Tag: ลูก

ว่ากันว่าในช่วงที่คุณแม่กำลังตั้งท้องนั้น ลักษณะของร่างกายจะเปลี่ยนไปอย่างมาก แบบว่าจากที่เคยผอมก็จะอ้วนอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ไม่สามารถทำกิจกรรมออกแรงต่างๆ ได้เหมือนอย่างเคย เพราะดูเหมือนจะเป็นการฝืนร่างกายและอาจจะทำให้ลูกในท้องได้รับผลกระทบกระเทือนด้วย แต่สำหรับคุณแม่ชาวออสเตรเลียนามว่า Chontel Duncan กลับมีความคิดที่แตกต่าง ด้วยความที่ว่าเธอเป็นเทรนเนอร์ ถึงแม้ว่าจะตั้งท้องอยู่ แต่ก็ยังคงออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายมีความฟิตอยู่เสมอ     แต่ก่อนอื่นต้องบอกไว้ว่าย้อนกลับไปปีค.ศ. 2009 เธอเคยเป็นผู้เข้ารอบสุดท้ายในการประกวด Miss Australia ด้วยนะจ๊ะ อื้อหือ!! ว่าแล้วเชียว ราศีความงามยังจับอยู่เลยนะเนี่ย     จากตอนแรกเธอกับเพื่อนของเธอ Nat ได้ลองเปรียบเทียบขนาดครรภ์กัน โดยที่ Nat ตั้งท้องก่อนเธอไปประมาณ 4 สัปดาห์ ส่วน Chontel เองก็เพิ่งจะตั้งท้องได้หมาดๆ     เธอยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ทั้งออกกำลังกายเป็นประจำ และเรื่องอาหารการกิน (โดยเฉพาะอันนี้ เธอชอบมาก) ราวกับท้องที่เพิ่มขึ้นมานั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด เพราะเธอรู้ว่าควรจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้กระทบต่อลูกน้อยในครรภ์     แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะตะบี้ตะบันออกกำลังกายเพื่อรูปร่างที่สวยงามนะ เมื่อถึงจุดที่ควรจะต้องหยุดออกกำลังกายหนักแล้ว เธอก็หยุดทันที เกรงว่าจะเสี่ยงอันตรายต่อตัวเด็กในท้อง    …

คุณพ่อหลายท่าน เมื่อเวลามีลูกที่ต้องดูแลแล้ว มักจะไม่มีเวลาทำสิ่งที่ตัวเองเคยทำเหมือนสมัยก่อน เพราะว่าเราต้องคอยเอาใจใส่เด็กอยู่เสมอ แต่สำหรับคุณพ่อ Calum Neff เขาสามารถจัดการปัญหานั้นได้ด้วยการให้ลูกมีส่วนร่วมกับกิจกรรมนั้นๆเลย นั่นก็คือการวิ่งมาราธอนนั่นเอง คุณพ่อได้นำลูกสาววัย 11 เดือนที่ชื่อว่า Holland ไปวิ่งฮาล์ฟมาราธอนโดยใส่เธอไว้รถเข็นเด็ก โดยใช้เวลาไปทั้งหมด 1 ชั่วโมง 11 นาที 27 วินาที คุณพ่อเล่าว่ามันเป็นวันที่สุดยอดมากๆวันหนึ่งเลย ที่ได้ใช้เวลากับลูกสาว มันแสดงให้เห็นว่าการที่คุณมีลูกไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่ได้ทำอะไรตามใจชอบแล้ว   อีกทั้งคุณพ่อและลูกยังวิ่งเข้าเส้นชัยอันดับแรก และทำลายสถิติโลกการวิ่งฮาล์ฟมาราธอนพร้อมกับรถเข็นเด็กอีกด้วย   สมกับเป็นคุณพ่อที่ยึดมั่นในอุดมการณ์จริงๆ ถึงแม้มีหน้าที่ แต่ก็สามารถจัดเวลาให้สามารถทำด้วยกันได้ ที่มา Today

ในยุคสมัยนี้การดูแลลูกน้อยเป็นสิ่งที่สะดวกสะบายยิ่งขึ้น เนื่องจากมีเทคโลโนโลยีอำนวยความสะดวกมากมาย อย่างเช่นในต่างประเทศที่นิยมให้ลูกนอนให้ห้องนอนคนเดียวแยกกับพ่อแม่ ก็ต้องมีการสอดส่องลูกๆ ด้วยการติดกล้องมอนิเตอร์เชื่อมต่อกับหน้าจอ เพื่อสังเกตว่าลูกต้องการอะไร การเชื่อมต่อนั้นใช้ระบบไวไฟ ซึ่งตอนนี้ก็เสี่ยงต่อการถูกแฮกเกอร์เจาะระบบเจ้ามาดูลูกของคุณมาก เพราะเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอุปกรณ์ของยี่ห้อ Philips ที่เปิดช่องให้คนไม่ประสงค์ดีเจาะระบบเข้ามา     และอีกเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับครอบครัวในซานฟรานซิสโก เมื่อกล้องของพวกเขาถูกแฮกเข้ามาโดยคนแปลกหน้า เพื่อที่จะมองดูลูกของพวกเขา คุณพ่อและแม่ Jay กับ Sarah ซึ่งไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกคุกคามอยู่ พวกแฮกเกอร์ได้เฝ้ามองลูกของเขาวัย 3 ปี พร้อมกับพูดคุยกับลูกของเขาได้ด้วย ผ่านระบบที่ติดมากับอุปกรณ์ที่สามารถคุยกับลูกผ่านกล้องได้ ในคืนนั้น Sarah เดินผ่านและได้สินเสียงคนแปลกหน้าออกมาจากห้องลูกพูดว่า “ตื่นเถอะเด็กน้อย พ่อกำลังมองหาหนูอยู่นะ” และเมื่อ Sarah เดินเข้าไปในห้อง กล้องก็มองมาที่เธอพร้อมกับคำพูดว่า “ดูสิ มีคนมาแล้ว”     Jay และ Sarah ได้ติดต่อไปยังบริษัท Foscam ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เขาเลือกและถูกมือดีแฮกเข้ามา แต่ก็ไม่สามารถหาตัวคนร้ายได้เลย ถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่ใช้กล้องมอนิเตอร์ลูกได้อย่างดี ถึงแม้บ้านเราจะไม่นิยมใช้กันเท่าไหร่ แต่ถ้าวันหนึ่งเกิดเป็นที่นิยมมา ก็ต้องระวังไว้หน่อยแล้วกัน ที่มา distractify

การค้ายาเสพติดก็ถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่เราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าทำไมลูกๆ ของพ่อค้ายารายใหญ่ รวมถึงตัวพ่อค้าเอง ก็สามารถลอยหน้าลอยตาอยู่กันในสังคมได้เนาะ แปลกดีแท้… และวันนี้เหมียวก็ขอพาเพื่อนๆ ไปดู 18 ภาพใน Instagram สุดเว่อร์วังอลังการของชีวิตเหล่าบรรดาลูกพ่อค้ายารายใหญ่ บอกตรงๆ ว่าหรูหราจนเรานึกภาพตามไม่ออกเลยทีเดียวล่ะ!!!   ไปขับรถเล่นกัน…   สัตว์เลี้ยงภายในบ้าน   เผื่อไว้ๆ    รองเท้าแจ่มมั้ยล่าาาา   เรื่องเงินน่ะเหรอ ไม่ใช่เรื่องใหญ่!!!   พร้อมแล้ว!!!   ป่ะสาวๆ    สัตว์เลี้ยงแสนรู้   วันนี้เอาคันไหนไปดี   พาสัตว์เลี้ยงไปเดินเล่น   ปืนใหม่สั่งทำพิเศษ สวยมั้ย ^^   ก็ไม่มีอะไรมาก ทองแท้ทั้งดุ้นเลย   ครบครัน   วันสบายๆ สโลว์ไลฟ์   แหม่ะ มีแบรนด์ด้วยนะ   เอาสิ ใครจะมาแหยม!!!   ฝังเพชรด้วยรึเปล่าเนี่ย!!?…

เรื่องราวอันแสนประทับใจของหนุ่มน้อยวัย 6 ขวบจากประเทศสหรัฐอเมริกา นามว่า Lyle Paulun ลูกชายของอดีตดาวรายการเรียลลิตี้ทางโทรทัศน์ Nikkole Paulun โดยที่เธอนั้นได้ทำการโพสต์ภาพลูกชายของเธอในขณะที่กำลังงมหาเงินในกระเป๋าเพื่อจ่ายค่าอาหารในช่วงที่พาคุณแม่ไปออกเดท!?     พอเห็นแบบนี้แล้ว การที่เด็กตัวเล็กๆ หัดออกเดท มันจะดูเป็นเรื่องที่ยังไม่สมควรซักเท่าไหร่ แต่สำหรับคุณแม่ Nikkole ก็ได้มองเห็นในมุมมองที่แตกต่างออกไป ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย เพราะเป็นการฝึกให้ลูกชายรู้จักรับผิดชอบและเป็นการสร้างนิสัยสุภาพบุรุษ     เธอได้กล่าวเอาไว้ว่า ‘ฉันได้สอนมารยาทบนโต๊ะอาหารให้กับเขาว่าการที่นั่งทานอาหารกับแม่หรือคนอื่นๆ พร้อมกับเล่นโทรศัพท์ไปด้วยเป็นการเสียมารยาท เขารู้จักคุณค่าของเงินและรู้จักที่จะจัดการมัน เขาได้เรียนรู้คณิตศาสตร์เล็กๆ น้อยๆ จากการที่จะต้องคิดค่าทิป 15% ของค่าอาหาร’ ‘ถึงแม้ว่าเขาจะยังเด็กอยู่แต่ก็เป็นสิ่งที่เขาควรได้เรียนรู้ มันไม่มีคำว่าเร็วเกินไปสำหรับการสอนลูกๆ ให้รู้จักเคารพผู้อื่น โดยเฉพาะกับผู้หญิง’     หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ไปเป็นจำนวนมาก ชาวเน็ตต่างก็ชื่นชมและอีกส่วนต่างก็ตำหนิว่าเข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังจะสื่อ แต่มันเหมือนเป็นการบังคับลูกชายของเธอมากเกินไป อย่างเช่นการบังคับให้ลูกชายจ่ายเงินค่าอาหารให้     Nikkole เองก็ได้ตอบกลับไปว่าเธอไม่ได้บังคับลูกชายของเธอให้ทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำเลยแม้แต่น้อย ลูกชายของเธอขอจ่ายเอง เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขมากๆ อีกทั้งเธอก็ได้ให้เงินลูกชายเพิ่มเพื่อที่จะได้ทำในสิ่งที่เขาอยากทำอีกด้วย น่ารักมากๆ เลยแฮะ ที่มา : unilad

เวลาไปหาคนรู้จักที่ไม่ได้เจอกันนาน หรือไม่ก็พอใครได้เห็นภาพของพ่อหรือแม่หรือญาติผู้ใหญ่ก็ตาม มักจะพูดออกมาว่า ‘หน้าเหมือนกันจัง’ อะไรทำนองนี้ ทั้งๆ ที่เราเองก็ไม่ได้สังเกตขนาดนั้นว่าเหมือนแค่ไหน จนมีคนมาทักถึงจะรู้ ฮร่าาา!! อย่างคำที่ว่า ‘เชื้อไม่ทิ้งแถว’ ถึงแม้ว่าจะเป็นคนเล็กสุดในตระกูล แต่มักจะมีหนึ่งสิ่งที่มีเหมือนใครซักคนหนึ่งที่มาทางพ่อหรือแม่นั่นแหละ ว่าแล้วก็มาพิสูจน์กันกับ 15 ภาพดังต่อไปนี้กันได้เลย!!   มุมเอียงนิดนึง ใช่เลย เอ็งเหมือนพ่อ   อย่างกับเข้าเครื่องถ่ายเอกสาร   สมัยพ่อเด็กๆ ก็เป็นแบบนี้แหละ ทำตามซะเลย   เลียนแบบพ่อเปี๊ยบบบบ   ถอดแบบออกมาเป๊ะๆ   ยายยิ้มยังไง หนูก็ยิ้มแบบนั้นแหละ   หล่อได้พ่อเลยพี่ชายยยย   หน้าตาแบบนี้ ไม่ต้องสืบ   เปรียบเทียบรุ่นคุณแม่กับรุ่นคุณลูก   แม่กับลูกเหมือนกันเป๊ะ   ลูกสาวที่เหมือนพ่อ   ดูรอยยิ้มนั่นสิ   ยิ้มแบบนี้ได้พ่อมาเต็มๆ   ยายกับหลานไม่ต่างกัน   พ่ออุ้มยังไง ลูกชายก็อุ้มแบบนั้น   โอ้ยยยย!!…

โดยปกติแล้ว ผู้หญิงที่เพิ่งได้เป็นคุณแม่ จะมีสายสัมพันธ์บางอย่างที่เชื่อมระหว่างแม่กับลูกไว้ ถือเป็นสัญชาตญาณที่ติดตัวมากับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด แต่สำหรับคนแล้ว การไปคลอดบุตรที่โรงพยาบาลนั้น จำเป็นต้องให้คุณหมอทำการดูแล แยกลูกออกไปจากแม่ก่อน ซึ่งทำให้คุณแม่ไม่ได้มองเห็นลูกอยู่ตลอดเวลา โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศเนเธอแลนด์ได้มองเห็นคุณค่าของสายสัมพันธ์นี้ จึงได้คิดเตียงนอนพิเศษขึ้นมาสำหรับคุณแม่ เป็นเตียงเสริมที่จะให้แม่และลูกได้นอนข้างๆ กัน     เตียงนี้สร้างขึ้นเผื่อในกรณีที่คุณแม่อยากจะอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ ทางโรงพยาบาลจึงใช้เตียงนี้เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับคุณแม่ เพื่อที่ว่าการนอนจะสะดวกสบายยิ่งขึ้นกว่าเดิม     ทางเว็บไซต์ของโรงพยาบาล Gelderse Vallei ได้อธิบายว่า แม่และลูกต้องการที่จะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา และสามารถสัมผัสกันได้ โดยที่ไม่ต้องมีพยาบาลมาคอยคุม อีกทั้งการให้นมก็ง่ายขึ้น เพราะอยู่ใกล้กัน ต่างจากแบบเดิมๆ ที่ห้องคุณแม่กับลูกจะอยู่คนละห้องกัน ทำให้การอุ้ม หรือการพบกันลำบากมากๆ     ถือเป็นไอเดียดีๆ สำหรับสร้างสายสัมพันธ์แม่ลูกในช่วงที่ต้องอยู่ในโรงพยาบาล และต้องอยู่ในระยะยาว ความคิดน่าจะนำไปประยุกต์ใช้ในหลายๆ ที่ด้วยนะ ที่มา yahoo

ปัจจุบันนี้ กำแพงคำว่า “เพศ” มันเริ่มน้อยลงไปเรื่อยๆแล้ว บางประเทศก็มีกฎหมายให้คนเพศเดียวกันสามารถแต่งงานกันได้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญของการเคารพสิทธิของมนุษย์ด้วยกันเอง ครอบครัวพีซ ประกอบไปด้วยคุณพ่อสตีฟและคุณแม่ลินซี่ ได้มีลูกชายคนหนึ่งชื่อว่า “เอซ” และตอนนี้พ่อแม่กำลังประสบปัญหาอย่างหนึ่ง คือพวกเขามีรอยสักเต็มไปหมด และรอยสักเหล่านั้นมันก็เชยไปเสียแล้ว อีกทั้งมีรอยสักหนึ่งที่ทำให้ลูกของเขารู้สึกไม่ดีด้วย แต่แล้วก็มีเรื่องให้เอซต้องเซอร์ไพรส์ เพราะว่าพ่อและแม่ ได้ทำการไปแก้รอยสักนั้นเสียใหม่จากภาพรอยสักเด็กผู้ชาย กลายเป็นรอยสักเด็กผู้หญิงแทน ซึ่งรอยสักนั้นอยู่บนแขนของแม่   หลังจากภาพนี้ถูกโพสต์ลงไปในเพจ Immaculate Concept Tattoo ก็ได้ถูกแชร์ไปเป็นจำนวนมาก และนี่คือภาพรอยสักใหม่และรอยสักเก่า     สตีฟให้สัมภาษณ์กับ The Global News ว่า “รอยสักก่อนหน้านี้ทำให้เอซเศร้า เพราะมันทำให้เขานึกถึงตัวตนเก่าๆที่เขาเคยเป็น เขาไม่ต้องการที่จะจำคนคนนั้น”     ถือเป็นพ่อแม่ยุคใหม่ที่เคารพการตัดสินใจลูก ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร ขอแค่เป็นคนดีของพ่อกับแม่ก็พอแล้ว ที่มา distractify

เรื่องราวอันน่าประทับใจของคุณพ่อที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อดูแลลูกของตัวเอง อย่างเช่นคุณ John Silk จากอดีตนักธุรกิจ มีเงินเดือนสูงลิบ ได้ตัดสินใจลาออกจากงานที่มีเงินเดือนดีๆ ขายรถยนต์ Porsche คันหรู เพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ดูแลลูกสาวคนพิเศษ และพาเธอไปเที่ยวตามฝัน     การตัดสินใจอันแกร่งกล้าของเขานั้น มีเหตุผลมาจากหน้าที่การงานในตอนนั้น ทำให้เขาไม่มีเวลาอยู่ดูแลลูกสาวเลย เขาจึงลาออกจากงาน ขายรถยนต์หรู และเริ่มระดมทุนไว้ใช้สำหรับทริปในฝันของลูกสาวของเขา     ลูกสาวของเขามีชื่อว่า Vicky ซึ่งมีอาการในกลุ่มดาวน์และเป็นโรค Eisenmenger ที่มีความซับซ้อนเกี่ยวกับหัวใจและปอด ซึ่งจากการวินิจฉัยของแพทย์ เธออาจจะมีอายุถึงเพียงแค่ 15 ปี แต่ปัจจุบันเธอมีอายุถึง 22 ปีแล้วล่ะ โดยที่ก่อนหน้านั้นเธอได้เจอหน้าคุณพ่อเพียงแค่แค่สุดสัปดาห์เท่านั้น หลังจากที่คุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกันเมื่อปีที่ผ่านมา     ปัจจุบันคุณพ่อ John ได้งานใหม่เป็นผู้ช่วยคนขับรถบัสโรงเรียน ได้ไปรับไปส่งลูกที่โรงเรียนด้วยตัวเอง เจอหน้ากันทุกวัน ทั้งเช้าและเย็น ซึ่งถึงแม้จะเป็นงานที่เงินน้อย แต่มีความสุขมาก คุณพ่อเก็บเงินรักษาลูก แถมยังพาเธอไปเที่ยวมากถึง 24 ครั้ง 15 ประเทศ ตลอดระยะเวลา 14 ปี…

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เผยแพร่เรื่องราวสุดโหดของนาง Ka Yang คุณแม่ลูก 4 วัน 34 ปีจากรัฐแคลิฟอร์เนียประเทศสหรัฐอเมริกา ที่จับเอาลูกสาวแท้ๆ Mirabelle Thao-Lo วัย 2 เดือนยัดเข้าไปในไมโครเวฟ และเปิดทิ้งไว้นาน 5 นาที   จนผิวหนังของลูกน้อยไหม้เกรียม อีกทั้งอวัยวะภายในก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ตามรายงานบอกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2011 แต่เพิ่งจะมีการตัดสินเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา     โดยนาง Ka Yang ได้อ้างกับศาลว่าเธอไม่ได้ตั้งใจฆ่าลูกสาว เพียงแต่เธอไม่มีแรงจะอุ้มลูกสาว เลยนำลูกน้อยไปวางไว้ในไมโครเวฟเท่านั้น   แต่คณะลูกขุนกลับไม่เชื่อคำพูดของเธอและจับได้ว่าเธอโกหก เจ้าหน้าที่จึงเค้นเอาความจริงจากเธอ สุดท้ายจึงยอมรับในที่สุดว่าเป็นคนนำลูกน้อยไปอบไมโครเวฟจริง ส่วนทางด้านศพของลูกน้อย เจ้าหน้าที่ได้นำมาตรวจสอบดูและพบว่าอวัยวะทั้งร่างมีการเสียหายไปกว่า 60% คาดว่าถูกอบมาเป็นเวลาประมาณ 2-5 นาที     ทั้งนี้ไม่ได้มีการระบุแน่ชัดว่าเธอทำไปแบบนั้นเพื่ออะไร แต่คาดกันว่าอาจจะเกิดจากสภาวะจิตที่ไม่ปกติของเธอ ศาลจึงได้มีคำสั่งตัดสินให้นาง Ka Yang จำคุกเป็นเวลา 26 ปี…

การจะสร้างสรรค์ผลงานชึ้นหนึ่งได้นั้นก็ต้องมีแรงบันดาลใจมาจากหลากหลายที่ ซึ่งศิลปินท่านหนึ่งชื่อว่า Jason Edmiston ก็ได้ทำการสร้างสสรค์ผลงานแนวป๊อปคัลเจอร์มานานกว่า 20 ปีแล้ว และเขาก็มีนายแบบคนหนึ่งที่ช่วยเหลือเขามาตลอด ซึ่งก็คือคุณพ่อนั่นเอง งานของเขามีมากมาย ทั้งการวาดโปสเตอร์หนัง ทำแพ็คเกจของเล่น อีกทั้งยังมีงานโฆษณาอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดก็ต้องการต้นแบบในการวาด ซึ่งต้นแบบเหล่านั้นก็มีจากหลากหลายที่ แต่จะมีอะไรเทียบเท่าการได้ต้นแบบจริงๆจากคุณพ่อของเขาที่มาเป็นนายแบบให้ เขาได้ทำการจัดแสงพร้อมกับเสื้อผ้าและมุมกล้อง เพื่อทำการนำไปเป็นแบบให้กับภาพวาดของเขา ซึ่งคุณพ่อก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีมาก คุณพ่อแอคติ้งได้ใจสุดๆ เราไปดูกันเลยว่าภาพของคุณพ่อกับสิ่งที่ออกมาจะเป๊ะได้ขนาดไหน     คุณพ่อช่างน่ารักจริงๆ ถือเป็นธุรกิจในครอบครัวได้เลยนะเนี่ย อิอิ ที่มา boredpanda

ถ้าหากให้พูดถึงแอพพลิเคชั่นของดีสนีย์ที่เจ็นออกมาให้เราได้สัมผัสกันส่วนมากแล้วจะเป็นเกม แต่มาในคราวนี้ไม่ใช่เกม เป็นแอพลิเคชั่นสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่จะสามารถกำหนดชะตาชีวิตของลูกๆ เอาไว้ได้เลยล่ะ (ขนาดนั้นเลยเรอะ)     โดยเจ้าแอพฯ ใหม่นี้มีชื่อว่า Circle with Disney เป็นแอพพลิเคชั่นที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถควบคุมการเข้าถึงของลูกๆ บนอุปกรณ์ได้ไม่ว่าจะเป็น การกำหนดเวลาเล่นอินเทอร์เน็ต และการเข้าถึงส่วนการใช้งานแอพฯ อื่นๆ เป็นต้น     อีกทั้งความสามารถของมันยังแสดงให้รู้ด้วยว่าตอนนี้เด็กๆ กำลังดูหรืออ่านอะไรอยู่ เว็บไซต์อะไร เวลาไหน คือแบบว่ารายงานแทบจะหมดสิ้นความลับกันเลยล่ะ ฮ่าฮ่า     ทั้งนี้ยังมีอุปกรณ์ที่แยกขายอีกต่างหากในราคา 99 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,559 บาท) ส่วนตัวแอพพลิเคชั่นสามารถดาวน์โหลดได้ผ่าน App Store เอ แต่เหมียวว่างานนี้คืนอำนาจให้แม่บ้านเบ็ดเสร็จ คุมทั้งลูก ทั้งพ่อบ้านแหงๆ เลย     ที่มา : thenextweb

แม้ว่าปัจจุบันนี้คนเรามักจะมองแต่ผลประโยชน์ส่วนตน แต่ถ้าให้พูดถึงในเรื่องของเครือญาติกันถึงแม้จะเป็นญาติห่างๆ เมื่อตกที่นั่งลำบาก ก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธการช่วยเหลือได้ อย่างเช่นเรื่องราวอันน่าประทับใจของพ่อหนุ่มนักศึกษาชาวออสเตรเลียผู้นี้     พ่อหนุ่มนักศึกษาวัย 23 ปี Tommy Connolly จากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งในขณะที่เขากำลังศึกษาอยู่ที่ University of the Sunshine Coast นั้นได้ข่าวคราวเกี่ยวกับญาติห่างๆ ของเขา ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ไม่เจอหน้ากันมานานกว่า 10 ปีแล้ว     โดยที่เธอนั้นได้กลายมาเป็นคนไร้บ้าน นอนข้างถนน ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีรองเท้าใส่ ไม่ได้เรียนหนังสือ แถมยังอุ้มท้องมานานถึง 8 เดือนแล้วด้วย เธอหมดหนทางแล้ว ไม่รู้จะพึ่งพาใครได้ สืบทราบมาว่าสามีของเธอนั้นติดคุก พ่อแม่ของเธอก็ไม่สนใจใยดีอีกด้วย Tommy จึงตัดสินใจช่วยเหลือลูกพี่ลูกน้องโดยมาอยู่ภายใต้การดูแลของเขา ซึ่งเป็นห่วงว่าจะเกิดอันตรายกับตัวเธอเองและลูกในท้องถ้าหากปล่อยให้มีชีวิตแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แท้งลูกเนื่องจากหมดหวังในชีวิต     เมื่อมีอีกสองชีวิตเข้ามาอยู่ในความรับผิดชอบของเขา ก็จะต้องเตรียมพร้อมกับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าบ้าน ค่าทำคลอด ค่าเลี้ยงดูเด็กที่กำลังจะคลอดออกมา เขาจึงหางานพิเศษทำไม่ว่าจะเป็นขายผักและผลไม้ รวมไปถึงการเป็นเทรนเนอร์ฝึกซ้อมกีฬาต่างๆ     และแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทั้งคุณแม่และลูกมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ อีกทั้งสุขภาพจิตก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ…

คุณพ่อจากเซี่ยงไฮ้ได้ตัดสินใจขายทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นบ้านและธุรกิจ แล้วซื้อรถบ้านเพื่อพาลูกสาววัย 2 ขวบเดินทางเที่ยวรอบโลก     สำนักข่าว NetEase รายงานว่า คุณพ่อ Zhu Chunxie ได้อาศัยอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้กว่า 10 แล้ว หลังจากอพยพมาจากเกาหลี  ระหว่างนั้นเขาทำธุรกิจและอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ในใจกลางเมือง     และเมื่อประมาณหนึ่งปีครึ่งที่แล้วแล้ว เขาเริ่มมีความคิดที่จะขายบ้านและบริษัท เพื่อพาลูกสาวเดินทางเที่ยวรอบโลก และหลังจากที่พวกเขาใช้เวลาเตรียมตัวกว่า 3 เดือน พวกเขาก็พร้อมออกเดินทางแล้ว เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และเขาบอกว่า เขาจะใช้เวลาท่องเที่ยวประมาณ 5 ปี     หลายคนอาจมองว่าเขาบ้า แต่สำหรับเขา เขาคิดว่าผู้คนในปัจจุบัน ยุ่งเกินกว่าที่จะมีเวลาให้กับลูกๆ และนั่นทำให้เด็กๆไม่มีแบบอย่างที่ดี     “ในสายตาเด็กๆแล้ว การมีพ่อแม่อยู่ด้วยตลอดเวลาถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก” นาย Zhu กล่าว และแม้เขาจะยอมรับว่าการอาศัยอยู่บนรถบ้านนั้นไม่ได้สะดวกสบายอย่างกับอยู่บ้านจริงๆ แต่หากคิดถึงประสบการณ์และสิ่งที่เด็กๆจะได้รับแล้ว เขาคิดว่ามันคุ้มค่าอย่างแน่นอน     สุดยอดคุณพ่อจริงๆ เพื่อสิ่งดีๆสำหรับลูกแล้ว ก็พร้อมจะทำทุกอย่างจริงๆ ว่าแต่..ถ้าครบห้าปีแล้ว กลับมาจะเอาอะไรกินละครับเนี่ย 5555 ที่มา…

หลายคนคงจะเคยมีคุณพ่อคุณแม่ขับรถไปส่งโรงเรียนสมัยเด็กๆใช่ไหมล่ะ แต่เชื่อเถอะว่าคงไม่มีพ่อแม่คนไหนทำแบบนี้แน่ๆ เพราะคุณพ่อชาวอังกฤษรายนี้ เค้าไปส่งลูกๆที่โรงเรียนด้วยรถถังล่ะ!!   ตามรายงานบอกว่าคุณพ่อรายนี้มีชื่อว่านาย Nick Mead เขาเป็นชายผู้หลงไหลในรถถังมาก มากขนาดที่ว่าสะสมรถถังมาแล้วไม่รู้กี่คัน รวมมูลค่ากว่า 2,000,000 ปอนด์ หรือประมาณ 102 ล้านบาท   ซึ่งไม่ได้มีเพียงรถถังเก่าๆเท่านั้น เพราะเขาได้นำเอารถถังมาปรับแต่งให้มีความเร็วมากขึ้น จนสามารถใช้มันไปส่งลูกๆที่โรงเรียนได้เลย แน่นอนว่าคุณครูและผู้ปกครองคนอื่นๆเห็นเข้าก็เป็นต้องตกใจเป็นธรรมดา             คลิกชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย   โอ้โห เฟี๊ยวฟ๊าวมาก นี่ถ้าได้ขี่ไปเรียนบ้างคงจะแตกตื่นกันทั้งจังหวัดแหงๆ ที่มา dailymail

การสูญเสียลูกไปตั้งแต่ยังเป็นทารกแรกเกิด หลายคนคงจะนึกภาพไม่ออกว่า มันจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายขนาดไหน และคงจะไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกนั้นแน่นอน หากมันไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวพวกเขาเอง   Sarah สูญเสียลูกในท้องไปหลังจากตั้งครรภ์มาได้ 20 สัปดาห์   Sarah ได้ใช้เวลาร่วมกับ Lilly Marie ลูกสาวผู้โชคร้ายของเธอเพียง 56 ชั่วโมงเท่านั้น   หลังจาก Lilly Marie จากโลกนี้ไป  Sarah จึงนำเถ้ากระดูกของ Lilly มาสักบนร่างกายเธอ   Sarah บอกว่า “รอยสักนี่ ก็เหมือนกับการที่ฉันได้พาลูกของฉันไปด้วยทุกที่ นั่นคือสิ่งที่ฉันทำได้ตอนนี้น่ะ”   เธอสักเอาไว้บริเวณซี่โครงและใต้แขน เพื่อให้ใกล้กับหัวใจของเธอ และเธอจะได้สามารถปกป้องลูกสาวเธอได้   รอยสักนี้แสดงถึงสายสัมพันธ์ที่ไม่มีวันลบเลือนไประหว่างเธอกับลูกสาวผู้โชคร้าย   น่าสะเทือนใจจริงๆเลยเนอะ ความสูญเสียนี้ มันคงเกินที่เธอจะรับไหวจริงๆ ขอให้เธอเข็มแข็งและมีชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขนะฮะ เหมียวเป็นกำลังใจให้ ที่มา wittyfeed

ทุกครอบครัวย่อมมีวีธีที่จะจัดเก็บความทรงจำต่างๆไว้ ซึ่งส่วนมากก็จะใช้รูปภาพและวิดีโอ มันเพราะสามารถนำกลับมาดูใหม่ได้และได้ทั้งภาพและเสียง เหมือนอย่างครอบครัวนี้ที่ได้ทำการอัดคลิปของลูกๆทั้ง 2 คนในช่วงเวลาคืนวันคริสต์มาส ซึ่งลูกทั้งสองกำลังเดินลงบันไดลงมา และได้ทำแบบนี้มาตลอด 25 ปี เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งตัวลูกที่เติบโตขึ้น รวมทั้งสุนัขที่เลี้ยงไว้ก็โตขึ้น จนกระทั่งมันได้จากไป เริ่มตั้งแต่ปี 1985   ปี 1993 เด็กๆก็ดูโตขึ้นและรักสนุกมากขึ้น   ในปี 1998 ทั้งคู่ก็ได้กลายเป็นวัยรุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   ปี 2009 ทั้งคู่เริ่มก้าวสู่วัยผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว   เราไปดูคลิปทั้งหมดกันเลยดีกว่า ที่มา Nick Confalone

ความรุนแรงภายในครอบครัวถือว่าเป็นสิ่งร้ายแรงเป็นอย่างมาก แม้จะมีการรณรงค์ไม่ให้มีการทำร้ายกันในครอบครัว แต่ก็ยังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ และครั้งนี้เป็นคลิปจากคู่สามีภรรยาชาวจีน คลิปที่เราจะได้เห็นต่อไปนี้ เป็นคลิปที่มาจากกล้องวงจรปิดของบ้าน มีชายหนุ่มคนหนึ่ง กำลังลงมือทำร้ายร่างกายภรรยาของตนเองอย่างเมามันต่อหน้าลูกๆทั้งสอง จนลูกๆต้องเข้ามาห้าม แต่ก็ไม่เป็นผล จนเพื่อนบ้านต้องเข้ามาระงับเหตุการณ์   ไปชมเหตุกาณ์กันเลย   ผู้หญิงที่กำลังจะแต่งงานควรดูไว้นะคร้าฟฟแรกๆน้ำต้มผักก็ยังว่าหวานแต่พอนานๆไปก็อาจเป็นแบบนี้!!! Posted by แปด กันยา on 5 สิงหาคม 2014 เหมียวเห็นแล้วสะเทือนใจจริงๆ ไม่อยากนึกเลยว่าสภาพจิตใจของลูกๆตอนนั้นจะเป็นอย่างไร เหตุการณ์นี้จะต้องส่งผลต่อชีวิตของเด็กทั้งสองไม่มากก็น้อยแน่นอน ใครที่มีสามีหรือภรรยาก็ขอให้ใจเย็นๆ อย่าทำอะไรแบบนี้เลย คิดซะว่าเพื่อลูกๆของตนเองนะ T^T ที่มา แปด กันยา

เรื่องราวของ Diana Kim หญิงสาวชาวเกาหลีใต้ โตมากับครอบครัวที่มีคุณพ่อเป็นช่างภาพบนเกาะ Maui ส่วนหนึ่งของเกาะ Hawaii แต่แล้วพ่อกับแม่ของเธอได้แยกทางกัน ทำให้เธอต้องไปอาศัยกับญาติแทน จนกระทั่งวันหนึ่งคุณพ่อของเธอได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย     ต่อมาในปีค.ศ. 2003 เธอก็ได้เริ่มทำการศึกษาเกี่ยวกับคนไร้บ้านผ่านการถ่ายรูปที่เป็นงานอดิเรกของเธอ จนถึงปีค.ศ.  2012 เธอกลับมาย้อนดูภาพถ่ายทั้งหมด ก็พบกับความจริงที่ว่าพ่อของเธอก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย!!   .   เธอกล่าวไว้ว่า “ฉันใช้เวลาหลายสัปดาห์เพื่อที่จะตามหาคุณพ่อ สภาพของคุณพ่อดูทรุดโทรมมากๆ และดูเหมือนว่าจะมีอาการทางจิตด้วย ไม่ยอมพูดโต้ตอบใดๆ ทั้งสิ้น”   . . . จนในที่สุดเธอก็ได้พบกับคุณพ่อของเธอ พยายามเกลี้ยมกล่อมเพื่อที่จะพาไปรักษาตัว แต่ก็โดนคุณพ่อขัดขืนตลอด และแล้วเธอก็สามารถพาคุณพ่อมารักษาตัวในโรงพยาบาลได้ในปีค.ศ. 2014     หลังจากที่เวลาผ่านไป 1 ปี คุณพ่อก็เริ่มมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ และกำลังจะวางแผนเพื่อกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่บ้านเกิด ณ ประเทศเกาหลีใต้อีกด้วย   . . . .   ความรู้สึกของคุณพ่อและลูกสาว ณ ตอนนี้ก็คงจะมีความสุขที่สุดในโลกแล้วล่ะ…