Tag: เด็ก

ผู้หญิงนั้นเริ่มสนใจในความสวยความงามตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ แล้ว เพราะได้รับอิทธิพลจากสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทีวี โฆษณา การ์ตูน และตอนนี้ก็มีอินเตอร์เน็ตที่เข้าถึงได้ง่ายอีกด้วย และสิ่งที่จะมาแทนความงดงามที่เด็กสามารถจับต้องได้ก็คือตุ๊กตานั่นเอง เหมือนอย่างเด็กน้อย Emma วัย 10 ขวบจากเท็กซัสคนนี้ที่เธอได้รับตุ๊กตาที่เหมือนกับเธอ เนื่องจากเธอพิการขาข้างขวามาตั้งแต่กำเนิด เราไปชมคลิปความประทับใจนี้กันเลย ใครดูไม่ได้ เข้าไปดูที่นี่จ้า   A Step Ahead Prosthetics ได้ทำการเซอร์ไพรซ์เธอ ด้วยตุ๊กตาจาก The American Girl Doll ซึ่งทำออกมาเพื่อเป็นกำลังใจให้เธอ จนทำให้คนดูคลิปนี้มียอดวิวสูงถึง 25 ล้านวิวแล้ว   “นี่ล้อหนูเล่นใช่มั้ยเนี่ย มีขาเหมือนหนูเลย!!” คือคำพูดที่เด็กน้อยคนนี้พูดออกมาหลังจากได้เห็นตุ๊กตา แล้วก็หยิบมากอดทันที พร้อมทั้งน้ำตาแห่งความสุข เราเห็นแล้วก็มีความสุขตามไปด้วยเลย ที่มา distractify

วัยเด็กเป็นวัยที่ต้องการกำลังใจและแรงสนับสนุนเป็นอย่างมาก ในการทำสิ่งต่างๆ หรือแม้กระทั่งยามที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนคนอื่น เนื่องจากในวันที่ 1 มิถุนายนเป็นวันเด็กสากล ซึ่งทางตำรวจในประเทศอัลบาเนียจึงตัดสินใจที่จะทำเซอร์ไพรซ์เด็กๆ ด้วยการแต่งตัวเป็นซุปเปอร์ฮีโร่เหมือนที่เราดูในหนัง แล้วก็ออกไปหาเด็กๆ ที่โรงพยาบาล เพื่อให้กำลังใจเด็กเหล่านั้น   อีกทั้งการเปิดตัวก็ไม่ธรรมดาด้วย เพราะโรยตัวมาจากหลังคา เราไปชมภาพความประทับใจนี้กันเลย . . . . . . . . . .   แนะนำให้ดูคลิปด้วย อลังการงานสร้างมากๆ   ดูแล้วช่างเป็นตำรวจที่ใจดีจริงๆ ทุกคนดูรักเด็กมากๆ ที่มา boredpanda

กลายมาเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครอยากให้เกิด เพราะทางเลือกที่มีนั้นถูกบีบบังคับด้วยความจำเป็น จากกรณีที่มีเด็กตกลงไปในกรงลิงกอริลล่า Harambe ในสวนสัตว์ Cincinnati Zoo ผลสุดท้ายก็คือเจ้าหน้าที่ยิงตัดสินใจยิงกอริลล่า เพื่อการปกป้องชีวิตเด็กเอาไว้     เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป มีความคิดเห็นต่างๆ นานา เกี่ยวกับผู้ที่ควรรับผิดชอบกับชีวิตที่ต้องเสียไป บ้างก็ว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ ทำไมไม่ใช้ยาสลบ (กว่ายาสลบจะออกฤทธิ์ใช้เวลาประมาณ 10 นาที และไม่อาจรับรองได้ว่าลิงจะมีอาการดุร้ายตามมาด้วยหรือไม่) มีคลิปหลักฐานมากมายที่บ่งชี้ว่ากอริลล่าไม่ได้ทำร้าย แต่พยายามปกป้องเด็กต่างหาก อีกฝ่ายก็บอกว่าเป็นความผิดของผู้เป็นพ่อแม่ที่ปล่อยละเลยลูกของตัวเอง จนทำให้เกิดเรื่องอันน่าเศร้านี้     จนเรื่องใหญ่โตมากขึ้น กลุ่มแฮกเกอร์ Anonymous ได้ออกมาประกาศเข้าร่วมวงหาความยุติธรรมให้กับกอริลล่า Harambe ประกาศจุดยืนชัดเจนว่าแม่ของเด็ก Michelle Gregg ขาดคุณสมบัติของความเป็นแม่ ไม่สามารถดูแลลูกตัวเองได้ จึงเป็นต้นเหตุของความสูญเสียทั้งหมด และเริ่มปฏิบัติการ #OpHarambe     ทั้งนี้กลุ่มดังกล่าวอ้างตัวว่าเป็น Anonymous Ohio โดยออกมาเรียกร้องเพื่อให้มีการสอบสวนเกี่ยวกับกรณีนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งสวนสัตว์และตัวผู้เป็นแม่ที่ดูแลเด็ก เพราะจากคลิปวิดีโอหลักฐานอีกมุมหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่ากอริลล่ากำลังปกป้องเด็ก ไม่ใช่ทำร้ายเด็ก   คลิปแถลงปฏิบัติการ #OPHARAMBE     ทั้งนี้หากไม่มีการตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง…

เอาล่ะสิงานนี้ ท่าทางจะจบไม่สวยแล้วล่ะสำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเจ้าลิงกอริลล่าที่เสียชีวิตเพราะว่าเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ต้องตัดสินใจสังหารมันทิ้งเพราะว่ามีเด็กน้อยคนหนึ่งตกลงไปในกรงของมัน แน่นอนว่าชาวเน็ตกล่าวหาพ่อแม่ว่าเป็นต้นเหตุที่ไม่จับตาดูแลลูกของตัวเองให้ดี จนตกลงไปในกรงกอริลล่า ลองมาดูกันดีกว่าว่าพวกเขาจะแก้ต่างในเรื่องนี้กันอย่างไรบ้าง…   Deonne Dickerson และ Michelle Gregg พ่อ-แม่ ของเด็กน้อยที่ตกลงไปในกรง   พวกเขาถูกชาวเน็ตตั้งข้อหานี้หลังจากละเลยหน้าที่ความเป็นพ่อแม่ และไม่สามารถดูแลให้ลูกของตัวเองปลอดภัยระหว่างพาไปเที่ยวสวนสัตว์ได้ จนเหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดสิ่งที่สะเทือนใจคนทั้งโลกตามมา   Michelle Gregg แม่ของเจ้าหนูก็ได้โพสต์ลงในโซเชียลมีเดียของเธอว่า ‘อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ ขอขอบคุณทุกๆ คนที่ให้กำลังใจ’ รวมไปถึง ‘สังคมมักจะตัดสินไปแล้วว่าพ่อแม่ไม่ดูแลลูกให้ดี แต่ใครที่รู้จักฉันจะรู้ว่า ฉันเฝ้าดูลูกอย่างเข้มงวดตลอด’ และ ‘อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ๆ มาอยู่ถูกที่ถูกเวลาและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างดี’   เจ้า Harambe   แน่ล่ะว่าครอบครัวนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคมเลยทีเดียวในเรื่องความรับผิดชอบของพ่อแม่ อย่างไรก็ตามเราก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของความยุติธรรม กฎหมาย และการสืบสวนจากหลักฐานดีกว่า สุดท้ายแล้วพ่อแม่ย่อมเห็นความปลอดภัยของลูกๆ มาเป็นอันดับแรกเสมอ…แต่อาจจะไม่ทุกคนเท่านั้นเอง ที่มา: Metro

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้รายงานว่าเด็กชายยามาโตะ ทานูกะ วัย 7 ขวบ และครอบครัว ได้ขับรถเข้าไปในเขตป่าของชนบทแห่งหนึ่งในเขตฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เพื่อหาของป่ามากิน แต่เนื่องจากเด็กชายยามาโตะดื้อกับพวกเขา พ่อและแม่จึงหยุดรถลงกลางถนนอันเปล่าเปลี่ยว และสั่งให้เด็กชายลงไปจากรถของพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็ขับรถออกไปทิ้งให้ลูกอยู่กลางถนนคนเดียวเพื่อเป็นการทำโทษ แต่เมื่อขับรถกลับมาหาลูกชายอีกครั้ง เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย     ตามรายงานของสื่อท้องถิ่นบอกว่าคุณพ่อรู้สึกอับอายมากที่ต้องสารภาพความจริงว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพวกเขาลงโทษลูกชาย พวกเขาเลยจำเป็นจะต้องขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ออกตามหาลูกชายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา   ทางด้านโฆษกของตำรวจในฮอกไกโดได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าก่อนหน้านี้ผู้ปกครองได้ยืนยันว่าลูกชายหายตัวไปในระหว่างที่พวกเขาเดินกันอยู่ 3 คน แต่ความจริงก็ปรากฏเมื่อซักถามไปเรื่อยๆ ความจริงก็ปรากฏว่า… “พ่อแม่ทิ้งให้เด็กอยู่บนภูเขาคนเดียวเพื่อเป็นการลงโทษ”     เกาะแห่งนี้เป็นถิ่นที่อยู่ของหมีสีน้ำตาลสายพันธุ์อูซูริ ที่สามารถเติบโตได้ถึง 550 กิโลกรัม ในปี 1915 มีรายงานว่ามีชาวบ้านเสียชีวิตอีก 7 คน และอีก 3 คนบาดเจ็บสาหัสหลังถูกหมีสีน้ำตาลน้ำหนัก 380 กิโลเข้าโจมตีในหมู่บ้านนั้น ในช่วง 57 ปีที่ผ่านมา มีรายงานว่าเจ้าหมีสายพันธุ์นี้ได้ฆ่าผู้คนไปมากถึง 140 คนแล้ว   จะลงโทษลูกยังไงก็ขอให้อยู่ในขอบเขตด้วยนะ ถ้ามีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับลูกของเรา…

ในต่างประเทศจะมีวันหนึ่งที่รถเก็บขยะจะมาเก็บขยะที่ตั้งอยู่ตรงหน้าบ้านในหมู่บ้าน แต่สำหรับที่หมู่บ้านหนึ่งในฟลอริด้านั้น มีคนรอคอยการมาของพวกเขาแบบใจจดใจจ่อเลย หนูน้อยแฝดสาม Holden, Heaton, และ Wilder Reich รอคอยที่จะถึงวันอังคารและวันศุกร์ไม่ไหวแล้ว หนูน้อยทั้งสามวัย 2 ขวบนั้นออกไปรออยู่นอกบ้านเพื่อรอคนเก็บขยะ (วิศวกรสุขาภิบาล) เด็กๆ เรียกพวกเขาว่า มิสเตอร์ร็อบ และ มิสเตอร์แชด เมื่อรถของพวกเขามาถึง เหล่าแฝดสามก็ไปรอที่หน้าบ้านพร้อมกับน้ำหวาน   คุณนาย มาร์ธา แม่ของเด็กๆ ได้โพสต์คลิปนี้ลงในเฟซบุ๊ก ทำเอาชาวเน็ตดูแล้วยิ้มกันเลยทีเดียว เราไปชมกันเลยดีกว่า   คลิปนี้มีคนแชร์ไปมากกว่า 300,000 คน เด็กๆ ต่างดีใจที่ทั้งสองเล่นด้วยตลอดเวลาทีได้เจอ เด็กๆ มักจะช่วยพวกเขาในการเก็บขยะใส่ในรถ และพวกเขาก็ไม่เคยบ่นเลย ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นและทำให้เรายิ้มได้ ที่มา distractify

ในสถานการณ์ที่คับขันอย่างเช่นเจอโจรปล้น น้อยคนนักที่จะกล้าออกมาสู้ เพราะใครๆ ต่างก็กลัวโจรผู้ร้ายกันทั้งนั้น เราไม่รู้ว่ามันมีอาวุธรึเปล่า มันจะฆ่าคนรึเปล่า สิ่งที่เราพอจะทำได้ก็คือการทำตามพวกมันและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่สำหรับหนูน้อยผู้รักความถูกต้องคนนี้กลับไม่คิดอย่างนั้น…     เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณสามทุ่ม ได้มีคนร้านสองคนพร้อมอาวุธปืนบุกเข้าจี้ร้านขายเกม GameStop ที่ตั้งอยู่ในเมือง Silver Spring คนร้ายคนหนึ่งพยายามขู่ลูกค้าให้อยู่ในอาการสงบ แต่แล้วก็มีเด็กน้อยคนหนึ่งที่ไม่ยอมแพ้กับความอยุติธรรม ทำการสู้กับคนร้ายจนทำให้ผู้ร้ายถอยไปนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็มีคนร้ายอีกคนหนึ่งไปขู่พนักงานพร้อมกับเอาเงินไปได้ ก่อนที่ทั้งคู่จะหลบหนีออกไปทางประตูหน้า     ตอนนี้ตำรวจกำลังสืบหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่งานนี้ต้องให้ใจกับเด็กน้อยคนนี้เลย ที่กล้าสู้กับคนร้ายได้แบบไม่มีความเกรงกลัว ที่มา mcpdmedia

เชื่อว่าหลายคนตอนเด็กๆ ต้องมีอารมณ์ไม่อยากไปโรงเรียน แม้ว่าจะมีรถโดยสารมารับถึงหน้าบ้านก็ไม่ได้ทำให้ความอยากไปโรงเรียนเพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย ผิดกับนักเรียนจากหมู่บ้านห่างไกลแห่งนี้ ที่แม้พวกเขาต้องปีนหน้าผาสูงกว่า 800 เมตร พวกเขาก็ไม่ย่อท้อในการไปโรงเรียนแม้แต่น้อย เรื่องราวดังกล่าวเป็นของเด็กๆ หมู่บ้านอาตูเล่อเอ๋อ เขตปกครองตนเองเหลียงชานอี้ มณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน     ด้วยความที่หมู่บ้านของพวกเขาตั้งอยู่ในหุบเขาอันห่างไกล ทำให้ในทุกๆ วัน พวกเขาต้องปีนหน้าผาที่สูงกว่า 800 เมตรที่มีเพียงบันไดลิงง่ายๆ ให้พวกเขายึดเกาะเท่านั้น เพื่อไปยังโรงเรียนที่ตั้งอยู่อีกฝั่งของภูเขา แน่นอน นั่นหมายถึงต้องปีนกลับด้วย   .   โดยทุกวันๆ จะมีผู้ใหญ่ประมาณ 2-3 คนมาช่วยเป็นคนนำทาง แต่อย่างไรก็ตามด้วยจำนานเด็กเกือบๆ 20 คน ทำให้ทั้งหมดก็ต้องช่วยเหลือกันเองเท่าที่จะทำได้ และเน่องจากไม่มีอุปกรณ์ความปลอดภัย ประกอบกับหน้าผาที่สูงชัน เส้นทางนี้เคยมีคนผลัดตกลงมาเสียชีวิตถึง 8 คนแล้ว ทำให้หลายๆ บ้านตัดสินใจไม่ส่งลูกไปโรงเรียน   .   แม้ทางหมู่บ้านจะเคยเสนอเรื่องให้ทางการทำถนนให้ แต่ด้วยจำนวนผู้อยู่อาศัยแค่ 72 หลังคาเรือน ทำให้ทางการไม่สามารถอนุมัติงบประมาณเกือบๆ 300 ล้านบาทเพื่อทำให้ถนนให้ได้จริงๆ แม้ทางการจะเคยยื่นข้อเสนอให้ประชากรในหมู่บ้านย้ายออกมายังภายนอก แต่พวกเขาก็ประสบปัญหาไม่มีที่ทำกินอยู่ดี…

เป็นที่แน่นอนว่าเพื่อนๆ หลายคนที่เป็นพ่อเป็นแม่คนนั้นมักจะชอบถ่ายคลิปหรือรูปของลูกตัวในขณะที่ยังแบเบาะโพสท์ลงโซเชียลมากมาย ซึ่งทุกคนก็มองว่ามันเป็นเรื่องปกติใช่มั้ยล่ะ!?   แต่ในประเทศฝรั่งเศสหากพ่อแม่แชร์ภาพของลูกตัวเองลงบนโซเชียลมีเดียอาจถูกลูกตัวเองฟ้องร้องเมื่อโตขึ้น ในข้อหาละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวในวัยเด็กโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจต้องจ่ายค่าปรับสูงถึง 1,800,000 บาทเลยทีเดียว   นักวิชาการคาดว่า ในอนาคตเด็กๆ จะเริ่มตระหนักว่าเรื่องราวชีวิตของพวกเขาตั้งแต่เด็กนั้นถูกเผยแพร่สู่โลกอินเตอร์เน็ต ซึ่งทำให้พวกเขาสูญเสียความเป็นส่วนตัวไป   และการวิจัยของมหาวิทยาลัย Michigan พบว่า เด็กอายุ 10-17 ปีมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการที่ผู้ปกครองแชร์เรื่องของพวกเขาในขณะที่แบเบาะลงบนโลกโซเชียล แต่ถึงอย่างไรก็ตามพ่อแม่ทั้งหลายก็ควรระมัดระวัง และเข้าใจไว้ว่า ข้อมูลที่อัพลงบนโซเชียลมีเดียนั้นเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของลูกๆ ของคุณ   เพราะอาจมีคนนำข้อมูลเหล่านี้ไปทำการสวมรอยเป็นลูกของคุณทำให้เกิดความเสียหายตามมา หรือเปิดช่องให้ลูกของคุณถูกล้อเลียนให้เกิดความอับอายด้วยข้อมูลดังกล่าว   เห็นแบบนี้แล้วก็ระวังกันด้วยนะจ๊ะเหล่าพ่อแม่ทั้งหลาย เพราะข้อมูลต่างๆ ที่อัพลงบนโซเชียลนั้นสามารถสร้างภัยอันตรายให้กับลูกๆ ของคุณได้อย่างดายเลยทีเดียว ที่มา : theguardian

หลายคนชอบมองว่าตัวเองไม่มีความสามารถพอที่จะทำอะไรยากๆ ได้ และล้มเลิกความพยายามนั้นไปโดยที่ยังไม่ได้เริ่มทำ วันนี้ #เหมียวสามสี มีเรื่องราวที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจมาฝากเพื่อนๆ หนูน้อย Anaya Ellick วัยเพียง 7 ขวบ แต่เธอมีหัวใจที่แข็งแรงและดีเยี่ยม เนื่องจากว่าเธอเกิดมาไม่มีมือ แต่เธอพิสูจน์ให้เห็นด้วยการเข้าประกวดคัดลายมือพร้อมคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ ทำเอาหลายๆ คนชื่นชมในตัวเธอมาก โดยเฉพาะครอบครัว ความสามารถของเธอนั้นมาจากใจล้วนๆ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีมือ แต่เวลาที่เธอคิดว่าจะทำอะไร เธอจะลองมือทำทันที ถึงแม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม   เธอและถ้วยรางวัลจากการประกวดคัดลายมือ   และนี่ก็คือลายมือของเธอ ต้องบอกเลยว่าสวยงามมากๆ   พลังใจสามารถเอาชนะทุกอย่างได้จริงๆ     คลิปนี้ก็เรื่องราวของเธอและแม่ เล่าเรื่องราวการฝึกเขียน เห็นได้ชัดเลยว่าเธอใช้ความพยายามอย่างมาก และผลที่ได้ก็ออกมาดีด้วย   หวังว่าเรื่องราวนี้จะช่วยให้หลายคนลุกขึ้นไปทำสิ่งที่คิดว่าตัวเองทำไม่ได้นะจ๊ะ ว่าแล้วก็ลงมือทำกันเลย!! ที่มา The Virginian-Pilot, People

นี่เป็นเรื่องราวชวนให้สะเทือนใจของเด็กชาย Vinny Desautels วัย 7 ขวบ จากรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่อดทนไว้ผมยาวมานาน 2 ปี เพื่อนำเอาเส้นผมของเขาไปบริจาคทำเป็นวิกเพื่อช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยโรคมะเร็ง     หลังจากผ่านไป 2 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่เขาเริ่มไว้ผมยาว เขาสามารถไว้ผมได้ยาวถึง 13 นิ้ว เลยทีเดียว แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับเขา เพราะหลังจากที่เขาตัดผมเอาไปทำวิกได้ไม่นาน กลับกลายเป็นว่า Vinny ป่วยเป็นโรคมะเร็งเสียเอง     พ่อแม่ของ Vinny ได้นำตัวลูกชายส่งโรงพยาบาลทันทีที่รุ้เรื่อง เพื่อให้หมอดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชาย จากการตรวจพบว่าเขาเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายแล้ว เขามีก้อนเนื้อเจริญเติบโตที่รอบๆ สะโพก, ที่กระดูกรอบๆ ดวงตาและแก้มด้านขวา     ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจพอสมควรที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเด็กที่มีจิตใจดีแบบนี้ แต่พ่อกับแม่ของเขาก็ยังคงภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้ และดีใจที่เขาเกิดมาเป็นลูกของพวกเขา     ทั้งนี้ทางด้าน Sue และ Ron ผู้เป็นย่าและปู่ของ Vinny ได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของหลายชายผู้นี้ จึงได้ขอเรี่ยไรเงินค่ารักษาพยาบาลผ่านเว็บไซต์ GoFundMe เพื่อนำไปจ่ายค่ารักษาแสนแพงในทุกๆ วัน   พร้อมกันนี้ยังมีข้อความบรรยายในเว็บไซต์ด้วยว่า “หลานชายของพวกเราเป็นสิ่งล้ำค่ามาก เขาต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายแบบที่เด็กคนหนึ่งไม่ควรเจอ”     นี่คือภาพของเจ้าหนู Vinny ขณะนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล…

กลายเป็นเรื่องราวที่สะเทือนขวัญคนทั้งประเทศจีนเลยทีเดียว หลังจากมีข่าวว่า มีเด็กออทิสติกคนหนึ่งถูกบังคับให้เดินกลางแดดกว่า 19 กิโลเมตรจนเสียชีวิตคาที่ โดยทางสถานบำบัดอ้างว่าเป็นหนึ่งในกระบวนการรักษา เรื่องราวเกิดขึ้นที่เมืองกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เมื่อนาง Zhang Wei ได้รับแจ้งจากสถาบำบัดโรคออทิสติกว่า ลูกชายของเธอ Jiajia เสียชีวิตแล้วและให้มารับศพกลับไป     เธอเล่าว่าเมื่อเธอได้เห็นศพของลูกชาย เธอแทบช็อคไปเลย เพราะลูกชายของเธอทั้งผอม ทั้งเกรียมแดด และมีรอยถลอกทั่วร่างกาย วันที่ลูกชายของเธอเสียชีวิตนั้น เขาถูกบังคับให้ใส่เสื้อหนาๆ แล้วถูกบังคับให้เดินกว่า 10 กิโลเมตรหลังจากทานอาหารเช้า และกลับมาพักให้ทานอาหารเที่ยง และให้ออกไปเดินอีก 9 กิโลเมตร     การฝึกเช่นนี้เป็นสิ่งที่สถานบำบัดโรคออทิสติกเอกชนแห่งหนึ่งชื่อว่า Tiandao Zhengqi ที่เป็นประจำ พวกเขาเชื่อว่าโรคออทิสติกเกิดขึ้นจากความขี้เกียจและความสปอยด์ในการเลี้ยงดูของพ่อแม่ พวกเขาบอกว่าการจะรักษาโรคออทิสติก ต้องให้เด็กๆ ฝึกฝนร่างกายอย่างหนัก อย่างเช่นการบังคับให้เดินวันละ 10 ถึง 20 กิโลเมตร และมีการจำกัดปริมาณอาหารที่เด็กรับประทานในแต่ละมื้ออีกด้วย     ครอบครัวของ Zhang Wei มาจากทางตอนเหนือของมณฑลเหลียวหนิง เธอเล่าว่า Jiajia มีพัฒนาการค่อนข้างช้า และมักปฏิบัติการสื่อสารกับผู้อื่น…

ก็เรียกได้ว่าเป็นอุทาหรณ์สอนใจเพื่อนๆ โดยเฉพาะคนที่ชอบถ่ายภาพเซลฟี่กับอะไรแปลกๆ ต้องระวังกันเลยนะจ๊ะ ช่วงนี้ก็มีข่าวคราวเกี่ยวกับการเสียชีวิตขณะถ่ายภาพเซลฟี่เยอะมากมายเหลือเกินนนนนน Ramandeep Singh วัย 15 ปีจาก Shiv Nagar ประเทศอินเดีย ที่ปืนดันลั่นเข้าหัวของตัวเองหลังจากพยายามถ่ายภาพเซลฟี่คู่กับปืนพก .32 Bore revolver แต่เกิดอุบัติเหตุปืนลั่นเข้าที่ขมับของเขาเข้าให้ ทำให้บาดเจ็บอย่างสาหัส   ปืนพก .32 Bore revolver   เด็กชายผู้โชคร้าย Ramandeep Singh   สำหรับปืนพกที่ว่าก็เป็นของพ่อของเจ้าหนุ่ม ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นั้นก็ได้นำเขาไปส่งที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน สำหรับตอนนี้ก็ยังไม่ทราบสถานการณ์ของเจ้าหนู เพราะอาการบาดเจ็บค่อนข้างรุนแรงอย่างมาก ในปัจจุบันก็มีข่าวคราวเกี่ยวกับผู้ที่เสียชีวิตจากการเซลฟี่อย่างหนาหูขึ้น โดยเฉพาะประเทศอินเดียที่มาในอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ จนบางพื้นที่ต้องออกกฏห้ามการเซลฟี่กันเลยทีเดียว   ก็อยากจะให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้เพื่อนๆ ที่ชอบถ่ายภาพเซลฟี่ด้วยนะจ๊ะ อย่าไปทำอะไรแปลกๆ พิเรนทร์ๆ กันล่ะ #จ่าสิบเหมียว เป็นห่วง ที่มา: Metro

ในช่วงอายุย่างเข้าสู่วัยรุ่นของเรากำลังทำอะไรกันอยู่นะ ก็คงจะมีแต่ประสบการณ์เล่นๆ นอนๆ ตลอดทั้งวันแหงๆ ไม่เคยพบกับเหตุการณ์ชวนระทึกอย่างหนุ่มน้อยคนนี้แน่ๆ     Chris Gaither วัย 11 ปี ได้กระทำในสิ่งที่หลายคนไม่คาดคิดว่าเด็กวัยนี้จะทำได้ เหตุเกิดที่ Talladega, Alabama สหรัฐอเมริกา อันเนื่องมาจากในช่วงนั้นเขาอยู่บ้านคนเดียว และได้ยินเสียงใครบางคนแอบเข้ามาในบ้าน มั่นใจได้เลยว่าต้องเป็นขโมยแน่ๆ     Chris จึงตัดสินใจคว้าปืนขนาด 9 มม. บรรจุกระสุน 12 นัด ติดตัวออกไปเผชิญหน้ากับโจร เมื่อเจอหน้ากันแล้ว พยายามขู่ฆ่าแต่ดันเจอ Chris เล็งปืนใส่ จึงกลายเป็นเลือกที่จะหลบหนีแทน       เจ้าหัวขโมยดันนำตะกร้าขนาดใหญ่พร้อมของที่ขโมยมาติดตัวไปด้วย Chris ก็วิ่งไล่เพื่อเอาของคืน ยิงปืนสกัดทั้งสิ้น 12 นัด จนในที่สุดก็โดนขาของขโมย ร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดราวกับเป็นเด็กในร่างผู้ใหญ่กันเลยทีเดียว อะไรจะใจเด็ดขนาดนั้นล่ะเนี่ย ที่มา : wate, theladbible, wvtm13

กลายเป็นเรื่องราวดราม่าขึ้นมาในต่างชาติเมื่อ มีชาวเน็ตได้ทำการถ่ายรูปของเด็กสาวที่กำลังซ้อนท้ายบนรถบิ๊กไบค์พร้อมสะพายกระเป๋า คาดว่ากำลังกลับจากโรงเรียน หลังจากนั้นก็ได้นำรูปภาพนี้ไปโพสท์ลงในโซเชียล จนทำให้ชาวเน็ตหลายคนต่างออกมาแสดงความคิดเห็น ไปในเชิงต่อว่าผู้ปกครองของเด็ก     ผู้หญิงในรูปข้างบนก็คือ Mallory Torres คุณแม่ลูก 3 อาศัยอยู่ในรัฐ Texas เธอเล่าว่าสามีของตน John Hays นั้นมีประสบการณ์ในการขับขี่บิ๊กไบค์มากว่า 20 ปีแล้ว และเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานั้นเขาได้เริ่มพาลูกสาวตัวน้อย Mackenzie วัย 7 ขวบ ซ้อนท้ายไปด้วย     ซึ่งทาง Heys พ่อของเด็กหญิง Mackenzie ก็ได้เล่าเพิ่มเติมอีกว่า เธอชอบมันมากๆ เลย แถมยังขอร้องให้พาไปด้วยทุกครั้งที่เขาจะขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปไหนต่อไหน เขายังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อเขาพาลูกสาวตัวน้อยซ้อนท้าย เขาจะคอยระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยให้มากขึ้นกว่าเดิม และมีการพูดคุยกันอย่างเข้มงวดก่อนที่จะพาเธออกไปไหนด้วย   มีชาวเน็ตมากมายที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นบนภาพที่ถูกอัพลงบนโซเชียล… โดยส่วนมากจะไปในทิศทางที่ต่อว่าผู้ปกครองที่ให้ลูกมาเสี่ยงอันตรายแบบนี้ได้ไง เป็นเราเราจะไม่ทำแบบนี้แน่ เพราะเรารักลูกของเรา ที่เราทำได้ก็เพียงแค่สวดภาวนาให้เด็กปลอดภัยแค่นั้นเอง   จากนั้น Mallory Torres คุณแม่ของหนู Mackenzie ก็เลยออกมาตอบโต้เหล่าชาวเน็ตที่ออกมาต่อว่าเธอทั้งหลายกลับไป… เนื้อหาโพสท์แปลได้คร่าวๆ ว่า “ฉันไม่ต้องการที่จะกีดกันให้ลูกของฉันทำในสิ่งที่ชอบเพียงเพราะ ‘ความกลัว’ ในโลกนี้มีพ่อแม่มากมายหลากหลายแบบ…

กลายเป็นประเด็นร้อนอยู่สื่อสังคมออนไลน์ของไต้หวันอยู่ในขณะนี้เลย สำหรับภาพหลุดของเหล่าเด็กๆ วัยอนุบาลจากโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่กำลังเลียครีมจากแก้มของนักเรียนหญิงและยังมีภาพที่เด็กๆ ส่งลูกเชอร์รี่ให้กันด้วยปาก จนเกิดความสงสัยว่านี่มันคือกิจกรรมอะไรกันแน่!?     เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยแพร่ภาพถ่ายของเด็กๆ ชั้นอนุบาลจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองจางฮั่ว ของไต้หวัน ที่กำลังจัดงานเลี้ยงวัยเกิดให้กับเพื่อนร่วมคนหนึ่ง แต่ในระหว่างจัดกิจกรรมกลับเกิดภาพอื้อฉาวเกิดขึ้น     เมื่อมีภาพหลุดออกมาว่าเด็กผู้ชายกำลังเลียครีมที่แก้มของเด็กผู้หญิง และภาพที่เด็กๆ กำลังส่งลูกเชอร์รี่ให้กันด้วยปากคล้ายกับการจูบ นอกจากนี้ยังมีภาพที่กลุ่มเด็กหญิงทาลิปสติกรุมหอมแก้มเด็กผู้ชายจนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยจูบ       หลังจากที่ภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้านลบออกมาอย่างมากมาย และยังสร้างความกังวลใจให้แก่ผู้ปกครองเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับเด็กๆ     แต่ทางโรงเรียนก็ออกมาแสดงความเสียใจและกล่าวขอโทษในที่สุดและบอกว่าพวกเขาพยายามจะ “ให้ความรู้” เรื่องเพศศึกษาแก่เด็กๆ เท่านั้นเอง       ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย   เรื่องเพศศึกษาอาจจะเป็นเรื่องที่ควรจะสอนกัน แต่#เหมียวฟิ้นว่าให้เด็กๆ เขาโตอีกหน่อยแล้วค่อยสอนก็ได้นะ ที่มา shanghaiist , TVBS NEWS

เป็นเวลาหลายเดือนเลย กว่าที่เด็กน้อยคนนึงจะยิ้มออกมาได้ เหมือนอย่างหนูน้อยคนนี้ที่อายุเพียงแค่ 4 เดือน แต่เราสามารถเห็นรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ได้จากความรู้สึกที่แท้จริง Leopold Wilbur Reppond หนูน้อยจากเมือง Seattle ต้องทนกับภาวะ Oculocutaneous albinism ทำให้ผิวและตาขาดเม็ดสี หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือมีผิวเผือกนั่นเอง นั่นส่งผลให้หนูน้อยคนนี้ไม่สามารถมองอะไรเห็นได้เหมือนคนปกติ รวมถึงพ่อและแม่ของเขาด้วย ทำได้แค่เพียงสัมผัสเท่านั้น เพื่อให้จดจำได้ว่าพ่อมีหนวด หรือหน้าของแม่เป็นอย่างไร งานนี้ต้องขอบคุณนวัตกรรมแว่นตาจาก Miraflex ที่ทำให้หนูน้อยกลับมามองเห็นอีกครั้งหนึ่ง และช่วงเวลาที่ได้มองเห็นแม่ชัดๆ นั้นมันก็ทำให้เราปลื้มปริ่ม ไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบายเลย บวกกับรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาแล้ว เป็นอะไรที่ประทับใจสุดๆ       และนี่คือคลิปตอนที่หนูน้อยใส่แว่น เป็นอะไรที่น่าจดจำจริงๆ   ที่มา boredpanda

นี่คือเรื่องราวอันน่าประทับใจ ชายคนหนึ่งชื่อว่า David Douglas รูปร่างสูงใหญ่ กล้ามเป็นมัดๆ เขาสูงเกือบ 190 ซม. น้ำหนัก 150 ดูจากภายนอกดูเป็นคนที่น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก เพราะฉายาของเขาคือ “อสูร” แต่ทุกคนก็ต้องมองเขาใหม่ เมื่อเขาได้พบกับเด็กน้อยวัย 12 ปี ทำให้เค้าได้รู้ความหมายของคำว่า “แข็งแกร่ง” ที่แท้จริง   Lindsay เธอประสบกับโรคที่เกิดขึ้นยากชื่อว่า Progeria ทำให้ร่ายกายดูแก่เร็วไป 8-10 เท่า นั่นทำให้เธอมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 13 ปีเท่านั้น “คุณไม่รู้หรอกว่าเธอต้องต่อสู้กับบางอย่างหนักมาก นั่นทำให้เธอต้องยิ้มไงล่ะ” David กล่าว   เขาทั้งคู่ได้เจอกันในปี 2013 ในกิจกรรมที่สถานเพาะกายชื่อว่า Relentless แล้วทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนกันตั้งแต่นั้นมา “Lindsay เหมือนเป็นน้อยสาวของผมตั้งแต่วันนั้น ผมก็บรรยายไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกยังไงกับเธอ เธอดึงผมออกจากสิ่งที่ทำให้ผมเป็นทุกข์ เวลาที่ผมคิดถึงเธอ นั่นถือเป็นของขวัญที่ทรงคุณค่า”   และนี่คือภาพอันน่าประทับใจของพวกเขาทั้งคู่ ขอให้เป็นเพื่อนรักกันไปจนวาระสุดท้ายของชีวิตเธอเลยนะ…. ที่มา  A Plus

บอกเลยว่าคลิปนี้อาจจะทำให้หลายคนยิ้มคนแก้มปริพร้อมกับกับอยากมีลูกขึ้นมาทันที เพราะว่ามันน่ารักจนไม่สามารถต้านทานไหว คนเรามีวิธีกล่อมลูกน้อยให้นอนหลับหลากหลายวิธี เช่นการอ่านนิทานให้ลูกฟัง ตบก้นเบาๆ หรือจะฮัมเพลงก่อนนอนให้ลูกฟังก็ยังได้ แต่สำหรับ BeardedPiano คุณพ่อนักเปียโนคนนี้เขามีวิธีทำให้ลูกน้อยนอนหลับได้อย่างรวดเร็วด้วยการเล่นเปียโนให้ฟัง เพลงกล่องเด็กของ Brahms นั้นเป็นเพลงที่หลายคนใช้ในการกล่อม เขาก็เลยเลือกเพลงนี้มาเล่นให้ลูกน้อย Sam ฟัง เมื่อหนูน้อยเริ่มได้ยินเท่านั้นแหละ เกิดอาการทันที   พอเล่นไปได้สักพัก หนูน้อยก็หลับไปอย่างรวดเร็ว ถือเป็นคลิปที่น่ารักมากๆ   เราไปชมความน่ารักของพ่อลูกคู่นี้กันเลยจ้า   เชื่อเหมียวรึยังว่าดูคลิปนี้แล้วอยากมีลูกขึ้นมาทันที แต่ตอนนี้ขอไปฝึกเปียโนแป๊บ ที่มา BeardedPiano

กลายเป็นวีดีโอที่โด่งดังที่สุดไปในชั่วข้ามคืนจริงๆ สำหรับคลิปเด็กทารกกรีดร้องสุดสยอง ที่มียอดวิวกว่าสองล้านครั้ง ก่อนจะถูกลบไป จนกลายเป็นที่ถกเถียงของชาวเน็ต ว่าเป็นเรื่องจริง หรือว่าเป็นแค่คลิปจัดฉาก คลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่นำมาจากกล้องวงจรปิดในห้องของเด็กทารกของบ้านหลังหนึ่ง ในคลิปเราจะได้เห็นเด็กคนหนึ่งชื่อว่า Connor กำลังร้องไห้ จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ร้องดังขึ้นพร้อมลุกขึ้นมา แล้วปีนขึ้นมาบนขอบเตียง แล้วกรีดร้องสุดเสียง ก่อนจะตกลงไปบนเตียงอย่างปลอดภัย ดูแล้วเป็นที่น่าสยองขวัญเป็นอย่างยิ่ง     ลองไปชมคลิปกันดีกว่า (ต้นฉบับถูกลบไปแล้ว คลิปนี้เป็นคลิปที่ถูกอัพโหลดขึ้นมาใหม่)     ความเห็นของชาวเน็ตก็แตกออกเป็นหลายส่วนอย่างชัดเจน บางคนก็บอกว่าอาจเป็นตัวอย่างหนังอะไรหรือเปล่า บางคนก็บอกว่าจัดฉากเห็นๆ แต่บางคนก็บอกว่าต้องเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติแน่นอน เพราะเด็กทารกคงไม่สามารถทรงตัวบนคานเล็กๆ แบบนั้นได้       โอ้โห ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือว่าจัดฉาก แต่คลิปนี้ทำให้ #เหมียวอ๊อดโด้ สยองจนขนหัวลุกจริงๆ แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดยังไงบ้าง ลองแสดงความเห็นกันเข้ามานะฮะ ที่มา Dailymail

ถ้าใครยังจำได้ เมื่อเดินที่แล้วได้มีข่าวสุดน่าสลด เมื่อ Anja Ringgren Lovén ผู้ก่อตั้ง African Children’s Aid Education and Development Foundation ที่ทำงานช่วยเหลือเด็กๆ ในแอฟริกาได้ไปพบเจอเด็กชาวไนจีเรียคนหนึ่งที่ถูกพ่อแม่กล่าวหาว่าเป็นพ่อมด และถูกรังแกจากชาวบ้าน เด็กคนนี้ถูกทิ้งไว้ข้างถนนเป็นเวลากว่า 8 เดือนในสภาพที่อดอยาก ร่างกายผอมเนื่องจากไม่ค่อยได้กินอาหาร หลังจาก Anja รับไปเลี้ยงแล้ว เธอก็ดูแลหนูน้อยคนนี้ และเข้ากับลูกๆ ของเธอเป็นอย่างดีด้วย เด็กๆ เล่นด้วยกัน เรียนด้วยกัน และตอนนี้ก็มีสุขภาพที่ดี ต่างจากเมื่อก่อนแล้ว   และนี่ก็คือภาพของเด็กน้อยหลังจากดูแลมาเป็นเวลา 8 สัปดาห์ และตั้งชื่อว่า Hope ที่แปลว่าความหวัง   ตอนนี้ Hope มีความสุขมากกับพี่น้องใหม่ๆ ทั้ง 35 คน ที่ถูกรับเลี้ยงมาเหมือนกัน   ถือเป็นเรื่องราวที่เศร้าแต่ก็จบลงด้วยดี ไม่น่าเชื่อว่าปัจจุบันยังมีคนเชื่อเรื่องแบบนี้อยู่ ถึงขั้นทำลายชีวิตคนคนหนึ่งได้เลย โชคยังดีที่เด็กปลอดภัยแล้ว ที่มา boredpanda

การปล่อยให้เด็กอยู่คนเดียวนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะพวกเขายังไม่มีวิจารณญาณเท่าไหร ทำให้บางทีก็เกิดเรื่องอันตรายขึ้นได้ อย่างเช่นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศจีนครั้งนี้ เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเด็กชายวัย 5 ปีจากมลฑลเจ้อเจียง เดินทางไปงานแต่งงานกับพ่อแม่ที่เมืองเฟ่งหัว ระว่างที่พ่อแม่กำลังคุยกับแขกเหรื่อในงานนั้น เด็กน้อยก็สังเกตเห็นข้อต่อท่อประปาอันหนึ่งวางอยู่ เขาหยิบขึ้นมาเล่น พอเล่นๆ ไปนึกครึ้มยังไงไม่ทราบ เขาก็หยิบขึ้นมาสวมหัวราวกับว่ามันเป็นหมวกเก๋ๆ ใบหนึ่ง แต่ผิดเพียงอย่างเดียวคือ มันถอดออกไม่ได้…     สุดท้ายพ่อแม่ต้องไปตามหน่วยกู้ภัยในเมืองมาช่วยแงะเด็กออกมาจากข้อต่อท่อประปาอันนี้ ซึ่งพวกเขาต้องใช้อุปกรณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นคีมตัดเหล็กขนาดยักษ์ เลื่อยไฟฟ้า และอื่นๆ อีกมากมาย กว่าจะช่วยเด็กคนนี้ออกมาได้     ก่อนเจ้าหน้าที่จะจากไป ได้ฝากเตือนไปยังพ่อแม่ทุกคนว่า อย่าปล่อยให้เด็กพ้นหูพ้นตา ไม่งั้นอาจเจอเรื่องเดือดร้อนแบบนี้และมันอาจไม่โชคดีแบบนี้ก็ได้!!     เด็กก็คือเด็กอยู่วันยังค่ำ ยังไงถ้าบ้านไหนมีเด็กอยู่ ก็อย่าลืมสอดส่องระมัดระวังหน่อยนะฮะ จะได้ไม่เกิดอะไรแบบนี้ขึ้น ที่มา Shanghaiist

วีดีโอที่ #เหมียวอ๊อดโด้ นำมาเพื่อนๆ ชมวันนี้ เชื่อว่าหลายๆ คนคงคิดเหมือนกันว่า หากไม่ใช่เด็กนักเรียนญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องระเบียบวินัยและความสามัคคีแล้ว คงไม่มีเด็กจากประเทศไหนทำได้อย่างแน่นอน อย่างที่เราทราบกันดีว่า เมื่อถึงช่วงงานกีฬาประจำปีหรืองานสปอร์ตเดย์ของโรงเรียนในญี่ปุ่น ทั้งนักเรียนและครูบาอาจารย์ต่างต้องทุ่มเทกับงานนี้ บางทีต้องซ้อมกันวันละสามสี่ชั่วโมงเป็นเวลาเกือบเดือน เพื่องานๆ เดียว     อย่างเช่นเด็กๆ ชั้นประถมในชมรมกระโดดเชือกแห่งเมืองฟูจิ ในเขตชิสึโอกะกลุ่มนี้ พวกเขาใช้เวลาปีสุดท้ายในชั้นประถม ฝึกซ้อมการกระโดดเชือกครั้งนี้ เพราะพวกเขารู้ว่าหลังจากที่เขาขึ้นชั้นมัธยม พวกเขาจะไม่ได้เจอเพื่อนๆ กลุ่มนี้อีกแล้ว หลายคนอาจมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดูไร้สาระ แต่สำหรับสังคมญี่ปุ่นนั้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะการทำอะไรเจ๋งๆ ในงานกีฬา ถือว่าเป็นการแสดงความเป็นผู้นำอย่างหนึ่ง ซึ่งจะทำให้เกิดคำที่เรียกว่า “เซมไป” (รุ่นพี่) และ “โคไฮ” (รุ่นน้อง)   ว่าแล้วก็ไปชมการกระโดดเชือกของพวกเขากันดีกว่า บอกได้คำเดียวว่า เจ๋งสุดๆ สมกับการทุ่มเทเลยล่ะ   いよいよ、今年度担当させていただき、かっとび王にチャレンジした6年生が卒業します(^-^) 今年も本当に幸せな一年でした！ 明日の卒業を前に、卒業プロジェクトの『ラストかっとび』を先日行いました。 昨年10月31日の決勝から、最近行ったちょっとの練習で、しかも、あの時のレベルで、目指せ4セット！いい目標だ！ さぁ〜感動のフィナーレなるかぁ( ´ ▽ ` )ﾉ โพสต์โดย 富士市なわとび協会∞ บน 18 มีนาคม…

หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวของสถานีรถไฟ Kyu-Shirataki Station ในประเทศญี่ปุ่น ที่เปิดบริการไว้แม้ว่าจะมีคนใช้เพียงคนเดียว นั่นก็คือเด็กนักเรียนหญิงที่ต้องใช้สถานีรถไฟแห่งนี้ในการเดินทางไปโรงเรียนนั่นเอง ทาง JR ฮอกไกโดประกาศว่าจะยุบสถานีที่ไม่มีผู้ใช้บริการไปภายในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่ด้วยเสียงจากประชาชน ทำให้ JR ฮอกไกโดประกาศขยายเวลาให้สถานี Kyu-Shirataki อยู่ต่อไปจนกว่านักเรียนคนนี้จะเรียนจนจบ หลังจากที่ข่าวนี้แพร่ออกไป ทำให้คนสนใจเป็นจำนวนมาก จนทำให้สถานีรถไฟที่กำลังจะปิดตัวลงนี้ ถูกรบกวนโดยผู้คนเป็นจำนวนมาก จนต้องมีการรณรงค์ให้คนหยุดไปรบกวน   และในที่สุดสถานีแห่งนี้ก็ได้ปิดตัวลงเรียบร้อยในวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นระยะเวลากว่า 69 ปีแล้ว ในวันสุดท้ายที่เปิดให้บริการนั้นก็ได้เปิดให้คนมาเยี่ยมชม มีคนมารอขึ้นรถไฟเที่ยวสุดท้ายนี้เพื่อเป็นการเคารพต่อความรับผิดชอบในการทำงานเพื่อคนคนเดียว   ถือเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจเกี่ยวกับการบริการสังคมของรถไฟญี่ปุ่นจริงๆ ที่มา rocketnews24

โดยปกติแล้วสูบบุหรี่ในรถถือเป็นเรื่องเสรีที่ใครก็สามารถทำได้ เพราะเป็นที่สาธารณะ ซึ่งปกติแล้วคนสูบบุหรี่ก็มักจะเปิดกระจกสูบเพื่อไม่ให้ควันมันอบอยู่ในรถ แต่ถ้าตอนนี้คุณอยู่ในเวอร์จีเนียแล้วชอบการสูบบุหรี่ในรถก็ต้องระวังหน่อยแล้ว เพราะว่าตอนนี้ทางรัฐได้ออกกฎใหม่นั่นก็คือห้ามสูบบุหรี่ในรถ ขณะที่กำลังมีเด็กนั่งอยู่ในรถด้วย ซึ่งถ้าพบเห็นหรือตรวจจับได้ ก็จะถูกปรับเป็นเงิน 100 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3,500 บาทนั่นเอง     ซึ่งรายละเอียดของกฎข้อนี้คือเด็กต้องมีอายุต่ำกว่า 8 ขวบ อีกทั้งจะไม่มีหมายเรียกในกรณีนี้ เว้นแต่เจ้าหน้าที่จะออกหมายเรียกเนื่องจากต้องเข้าจับกุมคนขับในข้อหาละเมิดประมวลกฎหมายหรือกฎหมายท้องถิ่นอื่นๆ     ดังนั้นการทำแบบนี้โดนปรับแน่ๆ ละ ถือเป็นกฎหมายที่ดีที่ช่วยให้คนตระหนักถึงภัยของควันบุหรี่ว่ามันจะส่งผลเสียต่อสุขภาพคนรอบข้าง โดยเฉพาะเด็กๆ ที่มา popsugar, boredpanda

ปกติรถบัสคันหนึ่งต่อให้เป็นรถขนาดใหญ่ที่สุด มีผู้โดยสารซัก 30 คนก็ถือว่าแน่นแล้ว แต่ตำรวจจีนถึงกับเงิบไปเลย เมื่อเจอรถบัสนักเรียนขนาด 19 คนคันนี้ เพราะมีนักเรียนนั่งอยู่ภายในถึง 62 คน!! เรื่องราวมีอยู่ว่าตำรวจจากมณฑลอันฮุยคนหนึ่ง ได้สังเกตเห็นรถบัสนักเรียนคันหนึ่งท่าทางผิดปกติ เพราะบนรถมีเด็กนั่งอยู่เต็มไปหมด เขาจึงเข้าไปโบกรถบัสคนดังกล่าวเพื่อตรวจสอบ     ตอนแรกเขาคิดว่าจะมีเด็กนักเรียนประมาณ 40 คน แต่พอนับจริงๆ กลับมีเด็กถึง 62 คน!! ทั้งๆ ที่ความจุที่แท้จริงของรถมีเพียงแค่ 19 คนเท่านั้น!     สุดท้ายตำรวจได้จับกุมคนขับรถ โทษฐานบรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และมีการเรียกรถบัสอีกหลายคันเพื่อมารับเด็กที่เหลือกลับบ้าน     ปัญหารถนักเรียนบรรทุกนักเรียนเกินกำหนด เป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไปในประเทศจีน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท อย่างเมื่อหลายปีก่อน ตำรวจสามารถจับกุมรถตู้คันหนึ่งที่บรรทุกเด็กกว่า 66 คนได้!!     โอ้โห อัดกันไปได้ยังไงตั้ง 62 คน ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา จะเกิดความสูญเสียกันขนาดไหนนะ ที่มา Shanghaiist

นี่คือเรื่องราวของคุณพ่อ Alan Lawrence ผู้มีความคิดสร้างสรรค์ในการแต่งตัวให้กับลูกในวาระต่างๆ ซึ่งครั้งนี้ในวัน วันนักบุญแพทริก หรือ St. Patrick’s Day คุณพ่อก็ได้ทำการเปลี่ยนลูกให้กลายเป็น Leprechaun (ภูติตัวเขียวจากภาพยนตร์ชื่อดัง) ส่วนเจ้าหนูวัย 6 เดือนคนนี้ชื่อว่า Rockwell หนูน้อยอารมร์ดีที่ตอนนี้ได้กลายมาเป็ภูติตัวเขียว โดยชุดที่ใส่นั้นคุณแม่เป็นคนตัดเย็บให้กับมือเลย ส่วนคุณพ่อก็เป็นผู้กำกับในการถ่ายภาพ ซึ่งปกติแล้วคุณพ่อทำงานทางด้านกำกับงานศิลป์และออกแบบเว็บไซต์อยู่แล้ว งานนี้จึงกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย คุณพ่อจะพาหนูน้อยแสนซนคนนี้ไปผจญภัยตามสถานที่ในบ้าน พร้อมกับสุนัขที่ตัวเขียวด้วยเหมือนกัน แล้วก็ถ่ายฉากต่างๆ พร้อมทั้งโฟโต้ช็อปสีเขียวใส่ไปด้วย (ตัวหมากับเอฟเฟ็กต์ต่างๆ) เราไปชมความน่ารักอารมณ์ดีของหนูน้อยคนนี้กันเลย!!   ที่มา boredpanda

เด็กมักเป็นวัยที่เต็มไปด้วยพลังและคาดการณ์ไม่ได้ พวกเขาสามารถวิ่งเล่นได้ทั้งวันและไม่รู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรต่อไปบ้าง บางทีเราเห็นว่าพวกเขาวิ่งๆ อยู่ หันไปอีกทีก็หลับปุ๋ยไปซะแล้ว วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จึงจะพาเพื่อนๆ ไปชม 15 ภาพเด็กนอนหลับสุดน่ารักที่ไม่ว่าใครเห็น ก็ต้านทานไม่ไหว ไม่เชื่อ ไปชมกันเลย   ระวังคอเคล็ดนะลูกกกก   ป๋มหายใจแทบไม่ออกแล้วครับเจ้านายยย   อย่างนี้ไม่เรียกหลับหน้าทีวี น่าจะเรียกว่าหลับบนทีวีดีกว่า   สงสัยกำลังวาดในฝัน   เตียงตรงนี้มันชันๆ เนาะ   ผมไม่ใช่หมอนนะคร้าบบบบ   นอนบนรถเข็นห้าง ก็สบายใช่ย่อยนะ   หนูกำลังจะหยิบของเล่น แล้วภาพก็ตัดไป…   เมื่อกี้ฝันว่านอนในกองขยะด้วยแหละ   นอนด้วยกัน อบอุ่นดีเนาะ   แม่บอกว่าให้ไปนอนที่เตียง ก็เลยมานอนตรงนี้…   อาจพยายามนอนไป เล่นโยคะไปก็เป็นได้   เลือดชาวไร่มันแรง ขนาดหลับยังต้องมาหลับในสวนเลย   ขอยืมเป็นหมอนแปปนะเจ้าเหมียวววว   ไม่อยากกินละ หลับดีฝ่า…    …

ภาพวาดของเด็กมักจะเป็นสิ่งถ่ายทอดออกมาจากจินตนาการของพวกเขาโดยตรง แม้บางครั้งจินตนาการของพวกเขาจะล้ำเลิศ แต่ด้วยฝีมือที่ยังไม่ถึงขั้น ก็อาจทำให้ภาพวาดอาจออกมาดูน่ากลัวได้ Dave DeVries ศิลปินชาวอเมริกันคนนี้ จึงหยิบยืมผลงานจากหลานสาวของเขา Jessica มาสร้างเป็นผลงาน The Monster Engine ออกมา เพื่อแสดงให้เห็นว่า แต่จะเป็นอย่างไรหากภาพวาดของเด็กเหล่านั้นกลายเป็นภาพแนวสมจริงขึ้นมา ว่าแล้วไปชมกันเลย   Wonder Woman น่ากลัวมาก     Supergirl ก็ใช่ย่อย   Superman เหมือนขาดสารอาหาร   ไดโนเสาร์   โดเรมอนแหงมๆ   ตัวอะไรนี่   สยองมาก   ตัวนี้ก็น่ากลัวไม่แพ้กัน   อันนี้ออกมาดูเท่มาก   ทำไมท่าทางไม่เหมือนคนดีเลย   เหมือนหุ่นไล่กาสยองขวัญ   แหม จินตนาการของเด็กนี่บางทีก็น่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย ถ้าตัวพวกนี้เกิดขึ้นมาจริงๆ เหมียวต้องช็อคตายแน่นอน จริงมั้ยเพื่อนๆ ฮาาาา ที่มา Boredpanda

เรื่องนี้#เหมียวฟิ้นคิดว่าพ่อแม่มือใหม่หลายๆ คนควรจะดูไว้เป็นอุทาหรณ์แล้วล่ะ เพราะบางทีลูกน้อยของคุณอาจจะเที่ยวไปเล่นซน จนมีสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปอยู่ในจมูกแบบสาวน้อยคนนี้ก็เป็นได้   เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้เปิดเผยเรื่องราวของหนูน้อย Khloe Russell จากรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาวัย 5 ขวบ ที่ป่วยเป็นหวัดอยู่นานถึง 6 เดือนโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ       ลักษณะอาการของหนู Khloe คล้ายกับคนเป็นหวัด คือมีน้ำมูกเหนียวๆ เป็นสีเขียวและมีอาการไอตามมา เมื่อคุณแม่ Katelyn เห็นดังนั้นก็พาไปหาหมอแต่จนแล้วจนรอดลูกสาวของเธอก็ไม่หายสักที แถมยังเป็นติดต่อกันนานถึง 6 เดือน     วันหนึ่งพี่ชายของ Katelyn มาที่บ้านแล้วบอกให้หลานสาวลองสั่งน้ำมูกดูเผื่ออาการจะดีขึ้น แต่เมื่อหนูน้อยสั่งน้ำมูกออกมาก็ถึงกับตะลึงกันทั้งบ้าน เพราะดันมีเข็มกลัดขึ้นสนิมขนาด 4 เซนติเมตรหลุดออกมาจากจมูกของเธอด้วย     ทั้งนี้นาง Katelyn ไม่ทราบเลยว่าลูกสาวของเธอไปเล่นซนและมีเข็มกลัดหลุดเข้าไปในจมูกตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เธอก็ได้นำเอาเรื่องราวดังกล่าวมาเผยแพร่ในโลกออนไลน์ เพื่อเตือนใจแก่คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย ให้ช่วยกันเฝ้าระวังลูกน้อยของพวกคุณให้ดีๆ   เห็นแล้วสยองมาก ที่มา mirror

กลายเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกคนสะเทือนขวัญกันเลยทีเดียว สำหรับการกระทำของหญิงวัยกลางคนชาวมอสโกวคนนี้ หลังจากเธอยืนถือ “หัว” ของเด็กวัย 2-3 ขวบคนหนึ่งกลางที่สาธารณะ พร้อมตะโกนว่า “ฉันเป็นผู้ก่อการร้าย” โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นใกล้ๆ กับสถานีรถไฟฟ้า Oktyabrskoye Pole ในแถวตะวันตะตกเฉียงเหนือของกรุง Moscow ประเทศ Russia     มีคนถ่ายวีดีโอคลิปหญิงวัยกลางคนหนึ่ง สวมชุดสีดำ เดินไปเดินมาอยู่บริเวณลานจอดรถแห่งหนึ่ง ในมือของเธอถือ “หัว” ของเด็กชายวัย 2-3 ขวบคนหนึ่ง พร้อมกับตะโกนออกมาว่า “ฉันเป็นผู้ก่อการร้าย” ซึ่งหลังจากนั้น เธอก็ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากการสอบสวนพบว่า เธอเป็นพี่เลี้ยงให้กับเด็กคนหนึ่งในอพาร์ทเมนต์แถบตะวันตกเฉียงเหนือของกรุง Moscow ซึ่งเธอมักมีอาการทางประสาทอยู่เสมอ จนกระทั่งวันนั้น เธอได้ฆ่าเด็กที่เธอดูแลและเผาอพาร์ทเมนต์แห่งนั้น ก่อนจะออกมาก่อเหตุดังกล่าว (ภาพของเด็กผู้โชคร้าย)   ลองไปชมคลิปกันเถอะ     น่าสะเทือนใจจริงๆ ยังไงเหมียวก็ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตด้วยนะฮะ คราวหลังใครจะจ้างพี่เลี้ยงเด็ก เหมียวขอแนะนำให้เช็คประวัติกันดีๆ ก่อนนะฮะ จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีด T^T ที่มา Metro

นี่ถือเป็นเรื่องราวที่ชวนสลดใจและทำให้รู้สึกชื่นชมในเวลาเดียวกับ สำหรับเรื่องราวของหนูน้อยชาวสหรัฐคนหนึ่ง ที่ยอมเสียสละตัวเอง ช่วยเหลือเด็กๆ อีกสองคนให้รอดพ้นจากอุบัติเหตุ ทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา   เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Independent ได้เปิดเผยเรื่องราวความกล้าหาญของหนูน้อย Kiera Larsen วัย 10 ขวบ ในเมืองซาดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา       ตามรายงานบอกว่าในขณะที่เธอกำลังนั่งเล่นกับเด็กๆ อีก 2 คน อายุ 1 ขวบ และ 2 ขวบ ในละแวกบ้านของเธอ จู่ๆ กลับมีรถ SUV เมอร์ซิเดส เบ๊นซ์ที่จอดอยู่บนเนินค่อยๆ ไหลลงมาทางพวกเธอ Kiera จึงตัดสินใจผลักเด็กๆ ทั้ง 2 คนออกไปให้พ้นทาง ทำให้เธอโดนรถชนไปเต็มๆ   จากอุบัติเหตุทำให้ร่างของ Kiera ถูกอัดเข้ากับรั้วจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา เมื่อเรื่องราวของเธอกลายเป็นข่าวโด่งดัง ผู้คนในละแวกนั้นต่างก็ยกย่องให้เธอกลายเป็นฮีโร่แถมยังแสดงความอาลัยต่อการจากไปของเธออีกด้วย     ทางด้านนาง Alissa Jenkins คุณแม่ของเด็กๆ…

Anshu Agarwal เขาเกิดมาพร้อมกับทักษะการถ่ายภาพที่สวยงามไม่เหมือนใคร เขาได้ปล่อยภาพชุดหนึ่งออกมา เล่าเรื่องราวของเด็กๆ และคุณครูคนหนึ่งในหมู่บ้านใน Uttarakhand ประเทศอินเดีย ที่กำลังเล่นกีฬาควิชดิช ซึ่งเป็นกีฬาชื่อดังในแฮร์รี่ พอตเตอร์ หมูบ้านแห่งนี้ชื่อว่า Kalap เป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลสถานีรถไฟไป 210 กิโลเมตร และ Anshu Agarwal ก็เป็นคนหนึ่งที่เคยมาเยือนที่แห่งนี้ในฐานะครูสอนพูดภาษาอังกฤษจากวรรณกรรมและหนัง     หลังจากที่เขาเปิดหนังเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ให้เด็กๆดู พวกเขาก็เริ่มมีความฝันว่าอยากจะเป็นพ่อมดขึ้นมาทันที เขาก็เลยตัดสินใจสร้างการแข่งขันนี้มา พร้อมกับถ่ายภาพเด็กๆ ในคราบนักกีฬาควิชดิช ที่กำลังลอยตัวอยู่บนไม้กวาด   .   ตอนที่เขาบอกกับนักเรียนว่าจะสอยลอยตัวให้ พวกเขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พร้อมกับพาเขาไปที่ลานกว้าง ใช้เวลานานกว่า 4 วันในการถ่ายรูปในส่วนต่างๆ ถ่ายมาเยอะมากจนเด็กๆ พอใจ   .   ดูจากภาพแล้วก็พอจะรู้ว่าการถ่ายลอยตัวมันยากแค่ไหน แต่เด็กๆ ก็ไม่ยอมแพ้ พยายามกระโดดให้เท่ากันและดูเหมือนลอยจริงๆ   . และนี่คือคุณ Anshu Agarwal ช่างภาพและคุณครูผู้ใจดี ที่ทำให้เวทมนตร์เกิดขึ้นได้จริงๆกับเด็กๆ ที่มา brightside

คุณพ่อหลายท่าน เมื่อเวลามีลูกที่ต้องดูแลแล้ว มักจะไม่มีเวลาทำสิ่งที่ตัวเองเคยทำเหมือนสมัยก่อน เพราะว่าเราต้องคอยเอาใจใส่เด็กอยู่เสมอ แต่สำหรับคุณพ่อ Calum Neff เขาสามารถจัดการปัญหานั้นได้ด้วยการให้ลูกมีส่วนร่วมกับกิจกรรมนั้นๆเลย นั่นก็คือการวิ่งมาราธอนนั่นเอง คุณพ่อได้นำลูกสาววัย 11 เดือนที่ชื่อว่า Holland ไปวิ่งฮาล์ฟมาราธอนโดยใส่เธอไว้รถเข็นเด็ก โดยใช้เวลาไปทั้งหมด 1 ชั่วโมง 11 นาที 27 วินาที คุณพ่อเล่าว่ามันเป็นวันที่สุดยอดมากๆวันหนึ่งเลย ที่ได้ใช้เวลากับลูกสาว มันแสดงให้เห็นว่าการที่คุณมีลูกไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่ได้ทำอะไรตามใจชอบแล้ว   อีกทั้งคุณพ่อและลูกยังวิ่งเข้าเส้นชัยอันดับแรก และทำลายสถิติโลกการวิ่งฮาล์ฟมาราธอนพร้อมกับรถเข็นเด็กอีกด้วย   สมกับเป็นคุณพ่อที่ยึดมั่นในอุดมการณ์จริงๆ ถึงแม้มีหน้าที่ แต่ก็สามารถจัดเวลาให้สามารถทำด้วยกันได้ ที่มา Today

  เหมียวก็ไม่รู้เหมียวกันว่าเด็กสมัยนี้ยังสามารถพูดชื่อเต็มของ กรุงเทพฯ ได้อยู่หรือเปล่า เพราะว่าคนที่อายุประมาณ 18 ปีขึ้นไปน่าจะท่องได้จากเพลง ซึ่งมันก็ติดหูและจำง่ายอยู่พอสมควร แต่วันนี้ #เหมียวสามสี จะพามาชมการตอบคำถามของเด็กญี่ปุ่น ซึ่งคำถามนั้นถามเกี่ยวกับชื่อเต็มของกรุงเทพฯ ในรายการนั้นได้ถามคำถามว่า “จงตอบชื่ออย่างเป็นทางการของกรุงเทพมหานครฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ซึ่งเป็นเมืองหลวงที่มีชื่อยาวที่สุดในโลก” และเด็กคนนี้ก็ตอบได้คล่องอย่างไม่มีสะดุดเลย เขาชื่อว่า ทากาฮาชิ โทโมยูกิ ในช่วงที่ถามคำถามนั้นเขากดตอบอย่างรวดเร็วและมั่นใจอย่างมาก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในรายการ “The King of Brains” ของประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง   เราไปชมคลิปการตอบคำถามของเด็กคนนี้กันเลย   “กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์” ถือเป็นเรื่องที่ชวนตะลึงอยู่เหมือนกันที่ชาวต่างชาติสามารถจำชื่อกรุงเทพฯของเราได้ ส่วนบ้านเราก็จำได้จากเพลงของอัสนี วสันต์ นั่นเอง เผื่อเด็กรุ่นใหม่อาจจะยังไม่เคยฟังเพลงนี้ มันช่วยให้จำได้มากเลยนะ   ที่มา wegointer

กลายเป็นกระแสที่จีนไปเสียแล้วสำหรับภาพของเด็นน้อยวัย 1 ขวบและ 3 ขวบที่แต่งตัวเป็นพระเด็ก แล้วไปถ่ายรูปที่วัด ด้วยความที่ผมไม่มีและน่ารักมากๆ ทำเอาชาวเน็ตถึงกับใจละลายเพราะความน่ารัก ภาพนี้ถ่ายมาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมาแล้ว โดยช่างภาพชื่อว่า Zhou Lu ซึ่งเป็นพ่อของหนูน้อยทั้งสองนี่เอง ซึ่งวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตฉงชิง โดยที่คุณพ่อพยายามแต่งตัวให้ลูกเหมือนตัวละคร “หลิวเอ๋อ” ในหนังเรื่องไซอิ๋ว   หลังจากที่คุณพ่อได้โพสต์ภาพลงใน WeChat ไม่นานภาพ็ถูกแชร์เป็นคำนวนมากจนเกิดเป็นกระแส เพราะความน่ารักของหนูน้อยทั้งสอง และท่าทางตอนเวลาทำกิจกรรมต่างๆก็ดูไร้เดียงสามากๆ   คุณพ่อเล่าว่าเหตุผลที่เลือกถ่ายที่วัด Er Fo แห่งนี้ก็เพราะว่ามีพระพุทธรูปที่หน้าตาน่ารักอยู่ด้วย ก็เลยอยากให้ลูกมาถ่าย   เราไปชมความน่าของเด็กน้อยทั้งคู่นี้กันเลย!!   ใครเห็นแล้วก็คงทนไม่ไหวกับความน่ารักของเด็กทั้งสองเลยใช่มั้ยล่ะ เหมือนเด็กวัดเส้าหลินที่กำลังฝึกวิชาอยู่เลย แก้มก็แด๊งแดง ที่มา lifebuzz, Daily Mail

เหมียวเชื่อว่าทุกคนคงเคยมีช่วงเวลาที่ทำของหายไปนานๆ แล้วจู่ๆก็ได้กลับมาพบมันอีกครั้ง ยิ่งเป็นของที่มีคุณค่าทางจิตใจแล้วยิ่งเป็นอะไรที่ชวนน้ำตาไหลจริงๆ คุณพ่อ Paula Williams จากเท็กซัส ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้พลัดพรากจากสิ่งสำคัญไป ซึ่งก็คือสุนัขที่เขาได้เลี้ยงไว้ชื่อว่า Kase ซึ่งมันหายออกไปบ้านไปช่วงหนึ่ง และหนูน้อยคิดว่ามันคงไม่ได้กลับมาแล้ว แต่แล้วหลังจากรู้ข่าวว่าได้มีคนเจอมัน และเก็บมันไปเลี้ยง เขาก็ได้ออกไปรับมันถึงที่ และจะทำเซอร์ไพรส์ลูกของเขา ซึ่งรักหมาตัวนี้มากๆ พร้อมทั้งอัดคลิปช่วงเวลาที่ลูกได้เจอมันอีกครั้งหนึ่ง   เราจะได้เห็นหนุน้อยเดินมาที่รถแบบไม่รู้มาก่อนว่าข้างในรถมีใครรออยู่   จนกระทั่งหนูน้อยได้พบกับ Kase จึงรีบโผเข้าไปกอดพร้อมกับหลั่งน้ำตา   เราไปชมคลิปความประทับใจนี้กันเลย   ที่มา lifebuzz

การลืมของไว้ที่โรงแรมถือเป็นเรื่องที่ปกติสำหรับทุกคน ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่ต้องรีบไปเช็คเอ้าท์แล้ว มันรีบเสียจนลืมแทบทุกอย่าง โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ต้องเอาของเล่นติดตัวมาด้วยก็ต้องลืมของเล่นนั้นไว้ และพอกลับบ้านก็ต้องมานึกได้ทีหลัง และสุดท้ายก็ต้องทิ้งไปในที่สุด แต่ที่โรงแรม Adare Manor ในประเทศไอร์แลนด์ พนักงานได้พบกับของเล่นเป็นตุ๊กตารูปกระต่าย พวกเขาจึงเก็บมันไว้ และพามันออกไปผจญภัยในโลกกว้าง แบบที่ลูกค้าคนไหนไม่เคยได้รับมาก่อน แบบว่าบริการระดับ 5 ดาวเลยทีเดียว แล้วก็แชร์ภาพเหล่านี้ลงในเฟซบุ๊กจนมีคนแชร์ต่อไปจำนวนมาก   Claire พนักการต้อนรับจัดการโทรหาครอบครัวของเจ้ากระต่าย น่าสงสารจริงๆ   ทานมื้อเช้าชิวๆที่ขอบสระ   นอนพักอย่างสบาย หวังว่าพรุ่งนี้เจ้านายจะมารับกลับบ้านนะ   ชาในยามบ่าย เป็นอะไรที่ฟินสุดๆ ของหวานก็เยอะ   เย่… ในที่สุดเจ้านายก็รู้ว่าลืมผมไว้ที่นี่แล้ว แต่สงสัยต้องอยู่อีกคืน พรุ่งนี้ถึงเวลากลับบ้าน   ก่อนกลับขอจัดสปาให้สบายเนื้อสบายตัวกันหน่อย   Claire ยังพาออกไปเดินเล่นก่อนกลับบ้าน   และในที่สุดก็ได้กลับถึงมือหนูน้อยเรียบร้อยแล้ว ทางครอบครัวก็ได้ทำการเขียนขอบคุณผ่านทางเฟซบุ๊ก และโพสต์ภาพหนูน้อยกับตุ๊กตาตัวนี้   ที่มา boredpanda

กลายเป็นเรื่องราวที่เรียกได้ว่า “ซนจนได้เรื่อง” จริงๆ เมื่อตำรวจได้ทำการออกตามหาเด็กชายสองคน หลังก่อวีรกรรม พยายามที่จะจุดไฟเผาเบาะในรถบัส ซึ่งภาพทั้งหมดได้มาจากกล้องวงจรปิด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่รถบัสที่เมือง Croydon ในทางตอนใต้ของลอนดอน โดยรถบัสคันนี้เดินทางมาจากจาก Field Way ซึ่งในเวลาประมาณ 19.45 น. ก็ได้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เราไปชมในคลิปกันเลย     ขณะที่เด็กสองคนเล่นไฟ ในตอนนั้นได้มีผู้โดยสารที่เอะใจได้แล้วไปแจ้งกับคนขับรถทันที หลังจากที่แจ้งไปเรียบร้อบ คนขับรถก็ติดต่อไปยังตำรวจอีกทอดหนึ่ง จากเหตุเพลิงไหม้นี้ ทำให้ที่นั่ง 4 ที่ข้างหลังสุดได้รับความเสียหายจากไฟที่เกิดขึ้น ความจริงแล้วเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว แต่ตำรวจเพิ่งปล่อยคลิปออกมา โดยมีเบาะแสว่าเด็กทั้งสองอายุ 14 และ 16 ปี คนหนึ่งผิวขาวผมน้ำตาล และอีกคนหนึ่งผมออกเหลืองๆ แต่ตอนนี้ก็ยังจับตัวเด็กทั้งสองไม่ได้     แหม่ นี่มันไม่เรียกว่าซนแล้วล่ะมั้ง อยากรู้จริงๆว่าคิดอะไรอยู่ถึงเอาไฟมาจุดบนรถบัสคนทุกคนวุ่นกันไปหมด ที่มา metro

สำหรับใครที่มีลูก การผ่านหน้าหนาวโดยไม่ให้ลูกเป็นหวัดนั้นเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร เพราะเด็กยังไม่แข็งแรงเท่าเรา ดังนั้นการให้ความอบอุ่นแก่ลูกเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก ทั้งต้องเตรียมชุดหนาๆ ถุงเท้า และหมวก แล้วใบหน้าล่ะ จะเอาอะไรปกปิดดีนะ ปัญหานั้นจะหมดไป เมื่อคุณได้พบกับหมวกไหมพรมพร้อมกับหนวด ที่จะช่วยให้ความอบอุ่นแก่ลูกน้อยของคุณ อีกทั้งยังกลายเป็นแฟชั่นสุดเก๋ไก๋ให้กับลูกได้อีกด้วยนะเออ   หมวกไหมพรมนี้ได้วางขายลงในเว็บไซต์ Etsy โดย Cynthia เป็นหนวดที่ติดมากับหมวกไหมพรม มองไกลๆนึกว่าเด็กมีหนวด   แน่นอนว่ามันต้องอุ่นเป็นอย่างมาก เพราะมันทำจากขนสัตว์หนาและนุ่ม เพราะเขาทำมาสำหรับเด็ก ดังนั้นมันต้องอ่อนโยนต่อเด็กด้วย   หมวกนั้นก็มีหลากหลายขนาด ขึ้นอยู่กับอายุของเด็ก อีกทั้งยังสามารถดัดแปลงให้สำหรับเด็กโตได้ด้วย ราคาอยู่ที่ประมาณ 700 บาทต่อใบ   ถือเป็นไอเดียเจ๋งๆสำหรับลูกน้อยของเรา และเหมาะสำหรับหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึงมากๆเลย ที่มา distractify

หากใครที่ใช้รถยนต์เป็นประจำก็คงจะทราบกันดีว่าการจอดรถในที่โล่งแจ้งกลางแดดร้อนจัดๆ นั้นเป็นสิ่งที่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้น แต่ก็ต้องเกิดเพราะว่าไม่สามารถหาที่จอดรถใต้ร่มได้ ปัญหาที่ตามมาก็คือความร้อนที่สะสมอยู่ภายในตัวรถ ร้อนจะชนิดที่ว่ามันก็คือเตาอบดีๆ นี่เอง   และหนึ่งสิ่งที่ต้องใส่ใจกันเป็นพิเศษก็คือการลืมหรือปล่อยเด็กทิ้งไว้ในรถยนต์ที่จอดไว้ในบริเวณที่โล่งแจ้ง ทางด้าน Kidsafe Australia ก็ได้เชิญให้เชฟชาวออสเตรเลีย Matt Moran มาพิสูจน์ถึงความร้อนระอุภายในรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้กลางแดด ว่ามันร้อนมากมายแค่ไหน   ก่อนหน้านั้นเขาก็ได้ทำการจอดรถยนต์ไว้ใกล้ๆ กับบริเวณชายหาด โดยมีอุณหภูมิเริ่มต้นที่ 27.1 องศาเซลเซียส จากนั้นก็นำเนื้อซี่โครงแกะวางไว้บนถาดและนำมาวางทิ้งไว้ในรถยนต์คันดังกล่าว แล้วก็ปล่อยให้กระบวนการทำความร้อนย่างเนื้อให้สุก ปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง   อุณหภูมิค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนภายในรถยนต์นั้นร้อนระอุถึง 72.5 องศาเซลเซียส เนื้อซี่โครงแกะชิ้นนี้ก็กลายมาเป็นเนื้อย่างที่พร้อมรับประทานแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งที่เขากำลังจะบอกก็คือ ในทุกๆ ปีมีเด็กกว่า 5,000 รายถูกทิ้งไว้ในรถยนต์แบบนี้     ความร้อนสามารถคร่าชีวิตคนได้ เพราะหากรถยนต์มีอุณหภูมิที่สูงมากๆ มันก็ไม่ต่างไปจากเตาอบเลย แม้จะเปิดหน้าต่างระบายความร้อนแล้วก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กที่ไม่สามารถพาตัวเองออกมาจากที่ที่อันตรายแบบนี้ เพราะฉะนั้นจงใส่ใจกับเด็กๆ ด้วย ที่มา : theage

เริ่มต้นเดือนธันวาแล้ว หลายคนก็อาจจะได้เห็นการตกแต่งของห้างต่างๆที่เริ่มประดับไปของกระดึ่ง ต้นไม้ และลูกกวาดสีแดง เขียว ขาว เพื่อต้อนรับเทศกาลวันคริสต์มาสนั่นเอง หลายๆ คนก็คงอยากจะได้ของขวัญสักชิ้นจากลุงซานต้า โดยเฉพาะเด็กๆที่รอคอยวันนี้มานาน การได้พบคุณลุงซานต้าถือเป็นสิ่งที่เด็กๆใฝ่ฝันมากนาน เหมือนอย่างเด็กน้อยคนนี้ที่ได้รอถ่ายรูปกับคุณลุงซานต้า จนเผลอหลับไปในที่สุด แต่คุณลุงซานต้าบอกว่าไม่ต้องปลุก     คุณแม่ได้บรรยายเกี่ยวกับภาพนี้ไว้ว่า “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะน่ารักเพียงนี้ เมื่อได้เห็นรูปลูกของฉันถ่ายกับซานตาครอส หลังจากที่เผลอหลับไปตอนที่กำลังรอเข้าแถว ลุงซานต้าขอเราว่าไม่ต้องปลุกลูก แล้วก็ถ่ายภาพนี้ออกมา มันน่ารักแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน”   อีกมุมหนึ่งของลุงซานต้า ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะคิดได้โพสได้ขนาดนี้   รูปนี้น่าจะได้เอาไปใส่กรอบและติดไว้ที่ห้องนอนของลูกตลอดไป   น่ารักจริงๆ   หวังว่าหนูน้อยตื่นมาแล้วจะได้เห็นภาพตัวเองถ่ายรูปกับลุงซานต้าแล้วก็ยิ้มได้นะ 🙂 ที่มา lifebuzz

การตั้งชื่อลูกถือเป็นเรื่องของยุคสมัย อย่างในยุคอียิปต์โบราณ การเลือกชื่อให้คนใดคนหนึ่งนั้นขึ้นอยู่กับนิสัยหรือไม่ก็เป็นชื่อที่เป็นตัวแทนของพระเจ้า หรือจะเป็นช่วงยุคกลาง เด็กที่เกิดมาให้เขาจะถือว่าเป็นของขวัญจากพระเจ้า ดังนั้นชื่อก็จะมาจากไบเบิลเป็นส่วนมาก แต่ยุคสมัยก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ปัจจุบันนี้ก็มีคนตั้งชื่อลูกตามชื่อดาราบ้าง หรือไม่ก็เป็นชื่อที่ดูเป็นสิริมงคล แต่สถิติล่าสุดในปี 2015 พบว่าเด็กเกิดใหม่มีชื่อเหมือนฟิลเตอร์ในอินสตาแกรม โดยเว็บไซต์ Baby Center ได้เผยออกมาแล้วว่าชื่อเด็กๆที่ถูกตั้งมากที่สุดคือ Luxes, Junos, Reyeses, Ludwigs, Amaros, Valencias และ Willows     ถ้าว่าตามยุคสมัย ใครๆต่างก็ใช้อินสตาแกรมกันทั้งนั้น แต่ก็ไม่ทราบเหตุผลเหมือนกันที่ว่าทำไมต้องเอาชื่อฟิลเตอร์ไปตั้งชื่อลูก   เริ่มจากชื่อ Lux ความจริงแล้วก็ไม่เชิงว่าจะเป็นฟิลเตอร์หรอก แต่มันเป็นเครื่องมือที่ใช้ตกแต่งรูป ซึ่งชื่อนี้ถูกตั้งให้เด็กผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ประมาณ 75% ในปีนี้ ชื่อต่อมาคือ Ludwig เป็นชื่อฟิลเตอร์ในอินสตาแกรม โดยที่เด็กผู้ชายกว่า 42% ได้รับชื่อนี้ไป อีกทั้งยังมี Amaro, Reyes, Hudson และ Kelvin ตามมาติดๆ     เรามาดูเด็กผู้หญิงกันบ้าง Juno เป็นชื่อที่ได้รับความนิยมมากที่สุดถึง 30% รองลงมาคือ Valencia อยู่ที่ 26% และ Willow 13%    …

  กังฟู ถือเป็นศิลปะการต่อสูงที่มีมาแต่โบราณ เราคงได้เห็นบ่อยๆจากในสื่อภาพยนตร์ โดยเฉพะาหนังของเฉินหลงในสมัยก่อน ที่ใช้กังฟูในการต่อสู้ (หนังเฉินหลงเมื่อก่อนสนุกมาก) นักทำหนังคนหนึ่งชื่อว่า Inigo Westmeier เขาได้ไปฝึกกังฟูกับลูกของเขาที่ประเทศเยอรมนี จนวันหนึ่งเขาได้เห็นนักเรียนคนหนึ่งกระโดดไต่กำแพง ตอนนั้นเขาก็เริ่มหลงไหลมากขึ้น เขาจึงเดินทางไปยังวัดเส้าหลิน ที่สอนศิลปะการต่อสู้นี้ในประเทศจีนเลย เพื่อไปเรียนรู้วิธีต้านแรงโน้มถ่วงแบบที่เขาเคยเจอมา การฝึกฝนกังฟูนั้นไม่ใช่ใครๆก็ทำได้ มันต้องใช้ทั้งพลังกำลัง ระเบียบวินัย ความอดทน และไฟอันแรงกล้าในตัวเราเอง ซึ่งโรงเรียนสอนกังฟูที่ใหญ่ที่สุดในจีนนั้นมีนักเรียนกว่า 36,000 คน มีทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่เตรียมตัวจะเป็นนักสู้กังฟู Westmeier ได้ทำมิวสิควิดีโอนี้ขึ้นมาเพื่อเผยให้เห็นเบื้องหลังของโรงเรียนฝึกกังฟูอันน่าตื่นตาตื่นใจ เราไปชมกันเลยว่าจะอลังการงานสร้างแค่ไหน     ดูแล้วรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่เราสัมผัสได้เลย นี่ถ้าไปยืนดูอยู่ขา้งๆ เวลาเด็กๆต่อยแต่ละครั้ง ต้องมีแรงลมมาปะทะหน้าเราแน่ๆเลย ที่มา lifebuzz

ความมีน้ำใจ ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นเรื่องเฉพาะเด็กหรือผู้ใหญ่ เพราะการที่เราจะให้ใครสักคน ไม่จำเป็นหรอกว่าเราจะมีมากหรือมีน้อย เหมือนอย่างผู้หญิงคนหนึ่ง พร้อมทั้งเหล่าเด็กๆ ที่ได้ทำการแสดงความมีน้ำใจในวันหยุดของพวกเขา ซึ่งเกี่ยวกับกลุ่มคนไร้บ้าน Tara Smith-Atkins ผู้เป็นแม่ เป็นกังวลว่าคนไร้บ้านจะทำยังไงเมื่อถึงหน้าหนาว เธอจึงชักชวนลูกสาวของเธอวัย 8 ขวบ และเพื่อนๆของลูกอีก 7 คน ในการนำเอาเสื้อโค้ตไปผูกติดกับเสาข้างทางในเมือง Halifax เพื่อให้คนไร้บ้านได้มาเอาไปสวมใส่เมื่อถึงหน้าหนาว อีกทั้งยังเป็นการฉลองวันเกิดให้กับลูกสาวของเธอด้วย   คุณแม่กล่าวว่า “เหล่าเด็กๆจะได้เรียนรู้อะไรสำคัญๆจากเหตุการณ์นี้แน่นอน”   “เพราะหลังจากที่เรากลับมาที่รถหลังจากเอาเสื้อโค้ตไปมัด เด็กๆ ทุกคนต่างหนาวและเรียกร้องหาฮีตเตอร์ แถมยังบ่นเรื่องอากาศอีก แล้วสุดท้ายก็หาอะไรมาคลุมตัวเองในที่สุด”   หลังจากนั้นครอบครัวนี้ก็ใช้เวลาไม่กี่อาทิตย์ในการแจกจ่ายเสื้อโค้ตให้กับชุมชน   ที่มา boredpanda

สำหรับแฟนๆ ของดาราไอดอลเกาหลีทั้งหลาย คุณอาจจะเคยเห็นภาพตอนโตของพวกเขามาก็เยอะแล้ว และในครั้งนี้เหมียวจะขอมาเปิดภาพวัยเด็กของพวกเขามาให้แฟนๆ ทั้งหลายได้ชมกันบ้าง เชื่อว่ายังมีหลายคนที่ไม่เคยเห็นภาพเหล่านี้ มารับชมกันเลยดีกว่าว่าดาราเกาหลีวัยละอ่อนจะน่ารักน่าชังขนาดไหน   1.So Ji Sub   2.Shin Min Ah   3.Jung Eun Ji   4.Park Seo Joon   5.Siwon   6.Hwang Jung Eum   7.Yoo Ah In   8.Shin Se Kyung   9.Park Bo Young   10.Jo Jung Suk   11.Lee Joon Ki   12.Lee Yoo Bi   13.Kim…

หลังจากเกิดเหตุสงครามในซีเรียมานานกว่า 5 ปี ทำให้ผู้คนนับล้านที่นั่นได้รับผลกระทบอย่างมากมาย มีผู้คนจำนวนมากต้องสูญเสียครอบครัว ทรัพย์สิน แม้แต่บ้านไว้คอยพักพิงก็อาจไม่เหลือ   ทำให้ชาวเมืองที่เคยมีบ้านอยู่ต้องกลายเป็นคนเร่ร่อน อาศัยอยู่ตามที่ต่างๆ ผู้อพยพจำนวนมากพยายามจะหนีออกจากบริเวณที่เหล่าผู้ก่อการร้าน ISIS เข้ามารุกรานและทิ้งระเบิด จึงต้องมองหาที่ปลอดภัยอื่นๆ เพื่อให้พวกเขามีชีวิตรอดต่อไป     ด้วยเหตุนี้เองช่างภาพนามว่า Magnus Wennman จึงเดินทางไปทั่วยุโรปและตะวันออกกลางเพื่อถ่ายภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้อพยพ ดูว่าพวกเขาและเด็กๆ มีความเป็นอยู่อย่างไรบ้าง? และสถานที่ที่พวกเขาเรียกกันว่า “บ้าน” นั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร?   1. Shehd วัย 7 ขวบ   2. Ahmed วัย 6 ขวบ   3. Ralia วัย 7 ขวบ และ Rahaf วัย 13 ปี   4. Mohammed วัย 13 ปี   5. Maram วัย 8 ขวบ   6. Mahdi วัย 18 เดือน   7. Fatima…

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอสุดช็อคของกลุ่มเด็ก 5 คน ที่รุมทำร้ายร่างกายชายนิรนามคนหนึ่งบนถนน โดยไม่ทราบสาเหตุ     ตามรายงานบอกว่าเกิดเหตุเมื่อวันอังคาร เวลาประมาณ 6.45 นาฬิกา โดยมีกลุ่มเด็ก 5 คนเดินเข้ามาหาผู้เคราะห์ร้าย ต่อมาหนึ่งในเด็กกลุ่มนั้นก็กระชากชายผู้เคราะห์ร้ายลงไปนอนกับพื้น จากนั้นทั้งหมดก็เข้ามารุมกระทืบและต่อยชายคนดังกล่าว     โดยเหตุการณ์ทั้งหมดกินเวลากว่า 20 นาทีกว่าที่ทั้งหมดจะแยกย้ายกันไป โดยผู้ที่สามารถถ่ายคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ได้คือนาย Andrew Britton เขาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ผมตกใจมากเมื่อผมเห็นมัน นี่มันก็ไม่ได้ดึกอะไรมาก มันเป็นเวลาดื่มชาด้วยซ้ำ ผู้คนเพิ่งจะกลับมาจากที่ทำงานด้วย”     ทั้งนี้นาย Britton ยังกล่าวอีกว่าเด็กเหล่านี้ไม่น่าจะมีอายุเกิน 13 ปี และการทำร้ายร่างกายครั้งนี้น่าจะกินเวลาถึง 20 นาที โดยที่เขาเห็นสมควรว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่เรื่องปกติและควรนำคลิปนี้มาเผยแพร่ให้สังคมได้รับรู้ จากนั้นเขาก็รีบโทรแจ้งเข้าหน้าที่ตำรวจทันที   ชมคลิปได้ที่ด้านล่าง   แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่จะไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าการลงบันทึกประจำวัน เพราะไม่มีผู้เคราะห์ร้ายคนไหนเข้ามาแจ้งความหรือให้ปากคำเลย เจ้าหน้าที่จึงต้องขอร้องให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ออกมาแสดงตัวด้วย ที่มา metro

คุณแม่คนนี้เธอมีชื่อว่า Holly Christensen เธอมีลูก 3 คน อีกทั้งยังเป็นพยาบาลทางด้านเนื้องอกวิทยาอยู่อะลาสก้าอีกด้วย สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นที่สนใจคือการได้ถักโคเชต์เป็นวิกให้กับเด็กที่ไม่มีผมเนื่องจากผ่านการทำคีโมมา และเด็กเหล่านี้ก็กำลังเผชิญกับโรคมะเร็งอีกด้วย วิกไหมพรมที่เธอทำขึ้นมานั้นเธอได้ถามเด็กๆว่าชอบตัวละครตัวไหนในดิสนีย์ จากนั้นเธอก็จัดการถักเพื่อเป็นของขวัญให้แก่เด็กๆ และสร้างกำลังใจให้กับเด็กให้ผ่านโรคร้ายนี้ไปให้ได้ ไอเดียนี้เธอได้มาจากลูกของเพื่อนเธอ ซึ่งถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในวัยเพียง 2 ขวบ เธอให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ABC ว่า “เหมือนเป็นการให้กำลังใจหนูน้อยด้วยการนำเอาพลังเวทมนตร์เล็กๆมาให้เธอได้ผ่านอุปสรรค์ครั้งนี้ไปได้ และมันก็รู้สึกเหมือนได้พลังเวทมนตร์ทุกครั้งที่ได้ช่วยเหลือผู้คน”   หลังจากที่ลูกของเพื่อนวัย 2 ขวบของเธอถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เธอจึงต้องการจะเรียกกำลังใจให้เด็กน้อยคนนี้   “รู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่ต้องเสียผมบลอนด์อันงดงามของเธอไป ฉันก็เลยทำผมราพันเซลด้วยไหมพรมให้กับเธอ”   “ฉันต้องมีความรับผิดชอบเพื่อทำวิกเหล่านี้ให้กับเด็กหญิงที่กำลังประสบกับมะเร็ง”   อีกทั้งเธอยังโพสต์วิธีถักไหมพรมไว้ที่เว็บไซต์ themagicyarnproject อีกด้วย   นี่คือวิกผมที่ทำให้เด็กอีกคน เป็นรูปร่างของเจ้าหญิงจัสมิน   “การทำคีโมทำให้ผิวหนังบนหัวอ่อนโยนและเซนซิทีฟมากๆ วิกเหล่านี้จึงทำมาจากไหมพรมที่อ่อนนุ่มเป็นพิเศษ”   ไม่ว่าใครก็ทำวิกของตัวเองได้แล้วนำไปมอบให้กับเด็กๆได้ เพียงแค่เข้าไปที่เว็บ themagicyarnproject   หรือถ้าคุณถักไหมพรมไม่เป็น ก็อาจจะบริจาคเงินได้ที่โปรเจกต์ Gofundme   ที่มา boredpanda

มีเด็กทารกหลายพันชีวิตที่ไม่ได้มีโอกาสลืมตาขึ้นมาดูโลกภายนอก เรื่องจากเกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง ทำให้เด็กเหล่านั้นเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ด้วยเหตุนี้ ครอบครัวหนึ่งจึงคิดที่จะระดมทุนเพื่อนำเงินไปช่วยเหลือเด็กที่ยังไม่เกิดในแถบแอฟริกา คุณพ่อได้นำเอาพู่กันไปติดตรงที่ท้องของแม่ แล้วรอจังหวะที่ลูกในท้องกำลังดิ้นเพื่อให้พู่กันนั้นได้ขยับแล้ววาดลวดลายลงบนผ้าใบที่เตรียมไว้ เกิดเป็นงานภาพวาดแอ็บสแตร็กที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ภาพวาดเหล่านี้จะถูกนำไปประมูล เพื่อนำเงินไปบริจาคทั้งหมด   และนี่คือคลิปเบื้องหลัง ที่มา boredpanda

แม้ว่าปัจจุบันนี้คนเรามักจะมองแต่ผลประโยชน์ส่วนตน แต่ถ้าให้พูดถึงในเรื่องของเครือญาติกันถึงแม้จะเป็นญาติห่างๆ เมื่อตกที่นั่งลำบาก ก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธการช่วยเหลือได้ อย่างเช่นเรื่องราวอันน่าประทับใจของพ่อหนุ่มนักศึกษาชาวออสเตรเลียผู้นี้     พ่อหนุ่มนักศึกษาวัย 23 ปี Tommy Connolly จากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งในขณะที่เขากำลังศึกษาอยู่ที่ University of the Sunshine Coast นั้นได้ข่าวคราวเกี่ยวกับญาติห่างๆ ของเขา ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ไม่เจอหน้ากันมานานกว่า 10 ปีแล้ว     โดยที่เธอนั้นได้กลายมาเป็นคนไร้บ้าน นอนข้างถนน ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีรองเท้าใส่ ไม่ได้เรียนหนังสือ แถมยังอุ้มท้องมานานถึง 8 เดือนแล้วด้วย เธอหมดหนทางแล้ว ไม่รู้จะพึ่งพาใครได้ สืบทราบมาว่าสามีของเธอนั้นติดคุก พ่อแม่ของเธอก็ไม่สนใจใยดีอีกด้วย Tommy จึงตัดสินใจช่วยเหลือลูกพี่ลูกน้องโดยมาอยู่ภายใต้การดูแลของเขา ซึ่งเป็นห่วงว่าจะเกิดอันตรายกับตัวเธอเองและลูกในท้องถ้าหากปล่อยให้มีชีวิตแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แท้งลูกเนื่องจากหมดหวังในชีวิต     เมื่อมีอีกสองชีวิตเข้ามาอยู่ในความรับผิดชอบของเขา ก็จะต้องเตรียมพร้อมกับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าบ้าน ค่าทำคลอด ค่าเลี้ยงดูเด็กที่กำลังจะคลอดออกมา เขาจึงหางานพิเศษทำไม่ว่าจะเป็นขายผักและผลไม้ รวมไปถึงการเป็นเทรนเนอร์ฝึกซ้อมกีฬาต่างๆ     และแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทั้งคุณแม่และลูกมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ อีกทั้งสุขภาพจิตก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ…

ในการแข่งขันกีฬา เราไม่ควรยอมแพ้ ถึงแม้จะเป็นวินาทีสุดท้ายแล้วก็ตาม เราคงเคยเห็นบ่อยๆ ที่จะมีช็อตเกมพลิกกลับมาชนะได้ ถึงแม้เวลาจะเหลือน้อยเต็มที อันนี้ก็แล้วแต่ทีมด้วย เพราะบางทีมก็อาจจะถอดใจไปแล้ว วันนี้เหมียวจะพาไปดูสปิริตแรงกล้าของบาสรุ่นเล็ก นี่คือการแข่งขันบาสฟุกุโอกะฤดูร้อนรอบสุดท้าย ระหว่างทีม โมโมชิ ชู้ตติ้งสตาร์ (สีขาว) และทีม วาจิโระฮิงาชิ (สีดำ) ซึ่งทั้งสองก็เล่นกันอย่างเต็มที่มากๆ   ทั้งสองทีมพลัดกันรุงพลัดกันรับ จนคะแนนตีคู่สูสีเป็นอย่างมาก   แต่แล้วเมื่อใกล้จะจบเกม ฝั่งโมโมชิ ชู้ตติ้งสตาร์ (สีขาว) ได้จุดโทษ ทำให้ทีมกลับมานำอีกครั้ง ซึ่งตอนนั้นเหลือเวลาแค่ 2 วินาทีเท่านั้น   แต่ทีมวาจิโระฮิงาชิ (สีดำ) ก็ยังไม่ยอมแพ้ เราไปชมลูกชู้ตปิดท้ายที่ทำให้ทีมกลับมาชนะกันเลยดีกว่า   งานนี้บอกเลยว่าเด็กญี่ปุ่นเขาสู้สุดใจจริงๆ ถึงแม้ว่าโอกาสจะชู้ตเข้ามีน้อยมากๆ แต่เขาก็ลองเสี่ยงโยนไปดู และผลที่ได้ก็ประสบความสำเร็จแบบนี้แหละ อึ้งกันทั้งสนาม… ที่มา Momochi Shootingstars

ในอีกมุมหนึ่งจองโลก ผู้หญิงชาวเอธิโอเปียมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก พวกเธอต้องอยู่กับความกังวลตลอดชีวิต เนื่องจากมันจะมีกลุ่มคนมาลักพาตัว ข่มขืน และบังคับพวกเธอให้แต่งงาน ได้มีสถิติบอกไว้ว่าการแต่งงานของหญิงสาวชาวเอธิโอเปีย 70% เกิดจากวิธีนี้ทั้งสิ้น เป็นความจริงที่น่าเศร้า และมันก็เกิดขึ้นกับเด็กหญิงวัย 12 ปีคนนี้ด้วย เธอได้ถูกลักพาตัวไปและบังคับให้แต่งงาน แต่แล้วเธอก็ได้รับความช่วยเหลือจากสัตว์นักล่า..   ฟังดูอาจจะเชื่อยากไปหน่อย แต่มันเกิดขึ้นจริง เมื่อมีกลุ่มสิงโต 3 ตัว ได้เฝ้าดูเธออยู่ตลอดวัน ก่อนที่จะถูกช่วยไว้ โดยสิงโตทั้ง 3 ได้เห็นเธอถูกทำร้าย พวกมันก็เลยเข้าไปจู่โจมผู้ชายเหล่านั้น และไล่เขาออกไป   ตำรวจได้กล่าวกับสำนักข่าว NBC ว่า “พวกมันปกป้องเธอจนกว่าพวกเราจะเข้าไปพบ และหลังจากนั้นมันก็ทิ้งเธอไว้ พร้อมกับเดินกลับเข้าป่าไป”   ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสัตว์ป่า Stuart Williams ได้ออกมาบอกว่า การที่สิงโตไม่ได้ทำอะไรเธอนั้นก็เพราะว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่   ถ้าจะให้อธิบายก็คือเสียงร้องของหญิงสาวนั้นเหมือนกับเสียงของลูกสิงโตที่กำลังร้อง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสิงโตไม่ได้ทำร้ายเธอ หลังจากเหตุการณ์นี้ทางตำรวจก็ได้จับกุมผู้ต้องหา 4 คนจาก 7 คนไว้ได้ ที่มา viralnova, NBC

ยังจำได้ไหม ก่อนหน้านี้เหมียวเคยนำเสนอเรื่องราวของคุณพ่อที่อนุญาตให้ลูกชายได้ใส่ชุดเอลซ่าในงานวันฮาโลวีน ซึ่งเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจสำหรับคนเป็นพ่อที่เข้าใจลูกเป็นอย่างยิ่ง โลกสมัยใหม๋เขาไม่ได้ปิดกั้นเรื่องเพศสภาพกันแล้ว หลายๆที่ต่างก็ออกมายอมรับเกี่ยวกับการข้ามเพศกันมากขึ้น อย่างสหรัฐฯก็อนุญาตให้แต่งงานกันได้แล้ว วันนี้เหมียวก็เลยมีภาพของเด็กน้อยทั้งชายและหญิง ที่ออกมาแต่งชุดตัวละครที่ไม่ใช่เพศของตัวเอง แต่เป็นความชอบของเด็กทั้งสิ้น   1.   2.   3.   4.   5.   6.   7.   8.   9.   10.   11.   12.   13.   14.   15.     ถือเป็นเรื่องราวที่น่ารักของวัยวัยเด็ก ที่ไม่รู้ว่าโตมาจะทำได้อีกรึเปล่า แต่จะทำอะไรแบบนี้ก็ต้องทำตอนเด็กนี่แหละ สนุกที่สุดแล้ว ที่มา boredpanda

การแข่งขันทางด้านวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ แต่ก็ใช่ว่าเด็กๆ จะไม่มีผลงานการค้นคว้าทางด้านวิทยาศาสตร์เลย ซึ่งสำหรับเหล่าเด็กๆ ที่มีช่วงอายุระหว่าง 11 – 14 ปี จะสามารถเข้าร่วมงาน Broadcom Math, Applied Science, Technology and Engineering Rising Stars (ย่อสั้นๆ ว่า MASTERS) จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีโดย The Society for Science and the Public     เป็นการจัดการแข่งขันวิชาการและการค้นคว้าทางด้านวิยาศาสตร์ใหม่ๆ โดยมีเงินรางวัลสำหรับอันดับหนึ่งและสองอยู่ที่ 882,000 บาท (25,000 ดอลลาร์) และ 353,000 (10,000 ดอลลาร์) บาท ตามลำดับ ซึ่งผลงานของแต่ละคนนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!! ตามมาดูกันดีกว่า   Andrew Eggebraaten อายุ 14 ปี   เปิดตัวด้วยผลงานการออกแบบแขนกลที่สามารถทำหน้าที่ได้หลากหลายมากถึง 58…

นอกจากอาหารมื้อเช้า จะเป็นมื้อที่สำคัญสำหรับเด็กๆ แล้ว มื้อกลางวันก็เป็นมื้ออาหารที่สำคัญสำหรับเด็กๆ เช่นกัน และแน่นอนว่าวัฒนธรรมในการกินของคนในแต่ละประเทศนั้นย่อมมีความแตกต่างกัน รวมไปถึงมื้ออาหารกลางวันของเด็กๆ จากหลายๆ ประเทศก็มีความแตกต่างกันด้วย ในวันนี้เราจึงได้รวม 31 ภาพอาหารมื้อกลางวันของเด็กนักเรียนจากทั่วโลกมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน เพื่อที่จะทำให้เราได้เห็นว่าแต่ละประเทศนั้นมีวัฒนธรรมการกินอย่างไร และมีความแตกต่างกันขนาดไหน ลองไปชมกันเลย   1.ประเทศออสเตรเลีย   2.ประเทศสวีเดน   3.ออสติน, รัฐเทกซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา   4.ประเทศเวเนซูเอลา   5.ประเทศแทนซาเนีย   6.ประเทศรัสเซีย   7.ประเทศโปแลนด์   8.ประเทศฟิลิปปินส์   9.ประเทศลิทัวเนีย   10.ประเทศเฮติ   11.ประเทศเยอรมนี   12.ประเทศแกมเบีย   13.ประเทศฟินแลนด์   14.ประเทศจีน   15.ประเทศกัมพูชา   16.ประเทศอินเดีย   17.ประเทศนอร์เวย์   18.ประเทศกานา  …

ไม่รู้เหมียวคิดไปเองหรือเปล่า แต่ในยุคปัจจุบัน มีเด็กๆเก่งๆมากความสามารถอยู่มากมายจริงๆ จนบางทีเหมียวก็ถึงกับเงิบไปเลย อย่างเช่นนักร้องเด็กชาวจีนสองคนนี้ ถ้าเพื่อนๆได้ฟังเสียงของพวกเขา เพื่อนๆจะต้องปรบมือให้กับความสามารถอันน่าเหลือเชื่อของพวกเขาอย่างแน่นอน   เด็กหนุ่มและเด็กสาวชาวจีนสองคนนี้มีชื่อว่า Jeffrey Li และ Celine Tam พวกเขามีอายุเพียง 10 และ 7 ปีเท่านั้นตามลำดับ แต่ความสามารถในการร้องเพลงของพวกเขา ต้องบอกเลยว่า อย่างกับนักร้องมืออาชีพจริงๆ     ไม่เชื่อไปลองฟังกันเลย   อึ้งอ่ะดิ ต้องบอกว่าเทพจริงๆเลย ไม่น่าเชื่อว่าอายุยังไม่ถึง 12 แต่ความสามารถเนี่ยเหลือล้นจริงๆ ลองไปฟังการร้องเพลงอื่นๆของพวกเขาดูบ้าง เริ่มจากของน้อง Jeffrey Li ก่อน   หลายคนอาจไม่เชื่อว่า นั่นมันเทปในรายการ อาจผ่านการ Auto Tune มาก็ได้ ลองไปฟังแบบเล่นสดๆในบ้านดู   สุดยอดไม่แพ้ในรายการเลยใช่มั้ยละ คราวนี้ไปดูของน้อง Celine Tam กันบ้าง   ลองไปฟัง Let It Go ดูบ้าง   โอ้โห สุดยอดเลยนะเนี่ย ไม่อยากนึกตอนที่พวกเขาโตขึ้นเลย…

โดยปกติแล้วในวันฮาโลวีน ผู้คนมักจะแต่งกายด้วยชุดแฟนซีและออกไปปาร์ตี้ด้วยกัน ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นชุดผีอย่างเดียวก็ได้ เหมือนอย่างเด็กชายวัย 3 ขวบคนนี้ที่อยากแต่งชุดแฟนซีในวันฮาโลวีน ซึ่งชุดที่เขาอยากใส่นั้นก็มาจากตัวละครในดิสนีย์ Frozen อย่าง “เอลซ่า” อาจจะฟังดูแปลกๆ เพราะว่าเป็นเด็กผู้ชาย แต่หนูน้อย Caiden อยากแต่งแบบนั้นจริงๆ Paul Henson คุณพ่อของหนูน้อยได้โพสต์ในเฟซบุ๊กว่า “ฮาโลวีนเป็นช่วงเวลาที่ให้เหล่าเด็กๆได้เป็นตัวละครที่เขาชอบ และลูกผมก็อยากเป็นเจ้าหญิง ผมก็ให้เป็น” “เรามักจะให้ Caiden ได้เลือกทางของตัวเอง ก็นั่นแหละ เขาเลือกที่จะเป็นเอลซ่า”   “อีกทั้งเขายังจะให้ผมเป็นอันนาอีกด้วย”   เก็บไอ่เรื่องชุดที่แสดงความเป็นแมนเห่ยๆ หรืออะไรที่แรงๆไปได้เลย ฮาโลวีนมันเกี่ยวกับเด็กๆที่อยากแต่งตัวเป็นตัวละครที่ชอบต่างหาก”   “และลูกผมก็อยากเป็นเจ้าหญิง ผมก็ให้เป็น” ที่มา boredpanda

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้เผยให้เห็นถึงคลิปวีดีโอของหนูน้อยวัยกำลังซนคนหนึ่ง ที่ถูกปล่อยให้อยู่ตามลำพัง ซึ่งหนูน้อยได้ออกมายืนเล่นอยู่บนขอบหน้าต่างบนตึก งานนี้ทำเอาผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ในละแวกนั้น ทั้งช็อก และตกใจกันเป็นแถว     จากคลิปวีดีโอ เราจะเห็นได้ว่าหนูน้อย กำลังออกมายืนเล่นนอกหน้าต่างบนตึกชั้น 7 ที่ไม่มีลูกกรง หรือรั้วกั้นเอาไว้เลย แถมยังยื่นขาแกว่งไปมานอกหน้าต่าง และยังทำท่าเหมือนจะตกลงมาหลายครั้งอีกด้วย เห็นแล้วหวาดเสียวสุดๆ     เพื่อนๆ ดูสิ…เด็กคนนี้ออกมายืนเล่นนอกหน้าต่างเป็นเวลานานกว่า 2 นาที โดยที่ไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย   ชมคลิปกันเลย   อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่อาจสรุปได้แน่ชัดว่าคลิปวีดีโอดังกล่าวถูกบันทึกมาจากที่ใด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้เป็นพ่อเป็นแม่ไม่ควรปล่อยให้เด็กอยู่ตามลำพัง และละเลยเด็กแบบนี้ เพราะเด็กอาจจะคิดว่าการออกมายืนเล่นบนหน้าต่าง มันเป็นเรื่องสนุก โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าความจริงแล้วมันอันตรายเป็นอย่างมาก ที่มา : mirror

นาง Sharina Jones ถูกยิงเมื่อตอนเธออายุเพียง 5 ขวบ เป็นเหตุให้เธอไม่สามารถใช้ขาของเธอได้อีกต่อไป ผ่านมา 30 ปี เธอก็ได้มีลูกชายคนแรก ซึ่งเธอก็ประสบปัญหากับการควบคุมเปลรถเข็นในขณะที่เธอก็นั่งวีลแชร์ไปด้วย หนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งชื่อว่า Alden Kain วัยเพียง 16 ปีจากโรงเรียนไฮสคูล Detroit ได้เข้าเรียนการออกแบบ และได้คิดค้นวีลแชร์ที่สามารถติดกับรถเข็นเปลเด็กได้อย่างสมบูรณ์แบบ หลังจากออกแบบอยู่นาน 6 เดือน งานต้นแบบแรกก็ออกมา Alden ได้ให้สัมภาษณ์กับ The Michigan Catholic ว่า “มันเป็นเรื่องที่ดีเลยที่ได้คุยกับเธอว่าเธอต้องการอะไรบ้าง เพราะเป็นการช่วยเธอครั้งใหญ่เลย ต้องดูว่าอันไหนใช้งานได้หรือไม่ได้บ้าง”   เขาพยายามศึกษาอยู่นานกว่าจะได้ต้นแบบมา   และมันก็ใช้ได้เป็นอย่างดีเลย   เราไปชมคลิปกันเลย ที่มา boredpanda

  สำหรับคนที่อายุ 23-25 ขึ้นไป คงเคยมีประสบการณ์การไปร้ายขายเทปเพื่อไปซื้อเพลงของศิลปินที่เราชอบ เพราะตอนนั้นเครื่องเล่นวอล์คแมนที่เป็นซีดียังแพงมาก และไม่ค่อยเป็นที่นิยม เทปนี่แหละ ง่ายที่สุดแล้ว จุดเด่นของมันก็คือเทปมี 2 หน้า หน้า A และ B ซึ่งคนส่วนมากเวลาฟังหน้า A หมดแล้วก็ต้องฟังหน้า B ต่อ เพื่อเป็นการกรอกลับไป ถ้าคุณอยากจะฟังเพลงเดิมซ้ำ ก็ต้องกรอ หรือไม่ก็เอาเทปออกมาแล้วเอาดินสอไปหมุนที่แกนของมัน ถึงจะเป็นการย้อนกลับไปฟังเพลงเดิมได้ ถ้าเด็กสมัยใหม่อ่านข้อความข้างบนแล้วรู้สึกว่างงๆ ก็ไม่แปลกเลย พวกผู้ใหญ่กว่าจะหาเพลงฟังได้มันลำบากมากๆ ไม่เหมือนสมัยนี้ที่เรามียูทูบ iTunes แค่เสิร์ชหาก็เจอแล้ว   วันนี้เหมียวขะพาไปดูคลิปเด็กรุ่นนี้ที่กำลังงงกับการฟังเพลงโดยใช้ซาวน์เบาท์ ไปดูกันว่าพวกเขาจะมีวิธีใส่เทปยังไงกัน   ถ้าใครมีเครื่องนี้และยังใช้งานได้ ถือว่าเป็นแรร์ไอเทมเลยนะ เก็บไว้อีกซัก 100 ปี เหมียวว่าขายได้หลายแสนเลยล่ะ ที่มา Lena Hyde

หนูน้อยวัย 2 ขวบนามว่า Xin Er มีอาการบางอย่างเกี่ยวกับหัวใจ และต้องรับการผ่าตัดในโรงพยาบาล Zhejiang University Hospital ในประเทศจีน ในวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา เมื่อเธอรู้ เธอจึงเริ่มร้องไห้และขัดขืนจนใครๆก็ไม่สามารถควบคุมได้ จนกระทั่งคุณศัลยแพทย์ Shi Zhuo ได้อุ้มเธอขึ้นมาและให้เธอได้ดูการ์ตูนจากในมือถือของเขา จนวิสัญญีแพทย์ Jin Ziying ได้ถ่ายภาพสุดน่ารักเหล่านี้ไว้ และหลังจากนั้นก็ได้ผลรายงงานว่าหนูน้อย Xin Er ปลอดภัยจากการผ่าตัดแล้ว   “ในวันนั้น เธอเริ่มร้องไห้ตั้งแต่เธอได้เข้าไปในห้องผ่าตัด”   “เธอเอาแต่ร้องไห้แล้วพูดว่า ‘หนูอยากเจอพ่อ’ “   “ผมก็เลยพูดไปว่าดูการ์ตูนแล้วก็ค่อยไปหาพ่อ โอเคมั้ยจ๊ะ?” คุณหมอ Shi Zhuo กล่าว   ถือเป็นภาพที่น่ารักของแพทย์และเทคนิคการทำเด็กรู้สึกไม่กลัวกับการเข้ารักษา ใครเคยมีประสบการณ์ร้องไห้ตอนไปโรงพยาบาลบ้าง มาเล่าให้ฟังหน่อย ที่มา boredpanda

กลายเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับนางแบบสาว Sallie Przybek จากรายการเรียลลิตี้ Big Brother ของอังกฤษเลยทีเดียว เพราะเมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา เธอได้โพสต์ข้อความระบายความในใจ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เธอแท้งลูกไปเมื่อช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา   แต่ที่น่าเศร้าใจยิ่งกว่าการแท้งลูกก็คือ ทางโรงพยาบาลในนำศพของลูกน้อย ใส่ลงในถุงพลาสติก ประหนึ่งว่าเป็นสินค้าหรือชิ้นเนื้ออะไรสักอย่าง จนทำให้เธอทนไม่ได้และต้องโพสต์ประจานการกระทำของโรงพยาบาลให้ชาวโลกได้รับรู้ล่ะ   Sallie ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดผ่านเฟซบุ๊คของตนเอง โดยข้อความมีอยู่ว่า “เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ฉันได้รับศพลูกน้อยจากโรงพยาบาล St Mary’s ที่บรรจุอยู่ในกล่องที่ใส่ไว้ในถุงพลาสติก!! พร้อมกับถุงยาอื่นๆ ก่อนที่ฉันจะกลับบ้านไปเศร้ากับเรื่องที่เกิดขึ้น”   “ศพของลูกฉันถูกกระทำไม่ต่างจากการที่ใครสักคนส่งอาหารแบบห่อกลับบ้านให้กับฉันเลย นี่คือครั้งแรกที่ฉันพูดเกี่ยวกับความเจ็บปวดของฉัน ที่น่าขยะแขยงที่ได้รับจากโรงพยาบาล ST Mary’s”   นอกจากนี้เธอยังปิดท้ายด้วยว่า “โรงพยาบาล ST Mary’s คุณควรจะรู้สึกละอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นนะ!!”    เหมียวขอเป็นกำลังใจเล็กๆ ที่ส่งให้ Sallie สามารถผ่านเรื่องราวร้ายๆนี้ไปได้นะ ที่มา Sallie Przybek

เหมียวเชื่อว่าบนโลกของเราใบนี้ มีผู้คนมากมายที่มีหน้าตา รูปร่าง และลักษณะท่าทางที่คล้ายกัน ซึ่งบางคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ดันคล้ายกันอย่างกับแฝด มันช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ ก็เหมือนกับภาพที่เราจะนำมาให้ชมกันในวันนี้ เป็นภาพของเหล่าเด็กน้อย ที่บังเอิ๊ญบังเอิญมีหน้าตาคล้ายกับเหล่าคนดังเป๊ะ จนหลายคนเห็นแล้วถึงกับอ้าปากค้างกันเลยทีเดียว ไม่เชื่อก็ลองดูได้เลย…   1.Brad Pitt   2.Collin Farrell   3.Danny De Vito   4.Elvis Presley   5.Ian McKellen As Gandalf   6.Jay Z   7.John Legend   8.Mario Lopez   9.Vladimir Putin   10.Wallace Shawn   เห้ยยย!! ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่า พวกเขาจะมีใบหน้าคล้ายกันถึงเพียงนี้ บางคนก็เหมือนจนแทบแยกไม่ออกกันเลยทีเดียว ที่มา : orzzzz

เมื่อไม่นานมานี้ แอดเหมียวได้ไปเจอเข้ากับคลิปวิดีโอสุดสะเทือนใจของคุณแม่ใจโหดรายหนึ่ง ในขณะนอนให้นมลูกอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล แต่ในระหว่างที่เธอให้นมลูกนั้นเอง กลับมีเสียงร้องของเด็กทารกดังลั่น แถมยังมีเสียงเหมือนคนถูกตบหน้า   คลิปดังกล่าวถูกถ่ายไว้ได้โดยผู้ใช้บริการในโรงพยาบาลรายหนึ่ง ที่ทนไม่ได้กับพฤติกรรมของคุณแม่รายดังกล่าว จนต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอไว้   ตามรายงานไม่ได้บอกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ไหนหรือเวลาใด แต่ก็ทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นและด่าทอคุณแม่ใจยักษ์เป็นจำนวนมาก   คลิกชมคลิปได้ที่ด้านล่าง   เหมียวว่า ถ้าเป็นแม่คนแล้วมันยากนัก ก็อย่าเพิ่งมีเลยนะลูกอะ สงสารเค้า ที่มา dailymotion

โรคร้ายเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ไม่อยากเป็น ไม่อยากให้เกิดขึ้นไม่ว่าจะตัวเราหรือคนรอบข้าง แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วเราก็ต้องยอมรับและอยู่กับมันให้ได้ อย่างเช่นครอบครัวของ เอริกา (Erika) และสตีเฟน โจนส์ (Stephen Jones) พวกเขาพบว่าลูกสาวของเขามีเนื้องอกในสมองตั้งแต่เอริก้าตั้งครรภ์ได้ 30 สัปดาห์ เอริก้า ได้ให้กำเนิดลูกคนที่ 2 นางฟ้าตัวน้อย แอบิเกล เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม เธอเกิดมาพร้อมกับเนื้องอกที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในสมองซีกซ้าย ไม่มีทางรักษาให้หายได้ และไม่รู้ว่าเด็กน้อยแอบิเกล จะมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าไร     แต่ถึงจะอย่างนั้นทั้งคู่ก็ตั้งใจว่าจะดูแลและเติมเต็มชีวิตสั้นของแอบิเกล อย่างเต็มที่   พวกเขาเลี้ยงดูแอบิเกล ด้วยความรัก   แอบิเกล และพี่สาวของเธอ   โดยปกติ แอบิเกล ก็ดูเหมือนเด็กทารกไร้เดียงสาทั่วไป   ไม่มีใครรู้ว่า แอบิเกล จะมีชีวิตอยู่ได้กี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี   พวกเขาบอกว่า “เราไม่ต้องการที่จะสูญเสียลูกสาวของเรา เราต้องการที่จะเห็นเธอหัวเราะเต้นรำ เล่นกับพี่สาวของเธอ ขี่จักรยานไปโรงเรียน … เราต้องการที่จะเห็นชีวิตของเธอ “   เอริกาได้บอกว่า “พระเจ้าจะช่วยเยียวยาแอบิเกล ไม่ว่าจะในอ้อมกอดของเรา หรือในช่วงวินาทีสุดท้ายที่เธอหายใจ…

โบราณท่านว่าเด็กมักจะมีเซ้นส์ หรือสัมผัสพิเศษ ภูตผีปีศาจ หรือวิญญาณมักจะมาปรากฏตัวให้เด็กๆเห็น ราวกับว่าพวกเขาอย่างจะเล่นกับเด็กน้อยยังไงยังงั้น เช่นเดียวกับครอบครัวของ แดเนียล การ์เร็ต (Daniel Garrett) ที่เขาพบว่าที่บ้านของเขานั้นมีวิญญาณหรือสิ่งลึกลับ เมื่อเขาเห็นลูกสาวของเขากำลังร้องเพลงเล่นกับเสียงปริศนานั้น แดเนียล บอกว่าเขาทิ้งลูกสาววัย 4 ขวบไว้บนเตียงนอน ขณะเขาไปเข้าของน้ำ ลูกสาวของเขาได้ร้องเพลงและถ่ายวีดีโอในมือถือ เขาแทบช็อคเมื่อเปิดคลิปนั้นมาดู ปรากฏว่ามีเสียงชายปริศนามาร้องเพลงพูดคุยกับสาวน้อย     โดยในคลิปนั้นมีเสียงชายปริศนามาร้องเพลงกับสาวน้อย แถมทั้งพูดขึ้นอีกว่า “เธอตลกมาก” แค่นั้นยังไม่พอ เพราะเมื่อสังเกตุดูดีๆแล้วผ้าห่มนั้นขยับเองได้   แดเนียล ยอมรับว่าเขาหลอนและกลัวมาก เขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้ จนเขายอมย้ายออกจากบ้านและหนีไปอยู่ที่บ้านพ่อแม่ของเขาแทน   ขนลุกแทนจริงๆ แต่เหมียวว่าวิญญาณลึกลับนี้เขาคงมาดี คงเห็นว่าเด็กน้อยเล่นอยู่คนเดียวคงกลัวเหงาเลยมาเล่นด้วย บรึยส์… ปล.โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมด้วยนะจ้ะ ที่มา mirror

ตอนเด็กๆ ทุกคนต้องเคยเล่นสนามเด็กเล่นที่โรงเรียนกันทุกคน สนามเด็กเล่นในความคิดเราก็ต้องประกอบไปด้วย ชิงช้า ม้าหมุน สนามหญ้าที่เต็มไปด้วยของเล่น เอ… แล้วสนามเด็กเล่นที่อื่นล่ะ จะเป็นแบบนี้ไหมนะ? ช่างภาพ เจมส์ มอลลิสัน (James Mollison) จะมาเป็นผู้ที่ถ่ายทอดประสบการณ์นี้ เขาได้เดินทางไปเที่ยวรอบโลก เพื่อเก็บภาพอันน่าประทับใจของสนามเด็กเล่นในประเทศต่างๆ ที่ได้แรงบันดาลใจมากจากความทรงจำในวัยเด็กของเขา เพื่อนๆ จะได้เห็นถึงความแตกต่างของสนามเด็กเล่นในแต่ละประเทศ แสดงให้เห็นความความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของประเทศนั้น   1.โรงเรียนวัลเลย์วิว,กรุงไนโรบี,เคนย่า   2. โรงเรียนไอดาบอยส์, แวสแบงค์   3. เดเชน โฟดรัง, ภูฏาน   4. โรงเรียนมัธยมโฮลทส์, เทลอาวีฟ, อิสราเอล   5. โรงเรียนมัธยมอิงเกิลวูด, แคลิฟอเนีย, สหรัฐอเมริกา   6. โรงเรียนประถมครูเบย์, เซียร์ราลีโอน   7. โรงเรียนประถมชูเฮ, โตเกียว, ญี่ปุ่น   8. วิทยาลัยสโตนี่เฮิร์ท, แลงคาเชียร์, อังกฤษ   9. โรงเรียนเนทิวิตี, ลอสแองเจลิส,…

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีสมาชิกเว็บไซต์ imgur ที่ชื่อว่า ibleeedorange โพสต์ภาพของเด็กชายพิการขารายหนึ่ง ในขณะที่กำลังใช้ชอล์ควาดขาของตัวเองที่หายไปขึ้นมา สร้างความสะเทือนใจให้แก่ชาวเน็ตในต่างประเทศเป็นอย่างมาก   หลังจากที่ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีสมาชิกในเว็บไซต์ Imgur เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย   อย่าง Vutiendung912 ได้แสดงความเห็นไว้ว่า “พระเจ้า อย่างกับมีบางคนหั่นหอมใส่ลูกตาหรือเตะท้องน้อยผมจนร้องไห้เลย ผมอยากจะให้เด็กคนนี้มีวีลแชร์หรืออะไรก็ได้ตอนนี้จริงๆ” SEXIESTONEOFALL “แม่เอ้ยยย คุณตีเราแรงมาก ผมโตแล้วนะและผมกำลังร้องไห้จนน้ำตาอาบสองแก้มของผมเลย แล้วก็ไม่อายใครด้วย”   เหมียวนี่ร้องไห้หนักมากกก   ที่มา imgur

บางครั้งมนุษย์ก็สามารถทำเรื่องโหดร้ายต่อกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้กระทั่งกับเด็กตัวเล็กๆ อย่างเช่นเรื่องที่เหมียวนำมาเล่าวันนี้ เรียกได้ว่าสลดหดหู่สุดๆ เหตุการณ์อันน่าเศร้านี้เกิดขึ้นที่เมือง Morelia ในรัฐ Michoacan ประเทศ Mexico โดยมีกล้องจับภาพชายคนหนึ่งวัยกลางคน กำลังโยนลูกเลี้ยงวัย 3 ขวบลงสระว่ายน้ำ   โดยเมื่อเธอตกลงไปในน้ำ เธอก็ตะเกียดตะกายพยายามขึ้นมา ชายคนนั้นก็จะจับเธอโยนลงไปในสระว่ายน้ำอีกครั้ง ตอนนั้นแม่ของเด็กกำลังนอนหลับอยู่ หลังจากเธอถูกโยนลงสระว่ายน้ำหลายต่อหลายรอบ ในที่สุดเธอก็จมน้ำ แม้ว่าชายคนนั้นจะโยนห่วงยางลงไปให้ แต่เธอก็เหนื่อยเกินจะคว้าห่วงเอาไว้ได้ ข่าวรายงานว่าหลังจากเธอถูกนำส่งโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ทันการ ในที่สุดชายคนดังกล่าวก็ถูกจับกุมด้วยข้อหาฆาตกรรม   ไปชมคลิปเหตุการณ์กันเลย     น่ากลัวมากๆเลย ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทำเด็กอายุ 3 ขวบได้ลงคอ หวังว่าเขาจะได้รับโทษที่สาสมกับสิ่งที่เขาทำลงไปใน ที่มา metro

ในยุคสมัยใหม่ที่เทคโนโลยีสามารถเข้าถึงคนได้ทุกเพศทุกวัย เราอาจเห็นว่า เด็กสมัยใหม่มีสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเล่นตั้งแต่อายุเพียงไม่กี่ขวบ และในช่วงเวลาว่างอย่างปิดเทอม พวกเขาก็อาจจะคลุกอยู่กับสิ่งของเหล่านั้นทั้งวัน โดยไม่ทำอย่างอื่น หลายคนอาจบอกว่า ในเมื่อโลกเราเปลี่ยนไปแล้ว ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ที่จะห้ามไม่ให้เด็กเหล่านั้นแตะต้องเทคโนโลยี แต่สำหรับครอบครัวชาวโปแลนด์ครอบครัวนี้ จะมาพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เด็กสมัยใหม่ ไม่จำเป็นต้องอยู่กับสิ่งเหล่านั้นเสมอไป   Izabela Urbaniak ช่างภาพชาวโปแลนด์ได้ออกกฎว่าทุกๆช่วงปิดเทอม ลูกๆของเธอต้องไปหาความสนุกจากธรรมชาติบ้าง   ตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา ทุกๆช่วงซัมเมอร์ เธอจะพาลูกของเธอไปพักผ่อนที่บ้านริมทะเลสาบในหมู่บ้าน Lugowiska   และเธอได้เก็บภาพช่วเวลาแห่งความสุขเหล่านั้นไว้   เธอพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องมีเทคโนโลยี ลูกๆของเธอก็สามารถสนุกสนานได้   เธอกล่าวว่า “ทุกวันนี้ชีวิตของเราต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก ฉันดีใจมากที่เราสามารถหลีกหนีสิ่งเหล่านั้น แล้วมาใช้ชีวิตในชนบทแบบนี้ได้”    “รูปเหล่านี้จะทำให้ทุกคนเห็นว่า เด็กก็สามารถมีความสุขและสนุกสนานได้ โดยไม่ต้องมีอินเตอร์เน็ตหรือคอมพิวเตอร์”   น่ายินดีแทนเด็กพวกนี้จริงๆ ที่ยังสามารถใช้ชีวิตแบบนี้ในยุคสมัยแห่งเทคโนโลยีได้ ถึงแม่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็สอนให้พวกเขาได้รู้ว่า หนทางแห่งความสุขไม่ได้มีแต่บนอินเตอร์เน็ตเท่านั้นนะ ^^ ที่มา Lifebuzz

กีตาร์ถือว่าเป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีที่มีคนนิยมชมชอบมากที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง แต่คนที่สามารถเล่นกีต้าร์ได้อย่างเก่งกาจ อาจมีเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น นั่นก็เพราะว่า การจะเล่นกีตาร์ให้เทพนั้น ต้องอาศัยการฝึกฝนและความทุ่มเท รวมถึงพรสวรรค์ที่บางครั้งก็ไม่สามารถลอกเลียนได้ แต่วันนี้เหมียวจะพาไปชมมือกีตาร์รุ่นเยาว์คนนี้ เขามีชื่อว่า Toby Lee ซึ่งมีอายุเพียง 10 ขวบเท่านั้น แต่เห็นเป็นเด็กแบบนี้ ฝีไม้ลายมือของเขาต้องเรียกว่า เทพสุดๆจริงๆ   จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย   โอ้โห ขนาดสิบขวบยังขนาดนี้ ถ้าโตไปจะขนาดไหนเนี่ย ไม่แน่วันหนึ่งเขาอาจเป็นมือกีตาร์ชื่อก้องโลกก็ได้นะ รอชมกันได้เลย ที่มา Toby Lee – Guitar Hero!

ในการขับรถต้องใช้ทักษะ และทำตามกฎจราจรถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนใหญ่ตามกฎหมายจากทั่วโลก จะจำกัดอายุของผู้ที่สามารถมีใบขับขี่รถยนต์ได้ในอายุระหว่าง 16-18 ปี และอยู่ในความดูแลของผู้ใหญ่ กับกรณีนี้ ก็อยู่ในความดูแลของผู้ใหญ่เหมือนกัน แต่เป็นการดูแลในทางที่ผิด โดยผู้ใหญ่ที่ว่านี้ก็คือพ่อแม่ของเด็กหญิงคนนี้ ที่ปล่อยให้ลูกสาวขับรถ แล้วผู้เป็นพ่อและแม่ก็กำกับบอกทางอยู่ข้างหลัง ซึ่งเด็กหญิงคนนี้มีอายุแค่ราวๆ 4-5 ปี ชาวจีนในโลกออนไลน์ต่างไม่พอใจ และแชร์ลงในโซเชียล แสดงให้เห็นถึงการกระทำของพ่อแม่คู่นี้ ว่าประมาณเกินไปที่ปล่อยให้ลูกสาวตัวน้อยขับรถในถนนหลักแบบนี้ ถึงจะเป็นถนนเล็กแถวบ้านหรือที่ไหนก็ไม่สมควร   ตัวนิดเดียวเอง ขาถึงไหมนั่น     คลิปวิดีโอนี้ถูกอัปโหลดในเว็บไซต์ Weibo เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ไม่รู้ว่ากระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน (Ministry of Public Security) จะเห็นแล้วมีมาตรการกับเรื่องนี้ยังไง สื่ออื่นๆในจีน ต่างก็มีการพิมพ์บทความตำหนิวิจารณ์การกระทำของพ่อแม่คู่นี้ และเรียกร้องให้มีการจับกุม เด็กๆ ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างนะคะ รอให้ถึงเวลาอันควรแล้วค่อยมาหัดขับดีกว่าเนอะ เหมียวอายุขนาดนี้ยังขับไปเป็นเลย ฮ่าาาาา (อายเด็ก) ที่มา en.rocketnews24

เหมียวเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าร้ากกกกก แมวเป็นสัตว์ที่ขี้อ้อน น่ารัก ว่านอนสอนง่าย ใครเห็นก็ต้องหลงรัก (จริงเหรอ?) อย่างเช่นสาวน้อย โอลิเวีย คนนี้ เมื่อเธอได้เห็นลูกแมวน้อยตัวนี้เธอรู้สึกรักมากคิดว่าเจ้าแมวน้อยนี้เป็นลูกของตัวเองเลยก็ว่าได้ ทั้งกอดทั้งอุ้มไม่ปล่อย แถมไม่ยอมให้ใครจับอีกต่างหากนะ คลิปวิดีโอนี้ โพสต์ขึ้นโดยผู้ใช้ยูทูป Devin And Erica โดยเธอได้ตั้งชื่อ วิดีโอนี้ว่า “Is that your baby? (Little Girl Loves Her Kitten)” ซึ่งในขณะนี้มีผู้ชมคลิปวิดีโอความน่ารักไร้เดียงสาของสาวน้อย โอลิเวีย ยอดคนดูสูงถึง 3 ล้านกว่าวิว   ลูกแมวของหนู   อย่าเอาลูกแมวฉันไป…   ฉันก็รักของฉันเข้าใจบ้างไหม   มาชมคลิปความน่ารักใสซื่อของเธอกัน น่ารักได้อีกกกก น่ารักทั้งคน ทั้งแมวเลย ที่มา Devin And Erica

  เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หาดบอนไดในประเทศออสเตรเลีย เด็กหญิงคนหนึ่งออกไปเล่นน้ำตามปกติ แล้วจู่ๆคลื่นก็พัดเธอออกไปไกลเรื่อยๆจนเธอไม่สามารถว่ายกลับมาได้ เธอพยายามร้องให้คนช่วยเหลือจนกระทั่งไลฟ์การ์ดได้มองเห็นเธอ ด้วยความที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี ไลฟ์การ์ดได้คล้าเอากระดานโต้คลื่นว่ายลงไปในทะเล พร้อมกับช่วยเธอไว้ได้อย่างทันท่วงที เขาได้ดึงเธอขึ้นมาให้พักอยู่บนบอร์ดก่อนพาเธอกลับไปหาแม่   ถ้าเราได้ดูคลิปคงจะเห็นว่าไลฟ์การ์ดที่ชื่อว่าเทอร์รี่คนนี้พยายามที่จะกลั้นน้ำตาของเขาไว้ เพราะทำไมหรือ!??? …เรื่องสุดซึ้งมันเป็นแบบนี้ครับ เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาได้เสียลูกชายของเขาไปขณะที่ทำคลอด ลูกชายของเขาเกิดขาดออกซิเจนเนื่องจากติดอยู่ในช่องคลอด จนทำให้เสียชีวิต เหตุการณ์นี้จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขามาทำอาชีพไลฟ์การ์ดเพื่อช่วยชีวิตผู้คนนั่นเอง เราไปชมภาพเหตุการณ์ในวันนั้นกันเลยดีกว่า ที่มา littlethings  

โซเชียลมีเดียในยุคสมัยชีวิตดิจิตอลแบบนี้ในด้านหนึ่งก็ดีที่สามารถเชื่อมคนทั้งโลกเอาไว้ด้วยกัน สามารถติดต่อกันได้สะดวกมากขึ้น แต่เมื่อลองมองกลับไปอีกด้าน ความร้ายกาจของมันสูงมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กๆ ที่ยังไม่รู้เท่าทันคน พ่อหนุ่ม Coby Persin ได้ทำการทดสอบให้เห็นถึงความอันตรายของโลกโซเชียล ที่ใครๆ ก็สามารถติดต่อกันได้ แม้ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าที่รู้จักกันเพียงผิวเผินเท่านั้น   เขาได้ทำการปลอม Facebook ขึ้นมาเป็นชายหนุ่มอายุ 15 ปีและได้ลองคุยกับเด็กสาวอายุ 14 13 และ 12 ปีตามลำดับโดยทำการขออนุญาตพ่อและแม่ของเด็กหญิงทั้งหมดแล้วก่อนที่จะทำการทดสอบนี้   การทดสอบใช้เวลาในประมาณ 3-4 วันเพื่อทำการพูดคุยผ่านโลกออนไลน์ให้เหยื่อรู้สึกคล้อยตามและสามารถทำการนัดออกมาพบนอกสถานที่ได้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมานั้นแทบไม่น่าเชื่อเลยว่า เด็กเหล่านี้ยอมออกมาจากบ้านเพื่อมาพบคนแปลกหน้าที่รู้จักกันเพียงแค่ในโลกออนไลน์!! ในโลกแห่งความเป็นจริงเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าคนที่จะเจอเป็นคนแบบไหน ซึ่งส่วนใหญ่เหตุคดีข่มขืนที่เกิดขึ้นนั้นล้วนมาจากการที่เด็กหญิงไว้ใจในการพบกับคนแปลกหน้า   อย่างกรณีของคุณพ่อรายนี้ที่แอบมาอยู่ในรถด้วย แล้วเขาก็ได้ทำการนัดแนะว่าจะไปหาที่หน้าบ้าน ถ้าหากว่าพ่อไม่อยู่แล้ว ซึ่งคุณพ่อเองก็ไว้ใจลูกสาวของตัวเองว่าจะไม่ทำการเปิดประตูรับคนแปลกหน้าเข้าบ้านอย่างแน่นอน!!   แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คุณพ่อคิด ถ้าหากว่าเป็นบุคคลอื่นที่ไม่ได้มาทำการทดสอบแบบนี้ เธอจะตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดีอย่างแน่นอน!!   เด็กสาวรายสุดท้ายถูกนัดขึ้นมาบนรถ พ่อและแม่ของเธอก็ร่วมสวมบทบาทเป็นผู้ร้ายก่อนที่จะเผยตัวตน และพบกับความจริงที่ว่าลูกสาวของพวกเขายังไม่ทันกลในโลกออนไลน์ที่มีความอันตรายสูงมากๆ โซเชียลมีเดียเป็นดาบสองคม ด้านประโยชน์ของมันก็มีมากมาย แต่อีกด้านร้ายๆ ก็มีเยอะเช่นกัน เพราะฉะนั้นดูแลบุตรหลานของท่านให้ดี ก่อนที่จะตกเป็นเหยื่อของบุคคลที่ไม่หวังดีต่อบุตรหลานของท่าน ด้วยความห่วงใยจากสำนักข่าวแมวเหมียว ที่มา : Coby…

ระหว่างที่เหมียวกำลังนั่งดูคลิปวีดีโอในยูทูปเพลินๆ ก็ต้องสะดุดกับคลิปนี้อย่างจัง เป็นคลิปที่โพสขึ้นโดย Dainius Sileika เขาได้เขียนอธิบายว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกชายวัยเพียง 10 เดือนของเขากำลังจะได้เจอน้องสาวฝาแฝดของแม่เป็นครั้งแรก” โดยในคลิปคุณแม่ได้อุ้มเด็กน้อยเพื่อออกมาต้อนรับคุณน้าที่เป็นพี่น้องฝาแฝดกับแม่ของเด็ก เมื่อเด็กน้อยเห็นครั้งแรกถึงกับทำตาโตเลยทีเดียว ช่างเป็นปฏิกิริยาที่น่ารักปนฮาสุดๆ   ทำตาโตเชียวลูก   หน้าเหมือนแม่เลยฮะ   เจ้าเด็กน้อยจะทำหน้าตาได้ฮา น่ารักน่าชังแค่ไหนมาดูคลิปกันเลยจ้า ช่างน่ารักน่าชังเหลือเกินลูกเอ๊ย คงจะงงสินะ ทำไมมีแม่ 2 คน ฮ่าาาาาา ที่มา Dainius Sileika