นี่เห็นอยู่นี้คือหน้าเว็บ CatDumb เวอร์ชันเก่า

เรื่องราวของชายหนุ่ม ที่แม้จะป่วยเป็น ‘โรคเนื้องอกในสมอง’ แต่นั่นก็ไม่ทำให้เขาหยุดเล่นกล้ามได้เลยแม้แต่น้อย!! Ollie Jowett หนุ่มผู้ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมอง แต่เขาไม่ยอมแพ้กับโชคชะตาที่ต้องเผชิญ ยังคงเดินหน้าออกกำลังกายต่อไปจนมีกล้ามขึ้นเป็นมัดๆ!! Ollie หนุ่มเทรนเนอร์จากเมือง Cornwall ประเทศอังกฤษ ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเนื้องอกในสมองเมื่อปี 2017 ในช่วงเวลาที่ย่ำแย่แบบนี้เขาผุดความคิดขึ้นมาในหัวว่า “แล้วเราจะโทษอะไรได้ล่ะ?”     จากคำพูดดังกล่าว กลายเป็นแรงผลักดันให้เขาออกกำลังกายหนักขึ้น จนมีกล้ามขึ้นเป็นมัดๆ และเป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตจำนงที่ไม่ยอมแพ้!!     “ตอนแรกผมรู้สึกเสียใจมาก หัวใจของผมแหลกสลาย ผมคิดว่า “แล้วผมจะต้องทำอย่างไรต่อไป?” เพราะผมไม่เคยเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อน ที่จะต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้” “แพทย์ไม่ได้ให้ทางเลือกอะไรกับผมมากนัก การป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมองในวัยแค่นี้ การผ่าตัดถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากๆ ฉะนั้นผมเหลือทางเลือกเดียวคือต่อสู้กับมันด้วยตัวของผมเอง”   https://www.instagram.com/p/BgwUMc1Ah70/?utm_source=ig_embed   ก็เลยเกิดเป็นโปรเจกต์ที่มีชื่อว่า Project Beat Cancer ขึ้นมา โดยที่นาย Ollie จะทำการบันทึกการออกกำลังกายของตัวเองเอาไว้ทุกวัน เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยที่ต้องเผชิญกับโรคมะเร็งร้ายคนอื่นๆ   https://www.instagram.com/p/BrU6oVLh5dS/?utm_source=ig_embed   “กำลังใจเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่สำหรับผมแล้วเรื่องของสุขภาพ ของตัวผมเองถือเป็นกำลังใจที่ดีมากเลยล่ะ เพราะผมต้องการที่จะเอาชนะมัน” “กล้ามหรือซิกแพ็ก…

เรื่องของการ ‘สักลาย’ เป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคลที่ยินยอมให้ช่างสักใช้เข็มมาสร้างศิลปะบนเนื้อตัว บางคนมีรอยสักน้อยๆ ดูน่ารัก บางคนมีเยอะจนดูน่าเกรงขาม แต่ว่าในวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับคุณพ่อคนหนึ่งที่ทุ่มเงินกว่า 90,000 ดอลลาร์ (ราวๆ 2.8 ล้านบาท) เปลี่ยนร่างกายของตัวเองให้ปืนพื้นที่สำหรับศิลปะแขนงนี้ และ 99% ของร่างกายเขาล้วนมีรอยสักทั้งสิ้น!!     Brett Cross คุณพ่อวัย 42 ปีจากรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย คือคนดังกล่าว ในตอนนี้ร่างกายของเขากลายเป็นที่สะดุดตาแก่ผู้พบเห็นอย่างมาก เพราะด้วยความเด่นที่ไม่มีใครเหมือนนั่งเอ เขากล่าวว่ารอยสักรอยแรกในชีวิตคือคำว่า Dorothy นั่นคือชื่อภรรยาและแม่ของลูกเขานั่นเอง และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามันก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ     “ตอนที่ผมอายุได้ซัก 25 ก็เมื่อเกือบๆ 20 ปีก่อนนั่นแหละ ผมอยากจะมีชื่อของภรรยาเล็กๆ ไว้บนแผ่นหลังสักหน่อย ตอนนั้นผมคิดว่าแค่ ‘รอยสักเดียว’ เท่านั้นแหละ แต่เมื่อมีหนึ่ง มันก็มีอีกหนึ่งแล้วก็อีกหนึ่งไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นความเสพติด” “ช่างสักบอกกับผมว่าคุณต้องสักให้ใหญ่ไปเลยหรือไม่ก็กลับบ้านไปซะ เพราะการมีรอยสักแค่นิดๆ หน่อยๆ มันจะทำให้คุณดูเหมือนไอ้บื้อ ผมเลยจัดไปเลยอย่างเต็มข้อ” Brett กล่าว     สำหรับพื้นที่ที่เหลือรอดจากการสักลายเพียง 1% ของร่างกายก็คือ…

บางครั้งการทำอะไรให้คนที่เรารัก แม้ว่าจะเหนื่อยจะล้าขนาดไหนแต่มันก็อาจเป็นความเต็มใจกับการได้ทำสิ่งสิ่งนั้น แล้วถ้ายิ่งเป็นเรื่องที่ทำให้พวกเขามีความสุขแล้วล่ะก็ บางคนถึงกับทุ่มสุดตัวสุดหัวใจเลยทีเดียว ในวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปดูโมเมนต์ประทับใจของยูทูบเบอร์คนหนึ่งที่ตั้งใจทำ ‘แฮมเบอร์เกอร์’ ให้คุณตาคุณยายกินเป็นครั้งแรกของพวกเขา หลังจากที่พวกเขาเคยเห็นเจ้าสิ่งสิ่งนี้อยู่เพียงแค่ในจอทีวีเพียงเท่านั้น!!     เรื่องนี้ได้รับการบอกเล่าจากยูทูบเบอร์ชื่อว่า Dianxi Xiaoge ซึ่งเธอเป็นยูทูบเบอร์ที่เปิดช่องเกี่ยวกับการทำอาหารท้องถิ่นของประเทศจีน ในวิดีโอหนึ่งเธอเคยเล่าให้ฟังว่าทางบ้านของเธอตั้งอยู่ที่บริเวณทางตอนใต้ของประเทศจีน และจัดได้ว่าค่อนข้างจะอยู่ห่างจากตลาดในเมืองเอามากๆ เธอจึงอยากจะพาครอบครัวไปกินอาหารในเมืองสักครั้งหนึ่ง     “เมื่อได้ทำงานที่ต้องไกลจากบ้าน ฉันมักคิดเสมอว่าหลังจากเก็บเงินได้จะพาพวกเขาไปกินอะไรที่พวกเขาไม่เคยกินมาก่อนสักครั้งในชีวิต” เธอกล่าว โดยจากคำบอกเล่าของ Dianxi ที่ตลาดแถวๆ บ้านของเธอนั้นจะมีขายเพียงแต่อาหารท้องถิ่นเพียงเท่านั้น นั่นจึงหมายความว่าอาหารสำหรับชาวเมืองใหญ่อย่าง ‘แฮมเบอร์เกอร์’ จึงเป็นอะไรที่หากินได้ยากยิ่ง และด้วยเหตุผลนี้เธอจึงเลือกนำเมนูนี้มาเป็นมื้อสุดพิเศษให้กับตา – ยายได้ลองชิม “ฉันกำลังจะทำเบอร์เกอร์เนื้อให้ตายายผู้ไม่เคยกินมาก่อนของฉันได้ทาน พวกเขาเคยเห็นมันแต่เพียงในหน้าจอทีวีเท่านั้น” Dianxi กล่าว     และแล้วกระบวนการทำเบอร์เกอร์ของเธอก็เริ่มขึ้นซึ่งก็ได้ถ่ายวิดีโอเก็บเอาไว้ด้วย โดยเราจะเห็นเป็นขั้นเป็นตอนได้ดังนี้   หลังจากไปเก็บมะเขือเทศมาจากหลังสวน ก็เอาไปปอกเปลือก เอาไปต้มด้วยการเติมน้ำมะนาวนิดหน่อย ก็จะกลายเป็นซอสมะเขือเทศ .   ทำแป้งเบอร์เกอร์ด้วยการใช้ไข่ไก่ แป้ง ยีส น้ำตาล เกลือและน้ำมันหมูนิดหน่อยจากนั้นก็เอาไปพักไว้ 40 นาที   ขั้นตอนต่อมาก็คือการเอาเนื้อไปสับจนละเอียด…

หากใครที่เคยดูหนังฝรั่งหรือเคยเดินทางไปประเทศสหรัฐฯ ก็คงจะเคยเห็นภาพของภูเขาที่แกะสลักเป็นรูปของประธานาธิบดีในอดีตอย่างนายจอร์จ วอชิงตัน, โทมัส เจฟเฟอร์สัน หรือแม้แต่อับราฮัม ลินคอล์น ภูเขาแห่งนั้นมีชื่อว่า ‘ภูเขารัชมอร์’ ซึ่งเชื่อหรือไม่ว่า ในตอนนี้มีคนอยากที่จะสร้างภูเขาแกะสลักเป็นของตัวเองให้เหมือนกับภูเขารัชมอร์ เพราะเขากำลังกว้านตามหาซื้อภูเขาเพื่อที่จะมาแกะสลักอยู่!!   ภูเขารัชมอร์   เรื่องนี้ได้ถูกเผยออกมาโดยเว็บไซต์ HushHush.com เว็บไซต์ขายสินค้าระดับ Hi-End ที่เล่าว่าในตอนนี้มีมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งคนหนึ่งได้ยื่นเรื่องตามหาสิ่งที่เขาต้องการกับทางเว็บไซต์ และมันไม่ใช่สิ่งปกติที่หาได้ง่ายๆ เลย เพราะเขาคนนั้นกำลังจะหาซื้อภูเขาหรือหน้าผาในแถบสหราชอาณาจักร เพื่อที่จะนำมาแกะสลักให้เหมือนกับภูเขารัชมอร์ ซึ่งมันจะต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะแกะสลักรูปเขา ลูกๆ อีกสามคนและหมาประจำบ้านได้ด้วย สำหรับภูเขาที่มหาเศรษฐีกำลังตามหานั้น เขายอมจ่ายเป็นเงินสูงสุดถึง 12 ล้านปอนด์ (ราวๆ 488 ล้านบาท) ซึ่งนี่ไม่รวมค่าแกะสลักที่เขาจะจ่ายแยกอีกเป็นต่างหาก   ข้อความที่มหาเศรษฐีเขียนเข้ามาให้เว็บไซต์ช่วยตามหา   แน่นอนว่าบนเว็บไซต์แห่งนี้ไม่มีภูเขาวางขายอยู่แน่ๆ แต่ว่าเศรษฐีผู้เป็นลูกค้าระดับติดดาวของเว็บไซต์ได้ร้องขอกับทางเว็บว่าให้ช่วยกระจายข่าวแก่สาธารณะตามหาให้หน่อย เพราะเขาหวังว่าที่นี่จะช่วยให้เขาหาสถานที่ที่เหมาะสมกับความต้องการได้ ทางด้าน Aaron Harpin CEO และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ก็บอกว่าปกติมหาเศรษฐีคนนี้มักจะยื่นเรื่องตามหาสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาไม่สามารถหาสินค้าได้ดั่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ     “ลูกค้าคนนี้เป็นคนหนึ่งที่อยู่กับเรามาตั้งแต่ตอนเริ่มต้นและมักจะส่งข้อความมาตามหาไอเทมแปลกๆ ต่างๆ ที่พวกเราไม่มีขายอยู่บนเว็บไซต์ ทั้งหมดที่ผ่านมาพวกเราสามารถตามหาให้กับเขาได้ แต่ครั้งนี้เราต้องขอความช่วยเหลือจริงๆ” Harpin กล่าว ถ้าหากว่าใครแถวๆ นี้ที่มีภูเขาเป็นของตัวเองอยู่ในสหราชอาณาจักรและอยากจะขายต่อล่ะก็ สามารถไปกรอกรายละเอียดได้ที่ hushhush เลยนะฮ่าๆ  …

หลังจากที่เป็นข่าวไปทั่วโลกออนไลน์ ในกรณีของนักวิ่งในเส้นทางธรรมชาติ West Ridge บนภูเขาที่มีชื่อว่า Horsetooth ในส่วนของอุทยานรัฐโคโรลาโด และถูกจู่โจมโดยสิงโตภูเขา ข่าวเก่า: สรุปประเด็น “นักวิ่ง” ปลิดชีพ “สิงโตภูเขา” ด้วยมือเปล่า หลังออกไปวิ่งแล้วโดนจู่โจม     นักวิ่งเทรลชาวโคโรลาโดรายดังกล่าว รอดชีวิตจากการถูกสิงโตภูเขาจู่โจมด้วยการใช้ก้อนหินฟาดมัน และใช้กำลังทั้งหมดเพื่อบีบคอให้มันหมดลมหายใจ ซึ่งรายละเอียดดังกล่าวถูกเปิดเผยจากทางหน่วยงานอุทยานของรัฐโคโรลาโด โดยหลังจากที่ข่าวถูกปล่อยออกไปแล้ว ก็กลายเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจไปทั่วโลก ในขณะที่นักวิ่งรายนี้ไปประสงค์เปิดเผยนาม เพิ่งออกจากโรงพยาบาลหลังพักฟื้นเมื่อเช้าวันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ 2019 ตามเวลาท้องถิ่น   ยืนยันแล้วว่า นักวิ่งทำให้สิงโตภูเขาหายใจไม่ออก เพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง After additional investigation, including examination of the lion, we have confirmed the victim's account that he was able to suffocate the animal while defending himself…

แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นความสัมพันธ์แบบ ‘แม่กับลูก’ แต่ว่าบางครั้งแล้วผู้เป็นแม่ก็อาจจะมีปัญหาบางอย่างที่ทำให้เกิดอันตรายกับตัวลูกได้ เหมือนกับในกรณีแปลกๆ ต่อไปนี้ ที่คุณแม่ดูดเลือดของลูกออกจากร่างติดต่อกันเป็นเวลาถึง 5 ปี!!     ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (7 ก.พ.) ศาลแห่งเมือง Herning ประเทศเดนมาร์กได้สั่งจำคุกคุณแม่ (ไม่ประสงค์ออกนาม) วัย 36 ปีคนหนึ่งเป็นระยะเวลา 4 ปี จากความผิดที่เธอกระทำกับลูกชาย นั่นคือการใช้เข็มฉีดยาดูดเลือดของเด็กคนนี้ออกมาสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง และทำมาตั้งแต่เด็กมีอายุ 1 ขวบจนถึง 6 ขวบ ซึ่งในแต่ละครั้งเลือดที่ถูกดูดออกมาจะมีปริมาณมากกว่า 1 ไพนต์ (ประมาณ 568 มิลลิลิตร) เสมอ โดยคุณแม่ผู้เป็นพยาบาลวิชาชีพคนนี้ มักจะอ้างกับคุณหมอว่าที่ลูกชายของเธอ (ปัจจุบันอายุ 7 ขวบ) มีจำนวนเลือดในร่างกายน้อยเนื่องมาจากว่าเขาเป็นโรคไขกระดูกที่หายาก แต่ทางแพทย์ก็เริ่มมีความสงสัยขึ้นเรื่อยๆ ว่าอาจมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นจากความเห็นพิรุธ จึงแจ้งเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่สุด     ในเวลาต่อมารายงานทางจิตเวชของทางชั้นศาลได้ระบุเอาไว้ว่า เธอมีภาวะทางจิตที่เรียกว่า Munchausen Syndrome by Proxy  ซึ่งหมายถึงภาวะที่ผู้ดูแลเด็ก (ส่วนมากเป็นแม่) จะทำร้ายเด็กเพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่น…

ว่าด้วยเรื่องของอาหาร สิ่งที่ต้องมาควบคู่ด้วยคือเรื่องของ ‘ความสะอาด’ เพราะถึงแม้ว่ารสชาติจะอร่อยรสเลิศเพียงใดแต่มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ถ้าหากว่าอาหารมันสกปรกหรือปนเปื้อนซึ่งอาจทำให้สุขภาพของคนกินแย่ลง แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังเห็นข่าวของร้านอาหารบางเจ้าที่ไม่ได้มาตรฐานอยู่บ่อยๆ และไม่ใช่เฉพาะแต่เมืองไทยเพราะในประเทศอื่นๆ ก็มีเช่นเดียวกันเฉกเช่นกรณีที่เรานำมาให้ดูต่อไปนี้…     เมื่อไม่นานมานี้โซเชียลเน็ตเวิร์คของญี่ปุ่นแทบจะลุกเป็นไฟ หลังจากที่คลิปวิดีโอพนักงานของร้านซูชิชื่อ Kura Sushi ทำเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นจริงๆ ในร้านอาหารแฟรนไชส์ร้านใหญ่กว่า 400 สาขาทั่วประเทศ เพราะสิ่งที่เขาทำคือโยนเนื้อปลาดิบลงไปในถังขยะแล้วนำกลับมาขึ้นเขียงอีกรอบ!!   วิดีโอเหตุการณ์ที่ว่านี้    โดยคลิปเป็นภาพของพนักงานชายคนหนึ่งที่ยืนแล่ปลาอยู่ จากนั้นเขาก็พูดว่า ‘ฉันจะโยนมันไปแล้วนะ’ จากนั้นก็โยนเนื้อปลาลงไปในถังขยะที่อยู่ข้างหลังเขาด้วยความสนุกหรรษาก่อนที่จะนำปลาชิ้นนั้นกลับมาขึ้นเขียงอีกรอบหนึ่งพร้อมกับเสียงหัวเราะของคนที่ถ่ายคลิป     ในเวลาต่อมาคลิปนี้ได้กลายเป็นไวรัลในทวิตเตอร์ของประเทศญี่ปุ่น จนในที่สุดแล้วทางร้าน Kura Sushi ต้องออกแถลงการณ์ขอโทษถึงเรื่องดังกล่าว ซึ่งมีใจความว่า     “ด้วยวิดีโอที่ได้โพสต์ลงในอินเทอร์เน็ตทำให้เราได้ทราบว่านั่นคือพนักงานพาร์ทไทม์ของร้านเราในสาขาเมืองโมริงูจิ ซึ่งได้แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง” “เราต้องขออภัยอย่างสุดหัวใจสำหรับสิ่งที่น่ารังเกียจนี้ ที่อาจทำให้ลูกค้าของเราเกิดความไม่สบายใจ อย่างไรก็ตามปัญหาเช่นนี้อาจเกิดขึ้นกับร้านอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน” “ทางบริษัทของเราได้ดูแลเรื่องเช่นนี้อย่างสม่ำเสมอ แต่ความพยายามของพวกเราอาจจะไม่เพียงพอจนทำให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น นั่นคือสิ่งที่เราต้องขออภัยจริงๆ” แถลงการณ์ของร้านกล่าว     อย่างไรก็ตามทางร้านยืนยันว่าเนื้อปลาชิ้นนั้นไม่ได้มีการเสิร์ฟให้แก่ลูกค้าแต่อย่างใด และบอกด้วยว่ามีมาตรการที่จะจัดการกับพนักงานของพวกเขาเองด้วย “หลังจากสอบถามรายละเอียดเรื่องที่เกิดขึ้น ทางเราขอยืนยันว่าเนื้อปลาชิ้นนั้นไม่ได้ถูกเสิร์ฟให้กับลูกค้า เราใส่ใจกับปัญหานี้อย่างจริงจังมากและกำลังพิจารณาจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับพนักงานด้วย อย่างไรก็ตามพวกเราจะมีการอบรมพนักงานให้มากขึ้นและเรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก” แถลงการณ์เขียนเพิ่มเติม     แต่จะอย่างไรก็ตามชาวเน็ตได้พากันคอมเมนต์กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง…

ผลกระทบที่เกิดจากภาวะโรคร้อนในปัจจุบัน ได้ทวีความรุนแรงหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ในหลายๆ ประเทศทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวมากขึ้น เช่นเดียวกันกับบริษัท BioFase จากประเทศเม็กซิโก ที่ปิ๊งไอเดียสุดเจ๋ง สร้างอุปกรณ์ครัวอย่างเช่น ช้อน ส้อม มีด และหลอด แบบย่อยสลายได้ ขึ้นมาจาก ‘เมล็ดของอโวคาโด’!?     โดยบริษัท BioFase ผู้ผลิตสินค้าที่มิตรต่อธรรมชาติ ได้เล็งเห็นว่าประเทศเม็กซิโกเป็นผู้ส่งออกอโวคาโดกว่าร้อยละ 50 จากการส่งออกทั่วโลก เขาจึงนำเมล็ดอโวคาโดจากบริษัทผู้ผลิต กัวคาโมเล (Guacamole) และบริษัทผู้ผลิตน้ำมันจากอโวคาโดในประเทศ มาทำเป็นอุปกรณ์ครัวที่ง่ายต่อการย่อยสลาย     ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้จากเมล็ดอโวคาโดดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 แบบ แบบแรกคือ Biodegradable ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเหมือนพืชผักผลไม้ ส่วนแบบที่สองคือ Compostable ที่ย่อยสลายแล้วกลายเป็นปุ๋ย สร้างประโยชน์ให้กับสิ่งแวดล้อม     นอกจากนั้นความพิเศษของผลิตภัณฑ์นี้ก็คือ ถ้าหากเก็บไว้ในสภาพแห้ง ไม่โดนน้ำเลย จะอยู่ได้นานถึง 240 วัน แถมยังมีราคาถู๊กถูก และเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยลดโลกร้อน เพราะโดยปกติแล้วบรรดาเมล็ดของอโวคาโดเหล่านี้ จะถูกนำไปเผาทิ้งเมื่อไม่ได้ใช้งานแล้ว   ลองไปชมคลิปวิดีโอแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…  …

ใกล้เข้ามาแล้วกับเทศกาลแห่งความรักที่หลายคู่ตั้งหน้าตั้งตารอ ในโอกาสดีๆ แบบนี้ เราจะเห็นว่าตามห้างร้าน สถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ต่างประดับประดาไปด้วยสีสันและสัญลักษณ์แห่งความรัก   ซึ่งหากใครกำลังมองหากิจกรรมใหม่ๆ ทำในช่วงนี้ เราขอเสนอ…   ออนเซ็นช็อกโกแลต!?   ที่ Yunessun สปารีสอร์ตในประเทศญี่ปุ่น ได้จัดกิจกรรมรับวันวาเลนไทน์ โดยเปิดให้แช่บ่อน้ำร้อนออนเซ็นที่เต็มไปด้วยช็อกโกแลตในราคาท่านละ 2900 เยน (ประมาณ 830 บาท) กิจกรรมนี้เป็นเพียงกิจกรรมที่จัดขึ้นชั่วคราว ที่เปิดให้บริการเพียงสองรอบต่อวัน ตอน 13.00 น. และ 15.00 น. เท่านั้น โดยทางรีสอร์ตจะเทช็อกโกแลตปริมาณ 1 ลิตรลงในบ่อเพื่อให้กลิ่นหอมหวานติดผิวผู้ที่ลงไปแช่     นอกจากนั้นช็อกโกแลตยังมีส่วนช่วยในการทำความสะอาดสิ่งสกปรกอย่างล้ำลึก ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง รวมถึงทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น โดยปกติแล้ว การแช่ออนเซ็นในประเทศญี่ปุ่นจะต้องเปลื้องผ้า และมีบ่อสำหรับเพศหญิงและชายแบ่งแยกชัดเจน แต่กิจกรรมในครั้งนี้จะไม่มีการแยกเพศตอนใช้บริการบ่อออนเซ็น และทุกคนจะต้องสวมชุดว่ายน้ำตามกฎอย่างเคร่งครัด     นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สปารีสอร์ตแห่งนี้จัดกิจกรรมในวันพิเศษ ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยจัดกิจกรรมในวันแพนเค้ก โดยการเปิดให้แช่เมเปิ้ลไซรัปมาแล้ว!   ต้องยอมรับเลยว่า ไอเดียในการดึงดูดคนให้มาใช้บริการของรีสอร์ตแห่งนี้มันน่าสนใจจริงๆ!! ทำเอาซะเราอยากลองไปแช่ด้วยเลย  …

ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีสามารถตอบสนองความต้องการของคนเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริการต่างๆ ก็เพิ่มช่องทางในการเข้าถึงลูกค้า เพิ่มความสะดวกสบายให้กับเหล่าลูกค้าได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับบริการสั่งอาหาร ที่ดูเหมือนว่าจะง่ายแสนง่ายเพียงปลายนิ้วกดคำสั่งบนหน้าจอ จากนั้นก็รอรับอาหารที่จะไปบริการท่านถึงที่ในเวลาอันรวดเร็ว     เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นเรื่องของ Ah Kai หนุ่มสิงคโปร์ผู้ให้บริการส่งอาหารของ ‘แกร็บฟู้ด’ ที่ได้สั่งอาหารให้กับลูกค้า แล้ว แต่กลับทราบทีหลังว่าออเดอร์ถูกยกเลิก แทนที่จะนำอาหารไปทิ้ง เขาจึงตั้งใจที่จะนำอาหารเหล่านั้นไปแจกจ่ายให้กับคนไร้บ้านแทน!! โดยหลังจากนั้นเขาได้โพสต์ภาพของชายไร้บ้านกับอาหารถูกยกเลิกออเดอร์ลงในเพจเฟซบุ๊กของ GrabFood Delivery Rider Singapore พร้อมกับคำบรรยายว่า “ลูกค้ายกเลิกออเดอร์ เราจึงเอาอาหารเหล่านั้นไปให้กับคนที่ต้องการแทน วันนี้เราช่วยผู้อื่น ในวันข้างหน้าผู้อื่นก็จะช่วยเราเช่นกัน”     สิ่งที่หนุ่มแกร็บฟู้ดคนนี้ทำได้สร้างตัวอย่างที่ดีให้กับคนในสังคม และทำให้ชาวเน็ตหลายคนออกมาชื่นชมถึงความมีน้ำใจของเขา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกมีเรื่องราวดีๆ แบบนี้เกิดขึ้น ในสหรัฐอเมริกาเองก็มีแคมเปญ Pay it Forward ที่ร่วมกันออกค่าอาหารให้กับเหล่าคนไร้บ้าน ทำให้เราเห็นแล้วว่าการ ‘ให้’ เป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้   ที่มา: theindependent, worldofbuzz

อย่างที่เรารู้กันดีว่าวันนี้ (8 กุมภาพันธ์ 2019) ทางพรรคไทยรักษาชาติ ได้ทำการเปิดเผยชื่อของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค หลังจากที่ข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปในโซเชียลมีเดีย ก็กลายเป็นกระแสฮือฮาให้ที่ถูกพูดถึงกันมากมายตลอดทั้งวันนี้ แฮชแท็ก #ทรงพระสเลนเดอร์ พรุ่งนี้ขึ้นมาติดเทรนด์ในประเทศไทยทันที     ซึ่งกระแสนี้ก็ไม่ได้ถูกพูดถึงแค่ในเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น ในวันเดียวกันนี้เองเว็บไซต์ BBC ก็ได้ทำการโพสต์ข่าวดังกล่าวลงในเพจเฟซบุ๊ก BBC News อีกด้วย วันนี้เราก็เลยถือโอกาสพาเพื่อนๆ ไปส่องความคิดเห็นของชาวเน็ตต่างชาติกันว่าคิดเห็นกับเรื่องนี้กันอย่างไร     นี่คือภาพยนตร์ดิสนีย์ที่ฉันอยากจะชมมากเลย! (เพราะในเว็บใช้คำว่า Princess แทนตัวทูลกระหม่อมฯ) เดี๋ยวนะ นี่ฉันเพิ่งอ่านเจอว่าท่านอายุ 67 ปีแล้วงั้นเหรอ?   ส่วนคนนี้ยังเข้าใจว่าท่านยังมีฐานันดรศักดิ์อยู่ ก็เลยพูดว่า “งี้ท่านก็ต้องลาออกจากฐานันดรศักดิ์สิ ใช่มั้ย? แล้วกฎหมายการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจะเป็นอย่างไรเมื่อสมาชิกราชวงศ์เข้ามาอยู่ในรัฐบาล พวกเขาสามารถส่งพวกที่วิจารณ์เข้าคุกได้หมดเลยนะ น่ากลัวมาก” แต่ก็มีคนมาตอบว่าทูลกระหม่อมฯ นั้นลาออกจากฐานันดรศักดิ์สิไปตั้งแต่ตอนอายุ 20 กว่าๆ แล้วนะ   ท่านลาออกจากฐานันดรศักดิ์แล้ว ท่านไม่ใช่เจ้าหญิงแล้วล่ะ แต่อายุ 67 เนี่ย จริงดิ?   ลองจินตนาการว่าเจ้าชายแฮร์รี่ลงมาเล่นการเมืองบ้างสิ   นั่นคือทางเดียวที่จะหยุดยั้งรัฐบาลทหารได้…

หลายคนอาจจะจำภาพของ ‘ผู้สูงอายุ’ เป็นภาพของตายายแก่ๆ ที่หมดเรี่ยวแรงตามสังขารที่ร่วงโรยลงไปทุกวันๆ จนบางคนต้องหาคนมาดูแลเรื่องต่างๆ ให้อย่างหุงหาอาหารให้ หรือพาออกไปข้างนอก แต่ว่าคุณยายวัย 75 ปีคนนี้อาจจะทำให้คุณได้เห็นว่าไม่ใช่คนแก่ทุกคนที่เป็นเช่นนั้น เพราะล่าสุดเธอเพิ่งจะช่วยตำรวจจับโจรได้ด้วยการร่างกายอันแข็งแกร่งดุจหินผา!     Iris Davis เป็นผู้หญิงที่เดินทางจากประเทศอังกฤษ มาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เมื่อประมาณ 50 ปีก่อนและหลังจากนั้นเธอก็อยู่ที่นี่ตลอดมา ในวันนี้อายุอานามของเธอก็มากถึง 75 ปีแล้วนับตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาดูโลก แต่ถ้าถามถึงผลงานในอดีตต้องบอกว่าไม่ใช่ธรรมดาจริงๆ เพราะเธอเคยเป็นเจ้าของสถิติโลกรวมถึงเป็นนักเพาะกายระดับแชมเปียน     แต่ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ใครจะคิดว่าคนอายุมากอย่างเธอจะสามารถช่วยตำรวจจับผู้ร้ายได้ ทว่าเธอก็ทำมันได้จริงๆ และเล่นซะอยู่หมัดดิ้นไปไหนไม่รอดเลยด้วย…     “ฉันย้ายมาอยู่และที่ทำงานเป็นเทรนเนอร์ที่รัฐฟลอริด้าตั้งแต่อายุ 65 ปี แล้วเมื่อเร็วๆ มานี้ฉันก็เพิ่งเห็นเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น มันคือเหตุการณ์ของตำรวจที่ขับรถไล่กวดผู้ร้ายน่ะ” “พวกเขาขับรถผ่านออฟฟิศของฉัน ฉันเลยออกมาหน้าออฟฟิศเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก จากนั้นก็เห็นว่ามีรถคันหนึ่งวิ่งอยู่บนถนนโดยที่มีรถตำรวจนับสิบคันวิ่งตามหลังมา”      “รถไล่กวดกันจนมาถึงจุดที่ฉันยืนอยู่พอดี แล้วตำรวจก็จับการเอารถพุ่งเข้าชนรถของโจรจนพวกเขาไปไหนไม่รอดต้องพากันวิ่งลงจากรถ พวกโจรมีทั้งหมด 4 คนแหนะ แต่ว่ามีคนหนึ่งที่วิ่งมาทางฉันและกำลังจะผ่านตัวฉันไป” “จำได้เลยตอนนั้นฉันคิดว่าจะทำอย่างไร ควรจะปล่อยให้เขาหนีไปหรือช่วยหยุดเขาให้เพื่อตำรวจมาจับกุมดีนะ… แล้วฉันก็คิดว่าไม่ควรปล่อยโจรคนนี้ไปอย่างเด็ดขาด เลยทำการสกัดเขาและจับกดลงกับพื้นหลังจากสัก 5 วินาทีตำรวจก็เข้ามาชาร์จจับตัวไป” Iris กล่าวอย่างภูมิใจ…

เรื่องราวการใช้ความรุนแรงภายใน ‘โรงเรียน’ ระหว่างนักเรียนด้วยกันเองหรือไม่ว่าจะเป็นคุณครูกับนักเรียน ก็เป็นข่าวที่มีให้เห็นกันอย่างต่อเนื่อง และนี่ก็เป็นอีกข่าวหนึ่งที่เข้าข่ายทำนองความรุนแรงที่ว่านี้เช่นเดียว เมื่อมีคุณครูคนหนึ่งใช้ฝ่ามือตบเข้าไปที่หน้าของเด็กนักเรียนที่เธอสอนอย่างเต็มๆ ซึ่งต้นเหตุที่แท้จริงนั้นเกิดจากความที่นักเรียนหญิงคนนี้เอาโทรศัพท์เข้ามาใช้ในห้องขณะที่ครูสอนอยู่!?     โรงเรียนหญิง Sans Souci Girls’ High School ในกรุงเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้คือสถานที่เกิดเหตุของเรื่องราวที่ว่านี้ ซึ่งเกิดขึ้นในวันอังคารที่ผ่านมา (5 ก.พ.) แหล่งข่าวรายงานว่าคุณครูวัย 33 ปีเกิดบันดาลโทสะจากความที่นักเรียนหญิงคนหนึ่งมาเข้าชั้นเรียนโดยเอาหนังสือมาผิดเล่ม แล้วเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาใช้ระหว่างนี้จึงทำให้เธอโมโหจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ในขณะเดียวกันทางฝ่ายนักเรียนหญิงวัย 16 ปีก็มีการกล่าวคำสบถใส่คุณครูพร้อมทั้งผลักเธอด้วยความโมโหที่คุณครูยึดโทรศัพท์ไป จนในที่สุดแล้วครูโกรธจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ใช้ฝ่ามือตบหน้าเด็กชั้นม. 3 คนนี้อย่างเต็มแรงท่ามกลางสายตาของเด็กนักเรียนคนอื่นๆ ที่นังอยู่ในห้องนั้น   คลิปวิดีโอของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (หากดูไม่ได้คลิกที่นี่) https://twitter.com/Thabisomolapo/status/1092887598882844672   ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กล่าวว่าทั้งคุณครูและนักเรียนต่างก็ยื่นคำร้องในเรื่องการทำร้ายร่างกายต่อกันทั้งคู่ แต่ว่าก็ไม่มีการจับกุมใดๆ เกิดขึ้นและทางหน่วยงานการศึกษาท้องถิ่นก็ได้ออกตัวสืบสวนเรื่องนี้แล้ว     ส่วนทางด้านแม่ของเด็กก็บอกว่าเธอเศร้าและผิดหวังเอามากๆ แต่ถึงอย่างไรก็ยังอยู่ในกระบวนการของการสืบสวนอยู่ เธอจึงไม่สามารถพูดอะไรได้มาก ทั้งนี้ Debbie Schäfer เจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการของจังหวัดเวสเทิร์น เคปก็ออกมาพูดว่า อย่างไรแล้วการลงโทษนักเรียนแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมไม่ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นเช่นไรก็ตาม     “ฉันตระหนักว่าเสียงของผู้คนบนอินเทอร์เน็ตอาจจะนำเรื่องนี้ไปเชื่อมโยงกับเรื่องของเชื้อชาติได้ ฉันเข้าใจได้เป็นอย่างดีเลยแหละเมื่อได้ดูคลิปวิดีโอแล้ว แต่ว่าตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติจริงหรือไม่ และไม่สามารถสรุปใดๆ ได้หากยังไม่มีผลการสืบสวนที่แน่ชัด” Debbie…

หน้าอกหน้าใจถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเสน่ห์ของผู้หญิง และขณะที่ผู้หญิงบางคนก็อยากจะมีหน้าอกหน้าใจเหลือเกิน ผู้หญิงอีกส่วนก็ไม่อยากที่จะมีหน้าอกหน้าใจ เนื่องจากมักถูกจ้องมองเป็นพิเศษและใส่เสื้ออะไรก็ดูเย้ายวนไปเสียหมด แต่การที่จะซ่อนหน้าอกนั้นก็ทำได้อย่างยากลำบาก ครั้นจะซื้อบราลดไซส์ก็อึดอัด วันนี้บริษัท Grand Bleu’s Hadakakushi จากประเทศญี่ปุ่นได้เล็งเห็นปัญหาดังกล่าว จึงได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่มาเพื่อเหตุนี้โดยเฉพาะ!!     โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ของพวกเขาก็คือ Petamune Maker Light Bar (Petamune แปลว่าอกกระดาน) ชุดชั้นในที่สามารถซ่อนหน้าอกของสาวๆ ได้อย่างแนบเนียน     Petamune Maker Light Bar ใช้ผ้ายืดอย่างดี ซึ่งสามารถยืดหดเข้ารูปกับหน้าอกของคุณได้เป็นดีและไม่ทำให้คุณรู้สึกอึดอัดอีกด้วย นอกจากนี้วัสดุที่นำมาใช้ก็สามารถระบายอากาศได้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงสามารถใส่ในวันที่อากาศร้อนได้อย่างสบาย รวมถึงยังใส่ไปออกกำลังกายได้อีกด้วย เนื่องจากบราดังกล่าวช่วยลดแรงส่ายนั่นเอง     และนอกจากจะเอาใจผู้หญิงที่มีหน้าอกหน้าใจแล้ว บริษัทยังตั้งใจเอาใจกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักคอสเพลย์เพศหญิงที่อยากคอสเพลย์เป็นตัวละครชายอีกด้วย ดังนั้นบริษัทก็เลยวาดการ์ตูนมาอธิบายความรู้สึกการใช้ด้วยซะเลย   *ไล่จากขวามาซ้าย* “ได้มาแล้ว”, “เอาล่ะ”, “ดีจัง มันไม่รัดหรืออึดอัดเกินไป”   “ฉันรู้สึกดีมาก ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสภาพอากาศหรือกังวลว่าจะมีคนมามองหน้าอก แถมยังทำให้ฉันแต่งชุดอะไรก็เข้า ฉันดีใจที่สุดเลย” “*ถามเพื่อน* เป็นอะไรเหรอ?”, “*เพื่อนตอบ* บราลดขนาดที่ฉันซื้อมามันแน่นมากเลย”, “*อวดเพื่อน* แต่ที่ของที่ฉันใส่อยู่ดีมากเลยอ่ะแก ♡“…

ชีวิตการแต่งงานของบางคู่อาจมีระยะเวลาที่ยืนยาวนานจวบจนทั้งชีวิต บางคู่ก็อาจเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่ไม่กี่ปีหรือไม่กี่เดือนก็มีให้เห็นกันอยู่ไม่น้อย แต่ว่าคงไม่มีกรณีไหนที่จะเร็วปานนกกระจอกไม่ทันจะกินน้ำเหมือนในกรณีนี้ เมื่อมีคู่รักแห่งหนึ่ง ‘หย่ากัน’ หลังจากที่แต่งงานกันได้เพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้น และนับได้ว่าเป็นชีวิตคู่ที่น่าจะสั้นที่สุดในโลกเลยก็เป็นได้…     เรื่องราวที่ว่านี้เกิดขึ้นที่ประเทศคูเวตในเดือนที่ผ่านมา (ม.ค.) โดยสื่อท้องถิ่นรายงานว่าเหตุการณ์นี้ได้เริ่มจากความที่ทั้งสองได้จูงมือพากันไปจดทะเบียนที่อาคารของหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบในเรื่องการจดทะเบียน พวกเขาได้เซ็นทะเบียนสมรสเป็นที่เรียบร้อยด้วยความชื่นมื่นของทั้งสองฝ่าย และก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่มาทำให้ชีวิตรักของทั้งคู่จบลงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า     แต่แล้วขณะที่เดินออกจากอาคารนั้นเองก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อฝ่ายหญิงได้ลื่นล้มหน้าคะมำบนทางเดิน ทว่าแทนที่ฝ่ายชายจะช่วยเธอให้ลุกขึ้นมา เขากลับพูดว่า ‘นังโง่’ แทนซะอย่างงั้น จากคำพูดที่ไม่ค่อยจะเข้าหูนี้ทำให้อารมณ์ของฝ่ายหญิงขึ้นในทันที และด้วยความโมโหจากคำพล่อยๆ นี้เธอได้หันไปร้องขอให้เจ้าหน้าที่ยกเลิกเอกสารที่เพิ่งเซ็นไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ทำให้ตามประสงค์แต่โดยดี พวกเขาแต่งงานกันได้เพียงแค่ 3 นาทีเพียงเท่านั้นหากนับตั้งแต่จรดน้ำหมึกเซ็นเอกสาร ซึ่งนับได้ว่าเป็นชีวิตคู่ที่สั้นที่สุดในประเทศคูเวตเลยทีเดียว     ขณะเดียวกันเรื่องได้กลายเป็นไวรัลบนอินเทอร์เน็ตในประเทศ โดยบางคนก็บอกว่าเป็นโชคดีของฝ่ายหญิงแล้วที่ยกเลิกชีวิตคู่กับชายคนนี้ เพราะไม่แน่ว่าวันข้างหน้าเธออาจถูกหยามน้ำใจไปมากกว่าเดิม “ถ้าเขาแสดงปฏิกิริยาเช่นนี้ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นชีวิตคู่ล่ะก็ มันคงจะดีกว่าถ้าหากเลิกกับเขาซะ” “การแต่งงานที่ไม่มีความเคารพต่อกัน มันก็อาจล้มเหลวได้ตั้งแต่เริ่มต้นเลย” ความคิดเห็นส่วนหนึ่งของชาวเน็ต   ที่มา: dailymail, odditycentral, q8news

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2019 เว็บไซต์ South China Morning Post ได้ทำการรายงานข่าวโปรแกรมเมอร์ที่ทำงานอยู่ธนาคารจีน ใช้ช่องว่างซอฟต์แวร์เพื่อแอบกดเงินสดกว่า 7 ล้านหยวน (32 ล้านบาท)     โดยในปี 2016 นาย Qin Qisheng โปรแกรมเมอร์วัย 43 ผู้ทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายซอฟต์แวร์ของธนาคาร Huaxia ได้พบช่องโหว่ของระบบธนาคารและทำการแทรกแซงระบบ ซึ่งเขาอ้างกับธนาคารว่าทำไปเพื่อทดสอบระบบ และเขาก็ได้ใช้ช่องโหว่นั้นเองแอบกดเงินสดๆ ฟรีมาเป็นปี ซึ่งแต่ละครั้งเขาจะกดเงิน 5,000 หยวน (23,000 บาท) ถึง 20,000 (93,000 บาท) ด้วยบัญชีปลอมที่ทางธนาคารเอาไว้ใช้ทดสอบระบบ     เงินที่เขาแอบกดมานั้นถูกโอนเข้าบัญชีของเขาเอง แต่บางส่วนก็ถูกนำไปลงทุนในตลาดหุ้น เขาทำแบบนั้นได้อยู่ 2 ปี ก่อนที่ในเดือนมกราคม 2018 ทางธนาคารจะรู้เรื่องที่เขาทำและได้ดำเนินเรื่องทางกฎหมายในที่สุด ซึ่ง ณ เวลาดังกล่าว เขาได้กดเงินสดออกมามากกว่า 7…

เทศกาลแห่งความสุขของชาวจีนและบุคคลที่มีเชื้อสายจีน ในช่วงปีใหม่จีนหรือตรุษจีนนี้ ตามประเพณีดังกล่าวก็จะมาพร้อมกับการให้ซองแดงแห่งความสุข หรือที่เรียกกันว่าอั่งเปา ซึ่งภายในนั้นก็จะเป็นเงินสดที่มอบให้กับผู้รับไป แต่ว่ากันด้วยเรื่องของความเหมาะสมของจำนวนเงินในอั่งเปา ก็กลายมาเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกหนักใจของทั้งผู้ให้และผู้รับไม่น้อย จนเกิดเป็นประเด็นขึ้นมาว่า ควรให้เป็นจำนวนเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม?     จากการรายงานของสื่อต่างประเทศ ระบุว่าหนุ่มรายหนึ่งจากไต้หวัน กับแฟนสาวที่เพิ่งจะคบกันได้เพียงสองเดือน กำลังจะเดินทางไปพบกับพ่อแม่ของฝ่ายหญิงในช่วงตรุษจีน วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2019 และฝ่ายแฟนสาวได้ถามว่าใส่เงินไปในอั่งเปาเท่าไหร่? ฝ่ายชายตอบไปว่า ซองละ 3,600 ดอลลาร์ไต้หวัน (3,650 บาท) ซึ่งเมื่อรวมกันทั้ง 2 ซองจะเป็นเงินจำนวน 7,200 ดอลลาร์ไต้หวัน แต่ทว่าแฟนสาวกลับรู้สึกไม่พอใจกับจำนวนเงินดังกล่าว เพราะรู้สึกว่าน้อยเกินไปสำหรับพ่อแม่ของเธอ…   ภาพการพูดคุยของทั้งสองฝ่าย   “นี่ตรุษจีนทั้งทีนะ เธอไม่คิดหน่อยเหรอว่าจำนวนแค่นี้มันน้อยเกินไป ฉันหวังว่าเธอจะจริงกับครอบครัวของฉันมากกว่านี้ จะมีญาติหลายคนกลับมาเยี่ยมที่บ้านของฉัน เธอควรจะไว้หน้าพ่อแม่ของฉันหน่อย มันอาจจะช่วยเราได้ในอนาคตนะ” ข้อความตอบกลับของฝ่ายหญิง     เมื่อรู้ว่าแฟนสาวไม่พอใจกับจำนวนเงินในซองอั่งเปา เขาจึงถามว่าเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม เธอตอบกลับว่าควรจะใส่ซองละ 6,600 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 6,700 บาท) ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จนทำให้เกิดเป็นการทะเลาะกัน…

เรื่องของการศัลยกรรม แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่เจ้าตัวจะต้องยินยอมให้มีการผ่าตัด เพราะบางทีมันอาจเป็นสิ่งที่ติดตัวไปตลอดชีวิต รวมถึงมีผลต่อเรื่องอื่นๆ อย่างหน้าที่การงานหรือความสัมพันธ์เป็นต้น แต่ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้รับ ‘ของแถม’ ที่เธอไม่เคยนึกเคยฝันมาก่อน เพราะเธอตัดสินใจไปทำการดูดไขมันกับแพทย์คนหนึ่ง แต่ว่าพอตื่นขึ้นมาอีกทีกลับได้รับ ‘ศัลยกรรมจมูก’ ซะอย่างงั้น!!   ผู้มาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง   เรื่องราวที่ว่านี้เกิดขึ้นกับสาวชาวเปรูนามว่า Mariela วัย 41 ปี โดยเธอได้ออกมาเล่าประสบการณ์สยองขวัญนี้ผ่านทางรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง เธอเล่าว่าในตอนที่เธอมีอายุได้ 19 ปีคุณหมอได้ทำการผ่าตัดศัลยกรรมจมูกให้เธอ โดยที่ไม่ได้รับการยินยอมจากเธอแต่อย่างใด และเหตุผลที่คุณหมอทำก็เพราะเขา ‘อยากทำ’  “ฉันไปที่นั่นเพื่อดูดไขมัน แต่ว่าพอตื่นขึ้นมาก็มีจมูกใหม่แล้ว” Mariela กล่าว     ในตอนนั้นเธอกล่าวว่าเพราะด้วยรูปร่างที่ค่อนข้างเจ้าเนื้อของเธอ ทำให้เธอตัดสินใจว่าจะไปดูดไขมันบริเวณช่องท้องออกนิดหน่อย “ฉันโตขึ้นมาอย่างยากลำบาก ฉันเป็นเด็กค่อนข้างที่จะอวบอั๋นนิดหน่อยและนั่นทำให้ฉันถูกเพื่อนๆ ที่โรงเรียนกลั่นแกล้งด้วยเหตุผลนี้” Mariela กล่าวเพิ่ม   ภาพเก่าๆ ของเธอ   ในขณะนั้นเธอยังวัยรุ่นอยู่และตัดสินใจไปดูดไขมันทันทีที่ได้กลับไปหาครอบครัวในประเทศเปรู “ฉันไปหาคุณหมอทันทีในวันที่ฉันถึงบ้าน เขาเป็นหมอที่มีชื่อเสียงมากๆ เลยนะ” “พอฉันได้คุยเรื่องนี้กับเขาและบอกสิ่งที่ฉันต้องการ เขาก็บอกว่ามันเป็นเรื่องที่ง่ายนิดเดียวและให้มาทำได้ในวันถัดมาเลย”      อย่างไรก็ตามการศัลยกรรมครั้งนี้ได้เปลี่ยนชีวิตของเธอไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่เพราะการดูดไขมัน แต่เป็นเพราะฝันร้ายที่เธอต้องตื่นขึ้นมาแล้วอยู่กับจมูกที่ได้รับการผ่าศัลยกรรมไปชั่วชีวิต    …

เพื่อเพิ่มความหฤหรรษ์ในเรื่องทางเพศ บางคนก็อาจเลือกใช้ เซ็กทอยส์ต่างๆ อย่างเครื่องสั่น โซ่ แส้ กุญแจมือตามแต่รสนิยมที่ชอบ และแน่นอนว่ามันไม่น่าจะใช่เรื่องที่ผิดอะไรถ้าหากไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน แต่ว่ามีชายคนหนึ่งที่มีวิธีเพิ่มกามอารมณ์แบบค่อนข้างจะแปลกไปสักหน่อย เพราะเขาชอบสูดดมกลิ่น ‘รองเท้า’ ที่ใช้แล้วของผู้อื่น ซึ่งนั่นทำให้เขาไปขโมยรองเท้าของชาวบ้านมาเป็นตัวช่วยถึง 70 คู่!!     Makoto Endo ชายวัย 40 ปีคือคนดังกล่าว เขาคอยขโมยรองเท้าของชาวบ้านในเขตจังหวัดโทจิงิ และไซตามะ เพราะเขาชื่นชอบการดมกลิ่นรองเท้าใช้แล้ว นาย Endo สารภาพว่าเขาไม่แคร์แม้แต่น้อยว่ารองเท้าที่ขโมยมานั้น จะเป็นของผู้ชายหรือว่าผู้หญิง เพราะไม่ว่าจะเป็นของใครเขาก็สูดดมมันจนแทบจะสิ้นกลิ่นทั้งนั้น… สื่อท้องถิ่นรายงานตอนนี้ Endo กำลังเผชิญกับข้อหาขโมยหลายข้อหา หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบรองเท้าที่บ้านของเขาเป็นจำนวนมากนั่นเอง     โดยทั้งนี้มีความเชื่อกันว่าเขาน่าจะขโมยรองเท้ามาแล้วกว่า 70 คู่ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ราวๆ 2,100 ปอนด์ (ประมาณ 85,000 บาท) และทำมาตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนปี 2017 – เดือนสิงหาคมปี 2018 “ผมเพิ่มความสุขทางเพศด้วยการสูดกลิ่นของรองเท้าที่ใช้แล้ว โดยไม่สนว่ารองเท้านั้นจะเป็นของผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตามแต่” Endo สารภาพกับทางเจ้าหน้าที่     เขาถูกจับกุมในเดือนกันยายนปี…

คำเตือน: บทความนี้อาจมีภาพหรือเนื้อหาที่ชวนขนลุก โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม   คุณจะรู้สึกอย่างไร หากพบว่ามี ‘หนู’ อยู่ในเครื่องดื่มที่คุณเพิ่งทานเข้าไป…   Kenneth Moyer Jr ชาวรัฐโอไฮโอ้วัย 43 ปีได้ยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อ ‘แมคโดนัลด์’ หลังจากที่เขาพบหนูตัวเขื่องนอนอยู่ในก้นแก้วมิลค์เชคช็อกโกแลตที่เขาซื้อจากทางร้าน โดยเงินที่เขาเรียกร้องจากทางร้านแฟรนไชส์ชื่อดังคือ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราวๆ 3.1 ล้านบาท) สำหรับสิ่งแปลกปลอมนี้ ซึ่งเขายืนยันด้วยว่าเขาเจอมันตอนที่ดูดมิลค์เชคจนแทบจะหมดแล้ว…     Moyer เล่าว่าเขาได้ใช้บริการร้านไดร์ฟ – ทรูแมคโดนัลด์สาขาหนึ่งในเมืองแอครอนเวลาประมาณ 13.15 น. ของวันที่ 15 ธันวาคม 2018 และได้ซื้อมิลค์เชคสองแก้วสำหรับเขาและเพื่อนอีกคน จากนั้นเขาก็จิบไปเรื่อยๆ ระหว่างที่ขับรถกลับบ้าน แล้วในเวลาต่อมาก็สังเกตว่าหลอดที่ดูดมันเหมือนกับติดอะไรบางอย่างเข้าทำให้ดูดไม่ขึ้น หลังจากส่งเพื่อนที่บ้านเสร็จเรียบร้อย เขาก็ขับรถกลับบ้านและจอดทิ้งไว้โดยที่ทิ้งมิลค์เชคเอาไว้ในรถประมาณ 2 – 3 นาทีเพื่อเดินไปเอาบุหรี่ และที่สุดก็ถึงเวลาคลี่คลายปริศนาที่ค้างคาใจว่าทำไมดูดไม่ขึ้นสักที เขาจึงได้เปิดฝาดู แล้วสิ่งทีเขาพบมันก็ทำให้ตกใจแทบช็อก เพราะเขาพบว่ามิลค์เชคที่เขาดูดเข้าไปมันเหลือเพียงก้นๆ แก้วเท่านั้น แต่สิ่งที่เซอร์ไพรส์กว่าคือ ‘หนูเป็นๆ’ ดิ้นอยู่ในแก้ว!!  …

หากเพื่อนๆ ได้ติดตามข่าวสารในต่างประเทศในช่วงเวลาที่ผ่านมา คงจะพอทราบเรื่องราวของ Polar Vortex ที่ทำให้หลายๆ พื้นที่ในสหรัฐอเมริกาต้องพบกับความหนาวเย็นแบบไม่ได้ตั้งตัว ซึ่งในเมือง Marquette รัฐมิชิแกนก็มีสภาพไม่ต่างกัน ต้องเจอกับพายุหิมะที่สร้างความเสียหายให้กับเมือง ทำให้การจราจรเคลื่อนตัวลำบาก ธุรกิจหลายๆ ธุรกิจก็พากันปิดในช่วงดังกล่าว ดังนั้นในช่วงนี้ชาวเมืองก็เลยหาอาหารทานได้อย่างยากลำบาก ถ้าเจอร้านที่เปิดอยู่สักร้านหนึ่งก็เหมือนเป็นแสงสว่างในชีวิตให้กับพวกเขาเลยล่ะ เหมือนกับร้านอาหารไทยที่เราจะนำมาให้ดูนี่เอง   OMGGGG there was an ice storm where I live and a ton of businesses were closed today besides this Thai restaurant run by this little old lady AND LOOK WHAT SHE POSTED ASDKDJFHDDU pic.twitter.com/ELkNdelsmp — Natalie (@jbfan911)…

คู่รักหลายๆ คู่ ต่างก็มีเป้าหมายแตกต่างกัน บางคู่ก็ตั้งใจที่จะมีลูกสร้างชีวิตครอบครัวร่วมกัน บางคู่ก็ตั้งใจที่จะอยู่ร่วมกันดูแลกันไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เช่นเดียวกันกับคู่รักคู่นี้ ที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าพวกเขา ‘จะไม่ยอมมีลูกเป็นอันขาด’ เพราะไม่ต้องการที่จะทำให้โลกใบนี้ต้องแปดเปื้อน!?     เรื่องมีอยู่ว่า Nathalie Guzman และ Andrés Flu คู่รักชาวโคลัมเบียคู่หนึ่งได้เผยถึงความตั้งใจที่ว่าจะไม่มีลูกด้วยกัน เพราะไม่ต้องการให้ลูกของพวกเขาต้องเผชิญกับโลกที่โหดร้าย และมองว่าความแออัดของประชากรบนโลก ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ และทำให้โลกใบนี้ถูกทำลาย     หลังจากที่ตกลงกันแล้ว Guzman และ Flu ได้โพสต์รูปคู่โชว์บัตรคิวรอทำหมันจากทางโรงพยาบาล พร้อมกับข้อความแสดงความประสงค์ว่าจะไม่มีลูกลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “เราขอบอกกับทุกคนว่า เราจะไม่ได้เป็นพ่อแม่คนแล้วนะ”     ถึงแม้ว่าจะมีหลายเสียงที่สนับสนุนทั้งคู่ แต่ก็ยังมีอีกหลายเสียงที่ไม่เห็นด้วยกับคู่รักคู่นี้ทำให้เกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาในสังคม   บางส่วนก็ไม่เห็นด้วยกับความคิดของคู่รัก   “สำหรับฉันแล้ว ความคิดนี้ไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ ที่จะนำมาเป็นคำอธิบายว่าทำไมพวกเขาถึงไม่อยากมีลูก เด็กๆ เข้าทำให้โลกแปดเปื้อนตรงไหนเหรอ?” “แล้วจะเป็นอย่างไรถ้าพ่อของคุณคิดแบบเดียวกันกับคุณล่ะ? เพราะการมีเด็กเกิดขึ้นมาแบบนี้มันไม่ใช่สิ่งที่ผิดพลาด มันคือพรของพระเจ้าต่างหาก เห็นแก่ตัวเป็นที่สุด!!”   ขณะเดียวกันชาวเน็ตบางคนก็เห็นด้วยกับความคิดของคู่รัก   “เราอาศัยอยู่ในสังคมที่เติบโตขึ้นทุกวัน เราร่วมมือกันสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมา แต่ขณะเดียวกันโลกของเรากำลังจะตาย เป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมมาก” “มนุษย์ทุกคนก็เป็นเสมือนปรสิตที่เกาะกินโลกใบนี้…

ต้องยอมรับว่าในสังคมปัจจุบันเปิดกว้างเรื่องเพศมากกว่าแต่ก่อน หลายคนเริ่มเข้าใจถึงความแตกต่างและให้เกียรติเพศอื่นมากขึ้น ซึ่งทางดิสนีย์แลนด์ปารีสเอง ก็เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนความหลากหลายทางเพศในสังคม โดยการเป็นเจ้าภาพจัดงานเฉลิมฉลองของเหล่า LGBTQ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 มิถุนายน 2019 ที่จะถึงนี้     เพื่อเป็นการเฉลิมเดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ สวนสนุกดิสนีย์แลนด์จึงจัดงาน Magic Pride ซึ่งในงานจะประกอบไปด้วยขบวนพาเรดสีรุ้งของเหล่า LGBTQ, การเต้นรำ, คอนเสิร์ต, รวมไปถึงการได้นั่งรถไฟเหาะในช่วงกลางคืนอีกด้วย!! ถึงแม้ว่าทางดิสนีย์แลนด์ปารีส และดิสนีย์แลนด์บางแห่งในอเมริกา จะเคยจัดงาน Magic Pride นี้ขึ้นมาแล้วตั้งแต่ปี 2014 แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นการจัดงาน ‘อย่างเป็นทางการ’ ครั้งแรก   https://www.instagram.com/p/BtRf6NKHpdU/?utm_source=ig_embed   นอกจากนั้นทางดิสนีย์แลนด์ปารีสยังได้บอกอีกว่า “ความหลากหลาย และความเท่าเทียมเป็นสิ่งที่ทางดิสนีย์แลนด์ปารีสให้ความสำคัญมากที่สุด ในทุกๆ ปีเราได้มีโอกาสตอนรับผู้มาเยือนกว่าหลายล้านคน ซึ่งแต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งที่มา มีความหลากหลายทางเพศ เราจึงสร้างโลกแห่งจินตนาการขึ้นมาสำหรับทุกคน”   https://www.instagram.com/p/BsDLwjJHQOF/   เมื่อปี 2007 ทางดิสนีย์แลนด์เคยเปิดปราสาทซินเดอเรอล่าเพื่อจัดงานแต่งให้กับคู่รักเพศเดียวกัน และเมื่อปี 2018 สวนสนุกดิสนีย์เริ่มมีการจัดจำหน่ายที่คาดผมมิกกี้เมาส์สีรุ้ง (สัญลักษณ์ของ LGBTQ) ก่อนจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองขึ้นอีกด้วย…

สำหรับคนรักหมาแล้วคงทราบกันดีว่า ถ้าพูดถึงครอบครัวแล้ว ไม่ใช่มีเพียงคุณพ่อ คุณแม่และลูกเท่านั้น แต่คำว่าครอบครัวในที่นี้คือครอบครัวที่รวม “น้องหมา” เข้าไปด้วย เช่นเดียวกับ Sam Crawford คุณพ่อลูกสองวัย 40 ปี ที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เขาคือคนหนึ่งที่รักหมามากๆ เขายอมเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยน้องหมา แต่โชคร้ายที่เขาไม่สามารถกลับมาหาครอบครัวได้อีกแล้ว     ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2019 มีรายงานว่าบ้านหลังหนึ่งในเมืองออร์แลนโด รัฐเมน สหรัฐอเมริกาได้เกิดเพลิงไหม้ขึ้น เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เดินทางไปถึงยังที่เกิดเหตุในเวลา 17.30 น. พบว่าไฟนั้นลุกจากโรงจอดรถ ก่อนที่ลุกลามไปที่ตัวบ้านและไหม้ทั้งหลังจากรวดเร็ว     โชคดีที่สมาชิกครอบครัวทั้ง Sam Crawford, ภรรยา, ลูกๆ วัย 9 ขวบกับ 5 ขวบ พร้อมกับญาติๆ อีกสองคน ได้หนีไฟไหม้ออกจากบ้านมาได้ เว้นแต่น้องหมาสุดรักที่ Sam คิดว่ามันยังอยู่ข้างในบ้าน และ Sam ก็ได้ทำสิ่งที่ครอบครัวไม่คาดฝัน นั่นคือการวิ่งกลับเข้าไปยังบ้านที่ไฟลูกท่วมอีกครั้ง เพื่อจะทำการตามหาและช่วยเหลือเจ้าหมาสุดที่รัก แต่โชคไม่ดีที่เขาไม่สามารถทำมันได้สำเร็จ…

บางครั้งการที่เราจะแสดงความมีน้ำใจต่อผู้อื่น เราก็จำเป็นที่จะต้องดูให้ออกว่าคนๆ นั้นเขาสมควรได้รับหรือไม่ หรือบางทีก็ต้องดูให้แน่ใจว่าจะไม่มีเรื่องเดือดร้อนเกิดขึ้นกับตัวเอง มิฉะนั้นแล้วอาจเกิดเหตุร้ายอย่างนี้ขึ้นได้ เมื่อมีชายคนหนึ่งเกิดสงสารครอบครัวที่อ้างว่าบ้านของพวกเขาถูกไฟไหม้ จึงให้เข้ามาอยู่ในบ้านพักแบบฟรีๆ แต่ในท้ายที่สุดแล้วบ้านของเขากลับถูกปู้ยี่ปู้ยำซะจนแทบไม่เหลือชิ้นดี!!   Vimalprakash Vijaya เจ้าของบ้าน   โดยเรื่องที่ว่านี้เกิดขึ้นกับนาย Vimalprakash Vijaya เจ้าของบ้านเช่าในเมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย ที่เขาบอกว่าความเสียหายที่ครอบครัวนี้ได้ทำไว้มันมีค่ามากถึง 28,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 600,000 บาท) และทั้งหมดนั้นเกิดจากความใจดีของเขาที่เห็นว่าครอบครัวนี้กำลังเดือดร้อน จึงให้เข้าพักแบบฟรีๆ นั่นเอง     ภายในบ้านเต็มไปด้วยขยะมากมาย รวมทั้งสารเสพติด เข็มฉีดยา และคราบเลือดที่แห้งกรังจนยากที่จะทำความสะอาด ซึ่งความเสียหายทั้งหมดนี้เขาต้องทำความสะอาดภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือนเพื่อที่จะรับลูกค้าที่จองจะเข้าพักในเดือนมีนาคม     เขาเล่าให้ฟังว่าครอบครัวนี้ได้ติดต่อมาหาเขาเมื่อเดือนที่แล้ว (ม.ค.) โดยบอกว่าจะหาที่พักราคาถูกอยู่อาศัย แล้วก็เล่าเรื่องราวต่างๆ ในครอบครัวให้ฟัง     “ผมรู้สึกเศร้าทันทีที่เธอบอกว่าบ้านที่เมืองแมนดูร่าห์ของครอบครัวเธอถูกไฟไหม้ อีกทั้งยังมีคนหนึ่งที่ป่วยเป็นมะเร็งอีก ผมเลยบอกกับเธอไปว่าอย่าได้กังวลเรื่องเงินเลย แล้วผมก็ให้พวกเขาอาศัยฟรีๆ ไปสองสัปดาห์” เจ้าของบ้านเล่า     ระหว่างที่ครอบครัวนี้อาศัยอยู่ที่บ้านเช่าแห่งนี้ นาย Vijaya ก็ชะล่าใจไม่มีติดต่ออะไรกับพวกเขามากนัก แต่พอสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาได้เข้าไปตรวจดูความเรียบร้อย แล้วก็พบกับแจ็คพอตที่ว่านี้เข้าให้ โดยนอกจากความสกปรกแบบสุดขั้วและคราบเลือดแล้ว ทางครอบครัวยังได้ขโมยชุดเครื่องเสียง…

กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะแล้วสำหรับซีซั่นสุดท้ายของมหากาพย์ซีรีส์ ‘Game Of Thrones’ ที่ทุกคนกำลังรอคอยกันอยู่ว่าบทสรุปของเรื่องนี้จะเป็นเช่นไรกันแน่ ซีรีส์เรื่องนี้มีคนที่ชอบจำนวนมากจากเนื้อเรื่องที่สนุกเข้มข้นเฉือนคมกันไปมา จนบางคนถึงขั้นเป็นแฟนพันธุ์แท้เลยทีเดียว และถ้าคุณเป็นอย่างแบบหลังล่ะก็ บางทีสถานที่แห่งนี้อาจจะเป็นสวรรค์สำหรับคุณเลยก็ได้ เพราะว่ามีหมู่บ้านน้ำแข็งแห่งหนึ่งในประเทศฟินแลนด์ ที่จะทำให้คุณเหมือนกับหลุดไปอยู่ในโลกแห่งซีรีส์เรื่องนี้!!     โดยหมู่บ้านน้ำแข็งแห่ง GoT ที่ว่านี้ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับรีสอร์ท Levi ที่พักอันเลื่องชื่อในแคว้น Lapland ทางตอนเหนือของประเทศฟินแลนด์ ซึ่งภายในหมู่บ้านมีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร บาร์และเครื่องเล่นต่างๆ คอยให้เราไปเยี่ยมชม     หมู่บ้านแห่งนี้เกิดได้ส่วนหนึ่งจากความสร้างสรรค์ของ HBO Nordic และแน่นอนว่าพวกเขาไม่ทำให้ผิดหวังด้วยการเนรมิตเอาหิมะกว่า 40,000 คิวบิกเมตร น้ำแข็งกว่า 400,000 กิโลกรัมมาโถมใส่เพื่อก่อสร้างเป็นหมู่บ้านย่อมๆ     สิ่งที่น่าสนใจภายในหมู่บ้านก็จะมีอนุสาวรีย์ของพ่อหนุ่มจอน สโนว์ วิหารเทพไร้หน้าในเวอร์ชั่นของน้ำแข็ง รวมถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดในเรื่องอย่าง ‘บัลลังก์เหล็ก’     เท่านั้นยังไม่พอถ้าหากคุณเป็นคนที่มีคนรักชอบซีรีส์นี้เหมือนๆ กัน นี่อาจเป็นโอกาสอันดีที่จะเข้าโบสถ์ทำพิธีวิวาห์ในหมู่บ้านน้ำแข็งแห่งนี้ ซึ่งในแต่ละปีจะมีคู่รักประมาณ 50 คู่มาแต่งงานที่นี่ด้วย     แต่ก็มีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่งคือสำหรับใครที่มาพักที่นี่ พวกเขาแนะนำว่าควรจะพักแค่คืนเดียวเท่านั้นเพราะด้วยอุณหภูมิที่ติดลบกว่า 5 องศารวมทั้งเตียงที่เป็นน้ำแข็ง…

เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ประเทศญี่ปุ่น ได้สร้างความประทับใจในแวดวงลูกหนัง หลังจากที่สร้างความประทับใจในระดับบอลโลกไปแล้ว เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ในเอเชียนคัพ 2019 ที่ทางสหรัฐประเทศอาหรับเอมิเรตส์ได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพ และญี่ปุ่นก็ได้เข้าชิงกับกาตาร์ ก่อนจะพ่ายแพ้ด้วยสกอร์ 3 – 1 ทำให้กาตาร์ได้แชมป์ในรายการนี้ไป     แม้ว่าในวันที่ 1 กุมพาพันธ์ ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นจะพ่ายแพ้ให้กับกาตาร์ แต่นั่นก็ไม่อาจทำให้พวกเขาละทิ้งสายเลือดบูชิโดที่มี เพราะหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขัน ได้เข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยในห้องแต่งตัวของทีมชาติญี่ปุ่น พวกเขาก็พบกับสภาพของห้องที่เก็บเรียบร้อยเหมือนไม่ได้ผ่านการใช้งาน อีกทั้งยังเขียนข้อความขอบคุณทิ้งไว้บนบอร์ดเป็น 3 ภาษาด้วย   ภาพจากทวิตเตอร์ @afcasiancup Japan leave the #AsianCup2019 dressing room spotless with thank you message in English, Arabic and Japanese! 👏 pic.twitter.com/RfiVyoMumd — #AsianCup2023 (@afcasiancup) February 2, 2019   แน่นอนว่าครั้งนี้…

เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2019 ที่ผ่านมาได้มีงานประกาศรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่งาน SAG Awards อีกหนึ่งงานประกาศรางวัลที่ยิ่งใหญ๋ โดย ‘Black Panther‘ เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ปี 2018 จาก Marvel ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง และกวาดรายได้ไปถึงพันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ สามหมื่นล้านกว่าบาท โดยงานนี้ได้มีดารา นักแสดงดังมากมายที่ได้เข้าร่วมงาน แต่สิ่งที่แย่งจุดสนใจจากผู้คนในงาน และสื่อไปได้คือ เมื่อเหล่านักแสดงนำผิวสีจากฝั่ง ‘Black Panther‘ เข้าร่วมถ่ายรูปกับเหล่านักแสดงนำที่เป็นเอเชียนทั้งหมดจาก ‘Crazy Rich Asians‘   บรรยากาศภายในงาน SAG Awards   ทางฝั่งของ Black Panther ได้รับรางวัลทั้งทีมนักแสดงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม เอาชนะผู้เข้าชิงอย่างภาพยนตร์เรื่อง A Star Is Born, Crazy Rich Asians และ Bohemian Rhapsody ด้วย   ทีมนักแสดงนำอย่าง Chadwick Boseman   ภาพหมู่ของ ‘Black Panther’…

ยังไม่จบกับเรื่องของงานแสดงช่วงพักครึ่งที่จัดขึ้นในการแข่งขันรอบชิงแชมป์อเมริกันฟุตบอล NFL ‘Super Bowl’ ครั้งที่ 53 ที่ล่าสุด Maroon 5 ได้รับเชิญให้มาแสดงในงานสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้ และได้รับคำวิจารณ์ในแง่ลบไปมากมาย ล่าสุด ผู้คนกลับตั้งคำถามขึ้นอีกว่า Adam Levine ถอดเสื้อในการแสดง ‘Halftime Show’ แต่ทำไมเขากลับไม่โดนด่าเหมือนตอน Janet Jackson ที่ขึ้นแสดงพร้อมกับ Justin Timberlake ในปี 2004 ล่ะ??   ข่าวเก่า: สรุปประเด็นดราม่า Maroon 5 ถูกวิจารณ์ว่าเป็น Super Bowl Halftime Show ยอดแย่แห่งปี   งานแสดงที่ Adam Levine ถอดเสื้อโชว์   ต้นเหตุที่ทำให้คนต่างชี้ถึงความสองมาตรฐานในการแสดงปี 2019 ครั้งนี้ ต้องย้อนกลับไปในงาน ‘Super Bowl’ ปี 2004 ที่กลายเป็นข่าวโด่งดัง เมื่อนักร้องชื่อดังอย่าง Justin Timberlake เผลอเอามือไปเกี่ยวเสื้อของนักร้องตัวแม่อย่าง Janet Jackson ทำให้จุกของเธอโผล่ออกมาระหว่างการแสดง…   เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนงาน ‘Super Bowl’…

คำเตือน: บทความนี้อาจมีภาพที่ไม่จรรโลงใจอยู่บ้าง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม   หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากมีรายได้เพิ่มและคิดว่าเรือนร่างของคุณสามารถที่จะเป็นจุดขายได้ล่ะก็ บางทีคุณอาจจะเลียนแบบชายคนนี้ที่เขารับจ้างทำความสะอาดบ้านแบบเปลือยๆ!!     นาย Daniel Aitken ชาวเมืองไบรท์ตันวัย 26 ปีได้เริ่มต้นกิจการ ‘พ่อบ้านเปลือย’ เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งในเริ่มแรกเป็นไอเดียที่เขาใช้อำพ่อแม่แบบขำๆ แต่เขาก็คิดว่ามันน่าจะเวิร์คเลยทำให้เป็นความจริงขึ้นมา จนถึงตอนนี้เขาบอกว่าเป็นบูมเอามากๆ และสามารถทำเงินได้จำนวนไม่น้อย!?     โดยงานที่ว่าของเขานี้ก็คือการทำความสะอาดบ้านตามบ้านต่างๆ เหมือนกับพ่อบ้านแม่บ้านพาร์ทไทม์ทั่วๆ ไป แต่มีความแตกต่างตรงที่ว่าเขาจะล่อนจ้อนไม่เหลืออะไรนอกจากถุงมือเท่านั้นในการทำความสะอาด ส่วนค่าบริการของเขาก็เพียงแค่ 30 ปอนด์ (ประมาณ 1,200 บาท) ต่อชั่วโมงก็เท่านั้นเอง!!   “ส่วนมากลูกค้าของผมมักจะเดินตามผมไปห้องนู้นห้องนี้ระหว่างที่ผมทำความสะอาดไปด้วย ผมบอกเลยว่าผมมีสกิลในการทำสิ่งต่างๆ อย่างเหลือล้นเลยแหละ” “ผมก็คิดนะว่ามันเป็นงานที่ค่อนข้างจะไม่คงที่เท่าไหร่นัก แต่ผมก็เห็นช่องว่างในตลาดและคิดว่าน่าจะเอาตัวเองกระโดดมายังช่องว่างที่ว่านี้น่ะ”   ลองดูการทำงานของเขาซะก่อน    “ผมเพิ่งจะเริ่มงานพ่อบ้านเปลือยมาแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้นเอง แต่ผมก็เห็นว่ามันน่าจะไปได้ด้วยดี เพราะตอนนี้ผมยุ่งเอามากๆ เลย”  Daniel กล่าว สำหรับเงินที่ได้มาจากงานนี้ Daniel คิดว่าจะเก็บเอาไว้เพื่อซื้อบ้านเป็นของตัวเองสักหลังหนึ่งนั่นเอง    …

ใกล้เข้ามาแล้วกับวันวาเลนไทน์ที่ใครหลายๆ คนต่างก็รอคอยให้มาถึง เหล่าคนมีความรักก็คงเตรียมตัวจัดเซอร์ไพรส์ฉลองวันแห่งความรักกันอย่างชื่นมื่น แต่สำหรับคนโสดบางคนมันก็คือวันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาเท่านั้นแหละ ห้างร้าน หน่วยงานต่างๆ ก็เริ่มจะมีการจัดกิจกรรมต้อนรับวันแห่งความรัก ซึ่งกิจกรรมก็ออกแนวหวานชื่นอบอวลไปด้วยความรักทั่วไป แต่ไม่ใช่ที่สวนสัตว์ Wild Life Sydney แห่งประเทศออสเตรเลียอย่างแน่นอน!! กิจกรรมที่ว่านี้ คือกิจกรรมจัดประกวดตั้งชื่องู โดยจะให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมนำชื่อแฟนเก่ามาตั้งชื่อให้กับงูสีน้ำตาล งูที่มีพิษร้ายรายอันดับต้นๆ ของโลก   งูสีน้ำตาลออสเตรเลีย   ผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมนี้จะต้องเขียนชื่อแฟนเก่า (ที่จะเอามาตั้งชื่อให้กับงูพิษตัวนี้) พร้อมเหตุผลโดนๆ ที่ทำให้กรรมการตัดสินที่จะให้เป็นชื่อของเจ้างูพิษตัวนี้ นอกจากจะได้เอาชื่อแฟนเก่ามาตั้งชื่องูพิษแล้ว ผู้เข้าร่วมยังได้ทำบุญอีกด้วย โดยผู้เข้าร่วมการประกวดจะต้องบริจาคเงินอย่างน้อย 1 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 23 บาท) และเงินส่วนนี้จะถูกนำไปสมทบทุนให้กับกองทุนอนุรักษ์ชีวิตแห่งป่า     กองทุนนี้จะทำกิจกรรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์ ศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับสัตว์ป่าพื้นเมืองของออสเตรเลีย ได้ทั้งบุญได้ทั้งความสะใจด้วย ผู้ที่ชนะการประกวดจะได้รับประกาศนียบัตรพร้อมสิทธิพิเศษ เข้าเยี่ยมชมสวนสัตว์ฟรีตลอดปีอีกด้วย คุ้มค่าจริงๆ     การประกาศผลผู้ชนะจะจัดขึ้นในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2019 เพื่อให้ผู้ชนะการประกวดได้เฉลิมฉลองไปพร้อมๆ กับสวนสัตว์แห่งนี้ ช่างเป็นกิจกรรมที่แปลกแหวกแนวจริงๆ     แบบนี้หรือเปล่าที่เค้าเรียกว่า…

ต้องยอมรับว่าการที่จะสร้างสรรค์ผลงานศิลปะออกมาแต่ละชิ้นต้องอาศัยปัจจัยต่างๆ มากมาย ซึ่งต้องใช้แรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนองค์ประกอบเหล่านั้นเข้าด้วยกัน เพื่อสะท้อนความเป็นตัวของตัวเองออกมาผ่านผลงานให้ได้มากที่สุด Linda Bouderbala เป็นอีกคนที่ชอบงานศิลปะ เธอเริ่มหัดวาดรูปตั้งแต่จำความได้ และเมื่อโตขึ้นเธอก็ประกอบอาชีพเป็นอาร์ตไดเรคเตอร์ อีกทั้งความสนใจด้านป๊อบคัลเจอร์ ทำให้เธอสร้างสรรค์งานโดยใช้ตัวการ์ตูนฮีโร่ครั้งเยาว์วัยมาเป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งตัวละครแต่ละตัวล้วนความแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป ทั้งรูปร่าง ลักษณะ รวมถึง ‘สี’ ที่เธอนำมาเป็นไอเดียในวาดผลงานของเธอชิ้นนี้ออกมา มาดูกันว่าคาแรคเตอร์ต่างๆ แยกตามหมวดหมู่สีแล้ว จะออกมาสวยงามขนาดไหน!!   #สีขาว   #สีม่วง #สีเขียว #สีฟ้า   #สีชมพู   #สีดำ   #สีแดง #สีส้ม   เป็นยังไงบ้างฮะ ผลงานของเธอเท่ไม่เบาเลยใช่ไหมล่ะ เห็นอย่างนี้ใครอยากชมผลงานของเธอเพิ่มเติมสามารถติดตามได้เพิ่มเติมที่อินตราแกรม linda_bouderbala รับรองว่ามีผลงานเจ๋งๆ ให้ชมอีกเยอะเลย   ที่มา: boredpanda

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความแปลกแหวกแนว และทำอะไรไม่คาดฝันให้เราได้เห็นกันอยู่เสมอ เรื่องที่เรานำมาให้ได้ชมกันในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อวงไอดอลหญิงชื่อว่า The Banana Monkeys ได้ผลิตสินค้าสุดแหวกแนวออกมาขายเหล่าแฟนคลับ นั่นคือ “น้ำจากการแช่ตัวของไอดอลหญิง” !!      ย้อนกลับไปเมื่อเดือนที่แล้ว ทางทวิตเตอร์ของวงไอดอลดังกล่าวได้โพสต์วิดีโอของสมาชิกวง 2 คน คือ Tenka no Chanyuki และ Asuka Rei กำลังลงแช่อ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำสีม่วงอยู่ ซึ่งแฟนคลับหลายคนก็คิดว่านั่นคงเป็นการถ่ายทำผลงานใหม่หรือโฟโต้บุ๊ก แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่พวกเขาตั้งใจจะขายก็คือ “น้ำสีม่วงที่เหลือจากการแช่ตัวของไอดอล” ต่างหาก     【新グッズ『残り湯』を発売!!】 YouTubeの撮影でお風呂に入る企画を行ったのですが、入浴剤が高すぎるので『残り湯』をメルカリで販売して赤字を解消したいです。 アイドルが浸かったお湯なので絶対に綺麗です。飲むも良し、お風呂に少しだけ入れて一緒に入ってる気分を味合うも良しです。 pic.twitter.com/TbqoRJpiQs — THE BANANA MONKEYS@3/14マイナビBLITZ赤坂ワンマン (@info_banamon) January 30, 2019   ทวิตเตอร์ของวงได้ทำการโพสต์ในทำนองว่าเนื่องจากบาธบอมนั้นราคาแพง พวกเขาอยากจะได้ได้ทุนคืนโดยการขายน้ำที่เหลือจากการแช่ตัว ซึ่งตักออกมาสดๆ จากอ่างที่เห็นในวิดีโอ โดยน้ำเหลือจากการแช่ตัวดังกล่าวได้ถูกวางขายใน Mercari เว็บขายของมือสองของญี่ปุ่น สนนราคาเพียง 100,000 เยน (28,500 บาท) ต่อขวด……

แม้ว่าคนเราจะมีความชอบที่แตกต่างกันในเรื่องของ ‘รสนิยมทางเพศ’ แต่ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ ถ้าหากไปบังคับข่มขืนใจผู้อื่น และยิ่งด้วยเป็นสัตว์เหมือนกับในกรณีนี้ เมื่อมีชายคนหนึ่งลงมือข่มขืนม้าคาคอก ซึ่งในภายหลังเขาก็ถูกจับกุมตัวได้เป็นที่เรียบร้อยและบอกว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างหนึ่งในชีวิตของเขาเลยทีเดียว!?   นาย Kenneth L. Duyck ผู้ก่อเหตุในครั้งนี้   ในเดือนเมษายนปี 2018 ได้เกิดเหตุการณ์วิตถารขึ้นจากความที่นาย Kenneth L. Duyck ชายวัย 21 ปีชาวรัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐฯ ลงมือข่มขืน ‘ม้า’ ชื่อว่า Ellie ในคอกของคนอื่น การจับกุมตัวเขาได้นี้เกิดขึ้นจากความที่เจ้าของคอกม้าแห่งนั้น สังเกตว่าเชือกที่ผูกม้าอยู่นั้นมันมีวิธีการผูกแปลกๆ ไม่เหมือนกับที่เคยผูก และนอกจากนี้ยังเห็นคราบอสุจิอยู่บนตัวม้าด้วย     เธอจึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้าวันที่เกิดเหตุ มีชายคนหนึ่งที่มีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า Duyck ร้องขอจะมานอนที่คอกม้าของเธอแต่เธอปฏิเสธไป นี่น่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันแน่ๆ จึงมีการแจ้งตำรวจและนำไปสู่การรวบตัวเขาได้ในที่สุด ศาลได้สั่งตัดสินให้ Duyck รับโทษจำคุก 20 เดือนด้วยกัน พร้อมทั้งสั่งห้ามให้เขาเลี้ยงม้าหรือสัตว์อื่นๆ เป็นระยะเวลา 15 ปีจากความผิดที่เกิดขึ้น โดยขณะที่เขาอยู่ที่ชั้นศาลก็ได้ให้คำรับสารภาพทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการข่มขืนม้าหรือว่าการที่เขาไปขโมยรถปิ๊กอัพคันหนึ่งมา…     โดยก่อนหน้านี้เขาเคยถูกจำคุกมาแล้ว และนอกจากนี้ยังได้รับการวิจัยฉันว่ามีภาวะออทิสติกกับสมาธิสั้น…

เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2019  Emiliano Sala ดาวเตะชาวอาร์เจนตินาได้โดยสารเครื่องบิน Piper Malibu เดินทางจากเมืองน็องต์ ประเทศฝรั่งเศส ไปยังเมืองคาร์ดิฟฟ์ หลังจากที่เซ็นสัญญาค้าแข้งร่วมกับทีม คาร์ดิฟ ซิตี้ แต่ว่าหลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้ข่าวหรือมีการพบเห็นเขาอีกเลย…   Emiliano Sala   หลังจากการหายตัวไปเป็นเวลาหลายวันของ Sala ก็ได้มีการค้นพบเครื่องบินลำที่เขาโดยสาร นอนจมอยู่ใต้ท้องทะเลบริเวณช่องแคบอังกฤษ พร้อมกับร่างที่ติดอยู่ในซากนั้นหนึ่งร่าง โดยในตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นร่างที่พบเจอว่าเป็นร่างของ Sala หรือนาย David Ibbotson นักบินวัย 59 ปีกันแน่ แต่ก็เป็นที่เชื่อกันว่าเขาน่าจะไม่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ข่าวนี้ได้กลายเป็นข่าวดังไปทั่วทั้งโลก พร้อมกับความเสียใจโศกเศร้าของแฟนบอลและญาติๆ แต่นอกจากญาติๆ แล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่รอให้เขากลับบ้านอยู่…   Sala และสุนัขของเขา   Romina น้องสาวของดาวเตะผู้ล่วงลับได้โพสต์ภาพของเจ้า Nala สุนัขตัวโปรดของพี่ชายในเฟซบุ๊กของเธอ พร้อมกับพิมพ์ข้อความประกอบไว้ว่า ‘Nala ก็ยังรอพี่อยู่เหมือนกันนะ’    ภาพสุดสะเทือนใจของเจ้า Nala ที่รอคอยให้เจ้าของกลับบ้าน    โดยภาพที่ว่านี้เป็นภาพของเจ้าตูบที่นั่งเหม่อมองออกไปข้างนอกบ้านเหมือนกับว่ามันกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง หรือบางคนให้กลับมาหามันอีกครั้งหนึ่ง   ภาพแรกที่มีการค้นพบซากเครื่องบิน  …

ทะเลที่ไหนมีคลื่นย่อมมีนักโต้คลื่น และถึงแม้ว่าความหนาวจัดจะทำให้ทะเลแห่งนั้นเย็นราวกับน้ำแข็ง ก็ยังมีชายคนหนึ่งวัย 40 ปี ที่เรียกกันว่าเป็นยอดมนุษย์เพราะเขากล้าท้าลมและคลื่น ที่หนาวขนาดว่าหนวดของเขายังกลายเป็นน้ำแข็งไปด้วย…   ‘แดน’ เทพแห่งกระดานโต้คลื่น พร้อมตรีศูลของเขา (ยังกับ Aquaman เลยแฮะ)   ชายคนนี้มีชื่อว่า Daniel Schetter หรืออีกชื่อหนึ่งว่า ‘แดน’ เทพแห่งกระดานโต้คลื่น เขาเป็นนักโต้คลื่นมืออาชีพจากเขต มาร์แกตต์ ในรัฐมิชิแกน  โดยภาพถ่ายเหล่านี้ได้จากช่างภาพนามว่า Devon Hains ที่ช่วยแชร์ประสบการณ์ของ แดน ในการโต้คลื่นท้าความหนาวท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ   หรือ แดนกำลังกระโดดลงสู่บ้านเกิดที่แอตแลนติส   ช่างภาพของ แดน ได้กล่าวว่า รูปถ่ายเหล่านี้ใช้ระยะเวลาถ่ายสองวัน เมื่อวันที่ 27 และ 30 มกราคม 2019 ที่ผ่านมา “ในการถ่ายครั้งได้มีนักโต้คลื่นอีกคนมาร่วมกับแดนด้วย ชื่อ Allen Finau”    ช่างภาพ Devon และซ้ายมือคือ Allen ส่วนขวามือคือ Daniel   ภาพโต้คลื่นเหล่านี้ถ่ายขึ้นที่ Presque Isle Park ที่รัฐมิชิแกน บนทะเลสาบ Superior ขณะที่อุณหภูมิติดลบ -34 องศา และลมทะเลเย็นยะเยือกได้พัดผ่านตลอดเวลา   เท่มาก เหมือนอาร์เธอร์ในชีวิตจริง…

จากความเดิมตอนที่แล้วมีสาวเสิร์ฟน้ำปริศนาคนหนึ่ง สามารถแย่งซีนเหล่าบรรดาเซเลบได้ในงานประกาศรางวัลลูกโลกทองคำประจำปี 2019 เธอคนนั้นคือ Kelleth Cuthbert นางแบบชาวแคนาดาหรือที่โซเชียลมีเดียรู้จักกันดีในชื่อของ “Fiji Water Girl” นั่นเอง ข่าวเก่า: งานนี้เหล่าดาราดังต้องสะดุด เมื่อถูก “เด็กเสิร์ฟน้ำสุดน่ารัก” แย่งซีนกลางงานลูกโลกทองคำ   https://www.instagram.com/p/BsUJfMbn3cS/?utm_source=ig_embed   การปรากฏตัวของ Kelleth Cuthbert ในงานประกาศรางวัลลูกโลกทองคำและไล่ทำโฟโต้บอมบ์อยู่ด้านหลังบรรดาเซเลบ กลายเป็นกระแสพูดถึงไปในโซเชียลมีเดียกันอย่างรวดเร็ว จากรายงานพบว่าบริษัทน้ำดื่ม Fiji สามารถสร้างรายได้จากค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นมากถึง 12,000,000 เหรียญสหรัฐ (375,600,000 บาท) ภายในเวลาไม่นานนักหลังจากสาวเสิร์ฟน้ำของพวกเขากลายเป็นไวรัล     แต่ช่วงเวลาที่หอมหวานครั้งนี้ ดูเหมือนจะอยู่ไม่นานเสียแล้ว เมื่อล่าสุดมีข่าวว่า Kelleth Cuthbert ได้ทำการฟ้อง Fiji Water Company บริษัทที่เคยจ้างเธอไปเสิร์ฟน้ำ หลังจากพบว่าบริษัทนำรูปเธอไปใช้โดยไม่ขออนุญาต โดยเธอพบว่า Fiji Water Company ได้นำรูปของเธอไปทำเป็นแสตนดี้เพื่อโปรโมทสินค้าของตัวเอง ซึ่งเกินขอบเขตการว่าจ้างในครั้งดังกล่าว และยังมีการเผยอีกด้วยว่าทาง Fiji Water Company ได้ล่อลวงและกดดันให้เธอเซ็นสัญญาในเอกสารปลอมเพื่อให้เธอกลายเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์     หลังจากถูกฟ้อง ทาง…

ถ้าคุณเคยติดตามข่าวจะเห็นว่าช่วงหนึ่งได้มีบัญชีอินสตาแกรมว่า world_record_egg ได้ออกมาขอให้คนบนโลกโซเชียลช่วยกันทำลายสถิติยอดไลค์โพสต์หนึ่งของ Kylie Jenner ซึ่งสามารถทำลายสถิติล่าสุดได้ถึง 52.2 ล้านไลค์ หลายๆ คนคงจะสงสัยว่าอินสตาแกรม ‘เจ้าไข่’ มีจุดประสงค์เพื่ออะไร? ซึ่งเมื่อคืนเจ้าไข่นี้ก็ได้ออกมาเผยถึงเบื้องหลังของมันแล้ว…   เบื้องหลังในการทำอินสตาแกรมนี้มีขึ้นมาเพื่อประชาสัมพันธ์ถึง “ความกดดันจากสังคมบนโลกออนไลน์” ร่วมกับทาง mentalhealthamerica ให้ทุกคนตระหนักถึงสุขภาพจิตที่แย่ลง อาจเกิดขึ้นจากการใช้โซเชียล…   ภาพเคลื่อนไหวที่ ‘เจ้าไข่’ ได้แชร์ลงบนอินสตาแกรม https://www.instagram.com/p/BtdYQwincYv/   โดยเจ้าไข่ได้แชร์วิดีโอลงบนอินสตาแกรม เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2019 หลังการแข่งขัน Super Bowl หรือการแข่งขันชิงแชมป์อเมริกันฟุตบอล เนื้อหาโพสต์ว่า “ฟิ้ว ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย หลังจากได้รู้ว่าแรงกดดันมันเยอะขนาดไหน สามารถเข้าไปเยี่ยมชม ได้ที่ TALKINGEGG.INFO เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมได้”   ไข่ที่เริ่มมีรอยแตกขึ้นเรื่อยๆ https://www.instagram.com/p/Bs84JbRHsTN/   ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง ‘เจ้าไข่’ ได้โพสต์ภาพไข่ที่เริ่มมีรอยแตกมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละอาทิตย์ และเผยว่า “การที่ไข่ได้มีการกดไลค์มากๆ จนแตกในที่สุด เปรียบเสมือนสภาพจิตใจของคนที่อาจถูกแรงกดดันจากสังคมบนโลกออนไลน์ทำลายได้เช่นกัน”   นั่นสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมการเสพติดยอดไลก์บนโลกออนไลน์ ยิ่งมีการกดถูกใจให้เรามากขึ้น…

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2019 เว็บไซต์ Buzzfeed ได้ทำการรายงานว่านักศึกษาสาวจากมหาวิทยาลัย North Carolina ได้พบชายแปลกหน้าอยู่ในตู้เสื้อผ้าของเธอ พร้อมกับยังใส่เสื้อผ้าของเธออีกด้วย     โดยนักศึกษาสาวได้ให้สัมภาษณ์กับช่อง Fox 8 ว่าในตอนแรกว่า ปกติแล้วเธอจะล็อคประตูตลอดเวลาและไม่มีวี่แววว่ามีใครบุกเข้ามา แต่ในวันดังกล่าว หลังจากเธอกลับมาถึงห้องพักในวันเสาร์ที่ผ่านมา เธอก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างอยู่ในตู้เสื้อผ้า รวมถึงเสื้อผ้าบางตัวของเธอก็ได้หายไป แถมยังมีรอยมืออยู่บนกำแพงห้องน้ำอีกด้วย เธอจึงคิดว่าอาจจะเป็นผีก็เป็นไปได้     แต่เมื่อวันอาทิตย์ เธอก็ต้องพบความจริงว่าการที่เสื้อผ้าหายไป รวมถึงรอยมือในห้องน้ำนั้นไม่ใช่ฝีมือของผี แต่เป็นหนุ่มคนหนึ่งที่แอบอยู่ในตู้เสื้อผ้าของเธอ!! “ฉันได้ยินเสียงกึกกักอยู่ตู้เสื้อผ้าของฉัน เสียงมันเหมือนกับมีแรคคูนอยู่ในนั้น ฉันก็เลยถามว่าไปว่า ‘ใครอยู่ตรงนั้น’ ก่อนจะมีคนตอบมาว่า ‘ผมเอง โอ้ ผมชื่อ Drew’ จากนั้นฉันก็เลยเปิดตู้และก็พบว่าชายคนดังกล่าวอยู่ในนั้น เขาสวมเสื้อผ้า ถุงเท้า รองเท้าทุกอย่างของฉันในตู้นั้นอยู่”      หลังจากพบตัวชายคนดังกล่าว เธอก็ทำการแจ้งตำรวจทันที ก่อนที่ตำรวจจะมาถึงที่เกิดเหตุช่วง 15.30 น. และทำการจับกุม Andrew Clyde Swofford ชายวัย…

เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ทุกคนที่จะมีความกลัวต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น กลัวความสูง กลัวความมืด กลัวที่แคบ เป็นต้น ซึ่งระดับความกลัวของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะกลัวที่จะอยู่ใกล้สิ่งเหล่านั้น แต่บางคนอาจจะกลัวสุดขีดจนทำอะไรไม่ถูก     หลายคนอาจจะไม่เคยรู้จักโรคกลัวแมว หรือ ailurophobia มาก่อน เพราะมองว่าเจ้าเหมียวสุดน่ารัก แสนขี้อ้อนขนาดนี้ ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด ผิดกับบางคนที่ไม่ชอบถึงขึ้นออกอาการกลัวเมื่อถูกสัมผัสด้วยขนปุกปุยของเจ้าเหมียว และบางคนอาจจะมีประสบการณ์โดนแมวข่วน หรือกัดในวัยเด็ก ทำให้กลัวแมวมาจนถึงทุกวันนี้ เหมือนพิธีกรรายการตลก Impractical Joker อย่าง Sal Vulcano     ในตอนหนึ่งของรายการที่ออกอากาศก่อนหน้านี้ Sal ได้แกล้งเพื่อนของเขาที่กลัวแมงมุมอย่างเจ็บแสบ เพื่อนๆ ของพวกเขาจึงเอาคืน โดยการจับ Sal มามัดมือ มัดเท้า และปล่อยแมวให้วิ่งผ่านไปบนตัวเขา โดยผลที่ได้คือ… จับมัดขนาดนี้แล้วจะหนีไปไหนรอดด แง้ พ่อจ๋าแม่จ๋า ช่วยด้วยย   ส่งยิ้มให้เจ้าเหมียวหน่อย ฮ่าาๆๆ    ล่อด้วยอาหารสักหน่อย   อาณาจักรเหมียว จงตกเป็นทาสข้าซะ เจ้ามนุษย์!   รักกันน้าๆๆ  …

โลกนี้จะเป็นอย่างไร หากไร้หนังสือ? ปฏิเสธไม่ได้ว่าในโลกปัจจุบันทันสมัย เราห่างไกลจากสิ่งพิมพ์อย่างหนังสือมากขึ้นทุกที อาจจะเพราะมีสื่อต่างๆ เข้ามาแทนที่ ทำให้บางครั้งเราหลงลืมหนังสือที่กองตั้งเป็นภูเขาอยู่ตรงมุมห้อง     หากแต่เด็กในพื้นที่ห่างไกล ไม่มีเทคโนโลยีทันสมัยมากนัก พวกเขาจะทำอย่างไร?   Antonio La Cava คุณครูผู้เกษียณอายุ ตอบว่า “ถ้าไม่มีหนังสือ เด็กๆ คงรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว” เขาจึงเริ่มโครงการห้องสมุดมีขา “Bibliomotocarro” ซึ่งบรรทุกหนังสือเต็มสามล้อคันเล็กไปหาเด็กๆ บนภูเขา Basilicata  ประเทศอิตาลี     เขาได้เข้าถึงเข้าถึงหมู่บ้านในพื้นที่ห่างไกลอย่าง San Paolo Albanese ที่มีเด็กอายุรุ่นราวนักเรียนประถมถึงอยู่ 2 คน ซึ่งเด็กพวกนี้ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ กว่า 20 ปีมาแล้วที่เขาขับรถขึ้นเขา ลงเขา เอาความรู้ไปแบ่งปันเด็กๆ โดยเปิดโอกาสให้พวกเลือกหนังสือเองตามความสนใจเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของนิสัยรักการอ่าน นอกจากนั้น La Cava ยังคอยหาหนังสือที่เด็กๆ อยากอ่านมาเพิ่มในห้องสมุดของเขาด้วย     เขาได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันกังวัลว่าเมื่อแก่ตัวลง จะไม่มีนักอ่านลงเหลืออยู่ในประเทศนี้” เขามองว่าการเผยแพร่ความรู้ผ่านความสนุกสนานของวรรณกรรม จะสร้างคุณค่าทางสังคม วัฒนธรรม และปลูกฝั่งจริยธรรมอันดีงามแก่เด็กๆ  …

เมื่อไม่กี่ปีมานี้เราจะเห็นได้ว่ามีร้านกาแฟหรือคาเฟ่ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายทั่วทุกมุมถนน ซึ่งแต่ละร้านต่างก็งัดเอาไอเดีย หรือจุดขาย ที่เป็นเอกลักษณ์ออกมาเพื่อดึงดูดลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเมนูแปลกใหม่ หรือตกแต่งภายในร้านที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้คนมาอุดหนุน     เช่นเดียวกับร้านกาแฟแบรนด์ดังที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก อย่าง ‘สตาร์บัคส์’ ที่ปัจจุบันได้มีการวางรูปแบบร้านให้กลมกลืนกับสถานที่ตั้งและวัฒนธรรมของท้องถิ่นนั้นๆ ด้วย ซึ่งหลังจากสตาร์บัคได้เปิดสาขาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเกาะบาหลี ประอินโดนีเซียเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน     วันนี้เราจะพาทุกคนไปชมร้านกาแฟสตาร์บัคส์ที่สร้างจากตู้คอนเทนเนอร์ 29 ตู้ในไต้หวัน สตาร์บัคส์สาขานี้มีความโดดเด่นตรงโครงสร้างที่ถูกออกแบบโดยการตู้คอนเนอร์ที่ได้จากการรีไซเคิล มาวางซ้อนทับกันอย่างมีมิติ ซึ่งถือเป็นที่แรกที่เดียวของสตาร์บัคทั่วโลก     โดยสถาปนิก Kengo Kuma ได้วางรูปแบบให้มีความล้ำสมัยในพื้นที่เพียง 320 ตารางเมตร ซึ่งนอกจากลูกค้าจะได้ศิลปะกราฟฟิกที่ตกแต่งภายในร้านแล้ว ยังมองเห็นวิวภูเขาที่สวยงามอีกด้วย นอกจากนั้นผู้ออกแบบยังได้นำแรงบันดาลใจจากการต้นและใบของกาแฟที่เติบโตอย่างไม่สม่ำเสมอกัน มาผสม “bucket arch” องค์ประกอบสถาปัตยกรรมจีนโบราณมาตกแต่งร้านกาแฟแห่งนี้     เรียกได้ว่าเป็นการนำหลอมรวมของความทันสมัยในพื้นที่เก่าแก่ได้อย่างลงตัว ถ้าใครมีโอกาสไปไต้หวันอย่าลืมแวะไปจิบกาแฟ พร้อมกับถ่ายรูปมาเผื่อ #เหมียวฝึกหัดหมายเลข23 บ้างนะฮะ   ที่มา: worldofbuzz

ยังคงเป็นประเด็นเมื่อสาวสตรีมเมอร์นามว่า Lisa Vannatta คบกับแฟนหนุ่มชาวเอเชียชื่อว่า Jay ที่แม้ทั้งคู่ได้ประกาศแต่งงานกันแล้วก็ตาม ชาวเน็ตยังไม่หยุดโจมตีถึงความรักครั้งนี้ และประเด็นด้าน ‘เชื้อชาติ’ ยังเกี่ยวข้องเสมอ   Lisa กับแฟนหนุ่มของเธอ   ย้อนกลับไปเมื่อทั้งคู่ได้คบกันแรกๆ พวกเขาต่างต้องเผชิญกับคำกล่าวว่า “เป็นหญิงเชื้อชาตินี้แล้วไม่คู่ควรกับชายเอเชีย” และ “เธอมันคนลืมชาติกำเนิด ทำไมไม่คบกับคนเชื้อชาติเดียวกัน??” อีกทั้งคำด่าในเชิงเหยียดอีกมากมายตลอดสองปีที่ผ่านมา ข่าวที่เกี่ยวข้อง: เน็ตไอดอลสาวฝรั่ง ประกาศแต่งกับแฟนเกาหลี คอมเม้นท์เหยียดแรงยิิ่งกว่าคำยินดี…   Jay กับ Lisa ที่ Disneyland   ในปี 2017 มีหลายคนบนโลกออนไลน์ที่ไม่พอใจซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย เมื่อ Lisa ได้แชร์คลิปวิดีโอของเธอกับแฟนหนุ่มที่ไปร่วมงาน Anime Expo ที่แคลิฟอร์เนีย โดยคอมเม้นท์ต่างๆ เป็นไปในทางลบเสียส่วนมาก…   คอมเม้นท์บางส่วนที่แสดงความไม่พอใจ “ทำไมต้องเดตหนุ่มเอเชียที่เตี้ยกว่ามาตรฐานด้วย? รู้แย่แทนด้วยนะ ที่จะรู้ว่าพวกคุณจะมีลูกเป็นลูกครึ่งแบบนั้น”   “นิยมพวกผิวเหลืองมากนักเหรอ เธอเดตแต่กับพวกเอเชียนสงสัยจะชอบแบบสั้นๆ มั้ง”   โพสต์ที่ Lisa แชร์ลงอินสตาแกรมเมื่อทั้งคู่ประกาศแต่งงาน   หลังเธอได้แชร์ภาพนี้ลงบนอินสตาแกรม ไม่ว่าเธอจะแชร์รูปภาพลงบนอินสตาแกรม หรือวิดีโออะไรที่เกี่ยวข้องกับ Jay แฟนคลับผู้ชายส่วนใหญ่จะเข้ามาคอมเม้นท์อย่างดุเดือดถึงเธอและฝ่ายชายเป็นประจำ แต่เธอก็ไม่ยอมให้ฝ่ายชาวเน็ตว่าพวกเขาอย่างเดียว เธอจึงได้โต้ตอบกลับพร้อมบันทึกข้อความเหล่านี้ไว้…

หากคุณเป็นแฟนภาพยนตร์แอนิเมชันจากดิสนีย์ โดยเฉพาะเรื่อง Zootopia คงไม่พลาดที่จะกางปฏิทิน วางแผนเก็บเงิน ลางานไปเที่ยวที่ดิสนีย์แลนด์เซียงไฮ้ เพราะตอนนี้ทางสวนสนุกได้สร้างโซนใหม่ ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสดินแดนที่สนับสนุนทุกความฝันให้เป็นจริงอย่าง มหานคร Zootopia แห่งนี้     นอกจากบรรกาศในโลกแห่งจินตนาการที่ทุกคนใฝ่ฝันแล้ว ที่นี่ยังจะได้พบกับตัวละครในเรื่อง อย่าง Judy Hopps และ Nick Wilde ที่จะมาสร้างสีสันและเพิ่มความสมจริงในดินแดนแห่งนี้อีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอ ที่แห่งนี้ยังรวมเอาความบันเทิง สินค้า อาหารและเครื่องดื่มในธีมของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ที่มีความโด่งดังจนสร้างรายได้เป็นอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์แอนิเมชั่นในประเทศจีน     โดยดินแดน Zootopia นี้นับว่าเป็นโซนที่แปดที่เพิ่มจากการขยายสวนสนุกดิสนีย์แลนด์เซียงไฮ้เมื่อปี 2016 หลังจากมีการเปิดโซนในภาพยนตร์ Toy Story เมื่อปีที่แล้ว     มหานคร Zootopia ที่กำลังอยู่ในระหว่างวางแผนการก่อสร้างในสวนสนุกดิสนีย์แลนด์เซียงไฮ้แห่งนี้ ถือเป็นที่แรกในโลก แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีกำหนดเวลาเปิดอย่างเป็นทางการ หากมีข้อมูลเพิ่มเติม #เหมียวฝึกหัดหมายเลข23 จะรีบนำมาอัพเดตให้กับเพื่อนๆ เลยจ้า   ที่มา: CNN

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นที่รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา เมื่อคุณป้าวัย 69 ปี เจ้าของร้านสะดวกซื้อได้ต่อสู้กับโจรด้วยสิ่งที่คาดไม่ถึง… โดยจากภาพกล้องวงจรปิดเธอใช้เพียงแค่หวีกล้วยเหวี่ยงใส่โจรรายนี้เท่านั้น!!   คุณป้า Kim กับกล้วยของเธอ และภาพจากกล้องวงจรปิดร้านสะดวกซื้อ   คุณป้าสุดเก๋าคนนี้มีชื่อว่า Seungae Kim อาศัยอยู่ที่เมือง Cooksville เจ้าของร้านสะดวกซื้อที่ชื่อว่า A&J Convenience ซึ่งระหว่างที่กำลังเฝ้าร้านกับสามีของเธอนั้น ได้มีโจรรายนึงสวมหมวกไอ้โม่งหวังจะบุกเข้ามาปล้นที่ร้าน… จากการรายงาน โจรรายนั้นได้ขู่ให้เธอเปิดแคชเชียร์และเอาเงินออกมา แต่เธอตอบกลับไปว่า “แกจะไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว!!” หลังจากนั้นคุณป้า Kim ได้หยิบสิ่งที่อยู่ใกล้มือที่สุด คือ กล้วยทั้งหวีปาใส่โจรอย่างไม่ยอมแพ้จนในที่สุดโจรก็ได้หลบหนีไปโดยไม่ได้อะไรเลย   อินสตาแกรม thetorontostar ได้ชื่นชมในความกล้าหาญของเธอ https://www.instagram.com/p/BteIiGUnP3c/   จากการเหตุการณ์นั้นโชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ โดยคุณป้า Kim ได้บอกอีกด้วยว่า “ฉันเพียงแค่อยากจะปกป้องสามีของฉันเท่านั้น ตอนนั้นเรื่องเงินเป็นเรื่องรองเลยที่ฉันนึกถึง” แต่ถึงอย่างนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้บอกกับเจ้าของร้านสะดวกซื้อว่าหากเกิดเหตุการณ์ครั้งต่อไปอีกควรระมัดระวังให้ดี และหลีกเลี่ยงการปะทะให้มากที่สุด เพราะอาจจะไม่ได้โชคดีเหมือนคราวนี้ที่โจรไม่ได้พกอาวุธมา…      ที่มา: nextshark, thestar

ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของโลกใบนี้ ผู้คนต่างมองหาความเป็น ‘ส่วนตัว’ เพื่อที่จะได้ใช้เวลาขบคิด ทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต และวางแผนสำหรับอนาคตข้างหน้า มันคงจะดีถ้าเราสามารถกำหนดพื้นที่ส่วนตัวได้ทุกที่ ทุกเวลา ดั่งเช่นการสวม “กล่องแห่งความคิด” หรือ “Thought Box” เอาไว้ เพื่อให้เราสามารถใช้เวลาอยู่กับตัวเอง     ร้านค้าออนไลน์แห่งประเทศอังกฤษ The Form Emporium ได้เปิดขายกล่องแห่งความคิดที่มาพร้อมกับเก้าอี้ตัวเล็กในราคา 650 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 20,360 บาท กล่องแห่งความคิดใบสีดำใบนี้ ทำจากกระดาษแข็งและผ้า ซึ่งหากคุณกำลังเกิดคำถามว่า ทำไมกล่องใบนี้ถึงมีราคาสูงนักหนา เราขอตอบว่ากล่องใบนี้มีดีกว่าที่คุณเห็น     แม้ว่าภายนอกอาจจะดูเหมือนกล่องธรรมดาที่นำมาสวมไว้บนหัว แต่ภายในกล่องประกอบไปด้วยหมวกกันน็อกที่ทำจากพลาสติกที่สามารถปรับให้พอดีหัว นอกจากนั้นยังมีหูฟังกันเสียง ฟิลเตอร์สีต่างๆ ที่เหมาะกับอารมณ์ของคุณในตอนนั้น ซึ่งประโยชน์ของมันก็ตามชื่อ นั่นก็คือมันใช้สำหรับให้คุณได้ใช้เวลาว่างในการ “คิด คิด และก็คิด” เนื่องจากการอยู่ในกล่องดังกล่าว คุณก็จะไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นมากนัก บางทีคุณอาจจะได้ไอเดียอะไรเจ๋งๆ ขึ้นมาจากเจ้านี่ก็เป็นได้     กล่องใบนี้จึงเปรียบเสมือนโลกใบเล็กๆ อีกใบหนึ่งสำหรับผู้ใช้ ทำให้เราได้มีเวลาส่วนตัวและเกิดประสิทธิภาพทางด้านความคิด ซึ่งทางเว็บไซต์ที่จัดจำหน่าย ได้ทำกล่องแห่งความคิดนี้ขึ้นมาในจำนวนจำกัด 10…

ถ้าถามเด็กๆ สมัยนี้ว่าชอบดูการ์ตูนเรื่องไหน คำตอบที่ได้คงมีทีวีซีรีส์ ลูกหมูสีชมพูอย่าง ‘เปปป้าพิก’ อยู่ในนั้นด้วย เพราะนอกจากภาพสีสดใส ดึงดูดใจเด็กๆ แล้ว เนื้อหาของการ์ตูนเปปป้าพิกยังสอดแทรกความรู้และข้อคิดมากมาย ในช่วงตรุษจีนปี 2019 ซึ่งตรงกับปีหมูนี้ เปปป้าพิกก็เป็นตัวละครยอดนิยม ที่ถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์ และสินค้าต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ของประเทศจีนอีกด้วย     ซึ่งในตอนใหม่ของเปปป้าพิกที่ฉายในวันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2019 นี้ เป็นตอนที่ Madame Gazelle คุณครูในเรื่องจะได้สอนเด็กๆ ให้รู้จักขนบธรรมเนียม และประเพณีของชาวจีนที่ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาในวันขึ้นปีใหม่ โดยเหล่าตัวละครในเปปป้าพิกต่างพากันสวมชุดสีแดง ท่ามกลางบรรยากาศของเทศกาลตรุษจีนตกแต่งไปด้วยโคมไฟสวยงามและการแห่มังกร     นอกจากนั้น คุณหนูๆ จะได้พบกับตัวละครใหม่อย่าง แพนด้าคู่แฝดสุดน่ารัก Peggi และ Pandora ลูกสาวของคุณตำรวจที่มาสร้างสีสันในตอนใหม่นี้ด้วย ส่วนเนื้อหาจะเป็นอย่างไรนั้นคุณหนูสามารถติดตามได้ทางช่อง Nickelodeon หรือจะรอชมทางเว็บสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ก็ได้เช่นกัน หวังว่าหนูๆ ทุกคนจะมีความสุขกับเปปป้าพิกตอนใหม่ที่เรานำเสนอในวันนี้นะ!     ที่มา: usatoday

ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้ เด็กๆ เติบโตมาในโลกดิจิตอล ซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่งอยู่ตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ตหรือโทรศัพท์ที่เชื่อมต่อกับโลกออนไลน์อยู่ตลอดเวลา งานวิจัยจากที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ JAMA Pediatrics ระบุว่าการใช้เวลาอยู่กับหน้าจอนานๆ มีผลต่อสุขภาพและพัฒนาการของเด็กในระยะยาว     ซึ่งจากการเก็บข้อมูลจากเด็ก 2,441 คน ตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนอายุ 5 ขวบ โดยทดลองให้เด็กอายุ 2 ขวบ ประกอบคำ 2 คำให้เข้าด้วยกัน และให้เด็กอายุ 5 ขวบเรียงคำ 5 คำให้เป็นประโยค เพื่อนำมาวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างเด็กแต่คน ซึ่งใช้เวลาบนหน้าจอ และสื่อต่างประเภทกัน สรุปได้ว่าเด็กที่ใช้เวลาไปกับหน้าจอมากกว่า มีพัฒนาการด้านร่างกาย ทักษะด้านการสื่อสาร และการแก้ปัญหาต่ำกว่าเด็กทั่วไป     โดยผลการวิจัยเผยว่าเด็ก 2 ขวบ, 3 ขวบ และ 5 ขวบใช้เวลาบนหน้าจอ 17.1, 25, และ 10.9 ชั่วโมงตามลำดับ และถึงแม้ว่านักวิจัยจะไม่ได้เผยถึงระยะเวลาที่เหมาะสมในการใช้สื่อดิจิตอล แต่ Madigan หนึ่งในทีมวิจัยได้ให้สัมภาษณ์ว่า “เมื่อเด็กใช้เวลาอยู่กับหน้าจอนานๆ จะทำให้เด็กมีพัฒนาการการช้าลง ซึ่งส่งผลต่ออนาคตของเด็กด้วย”…

เมื่อเสาร์วันที่ 2 กุมภาพันธ์ปี ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นที่โรงงานผลิตมันฝรั่งทอดกรอบ “Calbee” ในฮ่องกง เมื่อในบรรดามันฝรั่งที่มีการนำเข้าจากประเทศฝรั่งเศสกลับมีระเบิดมือโบราณติดมาด้วยลูกหนึ่ง     โดยเจ้าระเบิดลูกดังกล่าวมีขนาดความกว้างอยู่ที่ราวๆ 8 เซนติเมตร ตัวระเบิดเต็มไปด้วยสนิมกับคราบโคลน แถมยังอยู่ในสภาพที่ไม่มีสลักและอาจจะระเบิดได้ทุกเมื่อ จากการตรวจสอบของหน่วยกู้ระเบิด ระเบิดลูกนี้เป็นระเบิดมือของประเทศเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งน่าจะถูกใช้งานในระหว่างการรบที่ฝรั่งเศสเมื่อ 100 ปีก่อน     เป็นไปได้ว่าระเบิดดังกล่าวจะถูกขุดขึ้นมาโดยบังเอิญจากในพื้นที่ไร่และถูกส่งข้ามประเทศมายังโรงงานแห่งนี้พร้อมๆ กับมันฝรั่งเพื่อใช้ในการแปรรูปเป็นมันฝรั่งทอดกรอบ นับว่าโชคดีมากที่ระเบิดลูกดังกล่าวถูกพบเข้าเสียก่อน ดังนั้นหน่วยกู้ระเบิดของฮ่องกงจึงสามารถเข้ามาจัดการกับระเบิดลูกดังกล่าวได้ทันท่วงที     อ้างอิงจากรายงานของเจ้าหน้าที่ พวกเขาได้ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงในการทำลายระเบิดลูกดังกล่าวโดยที่ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ในเบื้องต้นทางตำรวจลงความเห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากความประมาทและไม่รู้ของชาวไร่ที่ฝรั่งเศสเท่านั้น และไม่ได้เป็นการก่อการร้ายที่มีการวางแผนมาก่อนแต่อย่างใด แม้ว่าระเบิดลูกนี้จะเป็นระเบิดลูกที่สองที่มีการพบในฮ่องกงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ตาม     ที่มา bbc, forces และ abc

เด็กหญิงชาวรัสเซียคนหนึ่งต้องเผชิญกับความทรมานตลอดระยะเวลาสามปีตั้งแต่กำเนิด เนื่องจากเธอไม่มีช่องทวารและจากการวินิจฉัยผิดพลาดของแพทย์ที่บอกกับพ่อแม่ของเธอว่าทุกอย่างปกติดี…   หนูน้อยชาวรัสเซีย   เด็กหญิงชาวรัสเซียชื่อ Varya Galtsev ต้องถ่ายหนักผ่านทางอวัยวะเพศมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้เธอต้องเป็นโรคท้องผูกไม่กี่เดือนหลังคลอด จนเมื่ออายุได้ราวสามขวบเธอก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นท่อน้ำดีตีบตันแต่กำเนิด ผู้เป็นพ่อ Andrey ได้เปิดเผยว่าหลังหนูน้อยได้คลอดออกมาจะเห็นได้ชัดว่าเธอไม่มีรูทวาร แต่ทางแพทย์กลับเพิกเฉย และให้คำแนะนำว่าเธอจะดีขึ้นเอง จนกระทั่ง Varya อายุได้หนึ่งปีจึงสังเกตได้ชัดว่า มันมีรูปร่างที่แตกต่างไปจากของเด็กคนอื่นๆ     การไร้รูทวารแต่กำเนิดมักจะเกิดขึ้นกับเด็กผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสามารถสังเกตได้ตั้งแต่แรกเกิด และการผ่าตัดให้แก้ไขให้เป็นปกติมักจะประสบความสำเร็จหลังการวินิจฉัยได้เสมอ… ซึ่งสำหรับกรณีนี้เกิดขึ้นจากการที่ทางแพทย์ไม่ได้วิเคราะห์ให้ละเอียดตั้งแต่แรกจึงทำให้เกิดเรื่องที่ต้องตามแก้ไขทีหลัง สร้างความลำบากให้ทั้งพ่อแม่รวมไปถึงตัวของหนูน้อยด้วย   Varya กับคุณพ่อ   โชคดีที่ตอนนี้เด็กหญิง Varya ได้เข้ารับการผ่าตัดแก้ไขบางส่วนไปบ้างแล้ว และจะได้รับเข้าการผ่าตัดอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 นี้ โดยเธอได้อยู่ในการดูแลของทีมแพทย์จากมอสโคว รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญอีก 5 คนที่จะมาเข้าร่วมในการรักษาครั้งนี้ด้วย ที่มา: dailymail

การศึกษาในปัจจุบันนับว่าเปิดกว้างกว่าในอดีต เนื่องจากมีเครื่องมือมากมายที่เป็นตัวช่วยในการเรียนรู้ และหลักสูตรที่มีความหลากหลายทำให้นักเรียนนักศึกษามีตัวเลือกมากขึ้น ไม่ว่าผู้เรียนจะมีความสนใจทางด้านไหน ทางมหาวิทยาลัยก็แข่งขันกันเปิดหลักสูตรตามความต้องการ เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยในเกาหลี ซึ่งเล็งเห็นว่าการการศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่จะช่วยพัฒนาประเทศให้มีความรุ่งเรืองต่อไปในอนาคต   มาดูกันว่าในมหาวิทยาลัยเกาหลีมีวิชาไหนน่าสนใจบ้าง!?   1. วิชาออกเดต ที่มหาวิทยาลัย Dongguk เปิดสอนวิชาที่ว่าด้วยเรื่องของการแต่งงาน มีครอบครัว โดยมีการบ้านให้นักศึกษาออกเดตกันเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งจะมีการเปลี่ยนคู่เดตให้ถึงครบ 3 คนก่อนจบภาคการศึกษา   2. วิชาปลาดิบ หลายคนคงไม่คิดว่าในมหาวิทยาลัยอื่นๆ หรือมหาวิทยาลัยอย่าง Pukyong National จะเปิดสอนวิชาปลาดิบ ซึ่งให้นักศึกษาได้ลองทานปลาดิบหลากหลายชนิด เพื่อทำให้เห็นถึงรสชาติที่แตกต่างกันของปลาจากธรรมชาติ หรือปลาที่ถูกเลี้ยง โดยนักศึกษาจะสามารถถ่ายทอดความรู้ให้กับคนอื่นๆ ได้   3. วิชาชิมไวน์ การแยกแยะความแตกต่างของไวน์แต่ละชนิดนั้นเป็นเรื่องยากและค่อนข้างไกลตัว ที่มหาวิทยาลัย Soongsil จึงเปิดวิชาชิมไวน์ให้นักศึกษาได้ลิ้มลองรสชาติ รวมถึงเรียนรู้วัฒนธรรมการดื่มไวน์ เพื่อที่ผู้เรียนจะได้ดื่มไวน์ได้อย่างถูกวิธี   4. วิชาเพลงลูกทุ่งของชาวยุโรปแถบเทือกแอลป์ ที่มหาวิทยาลัย Hanyang ได้เปิดสอนวิชาที่ให้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและการขับร้องเพลงลูกทุ่งของชาวยุโรปแถบเทือกเขาแอลป์   5. วิชายิงปืน มหาวิทยาลัยหญิง Sookmyeong มีวิชายิงปืน ที่ส่งเสริมการเรียนรู้นอกมหาวิทยาลัย…

หากย้อนวัยไปตอนเด็กๆ หลายคนคงโตมากับเกมจาก Nintendo ที่ตอนนั้นใครไม่รู้จักคงโดนเพื่อนล้อว่าเอาท์สุดๆ ทำให้บางคนต้องแบ่งเงินค่าขนม มาสะสมไว้ซื้อเกมไปเล่นแข่งกับเพื่อน ซึ่งทุกวันนี้เกม Nintendo ยังคงเป็นตำนานและถูกพัฒนามาเป็นเกมแบบ Switch ที่ตัวเครื่องสามารถสับเปลี่ยนโหมดการเล่นได้หลายรูปแบบ ซึ่งสามารถต่อเครื่องเกมคอนโซลกับที่บ้าน หรือจะพกพาออกไปเล่นข้างนอกก็สะดวกเช่นกัน     ความนิยมของ Nintendo SWITCH ทำให้เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2018 ที่ผ่านมา มียอดขายสูงมากกว่า 32 ล้านหน่วย โดยมี 5 เกมที่มียอดขายสูงถึง 10 ล้าน ซึ่งเรียงสามารถลำดับเกมขายดีได้ดังต่อไปนี้   10. “Kirby Star Allies” ยอดขาย 2.42 ล้านหน่วย   9. “Mario Tennis Aces” ยอดขาย 2.53 ล้านหน่วย   8. “1-2 Switch” ยอดขาย 2.86 ล้านหน่วย   7. “Super Mario…

รู้หรือไม่ว่ากาลครั้งหนึ่งเคยมีคดีแปลกๆ เกิดขึ้น… ย้อนกลับไปในปี 2013 เมื่อ Neil McArdle ว่าที่เจ้าบ่าวอายุ 36 ปี ไม่กล้าที่จะบอกความจริงกับเจ้าสาวของเขา Amy Williams ว่า ลืมจองสถานที่แต่งงานก่อนวันแต่งเพียงหนึ่งวัน และแผนต่างๆ ต้องเป็นอันวุ่นวายกว่าเดิม เมื่อ Neil ได้จัดการกับปัญหานี้ด้วยการโทรบอกว่า “จะมีระเบิดเกิดขึ้น” ในวันแต่งของเขาเอง!!     ช่วงเวลาตอนเช้าก่อนจะเริ่มเข้าพิธีแต่งงานที่ St George’s Hall ได้มีชายคนหนึ่งโทรแจ้งกับทางสำนักงานของ เมือง Liverpool ประเทศอังกฤษ ว่า “นี่ไม่ใช่การโทรขู่เล่นๆ มีระเบิดอยู่ใน St George’s Hall และมันจะระเบิดภายใน 45 นาทีนี้”   ซึ่งจากการโทรขู่นั้น คือ ชายคนเดียวกับว่าที่เจ้าบ่าวที่ควรจะมีพิธีแต่งงาน ซึ่งจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า!! โดยไม่นานหลังจากนั้นทั้งอาคารก็รายล้อมไปด้วยตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะ Neil ดันโทรในช่วงเวลาหลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดงานบอสตันมาราธอนที่เพิ่งเกิดขึ้นเพียงแค่ 11 วันเท่านั้น…   อาคาร St George’s Hall   แน่นอนว่าหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถูกจับได้ และให้เหตุผลว่าตัวเขาไม่อยากทำให้ว่าที่ภรรยาต้องผิดหวัง ซึ่ง Neil เองบอกว่า “ได้หาทางจะบอกเธอแล้ว…

เพื่อนๆ เคยคิดบ้างหรือไม่ว่าหากจู่ๆ ตัวเองก็ถูกแจ็คพ็อตจนได้อาหารมากินทั้งปี เพื่อนๆ จะจัดการอย่างไรกับมัน จะกินอาหารพวกนั้นทั้งหมดหรือจะเอาไปขายดีล่ะ? เหมือนอย่างคนที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ ที่บังเอิญไปถูกแจ็คพ็อตได้กินไอศกรีมฟรีตลอดทั้งปี แต่เจ้าตัวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเขาถึงถูกรางวัลได้…   いや、よく読まんかった俺も悪いけど、一年分ってアホちゃう？？？？？（これと同じ量があた3回来る） pic.twitter.com/gvHPdTzKje — すくえあ (@skayiri) January 26, 2019   วันที่ 26 มกราคม 2019 มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @skayiri ได้ทำการโพสต์ไอศกรีมจำนวนมากพร้อมกับแคปชั่นว่า “เอ่อ ก็รู้อยู่ว่ามันเป็นความผิดที่ผมไม่ได้อ่านรายละเอียด แต่นี่มันไม่ไอศกรีมสำหรับหนึ่งปีนี่มันไม่มากไปหน่อยเรอะ?”     โดยก่อนหน้านั้นคุณ @skayiri ได้ใช้บริการของ Smart EX เพื่อจองตั๋วรถไฟชิงกันเซ็ง ซึ่งบนรถดังกล่าวมีแบรนด์ไอศกรีม 2 แบรนด์ที่กำลังแข่งขันเพื่อที่จะได้เป็นแบรนด์หลักเพื่อขายบนรถไฟ และเพื่อที่จะหยุดการแข่งขันดังกล่าว Smart EX จะให้ผู้ใช้บริการรถไฟเป็นคนตัดสินเสียเลย โดยการสุ่มผู้โชคดีจากคนที่มาใช้บริการหนึ่งคนเพื่อรับไอศกรีมทั้งสองแบรนด์ไปกินหนึ่งปี แบรนด์ไหนชนะใจคนกินก็ชนะการแข่งครั้งนี้     ซึ่งจดหมายที่แนบมากับไอศกรีมมีข้อความดังนี้ “ขอบคุณสำหรับใช้บริการจองตั๋วรถไฟผ่าน Smart EX คุณถูกเลือกให้เป็นผู้ชนะรางวัล “Sujahta Ice Cream vs. Azuki Bar”…