Tag: เจ๊ง

หัวข้อในครั้งนี้จะขอเอาใจคนชอบงานอาร์ตกันสักหน่อย กับผลงานภาพถ่ายแนวมินิมอลที่ดูแล้วสบายตาสุดๆ จากช่างภาพสตรีทชาวเยอรมัน Siegfried Hansen  Siegfried เกิดในปี 1961 และเริ่มหันมาเป็นช่างภาพสตรีทเมื่อตอนปี 2002 ซึ่งก็มีผลงานมากมายในช่วงนั้น จากนั้นในปี 2014 เขาก็ได้เข้าร่วมกับ in-public (กลุ่มของช่างภาพแนวสตรีท)     ในช่วงระยะเวลาตลอดหลายปีที่เขาทำงานสายนี้ เขาได้ไปออกนิทรรศการต่างๆ มากมาย แถมภาพที่เขาถ่ายมาก็เรียกว่าโดดเด่นเข้าตาคนที่เสพงานแนวนี้ด้วยกันพอสมควรเลยล่ะ และวันนี้ #เหมียวมู่ทู่ เลยจะพาทุกคนไปเสพงานของเขากัน ว่ามันสวยงามเรียบง่ายและดึงดูดขนาดไหน     ภาพผลงานของเขาบางภาพเราอาจจะคิดว่าตัดต่อ แต่บอกเลยว่าทุกรูปเป็นฝืมือการถ่ายของเขาล้วนๆ เพราะนอกจากการไปจัดนิทรรศการแล้ว เขายังได้รับการยอมรับจากหนังสือช่างภาพมากมายอย่าง Leica Fotografie International, Professional Photographer และ Photographie และชุดภาพที่เราจะได้ดูกันต่อไปนี้มีชื่อว่า Hold The Line ซึ่งเป็นงานจากหนังสือเล่มแรกของเขาในปี 2015 แถมผลงานของเขาคนนี้ยังได้รับคำชมจาก Jim Casper ทีมงานของเว็ปไซต์ lensculture ว่า “ผลงานที่อยู่ในหนังสือของเขาทั้งหมดล้วนเป็นเพรชเม็ดเอกทั้งนั่น”   . .   ต้องยอมรับเลยว่าเขาสามาถ่ายทอดภาพต่างๆ จากมุมมองต่างๆ รอบตัวเราที่มันปกติให้ออกมาได้วิเศษขนาดนี้ . .  …

ส่วนใหญ่เวลาที่สระผม เราก็มักจะมีผมที่ร่วงหลุดออกมาบ้างไม่มากก็น้อย ส่วนวิธีจัดการกับผมเหล่านั้นเราก็แค่เก็บกวาดและทิ้งมันไปเฉยๆ โดยไม่คิดอะไร แต่ Lucy Gafford ศิลปินสาวจากรัฐแอละแบมา ประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ทำแบบนั้น เพราะเธอเลือกที่จะไม่ทิ้งเส้นผมไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่หยิบมันมาทำเป็นศิลปะสุดอาร์ตบนกำแพงห้องน้ำของเธอแทน     เธอได้เรียกตัวเองว่า “Shower Hair Master” (ปรมาจารย์ด้านการสระผม) โดยเธอได้เริ่มทำศิลปะเส้นผมของเธอเมื่อ 3 ปีก่อน เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อตอนที่เธอกำลังตั้งใจจะเก็บกวาดเส้นผมทิ้งเหมือนกับที่คนทั่วไปเขาทำกัน แต่ในจังหวะที่เธอโยนผมทิ้งไป เธอหันไปสังเกตเห็นว่าผมที่เธอทิ้งมันมีรูปร่างที่น่าสนใจซะงั้น ช่วงเวลานั้นเองที่ทำให้เธอติดสินใจว่าเส้นผมนี่แหละคือศิลปะที่เธอจะทำให้มันโด่งดังขึ้นมา และนี่ก็คือผลงานตัวอย่างของเธอ   เปิดด้วยมาสเตอร์โยดา   ตามด้วยเจ้าหญิงเลอา   ฮิลลารี คลินตัน ก็มีเช่นกัน   และถ้ามี ‘ฮิลลารี คลินตัน’ จะไม่มี ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ได้ยังไง   ส่วนเจ้าตูบตัวนี้ก็เรียงออกมาได้สวยงาม .   ซานต้าก็สวยใช่เล่น ว่าแต่ซานต้ากำลังร้องไห้ใช่ไหมนั่น   ลูกรักบี้ก็มีรายละเอียดที่เนี๊ยบสุดๆ   เจ้านกนี้ก็เช่นกัน ใครจะคิดว่าทั้งหมดเกิดจากเส้นผมในห้องน้ำ   ลองชมคลิปสัมภาษณ์เธอเต็มๆ…

เมื่อกล่าวถึง ‘การชงกาแฟ’ เหล่าสาวกกาแฟทั้งหลายก็อาจจะได้ชมวิธีการชงแบบธรรมดากันมาจนเบื่อแล้ว แต่สำหรับวันนี้ #เหมยีวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมคลิปโฆษณาเมล็ดกาแฟ ที่ดูแล้วจะสร้างความฟินให้เหล่าสาวกกาแฟแบบสุดๆ!! เรื่องมีอยู่ว่าบริษัท Paulig ที่เป็นบริษัทขายเมล็ดกาแฟ ได้ขอให้ผู้กำกับและผู้ทำภาพยนตร์การ์ตูนอย่างนาย Lucas Zanotto ทำโฆษณาชิ้นหนึ่งขึ้นมาด้วยการทำกาแฟขึ้นมาจากเมล็ดกาแฟเพียง 1 เมล็ดเท่านั้น     และมันก็กลายมาเป็นคลิปวิดีโอชงกาแฟแบบจิ๋ว ที่ดูแล้วมันช่างฟินซะเหลือเกิน ไม่ได้มีเพียงแค่กรรมวิธีการชงแบบแปลกตาเท่านั้น แต่ยังมีการใส่ซาวด์เอฟเฟค และเลือกเพลงที่ฟังแล้วทำให้เคลิ้มจนตาปรือ   ก่อนอื่นก็ต้องบดเมล็ดกาแฟซะก่อน   ต้มน้ำด้วยเทียน   นำกาแฟผงไปใส่ในกระดาษกรอง จากนั้นก็เทน้ำที่ต้มเดือดลงไป   ป๊าปปปป ได้ออกมาเป็นกาแฟพร้อมดื่ม   ดูภาพเฉยๆ แล้วมันไม่ฟิน ลองไปชมแบบคลิปกันที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   ต้องขอบอกเลยว่าเป็นคลิปที่น่าดูชมซะจริงๆ เพราะนอกจากจะมีความครีเอทแล้ว ยังสามารถสร้างความฟินได้อีกต่างหาก สุดยอดดด ที่มา : thisiscolossal

เมื่อกล่าวถึง ‘มอนสเตอร์บอล’ จากเรื่องโปเกมอนแล้ว เพื่อนๆ หลายคนก็คงจะรู้กันดีว่ามีนเป็นภาชนะที่เอาไว้เก็บเหล่าโปเกมอน แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมมอนสเตอร์บอล ที่ไม่ได้มีไว้บรรจุโปเกมอน แต่เป็นมอนสเตอร์บอลที่จะช่วยให้กลิ่นลมหายใจของเรามีกลิ่นหอมสดชื่น   ล่าสุดทางบริษัท Bandai ได้ทำการออกแบบสินค้าตัวใหม่ ที่มาในธีมของการ์ตูนชื่อดังที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกอย่าง ‘โปเกมอน’ เป็นมอนสเตอร์บอลที่จะช่วยให้กลิ่นลมหายใจของเราหอมสดชื่น     ทั้งเซ็ตจะประกอบไปด้วยมอนสเตอร์บอล 11 ลูก ประกอบไปด้วย Poké Ball, Great Ball, Ultra Ball, และ Master Ball   แถมยังมีมอนสเตอร์บอลจากภาคใหม่ๆ อย่าง Luxury Ball และ Premier Ball อีกด้วยนะเออ   Quick Ball, Dusk Ball และ Timer Ball   Heal Ball และ Dive Ball…

ขึ้นชื่อว่าศิลปิน จะหยิบจะจับอะไรมันก็เป็นงานศิลป์ไปซะหมด!!   Susan Beatrice ก็เป็นศิลปินอีกคนเช่นกันที่เธอเลือกจะหยิบนำสิ่งของต่างๆ มาสร้างเป็นงานศิลป์ โดยผลงานของเธอในครั้งนี้จะเป็นการนำชิ้นส่วนของนาฬิกาที่ใช้แล้วมาทำเป็นประติมากรรมต่างๆ ชิ้นส่วนของนาฬิกานั้นมีขนาดเล็กมาก ทำจากโลหะ แถมมีลักษณะเฉพาะไม่สามารถตัดแต่งง่ายแบบกระดาษหรือไม้ การจะหยิบมันมาปรกอบเข้าด้วยกันเป็นรูปร่างต่างๆ ต้องผ่านการวางแผนและออกแบบอย่างดีมากเช่นกัน บรรยายมาจนถึงขนาดนี้คงอยากจะเห็นผลงานของเธอแล้วล่ะสิ งั้นมาดูกันเลยดีกว่า ว่าจะเจ๋งสมคำคุยไหม   เริ่มกันที่งานชิ้นแรกเป็นเจ้าเหมียวกันก่อนเลย   ตามด้วยเจ้าหนูที่ตัวเล็ก แต่รายละเอียดเพียบ   สัตว์ในเทพนิยายก็มีนะ เป็นมังกรสุดเท่   หรือจะเป็นยูนิคอร์นก็มีเช่นกัน   ต่อด้วยม้าน้ำที่ลายละเอียดช่วงลำตัว สวยสุดๆ   ส่วนเจ้าหนูตัวนี้ก็จัดว่าสวยมากๆ เลยนะ แถมยังมีจานข้าวของมันอีก   แมวกับหนู ขนาดหนูนี่ตัวเล็กมากๆ ยังทำออกมาได้เยี่ยม   ส่วนเจ้าปูตัวนี้ดีไซน์ของมันก็เจ๋งใช่ย่อย แถมยังไปถ่ายที่ชายหาดอีกต่างหาก   หมาไส้กรอกที่มีส่วนคล้ายๆ สปริงอยู่ตรงลำตัวนี่เหมือนตัวที่อยู่ใน Toy Story เลย   พักจากสัตว์มาเป็นคนกันบ้าง มองออกไหมว่าพวกเขากำลังทำอะไรกัน   ทำออกมาเป็นรูปหน้า Edgar Allan Poe ได้อย่างเหมือน  …

บางครั้งไอเดียสุดบรรเจิดแบบง่ายที่ช่วยให้เกิดประโยชน์นั้นเป็นเรื่องที่มักจะมีให้เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ แต่ก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมเราถึงคิดไม่ได้กันนะ เรื่อยง่ายๆ แค่นี้เอง เสมือนเส้นบังภูเขาไปซะอย่างนั้น สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมไอเดียสุดบรรเจิด ที่ดูแล้วเหมือนจะคิดออกมาได้ง่ายๆ แต่มันก็โคตรเจ๋ง และสามารถสร้างประโยชน์ได้เป็นอย่างดี   1. ที่วางเครื่องปรุงรส ที่สามารถจับขวดซอสมะเขือเทศมาวางไว้แบบนี้ก็ได้นะเออ ตอนเทรับรองไหลปรู๊ดๆ แน่นอน   2. ที่ดึงมันฝรั่งออกมา โดยที่ไม่ต้องเท หรือเอามือล้วงเข้าไปกระป๋อง   3. บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มาพร้อมช่องเทน้ำร้อน   4. ส้อม + ตะเกียบ ใช้งานได้แบบทูอินวัน   5. แผ่นกระดาษที่มีไว้เพื่อห่อเศษหมากฝรั่ง   6. ม้านั่งที่สามารถนั่งได้ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และคนนั่งวีลแชร์   7. โต๊ะทานอาหารที่จะช่วยปกป้องโทรศัพท์ของคุณจากเศษอาหาร   8. รถไฟเสิร์ฟเบียร์   9. แว่นขยายที่ติดกับรถเข็น เพื่อให้ลูกค้าอ่านฉลากของผลิตภัณฑ์ได้อย่างชัดแจ๋ว   10. บ้านเอาไว้บอกพนักงานเสิร์ฟ ว่าต้องการความช่วยเหลือหรือว่าต้องการอยู่เพียงลำพัง  …

ปกติแล้วถ้าพูดถึงขนาดของไก่ เราก็จะคิดถึงไก่ชนหรือไก่เนื้อที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก อาจจะตัวเท่ากับลูกหมาตัวน้อยๆ อะไรทำนองนั้น แต่ถ้าบอกว่ามีไก่สายพันธุ์หนึ่งตัวใหญ่มากๆ แถมสูงเกือบเมตรล่ะ พวกคุณจะเชื่อไหมว่ามันคือไก่จริงๆ ไม่นานมานี้ได้มีผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ชื่อว่า Fitim Sejfijaj ได้ปล่อยคลิปไก่ของเขาผ่านกรุ๊ปคนเลี้ยงไก่ SHPEZTARIA DEKORATIVE ซึ่งมันก็สร้างความตกตะลึงกับชาวเน็ตเป็นอย่างมาก เพราะเจ้าไก่ตัวนี้เนี่ยมันมีขนาดใหญ่ และสวยมากๆ แม้แต่ #เหมียวมู่ทู่ เห็นยังช็อคเลย   OMG!! จะใหญ่ไปไหนเนี่ย   เป็นไงใหญ่ไหมล่ะ!? ถ้ายังไม่เชื่อดูเป็นภาพแบบนี้อาจจะคิดว่าซูมภาพเข้าไปใกล้ๆ ให้มันดูใหญ่งั้นเราลองมาดูแบบคลิปกันดูไหม   เชิญพบกับราชาไก่….   เจ้าของบอกว่าไก่ที่เห็นในคลิปเป็นไก่สายพันธุ์ Brahma ซึ่งเป็นหนึ่งในไก่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยปกติแล้วไก่สายพันธุ์นี้มันจะมีขนาดสูงประมาณ 50 เซนติเมตร และน้ำหนักราวๆ 5 กิโลกรัมสำหรับตัวผู้ 4.5 สำหรับตัวเมีย แต่ทว่าไก่ของเขามันดันใหญ่กว่าปกติเนี่ยสิ ซึ่งเขาเล่าว่า “ไก่ของผมมันมีน้ำหนักถึง 7.4 กิโลกรัม แถมมันยังสุงถึง 85 เซนติเมตรเลยทีเดียว โดยวัดจากเท้าไปหัวของมัน”     ซึ่งจากการหาข้อมุลเพิ่มเติมไก่ของเขามีน้ำหนักมากกว่าไก่สายพันธุ์เดียวกันถึง 2 กิโลกรัม เราก็เลยเห็นมันใหญ่แบบนั้นนั่นเอง ส่วนเรื่องนิสัยของไก่สายพันธุ์นี้ไม่มีอะไรที่เป็นปัญหา เพราะว่ามันเป็นไก่ที่สุภาพและเป็นมิตรมากๆ “มันเป็นไก่ที่น่ารักและร่าเริงตลอดเวลา นอกจากนั้นมันยังดูแลแม่ไก่อีกสองตัว ซึ่งมันก็ดูแลทั้งคู่ได้ดีสุดๆ เลยล่ะ ที่สำคัญผมรักมันมาก”   …

โดยปกติแล้ว เราจะเข้าใจกันดีว่านาฬิกานั้นมีเอาไว้เพื่อ ‘บอกเวลา’ แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับ ‘นาฬิกาซ่อนเวลา’!? นี่คือ ‘นาฬิกาซ่อนเวลา’ ผลงานของนักออกแบบชาวเกาหลีใต้จากกรุงโซลชื่อว่า Jiwoong Joong ที่ต้องการจะสร้างนาฬิกาข้อมือแบบแปลกใหม่และไม่เหมือนใครออกมา “ขณะที่ออกแบบนาฬิกาฉันก็คิดขึ้นมาว่าจะทำอย่างไรดีที่จะซ่อนเวลาที่จะถึงอย่างไรดี จากนั้นก็เริ่มลงมือวิจัยอย่างจริงจังด้วยการศึกษาจากการเปลี่ยนสีของกิ้งก่าคาเมลอน ที่เปลี่ยนสีพรางตัวเองให้กลมกลืนกับธรรมชาติ” Jiwoong กล่าว     จึงเกิดออกมาเป็นการใช้การพิมพ์สีแบบ UV ที่สามารถหลอกตาได้ ส่วนที่มืดที่สุดจะทำหน้าที่เป็นเข็มชั่วโมงค่อยๆ เลื่อนผ่านไปตามเลขเวลาช้าๆ ซึ่งเวลาที่ถูกเลื่อนผ่านไปก็จะโผล่ขึ้นมาให้เห็น     ตอนนี้เจ้านาฬิกาซ่อนเวลาก็กำลังอยู่ในช่วงระดมทุนในเว็บไซต์ Kickstarter และก็ได้งบไปแล้วกว่า 2.9 ล้านบาท โดยตั้งเป้าเอาไว้ที่ 1.7 ล้านบาทเท่านั้น หากใครต้องการจับจองอยากเป็นเจ้าของก็สามารถเข้าไปสั่งพรีออเดอร์ได้ด้วยการสนับสนุนเงินเป็นราคา 5,400 บาทขึ้นไป ก็จะสามารถได้มาเป็นเจ้าของแล้วล่ะ   มีให้เลือก 3 สีด้วยกัน ก็คือสีขาว สีดำ และสีน้ำตาล . . .   ลองไปชมคลิปเพิ่มเติม เพื่อทำความเข้าใจกับวิธีการทำงานของมันได้ที่ข้างล่างนี้เลยนะจ๊ะ   แหม่ จะว่าไปก็ดูเป็นไอเดียที่เจ๋งไม่เบาเลยนะเนี่ย…

ถ้าถามหาภาพมุมสูง คนทั่วไปคงคิดถึงการถ่ายภาพจากบนยอดตึกหรือยอดเขาสูงๆ หรือไม่ก็จากบนเครื่องบิน แต่ถ้าเราเปลี่ยนเป็นภาพถ่ายมุมสูงจากนอกโลกดูบ้างล่ะ!? มันคงจะเจ๋งน่าดูใช่ไหมล่ะ วันนี้เราเลยจะมาดูภาพถ่ายมุมสูงจากนอกโลกที่ถ่ายโดยนักบินอวกาศกันบ้าง ผลงานโดย Thomas Pesquet ชาวฝรั่งเศสผู้รักการถ่ายภาพมุมสูงของสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ผ่านมุมมองจากสถานีอวกาศนานาชาติที่เขาประจำการอยู่   ยกตัวอย่างผลงานของเขาด้วยภาพที่ถ่ายเหนือทุ่งหิมะจากรัสเซีย องค์ประกอบภายในภาพมันช่างน่าค้นหา   ภาพนี้เป็นภาพมุมสูงของตัวเมืองแห่งหนึ่งในรัสเซีย ซึ่งเขาไม่ได้ระบุว่ามาจากเมืองใด     แม่น้ำ Voronezh ของรัสเซียที่กลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด   ทุ่งหิมะสักแห่งในรัสเซีย ซึ่งภาพนี้เขาบอกว่า เหมือนกำลังส่องกล้องจุลทรรศน์ดูเซลล์ของอะไรบางอย่างเลย   ภาพนี้ถ้าไม่บอกชื่อสถานที่คงไม่มีใครดูออกแน่นอนว่าเป็นที่ไหน เพราะปกติเราจะเห็นมันจากมุมมองตรงๆ เสียมากกว่า สถานที่แห่งนี้ก็คือ เทือกเขาแอลป์ในยุโรปนั่นเอง   ยิ่งภาพนี้ถ้ามองผ่านๆ ยิ่งทำให้คิดว่ามันคือผิวของดวงจันทร์แน่ๆ แต่จริงๆ แล้วมันคือภาพมุมสูงของยอดภูเขาไฟเอตนาในอิตาลีต่างหาก   ภาพมุมสูงในเวลากลางคืนของเมืองดับลิน เมืองหลวงของประเทศไอร์แลนด์   ภาพมุมสูงของทะเลสาบที่ Dead Sea ที่อยู่ในประเทศจอร์แดน   อีกหนึ่งภาพที่ถ้าดูผ่านๆ คงคิดว่าเป็นภาพถ่ายจากดาวอะไรสักอย่างแน่ๆ แต่จริงๆ แล้วมันคือแม่น้ำซูดานที่ทอดยาว   ส่วนภาพนี้คือภาพของพีระมิดเมืองกีซ่า…มองเห็นกันไหมล่ะ ว่าไหนคือพีระมิด   อีกหนึ่งภาพที่ดูแล้วเหมือนถ่ายพื้นผิวดาวอังคารสุดๆ แต่แท้จริงแล้วมันคือทะเลทรายสะฮารา ทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลก…

สำหรับใครที่กำลังมองหาโคมไฟสวยๆ อยู่แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อโคมไฟแบบไหนดี หรือยังหาแบบที่ถูกใจไม่ได้สักที วันนี้ #เหมียวมู่ทู่ มีโคมไฟใหม่มาแนะนำให้รู้จักกัน บอกเลยว่ามันสวยสดงดงามมากๆ เลยล่ะ   โคมไฟนี้มีชื่อว่า PULSARMOONLIGHT ผลิตโดย Pulsar Moonlight ซึ่งเป็นโคมไฟที่มีหน้าตาเป็นดาวเคราะห์ต่างๆ ตัวโคมไฟจะมีรายละเอียดของพื้นผิวตามที่เราเห็นในภาพของดวงต่างจริงๆ นอกจากนี้ผู้ผลิตบอกว่าสินค้าของเขาทั้งหมดเป็นแฮนด์เมด แถมยังมีให้เลือกมากมายเลยทั้งดวงจันทร์ ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวเนปจูน และอื่นอีกมากมาย พูดอย่างเดียวก็คงจะไม่เห็นภาพสักที เอาเป็นว่าเรามาดูโคมไฟเหล่านี้กันเลยดีกว่า   หลักๆ ที่ตัวผู้ผลิตดูจะภูมิใจและนำเสนอมากที่สุดก็คงจะเป็นดวงจันทร์นี่และ   แขวนบนเพนดาน สีก็จะเปลี่ยนตามหลอดไฟที่ใช้ อย่างอันนี้ใช้ไฟสีขาว   ส่วนอันนี้ก็จะเป็นไฟที่สีเหลืองๆ หน่อย .   เอาไปวางในสวนก็สวนไม่เบาเลยนะ . .   นอกจากดวงจันทร์แล้วก็ยังมีดาวดวงอื่นๆ ด้วย . .   ใครที่สนใจอยากจะสั่งซื้อ ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ etsy ซึ่งราคาต่ำสุดก็จะอยู่ที่ราวๆ 2,500 บาท ไปจนถึงเกือบ 4,000 บาท ราคาอาจจะดูแพงแต่อย่าลืมนะว่า สินค้าทุกชิ้นเป็นแฮนด์เมดแทบทั้งสิ้น   Shut up…

ในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะไปทำอะไร หรือไปที่ไหนก็มักจะมี ‘เงา’ ติดตามไปด้วยตลอด แน่นอนว่าหลายๆ คนก็เลือกที่จะมองข้ามมันไป แต่สำหรับนาย Flavio Salsano ศิลปินวาดภาพประกอบจากเมือง Amsterdam ประเทศเนเธอร์แลนด์ กลับไม่ได้คิดแบบนั้น เขาเลือกที่จะนำ ‘เงา’ มาสร้างเป็นผลงานศิลปะ จนกลายเป็นผลงานที่ออกมาแล้วดูน่ารักและเข้ากันได้ดีแบบสุดๆ   จะออกมาเป็นผลงานรูปแบบไหน ก็ลองไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า!!   1. ใช้เงาของเทปกาวมาทำเป็นทรงผมให้คู่รัก   2. เงาของกรรไกรก็กลายเป็นจระเข้ น่าร๊ากกก ><   3. อ้าวว่าไงเพื่อน นายดูดีมากเลยนะ   4. ไหวมั้ยเนี่ยพี่ชาย??   5. ข้าวหน่อยจ้ะแม่จ๋าาา   6. เงาจากปากกาก็กลายมาเป็นคู่พ่อลูกปากกาสุดคิ้วท์   7. พูดว่าชีสหน่อยซิจ๊ะที่รัก   8. ช่างเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่น่าชื่นชมเสียจริงๆ   9. จากกาน้ำก็กลายมาเป็นชุดอวกาศสุดจ๊าบ   10. ว่าไงเจ้ากระต่ายยย   หากเพื่อนๆ…

บนโลกของเรานั้นมีศิลปินที่มีความสามารถอยู่มากมาย พวกเขาสามารถวาดภาพได้ออกมาดูสวยงดงามราวกับว่าเป็นภาพถ่ายก็ยังทำได้ บางครั้งภาพสวยๆ ที่เราเคยเห็นกันและชื่นชมกันอยู่ก็อาจจะไม่ใช่ภาพถ่ายเสมอไป อาจจะเป็นภาพที่วาดมาจาก ‘ดินสอ’ ก็ได้นะเออ!! สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมผลงานภาพวาดของศิลปินชาวไนจีเรียชื่อว่า Arinze Stanley ที่ใช้ดินสอดำสร้างสรรค์ผลงานที่ออกมาดูสมจริงราวกับเป็นภาพถ่ายโทน ขาว-ดำ ที่ถ่ายจากกล้องโปรราคาแพงเลยทีเดียว   ซึ่งผลงานแต่ละผลงานนั้น Arinze จะใช้เวลามากกว่า 100 ชั่วโมงในการวาด และนี่คือภาพผลงานบางส่วนของเขา และขั้นตอนแต่ละขั้นตอนว่ามีเทคนิคการวาดอย่างไรบ้าง ลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…     พี่มาร์กของเราก็มา   ส่วนของดวงตานั้นช่างทำออกมาได้งดงามจริงๆ   ไม่น่าเชื่อว่ากะอิแค่ดินสอดำเพียงอย่างเดียวสามารถทำได้ถึงขนาดนี้   ทั้งแสง-เงา รอยย่นของใบหน้าก็ทำออกมาได้ดูดีสุดๆ .   การแสดงออกทางสีหน้าก็สามารถสื่อออกมาได้ดีจริงๆ   อะจว๊ายยยยยย!! . .   หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากชมผลงานเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปกดติดตามที่อินสตาแกรม harinzeyart ได้เลยนะจ๊ะ ยังมีให้ชมอีกเพียบเลย… ที่มา : boredpanda

ทั่วโลกของเรานั้นมีมหาวิทยาลัยอยู่มากมาย ที่เปิดให้นักศึกษาผู้ใฝ่เรียนได้เข้าไปเสาะหาความรู้กันอย่างเต็มที่ สำหรับการเลือกเข้าเรียนตามมหาวิทยาลัยต่างๆ นั้นเองก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย บ้างก็เลือกเพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่ถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก บ้างก็เลือกที่บรรยากาศความสวยงาม บ้างก็เลือกเพราะอยู่ใกล้บ้าน เป็นต้น และสำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมมหาวิทยาลัยที่แสนงดงามจากทั่วโลก รับรองได้เลยว่าถ้าได้ไปอยู่ที่นั่นแล้วจะต้องประทับใจไม่รู้หายเลยทีเดียว   1. มหาวิทยาลัย University of Notre Dame ตั้งอยู่ที่รัฐ Idiana ประเทศสหรัฐอเมริกา .   2. มหาวิทยาลัย University of Santo Tomas ตั้งอยู่ที่ประเทศฟิลิปปินส์   3. มหาวิทยาลัย Berry College ตั้งอยู่ที่รัฐ Georgia ประเทศสหรัฐอเมริกา .   4. มหาวิทยาลัย University of Otago ตั้งอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์   5. มหาวิทยาลัย University of Bologna ตั้งอยู่ที่ประเทศอิตาลี .   6. มหาวิทยาลัย Queen’s University Belfast ตั้งอยู่ทีประเทศไอร์แลนด์เหนือ…

จากข้อมูลทางสถิติแล้ว ในบ้านของชาวอังกฤษจะมีเครื่องครัวที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือเก็บเอาไว้เฉยๆ (ซื้อมาทำไมแว๊) คิดเป็นมูลค่าประมาณบ้านละ 11,000 บาทเลยทีเดียว Deliveroo บริษัทที่ปกติจะทำหน้าที่ช่วยจัดส่งอาหารจากร้านอาหารไปส่งให้กับลูกค้าอยู่แล้ว  ด้วยเหตุนี้ก็เลยทำให้บริษัทนี้เกิดความคิดขึ้นมาว่าพวกเขาจะนำเครื่องครัวที่มีมูลค่ามหาศาลพวกนี้มาทำอะไรได้บ้าง พวกเขาจึงคิดค้นจักรยานส่งของขึ้นมา โดยใช้เครื่องครัวมาเป็นส่วนประกอบในการทำจักรยาน ซึ่งดีไซน์มันก็เท่ไม่ยอกเลยทีเดียว   ดูดีไซน์ของจักรยานคันนี้เสียก่อน เท่ไม่หยอกเลยใช่ไหมล่ะ   นอกจากจะใช้ส่งของได้ด้วยแล้ว ถ้าเพิ่มไฟฟ้าเข้าไปนี่เป็นห้องครัวเคลื่อนที่ได้เลยนะ   ทุกอย่างล้วนเป็นเครื่องครัว แฮนด์บาร์ก็มาจากไม้นวดแป้ง   ไฟท้ายหน้าตาคุ้นๆ ไหม   ที่ปั่นก็เป็นเครื่องครัวเหมือนกัน   เครื่องตีแป้งก็เป็นได้ทั้งกริ่ง และไฟหน้า   ตะกร้าวางจาน ช้อน ชามเอามามันให้หมด   ตัววัดอุณหภูมิก็ใช้มาเป็น ไมล์วัดความเร็วจักรยาน ได้ด้วยนะ   สีก็เข้ากับชุดพนักงานเหมือนกันนะเนี่ย   ซิ่งไปส่งของโดดเด่น และเท่ไม่เหมือนใคร   ตอนนี้จักรยานเครื่องครัว ก็กลายเป็นหนึ่งในพาหนะหลักของ Deliveroo เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งพวกเขาจะใช้มันในการส่งอาหารให้กับผู้คนที่ต้องการในลอนดอนนั่นเอง   อยากได้มาใช้ขี่ออกกำลัง อวดคนแถวบ้านสักคันจริงๆ ที่มา boredpanda

โรงเรียนในญี่ปุ่นนั้น ส่วนใหญ่ก็จะมีชมรมต่างๆ มากมายอยู่ภายในโรงเรียน ซึ่งตัวนักเรียนเองสามารถที่จะเลือกเข้าร่วมชมรมที่ตัวเองสนใจ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับศิลปะหรือกีฬาก็ตาม แต่ทว่ามีชมรมกีฬาหนึ่งที่พวกเขาทำผลงานออกมาได้น่าสนใจมากๆ เลยทีเดียว โดนชมรมนี้มีชื่อว่า Water Boys!! ชมรมนี้เป็นชมรมของเด็กนักเรียนจากโรงเรียนมัธยม Yamashiro ในจังหวัดเกียวโต โดยงานหลักของชมรมนี้ก็คือการคิดค้นการแสดงระบำใต้นำ โดยใช้ท่าเต้นต่างๆ ที่พวกเขาคิดค้นขึ้นมา   ปกติและระบำใต้น้ำเราจะเห็นเป็นผู้หญิงเสียส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นทีเด็ดก็คือ สมาชิกชมรมนี้ก็จะมีแต่ผู้ชายเท่านั้น ตามชื่อว่าวอเตอร์บอยนั่นเอง     พวกเขาใช้เวลาฝึกฝนอย่างหนักตลอดทั้งปีเพื่อที่จะให้ได้โชว์ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งพวกเขาจะแสดงโชว์ที่ฝึกมานี้ออกสู่สายตาผู้ชมทุกๆ ปี แถมเสียงตอบรับก็ดีมากๆ เลยนะ   ถึงสระน้ำจะตื้น แต่การแสดงของพวกเขาลึกล้ำสุดๆ เลยล่ะ   แม้จะอยู่ในวัยมัธยม แต่ความสามารถก็ไม่ธรรมดา   รับชมคลิปเต็มๆ ได้ที่คลิปนี้เลย…   ใครที่ดูแล้วรู้สึกสนใจสามารถดูคลิปเพิ่มเติมได้ที่แชแนลยูทูปของพวกเขาของพวกเขาได้ที่ชาแนล 5610 hazime หรือจะเป็นทวิตเตอร์ @jaban777 ซึ่งมีอะไรน่าสนใจให้ดูอีกเพียบ ที่มา rocketnews24

บางครั้งเราก็อาจจะคิดว่า ‘ธรรมชาติ’ เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินที่เราจะจะเอื้อมถึง แต่จะเป็นอย่างไรหากนำพวกมันมาใส่ในกระเป๋าเดินทางเก่าๆ ที่ทำมาจากไม้!? นี่คือหนึ่งในผลงานสุดเจ๋งของศิลปินชาวนิวยอร์ค Kathleen Vance ที่กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินงานสร้างอยู่ เป็นการยัดภูมิประเทศแบบจำลองลงไปไว้ในกระเป๋าเดินทางเก่าๆ ที่ทำมาจากไม้     ผลงานศิลปะชุดนี้อยู่ในซีรี่ย์ผลงานที่มีชื่อว่า Traveling Landscapes ซึ่งคุณ Kathleen จะนำวัสดุจากธรรมชาติจริงๆ มาใช้ไม่ว่าจะเป็น น้ำ ดิน หิน หรือต้นไม้จริงๆ นอกจากนี้ก็มีการนำยางและวัตถุดิบต่างๆ มาใช้ในการตกแต่งเพิ่มเติมอีกด้วย     “วัสดุต่างๆ นั้นจะแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานกันระหว่างธรรมชาติและสิ่งประดิษฐ์ ทั้งคู่สามารถอยู่ด้วยกันได้ สิ่งต่างๆ ที่แตกต่างกันนั้นอาจจะแสดงให้เห็นถึง ‘ธรรมชาติ’ ขณะที่บางครั้งก็ถูกตัดสินว่า ‘ไม่เป็นธรรมชาติ”      “ภูมิประเทศจำลองที่สร้างขึ้นมาจะทำให้ทุกคนได้เห็นถึงภาพของธรรมชาติ ที่ถูกบรรจุไว้ในกระเป๋าเดินทาง ซึ่งเป็นความแปลกใหม่ ที่เราไม่สามารถเห็นได้ง่ายๆ”     “ผลงานเหล่านี้จะทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องที่เราสามารถจับต้องได้ และการครอบครองถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งมันเหมือนจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับกับผืนดินที่อยู่เหนือเรื่องของการใช้สิทธิด้านน้ำอีกทีหนึ่ง” คุณ Kathleen กล่าวถึงผลงานของเธอ   . . . .   หากเพื่อนๆ สนใจอยากชมผลงานของศิลปิน Kathleen เพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ kathleenvance ได้เลยนะจ๊ะ…

‘งานแต่งงาน’ คงเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจที่สุดในชีวิตของใครหลายๆ เป็นวันแห่งความฝันที่ทุกคนต่างรอคอย เพราะช่วงชีวิตหนึ่งเราอาจจมีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น… ทำให้ปัจจุบันนี้มีงานแต่งงานรูปแบบต่างๆ ออกมามากมาย บ้างก็เป็นงานแต่งงานกระโดดหน้าผาสูง บ้างก็เป็นงานแต่งงานในปราสาท แต่ที่ดูแล้วน่าจะเป็นที่นิยมมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น ‘ทะเล’ นี่แหละ ที่เป็นโลเคชั่นในฝันของใครหลายๆ คน     เช่นเดียวกันกับเจ้าบ่าว Jovany และเจ้าสาว Susana Zamos ที่ตัดสินใจออกไปจัดงานแต่งงานกันที่ชายหาดบนเกาะ Cozumel ประเทศเม็กซิโก   แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดยั้งเพื่อนๆ และครอบครัวของเขาให้มาร่วมงานได้ จนทำให้งานแต่งงานของทั้งคู่กลายเป็นงานที่ใหญ่โตมโหฬารมีผู้เข้าร่วมงานคับคั่งกว่า 100 คนเลยล่ะ   ซึ่งบรรยากาศในงานแต่งงานก็ไม่ได้เป็นการแต่งงานบนชายหาดธรรมดาๆ ทั่วไป เพราะพิธีทุกอย่างนั้นจัดในน้ำ!?   “พวกเราได้รับคำแนะนำจากผู้วางแผนงานแต่งงานว่า ‘คุณไม่สามารถแต่งงานท่ามกลางมหาสมุทรได้หรอก เพราะมันมีเรื่องที่จุกจิก และเรื่องยุ่งยากมากมาย” คุณ Zamos เล่า   “พวกเราก็เลยคิดว่า โอเค พวกเราจะแต่งงานกันบนชายหาดเหมือนกับคู่รักคู่อื่นๆ”   แต่หลังจากที่จะวางแผนงานแต่งงาน จู่ๆ ช่างภาพของพวกเขาก็ได้เสนอไอเดียที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่ได้คิดไว้   “เธอบอกพวกเราว่า ‘คุณต้องทำมันนะ คุณต้องแต่งงานกันในน้ำ มันจะต้องเป็นอะไรที่เจ๋งมากๆ แน่ๆ’ และความคิดของเราก็เปลี่ยนไปในทันที ต้องขอขอบคุณสตูดิโอ…

นักวิทยาศาตร์จากศูนย์ Argonne National Laboratory ได้คิดค้นฟองน้ำชนิดใหม่ขึ้นมา ซึ่งพวกเขาเคลมว่าเจ้าฟองน้ำตัวใหม่นี้จะสามารถดูดซับคราบน้ำมันได้อย่างดีเยี่ยมกว่าฟองน้ำไหนๆ ที่เคยมีมา ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่มีปัญหาน้ำมันรั่วฟองน้ำที่จะถูกนำมาใช้ซับคราบก็คือ Sorbents ซึ่งมันสามารถดูดซับคราบนรน้ำมันได้ดี แต่กลับใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เลยทำให้นักวิทยาศาตร์ต้องคิดค้นฟองน้ำชนิดใหม่ขึ้นมานั่นเอง     แน่นอนว่าเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่มันย่อมดีกว่าของเก่ามา พวกเขาได้ให้เหตุผลในการคิดค้นเจ้าฟองน้ำตัวนี้ว่า มันจะเป็นนวัตกรรมที่สามารถช่วยธรรมชาติได้อย่างรวดเร็ว ดูดซับมากกว่าแบบเก่าถึง 90 เท่า โดยเฉพาะเวลาที่มีเหตุการณ์น้ำมันรั่วในทะเล เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าการจะขจัดคราบน้ำมันในทะเลได้ต้องใช้เวลานานมากๆ เลยทีเดียว       ทางหัวหน้าทีมพัฒนา Seth Darling ได้อธิบายถึงคุณสมบัติของเจ้าฟองน้ำชนิดใหม่นี้ว่า มันคือฟองน้ำที่สร้างจาก Polyurethane และพลาสติก Polyimide แถมยังเคลือบด้วยสารอณู Silane ทำให้มันสามารถดูดซับคราบน้ำมันได้มากถึง 90 เท่าของน้ำหนักตัวมันเอง ที่สำคัญยังสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้อีกด้วย   ภาพนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของฟองน้ำชนิดใหม่ได้เป็นอย่างดี . คราบน้ำมันบนผิวน้ำเหรอ ไม่ต้องกลัวฟองน้ำชนิดใหม่นี่จัดการได้สบายๆ เลยล่ะ . ภาพนี้แสดงให้ว่ามันสามารถที่จะรีดน้ำมันออกแล้วนำกลับมาใช้ซ้ำได้   และจากการทดลองหลายๆ ครั้งก็พบว่าเจ้าโฟมชนิดใหม่นี้มันใช้งานได้ดีกว่า Sorbent จริงๆ แต่ก็ยังมีคำถามในเรื่องที่ว่าถึงแม้จะขจัดคราบบนผิวน้ำได้ แล้วคราบที่อยู่ในทะเลลึกล่ะ พวกเขาจะรับมือยังไง ซึ่งก็ต้องอยู่ในการพัฒนาในจุดนั้นต่อไป… แต่ไม่ว่ายังไงการคิดค้นฟองน้ำตัวนี้ขึ้นมาก็น่าจะช่วยประหยัดเวลาและช่วยเรื่องปัญหาคราบน้ำมันรั่วบนท้องทะเลได้มากขึ้นเลยทีเดียวล่ะ   สามารถรับชมความสามารถของมันแบบเต็มๆ…

ด้วยความน่าอายจากการ “ตด” นั้น ปกติก็จะทำให้หลายๆ คนไม่ค่อยกล้าที่จะตดในบางโอกาสหรือจำเป็นจะต้องหาที่ลับๆ เพื่อที่จะตดออกมา แถมบางครั้งเราก็ไม่รู้ว่าการตดของเราในครั้งนั้นจะมีเสียงหรือกลิ่นหรือเปล่า ถ้าคนจับได้ก็คงจะน่าอายพอตัวเลย   แต่ทว่ากลับมีผู้ชายคนหนึ่งที่เขาไม่อายที่จะตด แถมยังสามารถเอามันมาเป็นอาชีพได้อีกตะหาก ชายคนนี้มีชื่อว่า Joseph Pujol ที่เราจะเล่าเรื่องของเขาให้ฟัง… เขามีชื่อในวงการว่า Le Pétomane ได้ตระเวนไปโชว์ตดทั่วฝรั่งเศสและยุโรปในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จนได้รับการเข้าชมและชื่อเสียงมากมาย มีหลายคนให้สมญานามของเขาว่า “นักตดมืออาชีพ” คนแรกและคนเดียวบนโลกใบนี้     แต่กว่าจะมาถึงจุดนั้น เขาก็เป็นคนหาเช้ากินค่ำทั่วไป ทำงานบาร์เทนเดอร์ และคอยเอนเตอร์เทนลูกค้าจากหลังเคาน์เตอร์ด้วยการตดเป็นเสียงเพลง พร้อมกับตดใส่เครื่องดนตรีโดยที่ลูกค้าไม่รู้ว่าเขาทำแบบนั้นได้อย่างไร หลังจากนั้นเขาได้มีโอกาสขึ้นเวทีโชว์ในเมือง Marseilles เมื่อปี 1887 และเป็นการเริ่มต้นของเส้นทางอาชีพนักแสดงตดของเขา เขามีไฮไลท์เด็ดอย่างเช่น การตดเสียงยิงปืนใหญ่ ตดเสียงพายุฟ้าผ่า รวมถึงกระทั่งดับเทียนที่อยู่ห่างไปเป็นเมตรด้วยตดของเขาเอง หลังจากจบสงครามโลกครั้งที่ 1 เขาก็ขอถอนตัวจากวงการแล้วกลับไปดูแลร้านเบเกอรี่ของเขาในเมือง Marseilles ต่อจากนั้นไม่นานเขาก็ได้เปิดโรงงานบิสกิตในเมือง Toulon และท้ายที่สุดเขาก็เสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1945 ที่อายุ 88 ปี   หนึ่งในอุปกรณ์เครื่องดนตรี ที่เขาใช้ในการแสดง โดยการเสียบเข้าที่ก้นของเขาและบรรเลงออกมา   นอกจากการขึ้นโชว์ตามงานต่างๆ…

โดยปกติแล้วเมื่อพูดถึง ‘การซื้อขายสารเสพติดจำพวกกัญชา’ ในบ้านเรานั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ไม่สามารถทำการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนกันได้อย่างอิสระเหมือนในหลายๆ ประเทศ ซึ่งในประเทศที่กัญชาถูกกฎหมายนั้นจะมีหน้าร้านที่วางขายกันแบบเรียงรายเลยทีเดียว บ้างก็เป็นร้านแบบธรรมดาๆ บ้างก็เป็นร้านที่ขายผ่านทางออนไลน์ แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมร้านขายกัญชาแบบสุดหรู ที่ขายกัญชากันแบบไฮเอนด์ที่ตั้งอยู่ในเมือง Portland มาให้เพื่อนๆ สายเขียวได้ชมกัน     ร้าน Serra เป็นร้านที่ยกระดับอุตสาหกรรมกัญชาให้สูงขึ้นไปอีก 1 ขั้น ด้วยการเปิดเป็นร้านที่มีบรรยากาศแบบไฮเอนด์ จัดแต่งทุกมุมให้ดูหรูหราฟู่ฟ่า แถมยังวางขายเฉพาะกัญชาเกรดพรีเมี่ยมอีกด้วย     ข้างในร้านก็จะประกอบไปด้วยเมนูกัญชามากมายหลากหลายสายพันธุ์ที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี บ้องที่ถูกออกแบบเป็นรูปแบบต่างๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นงานศิลปะมากกว่า     และในส่วนของการลองก็จะมีเมล็ดกาแฟอบแห้งเอาไว้เคลียร์กลิ่น หลบังจากที่ลองดมกัญชาชนิดต่างๆ เอาไว้ให้ด้วย เพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อได้อย่างแม่นยำ     นอกจากนี้ก็จะมีมุมช็อคโกแลต ของหวาน ที่ทางร้านผลิตขึ้นมาเองอีกด้วย แหม่ เยี่ยมจริงๆ!!   .   มีเสื้อขายด้วยนะเออ!!   แหม่ มาเป็นเซ็ต   ยกเซ็ตนี้อาจทำให้ขนหน้าแข้งร่วงเป็นแถบเลยทีเดียว .  …

เพื่อนๆ หลายคนคงจะเคยเห็นภาพถ่ายของเหล่าสัตว์ตัวเล็กๆ อย่างเช่น แมว หรือ สุนัข ในมุมใต้ท้องกันมาบ้างแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าพวกมันก็ยังคงดูน่ารักเสมอไม่เปลี่ยนแปลง แล้วหากเราลองเปลี่ยนมาเป็นสัตว์ตัวใหญ่อย่าง ‘ม้า’ บ้างมันจะเป็นอย่างไรกันนะ!? โดยปกติแล้วเราจะรู้กันดีว่าม้านั้นเป็นสัตว์ที่มีความงดงาม ไม่ว่าจะเป็นทั้งรูปร่าง หน้าตา ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และขนที่ยาวสลวย     และในวันนี้ #เหมียวหง่าว ก็จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมผลงานภาพถ่ายของช่างภาพ Andrius Burba ที่จะมาเผยภาพถ่ายในมุมใต้ท้องของเจ้าม้ามาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน     ซึ่งก่อนหน้านี้ Andrius ได้ถ่ายทำโปรเจคถ่ายภาพมุมใต้ท้องของเจ้าเหมียวมาก่อนแล้ว ภายหลังเธอจึงตัดสินใจที่จะเริ่มโปรเจคใหม่ที่ใหญ่ยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยการถ่ายใต้ท้องของ ‘ม้า’ แทน     “ฉันได้ลองศึกษาตัวอย่างในอินเตอร์เน็ตจากหลายๆ ที่มาแล้ว ไม่เคยมีใครทำโปรเจคแบบนี้มาก่อน ก็เลยตัดสินใจที่จะทำโปรเจคถ่ายภาพใต้ท้องของม้า ที่ต้องทำก็แค่พาเจ้าม้าที่มีน้ำหนักมากกว่า 600 กิโลกรัมมายืนอยู่บนกระจกที่วางห่างจากพื้นข้างล่างประมาณ 3 เมตร จากนั้นก็ถ่ายภาพ” Andrius เล่า     คอนเซ็ปต์ของงานก็แทบจะไม่มีอะไรที่แตกต่างจากโปรเจคถ่ายรูปใต้ท้องแมวเลย ที่ไม่เหมือนกันก็แค่ตัวแบบเท่านั้น     Andrius ต้องใช้เวลาในการถ่ายทำทั้งหมดเป็นระยะเวลานานกว่า…

โดยปกติแล้วสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่เช่น ‘ตึก’ ต่างๆ มักจะมีโทนสีไปในทิศทางเดียวกันหมดซึ่งก็คือสีขาว หรือไม่ก็เทาไปเลย แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมตึกสวยๆ ที่มีสีแบบฉูดฉาดกันบ้าง เป็นผลงานจากนักศึกษาสถาปนิก ที่ทำการถ่ายภาพและนำมาตกแต่งในโฟโต้ชอปจนกลายมาเป็นผลงานที่โด่งดังมีคนติดตามนับหมื่นเลยทีเดียว!! นาย Paul Eis นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์วัย 19 ปี เมื่อช่วงฤดูร้อนปี 2015 เขาได้ออกไปเดินเล่นไปตามท้องถนนของเมือง Berlin แล้วก็ทำให้รู้สึกว่าการเดินเล่นในเมืองของเขามันช่างน่าเบื่อซะเหลือเกิน     ทั้งตึกรามบ้านช่องต่างๆ มักจะมีสีไปในทิศทางเดียวกันหมดก็คือสีขาว และสีเทา เขาก็เลยคิดขึ้นมาในใจว่าหากเจ้าตึกเหล่านั้นมีสีสันขึ้นมาจะเป็นอย่างไรกันนะ!? เขาก็เลยเริ่มที่จะออกเดินทางถ่ายรูปตึกต่างๆ จากนั้นก็นำมาโฟโต้ชอปเพิ่มสีให้ดูฉูดฉาดกว่าเดินแล้วก็นำไปโพสต์ลงในอินสตาแกรม จนผลงานของเขาโด่งดังและเริ่มมีผู้ให้ความสนใจมากมาย     จากกระแสที่หลั่งใหลเข้ามากันเรื่อยๆ ทำให้ Paul เริ่มงานชิ้นใหญ่ยิ่งกว่าเดิม ก็คือการเดินทางไปยังเมืองอื่นๆ เพื่อถ่ายรูปตึกบ้างอย่างเช่นเมือง Hamburg และ เมือง Munich นอกจากนี้ก็ยังเดินทางไปยังต่างประเทศที่เนเธอร์แลนด์ และออสเตรีย อีกด้วย     Paul เล่าว่าการนำสีสันมาเติมให้กับเจ้าตึกเหล่านี้ทำให้พวกมันดูมีความน่าสนใจ และมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น . . .…

หากย้อนกลับไปในอดีต หลายๆ คนคงไม่เคยรู้มาก่อนว่า ‘ผู้หญิง’ ยังไม่ได้ออกจากบ้านไปทำงานกันเหมือนกับทุกวันนี้ โดยเฉพาะในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ถือเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่าง เช่นเดียวกันกับภาพลักษณ์ของผู้หญิง เพราะเหล่าผู้ชายทั้งหลายจะต้องออกไปสู้ศึกสงคราม ทำให้พวกเธอต้องเปลี่ยนลุคของตัวเองกลายมาเป็นสาวแรงงานคอยช่วยเหลืองานในกองทัพ และนี่คือผลงานภาพถ่ายที่บ่งบอกถึงการทำงานของผู้หญิงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จะเป็นอย่างไรบ้างไปชมกันเลยดีกว่า…   หญิงสาวกำลังทำอะไรบางอย่างกับเครื่องยนต์ของเครื่องบิน ที่โรงงาน American Aviation Inc รัฐแคลิฟอร์เนีย ปี 1942   กำลังทำการประกอบห้องนักบินของเครื่อง B-17F อยู่ที่ ฐานทัพอากาศ Long Beach แคลิฟอร์เนียปี 1942   ภาพของพนักงานซ่อมแซมชั้นอาวุโส Eloise J. Ellis ที่ฐานทัพอากาศ Naval Air Station รัฐเท็กซัส ปี 1942   Virginia Davis และผู้ควบคุมดูแล Chas. Potter กำลังช่วยกันซ่อมแซมส่วนไอพ่นของเครื่องบินที่ Corpus Christi รัฐเท็กซัส ปี 1942…

Georgie St Clair สาวแม่ลูกสามที่มีความใฝ่ฝันอยากจะสวมชุดเดรสสวยๆ ที่ทำมาจากกลีบดอกไม้ และพืชพรรณนานาชนิด จนกลายมาเป็ฯแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของเธอ     “ฉันมีลูกอยู่สามคน นอกจากนี้ก็ยังมีธุรกิจเกี่ยวกับงานศิลปะ ทำให้ชีวิตของฉันยุ่งเอาซะมากๆ” Georgie กล่าว     เธอท่องเที่ยวไปยังสถานที่ที่งดงามต่างๆ รอบโลก ไม่ว่าจะเป็นปารีส, โรม, ฟลอเรนซ์, หาดมัลดีฟส์, หรือจะเป็นสวนดอกไม้ของญี่ปุ่น ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นแรงบันดาลใจที่ดี     ไอเดียของ Georgie นั้นเป็นอะไรที่ง่ายมากๆ เพราะเธอจะวาดภาพคาแรคเตอร์เดิมๆ ด้วยการจินตนาการภาพแบบที่มีความงามและมีเสน่ห์ แน่นอนว่าเธอจำเป็นจะต้องมีชื่อ และ Sassy Du Fleur ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น!!     ตัดกลับมาที่ชีวิตจริง Georgi กลับสวมใส่แค่เพียงกางเกงยีส์ และเสื้อยืดธรรมดาๆ เท่านั้น แต่ Sassy นั้นจะเป็นตัวแทนที่ส่งต่อความงามและแรงบันดาลใจจากการได้พบเห็นสิ่งสวยงามจากสถานที่ต่างๆ     เสื้อผ้าแต่ละชุดของ Sassy นั้นจะประกอบไปด้วยกลีบดอกไม้ และพืชพรรณต่างๆ โดย Georgi ได้ให้เหตุผลว่าที่ใช้กลีบดอกไม้นั้นเป็นเพราะว่า…

ยิ่งนานวันหุ่นยนต์ยิ่งเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของเรามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตประจำวัน หรือจะเป็นในเรื่องของอุตสาหกรรมต่างๆ หุ่นยนต์ต่างล้วนมีเข้ามีบทบาททั้งสิ้น และอย่างที่เรารู้ว่า ปัญหาสภาพอากาศอันเลวร้ายในหลายๆ เมืองของประเทศจีนกำลังถูกพูดถึงในวงกว้าง ผู้คนก็เลยคิดว่ารัฐบาลควรจะมีมาตรการอะไรสักอย่างมาช่วยและล่าสุดจีนก็ได้ปล่อยหุ่นยนต์ตัวใหม่ออกมาเพื่อช่วยดูแลผู้คนในสถานีรถไฟกันแล้ว หุ่นยนต์ตัวนี้ประจำการอยู่ที่สถานีรถไฟเจิ้งโจวตะวันออก ในเมืองเจิ้งโจว ซึ่งมันมีหน้าที่ตรวจสอบสภาพอากาศ ความชิ้น รวมถึงควันไฟภายในสถานีและโชว์ออกมาผ่านทางหน้าจอมอนิเตอร์ แม้กระทั่งตอนกลางคืนมันก็ยังทำหน้าที่ได้อย่างดี   นี้คือหน้าตาของเจ้าหุ่นลาดตระเวนที่ว่า   ดูแล้วเหมือนเด็กๆ จะชอบเจ้าหุ่นตัวนี้เป็นพิเศษเลยล่ะ มันถูกออกแบบมาให้หน้าตาเป็นมิตร และเข้าถึงกับทุกคน มันจะสามารถเดินไปเดินมาเพื่อทำให้คนทราบสภาวะของอากาศตอนนั้นว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย   มันยังเป็นที่สนใจมากๆ สำหรับคนที่ผ่านไปมาในสถานีอีกด้วย นอกจากจะช่วยรายงานเรื่องสภาพอากาศแล้ว ตอนกลางคืนมันยังกลายเป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่จะคอยเดินเคลียร์สถานีรถไฟให้สะอาดอยู่เสมอ   ถ้าเพิ่มฟังค์ชั่นอื่นๆ เข้าไปอีก มันคงจะน่าสนใจไม่น้อยเลยนะเนี่ย   ไม่ว่าจะรูปไหนก็มีเด็กๆ เสมอ ถือว่ามันเป็นที่ถูกอกถูกใจเด็กๆ มาก   ถือว่านี้เป็นก้าวแรกของยุคอนาคตเลยก็ว่าได้สำหรับการนำห่นยนต์เข้ามามีบทบาทในที่สาธารณะแบบนี้ อีกหน่อยเราอาจจะต้องใช้ชีวิตอยุ่กับพวกมันแบบในภาพยนตร์หลายๆ เรื่องก็ได้ใครจะรู้ แต่ที่รู้แน่ๆ คือพวกมันช่วยอำนวยความสะดวกให้เรามากๆ เลยล่ะ!! ที่มา chinadaily

ศิลปินชาวบัลแกเรียนามว่า Nevena Atanasova เธอได้สร้างผลงานประติมากรรมจากเส้นลวดขึ้นมา โดยเธอได้สร้างเป็นรูปปั้นสัตว์ต่างๆ ที่มีขนาดเล็กพอดีๆ แต่ว่าก่อนที่เธอจะตัดสินใจสร้างผลงานชิ้นนี้เธอได้เล่าถึงแรงบันดาลใจว่า… เธอเป็นคนที่เกิดและโตในประเทศบัลแกเรีย ซึ่งเธอชื่นชอบธรรมชาติมากๆ ทำให้เธอจึงเลือกที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแสนสงบสุขในหุบเขา Rhodope Mountains โดยเธอพยามที่จะหาแรงบันดาลใจจากพื้นที่แสนสงบสุขแห่งนี้แต่ว่าเธอก็ยังไม่รู้ว่าจะสร้างผลงานยังไงดี!?     ศิลปะที่เธออยากจะทำ มันต้องเป็นศิลปะที่ช่วยอนุรักษ์และเตือนถึงปัญหาของทรัพยากรธรรมชาติ ที่กำลังจะหมดไปจากโลกนี้ด้วยน้ำมือของมนุษย์ จึงเป็นที่มาของงานรูปสัตว์ ทั้งแบบที่สวยงาม หายาก และบางชนิดก็ใกล้สูญพันธุ์ไป…     เธอตั้งเป้าไว้ว่าเธอจะใช้วัสดุรีไซเคิลเท่านั้น เพียงแต่ว่าการจะสร้างประติมากรรมสักชิ้นด้วยวัสดุรีไซเคิลเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร ด้วยความที่ว่าไม่รู้จะใช้วัสดุอะไรดี จนสุดท้ายแล้วเธอก็ค้นพบว่าเส้นลวดเป็นวัสดุที่หาได้ไม่ยาก เธอจึงเริ่มลงมือสร้างประติมากรรมเส้นลวดขึ้นมานั่นเอง ส่วนนี้ก็คือตัวอย่างผลงานทั้งหมดของเธอ   . . . . . . . . . . . . . .   สุดท้ายแล้วเธอได้บอกว่าตอนนี้เธอกำลังเริ่มโปรเจคประติมากรรมเส้นลวดใหม่ ในชุดของ 12 ราษีและตัวละครในตำนานกรีก ซึ่งถ้าใครที่สนใจอยากจะสั่งซื้อผลงานของเธอก็สามารถกดเข้าได้ดูที่ Etsy นอกจากเส้นลวดแล้วเธอยังมีผลงานอื่นๆ อีกมากมายเลยล่ะ ที่มา boredpanda

บนโลกของเรานั้นมีประชากรที่มีความบกพร่องทางสายตามากกว่า 285 ล้านคน ชีวิตของพวกเขาต้องอาศัยอยู่ในโลกที่มืดมิดไม่รู้คืนและวันเวลา แต่แล้วบริษัทของประเทศเกาหลีใต้ Dot ก็ได้ทำการสร้าง ‘นาฬิกาอักษรเบรลล์’ ขึ้นมาเป็นรายแรกของโลก!! เพื่อช่วยเหลือเหล่าผู้พิการทางสายตาให้พวกเขาสามารถรับรู้วันและเวลาเหมือนกับคนปกติทั่วไปได้   โดยที่หน้าปัดของมันจะมีจุดต่างๆ ไปตามอักษรเบรลล์ ที่จะขยับเขยื้อนอัพเดทเวลาให้ตลอด   นอกจากนี้เจ้านาฬิกา Dot ยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนด้วยระบบ Bluetooth เพื่อรับและส่งข้อความจากแอพลิเคชั่นที่ให้บริการไม่ว่าจะเป็น Messenger, Google Maps, Line เป็นต้น คล้ายกับ Apple Watch เลยล่ะ โดยเจ้า Dot จะทำการแปลงข้อความที่ได้รับมาให้กลายเป็นภาษาเบรลล์ ทำให้ผู้พิการทางสายตาสามารถอ่านข้อความที่ถูกส่งมาได้อย่างง่ายดาย     นอกจากนี้ในอนาคตนักพัฒนาก็ได้วางแผนที่จะทำให้เจ้า Dot สามารถเชื่อมต่อเข้ากับการคมนาคมขนส่งต่างๆ เช่นการแสดงตารางเดินรถที่มีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน หรือจะเป็นการเชื่อมต่อกับระบบ ATM จากธนาคาร เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้พิการทางสายตาอีกด้วย!!   .   หลังจากที่ใช้เวลาในการพัฒนามามากกว่า 3 ปี ในตอนนี้เจ้านาฬิกาสมาร์ทวอทช์ Dot นี้ก็กำลังจะถูกนำออกไปจำหน่ายมากกว่า 140,000 เรือน และจะเพิ่มขึ้นเป็น…

เป็นที่รู้กันดีว่าประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่อันดับต้นๆ ของโลกและมีประชากรเยอะที่สุดในโลก ทำให้ประเทศนี้เวลาจะทำอะไรทีต้องยิ่งใหญ่อลังการพอสมควรเลยทีเดียว!!   ซึ่งล่าสุดเมืองเซี่ยเหมิน ในประเทศจีนนี่แหละ ก็ได้สร้างสิ่งที่สุดยอดจนติดอันดับโลกขึ้นมา ซึ่งนั้นก็คือ ทางจักรยานที่ยาวที่สุดในโลกนั่นเอง Skyway เส้นทางจักรยานลอยฟ้าแห่งนี้มีความยาวถึง 7.6 กิโลเมตรสูง 5 เมตรเหนือพื้นถนน  ซึ่งเดือนนี้กำลังจะเปิดทดลองทำการให้ทุกคนสามารถเข้ามาปั่นได้   Skyway จะเปิดทำการทุกวัน อนุญาตให้ปั่นได้ในช่วงเวลาตั้งแต่ 6 โมงเช้าไปจนถึง 4 ทุ่มครึ่งโดยเป้าหมายของเจ้าทางจักรยานแห่งนี้ก็คือ เพื่อลดปัญหาการจราจรในตัวเมืองและรณรงค์ให้คนหันมาใช้พลังงานสีเขียวแทน โดยการยกทางพิเศษเพื่อจักรยานโดยเฉพาะ   แน่นอนว่า Skyway น่าจะทำให้จักรยานกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งในจีน ซึ่งการกลับมาใช้จักรยานจะช่วยปัญหาการจราจรได้มากเลยทีเดียวล่ะ แถมยังเป็นการลดมลพิษ ส่งเสริมคนให้หันมารักษ์สุขภาพด้วยการออกกำลังกายมากขึ้นอีกด้วย     จากมุมนี้เห็นได้ชัดเลยว่ายาวจริงๆ   แถมผู้คนก็ดูจะให้ความสนใจมากๆ   ถือเป็นการแสดงความใส่ใจต่อประชาชน และสร้างจุดเด่นให้กับเมืองได้อย่างมากอีกด้วยเนอะ ที่มา shanghaiist

สำหรับเพื่อนๆ หลายคนที่ใช้โทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนแล้ว เรื่องของการติดฟิล์มกันรอยนั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ เพราะต้องเปลี่ยนอยู่บ่อยครั้งและแต่ละครั้งก็จะเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 50-100 บาท จากนั้นพนักงานก็จะทำการเปลี่ยนฟิล์มให้ แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะพาไปชมเรื่องที่จะทำให้เพื่อนๆ มองว่าการติดฟิล์มกันรอยนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาอีกต่อไป!!   เพราะล่าสุดทางบริษัท Kawasaki ได้ทำการเปิดตัวเจ้าหุ่นยนต์ที่มีชื่อว่า duAro ในงาน Pepper World ในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น งานที่จะรวมนวัตกรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไว้ที่นี่     ที่พิเศษก็เพราะว่าเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้มันสามารถติดฟิล์มโทรศัพท์ได้ด้วย แถมยังทำได้เนี๊ยบ และรวดเร็วแบบสุดๆ อีกต่างหาก!!   เจ้าหุ่นยนต์ชนิดนี้เป็นนวัตกรรมหุ่นยนต์ SCARA ที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานต่างๆ ได้เฉกเช่นเดียวกันกับมนุษย์ และด้วยรูปลักษณ์ที่เป็น ‘แขนคู่’ แล้ว ทำให้มันสามารถทำงานต่างๆ ที่อาจจะดูยากและละเอียดอ่อนเหมือนกับการติดฟิล์มโทรศัพท์ได้อย่างง่ายดาย   แต่ในปัจจุบันเรื่องของต้นทุนและการผลิตนั้นยังคงมีราคาที่แสนแพงอยู่ จึงทำให้การนำมาใช้งานตามห้าง หรือร้านขายโทรศัพท์ต่างๆ ยังเป็นเรื่องที่ยาก แต่หากทางผู้ผลิตสามารถลดต้นทุนได้ก็มีโอกาสได้เห็นกันอย่างแน่นอน!!   ลองไปชมคลิปการติดฟิล์มกันรอยของเจ้าหุ่นยนต์ duAro กันแบบเต็มๆ ว่ามือของมันจะติดฟิล์มเหมือนหรือต่างจากมือคนแค่ไหน!? . ที่มา : wonderfulengineering

ในอดีตที่ผ่านมา บ้านเราก็เคยมีโค้กรสชาติแปลกๆ ให้ได้ลิ่มลองกันเช่นโค้กวินาลาเป็นต้น แต่ว่าในต่างชาตินั้นโค้กกลับมารสชาติแปลกๆ ให้ได้ลิ่มลองอยู่มากมายเลยทีเดียว ล่าสุดทางโค้กญี่ปุ่นก็ได้ออกโค้กรสชาติใหม่ในชื่อ “โค้กซากุระ” ซึ่งรสชาติของมันระบุว่าถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ สำหรับช่วงเวลาชมซากุระเช่นนี้ (ความจริงแล้วหลายคนน่าจะเคยเห็นรสชาตินี้มาก่อนแล้ว แต่ว่ามันไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ของโค้กนะซิ เพราะว่ารสชาติซากูระที่เราเคยเห็นกันมาก่อนหน้านี้มันดันเป็นของ เป็ปซี่ นั่นเอง)     ซึ่งโค้กรสชาติซากูระนี้ จะขายในรูปแบบลิมิเตดอิดิชั่น ที่มาพร้อมกับดีไซน์ขวดที่สวยงามดีไซน์สีชมพูมาเฉพาะกิจ ส่วนฝาอลูมิเนียมสีแดงดูโดดเด่น โดยเริ่มเปิดขายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ และจะขายเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น   ในส่วนของโค้กที่ทำเป็นรสชาติลิมิเตดนั้น ซากุระไม่ได้เป็นรสชาติแรกที่ทำแบบนี้ ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นเคยปล่อยรสชาติลิมิเตดมาแล้วสองอันด้วยกันนั่นก็คือ รสเลม่อน และรสขิง (ลองจินตนาการดูสิว่ารสชาติแบบนั้นจะเป็นอย่างไร!?)   แต่สุดท้ายแล้วพวกเราชาวไทยจะได้ลิ่มรสของ โค้กหรือน้ำอัดลมลดชาติแปลกๆ อีกไหมก็คงต้องลุ้นกันเอาแล้วล่ะ ส่วนตัว #เหมียวมู่ทู่ คิดถึงเป็ปซี่ไฟกับไอซ์จังเลยแฮะ     ที่มา rocketnews24

โดยปกติแล้วหากทาสๆ ทั้งหลายมีธุระจะต้องออกเดินทางไปไหนไกลๆ ส่วนใหญ่แล้วเราก็มักจะพาเจ้าเหมียวของเราไปฝากไว้ที่คลีนิค หรือบ้านรับเลี้ยงแมว หรือไม่ก็ฝากเพื่อบ้านดูแลใช่มั้ยล่ะ? แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว มีทางเลือกใหม่มาให้เพื่อนๆ….ขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับโรงแรมสำหรับแมวเหมียวแห่งใหม่ ชื่อว่า Catzonia ตั้งอยู่ที่ Damansara เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียนี้เอง     โรงแรม Catzonia นี้ประกอบไปด้วยห้องพักสุดหรูทั้งหมด 35 ห้อง มีบริการรับ-ส่ง ถึงสนามบิน, ทรีทเม้นต์ในสปา, และห้องพักสาธารณะ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นบริการที่มีไว้บริการเฉพาะ ‘เหล่าแมวเหมียว’ เท่านั้น!!     สำหรับเหล่าทาสที่มีธุระ อันเป็นเหตุทำให้ไม่อยู่บ้านเป็นเวลาหลายวัน แล้วอยากให้เจ้าเหมียวของท่านได้รับการดูแล และการพักผ่อนหย่อนใจที่ดีเยี่ยม ก็สามารถพามาไว้ที่โรงแรมแห่งนี้ได้เลย     ที่โรงแรมเจ้าเหมียวจะได้รับอาหารคุณภาพเยี่ยมวันละ 3 มื้อ, การลูบไล้ลำตัวสร้างความฟิน, การเสริมสวย (ไม่ต้องห่วงว่าพนักงานจะตัดเป็นทรงสิงโตให้นะจ๊ะ), และบริการหาคู่หากแมวเหมียวตัวไหนมีอาการฮีต   .   แขกแมวเหมียวทั้งหมดจะถูกสอดส่องโดยกล้องวงจรปิด ซึ่งสามารถส่งตรงไปยังสมาร์ตโฟนของทาส ทำให้สามารถสอดส่องดูแลความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของเจ้าเหมียวได้ด้วยนะเออ     ทั้งนี้ที่โรงแรมยังมีรูปแบบห้องให้เลืแกมากมาย สำหรับคนไหนที่งบน้อยก็จะมีห้องแบบ Economy…

โดยปกติแล้วสิ่งของที่ต่างๆ ที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้แล้ว ก็ต้องถูกนำไปทำลายทิ้ง หรือไม่ก็ถูกนำไปทิ้งรวมๆ กันจนกระทั่งมีจำนวนที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นสุสานในที่สุด และนี่ก็คือสุสานทิ้งของเก่าแปลกๆ จากรอบโลก ที่ต้องขอบอกเลยว่ามันช่างน่ากลัว และมีแต่สิ่งของแปลกๆ อยู่รวมกันเต็มไปหมด แทบจะไม่คิดเลยว่าจะมีของแปลกๆ แบบนี้ในจำนวนมหาศาลในสถานที่เดียวกัน!!   1. สุสานตู้โทรศัพท์เก่าในประเทศอังกฤษ ใครขับผ่านไปมาจะต้องเห็นแต่ตู้สีแดงซีดเรียงยาวสุดลูกหูลูกตา   2. สุสานรถถังของประเทศยูเครน ที่เผยให้เห็นถึงความมั่นคงทางการทหาร   3. ซากรถสองคันที่ถูกตั้งทิ้งไว้ในโรงรถข้างๆ กับโรงเรียนสอนขับเครื่องบิน   4. สุสานหัวรถจักรพลังไอน้ำที่ถูกทิ้งไว้บนพื้นที่ฟาร์ม   5. สุสานรถลากที่ถูกโยนทิ้งไว้อย่างระเกะระกะ ใกล้กับอ่างเก็บน้ำแห่งหนึ่งใน Kafrul เมืองหลวงของบังกลาเทศ   6. โรงจอดรถเก่าๆ ที่ตอนนี้กลายเป็นบ้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ไม่รู้ว่าเป็นสถานที่ไหนแต่ดูจากทรงรถแล้วเป็นไปได้ว่าจะอยู่ในประเทศอเมริกา   7. สุสานเรือรบของกองทัพเรือ Kremlin ที่ถูกปลดเกษียณ ถูกทิ้งเอาไว้ให้ลอยอยู่เฉยๆ บนชายฝั่งของประเทศรัสเซีย   8. สุสานรถของเหล่าทหารอเมริกันที่ถูกทิ้งไว้หลังช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง   9. สุสานรูปปั้นของอดีตประธานธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ถูกทิ้งไว้ให้อยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บ   10. สุสานรถคลาสสิคที่ถูกทิ้งไว้โดยกองกำลังทหารของสหรัฐในช่วงสงครามโลก…

  ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาฟิกเกอร์ได้พัฒนาขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งแบบที่น่าสนใจสุดๆ ก็คงจะเป็นฟิกเกอร์ที่มีตัวเอฟเฟคต่างๆ เพิ่มเข้ามาด้วย แต่ว่าทำไมเราถึงจะหยุดกันอยู๋แค่ฟิกเกอร์ที่มีเอฟเฟกนิ่งๆ ล่ะ? ในเมื่อเราสามารถทำมันได้ดีกว่านั้น เพราะในบางครั้งการมองตัวฟิกเกอร์ที่มีเอฟเฟคต์พลาสติกลอยออกมา มันก็ดูธรรมดาไปในบางครั้ง วันนี้เราเลยจะมาเพิ่มระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยการเอาฟิกเกอร์โงกุนธรรมดาๆ มารวมเข้ากับโฮโลกราฟิกนั่นเอง   ผลงานดังกล่าวเป็นการออกแบบของทาง  ZW Design ซึ่งต้องการออกแบบให้ฟิกเกอร์พระเอกดราก้อนบอลของเราเท่ไปอีกขึ้น เลยบรรจงสร้างเครื่องทรงปิรามิดขึ้นมาโดยเฉพาะ   เอาฟิกเกอร์ธรรมดาๆ ไปวางไว้ตรงกลางเครื่องฉายโฮโลกราฟฟิค   เตรียมชาร์จพลังคลื่นเต่า….   เพิ่มเอฟเฟคต์จากโฮโลกราฟิคเข้าไปอีกขั้นหนึ่ง   ยังไม่พอจัดไฟสีฟ้าเข้าไปอีก เพื่อความสมจริงและโอ้วว้าวมากยิ่งขึ้น   แบบภาพนิ่งมันยังไม่พอ จัดแบบภาพเคลื่อนไหวจากแชแนล ZW Design ไปเลย   นอกจากโงกุนแล้ว ซาสึเกะก็มีนะเออ…   เท่ไม่ยอกเลยทีเดียว ไม่คิดว่าแค่เพิ่มโฮโลกราฟฟิกเข้าไปจะเปลี่ยนฟิกเกอร์ธรรมดาๆ ให้ดูดีได้ขนาดนี้ยิ่งถ้าเพิ่มเสียงเข้าไปจะยิ่งแจ่มสุดๆ เลยล่ะ ที่มา rocketnews24

บนโลกของเรานั้นยังมีวัฒนธรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจเกิดขึ้นอยู่มากมาย และหมู่บ้านที่ถูกปกคลุมไปด้วยภาพวาดดอกไม้สีสันสดใสเองก็เช่นกัน หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในประเทศโปแลนด์ มีชื่อว่า Zalipie ถูกปกคลุมไปด้วยภาพวาดดอกไม้มากมาย จนกลายเป็นแรงดึงดูดใจเหล่านักท่องเที่ยวทั้งหลายให้ไปเยี่ยมเยือน     เมื่อนานมาแล้วมีผู้อยู่อาศัยลงมือเพ้นต์ดอกไม้ลงบนฝาบ้านเพื่อปกปิดคราบเขม่าที่เกิดขึ้นจากเตาไฟจากการสร้างความอบอุ่น หรือทำครัว ในตอนแรกมีแค่บางบ้านเท่านั้นที่ทำแบบนี้ แต่ภายหลังทั้งหมู่บ้านก็ถูกปกคลุมไปด้วยภาพวาดดอกไม้แสนงดงามทั้งหมด     ไม่ว่าจะเป็น โรงนา คอกสัตว์ โบสถ์ และสะพาน จนกลายเป็นวถีชีวิตของคนในหมู่บ้าน ในทุกๆ ช่วงฤดูใบไม้ผลิตั้งแต่ปี 1948 หมู่บ้านแห่งนี้จะมีการแข่งขันกันวาดภาพดอกไม้ลงบนฝาผนังบ้าน ที่ชาวท้องถิ่นเรียกกันว่า ‘Malowana Chata’ เดิมทีการแข่งขันนี้จัดขึ้นก็เพื่อฟื้นฟูความเสียหายที่ชาวโปแลนด์ได้รับจากความโหดร้ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2     จนถึงทุกวันนี้หมู่บ้าน Zalipie ได้ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากมาเป็นที่เรียบร้อย และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศโปแลนด์เลยล่ะ หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศโปแลนด์ ห่างจากตัวเมือง Kraklow ประมาณ 90 นาทีเท่านั้นเอง หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากไปเยี่ยมชม และอยากสร้างความทรงจำในรูปแบบที่ไม่ซ้ำใคร ก็สามารถลองไปแวะชมกันได้นะ     แม้แต่สะพานก็ถูกประดับตกแต่งไปด้วยลายดอกไม้ . . . .  …

ในปัจจุบันเทคโนโลยีของโลกเรานั้นพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งทำให้พวกเราถึงกับตามไม่ทันเลยทีเดียว…   และนี่ก็ถือเป็นข่าวดี (รึเปล่า!?) สำหรับศิลปินทั้งหลาย เพราะต่อไปนี้พวกนายจะไม่ต้องลงสีภาพวาดด้วยตัวเองอีกต่อไปแล้ว!! ด้วยโปรแกรมอัจฉริยะที่เรียกว่า Paints Chainer ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยวิศวกรเครื่องกลนามว่า @tai2an     เจ้าโปรแกรมดังกล่าวจะช่วยลงสีให้กับภาพวาดของเราผ่านหน้าเว็บไซต์ ที่เราต้องทำก็ไม่มีอะไรมาก แค่อัพโหลดภาพลงไป ไกด์สีให้กับเจ้า Paints Chainer โดยเอาไปแต้มเป็นจุดๆ จากนั้นมันก็จะลงสีให้เราตามที่ต้องการ นอกจากนี้เจ้าโปรแกรมดังกล่าวยังสามารถลงสีให้เราได้เองโดยที่ไม่ต้องไกด์ให้ เพียงคลิ๊กที่ปุ่ม Colouriser แค่นี้มันก็จะคำนวณและลงสีภาพให้กับเราจนออกมาสวยงามโดยที่ไม่ต้องเหนื่อยเลย   ไม่ว่าจะเป็นภาพสเก็ตช์ก็สามารถทำให้มีสีสันได้   ไกด์สีให้กับโปรแกรมเพื่อให้มีการใส่รอยยับ มุมตกกระทบของแสง ทำให้ภาพดูสวยงามยิ่งขึ้น   ราวกับลงสีน้ำด้วยมือของตัวเองเลย     หากอยากได้สีตามที่ต้องการก็แค่ขีดๆ เพื่อไกด์ให้โปรแกรมลงสีตามที่เราต้องการ   สีผิว และริมฝีปากก็ทำออกมาได้แนบเนียน ราวกับศิลปินทำเอง     ลองเปรียบเทียบระหว่างการลงสีของ Chainer กับการลงสีเอง ก็ถือว่าไม่เลวเลยนะเนี่ย   หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากทดลองความเจ๋งของเจ้าโปรแกรมอัจฉริยะนี้ก็สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ Paints Chainer ได้เลยนะจ๊ะ   แหม่ อะไรจะง่ายดายปานนี้ เชื่อเลยว่าในอนาคตมันจะถูกพัฒนาจนทำออกมาได้เนียน…

ในวันที่ 26 มกราคมของทุกปี ถือเป็น ‘วันชาติ’ ของประเทศอินเดียเป็นวันที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญอันแสดงให้เห็นว่าอินเดียเป็นประเทศที่มีอธิปไตยและเป็นสาธารณรัฐอย่างสมบูรณ์ ทำให้ความฝันของท่านมหาตมา คานธี บิดาแห่งประชาชาติของอินเดียและผู้ที่ต่อสู้เสียสละพลีชีพเพื่อเอกราชของประเทศกลายเป็นความจริง ดังนั้น ในวันที่ 26 มกราคม จึงได้รับการประกาศให้เป็นวันชาติและเป็นวันหยุดตั้งแต่นั้นมา สำหรับในวันนี้ก็จะมีกิจกรรมต่างๆ เพื่อเฉลิมฉลองไปทั่วประเทศ และส่วนที่เป็นไฮไลท์หรือที่จับตามองที่สุดก็คือขบวนพาเหรดรถมอเตอร์ไซค์ผาดโผน ที่จะมาโชว์ให้เหล่าชาวประชาได้รับชมนี่แหละ     เหล่าเจ้าหน้ารักษาดินแดนที่ได้ทำการฝึกซ้อมเพื่อการแสดงผาดโผนนี้กันมาอย่างหนักหน่วง… ในทีมของเหล่าสตั๊นท์แมนทั้งหลายนั้นถูกตั้งชื่อว่าทีม “Daredevil” และรับหน้าที่ในการจัดแสดงโชว์ท่าขี่มอเตอร์ไซค์แบบหวาดเสียวมาให้เห็นกันในทุกๆ ปี ซึ่งในแต่ละปีก็จะมีเทคนิคต่างๆ มาให้ทุกคนได้ชมกันอยู่เสมอ และสำหรับในปี 2017 นี้เองก็เช่นกัน     ไม่ว่าจะเป็นการต่อตัวกันบนรถมอเตอร์ไซค์ พร้อมกับมีการยืนทรงตัวข้างบน สร้างความหวาดเสียวให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก   เอาบันไดมาต่อเพื่อขึ้นไปยืนข้างบนก็ได้นะเออ!! ที่มากไปกว่านั้นมีการหมุนติ้วๆ ด้วย (เห็นแล้วเวียนหัวแทน ฮร่า)   ลองไปชมคลิปขบวนพาเหรดกันแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้…   ระ ระ ร้ายกาจจจ (ได้สติ้กเกอร์ตัวข้างล่างมาใหม่ ขอใช้เลยละกัน ฮร่าา) ที่มา : rocketnews24

สำหรับสังคมยุคปัจจุบันนั้น สาวๆ หลายคนต่างก็หันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับที่ประเทศมอริเตเนียกลับมีมุมมองด้านความสวยความงามที่แตกต่างกันออกไป ประเทศมอริเตเนีย หรือสธารณรัฐอิสลามมอริเตเนีย ตั้งอยู่ในทวีปแอฟริกา ใช้ภาษาฝรั่งเศสและภาษาอาหรับเป็นภาษาราชการ     ในประเทศมอริเตเนียจะมีวัฒนธรรมแปลกๆ อย่างหนึ่ง ก็คือผู้หญิงจะไม่สามารถดึงดูดผู้ชายได้เลยหากเธอไม่มีพุง หรือมีน้ำหนักมากพอ!! เพื่อให้แน่ใจว่าสาวๆ จะเป็นที่หมายปองของเหล่าหนุ่มๆ พ่อแม่จะส่งลูกให้ไปอยู่ที่ฟาร์ม ที่ซึ่งสาวๆ จะสามารถทานอาหารในปริมาณมากถึง 16,000 แคลอรีในแต่ละวันได้หากเธอต้องการ หรือแม้แต่สามีก็จะมีการบังคับให้ภรรยากินดื่มอาหารเป็นปริมาณมากไม่ว่าจะเป็นนม เนย หรือเนื้อสัตว์ต่างๆ เพื่อขุนให้ผู้หญิงนั้นอ้วนท้วนสมบูรณ์ ที่ทำแบบนี้เพราะว่าความอ้วนนั้นแสดงถึงความมั่งคั่ง และความสวยงาม     ด้วยเหตุนี้เองทำให้ผู้หญิงหลายๆ คนมีอาการป่วยเป็นโรคอ้วน เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง และมีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร เท่านั้นยังไม่พอยังมีความเสี่ยงในเรื่องของการตั้งครรภ์ด้วย แต่ปัจจุบันก็เริ่มมีกระแสออกมาต่อต้านถึงวัฒนธรรมดังกล่าว Houriya Mint Chérif ผู้รายงานข่าวที่มีชื่อเสียงของประเทศ Mauritanian ได้ให้ความเห็นว่า “การบังคับให้เพิ่มน้ำหนักนั้น เป็นวัฒนธรรมที่มีมาแต่โบราณ เป็นความทรงจำในอดีตที่แสนเลวร้าย หากผู้หญิงต้องการที่จะมีหุ่นอ้วนก็เพียงเพื่อจะได้สวมชุด M’lahfa ได้ดูดีก็เท่านั้นเอง” (ชุด M’lahfa นั้นเป็นชุดพื้นเมืองของชนเผ่า Mauritania ผู้หญิง) และกระแสต่อต้านนี้ถูกนำทัพโดย Aminata Mint Mound…

ส่วนมากสถานที่รกร้างเหล่านี้จะค่อนข้างที่จะอันตราย และถูกละเลยไปในที่สุด แต่ช่างภาพคนนี้สามารถเนรมิตให้ออกมาราวกับเป็นโลกแห่งแฟนตาซีได้อย่างน่าพิศวงเลยล่ะ!!   Karen Jerzyk คือช่างภาพมือใหม่ที่เริ่มงานถ่ายภาพมาตั้งแต่ปี 2009 ด้วยการที่เธอไม่ค่อยมีทุนทรัพย์มากเท่าไหร่ ทำให้เธอต้องคิดและครีเอทสถานที่ๆ จะถ่ายภาพออกมา และจะมีที่ไหนที่สามารถทำอะไรก็ได้ แถมต้นทุนต่ำ ไปมากกว่าสถานที่รกร้างที่ไม่มีใครสนใจเหล่านี้อีกล่ะ!? เธอเริ่มถ่ายภาพมาเรื่อยๆ จนจุดพีคก็คือในปี 2011 ที่พ่อของเธอเสียชีวิตเพราะโรคร้าย เธอเสียใจมาก แต่นั่นกลับเป็นจุดกำเนิดการถ่ายภาพอาชีพของเธอ เธอพบว่าถาพถ่ายของเธอนั้นเข้าถึงอารมณ์มากกว่าเดิม เพราะเธอทุ่มเททุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างให้กับการถ่ายภาพ และด้วยการสร้างสรรค์ของเธอ ทำให้สถานที่เหล่านี้ราวกับออกมาจากโลกแฟนตาซี!! เธอเรียนรู้ที่จะควบคุมความรู้สึกและอารมณ์ความเศร้า ความเหงา เธอถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดนี้ลงไปในภาพถ่ายของเธอ ลองมาชมผลงานของเธอกัน… อย่างกับออกมาจากเรื่อง Alice in Wonderland เลยนะเนี่ย ใครที่อยากติดตามผลงานของเธอมากกว่านี้ล่ะก็ เข้าไปชมกันได้ที่ karenjerzykphoto เลยน้าาาา เพื่อนๆ คนไหนอยากถ่ายภาพต้นทุกถูกๆ ล่ะก็ ลองหาสถานที่เหล่านี้ไว้ก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย แต่ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยกันด้วยนะจ๊ะ ที่มา: Boredpanda

ก็อย่างที่รู้กันว่าในอดีตนั้นประเทศอเมริกามีชนพื้นเมืองที่ชื่อว่า ‘อินเดียนแดง’ อยู่ แต่ปัจจุบันพวกเขาเหลือจำนวนอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น หรือเท่าที่เหลืออยู่ก็แทบจะรับวัฒนธรรมใหม่ๆ ไปหมดแล้ว ซึ่งการที่เราจะได้เห็นวิถีชีวิตของเผ่าอินเดียนแดงแบบถ่องแท้นั้นเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว มีชุดภาพ วิถีชีวิตของชาวอินเดียนแดงเมื่อ 100 ปี ที่แล้วมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน J.P. Morgan นายธนาคารที่มีทรัพย์สินมากมายได้ทำการลงทุนเป็นเงินจำนวนกว่า 2.6 ล้านบาท (เงินเมื่อ 100 ปีก่อน) เพื่อถ่ายทำสารคดีความเป็นอยู่ของชาวอินเดียนแดงขึ้นมา ได้เป็นรูปภาพกว่า 40,000 รูปภาพในบริบทต่างๆ ทำให้เห็นวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวอินเดียนแดงในอดีต ถือเป็นผลงานที่คุ้มค่าและน่าอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างยิ่ง   และนี่ก็คือรูปภาพบางส่วนที่จะหยิบยกมาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน   1. หัวหน้าเผ่า Klamath กำลังยืนอยู่บนเนินเขาเหนือทะเลสาบ Crater ใน Oregon ถ่ายเมื่อ 1923   2. หญิงสาวจากเผ่า Qagyuhl สวมใส่ชุด Fringed Chilkat Blanket และหน้ากากที่บ่งบอกว่าเธอเป็นคนทรง ถ่ายเมื่อ 1914   3. ชนเผ่า Koskimo…

เคยมีคำกล่าวไว้ว่า กาลเวลาเปลี่ยนไปอะไรๆ ก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตาม ขนาดใจคนยังเปลี่ยนแล้วนับประสาอะไรกับชื่อแบรนด์ ชื่อหนัง ชื่อวง หรือชื่อตัวละครต่างๆ ที่เรารู้จักกันดีล่ะ?…   ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนัง ของเล่น ตัวละคร หรือแบรนด์ต่างๆ ที่มีชื่อแบบดั้งเดิมมาก่อน แต่ถูกเปลี่ยนมาเป็นชื่อแบบปัจจุบันที่เราเรียกกันจนติดปาก จะมีอะไรบ้างนั้นลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   1. Hannah Montana ทีวีซีรี่ย์ชื่อดังของอเมริกา เดิมถูกเรียกว่า Alexis Texas ภายหลังก็เปลี่ยนชื่อมาเป็นชื่อนี้   2. The Powerpuff Girls เดิมถูกเรียกว่า Whoopass Girls   3. หนังสือเรื่อง Mice and Men ของ John Steinback เดิมถูกเรียกว่า Something That Happened   4. SpongeBob เดิมถูกเรียกว่า Spongeboy ที่ไม่สามารถใช้ชื่อเดิมได้นั้นเพราะชื่อมันติดเรื่องลิขสิทธิ์ของบริษัทไม้ถูพื้น   5.…

สำหรับคนที่ชื่นชอบกล้องแบบโพลารอยด์ ที่ถ่ายปุ๊บแล้วก็ปริ้นออกมาเป็นรูปภาพได้เลยล่ะก็จะต้องชื่นชอบเจ้าเคสมมือถือ Prynt Instant Photo Printer นี้อย่างแน่นอน ที่จะทำให้โทรศัพท์ iPhone ของคุณกลายเป็นกล้องโพลารอยด์ถ่ายปุ๊บแล้วก็ปริ้นท์ภาพออกมาได้เลย แถมยังพกไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกอีกต่างหาก!! แทนที่จะถ่ายภาพแล้วอัพลงบนโซเฃียลเน็ตเวิร์คอย่างเฟซบุ๊คหรืออินสตาแกรมเพียงอย่างเดียว แต่ปริ้นท์ภาพเหล่านั้นออกมาให้ดูมีชีวิตชีวาในโลกแห่งความจริงจะดีกว่ามั้ย??   และนี่ก็คือจุดเด่นของเจ้า Prynt Case นี้ จะมีอะไรบ้างลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลย   ทำให้รูปของคุณมีชีวิตขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริง ด้วยการปริ้นท์ภาพที่ถ่ายโดยไอโฟนของคุณไม่ว่าจะเป็นตอนไหน หรือที่ไหนก็ได้   ใช้เวลาในการปริ้นท์ไม่นาน เพียงแค่เชื่อมต่อเข้า iPhone ถ่ายภาพ แล้วก็ปริ้นท์ออกมา แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว!!   เจ้าเครื่อง Prynt นั้นจะสามารถช่วยให้ทุกคนสามารถเล่นคลิปวิดีโอจากภาพที่ปริ้นท์ออกมาได้ด้วย แต่ต้องโหลดแอพพลิเคชั่น Prynt มาแล้วก็สแกนไปที่รูปจากนั้นภาพก็จะเคลื่อนไหวเป็นคลิปวิดีโอสั้นๆ   การปริ้นท์ของเจ้าเคส Prynt นั้นใช้เทคโนโลยีที่เชื่อว่า ZINK ที่ไม่ต้องใช้น้ำหมึกแต่อย่างใด จึงทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำหมึกบ่อยๆ (เป็นกระดาษที่ถูกบรรจุหมึกแม่สีลงไปในตัวกระดาษอยู่แล้ว และใช้ความร้อนในการทำให้สีปรากฏออกมา)   โดยเจ้าเคสไอโฟน Prynt นี้เป็นสินค้าที่ผ่านการระดมทุนมาจากเว็บไซต์ Kickstarter ที่ได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีคนร่วมสนับสนุนเป็นเงินกว่า 56 ล้านบาทเลยทีเดียว!! เท่านั้น หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจล่ะก็เข้าไปสั่งซื้อที่เว็บไซต์ Amazon ได้เลยจ้า…

คุณปู่ David Latimer ชาวอังกฤษวัย 83 ที่ทำการปลูกสวนในขวดแก้วขนาดยักษ์ความจุประมาณ 10 แกลลอนมาตั้งแต่ปี 1960 และปล่อยให้มันเติบโตขึ้นมาเองจนอัดแน่นเต็มขวด!!     เจ้าต้นไม้นั้นมีอายุประมาณ 56 ปี และเขารดน้ำมันเพียงครั้งเดียวเท่านั้นตั้งแต่ Ted Heath เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษ และ Richard Nixon เป็นประธาณาธิบดีสหรัฐอเมริกาอยู่ในช่วงปี 1972 ยคุณปู่เล่าว่าที่ต้องทั้งหมดที่เขาทำก็เพียงแค่นำมันไปตากแดดทุกวันเท่านั้น “จะต้องใช้หน้าต่างที่มีความสูงประมาณ 1.8 เมตร ถึงจะสามารถวางเจ้าขวดนี้ไว้ได้” “ผมแทบจะไม่ต้องดูแลอะไรมันมากมายนัก และตั้งแต่การรดน้ำมันในครั้งแรก ผมก็ไม่ได้รดน้ำให้มันอีกเลย เพราะมันมีระบบนิเวศของมันเอง และค่อยๆ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนเต็มขวด”     โดยทางเว็บไซต์ Dailymail ได้ให้ข้อมูลถึงสาเหตุที่ว่าทำไมเจ้าต้นไม้ถึงสามารถเติบโตได้ในขวด แม้จะไม่ได้รดน้ำก็ตาม…   เนื่องจากว่าพื้นที่ว่างในขวดนั้นช่วยสร้างระบบนิเวศเป็นของตัวเอง ที่ต้นไม้สามารถทำการสังเคราะห์แสงและทำการรีไซเคิลสารอาหารของมันไปเรื่อยๆ สิ่งที่ต้องทำเพียงอย่างเดียวก็คือการนำมันไปโดนแสงแดด เพื่อให้มันสามารถทำการสังเคราะห์แสงได้ และกระบวนการผลิตสารอาหารของมันก็จะหมุนวนไปเรื่อยๆ ตอนกลางวันก็สังเคราะห์แสงปล่อยออกซิเจนออกมา และตอนกลางคืนก็จะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (จากนั้นก็ใช้คาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง) เช่นเดียวกันกับน้ำที่ถูกรดมาในครั้งแรก รากของต้นไม้จะทำการดูดซับน้ำเข้าไป จากนั้นก็จะปล่อยมันขึ้นไปสู่อากาศ แต่เนื่องจากว่าพื้นที่ในขวดที่มีอยู่อย่างจำกัด จะทำให้ไอน้ำที่ถูกปล่อยออกมาในอากาศนั้นควบแน่จนกลายเป็นหยดน้ำและไหลลงไปสู่รากของมันอีกครั้ง  …

Ashima Shiraishi เด็กสาวผู้เลือกที่จะลูบมือของตัวเองด้วยชอล์ค และปืนป่ายหน้าผาที่อยู่ตรงหน้าของเธอ แทนที่จะไปหาชุดเจ้าหญิงสวยๆ มาใส่ และเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ ทั้งๆ ที่มีอายุเพียง 15 ปี แต่สาวน้อย Shiraishi กลับถูกยกย่องให้เป็นนักปีนเขาหญิงที่เก่งที่สุดในโลก แม้ว่าขณะนี้เธอกำลังเรียนอยู่ในชั้นมัธยมปลาย ทำให้ต้องเรียนไปด้วยและปีนเขาไปด้วย แต่เธอยังทำได้ถึงขนาดนี้ ถ้าหากเรียนจบแล้วหันมามุ่งมั่นกับการปีนเขาเพียงอย่างเดียว จะต้องทำให้เธอก้าวหน้ายิ่งไปกว่านี้อีกอย่างแน่นอน!!     Shiraishi นั้นเริ่มต้นชีวิตการเป็นนักปีนเขาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ โดยเริ่มจากการปีนก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ในสวนสาธารณะ New York City’s Central Park หลังจากนั้นผ่านไป 2 ปี เธอก็ทำสถิติเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดที่ทำการปีนเขารอบโลก หลังจากนั้นไม่กี่ปีต่อมาเธอก็ได้คว้าอีก 1 สถิติมาเก็บไว้เป็นของตัวเอง เพราะไม่ได้เป็นคนที่อายุน้อยที่สุดที่ปีนเขาได้รอบโลกเท่านั้นแต่ยังเป็นคนแรกอีกด้วย!!     เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเธอได้ทำการบินไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อไปทำการปีนเขาที่มีระดับความยากอยู่ที่ระดับ V15 (ซึ่งระดับความยากสูงสุดของการปีนเขานั้นจะอยู่ที่ระดับ V16) และเธอก็สามารถทำมันได้สำเร็จ!! ซึ่งเป้าหมายต่อไปของเธอก็คือระดับ V16 อย่างแน่นอน “ในการปีนเขานั้น เรื่องเพศนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญเลยแม้แต่น้อย คุณก็แค่หันหน้าหากำแพงหน้าผา ไม่ว่าคุณจะตัวเล็ก หรือตัวหใญ่ หรือจะเป็นเพศอะไร สิ่งที่คุณเจอมันก็เหมือนกัน และสิ่งที่เราต้องมีก็คือ…

ความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์กับมนุษย์นั้นช่างเป็นอะไรที่ลึกลับซับซ้อนยากเกินจะบรรยาย แม้จะไม่สามารถสื่อสารเป็นคำพูดได้ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ และผลงานการถ่ายภาพชุดนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างสัตว์และมนุษย์ได้เป็นอย่างดี   Parts of the Earth เป็นผลงานการถ่ายภาพที่ดูราวกับความฝันของ Erika Masterson ช่างภาพชาว Florida ที่เป็นการเผยให้เห็นถึงความงดงามของธรรมชาติ ความไร้เดียงสา และความทรงจำในวัยเด็ก     Erika นั้นมีความสนใจในการถ่ายภาพสัตว์เป็นอย่างมาก และเธอมักจะนำหลานๆ ของเธอมาเป็นแบบถ่ายรูปร่วมกับสัตว์หลากหลายผลงาน ซึ่งผลงานก่อนหน้านี้ก็คือการถ่ายภาพหลานของเธอร่วมกับเจ้าไก่ฟ้าที่ชื่อว่า Refuge จากนั้นก็เป็นเจ้าหมาป่าไคโยตี ที่ชื่อว่า Keeper และผลที่ได้ก็เป็นอะไรที่วิเศษมาก     ผลงาน Parts of the Earth นี้เองก็ทำให้ Merika ต้องทำงานแข่งกับกับตัวเอง เธอต้องเผชิญกับความยากของคอนเซ็ปท์ที่ตั้งไว้ เพราะต้องทำให้รูปภาพแต่ละภาพที่ออกมานั้นมีความน่าหลงใหล และต้องสื่อให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติและความไร้เดียงสาของเด็กให้ออกมาได้มากที่สุด     ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นจะต้องมีการเตรียมการเป็นอย่างดี ถูกคำนวณไว้โดยช่างภาพอย่าง Merika แล้ว และเมื่อนำทุกสิ่งมาประกอบกัน ก็ส่งผลทำให้งานของเธอนั้นออกมาดูงดงามอย่างไร้ที่ติ     “ฉันรักในกล้องฟิล์มเป็นอย่างมาก ความสว่างของภาพที่มันถ่ายออกมาช่างเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม ฉันต้องการที่จะโชว์ให้เห็นถึงรายละเอียดอันแสนงดงามของสัตว์ และดวงตาของเด็กสาว” เธอกล่าวถึงคอนเซ็ปต์ในการถ่ายภาพครั้งนี้ “ในงานชิ้นนี้ฉันอยากจะทำให้ทุกคนกลับมาคิดทบทวนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติกับความเปราะบางของจิตวิญญาณมนุษย์  …

ต้องขอบอกเลยว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาก็จะมีการประดิษฐ์สิ่งของล้ำๆ ออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับชาวญี่ปุ่นมากมาย จนบางครั้งเราถึงกับต้องอุทานออกมาเลยว่า มันอะไรกันเนี่ย??? ฮร่า ในวันนี้เอง #เหมียวหง่าว ก็จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมนัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ล้ำๆ ของประเทศญี่ปุ่น ที่เค้าผลิตกันออกมาขายจริงๆ ซึ่งดูแล้วมันก็อาจจะดูแปลกตาไปบ้าง แต่มันก็มีประโยชน์จริงๆ นะเออ!!   1. เครื่องแช่เท้าแบบพกพาให้ความรู้สึกเสมือนจริง อยากจะแช่เท้าในน้ำอุ่นๆ ก็สามารถหยิบออกมาแช่ที่ไหนก็ได้   2. โต๊ะสารพัดประโยชน์ ไม่ว่าจะนั่งหรือนอน ก็สามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้แบบสบายๆ   3. ทัพพีวัดปริมาณแคลอรี่ ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก   4. เครื่องรีไซเคลิกระดาษเหลือใช้ให้กลายเป็นกระดาษทิชชู่ ไม่ต้องโยนเศษกระดาษทิ้งเรี่ยราดอีกต่อไปแล้ว   5. แว่นตาแคปเจอร์ ทำให้เราไม่พลาดเก็บภาพในช็อตสำคัญๆ   6. พรมเช็ดเท้าที่ทำให้ทั้งเท้าและพรมแห้งได้แบบทันที   7. ชุดแมวเหมียวที่สามารถพาเจ้าเหมียวไปไหนมาไหนได้   8. เบาะขาตั้งสมาร์ทโฟนที่ใช้ในระหว่างอาบน้ำ ช่วยให้การอาบน้ำเป็นเรื่องที่น่าสนุกมากยิ่งขึ้น   9. ร่มส่องไฟ ไม่ต้องหุบร่มเวลาจะก้มหากุญแจบ้าน แค่เปิดไฟกริ๊กเดียวก็เจอแล้ว   10.…

สิ่งของที่พังไปแล้ว บางครั้งเราอาจจะคิดว่ามันอาจจะใช้งานไม่ได้ และก็ทิ้งมันไป แต่จริงๆ แล้วเราอาจจะหาทางซ่อมมันให้กลับมาใช้งานได้ ถึงแม้มันอาจจะไม่อยู่ในสภาพเดิม แต่มันก็สามารถเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น และวันนี้เราจะพาไปดูการซ่อมแซมของที่พังหรือมีรอยขีดข่วน ที่ดูแล้วไม่สะอาดตาหรือบางอันก็ไม่สามารถใช้การได้แล้ว ซึ่งแต่ละอันมีความคิดสร้างสรรค์ในการนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างสุดยอด เราไปดูกันเลยว่าแต่ละคนจะเปลี่ยนของเหล่านั้นให้เจ๋งขึ้นได้แค่ไหน   ปะโซฟาที่ขาดด้วยลวดลายสุดงดงาม   กระจกหลังมันร้าว ก็เลยเอาสีหยอดลงไป สวยเฉยเลย   กระถางแตกที่คิดว่าไม่น่าจะใช้ได้แล้ว เอาทำทำสวนหย่อมเล็กๆ ได้   ซ่อมจานใหญ่ๆ ด้วยซีดีที่ไม่ใช้แล้ว   กำแพงเป็นรู เอากรอบรูปมาใส่ กลายเป็นงานศิลป์ทันที   จากรอยร้าว ไปสู่การเดินทาง   หูแก้วแตกก็สามารถซ่อมให้น่าใช้กว่าเดิมได้   ส้นสูงที่ไม่น่ามอง ติดกากเพชรเข้าไปก็สวยแล้ว   จากเก้าอี้ที่หัก ซ่อมด้วยพลาสติกใส น่าใช้กว่าเดิมเยอะ   ซ่อมบล็อกอิฐด้วยเลโก้   ผนังเป็นรูแบบนี้ เป็นเพราะพวกเต่านินจา   ผนังร้าวก็เอาผลึกสีทองมาแปะ   รถโดนข่วนขนาดนี้ วาดต่อเป็นงานสวยๆ ได้เลย   รถไม่ได้พัง แค่มีตัวการ์ตูนอาศัยอยู่  …

เมื่อกล่าวถึงปฏิทินธรรมดาทั่วไปแล้วเพื่อนๆ ก็จะรู้กันดีว่ามันมีไว้เพื่อบอกวันต่างๆ แต่หลายๆ คนก็เพิ่มลูกเล่นขึ้นมาเพื่อให้มันดูน่าสนใจขึ้นมาอีกหน่อยจะได้ไม่เป็นเพียงแค่กรระดาษที่มีไว้เพื่อบอกวันเดือนปีอย่างเดียว #เหมียวหง่าว ได้ไปเจอปฏิทินแบบแฮนด์เมดที่น่าสนใจจากในอินเตอร์เน็ตมา ก็เลยอยากจะนำมาให้เพื่อนๆ ที่ชื่นชอบชีสน่าจะถูกใจกันบ้างล่ะ   ไอเดียนี้มาจากเว็บไซต์เกี่ยวกับอาหารชื่อว่า So Wrong It’s Nom ได้มาสาธิตวิธีการทำปฏิทินธรรมดาที่ปกติแล้วมีไว้ดูวันที่และวันหยุดสำคัญๆ ให้กลายเป็นปฏิทินชีส ที่ในแต่ละวันจะต้องมาลุ้นกันว่าจะได้กินชีสอะไร ที่จะทำให้เหล่าคนรักชีสทั้งหลายชอบอกชอบใจกันอย่างแน่นอน จะนำไปมอบเป็นของขวัญเนื่องในโอกาสต่างๆ ก็ดูเข้าที แลกของขวัญในวันปีใหม่ก็เข้าท่า   เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วเราไปชมวิธีการทำแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   อุปกรณ์ก็จะมี ชีส, กระดาษสีเหลือง (หรือสีอื่นก็ได้ตามใจชอบ), ปากกาสีต่างๆ (เอาไว้ตกแต่งและเขียนวันที่), กล่องใส่ช็อกโกแล็ตที่เป็นร่องๆ ลงไปข้างล่าง, กาว, กล่องขนมที่มีขนาดใหญ่พอสมควร   ขั้นตอนแรกก็มาเลือกชีสกันได้เลยยย ยิ่งได้หลายแบบยิ่งดีจะได้ลุ้นกันสนุกสนานมากยิ่งขึ้น   หั่นเป็นแผ่นหนาๆ พอสมควรจากนั้นก็นำแม่พิมพ์มาประทับลงไป (หลายๆ แบบก็ดีนะ จะได้ไม่จำเจ ฮร่า)   นำแผ่นพลาสติกห่ออาหารมาห่อเอาไว้   เพียงเท่านี้ชีสของเราก็เตรียมพร้อมเสร็จแล้ว…   มาถึงในเรื่องของตัวปฏิทินกันบ้าง นำมาตีตารางเป็นช่องสี่เหลี่ยมโดยนำกล่องพลาสติกช็อกโกแล็ตที่เราจะนำมาใส่ชีสไว้ข้างในมาวัดด้วยตัวชีสจะได้อยู่ตรงช่องที่เปิดมาพอดี จากนั้นก็ใช้คัตเตอร์เจาะโดยเหมือด้านหนึ่งไว้เพื่อให้สามารถเปิดออกมาได้   นำปากกาสีส้มมาตกแต่งให้ดูเหมือนเป็นแผ่นชีสซะหน่อย…

สำหรับตอนนี้ Facebook ก็ถือว่าเป็นโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกไปแล้ว ด้วยจำนวนตัวเลขที่มีผู้ใช้รายวันกว่า 1,000 ล้านคนเลยล่ะ!!   แต่เชื่อว่าหลายๆ คน ยังคงไม่รู้ว่านอกจากการใช้งานปกติ ที่เราอัพรูปอวดเพื่อน ตั้งสเตตัสบ่นเจ้านาย หรือส่องสาวๆ ทั้งหลายแล้ว ยังมีเทคนิคอะไรอีกมากมายให้คุณได้ลองนำไปใช้ และนี่คือ 28 ทริคการใช้เฟซบุ๊คเจ๋งๆ ที่เพื่อนๆ อาจจะลืมสังเกตหรือไม่รู้ว่าทำได้มาฝากกันแหละ ลองมาชมกันได้เลย   สามารถเซฟเรื่องราวจาก News Feed ที่ยังไม่มีเวลาอ่านได้ด้วยนะ บางทีอยากอ่าน แต่ไม่มีเวลา ครั้นจะมาเปิดใหม่ก็จำไม่ได้ว่าอยู่ไหน ทำง่ายๆ โดยการกดที่มุมขวาบนของโพสต์นั้น จากนั้นก็ Save เอาไว้ คราวหน้าก็ไปเปิดหาตรงแท็บลิงค์ที่เราเซฟไว้ได้เลย รับรองว่าไม่พลาดเรื่องที่อยากอ่านนั้นแน่นอน   อัดวิดีโอสั้นๆ ทำเป็นรูปโปรไฟล์ก็ได้นะ นอกจากภาพปกติแล้ว สามารถบันทึกภาพโปรไฟล์ของเราเป็นวิดีโอ หรือจะอัพโหลดวิดีโอลูปสั้นๆ จากในเครื่องเรามาเป็นโปรไฟล์ได้เช่นกัน   ลิ้งเว็บไซต์ที่มีสัญลักษณ์ของ Facebook’s Instant Articles อยู่นั้น จะสามารถเข้าไปดูได้แบบรวดเร็วสุดๆ ไปเลย แถมมีโฆษณาให้ดูน้อยกว่าปกติอีกด้วย   หยุดการเล่นวิดีโอแบบอัตโนมัติใน News Feed…

ในสมัยเด็กๆ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก Power Ranger ฮีโร่หลากสี 5 ตัวที่เด็กๆ ทุกคนต้องแย่งกันเป็นสีแดงใช่มั้ยล่ะ?? นึกถึงทีไรก็อดยิ้มไม่ได้ทุกที   เพื่อให้เข้าถึงความฝันในวัยเด็ก การแต่งชุดคอสเพลย์เป็นตัวละครที่ชื่นชอบก็คือการเติมเต็มในส่วนที่ต้องการนั่นเอง แต่ทว่าหากแต่งชุดออกไปตามสถานที่ต่างๆ ถ่ายรูปเก็บไว้ มันก็คงจะจบแค่นั้น เป็นเพียงความทรงจำดีๆ ที่ได้แต่งคอสเพลย์ซักครั้ง แต่สำหรับกรณีของ ผู้ใช้เฟซบุ๊คที่ชื่อว่า James Reese ได้โพสต์วิดีโอคลิปเกี่ยวกับการแต่งคอสเพลย์เป็นเพาเวอร์เรนเจอร์ร่วมกับคนรักของเขา Anthony ที่เคยทำกันมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ครั้งนี้กลับมีบางสิ่งที่แตกต่างออกไป   เพราะ Anthony เตรียมมาอะไรมาเซอร์ไพร้ส์ James ด้วยล่ะ   ระหว่างการถ่ายทำนั้น จู่ๆ Anthony ก็นั่งคุกเข่า และขอ James แต่งงานในตอนนั้น   มาชมคลิปเซอร์ไพร้ส์กันแบบเต็มๆ กันได้เลย ชื่นมื่นกันเลยทีเดียว   เท่านี้ทั้งคู่ก็ได้เป็นคู่หูเรนเจอร์กันตลอดไปแล้วล่ะ เห็นแล้วรู้สึกว่าดีใจแทนพวกเขาจริงๆ   ที่มา: Screenrant

สำหรับเพื่อนๆ ที่เป็นแฟนของ Harry Potter ก็คงจะรู้จักเจ้าตัวเอล์ฟที่ชื่อว่า Dobby กันเป็นอย่างดี ซึ่งพอดูไปดูมาแล้วรูปร่างหน้าตาของมันก็คล้ายกันกับแมวเหมียวที่ไม่มีขนซะเหลือเกิน ถ้ายังจินตนาการไม่ออกแล้วล่ะก็ลองไปชมการคอสเพลย์เป็น Dobby ของเจ้าเหมียวพันธุ์ผสมระหว่าง Shynx และ Scottish Fold กันเลย ขอบอกเลยว่าเหมือนสุดๆ   ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับเจ้าเหมียว Delores แมวเหมียวไร้ขนจากรัฐ Toronto ที่มีงานอดิเรกคือการนั่งขัดสมาธิเหมือนกับมนุษย์ตัวเล็กๆ ยังไงอย่างงั้นเลย   เจ้า Delores อาศัยอยู่กับเจ้าทาสที่แสนซื่อสัตย์ของมัน ซึ่งก็คือคุณ Rylee Rae ที่ทำอาชีพเป็น นักออกแบบกราฟฟิค ศิลปิน และนักเขียน และสำหรับในช่วงฮาโลวีนคุณ Rylee ก็ได้ทำการจับดจ้า Delores มาสวมชุดคอสเพลย์ที่ดูแล้วเข้ากับรูปร่างหน้าตาของมันแบบสุดๆ เลยล่ะ     ซึ่งก็คือ Dobby ตัวละครเอลฟ์ตัวน้อยจากเรื่องแฮร์รี่พ็อตเตอร์นั่นเอง เหมือนสุดๆ!!   คุณ Rylee เป็นแฟนตัวยงของพ่อมดน้อย Harry Potter แล้วยิ่งมีเพื่อนมาทักด้วยว่าเจ้าเหมียว Delores…

‘รถยนต์’ ก็เป็นหนึ่งในยานพาหนะที่มีผู้คนใช้กันมากมาย แน่นอนว่ามันสามารถบ่งบอกถึงความเป็นตัวเองของเจ้าของรถได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบรถ สีรถ หรือแม้แต่การตกแต่งรถก็ตาม และในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเหล่า ‘เจ้าของรถ’ ที่มีไอเดียล้ำเลิศในการตกแต่งรถของตัวเองให้ออกมาดูยูนิคสุดๆ   1. เรื่องมีอยู่ว่าชายชาวรัสเซียถูกถอยรถมาชนเข้ากับประตูหน้าของรถเขาอย่างจัง จนกลายเป็นรอยถลอก ก็เลยซ่อมด้วยการวาดภาพทับลงไปซะเลย   2. เติมอาหาร (น้ำมัน) ให้ข้าตรงนี้นะเจ้ามนุษย์!!   3. รถที่โปร่งใสจนสามารถมองเห็นได้ทะลุยันกระดูก!!   4. ที่ปัดน้ำฝนแมวเหมียว ><   5. มันหนาวนะเจ้าจากัวร์ เอาเสื้อใหมพรมไปใส่ซะนะ   6. หมดกัน ความลับของชาวของเล่นได้ถูกเปิดโปงแล้ว!!   7. นี่ถึงกับขนาดที่ว่า Arnold Schwarzenegger มาปัดน้ำฝนให้เลยเหรอเนี่ย!?   8. เอาล่ะ ได้เวลาเดินทางผ่านรูหนอนกันแล้ว!!   9. เจ้า BB-8 กำลังออกผจญภัยในดาวโลกอยู่   10. นี่ถ้าเดินไปข้างๆ…

แน่นอนว่า ‘พิซซ่า’ นั้นเป็นอาหารจานโปรดของหลายๆ คน เวลาที่เรานึกอยากกินขึ้นมาก็คงไม่พ้น 1112 หรือ 1150 อะไรก็ตามแต่ ซึ่งรอเพียงประมาณครึ่งชั่วโมงพิซซ่าร้อนๆ ก็มาส่งถึงหน้าบ้านของคุณกันแล้ว แต่สำหรับใครๆ หลายคนก็ชื่นชอบที่จะทำเองมากกว่า เพราะสามารถอัดหน้าพิซซ่าได้แบบเต็มๆ หนักๆ แถมปรุงรสชาติได้ตามที่ตัวเองชอบ ซึ่งข้อจำกัดก็จะมีในเรื่องของเตาอบนี่แหละ เพราะไม่ค่อยมีติดบ้านกันเท่าไหร่ แต่วันนี้ทาง Pizzacraft ก็ได้จัดจำหน่ายเครื่องครัวเจ๋งๆ ไม่กินพื้นที่ และที่สำคัญไม่ต้องซื้อเตาอีกต่างหาก!!   และอุปกรณ์นั้นมีชื่อว่า…Pizzacraft Pizzeria Pronto Stovetop Pizza Oven!!!   เตาอบพิซซ่าแบบไซส์มินิเท่ากับกระทะทั่วๆ ไป   และถ้าใครกลัวว่าความร้อนของมันจะไม่ถึงล่ะก็ หายห่วงได้เลย เพราะสามารถเพิ่มอุณหภูมิได้สูงถึง 600 องศา พอๆ กับเตาอบทั่วๆ ไปเลย!!   เฉลี่ยเวลาในการอบแต่ละครั้งอยู่ที่ราวๆ 6 นาทีเท่านั้น แบบนี้ก็เร็วกว่าพิซซ่าที่โทรสั่งอีกน่ะสิ   นี่คือส่วนประกอบต่างๆ บอกถึงการทำงานของเจ้ากระทะอบพิซซ่านี้… แน่นอนว่าต้องใช้บนเตาแก๊ส ไม่ได้เป็นแบบเสียบปลั๊กหรอกนะ     สนนราคาอยู่ที่ 170…

ครั้งหน้าถ้าเพื่อนๆ รู้สึกว่ามีความเครียด กันล่ะก็ ลองประสานอินแบบที่เหล่านินจาเขาทำกันดูนะ….   เพื่อนๆ คงพอจะรู้จักตำนานเกี่ยวกับนักรบนินจาจากประเทศญี่ปุ่นกันมาบ้าง และเรื่องเกี่ยวกับนินจาที่โด่งดังที่สุดก็คงจะไม่พ้นแอนิเมชั่นเรื่อง ‘นารูโตะ’ นี่แหละ ซึ่งเวลาเราดูหรืออ่านกันทีไร เวลาเหล่านินจาจะใช้วิชา หรือคาถานินจาแต่ละครั้งนั้นก็จะมีการประสานอิน (การทำสัญลักษณ์ต่างๆ โดยใช้มือ) กันอยู่บ่อยๆ ก่อนที่จะปล่อยพลังเจ๋งๆ ออกมา   ถ้าใครนึกภาพไม่ออกล่ะก็ประมาณนล่ะ   ซึ่งล่าสุดก็ได้มีการจัดแสดงนิทรรศกาลนินจาที่ย่านโอไดบะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นกัน และเรื่องที่ว๊าวววที่สุดก็คือ… การประสานอินนั้น มีผลช่วยในเรื่องของสมาธิ และนั่นจะช่วยลดความเครียดให้เราได้ด้วย   มีการจัดแสดงงานวิจัยในเรื่องเกี่ยวกับการ ‘ประสานอิน’ แบบเหล่านินจา เพื่อดูว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงแล้วการทำสัญลักษณ์ต่างๆ แบบพวกเขานั้นสามารถช่วยลดความเครียด และเพิ่มสมาธิได้จริงหรือไม่!? สัญลักษณ์มือนั้นจะมีอยู่ทั้งหมด 9 แบบ เรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า ‘คฺจิ คิริ’ หรือแปลได้ว่า ‘9 พยางค์’ ซึ่งจะถูกกระทำแบบต่อเนื่องโดยเหล่านินจาก่อนที่พวกเขาจะทำสมาธิในทุกๆ ครั้ง (ตอนนี้นึกภึงภาพนารูโตะประสานอินรัวๆ เร็วๆ กันเข้าไว้)   งานวิจัยนี้เป็นของทางโรงเรียนแพทย์ญี่ปุ่น Mie University โดยแบ่งแยกออกเป็นการทดสอบสองส่วนด้วยกัน… ส่วนแรกคือการวัดค่าของคลื่นสมอง  …

เมื่อกล่าวถึง ‘การ์ตูนญี่ปุ่น’ แล้ว หลายๆ คนก็คงมีการ์ตูนเรื่องโปรดอยู่ในใจกันบ้างล่ะ แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยกันบ้างมั้ยว่า สถานที่ที่ให้กำเนิดเหล่าการ์ตูนชื่อดังนั้นมาจากไหนกัน และจะมีสภาพหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง? และในวันนี้เอง เว็บ kotaku จะพาเพื่อนๆ ไปชมโต๊ะทำงานของอาจารย์นักเขียนการ์ตูนชื่อดังที่เป็นผู้ให้กำเนิดการ์ตูนที่มีชื่อเสียงมีผู้คนติดตามทั่วโลก จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นเราไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   1. โต๊ะทำงานของอาจารย์ Osamu Tezuka   เจ้าของผลงานเรื่อง เจ้าหนูปรมาณู (Astro Boy)   2. โต๊ะทำงานของอาจารย์ Hirohiko Araki   เจ้าของผลงานเรื่อง Jojo ล่าข้ามศตวรรษ   3. โต๊ะทำงานของอาจารย์ Mari Okazaki   เจ้าของผลงานเรื่อง Shibuya-ku Maruyama-chou   4. โต๊ะทำงานของอาจารย์ Takao Saito   เจ้าของผลงานเรื่อง Golgo 13   5. โต๊ะทำงานของอาจารย์ Mitsukazu Mihara   เจ้าของผลงานเรื่อง Beautiful People   6. โต๊ะทำงานของอาจารย์ Tetsuo Hara   เจ้าของผลงานเรื่อง…

ถ้าเพื่อนๆ เบื่อกับสไตล์หมวกกันน็อคแบบเดิมๆ ล่ะก็ วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ขอเสนอ Playmobil หมวกกันน็อคทรงผมสำหรับปั่นจักรยาน ที่จะทำให้คุณนำเทรนด์ แถมโดดเด่นไม่เหมือนใคร!!   Playmobil   ภาพนี้ถูกถ่ายขึ้นโดย silamtao สมาชิก Reddit ท่านหนึ่ง ซึ่งกลายเป็นที่ฮือฮาอย่างมากในช่วงนี้เพราะความแปลกใหม่ของมัน ผลงานนี้เป็นการร่วมมือของสองนักศึกษาคือ Simon Higby และ Clara Prior จากประเทศสวีเดนและเดนมาร์ก ที่ได้มาทำวิทยานิพนธ์ร่วมกันและได้เกิดไอเดียนี้ขึ้น   เหตุผลนั้นเพราะอยากให้เด็กๆ สวมหมวกกันน็อคมากขึ้น พวกเขาเลยสร้างหมวกที่จะทำให้เด็กๆ มีความรู้สึกอยากใส่ขึ้นมาเอง ดูไปมันคล้ายกับทรงผมของเลโก้ใช่ไหม นั่นแหละ มันเหมือนมากเลยทีเดียว   ช่วงปีก่อนพวกเขาติดต่อไปยังบริษัทออกแบบอย่าง MOEF เพื่อผลิตต้นแบบให้กับพวกเขา และก็ออกมาใช้ได้เลยทีเดียว โดยจำลองมาจากทรงผมของ Troy Bolton (จากเรื่อง High School Musical ที่แสดงโดย Zac Efron)   แบบนี้เลยต้นแบบ!!   ชมวิดีโอของพวกเขากันได้ที่นี่   ดูแจ่มว๊าวววอยู่นะจะว่าไป อิอิ   ภาพจากการใช้งานจริง ทำไมนายแบบจำลองของเรา ต้องทำหน้าบึ้งขนาดนั้น ฮ่าาาา   น่าเสียดายอยู่ที่ตอนนี้ยังไม่มีวางขายนะจ๊ะ…

เพราะการเซลฟี่ธรรมดาๆ นั้นใครก็ทำได้… แต่สาวน้อยชาวนอร์เวย์คนนี้ที่ใช้ชื่อในอินสตาแกรมว่า Mirrorsme คนนี้ ซึ่งเธอมีชื่อจริงว่า Helene Meldahl ที่ได้ยกระดับการเซลฟี่ให้ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ของเธอ!! เธอถนัดในการถ่ายภาพเซลฟี่หน้ากระจกห้องน้ำ (ภาพซิกเนเจอร์ของสาวๆ เกือบทุกคน) แต่เธอจะวาดภาพน่ารักๆ ติดลงไปในกระจกห้องน้ำ แล้วถ่ายภาพออกมาได้แบบครีเอทสุดๆ   จนทำให้ตอนนี้อินสตาแกรมของเธอมีผู้ติดตามกว่า 164,000 คนด้วยกัน   งานของเธอนั้นมีหลากหลาย แต่จะเน้นไปในส่วนของป๊อปคัลเจอร์ที่มีคนรู้จักเยอะๆ เสียมากกว่า อย่างเช่นภาพนี้ คนทั่วโลกคงรู้จักว่ามันมาจากเกมอะไร…. เกม Dota แน่นอน!!   ‘มันเป็นสิ่งที่ฉันชอบทำมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะ มันออกมาอย่างธรรมชาติมากๆ และแทบไม่ต้องพยายามเลย’  Helene  กล่าว   โดยปกติแล้วในช่วงชีวิตมหาวิทยาลัย เธอมักจะวาดรูปภาพติดกระจกห้องน้ำ ให้รูมเมทของเธอที่ตื่นสายกว่าดูเสมอๆ   วันหนึ่งเธอเลยเกิดปิ๊งไอเดียขึ้นว่า ทำไมไม่ลองเซลฟี่รูปที่วาดขึ้นมาแล้วโพสต์ลงไปในโลกโซเชียลดูล่ะ??   เธอเริ่มโพสต์ภาพผลงานของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเธอรู้สึกสนุกและชอบ   จนมีคนมาชอบและแชร์ผลงานของเธอออกไปเรื่อยๆ จนในที่สุดมีผู้ติดตามนับแสนรายอย่างวันนี้ล่ะ!!   เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีของคนที่ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและมีความสุขเลยนะเนี่ย เพื่อนๆ ล่ะ ได้ลองทำในสิ่งที่ตัวเองรักดูบ้างแล้วหรือยัง?? ที่มา: Orzzzz

ต้องขอบอกเลยว่าบ้านในฝันของใครหลายๆ คนนั้นก็คงอยากที่จะมีบ้านหลังใหญ่ๆ มีพื้นที่กว้างๆ จะได้อยู่อย่างสบาย แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมกันว่าจริงๆ แล้วสถานที่แคบๆ ก็สามารถตกแต่งให้เป็นบ้านที่น่าอยู่ได้เหมือนกันนะ   บริษัทสถาปนิก YUUA Architects & Associates ในญี่ปุ่นได้ทำการเนรมิตที่ดินแคบๆ กว้างเพียง 2.5 เมตร และยาว 11 เมตร ให้กลายเป็นบ้านที่แสนน่าอยู่   โดยมีคอนเซ็ปต์เป็น บ้านที่คนและแมวเหมียวสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสนุกสนาน จึงทำให้บ้านมีที่ปีนป่ายมากมายเพื่อให้แมวเหมียวได้เล่น   แต่ละชั้นทำมาจากแผ่นไม้ เหล็ก และปูนซีเมนต์ บวกกับการใช้แสงไฟโทนอุ่น เพื่อให้ความรู้สึกสบายๆ เหมือนได้พักผ่อนตลอดเวลา   การจะขึ้นไปชั้นบนได้นั้นจะต้องปีนบันไดลิงขึ้นไป ด้วยเหตุผลในการประหยัดพื้นที่   ในแต่ละชั้น จะมีการเล่นระดับที่พื้น ทำให้บ้านดูมีมิติมากยิ่งขึ้น ของตกแต่งบ้านก็เลือกใช้ของที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย   บริเวณรอยต่อของพื้นต่างระดับมีการติดตั้งไฟเอาไว้ ทำให้ดูโดดเด่นและป้องกันการสะดุดล้ม   ส่วนชั้นบนสุดจะแบ่งออกเป็นสองส่วนเว้นตรงกลางไว้ให้แสงแดดส่องเข้ามา ด้านหนึ่งก็เป็นห้องน้ำ และอีกด้านก็เป็นห้องเอาไว้ทำกิจกรรมกลางแจ้ง (กว่าจะมาเข้าห้องน้ำได้ คงจะหืดขึ้นคอกันบ้างล่ะ ฮร่า) แหม่ จากที่แคบๆ ก็กลายเป็นบ้านที่น่าอยู่ได้แบบสุดๆ เลยนะเนี่ย แถมเจ้าเหมียวยังได้เล่นสนุกอย่างไม่มีเบื่อเลยล่ะ ^^…

ต้องขอบอกเลยว่าบนโลกของเรานั้นมีสิ่งของที่หายากมากมาย และสิ่งขอเหล่านั้นเองก็มักจะมีราคาแพงแตกต่างกันออกไปตามระดับความหายาก และประโยชน์ในการใช้งานของมัน และในวันนี้เอง #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมวัตถุที่มีราคาแพงมากที่สุดบนโลกใบนี้ จะมีอะไรบ้างนั้นลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   16. Saffron หรือ หญ้าฝรั่น มีราคา 381 บาทต่อกรัม เป็นเครื่องเทศที่หาได้ยากยิ่ง ด้วยรสชาติที่น่าอัศจรรย์และประโยชน์ที่มีต่อสุขภาพมากมาย แต่กระบวนการผลิตนั้นต้องใช้เวลาเป็นอย่างมากและมีความยากลำบากพอดู จึงทำให้มันมีราคาที่สูงยังไงล่ะ   15. ทอง มีราคา 1,940 บาทต่อกรัม เป็นสิ่งที่ทุกคนทั่วโลกรู้จักกันดีอยู่แล้วว่ามีราคาแสนแพง ซึ่งราคาทองนี้เองก็มีการผันแปรอยู่ตลอดเวลาไม่แน่นอน นอกจากนี้ทองคำยังเป็นวัสดุที่นิยมนำไปทำเป็นเครื่องประดับ และสิ่งของต่างๆ มากมายอีกด้วยนะ   14. Rhodium มีราคา 2,030 บาทต่อกรัม เป็นโลหะที่จัดอยู่ในกลุ่มของ Platinum และหาได้ยากมาๆเลยล่ะ เอาเป็นว่าโดยเฉลี่ยแล้ว ถ้าอยากได้แร่ Rhodium ที่มีน้ำหนัก 0.001 กรัมล่ะก็ ต้องขุดดินผิวโลกขึ้นมาถึง 1 ตันเลยทีเดียว   13. Platinum มีราคา 2,100 บาทต่อกรัม โลหะแสนล้ำค่าสีเงินนี้มีคุณสมบัติเหมือนกับทองคำก็คือทนต่อการกัดกร่อนต่อความเป็นกรด ด่าง…

ต้องขอบอกเลยว่าตอนนี้เทรนด์การไว้หนวดนั้นกำลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ในวันนี้ #เหมียวหง่าว ก็เลยอยากจะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเครื่องประดับสุดเก๋ไก๋ ที่ทำขึ้นมาให้ชาวหนวดโดยเฉพาะ Krato Milano เป็นผู้ออกแบบสินค้าแบรนด์ Krato Beard ที่ต้องบอกเลยว่าล้ำมากๆ และคงจะถูกใจคนมีหนวดๆ หลายๆ คนเลยทีเดียวล่ะ     เนื่องจากว่าปัจจุบันนี้เทรนด์การไว้หนวดนั้นกำลังกลับมาฟีเวอร์อีกครั้ง จากผลงานวิจัยชี้ให้เห็นว่ากระแสของหนวดนั้นเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงมากในช่วงครึ่งทศวรรษที่ผ่านมา และดูเหมือนว่ากระแสของมันกำลังแรงขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย     ก็เลยกลายมาเป็นเครื่องประดับสำหรับติดหนวดเพื่อเพิ่มความสวยงามและน่าดึงดูดให้กับหนวดของแต่ละคน ประกอบไปด้วยรูปทรงที่โดดเด่นแตกต่างกันออกไปทั้งรูปหัวกะโหลก สมอเรือ หรือรูปคริสตัล เหมาะกับสไตล์โหดของหนุ่มหน้าหนวดสุดๆ     คุณ Krato นั้นต้องใช้เวลาในการพัฒนาและออกแบบเจ้าเครื่องประดับหนวดนี้มานานเป็นปีเลยล่ะ ทั้งคอนเซ็ปต์ รูปแบบ และเจ้าตัวคลิปที่จะทำหน้าที่ในการยึดติดกับหนวด โดยเฉพาะอย่างหลังนี่ยากกว่าเพื่อนเพราะต้องทำให้การสวมใส่นั้นรู้สึกสบาย ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ     จนได้รูปแบบออกมาเป็นเกลียว วิธีใส่ก็ง่ายๆ ก็แค่เอามาวางไว้ที่หนวดแล้วก็หมุนเป็นเกลียวเหมือนไขสกรูแค่นี้ก็สำเร็จ และจากที่เขาลองให้หลายๆ คนทดลองใช้ดูแล้วเสียงตอบรับก็บอกว่าสวมใส่บายมาก ไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด     และเหล่าหนุ่มหนวดที่ได้ทดลองใช้งานเจ้า Krato Beard แล้ว ก็รู้สึกว่ามันเจ๋งมากและอยากให้คนไว้หนวดทั่วโลกได้ลองใช้บ้าง    …

บนโลกของเรานั้นมีสิ่งมหัศจรรย์อยู่มากมาย มีทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและถูกสร้างขึ้นโดยน้ำมือของมนุษย์ และสิ่งมหัศจรรย์ที่ #เหมียวหง่าว จะพาเพื่อนๆ ไปชมกันในวันนี้ก็คือ สะพานทางด่วนน้ำ หรือจะเรียกว่าอุโมงค์ทางด่วนรถลอดใต้แม่น้ำ ที่อยู่ในประเทศเนเธอเแลนด์   และนี่คืองานสถาปัตยกรรมสุดเจ๋งที่ตั้งอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ อุโมงค์ลอดแม่น้ำ Veluwemeer Aqueduct ที่เชื่อมกันระหว่างแผ่นดินใหญ่กับเกาะเทียมที่มีชื่อว่าเกาะ Flevoland   โครงการสร้างสำเร็จเมื่อปี 2002 เจ้าสะพานน้ำนี้อยู่บนถนนเส้น N302 ในเมือง Harderwijk ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ (พิกัด Google Maps: 52°21’39.6″N 5°37’07.5″E ) แต่รู้หรือไม่ว่าก่อนได้สร้าง ในระหว่างที่มันยังเป็นเพียงต้นแบบอยู่นั้น ก็มีการถกเถียงกันอยู่นานว่าจะสร้างดีหรือไม่!? นั่นเพราะว่าการสร้างสะพานลอดใต้น้ำนั้นไม่ใช่สะพานธรรมดาๆ และต้องใช้งบสิ้นเปลืองเป็นอย่างมาก แถมยังต้องใช้เวลาในการสร้างที่ยาวนานพอสมควรเลยล่ะ     ไอเดียหลักของเจ้าสะพานนี้ก็คือช่วยให้การเดินทางทั้งทางน้ำและทางบกสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกโดยปราศจากสิ่งกีดขวางที่เป็นเสาสะพาน ปัญหารถติด หรือเหล่าเรือข้ามฟากทั้งหลาย รถก็สามารถวิ่งได้สะดวกโดยการลอดอุโมงค์ ไม่จำเป็นต้องข้ามสะพานและหยุดรอให้รถติดเมื่อต้องเปิดสะพานเพื่อให้เรือผ่าน ส่วนเรือก็ไม่ต้องคอยคิวเปิดสะพาน เพราะสามารถแล่นได้ปกติตลอดเวลา     แต่ในที่สุดทางการของ Netherland ก็ได้ตัดสินใจที่จะเซ็นอนุมัติให้สร้างสะพานนี้ขึ้นมา โดยตัวอุโมงค์นั้นมีความยาว 25 เมตร และกว้าง 19 เมตร มีความลึกลงไปจากผิวน้ำถึง 3 เมตรด้วยกัน ส่วนทางข้างบนนั้นก็มีทางน้ำเล็กๆ…

เพราะแท้จริงแล้ว ทั้งเหล่าดาราและคนดังระดับโลกนั้น พวกเขาก็เป็นคนธรรมดาๆ เหมือนเรานี่แหละ มีมุมฮาๆ ตลกๆ เปิ่นๆ กันเยอะแยะเลย แต่ก็อย่างว่าล่ะ ใครจะไปเนี๊ยบกันได้ตลอดอ่ะเนาะ ฮร่าาา วันนี้เราก็มี 17 ภาพของเหล่าคนดังระดับโลกที่ทำเรื่องฮาๆ เป็นเด็กๆ มาฝากกัน ว่าแล้วเรามาชมกันได้เลย!!!   เคยเห็นกันรึเปล่าว่า Robin Williams ก็เคยแต่งตัวเป็นเชียร์ลีดเดอร์ด้วยเหมือนกันนน!?   Charlie Chaplin ที่กำลังเล่นสนุกกับเพื่อนๆ ของเขา   Sylvester Stallone และ Arnold Schwarzenegger เต้นรำด้วยกันซะงั้นในเทศกาลหนังเมืองคานส์   Marilyn Monroe ที่ทำใบหน้าฮาๆ น่ารักๆ   อดีตประธานาธิบดี Ford ที่กำลังโชว์ทักษะการเตะบอลให้ยอดแข้งระดับตำนานอย่าง Pelé ดู   Sharon Stone และEllen Barkin ที่กำลังแกล้ง Leonardo DiCaprio ในวัย 19 ปีอยู่   Duke ดยุคและดัชเชส แห่ง Windsor…

ว่ากันด้วยเรื่องของการทำสินค้าออกมาขายในปัจจุบันนั้น ยิ่งบรรจุภัณฑ์ที่มีไอเดียแปลกๆ หรือสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ดีเท่าไหร่ ย่อมเป็นที่นิยมได้ไม่ยากนัก และนี่ก็คือเหล่าบรรจุภัณฑ์สุดเจ๋ง ที่ช่วยเสริมความน่าใช้ให้กับผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี จะมีอะไรบ้างนั้นลองไปชมกันแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   1. กล่องใส่ลูกอมรสมิ้นต์รูปปาก   2. เส้นด้ายที่ทำมาจากขนแกะจริงๆ   3. กิ๊บหนีบผม ทำออกมาเป็นทรงผมหลากแบบหลายสไตล์   4. หลอดไฟไอศกรีมโคน   5. วิธีจำแนกเนื้อให้สามารถดูออกได้ง่ายขึ้น   6. ถุงชาผีเสื้อที่แสนน่ารัก   7. หลอดไฟไข่ไก่ ต้องระมัดระวังนะไม่งั้นมันอาจจะแตกได้ง่ายๆ ฮร่า   7. เส้นพาสต้าที่สามารถเห็นประเภทเส้นข้างในได้อย่างชัดแจ๋ว   8. คัพเค้กที่ออกมาจากเตาหอมกรุ่น   9. กล่องคอตต้อนบัดที่ดูเรียบๆ แต่ก็น่าใช้แบบสุดๆ   10. ช็อคโกแลตรูปมีดสำหรับชาวสวิส   11. ถุงถั่วที่มีช่องสำหรับใส่เปลือกถั่ว   12. กล่องอาหารสัตว์สุดน่ารัก แถมยังดูง่ายอีกต่างหากว่าเป็นอาหารของสัตว์ชนิดไหนกันแน่   13. อมยิ้มรสซอสมะเขือเทศ…

อาหารญี่ปุ่นก็คงจะเป็นเมนูอาหารอันโปรดปรานของเพื่อนๆ หลายๆ คน และหนึ่งในเมนูยอดฮิตก็คงจะไม่พ้นซาซิมิ หรือปลาดิบที่เป็นที่ถูกปากของคนจากทั่วโลก!! สำหรับวันนี้เราก็มีคลิปการเตรียมเมนูปลาดิบจากผู้ใช้ยูทูป 88rising ของมาสเตอร์เชฟ ที่ต้องบอกว่าโปรสุดๆ และคลิปนี้ไม่มีเลือดนะจ๊ะ เพราะฉะนั้นใครที่กลัวเลือดล่ะก็ สบายใจกันได้เลย   ชมเทคนิคของเขากันแบบเต็มๆ ได้ที่นี่   เพราะกว่าจะมาเป็นเมนูจานโปรดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ   เริ่มกันตั้งแต่เตรียมการ เตรียมวัตถุดิบ   เทคนิคการแล่ปลาที่ได้เห็นกันแบบเต็มๆ   พิถีพิถันมาก   เทคนิคต่างๆ ที่คนทั่วไปอาจไม่เคยรู้มาก่อน   และแน่นอนการจัดเตรียมอาหารให้ดูน่ากินก็สำคัญเช่นกัน!!   เมนูที่ดูง่ายๆ แต่ไม่ง่ายเลยนะ ขอบอก!!!   แหม๊ เห็นแล้วฟินจริงๆ ถึงเสียงตอนชำแหละจะดูแหยะๆ ไปหน่อย แต่ก็นั่นแหละ ห้ามใจไม่ไหวจริงๆ กับเมนูนี้ ><   ที่มา: rocketnews24

ภาพยนตร์แนวๆ อัศวินยุคกลางคงจะเป็นที่ชื่นชอบของใครๆ หลายๆ คน แต่ถ้าสามารถเข้าไปซึมซับบรรยากาศแบบอัศวินยุคกลางได้จริงๆ จะมัวแค่ชมในภาพยนตร์ไปทำไมล่ะ?? คาเฟ่แห่งนี้ตั้งอยู่ในประเทศฮ่องกง ในแถบเกาลูน มีชื่อว่า Medieval Weapon Cafe เป็นคาเฟ่ที่รวบรวมเอาชุดเกราะและอาวุธจากยุคกลาง ให้เหล่าลูกค้าได้ดื่มด่ำกับทั้งอาหารและบรรยากาศกันแบบฟินๆ เปิดให้บริการตั้งแต่เที่ยงวัน ยัน เที่ยงคืนกันเลยล่ะ   Medieval Weapon Cafe   ชุดเกราะของอัศวินยุคกลาง   มีอาวุธที่ดีไม่พอ ต้องมีชุดเกราะที่ดีด้วยใช่มั้ยล่ะ!!   คอลเล็คชั่นของอาวุธก็มีอยู่เพียบจริงๆ   แนวๆ แฟนตาซีหน่อยก็มีนะจ๊ะ อิอิ   ชุดเกราะที่มันวาว น่าเอามาใส่แล้วถ่ายเซลฟี่มากๆ ฮร่าาาา   นั่งชิวๆ มาจิบชากันได้ที่นี่   ภาชนะต่างๆ ของร้านที่เข้าตีมมากๆ   อย่าลืมนะจ๊ะ เพราะเหล่านินจาก็อยู่ในช่วงยุคกลางเช่นกัน เพราะฉะนั้นเข้าตีม!!   ใส่ชุดเกราะ เล่น Wi-fi ฟรีๆ ที่ทางร้านจัดให้ พร้อมกับเอ็นจอยกาแฟในแก้วของคุณ…   พาเพื่อนๆ มาเล่นกันแบบนี้ก็ยังได้…

เมื่อกล่าวถึง ‘การ์ตูนเจ้าหญิงดิสนีย์’ แล้ว คงเป็นการ์ตูนสุดโปรดของใครหลายๆ คน นั่นเพราะว่ามันเป็นเรื่องราวที่ไม่ว่าสาวๆ คนไหนก็ใฝ่ฝันอยากจะเป็นแบบนั้นบ้าง ทั้งวิถีชีวิต ปราสาทแสนสวย ธรรมชาติที่งดงาม เพื่อนตัวน้อย และเจ้าชายสุดหล่อ เช่นเดียวกันกับ ‘โปเกม่อน’ ที่เป็นการ์ตูนเรื่องโปรดของใครหลายๆ คนเช่นเดียวกัน กับเรื่องราวการผจญภัยของตัวเอกที่ไล่ล่าตามจับโปเกม่อนในรูปแบบต่างๆ แล้วจะเป็นอย่างไรถ้าหากเราลองนำทั้งสองเรื่องนี้มารวมกัน โดยเปลี่ยนเหล่าเพื่อนสัตว์ตัวน้อยของเหล่าเจ้าหญิงดิสนีย์ให้กลายเป็นโปเกม่อน จะเป็นตัวอะไรกันบ้างนะ? เราลองไปชมพร้อมๆ กันที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   The Litte Mermaid   นี่เป็นผลงานของ Wilberth Gonzalez ศิลปินชาวนิวยอร์ก ที่ทำการเปลี่ยนโฉมเหล่าเพื่อนสัตว์ของเจ้าหญิงดิสนีย์ให้กลายเป็นโปเกม่อนที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน   Cinderella   โดยเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากแฮชแท็ก #mystylechallenge จาก Instagram ที่เป็นการแข่งขันกันออกแบบตัวละครจากการ์ตูนเรื่องต่างๆ มารวมกันเป็นตัวละคร 1 ตัว เขาก็เลยตัดสินใจที่จะจับเจ้าหญิงดิสนีย์กับโปเกม่อนมารวมกัน และก็กลายมาเป็นผลงานที่ดูเหมือนจะเข้ากันได้อย่างลงตัวดังที่เพื่อนๆ จะได้เห็นต่อไปนี้แหละ…   Tangled (Rapunzel)   Mulan   Pocahontas   Aladdin   Sleeping Beauty…

มีหนังมากมายหลายเรื่องที่สร้างขึ้นมาจากเรื่องราวจริงๆ แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยกันมั้ยว่าเหล่าบุคคลที่อยู่ในหนังเหล่านั้นเขามีหน้าตาเป็นยังไงกันบ้าง? และนี่ก็คือภาพเปรียบเทียบระหว่างตัวละครจากในหนังที่สร้างขึ้นจากเรื่องจริง กับตัวจริง จะมีหน้าตาคล้ายกันขนาดไหนลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   Philippe และ Driss จากหนังเรื่อง Intouchables   Intouchables เรื่องราวแสนอบอุ่นว่าด้วยมิตรภาพต่างวัย ต่างสีผิว ต่างฐานะ แต่ผู้ชายคนหนึ่งคือ มหาเศรษฐีพันล้าน ส่วนอีกหนึ่งคือ ชายผิวดำจากสลัม ก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้   Philippe และ Driss ตัวจริง   Chris Gardner จากหนังเรื่อง The Pursuit of Happiness   เรื่องราวของวีรบุรุษนักขายฝีมือดีที่สุดที่กลายเป็นตำนานของอเมริกา ตีแผ่หนทางพิชิตความจนของสุดยอดเซลล์แมน Chris Gardner ที่ต้องแบกภาระพาให้ครอบครัวพ้นจากภาวะยากจน แต่เพราะพิษเศรษฐกิจรุมเร้าเกินเยียวยา ภรรยาจึงทิ้งเขาไป ให้เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจติดลบเพียงลำพัง   Chris Gardner ตัวจริง   Chris Kyle จากหนังเรื่อง American Sniper   เรื่องราวของ Chris Kyle…

จะว่าไปแล้วอีกไม่กี่เดือนบ้านเราก็จะเข้าสู่ฤดูหนาวกันแล้วนะเนี่ย หลายๆ คนก็คงเริ่มที่จะเตรียมตัวเพื่อต้อนรับการมาเยือนของลมหนาวกันบ้าง อุปกรณ์อย่างผ้าพันคอ ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน และแน่นอนว่าผ้าพันคอทั้งหลายเนี่ยก็มีแตกต่างกันออกไปหลายลักษณะทั้ง ผ้าพันคอที่ทำมาจากไหมพรม ผ้าฝ้าย ใยสังเคราะห์ หรือขนสัตว์ เป็นต้น   แต่ในวันนี้เอง #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมผ้าพันคอรูปสัตว์สวยๆ ที่ไม่ได้ทำมาจากขนสัตว์แต่อย่างใด ฮั่นแน่ น่าสนใจล่ะซิ ถ้าอย่างนั้นก็ตามไปดูพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   และนี่ก็คือผ้าพันคอรูปสัตว์ที่ออกแบบมาได้อย่างสวยงามและดูสมจริงโดยคุณ Celina และคุณ Maja Debowska   ถึงมันจะดูเหมือนจริงมาก แต่เจ้าผ้าพันคอเหล่านี้ไม่ได้ทำมาจากสัตว์จริงๆ หรอกนะจ๊ะ เริ่มต้นในเมือง Krakov ประเทศโปแลนด์ สองพี่น้องได้ริเริ่มสิ่งที่เรียกว่า Celapiu คือการทำผ้าพันคอรูปสัตว์ที่ดูเหมือนจริง โดยใช้วัสดุที่สามารถหาได้จากท้องถิ่น ทำออกมาเหมือนสัตว์หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นสุนัขจิ้งจอก หงส์ กระต่าย หรือแมวเหมียว ทุกอย่างล้วนใช้วิธีในการทำแบบแฮนด์เมดทั้งสิ้นเลยล่ะ     “ฉันชอบที่จะคิดว่าผลงานของฉันนั้นเป็นอะไรที่ดูสมจริง” คุณ Celina กล่าว “ความสนุกสนาน ความแปลกใหม่ สิ่งเหล่านี้คือคอนเซ็ปต์ของ Celapiu ฉันผสมผสานการใช้เทคนิคการ์ตูนในวรรณกรรม…

ทุกครั้งที่เราขับรถแล้วถูกชน ความซวยก็เกิดขึ้น ไหนจะต้องรับผิดชอบต่อคู่กรณี แต่ถ้าเราไม่ผิดก็ต้องมาเซ็งกับการซ่อมรถอีก ยิ่งถ้าไม่มีประกันนี่ซวยซ้ำซวยซ้อนเลยทีเดียว แต่สำหรับชาวรัสเซียคนนี้เขาไม่ได้เอารถไปซ่อม แต่กลับเอารถนั้นไปตกแต่งเพิ่มเลย เอาล่ะสิ แล้วมันจะออกมาเป็นยังไงกันนะ     เจ้าของรถเล่าว่าเขาได้ขับรถจากจากเขตอัลไตมุ่งสู่รัสเซีย แต่แล้วก็มีรถบรรทุกมาเกี่ยวเข้าให้ ทำให้ส่วนของประตูหน้าบุบลงไป   ด้วยความที่เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ จึงเกิดสิ่งนี้ขึ้นมา   เริ่มร่างแล้ว   ชวิ้งงงงง   ดูแทบไม่ออกว่ารถยุบ   บอกให้รู้ก่อนว่าที่รัสเซียนั้นไม่มีประกันอุบัติเหตุทางรถยนต์แบบบ้านเรา ดังนั้นเวลารถเป็นอะไรก็ต้องซ่อมเอง แต่อย่างในเรื่องนี้คนที่ขับมาชนก็จ่ายค่าเสียหายให้เพื่อที่จะไปซ่อมประตู แต่เขาก็ไม่ว่างขนาดนั้นก็เลยทำแบบนี้ซะเลย ถือว่าไอเดียเจ๋งมากๆ ที่มา designyoutrust

สำหรับคนที่ชื่นชอบ ‘สีรุ้ง’ แล้ว ต้องขอบอกเลยว่าห้ามพลาดบทความนี้เด็ดขาด เพราะวันนี้ #เหมียวหง่าว จะมาแนะนำเทรนด์การย้อมสีผมแบบใหม่ ที่กำลังเป็นที่นิยมกันในหมู่วัยรุ่นของต่างประเทศกันอยู่ตอนนี้เลย นั่นก็คือการย้อมสีผมสายรุ้งนั่นเอง!! แต่ไม่ได้ย้อมแบบธรรมดานะ เพราะเป็นการย้อมแบบซ่อนไว้ข้างใน ทำให้ดูน่าค้นหา แถมยังสวยเช้งวับ และคูลแบบสุดๆ เลยล่ะ   มันเริ่มมาจากคุณ Carla Rihandi ช่างทำผมที่จากร้าน Not Another Salon ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ     คุณ Rihandi และเพื่อนของเขา คุณ Harriet Strokes ที่เป็นช่างทำผมมืออาชีพเหมือนกัน นั้นได้ใช้เทคนิคการย้อมผมขั้นเทพนี้ย้อมผมของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และความสวยงามของมันก็ดูสะดุดตาเป็นที่สุด “พวกเราทำงานใกล้กับธนาคาร ที่มีคนเข้าออกเป็นประจำและนั่นเองก็อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้มีคนมากมายสังเกตเห็นและคิดว่ามันสวยดีจนกลายเป็นเทรนด์ฮิตไปโดยปริยาย” คุณ Rinaldi กล่าว     แต่การทำผมสีรุ้งที่ซ่อนอยู่ข้างใต้ผมเนี่ยก็ไม่ได้เป็นเทรนด์ใหม่นะ เพราะมีคนเคยทำมาแล้วแต่ก็ไม่ได้มีวิธีที่ชัดเจนแต่อย่างใด และต้องขอบอกเลยว่าถ้านำมาใช้ร่วมกับการถักเปียเนี่ยเป็นอะไรที่เจ๋งสุดๆ ><     วิธีการทำของมันนั้นก็ไม่ยากเลย รวบผมส่วนบนขึ้นมาไว้ข้างบนแล้วก็มัดไว้ซะก่อน จากนั้นก็ใช้ยาย้อมสีผม ย้อมจากส่วนข้างล่างไล่ไปเป็นแถวให้เป็นสีรุ้ง     คุณ Rinaldi…

เมื่อกล่าวถึง ‘ศิลปะการต่อสู้’ บนโลกใบนี้ มีอยู่ด้วยกันหลากหลายแขนงด้วยกัน บ้างก็เป็นวิชาการต่อสู้ด้วยมือเปล่า บ้างก็ใช้อาวุธแตกต่างกันออกไป ทั้งดาบ ทวน กระบี่ กระบอง ฯลฯ ที่แล้วแต่จะสรรหามาใช้ต่อสู้ แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมศิลปะการต่อสู้แบบใหม่ ที่ใช้ ‘ร่ม’ เป็นอาวุธ ต้องขอบอกเลยว่าถึงจะแปลก แต่ก็ดูจะนำมาใช้งานได้จริงนะ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   หนุ่มชาวญี่ปุ่น Hiroaki Tanaka ที่ชื่นชอบการใส่สูทและฝึกวิชาการต่อสู้โดยใช้ร่มเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นร่มเดี่ยว ร่มคู่ หรือร่ม + กับอุปกรณ์อื่นๆ อย่างเช่นกระเป๋าเดินทาง ก็สามารถทำได้   Hiroaki Tanaka มีแชแนลเฟซบุ๊คเป็นของตัวเองและเขามักจะอัดคลิปวิดีโอโชว์ศิลปะการต่อสู้โดยใช้ร่มที่เขาคิดค้นขึ้นมาเอง มาให้กับชาวเน็ตได้ชมกัน   พอดูแล้วก็รู้ได้เลยว่ามันน่าจะนำไปใช้งานได้จริงๆ แถมยังเป็นอาวุธที่สามารถหยิบจับได้ง่าย แทนที่เราจะพกร่มไปไหนมาไหนเพื่อกันฝนหรือแดดเพียงอย่างเดียว แต่เราสามารถนำมันมาใช้เพื่อป้องกันตัวได้ด้วย (ถือว่าเป็นไอเดียที่ไม่เลวเลยนะ)   เอาล่ะลองไปชมคลิปการสาธิตศิลปะการต่อสู้ด้วยร่มของหนุ่ม Hiroaki Tanaka กันที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… การใช้ร่มคู่   การใช้ร่มคู่และร่มเดี่ยว…

ก็อย่างที่เราทราบกันเป็นอย่างดีว่า ตอนนี้โลกของเรานั้นกำลังเสพติดพลังงานจากฟอสซิลเป็นอย่างมาก ในที่นี้ก็คือน้ำมันและถ่านหินต่างๆ นั่นเอง และการใช้พลังงานจากสิ่งเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดมลพิษต่อโลกเป็นอย่างมาก แต่ก็มีความพยายามเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีกว่าเช่นกัน อย่างการใช้ Renewable energy หรือพลังงานหมุนเวียนที่ได้จากธรรมชาติรอบตัวเราและหามาใช้ได้เรื่อยๆ โดยไม่ก่อเกิดมลพิษเช่นพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานจากน้ำนั่นเอง ซึ่งวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็อยากจะพาเพื่อนๆ ไปพบกับ 3 เมืองในสหรัฐฯ ที่ใช้พลังงานหมุนเวียนแล้วแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ และอีก 7 เมืองที่วางแผนจะทำตามได้สำเร็จในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า มาดูกันเลยดีกว่า!!!   พลังงานหมุนเวียนต่างๆ เช่นพลังงานจากโซลาเซลล์   Aspen, Colorado ใช้พลังงานสะอาดแบบ 100 เปอร์เซ็นต์มาตั้งแต่ปี 2015 ตั้งแต่ราวๆ ปีก่อนแล้วที่เมืองเล็กๆ ประชากรราวๆ 6,658 คนแห่งนี้เป็นเมืองแห่งพลังงานสะอาด ส่วนมากพลังงานที่ได้นั้นมาจากกระแสลมและน้ำ เรียกได้ว่าเป็นเมืองลำดับที่ 3 ในประเทศสหรัฐฯ ที่สามารถใช้พลังงานสะอาดได้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์   Burlington, Vermont ใช้พลังงานสะอาดแบบ 100 เปอร์เซ็นต์มาตั้งแต่ปี 2014 Burlington…