Tag: ญี่ปุ่น
-
ญี่ปุ่นเปิด ‘คาเฟ่สาว 2D’ ให้คุณได้นั่งดื่มกับสาวไอดอลการ์ตูน เสมือนได้นั่งต่อหน้าตัวจริง
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าญี่ปุ่นถือเป็นแหล่งศูนย์รวมสารพัดคาเฟ่ ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่สัตว์ คาเฟ่กอด คาเฟ่ผี คาเฟ่งีบ และอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน!? ล่าสุดนี้ทางร้าน Blue Leaf Cafe ของญี่ปุ่นก็ได้เปิดตัวคาเฟ่ที่ให้ลูกค้ามานั่งดื่มนั่งทานร่วมกับสาว 2D สำหรับคนโสด คนเหงา หรือคนที่อยากลองสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ หลายคนอาจจะงงว่าจะนั่งดื่มกับสาว 2D ได้อย่างไร? สำหรับบริการของคาเฟ่นี้จะทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนพิเศษที่ทางร้านได้จัดเตรียมไว้ให้ และตัวละครที่จะมาร่วมนั่งทานอาหารกับคุณด้วยก็คือ Hatsune Miku ตัวการ์ตูนไอดอลสาวเสมือนจริงนั่นเอง ด้วยความน่ารักและความสดใส แฟนคลับหลายคนก็อยากจะได้เจอตัวเธอจริงๆ บ้าง แต่สาวน้อย Miku ไม่ได้มานั่งทุกวันนะ เธอจะมานั่งบริการในร้านเพียงแค่ 5 วันเท่านั้น คือวันที่ 8, 9, 15, 16 และ 17 ของเดือนกรกฎาคม 2017 นอกจากนี้ทางร้านก็ยังมีเมนูพิเศษที่มาธีมของ Miku ระหว่างวันที่ 8 และ 31 กรกฎาคม เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 10…
-
บริษัทการ์ตูนในญี่ปุ่น โปรโมทอนิเมะ “Love and Lies” ด้วยการแจกถุงยางอนามัย!!
ปกติแล้วบริษัทการ์ตูนในญี่ปุ่นมักจะทำโฆษณาโปรโมทอนิเมะเรื่องใหม่ ด้วยการทำโฆษณาลงตามหน้าสื่อต่างๆ ทำเป็นไวรัลออนไลน์ หรือไม่ก็แผ่นโปสเตอร์ติดตามร้านขายหนังสือการ์ตูน แต่การตลาดของทีมงาน ‘Love and Lies’ นั้นแตกต่างออกไปจากการโปรโมทอนิเมะเรื่องอื่นๆ เพราะพวกเขาทำการโฆษณาให้ตรงกับเนื้อหาของอนิเมะด้วยการแจกถุงยางอนามัยรุ่นพิเศษ ให้หนุ่มสาวได้เอาใช้กันฟรีๆ!! ภาพส่วนหนึ่งจากตัวอย่างอนิเมะ Love and Lies เนื้อหาโดยย่อของอนิเมะเรื่องนี้ก็ประมาณว่า เมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศบังคับหาคู่ให้กับเด็กหนุ่มที่อายุครบ 16 ปีบริบูรณ์เพื่อเพิ่มจำนวนประชากรในประเทศ ตัวเอกของเรื่อง Yukari เป็นหนุ่มอายุ 16 ปีที่ถูกทางการบังคับให้แต่งงานกับหญิงสาวที่ชื่อว่า Ririna และนั่นทำให้เขาต้องแยกทางกับแฟนสาว Misaki แต่ด้วยความรักก็ทำให้ทั้ง Yukari และ Misaki แอบมาเจอกันภายใต้สภาพสังคมที่อาจถูกมองว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายได้ ตัวอย่างรูปภาพที่จะติดอยู่หน้ากล่องถุงยางอนามัยแจกฟรี ทว่าหลังจากที่มีการประกาศว่าจะแจกถุงยางอนามัยเพื่อเป็นการโปรโมท ก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตในญี่ปุ่นมากมาย หลายๆ คนมองว่า “ถ้าหากแฟนอนิเมะคนนั้นมีคู่รักให้ใช้ถุงยางอนามัยด้วยได้ละก็… พวกเขาคงไม่ใช่แฟนอนิเมะตั้งแต่แรกแน่ๆ” แต่ถึงกระนั้นแฟนการ์ตูนหลายคนก็ตั้งข้อสังเกตว่า เนื้อเรื่องเป็นการพูดถึงญี่ปุ่นในยุคที่ต้องการเร่งเพิ่มจำนวนประชากร ทว่าถุงยางอนามัยกลับเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเครื่องคุมกำเนิด หรือนี่อาจเป็นกิมมิคที่ผู้ผลิตต้องการสื่อนัยยะออกมากันแน่? โดยทางบริษัทประกาศว่าจะแจกถุงยางอนามัยสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ให้กับแฟนๆ ทุกคนที่มาเที่ยวชมร้าน Akihabara ทั้ง 3…
-
กระแสของชายชาวญี่ปุ่น หันหน้ามาพึ่งตุ๊กตายางแทน เพราะเริ่มเบื่อความสัมพันธ์แบบเดิม…
หลังจากที่เริ่มต้นชีวิตคู่มาช่วงหนึ่ง คุณ Masayuki Ozaki หนุ่มใหญ่ชาวญี่ปุ่นท่านนี้กลับได้พบความรักครั้งใหม่ในแบบที่เขากำลังตามหาอยู่หลังจากที่ได้รู้จักกับตุ๊กตายาง!? ในทุกๆ วัน Ozaki จะแบ่งเตียงนอนส่วนหนึ่งของเขาให้กับตุ๊กตายางสาวน้อยที่ตั้งชื่อให้ว่า Mayu และปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นภรรยาและลูกสาวคนหนึ่ง โดยที่เขาให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “หลังจากที่ภรรยาผมให้กำเหนิดลูกคนแรกเธอก็เลิกมีเซ็กส์กับผม และด้วยเหตุนี้ทำให้ผมรู้สึกเหงาเหลือเกิน” คุณ Masayuki Ozaki กำลังร่วมอาบน้ำกับตุ๊กตายางของเขา แต่หลังจากที่เขาได้รู้จักกับ Mayu ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ความเหงาในจิตใจของคุณลุงได้ถูกเติมเต็ม หลังจากที่เขาซื้อตุ๊กตาตัวดังกล่าวมาแล้ว ก็ให้ความดูแลเป็นอย่างดี รวมไปถึงการซื้อเสื้อผ้าต่างๆ ให้ “ภรรยาผมโกรธมากหลังจากที่เห็นผมซื้อตุ๊กตาตัวนี้เข้าบ้าน ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่ค่อยพอใจอยู่เหมือนกัน และลูกสาวของผมก็เช่นกัน เธอไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่หลังจากที่รู้ว่า Mayu ไม่ใช่ตุ๊กตายางธรรมดา “ คุณลุงกล่าว คุณ Ozaki คือหนึ่งในชาวญี่ปุ่นที่หลงรักกับตุ๊กตายาง นอกจากนี้คุณลุงยังยอมรับอีกด้วยว่าตัวเองนั้นเริ่มถูกปิดกั้นจากผู้อื่นแล้ว “ผู้ชายส่วนมากมักต้องการแม่บ้านที่ไม่ค่อยบ่น และพร้อมจะรับฟังในเวลาที่กลับจากการทำงานอันแสนเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ตอนนี้ผมมี Mayu อยู่ข้างๆ ผมมีความสุขมาก และอยากจะอยู่กับเธอไปตลอดชีวิต” คุณ Ozaki กล่าว กระแสการใช้ชีวิตกับตุ๊กตายางของชายชาวญี่ปุ่นกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เทคโนโลยีของการผลิตตุ๊กตายางนั้นก้าวหน้าจากยุคก่อนอย่างมาก ทั้งพื้นผิวและรูปร่างของเซ็กส์ทอยชิ้นนี้ดูใกล้เคียงกับผู้หญิงจริงๆ มาก…
-
บริษัทในญี่ปุ่น ออกกฎให้พนักงานยืนทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสุขภาพที่ดีกว่า..!!
แต่ละบริษัทอาจจะมีวิธีการกระตุ้นกำลังใจของพนักงาน หรือหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้แก่พวกเขาที่แตกต่างกันไป และคราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับวิธีใหม่ของบริษัทแห่งหนึ่งจากญี่ปุ่น Iris Ohyama หนึ่งในบริษัทส่งออกวัสดุพลาสติกขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ได้ออกกฎระเบียบการทำงานใหม่ที่เชื่อว่าจะช่วยพัฒนาประสิทธิภาพ และเป็นผลดีต่อสุขภาพของพนักงานด้วยการ ‘ยืนทำงาน’ โดยกฎระเบียบใหม่ที่เพิ่งออกมาบังคับใช้กับพนักงานนี้ มีใจความระบุไว้ว่า: ‘ขอประกาศห้ามมิให้พนักงานนั่งใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน และทางบริษัทขอเสนอให้ใช้คอมพิวเตอร์จากโต๊ะทำงานขนาดเล็กที่ถูกติดตั้งเพิ่มเข้ามาแทน’ แต่ก็ใช่ว่าบริษัทจะบังคับให้พนักงานยืนเมื่อยขาทั้งวันทั้งคืน เพราะพนักงานแต่ละคนจะมีสิทธิ์ใช้คอมพิวเตอร์แค่คนละ 45 นาทีต่อรอบเท่านั้น ประมาณว่าถ้างานเอกสารก็ใช้โต๊ะขวามือนั่งทำงานได้ แต่ถ้าอยากใช้คอมพิวเตอร์ก็ต้องยืนแทน ฝ่ายผู้บริหารเชื่อว่าการจำกัดช่วงเวลาในการใช้คอมพิวเตอร์ จะช่วยทำให้พนักงานเห็นคุณค่าของเวลาในการทำงานมากขึ้น มีสมาธิมากขึ้น ตั้งใจทำงานมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นผลดีในระยะยาวต่อสุขภาพของพวกเขาอีกด้วย ที่สำคัญกว่านั้นก็คือไม่ใช่แค่พนักงานเท่านั้นที่ต้องทำตามกฎนี้ เพราะภาพจากแผนผังของบริษัทเผยให้เห็นรูปแบบการจัดวางโต๊ะของฝ่ายผู้บริหารที่ต้องยืนทำงานเฉกเช่นเดียวกับพนักงานทุกคน ภาพแผนผังการจัดวางโต๊ะทำงานใหม่ อย่าคิดนะว่าถ้าบริษัทห้ามแบบนี้เราก็พกโน๊ตบุ๊กมาทำงานเองเลยไม่ดีกว่าเหรอ? เพราะตั้งแต่ปี 2007 บริษัท Iris Ohyama ได้ออกกฎห้ามมิให้พนักงานใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวในที่ทำงานด้วยเช่นกัน แต่สำหรับพนักงานที่มีเงื่อนไขทางการแพทย์ ทางบริษัทก็ยินดีที่จะยืดหยุ่นกฎดังกล่าวให้สอดคล้องกับเงื่อนไขปัจจัยต่างๆ ของพนักงานแต่ละคนด้วยเช่นกัน บรรยากาศการทำงานคงคึกคักขึ้นน่าดูเลยเนาะ ที่มา: Rocketnews24
-
แม้แต่นกก็ยังมีวินัย!? มหาลัยญี่ปุ่นติดป้าย “ห้ามอีกาเข้า” หลังจากนั้นมันก็ไม่มาอีกเลย…
นอกจากประเทศญี่ปุ่นจะขึ้นชื่อเรื่องความครีเอทีฟและเทคโนโลยีสุดล้ำแล้ว ประชากรของประเทศนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของความมีระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัดอีกด้วยนะเออ แต่ไม่ใช่แค่เพียงชาวญี่ปุ่นเท่านั้นที่จะมีวินัย เพราะล่าสุดได้มีข่าวมาว่ามหาวิทยาลัยในเมือง Otsuchi ได้แก้ไขปัญหาการรุกรานของอีกาด้วยการติดป้าย ‘ห้ามเข้า’ และไม่น่าเชื่อว่าพวกมันจะอ่านรู้เรื่อง แถมยังยอมทำตามกฎอีกด้วย!! ก่อนหน้านี้มหาวิทยาลัยต้องเจอกับปัญหาการรุกรานของอีกา เพราะพวกมันมักจะเข้ามาทำลายทรัพย์สินภายในอาคารต่างๆ อยู่เป็นประจำ ฝ่ายบุคลากรในมหาวิทยาลัยก็พยายามที่จะหาทางแก้ปัญหา จนกระทั่งอาจารย์ Katsufumi Sato ได้คำแนะนำจาก Tsutomu Takeda เพื่อนผู้เชี่ยวชาญด้านอีกาให้ลองเขียนป้ายคำว่า ‘ห้ามอีกาเข้า’ โดยผู้เชี่ยวชาญได้ให้เหตุผลว่า จริงๆ แล้วอีกามันไม่สามารถอ่านภาษาคนออกหรอก ทว่าเมื่อมีการติดป้ายแล้วผู้คนที่สัญจรไปมาก็จะอ่านป้าย และแหงนมองขึ้นไปบนฟ้าเพื่อชี้นิ้วไปที่พวกมัน ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยให้อีการู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย และไม่กล้าที่จะเข้ามายุ่งอีก เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วทางมหาวิทยาลัยก็ได้มีคำสั่งให้ติดป้ายเตือนอีกาทันที และไม่น่าเชื่อว่าวิธีการนี้จะใช้ได้ผลจริงๆ โดยบุคลากรได้ช่วยกันนำป้ายเตือน ‘ห้ามอีกาเข้า’ ไปติดในบริเวณที่ได้รับความเสียหายการจากฝีมือของพวกมัน ไม่ว่าจะเป็นกระจก ท่อน้ำ บานประตู หรือแม้แต่บนต้นไม้ที่พวกมันชอบไปอาศัยอยู่ คุณ Takeda ให้สัมภาษณ์ว่า “มันเป็นกลอุบายที่ใช้จัดการกับปัญหาอีกานักเลงทั้งหลายได้ดีมากๆ คุณลองนึกภาพดูสิว่าหลังจากที่เราติดป้ายนี้ไปแล้ว ด้วยความที่มันเตะตาไม่ว่าใครก็ตามที่มาเยือนสถาบันแห่งนี้ก็จะได้อ่านป้าย จากนั้นพวกเขาก็มักจะแหงนมองขึ้นไปบนฟ้าและชี้นิ้วใส่อีกา ซึ่งวิธีนี้ทำให้พวกมันรู้สึกกลัวคนที่มาเยือนสถาบันของเรา และมันก็ช่วยลดปัญหาความวุ่นวายได้จริง” ช่างเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ฉลาดล้ำลึกยิ่งนัก แถมยังใช้งานได้ดีอีกด้วยนะ…
-
วัดญี่ปุ่นประกาศแบนแมว เพราะพวกมัน ‘น่ารักเกินไป’ เป็นต้นเหตุให้พระจิตใจไม่สงบ…
บางครั้งอะไรที่มันดีเกินไปก็กลายเป็นเหตุเริ่มต้นของเรื่องแย่ๆ ได้ อย่างเรื่องราวของเจ้าเหมียวในญี่ปุ่นก็เช่นกัน เมื่อวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดวะกะยะมะ ได้ประกาศแบนห้ามนำแมวเหมียวเข้ามาในบริเวณวัดเป็นอันขาด เพราะพวกมันน่ารักเกินห้ามใจ และทำให้พระในวัดขาดสติในการทำสมาธิ!! วัดแห่งหนึ่งบนภูเขา Koyasan ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดดังกล่าว ถือเป็นวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องการฝึกสมาธิอย่างสันโดษ ถ้าใครต้องการฝึกสมาธิหรือบวชเป็นพระเพื่อจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเรียบง่าย วัดแห่งนี้ถือเป็นสถานที่อันเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่าไม่นานมานี้ทางวัดเหมือนจะทนไม่ไหวกับสิ่งเร้าหน้าขนชนิดหนึ่ง ที่มีอำนาจร้ายแรงเกินกว่าพระที่จำวัดอยู่จะสามารถต้านทานมันได้ เจ้าสิ่งเร้าที่ว่านั้นก็คือ “แมว” ใช่แล้ว แมว นี่แหละ!! เรื่องนี้ได้รับการรายงานผ่านรายการทีวีที่ชื่อว่า Sekai Ichi Uketai Jugyo ซึ่งในรายการได้รายงานว่า ปกติแล้วที่วัดดังกล่าวจะทำการแบนผู้หญิงอยู่แล้ว แต่ล่าสุดแมวก็เข้าไปอยู่ในรายชื่อสิ่งต้องห้ามของวัดเป็นอย่างที่สอง เพราะเจ้าสิ่งมีชีวิตหน้าขนสี่ขานี้ มันมีความน่ารักที่มากเกินไป และมันทำให้พระในวัดอดใจไม่ไหวที่จะต้องเข้าไปเล่นกับพวกมัน และเมื่อลองขุดค้นดูก็พบว่า จริงๆ แล้ววัดดังกล่าวมีเรื่องการแบนสัตว์พวกนี้มานานตั้งแต่ปี 1908 แล้ว นอกจากนี้ทางวัดก็ไม่ได้แบนแค่แมวเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการให้อาหารนกด้วย จากเรื่องราวทั้งหมดมันทำให้เรารู้ว่า พระที่วัดดังกล่าวดูจะอดทนต่อความน่ารักของสิ่งเร้าพวกนี้ไม่ไหวเลย แต่เอาจริงๆ ใครจะอดใจไหวที่จะไม่เข้าไปเล่นกับแมวเหมียวกันล่ะ ก็มันน่ารักนี่หว่า… ที่มา rocketnews24
-
สายการบินญี่ปุ่นออกมาขอโทษ หลังปล่อยให้ “ผู้โดยสารพิการ” คลานขึ้นเครื่องด้วยตัวเอง..!?
กลายเป็นกระแสดราม่าโด่งดังไปทั่วโลกของสายการบิน Vanilla Air จากประเทศญี่ปุ่น หลังมีข่าวออกมาว่าลูกเรือของสายการบิน ปล่อยให้ผู้โดยสารที่ใช้วีลแชร์ต้องคลานขึ้นบันไดเพื่อไปนั่งบนเครื่องบินสูงกว่า 17 ชั้นด้วยตัวเอง!! โดยเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นกับนาย Hideto Kijima ผู้โดยสารหนุ่มชาวญี่ปุ่นวัย 44 ปี ที่ได้เดินทางไปพักผ่อนบนเกาะ Amami ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น Hideto Kijima ด้วยความที่เขาเป็นอัมพาตตั้งแต่เอวลงไป ทำให้เขาจำเป็นที่จะต้องใช้วีลแชร์ช่วยเหลือในการเดินทางอยู่เสมอ ทว่าเมื่อถึงเวลาไฟลท์ขากลับเจ้าตัวก็ต้องอึ้งกับบริการที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ หลังสิ้นเสียงประกาศเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง นาย Kijima พยายามที่จะขอความช่วยเหลือจากพนักงาน ทว่าเขากลับถูกปฏิเสธ และได้รับคำตอบที่ว่า ‘ทางเราไม่มีนโยบายที่จะช่วยเหลือคนพิการ ถ้าคุณอยากจะขึ้นเครื่องก็ต้องช่วยเหลือตนเอง หรือไม่อย่างนั้นคุณอาจจะเสียสิทธิ์ในการเดินทางได้’ และล่าสุดทางสายการบิน Vanilla Air ก็ได้ออกมาแถลงการณ์ขอโทษถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งสัญญาว่าจะพัฒนาบริการเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าผู้มีความต้องการพิเศษให้ดียิ่งขึ้นในภายภาคหน้า ซึ่งทาง Kijima ผู้เสียหายก็ได้ออกให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ก่อนหน้านี้เจ้าตัวมีโอกาสได้เดินทางไปท่องเที่ยวมาแล้วหลายประเทศ และได้ใช้บริการจากหลากหลายสายการบิน “ผมเคยเดินทางมาแล้วก็บ่อย ที่ผ่านมาผมไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้มาก่อน และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้เจออะไรแบบนี้ซึ่งผมก็แอบสงสัยไม่ได้ว่า… เจ้าหน้าที่ของเค้าไม่รู้สึกผิดลึกๆ ในใจบ้างเหรอ? หรือเค้าไม่มีใจรักงานบริการกันนะ?” ที่มา: BBC
-
จากผลสำรวจเด็กญี่ปุ่น พบว่าพวกเขาไม่เคย ‘ปลดทุกข์หนัก’ ที่โรงเรียนเลย อั้นกันได้ยังไง!?
ถ้าพูดถึงการปวดขี้ที่โรงเรียน เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะมีความรู้สึกกลัวที่จะขี้ที่โรงเรียนกันแน่นอน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลต่างๆ นานา เช่นอาจจะเป็นเพราะความสกปรกของห้องน้ำ พอเข้าไปขี้แล้วจะโดนล้อว่ามรึงแม่งขี้แตก ว้ายๆ หรืออาจจะรู้สึกเขินอาย ที่จะต้องขี้ที่ห้องน้ำโรงเรียนขนาดว่าต้องรอห้องน้ำไม่มีคนถึงเข้าไปใช้… ปัญหาดังกล่าวฟังแล้วน่าจะเป็นเพียงแค่ปัญหาส่วนตัว แต่หารู้ไม่ว่าปัญหานี้มันเวิลด์ไวด์สุดๆ เพราะล่าสุดทาง Japan Toilet Labo ได้มีการไปให้สัมภาษณ์นักเรียนญี่ปุ่นกว่า 4,777 คนเกี่ยวการขี้ที่โรงเรียน แล้วผลที่ออกมากลับเล่นเอาตะลึงเชรี่ยๆ เด็กนักเรียนมากกว่า 50% ไม่เคยขี้ที่โรงเรียนเลยเว้ยเฮ้ย!!? แต่ถ้าลองมาหาเหตุผลเชิงลึก และแบ่งเหตุผลออกเป็นข้อๆ ตามจำนวนร้อยละของกลุ่มนักเรียนที่ไม่ขี้ที่โรงเรียนเป็นหลายๆ กลุ่ม เราก็สามารถที่จะได้เหตุผลเยอะแยะเลยทีเดียว 29.3% บอกว่า ที่โรงเรียนมันมีแต่ส้วมหลุม 29.2% บอกว่าสวมที่โรงเรียนมันเหม็นสลัด นอกจากต้องดมขี้ตัวเองยังต้องดมของคนอื่นอีก 26.3% บอกว่าพวกเขามีเวลาช่วงพักน้อย ถ้าไปขี้ทีก็นานสุดๆ ข้าวนี่ไม่ต้องกินกันล่ะ 29.2% บอกว่าส้วมที่โรงเรียนมันไม่สะอาดเลย อี๋… 23.9% บอกว่าเวลาขี้ที่โรงเรียนแล้วรู้สึกไม่มีความสุข 20.1% บอกว่าพื้นห้องน้ำมันสกปรก 16.1 % บอกว่าชักโครกมันเย็น เอาตูดวางลงทีไรขนลุกทุกที หน้าตาของส่วมหลุมที่เด็กๆ ไม่ค่อยปลื้ม อย่างไรก็ตาม เหตุผลหลักๆ…
-
หนุ่มญี่ปุ่นคิดค้น “ปืนใหญ่ลมตด” เปลี่ยนแก๊สจากลำไส้คุณ ให้กลายเป็นอาวุธชีวภาพ!!
เพื่อนๆ เคยมีความคิดที่อยากจะแกล้งคนที่เราหมั่นไส้บ้างหรือไม่? เชื่อว่าหลายคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ จะต้องเคยมีความคิดที่อยากจะเอาคืน หรือแกล้งคนที่เราไม่ชอบบ้างละ แต่ทว่าการแกล้งคนนั้น บางทีมันก็เป็นเรื่องที่ยากเหมือนกันนะ เพราะไหนจะต้องมาคิดหาวิธีต่างๆ มากมาย ที่จะทำให้พวกเขาไม่ได้รับความรุนแรงเกินไป ถ้าอย่างนั้น ในวันนี้ #เหมียวขี้อ้อน จะขอมานำเสนอวิธีการแกล้งคนแบบแสบๆ ที่ทำให้คนถูกแกล้งไม่เจ็บตัว นั่นก็คือ “การสร้างปืนใหญ่ลมตด” ที่แน่นอนว่ามันไม่เกิดอันตรายแน่ๆ แต่จะทำให้เป้าหมายของเราตกใจสุดขีดไปเลยละ ในเว็บไซต์ตลกของญี่ปุ่น ชายหนุ่มที่ชื่อว่า ARuFa ได้แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถสร้างปืนใหญ่ลมตดที่มีชื่อสุดเท่ว่า “onara tobashi ki” (オナラ飛ばし機) หรือ “เครื่องยิงตด” ได้แบบง่ายๆ โดยการใช้กล่องกระดาษแข็ง สายยาง และตะโพกของตัวเองเพียงเท่านั้น โดยวิธีการสร้างอาวุธชีวภาพร้ายแรงดังกล่าวก็คือ การนำกล่องกระดาษมาตัดให้เป็นรูปวงกรมตรงกลาง ดังภาพ และตัดกางเกงของคุณให้รูตรงบั้นท้ายแบบนี้ ต่อไปก็นำสายยางมาสอดเข้าไปเลยจ้า จากนั้นนำสายยางอีกด้านสอดเข้าไปในกล่อง มาถึงขั้นตอนการใช้งานกันบ้าง เพียงแค่คุณตดออกมาพร้อมกับตบข้างกล่องไปพร้อมๆ กัน มันก็จะเกิดลมที่สามารถพุ่งเข้าไปหาจุดเป้าหมายแบบเต็มๆ และนี่คือผลลัพธ์ที่ได้ ลองหาอาสาสมัคร หรือเพื่อนที่คุณอยากแกล้ง มาเป็นเหยื่อในครั้งนี้ดูสิ…
-
ชิ้นส่วนกระจาย!! การต่อสู้ “ซูโม่หุ่นยนต์” จากญี่ปุ่น ใครจะอยู่ใครจะไปวัดกันที่ความแข็งแกร่ง..
‘ซู่โม่’ หนึ่งในกีฬาประจำชาติของญี่ปุ่นที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน การวัดพลังกันของลูกผู้ชายบนเวทีเล็กๆ นี้ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศนี้ แต่เมื่อการพัฒนาของเทคโนโลยีเริ่มก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น จึงเกิดการรวมกันระหว่างวัฒนธรรมอันเก่าแก่กับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี กลายเป็น “การแข่งซูโมโดยหุ่นยนต์” เจ้าหุ่นสองตัวที่กำลังเผชิญหน้าเข้าหากันบนสังเวียนซูโม่.. การแข่งขันดังกล่าวอาจจะแตกต่างไปจากการแข่งขันซูโมทั่วไป เพราะนอกจากจะใช้หุ่นยนต์ในการวัดพลังกันแล้ว ในการแข่งขันแต่ละเกมนั้นก็จบลงเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น หุ่นยนต์ที่ลงแข่งขันแต่ละตัวจะมีการปรับแต่งเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับมันในยามที่ลงสนาม อุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนที่ช่วยในการผลัก หรือเครื่องยนต์ที่ช่วยเพิ่มความเร็วถูกติดเข้าไปเพื่อให้หุ่นสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ง่ายขึ้น ระหว่าการต่อสู้หุ่นซูโมนั้นจะถูกบังคับโดยเจ้าของที่อยู่ทางด้านหลัง นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันยังต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันสิ้นส่วนต่างๆ ที่กระเด็นออกมาระหว่างการต่อสู้ เพื่อความปลอดภัยอีกด้วย การผลักให้อีกฝ่ายตกเวทีคือกฏข้อหนึ่งของการแข่งขันนี้ เพราะฉะนั้นการอกแบบก็จะยากตรงที่ ทำให้มันเร็วเกินไปไม่ได้ มันจะหลุดเวทีซะก่อน ช้าเกินไปก็ไม่ได้เพราะจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ขณะเดียวกันก็ต้องแข็งแกรงพอที่จะไม่โดนอีกฝั่งผลักตกจากเวทีเช่นกัน การต่อสู้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกจังหวะมีผลต่อการแพ้ชนะ ปิดท้ายกันด้วยคลิปบรรยากาศจากในงานต่อสู้หุ่นยนต์ ลองมาลุ้นกันดูสิ… เป็นอีกหนึ่งการแข่งขันที่เจ๋งดีเหมือนกันนะเนี่ย ไม่แน่นะอีกหน่อยเราอาจเห็นการต่อสู้ของหุ่นยนต์แบบในหนังขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ ที่มา rocketnews24
-
เผยโฉมสตาร์บัคส์สาขาเกียวโต ในสไตล์โรงน้ำชาเก่าแก่แห่งแรก นั่งจิบกาแฟบนเสื่อทาทามิ…
เมื่อพูดถึงสตาร์บัคส์แล้วหลายคนอาจคุ้นเคยกันดี แม้ราคาจะค่อนข้างสูงไปหน่อยก็ตามแต่ต้องยอมรับการตกแต่งร้านแบบสมัยใหม่กับบริการของเขานี่มันดีจริงๆ นะ แต่สตาร์บัคส์สาขาใหม่ในเกียวโตได้สร้างบรรยากาศที่แตกต่างออกไป ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโรงน้ำชาเมื่อ 100 ปีก่อนยังไงยังงั้นเลยแหละ!! อย่างที่รู้กันแล้วว่าเมืองเกียวโตเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมอันหลากหลายของประเทศญี่ปุ่น มีทั้งวัฒนธรรมเก่าแก่และแบบใหม่ที่อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว และด้วยเหตุนี้ร้านกาแฟสตาร์บัคสาขาใหม่ที่เปิดให้บริการให้เมืองเกียวโต ก็ได้ปรับเปลี่ยนบรรยากาศร้านให้เป็นในรูปแบบย้อนยุค ที่ยังคงผสมกับเอกลักษณ์ของร้านเอาไว้ด้วย ตั้งอยู่ที่ย่าน Ninenzaka ในเขต Higashiyama ของเกียวโต ซึ่งจะเปิดบริการในวันที่ 30 มิถุนายน 2017 ที่จะถึงนี้ สตาร์บัคส์สาขาใหม่มีชื่อว่า Ninenzaka Starbucks อยู่ในโรงน้ำชาเก่าแก่ของญี่ปุ่น ที่สร้างขึ้นเมื่อ 100 ปีที่แล้ว แต่ยังอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ เนื่องจากโรงน้ำชาดังกล่าวเป็นอาคารแบบโบราณ ทางทีมงานจึงคงสภาพเดิมไว้ให้มากที่สุดเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงบรรยากาศแบบดั้งเดิม Ninenzaka Starbucks จะมีที่นั่งที่ปูด้วยเสื่อทาทามิ ให้ลูกค้าได้จิบกาแฟสตาร์บัคส์โดยการนั่งกับพื้น และถือเป็นสตาร์บัคส์แห่งแรกของโลกที่ให้บริการด้วยสไตล์นี้ นอกจากบรรยากาศภายในแล้ว ป้ายหน้าร้านก็ถูกทำให้ดูย้อนยุคด้วย โดยทำจากผืนผ้าดั้งเดิมของญี่ปุ่นแล้วมีโลโก้สตาร์บัคส์สีดำอยู่กลาง สำหรับการเข้าไปใช้บริการนั้น จะมีให้เลือกสองชั้นแต่จุดเด่นอยู่ที่ชั้นสองเพราะจะเป็นที่นั่งแบบนั่งพื้น ปูด้วยเสื่อทาทามิอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว แต่ก่อนที่จะขึ้นไปชั้นสองได้ ลูกค้าต้องสั่งเครื่องดื่มจากชั้นล่างก่อน แล้วอย่าลืมถอดรองเท้าก่อนขึ้นไปด้วยนะ นอกจากเสื่อทาทามิ ยังมีหมอนนุ่มๆ ที่ทำจากผ้าเครปซึ่งเป็นผ้าที่ขึ้นชื่อของเกียวโตด้วย …
-
‘Ramen Kabuto’ เชฟเจ้าของร้านสไตล์ซามูไร ทำเอง ใส่เอง เสิร์ฟความอร่อยให้ลูกค้าทั้งชุดเกราะ!!
พบกับร้านราเมงสุดแหวกจากประเทศญี่ปุ่น ที่เสิร์ฟทั้งความอร่อยและวัฒนธรรมอันเก่าแก่พร้อมๆ กัน ลืมภาพของเจ้าของร้านราเมนทั่วไปที่มักจะสวมชุดเชฟสีขาวยืนทำราเมนให้เราทานไปได้เลย เมื่อคุณมาถึงร้านราเมนที่เมือง Sapporo แห่งนี้ ร้านราเมนแห่งนี้มีชื่อว่าร้าน Ramen Kabuto ซึ่งทางเจ้าของร้านนั้นเป็นผู้ที่คลั่งไคล้ซามูไรอย่างมาก ดังนั้นเมื่อเข้ามาในร้านคุณจะได้พบกับพ่อหนุ่มซามูไรในชุดเกราะสีแดงที่จะคอยมาเสิร์ฟราเมนให้กับคุณ ราเมงมาแล้วจ้า!! เจ้าของร้านในชุดซามูไร ที่เดินออกมาพร้อมกับราเมงของทางร้าน ร้าน Ramen Kabuto นั้นเปิดให้บริการมานานถึง 4 ปีแล้ว ซึ่งคำว่า “Kabuto” ในภาษาญี่ปุ่นนั้นแปลว่าหมวกเหล็ก มาจากความชอบส่วนตัวของเจ้าของร้าน แต่อย่างไรก็ตามชุดซามูไรนั้นไม่ได้ออกแบบมาสำหรับใส่เพื่อทำกับข้าว ดังนั้นจึงต้องมีการปรับแต่งนิดหน่อยเพื่อให้มีน้ำหนักเบา และสามารถสวมใส่ได้ง่าย หลังจากที่ปรึกษากับช่างทำชุดเกราะ เจ้าของร้านก็ได้ชุดซามูไรในแบบที่เขาต้องการ โดยชุดดังกล่าวนั้นทำออกมาคล้ายกับชุดเกราะในยุค Sengoku ซึ่งวัสดุของชุดส่วนมากทำมาจากอลูมิเนียมเพื่อให้มีน้ำหนักเบาแทนการใช้เหล็ก เชฟของทางร้านในชุดซามูไรจากสมัย Sengoku กำลังจัดเตรียมราเมนสำหรับลูกค้าของทางร้าน เมนูขึ้นชื่อของร้านนี้ก็คือ “มิโซะ ราเมน” นั่นเอง ตอนนี้ร้าน Ramen Kabuto นั้นมีอยู่สองสาขาด้วยกัน แต่มีเพียงแค่สาขาที่ย่าน Sumikawa เท่านั้นที่มีการเสิร์ฟราเมนด้วยชุดซามูไร ดังนั้นถ้าอยากสัมผัสความพิเศษก็อย่าไปผิดสาขาล่ะ ซึ่งสาขาในย่าน Sumikawa นั้นจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 11 โมงเช้าจนถึงตี 3…
-
สวนน้ำญี่ปุ่นจัดปาร์ตี้เชื้อเชิญ ‘นางแบบกราเวียร์ตัวท๊อป’ เพื่อให้คนทั่วไปมาร่วมถ่ายรูป!!
ก็อย่างที่รู้กันดีว่า Gravure ไอดอลของญี่ปุ่นนั้นเป็นอะไรที่นวลตาและน่าดูมากๆ เพราะนอกจากจะมาในแบบเซ็กซี่แล้วยังมีกลิ่นอายความแบ๊วที่เป็นเอกลักษณ์ของสาวญี่ปุ่นผสมเข้ามาอีกด้วย >< ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้วผู้คนทั่วไปก็คงจะได้เห็นผลงานการถ่ายแบบของพวกเธอแต่ในนิตยสาร หรือโซเชียลมีเดียเท่านั้น แต่สำหรับวันที่ 24 มิถุนายน 2017 ทางสวนน้ำ Toshimaen Water Park ที่อยู่ในเมืองโตเกียว ได้ทำการจัดกิจกรรมพิเศษที่จะเชิญเหล่านางแบบ Gravure ไอดอลระดับท็อปมากมายหลายคนมาที่สวนน้ำ แล้วก็เปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถเดินทางมาถ่ายรูปภาพของเธอได้แบบ Exclusive สุดๆ!! เอาล่ะ อย่ารอช้า เราไปชมโฉมหน้าของเหล่านางแบบที่ทางสวนน้ำ Toshimaen Water Park เชิญมาที่งานอีเว้นท์กันแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…. คนแรกก็คือนางแบบ Jun Amaki สาววัย 22 ปี ที่มีสัดส่วนดูราวกับหลุดออกมาจากโลกอนิเมะ คนที่สอง Yuka Kuromochi ผู้ได้รับฉายาว่า “Bottom Artisan” เรซควีนที่ป็อปปูล่าร์สุดๆ อย่าง Misato Kitauchi นอกจากนี้ก็ยังมีนางแบบคนอื่นๆ อีกมากมาย… Ayaka Sayama Sara Oshino Saya…
-
มาส่อง “ทรงผมลอน” สุดน่ารักสไตล์สาวญี่ปุ่น จากอินสตาแกรมดัง พร้อมสอนเทคนิคง่ายๆ
ทรงผมสุดฮิตของสาวๆ ในตอนนี้ยังคงเป็นการลอนผมน่ารักๆ แบบสาวญี่ปุ่น ที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี ใครๆ ก็ยังพูเป็นเสียงเดียวกันว่าสาวผมลอนนี่แหละที่น่ารักที่ซู๊ดดดดด โดยครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปพบกับอินสตาแกรมจากญี่ปุ่นที่โพสเกี่ยวกับคลิปการสอนลอนผมแบบง่ายๆ ที่ใครก็ สามารถทำได้ที่บ้านเองโดยไม่ต้องง้อร้านทำผม สาวๆ จะรอช้าทำไมล่ะ ไปดูเคล็บลับของสาวญี่ปุ่นกันดีกว่าว่าเขามีวิธีลอนผมกันยังไง อินตาแกรมนี้มีชื่อว่า manatosato ซึ่งก็มีหนุ่มหล่อ Manato คนนี้แหละที่เป็นช่างผมที่ทั้งดีไซน์สีผมสวยๆ และทำคลิปการลอนผมให้ออกมาดูเป็นธรรมชาติมาก เพราะอย่างนี้นี่เองสินะ สาวญี่ปุ่นถึงมีทรงผมสวยๆ มาอวดเราได้ตลอด คลิปนี้เป็นการจัดลอนผมหน้าม้าให้ดูมีวอลลุ่ม ไม่แข็งกระด้าง 伸ばしかけ前髪の巻き方?✨✨邪魔で切りたくなる半端な長さの前髪も可愛くアレンジすれば、お洒落に決まります✨❶斜めにコテを入れます。❷流す向きに手を添えます。冷める間に固まるのでこのとにしっかり流す向きにします❸反対も巻きます❹オイルで散らして完成です。使用したコテはクレイツイオンの26mm,180°位 でまいています。 #外国人風ヘア#外国人風カラー #外国人風グラデーションカラー #ハイトーンカラー#アレンジニスト #hairarrange##hairmake#jouetie#murua#dazzlin#ungrid#gyda#figandviper#ハイトーン#バレイヤージュ#snidel#外人風#ヘアアレンジ解説#グラデーションカラー#ハイライトカラー#アッシュ#外ハネ#波ウェーブ#グレージュ#ブリーチ#ボブアレンジ#巻き方#ブリーチカラー#ダブルカラー#ヘアカラー โพสต์ที่แชร์โดย Manato.✂︎color designer (@manatosato) เมื่อ มิ.ย. 2, 2017 เวลา 3:47am PDT ส่วนคลิปนี้เป็นการสอนเทคนี้ที่ทำให้ผมลอนนั้นดูมีวอลลุ่ม เรียกว่าเป็นเทคนิคชั้นเซียนเลยทีเดียว ホワイトグレーボブ✖︎波アレンジ?✨ハイトーンカラーを活かしてボブもお洒落に❶襟足を外ハネからスタート(動画では後半にまとめました❷後ろは3分の2くらいの高さまで外ハネで同じです?❸真ん中くらいから波で巻きます。順番は外ハネ➡️内巻きの順番で2回波に❹表面は三回波ウェーブ。外ハネ➡️内巻き➡️外ハネの順番です❺最後らシアバターでスタイリングして束感を出します?今回はベビーオイルをつけて先につけてから巻いて、そしてシアバターを最後につけています。コテはクレイツイオン26mm使用 #外国人風ヘア#外国人風カラー #外国人風グラデーションカラー #ハイトーンカラー#アレンジニスト #hairarrange##hairstyle#jouetie#murua#dazzlin#ungrid#gyda#figandviper#ハイトーン#ヘアアレンジ解説#snidel#ヘアアレンジ#アレンジ解説#グラデーションカラー#ハイライトカラー#アッシュ#外ハネ#波ウェーブ#グレージュ#ブリーチ#ボブアレンジ#巻き方#イルミナカラー#ダンバルモリ#ヘアカラー โพสต์ที่แชร์โดย Manato.✂︎color designer (@manatosato) เมื่อ พ.ค. 5, 2017…
-
เฉลยเหตุผลว่าทำไม “งานบริการลูกค้า” ในประเทศญี่ปุ่น ถึงขึ้นชื่อว่าบริการดีที่สุดในโลก!?
สำรหรับใครที่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่น เคยดูสารคดี หรือไม่ก็อ่านเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับตัวประเทศนี้ น่าจะพอรู้กันว่างานบริการของที่นี่มักจะถูกจัดให้อยู่ในระดับท็อปเลยก็ว่าได้ แต่ทำไมกันล่ะ? ทำไมพวกเขาถึงสามารถทำออกมาดีแบบนั้นได้ ตั้งแต่ระดับร้านหรู ที่พักราคาแพง ไปจนกระทั่งร้านอาหารข้างทางทั่วไป ที่แม้ว่าตัวราคาหรือบริการที่ไปมันไม่ได้สูงเลยก็ตาม… ด้วยเหตุนี้ทางเว็บไซต์ Rocketnews24 ก็เลยจัดการหาคำตอบสำหรับความสงสัยในครั้งนี้มาให้เราดูกัน โดยได้อธิบายไว้ว่า ทุกอย่างนั้น… มันเริ่มมาจากรากฐานของวัฒนธรรมของญี่ปุ่น เริ่มแรกคือการเคารพสิทธิของคนอื่น และความเป็นมนุษย์ธรรมของคนในชาติ ฉะนั้นการบริการก็ยืนอยู่บนคอนเซ็ปที่ว่า “คุณควรจะปฏิบัติต่อคนที่ให้การสนับสนุนคุณด้วยความสุภาพอ่อนโยน” ล่าสุด American Express International ก็ได้ทำผลสำรวจกลุ่มคน 1,000 คน จากหลากหลายประเทศไม่ว่าจะเป็น แคนาดา ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น เม็กซิโก สิงคโปร์ อังกฤษ และอเมริกา เพื่อสำรวจความพึงพอใจในงานบริการจากประเทศต่างๆ ของลูกค้า ผลที่ได้ก็ออกมาตามคาดเกือบประเทศจะมีความพึงพอใจงานบริการอยู่ที่ 30-35% เท่านั้น โดยมีฮ่องกงที่ความพึงพอใจต่ำกว่าชาติอื่นๆ โดยจะอยู่ที่ 23% จะมีก็เพียงแต่ประเทศญี่ปุ่นที่ความพึงพอใจของลูกค้าพุ่งสูงถึง 56% ซึ่งเรียกว่าเยอะมากๆ เลยทีเดียว คนที่เข้าร่วมผลสำรวจยังบอกอีกว่า แม้เขาจะเจอผู้ให้บริการแย่ๆ ในญี่ปุ่น แต่จากนั้นพอไปร้านอื่น…
-
มารู้จักกับก้อนเนื้อ ‘มิโคชิ ดาโกะ’ สัญลักษณ์แห่ง ‘ความภาคภูมิใจ’ ของชายญี่ปุ่น!!
ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน และแน่นอนว่ามันส่งผลต่อการดำรงชีวิตของเหล่าผู้คนในประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก และนี่เองที่เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างก็หลงใหลในความงดงามของประเทศนี้ และวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมความเชื่อของชายญี่ปุ่นที่ออกจะดูน่ากลัวไปซักหน่อยนึง สำหรับใครใจไม่ถึงก็ขอแนะนำให้สูดหายใจลึกๆ ก่อนที่จะเลื่อนลงไปอ่านกันนะจ๊ะ โดยในงานเทศกาลต่างๆ ของชาวญี่ปุ่นที่นอกจากจะมีการขายของจากร้านค้าต่างๆ แล้ว ที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือขบวนแห่ที่เป็นหัวใจสำคัญของงาน และขบวนแห่เหล่านี้ก็จะมีศาลเจ้าจำลองหรือที่เรียกว่า ‘มิโคชิ’ มาร่วมในขบวนแห่ด้วย โดยเชื่อว่าภายในนั้นมีเทพเจ้าสิงสถิตอยู่ และผู้ที่รับหน้าที่ในการแบกศาลเจ้าแห่นี้ก็คือหนุ่มๆ ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนั้นนั่นแหละ โดยศาลเจ้าจำลองนี้มีน้ำหนักกว่า 1 ตันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นการสร้างสีสันให้กับงานเทศกาลและขบวนแห่ได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าเพื่อนๆ สังเกตดูที่บริเวณไหล่ของเหล่าผู้ชายที่ทำหน้าที่แบกศาลเจ้าจำลอง หรือ ‘มิโคชิ’ กันดูดีๆ แล้วจะพบว่ามันมีก้อนเนื้อแปลกๆ ที่ดูคล้ายกับเนื้องอกปูดออกมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเจ้าก้อนกลมๆ นี้ชาวญี่ปุ่นเค้าเรียกกันว่า ‘มิโคชิ ดาโกะ’ เป็นก้อนเนื้อที่เกิดจากการแบกของหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน จนทำให้เกิดการอักเสบและปูดบวมเป็นก้อนเนื้อขึ้นมาบริเวณบ่า ถึงแม้ว่ามันจะดูผิดปกติและน่ากลัว แต่ชายชาวญี่ปุ่นหลายคนก็ยินดีที่จะมีเจ้า มิโคชิ ดาโกะ นี้อยู่บนร่างกาย เพราะมันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความอดทน มุ่งมั่น ที่พวกเขาทุ่มเทให้กับการฝึกฝนแบกมิโคชิ หรือศาลเจ้าจำลอง นอกจากนี้ยังเป็นหลักฐานที่แสดงว่าตัวเขานั้นคือผู้รับใช้เทพเจ้าที่พวกเขานับถือ รวมไปถึงแสดงให้เห็นถึงความเป็นคนเอาการเอางาน…
-
ช่างภาพญี่ปุ่นตามถ่ายภาพ ชีวิตความเป็นอยู่ของ ‘แมวจรจัด’ ในโตเกียว ขอบอกว่าชิลมาก
ในบทความนี้#เหมียวฟิ้นจะชวนเพื่อนๆ ไปชมผลงานภาพถ่ายน่ารักๆ ของช่างภาพชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อว่านาย Masayuki Oki ในชีวิตนี้เขาชื่นชอบอยู่เพียงแค่ 2 อย่าง นั่นก็คือแมวและกล้อง Canon EOS-1DX เมื่อสิ่งที่ชอบทั้งสองอย่างเป็นแมวและกล้อง เขาจึงออกเดินทางไปตามที่ต่างๆ ในญี่ปุ่นเพื่อถ่ายภาพแมวๆ มาให้ชาวเน็ตได้ชมกันผ่าน IG @okirakuoki แต่ภาพแมวที่เขานำมาเผยแพร่นั้นไม่ใช่แมวบ้านทั่วๆ ไป แต่เป็นแมวจรจัดตามท้องถนน นาย Oki ได้ถ่ายทอดมุมมองต่อภาพแมวในแบบของตัวเอง เพื่อดึงเอาเสน่หและความสวยงามของสัตว์สี่ขาหน้าตาเจ้าเล่ห์พวกนี้ออกมา ซึ่งในแต่ละภาพนั้นคุณจะได้เห็นอารมณ์บางอย่าง ทั้งน่ารัก สง่างาม ขี้เล่น ขี้เกียจ ติงต๊อง หรือพฤติกรรมบางอย่างที่คุณเองก็ยากจะเข้าใจ แม้ว่าก่อนหน้านี้เราจะเคยนำเสนอภาพของช่างภาพรายนี้ไปแล้ว แต่เชื่อเถอะว่ายังมีภาพถ่ายแปลกๆ ฮาๆ อีกเย๊อะ เจ้าเหมียวทัดดอกซากุระ สวัสดีโตเกียว บาทีการตื่นก็เป็นอะไรที่ยาก ยืดเส้นยืดสายหน่อยเป็นไง นอนท่านี้สบายไหมลูก? ยงโย่ยงหยก จุ๊บๆ อ้อนหน่อยๆ ฮึบ! ข่วนเล็บหน่อย…
-
รู้จักกับวิศวกรวัย 63 ปี ‘นินจาคนสุดท้ายแห่งญี่ปุ่น’ ผู้ฝึกฝนและสืบทอดศาสตร์นักฆ่าโบราณ!!
ถ้าหากพูดถึงหนึ่งในหน่วยลอบสังหารของญี่ปุ่น หลายๆ คนอาจจะนึกถึงชื่อของนินจาขึ้นมาทันทีเลยใช่ไหมล่ะ?? “นินจา” เรียกได้ว่าเป็นเจ้าแห่งศาสตร์การลอบสังหารและการจารกรรมเลยก็ว่าได้ ในสมัยก่อนเหล่าซามูไรตระกูลต่างๆ มักจะใช้งานพวกเขาในการล้วงความลับต่างๆ หรือสอบฆ่าศัตรู ซึ่งปัจจุบันเมื่อโลกเปลี่ยนไปความสำคัญของนินจานั้นก็ได้หายไปด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าปัจจุบันอาชีพนินจาจริงๆ นั้นแทบจะไม่มีให้ได้เห็นแล้วก็ตาม แต่ทว่ายังมีชายหนุ่มผู้หนึ่งที่สืบทอดเชื้อสายของนักสอบสังหารและยังคงเป็นนินจาอยู่จนทุกวันนี้ พบกับคุณ Jinichi Kawakam นินจาคนสุดท้ายจากแดนปลาดิบ!! ผู้นำคนที่ 21 ของตระกูลนินจาอันเก่าแก่ผู้นี้ได้ฝึกฝนร่างกายมาเป็นอย่างดี เขาสามารถได้ยินเสียงของเข็มที่ตกอีกฟากหนึ่งของห้องได้ นอกจากนี้ยังสามารถพรางตัวจากควัน และสามารถสังหารศัตรูด้วยดาวกระจาย… “ผมคิดว่าผมถูกเรียกว่านินจาคนสุดท้าย เพราะว่าอาจไม่มีคนอื่นที่เรียนรู้ทักษะเหล่านี้ จากนินจาโดยตรงในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา และนินจาที่มีคุณสมบัติครบถ้วนนั้นไม่มีอยู่อีกแล้ว” คุณ Kawakami กล่าว วิศวกรหนุ่มเริ่มฝึกนินจาตั้งแต่ตอนที่เขามีอายุได้เพียง 6 ขวบ ก่อนที่จะเริ่มฝึกอย่างจริงจังกับนักบวช Masazo Ishida โดยส่วนหนึ่งของการฝึกนั้น ชายหนุ่มต้องนั่งจ้องเปลวเทียนเป็นเวลานานหลายชั่วโมง จนรู้สึกว่าเปลวเทียนนั้นเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเขา นอกจากนี้เขายังได้เรียนวิชานินจาต่างๆ อีกมากมายทั้งการฝึกการฟังเสียงเข็ม การทำระเบิดควันและการผสมยาต่างๆ และที่สำคัญเขายังได้รับการฝึกให้สามารถอยู่ในสภาพอากาศที่โหดร้าย โดยไม่ต้องทานอาหารหรือน้ำใดๆ เลยอีกด้วย “การฝึกนั้นทรมานอย่างมาก มันไม่ได้สนุกอย่างที่หลายๆ คนคิด แต่ผมก็ยังคงทำมันอย่างต่อเนื่อง เพราะการฝึกคือชีวิตของผม” คุณ Kawakami เสริมเอาไว้ว่า ในช่วงอายุ…
-
ร้อยเรียงนกกระดาษ 1000 ตัว สู่ต้นบอนไซอันสละสลวย แรงบันดาลใจศิลปะจากความเชื่อโบราณ
ศิลปินชาวญี่ปุ่นคุณ Naoki Onogawa ได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะการพับกระดาษที่แตกต่างไปจากเดิม ผลงานของเธอนั้นมีความแตกต่างจากศิลปะโอริกามิแบบเดิม แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานของเธอในครั้งนี้ มาจากการพับนกกระดาษของเด็กหญิง Sadako Sasaki และการพับนกกระเรียนหนึ่งพันตัวตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น ศิลปินสาวใช้เวลาหลายชั่วโมงในการพับนกกระดาษตัวเล็กๆ และนำมาประดับตกแต่งให้กลายเป็นต้นบอนไซอันสวยงาม “ตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้คนในประเทศญี่ปุ่นมีความสนใจเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เรามีพิธีกรรมต่างๆ และการปรับตัวให้กลมกลืนกับธรรมชาติ และต้นไม้ก็เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของพลังชีวิตในธรรมชาติ ฉันจึงพยายามสื่อเรื่องราวเหล่านี้ออกมาในงานศิลปะของฉันด้วย” คุณ Naoki เขียนเล่าถึงที่มาของผลงานเธอ ไปชมรายละเอียดและภาพต่างๆ ของผลงานศิลปะของเธอกันเลย… . สวยงามและน่าสนใจมากๆ . และเมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ จะเห็นนกกระดาษนับพันตัวที่เรียงรายกันแทนที่ของใบต้นบอนไซ . . นกกระดาษนับพันตัวที่ศิลปินสาวค่อยๆ บรรจงพับออกมาเพื่อนำไปใช้ในผลงานของเธอ . และทั้งหมดนี้คือความสวยงามจากผลงานบางส่วนของเธอ . . . . โอโห สวยงามมากๆ เลยนะเนี่ย และถ้าหากใครอยากชมผลงานชุดนี้เพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปชมได้ที่อินสตราแกรม Naokionogawa ของเธอกันได้เลย ที่มา boredpanda
-
หอสมุดรัฐสภาสหรัฐฯ เปิดให้ดาวน์โหลด ‘ผลงานศิลปะญี่ปุ่นโบราณ’ เอาไปใช้ได้ฟรีๆ!!
โดยปกติแล้วภาพถ่าย หรืองานศิลปะต่างๆ ทางประวัติศาสตร์นั้นจะถูกนำไปแสดงโชว์ในสถานที่ที่สำคัญขององค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเช่น หอศิลป์, พิพิธภัณฑ์ หรือไม่ก็ถูกนำไปประมูลซื้อขายเป็นของสะสมของเหล่าผู้เงินเหลือเฟือเหลือใช้ แต่ล่าสุดทาง Library of Congress ก็ได้เปิดโอกาสให้คนทั่วไปสามารถดาวน์โหลดภาพพิมพ์ไม้โบราณ และภาพวาดโบราณของญี่ปุ่น แบบความละเอียดสูงผ่านทางออนไลน์ได้แล้วแบบฟรีๆ แถมยังมีให้เลือกชมอีกมากมายกว่า 2,500 ผลงาน ประกอบไปด้วยภาพพิมพ์ไม้โบราณและภาพวาดโบราณ จากช่วงยุคศตวรรษที่ 20 ที่เป็นของเหล่านักสะสมนำมาร่วมบริจาค เพื่อส่วนหนึ่งสำหรับการเรียนรู้ทางด้านศิลปะในอดีต ซึ่งผลงานภาพวาดเหล่านี้ถือเป็นวัฒนธรรมที่ขึ้นชื่อของชาวญี่ปุ่น เป็นงานศิลปะโบราณที่เรียกว่า Ukiyo-e หรือ Yokohama-e ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาในเมือง Edo (ปัจจุบันเป็น Tokyo) เมื่อช่วงปี 1600 ถึง 1868 ซึ่งเป็นยุคที่มีแต่ความสงบสุขทำให้ผู้คนหันมาสนใจในเรื่องของความสุนทรีย์มากกว่าการทำสงคราม ประจวบกับช่วงที่เจ้าหน้าที่ทหารเรือของสหรัฐอเมริกา Matthew Calbraith Perry ได้เดินทางเข้าไปสำรวจที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อช่วงกลางทศตรวรรษที่ 1850 จนเกิดเป็นการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างญี่ปุ่นกับตะวันตก จึงไม่แปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดผลงานศิลปะของประเทศญี่ปุ่นถูกนำมาซื้อขายกันในอเมริกา หรือเพราะเหตุใดภาพวาดของชาวญี่ปุ่นถึงมีเรื่องราวของเหล่าทหารจากตะวันตกอยู่ในนั้นด้วย . . ภาพวาดการมาเยือนของชาวตะวันตก . . . หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากเข้าไปชมภาพผลงานศิลปะโบราณจากญี่ปุ่น…
-
แค่คิดก็ผิดแล้ว? ญี่ปุ่นผ่านร่างกฎหมายใหม่ แค่คุณคิดจะก่ออาชญากรรม ถือว่ามีความผิดทันที
ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีก่อน ภาพยนตร์เรื่อง Minority report ที่นำแสดงโดย Tom Cruise ซึ่งว่าด้วยเรื่องการจับผู้ที่คิดจะก่ออาชญากรรมก่อนที่มันจะเกิดขึ้น และดูเหมือนว่าแนวคิดเมื่อ 15 ปีก่อน จะกลายมาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว Minority Report ภาพยนตร์ที่ว่าด้วยการเฝ้าระวังและระงับอาชญากรรมก่อนที่จะเกิดขึ้น เมื่อช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายน 2017 สภานิติบัญญัติของประเทศญี่ปุ่นได้ผ่านกฎหมายที่มอบอำนาจให้อัยการ สามารถเฝ้าตรวจสอบพฤติกรรมของผู้เข้าข่ายก่ออาชญากรรม และสามารถจับกุมได้ทันทีแม้จะอยู่ในช่วงที่กำลังวางแผนก่อเหตุก็ตาม โดยผู้ต้องสงสัยจะถูกจับกุม หากเข้าข่ายการวางแผนอาชญากรรมที่มีมากถึง 277 รายการเลยทีเดียว โดยทางนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น Shinzo Abe บอกว่านี่เป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการที่จะหยุดการก่อการร้าย ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาความปลอดภัย สำหรับการแข่งขันกีฬาอย่างโอลิมปิกปี 2020 ณ กรุงโตเกียว ด้วย นายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ถึงแม้ว่าดูผิวเผินอาจจะเป็นกฎหมายที่ดี แต่มันก็มีผลกระทบที่ตามมาสำหรับบุคคลธรรมดาทั่วไป อาจจะโดนสันนิษฐานว่ากำลังวางแผนก่อเหตุและนำไปสู่การจับกุม ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วบุคคลเหล่านั้นไม่ได้แม้แต่จะคิดที่จะกระทำความผิดเลย โดยกฎหมายนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน Joseph Cannataci ผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติเกี่ยวกับสิทธิในความเป็นส่วนตัวได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อนโยบายนี้ว่า “กฎหมายนี้เป็นการนำไปสู่การจำกัดสิทธิในความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพในการแสดงออกอย่างไม่เหมาะสม” …
-
บริษัทชุดชั้นในเผย สถิติของสาวญี่ปุ่นมีขนาดหน้าอกใหญ่ขึ้น ยอดขายคัพใหญ่พุ่งปรี๊ด..!!
ถ้าหากคุณเป็นอีกคนที่ชอบมองหน้าอกสาวญี่ปุ่นไม่ว่าจะในหนังติดเรท หรือหนังไม่ติดเรทก็ตามแต่ ดูเหมือนว่าตอนนี้เรากำลังจะมีข่าวดีที่ไม่ค่อยเกี่ยวกับประเทศชาติบ้านเมืองเราเท่าไหร่มาบอก โดยล่าสุดงานวิจัยและรวบรวมสถิติจากบริษัทชุดชั้นในรายใหญ่ Triumph ประจำประเทศญี่ปุ่นได้เผยถึงสถิติล่าสุดอ้างอิงจากยอดขายที่ชี้ชัดว่า ปัจจุบันหน้าอกของสาวญี่ปุ่นใหญ่ขึ้น และก็มีแนวโน้มว่าจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย!! บริษัทได้รวบรวมสถิติการซื้อ-ขาย มาตั้งแต่ปี 1980 อ้างอิงจากสถิติล่าสุดที่เผยออกมาพบว่า ตั้งแต่ช่วงปี 2015 – 2016 ตัวเลขยอดขายของชุดชั้นในไซส์เล็กเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัดดังนี้… จากภาพนี้จะสังเกตเห็นว่าตัวเลขยอดขายของคัพ A – C ลดลง แต่ในขณะเดียวกันยอดขายของคัพ D ไปจนถึงคัพ F กลับเพิ่มขึ้นอย่างน่าตื่นเต้น… และหากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ยอดขายมวลรวมของสินค้าทั้งหมดแล้ว บริษัทพบว่ายอดขายชุดชั้นในคัพ D, E และ F มีมูลค่าเท่ากับ 51.3% ของยอดขายบริษัทเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบริษัทก็ได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่า ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคด้วย ยกตัวอย่างเช่น ในกลุ่มสาวๆ ที่มีหน้าอกไซส์ใหญ่มักจะมีแนวโน้มซื้อชุดชั้นในบ่อยกว่าสาวๆ กลุ่มที่มีหน้าอกไซส์เล็ก ทว่าเปอร์เซนต์ยอดขายชุดชั้นในคัพใหญ่ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นไปอีก ก็สามารถชี้วัดได้ว่า… สาวๆ ญี่ปุ่นอาจจะไม่ได้มีขนาดหน้าอกเล็กอย่างที่คุณคิดเสมอไป…
-
“เสื้อ Cup-D” ชั้นเชิงหลอกตาบนเสื้่อยืด แม้จะอกแบน แต่เสริมให้ตู้มต้ามได้ในพริบตา!!
มีสินค้าออกมากันมาเรื่อยๆ เลยกันเสื้อที่ช่วยทำให้หน้าอกของสาวๆ นั้นดูใหญ่ขึ้น ซึ่งเราก็เคยเสนอทั้งเสื้อสูทสำหรับสาวอกโตและเสื้อสามมิติสะกิดตาหนุ่มๆ ที่ทำเอาสาวๆ อกเล็กนั้นหมดปัญหากันไปเลย และอีกครั้งกลับการเปิดตัวสินค้าจากญี่ปุ่น ที่ยังใช้แรงบันดาลใจเดิมคือการสร้างภาพสามมิติให้เห็นสาวๆ ที่สวมใส่นั้นมีหน้าอกที่ใหญ่โตมโหฬารมากขึ้น เสื้อตัวนี้จะมีลักษณะอย่างไรและจะช่วยได้จริงๆ ไหมเราไปชมกันเลย แบรนด์แฟชั่นญี่ปุ่น ekoD Works ได้เปิดตัวสินค้าสุดเจ๋งที่อกแบบมาอย่างชาญฉลาด โดยผลิตภัณฑ์นี้เป็นเสื้อยืดที่มีลวดลายสามมิติที่มองยังไงก็มองไม่ออกว่าเป็นแค่ลายของเสื้อ เพราะดูแล้วมันเหมือนกับว่าเป็นรอยพับและเงาของเสื้อจริงๆ โดยทางแบรนด์เลือกที่จะใช้เส้นตารางมาเป็นลวดลายซึ่งง่ายต่อการหลอกระดับสายตาของผู้ที่มองเห็น ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องห่วงเลยว่า จะมีใครจับผิดได้อย่างแน่นอน เมื่อมองด้านหน้าจะพบกับความใหญ่โตที่อัดแน่นอยู่ภายในเสื้อ ซึ่งมองยังไงก็ดูเนียนกริบไม่มีโป๊ะ แต่พอลองมามองด้านข้างเท่านั้นแหละถึงดูว่าคุณหลอกดาว เสื้อตัวนี้ก็สามารถใส่ไปแกล้งเพื่อนๆ ได้เหมือนกันนะเนี่ย . ช่างเป็นเสื้อที่หลอกตาเสียจริงๆ เชื่อว่าเดินไปที่ไหนก็ต้องมีหนุ่มๆ มองตามอย่างแน่นอน จะนั่งจะนอนก็ดูหน้าอกหน้าใจใหญ่สุดๆ แต่อย่ามองด้านข้างเชียวล่ะ เพราะความลับจะแตกเอาได้ เสื้อยืดตัวนี้ทำมาจากผ้าฝ้ายชั้นดีทำให้ใส่นุ่มสบายและได้วางจำหน่ายแล้วที่ร้าน Village Vanguard ของญี่ปุ่น โดยมีราคอยู่ที่ตัวละ 3,888 เยน หรือประมาณ 1,200 บาท สำหรับใครที่อยากได้มาใส่ตู้มๆ กันก็สามารสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ vvstore เลยจ้า ใครอยากอกตู้มโดยไม่ต้องศัลยกรรมก็ลองไปหาเสื้อยืดตัวนี้มาลองใส่กันดูนะ ที่มา en.rocketnews24
-
วินาทีสุดระทึก… เมื่อกล้องหน้ารถบัส จับภาพเหตุการณ์ ‘รถบินข้ามเลน’ พุ่งเข้าชนอย่างจัง!!
สำนักข่าวจากฝั่งญี่ปุ่นได้รายงานเหตุการณ์สุดระทึกเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นเหตุการณ์อุบัติเหตุของรถยนต์ที่ขับมาด้วยความเร็วสูง จนกลายเป็นเหตุระทึกขวัญในแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยนัก!! เหตุการณ์เกิดขึ้นบนถนนเมืองโทะโยะกะวะ ในจังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น โดยรสบัสที่จับภาพได้นั้นเป็นรสบัสของขบวนนำเที่ยวที่กำลังเดินทางไปจังหวัดยะมะนะชิ แต่แล้วอยู่ดีๆ ก็มีรถยนต์คันนึงขับมาด้วยความเร็วสูง จนบินพุ่งทะยานข้ามเลนมาชนเข้ากับหน้ารสบัสคันดังกล่าวเข้าอย่างจัง จากอุบัติเหตุในครั้งนี้ สร้างความเสียหายให้กับรถบัสอย่างหนัก แต่โชคยังดีที่ไม่มีผู้ใดในรถเสียชีวิตรวมถึงทั้งไกด์และคนขับที่อยู่ในส่วนหน้าของรถ ผู้โดยสารทั้งหมด 47 คน มีเพียง 6 คนเท่านั้นที่ได้รับความเสียหายจากกระดูกหัก ส่วน 39 คนที่เหลือได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ทางด้านของเจ้าของรถที่พุ่งเข้ามา ทางตำรวจได้ยืนยันแล้วว่าเขาเป็นคุณหมอวัย 62 ปี ซึ่งเขาไม่รอดจากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ในส่วนของรถบัสนั้นถือว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์มากๆ เพราะตัวคนขับรวมถึงไกด์ที่นั่งอยู่ติดหน้าต่างยังรอดมาได้ เมื่อดูมุมกล้องจากด้านในตัวรถบัสแล้ว จะเห็นได้ว่าคนขับมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาพยายามหักหลบรถที่พุ่งเข้ามา รวมถึงโชคดีที่รถที่พุ่งเข้ามาลอยสูงพอสมควรจนเกือบจะชนส่วนหลังคาอย่างเดียวแล้วด้วยซ้ำ ทางด้านชาวเน็ตที่ได้ดูเหตุการณ์ต่างก็พอกันชื่นชมคนขับรถบัสว่าเขาเก่งมากๆ ที่สามารถควบคุมตัวรถได้แม้ในวินาทีชีวิตแบบนี้ ที่สำคัญยังช่วยให้ทุกคนรอดตายมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ สุดท้ายทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังต้องตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ รวมถึงสาเหตุที่รถยนต์สามารถพุ่งข้ามเลนมาถึงขนาดนี้ได้ และพวกเขาก็ยังต้องตามหาทางออกเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีกในครั้งหน้า ด้านสภาพของรถที่พุ่งเข้ามาชนนั้น ตัวรถเละไม่เป็นชิ้นดี ที่สำคัญตัวรถยังคงติดอยู่กับรถบัสด้วย ที่มา rocketnews24
-
ชวนไปเที่ยวคาเฟ่ในญี่ปุ่น ท่ามกลางธรรมชาติ ราวกับว่าคุณอยู่ในโลกอนิเมะของ Ghibli !!
ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องวัฒนธรรม วัดวาอาราม หมู่บ้าน และมรดกโลกที่สวยงามแล้ว ที่ประเทศแห่งนี้ยังมีสถานที่ลับๆ ที่สวยงามราวกับวิวในอนิเมะ รอให้คุณไปพบเจอด้วยนะ สถานที่ลับๆ ที่ว่านี้คือคาเฟ่ที่ชื่อว่า Kokemushiro ตั้งอยู่ในจังหวัดเอะฮิเมะ บนเกาะชิโกะกุ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ห่างจากเมืองหลวงโตเกียวไปประมาณ 7-9 ชั่วโมง (ถ้าบินไปก็ราวชั่วโมงกว่าๆ เอง) สาเหตุที่คาเฟ่นี้เริ่มโด่งดังและเป็นที่พูดถึงของนักท่องเที่ยวก็เพราะว่ามันตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ทั้งต้นไม้ใบหญ้าเขียวชะอุ่ม และบรรยากาศสบายตา จนผู้มาเยือนที่นี่หลายคน พูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าเหมือนกับหลุดเข้าไปในอนิเมะของ Studio Ghibli เลยทีเดียว หากคุณอยากรู้ว่ามันเหมือนกับภาพในการ์ตูนแค่ไหน ลองตัดสินด้วยสายตาของตัวเองเลย… จากบริเวณที่จอดรถของคาเฟ่นี้ ตามทางเดินจะมีการตกแต่งด้วยรอยเท้าของเหม่ยและโทโทโร่ (ตัวละครจากเรื่องโทโทโร่ เพื่อนรัก) ให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับพวกเขา ตัวคาเฟ่ถูกสร้างขึ้นด้วยไม้สีเก่าๆ ดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติสีเขียว โดยที่ด้านหน้าร้านมีแผ่นไม้ข้อความเขียนเอาไว้ว่า “เปิดเพราะฉันรู้สึกดี” ในคาเฟ่แห่งนี้เสิร์ฟทั้งอาหารญี่ปุ่นและแบบตะวันตก พร้อมกับเครื่องดื่มและขนมหวานอีกมากมาย สำหรับใครที่อยากจะใกล้ชิดกับธรรมชาติมากๆ ก็มีโต๊ะที่อยู่ด้านนอกร้านด้วย ให้คุณเพลิดเพลินไปกับเครื่องดื่มในขณะที่รายล้อมไปด้วยแสงแดดและเสียงน้ำไหลผ่าน . . . . . . . .…
-
เปิดแล้ว… Playboy Bar ที่ญี่ปุ่น เอาใจหนุ่มเหงาผู้ว้าเหว่ ด้วยบริการจากสาวกราเวียร์!!
‘Weekly Playboy’ หรือ ‘Shupure’ เป็นนิตยสารปลุกใจเสือป่าที่อยู่คู่วิถีชีวิตชาวญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 1966 และถ้าถามว่าเนื้อหาข้างในจะเป็นประมาณไหน เราก็ขออธิบายสั้นๆ ว่า เป็นเหมือนเพลย์บอยเวอร์ชั่นญี่ปุ่นนั่นแหละ และข่าวดีล่าสุดจากบริษัทผู้ตีพิมพ์หนังสือปลุกความสยิวรายสัปดาห์ก็คือ บาร์แห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดให้บริการใจกลางกรุงโตเกียว เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองนิตยสารที่อยู่มานานถึง 50 ปี หวังเอาใจหนุ่มเหงา หนุ่มหงี่ ทั้งหลาย!! บาร์แห่งนี้มีชื่อว่า Shupure Bar ตั้งอยู่ในย่าน Kabukicho ของกรุงโตเกียว เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของบาร์แห่งนี้ก็คือ การเลือกใช้โทนสีดำ-แดงเพื่อให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้น และตกแต่งด้วยภาพหรือเนื้อหาที่นำมาจากนิตยสารทั้งหมด ที่สำคัญยังมีอาหารอร่อยๆ คอยให้บริการคุณลูกค้าทุกท่าน อย่างเช่นทูน่าซาชิมิชุดนี้สนนราคาชุดละ 1,690 เยน (ประมาณ 530 บาท) และหนึ่งในกับแกล้มทีเด็ดสำหรับคอเบียร์ ก็ต้องเป็นไก่ทอดคาราเกะ ในเมนูสำหรับการเลือกน้ำซอส ก็แอบมีนางแบบสาวมาส่งสายตาให้หนุ่มๆ ได้ออกอาการขะเขินกันเล่นๆ ที่มากไปกว่านั้นก็คือ บาร์แห่งนี้ได้จับมือร่วมกับเครื่องดื่ม Strong-Zero ด้วยการขาย ‘Chuhai’ เครื่องดื่มที่เคลมว่ามีแอลกอฮอล์อยู่ 9% และเหมาะกับไก่ทอดคาราเกะเป็นที่สุด …
-
8 ภาพเหตุการณ์สุดเศร้าในการกินอาหาร บอกเล่าผ่านชะตากรรม ของเจ้าเหมียวอ้วนตุ้ย…
เคยไหมที่บางทีเรากำลังจะกินอะไรบางอย่างแล้วจู่ๆ การกินนั้นมันก็เฟลซะอย่างนั้น เช่นเอาใช้ตะเกียบคีบลูกชิ้นมากินแล้วอยู่ดีๆ มันก็หลุดตกไปกับพื้น… อดกินของอร่อยไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งแน่นอนว่าเหตุการณ์แนวนี้เวลาคนอื่นดูมันฮาแน่นอน แต่สำหรับคนที่ต้องประสบมันกลับฮาไม่ออกแน่ๆ เพราะนั่นมันเป็นลูกชิ้นเลยนะโว้ยยยย!! ด้วยเหตุนี้ Q-Rais ศิลปินชาวญี่ปุ่นจึงได้วาดเซตภาพแมวอ้วนขึ้นมาเพื่อบอกเล่าความโศกเศร้าของคนที่ต้องเจอกับเหตุการณ์อันโหดร้ายนั่นเอง ว่าแต่มันจะโหดร้ายโดนใจ หรือจะฮาน่ารักแค่ไหนลองมาดูกัน… เหตุการณ์แรกประเดิมด้วยหน้าพิซซ่า กับวิบากกรรมหน้าไหล!! หรือจะเป็นการเปิดกระป๋องที่เปิดยากเปิดเย็นเสียเหลือเกิน แล้วพอออกแรงเพิ่มเข้าไป…หัก!! เบอร์เกอร์นี่ตัวดี หยิบจะกินเท่านั้นแหละ แพล๊ะ!! ไส้นี่หลุดออกมาหมดเหลือแต่ขนมปัง หากใครกำลังหัดทำกับข้าว การจนทำให้เหลือเป็นจำนวนพอกินระหว่างทำนั้น ก็ยากเสียเหลือเกิน ฮอตด็อกนี่น่าจะโดนกันบ่อย ไส้กรอกอันแสนอร่อย มักจะไหลหนีจนหลุดขนมปังออกไป…. เมนูตอกไข่ดิบใส่ข้าว… กับความไหลที่ไม่สิ้นสุด นัตโต๊ะก็เช่นเดียวกัน ที่ไม่ต่างอะไรกับการที่ไม้เสียบลูกชิ้น ทะลุถุงออกมา… และปัญหาระดับนานาชาติ อาหารประเภทหน้าปกไส้เพียบ พอกัดเท่านั้นแหละว่างเปล่าเหมือนดั่งห้วงจักรวาล… ถ้าใครชอบผลงานของศิลปินคนนี้อยากติดตามผลงานของเขาเพิ่มเติมก็เข้าไปดูได้ที่ทวิตเตอร์ キューライス ยังมีผลงานน่ารักๆ ฮาๆ อีกเพียบเลยล่ะ ที่มา boredpanda
-
ชาวเน็ตแชร์.. การตลาดจากร้านค้าญี่ปุ่น ใช้กระจกสร้างภาพลวงตา ล้ำลึกเหลือเกิ๊นนน!!
บางทีการตลาดของสินค้าบางชิ้นอาจจะเข้ามามีผลต่อพฤติกรรมการซื้อของเรา โดยที่เรายังไม่ทันได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ แหม่.. โลกแห่งการค้านี่บางทีมันก็แอบน่ากลัวนิดนึง ล่าสุดเว็บไซต์ Rocketnews24 ได้เผยเรื่องราวของชาวเน็ตจากทวิตเตอร์คนหนึ่ง ที่นำเอาภาพของอาหารกล่องในร้านสะดวกซื้อมาแชร์ ดูผิวเผินก็เหมือนจะเป็นของลดราคาทั่วไปนี่แหละ แต่หารู้ไม่ว่าเขาแอบแฝงการตลาดไว้อย่างล้ำลึกมากๆ เจ้าของทวิตเตอร์ผู้ใช้ชื่อว่า @TakadaK5 ได้เผยภาพกล่องหมูทอดทงคัตสึที่วางขายอยู่ในร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านเขา โดยทั่วไปเราจะรู้กันอยู่แล้วว่า ในช่วงตอนเย็นของทุกวันอาหารทำสดทุกชนิดจะถูกนำมาลดราคาวางขาย ตอนแรกพ่อหนุ่มเห็นชุดหมูทอดทงคัตสึลด 20% ก็ดีใจยกใหญ่ แต่ทันใดนั้นสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นกล่องหมูทอดชุดเดียวกัน แต่ลด 50% วางอยู่ด้านหลัง (เป็นใครก็ต้องหยิบกล่อง 50% สิจริงไหม?) แต่พอเจ้าตัวจะเอื้อมมือไปหยิบกล่องหมูทอดที่อยู่ข้างหลังก็ตกใจ เมื่อพบว่ามันเป็นภาพกระจกสะท้อน!! สรุปแล้วงานเจ้าของเรื่องราวก็ไม่ได้ชุดหมูทอดลด 50% (เพราะมันไม่มีจริง) แต่ด้วยความหิวโหย และเฟิร์สอิมเพรสชั่นที่มีต่อหมูทอดในกล่อง ทำให้สุดท้ายแล้วเจ้าตัวก็ต้องตัดสินใจซื้อมาจนได้ หลังจากที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงบนโลกโซเชียลก็มีชาวเน็ตในญี่ปุ่นออกมาให้ความเห็นมากมาย บ้างก็เล่าว่าตัวเองเคยโดนแบบนี้เหมือนกันจากร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน ในขณะที่บางคนก็มองว่าเป็นการตลาดที่โหดร้ายต่อผู้บริโภคเอามากๆ ถือเป็นวิธีการใช้ภาพลวงตาที่ได้ประโยชน์สูงมาก ใครเห็นตัวเลขลดราคาเยอะๆ ก็เป็นอันต้องตาตื่นกันทุกคนแหละน่าาา ที่มา: Rocketnews24
-
ญี่ปุ่นทดลองเปิดร้านอาหาร “ไม่ตามสั่ง” การปรับรูปแบบรับออเดอร์ โดยผู้ป่วยความจำเสื่อม!!
เมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมาได้มีร้านอาหารแห่งหนึ่งเปิดใหม่ที่กรุงโตเกียว อ่า.. หลายๆ คนอาจจะเกิดคำถามว่า แล้วยังไงหว่า!? #เหมียวเวจจี้ กำลังจะบอกว่าร้านนี้น่ะ ไม่ใช่ร้านอาหารธรรมดา แต่เป็นร้านอาหารที่ให้บริการโดยผู้ป่วยความจำเสื่อมต่างหาก!! ร้านอาหารดังกล่าวใช้ชื่อว่า 注文をまちがえる料理店 โดยจุดเด่นของร้านคือไม่ว่าคุณจะสั่งอะไรไปคุณจะไม่มีวันได้ตามที่สั่งแน่นอน ก็เพราะว่าคนที่จะมารับออเดอร์คุณนั่นก็คือ เหล่าคุณยายผู้ป่วยโรคความจำเสื่อมนั่นเอง!! และนี่คือคุณยายที่จะมาคอยรับออเดอร์อาหารจากคุณ ทางผู้สื่อข่าวของเว็บไซต์ Yahoo จากประเทศญี่ปุ่นได้ทำการสัมภาษคุณ Aiko (นามสมมุติ) หนึ่งในพนักงานของที่นี่ คุณยายได้เล่าถึงที่มาที่ไปของการมาทดลองงานในร้านนี้ โดยเธอบอกว่าแต่เดิมเธอเคยทำงานดูแลเด็กๆ ในโรงเรียนและคอยดูแลเกี่ยวกับอาหารของพวกเขา ดังนั้นเธอน่าจะทำงานนี้ได้สบายๆ เนื่องจากผู้ป่วยสมองเสื่อมไม่อาจที่จะอยู่บ้านเพียงลำพังได้ การมาทำงานที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้พวกเค้าได้พบปะกับผู้ป่วยคนอื่นๆ และเหมือนกับการเข้ากิจกรรมกลุ่มบำบัดนั่นเอง คุณยาย Aiko (นามสมมุติ) หนึ่งในพนักงานของร้านอาหารแห่งนี้ คุณยายกำลังให้บริการลูกค้ากลุ่มแรกของร้านอาหารลืมสั่ง ลูกค้าจะได้รับกระดาษเพื่อเขียนสั่งอาหาร แต่พวกเขาจะได้ตามสิ่งที่สั่งหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่รับออเดอร์อีกทีว่าพวกเธอจะจำโต๊ะของลูกค้าได้ไหม?? หลังจากที่รับออเดอร์เรียบร้อยแล้ว คุณยายจะนำใบรายการไปให้กับเชฟ จากนั้นเธอจะนำอาหารมาเสิร์ฟให้กับลูกค้า คุณยายเล่าถึงการรับออเดอร์ลูกค้าของเธอว่า “ตอนที่จดรายการอาหารฉันก็ตื่นเต้นนิดหน่อย แต่หลังจากนั้นฉันกลับรู้สึกเศร้าแปลกๆ ฮ่าๆ” หนึ่งในลูกค้าที่มาใช้บริการของที่นี่บอกว่า “ผมรู้สึกงงๆ นิดหน่อย แต่หลังจากนั้นก็เริ่มชิน ผมว่ามันก็แปลกดีเหมือนกันนะ” ในตอนแรกของการทำงานคุณยายมีอาการเกร็งและเป็นกังวลนิดหน่อย แต่การได้พูดคุยกับลูกค้าคนอื่นๆ ช่วยให้คุณ Aiko…
-
เมื่อโตเกียวไร้ตัวอักษรบนป้ายโฆษณา เปลี่ยนจากความแออัด ให้กลายเป็นความเงียบเหงา…
ญี่ปุ่น ประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของเทคโนโลยีและความขยันขันแข็งของประชากร รวมถึงขึ้นชื่อเรื่องป้ายโฆษณาที่มีจำนวนมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งไม่ว่าจะไปมุมไหนก็ทุกหัวมุมถนนหรือมุมตึกก็จะมีโฆษณาอยู่เต็มไปหมด… ทว่าด้วยเรื่องดังกล่าวทำให้ Nicolas Damiens กราฟฟิกดีไซน์เนอร์ชาวฝรั่งเศสผู้คร่ำหวอดในวงการออกแบบกว่า 8 ปี หันมาสนใจและริเริ่มแนวคิดว่าที่ว่า ถ้าตัดภาพโฆษณาทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่นออกไป บ้านเมืองจะเป็นยังไงกันนะ? ด้วยเหตุนี้โปรเจค Tokyo No Ads จึงเกิดขึ้น… เขาเริ่มตระเวนไปถ่ายรูปภาพจากส่วนต่างๆ ของตัวเมืองโตเกียวในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทุกภาพก็จะเป็นจุดที่มีป้ายโฆษณาอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นในตรอกซอกซอยไปจนถึงบนตัวตึกสูงโฆษณาก็ยังมีอยู่ทุกที่ แต่ทว่าเมื่อเขาเริ่มโปรเจคจนออกมาเป็นรูปร่างให้เราได้ดูกัน ก็บอกเลยว่าญี่ปุ่นจะกลายเป็นเมืองผี และพื้นที่ทั้งหมดจะดูโล่งในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยล่ะ ไม่เชื่อลองมาดูกัน!! ลองคิดตามว่าถ้าไม่มีโฆษณาแล้ว รวมถึงตัวป้ายสูงๆ เมืองก็จะดูโล่งสบายมากๆ เลยทีเดียว หรือแม้แต่ในย่านร้านค้าตามซอยต่างๆ ที่เต็มไปด้วยป้ายไฟ ป้ายร้านค้า ถ้าเราลองเอามันออกไปทั้งหมดเลยจะเป็นยังไงกันนะ แค่ลบตัวหนังสือเท่านั้น ใครจะคิดว่ามันจะต่างกันขนาดนี้ หรือบางภาพกับร้านเพียงแค่ร้านเดียวก็ยังมีป้ายไฟจำนวนมากเลย แต่การที่ย่านแบบนี้มีโฆษณาเต็มไปหมดก็เรียกว่าเป็นเสน่ห์อีกอย่างเหมือนกันนะ เรียกว่าโฆษณาทุกจุด ทุกที่ที่จะพอยัดเข้าไปเลย อย่างภาพนี้ร้านเล็กนิดเดียว แต่มีโฆษณาเต็มไปหมด ขนาดตัวตึกชาวญี่ปุ่นก็ไม่ปล่อยให้พื้นที่ว่างๆ เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่ถ้าลบออกมันก็ให้ความรู้สึกอีกแบบนะ…
-
โปรดระวัง!! พบ “ชายชุดดำ” ในสวนสนุก Universal ญี่ปุ่น คาดอาจมาตามตัว “โคนัน”
เป็นที่รู้กันดีว่าทาง Universal Studios ฝั่งญี่ปุ่นมักจะออกเครื่องเล่นใหม่ๆ เสมอในทุกๆ ปี แถมส่วนใหญ่ก็จะเป็นเครื่องเล่นสุดเอกซ์คลูซีฟมาให้เข้าเล่น ในปีนี้จะมีเครื่องเล่นมากมายประกอบไปด้วย Sengoku The Real , Monster Hunter The Real , Attack on Titan The Real , Godzilla The Real 4D , Evangelion XR Ride แต่ที่จะโดดเด่นและเข้าถึงแฟนๆ ได้มากที่สุดก็คงจะเป็น Detective Conan The Escape นั่นเอง อ๊ะ ชมคลิปโปรโมทของเค้าซะก่อน ด้วยที่ตัวโคนันถือว่าเป็นการ์ตูนสุดฮิตตลอดกาลและเข้าถึงคนมากมาย จึงทำให้เครื่องเล่นนี้ถูกจับตามองเป็นพิเศษ โดยตัวเครื่องเล่นนั้นจะให้เราที่เป็นผู้เล่นช่วยกันแก้ไขปริศนาร่วมกับโคนัน เพื่อช่วยเหลือตัวประกันที่ถูกติดตั้งระเบิดไว้ที่ข้อมือ แทแด๊มมมม น่าสนุกใช่ไหมละ!? . และนอกจากการเข้าเล่นเครื่องเล่นแล้ว ภายในโซนก็ยังมีอาหารและของพรีเมี่ยมอย่างนาฬิกายาสลบและปากกาไฟฉายสุดเจ๋งอีกด้วย ที่สำคัญหาซื้อได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น!! อ๊ะ แต่จะเปิดตัวเครื่องเล่นเฉยๆ เดี๋ยวจะหาว่าไม่คูล เพื่อสร้างกระแสให้มันเป็นที่พูดถึง Universal…
-
ห้องแล็บญี่ปุ่นพัฒนา ‘MetaLimbs’ แขนกลแบบสวมใส่ เพื่อช่วยให้ผู้พิการหยิบจับได้อีกครั้ง
คุณเคยรู้สึกไหมว่าการมีมือมีแขนเพียง 2 ข้างมันยังไม่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน? ถ้าคุณรู้สึกแบบนั้นล่ะก็อุปกรณ์ที่เรากำลังจะนำเสนอต่อไปนี้อาจช่วยคุณได้นะ สิ่งที่คุณได้เห็นอยู่นี้มันมันมีชื่อว่า MetaLimbs หรือแขนกล 2 ข้างสำหรับติดตั้งไว้ที่หลังเพื่อช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นราวกับ Dr. Octopus ใน Spider-Man เลยทีเดียว เจ้าแขนกล MetaLimbs ถูกพัฒนาโดย Inami Laboratory ในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มันมีหน้าที่ในการหยิบจับสิ่งของแทนมือของเราขณะยุ่งอยู่กับกิจกรรมอื่นๆ บางคนอาจสงสัยว่ามันควบคุมได้ยังไง? จากวิดีโอโปรโมทแสดงให้เห็นว่ามันมีเซ็นเซอร์รัดอยู่ที่ริเวณหัวเข่าแล้วเท้า นั่นก็หมายความว่าการจะควบคุมมันต้องใช้เท้าขยับไปขยับมานั่นเอง ถึงแม้ว่าแขนกลนี้จะสามารถขยับได้แบบจำกัดทิศทางและไม่สามารถหมุนแบบ 360 องศาได้ (เว้นแต่ขาของคุณจะสามารถหมุนได้ 360 องศา…) แต่การทำงานของมันก็ยังคงครอบคลุมชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเปิดประตู หยิบแก้วน้ำ จับปากกา ถือโทรศัพท์ นอกจากคุณจะสั่งการแขนกลด้วยเท้าและขาของคุณได้แล้ว ในขณะเดียวกันหากแขนกลไปสัมผัสหรือโดนอะไรเข้า มันก็จะส่งความรู้สึกกลับมาที่เท้าของคุณได้อีกด้วย บางทีเจ้าแขนกลนี้อาจจะยังไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับคนทั่วไปสักเท่าไหร่ แต่หากพัฒนามันไปเรื่อยๆ มันก็จะกลายมาเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการหรือคนชราได้ในอนาคต เมื่อแขนกลนี้ถูกนำเสนอไปยังสื่อต่างๆ ของญี่ปุ่น มันก็ได้สร้างความฮือฮาออกไปเป็นวงกว้างทีเดียว “อย่างที่เป็นมาตลอดล่ะนะ ชาวญี่ปุ่นพัฒนาความสามารถของพวกเขาด้วยการสร้างหุ่นยนต์เสมอ” “ฉลาดมาก และผมชอบชื่อมันด้วย”…
-
McDonald’s ในญี่ปุ่น เตรียมติดกล้องเพื่อสังเกตใบหน้าพนักงาน พัฒนาทักษะการยิ้มแย้ม!?
การบริการด้วยรอยยิ้มถือว่าเป็นหนึ่งในการบริการที่น่าประทับใจสำหรับลูกค้าผู้มาใช้บริการอย่างมาก บางครั้งถ้าหากเราเข้าไปซื้อของแล้วเจอกับแม่ค้าที่หน้างอเป็นตะหลิวหัก นั่นก็อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างเราอย่างแน่นอน แม้แต่ร้านอาหารฟ๊าดฟูดชื่อดังระดับโลกอย่าง McDonald’s ก็ได้หันมาสนใจการให้บริการแบบนี้แล้ว ล่าสุด McDonald’s สาขาญี่ปุ่นก็ได้เริ่มโครงการติดตามการบริการของพนักงงาน เพื่อหวังให้พวกเขายิ้มแย้มในระหว่างการทำงานบริการ เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้ทวิตเตอร์คุณ makotopic ได้ถ่ายรูปป้ายประกาศในร้าน McDonald’s สาขาหนึ่งในญี่ปุ่น ชายหนุ่มสังเกตเห็นป้ายพร้อมทั้งข้อความที่เขียน “ระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคมถึงวันที่ 30 มิถุนายน จะเป็นช่วงเวลาในการฝึกและพัฒนาพนักงานของเราตามนโยบายการบริการด้วยรอยยิ้ม ดังนั้นในระหว่างช่วงเวลาทำงานเราจะมีการใช้กล้องในการบันทึกสีหน้าของพนักงานระหว่างการให้บริการ เราจะมอบการบริการที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ขอบคุณที่ไว้ใจเราและเราหวังว่าคุณจะกลับมาใช้บริการที่นี่อีกครั้ง” และนี่คือป้ายประกาศแผ่นดังกล่าว ดูเหมือนกับว่าจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ แต่ทว่ามองในอีกมุมหนึ่งถ้าหากประกาศกันแบบนี้เลย ดูเหมือนว่าจะเป็นการเพิ่มความกดดันให้กับพนักงานมากกว่า แบบนี้รอยยิ้มของพนักงานอาจจะไม่ได้ออกมาจากใจพวกเขาก็ได้นะ… ที่มา rocketnews24
-
เทรนด์ใหม่จากญี่ปุ่น เมื่อคุณแม่จับแขนลูก เปรียบเทียบกับก้อนขนมปัง เล่นซะเหมือนเลย!!
ใครที่เคยเลี้ยงลูกหรือมีประสบการณ์เลี้ยงเด็กมาก่อน คงทราบดีว่าช่วงวัยที่เด็กน่ารักที่สุด ก็คงเป็นวัยเด็กน้อยเริ่มจะหัดคลาน หรือหัดพูด ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูน่าร๊ากกไปหมด และถ้าสังเกตดีๆ หลายคนคงเห็นว่าแขนของเด็กทารกตัวน้อย ช่างดูปุ้มปุ้ยน่ารักเหมือนก้อนขนมปังตามร้านเบเกอร์รี่ ซึ่งจะว่าไปแล้วนี่ก็กำลังเป็นเทรนด์ถ่ายภาพของคุณแม่ชาวญี่ปุ่น ที่มาแรงสุดๆ ในตอนนี้เลยล่ะ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนเริ่มเทรนด์ที่ว่า แต่ดูไปดูมาแขนของน้องน้อยก็ชวนให้คิดถึงก้อนขนมปัง หรือไม่ก็มาสคอตยางรถมิชลินจริงๆ นั่นแหละ เรียกได้ว่าตอนนี้คุณแม่ชาวญี่ปุ่นทั้งหลาย ต่างก็กำลังสนุกสนานกับเทรนด์แฮชแท็ก #我が子の最強ちぎりパン画像 หรือแปลเป็นอังกฤษว่า #MyBaby’sGotTheBestBreadPhoto ซึ่งมันก็คือการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ที่ว่า เมื่อเรานำแขนของลูกน้อยมาเทียบกับก้อนขนมปังแล้ว มันช่างเหมือนซะยิ่งกว่าเหมือน เหมือนจนไม่อยากจะใช้คำว่าเหมือน!! และที่สำคัญคุณแม่ก็สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์แฮชแท็กนี่ได้ง่ายๆ เพียงแค่เดินไปซื้อขนมปังร้านสะดวกซื้อมาเทียบได้เลย จะว่าไปแล้ว ยิ่งดูมันก็ยิ่งเหมือนจริงๆ นั่นแหละ แหม่.. มันช่างน่าหมั่นเขี้ยวจริงๆ ดู๊ววว ดูแขนจ้ำม่ำท่อนนั้นสิ อะไรจะได้สัดส่วนพอดีเป๊ะกับขนมปังขนาดน๊านนลูกเอ้ย บางทีก็อาจจะทำให้เราสับสนได้ว่าอันไหนแขนเด็ก อันไหนขนมปังกันแน่!? เด็กน้อยวัยแบเบาะแบบนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูน่ารักไปหมดแหละเนาะ >< คุณแม่ชาวไทยจะเอาบ้างก็ได้นะ ถ่ายเป็นภาพน่ารักๆ เก็บไว้ให้ลูกดูตอนโต ที่มา: Buzzfeed
-
ร้านข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นขอท้า ถ้าหากพิชิตเมนูขนาดยักษ์ได้ เอาเงินไปเลย 30,000 บาท!!
อย่างที่รู้กันดีว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศที่มีความขึ้นชื่อในเรื่องของอาหารการกิน ทำให้มีร้านอาหารอยู่เต็มไปหมด ฉะนั้นการจัดโปรโมชั่นแตกต่างกันออกไปเพื่อเรียกลูกค้าจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเลยแต่อย่างใด เช่นเดียวกันกับร้านข้าวแกงกะหรี่ Gold Curry ที่ตั้งอยู่ในจังหวัด Ishikawa ก็ได้ทำการโปรโมทร้านของตัวเองด้วยการประกาศท้าเหล่านักกินจุ หากใครพิชิตข้าวแกงกะหรี่จานพิเศษที่พวกเขาทำขึ้นมาได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดก็รับรางวัลรวมมูลค่ากว่า 30,000 บาทไปได้เลย นอกจากนี้ทางร้านยังมีการแข่งขันให้เลือกหลากหลายระดับ แบบแรกก็คือทานข้าวแกงกะหรี่ขนาด 2 กิโลกรัมให้หมดภายใน 15 นาที ก็จะได้กินจานนั้นไปแบบฟรีๆ ไม่ต้องเสียเงิน 600 บาท (ที่เป็นค่าข้าว) แบบที่สองคือทานข้าวแกงกะหรี่ขนาด 4 กิโลกรัมกินให้หมดภายใน 30 นาที หากกินไม่หมดตามที่กำหนดไว้ก็ต้องจ่ายเงินค่าข้าวแกงกะหรี่เป็นจำนวน 1,000 บาท แบบที่สามกินข้าวแกงกะหรี่ขนาด 6 กิโลกรัม ภายในระยะเวลา 30 นาที และตั้งแต่ระดับนี้ชึ้นไปหากทำได้ก็จะได้รับเงินรางวัลเป็นจำนวน 9,200 บาท แต่หากทานไม่หมดก็ต้องจ่ายเงินค่าข้าวแกงกะหรี่เป็นจำนวน 2,000 บาท แบบสุดท้ายเป็นรางวัลใหญ่สุดหากผู้เข้าแข่งขันกินข้าวแกงกะหรี่ขนาด 8 กิโลกรัมให้หมดได้ภายในครึ่งชั่วโมงก็รับรางวัลไปได้เลย 15,000 บาท แต่หากทานไม่หมดในระยะเวลาที่กำหนดก็ต้องจ่ายเงินค่าข้าวแกงกะหรี่จำนวน 2,500 บาท …
-
ภาพถ่ายชุด “Tokyo No Ads” เมื่อโตเกียวไร้ตัวโฆษณา ตัดความยุ่งเหยิงให้หายไป…
ถ้าหากพูดถึงหนึ่งในเมืองที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นก็คงจะหนีไม่พ้นโตเียวอย่างแน่นอน หนึ่งในมหานครที่เต็มได้ด้วยแสงสีและอาคารต่างๆ มากมาย แสงไฟจากแผ่นป้ายโฆษณาและป้ายชื่อร้านต่างๆ ดูเหมือนจะเป็นสัญลักษณ์ของเมืองหลวงแห่งนี้ และจะเป็นอย่างไรถ้าหากแผ่นป้ายเหล่านั้นหายไป!! โปรคเจค Tokyo No Ads จากคุณ Damiens Nicolas ที่ชนะเลิศในการประกวด FINE ART PHOTOGRAPHY AWARDS ได้เผยให้เห็นกรุงโตเกียวในมุมที่ไร้แผ่นป้ายและชื่ออาคาร ทำให้เกิดความรู้สึกที่แปลกใหม่ขึ้นมาทันที . ข้อความจากป้ายโฆษณาและชื่ออาคารต่างๆ ถูกตัดออกไป เหลือแต่ตัวอาคารและป้ายเปล่าๆ . . ภาพสีขาวดำกับแผ่นป้ายและอาคารที่ไม่มีข้อความใดๆ เลย ให้ความรู้สึกเหงาไม่น้อยเลยทีเดียว . เอ่.. ดูๆ ไปก็คล้ายกับเมืองร้างในหนังเหมือนกันนะ เป็นผลงานที่มีแนวคิดเจ๋งดีเหมือนกันนะเนี่ย ถ้าหากใครอยากชมผลงานของศิลปินท่านี้เพิ่มเติมก็เข้าไปชมได้ที่เว็บ nicolasdamiens ได้เลย ที่มา sobadsogood
-
ตามติดชีวิต Hugh Jackman เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น ไม่ว่าจะทำอะไรมุมไหน พี่เขาก็หล่อจริงๆ
แม้ว่าบ้านเราจะได้ดู Logan กันไปแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปีแต่ทางฝั่งญี่ปุ่นกลับเพิ่งจะมีโอกาสที่จะได้ยลโฉมของหนังเรื่องดังกล่าวที่กำลังจะฉายในเร็ววันนี้ และแน่นอนว่าตัวนักแสดงหลักอย่าง Huge Jackman ก็จะต้องเดินสายมาโปรโมทในครั้งนี้ด้วย ปกติแล้วแฟนๆ ชาวญี่ปุ่นการที่จะได้เจอดาราฝั่งตะวันตกตัวเป็นถือว่าเป็นอะไรที่ยากมากๆ ด้วยเหตุนี้แฟนๆ จึงเดินทางไปต้อนรับ Huge และภรรยา Deborra-Lee Furness ที่สนามบินนาริตะกันอย่างคับคั่งสุดๆ อ๊ะ วันนี้เราจะมาตามติดชีวิตพี่หิวแจกมัน กันตั้งแต่สนามบินเลยครับ!! ทว่าไม่ใช่แค่แฟนๆ เท่านั้นที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ตัวพี่ Huge แกเองก็ตอบรับการต้อนรับของแฟนๆ เป็นอย่างดีเช่นกัน โดยเขาได้พูดขอบคุณแฟนๆ เป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “Watakushi wa Nihon de kuru to eiga tame ureshii desu“ (ผมดีใจมากๆ ที่ได้มาที่ญี่ปุ่นเพื่อโปรโมทหนังของผม) แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะเดินทางมาเพื่อโปรโมทหนังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น Huge ยังดูจะมีความสุขกับการเดินทางไปนั้นไปนี้ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ญี่ปุ่นเลยก็ว่า ไม่ว่าจะเป็นการไปกินซูชิที่ Sushi Sugita ซึ่งเป็นร้านดังจากฝีมือเชฟมิชลินเลยทีเดียว ไม่หมดแค่ร้านเดียวเท่านั้น เขายังเดินทางไปชิมอาหารจากร้าน Narisawa ซึ่งอยู่ในย่านอาโอยามะ โดยมีเชฟ Narisawa เป็นเจ้าของแถมร้านนี้ยังติดอันดับสุดยอด 50 ร้านอาหารของเอเชีย และยังเป็นอัน…
-
ฟองน้ำล้างจานที่เหมื๊อนเหมือนกับขนมปัง เผลอถ้าวางผิดที่อาจได้เข้าเตาอบได้แน่ๆ
หลายคนที่ชอบทำงานบ้านอาจจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับฟองน้ำสีเหลืองและมีด้านใยแข็งๆ สีเขียว ที่พวกเราใช้กันอยู่เป็นประจำ บางทีก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่า ทำไมฟองน้ำล้างจานต้องมีรูปร่างแบบนี้เท่านั้นนะ!? อ่า.. และดูเหมือนว่าความสงสัยนี้คงจะไม่ได้มีแค่พวเราเท่านั้นนะ เมื่อบริษัทแห่งหนึ่งจากญี่ปุ่นได้คิดไอเดียเจ๋งๆ เปลี่ยนรูปร่างฟองน้ำที่แสนจะน่าเปลื่อให้กลายเป็นขนมปังที่ดูน่ากิน เอ้ย!! น่าใช้ขึ้นมาทันที หน้าตาของฟองน้ำขนมปังสุดน่ารัก!! รูปร่างหน้าตาเจ้าฟองน้ำนี้ถ้าหากไม่บอกว่าเป็นฟองน้ำหลายๆ คนก็คงจะคิดว่าเป็นก้อนขนมปังแน่ๆ โดยขนาดของฟองน้ำขนมปังต่อแผ่นนั้นมีความกว้าง 89 มิลิเมตร, ยาว 25 มิลลิเมตร และสูง 89 มิลลิเมตร หนึ่งแพคจะประกอยด้วยฟองน้ำ 5 ชิ้นเรียงต่อกันคล้ายกับขนมปังหนึ่งก่อนใหญ่ๆ ราคาต่อแพคนั้นอยู่ที่ประมาณ 300 บาทเท่านั้น แต่ถ้าหากใครอยากจะสั่งมาใช้ที่บ้านละก็อาจจะต้องเพิ่มค่าส่งอีกนิดหน่อยนะ อ่า.. สวยงามน่าใช้มากเลยใช่ไหมละ แต่อย่าเผลอเอาไปวางบนโต๊ะกินข้าวนะ ฮ่าๆ ที่มา amazon
-
‘เรือรบยามาโตะ’ สุดยอดเรือประจัญบานแห่งแดนอาทิตย์อุทัย ที่ยังเป็นตำนานเล่าขานมาจนทุกวันนี้!!
ถ้าพูดถึงสุดยอดเรือรบรับรองว่า ยามาโตะ จะต้องเป็นชื่อแรกๆ ที่ลอยมาให้หัวของใครหลายๆ คน และเชื่อว่าหลายคนก็อาจจะรู้จักแค่ชื่อ หรือรู้แค่ว่าเรือลำนี้เป็นเรือที่เทพที่สุดในประวัติศาสตร์โลกที่ผ่านมา ฉะนั้นเราจะมาดูประวัติและข้อมูลของเรือลำนี้แบบคร่าวๆ กัน… เรือรบยามาโตะ เป็นเรือชั้นประจัญบานหรือที่เรียกกันว่าแบทเทิลชิพ (Battle Ship) โดยตัวเรือจะมีขนาดความยาว 263 เมตร กว้าง 36.9 เมตร เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดในโลกแล้วล่ะ ถ้าจะหาเรือที่รองลงมาก็จะเป็นเรือไอโอว่า มิซซูรี่ ของอเมริกา เรือรบยามาโตะถูกตั้งชื่อตามจังหวัดโบราณของญี่ปุ่นที่ชื่อว่า ยามะโตะ และถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 1930 เป็นช่วงที่รัฐบาลญี่ปุ่นมีความเป็นชาตินิยมอย่างเข้มข้น ด้วยทรรศนะสู่จักรวรรดิญี่ปุ่นอันยิ่งใหญ่ จากเหตุข้างต้น ทางการญี่ปุ่นจึงเริ่มแผนการสร้างเรือประจัญบานลำใหม่ ที่จะออกมาแสดงแสงยานุภาพของประเทศ และด้วยความที่ยามาโตะเป็นเรือที่ใหญ่มากๆ จึงต้องใช้ความพยายามอย่างสูงเพื่อปกปิดความลับของเรือจากสายลับชาติอื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมเรือยามาโตะถึงถูกสร้างออกมาให้สุดยอดขนาดนี้ เนื่องจากทางญี่ปุ่นเห็นต้องพ้องกันว่า พวกเขาไม่สามารถที่จะสร้างเรือจำนวนมากๆ แข่งกับกองทัพสหรัฐได้ ฉะนั้นการสร้างเรือลำเดียวแต่สามารถต่อกรกับเรือทั้งกองได้ จึงเป็นอะไรที่คุ้มค่ายิ่งกว่า อันเป็นจุดกำเนิดของเรือรบยามาโตะ!! ว่าด้วยเรื่องของอาวุธที่ติดตั้งไว้บนเรือกันบ้าง สำหรับเรือรบยามาโตะนั้นมีอาวุธติดตั้งอยู่มากมาย เริ่มต้นกับที่อาวุธหลักอย่างปืนใหญ่ขนาด 46 ซม. 9 กระบอก ซึ่งถือเป็นปืนที่ใหญ่ที่สุดที่เคยติดตังบนเรือรบ ตามด้วยปืนใหญ่ขนาด 155…
-
พระเอกกล้ามปูหลบไป… พบกับพระเอก AV ไซส์มินิ ‘เจ้าหนูนิชิคุง’ ฮอตที่สุดในเวลานี้!!
เจ้าหนูนิชิพระเอก AV ไซส์เล็กจะมาเขย่าวงการพร้อมเปิดมิติใหม่ให้กับคุณแล้ว!! เกริ่นมาแบบนี้หลายคนที่ตามวงการ AV อาจจะรู้จักกับเขาคนนี้อยู่แล้ว แต่สำหรับบางคนที่ยังไม่รู้จักอาจจะงงว่า ไซส์มินิที่ว่ามันมินิขนาดไหนกันนะ? 109 เซนติเมตร คือส่วนสูงของ โคเฮ นิชิ พระเอกหนังเอวีวัย 24 ปี หากดูเพียงผิวเผินยังไงก็ต้องคิดว่าเขาคนนี้เป็นเจ้าหนูวัยไม่ถึง 10 ขวบอย่างแน่นอน แต่ความจริงแล้วเขามีอายุที่เยอะกว่าที่คิดแถมเขายังเคยเป็นอดีตโปรแกรมเมอร์อีกด้วยนะ โปรไฟล์ไม่ธรรมดานะคร้าบบบบ!! แม้จะตัวเล็กกว่าคนทั่วไปในช่วงอายุเดียวกัน แต่เขามีผลงานการแสดงคู่กับนางเอกแนวหน้ามาหลายคนแล้ว แถมแต่ละคนก็แจ่มๆ ทั้งนั้น ทว่าอย่างนั้นนิชิคุงก็ไม่สามารถที่จะรับบทที่ต้องยืนนานๆ ได้ เนื่องจากเขาป่วยเป็นโรคมิวโคโพลีแซคคาริโดซิส ที่ส่งผลให้เขาเป็นคนตัวเล็กอย่างที่เห็น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังสามารถรับบทในหนัง AV ได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะส่วนใหญ่บทของเขาจะอยู่บนเตียงไม่ก็อยู่ในแนวนอนนั่นเอง ส่วนถ้าใครสงสัยว่าแล้วนิชิคุงคนนี้เข้ามาอยู่ในวงการได้ยังไง ดูทีท่าแมวมองก็คงจะไม่สนใจแหงๆ แต่คำตอบคือเขาแค่บังเอิญรู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งที่ทำอยู่ในวงการแล้วไปนั่งดื่มด้วยกันเท่านั้น แล้วเพื่อนคนนั้นก็ได้ชักชวนให้เขาเข้าวงการ!! สิ่งที่บังเอิญมากไปกว่านั้น ก็คือเหล่าผู้ใหญ่ในวงการชื่นชอบเป็นอย่างมากพร้อมบอกว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่ แถมยังเป็นอะไรที่หาไม่ได้ทั่วไป (แน่นอนล่ะ พวกพี่จะเจอคนสูงแค่ 1 เมตรเป็นปกติทุกวันได้ยังไง) และเมื่อหนังถูกปล่อยออกไปคนก็ชอบมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ฐานแฟนคลับสูงพอสมควรเลยล่ะ แม้จะฟังดูอนาคตไหลลื่นไม่มีสะดุด แต่บอกเลยว่าเส้นทางของเขาก็ยากลำบากพอสมควรเลยล่ะ เพราะคนมากมายที่ดูหนังของเขาก็ออกมาเตือนกันเป็นจำนวนมากว่า…
-
คู่รักหญิง-หญิง จัดงานแต่งงานที่ดิสนีย์แลนด์ เล่นเอาคนโสดอิจฉาไปตามๆ กัน ><
สำหรับใครที่ยังโสด ไม่มีแฟน ไม่มีกิ๊ก หรือไม่มีแม้แต่กระทั่งคนคุยด้วยเลย วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับงานแต่งงานของสองสาวจากญี่ปุ่น โดยครั้งนี้เป็นงานแต่งงานของสาว Haru และสาว Ryo ทั้งคู่คบหากันมายาวนานกว่า 13 ปี และเป็นแฟนตัวยงของค่ายดิสนีย์ เพราะฉะนั้นแล้วงานแต่งสุดพิเศษของพวกเธอ จึงจัดขึ้นที่ Tokyo DisneySea ภายในงานทางฝ่ายสาว Haru มาในชุดวิวาห์ธีมเดียวกับเจ้าหญิงแอนนา ในเรื่อง Frozen ส่วนทางสาว Ryo ก็มาในชุดเจ้าสาวธีมราชินีเอลซ่า ทั้งคู่ผ่านช่วงชีวิตที่ยากลำบากมาด้วยกันนานกว่า 6 ปี และนั่นก็เป็นบทพิสูจน์ให้กับพวกเธอทั้งสองคนแล้วว่า ถึงเวลาที่พวกเธอจะได้อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวซักที ก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยจัดงานหมั้นกันที่ DisneySea Resort สาว Ryo เป็นฝายเปิดปากขอคู่รักแต่งงานก่อน ซึ่งเป็นตอนที่ทั้งคู่แต่งตัวเป็นเจ้าหญิง และเจ้าชาย จากเรื่องราพันเซล ถึงแม้ว่าที่ญี่ปุ่นจะยังไม่มีกฎหมายรองรับสำหรับการแต่งงานในกลุ่มคนเพศเดียวกัน ทว่าในบางสังคมประเด็นถือเป็นเรื่องที่รับได้ และเข้าใจได้ แต่ใช่ว่าความรักของทั้งคู่จะไม่มีอุปสรรคจากพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายเลย Ryo เล่าว่า ก่อนหน้านี้พ่อแม่ของเธอคิดว่าการกระทำดังกล่าว เป็นเหมือนเรื่องที่ขัดต่อขนบธรรมเนียมประเพณี ทว่าสุดท้ายพวกเขาก็สามารถปรับความเข้าใจ และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับความอย่างมีความสุข…
-
ศาสตราจารย์ญี่ปุ่นกังวล หากทหารหญิงโดนระเบิดจนเสื้อผ้าฉีกขาด จะดู “โป๊” เกินไป
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานักการเมืองของประเทศญี่ปุ่นได้ถกเถียงกันอย่างหนักหน่วงในเรื่องของการเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราที่ 9 อันเป็นเรื่องเกี่ยวกับกองกำลังป้องกันตนเองของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งความเห็นได้แบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝ่ายหนึ่งก็มองว่ากฎหมายที่มีในตอนนี้จะช่วยให้ประเทศญี่ปุ่นหลุดพ้นจากความรุนแรง ดังที่เห็นมาแล้วจากสงครามโลกครั้งที่สอง ส่วนอีกฝ่ายก็มองว่ากฎหมายปัจจุบันไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้กองกำลังทางทหารของประเทศจีนและเกาหลีเหนือก็กำลังเติบโตอย่างเห็นได้ชัด จะให้อยู่เฉยๆ ได้อย่างไร ทางด้านศาสตราจารย์ Shigeaki Iijima ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญและสันติศึกษา จากมหาวิทยาลัย Nagoya Gakuin University ได้ให้สัมภาษณ์ถึงทัศนคติของเขาที่มีต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตราที่ 9 เพื่อลงนิตยสารของผู้หญิง Shukan Josei Prime โดยคาดไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงย่อมส่งผลต่อการขยายบทบาทของกองกำลังป้องกันตนเองอย่างแน่นอน ค่าใช้จ่ายสำหรับการป้องกันประเทศก็จะเพิ่มสูงขึ้นจากความเคลื่อนไหวดังกล่าว และยังต้องมีการเตรียมการอีกมากมายเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้เขายังมีการกล่าวถึงความเห็นของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม Tomomi Inada ในงานแถลงข่าวเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้อีกด้วย ท่ารัฐมนตรี Inada ได้กล่าวเปรยๆ เอาไว้ว่า “อาจจะมีความเป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่ผู้หญิงในกองกำลังป้องกันตนเอง จะลงพื้นที่เพื่อต่อสู้เป็นทหารราบและพลขับรถถัง ซึ่งพวกเขาไม่เคยได้ทำหน้าที่เหล่านี้มาก่อนเลยในอดีต” ซึ่งทางศาสตราจารย์ Iijima กลับไม่เห็นด้วยโดยให้เหตุผลว่า “ในการต่อสู้ หากพวกเขาถูกโจมตีจากกระสุนปืนใหญ่ หรือระเบิด มันมีโอกาสที่จะทำให้เสื้อผ้าของพวกเขาฉีกขาด ซึ่งมันอาจจะทำให้พวกเขาโป๊ และหากเจ้าหน้าที่หญิงจากกองกำลังป้องกันตนเองถูกจับไปเป็นเชลยสงคราม คุณคงจะจินตนาการออกนะว่าพวกเขาจะต้องโดนอะไรบ้าง?” ภาพนี้เป็นภาพประกอบเท่านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหา แน่นอนว่าชาวเน็ตหลายๆ คนพอได้อ่านจากนิตยสารแล้วต่างก็เข้ามาคอมเม้นต์แขวะท่านศาสตราจารย์กันแบบแหลกลาญ…
-
รู้จักกับเกาะ Okinoshima ในญี่ปุ่น อนุญาตให้เฉพาะผู้ชาย “แก้ผ้า” เท่านั้นที่จะเข้าไปได้..!!
ใครที่ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น คงทราบดีว่าที่นี่มีทั้งเกาะแมว เกาะกระต่าย ฯลฯ แต่คราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับเกาะที่เป็นพื้นที่สำหรับผู้ชายเท่านั้น Okinoshima เป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เขตของเมืองฟุกุโอกะ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือทั้งเกาะมีประชากรเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ผู้ซึ่งทำหน้าที่คอยปกป้องดูแลศาสนสถานประจำเกาะแห่งนี้ หน้าตาของเกาะ Okinoshima ถ้าตามหาบนกูเกิ้ลแมพ เกาะก็จะอยู่แถวๆ ตรงนี้… นอกจากจะเป็นเกาะที่อนุญาตให้เฉพาะผู้ชายเข้าไปได้เท่านั้นแล้ว ตามประเพณีผู้ชายทุกคนที่มาบนเกาะนี้จะต้องเปลือยกายด้วยเช่นกันตามหลักปรัชญาของลัทธิชินโต ส่วนสาเหตุที่ไม่ให้ผู้หญิงสามารถเข้ามาบนเกาะนี้ได้ ตามตำนานว่ากันว่าในช่วงศตวรรษที่ 17 มีหญิงสาวที่ย่างกรายมาบนเกาะนี้ และถูกเปลี่ยนให้เป็นหิน แต่นักประวัติศาสตร์เชื่อว่า น่าจะมาจากพื้นฐานความเชื่อของลัทธิชินโต ที่เชื่อว่าเลือดประจำเดือนของผู้หญิง เป็นสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ The Japan Times รายงานว่าบริเวณเกาะดังกล่าวสำหรับชาวบ้านแล้ว เป็นเหมือนศาสนสถานที่ต้องให้ความเคารพ ซึ่งเป็นที่ๆ พวกเขาเชื่อว่ามีพระเจ้าทรงประทับอยู่ เดิมทีเกาะแห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของศาลเจ้า Munakata Taisha ซึ่งก่อนหน้านี้จะอนุญาตให้เฉพาะนักบวชสามารถเข้าไปทำพิธีในเกาะได้เท่านั้น และปัจจุบันได้เปิดต้อนรับชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นผู้ต้องการเดินทางมาประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว ล่าสุดเกาะแห่งนี้ได้ถูกเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกจากองค์กร UNESCO แต่ด้วยความที่มันถูกรักษาให้เป็นศาสนสถาน ไม่ใช่สถานที่สำหรับท่องเที่ยว จึงทำให้กลุ่มคนผู้ดูแลที่นี่ปฏิเสธการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไป Takayuki Ashizu นักบวชรุ่นอาวุโสผู้ดูแลเกาะแห่งนี้เล่าถึงสาเหตุที่ไม่ยอมขึ้นเป็นมรดกโลกไว้ว่า ‘ทางเราไม่คิดที่จะนำเกาะแห่งนี้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ถึงแม้ว่ามันจะทำให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น มีเม็ดเงินเพิ่มมากขึ้น…
-
พาทัวร์บรรยากาศ “งานตุ๊กตายาง” ในญี่ปุ่น จากเซ็กส์ทอยก้าวไกลสู่นิทรรศการระดับชาติ
บทความนี้อาจจะมีภาพล่อแหลม แสดงภาพเปลือยของวัตถุที่ไม่ใช่มนุษย์ เพราะฉะนั้นใช้วิจารณญาณในการรับชมนะครับ ใครจะคิดว่าของเล่นเพื่อสำเร็จความใคร่ของชายหนุ่มอย่าง ตุ๊กตายาง ที่หลายประเทศยังมองว่ามันผิดศีลธรรมอยู่ จะก้าวไกลขนาดที่ว่าสามารถกลายเป็นนิทรรศการระดับชาติได้เลยทีเดียว เหลือเชื่อไหมล่ะ!!? งานนิทรรศการระดับชาติที่ว่านี้จะจัดขึ้นที่กรุงโตเกียว โดยบริษัท Orient Industry ซึ่งจะจัดเพื่อเป็นมหกรรมเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีของบริษัท และถือเป็นการเปิดโลกใบใหม่ให้กับคนที่ไม่รู้จักตุ๊กตายาง หรือไม่เคยสัมผัสสิ่งเหล่านี้มาก่อน ภายในงานก็จะประกอบไปด้วยรูปภาพของตุ๊กตายางในแบบต่างๆ รวมถึงตัวตุ๊กยางแท้ๆ ให้ได้ลองสัมผัสกัน (แต่ลองใช้ได้ป่าวอันนี้ไม่รู้ ท่าทางจะไม่ได้นะ) ซึ่งทั้งภาพและตุ๊กตาจริงๆ จะเป็นตุ๊กตาที่ทางบริษัทได้ผลิตและเก็บไว้ตั้งแต่ยุค 80s ไล่มาจนถึง 90s ตราบกระทั่งปัจจุบัน เพื่อบ่งบอกถึงประวัติศาสตร์ นอกจากนั้นหลายคนอาจจะรู้ดีว่าในยุคนี้ตุ๊กตายางนั้น ได้ก้าวล้ำความเป็นแค่ตุ๊กตายางสำเร็จความใคร่กระจอกๆ ไปแล้ว ในยุคนนี้ทั้งวัสดุ ผิวพันธุ์ ความนุ่มนุิ่ม รวมถึงหน้าตาของตัวตุ๊กตายางก็ทำออกมาดีซะบางทีคนจริงๆ ยังต้องยอมแพ้เลยทีเดียวล่ะ . แต่ส่วนที่น่าจะเป็นไฮไลท์จริงๆ ภายในงานก็คงจะหนีไม่พ้นตุ๊กตายางที่ชื่อว่า “Party Doll” อย่างแน่นอน ซึ่งความพิเศษของเธอก็จะเป็นการเสิร์ฟเครื่องดื่มผ่านทางหัวนมของเธอ!!? อ่านไม่ผิดหรอกเพราะเครื่องดื่มจะออกมาจากหัวนมของเธอจริงๆ เครื่องดื่มที่คุณสามารถดื่มได้ภายในงานนี้ . ไม่หมดแค่นั้น ผู้ที่ไปร่วมงานยังสามารถที่จะซื้อหนังสือโฟโต้บุ๊คคอลเลคชั่นตุ๊กตายางที่ชื่อว่า Love Doll×Shinoyama Kishin ซึ่งรวมผลงานของบริษัท Orient…
-
สาวญี่ปุ่นมาตอบคำถาม เส้นแบ่งระหว่าง “เพื่อน” กับ “แฟน” มันคืออะไร จะได้ไม่คิดไปเอง!!
สาวๆ เคยรู้สึกค้างคาใจกับใครบางคนไหมว่าเขารู้สึกยังไงกับเราและเรารู้สึกยังไงกับเขา โดยเรามักไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเองกันสักเท่าไหร่ จึงทำให้เกิดเป็นเส้นบางๆ ที่คั้นระหว่างคำว่าเพื่อนและคนรัก โดยเว็บไซต์ของญี่ปุ่น Minna no Koe ได้ทำงานสำรวจว่าสาวๆ ญี่ปุ่นมีการแยกเส้นบางๆ จะหว่างเพื่อนกับคนรักอย่างไร โดยพวกเขาได้รวบรวมคำตอบสุดฮิต 7 คำตอบจาก 1,194 ความคิดเห็น จากสาวๆ มาดูกันว่าพวกเธอจะมีวิธีปฏิบัติต่อเพื่อนหรือคนรักแตกต่างกันอย่างไร >อันดับ 7< ถ้าเป็นแค่เพื่อนจริงๆ ก็ควรจะติดต่อเขาในเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ถ้าเป็นแค่เพื่อนชายจริงๆ ก็จะโทรหรือแชทหาเขาในเวลาที่มีธุระหรือหลังเวลาเลิกงานตามสมควร ไม่ใช่เวลาดึกดื่นที่จะส่งข้อความหวานๆ หรืออีโมติคอนแบ๊วๆ ให้กับ แบบนั้นมันดูไม่ปกติเลยล่ะ (4%) >อันดับ 6< ถ้าเป็นแค่เพื่อนจริงๆ คุณจะไม่ยอมทำทุกอย่าง เพื่อความสุขของเขา อันที่จริงๆ เมื่อเพื่อนต้องการอะไรเราก็มักจะช่วยเหลือได้เสมอ แต่ก็มีบางทีที่ขี้เกียจบ้าง แต่ถ้าคุณยอมทุ่มเททำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเขาโดยไม่สนอะไร นั้นคือสัณญาณว่าคุณคงหลงรักเขาเค้าแล้ว (6%) >อันดับ 5< ถ้าเป็นแค่เพื่อนจริงๆ คุณก็ไม่ควรจะนอนห้องเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นเพื่อนชายที่สนิทกันแค่ไหนก็ควรที่จะเว้นระยะความสัมพันธ์ไว้บ้าง การนอนห้องเดียวกันหรือไปเที่ยวข้ามคืนนั้นควรเก็บไว้ทำกับคนพิเศษเท่านั้นนะ (8%) >อันดับ 4< ถ้าเป็นแค่เพื่อนจริงๆ ก็ไม่ควรไปดื่มน้ำเมากันสองต่อสอง โดยสังคมพื้นฐานญี่ปุ่นนั้นเวลาจะทำกิจกรรมใดๆ นั้นมักจะทำร่วมกันเป็นกลุ่มเช่น…
-
“กระโปรงซับในสีขาว” แฟชั่นเก๋ๆ จากญี่ปุ่น ทั้งช่วยปกปิดไม่ให้โป๊ และแบ๊วน่ารักกว่าเดิม!!
ถึงแม้ว่าฤดูร้อนเมืองไทยจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่แฟชั่นกระโปรงสั้นกับผู้หญิงเป็นสิ่งที่ตัดกันไม่ขาด ตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้สาวๆ นั้นปลอดภัยจากสายตานักล่านั้นก็คงหนีไม่พ้น “กระโปรงซับใน” กระโปรงซับในนั้นช่วยให้สาวๆ ที่ชื่นชอบการใส่กระโปรงสั้นๆ หรือสาวคอสเพย์นั้นสามารถสวมใส่ชุดที่อยากจะใส่ได้โดยมีความสะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้น และญี่ปุ่นก็กำลังเข้าสู่ฤดูร้อนพอดี จึงเป็นอีกครั้งกับการกลับมาของ No. S Project ที่เคยนำเสนอกระโปรงซับในสีดำกันไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้ และในครั้งนี้กับกระโปรงซับในแบบใหม่ที่จะมาช่วยให้สาวๆ ดูไม่โป้แถมเพิ่มความน่ารักได้อีกสองเท่าเลยทีเดียว โดยปกติแล้วเจ้ากระโปรงซับในสีดำจะช่วยการสวมใส่นั้นกลมกลืนไปกับเงา จึงทำให้ไม่เห็นกระโปรงซับในสีดำได้ง่ายๆ มันช่วยทำให้ดูเรียบร้อยและช่วยปกปิดเป็นอย่างดี ซึ่งมันก็ได้รับการตอบรับการสาวๆ โดยเฉพาะเหล่านักคอสเพลย์อย่างมากมาย และในตอนนี้สาวคอสเพลย์ต้องกรี๊ดให้กับกระโปรงซับในแบบใหม่ที่รูปลักษณ์สะดุดตามากขึ้น “The new white Ruffled Mini Petticoat” กระโปรงซับในสีขาวที่จะมาช่วยปกปิดและเพิ่มลูกเล่นให้กับกระโปรงสั้นน่ารักๆ ของคุณ มันสวมใส่ได้อย่างง่ายๆ และทำให้กระโปรงดูพองและพริ้วขึ้นอีกด้วย คุณแน่ใจได้ว่าจะไม่มีใครสามารถมองต้นขาคุณได้ ด้วยการตัดเย็บที่เป็นจีบตรงขอบของกางเกงทำให้คุณปลอดภัยจากสายตานักล่าได้อย่างแน่นอน ลองดูมุมเงยก็มิดชิด จะอยู่ในท้วงท่าไหนก็ไม่มีโป๊ เหมาะที่จะใส่กับกระโปรงพลีทสั้นมากๆ กระโปรงซับในสีขาวนี้ มีราคาอยู่ที่ 7,020 เยน หรือประมาณ 2,000 บาท โดยจำหน่ายที่ร้าน Village Vanguard เช่นเดียวกับกระโปรงซับในสีดำ และตอนนี้กระโปรงซับในสีขาวก็ได้รับความนิยมมากๆ จนขายหมดไปแล้วในเดือนที่แล้ว และตอนนี้ก็ได้ทำเพิ่มมาโดยเหลือไม่กี่ตัวเท่านั้น เพื่อนๆ…
-
เมียโพสต์ถาม ผัวเอามรดกแม่เธอ-เงินเก็บครอบครัว 3.7 ล้าน ไป “เติมเกมมือถือ” จนหมด ทำไงดี!?
หลายคนที่เล่นเกมในยุคนี้ทั้งในคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพมือถือ คงจะคุ้นเคยกับ ระบบกาชาปอง ในเกมกันอย่างแน่นอน ซึ่งเจ้าระบบที่ว่านี้มันเป็นระบบที่ให้เราสุ่มหาไอเทมหรืออะไรก็ตามที่อยู่ภายในเกมด้วยการเสี่ยงดวงนั่นเอง และแน่นอนว่าคนญี่ปุ่นก็ดูจะเสพติดเจ้ากาชาปองนี้ง่ายๆ เสียด้วย บางคนเล่นเสี่ยงดวงหาไอเท็มสนุกสนานในเกมก็ดี แต่บางคนก็หยุดไม่อยู่ เติมไม่อั้น กระทั่งนำเงินคนอื่นมาเติมนี่สิ… ล่าสุดมีประเด็นดราม่าเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น จากการเล่นเกมและเสี่ยงดวงในเกมจนไม่ได้สติ เรื่องเริ่มต้นเมื่อภรรยาของครอบครัวนี้ได้รับเงินค่าประกันจากการเสียชีวิตของคุณแม่ของเธอ รวมถึงมรดกต่างๆ เป็นเงินมากกว่า 2.4 ล้านบาท เธอหวังว่าจะได้นำเงินนี้ไปเลี้ยงดูลูกๆ ของตนในภายภาคหน้า ซึ่งเดิมทีเธอและสามีของเธอมีเงินเก็บเก่าอยู่แล้วหลักล้านบาท พอรวมกับเงินใหม่เข้าไปทั้งคู่ก็จะมีเงินเก็บมากถึง 3.7 ล้านบาทเลยทีเดียว และแน่นอนว่าทั้งคู่ก็ตระหนักในเรื่องนี้ดี พร้อมกับตั้งใจจะทำตามสิ่งที่พวกเขาคิดไว้ เรื่องราวผ่านไปปกติเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง ภรรยาก็ได้กลับมาเช็คเงินในบัญชีเก็บสะสมอีกครั้ง ทว่าเมื่อเห็นตัวเลขเธอถึงกับต้องเข่าทรุด เพราะเงินในบัญชีมันหายไปจนหมดเลย หมดขนาดที่ว่าไม่เหลือแม้แต่แดงเดียว เธอจึงตามหาคำตอบอยู่พักหนึ่งจนความจริงก็ถูกเปิดเผยโดยสามีของเธอ ผ๊างงง!!? สามีได้เล่าว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ภรรยายังเศร้าโศกกับการจากไปของครอบครัว ตัวสามีเองได้เข้าสู่วงการเกมมือถือที่เต็มไปด้วยเกมดีๆ กาชาดีๆ และเขาก็ลุ่มหลงมันมากพร้อมกับใช้จ่ายเงินไปกับการสุ่มกาชาในเกม เริ่มต้นมากกว่า 12,000 บาทต่อเดือน และหนักขึ้นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ไม่หมดแค่นั้น ตัวสามียังทำท่าเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในชีวิตของเขา แถมยังไม่ขอโทษและสำนึกผิดกับการผลาญเงินก้อนโตที่เขาและภรรยากะเก็บไว้ให้ลูกๆ ในอนาคตอีกต่างหาก ภรรยาไม่รู้จะทำยังไงจึงได้สอบถามชาวเน็ตว่าเธอควรจะทำยังไงกับเหตุการณ์ดังกล่าวดี ชาวเน็ตจึงให้คำแนะนำว่าเธอควรจะจัดการกับสามีอย่างเด็ดขาด และติดต่อทนายเพื่อดำเนินคดีกับตัวสามีโทษฐานขโมยเงินจำนวนมากไปจากเธอโดยไม่ยินยอม จนตอนนี้เหตุการณ์ดังกล่าวก้ยังไม่ได้ข้อสรุป…
-
ร้านที่ทุกอย่างเป็น “ชาเขียว” ตั้งแต่อาหาร ขนม กระทั่งเบียร์ชาเขียว ให้คุณดื่มได้ไม่อั้น!!
มันจะดีแค่ไหนถ้ามีสถานที่สำหรับคนที่หลงใหลในชาเขียวเป็นชีวิตจิตใจ ได้ดื่มด่ำความเป็นชาเขียวได้อย่างเต็มอิ่ม จนวันนี้เราไปได้ไปเจอสถานที่หนึ่งในญี่ปุ่นที่มีอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายชนิดที่ทำจากชาเขียว ร้านนี้มีตั้งแต่ชา เบียร์หรือแม้กระทั่งไวน์ที่ทำจากชาเขียว เท่านั้นยังไม่พออาหารต่างๆ ก็หนีไม่พ้นที่จะมีชาเขียวเป็นส่วนผสมไปด้วย ว่าแล้วเราไปทำความรู้จักกับร้านของคนรักชาเขียวร้านนี้กันเลยดีกว่า Green Tea 1899 เป็นร้านหรูหราที่คนรักชาเชียวไม่ควรพลาดเด็ดขาด ร้านนี้ตั้งอยู่ในเขตโอชาโนมิซุ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ร้านนี้มีทั้งไวน์มัทฉะ เบียร์ ขนมหวาน หรือแม้แต่ไส้กรอกที่มีชาเขียวเป็นส่วนผสม คนญี่ปุ่นนั้นชื่นชอบที่จะดื่มเบียร์เย็นๆ ในเทศกาลช่วงหน้าร้อนแบบนี้เป็นอย่างมาก โดยทางร้าน Green Tea 1899 ก็ได้นำผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ทำจากชาเขียว มาคิดค้นเมนูสุดฉ่ำในช่วงเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ ส่วนพิเศษก็คือ มีการให้ลองสูตรเบียร์ชาเขียว 10 ชนิด แบบไม่อั้น และเบียร์ทั้งหมดนั้นก็คือเบียร์ที่เกิดจากการผสมผสานกับชาชนิดต่างๆ ที่ชาวญี่ปุ่นนั้นชื่นชอบนั่นเอง โดยเบียร์ทั้งหมดนั้นมีทั้งเบียร์มัทฉะชาเขียว ชาเขียวสเตาร์(เบียร์ที่ได้จากการหมักข้าวบาร์เลย์) เบียร์ชาดำและอื่นๆ อีกมากมาย โดยคุณก็ยังสามารถเลือกได้ว่าจะดื่มเบียร์เต็มๆ รสชาติ หรือแค่ชาเขียวธรรมดาๆ แม้แต่แอลกอฮอล์แค่ครึ่งหนึ่งก็สามารถสั่งได้ Matcha Beer เบียร์มัทฉะชาเขียว Hojicha Stout ชาเขียวสเตาร์ หรือถ้าคุณต้องการดื่มไวน์ก็มีไวน์ชาเขียวที่เป็นการผสมผสานระหว่างชาและไวน์ขาวรสหวานละมุน ราคาของการดื่มเบียร์ไม่อั้นนี้อยู่ที่ท่านละ 3,000…
-
ดราม่าร้อน!! สาวน้อยวัย 13 ปี ถูกไล่ออกจากโรงเรียน เพราะไปเป็น “เรซควีน” ในการแข่งรถ
เรียกได้ว่ากำลังกลายเป็นประเด็นดราม่าร้อนระอุไปทั่วโลกโซเชียลชาวญี่ปุ่น เกี่ยวกับความเหมาะสมของเด็กหญิงวัย 13 ปี กับเส้นทางควาฝันที่อยากจะเป็นนางแบบของเธอ และรับงานในช่วงเวลานอกเหนือเวลาเรียน Momoka Kurita ผู้สร้างเสียงฮือฮาในการเป็นเรซควีนให้กับรายการแข่งขัน MFJ Grand Prix ครั้งที่ 48 ซึ่งงานนี้ก็มีชาวเน็ตออกมาแย้งกันให้เพียบ เกี่ยวกับความเหมาะสมหรือไม่ที่เด็กอายุ 13 ผู้อยากจะเป็นเรซซิ่งควีน!? Momoka Kurita ในขณะที่เธอเรียนอยู่ในชั้นประถมศึกษา หลายคนอาจจะอยากเป็นพนักงานบริษัท อาจารย์ หรือแอร์โฮสเตส แต่เธอมีความฝันที่แตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ นั่นก็คือการได้เป็นนางแบบและเรซควีน ด้วยอายุอานามของเธอที่ยังดูเด็ก ทำให้เรื่องราวความฝันของเธอถูกเอาไปพูดถึงต่อทั่วโลกออนไลน์ และก็เกิดการโต้เถียงของชาวเน็ต บ้างก็ว่าไม่เหมาะสมเพราะเธอยังเด็กเกินไป แต่บ้างก็ว่ามันเป็นสิทธิความชอบส่วนบุคคล ในส่วนของคุณแม่ก็ได้ให้การสนับสนุนเธออย่างเต็มที่ บางคนอาจจะมองว่าสำหรับเด็กวัย 13 ถือเป็นการแต่งตัวที่ดูไม่เรียบร้อย ชาวเน็ตหลายคนก็ได้ให้ความเห็นไปในทำนองที่ว่า Momoka ยังเป็นเด็กอยู่ และการเป็นเรซควีนก็เปรียบเสมือนการเอาร่างกายตัวเองไปขาย ดังนั้นอาจดูไม่ดี และไม่สมควรเท่าไหร่นัก ประเด็นดังกล่าวเริ่มเป็นที่พูดถึง และจากกระแสดังกล่าวทำให้เธอถูกเชิญออกจากโรงเรียนในที่สุด ยิ่งเธอถูกเชิญออก ก็ยิ่งทำให้ประเด็นดราม่ารุนแรงขึ้นไปอีก ถึงทั้งความเหมาะสมของเธอ และการกระทำของโรงเรียนว่าถูกแล้วหรือ!? แต่นั้นก็ไม่สามารถหยุดความฝันของเธอได้ เพราะตอนนี้เธอกำลังเตรียมตัวออดิชั่นเข้าสู่รายการ Tokyo Girls Audition…
-
โมเมนต์อบอุ่นหัวใจ เมื่อคุณพ่ออัพเกรดเครื่อง Nintendo Switch แบบกระดาษของลูก ให้เป็นเครื่องเกมจริง!!
ช่วงเวลาสุดประทับใจจากคุณพ่อชาวญี่ปุ่น ผู้เป็นเจ้าของทวิตเตอร์ @mohikan1974 ได้โพสต์เล่าเรื่องราวในครอบครัวของเขาเอง เริ่มมาจาก Kazutoyo ลูกชายของเขาอยากจะได้เครื่องเล่นเกม Nintendo Switch ที่กำลังฮิต ถ้าเทียบกับเด็กแล้วก็ถือว่ามันมีราคาแพง ซึ่งเขาเป็นคนที่มักจะสอนลูกเสมอว่าให้คิดการใหญ่ และอะไรๆ ก็ล้วนไม่ได้มาง่ายๆ ด้วยเหตุนี้เวลาที่ลูกชายของเขาอยากได้อะไร เขาก็จะคิดเสมอว่าอะไรมันไม่ได้มาง่ายๆ และต้องคิดให้เยอะๆ อย่างครั้งหนึ่งในอดีต พอเขาอยากได้แลปท็อปซักเครื่อง แต่ทำยังไงถึงจะได้มาด้วยตัวเอง เขาจึงวาดภาพเกม Adventure of Prince Poop 2 ซึ่งเป็นเกมที่เขาอยากเล่นและคิดขึ้นมาเองลงบนกระดาษแล้วมาแปะไว้ทำเป็นจอแลปท็อป แต่ว่าล่าสุดที่ Nintendo ได้เปิดขายเครื่องเล่นตัวใหม่อย่าง Nintendo Switch แน่นอนว่าลูกชายของเขาก็จะต้องอยากได้เครื่องเล่นชิ้นใหม่นี้อย่างแน่นอน แต่ด้วยคำสอนของพ่อทำให้เขาคิดได้ว่าเขาต้องทำมันขึ้นมาเองด้วยความภาคภูมิใจ จนในที่สุดเด็กชาย Kazutoyo ก็ได้สร้างเครื่องเล่นขึ้นมาเองจากกระดาษและทำภาคต่อของเกมของเขา Adventure of Prince Poop 3 ลงบน Nintendo Switch และก็มีความสุขกับเครื่องเล่นกระดาษนั้น… ทางด้านคุณพ่อเมื่อเห็นว่าลูกคิดการใหญ่และมีจินตนาการ อนาคตน่าจะไปได้ไกลจึงไม่ปล่อยให้ลูกต้องหยุดอยู่แค่กับกล่องกระดาษและมันจะดีกว่าถ้าเขาได้เล่นเครื่องเล่นจริงๆ จนสามารถต่อยอดความคิดลูกของเขาได้ เขาแอบเซอร์ไพร้ส์ลูกด้วยการซื้อเครื่องจริงๆ มา แล้วในคืนหนึ่งตอนลูกชายเข้าไปอาบน้ำ เขาจึงได้แอบย่องไปสับเปลี่ยนเครื่องเล่นกระดาษของลูกชายกับเครื่องเล่นจริงๆ ในขณะที่ลูกของเขากำลังอาบน้ำอยู่ @mohikan1974 ได้บรรยายในทวิตเตอร์ของเขาว่า “ผมทำมันก็เพื่อที่ว่า…
-
บัตรเครดิตญี่ปุ่นผุดไอเดีย ตั้งวงเกิร์ลกรุ๊ปจากพนักงานของบริษัท โปรโมทถึงลูกค้าตรงๆ
สำหรับแฟนๆ เกิร์ลกรุ๊ปของประเทศญี่ปุ่นคงจะรู้จักกับวง AKB48 และ Nogizaka46 เป็นอย่างดี ความน่ารักและความสดใสของพวกเธอทำเอาหนุ่มๆ หลายคนถึงกับใจละลายกันมานักต่อนักแล้ว และวันนี้เราจะขอพาทุกคนไปรู้จักกับเกิร์ลกรุ๊ปญี่ปุ่นอีกกลุ่มหนึ่ง ที่รับรองได้เลยว่าความน่ารักและความสดใสของพวกเธอนั้นไม่แพ้ AKB48 หรือ Nogizaka46 แน่นอน และที่สำคัญพวกเธอทั้งหมดนั้นมาจากพนักงานบริษัทบัตรเครดิต!! เกิร์ลกรุ๊ปสาว Higashi Ikebukuro52 เกิดขึ้นจากการรวมตัวของพนักงานจากบริษัทผู้ให้บริการทางการเงิน Credit Saison และบริษัทอื่นๆ ในเครือ โดยมีสมาชิกทั้งหมด 24 คน เมื่อวันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2017 พวกเธอก็ได้ปล่อยซิงเกิลแรกที่มีชื่อว่า I Saison ออกมาแล้ว ลองไปชมผลงานของพวกเธอได้ในคลิปวิดีโอด้านล่างนี้ได้เลย… สำหรับบทเพลงที่เพิ่งปล่อยออกมานั้น ทาง Credit Saison ได้ว่าจ้างวง Nogizaka46 มาช่วยในการออกแบบท่าเต้นและฝึกเต้นให้กับพนักงานของพวกเขาด้วย ชื่อวง Higashi Ikebukuro 52 นั้นมีที่มาจากที่ตั้งของบริษัทแม่ ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 52 ของอาคาร Sunshine 60 ในย่าน Higashi Ikebukuro ของกรุงโตเกียวนั่นเอง โดยเราจะเห็นสถานที่ต่างๆ ในย่านนี้ปรากฎอยู่ในมิวสิควิดีโอดังกล่าวด้วย …
-
Nintendo ตอบกลับจดหมายเด็กชายตาบอด ที่ส่งไปขอบคุณบริษัทอย่างสุดซึ้ง…
บ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ที่มีฐานลูกค้ามากมายออกมาตอบรับเสียงตอบรับจากลูกค้าผู้ที่ชื่นชอบหรือส่งจดหมายต่างๆ ไปหาต้นสังกัด พร้อมกับตอบแทนลูกค้าเหล่านั้นด้วยวิธีการต่างๆ ตามเหมาะสม… เรื่องนี้ได้ถูกเล่าผ่านทวิตเตอร์ของผู้ใช้ที่ชื่อว่า @kentarock1020 ซึ่งเป็นเรื่องราวของลูกชาย Hibiki Sakai ได้ส่งจดหมายไปยังบริษัท Nintendo เพื่อขอบคุณที่ทางบริษัทผลิตเกมดีๆ ออกมาให้เขาเล่น แต่ว่าเรื่องมันเศร้ากว่าตรงที่หนูน้อย Hibiki นั้นตาบอด ซึ่งตัวจดหมายที่ส่งไปหนูน้อยก็ไม่ได้ร้องขออะไรจากทาง Nintendo แต่เป็นการขอบคุณบริษัทที่ผลิตเกมดีๆ ออกมาให้เขาได้สัมผัส “สวัสดีครับ ผมชื่อ Hibiki Sakai ตอนนี้ผมเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และผมก็ตาบอด แต่ผมก็ยังคงอยากจะเล่นเกมเหมือนกับคนอื่นๆ แถมเกมส่วนใหญ่ก็มีไม่มากที่จะให้คนแบบผมเล่นได้ ทว่าก็มีอยู่เกมหนึ่งที่ผมเล่นได้จริงๆ นั่นก็คือ Rhythm Tengoku ซึ่งเกมนี้เป็นเกมเดียวที่ผมสามารถเล่นและสนุกไปพร้อมกับคนอื่นๆ ได้ แถมผมยังได้คะแนนเพอร์เฟ็กในทุกภาคด้วยนะ ทั้งเครื่อง Game Boy Advance, Nintendo DS, Wii, และ 3DS ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผมจึงอยากขอให้พวกคุณช่วยทำเกม Rhythm Tengoku ออกมาอีกด้วยนะครับ และจะดีกว่านี้มากถ้าทำให้เกมมันยากขึ้นมาหน่อย ส่วนตัวผมยังคิดว่าคงมีเด็กๆ อีกมากมายนอกจากผมที่มีปัญหาเรื่องการมองเห็นแล้วอยากจะเล่นเกมแต่ก็ทำไม่ได้ ผมอยากจะขอให้พวกคุณช่วยผลิตเกมที่เป็นมิตรกับคนที่มีปัญหาทางร่างกายด้วยนะครับ” …
-
เปิดขายแล้วในญี่ปุ่น!! “ลูกกวาดกาแลคซี่” ย่อส่วนดวงดาวและจักรวาล ให้คุณอร่อยไปกับมันได้
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในดาวเคราะห์ต่างๆ ที่อยู่ในกาแลคซี่ของเรา คุณต้องร้องกรี๊ดกับลูกอมที่เราจะพาไปชมในครั้งนี้แน่นอน เพราะลูกกวาดเหล่านี้เหมือนเป็นแบบจำลองของดาวเคราะห์ทั้งหลายมาไว้ในกำมือคุณเลย ลูกอมสุดวิเศษนี้มีชื่อว่า “ลูกกวาดกาแลคซี่” ที่จำหน่ายหมดไปอย่างรวดเร็วในทุกครั้งที่วางขาย เพราะความสวยโดดเด่นกว่าลูกกวาดแบบอื่นๆ ที่เคยเจอ และการเลียนแบบลักษณะของดาวเคราะห์ต่างๆ ได้เหมือนจริงสุดๆ ทำเอาอยากซื้อเก็บสะสมไว้ซะทุกอัน “ลูกกวาดกาแลคซี่” หรือจะเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ลูกกวาดดาวเคราะห์” เป็นของหวานสุดน่ารักที่จำหน่ายอยู่ที่ร้านขายของชำที่ชื่อว่า Village Vanguard ในประเทศญี่ปุ่น โดยได้นำออกมาจำหน่ายในเดือนตุลาคมปีที่แล้วและก็ทำยอดขายถล่มทลายกว่า 35,000 ชิ้นภายใน 6 เดือน แต่เจ้าลูกกวาดกาแลคซี่นี้ทำด้วยมือเพียงเท่านั้น จึงมีข้อจำกัดในการผลิตและมักจะขายหมดอย่างรวดเร็ว และในตอนนี้ทางร้าน Village Vanguard จะนำมาจำหน่ายอีกครั้งในรอบ 3 เดือน ทำเอาแฟนๆ ที่รอคอยอดใจไม่ไหวที่จะซื้อเก็บไว้สักอัน โดยรสชาติของลูกกวาดแต่ละอันมีดังนี้ โลก: รสขนมสายไหม ดาวเสาร์ : รสฝรั่ง ดาวพฤหัสบดี: รสมะนาว ดาวอังคาร: รสลูกแพร์ ปรอทดาวเคราะห์ : รสทรอปิคอลพั้นซ์ ดาววีนัส: รสเชอร์รี่ พระอาทิตย์: รสมาร์ชเมลโล่ ดาวมฤตยู: รสแบล็กเบอร์รี่ ดาวเนปจูน: รสมะม่วง…
-
กรมการจัดหางาน รับสมัครคนไทยไปฝึกงานญี่ปุ่น 3 ปี มีเบี้ยเลี้ยงและเงินเดือนตลอดการฝึกงาน!!
นับว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวดีสำหรับผู้ที่กำลังมองหาโอกาส ที่จะได้ไปสัมผัสประสบการณ์การทำงานในวัฒนธรรมแดนปลาดิบ เพราะกรมการจัดหางานกำลังเปิดรับสมัครคัดเลือกผู้รับการฝึกอบรมเพื่อจัดส่งไปฝึกปฎิบัติงานเทคนิคในประเทศญี่ปุ่น ผ่านองค์กร IM ปี 2560 ที่ระบุว่าเป็นตำแหน่งคนงานทั่วไป ระยะเวลา 3 ปี และเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 29 – 31 พฤษภาคม 2560 นี้เท่านั้น (ไม่เสียค่าใช้จ่ายการสมัคร) นายวรานนท์ ปีติวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางานกระทรวงแรงงานชี้แจงว่าโครงการจากองค์กร IM ปี 2560 ครั้งที่ 2 นี้ เปิดรับเฉพาะเพศหญิง โดยทางการญี่ปุ่นจะจ่ายค่าโดยสารเครื่องบินไป – กลับ (กรุงเทพฯ – โตเกียว) ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับเบี้ยเลี้ยงตลอดการฝึกงาน โดยเดือนแรกจะได้รับ 80,000 เยน (24,490 บาท) ครอบคลุมถึงค่าที่พัก ค่าไฟฟ้า และค่าน้ำ ส่วนค่าอาหารหรือค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ ผู้สมัครจะต้องจ่ายเอง เมื่อฝึกครบตามกำหนดโครงการผู้เข้าร่วมจะได้เงินสนับสนุนการประกอบอาชีพจำนวน 600,000 เยน (183,000 บาท) เดือนที่…
-
ศิลปินญี่ปุ่นผุดไอเดียเจ๋ง เปลี่ยนความหงิกงอของขนลับ ให้กลายเป็นจังหวะดนตรีตื้ดๆ!!
คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรื่องไอเดียสร้างสรรค์แบบนอกกรอบอย่างสุดขั้ว คงต้องยกรางวัลที่ 1 ให้กับประชาชนชาวญี่ปุ่นเค้าล่ะ และนี่ก็เป็นอีกครั้งเมื่อ Taku Takahashi ดีเจชื่อดังจากวงการเพลงญี่ปุ่น ได้ปิ๊งไอเดียที่จะเปลี่ยนความหยิกหยอยของเส้นขนหะมอย ให้กลายมาเป็นจังหวะดนตรีแบบตื้ดๆ มันทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอฟร๊ะเนี่ย!? ก่อนอื่นลองไปฟังเสียงเพลงแบบกรู๊ฟๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้ขนลับกันก่อนเลย ผลงานเพลงดังกล่าวใช้ชื่อแทร็คว่า ‘In Motion’ ถ้าฟังเผินๆ อาจจะไม่รู้ว่าเพลงทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากขนลับของหญิงสาวทั้งหมด 15 คน ทว่าหญิงสาวผู้อยู่เบื้องหลังนั้นพวกเธอไม่ใช่นักดนตรี หรือโปรดิวเซอร์ หากแต่พวกเธอคืออาสาสมัครจากทางบ้าน ที่สละเส้นขนลับมาให้ดีเจหนุ่ม ใช้สำหรับการสร้างเสียงเพลง ตัวอย่างรูปแบบเส้นขนหะมอย เมื่อเอามาเทียบบนกราฟเส้นเสียง นอกจากนั้นแล้วเพลงนี้ยังได้รับการสนับสนุนจาก Datsumo Recipe เว็บไซต์ที่เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับปัญหาขนลับต่างๆ และคำว่า ‘In Motion’ ก็เป็นการเล่นคำ ‘In Mou’ ซึ่งแปลว่าขนลับในภาษาญี่ปุ่น Shiboru Yamane โปรดิวเซอร์ผู้ร่วมงานให้สัมภาษณ์ว่า ‘พวกเราได้ไอเดียนี้มาจากตอนที่เราสังเกตเห็นเส้นขนลับ ซึ่งมีลักษณะที่คดงอคล้ายกับคลื่นเสียง พวกเราจึงใช้สิ่งนั้นสร้างเสียงดนตรีขึ้นมา’ ทว่ามันไม่ง่ายเลยกับการที่เราจะสามารถเปลี่ยนความหงิกงอของขนลับ ให้ออกมาเป็นเมโลดี้ตัวโน้ตชวนให้รู้สึกติดหู ‘ปัญหาใหญ่สุดที่เราเจอก็คือการจูนเสียง มันไม่ง่ายเลยที่คุณจะจูนคลื่นเสียงที่ถอดแบบมาจากขนลับได้อย่างตรงไปตรงมา และความท้าท้ายสูงสุดก็คือ เราอยากรู้ว่า… เราจะสามารถใช้ขนลับสร้างเสียงเพลงได้มากขนาดไหน’ Takahashi ให้สัมภาษณ์…
-
พาชม “11 เมนูขนมญี่ปุ่น” ความอร่อยผสานศิลปะ ของว่างที่อยู่คู่ชาวญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เข้มข้นไปด้วยเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็น เครื่องแต่งกายหรืออาหารการกิน ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นจากจิตวิญญาณทั้งนั้น และหากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในความเป็นญี่ปุ๊นญี่ปุ่น คุณต้องไม่พลาดบทความนี้ด้วยประการใดทั้งปวง!! ความอร่อยบวกกับศิลปะของชาวญี่ปุ่น ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะรวบรวมขนมญี่ปุ่น ที่มีทั้งความอร่อยและหน้าตาสวยงามมาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน ไม่แน่ว่าถ้าเพื่อนๆ ได้ชมแล้วต้องไปหามาชิมกันด่วนๆ เพราะความน่ารักและน่าอร่อยของมันนั่นเอง 1. Mochi Ice Cream แป้งโมจินุ่มๆ สอดไส้ไอศครีมหอมหวาน มันมักจะถูกเสิร์ฟตามประเพณีวันปีใหม่ของญี่ปุ่น เห็บแวบๆ ว่าในไทยก็มีขายอยู่บ้างแล้วนะ ใครอยากลองทานก็ลองไปหาซื้อกันดู 2. Yokan ขนมวุ้นเจลาตินเนื้อเด้งที่ทำจากถั่วแดง ผงวุ้นและน้ำตาล แต่มีทริคเล็กๆ ถ้าอยากเพิ่มความอร่อยคือลองเพิ่มมันเทศ เกาลัดสับ ผลไม้หรือโรยผงมัทฉะชาเขียวก็จะได้รสชาติอร่อยที่แตกต่างกันออกไป 3. Dango ขนมทานเล่นสุดฮิตที่เรารุ้กันในชื่อขนม “ดังโงะ” ที่เสริฟมาในไม้น่ารักๆ สามถึงสี่ลูกที่จะทำให้คุณเคี้ยวหนึบไปกับดังโงะรสชาติต่างๆ 4. Imagawayaki ขนมชนิดนี้มักจะเจอได้ตามงานเทศกาลของญี่ปุ่น มันคือขนมที่คล้ายกับแป้งแพนเค้กหรือวาฟเฟิลที่สอดไส้หลายๆ อย่าง เช่น ถั่วแดง คัสตาร์ด วานิลลา เนื้อหรือผักต่างๆ นั่นเอง 5. Hanabira…
-
ศิลปินสาวบันดาลศิลปะให้เกิดขึ้นได้ เพียงแค่ใช้ขนมและอาหาร จินตนาการสิแล้วจะเห็น!!
ในตอนเป็นเด็กเพื่อนๆ คงเคยโดนคุณแม่ดุบนโต๊ะอาหารอยู่บ่อยๆว่า “อย่าเล่นกับข้าว!!” เพราะคุณแม่อยากให้เราทานอาหารอย่างเรียบร้อย ไม่เลอะเทอะ แต่ในความคิดของคุณลูกนั้นอาหารบนจานมันสามารถกลายเป็นศิลปะสุดเท่ได้นะ อย่างศิลปะที่เราจะพาไปชมในครั้งนี้ก็เกิดจากการสร้างสรรค์อาหารให้เป็นศิลปะที่สวยงามสุดๆ จากศิลปินสาวสุดน่ารัก ที่ทำให้มื้ออาหารนั้นกลายเป็นภาพศิลปะที่ไม่เหมือนใคร เห็นแล้วต้องขอไปลองกับอาหารที่บ้านบ้างแล้ว เพื่อนๆ คงคุ้นตากับภาพพิมพ์คลื่นยักษ์สไตล์ Ukiyo-e ของญี่ปุ่น ซึ่งภาพนี้มีชื่อว่า “Great Wave off Kanagawa” เรียกสั้นๆ ว่า “The Wave” เป็นภาพที่สวยงามและทรงพลังมากๆ ของ Hokusai Katsushika และแล้ว Tisha Cherry ผู้เป็นทั้งพยาบาลและศิลปินด้านอาหาร ก็ได้นำแรงบันดาลจากภาพนี้มาสร้างสรรค์ผลงานอาหารสุดเท่อย่าง “Oreo Wave” หรือคลื่นยักษ์โอรีโอ้นั่นเอง Great Wave off Kanagawa เธอใช้อาหารบนจานเป็นตัวสร้างศิลปะแทนที่ใช้สีหรือดินสอ พร้อมทั้งแชร์ผลงานลงบนอินสตาแกรมของเธอที่มีผู้ติดตามถึง 35,000 คนแล้วล่ะ ผลงานของเธอจะเด็ดแค่ไหนไปชมกัน คลื่นยักษ์บนโอรีโอ้ ภาพโมนาลิซาในตำนานก็สร้างสรรค์จากครีมโอรีโอ้ เมล็ดงาก็สามารถนำมาทำเป็นแพนด้าได้ คุกกี้เซเลอร์มูนก็น่ารักสุดๆ …
-
ญี่ปุ่นเปิดตัว “หมวกไหมพรมสำหรับคนชอบมัดแกละ” ใส่โชว์ได้ไม่รบกวนทรงผมแบ๊ว!!
หากคุณเป็นสาวแบ๊วๆ ที่มีความชื่นชอบในการทำผมมัดแกละสูงเหมือนเซเลอร์มูนแต่คุณยังจะมีปัญหาในการสวมใส่หมวกที่ทำให้ทรงผมของคุณนั้นมันน่ารักน้อยลง… แต่ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปเมื่อคุณได้พบกับหมวกไหมพรมสุดชิคจากญี่ปุ่นที่จะช่วยให้การมัดแกละของคุณรวมเข้ากับหมวกได้อย่างแนบเนียน ทรงผมมัดแกละสูงเป็นที่นิยมอย่างมากในญี่ปุ่นโดยมีแบบจากตัวการร์ตูนสุดฮิตอย่าง Hatsune Miku และ Sailor Moon มันฮิตขนาดที่ว่ามีวันสำหรับมัดผมแกละอย่าง “Twintails Day” ที่เหล่าคอสเพลย์จะร่วมแชร์ภาพมัดแกละสวยๆ ของตัวเอง ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ของทุกปี ทรงผมเหล่านี้ช่วยทำให้เย็นสบายได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อนแต่พอเข้าฤดูหนาวสาวๆ ก็ต้องพากันใส่หมวกเพื่อความอบอุ่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้อดทำทรงผมมัดแกละน่ารักๆ แบบนี้ แต่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปเพราะว่าตอนนี้มีหมวกไหมพรมที่จะทำให้คุณอบอุ่นในช่วงหน้าหนาวและยังน่ารักไปกับการมัดแกละพร้อมๆ กัน หมวกไหมพรมอันนี้ออกแบบโดยบริษัท Kokaji ที่อยู่ในเมืองโอซาก้า มันมีชื่อว่าหมวก “Cuelitt” โดยเกิดจากคำว่า “cute” และ “slit” รวมกันนั่นเอง ซึ่งมีความหมายว่าน่ารักและการมีช่องโหว่ที่ใช้ในการปล่อยผมแกละออกมา หมวกทุกใบถูกออกแบบมาเพื่อทรงผมมัดแกละโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะมัดแบบสูงๆ หรือต่ำๆ ก็น่ารักได้ทั้งนั้น หมวก Cuelitt ได้รับความนิยมมากๆ จากสาวๆ ทั้งหลาย ทางบริษัทจึงมีการวางแผนที่จะจดสิทธิบัตรเพื่อไม่ให้มีการลอกเลียนแบบสินค้าของพวกเขานั่นเอง . . นี่เป็นหมวกในคอลเลคชั่นที่มีลูกปุกปุยน่ารักๆ ด้านบน . ส่วนนี่เป็นแบบธรรมดาที่เสริมน่ารักด้วยการถักนิตติ้ง แบบสั้นๆ ก็มีนะ…
-
บริษัทญี่ปุ่นผุดไอเดีย ให้ชาวประมงโทรปลุกคุณตอนเช้า ลืมนาฬิกาปลุกเดิมๆ ไปได้เลย…
การตื่นนอนในเช้าดูจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับใครหลายๆ คน เพราะกว่าจะสลัดผ้าห่มแล้วลุกออกจากเตียงได้ น่าจะเป็นเรื่องที่ยากซะกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาซะอีก บางครั้งการตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่ 6 โมงเช้าแต่เอาเช้าจริงๆ กลับตื่น 7 โมงกว่า (เพราะกดเลื่อนไปเรื่อยๆ รู้นะว่าทำบ่อยอ่ะ!!) ถ้าหากนาฬิกาปลุกใช้ไม่ได้ผลแล้ว ลองมาดูบริการสดใหม่แบบนี้สิอย่าง “บริการโทรปลุก ในตอนเช้าโดยชาวประมง” ถือว่าเป็นโชคดีสำหรับชาวญี่ปุ่นขี้เซา เมื่อมีการผุดไอเดียสุดเจ๋งแบบนี้ขึ้นมา โดยให้คุณสามารถเลือกเวลาปลุกในตอนเช้า จากนั้นก็จะมีชาวประมงโทรปลุกให้คุณตื่นแทนที่จะเป็นนาฬิกา!! บริษัท Fisherman Japan ได้เปิดตัวบริการที่น่าสนใจดังกล่าว โดยใช้ชื่อว่า Fisherman Call ซึ่งจะมีชาวประมงของบริษัทที่กำลังออกหาปลาในชายฝั่งซันริกุ โทรมาพูดคุยกับคุณในตอนเช้าตามเวลาที่คุณได้กำหนดเอาไว้ บริการสุดแปลกนี้เปิดสามารถใช้บริกาได้ฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับการรับบริการนั้นก็ง่ายๆ เพียงแค่คุณกรอกที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และกำหนดเวลาที่ต้องการให้ปลุกผ่านทางระบบออนไลน์ จากนั้นก็จะมีโทรศัพท์จากชาวประมงโทรมาตามเบอร์และเวลาที่คุณกำหนดไว้แล้ว!! นอกจากนี้เรายังสามารถที่จะเลือกได้อีกด้วยว่าต้องการให้ชาวประมงคนไหนโทรมาปลุกในตอนเช้า โดยชาวประมงส่วนมากนั้นจะตื่นแต่เช้าตรู่และทำงานของพวกเขาเสร็จในเวลาประมาณ 6 โมงเช้าดังนั้นจึงไม่มีปัญหาสำหรับการโทรปลุกคุณในช่วงเช้าอย่างแน่นอน ไปดูตัวอย่างของบริการนี้ในคลิปวิดีโอด้านล่างนี้ได้เลย ซึ่งเป้าหมายหลักของบริการนี้ก็คือการประชาสัมพันธ์ให้เห็นถึงความสำคัญของอาชีพชาวประมง ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น เว็บไซต์ Spoon & Tamago รายงานว่าบริการนี้กำลังทำให้ผู้หันมาสนใจอุตสาหกรรมประมงมากขึ้น และกำลังเป็นไปได้สวยเลยล่ะ แหม่ ถือว่าเป็นไอเดียที่เจ๋งดีเหมือนกันนะเนี่ย นอกจากจะเป็นบริการที่แปลกแหวกแนวแล้ว ยังทำให้คนหันมาสนใจเกี่ยวกับอาชีพชาวประมงอีกด้วย…
-
ชาวเน็ตแซวโปสเตอร์ ‘รณรงค์ความรักชาติของญี่ปุ่น’ ที่ดันใช้ภาพนางแบบที่เป็นชาวจีน!?
กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างล้นหลามภายในสังคมของทั้งชาวเน็ตจีนและชาวเน็ตญี่ปุ่น หลังจากที่ได้เห็นภาพโปสเตอร์รณรงค์ให้ชาวญี่ปุ่นภูมิใจในชาติตัวเอง แต่ทว่าการโปรโมทดังกล่าวกลับมีข้อผิดพลาดที่ซ่อนอยู่ภายใน โปสเตอร์ดังกล่าวเป็นรูปหญิงสาวคนหนึ่งกับธงชาติญี่ปุ่น พร้อมด้วยข้อความ “ฉันดีใจที่เกิดเป็นคนญี่ปุ่น จงโบกธงชาติในใจคุณอย่างภูมิใจ” ถูกติดไว้ทั่วกรุงเกียวโตเมื่อไม่นานมานี้ และกลายเป็นว่าถูกชาวเน็ตจับได้จากการที่พวกเขาได้นำภาพของนางแบบที่ซื้อมาจากเว็บไซต์ขายภาพ Gettyimages โดยรายละเอียดในภาพนั้นบอกว่าเธอเป็นชาวจีน… ทางเว็บไซต์ Gettyimages ก็ได้ออกมายืนยันกับสำนักข่าว BBC ว่าภาพนี้เป็นภาพที่จำหน่ายในเว็บไซต์จริงๆ และถูกถ่ายไว้ตั้งแต่ปี 2009 แล้ว ซึ่งหลังจากที่ความจริงปรากฏก็มีหลายคนออกมาแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างดุเดือด แต่ฝั่งที่ดูจะเป็นคนที่เดือดร้อนกับเรื่องนี้สุดๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นชาวญี่ปุ่นผู้รักชาติเนื่องจากประวัติศาสตร์ที่ไม่น่าจดจำระหว่างจีนกับญี่ปุ่นนั้นยังคงฝังอยู่ในใจของพวกเขานั่นเอง เว็บไซต์ Sora News 24 ได้รวบรวมความคิดเห็นของชาวญี่ปุ่นต่อภาพในโปสเตอร์รณรงค์ความรักชาตินี้ ซึ่งนี่คือส่วนหนึ่งของความเห็นของพวกเขา “ผมเป็นชาวเกียวโต สำหรับเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางของแหล่งท่องเที่ยวแล้ว การกระทำแบบนี้ผมว่ามันน่าอับอายอย่างมาก” หนึ่งในความคิดเห็นของชาวเกียวโตต่อโปสเตอร์ดังกล่าว “ฉันอาศัยอยู่ในเกียวโต และได้เห็นโปสเตอร์เหล่านั้นทั่วเมือง ในฐานะของชาวเกียวโตแล้ว เป็นอะไรที่น่าสมเพชมากๆ ถ้าใครเห็นโปสเตอร์นั้นอีก กรุณาบอกให้ฉันได้ทราบด้วย” “น่ารังเกียจมากๆ พวกเขาคิดว่าติดโปสเตอร์แล้วจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับเกียวโตงั้นหรือ? กลับกลายเป็นว่าพวกเขาทำลายชื่อเสียงของเมืองที่สั่งสมมาต่างหากล่ะ” โปสเตอร์นี้ถูกจัดทำขึ้นโดยคุณ Jinja Honcho จากสมาคมรักชาติของศาลเจ้าชินโต เขาอธิบายถึงเรืองดังกล่าวว่า “โปสเตอร์นี้ถูกใช้โปรโมทถึงความภูมิใจในความเป็นญี่ปุ่นเมื่อช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ผมอยากจะสื่อให้ผู้คนตระหนักถึงความรักชาติจึงได้จัดทำโปสเตอร์นี้” และเมื่อถูกถามถึงข้อผิดพลาดดังกล่าวทางผู้ผลิตโปสเตอร์ได้บอกว่าพวกเขาไม่ได้มีความกังวลกับเรื่องนี้แต่อย่างใด พร้อมทั้งยังให้เหตุผลอีกด้วยว่า…
-
ไอดอลสาวญี่ปุ่นสอนวิธีถอดเสื้อง่ายๆ แค่ขยับครั้งเดียวก็ออกหมดแล้ว อู้ววแม่เจ้าโว้ยย!!
สำหรับหนุ่มๆ ที่กำลังมองหาวิชามาร เพื่อนำไปใช้กับแฟนสาว หรือจะเป็นสาวๆ ที่กำลังมองหาวิชามารเอาไปใช้กับหนุ่มๆ ขอบอกเลยว่าทริคนี้โคตรเด็ด!! (ทั้งคนทั้งทริคเลย) เพราะเมื่อไม่นานมานี้ Erina Kamiya ไอดอลสาวจากญี่ปุ่น ได้ออกมาอัดคลิปวิดีโอเผยเทคนิคการถอดเสื้อภายในพริบตาเดียว เอาเป็นเราลองตามไปดูกันเลยว่าจะทำได้จริงรึเปล่า ก่อนอื่นชมคลิปวิดีโอตัวเต็มกันก่อน ขอบอกเลยว่าสะบะละฮึ่มมาก (หมายถึงเสื้อนั่นแหละ) เผื่อว่าบางคนจะดูไอดอลสาวสอนถอดเสื้อ แต่ใจดันไปจดจ่ออยู่กับอย่างอื่นแทน เรามาดูภาพช้าทีละช็อตไปพร้อมๆ กันดีกว่า เทคนิคแรกก็เป็นการถอดเสื้อธรรมดาเนี่ยแหละ เหมือนที่ใครๆ เค้าก็ทำกัน เทคนิคที่ 2 ขั้นแรกให้เอามือจับแขนเสื้อไว้ งอแขนขึ้นมา และดึงเสื้อออกด้วยความรวดเร็ว ถ่ะแด๊มม..!! ถอดออกมาแล้วก็จะเป็นประมาณนี้แหละ เทคนิคที่ 3 ให้ยื่นมือไปจับคอเสื้อด้านหลัง ส่งแรงมาข้างหน้า จากนั้นก็ดึงออกมาภายในครั้งเดียว ด้วยเทคนิคที่เฉียบแหลม และฉับไว เชื่อว่าวิธีนี้จะทำให้คู่รักของคุณต้องถึงกับตะลึงตึ่งตึ๊งชัวร์ป๊าบ!! นี่เราชวนมาดูเทคนิคถอดเสื้อจริงๆ นะ คนอาร๊ายยเป็นโรคปอดบวมแล้วไม่ยอมไปรักษา… ที่มา: Rocketnews24
-
ญี่ปุ่นผุดเมนู “ไอศกรีมชาเชียวเคลือบทองคำเปลว” หน้าตาหรูหรา รสชาติกลมกล่อม
ใครที่กำลังเบื่อกับการทานไอศกรีมธรรมดาๆ ที่หาได้ทั่วไปคุณมาถูกทางแล้วเพราะเราจะไปพบกับไอศกรีมสุดเก๋จากญี่ปุ่น ที่คนรักชาเขียวพลาดไม่ได้เลย แต่เอ๊ะ!? ไอศกรีมชาเขียวมันดูพิเศษตรงไหน ฟังแล้วอาจจะดูธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาคือมันมีทองคำเปลวปกคุมอยู่บนไอศกรีมอีกด้วยนั่นเอง จะหน้าตาดีและหน้าทานขนาดไหนไปชมกันเลย ใครที่ชื่นชอบในชาเขียวจะรู้ว่าจังหวัดอุจิเป็นดินแดนแห่งชาเชียวที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่นในด้านของคุณภาพชา แต่คุณรู้หรือไม่ว่าจังหวัดชิซุโอะกะที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงของญี่ปุ่นไม่ถึง 200 กิโลเมตรก็มีทุ่งชาเชียวอันงดงามที่เจริญเติบโตได้ดีด้วยเช่นกัน สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากกรุงโตเกียวไปเกียวโตโดยรถไฟชินคันเซ็น ในระหว่างทางคุณก็จะได้พบทุ่งชาเขียวที่สวยงามของจังหวัดชิซุโอะกะแล้วก็อย่าลืมที่จะแวะชมผลิตภัณฑ์ดีๆ จากชาเขียวซึ่งรวมไปถึงไอศกรีมชาเขียวนี้ด้วย Oyaizu Seicha เป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลังการผลิตไอศกรีมนี้ได้ใช้ความหอมที่มีเอกลัษณ์ของชาเขียวผลิตไอศกรีม 7 รสชาติที่ตอนนี้กำลังได้รับความนิยมสุดๆ รสชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ “Classic Strong Matcha” ซึ่งเป็นไอสกรีมรสชาเขียวสุดกลมกล่อมและเพิ่มความอลังการด้วยการเคลือบทองคำเปลวไว้ด้านบน พวกเขาคัดเลือกเฉพาะส่วนผสมที่ดีที่สุดเท่านั้นที่จะมาทำไอศกรีมชาเขียวตัวนี้ได้ แม้แต่ทองคำเปลวก็เช่นกัน พวกเขาได้นำทองคำเปลวที่ดีที่สุดจากจังหวัดคานาซาวะ ซึ่งในอดีตพื้นที่ของจังหวัดนี้มีการผลิตทองคำเปลวแบบดั้งเดิมในยุค Azuchi Momoyama เมื่อปี 1568-1603 หากคุณได้มีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดชิซุโอะกะแล้วก็อย่าลืมที่จะลิ้มรสความสดชื่นของไอศกรีมชาเขียวเคลือบทองในราคา 900 เยน หรือประมาณ 275 บาทเท่านั้น อาจจะดูแพงไปหน่อย แต่หลายคนก็บอกว่ามันช่างคุ้มค่ากับความอร่อยจากส่วนผสมที่คัดสรรมาอย่างดีจริงๆ เห็นแล้วก็ทำเอาน้ำลายไหลไปตามๆ กัน ด้วยความหวานหอมของชาเขียวแถมยังเคลือบด้วยทอง ใครเห็นก็อดใจไม่ไหว ที่มา en.rocketnews24
-
ล้ำไปอีก.. ตู้กาชาปองญี่ปุ่น มี “จดหมายรัก” เขียนด้วยลายมือสาวๆ ให้หนุ่มได้กดไปอวดเพื่อน
กาชาปอง สุดยอดวัฒนธรรมแสนลึกลับแต่น่าหลงไหลจากแดนอาทิศอุทัย ที่แต่เดิมเริ่มจากสุ่มฟิกเกอร์เล็กๆ จนตอนนี้ทุกอย่างในญี่ปุ่นแทบจะเป็นกาชาปองได้เกือบทั้งหมด แถมใครจะเชื่อว่าจดหมายรักก็ยังเป็นกาชาปองได้ด้วย!!? ใช่แล้ว… ล่าสุดได้มีตู้กาชาปองแนวใหม่ ที่ข้างจะมีจดหมายรักสุดมุ้งมิ้งแถมเขียนด้วยมือล้วนๆ ออกมาให้ผู้ชื่นชอบในการเสี่ยงดวงได้เก็บสะสมกัน ซึ่งมีคนไปพบเห็นตู้กาชาปองนี้ตั้งอยู่ในจังหวัดนะโงะยะของประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง นี่คือหน้าตาของเจ้าตู้กาชาดังกล่าว ส่วนราคาในการหยอดแต่ละครั้งจะอยู่ที่ 200 เยน (ประมาณ 62 บาท) ซึ่งก็ถือว่าไม่แพงเท่าไหร่สำหรับการเสี่ยงดวงแต่ละครั้ง เมื่อเทียบกับจดหมายเขียนมือที่มีเนื้อหาเฉพาะตัวจากสาวน้อยลึกลับนามว่า Kiki ที่ตู้ยังมีวิธีเล่นแปะไว้ด้วยนะ โดยเขียนไว้ว่า ให้เอาจดหมายรักนี้ไปใส่ไว้ในล็อคเกอร์ของเพื่อน พอเพื่อนเปิดมาเจอก็จะตกใจคิดว่ามีสาวแอบชอบอะไรทำนองนี้อยู่นั่นเอง เล่ายาวกันมาขนาดนี้อยากจะรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะ ว่าเนื้อหาภายในจดหมายเป็นยังไงบ้าง งั้นเราลองมาดูน้ำจิ้มกันสักฉบับดีกว่า… “นี้ฉันเอง Kiki สาวน้อยที่นั่งถัดจากนายไง ขอบคุณนะที่ให้เรายืมแผ่นซีดีในวันนั้น เราสองคนนี้มีรสนิยมทั้งเรื่องเพลงและอื่นๆ ที่คล้ายกันลยเนอะ ส่วนฉันก็ได้ฟังเพลงที่นายแนะนำมาแบบนอนสต๊อปเลยล่ะ แน่นอนว่าฉันชอบมันมากๆ และฉันก็ได้ข่าวว่าพวกเขาจะมีคอนเสิร์ตเร็วๆ นี้ด้วย ฉันอยากจะไปมากเลยล่ะ แต่ถ้าไปคนเดียวก็คงจะเหงาแย่ นายอยากจะไปกับฉันไหม?? แต่ถ้านายไม่อยากก็ไม่เป็นไรหรอกนะฉันโอเค แต่ถ้านายอยากไปด้วยกันฉันว่ามันต้องเป็นอะไรที่สนุกมากแน่ๆ เลยล่ะ!! ฉันคิดมานานแล้วนะ เราได้แต่คุยกันแค่ที่โรงเรียนเท่านั้น ฉันเลยไม่มีโอกาสได้บอกกับนายเลยว่า บางทีเราอาจจะไปทำอย่างอื่นด้วยกันก็ได้ ไม่ใช่แค่คอนเสิร์ตแต่อาจจะเป็นไปร้องคาราโอเกะหรือกินข้าวด้วยกันหลังเลิกเรียน อะไรทำนองนี้แหละ แถมฉันยังมีเรีื่องมากมายที่อยากจะบอกนายมากๆ…
-
ธีมปาร์คในญี่ปุ่น จัดแพ็คเกจให้คุณได้ต่อยนักเลงแบบปลอมๆ เพื่อเอาชนะใจสาวในวันออกเดท!?
เราคงจะเคยชมละครหรือภาพยนตร์ที่มีฉากพระเอกติ๋มๆ ไม่กล้ามีเรื่องกับใคร เสนอตัวเข้ามาปกป้องผู้หญิงอันเป็นที่รักจากพวกตัวร้ายกันมาบ้างแล้ว และพล็อตเรื่องมันก็จะจบลงตรงที่ว่านางเอกประทับใจในความกล้าหาญของตัวเอก และลงเอยด้วยการเป็นแฟนกัน แต่ในวันนี้เพื่อนๆ สามารถมีประสบการณ์การเป็นฮีโร่ และต่อกรกับเหล่าจิ๊กโก๋ที่จะเข้ามาลวนลามแฟนสาวเพื่อปกป้องเธอเหมือนในหนังได้แล้ว ที่สวนสนุกธีมปาร์คที่ตั้งอยู่ในเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น สวนสนุก Hirakata Park ได้มีบริการให้จิ๊กโก๋ปลอมๆ เดินเข้ามาหาเรื่อง แล้วเราก็จะได้ปกป้องคู่เดทของเราให้พ้นอันตรายกลายเป็นฮีโร่เลยทีเดียว เป็นแพ็คเกจที่ต้องทำการจอง และผู้ที่ทำการจองจะต้องเข้าคลาสเพื่อเรียนวิธีการต่อสู้ หรือเรียกง่ายๆ ก็คือไปเตี๊ยมกันก่อนนั่นเอง เท่านั้นยังไม่พอหากคิดว่าแพ็คเกจนี้มันดูรุนแรงเกินไป ทางสวนสนุกก็มีแพ็คเกจแบบอื่นให้ท่านได้เลือกสรรด้วย ไม่ว่าจะเป็นการโยนระเบิดปลอมๆ มา แล้วให้คุณทำตัวเป็นฮีโร่เพื่อช่วยเหลือผู้คน หรือจะเป็นการสร้างสถานการณ์ขึ้นมาว่ามีคนบาดเจ็บและเสียเลือดเป็นจำนวนมาก และมีคุณคนเดียวเท่านั้นที่สามารถบริจาคเลือดให้ได้ หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากลองไปเล่นสนุกๆ หรืออยากเอาชนะใจสาว ก็ลองไปใช้บริการกันได้ที่สวนสนุก Hirakata Park ในเมืองโอซาก้าได้เลย หากใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม ก็สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสวนสนุก Hirakata Park ได้เลยนะจ๊ะ อยากต่อยกุ๊ยโชว์สาว ต้องที่นี่เลยยยยย!! เป็นกิจกรรมที่ดูน่าสนใจไม่น้อยเลยนะเนี่ย ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีในการมัดใจหญิงที่ไม่เลวเลยทีเดียว ฮร่าๆ ที่มา : metro,…
-
น่ารักสุดๆ กับ “กระเป๋าสตางค์เซเลอร์มูน” ที่ผสมผสานวัฒนธรรมดั้งเดิมญี่ปุ่น มาได้อย่างลงตัว
เมื่อพูดถึงวัฒนธรรมที่โด่งดังของญี่ปุ่นคงไม่มีใครไม่รู้จักวัฒนธรรมกิโมโน โดยเฉพาะในเกียวโตถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมกิโมโน ยิ่งเสื้อผ้าสิ่งทอจากเกียวโตที่เรียกว่า “Nishijinori” จะมีราคาแพงเป็นพิเศษ เพราะลวดลายที่สลับซับซ้อนและสีสันหรูหราซึ่งเราจะได้เห็นผ้าดังกล่าว ในรูปแบบกระเป๋าสตางค์สุดน่ารักที่จะนำเสนอในวันนี้ กระต่ายและดวงจันทร์เป็นนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น ที่เล่าถึงกระต่ายผู้อาศัยอยู่บนดวงจันทร์ ซึ่งภาพของนิทานเรื่องนี้ก็มาปรากฏอยู่บนลายของผ้ากิโมโนมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ในเวลาเดียวกันก็มีตัวละครจากเรื่อง Sailor Moon ที่ชื่อว่า Usasgi Tsukino ที่มีความหมายว่ากระต่ายในดวงจันทร์ จึงเหมาะที่จะนำผ้ากิโมโนพื้นบ้านและตัวละครในการ์ตูนมาประกอบเข้าด้วยกัน เกิดเป็นกระเป๋าสตางค์สุดน่ารักที่แฝงไปด้วยวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น ความเชื่อเรื่องโชคลางญี่ปุ่นที่เป็นที่นิยมถือได้ว่าถ้าคุณเก็บธนบัตรไว้ในกระเป๋าสตางค์โดยไม่พับนั้น จะทำมีความมั่นคงทางการเงินและความมั่งคั่งในชีวิต กระเป๋าสตางค์เซเลอร์มูนนี้มีช่องเก็บธนบัตร ช่องเก็บเหรียญ และบัตรต่างๆ ถึง 19 ช่อง เพื่อให้ผู้ใช้ได้เก็บของส่วนตัวต่างๆ ได้อย่างสะดวก อีกทั้งกระเป๋าสตางค์เซเลอร์มูนนี้ยังมีลูกเล่นน่ารักๆ อีกมากมายเช่นปุ่มสัญลักษณ์ “Crystal Star Compact” บนกระเป๋าและที่ห้อยซิปสุดน่ารักที่มีทั้งลูกคริสตัล กระดิ่งเล็กๆ และพระจันทร์เสี้ยว . ในขณะที่กระเป๋าสตางค์ก็มาพร้อมกับกล่องสวยๆ สไตล์ Sailor Moon ที่ดูเข้ากันสุดๆ กับกระเป๋าสตางค์ คุณสามารถสั่งซื้อเจ้ากระเป๋าสตางค์เซเลอร์มูนนี้ได้ในราคา 19,800 yen(ประมาณ 6,000 บาท) หรือใครที่ไม่มีเงินสำรองเก็บไว้ก็สามารถแบ่งจ่ายเป็น 4 งวดได้โดนจ่ายครั้งละ 4,980 เยน(ประมาณ 1,500 บาท…
-
11 อาชีพในญี่ปุ่น ซึ่งเปิดโอกาสให้คนต่างชาติเข้าไปทำงานได้ โดยที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน!!
จากปัญหาความไม่สมดุลในเรื่องของจำนวนประชากรของกลุ่มคนวัยทำงานที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ และกลุ่มผู้สูงอายุที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างทวีคูณ ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นเลือกที่จะใช้การชักชวนคนต่างชาติผู้มีความสามารถดีเยี่ยม ให้มาทำงานในสาขาที่กำลังขาดแคลน เราตามไปดูกันเลยว่าจะมีอาชีพอะไรบ้าง ทางเว็บไซต์ Japan-Talk ได้เปิดเผยข้อมูลกลุ่มอาชีพดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ที่มีความสามารถ ลองหาโอกาสมัครงานในสายที่ต้องการ และเพิ่มโอกาสได้งานในญี่ปุ่นมากขึ้นนั่นเอง 1. วิศวกร ด้วยความที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากๆ บวกกับมีบริษัทอุตสาหกรรมส่งออกทไปทั่วโลกจำนวนมาก ทำให้สายงานวิศวกรยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานอยู่ ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นต่างชาติก็ตาม 2. เจ้าหน้าที่ด้าน IT ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าด้าน IT ซึ่งในตลาดงานด้านนี้ ยังคงมีความต้องการบุคลากรจากต่างชาติอยู่มากพอสมควร (คือมันโตได้อีกเรื่อยๆ นั่นเอง) 3. เจ้าหน้าที่การลงทุนด้านการเงิน ในประเทศญี่ปุ่นมีบริษัทที่ทำเกี่ยวกับการลงทุนด้านการเงินจากต่างชาติอยู่มากพอสมควร และด้วยความไม่เสถียรภาพของตลาดการลงทุน ทำให้มีการหมุนเวียนสับเปลี่ยนพนักงานจ้างจากต่างประเทศอยู่ตลอดในรอบปี 4. ครูสอนภาษาอังกฤษ อีกหนึ่งอาชีพยอดฮิตของชาวตะวันตก ที่จะช่วยเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เที่ยวไปด้วย และทำงานไปด้วยได้ ถึงแม้ว่ารายได้อาจจะไม่ได้สวยงามนัก แต่ก็นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีเลยล่ะ 5. งานบริการเฉพาะทาง ถือว่าเป็นงานสำหรับคนที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะทางจริงๆ อย่างเช่น ครูสอนการเล่นสโนวบอร์ดประจำรีสอร์ท หรืออย่างเช่นช่างมีมือระดับมืออาชีพ ในส่วนที่หาคนท้องถิ่นมาทำไม่ได้ อะไรทำนองนั้น 6. ทำงานให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก มีหลายบริษัทจากญี่ปุ่นที่สามารถขยายกิจการ…
-
ตามไปส่อง “อาหารเช้า” ของชาวญี่ปุ่น 20 คน มื้อง่ายๆ แต่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์
เพื่อนๆ เคยได้ยินกันไหมว่า “มื้อเช้าคือมื้อที่สำคัญที่สุด” ซึ่งในแต่ละประเทศก็มีอาหารเช้าที่แตกต่างกันออกไป โดยในครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปส่องอาหารมื้อเช้าของชาวญี่ปุ่นว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง แม้อาหารญี่ปุ่นต่างๆ ทั้งซูชิ อุด้ง ซาชิมิ จะโด่งดังไปทั่วโลกแต่เรากลับยังไม่เคยเห็นมื้ออาหารเช้าของชาวญี่ปุ่นเท่าไรดังนั้นเราไปดูกันดีกว่าว่าจะน่าทานแค่ไหน 1. หนุ่มวัย 20 จาก โตเกียว – ชาญี่ปุ่น – กล้วย – ถั่วนัตโตะ(ถั่วหมัก) – ไข่ไก่ดิบ เขากล่าวว่า “ผมชอบทานถั่วนัตโตะมาก แล้วก็ชอบทานมันผสมกับไข่ดิบและข้าว” 2. หนุ่มวัย 20 อีกคนจากโตเกียว – หมูผัดขิง – ซุปมิโสะ – ข้าวสวย อาหารง่ายๆ แต่อร่อยสุดๆ 3. ชายวัย 30 ในเมืองฟูกุโอกะ – ข้าวสวย – ถั่วนัตโตะ(ถั่วหมัก) – ซุปผัก 4. ชายหนุ่มวัย 30 ปี ในเมืองโตเกียว นี่คืออาหารเช้า 3…
-
ญี่ปุ่นเปิดตัว “เสื้อซามูไรยุคใหม่” ปรับความดั้งเดิมให้ทันสมัย ใส่สบายรับหน้าร้อน
บ่อยครั้งที่ #เหมียวหน่า ได้นำเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับสวยๆ ของผู้หญิงมาฝากเพื่อนกัน ซึ่งอาจทำให้หนุ่มน้อยใจเอาได้ แต่ในครั้งนี้เราขอเอาใจหนุ่มๆ ด้วยเสื้อสุดเท่สไตล์ซามูไรที่ใส่สบายและเท่สุดๆ หลายคนอาจจะคิดว่าเครื่องแต่งกายสไตล์ซามูไรมันจะดูเว่อร์วังไปหรือเปล่านะ ไม่ต้องห่วงเลยเพราะเสื้อผ้าในวันนี้สามารถสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้จริงๆ แถมเหมาะกับการใส่สบายๆ ระหว่างวันสุดๆ เราไปทำความรู้จักกับมันกันดีกว่า แบรนด์เครื่องแต่งกายจากญี่ปุ่น Trove เคยเปิดตัวสินค้าที่มีสไตล์ของซามูไรมาแล้วในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา ซึ่งมีลักษณะเป็นแบบเสื้อคลุมยาว ที่สามารถสร้างความอบอุ่นให้แก่ผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี นี่คือภาพของเสื้อซามูไรที่ได้รับผลตอบรับอย่างดีในฤดูหนาวปีก่อน และอีกครั้งกับการต้อนรับฤดูร้อนทางแบรนด์ก็ได้เปิดตัวสินค้าใหม่สุดชิคที่ได้แรงบันใจมาจากซามูไรเช่นกันแต่มีการเปลี่ยนวัสดุผ้าและรูปทรงให้เข้ากับหน้าร้อนมากขึ้น โดยตัดเสื้อให้สั้นลงและใช้ผ้าที่มีน้ำหนักเบาเพื่อระบายอากาศ เสื้อซามูไรสีเทาลายสวยงามตัวนี้ทำมาจากผ้าฝ้าย 65% และผ้าไหม 35% ซึ่งเป็นผ้าทีได้จากแบรนด์ของอังกฤษที่ชื่อว่า Liberty ส่วนเสื้อซามูไรสีฟ้าน้ำทะเลตัวนี้ทำมาจากผ้าฝ้าย 100% และมีรูแขนที่กว้างกว่าเพื่อให้สวมใส่สบายยิ่งขึ้น รุ่นนี้มีชื่อว่า “กากี” ทำมาจากผ้าฝ้าย 100% เป็นผ้าทออย่างประณีตจึงให้ความรู้สึกนุ่มนวลเหมือนผ้าซาติน การออกแบบนี้ยังมีเชือกขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ภายในปกเสื้อเพื่อให้สามารถสวมใส่แบบปิดด้านหน้าได้ เสื้อคลุมสีดำสุดเรียบหรูชุดนี้ ทำมาจากผ้าฝ้าย 100% มีพื้นผิวคล้ายซาตินและมีเชือกผูกด้านในเช่นกัน เสื้อซามูไรเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของคอลเลคชั่น Wa-Robe (Robe Robe) ในช่วงฤดูร้อนของแบรนด์ Trove และมีราคาอยู่ที่ 15,120 เยน หรือประมาณ 4,500 บาท เสื้อตัวต่อไปเป็นเสื้อที่ดูเรียบง่ายและเท่สุดๆ เสื้อนี้มีชื่อว่า…
-
เสิร์ฟกันร้อนๆ “ราเมงพ่นไฟ” เมนูยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ร้อนแรงจนต้องระวังคิ้วหาย!!
ถ้าคุณกำลังเบื่อกับอาหารเดิมที่เคยทานเป็นประจำ คุณต้องไม่พลาดบทความนี้ เพราะในครั้งนี้เราจะพาไปพบอาหารที่มีวิธีการทานสุดร้อนแรง ที่ว่ามานั้นไม่ใช่อาหารรสเผ็ดแต่อย่างใด แต่มันคือ “ราเมงพ่นไฟ” ที่สามารถทำให้ขนคิ้วคุณหายไปได้อย่างง่ายๆ เลยล่ะ “ราเมงพ่นไฟ” นี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากๆ ไม่ใช่แค่รสชาติที่อร่อยกลมกล่อมแต่เป็นเพราะสไตล์การเสริฟ์สุดร้อนแรงที่ทำเอาใครที่ได้ไปทานต้องถ่ายรูปเก็บไว้กันเลยทีเดียว ร้านราเมงที่ว่านี้ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อในเรื่องอาหารสุดแปลก ซึ่งเมนูนี้ก็เช่นกัน ใความจริงแล้วมันมีชื่อว่า Menbakaichidai (เมนบาไกชิได) แต่ทุกๆ คนต่างเรียกขานเมนูนี้ว่า “Fire Ramen” หรือ ราเมงพ่นไฟนั่นเอง เมื่อได้ยินชื่อทุกคนอาจคิดว่าอาจเป็นราเมงรสชาติเผ็ดร้อนหรือเปล่า? แต่เปล่าเลยมันมีไฟจริงๆ ไฟที่สามารถเผาคนคิ้วคุณได้ถ้าไม่ระวังให้ดี ร้านราเมงนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก เมื่อนักชิมต่างหลั่งไหลเข้ามาทางร้านจึงมีการตั้งกฎการทานราเมงพ่นไฟขึ้น ก็เพื่อความปลอดภัยของลูกค้านั่นเอง เราไปดูกฎแต่ละข้อกันดีกว่า กฎ – ราเมงจะถูกเสิร์ฟบนเคาน์เตอร์ – ผู้ที่ไม่ได้สั่งเมนูราเมงพ่นไฟต้องนั่งแยกออกไป – โปรดสั่งซื้อหนึ่งชามต่อหนึ่งท่านเท่านั้น – เด็กที่ความสูงไม่เกิน 110 เซนติเมตรห้ามสั่งราเมงพ่นไฟ เด็กๆ ต้องสั่งอาหารอื่นๆ ที่โต๊ะพร้อมผู้ใหญ่ ข้อปฏิบัติในการทาน – โปรดอย่าถ่ายภาพเมื่อมีการเทน้ำมันลงไปในชาม – กรุณานั่งอยู่กับที่ – ห้ามแตะชามเพราะมันเคลือบไปด้วยน้ำมันอาจจะเปื้อนเสื้อผ้าของคุณได้ – กรุณาใส่ผ้ากันเปื้อนขณะที่คุณกำลังทานเพราะมันอาจจะกระเด็นโดนเสื้อคุณได้ …
-
แบรนด์แฟชั่นญี่ปุ่นเปิดตัว “กระเป๋าซามูไร” ตัดเย็บสไตล์โบราณ ผสมกับความทันสมัย
ใครที่กำลังเบื่อกับแฟชั่นเดิมๆ หรือกำลังมองหาแฟชั่นใหม่ๆ อยู่ ครั้ง #เหมียวหน่า มีกระเป๋าสุดเท่จากแบรนด์ญี่ปุ่นมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน กระเป๋าที่จะพาไปทำความรู้จักกันในวันนี้ก็คือ “กระเป๋าซามูไร” ที่มีการออกแบบตัดเย็บอย่างสวยงาม โดยมีแรงบันดาลใจมาจากชุดเกราะซามูไรนั้นเอง จะโดนใจสาวกญี่ปุ่นแค่ไหนเราไปชมกัน ในฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้วแบนรด์เสื้อผ้า Gyoku ก็ได้เปิดตัวกระเป๋าและซองห้อยเอวในคอลเลคชั่นซามูไรมาแล้ว สืบเนื่องถึงตอนนี้ได้เพิ่มรูปแบบและสีสันของตัวสินค้ามากขึ้น ทำให้แฟนๆ สามารถเลือกรูปแบบของกระเป๋าหรือสีที่ตนเองต้องการได้มากขึ้นด้วย กระเป๋าซามูไรเหล่านี้ใช้หนังเทียมเป็นวัสดุหลักและมีการเย็บแบบตะเข็บหนาทั้งสีน้ำเงินและสีแดง ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากนักรบของญี่ปุ่นนั่นเอง แม้ด้านนอกจะมีสีสันที่เรียบง่ายแต่ภายในกลับมีลวดลายแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมอย่าง “Tatami” ที่เป็นการถักเสื่อที่ใช้ปูในห้องของชาวญี่ปุ่นนั้นเอง . กระเป๋าซามูไรนั้นมีขนาดที่ใหญ่พอที่จะใส่ของได้มากถึง 7 กิโลกรัม และไม่ได้มีแค่แบบสะพายแต่ยังสามารถคล้องไว้ที่เข็มขัดได้ด้วย คุณสามารถซื้อมันได้ในราคา 33,264 เยนหรือประมาณ 10,300 บาท . . หรือถ้าใครชอบความคล่องตัวไม่เทอะทะก็ต้องลองกระเป๋าขนาดเล็กที่กะทัดรัดลงมาและยังสามารถห้อยเอวได้อีกด้วย กระเป๋าซามูไรใบเล็กนี้ราคาอยู่ที่ 32,184 เยนหรือประมาณ 10,000 นั่นเอง ยังไม่พอแบรนด์ Gyoku ยังมีสินค้าอีกตัวที่ใช้ใส่สมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ ซึ่งมันมีขนาดใหญ่พอที่จะสามารถรองรับขนาดของไอโฟน 6 พลัสได้ ซึ่งกระเป๋าใส่สมาร์ทโฟนตัวนี้ราคาอยู่ที่ 15,444 เยน หรือประมาณ…
-
รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติให้ พนักงานใส่ชุดสบายๆ มาทำงานได้ เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน
ฤดูร้อนแบบนี้ไทยเราคงต้องใช้ตัวช่วยดับร้อนอย่างเครื่องปรับอากาศกันอย่างหนักเลยใช่ไหมล่ะ และที่ญึ่ปุ่นก็ไม่ต่างกันแต่อาจจะไม่ร้อนมากเท่าบ้านเราเท่าไหร่ ซึ่งทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้ตระหนักถึงการประหยัดพลังงานจึงเกิดเป็นโครงการดีๆ ที่จะช่วยลดการใช้พลังงานแถมยังดีต่อหนุ่มสาวออฟฟิศอีกด้วย รัฐบาลญี่ปุ่นได้จักโครงการดีๆ ขึ้นสำหรับหน้าร้อนนี้ โดยโครงการนี้มีชื่อว่า “Cool Biz” คือการรณรงค์ให้หนุ่มสาวออฟฟิศแต่งตัวสบายๆ มาทำงาน เพื่อเป็นการลดการใช้ไฟฟ้าจากเครื่องปรับอากาศ โครงการนี้มีวิธีดำเนินการโดยให้ประชาชนตั้งความเย็นของเครื่องปรับอากาศให้อยู่ที่ 28 องศาเซลเซียส ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ซึ่งโครงการ Cool Biz นี้จะดำเนินโครงการจนไปถึงสิ้นเดือนกันยายน โดยเจ้าหน้าที่รัฐในสำนักงานของรัฐบาลสามารถมาทำงานได้โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องใส่เนคไทและเสื้อคลุม ส่วนข้าราชการก็สามารถสวมใส่เสื้อโปโล รองเท้าผ้าใบหรือจะเป็นเสื้อฮาวายในที่ทำงานได้เช่นกัน “เราต้องการให้ธุรกิจต่างๆ ริเริ่มทำตามโครงการ Cool Biz เพราะการแต่งกายสบายๆ นั้น จะช่วยให้เราประหยัดพลังงานจากการใช้เครื่องปรับอากาศได้” Naofumi Masuda ผู้อำนวยการสำนักงานการจัดการพลเมืองและสิ่งแวดล้อมได้กล่าวถึงโครงการนี้ โครงการนี้จะเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2005 และได้มีการจัดทำการสำรวจออนไลน์จากกระทรวงสิ่งแวดล้อมในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าประชากรมากถึง 90% ได้ตระหนักและทำตามโครงการนี้ โดยกระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่นเป็นผู้เริ่มโครงการ Cool Biz เป็นการรณรงค์ลดภาวะโลกร้อน และชาวญี่ปุ่นเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พร้อมตั้งเป้าว่าจะสามารถลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากบ้านเรือนได้ 40% เมื่อเทียบกับปริมาณก๊าซที่ปล่อยในปี…
-
ศิลปินสาวชาวญี่ปุ่น เนรมิตรกล่องกระดาษลัง ให้กลายเป็นโมเดล 3 มิติสุดเนี๊ยบ!!
ในวิชางานฝีมือสมัยโรงเรียนประถม อาจารย์มักจะให้พวกเรานำของเหลือใช้ในบ้านอย่างพวกขวดนม กล่องนม หรือลังกระดาษมาประดิษฐ์เป็นของใช้หรือของเล่นต่างๆ ซึ่งผลงานที่ออกมานั้นจะสวยงามแค่ไหนก็อยู่ที่ฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคน และแล้วก็มีผลงานการประดิษฐ์ที่สุดเจ๋งและสวยงามมากๆ จากแดนปลาดิบอีกครั้ง ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่ใช่งานประดิษฐ์แบบธรรมดาๆ ที่เราเคยทำในวิชาการงานอาชีพอย่างแน่นอน และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา.. ขอเชิญพบกับคุณ Monomi Ohno ศิลปินชาวญี่ปุ่นผู้เนรมิตรลังกระดาษธรรมดาๆ ให้กลายเป็นโมเดล 3 มิติที่สวยและเหมือนจริงสุดๆ คุณ Monomi Ohno และผลงานของเธอ สาววัย 23 ปีผู้นี้ จบการศึกษาจาก Osaka University of the Arts เธอบอกว่าที่มาของการทำงานศิลปะจากลังกระดาษนี้เริ่มต้นจาก ในตอนที่เรียนอยู่ปี 2 ตอนนั้นเธอเลือกที่จะเรียนในสาขาแอนิเมชั่น 3 มิติ แต่เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้ในการสร้างโมเดล 3 มิตินั้น มีราคาสูงมาก เธอจึงเลือกที่จะนำกล่องกระดาษมาใช้ในการสร้างโมเดลของเธอแทน และเธอก็เริ่มสนุกกับการสร้างแบบจำลองต่างๆ จากกล่องกระดาษนี้ ตอนนี้เธอกำลังฝึกฝนตัวเองเพื่อพัฒนาฝีมือให้เป็นศิลปินกระดาษแข็ง และต่อไปนี้คือผลงานบางส่วนของเธอที่เธอใช้กระดาษแข็งเพื่อนำเสนอผลงานศิลปะแทนผืนผ้าใบ จะสวยงามและน่าสนใจแค่ไหนไปชมกันได้เลย.. รองเท้าที่ทำมาจากกระดาษแข็งนอกจากจะสวยแล้วยังใส่ได้จริงๆ อีกด้วย!! รถจากหนังเรื่อง Back to the Future สวยและเหมือนจริงสุดๆ กระป๋องเบียร์ก็มีนะ…
-
สตาร์บัคส์ญี่ปุ่นเปิดตัวเมนู “อเมริกันเชอร์รี่พายเฟรปปูชิโน่” เครื่องดื่มสุดฉ่ำชื่อย๊าวยาว!?
ในช่วงที่ผ่านสตาร์บัคส์ในญี่ปุ่นก็ได้ปล่อยเครื่องดื่มและขนมออกมาให้แฟนคลับนักชิม ได้กรี๊ดกันอยู่เป็นช่วงๆ กับเมนูใหม่ที่ใครๆ ก็ต้องรีบไปซื้อหามาโดนกันอย่างด่วนๆ ครั้งนี้ก็เช่นกันกับเมนูเครื่องดื่มใหม่สุดหวานแหววที่สตาร์บัคส์ของญี่ปุ่นได้นำออกมาจำหน่าย นั่นก็คือ “American Cherry Pie Frappuccino” แค่ชื่อก็บ่งบอกได้ถึงความอลังการและการันตีได้ถึงรสชาติที่หอมอร่อยสดชื่นแล้ว เราไปทำความรู้จักกับเครื่องดื่มนี้กันเลย ตื่นตาตื่นใจกับเมนูใหม่จากสตาร์บัคส์ “American Cherry Pie Frappuccino” ที่จะเปิดประสบการณ์ใหม่ของเครื่องดื่มที่ทำให้คุณรู้สึกถึงไอศกรีมละมุนๆ ราดด้วยพายเชอร์รี่ แล้วปิดด้วยความกรุบกรอบจากพายอบกรอบที่ใช้ครอบแก้วแทนฝาพลาสติก เป็นครั้งแรกที่สตาร์บัคส์ของญุี่ปุ่นมองหาความสุขใหม่ๆ กับการลิ้มลองรสชาติที่สดชื่นและเนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบจากพายอบกรอบที่นำมาทำเป็นฝาครอบ และมีหลอดอยู่ตรงกลางเพื่อดื่มด่ำกับส่วนผสมที่ของไอศกรีมพายเชอร์รี่ที่เย็นฉ่ำ . โดยใต้ฝาครอบนั้นราดด้วยวิปครีมเนียนนุ่มอยู่ตามด้วยชิ้นแซนวิชพายเชอร์รี่ที่มีไอศกรีมวานิลลาหอมๆ อยู่ภายใน รสชาติที่หวานอมขมของเชอร์รี่เข้ากันได้ดีกับไอศกรีมวานิลลา ซึ่งก็เป็นการรับประทานอาหารแบบดั้งเดิมของของชาวอเมริกันด้วย . น่ากินสุดๆ เลยใช่ไหมล่ะ แต่น่าเสียดายสุดที่มีขายแค่ที่ญี่ปุ่น ราคาอยู่ที่ 640 เยน หรือประมาณ 200 บาท และเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ 13 เมษายน ถึง 16 พฤษภาคมนี้เท่านั้น ใครที่มีโอกาสไปญี่ปุ่นในช่วงนี้ก็ไม่ควรพลาดที่จะซื้อมาชิมกันดูนะ แต่ถ้าซื้อไม่ทันก็ไม่ต้องเสียใจไปเพราะในหน้าร้อนนี้สตาร์บัคส์ของญี่ปุ่นเขาก็มีอีกเมนูเครื่องดื่มที่อร่อยไม่แพ้กันกับเมนูที่มีชื่อว่า “Classic Tea Cream Frappuccino”…
-
รุ่นใหญ่มาเอง DJ Sumirock อายุ 82 ปี ครองใจวัยรุ่นญี่ปุ่น จังหวะในหัวใจที่ไม่เกี่ยงอายุ
เมื่อพูดถึงท่องราตรีในยามค่ำคืนสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ “ดนตรี” ที่จะสร้างความสนุกสนานให้กับนักท่องราตรีทั้งหลาย และ “ดีเจ” ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย เพราะเสียงดนตรีในแบบ Electronic Dance Music เป็นแนวดนตรีที่สร้างความสนุกสุดๆ ให้กับเหล่านักเที่ยวทั้งหลาย และในปัจจุบันก็มีดีเจอยู่มากมายทั้งชายและหญิง แต่ที่เราจะพาไปทำความรู้จักวันนี้ เป็นดีเจสาวรุ่นใหญ่ ที่มีอายุ 82 ปีเข้าไปแล้ว!! เรียกได้ว่าเปิดเพลงได้สนุกและแซ่บสุดๆ เราไปทำความรู้จักเธอกันเลยดีกว่า “Sumiko Iwamuro” สาวรุ่นใหญ่จากญี่ปุ่น อายุ 82 ปี เหล่านักท่องราตรีรู้จักเธอดีในนาม “DJ Sumirock” ซึ่งเปิดเพลงอยู่ที่ร้าน DecabarZ ในใจกลางเขตชินจูกุ เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เธอใช้เวลากว่า 50 ปี ทำงานในร้านเกี๊ยวซ่า และเริ่มหัดเป็นดีเจเมื่อตอนเธออายุได้ 70 ปี หลังจากที่สามีของเธอเสียชีวิตลง เธอใช้เวลา 1 ปี ในการฝึกหัดเป็นดีเจที่โรงเรียนสอนดนตรีท้องถิ่น ต่อมาเธอถูกทาบทามให้ไปเป็นดีเจที่ไนท์คลับ หลังจากที่รู้จักกับโปรดิวเซอร์ชาวฝรั่งเศส เมื่อตอนเธอยังเป็นเด็กเธอได้คลุกคลีกับพ่อซึ่งเป็นมือกลองวงดนตรีแจ๊ส เธอจึงหลงใหลในเสียงเพลงตั้งแต่นั้นมา แต่เธอจำเป็นต้องมาช่วยงานในร้านเกี๊ยวซ่าตั้งแต่อายุ 19 ปี จึงไม่ได้สานฝันในด้านดนตรีที่เธอรัก …
-
สาวญี่ปุ่นกลัวโจรมาขโมยปลาทอง ใช้วิธีติดหัวตุ๊กตาปลอม น่ากลัวยิ่งกว่าขโมยซะอีก!!
ในยุคสมัยที่การเกิดอาชญากรรมมีอยู่แทบจะทุกพื้นที่บนโลก และข่าวเกี่ยวกับก่อการร้ายมีให้เห็นแทบจะทุกวัน ย่อมที่จะทำให้มนุษย์ตาดำๆ ผู้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างเราต้องคอยระแวงกันอยู่ตลอดเวลา และถึงแม้ว่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่นก็ไม่เว้น ที่นี่ก็ยังคงทีข่าวอาชญากรรมอยู่เหมือนกันทั้งการกระชากกระเป๋า หรือการบุกงัดบ้าน แต่ตอนมีชาวเน็ตที่ญี่ปุ่นคนหนึ่ง เธอได้เสนออีกวิธีที่เป็นการป้องกันโจรที่แปลกใหม่ แทนที่จะทำการเลี้ยงหมาดุๆ เอาไว้ หรือติดตั้งเหล็กดัดแน่นหนา อย่างที่คนอื่นทำกัน เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่อว่า omott ได้แชร์วิธีจัดการกับหัวขโมยที่ขโมยปลาทองของเธอ ด้วยวิธีการติดหัวตุ๊กตาไว้ในใกล้กับบ่อปลาทองของเธอ!! เธอได้ถ่ายภาพการทำการนำศรีษะปลอมของตุ๊กตามาติดตามจุดต่างๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกขโมย ซึ่งเรียกเสียงฮาและความสนใจจากชาวเน็ตได้อย่างมาก โดยมีผู้รีทวีตข้อความของเธอกว่า 20,000 ครั้ง เจ้าของโพสบอกว่า “นี่คือกล้องรักษาความปลอดภัยจากขโมย ขอโทษด้วยทุกคนที่ต้องทำให้ตกใจ นี่คือ Miharu กับ Mamoru ที่จะคอยปกป้องปลาทองของฉันจากขโมย” Miharu เขียนเป็นตัวอักษรคาตานะเป็นชื่อผู้หญิง หมายถึง “เฝ้าระวัง” ส่วน Mamoru เป็นชื่อของเด็กผู้ชายมีความหมายว่า “ป้องกัน” Mamoru (ซ้าย) และ Miharu (ขวา) จะคอยปกป้องปลาทองให้กับเธอ หยึ๋ย!? ดูหลอนๆ ยังไม่ไม่รู้นะเนี่ย เป็นวิธีป้องกันขโมยที่ครีเอทดีจริงๆเลยนะเนี่ย แต่หวังว่าตอนกลางคืนมันคงไม่ดูหลอนเกินไปนะฮ่าๆ ไม่อย่างนั้นคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้น มีหวังตกใจกลัวกันแน่ๆ ที่มา rocketnews24
-
นักแกะสลักผักผลไม้มือโปรจากญี่ปุ่น โชว์อัพเดทผลงานล่าสุด สวยแบบรู้สึกผิดถ้ากิน!!
ก่อนหน้านี้เราเคยนำผลงานการแกะสลักผักผลไม้ ของศิลปินหนุ่มชาวญี่ปุ่น ผู้ไม่ประสงค์ออกนามแต่ใช้ชื่อเรียกว่า Gaku มาแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปผลงานของพี่แกก็เป็นที่รู้จักบนโลกอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ดังนั้นพ่อหนุ่มจึงแอบซุ่มซ้อมเก็บตัวอยู่นานหลายเดือน จนได้ปล่อยคอลเลคชั่นผลงานชิ้นล่าสุดออกมาให้เราได้ชมกัน ทุกอย่างเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือความไม่กล้ากิน พ่อหนุ่มบอกว่างานชุดนี้เค้าเพิ่มความแอดว๊านซ์ลงไปให้ยากกว่าเดิม ซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันดูยากขึ้นตรงไหน เพราะเอาจริงๆ มันก็ดูทำยากทุกชิ้นนั่นแหละ แอปเปิ้ลที่มีลวดลายแบบนี้ ใครมันจะไปกล้ากิน แตงกวาที่แกะสลักไปมา… เหมือนดิลโด้เฉ๊ยย!? อื้อหือกลีบมาเป็นกลีบ ต้องใจเย็นขนาดไหนนะถึงจะทำได้ขนาดนี้ มือพี่นิ่งมากผมนี่ยอมใจเลยครับ ดูสบายตามากเลย น่าเอามือถูไถบู้บี้ให้มันเละเทะ อู้วว น่าหม่ำมากเลย ปิดท้ายด้วยงานพับใบไม้เป็นรูปตั๊กแตน มันเกี่ยวกับแกะสลักตรงไหนเนี่ย!? ผมเชื่อแล้วครับว่ามือพี่นิ่งจริงอะไรจริง ที่มา: Thisiscolossal
-
เอาใจสายวาย “MeseMoa” วงบอยแบนด์หนุ่มหล่อจากญี่ปุ่น กับฉากจูบรัวๆ จูบปาก จูบหู ยันจูบตีน
ปกติแล้วถ้าพูดถึงเกิร์ลกรุ๊ปจากญี่ปุ่นที่หนุ่มๆ ชื่นชอบ AKB 48 ก็คงจะเป็นชื่อแรกๆ ที่ลอยมาในหัวอย่างแน่นอน แต่ว่าในครั้งนี้เราจะไม่ได้มาพูดถึงวงที่เต็มไปด้วยสาวๆ เพราะ #เหมียวมู่ทู่ จะพาไปรู้จักกับวงหนุ่มหล่อเอาใจสายวายต่างหาก วงที่ว่านี้คือ MeseMoa เป็นวงบอยแบนด์ที่ประกอบด้วยผู้ชาย 9 คน ซึ่งล่าสุดก็สร้างความร้อนแรงไปทั่วโลกออนไลน์ หลังจากพวกเขาก็ได้ปล่อยซิงเกิลใหม่ออกมาที่ชื่อว่า Shadow Kiss ซึ่งเป็นเพลงแรกจากอัลบั้ม Secret อัลบั้มเปิดตัวของพวกเขานั่นเอง… ส่วนที่บอกว่าเอาใจสาววายก็เพราะ หนุ่มหล่อเหล่านี้ไม่ได้ออกมาเต้นเท่ๆ เฉยๆ แบบวงอื่นๆ หรอกนะ แต่ในมิวสิควิดีโอของพวกเขา สมาชิกทุกคนจะผลัดกันจูบกันคนละนิดละหน่อยตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย (ตื่นเต้นแล้วละสิพวกเทอว์) และเมื่อผ่านการรนับและคำนวนอย่างตั้งใจแล้ว จำนวนจูบที่มีทั้งหมดในเอมวีจะมีทั้งหมด 36 ครั้ง เฉลี่ยทุกๆ 6 วินาที เรียกว่าจัดเต็มสาวๆ ต้องจิกหมอนกันสุดๆ เอาให้ฟินตายกันไปข้างหนึ่งเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่จุฟปาก จูบปากมันธรรมดาไปใช่ไหม จูบหู กระทั่งจูบเท้ากันเลยทีเดียว ดูแค่ภาพกับอ่านบรรยายอย่างเดียวคงฟินไม่เต็มที่ ลองดู MV เต็มๆ เลยก็แล้วกัน…
-
ศิลปินญี่ปุ่นสุดเจ๋ง สร้างประติมากรรมพระพุทธรูป ด้วยแมลงปีกแข็งกว่า 20,000 ตัว!!
ศิลปินมักจะสรรหาเทคนิคและวิธีการแปลกใหม่ เพื่อมาสร้างผลงานศิลปะของพวกเขาให้น่าสนใจอยู่เสมอ ทั้งงานทางด้านภาพพิมพ์ การวาด หรือประติมากรรม ถูกสร้างสรรค์ด้วยวัสดุที่แปลกใหม่ทำให้ชิ้นงานมีเอกลักษณ์และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น งานประติมากรรมที่ #เหมียวเวจจี้ นำมาฝากกันในครั้งนี้ก็เช่นกัน มันถูกสร้างขึ้นมาจากแมลงปีกแข็งถึง 20,000 ตัว โอ้โห!! ไม่เคยนึกมาก่อนเลยนะเนี่ยว่าแมลงปีกแข็งจะถูกนำมาใช้แบบนี้ได้ด้วย พระพุทธรูป “Senju Kannon Bosatsu” ถูกสร้างจากแมลปีกแข็งกว่า 20,000 ตัว ประติมากรรมที่สวยงามและแปลกตานี้ถูกสร้างเมื่อประมาณ 30 กว่าปีที่แล้วโดยศิลปินชาวญี่ปุ่นชื่อว่า Yoneji Inamura ซึ่งเขาใช้เวลากว่า 6 ปีในการสร้างงานศิลปะชิ้นนี้ขึ้นมา รูปปั้นของพระพุทธรูป “Senju Kannon Bosatsu” ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยแมลงทับและแมลงปีกแข็งอื่นๆ รวมทั้งสิ้นกว่า 20,000 ตัว คุณ Yoneji บอกว่าเขาต้องการสร้างงานศิลปะที่ฉีกแนวออกไป “ผมต้องการใช้แมลงเป็นสิ่งที่สื่อออกมาถึงความศรัทธาของผม” ศิลปินรุ่นคุณปู่กล่าว แมลงปีกแข็งถูกนำมาเรียงตัวอย่างสวยงามด้วยความประณีต นอกจากพระพุทธรูปแล้วยังมีงานศิปะอย่างอื่นที่สร้างจากแมลงอีกด้วย ลองไปชมรายละเอียดกันแบบใกล้ๆ ได้เลย . . . . . ตอนนี้งานประติมากรรมชิ้นนี้ถูกจัดแสดงอยู่ที่ศาลากลางของเมือง Itakura จังหวัดกุมมะ ถ้าใครมี โอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นก็ลองแวะไปชมความสวยงามกันได้นะ …
-
ญี่ปุ่นออกแบบ “ชุดสำหรับคนขี้เกียจ” เว้นช่องปากไว้ ไม่ต้องทำอะไร กินนอนอย่างเดียวก็พอ!!
ใครรู้ตัวว่าเป็นขี้เกียจวันๆ ไม่อยากขยับตัวไปไหน เลื้อยไปมาอยู่บนเตียง นอนกินบ้านกินเมือง งานการไม่ยอมทำล่ะก็ คุณมีคุณสมบัติที่คู่ควรกับชุดสำหรับคนขี้เกียจที่สุดแล้ว!! ชุดดังกล่าวจะช่วยให้คนขี้เกียจแบบคุณไม่ต้องขยับตัวมากเกินไปให้เหนื่อยเปล่า แถมยังช่วยปกปิดร่างกายของคุณให้ออกจากสังคมภายนอก พูดแล้วอาจไม่เห็นภาพเราไปชมกันเลยดีกว่าจ้าาา บริษัท Bibi Lab’s ของญี่ปุ่น ได้คิดค้นชุดที่ชื่อว่า “Dame Gi-chan” ซึ่งเคยมีในเวอร์ชั่นผู้ชายไปแล้ว และคราวนี้กลับมาในรูปแบบชุดสีเทาน่ารักที่เหมาะกับคนขี้เกียจที่สุด ก็ชุดมันเล่นปิดตาซะอย่างนี้ ใครจะอยากลุกออกจากที่นอนล่ะ เว้นช่องปากไว้แบบนี้ ก็ชัดเจนเลย มีไว้ให้กินแล้วก็นอน อือหือๆ ดูท่าๆ ชุดสามารถเปิดซิปด้านหน้าและหมวกได้ . . . ปิดตาขนาดนี้ยังจะเล่นคอมอีกกกก!! เล่นๆ เสร็จก็นอน ชีวิตดีมากๆ ยังดีที่มีรูไว้หายใจ มีรูหูไว้สอดผมที่รุงรังออกมา ชีวิตแฮปปี้!!!! . . ถ้าถามว่าชุดหมีแบบนี้จะถ่ายยังไง แค่รูดซิปก็ถ่ายหนักถ่ายเบาได้ทันที เบื่อก็นั่งเซลฟี่ ไลฟ์สด ขายครีมกันไป เพราะไม่ได้ออกไปไหนจึงต้องชวนเพื่อนๆ…
-
8 ของหวานสุดฉ่ำน่ากินจากญี่ปุ่น ความอร่อยที่มาหาคุณได้ง่ายๆ เพียงปลายนิ้ว (มีเว็บไซต์สั่งซื้อ)
สาวๆ กับของหวานเป็นเรื่องแยกออกจากกันไม่ได้จริงๆ แต่เวลาที่ทานไปมากๆ เราก็ต้องคิดหนักเรื่องไขมันที่สะสมอยู่ตามแขน ขา พุง เห้อออ….ต้องหยุดกินขนมหวานจริงๆ ใช่ไหมเนี้ย..? แต่แล้วไงล่ะ ก็ของหวานมันทำให้เรามีความสุขได้นี่หน่า ยิ่งเวลาทานมันทำให้หายเครียดด้วยอ่ะนะ ดังนั้นต้องบอกก่อนเลยว่าใครที่กำลังลดความอ้วนอยู่อย่าได้เลื่อนลงไปชมภาพด้านล่างเด็ดขาดเลยนะ เพราะวันนี้ #เหมียวหน่า จะพาไปชมขนมสุดฉ่ำจากญี่ปุ่นที่ใครเห็นแล้วต้องน้ำลายไหลไปตามๆ กัน 1. “melting raw Tai Fook“ ไดฟูกุนุ่มๆ สอดไส้ชาเขียวมัทฉะ ขมนิดหวานหน่อยลงตัวสุดๆ ความหวานสไตล์ญี่ปุ่นในรูปแบบใหม่ที่สืบทอดมาจากโรงน้ำชาที่มีชื่อเสียงก่อตั้งขึ้นในสมัยเมจิ ไส้ชาเขียวมัทฉะที่เนียนละมุนขมนิดหวานหน่อยถูกห่อหุ้มด้วยเค้กข้าวเนื้อละเอียดเหนียวหนึบ มันจะมีอะไรดีไปกว่านี้อีกล่ะ 2. “waffle cake“ แซนด์วิชวาฟเฟิลกับครีมคัสตาร์ดหนานุ่ม คุณสามารถเพลิดเพลินกับความหอมของวาฟเฟิลและครีมคัสตาร์ดหนานุ่มที่ทำจากผลไม้ตามฤดู ทั้งหวานทั้งหอมในคำเดียวขอฟินซักคำเถอะ 3. “Doubles Fromage and Chocolat Dove” ชีสเค้กรสชาติปุยหิมะ ตักชีสเค้กชิ้นเล็กๆ แล้วค่อยๆ ลิ้มรสชาติของมัน ก็จะรู้ได้ถึงความหอมหวานละลายในปาก เหมือนได้สัมผัสปุยหิมะนุ่มๆ ทีเดียวเชียวแหละ โอ้ยยยอยากกิน!! 4. “Matcha Mill Crape Roll“ เครปโรลนุ่มๆ กับรสชาวเขียวมัทฉะเต็มๆ เป็นเครปโรลที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นและรสชาติของชาเขียวมัทฉะตะหลบอบอวลไปทั้งปาก กับรางวัล “Kyoto…
-
เตรียมเสียเงินอีกรอบกับ Fireworks แอนิเมชั่นเรื่องใหม่จากทีมผู้สร้าง Your Name
หลังจากที่ มะโกะโตะ ชิงไก ได้ประสบความสำเร็จสร้างรายได้ทล่มทลายไปทั่วโลกกับอนิเมชั่นเรื่องเยี่ยมอย่าง Your Name ทำให้โตโฮและผู้อำนวยการสร้าง เกนกิ คาวามูระ ได้ตัดสินใจจะกลับมาร่วมมือกันอีกครั้งในโปรเจคใหม่ Fireworks หรือชื่อเต็มว่า Fireworks,Should We See It From The Side Or The Bottom? เป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากหนังชุดของทางญี่ปุ่นที่เคยฉายไปเมื่อปี 1993 ซึ่งมีชื่อเดียวกันเป๊ะๆ ในส่วนของเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับเด็กสาววัยมัธยมคนหนึ่งกับเด็กหนุ่มอีก 2 คนที่แอบรักเธอทั้งคู่ และทั้งหมดอยู่ในชมรมว่ายน้ำของโรงเรียนเหมือนกัน แต่แล้ววันหนึ่งในเทศกาลฤดูร้อน ทั้งหมดก็นัดกันไปดูดอกไม้ไฟแล้วเถียงกันว่าดอกไม้ไฟบนฟ้ามีรูปร่างแบนหรือกลมกันนะ ด้วยเหตุนนี้จึงพากันตระเวนไปหาที่ชมดอกไม้ไฟในมุมต่างๆ เพื่อพิสูจน์ความจริง ขณะเดียวกัน เด็กสาวก็วางแผนที่จะหนีออกจากบ้านไปพร้อมกับเด็กหนุ่มคนใดคนหนึ่งที่เธอยังไม่แน่ใจว่าเป็นใคร . ส่วนตัวภาพยนตร์นั้นได้ อากิยูกิ ชินโบะ จากค่ายหนังอนิเมชั่น Shaft มารับหน้าที่กำกับร่วมกับ โนบุยูกิ ทาเคอุชิ จาก Studio Ghibli นอกจากนั้นยังได้ มีฮิโตชิ โอเนะ จาก Bakuman มารับหน้าที่เขียนบท และได้ สึซุ ฮิโรเซะ (Our Little Sister), มาซากิ…
-
ญี่ปุ่นออกภาพอนิเมะโฆษณาชุดชั้นใน แบ่งตามจักราศีต่างๆ มันน่าโดนมากอ่ะแกร๊!!
ถ้าโลกนี้มีรางวัลประเทศที่มีความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม เราเชื่อว่าก็คงหนีไม่พ้นประเทศญี่ปุ่นอีกนั่นแหละ และนี่โฆษณาชุดชั้นในจากญี่ปุ่นที่ไม่เหมือนที่อื่นในโลกแน่นอน โดยทั้งหมดนี้เป็นผลงานการออกแบบของศิลปินญี่ปุ่น ผู้ใช้ทวิตเตอร์นามว่า @papao_pao ได้ออกแบบคอลเลคชั่นชุดชั้นในที่มีความโดดเด่นจากทั้ง 12 ราศี เรียกได้ว่าแต่ละอันมีความเซ็กซี่ในแบบของตัวเอง เมื่อลองเอามาให้นางแบบสาวญี่ปุ่นใส่จริงๆ ก็ปรากฏว่ากลายเป็นความเซ็กซี่แบบนี้… นอกจากความเซ็กซี่ที่ดูไม่ซ้ำซากจำเจแล้ว ศิลปินยังได้เลือกใช้โทนสี และใส่ลูกเล่นลงไปในชุดชั้นใน ให้สอดคล้องกับสัญลักษณ์ของราศีนั้นๆ ด้วย ราศีกรกฏ ส่วนเว้าโค้งตรงหน้าอกได้แรงบันดาลใจมาจากกล้ามปู บวกกับสีน้ำเงินที่ต้องการจะสื่อถึงบรรยากาศแบบริมชายหาด ราศีเมถุน ด้วยแรงบันดาลใจจากราศีคนคู่ ศิลปินจึงใส่ลูกเล่นด้วยการเล่นกับสีขาว และดำ ตัดสลับฝั่งกันระหว่างบรากับกางเกงใน ราศีเมษ ชุดชั้นในสีขาวบริสุทธิ์ที่ดูแล้วผู้ใส่ไม่น่าจะเก็บความบริสุทธิ์ไว้ได้ ซึ่งสีขาวได้แรงบันดาลใจมาจากสีของขนแกะนั่นเอง ราศีพฤษภ สัญลักษณ์ของราศีนี้เป็นวัว ดังนั้นศิลปินจึงใส่ความเปรี้ยวเผ็ดดุลงไปในชุดชั้นในด้วยการใช้โทนสีส้ม ถึงแม้ว่าตอนนี้คอลเลคชั่นที่พร้อมจัดจำหน่าย จะมีอยู่แค่ 4 ราศีข้างต้นเท่านั้น แต่ทางผู้ผลิตก็ได้ยืนยันว่าของราศีอื่นๆ จะตามมาในอีกไม่ช้าแน่นอน โดยมีการปล่อยภาพตัวอย่างของทั้ง 8 ราศี มายั่วกิเลศให้เราชมกันไปก่อน ราศีสิงห์ ราศีกันย์ ราศีตุล…
-
ญุี่ปุ่นไอเดียบรรเจิด เปิดตัว “คาเฟ่หน้าสด” คาเฟ่ที่มีแต่พนักงานสวยใส ไร้เมคอัพเท่านั้น
ในปัจจุบันมีร้านคาเฟ่ที่แปลกๆ มากมายไม่จะเป็นคาเฟ่แมว คาเฟ่สุนัข คาเฟ่ผี แม้แต่คาเฟ่คุกที่สร้างขึ้นมาเพื่อเอาใจผู้คนที่ชื่นชอบอะไรแปลกใหม่ แต่มีคาเฟ่แห่งหนึ่งที่จะเปิดตัวในโตเกียวเร็วๆ นี้ ความแปลกก็อยู่ที่ เป็น “makeup-free cafe” หรือคาเฟ่หน้าสดนั่นเอง ภายในคาเฟ่นั่นจะปลอดคนที่แต่งหน้า แม้แต่สาวเสิร์ฟก็มีแต่สาวหน้าสดน่ารักๆ มาให้ลูกค้าได้ชื่นใจกัน จะสวยใสธรรมชาติขนาดไหนไปดูกันดีกว่า “Naturalia Cafe’” เปิดตัวครั้งแรกที่ฮอกไกโด เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2015 ที่ผ่านมา ซึ่งพวกเขาเรียกตัวเองว่า “World’s First No-Makeup Cafe Bar” ซึ่งเป็นการโปรโมทแนวคิดเรื่องความงามตามธรรมชาติในสังคม ที่สาวๆ มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการแต่งหน้าหรือทำเล็บ พนักงานในร้านเปิดเผยว่าในการทำงานที่คาเฟ่นั้น พวกเธอก็ไม่ได้แต่งหน้าเลยแม้แต่น้อยพูดง่ายๆ ก็คือหน้าสดมาเลย แต่ก็มีบ้างที่ต้องเขียนคิ้วบ้างเบาๆ เพราะลูกค้าอาจจะตกใจในหน้าสดเกินไปของพวกเธอ เจ้าของร้านได้ไอเดียมาจากการรู้สึกเหนื่อยกับเผชิญหน้าสาวๆ พนักงานคาเฟ่ที่แต่งหน้าจัดๆ ผมสีบลอนด์แถมยังใส่เล็บปลอมอีก เขาแค่อยากจะหาพื้นที่เล็กๆ ให้กับสาวๆ ธรรมดาทั่วไปบ้าง . . . . สาวๆ ที่จะเป็นพนักงานที่ร้านได้ต้องไม่สูบบุหรี่ และไม่เคยทำงานกลางคืนเช่น ผับ บาร์หรือคาบาเรต์ อีกทั้งต้องไม่ย้อมผม…
-
ญี่ปุ่นเปิดตัวเสื้อเผยอก 2 มิติ แม้จะไม่มีจริงๆ แต่ใส่แล้วต้องสะกิดสายตาหนุ่มๆ ได้บ้างล่ะ!!
หากคุณเป็นสาวคนหนึ่งที่เรียกได้ว่า “อกไข่ดาว” ใส่เสื้อตัวไหนๆ ก็ดูเหมือนไม้กระดานเดินไปมา หน้าอกเล็ก หยุดการเจริญเติบโตตั้งแต่สมัยอนุบาล โดนเพื่อนล้อไม่หยุด.. เรามีวิธีแก้ไขปัญหานี้แล้ว ด้วยเสื้อยืด 2 มิติ ที่แล้วรับรองว่ากลายเป็นสาวอึ๋มขึ้นมาทันทีที่ใส่เลย ว่าแต่มันใส่แล้วจะอกตูมขึ้นมาได้จริงเหรอเราไปดูกันเลย อุ๊ปส์!! อะไรกันเนี้ย เสื้อตัวนี้มันโป๊ขนาดที่ต้องเบลอภาพกันเลยเหรอ!? มาดูกันชัดๆ ก็พบว่ามันเป็นลายเสื้อ 2 มิติ จ้าาา แต่ลายมันช่างหวาดเสียวล้อผู้ให้มาติดกับซะจริงๆ เลยนะเนี้ย เสื้อตัวนี้เป็นสินค้าจากร้าน Village Vanguard ของญี่ปุ่น ร้านนี้มีสินค้าหลากหลายอย่างตั้งแต่หนังสือซีดีและเครื่องแต่งกาย ของใช้ในบ้าน ไปจนถึงสินค้าจากอาหารต่างประเทศ เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินเล่นและพบกับสารพัดสิ่งของที่น่าอัศจรรย์หลายอย่างเลยทีเดียว เสื้อที่ดูเปียกๆ จนเห็นเป็นยกทรงด้านในนี้ เป็นแค่ลวดลายของเสื้อเท่านั้น เป็นอีกวิธีที่จะแกล้งคนที่เดินผ่านไปมาให้ตกใจกันเล่นๆ ได้อย่างสนุกทีเดียว อู้ววววว์ เซ็กซี่สุดๆ เป็นเสื้อที่ทำให้เรียกอารมณ์ได้ดีจริงๆ (อารมณ์ดี สนุกสนาน) ยังมีเสื้ออีกลายที่เว้าโชว์เนินอกได้อย่างชาญฉลาด ด้วยลวดลายเงาและแสงที่สมจริง สามารถหลอกผู้คนได้เป็นอย่างดี แต่ต้องมั่นใจนะว่าสีผิวของคุณตรงกับสีผิวเนินอกบนเสื้อหรือเปล่า เนียนเชียวนะ เสื้อสุดเจ๋งเหล่านี้จะจำหน่ายในร้านค้าออนไลน์ของร้าน Village…
-
สาวญี่ปุ่นสร้างสรรค์เมนูล้ำ “ทาโกยากิแห่งจักรวาล” ได้แต่สงสัยว่า มันทานได้ใช่ไหม!?
ทาโกยากิ เป็นอาหารง่าย ๆ สำหรับชาวโอซาก้า ทาโกะยากิเป็นอาหารที่แพร่หลายจากเอเชียไปทั่วโลก และยังเป็นหนึ่งในอาหารที่ทำให้อาหารญี่ปุ่นเป็นอาหารยอดนิยม ซึ่งจะต้องใช้กระทะสำหรับทำทาโกยากิจะมีหลุมลักษณะเหมือนลูกปิงปองเรียงกันเป็นแถว เทแป้งที่ผสมกับน้ำลงในหลุมและใส่ปลาหมึกยักษ์ที่ตัดเป็นชิ้นเข้าไป ใช้ไม้เสียบชนิดพิเศษเพื่อพลิกทาโกยากิ ให้สุกทั่วและพร้อมทาน แต่กลับมีชาวทวิตเตอร์ท่านหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า “kyooochang” ได้โพสภาพทาโกยากิในแบบที่ต่างออกไป ซึ่งมีสีฟ้าดูไปแล้วก็คล้ายๆ กับลูกโลกเลยล่ะ เธอได้ปรับแต่งสูตรวิธีการทำเล็กน้อยจากทาโกยากิแบบดั้งเดิม เอิ่มมมมมม สีมันดูสวยเกินไปไม่เหมือนของกินเอาซะเลย เป็นผสมสีแป้งที่เข้มมากๆ ทำให้อาหารดูแปลกตาจริงๆ ราดมายองเนสซะหน่อยก็ดูน่ากินอยู่นะ . สีสันคล้ายลูกโลกเลยน่ารักมากๆ ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังไอเดียบรรเจิดคิดแต่งแต้มสีสันอื่นๆ ขึ้นมาอีกด้วย น่ารักไม่แพ้สีฟ้าเลย สีพาลเทลสวยเชียว ขั้นตอนการผสมสีในแป้งทาโกยากิ . เพื่อนๆ ที่มีกระทะทำทาโกยากิ ก็สามารถที่จะลองทำดูได้นะ เราว่ามันแปลกและดูน่ารักดี ใครที่อยากชมภาพเพิ่มเติมก็ลองไปส่องทวิตเตอร์ของสาวคนนี้ได้นะ @kyooochang เธอช่างมีไอเดียบรรเจิดดีจริงๆ เลยล่ะ ปรบมือๆๆ ที่มา en.rocketnews24, sushiandsake
-
น่ารักอะ!! “หมวกเบเร่ต์ซากุระโมจิ” ต้อบรับฤดูใบไม้ผลิที่แสนสดใส ด้วยหมวกน่ารักๆ ใบนี้
มาแต่งตัวสดใสต้อนรับฤดูใบไม้ผลิกันเถอะ!! ส่งท้ายความเย็นยะเยือกที่พัดผ้านผ่านไปพร้อมกับฤดูหนาวสาวๆ อย่างเราก็ต้องหาแฟชั่นใหม่ๆ สำหรับฤดูนี้มาประดับกายซะหน่อยแล้ว ว่าแล้ว #เหมียวหน่า ก็ขอแนะนำหมวกที่สุดแสนจะน่ารักที่มีลักษณะคล้ายกับขนมโมจิในช่วงซากุระเบ่งบาน มันน่ารักขนาดที่ต้องชวนเพื่อนๆ ไปดูกัน ณ ตอนนี้เลยล่ะ “ขนมโมจิ” ขนมที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเป็นแรงบันดาลใจให้กับหมวกเบเร่ต์ที่ดูเก๋ทันสมัยแล้วก็น่ารักสุดๆ อันนี้ หากคุณสงสัยว่าเหตุใดหมวกเบเร่ต์จึงต้องการมีใบสีเขียวน่ารักๆ อยู่ด้านบน ก็เพราะได้แรงบันดาลใจมาจาก “Sakura Mochi” ขนมโมจิของญี่ปุ่นที่เป็นที่นิยมมาก ซึ่งเป็นขนมโมจิสีชมพูซากุระที่สอดไส้ถั่วหวานและห่อด้วยใบไม้จากต้นเชอร์รี่ ซึ่งเป็นโมจิที่นิยมมากในภูมิภาคคันไซในภาคตะวันตกของญี่ปุ่น Sakura Mochi น่ารักจังเลยแถมยังน่าหม่ำอีกด้วยล่ะ . เยื่อบุด้านในของหมวกว่ายน้ำมีลวดลายดั้งเดิมของญี่ปุ่นแบบ Asanohana (อาซาโนฮานะ) “Sakura Mochi Beret” หรือหมวกเบเร่ต์ซากุระโมจิ วางขายในเว็บไซต์ Village Vanguard ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกแนวใหม่ของญี่ปุ่นมูลค่า 5,940 เยน (ประมาณ 1,800 บาท) แต่น่าเสียดายที่เจ้าหมวกเบเร่ต์ซากุระโมจิได้ขายหมดไปอย่างรวดเร็ว แต่ยังไงก็ยังมีหมวกเบเร่ต์รูปแบบอื่นๆ อีกนะทั้งเห็ดหอม มะเขือม่วง โหระพาญี่ปุ่น และแอปเปิ้ล ซึ่งมีราคาประมาณ 4,860 เยน (ประมาณ 1,500 บาท) น่ารักมากเลยใช่ไหมเพื่อนๆ ถ้าได้มาใส่เล่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิแบบนี้…
-
ผลสำรวจผู้คนในประเทศญี่ปุ่น จะถูกตำรวจเรียกตรวจเพียงแค่ 1 ครั้งในช่วง 3 ปี!?
ประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เพราะมีอัตราการเกิดเหตุการณ์ปล้นจี้ ชิงทรัพย์ และอาชญากรรมรุนแรงต่ำมากๆ ทั้งนี้ก็อาจเป็นเพราะ Koban (โคบัง) ป้อมตำรวจเล็กๆ ที่มีตั้งอยู่ทุกซอกซอยในประเทศญี่ปุ่น แต่อย่างไรก็ตามสำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นแล้ว กลับมีรายงานว่าพวกเขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกให้หยุดเพื่อตรวจสอบบัตรประชาชนอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เหล่าชาวต่างชาติรู้สึกตกใจ และไม่แฟร์กับพวกเขา แต่เนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในประเทศญี่ปุ่นนั้น ไม่ต้องคอยมาพะวงกับปัญหาการก่อาชญากรรมใหญ่ๆ ทำให้พวกเขามีเวลาว่างที่จะใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆ อย่างการขี่จักรยานไล่จับโจรลักเล็กขโมยน้อย ช่วยหาของหาย หรือบอกทางให้กับคนหลงทางเป็นต้น แต่ทำไมพวกเขาถึงต้องเรียกตรวจชาวต่างชาติอยู่ตลอดเลยล่ะ? แต่เอาจริงๆ แล้วพวกเขาก็เรียกตรวจคนญี่ปุ่นด้วยนะ เพื่อขอตรวจสอบบัตรประชาชน ซึ่งการถูกตำรวจในประเทศญี่ปุ่นเรียกตรวจเนี่ย มันไม่ได้หมายความว่าคุณทำอะไรผิดหรอก เพราะถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นคนแปลกหน้าเดินผ่านมาแถวๆ เขตการดูแล พวกเขาก็ต้องอยากรู้เป็นธรรมดาว่าคุณมาทำอะไรในพื้นที่แถบนี้ และบางครั้งพวกเขาก็จะเรียกตรวจคนต่างชาติและทำการตรวจสอบอย่างจริงจังทั้งพาสปอร์ต บัตร Residence Card เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้เข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมาย ถ้ารู้ว่าตัวเองบริสุทธิ์ก็ต้องโชว์หลักฐานไปให้เจ้าหน้าที่ดู เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็จบ ซึ่งการเดินทางไปไหนมาไหนในประเทศญี่ปุ่นโดยไม่พกพาสปอร์ต หรือ Residence Card นั้นถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แล้วชาวต่างชาติจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจบ่อยแค่ไหนกันเชียว? ยูทูบเบอร์ชาวญี่ปุ่น That Japanese Man Yuta ได้ทำการเก็บข้อมูลผ่านแบบสอบถามออนไลน์ และพบว่าแทบไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหน ถูกเรียกตรวจสักครั้งเลยในแต่ละเดือน ส่วนใหญ่แล้วไม่ถูกเรียกเลยซะมากกว่า ถ้าเทียบเป็นจำนวนต่อปีแล้วก็ถือว่าคุณจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจเพียงแค่ 1…
-
ตามส่อง “อาหารกลางวันโรงเรียนญี่ปุ่น” ที่ได้ชื่อว่า มีคุณภาพดีเป็นอันดับหนึ่งของโลก!!
การรับประทานอาหารสำหรับวัยเด็กนั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญต่ออนาคตของพวกเขามากๆ โดยเฉพาะมื้อกลางวันที่จะช่วยให้พวกเขาสามารถมีพลังงานที่จะเรียนรู้และเล่นซนได้ตลอดทั้งวัน แน่นอนว่าเรื่องนี้ญี่ปุ่นจะต้องมองเห็นและเข้าใจมันได้ และพวกเขาก็นำมันมาอยู่ในหลักการศึกษาเบื้องต้นของเด็กๆ ด้วยเช่นกัน พวกเขาสอนให้เด็กๆ เข้าใจว่าอาหารที่มีประโยชน์จะส่งผลยังไงกับตัวเองและอาหารแต่ละมื้อมันสำคัญมากขนาดไหน การที่เรื่องนี้ถือเป็นวาระระดับชาติ ทางรัฐจะช่วยเหลือพ่อแม่ที่มีเงินไม่มากพอจะจ่ายค่าอาหารให้กับลูกๆ โดยการให้ส่วนลดหรือให้อาหารแก่เด็กๆ ฟรี เพราะพวกเขามองว่าสุขภาพของเด็กๆ ต้องมาก่อน ลูกหลานของพวกเขาต้องอิ่มท้องในทุกมื้อ Masahiro Oji ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาด้านสุขภาพของโรงเรียนบอกกับ Washington Post เมื่อปี่ 2013 ว่า “จากมุมมองของญี่ปุ่น อาหารกลางวันของโรงเรียน นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา” มากันขนาดนี้แล้ว เอาเป็นว่ามาดูภาพบรรยากาศและมื้ออาหารในโรงเรียนประถมของญี่ปุ่นกันเลยดีกว่า เผื่อจะเห็นภาพกันได้ชัดขึ้น มื้อกลางวันในโรงเรียนประถมของญี่ปุ่น นับว่าเป็นช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ จะไม่มีการเร่งให้เด็กๆ ต้องรีบกินแต่อย่างใด แต่จะปล่อยให้พวกเขาได้อิ่มเอมกับมื้ออาหารแสนพิเศษของพวกเขา ภาพของเด็กๆ ที่เสิร์ฟอาหารกันเอง เพื่อช่วยสอนให้เด็กๆ รู้จักพึ่งพาตัวเองได้ และในหลายโรงเรียนก็จะไม่มีภารโรงคอยช่วยเหลือพวกเขา ข้าวถือว่าเป็นหนึ่งในเมนูหลักมาหลายยุคสมัย เมนูส่วนใหญ่ก็จะประกอบด้วยข้าว ซุปมิโสะ ผัดผักกับหมู ปลาแห้ง และก็นม นอกจากนั้นยังมีตัวเลือกอื่นๆ อีกมากมาย แต่จะเห็นได้ว่าเมนูหลักๆ ก็ยังเป็น นม ผัก และข้าวไม่เปลี่ยนแปลง …
-
เปิดตำนานวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของ “เกอิชา” ตัวแทนความงาม ตามแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ๆ
เชื่อว่าเราคงเคยได้ยินคำว่า “เกอิชา” กันมาบ้างแล้ว แต่หลายๆ คนก็อาจจะมีความเข้าใจที่ผิดกับคำคำนี้ บ้างก็หาว่าพวกเธอเป็นนางรำ หรือหนักมากถึงขนาดเข้าใจว่าเป็นหญิงขายบริการเลยทีเดียว ซึ่งนับวันอาชีพเกอิชานี้ เริ่มที่จะถูกวัฒนธรรมในปัจจุบันกลืนไปแล้ว ยังคงเหลือให้เห็นเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นในญี่ปุ่น และก่อนที่ศิลปะอันงดงามนี้จะหายสาบสูญไป เรามาทำความรู้จักกับวัฒนธรรมอันเก่าแก่นี้กันดีกว่า เกอิชาทำหน้าที่ต้อนรับซามูไรผู้เป็นแขก, ประมาณปี 1880 เกอิชา เป็นอาชีพบริการที่เก่าแก่ที่สุดอาชีพหนึ่งของญี่ปุ่น ผู้ที่จะเป็นเกอิชาได้นั้นต้องได้รับการฝึกฝนศิลปะโบราณต่างๆ ของญี่ปุ่นเช่น การเล่นดนตรี การเต้นรำ การจัดดอกไม้ หรือการชงชา เป็นต้น การเป็นเกอิชาถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้หญิงญี่ปุ่นภูมิใจมาก เมื่อเด็กหญิงเริ่มฝึกเป็นเกิอิชา เธอจะถูกเรียกว่า “ไมโกะ” และหลังจากอายุ 21 ปีเธอก็จะกลายเป็นเกอิชาแบบเต็มตัวและถูกเรียว่า “กิโกะ” ผู้หญิงทุกคนสามารถที่จะเป็นเกอิชาได้ ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเป็นเกอิชาฝึกหัดหรือ “ไมโกะ” มาก่อน แต่อาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงเท่ากับคนที่เป็นเกอิชามาตั้งแต่เด็กๆ นี่เป็นภาพของเกอิชาสองคน ที่กำลังฝึกฝนศิลปะการเล่น Samisen เครื่องดนตรีเก่าแก่ของญี่ปุ่น เกอิชาถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพวกหญิงขายบริการ เนื่องจากพวกหญิงโคมแดงมักจะแต่งชุดเหมือนพวกเธอและเรียกตัวเองว่าเกอิชา แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เกอิชาแตกต่างจากสาวขายบริการก็คือการแต่งตัว ชุดกิโมโน ที่พวกเธอใส่นั้น จะมีการผูกผ้าคาดเอวหรือ “โอบิ” ไว้ที่เอวโดยพวกเกอิชาจะผูกโอบิของพวกเธอไว้ด้านหลัง ส่วนสาวขายบริการจะผูกไว้ด้านหน้า เนื่องจากพวกเธอต้องแกะและถอดชุดอยู่บ่อยๆ ดังนั้นการที่ผูกโอบิไว้ข้างหน้าจึงทำให้เธอถอดและผูกมันด้วยตัวเองได้ง่ายขึ้น การแต่งกายด้วยชุดกิโมโนของ “เกอิชา” และอีกสิ่งที่แตกต่างกันก็คือการทำหน้าที่ในการบริการ…
-
ชวนไปเรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่น ผ่านอินสตาแกรมกับเจ้าแมว Maro น่ารักแถมได้ความรู้ด้วยนะเออ!!
สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบเหมียวๆ ผ่านทางอินสตาแกรม rinne172 ไปพร้อมๆ กัน เจ้าเหมียวที่จะมาเป็นนายแบบคอยสอนให้ทุกคนเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นในวันนี้ก็คือ เจ้า Maro แมวเหมียวนักคอสเพลย์ที่คร่ำหวอดในวงการคอสเพลย์มานานกว่า 2 ปี!! ในทุกๆ วันสำคัญ เจ้า Maro จะถูกจับมาคอสเพลย์สวมชุดที่ชาวญี่ปุ่นมักจะใส่กันในวันนั้นๆ พร้อมกับมีแคปชั่นบอกด้วยว่าเป็นวันอะไร และความสำคัญของแต่ละวันอีกด้วย วันสำคัญทางศาสนาพุทธ และจะมีขึ้นในวันที่ 13 – 16 เดือนสิงหาคม เพื่อระลึกถึงวิญญาณของบรรพบุรุษ วันที่ 29 เดือนกันยายนเป็นวัน Manekineko หรือวันแมวนางกวัก เครื่องประดับที่ทำมาจากดินเหนียวและมีความเชื่อว่าหากนำมันไปตั้งไว้ในร้านค้าจะช่วยให้ขายดี นอกจากวันสำคัญต่างๆ แล้วก็จะมีอาหารประจำชาติญี่ปุ่น ที่จะมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารพร้อมกับเจ้า Maro . . วันชาเขียวของญี่ปุ่น ตรงกับวันที่ 6 กุมภาพันธ์ วันเยลลี่ตรงกับวันที่ 24 เดือน กรกฎาคม วันน้ำแข็งใสตรงกับวันที่…
-
ผลงานช่างภาพ สะท้อนชีวิตชาวญี่ปุ่นในชั่วโมงเร่งด่วน กับความแออัดของรถไฟโตเกียว…
คุณอาจจะเคยได้ยินว่า ในชั่วโมงที่เร่งรีบหากได้ลองขึ้นรถไฟในกรุงโตเกี่ยว ประเทศญี่ปุ่น แน่นอนว่าสิ่งที่จะได้เจอก็คือ บรรยากาศที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่อัดแน่นกันเหมือนกับปลากระป๋อง ด้วยเหตุนี้ Michael Wolf ช่างภาพชาวเยอรมันจึงได้ออกเดินทางไปยังรถไฟในกรุงโตเกียว เพื่อบันทึกภาพผลง่านที่มีชื่อว่า “Tokyo Compression” มาให้เราได้ชมกัน และคุณก็จะได้เห็นว่าบรรยากาศในนั้นมันโหดมากเกินกว่าที่เราได้จินตนาการไว้เลยจริงๆ สำหรับ Michael Wolf เขาเป็นช่างภาพที่ได้ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในกรุงโตเกียวตั้งแต่ปี 1995 และได้เห็นสภาพความแออัดของชั่วโมงที่เร่งด่วนบนรถไฟ นั่นทำให้เขารู้สึกทึ่งเป็นอย่างมาก หลังจากนั้น เขาก็ได้ใช้เวลานานหลายปี เพื่อบันทึกภาพถ่ายที่สะท้อนให้เห็นถึงความอึดอัดของคนญี่ปุ่น ขณะที่กำลังเดินทางอยู่บนรถไฟ พวกเขาถูกบีบให้ติดกับผนัง และกำลังใช้ชีวิตเหมือนปลาซาร์ดีนที่อยู่ในกระป๋อง ภาพของใบหน้าที่สะท้อนอารมณ์ในวินาทีนั้นได้เป็นอย่างดี เราไปรับชมผลงานของเขากันเลย . . . . . . . . . . . . . . สำหรับใครที่อยากจะรับชมผลงานอีกมายมายของช่างภาพคนนี้ คุณสามารถเข้าไปติดตามเขาได้เลยที่เว็บไซต์ photomichaelwolf ที่มา :…
-
Beautiful Leg Princess ครีมวิเศษจากญี่ปุ่น กับสรรพคุณทำให้ “ขาเล็ก-ขาเรียว” ได้!?
เมื่อฤดูหนาวหมดไปฤดูร้อนกำลังจะเข้ามา เสื้อไหมพรมและถุงน่องคงต้องเก็บกลับเข้าไปในตู้เสื้อผ้าเพราะหน้าร้อนนี้สาวๆ จะอวดโฉมโชว์โชว์เรือนร่างสวยๆ กับผลิตภัณฑ์ที่จะทำให้เรียวขาของสาวๆ ดูเล็กและเรียวยาวมากขึ้น เราไปทำความรู้จักกับผลิตภัณฑ์นี้กันดีกว่า Liberta บริษัทเครื่องสำอางในญี่ปุ่น จะปล่อยโลชั่นที่เรียกว่า “Bikyaku Hime” หรือ “Beautiful Leg Princess” พวกเขาโฆษณาว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่จะทำให้ขาของคุณสาวๆ ดูเล็กและเรียวยาวมากขึ้น!! โดยลักษณะของเจ้าโลชั่น “Beautiful Leg Princess” นั้นจะช่วยจับแสงจะเพิ่มรูปลักษณ์กระชับสัดส่วนที่ขาทำให้ขาดูเรียวเล็กกว่าที่เป็นจริง เพียงใช้แตะครีมแค่ปลายนิ้วแล้วทาไปที่หน้าขาเป็นเส้นตรง ครีมก็จะช่วยไฮไลท์หน้าขาให้สว่างขึ้น นี้เป็นรูปเปรียบเทียบ ขาด้านขวาคือขาที่ทาครีม “Beautiful Leg Princess” จะดูเล็กเรียวมากกว่า “Beautiful Leg Princess” เปิดขายในร้านค้าปลีกเครื่องสำอางทั่วประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 22 มีนาคมนี้ และสามารถสั่งซื้อผ่านร้านค้าออนไลน์ได้ในเว็ปไซต์ Nonplex ซึ่งเป็นร้านค้าออนไลน์ของบริษัท Liberta ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,350 เยน (400 บาท) สาวๆ คนไหนที่สนใจก็สามารถเข้าไปดูในเว็ปไซต์ขายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางได้ที่นี่เลยจ้า nonplex ที่มา en.rocketnews24
-
เยี่ยมชม Tsunoshima Ōhashi หนึ่งในสะพานที่ “สวยงามที่สุด” แห่งดินแดนปลาดิบ!!
ใกล้จะถึงช่วงหยุดยาวสงกรานต์แล้ว มีใครวางแผนเที่ยวที่ไหนกันไว้บ้างไหมเอ่ย!? ถ้าหากว่าใครยังคิดไม่ออกหรือไม่รู้จะไปไหนดี #เหมียวเวจจี้ ขอแนะนำที่เที่ยวอีกที่หนึ่งในประเทศญี่ปุ่นที่มีความสวยงามมากๆ ไว้เป็นอีกตัวเลือกเผื่อใครจะสนใจ สถานที่ที่เรากำลังพูดถึงนี้คือสะพาน Tsunoshima Ōhashi ตั้งอยู่ในเมือง Shimonoseki จังหวัด Yamaguchi ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะฮอนชู สำหรับสะพาน Tsunoshima Ōhashi เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น จากเหตุการณ์ Battle of Dannoura ซึ่งเป็นเหตุการณ์ต่อสู้ระหว่างสองตระกูลที่ยิ่งใหญ่ นั่นก็คือตระกูล Genji กับ Heishi เมื่อปีค.ศ. 1185 สะพาน Tsunoshima Ōhashi ถ้าหากแปลตามตัวของมันเลยก็คือ “สะพานยักษ์ของ Tsunoshima “ ซึ่งสะพานนี้ก็ถูกขนานนามว่าเป็นสะพานที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นด้วยนะ ความสวยงามของสะพานและวิวเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเยื่อนที่นี่มากมายในแต่ละปี สะพานนี้ตัดผ่านทะเล ดูสวยงามมากจริงๆ สะพานแห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อปี 2000 มีความยาวทั้งสิ้น 1,780 เมตร เพื่อใช้เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเมือง Shimonoseki กับเกาะ Tsunoshima และที่สำคัญก็คือไม่มีการเก็บค่าผ่านทางใดๆ ทั้งสิ้น ช่วงเวลาที่เหมาะที่จะมาเที่ยวชมความสวยงามของสะพานนี้มากที่สุดก็คือช่วงหน้าร้อน ซึ่งการที่จะเที่ยวแบบให้ได้ฟีลมากที่สุดนั้น ก็คงจะเป็นการขับรถกินลมชมวิวล่ะ ตรงนี้คือจุดชมวิวของสะพานแห่งนี้ นี่คือความสวยงามของสะพาน ที่มองจากบริเวณริมชายฝั่ง นี่คือภาพที่ถ่ายมาจากจุดชมวิว สวยงามมากเลยใช่ไหม น้ำทะเลสีฟ้าคราม…
-
กระแสของสาวญี่ปุ่น หันมาหลงใหลหนุ่ม 2D ในเกมมือถือมากขึ้น เพราะรู้สึกเหมือนดั่งเจ้าหญิง!?
เรียกได้ว่ากำลังเป็นเทรนด์ที่เริ่มได้รับความนิยมสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่มหญิงสาวชาวญี่ปุ่น จะว่าไปแล้วมันก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะความรักครั้งนี้พวกเธอไม่ต้องเสียตัว ไม่ต้องเสียใจ แถมยังไม่ต้องผูกมัดอีกด้วย Midnight Cinderella และ 100 Days Princess จากค่าย Cybird คือแอพฯ เกมบนสมาร์ทโฟน ที่ชวนให้สาวๆ ผู้เล่นได้จินตนาการเหมือนว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิง และกำลังอยู่ในช่วงออกเดทแบบมุ้งมิ้งน่ารักกับเจ้าชายสุดหล่อแบบภาพ 2D ตัวอย่างภาพเจ้าชายจากเกม ซึ่งตัวเกมเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มหญิงสาวได้ดีสุดๆ Ayaka หนึ่งในสาวที่คลั่งไคล้เจ้าชายในเกมสุดๆ ให้สัมภาษณ์ว่า ‘ตอนที่เล่นเกมฉันรู้สึกตกหลุมรักเขาจริงๆ ค่ะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือความรู้สึกอะไร บางทีนี่อาจจะเป็นความรักก็ได้มั้ง โอ้วพระเจ้า…ฉันเขินมากเลย’ Ayaka เธอไม่ค่อยชอบเท่าไหร่… แค่มีสมุดสะสมภาพเจ้าชายเท่านั้นเอ๊งง เกมประเภที้จะถูกเรียกว่า ‘Otome’ ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่ที่ทำให้ได้รับความนิยมสูงก็เพราะ สาวๆ จะได้สวมบทบาทราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงจริงๆ และมีสิทธิที่จะเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์ (จีบ) กับเจ้าชายคนไหนก็ได้ ที่สำคัญพวกเธอสามารถเลือกเดทกับเจ้าชายได้ทีละหลายคน และสามารถเลือกได้ว่าตัวเองอยากจะใช้เวลาอยู่กับเจ้าชายคนไหนก็ได้ตามใจชอบ (ประมาณว่าสาวๆ ได้กลายเป็นผู้เลือก) ภาพตัวอย่างตัวละครเจ้าชาย ที่มีสาวๆ เป็นแฟนคลับกันให้เพียบ ดูภาพโฆษณาเจ้าชายสิ…
-
15 เรื่องจริงของ “ยากูซ่า” กลุ่มชนทรงอิทธิพลแห่งอาทิตย์อุทัย ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
ถ้าใครติดตามสื่อญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ จะต้องเคยได้ยินชื่อของ “ยากูซ่า” อย่างแน่นอน โดย “ยากูซ่า” เป็นชื่อของกลุ่มที่มีอิทธิพลอยู่ในประเทศญี่ปุ่น (คล้าย แก๊งมาเฟียของอิตาลี อะไรทำนองนั้น) โดยพวกเขาอยู่เบื้องหลังของธุรกิจผิดกฎหมายมากมาย ทั้งค้ามนุษย์ ค้าอาวุธ หรือแม้กระทั่งมือปืน และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 15 เรื่องจริงเกี่ยวกับ “ยากูซ่า” ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน จะมีอะไรบ้าง เราไปชมกันดีกว่า 1.แก๊งยากูซ่าทั่วประเทศญี่ปุ่นมีจำนวนสมาชิกถึง 100,000 คน ทำให้ยากูซ่าเป็นกลุ่มอาชญากรรมที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุดในโลก 2. คำว่า “ยากูซ่า” นั้นเดิมทีมาจากการเล่นไพ่ของญี่ปุ่น “โออิโช-คาบุ” (เล่นกับไพ่ดอกไม้ (ฮานะฟุดะ) หรือไพ่ kabufuda) คล้ายคลึงกับไพ่บาคารา 3. โครงสร้างขององค์กรยากูซ่าจะเป็นรูปพีระมิด โดยหัวหน้าจะอยู่จุดสูงสุดเรียกตนเองว่า “โอยะบุน” และรองลงมาด้วยลูกน้องคนสนิทไปเรื่อยๆ ซึ่งลูกน้องระดับล่างสุดจะถูกเรียกว่า “โคะบุน” 4. จำนวนของยากูซ่าเพิ่มขึ้นเป็น 184,000 คน ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนตำรวจทั้งหมดของญี่ปุ่น 5.…
-
ผลงานของปรมาจารย์ Toshio Saeki กับแนวภาพ ‘อีโรติค’ สไตล์ญี่ปุ่น รู้สึกสยิวปนสยอง!?
เมื่อกล่าวถึงสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพ วิดีโอ ที่เป็นแนว ‘อีโรติค’ แล้ว เพื่อนๆ หลายคนคงจะมีจินตาการไปในแนวเดียวกันว่าจะต้องเป็นเรื่องของความวาบหวิว ที่ดูแล้วช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับศิลปินชาวญี่ปุ่นนามว่า Toshio Saeki กลับสร้างผลงานแนวอีโรติคที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกสยิวกิ้วเลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูเหมือนเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในความฝันอันเลวร้ายซะมากกว่า ซึ่งผลงานของเขานั้นจะเป็นการผสมผสานระหว่างความอีโรติค และตำนานภูติผีของญี่ปุ่น งานศิลปะของ Toshio นั้นเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้การปฏิวัติในเรื่องความคิดเรื่องเพศของชาวญี่ปุ่นช่วงยุค 1960s จนได้รับฉายาว่าเป็น “The Godfather of Japanese Erotica” (เจ้าพ่อแห่งวงการอีโรติคของญี่ปุ่น) เลยทีเดียว . . . . . . . . . . แหม่ แต่ละภาพนี่ก็ดูน่ากลัวจริงจริ๊งงงง ไม่ได้รู้สึกอะไรเกี่ยวกับเรื่องเพศเลยซักกะติ๊ดดด!! ที่มา : dangerousminds
-
รถไฟใต้ดินเที่ยวสุดท้าย กับการยุติบทบาทของนายสถานี ผู้ทำงานมานานกว่า 40 ปี
อย่างที่ทราบกันดีกว่า ประเทศญีปุ่นนั้นมีชื่อเสียงในด้านระบบขนส่งสาธารณะรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดินเป็นอย่างมาก ซึ่งเบื้องหลังความยอดเยี่ยมเหล่านั้น ประกอบไปด้วยความตั้งใจและความขยันขันแข็งของเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟมากมาย ล่าสุดทาง Tokyo Metro ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินในโตเกียวและกาแฟแบรนด์ Boss ได้ปล่อยคลิปอันน่าประทับใจออกมา เรื่องราวการทำงานวันสุดท้ายของเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟใต้ดินคนหนึ่ง ที่ทำงานมานานกว่า 40 ปี คลิปดังกล่าวเป็นเรื่องราวของคุณอิชิกาวะ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินอากิฮาบาระ เขาได้ทำงานในสถานีรถไฟแห่งนี้มาเป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว (เรียกว่าทำมาตั้งแต่แรกเริ่มกิจการเลยทีเดียว) และในเดือนมีนาคมนี้เอง ก็ถึงเวลาที่เขาเกษียณตัวเองจากงานนี้แล้ว หลังจากที่เขาบอกลารถไฟขบวนสุดท้ายที่ออกจากสถานี จู่ๆ ป้ายโฆษณาที่ควรจะปิดไปแล้ว ก็เปิดขึ้นมาใหม่ โดยมีภาพกล่าวอำลาจากพนักงานในสถานีปรากฎขึ้นมาด้วย ขณะที่เขากำลังซาบซึ้งใจอยู่นั้นเอง ไฟในสถานีก็เปิดขึ้น พร้อมๆ กับพนักงานสถานีรถไฟที่ปรากฎตัวออกมา ทั้งหมดได้นำดอกไม้มามอบให้กับคุณอิชิกาวะ เพื่อเป็นการอำลาและอวยพรให้ช่วงชีวิตใหม่ของเขา มีแต่ความสุข ไปชมคลิปจริงๆ กันเลยดีกว่า สุดท้ายงานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกรา ยังไงก็ขอให้มีความสุขกับบทใหม่ของชีวิตนะฮะ ที่มา rocketnews24
-
เว็บภาพถ่ายสต็อกจากญี่ปุ่น เผยชุดภาพพยาบาลแบบโคตรแหวกแนว หลุดโลกไปใหญ่แล้ว!?
เรียกได้ว่ากำลังที่เป็นที่ตลกโปกฮาของชาวเน็ตในญี่ปุ่น เมื่อเว็บไซต์ Sukima Nurse ซึ่งเป็นเว็บไซต์คอลเลคชั่นภาพสต็อกที่เกี่ยวกับพยาบาล ได้เผยชุดภาพถ่ายของนางพยาบาลที่ดูเหมือนจะปกติ แต่ไม่ปกติ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายว่ายังไงดี เพราะเกิดมาก็ยังไม่เคยเจอชุดภาพถ่ายไหนที่ทำให้รู้สึกงงได้มากขนาดนี้มาก่อน เอาเป็นว่าไปชมกันเองเลยละกัน เมื่อพยาบาลปลุกคนไข้ พยาบาลเดินผ่านคนไข้พร้อมไม้เบสบอล พยาบาลผู้ตรงต่อเวลา พยาบาลผู้สามารถวางชิ้นปลาดิบไว้บนแขนของเธอได้ (เพื่อ?) พยาบาล และคนไข้ที่กำลังช่วยกันกัดโฟมลอยน้ำ ภาพของพยาบาลแบบจับด้วยรังสีความร้อน พยาบาลกำลังเอากรรไกรเข้าปาก พยาบาลพักกินแฮม พยาบาลกำลังกู้ระเบิดกับคนไข้ (เฮ้ยย เดี๋ยวๆๆ!!) พยาบาลถือดาบซามูไร พร้อมกับยืนอยู่บนผิวน้ำ พยาบาลนั่งยองๆ ท่ามกลางขวดน้ำ พยาบาลได้เงินเดือน พยาบาลฝันอยากกินเนื้อย่าง พยาบาลฝันถึงพยาบาล และพยาบาลในฝันก็ฝันถึงพยาบาล ว่าพยาบาลในฝันอยากกินหมูกระทะ พยาบาลยืนโบกรถข้างทาง พยาบาลโผล่มาทางท่อระบายน้ำพร้อมกับพิซซ่า พยาบาลป้อนอาหารผู้ป่วย พยาบาลรีบมาช่วยผู้ป่วย …
-
ชีวิตต้องเดินตามหาความฝัน… นักวิทยาศาสตร์ NASA ลาออกจากงาน เพื่อเป็น “ศิลปินพับกระดาษ”
เชื่อว่าหลายๆคนคงจะมีความฝันในตอนเด็ก และอยากที่จะทำความฝันเหล่านั้นให้เป็นจริง วันนี้ #เหมียวเวจจี้ จะพามารู้จักกับนักวิทยาศาสตร์ผู้หนึ่ง ที่ยอมลาออกจากองค์กรวิทยาศาสตร์ระดับโลกอย่างนาซ่า เพื่อมาทำตามความฝันของตัวเอง เรื่องราวของเค้าจะเป็นอย่างไร ไปชมกันเลย…. นักวิทยาศาสตร์ของนาซ่าที่ลาออกมาเพื่อทำในสิ่งที่เขาหลงใหล Robert Lang นักฟิสิกส์ของนาซ่าผู้มีส่วนร่วมในการคิดค้นนวตกรรมต่างๆ ได้ลาออกจากองค์กรวิทยาศาตร์ระดับโลกเพื่อมาเป็นศิลปินพับกระดาษ การพับกระดาษที่เขาสนใจนั้นไม่ใช่แค่การพับกระดาษแบบบ้านๆ ธรรมดานแต่เป็นศิลปะการพับกระดาษของญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า Origami คือการพับกระดาษ 1 แผ่นให้เป็นรูปต่างๆ โดยไม่การตัดหรือฉีกกระดาษเลย ในรูปแบบดั้งเดิมนั้น Origami มีขั้นตอนในการพับ ถึง 20-30 ครั้ง แต่ปัจจุบันนั้นมีการพัฒนาการพับให้ซับซ้อนขึ้นไปอีก มากกว่า 100 ครั้ง เขาให้สัมภาษณ์ว่า “ผมหลงรักศิลปะการพับกระดาษนี้ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กแล้ว และผมมักจะใช้เวลาว่างระหว่างการทำงานในการคิดค้นและออกแบบงานศิลปะของผม จนกระทั่งในปี 2001ผมออกจากงานที่นาซ่า เพื่อมาเป็นศิลปินพับกระดาษอย่างที่ผมรัก และผมมีแผนว่าจะจัดแสดงงานศิลปะนี้ทั่วโลก” และนี่ก็คือส่วนหนึ่งในงานศิลปะของเขา พับออกมาเป็นรูปแมลง ปลาทอง หรือกระทั่งแรดก็ยังทำได้ . . เป็นอย่างไรกันบ้างละครับ กับงานศิลปะการพับกระดาษของ อตีตนักวิทยาศาสตร์ของนาซ่าผู้นี้ แต่ละชิ้นสวยงามทั้งนั้นเลย ส่วนเพื่อนคนไหนสนใจอยากเขาไปชมผลงานเพิ่มเติมก็สามารถเข้าชมได้ เว็บไซด์ langorigami ได้เลยครับผม ที่มา thisiscolossal
-
ผู้ชนะการประกวด “Mister Japan 2017” ทั้งหล่อ งานดี เห็นถึงกับเคลิ้มเลยทีเดียว!!
เพื่อนๆ อาจจะคุ้นตากับการประกวดนางงามที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางและจัดต่อเนื่องกันมาอย่างยาวนานในหลายประเทศทั่วโลก แต่คุณรู้หรือไม่ว่าที่ประเทศญี่ปุ่นก็มีการจัดประกวดเช่นกัน แต่เป็น “การประกวดหนุ่มรูปงาม” หรือ Mister Japan 2017 นั่นเอง “Mister Japan 2017” มีการจัดประกวดไปเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมานี่เอง มีตัวแทนหนุ่มหล่อจากจังหวัดต่างๆ ของประเทศญี่ปุ่นมาร่วมประกวดกันเป็นจำนวนมาก . และภาพข้างบนนี้ก็คือผู้ชนะที่ได้ครองตำแหน่ง Mister Japan 2017 มีชื่อว่า “Taizan Matsuura” (ไทซัน มัตสึอุระ) หนุ่มหล่อวัย 27 ปี ตัวแทนจากเกียวโต เจ้าของส่วนสูง 182 เซนติเมตร น้ำหนัก 70 กิโลกรัม เขามาพร้อมกับความหล่อล้ำ ยิ้มละมุน ทำเอาสาวๆ เคลิ้มไปเลย โดยจากนี้เขาก็จะได้เป็นตัวแทนประเทศไปประกวดในเวที Mister International 2017 ต่อไป ไปดูความหล่อกันชัดๆ ไปเลย . ชีวิตเวลาว่างก็เข้ายิม อุ๊บ อยากซบกล้ามแน่นๆ…
-
วิศวกรประดิษฐ์โล่กันกระสุน ที่ได้แรงบันดาลใจจาก “โอริกามิ” การพับกระดาษของญี่ปุ่น!!
ใครจะไปเชื่อละว่า การพับกระดาษแบบโอริกามิ ฉบับญี่ปุ่นโบราณ จะสามารถนำมาพัฒนาเป็นโล่กันกระสุนได้ และที่สำคัญนอกจากมันจะเป็นไอเดียที่เหนือชั้นแล้ว ยังมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย เมื่อไม่นานมานี้ ทางศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมของ BYU (Brigham Young University) ได้พยายามออกแบบ “โล่กันกระสุน” ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการพับกระดาษแบบ โอริกามิ (Origami) โดยลักษณะของโล่ดังกล่าวจะใช้เคฟล่าที่มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย และสามารถป้องกันกระสุนได้เป็นอย่างดี ซึ่งหลังจากที่ใช้งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังสามารถพับเก็บได้แบบง่ายๆ เนื่องจากทางผู้ผลิตได้ใช้เทคนิคเดียวกับการพับกระดาษที่เรียกว่า Yoshimura ที่มีอลูมิเนียมแบบบางอยู่บริเวณกลางโล่นั่นเอง ทางด้าน BYU (brigham young university) ได้เรียนรู้ว่าโล่ที่ตำรวจใช้ส่วนใหญ่มักจะมีอุปสรรคในการใช้งาน เช่น หนักเกินไป และเคลื่อนย้ายตำแหน่งยาก ดังนั้น พวกเขาจึงได้ปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิด เพื่อเป็นการตอบสนองต่อปัญหาเหล่านี้ นั่นก็คือการสร้าง โล่กันกระสุน ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการพับกระดาษสไตล์ญี่ปุ่นซะเลย สำหรับโล่กันกระสุนที่เห็นกันนี้ ตัวเกราะจะทำมาจากเส้นใยเคฟลาร์ที่ซ้อนทับกันถึง 12 ชั้น ซึ่งจะนำมาหุ้มกับโครงอลูมิเนียมที่ยืดหยุ่นได้ แถมยังมีน้ำหนักเพียงแค่ 55 ปอนด์ หรือ 25 กิโลกรัมเท่านั้น…
-
ญี่ปุ่นเปิดตัว ‘คิทแคทดับเบิ้ลชาเขียว’ นี่เราต้องบินกลับไปซื้อที่ญี่ปุ่นอีกแล้วเหรอเนี่ย!??
สำหรับของฝากที่กลายเป็นที่นิยมจากการไปเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ ก็คงหนีไม่พ้น ‘คิทแคทรสชาเขียว’ นี่แหละ ถ้ามีใครไปเที่ยวญี่ปุ่นทีไรก็เป็นต้องหยิบติดไม้ติดมือมาฝากทุกที แต่ปัจจุบันนี้มีขายตามเซเว่นบ้านเราแล้ว แน่นอนว่าหลายๆ คนก็คงจะเบื่อกันเต็มทีกับรสชาติของชาเขียวที่หวานจนเข็ดฟัน แต่ล่าสุด!! ทางบริษัท Nestle ของญี่ปุ่นก็ได้ประกาศสินค้าตัวใหม่ออกมาแล้ว ซึ่งก็คือ…“Koi Matcha Kit Kat” เป็นคิทแคทรสชาเขียวนี่แหละ แต่มีรสชาติเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม!! ในภาษาญี่ปุ่นคำว่า Koi นั้นหมายความว่ารสชาติที่เข้มข้น จนกลายมาเป็น ‘คิทแคทรสชาเขียวแบบเข้มข้น’ นั่นเอง และเจ้าคิทแคทรสชาเขียวเข้มข้นนี้ก็จะมีการแพ็คบรรจุในสองเป็นสองชิ้นเหมือนกับรสชาเขียวปกติทั่วไป แต่จะได้รับรสชาติที่เข้มข้น และความหอมของชาที่แทงจมูกมากกว่าเดิม โดยจะทำการวางขายในวันที่ 27 เดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ มีราคาอยู่ที่ 166 บาท ต่อ 1 กล่อง บรรจุ 11 ห่อ และ 50 บาท ต่อแพ็ค 3 ห่อ แน่นอนว่าจะมีวางขายแค่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น หากใครสนใจอยากลิ้มลองก็ต้องซื้อตั๋วเดินทางไปซื้อที่ญี่ปุ่นกันอีกรอบแล้วล่ะ!! หมายความว่าถ้าอยากกินก่อนก็ต้องไปญี่ปุ่นสินะ ปั๊ดโถ่ววววว ที่มา :…
-
เชรดเข้!! ญี่ปุ่นคิดค้น AI ที่สามารถแคสเกมได้ งี้ MR.HEART ROCKER จะตกงานไหมเนี่ย?
ทุกวันนี้เราเห็นยูทูปเบอร์หลายๆ คนโด่งดังมาจากการแคสเกม อย่างชาแนลที่มีคนติดตามมากที่สุดในโลกอย่าง Pewdiepie ก็มีจุดเริ่มต้นมาจากการแคสเกมเช่นกัน (ในไทยก็อย่างชาแนล MR.HEART ROCKER ก็มีคนติดตามเป็นล้านๆ เลยนะ) แต่ไม่แน่ในอนาคตยูทูปเบอร์เหล่านี้อาจโดนแย่งงานก็เป็นได้ เมื่อประเทศญี่ปุ่นสามารถคิดค้น A.I. ที่สามารถแคสเกมได้แล้ว!! วีดีโอดังกล่าวถูกอัพขึ้นบนชาแนล A.I.Channel และดำเนินรายการโดย AI ที่ชื่อว่า Kizuna Ai ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับนักเรียนหญิงญี่ปุ่นหน้าตาแสนคาวาอี้ โดย Kizuna Ai จะคอยบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมในให้เราได้ฟังกัน “ฉันต้องลากเจ้ากล่องนี้ไปข้างหน้า” “ทำไมโลกนี้มันโหดร้ายจัง” ด้วยความน่ารักและสนุกสนานของ Kizuna ทำให้ชาแนลดังกล่าวมีผู้ติดตามแล้วกว่า 200,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในชาแนล AI ที่มีคนติดตามมากที่สุดในโลกเลยทีเดียว ไปชมคลิปของเธอกันดีกว่า น่ารักขนาดนี้ อาจทำให้ยูทูปเบอร์คนอื่นๆ ตกงานได้เลยนะเนี่ย ฮาาา ที่มา A.I.Channel
-
นวัตกรรมรถไฟเที่ยวหรูจากญี่ปุ่น โดยอดีตทีมงานออกแบบเฟอร์รารี่ พร้อมให้บริการแล้ว!!
ถ้าพูดถึงรถไฟในประเทศญี่ปุ่น เราอาจนึกถึงรถไฟหัวกระสุนความเร็วสูงที่สามารถวิ่งจากเหนือจรดใต้ด้วยระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง แต่ล่าสุดทางประเทศญี่ปุ่นกำลังจะเปิดตัวรถไฟสุดหรูสายชิว ที่ให้เพื่อนๆ สามารถนั่งชมความงดงามของภูมิทัศน์ พร้อมๆ กับบริการอันสะดวกสบายราวกับโรงแรมห้าดาว ขบวนรถไฟดังกล่าวมีชื่อว่า Train Suite Shiki-Shima เป็นของบริษัท East Japan Railway Company ออกแบบโดยผู้ที่เคยออกแบบให้รถหรู Porsche, Ferrari, และ Maserati รถไฟขบวนดังกล่าวจะวิ่งผ่านทางด้านตะวันตกของประเทศญี่ปุ่น โดยมีแพ็คเกจแบบหนึ่งคืน สองคืน สามคืน ภายในรถไฟจะมีห้องอาหาร เลาจ์พักผ่อน จุดชมวิว และอื่นๆ อีกมากมาย บริเวณห้องอาหาร ผู้โดยสารสามารถรับชมทิวทัศน์ภายนอกผ่านกระจกใสด้านหลัง โดยในหนึ่งเที่ยว จะมีผู้โดยสารแค่ 34 คนเท่านั้น ห้องพักบนรถไฟก็ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยดีไซน์แสนงดงามและหรูหรา อ่างอาบน้ำ บาร์เครื่องดื่ม รถไฟขบวนนี้ออกแบบโดย Ken Okuyama ผู้เคยเป็นหัวหน้าทีมออกแบบของบริษัท General Motors และเคยออกแบบ Ferrari Enzo, Maserati Quattroporte, Porsche AG…
-
คุณยายวัย 60 ปี โชว์สเตปสายฮิปฮอป พริ้วไหวดั่งสายลมในชุดกิโมโน ไม่เกรงใจวัยรุ่น
ถ้าใครจำได้เมื่อช่วงปลายปีก่อน มีคลิปคุณยายชาวญี่ปุ่น 3 คน ออกมาเต้นเพลง “24k Magic” ของศิลปินหนุ่ม “Brono Mars” จนได้รับความนิยมและเสียงชื่นชมจากชาวเน็ตทั่วโลก (ข่าวเก่า : โย่วโย่ว 3 คุณยายโชว์เสต็ปฮิปฮอป เพื่อแสดงให้เห็นว่า อายุไม่ใช่อุปสรรคของการทำตามฝัน) ล่าสุด Tachiflower หนึ่งในแก๊งคุณยายทั้งสามวัย 60 ปี ได้ปล่อยคลิปชุดใหม่ออกมา คราวนี้เต้นสะบัด จนเด็กวัยรุ่นเห็นต้องยกนิ้วให้เลยทีเดียว โดยคลิปดังกล่าวเป็นหนึ่งในแคมเปญ No Rice No Life ของสมาคมสหกรณ์เพื่อการเกษตรแห่งประเทศญีปุ่นที่ต้องการรณรงค์ให้วัยรุ่นหันมาใส่ใจและเห็นความสำคัญของข้าวญี่ปุ่นยิ่งขึ้น ลองไปชมฝีไม้ลายมือของคุณยายกันเลยดีกว่า รับรองว่าเพื่อนๆ ต้องยกนิ้วให้แน่นอน คุณยายได้แสดงให้เห็นอีกครั้งว่า ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็เต้นได้ หากมีความพยายามและความตั้งใจมากพอ ที่มา NO RICE NO LIFE
-
หนุ่มไทยเผยประสบการณ์สยิว ไปดูหนังโป๊ VR แบบเอ็กคลูซีฟ ที่ประเทศญี่ปุ่น!!
อย่างที่เราทราบกันดีว่าอุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นนั้นถือว่าใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เราสามารถพบเห็นร้านขายของเล่นผู้ใหญ่ได้ทั่วไปในเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ แถมในปัจจุบันยังมีการพัฒนาจากแผ่น DVD ธรรมดาๆ ไปสู่การรับชมแบบใหม่ๆ อย่างเครื่อง VR ด้วยนะ อย่างล่าสุดมีหนุ่มไทยที่ได้มาแชร์ประสบการณ์สยิวดูหนังโป๊ VR แบบเอ็กคลูซีฟที่ประเทศญี่ปุ่นให้เราอ่านกัน เขาคนนั้นก็คือคุณ Top คนนี้นี่เอง และถือว่าเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ที่ไหนในโลกเลย จะเป็นยังไงเราไปชมกันเลยดีกว่า… คุณ Top เล่าว่าเขาได้เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นและได้ทดลองใช้บริการร้านหนังโป๊ VR ของค่าย SOD ในย่านอากิฮาบาระ แพคเกจการใช้บริการจะมีอยู่สองแบบคือ 60 นาทีราคา 1,500 เยน และ 90 นาที 2,000 เยนซึ่งเจ้าของกระทู้ได้เลือกแบบแรก โดยอุปกรณ์ที่เขาได้รับมาก็จะมีทิชชู่เปียก (สำหรับใช้ตอนใส่เครื่องวีอาร์) และกระป๋องช่วยตนเองหนึ่งอัน ทางร้านจะมีห้องส่วนตัวขนาดเล็กให้ ภายในมีคอมพิวเตอร์สเปคแรงและหน้าจอ วิธีการใช้งานแค่นำแฟลชไดรฟ์เสียบที่คอมพิวเตอร์ จากนั้นทุกอย่างจะรันด้วยตนเอง แว่น VR ที่มีความคมชัดระดับ 4K ดูกันให้ชัดทะลุจอไปเลย หลังจากใช้งานเสร็จเจ้าของกระทู้ก็สรุปข้อดีไว้ดังนี้ 1. ตัวหนังที่นำมาฉายทั้งหมดเป็นหนังใหม่หมดไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนและการถ่ายทำก็ทำมาเพื่อเครื่อง VR จริงๆ…
-
การกลับมาของ ‘World Order’ ทีมเต้นโรบอทแนวหน้าจากญี่ปุ่น กับบทเพลง Singularity
ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับทีมเต้นแนวโรบอทสุดเจ๋งจากประเทศญี่ปุ่น World Order ที่จะออกตระเวนไปทำการแสดงมาแล้วทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ, ฝรั่งเศส, หรืออเมริกา ลองไปชมผลงานของพวกเขากันก่อนเลยดีกว่า… ซึ่งเมื่อปี 2015 หัวหน้าทีมและผู้ก่อตั้ง World Order นาย Genki Sudo ได้ประกาศลาออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้สร้างผลงานชิ้นสุดท้ายก่อนที่จะวางมือชื่อว่า “The Next Phase” แน่นอนว่าแฟนๆ หลายคนต่างก็ให้ความสนใจ มีผู้เข้าชมคลิปมากกว่า 2 ล้าน คนเลยทีเดียว Genki Sudo เป็นผู้ก่อตั้งทีม World Order ขึ้นมาในปี 2009 ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาเคยเป็นนักสู้ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานหรือ MMA มาก่อน ซึ่งการประกาศรีไทร์ครั้งนี้ถือว่าช็อคแฟนๆจากทั่วโลกไปตามๆ กัน แต่ถึงแม้ว่านาย Genki จะไม่ได้ร่วมแสดงด้วยแล้ว แต่ก็ยังคงทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์อยู่เช่นเดิม… และล่าสุดทาง World Order ก็กลับมาอีกครั้งกับผลงานที่มีชื่อว่า SINGULARITY ต้องขอบอกเลยว่ายังคงความเจ๋งเอาไว้ได้เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน …
-
ช่างภาพถ่ายทอด จิตวิญญาณญี่ปุ่นผสมผสานกับยุคสมัยใหม่ ผ่านภาพถ่ายอันวิจิตรตระการตา…
Ronny Behnert ช่างภาพหนุ่มผู้คร่ำหวอดในวงการถ่ายภาพมานานกว่า 10 ปี เขาได้เดินทางไปที่ญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในชีวิต เพื่อศึกษาถึงวิถีชีวิต และจิตวิญญาณของคนญี่ปุ่นในยุคสมัยใหม่ จากการเดินทางในครั้งนี้ทำให้เขาได้พบความเป็น Perfectionism (นิยมความเป๊ะ) ของคนญี่ปุ่น ที่ผสมผสานเข้ากับความเชื่อทางศาสนาได้อย่างลงตัว โดยถึงแม้ว่าสังคมญี่ปุ่นปัจจุบันจะเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ มีความเป็นตะวันตกมากขึ้น แต่ภาพถ่ายเหล่านี้จะช่วยแสดงให้เราเห็นว่าสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ หรือสถานที่ต่างๆ ยังคงตลบอบอวลไปด้วยมนต์เสน่ห์ของวิถีแห่งบูชิโด Meoto Iwa Mangetsuji Ukimido Shosanbetsu Moso Nori Li Ribbon Chapel Hokkaido Nunobiki Ebisu Daikoku Kyokusen Opus Isosaki Meota Iwa Umeda Skyline หูววว แต่ละภาพสวยงามได้อี๊กกก ที่มา:…
-
8 เหตุผลที่ว่าทำไม ‘ญี่ปุ่น’ ถึงเป็นจุดหมายปลายทางที่คนทั่วโลก อยากลองไปอาศัยอยู่ซักครั้ง
ทุกคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า ‘ญี่ปุ่น’ เป็นประเทศจุดมุ่งหมายในฝันของใครหลายคน พวกเขามีวัฒนธรรมที่โดดเด่น และแตกต่างไม่เหมือนใคร แถมยังมีนวัตกรรมเจ๋งๆ ที่นับวันยิ่งดูล้ำสมัยขึ้นไปเรื่อยๆ และนี่คือ 8 เหตุผลที่ว่าทำไมประเทศนี้ ถึงได้กลายเป็นจุดมุ่งหมายของคนจากทั่วโลก บางคนอาจถึงขั้นอยากย้ายสัมโนครัวไปอยู่ให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลยก็มี 1. ทุกสิ่งอย่างมีคู่มือรายละเอียดบอกชัดเจน ใครที่เคยไปเยือนญี่ปุ่นคงทราบดีว่า ถึงเราจะไม่เข้าใจตัวหนังสือของบ้านเค้าเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะส่วนใหญ่แล้ว พวกเขามักจะทำคู่มือแบบรูปภาพให้คนทุกเชื้อชาติเข้าใจได้อย่างไม่ยากเย็นนัก 2. เด็กญี่ปุ่นมีวันเกิดร่วมกัน ทุกวันที่ 15 เดือนพฤศจิกายน จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ให้กับเด็กทุกคนที่มีอายุครบ 3 ปี 5 ปี และ 7 ปี ซึ่งพวกเขาเรียกมันว่า ‘Shiti-Go-San’ ซึ่งแปลว่าตัวเลข 3-5-7 นั่นเอง 3. ทุกวันศุกร์สุดท้ายของเดือน พนักงานเลิกงานเร็วกว่าปกติ อย่างที่เรารู้กันดีว่าชาวเมืองญี่ปุ่น ประสบปัญหาภาวะความเครียดสะสมจากการทำงาน ทางรัฐบาลจึงได้ประกาศใช้นโยบาย ‘Premium Friday’ โดยทุกวันศุกร์สุดท้ายของเดือน พนักงานทุกบริษัทจะได้รับสิทธิให้กลับบ้านเร็วกว่าปกติ 4. มีเขตอนุรักษ์สัตว์กระจายทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเกาะจิ้งจอก (Zao Fox…
-
พาทัวร์โรงงานผลิต ‘ตุ๊กตายาง’ ผู้มอบความสยิวกิ้วอันเก่าแก่ที่สุดแห่งเกาะญี่ปุ่น!!
ในขณะที่นวัตกรรมเทคโนโลยีจากทั่วโลกต่างก็พัฒนากันไปอย่างก้าวกระโดด ทางด้านอุตสาหกรรม ‘เซ็กส์ทอย’ ก็ได้พัฒนาอย่างข้ามขั้นไม่แพ้กัน อย่างที่ชายชาตรีทุกคนทราบดีว่า ตอนนี้เรามีสิ่งที่เรียกว่า ‘ตุ๊กตายาง’ ที่ถูกอกถูกใจหนุ่มเหงาไปทั่วโลก แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าเบื้องหลังการผลิตมันเป็นอย่างไร… เพราะฉะนั้นเราจะพาไปชม ‘Orient Industry’ โรงงานผลิตเซ็กส์ทอยเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1977 จากแดนซูชิ อู้ววหูววว พนักงานกำลังเก็บรายละเอียดตัวตุ๊กตา ถึงแม้โรงงานจะดูเล็ก แต่ที่นี่คับแน่นไปด้วยคุณภาพของสินค้า ส่วนศรีษะของตุ๊กตาก่อนจะกลายมาเป็นสาวงาม ก็จะถูกวางเรียงไว้บนชั้น เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการแต่งหน้าต่อไป โรงงานแห่งนี้ผลิตตุ๊กตายางมากถึงปีละ 500 ตัว ราคาเฉลี่ยของมันขั้นต่ำก็ประมาณตัวละ 2 แสนบาท ด้วยข้อต่อจากตัวตุ๊กตามากถึง 35 จุด ทำให้ตุ๊กตายางของที่นี่สามารถเปลี่ยนอริยบถได้ผาดโผนกว่าเจ้าอื่นๆ กว่าจะได้มาแต่ละตัวนั้นไม่ง่ายเลย เพราะต้องผ่านทั้งขั้นตอนทดสอบการเคลื่อนไหว การพ่นสีให้สมจริง และการติดตั้งสายเอ็นเพื่อทำให้ตุ๊กตามีชีวิตชีวามากขึ้น กว่า 60% ของผู้บริโภคมักจะเป็นชายวัย 40 ปี ที่รู้สึกเหงาอ้างว้าง และไม่มีคู่ครอง เดิมทีบริษัทตั้งปณิธานที่จะผลิตตุ๊กตาแก้เหงา ให้กับทั้งผู้พิการ และผู้ที่ไม่สามารถหาคู่ครองในชีวิตได้ แต่ดูเหมือนว่าอุตสาหกรรมตุ๊กตายางจะเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ…
-
10 อันดับการกินจุของสาวจอมโซ้ย “ยูกะ คิโนชิตะ” แค่ดูเธอกิน ก็อิ่มไปถึงชาติหน้าแล้ว!!
การสตรีมมิ่งทานอาหารให้คนได้ชมเป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว และตอนนี้ก็เริ่มมีมาเรื่อยๆ และหลายคนก็เริ่มรู้จักการทำแบบนี้มาแล้ว ซึ่งหนึ่งคนที่ถ้าพูดถึงเรื่องการกินโชว์ก็จะขาดคนนี้ไปไม่ได้เลย เธอมีชื่อว่า ยูกะ คิโนชิตะ ทางเว็บเราก็เคยนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเธอไปบ่อยครั้ง ซึ่งการกินโชว์ของเธอแต่ละทีจะไม่เหมือนยูทูบเบอร์กินโชว์คนอื่นๆ เพราะว่าอาหารที่เธอกินเข้าไปนั้นมันเยอะมากซะจนคนดูยังอึ้งว่าเธอทานเข้าไปได้ยังไง เพราะว่าเธอตัวเล็กมากๆ ในแชแนลยูทูบ Yuka Kinoshita เธอก็ได้อัพคลิปการกินจุของเธอมาตลอด จนตอนนี้มียอดติดตามสูงถึง 2,400,000 ล้านคนแล้ว ซึ่งเธอก็ได้อัพไปแล้วกว่า 800 คลิป นั่นก็หมายความว่าเธอกินอาหารไปกว่า 800 ครั้ง นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2014 ที่เธอเริ่มสร้างแชแนลนี้ขึ้นมา และเธอก็ไม่ได้ดูอ้วนเลยแม้แต่น้อย เราอาจจะดูคลิปของเธอมาบ้างและ แต่วันนี้ #เหมียวสามสี จะพาไปดู 10 อันดับการกินของเธอที่เรียกได้ว่าสร้างปรากฏการณ์ให้คนอึ้งไปตามๆ กัน ไปดูกันว่าจะมีคลิปไหนบ้าง 10. ชีสเบอร์เกอร์ 4 ชิ้น ที่แต่ละชิ้นมาพร้อมกับเนื้อ 10 ชั้น แต่ละชั้นก็จะมีชีสสอดแทรกอยู่ตรงกลาง รวมพลังงานทั้งหมด 7,826 kcal 9. ครั้งนี้เธอมาที่ร้ายซูชิบุฟเฟต์ พร้อมทั้งสังหารซูชิไปทั้งหมด 200 ชิ้น คุณพระะะะะะะ เรากินแค่ 10…
-
ญี่ปุ่นผลิตเสื้อเชิ้ตสำหรับ “สาวหน้าอกบึ้ม” ไซส์บิ๊กโดยเฉพาะ แก้ปัญหาคาใจมาแสนนาน!!
สาวๆที่คนไหนที่เกิดมาพร้อมกับหน้าอกที่บิ๊กบึ้มไซส์ใหญ่กว่าใครเพื่อน ต้องเคยประสบกับปัญหาเสื้อคับจนเกินไป เสื้อไม่พอดี จนกระดุมปริ กลายเป็นโป๊ไปซะอีก งั้นลองนี่เลย เสื้อสำหรับสาวๆไซส์ใหญ่ จาก”Heart Closet” ซึ่งเป็นเเบรนด์เเฟชั่นที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นได้ทำเสื้อสำหรับสาวๆหน้าอกใหญ่ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้หญิงที่มีขนาดหน้าอกใหญ่บึ้มเช่นกัน สาวๆคนไหนรู้ตัวว่าตัวเองมีหน้าอกไซส์ใหญ่บิ๊กบึ้ม ลองไปชมเสื้อที่ทำมาเพื่อคุณโดยเฉพาะกันเลย.. Mizuki Kurosawa ผู้อำนวยการ Heart Closet กล่าวว่าเธอได้รับเเรงบันดาลใจจากการหาเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับหน้าอกไซส์บิ๊กของเธอ เธอกล่าวว่าเสื้อผ้าในท้องตลาดนั้นไม่พอดีสำหรับผู้หญิงที่มีหน้าอกใหญ่ การสวมใส่นั้นก็เเน่นอึดอัด อีกทั้งกระดุมปริเเละชายเสื้อที่สั้นจนเกินไป ตัวอย่างของเสื้อที่ไม่เหมาะสมกับผู้หญิงที่มีหน้าอกใหญ่ Heart Closet มีจุดมุ่งหมายในการแก้ปัญหาเหล่านี้โดยการปรับแต่งเสื้อผ้าให้เป็นกรอบที่หนาขึ้น ด้านล่างจะมีการใช้วัสดุพิเศษในบริเวณหน้าอกเพื่อให้มีความสบายและดูเป็นระเบียบเรียบร้อย . องค์ประกอบของการออกแบบที่ชาญฉลาดอื่น ๆ ประกอบด้วยกระดุมด้านในที่ช่วยให้การเปิดเสื้อไม่เกิดริ้วรอย รวมถึงการออกเเบบที่ให้ชายเสื้อยาวมากขึ้น เพื่อไม่ให้เสื้อติดพุงสาวๆไงล่ะ . . เเถมยังมีเสื้อสูทที่เหมาะสาวหน้าอกใหญ่อีกด้วย ดูดีมีสไตล์มากๆ สาวไซส์บึ้มคนไหนอยากจับจองเป็นเจ้าของ ราคาเริ่มต้นที่ 12,500 เยน (ประมาณ 4,000 บาท ) เเละเสื้อสูทราคาประมาณ 25,000 เยน (ประมาณ 8,000 บาท) ยังมีเสื้อผ้าที่น่าสนใจอีกมากมาย…
-
เตรียมเปิดตัว LEGOLAND สวนสนุกเลโก้ที่ญี่ปุ่น ลองไปส่องดูซิว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง?
เราอาจเคยเห็นสวนสนุกจากสตูดิโอหนังดังมาหลายที่ไม่ว่าจะเป็น Disneyland หรือ Universal Studio ซึ่งเราสามารถไปเที่ยวได้ในเมืองใหญ่ๆ หลายๆ เมืองทั่วโลก ล่าสุดที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังจะมีสวนสนุกแห่งใหม่ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากตัวต่อเลโก้ นั่นก็คือ LEGOLAND นั่นเอง ที่รับรองว่าถ้าแฟนๆ เลโก้เห็นแล้วจะต้องอยากไปเยือนซักครั้งอย่างแน่นอน สวนสนุกแห่งนี้จะเปิดให้บริการในเมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น ประกอบไปด้วยสวนสนุกย่อย 7 แห่ง ร้านอาหารอีก 5 ร้าน และเคาท์เตอร์ขายอาหารอีก 8 แห่ง ล่าสุดทางสวนสนุกได้เริ่มโปรโมทภาพสินค้าและอาหารภายในสวนสนุกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ละอย่างนั้นบอกเลยว่าน่ากินสุดๆ ไม่ว่าจะเป็น มันฝรั่งเลโก้ น้ำปั่นหลากสี ไส้กรอก สลัด ข้าวเนื้อย่าง และแฮมเบอเกอร์ ลูกอมในกล่องเลโก้ ภาพบรรยากาศคร่าวๆ ภายในสวนสนุก . . แผนที่ของสวนสนุกดังกล่าว . . สวนสนุก LEGOLAND ดังกล่าวจะเปิดให้บริการในวันที่ 1…
-
พาไปรู้จัก “ต้นไม้กระต่าย” สุดคาวาอิ้จากญี่ปุ่น หน้าตาเหมือนกระต่ายกำลังชู 2 นิ้ว!?
ถ้าหากพูดถึงญี่ปุ่นหลายๆ คนก็คงนึกถึงความน่ารักใสๆ และความคิขุแบบสาวคาวาอี้อย่างแน่นอน ซึ่งความน่ารักคิขุสไตล์ญี่ปุ่นนี้ก็ได้รับความนิยมและแทรกซึมไปทุกอณูของวัฒนะธรรมแบบญี่ปุ่นๆ เลย ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับต้นไม้ต้นหนึ่งจากญี่ปุ่น ที่มีความน่ารักคิขุได้อย่างไม่น่าเชื่อ เริ่มสงสัยกันแล้วละสิว่ามันคือต้นอะไรกันแน่!? ภาพที่ทุกคนกำลังเห็นอยู่นี้ถูกเผยแพร่มาจากทวิตเตอร์ของคุณ @celely1128 เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งต้นไม้ที่ว่านี้มีลักษณะคล้ายกับกระต่ายน้อยสุดน่ารักกำลังชูสองนิ้วอยู่นั่นเอง ซึ่งถ้าหากเราปลูกพวกมันไว้ด้วยกันหลายๆ ต้นล่ะก็จะดูเหมือนพวกกระต่ายน้อยเหล่านี้กำลังโพสต์ท่าชูสองนิ้วให้กับเรา ดูน่ารักสุดๆ ไปเลย และความน่ารักของพวกมันนั้นก็ทำให้มีชาวทวิตเตอร์บางคนนำไปวาดเป็นภาพแฟนอาร์ตด้วยนะ อย่างภาพด้านล่างนี้มาจากคุณ @KarasugiTabasco หน้าตาดูเหมือนมาจากการ์ตูนสักเรื่องเลยนะเนี่ยะ โดยเจ้าต้นไม้สุดน่ารักที่ว่านี้จริงๆแล้วมันคือต้น Monilaria obconica ซึ่งส่วนที่เหมือนหูกระต่ายนี้ จะยาวขึ้นแล้ว กลายเป็นดอกไม้สีขาวสวยที่ช่วยในการกักเก็บน้ำและความชุ่มชื้นไว้ภายในตัวของมันเองได้หลายสัปดาห์ นั่นหมายความตัวของมันเองสามารถอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องรดน้ำมันบ่อยๆ นั่นเอง และเมื่อมีการทวีตข้อมูลที่เกี่ยวกับต้นไม้นี้ออกมา ก็ยิ่งทำให้มีคนชื่นชอบและต้องการปลูกมันมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็มีคอมเม้นต์ต่างๆ ในวิตเตอร์เกี่ยวกับเจ้าต้นไม้นี้มากมายเช่น “มันดูเหมือนกระต่ายจริงๆนะ” “ฉันอยากได้มันจังเลย” “โอ้วพระเจ้า!! ทำไม่มันน่ารักขนาดนี้” ซึ่งเราก็หวังว่าคนที่ซื้อมันไปจะดูแลมันได้อย่างถูกวิธี และรดน้ำกับเท่าที่จำเป็น เพราะไม่อย่างงั้นเราอาจทำให้กระต่ายน้อยน่ารักตายได้จ้า ที่มา rocketnews24.com
-
ตำรวจเมืองชิบะ เร่งตามล่าหาตัว ‘โรคจิตต่อเนื่อง’ กระทำอุกอาจใช้นิ้วเสียบปากเด็กผู้ชาย!?
อย่างที่เราทราบกันดีว่าสังคมญี่ปุ่นนั้นแม้จะเป็นระเบียบเรียบร้อยมีวินัยเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกัน ทัศนคติเหล่านี้ก็สร้างความเครียดสะสมให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก จนหลายๆ ครั้งก็ทำให้เกิด คนโรคจิตที่มักก่อเหตุอะไรแปลกๆ มากมาย อย่างเช่นเรื่องราวต่อไปนี้ นับตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมของปีที่แล้ว ทางตำรวจเมืองชิบะได้รับแจ้งว่า มีชายคนหนึ่งได้ก่อเหตุสุดประหลาด ด้วยการใช้นิ้วล้วงเข้าในปากของเด็กมัธยมต้นและมัธยมปลายชายหลายต่อหลายครั้ง สร้างความหวาดระแวงให้กับเด็กนักเรียนไปทั่ว หนึ่งในเหยื่อได้เล่าว่า ชายคนดังกล่าวได้ทำทีเข้ามาถามว่า “สถานีรถไฟไปทางไหน” และในระหว่างที่คุยกันนั้นเอง ชายคนดังกล่าวก็ใช้นิ้วจิ้มเข้าไปในปากของเด็กที่กำลังคุยด้วย เมื่อก่อเหตุเสร็จ ชายคนดังกล่าวก็ขึ้นรถจักรยานและปั่นหนีไป นอกจากนี้พยานได้บรรยายลักษณะของผู้ก่อเหตุว่า เป็นชายวัยรุ่นสูงประมาณ 170 เซนติเมตร ตัดผมสั้นสีดำ ซึ่งว่ากันจริงๆ แล้ว นี่เป็นลักษณะของชายกว่า 70 เปอร์เซ็นภายในเมืองเลยทีเดียว ทำให้ทางตำรวจต้องประสบความยากลำบากในการตามตัวคนร้ายเป็นอย่างมาก เมื่อชาวเน็ตได้อ่านข่าวดังกล่าว ก็ได้แสดงความเห็นกันเข้ามามากมาย บางคนก็บอกว่า “โอ้โห นี่มันอีกขั้นของคนโรคจิตเลยนะเนี่ย” บ้างก็บอกว่า “น่ากลัวจริงๆ” บ้างก็บอกว่า “ไม่รู้จะทำยังไงเลย ถ้าเราเป็นคนโดนมั่ง” รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก หวังว่าทางตำรวจจะสามารถตามจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษได้โดยเร็วนะฮะ ที่มา rocketnews24, news.tbs
-
เว็บญี่ปุ่นเปิดขายขนมหวานใหม่ “โมจิหยดน้ำ” ที่ข้างในมีดอกซากุระจริงๆ ดูสวยแถมน่ากิน!!
หลายคนน่าจะคุ้นเค้ยกับชื่อของ เค้กหยดน้ำ หรือ โมจิหยดน้ำ กันมาบ้างใช่ไหม ซึ่งถ้าใครคิดภาพไม่ออกว่ามันคืออะไร มันก็คือเจ้าก้อนใสๆ เหมือนหยดน้ำที่ดูน่ากินที่เคยฮิตอยู่ช่วงหนึ่งในบ้านเรานั่นเอง ตัวอย่างของขนมโมจิหยดน้ำ… พอดีกับช่วงนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ที่ดอกซากุระจะเบ่งบาน และดูท่าคนญี่ปุ่น (รวมถึงนักท่องเที่ยว) จะคลั่งไคล้เทศกาลชมซากุระกันมากเลยทีเดียว จนเป็นกระแสซากุระฟีเวอร์ขึ้นมาในทุกๆ ปี เจ้าโมจิหยดน้ำนี้เดิมที่ก็เป็นขนมที่มาจากทางฝั่งญี่ปุ่นอยู่แล้วก็ไม่แปลกที่ทางญี่ปุ่นจะนำมันไปต่อหยอดอีกขั้นโดยการนำเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นอย่างดอกซากุระเข้ามาผสมผสานจนเกิดเป็น โมจิหยดน้ำดอกซากุระ!! โมจิหยดน้ำดอกซากุระที่ว่านี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทผลิตขนมเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Eitaro ซึ่งจริงๆ แล้วพวกเขาผลิตเจ้าโมจิหยดน้ำนี้มากว่า 13 ปีแล้วแต่มันพึ่งจะมาบูมเอาเมื่อปีที่แล้ว แถมยอดขายยังทะลุเป้าสุดๆ พวกเขาขายมันได้ราวๆ 250,000 กล่องเลยทีเดียว แบบกล่องสามชิ้นดีไซน์สวยงาม เหมาะสำหรับไว้เป็นของขวัญ เซตนี้สนนราคาอยู่ที่ราวๆ 270 บาท แต่ถ้าใครสนใจแบบ 9 ชิ้นก็จะอยู่ที่ราวๆ 730 บาท ถ้าใครสนใจเซตข้างบนนี้แล้วละก็สามารถเข้าไปสั่งออนไลน์ได้โดยตรงจาก eitaro ได้เลย นอกจากเจ้าโมจิหยดน้ำซากุระแล้ว ยังมีรูปแบบอื่นๆ ที่ดูน่ากินอีกมากมายเลยเช่นกัน แต่ถ้าใครสนใจและได้เดินทางไปที่ญี่ปุ่นในช่วงนี้แล้วอยากจะลองชิมโมจิหยดน้ำซากุระแบบข้างบนแต่ว่าหาซื้อไม่ได้แล้วละก็ สามารถเดินทางหาซื้อได้ที่ย่านรปปงงิจากร้านที่ชื่อว่า Sun Fruits โดยหน้าตาของโมจิหยดน้ำที่นี้ก็จะมีหน้าตาคล้ายๆ ตัวข้างบนแต่จะเสิร์ฟในถ้วยเซรามิคสวยงาม ของเจ้านี้จะราคาอยู่ที่ราวๆ 160…
-
ชายฉกรรถึงกับคลั่ง เมื่อนางแบบญี่ปุ่นลองใส่ชุด “กระชากเวอร์จิ้น” เล่นรีดซะเลือดหมดตัว
ถ้าใครจำได้ช่วงปลายปีก่อน บริษัทญี่ปุ่นได้ปล่อยเสื้อกันหนาว “Virgin Killer” ออกมาซึ่งบอกได้คำเดียวว่าสุดติ่งกระดิ่งแมว เพราะมันทั้งแสนเซ็กซี่และสามารถกันหนาวไปได้พร้อมๆ กัน (ข่าวเก่า : ญี่ปุ่นออกไอเดียสเวตเตอร์ “Virgin Killer” โชว์ความหวิวในฤดูหนาว ให้คุณเซ็กซี่ยิ่งขึ้น ) ล่าสุดนางแบบกราเวียสุดเซ็กซี่ อะมากิ จุน ได้นำชุด Virgin Killer ที่ว่ามาสวมใส่บ้าง บอกได้เลยว่า เลือดกำเดาแทบพุ่งเลยล่ะ ลองไปชมกันดู เดี๋ยวจะหาว่าเหมียวอ๊อดโด้ หลอกลวง!! มองจากมุมข้างหน้าก็โอเค . ด้านข้างก็ไม่เบา เปลี่ยนมุมบ้าง จากข้างหลังก็โอ๊ยยยยย ใจจะละลาย ใครอยากติดตามผลงานของเธอ ตามไปกดไอจี @jun.amaki ได้เลยนะฮะ มีแซ่บๆ อีกเพียบ แต่ชุดพิฆาตเวอร์จิ้นตัวนี้ คงจะเหมาะกับสาวๆ น่ารักๆ บึ๊บๆ บั้บๆ เท่านั้น เพราะล่าสุดมีหนุ่มนักกล้ามเอามันไปใส่ ปรากฎว่าไม่เวิร์คอย่างแรง (ข่าวเก่า : เมื่อหนุ่มกล้ามโต…
-
เรื่องราวของ 5 สุดยอดนินจาระดับตำนาน ผู้มีตัวตนอยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น!!
หนึ่งในอาชีพที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่นนอกจากนักรบซามูไรแล้วก็มี ‘นินจา’ นี่แหละที่ดูจะน่าสนใจและมีความลึกลับไม่แพ้กัน โดยปกติแล้วตามตำนานเหล่าซามูไรจะทำหน้าที่เป็นนักรบที่ฆ่าสังหารศตรูซึ่งๆ หน้า ใช้ความสามารถในเพลงดาบสยบศัตรู แต่สำหรับนินจาแล้วจะมีเป้าหมายในการฝึกและการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก็คือการ ‘ลอบสังหาร’ ทั้งสองอาชีพนี้ก็จะมีวัฒนธรรม ความเชื่อ ประเพณี ที่แตกต่างกันออกไป สำหรับในวันนี้ #เหมียวหง่าว ก็จะขอมาเล่าเรื่องราวของนินจาในตำนาน ที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น เรื่องราวจะเป็นอย่างไร และจะมีใครบ้างลองไปติดตามชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า… 1. Fujibayashi Nagato (藤林長門) Fujibayashi Nagato นั้นเป็นผู้นำของสำนักนินจา Iga ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 16 เขาและทีมนินจาของเขาอยู่ภายใต้การรับใช้ไดเมียวของแคว้น Oomi (ปัจจุบันคือจังหวัด Shiga) ที่ต่อสู้กับ Oda Nobunaga ซึ่งการสนับสนุนของเขาและคนในสำนักนินจาทำให้ Nobunaga ถึงกับจ้องจะบุกทำลายสำนักนินจา Iga และ Koga เพื่อจัดการเหล่านินจาให้หมดสิ้นเพราะต้องการชัยชนะเหนือสงคราม ด้วยความที่ครอบครัว Fujibayashi ต้องการที่จะทำให้ชื่อเสียงและวิชานินจาของสำนักไม่สูญสลายหายไปตามกาลเวลา ลูกหลานของเขาซึ่งก็คือ Fujibayashi Yastake ได้ทำการเขียนบันทึกที่ชื่อว่า Bansenshukai หรือ สารานุกรมนินจาขึ้นมา …
-
ว๊ะวาววว!! ญี่ปุ่นเนรมิต “ลิปกลอสนมแมว” ให้สัมผัสพิเศษ เหมือนดั่งจุ๊บจมูกเหมียว
สาวๆ คนไหนที่ชื่นชอบการทาลิปกลอสเป็นชีวิตจิตใจ เชิญทางนี้เลยจ้า เพราะในวันนี้ #เหมียวขี้อ้อน จะขอเต็มใจนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดส่งตรงจากญี่ปุ่น ที่เอาใจสาวๆ ผู้เป็นทาสแมวโดยเฉพาะนั่นก็คือ “ลิปกลอสแมวเหมียว” นั่นเอง สำหรับลิปกลอสแมวเหมียวเหล่านี้ Felissimo บริษัทสำหรับคนรักแมว เป็นผู้ที่ได้ทำการสร้างสรรค์ขึ้นมา โดยมันไม่เพียงแต่จะเพิ่มความโดดเด่น และเพิ่มสีสันที่สวยงามบนริมฝีปากของคุณเท่านั้น แต่เมื่อได้ลองทาแล้วคุณจะรู้สึกราวกับว่าได้จูบจมูกของแมวเลยละ และที่สำคัญหากได้ลองใช้เพียงครั้งแรก มันจะทำให้ปากของคุณรู้สึกเย็นสดชื่นมากๆ อีกทั้งตัวลิปกลอสยังมีส่วนประกอบของเชียบัตเตอร์และกรดไฮยาลูโรนิก ที่จะช่วยทำให้ริมฝีปากอ่อนนุ่ม และชุ่มชื่น นอกจากนี้ ลิปกลอสแมวเหมียวยังมีให้เลือกทั้งหมด 3 สีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสีชมพูแสนหวาน สีส้มที่ช่วยให้ใบหน้าสาวๆ ดูมีชีวิตชีวา รวมถึงสีน้ำตาลอ่อน แสนน่ารัก สาวๆ คนไหนที่สนใจอยากจะได้ลิปกลอสน่ารักๆ แบบนี้เอาไว้ครอบครอง สามารถคลิกเข้าไปสั่งซื้อ หรือรับชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Felissimo โดยมาในราคาแท่งละ 1,300 เยน หรือราวๆ 400 บาทเท่านั้นเอง และที่สำคัญคุณยังสามารถซื้อไปเป็นของขวัญให้กับเพื่อนสาว หรือสำหรับคนรักแมวได้อีกด้วย อ้อ!! หากใครที่สั่งผ่านเว็บไซต์แน่นอนว่าเงินส่วนหนึ่งของคุณ จะถูกนำไปร่วมในมูลนิธิช่วยเหลือแมวของ Felissimo ด้วยน้า ที่มา…
-
นี่คือ 8 เหตุผลที่บอกเราว่า ทำไม ‘ประเทศญี่ปุ่น’ จึงเป็นประเทศที่สะอาดมากๆ
ประเทศญีปุ่น เป็นหนึ่งประเทศที่มีระเบียบวินัยสูงมากและหากใครได้ไปเที่ยวที่เมืองอาทิตย์อุทัยนี้มาก็จะพบสิ่งที่แตกต่างกับประเทศเราโดยสิ้นเชิงอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือความสะอาด ทุกครั้งที่เห็นภาพของเพื่อนๆ ที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น หรือดูตามสารคดีต่างๆ มักจะเกิดคำถามขึ้นในใจของเราว่า “ทำไมบ้านเขาสะอาดจัง?” นั่นสิ หลายคนสงสัยแบบนี้ใช่ไหม วันนี้ #เหมียวฟิ้น พบข้อมูลจากเว็บไซต์ Rocketnews ซึ่งนำเสนอเรื่องราวของประเทศญี่ปุ่นสู่สายตาชาวต่างชาติในภาษาอังกฤษ เลยถือโอกาสแปลมาให้ได้อ่านกัน รับรองว่าคุณจะต้องทึ่งแน่นอน 1. แม้ไม่มีถังขยะข้างทาง แต่(แทบ)ทุกคนถูกปลูกฝังว่า จะต้องเก็บมันไปทิ้งที่อื่น ชาวญี่ปุ่นให้ความร่วมมือกับการรักษาความสะอาดมาก เวลาที่พวกเขาไปท่องเที่ยวหรือปาร์ตี้ตามสถานที่ต่างๆ แล้วไม่มีถังขยะ พวกเขาจะเก็บมันใส่ถุงหรือภาชนะไปทิ้งที่อื่น เพราะพวกเขาถูกสั่งสอนมาว่าต้องรับผิดชอบต่อข้าวของของคุณเอง ต่อให้ตลอดทางไม่มีถังขยะเลย พวกเขาก็จะเอามันไปทิ้งที่บ้าน 2. มีถุงขยะอยู่ใต้เบาะรถประจำทาง ในรถบัสที่ออกเดินทางไปตามต่างจังหวัดหรือเดินทางระยะไกลๆ พวกเขาจะมีถุงขยะเก็บไว้ใต้เบาะที่นั่งของคุณ เพื่อเก็บเอาขยะของคุณไปทิ้งที่ถังขยะ (หรือที่บ้านคุณเอง) ดีกว่าปล่อยให้มันเลอะเทอะอยู่กับพื้นหรือซุกอยู่บนเก้าอี้ของคุณเอง 3. แทบทุกหน่วยงานจะทำความสะอาดพื้นที่ของตัวเอง ส่วนหนึ่งที่ถนนหนทางของพวกเขาสะอาดปราศจากใบไม้หรือขยะก็เพราะว่าพนักงานของสถานที่นั้นๆ จะเป็นคนทำความสะอาดด้วยตัวของพวกเขาเอง ตั้งแต่พนักงานออฟฟิศไปจนถึงพยาบาลในโรงพยาบาล โดยไม่ต้องให้พนักงานกวาดถนนมาเก็บกวาดให้พวกเขาเลย 4. มีศิลปะในการแยกขยะ ชาวญี่ปุ่นจะมีระเบียบค่อนข้างมากในการกำจัดขยะภายในบ้าน เวลาจะนำขยะจากในบ้านออกไปทิ้งหรือกำจัด พวกเขาจะคัดแยกทุกอย่างให้อยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน หนังสือสื่อสิ่งพิมพ์มัดรวมด้วยกัน ขยะเปียกขยะแห้ง หรือหากจะทิ้งขวดซอสสักขวด พวกเขาก็จะเทเอาเศษๆ ที่อยู่ในขวดออกมาทิ้งให้หมดเสียก่อน 5. มีหน่วยงานอาสาสมัครบางแห่งคอยย้ำเตือนให้ชาวเมืองตื่นตัวและเก็บขยะอยู่เสมอ…
-
นักเรียนหญิงญี่ปุ่น แห่ขายเครื่องแบบหลังจบการศึกษากันรัวๆ ราคาพุ่งถึง 6 หมื่นบาท!!
หากจะบอกว่าชุดนักเรียนของประเทศไหนน่ารักโดนใจ #เหมียวฟิ้น ล่ะก็ มันคงจะหนีไม่พ้นชุดสุดคาวาอี้อย่างชุดนักเรียนสไตล์กะลาสีแบบชาวญี่ปุ่นแน่ๆ และเมื่อเหล่านักเรียน (โดยเฉพาะนักเรียนสาวๆ) จบการศึกษาแล้ว พวกเขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บชุดนักเรียนเอาไว้ให้ฝุ่นเกาะอีกต่อไป พวกเธอจึงเอามันมาประกาศขายบนอินเตอร์เน็ตซะเลย แถมได้ราคาดีด้วยนะ ในช่วงเดือนมีนาคมของทุกๆ ปีจะเป็นเดือนที่เหล่านักเรียนมัธยมปลายพากันจบการศึกษาและขยับเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยกัน พวกเขาจึงพากันเอาชุดนักเรียนมาประกาศขายผ่านเว็บไซต์ขายของออนไลน์อย่าง Mercari กันแบบถล่มทลายเลยทีเดียว ตามรายงานจากเว็บไซต์ Rocketnews บอกว่าชุดที่นำมาขายนั้นมีทั้งชุดสำหรับฤดูร้อนและชุดสำหรับฤดูหนาวรวมทั้งกระโปรง ถูกวางขายในราคามัดรวมอยู่ที่ 10,000 เยน หรือประมาณ 3,076 บาท หากพ่อแม่คนไหนจะซื้อเพื่อนำไปให้ลูกๆ ของพวกเขาใส่เรียนก็ถือว่าถูกกว่าการซื้อใหม่ชุดใหม่ทั้งเซ็ท แต่ก็ยังแพงอยู่สำหรับการซื้อชุดมือสองในสภาพที่ดูใส่มาหลายครั้งแล้ว (ราคาเต็มๆ สำหรับชุดนักเรียนเพื่อใส่ฤดูร้อน ฤดูหนาว ชุดออกกำลังกาย ทั้งเซ็ทจะอยู่ที่ราวๆ 30,000 บาท) ในประเทศญี่ปุ่นเองมีการกำหนดราคาชุดนักเรียนมือสองให้แพงขึ้นด้วย หากชุดเหล่านั้นปักชื่อของสถาบันดังๆ เอาไว้ อย่างเช่นโรงเรียนมัธยมปลายซูคากาวะ ในจังหวัฟุกุชิมะอยู่ที่ 27,691 บาท ส่วนโรงเรียนคาคูโนดาเตะ มินามิ อยู่ที่ 61,536 บาท (นี่แค่ชุดมือสองนะเนี่ยะ!!) ถึงชุดนักเรียนญี่ปุ่นจะถูกสื่อต่างๆ นำเสนอให้ดูน่ารัก (หรือบางคนมองว่าเซ็กซี่) ขนาดไหนก็ตาม แต่ในความเป็นจริงนักเรียนจะต้องใส่ชุดนักเรียน 1 ชุดวนไปเรื่อยๆ ทั้งสัปดาห์…
-
คู่รักญี่ปุ่นสุดคาวาอี้ แต่งงานกันมา 37 ปี ที่ผ่านมาทั้งคู่ “แต่งตัว” ในธีมเดียวกันมาตลอด!!
หลายคนมีวิธีแสดงความรักที่แตกต่างกันออกไป บางคู่ชอบใช้ของอะไรที่เหมือนๆ กัน บางคู่ก็ใส่ถุงเท้าลายเดียวกัน แต่สำหรับคู่รักชาวญี่ปุ่นคู่นี้ มีวิธีที่แปลกและเจ๋งมากๆ นั่นก็คือแต่งตัวในธีมสีเดียวกัน คู่รักคู่นี้ใช้ชื่อในอินสตาแกรมว่า bonpon511 ซึ่งชื่อนี้เป็นการผสมระหว่างชื่อของทั้งสองและวันครบรอบแต่งงาน โดยทั้งคู่แต่งงานกันมาแล้ว 37 ปี แต่ก็ยังแต่งตัวเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ตอนนี้มีผู้คนติดตามพวกเขากว่า 65,000 คนแล้ว หลายคนก็ชื่นชมในการที่ทั้งคู่ยังมีความเป็นวัยรุ่น เพราะแต่ละชุดที่ใส่นั้นยังทันสมัย และมีความเข้ากันเป็นอย่างดี หลายคนก็เลือกเอาชุดของคู่รักคู่นี้เป็นแบบอย่างในการแต่งตัว เพราะว่าที่ญี่ปุ่นนั้น คนรักกันส่วนมากจะชอบใส่เสื้อคู่หรือทำอะไรเหมือนๆ กัน . . . . . . . . . . . . . . เห็นภาพของทั้งสองคนแล้วคิดว่าถ้าเราแก่ไปก็อยากจะเป็นแบบนี้บ้าง เป็นคนแก่ที่ยังมีความเป็นวัยรุ่นอยู่ ถ้าอยากติดตามแฟชั่นของทั้งคู่ก็ไปตามกันได้ที่อินสตาแกรม bonpon511 นะจ๊ะ ที่มา boredpanda
-
รอยเตอร์รายงานเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ 4 ลูก ไปตกที่น่านน้ำญี่ปุ่น ห่างชายฝั่ง 300 กิโลเมตร!?
กลายเป็นประเด็นที่ทุกสำนักสื่อทั่วโลกกำลังพูดถึง โดยเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ที่ผ่านมาสำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานว่า เกาหลีเหนือได้ปล่อยจรวดมิสไซล์ทั้งหมด 4 ลูก ไปยังบริเวณน่านน้ำของประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่มีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิต แต่ก็ทำให้หลายประเทศทั่วโลกตระหนัก และเฝ้าระวังภัยจากสงครามที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยเฉพาะเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ รัศมีระยะการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ สามารถไปไกลได้ถึง 3,000 กิโลเมตร Tomomi Inada ปลัดกระทรวงกลาโหมจากญี่ปุ่นได้ออกมาชี้แจงว่า เกาหลีเหนือได้ปล่อยมิสไซล์โดยไม่มีสัญญาณแจ้งเตือน มายังบริเวณน่านน้ำของฝั่งญี่ปุ่น ซึ่งจุดตกของมิสไซล์อยู่ห่างจากชายฝั่งเพียงแค่ 300 กิโลเมตรเท่านั้น ทางด้านกรมทหารเกาหลีใต้ก็ได้ชี้แจงว่า การกระทำดังกล่าวของเกาหลีเหนือ อาจส่อนัยยะถึงการเปิดฉากสงครามก็เป็นได้ จากเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดดังกล่าว ทำให้ประเทศญี่ปุ่น และสหรัฐฯ จัดการประชุมด้านความมั่นคงของชาติในวาระเร่งด่วน เพื่อหารือวิธีป้องกันภัย และรับมือกับมิสไซล์จากเกาหลีเหนือที่อาจจะถูกปล่อยมาได้ทุกเมื่อ ‘คาดว่าน่าจะมีหลายลูกที่เกาหลีเหนือปล่อยออกมา และที่มาตกในบริเวณน่านน้ำของญี่ปุ่นมีทั้งหมด 4 ลูกด้วยกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการปลุกปั่น ยั่วยุ เพื่อก่อให้เกิดสงคราม’ Sean Spicer โฆษกประจำทำเนียบขาวให้สัมภาษณ์ รูปแบบขีปนาวุธต่างๆ ที่คาดว่าเกาหลีเหนือครอบครองไว้อยู่ …
-
ชวนส่อง “ม่านรูดญี่ปุ่น” มันไปไกลขนาดนี้ ต่างกับเมืองไทยแค่ไหนกัน!?
เมื่อคุณได้เห็นโรงแรมม่านรูดของญี่ปุ่นแล้วรับรองว่าม่านรูดของไทยจะกลายเป็นอะไรที่หน่อมแน้มไปเลยล่ะเหมียว เพราะที่นี่มีม่านรูดซ่อนตัวอยู่ตามที่ต่างๆในญี่ปุ่นมากถึง 30,000 แห่งเลยทีเดียว!! โรงแรมม่านรูดเหล่านี้ถือเป็นจุดนัดพบของการร่วมรักแห่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาก และแต่ละที่ก็จะมีธีม สีสัน และเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน เพื่อให้คนที่มาใช้บริการได้สวมบทบาทเป็นตัวละครต่างๆ เพื่อสัมผัสถึงความตื่นเต้นเร้าใจในแบบที่เราหาไม่ได้ในชีวิตประจำวันนั่นเอง วันนี้เหมียวได้นำผลงานการถ่ายภาพบางส่วนของ Misty Keasler มาเผยแพร่ให้ทุกคนได้ดูกันล่ะ ด้วยความสงสัยใคร่รู้ เธอเลยตัดสินใจเดือนทางไปทั่วญี่ปุ่นเพื่อเก็บภาพจากโรงแรมม่านรูดกว่า 30,000 แห่งทั่วญี่ปุ่น การออกไปถ่ายครั้งนี้ ทำให้เธอได้เห็นถึงการตกแต่งห้องแบบแปลกๆ และอุปกรณ์สุดพิสดารต่างๆภายในห้องล่ะ พูดมาขนาดนี้แล้ว ลองไปชมภาพถ่ายของเธอกันเ จากภาพถ่ายจะเห็นได้ว่า มีห้องหน้าตาประหลาดๆมากมาย ทั้งห้องเฮลโหลคิตตี้สุดซาดิสม์ ชิงช้าสำหรับร่วมรักในท่าแปลกๆ หรือจะเป็นแนวห้องเรียนก็มี และแทนที่จะมีมินิบาร์สำหรับเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว กลับมีแต่เครื่องจำหน่ายไวเบรเตอร์ กุญแจมือ ผ้าปิดตา และอุปกรณ์สัปดนมากมาย . . . . . . . . . . . . นี่เป็นเพียงภาพส่วนหนึ่งที่เธอถ่ายไว้เท่านั้นนะเหมียว หากใครสนใจในสไตล์การถ่ายภาพของเธอ สามารถไปไปดูได้ที่ amazon เพื่อจับจองเป็นเจ้าของเลยนะ…
-
รู้จัก 10 สาวหมวยสวยเอ็กซ์ จาก “มาส์กไรเดอร์” ที่จะมาทำให้คุณแฮ่กๆ ไปด้วยกัน
สำหรับใครที่ชื่นชอบดูซีรีย์มาสก์ไรเดอร์ต่างๆ ก็มักจะชื่นชอบในตัวไรเดอร์ หรือนักแสดงหลักที่มีความหล่อ ความเท่แตกต่างกันไป แต่ #เหมียวมู่ทู่ ก็เชื่อว่าจะต้องมีเหล่าชายวัยกลัดมันทั้งหลายจะไม่พลาดเป็นแฟนของสาวๆ ในเรื่องเพราะพวกเธอทั้งสวยและแซ่บสุดๆ จนเด่นไม่แพ้กับพวกไรเดอร์เลยล่ะ วันนี้เราเลยจะมาดูกันว่าสาวๆ ในซีรีย์มาสก์ไรเดอร์แต่ละเรื่องจะแจ่มขนาดไหนกันนะ ฉะนั้นอย่ารอช้ากันเลย!! 1. Matsumoto Wakana พี่สาวสุดสวยจาก “มาสก์ไรเดอร์ เดนโอ” ที่มีรอยยิ้มพิมใจ จนทำเอาหลายคนต้องตกหลุมรัก . 2. Miwako Kakei สาวตัวประกอบจาก มาสก์ไรเดอร์ไดร์ฟภาคหนังโรง ซึ่งถึงแม้เธอจะเป็นแค่ตัวประกอบ แต่โดดเด่นและน่าจดจำอย่างไม่น่าเชื่อ . 3. Yuria Haga สาวสวยน่ากลมจาก มาสก์ไรเดอร์ไฟซ์ ที่สวยแซ่บสุดๆ แถมเธอยังมีผลงานแสดงหนังเรท R ด้วยนะ แต่จะเป็นเรื่องอะไรนั้นคงต้องหาวาร์ปกันเอาเอง . 4. Rio Uchida ตำรวจสาวสวยและนางเอกจาก มาสก์ไรเดอร์ไดร์ฟ โดยตัวเธอเริ่มเข้าวงการตอนช่วงปี 2010 แต่ด้วยความน่ารักปนเซ็กซี่เล็กๆ ทำให้เธอได้มารับบทดาวเด่นในเรื่อง . . 5. Fumika Baba เธอคนนี้รับบทเป็นตัวร้ายที่ชื่อว่า Medic…
-
ดั่งสัตว์ในตำนาน… เมื่อคนฮอกไกโดได้พบ ‘แมลงสาบ’ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน เป็นปลื้มแบบสุด!!
ก็อย่างที่รู้กันว่า ‘แมลงสาบ’ นั้นเป็นแมลงที่ไม่ว่าใครต่างก็รู้สึก ‘ยี้’ ไปกับมัน แถมในบ้านเรายังมียั้วเยี้ยอยู่เต็มไปหมด จะเดินไปทางไหนก็เจอ แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าสำหรับชาวเมืองฮอกไกโดที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นแล้ว พวกเขาไม่เคยรู้จักกับเจ้าแมลงสาบเลย!? ไม่ใช่ว่าบ้านเมืองเค้าสะอาดหมดจดจนไม่มีที่ให้พวกแมลงสาบเข้ามาหากินหรอกนะ แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะแมลงสาบเป็นแมลงที่ไม่ทนต่ออากาศหนาว และเมืองฮอกไกโดนั้นจะมีอุณหภูมิต่ำเกือบตลอดทั้งปี ทำให้พวกมันไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้นั่นเอง ทำให้ผู้คนส่วนมากในฮอกไกโดส่วนมากไม่เคยมีประสบการณ์กับการต้องพบเจอกับแมลงสาบเลย บ้างก็คิดว่ามันเป็นเรื่องราวที่ถูกกุขึ้นมาบนอินเตอร์เน็ตเท่านั้น บ้างก็คิดว่ามันเป็นแค่ข่าวลือ ไม่เป็นความจริง แบบว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เค๊ย ไม่เคยเห็นเจ้าสัตว์ประหลาดที่ทุกคนเกลียดนักเกลียดหนามาก่อน แล้วจะเป็นอย่างไรถ้าคนที่ไม่เคยเห็นแมลงสาบได้เจอกับแมลงสาบเป็นครั้งแรก!? รายการโทรทัศน์ของประเทศญี่ปุ่นได้ทำการพิสูจน์ โดยนำแมลงสาบตัวเป็นๆ ไปให้กับชาวฮอกไกโดที่ไม่เคยเห็นแมลงสาบได้ดู ว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง? ก่อนหน้านี้ทางรายการก็ทดลองนำแมลงสาบ ไปให้คนโตเกียวที่เคยมีประสบการณ์กับแมลงสาบดู ก็พบว่าร้องกรี๊ดวิ่งหนีกันแทบไม่ทัน เอาล่ะ มาถึงคราวของชาวฮอกไกโดกันบ้าง!? แต่ละคนไม่รู้สึกขยะแขยงเลยแม้แต่น้อย หยิบกล่องขึ้นมาดูแบบสนใจมาก บ้างก็ลองดมดู แล้วก็บอกว่ากลิ่นของมันเหม็นมากเหมือนกับ ‘ขี้ม้า’ เลย!? (อูยยยย ขนลุก) อย่างสองหนุ่มนี้ก็ดูจะสนใจมากเป็นพิเศษถึงกับต้องขอทางรายการถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นที่ระทึก เอ้ยระลึกเลยทีเดียวเชียว ไปชมรายการฉบับซับไทยเอาไว้แล้วโดยเพจ ญี่ปุ่นเบาเบา กันเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมกันที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… ที่มา : gooddayslabo
-
สัมภาษณ์แนวคิดดีๆ จาก “คุณทากะ” หนุ่มญี่ปุ่นผู้ศรัทธาพุทธศาสนา จึงมาบวชในประเทศไทย
ปกติแล้วในประเทศไทยเราจะได้เห็นว่าพระส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนไทย ส่วนน้อยมากๆ ที่จะมีชาวต่างชาติมาบวชเป็นพระเพื่อศึกษาพระธรรมอย่างจริงจัง #เหมียวเลเซอร์ เองได้มีโอกาสสัมภาษณ์ชาวต่างชาติท่านหนึ่ง อันเป็นผู้ศรัทธาพระพุทธศาสนาและรักประเทศไทยมากๆ คนหนึ่ง เขาก็คือ คุณทากะ จากเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นท่านนี้นั่นเอง คุณทากะ เพิ่งจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของการเป็นพระในประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งปัจจุบันลาสิกขาและกลับภูมิลำเนาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เราจะมาเรียนรู้มุมมองของชาวต่างชาติต่อการบวชเป็นพระในไทยกันสักหน่อย ว่าเขาจะมีความคิดและความรู้สึกอย่างไรบ้างกับการบวชในครั้งนั้น (บทสัมภาษณ์ดังกล่าวได้รับการอนุญาตให้เผยแพร่แล้ว) ก่อนอื่นเลยต้องกล่าวถึงคุณทากะสักนิดหน่อย เขาเป็นชาวญี่ปุ่นจากเมืองโอซาก้า เลือกเรียนเอกภาษาไทยจากมหาวิทยาลัยโอซาก้า อันเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางมาประเทศไทยของเขา เหมียวเลเซอร์: สวัสดีครับ #เหมียวเลเซอร์ จากเว็บไซต์แคทดั๊มบ์ ตามที่คุยไว้ว่าอยากจะนำเรื่องราวและแนวคิดของคุณทากะ ไปเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ของเราครับ คุณทากะ: สวัสดีครับ ผมชื่อทากะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ เหมียวเลเซอร์: ยินดีที่รู้จักครับ ขออนุญาตคุณทากะ ช่วยแนะนำตัวให้ฟังหน่อยจะได้มั้ยครับผม คุณทากะ: ได้ครับ บ้านเกิดอยู่โอซาก้าใกล้ๆ สนามบินคันไซครับ ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยผมเริ่มเรียนภาษาไทยเป็นวิชาเอกที่มหาวิทยาลัยโอซาก้าครับ เหมียวเลเซอร์: โอ้ ตั้งใจเรียนภาษาไทยมาเลยเหรอครับ คุณทากะ: จริงๆ แล้ว ตอนแรกไม่ได้สนใจเรียนภาษาไทยครับ เเต่ผมเลือกภาษาไทยก็เพราะว่าคะแนนสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยไม่ดี คิดว่าการเรียนเอกภาษาไทยคงมีอัตราแข่งขันต่ำกว่าภาษาอื่นๆ ก็เลยสมัครไปครับ …
-
สื่อนอกรายงาน ชายญี่ปุ่นเสียชีวิตภายในห้อง โดยมีกองหนังสือโป๊กอง “มหึมา” ทับร่างอยู่
เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่ามีชายญี่ปุ่นคนหนึ่งเสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอนของตัวเอง โดยมีกอง “หนังสือโป๊” กองทับถมเขาอยู่เป็นจำนวนมหาศาล… ตามรายงานบอกว่าชายชาวญี่ปุ่นรายนี้มีชื่อว่านาย Joji (สงวนนามสกุล) วัย 50 ปี อาศัยอยู่ในแฟลตแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดคะนะงะวะ ประเทศญี่ปุ่น เจ้าตัวเป็นคนที่ชอบสะสมหนังสือโป๊และนิตยสารวาบหวิวเป็นอย่างมาก มากเสียขนาดที่ว่าจะหันไปไหนก็ต้องเจอ!! หลังจากที่ครอบครัวของนาย Joji ได้ทราบถึงการตายของเขาแล้ว พวกเขาก็ส่งทีมทำความสะอาดเข้าไปเก็บกวาดภายในห้องของเขาทันที โดยที่ญาติๆ หวังว่านิตยสารเหล่านั้นจะไม่ถูกเปิดเผยหรือมีเพื่อนบ้านคนไหนสังเกตเข้า แต่ไม่นานก็มีหนึ่งในทีมทำความสะอาดนำเอาเรื่องนี้ไปเปิดเผยต่อผู้อื่น ทางเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดยังได้เผยอีกว่าพวกเขาไม่แน่ใจว่าตอนที่นาย Joji เสียชีวิตนั้น เป็นเพราะขาดอากาศหายใจจากการถูกกองหนังสือทับ หรือเพราะเกิดอาการหัวใจวายระหว่างที่ถูกหนังสือล้มลงมาทับกันแน่ จากการตรวจสอบห้องของนาย Joji พบว่าแทบทุกตารางนิ้วของห้อง จะมีหนังสือหรือนิตยสารที่ว่านี้วางอยู่ทุกหนทุกแห่ง และยังมีภาพตัดจากบทความที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษด้วย เมื่อนำเอานิตยสารทั้งหมดมารวมกันแล้ว จะได้น้ำหนักราวๆ 6 ตันเลยทีเดียว!! แม้ว่านี่อาจจะดูเป็นการเสียชีวิตที่แปลกสักหน่อย แต่ยังไงการเสียชีวิตก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ของเขาอยู่ดี ยังไงแล้วหากใครสะสมหนังสือ (จะอะไรก็ตาม) ก็หาที่วางที่มันปลอดภัยและไม่ร่วงหล่นลงมาทับเราจะดีกว่านะ ที่มา metro, nikkan-spa, livedoor
-
รายการทีวีญี่ปุ่นสุดฮา มายข้าวจายยย ทำมายโคนไทยต๋องพก ‘น้ำจิ๋มซีฟู้ด’ มากินกันด้วยย!?
ก็อย่างที่รู้กันดีว่าประเทศไทยของเรานั้นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของอาหารรสจัด อาหารขึ้นชื่อแต่ละอย่างของบ้านเราไม่ว่าจะเป็น ส้มตำ ต้มยำกุ้ง ยำต่างๆ ต้มแซ่บ แหม๊ แค่คิดถึงก็เปรี้ยวปากสุดๆ แล้ว ด้วยเหตุนี้เองทำให้คนไทยหลายๆ คนถึงขั้นที่ว่า ‘เสพติดอาหารรสจัด ‘ จนถึงขั้นที่ว่าเมื่อไปทานอาหารต่างที่ต่างประเทศก็ต้องพกน้ำพริก หรือน้ำจิ้มรสจัดอย่างน้ำจิ้มซีฟู้ดไปด้วย ไม่เช่นนั้นจะทานอาหารอย่างไม่มีความสุข อย่างล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมาทางรายการ J Channel จากช่อง TV Asahi ของประเทศญี่ปุ่นได้นำเสนอเรื่องราวของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ไปทานอาหารที่ร้านอาหารในประเทศญี่ปุ่น และปรากฏว่าภาพที่เห็นก็คือ ‘น้ำจิ้มซีฟู้ด’ เป็นสิบๆ ขวดเทใส่ถ้วยจิ้มทานกันอย่างเอร็ดอร่อย ทางไกด์ทัวร์ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทางรายการว่า เป็นคนนำมาเองจากประเทศไทย เพราะถ้าไม่มีเจ้าน้ำจิ้มซีฟู้ดนี้ก็จะกินเนื้อแบบไม่อร่อย เนื่องจากเป็นร้านสำหรับทัวร์ เลยมีการตกลงกับทางร้านไว้ล่วงหน้าแล้ว งานนี้ไม่ผิดกฎแต่อย่างใด แหม่ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อย่าง ซาชิมิ จิ้มอะไรก็อร่อยไปโหม้ดดดดดดด!! ลองไปชมคลิปรายการกันที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า.. แถมทางรายการยังแซวปิดท้ายอีกว่าคนไทยเนี่ยติดน้ำจิ้มเอาซะมากๆ ขนาดที่ว่ามาเที่ยวไม่กี่วันยังต้องพกน้ำจิ้มมาด้วยเลย สมกับเป็นประเทศที่ชอบกินเผ็ดกันซะจริงๆ!! แหม่ ก็คนมันติดรสจัดไปแล้วอ่ะ จะให้มาทานอาหารรสจืดๆ มันก็รู้สึกแปลกๆ ไม่ใช่แนวซักเท่าไหร่นี่นา…
-
เมื่อหนุ่มกล้ามโต ลองใส่ชุดเดรสน่าถอด ‘Virgin Killer’ มีใครอยากจะถอดให้เค้าบ้างมั้ย!?
จะว่าไปเรื่องเสื้อผ้าแฟชั่นที่ทำให้หญิงสาวดูหุ่นเอ็กซ์เซ็กซี่ นี่ก็มีเยอะเหมือนกันที่ญี่ปุ่น และล่าสุดก็มีชุด ‘Virgin Killer’ เนี่ยแหละที่กำลังเป็นกระแสได้รับความนิยมสุดๆ ในตอนนี้ ซึ่งมันเป็นชุดเดรสถักที่เหมือนจะธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา เพราะมันช่างน่าถอดซะเหลือเกิ๊นนนน นี่แหละชุด ‘Virgin Killer’ ดูบริเวณด้านข้าง กับด้านหลังสิ ถ้าแปลเป็นไทยมันก็คือชุด ‘ปราบบริสุทธิ์’ แหม่..ผมนี่อยากเป็นมือปราบบ้างเลยครับท่านผู้ชม เมื่อเน็ตไอดอลจากญี่ปุ่น (@_ami_feti) ลองใส่ชุดนี้ดู โอ่ยยน๊อออ ไปเตะบอลดีกว่าโว้ย! แน่นอนว่าด้วยความเอ็กซ์ของชุดเดรสอันนี้ มันก็เลยกลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง มีสาวๆ ไปหาซื้อมาเอาใจแฟนหนุ่ม บริษัทผู้ผลิตก็ขายดิบขายดีจนผลิตแทบจะไม่ทัน และฝันร้ายของชายหนุ่มวัยกลัดมันอย่างเราๆ ก็ได้มาถึง เมื่อหนุ่มกล้ามโตนักคอสเพลย์ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @yomimate ได้ออกมาโพสต์ภาพตัวเองใส่ชุด ‘Virgin Killer’ พร้อมกับโพสท่าแบบนักเพาะกาย กลายเป็นว่างานนี้กระแสความฮามาแรงกว่าความเซ็กซี่ซะอีก ฮ่าๆๆ ถ่ะแด๊มมม!! เอ้าาโชว์กล้ามแขนซักน่อย บึบบับดีมั้ยฮ๊าาาา กล้ามไหล่เดี๊ยนก็แน่นนะฮ๊ะ น่าขบมั้ยฮ๊ะ แผ่นหลังก็ไม่ธรรมดาฮ๊ะ ใหญ่โตอยากกับแผ่นเปลือกโลก (นี่ยังดีนะที่มีเซนเซอร์ข้างล่างให้) เราจะไม่ยอมเห็นภาพนี้คนเดียวแน่นอน แชร์ต่อไปเลยสิฮ๊ะ จะรออัลไลอยู่!! ที่มา: Rocketnews
-
กระทรวงศึกษาญี่ปุ่น เร่งพัฒนา “ภาษาอังกฤษ” เพื่อโอลิมปิก 2020 เพราะผลสอบยังไม่น่าพอใจ!?
เป็นที่รู้กันดีว่าญี่ปุ่นจะได้เป็นเจ้าภาพงานโอลิมปิกในปี 2020 ที่จะถึงนี้ แล้วด้วยเหตุนี้ทางญี่ปุ่นก็ได้เริ่มที่จะเตรียมการรับมือกับอีเวนท์ใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้หลากหลายรูปแบบเลยทีเดียว หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของ “ภาษา” นั่นเอง ญี่ปุ่นก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีกำแพงภาษาสูงมากๆ ทำให้ภาษาอังกฤษเป็นอะไรที่ยากสำหรับชาตินี้พอสมควร และหลังจากโตเกียวได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิคมาตั้งแต่ปี 2014 ภาครัฐจึงต้องเร่งเตรียมความพร้อมรับมือ เมื่อเห็นเป็นดังนั้นทางกระทรวงศึกษาธิการ จึงเห็นว่าควรจะเพิ่มศักยภาพให้กับประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนในประเทศเพื่อรองรับโอลิมปิคที่กำลังจะมาถึง ซึ่งสิ่งที่พวกเขาจะไปเพิ่มก็คือ คาบเรียนภาษาต่างประเทศที่จะเน้นความสนุกสนานในการเรียน ให้กับนักเรียนชั้นประถมเป็นหลัก รวมถึงการทดสอบความรู้ของตัวนักเรียนและอาจารย์ด้วย เพื่อจะให้การพัฒนานี้สัมฤทธิ์ผลทางกระทรวงมองเห็นว่าต้องเริ่มจากตัวอาจารย์ที่เป็นคนสอนให้นักเรียนก่อน โดยกระทรวงจะให้เหล่าอาจารย์เข้ารับการทดสอบ TOEIC เพื่อประเมินผลทักษะทุกๆ วัน ซึ่งล่าสุดจากการทดสอบอาจารย์ในเขตการศึกษาเกียวโตที่ถูกทดสอบมีจำนวนทั้งหมด 74 คน แถมผลลัพธ์ยังออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยด้วย ทางกระทรวงตั้งเป้าคะแนนไว้ที่ 730 จาก 990 แต่เรื่องที่น่าเศร้าสุดๆ จากการทดสอบครั้งนี้คือมีอาจารย์เพียง 16คนเท่านั้นที่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด แถมแย่ไปกว่านั้นมีอาจารย์มากถึง 14 คนที่คะแนนไม่ถึง 500 ด้วยซ้ำซึ่งคะแนนต่ำสุดอยู่ที่ 280 เท่านั้น กระทรวงจึงตั้งเป้าไว้เป็นเวลา 3 ปีเพื่อเพิ่มคุณภาพภาษาให้กับประชากรในประเทศ ที่สำคัญกระทรวงยังบอกอีกว่าก่อนจะไปเพิ่มคุณภาพในส่วนของ วัฒนธรรม กีฬา เทคโนโลยีและอื่นๆ ควรจะพัฒนาภาษาอังกฤษเป็นอย่างแรกนั่นเอง ต้องบอกว่าญี่ปุ่นเขาตั้งใจเตรียมพร้อมเป็นเจ้าภาคโอลิมปิกจริงๆ แถมการทำแบบนี้ยังส่งผลในระยะยาวเรื่องของคุณภาพประชากรด้วยนะเนี่ย…
-
เมืองโอจิในญี่ปุ่น เปิดตัว “โดรนน้องหมาบินได้” เป็นมาสคอตนำเที่ยวสุดน่ารัก
สำหรับเมืองเล็กๆ ในญี่ปุ่น ต่างจากเมืองใหญ่ๆ อย่างโตเกีบง หรือโอซาก้า ที่มีสถานที่น่าสนใจเหลือเฟือ การจะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาได้นั้นเป็นเรื่องที่อยากลำบากพอสมควรเลยทีเดียว พวกเขาต้องพยามกันเป็นอย่างมากเพื่อคิดแผนโปรโมตให้คนมาที่เมืองของเขา แต่ทว่าล่าสุดเมืองโอจิ ในจังหวัดนาระ ได้เปิดตัวมาสคอตตัวใหม่ เป็นโดรนที่มีหน้าตาเป็นหมาน้อยน่ารักอย่างที่เราได้เห็นกันนี้ เจ้ามาสคอตตัวนี้มีชื่อว่า Yukimaru ที่สำคัญพวกเขายังทำเป็นวีดีโอโปรโมตออกมาด้วย นอกจากความน่ารักมุ้งมิ้ง มันก็ยังเป็นตัวแทนการท่องเที่ยวของเมืองอย่างเป็นทางการอีกหนึ่งตำแหน่ง จากวีดีโอข้างบนเราจะเห็นว่าเจ้า Yukimaru เนี่ยลอยไปสถานที่ท้องเที่ยวประจำเมืองมากมายหลายที่เลย ไม่ว่าจะเป็น วัดดารุมะ, แม่น้ำยามาโตะ และ ภูเขาเมียวจิน เป็นต้น ในวีดีโอเราจะเห็นเจ้าชายโชโทคุ และ ดารุมะ แจมอยู่ในวีดีโอด้วย ซึ่งทั้งคู่เป็นตำนวนที่อยู่คู่มากับเมือง โดยตำนานเล่าว่าเจ้าชายโชโทคุ ได้มอบอาหารและเสื้อผ้าให้กับ ดารุมะซึ่งเป็นนักบวชที่หิวโซ เพื่อทำให้เขารอดชีวิตจากกความอดอยาก จนแล้วจนรอด ดารุมะก็ตายไปอยู่ดี ด้วยความรักและเคาระเจ้าชายก็เลยให้คนสร้างหลุมศพให้กับเขา… แต่เรื่องราวก็ยังไม่จบแค่นั้น เพราะตอนหลังศพของเขาหายไปอย่างไรร่องรอย กลายมาเป็นชื่อวัดแห่งนี้มาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ เจ้าชายโชโทคุยังคงเลี้ยงหมาไว้อีกตัวหนึ่ง เมื่อหมาเขาตายไป เขาก็สร้างหลุมศพของหมาไว้ที่สุสานในวัดแห่งนี้ และกลายมาเป็นเจ้าหมาโดรนบินที่เราเห็นกันนี่แหละ ฉะนั้นเจ้าหมา Yukimaru ก็เลยถือว่าเป็นสัตว์คู่ประวัติศาสตร์ของเมืองนี้มาอย่างยาวนาน แถมในเวอร์ชั่นนี้มันยังถือว่าเป็นโดรนมาสคอตตัวแรกอีกด้วย (คงเพราะไม่เคยมีใครทำมาก่อนสินะ -*-) ดูรายละเอียดของมันแบบชัดทุกรูขุมขน…
-
26 ภาพการแข่ง “มวยปล้ำ” จากประเทศญี่ปุ่น บอกได้คำเดียวว่าทั้งแปลกและแหวกอย่างมาก!!
เชื่อว่าเด็กๆ อย่างเราคงผ่านการดูมวยปล้ำมากันหมด อย่างน้อยก็ต้องรู้จักเดอะร็อกกันบ้างแหละ แล้วเราก็เชื่อหัวปักหัวปำว่าเขาสู้กันจริงๆ แล้วใครมาบอกว่าเป็นการแสดง เราก็จะเถียงอย่างสุดความสามารถ แต่พอโตขึ้นเราก็ได้เห็นอะไรมากขึ้น เริ่มเข้าใจแล้วว่ามันคือการแสดง แต่ใครจะไปคิดล่ะว่ายังมีมวยปล้ำที่มันยิ่งกว่า WWE ที่น้าติงพากย์เสียอีก เพราะนี่คือมวยปล้ำจากประเทศญี่ปุ่นที่ขนเอาไอเดียความแปลกแหวกแนวแบบที่เราไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน จนบางทีก็สงสัยว่าทำไมพี่ต้องจัดเต็มขนาดนี้ อย่ารอช้า เราไปเกาะขอบเวทีกันเลยว่าที่ญี่ปุ่นนั้น มวยปล้ำมันล้ำขนาดไหนแล้ว สงครามกันดั้ม ลอยมาจากรถบรรทุกเลยทีเดียว มาในธีมชาวประมง เป็นอุลตร้าแมนเหรอ ดูจากสีหน้า น่าจะเจ็บจริง ปูบปิ๊บ ปูบปิ๊บ… ท่าไม้ตายอะไรเนี่ย มีการใช้อุปกรณ์ มวยปล้ำหรือเบสบอล เอ่อ.. ทำอะไรกันครับ ยกระดับความหวาดเสียวไปอีกขั้น ใส่ชุดนี้มาปล้ำเนี่ยนะ คารถกันเลยทีเดียว สายชิว ข้าวโพดสังหาร อย่าแหยมกับน้องหมา ทำลายหอไอเฟลกันเลยทีเดียว มันจ้าซะเหลือเกิน…
-
ไปกันไหม? ญี่ปุ่นเตรียมเปิดรับเด็กจบสาขาเกษตรไปทำงานที่นู่น พักยาวๆ 3-5ปี
ถ้าการได้ไปใช่ชีวิตอยู่ในฟาร์มสักแห่ง ได้ปลูกพืชปลูกผักแบบที่ตัวเองชอบ อยู่กับธรรมชาติเขียวๆ เป็นความฝันของคุณล่ะก็ โอกาสของคุณมาถึงแล้ว เพราะตอนนี้ในประเทศญี่ปุ่นกำลังจะเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติอย่างเราๆ เข้าไปทำการเกษตรที่โน่นกันแบบยาวๆ เลย เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Nikkei ของญี่ปุ่นได้รายงานว่าทางรัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมที่จะออกนโยบายเพื่อมองหาบุคลากรที่มีความสนใจหรือมีความเชี่ยวชาญด้านเกษตรกรรมจากต่างประเทศ เข้ามาทำงานอยู่ภายในประเทศญี่ปุ่น โดยจัดแบ่งเป็นโซนพิเศษให้โดยเฉพาะ ก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้มีการเปิดกว้างสำหรับด้านต่างๆ มาแล้วเช่นล่าม พ่อครัว เพื่อช่วยเหลือธุรกิจต่างๆ ให้สามารถรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้านนายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ได้เสนอการทำฟาร์มรูปแบบผสมในโซนพิเศษ สำหรับชาวต่างชาติที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาทำงานทางด้านเกษตรกรรม พร้อมกับอนุญาตให้พำนักอยู่ภายในประเทศได้นานตั้งแต่ 3 ถึง 5 ปี ภายใต้ร่างนโยบายดังกล่าวจะมีการอนุมัติคุณสมบัติและข้อกำหนดเกี่ยวกับการเข้าไปทำงานที่ญี่ปุ่น จะต้องมีประวัติการทำงาน มีรับรองคุณวุฒิการศึกษา ซึ่งหากเป็นสายงานอื่นๆ ก็สามารถยืดหยุ่นได้เพื่อรองรับกับสายงานที่กำหนด สามารถทำงานตามที่กำหนดได้ และผู้สมัครจะต้องผ่านการทดสอบด้วย ซึ่งถ้าหากผู้สมัครผ่านการสอบรับรองมาก่อนทั้งภายในญี่ปุ่นและต่างประเทศหรือมีผลงานชนะเลิศการประกวดทางด้านการเกษตรมาก่อนก็จะผ่านรอบคัดเลือกทันที สำหรับผู้ที่ผ่านเกณฑ์จะสามารถพำนักอยู่ที่นั่นได้ราวๆ 3-5 ปี เพื่อทำการเกษตร และการว่าจ้างงานชาวต่างชาติของธุรกิจเกษตรกรรมของญี่ปุ่นจะต้องมีเงื่อนไขบางอย่างเช่น จะต้องทำการว่าจ้างบุคลากรมาก่อนแล้วอย่างน้อย 10 คน (ชาวญี่ปุ่น) ถึงจะสามารถว่าจ้างชาวต่างชาติได้โดยตรง (เพิ่มเติม) …
-
ระบายกันจนเมื่อยมือ บริษัทญี่ปุ่นผลิต “ดินสอสี 500 แท่ง” มีทุกเฉดสีให้เลือกใช้!!
ปกติแล้วเวลาเราไปซื้อดินสอสีส่วนใหญ่มักจะมีแพ็คเกจแบบ 12 สี หรือมากหน่อยก็ 24 สี ทว่าบางทีเฉดสีมันก็ไม่มากพอต่อความต้องการของผู้ใช้หน่ะสิ บริษัท ‘Felissimo’ จากญี่ปุ่น จึงได้ผลิตดินสอสีไม้ ที่มีเฉดสีให้เลือกมากถึง 500 สี แถมยังได้รับความนิยมสุดๆ เพราะมันขายออกไปแล้วมากถึง 100,000 ชุด หลังจากเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1992 โน้นแหน่ะ!! นอกจากจะมีเฉดสีให้เลือกถึง 500 สีแล้ว ดินสอสีทุกแท่งถูกทำขึ้นแบบแฮนเมดอย่างปราณีต ทุกแท่งจะมีขนาดความยาว 17.5 ซม. และไส้ดินสอจะมีขนาด 3.5 มม. ซึ่งขนาดของมันถือว่ามีขนาดเล็กกว่าดินสอสีทั่วไป แต่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถระบายสีในจุดที่มีความละเอียดสูงได้ง่ายยิ่งขึ้น ทว่าผู้ที่สั่งซื้อจะไมไ่ด้รับสีทั้ง 500 เฉด แบบรวดเดียวหรอกนะ เพราะทางบริษัทจะค่อยๆ ผลิตออกมาเดือนละ 20 สี ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 25 เดือน กว่าจะได้ครบทั้ง 500 สี โดยทุกครั้งที่มีการปล่อยคอลเล็คชั่นสีออกมา สมาชิก (ลูกค้า) จะได้รับเฉดสีนั้นๆ พร้อมแพ็คเกจอย่างดี…
-
มิวสิควีดีโอสุดเจ๋งจากญี่ปุ่น โชว์ให้เห็นโลกของคน “ฮิคิโคโมริ” อาการชอบเก็บตัวในห้อง
หลายคนน่าจะเคยได้ยินเรื่องราวของชาวญี่ปุ่นที่ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ออกไปไหนหรือสุงสิงกับใครจนเป็นเวลานาน บางรายอาจจะแค่ไม่กี่วัน ไม่กี่สัปดาห์ แต่บางรายก็เป็นหนักมากกว่า 6 เดือน ซึ่งเราจะเรียกคนพวกนี้ว่า “Hikikomori” อย่างที่เราเคยได้ยินในข่าวหรือโทรทัศน์บ่อยๆ นั่นเอง ซึ่งล่าสุดก็ได้มีคนทำเอ็มวีที่แสดงให้เห็นถึงมุมมองของคนเหล่านี้ออกมาแล้ว ผลงานนี้มีชื่อว่า “No Reason” กำกับโดย Oscar Hudsonและเป็นเพลงของศิลปินชาวอังกฤษที่มีชื่อว่า Bonobo ซึ่งเขาได้ทำเพลงนี้ออกมาเพื่อจะแสดงให้เห็นถึงมุมมองของเหล่า Hikikomori ผ่านทางมุมกล้องขนาดเล็กที่ค่อยๆ ไหลผ่านแต่ละห้อง มุมมองนี้จะทำให้เราเห็นถึงความรู้สึกของพื้นที่คับแคบ ความวิตกกังวลทางจิตและความรู้สึกที่ไม่มีสิ้นสุดทำให้ต้องทนทุกข์ทรมานของประชากรคนญี่ปุ่นที่เป็นอาการดังกล่าวมากถึงราวๆ 700,000 คน เริ่มแรกเราจะเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่บนฟูกตรงหน้าม้วนกระดาษ ที่เขียนว่า “บ้านหลังน้อยของฉัน” จากนั้นห้องต่อๆ ไปก็จะเป็นชายคนเดิมกำลังทำสิ่งต่างๆ ทั้งอ่านมังงะ เล่นเกม หรือกินบะหมี่สำเร็จรูป จากนั้นเราจะเริ่มเห็นได้ว่าตัวเขาค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นและห้องก็แคบเท่าเดิม ทำให้เห็นถึงความระส่ำระสายของเขาที่เพิ่มขึ้น คล้ายกับสวาพจิตใจของเขา จนเมื่อไปถึงห้องสุดท้าย กล้องก็เริ่มย้อนกลับมาแสดงให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง เพื่อให้เรารู้ว่ายังมีจุดเริ่มต้นใหม่ๆ รออยู่ข้างหลังประตูแห่งความสัญโดษนี้ เป็นที่รู้กันดีว่าบ้านในญี่ปุ่นมีขนาดที่แคบมากๆ และตัว MV นี้ก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงภาพจิตใจของคนที่เป็นอาการ “Hikikomori” ดีที่ต้องอยู่ในห้องแคบๆ ตลอดเวลา ซึ่งการใช้ชีวิตแบบนี้เป็นชีวิตที่พวกเขาถูกบีบบังคับให้เป็น ท้ายที่สุดแล้วทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็พยามสุดความสามารถเพื่อที่ช่วยกลุ่มคนเหล่านี้ ใครที่สนใจอยากจะชมแบบเต็มๆ รวมถึงเบื้องหลังก็สามารถดูได้จากข้างล่างนี้เลย …
-
งี้ก็มี… เด็กหนุ่มญี่ปุ่นขโมยจักรยาน ปั่นหนีออกจากบ้าน 900 กิโล ไม่กินอะไรเลย 3 วัน 3 คืน!?
ปัญหาการว่างงานนั้น เป็นปัญหาเรื้อรังกันมานานแล้วในสังคมญี่ปุ่น เพียงแต่ใครจะคิดว่าการที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งว่างงานจะผันตัวมาเป็นหัวขโมยจักรยาน แถมเขายังปั่นมันข้ามจังหวัดกันเลยทีเดียว! ตำรวจจากจังหวัดอะโอะโมะริได้รายงานว่า พวกเขาได้จับเด็กหนุ่มอายุ 18 ปี ที่ว่างงานคนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยคดีขโมยจักรยานได้ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ส่วนชื่อของเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้รับการเปิดเผยเพราะว่ายังคงเป็นผู้เยาว์ ภาพแผนที่การขโมยจักรยาน และปั่นข้ามประเทศของเขา ตำรวจได้บอกว่าเขาคนนี้ได้ขโมยจักรยานจากเมืองโมะริงุจิ จังหวัดโอซาก้า จากการคาดเดาของตำรวจชายหนุ่มคนนี้น่าจะปั่นจักรยานมาไกลถึง 900 กิโลเมตรเพื่อมาจังหวัดอะโอะโมะริ แถมยังมีรายงานเพิ่มเติมอีกว่าเด็กชายคนนี้ได้หนีออกจากบ้านในเมืองโยะโกะฮะมะตั้งแต่กันยายนปีที่แล้ว จักรยานที่ผู้ต้องสงสัยได้ขโมยมาเป็นจักรยานของเด็กนักเรียนคนหนึ่งจากโรงเรียนมัธยมในโอซาก้า โดยตัวจักรยานที่ถูกขโมยมาเดิมทีจอดอยู่ที่จุดจอดจักรยานของเมืองโมะริงุจิ ซึ่งจากการคาดการณ์ จักรยานนี้มีมูลค่าประมาณ 3,000 บาท และตำรวจคาดว่าจะขโมยตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ในช่วง 6 โมงเย็นของวันที่ 17 กุมภาพันธ์นั้นเจ้าหน้าที่ได้สอบถามถึงประวัติโดยรวมของเด็กหนุ่มคนนี้พร้อมกับตั้งข้อหา ซึ่งเด็กหนุ่มก็ยอมรับความผิดที่เขาทำแต่โดยดี นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังบอกเพิ่มเติมว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีเงินติดตัวอยู่แค่ไม่กี่เยนเท่านั้น แถมเขายังบอกว่าเขาไม่ได้กินอะไรมามากกว่า 3 วันแล้วด้วย แต่ถึงอย่างนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่รู้ถึงแรงจูงใจของเด็กหนุ่มอยู่ดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนหาข้อเท็จจริงที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง ขโมยจักรยานยังไม่พอ เล่นปั่นข้ามจังหวัดไกลเป็น 900 กิโล จิตใจเขาทำด้วยอะไรกันนะ!? ที่มา sankei
-
ญี่ปุ่นเปิดตัว รถบัสนำเที่ยว Your Name ที่พร้อมพาคุณไปเที่ยว ตามรอยอนิเมชั่นดัง!!
หลายคนน่าจะเคยเห็นข่าวเกี่ยวกับการไปตามรอยซีรีย์เรื่องโปรดกันมาแล้ว แต่ว่าถ้าเรายังอินกับ Your Name ไม่หาย อยากจะไปตามรอยเรื่องนี้บ้างล่ะจะมีโอกาสไหม!? สำหรับใครที่อยากจะตามรอยอนิเมะเรื่องเยี่ยมอย่าง Your Name ตอนนี้เวลาของพวกคุณได้มาถึงแล้ว เพราะล่าสุดทางจังหวัดกิฟุ ในประเทศญี่ปุ่น ได้มีการเปิดตัวรถบัสที่จะพาทุกคนไปย้อนรอยอนิเมะเรื่องนี้ รูปแบบของรถบัสนำเที่ยวตามรอย Your Name โดยเฉพาะ โดยเส้นทางที่จะไปนั้นก็จะแบ่งออกเป็น 2 เส้นทางด้วยกัน อย่างที่รู้กันว่าตัวเอกของเรื่องอยู่ต่างที่กัน ทำให้สถานที่ถูกจัดไว้สองแห่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยครึ่งแรกจะเป็นเมืองโตเกียว ย่านชินจูกุ ส่อนครึ่งหลังก็จะเป็นเมืองฮิดะ ในจังหวัดกิฟุ เพื่อให้คุณได้ซึมซับกับบรรยากาศของอนิเมชั่นเรื่องนี้อย่างเต็มเปี่ยม โดยเส้นทางที่สามารถเริ่มได้ทั้งจาก เมืองฮิดะไปโตเกียว หรือจะเริ่มจากโตเกียวมาฮิดะก็ได้ ที่สำคัญต้องขอบคุณอนิเมะเรื่องนี้ที่ทำให้มีเม็ดเงินจำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่เมืองฮิดะ ทำให้ ได้จัดทำรถบัสตามรอยอนิเมะเรื่องนี้ขึ้นมา ตัวรถบัสจะเริ่มวิ่งตั้งแต่ 27 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ยิงยาวไปจนถึงเมษายนปีหน้าเลยล่ะ ส่วนอัตราค่าบริการก็จะเริ่มต้นที่ราวๆ 2,000 กว่าบาทต่อการใช้บริการหนึ่งครั้ง ซึ่งรถบัสจะใช้เวลาราวๆ 6 ชั่วโมงในกาารเดินทางจากจุดเริ่มต้นจนถึงจุดสิ้นสุด ใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวและอยากจะตามรอยบ้าง ลองดูรายละเอียดกันได้ที่เว็บไซต์ของทาง Nohi Bus เลยครับ . ใครที่ชื่นชอบและสนใจอยากจะตามรอยอนิมเรื่องโปรด ตอนนี้เวลาได้มาถึงแล้วเก็บกระเป๋าแล้วไปกันเลย!! ที่มา rocketnews24
-
ฝันวัยเด็กเป็นจริง ญี่ปุ่นเปิดให้บริการเครื่อง VR พาคุณท่องสู่โลกของ ‘โดราเอม่อน’!!
ย้อนกลับไปในสมัยตอนที่เรายังเป็นเด็กๆ หลังจากที่ได้นั่งดูการ์ตูนเรื่อง ‘โดราเอม่อน’ เป็นประจำทุกเช้าวันเสาร์ และวันอาทิตย์ เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่หลายคนแอบคิดเหมือนเป๊ะเลยก็คือ… อยากมีเพื่อนแบบโดราเอม่อนบ้างจังเลยโว้ยยย!! และตอนนี้ความฝันที่ดูเหมือนจะเพ้อเจ้อมากเกินไปหน่อยของเราในวัยเด็ก มันได้ถูกสร้างขึ้นมาให้กลายเป็นความจริงแล้ว เพราะ ‘Project I Can’ คือโปรเจคที่จะพาเราเข้าสู่โลกของโดราเอม่อน ราวกับว่าเราได้กลายเป็นโนบิตะไปแล้วจริงๆ โดยทาง ‘Project I Can’ ได้สร้างเกมที่จำลองภาพจากโลกโดราเอม่อน บนระบบเครื่อง VR ที่จะทำให้เราได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ไม่มีเกมไหนเหมือนแน่นอน โดยทีมผู้สร้างได้จำลองแบบห้องนอนของโนบิตะ และประตูวิเศษ ขึ้นมาได้อย่างสมจริงสุดๆ ไปเลยล่ะ และแน่นอนว่าสิ่งแรกที่เราจะได้เจอ ก็คือการต้อนรับจากเพื่อนซี้ของทุกคนในวัยเด็ก โดราเอม่อน แมวเหมียวที่ชอบกินโดะระยะกิ แถมยังกลัวหนูสุดๆ เครื่องเล่นสุดล้ำนี้จะเปิดให้บริการที่ตึก Tokyo Solamachi ชั้น 3 (Area 12) ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ไปจนถึง 14 เมษายน แต่ต้องทำการจองทางออนไลน์ก่อนอย่างน้อยล่วงหน้า 1 เดือน (เว็บไซต์จอง: Doraeiga-VR) ขอแค่มีประตูวิเศษจากห้องนอนของโนบิตะ ก็พาเรามาโผล่ที่ขั้วโลกเหนือได้…
-
ภาพบรรยากาศต้นซากุระอันแสนงดงามจากคาวาซุ ในช่วงบานสะพรั่งเป็นครั้งแรกของปี
พอถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิ เป็นที่ทราบกันดีว่าต้นซากุระในประเทศญี่ปุ่นก็จะเริ่มเบ่งบาน กลายเป็นวิวทิวทัศน์สีชมพูอันแสนงดงามตระการตา และในช่วงนี้เอง เหล่านักท่องเที่ยวจากทั่วโลกก็จะเดินทางเข้าไปเที่ยวชมประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก โดยปกติแล้ว ดอกซากุระจะเริ่มบานในช่วงปลายเดือนมีนาคมไปจนถึงต้นเดือนเมษายน แต่มีสถานที่หนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ที่ดอกซากุระจะเบ่งบานเร็วกว่าพื้นที่อื่นๆ นั่นก็คือเมืองคาวาซุจากภูมิภาคคันโตแห่งนี้ เมืองคาวาซุ ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตรจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สาเหตุที่เมืองนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นเพราะว่าดอกซากุระของที่นี่จะเริ่มบานตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งถือว่าเป็นที่แรกๆ ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อถึงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ต้นซากุระกว่า 8,000 ต้นทั่วเมืองก็จะเริ่มเบ่งบาน หากนักท่องเที่ยวท่านไหนนั่งรถไฟผ่านไป ก็จะได้เห็นดอกซากุระบานสะพรั่ง จนเกิดเป็นแสงสีชมพูอบอวลไปหมด ด้วยระยะห่างเพียง 2 ชั่วโมงจากกรุงโตเกียว ทุกๆ ปี จะมีนักท่องเที่ยวกว่าหนึ่งล้านคนเดินทางมายังเมืองคาวาซุแห่งนี้ ลองไปชมภาพสวยๆ จากเมืองคาวาซุกันเถอะ . . . . . ตารางช่วงเบ่งบานของดอกซากุระในประเทศญี่ปุ่น ใครจะไปช่วงไหน ก็เล็งกันให้ดีๆ นะฮะ นอกจากนี้หากใครอยากจะทราบข้อมูลเพิ่มเติมทางด้านการท่องเที่ยวภายในเมืองคาวาซุ สามารถติดตามรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ kawazu-onsen.com ได้เลย ทางเว็บไซต์รองรับภาษาไทยด้วยนะจ๊ะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวอันน่าสนใจจากประเทศญี่ปุ่นเลยนะเนี่ย ใครกำลังวางแผนจะไปเยือนช่วงนี้…
-
สื่อต่างชาติเผย ชีวิตน่าเศร้าของ ‘Angel’ โลมาเผือก ที่โดนจับมาอยู่ในน้ำคลอรีน!?
ดูเหมือนว่าโลมาจะเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่จำนวนประชากรของมันลดลงอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้พวกมันต้องอยู่กันยากลำบาก ก็คือน้ำมือของมนุษย์เรานี้แหละ เรื่องราวของเจ้าโลมา ‘Angel’ มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2014 ที่เมือง Taiji จังหวัดวะกะยะมะ ประเทศญี่ปุ่น มีประเพณีการล่าโลมาเป็นประจำทุกปี โดยชาวประมงท้องถิ่นจะทำการต้อนโลมานับพันตัวให้มาอยู่ในบริเวณที่สร้างไว้ จากนั้นพวกเขาจะเลือกตัวที่ดูดีที่สุด และขายมันให้กับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทั้งหลาย ส่วนตัวอื่นที่ไม่ถูกขายจะถูกนำไปแปรรูปให้กลายเป็นอาหารเปิบพิศดารแทน ในฐานะที่ Angel เป็นโลมาเผือก แน่นอนว่ามันถูกขายให้กับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Taiji ทว่านี้ไม่ใช่เรื่องราวการรับสัตว์มาเลี้ยงและดูแลอย่างดี ด้วยความที่ Angel เป็นโลมาเผือก มันจึงมีหน้าที่คอยสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยว แต่สิ่งที่พิพิธภัณฑ์ได้มอบให้กับมัน และโลมาตัวอื่นๆ คือ…แท้งค์น้ำขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยคราบสกปรก สารคลอรีนในน้ำที่ทำให้พวกมันไม่สามารถลืมตาใต้น้ำได้ อีกทั้งยังต้องอยู่กันอย่างแออัดในพื้นที่จำกัดอีก ดูเจ้า Angel สิ มันไม่สามารถลืมตาใต้น้ำได้ ทั้งๆที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของมันแท้ๆ Jessie Treverton ตัวแทนจากองค์กรพิทักษ์สัตว์น้ำได้ให้สัมภาษณ์ว่า สาเหตุที่พิพิธภัณฑ์ใส่คลอรีนลงไปในน้ำ ก็เพื่อต้องการนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นโลมา จากอุโมงค์ใต้น้ำได้ชัดนั่นเอง ‘สารคลอรีนทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ต้องคอยทำความสะอาดแท้งค์น้ำอยู่บ่อยๆ แถมยังทำให้นักท่องเที่ยวเห็นภาพพวกมันได้ชัดอีกต่างหาก แต่ความจริงแล้วสารคลอรีนเป็นอันตรายต่อสุขภาพของโลมาอย่างยิ่ง’ ไม่ใช่แค่กับเจ้า Angel เท่านั้นที่ลืมตาใต้น้ำไม่ได้ แต่โลมาตัวอื่นๆ…
-
‘Kanae Kijima’ ฆาตกรหญิงชื่อดังแห่งญี่ปุ่น ฉายา ‘แม่ม่ายดำแห่งยุคอินเตอร์เน็ต’!!
ปกติแล้วถ้าชวนให้คิดถึงเรื่องฆาตกร เราเชื่อว่าหลายคนอาจจะนึกถึงภาพชายหนุ่มผู้มีความผิดปกติทางจิต มีท่าทางดูน่ากลัว มาพร้อมกับนัยน์ตาที่ดูโหดร้ายสุดๆ แต่คราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับฆาตกรหญิงชื่อดังจากแดนอาทิตย์อุทัย เธอได้รับฉายาว่าเป็น ‘แม่ม่ายดำแห่งยุคอินเตอร์เน็ต’ ผู้พรากชีวิตชายหนุ่มมาแล้วหลายต่อหลายคน!! คานาเอะ คิจิมะ เรื่องราวทั้งหมดของเธอนั้นค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว สาเหตุที่เธอได้รับฉายาแม่ม่ายดำ เพราะเธอมักจะหลอกเหยื่อซึ่งส่วนใหญ่เป็นชายวัยกลางคน และมีฐานะที่ค่อนข้างดีจากเว็บไซต์หาคู่ โดยเธอจะทำทีว่าชวนเหยื่อมาค้างที่บ้านก่อนจะทำการหลอกลวงเอาเงิน และฆาตกรรมอย่างโหดร้าย พร้อมทั้งอำพรางรูปคดีให้ดูเหมือนว่าเป็นการฆ่าตัวตาย โดยส่วนใหญ่เธอจะใช้วิธีลวงให้เหยื่อสูดดมควันพิษจากการเผาไหม้ หลังจากที่เธอแอบวางยานอนหลับ และนั่นก็ทำให้ดูเหมือนว่าเป็นการฆ่าตัวตายซะมากกว่า (เป็นวิธีฆ่าตัวตายยอดนิยมของคนญี่ปุ่นในช่วงนั้น) ภาพของเธอจากหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ในญี่ปุ่น ในโปรไฟล์ของเธอตามเว็บไซต์หาคู่ เธอมักจะสร้างภาพให้ตัวเองเป็นผู้หญิงไฮโซ มีรสนิยมที่ค่อนข้างใช้เงินสูง และมักจะประกาศว่าตัวเธอเองอยากเป็นเจ้าสาวของคนดีๆ ซักคน ทว่าเรื่องราวทั้งหมดเริ่มเป็นที่สงสัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อมีคนตรวจสอบพบว่ามีชายสองคนที่รู้จักเธอ และทั้งคู่ต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้พบหลักฐานชี้ชัดว่า เธอมีความผิดข้อหาฉ้อโกงติดตัวอยู่ก่อนแล้ว และมีชายอีก 4 คนที่เกี่ยวข้องกับเธอ พร้อมทั้งหายตัวไปอย่างลึกลับเหมือนกัน ต่อมาเธอถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมพร้อมหลักฐาน โดยศาลได้พิจารณาว่าเธอฆ่าคนไปเพียงเพื่อต้องการทรัพย์สิน และเธอก็พร้อมที่จะฆ่าแฟนหนุ่มทุกคนหลังจากที่เขาไม่สามารถหาเงินให้เธอใช้แล้วได้ โดยมีประโยคหนึ่งที่เธอได้ให้การไว้ในชั้นศาล ซึ่งมันสามารถสะท้อนความเป็นตัวตน และเหตุจูงใจในการกระทำของเธอได้เป็นอย่างดี ‘ฉันมีชีวิตที่หรูหรามาตั้งแต่เด็ก และฉันก็รับไม่ได้ถ้าหากว่าชีวิตจะตกต่ำลง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฉันก็คือการหาใครซักคน ที่สามารถช่วยเหลือฉันเรื่องเงินได้’ คำกล่าวของเธอในชั้นศาล 13…
-
มาเพิ่มความชิคให้ใบหน้ากับ “แว่นตาแมวเหมียว” น่ารักน่าเลิฟ เอาใจมนุษย์แว่นผู้รักแมว!!!
“ญี่ปุ่น” เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความครีเอท ซึ่งในหลายครั้งที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่าประเทศนี้มักจะมีสินค้าน่ารักๆ ผุดขึ้นมาอยู่เสมอ อย่างเช่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางผู้ผลิตสินค้าในญี่ปุ่นก็ได้ออกสินค้าใหม่ล่าสุดเอาใจแฟนโปเกมอน นั่นก็คือ แว่นตาปิ๊กะจู และดูเหมือนจะมีกระแสตอบรับค่อนข้างดี และถ้าหากจะพูดถึงสิ่งมีชีวิตซึ่งได้รับความนิยมไม่แพ้ปิก๊ะจู นั่นก็ต้องเป็น แมวเหมียว นั่นเอง ด้วยความที่พวกมันกำลังจะเป็นเจ้าของโลกใบนี้รายต่อไปถัดจากมนุษย์ มันเลยมักจะมีสิทธิพิเศษเสมอ ในตอนนี้ก็ได้ผุดสินค้าใหม่เอาใจทาสแมวขึ้นมาแล้ว ซึ่งสินค้าดังกล่าวคือ แว่นตาแมวเหมียวนั่นเอง บอกเลยว่าหากทาสแมวทั้งหลายได้เห็นจะต้องอยากได้แน่นอน เพราะมันน่ารักมากกกกกกก!! สำหรับแว่นตาเหล่านี้ แน่นอนว่าทางบริษัทผู้ผลิตเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหล่าแมวเหมียว ถูกออกแบบขึ้นมาให้มีลักษณะคล้ายหูแมว ปลายขาแว่นจะเป็นรูปอุ้งเท้าแมวสุดน่ารัก มีคุณสมบัติก็คือนำมาสวมใส่เพื่อเพิ่มความชิคให้กับใบหน้า เห็นแล้วอยากได้ชะมัดเลย!! กรอบแว่นตาที่ออกแบบให้เป็นหูแมวในรูปแบบต่างๆ และที่ขาดไม่ได้ก็คืออุ้งเท้าแมวอันแสนน่าฟัด สาวๆ ใส่แล้ววิ๊งมาก มีรอยเท้าแมวเป็นเอกลักษณ์อีกจุดหนึ่ง ในส่วนของฐานรองจมูกนั้น ทางด้านบริษัทผู้ผลิตยังได้ภูมิใจนำเสนออีกว่า มันมีความนุ่มแบบพิเศษอีกด้วย เวลาสวมใส่แล้วจะไม่รู้สึกรำคาญแน่นอน มาพร้อมผ้าเช็ดแว่น และกล่องใส่แว่นตาสุดเลิศหรู สำหรับทาสแมวท่านไหนที่สนใจอยากจะครอบครองแว่นตาแมวเหมียวสุดคิ้วท์เหล่านี้ละก็ สามารถคลิกเข้าไปสั่งซื้อในราคาอยู่ที่ราวๆ 8,000 บาท หรือรับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่เว็บไซต์ rakuten ได้เลยจ้า ที่มา…
-
ศิลปินญี่ปุ่นสร้างงานศิลปะ “มนุษย์ต้นไม้” ที่ทั้งงดงามและน่าขนลุกไปพร้อมๆ กัน
“ป่า” แม้จะเป็นสถานที่อุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวิต ในแต่ทางกลับกัน ป่าก็เต็มไปด้วยภัยอันตรายและความน่ากลัวมากมายเช่นกัน และเชื่อว่ามนุษย์ฺทุกคน ต่างมีความหวาดเกรงในธรรมชาติอันยิ่งใหญ่นี้อยู่ ล่าสุด นางาโตะ อิวาซากิ ได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะ “มนุษย์ต้นไม้” ขึ้นมา ที่ไม่ว่าใครเห็นแล้วก็ต่างรู้สึกได้ถึงความงดงามและความหวาดผวาลึกๆ ในใจไปพร้อมๆ กันขึ้นมา ลองนึกภาพว่าถ้าคุณเจอรูปปั้นเหล่านี้ในป่าตอนกลางคืน คุณจะรู้สึกยังไง ผลงานแต่ละอันคือการนำเศษไม้ กิ่งไม้ และเปลือกไม้ สร้างรูปร่างขึ้นมาเหมือนกับคนหรือหุ่นยนต์ในท่าทางต่างๆ กันไป ซึ่งล้วนสมจริงและมีรายละเอียดเยอะมาก ใครอยากติดตามผลงานของศิลปินท่านนี้ เข้าชมได้ที่เพจ Nagato Iwasaki และเว็บไซต์ nagato-iwasaki.com ได้เลยนะฮะ มีผลงานเจ๋งๆ อีกเพียบแน่นอน ราวกับทุกตัวมีจิตวิญญาณและชีวิตของตนเอง พวกเขาคอยปกป้องป่า จากผู้ไม่ประสงค์ดีและมนุษย์ผู้ชั่วร้ายทั้งหลาย เชื่อเถอะ ว่าคุณไม่อยากเจอพวกเขาหรอกจริงมั้ย . บางภาพอาจจะทำให้นึกถึงกรูทจากเรื่อง Guardians of the Galaxy เลยไหม!? . . . . อื้อหือ หลอนจริงๆ ถ้า #เหมียวอ๊อดโด้ เจอคนเดียวในป่านะ…
-
ช่องยูทูปจีน ไปทดสอบทักคนญี่ปุ่นว่า “ทำเงินตก” เพื่อดูว่าพวกเขาจะรับหรือไม่!?
สิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับชาวญี่ปุ่นมานานคือ ‘ความซื่อสัตย์’ ที่ถูกปลูกฝังมาหลายต่อหลายชั่วอายุคน ไม่ว่าใครต่างก็รู้สึกประทับใจกับสิ่งเหล่านี้ที่พบเจอมา ถึงกับเป็นการบอกปากต่อปากว่าชาวญี่ปุ่นนั้นมีความซื่อสัตย์มากขนาดไหน แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเจอการแสดงความซื่อสัตย์ของชาวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ก็คงจะไม่เชื่อซักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยๆ ก็มีตัวอย่างให้เห็นมากพอสมควรในโลกอินเตอร์เน็ต อย่างเช่นการทำคลิปทดสอบความซื่อสัตย์ของชาวญี่ปุ่นที่มีอย่างแพร่หลายผ่านยูทูป และในคราวนี้ก็เช่นเดียวกัน เป็นการทดสอบความซื่อสัตย์ของชาวญี่ปุ่นจากช่อง YouTube สัญชาติจีน JokeTV ด้วยการพิสูจน์จากเงินจำนวน 10,000 เยน ทำทีไปทักว่าคนๆ นั้นทำเงินตก (ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ของตัวเอง) แล้วเขาจะรับเงินจำนวนมากขนาดนี้รึเปล่า? สำหรับธนบัตร 10,000 เยนนั้นถือว่าเป็นธนบัตรที่ชาวญี่ปุ่นนิยมพกติดไว้ในกระเป๋าหลายๆ ใบ เพื่อความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน (เหมือนดั่งธนบัตรมูลค่า 1,000 บาทของบ้านเรา) พอชายผู้นี้โดนทักว่าทำเงินตกรึเปล่า เขารีบปฏิเสธทันทีว่าไม่ใช่ของตัวเอง บางคนที่ถูกทักปุ๊บ ก็จัดแจงตรวจสอบกระเป๋าเงินก่อนว่าทำตกจริงๆ รึเปล่า แต่ทว่าก็ไม่มีใครยอมรับว่าทำเงินตกเลย ทำเงินตกรึเปล่าคะ? เอ่อ เปล่าครับ อย่างเธอคนนี้ก็ถูกทักว่าทำเงินตกจากจุดที่เดินผ่านมา สุดท้ายแล้วก็บอกว่าไม่ได้ทำตกแต่อย่างใด คุณยายรายนี้ก็ถูกทักเช่นกัน…
-
นักวาดการ์ตูนมืออาชีพเปลี่ยนสัดส่วน “การ์ตูนมือสมัครเล่น” ให้ดูเทพได้ภายใน 10 นาที!!
ว่ากันด้วยเรื่องของวัฒนธรรมการ์ตูนที่เติบโตภายในบ้านเรา ส่วนใหญ่แล้วก็จะได้รับอิทธิพลมาจากมังงะของประเทศญี่ปุ่น และเนื่องด้วยในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้นเป็นวันมังงะญี่ปุ่นด้วย เพราะฉะนั้นเรามาดูอะไรที่มันเกี่ยวข้องกับการ์ตูนซักนิดนึงกันดีกว่า หลายๆ คนที่อ่านการ์ตูนมาเยอะ และฝันอยากจะเป็นนักวาดการ์ตูนมืออาชีพ ก็ต้องหมั่นฝึกฝนบ่อยๆ และจะต้องอาศัยทักษะในการวาดจากการอ้างอิงผลงานของศิลปินที่ชื่นชอบ จนพัฒนาเป็นลายเส้นของตัวเอง แต่ทว่าฝึกยังไง๊ ยังไงก็ไม่มีแววพุ่งพล่านซักที!? ถ้าอย่างงั้นก็ต้องให้นักวาดการ์ตูนมืออาชีพช่วยแก้ไขในส่วนที่บกพร่องซักหน่อย อย่างศิลปินรุ่นใหม่ Seiji Nakazawa ได้เข้าไปขอความช่วยเหลือจากบรรณาธิการ Go Hattori เพื่อช่วยทำให้งานชิ้นนี้มีความชัดเจนและสมสัดส่วนมากขึ้น แต่ทว่าทางบรรณาธิการเองก็มองว่า ‘มันก็ดีอยู่แล้วนะ’ แต่เจ้าตัวอยากจะให้มันดูตื่นเต้นมากกว่านี้ ให้อารมณ์กระแทกการตีโฮมรันอย่างสวยงาม ลูกเบสบอลพุ่งเข้าหน้าคนอ่านอะไรทำนองนั้น ซึ่งคุณ Hattori เองก็ไม่สามารถช่วยขัดเกลาอะไรได้มากนัก แต่เขารู้ว่าพอจะขอความช่วยเหลือจากใครได้ นั่นก็คือคุณ Kyoshiro Mamiya นักวาดการ์ตูนมืออาชีพของเว็บไซต์ Rocketnews24 นั่นเอง ด้วยประสบการณ์ด้านการวาดการ์ตูน 18 ปี คุณ Mamiya ก็คงจะพอมองเห็นจุดบกพร่องที่ควรจะได้รับการแก้ไขอย่างแน่นอน หลังจากที่เขามองภาพวาดนั้นแล้ว ก็ยิ้มมุมปากเบาๆ ก่อนจะเอ่ยว่า ‘มันดูกระด้างไปนิด สัดส่วนร่างกายก็ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เดี๋ยวให้ผมจัดการเพิ่มเติมก็แล้วกัน’ …
-
มิตรภาพ “โบรแมนซ์” แสนโรแมนติก ที่เกิดขึ้นในเกม H1Z1 เกมฆ่ากันที่คนในเกมก็รักกันได้…
เป็นปกติที่ในโลกออนไลน์ยุคนี้ มิตรภาพสามารถเกิดขึ้นได้เสมอหลากหลายวิธี ซึ่งหนึ่งในวิธีสุดฮิตที่ทำให้เกิดมิตรภาพออนไลน์บ่อยๆ ก็คือ เกมออนไลน์ นั่นเอง แต่ว่าสำหรับเกมแนวเอาตัวรอดส่วนใหญ่การสร้างมิตรภาพจะเกิดขึ้นได้ยากมาๆ เพราะทุกคนล้วนต้องการจะมีชีวิตพร้อมกับไม่อยากจะเสียไอเท็มทั้งหมดที่พวกเขาหามา ยิ่งสำหรับเกมที่ชื่อว่า H1Z1: King of the Kill เกมเอาตัวรอดที่ทุกคนจะต้องคำนึงถึงตัวเองเป็นหลักแล้ว มิตรภาพกับคนแปลกหน้าถือว่าเกิดขึ้นได้ยากพอสมควรเลยละ แต่ล่าสุดได้มีทวิตจากยูสเซอร์เนมที่มีชื่อว่า @koumai_jp ได้โพสคลิปเกี่ยวกับมิตรภาพที่เขาได้เจอกับผู้เล่นคนหนึ่งกลางทาง โดยในตอนแรกผู้เล่นคนนี้ก็ไม่ได้ไว้ใจหนุ่มเจ้าของทวิตสักเท่าไหร่นักเพราะว่าตัวละครของเขาในตอนนั้นไม่มีอาวุธอะไรเลย แต่แล้วเมื่อเจ้าของทวิตเริ่มพูดคุยกับผู้เล่นแปลกหน้าคนนั้น บทสนทนานี้จึงเกิดขึ้น “นายเป็นคนที่ไหนเหรอ?” ด้านคนแปลกหน้าก็ตอบกลับมาว่า “เราเป็นคนไมอามี่ แล้วนายล่ะ” “เราเป็นคนญี่ปุ่น” เมื่อหนุ่มไมอามี่ได้ยินถึงที่มาของเจ้าของทวิตแล้ว เขาก็ตะโกนออกมาทันทีว่า “ฉันรักญี่ปุ่น” เมื่อเจ้าของทวิตได้ยินเช่นกันเขาจึงแบ่งไอเท็มบางชิ้นในตัวให้กับหนุ่มไมอามี่คนนั้น จนเกิดเป็นมิตรภาพของสองคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันมาก่อน พวกเขาทั้งสองก็ได้แยกทางกันไปแต่แล้วในตอนท้ายที่สุด มิตรภาพแบบโบรแมนซ์ที่แท้จริงก็เกิดชึ้น เมื่อเจ้าของทวิตได้สู้กับผู้เล่นแปลกหน้าอีกคนหนึ่งแต่ว่าตัวเจ้าของทวิตกลับพ่ายแพ้ไป แต่แล้วอยู่ดีๆ พ่อหนุ่มไมอามี่ก็พุ่งออกมาจากที่ไหนไม่รู้พร้่อมกับตะโกนว่า “แกฆ่าเจแปนนนนนน” พร้อมกับกราดกระสุจใส่คนแปลกหน้าคนนั้น แต่น่าเศร้าที่ไมอามี่บอย ก็ต้องตายเช่นเดียวกับ เจแปนบอย ซึ่งเจ้าของทวิตก็ได้โพสปิดท้ายว่า จนสุดท้ายแล้วเขาก็ยังไม่ได้เจอกับไมอามี่บอยคนนั้นอีกเลย ซึ่งเขาก็ได้แต่หวังว่าเขาจะได้เจอกับไมอามี่บอยในเกมอีกครั้งหนึ่ง หรือไม่แน่เขาอาจจะได้เจอกันในชีวิตจริงก็ได้นะ และเมื่อเหตุการณ์นี้ได้ถูกทวิตออกไป กระแสตอบรับที่ได้กลับมามันดีอย่างไม่น่าเชื่อ…
-
“โค้กซากุระ” เครื่องดื่มรสชาติใหม่จากแดนปลาดิบ ที่เห็นแล้วต้องอยากจะโดนสักขวด
ในอดีตที่ผ่านมา บ้านเราก็เคยมีโค้กรสชาติแปลกๆ ให้ได้ลิ่มลองกันเช่นโค้กวินาลาเป็นต้น แต่ว่าในต่างชาตินั้นโค้กกลับมารสชาติแปลกๆ ให้ได้ลิ่มลองอยู่มากมายเลยทีเดียว ล่าสุดทางโค้กญี่ปุ่นก็ได้ออกโค้กรสชาติใหม่ในชื่อ “โค้กซากุระ” ซึ่งรสชาติของมันระบุว่าถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ สำหรับช่วงเวลาชมซากุระเช่นนี้ (ความจริงแล้วหลายคนน่าจะเคยเห็นรสชาตินี้มาก่อนแล้ว แต่ว่ามันไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ของโค้กนะซิ เพราะว่ารสชาติซากูระที่เราเคยเห็นกันมาก่อนหน้านี้มันดันเป็นของ เป็ปซี่ นั่นเอง) ซึ่งโค้กรสชาติซากูระนี้ จะขายในรูปแบบลิมิเตดอิดิชั่น ที่มาพร้อมกับดีไซน์ขวดที่สวยงามดีไซน์สีชมพูมาเฉพาะกิจ ส่วนฝาอลูมิเนียมสีแดงดูโดดเด่น โดยเริ่มเปิดขายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ และจะขายเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น ในส่วนของโค้กที่ทำเป็นรสชาติลิมิเตดนั้น ซากุระไม่ได้เป็นรสชาติแรกที่ทำแบบนี้ ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นเคยปล่อยรสชาติลิมิเตดมาแล้วสองอันด้วยกันนั่นก็คือ รสเลม่อน และรสขิง (ลองจินตนาการดูสิว่ารสชาติแบบนั้นจะเป็นอย่างไร!?) แต่สุดท้ายแล้วพวกเราชาวไทยจะได้ลิ่มรสของ โค้กหรือน้ำอัดลมลดชาติแปลกๆ อีกไหมก็คงต้องลุ้นกันเอาแล้วล่ะ ส่วนตัว #เหมียวมู่ทู่ คิดถึงเป็ปซี่ไฟกับไอซ์จังเลยแฮะ ที่มา rocketnews24
-
Amakusa Airline สายการบินญี่ปุ่นที่มีเครื่องลำเดียว แต่ทุ่มเททั้งใจ CEO ก็มาช่วยบริการด้วย!!
เมื่อพูดถึงกิจการทางด้านการคมนาคมอย่างธุรกิจการบิน ที่จะต้องรองรับผู้โดยสารเป็นจำนวนมากนั้น เรามักจะนึกถึงสายการบินใหญ่ๆ ที่เติบโตมาอย่างช้านาน มีระบบการทำงานที่แบ่งหน้าที่กันชัดเจน ตั้งแต่ระดับผู้บริหารที่คอยวางแผนต่างๆ ในออฟฟิศ ไปจนถึงพนักงานต้อนรับหน้าเคาท์เตอร์เช็คอิน Amakusa Airline สายการบินโลมายิ้มจากประเทศญี่ปุ่น แต่เราไม่เคยได้ยินเรื่องราวของสายการบินที่เล็กที่สุดในประเทศญี่ปุ่นมาก่อนเลย ไม่เคยรู้ระบบการทำงานที่แตกต่างไปจากสายการบินใหญ่ๆ เพราะพวกเขานั้นแทบจะไม่สามารถสู้ในเรื่องของการรองรับจำนวนผู้โดยสารได้มากมายเท่าไหร่ ทว่าหากคุณได้อ่านเรื่องราวของสายการบินนี้แล้ว คุณอาจจะรู้สึกถึงความอบอุ่นที่สายการบินนี้มอบให้ผู้โดยสารได้ก็คงจะไม่แปลกอะไรเลย สำหรับสายการบินที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่นนี้มีชื่อว่า Amakusa Airline (AMX) เป็นสายการบินในประเทศญี่ปุ่น แห่งจังหวัดคุมาโมโตะ เปิดให้บริการสำหรับผู้ที่จะเดินทางระหว่างเกาะ Amakusa ไปยังหัวเมืองใหญ่ต่างๆ และกำลังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้นในขณะนี้ แต่ก่อนที่ทุกคนจะรู้จัก Amakusa Airline นั้นเมื่อประมาณ 7 ปีก่อน สายการบินนี้เกือบจะล้มละลายมาแล้ว เนื่องจากจำนวนเครื่องบินมีไม่เพียงพอต่อ บวกกับเกิดวิกฤติทางการเงิน จำนวนผู้โดยสารจึงลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัดตลอดระยะเวลา 4 ปีที่เพิ่งเปิดให้บริการ นั่นทำให้บริษัทนั้นไม่สามารถหากำไรมาจุนเจือในส่วนที่ขาดทุนได้ หนำซ้ำยังถูกผู้บริหารในเวลานั้น ลดต้นทุนแทบทุกอย่าง รวมไปถึงการลดจำนวนพนักงาน แม้จะมีการนำเสนอแนวทางเพื่อปรับปรุงก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป แต่ก็ถูกผู้บริหารปฏิเสธทุกแนวคิดจนหมดสิ้น ทำให้ทุกคนในบริษัทหมดกำลังใจที่จะทำงาน ถึงขั้นวางแผนลาออกเพื่อหางานใหม่ เพราะถ้าอยู่แบบนี้ต่อไป…
-
ไปดู 10 อันดับ “ชื่อน้องแมว” สุดน่ารัก ที่คนญี่ปุ่นใช้มากที่สุดในช่วงต้นปี 2017!!
สำหรบคนที่วางแผนที่จะเลี้ยงแมว แล้วยังคิดชื่อไม่ออกว่าจะให้มันชื่อว่าอะไรดี วันนี้ #เหมียวสามสี ได้นำเอาอันดับชื่อแมวที่ชาวญี่ปุ่นตั้งให้แมวของตัวเอง ซึ่งเป็นผลสำรวจภายในปีนี้ ทางเว็บไซต์ญี่ปุ่น Iris Pet ได้เปิดเผยชื่อของแมวที่คนนิยมตั้งให้ในประเทศญี่ปุ่น โดยได้ถามจากคนเลี้ยงแมวทั้งหมด 1,670 คน ซึ่งผลที่ได้ก็น่าสนใจเป็นอย่างมาก เราไปดูกันว่าในต้นปีนี้แมวจะมีชื่ออะไรกันบ้าง ชื่อที่นิยมตั้งให้กับแมวตัวเมียได้แก่ 10. (ร่วม) Chacha 10. (ร่วม) Fuku (แปลว่า “โชคดี”) 10. (ร่วม) Mii 10. (ร่วม) Mugi (แปลว่า “ข้าวบาร์เลย์”) 10. (ร่วม) Mei 9. Kuro (แปลว่า “สีดำ”) 8. Sakura (แปลว่า “ซากุระ”) 6. (ร่วม) Chibi (แปลว่า “ตัวเล็ก”) 6. (ร่วม) Momo (แปลว่า “ลูกพีช”) 5. Mike…
-
รับพรกันถ้วนหน้า… กลุ่มไอดอลสาวญี่ปุ่นพ่นน้ำใส่คนดู ส่วนพ่อยกก็ชอบอกชอบใจกันใหญ่!!
เวลาเราได้ไปชมคอนเสิร์ตของวงดนตรีสุดโปรดของเรา สังเกตไหมว่าไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรบนเวที มันก็ช่างดูเท่ ดูน่ากรี๊ดกร๊าดซะเสมอ ทำไงได้ก็คนมันชอบนี่นา แต่คราวนี้เราจะพาไปชมวิธีการเอ็นเตอร์เทนคนดู ของเกิร์ลกรุ๊ปสาวน้อยหน้าใส ‘Shizukaze & Kizuna’ ด้วยวิธีการที่แบบว่า เอิ่ม…ถ้าไม่รักจริง ชอบจริงนี่ คงมีร้องอี๋กันบ้างอ่ะ โฉมหน้าสาวๆ เกิร์ลกรุ๊ปที่มีเหล่าชายฉกรรจ์เป็นแฟนคลับอยู่เพียบ!! เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ในระหว่างที่เกิร์ลกรุ๊ปวงนี้ไปเปิดการแสดงที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ในระหว่างโชว์จู่ๆ พวกเธอก็เอาน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม พร้อมกับพ่นใส่เหล่าแฟนคลับที่เป็นผู้ชาย แต่นั่นก็ไม่ทำให้แฟนเพลงรู้สึกรังเกียจแต่อย่างใด เพราะแฟนเพลงที่อยู่ข้างล่างต่างก็พากันตะโกนเรียกร้องให้พวกเธอพ่นน้ำออกมาอีก เออเอากับเค้าสิ ถ้านักร้องกล้าทำคนดูก็กล้าบ้าตามเหมือนกันเอ้าาา ปรู๊ดดดดด รับน้ำมนต์กันไปถ้วนหน้าเลยจ้า และหลังจากที่เธอพ่นน้ำเสร็จแล้ว ดูเหมือนจะมีผู้จัดการวงคอยกำกับอยู่ด้านหลังนะว่าพวกเธอต้องทำอะไรต่อไป… เขาสั่งให้เธอกระโดดบอดี้เซิร์ฟใส่คนดู แน่นอนว่าเพื่อแฟนเพลงสุดที่รักแล้ว ศิลปินยอมทุ่มเททุกอย่างให้เลยจ้า (แหม…หนุ่มๆ ข้างล่างคงชอบใจกันใหญ่เลยสิท่า) วิดีโอจากเหตุการณ์ ถ้าเราเป็นคนดูอยู่หน้าเวทีจะทำยังไงดีน๊าา… จะว่าไปในวงการป็อปไอดอลของญี่ปุ่น แต่ละวงก็มักจะมีวิธีมัดใจคนดูอยู่เสมอ อย่างเช่นกรณีของ ‘AKB48’ ที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลกนั้น ครั้งหนึ่งพวกเธอมักจะจัดอีเวนต์ขนาดย่อมให้แฟนเพลงสามารถเข้าไปจับมือเชคแฮนด์ หรือพูดคุยทักทายได้ แต่ทว่าในปี 2014 พวกเธอต้องกลับมาคิดแผนการเอาใจแฟนเพลงกันใหม่อีกครั้ง หลังจากที่มีสมาชิกในวง และทีมงาน ต้องเจอกับเหตุการณ์ที่มีแฟนเพลงเอาเลื่อยตัดไม้ขนาดใหญ่…
-
สภาพของเมือง ‘ฟูกุชิมะ’ 5 ปีผ่านไป สถานที่กาลเวลาหยุดนิ่ง ทุกอย่างยังคงอยู่ตรงนั้น…
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่เมืองฟุกุชิมะเมื่อช่วงเดือนมีนาคม ปี 2011 ที่ผ่านมา หรือเมื่อราวๆ 6 ปีก่อน จนเกิดเป็นภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่เรียกได้ว่าสร้างความเสียหายยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เหตุการณ์เชอร์โนบิลเลยทีเดียว แม้จะไม่มีรายงานว่ามีการเสียชีวิตที่เชื่อมโยงกับการสัมผัสกับสารกัมมันตรังสีในระยะสั้นที่มากเกินไป แต่ก็มีผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว และสึนามิมากกว่า 18,500 คน เลยทีเดียว จากความเสียหายครั้งใหญ่ในคราวนั้น ก็ผ่านแล้วเป็นเวลา 5 ปี เมืองที่เคยคึกคักกลับถูกทิ้งร้างให้ว่างเปล่า แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมบรรยากาศภายในเมืองฟุกุชิมะกัน จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ลองไปชมผลงานของช่างภาพ Arkadiusz Podniesinski ชาวโปแลนด์ ที่เข้าไปเก็บภาพในเมืองมาให้พวกเราได้ชมกัน 1. เจ้าหน้าที่ทำการตรวจผู้มาเยือน เพื่อเช็คการปนเปื้อนแม้จะผ่านไปแล้ว 5 ปีก็ตาม 2. ร้านขายแผ่นเสียงที่เงียบงัน ไม่มีชีวิตชีวาแม้แต่น้อย 3. มีแต่แมงมุมที่เข้ามาสร้างรังอาศัยอยู่ 4. ไปทางไหนก็มีแต่ต้นหญ้าขึ้นสูงเต็มไปหมด 5. ถนนตอนกลางคืนที่ยังคงส่องสว่าง แม้จะไม่มีใครอยู่อาศัยแล้วก็ตาม 6. แหล่งทิ้งขยะเรียงรายนับล้านถุง 7. ขบวนรถที่จอดอยู่มากมาย ทำให้เราเห็นว่าในอดีตก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นบนท้องถนนเคยคึกคักมากแค่ไหน …
-
มาแล้ว… “อินุยาฉะ” ฉบับละครเวทีกำลังจะเปิดฉาย พร้อมกับเผยนักแสดงหลัก
หลังจากที่กระแสตอบรับของนารูโตะฉบับละครเวทีออกมาเป็นที่น่าพอใจ ก็คงจะช่วยปูทางให้กับละครเวทีจากการ์ตูนได้ไม่ยาก และเราน่าจะได้เห็นเรื่องอื่นๆ ตามมาอีกเพียบ ซึ่งล่าสุดก็เป็นคราวของการ์ตูนดังอย่าง “อินุยาฉะ เทพอสูรจิ้งจอกเงิน” ก็ได้ประกาศเป็นละครเวทีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับการเปิดเผยนักแสดงนำ นอกจากจะประกาศทำเป็นละครเวทีแล้วนักแสดงก็ได้มากันครบเป็นที่เรียบร้อยโดยจะมีรายชื่อนักแสดงตามนี้ แถวบนไล่ซ้ายไปขวา Yutaka Kyan แสดงเป็น อินุยาฉะ , Yumi Wakatsuki แสดงเป็น คาโงเมะ แถวกลางไล่ซ้ายไปขวา Hiroki Sana แสดงเป็น เส็ตโชมารู, Junna Itō แสดงเป็น คิเคียว, Yukihiro Takiguchi แสดงเป็น มิโรคุ และแถวล่าง Ryou Kimura แสดงเป็น นาราคุ ภาพการถ่ายโปรโมทละครเวทีเรื่องนี้ เรื่องย่อของการ์ตูนเรื่องนี้… ส่วนใครที่ไม่รู้จักเรื่อง อินุยาฉะ เทพอสูรจิ้งจอกเงิน ก็จะขอเล่าเนื้อย่อๆ ให้อ่านกัน โดย “อินุยาฉะ” เป็นลูกครึ่งอสูรซึ่งเกิดจากพ่อผู้เป็นจอมปีศาจจิ้งจอกผู้ยิ่งใหญ่ แต่มีแม่เป็นมนุษย์ นั่นจึงทำให้อินุยาฉะมีปมด้อยและไม่เป็นที่ยอมรับทั้งจากบรรดาปีศาจหรือมนุษย์ธรรมดา ทำให้เขาต้องออกตามหาลูกแก้วสี่วิญญานเพื่อที่จะกลายเป็นอสูรอย่างเต็มตัว แต่ว่าการจะได้ลูกแก้วมานั้นเขาจะต้องสู้กับมิโกะที่มีชื่อว่า คิเคียว ซึ่งทั้งคู่ก็สู้กันแล้วกันเล่าแต่ก็ไม่มีใครที่กล้าทำร้ายกันจริงๆ สักทีเพราะว่าทั้งคู่มีใจให้กันนั่นเอง…
-
เว็บญี่ปุ่นผสมผสาน “ชุดนักเรียน” และ “ชุดว่ายน้ำ” เข้าด้วยกัน เป็นแฟชั่นที่น่าลองไหม!?
ต้องยอมรับว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอะไรแปลกๆ เจ๋งๆ ออกมาให้เราได้ชมกันอยู่บ่อยๆ ล่าสุดพวกเขาได้ปล่อยชุดว่ายน้ำแบบใหม่ออกมา ซึ่งมันคงจะไม่แปลกอะไร หากชุดว่ายน้ำตัวนี้ ไม่ได้มีแรงบันดาลใจมากจากชุดนักเรียนญี่ปุ่นสุดคาวาอิ๊ (แฮ่กๆ) อย่างที่ทราบกันดีว่านักเรียนหญิงญี่ปุ่น จะต้องสวมชุดนักเรียนที่หน้าตาคล้ายๆ กับชุดกะลาสีเรือ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว ทางบริษัท Moira Design จึงจับชุดนักเรียนเหล่านั้นมารวมกับชุดว่ายน้ำซะเลย ชุดว่ายน้ำรุ่นนี้จะมีโบว์และปกเสื้อแบบกะลาสีเรือ โดยราคาแบบครบชุดรวมเสื้อกะลาสีและชุดว่ายน้ำ จะอยู่ที่ 18,000 เยน (6,300 บาท) ซึ่งถ้าใครไม่อยากได้ทั้งชุดเต็ม ท่านก็สามารถซื้อแยกได้ด้วยราคา 6,500 เยน (2,200 บาท) เป็นไง อยากได้ไปใส่ซักตัวมั้ยล่ะ นอกจากแบบสีน้ำเงินแล้วแบบสีขาวดำก็มีนำ สวยไปอีกแบบ รายละเอียดของแต่ละชุด… ใครสนใจ ก็สั่งซื้อกันได้ที่เว็บไซต์ Moira Design นะฮะ รับรองว่าชีวิตของท่านจะบันเทิงขึ้นอีกหลายเท่าอย่างแน่นอน ฮาาาาาา ที่มา rocketnews24
-
พาเที่ยวหมูบ้าน “จิ้งจอกสุดน่ารัก” ในบรรยากาศหิมะปกคลุม พร้อมกับขนปุยนุ่มๆ ของมัน!!
นี่คือการเดินทางของนักเดินทางที่ชื่อว่า Natasha Puente วัย 29 จากประเทศเม็กซิโก ตอนนี้เธอกำลังท่องเที่ยวทั่วเอเชียพร้อมกับถ่ายภาพสิ่งที่เธอได้พบเจอมาแล้วนำมาบอกเล่าให้เราฟัง ซึ่งสิ่งที่เธอไปเจอมาครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ารักมากๆ เดิมทีแล้วเธอเป็นคนที่ชื่นชอบสุนัขจิ้งจอกเป็นชีวิตจิตใจ เธอมีรอยสักของมันด้วย และเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เธอได้มีโอกาสไปที่โตเกียวเพื่อสอบ TESOL จึงไม่พลาดที่จะไปเยี่ยมหมูบ้านจิ้งจอกอันโด่งดังด้วย การเดินทางของเธอเริ่มจากขึ้นรถไฟชินคันเซนประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อไปลงที่สถานีชิโรอิชิในเมืองมิยางิ เมื่อไปถึง เธอก็ขึ้นแท็กซี่ต่อจากการถามคนแถวนั้น ซึ่งมาถึงจุดนี้ เธอบอกว่ามีความประทับใจในคนญี่ปุ่นอย่างมาก เพราะได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะถามทาง ขอความช่วยเหลืออะไร ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพยายามช่วยอย่างเต็มที่ พอขึ้นแท็กซี่แล้ว คนขับก็ได้โชว์อัลบั้มรูปภาพหมู่บ้านจิ้งจอกให้เธอดูระหว่างทาง ยิ่งทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม โดยการเดินทางนั้นใช้เวลาประมาณ 30 นาที การจะเข้าไปในหมู่บ้านได้ต้องเสียค่าผ่านทางประมาณ 300 บาท พร้อมทั้งจะมีคนแนะนำวิธีเข้าหาเหล่าจิ้งจอกเป็นภาษาอังกฤษ เช่นถ้าเวลาเข้าใกล้ พยายามทำให้ตัวเองดูน่าเกรงขามไว้ อย่านั่งลง เพราะอาจจะถูกกัดได้ และอย่าวางสิ่งของไปเรื่อยเปื่อย เพราะจิ้งจอกมักจะฉี่ใส่ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือห้ามแตะหรือจับพวกมัน และนี่ก็คือภาพและคลิปที่เธอได้ไปเจอมา เป็นช่วงเวลาที่น่ารักมากๆ . . . . . . .…
-
ภาพพิธีจบการศึกษาจาก “มหาวิทยาลัยเกียวโต” แต่งคอสเพลย์ประชันกันสุดเหวี่ยง!!
ในช่วงวันสองวันที่ผ่านมาอาจจะมีบางคนได้เห็นข่าวคราว เกี่ยวกับกรณีที่มีนักศึกษาสาวใส่ชุดครุยถ่ายแบบ จนทำให้มีชาวเน็ตบางรายไม่พอใจหยิบยกไปวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการถ่ายภาพที่ไม่เหมาะสม หลังจากที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ทำให้ชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นกันไปหลากหลายแบบ บางคนมองว่าเป็นการถ่ายภาพนอกรอบที่ไม่ต้องแต่งตามระเบียบอะไรมาก แต่บางคนก็มองว่ามันคือ “ชุดครุย” จึงควรแต่งตัวให้ถูกระเบียบ ด้วยเหตุนี้เอง#เหมียวฟิ้นก็เลยแอบสงสัยว่าในประเทศอื่นๆ เขาให้ความสำคัญกับเครื่องแต่งกายหรือพิธีการเหมือนกับบ้านเราหรือเปล่า? ล่าสุดเราได้ไปเจอกับภาพที่น่าสนใจจากเว็บไซต์ Sensekyoto.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ในการโปรโมทของมหาวิทยาลัยเกียวโต จากประเทศญี่ปุ่น ชุดภาพที่ว่านี้เป็นภาพถ่ายจากพิธีจบการศึกษาของมหาลัยเกียวโตในปี 2016 ที่เหล่านักศึกษาจะพากันแต่งชุดคอสเพลย์แบบหลุดโลกเพื่อมาประชันกันในวันจบการศึกษา อย่างกับเป็นงานปล่อยของยังไงยังงั้นเลยทีเดียว เจ้าหญิงโมะโนะโนะเกะฮิเมะ มาคนเดียวไม่พอ ต้องมาเป็นบอยแบนด์ กล้วยเหรอ? เอ็กโซเดีย รถบัสแมว สนามกีฬาโอลิมปิก 2020!? สัญลักษณ์โอลิมปิก รายการทีวีในตำนาน แต่งเป็นรถโฟล์คสีเหลือง กอริลล่า หมีพูห์เวอร์ชั่นทุนน้อย เมื่อมาร์เวลและดีซีจับมือกัน ทรัมป์ก็มา พีระมิด ตัวไรหว่า? ฮาชิ? นั่นฮาชิใช่ไหม?…
-
เด็กสาว ม.ต้น เขียนเรียงความสุดซึ้ง ‘ปฏิเสธคนจังหวัดฟุกุชิมะ’ ชนะใจคนญี่ปุ่นทั้งประเทศ
ย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์อันน่าเศร้าภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2011 ณ จังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นเหตุทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ปลดปล่อยสารกัมมันตรังสีออกมา และถือว่าเป็นภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เชอร์โนบิลในปี 1986 สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาต่อจากนั้นก็คือ ความเกลียดชังของผู้คนรอบข้างที่มีต่อจังหวัดฟุกุชิมะและชาวบ้านที่อยู่อาศัยเติบโตภายในจังหวัดนี้ ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่ได้เป็นคนเลือกให้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และไม่อยากให้เกิดความหายนะเช่นนี้ด้วย เพื่อให้ผู้คนได้ตระหนักถึงความเกลียดชังที่เกิดขึ้นในใจของชาวญี่ปุ่น Ruzo Maoma อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมปี 3 ได้ส่งเรียงความเรื่อง ‘ปฏิเสธตัวตนของจังหวัดฟุกุชิมะ’ เข้าประกวดในงาน การเขียนเรียงความสิทธิมนุษยชนจากนักเรียนชั้นมัธยมต้นทั่วประเทศครั้งที่ 36 โดยมีใจความดังต่อไปนี้ ปฏิเสธตัวตนของจังหวัดฟุกุชิมะ นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ฉันช็อคมาก สำหรับการเป็นคนจังหวัดฟุกุชิมะอย่างฉัน ฉันเกิดและเติบโตในเมืองมินะมิโซมะ จังหวัดฟุกุชิมะ จนถึงกระทั่งชั้น ป. 3 เมื่อพูดถึงเมืองมินะมิโซมะ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านเทศกาลและวัฒนธรรม ให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์ในอดีตมาอย่างช้านาน ฉันรักผู้คนและเมืองมินะมิโซมะในแบบที่เป็นอยู่อย่างนี้… แต่ทว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เกิดเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และนั่นก็ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะสารกัมมันตรังสีที่ถูกปลดปล่อยออกมา ทำให้เมืองมินะมิโซมะกลายเป็นเมืองที่ผู้คนอยู่อาศัยไม่ได้อีกต่อไป และตัวฉันเองก็ต้องย้ายหลบภัยไปอยู่กับญาติพร้อมกับครอบครัวที่จังหวัดโทะชิงิแทน เมื่อไปถึงที่นั่น ก็พบกับข้อความสติ๊กเกอร์บนรถยนต์คันหนึ่ง ในลานจอดรถร้านค้าที่แวะข้างทางว่า…
-
นักเรียนญี่ปุ่นไอเดียแหวก แปลทวิตเตอร์ Donald Trump เพื่อเรียนภาษาอังกฤษและสังคม
การเปลี่ยนผ่านอำนาจจาก Barack Obama มาสู่ Donald Trump ดูจะเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจมาก เพราะทุกๆ การตัดสินใจของสหรัฐจะส่งผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่งไปยังประเทศต่างๆ รอบโลก ฉะนั้นนักข่าวและผู้คนทั่วโลกจึงต้องจับตามองทุกๆ ความเคลื่อนไหวของ Trump ว่ากำลังคิดหรือเตรียมจะตัดสินใจเรื่องใดต่อไป โดยเฉพาะทางทวิตเตอร์ @realDonaldTrump ที่เขามักจะทวีตความคิดของตัวเองออกมา แต่คนที่ติดตาม Trump เองใช่ว่าจะมีแต่คอการเมืองเท่านั้น คนที่สนใจเรื่องการศึกษาและภาษาอังกฤษก็ติดตามเขาอยู่เหมือนกันนะ บางคนอาจงงว่าติดตามดูประธานาธิปดีแล้วจะได้การศึกษายังไง? งั้นเรามาดูข่าวนี้กัน เมื่อไม่นานมานี้เราได้ไปเจอเข้ากับทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า @DonaldTrumpJPN เป็นทวิตเตอร์ที่จะหยิบเอาข้อความต่างๆ จาก @realDonaldTrump มาแปลจากอังกฤษเป็นญี่ปุ่น เพื่อช่วยให้คนญี่ปุ่นสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษและเข้าใจสิ่งที่ผู้นำสหรัฐผู้นี้ทวีตออกมานั่นเอง ทวิตเตอร์ @DonaldTrumpJPN ถูกสร้างขึ้นมาด้วยสโลแกนว่า Make English-learning Great Again (ทำให้การเรียนรู้ภาษาอังกฤษกลับมายอดเยี่ยมอีกครั้ง) ซึ่งเป็นการล้อข้อความของ Trump ตอนหาเสียง Make America Great Again (ทำให้อเมริกากลับมายอดเยี่ยมอีกครั้ง) เพราะอย่างที่รู้กันว่าชาวญี่ปุ่นนั้นไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษ การสื่อสารส่วนใหญ่จึงมีแต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น การสร้างทวิตเตอร์นี้จึงเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ดีทางหนึ่งเลย บัญชีทวิตเตอร์นี้ดำเนินการโดยแอดมินที่ใช้นามแฝงว่า K・T-san วัย 17 ปี เขาจะแปลทุกๆ ข้อความที่ Trump ทวีตออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นเพื่อให้คนเข้าใจ ปัจจุบันทวิตเตอร์ @DonaldTrumpJPN มีผู้ติดตามแล้วกว่า…
-
ญี่ปุ่นงานสบาย “รับจ้างนอน” รายได้วันละ 15,000 บาท โปรโมทแอนิเมชั่นเรื่องใหม่
ประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นดินแดนที่มีเรื่องราวประหลาดๆ เจ๋งๆ มากมาย ล่าสุดพวกเขาประกาศงานสุดแปลกนั่นก็คือ “รับจ้างนอน” แถมยังให้ค่าแรงไม่ธรรมดาซะด้วยกว่า 15,000 บาท เลยทีเดียว!! งานพิเศษดังกล่าวจะเกิดขึ้นในการฉายรอบปฐมทัศน์ของแอนิเมชั่นเรื่องใหม่ “Hirune Hime” หรือ “Napping Princess” ว่าด้วยเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีความสามารถพิเศษในการนอนหลับ และทุกครั้งที่เธอหลับ เธอจะหลุดเข้าไปอยู่ในโลกสุดแฟนตาซีซึ่งเธอจะได้พบกับการผจญภัยที่ทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล มีตัวอย่างให้ดูด้วยนะ สิ่งที่ต้องทำก็ไม่ยาก ผู้ที่ได้รับเลือกจะต้องนอนให้เหมือนกับตัวเอกของเรื่อง ซึ่งจะมีรายได้ 50,000 เยนต่อวันรวมค่าเดินทาง นอกจากนี้ยังมีหมอนที่มีลายเซ็นของทีมงาน ผ้าปิดตา ที่อุดหู และขนม และอีกอย่างหนึ่งที่พวกเขาต้องทำคือ การสวมชุดหุ่นยนต์ “ฮาร์ท” (ภาพด้านล่าง) ในช่วงเวลาทำงานด้วย ซึ่งทางผู้จัดบอกว่า ผู้ที่สมัครไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ (แน่สิ) ขอเพียงมีใจรักที่จะทำก็พอ ใครสนใจก็ลองไปสมัครกันได้นะฮะ ที่เว็บไซต์ weban ที่มา rocketnews24
-
คิทแคทญี่ปุ่นผลิต “ซูชิคิทแคท” สีสันสวยงามหน้าตาน่าทาน ลองสักชิ้นแล้วจะติดใจ!!
คิทแคท (Kit Kat) เป็นขนมหวานแสนอร่อยที่เป็นของโปรดของใครหลายๆ คน และถ้าหากใครที่ได้ไปเยือนประเทศญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ จะรู้เลยว่าประเทศนี้เขามักจะผลิตคิทแคทรสชาติแปลกใหม่ขึ้นมาอยู่เสมอ และล่าสุดเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2560 ทางสำนักข่าว CNN มีรายงานว่า บริษัทผลิตคิทแคทในประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ขนมหวานใหม่ล่าสุดนั่นก็คือ “ซูชิคิทแคท” นั่นเอง นี่คือหน้าตาของ ซูชิคิทแคท ที่มาพร้อมกับ 3 รสชาติสุดพิเศษไม่ว่าจะเป็น ซูชิรสทูน่า รสไข่ และรสหอยเม่น อยากลองไหมละ!! ซึ่งจริงๆ แล้ว คิทแคทเหล่านี้ไม่ได้เป็นรสชาติของอาหารจริงๆ อย่างที่หลายคนคิดไว้หรอก แต่มันเป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารเท่านั้น โดยซูซิคิทแคทรสทูน่าจะใช้คิทแคทรสราสเบอร์รี วางบนข้าวพองเคลือบไวท์ ชอคโกแลต ส่วนรสไข่จะใช้คิทแคทรสฟักทอง และวางบนข้าวพองเคลือบไวท์ช็อกโกแลต พร้อมพันด้วยสาหร่าย และรสหอยเม่น จะใช้คิทแคทรสเมลอนจากฮอกไกโด บอกเลยว่ามันไม่ใช่ขนมหวานช็อกโกแลตธรรมดาๆ อีกต่อไป เพราะนี่คือคิทแคทรสชาติใหม่ ที่นอกจากดูครีเอทสุดๆ แล้ว ยังมาในรูปแบบที่ดูแปลกตาอีกด้วย เพราะทางบริษัทได้เนรมิตคิทแคทให้ออกมาในรูปแบบที่เหมือนกับซูชิแบบดั้งเดิมเป๊ะ แต่แค่เปลี่ยนจากปลาดิบเป็นคิทแคท และเปลี่ยนข้าวญี่ปุ่นเป็นข้าวพอง จากนั้นก็นำมาผสมผสานกันใหม่กลายเป็นซูชิคิทแคทนั่นเอง …
-
พิธี ‘อุบะสึเทะ’ นำคนแก่ไปทิ้งในป่า อาจกลับมาในรูปแบบสมัยใหม่ หลังญี่ปุ่นประสบปัญหาเศรษฐกิจ
เมื่อหลายร้อยปีก่อนชาวญี่ปุ่นจะมีพิธีกรรมที่มีชื่อว่า ‘Ubasute’ (อุบะสึเทะ) ตามตำนานเล่าว่าในสมัยเอโดะนั้น ประเทศญี่ปุ่นมีการปกครองด้วยระบบขุนนอง ทำให้เหล่าเจ้าเมืองและผู้ปกครองนั้นมีอำนาจในการกดขี่ข่มเหงชาวประชา ส่งผลให้เกิดความยากลำบาก รวมกับความแห้งแล้ง ส่งผลให้ความอดอยากตามมา เหล่าขุนนางจึงได้ออกคำสั่งให้ครอบครัวใดที่มีผู้สูงอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป จะต้องนำพวกเขาไปปล่อยในป่าลึก สถานที่รกร้างห่างไกลจากเมือง หรือบนภูเขา เหล่าผู้สูงอายุที่ความจำเริ่มเลอะเลือนและโรยรา ถูกทิ้งให้อดน้ำ อดอาหารกลางป่าลึกอย่างน่าเวทนา สาเหตุที่ต้องทำแบบนั้นก็เพราะความแก่ชราของพวกเขานั้นนอกจากจะไม่สร้างประโยชน์ให้กับเหล่าขุนนางแล้ว ยังเป็นตัวถ่วงทำให้เหล่าแรงงานไม่ยอมทำงานกันอีก จนเวลาล่วงเลยผ่านไป ในปัจจุบันเจ้า พิธีกรรมอันแสนโหดร้าย Ubasute นั้นกำลังจะกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และจำนวนประชากรผู้สูงอายุที่มากเกินไป และคราวนี้ไม่ได้เป็นในรูปแบบของการเอาไปทิ้งในป่า หรือบนภูเขาแต่อย่างใด แต่เป็นการนำไปทิ้งไว้ที่โรงพยาบาล องค์กรการกุศลที่อยู่ใกล้บ้าน หรือ ทิ้งเอาไว้เฉยๆ รอให้คนมารับไปอุปการะ “ยังมีผู้คนอีกมากมายที่มีรายได้เป็นที่แน่นอน แต่ก็ยังคงมีฐานะยากจนอยู่เพราะต้องคอยดูแลเหล่าญาติผู้สูงอายุที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ และที่เป็นแบบนี้ก็เพราะพวกเขากระอักกระอ่วนใจที่จะร้องขอความช่วยเหลือ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอาย” Takanori Fujita เจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านสังคมกล่าว ภาพจำลองคุณลุงแก่ๆ (ที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตา อิอิ) ดูเหมือนว่าเทรนด์นี้จะยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงในเร็วๆ นี้ เพราะจำนวนผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีในประเทศญี่ปุ่นนั้นคิดเป็น 26.7% จากจำนวนประชากร…
-
เพราะเหตุใดประเทศอย่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น จึงเลือกที่จะไม่ฝังสายไฟฟ้าลงใต้ดิน!?
เมื่อพูดถึงเรื่องสายไฟฟ้า เสาไฟฟ้าในประเทศที่พัฒนาแล้ว เราก็มักจะนึกถึงความเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก่อนเป็นอันดับแรก และจะตามมาด้วยความสวยงามของการจัดการระบบสายไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันหลากหลายประเทศก็เริ่มที่จะนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินแล้ว (และในบ้านเราก็เริ่มทำแล้วในบางจังหวัด) ย้อนกลับไปดูสภาพของเมือง Jersey City หลังประสบกับพายุเฮอร์ริเคนแซนดี้ ในปี 2012 แต่ทว่าการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินนั้นยังไม่อาจสามารถทำได้ครอบคลุมไปทั่วประเทศ ทั้งๆ ที่เราคิดว่าก็ประเทศเหล่านั้นน่าจะทำได้ แต่ด้วยเหตุใดที่ประเทศก้าวหน้า ยกตัวอย่างเช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นจึงไม่ทำ? ก่อนอื่นเลยต้องเกริ่นว่าประเทศเหล่านี้อยู่ในโซนที่เกิดภัยภิบัติอยู่บ่อยครั้ง อย่างสหรัฐอเมริกาจะต้องเจอกับพายุเฮอร์ริเคนและแผ่นดินไหว ส่วนทางฝั่งญี่ปุ่นก็ต้องเจอพายุไต้ฝุ่นและแผ่นดินไหวในทุกๆ ปี แผนภาพพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวของสหรัฐอเมริกา สีแดงจะเป็นระดับที่รุนแรงที่สุด ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น สิ่งที่ตามมาก็คือความเสียหายต่อระบบสายส่งไฟฟ้า ซึ่งจะต้องทำการซ่อมแซมให้รวดเร็วที่สุด โดยเมื่อเทียบกันแล้ว แม้ว่าเสาไฟฟ้ากับสายไฟฟ้าที่อยู่เหนือพื้นดินจะเสียหายมากกว่า แต่สำหรับราคาการซ่อมนั้นถูกกว่าระบบสายไฟฟ้าฝังดินหลายเท่าตัว ดังนั้นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยพิบัติสูงยังคงใช้ระบบสายส่งไฟฟ้าเหนือพื้นดินอยู่ สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายในการทำสายส่งไฟฟ้าลงดินจะแพงกว่าการทำสายส่งไฟฟ้าเหนือพื้นดินประมาณ 3 ถึง 10 เท่า ราคาของระบบสายไฟฟ้าเหนือพื้นดินจะอยู่ที่ 285,000 ดอลลาร์ต่อ 1.6 กิโลเมตร ระบบสายไฟฟ้าใต้ดินจะอยู่ที่ 1,000,000 ดอลลาร์ต่อ 1.6 กิโลเมตร (ข้อมูลล่าสุดในปี 2015)…
-
คาราโอเกะญี่ปุ่นให้รางวัลคนร้องดีด้วย “ภาพหวิวสาวๆ” แต่ถ้าร้องแย่ ก็นะ.. ตามภาพเลย ฮ่าาาาา
กิจกรรมการร้องเพลงคาราโอเกะ ถือว่าเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในหมู่ชาวญี่ปุ่น เห็นได้จากร้านคาราโอเกะที่มีอยู่ทั่วทุกมุมเมือง ขอเพียงแค่คุณอยากร้องเพลง ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะหาร้านคาราโอเกะสักร้าน แต่ถ้าการร้องเฉยๆ ยังไม่เร้าใจพอล่ะก็ ลองไปคาราโอเกะแห่งนี้กันดูดีกว่า เพราะหากคุณสามารถร้องได้ดี ไม่ผิดเพี้ยน เจ้าเครื่องคาราโอเกะเครื่องนี้จะตอบแทนคุณด้วยภาพหวิวสาวสวยที่คุณเห็นแล้วจะต้องปึ๋งปั๋ง แต่อย่าเพิ่งดีใจไป ถ้าสกิลการร้องเพลงของท่านไม่ถึงขั้น ท่านอาจเจอบทลงโทษที่ทำให้ตะลึงงันได้เลยทีเดียว!! เจ้าคาราโอเกะเครื่องนี้มีชื่อว่า Joysound fR ทางผู้ผลิตได้ติดตั้งระบบให้คะแนนสำหรับผู้ใหญ่เอาไว้ โดยหากผู้ร้องสามารถร้องได้คะแนนดี เมื่อจบเพลงทางเครื่องจะเปิดภาพหวิวของนางแบบสาวสุดเซ็กซี่ออกมา เพื่อเป็นรางวัลแห่งความพยายาม นี่คือตัวอย่างรางวัลที่คุณจะได้รับถ้าได้ 91 คะแนน เป็นยังไงล่ะ ชวนเลือดกำเดาพุ่งไหมล่ะครับ!? ช้าก่อน… มันไม่ได้จบแค่นั้น แต่อย่าไปคิดว่าชีวิตมันจะง่ายแบบนั้น เพราะหากท่านไม่สามารถทำคะแนนได้ดี ร้องเพี้ยนซะจนเครื่องรำคาญ เครื่องดังกล่าวก็จะลงโทษท่านทันที โดยแทนที่จะเปิดรูปสาวๆ เซ็กซี่ มันจะซุ่มภาพหนุ่มหล่อล่ำขึ้นมาแทน ที่รับรองว่าเห็นแล้วถึงกับห่อเหี่ยวเลยทีเดียว ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไม่เอาแบบเน๊ อย่างไรก็ตามเครื่องดังกล่าวออกแบบมาสำหรับคุณผู้ชายเท่านั้น ดังนั้นท่านไหนอยากชมภาพหนุ่มๆ หล่อล่ำแทน ก็ลองพยายามอย่าร้องให้ออกมาดีนัก เครื่องจะได้สุ่มภาพหนุ่มหล่อขึ้นมายังไงล่ะ ฮาาาา ที่มา rocketnews24
-
McDonald’s ญี่ปุ่นผลิตเมนูเฟรนช์ฟรายคดเลี้ยวเคี้ยวง่าย ดูๆ ไปก็คล้าย “แคบหมู” นี่หน่า
นับว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวดีของสายกินกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรักเฟรนช์ฟรายจะต้องชอบแน่ๆ ซึ่งปกติแล้วเมนูเฟรนช์ฟรายที่เรารู้จักก็จะเป็นแบบแท่งๆ หยิบจับเข้าปากรับประทานได้โดยง่าย แต่ล่าสุดนี้ทาง McDonald’s ประเทศญี่ปุ่นได้สร้างสรรค์เมนูเฟรนช์ฟรายให้ล้ำไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวเมนู Curly Fries มันฝรั่งทอดสายโค้งหยิกหยักงอ ดูหน้าตาแล้วน่ารับประทานกว่าเฟรนช์ฟรายธรรมดาหลายเท่าตัว!! เมนูเฟรนช์ฟรายใหม่ล่าสุดจาก McDonald’s ญี่ปุ่น เฟรนช์ฟรายคดเลี้ยวเคี้ยวง่าย!! ภาพนี้ตกแต่งเพื่อการโฆษณาชัดๆ แต่มันน่าโดนนัก!! แท่น แท๊นนนน หน้าตากล่องดูสวยงามจริงๆ!! รายละเอียดของเฟรนช์ฟรายสายโค้งตัวนี้ ราคาจะอยู่ที่ 320 เยน (ราวๆ 100 บาท) มีขายเฉพาะที่ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งเป็นการนำเมนูนี้กลับมาขายใหม่ตั้งแต่ที่เคยขายในปี 2015 เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน และในรอบนี้ก็จะมีขายไปจนถึงประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ เฟรนช์ฟรายสายโค้ง พร้อมรับประทาน เอาเป็นว่าหากใครได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงนี้ ลองแวะไปลิ้มชิมรสชาติกันได้เลย อย่าลืมมาอวดด้วยล่ะว่าแตกต่างจากเฟรนช์ฟรายธรรมดามากแค่ไหนกันหนอ? ดูสีเหลืองโค้งงอนั่นสิ มันช่างยั่วยวนเหลือเกิน!! ผ่างงงงงงง!! หน้าตาดูดีใช้ได้เลยทีเดียว แต่ไปๆ…
-
ช่างภาพแอบถ่ายช่วงเวลาพักผ่อนของ “แท็กซี่ญี่ปุ่น” หลังเมื่อยล้าจากการขับรถทั้งวัน…
การขับรถยนต์เป็นระยะทางไกลๆ หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ต้องใช้แรงอะไรมากมายแต่จริงๆ แล้วมันเป็นอะไรที่เหนื่อยมากๆ ถ้าใครเคยขับรถข้ามจังหวัดก็คงจะทราบดี ดังนั้นอาชีพที่ต้องขับรถตลอดเวลา ก็ต้องการการพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายตื่นตัวอยู่เสมอ บางคนอาจจะใช้กาแฟหรือเครื่องดื่มชูกำลังช่วย หรือบางคนอาจจะงีบสักพักให้ร่างกายพักผ่อนให้เพียงพอ ก่อนที่จะออกเดินทางต่อ ช่างภาพ William Green จากประเทศอังกฤษก็เป็นคนหนึ่งที่ได้เห็นวิธีพักผ่อนของแท็กซี่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยที่เขาได้บันทึกภาพของคนขับแท็กซี่ที่กำลังนอนพักอยู่ในรถ หลังจากขับรถรับส่งผู้โดยสารมาแทบจะทั้งวันแล้ว “ผมมาญี่ปุ่นเพื่อทำโปรเจกต์อื่นอยู่ แต่แล้วก็ไปสะดุดภาพของแท็กซี่ขณะเดินอยู่บนทางเท้า” ตอนแรกที่เขาได้เห็นก็รู้สึกประหลาดใจ แต่พออยู่ไปนานๆ ก็ได้รู้ว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับญี่ปุ่นที่จะได้เห็นคนแอบงีบในที่สาธารณะแบบนี้ มันเหมือนเป็นสัญญาณของความขยันและการทำงานหนัก ตอนนี้เขารู้สึกว่ากำลังตื่นเต้นกับการได้เห็นปรากฏการณ์ที่แสนธรรมดา มันเป็นเรื่องที่ดีมากๆ อย่างหนึ่งเลยถ้าเราได้มีช่วงเวลาที่เป็นส่วนตัวในที่สาธารณะได้ ที่มา sobadsogood
-
ญี่ปุ่นคิดค้น “ข้าวแกงกะหรี่ช็อคโกแลต” เพื่อหนุ่มสาวที่ต้องการความแปลกใหม่ ในวาเลนไทน์นี้!?
เมื่อใกล้ถึงเทศกาลวันวาเลนไทน์ทีไร หนุ่มสาวก็มักจะหาซื้อช็อคโกแลตมาให้กับคู่รักของพวกเขาได้กินกันแม้จะกินทุกปีจนเบื่อแล้วก็ตาม ด้วยความซ้ำซากของช็อคโกแลตรูปแบบต่างๆ #เหมียวฟิ้นก็เลยอยากจะแนะนำอะไรที่มันแปลกแหวกแนวไปบ้าง…. ภาพที่ทุกคนกำลังเห็นอยู่นี้คือผลิตภัณฑ์ใหม่จากร้านค้าที่ชื่อว่า Village Vanguard ในประเทศญี่ปุ่น มันคือ “ข้าวแกงกะหรี่ช็อคโกแลต” เมนูนี้คือการผสมผสานระหว่างแกงกะหรี่และช็อคโกแลตหอมละมุนเอาไว้ได้อย่างลงตัว ส่วนผสมหลักของมันก็คือช็อคโกแลต น้ำตาล ผงกะหรี่ พริกป่นเพื่อความเผ็ด มีกลิ่นของกล้วยติดมานิดหน่อย และมีหัวหอมผัดอยู่ในช็อคโกแลตด้วย…ให้รสชาติที่หวานและเผ็ด (ดูจะซับซ้อนทีเดียว) วิธีกินก็ง่ายๆ เพียงแค่คุณนำเอาช็อคโกแลตไปอุ่นให้เหลว จากนั้นก็ราดลงไปบนข้าวสวยร้อนๆ จากนั้นก็พร้อมตักเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยได้เลย ดูเป็นอาหารมื้อเย็นที่ทั้งเร็วและง่ายมากๆ ถ้าคุณอยากลองมอบของขวัญวันวาเลนไทน์แบบไม่ซ้ำใครให้กับคนรักล่ะก็ ลอง “ข้าวแกงกะหรี่ช็อคโกแลต” ไหมล่ะ? สนนราคาอยู่ที่ 540 เยน หรือประมาณ 165 บาท ลิ้งสั่งซื้อสำหรับคนที่อยากได้แบบจริงจัง: vvstore.jp (กดแปลเป็นภาษาอังกฤษเพื่อความง่ายในการสั่งซื้อ) ที่มา rocketnews24
-
ด้วยความคิดถึง… หนุ่มญี่ปุ่นตั้ง ‘ตู้โทรศัพท์’ เพื่อโทรหาคนรักที่จากไปผ่านสายลม…
เชื่อว่าแทบจะทุกคนล้วนเกลียดการจากลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้านั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน มันช่างยากเหลือเกินกับการต้องยอมรับความเป็นจริงที่ว่า วันพรุ่งนี้ไม่มีเธออีกแล้ว… ย้อนกลับไปเมื่อปี 2011 เกิดเหตุแผ่นดินไหว และสึนามิครั้งใหญ่ขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น มากกว่า 16,000 คน ที่เสียชีวิตและยังมีผู้สูญหายอีกเป็นจำนวนมากที่ทุกวันนี้ไม่สามารถค้นพบได้ ‘Otsuchi’ ก็เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับผลกระทบครั้งใหญ่จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ประชาชนมากกว่า 10% ในท้องถิ่นหายสาบสูญ และเสียชีวิต ภาพความสูญเสียที่เกิดขึ้น ณ เมืองแห่งนี้ แต่ทว่า 1 ปีก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ‘Itaru Sasaki’ หนุ่มญี่ปุ่นคนหนึ่งได้นำตู้โทรศัพท์สาธารณะมาตั้งไว้ในสวนหลังบ้านของตัวเอง เพียงเพราะเขารู้สึกคิดถึงญาติที่จากไปก่อนหน้านี้ “เพราะความคิดของผมที่มีต่อคนที่จากไป มันไม่สามารถส่งผ่านสายเครือข่ายโทรศัพท์แบบปกติได้ แต่ผมอยากจะส่งทุกความรู้สึกไปให้ถึงผู้ที่จากไปผ่านสายลม โดยมีตู้โทรศัพท์ตู้นี้เป็นสื่อกลาง” Itaru ให้สัมภาษณ์ 3 ปีให้หลังจากภัยพิบัติครั้งนั้น ตู้โทรศัพท์แห่งนี้ถูกชาวบ้านในละแวกนั้นเรียกว่า ‘โทรศัพท์แห่งสายลม’ มีผู้เข้ามาแวะเวียนใช้ตู้โทรศัพท์แห่งนี้มากกว่า 10,000 คน ซึ่งอันที่จริงแล้วโทรศัพท์ในตู้นี้ไม่ได้มีการต่อสายสัญญาณแต่อย่างใด จะว่าไปแล้วมันก็มีแค่ตู้และโทรศัพท์เก่าๆ นั่นแหละ แต่ชาวเมืองที่นี่เขาเลือกที่จะใช้มันเพื่อโทรหาคนรักที่จากโลกนี้ไปแล้ว แม้ว่ามันจะไม่มีเสียงตอบรับจากปลายทาง หรือพนักงานคอลเซ็นเตอร์ แต่ด้วยเสียงจากสายลมที่พัดผ่านเข้ามา พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าคนรักที่จากโลกนี้ไปแล้ว ต้องรู้สึกได้ถึงความคิดถึงเป็นแน่แท้ ปัจจุบันตู้โทรศัพท์แห่งนี้กลายเป็นจุดสนใจจากชาวญี่ปุ่นทั่วประเทศ…
-
ญี่ปุ่นถึงกับมึน 18 คำนิยามรสนิยมทางเพศที่พบได้ในประเทศไทย จะเยอะไปไหนเนี่ย!!?
รู้กันรึเปล่าว่าประเทศไทยเราเนี่ยแหละ ที่จัดว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหลากหลายทางเพศสูงมากกว่าที่อื่น ถึงแม้ว่าในอดีตการแสดงออกถึงเพศสภาพที่แตกต่างออกไปจากความเป็นชายหรือหญิงจะดูเป็นเรื่องผิดแปลกในสังคมก็ตามเถอะ แล้วเชื่อไหมว่าเพศทางเลือกนั้นไม่ได้มีแค่เพศที่ 3 เท่านั้น เพราะล่าสุดสื่อญี่ปุ่นได้ตีพิมพ์ตารางชาร์ตเกี่ยวกับเรื่องรสนิยมทางเพศที่พบได้ในประเทศไทยซึ่งมีมากถึง 18 เพศ!! งานนี้ชาวญี่ปุ่นถึงกับมึนกันเลยทีเดียว เราตามไปดูกันเลยว่าเขาได้นิยามทางเลือกทางเพศทั้ง 18 ทางไว้อย่างไรบ้าง… ตารางอธิบายเรื่องเพศ แต่ด้วยความที่มันเป็นภาษาญี่ปุ่น เชื่อว่าหลายคนคงอ่านไม่ออก เราเลยไปแอบหาคำแปลแบบคร่าวๆมาให้ โดยในตารางเขาได้อธิบายคำนิยามของเพศสภาพต่างๆไว้ดังนี้ ชาย – ผู้ชายที่ชอบผู้หญิงทั่วไปนั่นแหละ หญิง – ผู้หญิงที่ชอบผู้ชาย ทอม – ผู้หญิงที่มีการแสดงออกใกล้เคียงกับผู้ชาย และชอบผู้หญิง หรือดี้ ดี้ – ผู้หญิงที่แสดงออกแบบผู้หญิงอยู่ แต่จะชอบผู้หญิงด้วยกันหรือชอบทอม ทอมเกย์ – ผู้หญิงที่ชอบผู้หญิงด้วยกันซึ่งรวมไปถึงดี้ และทอม ทอมเกย์คิง – ทอมที่ชอบทอมด้วยกันเอง ไบ – ผู้หญิงที่ชอบทั้งผู้ชาย ทอม หรือผู้หญิงด้วยกันเอง โบ๊ท – ผู้ชายที่ชอบทั้งผู้หญิง เกย์คิง เกย์ควีน แต่ไม่รวมถึงสาวประเภท 2 เกย์ควีน…
-
พนักงานตั๋วสวนสาธารณะญี่ปุ่น ปล่อยให้นักท่องเที่ยวเข้าฟรีกว่า 160,000 ราย เพราะสื่อสารกันไม่ได้
ท่ามกลางกรุงโตเกียวนั้นจะมีสวนสาธารณะชินจูกุเกียวเอน อันเป็นที่นิยมสำหรับทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมแทบจะทุกฤดูและทุกเวลา การจะเข้าไปเยี่ยมชมนั้นไม่ใช่ว่าจะสามารถเข้าได้ฟรี จะต้องจ่ายค่าตั๋วเพื่อเข้าชมอยู่ที่ 200 เยน สำหรับผู้ใหญ่ และ 50 เยน สำหรับเด็ก ซึ่งก็ไม่ได้มีราคาแพงเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับธรรมชาติภายในสวนใจกลางเมืองใหญ่แบบนี้ แต่ทว่าเรื่องราวการสูญเสียรายรับจากค่าตั๋วของสวนสาธารณะแห่งนี้เพิ่งจะได้รับการเปิดเผย โดยจุดเริ่มต้นนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 2014 มีการยกเว้นค่าธรรมเนียมตั๋วเข้าชมสำหรับนักท่องเที่ยวมาจนถึงปัจจุบัน นักท่องเที่ยวไทยบางรายอาจจะได้รับการยกเว้นค่าตั๋วไปด้วยในช่วงดังกล่าวด้วย การยกเว้นค่าตั๋วเข้าชมนี้ ไม่ได้เป็นโปรโมชั่นสำหรับการท่องเที่ยวแต่อย่างใด แต่มันเกิดขึ้นมาจากความผิดพลาดของพนักงานบูธขายตั๋วเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ในช่วงเดือนเมษายน ปี 2014 พนักงานคนดังกล่าวปล่อยให้นักท่องเที่ยวต่าชาติเข้าชมสวนสาธารณะแห่งนี้ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าตั๋วเลย จนกระทั่งเดือนธันวาคม ปี 2016 เมื่อพนักงานอีกคนพบว่าเขาได้ปล่อยให้นักท่องเที่ยวเข้าชมสวนได้โดยที่ไม่ต้องซื้อตั๋ว เรื่องดังกล่าวจึงถูกรายงานไปถึงฝ่ายจัดการทันที และทำการตรวจสอบเบื้องต้นก็พบว่าเขายกเว้นค่าตั๋วไปแล้วกว่า 160,000 ใบ ในช่วงตลอด 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา ซึ่งแทนที่เขาจะช่วยในเรื่องของการจ่ายค่าเข้าและมอบตั๋ว เขากลับยกเลิกการขายตั๋วและปล่อยให้นักท่องเที่ยวผ่านประตูอัตโนมัติไป ทางด้านกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่น อันเป็นหน่วยงานดูแลสวนสาธารณะแห่งนี้ ได้สืบหาสาเหตุของข้อผิดพลาดจากพนักงานขายตั๋ววัย 71 ปีผู้นี้ และได้ตั้งข้อหายักยอกค่าเข้าชมสวนสาธารณะกับเขา ซึ่งตัวพนักงานวัย…
-
น้ำลายสอกันไหม!? พาไปชมราเม็งญี่ปุ่นสายพันธุ์ใหม่ มีน้ำซุป ‘สีฟ้าพาสเทล’
ถ้าพูดถึงราเม็ง เราก็จะนึกถึงน้ำซุปร้อนๆ รสชาติได้อารมณ์แบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่น พร้อมกับเส้นนุ่มๆ ที่ผ่านกรรมวิธีการทำแบบพิเศษ จนออกมาเป็นหนึ่งในเมนูยอดฮิตจากแดนอาทิตย์อุทัย ที่ป็อปปูล่าร์ไปทั่วโลก แต่ก็อีกนั่นแหละ เป็นอย่างที่เรารู้กันดีว่า ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ไม่เคยหยุดพัฒนาเลยจริงๆ เพราะแม้แต่เมนูพื้นฐานอย่างราเม็ง ตอนนี้ก็ได้มีคนพัฒนาทำให้มีน้ำซุปเป็นสีฟ้าแล้วนะ เห็นแล้วรู้สึกต้องไปลองให้ได้ซักครั้งเลย!! ดูู๊ววว!! น้ำซุปสีฟ้าพาสเทลแบบนี้ อยากจะยกซดให้รู้แล้วรู้รอดไป ผลงานการคิดค้นน้ำซุปราเม็งให้ออกมาเป็นสีฟ้านี้ เป็นเมนูใหม่ของร้าน ‘Kipposhi’ ร้านอาหารที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับ ‘Tokyo Sky Tree’ ใช้เวลาเดินเพียงประมาณ 10 นาทีเท่านั้น สนนราคาก็อยู่ที่ 900 เยน หรือประมาณ 280 บาท โดยทางร้านอาหารได้ใช้ประยุกต์นำเอาเทคนิคพิเศษการทำอาหารในแบบของจีนมาใช้ ซึ่งเป็นกรรมวิธีลับที่ช่วยทำให้ขจัดกากที่ไม่จำเป็นออกจากน้ำซุป ได้มาซึ่งน้ำซุปที่ใสแจ๋ว คู่กับรสชาติที่แสนจะกลมกล่อม แต่ทางร้านก็ไม่ขอเปิดเผยนะ ว่าสูตรลับที่ทำให้น้ำซุปเป็นสีฟ้านั้นทำยังไง เมนูนี้จะเสิร์ฟมาพร้อมกับไก่อบ ไข่เค็ม หมูชาชู และที่ดูน่าดึงดูดที่สุด คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกซะจากน้ำซุปที่มีสีฟ้าอมเขียว ได้อารมณ์ฮิปสเตอร์ดีมาก ทีมงานจากเว็บไซต์ RocketNews24 ได้ไปลองชิมมาแล้วก็ได้อธิบายไว้ว่า ตอนแรกดูเหมือนเป็นโปรเจคการทดลองทางวิทยาศาสตร์อะไรซักอย่าง แต่พอตักใส่ปากแล้วเท่านั้นแหละ ช่างเป็นอะไรที่อร่อยกลมกล่อมหอมหวลเหลือเกิ๊นนน…
-
23 ภาพพิสูจน์ว่า “ญี่ปุ่น” เป็นประเทศที่เอาจริ๊งเอาจั๊ง จะทำอะไรต้องทำให้สุด!!
เมื่อพูดถึงประเทศญี่ปุ่น กับรัสเซีย หลายคนอาจจะเห็นถึงความแตกต่างของสองประเทศนี้ได้อย่างชัดเจน อย่างญี่ปุ่นเนี่ย เขาจะขึ้นชื่อในเรื่องของการคิดค้นนวัตกรรมเจ๋งๆ ขึ้นมามากมาย ในส่วนของรัสเซีย เป็นประเทศที่ร่ำลือกันหนักหนาว่า มีวิธีชีวิตที่สุดโต่ง บ้าคลั่ง ผู้คนก็มีลักษณะนิสัยที่ไม่ค่อยจะเหมือนใคร บางครั้งก็โหด มันส์ ฮา จนได้ที่มาของฉายา “โหดสัสรัสเซีย” นั่นเอง แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าหากคุณรู้จักประเทศญี่ปุ่นจริงๆ ละก็ คุณจะรู้ว่าผู้คนในประเทศนี้เขาก็โหด มันส์ ฮา และมีชีวิตที่สุดโต่งไม่แพ้รัสเซียเลยละ ไม่เชื่อก็ลองดูสิ… ที่รัสเซียมีหมีดำ แต่ที่ญี่ปุ่นมีคุมะดำนะจ๊ะ แถมหน้าตาจริงๆ ก็ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ บางทีสิ่งแปลกๆ ที่คนญี่ปุ่นทำ… อาจจะทำให้คนทั่วโลกไม่เข้าใจ การเซลฟี่ที่ไม่ต้องใช้โทรศัพท์มือถือก็ได้ หรออออ นี่อาจจะเป็นสเมิร์ฟในร่างมนุษย์ เอ๊ะ หรือจะมาจากอวาตาร สระว่ายน้ำแนวใหม่จากญี่ปุ่น ที่ว่ายให้ตายยังไงก็ไม่เปียก (งานศิลปะรูปแบบหนึ่งที่จัดในประเทศญี่ปุ่น) คนญี่ปุ่นก็แต่งตัวโหดเหมือนกันเนาะ แบบนีมันเจแปนโอนลี่ชัดๆ นี่อาจจะเป็นคอสเพลย์วินนี่ เดอะ พูห์…
-
ถึงหิมะจะตกหนักใน ‘ญี่ปุ่น’ แต่ก็ไม่สามารถหยุดไอเดียสร้างสรรค์ ของคนประเทศนี้ได้เลยยยย!!
ปกติแล้วถ้าเข้าสู่ช่วงฤดูที่อากาศหนาวจัด จนถึงขั้นมีหิมะโปรยปรายลงมาจากฟ้า ถ้าเป็นคนไทยเราคงนึกดีใจ เพราะต้องทนอยู่กับอากาศร้อนมาตลอดทั้งปี แต่กลับกันในประเทศที่ต้องเจอกับความหนาวสุดขั้วหัวใจเป็นประจำทุกปี ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาก็เลือกที่จะปิดตัวเองอยู่ในบ้าน ไม่ออกไปไหน เพราะมันหน๊าวววหนาวว แต่สำหรับที่ประเทศญี่ปุ่น #เหมียวบ็อบ ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้ามีการเรียนการสอนเรื่องความคิดสร้างสรรค์กันรึเปล่า เพราะเรามักจะได้เห็นไอเดียเจ๋งๆ กระจายกันอยู่แทบจะทั่วประเทศ และทั้ง 16 ภาพที่เอามาให้ชมนี้ก็เหมือนกัน ถึงแม้ว่าอากาศจะหนาว หิมะจะตก พายุจะถล่ม ไม่มีอะไรมาหยุดอาการคันไม้คันมืออยากจะโชว์ไอเดียเจ๋งๆ ของคนประเทศนี้ได้หรอกนะ!! 1. ดูซิ เจ้าโทโทโร่ก็มาแหละ 2. จ๊ะเอ๋!! ผีไร้หน้าขอออกมาทักทายแฟนคลับกับเค้าบ้าง 3. นี่ก็โทโทโร่จากอีกมุมนึงของเมือง เป็นตุ๊กตาหิมะที่เอาไปประกวดได้เลยนะเนี่ย!! 4. ปล่อยให้คนอื่นเค้าโชว์ตัวกันไป สนูปปี้ขอนอนพักก่อน คร่อกกกZzzz 5. ตอนกลางคืนเดินมาเห็นมีตกใจกันบ้างแน่ๆ เทวดาตกสวรรค์รึเปล่านะรูปนี้? 6. มะ มะ มะ มา แว้วววว คาเม็กซ์!! 7. เจ้า Danbo จากมนุษย์กล่อง…
-
ญี่ปุ่นเตรียมมอบ ‘วีซ่าถาวร’ ให้กับชาวต่างชาติ ลดเงื่อนไข อยู่ให้ครบเพียง 1 ปีเท่านั้น!!
สำหรับประเทศญี่ปุ่นนอกจากเป็นประเทศที่เหล่านักท่องเที่ยวบ้านเราหมายตาไปเที่ยวกันบ่อยๆ แล้ว ก็เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ผู้คนต่างอยากเข้าไปทำงานกัน แม้การทำงานจะมีข่าวว่าเต็มไปด้วยความเครียด แต่อาจจะเพราะระบบเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และที่มองข้ามไม่ได้ก็คือคุณภาพชีวิตของผู้คนที่นี่ ที่พูดได้เลยว่าไม่แพ้ประเทศใดๆ ในโลก!! และล่าสุดรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ที่ดูแลงานทางด้านดูแลคนเข้าเมืองก็ได้คลอดกฎหมายใหม่มาสดๆ ร้อนๆ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เกี่ยวกับการได้สิทธิ์ ‘วีซ่าถาวร’ ของชาวต่างชาติ หลังจากใช้ชีวิตเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้นในประเทศญี่ปุ่น สำหรับกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงใหม่นี้ก็มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะดึงดูดบุคลากรคุณภาพสูงจากประเทศต่างๆ เข้ามาอาศัยและอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเริ่มใช้ราวๆ เดือนมีนาคม 2560 ที่กำลังจะถึงนี้เลย ตัวอย่างวีซ่าถาวรของประเทศญี่ปุ่น โดยปกติชาวต่างชาติจะได้รับวีซ่าถาวรเมื่ออาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นมาแล้วเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปีขึ้นไป แต่ในปี 2012 ได้มีการพยายามผ่านร่างกฎหมายที่จะทำให้ระยะเวลาการอยู่อาศัยนั้นสั้นลง เพื่อลดระยะเวลาการรอคอยของเหล่าแรงงานที่มีฝีมือสูง ทั้งทางด้านวิชาการ เทคนิค และธุรกิจ และจะมีคะแนนพิเศษให้สำหรับการได้รับวีซ่า โดยปกติแล้วแรงงานมีฝีมือเหล่านี้ต้องทำคะแนนได้ดีมาก ทำให้พวกเขาได้รับวีซ่าถาวรในระยะเวลาเร็วกว่าปกติ เหลือเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น แต่ด้วยกฎใหม่นี้คนที่สามารถทำคะแนนได้มากกว่า 70 คะแนนจะลดระยะเวลาเหลือเพียง 3 ปี และหากได้มากกว่า 80 คะแนนล่ะก็ จะเหลือเพียง 1 ปีเท่านั้น!!…
-
ญี่ปุ่นออกเครื่องหมาย “สัญลักษณ์โถส้วมใหม่” ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าใจง่าย สบายยิ่งขึ้น!!
เชื่อว่าหลายๆ คนที่เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น ต้องประสบปัญหาในการเข้าห้องน้ำ เพราะส้วมที่ญี่ปุ่นส่วนมากนั้น จะเป็นส้วมอัตโนมัติสุดไฮเทค ซึ่งไม่ว่าใครได้ลองใช้ครั้งแรก ต้องงงเป็นไก่ตาแตกว่ามันทำยังไง และที่ปวดใจยิ่งกว่าคือ ปุ่มต่างๆ นับสิบบนส้วมเหล่านั้น ไม่มีภาษาอังกฤษกำกับว่าแต่ละปุ่มใช้ทำอะไรบ้าง งานนี้เลยอาจจะมีน้ำร้อนลวกไข่กันได้ (บางที่ไม่มีภาษาอังกฤษไม่พอ ไม่มีรูปประกอบอีกต่างหาก) แต่ล่าสุด ทางสมาคมผู้ผลิตสุขภัณฑ์แห่งญี่ปุ่นได้เปิดตัวสัญลักษณ์บนส้วมใหม่ เพื่อให้ชาวต่างชาติ สามารถใช้งานได้สะดวกขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าไปยังประเทศญี่ปุ่นจำนวนมาก และการพัฒนาเรื่องนี้ ยังถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะมาร่วมงานโอลิมปิกปี 2020 โดยสาเหตุที่พวกเขาตัดสินใจเปลี่ยนสัญลักษณ์ ต้องย้อนกลับไปในปี 2014 มีการสำรวจนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกว่า 600 คน แล้วพบว่า พวกเขาไม่เข้าใจสัญลักษณ์ที่ติดอยู่บนส้วมจนหลายๆ คนกดปุ่มผิด จนการเข้าห้องน้ำหมดสนุกเลยทีเดียว เรียงจากซ้ายไปขวา “เปิดฝาชักโครก”/ “เปิดที่รองนั่ง” / “กดน้ำถ่ายหนัก” / “กดน้ำถ่ายเบา” “ฉีดก้น” / “ฉีดสำหรับสตรี” / “เป่าลม” / “หยุด” มาโดกะ…
-
ตุ๊กตาหมีมันธรรมดาไป ต้องเจอ “ฟิกเกอร์หมีเสมือนจริง” เป็นเจ้าของได้ในราคา 4 ล้านบาท
เมื่อได้เห็นภาพของเจ้าหมีขั้วโลกเหล่านี้ หลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นหมีตัวจริงเสียงจริง แต่ทว่าถ้าหากคุณคิดแบบนั้นละก็ คิดผิดแล้ว!! เพราะนี่ไม่ใช่หมีที่มีชีวิตหรอกนะ แต่มันคือ “ฟิกเกอร์หมีขั้วโลก” ที่สร้างขึ้นมาได้เหมือนจริงมากๆ ต่างหากละ หลายๆ คนคงใฝ่ฝันเอาไว้ว่าอยากจะได้หมีขั้วโลกมาเป็นสัตว์เลี้ยง แต่นั่นคงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย เพราะหมีเป็นสัตว์ขนาดใหญ่และดุร้าย ดังนั้น มันจึงไม่เหมาะเท่าไหร่ที่จะนำมันมาเป็นสัตว์เลี้ยงสักเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทจากประเทศญี่ปุ่น จึงได้ปิ๊งเดียสุดบรรเจิดโดยการเอาใจคนรักน้องหมี สร้างสรรค์ฟิกเกอร์หมีขั้วโลกเหมือนจริงขึ้นมาแล้ว… และนี่คือ “ฟิกเกอร์หมีขั้วโลก” ที่ทางบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นได้เนรมิตขึ้น ซึ่งมันจะทำให้คุณรู้สึกราวกับว่าได้ใช้ชีวิตร่วมกับแม่หมี และลูกหมีจริงๆ บอกเลยว่ามันงดงามมาก สำหรับฟิกเกอร์หมีขั้วโลกนี้ ได้สร้างขึ้นมาด้วยวัสดุที่ไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์อย่างแน่นอน ส่วนขนที่ดูเหมือนจริงก็ถูกสร้างขึ้นมาจากวัสดุเดียวกันกับที่ใช้สร้างพวกฟิกเกอร์จากหนังฝั่งฮอลลีวู้ด ฟันของมันดูน่ากลัว และเหมือนจริงมาก และที่สำคัญฟิกเกอร์หมีเหล่านี้ ก็ถูกสร้างขึ้นมาจากผู้เชี่ยวชาญในด้านการทำฟิกเกอร์มามากกว่า 30 ปี โดยผลงานเด่นๆ ของพวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง Mega Monster Battle: Ultra Galaxy และ Godzilla vs. King Kong ดูขนาดตัวของแม่หมีสิ…ใหญ่มากๆ แถมยังมีน้ำหนักมากถึง…
-
นักเรียนญี่ปุ่นแห่ซื้อของในเซเว่นศักดิ์สิทธิ์ แม้แผ่นดินแยกดินจะยุบ ยังทำอะไรร้านนี้ไม่ได้!?
‘ร้านสะดวกซื้อคงกระพันชาตรี’ ได้กลายมาเป็นกระแสฮือฮาและโด่งดังมากๆ ในประเทศญี่ปุ่นตอนนี้ จนเหล่านักศึกษาประเทศญี่ปุ่นแห่เข้าไปซื้อของในร้านแห่งนี้ เพราะหวังว่าอานิสงค์จะช่วยให้พวกเขาสามารถสอบผ่านได้!? หนึ่งในประเทศที่ประสบภัยธรรมชาติอย่าง ‘แผ่นดินไหว’ มากที่สุดก็คงไม่พ้นประเทศญี่ปุ่นนี่แหละ หนึ่งในประเทศที่ตั้งอยู่ใน ‘วงแหวนแห่งไฟ’ รอบมหาสมุทรแปซิฟิก และล่าสุดก็ได้มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นที่นี่!! ในวันที่ 8 พฤศภาคม 2559 ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินแยกขึ้น ที่ทางแยกหน้าสถานีฮาตากะ ในเมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีความกว้างกว่า 10 เมตร และยุบตัวลงไปกว่า 15 เมตรด้วยกัน เป็นปาฏิหาริย์มากที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และปาฏิหาริย์กว่านั้น ก็คือเรื่องที่เกิดกับร้านเซเว่นแห่งนี้นี่แหละ!! ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven หน้าสถานีฮาตากะ เพราะ 7-Eleven แห่งนี้ รอดพ้นจากแผ่นดินแยกแบบฉิวเฉียด แถมตักที่เป็นที่ตั้งของร้านก็ไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย… แต่ถึงทางร้านจะไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย ก็ต้องปิดทำการเพื่อซ่อมแซมถนนที่อยู่ตรงหน้าร้าน โดยมีการคาดการณ์ไว้แน่ๆ ว่าต้องใช้เวลาหลายเดือน แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นซ้ำสาม!? เพราะราวๆ วันที่ 19 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา พวกเขาก็สามารถซ่อมถนนได้เสร็จ และสามารถกลับมาใช้งานได้อย่างปกติ สร้างความตกตะลึงให้กับผู้พบเห็นเป็นครั้งที่สามติดต่อกัน……
-
การทานอาหารกลางวันแบบมีคุณภาพ ของเด็กญี่ปุ่น ฝึกให้รับผิดชอบตัวเองแต่เนิ่นๆ
ลองนึกย้อนกลับไปในสมัยที่ทุกๆ คนอยู่โรงเรียนประถมกันดู ในตอนนั้นพวกคุณได้กินอาหารกลางวันแบบไหนกันบ้าง? ตอนที่#เหมียวฟิ้นเด็กๆ ที่โรงเรียนไม่ค่อยจะมีของดีๆ กินเท่าไหร่นะ ไก่ทอดน่องเล๊กเล็ก ไข่พะโล้ที่แทบจะมีแต่ไข่กับน้ำอะไรแบบนี้… แต่หากคุณได้รู้ว่าโรงเรียนในญี่ปุ่นให้เด็กๆ พวกเขากินอาหารกลางวันแบบไหนล่ะก็ คุณอาจจะรู้สึกอิจฉาก็เป็นได้ เพราะที่นั่นเขาพยายามให้เด็กๆ ของตัวเองกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ แถมยังมีแต่ของน่ากินๆ ทั้งนั้นเลยด้วย เมื่อไม่นานมานี้#เหมียวฟิ้นได้ไปเจอสารคดีที่น่าสนใจจากช่องยูทูบ CafCu Media ที่บอกเล่าเรื่องราวของเด็กในโรงเรียนประถมและโรงเรียนมัธยม โดยเหล่านักเรียนจะผลัดเปลี่ยนเวรกันเพื่อมาตักอาหารให้เพื่อนๆ ในชั้น โดยใครก็ตามที่ทำหน้าที่นี้จะต้องใส่ชุดสีขาวและหน้ากากอนามัยตามที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ เพื่อเป็นการฝึกความมีวินัย และได้เรียนรู้เรื่องความปลอดภัยในอาหารและความรับผิดชอบในตัวเอง ทางโรงเรียนจะจัดอาหารเอาไว้ให้เด็กนักเรียนเหมือนๆ กัน และทางโรงเรียนจะไม่มีตู้หยอดเหรียญเพื่อซื้อข้าวกล่องหรือขนม ฉะนั้นเด็กทุกคนจะได้กินอาหารที่มีประโยชน์เหมือนกันหมด เด็กๆ ทุกคนจะนั่งกินอาหารภายในห้องเรียน ไม่มีโรงอาหารแยกต่างหาก แต่น่าแปลกที่ห้องเรียนของพวกเขาจะไม่สกปรกเลย เพราะทุกๆ คนจะถูกปลูกฝังให้รักษาความสะอาด เมื่อทานเสร็จแล้วจะต้องเก็บให้เรียบร้อย และหากเลอะเทอะก็ต้องช่วยกันทำความสะอาด ก่อนที่เด็กๆ จะเสิร์ฟอาหารให้กับเพื่อนๆ หรือนั่งรับประทานอาหารกัน พวกเขาจะต้องทำความสะอาดมือด้วยเจลก่อน เพราะสุขอนามัยของเด็กๆ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เด็กๆ ที่รับประทานอาหารก็ต้องใส่ชุดกันเปื้อนรวมถึงหมวกด้วยนะ ก่อนรับประทานอาหาร คุณครูประจำชั้นจะเป็นผู้สรุปว่าวันนี้เราได้อะไรมาจากไหนบ้าง อย่างในวันนี้ก็จะเป็นมันฝรั่งจากฟาร์มของโรงเรียน ปลาจากตลาดในท้องถิ่น…
-
ศูนย์สอบเอนทรานซ์ญี่ปุ่นเผย ปีนี้มีคนโกงข้อสอบมากสุดในรอบ 12 ปี จำนวน 12 คน!!
เมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เป็นช่วงที่นักเรียนมัธยมปลายของญี่ปุ่นกว่า 500,000 คน ได้เข้าร่วมการสอบเอนทรานซ์กลางเพื่อนำคะแนนมายื่นเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่ตนเองใฝ่ฝัน ซึ่งหากว่ากันตรงๆ แล้ว การสอบครั้งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดตัดสินชะตาชีวิตของพวกเขาเลยทีเดียว ทำให้หลายๆ คนต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อให้สอบได้คะแนนเยอะๆ และหนึ่งในทางเลือกนั้นก็คือการโกงข้อสอบ ล่าสุดทางศูนย์การสอบเอนทรานซ์กลางของญี่ปุ่นได้ออกมาเปิดเผยว่า ในการสอบที่ผ่านมา มีการจับการโกงข้อสอบได้มากที่สุดในรอบ 12 ปี นับตั้งแต่ปี 2006 ด้วยจำนวนทั้งหมด 12 ราย!! โดยทางศูนย์กล่าวว่า มีการตรวจพบผู้เข้าสอบใช้สมาร์ทโฟนระหว่างการสอบวิชาประวัติศาสตร์ มีการแอบใช้ไม้บรรทัดที่เขียนสูตรคำนวนไว้ ในวิชาคณิตศาสตร์ และการมีการใช้เครื่องคิดเลขในวิชาบัญชี ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดในศูนย์สอบหลายๆ เมืองทั่วประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผู้ที่โกงข้อสอบทั้ง 12 ราย จะถูกลงโทษด้วยการตัดสิทธิ์การสอบในครั้งนี้ และจะไม่มีการตรวจคะแนนให้ในทุกวิชา นี่ขนาดเยอะแล้วนะเนี่ย ยังแค่ 12 คน!!! ที่มา nicovide, โอตาคุบริโภคมาม่า
-
สุนัขญี่ปุ่น “ซัจจัง” อ้วนขึ้นจนเจ้าของแปลกใจ เลยให้รายการทีวีตามสืบชีวิตมันจนพบความจริง
ถ้าที่บ้านของคุณมีสัตว์เลี้ยงหลายตัว คุณเคยสงสัยกันบ้างไหมว่าทำไมตัวหนึ่งมันถึงได้อ้วนเอาๆ ทั้งๆ ที่คุณเองก็ให้อาหารพวกมันในปริมาณที่ปกติ!? เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาคาใจมากๆ ของหญิงสาวชาวญี่ปุ่นรายหนึ่ง จนถึงขั้นเขียนจดหมายเข้าไปยังรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งเพื่อให้พวกเขาช่วยแก้ปัญหานี้ให้เธอเลย นี่เป็นเรื่องราวของคุณฮามาดะ เคย์โกะ วัย 35 ปี อาชีพแม่บ้าน จากจังหวัดวะกะยะมะ ประเทศญี่ปุ่น เธอเล่าผ่านจดหมายว่าที่บ้านของเธอมีสุนัขด้วยกันทั้งหมด 3 ตัว คือซัจจัง ยชจัง และ อิชจัง เธอบอกว่าในตอนแรกเธอได้รับสุนัขที่ชื่อซัจจังมาจากช่างไฟฟ้าคนหนึ่ง แต่นานวันเข้าตัวของมันก็ค่อยๆ บวมขึ้นเรื่อยๆ โดยที่สุนัขอีก 2 ตัวของเธอกลับไม่ได้อ้วนขึ้นเลย คุณฮามาดะเริ่มสงสัยว่าในแต่ละวันมันหายไปไหนบ้างเธอเลยไปถามเพื่อนบ้านบางคน พวกเขาบอกว่าเห็นเจ้าซัจจังเดินไปตามสถานนีรถไฟหรือตามบ้านคนอื่นๆ มีบางคนซื้อขนมให้กินบ้าง หรือให้อาหารบ้าง เธอเลยขอให้ทางรายการออกติดตามดูพฤติกรรมของซัจจังว่ามันไปกินอะไรที่ไหนกันแน่? ทางทีมงานจึงส่งพิธีกรภาคสนาม คุณเอจิเซ็น โฮวตะไปตามติดชีวิตของมันว่าในแต่ละวัน เจ้าซัจจังไปที่ไหน เจอใคร และกินอะไรเข้าไปบ้าง? นี่คือเจ้าซัจจังที่เราพูดถึงล่ะ ร่างกายของมันดูตุ้ยนุ้นจนแทบจะกลายเป็นหมูอยู่แล้ว… นายเอจิเซ็นเริ่มตามดูซัจจังไปเรื่อยๆ จนมาเจอบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของมันเท่าไหร่ เขาได้พูดคุยกับเจ้าของบ้านแล้วพบว่าซัจจังสามารถเดินเข้าออกบ้านหลังนี้ได้อย่างสบายๆ และเคยเข้าไปอาบน้ำกับเจ้าของบ้านมาแล้ว!? ต่อมาซัจจังเริ่มเดินไกลออกไปเรื่อยๆ มันเดินไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่บ้านอีกหลังหนึ่ง คราวนี้นายเอจิเซ็นสังเกตเห็นว่าซัจจังเข้าไปในบ้านที่มีสุนัขสีขาว นั่นคือชิบิจัง…
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นแห่แชร์ภาพ “เจ้าเหมียวที่นอนเหมือนมนุษย์” และมีแต่ความน่ารักแบบแมวๆ
เวลาอากาศเปลี่ยน อุณหภูมิลดลง เป็นที่ทราบกันดีว่าเหล่าสัตว์เลี้ยงของเรา จะหามุมเหมาะๆ เอาตัวเข้าไปซุกในสถานที่อันแสนอบอุ่น อย่างเช่นในกล่องต่างๆ หรือตามมุมของห้อง และอีกวิธีหนึ่งที่พวกเจ้าเหมียวชอบ ก็คือการขึ้นไปนอนบนเตียงของมนุษย์ยังไงล่ะ!! ล่าสุดชาวเน็ตญี่ปุ่นได้แห่แชร์ภาพเจ้าเหมียวที่กำลังนอนหลับสนิทบนเตียงของมนุษย์ บอกได้คำเดียวเลยว่าเหมือนซะจริง คร๊อกฟรี้ ในนี้อบอุ่นจัง หลับสบายเลยนะนาย บางรายก็ไม่รู้ว่าตั้งใจนอนแบบนั้น หรือมนุษย์อยากจะจัดท่าทางให้กันแน่ ถ้าเพื่อนๆ คนไหนมีแมวอยู่ที่บ้าน และอยากมีภาพแบบนี้บ้าง #เหมียวอ๊อดโด้ ขอแนะนำผลิตภัณฑ์เตียงนอนขนาดแมวไซส์จาก IKEA ที่รับรองว่าแมวของเพื่อนๆ จะต้องนอนหลับสนิทตลอดทั้งคืนอย่างแน่นอน (กดซื้อตรงนี้ได้เลย) หรือถ้าเตียงมันใหญ่โตเกินไป ลองดูเป็นฟูกนอนแมวจาก Felissimo กันดีมั้ย น่ารักไม่แพ้กันเลยนะ (กดซื้อตรงนี้ได้เบยย) ขอให้มีความสุขกับการดูเจ้าเหมียวหลับนะฮะ อิอิ ที่มา rocketnews24
-
สื่อญี่ปุ่นเผยแบบสำรวจ ‘สาวญี่ปุ่นนมเล็ก’ พวกเธอรู้สึกอย่างไรกับ “หน้าอกของตัวเอง”
เรียกได้ว่าเรื่องของ ‘หน้าอก’ เป็นปัญหาที่อาจจะคาใจหญิงสาวหลายๆคน บางคนที่อกใหญ่ก็มักจะบอกว่าไม่ค่อยดีเลย รู้สึกอึดอัด กลับกันคนที่อกเล็ก ก็มักจะบอกว่าอยากมีหน้าอกที่ใหญ่ขึ้น เพราะจะได้ใส่เสื้อผ้าสวยๆ และด้วยความที่สื่อในญี่ปุ่น Rocketnews24 อยากที่จะเรียนรู้ และทำความเข้าใจหัวอกของผู้หญิงนมเล็กให้มากยิ่งขึ้น จากผลสำรวจทำให้ได้ 10 คำตอบยอดฮิตจากสาวญี่ปุ่นนมเล็กทั้งหมด 3,772 คน เราตามไปดูกันเลย ว่าส่วนใหญ่แล้ว พวกเธอมีท่าทีต่อหน้าอกตัวเองยังไงบ้าง 10. ทำยังไงนมก็ไม่ใหญ่ขึ้นเลย ไม่ว่าจะกินนมมากแค่ไหนก็ตาม (119 โหวต) 9. พยายามที่จะทำกายบริหารทุกวิถีทางเพื่อให้มีหน้าอกที่ใหญ่มากยิ่งขึ้น (132 โหวต) 8. มีคนมากมายมาบอกเราว่า “โชคดีจังที่เกิดมาตัวผอม” (187 โหวต) 7. บ่อยครั้งที่มีไอเดียโผล่เข้ามาในหัวว่า ‘เจ้าร่องอก’ ที่ดูเรียบๆแบบนี้ มันควรจะเป็นอะไรกันแน่ (262 โหวต) 6. ถึงจะนมเล็ก แต่ยังไงก็ยังรู้สึกเมื่อยไหล่อยู่เหมือนกันนะ! (334 โหวต) 5. เชื่อว่าซักวันหนึ่งมันจะต้องใหญ่ขึ้นไม่มากก็น้อยแหละ (337…
-
นักท่องเที่ยวทำกระเป๋าเงินหายในญี่ปุ่น สุดท้ายได้คืนที่สถานีตำรวจ เงินครบ ไม่หายซักแดง!?
กลายเป็นเรื่องราวสุดประทับใจเลยทีเดียว สำหรับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียคนหนึ่งที่ได้ไปท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น แล้วบังเอิญทำกระเป๋าเงินตกหาย ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็คงจะได้แต่ทำใจว่า ไม่ได้คืนแล้วแน่ๆ โชคดีที่มีพลเมืองดีเก็บมาคืนสถานีตำรวจ และเงินในนั้นจำนวนกว่า 48,000 บาท ก็ยังอยู่ครบไม่หายไปไหนเลยแม้แต่แดงเดียว!! นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียทำกระเป๋าเงินหายที่ญี่ปุ่น เรื่องราวเกิดขึ้นที่เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น เมื่อนักท่องเที่ยวชาวมาลาเซียรายนี้เดินทางไปยังเมืองเกียวโต เมื่อถึงที่หมายแล้ว เขาก็เดินท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ จนกระทั่งสองชั่วโมงต่อมา เขาก็เพิ่งจะรู้ตัวว่ากระเป๋าเงินของเขาหายไป และด้วยความตกใจ เขาจึงรีบไปที่สถานีตำรวจในทัน เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ทำการตรวจสอบระบบข้อมูลของหาย เมื่อถึงสถานีตำรวจ เขาทำการแจ้งความกับตำรวจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำการตรวจสอบรายละเอียดแล้วก็พบว่ามีพลเมืองดีเก็บกระเป๋าเงินของเขานำมาส่งให้กับสถานีตำรวจอีกแห่งเป็นที่เรียบร้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังกังวลว่าเงินในกระเป๋ากว่า 50,000 บาท จะหายไปหรือเปล่า เงินจำนวน 113,000 เยน และ 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทันทีที่เขาได้กระเป๋าเงินกลับมา เขาก็ทำการตรวจเช็คทันที พบว่าเงิน 113,000 เยน และอีก 400 ดอลลาร์สหรัฐ รวมมูลค่ากว่า 48,000 บาท ยังคงอยู่ครบ ไม่หายไปแม้แต่สลึงเดียว!! เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็รู้สึกตื้นตันเป็นอย่างมาก…
-
รถไฟญี่ปุ่นช่วงหนาวเหน็บ กับน้ำใจอบอุ่นของคนแปลกหน้า ที่ฝากช่วยปลุกเมื่อถึงสถานี…
ว่ากันว่าในยุคสมัยที่คนเรามักจะมองหาแต่ความสุขของตัวเอง จนลืมที่จะหยิบยืนความช่วยเหลือให้กับผู้อื่น แต่สำหรับชาวญี่ปุ่นหลายๆ คนแล้ว แม้จะเป็นเรื่องที่เล็กน้อยแค่ไหน ก็ไม่อาจจะมองข้ามไปได้เลย เรื่องราวที่ #เหมียวเลเซอร์ กำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้ เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ @ameni1952 ทำการโดยสารรถไฟเพื่อไปทำงานตามปกติ ซึ่งในช่วงเช้าตรู่ขนาดนั้น ก็ยังไม่ตื่นเต็มที่ ยังคงมีอาการง่วงอยู่บ้าง ในระหว่างที่ใกล้จะหลับใหล เพราะยังไม่ถึงสถานีปลายทาง Kikuna ในเมืองโยโกฮามา เขาเว้าวอนให้ชายแปลกหน้าคนข้างๆ ช่วยปลุกหน่อย ถ้าหากว่ารถไฟถึสถานีปลายทางของเขาแล้ว เมื่อฝากให้ช่วยปลุกเรียบร้อย เขาก็ผลอยหลับไป Kikuna Station หนึ่งในสถานีรถไฟของเมืองโยโกฮามา หลังจากนั้นเพียงไม่นาน เขาก็ถูกปลุกให้ตื่นจากคนแปลกหน้าที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่ทว่าบุคคลดังกล่าวไม่ใช่คนที่เคยขอร้องช่วยปลุกไว้ ซึ่งอาจจะเกิดจากเหตุการณ์ที่ว่าคนที่เขาเคยขอช่วยปลุกไว้ในตอนแรก มีความจำเป็นที่จะต้องลงสถานีก่อนหน้านั้น และฝากหน้าที่ช่วยปลุกให้กับคนอื่นแทน สภาพของหัวขบวนรถไฟที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ในช่วงปลายปี 2016 แม้จะไม่มีการยืนยันจากชายแปลกหน้าคนนั้นว่าเขาได้ฝากหน้าที่ช่วยปลุกให้กับคนอื่นหรือไม่ แต่ก็ถือว่าเขาทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเลย สิ่งเดียวที่ทำให้คุณ @ameni1952 รู้สึกไม่ดีก็คือเขาไม่สามารถกล่าวขอบคุณกับชายคนนั้นได้ด้วยตัวเอง และหลังจากที่เรื่องดังกล่าวเริ่มแพร่กระจายออกไป ชาวเน็ตญี่ปุ่นก็ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ที่คล้ายๆ กัน…
-
ชุดเครื่องแบบจนท. ดูแลศาลเจ้าญี่ปุ่น ช่วงปีใหม่ เหมือนหลุดมาจากอนิเมะ เท่ได้อีกก!!
ว่ากันว่า ‘ญี่ปุ่น’ เป็นประเทศที่ไปเที่ยวได้อย่างไม่มีวันเบื่อ ใครที่ได้ไปแล้วก็มักจะติดใจ อยากจะไปอีกหลายๆรอบ เพราะมันช่างเต็มไปด้วยสีสันจากผู้คน ความสวยงามจากธรรมชาติ และเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้น ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมานี้เอง ‘ศาลเจ้าสึรุงะโอะกะ ฮะจิมัง’ ถือว่าเป็นอีกสถานที่ๆ ได้รับความนิยมจากทั้งคนญี่ปุ่นเอง และนักท่องเที่ยว ที่ต่างเดินทางมาเพื่อสวดมนต์ขอพรต้อนรับปีใหม่ ‘ศาลเจ้าสึรุงะโอะกะ ฮะจิมัง’ อายุมากกว่า 900 ปี แต่ความพิเศษอย่างหนึ่งที่ทางศาลเจ้าแห่งนี้ได้จัดขึ้น เพื่อต้อนรับแขกผู้มาเยือนทุกคนในช่วงที่ผ่านมา ก็คือชุดเครื่องแบบของเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความเรียบร้อยนั่นเอง เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ช่างเป็นการผสานวัฒนธรรมยุคเก่า และยุคใหม่ ได้ลงตัวดีจริงๆ หล่อเท่ซะยิ่งกว่าชุดของที่ไหนๆ เหมือนมีเจ้าหน้าที่จากการ์ตูนมาคอยดูแลเลย ไม่ว่าจะเด็ก สตรีมีครรภ์ หรือผู้สูงอายุ เจ้าหน้าที่จะคอยดูแลรักษาความเรียบร้อยให้อย่างดี ส่วนเหตุผลที่ได้เลือกใช้ชุดรูปแบบนี้ก็เพราะว่ามีสีแดงที่สะดุดตา และการออกแบบชุดของเจ้าหน้าที่ให้อารมณ์เหมือนหน่วยงานในการ์ตูน ที่พร้อมจะกำจัดเหล่าวายร้ายที่ออกมาสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน อีกทั้งยังเป็นที่สะดุดตาต่อนักท่องเที่ยว เข้ามาขอความช่วยเหลือได้ทันที และยังช่วยให้การควบคุมประชาชนที่หลั่งไหลกันเข้ามาเป็นจำนวนมากได้ง่ายอีกด้วย ไม่ใช่มีแค่ผู้ชายเท่านั้น เจ้าหน้าที่หญิงก็มีเหมือนกัน แถมยังแต่งตัวออกมาได้ดูน่ารัก น่าเชื่อฟังสุดๆ อร๊ายย >< นอกจากจะดูเท่ไม่ซ้ำใครแล้ว…
-
เปิดใจ… คู่รักชาวญี่ปุ่น กลับมาคุยกันครั้งแรก หลังจากที่สามีไม่ยอมพูดกับภรรยาตลอด 20 ปี!!
สำหรับคนสองคน ที่ได้ตัดสินใจเข้าสู่ชีวิตคู่แล้ว เชื่อว่ามันไม่ได้มีนอกจากความรักเท่านั้น ที่จะช่วยทำให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ แต่มันยังรวมถึงความเข้าใจ การดูแลเอาใจใส่ และการยอมรับซึ่งกันและกัน ถึงแม้ว่าบางครั้งอาจจะมีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่ทว่าชีวิตคู่ของคุณพ่อ คุณแม่ จากครอบครัวนี้มันช่างแตกต่างออกไป เพราะฝ่ายคุณพ่อไม่ยอมพูดคุยกับภรรยาของเขาเลยแม้แต่คำเดียวมาโดยตลอด 20 ปี มีเพียงแค่การทำเสียงฮึดฮัดใส่กัน หรือทำหน้าเหวี่ยงใส่กันเท่านั้น จนกระทั่ง ‘โยชิกิ’ ลูกชายวัย 18 ปีเพียงคนเดียวของทั้งคู่ รู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด จึงได้เขียนจดหมายไปขอร้องรายการทีวีแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น โดยหวังว่าจะช่วยทำให้ทั้งคู่กลับมาพูดคุยกันได้อีกครั้ง ‘คาตายาม่า’ และ ‘ยูมิ’ สามีภรรยาที่อยู่ใต้ชายคาเดียวกันมาโดยตลอด โดยเนื้อหาในจดหมายจากลูกชายได้ระบุไว้ว่า “คุณพ่อของผมกำลังจะเกษียณอายุในอีกไม่ช้านี้ และผมก็กลัวว่าความสัมพันธ์อันแสนจะกล้ำกลืนฝืนทนของพ่อแม่ ต้องลงเอยด้วยการหย่าร้าง ผมรู้มาโดยตลอดว่ามีอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่ด้วยความเย็นชาของคุณพ่อ ทำให้ผมไม่สามารถที่จะเข้าไปแก้ไขจุดนี้ได้เลย” ทางรายการจึงได้จัดแจงให้ทั้งคู่ได้มีเวลาส่วนตัวกันบ้าง โดยให้ลูกเฝ้ารออยู่ห่างๆ และในที่สุด ‘คาตายาม่า’ ก็ได้ปริปากพูดกับภรรยาออกมาเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี คลิปวิดีโอจากรายการ เมื่อทั้งคู่ได้นั่งคุยกันอย่างเปิดอกอีกครั้ง บทสนทนาแรกที่ทั้งคู่กลับมาคุยกัน มีดังนี้… “ยูมิ ฉันรู้ดีว่ามันนานมาแล้วที่เราไม่ได้คุยกันแบบนี้ ที่ผ่านมาเธอคือคนที่คอยดูแล และเป็นห่วงลูกๆมาโดยตลอด…
-
อนาคตยุคปัจจุบัน!! บริษัทประกันภัยญี่ปุ่นปลดพนักงานกว่า 30 คน แล้วนำ AI เข้ามาทำงานแทน
อนาคตที่เหล่าแรงงานจากมนุษย์จะถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรกำลังจะใกล้ความจริงขึ้นไปทุกทีแล้ว… เมื่อบริษัทประกันภัยในประเทศญี่ปุ่นได้ทำการปลดพนักงานกว่า 30 คน และนำระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) ที่สามารถคำนวณการจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้ถือกรมธรรม์ได้เข้ามาแทนที่ บริษัท Fukoku Mutual Life Insurance เชื่อมั่นว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้มากขึ้นถึง 30% และคาดว่าจะได้กำไรคืนจากการลงทุนในครั้งนี้คืนภายในสองปี ทางบริษัทได้กล่าวเอาไว้ว่าพวกเขาจะประหยัดเงินทุนได้มากกว่า 43 ล้านบาท และหลังจากใช้ไป 1 ปีก็จะประหยัดลงไปอีก 61 ล้านบาท โดยระบบ AI นั้นจะถูกติดตั้งในเดือนนี้และจะมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาประมาณ 4.3 ล้านบาทต่อปี แน่นอนว่าการทำแบบนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อพนักงานที่จะต้องถูกปลดออกไปในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ เป็นจำนวน 34 คนเท่าไหร่นัก โดยระบบดังกล่าวนี้เป็นฐานข้อมูลจากบริษัท IBM (ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และให้บริการด้านคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ รายใหญ่ของโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สหรัฐอเมริกา) ปัจจุบันนี้พวกเขาได้ทำการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีองค์ความรู้ และมีความคิดความอ่านเหมือนกันกับมนุษย์ได้แล้ว มันสามารถวิเคราะห์และตีความข้อมูลต่างๆ อันประกอบไปด้วยข้อความ รูปภาพ ไฟล์เสียง และไฟล์วิดีโอ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการนำมันมาใช้กับบริษัทประกันภัย จะทำให้เจ้า AI…
-
20 อันดับสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งชาวต่างชาติโหวตว่าน่าไปที่สุดในญี่ปุ่น และคุณไม่ควรพลาด..
ถ้าพูดถึงหนึ่งในประเทศที่คนไทยอยากและชอบไปเที่ยวกันมากที่สุดก็คงไม่พ้นประเทศญี่ปุ่น ดินแดนซามูไรแห่งนี้นี่แหละ และล่าสุดทาง Trip Advisor ก็ได้เผยผลโหวต 20 สถานที่ยอดนิยมในญี่ปุ่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ร่วมกันโหวตว่าแต่ละที่เหล่านี้แหละ ต้องไปให้ได้ และนี่ก็คือ 20 สถานที่ยอดฮิตดังกล่าว มาดูกันเลยว่าจะมีสถานที่ๆ คุณเคยไป หรือสถานที่ในดวงใจของเพื่อนๆ ติดมากันบ้างหรือเปล่า!? 20. ยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอส์ เจแปน (โอซาก้า) 19. โตเกียวทาวเวอร์ 18. ศาลเจ้าเมจิ (โตเกียว) 17. ย่านโอไดบะ (โตเกียว) 16. ย่านโอโมเตะซันโด (โตเกียว) 15. รถไฟสายฮาโกเน่ โทซัง (จังหวัดฮายากาว่า) 14. อาคารชมวิวอูเมะดะสกาย (โอซาก้า) 13. พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์อุบัติใหม่แห่งชาติ Miraikan (โตเกียว) 12. สวนสัตว์อะซาฮิยาม่า (ฮอกไกโด) 11.…
-
ผู้บริหาร Dentsu ประกาศลาออกแสดงความรับผิดชอบ หลังพนักงานทำงานหนักจนฆ่าตัวตาย
หากใครยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้#เหมียวฟิ้นได้เคยเขียนบทความเกี่ยวกับการทำงานในสไตล์ชาวญี่ปุ่น จนทำให้เกิดความเครียดสะสมและมีการฆ่าตัวตายนับครั้งไม่ถ้วน (อ่านบทความชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตจากการ “ทำงานหนัก” ได้ที่นี่เลย) ซึ่งในบทความนั้นได้มีการกล่าวถึงพนักงานสาว Matsuri Takahashi วัย 24 ปี ของบริษัทโฆษณา Dentsu Inc. ที่ฆ่าตัวตายเมื่อช่วงปลายปี 2015 เนื่องจากเธอต้องแบกภาระหน้าที่ที่หนักจนเกินไป และมีชั่วโมงการทำงานล่วงเวลามากถึง 105 ชั่วโมงต่อเดือนเลยทีเดียว ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2016 ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศหลายๆ แห่งเช่น Dailymail, Theguardian และ Businessinsider ได้ออกมารายงานว่าผู้บริหารสูงสุดของ Dentsu Inc. อย่างนาย Tadashi Ishii ได้จัดงานแถลงข่าวลาออกจากตำแหน่งแล้ว ตามรายงานบอกว่านาย Tadashi Ishii ได้โค้งคำนับต่อสื่อมวลชนและกล่าวว่าเขาจะก้าวลงจากตำแหน่งผู้บริหารในเดือนถัดไปเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยในงานนาย Tadashi ได้กล่าวว่า “การทำงานที่มากเกินไปไม่ควรเกิดขึ้นในญี่ปุ่นเลย ผมรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งและรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และจะขอลาออกในฐานะผู้บริหารในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้” จากข่าวก่อนหน้านี้บอกว่า Matsuri Takahashi ได้รับมอบหมายงานที่เยอะมาก เธอกลับบ้านเร็วสุดคือ 4 ทุ่ม และยิ่งเมื่อเธอผ่านโปรในเดือนตุลาคม 2015…
-
“ขอบคุณนะ” สามีญี่ปุ่นได้เห็นความเหนื่อยของภรรยา การเป็นแม่บ้าน ไม่ได้สบายอย่างที่คิด
หลายๆ คนอาจเคยมีความคิดว่า การเป็นแม่บ้านนั้นสบาย เพราะไม่ต้องออกไปทำงานที่ไหน ผิดกับสามีที่เป็นคนออกไปหาเลี้ยงครอบครัว ต้องทำงานหนักกว่าแน่ๆ… แต่นั่นเป็นเรื่องจริง? หรือเป็นแค่ความคิดของเราเท่านั้น? ถ้าหากอยากจะรู้ว่าจริงๆ แล้ว ใครเป็นผู้ที่รู้สึกเหนื่อยมากกว่ากัน สั้นกึ่งสารคดีจากประเทศญี่ปุ่นเรื่องจะให้อีกมุมมองหนึ่งที่แตกต่าง และอาจทำให้ความคิดของเพื่อนๆ เปลี่ยนไปก็เป็นได้นะ หนังสั้นกึ่งสารคดีเรื่องนี้มีชื่อว่า Itsumo Arigato (Thank You Always) ผลงานจากทีม Kao Corporation พวกเขาได้ตามติดชีวิตของสามีภรรยาคู่หนึ่งที่อาศัยอยู่ในกรุงโตเกียว โดยทางทีมงานได้พาสามีผู้เป็นเสาหลักของบ้าน ไปแอบดูชีวิตของภรรยาของเขาในแต่ละวัน เพื่อหาคำตอบว่าเธอมีกิจวัตรต้องทำอะไรบ้างในแต่ละวัน ตั้งแต่เช้าจรดเย็น… ทางทีมงานพาสามีมานั่งซุ่มในรถตู้และติดตามชีวิตภรรยาผ่านกล้อง ในการแอบดูครั้งนี้ เขาก็ได้เห็นชีวิตจริงๆ ของภรรยาที่ต้องตื่นตั้งแต่เช้า ทำความสะอาดบ้าน พร้อมๆ กับดูแลลูกน้อยไปด้วย เมื่อทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้ว ก็ออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต แถมต้องแบกข้าวของทั้งหมดกลับมาคนเดียว (รวมถึงการแบกอุ้มลูกไปด้วย) ซึ่งจากการสำรวจแล้ว โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้หญิงญี่ปุ่นต้องแบกของหนัก 7 กิโลกรัมทุกวัน อันเป็นข้าวของใช้ภายในบ้าน ขณะที่ผู้ชายญี่ปุ่นแบกเพียงแค่ 3 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ ปากกา หรือสมุดอะไรพวกนั้น…
-
อาชีพใหม่มาแรงในญี่ปุ่น ‘คุณลุงให้เช่า’ การรับจ้างมาเป็นลุง พร้อมมอบความสุขถ้วนหน้า!!
ว่ากันว่าที่ญี่ปุ่น มีทุกสิ่งอย่างให้เปิดบริการให้คุณเช่า แม้แต่ ‘คน’ ด้วยความที่วิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นในเมืองใหญ่ ต้องแข่งขันกับเวลา ทำงานตั้งแต่เช้าจรดเย็น และอาจไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องอย่างอื่น จึงทำให้เกิดธุรกิจรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเช่าแฟน เช่าเพื่อน และล่าสุดตอนนี้ได้เปิดให้บริการแล้วกับ ‘เช่าลุง’ ถ้าใครที่ไปญี่ปุ่นแล้วรู้สึกเหงา เปล่าเปลี่ยวหัวใจ อยากได้ชายวัยกลางคนซักคน ให้มาเป็นที่ปรึกษาบริการดุจญาติมิตรละก็ เราขอแนะนำให้รู้จักกับเว็บไซต์ ossanrental #เหมียวบ็อบ ได้ลองเข้าไปสำรวจดูแล้วพบว่า มีคุณลุงมากมายหลายคนให้ลูกค้าได้เลือกสรร สนนราคาอยู่ที่ 1,000 เยน ต่อชั่วโมง (ประมาณ 300 บาท) เว็บไซต์ดังจากญี่ปุ่น Rocketnews24 จึงได้ทำการทดลองว่าจ้างคุณลุงวัย 47 ปี ‘Takanobu Nishimato’ อดีตแฟชั่นสไตลิสต์ ที่เคยทำงานทั้งในญี่ปุ่น และสหรัฐฯ มาทำการสัมภาษณ์ซะเลย วิธีการเช่าคุณลุงก็แสนจะง่ายดาย เพียงแค่เพิ่มชื่อคนที่เราต้องการลงในรถเข็นช็อปปิ้งของเว็บไซต์ จากนั้นก็ทำการนัดวัน และสถานที่ งานนี้ทางทีมงานได้นัดคุณลุงผู้ใจดี มาที่สถานีรถไฟ ‘Ebisu’ ในย่านชินจูกุ พร้อมกับการเชิญคุณลุงไปสัมภาษณ์เล็กๆน้อยๆ คุณลุงเล่าว่า…
-
Otona Maki การบำบัดสไตล์ญี่ปุ่น ใช้ผ้าห่อตัวเหมือนในครรภ์แม่ ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย!!
อเมื่อกล่าวถึงการบำบัดอาการผิดปกติเกี่ยวกับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นอาการป่วย ความเครียด ลักษณะนิสัยที่ไม่พึงประสงค์ เช่นสมาธิสั้น ปากคอเราะร้าย แล้ว หลายๆ คนก็จะมีวิธีในการบำบัดที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็ไปเข้าวัดฟังธรรมเพื่อให้จิตใจผ่องใส บ้างก็ไปเล่นโยคะเพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรงไม่เป็นโรค บ้างก็ไปห้องอบซาวน่าเพื่อสร้างความสบายใจ เป็นต้น แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมกิจกรรมบำบัดสุดแปลกของชาวญี่ปุ่น ที่ต้องขอบอกเลยว่าพอได้เห็นแว๊บแรกนี่ถึงกับอ้าปากค้างเลยทีเดียว กิจกรรมบำบัดนี้มีชื่อเรียกว่า Otona Maki (おとなまき) หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า ‘การห่อตัวผู้ใหญ่’ เป็นการรักษาแบบญี่ปุ่นจริงๆ โดยมีแนวคิดว่าการจัดท่าทางที่ถูกต้องนั้นจะทำให้เกิดการรักษาเยียวยาสุขภาพร่างกาย เหมือนกับทารกที่ขดตัวอยู่ในครรภ์มารดา มีพัฒนาการจนนำไปสู่สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อุปกรณ์ก็ไม่มีอะไรมากเลย เป็นผ้าแบบชนิดพิเศษที่สามารถถ่ายเทอากาศได้ดี นำมาห่อหุ้ม พร้อมกับจัดท่าทางให้เหมือนกับทารก มัดไว้ให้แน่น จากนั้นก็แช่ทิ้งไว้ในท่าทางนั้น เป็นเวลาอย่างน้อย 20-50 นาที โดยผู้เข้ารับการบำบัดได้อ้างว่าการทำแบบนี้แล้วจะช่วยในเรื่องของการนวดร่างกาย และช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพให้ดูดีมากยิ่งขึ้น เท่านั้นยังไม่พอ ยังช่วยให้ขยับเขยื้อนร่างกายได้ง่ายยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันบางส่วนก็บอกว่าช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายราวกับว่าได้อาศัยอยู่ในถุงน้ำคร่ำของแม่เลยทีเดียว และทางด้าน Yayoi Katayama ผู้เขียนบล็อก Vienna-Juku ก็ได้ออกมาให้ความเห็นสนับสนุนการบำบัดแบบ Otona Maki ว่า ‘ถึงจะดูแปลกๆ แต่มันก็ได้ผลจริง…
-
จากขนมหวานมาสู่ “ชุดชั้นในเค้กสตรอเบอรี่-ช็อคโกแลต” ของศิลปินชาวญี่ปุ่น ยั่วใจให้สั่นระรัว!!
เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ศิลปินชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งชื่อว่า Erimo ได้ปล่อยภาพวาดแนวการ์ตูนแอนิมะญี่ปุ่นออกมา โดยเป็นภาพของตัวละครหญิงสองตัวสวมเพียงชุดชั้นในที่ได้แรงบันดาลใจมาจากขนมหวาน และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากชาวเน็ต หลังจากภาพนี้เผยแพร่ออกไป และได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง Erimo ก็คิดว่า “ทำไมเราถึงไม่ทำชุดชั้นในที่ได้รับแรงบันดาลใจจากขนมหวานออกมาล่ะ?” ดังนั้นเธอจึงร่วมมือกับนักทำขนมหวาน mia และนักออกแบบชุดชั้นใน “Reine Narumi” เพื่อสร้างชุดชั้นขนมหวานออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง และนี่คือผลงานต้นแบบของพวกเขา พวกเขาเรียกโปรเจคนี้ว่า “Sweets Lingerie” หรือ “ชุดชั้นในของหวาน” ชุดชั้นในเค้กสตรอเบอร์รี่ ชุดชั้นในเค้กช็อคโกแลต เห็นแล้วอยากได้ของหวานเพิ่มเติมเลยมั้ยล่ะ ตอนแรกพวกเขาได้ทำการระดมทุนบนเว็บไซต์ Camp-Fire โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1 ล้านเยน แต่ตอนนี้เหลือเวลาอีก 44 วัน พวกเขาสามารถระดมทุนได้สูงถึง 3.75 ล้านเยนเข้าไปแล้ว เรียกว่าอนาคตสดใสกันเลยทีเดียว ใครสนใจก็ไปช่วยกันระดมทุนกันได้นะฮะ จะซื้อมาให้เองหรือเอาให้คนที่รักใส่ ก็ได้เหมือนกัน รับรองว่าฟินแน่นอน ฮาา ที่มา rocketnews24
-
17 สิ่งประดิษฐ์สุดล้ำจากญี่ปุ่น ถึงจะดูแปลกๆ แต่มันก็น่าใช้งานนะเนี่ย!!
ต้องขอบอกเลยว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาก็จะมีการประดิษฐ์สิ่งของล้ำๆ ออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับชาวญี่ปุ่นมากมาย จนบางครั้งเราถึงกับต้องอุทานออกมาเลยว่า มันอะไรกันเนี่ย??? ฮร่า ในวันนี้เอง #เหมียวหง่าว ก็จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมนัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ล้ำๆ ของประเทศญี่ปุ่น ที่เค้าผลิตกันออกมาขายจริงๆ ซึ่งดูแล้วมันก็อาจจะดูแปลกตาไปบ้าง แต่มันก็มีประโยชน์จริงๆ นะเออ!! 1. เครื่องแช่เท้าแบบพกพาให้ความรู้สึกเสมือนจริง อยากจะแช่เท้าในน้ำอุ่นๆ ก็สามารถหยิบออกมาแช่ที่ไหนก็ได้ 2. โต๊ะสารพัดประโยชน์ ไม่ว่าจะนั่งหรือนอน ก็สามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้แบบสบายๆ 3. ทัพพีวัดปริมาณแคลอรี่ ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก 4. เครื่องรีไซเคลิกระดาษเหลือใช้ให้กลายเป็นกระดาษทิชชู่ ไม่ต้องโยนเศษกระดาษทิ้งเรี่ยราดอีกต่อไปแล้ว 5. แว่นตาแคปเจอร์ ทำให้เราไม่พลาดเก็บภาพในช็อตสำคัญๆ 6. พรมเช็ดเท้าที่ทำให้ทั้งเท้าและพรมแห้งได้แบบทันที 7. ชุดแมวเหมียวที่สามารถพาเจ้าเหมียวไปไหนมาไหนได้ 8. เบาะขาตั้งสมาร์ทโฟนที่ใช้ในระหว่างอาบน้ำ ช่วยให้การอาบน้ำเป็นเรื่องที่น่าสนุกมากยิ่งขึ้น 9. ร่มส่องไฟ ไม่ต้องหุบร่มเวลาจะก้มหากุญแจบ้าน แค่เปิดไฟกริ๊กเดียวก็เจอแล้ว 10.…
-
ชมความน่ารักของ ‘ขบวนรถนายกฯ ญี่ปุ่น’ ที่ตำรวจชะโงกออกทางหน้าต่างรถ เพื่อโบกขอทาง..
สำหรับเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวๆ สายลับ คงเคยเห็นฉากที่เหล่าบุคคลสำคัญต่างๆ ต้องออกเดินทางโดยการโดยสารรถยนต์กันมาบ้างแล้ว ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องมีกฏระเบียบมากมายเพื่อการอารักขาความปลอดภัย ต้องมีรถบอดี้การ์ดประมาณ 4 – 5 คันขับนำหน้า และปิดท้าย มีการปิดถนน เปิดสัญญาณไปเขียวตลอดการเดินทางเพื่อให้สัญจรได้อย่างสะดวก แถมยังต้องมีการจำกัดความเร็วไว้ไม่ต่ำกว่า 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อจับสังเกตเหล่าผู้ก่อการร้ายหรือตัวโกงที่จะเข้ามาลอบทำร้าย เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าในชีวิตจริงเพื่อนๆ ก็คงจะเคยประสบพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ด้วยเช่นกัน แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมขบวนรถของท่านนายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ของประเทศญี่ปุ่น ขณะที่กำลังเดินทางโดยสารรถยนต์ ต้องขอบอกเลยว่ามันช่างน่ารัก ดูไม่จริงจังเหมือนกับในหนังเอาซะเลย ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กันก่อนเลยดีกว่า… จากในคลิปเราจะเห็นได้ว่าขบวนรถอารักขาจะมีเจ้าหน้าที่ชุดดำ พร้อมกับสวมถุงมือสีขาวที่เห็นได้ชัด โผล่ออกมาจากกระจกด้านข้างเพื่อทำการโบกรถ ซึ่งดูแล้วจะเข้าใจได้ว่าพวกเขามีการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีว่าจะต้องมีการโบกรถแบบนี้ เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่โบกรถได้ทำการคำนับหัวลงอย่างนอบน้อม ราวกับเป็นการขออนุญาตให้ขบวนรถแทรกเข้าไปในเลนถนน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ เป็นอย่างดี จึงทำให้การแทรกเข้ามาในเลนใช้เวลาไม่มาก เพียงแค่ไม่ถึง 20 วินาทีเท่านั้น ทำให้ส่งผลกับการจราจรเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับตำแหน่งใหญ่โตของท่านนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่ถึงจะดูน่ารักน่าชังแต่การอารักขาของเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้หย่อนยานลงไปแต่อย่างใด เพราะที่เห็นจากการเดินทางโดยรถไฟของจักรพรรดิ Akihito และภรรยาที่เดินทางจากสถานีรถไฟ Tokyo Station ไปยังพระราชวังหลวง ก็มีบอดี้การ์ดอารักขามากถึง…
-
แนวคิดจาก CEO บริษัทคาลบี้ เพราะการพัฒนาบุคลากรสำคัญกว่า การให้ทำโอทีจึงไม่จำเป็น…
พูดถึงในเรื่องของการทำหน้าที่การงานภายในบริษัทเอกชนต่างๆ ผู้บริหาร นายจ้างหรือหัวหน้าใหญ่ มักจะมอบหมายงานให้บุคลากรแต่ละแผนกทำอย่างแข็งขัน แบบชนิดที่ว่ายิ่งทำงานให้บริษัทมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี เพราะนั่นหมายถึงปริมาณงานที่สามารถดำเนินการได้อย่างไม่สิ้นสุด แต่ทว่าแนวคิดดังกล่าวจะนำไปสู่การทำงานล่วงเวลา โดยในปัจจุบันไม่ว่าบริษัทไหนๆ ก็มีระบบดังกล่าวเข้ามาแล้ว อาจจะเป็นการทำงานที่เร่งด่วน หรืองานสะสมคั่งค้าง แต่มองในอีกมุมหนุึ่งของคนที่ต้องทำงานล่วงเวลา การทำงานแบบนี้ส่งผลดีหรือผลร้ายกับใครกันแน่ พวกเขาเต็มใจที่จะทำหรือไม่? บังคับให้ทำงานเกินเวลาโดยไม่นึกถึงจิตใจของพนักงานเลยรึเปล่า? ด้วยเหตุนี้เองทางด้านคุณ Akira Matsumoto ประธานบอร์ดบริหาร ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัทผลิตขนมในเครือคาลบี้ แห่งประเทศญี่ปุ่น ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวประเด็นการทำงานล่วงเวลาและมุมมองการบริหารงานของบริษัทไว้น่าสนใจมากเลยทีเดียว เนื่องจากตัวเขาเองนั้นมีแนวคิดที่แตกต่างจากการบริหารงานบริษัทอื่นๆ ที่ไม่ค่อยจะมองกัน นั่นก็คือการลงทุนกับปริมาณงานนั้น แทบจะเทียบกับการลงทุนพัฒนาศักยภาพของพนักงานไม่ได้เลย โดยเฉพาะในสังคมญี่ปุ่นที่มักจะมีภาพติดตาของเหล่าพนักงานบริษัททำงานหามรุ่งหามค่ำ กลับบ้านดึกดื่นเพราะต้องทำงานล่วงเวลา จนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับคุณ Akira Matsumoto แล้วเขากลับแย้งว่า ‘เลิกซะเถอะ กับการทำงานล่วงเวลาเนี่ย’ มุมมองของเขานั้น เล็งเห็นว่าถ้าหากให้พนักงานใช้เวลาไปกับการทำงานล่วงเวลาเพียงอย่างเดียว เวลาส่วนนั้นก็จะไม่เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาศักยภาพของพนักงานเลย เพราะนั่นคือเวลาว่างของพวกเขาหลังจากการเลิกทำงานตามเวลาปกติ คุณ Akira Matsumoto ไม่กังวลในเรื่องของการจ่ายค่าโอทีเลยแม้แต่น้อย มันเป็นเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น แต่สิ่งที่เขากังวลมากกว่าก็คือ ถ้าให้พนักงานทำโอทีบ่อยๆ ก็จะกลายเป็นคนที่ด้อยประสิทธิภาพไปเรื่อยๆ…
-
การค้นหาร่างลูกสาวตลอด 5 ปี จากเหตุภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ของคุณพ่อผู้ไม่เคยสิ้นหวัง…
เมื่อห้าปีก่อน โลกต้องเผชิญกับโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ นั่นก็คือเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ฟุกิชิมิ ประเทศญี่ปุ่น ความรุนแรงของแผ่นดินไหว ทำให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดยักษ์ซัดเข้าชายฝั่ง รวมทั้งทำให้เกิดภัยพิบัติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ แน่นอน ในภัยพิบัติครั้งนั้น มีหลายพันครอบครัวต้องสูญเสียสมาชิกอันเป็นที่รักไป รวมถึงคุณโนริโอะ คิมูระ วัย 50 ปี จากเมืองโอคุมะคนนี้ด้วยเช่นกัน ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ที่แล้ว เขาสูญเสียคุณพ่อ ภรรยา และ ยูนะ ลูกสาววัย 7 ขวบไปจากคลื่นสึนามิที่ถาโถมเข้ามา หลังจากเหตุการณ์สงบลง ก็พบศพพ่อและภรรยาของเขา แต่ดูเหมือนว่ายูนะ ยังไม่มีทีท่าว่าจะเจอศพแต่อย่างใด นับตั้งแต่นั้นมา เขาได้ฝ่าซากปรักหักพังและกัมมันตรังสีเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ พร้อมกับอุปกรณ์ขุดดิน และลงมือค้นหาร่างของยูนะด้วยตัวของเขาเอง ในช่วงแรก เขาได้ทำการค้นหาเพียงลำพัง แต่เมื่อข่าวเผยแพร่ออกไป ก็มีอาสาสมัครมากมายเข้ามาร่วมช่วยค้นหา ซึ่งในแต่ละปี พวกเขาจะเข้ามายังพื้นที่ 30 วัน วันละ 5 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับกัมมันตรังสีมากเกินไปจนเป็นอันตราย ล่าสุดหลักจากการค้นหากว่า 5 ปี แม้จะยังไม่เจอร่างของยูนะ…
-
ญี่ปุ่นทำคลิป สอนใช้ส้วมสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะความทุกข์ของคุณ คืองานของเรา!!
ก็อย่างที่รู้กันอยู่ว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศที่ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งอุปกรณ์ในสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องน้ำ และในวันนี้เอง #เหมียวหง่าว ก็อยากจะขอพาเพื่อนๆ ไปชมคลิปวิดีโอสอนวิธีการใช้ห้องน้ำสาธารณะในประเทศญี่ปุ่น หากใครจะไปเที่ยวศึกษาไว้รับรองได้ผลอย่างแน่นอน!! ก่อนอื่นเลยก็เรื่องของส้วม ที่มีทั้งแบบดั้งเดิมและแบบชักโครก ซึ่งแน่นอนว่าวิธีใช้งานก็แตกต่างกันออกไป มาเริ่มต้นกันที่แบบดั้งเดิม วิธีใช้ก็คือนั่งยองๆ เหมือนกับส้วมซึมของบ้านเรา พอทำธุระเสร็จสรรพแล้วปัญหาก็คือวิธีการชำระล้างนี่แหละที่เป็นปัญหาใหญ่ จากในคลิปก็จะแนะนำวิธีการใช้งาน 2 แบบด้วยกัน ซึ่งก็มีสองท่าด้วยกัน ซึ่งก็คือท่างวงช้าง และท่าหางม้า ท่างวงช้างก็คือการนำกระดาษชำระเข้าล้วงเข้าไปทางด้านหน้าแล้วก็ลากปาดออกมา ส่วนท่าหางม้าก็คือการอ้อมไปข้างหลังแล้วก็ปาดลากออกมา (ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะ??) แน่นอนว่าที่ญี่ปุ่นก็ไม่ได้มีส้วมที่เป็นแบบดั้งเดิมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แบบชักโครกเค้าก็มีเหมือนกันนะเออ แต่จะมีความพิเศษกว่าที่อื่นๆ ก็คือระบบการชำระล้างแบบอัตโนมัตินี่แหละ ซึ่งตามห้างของบ้านเราก็เริ่มมีมาให้ลองได้ใช้งานกันบ้างแล้ว สำหรับคนที่เคยใช้งานมาแล้วก็จะรู้ว่าไอ้ระบบชำระล้างของมันนั้นเป็นอะไรที่ใช้ยากซะเหลือเกิน เพราะมันไม่เคยจะตรงจุดซักที (หรือเรานั่งไม่ตรงเองหว่า?) ในคลิปก็เลยแนะนำวิธีการเพื่อให้การชำระล้างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นประกอบไปด้วย 3 ท่าดังนี้ ท่าทอร์นาโด ท่านี้ไม่ยากให้หมุนเอวของเราไปรอบๆ เป็นวงกลมเพื่อขยายพื้นที่การทำความสะอาดให้มากยิ่งขึ้น ท่าซูโม่ เป็นการยกเท้าซ้ายและเท้าขวาขึ้นทีละข้าง คล้ายกับท่าเตรียมพร้อมของนักซูโม่ เพื่อช่วยให้อุปกรณ์ฉีดน้ำสามารถฉีดได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น ท่านักบดยา คือการขยับเอวไปหน้าหลัง เพื่อขยายพื้นที่การทำความสะอาดและช่วยให้เครื่องฉีดน้ำสามารถยิงน้ำได้ตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น เท่านั้นยังไม่พอ นอกจากในห้องน้ำของประเทศญี่ปุ่นจะมีกระดาษไว้สำหรับเช็ดมือแล้ว…
-
เจ้าเหมียว ‘Fukumaru’ เพื่อนรักของคุณยาย Misao ได้จากคุณยายไปอย่างสงบแล้วนะ…
ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณปีก่อน #เหมียวเลเซอร์ ได้นำเรื่องราวคู่ชีวิตของคุณยาย ‘Misao’ และเจ้าเหมียว ‘Fukumaru’ ที่ต่างก็เข้ามาเติมเต็มชีวิตให้กันและกัน ทำให้ชีวิตของคุณยายคนหนึ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และความสุข (ลิ้งค์ข่าวเดิม) แต่น่าเสียดายเพราะล่าสุดทางสมาชิกครอบครัวของคุณยาย ‘Misao’ ได้ออกมาแจ้งว่า ตอนนี้เจ้าเหมียวเพื่อนรักของคุณยายมันได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบแล้ว แต่ถึงแม้ว่าร่างกายของเหมียวจะไม่อยู่แล้ว แต่ความทรงจำ และวีรกรรมทั้งหมดของมันจะยังคงอยู่ในหัวใจเรา ตราบนานชั่วนิรันดร์… Misao และ Fukumaru อยู่เคียงข้างกันตลอดเวลา แต่หลังจากที่มันได้จากคุณยายไป คุณยายก็ได้เขียนจดหมายบอกลามันไว้ด้วยเช่นกัน และนี้คือเนื้อหาทั้งหมดที่เธอเขียนทิ้งไว้เพื่ออำลาเจ้าเหมียวเพื่อนรัก… “สวัสดีทุกคน หลังจากที่ทุกคนได้เห็นภาพของคุณยาย Misao และเจ้า Fukumaru ตอนนี้มันได้จากพวกเราไปแล้ว ในวัย 11 ปี เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เราทุกคนเสียใจกับการจากไปของมัน และต้องการจะบอกว่าทุกช่วงนาทีที่เราอยู่ด้วยกัน ช่างเป็นช่วงเวลาแสนวิเศษที่หาสิ่งใดมาเปรียบมิได้” “ด้วยภาวะการทำงานของไตที่ล้มเหลว ทำให้มันต้องต่อสู้อย่างหนัก และมันก็ได้ทำสุดความสามารถแล้วล่ะ ในช่วงสุดท้ายของชีวิต มันไม่สามารถที่จะกินอาหารเองได้ เราจำเป็นที่จะต้องให้อาหารผ่านทางสายท่อ มันคงเป็นอะไรที่เหนื่อยยากมากสำหรัับเจ้าเหมียว และเราทุกคนในครอบครัวก็ได้พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะช่วยยื้อมันไว้” “เรารู้ดีว่ามันต้องเหนื่อยยากมากขนาดไหน แต่เหตุผลเดียวที่ทำให้เราตัดสินใจรักษามันต่อ ก็คือสายตาของมันที่เหมือนพยายามจะบอกเราว่า…
-
ชาวเน็ตชื่นชม นักเรียน ม.ปลาย ญี่ปุ่น ทำหนังสั้น Stop Motion ออกมาได้สมจริงสุดๆ!!
สำหรับคนที่ชื่นชอบภาพยนตร์แล้ว จะรู้ว่ามันมีเทคนิคการสร้างภาพยนตร์อยู่มากมาย ซึ่งแต่ละอย่างก็จะมีความยากง่ายแตกต่างกันออกไป และทำให้ผลงานมีความแตกต่างกันอีกด้วย และแน่นอนว่าเทคนิคแบบ Stop Motion นั้นเองก็เป็นอะไรที่เรียกได้ว่ายากสุดๆ ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถทำได้ แต่สำหรับเด็กหนุ่มวัย 18 ปีชาวญี่ปุ่นคนนี้ สามารถทำมันออกมาได้ชนิดที่เรียกได้ว่า ‘โคตรเจ๋ง’ ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมผลงานภาพยนตร์สั้นที่ใช้เทคนิคแบบ Stop Motion ในการถ่ายทำ ซึ่งเป็นผลงานของเด็กหนุ่มชั้นมัธยมปลายเพียงคนเดียว!! Kiyotaka Mizukoshi เด็กหนุ่มวัย 18 ปี ใช้เวลากว่า 10 เดือนในการสร้างภาพยนตร์สั้นชื่อเรื่องว่า ‘Maru and Mari’ โดยใช้เทคนิคแบบ Stop Motion ในเวลา 5 เดือนแรกนั้นหมดไปกับการเตรียมฉากและสร้างตัวละคร ส่วนอีก 5 เดือนที่เหลือก็หมดไปกับการถ่ายทำและตัดต่อจนออกมาเป็นคลิปภาพยนตร์สั้นที่มีความยาว 4 นาที และผลที่ออกมานั้นก็ทำให้เจ้าตัวฟิกเกอร์หุ่นยนต์แต่ละตัวสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติราวกับว่ามีชีวิตจริงๆ ไปชมคลิปผลงานของหนุ่ม Kiyotaka กันก่อนเลยดีกว่า เรื่องราวของเจ้า Maru…
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นวาดรูป ‘แฟนสาวในอุดมคติ’ พร้อมคำบรรยาย หนุ่มๆ ทั้งหลายจะว่ายังไงบ้างนะ?
ผู้ชายแทบทุกคนล้วนมีผู้หญิงในฝันเป็นของตัวเอง บางคนก็อยากมีแฟนสวยๆ หน้าตาน่ารัก บางคนก็ชอบผู้หญิงที่เอาใจเก่ง และเป็นคนดี นิสัยดี เรียกได้ว่าแต่ละคนก็มีความชื่นชอบในแบบที่แตกต่างกันออกไปอะเนอะ เหมือนดังเช่นผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นนามว่า @l67cm_ รายนี้ เขาก็เป็นหนึ่งในผู้ชายที่มีผู้หญิงในอุดมคติเป็นของตัวเองเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงได้วาดภาพผู้หญิงในอุดมคติของตัวเอง พร้อมกับคำอธิบายประกอบขึ้นมา เรามาดูกันว่าสาวในอุดมคติของเขาจะออกมาในรูปแบบไหน… และนี่คือภาพที่เขาได้วาดขึ้น น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย คุณลักษณะผู้หญิงในอุดมคติของผม เส้นผมดำตรงสลวยเงางาม, ไม่ดึงดูดความสนใจเวลาปรากฏตัว แต่ผู้คนสามารถมองเห็นถึงความน่ารัก เมื่อพวกเขามองคุณ, ไหล่ต้องแคบ, อย่าใส่สีฉูดฉาด แม้จะอยู่ในช่วงฤดูหนาว ต้องใส่กระโปรงสั้นได้โดยไม่ต้องพึ่งถุงน่อง และมีรูปร่างที่ทำให้ผู้หญิงคนอื่นๆ พูดว่า “คุณผอมมาก” แต่ผู้ชายกลับไม่คิดว่าคุณผอม ส่วนบุคลิกภาพ ผู้คนจะต้องบอกว่า ว้าว!! ใช่เลย!! หืมม..หรอ!! อ๋อ…งั้นรึ!! เฮ้ย…เจ๋งวะ!! เมื่อได้เห็นคุณ, ต้องยิ้มตลอด แม้ว่าจะอารมณ์ไม่ดี, เป็นแม่ศรีเรือน โดยเฉพาะการทำอาหารสำคัญมากๆ ต้องเป็นผู้หญิงนิ่ง และสงบเข้าไว้ แต่ถ้าเป็นเรื่องบนเตียงคุณจะต้องดูเซ็กซี่ แต่ก็อย่าลืมนะว่าต้องทำตัวขี้อาย และทำเหมือนตัวเองบริสุทธิ์, ดูฉลาดแต่น้อยกว่าผู้ชาย และอะไรก็ตามที่ผู้ชายทำผิด ก็ยกโทษให้กันซะ เจอแบบนี้ไปสาวๆ…
-
ชาวญี่ปุ่นรวมตัวกันนำเอาเศษใบไม้ที่ตกตามพื้น มาเรียงใหม่ให้กลายเป็นงานศิลปะไปทั่วเมือง
ในช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ประเทศญี่ปุ่นเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ทำให้เกิดเศษใบไม้ร่วงลงสู่พื้นมากมาย แต่แทนที่ชาวญี่ปุ่นจะเก็บกวาดเอาไปลงถังขยะเฉยๆ พวกเขากลับเอามันมาสร้างเป็นผลงานศิลปะได้อย่างเหลือเชื่อทีเดียว เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Rocketnews24 ได้เผยแพร่ภาพงานอาร์ตทั่วประเทศญี่ปุ่น ที่ชาวเมืองจากหลายๆ แห่งรวมตัวกันเอาใบไม้หลากสีตามพื้นถนนหรือมุมต่างๆ มาเรียงกันจนกลายเป็นภาพสวยๆ จนตอนนี้กลายเป็นกระแสที่ใครๆ ก็อยากจะมีส่วนร่วมด้วย หากใครเห็นไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นหรือเคยดูภาพยนตร์ญี่ปุ่นมาบ้าง ก็น่าจะเห็นว่าต้นไม้พืชพรรณของเขานั้นมีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร คุณจะเห็นได้ว่ามีใบ้ไม้ตั้งแต่สีเขียว สีเหลือง สีแดง สีส้ม ในเฉดต่างๆ กันไป และเมื่อนำเอามาเรียงร้อยเข้าด้วยกันก็เกิดเป็นงานศิลปะที่ไม่อยากจะกวาดมันลงถังขยะเลยแม้แต่น้อย หัวใจกลางลานจอดรถ ใบไม้หัวใจ ใบไม้แห้ง งานศิลปะที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย รอยยิ้มจากใบไม้ คล้ายหมีอะไรเอ่ย? อันปังแมน คิตตี้ ใบไม้และเมล็คพันธุ์ก่อเกิดงานอาร์ตได้ ปิกาจู …
-
พาส่อง 16 เรื่องราวเจ๋งๆ ในประเทศญี่ปุ่น ที่ประเทศอื่นๆ เห็นแล้วอาจจะต้องอิจฉา
ถ้าใครเคยเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น จะต้องทราบเป็นอย่างดีว่าประเทศนี้มีข้าวของเจ๋งอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ส้วมสุดไฮเทค ถนนดนตรี แท็กซี่เปิดประตูเองได้ และอื่นๆ อีกมากมายที่ต่อให้บรรยายอีกสิบวันก็ยังไม่หมด (อันนี้เวอร์ไปเนาะ) แต่ถ้าเพื่อนๆ ยังไม่เคยไปญี่ปุ่นล่ะก็ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 16 สิ่งของเจ๋งๆ จากประเทศญี่ปุ่น ที่รับประกันว่า เพื่อนๆ เห็นแล้วจะต้องอยากให้มีในประเทศของตนเองอย่างแน่นอน จะเจ๋ง จะน่าใช้ขนาดไหน ลองไปชมกันเลยดีกว่า… ปั้มน้ำมัน เราอาจคุ้นชิ้นกับภาพปั้มน้ำมันที่มีหัวจ่ายน้ำมันตั้งเป็นตู้ติดอยู่กับพื้น แต่ถ้าในญี่ปุ่น ปั้มน้ำมันของพวกเขา จะมีหัวจ่ายห้อยลงมาจากข้างบน หมดปัญหาหัวจ่ายมาไม่ถึง หรือเข้าจอดผิดด้านแน่นอน ตู้หยอดเหรียญแบบเจ๋งๆ สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้วเวลาทุกวินาทีนั้นมีค่า ดังนั้นเราจึงสามารถเห็นตู้ขายของอัตโนมัติวางอยู่แทบทั่วทุกหัวมุมของประเทศ และอย่าคิดว่าจะมีแต่ตู้ขายน้ำ เพราะแม้แต่ตู้ทำพาสต้า เฟรชฟรายด์ทอด นักเก็ตไก่ ก็ยังมี ที่จอดรถแบบไฮเทค ประเทศญี่ปุ่นมีประชากรเกือบ 130 ล้านคน พื้นที่ของประเทศก็มีแค่ 1 ใน 3 ของประเทศไทย ยิ่งไปกว่านั้นมีเพียง 1 ใน 5 เท่านั้นที่เป็นที่ราบ…
-
ฮาทั่วญี่ปุ่น นักเรียนเที่ยวพิพิธภันฑ์ เจอภาพเจ้าหญิงโบราณ ดั๊นหน้าเหมือนตัวเองเป๊ะ?!?!
กลายเป็นเรื่องสุดฮาบนอินเตอร์เน็ตไปเลยทีเดียว หลังจากนักเรียนหญิงชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งได้บังเอิญไปเจอรูปเจ้าหญิงโบราณในพิพิธภัณฑ์ที่หน้าเหมือนตัวเองเป๊ะ จนแอบสงสัยว่า นี่เป็นบรรพบุรุษกันหรือเปล่าเนี่ย โดยเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา นักเรียนหญิงชาวญีปุ่นคนหนึ่งได้เดินทางไปทัศนศึกษาที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไต้หวัน ในกรุงไทเป ประเทศไต้หวัน และระหว่างที่เดินชมข้อมูลต่างๆ อยู่นั้น สายตาเธอก็เหลือบไปเห็นภาพวาดเจ้าหญิงในสมัยราชวงศ์หยวนของประเทศจีนที่ติดอยู่บนผนัง ซึ่งมันคงไม่แปลกอะไร ถ้าเจ้าหญิงในภาพไม่ได้หน้าเหมือนเธออย่างกับแกะ!! เห็นดังนั้น เธอจึงถ่ายภาพและโพสลงทวิตเตอร์ส่วนตัวของเธอ จนกลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่วอินเตอร์เน็ตของญี่ปุ่นและมีผู้รีทวีตแล้วกว่า 50,000 ครั้ง แน่นอน เมื่อชาวเน็ตเห็นภาพดังกล่าว ก็เข้ามาคอมเมนต์แบบฮาๆ มากมาย เช่น บอกว่าบางทีเจ้าหญิงในภาพอาจเป็นบรรพบุรุษของยูกิก็เป็นได้ นอกจากนี้ยังมีชาวเน็ตบางคนได้ตัดต่อหน้าของยูกิใส่เข้าไปในภาพด้วย เรียกว่าเหมือนสุดๆ เลยทีเดียว ดูเหมือนว่ายูกิจะไม่ใช่เคสแรกที่มีคนหน้าเหมือนภาพวาดหรือรูปปั้นโบราณ อย่างเช่นนักกีฬาชาวจีนคนนี้ก็บังเอิญหน้าเหมือนรูปปั้นโบราณซะอย่างนั้น คุณผู้ชายท่านนี้ก็เช่นกัน นี่ก็ด้วย บางทีอาจจะต้องมีการเช็คญาติพี่น้องกันดีๆ ว่า มีใครอพยพมาจากประเทศจีนหรือไม่ เพราะอะไรมันจะเหมือนกันขนาดนี้ อิอิ ที่มา dailymail
-
คู่รักญี่ปุ่นฮันนีมูน 400 วัน 48 ประเทศ กับโดรน 1 ตัว สร้างแรงบันดาลใจให้คุณใน 3 นาที
เมื่อพูดถึงงาน Ted Talks ทุกคนคงจะจินตนาการว่านี่คืองานที่รวบรวมบุคคลจากสาขาต่างๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ หรือเป็นแบบอย่างไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง แต่สำหรับบุคคลที่#เหมียวฟิ้นอยากจะให้คุณได้รู้จักนั้น เขาอาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่หรือมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก แต่คุณเชื่อเราไหมว่าผลงานของเขาก็สร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณได้ภายในเวลาเพียงแค่ 3 นาทีกว่าๆ เท่านั้น เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2016 ที่ผ่านมา ได้มีการจัดงาน TEDxKyoto ขึ้นที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในงานนี้ได้เชิญชายหนุ่มคนหนึ่งขึ้นมาพูดสร้างแรงบันดาลใจ เขามีชื่อว่านาย Kaz Yamaguchi (คาซ ยามากูจิ) คาซได้แต่งงานกับแฟนสาวและวางแผนกันว่าจะไปฮันนีมูนรอบโลก ซึ่งหากจะว่าไปแล้วในโลกนี้มีคู่รักได้ไปฮันนีมูนรอบโลกมาแล้วหลายคน แต่กับพวกเขานั้นแตกต่างออกไป คาซวางแผนเดินทางไปยัง 48 ประเทศรอบโลกใน 400 วัน ซึ่งในการเดินทางของพวกเขาได้พกโดรนไปด้วย 1 ตัว แต่ภาพที่ได้กลับมามันช่างสวยงามจนคุณคาดไม่ถึงทีเดียว คาซกล่าวว่า “พวกเราเดินทางไปยัง 48 ประเทศ เริ่มต้นที่ประเทศสิงคโปร์ เรามุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตก ผ่านเอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกาใต้ยันเหนือ” เขาบอกว่าตัวเองไม่ได้รวยอะไรมาก เพราะทุกการเดินทางพวกเขาจะใช้เงินให้น้อยที่สุด แบ็คแพ็คไปเท่าที่จะทำได้…
-
คุณหลอกดาว!! นี่คือ 31 ภาพปก AV ญี่ปุ่น ที่ตัวจริงช่างแตกต่างจากหน้าปกเสียเหลือเกิน…
พูดกันแบบเปิดปก หนุ่มๆ ที่กำลังอ่านบทความอยู่ตอนนี้มีใครที่ไม่เคยดูหนัง AV หรือไม่เคยผ่านตามาเลยบ้าง? อาจจะมีบ้างหรือไม่มีเลย อันนี้ก็แล้วแต่ความซื่อสัตย์ของแต่ละคนล่ะนะ และในทุกวันนี้หนัง AV ก็สามารถหาชมกันได้อย่างง่ายดายเสียเหลือเกิน แต่อย่างหนึ่งก่อนที่พวกเราจะเปิดไปดูหนังกันแบบเต็มๆ พวกเรามักจะดูภาพปกกันก่อน ว่านางเอกคนนั้นคือใคร หรือหน้าตาน่ารักขนาดไหน แต่ก็มีหลายครั้งหลายคราที่หนุ่มๆ อย่างพวกเราโดน “หน้าปก” หลอกเอา!! บางเรื่องหน้าปกสวยงามราวกับนางฟ้า แต่พอเปิดเข้าไป เฮ้ยไม่ใช่นี่นา!! มันถือเป็นโศกนาฏกรรมของหนุ่มๆ ผู้ใฝ่ฝันจะได้ชมหนัง AV ที่พวกเขาหมายปองเลยล่ะ!! (พูดแล้วโมโห) วันนี้#เหมียวฟิ้นก็เลยทำการรวบรวม 32 หน้าปกหนัง AV ที่พอเปิดออกมาแล้ว แทบจะเป็นคนละคนไปเลย ว่าแล้วเราไปเจ็บใจพร้อมๆ กันเลย… #1 #2 #3 #4 #5 #6 #7 #8 #9 …
-
จะมีอะไรดีงามไปกว่า “เรียวขางามๆ กับ แมวน่ารัก” เย้ายวนชวนมอง จากช่างภาพชาวญี่ปุ่น!!
ความน่ารักของแมวนั้นเป็นอะไรที่เราไม่สามารถต้านทานได้ ทุกครั้งที่เราได้เห็นภาพแมวน่ารักๆ ทีไรเป็นต้องกดเข้าไปดูทุกครั้ง แล้วถ้าวันหนึ่งแมวได้ไปอยู่กับสิ่งที่ชวนมองอย่าง “เรียวขา” สวยๆ ของหญิงสาว ยิ่งทำให้ดาเมจมันเพิ่มอย่างทวีคูณ ช่างภาพชาวญี่ป่นชื่อว่า Yuki Aoyama ผู้มากความสามารถและไอเดียการถ่ายภาพแต่ละครั้งของเขาก็แปลกแหวกแนว อย่างที่เราเคยนำเสนอไปแล้วเช่น ภาพถ่ายชุด “คุณพ่อมนุษย์เงินเดือนกับลูกสาว” ก็เป็นอะไรที่เห็นแล้วอมยิ้ม หรือจะเป็นตอนนี้ที่เขากำลังหลงใหลการถ่ายเรียวขาของผู้หญิง ก็เป็นอะไรที่ดีงามเช่นเดียวกัน ภาพถ่ายชุดนี้มีชื่อว่า “Neko and Futomomo” โดยที่เราจะได้เห็นเจ้าเหมียวน่ารักๆ กำลังคลอเคลียอยู่กับขาของเด็กในชุดนักเรียน แค่พูดแล้วกำเดาก็จะไหลแล้ววว ภาพทั้งหมดนี้จะถูกทำเป็นโฟโต้บุ๊กออกวางขายที่ญี่ปุ่น ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหาซื้อได้จากที่ไหน แต่เห็นแล้วก็อยากได้มากๆ ใครชอบผลงานของเขาก็ลองไปติดตามกันได้ที่อินสตาแกรม schoolgirlcomplex แต่อันนี้จะเน้นไปทางด้านเรียวขานะ อิอิ ที่มา cinra
-
สุดยอดเทคนิคการ “ห่อของขวัญ” แบบชาวญี่ปุ่นที่ใช้เวลาเพียงแค่ 12 วินาทีก็เสร็จแล้ว!!
ประเทศญี่ปุ่นมักจะมีอะไรแปลกๆ มาให้เราประหลาดใจอยู่เสมอ ทั้งทางด้านไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ การสร้างอะไรที่มันดูมีเรื่องราว หรือเทคนิคการทำอะไรต่างๆ ที่แปลกไปจากประเทศอื่นที่ทำ และวันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปที่ห้างสรรพสินค้าทาคาชิยาม่าในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นที่โด่งดังอย่างมากในโลกออนไลน์ เพราะว่ามีคลิปที่ทางพนักงานห้างทำการห่อของขวัญหนึ่งกล่องโดยใช้เวลาเพียง 12 วินาทีเท่านั้นเอง คลิปนี้ถูกอัพโหลดไว้ในแชแนล BeatTheBush เป็นคลิปที่จะมาวิเคราะห์การห่อของขวัญสุดรวดเร็วพร้อมกับสอนเราไปในตัว นี่คือคลิปที่เป็นที่โด่งดังเมื่อหลายปีก่อน เป็นคลิปที่พนักงานห้างกำลังห่อของขวัญ 2 ชิ้น อย่างรวดเร็ว และดูเหมือนว่าเทคนิคการห่อจะไม่เหมือนที่อื่นด้วย มาดูกันช้าๆ แต่ก็ยังเร็วอยู่ดี และทาง BeatTheBush ก็ได้ทำการสอนการห่อแบบในคลิปเลย ไปดูกันว่าเขาทำยังไง สำหรับช่วงนี้ก็ใกล้ปีใหม่แล้ว ใครที่กำลังวางแผนจะซื้อของขวัญพร้อมกับห่อไปด้วย ก็ลองเอาเทคนิคนี้ไปใช้กันได้นะ ที่มา boredpanda
-
หนุ่มญี่ปุ่นท้าแรงโน้มถ่วง โชว์ทักษะ “เรียงเหรียญ” แบบที่ลมพัดนิดเดียว ก็เสียวแล้ว!!!
เชื่อว่าหลายคนก็คงเคยลองเรียงเหรียญมาบ้าง แล้วพยายามตั้งมันให้เป็นแนวตั้งโดยใช้ขอบอันน้อยนิดของมันในการทรงตัว ซึ่งบางครั้งมันก็ทำให้เราหัวเสียได้ง่ายๆ ถ้ามีใครมาทำให้มันล้ม เพราะเราต้องใช้เวลานานมากในการตั้งมันขึ้นมา แต่สำหรับหนุ่มชาวญี่ปุ่นคนนี้ เขาคือเทพแห่งการตั้งเหรียญเลยก็ว่าได้ และไม่ใช่แค่เหรียญสองเหรียญนะ แต่ทำออกมาเป็นประติมากรรม แล้วโพสต์ลงในทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า @thumb_tani แต่ละภาพนั่นเห็นแล้วก็น่าเอานิ้วไปแหย่จริงๆ การเรียงเหรียญของเขาไม่ธรรมดาจริงๆ นอกจากจะทำให้เหรีญตั้งได้แล้ว เขายังสามารถเอาเหรียญไปตั้งข้างบนนั้นได้อีก ถือว่าเป็นคนที่มีมือนิ่งและเบาเป็นอย่างมาก ถึงจะทำอะไรแบบนี้ได้ มีคลิปเรียงกันให้ดูแบบจะๆ ด้วย ไม่ได้ใช้เครื่องช่วยเลย ในทวิตเตอร์ของเขาตอนนี้ก็โพสต์แต่ภาพเหรียญที่เขาได้เรียงไว้ ใครชอบก็ลองไปติดตามกันได้ที่ @thumb_tani นะจ๊ะ ที่มา boredpanda
-
เกมสร้างเมือง!? ชวนเที่ยวญี่ปุ่นแบบ 3 มิติ ผ่าน Google Earth สวยสมจริง ฟินไปอีกแบบ
เมื่อไม่นานมานี้ #เหมียวฟิ้น ได้ไปเห็นกระทู้พันทิปกระทู้หนึ่งของคุณ Real~Fine เข้า โดยในกระทู้เป็นการนำเอาภาพ 3 มิติจาก Google Earth มาให้เราได้ชมกัน ซึ่งโดยปกติแล้ว Google Earth จะแสดงผลโดยการดึงเอาภาพถ่ายจากดาวเทียมมาหให้เราดู ภาพที่ได้ก็จะแบนๆ ไม่มีมิติอะไร แต่ในระยะหลังๆ มานี้ Google ได้พัฒนาระบบ 3 มิติของบ้านเรือน อาคาร สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ให้ดูเป็นรูปทรงโดดเด่นออกมาจากพื้นดินมากขึ้น ประหนึ่งว่าคุณกำลังเล่นเกม PS1 ยังไงยังงั้นเลย ในบทความนี้#เหมียวฟิ้นก็เลยจะเชิญชวนเพื่อนๆ ไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วย Google Earth 3D ตามสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ หลายแห่ง ลองมาดูกันว่าระบบ 3 มิติที่ว่านี้จะทำให้คุณเหมือนไปอยู่ตรงนั้นได้จริงๆ หรือเปล่า? 1. พระราชวังอิมพีเรียล ภาพสถานที่จริง 2. โตเกียวทาวเวอร์ สถานที่จริง 3. ภูเขาไฟฟูจิ …
-
ญี่ปุ่นนำชุดกิโมโน ดัดแปลงเป็นลายการ์ตูนดัง “Evangelion” ความแตกต่างที่ดูงามลงตัว…
เชื่อว่าผู้อ่านหลายคนคงจะรู้จักกับชุดพื้นเมืองของญี่ปุ่นอย่างชุดกิโมโนกันไม่มากก็น้อยล่ะนะ แม้จะเป็นเครื่องแต่งกายที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเมื่อพันกว่าปีก่อน แต่ปัจจุบันเราก็ยังเห็นผู้คนนำมาสวมใส่กันเป็นประจำ และสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างหนึ่งของเครื่องแต่งกายชนิดนี้ก็คือ ชาวญี่ปุ่นเองได้มีการนำมาพัฒนาต่อยอดให้เข้ากับยุคเข้ากับสมัยอย่างที่เราคาดไม่ถึงกันด้วยล่ะ เมื่อช่วงวันที่ 14-31 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Otakumode ได้มีการจัดโหวตเพื่อเฟ้นหาการออกแบบลวดลายบนชุดกิโมโนลายใหม่ ที่มีการนำเอาการ์ตูน Evangelion (อีวานเกเลียน มหาสงครามวันพิพากษา) สุดฮิตของญี่ปุ่นมาเป็นธีมหลักในการออกแบบ และหลังจากที่มีการโหวตกัน ก็ได้ลายชนะเลิศเป็นผืนผ้าสีดำ ที่มีลวดลายสื่อถึงการ์ตูน Evangelion แต่เพียงเล็กน้อยและไม่ดูรกจนเกินไป พร้อมกันนี้ยังมีผ้าโอบิ (สายรัดผ้าคลุม) เป็นลาย 6 เหลี่ยมสีแดงกับลายจากการ์ตูนด้วย และนี่คือหน้าตาของผ้าโอบิทั้ง 2 แบบ มีการรับประกันว่าชุดกิโมโนที่เห็นทั้งหมดนี้ถูกถักทอขึ้นด้วยมือล้วนๆ จากโรงงานเก่าแก่อายุ 70 ในจังหวัดฮิโรชิม่า แต่เนื่องจากเป็นงานแฮนเมดจึงมีราคาที่แพงพอสมควรเลยทีเดียว สนนราคาต่อชุดเริ่มต้นที่ 69,235 (อื้อหือออ) หากสนใจก็เข้าไปกดสั่งซื้อได้ที่ otakumode.com บอกตรงๆ ว่า#เหมียวฟิ้นเองก็ไม่ได้เป็นแฟนการ์ตูนเรื่อง Evangelion อะไรมากมายนะ แต่มันน่าสนใจตรงที่ประเทศเขาไม่ยอมให้วัฒนธรรมหยุดอยู่กับที่นี่แหละ ทำให้คนรุ่นใหม่ๆ สามารถเข้าถึงวัฒนธรรมอันเก่าแก่ได้ง่ายและรู้สึกอยากมีส่วนร่วมไปด้วย ยอดเยี่ยมจริงๆ ที่มา rocketnews24
-
ระทวย…ญี่ปุ่นจัดแสดงนิทรรศการ “ขาอ่อน” เพื่อคนที่ชื่นชอบศิลปะแบบขาวๆ โอโม่ๆ
ศิลปะสามารถเกิดขึ้นได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นภาพวาด ภาพถ่าย การปั้น การประดิษฐ์ หรือแม้แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะกลายเป็นศิลปะได้อย่าง “ขาอ่อน” ก็สามารถทำให้กลายเป็นศิลปะได้เช่นกัน… เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ Rocketnews24 ได้รายงานว่าบริษัทเบค่อนจำกัดมหาชน (ชื่อนี้จริงๆ) ในประเทศญี่ปุ่น ได้เตรียมจัดงาน The World of Thigh Photography 2016-2017 หรือว่าง่ายๆ ก็คือนิทรรศการจัดแสดงภาพถ่ายขาอ่อนประจำปี 2016-2017 นั่นเอง นิทรรศการครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดยการนำเอาภาพถ่ายของช่างภาพที่ชื่อว่า Yuria ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพขาอ่อนของสาวๆ มาจัดแสดงให้ผู้ที่ชื่นชอบขาอ่อนเหมือนกัน (และมองว่าเป็นศิลปะ) ได้เข้ามาชื่นชมกันอย่างเปิดเผย ภาพถ่ายทั้งหมดจะถูกนำไปจัดแสดงไว้ที่แกลอรี่ TODAYS GALLERY STUDIO ที่เขตอซาคูซะบายาชิ เมืองโตเกียว ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2016 ถึง 22 มกราคม 2017 เก็บค่าเข้าชม 500 เยน หรือราวๆ 160 บาทเท่านั้น มองให้เป็นศิลปะนะหนุ่มๆ รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก… …
-
ญี่ปุ่นเตรียมปลดประจำการ “กันดั้ม” ขนาดเท่าจริงที่โอไดบะ ใครยังไม่ได้ถ่ายรูป ให้ไวเลย!!!
นับว่าเป็นข่าวสะเทือนวงการกันดั้มและการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เมื่อหุ่นกันดั้มขนาด 1/1 หรือเท่าตัวจริงที่อยู่หน้าศูนย์การค้า DiverCity ที่เมืองโอไดบะ จะไม่อยู่ให้เราได้ถ่ายรูปอีกแล้ว ซึ่งวันสุดท้ายที่เราจะได้เห็นก็คือวันที่ 5 มีนาคมในปี 2017 หุ่นกันดั้มยักษ์อันนั้นเริ่มสร้างมาตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่แรกที่ได้มีการโชว์ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีที่โตเกียวในปี 2009 และย้ายไปที่ชิสุโอกะในปีถัดมา แต่ทั้งสองที่ก็ไม่ได้เป็นการจัดแสดงแบบถาวร ซึ่งหลังจากข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป หลายคนก็รู้สึกผิดหวัง เพราะว่าเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไปถ่ายรูป อีกทั้งยังติดกับห้างสรรพสินค้าและทะเลอีกด้วย ถือเป็นแลนด์มาร์กสำหรับนักท่องเที่ยวที่ดีทีเดียว ทางเว็บไซต์ Gundam Info ก็ได้รายงานว่ามีแผนที่จะเอากันดั้มตัวใหม่ไปจัดแสดงที่อื่น แต่ยังไม่มีรายละเอียดมากในจุดนี้ ต้องรอประกาศต่อไป ในปี 2019 นี้ ก็เป็นการครบรอบ 40 ปีของการ์ตูนกันดั้ม คาดว่าหุ่นกันดั้มตัวต่อไปต้องใหญ่และอลังการมากอย่างแน่นอน หุ่นที่จัดแสดงอยู่ปัจจุบันคือ กันดั้มรุ่น RX-78-2 อีกทั้งที่แห่งนี้ยังมีกันพลาเวอร์ชั่นพิเศษที่มีวางขายเฉพาะอีกด้วย ทำให้กลุ่มนักสะสมต้องมายังที่แห่งนี้เพื่อซื้อเก็บไว้ และภายในห้างก็จะมีงานจัดแสดงกันพลาตั้งแต่รุ่นแรกๆ จนถึงปัจจุบันให้กับเหล่าคนที่ชื่นชมได้ชม ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆ สำหรับข่าวนี้ เพราะต่อให้เราไม่รู้จักกันดั้ม แต่ถ้าไปที่โอไดบะก็ต้องไปถ่ายรูปสักครั้ง เพราะหุ่นตัวนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ใครยังไม่ได้ไปถ่ายรูปต้องรีบหน่อยแล้ว…
-
พบกับ “โรงแรมตู้หนังสือ” แห่งเดียวในเกียวโต ด้วยกลิ่นไอหนังสือจะทำให้คุณหลับสบาย…
วิธีการนอนของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป บางคนนอนง่าย แค่หัวถึงหมอนก็หลับได้ บางคนก็ต้องดูทีวีก่อนนอน และกิจกรรมที่ผู้คนส่วนมากทำก่อนนอนก็คือการได้อ่านหนังสือดีๆ สักเรื่องนั่นเอง ถ้าใครยังจำกันได้ ทางเราเคยนำเสนอเกี่ยวกับโรงแรม Book and Bed Tokyo โรงแรมที่ทำออกมาในธีมร้านหนังสือ ซึ่งผ่านมาหนึ่งปีแล้ว โรงแรมนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก จนตอนนี้มันเกิดขึ้นอีกครั้งที่เกียวโตในวันที่ 2 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ลักษณะก็เหมือนโรงแรมที่โตเกียวเลย ที่จะให้แขกได้นอนในห้องที่เหมือนโรงแรมแคปซูล ท่ามกลางหลังจากกว่า 5,000 เล่มที่จะให้คุณเลือกอ่านได้อย่างตามใจ โดยที่หนังสือนั้นจะเป็นภาษญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษเพื่อรองรับชาวต่างชาติด้วย ส่วนเรื่องราคานั้นอยู่ที่ประมาณ 1,400 บาทต่อคืน ถ้าสนใจก็ลองเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ bookandbedtokyo.com โรงแรมนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น 9 ของตึก ซึ่งมีห้องนอนประมาณ 20 ที่ให้นักท่องเที่ยวได้พักอาศัยกัน มีห้องขนาด 220*110 เซนติเมตรอยู่ 18 ห้อง และห้องขนาด 220*90 เซนติเมตรอยู่ 2 ห้อง ซึ่งทั้งสองแบบราคาต่างกันนิดหน่อยเท่านั้น ที่แห่งนี้มีไวไฟฟรี และห้องน้ำเป็นแบบห้องน้ำรวม แต่จะมีผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์อาบน้ำอำนวยความสะดวกจะมีแบบให้เช่าในราคาประมาณ…
-
ศิลปินญี่ปุ่นใช้เวลาวันละ 10 ชั่วโมง ติดต่อกัน 3 ปีครึ่ง สร้างวาดภาพสุดอลัง รำลึกเหตุสึนามิ
ไม่ว่าใครก็สามารถทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้ ขอแค่มีเพียงความตั้งใจและความอดทนที่เหนือกว่าคนทั่วไป เพียงเท่านั้นท่านก็สามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ไม่ว่าใครเห็น ก็ต้องตกตะลึงได้แล้ว อย่างเช่นศิลปินชาวญี่ปุ่นคนนี้ เขามีชื่อว่า มานาบุ อิเคดะ เขาเชี่ยวชาญด้านการวาดภาพด้วยปากกาและหมึกเป็นพิเศษ ล่าสุดเขาเพิ่งสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกออกมาในชื่อว่า “Rebirth” “Rebirth” นำเสนอเหตุการณ์สึนามิถล่มประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2011 โดยผ่านมุมมองของผู้วาด มานาบุ อิเคดะ โดยมานาเบะเริ่มวาดภาพนี้ตั้งแต่เมื่อช่วงปี 2013 ทุกๆ วันเขาใช้เวลาเกือบๆ 10 ชั่วโมง 6 วันต่อสัปดาห์ ติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปีครึ่ง ในการวาดภาพภาพนี้ โดยตัวภาพมีขนาดประมาณ 4×3 เมตร “ผมตั้งใจจะถ่ายทอดมุมมองของผมที่มีต่อโลกด้วยการวาดภาพ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้มันมีรายละเอียดมากมายขนาดนี้หรอกนะ” มานาบุ กล่าว “เวลาผมมองสิ่งของต่างๆ ผมชอบสังเกตรายละเอียดของมันมากกว่าที่จะมองภาพรวม ดังนั้นผมจึงชอบใช้ปากกาและหมึกในการวาด เพราะมันสามารถถ่ายทอดสิ่งที่ผมเห็นออกมาได้ดีที่สุด” เห็นรายละเอียดภายในภาพแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมภาพนี้ถึงใช้เวลาตั้งสามปีครึ่งในการวาด #เหมียวอ๊อดโด้ ขอนับถือความพยายามและความตั้งใจของศิลปินท่านนี้จริงๆ จนสุดท้ายก็ออกมาเป็นงานวาดระดับเทพแบบนี้ สุดยอดไปเลยฮะ ที่มา Boredpanda
-
จะเป็นอย่างไร ถ้าเอาเอกลักษณ์ของ ‘กรุงโตเกียว’ เข้าไปอยู่ในเมืองดังๆ รอบโลก
โตเกียว เป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นที่มีประชากรทั้งหมดกว่า 13.62 ล้านคน อีกทั้งยังขึ้นชื่อได้ว่าเป็นเมืองที่คึกคัก และเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมกันตลอดทั้งกลางวัน และกลางคืนอยู่เสมอ ยิ่งถ้าเป็นในเวลากลางคืน คุณก็จะได้เห็นถึงสีสัน เสียง ผนังแสงไฟนีออน และรวมถึงจอ LED อยู่เต็มทั่วทั้งเมือง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีทั้งความสวยงาม และน่าไปเที่ยวชมมากจริงๆ และถ้าเราลองคิดเล่นๆ ว่า เมืองต่างๆ ในแต่ละประเทศทั่วโลก ถูกเปลี่ยนให้มีบรรยากาศเหมือนมหานครโตเกียว ซึ่งเป็นเมืองแห่งสีสันในยามค่ำคืน เพื่อนๆ คิดว่ามันจะเป็นอย่างไร Liam Wong ช่างภาพ และ Daigo Ishii สถาปนิก ได้ปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิด โดยการลองนำเอกลักษณ์ของกรุงโตเกียว ไปใส่ในเมืองดังๆ รอบโลก เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าแต่ละเมืองจะออกมาเป็นอย่างไร 1.นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา 2.กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส 3.กรุงเวนิส ประเทศอิตาลี 4.โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก 5.บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา 6.ลาปาซ ประเทศโบลิเวีย …
-
ชุดภาพ ‘เกอิชา & ไมโกะ’ ในชุดว่ายน้ำ จากประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นศตวรรษที่ 18 !!
สำหรับเรื่องราวประวัติศาสตร์ของแดนอาทิตย์อุทัย สิ่งหนึ่งที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน ก็คือ ‘เกอิชา’ อาชีพของหญิงสาวในญี่ปุ่นสมัยอดีต และแน่นอนว่าพวกเธอไม่ใช่ ‘โสเภณี’ อย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะกว่าไต่เต้าขึ้นมาเป็น ‘เกอิชา’ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อ่านเนื้อหาเพิ่มเติม: เติมสาระกันสักนิด…. 10 เกร็ดความรู้ ที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับ ‘เกอิชา’ !! ปกติแล้วเรามักเห็นพวกเธอในชุดกิโมโนะประจำชาติของญี่ปุ่น แต่คราวนี้เราจะพาไปชมภาพถ่ายของสาวๆ เกอิชา และไมโกะ โพสท่าพร้อมชุดว่ายน้ำในยุคสมัยราชวงศ์เมจิ ซึ่ งภาพถ่ายหายากจากช่วง 1868 – 1912 ถูกนำมาบูรณะโดยช่างภาพชาวญี่ปุ่น Okinawa Soba เราตามไปชมความงามของพวกเธอในอดีตกันเลย… สำหรับเกอิชาแล้ว พวกเธอเปรียบเสมือนผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ และให้ความบันเทิงใจแก่ผู้คนรอบข้าง ในช่วงศตวรรษที่ 18 – 19 ในญี่ปุ่นมีเกอิชามากถึง 80,000 คนเลยทีเดียว และสำหรับเกอิชาฝึกหัด จะมีคำศัพท์ใช้เรียกว่า ‘ไมโกะ’ เดิมทีพวกเธอจะต้องได้รับการฝึกฝน อบรมมาตั้งแต่วัยเด็ก โดยสำนักเกอิชาต่างๆ เบื้องต้นพวกเธอจะต้องสามารถเล่นดนตรี…
-
วิจารณ์ ‘อควาเรียม’ ในญี่ปุ่น ใช้ซากสัตว์น้ำ 5,000 ตัว แช่แข็งใต้ลานไอซ์สเก็ต เพื่อความแปลกใหม่!?
กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงอยู่ในโลกออนไลน์ของประเทศญี่ปุ่นอยู่ในขณะนี้เลย สำหรับกรณีของอควาเรียมแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ที่เปลี่ยนให้ลานไอซ์สเก็ตให้กลายเป็นลานน้ำแข็งสุดสะพรึง เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Rocketnews24 ได้รายงานว่าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ SpaceWorld ในจังหวัดฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ต้องหยุดให้บริการชั่วคราว หลังจากผู้สนับสนุนสิทธิสัตว์ได้วิพากษ์วิจารณ์ในด้านลบ เกี่ยวกับการดำเนินการของพวกเขา ตามรายงานบอกว่าเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทาง SpaceWorld ได้นำเอาปลากว่า 5,000 ตัว มาแช่แข็งไว้ใต้น้ำ แล้วลดอุณหภูมิเพื่อเปลี่ยนให้ผิวน้ำกลายเป็นลานสเก็ตขนาดใหญ่ เพื่อสร้างความแปลกใหม่และดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ ภาพลานไอซ์สเก็ตดังกล่าวถูกแชร์ลงใน Facebook, Twitter และสื่อสังคมออนไลน์หลายแห่งอย่างรวดเร็ว แต่ไอเดียนี้กลับไม่ปังอย่างที่ทีมงานคิดกัน เพราะหลังจากที่เปิดให้บริการไปได้เพียง 2 สัปดาห์ ก็ถูกผู้คนก่นด่าอย่างหนักในโลกออนไลน์ เนื่องจากมันเป็นภาพที่น่าสลดใจเกินกว่าจะเล่นสนุกบนตัวปลาที่ไร้ชีวิตเหล่านั้นได้ ภาพสัตว์น้ำที่เราเห็นมีตั้งแต่ปลาทั่วๆ ไป หรือแม้แต่ปลากระเบน นอนแผ่อยู่ใต้ชั้นน้ำแข็ง สร้างความหดหู่ให้แก่ชาวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ข่าวนี้ถูกพูดถึงในหมู่ชาวเน็ตของญี่ปุ่นกันอย่างแพร่หลาย เช่น @TK074HAKUTAKA “คุณยังสนับสนุนการเล่นไอซ์สเก็ต แม้ว่าจะเล่นอยู่เหนือปลาพวกนั้นน่ะเหรอ? ฉันคิดว่านั่นเป็นรสนิยมที่แย่มาก” @g28z0 “คุณรู้สึกสนุกกับการไม่ให้ความเคารพสิ่งมีชีวิตงั้นเหรอ?”…
-
ภาพความงดงามของ “หิมะแรกของพฤศจิกายน” ในโตเกียว หลังครั้งสุดท้ายเมื่อ 54 ปีที่แล้ว
หิมะตกที่โตเกียวถือเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ แต่การที่หิมะเริ่มตกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนั้นไม่ใช่เรื่องปกติเลย เพราะว่าครั้งสุดท้ายที่หิมะตกในเดือนนี้ก็คือเมื่อ 54 ปีที่แล้ว ในปีนี้สร้างปรากฏการณ์ให้กับชาวโตเกียวได้ตื่นเต้นอีกครั้ง หลายคนออกมีชื่นชมบรรยากาศหิมะที่ตกก่อนเวลา โดยปกติแล้วโตเกียวไม่ค่อยจะได้เจอหิมะสักทั่วไหร่ ปีหนึ่งตกประมาณ 1-2 ครั้ง และครั้งสุดท้ายที่หิมะตกในเดือนพฤศจิกายนก็คือปี 1962 ถึงแม้ว่าผู้คนจะไม่คุ้นชินกับหิมะที่ตกในเวลานี้ แต่มันก็ทำให้เมืองปกคลุมไปด้วยเกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นมาจากท้องฟ้า ซึ่งบางคนก็ตื่นเต้นที่ได้เห็นหิมะแรกโดยไม่ทันตั้งตัว เนื่องจากบ้านเราไม่มีหิมะ ก็เลยอยากจะพาทุกท่านไปชมความงดงามของหิมะแรกที่คาดไม่ถึง เกิดที่ที่โตเกียว ไปดูกันว่าชาวญี่ปุ่นจะตื่นเต้นมากเพียงใด ใครที่อยากจะไปสัมผัสความหนาวของโตเกียว ไปช่วงนี้ก็ถือว่ากำลังดีเลยนะ ประมาณ 4 – 15 องศา เดินคลุมผ้าห่มไปเที่ยวด้วย อิอิ ที่มา boredpanda
-
เปิดตัวคาเฟ่แมวจรในญี่ปุ่น เป็นใหญ่เป็นโตในร้าน คุมกิจการให้อบอวลไปด้วยความน่ารัก!!
สถานที่แห่งนี้อบอวลไปด้วยความน่ารัก และความสนุกสนานของเหล่าแมวเหมียวที่ถูกช่วยเหลือมาทั้งหมด 9 ตัวด้วยกัน… โดยร้านคาเฟ่แมวสุดชิคที่มีขนาดเล็ก แต่ตลบอบอวลไปด้วยเหล่าแมวเหมียวที่ถูกช่วยเหลือมาไว้ที่นี่ บ้างก็นั่งอยู่บนกล่องข้างๆ แคชเชียร์ ทำตัวเป็นผู้จัดการร้านคอยนั่งอยู่หน้าร้านร้องเหมียวๆ อีกทั้งยังหายใจเป็นเสียงกรน ต้อนรับลูกค้าที่มาเยี่ยมเยียน เหล่าแมวเหมียวทั้งหลายนั้นเป็นที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าแมวเหมียวส่วนมากที่อยู่ในคาเฟ่แมวทั้งหลายนั้นก็เป็นแมวที่มาจากฟาร์มเพาะพันธุ์ ไม่ได้มาจากการช่วยเหลือมาจากข้างถนนแต่อย่างใด และเมื่อคุณ Hannah Shaw เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือแมว Kitten Lady ได้มาท่องเที่ยวยังประเทศญี่ปุ่น และได้ทราบข่าวว่ามีคาเฟ่แมวจรอยู่กลางเมืองเกียวโต ก็เลยอยากจะแวะไปเยี่ยมชมซักหน่อย “ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ไปเยี่ยมเยียนที่คาเฟ่แมวที่ให้การสนับสนุนกับสถานสงเคราะห์แมว เหล่าเหมียวทั้งหลายนั้นถูกช่วยเหลือมาไว้ที่นี่ และพวกเขาก็มอบชีวิตที่แสนสุขให้กับมัน ซึ่งร้านนี้อยู่ใกล้ๆ กับศาลเจ้า Inari” คุณ Hannah เล่า และล่าสุดพวกเขาก็เพิ่งจะรับสมาชิกใหม่เข้ามา 2 ตัว โดยช่วยเหลือพวกมันมาจากข้างถนน และคอยดูแลรักษามันจนกลับมามีสุขภาพที่ดีอีกครั้ง “และนี่คือเจ้าเหมียวบ็อบ ที่ชื่นชอบการทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร้าน และที่ประจำของมันก็คือกล่องที่ทำขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อให้มันทำหน้าที่ในการต้อนรับเหล่าลูกค้า” เจ้าของร้าน Neko Cafe Time กล่าว และแน่นอนว่าเจ้าเหมียวบ็อบ (ตัวสีขาวดำ) ก็มักจะแบ่งพื้นที่ของตัวเองให้เพื่อนๆ คนอื่นนอนด้วย…
-
ญี่ปุ่นเปิดตัวโฆษณา ‘ความบ้าสร้างอนาคต’ สวมชุดซามูไร ออกมาเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม!!
ถ้านึกถึงประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความแปลกใหม่ นำวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศมาผสมผสานกับความเป็นสมัยใหม่แล้วโปรโมทไปให้ทั่วโลกได้เห็นกันล่ะก็ เชื่อได้ว่าชื่อ ‘ประเทศญี่ปุ่น’ คงผุดขึ้นมาในความคิดของเพื่อนๆ เป็นอันดับแรกๆ เลยใช่มั้ยล่ะ? ชุดซามูไรพร้อมกับการเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม อย่างล่าสุดโฆษณาของบะหมี่นิชชินของประเทศญี่ปุ่น ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ว่า ‘ความบ้า กล้าที่จะสร้างอนาคต’ กับการนำนักแสดงมาสวมชุดเกราะซามูไร สัญลักษณ์ของเหล่านักรบโบราณของประเทศ มาเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมของยุคสมัยใหม่ จนเหมือนกับว่าคนหลงยุคมาทำอะไรแปลกๆ แต่ทว่ามองในอีกแง่นึงก็คือการไม่แช่แข็งวัฒนธรรม สามารถนำมาประยุกต์เข้ากันได้ ให้มีความร่วมสมัยนั่นเอง หรือจะเป็นการโต้คลื่น เหล่านักรบก็ไม่เคยจะหวั่น ลองมาชมคลิปกันได้ที่นี่เลย ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ยแต่นักรบแต่ละท่าน เล่นสกี โชว์ออฟกันแบบเต็มๆ มีนินจาแถมมานิดๆ ด้วยนะ อิอิ แทนที่พวกเขาจะทิ้งให้วัฒนธรรมกลายเป็นแค่สิ่งที่ค่อยๆ ถูกลืมเลือน กลับนำมาดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัยได้อย่างลงตัวแถมทำออกมาได้เจ๋งสุดๆ ไปเลย ที่มา: rocketnews24
-
ศิลปินหนุ่มชาวญี่ปุ่น พิเศษยิ่งกว่าใคร เพราะเขาใช้ 2 มือ วาด 2 ภาพไปพร้อมๆ กันได้!!
คนเราเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการใช้มือที่แตกต่างกันออกไป บางคนถนัดซ้าย บางคนก็ถนัดขวา บางคนสามารถใช้ได้ทั้งสองข้าง แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถใช้งานทั้งสองข้างได้พร้อมกัน อย่าง ลีโอนาโด ดา วินชี ศิลปินและนักประดิษฐ์ผู้โด่งดังในยุคเรนาซองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ถนัดซ้าย ในสมัยก่อนเวลาเขียนหนังสือเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เพราะหมึกมันจะเปื้อนมือได้ง่าย เขาจึงแก้ปัญหาด้วยการเขียนแบบย้อนกลับซะเลย นับตั้งแต่ตอนนั้นก็ผ่านมาร้อยปีแล้ว วันนี้เราก็ได้พบกับอีกหนึ่งศิลปินที่มีความอัจฉริยะไม่แพ้เมื่อก่อนเลย เขาใช้ชื่อว่า toru.kn มาจากโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เขาได้โพสต์ผลงานลงในอินสตาแกรม ซึ่งผลงานของเขานั้นเป็นการวาดภาพโดยใช้ 2 มือพร้อมกัน แต่ทั้ง 2 มือนั้นวาดคนละภาพ และไม่เหมือนกันด้วย คนธรรมดาอย่างเราแค่ลองวาดวงกลมข้างหนึ่ง สี่เหลี่ยมข้างหนึ่งยังเป็นเรื่องที่ยากเลย แต่สำหรับเขาคนนี้สามารถวาดออกมาเป็นภาพจริงๆ ได้เหมือนกับว่าวาดต่างเวลากัน ซึ่งเขาได้โพสต์คลิปแรกเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา วิดีโอที่โพสต์โดย Toru (@toru.kn) เมื่อ พ.ย. 4, 2016 เวลา 6:48pm PDT คลิปไม่แสดงให้คลิกที่นี่ หลังจากนั้นโทรุก็ได้ลงผลงานต่อเรื่อยๆในอินสตาแกรมของเขาเอง วิดีโอที่โพสต์โดย Toru (@toru.kn) เมื่อ…
-
พาชมพิพิธภัณฑ์สุดแปลก ที่รวบรวม “หินรูปหน้าคน” ไว้มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น!!
ถ้าคุณได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไปเที่ยวที่โตเกียว คุณอาจจะชอบการกับได้ชมเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยอะไรแปลกๆ มากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาดก็คือที่แห่งนี้ ที่แห่งนี้คือเมือง “ชิชิบู” อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือห่างจากโตเกียวประมาณ 2 ชั่วโมง นี่คือที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่แปลกแหวกแนวแบบไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เพราะมันได้รวบรวมสะสมหินรูปร่างแปลกๆ เหล่านี้มาไว้รวมกัน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อว่า “ชินเซคิคัง” โดยผู้ก่อตั้งที่แห่งนี้ได้ใช้เวลากว่า 50 ปีในการรวบรวมหินที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนคนไว้ พร้อมกับตั้งชื่อให้ตามลักษณะและความเหมือนของแต่ละก้อน มีตั้งแต่พระเยซูไปจนถึงเอลวิส ซึ่งทั้งหมดแล้วมีประมาณ 1,700 ก้อน และหินที่มีหน้ามี 900 ก้อน หินที่เป็นรูปหน้าก็มีมากมายหลายชนิด ทั้งดาราคนดัง นักการเมือง หรือแม้กระทั่งตัวละครจากเกมอย่าง ดองกี้ คอง ก็มีด้วยเหมือนกัน เราไปชมบรรยากาศภายในนั้นกันเลย ตอนนี้ลูกสาวของผู้ก่อตั้งเป็นผู้ดูแลอยู่ เพราะว่าผู้ก่อตั้งคนแรกนั้นได้จากไปตั้งแต่ปี 2010 แล้ว และยังเปิดให้ผู้คนได้เขาไปเยี่ยมชมอยู่ โดยจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ที่มา boredpanda , spoon-tamago
-
บริษัทเครือ Virgin เตรียมทดสอบเครื่องบินที่สามารถบิน กรุงเทพ-โตเกียว ใน 2 ชั่วโมง ปลายปีหน้า
ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่าเหล่าบริษัทเทคโนโลยีหลายบริษัททั่วโลก ต่างขนเทคโนโลยีการเดินทางเจ๋งๆ ออกมาเปิดตัวต่อชาวโลกกันอย่างมากมาย อย่างเช่น Hyperloop ของนักธุรกิจไฟแรง Elon Musk ทีสามารถเดินทางด้วยความเร็วกว่า 1,200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ล่าสุด Richard Branson เจ้าพ่อจากบริษัทเครือ Virgin ได้เปิดตัวเครื่องบินโดยสารแห่งอนาคตที่สามารถเดินทางด้วยความเร็วกว่า 2,300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และพร้อมทดสอบจริงๆ ปลายปีหน้านี้เอง!! เจ้าเครื่องบินลำนี้มีชื่อว่า XB-1 Supersonic Demonstrator หรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘Baby Boom’ ทางทีมออกแบบได้กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้สามารถเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดถึง 1,451 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือราวๆ 2,300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว นั่นแปลว่าเราสามารถเดินทางจากกรุงเทพไปยังโตเกียวด้วยระยะเวลาเพียงเกือบๆ 2 ชั่วโมง หรือเดินทางไปยังเมืองนิวยอร์คโดยใช้เวลาแค่ 5 ชั่วโมงเท่านั้นเอง!! ซึ่งดูจากการออกแบบแล้ว ทีมงานคงได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินคองคอร์ดแน่ๆ เพราะหน้าตาดันละม้ายคล้ายคลึงกันอย่างกับแกะเลยทีเดียว . นอกจากนี้ทีมออกแบบยังตั้งใจให้ที่นั่งของเครื่องบินลำนี้เป็นแบบแถวเดียว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ซึ่งเที่ยวหนึ่งจะจุผู้โดยสารได้ 45 คน พนักงานต้อนรับอีก 4 คน และนักบินอีก 2…
-
สาระมีอยู่จริง… เปิดหนังสือเก่าญี่ปุ่น ‘คู่มือสอนรักหนุ่มสาว’ ตั้งแต่จับมือ จนขึ้นเตียง!?
ตามพื้นฐานของคนไทยแล้ว พวกเรามักจะเหนียมอายที่จะสอนลูกหลานถึงเรื่อง เพศ หรือกระทั่งมองว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดีไม่งาม จึงต้องปกปิดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสังคมกับเพศตรงข้าม การปฏิบัติตัวต่อเพศตรงข้าม หรือแม้แต่เรื่องการมีเพศสัมพันธ์ นั่นก็เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอายยังไงล่ะ แต่การที่พวกเราไม่ค่อยบอกหรือสอนอะไรพวกเขา วันหนึ่งพวกเขาอาจจะไปลองทำมันด้วยตัวเองแบบผิดๆ ถูกๆ ก็ได้นะ ด้วยเหตุนี้เองญี่ปุ่นจึงได้เขียนคู่มือการปฏิบัติต่อเพศตรงข้ามขึ้นมาในช่วงยุค 60 เพื่อให้วัยรุ่นที่ไม่ประสีประสาได้เอาไปปฏิบัติอย่างถูกวิธี ในคู่มือเล่มนี้จะไล่มาตั้งแต่วิธีการเกี้ยวพาราสี มีการให้คำแนะนำอย่างละเอียดว่าควรจะจับมือยังไง พูดแบบไหน การแตะเนื้อต้องตัวสามารถทำตรงไหนได้บ้าง ไปจนถึงการเล้าโลมและการมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้อง สอนจับมือแบบทั่วๆ ไป ในที่สาธารณะ วิธีปฏิบัติต่อเพศตรงข้าม ที่แสดงให้เห็นว่าเราสนใจในเพศตรงข้าม แน่นอน คำว่าสอนแบบละเอียด ยังมีไปถึง วิธีการ…เล้าโลม แม้ว่านี่อาจจะดูทะลึ่งตึงตังไปหน่อยสำหรับคนยุคนี้ แต่มันก็ช่วยให้ความรู้และทำให้หนุ่มสาวยุคนั้นรู้จักวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องนะ ที่ #เหมียวฟิ้น เอามานำเสนอก็เพื่อเปิดหูเปิดตาให้กับทุกคน ได้เห็นว่าต่างชาติเขามีการสอนวัยรุ่นแบบไหนเท่านั้นเอง กับประเทศเรา ที่ว่าเรื่องเพศไม่ดีไม่งาม แต่กลับมีคดีละเมิดทางเพศ (และที่ไม่เป็นคดี) อีกเยอะมาก รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่ตามมาจากการขาดความรู้เรื่องเพศ…
-
พาชมสถานที่จริง แรงบันดาลใจสู่แอนิเมชั่น Your Name สวยจนอยากไปเที่ยวตามรอย
นับว่าเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ประสบความสำเร็จมากๆ เรื่องหนึ่งเลย สำหรับ Your Name ผลงานการกำกับของ มาโกโตะ ชินไค จนทำรายได้ถล่มทลายขึ้นแท่นแอนิเมชั่นทำเงินสูงสุดในปี 2016 แถมยังเป็นแอนิเมชั่นทำเงินสูงสุดตลอดกาลอันดับ 7 ของญี่ปุ่นด้วย โดยตัวเลขอยู่ที่ 157 ล้านเหรียญดอลลาร์ หรือราวๆ 5,500,000,000 ล้านบาท (อ่านบทความวิจารณ์ภาพยนตร์ได้ที่นี่เลย) และเพื่อเป็นการสานต่อความอินความฟินที่เพิ่งครุกรุ่นจากโรงภาพยนตร์ วันนี้#เหมียวฟิ้น เจอข้อมูลดีๆ จากเว็บ fastjapan ที่จะชวนทุกๆ คนไปดูภาพสถานที่จริงๆ ที่ใช้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างแอนิเมชั่นเรื่องนี้ล่ะ สาเหตุหนึ่งที่ทางทีมงานและผู้กำกับต้องสร้างสถานที่ต่างๆ ในการ์ตูนให้เหมือนกับโลกในความเป็นจริง ก็เพื่อให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกมีส่วนร่วมกับภาพยนตร์และเกิดความคุ้นเคยกับสถานที่นั้นๆ นั่นเอง มีที่ไหนคุ้นตาบ้างลองไปชมกัน 1. ตึก NTT DOCOMO YOYOGI กรุงโตเกียว นี่คือภาพจากในการ์ตูน เกือบจะแยกไม่ออกเลยใช่ไหมล่ะ 2. สะพานลอยบริเวณสถานีรถไฟชินาโนะมาชิ โตเกียว ที่เรามักจะเห็นพระเอกมาเดินบ่อยๆ และนี่คือภาพจากการ์ตูน ต่างกันแค่พื้นทางเดินเท่านั้น 3. บันไดเดินขึ้นศาลเจ้าสุกะ โตเกียว ในการตูนได้มันการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อความสวยงาม 4. บริเวณชินจูกุ…
-
เปิดตำนาน “ยาสึเกะ” ซามูไรผิวสีคนแรกและคนเดียว แห่งหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น!!
เมื่อกล่าวถึง ‘ซามูไร’ แล้ว เพื่อนๆ หลายคนคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เป็นนักรบถือดาบคาตานะเล่มยาวที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น แน่นอนว่าภาพในจินตนาการของเรานั้นเหล่าซามูไรทั้งหลายก็จะเป็นชายชาวญี่ปุ่นที่สวมชุดเกราะ ถือดาบเล่มยาวกวัดแกว่งไปมาคอยฟาดฟันศัตรู แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่!? ว่าในประวัติศาสตร์ของชาวญี่ปุ่นนั้นเองก็มีเรื่องราวของ ‘ซามูไรผิวดำ’ อยู่ด้วยเช่นกัน และมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น และในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับเขากัน โดยปกติแล้วเหล่าซามูไรทั้งหลายนั้นจะมีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง และการจะได้เป็นซามูไรนั้นก็ไม่ได้เป็นกันได้ง่ายๆ เพราะตามความเชื่อแล้วการที่ใครจะได้เป็นซามูไรนั้นจะมีฐานะที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด กล่าวคือต้องมีเชื้อสายซามูไรมาก่อนนั่นเอง แต่ในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นเองก็ได้มีการบันทึกเรื่องราวของคนที่เป็นซามูไรแต่ไม่ได้มาจากตระกูลซามูไรอยู่หลายคนด้วยกัน ทั้งนี้ก็อาจจะเป็นเพราะการได้รับการแต่งตั้งจากกษัตริย์หรือโชกุนโดยตรง และชายผิวดำคนนี้เองก็ถูกแต่งตั้งให้กลายมาเป็นซามูไรผิวสีคนแรกและเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น เขาผู้นั้นมีนามว่า ‘ยาสึเกะ’ (Yasuke) แรกเริ่มเดิมทีแล้วยาสึเกะนั้นเป็นทาสชาว Mozambique ที่ทำหน้าที่รับใช้นักบวชนิกายโรมันคาทอลิคชื่อว่าคุณพ่อ Alessandro Valignano ที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 1579 ซึ่งในขณะนั้นการที่คนผิวดำได้เข้าไปเยือนในแผ่นดินอาทิตย์อุทัยนั้นเป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะไม่ว่าจะเดินไปไหนมาไหนผู้คนต่างก็หวาดหวั่นกับความน่าเกรงขาม ความกำยำและสูงใหญ่ของร่างกาย ซึ่งความสูงของเขานั้นถูกบันทึกไว้มากกว่า 2 เมตรเลยทีเดียว และไม่ว่าจะคณะเผยแพร่ศาสนาของคุณพ่อ Valignano จะเดินทางไปไหนก็จะพายาสึเกะไปด้วย ทำให้ผู้คนต่างก็เข้ามามุงดูความแปลกนั้นและก็กลายเป็นที่เลื่องลือไปทั่วว่าคณะนักบวชได้เลี้ยง ‘ยักษ์สีดำ’ ไว้ …
-
น่าร๊ากกกกก นักอบขนมญี่ปุ่นทำคุกกี้ ‘อาหารไซส์มินิ’ สวยน่ากิน จนโด่งดังไปทั่วอินเตอร์เน็ต!!
เรื่องน่ารักๆ แบ๊วๆ ก็คงต้องยกให้ประเทศญี่ปุ่นเขาล่ะ ฮร่าาาา อย่างล่าสุดในตอนนี้ประเทศญี่ปุ่นก็ได้มีกระแสทำคุกกี้ให้เป็นรูปอาหารต่างๆ ขนาดเล็กๆ น่ารักๆ กันล่ะ โดยต้นเรื่องนั้นเริ่มจากผู้ใช้ทวิตเตอร์นาม Kawakami Chikoto (@96ckt_d) จนมีผู้รีทวิตมากมาย และมากดไลค์กว่า 160,000 ครั้ง ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น!? ภาพคุกกี้ของ Kawakami Chikoto และถึงเพิ่งจะมาโด่งดังในช่วงนี้ แต่ที่จริงแล้วเขามีผลงานคุกกี้แนวนี้มานานแล้วล่ะ ไม่ว่าจะเป็นคุกกี้รูปเค้ก หรือขนมต่างๆ เธอก็สามารถทำได้ เธอค่อยๆ เก็บเล็ก ผสมน้อย สร้างสรรค์ผลงานของเธอไปเรื่อยๆ เพื่อเพิ่มทักษะ และสุดท้ายเธอก็สามารถทำออกมาได้อย่างสวยงาม และนี่คือหน้าตาของอาหารจานหลักที่ทำออกมาจานแรก เป็นเซ็ทอาหารกลางวันของเด็กน้อยนั่นเอง 5 เดือนหลังจากที่เธอฝึกทำครั้งแรก เทคนิคและทักษะของเธอก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะชุดใหม่ๆ ที่ทำคุกกี้ให้ออกมาเป็นโมเดลอาหารญี่ปุ่นในแบบต่างๆ ทั้งถ้วยอูด้ง หรือข้าวแกงกะหรี่ แม้กระทั่งกุ้งเทมปุระก็ทำออกมาได้อย่างละเอียด สวยงามมากๆ ในส่วนของของหวานก็มีเช่นกัน ทั้งชาเขียวมัจฉะ ยิ่งทำให้คุกกี้น่ากินขึ้นไปอีกเป็นกอง และนี่คือผลงานอื่นๆ จากการฝึกฝนอันยาวนานของเธอ…
-
อยากลองมั้ย… 13 ของเล่นสุดแปลกจากญี่ปุ่น ชนิดที่ว่า จังซี่ก็ซื้อให้ลูกได้บ่!??
เรื่องแปลกๆนี่ต้องยกให้แดนอาทิตย์อุทัยเค้าหล่ะ ดูเหมือนกับว่าพวกเค้าสามารถใส่ความแปลก ความบ้า ความเพี้ยน ลงไปในทุกศาสตร์ ทุกแขนง หรือแทบจะทุกสิ่งอย่างที่เค้าอยากจะทำ หลายๆครั้งที่เห็นของจากญี่ปุ่นแล้วถึงกับต้องผงะกับความแปลกของมัน และวันนี้เราจะพาไปดู 13 ของเล่นแปล๊ก แปลก บางอย่างก็ไม่แน่ใจว่าผลิตมาให้เด็กเล่นจริงๆเหรอ? บางอันก็เอิ่มม..ไม่รู้เหมือนกันว่าจะผลิตมาทำไม ว่าแต่มีใครจะซื้อไปเล่นมั้ยเนี่ย!!? 1. ตุ๊กตาเด็กสำหรับฝึกโกนขน ไว้สำหรับให้เด็กๆ ได้ฝึกการโกนขน เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่นักโกนมืออาชีพ 2. ตุ๊กตุ่นรูปแมวโดนรถเหยียบตาย ตอนนี้ก็ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าผลิตมาเพื่อใคร แต่เห็นแล้วหดหู่เหลือเกิน T_T (ปัจจุบันเห็นว่าเลิกขายไปแล้ว) 3. กระปุกออมสินหน้าหลอน จะไม่หลอนได้ไง มีเจ้ากระปุกออมสินหน้าตาเหมือนกบ ขยับเขยื้อนได้ตั้งอยู่ในห้องตลอดเวลา 4. หุ่นฟิกเกอร์แบบพิเศษ หุ่นฟิกเกอร์สำหรับเก็บสะสมทั่วไปนั่นแหละ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีดุ้นๆตรงนั้นด้วยนะ -*- 5. แมลงสาบไฟฟ้า จะมีอะไรสนุกไปกว่าการบังคับแมลงสาบ ไปแกล้งเพื่อนคนที่กลัวสุดๆ 6. ชุดอุปกรณ์ รัสเซียนรูเล็ต สำหรับเด็ก เกมส์การแข่งขันของชาวรัสเซียที่โหดสัส เพราะต้องสลับกันยิงหัวตัวเองคนละที ใครตายก็แพ้ไป สำหรับคุณหนูๆที่อยากจะยิงหัวตัวเอง เราขอแนะนำอุปกรณ์เซ็ตนี้เลยจ้า…
-
พาเที่ยว “วัดจิซอน-อิน” ในประเทศญี่ปุ่น วัดที่อุทิศให้กับ ‘นม’ อย่างแท้จริง!!
สำหรับใครที่กำลังจะไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น แล้วชอบไปเที่ยวตามวัดต่างๆ วันนี้ #เหมียวสามสี มีวัดที่แปลกกว่าที่ไหนๆ มาให้ทุกท่านได้ไปลองกัน ที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ภูเขาโคยะ ในเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่าคุโดยามะ วนี่คือวัดจิซอน-อิน วัดของศาสนาพุทธที่แปลกไม่เหมือนใครในประเทศนี้ ดูจากภายนอกแล้วก็เหมือนวัดทั่วไปของญี่ปุ่น แต่พอได้ก้าวเท้าย่างเข้าไปแล้วคุณก็จะรู้ว่าที่แห่งนี้มันพิเศษกว่าที่ไหนๆ เพราะจะมีผู้ที่มาเยี่ยมนับพันจะนำเอากระดานไม้ที่มีนมทำจากผ้า พลาสติก หรือไม่ก็ภาพวาดมาแขวนไว้ วัดจิซอน-อิน ถือเป็นทางเข้าสู่ภูเขาโคยะ แต่แล้ววันหนึ่งก็ได้มีคุณหมอมาของพรให้ผู้ป่วยของเขาหายจากมะเร็งเต้านม หลังจากนั้นการตกแต่งในวัดก็เปลี่ยนไป หลังจากที่พระในวัดอนุญาตให้เขาเอารูปนมจำลองมาแขวนได้ และคนก็เริ่มทำตาม หลังจากที่มีนมอันแรกมาแล้ว คนก็เริ่มที่จะมาขอพร ส่วนมากก็จะขอในเชิงให้สุขภาพตอนช่วงตั้งครรภ์แข็งแรง บางก็ขอให้มีนมให้ลูก หรือขอให้อาการของมะเร็งเต้านมดีขึ้น แน่นอนว่า หลังจากนั้นก็มีนมมาแขวนอยู่เต็มไปหมด… ภาพจากบางส่วนของวัด ซึ่งมุมที่ไม่ได้ใช้แขวนนมก็เหมือนกับวัดธรรมดาทั่วไป แต่มุมที่มีไว้ให้แขวนนม ก็ราวกับว่าตกแต่งด้วยซาลาเปาเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าความแปลกของวัดจะมีเรื่องราวที่น่ารักอยู่เบื้องหลังแบบนี้นี่เอง สมกับเป็นประเทศญี่ปุ่นที่มีอะไรให้เราประหลาดใจได้ทุกเมื่อจริงๆ ที่มา sobadsogood
-
เจ้าเหมียว ‘Maru’ กลับมาอีกครั้ง วันนี้จะมาโชว์ตีกลอง จังหวะเพลงพื้นบ้านของญี่ปุ่น!!
เพื่อนๆ หลายคนคงจะรู้จักกับเจ้าเหมียว Maru แมวเหมียวจากญี่ปุ่นกันมาบ้างแล้ว เพราะมันเป็นแมวที่ชื่นชอบการเอาตัวเข้าไปมุดอยู่ในกล่องแคบๆ เป็นชีวิตจิตใจ จนทำให้กลายเป็นที่รักของชาวเน็ตจากทั่วโลกเลยล่ะ และนี่ก็คือวีรกรรมของเจ้าเหมียว Maru ที่มันเคยมาโชว์ให้เห็นถึงความเก่งกาจเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถที่ซุกตัวเข้าไปอยู่ที่ไหนก็ได้ สกิลในการนั่งชิงช้าแบบขั้นเทพ และโชว์เล่นมายากลเสกให้ร่างกายตัวเองหายไป (ด้วยการเอาไปซ่อนไว้ในกล่อง ฮร่า) และแน่นอนว่าความสามารถของเจ้า Maru นั้นไม่ได้มีแค่นี้เท่านั้นนะ!! แต่มันยังเป็นแมวที่มีอารมณ์สุนทรีย์ สามารถเล่นดนตรีได้อีกด้วย เอาสิ๊ จะเก่งไปไหน… ถึงแม้ว่าเจ้าเหมียว Maru นั้นจะเป็นแมวสายพันธุ์ที่มาจากยุโรป แต่ขอบอกเลยว่าหัวใจของมันนั้นมีความญี่ปุ่นอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ด้วยเหตุนี้เองทำให้มันสามารถตีกลองญี่ปุ่นเข้ากับทำนองของเพลงพื้นบ้านของญี่ปุ่นได้อย่างง่ายดาย ถ้าไม่เชื่อเราลองไปฟังพร้อมๆ กันได้เลย… เอาล่ะก่อนอื่นก็ต้องปีนขึ้นไปนั่งบนชิงช้าเพื่อสร้างฟิลลิ่งก่อน อะชึบ!! ทำไมขึ้นยากจังเลยว๊าาา หรือว่าเราจะอ้วนเกินไป T T อ่าห์ ขึ้นมาได้ซักที ขอโยกซักสองสามทีก่อนนะ เอาล่ะเข้าประจำที่!! เปิดเพลงซิเจ้าทาส ข้าพร้อมแล้ว หึๆ!! ของแค่นี้กล้วยๆ แหม่ เก่งซะจริงนะเจ้าเหมียว…
-
24 ภาพถ่ายแนวสตรีทจากญี่ปุ่น ในมุมมองแปลกๆ อีกด้านของแดนอาทิตย์อุทัย!!
มีสถานที่ในโลกเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น ที่จะสามารถดึงดูดให้คนจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางไปเที่ยวชมได้เหมือนกับญี่ปุ่น ในตอนกลางวันสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่จะดูสวยงามราวกับในหนังหรือซีรี่ส์ที่เราเคยดู พอตกตอนกลางคืนเองก็สวยไม่แพ้กัน เช่นตามตรอกซอกซอยของกรุงโตเกียว โอซาก้า หรือเมืองอื่นๆ จะเต็มไปด้วยแสงนีออนที่สวยงาม เหมาะแก่การถ่ายภาพยามค่ำคืนมาก แต่อย่างหลังผู้คนจะไม่ค่อยได้เห็นกัน #เหมียวฟิ้นก็เลยขอนำภาพของช่างภาพชาวญี่ปุ่น 2 คนอย่าง Masashi Wakui และนาย Takeshi Yasui ที่มีมุมมองในการถ่ายภาพที่แปลกแตกต่างกับคนอื่น จนเหมือนว่าภาพทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นในญี่ปุ่น แต่เป็นสถานที่ชวนฝันที่ไหนสักที่ หากคุณเป็นคนที่ไม่เคยเดินทางไปญี่ปุ่นมาก่อนล่ะก็ ภาพเหล่านี้จะทำให้คุณอยากแพ็คกระเป๋าแล้วเดินทางไปเดือนหน้าเลยล่ะ ภาพถ่ายยามค่ำคืน ที่ให้ความรู้สึกเหมือนหนังเรื่อง Blade Runner . มินิมอล . . ในยามที่สัตว์ต้องหลบหิมะ ความต่างระหว่างชนชั้น เมืองแห่งร่ม . . . . . เมืองซากุระ . . ถือกันไปยาวๆ . . . . .…
-
บริษัทโค้กญี่ปุ่นเปิดตัว ‘น้ำหลับ’ ดื่มแล้วหลับสบาย หายกังวล คืนนี้จะฝันดี๊ดี
‘ญี่ปุ่น’ เป็นประเทศที่มีการแข่งขัน และระเบียบวินัยค่อนข้างสูง ด้วยเหตุนี้เองที่อาจจะส่งผลให้ประชากรในประเทศมีความเครียดที่ค่อนข้างสูงกว่าที่อื่น อีกทั้งหลายๆคนยังประสบปัญหาภาวะ ‘นอนไม่หลับ’ อันเกิดมาจากความเครียด และก็เป็นอีกครั้งที่บริษัทโค้กได้ลุกขึ้นมาผลิตสินค้า ช่วยตอบโจทย์ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคได้อย่างสร้างสรรค์สุดๆ ในสภาวะสังคมที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดเช่นทุกวันนี้ เพราะล่าสุดบริษัทโคคาโคล่า แห่งประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับสินค้าน้ำดื่มตัวใหม่ ‘Glaceau Sleep Water’ สุดยอดน้ำดื่มที่ทางผู้ผลิตเคลมว่า ถ้าได้ดื่มก่อนนอนแล้วจะทำให้หลับสบาย คลายกังวล ตื่นมาสดชื่นแจ่มใสอีกครั้ง สูตรผสมที่ทำให้เราหลับสบายมากยิ่งขึ้น ก็มาจากการผสมสารอาหารสำคัญที่เรียกว่า ‘L-Theanine’ และกรดอะมิโน ซึ่งเชื่อว่าสามารถช่วยลดภาวะความเครียด และคลายกังวลได้ อีกทั้งยังช่วยให้เราดูสดชื่นแจ่มใสมากขึ้น ในเช้าวันถัดไป ถึงแม้ว่าเดิมทีบริษัทจะผลิตแต่เครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีนอย่างโค้ก หรือน้ำอัดลมอื่นๆ แต่สำหรับผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ทางผู้ผลิตได้ออกมาย้ำว่า ไม่มีสารคาเฟอีน สามารถใช้ได้ดีทั้งคนที่หลับยาก คนที่มีเวลาพักผ่อนไม่ถึง 8 ชั่วโมง หรือจะดื่มหลังอาบน้ำตอนเย็น ก็ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจากวันที่เหนื่อยล้าได้เช่นกัน และด้วยความที่มันเป็นสินค้าวางขายตลาดใหม่สดๆร้อนๆ เราก็ยังไม่ได้รับรายงานฟีดแบ็คว่ามันจะสามารถช่วยให้หลับได้สบายขึ้นจริงหรือไม่ หรืออาจจะเป็นแค่กิมมิคสำหรับการโฆษณาเท่านั้น ยังไงก็คงต้องรอดูกันต่อไป… เราลองไปดูโฆษณาน้ำดื่มตัวนี้กัน ขอบอกเลยว่าได้อารมณ์ญี่ปุ๊น ญี่ปุ่นสุดๆ ถ้าใครได้ไปญี่ปุ่นอย่าลืมลองซื้อมาดื่มล่ะ หวังว่ามันจะช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้นจริงๆ…
-
ตัวแทนแห่งดวงจันทร์!! ญี่ปุ่นผลิตชุดเครื่องสำอาง “เซเลอร์มูน” แด่สาวแฟนคลับทุกคน
บริษัทผู้ผลิตของเล่นหลายแห่งมักจะมีวิธีในการดูดเงินออกจากกระเป๋าของเราได้ แม้ว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม… เมื่อไม่นานมานี้บริษัท Premium Bandai ได้คิดหาวิธีดูดตังค์จากสาวๆ…ด้วยของใช้ที่เป็นลวดลายแบบเดียวกับที่ปรากฏอยู่ในการ์ตูน Sailor Moon และ Sailor Moon S ของใช้ที่ว่านั่นก็คือเครื่องสำอางรูปแบบต่างๆ นั่นเอง เครื่องสำอางแต่ละชิ้นถูกออกแบบให้เหมือนกับอุปกรณ์แปรงร่างของตัวละคร ประหนึ่งว่าคุณคืออุซางิ กำลังแปรงร่างเป็นเซเลอร์มูนยังไงยังงั้นเลย อุปกรณ์ในเซ็ทที่ถูกปล่อยออกมามีตั้งแต่จอกพระจันทร์สายรุ้ง, เซเลอร์มูนสติ๊ก และคฑาเซเลอร์มูน ทีนี้ล่ะมันจะทำให้พวกคุณเสียเวลากับโต๊ะเครื่องแป้งมากขึ้นไปอีก (เพราะมัวแต่ยืนวาดลวดลายแปรงร่างอยู่นานสองนาน) ตอนนี้คุณสามารถพรีออเดอร์สินค้าต่างๆ ได้แล้ว ผ่านเว็บไซต์ p-bandai.jp (จอก และ คฑา) แน่นอนว่าเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วน ใครอ่านไม่ออกก็คงต้องใช้วิทยายุทธกันนิดนึงนะ ราคาอยู่ที่ชิ้นละ 1,170 บาท ถึง 1,700 บาท โดยจะเริ่มจัดจำหน่ายและส่งให้กับลูกค้าในช่วงเดือนธันวาคม ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเซเลอร์มูนไม่ควรพลาดเด็ดขาด ที่มา rocketnews24
-
5 ซุปเปอร์ฮีโร่สุดแสนจะธรรมด๊า ธรรมดา จากแดนอาทิตย์อุทัย แต่ในสายตาชาวโลกนี่ยังไงกัน!?
ถ้าจะพูดกันเรื่องของแปลก หรืออะไรที่มันเพี้ยนๆหน่อย ก็ต้องยกให้ประเทศญี่ปุ่นเค้าหล่ะ ไม่รู้ว่าสาเหตุเพราะประชากรมีความเครียดสูงกันรึเปล่า ถึงได้มีอะไรเพี้ยนๆมาเรียกเสียงฮาบำบัดความเครียดให้ได้ชมกันตลอด และครั้งนี้ก็ต้องเป็นเรื่องเพี้ยนๆ แปลกๆ เหมือนกัน เพราะเราจะพาไปดู เหล่ายอดมนุษย์จากญี่ปุ่น ทั้ง 5 แต่ละคนนี่มีพลังวิเศษที่แบบว่าเอิ่มม……เอาพี่ว่าเลยล่ะกัน!! 1. Panty Man หลายคนอาจจะเคยจำได้กับ ยอดมนุษย์กางเกงใน ใครมันจะไปเชื่อว่าจะมีคนเอาไปสร้างเป็นหนังจริงๆ ทำโปรดักชั่นเป็นเรื่องเป็นราว แถมพอหนังเข้าโรงหนังได้กระแสตอบรับดีอีก เรื่องราวก็ไม่มีอะไรมาก พระเอกเป็นยอดมนุษย์ที่ต่อสู้เก่งเหลือเกิน แต่นั่นมันคงไม่ตื่นเต้น เพราะดันชอบใส่กางเกงผู้หญิงปิดบังใบหน้า แถมยังแต่งตัวได้อุบาทว์ แต่ก็ฮามากเช่นกัน ฮีโร่คนนี้จะเก่งขนาดไหน เราลองไปดูฉากต่อสู้กัน 2. Goody Two Shoes Man คู่อริตัวฉกาจของ Panty Man ด้วยการเพ้นท์หนวดเป็นสีน้ำเงิน ใส่แว่นกลมๆแบบแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ มีบุคลิกเดินแบบช้าๆ สโลว์โมชั่นอย่างกับเต่า หน้าที่ก็คือคอยจัดการทุกอย่างให้อยู่ในร่องในรอย โดยเฉพาะเจ้า Panty Man นั่นแหละ ลองดูท่าเดินซะก่อน ถามหน่อยเถอะเมื่อไหร่จะถึง? 3.…
-
ลองไหม!? ญี่ปุ่นนำกระแสเซ็กซี่ “Tawawa Challenge” วางโทรศัพท์ลงบนหน้าอกตามการ์ตูน
ต้องขอขอบคุณการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่กำลังออกอากาศที่ญี่ปุ่นอยู่ในขณะนี้เลย เพราะมันได้สร้างปรากฏการณ์ “ดูมๆ” ขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ การ์ตูนเรื่องนั้นมีชื่อว่า Getsuyoubi no Tawawa เป็นหนังสือการ์ตูนรายสัปดาห์ที่โด่งดังจนถูกนำไปสร้างเป็นแอนิเมชั่น และเมื่อเร็วๆ นี้ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างสั้นๆ ออกมาให้ชมกันแล้ว ซึ่งในแอนิเมชั่นตัวนี้ก็ได้มีฉากๆ หนึ่ง ที่เผยให้เห็นภาพตัวละครหญิง (ที่มีหน้าอกค่อนข้างใหญ่) กำลังวางมือถือลงบนหน้าอกของเธอแล้วดูหน้าจอ จนสาวๆ หลายคนในโลกออนไลน์อดไม่ได้ที่จะทำตาม และเกิดเป็นกระแส “Tawawa Challenge” ขึ้นมา กิจกรรม Tawawa Challenge ที่ว่านี้ก็ง่ายมาก เพียงแค่สาวๆ วางมือถือลงบนหน้าอก (หรือจะเป็นอะไรก็ได้ที่คุณอยากเอามาใช้) แล้วทรงตัวไว้ให้ดีๆ ไม่ให้มันหล่น เกิดเป็นปรากฏการณ์ดูมๆ ในเครือข่ายสังคมของญี่ปุ่นเลย นอกจากสาวๆ แล้ว ยังมีหนุ่มๆ ออกมาทำกิจกรรมนี้ผ่านทวิตเตอร์กันด้วย เช่นชายหนุ่มบางคนที่เล่นกล้ามจนมีหน้าอกที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยแบบนี้ แต่ก็มีสาวๆ หลายคนออกมาแสดงความสนุกสนานเกี่ยวกับกิจกรรมนี้ โดยที่ไม่ได้โชว์ความเซ็กซี่เพียงอย่างเดียว เช่นสาวคนนี้ ที่หาวิธีวางมือถือลงบนหน้าอก (เหรอ)…
-
แบรนด์แฟชั่นญี่ปุ่น นำ ‘ชุดโบราณ’ มาดัดแปลงให้เข้ากับสมัยใหม่ ดูเท่แถมใส่ได้ไม่อายใคร!!
ครั้งก่อน #จ่าสิบเหมียว ก็ได้นำเสนอเรื่องราวของ แบรนด์แฟชั่นญี่ปุ่นดัดแปลงชุดคลุม ‘ซามูไร’ มาเป็นเสื้อแจ็คเกตสุดเท่สำหรับท่านชาย!! กันไปแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าบริษัทแฟชั่นในญี่ปุ่นนั้นนำเอาแฟชั่นที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศในสมัยโบราณ มาดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบัน แถมล่าสุดอีกหนึ่งบริษัทแฟชั่น Wazigen Shizukuya ก็ได้นำแฟชั่นชุดสวมใส่ของชาวญี่ปุ่นในสมัยโบราณ มาดัดแปลงทั้งชุดกันไปเลย หลากหลายสีสัน สวยงาม แถมเข้ากับยุคสมัยอีกต่างหาก!! ผลงาน Wazigen Shizukuya บริษัทแฟชั่นที่นำชุดสมัยเก่ามาดัดแปลงให้เข้ากับสมัยใหม่ สำหรับชุดทั้งหมดนั้นถักทอโดยใช้เส้นใยเดนิมและผ้าฝ้าย เหมาะสำหรับฤดูใบไม้เปลี่ยนสีหรือฤดูใบไม้ร่วงในประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก แต่ถึงจะใส่สบาย ราคาไม่ได้สบายตามนะ เพราะในส่วนของเสื้อ จะมีราคาอยู่ที่ราวๆ 45,000 เยน หรือ 15,000 บาท และกางเกงราวๆ 35,000 เยน หรือ 12,000 บาท รวมทั้งชุดก็สบายๆ เกือบ 30,000 บาทเท่านั้นเอง แถมมีหลากหลายสีสันให้ได้เลือกกัน ผ้าคลุมคล้ายๆ นักรบพเนจร ราคาจะแพงหน่อย ตกอยู่ที่ 70,000 เยน หรือประมาณ 24,000 บาท …
-
แทบจำไม่ได้ “ลุงกะลาสี” นักคอสเพลย์ชาวญี่ปุ่น ถูกจับมาใส่สูท นึกว่าเป็นเจ้าพ่อแก๊งสเตอร์
ใครที่ติดตามดูรายการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (หรือแค่เล่นอินเตอร์เน็ตบ่อยๆ) ก็น่าจะเคยเห็นภาพคุณลุงหนวดเฟิ้มคนหนึ่ง ที่แต่งชุดคอสเพลย์เป็นชุดกะลาสีคล้ายกับเด็กนักเรียนสาวม.ปลายญี่ปุ่น จนกลายเป็นเน็ตไอดอลไปแล้ว ลุงคนนั้นก็คือ Kobayashi Hideaki วัย 53 ปี แม้มันจะดูขัดกันมากแต่ก็กลายเป็นของดีของญี่ปุ่นไปแล้ว ว่ากันว่าหากใครได้ไปที่เที่ยวกรุงโตเกียวแล้วไม่ได้ถ่ายรูปกับคุณลุงกะลาสีในตำนานล่ะก็ ถือว่าไปไม่ถึงโตเกียวเลยทีเดียว ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม เว็บไซต์ Rocketnews24 ได้จับเอาคุณลุง Kobayashi มาแต่งเนื้อแต่งตัวใหม่ เพราะที่ผ่านๆ มาทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวไทยเองจะคุ้นหน้าคุ้นตาของเขาจากการเป็นนักเรียนม.ปลาย แต่แทบจะไม่เคยเห็นเขาในชุดอื่นๆ เลย เริ่มแรกทางทีมงานได้จับเขามาแต่งหน้าให้เนียน แกะหนังยางที่มัดหนวดและเล็มออกเล็กน้อย ยืดมันให้ตรง จากนั้นก็จับให้เขาใส่สูท แท่นแทน!! นี่คือลุคใหม่ของลุงกะลาสีที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนคล้ายกับคุณครูใหญ่จากโรงเรียนประถมที่ไหนสักที่ แม้จะดูเขินๆ ไปหน่อย แต่เมื่อเขาถือหมวกหรือดอกไม้ มันก็ทำให้ดูหล่อเข้มประหนึ่งว่าเป้นเจ้าพ่อแก๊งสเตอร์ยังไงยังงั้นเลย แต่…ก็ยังไม่ลืมความแบ๊วแบบตอนที่เป็นลุงกะลาสีนะเออ… ถึงจะเป็นผู้ชายสีชมพูด แบ๊วๆ ขนาดนี้ แต่จริงๆ…
-
อยากเล่นมั้ย!? ชมภาพบรรยากาศสุดวังเวงของ “สวนสนุกร้าง” ในเมืองนารา ประเทศญี่ปุ่น
มีคำพูดที่ว่า “งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา” สวนสนุกก็เช่นกัน เมื่อถึงเวลามันก็ต้องปิดตัวลง ทิ้งไว้แต่ความทรงจำ แต่พอนานๆ เข้าสวนสนุกที่ถูกทิ้งไว้นานๆ กลับกลายเป็นภาพบรรยากาศที่ดูวังเวงไปซะนี่ ช่างภาพ Romain Veillon เขาได้ไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นและมีโอกาสได้ไปเยือนสวนสนุกที่ครั้งหนึ่งเคยโด่งดังอย่าง Nara Dreamland ซึ่งตอนนี้มันถูกทิ้งร้างแต่ก็ยังมีคนไปเยือนเพื่อถ่ายภาพบรรยากาศเก็บไว้ สวนสนุกแห่งนี้สร้างเมื่อปี 1961 ขึ้นชื่อว่าเป็นสวนสนุกแบบ “ดิสนีย์” ในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ ซึ่งดูได้จากสิ่งก่อสร้างต่างๆ ก็จะทำให้เห็นว่ามีความคล้ายอยู่ แต่หลังจาก Disneyworld เปิดตัวที่โตเกียวและ Universal Studios ที่โอซาก้าก็ทำให้มีคู่แข่งมากยิ่งขึ้น ทำให้ต้องปิดตัวลงในปี 2006 จนตอนนี้ธรรมชาติได้เริ่มกลืนกินแล้ว เราไปชมกันเลย ถือว่าเป็นสวนสนุกแห่งหนึ่งที่อยู่คู่ญี่ปุ่นมานานเกือบ 50 ปี เลยทีเดียว แต่ก็ต้องยอมแพ้ให้กับสวนสนุกที่ใหญ่กว่า แต่ดูไปดูมาบางเครื่องก็น่าเล่นมากๆ นะ โดยเฉพาะรถไฟเหาะเป็นเกลียว คงจะน่าตื่นเต้นมากๆ ที่มา boredpanda
-
ฮ๊าววววววว… พบกับเจ้า Nike แมวอ้วนหน้าง่วงจากญี่ปุ่น ผู้ชื่นชอบการนอนเป็นชีวิตจิตใจ!!!
เคยเห็นแมวหน้าหวาน หน้าดุ หน้ามึน หน้ากวนกันมานักต่อนักแล้วใช่ไหม!? วันนี้เราเลยอยากให้คุณมารู้จักกับ Nike น้องเหมียวอ้วนตัวเทาส่งตรงมาจากประเทศญี่ปุ่น ผู้มีใบหน้าง่วงนอนอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เรียกได้ว่าความง่วง ความมึนของมันทำเอาชาวเน็ตหลงรักตั้งแต่แรกเห็นเลยละ เจ้า Nike มักจะมีความสามารถในการหาตำแหน่งที่นอน เพื่อให้ตัวเองได้หลับสบายๆ และไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ที่ไหน มันก็มักจะนอน นอน นอน และก็นอนท๊างงงงวัน เพราะเราคือแมวผู้ในรักการนอนยังไงละ มิหนำซ้ำตอนตื่น หน้าตาของมันก็ดูเหมือนจะง๊วงง่วงอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย ดูจิ… Nike ได้กลายเป็นที่รู้จัก และได้รับความสนใจจนกลายหนึ่งในซุปตาร์เหมียวของญี่ปุ่น หลังจากผู้ใช้ชื่อ @yamamoto_ari ผู้เป็นเจ้าของได้ทำการโพสต์ภาพของมันลงบนทวิตเตอร์ ทำเอาชาวเน็ตต่างก็เข้ามากดไลค์ในความน่ารักของมันกันเป็นแถว ยอมใจในความน่ารักของมันเลย ใบหน้าที่ดูง่วงๆ ทำให้มันกลายเป็นจุดสนใจ และดึงดูดให้ผู้คนหลงใหล แม้แต่คุณก็ยังชื่นชอบเจ้าเหมียวตัวนี้เลย จริงไหมมมม!? บางเวลาก็ทำตัวมุ้งมิ้ง ก็ไม่พ้นการเป็นแมวกล่องอยู่ดี เฮ้อ… วันนี้ดูสดใสเป็นพิเศษ …
-
รถไฟญี่ปุ่นต้องล่าช้า เพราะมี ‘นกน้อย’ เข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ แต่ทุกคนก็ยังยิ้มได้!!
เรื่องเล็กๆ น้อยๆ สำหรับประเทศญี่ปุ่นเป็นอะไรที่มองข้ามไม่ได้จริงๆ อย่างในเรื่องของการให้บริการรถไฟ จะต้องตรงเวลา มีระเบียบการปฏิบัติที่เคร่งครัด จนกระทั่งเมื่อเกิดปัญหาขึ้นทั้งรถไฟและสถานี ก็ต้องหยุดให้บริการทันทีเพื่อแก้ไขปัญหาให้ได้ก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัย อย่างในกรณีของรถไฟสาย Keihin Tohoku สายรถไฟที่มีผู้ใช้บริการมากอีกขบวนหนึ่งในกรุงโตเกียว ประสบกับเหตุการให้บริการล่าช้า ต้องหยุดจอดที่สถานี Kamata ฃ และต้นเหตุที่ทำให้ทุกอย่างล่าช้านั้น อันเนื่องมาจากมีนกกระจิบตัวจ้อยเข้ามาโดยสารรถไฟด้วย!! ผู้โดยสารเริ่มสังเกตเห็นว่ามันเจ้านกกระจิบแอบขึ้นมาด้วย จนเกิดความสงสัยว่ามันขี้เกียจบินแล้วหรืออย่างไร บินเองน่าจะไวกว่าอีก เอ๊ะ หรือมันเนียนขึ้นฟรีแบบไม่ต้องซื้อตั๋ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก ที่คนสงสัยมากกว่าก็คือมันเข้ามาได้ยังไง? แถมไม่มีทีท่าว่าจะบินออกไปง่ายๆ ด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายไปมากกว่านี้ เจ้าหน้าที่จำเป็นจะต้องหยุดให้บริการรถไฟทันที และเข้ามาจัดการกับเจ้านกกระจิบตัวนี้ซะ!! (หากคลิปไม่ขึ้น คลิกชมได้ที่นี่) RT @metabolic_boyz: 永遠こんなことやってる。 #京浜東北線 #鳥 pic.twitter.com/W0jngv4EQB — いっちー (@ichi_shun) 28 กันยายน 2559 ดูเผินๆ อาจจะเป็นเรื่องง่าย นกตัวแค่นี้…
-
โชว์ความอุ๋ง!! สิงโตทะเลน้อย วันๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่ ‘สไลด์ตัวลื่นปรื๊ด’ สนุกมากมั้ยลูก!?
ถึงจะไม่ใช่แมวน้ำ แต่มันคล้ายๆ กัน ก็ขออุ๋งโชว์สักหน่อยเนอะ ความน่ารักของเหล่าสัตว์โลกนั้นมีให้เราเห็นกันทุกๆ วันเลยทีเดียว โดยเฉพาะพฤติกรรมแปลกๆ แต่น่ารักของเจ้าสิงโตทะเลน้อยตัวนี้ในอควาเรียม Katsurahama จังหวัดโคชิ ประเทศญี่ปุ่น ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @sumineko_L ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอสั้นๆ ของเจ้าสิงโตทะเลแคลิฟอร์เนียที่ชื่อว่า Risa อยู่ในบ่อที่กำลังรอทำความสะอาด ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีน้ำให้มันได้แหวกว่าย แต่ถึงจะไม่มีน้ำ ก็ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะในระหว่างที่อยู่ในบ่อกำลังรอทำความสะอาดนั้น เจ้า Risa ก็จัดการทำความสะอาดให้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ด้วยการสไลด์ตัวไปมา อยู่หลายรอบ พร้อมกับสังเกตผู้เข้ามาเยี่ยมชมเหมือนกำลังจะบอกว่า ดูสิว่าสิงโตทะเลทำอะไรได้บ้าง!! พอไหลลงมาก็ดุ๊กดิ๊กๆ กลับขึ้นไปใหม่ (เอ็งจะกลับขึ้นไปทำไม) แหม!! ดูท่าจะติดใจสไลด์ตัวมากเลยนะ คงจะรู้สึกสนุกจริงๆ สินะ เห็นแบบนี้ก็ปฏิเสธความน่ารักของมันไม่ลงเลย แล้วก็ไหลลงมาอีกรอบ ฮร่า หากได้รับชมคลิปแล้ว #เหมียวเลเซอร์ รับรองความคุณจะต้องหลงในความอุ๋งๆ ของมันแน่นอน!! ที่มา : @sumineko_L, rocketnews24
-
ไอเดียบ้านหน้าแคบ 1.8 เมตร ในคอนเซปท์ ‘คนอยู่ร่วมกับแมว’ อยู่ได้จริงและดูสวยมาก
ต้องขอบอกเลยว่าบ้านในฝันของใครหลายๆ คนนั้นก็คงอยากที่จะมีบ้านหลังใหญ่ๆ มีพื้นที่กว้างๆ จะได้อยู่อย่างสบาย แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมกันว่าจริงๆ แล้วสถานที่แคบๆ ก็สามารถตกแต่งให้เป็นบ้านที่น่าอยู่ได้เหมือนกันนะ บริษัทสถาปนิก YUUA Architects & Associates ในญี่ปุ่นได้ทำการเนรมิตที่ดินแคบๆ กว้างเพียง 2.5 เมตร และยาว 11 เมตร ให้กลายเป็นบ้านที่แสนน่าอยู่ โดยมีคอนเซ็ปต์เป็น บ้านที่คนและแมวเหมียวสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสนุกสนาน จึงทำให้บ้านมีที่ปีนป่ายมากมายเพื่อให้แมวเหมียวได้เล่น แต่ละชั้นทำมาจากแผ่นไม้ เหล็ก และปูนซีเมนต์ บวกกับการใช้แสงไฟโทนอุ่น เพื่อให้ความรู้สึกสบายๆ เหมือนได้พักผ่อนตลอดเวลา การจะขึ้นไปชั้นบนได้นั้นจะต้องปีนบันไดลิงขึ้นไป ด้วยเหตุผลในการประหยัดพื้นที่ ในแต่ละชั้น จะมีการเล่นระดับที่พื้น ทำให้บ้านดูมีมิติมากยิ่งขึ้น ของตกแต่งบ้านก็เลือกใช้ของที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย บริเวณรอยต่อของพื้นต่างระดับมีการติดตั้งไฟเอาไว้ ทำให้ดูโดดเด่นและป้องกันการสะดุดล้ม ส่วนชั้นบนสุดจะแบ่งออกเป็นสองส่วนเว้นตรงกลางไว้ให้แสงแดดส่องเข้ามา ด้านหนึ่งก็เป็นห้องน้ำ และอีกด้านก็เป็นห้องเอาไว้ทำกิจกรรมกลางแจ้ง (กว่าจะมาเข้าห้องน้ำได้ คงจะหืดขึ้นคอกันบ้างล่ะ ฮร่า) แหม่ จากที่แคบๆ ก็กลายเป็นบ้านที่น่าอยู่ได้แบบสุดๆ เลยนะเนี่ย แถมเจ้าเหมียวยังได้เล่นสนุกอย่างไม่มีเบื่อเลยล่ะ ^^…
-
ศิลปินญี่ปุ่น สร้างผลงาน ‘บอดี้เพนท์’ เหนือจินตนาการ แฝงนัยยะชวนให้เราคิดตาม…
ศิลปะบนเรือนร่างถือเป็นงานอีกชิ้นหนึ่งที่มีความยากในการทำไม่แพ้อย่างอื่นเลย เพราะว่ามีอุปสรรคทางด้านสรีระของมนุษย์เราเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่เหมือนกับการวาดภาพบนพื้นเรียบๆ แต่สำหรับศิลปินสาวชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่า ฮิคารุ โช คนนี้แล้ว เธอมีความสามารถและผลงานหลากหลายแขนงมากๆ ทั้งทำหนังสต็อปโมชั่น วาดภาพ ประติมากรรมดินเหนียว ออกแบบเสื้อผ้า และล่าสุดนี้เธอก็ได้สร้างผลงานบอดี้เพ้นท์ออกมา ซึ่งแต่ละภาพนั้นดูล้ำสุดๆ เธอได้เปลี่ยนนางแบบสาวของเราให้กลายเป็นหลายสิ่งหลายอย่างมากๆ ไม่ว่าจะเป็นผีเสื้อ หุ่นยนต์ ซึ่งแต่ละอย่างจะออกมาแนวเหนือจริง โดยแรงบันดาลใจมาจากการที่เธอไปเห็นศิลปินที่ใช้โฟโต้ช็อปแต่งรูปแนวๆ นี้ เธอก็เลยอยากที่จะลองทำบ้าง แต่ไม่ใช้โปรแกรมเลย แต่เป็นการวาดล้วนๆ และนี่คือผลงานที่เธอทำออกมา ลองครุ่นคิดดู รู้สึกว่าเธอจะแฝงอะไรไว้เหมือนกันนะ พยายามดูให้เป็นศิลปะนะจ๊ะ ที่มา designyoutrustt
-
ล้ำไปอีก!! ญี่ปุ่นคิดค้นเก้าอี้เข้าคิวไฟฟ้า “ProPILOT” เลื่อนไปต่อคิวอัตโนมัติ โดยไม่ต้องลุกเปลี่ยนที่
ร้านอาหารดังๆ หลายแห่งที่คนชอบไปต่อคิวรอกันนานๆ เช่นชาบู หมูจุ่ม หมูกระทะ หรือบุฟเฟ่ต์ มักจะมีเก้าอี้ไว้ที่ด้านนอกร้าน เพื่อให้ลูกค้าที่มาต่อคิวได้นั่งรอกัน เมื่อถึงคิวเรียกลูกค้าก็จะลุกเข้าไปในร้าน และคิวต่อๆ ไปก็จะต้องลุกจากเก้าอี้เพื่อขยับไปนั่งตัวถัดไป แต่การรอที่นอกร้านอาหารเหล่านั้นจะกลายเป็นเรื่องสนุกทันที เมื่อคุณได้รู้จักเก้าอี้ไฟฟ้า ProPILOT ที่เป็นผลงานการประดิษฐ์จาก Nissan ประเทศญี่ปุ่น อยากรู้ว่าเจ้าเก้าอี้ไฟฟ้าตัวนี้มันทำงานยังไงน่ะเหรอ? ลองไปชมคลิปการทำงานกันก่อนเลย จากคลิปคุณจะเห็นว่าเก้าอี้ ProPILOT นั้นสามารถเคลื่อนที่เองได้ เมื่อถึงคิวของคุณที่จะต้องลุก เจ้าเก้าอี้กตัวนี้ก็จะขยับออกมาจากแถว แล้วเลื่อนไปต่อคิวด้านท้ายเพื่อให้ลูกค้าคนใหม่มานั่ง โดยที่ไม่ต้องมีใครลุกออกจากเก้าอี้ของตัวเองเลย หลักการทำงานของเจ้าเก้าอี้ตัวนี้ก็คือ ทางทีมผู้พัฒนาจะทำการติดตั้งกล้องและเซ็นเซอร์ (เทคโนโลยีเดียวกับที่ Nissan ใช้กับรถยนต์) ไว้ที่ด้านล่าง ทำให้เก้าอี้รู้ระยะห่างของตัวเองกับเก้าอี้ตัวถัดไป เมื่อมีการขยับเกิดขึ้น ตัวต่อๆ ไปก็จะขยับตามโดยอัตโนมัติ ขยับได้เองโดยไม่ต้องลุกเลย ตอนนี้ทาง Nissan ได้ส่งเก้าอี้ของตัวเองไปให้กับร้านอาหารและร้านขายของต่างๆ ที่ต้องต่อคิวเพื่อทดลองใช้ โดยแลกกับการที่ทางร้านโพสต์ภาพและคลิปวิดีโอลงในโซเชียลมีเดียวแล้วติดแฮชแท็ก #NissanProPilotChair แม้ว่าเสียงตอบรับจากลูกค้าและผู้ใช้ส่วนใหญ่จะชื่นชอบเก้าอี้ตัวนี้ แต่ก็มีบางคนกังวลว่ามันจะทำให้ผู้คนเกิดความขี้เกียจมากเกินไป จนอาจกลายเป็นเก้าอี้แบบเดียวกับที่เคยปรากฏในภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง Wall-E ก็เป็นได้ …
-
น้ำยายไหย… “ไทยากิไส้ไอศกรีม” ขนมรูปปลาแสนน่ารัก ที่กำลังมาแรงสุดๆ ในนิวยอร์ก
ในช่วงนี้ดูเหมือนว่าขนมหวานจากประเทศไทย ญี่ปุ่น ฮ่องกง รวมไปถึงเกาหลี กำลังมาแรงซะเหลือเกิน เพราะนอกจากจะโด่งดัง และเป็นที่นิยมอย่างมากในแถบเอเชียแล้ว ในอเมริกาก็เริ่มนิยมทานขนมหวานจากฝั่งเราเหมือนกัน และล่าสุดขนมหวานที่กำลังถูกพูดถึงมากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้น ไทยากิสอดไส้ไอศครีม (Taiyaki Ice Cream) ที่สุดของขนมหวานแนวใหม่จาก Taiyaki NYC ร้านขนมเปิดใหม่ที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านไชน่าทาวน์โลเวอร์อีสต์ไซด์ของนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยลักษณะของเจ้าขนมไทยากิของร้านนี้ เรียกได้ว่ามีรูปแบบที่พิเศษกว่าไทยากิทั่วๆ ไป เพราะมันมาในรูปปลาอ้าปากหวอ ที่เพิ่มความอร่อยด้วยไอศกรีมหลากหลายรสชาติไม่ว่าจะเป็นชาเชียว วานิลลา ช็อกโกแลตที่อัดแน่นอยู่ข้างใน เท่านั้นยังไม่พอ ที่ปลายหางของปลา ยังมาพร้อมกับถั่วแดงกวนและคัสตาร์ดซ่อนแถมปิดท้ายอีกด้วย ในส่วนของเนื้อแป้งนั้น จะค่อนข้างแตกต่างจากไทยากิแบบดั้งเดิม โดยเนื้อแป้งจะออกไปทางเนื้อเค้ก ในขณะที่เนื้อแป้งของไทยากิทั่วๆ ไปจะมีลักษณะกรอบกว่า รสชาติความอร่อยแบบดั้งเดิมจากญี่ปุ่น ผสมผสานกับไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟหลากหลายรสชาติ บอกเลยว่าแค่เห็นก็น้ำลายไหลจะแย่อยู่แล้ว ใครที่มีโอกาสไปเที่ยวอเมริกา ก็อย่าลองไปลิ้มรสขนมหวานสุดฟินนี้ได้น้า ส่วนนี่คือช่องทางในการติดตามของทางร้านมีทั้งเว็บไซต์ taiyakinyc และอินสตาแกรม taiyakinyc เลยจ้า ที่มา : boredpanda
-
เจอหัวหน้าแล้ว!! รู้จักตัวจริงของ Pico Taro ผู้อยู่เบื้องหลังเพลง PPAP จริงๆ ไม่ได้เป็นอาจารย์?
โด่งดังกันภายในชั่วข้ามคืนเลยจริงๆ สำหรับเพลงมึนๆ “Pen-Pineapple-Apple-Pen” โดยศิลปินที่ชื่อว่า Pico Taro ที่ติดหู (หรือบางคนอาจจะไม่ติด) ไปทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่งหลังจากที่เพลงนี้เริ่มเป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์ ก็มีการรายงานกันออกมาว่าเขาเป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น ที่กำลังทำการทดลองเกี่ยวกับ Earworm หรืออาการที่เพลงๆ หนึ่งติดอยู่ในหูจนเอาออกไม่ได้ แต่หลังจากที่#เหมียวฟิ้นพยายามค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับตา Pico Taro มาได้สักพัก ก็พบว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ได้เป็นอาจารย์อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ (และอาจจะไม่ได้ทำการทดลองอะไรเลยด้วยซ้ำ) ชื่อ Pico Taro เป็นเพียงชื่อที่เขาตั้งขึ้นมาเพื่อใช้เป็นตัวละครสมมติเท่านั้น ชื่อจริงๆ ของเขาคือ Kazuhiko Kosaka เป็นพิธีกร ดีเจ นักแสดงตลกจากญี่ปุ่น นาย Kazuhiko Kosaka เกิดที่จังหวัดอาโอโมริเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ปี 1973 ปัจจุบันอายุ 43 ปี เคยผ่านผลงานการแสดงมาบ้างในภาพยนตร์เรื่อง By Rule of Crow’s Thumb เมื่อปี 2012 อย่างที่บอกไปว่าเขาทำอาชีพเป็นดีเจด้วย และเมื่อเข้าสู่วงการดีเจเขาก็เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น DJ Kosaka Daimaou และที่มาที่ไปของคาแรคเตอร์ Pico Taro เกิดมาจากการที่เขาแต่งตัวแปลกประหลาดในงานโชว์งานหนึ่งของเขา แล้วตั้งชื่อเล่นๆ…
-
ทำความรู้จักฝาแฝด Riko และ Rika ผู้โด่งดังจากคัฟเวอร์เพลง Apple Pen สุดหลอน…
เชื่อว่าตอนนี้แทบจะไม่มีใครไมารู้จักเพลง PPAP (หรือชื่อเต็มๆ ว่า Pen-Pineapple-Apple-Pen) กันแล้ว เพราะมันได้พยายามแทรกเข้าไปอยู่ในโสตประสาทของทุกๆ คน ผ่านเนื้อเพลง ดนตรี และท่าเต้นชวนอึ้ง จนตอนนี้มีคนนำไปคัฟเวอร์กันแล้วมากมาย ทั้งในต่างประเทศและในไทย แต่ที่ดูจะโดดเด่นและกลายเป็นที่พูดถึงของชาวเน็ต (โดยเฉพาะหนุ่มๆ) ก็คงจะเป็น 2 สาวฝาแฝดชาวญี่ปุ่นคู่นี้นี่แหละ ที่มีความน่ารักสดใส โมเอะ แบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่น จนหลายๆ คนเริ่มถามหากันว่าเธอคือใคร? จากการค้นข้อมูลพบว่า 2 สาวคู่นี้มีชื่อว่า Riko และ Rika วัย 16 ปี เป็นเน็ตไอดอล นักร้องและนางแบบ พวกเธอมีบัญชีทวิตเตอร์ที่มีผู้ติดตามมากถึง 83,000 คน ซึ่งหลังจากที่พวกเธอโพสต์คลิปวิดีโอการคัฟเวอร์เพลงลงในทวิตเตอร์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ก็ทำให้ผู้คนกดแชร์คลิปที่ว่านี้ไปกว่าหมื่นครั้งทีเดียว ใครที่ยังไม่เคยเห็น 2 สาวเต้นเพลง PPAP ล่ะก็ กดดูกันได้ที่นี่เลย ถ้าเพลงทำให้พวกคุณหลอนล่ะก็ เอาภาพของพวกเธอไปล้างหูแทนละกันนะ จำเป็นต้องน่ารักขนาดนี้ไหม? …
-
ปริศนาฆาตกรรมในโรงพยาบาลญี่ปุ่น คนไข้ได้รับสารแปลกปลอมในถุงน้ำเกลือ ยังหาคนร้ายไม่ได้..!!
กลายมาเป็นข่าวที่สะเทือนใจเป็นอย่างมากในขณะนี้เลยก็ว่าได้ เมื่อคุณตาวัย 88 ปีท่านหนึ่ง ถูกพบเสียชีวิตอยู่บนเตียงโรงพยาบาลเอกชนในเมืองโยะโกะฮะมะ ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 20 กันยายนที่ผ่าน ซึ่งประเด็นนี้กลายเป็นข่าวใหญ่โต เพราะมันไม่ใช่การเสียชีวิตทั่วไปตามอายุขัย แต่พบว่าเป็นการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล!! จากการตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นแล้วพบว่า มีสารแปลกปลอมปนเปื้อนอยู่ในถุงน้ำเกลือของคุณตา ซึ่งสารประเภทที่ว่าก็คือ สารซักฟอก ซึ่งจัดอยู่ในสารลดแรงตึงผิว โดยตามปกติแล้วในถึงน้ำเกลือจะไม่มีสารชนิดนี้อยู่แน่นอน พยาบาลเปลี่ยนถุงน้ำเกลือครั้งสุดท้ายในวันที่ 19 กันยายน ช่วงเวลา 22.00 น. เมื่อย้อนเหตุการณ์กลับไปช่วงก่อนที่คุณตาจะเสียชีวิต พยาบาลได้เปลี่ยนถุงน้ำเกลือครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 19 กันยายน เวลาประมาณ 22.00 น. ต่อมา… จนกระทั่งเวลา 04.00 น. ของวันถัดมา เสียงเตือนอัตราการเต้นของหัวใจต่ำก็ดังขึ้น พยาบาลจึงรีบขึ้นมาดูอาการ แต่กลับพบว่าคุณตาเสียชีวิตแล้ว ประเภทของสารที่ถูกพบปนเปื้อนอยู่ในถุงน้ำเกลือ จากเหตุการณ์ข้างต้น ยังไม่สามารถสรุปตัวคนร้ายได้ เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กที่ไม่มีกล้องวงจรปิด อีกทั้งโรงพยาบาลปิดทำการในเวลา 21.00 น. บุคคลภายนอกจึงไม่สามารถเข้ามาได้ (เปลี่ยนถุงน้ำเกลือในช่วงเวลา 22.00 น.)…
-
เมื่อสาวยอดนักกิน “คิโนชิตะ ยูกะ” ลอง 10 อาหารไทยชื่อดัง เห็นเธอกินแล้วหิวเลย!!
วินาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “คิโนชิตะ ยูกะ” สาวญี่ปุ่นที่สามารถกินทุกอย่างที่ขวางหน้าได้อย่างน่าอัศจรรย์ เพราะดูจากขนาดตัวที่เล็กมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะกินอะไรได้เยอะขนาดนี้ เธอได้ทำแชแนลในยูทูบชื่อว่า 木下ゆうか Yuka Kinoshita ซึ่งเธอก็จะอัดคลิปการกินอย่างเอร็ดอร่อยให้ทุกคนได้อึ้งไปตามๆ กัน แต่ละเมนูนี่ชามยักษ์ทั้งนั้น และครั้งนี้เธอมากับอาหารไทย 10 อย่างที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งดูแต่ละเมนูแล้วน่าจะเผ็ดใช้ได้ แต่คนญี่ปุ่นเขาไม่ค่อยกินเผ็ดกันนี่หน่า แล้วเธอจะกินไหวไหมเนี่ย เปิดด้วยข้าวมันไก่ เมนูพื้นฐานสำหรับบ้านเรา ดูเหมือนว่าเธอจะกินเผ็ดไม่ค่อยได้นะ แต่ก็มีของหวานปิดท้ายเสมอ ไปดูกันว่าเธอจะกินทั้งหมด 10 จานได้หรือไม่ ไปดูในคลิปกันเลย (มีซับไทยด้วยนะ) บอกเลยว่าเธอคือคนที่กินอาหารได้อร่อยมากๆ ดูกี่ทีๆ ก็ทำให้เราหิวได้ ถึงแม้ว่าจะกินเยอะมากๆ ก็ตาม ที่มา 木下ゆうか Yuka Kinoshita
-
คลิปรวม “การทำงาน” แบบชาวญี่ปุ่น เผยความตั้งใจ และมืออาชีพในทุกๆ ด้าน!!
อย่างที่ทราบกันดีว่าชาวญี่ปุ่นนั้นโดดเด่นทางด้านระเบียบวินัยและความคิดสร้างสรรค์เป็นอย่างมาก และเมื่อสองสิ่งนี้มารวมกันแล้ว จึงเกิดเป็นการทำงานที่มีความเป็นมืออาชีพแบบที่เราคาดไม่ถึงเลย ทางบริษัทนิสสันเห็นว่าข้อดีข้อนี้เหมาะแก่การทำเป็นโฆษณาอย่างมาก ก็เลยรวบรวมเอาคลิปการทำงานของคนญี่ปุ่นที่แสดงให้เห็นถึงความมืออาชีพออกมา ซึ่งแต่ละอันก็เจ๋งๆ ทั้งนั้น ภายในคลิปโฆษณาจากทาง Nissan นี้ เราจะได้เป็นการทำงานของคนหลากหลายอาชีพ ซึ่งเทคนิคแต่ละอย่างไม่ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ ต้องฝึกฝนจนเชี่ยวชาญจริงๆ การช้อนท่อนไม้ขึ้นรถบรรทุก ไม่ต้องใช้รถยก เช็ดกระจกแบบพร้อมเพรียง ราวกับฝึกที่สำนักเส้าหลินมาด้วยกัน การตอกไม้ ที่ใช้จังหวะอย่างพอดิบพอดี และยังมีทักษะอีกมากมาย เข้าไปชมคลิปกันเลย จริงๆ แล้วญี่ปุ่นก็เคยโฆษณาแนวๆ นี้มาแล้วนะ แต่เป็นของนิชชิน ซึ่งก็ทำให้เห็นถึงความเทพมากมาย อย่างเช่นแบบนี้ หรือแบบนี้ ดูคลิปโฆษณาเต็มๆ ได้เลย แหม่.. ญี่ปุ่นนี่มันญี่ปุ่นจริงๆ ที่มา 日産自動車株式会社