอจากสายการบิน Starflyer ซึ่งเป็นสายการบินภายในประเทศแบบโลวคอสต์แต่ดูเรียบหรูจากประเทศญี่ปุ่น โดยสายการบินดังกล่าวต้องการจัดทำคู่มือสำหรับสาธิตระบบความปลอดภัยบนเครื่องบินของพวกเขา ทางสายการบินไม่อยากทำอะไรแบบเดิมๆ ให้ลูกค้ารู้สึกว่ามันน่าเบื่อจนเกินไป พวกเขาจึงเปิดตัว Starflyer Man ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างหน้าตามาจากรูปร่างของเครื่องบิน Airbus A320 โดยภายในคลิปก็จะมีหุ่นยนต์ตัวดังกล่าวออกมาแนะนำวิธีการเอาตัวรอดเมื่อเกิดเหตุร้ายบนเครื่องบินอย่างช้าๆ และเข้าถึงได้ไม่ยาก นอกจากนั้นการนำเสนอด้วยวิธีดังกล่าว ยังถือเป็นวิธีที่สามารถทำให้คนดูเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะเด็กๆ อาจจะชอบได้นะ อย่างไรก็ตามนี่ยังเป็นเพียงแค่การสาธิตผ่านคลิปวิดีโอเท่านั้น และด้วยความเป็นญี่ปุ่นไม่แน่เราอาจจะได้เห็นสจ๊วต ของสายการบินนี้่เป็นหุ่น Starflyer Man จริงๆ ก็ได้นะใครจะรู้ ห้ามสูบบุหรี่บนเครื่องบินนะ!! สาธิตการใส่หน้ากากออกซิเจนที่ทำออกมาได้ดูดีมากๆ ทั้งตัวหุ่นยนต์ในคลิปและการนำเสนอผ่านคนจริงๆ เสื้อชูชีพก็เช่นกัน สุดท้ายแล้วการโปรโมตด้วยวิธีดังกล่าวนั้นก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะที่มึทำ เพราะว่าย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 สายการบินของนิวซีแลนด์ก็ได้ใช้ตัวละครจาก Hobbit มาช่วยสาธิตความปลอดภัยเช่นกัน และมันก็ได้รับความสนใจเยอะมาก โดยมียอดคนดู มากถึง 13 ล้านครั้ง!! ส่วนนี่คือคลิปสาธิตความปลอดภัยบนเครื่องของสายการบินนิวซีแลนด์ที่ว่า ที่มา スターフライヤー(SFJ)
-
อดีตพนักงานร้านอินเตอร์เน็ตญี่ปุ่น เผย 5 เรื่องสุดแย่ของเหล่าผู้ใช้บริการ ที่พวกเขาพบเจอ…
ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้การเข้าถึงโลกอินเตอร์เน็ตนั้นไม่ใช่เรื่องยากเหมือนกับเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว แต่ทว่าในประเทศที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างประเทศญี่ปุ่นนั้นก็ยังคงมีการเปิดให้บริการของร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่อยู่ ในประเทศญี่ปุ่นร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่นั้นเป็นมากกว่าแหล่งบริการอินเตอร์เน็ตธรรมดาๆ เพราะที่นี่เปรียบเหมือนกับศูนย์รวมความบันเทิงขนาดย่อม ไม่ว่าจะเป็นการดูหนังแบบฟรี การอ่านการ์ตูนคอลเลคชั่นพิเศษ บริการเครื่องดื่มซอฟดริ๊งค์ รวมถึงเป็นห้องพักราคาถูกสำหรับบางคนที่พลาดรถไฟรอบสุดท้ายอีกด้วย แต่ทว่าภายในล็อกสี่เหลี่ยมเล็กๆ กับเครื่องคอมพิวเตอร์นี้ก็มักจะมีเหตุการณ์แปลกๆ จากเหล่าลูกค้าเกิดขึ้นบ่อยๆ และเมื่อไม่นานมานี้สื่อของประเทศญี่ปุ่นเองได้ทำการสัมภาษณ์อดีตพนักงานในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ท่านหนึ่งที่ใช้ชื่อแฝงว่า T-san เขาได้ออกมาเปิดเผย 5 ประเภทลูกค้าสุดป่วนในร้านอินเตอร์เน็ตที่เหล่าพนักงานเคยพบเจอมากับตัวเอง… 1. ลูกค้าที่ทำเหมือนกับร้านเป็นบ้านของตัวเอง ถึงแม้ว่าร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ในญี่ปุ่นนั้นจะมีบริการเครื่องดื่มและอาหารฟรีๆ หรืออนุญาติให้ลูกค้านำอาหารเข้ามากินในร้านได้ แต่ก็ยังคงมีลูกค้าบางคนที่มักจะทิ้งเศษอาหารเหล่านั้นไม่เป็นที่เป็นทาง หรือกองไว้ที่โต๊ะ และมักจะชอบสร้างความสกปรกในร้าน 2. พวกที่ชอบมาพร้อมกับกลิ่นไม่พึงประสงค์ อย่างที่บอกไปตอนแรก ที่นี่อาจจะกลายเป็นโรงแรมชั่วคราวสำหรับคนที่พลาดรถไฟเที่ยวสุดท้าย แต่สำหรับบางคนร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่นั้นแทบไม่ต่างอะไรกับโรงแรมเลยทีเดียว “ทางร้านก็มีบริการฝักบัวด้วย แต่ดูเหมือนว่าลูกค้าประเภทนี้จะไม่ค่อนสนใจฝักบัวที่มีไว้บริการเท่าไหร่ และมักปล่อยกลิ่นตัวให้อบอวลอยู่ในร้าน” คุณ T-san กล่าว 3. ลูกค้าที่ชอบใช้ทิชชูเป็นชีวิตจิตใจ แน่นอนว่าทิชชูนั้นมีไว้สำหรับเช็ดคราบสกปรกต่างๆ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่กองกระดาษทิชชูนั้นวางอยู่มี่หน้าจอคอมพิวเตอร์นั้นเราแทบจะไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันถูกใช้ไปด้วยการใด คุณ T-san ให้สัมภาษณ์ว่า “การใช้ทิชชูในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่นั้นถือเป็นปัญหาหลักเลย ผมไม่รู้หรอกนะว่าการโตกในร้านเน็ตคาเฟ่นั้นถูกกฎหมายหรือไม่ แต่พวกคุณช่วยเก็บมันไปทิ้งด้วยเถอะ” 4. ลูกค้าแบบคู่รัก นอกจากบริการที่นั่งแบบเดี่ยวแล้ว ในร้านอินเตอร์เน็ตก็ยังมีบริการที่นั่งแบบคู่อีกด้วย และแน่นอนว่ามันโซฟาแบบนั้นก็มักจะถูกนำไปใช้ในจุดประสงค์อย่างอื่น “ในร้านเน็ตคาเฟ่ที่ผมทำงาน…
-
เรียนรู้ประวัติศาสตร์การแต่งหน้าสไตล์ญี่ปุ่น ผ่านการ “ระบำนิ้ว” ที่พริ้วไหวดั่งสายลม!!!
ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ควบคู่มากับประวัติศาสตร์ความงามของหญิงสาวชาวญี่ปุ่น ที่ไม่ว่าจะเป็นยุคโบราณจนถึงยุคปัจจุบัน สาวๆ ชาวญี่ปุ่นก็ไม่เคยปล่อยให้ความสวยห่างหายไปเลย แบรนด์เครื่องสำอาง Shiseido จึงได้นำเสนอประวัติศาสตร์ความงามของสาวญี่ปุ่นตั้งแต่ยุคเฮอังของญี่ปุ่น จนมาถึงปัจจุบัน ผ่านการระบำที่ไม่ได้เป็นแค่การใช้ร่างกาย แต่เป็นการใช้นิ้วมือร่ายรำ… คลิปวิดีโอนี้แสดงให้เห็นถึงการแสดงแบบ “Finger Dance Makeup” ที่นำเสนอประวัติศาสตร์ความงามและความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ยุคเฮอัน (ในปีค.ศ 794-1185) ของญี่ปุ่น จนมาถึงปัจจุบัน ก็จะมีเทรนด์ความงามที่แตกต่างกันออกไป คลิปวิดีโอเริ่มต้นที่ความงามที่ทันสมัยในยุคปัจจุบัน ผ่านการระบำนิ้วมือที่มีลิปกลอสเป็นเครื่องช่วยแสดง จากนั้นเทรนด์ความงามของสาวญี่ปุ่นก็ได้ย้อนเวลาไปในอดีต ที่เป็นสาวสวมชุดกิโมโนแบบทางการ 12 ชั้น เธอมาพร้อมกับแปรงปัดหน้า ที่จะทำให้ใบหน้าขาวผ่องแบบสาวญี่ปุ่นในอดีต ความงามในช่วงเวลานี้เน้นความกระจ่างใสของผิวด้วยความโปร่งใสของผงแป้งที่ปัดลงไปบนใบหน้า ต่อมาเราก้าวไปสู่ยุคเอโดะ (ในปี ค.ศ. 1603-1868) ซึ่งเครื่องแต่งกายของเกอิชาเริ่มมีอิทธิพลต่อความงามในอุดมคติ ทำให้เกิดสีสันสดใสบนใบหน้า โดยเฉพาะที่ริมฝีปาก ตามด้วย ยุคเมจิ (ในปี ค.ศ. 1868-1912) เป็นการสวมใส่ชุดนักเรียนสีสันสดใสที่เรียกว่า Hakama-Style ในช่วงเวลานี้เทรนด์การแต่งหน้าไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นเท่าที่เคยเป็นมา เน้นเป็นการแต่งให้ดูธรรมชาติเสียมากกว่า จากนั้นก็มาถึงสาวยุคโชวะ (ในปี ค.ศ. 1926-1989) สาวๆ ญี่ปุ่นชอบเน้นความโดดเด่นด้วยขนตาปลอมและการกรีดอายไลน์เนอร์เส้นหนาๆ…
-
ศิลปินสาวชาวญี่ปุ่นสร้างงานศิลปะสุดเจ๋ง ด้วยการวาดภาพป๊อปคัลเจอร์ลงบน ‘พรม’ ของเธอเอง!?
สำหรับใครที่มีพรมแล้วชอบดูดฝุ่นบริเวณพรมบ่อยๆ เคยสังเกตกันไหมว่าบางครั้งที่เราดูฝุ่นบนพรม พรมจะมีรูปร่างหน้าตาและลวดลายที่เปลี่ยนไป จนบางครั้งเราก็รู้สึกว่าเราสามารถสร้างลายใหม่ให้กับพรมของเราได้ ด้วยเหตุนั้นศิลปินสาวชาวญี่ปุ่นที่ใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า @agito0219 ผู้มีแนวคิดแบบเดียวกัน จึงตัดสินใจสร้างผลงานศิลป์ของเธอลงบนพรมซะเลย ซึ่งเธอได้สร้างงานศิลป์เป็นภาพป๊อปคัลเจอร์ต่างๆ ในแบบที่เธอชอบ ไม่ว่าจะเป็นกันดั้ม, มาสก์ไรเดอร์ หรือแม้ตัวการ์ตูนต่างๆ เธอก็จัดให้ได้!! @agito0219 ให้เหตุผลที่ไม่เปิดเผยหน้าจริงๆ บนโลกอินเตอร์เน็ตว่า หน้าตาของเธอไม่สำคัญเท่าผลงานของเธอที่บ่งบอกความเป็นตัวเธอออกมาอยู่แล้ว Shining Gundam Shin Godzilla Evangelion 01 Spider-Man เวอร์ชั่นญี่ปุ่นกับหุ่นยนต์ Leopardon ของเขา Gon จาก Hunter x Hunter Gundam Turn A Pikachu!! Blood Stalk จาก Mask Rider Build Gundam Rx-78 คนนี้อาจจะไม่ได้มาจากญี่ปุ่น แต่รับรองว่าใครๆ…
-
เมื่อรายการญี่ปุ่นถามชาวฟินแลนด์ เกี่ยวกับกฎระเบียบอันเข้มงวดของรร. ญี่ปุ่น เด็กฟินแลนด์ถึงกับอึ้ง!!
อย่างที่เรารู้ๆ กันดีอยู่แล้วว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของระเบียบวินัยที่ค่อนข้างเป๊ะไปซะทุกเรื่องรวมถึงกฎระเบียบต่างๆ ในโรงเรียนอีกด้วย และแน่นว่าถ้าหากพูดถึงเรื่องระบบการศึกษาล่ะก็ ประเทศฟินแลนด์เองก็ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความก้าวหน้าในด้านนี้อันดับต้นๆ ของโลก และอย่างที่เราทราบกันว่าโรงเรียนที่ฟินแลนด์มันคือสวรรค์ของเด็กๆ ชัดๆ ไม่ว่าจะเป็นการบ้านหรือการสอบที่แสนจะน้อยนิด และกฎระเบียบที่ไม่เข้มงวดมาก แต่จะเป็นอย่างไรบ้างถ้าหากเด็กๆ จากฟินแลนด์ได้ยินเกี่ยวกับกฎต่างๆ ของโรงเรียนในญี่ปุ่น?? เมื่อไม่นานมานี้ได้มีชาวเน็ตญี่ปุ่นท่านหนึ่งได้โพสต์ภาพของรายารทีวีที่ได้ได้เผยให้เห็นคำตอบของเหล่าเด็กๆ จากประเทศฟินแลนด์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ภาพจากทวิตเตอร์ของคุณ @noginoginanamai “ในญี่ปุ่นมีกฎว่าห้ามนักเรียนย้อมผมและใส่ต่างหูมาโรงเรียน พวกหนูๆ คิดว่าอย่างไร้าง??” ทางรายการถามเหล่าเด็กๆ ชาวฟินแลนด์ “เราจะไม่ไปโรงเรียนแน่นอน ถ้าหากมีกฎแบบนั้น” ทางเว็บไซต์ Rocketnews ระบุว่ากฎระเบียบในโรงเรียนที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศนั้นอาจจะมาจากจุดประสงค์ของนโยบายการศึกษา ซึ่งจุดมุ่งหมายในการศึกษาของประเทศฟินแลนด์ก็คือการเรียนของพวกเด็กๆ เท่านั้น ซึ่งต่างจากบางประเทศที่ให้ความสำคัญกับด้านอื่นๆ ด้วย อย่างเช่นความเป็นระเบียบวินัยของเด็กๆ นั่นเอง และแน่นอนว่าหลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพจากรายการทีวีดังกล่าว ก็ได้มีชาวเน็ตญี่ปุ่นเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก ซึ่งบางคนก็บอกว่า “ไม่ใช่แค่โรงเรียนในฟินแลนด์เท่านั้นที่ไม่มีกฎเข้มงวด แต่ในโรงเรียนอาชีวะหรือพวกวิทยาลัยต่างๆ ก็ด้วย ฉันอิจฉาพวกเขาจริงๆ กฎเข้มงวดเหล่านี้ไม่มีทางเปลี่ยนได้เลยอย่างนั้นหรือ??” ในขณะที่บางคนก็บอกว่า “แต่ในโรงเรียนเอกชนแพงๆ ก็ไม่ได้มีกฎที่เข้มงวดเหมือนกันนะ พวกเขาทำให้เด็กๆ อยากเรียนรู้ด้วยตัวเองและกฎต่างๆ เหล่านั้นก็ไม่จำเป็น แต่น่าเสียดายที่โรงเรียนส่วนมากยังมีกฎที่เข้มงวดแบบนี้” แล้วโรงเรียนของเพื่อนๆ…
-
เผยผลสำรวจพฤติกรรม “ช่วยตัวเอง” จากทั่วญี่ปุ่น จัดอันดับจังหวัดไม่พอ มีท่าแนะนำให้ด้วย!?
เคยสงสัยไหมว่าประเทศแห่งอุตสาหกรรมสื่อผู้ใหญ่อย่างญี่ปุ่น จะมีอัตราการช่วยตัวเองมากน้อยขนาดไหน? ไม่ใช่แค่คุณที่อยากรู้ เพราะทาง Tenga เขาก็อยากรู้เหมือนกัน!! ท่านชายหลายคนอ่านแล้วคงจะต้องร้องอ๋ออย่างแน่นอนสำหรับชื่อ Tenga เพราะมันก็คือชื่อของสินค้าสำหรับท่านชาย ที่สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเพิ่มสุนทรียภาพในการช่วยตัวเอง ตัวอย่างสินค้าของทาง Tenga ล่าสุดทาง Tenga ได้ออกไปสำรวจท่านชายจำนวน 5,279 คนจากทั่วประเทศและจำกัดช่วงอายุตั้งแต่ 15 ถึง 64 ปี และนี่ก็คือผลสำรวจของที่พวกเขาได้มา!! จังหวัดที่มีการช่วยตัวเองมาที่สุด อันดับหนึ่งคือจังหวัดคะนะงะวะ มีการช่วยเหลือตัวเองเฉลี่ย 3.77 ครั้งต่อสัปดาห์ อันดับสองคือจังหวัดจังหวัดเฮียวโงะ มีการช่วยเหลือตัวเองเฉลี่ย 3.65 ครั้งต่อสัปดาห์ อันดับหนึ่งคือจังหวัดชิซุโอะกะ มีการช่วยเหลือตัวเองเฉลี่ย 3.45 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนอัตราส่วนเฉลี่ยของทั่วประเทศจะอยู่ที่ 2.94 ครั้งต่อสัปดาห์ ท่าที่ใช้ในการช่วยเหลือตัวเอง ท่านั่ง 33.6 % ท่านอนหงาย 27.9 % ท่านอนหันข้าง 12.1 % ใช้อะไรเป็นสื่อในการช่วยเหลือตัวเอง หนังผู้ใหญ่แบบดูฟรีผ่านเว็บ 79.5 % หนังผู้ใหญ่แบบเสียเงิน…
-
เมื่อป้าชั้นล่างเปิดทีวีเสียงดัง หนุ่มญี่ปุ่นเลยจัดการพังพื้นเพื่อทำลายทีวีของป้าให้สิ้นซาก!!
เรื่องราวสุดเงิบที่เหมือนจะตลกแต่เจ้าตัวกลับฮาไม่ออก เมื่อชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งได้ระบายถึงความรู้สึกแย่ๆ ของการที่ต้องทนอยู่กับเพื่อนบ้านไม่ค่อยดีในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง โดยเขาจะต้องสู้กับมลพิษรอบห้องของเขาทุกๆ วันจนในที่สุดเขาก็ทนมันไม่ไหว Kei Fujino หนุ่มวัย 33 ปี เล่าว่าทุกวันเขาต้องเจอกับชายคนหนึ่งที่ทำอาชีพปล่อยเงินกู้อยู่ชั้นล่างถัดจากเขาไป 2 ชั้น โดยชายคนนี้นั้นมักจะตะโกนใส่โทรศัพท์มือถือในช่วงเช้ามืดแทบทุกวันว่า “จ่ายเงินมาสักที” ส่วนอีกคนที่พ่อหนุ่มคนนี้ต้องเจอคือชายข้างห้องที่มีกลิ่นตัวเหม็นมากๆ เหม็นขนาดที่บางครั้งมันสามารถลอยตามลมเข้ามาในห้องของเขาได้ แต่ที่หนักที่สุด Kei เล่าว่า ป้าที่อยู่ห้องด้านล่างที่ตรงกับห้องของเขามักจะเปิดทีวีเสียงดังมากๆ จนพ่อหนุ่มเจ้าของเรื่องราวคนนี้ทนไม่ไหว จัดการทุบพื้นอพาร์ตเมนต์ โดยใช้ไม้ขนาด 120 เซนติเมตรฟาดลงไปกับพื้นจนเป็นรูกว้าง จากนั้นเขาก็ใช้ไม้ดังกล่าวโยนใส่ทีวีของป้าห้องข้างล่างต่อทันที โชคดีที่ป้าไม่เป็นอะไร คุณป้าคนนั้นได้แจ้งความไปยังตำรวจทันที หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมนาย Kei พวกเขาก็ได้รับรู้เรื่องราวร้องไห้ไม่ได้ หัวเราะไม่ออกของเขา ตำรวจบอกว่านาย Kei และป้าคนดังกล่าวนั้นไม่เคยเจอหรือคุยกันแบบตรงๆ มาก่อนเลย ฉะนั้นสาเหตุที่เขาทำไปทั้งหมดล้วนเกิดจากความโมโหที่มีแก่ทีวีที่สร้างเสียงน่ารำคาญแก่เขาเท่านั้น สุดท้ายแล้ว Kei ก็ถูกตั้งข้อหาทำลายทรัพย์สินและถูกคุมขัง ซึ่งก็หวังว่าที่คุมขังนั้นจะแข็งแรงพอจะกักขังหนุ่ม Kei ไว้ให้ไม่ทำลายมัน หรือผู้คุมจะไม่เปิดทีวีเสียงดังนะ… จริงๆ ก็น่าสงสารพ่อหนุ่มคนนี้นะ ที่มา rocketnews24
-
หัวใส!! ญี่ปุ่นผลิตโดรนส่งเสียงเพลงเพื่อบังคับ(ไล่)พนักงานกลับบ้าน ลดปัญหาการทำงานหนัก
ในประเทศที่เป๊ะทุกระเบียบนิ้วอย่างญี่ปุ่น เรื่องของเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก จะเห็นได้ว่าไม่ว่ารถไฟฟ้าหรือแม้แต่รถบัสเขาจะมาตรงทุกวินาที และหากคลาดเคลื่อนไปแม้แต่นาทีเดียวผู้บริหารหลายที่ก็ถึงขั้นลาออกเลยทีเดียว และในตอนนี้ประเทศนี้ก็มีวิธีใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องของเวลา โดยพวกเขาจะใช้โดรนบอกเวลาเลิกงานให้กับพนักงาน!! โดรนบอกเวลาเลิกงานที่ว่านี้มีชื่อว่า T-Frend โดยมันจะปล่อยเสียงเพลง Auld Lang Syne เพลงสัญชาติสกอตแลนด์ ซึ่งปกติมักจะเปิดในร้านค้าของประเทศญี่ปุ่น ในเวลาที่ร้านค้าต่างๆ ใกล้จะปิดแล้ว หน้าตาของโดรน T-Frend “คนปกติมักจะไม่ค่อยมีสมาธิในตอนเวลาที่ใกล้เลิกงาน เพราะมัวแต่พะวงว่าเมื่อไหร่เวลาเลิกงานจะมาถึง พวกเราจึงได้คิดค้นโดรนที่สามารถปล่อยเพลง Auld Lang Syne ขึ้นมาอีกทั้งมันยังมีเสียงน่ารักๆ รวมอยู่ด้วย” Norihiro Kato ผู้อำนวยการบริษัท Taisei บริษัทรักษาความปลอดภัยและทำความสะอาด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบกล่าว นอกจากโดรนอันนี้จะสามารถส่งเสียงบอกเวลาได้แล้ว มันยังถูกติดตั้งพร้อมกับกล้องวงจรปิด ที่ทำให้สามารถดูภาพสดๆ จากต่างสถานที่ และเครื่องนี้ยังสามารถจดจำสถานที่ต่างๆ ภายในตึกได้โดยไม่ต้องใช้เทคโนโลยี GPS เลยด้วย สามารถจดจำสถานที่ต่างๆ ได้อัตโนมัติ บริษัท Taisei มีแผนจะปล่อย T-Frend ในเดือนเมษายนปีหน้า โดยจะร่วมมือกับ Blue Innovation บริษัทพัฒนาโดรนโดยเฉพาะ และ NTT East ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม สำหรับค่าใช้จ่ายสำหรับโดรนตัวนี้ ยังไม่มีการกำหนดออกมาแน่นอน แต่พวกเขาบอกเอาไว้ว่าจะมามีราคาให้บริการอยู่ราวๆ 500,000 เยน (ประมาณ 143,000 บาท)…
-
สื่อญี่ปุ่นตีข่าว ร้านราเม็งในไทยก็อปไอเดียแฟรนไชส์ราเม็งชื่อดังของญี่ปุ่นไปทั้งดุ้น!?
ร้านราเม็ง Ichiran หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ราเม็งข้อสอบ เป็นร้านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องของรสชาติน้ำซุป ซอสสูตรพิเศษ และจุดที่เห็นชัดที่สุดก็คือการตกแต่งร้านหรือรูปแบบการสั่งอาหารที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าทำข้อสอบอยู่จริงๆ ใครที่เคยลองไปกินราเม็งร้านนี้ที่ประเทศญี่ปุ่น คงหวังให้ร้านดังกล่าวขยายสาขามาเปิดที่ไทยบ้าง ซึ่งนั่นก็อาจเป็นไปได้ ถ้าไม่ติดที่ว่าตอนนี้ชาวญี่ปุ่นถกเถียงกันว่าร้านราเม็งเจ้าหนึ่งในบ้านเราได้นำเอกลักษณ์ต่างๆ ของ Ichiran มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ร้าน Ichiran นั้นมีความเก่าแก่ดั้งเดิม ถือกำเนิดในประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 1993 และได้มีการขยายสาขาออกไปต่างประเทศเช่น สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน และฮ่องกง แต่ที่ไทยกลับมีร้านที่ดูเหมือนกับร้านต้นฉบับมากเหลือเกิน จึงทำให้พวกเขาส่งคนเข้ามาตรวจสอบร้านดังกล่าวดู เมื่อผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นได้เดินทางมาใช้บริการร้านที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ราเม็งข้อสอบในไทย พวกเขาก็ถึงกับบอกเลยว่า เอกลักษณ์ทุกอย่างที่เป็นของร้าน Ichiran มารวมเอาไว้อยู่ในร้านนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเว็บไซต์ของร้านดั้งเดิมได้ออกมาพูดถึง 5 เอกลักษณ์ของทางร้าน ได้แก่ 1. ซอสแดงสูตรเฉพาะ 2. ซุปกระดูกหมูไร้กลิ่นเหม็น 3. ที่นั่งกั้นฉาก 4. กระดาษข้อสอบสั่งอาหาร 5. ระบบสั่งเพิ่มเส้น ทั้งหมด 5…
-
แผนผังความยุ่งเหยิงของรถไฟโตเกียว ตอนเช้าก็ดูสบายตา แต่พอชั่วโมงเร่งด่วนเท่านั้นแหละ
ในตอนเช้าๆ ของวันทำงาน ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งในเมืองใหญ่ๆ ที่ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานล่ะก็ คงจะชินตากับภาพผู้คนนับพันที่ตื่นมาเผชิญกับช่วงเช้าที่โหดร้ายพร้อมๆ กับคุณบนสี่แยกไฟแดง แต่ไม่เพียงแค่สี่แยกไฟแดงเท่านั้น ในระบบขนส่งสาธารณะอย่างเช่นรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินเองก็มีผู้คนหนาแน่นไม่แพ้กัน และถ้าหากว่าคุณคิดว่าชั่วโมงเร่งด่วนในกรุงเทพบ้านเรานั้นเป็นอะไรที่ดูจะวุ่นวายสุดๆ แล้วล่ะก็ คุณอาจจะเปลี่ยนความคิดเลยก็ได้ เมื่อได้เห็นขบวนรถไฟตอนชั่วโมงเร่งด่วนของกรุงโตเกียว ผ่างง!! นอกจากความแออัดของผู้โดยสารแบบที่เราเคยเห็นกันในคลิปวิดีโออื่นๆ ก่อนหน้านี้แล้ว ความหนาแน่นของขบวนรถเองก็เยอะไม่แพ้กันเลยทีเดียว ซึ่งในชั่วโมงเร่งด่วนของย่านธุรกิจแห่งนี้ จะมีรถไฟเข้าออกทุกๆ 5 นาทีเลยทีเดียว!! คลิปวิดีโอจากช่องยูทูป badger ได้เผยให้เห็นการเคลื่อนที่ของรถไฟที่เคลื่อนที่รอบเมืองหลวงแห่งนี้ โดยรถไฟขบวนแรกนั้นจะเริ่มต้นเมื่อเวลาประมาณตี 4:42 ในสาย Keihin Tohoku (สีฟ้าอ่อน) ก่อนที่จะเคลื่อนผ่านบางสถานี คล้ายกับสาย Yamanote (สีเขียวอ่อน) ซึ่งรถไฟนี้จะจอดรับผู้โดยสารหลักๆ ที่สถานีโตเกียว ชินะงะวะ ชิบุย่า ชินจุกุ และ อะกิฮะบะระ โดยสัญญาณแห่งความวุ่นวายนั้นจะเริ่มต้นขึ้นประมาณ 7 โมงเช้า ก่อนที่หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นความหนาแน่นองรถไฟในสายต่างๆ ก็เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่จะมีเวลาเข้างานประมาณ 9 โมงเช้านั่นเอง จากนั้นทุกอย่างจะเริ่มเข้าสู่สภาวะปรกติเมื่อเวลาประมาณ 10 โมงเช้า และถ้าหากว่าคุณไม่อยากจะฝ่าฝูงชนที่กำลังแออัดกันในตอนเช้าล่ะก็ ช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการนั่งรถไฟแบบสบายๆ เลยทีเดียว ตอน 8 โมงเช้าถือว่าเป็นช่วงเวลาที่รถไฟนั้นแน่นสุดๆ ไปเลย…
-
รายการญี่ปุ่นโคตรถึงใจ ติดตามชีวิต “ข้าราชการดูงานต่างประเทศ” เพื่อการงานหรือไปเที่ยว!?
บ่อยครั้งที่เรามักจะเจอข้าราชการจากหลายๆ องค์กรในบ้านเราขอเบิกงบจากกองกลาง เพื่อที่พวกเขาจะใช้สำหรับการเดินทางไปดูงานตามที่ต่างๆ อาจจะเป็นต่างจังหวัดหรือหนักหน่อยก็ไปต่างประเทศ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่านั่นคือการไปเที่ยวหรือไปศึกษางานจริงๆ เพราะเราไม่ได้เห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมสักเท่าไหร่ แต่ใช่ว่าพฤติกรรมดังกล่าวนั้นจะมีแค่ที่ประเทศไทยนะ เพราะที่ญี่ปุ่นก็เป็นเช่นกัน โดยเรื่องราวนี้ได้ถูกเปิดเผยผ่านรายการ 実録! 金の事件簿 2 ซึ่งออกอากาศผ่านช่อง FUJI TV ทีมงานจากรายการดังกล่าวนั้นได้แอบสืบพบว่า ‘คณะสมาชิกสภาจังหวัดคากาวะ’ ได้ขอเบิกงบจากรัฐเป็นเงินกว่า 10 ล้านเยน หรือตีเป็นเงินไทยก็เกือบๆ 3 ล้านบาท เพื่อที่จะพาทุกคนนั่งเครื่องบินชั้นธุรกิจ ไปดูงานถึงประเทศเยอรมนี อิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์ กินเวลารวมแล้วกว่า 9 วัน 7 คืน!! โฉมหน้าของคณะสมาชิกสภาจังหวัดคากวะที่เป็นเหยื่อของรายการในครั้งนี้ มาครับนั่งเครื่องบินสุดหรู แล้วบินไปกันเลย ป้ายแรกที่เยอรมนี!! นอกจากเยอรมนีแล้ว ยังมีอีกสองประเทศสุดหรูหราที่ใครๆ ก็อยากไป แน่นอนว่าถ้าเราได้ยินการไปดูงานต่างประเทศแถมไปนานขนาดนี้เราก็ต้องคิดไปก่อนแล้วว่า พวกเขาไม่ได้ไปดูงานหรอกแต่แอบโกงเงินแบบอ้อมๆ ผ่านวิธีดังกล่าวเพื่อให้ได้ไปเที่ยวต่างหาก งานนี้ทีมงานเลยขอปลอมตัวตามติดชีวิตเหล่าคณะสมาชิกสภากันสักหน่อย เอาแบบตามติดตั้งแต่ญี่ปุ่นยาวจนไปถึงต่างประเทศเลย งานนี้และจะได้รู้กันว่าโกงหรือศึกษางานจริงๆ กันแน่!! ตามติดมาจากญี่ปุ่น ตอนนี้เหยื่อทั้งหมดก็มาถึงเยอรมันแล้ว พอมาถึงสถานีแรก เหล่านักเดินทางทั้ง 6 ก็ไม่รอช้า เข้าไปดูงานถึงในร้านอาหารสุดหรูพร้อมสั่งเบียร์ชั้นดีมากระดกอย่างสบายใจ…ดูงานจริงๆ นะ…
-
สติ๊กทูล้ำๆ พร้อมฟังก์ชันตรวจอาการ “แพ้โซบะ” แสดงให้รู้ได้ทันทีเมื่อมีสีแดง!!
ญี่ปุ่นอาจจะเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของเหล่านักท่องเที่ยวหลายๆ คน เพราะนอกจากความสวยงามของบ้านเมืองแล้ว ความแปลกใหม่และรสชาติของอาหารก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกด้วย แต่นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่มักจะมีอาการแพ้อาหารอย่างเช่นอาหารทะเล หรือพวกถั่วต่างๆ และหนึ่งในอาการแพ้ที่มักจะพบในหมู่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ก็คืออาการแพ้เส้นโซบะนั่นเอง!! เนื่องจากเส้นโซบะนั้นทำมาจากวัตถุดิบอย่างแป้งบัควีท ซึ่งมีผู้บริโภคบางคนอาจจะเกิดอาการแพ้เจ้าแป้งชนิดนี้ได้และอาจทำให้เกิดอาการช็อกเนื่องจากการแพ้อย่างรุนแรงที่เรียกว่า Anaphylactic เหมือนกับการแพ้ยา ถั่วลิสง หรือพวกเหล็กในของแมลง และแน่นอนว่าเมื่อเล็งเห็นปัญหาแบบนี้พวกเค้าก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยทางกลุ่ม 230 Soba Street Promotion Committee ก็ได้ร่วมมือกับเอเจนซี่ระดับโลกอย่าง J. Walter Thompson นำเสนอไอเดียสนุกๆ ที่มีชื่อว่า “Soba Allergy Tattoo Checker” หรือแผ่นสติ๊กทูเช็กอาการแพ้โซบะนั่นเอง เจ้าแผ่นสติ๊กทูเช็กอาการแพ้นี้ถูกออกแบบเป็นลวดลายแบบศิลปะญี่ปุ่นต่างๆ ที่สวยงาม และได้รับความร่วมมือแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญอย่างดอกเตอร์ Mami Nomura ในการออกแบบและทำสารเช็กภูมิแพ้อีกด้วย โดยหลักการทำงานของเจ้าแผ่นสติ๊กทูนี้ก็ง่ายๆ เพียงแค่คุณแปะมันลงที่แขน และจากนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณกำลังจะเพลิดเพลินกับเมนูโซบะเย็นหรืออะไรก็ตามที่มีเส้นโซบะเป็นส่วนผสม คุณก็แค่หยดน้ำซุปของอาหารจานนั้นลงที่สติ๊กทู และถ้าหากว่าคุณมีอาการแพ้ล่ะก็จะมีลวดลายสีแดงๆ เกิดขึ้นที่บนสติ๊กทูนั่นเอง แบบนี้!! นอกจากจะเป็นไอเดียเจ๋งๆ แล้ว เจ้าแผนสติ๊กทูเช็กอาการแพ้นี้ยังเป็นอีกหนึ่งแผนโปรโมต ที่ทำให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักกับอาหารของชาวญี่ปุ่นอย่างโซบะมากขึ้นอีกด้วย ที่มา jwt, thedrum
-
วิธีแก้ปัญหาสุดคูล เมื่อร้านค้าญี่ปุ่นสั่งของมาเกิน จาก 8 ถ้วยเป็น 8 แพค เป็นคุณจะทำยังไง!?
การแก้ปัญหาเฉพาะหน้านั้นเป็นสิ่งที่บุคลากรในทุกอาชีพควรจะมี โดยเฉพาะกับงานที่จะต้องจัดการกับสินค้าหรือลูกค้ายิ่งสำคัญสุดๆ เพราะถ้าเราสามารถจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างฉุกละหุกได้ทันที ก็สามารถบรรเทาผลลัพธ์ที่ตามมาได้ ยกตัวอย่างง่ายๆ จากเรื่องราวที่ชาวเน็ตนามว่า フォレ ไปเจอเข้ากับร้านแห่งหนึ่งที่เจ้าของบังเอิญสั่งของมาผิด จากที่ต้องสั่งแค่ 8 ถ้วย แต่พี่แกดันสั่งมาตั้ง 8 แพคหรือ 64 ชิ้นแทน คนรีทวีตเรื่องราวนี้มากถึง 110,281 ครั้งเลยล่ะ โดยปัญหานั้นเกิดขึ้นเมื่อร้านสะดวกซื้อได้สั่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ Nen no Kitsune มาวางขาย กะจะลองตลาดดู เพียงแต่ว่าเจ้าของร้านดันสั่งมาเกินจากเดิมที่ตั้งใจสั่งแค่ 8 ถ้วยมันดันกลายเป็น 64 ถ้วย ไปซะได้ งานนี้ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น เจ้าของร้านจะต้องหาทางแก้ปัญหาที่รวดเร็ว ซึ่งมันก็เร็วจริงๆ เขาได้มองเห็นถึงความเชื่อของชาวญี่ปุ่นที่ชื่นชอบในเรื่องดวงพอๆ กับบ้านเรา โดยเขาได้นำเรื่อง ‘ไอเทมนำโชค’ มาเป็นไอเดียในการขายบะหมี่ที่เกิน ทางร้านนั้นได้ตั้งให้บะหมี่ Nen no Kitsune เป็นไอเทมเสริมดวงให้กับทุกราศี โดยถ้าใครซื้อไปกินหรือพกติดตัวก็จะโชคดี เพียงแต่ว่ามีราศีธนูเท่านั้นที่ไม่ใช่บะหมี่ยี่ห้อดังกล่าว แต่ถูกเปลี่ยนเป็นขนมปังปูแทน เหมือนกันทุกราศี มาหักตรงราศีสุดท้ายนี่แหละ ไอเดียการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าดังกล่าวถือว่าสุดยอดเลยทีเดียว ทว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่มีรายงานว่าร้านสะดวกซื้อดังกล่าวประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาไหม บะหมี่ถูกระบายออกจนหมดหรือเปล่า รวมถึงร้านดังกล่าวคือร้านอะไรสาขาไหนก็ไม่มีใครทราบ แต่ก็ต้องชื่นชมเจ้าของที่แก้ปัญหาได้รวดเร็วจริงๆ…
-
เถื่อนญี่ปุ่น… รถไฟชั่วโมงเร่งด่วน ยัดผู้โดยสารหนึ่งคน ด้วยแรงเจ้าหน้าที่ถึง 3 คน!!
ในช่วงเช้าที่ทุกคนกำลังรีบออกไปทำงานของประเทศญี่ปุ่น ประชากรส่วนใหญ่เลือกใช้บริการรถไฟสาธารณะเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและความรวดเร็วในการเดินทาง แต่ในชั่วโมงเร่งรีบแบบนี้จึงทำให้ผู้โดยสารจำนวนมากแย่งกันขึ้นขบวนรถไฟไม่ว่าจะเต็มขนาดไหนก็ตาม และนั่นจึงทำให้ประเทศนี้มีอาชีพที่เรียกว่า Oshiya หรือก็คือเจ้าหน้าที่ผลักผู้โดยสาร งานของอาชีพนี้ก็คือการผลักและดันผู้โดยสารที่ล้นออกมาเข้าไปอยู่ในขบวนรถไฟให้ได้มากที่สุด โดยสิ่งที่พวกเขาทำก็ไม่ได้ดูรุนแรงจนเกินไป เพราะพวกเขาจะใช้คำพูดที่สุภาพกับผู้โดยสาร และเจ้าหน้าที่ทุกคนจะใส่ถุงมือสีขาวสะอาดแสงให้เห็นถึงการให้เกียรติกัน แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำหน้าที่กันอย่างสุภาพแล้วในบางครั้งมันก็อาจดูป่าเถื่อนไปบ้าง อย่างเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2017 ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @jpn_darkside ได้โพสต์คลิปการผลักผู้โดยสาร 1 คนเข้าไปในขบวนที่ต้องใช้เจ้าหน้าที่มากถึง 3 คน คลิปจากโพสต์ในทวิตเตอร์ แสดงให้เห็นถึงความพยายามของเจ้าหน้าที่ 3 คนในการดันผู้โดยสารคนหนึ่งให้เข้าไปในขบวน (ดูไม่ได้กดที่ลิ้งก์นี้ Twitter) 日本人、そんなに急いでどこへ行くのですか… pic.twitter.com/mwJ0N8FBal — 日本の闇を見てしまった。。。【厳選】 (@jpn_darkside) December 3, 2017 นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนเช้าระหว่างเส้นทางรถไฟ Sobu ที่เชื่อมระหว่างสถานีชิบะ และโตเกียว เจ้าหน้าที่พยายามดันให้ผู้โดยสารเข้าไป แต่ก็ไม่สำเร็จซักที เจ้าหน้าที่คนที่สองจึงรีบวิ่งเข้ามาช่วย และทำให้ผู้โดยสารที่อยู่นอกสุดต้องออกไปหนึ่งคน เพราะสามารถเข้าได้เพียงแค่หนึ่งคนเท่านั้น แต่แม้จะเหลือผู้โดยสารล้นออกมาแค่หนึ่งคน แต่สุดท้ายก็ต้องใช้เจ้าหน้าที่ถึง 3…
-
Nishinari ย่านใหญ่ในโอซากา ว่ากันว่าคือ “ชุมชนแออัดแห่งญี่ปุ่น” ที่ทางการพยายามปกปิด..
ถ้าหากพูดถึงประเทศญี่ปุ่น ภาพที่จะผลุดขึ้นมาในหัวพวกเราหลายๆ คนเลยนั่นก็คือภาพของอาคารสูงๆ ความทันสมัยและรถไฟความเร็วสูงอย่างชินคันเซ็นนั่นเอง แต่ก็เหมือนกับเมืองใหญ่ๆ ทั่วไป ถึงแม้ว่าจะมีความเจริญมากมาย แต่ก็ยังคงมีบางพื้นที่มีอีกด้านหนึ่งของสังคมและมักจะไม่ถูกนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ และวันนี้เราจะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับอีกมุมหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังของความเจริญในแดนปลาดิบแห่งนี้ นั่นก็คือย่าน Nishinari หนึ่งในย่านที่มีชื่อเสียงจากเมืองโอซากานั่นเอง Nishinari นั้นถือเป็นหนึ่งใน 24 เขตของโอซาก้า แต่นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวอันขึ้นชื่อแล้ว ย่านแห่งนี้ก็ยังมีบางพื้นที่ที่เรียกว่าเป็นย่านเสื่อมโทรมเองเช่นกัน และหนึ่งในนั้นก็คือสลัม Kamagasaki สลัมที่มีความเป็นมายาวนานตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เดิมที่แห่งนี้เป็นเพียงแค่หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แต่หลังจากเริ่มฟื้นตัวจากสงคราม การพัฒนาประเทศนั่นเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่รัฐบาลญี่ปุ่นต้องเร่งทำให้สำเร็จ การฟื้นฟูประเทศครั้งใหญ่ได้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับจำนวนของแรงงานที่หลังไหลเข้ามาในประเทศตามเขตเมืองใหญ่ๆ และเขต Nishinari เองก็เป็นหนึ่งในจุดหมายของเหล่าแรงงานเหล่านนั้น ในช่วงปี 1970 ที่นี่ถูกขนานนามว่า “labor towns” หรือเมืองแห่งแรงงาน และที่นี่จึงกลายเป็นตลาดแรงงานที่สำคัญที่สุดในเมือง ก่อนหน้านี้ในปี 1898 ทางการญี่ปุ่นมีแผนกำหนดให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเขต Nishinari นั้นย้ายออกไปยังพื้นที่ Kamagasaki เพื่อเตรียมตัวในการจัดงานนิทรรศการอุตสาหกรรมระดับชาติในปี 1903 และหลังจากที่เกิดวิกฤติฟองสบู่ในญี่ปุ่นเมื่อปี 1991 ความรุ่งเรืองกลับหายวับไปกับตา เศรษฐกิจที่เคยเจริญเติบโตกลับหยุดชะงัก ตลาดแรงงานแห่งนี้เองก็ได้รับผลกระทบนั้นไปด้วย จากตลาดแรงงานที่เคยเจริญเติบโต ตอนนี้กลับกลายเป็นแหล่งของคนตกงาน ไร้บ้าน และกลายเป็นชุมชนแออัดในที่สุด …
-
แบรนด์เสื้อผ้าญี่ปุ่นผุด “เสื้อแฮมสเตอร์” สุดคิวท์ ที่แอบซ่อนบางสิ่งไว้ในแก้มตุ่ยๆ
คุณว่าเสน่ห์ของเจ้าหนูแฮมสเตอร์อยู่ตรงไหน ใช่!! หลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่น่ารักสดใส บางคนก็ชื่นชอบเวลาที่มันเคี้ยวอาหารเพราะนั่นจะส่งผลให้แก้มของมันมีลักษณะตุ่ยๆ และด้วยเหตุนี้ จึงทำให้นักออกแบบจากประเทศญี่ปุ่นได้ปิ๊งไอเดียสุดแจ่มว๊าวววว โดยการดึงเอาเสน่ห์ความตุ่ยของแฮมสเตอร์มาเนรมิตเป็นเสื้อเชิ้ตสุดคิวท์ซะเลย แต่เอ…ดูเหมือนว่าสิ่งที่ดึงดูดสายตาที่แท้จริงจะไม่ได้ถูกโฟกัสไปที่แฮมสเตอร์ แต่ดันไปอยู่ที่อื่นนะสิ หืมมม!! สำหรับเสื้อเชิ้ตดังกล่าวได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาโดย “Mocolle” แบรนด์ออกแบบเสื้อผ้าของญี่ปุ่น ที่เชี่ยวชาญในด้านการออกแบบชุดแฟชั่นที่มีความแปลกใหม่ และแหวกแนวไม่เหมือนใคร เช่น ชุดคลุมท้องแนวโลลิต้า หรือจะเป็นชุดว่ายน้ำเซ็กซี่ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “มิโกะ” สาวพรหมจารีในตำนานนั่นเอง และแน่นอนว่าผลงานชิ้นล่าสุดที่ทาง Mocolle ได้สร้างขึ้นมาก็คือ เสื้อยืดหนูแฮมสเตอร์ ตัวนี้… ส่วนความตุ่ยมากตุ่ยน้อยของแฮมสเตอร์นั้นก็ขึ้นอยู่กับขนาดหน้าอกหน้าใจของสาวๆ ซึ่งถ้าหากหน้าอกของคุณมีความโบ้มมมมมม มันก็จะส่งผลให้แก้มแฮมสเตอร์มีความตุ้ยนุ้ยมากยิ่งขึ้น ดังตัวอย่างดังต่อไปนี้… นี่คือ Saki Miyamoto สาวเอวีสุดแจ่มว๊าวที่ได้มาเป็นแบบสวมเสื้อแฮมสเตอร์ของ Mocolle ในครั้งนี้ ป้าดดด มาเต็มมากจัดได้ว่าตำแหน่งหน้าอกของน้องมากตรงแก้มแฮมสเตอร์เป๊ะ ดูม มาจาเล่ ดูม มาจาเล่ ดูม นอกจากจะได้สวมใส่เสื้อยืดน่ารักๆ ที่เป็นรูปแฮมสเตอร์แล้ว สาวๆ ทั้งหลายยังสามารถเลือกสายพันธุ์ที่ชื่นชอบได้ด้วยนะ…
-
สถาปนิกญี่ปุ่นสร้างชั้นวางหนังสือสุดเจ๋ง ที่ปีนขึ้นไปหยิบหนังสือได้โดยไม่ต้องใช้บันได!!
การออกแบบสิ่งใดๆ ในบ้านสำหรับประเทศญี่ปุ่น จะต้องคิดให้ถี่ถ้วนเพราะว่าบ้านส่วนใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นนั้นจะมีขนาดเล็ก พวกเขาจึงต้องใช้ทุกตารางเมตรในบ้านให้เกิดประโยชน์สูงที่สุดทั้งเรื่องความสวยงามและด้านการใช้งานด้วย การที่มีชั้นวางหนังสือในบ้านมันเป็นอะไรที่แสนจะดูดีและดูน่ารัก ชั้นวางหนังสือสามารถเป็นจุดดึงดูดสายตาสำหรับใครที่มาเที่ยวบ้านเราได้เป็นอย่างดี แต่ปัญหาของชั้นวางหนังสือหลักๆ ก็คือพวกมันมักจะมีขนาดที่สูงเกินกว่าจะเอื้อมไปถึง ซึ่งหลายๆ ที่ก็มีวิธีแก้ปัญหาคือ สร้างบันไดสไลด์ติดกับชั้นวางหนังสือซะเลย ซึ่งมันก็ดูมีเสน่ห์ในตัวไม่ใช่เล่น หน้าตาของชั้นวางหนังสือที่ไม่ต้องใช้บันได แต่สำหรับพื้นที่ในบ้านของประเทศญี่ปุ่น การสร้างบันไดมันก็คงดูเกะกะสำหรับบ้านหลังเล็กๆ ด้วยเหตุนี้ Shinsuke Fujii สถาปนิกชาวญี่ปุ่นจึงได้ออกแบบชั้นหนังสือ ที่สามารถปีนขึ้นลงได้โดยไม่ต้องใช้บันไดช่วย เป็นฝีมือของสถาปนิกที่ชื่อว่า Shinsuke Fujii เจ้าของบ้านหลังหนึ่งในเมืองโยโกฮาม่า ซึ่งเป็นหนอนหนังสือตัวยงได้ว่าจ้างให้ Fujii ออกแบบชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่ภายในบ้านของเขา โดยมีโจทย์ว่าจะต้องหยิบหนังสือในชั้นต่างๆ ออกมาได้อย่างง่ายดายและจะมีหนังสือต่างๆ ที่อยู่ในชั้นจะต้องไม่หล่นลงมาหากเกิดแผ่นดินไหวขึ้น ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ในประเทศญี่ปุ่น สร้างแบบเอียงเพื่อให้สามารถปีนขึ้นไปหยิบหนังสือได้ สถาปนิกคนเก่งนี้ก็ทำตามโจทย์ที่ลูกค้าต้องการได้เป็นอย่างดี โดยเขาแก้ปัญหาด้วยการสร้างชั้นวางหนังสือแบบเอียงๆ เพื่อจะได้สามารถปีนไปหยิบหนังสือที่อยู่ชั้นบนๆ ได้อย่างง่ายดายไม่ต้องใช้บันไดให้ยุ่งยาก และก็สามารถช่วยให้หนังสือไม่ตกลงมาเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวได้ตามความต้องการของลูกค้า ยังช่วยป้องกันหนังสือตกเมื่อเกิดแผ่นดินไหวได้ด้วย นอกจากนี้พื้นที่การจัดวางชั้นหนังสือของสถาปนิกคนนี้ยังมีความพิถีพิถัน โดยเขาเลือกให้ด้านหน้าของชั้นวางหนังสือ หันหน้าไปทางทิศตะวันตกรับกับแสงแดดที่ส่องผ่านกระจกเข้ามาในตอนกลางวัน เพื่อให้เกิดความสวยงามและสามารถหาหนังสือได้โดยไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าอีกด้วย มุมอื่นๆ ในบ้านหลังนี้ ซึ่งสถาปนิกต้องสร้างให้เข้ากับบรรยากาศ …
-
คลิปเพลงน่ารักปนฮา “Tokyo Bon 2020” ช่วยสอนออกเสียงคำอังกฤษแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่น
ในสมัยนี้ที่การเดินทางไปต่างประเทศนั้นเป็นเรื่องง่ายกว่าในสมัยก่อน และค่าโดยสารก็มีราคาถูกลงมากจนแทบทุกคนสามารถเข้าถึงได้ การไปเที่ยวต่างประเทศจึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย แต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังคงเป็นอุปสรรคในการท่องเที่ยวต่างแดน นั่นคือการสื่อสารภาษาต่างประเทศนั่นเอง ถึงแม้ว่าภาษาอังกฤษจะนับว่าเป็นภาษาสากลก็ตาม แต่ในความเป็นจริงนั้น คนบางส่วนก็ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ แถมภาษาอังกฤษในแต่ละพื้นที่ก็สำเนียงไม่เหมือนกัน บางที่ฟังยากจนถึงกับคิดว่าไม่ใช่ภาษาอังกฤษอีกต่างหาก Namewee นักร้องชาวมาเลเซียน่าจะเล็งเห็นถึงปัญหานี้ เขาจึงร่วมมือกับ Cool Japan TV ออกอัลบั้มเพลงใหม่ออกมา ในชื่อว่า Tokyo Bon 2020 (Makudoraudo) อัลบั้มดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอวัฒนธรรมญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่นที่ในเพลงเรียกว่า Japanglish เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในอนาคต โดยทำให้คนคุ้นชินกับภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่นผ่านทางเพลงนี้ เพลงนี้ Namewee เป็นผู้แต่งเองทั้งหมด โดยมี Meu Ninomiya เป็นนักแสดงนำหญิงใน MV ส่วนตัวเพลงเน้นที่การใช้ท่าเต้นจากเทศกาลโอบ้ง และเครื่องดนตรีญี่ปุ่นมานำเสนอเรื่องวัฒนธรรม ส่วนเนื้อหาเพลงนั้นเน้นไปที่ความรู้สึกของชาวต่างชาติที่มีต่อภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่น นอกจากนี้ในเพลงยังสอนคำศัพท์หลายๆ คำที่น่าจะได้ใช้แต่ฟังยากอีกด้วย อย่างเช่นคำว่า Makudoraudo ที่อยู่ในชื่อเพลง ซึ่งเป็นเสียงอ่านของคำว่า McDonald’s ในสำเนียงญี่ปุ่นนั่นเอง เขายังหวังว่าเพลงนี้จะเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และถูกนำไปเปิดในงาน Tokyo Olympics ในปีพ.ศ.2563 ด้วย…
-
นี่คือ “สถานีรถไฟลับแล” ในโตเกียว ที่ผู้คนผ่านแทบทุกวัน แต่อาจไม่ทันสังเกตมาก่อน
การเดินทางด้วยรถไฟ อีกหนึ่งช่องทางการคมนาคมหลักของประเทศญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อว่าสะดวก ปลอดภัย และตรงต่อเวลาที่สุดในโลก ชาวญี่ปุ่นจึงนิยมใช้รถไฟในการเดินทาง และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเปิดใช้งานสถานีรถไฟที่ถูกปิดตัวมานานกว่า 90 ปี นั่นก็คือ สถานี Manseibashi ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยที่เปิดทำการในช่วงเดือนมกราคม 1930 ถึงเดือนพฤศจิกายน 1931 เท่านั้น ก่อนที่จะปิดตัวลง สถานีรถไฟแห่งนี้อยู่ในสายการเดินรถไฟ Ginza ที่มีสถานีทั้งหมด 19 สถานีที่อยู่ในสาย แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าความจริงนั้นสายการเดินรถไฟแห่งนี้มี 20 สถานี สถานี Manseibashi ถูกปล่อยให้อยู่กับความมืดมิดมาตลอด 90 ปีและมันจะกลับมาเฉิดฉายอีกครั้งในวันที่ 1 ธันวาคม 2017 เพื่อให้ผู้คนได้เยี่ยมชมและรับทราบถึงประวัติศาสตร์แห่งสถานีนี้ . นอกเหนือจากความลึกลับของสถานีรถไฟแห่งนี้ ใกล้ๆ กันก็ยังมีแม่น้ำคันดะ ถ้ำย้อนยุค ที่เป็นแหล่งประวัติศาสตร์ชั้นยอด และตัวสถานีบางส่วนก็ดัดแปลงให้เป็นห้องอาหารและชอปปิ้งคอมเพล็กซ์ อีกทั้งยังมีร้านกาแฟที่สามารถมองเห็นรถไฟวิ่งผ่านไปมาได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามสถานี Maneibashi จะเปิดให้เข้ารับชมถึงวันที่ 18 มกราคม 2018 ส่วนใครที่อยากไปศึกษาประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นก็จองตั๋วไปเที่ยวกันรัวๆ ได้เลยนะ…
-
สาวญี่ปุ่นโดนจับหลังขโมยอนิเมะมูลค่า 30,000 บาท ของแฟนหนุ่มที่อาศัยอยู่ด้วยกันไปขาย
งานอดิเรกของคนเรานั้นก็มีอยู่หลายอย่าง อาทิ เล่นดนตรี ดูภาพยนตร์ ออกกำลังกาย หรือกระทั่งสะสมสิ่งของต่างๆซึ่งก็คงเป็นเรื่องที่ดีหากคนที่เราอยู่ด้วยเห็นคุณค่าในงานอดิเรกของเรา แต่คงไม่ใช่เห็นเป็นเงินเหมือนกับเหตุการณ์นี้ ที่มีสาวคนหนึ่งขโมยคอลเลคชั่นสะสมของแฟนหนุ่มไปขายแล้วได้เงินไปกว่า 30,000 บาท!!! เรื่องราวนี้ได้รับการเปิดเผยจากผู้ใช้ทวิตเตอร์ยูสเซอร์หนึ่งนามว่า @wkkazuya โดยเขาเล่าว่า เขาเป็นชายญี่ปุ่นอายุ 49 ปีที่คบหากับสาวอายุ 23 ปีคนหนึ่ง ในเริ่มแรกพวกเขาอาศัยอยู่คนละสถานที่กัน โดยเธอคนนั้นอาศัยอยู่ในหอพักของบริษัทที่เธอทำงานอยู่ ทว่าในภายหลังเธอได้ลาออกจากงาน นั่นจึงเป็นเหตุให้เธอต้องออกจากหอพักนั้นด้วย และในที่สุดเธอจึงตัดสินใจย้ายมาอาศัยอยู่กับเขาในจังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น ใจแทบสลาย หายไปไหนหว่า?? หนุ่มรายนี้ได้บอกว่า งานอดิเรกของเขาคือการสะสมโมเดลการ์ตูนต่างๆ เพราะว่าเขาเป็นแฟนอนิเมะตัวยง ดังนั้นที่บ้านของเขาจึงเต็มไปด้วยแผ่นการ์ตูนมากมายทั้งแบบ DVD, Blu-ray รวมไปถึงโมเดลหายากที่มีมูลค่าสูง และอยู่มาวันหนึ่งก็เกิดเรื่องที่ทำให้ใจเขาแทบสลายเพราะว่ามันมีสิ่งของบางอย่างหายไปจากชั้นสะสมของเขา ด้วยความที่บ้านของเขานั้นไม่มีใครสามารถเข้ามาได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน ชายคนดังกล่าวจึงได้สงสัยว่าต้องเป็นแฟนสาวของเขาแน่นอนที่อยู่เบื้องหลังการหายไปของชุดสะสมสุดรักของเขา เขาจึงได้ไปแจ้งตำรวจเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำไมถึงทำกับฉันด้ายย โดยในตอนแรก สาวคนนี้อ้างว่าเพื่อนของเธอเป็นคนขโมยของเหล่านี้ไป แต่เมื่อสอบสวนไปเรื่อยๆ เธอก็ให้รับสารภาพว่า เธอเป็นคนขโมยคอลเลคชั่นเหล่านั้นเอง แล้วนำไปขายที่ร้านรับซื้อสินค้าอนิเมะมือสองที่ชื่อว่า Geo จนได้เงินไปกว่า 90,000 เยน(30,000 บาท) ซึ่งเธอได้ออกมาบอกในภายหลังว่า “ฉันไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว…
-
ยูทูบเบอร์สาวโชว์การแต่งหน้า เพื่อแยกความแตกต่างของ “สาวเกาหลี” และ “สาวญี่ปุ่น”!!
ว่าด้วยเรื่องการแต่งหน้าของสาวๆ แต่ละประเทศนั้น ก็มีสไตล์และเทรนด์ที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าให้พูดถึงประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการแต่งหน้าของสาวๆ ที่ดูโดดเด่นตามแบบฉบับของตัวเองนั้น ก็คงต้องเป็นสาวเกาหลีและสาวญี่ปุ่น ที่แม้ว่าประเทศจะอยู่ใกล้ๆ กัน แต่สไตล์การแต่งหน้ากลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้เองทำให้สาวยูทูบเบอร์ที่ใช้ชื่อว่า Daiya ออกมารีวิวการแต่งหน้าเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของสาวทั้งสองประเทศ โดยเธอได้บอกว่าสาวเกาหลีนั้นมักจะแต่งหน้าโทน ส้ม แดง ชมพู ทอง และน้ำตาล ส่วนสาวญี่ปุ่นนั้นมันจะแต่งสีส้ม ชมพู ที่มีสดมากกว่า . เธอเริ่มแต่งจากดวงตาก่อนเลย โดยที่ลุคของสาวเกาหลีนั้นจะเน้นเขียนตาให้เข้มมากกว่า สาวญี่ปุ่นที่รูปเขียนน้อยๆ เน้นความเป็นธรรามชาติ เช่นเดียวกันกับคิ้วที่ของสาวญี่ปุ่นก็ดูสีจางกว่าแบบธรรมชาติ ต่อไปคือเทคนิคการลงรองพื้นที่แตกต่างกันของสาวทั้งสองสัญชาติ โดยเธอได้กล่าวว่าของเกาหลีนั้นมักจะใช้รองพื้นที่มีเนื้อแมทท์ ในขณะที่ญี่ปุ่นจะมีเทคนิคการลงรองพื้นให้ดูฉ่ำวาวที่โหนกแก้มมากกว่า ในส่วนของลิปนั้น สาวเกาหลีก็มักที่จะทาสีอ่อนลงไปก่อน จากนั้นก็ค่อยเพิ่มสีแดงสดลงไปที่ริมฝีปากด้านในอีกครั้ง ให้ดูอมแดงระเรื่อ แต่สาวญี่ปุ่นชอบทาลิปที่สีอ่อนๆ ที่ดูเงาๆ เป็นธรรมชาติซะมากกว่า แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดว่าสไตล์การแต่งของตัวเองเป็นแนวไหน ลองนำมาแชร์กันได้นะจ๊ะ ที่มา en.rocketnews24
-
ขะขะขาววว… ชาวเน็ตญี่ปุ่นร่วมฉลองวัน ‘ถุงเข่า’ แชร์ภาพทั่วโลกออนไลน์ กำไรของชายหนุ่มจริงๆ
และแล้วก็เวียนมาบรรจบอีกครั้งกับวันที่ 28 พฤศจิกายน รู้ไหมว่าวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของชาวญี่ปุ่นเลยนะ นั่นก็คือ ‘วันถุงเข่า’ อ่ะสงสัยกันล่ะสิ วันถุงเข่า มีทำไม มีไปเพื่ออะไร? ว่ากันว่าประเทศญี่ปุ่นเค้าเป็นเจ้าแห่งเทศกาลเลยก็ว่าได้ วันแห่งนั่นวันแห่งนี่เต็มไปหมด และตามที่กล่าวไปข้างต้นนั่นก็คือ วันถุงเข่า มันฟังดูแปลกๆ นะว่าไหม ถุงเข่า หรือ ถุงเท้ายาวเหนือเข่าสไตล์ญี่ปุ่น ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของการแต่งตัวของสาวๆ ชาวญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ดูแล้วมีความเป็นเจแปนเกิร์ลไรงี้ นอกจากจะสวยแล้วยังเพิ่มความอบอุ่นได้ด้วยนะ เค้าก็เลยเห็นความสำคัญและจัดว่าเป็นวันที่ 28 พฤศจิกายนเป็นวันถุงเข่าของประเทศญี่ปุ่นเค้าแหละ เหล่าวัยรุ่นและผู้ที่ชื่นชอบใส่ถุงเข่าชาวญี่ปุ่นก็เลยออกมาเฉลิมฉลองวันนี้ด้วยการโพสต์รูปภาพของถุงเข่าผ่านทางแฮชแท็กที่สร้างขึ้นมาในวันนี้ในโลกทวิตเตอร์ อื้อหือ เปิดมาก็หายใจไม่ทั่วท้องกันเลยงี้หนุ่มๆ . บรรดาสาวกคอสเพลย์ก็จัดกับเค้าด้วย อยากให้วันนี้มีหลายๆ วันต่อปี มันช่างจ้าซะเหลือเกิน คนหรือกระดาษ A4 ทำไมขาวขนาดนั้น ความแจแปนนีซเกิร์ล . จัดไปรัวๆ นี่ #เหมียวบู้บี้ เอาใจหนุ่มๆ เลยนะเนี่ย . .…
-
อภิมหาความพยายาม บันดาลภาพสถานีรถไฟ จากเศษตั๋วที่ใช้แล้ว กว่า 150,000 ชิ้น!!
ในชั่วโมงเรียนวิชา กพอ. หลายๆ คนคงจะเคยได้ทำงานประดิษฐ์จากสิ่งของหรือวัสดุเหลือใช้กันมาบ้างแล้วแน่ๆ และนอกจากของใช้ในบ้านแล้ว วัสดุเหลือใช้อย่างขวดยาคูลท์หรือหวยรัฐบาลเองก็สามารถนำมาทำงานศิลปะได้เหมือนกัน เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งที่ใช้ชื่อในทวิตเตอร์ว่า @soichih0213 ได้โพสต์ภาพงานศิลปะจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินของเมืองโอซะกะลงบนโลกออนไลน์ และนี่คือภาพจากผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นผู้นี้ ถ้าหากดูผ่านๆ ภาพของหัวรถไฟใต้ดินนี้อาจจะดูไม่แตกต่างจากภาพเขียนทั่วๆ ไปเท่าไหร่ แต่ทว่าเมื่อซูมเข้าไปใกล้ๆ เรากลับต้องตะลึงไปตามๆ กันเพราะภาพของรถไฟใต้ดินที่เราเห็นนั้นทำมาจากเศษตั๋วของรถไฟมากถึง 153,600 ชิ้นเลยทีเดียว ภาพของเศษตัวชิ้นเล็กๆ เกือบ 200,000 ชิ้นที่ถูกนำมาเรียงต่อกันเป็นภาพของรถไฟใต้ดินในสถานี Nishi-Umeda Station เมืองโอซะกะแห่งนี้ จากข้อความที่เขียนอธิบายถึงผลงานชิ้นนี้บอกว่า งานศิลปะชิ้นดังกล่าวนั้นใช้เวลาในการทำนานถึง 300 ชั่วโมงเลยทีเดียว โดยเจ้าหน้าที่ของสถานีจะเจาะเศษตั๋วเป็นวงกลมเล็กๆ และใช้คีมคีบทีละชิ้นเพื่อเรียงต่อกันเป็นภาพของรถไฟ โดยสีดำของหมึกและสีของกระดาษนั้นช่วยทำให้ภาพดูมีมิติมากขึ้น นอกจากภาพของไฟคันดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีอีกภาพที่ใช้เทคนิคการทำแบบเดียวกัน แต่ภาพนี้น่าจะใช้เวลาทำนานกว่าเพราะจากคำอธิบายใต้ภาพนั้นบอกว่าพวกเขาใช้เศษตั๋วทั้งหมด 174,720 ชิ้นเลยทีเดียว!! โอโห!! เรียกได้ว่าเป็นงานศิลปะที่ต้องใช้ความพยายามและความอดทนมากๆ เลยนะเนี่ย แต่จากผลงานที่เราได้เห็น ก็เรียกได้ว่าคุ้มค่าเหนื่อยจริงๆ เลยนะ ที่มา rocketnews
-
กบว.ญี่ปุ่น ได้รับร้องเรียนจากผู้ปกครองว่า ‘ผู้เฒ่าเต่า’ มีพฤติกรรมลามก ไม่เหมาะสม!?
สำหรับใครที่ติดตามหรือชื่นชอบอนิเมะจากฝั่งญี่ปุ่น หลายคนคงจะรู้ว่าเนื้อหาส่วนใหญ่ของอนิเมะญี่ปุ่นในปัจจุบันมักจะมีเนื้อล่อแหลมหรือที่เราเรียกกันว่า ‘ฉากเซอร์วิซ’ ซึ่งจะมีตัวละครสาวๆ ทรงโตหรืออาจจะเป็นตัวละครน่ารักๆ ออกมาโชว์เรือนร่างกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งมันจึงทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ เกี่ยวกับอนิเมะประเภทดังกล่าวว่ามันเหมาะสมหรือไม่ที่จะให้เด็กๆ ได้ดูเพราะอนิเมะดังกล่าวมีหลายเรื่องที่ได้ฉายในเวลาเช้านั่นเอง และนั่นจึงทำให้ ‘ผู้เฒ่าเต่า‘ จาก Dragon Ball Super ที่เพิ่งจะกลับมาออกฉายภาคต่อเมื่อปี 2015 ก็ตกเป็นเป้าหมายไปกับเขาด้วย ส่วนคนที่ออกมาตักเตือนผู้เฒ่าเต่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือองค์กรเฝ้าระวังสื่อของญี่ปุ่นที่ชื่อ Broadcasting Ethics and Program Improvement Organization หรือชื่อย่อว่า BPO นั่นเอง (ใครที่นึกไม่ออกก็ให้คิดถึง กบว. ไว้) โดยทาง BPO ออกมาบอกว่า พวกเขาได้รับการร้องเรียนมาจากผู้ปกครองชาวญี่ปุ่นว่าตัวละครผู้เฒ่าเต่านั้นมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจากตอนที่เพิ่งฉายไปไม่นาน เพราะเขาดันไปทำลามกกับ “ยูริน” ตัวละครสาวตัวใหม่ที่เป็นลูกศิษย์ของ “เทนชินฮัง” . งานนี้ประเด็นเกี่ยวกับตัวละครแนวทะลึ่งๆ และไม่เหมาะสมจึงถูกยกมาถกอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ทาง BPO ก็เคยออกมาพูดถึงอนิเมะหลายๆ เรื่องที่มีเนื้อหาอนาจารและรุนแรงมาแล้วหลายเรื่อง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นสาวๆ ใน Seven Mortal Sins ฉากฆ่ากันที่โหดร้ายใน Mobile…
-
Google ไปถ่ายภาพสตรีทวิวในย่าน “อากิฮาบาระ” คุณลุงมาเห็นเลยจัดโชว์ลีลาให้เต็มที่!!!
หลายคนคงจะเห็นภาพหลุดๆ ที่ทาง Google Street View บังเอิญถ่ายติดมาในแผนที่ Google Map บ้างไม่มากก็น้อยใช่ไหมล่ะ ไม่ว่าจะเป็นคนแอบมีอะไรกัน การโฟโต้บอมและอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าทาง Google พบภาพอะไรแบบนั้น พวกมันจะถูกลบอย่างรวดเร็ว แต่ว่าก็ยังมีตาลุงเสื้อชมพูคนหนึ่งที่สามารถพิชิตกล้อง Street View ลงจนได้ โดยมันทำให้เขากลายเป็นผู้มีวิชานินจาแยกเงาพันร่างบนโลกออนไลน์ทันที!? เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ย่าน Akihabara ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นย่านชอปปิงที่มีคนพลุกพล่านทั้งวัน แต่ตาลุงคนนี้ก็ไม่เกรงกลัวพร้อมแสดงวิชาออกมาให้เราได้เห็นกัน ซึ่งที่เด็ดสุดๆ คือลุงแกไม่ได้แยกแค่สองสามร่าง แต่เล่นมาแบบ 180 องศารอบกล้อง จนมีมากกว่า 10 ร่าง!! ถ้าใครยังไม่เชื่อว่าลุงแกทำได้จริงๆ ก็ลองไปดูด้วยตาตัวเองโดยตามที่อยู่นี้ไปเลย ละติจูด 35.698193 ลองจิจูด 139.771284. บอกเลยดูแล้วจะอึ้ง ที่ต้องอึ้งก็เพราะ ภาพดังกล่าวถูกถ่ายตั้งแต่ปี 2014 และกล้องของทางทีมงาน Street View มันมีกระบวนการที่รวดเร็วมาก ฉะนั้นลุงคนนี้จะต้องรู้วิธีการทำงานของกล้องและเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี จึงสามารถเอาตัวเองไปแทรกภาพแบบ 360 ได้ ที่สำคัญทำไมเขาถึงไม่ถูกเบลอหน้าด้วย? . สุดท้ายชาวเน็ตก็พากันสงสัยและยกให้คุณลุงเสื้อชมพูคนนี้เป็นตำนาน Street View เรียบร้อย ส่วนเขาเป็นใครมาจากไหนก็ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องค้นหากันต่อไป… ที่มา rocketnews24
-
ญี่ปุ่นขาดแคลนทายาทชาย หลายครอบครัวเลือกเลยรับ “ชายวัยผู้ใหญ่” เป็นบุตรบุญธรรม
ในประเทศญี่ปุ่น การสืบทอดธุรกิจที่ครอบครัวสร้างขึ้นมาถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ อีกทั้งวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นคือผู้ที่จะมารับมรดกนั้นไปได้จะต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น แล้วถ้าบ้านไหนมีแต่ลูกสาวล่ะจะทำยังไง? ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าการรับชายวัยผู้ใหญ่เข้ามาเป็นบุตรบุญธรรม จากเหตุผลที่ว่าครอบครัวส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นเลือกที่จะมีลูกแค่คนเดียว ทำให้ครอบครัวเจ้าของธุรกิจจำนวนมากขาดทายาทผู้ชายที่จะเข้ามาสืบทอดกิจการของพวกเขา จึงได้เกิดวิธีการรับผู้ชายที่มีอายุอยู่ในช่วง 20 หรือ 30 ปีเข้ามาเป็นบุตรบุญธรรมเพื่อรับมรดกนั้นไป สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น สังเกตได้จากสถิติการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมในปี 2016 ที่สูงถึง 81,000 คน โดย 90 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดนั้นเป็นการรับเลี้ยงผู้ใหญ่ ไม่ใช่เพียงเหตุผลที่ว่ามีแค่ลูกสาว เพราะบางครอบครัวที่มีลูกชายก็ยังคงใช้วิธีรับเลี้ยงผู้ใหญ่บุญธรรมเข้ามา เพราะว่าลูกชายของพวกเขาอาจไม่มีประสิทธิภาพหรือความรับผิดชอบที่มากพอในการรับธุรกิจของครอบครัวไปดูแล หนึ่งในบุตรบุญธรรมที่ถูกรับเลี้ยงมาให้สืบทอดธุรกิจของครอบครัวหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าลูกๆ ที่แท้จริงของพวกเขาจะไม่มีหน้าที่ในมรดกนั้นเสมอไป เพราะส่วนใหญ่แล้วลูกสาวของครอบครัวจะได้รับการสั่งสอนและอบรมมาอย่างดีเกี่ยวกับธุรกิจของที่บ้าน จากนั้นพวกเธอก็จะได้แต่งงานกับบุตรบุญธรรมที่รับเข้ามาสืบทอดธุรกิจนั้นๆ แล้วทั้งคู่ก็จะสามารถช่วยกันบริหารได้อย่างดี เมื่อเป็นอย่างนั้นก็ไม่ต่างกับการคลุมถุงชนหรือเปล่า? จากคำตอบของ Chieko Date ผู้ทำการจับคู่ในลักษณะนี้มานานกว่า 10 ปีได้บอกเอาไว้ว่า ก่อนที่หนุ่มสาวจะได้มาเจอกัน ครอบครัวเจ้าของธุรกิจที่มาใช้บริการกับเธอจะเป็นคนกำหนดความต้องการทุกอย่างว่าอยากได้บุตรบุญธรรมที่มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง พวกเขาจะตรวจสอบข้อมูลของผู้ชายคนนั้นอย่างละเอียด เพื่อดูว่าไม่มีหนี้สินติดตัวมาและต้องไม่เป็นเกย์ จากนั้นลูกสาวของพวกเขากับชายหนุ่มถึงจะได้มาเจอกัน และหากว่าพูดคุยกันไม่ถูกคอ ก็สามารถทำการยกเลิกการรับบุตรบุญธรรมคนนี้เพื่อหาคนใหม่ได้ จนกว่าจะเจอคนที่ถูกใจและแต่งงานกันในที่สุด โดยการแต่งงานนั้นฝ่ายชายจะต้องเป็นคนเปลี่ยนนามสกุลเพื่อการสืบทอดธุรกิจของครอบครัวฝ่ายหญิงต่อไป Chieko Date…
-
ชาบู!! สถาปนิกญี่ปุ่นออกแบบบ้านในพื้นที่หน้ากว้างเพียง 3 เมตรให้กลายเป็นบ้านสุดน่าอยู่
พื้นที่ระหว่างบ้านหลังหนึ่งไปยังอีกหลังหนึ่ง มักจะมีตรอกซอกเล็กๆ ที่ใครๆ หลายคนมักจะนำพื้นที่เหล่านี้ไปปลูกต้นไม้หรือไม่ก็ทำแปลงดอกไม้ เนื่องจากคิดว่ามันคงเล็กเกินกว่าที่จะปลูกสร้างอะไรได้ แต่ได้มีสถาปนิกคนหนึ่งเห็นคุณค่าของพื้นที่เล็กๆ เหล่านั้นจนได้สร้างบ้านขึ้นมาในพื้นที่แคบๆ แต่มีพื้นที่ใช้สอยอย่างกว้างขวางเลยทีเดียว พื้นที่เล็กๆ ระหว่างบ้านทั้งสองหลังในเมืองโอะกะซะกิ ประเทศญี่ปุ่น ที่เล็กกว่าถนนบางสายในเมืองแห่งนี้ซะอีก ได้กลายมาเป็นบ้านสุดสวยจากฝีมือของสถาปนิกชื่อว่า Katsutoshi Sasaki ที่ได้เนรมิตขึ้นมาสำหรับครอบครัวหนึ่งที่มีสมาชิกถึง 4 คน หน้าตาของบ้านในพื้นที่แคบๆ อย่างนี้ โดยมุมมองของสถาปนิกคนนี้ก็คือ แทนที่เขาจะมองในเรื่องความกว้างที่มีเพียงแค่ 3 เมตร เขากลับให้ความสำคัญไปที่ความยาวและความสูงแทน เพื่อจะให้บ้านในพื้นที่แคบๆ นี้ใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงที่สุด พื้นที่ก่อนที่จะสร้างบ้านหลังนี้ขึ้น ซึ่งมีขนาดความกว้างเพียงแค่ 3 เมตร สำหรับข้อมูลพื้นฐานของพื้นที่นี้คือมีความกว้าง 3 เมตรแต่ทว่ามันมีความยาวมากถึง 69 ตารางเมตรเลยทีเดียว แต่ว่าสถาปนิกก็สามารถทำบ้านหลังนี้ให้มีความปลอดโปร่งได้ ด้วยการยกบ้านให้สูงขึ้นนั่นเอง มีพื้นที่ในบ้านให้ใช้สอยได้อย่างกว้างขวาง “ที่ดินบริเวณนี้มีขนาดเล็กมาก โดยก่อนหน้านี้ใช้สำหรับการทำสวน แต่ผมคิดว่าลูกค้าคงต้องการความรู้สึกของอิสระ ผมจึงสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นโดยมีการเชื่อมต่อกันของพื้นที่หลายที่ และยังคงมีส่วนให้สามารถทำสวนได้อยู่อีกมุมหนึ่งของบ้านอีกด้วย” Sasaki กล่าว ชั้นบนของบ้านก็มีความน่าอยู่ไม่แพ้กัน โดยเขาได้เจาะช่องเพื่อให้แสงจากธรรมชาติผ่านเข้ามาได้ แม้จะมีพื้นที่จำกัด แต่ว่าเขาก็ตั้งใจจะให้บ้านนี้เป็นบ้านที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก และให้หลากหลายอารมณ์ในพื้นที่ๆ เดียวอย่างเช่น…
-
หอการค้าญี่ปุ่นเผย กว่า 60% ของบริษัทขนาดเล็ก-กลาง ประสบภาวะขาดคนทำงานอย่างหนัก
การมองหางานในประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับชาวต่างชาติ เพราะความแตกต่างของวัฒนธรรมและภาษาที่ใช้ อีกทั้งบริษัทต่างๆ ก็ได้ตั้งมาตรฐานสำหรับพวกเขาเอาไว้สูงมาก แต่ตอนนี้พวกเขาอาจต้องนำเรื่องนี้มาแก้ไขกันใหม่ เมื่อผลสำรวจออกมาว่าบริษัทจำนวนมากในประเทศกำลังขาดแคลนคนทำงานอย่างหนัก จากการศึกษาของฝ่าย หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (หรือเรียกว่า JCCI) บอกว่า กว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางของประเทศกำลังประสบปัญหาขาดแคลนพนักงานอย่างหนัก Akio Mimura ประธานฝ่ายดังกล่าวได้เสนอให้รัฐบาลลดมาตรฐานการรับคนต่างชาติเข้าทำงาน เพราะการรับสมัครแต่ชาวต่างชาติที่มีทักษะสูงและเข้มงวด แถมยังต้องมีทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นที่ดีเยี่ยม ทั้งหมดนั้นทำให้เกิดสภาวะขาดแคลนคนทำงานแบบนี้มากขึ้น Akio จึงได้แนะนำให้รัฐบาลดึงชาวต่างชาติที่ไม่มีหรือมีทักษะการทำงานต่ำเข้ามาทำในส่วนของอุตสาหกรรมก่อสร้างและการขนส่งคมนาคม เพื่อลดช่องว่างของปัญหานี้ให้เล็กลง นายกรัฐมนตรีของประเทศ Shizo Abe ก็ตั้งใจว่าจะลดมาตรฐานในการรับชาวต่างชาติเข้ามาทำงานลง และเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะทำลายความเป็นอยู่ของประชาชนหรือการบริหารประเทศแต่อย่างใด ขณะเดียวกันชาวเน็ตญี่ปุ่นกลับคิดว่าปัญหาขาดแคลนคนทำงานเกิดจากเงินเดือนที่น้อยนิดมากกว่าเรื่องของชาวต่างชาติ “ผลลัพธ์จะออกมาดีกว่านี้ถ้าหากมีการขึ้นเงินเดือนให้” “การแก้ปัญหาแบบนั้นก็เหมือนกับเรานำเข้าทาสชาวต่างชาติที่สามารถทนรับเงินเดือนอันน้อยนิดได้” “นี่ก็เพราะไม่มีการขึ้นค่าแรงให้กันบ้างเลย ช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ทีเถอะ” “บริษัทเล็กและกลางจ่ายเงินเดือนให้น้อยมากๆ จึงไม่แปลกที่จะหาคนเข้ามาทำงานไม่ได้” “ทุกคนเข้าใจมั้ย? พวกเขาก็แค่อยากได้ทาสเข้ามาเท่านั้นเอง!” ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นก็อาจเป็นได้จากทั้งสองเหตุผล แต่นี่ก็อาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับชาวต่างชาติผู้ต้องการเข้าไปทำงานในประเทศนี้ก็ได้ ที่มา: rocketnews24
-
7 ทางออกปัญหาชีวิตคู่ของญี่ปุ่น แหวกแนวไม่เหมือนที่ไหน จนประเทศอื่นตามไม่ทันแล้ว!!
เมื่อพูดถึงประเทศญี่ปุ่น เราก็มักจะมีหัวข้อต่างๆ มากมายที่หยิบมาพูดเกี่ยวกับประเทศนี้ได้ไม่รู้จบ ด้วยความที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่จัดว่ามีความโดดเด่นอันดับต้นๆ ในหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมหรือเทคโนโลยี แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ญี่ปุ่นนั้นแปลกกว่าใครและติดอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งนั่นก็คือปัญหาการฆ่าตัวตาย โดยญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายเป็นอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งเหตุผลใหญ่ๆ ก็มักจะมาจากงานและชีวิตคู่ที่มีปัญหา และเมื่อชีวิตคู่มันมีปัญหา ชาวญี่ปุ่นก็ไม่มัวมานั่งคิดหาทางออกแค่ทางเดียว แต่ความหัวใสของพวกเขากลับทำให้เกิดทางออกใหม่ที่ต่อยอดเป็นธุรกิจได้สบายๆ และมันก็แหวกจนน่าสนใจเลยล่ะ เซ็กส์ดอล เซ็กส์ดอลหนึ่งในทางออกยอดฮิตของหนุ่มๆ ที่ล้มเหลวกับความรัก และมักจะเป็นตัวเลือกเป็นอันดับต้นๆ เพราะพวกเขาสามารถเลือกความสวยงามของตุ๊กตาเซ็กส์ดอลได้ตามที่ต้องการ และเธอก็ไม่ร้องขอหรือพูดอะไรกลับด้วย บริการเช่าสัตว์เลี้ยง อีกหนึ่งบริการที่คนเหงาในญี่ปุ่นมักเลือกใช้ เพราะการเลี้ยงสัตว์ในญี่ปุ่นจะต้องมีพื้นที่พอสมควร และบ้านส่วนใหญ่ก็มีพื้นที่ไม่มากพอ ฉะนั้นการเช่าเลี้ยงเพื่อคลายเหงาจึงเป็นอีกหนึ่งทางออกที่น่าสนใจ บริการกอดและคุยเป็นเพื่อน บริการนี้ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องความรักหรือชีวิตคู่ โดยจะเป็นการใช้บริการด้วยการจ่ายข้าวของมูลค่าสูงเป็นการแลกเปลี่ยน โดยบริการนี้มีชื่อเรียกว่า 援助交際 หรือ enjo-kōsai แฟนเสมือนจริง ปัจจุบันเทคโนโลยีเสมือนจริงนั้นมีความก้าวหน้ามาก ฉะนั้นการที่จะเกิดแฟนเสมือนจริงจึงไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่ออีกต่อไป โดยหนุ่มโสดมักจะเลือกใช้วิธีนี้สร้างแฟนในโลกเสมือนจริงผ่าน VR ซึ่งสามารถพาไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ตามแต่ต้องการ โฮสต์คลับ ไม่ใช่เฉพาะหนุ่มๆ เท่านั้นที่ประสบปัญหาความรักจนต้องหาตัวช่วยอื่นๆ สาวๆ ก็เช่นกันเพราะบางครั้งพวกเธอก็เลือกใช้บริการโฮสต์คลับที่ให้บริการเหมือนแฟนจริงๆ แถมยังเป็นหนุ่มหล่ออีก ซึ่งมันก็สามารถคลายปัญหาดังกล่าวได้ส่วนหนึ่งนั่นเอง บริการครอบครัวจำลองเพื่อฝึกฝนการมีครอบครัว คุณฟังไม่ผิดหรอก มันมีบริการนี้จริงๆ โดยบริการดังกล่าวจะให้ผู้ใช้บริการสามารถเช่าสามี…
-
เรือประมงพร้อมกับชาวเกาหลีเหนือ 8 ราย ลอยลำถูกซัดขึ้นชายฝั่งญี่ปุ่น อ้างว่าเรือขัดข้อง!?
เมื่อคืนวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมาได้มีการรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศถึงเหตุการณ์ที่พบเรือประมงลำหนึ่งลอยเข้ามาในน่านน้ำของญี่ปุ่น โดยที่ชาวประมงทั้ง 8 คนบนเรือลำนั้นเป็นชาวเกาหลีเหนือทั้งหมด เรือลำดังกล่าวได้มาจอดที่ท่าเรือในเมือง Yurihonjo บนชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น สภาพเรือนั้นเริ่มจะเก่าและผุพัง และเป็นเพียงแค่เรือตกหมึกธรรมดาที่มีเพียงแค่หลอดไฟ ไม่มีอาวุธร้ายแรงใดๆ มีแค่เพียงอุปกรณ์จับปลาและชาวประมง 8 คนเท่านั้น โดยชาวประมงทั้ง 8 คนมีร่างกายที่แข็งแรงทางตำรวจจึงให้ล่ามเข้ามาช่วยแปลภาษาโดยได้ใจความว่า พวกเขาเป็นชาวเกาหลีเหนือและได้ออกเดินเรือหาปลา แต่เรือได้เกิดปัญหาขัดข้อง แล้วลอยตามน้ำมาเรื่อยๆ จนมาเทียบท่าฝั่งน่านน้ำของญี่ปุ่น . . และตอนนี้ก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ชาวประมงทั้ง 8 รายนี้ยังจะต้องการเดินทางกลับเกาหลีเหนือหรือไม่ ซึ่งจากเหตุการณ์ในช่วงนี้ก็มีข่าวทหารเกาหลีเหนือแปรพักตร์หนีตายเข้าเกาหลีใต้ (จากข่าววินาทีระทึก เมื่อทหารเกาหลีเหนือ ขับรถฝ่าดงกระสุนหนีเข้าเกาหลีใต้ ราวกับหนังแอ็คชั่น!!) ทำให้สถานการณ์ต่างๆ ในตอนนี้อาจจะดูไม่ค่อยปลอดภัยมากนัก นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามเขตน่านฟ้าญี่ปุ่นอีกด้วย คลิปวิดีโอการรายงานข่าวของสำนักข่าว ANNnews เหตุการณ์เรือประมงของชาวเกาหลีเหนือที่ข้ามมาในเขตน่านน้ำของญี่ปุ่นก็เคยเกิดขึ้นในปี 2554 ซึ่งเป็นเหตุที่ชาวเกาหลีเหนือ 9 คนพยายามจะแล่นเรือไปยังเกาหลีใต้แต่ได้หลงเข้ามาในน่านน้ำญี่ปุ่น ที่มา hbbc
-
หนุ่มญี่ปุ่นครอสเดรสสุดน่ารัก จนเพื่อนชายทักหา “นั่นนายใช่ไหม?” แถมขอคบกันด้วย!?
กลายเป็นกระแสสุดโด่งดังบนอินเตอร์เน็ตญี่ปุ่น เมื่อหนุ่มญี่ปุ่นที่ชื่นชอบครอสเดสดันถูกเพื่อนที่รู้จักในชีวิตจริงมารู้ความจริงเข้าให้แถมคำตอบที่ได้จากเพื่อนก็เล่นเอาเงิบสุดๆ ทำให้เรื่องราวดังกล่าวมีคนรีทวีตไปแล้วมากกว่า 46,000 ครั้ง เรื่องในครั้งนี้มันเริ่มต้นจากชาวเน็ตที่ใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า ▫️エルも (@Elmon_0715) ได้ทวีตภาพพร้อมข้อความว่า ถ้ารูปของเขานั้นไม่เหมือนผู้ชาย ก็ช่วยรีทวีตให้หน่อย ปรากฏว่าก็มีคนถูกใจและคิดแบบนั้นรีทวีตไปถึง 1,413 ครั้ง แต่ประเด็นหลักมันอยู่ตรงนี้!! เมื่อภาพของหนุ่มครอสเดรสคนนี้มันน่ารักเกินจะห้ามใจ จนเกระทั่งพื่อนของเขาบังเอิญมาเห็นแล้วสังเกตเห็นว่าคนในภาพนั้น มีลักษณะเหมือนเพื่อนของตนเปี๊ยบ เขาจึงส่งข้อความมาหา Elmon ทันที เพื่อน: เฮ้!! เพื่อน: (จากนั้นก็ส่งภาพต้นเหตุข้างบนมาให้) เพื่อน: นี่นายใช่หรือเปล่าเพื่อน Elmon: เอ๋…นี่มันอะไรกันเนี่ย เพื่อน: ชั้นว่าใช่นี่นายแน่ๆ ห้องมันเหมือนกับห้องนายเป๊ะๆ เลย ส่วนภาพก็ดูเหมือนนายด้วย! เพื่อน: มันใช่! นี่มันนายจริงๆ ด้วย… Elmon: ขอโทษนะ Elmon: รังเกียจรึเปล่า? เพื่อน: เอาจริงๆ นะ Elmon: อือ ว่าไง? เพื่อน: ถ้านายยอมคบกับฉัน ฉันจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกกับใคร Elmon: ห๊ะ!!…
-
วิกฤติของ “หนังสือโป๊” ที่จะโดนโละจากร้านสะดวกซื้อญี่ปุ่น เพื่อรับแผนการตลาดแบบใหม่!?
สื่อลามกในญี่ปุ่นเช่น AV หรือแม็กกาซีนนั้นล้วนเป็นที่รู้กันดีว่ามันเป็นสิ่งที่เราสามารถหาซื้อได้ทั่วไป ไม่ว่าจะตามร้านเฉพาะทางหรือร้านสะดวกซื้อ และเมื่อมันสามารถหาซื้อได้ง่าย แถมยังอยู่ในมุมที่คนผมเห็นได้ทั่วไป มันจึงเกิดปัญหาที่ว่าตรงมุมนิตยสารดังกล่าว ลูกค้าผู้หญิงจะไม่ค่อยเดินผ่านและส่งผลให้จำนวนยอดขายของร้านตกลงเรื่อยๆ เพียงแต่ร้านดังๆ อย่าง Lawson หรือ 7-Eleven ที่มีสินค้าน่าสนใจอยู่แล้วจึงไม่ค่อยได้รับผลกรรมเท่าไหร่นัก แต่ร้าน Mini Stop ที่เป็นร้านระดับกลางๆ กลับต้องประสบกับปัญหาดังกล่าวและมันส่งผลเสียพอสมควรทำให้ยอดขายของร้านสะดวกซื้อดังกล่าวตกฮวบ ด้วยเหตุนี้ทางร้านจึงจะปรับเปลี่ยนนโยบายของร้านใหม่ โดยนโยบายที่ว่านั้น ทางร้านจะจัดการนำนิตยสารผู้ใหญ่ออกไปให้หมดเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าผู้หญิงที่มักจะใช้จ่ายเยอะอยู่แล้วให้เข้ามาซื้อของมากขึ้น นโยบายดังกล่าวจะเริ่มใช้งานในวันที่ 1 ธันวาคม 2017 กับร้าน Mini Stop จำนวน 43 สาขา ซึ่งกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ของเมืองชิบะ จากนั้นในช่วงเดือนมกราคมปี 2018 ทางร้าน Mini Stop ก็จะบังคับใช้นโยบายนี้กับทุกสาขาทั่วประเทศ ส่วนถ้าใครสงสัยว่าการเอาหนังสือผู้ใหญ่ออกไปทางร้านจะขาดทุนหรือเปล่า ด้านทีมงานของร้าน Ministop ก็บอกว่ายอดขายของหนังสือประเภทดังกล่าวนั้นนับเป็นกำไรแค่ 5 เปอร์เซ็นจากแม็กกาซีนทั้งหมดที่ร้านขาย ฉะนั้นการจะยกเลิกขายหนังสือดังกล่าวจึงไม่ส่งผลร้ายแรงแน่นอน สุดท้ายแล้วยอดขายของทางร้านจะเพิ่มขึ้นไหม อันนี้เราก็คงต้องรอดูผลประกอบการกันต่อไปในปีหน้านั่นเอง… ที่มา rocketnews24
-
อย่าเชื่อสิ่งที่เห็น…ศิลปินญี่ปุ่น ใช้ศิลปะสลับผักเป็นผลไม้ ผลไม้เป็นผัก อ้าว งงเลยดิ!?
มนุษย์ทุกคนเข้าใจกันดีว่าสายตาของเรานั้นช่วยบอกเราได้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคืออะไร มีรูปร่างยังไง และสีสันอะไร แต่ช้าก่อน บางทีสายตาก็อาจจะหลอกลวงคุณได้เหมือนกันนะ ถ้าอยากรู้ว่ามันจะหลอกเราได้ยังไง งั้นไปชมกัน นี่เป็นผลงานไอเดียแปลกๆ ของ Hikaru Cho วัย 23 ปี นักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Musashino Art University ในญี่ปุ่น เธอมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงพืชผักผลไม้ให้กลายเป็นสิ่งอื่นด้วยสีสัน จนคุณไม่มีทางเดาออกว่าสิ่งที่เห็นคืออะไรกันแน่? ดูด้วยตา นี่อาจจะเหมือนแตงกวา แต่จริงๆ แล้วข้างในเป็นกล้วย ผ่าง!? ดูข้างนอกเหมือนส้มเลยใช่ไหมล่ะ? แต่ความจริงคือมะเขือเทศ ผ่างง!? ดูยังไงๆ ก็มะเขือม่วง อ่าว ไข่นี่หว่า ผ่างงง!? ดูเผินๆ อาจจะเหมือนขนมไดฟูกุไส้ถั่วแดง อ้าวส้มนี่หว่า ผ่างงงง!? วัตถุบางอย่างที่ถูกตกแต่งเป็นหน้าคนจนดูไม่ออกว่ามันเคยเป็นอะไรมาก่อน… อ๋อมันฝรั่ง ผ่างงงงงง!? บางคนอาจจะรู้สึกขยะแขยงกับหนอนตัวนี้ จริงๆ ก็แค่กลีบเนื้อส้มเฉยๆ ผ่างงงงงงง!?…
-
ศิลปินญี่ปุ่นสร้างนาฬิกาข้อมือ เลียนแบบทุกรายละเอียด เนี๊ยบจนไม่อยากเชื่อว่าทำมาจากกระดาษ
งานศิลปะนั้นนอกจากจะเป็นการใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลงานแล้ว ความปราณีตและรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผลงานชิ้นนั้นมีคุณค่ามากขึ้นอีกด้วย และผลงานสร้างสรรค์อย่างนาฬิกาข้อมือจากกระดาษของคุณ Manabu Kosaka ศิลปินชาวญี่ปุ่นจากเมืองไซตะมะ ประเทศญี่ปุ่นนี้เองก็เป็นหนึ่งในงานศิลปะที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และความปราณีตบรรจงเช่นกัน และนี่คือตัวอย่างของผลงานที่เต็มไปด้วยรายละเอียดของศิลปินหนุ่มผู้นี้ ศิลปินชาวญี่ปุ่นรายนี้ได้ใช้ทักษะของเขาในการสร้างนาฬิกาข้อมือแบรนด์หรูแบบต่างๆ ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดมากมายด้วยกระดาษ Ken Paper คุณภาพสูง คุณ Kosaka เริ่มต้นการสร้างงานของเขาโดยการร่างแบบนาฬิกาลงบนกระดาษ Ken paper และมีอุปกรณ์อื่นๆ อีก เช่น กาว คัตเตอร์สำหรับตัดกระดาษ และเครื่องเจียร์ ชิ้นส่วนทุกชิ้นจะถูกตัดออกเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนที่จะนำมาต่อกันให้หนาขึ้น และนำมาประกอบกันจนกลายเป็นนาฬิกาที่เต็มไปด้วยรายละเอียดมากมาย ศิลปินหนุ่มให้สัมภาษณ์ว่า เขาเริ่มต้นทำงานศิลปะจากกระดาษแบบนี้มาเป็นเวลามากกว่า 15 ปีแล้ว ประสบการณ์และความล้มเหลวที่ผ่านมาช่วยพัฒนาให้ฝีมือของเขาเก่งขึ้นเรื่อยๆ และสิ่งที่สำคัญในการทำงานของเขาก็คือความพยายามในการใส่ใจรายละเอียด และตั้งใจที่จะปรับปรุงผลงานให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ นาฬิกาโอเมก้า สปีดมาสเตอร์ หนึ่งในผลงานชิ้นโบว์แดงของศิลปินรายนี้ และสำหรับใครที่อยากชมขั้นตอนการสร้างเจ้าโอเมก้า สปีดมาสเตอร์ เรือนนี้กับแบบชัดๆ ล่ะก็ สามารถเข้าไปชมขั้นตอนการทำได้ที่ทวิตเตอร์ @coca1127 ของเขากันได้เลย ซึ่งในทวิตเตอร์ของคุณ Kosaka นั้นนอกจากจะได้เห็นขั้นตอนในการสร้างนาฬิกาเรือนนี้แล้ว คุณยังจะได้เห็นขั้นตอนการสร้างผลงานจากกระดาษชิ้นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าหลุยส์วิตตอง ไฟแช็คซิปโป้ กล้องโบราณอีกด้วย รวมถึงอาหารขึ้นชื่อของญี่ปุ่นอย่างซูชิที่ทำมาจากกระดาษอีกด้วย…
-
‘Daiheiwa Kinento’ หอคอยขาวโพลนทรงประหลาด ใจกลางเมืองทนดะบะยะชิ ประเทศญี่ปุ่น
ถ้าหากพูดถึงประเทศญี่ปุ่น (อีกแล้ว!! เอาน่าอย่าเพิ่งเบื่อเลยนะ ฮ่าๆ ) หนึ่งในหอคอยขึ้นชื่อที่หลายๆ คนนึกถึงคงหนีไม่พ้นโตเกียวทาวเวอร์แน่นอน แต่นอกจากหอคอยอันขึ้นชื่อประจำกรุงโตเกียวแล้ว ที่นี่ยังมีหอคอยสุดแปลกที่ชื่อว่า Daiheiwa Kinento จากจังหวัดโอซาก้าอีกด้วยนะเออ!! เจ้าหอคอยสีขาวรูปร่างแปลกๆ นี้ตั้งอยู่ในเมืองทนดะบะยะชิ ในจังหวัดโอซาก้า มันดูเหมือนกับหอคอยจากโลกเทพนิยายและอาจทำให้หลายๆ คนคิดถึงหอคอยจากเกมชื่อดังอย่าง Final Fantasy เลยทีเดียว Daiheiwa Kinento หอคอยสีขาวที่สูงถึง 180 เมตรนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟของเมือง ซึ่งคุณสามารถเดินทางมาที่นี่ได้โดยการนั้งรถไฟสาย Kintetsu Nagano และนั่งรถบัสต่อมาที่หอคอยแห่งนี้ ถึงแม้ว่ารูปร่างของมันนั้นจะดูเหมือนหอคอยในการ์ตูน แต่ทว่าอันที่จริงแล้วตัวมันเองนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับอนิเมะ หรือเกมใดๆ เลย ซึ่งประติมากรรมที่ว่านี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1970 โดย Perfect Liberty ลัทธิหนึ่งในญี่ปุ่น ซึ่งชื่อของมันนั้นหมายถึง “หอคอยเพื่อเสรีภาพอันยิ่งใหญ่” Daiheiwa Kinento อาคารสูงเกือบ 200 เมตร ที่ตั้งอยู่กลางเมืองทนดะบะยะชิ หอคอยสูงแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ระลึกและสวดมนต์ให้กับดวงวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในช่วงสงครามทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นชาติหรือศาสนาใดก็ตาม บรรยากาศภายในอาคารหลังนี้ค่อนข้างผ่อนคลายและยินดีต้อนรับผู้ที่สนใจ โดยคุณสามารถเข้ามาร่วมเรียนรู้หลักการของลัทธินี้และสวดมนต์ได้ทุกวันตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 4…
-
เปลี่ยนร่มที่แสนน่าเบื่อ ให้กลายเป็นฉากหลังสุดเฟี้ยวราวกับหลุดไปอยู่ในมังงะ!!
‘ร่ม’ อุปกรณ์ในชีวิตประจำวันที่ใช้สำหรับกันแดดกันฝน ซึ่งปกติเรามักจะใช้มันเพียงเพราะจุดประสงค์หลักดังกล่าวเท่านั้น แต่เราเคยคิดกันไหมว่าเราสามารถใช้มันให้เป็นแฟชั่นได้ด้วย และหากเราตั้งใจจะใช้มันเป็นอุปกรณ์แฟชั่นแล้วเราก็คงจะต้องทำมันให้สุด ประจวบกับล่าสุด #เหมียวมู่ทู่ ได้ไปเจอร่มสุดเจ๋งอันหนึ่งมาในงานประกวด Zakka Awards จัดประกวดโดย Village Vanguard ซึ่งเป็นร้านขายสินค้าแนวๆ ในญี่ปุ่น เจ้าร่มนี้มีชื่อว่า Manga Umbrella ซึ่งได้คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งจากการประกวดดังกล่าวมาครองนั่นเอง ส่วนคนออกแบบนั้นมีชื่อว่า Seko Nao โดยเธออกแบบร่มของเธอให้เหมือนเฟรมภาพในมังงะของญี่ปุ่น ยิ่งถ้าใครเคยอ่านหนังสือการ์ตูนก็น่าจะคุ้นกับฉากหลังเวลาที่ตัวละครหรือมีอะไรโผล่ออกมาเช่น “ผ่างงง” “ควับ” “ฝึ่บ” อะไรทำนองนี้และเจ้าร่มนี้ก็ทำงานแบบเดียวกันนั่นเอง ฟังดูน่าสนใจเลยใช่ไหมล่ะ เพราะนอกจากจะเป็นร่มแล้วยังสร้างความน่าสนใจเวลาใช้งานได้อีก อย่างไรก็ตามความน่าสนใจของเจ้าร่ม Manga Umbrella มันก็ดันไปถูกใจกรรมการจน ทำให้ Seko สามารถชนะการประกวดและได้เงินรางวัล 200,000 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 58,300 บาท ไปนอนกอดนั่นเอง และถ้าใครสนใจอยากได้ Manga Umbrella มาเป็นเจ้าของก็สามารถลองเข้าไปสั่งซื้อดูได้ที่ vvstore ได้เลย โดยจะสนนราคาอยู่ที่ 4,104 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 1,200 บาท ว่าแต่จะมีลายคำพูดจากโจโจ้ไหมนะ จะได้เอามากางเท่ๆ แล้วยืนแอ่นสักหน่อย… อยากได้อยากโดน แบบนี้ต้องจัดมาสักคัน…
-
คุณยายวัย 89 ปี ผู้ชื่นชอบการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ กับชุดภาพสุดเฟี้ยวที่ใครเห็นก็ต้องยอม
คนส่วนใหญ่อาจจะคิดว่าเทคโนโลยีมีไว้สำหรับเฉพาะวัยหนุ่มสาวเท่านั้น ส่วนคนแก่ๆ ก็ แต่ไม่ใช่สำหรับคุณยาย Kimiko Nishimoto ชาวญี่ปุ่นวัย 89 ปีหลงรักการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ แถมยังสร้างสรรค์ผลงานระดับเทพ ที่ใครเห็นก็ต้องยกนิ้วให้อีกต่างหาก จุดเริ่มต้นของการถ่ายภาพของเธอนั้นเกิดขึ้นเมื่อตอนเธออายุได้ 72 ปี เมื่อลูกชายของเธอได้เปิดสอนหลักสูตรการถ่ายภาพเบื้องต้น และคุณยายก็ตัดสินใจลงทะเบียนเรียน จนได้รู้ว่าตัวเองนั้นตกหลุมรักการถ่ายรูปเข้าซะแล้ว ขอดริฟรถซะหน่อย โดยภาพส่วนมากของเธอจะเป็นแนวตลก ซึ่งแต่ละภาพนั้นต้องใช้ทั้งไอเดียและความทุ่มเทพอสมควรเลยทีเดียว จนออกมาเป็นผลงานระดับนี้ได้ หลังจากเริ่มถ่ายภาพมาสิบปี คุณยายก็ได้มีนิทรรศการภาพของตนเองซึ่งจัดในพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นในเมืองคุมาโมโตะ และตอนนี้คุณยายกำลังเตรียมตัวจัดนิทรรศการครั้งใหม่ในชื่อว่า “Asobokane” ในพิพิธภัณฑ์ภาพ Tokyo’s Epson ช่วงวันที่ 17 ธันวาคม 2017 ถึง 18 มกราคม 2018 นี้ ใครจะไปโตเกียวช่วงดังกล่าว อย่าลืมไปเยี่ยมชมผลงานของคุณยายนะคะ อะเหื้อออ เจ็บจุง… ชักจะเมาแล้วนะลูกเอ้ย วันนี้คุณยายเป็นหมูในเกมส์ Angry Birds ล่ะ อย่าทับขาช้านนนนนน . ทันทีคุณยายได้ได้เข้าสู่โลกของการถ่ายภาพ เธอก็มีสไตล์การถ่ายรูปที่แตกต่างจากคนอื่นสุดๆ…
-
18 เรื่องยืนยันที่ทำให้เรารู้ว่า ประเทศญี่ปุ่นล้วนเต็มไปด้วยเรื่องราวสุดเซอร์ไพรส์
‘ญี่ปุ่น’ หนึ่งในประเทศยอดนิยมที่ผู้คนทั่วโลกต่างพูดถึงและอยากไปมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ เพราะเรารู้ว่าที่แห่งนี้เต็มไปด้วยวัฒนธรรม เทคโนโลยีและแฟชั่นสุดเจ๋งเต็มไปหมด แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่เรื่องทั่วไปที่เรารู้กันในวงกว้าง ด้วยเหตุนี้ทาง Bright Side ก็เลยรวบรวม 18 เรื่องสุดเซอร์ไพรส์ที่จะช่วยเพิ่มความอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นของเราให้มากยิ่งขึ้นไปอีก!! โตเกียวเป็นเมืองหลวงที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ขึ้นชื่อว่าเมืองหลวงย่อมปลอดภัยเป็นธรรมดา แต่ประเทศญี่ปุ่นมีถึงสองเมืองที่ติดอันดับเมืองที่ปลอดภัยที่สุดในโลก นั่นคือโตเกียวในอันดับหนึ่ง และโอซาก้าในอันดับสาม ป้ายแนะนำที่เข้าใจง่าย ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องป้ายเป็นอย่างมาก ขนาดที่ว่าคนต่างชาติไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นก็รู้เรื่องได้ในเวลาไม่นาน เด็กๆ มีวันเกิดพิเศษกันทุกคน เด็กๆ ที่มีอายุ 3 ปี, 5 ปี, และ 7 ปี จะมีวันเกิดร่วมกันในวันที่ 15 พฤศจิกายนในชื่อวันว่า Shiti-Go-San ซึ่งแปลตรงตัวว่า 3,5,7 โดยชาวญี่ปุ่นถือว่าเลขทั้งสามเป็นเลขนำโชค และยังหมายถึงการเจริญเติบโตด้วย ทุกเช้าจะมีการออกกำลังกาย ในโรงเรียนหรือหลายๆ บริษัทนั้นจะมีการประกาศให้นักเรียนและพนักงานออกกำลังในตอนเช้าเพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่แข็งแรง โดยนโยบายนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 1928 แล้ว วันหยุดศุกร์พิเศษ ญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่การแข่งขันเรื่องงานสูงมาก และประชาชนก็จะเหนื่อยกันสุดๆ จากการทำงาน ฉะนั้นเพื่อแก้ปัญหานี้ รัฐจึงประกาศให้ทุกวันศุกร์สุดท้ายของเดือนเหล่าพนักงานบริษัทจะสามารถเลิกงานก่อนเวลาเพื่อไปพักผ่อนได้ ธุรกิจส่วนใหญ่จะเก่าแก่ ธุรกิจส่วนใหญ่ร่วมถึงอาคารต่างๆ…
-
ตู้อควาเรียมอันแสนเศร้าในโตเกียว หลังจำนวนปลาลดลงอย่างมาก เพราะช่วยชีวิตพวกมันไว้ไม่ทัน
ภาพตู้อควาเรียมอันคุ้นตาที่เต็มไปด้วยปลาของ Sunshine Aquarium ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นั้นอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป หลังจากเกิดเหตุการณ์สุดช็อคเมื่อสัตว์น้ำเกือบทุกตัวในตู้ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง… เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2017 ที่ผ่านมา หลังเจ้าหน้าที่อควาเรียมสังเกตเห็นว่าสัตว์หลายตัวในแทงค์มีอาการป่วย พวกเขาจึงเริ่มแผนการรักษาโดยการใส่สารบางอย่างลงไปภายในแทงค์ แต่ด้วยความที่ระบบคำนวนอัตโนมัติของแทงค์อควาเรียมนั้นเกิดผิดพลาด ทำให้เกิดการปิดตัวชั่วขณะ และการปิดตัวชั่วขณะนั้นเอง กลับส่งผลให้ออกซิเจนภายในตัวแทงค์น้ำเกิดไม่พอทำให้สัตว์น้ำทั้งหมดกว่า 1,200 ตัวเสียชีวิตทันที ภาพแทงค์น้ำที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตก่อนเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้น เดิมทีนั้นในอควาเรียมแห่งนี้มีสัตว์อาศัยอยู่กว่า 1,300 ตัว ซึ่งประกอบด้วยสัตว์หลากหลายชนิดทั้งปลาสวยงาม ปลาไหล ปลากระเบนและอื่นๆ อีกมากมายอาศัยรวมกันในอควาเรียมขนาด 12 เมตร ภาพของอควาเรียมที่เหลือสัตว์อยู่ภายในไม่มากเท่าแต่ก่อน ซึ่งในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2017 ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @ipen_3 ชาวเน็ตญี่ปุ่นที่ได้ไปเที่ยวยังอควาเรียมดังกล่าว และเขาก็ได้พบว่าตู้ที่เคยมีปลานับพัน ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น จากภาพที่เขาถ่ายมานั้น เราจะรู้เลยว่ามันไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ เพิ่มเติมเพราะความเหงาและเศร้าโศกมันส่งผ่านตัวอควาเรียมที่เราเห็นอย่างชัดเจน ยิ่งมีหนูน้อยที่ตั้งใจมาดูสัตว์น้ำที่เธอชื่นชอบแต่กลับพบแทงค์น้ำที่ว่างเปล่าด้วยแล้ว… ภาพของหนูน้อยและคุณแม่ที่พาลูกมาดู แต่กลับเจอเพียงตู้ที่ว่างเปล่า สุดท้ายทาง Sunshine Aquarium ได้ออกมาแถลงว่า พวกเขาจะรีบเติมสัตว์น้ำกลับเข้าไปให้ไวที่สุดเพื่อดึงดูดคนให้กลับมาเยี่ยมชมอควาเรียมของพวกเขาอีกครั้งนั่นเอง ที่มา rocketnews24
-
ศิลปินถ่ายทอดความ ‘โดดเดี่ยวอ้างว้าง’ ในแดนอาทิตย์อุทัย ในสไตล์เรโทรย้อนยุค 8-Bit
ความรู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยวสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกที่ทุกเวลาไม่เว้นแม้แต่ในเมืองใหญ่ๆ ในประเทศญี่ปุ่นอย่างโตเกียว โอซาก้า หรือนาโงย่า ที่ต่อให้มีผู้คนรายล้อมมากมายเพียงใดก็ยังคงทำให้เรารู้สึกเคว้งคว้างได้อยู่ดี ศิลปินที่ใช้ชื่อว่า Motocross-Saito จึงได้ทำการถ่ายทอดความรู้สึกเหล่านั้นผ่าน Gif สไตล์ย้อนยุคพิกเซล 8 บิท ภายในโซเชียลมีเดีย tumblr เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ว่าความโดดเดี่ยวภายใต้แสงไฟในเมืองใหญ่นั้นมันทำให้เรารู้สึกอ้างว้างได้มากขนาดไหน ในยามค่ำคืนหน้าร้านสะดวกซื้อที่ร้างผู้คน มองออกไปจากบนที่สูงกลับรู้สึกว่าไม่เห็นใครเลย บนถนนที่ไม่มีอะไรดึงดูดความสนใจไปได้เลย ทุกอย่างยังคงแล่นไป แต่เหมือนกับว่าเรากำลังย่ำอยู่กับที่ ไม่มีอะไรมากระตุ้น เหมือนกับสายน้ำที่เรียบนิ่ง กางร่มสามารถกันฝนที่ตกลงมาจากฟ้าได้ แต่ไม่สามารถกันฝนที่ตกอยู่ในใจได้ ใต้ร่มเงามีเพียงเรากับสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจเข้าใจกันด้วยคำพูดได้ การทำสิ่งต่างๆ ช่วยให้ลบความคิดทุกอย่างได้หมด แต่ไม่อาจลบความรู้สึก ยังคงยืนรออยู่อย่างนั้น แม้ไม่มีรถขับผ่านมาเลยก็ตาม ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มีเพียงเราที่ยังคงเชื่องช้าไม่ยอมไปไหน มีเพียงเสียงคลื่นที่พัดเข้ามา ไร้ซึ่งเสียงของผู้คน ลองทำหลายๆ สิ่งเพื่อขจัดความรู้สึกนี้ออกไปให้ได้ อาจมีบ้างที่ความเหงาถูกแทนที่ด้วยเพื่อนที่เข้าใจกันด้วยบางสิ่งที่ไม่ใช่คำพูด บางทีเราอาจไม่ได้เหงา แต่เราแค่เบื่อกับชีวิตในบางช่วง เป็นการรอผ้าที่นานกว่าปกติอย่างไม่มีเหตุผล…
-
ชายชาวโอซาก้าหลับนอนกับ ‘ศพคนรัก’ นาน 5 วัน เพราะสะเทือนใจจนไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี
ในบางสถานการณ์เราอาจไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร เพราะว่าสิ่งที่เราเจอมันทำให้เรารู้สึกไม่อยากยอมรับความจริงจนในสมองมันตันไปหมด เหมือนกับชายคนนี้ที่พอเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาเขาก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก จนทำให้ต้องนอนอยู่กับศพไปนานถึง 5 วัน เรื่องราวนี้ถูกพบในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2017 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองฮิระกะตะ จังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าตรวจค้นบ้านของชายวัย 48 ปีคนหนึ่งในสภาพที่ดูไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ และพบเข้ากับศพหญิงสาววัย 44 ปีที่เป็นคนรักของเขานอนอยู่บนเตียงภายในบ้าน สถานีตำรวจเมืองฮิระกะตะ ตำรวจได้ทำการตรวจค้นหลังจากที่ผู้อยู่อาศัยในละแวกนั้นบังเอิญไปเห็นศพของหญิงสาวสวมชุดนอนอยู่ข้างๆ กับชายเจ้าของห้องบนเตียง จึงได้ทำการแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาตรวจสอบ จากการสอบถามข้อมูลทำให้ทราบว่าชายคนนี้เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยให้กับบริเวณที่อยู่อาศัยดังกล่าว โดยในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาคนรักของเขาก็จะเข้ามานอนที่ห้องบ้างเป็นบางครั้ง ชายคนนี้ได้บอกว่าคนรักของเขามีสุภาพที่ไม่แข็งแรงอยู่แล้ว และเธอก็ไม่ยอมเข้ารับการตรวจหรือรักษาจากแพทย์ ทำให้อาการแย่ลงเรื่อยๆ จนกระทั่งในคืนวันที่ 4 พฤศจิกายน 2017 เธอก็ได้เสียชีวิตไปขณะที่ยังหลับอยู่ เขาเล่าว่า “ในคืนนั้นร่างกายของเธอเย็นยะเยือก จนทำให้ผมไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อไปดี” เขาตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ทั้งจิตใจและความรู้สึกของเขาแทบจะเป็นอัมพาตไปเลยในตอนนั้น จึงได้ตัดสินใจเก็บร่างไร้วิญญาณของคนรักเอาไว้เป็นเวลานานถึง 5 วันจนกระทั่งมีคนไปพบเข้า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงหาสาเหตุการตายของหญิงสาวต่อไปและไม่ได้มองว่าชายคนนี้เป็นคนฆ่าเธอ แต่ก็ได้ทำการจับกุมเขาในความผิดที่ไม่ยอมแจ้งความเกี่ยวกับการเสียชีวิตของหญิงสาวและไม่ยอมพาเธอไปรักษาแม้รู้ว่าเธอกำลังอยู่ในขั้นอันตราย ที่มา: rocketnews24
-
เต็มไปหมดเลย!! สาวญี่ปุ่นฉลองวัน “นมแห่งชาติ” ด้วยการโพสต์ภาพตรงคอนเซ็ปต์ในโซเชียลต่างๆ
ในประเทศญี่ปุ่นจะมีวันประจำชาติวันหนึ่งที่ผู้ชายทั้งประเทศ ไม่ดีกว่าเอาเป็นว่าผู้ชายทั้งโลกต่างรอคอยวันนี้เพราะว่านี่คือวันที่พวกเขาใฝ่หามานานเพราะว่ามันคือ วันนมแห่งชาติ นั่นเอง!! ซึ่งที่มาของวันนมแห่งชาตินี้มีที่มาจากวันที่ 8 พฤศจิกายนที่อาจใช้ตัวเลขเขียนแทนเดือนเหล่านี้ได้อย่าง 11-8 หรืออีกแบบหนึ่งคือ 11-08 ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นเลข 1 จะออกเสียงว่า “i” และเลข 8 จะออกเสียงว่า “ppai” และก็มีการดัดแปลงตัวอักษรอีกเล็กน้อยจากเลข 0 เป็นตัว “o” ซึ่งหากนำตัวอักษรต่างๆ มารวมกันก็จะได้เป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “ii oppai” ที่แปลว่านมสวยนั่นเองด้วยเหตุนี้เหล่าเน็ตไอดอลรวมถึงดารานักร้องและบรรดาคอสเพลย์ทั้งหลายจึงได้ออกมาเฉลิมฉลองวันแห่งชาตินี้ ด้วยการอวดนมกันผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ งานนี้บอกได้เลยว่ากำไรของผู้ชมอย่างแท้จริง เปิดหัวมาด้วยคนนี้เลยละกัน @jun_amaki มีมุมต่ำแล้วก็มีมุมสูงบ้าง แหม เธอคนนี้ฉลองถึง 2 เซตเลยทีเดียว นางฟ้าชัดๆ Erina Kamiya นักร้องชื่อดังก็เอากับเขาด้วยติดตามกันได้ที่ @kamiya__erina สีไหนก็สวยน่ารัก Saki Yanase สาวผู้มีข่าวว่านมของเธอเหมือนตัวโปเกม่อนตัวหนึ่งเมื่อคราวก่อน @saki_yanase วันที่ 8 พฤศจิกายนจะเป็นวันที่ยุ่งมากสำหรับเหล่าคอสเพลย์ที่จะหาชุดเพื่ออวดทรวดทรง @moe_five…
-
อีกด้านของญี่ปุ่น “ย่านชิบูยะ” ที่เต็มไปด้วยขยะ กับการทิ้งเรี่ยราดหลังจากงานฮาโลวีน
โดยปรกติแล้วหลังจากเสร็จสิ้นงานกิจกรรม หรือปาร์ตี้ต่างๆ สิ่งที่มักจะตามมาหลังจากความสนุกจบลงนั่นก็คือเศษขยะจำนวนมากนั่นเอง ซึ่งดูเหมือนว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในบ้านเราเท่านั้น แต่ประเทศที่มีระเบียบวินัยอย่างญี่ปุ่นเองก็มีเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นเช่นกัน!! เศษขยะมูลฝอยจำนวนมาก ในย่านชิบูยะ หลังจากเทศกาลฮาโลวีนเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา ภาพของขยะมูลฝอยในย่านชิบูยะ แห่งนี้มีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ปี ซึ่งจำนวนปริมาณขยะที่เพิ่มมากขึ้นนั้นก็เพิ่มขึ้นตามขนาดของงานที่ใหญ่ขึ้นในแต่ละปีนั่นเอง คุณ avogado6 ชาวเน็ตท่านหนึ่งที่ได้อัพเดทภาพของตัวการ์ตูนในชุดแฟนซีที่เดินอยู่บนกองขยะ พร้อมกับภาพของเด็กหญิงที่เดินตามเก็บขยะมูลฝอยที่ตัวการ์ตูนเหล่านั้นทิ้งเอาไว้ ซึ่งสื่อให้เห็นถึงสถาณะการณ์ปริมาณขยะที่ตามมาหลังจากงานเทศกาลใหญ่ๆ แบบนี้ ภาพการ์ตูนจากคุณ avogado 6 กองขยะจำนวนมากที่อยู่บนถนน Dogenzaka หนึ่งในถนนยอดฮิตในย่านชิบูยะ ซึ่งนอกจากจะมีปริมาณมากแล้ว มันยังส่งกลิ่นเหม็นอีกด้วย ภาพของชายที่กำลังจัดการกับขยะหน้าร้านสะดวกซื้อ หลังจากคืนวันปล่อยผีจบลง มีผู้คนมากมายที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อรูปภาพของคุณ avogado 6 ซึ่งหลายๆ ความคิดเห็นก็ได้โจมตีไปยังกลุ่มผู้ที่ทิ้งขยะเหล่านั้น พร้อมกับแนะให้ใช้ภาพดังกล่าวในการรณรงค์เพราะเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะเทศกาลฮาโลวีนเท่านั้น แต่ยังมีให้เห็นในเทศกาลอื่นๆ ของญี่ปุ่นอีกเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีชาวเน็ตท่านหนึ่งได้ออกมากล่าวว่า เมื่อปีที่ผ่านมามีอาสาสมัครจากโรงเรียนประถมออกมาช่วยกันจัดการกับขยะในย่านนี้ แต่ทว่ามีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของพวกเด็กๆ ในปีนี้จึงไม่มีการจัดอาสาสมัครดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีชาวญี่ปุ่นบางคนที่ไม่ยอมอยู่เฉยๆ พวกเขาได้ร่วมมือกันจัดกลุ่มอาสาสมัครเพื่อออกมาทำความสะอาดย่านชิบุยะในวันต่อมา ภายใต้ชื่อกิจกรรม Clean by Ourselves ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ประกาศเชิญชวนจากกิจกรรม Clean by…
-
ร้านอาหารในญี่ปุ่นเปิดโปรโมชั่น ‘บุฟเฟ่ต์เบียร์ ตลอด 24 ชั่วโมง” ในราคาไม่ถึงร้อยบาท!!
สำหรับนักดื่มเบียร์ตัวยงแล้ว ‘เบียร์บุฟเฟ่ต์’ ถือเป็นอะไรที่ตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี เพียงแต่ว่าหลายร้านในบ้านเรามักจะมีการจำกัดเวลาที่ไม่มากนัก แต่ถ้าบอกว่ามีร้านที่กินได้ตลอด 24 ชั่วโมงล่ะ จะน่าสนใจไหม? Yokatai คือชื่อร้านอาหารในเขตซุงินะมิ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่มาพร้อมกับโปรโมชั่นสุดเฟี้ยวฟ้าวเอาใจนักดื่ม กับการดื่มเบียร์ฟรีได้ทั้งวันตลอด 24 ชั่วโมง ในส่วนของราคาโปรโมชั่นปกตินั้นจะอยู่ที่ 2,400 เยน หรือตีเป็นไงไทยก็ราวๆ 690 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับโปรโมชั่นเบียร์บุฟเฟ่ต์รายชั่วโมงทั่วไปในญี่ปุ่นด้วยกันแล้ว ถือว่าคุ้มค่ามากๆ แต่ที่ทำให้ร้านนี้พิเศษยิ่งขึ้นไปอีกนั่นก็คือ โปรโมชั่นพรีเมี่ยมประจำวันที่ 24 ของทุกเดือน ทางร้านจะลดราคาโปรโมชั่นเบียร์ 24 ชั่วโมงจากราคาเต็มเหลือเพียง 240 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 70 บาทเท่านั้น ถูกสุดๆ เลยใช่ไหมล่ะ . ส่วนถ้าใครคิดว่าดื่มเบียร์อย่างเดียวจะเบื่อ ไม่มีกับแกล้มหรืออะไรเลยเหรอ ก็ไม่ต้องห่วงไปเพราะทางร้านมีอาหารพร้อมเสริฟมากมายทั้งเมนูข้าว หรือเมนูเสียบไม้ต่างๆ งานนี้เรียกว่าสวรรค์ชัดๆ (อันนี้ไม่บุฟเฟ่ต์นะ) . เพียงแต่ว่าข่าวร้ายของร้านนี้ก็คือ ทางร้านจะไม่มีการเปิดจองโต๊ะใดๆ ทั้งสิ้น ฉะนั้นถ้าใครอยากบินไปดื่ม คงต้องพกดวงกันไปให้เต็มกระเป๋าหน่อย…
-
เฮ๊ยจริงดิ่!! ‘Sengun-Joshi’ เกิร์ลกรุ๊ปญี่ปุ่น ที่หลงใหลในวัฒนธรรมเกาหลีเหนือ
ถึงแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา สถาณการณ์ระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีเหนือนนั้นจะมีความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตามสภาวะที่เสี่ยงต่อการเกิดสงครามกลับไม่ทำให้เสียงดนตรีนั้นหยุดบรรเลงได้เลย Sengun-Joshi หรือกลุ่ม Military-First Girls เกิร์ลกรุ๊ปญี่ปุ่นที่หลงใหลในวัฒนธรรมของประเทศเกาหลีเหนือ และพวกเธอยังเป็นหนึ่งในกลุ่มแฟนคลับของ Moranbong band เกิร์ลกรุ๊ปของประเทศเกาหลีเหนืออีกด้วย หนึ่งในสมาชิกของวงกล่าวว่า พวกเธอนั้นก็เหมือนคนที่ชื่นชอบวัฒนธรรมต่างชาติทั่วๆ ไป และไม่อยากให้ใครตัดสินพวกเธอเพียงเพราะว่ามีความหลงใหลในวัฒนธรรมของชาติที่เป็นคอมมิวนิสต์ Chunhun สาวน้อยผู้ก่อตั้งเกิร์ลกรุ๊ปนี้กล่าวว่าเธอเริ่มมีความสนใจในประเทศเกาหลีเหนือในตอนที่เรียนอยู่ที่วิทยาลัยศิลปะ ซึ่งสิ่งที่เธอสนใจนั่นก็คือความสวยงามและคุณค่าทางศิลปะของป้ายโฆษณาชวนเชื่อในเกาหลีเหนือนั่นเอง “มันมีความลึกซึ้ง และการแสดงออกที่ชัดเจน พวกเขาใส่ใจกับทุกๆ รายละเอียดไม่ว่าจะเป็นดอกไม้หรือใบไม้ซึ่งถือเป็นจุดเด่นอย่างมาก” Chunhun ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น นอกจากจะมีความสนใจในงานศิลปะจากโฆษณาชวนเชื่อของเกาหลีเหนือแล้ว Chunhun ยังได้หาความรู้เกี่ยวกับงานศิลปะของเกาหลีเหนือจากสื่ออื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นการอ่านเว็บไซต์ Rodong Sinmun เว็บข่าวอย่างเป็นทางการของพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ รวมถึงการแต่งตัวให้คล้ายกับชาวเกาหลีเหนืออีกด้วย Chunhan เริ่มต้นการรวมกลุ่มเกิร์ลกรุ๊ปของเธอบนโลกออนไลน์ เพื่อชักชวนกลุ่มคนที่มีความชอบเหมือนกันให้มารวมตัวกัน นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยเกี่ยวกับประเทศเกาหลีเหนือ นอกจากนี้พวกเธอยังเคยจัดงานเต้นโคฟเวอร์วง Moranbong band ในกรุงโตเกียวอีกด้วย และด้วยประวัติศาสตร์ความขัดแย้งที่มีมาอย่างยาวนาน ทำให้ Chunhun และกลุ่ม Sengun-Joshi นั้นต้องเผชิญกับคำวิพากย์วิจารณ์อย่างมากบนโลกออนไลน์ ซึ่งบางครั้งพวกเขาเองถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศต่อชาติเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามพวกเธอก็ได้ออกมาอธิบายว่า อันที่จริงแล้วสิ่งที่พวกเธอสนใจนั้นมีเพียงแค่วัฒนธรรมเท่านั้น แต่พวกเธอยังคงเกลียดชังการปกครองที่เต็มไปด้วยความกดขี่และสิ่งที่พวกเขาทำเหมือนกับชาวญี่ปุ่นทั่วๆ ไป “การสนใจในวัฒนธรรมเกาหลีเหนือคือความสนใจใน เพลง แฟชั่น และงานศิลปะของพวกเขา ฉันไม่อยากให้ชาวญี่ปุ่นตัดสินพวกเขาเพียงเพราะสิ่งที่รัฐบาลของพวกเขาทำ พวกเราก็เหมือนกับกลุ่มเด็กผู้หญิงที่ชอบเพลงเกาหลี หรือชอบฟัง…
-
ภาพแนวสตรีทกับวิถีชีวิตประจำวันและจิตวิญญาณของชาวโตเกียว สะท้อนอีกมุมที่เราไม่เคยเห็น
ช่างภาพแนวสตรีทในชื่อ RK ผู้ที่ชื่นชอบในการเดินทางและถ่ายรูป เขาออกไปท่องโลกกว้างเป็นเวลากว่า 4 ปีเพื่อฝึกถ่ายรูปตามสถานที่ต่างๆ โดยเริ่มมาจากการใช้ไอโฟนเพียงแค่เครื่องเดียว พัฒนาฝึกฝนมาเรื่อยๆ ฝึกถ่ายรูปหลายๆ แบบจนค้นพบแนวที่ตัวเองชื่นชอบ เขาได้ค้นพบว่าการที่เขาออกไปท่องเที่ยวทั่วโลกสามารถทำให้เขากลายเป็นช่างภาพระดับโปรที่ไม่ว่าจะถ่ายภาพไหนๆ ก็ออกมาสวยไปซะหมด เขาเริ่มหันมาถ่ายภาพวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นในกรุงโตเกียว เพื่อถ่ายทอดความเป็นญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันผ่านมุมมองของเขา เขาใช้เวลาหลายชั่วโมงในการถ่ายภาพ ในบางครั้งต้องรอเกือบชั่วโมง กว่าจะได้ภาพที่สวยงามออกมาภาพหนึ่ง เขาออกไปเดินตามถนน เพื่อถ่ายรูปวิถีชีวิตของเหล่าชาวโตเกียวโดยเฉพาะ และนี่คือผลงานส่วนหนึ่งที่เขาได้ถ่ายไว้ใน ความงามของถนนกรุงโตเกียว… ร้านของเครื่องมือช่างไฟฟ้า . ซอยเล็กๆ ซอยหนึ่งในเมืองโตเกียว ชายผู้หนึ่งที่ออกมาสูบบุหรี่ริมถนน พนักงานออฟฟิศที่กำลังกลับมาจากการทำงาน ลองไปชมภาพมุมอื่นๆ ที่เราอาจไม่เคยเห็นกันดีกว่า . ชาวโตเกียว ร้านขายหนังสือ ร้านขายอุปกรณ์การช่าง หนึ่งในวิถีชีวิตชาวโตเกียว ร้านอาหาร ร้านขายของเล่น โตเกียวในวันฝนตก เช้าที่แสนสดใส เถ้าแก่กำลังตั้งใจทำอาหารให้ลูกค้าทาน ความเป็นโตเกียว…
-
ร้านสตาร์บัคแห่งใหม่ ‘สไตล์ยุคเมจิ’ เปิดใกล้กับออนเซ็นที่เคยโผล่ใน Spirited Away
สตาร์บัค คือร้านกาแฟชื่อดังที่ได้รับความนิยมในหลายๆ ประเทศ ซึ่งหนึ่งในประเทศที่นิยมกาแฟร้านนี้มากๆ ก็คือญี่ปุ่น โดยทางร้านได้คิดค้นหลายๆ อย่างมาเพื่อดึงดูดใจลูกค้าแดนอาทิตย์อุทัยทั้งหลายอยู่เสมอ เช่น Frappuccino ดอกซากุระ หรือแก้วกาแฟลายภูเขาไฟฟูจิ แต่ในครั้งนี้ทางร้านได้สร้างเอกลักษณ์ที่เจ๋งกว่าเดิม เพราะถึงกับจะเปิดสาขาใหม่ในสไตล์ญี่ปุ๊นน ญี่ปุ่น ที่เหมือนกับทำให้ลูกค้าทุกคนได้ย้อนกลับไปในยุคสมัยเมจิตอนช่วงศตวรรษที่ 19 โน้นนน ร้านกาแฟแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ตรงทางออกของสถานีรถไฟอันเก่าแก่ที่ใช้มานานกว่า 100 ปี ในจังหวัดเอะฮิเมะ บนเกาะชิโกกุ สถานีรถไฟดังกล่าวร่วมมือกับสตาร์บัคส์เพื่อออกแบบและสร้างมันออกมาให้มีความเข้ากันกับบรรยากาศอันเก่าแก่ของเมือง และภายในร้านเองก็มีความคลาสสิคที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการนั่งรถไฟ ทำให้ความรู้สึกของทุกคนเหมือนกับได้แวะพักดื่มกาแฟระหว่างการเดินทางอันยาวนานบนรถไฟ ร้านนี้มีด้วยกันอยู่สองชั้น โดยชั้นแรกมีเคาน์เตอร์พนักงานไว้สั่งเครื่องดื่มหรือของหวานต่างๆ ที่ด้านหลังของพนักงานจะมีกระจกทำให้ลูกค้าทุกคนสามารถมองเห็นเวลารถไฟมาถึงหรือว่าออกไปจากสถานี เดินเข้าไปก็เจอเข้ากับเคาน์เตอร์ที่ดูเข้ากันกับสถานีรถไฟแห่งนี้ ชั้นสองมีโซฟาและโต๊ะนั่งที่ทำออกมาเหมือนกับเราได้นั่งอยู่ในรถไฟจริงๆ หรือถ้าหากใครอยากนั่งจิบกาแฟรับลมด้านนอกก็สามารถไปนั่งตรงระเบียงได้ แต่ต้องรีบไปจับจองหน่อยนะเพราะส่วนนั้นมีเก้าอี้พอสำหรับ 8 คนเท่านั้น การตกแต่งชั้นบนยังคงคอนเซ็ปต์เอาไว้เหมือนกับชั้นล่าง นอกจากนั้นร้านกาแฟดังกล่าวได้สร้างเอาไว้ใกล้กับออนเซ็น Dogo อันเก่าแก่และมีชื่อเสียงอย่างมากในญี่ปุ่น เพราะมันคือต้นแบบของโรงอาบน้ำในการ์ตูนที่ใครหลายๆ คนรู้จัก Spirited Away จากสตูดิโอ Ghibli ออนเซ็นชื่อดังที่ได้ไปโผล่ในหนังการ์ตูน ความสวยงามของที่แห่งนี้ช่วยเสริมให้บรรยากาศโดยรอบดูน่าอยู่มากยิ่งขึ้น ร้านกาแฟแห่งใหม่นี้ก็เช่นกัน หากใครอยากไปลองนั่งกินกาแฟในบรรยากาศยุคเมจิ…
-
“โรงเรียนเกาหลีเหนือ” ใจกลางกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่คุณไม่คิดว่าจะมีอยู่ด้วย
หลายคนคงเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการทดสอบการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือที่ยิงข้ามน่านน้ำไปยังประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก็ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศไม่ค่อยสู้ดีนัก เพราะนั่นอาจเป็นชนวนที่ก่อให้เกิดสงครามกันได้ตลอดเวลา แต่ถึง 2 ประเทศนี้จะมีความขัดแย้งขนาดไหนก็ตาม แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่าภายในประเทศญี่ปุ่นนั้นได้มีการก่อตั้งโรงเรียนสำหรับเด็กเกาหลีเหนือเพื่อบ่มเพาะให้เด็กๆ มีแนวคิดแบบเกาหลีเหนือภายในประเทศญี่ปุ่นด้วยนะ โดยโรงเรียนแห่งนี้มีการเรียนการสอนในรูปแบบของชาติเกาหลีเหนือโดยสมบูรณ์แบบ ทั้งการเรียนประวัติศาสตร์เกาหลีเหนือ ภาษาเกาหลีรวมถึงการนำรูปภาพของผู้นำเกาหลีเหนือมาติดไว้ในทุกๆ ห้องเรียน นอกจากนั้นโรงเรียนแห่งนี้ยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวเกาหลีเหนือที่มาคอยปกป้องเด็กๆ จากผู้ประท้วงชาวญี่ปุ่นหลังจากรู้ว่ามีโรงเรียนนี้อยู่ด้วย เมื่อไม่กี่วันมานี้เว็บไซต์ข่าวชื่อดังอย่าง Vox ได้นำเสนอวิดีโอหนึ่งที่มีชื่อว่า “Inside North Korea bubble in Japan” ซึ่งเป็นวีดีโอที่ทำให้เราได้เห็นภาพโรงเรียนแห่งนี้ว่ามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร สำหรับชาวเกาหลีเหนือที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีประวัติที่ยาวนานและซับซ้อนอย่างมาก โดยเริ่มจากบรรพบุรุษของพวกเขาถูกบังคับให้ย้ายมาอยู่ประเทศญี่ปุ่นหลังจากจักรวรรดิญี่ปุ่นได้พยายามผนวกประเทศเกาหลีให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นในปี 1910 หลังจากนั้นประเทศญี่ปุ่นได้พ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศเกาหลีจึงสามารถแยกตัวออกมาจากประเทศญี่ปุ่นได้ แต่ก็มีคนเกาหลีจำนวนมากที่ยังอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นและได้ตัดสินใจที่จะอยู่อย่างถาวรเลย อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนแห่งนี้กล่าวขอบคุณเกาหลีเหนือถึงสิ่งที่มอบให้ ทว่าเรื่องราวกลับซับซ้อนเข้าไปอีกเมื่อประเทศเกาหลีได้เกิดการแบ่งเป็นเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้และนั่นเป็นเหตุให้ประเทศเกาหลีเหนือหยุดช่วยเหลือชาวเกาหลีที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นโดยสร้างโรงเรียนแห่งนี้ให้เป็นสิ่งสุดท้าย นอกเหนือจากการปล่อยมิสไซล์และอาวุธนิวเคลียร์ที่ส่งผลกระทบต่อทั้งโลกแล้ว ในปี 1970 เกาหลีเหนือยังได้ลักพาตัวชาวญี่ปุ่นหลายคนจากชายหาดแล้วส่งตัวไปที่ประเทศเกาหลีเหนือซึ่งนั่นได้เป็นเหตุการณ์ระดับชาติและได้เริ่มกลายเป็นปรปักษ์ต่อประเทศญี่ปุ่นแห่งนี้ เงินสมทบช่วยเหลือสำหรับโรงเรียนชาวเกาหลีเหนือแห่งนี้ลดลงทุกปี โดยโรงเรียนแห่งนี้ในปัจจุบันแทบจะไม่มีเงินไว้จ้างคุณครูอยู่แล้ว การแยกให้เห็นถึงสิ่งที่โรงเรียนแห่งนี้ต้องเผชิญซึ่งก็มีทั้งคนญี่ปุ่นที่มีความชาตินิยม ความแบ่งแยกและการขอความช่วยเหลือจากประเทศเกาหลีเหนือ เหมือนกับพวกเขาสร้างโรงเรียนของ โอซาม่า บินลาเดนในอเมริกา ชีวิตของเด็กๆ ที่น่าสงสารโดยพวกเขาต้องเปลี่ยนชุดตอนออกไปนอกโรงเรียนเพราะถูกจ้องมองตลอดเวลา …
-
เห็นแล้วใจสั่น… ขวดน้ำยาล้างจานญี่ปุ่นเปิดดีไซน์ใหม่ ดูเผินๆ นึกว่าแหนมตุ้มจิ๋ว…..
น้ำยาล้างจานเป็นสิ่งที่ทุกครัวเรือนต้องมีติดเอาไว้ คุณสมบัติมันก็ตามชื่อนั่นแหละ ซึ่งโดยปกติแล้วขวดน้ำยาล้างจานที่เราเห็นโดยทั่วๆ ไปก็จะเป็นขวดสูงๆ ผอมๆ แต่มีน้ำยาล้างจานยี่ห้อหนึ่งในญี่ปุ่นที่ขวดของมันมีรูปร่างเหมือนแหนมตุ้มจิ๋วซะงั้น โดยปกติแล้วขวดน้ำยาล้างจานจะมาในรูปทรงกระบอกสูงๆ เพื่อที่จะได้ประหยัดพื้นที่ในอ้างล้างจานแล้วก็มีรูอยู่ตรงกลางเพื่อป้องกันการหยดเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งแนวคิดนี้น้ำยาล้างจานยี่ห้อ Awa no Chikara Tehada Premium จากบริษัท Lion ในประเทศญี่ปุ่นก็ได้นำมาประยุกต์ใช้เหมือนกัน แต่ทำไมดีไซน์มันออกมาเป็นแบบนี้ล่ะเนี่ย!? ซึ่งน้ำยาล้างจานดังกล่าวก็ได้กลายเป็นประเด็นให้ชาวเน็ตญี่ปุ่นเฮฮากันยกใหญ่เมื่อมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ผู้หนึ่งที่ใช้ชื่อว่า @asuuuuuna ได้นำถ่ายรูปน้ำยาล้างจานยี่ห้อนี้พร้อมกับแคปชั่นสุดฮาว่า “ไม่รู้ว่ารูปทรงแบบนี้ได้ผ่านการอนุมัติมาได้ไงเนี่ย” จากนั้นก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างเมามัน… “ฉันเดาว่าทุกคนที่ทำงานที่บริษัท Lion คงอับอายขายขี้หน้าที่จะพูดถึงและอธิบายการดีไซน์ที่ผิดปกติแบบนี้ระหว่างการประชุมแน่เลย” “มันช่างเป็นขวดน้ำยาล้างจานที่สวยสดงดงามมากๆ ทั้งการใช่สีชมพูและทรวดทรงที่มีเสน่ห์ของมัน นี่แหละคือสิ่งที่พวกเรากำลังมองหาอยู่ ใช่ไหม?” “จริงๆ แล้วหากเราลองพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าจุดประสงค์ที่เขาดีไซน์แบบนี้ออกมาเพราะว่าอยากให้เราล้างไม้ล้างมือก่อนช่วยตัวเองต่างหาก” เราก็ไม่รู้ว่านี่เป็นแผนการตลาดที่จะโปรโมทสินค้าให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจากดีไซน์นี้รึเปล่า แต่บางทีมันก็คงรู้สึกแปลกๆ ใช่ไหมล่ะที่ทุกครั้งเวลาเราล้างจานกลับเหมือนเราจับเจ้าแหนมตุ้มจิ๋วสีชมพูแบบนี้อยู่น่ะ ฮ่าา ที่มา: en.rocketnews24
-
ญี่ปุ่นประสบปัญหาใหญ่ คนรุ่นใหม่ยังไม่เคยผ่านการมีเซ็กส์ แม้จะเข้าสู่วัย 30 ปีแล้วก็ตาม…
ถึงแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นในสายตาพวกเราชาวไทยนั้นจะเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของอุตสาหกรรมเกี่ยวกับเพศไม่ว่าจะเป็นหนัง AV หรือของฝากที่เพื่อนๆ มักจะซื้อมาฝากเราอย่างจิ๋มกระป๋องหรือดิลโด้ และถึงแม้อุตสาหกรรมแบบนี้จะเติบโตอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น แต่แท้จริงแล้วพวกเขากำลังเผชิญปัญหากับจำนวนประชากรที่ลดลงเนื่องผู้คนส่วนใหญ่นั้นการละเลยเรื่องเพศ และจากผลสำรวจนั้นกลับพบว่า 31 เปอร์เซ็นต์ของผู้คนที่อายุน้อยกว่า 35 ปีในประเทศนี้ยังคงบริสุทธิ์อยู่!! และเมื่อนักข่าวได้สัมภาษณ์หญิงชาวญี่ปุ่นเกี่ยวกับสถิติดังกล่าว พวกเธอแสดงความเห็นว่า หนุ่มๆ ญี่ปุ่นมักกลัวที่จะขอชวนสาวๆ ไปออกเดท อาจเพราะกลัวการถูกปฏิเสธ ดังนั้นพวกเขาจึงหันเข้าหาสื่อลามก เพราะไม่ต้องกลัวที่จะผิดหวังนั่นเอง จากการรายงานของกระทรวงสาธารณะสุขกล่าวว่า ในปีที่ผ่านมานั้นประเทศญี่ปุ่นมีอัตราการเกิดลดลงมากถึง 1 ล้านคนเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี และนอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าจำนวนประชากรของญี่ปุ่นนั้นจะลดลงกว่า 40 ล้านคนภายในปี 2065 ปัญหาดังกล่าวถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ นักแสดงตลก Ano Matsui หนุ่มวัย 26 ปี ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC ว่าเขามักจะถูกผู้หญิงปฏิเสธเวลาที่ชวนพวกเธอออกไปข้างนอก ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะดูการ์ตูนอนิเมะดีกว่าที่จะออกไปเดทกับสาวๆ เพราะกลัวความผิดหวัง ส่วนคุณ Megumi Igarashi ศิลปินวัย 45 ปีเองก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “การสร้างความสัมพันธ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันคิดว่าพวกผู้ชายส่วนมากนั้นไม่ค่อยใส่ใจ พวกเขาสามารถมีความพึงพอใจทางเพศได้จากการดูเว็บโป๊อยู่ที่บ้าน” การลดลงของจำนวนประชากรนั้นยังส่งผลกระทบถึงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจรวมถึงตลาดแรงงานและอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย และนอกจากประเทศญี่ปุ่นแล้วในประเทศจีน สหรัฐอเมริกา เดนมาร์กและสิงคโปรเองก็กำลังประสบปัญหาเดียวกันนี้ด้วย และจากผลสำรวจของสถาบันวิจัยประชากรและสังคมแห่งชาติยังพบว่า…
-
เผย 10 คุณสมบัติของสาวๆ ที่หนุ่มญี่ปุ่นชอบ สาวคนไหนอยากมีแฟนเป็นคนญี่ปุ่นต้องอ่าน
ในชีวิตคู่การที่คนสองคนจะมาอยู่ร่วมกันนั้นต้องใช้การปรับตัวหลายๆ อย่าง ซึ่งกว่าที่คนสองคนจะตกลงปลงใจใช้ชีวิตร่วมกันก็ต้องใช้เวลาในการศึกษาดูใจ ดูนิสัยในด้านต่างๆ จากการสำรวจของคู่รักคู่ต่างๆ ในญี่ปุ่นพบว่าคู่รักจำนวนหลายคู่ที่ได้แต่งงานกันส่วนมากจะเป็นคนที่ทำงานอยู่ในที่เดียวกัน ดังนั้นจึงทำให้มีผู้ที่ออกมาสำรวจเกี่ยวกับเรื่องสเปกของผู้ชายวัยทำงานที่กำลังหาคู่ครองว่า หนุ่มๆ เขามองอะไรในตัวผู้หญิงนอกจากหน้าตา โดยการสำรวจจากชายญี่ปุ่นอายุ 20-39 ปี จำนวน 200 คน และนี่คือผลของการสำรวจ 10 อันดับที่ผู้ชายวัยทำงานชาวญี่ปุ่นใช้กำหนดสเปกสาวๆ 1. ผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านแม่เรือน (สังเกตจากการทำอาหารกลางวันมาทาน ยิ่งคนไหนตั้งใจทำเบนโตะมาทุกวัน ไม่ว่าหนุ่มๆ คนไหนก็อยากได้มาเป็นศรีภรรยา) 2. โต๊ะทำงานสะอาดเรียบร้อย ไม่รก 3. ใช้ขวดน้ำน่ารักๆ ในการทำงาน บ่งบอกถึงความใส่ใจในสุขภาพ 4. พูดจาสุภาพอ่อนหวาน 5. ไม่แต่งหน้าจัดจนเกินไป 6. มีมารยาทในการทานอาหารบนโต๊ะ ไม่มูมมาม 7. ไม่แต่งตัวโป๊หรือฉูดฉาดจนเกินไป 8. มีมารยาทในการอยู่ร่วมกับสังคม เคารพผู้อาวุโส 9. ไม่ติดหรูหรือใช้แต่ของแบรนด์เนม 10. ลายมือสวย …
-
ญี่ปุ่นเดินหน้าดัน E-Sport เตรียมเปิดคอร์สเรียน เพื่อสร้างอาชีพในสายงานนี้อย่างเต็มตัว
เมื่อพูดถึงกีฬาและธุรกิจที่มาแรงสุดๆ ในช่วงนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น E-Sport อย่างแน่นอน ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกก็เดินนำหน้ากันไปไกลแล้ว หลายประเทศก็กำลังเดินตามไปติดๆ อย่างเช่นที่ประเทศไทยก็พึ่งก่อตั้งสมาคม E-Sport ไป ทางด้านญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกัน ล่าสุดได้มีการเปิดตัวทีมและคอร์สเพื่อดันให้ชาวญี่ปุ่นหันมาสนใจในตัว E-Sport โดยมุ่งเน้นไปที่เกม League of Legend ซึ่งมีความนิยมสูงเป็นอันดับต้นๆ และมีการจัดแข่งระดับภูมิภาคที่อยู่บ่อยๆ ด้วยเหตุนี้ทาง Tokyo School of Anime ซึ่งเดิมทีเป็นโรงเรียนที่เปิดคอร์สสอนการทำอนิเมะและเป็นนักพากย์ จึงเปิดคอร์สเรียนใหม่ขึ้นมา โดยทางโรงเรียนก็จะเปิดเป็นคอร์สเกี่ยวกับอุตสาหกรรม E-Sport เป็นหลัก ซึ่งแบ่งออกเป็น นักเล่นเกมมืออาชีพ นักพากย์ ผู้จัดงานสาย E-Sport ผู้จัดการทีม และนักพัฒนาเกม . นอกจากคอร์สเรียนดังกล่าว ก็จะมีการสอนในด้านการฝึกทักษะการฝึกความเป็นนักเล่นเกมอาชีพว่าจะต้องทำยังไง มีความรับผิดชอบแค่ไหน รวมถึงจัดการยังไงในธุรกิจสายนี้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เว็บไซต์แนะนำมานั่นก็คือ การตั้งชื่อสำหรับเป็นโปรนั่นเอง เพราะมันสำคัญมากๆ เลยล่ะเวลามีคนพูดถึง ถ้าเลือกมาไม่ดีรับรองมีดับแน่ๆ มีสนามฝึกซ้อมด้วยนะ มีการจัดงานแถลงข่าวด้วย ส่วนถ้าใครอยากจอยคลับอื่นๆ ในโรงเรียน ที่นี่ก็มีคลับคอสเพลย์และร้องเพลงอนิเมะด้วยนะ… ที่มา rocketnews24
-
แม้แต่คนญี่ปุ่นก็สงสัย ทำไมเครื่องขายตั๋วรถไฟ มีแต่ “ค่าโดยสาร” ไม่เป็นชื่อสถานีให้จบๆ ฟร๊ะ!?
หลายๆ คนอาจเคยใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือรถไฟฟ้ากันมาก่อน และเราก็ต้องเจอกับวิธีการที่ดูแล้วค่อนข้างจะทำให้เรางงหน่อยๆ ว่าทำไมตอนซื้อตั๋วจากเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติต้องกดเลือกค่าโดยสาร ทำไมไม่ให้กดเลือกจุดหมายปลายทางไปเลยทีเดียว ข้อสงสัยดังกล่าวไม่ได้มีเพียงแค่บ้านเราที่สงสัย แต่ในประเทศญี่ปุ่น เขาก็คิดเหมือนกันกับเราว่าทำไมมันต้องเป็นอย่างนั้นด้วย จนเกิดเป็นคำถามในทวิตเตอร์บ้านเขาว่า “ใส่ชื่อจุดหมายปลายทางลงไปให้เลือกเลยมันน่าจะดีกว่าหรือเปล่า?” การซื้อตั๋วรถไฟฟ้าเริ่มจากไปยืนดูแผนที่ก่อนว่าเราจะไปสถานีไหน และต้องสังเกตให้ดีๆ ว่าสถานีที่เราจะไปมันราคาเท่าไหร่ จากนั้นจึงมาเลือกราคาตามนั้นเลย ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่าทำไมไม่ให้เลือกสถานีที่เครื่องไปเลยตั้งแต่แรก? คำถามดังกล่าวทำให้หลายคนเริ่มคิดตามไปพร้อมๆ กัน ลองคิดดูอย่างเครื่องขายน้ำอัตโนมัติมันก็ยังเขียนชื่อของเครื่องดื่มลงไปตรงๆ เลยจริงมั้ย?! แต่ก็มีหลายคนที่แสดงความคิดเห็นว่าเป็นแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว เพราะหากต้องมายืนเลือกจุดหมายปลายทางอยู่ที่เครื่องมันก็จะยิ่งทำให้เสียเวลายืนอยู่ตรงนั้นนานขึ้น และทำให้คนต้องมายืนต่อแถวรอกันเป็นจำนวนมาก “ถ้าคุณใส่แผนที่ลงไปให้มันแสดงขึ้นมาบนจอ นั่นก็จะยิ่งทำให้ต้องใช้เวลายืนหานานกว่าเดิมและมันจะทำให้คนต้องต่อแถวกันยาวขึ้น” “ไปยืนหาชื่อสถานีใช้เวลามากกว่าการไปเลือกจากตัวเลขเพียงไม่กี่ตัว อย่าให้ต้องมีคนไปยืนต่อแถวกันเยอะๆ เลย” “แทนที่จะปรับปรุงมัน การผลิตให้เครื่องจำหน่ายตั๋วมีเยอะขึ้นนั้นเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่ามาก” ถึงอย่างนั้นเรื่องของเวลาที่อาจเพิ่มมากขึ้นในการซื้อตั๋ว ก็มีเพียงแค่คนที่ใช้รถไฟเดินทางเป็นประจำเท่านั้นที่จะรู้สึกกังวลกับเรื่องนี้ แต่จริงๆ มันก์มีทางออกที่ดีอยู่นั่นคือการเติมเงินเข้าบัตรรถไฟซะเลย เท่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องมายืนต่อคิวใช้บริการเจ้าเครื่องจำหน่ายตั๋วนี้กันแล้ว ส่วนเรื่องของการใส่จุดหมายปลายทางหรือชื่อสถานีลงไปให้เลือก ในสถานีรถไฟฟ้าของเมืองโตเกียว ก็มีวิธีการดังกล่าวให้ใช้กันได้อยู่แล้ว แม้ว่าในสถานีอื่นๆ จะยังคงต้องเลือกจากค่าโดยสารเพียงอย่างเดียวเหมือนเดิมอยู่ก็ตาม ว่ากันว่าวิธีในปัจจุบันทำให้ไม่ต้องมีคนไปยืนต่อแถวรอกันยาวๆ . บริษัทรถไฟญี่ปุ่นตะวันออก (๋JR) ได้ออกมาชี้แจงว่า เครื่องจำหน่ายตั๋วไม่ได้มีพื้นที่พอสำหรับการใส่แผนที่ลงไป และวิธีการปัจจุบันที่ใช้อยู่ก็ทำให้เสียเวลาในการซื้อตั๋วน้อยที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตามในปี…
-
‘โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ’ ชายคนที่สอง ผู้รวบรวมประเทศญี่ปุ่นให้เป็นหนึ่งเดียว
เวลาพูดถึงผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในอดีตของญี่ปุ่นนั้น เราก็คงจะนึกชื่อออกมาได้กันอยู่ไม่กี่คน โดยคนแรกก็คงจะหนีไม่พ้น โอดะ โนบูนางะ และถ้าพูดถึงอีกหนึ่งบุคคลในประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียง โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ก็ต้องเป็นอีกชื่อหนึ่งที่คนนึกถึงแน่นอน โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ แรกเริ่มเดิมทีนั้นเขาเป็นคนธรรมดาที่มาจากครอบครัวของชาวนา เกิดในช่วงระหว่างปี 1536 ถึง 1539 โดยในตอนแรกเขามีชื่อว่า ฮิโยชิมารุ ซึ่งหลังจากที่พ่อของเขาตายไปแม่ก็ได้แต่งงานใหม่กับคนจากตระกูลโอดะ ส่วนตัวเขาในวัยเด็กก็ถูกส่งไปร่ำเรียนหนังสือที่วัดแห่งหนึ่ง ทว่าการใช้ชีวิตแบบนั้นมันไม่เหมาะกับเขาสักเท่าไหร่ เขาจึงตัดสินใจหนีออกมาแล้วออกผจญภัยไปในโลกกว้าง โดยเริ่มแรกเขาได้รับใช้ มะสึชิตะ ยุกิสึนะ คนจากตระกูลอิมากาวะ ซึ่งเขาก็ได้รับใช้อยู่เป็นเวลาหลายปีจนกระทั่งเขาตัดสินใจที่จะกลับบ้านเกิด… ที่นั่นเขาได้เจอกับตระกูลโอดะที่แม่ของเขารับใช้อยู่ เขาได้เสนอตัวเข้าเป็นเบี้ยล่างให้กับโอดะ โนบูนางะ โดยมีตำแหน่งเป็นคนดูแลรองเท้า และได้รับฉายาจากโอดะว่า “เจ้าหน้าลิง” เพราะหน้าตาของเขาคล้ายๆ กับลิง ต่อมาระหว่างที่เขาได้ติดตามโอดะไปทำศึก ฮิเดโยชิก็ได้สร้างผลงานที่ใครหลายคนก็คาดไม่ถึง เมื่อเขาได้ค้นพบเส้นทางลับช่วยให้โอดะสามารถชนะในศึกที่ปราสาทกิฟุบนยอดเขาอินาบะได้สำเร็จ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาเริ่มมีชื่อเสียง หลังจากรับใช้โอดะมาหลายปี ประจวบกับตระกูลอาซาอิแห่งแคว้นโอมิได้ล่มสลาย ฮิเดโยชิก็ได้รับดินแดน 3 เขตทางตอนเหนือของแคว้นเป็นของรางวัลตอบแทน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรับใช้ตระกูลโอดะในฐานะนายพลต่อมา ต่อมาในปี 1582 โอดะ ได้ถูก มิสึฮิเดะ นายทหารชั้นสูงคนหนึ่งหักหลังเข้า ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้โอดะต้องเสียชีวิตที่วัดฮนโนจิ แต่หลังจากการตายในครั้งนี้ฮิเดโยชิก็ไม่รอนาน เขาได้แก้แค้นให้กับนายของเขาโดยเป็นคนสังหารมิสึฮิเดะในศึกยามาซากิ…
-
ภารโรงชาวญี่ปุ่นถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม หลังจากค้นพบว่าแอบปลูกกัญชาในคราบบอนไซ!?
แม้จะมีผลวิจัยมากมายออกมาบอกว่ากัญชานั้นเป็นพืชมีประโยชน์มากมาย จนหลายประเทศอนุมัติให้กัญชาเป็นพืชถูกกฎหมาย ทว่าในหลายประเทศก็ยังคงจัดมันอยู่ในหมวดสารเสพติดอยู่ดี ซึ่งญี่ปุ่นก็เป็หนึ่งในกลุ่มประเทศที่ยังให้กัญชาผิดกฏหมายอยู่นั่นเอง และล่าสุดก็มีสำนักข่าวได้รายงานว่าภารโรงคนหนึ่งในเมืองโอซาก้าได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าจับกุมหลังพบว่าแอบปลูกต้นกัญชาในคราบบอนไซเพื่อขายส่ง… เนียนเลยนะ มีเสาค้ำด้วย Satoshi Ohashi ภารโรงวัย 35 ปี ได้แอบหารายได้เสริมด้วยการขายกัญชาที่ปลูกในอพาร์ตเมนต์ของเขาเอง ซึ่งในญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘Taima’ โดยจำนวนกัญชาที่เขาปลูกนั้นมีมากถึง 21 ต้นเลยทีเดียว ซึ่งคิดเป็นกัญชาหนัก 212 กรัมและตีเป็นเงินมูลค่ากว่า 6.6 ล้านบาท!! นอกจากนี้ต้นกัญชาของเขายังมีขนาดที่โตถึง 40 เซนติเมตร ซึ่ง Satoshi กล่าวกับเจ้าหน้าที่อย่างภาคภูมิใจ ว่าเขาไม่เคยปลูกจนโตขนาดนี้มาก่อน เจ้าตัวอวยเต็มที่ บอกปลูกมาดี . อย่างไรก็ตาม การครอบครองและขายกัญชาในญี่ปุ่นแบบนี้จะมีโทษจำคุก 5 ปี เลยล่ะ ยังไงถ้ามันดีจริงๆ รอให้มันถูกกฏหมายกันก่อนนะ จากนั้นค่อยว่ากัน ที่มา nextshark
-
คดีสะเทือนขวัญชาวญี่ปุ่น ตำรวจบุกจับชายหนุ่มคาห้องพัก พบ 9 ศพ และ 2 หัวที่ถูกตัด!?
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม สำนักข่าว Dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวสุดสะเทือนขวัญเกี่ยวกับการเข้าจับกุมชายชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่านาย Takahiro Shiraishi หลังจากที่มีการตรวจพบศพจำนวน 9 ศพภายในห้องเช่าของเขา โฉมหน้าของฆาตกรสุดโหด ฆ่าหั่นศพ Takahiro Shiraishi ตำรวจ ผู้สื่อข่าว และชาวบ้านแถวนั้นจำนวนมาก ต่างมามุงดูที่เกิดเหตุ ตำรวจนครบาลและผู้สื่อข่าวจำนวนมากได้เข้าไปในสถานที่เกิดเหตุซึ่งเป็นที่พักอาศัยของชายคนนี้ภายในเมืองซะมะ จังหวัดคะนะงะวะ ประเทศญี่ปุ่น และได้เจอเข้ากับศพของผู้หญิง 8 คนกับศพผู้ชายอีก 1 คน กับรอยเลือดที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วห้อง Shiraishi ยอมรับข้อกล่าวหาว่าเขาเป็นคนตัดแบ่งร่างกายของเหยื่อออกเป็นส่วนๆ ด้วยตัวเอง เพื่อทำลายหลักฐานการฆาตกรรมของเขา ทำให้ตำรวจพบศีรษะของเหยื่อสองคนและชิ้นส่วนร่างกายอื่นๆ อยู่ในกล่องเก็บความเย็นภายในห้องและกล่องลังไม้บางส่วน เจ้าหน้าที่ต้องดูแลความเรียบร้อยของสถานที่เกิดเหตุเอาไว้ ในระหว่างการสอบสวนทางเจ้าหน้าที่พบว่าหนึ่งในศพที่เป็นเหยื่อของเขา คือหญิงสาววัย 23 ปีที่อาศัยอยู่ในเมืองฮะชิโอจิ ซึ่งเธอถูกแจ้งความว่าหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2017 ในช่วงที่เธอหายตัวไปพี่ชายของเธอพบว่าหญิงสาวได้เข้าไปพูดเอาไว้ในเว็บไซต์สำหรับการฆ่าตัวตายว่า “ฉันกำลังหาคนที่จะตายไปพร้อมกันกับฉัน” จากการสืบสวนทำให้ทราบว่าฆาตกรได้สร้างเว็บไซต์ขึ้นมาให้สำหรับคนที่อยากจะฆ่าตัวตาย หลังจากนั้นจึงมีการนัดพบกันและลงมือฆ่าเหยื่อเหล่านั้นภายในอพาร์ตเม้นท์ของตัวเอง หญิงสาวที่ถูกแจ้งว่าหายตัวไปคือหนึ่งในเหยื่อของเขา โดยทั้งสองนัดเจอกันที่สถานีรถไฟและเดินทางมายังอพาร์ตเม้นท์ของเขาด้วยกัน ซึ่งกล้องวงจรปิดภายในสถานีสามารถจับภาพช่วงเวลาขณะที่ทั้งคู่กำลังอยู่ด้วยกันเอาไว้ได้…
-
ทีมวิจัยญี่ปุ่นล้ำหน้าอีก สร้างมาตฐานเครื่องวัดน้ำหนักกิโลกรัม ให้แม่นยำกว่าเดิมในรอบ 130 ปี!!!
เคยเป็นกันบ้างไหมที่เมื่อตอนเราไปชั่งน้ำหนักตามที่ต่างๆ ก็พบว่าเอ๊ะ ทำไมน้ำหนักที่ชั่งแต่ละเครื่องมันไม่เท่ากันนะ แต่ว่าปัญหานี้กำลังจะหมดไปเมื่อตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นได้คิดค้นวิธีการชั่งน้ำหนักแบบใหม่ออกมาได้แล้ว ย้อนกลับไปในปี 1875 มนุษย์ในยุคนั้นได้พยายามเข้าใจโลกให้มากขึ้น พวกเขาจึงได้สร้างมาตรฐานของการชั่งน้ำหนักด้วยความแม่นยำที่สูง โดยเครื่องชั่งน้ำหนักเครื่องแรกของโลกนั้นพวกเขาสร้างมาในรูปทรงกระบอกซึ่งโลหะที่ใช้ในการผลิตก็มีทั้ง แพลตตินั่มและอิลเดียมอัลลอย ซึ่งสิ่งนี้ที่พวกเขาเรียกว่า International Prototype Kilogram (IPK) ซึ่งเป็นต้นแบบของการชั่งน้ำหนักที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ถูกเก็บไว้อย่างดีในกระจกหลายชั้น ซึ่งเจ้า IPK นี้ได้มีการจำลองในหลายประเทศทั่วโลกเพื่อให้ดูเป็นต้นแบบ แต่ว่าของจริงนั้นได้อยู่ที่ International Bureau of Weights and Measurements ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ขี้ฝุ่นและปัจจัยอื่นๆ ที่นับไม่ได้ทำให้เครื่องชั่งน้ำหนักแบบ IPK ที่แพร่หลายทุกที่บนโลกนี้มีความไม่เที่ยงตรงที่แท้จริง ซึ่งนั่นได้สร้างปัญหาตามมาอย่างเช่น การชั่งน้ำหนักสารกัมมันตรังสีที่ถ้าไม่ได้น้ำหนักที่แท้จริงก็อาจทำให้ค่าเปลี่ยนไป หน้าตาของเครื่องชั่งน้ำหนักแบบใหม่ กลมดิ้กเชียว และด้วยเหตุนี้ National Institute of Advanced Industrial Science and Technology (AIST) หรือสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงในประเทศญี่ปุ่นจึงได้พัฒนาลูกบอลซิลิโคนชั่งน้ำหนักความแม่นยำสูง ซึ่งการทำงานของมันคือจะใช้เลเซอร์ชี้ไปที่ของที่ต้องการจะชั่งน้ำหนักจากนั้นจะคำนวณโดยใช้สูตรต่างๆ และมันได้ผ่านการทดลองมาแล้ว 2 ครั้งปรากฏว่ามันสามารถทำงานได้เป็นอย่างดี ซึ่งคาดว่าเครื่องมือนี้จะใช้ในการชั่งที่ต้องการความเที่ยงตรงจริงๆ อย่างการพัฒนายาปฏิชีวนะต่างๆ ทาง AIST ได้เตรียมที่จะเอาลูกบอลซิลิโคนอันนี้เข้าประชุมนานาชาติในปีหน้า ซึ่งมันอาจเปลี่ยนโฉมการชั่งน้ำหนักหน่วยกิโลกรัมในรอบ 130…
-
5 สถานที่เที่ยวตามรอยการ์ตูน Ghibli ในประเทศญี่ปุ่น ที่สาวกทุกคนไม่ควรพลาด!!
เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักกับ Studio Ghibli บริษัทผลิตภาพยนตร์ยักษ์ใหญแห่งประเทศญี่ปุ่น และการ์ตูนมากมายหลายเรื่องของค่ายนี้ก็เกิดจากมันสมองของ Hayao Miyazaki ผู้ที่สร้างสรรค์ตัวละครและเรื่องราวแฟนตาซีเหล่านั้นมานานกว่าทศวรรษ การ์ตูนที่มีชื่อเสียงของเขาได้แก่ Spirited Away, Howl’s Moving Castle, My Neighbour Totoro และเรื่องอื่นอีกเพียบ ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้นอาจารย์ Miyazaki ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถานที่จริง!! จึงได้มีการคัดเลือกมา 5 สถานที่ที่ขอแนะนำเลยว่าสาวกตัวจริงห้ามพลาดเด็ดขาด ไปดูกันเลยว่าจะมีที่ไหนกันบ้าง พิพิธภัณฑ์ Ghibli ในเมืองโตเกียว พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวภาพวาดหรือผลงานของค่ายนี้เอาไว้ สาวก Ghibli ตัวจริงควรไปอย่างมาก เพราะที่นี่ไม่ได้มีแค่รูปปั้นหรือภาพวาดต่างๆ เอาไว้เท่านั้น แต่ยังมีหนังสั้นสุดพิเศษของค่ายที่มีจัดแสดงแค่ที่นี่ที่เดียวด้วย!! เมือง Tomonoura ชายฝั่งทะเลเซโตะ . เมืองท่าที่ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุยาม่าแห่งนี้ เชื่อว่าเป็นสถานที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับการ์ตูน Ponyo โดยภายในเมืองเต็มไปด้วยความสงบ วัฒนธรรมอันสวยงาม และเสน่ห์ไม่ต่างกับสถานที่ภายในการ์ตูน แนะนำว่าต้องลองไปสัมผัสดูนะ เกาะ Yakushima . คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยนึกถึงการไปเดินเที่ยวป่าดิบชื้นที่มีอายุเก่าแก่ในประเทศญี่ปุ่นสักเท่าไหร่…
-
เปิดตำนานดาบต้องสาป “มุรามาสะ” ดาบแห่งความบ้าคลั่งและเรื่องราวความเป็นมาของมัน
สำหรับใครที่เป็นคอเกม หรือว่าชอบศึกษาประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นคงจะรู้จักกับดาบซามูไรเป็นอย่างดี และหนึ่งในชื่อดาบที่พวกเราคุ้นหูมากที่สุดนั่นก็คือดาบมุรามาสะนั่นเอง!! มุรามาสะ เซ็นโง ช่างตีดาบในสมัยมุโระมะชิ (ช่วงศตวรรษที่ 14-16 ) ตามตำนานเล่าว่าช่างตีดาบผู้นี้เป็นหนึ่งในลูกศิษของสำนักตีดาบมาซามุเนะ ก่อนที่จะแยกตัวออกมา ในตัวของมุรามาสะเองนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความบ้าคลั่ง และเขาเองก็ได้ถ่ายทอดความเป็นตัวตนของเขาเองลงไปในดาบที่สร้างขึ้น นั่นจึงทำให้ผู้ที่ครอบครองดาบของมุรามาสะนั้นกลายเป็นนักรบที่บ้าคลั่งและโหดร้าย เหมือนกับตัวของมุรามาสะเอง แต่ดาบของมุรามาสะนั้นแตกต่างจากดาบของอาจารย์เขาโดยสิ้นเชิง ครั้งหนึ่งมุรามาสะได้ท้าประลองดาบที่เขาสร้างกับดาบของสำนักมาซามุเนะ เพื่อหาสุดยอดดาบที่ดีที่สุดในสมัยนั้น โดยในการทดสอบครั้งนี้ทั้งสองสำนักได้นำดาบที่พวกเขาสร้างขึ้นไปปักไว้ในลำธาร และหันคมดาบขึ้นต้านกระแสน้ำ ผลจากการแข่งขันพบว่าดาบของสำนักมุรามาสะนั้นสามารถตัดได้ทุกอย่างที่ไหลผ่านคมมีดของมัน ไม่ว่าจะเป็นปลา ใบไม้ หรือแม่กระทั่งอากาศเองก็ตาม แต่ดาบจากสำนักมาซามุเนะนั้นตรงกันข้าม แต่อย่างไรก็ตามกลับเป็นดาบจากสำนักมาซามุเนะที่ชนะการประลองครั้งนั้นไป เพราะเนื่องจากคมดาบของมุรามาสะนั้นมีความกระหายเลือดและสามารถทำลายได้ทุกอย่าง แต่ดาบของมาซามุเนะนั้นกลับเป็นดาบแห่งความเมตตาและไม่ทำลายล้างโดยไม่จำเป็น มีดสั้นจากศตวรรษที่ 14 ที่สลักชื่อของมุรามาสะไว้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับตำนานอาถรรพ์ของดาบจากช่างตีดาบผู้นี้อีกว่า มีการใช้ดาบของมุรามาสะในการฆ่าสมาชิกของตระกูลโทคุงาวะ หนึ่งในตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในญี่ปุ่นสมัยนั้น และหลังจากนั้นการครอบครองดาบของมุรามาสะนั้นจึงถือเป็นเรื่องที่ผิดและถ้าหากใครที่ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษอย่างหนัก และหนึ่งในการลงโทษผู้ครอบครองดาบของมุรามาสะที่โด่งดังมากที่สุดในปี 1634 นั่นก็คือกรณีของ Takanak Ume ผู้พิพากษาจากเมืองนะงะซะกิที่ครอบครองดายของมุรามาสะมากถึง 24 เล่ม เขาถูกสั่งให้ทำการ “เซ็ปปุกุ” หรือฆ่าตัวตายโดยคว้านท้อง (หรือจะเรียกอีกอย่างว่า “ฮาราคีรี” ก็ได้) เนื่องจากมีการกวาดล้างดาบของมุรามาสะอย่างหนัก หลายๆ คนที่ครอบครองดาบอยู่จึงได้พยามที่จะซ่อนดาบไว้และมีการลบสัญลักษณ์ชื่อของมุรามาสะที่อยู่บนดาบเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ในปัจจุบันนั้นการจะหาดาบของมุรามาสะแบบแท้ๆ…
-
ช่างภาพตามถ่ายใบหน้าของลูกครึ่งญี่ปุ่นจาก 192 ประเทศ หน้าตาจะเป็นแบบไหนกันนะ??
มนุษย์แต่ละเชื้อชาตินั้นมักจะมีหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ จนทำให้เราสามารถเดาเชื้อสายคนจากใบหน้าได้ เว้นแต่คนที่เป็นลูกครึ่ง ที่อาจจะเดายากสักหน่อย ด้วยเหตุนี้ช่างภาพลูกครึ่งเบลเยียม-ญี่ปุ่น จึงได้ตามถ่ายภาพใบหน้าของผู้ที่มีเชื้อสายญี่ปุ่นในโตเกียว เพื่อแสดงให้เห็นเอกลักษณ์เฉพาะของคนเป็นลูกครึ่ง นี่คือโปรเจกต์ Hafu2Hafu ของ Tetsuro Miyazaki ที่ได้สัมภาษณ์ผู้มี่เชื่อสายญี่ปุ่น และเรียนรู้เกี่ยวกับอัตลักษณ์ของพวกเขา Miyazaki บอกว่า “ผมต้องการให้ผู้คนเข้าใจอะไรบางอย่างเกี่ยวกับความซับซ้อนของตัวตน เมื่อพ่อแม่ของพวกเขาไม่ใช่คนเชื้อสายเดียวกัน” ส่วนตัวช่างภาพเองนั้น อายุ 39 ปี พ่อเป็นชาวญี่ปุ่น แม่เป็นชาวเบลเยี่ยม ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ และล่าสุดโครงการของเขาก็ได้รับการสนับสนุนจากองค์ไม่แสวงหาผลกำไรหลายแห่งในสหรัฐฯ และเนเธอร์แลนด์ด้วย ภาพถ่ายของ Miyazaki ถูกอัพโหลดบนหน้าเว็บไซต์แล้วเรียบร้อย โดยมีคำบรรยายว่าโปรเจกต์นี้ต้องการนำเสนอภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์ของการเป็นลูกครึ่ง เขาได้จัดทำเป็นภาพพร้อมคำถามเกี่ยวกับลูกครึ่งในช่วงวัยที่แตกต่างกันทั้งเพศ ที่อยู่อาศัย และเป็นการรวบรวมลูกครึ่งเชื้อสายญี่ปุ่นจาก 192 ประเทศทั่วโลก หลังจากที่โปรเจกต์ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ได้รับการยกย่องจาก The New York Times เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยเขียนไว้ในบทความเรื่อง Hapa Japan Festival ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองสำหรับเชื้อสายผสม เชื่อสายผสมญี่ปุ่นและวัฒนธรรม Miyazaki ใช้เวลาในการทำโปรเจกต์ Hafu2Hafu ยาวนานถึง 2 ปีด้วยกัน เขาได้ทำการสัมภาษณ์ไปแล้ว…
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นจัดอันดับ ตัวการ์ตูนไหนเหมาะสมที่จะมาเป็นนายกคนต่อไปมากที่สุด!!
ในขณะที่บ้านเรายังคงรอวันเลือกตั้งไปอีกเป็นปีๆ แต่ทางฝั่งญี่ปุ่นนั้นกลับใกล้เข้ามาทุกที และด้วยความเป็นประเทศมหาอำนาจแห่งการ์ตูน การจะโยงการ์ตูนเข้ากับการเมืองจึงเป็นอะไรที่ทำได้ไม่ยากเลยล่ะ แต่ถึงจะบอกว่าโยงเข้ามา มันก็ไม่ได้เป็นการโยงทีซีเรียสอะไรนัก แต่เป็นสมมุติขึ้นมาเล่นๆ ของชาวเน็ตญี่ปุ่นว่า ถ้าให้เลือกตัวการ์ตูนสักตัวมาเป็นนายก พวกเขาจะเลือกใครมาเป็นกัน ซึ่งผลที่ออกมาก็น่าสนใจทีเดียวล่ะ อันดับที่ 10 Hidetoshi Dekisugi จากเรื่อง Doraemon (240 โหวต) ไม่แปลกเลยที่ตัวละครจาการ์ตูนระดับตำนานจะถูกโหวตเข้ามา แต่คงไม่ต้องแปลกใจอะไรถ้าคนที่ถูกเลือกไม่ใช่โนบิตะ ทว่าด้านเดคิสุงิก็ถือเป็นตัวละครที่มีความเป็นผู้นำ ฉลาด และใจเย็น ถ้าเขาได้เป็นนกยกก็คงไม่ทุ่มโพเดียมแน่ๆ อันดับที่ 9 Naruto Uzumaki จากเรื่อง Naruto (310 โหวต) จากเด็กเจ้าปัญหาแห่งโคโนฮะ สู่การเป็นโฮคาเงะรุ่นที่ 7 ฉะนั้นเรื่องการปกครองหรือบริหารบ้านเมืองต้องไม่เป็นสองรองใครแน่ๆ ไหนจะวิชานินจาที่เทพสุดๆ ถ้าเขาได้เป็นนายกคงจะแยกร่างเป็นพันๆ แล้วแบ่งไปทำหน้าที่ต่างๆ ได้สบายเลยล่ะ อันดับที่ 8 Koro Sensei จากเรื่อง Assassination Classroom (364 โหวต) คุณครูหนวดปลาหมึกที่สามารถบินได้เร็วสุดๆ คนนี้อาจจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีก็เป็นได้ เพราะถ้าเขาได้เป็นนายก เขาคงจะดันให้คนทั้งประเทศฝึกฝีมือให้เก่งขึ้นเพื่อฆ่าตัวเขาเองแน่ๆ ไม่งั้นโลกอาจจะหายไปก็ได้นะ อันดับ 7 Gintoki Sakata จากเรื่อง…
-
ง้อววว!! 20 ภาพอันเฟี้ยวฟ้าวของเหล่าเหมียว ที่พากันกลายร่างเป็นแมวนินจา แต่ละท่าคือสวย
คุณอาจจะมองว่าแมวเป็นสัตว์เลี้ยงธรรมดาๆ ทั่วไป แต่ใครจะรู้ล่ะว่าความจริงแล้วพวกมันมีความพิเศษมากกว่าที่คิด เพราะนอกจากการเป็นสัตว์เลี้ยงที่แสนดีแล้ว ยังมีความสามารถในการสวมบทเป็นนินจาอีกด้วย สำหรับใครที่นึกภาพว่าแมวนินจาจะมีลักษณะอย่างไร? Hisakata Hiroyuki ช่างภาพชาวญี่ปุ่นคนนี้ เขาได้บันทึกภาพถ่ายช่วงวินาทีที่พวกมันได้กลายร่างเป็นนินจามาให้เราได้ชมกันแล้ว คุณ Hiroyuki ได้ตัดสินใจที่จะสละเวลาของตัวเอง… เพื่อจับภาพวินาทีสุดอัศจรรย์ของเหล่าแมวเหมียว ในขณะที่มันกำลังสวมบทเป็นแมวนินจา และภาพที่ออกมาก็ดูสมบูรณ์แบบอย่างที่เห็น นี่ไม่ใช่การถ่ายภาพที่ง่ายเลย เพราะเขาจะต้องรอเวลา และใช้ความว่องไวในการกดชัตเตอร์ จนออกมาเป็นภาพที่ดูสวยและสมบูรณ์แบบอย่างที่เห็น ด้านล่างนี้เป็นภาพถ่ายของเหล่าแมวเหมียวที่พากันออกมาแสดงตนว่า มันเกิดมาพร้อมกับการเป็นนินจานะ ว่าแล้วก็มารับชมกันได้เลย . . . . . . . . . . . . . นี่เป็นเพียงภาพถ่ายสุดเท่ส่วนหนึ่งของเหล่าแมวนินจาเท่านั้น หากคุณอยากจะรับชมภาพเจ๋งๆ ของพวกมันอีกล่ะก็ สามารถเข้าไปดูได้เลยในอินสตาแกรม photo.accent และทวิตเตอร์ sakata_77 ที่มา : boredpanda
-
ศิลปินญี่ปุ่น วาดภาพเหมือนสุดน่าทึ่ง!!! เหมือนจริงยันพื้นผิววัตถุ ใช้เวลาวาดกว่า 240 ชั่วโมง
งานศิลปะนั้นล้วนมีรูปแบบที่แตกต่างกันมากมาย บางคนก็รักที่ระบายสีน้ำ บางคนก็ชอบที่จะปั้น แต่มีศิลปินญี่ปุ่นอยู่คนหนึ่งที่เขารักในการวาดภาพเหมือน ซึ่งมันเหมือนชนิดที่ว่าแยกไม่ออกว่าว่านี้คือภาพถ่ายหรือภาพวาดกันแน่!! ศิลปินชาวญี่ปุ่นคนนี้มีชื่อ Kohei Ohmori เขาได้สรรค์สร้างภาพเหมือนที่น่าทึ่งเอามากๆ เพราะถ้าดูแบบเผินๆ ยังไงมันต้องตั้งเป็นรูปถ่ายจากกล่องดีๆ แน่ๆ เพราะความละเอียดสุดๆ ของมันทำให้เราจับผิดแทบไม่ได้เลยล่ะ ดูอย่างรูปภาพน็อตตัวนี้สิ มันทำให้เขาโด่งดังเอามากๆ เพราะการเก็บรายละเอียดแบบจัดเต็มที่ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรนอกจากมันคือ “พรสวรรค์” ชัดๆ ทวิตเตอร์นามว่า おおもりしずか ได้โพสต์ภาพเหมือนเหล่านี้ และเล่าว่าเป็นฝีมือของน้องชายคนเล็กของเธอนั่นเอง โดยเธอได้กล่าวถึงวิธีการสร้างผลงานที่น่าตื่นตาตื่นใจ และในบางภาพน้องชายของเธอใช้เวลาวาดกว่า 240 ชั่วโมง เลยทีเดียว ชาวเน็ตต่างๆ ก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อภาพวาดของ Kohei Ohmori ว่า “นี่มันไม่ใช่ความบ้าของเขาหรอกนะ สิ่งที่เขาทำมันสามารถสร้างเงินจำนวนมากได้เลยทีเดียว” “ฉันว่านี่มันคือความบ้าคลั่งของเขา ที่วาดพื้นผิวของโลหะออกมาได้เนียนเป๊ะ! ขนาดนี้” “เขาต้องมีทั้งทักษะการวาด สายตาที่ดี และความอดทนมากๆ กว่าจะได้ผลงานเหล่านี้” ความเงางามและผิวของวัสดุเป็นอะไรที่สมจริงมากๆ ขนาดภาพคนยังทำออกมาได้รู้สึกถึงผิวหนังและแววตาที่เหมือนดูมีชีวิตจริงๆ แบบนี้ไม่ติดตามไม่ได้แล้วนะศิลปินคนนี้ ตามไปเลยที่ kohei6620 ที่มา en.rocketnews24
-
โคตรเจ๋ง! หมู่บ้านแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นทำวีดีโอเกมซอมบี้เสมือนจริง เพื่อหาคนมาอยู่เพิ่ม
ด้วยความที่ผู้คนต่างพากันไปหางานทำในเมืองใหญ่แล้วไม่กลับมาอยู่บ้านเกิดอีกเลย จึงทำให้หมู่บ้านที่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีคนอยู่น้อยลงทุกวัน หมู่บ้านแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเลยหัวใสจัดทำวีดีโอที่จำลองผู้คนในหมู่บ้านให้อยู่ในรูปแบบเกมซอมบี้ซะเลย โดยหมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อว่า Kosugemura เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในจังหวัด Yamanashi โดยในหมู่บ้านแห่งนี้มีผู้อาศัยอยู่ราวๆ 700 คนได้รวบรวมคนในหมู่บ้านเพื่อจัดทำคลิปวีดีโอเกมขึ้นมาที่จำลองเหตุการณ์เกมที่ต้องเอาชีวิตรอดในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยซอมบี้โดยมีฉากหลังเป็นพื้นที่ในหมู่บ้าน และใช้คนจริงๆ แทนตัวละครที่อยู่ในเกม ดูตัวละครซะก่อน น่ารักป่ะล่ะ ใช้เมืองเป็นฉากในเกมอย่างเท่ มีสู้กับหมีด้วยนะ น่ากลัวมากกก ซึ่งวีดีโอเกมนี้ในตอนจบตัวละครที่เราเล่นจะตายด้วยน้ำมือของซอมบี้ตัวหนึ่งและเมื่อออกไปนอกบ้านก็เจอกับซอมบี้จริงๆ และวีดีโอนี้ก็ได้เชิญชวนถึงคนดูว่าหากอยากเล่นต่อในชีวิตจริง หมู่บ้านแห่งนี้ได้จัดหมู่บ้านซอมบี้ขึ้นจริงๆ ในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ หากใครอยากสัมผัสบรรยากาศที่สยดสยองล่ะก็ รับรองได้ว่าที่นี่จัดเต็มเหมือนในวีดีโออย่างแน่นอน ลองชมวีดีโอสุดน่ากลัวนี้กัน ที่มา: en.rocketnews24, こ、こすげぇー ~小菅村情報発信中!~
-
เผยมุมน่ารักๆ ของ ‘อาเบะ’ ทั่นผู้นำญี่ปุ่น ได้ไอติมมากินยิ้มแฉ่งเป็นเด็กน้อยเลยน๊าา
นี่คือบทพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นพ้องต้องกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นใครถ้าคุณได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว ยังไงคุณก็ต้องรักไอศครีมแน่น๊อนน!! เพราะคราวนี้เราจะพาไปชมภาพน่ารักๆ จาก Shinzo Abe นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศญี่ปุ่น ที่ดูเหมือนว่าพอได้กินไอติมแล้วก็ยิ้มแฉ่ง ออกอาการเป็นเด็กน้อยเอาซะน่ารักเชียว ปกติแล้วถ้าอยู่ในเวลางาน เป็นธรรมดาที่นักการเมืองจะต้องดูเคร่งขรึม จริงจัง เพราะต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบไว้มากมาย ในตอนนี้ญี่ปุ่นได้ผ่านช่วงเลือกตั้งไปแล้วและเพิ่งจะประกาศผลการเลือกตั้งไปเมื่อ 2 วันก่อนว่า Shinzo Abe สามารถเอาชนะคะแนนเสียงจากผู้ท้าชิงอย่าง Yuriko Koike ไปได้อย่างขาดลอย ทำให้เขายังคงยึดตำแหน่งผู้นำญี่ปุ่นได้ในสมัยที่ 2 แต่สิ่งที่ดูจะฮือฮาในโลกออนไลน์ไม่แพ้กับผลการเลือกตั้ง ก็คือภาพขณะที่เจ้าตัวยืนถือไอศกรีมและดื่มด่ำรสชาติของมัน จนกลายเป็นกระแสถูกอกถูกใจชาวเน็ตกันยกใหญ่ บ้างก็ว่าเมื่อได้เห็นภาพผู้นำประเทศยืนทานไอติมแบบนี้แล้ว มันให้ความรู้สึกเหมือนได้ผ่อนคลายจากความเครียดยังไงไม่รู้แฮะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ามมมมม ก็คนมันชอบนี่นาา ไม่ว่าวันนั้นจะหนักหนาแค่ไหน ขอได้ลิ้มรสไอติมฉ่ำๆ ท่านผู้นำก็ดูจะยิ้มแย้มอารมณ์ดีขึ้นมาทันที เมื่อภาพดังกล่าวถูกแชร์ต่อบนโลกโซเชียลญี่ปุ่น ผลก็เป็นอย่างที่เรารู้กันดีว่า ชาวเน็ตต่างออกมาให้ความเห็นมากมายเกี่ยวกับอิริยาบถน่ารักๆ ของตัวผู้นำคนนี้ “เขาต้องทำงานหนักหลายอย่าง… ไม่แปลกเลยที่จะมีความสุขกับสิ่งที่ได้เลือกบ้าง” ชาวเน็ตคนหนึ่งให้ความเห็น ไม่ใช่แค่ไอติมเท่านั้นนะที่เขาจะดูดื่มด่ำไปกับมัน แต่ดูเหมือนว่าอะไรที่มันอร่อย ท่านผู้นำคนนี้ก็พร้อมที่จะหลับตาพริ้มไปกับมันตลอดเลย แฮร่!! ที่มา: Rocketnews24
-
ดีไซน์เนอร์ญี่ปุ่นนำเอา “กิโมโน” มาดัดแปลงให้กลายเป็นชุดเจ้าสาวสุดสวย
กิโมโน ชุดประจำชาติญี่ปุ่นมีความงดงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นที่ถ่ายทอดออกมาผ่านทางลวดลายของผ้า และมีความสวยงามไม่แพ้ชุดประจำชาติใดๆ ในโลก ปัจจุบันก็ได้มีคนนำความงามของชุดกิโมโนมาดัดแปลงให้เข้ากับยุคกับสมัย บ้างก็นำมาทำกิโมโนแบบสำเร็จรูปที่สะดวกต่อการใส่ หรือนำมาเติมลวดลายต่างๆ ให้มีความสวยงามยิ่งขึ้น บริษัท The Oriental Wasou ของญี่ปุ่นก็เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่เล็งเห็นคุณค่าความงามของชุดกิโมโน โดยทีมดีไซน์เนอร์ของบริษัทได้นำกิโมโนมาดัดแปลงให้กลายเป็นชุดแต่งงานสุดสวยและหรูสุดๆ “ช่วยให้เจ้าสาวสุดสวยให้ได้สวยดุจดั่งเจ้าหญิงในเทพนิยาย ในวันสำคัญที่สุดในชีวิต” คำพูดที่เป็นเป้าหมายในการทำชุดของทีมดีไซน์เนอร์ โดยกิโมโนที่ทางบริษัทได้ผลิตออกมาจะสามารถใส่ได้ทั้งสองแบบ ทั้งแบบกิโมโนออริจินอล และปรับให้กลายเป็นชุดเจ้าสาวที่ไม่เหมือนใครในโลก เพียงแค่นำกิโมโนมาปรับแต่งเพียงแค่ 10 นาที ก็ได้ชุดเจ้าสาวสุดสวย สีสันสดใส นอกจากนี้เทรนด์ชุดแต่งงานที่ทำจากกิโมโนก็ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะรัฐฮาวาย ที่มีบริษัท Halelokahi นำชุดกิโมโนมาดัดแปลงให้กลายเป็นชุดเดรสที่สามารถใส่ไปได้ทุกงาน Mami Ogiwara เจ้าของบริษัทได้กล่าวว่า “เราต้องการจะรักษาวัฒนธรรมให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” ถือว่าคุ้มค่าสำหรับผู้ซื้อสุดๆ เพราะซื้อ 1 ชุดแต่ใส่ได้ถึง 2 แบบ ถึงแม้ว่ากิโมโนจะเป็นชุดประจำชาติของญี่ปุ่น แต่ก็ได้รับความนิยมจากชาวตะวันตกที่เห็นคุณค่าความงามของชุดกิโมโน .…
-
Yakiniku ภาพยนตร์ปิ้งๆ ย่างๆ ไม่มีคนแสดง มีแต่เตาถ่านและเสียงซู่ๆ ที่จะทำให้คุณน้ำลายสอ..!!
เพราะเรื่องปิ้งๆ ย่างๆ มันจริงจังซะยิ่งกว่าทุกเรื่องบนโลก เอ๊าาา… ใครเห็นด้วยยกมือขึ้น!! และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบริษัทโปรดักชั่นสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Harappa LLC ได้ตัดสินใจทำภาพยนตร์ฟอร์มเกือบยักษ์ ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการปิ้งย่างล้วนๆ งานนี้ไม่มีคนแสดง ไม่มีน้ำ มีแต่เนื้อเน้นๆ จ้า ถะแด๊มมม!! และชื่อเรื่องของมันก็คือ… ‘YAKINIKU’ นั่นเอง เอง เอง (ทำเสียงแบบทีวีแชมเปี้ยน) ทางบริษัทผู้สร้างภาพยนตร์ได้ออกมาเคลมถึงเรื่องราวปิ้งย่าง ที่ถูกจับมาทำเป็นภาพยนตร์อย่างจริงๆ จังๆ เอาไว้ว่า “มันไม่มีกฎในโลกของการปิ้งย่างว่าคุณควรทำแบบนั้นหรือแบบนี้ มันมีเพียงแต่สิ่งที่เรียกว่า ‘Kodawari’ เท่านั้น!!” และแน่นอนว่านี่คือภาพยนตร์เนื้อหาปิ้งย่างเรื่องแรกของโลก สิ่งที่เราจะได้เห็นจากภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ วิธีการปิ้งย่างของผู้คนในแบบที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็ชอบมีเดียมแรร์ หรือบ้างก็ชอบแบบสุกเกรียม โดยโลเคชั่นทั้งหมดในภาพยนตร์จะมีเพียงแค่ เตา ไฟจากถ่าน เนื้อย่าง ตะเกียบ และเสียงซู่ซ่าที่จะทำให้คุณรู้สึกน้ำลายสอจนต้องออกไปร้านเนื้อย่างหลังดูจบ ว่ากันว่าไม่มีความรักใดจะยิ่งใหญ่เท่ากับความรักในอาหาร อ่าาาาาห์ ไม่ได้มีแค่แผ่นลายเนื้ออันวิจิตรบรรจงเท่านั้นที่คุณจะได้เห็น แต่เสียงแตกของไส้กรอกที่ดัง เปร๊าะ!! หลังผ่านความร้อนก็ทำให้คุณรู้สึกหิวตามได้ไม่แพ้กันเลยล่ะ แม้จะยังไม่มีกำหนดการฉายอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าหนังเรื่องนี้ออกมาแล้ว รับรองว่าเราต้องหิวเนื้อย่างมากขึ้นแน่ๆ …
-
กองกำลังที่ถูกลืม หน่วยรบสำคัญผู้เป็นเบื้องหลังกองทัพสหรัฐฯ ที่เป็นชาวเอเชียอเมริกัน…
หลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่า… หนึ่งในกองกำลังทัพสหรัฐฯ ในช่วงสงครามหลังเหตุการณ์ที่ Pearl Harbour มีกองกำลังที่ชื่อว่า ‘Nisei’ ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นผู้อาศัยในสหรัฐฯ แทบทั้งสิ้น!! ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรุ่นลูกของชาวญี่ปุ่นที่ก่อนหน้านี้ได้ย้ายมาอาศัยอยู่ก่อนแล้ว และวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับเรื่องราวของ ‘Nisei’ หน่วยรบสำคัญผู้อยู่เบื้องหลังชัยชนะของกองทัพสหรัฐฯ ในยุคนั้น… ภาพของกองกำลัง 442nd Regimental Combat Team เมื่อปี 1944 ถ้าจะให้สาวเรื่องราวการก่อตั้งหน่วยกองกำลังพิเศษนี้ขึ้นมา คงต้องย้อนกลับไปในช่วงปี 1941 หลังกองทัพญี่ปุ่นบินมาถล่ม Pearl Harbour แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาก็คือกระแสสังคมชาวอเมริกัน ที่หันมาเกลียดชังคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ แต่กระนั้นทางรัฐบาลก็ได้ยื่นข้อเสนอโดยให้ผู้ชายชาวญี่ปุ่นทั้งหมดเลือกว่า จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลัง หรือจะถูกจัดให้เป็น ‘ศัตรู!!’ แต่ก็ใช่ว่าทางการจะส่งตัวเหล่าชายฉกรรจ์สัญชาติญี่ปุ่นไปเป็นทหารทันที เพราะในช่วงแรกพวกเขาถูกส่งตัวมายังค่ายกักกันบนเกาะฮาวาย… ลองนึกภาพดูว่า จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มหลายพันคนย้ายมาอาศัยบนเกาะที่มีพื้นที่จำกัด แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาก็คือการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น พวกเขามีส่วนช่วยทำให้เศรษฐกิจและแรงงานต่างๆ บนเกาะฮาวายกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง วันที่ 15 กรกฎาคม 1942 ทางการได้ออกคำสั่งให้ชายฉกรรจ์ชาวญี่ปุ่นที่ย้ายมาอยู่ในค่ายกักกันทั้งหมด ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยรบ 100th Infantry Battalion …
-
พาไปดูการสอบข้อเขียนการเป็น “นินจา” ไม่ใช่แค่ว่าใส่ชุดและสู้เป็นเท่านั้น ต้องมีใบรับรองด้วย
บางครั้งการจะประกอบอาชีพบางอาชีพได้นั้น คุณอาจจะจำเป็นต้องผ่านการเรียนรู้และการฝึกฝนทักษะต่างๆ และที่สำคัญบางครั้งคุณเองอาจจะต้องผ่านการทดสอบเพื่อยืนยันว่าคุณมีคุณสมบัติที่พร้อมสำหรับอาชีพนั้นจริงๆ และนินจาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยการจะเป็นนินจาที่สมบูรณ์แบบได้นั้นคุณเองก็จะต้องสอบให้ผ่านข้อเขียนวัดทักษะด้วยเช่นกัน!! นินจา Koga นั้นเป็นกลุ่มนินจาที่อยู่ภายใต้การนำของ Ieyasu Tokugawa นายพลผู้ยิ่งใหญ่ในช่วงสมัย Edo โดยการทดสอบความรู้ความสามารถของนินจาครั้งนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ที่วัด Zojo-ji วัดพุทธในกรุงโตเกียวที่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูล Tokugawa การทดสอบครั้งนี้เป็นครั้งที่ 10 แล้วนับตั้งแต่เริ่มมีการจัดการทดสอบขึ้นมา ซึ่งในระดับแรกนั้นผู้เข้าร่วมการทดสอบนั้นจะต้องตอบคำถามทั้งหมด 50 ข้อภายในระยะเวลา 30 นาที เมื่อได้คะแนนมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปถึงจะผ่านการทดสอบ จากนั้นผู้ที่ผ่านการทดสอบจะได้เข้ารับการทดสอบในการสวมชุดนินจาและทักษะการใช้อาวุธนินจา และเมื่อผ่านระดับนี้ไปได้คุณก็จะกลายเป็นนินจาเต็มตัวแล้ว และนอกจากการทดสอบความรู้ความสามารถทางด้านนินจาแล้ว ในงานดังกล่าวยังมีการแสดงทักษะพิเศษของเหล่านินจาอีกด้วย โดยการแสดงนั้นจะจัด 2 รอบต่อวัน ในเวลา 11.00 – 11.30 และเวลา 12.00-12.30 ในวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคมนี้ และสำหรับใครที่สนใจรายละเอียดงานเพิ่มเติมล่ะก็ สามารถเข้าไปชมได้ที่เว็บไซต์ koka-kanko กันได้เลยจ้า ที่มา kotaku, moshimoshi-nippon
-
ใครว่าชาวนาไม่เท่!? รู้จักกับ ‘Kiyoto Saito’ ชาวนาผู้แต่งตัวได้โคตรคูลที่สุดในโลก..!!
ในยุคที่เศรษฐกิจบ้านเราดูจะลุ่มๆ ดอนๆ เหล่าผู้ทำการเกษตรต่างก็ต้องคอยรับมือกับปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ลดตัวลงอย่างฮวบฮาบ แต่ครั้งนี้เราจะพาไปรู้จักกับหนุ่มทำนาชาวญี่ปุ่น Kiyoto Saito ผู้ที่จะทำให้เรารู้สึกว่า… การทำเกษตรไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้าเก่าๆ อย่างเดียวนะ จะแต่งตัวให้โคตรคูลเหมือนเดินออกมาจากรันเวย์แฟชั่นวีคส์ก็ได้เหมือนกัน..!! Kiyoto Saito ชาวนาที่น่าจะเท่ที่สุดในสามโลก Kiyoto Saito หนุ่มวัย 29 ปี ผู้เป็นเจ้าของผืนนาข้าวหลายสิบไร่ ได้กลายเป็นเซเลบริตี้ประจำจังหวัดยามากาตะ ไปเป็นที่เรียบร้อย โดยจุดประสงค์ส่วนหนึ่งของการออกมาแต่งตัวสุดเนี๊ยบ ใส่ของแบรนด์ดังตั้งแต่หัวจรดเท้า เจ้าตัวเล่าว่าเขาไม่ได้อยากจะอวดรวย หากแต่เขาต้องการนำเสนอให้คนรุ่นใหม่ได้เห็นว่า การทำนาไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออย่างที่หลายคนคิด แต่ก่อนจะหันมาใช้ชีวิตคูลๆ เจ้าตัวก็เคยเป็นมนุษย์เงินเดือนในเมืองใหญ่มาแล้วเหมือนกัน ในช่วงแรกหลังเรียนจบ เจ้าตัวเคยเป็นมนุษย์เงินเดือนให้กับบริษัทสถาปนิก และใช้ชีวิตอยู่ในกรุงโตเกียวเฉกเช่นคนอื่นๆ ทว่าวันหนึ่งเขากลับรู้สึกเหนื่อยล้า ไม่ว่าจะด้วยปัญหาจากงาน หรือความแออัดของการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ จนในที่สุดเจ้าตัวก็ได้ตัดสินใจกลับมายังบ้านเกิดเพื่อทำนาสืบสานปณิธานของครอบครัวต่อไป Kiyoto Saito เล่าว่า ต้นตระกูลของเขายึดอาชีพทำนาข้าวมานานกว่า 400 ปี!! และสำหรับตัวเขาเองก็อยู่ในรุ่นที่ 16 ของครอบครัวเข้าให้แล้วล่ะ “ช่วงแรกหลังกลับมาอยู่บ้าน ผมมักจะโดนพี่ชายล้ออยู่เสมอว่า.. เป็นไงไปอยู่ในเมืองได้ใส่แต่สูทละสิ!! อะไรทำนองนั้น จนมันทำให้ผมปิ๊งไอเดียที่จะเอาสองอย่างนี้มายำรวมกันซะเลย” Kiyoto…
-
ญี่ปุ่นรณรงค์ให้คน “ขอบคุณ” รถที่จอดให้ข้าม กลายเป็นคลิปไวรัลที่ชาวเน็ตหลงรัก
การโค้งคำนับ ถือเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมการทักทายของชาวญี่ปุ่นที่ดูอ่อนช้อยและสวยงาม นอกจากจะใช้แทนการกล่าวทักทายกันแล้ว การโค้งคำนับยังยังเป็นการแสดงความขอบคุณอีกด้วยเช่นกัน และเมื่อเร็วๆ นี้ได้มีหนึ่งในแคมเปญรณรงค์อันสุดแสนจะน่ารักของที่นี่ นั่นก็คือการสนับสนุนให้ทุกคนโค้งคำนับให้กับรถที่จอดให้ข้ามถนนเพื่อเป็นการแสดงถึงความขอบคุณน้ำใจของผู้ใช้รถนั่นเอง คลิปวิดีโอไวรัลจาก จังหวัด Iwate ทางต้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น ได้ทำเอาหลายๆ คนรู้สึกดีไปตามๆ กัน หลังจากที่เห็นการแสดงวัฒนธรรมนี้ระหว่างผู้ใช้รถและคนเดินเท้า บริเวณสี่แยกในจังหวัด Iwate เด็กๆ ในเมืองนี้จะได้รับการสอนให้โค้งคำนับแก่ผู้ที่มีน้ำใจบนท้องถนนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา ซึ่งการโค้งคำนับนี้ถูกจัดอยู่ในวิชามารยาทของเด็กๆ ในจังหวัดนี้เลยทีเดียว และถึงแม้ว่าการกระทำดังกล่าวจะไม่ได้มีข้อกำหนดทางกฎหมาย แต่นิสัยนี้ก็ติดตัวผู้คนในจังหวัดนี้ และกลายเป็นเหมือนวัฒนธรรมของที่นี่ไปเลยทีเดียว เด็กๆ ที่แสดงการโค้งคำนับเพื่อขอบคุณ คนขับรถที่ยอมให้พวกเขาข้ามถนนก่อน แหม่.. ดูน่ารักจริงๆ เลยนะเนี่ย และเมื่อคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็ได้รับคำชื่นชมจากชาวเน็ตอย่างมาก หลายๆ คนได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย “ฉันเห็นการโค้งคำนับนี้ทุกๆ ครั้งที่ฉันจอดให้คนข้ามถนนในตอนที่ไม่มีสัญญาณไฟ และถึงแม้ว่าฉันจอดเพราะติดไฟแดง พวกเขาก็ยังคงโค้งคำนับเช่นกัน” หนึ่งในความคิดเห็นของชาวเน็ต “ฉันมาจากจังหวัด Iwate ฉันคิดว่าทุกคนที่นี่ทำแบบนี้ แต่ทำแบบเดียวกันนี้ที่ Yokohama เมื่อ 40 ปีที่แล้ว มันกลับเป็นเรื่องแปลกมากสำหรับคนที่นั่น” “นี่เป็นสิ่งที่เราควรจะเริ่มทำกันไม่ว่าจะที่ใดก็ตามในประเทศ” นอกจากมารยาทในการใช้รถใช้ถนนแล้ว ที่จังหวัดแห่งนี้ยังมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนที่ต่ำมากๆ อีกด้วย โดยจากการศึกษาในปี…
-
สมเป็นญี่ปุ่น! เมื่อรัฐบาลใช้ “การ์ตูน” ที่เป็นจุดเด่นมาสอนการรับมือจรวดจากเกาหลีเหนือ
สำหรับประเทศญี่ปุ่นแล้ว การ์ตูนถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมของชาติเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อพูดถึงอนิเมะหรือมังงะแล้วล่ะก็ เราก็มักจะนึกถึงชาตินี้กันอยู่เสมอๆ และเมื่อคนทั่วโลกต่างพากันคิดเช่นนั้น ประจวบกับเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดจากจรวดเกาหลีเหนือ ทางรัฐบาลฮอกไกโดในญี่ปุ่น จึงหาทางออกด้วยการทำการ์ตูนที่เข้าถึงคนทุกวัยของชาติออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ การ์ตูนดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 6 หน้า 6 ตัวอย่างเหตุการณ์ผ่าน 6 ตัวละครหลักด้วยกัน ซึ่งการ์ตูนดังกล่าวจะเป็นภาพสีสดใสทั้งหมด เพื่อช่วยดึงดูดให้คนทุกเพศทุกวัยหันมาสนใจนั่นเอง ซึ่งก็นับว่าเป็นวิธีที่น่าสนใจมากๆ เลยล่ะ การ์ตูนตัวกล่าวนั้นวาดโดย Manabu Yamamoto ซึ่งเป็นนักวาดการ์ตูนที่เกิดในฮอกไกโด โดยปกติเขาก็จะรับวาดการ์ตูนให้กับรัฐบาลอยู่แล้ว ยกตัวอย่างแรกกันก่อน โดยในตัวอย่างนี้ได้อธิบายไว้ว่า ถ้าเกิดเหตุจรวดขึ้นจริงๆ ให้หาที่จอดรถให้ไวที่สุด จากนั้นก็ออกให้ห่างจากตัวรถอย่าอยู่ใกล้เด็ดขาด เพราะว่าน้ำมันอาจจะทำให้รถเกิดระเบิดแล้วเราถูกลูกหลงก็เป็นไปได้ (อย่าลืมว่าต้องอ่านจากขวามาซ้ายนะ) ถ้าเกิดว่าเรากำลังทำกิจกรรมอยู่ภายนอกแล้วเกิดเหตุ ให้หาที่กำบังใกล้เคียงอย่างอาคารบ้านเรือนที่ดูแข็งแรงทันที พร้อมกับเอามือปิดหัวไว้ให้ดี หรือถ้าคุณอยู่ในทุ่งนาหรือที่โล่ง พร้อมกับกำลังใช้เครื่องจักรกลอยู่ ให้ออกห่างจากเครื่องจักรและก้มลงเอามือกุมหัวทันที ถ้าอยู่ในบ้านแล้วเห็นข่าวจรวดเมื่อไหร่ ให้หลบอยู่ใต้โต๊ะ อยู่ห่างจากกระจกให้ไกลที่สุด หาหมอนหรืออะไรมาบังส่วนหัวเอาไว้ ถ้าอยู่กลางทะเลหรือบนเรือ ก็พยายามหาจุดกำบังใส่เสื้อชูชีพให้พร้อม จากนั้นก็เอามือบังส่วนสำคัญของร่างกายไว้ เรียกว่าเป็นวิธีหาทางออกให้ชาวเมืองด้วยจุดแข็งของประเทศได้ดีมากๆ ถ้าเป็นบ้านเราล่ะ ใช้อะไรดีนะ? ที่มา rocketnews24
-
ภารกิจสำคัญ เมื่อทีมงานญี่ปุ่น 1,200 คน ต้องย้ายรางรถไฟบนดิน ให้ลงใต้ดินภายใน 4 ชั่วโมง!!
บ้านเรานั้น เวลาต้องการจะสร้างอะไรสักอย่างหรือซ่อมทางสักทาง เราก็คงต้องปิดถนนแล้วใช้เวลากันเป็นสัปดาห์ เป็นเดือนหรืออาจจะเป็นปีในการสร้าง หนักหน่อยอาจจะสร้างไม่สำเร็จและทิ้งไว้แต่เสาก็เป็นได้ ทว่าในหลายประเทศการซ่อมถนนหรือสร้างอะไรสักอย่างที่อาจจะกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน พวกเขาจะเร่งทำมันให้ไว้ที่สุด พูดให้เห็นตัวอย่างง่ายๆ ก็คงหนีไม่พ้นญี่ปุ่นที่ล่าสุดมีเหตุการณ์ดินถล่ม แต่ในเวลาเพียงไม่กี่วันพวกเขาก็ซ่อมมันจนเสร็จ มาคราวนี้สถานีรถไฟญี่ปุ่นต้องการจะย้ายเส้นทางรถ พวกคุณคิดว่าพวกเขาจะใช้เวลากี่ชั่วโมง? กี่วัน? หรือกี่เดือนกันนะ? . ความท้าทายนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2013 ซึ่งเป็นผลงานของบริษัท Tokyu railway โดยพวกเขาจะเปลี่ยนเส้นทางรถไฟของสายโตเกียวใหม่ โดยสถานีไดกันยามาต้องปรับระดับของรางเพื่อเชื่อมกับเส้นทางใต้ดินของสถานีชิบุยะ ด้วยเหตุนี้ทางบริษัทจึงหาวิศวกรกว่า 1,200 มาช่วยกันจัดการโปรเจคนี้ การก่อสร้างใหญ่ๆ แบบนี้โดยปกติใครก็ต้องสังเกตเห็นแน่นอน แต่ในครั้งนี้แทบไม่มีประชาชนคนไหนรู้เลย ต่อให้คุณอาศัยอยู่ในกรุงโตเกียวก็ตาม เพราะเขาใช้เวลากันแค่ 3 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น!! พวกเขาเริ่มก่อสร้างตอนตีหนึ่งหลังจากที่ขบวนรถไฟสุดท้ายออกจากสถานีไป และเสร็จตอนประมาณตีสี่ครึ่งซึึ่งทันเวลารถไฟรอบแรกของอีกวันพอดี เอ้า เริ่มได้ ลุยๆ !! พูดไปก็จะหาว่าอวย งั้นลองมาดูคลิปการเปลี่ยนรางในครั้งนี้กัน แล้วเราจะรู้ว่าพวกเขานี่ของจริง!! มันจะโหดเกินไปแล้วนะลูกพี่!! ที่มา rocketnews24
-
โรงเรียนแนวใหม่ในญี่ปุ่น เปิดสอนหญิงข้ามเพศ ให้กลายมาเป็นหญิงโดยสมบูรณ์!!
สังคมญี่ปุ่นในปัจจุบันนั้นการเป็นผู้ชายข้ามเพศ หรือการเป็นผู้ชายที่ชื่นชอบแต่งตัวแบบคอสเดรสนั้นเป็นอะไรที่แพร่หลายมากๆ ซึ่งเหตุผลของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป ในเขตชินจุกุนั้นก็มีย่านหนึ่งที่ชื่อว่า Nichome ซึ่งเป็นย่านที่คนในพื้นที่จะรู้จักกันดีว่าเป็นศูนย์กลางของชาวญี่ปุ่นที่เป็นเกย์หรือคนข้ามเพศ ที่ประกอบไปด้วยร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้าและอื่นๆ อีกมามาย แต่เร็วๆ นี้จะมีธุรกิจเปิดใหม่ที่สร้างมาเพื่อเอาใจสายนี้โดยเฉพาะ!! ธุรกิจที่ว่านั่นก็คือ Otome Juku หรือแปลได้ว่า Maiden School ซึ่งจุดประสงค์หลักของโรงเรียนแห่งนี้นั้นก็เปิดขึ้นเพื่อสอนเหล่าชายคอสเดรสที่อยากจะเข้าถึงความเป็นผู้หญิงเวลาแต่งตัว หรือคนที่เป็นข้ามเพศแต่ยังแสดงความเป็นหญิงได้ไม่ดีนั่นเอง ด้าน Satsuki Nishihara ผู้ก่อตั้งนั้นก็แน่นอนว่าต้องเป็นข้ามเพศด้วยเช่นกัน ซึ่งเธอต้องการจะสอนถึงการเข้าถึงความน่ารักแบบผู้หญิงๆ โดยบอกว่า “ฉันต้องการสอนให้ผู้คนที่เพิ่งหัดซื้อกระโปรงหรือชุดน่ารักๆ มาแต่ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงให้ดูน่ารักเวลาใส่ในที่สาธารณะ” . ในเรื่องของหลักสูตรก็มีหลากหลายเลยล่ะ โดยจะมีตั้งแต่การเดิน การแสดงออก หรือแม้แต่การดัดเสียงที่นี้ก็จะสอนให้จนชำนาญ และถ้าใครไม่เคยแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางผู้หญิง ที่นี่ก็มีผู้เชี่ยวชาญมาสอนให้ ฉะนั้นรับรองว่าเข้าเรียนปุ๊บแล้วจบมาจะเหมือนผู้หญิงทุกอย่างเลยล่ะ . . ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ยังเปิดสอนให้ผู้หญิงจริงๆ ด้วยนะไม่ใช่ว่าต้องเป็นข้ามเพศเท่านั้น ถ้าใครสนใจก็ลองเดินทางไปและสมัครเรียนดูกันได้ ค่าเรียนต่อหนึ่งหลักสูตรนั้นจะอยู่ที่ราวๆ 1,800 บาทต่อหนึ่งหลักสูตร แถมยังมีส่วนลดอีกเพียบสำหรับผู้ที่สนใจ . Otome Juku จะเปิดให้บริการรอบพิเศษในวันที่ 5 พฤศจิกายน และเปิดจริงๆ ในวันที่ 17…
-
ฝรั่งเขียนบทความ 15 เรื่องแปลกๆ ในประเทศญี่ปุ่น จากมุมมองของคนชาติตะวันตก…
เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ประเทศญี่ปุ่น เคร่งครัดในเรื่องของวัฒนธรรมประเพณีอย่างมากและบางสิ่งก็มีความแตกต่างกับประเทศอื่นอย่างสิ้นเชิง แต่เพราะความไม่เหมือนใครของประเทศนี้บางครั้งก็อาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างถิ่นรู้สึกใช้ชีวิตลำบากกันซะหน่อย โดยเฉพาะชาวตะวันตกทั้งหลายที่กับบางเรื่องพวกเขาถึงกับตกใจในความแปลกเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวเหล่านั้นจึงได้รวบรวมความจริงที่พวกเขาคิดว่าไม่มีใครเหมือนของประเทศนี้ เราไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง โรงเรียนเปิดเทอมช่วงเดือนเมษายน . . ที่ญี่ปุ่นสถานศึกษาจะเปิดเทอมแรกในเดือนเมษายนและทุกคนก็ต้องเรียนปีละ 3 เทอมด้วยกัน นอกจากนั้นทุกๆ ปีพวกเขาก็จะได้ย้ายห้องคละคนกันไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้เจอกับเพื่อนใหม่ สอนให้เด็กรู้ว่าเราไม่สามารถอยู่กับสังคมเดิมไปได้ตลอดแต่ต้องรู้จักเข้าสังคมเหมือนกับที่ต้องไปเจอในโลกภายนอก ตุ๊กตาหิมะใช้บอลหิมะ 2 ลูก . เกือบทั้งโลกตุ๊กตาหิมะจะมี 3 ลูกแตกต่างกับญี่ปุ่นที่มีแค่ 2 ลูกตั้งเรียงกัน วัฒนธรรมการตีระฆัง 108 ครั้ง ตามความเชื่อของศาสนาพุทธในญี่ปุ่นตัวเลข 108 คือจำนวนความปรารถนาของผู้คนที่แบ่งออกมาในรูปของสัตว์ต่างๆ ทุกปีตอนเที่ยงคืนของวันที่ 31 ธันวาคมจะมีการตีระฆังเกิดขึ้นตามศาลเจ้าจนครบ 108 ครั้ง เพื่อปลดปล่อยความโชคร้ายและบาปของปีที่ผ่านมาให้หมดไป ผู้พัน Sanders เป็นสัญลักษณ์ประจำวันคริสมาสต์ ผู้พันชื่อดังแห่งร้าน KFC คนนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ในวันคริสมาสต์ของญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลที่ว่าหลายครอบครัวจะชอบไปกินไก่ร้านนี้ในวันคริสมาสต์อีฟ ยิ่งไปกว่านั้นหากใครต้องการไปกินในช่วงวันหยุดปีใหม่ พวกเขาอาจต้องจองล่วงหน้านานอย่างต่ำ…
-
ผลงานของศิลปินญี่ปุ่น สรรค์สร้างแมลงขนาดเท่าตัวจริง จาก ‘ไม้ไผ่’ ธรรมด๊าธรรมดา
ผลงานศิลปะนั้นอาจจะไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพีงแค่ภาพวาดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงงานภาพพิมพ์ และงานปฏิมากรรมอื่นๆ อีกเช่นกัน และวันนี้เราก็มีผลงานปฏิมากรรมสวยๆ จากฝีมือของศิลปินชาวญี่ปุ่นนามว่าคุณ Noriyuki Saitoh มาให้ได้ชมกัน ศิลปินจากแดนปลาดิบท่านนี้และทีมงานของเขา ได้สร้างสรรค์ผลงานหุ่นจำลองของเหล่าแมลงต่างๆ โดยใช้วัสดุหลักในการทำนั้นเป็นไม้ไผ่ธรรมดาๆ และนอกจากความสวยงามแล้ว ผลงานขนาดเท่ากับแมลงของจริงเหล่านี้ยังเต็มไปด้วยความละเอียดและประณีตอีกด้วย และนี่ก็คือผลงานบางส่วนของเขา “เราได้ทำการวัดขนาดของแต่ละสัดส่วนของส่วนประกอบแต่ละชิ้นอย่างละเอียด ก่อนที่จะนำมันมาประกอบเป็นผลงานเหล่านี้ เราชดเชยสีสันด้วยความรู้ ประสบการณ์ และจินตนาการ” ศิลปินจากเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น กล่าวผ่านเว็บไซต์ของเขา ผลงานของศิลปินท่านนี้เป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้ชมอย่างมาก และด้วยความประณีตบรรจงในการสร้างสรรค์ผลงาน จึงทำให้ปฏิมากรรมเหล่านี้ดูมีคุณค่ามากๆ ตั๊กแตนตัวน้อย ขนาดเท่าของจริงที่ถูกสร้างมาจากไม้ไผ่ . . แม้แต่ลายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ คุณ Noriyuki Saitoh ก็ใส่ใจและทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว . ลองสังเกตุที่ส่วนปีกของด้วงตัวนี้สิ เหมือนของจริงมากๆ เลยนะเนี่ย . . ผลงานเหล่านี้ถูกนำเสนอไว้ในเว็บไซต์ take64 ของเขา และนอกจากนี้ยังมีการอธิบายถึงรายละเอียดของผลงานแต่ละชิ้นไว้อีกด้วย . . . ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นของตั๊กแตน ก่อนที่จะถูกนำมาประกอบเข้าด้วยกัน . . .…
-
ญี่ปุ่นสอนทำเสื้อ DIY ลายสวยๆ จากอุปกรณ์ที่หาได้ง่ายๆ ในบ้าน แถมใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที
นี่อาจจะเป็นข่าวดีสำหรับใครที่ชื่นชอบการประดิษฐ์ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ด้วยตัวเอง หรือชื่นชอบงาน D.I.Y เพราะต่อไปนี้คุณเองก็สามารถทำเสื้อยืดลายสวยๆ ได้จากอุปกรณ์ที่หาได้ง่ายๆ จากภายในบ้าน แถมยังใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีอีกด้วย!! วิธีการดังกล่าวถูกเผยแพร่โดยผู้ใช้งานทวิตเตอร์ที่ชื่อว่าคุณ @mikantobanana โดยชาวเน็ตท่านนี้ได้วิธีการสกรีนลายเสื้อยืดแบบง่ายๆ นี้จากรายการทีวีรายการหนึ่ง ซึ่งวิธีการทำนั้นก็ง๊ายง่าย โดยเริ่มจากการนำเสื้อยืดที่คุณต้องการจะพิมพ์ลายลงไปมาหนึ่งตัว จากนั้นก็เลือกลายที่คุณต้องการ และใช้ครีมกันแดดทาไปบนกระดาษที่คุณพิมพ์ออกมา ขั้นตอนต่อไปนำกระดาษที่ทาครีมกันแดดเรียบร้อยแล้วไปวางลงบนเสื้อยืด แล้วทำการรีดด้วยเตารีด และแล้วเพียงเท่านี้คุณก็ได้เสื้อยืดลายใหม่ที่ต้องการแล้ว ไปชมขั้นตอนการทำเสื้อยืดด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… และนอกจากนี้คุณ @mikantobanana ยังได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมอีกว่า ควรปริ้นภาพจากหมึกพิมพ์คุณภาพสูงและไม่ควรใช้ภาพที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์แบบอิ้งค์เจ็ททั่วๆ ไป และควรปล่อยให้ครีมกันแดดซึมลงไปในกระดาษซักครู่ก่อนที่จะเริ่มทำการสกรีนเสื้อ และหลังจากทำการพิมพ์เรียบร้อยแล้วควรปล่อยให้เสื้อแห้งอีกประมาณ 2 วันก่อนที่จะนำไปซักตามปกติ และนอกจากจะใช้ในการพิมพ์เสื้อแล้ว ครีมกันแดดนั้นยังสามารถนำไปใช้ลอกสติ๊กเกอร์ที่ติดแน่น หรือลบคราบปากกาจากผิวหนังก็ได้เช่นกัน ที่มา rocketnews24
-
กว่าจะมาเป็นเมะ… เผยภาพเบื้องหลังของทีมงานสร้างอนิเมะ หลากหลายขั้นตอนเสียเหลือเกิน
ในปัจจุบันนั้นเราจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อนิเมะจากฝั่งญี่ปุ่นถือเป็นวัฒนธรรมเด่นที่สามารถทำให้คนทั้งโลกชื่นชอบและเข้าถึงได้ไม่ยาก จนตอนนี้ก็มีการผลิตอนิเมะเรื่องต่างๆ มากมายออกมาแข่งกันไม่หวาดไม่ไหว ยิ่งไปกว่านั้นคือ อนิเมะหลายเรื่องที่ครองตลาดอยู่นั้น ส่วนใหญ่มักจะเป็นอนิเมะเรื่องยาว และใช้เวลานานมากๆ ในการทำแต่ละตอน จนเราก็อาจจะรู้สึกสงสัยว่า พวกเขาใช้เวลานานขนาดไหน ทำยังไงถึงจะสร้างอนิเมะดีๆ ออกมาสักเรื่องหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ทาง Naver และ Oeker สองเว็บไซต์จากเกาหลีจึงหยิบเบื้องหลังการทำงานของอนิเมะเรื่อง Love, Chunibyo & Other Delusions จากสตูดิโอ Kyoto Animation มาให้เราได้ดูกัน ซึ่งเราจะเห็นได้เลยว่ากว่าจะมาเป็นอนิเมะเรื่องดังกล่าวได้นั้นมีขั้นตอนมากขนาดไหน เริ่มกันตั้งแต่วาดบนกระดาษทีละแผ่นๆ . . . และเมื่อได้หลายแผ่น เอามาเปิดต่อๆ กันก็จะเกิดเป็นเวทมนตร์ขึ้นมา!! เตรียมตัว!! มาแล้ววว… จากนั้นขั้นตอนทั้งหมดก็จะถูกทำต่อในคอมพิวเตอร์ . . . มีการประชุมแนวทางด้วยนะ . . กว่าจะมาเป็นอนิเมะแต่ละตอนได้ช่างยากลำบากสุดๆ . . กว่าจะได้ฉากแต่ละฉาก ต้องหาข้อมูลจากสถานที่จริง เพื่อใช้เป็นแบบอีก เยอะแยะไปหมด ยิ่งฉากในการ์ตูนต่อสู้ยิ่งแล้วใหญ่ …
-
สาวญี่ปุ่นร่วมโหวต 7 อันดับการ ‘ถูกบอกเลิก’ ที่ทำร้ายหัวใจพวกเธอมากที่สุด!!
ชีวิตคู่ของหลายคนบางครั้งเมื่อมาถึงจุดจุดหนึ่งการเลิกรากันไปอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่เราต้องเลือกวิธีการบอกเลิกให้ดีเพราะเราอาจทำให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากกับการถูกเลิกก็ได้ ในประเทศญี่ปุ่น จึงได้มีการใช้แบบสอบถามของ DoCoMo ที่รวบรวมประสบการณ์การถูกบอกเลิกอันแสนเจ็บปวดมาให้หญิงสาวชาวญี่ปุ่นวัยราวๆ 30 ในเมืองโตเกียว ได้เข้ามาตอบว่าสถานการณ์แบบไหนที่ทำให้พวกเธอรู้สึกเจ็บมากที่สุด ผลโหวตทั้งหมดได้ออกมาเป็น 7 การบอกเลิกที่เลวร้ายมากที่สุดสำหรับพวกเธอ 7. ถูกบอกเลิกหลังจากที่ความลับโดนเปิดเผยและอีกฝ่ายรับไม่ได้ (โหวต 141 คน/ 1 เปอร์เซ็นต์) หลายคนมองว่าสถานการณ์นั้นสมควรแล้วที่จะถูกบอกเลิก แต่ก็ยังมีบางส่วนที่คิดว่าเรื่องของตัวเองควรได้รับการให้อภัยไม่น่าถึงขนาดต้องเลิกคบกัน 6. ถูกบอกเลิกในที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำของทั้งสองคน (โหวต 245 คน/ 3 เปอร์เซ็นต์) เป็นตรรกะของบางคนที่คิดว่าการทำลายความทรงจำที่ดีที่มีให้กันไปซะจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่บางครั้งมันกลับทำให้อีกฝ่ายรู้สึกทรมานมากที่สุดก็ได้ 5. ถูกบอกเลิกหลังจากที่ทะเลาะกันอย่างหนัก (โหวต 245 คน/ 3 เปอร์เซ็นต์) จากคู่รักที่สนิทกันมากๆ บอกไว้ว่าการทะเลาะกันจะช่วยแยกแยะอารมณ์และปัญหาออกมาเพื่อแก้ไขมันให้ดีขึ้นได้ แต่บางครั้งการโต้เถียงบางเรื่องก็ไม่สามารถเรียกความรู้สึกเดิมกลับมาได้แม้อีกฝ่ายจะพยายามมากขนาดไหนก็ตาม 4. ถูกบอกเลิกในตอนที่ไปเจอกับพ่อแม่หรือคนในครอบครัว (โหวต 658 คน/ 8 เปอร์เซ็นต์) สถานการณ์นี้ไม่ได้มีการบอกว่าไปเจอพ่อแม่ของตัวเองหรือของอีกฝ่าย เลิกกันตอนไปเจอหรือหลังจากนั้น…
-
รู้จักกับ ‘บุราคุมิน’ กลุ่มคนชนชั้นล่างของสังคมญี่ปุ่น ที่ไม่อาจจับต้องและมองเห็นได้
บ่อยครั้งที่เรามักจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับความสามัคคีของประเทศญี่ปุ่นผ่านทางสื่อต่างๆ แต่อันที่จริงแล้วอีกมุมหนึ่งของพื้นที่ห่างไกลในประเทศนี้กลับพบว่ามีการแบ่งชนชั้นกันอยู่ โต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยกองจดหมายด่าทอและดูถูกเหยียดหยาม จากมุมหนึ่งในห้องทำงานเก่าๆ ของตลาดเนื้อ Shibaura คงจะเป็นสิ่งที่อธิบายถึงความแบ่งแยกที่มีมาแต่ยุคกลางของประเทศญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี และผู้เป็นเจ้าของกองจดหมายเหล่านั้นก็คือ “บุราคุมิน” กลุ่มคนชนชั้นล่างอันเป็นที่รังเกียจของสังคมญี่ปุ่นนั่นเอง บุราคุมินนั้นมีอาชีพในการแล่เนื้อสัตว์ ฟอกหนัง หรือจัดการกับซากสัตว์ต่างๆ ในตลาดขายเนื้อแห่งนี้ ซึ่งทักษะดังกล่าวต้องใช้เวลาในการฝึกฝนกันนานนับ 10 ปี แต่อาชีพของพวกเขากลับเป็นไม่ถูกพูดถึงอย่างน่ายกย่อง “เมื่อมีผู้คนพูดถึงงานที่เราทำ พวกเรามักลังเลที่จะตอบพวกเขาไปตรงๆ ” คุณ Yuki Miyazaki หนึ่งในคนชำแหละเนื้อกล่าว “นั่นเป็นเพราะว่าเราไม่อยากให้ครอบครัวของเราได้รับการกระทำที่ไม่ดี พวกเราสามารถทนต่อการกระทำแบบเลือกปฏิบัติได้ แต่ลูกๆ ของเรานั้นอาจจะไม่เหมือนกัน และเราต้องปกป้องพวกเขา” ชายหนุ่มเสริม คำว่า “บุราคุมิน” ในภาษาญี่ปุ่นนั้นหมายถึงคนในหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปในสมัยศักดินาของประเทศญี่ปุ่นนั้น คนในหมู่บ้านเหล่านี้จะมีอาชีพใช้แรงงานที่มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งสกปรกหรือความตาย อย่างเช่นเพชฌฆาต คนขายเนื้อ และสัปเหร่อ และในชนชั้นต่ำสุดของกลุ่มคนเหล่านี้เรียกว่า “เอตะ” ซึ่งในสมัยนั้นถือว่าเป็นชนชั้นที่ต่ำสุดของญี่ปุ่น เมื่อไหร่ก็ตามที่เอตะกระทำความผิด ซามูไรสามารถฆ่าพวกเขาได้ทันทีโดยที่ไม่มีความผิด และในศตวรรษที่ 19 พวกเขาถือว่าเอตะนั้นมีค่าเพียงแค่ 1 ใน 7 ของคนธรรมดาเท่านั้น ถึงแม้ว่าระบบศักดินาของญี่ปุ่นจะถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปี 1871 แล้ว แต่การกีดกันทางสังคมและความรังเกียจบุราคุมินนั้นยังคงมีอยู่ในสังคมญี่ปุ่น จากการรายงานของ BBC…
-
Born With It หนังสั้นเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของเด็ก ‘ผิวสี’ ในสังคมญี่ปุ่นที่ไม่ยอมรับในเชื้อชาติ
การเหยียดเชื้อชาติในประเทศญี่ปุ่น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดภายในสังคมและเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างมาก เรื่องนั้นทำให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้ามาศึกษาวัฒนธรรมอันสวยงามไม่ได้รับการต้อนรับจากคนในประเทศนี้ซักเท่าไหร่ ซึ่งพวกเขาบอกว่ามันเกิดจากความไม่รู้ถึงความแตกต่างไม่ใช่ความเกลียดชังอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เพราะอย่างนั้นจึงทำให้นักทำหนังชาวแอฟริกัน-อเมริกันจากเท็กซัสที่ชื่อว่า Emmanuel Osei-Kuffour ได้ใช้ประสบการณ์กว่า 6 ปีที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นมาถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ที่เขาต้องเจอมาตลอดผ่านหนังสั้น Born With It (生まれつき) หนังสั้นที่พูดถึงเรื่องราวของเด็กประถมผิวสีคนหนึ่งที่ต้องเจอกับเพื่อนร่วมห้องที่แสดงถึงการเหยียดเชื้อชาติตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้าไปในโรงเรียน โดยในหนังเด็กคนนี้ต้องพยายามพิสูจน์ให้เพื่อนเห็นว่าสีผิวไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจ คลิปที่ถูกตัดมาจากตอนต้นเรื่องของหนัง เขาบอกว่าการที่เขาถ่ายทอดผ่านมุมมองของเด็กก็เพราะเวลาที่เราเห็นใครสักคนสูญเสียความความไร้เดียงสาของตัวเองไป มันคือสิ่งที่มีพลังต่อความรู้สึกเราอย่างมาก “เป็นเรื่องราวของอคติและการได้เห็นเด็กๆ แสดงพฤติกรรมออกมาเหมือนกับผู้ใหญ่หลายคนที่ทำกับผมมาโดยตลอด เพียงเพราะผมเป็นนักท่องเที่ยวต่างเชื้อชาติจึงทำให้ได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจนเหมือนกับว่าผมไม่ใช่มนุษย์” เขากล่าว นอกจากนั้นชาวญี่ปุ่นหลายคนคิดว่าเขาไม่สามารถเข้าใจถึงแนวคิดและวัฒนธรรมของที่นี่ได้ในเมื่อไม่ได้เป็นคนญี่ปุ่น ซึ่งเขาสามารถสังเกตได้จากเวลาไปประชุมกับบริษัท งานเลี้ยง หรือการพูดคุยกับหลายๆ คน จากเรื่องราวสะท้อนสังคมทำให้หนังสั้นความยาว 17 นาทีเรื่องนี้ได้รับรางวัลจากงานเทศกาลหนังต่างๆ ทั่วโลกเช่นรางวัล The Best Film & Social Impact จากเทศกาลหนังสั้น NBC-Universal แม้ว่าเราจะเกิดมาแตกต่างกันแต่เราต้องไม่ลืมว่าถึงอย่างไรเราก็คนเหมือนกัน ที่มา: nextshark , japansubculture
-
8 สัญญาณยืนยันว่า “ปัญหาอายุ-สังคมญี่ปุ่น” เหมือนระเบิดเวลา ที่กำลังรอวันระเบิดครั้งใหญ่
ขณะนี้ญี่ปุ่นอยู่ในจุดที่เรียกได้ว่าปัญหาอายุและสังคมกำลังจะระเบิด เนื่องจากมีอัตราเด็กเกิดใหม่ที่ต่ำ การใช้จ่ายของผู้บริโภคก็ลดลง และเศรษฐกิจของประเทศค่อยๆ หดตัวลงในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ประชากรมีอายุยืนนานขึ้น ทำให้ต้องเสียเงินค่าครองชีพมากขึ้น ที่สำคัญไม่มีคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาแทนที่พวกเขา และต่อไปนี้คือสัญญาณว่าสังคมญี่ปุ่นใกล้จะถึงเวลาระเบิดแล้ว 1. ขณะนี้มีผู้คนกว่า 68,000 คนที่มีอายุมากกว่า 100 ปี ญี่ปุ่นมีกลุ่มประชากรที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งร้อยปีขึ้นไปสูงที่สุดในโลก โดยมีใน 100,000 คน จะมีผู้สูงอายุ 4.8 คน ในขณะที่ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ มีเพียง 2.2 คน ใน 100,000 คนเท่านั้น 2. ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ขายได้มากกว่าผ้าอ้อมเด็ก นับตั้งแต่ปี 2011 ยอดขายได้ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ได้แซงหน้าผ้าอ้อมเด็กอย่างต่อเนื่อง ยอดขายนี้แสดงให้เห็นว่ากลุ่มประชากรผู้สูงอายุของญี่ปุ่นนั้นมีมากขนาดไหน ประชากรที่มีอายุตังแต่ 65 ปี ขึ้นไป คือกลุ่มประชากรที่มีมากที่สุดในญี่ปุ่น จากทั้งหมด 127.11 ล้านคน มีผู้สูงอายุถึง 26.7% 3. ปี 2016 มีรายงานว่าอัตราการเกิดต่ำที่สุดในญี่ปุ่นในรอบ 117 ปี นับตั้งแต่ปี…
-
หญิงชราญี่ปุ่นไร้ทางหนี ถูกแตนยักษ์รุมต่อยกว่า 150 ครั้งใน 50 นาที ส่งผลถึงขั้นเสียชีวิต
วันที่ 6 ตุลาคม 2560 ทางสำนักข่าวเดลีเมลล์มีรายงานว่า Chieko Kikuchi คุณยายวัย 87 ปีผู้เคราะห์ร้าย ถูกฝูงแตนยักษ์นับร้อยเข้ามารุมต่อย จนเป็นเหตุทำให้เสียชีวิตคาที่บนรถเข็น จากการรายงานระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยในขณะนั้นคุณยายท่านนี้ กำลังเดินทางกลับบ้านจากศูนย์พักพิงชุมชนในเมืองโอซึ จังหวัดเอฮิเมะ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ดูแลคนหนึ่ง แต่ทว่าจู่ๆ ก็มีฝูงแตนยักษ์เข้ามารุมต่อยเธอมากถึง 150 ครั้ง ซึ่งทางผู้ดูแลก็รีบโทรแจ้งหน่วยกู้ภัยให้เข้ามาช่วยเหลือทันที ภายหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินทางมาถึงยังที่เกิดเหตุ พวกเขาก็พบว่าคุณยายถูกโจมตีจากฝูงแตนจำนวนมาก อีกทั้งไม่มีอุปกรณ์ป้องกันแมลงต่อยด้วย นั่นจึงทำให้ไม่มีใครสามารถที่จะเข้าไปช่วยเหลือคุณยายได้เลย อย่างไรก็ตาม คุณยาย Chieko ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับความเจ็บปวดเป็นเวลานานถึง 50 นาที จนในที่สุดฝูงแตนจำนวนมากก็ค่อยๆ ลดลง ทำให้ทางเจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปช่วยเหลือและนำตัวของเธอไปส่งที่โรงพยาบาลทันที แต่ทว่าคุณยายกลับไม่สามารถทนพิษบาดแผลได้ทำให้เธอเสียชีวิตในเวลาต่อมา ด้านเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ออกมาเผยว่า ฝูงแตนยักษ์มักจะโจมตีผู้คนหากรังของมันได้รับการรบกวน และเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการถูกพวกมันโจมตี ขอแนะนำว่าควรอยู่ให้ห่างจากรังของสัตว์พวกนี้ หรือใส่เสื้อคลุมป้องกันเวลาถูกแตนทำร้าย รวมถึงใช้สเปรย์ฆ่าแมลง ทั้งนี้ทางสถานีโทรทัศน์ NHK ได้ออกมารายงานว่า ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตเพราะถูกต่อต่อยราว 20 คนในประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว ที่มา : dailymail
-
น้องหมาชิบะ Yu ตัวแสบ ที่พอไม่ได้ดั่งใจก็จะลงไปนอนประท้วงเหมือนเด็กอยากได้ของเล่น!!
หลายคนคงเคยเห็นเด็กๆ งอแงร้องไห้อยากได้ของเล่นหรือไม่อยากกลับบ้านซะจนลงไปนอนอยู่บนพื้นเพื่อให้พ่อแม่ตามใจ วิธีนี้เองที่กลายเป็นเอกลักษณ์ให้กับน้องหมาชิบะในประเทศญี่ปุ่นตัวหนึ่งที่ชื่อว่า Yu จนกลายเป็นกระแสและมียอดติดตามในทวิตเตอร์มากกว่า 14,000 คนเลยทีเดียว แง่ก.. ไม่อยากกลับบ้านเลยอ่ะ เจ้าของของเจ้า Yu เล่าให้ฟังว่า เวลาเขาพามันออกไปเดินเล่น แล้วมันไม่อยากกลับบ้าน มันก็จะทิ้งตัวลงนอนดื้อๆ แบบภาพข้างบนนั่นแหละ เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมขยับ จนเขาไม่รู้จะโกรธหรือว่าจะขำดี ยิ่งไปกว่านั้นก็คือมันไม่ได้นานๆ แสดงพฤติกรรมนี้ออกมาทีเหมือนหมาตัวอื่น แต่มันกลับทำเป็นกิจวัตรประจำวันเลย!! ไม่รู้ว่าที่บ้านมันไม่มีแอร์หรือว่าอะไรถึงทำให้มันไม่ยากกลับขนาดนั้น ธรรมชาติที่นี่สวยมากเลย หนูขออยู่ต่อเถอะนะ ถึงจะหันมายิ้มยังไงก็ต้องกลับบ้านนะ ปราสาทนาริตะก็ยังไม่เว้นเลยนะเจ้า Yu เดี๋ยวคนอื่นเขาก็เข้าใจผิดคิดว่าโดนรถชนมาหรอก ถ้ามันไม่ยอมลุกเองจะออกแรงขนาดไหนก็ไม่ยอมไป จะอุ้มก็เห่าแล้วแม่ควรทำยังไงดี สถานที่เปลี่ยนแต่พฤติกรรมของเจ้าหมาก็ยังไม่เปลี่ยนจริงๆ เป็นอย่างนี้สงสัยคงต้องตัดค่าขนมแล้วแหละ ไม่งั้นไม่ยอมกลับบ้านแน่นอน หากใครอยากติดตามความน่ารักของน้องหมาตัวนี้ก็สามารถเข้าไปอินสตาแกรม always_with_yu หรือทวิตเตอร์ @always_with_yu ได้เลยน้าาา ที่มา: rocketnews24
-
บริษัทญี่ปุ่น หวังนำเกม SPARX มาใช้เพื่อเยียวยาปัญหาความเครียดของคนในประเทศ
เราคงจะรู้กันดีว่าญี่ปุ่นนั้นถือเป็นประเทศที่เป็นสูญรวมความเครียด และมีสถิติคนฆ่าตัวตายที่สูงมากๆ ด้วยปัญหาจากการทำงาน การใช้ชีวิตจึงเปลี่ยนคนมากมายให้กลายเป็นโรคซึมเศร้าและเครียดเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้สาวชาวญี่ปุ่น Ayako Shimizu ผู้ก่อตั้งบริษัท Hikari Lab จึงเลงเห็นว่าเธอน่าจะหาวิธีแก้ปัญหาความเครียดของชาวญี่ปุ่นได้ด้วยการนำเกม SPARX ที่พัฒนาโดยประเทศนิวซีแลนด์มาให้เล่นกัน หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วเกมแบบนี้จะช่วยแก้ปัญหาความเครียดยังไง คำตอบคือเจ้าเกม SPARX นั้นเป็นตัวแทนของคำว่า Smart, Positive, Active, Realistic และ X-factor และเจ้าเกมนี้ก็ออกแบบมาเพื่อลดความเครียดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ฉะนั้นเธอจึงคิดว่าเจ้านี้แหละที่จะมาช่วยจัดการปัญหาดังกล่าวได้ ภาพอาจจะดูไม่ค่อยสวย เพราะเป็นเกมที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2013 แล้วนั่นเอง ส่วนเหตุผลที่ทำไมจะต้องนำเกมดังกล่าวมาเป็นตัวช่วยในการจัดการความเครียดนั้น Ayako Shimizu บอกว่าในประเทศญี่ปุ่นนั้นการจะพูดคุยกับคนอื่นหรือระบายความเครียดให้คนอื่นฟังเป็นเรื่องยากมาก กลับกันในประเทศอื่นๆ เช่น Australia ที่เธอได้ไปอยู่มาราวๆ 1 ปีเต็มๆ เธอกลับบอกว่าที่นั้นมีการพูดคุยกันอย่างเปิดเผย ทำให้ปัญหาความเครียดมีน้อยกว่าประเทศบ้านเกิดเธอมากๆ คลิปจากทาง Hikari Lab ที่แสดงให้เห็นว่าการทำงานในญี่ปุ่นมันเครียดขนาดไหน และด้วยความที่เธอศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง Cognitive Behavioral Therapy (CBT) หรือที่เรียกว่า การบำบัดด้วยความรู้ ซึ่งตรงกับเกมดังกล่าวที่บำบัดด้วยความรู้ภายในเกมเช่นกัน เธอจึงติดต่อไปยังผู้พัฒนาเกมที่มหาวิทยาลัย Auckland เพื่อขอลิขสิทธิ์ในการนำมาพัฒนาเป็นภาษาญี่ปุ่น ยังไงก็ตามตัวเกมฉบับออริจินัลนั้นยังเล่นได้เพียงในประเทศนิวซีแลนด์เท่านั้น การเอามาพัฒนาจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด…
-
งานหนักฆ่าคนได้… นักข่าวสาวเสียชีวิตจากการ ‘ทำงานล่วงเวลา’ จำนวน 159 ชั่วโมงต่อเดือน
กลายเป็นกระแสวิพากย์วิจารย์เกี่ยวกับกฎหมายแรงงานของประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง หลังจากผู้ประกาศข่าววัย 31 ปีของสำนักข่าว NHK ต้องเสียชีวิตจากการทำงานอย่างหนัก คุณ Miwa Sado ผู้ประกาศข่าวที่ประจำอยู่ในสำนักงานใหญ่ของสื่อดังกล่าวในกรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น ทำงานล่วงเวลาอย่างหนักถึง 159 ชั่วโมงในหนึ่งเดือน และมีวันหยุดเพียงแค่เดือนละ 2 ครั้งเท่านั้น ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตเนื่องจากสภาวะหัวใจล้มเหลวเมื่อปี 2013 โดยการเสียชีวิตของนักข่าวสาวท่านนี้เรียกว่า karoshi หรือการตายจากการทำงานหนัก ซึ่งได้รับการเปิดเผยจากอดีตนายจ้างของเธอเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา การเสียชีวิตของผู้ประกาศข่าวสาวทำให้เกิดแรงกดดันเกี่ยวกับสวัสดิการของเหล่าพนักงงาน และเรียกร้องให้ภาครัฐมีการจัดการแก้ปัญหาและทำให้หลายๆ คนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับความสมดุลระหว่างเวลาทำงานและชีวิตส่วนตัว การเสียชีวิตจากการทำงานหนักนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของพนักงานชาวญี่ปุ่น แต่ก่อนหน้านี้ Matsuri Takahashi พนักงานสาววัย 24 ปีก็ตัดสินใจฆ่าตัวตาย เนื่องจากความเครียดจากการทำงานหนัก ตามการรายงานของสำนักงานมาตรฐานแรงงาน Takahashi ทำงานล่วงเวลามากกว่า 100 ชั่วโมงในหนึ่งเดือนก่อนที่เธอจะเสียชีวิต หนึ่งสัปดาห์ก่อนที่เธอจะตัดสินใจจบชีวิตตัวเองในวันที่ 25 ธันวาคม 2015 หญิงสาวได้โพสต์ข้อความว่า “ฉันอยากตาย ตอนนี้ทั้งร่างกายและจิตใจของฉันพังไปหมดแล้ว” การเสียชีวิตจากการทำงานหนักนั้นถือเป็นปัญหาระดับชาติที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ การทำงานหนักนั้นเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมการทำงานของพนักงานญี่ปุ่น ที่อยากแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและทุ่มเทให้กับบริษัท แต่อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทางการญี่ปุ่นได้ออกกฎห้ามพนักงงานทำงานล่วงเวลาเกิน 100 ชั่วโมงต่อเดือน และมีบทลงโทษสำหรับบริษัทที่อนุญาตให้พนักงงานละเมิดกฎข้อห้ามดังกล่าว …
-
ญี่ปุ่นวางขายหมอนข้างรุ่นใหม่ เจาะกลุ่ม ‘คนเหงา’ ไม่ต้องหาคนนอนกอดให้ยุ่งยากอีกต่อไป!!
ในช่วงชีวิตหนึ่งใครก็อยากจะมีคนรู้ใจมานอนกอดให้หายเหนื่อยยามค่ำคืนกันทั้งนั้น ก็แหม.. ทั้งได้รับความอบอุ่น ทั้งรู้สึกเหมือนมีคนเป็นห่วง แถมเผลอๆ บางคืนอาจมีเซอร์ไพรส์ให้ลุ้นตามอีก… เพื่อเป็นการตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มคนที่อยากมีใครซักคนให้กอด แต่ไม่อยากคบใครจริงจัง บริษัทสัญชาติญี่ปุ่น Bibi Lab จึงได้เปิดตัวตุ๊กตาหมอนข้างรุ่นใหม่โดยใช้ชื่อว่า ‘Watabito’ หรือ ‘มนุษย์คัตต้อนจิ๋ว’ นั่นเอง เป็นคนที่ใครก็อยากกอดได้ง่ายๆ เพียงซื้อมนุษย์คัตต้อนจิ๋วมานอนด้วย แต่ในทางเทคนิคบริษัทเคลมว่านี่คือ.. “ตุ๊กตาเพื่อนรู้ใจตัวจิ๋ว” ที่เป็นมิตรกับคนทุกเพศทุกวัย เจ้ามนุษย์คัตต้อนก็ถูกยัดไส้ด้วยซอฟท์คัตต้อน จากนั้นก็เย็บเข้ากับผ้าชั้นนอกที่สามารถนำไปซักได้ ขนาดของมนุษย์คัตต้อนแก้เหงาก็มีตั้งแต่ 80 ซม. (สีเทา) 90 ซม. (สีชมพู) และ 100 ซม. (สีฟ้า) ไม่ใช่แค่ตุ๊กตาคัตต้อนธรรมดาเท่านั้น เพราะเจ้า Watabito แต่ละสีก็จะมีลักษณะนิสัยแตกต่างกันออกไป สีฟ้าหมายถึงอารมณ์ดี อยู่ด้วยแล้วจะทำให้รู้สึกอุ่นใจ สะท้อนถึงสีของท้องฟ้าและท้องทะเล สีชมพูสื่อถึงสีแห่งความรัก และการเป็นที่รักใคร่ ส่วนสีเทาคือสีที่จับคู่กับสีอื่นๆ ได้ง่าย จึงหมายถึงความเป็นกันเอง ความเฟรนด์ลี่…
-
เปิดประวัติศาสตร์ 40 ภาพสีหายาก “ประเทศญี่ปุ่น” ในยุค 1940 หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
หลังจากที่ญี่ปุ่นยอมจำนนในสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลให้ประเทศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากประเทศจักรวรรดิภายใต้จักรพรรดิไปสู่ประเทศที่ใช้ระบอบประชาธิปไตยและปลอดทหาร ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ต้องอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังหลังสิ้นสุดสงคราม เนื่องจากถูกโจมตีทางอากาศด้วยระเบิดปรมาณูในฮิโรชิมาและนางาซากิ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของประเทศได้กลับมาฟื้นตัวและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในปี 1964 ที่โตเกียวเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก นอกจากนี้ญี่ปุ่นได้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับบใหม่ขึ้นและสานสัมพันธ์กับสหรัฐฯ โดยมีข้อตกลงร่วมกันในเรื่องการใช้กำลังทหาร และนี่คือภาพสีหายากของญี่ปุ่น ที่ถ่ายโดยชาวอเมริกันจากหน่วยข่าวกรอง Counter Intelligence ที่ประจำการอยู่ในเมืองคุมะโมโตะ ระหว่างที่อเมริกายึดครองญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .…
-
16 ความดีงามในประเทศญี่ปุ่น ที่มีความสร้างสรรค์จนอยากให้มีในทุกประเทศบนโลกนี้
ญี่ปุ่นนอกจากจะมีภูมิประเทศที่สวยงาม วัฒนธรรมที่หลากหลายเหมาะกับการท่องเที่ยวแล้ว ยังมีเทคโนโลยีแปลกใหม่ให้เราได้ตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ และนี่คือ 16 เทคโนโลยีสุดสร้างสรรค์จากญี่ปุ่น ที่ผู้คนทั่วโลกอยากให้มีในประเทศตัวเองด้วยเช่นกัน 1. มีปั๊มน้ำมันที่ไม่เหมือนใคร ปั๊มน้ำมันในญี่ปุ่น สายจ่ายน้ำมันจะห้อยลงมาจากด้านบน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนผู้ขับขี่ที่ไม่สามารถจอดรถให้ฝาน้ำมันอยู่ทางเดียวกับหัวจ่ายน้ำมันได้ 2. เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับเวลามาก จนมีการคิดค้นเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ เพื่อประหยัดเวลาในการซื้อสินค้าที่ทั้งสะดวกและรวดเร็ว 3. ที่จอดรถในพื้นที่จำกัด ญี่ปุ่นมีประชากร 127 ล้านคน ดังนั้นการจัดการเรื่องพื้นที่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยหนึ่งในนั้นคือการทำที่จอดรถสองชั้นในพื้นที่แคบๆ เช่นนี้ 4. เครื่องดื่มกระป๋องสำหรับคนตาบอด ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับคนที่ไม่สามารถมองเห็น ด้วยการทำเครื่องดื่มกระป๋องที่มีอักษรเบลล์อยู่ด้านบน เพื่อให้รู้ว่ามันคือเครื่องดื่มชนิดไหน 5. เก้าอี้พร้อมที่แขวนกระเป๋า หลายครั้งที่คุณเอากระเป๋าหรือถุงห้อยกับเก้าอี้ แล้วมันก็ร่วงลงมา มันอาจจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่ญี่ปุ่นรู้มันทำให้เราหงุดหงิดได้ ก็เลยสร้างเก้าอี้พร้อมที่แขวนกระเป๋า เพื่ออำนวยความสะดวกให้ 6. รถไฟพร้อมสปาเท้า นี่เป็นบริการที่คุณจะไม่ได้เห็นจากที่อื่นแน่นอน เพราะมีเฉพาะในญี่ปุ่น แต่เป็นรถไฟขบวนพิเศษที่มาพร้อมอ้างน้ำร้อนให้คุณแช่เท้าระหว่างเดินทาง เป็นการช่วยกำจัดความเครียดบางส่วนในชีวิตประจำวันได้ดีเลยล่ะ 7. มีทิชชู่แจกฟรีบนถนน เมื่อคุณรู้สึกเนื้อตัวเปื้อนหรือสกปรกขณะที่อยู่ข้างนอก ไม่ต้องวิ่งเข้าไปซื้อทิชชู่ในร้านให้เสียเวลา เพราะมีทิชชู่แจกฟรีบริการอยู่ตามถนน…
-
ไอเดียสุดเก๋ไก๋ ‘เทปกาวช่องการ์ตูน’ ที่จะให้คุณสามารถวาดการ์ตูนจากไอเดียของตัวเองลงไปได้!!
ประเทศญี่ปุ่น มักมีของน่ารักกระจุกกระจิกผลิตออกมาล่อตาล่อใจเราอยู่เสมอ ซึ่งสิ่งของที่ผลิตมากจากญี่ปุ่นมักเป็นสิ่งของที่คอยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้กระทั่งเทปกาวสำหรับแพ็คของ ประเทศญี่ปุ่นเค้าก็ออกแบบมาให้น่ารักน่าใช้สุดๆ เจ้าเทปกาวแพ็คของอันนี้เรียกว่า Manga Tape ออกแบบโดยบริษัท Kokuyo และเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดของบริษัทในปี 2016 ด้วย เจ้า Manga Tape นี้เป็นเทปกาวที่จะมาเพิ่มความน่ารักฟรุ้งฟริ้งให้กับการแพ็คของด้วยการออกแบบเป็นกรอบคล้ายหนังสือการตูน โดยที่ผู้ใช้สามารถเขียนข้อความหรือวาดรูปอะไรลงไปก็ได้ อยากเขียนอะไรก็เขียนลงไปได้เลย ดูน่ารักสุดๆ หรือจะใช้เขียนเพื่อส่งข้อความให้กับผู้รับก็ได้ แถวเทปกาวก็แข็งแรงไม่หลุดง่าย เหนียวหนึบ ทางผู้ผลิตได้ออกมาเปิดเผยว่าหลังจากที่ส่ง Manga Tape นี้ออกวางจำหน่ายก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะมันน่ารักและสามารถใช้ประโยชน์ได้จริงๆ ด้วย เทปกาวอันนี้ถูกวางจำหน่ายในราคา 287 บาทและมีวางขายในเว็บไซต์ kokuyo-shop เท่านั้น ใครสนใจก็ลองสั่งซื้อมาใช้งานได้นะฮะ ที่มา sobadsogood
-
ชาวต่างชาติเขียน 20 สิ่งที่ชวนแปลกใจที่คุณสามารถพบเห็นได้เมื่อไปเยือน “ญี่ปุ่น”
ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีการพัฒนาทางด้านต่างๆ มากที่สุดในทวีปเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเทคโนโลยี หรือด้านเศรษฐกิจเองก็ตาม นอกจากความทันสมัยแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายๆ คนอยากที่ไปสัมผัสความสวยงามของประเทศนี้ก็คือวัฒนธรรมและความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ นั่นเอง แต่ก่อนที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นกันวันนี้เราก็มีเรื่องแปลกๆ ของชาวญี่ปุ่นจากมุมมองของชาวต่างชาติมาฝากกัน ซึ่งแต่ละอย่างนั้นอาจจะทำให้คุณถึงกับอึ้งเลยทีเดียว ส่วนจะมีอะรบ้างนั้นไปชมกันเลย… 1. ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีที่ไฮเทคมากแค่ไหน แต่การใช้แฟกซ์เพื่อส่งเอกสารก็ยังถือเป็นเรื่องปกติของที่นี่ 2. แทนที่ผู้บริหารจะเซ็นเอกสารแบบชาวตะวันตก พวกเขายังคงยึดหลักตราประทับ และใช้กันอย่างแพร่หลาย 3. นอกจากนี้การที่คุณจะได้เจอพิซซ่าหน้าแปลกๆ อย่างข้าวโพด มายองเนส หรือโมจิ นั้นถือเป็นเรื่องปรกติ 4. และอีกหนึ่งเมนูยอดนิยมของที่นี่ก็คือ “mayo-corn” หรือข้าวโพดผสม มายองเนสนั่นเอง 5. การพบเห็นหนุ่มนักธุรกิจนอนเมาแอ๋ ตามสถานีรถไฟในตอนกลางคืนนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดา 6. เมื่อคุณซื้อคุกกี้มาซักถุงหนึ่ง คุณอาจจะเจอห่อขนมซ้อนห่อขนม!! 7. การหาถุงพลาสติกที่นี่ไม่ใช่เรื่องยาก ทุกๆ สิ่งที่คุณซื้อในร้านสะดวกซื้อจะถูกใส่มาในถุงพลสาติก นอกจากนี้ตามอาคารต่างๆ ก็ยังมีถุงพาสติกเอาไว้ในคุณสำหรับใส่ร่มอีกด้วย 8. ถึงแม้จะไม่มีถังขยะสาธาระณะ แต่คุณก็แทบจะมองไม่เห็นขยะแม้แต่ชิ้นเดียวบนถนนเลย 9. ตู้…
-
จะมีอะไรน่ารักไปกว่า “ชุดคลุมท้องสุดแบ๊ว” จากญี่ปุ่น ให้คุณแม่รู้สึกตัวเองยังสาวๆ ใสๆ อีกครั้ง!!
ใครว่าการเป็นคุณแม่มือใหม่นั้นต้องทิ้งความสวย ทั้งแฟชั่นออกไปจนหมด นั้นเป็นสิ่งที่ไม่จริงเลย เพราะแม้ว่าคุณแม่จะอุ้มท้องอยู่ ก็สามารถที่จะใส่ชุดคลุมท้องสวยๆ ในสไตล์ญี่ปุ่นได้ เพราะในตอนนี้แบรนด์เครื่องแต่งกายชั้นนำของญี่ปุ่นอย่าง Mocolle ได้สร้างสรรค์ชุดคลุมท้องสำหรับคุณแม่ในแบบแบ๊วๆ โลติต้า ที่ใส่แล้วจะดูเด็กและน่ารักสดใสมากๆ เลยล่ะ แบรนด์ Mocolle เคยสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายสุดชิคมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชุดว่ายน้ำเซ็กซี่มากมาย และในตอนนี้ทางแบรนด์ของแหวกแนวมาทำเครื่องแต่งกายแบบหวานๆ กันบ้างอย่าง Lolita Maternity One-piece หรือ “ชุดคลุมท้องโลลิตา” จุดสำคัญของการออกแบบคือการใช้งานที่แสนจะสะดวกสบาย เพราะชุดมีควายืดหยุ่นในช่วงเอว และการตัดเย็บในสวมใส่ได้แบบหลวมๆ จึงมั่นใจได้เลยว่าเสื้อผ้าจะไม่แน่นจนเกินไป . . ดีไซน์เนอร์ MerryGORound กล่าวว่าเป้าหมายของเขาคือการสร้างแฟชั่นโลลิต้าที่คุณแม่สามารถสวมใส่ได้ทั้งก่อนและหลังคลอด ดังนั้นชุดคลุมท้องนี้จึงสามารถถอดด้านหน้าได้ เพื่อง่ายต่อการให้นมน้องเบบี๋ ด้านหลังก็ยังหนีไม่พ้นความหวานด้วยโบว์น่ารักๆ อันเบ้อเริ่ม . ปัจจุบัน Lolita Maternity One-piece มีให้เลือก 3 สีคือสีน้ำเงิน สีม่วงลาเวนเดอร์และสีขาว ใครที่อยากให้ชุดนี้ทำออกมาจำหน่าย ก็ต้องไปช่วยกันระดมทุนที่เว็บไซต์นี้เลย camp-fire ที่มา en.rocketnews24
-
นักเรียนญี่ปุ่นถีบ-กระชากคอเสื้ออาจารย์ หลังโดนยึดแท็บเลต กลายเป็นประเด็นร้อนแรง!!
สำหรับโรงเรียนในประเทศญี่ปุ่นหลายๆ แห่งแล่ว พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักเรียนเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปล่อยให้เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการแอบงีบหลับหรือการกลั่นแกล้งกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคลิปวิดีโอความรุนแรงที่เกิดขึ้นในห้องเรียนของโรงเรียนมัธยมปลายฟุกุโอะกะ ถึงได้กำลังเป็นกระแสอย่างหนักอยู่ในตอนนี้ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อโรงเรียนนี้อนุญาตให้นักเรียนใช้แท็บเล็ตเพื่อช่วยในการเรียนรู้ แต่มีเด็กคนหนึ่งกลับใช้มันเปิดหนังดูในห้องซึ่งเป็นสิ่งที่ออกจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เมื่ออาจารย์วัย 23 ปีที่กำลังทำการสอนอยู่เห็นเข้าจึงได้ตักเตือนเด็กคนนั้นอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดเมื่อคำเตือนของเขาใช้ไม่ได้ผล ก็เลยยึดเอาแท็บเล็ตของเด็กคนนั้นมาแทน สิ่งที่เขาทำลงไปสร้างความไม่พอใจให้เด็กหนุ่มคนนั้นอย่างมาก เขาจึงเดินเข้าไปหาคุณครูเพื่อหวังจะเอาแท็บเล็ตคืนมา แต่อาจารย์คนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรและยิ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกโมโหมากยิ่งกว่าเดิม ถึงขนาดที่ว่าเขาถีบไปที่หลังครูคนนั้นถึง 4 ครั้งด้วยความแรงที่มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เพื่อนร่วมห้องคนอื่นกลับนั่งหัวราะและให้กำลังใจกับสิ่งที่เขาได้ทำ ปล่อยลูกถีบใส่อาจารย์ขณะที่คนอื่นๆ ก็นั่งหัวเราะกัน ยิ่งไปกว่านั้นคือเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อครู และอาจจะชกต่อยไปแล้วถ้าหากว่าอาจารย์คนนั้นไม่ได้ส่งเสียงร้องประท้วงออกมาซะก่อน กระชากคอเสื้อจนอาจารย์ต้องส่งเสียงร้องออกมาก่อนที่จะถูกต่อย คลิปวิดีโอนักเรียนถีบอาจารย์ คลิปดังกล่าวมียอดวิวรวมกันกว่า 1.2 ล้านครั้งทั้งในญี่ปุ่นเองและจากหลายๆ ประเทศทั่วโลก ถึงแม้ชื่อคลิปจะเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่เชื่อว่าชาวต่างชาติที่ไม่เข้าใจภาษานี้ก็พอจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นนี้โรงเรียนเลือกที่จะไม่แจ้งความกับตำรวจ เพราะเห็นว่าครูคนนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกายอะไร แต่การตัดสินใจของโรงเรียนและคลิปที่เผยแพร่ออกมาก็สร้างความไม่พอใจให้กับชาวเน็ตอย่างมาก “เป็นความผิดของเด็กลงมือและนักเรียนคนอื่นที่นั่งหัวเราะอยู่ ทางโรงเรียนควรรายงานเรื่องนี้ให้กับตำรวจ” “ผู้ปกครองของเด็กคนนั้นคงจะเป็นยากูซ่า” “นี่ไม่ควรที่จะรายงานตำรวจหรอ? นักเรียนมัธยมควรได้เข้าใจว่าความรุนแรงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ปล่อยให้เด็กถูกจับไปเลย!!” “ลืมเรื่องที่ตำรวจจะมาจับเด็กคนนี้ไปเลย เพราะแม้แต่นักเรียนคนอื่นที่ไม่ลงมือทำอะไรก็สมควรถูกต่อว่าเหมือนกัน มันหมดยุคสมัยที่ลูกศิษย์จะเคารพอาจารย์ไปนานแล้ว” …
-
ชมการ์ตูนล้อเลียน Your Name เวอร์ชั่นฮอลลีวู้ดสุดฮา ถ้าทำจริงเนื้อเรื่องคงประมาณนี้แหละ!!
หลายคนน่าจะได้ยินข่าวกันไปเมื่อช่วงหลายวันก่อนแล้วว่าอนิเมะสุดฮิต Your Name นั้นจะถูกนำไปสร้างใหม่ในแบบฉบับฮอลลีวู้ดโดยมี J.J. Abrams เป็นโปรดิวซ์เซอร์ ซึ่งข่าวดังกล่าวก็ทำให้แฟนๆ อนิเมะรู้สึกตื่นตัวกันเป็นอย่างมาก บ้างก็บอกว่ามันอาจจะดีก็ได้ บ้างก็บอกว่ามันจะต้องเละอย่างดราก้อนบอลหรือเรื่องอื่นแน่เลย จนหลายคนก็ต่างเดาพลอตแปลกๆ กันไปต่างๆ นานา ทว่าก็ยังมีชาวเน็ตคนหนึ่งพอจะเดาเรื่องที่ J.J. Abrams จะสร้างไว้อยู่แล้ว และเขาก็วาดมันออกมาเป็นการ์ตูนสั้นๆ ซึ่งพอได้อ่านก็รู้สึกว่าเออมันอาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้นะ ฮร่าๆ พลอตที่ @yokoyama_bancho คิดขึ้นมานั้นเริ่มขึ้นจากบทพูดง่ายๆ “พะ..พะ พวกเราสลับร่างกันอย่างงั้นเหรอ!!” ที่คล้ายกับเนื้อเรื่องออริจินอล ที่ตื่นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในร่างใครก็ไม่รู้ จนเกิดเป็นเรื่องราวของชายหนุ่มเมืองกรุงในนิวยอร์ก และสาวผิวสีบ้านนาในเมืองนิวออร์ลีนส์ ทั้งคู่ก็ต้องจำใจไปใช้ชีวิตในร่างของอีกคน ตามสไตล์ของคนๆ นั้น หนุ่มอเมริกันนามว่า Takky…ทักกี้!? ที่ได้ไปอยู่ในร่างของสาวผิวสี Mitsuha…เดี๋ยวนะ ทำไมใช้ชื่อนี้กันละโว้ย!! ตัว Mitsuha นั้นได้พบว่า Takky เป็นชายหนุ่มแบดบอย ที่มีเพื่อนๆ ชวนไปสโมควีดและเล่นยาทุกวัน และกลับกัน Takky ก็พบว่า Mitsuha นั้นนอนอยู่บนรถเทรลเลอร์คนอื่น พอเพื่อนทักก็เลยรับไม่ได้ซะอย่างนั้น เมื่อทั้งสองรู้สึกว่าร่างกายยังไม่กลับเป็นปกติ จึงเกิดการบ่นๆ ว่าทำไมถึงไม่กลับไป แล้วทำไมต้องมาติดอยู่ในร่างของใครก็ไม่รู้ แต่สุดท้ายพอมองกระจกแล้วก็รู้สึก…รักกันซะงั้น เอ้า!! จนแล้วจนรอดเวลาผ่าน ร่างก็สลับกันไปมาไม่หยุดย่อน แต่เรื่องทั้งหมดก็ทำให้พวกเขาได้เจอกับการใช้ชีวิตแบบที่ร่างต้นไม่เคยทำมาก่อน…
-
รถฝ่าไฟแดงพุ่งใส่ฝูงชนย่านชิบูย่า คนอื่นพากันวิ่งหนี แต่ลุงใจเด็ดถีบป๊าบเข้าให้..!!
อย่างที่เรารู้กันดีว่า ‘ชิบูย่า’ เป็นย่านหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นที่มีผู้คนหนาแน่นมากๆ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องของระบบขนส่ง หรือไลฟ์สไตล์ของชาวเมืองก็ตามแต่ ทว่าเมื่อคืนวันที่ 25 กันยายน เวลาประมาณ 22.00 น. ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดขึ้น จู่ๆ รถตู้สีดำก็วิ่งฝ่าไฟแดงและสูญเสียการควบคุมจนพุ่งใส่ฝูงชนในย่านชิบูย่า และในเหตุการณ์นี้เองที่ได้มีเรื่องเด็ดๆ เกิดขึ้นจนเราต้องเอามาเล่าต่อ เอาเป็นว่าไปชมคลิปจากกล้องวงจรปิดตรง 4 แยกกันก่อนเลย จากคลิปวิดีโอเราจะเห็นได้ว่า ในตอนแรกรถตู้สีดำคันดังกล่าวก็ขับมาอย่างปกติดี จากนั้นก็มีการหักเลี้ยวรถขับวนกลับมาไล่ชนใส่ฝูงชนอีกเป็นซ้ำสอง ในห้วงวินาทีแห่งความวุ่นวาย แน่นอนว่าทุกคนต่างต้องการเอาชีวิตรอดและห่วงแหนคนที่ตนรัก ทว่ากลับมีคุณลุงคนหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่า.. โลกยังไม่หมดหวังเพราะนี่อาจคือฮีโร่ที่แฝงตัวมาอยู่ในสังคมเราก็เป็นไปได้นะ!? ดูจากคลิปนี้ชัดๆ เราจะสังเกตเห็นคุณลุงนิรนามที่ยืนอยู่ใกล้รถตู้ เขาไม่เลือกที่จะวิ่งหนี แต่เลือกที่จะถีบรถตู้แทน..!! ついついやってしまう歩きスマホですが本当に道路を渡る時や階段などは絶対やらない方がいいです!! ちなみにその後スクランブル交差点に向かって行ったので気になってyou tubeのライブ動画を見たらやっぱり映ってました。しかも一回去ったと思ったらすぐにまた交差点へ… こわすぎる… pic.twitter.com/bK4LJ7Pqed — れな氏⋆大森玲菜✩⃛ (@re7123) 25 กันยายน 2560 โชคดีที่เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ดูเหมือนว่าอาจจะมีเพียงคุณลุงนิรนามที่ใส่เสื้อเชิ๊ตสีเขียวคู่กับกางเกงสีแทนเท่านั้น ที่สูญเสียพลังจากการต่อกรกับเหล่าวายร้ายที่หวังมุ่งเอาชีวิตชาวเมืองแห่งนี้ ถ้ายังไม่เห็นก็ขอให้ดูมุมนี้ชัดๆ กันอีกซักมุม จากวีรกรรมอันกล้าหาญของคุณลุงทำให้ชาวเน็ตต่างออกมาสร้างเป็นทฤษฏีสมคบคิดร่วมกัน.. บ้างก็ว่าคุณลุงเป็นไอ้มดแดงปลอมตัวมา บ้างก็ว่าคุณลุงเป็นมนุษย์จากดาว M78 บ้างก็ว่าเขาคือไซตามะตัวจริง…
-
พาไปชม ‘โฆษณานม’ สุดแหวกแนวจากญี่ปุ่น ประเทศนี้นี่มันไอเดียบรรเจิดจริงๆ!!
การดื่มนมอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กๆ บางคน แต่หนึ่งสิ่งที่อาจจะจูงใจพวกเขาให้หันมาชอบดื่มนมนั่นก็คือการโฆษณานั่นเอง และเมื่อไม่นานมานี้บริษัทนมของประเทศญี่ปุ่นได้ออกโฆษณาตัวใหม่ ที่เรียกได้ว่านอกจากจะน่าสนใจแล้วยังฮามากๆ เลยทีเดียว!! ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 30 วินาทีของเจ้าโฆษณาตัวนี้เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลย เพราะใครจะไปคิดกันล่ะว่าพวกเขาจะโผล่กันมาเฉยๆ ด้วย U.F.O พร้อมกับเต้านมวัวขนาดใหญ่!! แล้วก็เล่นปล่อยน้ำนมวัวลงมาแบบดื้อแบบนี้… ไปชมความฮาของคลิปวิดีโอนี้กันเลย… จุกนมของแม่วัวที่มากับ U.F.O อืม… เอากันแบบนี้เลยเนี่ยนะ!! โฆษณาชุดนนี้เป็นของบริษัทนม Rakunoh Mother จากเมืองคุมะโมะโตะ และหลังจากที่พวกเขาปล่อยคลิปวิดีโอดังกล่าว มันก็กลายเป็นที่พูดถึงกันอย่างมากบนโลกอินเตอร์เน็ต หลายๆ คนได้เข้ามาถกเถียงกันเกี่ยวกับความเชื่อโยงกันระหว่า “หัวนม” และ “U.F.O” หนึ่งในคอมเม้นท์ของชาวเน็ตกล่าวว่า “นี่มันบ้ามากๆ เลยนะเนี่ย” ในขณะที่บางคนก็บอกว่า “อืม.. ชั้นว่าหัวนมแม่วัวนี่มันยาวไปหน่อยนะ” แต่บางคนกลับมองว่ามันไม่ค่อยเหมาะสม พร้อมกับบอกว่าน่าจะเซ็นเซอร์หัวนมแม่วัวหน่อยนะ!! แต่ทางบริษัทเองก็ไม่ได้ปล่อยให้หัวนมของแม่วัวเป็นที่สงสัยอยู่นานนัก เมื่อพวกเขาได้ออกคลิปวิดีโออีกตัวเพื่ออธิบายเรื่องนี้!! จะเป็นอย่างไร… ไปชมกันเลย นอกจากคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่านมของพวกเขามาจากวัวจริงๆ แล้ว ก็ยังมีคลิปวิดีโออีกตัวที่ออกมาเพื่อยืนยันว่านมของ Rakunoh Mother นั้นมีแคลเซียมและช่วยเสริมสร้างกระดูได้จริงๆ นะเออ และนี่คือคลิปวิดีโอที่ว่าล่ะ อื้ม……
-
โรงเรียนสอนเขียนโปรแกรมญี่ปุ่นสุดเจ๋ง ให้นักเรียนได้เรียนพร้อมกับ “เมด” แสนสวย!!
เมื่อพูดถึงศูนย์รวมที่เรียนพิเศษในญี่ปุ่นแล้วละก็ ใจกลางกรุงโตเกียวก็คงจะเป็นเมืองอันดับต้นๆ ที่ผู้คนหรือใครที่ต้องการศึกษาเรื่องอะไรก็ตามเดินทางไปแน่นอน แต่สำหรับโรงเรียน MadeInMaidFamily โรงเรียนสอนเขียนโปรแกรมในย่านชิบูย่านั้นจะมีอะไรที่พิเศษกว่าชาวบ้านนิดหน่อยตรงที่ คนที่จ่ายคอร์สมาเรียนจะได้เจอกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนสุดพิเศษโดยเป็นสาวๆ ใส่ชุดเมดน่ารักๆ มากล่าวต้อนรับ ‘ยินดีต้อนรับกลับบ้าน’ ฟังดูแล้วก็อาจจะเหมือนเมดคาเฟ่หน่อยๆ โดยพวกเธอจะเข้าร่วมเรียนกับนักเรียนที่จ่ายเงินมาเรียนในคลาสละ 1 คน นอกจากนั้นเมดทุกคนจะเรียกเพื่อนร่วมคลาสว่า “เซนไป” หรือก็คือรุ่นพี่นั่นเอง ฟังดูชุ่มชื่นหัวใจไหมล่ะ ด้านเจ้าของ MadeInMaidFamily ก็บอกว่าเขาต้องการจะดึงดูดกลุ่มลูกค้าผู้ชายและคนที่ชื่อชอบน้องเมดอยู่แล้ว ฉะนั้นแค่เปลี่ยนจากคาเฟ่เมดเพื่อความบันเทิง ให้กลายเป็นชั้นเรียนกับน้องเมด เท่านี้ทุกอย่างก็ลงตัวสุดๆ แล้ว ใครมาเรียนก็มีความสุข พวกเธอล้วนยิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคน ทุกคนก็ต่างพากันพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กัน โดยเฉพาะกับน้องเมด…น้องชื่ออะไรเหรอครับ น่ารักใช่ไหมล๊าา แต่จุดประสงค์หลักจริงๆ คือเขาไม่อยากให้คนที่มาเป็นเมดต้องมาเต้นโชว์ หรือวาดรูปบนไข่เจียวเพียงอย่างเดียว แต่อยากให้พวกเธอได้ความรู้เรื่องการเขียนโปรแกรมที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดตอนนี้กลับไปใช้จริงๆ ด้วย เพราะคนจะทำอาชีพพวกนั้นได้ต้องเป็นวัยรุ่นสาวช่วงอายุ 20 เท่านั้น แต่การมีความรู้กลับไปมันย่อมดีกว่าจริงไหม? มีที่นั่งเรียนพิเศษสำหรับน้องเมดโดยเฉพาะด้วยนะ นอกจากให้ความบันเทิงกับทุกคนในคลาสแล้ว ยังให้ความรู้ตัวเองด้วย ฉะนั้นใครที่สนใจก็สามารถที่จะแวะไปเข้าชั้นเรียนกับน้องเมดได้ที่ร้าน MadeInMaidFamily ในย่านชิบูย่าได้เลย ค่าเรียนก็ไม่แพงมากตก 3 ชั่วโมงต่อ 600 บาทเท่านั้น…
-
ตามติดชีวิต Ameri & Canure เหมียวฝาแฝดที่ชอบแบ่งเตียงนอนด้วยกัน มันน่ารักไม่ไหวแล้ว
เคยสงสัยหรือไม่ว่า…ทำไมผู้คนทั่วทุกมุมโลกถึงตกหลุมรักสัตว์หน้าขน 4 ขาอย่างแมวเหมียว ทั้งๆ ที่มีสัตว์น่ารักๆ บนโลกอยู่มากมาย นั่นอาจจะเป็นเพราะความน่ารัก หรือบางคนก็ชอบความหยิ่งผยองของพวกมัน แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม มันคงไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่เราจะนำมาให้รับชมในวันนี้ บอกเลยว่านอกจากจะทำให้มนุษย์ทั้งหลายรู้สึกอบอุ่นหัวใจ และมีความสุขแล้ว ยังทำให้ยิ้มไปได้ทั้งวันอีกด้วย นี่คือ Ameri & Canure สองเหมียวฝาแฝดส่งตรงจากแดนอาทิตย์อุทัย ที่มาพร้อมกับความน่ารักจนทำให้ชาวเน็ตพากันตกหลุมรัก!! ต้องยอมรับเลยนะว่าในช่วงนี้โลกอินเตอร์เน็ต อาจจะยังไม่พบเจอกับปัญหาการขาดแคลนสัตว์น่ารักๆ แต่ถึงอย่างไรเราก็จะขอมาแนะนำสองเหมียว Ameri และ Canure ให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกันซะหน่อย โดยเจ้าเหมียวฝาแฝดสองตัวนี้ มันเป็นแมวจากประเทศญี่ปุ่นที่เกิดในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งทางผู้เป็นเจ้าของก็ได้เลี้ยงดูพวกมันเป็นอย่างดี จนในที่สุดเขาก็ทนเห็นความน่ารักของพวกมันคนเดียวไม่ได้ เลยต้องถ่ายภาพพร้อมคลิปวีดีโอของพวกมันมาโพสต์ในทวิตเตอร์ชื่อ @SoraAmeCane จนทำให้ Ameri และ Canure ได้รับความสนใจ และกลายเป็นที่ชื่นชอบมากขึ้น พวกมันเป็นแมวแฝดที่รักกันมากๆ เพราะทุกครั้งเวลานอนหลับ มันก็จะแบ่งเตียงนอนด้วยกัน ซึ่งเป็นภาพที่เห็นแล้วอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน อ๋อยยยย!! หลับปุ๋ยเลย มีความน่าเอ็นดูวววว >< เล่นมาทั้งวัน…
-
ทำคลิปลองใจคนญี่ปุ่น ด้วยการเอา “ของมีค่า” วางทิ้งไว้บนโต๊ะ งานนี้จะโดนจิ๊กหรือไม่!?
คำที่ว่า ถ้าคุณลืมของไว้ญี่ปุ่น ผ่านไปเป็นวันกลับมาเอาของก็ยังอยู่ที่เดิม เคยคิดกันไหมว่ามันเป็นการอวยญี่ปุ่นกันเกินไป ด้วยเหตุนี้ทางช่อง Life Where I’m From ก็เลยทำคลิปเพื่อทดสอบว่าคำพูดดังกล่าวมันเกินจริงไหม… ขั้นตอนการทดสอบของช่องดังกล่าวนั้นง่ายมาก พวกเขาได้เอาของมีค่าวางไว้บนโต๊ะใน Skytree’s Sola Machi entertainment complex ในกรุงโตเกียวที่มีผู้คนมากมายผ่านไปมาก จากนั้นก็แอบเอากล้องอีกตัวถ่ายไว้ ของมีค่าที่วางไว้ก็เป็น ถุงช็อปปิ้งที่มีของข้างใน โทรศัพท์มือถือและกระเป๋าเงิน จากนั้นก็วางทิ้งไว้เฉยๆ นั่งดูเป็นเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นก็รอดูว่าจะมีใครมานั่งหรือแอบหยิบของมีค่าของพวกเขาไปไหม ซึ่งผลที่ออกมานั้นมันเหลือเชื่อมากๆ ผ่านไปเป็นชั่วโมงยังไม่มีใครมาขโมยของบนโต๊ะเลย อย่างมากก็มานั่งใกล้ๆ ของ แต่พวกเขาก็แค่นั่งกินอาหารเท่านั้น ผู้คนต่างพากันเดินผ่านไปมาไม่ได้สนใจของมีค่าบนโต๊ะเลย เวลาผ่านไปอีกสักพักพวกเขาเริ่มรู้สึกว่ายังไงก็ไม่มีใครขโมยแน่ๆ และเขาก็รู้สึกว่าเกรงใจพนักงานและร้านพอสมควรจึงทำการเก็บของ แต่พวกเขาก็ยังอยากทดสอบเพิ่มเดิม เลยเดินทางไปยังร้านสตาร์บัคส์ใกล้ๆ กันก็พบว่า ที่นี้มีคนวางของจองไว้เต็มไปหมด หลายโต๊ะเป็นกระเป๋าหรือของที่ดูมีค่าพอสมควรเลย พอไปที่สตาร์บัคส์ ก็เจอคนวางของไว้เต็มไปหมด โดยที่ไม่กลัวใครจะมาหยิบไปเลย ไม่ว่าจะเป็นถุงช็อปปิ้งหรือกระเป๋าสะพายก็วางทิ้งไว้กันหน้าตาเฉย แต่พวกเขาก็ยังไม่เลิก เลยจัดการเอาแมคบุ๊คไปวางไว้ จากนั้นก็ตั้งกล้องถ่าย ผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีใครมานั่งจุดที่แมคบุ๊ควางไว้ หรือท่าทีจะขโมยเลย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกว่ามันมีข้อสรุปแล้วล่ะ…
-
เปิดตำนานของเหล่า “สาวขายบริการ” ในญี่ปุ่น ที่ถูกบังคับให้ต้องจ่ายหนี้แทนครอบครัว
ประเทศญี่ปุ่น เป็นดินแดนแห่งวัฒนธรรม การดำรงชีวิตของชาวญี่ปุ่นมีความน่าสนใจและมีเสน่ห์ชวนให้ค้นหา ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์มากมาย เป็นหนึ่งในดินแดนที่หลายๆ คนอยากจะศึกษาความเป็นมาและสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เรื่องราวของอันน่าเศร้าใจของโสเภณีญี่ปุ่น ภายใต้หน้าตาอันสวยงามและการแต่งกายด้วยสีสันสดใส ไม่ได้บ่งบอกถึงสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจที่เต็มไปด้วยความขมขื่นเลยแม้แต่น้อย ภาพชุดผู้หญิงสวมใส่ชุดกิโมโนสีสันสวยงามที่จ้องมองออกมาจากกรง ทำให้ดูสลดหดหู่ลงไปไม่น้อย ก่อนที่จะเข้ามาใช้บริการ ซามูไรทั้งหลายต้องถอดดาบวางไว้หน้าประตูก่อนที่จะเข้าไปเสพความสุขภายในซ่อง ภาพถ่ายเหล่านี้ถูกถ่ายโดยช่างภาพไม่ทราบชื่อในช่วงปี 1890-1900 แสดงให้เห็นถึงการค้าประเวณีที่มีอย่างแพร่หลายในโตเกียว เด็กสาวเหล่านี้บางคนต้องจากพ่อแม่มาตั้งแต่อายุ 7 ขวบเพื่อมาขายบริการ ซึ่งในยุคนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่พ่อแม่จะขายลูกสาวให้กับนายทุนเพื่อใช้หนี้ เด็กสาวต้องทนโดนกดขี่ข่มเหงใช้งานอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งโตเป็นสาวก็ถูกบังคับให้ขายบริการ การที่จะออกจากซ่องแห่งนั้นได้มีเพียงวิธีเดียว คือ การซื้อตัวออกมาจากซ่องโดยเศรษฐี โดยที่เศรษฐีผู้ที่ซื้อตัวออกมาก็อาจจะเก็บหญิงคนนั้นไว้เป็นภรรยาน้อยหรือคนรับใช้ก็ได้ สาวๆ จะต้องนั่งภายในกรงที่มีเหล็กกั้นไว้ รอให้ลูกค้าเข้ามาเลือกใช้บริการ Yoshiwara เป็นซ่องแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด เด็กสาวจากหลายๆ เมืองถูกส่งตัวมาที่นี่เพื่อค้าประเวณี พวกเธอจะต้องเข้ารับการฝึกมารยาทการให้บริการกับแขก โสเภณีอันดับต้นๆของซ่องแห่งนี้มีราคาค่าตัวสูงมาก และผู้ที่มาใช้บริการก็เป็นระดับขุนนางเลยทีเดียว กลุ่มหญิงโสเภณีแห่งบ้าน Nectarine เป็นซ่องโสเภณีที่โด่งดังระดับโลก ชุดกิโมโนของสาวๆ ยิ่งคนใดให้บริการดีเยี่ยมก็จะเป็นที่ต้องการของชายหนุ่ม ชุดก็จะมีความสวยงาม บวกกับค่าตัวที่แพงขึ้น จนกระทั่งปี…
-
เว็บไซต์ญี่ปุ่นลิสต์ “เครื่องสำอางสุดเทพ แต่ราคาสบายกระเป๋า” ที่คุณควรซื้อในปี 2017
ใครที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ก็คงไม่พลาดที่จะซื้อของฝากต่างๆ มาให้ตัวเอง เพื่อนๆ และพี่น้อง แน่นอนว่าของฝากสุดฮิตที่รองจากขนมจากญี่ปุ่น มันก็คือเครื่องสำอางนี่แหละที่สาวๆ ใฝ่หา ก็เพราะว่าความแปลกใหม่ของนวัตกรรมความงามและราคาที่ไม่แพงมาก ทำให้เครื่องสำอางจากญี่ปุ่นนั้นเป็นอีกโปรดักสุดฮิตของสาวๆ ที่ต้องซื้อกลับเลยล่ะ แต่ถ้าหากใครที่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อเครื่องสำอางชนิดใด ยี่ห้อไหน วันนี้เรามีคำแนะนำจากเว็บไซต์กูรูญี่ปุ่นอย่าง FastJapan ที่จะมาเผยเครื่องสำอางเทรนด์ใหม่ในฤดูนี้ของญี่ปุ่น ที่ราคาไม่แพงแต่คุณภาพดีเว่อร์ อีกทั้งสาวๆ ยังสามารถแต่งหน้ารูปแบบใหม่ๆ จาก “5 เครื่องสำอางเทรนด์ใหม่” เหล่านี้ด้วยละ 1. K-PALETTE LASTING TWO-WAY LIQUID EYEBROW K-Palette เป็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่มีเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการตกแต่งดวงตา อย่างเช่น อายไลน์เนอร์ และดินสอเขียนคิ้ว โดยตัวผลิตภัณฑ์ K-Palette Lasting Two-way Liquid Eyebrow นี้คือ Liquid Eyebrow ที่จะสร้างคิ้วของคุณให้ดูเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังมีความทนทานต่อน้ำและเหงื่อ วีธีการใช้ก็ไม่ยากเพียงแต่คุณเปิดหัวด้านหนึ่งที่เป็นพู่กันปลายแหลมที่เป็น Liquid Eyebrow วาดกรอบคิ้วและเส้นขนคิ้วนิดๆ และย้ำด้วยการทาสีคิ้วให้ดูแน่นเป็นธรรมชาติขึ้นด้วยปลายอีกด้านของดินสอ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มาพร้อมแพคเกจเจ้าหญิงดิสนีย์น่ารักๆ สาวๆ สามารถไปจัดกันได้ในราคา 1,200 เยน หรือประมาณ 350 บาทนะจ๊ะ…
-
25 คำถามวัดความรู้ด้าน “ภูมิศาสตร์” แบบโคตรยาก.. คุณรู้รึเปล่า ว่าประเทศนี้อยู่ตรงไหน!?
หนึ่งในคำถามยอดฮิตสมัยประถมที่พวกเรามักจะถูกคุณครูถามกันบ่อยๆ นั่นก็คือ “หนูๆ รู็กันบ้างไหมคะว่าประเทศไทยอยู่ตรงไหนของแผนที่โลก” และสำหรับใครที่หาประเทศไทยบนลูกโลกเจอล่ะก็จะดูเท่ขึ้นมาทันที แต่คุณอาจจะเท่กว่านั้นอีกถ้าหากบอกคุณครูได้ว่าประเทศโซมาเลียอยู่ตรงไหน อ่า… และเพื่อเป็นการทบทวนความรู้รอบตัว วันนี้เราก็มีแบบทดสอบสนุกๆ เกี่ยวกับแผนที่โลกมาให้ทุกคนได้ประลองฝีมือกัน หากคุณมั่นใจในความรู้รอบตัวล่ะก็เราขอท้าคุณด้วยแบบทดสอบทั้ง 25 ข้อนี้เลย และถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยว่าคุณจะตอบถูกทั้งหมดหรือเปล่า?? อ๊ะๆ แล้วอย่าแอบเปิดดูเฉลยก่อนล่ะ!! เริ่มจากทวีปทวีปยุโรปก่อนเลย… 1. ประเทศเยอรมนี อยู่ไหนน้า?? เฉลย!! 2. ไหนลองหาประเทศกรีซซิ?? เฉลย 3. ประเทศโรมาเนีย เฉลย 4. ประเทศไอร์แลนด์ 5. ประเทศฟินแลนด์ เฉลย อ่า…ทวีปยุโรปอาจจะยากไป งั้นลองดูทวีปแอฟริกาบ้างดีกว่า 6. ประเทศอียิปต์ เฉลย 7. ประเทศมาดากัสการ์ เฉลย 8. ประเทศโมร็อกโก เฉลย …
-
ใส่แบบธรรมดามันเชยไป พบกับ “กางเกงในแบบสวมทั้งตัว” ครบตั้งแต่เสื้อในยันกางกางใน
ถ้าพูดถึง “กางเกงใน” ทุกคนก็ย่อมรู้จักเป็นอย่างดีแน่นอน เพราะว่ากางเกงในนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องสวมใส่กันอยู่เป็นประจำทุกวันทั้งชายหญิง ปัจจุบันกางเกงในได้ถูกพัฒนามาหลายแบบหลายลวดลายแล้วแต่รสนิยมความชื่นชอบของแต่ละคนทั้งน่ารัก เซ็กซี่หรือแบบเรียบๆ แล้วแต่สไตล์ของผู้ใส่ แต่คงไม่มีใครใส่กางเกงในมาอวดกันหรอกเนาะ ขึ้นชื่อว่าญี่ปุ่น ผู้ที่คอยประดิษฐ์สิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ อยู่เสมอ ก็ได้เปิดตัว “กางเกงในแบบสวมทั้งตัว” ขึ้นมาเพื่อเอาใจสาวๆ ที่เบื่อกางเกงในแบบเดิมๆ เอ๊ะ มันเป็นยังไงหว่า?? ขอซาวด์เอฟเฟคเปิดตัว พ่ามมมมมม!! คุณกำลังประสบปัญหากางเกงในหลุดตูด หรือกางเกงในเข้าวินอยู่หรือไม่ พบกับนี่เลย กางเกงในแบบใส่ทั้งตัวจากบริษัท Japan Ligre!!! กางเกงในตัวนี้ถูกออกแบบมาให้ดูเรียบๆ ใส่สบายด้วยผ้าคอตตอนสีขาว ทั้งตัว ตัดกับริบบิ้นสีชมพูพาสเทลมุ้งมิ้ง ชุดชั้นในอันนี้ออกแบบมาเพื่อเอาใจสาวๆ โดยเฉพาะ ด้วยการห่อหุ่มทั้งลำตัวแถมมีให้เลือกหลายขนาดตามไซส์ที่แตกต่าง มันดูเหมือนชุดว่ายน้ำแบบวันพีซเลยใช่ไหมล่ะ แต่ผ้าของมันไม่ได้เป็นชนิดเดียวกับชุดว่ายน้ำนะ แถมมันยังบ๊างบาง ถ้าใส่ลงน้ำทีนึงนี่เห็นไปถึงสวรรค์รำไรเลยล่ะ สำหรับสาวๆ คนไหนที่สนใจก็อดใจรออีกนิดนึงนะจ๊ะ เพราะว่ากางเกงในนี้จะออกวางจำหน่ายในเดือนตุลาคม ส่วนใครที่อยากทราบลายละเอียดก็เข้าไปดูที่เว็บไซต์ vvstore นี้ได้เลย ขอแอบกระซิบว่าราคานี่สูงนิดนึงนะ อยู่ที่ตัวละประมาณ 958 บาท ไม่รวมค่าจัดส่งจ้า ที่มา en.rocketnews24
-
แนะนำ 5 ร้านซูชิบุฟเฟ่ต์ที่ดีที่สุดที่ซ่อนอยู่ในกรุงโตเกียว กับรสชาติสุดฟิน แถมราคาก็น่ารัก
ถ้าเราพูดถึงข้าวปั้นชิ้นพอดีคำ ที่โป๊ะหน้าด้วยเนื้อปลาดิบ และของคาวชนิดต่างๆ หลายคนจะต้องนึกถึง “ซูชิ” อาหารประจำชาติญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกอย่างแน่นอน และถ้าหากเพื่อนๆ คนไหนที่ได้เดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นละก็ ซูชิ คือหนึ่งในเมนูที่อยู่ในลิสต์ของคุณใช่ไหมละ ซึ่งมันก็อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับนักท่องเที่ยวต่างแดน ที่ต้องมองหาร้านซูชิอร่อยๆ และราคาสบายกระเป๋า ดังนั้น เราจึงได้รวบรวม 5 ร้านซูชิสุดเด็ดในกรุงโตเกียวมาฝาก เพื่อจะได้เป็นหนึ่งในทางเลือกของคนที่กำลังมองหาร้านซูชิอร่อยๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป เพราะราคาของแต่ละร้านน่ารักมากๆ 1.Umegaoka Sushi No Midori Souhonten หรือ Midori Sushi คุณอาจจะต้องรอคิวอันยาวเหยียด หรืออาจจะต้องรอเป็นเวลานาน ก่อนที่คุณจะได้นั่งสัมผัสรสชาติสุดฟินของซูชิจากร้าน Midori Sushi ณ ย่านแฟชั่น Shibuya ในกรุงโตเกียว เพราะถ้าหากใครที่เคยไปทานมาแล้ว คุณจะรู้ดีว่าที่ร้านแห่งนี้มีอาหารทะเลที่สดใหม่บริการแก่ลูกค้าอยู่เสมอ และที่สำคัญยังมีราคาที่สบายกระเป๋ามากๆ อีกด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงนิยมไปทานร้านดี ถึงจะรอนานหน่อย แต่คุ้มค่าสุดๆ โอ้ยยยย แต่ละเมนูน่ากินมาก 2.Kagurazaka Sushi Academy …
-
ญี่ปุ่นเปิดบริการรับปรึกษา “ปัญหาหลังคาบ้าน” ด้วยวิธีสุดเฟี้ยวแบบเจแปนนิสจริงๆ
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาไปอย่างมากหลังจากที่พ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 การกอบกู้บ้านเมืองในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาหล่อหลอมให้ชาวญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันมีความรักชาติเป็นอย่างมาก ชาวญี่ปุ่นทุกคนรักประเทศและมีความสามัคคีกันเป็นอย่างมาก ทำให้ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่หลายๆ คนใฝ่ฝันที่จะได้ไปเยือนซักครั้ง ด้วยความที่ประชาชนรักและสามัคคีกัน เอาใจใส่กันถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม แม้กระทั่งปัญหาเรื่องหลังคาบ้าน พี่ญี่ปุ่นเค้าก็ยังเก็บเอามาใส่ใจถึงขั้นตั้งเจ้าหน้าที่รับปรึกษาปัญหาหลังคาบ้านกันอย่างจริงจังเลยนะ บริษัทรับเหมาซ่อมแซมหลังคา Mori Kenchiku Bankin Kogyo ซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง Yamatotakada จังหวัด นาราระ ได้จัดตั้งศูนย์รับข้อร้องทุกข์ปัญหาเกี่ยวกับหลังคาบ้านทั้งในจังหวัด รวมไปถึงจังหวัดอื่นๆ เช่นโตเกียว โอซาก้า และเฮียวโงะ โดยวิธีการโปรโมทของบริษัทก็ไม่ธรรมดา อื้อหือ ไม่ธรรมดา แถมเอาใจคนรักการคอสเพลย์ด้วยการนำเสนอในรูปแบบของภาพชุดเล่าเรื่องอีกด้วย บริษัทแห่งนี้มีความเชี่ยวชาญในด้านการซ่อมหลังคาทุกประเภทแถมการยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้ทำให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นสูงขึ้นอีกด้วย ร้ายกาจจริงๆ โดยเรื่องราวการโปรโมทแบบน่ารักๆ ก็มีจุดเริ่มต้นต้นเมื่อทางบริษัทได้รับโทรศัพท์จากทางลูกค้ามาว่า มีเสียงแปลกๆ ดังอยู่บนหลังคา ช่วยมาตรวจสอบหน่อย จากนั้นประธานบริษัท Mori ก็เดินทางไปตรวจสอบทันทีทันใด เมื่อเขาได้ปีนบันไดขึ้นไปบนหลังคาก็พบว่ามีแม่สาวน้อยสองคนแต่งคอสเพลย์มาต่อสู้กันบนหลัง เอ้า มาเล่นอะไรกันบนนี้ล่ะ!! สองสาวกำลังบรรเลงเพลงดาบต่อสู้กันอย่างเมามัน จนประธานต้องตะโกนบอกให้หยุด และนั่นก็ทำให้แม่นางทั้งสองหยุดต่อสู้กันทันทีแล้วหันมามองลุงคนนี้อย่างเอาเรื่อง เอาไงดี เล่นเลยไหมแก!! เหมือนกับว่าแม่สาวทั้งสองจะเล่นผิดคนซะแล้ว Mori ได้ทำการปล่อยพลังใส่สองสาวทันทีก่อนที่ภัยจะมาถึงตัวเขา…
-
เมื่อคุณปู่ Tokuda เผยเคล็ดลับ “อึด ทน นาน” แม้อายุ 82 ปี ก็เป็นพระเอกเอวีแรงไม่มีตก..!!
เตรียมสมุด ปากกา และไหวพริบในการจดไว้ให้พร้อม เพราะต่อจากนี้เราจะพาทุกท่านไปเบิกเนตรวิชามารถึงเคล็ดลับที่ช่วยให้ Shigeo Tokuda ดาราเอวีวัย 82 ปี ยังซอยได้ที่ไม่มีสะดุด..!! แต่จะว่าไปแล้วชีวิตบนเส้นทางอุตสาหกรรมหนังโป๊ของคุณปู่ก็ไม่ธรรมดาเอาซะเลย เพราะสำหรับคนแก่ทั่วไปวัย 70 ปี บางคนอาจจะนกเขาไม่ขันไปแล้ว แต่นั่นเป็นปีแรกที่คุณปู่เริ่มแจ้งเกิดในวงการเอวี (สงสัยมีทีเด็ดแน่ๆ) Shigeo Tokuda ย้อนกลับไปในปี 2004 ซึ่งเป็นปีแรกที่คุณปู่ได้เดบิวต์ผลงานชิ้นแรกโดยใช้ชื่อซิงเกิ้ลขนาดความยาวเกือบชั่วโมงว่า ‘Elderly’ จากนั้นชื่อเสียงก็เริ่มโด่งดังกระแสตอบรับดีซะจนคุณปู่ต้องออกรอบถ่ายทำสารคดีกับสาวๆ ถึงปีละ 60 เรื่องเลยทีเดียว “มีหนุ่มๆ มาถามผมเยอะมากๆ ว่าต้องทำยังไงถึงจะทำได้แบบเรา เอาจริงๆ ผมไม่ได้ทำอะไรที่มันพิเศษเลย แต่ถ้าพูดถึงสิ่งที่ทำให้ร่างกายผมมีพลังงานละก็ นั่นอาจเป็นเพราะผมชอบกินไข่ทุกวัน.. ผมชอบกินข้าวหน้าไข่ดิบ” คุณปู่ให้คำแนะนำ ถ้าถามถึงจุดเริ่มต้นก่อนจะมาทำอาชีพนี้ ก็คงต้องย้อนกลับไปในปี 1974 ซึ่งเป็นช่วงที่คุณปู่ได้ทำงานอยู่กับบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง และมีวันหนึ่งระหว่างออกทัวร์เขาได้แอบดูหนังโป๊ระหว่างที่พักอยู่ในโรงแรม จากนั้นคุณปู่ก็เหมือนได้ค้นพบตัวตนอีกครึ่งหนึ่ง ที่ตามหามาเกือบตลอดแทบทั้งชีวิต ด้วยโชคดีอะไรก็ไม่ทราบได้ ทำให้คุณปู่ได้รู้จักกับ Henry Tsukamoto ผู้กำกับหนังสยิวมือดีในยุคนั้น และทั้งหมดนั้นก็คือจุดเริ่มต้นของตำนานผู้เป็นที่น่าอิจฉาของชายทั่วโลก ผลงานเรื่องแรกของเขา มนุษย์เราปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าสังขารที่โรยราลงไปจะไม่มีผลต่อการทำงานของคุณปู่ เพราะเอาจริงๆ…
-
ญี่ปุ่นออกคอลเลคชั่นกาชาปอง “หมวกแมวเหมียว” ในธีมฮาโลวีน น่ารักๆ กันทั้งน๊าน!!
หลายๆ คนก็คงจะมีเครื่องแต่งกายให้กับเหล่าสัตว์เลี้ยงของเราทั้งหลาย เพื่อนอกจากจะทำให้พวกมันอบอุ่นขึ้นในหน้าหนาวด้วยแล้ว ยังจะช่วยเพิ่มความน่ารักได้อีกด้วย ถ้าหากคุณต้องการอย่างนั้นแล้วละก็ สิ่งนี้สามารถช่วยคุณได้อย่างแน่นอน เพราะมันคือ “หมวกเจ้าเหมียว” สุดน่ารัก ในธีมฮาโลวีน ชวนให้เหล่าทาสทั้งหลายต้องหลงใหลในความเหมียวมากขึ้นอีก 80 เปอร์เซนต์ พร้อมที่จะต้อนรับเทศกาลวันปล่อยผีเดือนหน้ากันไปเลย โดยเจ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นจากไอเดียของบริษัทกาชาปองในญี่ปุ่นที่ชื่อว่า KITAN CLUB โดยทุกคนสามารถไปกดสุ่มเอาได้จากตู้กาชาปองทั่วญี่ปุุ่นเลย ก่อนหน้านี้ซีรีส์ของหมวกน้องเหมียวเคยออกมาหลายรูปแบบแล้ว อย่างเช่นธีมกระต่าย ผลไม้ หรือสัตว์น้ำ และความน่ารักน่าสะสมนี้เอง จึงทำให้ยอดขายกาชาปองหมวกน้องเหมียวรวมทั้งหมดมากถึง 2.5 ล้านชิ้นเข้าไปแล้ว ไม่รู้ว่าถ้าเพิ่มธีมฮาโลวีนเข้าไปแล้วจะถึง 3 ล้านไปเลยมั้ยละเนี่ย แน่นอนว่าเมื่อออกมาใหม่ ความพิเศษของรุ่นนี้ก็ต้องมากขึ้นกว่าแบบเก่าแน่นอน เพราะเขาบอกว่าได้เพิ่มรายละเอียดเอาไว้ทั้งในเรื่องของเนื้อผ้า และจุดเล็กจุดน้อยที่จะทำให้เราต้องหลงใหลไปพร้อมๆ กับน้องเหมียวสุดรักของเรา เราลองไปดูกันดีกว่าว่าทั้ง 4 แบบในคอลเลคชั่นนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้างงง แม่มดเหมียวมาแล้ว แบร่!! ตายแล๊ววว!! ผีหลอก.. มาให้กอดซะเดี๋ยวนี้เลยนะ นี่มันแบทแมวนี่นาาา ปีกแค่นั้นจะบินขึ้นมั้ยละเนี่ย ถ้ามีฟักทองออกมาหน้าตาเป็นอย่างนี้จริงๆ แล้วใครจะไปกินลงกันละ เห็นแล้วหลายคนอาจเริ่มเดาราคากันแล้วว่า น่ารักขนาดนี้มันจะเท่าไหร่กันนะ?…
-
7 เรื่องที่ชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งถึงกับ “ว๊าวววววว” เมื่อได้มีโอกาสมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย และน่าสนใจ จนกลายเป็นประเทศเป้าหมายของบรรดานักท่องเที่ยวทั่วโลก และเมื่อนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่น เขาได้สัมผัสความน่าทึ่งมากมายที่นั่น โดยเฉพาะ 7 เรื่องนี้ ที่ถึงกับต้องร้อง ว๊าวว 1. อ่างอาบของญี่ปุ่นโคตรไฮเทค อ่างอาบน้ำสามารถพบได้ทั่วไปในญี่ปุ่น ซึ่งในอ่างน้ำจะมีเครื่องทำน้ำร้อนอัตโนมัติโดยการกดปุ่ม เพื่อรักษาระดับความร้อนของน้ำไม่ให้ลดลง อย่างไรก็ตาม แม้ความร้อนจะลดลง น้ำในอ่างก็ยังคงรักษาอุณภูมิให้อยู่ในระดับธรรมชาติ นั่นหมายความว่ามันจะไม่เย็นจนเกินไป นี่อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนญี่ปุ่น แต่สำหรับเราชาวฝรั่งเศสแล้ว มันเป็นเรื่องน่าทึ่งมาก เพราะที่ห้องอาบน้ำฝรั่งเศสนั้นจะมีแค่ฝักบัวอันเดียว ในกรณีที่มีอ่างอาบน้ำด้วย คุณจะเติมน้ำร้อนเองเหมือนสมัยก่อน 2. คุณต้องต่อแถวขึ้นรถไฟอย่างเป็นระเบียบ ที่ญี่ปุ่นเวลาจะขึ้นรถไฟเราต้องเข้าแถวและขึ้นไปอย่างมีระเบียบ ซึ่งในฝรั่งเศสคุณจะไม่ได้เห็นการต่อแถวแบบนี้อย่างแน่นอน เพราะทุกคนจะแย่งกันขึ้นทันทีที่รถไฟมาถึง 3. เก้าอี้ชิงกันเซ็งของญี่ปุ่นปรับที่นั่งได้ เมื่อพูดถึงชิงกันเซ็ง(รถไฟความเร็วสูง)ในฝรั่งเศส อาจจะเทียบความเร็วกับชิงกันเซ็งของญี่ปุ่นได้ แต่ที่ต่างกันคือ เก้าอี้นั่งของญี่ปุ่นสามารถปรับขึ้นหน้าหรือถอยหลังได้ เพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสาร 4. เมืองสวยงามมาก แต่ชายหาดสกปรก บริเวณบ้านเมืองของญี่ปุ่นนั้นสะอาดสะอ้านมาก มันน่าอยู่ มองไปทางไหนก็ดูสวยงาม แต่น่าแปลกที่พวกเขานำขยะไปทิ้งในทะเลจนถูกพัดขึ้นฝั่งเต็มไปหมด 5. มีลิฟต์และบันไดเลื่อนอยู่ที่สถานีทุกที่ ที่ฝรั่งเศสสถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่งไม่มีทั้งลิฟท์และบันไดเลื่อน แต่ที่ญี่ปุ่น แม้สถานีจะตั้งอยู่ในเมืองเล็กๆ…
-
ไอเดีย “ชุดว่ายน้ำแหวกหน่มน๊ม” จากญี่ปุ่น ให้สาวๆ เฉิดฉาย เมื่อไปเที่ยวทะเล
บางครั้งการได้ออกไปเที่ยวทะเลในช่วงวันหยุดยาวอาจจะเป็นวันพักผ่อนที่แสนสบายสำหรับใครหลายๆ คน และแน่นอนว่าหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับคุณสาวๆ ในการออกไปรับลมทะเลนั่นก็คือ ชุดว่ายน้ำนั่นเอง!! และวันนี้เราก็มีเทรนชุดว่ายน้ำแบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่สาวๆ ญี่ปุ่นอยู่ในขณะนี้มาฝากคุณผู้หญิงกัน ส่วนหนุ่มๆ จะลองเข้ามาส่อง เอ๊ย!! ดูเป็นแบบเผื่อไว้ไปหาเลือกซื้อให้แฟน ก็ไม่ว่ากันนะ และนี่ก็คือโฉมหน้าของชุดว่ายน้ำที่กำลังฮิตอยู่ในขณะนี้!! ชุดว่ายน้ำแบบแหวกกลาง ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้จะทำให้สาวๆ ได้เฉิดฉายความสวยงามเวลาที่คุณกำลังเดินอวดหุ่นอยู่ริมชายหาดจนหนุ่มๆ ต้องหันมามองกันเลยทีเดียว เจ้าชุดว่ายน้ำที่ว่านี้อาจจะเป็นข่าวดีๆ สำหรับสาวๆ ที่มีต้นทุนมาเยอะ เพราะนอกจากมันจะทำให้คุณได้เผยหุ่นสวยแล้ว คุณอาจจะไม่ต้องทนอึดอัดกับชุดว่ายน้ำแบบเดิมๆ อีกด้วย แต่สำหรับสาวๆ ที่มีเจ้าของแล้วอาจจะต้องทำเรื่องขออนุญาตกับคุณสามีก่อนล่ะนะ ฮ่าๆ เพราะชุดว่ายน้ำที่ว่านี้มันดูจะเซ็กซี่ซะเหลือเกิ๊น แต่สำหรับแก๊งค์สาวโสดอาจจะไม่มีปัญหานะ ฮ่าๆ น่ารักและน่าเป็นเจ้าของจริงๆ เลยใช่ไหมล่ะคุณสาวๆ !? เรียกได้ว่าเป็นชุดว่าน้ำอีกแบบที่จะเพิ่มความร้อนแรงให้กับคุณผู้หญิงได้อีกมากเลยทีเดียว โอยยย ตายแล้ววว หรือจะใส่มาเป็นเกิร์ลกรุ๊ป แบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ ใจเย็นๆ พ่อหนุ่ม รู้นะว่าคิดอะไรอยู่?? อื่ม… น่าสวมใส่จริงๆ เล๊ยย โอยน่อออ… ช่างเป็นชุดว่ายน้ำที่ร้อนแรงเสียนี่กระไร…
-
เก็บตก 24 ภาพสาวๆ สุดคาวาอี้ จากงาน Tokyo Game Show 2017 ที่ยังไง๊ก็ต้องดู
Tokyo Game Show 2017 คืองานที่จะรวมสุดยอดเกมส์ต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลกมากระจุกไว้ในที่เดียว ให้ผู้คนสามารถเข้ามาเดินชมกันได้อย่างจุใจ ตระการตา และเพลิดเพลินไปกับความสวยงามภายในงาน งานนี้จัดขึ้นที่หอประชุมนานาชาติ Makuhari Messe จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของหอประชุมในญี่ปุ่นเลยทีเดียว ไม่อย่างนั้นก็คงจะรับมือกับจำนวนบูธ และคนเข้าชมที่เยอะมากไม่ไหวหรอก โดยงานจะเปิดให้สำหรับทุกคนในวันที่ 23 กันยายน แต่ก่อนหน้านั้น 2 วัน ได้มีการเปิดรอบสื่อมวลชน ทำให้ทางสำนักข่าว SoraNews24 มีโอกาสได้ไปเดินดูงานก่อนใครๆ และสร้างความตื่นเต้นให้พวกเขาอย่างมากกก แต่ก็ไม่มีใครจะรู้สึกแฮปปี้ไปมากกว่า Mr.Sato หนึ่งในทีมงานของพวกเขา ชนิดที่ว่าพอรู้ปุ๊ปก็เร่งหน้าไปรออยู่ที่งานพร้อมกล้องคู่ใจก่อนใครเพื่อน นับเป็นผู้คลั่งไคล้ในเกมส์ของจริง จนกระทั่งออกจากงาน เขาก็ได้ยื่นกล้องให้กับคนที่เหลือได้เช็คภาพว่าออกมาเป็นอย่างไรบ้าง งั้นเราลองไปดูกันเลยดีกว่า ว่าบรรยากาศภายในงานจะเป็นอย่างไร ภาพของฮอลล์ที่ใช้จัดงาน ภายในงานกว้างขวางพร้อมรองรับผู้ร่วมงานที่จะมีมากมาย มีเพียงแค่ 2 ภาพข้างบนเท่านั้น ที่ถ่ายบรรยากาศโดยรวมของรอบสื่อมวลชน แต่แท้จริงแล้วยังมีภาพอีกเยอะมาก ที่เห็นแล้วก็รู้เลยว่า เขาคนนี้ช่างมีเป้าหมายที่แน่วแน่ในการมาร่วมงานนี้จริงๆ เหอๆๆ สาวประจำบูธสุดน่ารัก นี่ก็สาวๆ จากค่าย…
-
นี่มันเมืองศิลปะ!! 28 สิ่งปลูกสร้างทรงโมเดิร์นในสไตล์ญี่ปุ่น อยากบินไปเที่ยวซะเดี๋ยวนี้เลย
ประเทศญี่ปุ่นนี่เขามีอะไรให้เราร้อง “ว๊าว” ตลอดเวลาเลยจริงๆ นะ ทั้งวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยีที่ก้าวไกลก็มาจากญี่ปุ่นทั้งนั้น แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาเก่งไม่แพ้กันก็คือเรื่องการออกแบบอาคารนี่แหละ แม้ว่าพวกเขาจะประสบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวอยู่บ่อยครั้ง แต่นั่นก็ไม่ได้ไปลดความสามารถในการออกแบบสิ่งปลูกสร้างเจ๋งๆ ได้เลย ถ้าไม่เชื่องั้นลองไปชม 28 อาคารและสิ่งปลูกสร้างตัวอย่างจากญี่ปุ่นกันเถอะ 1. สนามเด็กเล่นรอบต้นไม้แห่งหนึ่งในญี่ปุ่น 2. โรงเรียนอนุบาลในญี่ปุ่นเปิดหลังคาโล่งกลางอาคาร เพื่อให้เด็กๆ ได้เล่นน้ำฝนในบางโอกาส และถ่ายเทอากาศบริสุทธิ์เข้ามาในอาคาร 3. บ้านทรงแปลกในญี่ปุ่น 4. บ้านคล้ายกระโจม สำหรับสาวปลดปลดเกษียณในญี่ปุ่น 5. แกลอรี่ในชิบุยะ 6. ธนาคาร Sugamo Shinkin เมืองคะวะงุชิ 7. Nakagin Capsule Tower กรุงโตเกียว (หน้าตาอย่างกับตู้ซักผ้า) 8. บ้านสไลเดอร์ 9. บ้านและสวนในกรุงโตเกียว 10. โบสถ์ Ribbon ในฮิโระชิมะ 11. อาคาร Acros ในฟุกุโอกะ …
-
12 สิ่งสำคัญที่เราทุกคน ‘ไม่ควรทำ’ เมื่อได้มีโอกาสไปเที่ยวในประเทศ ‘ญี่ปุ่น’
ประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นที่ที่พวกเราให้ความสนใจ และอยากไปเที่ยวกันในอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากที่จะไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้าเพื่อเข้าไปแล้ว ความสวยงามของธรรมชาติ สิ่งปลูกสร้าง และวัฒนธรรมต่างๆ เองก็มีผลเช่นกัน แน่นอนว่าในแต่ละที่ ก็จะมีกฎระเบียบทางสังคมที่แตกต่างกันไป เวลาไปเที่ยวไหนก็ควรศึกษากันให้ดี จะได้หลีกเลี่ยงกิริยาที่ไม่เหมาะสมออกไป วันนี้เราจึงได้นำ 12 ข้อที่คุณไม่ควรทำเมื่อได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นมาให้ได้รู้กัน ว่าแล้วก็ลองไปดูกันเลยยย อย่าแหกกฎระเบียบ มารยาทในการใช้ตะเกียบ แน่นอนว่าพวกเขาเคยชินกับการใช้ตะเกียบ และจะรู้สึกประทับใจหากคุณใช้มันได้ดี แต่ก็มีข้อห้ามบางอย่างที่คุณควรรู้ไว้ คือห้ามปักตะเกียบลงไปตรงๆ ในชามข้าว ใช้ที่วางตะเกียบจะดีกว่า เพราะมันเป็นการกล่าวถึงงานศพ การส่งต่ออาหารผ่านตะเกียบตัวเองไปใส่ตะเกียบคนอื่นก็ไม่ควร หากว่าสั่งเป็นกับข้าวมากินร่วมกัน ให้ใช้ตะเกียบหยิบอาหารมาวางบนจานเราก่อนแล้วค่อยกิน ที่สำคัญอย่าเอามตะเกียบมาถูกัน เพราะว่ามันหยาบคาย อย่าใส่รองเข้าไปในบ้าน ไม่ใช่แค่ในบ้านแต่รวมถึง โรงแรม วัด โรงเรียนหรือโรงพยาบาลบางแห่ง โดยเขาจะให้คุณเปลี่ยนไปใส่รองเท้าแตะในบ้านแทน ยกเว้นร้านอาหารบางที่ที่ต้องนั่งไปบนพื้นเสื่อทาทามิ จะต้องถอดรองเท้าอย่างเดียว ไม่มีแตะให้เปลี่ยน รวมถึงการเข้าห้องน้ำในหลายๆ ที่ คุณก็จะต้องเปลี่ยนรองเท้าแตะด้านหน้าห้องน้ำ และอย่าลืมเปลี่ยนกลับด้วยละ อย่าคิดจะแซงคิวเป็นอันขาด คุณจะได้เจอการเข้าแถวตอนเรียงหนึ่งในทุกที่ ทั้งตอนรอรถบัส การใช้ลิฟท์ หรือการขึ้นรถไฟ ซึ่งในสถานีจะมีเส้นขีดบอกไว้ตรงพื้น…
-
ญี่ปุ่นผลิต “เต้นท์ห้องมืด” ให้คุณมีสมาธิทำงานได้ ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกบ้านก็หมดปัญหา!?
เคยไหมที่บางครั้งเรารู้สึกอยากได้ห้องมืดๆ สักห้องไว้เวลาทำงานกับคอมพิวเตอร์แม้ในยามกลางวัน หรือยามที่ต้องออกไปข้างแก้งานข้างนอกก็อยากจะอยู่เงียบๆ ด้วยเหตุนี้ทาง Bibi Lab บริษัทจากญี่ปุ่นจึงหาทางออกให้กับคุณ ทางออกที่ว่านั้นก็คือ Bocchi Tent หรือชื่อไทยตั้งเองเกร๋ๆ ว่า “เต้นท์ห้องมืดผู้โดดเดี่ยว” ด้วยเจ้าสินค้าตัวใหม่นี้จะทำให้คุณสามารถพกเต้นท์ที่ปิดมิดชิดขนาดพอดีๆ ไปไหนมาไหนได้สบายๆ รับรองว่าอยู่ที่ไหนก็มืดสนิดไม่มีใครมารบกวนได้เลย แม้แต่แสงก็ผ่านมาไม่ได้!! การใช้งานเจ้าเต้นท์นี้ก็ง่ายแสนง่าย เพราะมันสามารถที่จะพับเก็บได้สะดวกสบายสุดๆ เวลาจะใช้ก็แค่กางออกโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ไงล่ะ สุดยอดเลยใช่ไหม!? นอกจากนี้ถ้าคุณรู้สึกว่าอยากจะให้มีแสงหน่อยๆ เพื่อไม่ให้เสียสายตาแต่ก็ยังอยากเป็นส่วนตัว คุณก็สามารถที่จะเปิดส่วนบนของเต้นท์ได้ หรือถ้าต้องการหน้าต่างก็สามารถเปิดได้เช่นกัน กันฝนกันยุงสบายๆ เรียกง่ายๆ ว่าถ้าเต้นท์สามเหลี่ยมไว้นอนป่า เต้นท์สี่เหลี่ยมตัวนี้ก็ไว้ทำงานนั่นเอง อากาศถ่ายเทง่ายมากๆ เปิดปิดได้หลายด้าน สะดวกสบายตามการใช้งาน หรือจะใช้กั้นแสงเฉยๆ โดยไม่ต้องปิดหมดก็โอเช่นกัน เอาเป็นว่าถ้าใครสนใจอยากจะได้เจ้า Bocchi Tent นี้ ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ Amazon ของญี่ปุ่นได้เลย ซึ่งจะมีราคาอยู่ที่ราวๆ 3,000 บาทเท่านั้น ใครซื้อแล้วใช้ดีอย่าลืมมารีวิวด้วยนะ… ที่มา rocketnews24
-
เกาะแมวญี่ปุ่นทำคลิปหลอกล่อ Ed Sheeran ให้มาเที่ยว เฮ้ย.. พวกเอ็งวางแผนอะไรไว้!?
เรื่องราวสุดแปลก เมื่อเกาะ Ainoshima หรือเกาะที่รู้จักกันในนามเกาะแมวในญี่ปุ่นนั้น ได้ทำแคมเปญการท่องเที่ยวสุดแหวกแนวที่ส่งถึงนักร้องชาวอังกฤษสุดฮอตในขณะนี้ Ed Sheeran งานนี้ก็เล่นเอางงกันใหญ่เลย… แคมเปญดังกล่าวนั้นเป็นคลิปโปรโมตเกาะ Ainoshima โดยใช้ชื่อคลิปตรงๆ ว่า Dear Mr. Ed Sheeran ซึ่งเป็นเหมือนข้อความบอกนักร้องหนุ่มว่า ญี่ปุ่นมีเกาะแมวด้วยนะ แถมมีแมวอยู่ที่นี้เพียบเลย!! แน่นอนว่าคุณคงจะสงสัยว่าทำไมต้องเป็น Ed Sheeran แล้วทำไมต้องเกาะแมว? คำตอบนั้นง่ายมาก เพราะตา Ed เนี่ยเป็นทาสแมวยังไงล่ะ!? หลายคนอาจจะไม่รู้ แต่ว่านักร้องหนุ่มคนนี้มักจะมีปฏิสัมพันธ์กับแมวอยู่บ่อยๆ ทั้งในเพลง Drunk ตอนอัลบั้มแรกที่มีเขากับแมวเป็นส่วนประกอบหลักของ MV หรือจะเป็นการไปทัวน์คอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นเพื่อโปรโมตอัลบั้ม X ที่ญี่ปุ่น ประเทศแห่งคาเฟ่แมวพี่แกก็ไม่วายจะแวะไปเล่นกับแมว ชอบขนาดป้อนข้าวป้อนน้ำร้องเพลง Thinking out loud ให้แมวฟังเลยนะ ที่สำคัญพี่แกยังเลี้ยงแมวด้วยนะ มีหลายตัวเลยล่ะ ไม่เชื่อก็ลองไปดูในอินสตาแกรมของพี่แกดู teddysphotos เรียกว่าทุกๆ 10 ถึง 15 ภาพจะต้องมีแมวอยู่ในนั้นหนึ่งภาพ ทาสแมวของจริงเลย …
-
ศิลปินเผยภาพ ‘สตรีทดรั๊งค์’ จากญี่ปุ่น เพราะงานมันหนัก เลยต้องจัดเรื่องเมาเอาให้ยับ..!!
ถึงแม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่มีสถิติการเกิดอาชญกรรมน้อยเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และประชาชนก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่มีความตึงเครียดสูง อาจเป็นไปได้ว่า ‘ความมอมเมา’ ก็อาจเป็นหนึ่งในวิธีดับปัญหาจากความเหนื่อยล้าได้ ภาพถ่ายทั้งหมดที่เราจะได้ชมนี้ เป็นผลงานของ Lee Chapman ช่างภาพชาวอังกฤษผู้ก่อตั้งบริษัท Tokyo Times ซึ่งเขาก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เคยมาเที่ยวในญี่ปุ่น และรู้สึกติดอกติดใจในวิถีชีวิตของชาวเมือง จนต้องนำภาพที่ถ่ายได้มาแชร์ให้ชาวเน็ตได้รับชมกัน ก็เมื่อคืนมันหนักไปหน่อย… ทั้งเจ้าของทั้งลูกค้า มุมใครมุมมันกันเลยทีเดียว ภาพสาวงามเดินโซซัดโซเซยามเช้าหลังผับปิดก็มีให้เห็นประจำ บ้างก็ยึดหลักปรัชญาเซน… ค่ำไหนนอนนั่น บ้างก็ดื่มอย่างเมามันส์แบบชาวร็อค จนถึงกับลุกไม่ขึ้นกันเลยล่ะ บ้างก็สติดีมีสมประกอบ แต่อยู่ดีๆ ก็วูบลงไปนอนเฉ๊ยย ไม่ว่าจะชุดสูท ชุดแฟชั่น หรือชุดทางการ เมื่อฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ได้ที่แล้ว น้อยคนนักที่จะกลับถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย ตามตลาดหรือแหล่งชุมชนต่างๆ ก็มักจะมีภาพแนวๆ นี้มาให้เห็นประจำแทบทุกวัน เอาเป็นว่าเราลองไปชมภาพถ่ายสะท้อนความเมาขั้นสุดของสายเมาแดนปลาดิบกันต่อเลยจ้า . . . . . . . . . . .…
-
รวม 16 นวัตกรรมสุดฮาจาก ‘ประเทศญี่ปุ่น’ แต่ดูแล้ว มันก็สร้างสรรค์ไม่ใช่เล่นนะ!!
ต้องยอมรับเลยว่า ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ไม่ว่าจะทำอะไร พวกเขาก็มักจะทำมันออกมาอย่างเต็มที่และทุ่มสุดตัว ให้สุดโต่งกันไปเลย หรือแม้แต่ในหนัง รายการเกมส์โชว์ การ์ตูน หรือสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ของญี่ปุ่น ก็มักจะเผยไต๋ความเจ๋งในด้านการสร้างสรรค์ให้เราได้เห็นกันอยู่เสมอ เช่นเดียวกับสิ่งประดิษฐ์สุดล้ำของพวกเขาเหล่านี้ ถึงแม้ว่าบางอย่างอาจจะถูกผลิตขึ้นมานานแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าไอเดียในการสร้างสรรค์ของพวกเขา มันเจ๋งมากจริงๆ 1. ที่จับสำหรับหั่นผัก เพื่อป้องกันไม่ให้มีดบาดมือเราแทน 2. กางเกงพร้อมผ้ากันเปื้อน เหมาะสำหรับคนที่ชอบเช็ดกางเกงตัวเอง 3. เครื่องแคะรูหู แถมยังมีกล้องให้สามารถส่องเห็นด้านในได้อีกด้วย 4. หมวกหมอน ที่จะทำให้คุณพร้อมเข้าสู่การหลับใหลได้ในทุกสถานการณ์ 5. ฝนตกมองไม่เห็นทางเหรอ!? นี่เลย ร่มแบบมีช่องส่องทางเดิน 6. กระปุกออมสินแบบกินตัง แอบหลอนเหมือนมีชีวิตจริงๆเลยนะเนี่ย 7. ไม้ค้ำ สำหรับการนอนหลับในทุกๆสถานที่ 8. เมื่อคุณแม่ขี้เกียจถูพื้น ก็ต้องแอบใช้ลูกซะเลย 9. มีดพับเอนกประสงค์ก็มีมาแล้ว คราวนี้เอาใจชาวสวนกับ อุปกรณ์ทำสวนแบบพับ (แต่ขนาดใหญ่เหมือนเดิม) …
-
สุดยอดภาพถ่ายอันน่าตื่นตาตื่นใจของปีศาจ Tengu ในงาน “เทศกาลเดินลุยไฟ” ที่ฮอกไกโด
“ญี่ปุ่น” เป็นประเทศที่มีเทศกาลที่แปลกประหลาด และน่าตื่นตาตื่นใจเกิดขึ้นแทบทุกฤดูกาล และหนึ่งในนั้นคือเทศกาล Tengu no Hi-watari (天狗の火渡り) หรือ เทศกาลเดินลุยไฟ ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกๆ ปีในหมู่บ้าน Furubira ของฮอกไกโด สำหรับเทศกาลดังกล่าวจะมีคนแต่งเป็น Tengu ปีศาจใบหน้าสีแดง จมูกยาว สวมชุดแบบชาวเขา และถือพัดขนนก มาเดินลุยผ่านกองไฟ เพื่อบูชา Ebisu เทพเจ้าแห่งการประมงและเป็นเทพที่นิยมบูชากันในตลาดปลานั่นเอง และเมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อ @katuka2 ได้แบ่งปันภาพถ่ายอันน่าตื่นตาตื่นใจของผู้สวมใส่หน้ากาก Tengu ที่อยู่ท่ามกลางเปลวไฟอันร้อนระอุในงานเทศกาลเดินลุยไฟ ซึ่งต้องบอกเลยว่ามันเป็นภาพถ่ายที่ทั้งงดงาม ผสมผสานกับความชั่วร้ายในเวลาเดียวกัน ทันทีที่ภาพดังกล่าวได้ถูกนำไปเผยแพร่ลงในทวิตเตอร์ ก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นอย่างมาก โดยมีคนรีทวิตไปมากกว่า 37,000 ครั้ง และกดไลค์มากกว่า 70,000 คนเลยทีเดียว เป็นฉากการแสดงที่มีความสมบูรณ์แบบจริงๆ ดูมีพลังมาก สุดยอดดดดด!! Tengu กำลังเดินลุยผ่านองไฟ หลังจากที่การเดินลุยไฟของผู้สวมใส่หน้ากาก…
-
ของเล่นใหม่จากญี่ปุ่น “คริสตัลทำมือ” ไม่ต้องบินไปไกลถึงดาวคริปตันก็มีได้ง่ายๆ
ถ้าหากจะพูดถึงเรื่องความคิดสร้างสรรค์และความแปลกใหม่แล้วล่ะก็ หลายๆ คนอาจจะนึกถึงประเทศญี่ปุ่นแน่นอน และวันนี้เราก็จะขอพาทุกคนมารู็จักกับของเล่นชิ้นหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่น ที่เจ๋งและแปลกใหม่ไม่ซ้ำใครเลยทีเดียว ซึ่งเจ้าของเล่นที่ว่านั้นก็คือ… Magic Crystal อุปกรณ์สร้างคริสตัลแบบทำมือง่ายๆ ที่บ้าน ไม่ต้องไปไกลถึงดาวคริปตัน คุณก็สามารถมีผลึกแก้วสวยๆ นี้ไว้ที่บ้านได้แล้ว!! นี่คือโฉมหน้าของเจ้า Magic Crystal ที่ว่านี้ และแน่นอนวันนี้เราก็ได้นำวิธีการเล่นเจ้า Magic Crystal นี้จากเว็บไซต์ Buzzfeed มาฝากทุกคนกัน และเมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบอุปกณ์ทั้ง 5 อย่างที่มีมาให้ อ่า… เริ่มต้นจากเทผงคริสตัลลงในถังก่อนเลย จากนั้นเติมน้ำร้อนลงไป แล้วก็คนจนกระทั่งผงคริสตัลละลายเข้ากับน้ำ เมื่อเข้าที่ดีแล้วใส่แผ่นกระดาษรองพื้นลงไป และตามด้วยเม็ดคริสตัล เม็ดคริสตัลจะทำปฏิกริยากับผงคริสตัล และกลายเป็นผลึกจับอยู่ตรงกระดาษรองพื้น จากนั้นก็รออีกประมาณ 10 วัน และแล้วหลังจากผ่านไป 1 วัน แท่งคริสตัลก็เริ่มออกมาให้เราเห็นแล้ว!! และเมื่อ 4 วันผ่านไป คริสตัลน้อยของเราก็เริ่มโตอย่างช้าๆ วันที่ 7 ผ่านไป…
-
ลุงทำบ้าไรของลุง!! เมื่อมีคนจับภาพตาลุงบนรถไฟดึง “ขนหะมอยส์” โยนใส่สาวที่กำลังหลับข้างๆ
ปกติแล้วเราจะเข้าใจกันดีว่าชีวิตบนรถไฟญี่ปุ่นนั้นเป็นอะไรที่สะอาด ดูดี และมีผู้คนมากมายใช้งานกันตลอดเวลา และยังเป็นที่ๆ คนชอบจะงีบหลับระหว่างทางด้วย แต่ล่าสุดกลับมีเหตุการณ์สุด WTF เกิดขึ้นเนี่ยสิ… แม้ว่าคนญี่ปุ่นจะมีสถิติการก่อเหตุบนรถไฟที่น้อยมากๆ จนคนรู้สึกปลอดภัยที่จะงีบชิวๆ บนรถไฟนั้น มันก็ยังไม่วายมีตาลุงคนหนึ่งมาทำเรื่องสุดเหวอ เมื่อมีชาวเน็ตจับภาพตาลุงคนนี้ที่นั่งข้างๆ วัยรุ่นสาวคนหนึ่งที่กำลังหลับอย่างสบายใจ แต่ถ้านั่งข้างเฉยๆ มันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ ทว่าตาลุงคนนี้กลับล้วงเข้าไปในกางเกงพร้อมดึงขนวิเศษของลุงแกออกมาจากเป้า จากนั้นก็ทำท่าราวกับเป็น Saltbae แล้วปล่อยลงบริเวณต้นคอของหญิงสาว พร้อมเกาคิ้วราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่พอแค่นั้น ตาลุงยังไม่หยุุดเพียงแค่ครั้งเดียว ลุงแกยังคงล้วงเข้าไปและดึงขนวิเศษออกมาอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับจบด้วยการลูบหัวเกาคิ้วราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือในตอนจบลุงแกทำท่าเหมือนจ้องมองอะไรบางอย่างของหญิงสาวนั่นเอง ยังไงก็ตามคลิปนี้ได้ถูกแชร์ออกไปสู่โลกอินเตอร์เน็ต และก็มีคนแสดงความคิดเห็นมากมาย ซึ่งหนึ่งในคอมเม้นต์ก็บอกว่า ทำไมคนที่ถ่ายถึงไม่ยอมบอกลุงให้หยุดทำแบบนั้นกัน? แต่กลับถ่ายคลิปไว้เฉยๆ อย่างนั้นนะเหรอ? ลองชมคลิปเหตุการณ์ได้ข้างล่างเลย สุดท้ายแล้วตาลุงคนดังกล่าวก็ถูกจัดว่าเป็นกลุ่มคนประเภทโรคจิตแบบหนึ่ง ซึ่งนานๆ จะพบสักครั้งหนึ่งบนรถไฟญี่ปุ่น และแม้ว่าการดึงขนวิเศษอาจจะไม่ได้สร้างความเสียหายโดยตรง แต่มันก็ไม่เป็นมิตรกับหญิงคนดังกล่าวถ้าเธอตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าช่วงที่เธอหลับเกิดอะไรขึ้นกับเธอแน่นอน… ที่มา rocketnews24
-
เจ้า Grape ร่ำไห้ เมื่อป้ายสาว 2D ของมันถูก จนท.สวนสัตว์อุ้มไปเก็บหลังจากมีข่าวพายุจะเข้า!!
ยังจำกันได้ไหมกับเจ้า Grape เพนกวิ้นจากสวนสัตว์ Tobo ในจังหวัดไซตามะ ที่ชื่นชอบป้ายตัวการ์ตูน 2D มากๆ จนไม่ยอมไปไหน…ถ้าจำไม่ได้หรือคิดไม่ออกก็สามารถเข้าไปอ่านข่าวเก่าได้ที่ ‘เชื่อเหอะ ใครๆ ก็รักสาว 2D แม้แต่เจ้านกเพนกวิ้น ก็ยังตกหลุมรักยืนจ้องไม่เคยห่าง!!‘ ภาพเก่าย้อนมาาาา… หลังจากเรื่องราวของมันแพร่ออกไปจนข่าวคราวหายไป ล่าสุดก็มีอัพเดตให้เราได้รู้เกี่ยวกับชีวิตของมันกันสักที ทว่ากลับเป็นเรื่องราวสุดเศร้าแทนซะนี่ เมื่อล่าสุดป้ายของ Hululu หรือเพนกวิ้นสาว 2D นั้นได้ถูกเจ้าหน้าที่ถอดออกไปเรียบร้อย ซึ่งพวกเขาบอกว่าจะเอาป้ายนี้ไปเก็บไว้สักพักเพราะมีรายงานว่าพายุจะเข้า ทางเจ้าหน้ากลัวว่าป้ายจะหักเป็นอันตรายไป เดี๋ยวเจ้า Grape จะเศร้ากว่าเดิม ได้โปรด อย่าพรากเธอไปจากฉัน แต่เชื่อไหมว่าแค่การถอดป้ายไปเก็บเนี่ย มันก็สร้างซีนอารมณ์และความเศร้าอย่างกับหนังชีวิตให้กับเจ้า Grape ได้พอสมควรเลยล่ะ เพราะมันเป็นเพนกวิ้นฉะนั้นมันไม่รู้จริงๆ หรอกว่าป้ายสุดรักของมันจะถูกถอดออกไปถาวรหรือแค่ชั่วคราว เมื่อไม่มีเธอเหมือนเก่า หัวใจฉันก็แตกสลายยย หลังจากภาพซีนอารมณ์ของเจ้า Grape ได้เผยแพร่ไปตามโลกอินเตอร์เน็ตแล้ว ชาวเน็ตที่เห็นก็อดใจไม่ได้ที่จะวาดรูปให้กับมัน พร้อมแสดงความคิดเห็นต่างๆ นาๆ แตกต่างกันไป ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะไปในทิศทางประมาณว่า “เอา Hululu ไปเก็บก่อนดีแล้ว ดีกว่าปล่อยให้เธอต้องปลิวหายหรือพังนะเจ้า Grape” อย่าเอา Hululu ไปเลยนะฮะ ฮือๆ…
-
ช่างภาพเก็บบรรยากาศ เทศกาล ‘ดอกไม้ไฟ’ จากทั่วญี่ปุ่น ความงดงามค้างฟ้าสุดอลังกาล…
ดอกไม้ไฟความงดงามที่เกิดขึ้นเพียงแวบเดียวก่อนที่จะเลือนลางหายไป เหลือไว้เพียงความทรงจำ หนทางหนึ่งที่จะเก็บรักษาความประทับใจนั้นเอาไว้ได้ก็คือ ‘ภาพถ่าย’ นั่นเอง ทุกช่วงฤดูร้อนในประเทศญี่ปุ่น จะมีเทศกาลดอกไม้ไฟมากมายถูกจัดขึ้นทั่วประเทศ กว่า 200 แห่ง และเพื่อให้ทุกคนทั่วโลกได้เห็นถึงความงดงามของมันจึงได้มีการเก็บภาพเหล่านี้เอาไว้ออกมาให้เราได้เห็น ภาพที่สะท้อนผิวน้ำก็ยังคงความสวยงามเอาไว้ได้ แสงที่ตกลงมาช่วยเพิ่มความสวยงาม โดยช่างภาพที่มีชื่อว่า Keisuke ใช้ช่วงเวลาในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมที่ผ่านมา ออกเดินทางไปในงานเทศกาลของแต่ละเมือง เพื่อเก็บแสงแห่งความทรงจำนั้นไว้มาเผยแพร่ในอินสตาแกรมส่วนตัวของเขา ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง อยู่นอกเมืองก็ยังคงมองเห็น แม้ว่าเขาจะมีอายุเพียงแค่ 25 แต่เขาก็ได้รับรางวัลมามากมายฝีมือการถ่ายภาพทิวทัศน์ และสิ่งนั้นเองที่ทำให้เรามีโอกาสได้เห็นว่า ดอกไม้ไฟเหล่านี้มีความสวยงามและน่าอัศจรรย์มากเพียงใด เห็นอย่างนี้แล้วปีหน้าก็อยากจะเปิดกระเป๋ายัดเสื้อผ้า ซักครั้งในชีวิตอยากไปดูด้วยตาตัวเอง เรียงสว่างกันเต็มฟ้าเลย ต้นมะพร้าวสไตล์ ความน่าดึงดูดของฝีมือและสิ่งที่เขาไปบันทึกมาได้ ทำให้ยอดผู้ติดตามของเขาพุ่งสูงขึ้นไปเกือบ 29,000 คนแล้ว ส่วนนี่ก็ต้นปาล์มนี่เอง สีสันสดใสชวนชม รายละเอียดรอบๆ ทำให้ดึงดูดสายตามากขึ้นไปอีก เหมือนกับเปลือกเงาะวางอยู่บนพื้นเลย นี่ยิงกันไปกี่นัดเนี่ย หากใครชื่นชอบผลงานของเขาคนนี้ ก็สามารถเข้าไปติดตามดูเพิ่มเติมได้ที่อินสตาแกรม…
-
ญี่ปุ่นผุด “บริการเพื่อนเช่า” สำหรับคนขี้เหงาที่อยากจะโชว์ในโลกออนไลน์ว่า ฉันก็มีเพื่อนนะจ๊ะ
ในยุคที่สังคมออนไลน์มีความสำคัญกับมนุษย์เป็นอย่างมาก สิ่งที่เราได้ชมได้เห็นจากสื่อโซเชียลมีเดียทุกวันนี้ ล้วนแต่เป็นกิจกรรมที่เพื่อนร่วมโลกคนอื่นๆ ได้ทำแล้วนำมาเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ทำให้เราได้ทราบความเป็นไปต่างๆ บนโลกใบนี้เพียงแค่เราใช้ปลายนิ้วเท่านั้น ในสังคมออนไลน์มีผู้คนมากมายหลายแบบทั้งสายเพ้อ สายฮา สายดราม่าหรือสายเผือก ผู้คนเหล่านี้มีอิทธิพลในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก ทุกอย่างที่ได้เผยแพร่ลงบนโซเชียลก็ย่อมมีคนจับตามองตลอด ทำให้มนุษย์มีความอยากอวดอยากแข่งขันกันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้วิถีของมนุษย์เปลี่ยนไปจากที่เคยอยู่อย่างสงบสุขกลับกลายเป็นต้องแข่งขันเพื่อหน้าตาในสื่อสังคม ในเมื่อโลกออนไลน์มีอิทธิพลเยอะขนาดนี้ ผู้คนก็มีความต้องการที่จะสร้างภาพวิถีชีวิตของตัวเอง ที่ประเทศญี่ปุ่นก็เลยผุดไอเดีย “บริการเพื่อนเช่า” เพื่อสนองความต้องการให้กับคนที่เหงา ไม่ค่อยมีเพื่อนในชีวิตจริง ให้ไปอวดในสังคมออนไลน์ว่า ฉันน่ะมีเพื่อนเยอะนะเว้ย เจ้าบริการเพื่อนเช่านี้เกิดขึ้นมาเพราะว่า ค่านิยมสังคมออนไลน์ที่ญี่ปุ่น ภาพถ่ายที่โพสต์ในเฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรมจะเป็นที่ถูกจับตามองเป็นอย่างมาก หนุ่มสาวทั้งหลายต่างก็อยากจะโพสต์รูปภาพวิถีชีวิตของตัวเอง บางคนก็อยากจะสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์จนต้องสร้างภาพวิถีชีวิตดีดีของตัวเองขึ้นมา แต่ชีวิตจริงเพื่อนดีๆ ไม่ได้หาง่ายๆ บริการเพื่อนเช่านี้เลยเกิดขึ้นมา ตอนนี้ก็ที่ต้องการและกลับประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิดอีก นาย Maki Abe ประธานบริษัทให้บริการเพื่อนเช่าได้รับการตอบรับอย่างดีมาก อัตราการเจริญเติบโตกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ จากยอดผู้ใช้บริการในปี 2016 ก็เพิ่มขึ้นในปีนี้ถึง 20 % ลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวที่มีอายุตั้งแต่ 20-30 ปี แต่ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นก็คือลูกค้าถึง 60 % เป็นผู้หญิงน่ะซิ บริการเพื่อนเช่า อันดับแรกจะได้รับการติดต่อจากลูกค้า…
-
20 ภาพถ่าย “บ้านหลังน้อย” ในเมืองเกียวโต เผยให้เห็นเสน่ห์เล็กๆ ที่ยังคงเฉิดฉายอยู่…
เกียวโตเป็นเมืองหลวงอันเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่น อุดมไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเมืองที่เต็มไปด้วยวัดโบราณ และอาคารขนาดใหญ่ของราชวงศ์ต่างๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่โตเกียวจะมีตึกสูงเรียงราย เพื่อรองรบนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งเลือกที่จะสร้างบ้านหลังเล็กๆ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม ที่ไม่มีความหรูหราอะไรมาก แต่ดูโดดเด่นไม่แพ้ตึกสูงระฟ้าเลย 1. บ้านหลังเล็กติดถนนใหญ่ เมื่อประมาณ 1 ปีก่อน John Einarsen ช่างภาพและผู้ก่อตั้งนิตยสาร Kyoto Journal ได้เริ่มโพสต์ภาพชุดที่มีชื่อว่า Small Buildings of Kyoto ลงในอินสตาแกรม ภาพชุดนี้ถ่ายจากกล้องไอโฟนในระหว่างที่ช่างภาพได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น และได้ปั่นจักรยานเป็นประจำทุกวันเพื่อชมความงดงามของเมืองเกียวโตแห่งนี้ 2. ร้านตัดผมนากาฮารา ในระหว่างการท่องเที่ยวนี้ เขาได้ถ่ายรูปมากกว่า 200 รูป ประกอบไปด้วยรูปบ้าน อาคารธุรกิจเล็กๆ ศาลเจ้า เวิร์คช็อป รวมทั้งโรงน้ำชา ซึ่งแต่ละที่ก็ล้วนมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน อาคารเหล่านี้อาจไม่ได้ดูโดดเด่นอะไร แต่มันก็ทำให้เห็นถึงความแตกต่างและความงดงามในอีกแง่มุมหนึ่งท่ามกลางเมืองท่องเที่ยวและเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมแห่งนี้ 3. อาคารที่ประดับด้วยกุหลาบแดง 4. บ้านไม้เก่าๆ บนถนนโฮริคาวา 5. ศาลเจ้า Jizo…
-
12 ข้อมูลเด็ด ‘กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น’ แม้ไม่ใช่ทหาร แต่บอกเลยไม่ธรรมดา..!!
จากสถานการณ์ความตึงเครียด หลังจากที่เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธอยู่เรื่อยๆ อย่างเมื่อล่าสุดก็ช่วงเช้ามืดของวันที่ 15 กันยายน 2017 ที่มีการทดสอบยิงขีปนาวุธเหนือน่านฟ้าเกาะฮอกไกโด เล่นเอาทางการญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ที่ใกล้เคียงต้องออกมาเตรียมรับมืออย่างเร่งด่วน และเป็นอย่างที่เราทราบกันดีว่า หลังจากที่ญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้มีการประกาศยกเลิกไม่ให้มีกองทัพทหารไป แต่เปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า ‘กองกำลังป้องกันตนเอง’ (Japan Self-Defense Froce) แทน หลังจากที่ได้ยินชื่อแล้วหลายคนอาจไม่คุ้นหูซักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเราจะพาทุกคนไปชมข้อมูลของกองกำลังป้องกันตนเอง จากเว็บไซต์ GlobalFirePower ขอบอกเลยว่า… ถึงจะชื่อกองกำลังป้องกันตนเอง แต่ถ้าพวกเขาได้ออกโรงแล้วเรื่องไม่จบง่ายๆ แน่นอน!! 1. กองกำลังป้องกันตนเองมีกำลังพลทั้งหมด 311,875 คน 2. กองกำลังพลที่พร้อมจะออกปฏิบัติหน้าที่มีจำนวนทั้งหมด 248,575 คน และกองกำลังสำรอง 63,300 คน กองกำลังภาคอากาศ แม้ว่าดูเผินๆ เราอาจจะไม่ค่อยได้เห็นนวัตกรรมทางทหารของญี่ปุ่นบ่อยนัก แต่ขอบอกเลยว่ากำลังพลทางด้านกองทัพอากาศนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว… 3. กองกำลังป้องกันตนเองมีจำนวนเครื่องบินประจำการทั้งหมด 1,594 ลำ ขณะที่กองทัพไทยมีเครื่องบินประจำการทั้งหมด 555 ลำ 4.…
-
20 สิ่งประดิษฐ์เจ๋งๆ จากญี่ปุ่น (Ver.2) สร้างสรรค์ฉีกกรอบกันได้ แทบหยุดไม่อยู่แล้ว…
เรื่องความแปลกใหม่ไม่ซ้ำซากจำเจนี่ ต้องยอมรับเลยว่าชาวเมืองแดนปลาดิบเค้ามีไอเดียสร้างสรรค์บรรเจิดกันได้ไม่รู้จบจริงๆ และครั้งนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 20 สิ่งประดิษฐ์ที่ดูแปลกแหวกแนวแต่ก็เต็มไปด้วยประโยชน์ที่มันใช้งานได้จริง จะเจ๋งขนาดไหนตามไปชมกันเลยจ๊ะ… 1. เครื่องดัดจมูกให้มีดั้ง จะไปเปลืองตัวกับมีดหมอทำไม แค่คุณหนีบมันไว้… แล้วก็รอดูผลระยะยาวแค่นั้นเอง 2. แว่นตาสำหรับน้ำยาหยอดตา นวัตกรรมที่ช่วยให้การหยอดน้ำยาใส่ตาเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก 3. แผ่นมาร์กหน้ารูปแมวเหมียว สมัยนี้แค่มาร์กหน้าให้สุขภาพผิวดีมันยังไม่พอ แต่จะพิเศษยิ่งขึ้นไปอีกถ้าคุณกลายร่างเป็นแมวเหมียวได้ด้วย 4. บาร์อาหารกระป๋อง ร้านอาหารแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ที่เปิดให้บริการเฉพาะคนที่หลงใหลในอาหารสำเร็จรูปเท่านั้น และทุกเมนูจะเป็นอาหารกระป๋องทั้งหมด 5. เสื้อสำหรับคนอยากมีกล้าม จะไปเล่นฟิตเนสพร้อมคุมอาหารให้ยากทำไม ยุคสมัยนี้ใครๆ ก็หุ่นดีได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่คุณหยิบเสื้อนี้มาใส่ 6. กางเกงยีนส์ที่มาพร้อมหางแมว เอิ่มม…. เอาจริงเร๊อะ!? 7. ไม้ถูพื้นแบบบังคับได้ ลองนึกภาพดูสิว่าคุณสามารถทำความสะอาดพื้นบ้านได้ เพียงแค่คุณหยิบรีโมทขึ้นมาบังคับไม้ถู เหมือนย้อนอดีตไปเล่นรถบังคับยังไงยังงั้น 8. เก้าอี้ขนสัตว์และขาจำลอง เห็นตอนแรกก็แอบหลอน แต่เอาจริงๆ ก็ดูน่ารักไม่หยอก แต่ใครที่แพ้ขนสัตว์ก็อาจจะต้องระมัดระวังหน่อยนะ 9. หมอนรองอาบน้ำและที่วางโทรศัพท์ 2…
-
เปรียบเทียบ 16 สิ่งที่เปลี่ยนไป เมื่อ “โดราเอม่อน” จากญี่ปุ่น ถูกดิสนีย์เอาไปฉายในอเมริกา
ความทรงจำในวัยเด็กเกี่ยวกับการ์ตูนเต็มไปด้วยความสนุกสนานเฮฮา แต่ถ้าหากเราลองมาดูในตอนที่โตขึ้นแล้วกลับพบว่าการ์ตูนเด็กๆ เหล่านี้… กลับซ่อนรายละเอียดอะไรบางอย่างโดยที่เราไม่ทันสังเกตเลย อย่างเช่นความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ของการ์ตูนเรื่องเดียวกันแต่มีสองเวอร์ชั่นทั้งในและต่างประเทศ กรณีที่จะหยิบยกมาให้ชมกันในครั้งนี้ก็คือเรื่อง ‘โดราเอม่อน’ คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณการ์ตูนเรื่องนี้ให้มากมาย #เหมียวเลเซอร์ เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้จักกันดี แต่รายละเอียดในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นกับอเมริกันที่ดีสนีย์ซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายนั้นมีจุดที่แตกต่างกันดังต่อไปนี้ ว่ากันด้วยเรื่องของชื่อตัวละคร 1. Nobita ซึ่งเป็นชื่อญี่ปุ่นก็ถูกเปลี่ยนเป็น Noby ปกติตัวละครเอกของเราจะมีชื่อว่า ‘โนบิตะ’ มีนามสกุลว่า ‘โนบิ’ ซึ่งถ้าหากให้ชาวตะวันตกอ่านออกเสียงจะเป็น Nobi หรือ Noby ทำให้เข้าใจผิดเป็น Nobody ไปซะงั้น แต่ก็ยังเรียกว่า Noby นั่นแหละ อีกทั้งยังเปลี่ยนชื่อตัวละครอื่นๆ ด้วยเช่น ชิซูกะ – Sue, ซึเนโอะ – Sneech, ไจแอ้นท์ – Big G ส่วนน้องสาวไจแอ้นท์ ไจโกะ เปลี่ยนเป็น Little G 2. Suneo ก็มีชื่ออเมริกันเก๋ๆ ว่า Sneech …
-
อินเดียเริ่มสร้างรถไฟหัวกระสุน โดยได้รับความร่วมมือจากญี่ปุ่น เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน การเดินทางถือเป็นกิจกรรมหลักของประชากรส่วนใหญ่ในแต่ละวัน ดังนั้น หลายๆ ประเทศจึงต้องปรับปรุงและพัฒนาระบบการขนส่งให้เหมาะสมกับความต้องการอยู่เสมอ ล่าสุดประเทศที่มีประชากรจำนวนมากอย่างอินเดียก็เริ่มสร้างรถไฟความเร็วสูงแล้ว เพื่อที่จะรองรับการเดินทางของประชากรทั่วประเทศ สำหรับรถไฟความเร็วสูงนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2022 โดยจะลดระยะเวลาการเดินทางจาก 8 ชั่วโมง เหลือเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งนี้อินเดียได้รับความช่วยเหลือจากญี่ปุ่น ในการสร้างรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งได้เกือบ 500 กิโลเมตร ระหว่าง Ahmadabad ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าของอินเดีย ไปยังศูนย์กลางทางการเงินของอินเดียที่เมืองมุมไบ นอกจากเสนอความช่วยเหลือแล้วด้านการสร้างแล้ว ญึ่ปุ่นยังให้ความช่วยเหลือด้านการเงินสำหรับทำโครงการนี้อีกด้วย โดยการให้กู้เงินและคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ ความร่วมมือดังกล่าวนี้ส่งผลให้ผู้นำอินเดีย Narendra Modi และญี่ปุ่น Shinzo Abe ได้ระดมแรงงานกว่า 4,000 คน เพื่อฝึกอบรมในการทำรถไฟความเร็วเร็วสูง ผู้นำญี่ปุ่นกล่าวว่า “นายกรัฐมนตรี Narendra Modi เป็นเพื่อนที่ดีของผม เขาเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เขาได้ตัดสินใจที่จะสร้างรถไฟความเร็วสูงเมื่อ 2 ปี ก่อน เพื่อที่จะนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่อินเดีย” “เมื่อผมกลับที่นี่อีกครั้งในไม่กี่ปีข้างหน้า ผมคาดหวังว่าจะได้ชมทิวทัศน์อันสวยงามของอินเดีย ผ่านหน้าต่างรถไฟหัวกระสุน” ทางด้านนักวิเคราะห์บอกว่า การสร้างรถไฟความเร็วสูงจะช่วยเพิ่มการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภาคอุตสาหกรรมตะวันตกของอินเดียที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งยังช่วยลดความแออัดในเมืองด้วย…
-
‘เหมียวบูชิโด’ โชว์สเต็ปการนอนหลับแบบวิถี ‘เซน’ เล่นเอาชาวญี่ปุ่นอึ้งไปตามๆ กัน!!
เอาจริงๆ เราก็ไม่รู้หรอกว่า ‘วิถีเซน’ จริงๆ เป็นยังไง… แต่เท่าที่อ่านมาเผินๆ ก็จะประมาณว่า เป็นหลักความเชื่อทางปรัชญาในการใช้ชีวิตอย่างหนึ่ง ที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมหรือขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวญี่ปุ่น แต่ใครเล่าจะรู้ว่า เฒ่าคงแก่เรียนตัวจริงที่สามารถบรรลุวิชาเซนไปถึงขั้นพระอรหันต์ได้นั้นกลับไม่ใช่คน แต่มันเป็นแมวเหมียว!! เรียกได้ว่างานนี้ชาวบูชิโดถึงกับอึ้งไปตามๆ กันเลยครับคุณผู้ชม เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ชาวเน็ตผู้ใช้ทวิตเตอร์ @jinjahan0817 ได้โพสต์ภาพของเจ้าเหมียวนิรนามจากศาสนสถาน Shonai ในจังหวัดยะมะงะตะ ยิ่งเห็นพฤติกรรมของพวกมันยิ่งทำให้เราสงสัยถึงตัวตนที่แท้จริง เพราะชาวเน็ตคนดังกล่าวได้ถ่ายภาพพร้อมนั่งสังเกตพฤติกรรมเจ้าเหมียวอยู่ซักพัก และเขาก็ได้ค้นพบความจริงที่ว่า ‘เหมียวเซน’ ที่เดินไปเดินมาด้วยท่าทางเชื่องช้าอย่างสำรวม แท้จริงแล้วมันเป็นแมวที่ได้รับการปลูกฝังวิถีแห่งเซนมาตั้งแต่กำเนิด ถึงขนาดที่นักบวชหลายๆ คนอาจซึ้งในรสพระธรรมได้ไม่เท่ามันเลยด้วยซ้ำ ด้อมๆ มองๆ เหมือนจะตามหาอะไรซักอย่าง… เพียงแค่เสี้ยวมิลลิวินาทีที่เจ้าของทวิตเตอร์ละสายตา เมื่อหันมามองอีกครั้งเขาก็พบว่าเจ้าเหมียวสามารถหายตัว… และไปโผล่อยู่กลางสวนหย่อมแห่งวิถีเซนได้โดยไม่มีใครรู้ ไม่มีแม้กระทั่งรอยเท้าบนลานหินกรวด ไม่มีแม้กระทั่งเสียงอุ้งเท้าอันปุ้มปุ้ยเหยียบกดลงไปบนก้อนกรวดนับล้านชิ้น มีเพียงความปราดเปรี่ยว ว่องไว และไร้ซึ่งการคาดคะเนเท่านั้นที่เจ้าเหมียวนี้ได้ฝากไว้กับเรา (ตกลงเป็นเซนหรือนินจาฟร๊ะ!?) และนี่คือภาพที่เจ้าตัวได้เจอ… นายไปโผล่อยู่ตรงนั้นได้ไงไอ้เหมียว!! ใครจะไปเชื่อละว่าเรื่องวุ่นๆ ของเจ้าเหมียวเซน จะกลายเป็นกระแสไวรัลโด่งดังไปทั่วเกาะญี่ปุ่น ถึงกับมีชาวเน็ตออกมาบอกว่าอยากจะเดินทางไปร่ำเรียนวิถีเซนด้วยตัวเองเลยก็มี “แมวเป็นตัวแทนของสิ่งที่เรียกว่า ‘พระเจ้า’ หากความงามของมนุษย์คือการสร้างสวนหย่อมธรรมชาติ สุนทรียศาสตร์ของพระเจ้าก็คือการสร้างแมวเหมียวนั่นเอง”…
-
รวมอุปกรณ์เสริมเล็กๆ แต่ช่วยเพิ่มพื้นที่ได้เยอะอย่างไม่น่าเชื่อ งานนี้ส่งตรงจากญี่ปุ่น!!
ปกติแล้วเวลาเราเอาของแช่ตู้เย็นนั้นนั้นก็มักจะยัดๆ เข้าไปโดยไม่คิดอะไร ไม่ได้คิดถึงพื้นที่ในการจัดการภายในสักเท่าไหร่ และแน่นอนว่ามันก็จะเต็มง่ายสุดๆ ด้วยเหตุนี้ทางญี่ปุ่นก็เลยออกอุุปกรณ์เสริมเล็กๆ ไว้ใช้ในตู้เย็นออกมา ซึ่งมันเป็นตัวเสริมที่ไว้ใช้ในการจัดเรียงสิ่งต่างๆ ภายในตู้เย็นให้มีพื้นที่ใช้งานได้เยอะมากขึ้น เชื่อเถอะว่าอุปกรณ์เสริมพวกนี้ จะช่วยเพิ่มสเปซตู้เย็นของเรา และทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นมากๆ ว่าแต่จะมีอะไรบ้างนั้น เราลองมาดูกันเลยดีกว่า อุปกรณ์วางหลอดซอสต่างๆ ที่ใช้พื้นว่างตรงมุมประตูตู้เย็น สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่ yahoo สำหรับคอเบียร์กระป๋องจะต้องรักอุปกรณ์นี้แน่ๆ เพราะมันจะทำให้มีพื้นที่เยอะขึ้นมากๆ แล้ยังใช้งานง่ายสุดๆ เห็นไหมใช้ง่ายจริงๆ นะ ถ้าถูกใจก็ลองเข้าไปสั่งซื้อได้ที่ yahoo ตัวเสริมที่ไว้เก็บของตรงใต้ชั้นตู้เย็น ที่บางครั้งเราก็ไม่ได้วางของที่ยาวๆ เท่าไหร่ เห็นภาพเลยใช่ไหมล่ะ? สนใจเข้าไปดูได้ที่ yahoo อุปกรณ์เสริมสำหรับของกินที่เป็นถุงๆ ทำงานง่ายๆ เหมือนที่วางหนังสือ เห็นภาพไหมล่ะ แต่ถ้าวางไว้ข้างใต้ วางซ้อนกันอาจจะเยอะกว่าก็ได้นะ สนใจสั่งได้ที่ shopping เป็นไงล่ะ เล็กน้อยแต่น่าสนใจใช่ไหมล่ะ เอาเงินเราไปเลยดีกว่าแบบนี้ ที่มา buzzfeed
-
หนุ่มญี่ปุ่นแต่งตัวเป็นผี “แกล้งคุณยาย” แบบเบาๆ จนเกิดเป็นความตลกปนน่ารักเล็กๆ
ปัจจุบันนั้นคลิปการแกล้งคนหรือที่เรียกกันว่า Prank นั้นมีเยอะแยะมากมายเลยตามโลกอินเตอร์เน็ต ซึ่งคลิปแนวดังกล่าวก็มีตั้งแต่เบาๆ ขำๆ ไปจนถึงแกล้งกันรุนแรงจนดูแล้วก็รับไม่ค่อยได้เลยก็มี ซึ่งจะฮิตมากๆ ในฝั่งตะวันตก แต่ฝั่งตะวันออกก็มีเช่นกัน โดยเป็นคลิปจากยูทูบเบอร์ชาวญี่ปุ่น すしらーめん《りく》 ซึ่งเขาได้แกล้งคุณยายของเขาที่มักจะตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่เสมอๆ โดยงานนี้เขาก็เลยแต่งตัวเป็นผีแบบบ้านๆ มาหลอกคุณยายซะเลย วิธีการแกล้งของเขาก็ง่ายแสนง่าย เอาชุดสีขาวมาใส่และสวมวิกผมยาว เท่านี้ก็หลอกคุณยายได้สบายๆ แล้ว ก็แน่ล่ะมาเช้ามืดแบบนั้นใครก็ต้องกลัวจริงไหม ฮร่าๆ ชุดที่ใส่มาแกล้งนั้นมันชุดคลุมบ้านๆ เลยนะเนี่ย ส่วนถ้าถามว่ามันได้ผลไหมมันก็ได้ผลจริงๆ คุณยายร้องลั่นเลยทีเดียว และแม้จะแกล้งถึงสองครั้งก็ยังได้ผลเช่นเคย แต่ถ้าใครอยากจะทำแบบนี้บ้างก็ต้องดูด้วยนะว่า คุณยายของเพื่อนๆ แก่และขี้ตกใจขนาดไหน เล่นไม่ระวังอาจจะทำให้คุณยายหัวใจวายได้นะ แต่เอาจริงๆ รอบแรกคุณยายไม่ทันเห็นนะ ฮร่าๆ แต่พอเห็นก็ตกใจเล็กๆ น่ารักดีนะ แต่สำหรับหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ เขากับคุณยายเป็นคู่หู่ที่น่ารักอยู่แล้ว และถ้าลองเข้าไปดูในช่องของเขาเราก็จะพบว่า เขากับคุณยายมักจะแกล้งกันบ่อยๆ และก็ล้วนเป็นการแกล้งเบาๆ ไม่ได้รุนแรงอะไร คลิปส่วนใหญ่จึงได้รับความนิยมมากๆ เลยล่ะ รอบสุดท้ายคุณยายร้องลั่นเลย ฮร่าๆ เปิดประตูมาแล้วก็โจมตีทันที!! เอาเป็นว่าถ้าใครช่ืนชอบในคลิปการแกล้งขำๆ ไม่ถึงกับแรงมากของหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้…
-
เจ้านายอุตส่าห์ซื้อเสื้อใหม่ให้ แต่เจ้าตูบเซ็งหน้าหงิกเพราะใส่ไม่ได้ โถ่ว นี่หมานะไม่ใช่แมว..!!
กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวน่ารักๆ ที่ถูกอกถูกใจชาวเน็ตแดนปลาดิบมากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องราวของเจ้าหมาน้อยตัวไม่น้อย กับสีหน้าเฟลๆ ที่เห็นแล้วต้องร้องว่า… อ้ออ๊อยยย เรื่องของเรื่องก็คือ… ได้มีชาวเน็ตผู้ใช้ทวิตเตอร์นามว่า @iro_iro_man ได้โพสต์ภาพวาดของสุนัขตัวหนึ่งกับเสื้อรัดติ้วจนกลายเป็นเสื้อเอวลอยแบบนี้ แต่ใครเล่าจะรู้ว่า ‘Internet Shopping Failed’ ครั้งนี้มันเกิดขึ้นจริงๆ!! นี่คือเจ้า Mei สุนัขสายพันธุ์เชทแลนด์ ชีพด็อก วัย 12 ปี ที่ดั๊นนใส่เสื้อผ้าจากในเน็ตไม่ได้จริงๆ เจ้าของเล่าว่า “ตอนแรกเราสั่งไซส์ L มาให้มัน ซึ่งปกติแล้วก็จะเป็นไซส์สำหรับสุนัขขนาดกลางนั่นแหละ ก่อนหน้านี้เราเคยสั่งจากร้านอ่านก็ตรงไซส์หมดนะ หรือเป็นเพราะเจ้า Mei มันอ้วนตุ๊บก็ไม่รู้…” เจ้า Mei ก็จะทำหน้าแบบว่า… อะไรของเอ็งเนี่ย หลังจากที่ชาวเน็ตได้เห็นดวงตาอันเศร้าระทมของเจ้า Mei แล้ว ก็มีคนแชร์ต่อออกไปมากกว่า 20,000 ครั้งเลยทีเดียว “มันเป็นภาพที่น่ารักมากๆ เลยล่ะ สายตาของเจ้า Mei ก็ช่างอ่อนไหวอะไรได้ขนาดนั้น…
-
ญี่ปุ่นผลิต ‘หุ่นยนต์หมา’ ที่ช่วยตรวจสอบว่ากลิ่น “ทีน” ของคุณ ยังโอเคอยู่ไหม..!!
กลิ่น ‘ทีน’ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เพราะเมื่อไหร่ที่มันเผลอไปเตะจมูกคนอื่นเข้า ขอให้รู้ได้เลยว่า… มลพิษทางกลิ่นได้เกิดขึ้นแก่เพื่อนร่วมโลกของคุณแล้ว แต่ใช่ว่าปัญหานี้จะไม่มีทางออก เพราะนอกเหนือจากสเปรย์ดับกลิ่นเท้าแล้ว สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีแห่งชาติประจำประเทศญี่ปุ่น (NITkit) ได้ค้นพบนวัตกรรมที่จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นเท้า นั่นคือหุ่นยนต์หมาน้อยนั่นเอง!! (ทำเสียงแบบโดเรม่อนชูของ) นี่คือ.. เจ้า Hana หุ่นยนตร์ 4 ขาขนปุกปุย ที่จะช่วยคุณจัดการกับกลิ่นเท้าที่เหม็นหึ่ง นับว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมสุดเจ๋งของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ เพราะบริเวณ ‘จมูก’ ของเจ้าสุนัขตัวจิ๋วจะถูกใช้งานด้วยเครื่องตรวจจับกลิ่นที่มีขนาดความยาวกว่า 15 ซม. หลักการทำงานของมันก็ง่ายมาก เพียงแค่คุณยื่นเท้าอันหอมหวลไปให้เจ้าตูบดม มันก็จะใช้เซนเซอร์ตรงจมูกตรวจจับกลิ่นโดยจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับดังนี้… 1. ถ้ากลิ่นเท้าของคุณอยู่ในเกณฑ์ที่ยังไม่เป็นภัยต่อคนรอบข้าง เจ้าตูบจะแสดงผลด้วยการเดินเข้ามาคลอเคลียกับเท้าของเรา (เหมือนสื่อเป็นนัยยะว่ากลิ่นเท้าไม่น่ารังเกียจ) 2. หากกลิ่นเท้าของเราอยู่ในระดับที่มีความเหม็นพอสมควร และอาจไปกระทบต่อคนรอบข้างได้ เจ้าตูบจะทำการส่งเสียงเห่าเตือนใส่เรา 3. ระดับสุดท้ายพีคสุด..!! ถ้ากลิ่นเท้าของคุณมันแรงซะจนอาจทำให้คนรอบข้างรู้สึกขมคอ เจ้าตูบก็จะแกล้งตายและสลบคากลิ่นเท้าของคุณทันที สิ่งประดิษฐ์สุดบรรเจิดนี้กำลังจะนำมาวางขายในท้องตลาดญี่ปุ่นในอีกไม่นาน ซึ่งราคาเปิดตัวก็อยู่ที่ 100,000 – 200,000 เยน…
-
พาไปดูแม่น้ำในญี่ปุ่นสุดเฟี้ยว เมื่อมองมุมสูงแล้วหน้าตาอย่างกับ “มังกร” อู้วหู้ววว!!
หลายๆ อย่างในโลกนี้มักจะมีรูปร่างที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะสถานที่ต่างๆ ตามธรรมชาติหลายประเทศ ซึ่งถ้าเราบวกจินตนาการเข้าไปสักนิดเราจะได้ ภูมิประเทศที่เหมือนกับสิ่งต่างๆ มากมาย อย่างเช่นแม่น้ำสายหนึ่งในจังหวัดโคชิ ประเทศญี่ปุ่นที่มีชาวเน็ตคนหนึ่งได้แชร์ภาพมาให้ดูกัน ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับมังกรเอเชียที่มีลักษณะเด่นที่ตัวยาวเลยล่ะ ภาพดังกล่าวถูกถ่ายโดย @chicago0812 ขณะที่กำลังบินสำรวจเหนือเกาะชินจูกุ โดยแม่น้ำดังกล่าวนั้นมีชื่อว่าแม่น้ำโยชิโนะ ซึ่งมีความยาว 194 กิโลเมตร โดยมีต้นน้ำมาจากภูเขาคาเมะกาโมริ ซึ่งส่วนหัวของมังกรนั้นเป็นทะเลสาบที่ชื่อว่า ทะเลสาบซาเมอุระ ยังไงก็ตามหลังจากที่ชาวเน็ตได้เห็นภาพที่เผยแพร่ออกมา หลายคนก็ต่างพากันบอกว่ามันเหมือนกับเกียราดอสจากโปเกม่อน ไม่ก็เหมือนเทพเจ้ามังกรจากดราก้อนบอลเลย ซึ่งก็ต่างๆ นานาตามแต่จะจินตนาการนั่นเอง แต่เมื่อพูดถึงมังกรแล้ว แม่น้ำแห่งนี้ก็มีตำนานเกี่ยวกับมังกรมาอย่างช้านานเช่นกัน แต่ตัวมังกรนั้นถือเป็นอะไรที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เพราะว่าเมื่อช่วงปี 1975 ได้มีการสร้างเขื่อนขึ้น จึงทำให้แม่น้ำใหญ่ลดขนาดลง และทำให้แม่น้ำกลายเป็นสระน้ำหัวมังกรอย่างที่เราเห็นนั่นเอง… ที่มา rocketnews24
-
เปิปพิสดารอาหารญี่ปุ่น “Torisashi” เสิร์ฟเนื้อไก่ดิบๆ ทานกันแบบนี้เลยเหรอ!!??
อาหารที่มีชื่อเสียงของณี่ปุ่นนั้น นอกจะมีซูชิแล้วสิ่งที่มาคู่กันตลอดก็คงจะเป็น “ซาชิมิ” ที่เป็นเนื้อปลาสดๆ ที่มาจากท้องทะเลญี่ปุ่น ด้วยรสชาติที่ละลุมและเป็นเอกลักษณ์ ประกอบกับการคัดเลือกวัตถุดิบและกระบวนการเตรียมอาหารอย่างพิถีพิถัน ทำให้ซาชิมิเป็นอาหารที่มีราคาสูงและคนชื่นชอบกันเอามากๆ แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าเดี๋ยวนี้ ซาชิมิไม่ได้มีแค่สัตว์จากทะเลเท่านั้น เพราะในตอนนี้ในร้านอาหารญี่ปุ่นหลายๆ ร้าน เริ่มมีเมนูที่ดูเหมือนว่าจะเป็น “เนื้อไก่สดๆ” มาเสิร์ฟให้ทานกันแบบงงๆ เลยล่ะ ปกติแล้วเรามักจะเห็นเมนูไก่ที่ปรุงสุกแล้วเท่านั้น และเรามักถูกสอนมาว่าการทานไก่ดิบๆ นั้นเป็นแหล่งของเชื่อแบคทีเรีย Salmonella ที่อาจทำให้ร่างกายเรานั้นเกิดอาการถ่ายเหลว อาเจียน ปวดท้องและมีไข้ได้ แต่ในตอนนี้กลับมีอาหารจานแปลกเกิดขึ้นมา ซึ่งมีชื่อเมนูว่า “Torisashi” โดยเมนูนี้มีเสิร์ฟในร้านอาหารหลายแห่งในญี่ปุ่น และ Ippuku ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่ตั้งอยู่ในเมือง Berkeley รัฐแคลิฟอร์เนียด้วย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ประเทศญี่ปุ่นมีการเสิร์ฟเมนูไก่ดิบดังกล่าวมานานแล้ว กลับกลายเป็นว่าตอนนี้กระแสของเมนูไก่ดิบ ก็เพิ่งจะเริ่มไปแพร่กระจายในประเทศสหรัฐอเมริกา จนมีคนแห่ทำตามกันเพียบ โดยที่ไม่รู้กระบวนวิธีการเตรียมเมนูดังกล่าว… (ข่าวเก่า) และเมื่ออาหารจานแปลกนี้ถูกแชร์ไปในโลกโซเชียลก็มีชาวเน็ตมาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย บางคนก็กล่าวถึงอันตรายที่จะได้รับจากการทานเนื้อไก่ดิบๆ เข้าไป อาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้เลย อย่างไรก็ตาม ร้านอาหารญี่ปุ่นที่เสิร์ฟเมนูนี้ จะมีพ่อครัวที่มีความใกล้ชิดกับฟาร์มแหล่งที่มาของไก่ เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อไก่ที่นำมาประกอบในเมนูนั้น ได้รับมาตรฐานสูงที่สุดเพื่อความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจากเมนูนี้…
-
ภาพยนตร์ชีวิตจริงของ “หญิงทาสบำเรอกาม” แก่ทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลก คุณควรได้รับชม…
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นได้เกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมขึ้นมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ประเทศจีนหลังการบุกเข้ามาของทหารญี่ปุ่น ครั้งนี้เราจะพาไปแนะนำให้รู้จักกับภาพยนตร์สารคดีเรื่อง ‘Thirty Two’ ซึ่งเป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่ถูกบังคับให้กลายเป็นทาสทางเพศแก่ทหารญี่ปุ่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปชมตัวอย่างกันก่อนเลย จุดเริ่มต้นของการสร้างภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ก็คือ ในปี 2012 ผู้กำกับได้ถ่ายทำสารคดีสั้นเกี่ยวกับเรื่องราวของหญิงผู้รอดชีวิตจากการเป็นทาสบำเรอกาม โดยใช้ชื่อเรื่องว่า ‘Thirty Two’ (จำนวนหญิงสาวที่รอดมาชีวิตมาได้) กระทั่งต่อมาในอีก 2 ปีให้หลัง ผู้กำกับกัวเคอ ได้นำประเด็นนี้มาเล่าใหม่อีกครั้ง ทว่าจำนวนผู้รอดชีวิตกลับเหลือเพียงแค่ 22 คน จึงกลายมาเป็นชื่อภาพยนตร์ที่เพิ่งเข้าฉายในจีนไปเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ทั้งด้านตัวนักแสดงหรือแม้แต่ผู้กำกับเอง ก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าสารคดีเรื่องนี้จะมีเสียงตอบรับที่ดีจนทำรายได้เปิดตัวสูงสุดอยู่ที่ 10 ล้านหยวน (ประมาณ 50 ล้านบาท) และพุ่งขึ้นสูงถึง 100 ล้านหยวน ภายใน 1 สัปดาห์เท่านั้น โดยความตั้งใจแรกสุดผู้กำกับต้องการที่จะนำเสนอเรื่องราวโหดร้ายในอดีต และตีแผ่ประสบการณ์อันเลวร้ายของชาวจีนที่ได้เจอมา เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนรุ่นหลังนั่นเอง แต่ก่อนที่โปรเจคสารคดีเรื่องนี้จะสำเร็จ ก็ต้องประสบปัญหาการเงินอยู่ไม่น้อย…
-
ทางการญี่ปุ่นเลือกใช้ ‘อนิเมะ’ เพื่อโปรโมทเข้าถึงผู้คน ให้มาเข้าร่วมกองกำลังป้องกันตนเอง!!
ประเทศญี่ปุ่น เรียกได้ว่าเป็นประเทศที่มีความคิดสร้างสรรค์มากที่สุดประเทศหนึ่ง และบ่อยครั้งที่พวกเรามักจะเห็นชาวแดนปลาดิบนั้นหยิบเอาวัฒนธรรมเจ๋งๆ ของพวกเขามาใช้ในการโปรมทกิจกรรมต่างๆ อย่างล่าสุดนี้ที่พวกเขาเลือกที่จะใช้การ์ตูนอนิเมะ เพื่อประกาศรับสมัครบุคคลมาเข้าร่วมกองกำลังป้องกันตนเอง หรือ Japan’s Self-Defense Forces (JSDF) และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทางการญี่ปุ่นได้นำไอเดียนี้มาใช้ประกาศรับสมัครคนเข้ากองกำลังป้องกันตนเอง เพราะเมื่อประมาณปีที่แล้ว พวกเขาได้มีการโฆษณาเชิญชวนในลักษณะนี้มาก่อน และในปี 2017 นี้ ก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับการ์ตูนเรื่องใหม่!! อนิเมะชุด The Irregular at Magic High School (พี่น้องปริศนาโรงเรียนมหาเวท) ที่ใช้ในการโปรโมทครั้งนี้ โดยตัวเอกของอนิเมะเรื่องนี้มีชื่อว่า Tatsuya Shiba ตัวละครหนุ่มที่ออกมาพร้อมกับคาร์แรคเตอร์ที่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีข้อความเล็กๆ ใต้รูปพระเอกของเราอีกด้วย โดยสโลแกนดังกล่าวแปลเป็นไทยว่า “ปกป้องปัจจุบัน ปกป้องอนาคต กองกำลังป้องกันตัวเองกำลังต้องการคุณ!!” ซึ่งเนื้อเรื่องของการ์ตูนเรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 3 ระหว่างกองทัพจากอเมริกาเหนือ สหภาพโซเวียตใหม่ และฝ่ายพันธมิตรเอเชีย โดยทางญี่ปุ่นเองก็กำลังพยายามรักษาเสถียรภาพของประเทศ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่นั้นสามารถใช้พลังเวทย์มนตร์ที่แข็งแกร่งได้ เรื่องที่ใช้โปรโมทของปีที่ผ่านมาก็คือเรื่อง GATE ในส่วนของเนื้อเรื่องอนิเมะ GATE ที่เคยปล่อยออกมานั้น ได้พูดถึง Takumi เด็กมัธยมปลายผู้เป็นตัวเองของเรื่องนี้ ที่ต้องการจะพิสูจน์ตนเองให้กองกำลัง JSDF ได้เห็นถึงศักยภาพของเขา ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะมีอายุไม่ถึงเกณฑ์ แต่ทว่าหัวใจและร่างกายนั้นก็พร้อมสำหรับการรับใช้ชาติแล้ว ไปชมตัวอย่างของอนิเมะใหม่ได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… เป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่ทางการญี่ปุ่น…
-
อีกขั้นหนึ่งของวงการดนตรี!! เมื่อชาวเน็ตจากญี่ปุ่นบรรเลงเพลงจาก “เครื่องคิดเลข”
เครื่องคิดเลข หนึ่งในอุปกรณ์ที่เรียกได้ว่ามีประโยชน์มากๆ สำหรับคนที่ไม่ค่อยถนัดวิชาคณิตศาสตร์หรือเวลาที่เราต้องการความรวดเร็วในการคิดคำนวน แต่รู้กันหรือเปล่าว่านอกจากจะใช้คิดเลขแล้วบางรุ่นยังสามารถใช้สร้างเสียงเพลงได้อีกด้วยนะ!! เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการโพสต์คลิปวิดีโอการทำเสียงเพลงด้วยเครื่องคิดเลขลงบนทวิตเตอร์ โดยชาวเน็ตท่านหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า @zk_oj ซึ่งในคลิปวิดีโอดังกล่าวเขาได้บรรเลงบทเพลงของดิสนีย์ด้วยเครื่องคิดเลขพร้อมกันถึง 2 ตัว คุณ @zk_oj บรรเลงเพลงด้วยเครื่องคิดเลขเหมือนกับว่ามันเป็นเปียโนเลยทีเดียว เพราะไม่ใช่แค่การกดทีละตัวเท่านั้น แต่เขาใช้สองเครื่องประสานเสียงกัน และนอกจากเพลงเจ้าหญิงดิสนีย์แล้วยังมีเพลงอื่นๆ อีกด้วย เพลง Despacito ที่เล่นด้วยเครื่องคิดเลข หรือจะเป็น Shape Of You ก็มีนะเอ่อ โดยเครื่องคิดเลขที่คุณ @zk_oj ใช้ในการสร้างเสียงเพลงครั้งนี้ก็คือเครื่องคิดเลขจากจีนที่ชื่อว่า Dragon Night AR7778 ซึ่งถ้าหากใครสนใจอยากจะลองทำเพลงที่บ้านก็เข้าไปสั่งซื้อกันที่เว็บไซต์ amazon กันได้เลย และนอกจากการบรรเลงเพลงของคุณ @zk_oj แล้ว ก็ยังมียูทูปเบอร์อีกท่าหนึ่งที่ชื่อว่าคุณ Ryon ก็ได้ใช้เครื่องคิดเลขยี่ห้อนี้ในการสร้างเสียงเพลงเช่นกัน โดยเพลงที่เขาทำออกมานั้นก็เจ๋งไม่แพ้กับของคุณ @zk_oj เลยทีเดียว แถมยังมีโน๊ตไว้ให้อีกด้วยนะ!! ไปชมผลงานของยูทูปเบอร์ท่านนี้กันเลยดีกว่า เพลง Let it Go ก็มาเหมือนกัน อืมม… เจ๋งจริงๆ เลยนะเนี่ย ฮ่าๆ…
-
สำนักราชวังญี่ปุ่นยืนยัน เจ้าหญิงมาโกะเตรียมสละฐานันดรศักดิ์ เพื่อสมรสกับหนุ่มสามัญชน
หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเจ้าหญิงมาโกะ หลานสาวคนโตของสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ เตรียมที่จะหมั้นหมายกับหนุ่มสามัญชน (อ่านข่าวเก่า เจ้าหญิง Mako แห่งญี่ปุ่น สละสถานะราชวงศ์ เพื่อแต่งงานกับหนุ่มธรรมดาที่พบรักในร้านอาหาร…) ล่าสุดดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนแล้ว หลังจากที่ทางสำนักราชวังของญี่ปุ่นได้มีการประกาศยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน 2017 และอย่างที่ทราบกันดีว่าพระองค์นั้น จะต้องสละฐานันดรศักดิ์และกลายเป็นเพียงแค่สามัญชน เหมือนดั่งพระสหายคนสนิท ‘เคอิ โคมุโระ’ จากงานแถลงข่าวต่อสาธารณะชน ณ สำนักราชวัง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เจ้าหญิงมาโกะกล่าวว่า “ในครั้งแรกที่พบกัน ฉันตกหลุมรักเพราะรอยยิ้มที่สดใสราวกับดวงตะวันของเขา” พระองค์เผยว่าได้พูดคุยกับฝ่ายคู่หมั้นครั้งแรกในงานที่จัดขึ้น สำหรับนักเรียนที่กำลังเตรียมตัวจะไปศึกษาต่อต่างประเทศเมื่อห้าปีก่อน และเมื่อเวลาผ่านไป เจ้าหญิงมาโกะ และคุณเคอิ โมคุโระ ก็ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น พระองค์กล่าวว่าคู่หมั้นของพระองค์นั้นเป็นคนที่มีความจริงใจ ตั้งใจทำงานและมีหัวใจที่เข้มแข็ง ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังศึกษาต่อที่ต่างประเทศ ถึงแม้ว่าจะอยู่คนละที่ แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยังคงหนักแน่น จนกระทั่งพระองค์ได้แนะนำให้ฝ่ายชายได้รู้จับกับพระบิดาและพระมารดา และกล่าวว่า ‘ผู้ชายคนนี้คือชายที่เธออยากจะร่วมสร้างอนาคตด้วย’ ทางด้านฝ่ายชายเองก็ได้กล่าวว่า เขารู้สึกขอบคุณพระองค์และเขามีความสุขอย่างมาก ที่ได้รับการยอมรับจากพระบิดาและพระมารดาของเจ้าหญิง รวมถึงสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะด้วย ทางฝ่ายชายได้ให้คำมั่นสัญญาว่าเขาพร้อมที่จะดูแลคู่ชีวิตของเขาอย่างดี พร้อมกับมอบความรักที่แสนจะอบอุ่นให้กับเธอ “การมีครอบครัวยังคงเป็นเรื่องที่ยากจะจินตนาการได้ แต่ฉันหวังว่าบ้านของเราจะมีความสุขและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม” ฝ่ายเจ้าหญิงมาโกะกล่าว…
-
เปิดกรุภาพถ่าย ‘ย่านโคมแดงวินเทจ’ อดีตความบันเทิงแห่งกามารมณ์ ของแดนอาทิตย์อุทัย..!!
จริงอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องสยิวๆ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ออกแนว 20+ เราคงต้องยกให้กับประเทศนี้เค้าเลยล่ะ แต่คราวนี้เราจะย้อนอดีตไปในช่วงยุค 1970 – 1980 กันบ้าง โดยภาพถ่ายสุดเรียลทั้งหมดนี้เป็นผลงานของ Araki Nobuyoshi ที่จะบอกเล่าเรื่องราวของซ่องญี่ปุ่นในอดีต ภาพทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในย่านชินจูกุ เมืองโตเกียว ที่ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวโคมแดงที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีเรื่องราวแปลกๆ เกิดขึ้นมากมายในย่านนี้ และมันก็ถูกขนานนามว่าเป็นถนนที่ไม่เคยหลับใหล สำหรับชาวญี่ปุ่นจะเรียกถนนเส้นนี้ว่า ‘ถนนแห่งความสุข’ ซึ่งปรากฎครั้งแรกในสมัยราชวงศ์เอโดะ ไม่ใช่แค่วัดวาอาราม หรือวิหารเท่านั้น ที่เป็นประวัติศาสตร์อยู่คู่ญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน เพราะ ‘ซ่อง’ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ๆ บอกเล่าเรื่องราวของคนยุคนั้นได้ดีไม่แพ้กัน สำหรับการบริการเหล่านี้ในอดีต จะใช้วิธีการโทรเรียกจากพนักงานโรงแรม จากนั้นก็จะมีคนส่งตัวโสเภณีมาให้ ค่าใช้จ่ายในยุคนั้นก็จะอยู่ที่ราวๆ 30,000 เยน/ชั่วโมง (คิดเป็นประมาณ 10,000 บาท ในปัจจุบัน) สถานบริการหลายๆ แห่งจะเปิดใกล้กับวัด หรือสถานที่ชื่อดัง แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็มองว่ามันเป็นเหมือนสถานให้บริการความสุขอย่างหนึ่ง สำหรับในแถบคันโตนั้น ค่าตัวของโสเภณีในยุคนั้นจะอยู่ที่ราวๆ…
-
ศิลปินสร้างผลงาน “ห้องแห่งความตาย” ถ่ายทอดจากประสบการณ์ตรง ตามที่เคยได้เห็นมา…
จะว่าไปแล้วปัญหาการตายในห้องพัก ก็เป็นเรื่องที่มีให้เห็นบ่อยๆ ในประเทศญี่ปุ่น แต่สิ่งที่ตามมาดูเหมือนจะโหดร้ายกว่านั้น เพราะไหนจะต้องเก็บกวาดคราบสกปรก แถมเพื่อนบ้านก็ต้องอดทนกับกลิ่นเหม็นอันน่าสยดสยองอีก… แต่ผลงานศิลปะของ Miwa Kojima พนักงานบริษัท ToDo-Company จะทำให้เรารู้สึกเหม็นกลิ่นศพหึ่งๆ เลยล่ะ เพราะเธอได้จำลอง ‘ห้องแห่งความตาย’ ออกมาจากประสบการณ์ที่เคยเห็นได้อย่างสมจริงซะยิ่งกว่าจริง!! โดยบริษัทที่เธอทำงานอยู่นั้น ก็เป็นบริษัทรับจ้างทำความสะอาดและเก็บกวาดซากศพนั่นเอง อีกทั้งเธอยังเป็นหนึ่งในทีมงานที่ลงพื้นที่จริง เพราะฉะนั้นแล้วภาพศิลปะทุกอย่างที่เธอถ่ายทอดออกมา จึงเป็นภาพเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วทั้งนั้น ถึงจะดูสมจริงเอามากๆ แต่แท้จริงแล้วมันก็คือหุ่นจำลองขนาดเล็กนั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นการตายในอ่าง การตายบนเตียง การตายในกองขยะ หรือแม้แต่นอนตายแบบเปลือยๆ เธอก็เห็นมาหมดแล้ว แต่ไม่น่าเชื่อว่าธุรกิจดังกล่าว กลับได้รับความนิยมสูงมากขึ้นเรื่อยๆ เอาเป็นว่าเราลองตามไปชมผลงานศิลปะจากภาพห้องของคนตายที่เธอเห็นจริงๆ กันเลยดีกว่า . . เป็นอาชีพที่ต้องเห็นคนตายบ่อยขนาดไหนนะ ถึงรวบรวมออกมาเป็นงานศิลปะแบบนี้ได้ ที่มา: Rocketnews24
-
หนุ่มมาเที่ยวญี่ปุ่น อัดคลิปบ่นหลังเกาหลีเหนือปล่อยมิสไซล์ จนทำให้เขาต้องตื่นเช้า!!
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเราก็คงจะรู้ดีว่า ทางเกาหลีเหนือได้ประกาศยิงมิสไซล์ข้ามประเทศผ่านเหนือน่านฟ้าประเทศญี่ปุ่น แน่นอนว่าถือเป็นข่าวยกใหญ่เลยทีเดียว ผู้คนก็ต่างหวาดกลัวกันไปทั้งประเทศ แต่มีคนหนึ่งไม่คิดแบบนั้น ชายชาวต่างชาติเจ้าของช่อง Abroad in Japan ที่ชื่นชอบในญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมและก็ดันบังเอิญตั้งใจจะไปปีนเขาที่เมืองอาโอโมริซึ่งเป็นเมืองทางตอนเหนือของญี่ปุ่น และที่นั้นก็มีประกาศเตือนมิสไซล์กันยกใหญ่เลยล่ะ แจ้งเตือนกันรัวๆ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่มิสไซล์ ปัญหามันอยู่ที่พ่อหนุ่มคนนี้แกกำลังหลับอยู่และตั้งใจจะพักผ่อนให้เต็มที่ อยากตื่นสายๆ แต่นี่ดันโดนปลุกแหกตาตื่นมาตอน 6 โมงเช้า ด้วยเสียงแจ้งเตือนที่ดังมากๆ ไซเรนดังมากๆ เขาก็บ่นนอยๆ ว่าปกติเวลามาปีนเขา เขาต้องระวังหมีที่จะมาทำร้ายเป็นทุนเดิม ตอนนี้ยังต้องมาระวังมิสไซล์ที่จะลงหัวเมื่อไหร่ก็ไม่รู้อีกชีวิตอะไรจะเศร้าขนาดนั้น หลังจากเขาบ่นๆ เสร็จเขาก็ตัดสินไปไปนอนต่อ ทว่า 10 นาทีผ่านไปทุกอย่างก็ยังไม่สงบลง เสียงไซเรนก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ข้อความแจ้งเตือนก็ยังเด้งมาเรื่อยๆ หนักกว่านั้นคือ 15 นาทีผ่านไป ทีวีเปิดก็มาแจ้งเตือนข่าวเองอีกต่างหาก เขาก็บ่นว่าลำบากตรูต้องลุกไปปิดอีก ซึ่งสุดท้ายเขาก็บ่นว่า ถ้าเกาหลีเหนือมันสร้างปัญหาขนาดนี้ก็เลิกไปเที่ยวเกาหลีเหนือกันได้แล้ว ให้รายได้ในประเทศหดหายไปซะ!! เปิดเองเฉย ลำบากไหมถามใจเธอดู ในที่สุดเขาก็ได้ล้มลงไปนอนต่อเสียที…ลองชมคลิปบ่นของเขาดูก่อนละกัน แต่จากคลิปนี้ก็ทำให้เราได้เห็นว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของทุกคนจริงๆ ชอบตรงที่ทีวีเปิดเองได้นี่แหละ เจ๋งสุดๆ ที่มา Abroad in Japan
-
บริษัทเตียงญี่ปุ่นผุดไอเดีย นำผู้สูงอายุที่เป็นอัมพาต มาถ่ายโฆษณาแฝงแนวคิดสุดล้ำลึก..!!
นับตั้งแต่ที่ญี่ปุ่นประกาศเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัว เราก็ได้เห็นเทรนด์ต่างๆ ที่หันมาเอาใจผู้สูงอายุมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งงานโฆษณา หรือการบริการรูปแบบแปลกใหม่ต่างๆ ที่ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด Bedridden ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทผู้ผลิตเตียงนอน ที่หันมาปรับเปลี่ยนรูปแบบการโฆษณาให้มีการเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสังคมมากยิ่งขึ้น โดยคราวนี้พวกเขาได้นำผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นอัมพาตมาถ่ายแบบ แถมสะท้อนแนวคิดไว้อย่างลึกซึ้ง โดยทีมงานจากบริษัท Mizuki ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ให้บริการความพร้อมด้านการดูแลผู้สูงอายุ ได้ผุดไอเดียที่จะนำผู้สูงอายุที่เป็นอัมพาต ให้มาถ่ายแบบและเฉิดฉายในวงการโฆษณาอีกครั้ง หลายคนอาจมองว่าเป็นการหาผลประโยชน์จากผู้สูงอายุ แต่เปล่าเลย… เพราะโปรเจกต์ Bedridden Silver Screen Debut Project ได้ยืนยันว่า โปรเจกต์นี้จะช่วยทำให้สังคมตระหนักถึงการเป็นอยู่ของผู้สูงอายุมากขึ้น และอีกทั้งยังเป็นการทำให้ผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นอัมพาตได้รู้สึกถึงคุณค่าในตัวเองอีกครั้ง เบื้องหลังการถ่ายทำก็จะมีทีมงานคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และป้ายตัวหนังสือก็เป็นการถือเอาจริงๆ เพื่อให้ได้มุมมองแบบ 3 มิติด้วย จากการทดลองถ่ายทำโฆษณาครั้งแรก พวกเขาก็พบว่าผู้สูงอายุต่างรู้สึกยินดีและปลาบปลื้ม ที่ได้เห็นตัวเองเป็นส่วนร่วมในการทำงาน แต่ก่อนที่ทีมงานจะนำภาพโฆษณาไปใช้ในเชิงพาณิชย์ พวกเขาก็ได้นำภาพถ่ายทั้งหมดส่งไปให้เจ้าตัวและครอบครัวเพื่อทำการตัดสินใจก่อน และเมื่อพวกเขายินดีแล้วทีมงานก็จะนำภาพโฆษณาไปติดไว้ตามศูนย์ดูแลผู้สูงอายุทั่วประเทศ และนี่ก็คือภาพโฆษณาที่ถูกเผยแพ่รออกไปทั่วประเทศ นับว่าเป็นอีกโปรเจกต์ดีๆ แถมยังมีเรื่องน่ารักๆ มาให้เราชมอีกด้วย ที่มา: Rocketnews24
-
คาเฟ่ญี่ปุ่นเปิดโซนใหม่ ให้คุณได้เล่นกับตัวนากและหนูชินชิล่า เป็นที่แรกของโลก โลก โลก~
เรียกได้ว่าเหล่าสัตว์โลกผู้น่ารักทั้งหลาย ได้กลายมาเป็นหนึ่งในจุดขายของคาเฟ่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่แมว คาเฟ่หมา หรือแม้แต่คาเฟ่งูก็มีมาแล้ว ซึ่งนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ประเทศญี่ปุ่นได้มีคนริเริ่มไอเดียคาเฟ่สัตว์สายพันธุ์ใหม่ เปิดให้บริการแล้วที่ย่านฮาราจุกุ แขวงชิบุยะ เมืองโตเกียว เอาเป็นว่าเราลองไปชมรายละเอียดของร้านกันเลย พระเอกของร้านนี้ก็จะมีตัวนาก และแก๊งค์หนูชินชิล่า สำหรับคาเฟ่แห่งนี้มีชื่อว่า Harry Cafe สาขาฮาราจุกุ ต้องบอกก่อนว่านี่ไม่ใช่คาเฟ่ที่จะเสิร์ฟเมนูเนื้อตัวนาก หรือหนูชินชิล่าอะไรทำนองนั้น เพราะอันที่จริงเค้าขายเมนูเครื่องดื่ม และอาหารคล้ายคลึงกับร้านคาเฟ่ทั่วไปนั่นแหละ… และก่อนหน้านี้คาเฟ่แห่งนี้ก็เคยเปิดให้บริการสัมผัสประสบการณ์สุดน่ารักจากเหล่าเม่นแคระเหมือนกัน ทว่าครั้งนี้เป็นการขยายสาขาของร้านให้ใหญ่ขึ้น แถมเพิ่มโซนสำหรับสัตว์โลกน่ารักอีกทั้ง 2 ชนิดด้วย โดยภายในร้านจะมีการจัดแบ่งโซนให้แก๊งหนูชินชิล่าได้ออกมากระโดดโลดเต้น ราวกับวิ่งอยู่ในทุ่งดอกลาเวนเดอร์กันเลยทีเดียว อีกทั้งลูกค้ายังสามารถใกล้ชิดกับเหล่านากน้อยแสนรู้เช่นเดียวกัน เพราะทางเจ้าของร้านได้เคลมเอาไว้ว่า พวกเขาได้ทำการศึกษาพฤติกรรมการเป็นอยู่ของพวกมันก่อนแล้ว และสำหรับในส่วนของเหล่าเม่นน้อยที่เป็นหัวใจหลักของคาเฟ่ ก็มีโซนส่วนตัวแยกต่างหาก ซึ่งลูกค้าสามารถไปแวะเวียนเยี่ยมชมได้เช่นกัน สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ เว็บไซต์ ของร้านกันได้เลยนะจ๊ะ โอ๊ยยยน่ารักได้อีก อยากเล่นด้วยจังเบยย ที่มา: Metro
-
ผลงานภาพถ่ายชุด ‘Japanese businessmen’ ตีแผ่ชีวิตยอดมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ แต่ความก้าวหน้าเหล่านี้ล้วนต้องแลกมาด้วยกาารทำงานหนักของผู้คนที่อยู่ที่นั่น เมื่อไม่นานมานี้ได้มีช่างภาพหนุ่มท่านหนึ่งได้เดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นและระหว่างที่กำลังฟังเพลงอยู่ จู่ๆ เขาก็เกิดไอเดียการสร้างสรรค์ผลงานที่สื่อให้เห็นถึงสังคมการทำงานของที่นี่ หนึ่งในภาพถ่ายของช่างภาพหนุ่มผู้นี้ คุณ David Tesinsky ได้สร้างสรรค์ผลงานภาพถ่ายชุด Japanese businessmen หลังจากที่เขาได้เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งแรงบันดาลใจของผลงานชุดนนี้เกิดขึ้นระหว่างที่เขากำลังฟังเพลงเศร้าและถูกรายล้อมไปด้วยนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ช่างภาพหนุ่มเล่าว่า เขาเห็นภาพของนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่ใช้ชีวิตราวกับหุ่นยนต์และทำงานอย่างหนักถึง 14 ชั่วโมงต่อวันหรือมากกว่านั้น “หลังจากเลิกงานแล้ว พวกเขามักจะออกไปดื่มกับเพื่อนร่วมงานหรือลูกค้า และกลับบ้านประมาณตอนตี 2 ก่อนที่จะตื่นไปทำงานในเช้าวันต่อไป บางครั้งพวกเขาก็อาจต้องนอนข้างถนนถ้าหากไม่มีรถแท็กซี่” คุณ David Tesinsky กล่าว ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานทำให้ชายคนนี้มีสภาพอย่างที่เห็น บางครั้งการเล่นปาจิงโกะ ก็คือการพักผ่อนดีๆ หลังเลิกงาน “พวกเขาทำงานอย่างหนักและมีความหวังกับการก้าวหน้าในหน้าที่การงาน” ช่างภาพหนุ่มกล่าว การดื่มหลังเลิกงาน หนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตของพนักงานชาวญี่ปุ่น ทุกๆ เช้า ในขบวนรถไฟสายเดิม . พวกเขาไม่มีเวลาสร้างความสัมพันธ์กับในครอบครัวเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ยุ่งกับงาน . รถไฟขบวนเช้า ที่อัดแน่นไปด้วยมนุษย์เงินเดือน บางคนก็จำเป็นต้องนอนข้างทาง หากมาไม่ทันรถไฟเที่ยวสุดท้าย . .…
-
มหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นเปิดสอน “วิชานินจา” หนทางการเป็นโฮคาเงะเปิดออกแล้ว!!
นินจาคือชื่อที่แทบทุกคนจะรู้จักกันในภาพของกลุ่มคนที่แต่งตัวปิดหน้าปิดตา และสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างเงียบเชียบด้วยวิชาต่างๆ มากมาย พร้อมกับดาวกระจายที่เป็นอาวุธคู่ใจ สิ่งเหล่านั้นจะเห็นได้จากหนังและการ์ตูน แล้วจะเป็นอย่างไรหากคุณสามารถเป็นแบบนั้นได้จริงๆ เมื่อมหาวิทยาลัย Mie ในอิงะ ประเทศญี่ปุ่น จะเพิ่มวิชานินจาและนินจุสึเข้าไปในข้อสอบในตอนที่รับสมัครนักศึกษาเข้ามา นั่นจะเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินว่าทางมหาลัยจะรับคุณหรือไม่ หากว่าคุณไม่สามารถปล่อยกระสุนวงจักร หรือเดินบนน้ำได้แล้วละก็คงจะเป็นเรื่องยากแล้วแหละ หากใครคิดว่าต้องทำอย่างนั้นจริง ขอบอกเลยว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย เพราะขอเพียงแค่คุณมีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ความสามารถในการอ่านเอกสารทางประวัติศาสตร์ และทักษะการสื่อสารโดยรวม เท่านี้ก็สามารถทำให้คุณสอบผ่านวิชาดังกล่าวไปได้เกินครึ่งแล้ว และความต้องการในเรื่องสมรรถภาพก็จะมีแค่บางส่วนให้เพียงพอต่อความจำเป็นเท่านั้น จากข่าวที่ออกมานี้ก็ได้รับการตอบรับมากมายในหลากหลายรูปแบบ “ฟังดูแล้วน่าจะเป็นหนทางที่ดีในการก้าวไปเป็นโฮคาเงะนะ” “มหาวิทยาลัย Mei นี่คุณทำอะไรลงไปเนี่ย?” “ยังไงก็เหมือนว่าเราคงต้องเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 อยู่แล้ว นี่อาจเป็นหนทางที่เหมาะสมในวันข้างหน้านะ” “ว้าววว ฟังดูน่าตื่นเต้นดีนะ” ถึงอย่างไรหลักสูตรการเรียนการสอนดังกล่าวก็เป็นเพียงหลักสูตรเสริมที่ไม่บังคับ ดังนั้นคุณก็ยังคงมีสิทธิ์เลือกได้อยู่ และวิชาเลือกนี้ก็มีมานานเป็นปีแล้ว เมื่อปี 2012 มหาลัยได้จ้าง Jinichi Kawakami หัวหน้ารุ่นที่ 21 ของกลุ่มนินจา Koga มาเป็นผู้สอน หากคุณกำลังคิดว่ามันฟังดูเป็นเรื่องตลกแล้วละก็ ไม่ใช่สำหรับเมืองนี้เลย เพราะว่าอิงะนั้นมีประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับนินจามาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญในเรื่องดังกล่าวอีกด้วย ขนาดที่ว่าหากคุณรู้วิชานินจุสึสักอย่างสองอย่าง ก็สามารถต่อยอดเป็นการประกอบอาชีพได้เลยทีเดียว…
-
ญี่ปุ่นจัด ‘สัปเหร่อคอนเทสต์’ แข่งขันแต่งหน้าศพ และผู้ชนะปีนี้เป็นสาววัย 23 เท่านั้น..!!
หลายคนอาจจะคิดว่าคนเป็นสัปเหร่อ ต้องเป็นคนที่ไม่กลัวผี ไม่กลัวความตาย เพราะเค้าต้องทำหน้าที่คอยจัดแจงแต่งหน้าศพให้ออกมาดูดีที่สุด และที่ญี่ปุ่นก็ได้พัฒนาวงการสัปเหร่อให้ก้าวไกลกว่าที่ไหนๆ เพราะเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีการจัดการแข่งขัน Tokyo’s Life Ending Industry EXPO 2017 หรือเรียกง่ายๆ ว่างานประกวดสัปเหร่อนั่นเอง จุดประสงค์ของกิจกรรมก็เพื่อสืบสานศิลปะแห่งจิตวิญญาณตามวิถีชินโต . กฎกติกาการแข่งขันนั้นก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย เพียงแค่สัปเหร่อต้องออกแบบและตกแต่งศพให้ออกมาดูดีที่สุด ตามความเชื่อดั้งเดิมของชินโตที่ว่า พวกเขาจะได้เดินทางไปสู่โลกหน้าได้อย่างสมศักดิ์ศรี… และผู้ชนะเลิศปีนี้ได้แก่ Rino Terai สาวหน้าใสวัยเพียง 23 ปีเท่านั้น ซึ่งหลังจากเอาชนะผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ที่มีอายุมากกว่าได้ เธอก็ให้สัมภาษณ์ว่า ครอบครัวของเธอมักจะสอนเธอเรื่องวัฒนธรรมดั้งเดิมตามวิถีชินโต ซึ่งเป็นดั่งจิตวิญญาณของชาวญี่ปุ่น “ฉันฝึกแต่งหน้าศพทุกวันเลยค่ะ ไม่ว่าจะลองแต่งด้วยหน้าของตัวเอง หรืออาสาไปแต่งหน้าให้กับศพจริงๆ จากนั้นเราก็มาวิเคราะห์ต่อว่า พวกเขาดูดีรึยัง? หรือดูตลกมากเกินมั้ย? เพราะเราต้องให้เกียรติผู้ตายด้วยค่ะ” . ดูเผินๆ อาจจะเป็นเหมือนการแข่งขันทั่วๆ ไปสำหรับผู้ที่สนใจด้านนี้… ทว่าในแง่ของเศรษฐกิจ ‘สัปเหร่อ’ ก็กำลังจะกลายเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่น …
-
พบกับ “ลูลู่จัง” สาวนางแบบในชุดคอสเพลย์ โมเดลตุ๊กตามีชีวิตตัวแรกของโลก!!
การได้แต่งกายเป็นตัวการ์ตูนหรือสวนบทบาทของตัวละครที่ชื่นชอบ เป็นหนึ่งในกิจกรรมโปรดของหลายๆ คน และการได้สวมบทบาทเหล่านั้นก็มักจะทำให้พวกเขามีความสุขไม่น้อยเลยทีเดียว เหมือนกับ Hitomi Komaki สาวน้อยคนนี้ การคอสเพลย์ของ Hitomi นั้นมีความแตกต่างจากการแต่งคอสเพลย์ทั่วๆ ไปเพราะเธอเลือกที่จะแต่งตัวเป็นโมเดลตุ๊กตาสาวที่ดูมีชีวิตจริง ซึ่งนอกจากการแต่งตัวแล้วลักษณะท่าทางต่างๆ ของเธอนั้นก็ยังเหมือนตุ๊กตาแบบไม่มีผิดเพี้ยนเลย!! สาวน้อยวัย 23 ปี ผู้หลงใหลในความน่ารักของตุ๊กตาโมเดลนี้ เธอได้เริ่มต้นออกแบบชุดและแต่ตัวด้วยคาแรคเตอร์นี้เมื่อประมาณ 9 ปีก่อน และตั้งชื่อให้กับชุดที่เธอออกแบบว่า Lulu Hashimoto นอกจากการแต่งตัวต่างๆ แล้วเธอยังได้ไอเดียที่จะทำให้ตัวเองนั้นมีความเหมือนกับตุ๊กตาโมเดลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย หลังจากที่ได้เห็นผลงานตุ๊กตาของบริษัทออกแบบอย่าง Nukopan หญิงสาวได้เริ่มติดต่อกับบริษัทออกแบบดังกล่าวเพื่อขอร่วมงานกับพวกเขา “ฉันได้พบกับ Nukopan เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ฉันรู้สึกสนใจเกี่ยวกับผลงานการออกแบบหัวตุ๊กตาของพวกเขามาก” จนในที่สุดชุดและส่วนต่างๆ ของชุดคอสเพลย์ของเธอ ก็ถูกออกแบบให้มีความเหมือนกับตุ๊กตามากยิ่งขึ้นโดยฝีมือของคุณ Koh Ueno ดีไซเนอร์ชื่อดัง และนี่คือชุดของเธอจากผลงานของดีไซเนอร์ท่านนี้ หญิงสาวสวมใส่ชุดคอสเพลย์ของเธอด้วยความมั่นใจ และเริ่มสร้างฐานแฟนคลับของเธอขึ้นมา เมื่ออยู่ในชุดคอสเพลย์นี้ เธอจะเปลี่ยนเป็นตุ๊กตาสาวน้อยลูลู่จัง “ลักษณะเด่นของลูลู่จังก็คือส่วนหัวของเธอ นอกจากนี้เธอยังมีรูปร่างที่สูงนิดหน่อยอีกด้วย เราอยากจะบอกคุณว่าไม่ว่าเธอจะสวมชุดอะไร หรือแต่งตัวแปลกไปแค่ไหน เธอก็ยังคงตัวเธออยู่ดี” Hitomi…
-
ดับร้อนช่วงซัมเมอร์ด้วย “ไอศกรีมดาบคาตานะ” ทั้งเย็นและฉ่ำ ผสานวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม!!
เมื่อพูดถึงญี่ปุ่น แน่นอนว่ามีชื่อเสียงในด้านการทำดาบมาตั้งแต่โบราณ เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของประเทศเลยก็ว่าได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ญี่ปุ่นจะมีช่างทำดาบฝีมือดีมากมาย แต่ด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้ต้องพักการตีดาบโลหะไปก่อน และหันมาทำดาบที่เป็นไอศครีมแทน เพื่อดับร้อนในช่วงซัมเมอร์ของญี่ปุ่น ว่าแต่ดาบไอศกรีมมันคืออะไรกันนะ!? ของหวานที่ดีที่สุดที่จะช่วยดับร้อนคงจะมีแค่ไอศครีมเท่านั้น ดังนั้นญี่ปุ่นจึงของรังสรรค์ไอศกรีมที่ผสานวัตนธรรมของดาบคาตานะลงไป ทำให้เกิดเป็นไอศครีมรูปทรงเหมือนดาบอย่างที่เห็น โดยผู้ที่รังสรรค์ดาบสุดอร่อยนี้ก็ไม่ใช่ใคร เพราะเป็นเหล่านักเรียนจากโรงเรียนการพาณิชย์และอุตสาหกรรม ณ เมืองเซกิ จังหวัดกิฟู ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ก็เป็นตัวแทนถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมการผลิตดาบอันยาวของชาวเมืองเซกินั่นเอง ไอศกรีมรูปดาบนี้มีชื่อว่า “Nihonto Aisu” (ไอศกรีมดาบญี่ปุ่น) มีให้ลิ้มลองสองรสชาติ ได้แก่ ส้มยูซุและถั่วแดง ที่เป็นรสชาติดั้งเดิมของญี่ปุ่น และยังมีแป้ง Kuzu หรือแป้งสาคูเพื่อเพิ่มรสสัมผัสอีกด้วย สำหรับใครที่อยากจะลองชิมดู ก็ต้องรีบๆ ไปหากันมา เพราะว่าสินค้ามีจำนวนจำกัด โดยจะขายในเมืองเซกิ ใกล้ๆ กับทางด่วน Tokai-Hokuriku ในช่วงวันที่ 23-26 สิงหาคม และจะออกขายอีกครั้งในช่วงเทศกาลวัฒนธรรมของเมืองเซกิ ระหว่างวันที่ 7-8 ตุลาคม ราคาอยู่ที่ 1,000 เยน หรือประมาณ 300…
-
สัมผัสใหม่แห่งการดม… เผยโฉมปลอกหมอน ‘กางเกงใน’ ความสบายที่ชวนให้คิดลึก!!
ถ้าหากพูดถึงการออกแบบแปลกๆ และข้าวของเครื่องใช้ที่มีลูกเล่นที่ไม่เหมือนใคร หลายๆ คนคงจะต้องนึกถึงประเทศญี่ปุ่นอย่างแน่นอน!! และล่าสุดนี้ บริษัทหนึ่งจากแดนปลาดิบก็ได้ออกแบบสินค้าที่ยังคงคอนเซปความแปลกไว้อีกเช่นเคย เมื่อพวกเขาไปออกแบบปลอกหมอนซ้อนปลอกหมอนธรรมดาอีกทีหนึ่ง… บริษัท Ligre ได้ทำให้ลูกค้าของพวกเขาต้องประหลาดใจ เมื่อทางบริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่นั่นก็คือกางเกงในไซส์เบ้อเร่อ สำหรับใช้เป็นปลอกหมอน ที่จะช่วยมอบสัมผัสใหม่แห่งการนอนและดมให้กับคุณ!? และนี่คือโฉมหน้าของเจ้าปลอกหมอนที่ว่านั้น!! เจ้าปลอกหมอนรูปกางเกงในนี้มีความยาวถึง 55 เซนติเมตรและกว้างถึง 32 เซนติเมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่พอที่จะสวมเข้ากับหมอนขนาดปกติได้อย่างง่ายดาย เจ้าปลอกหมอนรูปกางเกงในนี้เป็นหนึ่งในสินค้าของบริษัทผลิตเซ็กส์ทอยอย่าง Ligre ซึ่งพวกเขาหวังว่าเจ้าปลอกหมอนข้างนี้ จะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์อันเสียวซาบซ่านให้กับผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี ไปชมการใช้งานของเจ้าปลอกหมอนนี้ได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย นอกจากรูปทรงที่แปลกใหม่แล้ว เมื่อคุณใช้ไปนานๆ คราบเหงื่อจากผมและคอของคุณจะช่วยทำให้มันดูสมจริงมากยิ่งขึ้น (ส่วนที่ว่าสมจริงกับอะไรนั้น คิดกันเอาเองนะ ฮ่าๆ ) ซึ่งนั่นจะทำให้มันกลายเป็นปลอกหมอนเฉพาะตัวของคุณยังไงล่ะ ตอนนี้เจ้าปลอกหมอนกกน. ยังมีแค่สีขาวสีเดียวเท่านั้น และพวกเขากำลังมีแผนที่จะพัฒนาสีและกลิ่นอื่นๆ เพื่อให้ตอบโจทย์กับลูกค้าในอนาคต หลับสบาย คล้ายกับได้นอนหนุนบนหว่างขาใครซักคน!! คราบเหงื่อไคลของคุณ จะช่วยให้ปลอกหมอนกางเกงใน มีคราบที่สมจริงมากยิ่งขึ้น… นอนหลับทับกางเกงในเสร็จแล้ว ก็เอามาดมซักหน่อย อ่าห์… หอมม มันจะต้องมีบางคนที่ชอบทำแบบนี้แน่ๆ …
-
10 ร้าน Starbucks ดีไซน์สุดเจ๋งในประเทศญี่ปุ่น ที่คุณต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต..!!
จริงอยู่ที่ Starbucks จะมีสาขาอยู่ทั่วโลก ทว่าเมื่อเข้าเปิดสาขาในประเทศนั้นๆ บางทีก็อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการตกแต่งดีไซน์ ให้เข้ากับวัฒนธรรมของที่นั้นๆ ด้วยเช่นกัน และคราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 10 สาขา Starbucks ที่ขึ้นชื่อว่ามีดีไซน์เจ๋งเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น ถ้าหากใครมีโอกาสได้ไปเที่ยว จะลองแวะไปถ่ายรูปเช็คอินดูซักหน่อยไม่ให้เสียเที่ยวก็ได้นะ 1. Toyama Kansui Park – Toyama เป็นสาขาที่เคยชนะรางวัลการออกแบบเมื่อปี 2008 มาแล้ว และตั้งอยู่ใกล้กับสถานีขนส่ง Toyama โดยสาขานี้จะถูกออกแบบให้มีความกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมตลอดทุกช่วงฤดูกาล ไม่ว่าจะฝนตก แดดออก หรือดอกซากุระบาน ที่อยู่: 5 Minatoirifunecho, Toyama City, Toyama Prefecture 2.Kamamura Onarimachi – Kanagawa ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า Kamamura และถ้าหากใครที่เป็นแฟนอนิเมะคุณอาจจะอยากมาเดินวนเวียนแถวนี้เลยก็ว่าได้ เพราะว่ากันว่านี่เป็นอีกแหล่งรวมตัวนักวาดการ์ตูนอย่าง Ryuichi Yokoyama ที่ฝากผลงานไว้ภายในร้านกาแฟด้วย และถ้าหากใครที่อยากหาสถานที่ร่มรื่นใจกลางเมืองละก็ สาขานี้พร้อมให้บริการแน่นอน ที่อยู่: 15-11 Onarimachi,…
-
“คาโอริ” ไอดอล SKE48 ขอร้องแฟนคลับที่มาอีเว้นท์ให้ “ฉีดเต่า” กันหน่อย อิฉันขมคอไม่ไหวแล้ว!!
สำหรับแฟนๆ แล้ว ใครก็อยากจะไปชมผลงานของศิลปินที่ตัวเองรักทั้งนั้นแหละ เช่นเดียวกับแฟนคลับวงไอดอลเกิร์ลกรุ๊ป SKE48 ที่ไม่ว่าพวกเธอจะไปแสดงสดที่ไหน ก็มักจะมีหนุ่มๆ ตามมาให้กำลังใจกันเพียบ เรตติ้งที่เพิ่มมากขึ้นย่อมหมายถึงงานที่เพิ่มขึ้นด้วย ทว่ากลับมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเธอรู้สึกไม่สบายใจสุดๆ จนต้องออกมาทวีตข้อความให้แฟนๆ ได้รับทราบกัน เกี่ยวกับเรื่องของ ‘จักกะแร้เปียก!!’ คาโอริ ไอดอลวง SKE48 โดยเว็บไซต์ Rocketnews24 ได้รายงานว่า เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาศิลปินสาว ‘คาโอริ มัตสูมูระ’ ได้ทวีตข้อความระบายถึงความอัดอั้นในใจมาตลอดเกี่ยวกับกลิ่นเหม็นหึ่งอันไม่พึงประสงค์ที่เธอต้องเผชิญระหว่างหน้าร้อนนี้ในประเทศญี่ปุ่น เจ้าตัวเล่าว่าเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม SKE48 ได้มีอีเว้นท์พบปะแฟนเพลงพร้อมจับมือ ภายในงานก็มีแฟนเพลงมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก แต่เจ้ากลิ่นเหม็นจากจักกะแร้นี่สิ ชวนทำให้เธอรู้สึกขมคอซะจนทนไม่อยู่เลยก็ว่าได้ จากนั้นเจ้าตัวจึงเปิดประเด็นนี้บนโลกออนไลน์ทันที ข้อความในิวีตเตอร์ระบุไว้ว่า: ‘ขอบคุณแฟนเพลงทุกคนมากนะค๊าา ที่ออกมาพบปะพวกเราในงานที่ผ่านมา แต่หลังจบงานเรากลับได้รับคอมเพลนท์ถึงปัญหาหนึ่งที่ซีเรียสมากๆ มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังต่อแถวจะจับมือทักทายกับพวกเรา เธอเล่าว่าเธอไม่สามารถทนกลิ่นเต่าของหนุ่มๆ ทั้งหลายได้ จริงอยู่ที่การตระหนักถึงกลิ่นกายตัวเองอาจเป็นเรื่องที่เราไม่ค่อยสังเกตกัน และนั่นก็เป็นสิ่งที่พวกเรา SKE48 ต้องคอยดูแลด้วยเช่นกัน ดังนั้นเรามาช่วยกันหยิบโรลออนคนละอันสองอันแล้วทาก่อนมาดูคอนเสิร์ตด้วยนะค่ะ’ หลังจากที่เธอทวีตข้อความดังกล่าวลงไป ก็กลายเป็นกระแสฮือฮาให้แฟนเพลงออกมาแสดงความคิดเห็นกันยกใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่จะไปในแนวที่เห็นด้วยกับเธอ และรู้สึกดีที่เธอกล้าออกมาพูดถึงปัญหานี้่อย่างตรงไปตรงมา…
-
นักวาดการ์ตูนญี่ปุ่น สร้างสรรค์ลายเสื้อสุดโรแมนติก ให้เหมือนมีคนกอดเราอยู่ตลอด
จะดีแค่ไหนถ้าการสวมใส่เสื้อยืดของคุณนั้นเปรียบเสมือนว่ามีคนมาโอบด้านหลังอยู่ กับตัวการ์ตูนที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์นามว่า @marudayo ได้สร้างสรรค์ขึ้น แฟนการ์ตูนจึงไม่ควรที่จะพลาดกับเสื้อสกรีนลายการ์ตูนอนิเมะสีสันสดใส ที่ให้อารมณ์เหมือนกับมีสาวสวยมากอดคุณอยู่ที่ด้านหลัง นักวาดการ์ตูนฝีมือเป็นเอกลักษณ์จากทวิตเตอร์ @marudayo ได้รังสรรค์วาดภาพการ์ตูนอนิเมะลงไปบนเสื้อยืดสีขาว ซึ่งเป็นภาพของ Atsumi Munakata ที่เป็นหนึ่งในนักร้องจากอนิเมะวิดีโอเกมแฟรนไชส์ The Idolmaster แม้ว่าลายพิมพ์นั้นจะดูเป็น Atsumi Munakata ที่หันข้าง ไม่ได้เห็นแบบชัด แต่เมื่อสังเกตดีๆ ก็จะเห็นว่า Atsumi นั้นกำลังกอดเราจากด้านหลังอยู่ โดยมือของเธอนั้นกำลังบีบที่หน้าอกเราอยู่ ใครที่มองเสื้อจากด้านหน้าก็อาจจะเสียวๆ นิดนึงนะ ผลงานเสื้อต่างๆ เหล่านี้ยังไม่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ โดย @marudayo ได้วางแผนว่าจะนำไปจำหน่ายที่งานแฟนมีทติ้งในงาน Comiket ซึ่งผู้ถือลิขสิทธิ์ในญี่ปุ่นมักมาจับตามอง ในขณะที่แฟนๆ ก็เอาใจช่วยให้เสื้อเหล่านี้มีวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้ ใครที่อยากได้เสื้อที่เป็นงานศิลปะ ที่มีความโรแมนติกเบาๆ แบบนี้ ก็ต้องเอาใจช่วยให้มีการวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้นะ ที่มา en.rocketnews24
-
เผยภาพสุดฮาของ “พิกะจู” ถูกราวทางเดินทิ่มเข้าหน้าเต็มๆ หันหลังให้ก็ยังโดนจิ้มอยู่ดี!!
“พิกะจู” เป็นตัวละครที่มีความน่ารักอยู่ในตัวอย่างเต็มพิกัด ดังนั้น เราจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายๆ คนถึงชื่นชอบตัวการ์ตูนตัวนี้ และถ้าหากใครที่เคยเดินทางไปเยือนยังประเทศญี่ปุ่น คุณจะเห็นได้ว่า มีสัญลักษณ์ รวมถึงข้าวของเครื่องใช้มากมายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากพิกะจู ซึ่งต้องบอกเลยว่ามันน่ารักมากๆ จนทำให้อดใจไม่ไหว ต้องซื้อกลับมาทู๊กกกกที แต่ในวันนี้เราไม่ได้จะมาแนะนำสินค้าเกี่ยวกับพิกะจูหรอกนะ แต่เราได้รับหลักฐานบางอย่างที่จะทำให้เห็นว่าพิกะจูสามารถทำให้หลายๆ คนฮาท้องแข็งได้ เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ชื่อ @koch_neB หนึ่งในผู้ที่ได้เข้าไปร่วมงาน Pikachu Outbreak (พิกะจูบุกเมือง) ที่เมืองโยโกฮาม่า ได้เผยภาพของพิกะจูตัวหนึ่ง กำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบาก เพราะขณะที่มันกำลังเดินผ่านทางเดินแคบๆ อยู่นั้น ตัวที่มีขนาดใหญ่ของมันกลับดันไปติดทางเดิน งานนี้เลยทำให้ราวที่อยู่บริเวณมุมทางเลี้ยวทิ่มเข้าหน้าอย่างจัง โถๆ น่าสงสาร พยายามบีบตัวให้เล็กลงก็แล้ว แต่ยังไง๊ยังไงก็ติดอยู่ดีๆ เอ๊ะ!! หรือว่าต้องไปลดความอ้วนซะแล้ว แม้ว่าหน้าจะถูกทิ่ม แต่มันก็ยังคงดูน่ารักเหมือนเดิมเลยเนาะ ฮร่าๆ ภายหลังจากที่ภาพดังกล่าวได้ถูกนำไปเผยแพร่บนโลกออนไลน์ ก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นอย่างมาก โดยมีผู้คนเข้ามารีทวิตมากกว่า 133,000 ครั้ง รวมถึงเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันแบบขำๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น… “คล้ายกับว่าพิกะจูกำลังจะกินเข้าไปเลย” “เอ็งโดนแทงเข้าแล้ว!!” “ดูรุนแรงไปหน่อย แต่ก็ยังทำให้ขำได้อยู่นะ…
-
แอพฯ ใหม่จากญี่ปุ่น ให้คุณ ‘ระดมทุน’ จากเพื่อนในกลุ่มได้ แม้ตัวจะห่างไกลแต่ส่งเงินไปแทน!!
ใช่ว่าการ ‘ระดมทุน’ จะมีให้แต่คนที่มีความคิดสร้างสรรค์หรือธุรกิจสตาร์ทอัพเสมอไป เพราะที่ญี่ปุ่นได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่เอาใจวัยโจ๋ไส้แห้ง ‘Polca’ แอพฯ ที่จะทำให้คุณเสนอโครงการขอระดมเงินทุนจากเพื่อนๆ (อาจจะคล้ายๆ การยืมตังค์) โดยผู้ผลิตเค้าเคลมว่าสาเหตุที่สร้างแอพฯ นี้ขึ้นมาก็เพราะ.. อยากให้มีการระดมทุนในวงที่แคบลง และมาพร้อมกับความไว้ใจที่มากขึ้น แม้ว่าทางผู้ผลิตอยากจะเน้นไปการเป็นศูนย์กลางการระดมทุนเงินของกลุ่มเพื่อนฝูง แต่ก็ใช่ว่าจะโพสต์ขอระดมทุนเงินชาวบ้านได้ง่ายๆ เหมือนที่เราโพสต์ด่าชาวบ้านผ่านเฟซบุ๊ก เพราะผู้ยืมจะต้องลงทะเบียนโดยระบุข้อมูลพื้นฐานทั้งหมด เขียนอธิบายสาเหตุที่ต้องการเงินทุน (เงินยืม) อัพโหลดรูปภาพที่เกี่ยวข้อง และเซ็ตยอดเงินสูงสุดที่ต้องการ รางวัลของผู้สนับสนุนเงินทุน และวันปิดระดมทุน… ด้วยขั้นตอนง่ายๆ หลังโพสต์แล้วก็จะมีหน้าตาประมาณนี้ ส่วนจะได้มากได้น้อยก็ต้องไปลุ้นกันเอาเองนะจ๊ะ นอกเหนือไปจากนั้น Polca จะเชื่อมต่อข้อมูลรายชื่อเพื่อนของเราผ่านแอพฯ โซเชียลมีเดียต่างๆ อีกทั้งเรายังสามารถเลือกได้ว่าจะให้ ‘คำขอระดมทุน’ เราไปปรากฎให้เพื่อนคนไหนเห็นได้บ้าง แต่ดูเหมือนว่าหลังที่เปิดตัวใช้ในญี่ปุ่น แอพฯ จะได้รับความนิยมมากไปกว่านั้น เพราะมันสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการระดมทุนจัดงานปาร์ตี้ ระดมทุนเพื่อช่วยเหลือองค์กรการกุศล หรือแม้แต่ระดมทุนช่วยผู้ตกทุกข์ได้ยาก น่าเสียดายที่ตอนนี้ แอพฯ รองรับแต่ในภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น ไม่แน่นะหากในอนาคตได้รับความนิยมสูงขึ้นก็อาจจะมีเวอร์ชั่นภาษาไทย หรืออังกฤษให้เราใช้กันบ้าง เรียกได้ว่าใครจะยืมเงินใครทีนี่… รู้กันไปทั้งโลกโซเชียลเลย ที่มา: Rocketnews
-
อัจฉริยะหรือขี้เกียจ!? ผลงานนักเรียนญี่ปุ่นทำโปสเตอร์ “รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย” สร้างกระแสดัง
ถ้าพูดถึงกระแสไวรัลในเน็ตทางฝั่งญี่ปุ่นตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องราวมือสีแดงอย่างแน่นอน เมื่อมีภาพการบ้านของเด็กชายคนหนึ่งถูกโพสต์ลงบนโลกออนไลน์ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เมื่อคุณได้สั่งการบ้านภาคฤดูร้อนให้เด็กๆ กลับไปทำในหัวข้อว่า “โปสเตอร์ขับขี่ปลอดภัย” ซึ่งเมื่อคุณลองคิดภาพตาม คุณคิดว่าเด็กวัย 12 จะทำการบ้านนี้ออกมายังไงล่ะ? พวกคุณคงคิดว่ามันจะต้องเป็นภาพน่ารักๆ พากันข้ามถนน หรืออะไรที่เด็กปกติจะคิดกันขึ้นมา ทว่ากลับมีเด็กคนหนึ่งสามารถทำการบ้านนี้เสร็จได้ภายใน 5 นาที โดยการทาสีแดงลงไปทั่วทั้งแขน จากนั้นก็วางทับลงไปบนกระดาษ พร้อมเขียนคำว่า “ช่วยด้วย” ลงไป พร้อมกับได้บอกว่าโปสเตอร์นี้แหละที่จะทำให้คนตระหนักถึงจริงๆ ไม่ใช่ภาพน่ารักๆ ที่คนอื่นๆ ทำกัน งานนี้เล่นเอาชาวเน็ตอึ้งกันเป็นแถบๆ เพราะถ้าเราไม่บอกว่าเด็กทำ ดุยังไงมันก็อิมแพคเหมือนคนที่โดนชนและเลือดอาบเต็มตัวล้มลงกับพื้น เด็กวัย 12 ที่สามารถคิดได้ขนาดนี้ โตขึ้นจะต้องเจ๋งมากแน่ๆ ความเห็นคนเราย่อมมีแตกต่างกันไป เพราะชาวเน็ตบางกลุ่มก็บอกว่าเด็กคนนี้จริงๆ ขี้เกียจต่างหาก เขาแค่ไม่อยากจะทำการบ้านเหนื่อยๆ แบบที่เด็กคนอื่นวาด ก็เลยใช้ภาพนี้แหละ งั้นเราลองมาดูคอมเม้นท์ชาวเน็ตที่ถกเถียงกัน อย่างพี่คนนี้ที่บอกว่าตัวเองเป็นศิลปิน ก็บอกว่างานของเด็กคนนี้มีสื่อสารออกมาได้ชัดเจนมากๆ แม้จะอ่านตัวหนังสือญี่ปุ่นไม่ออกก็ตาม ด้านพี่คนนี้ก็บอกว่า สิ่งที่ทำให้เขาประทับใจคือ การที่วัฒนธรรมและการศึกษาทำให้เด็กคิดแบบนี้ได้ และกล้าจะออกจากกรอบมันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก และเชื่อว่าเขาจะมีอนาคตที่ดีแน่ๆ ในส่วนคองคอมเม้นชาวเน็ตในไทยก็ให้ความเห็นในทิศทางที่หลากหลายเช่นกัน ซึ่งเราก็ได้ลองหยิบยกคอมเม้นจากเพจ TALKS…
-
“เครื่องเป่าจาน” กำลังฮิตในอเมซอนของญี่ปุ่น แต่เชื่อไหมว่าไม่มีใครเอาไปเป่าจานเลย!!?
ในปัจจุบันนั้น มนุษย์เราก็มีนวัตกรรมมากมายให้ได้เลือกซื้อเลือกใช้กันอยู่เต็มไปหมด ซึ่งมันก็มีทั้งที่ดีตอบโจทย์และไม่ตอบโจทย์เลยก็มี ทว่ามันก็ยังมีสินค้าบางอย่างที่ผู้ผลิตตั้งใจจะทำออกอย่างหนึ่ง แต่คนก็ดั๊นไปใช้อีกอย่างเฉย เจ้าเครื่องเป่าจาน Yamazen Dish Dryer YD-180 นี้ก็จัดอยู่ในหมวดที่กล่าวมาเช่นกัน เพราะเดิมทีแล้วผู้ผลิตก็ตั้งใจและตั้งชื่อมันมาตรงๆ เลยว่า เจ้าเครื่องของเราเนี่ยมันใช้เป่าจานนะ มันจะทำให้จานของคุณแห้งดีสุดๆ เลยล่ะ โฉมหน้าของเจ้าเครื่องดังกล่าว พร้อมกับจุดประสงค์หลักของเครื่อง จากนั้นทางผู้ผลิตก็เปิดขายมันผ่านเว็บไซต์ช็อปปิ้งชื่อดัง Amazon ของญี่ปุ่นในราคาราวๆ 2,000 บาท และใครจะเชื่อ ว่าเจ้าเครื่องนี้มันขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยล่ะ ที่สำคัญยังมีคนเข้ามารีวิวและให้ดาวเต็ม 5 มากถึง 102 คนจากจำนวนคน 175 คนที่เข้ามารีวิวเลยด้วย เชร่ดดด ไม่เชื่อลองดู เดี๋ยวจะหาว่าโม้นะเออ แต่เชื่อไหมว่าแม้มันจะบอกว่าไว้เป่าจานให้แห้ง แต่คนเกือบทั้งหมดที่เขามาเขียนรีวิวต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาไม่ได้ใชมันในการเป่าจานเลยแม้แต่ครั้งเดียว ห๊ะ!!? สงสัยละสิว่าพวกเขาเอาไปทำไรกัน คำตอบคือ…พวกเขาเอาไปเป่าของใช้ต่างๆ ที่อยากให้แห้งไวๆ อย่างรองเท้าที่เพิ่งซักมา หรือชิ้นส่วนพลาสติกโมเดลที่เพิ่งพ่นสี ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นอะไรทำนองนี้นั่นเอง ซึ่งมันก็แปลกดี ฮร่าๆ รองเท้าของคุณจะแห้งไวอย่างเหลือเชื่อ หรือจะเป็นชิ้นส่วนพลาสติกโมเดล ที่เพิ่งพ่นสีหมาดๆ…
-
โคตรคูล!! หน้าตาของ “แจ็คเก็ตเด็กมหาลัยโตเกียว” ดีไซน์เรียบง่าย แต่เฉียบคมอุดมความเท่
ในช่วงชีวิตของในมหาวิทยาลัยนั้นเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่มีอิสระที่สุดเลยก็ว่าได้ และยังเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่น่าจดจำ ซึ่งในมหาลัยแต่ละแห่งนั้นก็มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นแตกต่างกันออกไป บางที่อาจจะมีชื่อเสียงในเรื่องของการศึกษา บางที่อาจจะโด่งดังในเรื่องของศิลปะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็สะท้อนเอกลักษณ์ของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งได้เป็นอย่างดี หนึ่งในสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงอย่างมหาวิทยาลัยโตเกียว ที่ตั้งอยู่ในใจกลางของเมืองหลวงของญี่ปุ่น มักจะเรียกโดยย่อว่า “Todai” เป็นมหาวิทยาลัยที่มีนักเรียนมัธยมญี่ปุ่นต่างเฝ้าฝันที่จะเข้าไปเรียนมากที่สุด แต่ทว่าเมื่อพูดถึงนักศึกษาในสถาบันแห่งนี้ ก็มักจะถูกมองว่าเป็นเด็กเรียนที่ไม่มีความสนใจในเรื่องอื่นใด จนทำให้ไม่อยากเปิดเผยความภาคภูมิใจในการเข้ามาเรียนในสถาบัน… ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้นักศึกษา Todai สองคนอยากที่จะโชว์ความภาคภูมิใจของตัวเอง ผ่านการออกแบบเสื้อแจ็คเก็ต ซึ่งการออกแบบนี้อยู่ในโครงการ “College Blouson Project” เพื่อแสดงให้เห็นตัวตนและเอกลักษณ์ของมหาวิทยาลัยในรูปแบบของเสื้อแจ็คเก็ต พวกเขาได้ร่วมออกแบบกับแฟชั่นดีไซน์เนอร์ Keisuke Yoshida ด้วย ซึ่งไม่ใช่นายแบบหรือนางแบบในภาพหรอกนะ The Blouson มาพร้อมกับกระเป๋าเก็บปากกาสองช่องที่หน้าอก แถมยังมีช่องใส่บัตรนักศึกษาแยกให้อีกด้วย กระดุมก็เป็นลายพิมพ์ชื่อมหาวิทยาลัย หมวกด้านหลังก็สามารถเปลี่ยนรูปแบบได้โดยการรูดซิป โดยในตอนนี้โครงการ The College Blouson ได้หาแหล่งเงินทุนผ่านเว็บไซต์ CLOSS โดยได้ปิดการระดมทุนไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดย 30 คนแรกที่สั่งซื้อล่วงหน้า ก็จะได้เสื้อไปในราคา 20,000 เยน หรือประมาณ 6,000 บาท ก่อนที่จะมีการขยับราคาขึ้นไปเรื่อยๆ …
-
ญี่ปุ่นเผยผลสำรวจ 10 ความจริงของผู้หญิง “หน้าอกเล็ก” คุณเป็นหนึ่งในนั้นหรือเปล่า?
ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นถูกจับตามองมาโดยตลอดว่าผู้หญิงประเทศนี้มีหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่สะบึ้ม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ญี่ปุ่นไม่ได้เต็มไปด้วยผู้หญิงที่มีขนาดหน้าอกใหญ่ทั้งหมดหรอกนะ เพราะผู้หญิงหน้าอกเล็กก็มีเหมือนกัน และที่สำคัญดูเหมือนว่าจะมีจำนวนคนอกเล็กจะมีเพิ่มมากขึ้นซะด้วยสิ เพราะหน้าอกเล็ก นในบางครั้งมันก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้สาวๆ ทั้งหลายไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งก็มีหลายเหตุผลด้วยกัน และด้วยเหตุนี้ ทางเว็บไซต์ Goo Ranking ซึ่งเป็นเว็บไซต์สำรวจผลของญี่ปุ่น จึงได้ทำการออกสำรวจโดยการสอบถาม 10 ความจริงของผู้หญิงนมเล็ก ซึ่งก็สามารถรวบรวมคำตอบทั้งหมดได้มากถึง 1,343 คำตอบ ว่าแล้วก็มาดูกันเลยว่าคำตอบไหนจะถูกเลือกมากที่สุด 10. อย่างน้อยมันก็มีข้อดีว่า หน้าอกเล็กสามารถหยิบของในกระเป๋าเสื้อได้ง่ายกว่าคนอกใหญ่มาก (35 คำตอบ) 9. เป็นเรื่องยากสำหรับฉันที่จะเติมเต็มทรวงอกให้มันเด้งเต่งตึงในเสื้อชั้นในแบบ T-shirt bra (39 คำตอบ) 8. ต่อให้ฉันเอาหน้าอกทั้งคู่ของฉันรวมไว้ข้างเดียวกัน มันก็ยังคงเล็กอยู่ดี (46 คำตอบ) 7. ฉันไม่สามารถสวมเสื้อเกาะอกหรือเสื้อเปิดไหล่ได้เลย เพราะฉันกลัวว่ามันจะหลุดเข้าสักวันหนึ่ง (52 คำตอบ) 6. แม้ว่าฉันจะกระโดดหรือวิ่ง หน้าอกของฉันมันไม่ได้กระเด้งขึ้นเลย ฮ่าาาาา (55 คำตอบ) …
-
ชมผลงานประติมากรรม “รูปปั้นพระ” ขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น ใจกลางทุ่งออกลาเวนเดอร์
ประติมากรรมรูปปั้นพระพุทธรูปในญี่ปุ่นนั้น ถือเป็นหนึ่งในเอกลักษ์ที่เรียกว่าน่าสนใจไม่แพ้บ้านเราเลย ซึ่งแม้ว่าจะเป็นศาสนาเดียวกัน แต่ด้วยนิกายและวัฒนธรรมที่ต่างไป ทำให้หน้าตาของพระพุทธรูปแต่ละองค์ก็จะต่างออกไป ซึ่งพุทธรูปในครั้งนี้ก็เป็นผลงานของ Tadao Ando ซึ่งเป็นศิลปินมากความสามารถในคนหนึ่งในญี่ปุ่น โดยเขาได้ออกแบบโบสถ์สำหรับมากราบไหว้ให้แกชาวญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองซัปโปโรของประเทศญี่ปุ่น ภาพมุมสูงของตัวโบสถ์ . ตัวพระพุทธนั้นถูกล้อมด้วยตัวโบสถ์ที่เป็นเนินสูง พร้อมกับปลูกดอกลาเวนเดอร์ไว้เต็มไปหมด สร้างความสวยงามพอสมควรเลยทีเดียว ส่วนด้านล่างก็จะเป็นทางเดินที่สามารถเดินเข้าไปเพื่อสักการะบูชาได้… Tadao ให้นิยามของการออกแบบไว้ว่า เวลาที่ผู้คนเดินลอดผ่านอุโมงค์มาจนถึงตัวพระพุทธรูป พวกเขาจะต้องแหงนมองฟ้าขึ้นไปพร้อมเห็นท้องฟ้าและใบหน้าของพระพุทธ ซึ่งมันเป็นวิวที่เยี่ยมยอดสุดๆ นั่นเอง ส่วนนี้คือแบบร่างในตอนแรกของ Tadao ด้านนอกก็ยังมีมุมผ่อนคลายเป็นสระน้ำ สวยๆ ถ้ามองจากมุมระดับสายตาไกลๆ ก็จะเห็นเพียงแค่เศียรของพระพุทธรูป ออกมาไกลอีกหน่อยก็จะเห็นทุกลาเวนเดอร์เต็มไปหมด สวยดีใช่ไหมล่ะ ที่มา sobadsogood
-
รู้จักกับ ‘Inosemarine’ ชิบะจอมป่วน น้องหมาจอมกวนที่ทำเจ้านายถึงกับปวดหัว
มักจะมีคำพูดที่พวกเรามักจะได้ยินกันบ่อยๆ นั่นก็คือ สุนัขเป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์ บ่อยครั้งที่พวกเจ้าตูบมักจะทำตัวน่ารักๆ ว่านอนสอนง่าย ซึ่งแตกต่างจากเจ้า Inosemarine น้องหมาชิบะจากญี่ปุ่นตัวนี้มากๆ เพราะนอกจากจะหวงเนื้อหวงตัวแล้ว พี่แกยังชอบแกล้งเจ้านายเอามากๆ อีกด้วย ดูๆ ไปแล้วบางทีก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าแกถูกวิญญาณเจ้าเหมียวตัวไหนสิงรึเปล่านะเนี่ย?? แหม่.. นอนสบายเชียวนะ เค้านินทาถึงยังไม่รู้ตัวอีกก คลิปวิดีโอในช่องยูทูปของเจ้าตูบ แสดงให้เห็นพฤติกรรมเกรียนๆ ของเจ้าชิบะตัวนี้เอามากๆ บางครั้งเวลาที่เจ้าของจะเข้ามาหอมพี่แกก็เล่นตั๊วเล่นตัว หรือบางครั้งกว่าจะได้กินข้าวก็ต้องคอยกันอยู่นานเลยทีเดียว เพราะพี่ inosemarine ชอบกดเปิดฝาหม้อหุงเข้าอยู่เรื่อย อ่ะ… เย็นนี้กินอะไรไหนเลือกซิ!! เค้าแอบอยู่ด้านหลังเนี่ยย รู้เรื่องป่าววเจ้าตูบ!! อย่ามองเฉยๆ สิ โถ่เอ๊ยย!! ไปชมความกวนของเจ้าชิบะตัวนี้กันได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… แต่ถ้าหากใครยังไม่จุใจละก็ สามารถเข้าไปชมความฮาของเจ้า inosemarine กับเจ้านายมันได้ทางช่องยูทูป inosemarine กันได้เลย… ที่มา inosemarine
-
ชม 20 ภาพโศกนาฏกรรม ‘ฮิโรชิม่าและนางาซากิ’ เผยให้เห็นความน่ากลัวของ ‘อาวุธนิวเคลียร์’
จริงอยู่ที่สงครามมักจะเริ่มต้นมาจากอุดมการณ์ และทัศนคติที่ไม่ลงรอยกัน ทว่าท้ายที่สุดแล้วคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดกลับเป็นประชาชนตาดำๆ ที่เราเชื่อว่าลึกๆ แล้วพวกเขาคงอยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุข และไม่อยากให้มีการสูญเสียเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้เราจะขอพาไปชมภาพจากโศกนาฏกรรม หลังการทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิ อันนำมาสู่ยอดผู้เสียชีวิตกว่า 129,000 คน ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยสะท้อนให้เราเห็นถึงความน่ากลัวของ ‘อาวุธนิวเคลียร์’ ได้เป็นอย่างดี ภาพถ่ายในจังหวะที่นิวเคลียร์ตกลงมาที่เมืองนางาซากิ ในภาพคนถ่ายอยู่ไกลออกจากจุดตกประมาณ 9.6 กิโลเมตร ชาวญี่ปุ่นกำลังสำรวจซากปรักหักพังหลังจากเกิดเหตุการณ์การทิ้งระเบิดได้ 2 เดือน ภาพความเสียหายจากพื้นที่ในรัศมีระเบิดนิวเคลียร์ เหล่าพลทหารต่างช่วยกันกอบกู้ซากปรักหักพัง (ซ้าย) ภาพโครงกระดูกของชาวบ้านคนหนหนึ่ง ซึ่งความร้อนและแรงระเบิดจากนิวเคลียร์ทำให้ร่างกายเหลือเพียงแค่กระดูกได้ในชั่วพริบตาเดียว เด็กน้อยกำลังร้องไห้หลังเกิดเหตุการณ์ทิ้งระเบิดได้ 1 วัน สภาพเมืองส่วนหนึ่งของฮิโรชิม่าหลังถูกโจมตี (ซ้าย) นาฬิกาหยุดทำงานที่เวลา 8.15 นาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาที่ระเบิดตกลงมา (ขวา) ภาพเงาของผู้เสียชีวิตที่เกิดจากความร้อนและระเบิดแรงสูง สภาประจำเมืองฮิโรชิม่า ก็ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของการโจมตีในครั้งนี้เช่นกัน ภาพของชายญี่ปุ่นที่ถูกแรงดันระเบิดจากระยะ 1 กิโลเมตร ห่างจากจุดตกนิวเคลียร์ (ซ้าย)…
-
13 เรื่องจริง เกี่ยวกับ “โดราเอมอน” ที่หลายๆ คนอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน
หากเราจะพูดถึงการ์ตูนญี่ปุ่นดังๆ สักเรื่อง การ์ตูนที่ดูได้ทุกเพศทุกวัย ดูได้ไม่เบื่อตั้งแต่เด็กจนโต หลายๆ คนคงจะตอบว่าโดราเอมอน อย่างแน่นอน เพราะมันเต็มไปด้วยเรื่องราวใกล้ตัว มีของวิเศษที่ช่วยเติมเต็มความฝัน และมิตรภาพดีๆ จากเจ้าหุ่นยนต์แมวสีฟ้าจนเราอยากจะมีเพื่อนแบบนั้นในชีวิตจริงเลย ถ้านับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันแล้ว ตอนนี้การ์ตูนเรื่องโดราเอมอนก็มีจำนวนตอนปาเข้าไปหลายร้อยหลายพันตอน รวมกับฉบับมูฟวี่อีกกว่า 37 ตอน มีข้อมูลและเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าแมวสีฟ้าตัวนี้ออกมากมาย และด้วยความที่มันเป็นแมวเหมือนกับเรา #เหมียวฟิ้น เลยนึกครึ้มใจอยากจะรวบรวมข้อมูลเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับเจ้าแมวอ้วนตัวนี้มาให้แฟนๆ ได้อ่านกัน บางข้อคุณอาจจะยังไม่เคยได้ยินมันจากที่ไหนเลยก็ได้ 1. ตามท้องเรื่องแล้วโดราเอมอนถูกสร้างโดยบริษัทที่ชื่อ Matsushiba Robot Factory เมื่อวันที่ 3 กันยายนปี 2112 หรืออีกประมาณ 95 ปีข้างหน้า 2. โดราเอมอนมีรหัสประจำตัวด้วยนะ รหัสคือ MS-903 3. หลายๆ คนคงรู้ว่าโดราเอมอนมีน้องสาวที่ชื่อโดเรมี จากข้อมูลระบุว่าเธอมีพละกำลังเทียบเท่ากับม้า 10,000 ตัว ในขณะที่โดราเอมอนมีพละกำลังเทียบเท่าม้าแค่ 129.3 ตัวเท่านั้น 4. หลายคนคงคุ้นเคยกับเพลงเปิดโดราเอมอนที่ชื่อ Doraemon no uta แต่ทางญี่ปุ่นได้มีการยกเครื่องซีรี่ส์โดราเอมอนใหม่ ปรับเปลี่ยนลายเส้นและเพลงเปิดตั้งแต่ปี…
-
ภาพเจาะลึก “ม่านรูดร้าง” ในญี่ปุ่น หลังถูกทิ้งร้าง 17 ปี บอกเล่าเรื่องราวจากในอดีต…
ภาพถ่ายหลายภาพที่คุณได้พบเห็นตามที่ต่างๆ นั้น คงจะมีที่มาจากหลายที่ที่คุณอาจไม่เคยได้ไปลองสัมผัสด้วยตนเองมาก่อน เหมือนกับรูปภาพเหล่านี้ที่ได้ถ่ายมาจากสถานที่ที่หลายคนอาจไม่เคยคิดที่จะเข้าไปเลยก็ได้ เมื่อช่างภาพที่มีชื่อว่า Bob Thissen ผู้ที่ได้เดินทางไปทั่วโลกเพื่อการถ่ายรูปในสถานที่เจ๋งๆ มากมายอย่างภาพเรือรบของฝรั่งเศส สุสานรถในสวีเดน หรือแม้แต่สวนสนุกร้างในเกาหลีใต้ เป็นต้น กระทั่งมาถึงรูปภาพชุดนี้ . ครั้งนี้นั้นเราจะได้มาชมภาพถ่ายจากโรงแรมม่านรูดร้างในญี่ปุ่น สถานที่ที่เคยเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก การร่วมเพศและความสุขที่เกิดขึ้นอย่างอิสระ จนกระทั่งสลายหายไปกลายเป็นความทรงจำอันเลือนลาง กลุ่มลูกค้าของสถานที่แห่งนี้นั้นมักจะเป็นคู่รักในเมืองที่ต้องหนีออกมายังเขตชนบทในโตเกียว มาเพื่อหาพื้นที่ส่วนตัวของพวกเขาในการสานต่อความสัมพันธ์อันใกล้ชิดและลึกซึ้ง . โดยแต่ละห้องก็จะมีให้เลือกแตกต่างกันไปอย่างหลากหลาย ตั้งแต่แบบห้องนอนสไตล์ขุนนางญี่ปุ่น ห้องสไตล์ยุโรป จนไปถึงห้องที่เหมือนกับของสตรีในยุคกลางก็ยังมี ราคาชั่วโมงก็จะแตกต่างกันไป อย่างห้องที่มีราคาแพงภายในก็จะเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ดูหรูหราและน่าสนใจอยู่มากมาย เฟอร์นิเจอร์ที่แสดงให้เห็นถึงความคลาสสิค . ที่นี่ปลอดภัยจริง ถึงกับมีอัศวินมาคอยดูแลความเรียบร้อย จะไม่มีเตียงจริงๆ หรอเนี่ย . ความทรุดโทรมของสถานที่นั้นสามารถบอกได้ถึงความเก่าแก่ที่มีมานาน หากแต่ยังคงเหลือร่องรอยความรู้สึกของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในพอให้เราได้รับรู้เข้าใจกันได้บ้าง หากใครชื่นชอบผลงานของเขาคนนี้ก็สามารถไปชมได้ที่เว็บไซต์ BobThissen ของเขาเอง ที่มา: sobadsogood
-
ญี่ปุ่นเปิดตัวมอสคอตใหม่สุดน่ารัก “Kan-Chan” ที่พร้อมจะทะลวงทุกรูทวารของคุณ..!!
เป็นธรรมดาที่ญี่ปุ่นมักจะสรรหาอะไรใหม่ๆ มาให้เราได้ชมกันตลอด ไม่ว่าจะเป็นตัวการ์ตูนใหม่ๆ นวัตกรรมเฟี้ยวๆ หรือแม้กระทั่งตัวมาสคอตสุดแปลก และคราวนี้ดูเหมือนว่าวงการยาสวนทวารจะล้ำไปอีกขั้น เมื่อบริษัท Ichijiku Pharmaceutical Co. ได้เปิดตัวมาสคอตตัวใหม่น่ารักมุ้งมิ้ง ที่พร้อมจะทลวงทุกสิ่งที่อุดตันในลำไส้ใหญ่ของคุณ จนกลายเป็นกระแสฮือฮาไปทั่วเกาะญี่ปุ่น Kan-Chan เองน่ารักมั้ยล่ะ..!? จะว่าไปการนำมาสคอตมาใช้เพื่อทำโปรโมทสินค้า ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติในประเทศญี่ปุ่น ทว่า..!! สินค้าตัวใหม่ที่ทางบริษัทยาต้องการพรีเซนต์เป็น ‘ยาสวนทวาร’ ซึ่ง Kan-Chan เป็นหนึ่งในผู้ชนะเลิศการประกวดออกแบบมาสคอตที่บริษัทเคยจัดขึ้นก่อนหน้านี้ ด้วยรูปทรงหน้าตาที่มีความละม้ายคล้ายกับสินค้ามากที่สุด จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบอร์ดบริหารถึงได้ถูกอกถูกใจดีไซน์นี้เหลือเกิน แต่ถึงกระนั้นทางบริษัทก็ไม่ได้ออกมายอมรับอย่างตรงไปตรงมาหรอกนะ ว่า Kan-Chan เป็นหลอดยาสวนทวารเดินได้ เพราะทางบริษัทได้ชี้แจงว่าจริงๆ แล้วตัวมาสคอตเป็นนกเพนกวินสีชมพูต่างหากล่ะ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่บริษัทนี้นำตัวการ์ตูนสุดมุ้งมิ้ง มาแปลงโฉมเป็นมาสคอตให้คนได้จดจำกัน เพราะก่อนหน้านี้บริษัทเคยเปิดตัวมาสคอต ‘Ichijikujira’ ซึ่งเป็นยาสวนทวารสำหรับเด็ก และได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างท่วมท้น ใบหน้าของวาฬที่ต้องการจะสื่อให้เด็กๆ รู้ว่า… ถ้าสวนแล้วรับรองยิ้มแฉ่งแน่จ้าา ไม่ว่าจะสินค้าตัวไหนก็มีมาสคอตทั้งนั้น ดูน่ารักมุ้งมิ้งจริงเชียว ที่มา: Rocketnews24
-
รวม 7 เรื่องราวที่จะทำให้เรารู้ว่าคนญี่ปุ่น “คลั่งผักชี” กันมากขนาดไหน!?
“ผักชี” ผักที่เราชาวไทยนั้นมักจะใช้ในการเป็นเครื่องเทศประกอบกับอาหารต่างๆ หรือผักที่ใช้ตกแต่งให้ดูสวยงาม ยิ่งอย่างหลังเรามักจะเห็นคนชอบใช้ในการตกแต่งจานข้าวให้ดูสวยๆ และเราก็มักจะเมิน ไม่ก็เขี่ยทิ้ง… แต่ถึงอย่างนั้นผักชีก็เป็นผักที่มักจะถูกใช้ในอาหารเกือบทุกประเภท เรียกว่าเป็นผักที่อยู่คู่กับอาหารไทยมาช้านาน แต่อย่างนั้นเราก็กลับไม่ชอบมันอยู่ดี กลับกันแล้วกับชาวญี่ปุ่น ผักชนิดนี้กลับได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เรียกว่าแทบจะแทรกเข้าไปอยู่ในทุกอย่างของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ซึ่งพูดลอยๆ ไปก็อาจจะไม่เห็นภาพกัน ฉะนั้นเราจะมีดู 7 สิ่งที่จะช่วยยืนยันว่า “ผักชี” ได้กลายเป็นยอดผักคู่บุญชาวญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ว่าแต่จะมีอะไรบ้างลองมาดูกัน 1. บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสผักชี เรารู้กันดีว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ญี่ปุ่นนั้นถือเป็นต้นตำรับ และรสชาติที่มีให้เลือกก็มากมายขนาดที่ว่ากินยังไงก็ไม่เบื่อ ทว่าใครจะคิดว่าผักชีจะกลายมาเป็นรสชาติหลักที่ขายดีได้ ที่สำคัญคนยังคลั่งมากๆ เลยด้วย (ดูรีวิวได้ที่คลิปเลยจ้า) 2. มีการจัดแข่งขันกินบุฟเฟต์ผักชี!! ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าร้านอาหารไทยในญี่ปุ่น เคยจัดแข่งกินบุฟเฟ่ผักชีมาแล้ว ที่สำคัญคนก็ให้ความสนใจกันสุดๆ งานนี้ชาวญี่ปุ่นผู้ชื่นชอบในผักชีคงฟินกันสุดๆ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ร้านอาหารไทยในญี่ปุ่น จัดการแข่งขัน “กินผักชี” ใครกินได้เยอะ ครั้งหน้ากินฟรีไปเลย!!!) 3. เอ็มวีผักชี ชอบมากขนาดวงบอยแบนด์ยังต้องออกมาทำเอ็มวี และเพลงให้เป็นเรื่องเป็นราว ที่สำคัญเพลงก็ฟังเพลินมากๆ เลยด้วย (อ่านเพิ่มเติมๆได้ที่ ผักชีไทยดังไกลถึงญี่ปุ่น แม้แต่วง “10jinactor” ยังนำมาทำ MV…
-
หญิงชรานำเครื่องนวดเท้ามาใช้ที่บริเวณคอ เสื้อผ้าติดเครื่อง รัดคอเป็นเหตุสลด…
ในปัจจุบันเราคงได้เจอนวัตกรรมการนวดมาบ้างอย่าง เก้าอี้นวด ไม้นวดตามจุดต่างๆ หรืออย่างเครื่องสำหรับใช้นวดเท้าโดยเฉพาะ ดังนั้นมันจึงแน่นอนว่าไม่ควรนำไปใช้ที่จุดอื่นนอกเหนือจากนั้น… เหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้เกิดขึ้นกับหญิงชราวัย 77 ปี ในจังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เธอได้นำผ้าคลุมออกจากเครื่องนวดเท้าและได้ใช้ส่วนที่เป็นล้อหมุนนวดคลายกล้ามเนื้อบริเวณคอ จึงทำให้ชุดที่เธอสวมใส่อยู่นั้นเข้าไปพันกับเครื่องและรัดคอทำให้หมดสติลงไป กว่าคนในครอบครัวจะเข้าไปพบก็เมื่อตอนหลัง 10 โมงเช้าในวันที่ 26 กรกฎาคม 2017 ในสภาพที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น จากนั้นจึงถูกนำไปส่งโรงพยาบาล แต่มันก็ไม่ทันเสียแล้ว เจ้าเครื่องนวดเท้าชนิดนี้นั้นถูกผลิตโดยโรงงานบริษัท Matoba Electric ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดไซตามะ โดยเครื่องนวดเท้าดังกล่าวมีความกว้าง 44 เซนติเมตร ยาว 33 เซนติเมตร และประกอบด้วยล้อหมุนไฟฟ้า เห็นได้จากในภาพด้านบน เหตุการณ์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2014 โดยมีผู้หญิงรายหนึ่งในจังหวัดยามานาชิ เสียชีวิตจากเครื่องนวดเท้าเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นแล้วการจะใช้สิ่งของต่างๆ ก็ควรใช้งานอย่างระมัดระวัง และทำตามคำแนะนำที่มีติดกับอุปกรณ์มา เพราะว่าอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้น ที่มา: mainichi
-
ฮึ่ยย่ะ!! ญี่ปุ่นผุดไอเดีย จัดการแข่งขันซูโม่สำหรับเด็กประถม เพื่อเสริมสร้างน้ำใจนักกีฬา
กีฬาซูโม่เราคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดีในฐานะที่มันเป็นกีฬาประจำประเทศญี่ปุ่น ซึ่งภาพที่เราคิดไว้คงเป็นชายหนุ่มร่างมหึมานุ่งผ้าเตี่ยวตัวเดียวเข้าห้ำหั่นกันในสนามทรายทรงกลม แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เพียงแค่คนหนุ่ม แต่มีให้กับเด็กประถมไว้ต่อสู้กันอีกด้วย . เมื่อเหล่าเด็กชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ 4 ถึง 6 มากมายนับร้อยได้มาเข้าร่วมชิงชัยกันในสังเวียนซูโม่ที่มีการจัดขึ้นในทุกปีที่โตเกียว โดยจะเป็นเด็กที่มีอายุเพียงแค่ประมาณ 10 หรือ 12 ขวบเองนะนั่น โดยสิทธิ์แพ้ชนะนั้นก็จะตัดสินกันไม่ยาก คือเมื่อใครหลุดออกมานอกสังเวียนวงกลม หรือล้มลงไปมีส่วนใดในร่างกายโดนทรายที่พื้นก่อน ก็จะเป็นผู้แพ้ไป โดยการแแข่งขันนั้นจะเป็นแบบทัวร์นาเมนต์ ชนะแล้วจึงจะได้เข้ารอบต่อไป ขนาดไม่ใช่ตัวกำหนดความกล้าหาญจริงๆ ในตอนแรกนั้นจะมีรอบคัดเลือกซึ่งได้มีผู้เข้าแข่งขันเกือบๆ 40,000 คนในแต่ละปี หลังจากนั้นจึงจะสามารถเข้าไปแข่งในรอบต่อไปได้ . นั่งทีนี่แน่นตั๊บบบ ซึ่งจุดประสงค์ของการจัดการแข่งขันนี้ขึ้นมา ก็เพื่อสร้างให้เด็กเป็นคนดีของสังคมในอนาคต มีน้ำใจนักกีฬา มีความกล้าหาญ เคารพและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และนอกจากเรื่องเหล่านั้นกับชัยชนะที่ได้รับจากการแข่งขัน ผู้ที่อยู่เป็นคนสุดท้ายก็จะได้รับโอกาสที่มากกว่าในการไล่ตามความฝันของการเป็นนักซูโม่อาชีพ โดยต้องผ่านการคุมน้ำหนักและออกกำลังกายอย่างจริงจังในทุกวัน . การแข่งขันย่อมมีผู้ยินดีกับชัยชนะ และร้องไห้ให้กับความพ่ายแพ้ จากภาพต่างๆ ที่ได้ถูกถ่ายมาจากในงานนั้นจะสามารถเห็นได้ถึงเรื่องราวที่แสดงออกมาในหลากหลายอย่าง เช่นรูปหนึ่งที่เด็กที่ตัวใหญ่มากๆ ทุ่มเด็กอีกคนที่มีขนาดยังไม่ถึงครึ่งเลย หรือการทำลายสมดุลเพื่อให้คู่ต่อสู้เสียหลักล้มลง ถึงอย่างไรนอกจากจะทำให้เด็กได้เป็นคนที่ดีในสังคมได้แล้วนั้น…
-
เปิดมุมมืด “เด็กหนุ่มขายบริการ” ในญี่ปุ่นผ่านภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลในต่างประเทศ
การค้าประเวณีที่มีมาอย่างเนิ่นนาน และปัจจุบันก็ได้มีหลายประเทศที่ยอมรับกับเรื่องเหล่านี้ แต่กับประเทศญี่ปุ่นที่เด่นในเรื่องวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีในประเทศทั้งหลาย ได้มีหนังที่ถ่ายทอดชีวิตการค้าประเวณีที่ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่เราพบเห็นได้ทั่วไป แต่เป็นการค้าที่เกิดขึ้นกับผู้ชาย โดยหนังสารคดีเรื่อง Boys For Sale ถ่ายทำในย่านชินจูกุซอย 2 ที่เรียกได้ว่าเป็นเกย์ทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย ซึ่งได้มีการสัมภาษณ์หนุ่มขายบริการในบริเวณนั้นที่จะเรียกกันว่า อุริเซน จะพบกับเด็กหนุ่มอายุ 19 -30 ปี หรือชายชราที่เคยทำงานในด้านนี้มาก่อนก็มีให้เห็น เด็กขายที่จะพบได้ในย่านนี้มักเป็นชายแท้ซะส่วนมาก และเลือกที่จะมาทำงานนี้เพราะเดือดร้อนเรื่องเงิน เกิดจากปัญหาพ่อแม่เสียชีวิต ไม่มีบ้าน หรือผลกระทบจากภัยพิบัติอย่างสึนามิ หรือแผ่นดินไหวจึงทำให้กำลังทรัพย์ไม่เพียงพอในการใช้ชีวิต เมื่อถูกถามว่ารับสถานการณ์อย่างไรเมื่อต้องมีอะไรกับผู้ชาย บางคนก็บอกว่าทำเป็นตัดขาดการรับรู้ ทำสมองว่างเปล่าไปซะเลย หรือบางคนบอกว่ามีอะไรกับชายวัย 63 ปีรู้สึกดีที่สุด ในหนังก็จะยังเล่าต่อไปถึงที่มาของย่านนี้ รวมถึงสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นต้องเผชิญกับอะไรบ้างในสังคมที่อนุรักษ์นิยมเอามากๆ โดยได้ทำการฉายตามเทศกาลหนังไปบ้างแล้ว และก็ได้รางวัลจากงาน Nippon Connection และ Outfest 2017 ที่ลอสแองเจลิสเป็นที่เรียบร้อย จากตัวอย่างหนังอาจทำให้หลายคนที่ชอบหนังแนวสารคดีอยากจะติดตามชมกันไป แต่ทว่าในปัจจุบันก็ยังไม่มีกำหนดการเข้ามาฉายในประเทศเรา ก็คงต้องรอไปก่อนละนะ ที่มา: jediyuth , Itako
-
ญี่ปุ่นจัดเทศกาล “อึ” เรื่องขี้ๆ แต่มีสาระ สามารถสัมผัส และดมกลิ่นได้เลยทีเดียว!!
หากเราชอบหรือรักอะไรมากๆ แล้วเราก็จะต้องสมารถยอมรับได้ทั้งข้อดีและข้อเสียของสิ่งนั้นๆ ซึ่งหลายๆ ที่ได้เลี้ยงหมาแมว คงจะไม่ได้มองเพียงความน่ารักของมัน แต่เราต้องรับให้ได้กับบางอย่างที่มากกว่านั้นอย่าง “อึ” ของมันด้วยแล้วละ สวนสัตว์ Tokuyama ในเมืองยามากุจิ ที่ญี่ปุ่นนั้นได้จัดงานเทศกาลอึนี้ขึ้น มันไม่ใช่เทศกาลอึของคนหรอกนะ แต่มันคืออึของสัตว์ ภายในงานได้มีการจัดแสดงอึของสัตว์ต่างๆ มากมาย รวมถึงการแสดงพิเศษอื่นๆ เพื่อทำให้เหล่าคนรักสัตว์ทั้งหลายได้ก้าวข้ามความใกล้ชิดกับสัตว์ที่ตัวเองชอบ ที่สำคัญเราไม่ต้องห่วงถึงเรื่องสุขอนามัยเลยเพราะ อุนจิที่นำมาให้เราได้สัมผัสนั้นจะเป็นอึที่แห้งแล้ว ปลอดเชื้อ และถูกเคลือบเอาไว้ทำให้ปลอดเรื่องกลิ่น ไม่ต้องกังวลว่าจะพกพาความหอมละมุนนี้กลับบ้านคุณไปแต่อย่างใด แต่ถ้าใครอยากสัมผัสแบบใกล้ชิดขึ้น ก็จะมีการจัดแสดงที่คุณสามารถดมกลิ่นได้จากอึของสัตว์จำนวน 13 ชนิดในนั้นก็จะมี เสือ ยีราฟ หรือแม้แต่เต่าแอฟริกัน โดยจะมีการให้คะแนนเอาไว้ด้วย ซึ่งสัตว์กินเนื้ออย่างเสือนั้นก็ได้อันดับหนึ่งไปครองในเรื่องของความเหม็น ตรงข้ามกับกระรอกบินยักษ์ญี่ปุ่นที่ได้อันดับความเหม็นน้อยที่สุด อย่างไรก็ตามไฮไลท์ในงานนี้ก็คืออึของเจ้าแพนด้าแดงที่เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ได้บอกไว้ว่าอึของมันนั้นมีกลิ่นที่น่าหลงใหลอย่างมาก ผลพวงมาจากที่มันกินไผ่เป็นอาหารเลยดีต่อระบบย่อยของมัน หากลองจินตนาการดูก็คงจะเหมือนกับกลิ่นของเก้าอี้หวายตัวใหม่ (งานนี้จะหอมจริงไหมคงต้องไปดมเอาเองแหละนะ) และนั้นไม่ใช่ทั้งหมด เมื่อถึงช่วงสองสัปดาห์ในเดือนสิงหาคมนั้นจะมีมาสค็อทที่สวมใส่ชุดที่ทำจากขี้ช้าง มาเป็นพรีเซนเตอร์อีกคน . ถึงอย่างนั้นนี่ก็ไม่ได้เป็นงานแรกที่ดูแปลกของสวนสัตว์แห่งนี้ ในเมื่อปีก่อนด้เคยมีงานสัตว์ที่น่าเกลียดที่สุด หรือเทศกาลแมลงสาบออกมาให้เห็นไปแล้ว ทางสวนสัตว์ก็หวังไว้ว่างานนี้จะสามารถดึงให้มีผู้เข้าชมได้มากกว่า 30,000 คน และการโชว์อึครั้งนี้คงช่วยให้เด็กๆ ได้รับความรู้กลับไปอีกมากมาย ที่มา: rocketnews24
-
ส่องชีวิต 2 ลูกสิงโตขาวตัวจิ๋ว เล่นกันมุ้งมิ้งสุดน่าร๊ากก ก่อนจะฉายแววกลายเป็นเจ้าป่า..!!
จะว่าไปแล้วลำพังแค่สิงโตธรรมดาเราก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นซักเท่าไหร่ แต่คราวนี้เป็นเรื่องราวของสิงโตขาวตัวจิ๋วที่ไม่มีโอกาสได้เห็นกันง่ายๆ ทุกวันแน่นอน ภาพสุดน่ารักที่คุณจะได้เห็นดังต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของสองลูกสิงโตขาวฝาแฝดจากแดนปลาดิบ ที่ได้ออกมาลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ณ สวนสัตว์ Himeji Central Park Zoo แฮร่…!! นับตั้งแต่ช่วงสองเดือนก่อน แฝดสิงโตขาวคู่นี้ก็ได้สร้างเสียงฮือฮาให้ชาวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรื่องราวดังต่อไปนี้พิเศษกว่าครั้งไหนๆ ก็เพราะเดิมทีสิงโตขาวเป็นสัตว์ที่หายากและเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ซึ่งปัจจุบันหลงเหลือเพียงแค่ 300 ชีวิตจากทั่วโลกเท่านั้น และนี่ก็เป็นครั้งที่สองที่สวนสัตว์สามารถขยายพันธุ์พวกมันได้สำเร็จ สำหรับสิงโตขาวแล้ว พวกมันไม่ใช่สายพันธุ์ย่อยแต่เป็นสายพันธุ์อีกชนิดหนึ่งที่แยกออกมาจากสิงโตปกติ พวกมันจะมีลักษณะขนสีขาวซึ่งเป็นลักษณะทางพันธุกรรม โดยไม่ได้เกิดจากภาวะผิวเผือก นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสิงโตขาว เกิดจากยีนที่ตกทอดมาจากยุคน้ำแข็ง อีกทั้งพวกมันยังสามารถปรับตัวได้ดีในสภาวะอากาศที่หนาวสุดขั้ว เรื่องราวของสิงโตขาวเคยไปปรากฎอยู่ในตำนานนิทานปรัมปราของชนเผ่าพื้นเมืองแอฟริกาใต้ ทว่าหลังจากช่วงปี 1970 ที่มีการประกาศการค้นพบสายพันธุ์สิงโตขาว และนั่นก็ทำให้ประชากรของพวกมันลดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งสาเหตุจากการถูกล่าและถูกนำไปเลี้ยง น่าตกใจสุดๆ เพราะครั้งหนึ่งประชากรของพวกมันเคยลดลงเหลือเพียงแค่ 3 ตัวเท่านั้น!! ต้องถือว่านี่เป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของสวนสัตว์ญี่ปุ่น ที่สามารถเพาะพันธุ์พวกมันได้สำเร็จ เอาเป็นว่าเราลองไปชมภาพความน่ารักของมันกันเลยดีกว่า… . . …
-
KFC ญี่ปุ่นเปิดสาขารูปแบบใหม่ เน้นเมนูกลับบ้าน มอบความสดใหม่และความหลากหลาย!!
เมื่อพูดถึงไก่ทอดเชื่อว่าหลายๆ คนต้องนึกถึงร้าน KFC เป็นอย่างแรกกันแน่ๆ เพราะรสชาติที่กรอบนอกนุ่มในสุดคลาสสิคจนติดปากติดใจ แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าที่ญี่ปุ่นนั้นกำลังจะมีร้าน KFC ในรูปแบบใหม่ที่แตกต่างออกไปมาอีกแล้ว!! โดยที่ร้านนั้นจะขายเป็นเมนูอาหารในแบบที่เราจะไม่เคยเห็นได้จาก KFC ทั่วโลกอย่างแน่นอน ใครที่เป็นแฟนคลับของร้านไก่ทอดแห่งนี้ อาจจะอยากลิ้มลองความแปลกใหม่ก็เป็นได้ THE TABLE by KFC สำหรับสาขาที่เราจะพูดถึงนั้นก็คือร้าน THE TABLE by KFC ที่จะเปิดให้บริการในวันที่ 5 สิงหาคม 2017 โดยตั้งอยู่ในศูนย์การค้าของเมืองเซนไดจังหวัดมิยะงิ และสิ่งที่พิเศษสุดก็คือเมนูอาหารที่แตกต่างออกไปจากร้าน KFC ทั่วโลก เพราะเป็นเมนูที่ใช้ไก่ KFC มาปรุงเป็นอาหารคาวในเมนูที่มีความหลากหลายมากกว่า โดยที่สาขาแห่งนี้จะเป็นในรูปแบบ Takeaway หรือซื้อกลับบ้านเท่านั้น ซึ่งที่ตั้งของร้านก็ตั้งอยู่ในศูนการค้าที่เดินทางได้สะดวกสบาย ที่เชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟเซนได เรียกได้ว่าเป็นทำเลที่เหมาะสมต่อการที่ผู้คนจะแวะซื้อเป็นอย่างมาก ร้าน KFC รูปแบบใหม่นี้จะออกแบบและตกแต่งร้านในสไตล์ “Home Kitchen” ที่จะให้ความรู้สึกอบอุ่นด้วยไม้ที่ใช้เป็นวัสดุตกแต่ง และการจัดเมนูอาหารที่สวยงามเอามากๆ ทำให้ลูกค้านั้นสนุกกับการเลือกเมนูอาหารใหม่ๆ ได้ ไก่ทอดขนาดพิเศษของสาขา มาแบบทั้งตัว!! สูตรต้นตำรับที่ผสานเครื่องเทศทั้ง 11…
-
14 สิ่งสุดระห่ำที่หาพบที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว นอกจากในประเทศ ‘ญี่ปุ่น’ เท่านั้นแหละ!!!
อันที่จริงทั่วโลกเราก็มีเรื่องราวแปลกๆ น่ามหัศจรรย์ใจมาให้เราได้รู้จักกันอยู่เรื่อยๆ นั่นแหละ ทว่ามีหนึ่งประเทศในฝั่งเอเชียที่ดูเหมือนพวกเขาจะแปลกแหวกแนวซะยิ่งกว่าใครบนโลกนี้ เพราะวันนี้เราจะพาทุกท่านไปชม 14 สิ่งอันน่าเหลือเชื่อจากดินแดนแห่งพระอาทิตย์ ที่ต้องบอกเลยว่า.. คงมีแค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ที่จะมีอะไรแบบนี้ให้คุณได้เจอ!! 1. อาชีพผลักคนเข้ารถไฟฟ้า ด้วยความที่การโดยสารด้วยรถไฟฟ้าของญี่ปุ่นมีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ในช่วงเวลาเร่งด่วนก็อาจจะต้องมีการจ้างงานประเภทนี้เกิดขึ้นเป็นธรรมดา 2. Kit Kat ที่สรรหารสชาติแปลกใหม่มาได้ไม่รู้จบ ในภาษาญี่ปุ่นมันดันคล้องจองกับคำว่า ‘kitto katsu’ ซึ่งเป็นเหมือนการให้กำลังใจกัน และนั่นก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้มันได้รับความนิยมอย่างสูง 3. คาเฟ่กับรูปแบบการบริการที่แหวกแนว ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่งู คาเฟ่แมว คาเฟ่คน คาเฟ่การ์ตูน คาเฟ่เน็ตไอดอล ฯลฯ ที่ญี่ปุ่นเค้ามีแถบจะทุกรูปแบบเลยก็ว่าได้ 4. เป็นประเทศที่มีรถไฟหลากหลายสุดๆ เพราะการโดยสารหลักของผู้คนที่นี่คือการใช้รถไฟ จึงไม่แปลกใจเลยว่าวิทยาการณ์ด้านรถไฟจะไปไกลกว่าที่อื่นๆ บนโลก แถมยังมีรถไฟที่ให้บริการเฉพาะผู้หญิงอีกด้วยนะ 5. มีตู้คีบที่ขายทุกอย่าง ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ มีทุกอย่างแหละไม่ว่าจะเป็นหัวหอม ขนม ของเล่น เซ็กส์ทอย หรือแม้แต่… จดหมายน้อยเอาไว้บอกรักสาว 6. มีสปาที่ให้คุณแช่ได้มากกว่าน้ำแร่…
-
ช่างภาพญี่ปุ่น ตามถ่ายตู้หยอดเหรียญทั่วประเทศ สะท้อนแนวคิดคล้าย ‘พระพุทธรูป’
Eiji Ohashi ช่างภาพชาวญี่ปุ่นผู้มากประสบการณ์วัย 62 ปี ได้ออกเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อถ่ายภาพ ‘แสงสว่างริมทาง’ จากตู้หยอดเหรียญตามที่ต่างๆ โดยแรงบันดาลใจทั้งหมดเริ่มต้นจาก คืนหนึ่งที่เขากำลังเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด เขาก็สังเกตเห็นแสงสว่างจากตู้หยอดเหรียญริมทาง ที่กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นในการนำเสนอผลงานสะท้อนแนวคิดของเขา Eiji มองว่า เครื่องจำหน่ายสินค้าหยอดเหรียญข้างทาง อาจเปรียบได้ดั่งรูปปั้นพระพุทธรูป ทั้งสองสิ่งมีความคล้ายคลึงกันคือ ทำหน้าที่คอยเป็นที่พึ่งและปกป้องคุ้มครองผู้สัญจรไปมา หากปัญหาทางใจแก้ได้ด้วยหลักธรรม เขาก็เปรียบเปรยไว้ว่าปัญหาทางกายก็ดับได้ด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ จากตู้หยอดเหรียญเหมือนกัน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Eiji ตัดสินใจเดินทางไปทั่วญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาวญี่ปุ่นแล้ว เขามองว่า… ตู้หยอดเหรียญเป็นภาพที่ชินตาซะจนหลายคนอาจมองข้ามความสำคัญไป ในอีกแง่หนึ่งแล้ว ตู้หยอดเหรียญเป็นสิ่งที่สะท้อนวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่นได้เช่นกัน หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวในปี 2011 ทางการญี่ปุ่นก็เริ่มมองว่าตู้หยอดเหรียญเป็นอุปกรณ์ที่ฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น ทว่าในความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม หลังภัยพิบัติเริ่มสงบ สิ่งที่เข้ามาช่วยทำให้ชีวิตชาวเมืองสะดวกสบายยิ่งขึ้นในตอนนั้น ก็คือตู้หยอดเหรียญนั่นเอง ปัจจุบันตู้หยอดเหรียญกลายเป็นส่วนสำคัญของวิถีชีวิตชาวเมือง และถือเป็นระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของญี่ปุ่น “ในเมืองฮอกไกโดที่ผมอาศัยอยู่ จะมีหิมะปกคลุมแทบทุกช่วงเวลา อะไรๆ ก็เลยไม่ค่อยสะดวกสบาย แต่ก็มีเครื่องดื่มร้อนๆ จากตู้นี้แหละครับที่ช่วยมอบความอบอุ่นให้เรา”…
-
ญี่ปุ่นพัฒนาหน้ากากกันฝุ่น เพิ่มฟังก์ชั่นลากยาวถึงคอ กลายเป็นหน้ากากกันแดดสุดเจ๋ง!!
หลายคนน่าจะรู้กันดีว่า ประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นหนึ่งในประเทศที่นิยมใส่ผ้าปิดปากมากๆ ทั้งในชีวิตจริงหรือในการ์ตูนก็ตาม เรามักจะเห็นว่าอย่างน้อยๆ จะมีกลุ่มคนสวมผ้าปิดปากอยู่ในนั้นด้วย… สำหรับเหตุผลในการสวมใส่นั้นก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นก็ดี ป้องกันฝุ่นละออง หรือป้องกันการจาม แต่ส่วนใหญ่นั้นล้วนจะเป็นรูปทรงเดิมๆ เพียงแค่เพิ่มลวดลายเข้าไปเท่านั้น แต่มาวันนี้ทางญี่ปุ่น ก็ได้ออกแบบผ้าปิดปากรูปแบบใหม่ออกมา เพิ่มเติมจากของเดิมที่มีอยู่ และที่สำคัญมันก็ดูเจ๋งไม่หยอกเลยล่ะ โดยจุดประสงค์หลักของผ้าปิดปากตัวนี้คือป้องกันแสงยูวี!! ใส่แล้วเหมือนนินจาเลย หู้วว ตัวหน้ากากนั้นจะปิดตั้งแต่ส่วนจมูกและใบหน้าบางส่วนลงไปจนถึงส่วนคอ เพื่อปกป้องแสงแดดในยามที่ต้องออกไปข้างนอกหรือเล่นกีฬากลางแจ้ง ทางผู้ผลิตอ้างว่าเจ้าหน้ากากนี้สามารถกันแสง UV ได้มากถึง 98% อีกทั้งยังสามารถใส่เป็นแฟชั่นได้อีกด้วย ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเปิดขายผ่านเว็บไซต์ Belle Maison ซึ่งล่าสุดก็มีรายงานว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แม้ว่าในตอนแรกผู้คนจะรู้สึกว่าหน้าตามันแปลกประหลาด แต่พอเอาจริงๆ มันก็ไม่แย่เท่าไหร่ ยิ่งมีคนรีวิวก็ยิ่งสร้างความสนใจมากขึ้น ถ้าใครสงสัยว่าหายใจยังไง ภายใต้จมูกจะมีช่องว่างถ่ายเทได้สะดวก ถ้ารู้สึกว่ายังกันไม่มิดชิดพอ สวมหมวกเข้าไปแบบนี้ก็โอเคเหมือนกันนะ ในส่วนของราคานั้นจะอยู่ที่ราวๆ 750 บาท ถ้าใครสนใจอยากจะสั่งซื้อก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ bellemaison เลย งานนี้ใครเป็นชื่นชอบใส่หน้ากากและเล่นกีฬาจะต้องชอบแน่นอน… ที่มา rocketnews24
-
แบบนี้ก็มี? โจรญี่ปุ่นกลับใจเอาจักรยานมาคืน พร้อมแนบจดหมายน้อยและแตงโมไถ่โทษ…
หลายคนอาจเคยได้ยินมาว่า ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดเหตุอาชญกรรมต่ำสุดๆ เป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่ก็ใช่ว่าที่ประเทศแห่งนี้จะไม่มีโจรผู้ร้ายเหลืออยู่ ทว่าความน่าแปลกใจของโจรที่นี่เล่นเอาชาวเน็ตถึงกับงงไปทั่วโลก เพราะเหตุการณ์ดังต่อไปนี้จะช่วยพิสูจน์ให้เราเห็นว่า… ถึงญี่ปุ่นจะมีโจรแต่พวกเขาก็ช่างเป็นโจรที่มีคุณธรรม เรื่องวุ่นๆ ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อจักรยานของผู้ใช้ทวิตเตอร์นามว่า @bercy23555 ถูกขโมยไปแบบหน้าตาเฉย!? จะว่าไปแล้วเหตุอาชญกรรมขั้นรุนแรงที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดในญี่ปุ่น ก็เห็นจะเป็นการโจรกรรมจักรยานกันแบบนี้นี่แหละ แต่ครั้งนี้พิเศษมากกว่าทุกครั้ง เพราะหลังจากจักรยานหายไปได้เพียงไม่เกิน 1 สัปดาห์ ไม่รู้ว่าอะไรถึงดลใจให้โจรมือดีเอาจักรยานมาจอดคืนที่เดิม เท่านั้นยังไม่พอ เจ้าตัวยังเอาแตงโมลูกใหญ่อวบอิ่มมาแถมให้ด้วย เออแบบนี้ก็มีเว่ยเฮ้ย!! ที่ญี่ปุ่นนั้นแตงโมได้รับความนิยมในการนำมามอบให้เป็นของขวัญให้แก่บุคคลที่เราเคารพ นอกจากจะเอาแตงโมลูกใหญ่เย็นฉ่ำมาให้กินแก้เครียดแล้ว โจรยังเขียนจดหมายน้อยมาให้เจ้าของจักรยานอีกด้วย โดยมีข้อความดังนี้: ‘ผมเอาจักรยานคุณไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน ผมต้องขอโทษคุณด้วยจริงๆ และเพื่อเป็นการขอโทษผมจึงเอาแตงโมลูกนั้นใส่ไว้ในตะกร้าหน้ารถให้คุณ อ้อ… เกือบลืมบอกไปว่า คราวหน้าผมจะขอยืมจักรยานคุณไปทำงานพาร์ทไทม์เก็บแตงโมอีกนะ แต่ถึงตอนนั้นผมจะทิ้งจดหมายไว้ให้คุณอีกที ไม่ต้องเป็นห่วง ปล. อย่าลืมล็อคจักรยานคุณด้วยล่ะ เดี๋ยวจะมีคนอื่นมาขโมยไปซะก่อน’ แน่นอนว่าหลังเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เจ้าตัวก็อดไม่ไหวที่จะนำมาแชร์ต่อบนโลกทวิตเตอร์ สุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดก็กลายเป็นความน่ารักๆ ของคนแปลกหน้า (โจร) ที่แอบเอาจักรยานไปใช้โดยไม่ได้บอกกล่าว ซึ่งชาวเน็ตหลายคนก็ถึงกับลังเลใจว่า ในกรณีแบบนี้เราควรจะเรียกตำรวจมาลงโทษดีมั้ยเนี่ย!? ที่มา: rocketnews24
-
เผยเคล็ดลับวิธีการ ‘แกะข้าวโพด’ ให้ดูเรียบร้อยและสวยงาม น่าทานกว่าเดิมเป็นไหนๆ
ข้าวโพดอาจจะเป็นหนึ่งในอาหารจานโปรดของใครหลายๆ คน ทั้งความอร่อยและราคาที่ไม่แพงทำให้มันได้รับความนิยมอย่างมากทั้งทำเป็นของกินเล่นล่นหรือเอาไปทำเป็นอาหารจานหลักเลยทีเดียว แต่… แต่หนึ่งปัญหาที่คนชอบข้าวโพดมักจะประสบพบเจอเหมือนกันนั่นก็คือ การกินข้าวโพดจากฝักใช่มั้ยล่ะ?? เพราะครั้นจะแทะข้าวโพดแสนอร่อยก็มักจะติดฟันอยู่เรื่อย หรือจะแกะทีละเม็ดก็คงจะไม่ทันกินแน่ๆ ถ้าอย่างนั้นลองไปพบกับหนทางสู่ความสว่างในการกินข้าวโพดที่เรานำมาฝากได้เลย… แกะข้าวโพดยังไงให้ดูสวยงามได้ขนาดนี้เนี่ย!? เอาละน้าาาาา.. ต่อไปจะขอนำเสนอวิธีการแกะข้าวโพดให้สวยงาม อุปกรณ์ที่ต้องใช้ก็คือ ข้าวโพดกับมือเท่านั้น ถ้าพร้อมแล้วเริ่มกันเลย.. ขั้นแรกให้คุณแกะเม็ดออกเป็นร่องเล็กๆ แบบนี้ก่อน เอ้า ปฏิบัติ!! จากนั้นใช้นิ้วโป้งข้างที่ถนัดทับไว้ที่เม็ดข้าวโพดแถวหนึ่งที่คุณหมายปอง ออกแรงที่ข้อต่อของนิ้วโป้งนิดหน่อย จากนั้นผลักมันออกไปทางด้านขวามือ (ถ้าคุณใช้นิ้วโป้งซ้ายก็ผลักไปด้ายซ้ายนะ) แอ่นแอ๊น… จากนั้นรออะไรอยู่ล่ะครับ หยิบใส่ปากเลย!! เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมหมั่นฝึกฝนทักษะนี้ให้ชำนาญ เพื่อที่คุณจะไม่ต้องพลาดเศษเสี้ยวความอร่อยของข้าวโพดหวาน เพียงเท่านี้ความอร่อยก็อยู่ไม่ไกลแล้ว ฮ่าๆ และนี่คือผลลัพธ์ที่ได้ เห็นมั้ยว่าคุณไม่ต้องมานั่งเสียดายกับเศษข้าวโพดที่ติดอยู่กับแกนเลย แถมยังดูสะอาดตาอีกต่างหาก… กินข้าวโพดมาตั้งหลายปี ก็เพิ่งรู้วิธีนี้เหมือนกันนะเนี่ย ฮ่าๆ ที่มา buzzfeed
-
รู้จักกับ Int-Ball โดรนตาคู่ดวงโตๆ หนึ่งในสมาชิกสุดแสนน่ารัก บนสถานีอวกาศนานาชาติ
โดรน หนึ่งในอุปกรณ์ที่ช่วยบันทึกภาพเหตุการณ์ต่างๆ และโดยส่วนมากแล้ว เจ้าอุปกรณ์ชนิดนี้ก็มักจะมีรูปร่างหน้าตาที่คล้ายกับเครื่องบินขนาดเล็กที่มีใบพัดอยู่ด้านบน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีก็ไม่หยุดอยู่กับที่ รูปร่างหน้าตาของโดรนก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน และวันนี้เราจะพาไปพบกับโดรจิ๋วที่มีหน้าตาน่ารักที่สุดเลยก็ว่าได้!! ในภารกิจการสำรวจอวกาศที่เป็นการร่วมมือของหลายๆ ชาติ ได้มีการนำเจ้าโดรนน่าตาสุดน่ารักตัวนี้มาร่วมในการปฏิบัตภารกิจด้วยนะเออ และนี่คือโฉมหน้าของโดรนถ่ายภาพ Int-Ball เจ้าโดรนที่ว่านี้มีชื่อเรียกว่า Int-Ball มันได้เข้าร่วมปฏิบัตการทางอวกาศเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2017 และยังคงปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่องบนสถานีอวกาศนานาชาติจนถึงทุกวันนี้ ในสภาวะสูญญากาศเจ้า Int-Ball นั้นจะลอยเคว้งคว้างอยู่ทั่วสถานีอวกาศซึ่งจะถูกควบคมจากองค์กรสำรวจอวกาศ JAXA (Japan Aerospace Exploration Agency) ที่ตั้งอยู่ในสถานีอวกาศ Tsukuba Space Center บนพื้นผิวโลก เป้าหมายในการปฏิบัติภารกิจของเจ้าโดรนตัวนี้ก็คือ การช่วยบันทึกภาพและวิดีโอในระหว่างการทำปฏิบัติหน้าที่ของนักบินอวกาศ โดยเจ้า Int-Ball นั้นมีน้ำหนักเพียง 1 กิโลกรัม และมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพียงแค่ 15 เซนติเมตรเท่านั้น และมันยังมีใบพัดเล็กๆ ทั้ง 2 ข้าง ไว้ใช้ควบคุมทิศทางของมันอีกด้วย และแน่นอนเมื่อชาวเน็ตได้เห็นความน่ารักของเจ้าหุ่นตัวจิ๋วนี้ก็ได้มีหลายๆ คน ขอสมัครเข้าเป็นแฟนคลับของเจ้า Int-Ball กันอย่างคับคั่งกันเลยทีเดียวเชียวล่ะ …
-
สื่อนอกแซว ภรรยานายกญี่ปุ่นแกล้งพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น 2 ชั่วโมง เพื่อเลี่ยงคุยกับ Trump!?
สตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นกำลังกลายเป็นที่พูดถึงอย่างมาก เมื่อเธอพยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับ Donald Trump ในการประชุม G20 ที่ผ่านมาโดยการแกล้งพูดภาษาอังกฤษไม่เป็นนานถึง 2 ชั่วโมง!! ตามการรายงานของสำนักข่าว Mirror บอกว่านาง Akie Abe ภรรยาของนายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ได้นั่งร่วมรับประทานอาหารกับประธานาธิปดีสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม 2017 ในระหว่างการประชุมที่ประเทศเยอรมนี นาง Akie Abe สตรีหมายเลขหนึ่งของญี่ปุ่น ทางด้านประธานาธิบดี Donald Trump ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว New York Times ว่าเขาไม่สามารถพูดคุยกับนาง Abe ได้เลย เพราะเธอนั้นไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเลยซักนิด “ผมยืนอยู่ด้านหน้าของเธอ ผมคิดว่าเธอเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก แต่น่าเสียดายเธอไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเลย” Trump กล่าว เมื่อนักข่าวถามย้ำว่าเธอพูดอะไรไม่ได้เลยหรือ นาย Trump บอกว่า “ใช่ แม้แต่คำว่า สวัสดี เธอยังพูดไม่ได้เลย” ประธานาธิปดีสหรัฐอเมริกากล่าว่าการสนทนาบนโต๊ะอาหารในวันนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก และเขาต้องอยู่กับเธอนานประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาทีเลยทีเดียว…
-
รัฐบาลญี่ปุ่นประชุมด่วน หลังพบ ‘มดคันไฟ’ เตือนภัยให้ประชาชนพร้อมรับมือสัตว์ต่างถิ่น!!
กลายเป็นเรื่องฮือฮาขึ้นมาเลยทีเดียว เมื่อระหว่างการประชุมรัฐมนตรีของญี่ปุ่นเมื่อวันอังคารที่ 18 กรกฎาคม 2017 ได้มีการหารือในเรื่องของการจัดการกับผู้รุกรานต่างถิ่นอย่าง ‘มดคันไฟอินวิคต้า’ ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักขณะนี้ในหลายๆ พื้นที่ของประเทศญี่ปุ่น ในการกระชุมดังกล่าว นายกรัฐมนตรี Shinzo Abe กล่าวว่า “ผมยากให้รวบรวมข้อมูลต่างๆ และมีการให้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นช่องทางใดๆ ก็ตาม รวมไปถึงโรงเรียนด้วย เพื่อพร้อมรับมือกับพวกมดเหล่านี้อย่างถูกต้อง” โฉมหน้าของมดคันไฟที่พบใกล้ๆ กับตู้สินค้าในท่าเรือ Tokyo’s Oi สำหรับมดคันไฟอินวิคต้า ตกเป็นข่าวเมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากมีรายงานการพบมันบริเวณท่าเรือ โดยติดมากับตู้สินค้าซึ่งเดินทางมาจากประเทศจีน ทางรัฐบาลมีความกังวลว่า เหล่าเด็กๆ ที่ออกไปเล่นนอกบ้านในช่วงหน้าร้อนอาจจะได้รับอันตรายจากเหล่าผู้รุกรานต่างถิ่นนี้ได้ ในการประชุมครั้งนี้เป็นการหารือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้ถึงวิธีการรับมือและการป้องกันฝูงมดคันไฟผ่านทางสื่อหลายๆ ช่องทาง ทั้งในอินเตอร์เน็ตหรือทีวีต่างๆ รวมไปถึงการประกาศผ่านโรงเรียน ทั้งระดับประถมและระดับอนุบาล รวมไปถึงสถานที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับเด็ก เจ้าหน้าที่ของท่าเรือ Nagoya กำลังค้นหารังของฝูงมดคันไฟ จากการรายงานของกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นบอกว่า ฝูงมดคันไฟเหล่านี้มีพิษที่รุนแรง โดยพิษของพวกมันจะทำให้ความเจ็บปวดและบางกรณีอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดอารช๊อคได้ และถ้าหากบางรายที่มีอาการแพ้รุนแรง อาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย แต่อย่างไรก็ตามส่วนมากแล้วผู้ที่ถูกกัด มักไม่ค่อยเกิดอาการรุนแรงมากเท่าไหร่นัก แต่การแพร่ระบาดจากผู้รุกรานต่างถิ่นนี้ก็ถือว่าเป็นปัญหาที่สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว โปสเตอร์ที่ทางการจัดทำขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับอันตรายและการรับมือกับเจ้ามดคันไฟ สนามบินนาริตะก็มีการแพร่ระบาดของมดคันไฟ เจ้าหน้าที่จึงต้องเร่งทำกับดักกำจัดมด วางไว้ทั่วบริเวณสนามบินเช่นกัน …
-
ชมวิถีชีวิตของ ‘นักซูโม่’ ต้องกินวันละ 8,000 แคลฯ และนอนหลับโดยใช้เครื่องช่วยหายใจ..!!
แม้ว่าหลายคนอาจจะรู้จักคำว่า ‘นักซูโม่’ มาจากการ์ตูนดังช่อง 9 หรือไม่ก็จากสื่อญี่ปุ่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าจริงๆ นอกจากเอาตัวผลักใส่กันแล้วพวกเขาต้องทำอะไรอีกบ้าง? โดยภาพถ่ายทั้งหมดที่เราจะได้ชมนี้ เป็นภาพที่ถูกถ่ายมาจากภายในโรงฝึกซูโม่ Tomozuno ในจังหวัดโตเกียว ซึ่งมีนักกีฬาซูโม่ร่างยักษ์ 11 ชีวิตหมั่นฝึกซ้อมกันอย่างขมักเขม่นเพื่อการแข่งขันที่จะมาถึงในไม่ช้านี้ บรรดานักกีฬา หรือ ‘ริกิชิ’ เป็นกีฬาที่ต้องทุ่มเททั้งร่างกาย วิถีชีวิต และสภาพจิตใจ สำหรับซูโม่นั้นต้องถือว่าเป็นประเพณีที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 เลยทีเดียว เดิมทีเป็นกีฬาของการคัดเลือกนักมวยปล้ำจากกองทัพมาสู้กัน เพื่อสร้างความบันเทิงให้คนในวัง จนพัฒนามาเป็นกีฬาอย่างเช่นในปัจจุบันนี้ สำหรับที่นี่ ในทุกๆ เช้า นักซูโม่จะตื่นขึ้นมาฝึกซ้อมกันจนถึงเวลา 10.30 นาฬิกา จากนั้นพวกเขาก็จะไปรับประทานอาหารเที่ยง ที่ถูกจัดเตรียมโดยนักกีฬารุ่นน้อง อาหารก็จะประกอบไปด้วยต้นหอม ของย่าง ปลาทอด ข้าวหุง และหม้อไฟจังโกะนาเบะ Kyukotenho นักกีฬาซูโม่รุ่นแรกชาวมองโกเลีย ที่กลายมาเป็นหัวหน้านักกีฬาซูโม่ประจำโรงยิมแห่งนี้ หลังการฝึกซ้อมอย่างหนักตลอดทั้งช่วงเช้าและบ่าย นักกีฬาจะเข้านอนพักผ่อนเอาแรง ทว่าด้วยน้ำหนักตัวที่มากเกินไป ทำให้พวกเขาต้องใช้สายอ๊อกซิเจนช่วยในการหายใจ นอกเหนือจากการดูแลร่างกายเพื่อการแข่งขันแล้ว…
-
นวัตกรรม ‘ไม้ดูดยุง’ อีกขึ้นของการขจัดความรำคาญ ไม่ต้องโบกตบจนกล้ามขึ้นอีกต่อไป!!
‘ยุง’ สิ่งมีชีวิตที่สุดแสนจะน่ารำคาญ เมื่อไหร่ที่เจ้าแมลงตัวน้อยๆ นี้เข้ามาตอมใกล้ๆ เราแล้วล่ะก็ อยากจะมอบฝ่ามือให้เป็นของขวัญกับมันเสียจริงๆ และถ้าพูดถึงวิธีการจัดการกับเจ้ายุงนั้น ก็คงจะมีหลากหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการใช้มือตบ ไม้ตบ จุดยากันยุง ทายากันยุง หรือนอนกางมุ้งก็ตาม และเมื่อไม่นานมานี้มีบริษัทหนึ่งจากแดนปลาดิบ ก็ได้คิดค้น ‘ไม้ดูดยุง’ อุปกรณ์กำจัดยุงสุดเจ๋งที่จะมาปฏิวัติวงการตบยุงอย่างสิ้นเชิง!! แท่น แท๊นนนน โฉมหน้าของไม้ดูดยุง!! บริษัท Thanko ผู้นำทางด้านนวัตกรรมอุปกรณ์พกพาแปลกๆ จากประเทศญี่ปุ่น ได้คิดค้นวิธีจัดการกับผู้บุกรุกตั๋วจิ๋วนี้ พวกเขาได้ออกแบบเจ้าไม้ดูดยุง ที่เป็นการผสมผสานกันระหว่างที่ช๊อตยุงและเครื่องดูดเอาไว้ด้วยกัน คุณไม่ต้องกังวลเลยว่าเจ้ายุงจะแค่ถูกช๊อตจนสลบหรือรอดเงื้อมมือคุณไปได้ เพราะไม้ดูดยุงที่ว่านี้จะดูดพวกมันให้เข้ามาใกล้ๆ และติดกับแผงไฟฟ้าได้นานพอ ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าพวกมันไม่กลับมากวนใจคุณอีกแน่นอน ส่วนด้านหน้า มันคือการผสมผสานระหว่างแผงไฟฟ้าและเครื่องดูด ส่วนของที่จับยุงสามารถปรับให้งอได้มากถึง 90 องศา แต่ก็อย่ามัวแต่ดูดยุงจนเพลินล่ะ คุณต้องคอยทำความสะอาดตะแกรงและใบพัดด้วยนะ เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะสกปรกและเต็มไปด้วยซากยุงจนดูไม่น่าใช้เลยก็ได้ ส่วนรายอะเอียดและขนาดของเจ้าไม้ดูดยุงที่ว่านี้ มันสามารถยืดยาวได้ถึง 83 เซนติเมตรและมีน้ำหนักเพียงแค่ 708 กรัมเท่านั้น โดยคุณสามารถสั่งซื้อได้ทางเว็บไซต์ thanko ในราคาประมาณ 750 บาทเท่านั้นเอง …
-
พบกับ Dragon Ball VR ที่เปลี่ยนเราให้กลายเป็น “ชาวไซย่า” พร้อมปล่อยพลังคลื่นเต่าสะท้านฟ้า!!
ปีนี้ถือว่าเป็นปีทองสำหรับเจ้าเครื่อง VR เลยก็ว่าได้ เพราะในปีเดียวนั้นมีการเปิดตัวทั้งเครื่องเล่น VR ยี่ห้อต่างๆ แบบถูกและแพงออกมามากมาย รวมถึงนักพัฒนาก็เข็นเกมใหม่ๆ ที่น่าสนใจเพื่อรองรับตลาดกันเพียบเลยทีเดียว แต่ไม่ว่าเกมไหนๆ ก็ล้วนไม่ค่อยจะตอบโจทย์ความฝันวัยเด็กที่จะได้เป็นชาวไซย่าเสียที แต่แล้วความฝันของชายหนุ่มก็เป็นจริงเสียที เมื่อโซน VR ในย่านชินจุกุ ประเทศญี่ปุ่นได้เปิดตัวเกมใหม่สำหรับเจ้าเครื่องนี้โดยเฉพาะ นั้นก็คือเกม VR จำลองการเป็นชาวไซย่า!! ภายในเกม Dragon Ball VR เราจะรับบทเป็นตัวเราเองที่เป็นชาวไซย่า ซึ่งจะได้ฝึกวิชากับตัวละครหลักจากซีรีส์ดราก้อนบอลถึง 4 ตัวหลักเลยทีเดียว โดยจะประกอบไปด้วยโกคู เบจิต้า พิโคโร่ และคุริริน งานนี้รักใครชอบใครก็ต้องเลือกกันดีๆ แล้วล่ะ นอกจากนั้นรูปแบบการเล่นจะเป็นการให้เราฝึกวิชาโดยเริ่มตั้งแต่ยิงลูกบอลพลังง่ายๆ หายตัว เบ่งพลังไซย่า และเด็ดสุดก็คือการได้ปล่อยพลังคลื่นเต่าสุดรุนแรงที่แม้แต่เบจิต้าเห็นยังต้องบอกว่า It’s Over 9000!! แม้ว่าจริงๆ แล้วตัวเกมจะไม่มีอะไรมากนอกจากการจำลองเล็กๆ ที่เล่ามา แต่มันก็ช่วยเติมเต็มความฝันในวัยเด็กได้ไม่น้อยเลยล่ะ ถ้าใครอยากจะลองก็สามารถไปลองกันได้ที่ VR Zone Shinjuku โดยเปิดให้ลองแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!! สุดท้าย นอกจากจะมีการจำลองยิงคลื่นเต่า…
-
ชมความสวยงามของ 20 ภาพ “เครื่องเล่นยามค่ำคืน” จากฝีมือของศิลปินชาวญี่ปุ่น…
สนามเด็กเล่น หนึ่งในที่ชื่นชอบของเด็กๆ ที่นี่เด็มไปด้วยของเล่นมากมายที่ให้พวกเขาได้ปีนป่ายและสนุกกับจินตนาการ แต่สำหรับศิลปินแล้วพวกเขากลับมองว่าที่นี่เต็มไปด้วยงานศิลปะ!! คุณ Kito Fujio ช่างภาพอิสระชาวญี่ปุ่นผู้หนึ่งได้เดินทางไปทั่วประเทศเพื่อบันทึกภาพของเครื่องเล่นในสนามเด็กเล่น ผลงานภาพถ่ายของเขาถูกนำไปจัดนิทรรศการต่างๆ มากมาย และเมื่อเร็วๆ นี้เขาได้สร้างสรรค์ผลงานของสนามเด็กเล่นยามค่ำคืน ที่ถูกตกแต่งด้วยแสงไฟหลากสี และนี่คือภาพบางส่วนจากผลงานของศิลปินท่านนี้… 1. สวนสาธารณะ Nishikidaini จากรุง Tokyo 2. สวนสาธารณะ Otsubo จากจังหวัด Aichi 3. สวนสาธารณะ Kashiwa จากจังหวัด Chia 4. สวนสาธารณะ Komaba จากจังหวัด Hokkaido 5. สวนสาธารณะ Tatsuta จากจังหวัด Aichi 6. สวนสาธารณะ Minami Mizumoto จากกรุงโตเกียว 7. สวนสาธารณะ Minami Mizumoto จากกรุงโตเกียว 8. บ้าน Fukiagedanchi Terrace จากจังหวัด Saitama 9. สวนสาธารณะ จากกรุง Tokyo 10. สวนสาธารณะ Himemiyaika…
-
เผยทีเซอร์แรกของ ‘ก๊อดซิลล่า’ การกลับมาของราชาสัตว์ประหลาด ในเวอร์ชั่นอนิเมะ!!
หลังจากประสบความสำเร็จทางด้านรายได้ไปอย่างล้นหลามกับภาพยนตร์สัตว์ประหลาดก๊อดซิลล่าเมื่อปีที่ผ่านมา ล่าสุดทางบริษัทผู้สร้าง ได้ประกาศสร้างเรื่องราวของเจ้าก๊อดซิลล่าเวอร์ชั่นการ์ตูนแล้ว และจะเข้าฉายในวันที่ 17 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ก๊อดซิลล่าเวอร์ชั่นการตูนนี้ถูกประกาศออกมาเมื่อปีที่ผ่านมา โดยในภาคนี้จะใช้ชื่อว่า Godzilla: Kaiju Planet และทางค่ายภาพยนตร์โตโฮก็ได้ปล่อยทีเซอร์ตัวแรกออกมาเรียกน้ำย่อยแล้ว ไปชมตัวอย่างแรกได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย.. ในเวอร์ชั่นการ์ตูนนี้ได้ทาง Polygon Pictures ที่เคยฝากผลงาน CG กับอนิเมะเรื่องดังหลายๆ เรื่อง มาช่วยในการการผลิตผลงานของพวกเขาด้วย ส่วนเนื้อหาในภาคการ์ตูนนี้จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการปฏิบัติการของทีมสำรวจของมนุษย์ ที่เข้าไปในดาวต้นกำเนิดของเหล่าก๊อดซิลล่า . การต่อสู้ระหว่างทีมสำรวจและเหล่าสัตว์ประหลาดที่อยู่บนดาวเคราะห์ อนิเมะเรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกของเจ้าสัตวประหลาดยักษ์ และการทำเป็นเวอร์ชั่นการ์ตูนนี้อาจจะทำให้พลังการทำลายล้างของเจ้าสัตว์ประหลาดนั้นดูไม่ค่อยน่ากลัวเท่าแบบของภาพยนตร์ แต่อย่างไรก็ตามทางทีมผู้สร้างหวังว่าก๊อดซิลล่าเวอร์ชั่นนี้คงจะถูกใจแฟนๆ อนิเมะอย่างแน่นอน แบบนี้คงจะถูกใจแฟนๆ อนิเมะเลยใช่ไหมล่ะ ถ้าหากใครที่อยากชมการ์ตูนเรื่องนี้ก็คงต้องติดตามข่าวกันดีๆ นะ ถ้าพลาดแล้วเสียใจไม่รู้ด้วยนะ!! ที่มา rocketnews24
-
20 เบื้องหลังการถ่ายภาพ “คอสเพลย์” กว่าจะออกมาสวยนั้น มันก็ไม่ง่ายนะเธอ!!
ใครยังไม่เคยดูเบื้องหลังการถ่าย “คอสเพลย์” ฮาๆ ภาค 1 ก็จิ้มไปดูกันได้เลยจ้า >> คลิ้กตรงนี้ การถ่ายภาพให้ได้ภาพที่สมบูรณ์แบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายง่ายเลย บางทีเราเห็นภาพสวยๆ เราก็ไม่ทันได้เอะใจเลยว่าที่เจ้าของภาพจะได้รูปที่สวยๆ แต่ละรูปมานั้นต้องผ่านและต้องลงทุนอะไรมาบ้าง การถ่ายคอสเพลย์ก็เช่นเดียวกัน การที่ถ่ายรูปให้ได้ภาพที่เพอร์เฟ็ค ทั้งนายแบบและตากล้องจะต้องใช้จินตนาการกันอย่างมาก ถึงแม้เบื้องหลังจะเฮฮาปาจิงโกะซักแค่ไหน แต่ภาพที่ได้มานั้นก็เรียกได้ว่าแตกต่างจากความเป็นจริงอย่างเหลือเชื่อ 1. เรื่องความสูงไม่ใช่อุปสรรคใดๆ . 2. ย่อกันนิดหน่อย ก็ใช้ได้แล้ว . 3. ถึงจะเตี้ยก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน . 4. เล่นซะนึกว่าอยู่ในโรงพยาบาลจริงๆ . 5. ไม่จำเป็นหรอก เก้าอี้น่ะ . 6. ยานพาหนะก็ไม่จำเป็น 7. โต๊ะไม่ได้ขนาดก็ได้ประยุกต์ได้ . 8. จะบิดหรือย่อ ยังไงความสูงก็ต้องเป้ะ . บางรูปก็เท่สุดๆ อย่างกับหลุดออกมาจากการ์ตูนจริงๆ แน่ะ แต่พอเห็นเบื้องหลังของความเท่แล้วมันอดขำไม่ได้จริงจริ้งงง !! 9. เท่อะ ข้านี่แหละนักปั่นสายฟ้า!! 10.…
-
เจ้าแมวเหิมเกริม เข้าไปแทรกซึมอยู่ในแท่นบูชา ตั้งตนทำตัวเทียบเท่าเหมือนดั่งทวยเทพ!!
เจ้าเหมียวสัตว์สี่ขาที่ไม่ค่อยสนโลกสักเท่าไหร่ เรื่องนี้ใครที่เป็นทาสแมวคงจะรู้กันดี พวกมันช๊อบชอบที่จะทำอะไรเอาแต่ใจ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นซนที่ไม่สนว่าของจะพัง หรือการเข้าไปในที่หวงห้ามก็ตาม!! และล่าสุดก็ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @kazzhico2 ชาวเน็ตญี่ปุ่นที่เกิดอาการตกใจหลังจากที่กลับมาถึงบ้าน ก็พบกับเจ้าเหมียวเข้าไปยึดแท่นบูชาในบ้านไปแล้ว!? ก็เลยทำการถ่ายภาพของเจ้าเหมียว ที่เข้าไปนั่งอยู่ในบริเวณแท่นบูชาพระพุทธรูป มาแชร์ให้ชาวเน็ตท่านอื่นๆ ได้ชมกัน “เมื่อผมกลับมาถึงบ้านและมองไปที่แท่นบูชา ผมสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ” ชาวเน็ตเจ้าของภาพกล่าว แท่นบูชาที่เจ้าเหมียวเข้าไปอยู่นั้นสำหรับชาวญี่ปุ่นถือว่ามีความสำคัญต่อพวกเขาอย่างมาก พวกเขาจะคอยระมัดระวังอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นตอนเปลี่ยนดอกไม้หรือตอนกราบไหว้ เพื่อไม้ให้สิ่งของด้านในได้รับการกระทบกระเทือน แต่ถึงจะระวังอย่างไรก็ตาม แต่พี่เหมียวในบ้านดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจเสียเท่าไหร่ เล่นเข้าไปอยู่ในนั้นซะได้ นี่คิดจะแสดงพลังทำตัวสูงส่งกว่ามนุษย์แล้วใช่มั้ย!? คิดว่าตัวเองเป็นแมวนางกวักหรือไงเนี่ย เจ้าเหมียว!! หลังจากนั้นไม่นานก็มีชาวเน็ตได้เข้ามาคอมเม้นต์ภาพของพี่แมวที่ทำตัวเป็นลูกเทพกันยกใหญ่ หลายคนถึงกับฮาเลยทีเดียว ชาวเน็ตท่านหนึ่งกล่าว่า “มันคงจะคิดว่านั่นเป็นบ้านหลังใหม่สินะ” แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่แมวของคุณ @kazzhico2 เท่านั้นที่ชอบเข้าไปอยู่ในแท่นบูชา ยังมีเจ้าเหมียวตัวอื่นๆ ที่ชื่นชอยแท่นบูชานี้เช่นกัน ชาวเน็ตท่านอื่นๆ ได้ร่วมกันแบ่งปันภาพของน้องแมวที่เข้าไปอยู่ในแท่นบูชาและทำท่าเหมือนกับว่าตัวเองเป็นเทพเจ้าซะงั้น อื่ม… ดูทำหน้าเข้าสิเจ้าเหมียว!! ชาวเน็ตท่านหนึ่งโพสต์ภาพของเจ้าเหมียวพร้อมกับบอกว่า “เจ้าแมวบ้านฉันก็ชอบเข้าไปอยู่ในนั้นเหมือนกัน” ที่หนักกว่าแมวก็เป็นกระต่ายนี่แหละ แกก็เอากะเค้าด้วยเหรอเนี่ย!! แบบนี้ที่เค้าว่าแมวเป็นสัตว์ที่คิดจะครองโลกคงจะจริงสินะ ฮ่าๆ ที่มา rocketnews24
-
เปิดแฟ้มภาพเก่า ของเหล่า “ทาสบำเรอกาม” สาวเกาหลี ในสมัยที่โดนทหารญี่ปุ่นบุกโจมตี
สนามรบในอดีตอาจเต็มไปด้วยสู้รบ การนองเลือด และความเหน็ดเหนื่อย แต่เมื่อว่างจากการสู้รบเหล่าบรรดาทหารก็ได้พักผ่อน โดยจะได้รับการอำนวนความสะดวกสะบายเท่าที่ทำได้ หนึ่งในนั้นคือหญิงบำเรอ หญิงสาวที่มาบำเรอกามให้ทหารนั้นมีทั้งเต็มใจและถูกบังคับ อย่างสาวเกาหลีที่ตกเป็นทาสกามในสมัยที่โดนทหารญี่ปุ่นบุกโจมตี นี่เป็นวิดีโอขาวดำที่ถูกถ่ายในช่วงปี 1944 เป็นภาพผู้หญิง 7 คน ที่ยืนอยู่ด้านนอกของซ่องสำหรับทหารที่ยืดครองโดยประเทศจีน ซึ่งได้รับการปลดปล่อยจากญี่ปุ่นโดยกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตร ในคลิปจะเห็นผู้หญิงหนึ่งในเจ็ดกำลังยืนคุยกับทหารจีน ด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยพอใจ ส่วนคนอื่นๆ ต่างก็ก้มหัวความกลัว ที่สำคัญดูเหมือนจะมีคนท้องอยู่ด้วย คลิปดังกล่าวนี้ถูกค้นพบที่ US National Archives และได้รับการจัดเก็บไว้ที่ Records Administration ซึ่งมีอายุกว่า 70 ปีแล้ว เนื้อหาของคลิปมีความเชื่อมโยงกับบันทึกทางสงครามที่แสดงให้เห็นเรื่องราวของทาสที่ถูกจับกุมใน Songshan โดยกองกำลังพันธมิตรในเดือนกันยายน ปี 1944 ปัจจุบันได้มีการเล่าเรื่องของหญิงสาวเกาหลีผู้ตกเป็นทาสกามผ่านงานเขียนเรื่อง ‘COMFORT WOMEN’ ซึ่งมีประวัติความเป็นมาดังนี้ นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าผู้หญิงราวๆ 200,000 คน ที่ส่วนใหญ่มาจากเกาหลี ถูกบังคับให้ทำงานในซ่องกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จากประเด็นในอดีตที่ญี่ปุ่นบังคับให้สาวเกาหลีเป็นทาสทางอารมณ์ ยังคงมีผลกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีจนทุกวันนี้ ชาวเกาหลีจำนวนมากที่ถูกละเมิดสิทธิในช่วงการล่าอาณานิคมของญี่ปุ่นในช่วงปี 1910-1945 ในคาบสมุทรเกาหลี คำว่า Comfort Woman มาจากคำว่า jugun ianfu…
-
หนุ่มไทยพาตะลุย “คาเฟ่งู” ในโอซาก้า แล้วคุณจะรู้ว่าน้องงูไม่ได้น่ากลั๊ว น่ากลัวอย่างที่คิด
ในปัจจุบันเพื่อนคงได้มีโอกาสไปเที่ยวคาเฟ่แปลกๆ กันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่แมว คาเฟ่สุนัข คาเฟ่ No Makeup หรืออะไรต่างๆ ที่ทำออกมาเพื่อเอาใจลูกค้าที่ไม่อยากนั่งดื่มโกโก้แบบเหงาๆ แต่คุณอาจจะไม่เชื่อหูตัวเองว่าในตอนนี้นั้นมี “คาเฟ่งู!!” กันด้วย ซึ่งครั้งนี้คุณ Toys Vlogger จะพาเราไปเยี่ยมชมคาเฟ่งูในญี่ปุ่น ที่ไม่รู้ว่างานนี้จะได้นั่งไปผวาไปหรือเปล่า เราไปชมความแปลกใหม่และน่าตื่นเต้นของคาเฟ่งูกันเลย!! คุณ Toys Vlogger ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น แต่ในขณะที่กำลังเดินหลงไปมานั้น ก็ได้พบกับป้ายนี้เข้า ใช่แล้วมันคือ “คาเฟ่งู!!!” . นี่ก็งู นี่ก็งู ไหนไหนก็ไหนแล้ว ไปลุยกันเลย!! พอเข้าไปถึง พนักงานก็ออกมาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง “โคนิจิวะ” เมื่อเข้าไปในร้านแล้วพนักงานก็นำเมนูมาให้ เพื่อให้เราสั่งเครื่องดื่มเสียก่อน โดยคุณ Toys Vlogger ก็ชี้มั่วๆ ได้เป็น โกโก้เย็น จากนั้นทางร้านก็ได้นำกฎระเบียบมาให้อ่าน อย่างเช่นการห้ามถ่ายงูด้วยแสงแฟลช ห้ามจับงูด้วยตัวเอง ถ้าหากอยากจะจับก็ต้องบอกเจ้าหน้าที่ก่อน และข้อห้ามยิบย่อยอื่นๆ อีกมากมาย . ทางร้านบอกว่าเพิ่งจะเปิดได้เพียง 1…
-
ซะมีดื่มเหล้าจนดึกดื่น ภรรยาก็จับ “กันดั้ม” มัดเป็นตัวประกัน ไม่ยอมกลับบ้านได้เจอดีแน่!!
สำหรับพ่อบ้านที่เติบโตขึ้นมากับการ์ตูนเรื่องโมบิลสูทกันดั้ม แล้วต้องขอบอกเลยว่าการซื้อโมเดลกันดั้มมาสะสมถือเป็นงานอดิเรกสุดโปรดเลยทีเดียว สำหรับคนที่เคยเป็นเจ้าของมาก่อนจะรู้กันดีว่ามันมีคุณค่าทางจิตใจแค่ไหน เพราะนอกจากจะซื้อมาในราคาที่ค่อนข้างสูงแล้ว ยังต้องมานั่งต่อเองจนเป็นตัวขึ้นมาอีกต่างหาก แต่สำหรับพ่อบ้านชาวญี่ปุ่นผู้คลั่งไคล้โมเดลกันดั้มผู้นี้จะต้องมีเหวอกันบ้างล่ะ เพราะเจ้าตัวเล่นออกไปดื่มหลังเลิกงานจนดึกดื่นไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องซักที… ด้วยความโมโหคุณภรรยาก็เลยถ่ายภาพโมเดลกันดั้มสุดที่รักของพ่อบ้าน พร้อมกับมัดเชือกห้อยต่องแต่งราวกับว่าจับเป็นตัวประกันส่งไปให้ดูในแชทซะเลย ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวถูกอัพลงทวิตเตอร์ และพบว่ามีชาวเน็ตมากมายให้ความสนใจจนเข้ามากดไลค์กันมากกว่า 130,000 ครั้ง และรีทวีตไปอีกกว่า 100,000 ครั้งเลยทีเดียว!! ชาวเน็ตทั้งหลายพอได้เห็นโพสต์ดังกล่าวต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย… “นี่เขาเรียกว่า ‘อาชญากรรม’ แล้วนะ” “เป็นคู่รักที่ยอดเยี่ยมจริงๆ” “ถ้าเป็นตรูนะ ตรูจะรีบกลับเลยล่ะ แถมแบตฯ ยังเหลือน้อยอีกต่างหาก” “ผมคิดว่าเธอเป็นภรรยาที่ดีมากเลย (ถ้านี่เป็นเรื่องขำๆ ที่เธอคิดขึ้นมาล่ะก็นะ)” “เป็นเจ้าสาวที่น่ากลัวชะมัด!!” จะ ใจเย็นๆ ก่อนนะจ๊ะเมียจ๋า มีอะไรค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันก่อนก็ด๊ายยยยย!! ที่มา : Naoki
-
ศิลปินออกแบบ “ซุ้มละอองน้ำ” แล้วนำไปวางในป่า ดูเผินๆ เหมือนประตูสู่สรวงสวรรค์..!!
หลายคนคงได้ยินเพลงที่มีคำร้องว่า ‘ไปเถิดทั้งคู่…. ไปสู่ประตูสวรรค์~’ อันที่จริงก็ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาเรื่องนี้หรอก แค่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกันเฉยๆ เพราะวันนี้เราจะพาไปดูผลงานของศิลปินจากออสเตรเลีย James Tapscott ผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่นำไปโชว์ในงาน Japan Alps Art Festival เอาเป็นเราลองไปชมพร้อมๆ กันเลย ซุ้มละอองน้ำสู่สวรรค์นี้มีชื่อว่า Arc Zero- Nimbus เจ้าตัวบอกว่าถึงแม้ภายนอกอาจจะดูเหมือนหัวฉีดละอองน้ำที่ตั้งตามร้านขายต้นไม้ทั่วไป แต่แท้จริงแล้วมันถูกสร้างมาจากปรัชญาบูชิโดอย่างเข้มข้น โดยเจ้าของผลงานต้องการให้ชาวเมืองที่เดินผ่านไปมา รู้สึกเหมือนพวกเขาได้เดินผ่านประตูสู่สรวงสวรรค์ หลังจากที่นำผลงานชิ้นนี้ไปโชว์ในออสเตรเลียแล้ว เขาจึงนำมันมาตั้งโชว์ไว้ที่วัดคาโนะนิจิ “มันเป็นคอนเซปต์ใหม่ที่ใช้ละอองน้ำและแสงในการเล่าเรื่อง ทั้งหมดนี้จะบอกเล่าถึงการเดินทางของสายน้ำที่ล่องไปตามสายลม” ศิลปินให้สัมภาษณ์อย่างลึกซึ้ง เมื่อไหร่ที่พระอาทิตย์ตกดินแสงสลัวยามเย็นจะช่วยส่องประกายใส่ละอองน้ำ ทำให้ประตูที่ดูธรรมดา กลายเป็นเรื่องไม่ธรรมดา บวกกับสถานที่ตั้งของซุ้มที่อยู่ใจกลางป่าลึก ทำให้ผู้ที่สัญจรไปมาต่างรู้สึกว่ามันเหมือนประตูสู่โลกอีกมิติหนึ่งจริงๆ สวยงามตามท้องเรื่อง เห็นแล้วอยากซื้อไปรดน้ำต้นถั่วงอกที่บ้านจริงๆ ที่มา: sbsg
-
ร้านราเมงญี่ปุ่นผุดไอเดียเจ๋งติด “ทิชชู่” นับสิบไว้รอบห้องน้ำ แก้ปัญหาทิชชู่หมดระหว่างอึ๊!!
ร้านราเมงแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นได้นำเสนอไอเดียสุดเจ๋งเพื่อหวังมอบการบริการระดับสุดยอดให้กับลูกค้า หลังจากที่พวกเขาได้ออกแบบห้องน้ำที่มีความสะดวกสบายสุดๆ ที่คุณสามารถนั่งอึได้โดยไม่ต้องกังวลว่าทิชชู่จะหมด!! ไอเดียห้องน้ำสุดแหวกแนวนี้เปิดให้บริการในร้านราเมง Ichiran ในทุกสาขา โดยพวกเขาได้ออกแบบห้องน้ำที่เต็มไปด้วยที่ใส่ทิชชู่ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าและทำให้พวกเขามั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ทิชชู่หมดระหว่างทำธุระแน่นอน ทิชชู่จำนวนมากที่ถูกติดไว้ข้างผนังห้องน้ำ สบายใจได้เลยยังไงก็ไม่หมดแน่นอน!! . อื่ม… เป็นการออกแบบที่ตอบโจทย์การเข้าห้องน้ำมาก ลูกค้าสามารถเลือกใช้ทิชชู่ม้วนไหนก็ได้ตามความสะดวก และห้องน้ำที่เต็มไปด้วยทิชชู่แบบนี้จะมีอยู่ในร้านราเมง Ichiran ทุกสาขา . ไอเดียห้องน้ำทิชชู่นี้เริ่มต้นจากการที่ร้านเริ่มเสิร์ฟราเมงแบบเผ็ดๆ ตามความต้องการของลูกค้า ดังนั้นถ้าหากคุณเกิดทานๆ อยู่แล้วปวดท้องขึ้นมา พวกเขาก็จะมีห้องน้ำพร้อมกับทิชชู่เหล่านี้ไว้บริการคุณได้อย่างทันท่วงทีนั่นเอง แต่บางสาขาก็ขอร้องให้ลูกค้าเริ่มใช้จากอันด้านล่างขึ้นมาก่อน และไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะปล่อยให้ทิชชู่หมด โดยทางร้านจะคอยเช็กปริมาณของทิชชู่ในห้องน้ำอยู่ตลอดเพื่อไม่ให้การปลดทุกข์ของคุณต้องขาดช่วง ลองนึกภาพตอนคุณกำลังปวดท้องสุดๆ แล้วเปิดประตูมาเจอแบบนี้ อ่า… สบายใจ . ภาพนี้ดูคล้ายๆ กับมีทิชชู่ส่งลงมาจากสวรรค์เลยนะเนี่ย ฮ่าๆ ช่างเป็นร้านที่ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ เลยนะเนี่ย ฮ่าๆ ที่มา rocketnews24
-
ชมงาน “บ้านไม้ทั้งหลัง” ยอดผลงานการออกแบบจากศิลปินชาวญี่ปุ่น กลิ่นไม้นี่ตีจมูกเลย
ในยุคสมัยนี้นั้นการสร้างบ้านที่ทั้งหลังเกิดจากไม้อย่างเดียวถือว่าเริ่มจะเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากขึ้นทุกวัน ด้วยตัวทรัพยากรที่แพงขึ้นก็ดี เรื่องความแข็งแรงก็ดี ปูนและเหล็กจึงกลายมาเป็นส่วนผสมสำคัญในการสร้างบ้านนั่นเอง ทว่าการสร้างบ้านด้วยไม้สำหรับชาวญี่ปุ่นนั้นก็ยังถือเป็นอะไรที่พวกเขาทำกันอยู่บ่อยๆ และยังคงเลือกใช้เป็นส่วนประกอบหลักๆ อยู่ เพราะด้วยวัฒนธรรมและแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ไม้จึงถือเป็นวัสดุที่ยืดยุ่นได้ดีกว่า ด้วยเหตุนี้ Yoshino Cedar House จึงถือกำเนิดขึ้น ทำสำคัญยังสวยแบบเรียบๆ อีกต่างหาก . Yoshino Cedar House ถือเป็นการร่วมมือกันระหว่างบริษัท AirBnb , Samara และ Go Hasegawa สถาปนิกจากญี่ปุ่น ซึ่งจุดประสงค์หลักการออกแบบบ้านไม้ดังกล่าวขึ้นมาก็เพื่อ ให้ชาวบ้านได้มีสินค้าที่สามารถสร้างรายได้ให้กับพวกเขา ส่วนทำไมสินค้าสร้างรายได้ต้องเป็นไม้นั่นก็เพราะ ไม้ซีดาร์บริเวณภูเขา Yoshino ที่ชาวบ้านอยู่นั้นมีไม้ชนิดนี้อยู่เป็นจำนวนมาก พวกเขาจึงนำไม้ส่วนนั้นมาสร้างผลงานดังล่าวนั่นเอง แม้จะบอกว่าเป็นการร่วมมือกันจากหลายด้าน แต่ผู้ที่จะต้องมารับหน้าที่หลักในตัวบ้านนี้กลับเป็นกลุ่มชาวบ้านเอง เพราะนี่มันคือผลงานของพวกเขาทั้งดีไซน์และการก่อสร้างจึงเกิดจากช่างไม้ท้องถิ่น . . ในด้านมุมมองของดีไซน์ตัวบ้านนั้นจะออกเป็นทั้งแนวสมัยใหม่ผสมกับแบบเก่าที่รวมกันได้อย่างลงตัว ไม่หมดแค่นั้นตัวบ้านยังออกแบบให้แสงธรรมชาติสามารถลอดผ่านได้ด้วย เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานไปในตัว สุดท้ายแล้วพวกเขาก็หวังว่า Yoshino Cedar House จะช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนและยังจะช่วยดึงดูดให้คนรุ่นใหม่มาอาศัยในหมู่บ้านด้วย เพราะตอนนี้หมู่บ้านของพวกเขาก็เริ่มจะมีแต่ผู้สูงอายุ…
-
เราจะไม่ทน!! รวมไอเดีย 18 ของใช้ที่ชาวญี่ปุ่นพัฒนาขึ้น เพื่อต่อกรกับปัญหาร้อยแปดพันเก้า
ญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องสิ่งประดิษฐ์สุดล้ำ บางอย่างอาจจะดูแปลกๆ ในขณะที่บางอย่างก็ดูอัจฉริยะเสียเหลือเกิน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเจ๋งจริงๆ นะ เหมือนกับสิ่งประดิษฐ์ต่อไปนี้ที่ชาวญึ่ปุ่นคิดค้นขึ้นมา เพื่อทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของนั้นมีความง่ายและสะดวกสบายขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง 1. ที่นั่งรถไฟหมุนได้ สำหรับคนที่ไม่ชอบนั่งมองด้านหลังของเก้าอี้ด้านหน้าเฉยๆ ก็สามารถปรับเก้าอี้ตัวเองให้หันไปต่างที่ต้องการได้ 2. หมวกนิรภัยที่มีช่องสำหรับผมหางม้า แม้แต่เรื่องเล็กๆ ของผู้หญิงผมยาว ญึ่ปุ่นก็ไม่เคยมองข้าม แบบนี้สิผมจะได้ไม่เสียทรง 3. ที่นั่งสำหรับทารกในห้องน้ำสาธารณะ สำหรับคนที่มีลูกน้อย คุณไม่ต้องแบกลูกตอนทำธุระส่วนตัวอีกแล้ว เพราะมีเก้าสำหรับทารกในห้องน้ำที่จะทำให้การขับถ่ายของคุณง่ายขึ้น 4. คาเฟ่สำหรับคนขี้เหงา ถ้าคุณไม่ชอบนั่งคนเดียวในร้านกาแฟ นี่จะเป็นทางเลือกสำหรับคุณ เพราะทางร้านจะมีตุ๊กตานุ่มนิ่มมานั่งเป็นเพื่อน เพื่อคลายความเหงาใจ 5. ทางข้ามม้าลายแนวเฉียง ปกติตามสี่แยกจะไม่มีทางข้ามม้าลายตรงกลางสี่แยก แต่ที่ญี่ปุ่นมีนะ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางการเดิน ทำให้รวดเร็วมากขึ้นไปอีก 6. แท่นจับแท็บเล็ต แท่นจับแท็บเล็ตจะทำให้มือของคุณเป็นอิสระมากขึ้น เพราะไม่ต้องจับแท็บเล็ตให้เมื่อยมืออีกแล้ว จะนั่งจะนอนก็สะดวกเหมือนกัน 7. แว่นตากันแดดสำหรับสุนัข สำหรับคนที่ชอบพาน้องหมาออกไปเดินเล่นกลางแจ้ง บางทีพวกมันอาจไม่ชอบแดดก็ได้ ญี่ปุ่นเข้าใจเรื่องนี้ดีเลยทำแว่นเพื่อพวกมันซะเลย 8. ไมโครโฟนเก็บเสียง ถ้าคุณเป็นคนชอบร้องคาราโอเกะ แต่บางทีก็กลัวมันจะไปรบกวนคนอื่น…