Tag: ข่าวต่างประเทศ

แม้ว่าอากาศบ้านเราจะร้อนจัด จนบางคนภาวนาอยากจะให้มีพายุหิมะแรงๆ พัดกระหน่ำแบบในต่างประเทศ แต่เชื่อหรือไม่ว่าสภาพอากาศแบบนั้นก็ไม่ได้ดีเสมอไปนะ…     เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Huffingtonpost ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการทดลองของสถานีอุตุนิยมวิทยา เมาท์วอชิงตัน ในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ สหรัฐอเมริกา โดยให้นาย Mike Dorfman ออกไปยืน เดิน วิ่งท่ามกลางสภาพอากาศอันเลวร้ายบนยอดเขาสูง     ตามรายงานบอกว่าในขณะนั้นมีพายุเฮอริเคนที่พัดด้วยความเร็วถึง 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้นาย Mike ไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้ เขาถูกลมพัดและต้านอย่างแรง แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามฝ่าลมแรงออกไปเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้ แต่หลังที่พยายามอยู่นานเขาก็สามารถฝ่าออกไปได้ในที่สุด     นาย Mike กล่าวว่า “มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฝ่าลมแรงขนาดนี้ไปได้อย่างปลอดภัย คุณต้องเสี่ยงชีวิตของคุณพยายามหนีออกไปจากลมแรง (ผมเหนื่อยมากหลังจากที่ใช้เวลาหลายนาทีโต้ลม) หรือยอมติดอยู่ในเฮอริเคน ที่พร้อมจะพัดเอาเศษขยะและของมีคมปลิวไปมา”     ทั้งนี้มีผู้ชมในโลกออนไลน์ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จนมียอดผู้เข้าชมกว่า 500,000 ครั้งแล้ว   ลองชมคลิปการทดลองได้ที่ด้านล่างเลย ถึงแม้อากาศบ้านเขาจะไม่ได้ร้อนจัดเหมือนกับบ้านเรา แต่มันก็ไม่แปลว่ามันคือเรื่องดีเสมอไปนะ ที่มา huffingtonpost , Mount Washington Observatory

เทคโนโลยี แม้จะทำให้คนไกลกันสามารถสื่อสารกันได้ง่ายเหมือนใกล้กัน แต่ก็สามารถทำให้คนที่อยู่ใกล้กันดูเหมือนไกลกันได้นะ…   เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมทึ่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่าเจ้าบ่าวชาวซาอุดิอาระเบียได้ขอหย่ากับเจ้าสาวหลังจากที่พวกเขาเพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่กี่ชั่วโมง เหตุเพราะฝ่ายหญิงเอาแต่แชตมือถือกับเพื่อนจนไม่ยอมมีอะไรด้วย!?     ตามรายงานบอกว่าหลังจากที่ทั้งคู่เสร็จพิธีแล้วพวกเขาก็กลับไปยังห้องพักที่โรงแรมในเมืองญิดดะฮ์ แต่เมื่อฝ่ายชายพยายามจะเข้าไปใกล้เธอ ฝ่ายหญิงกลับผลักเขาออกไป เพราะเธอกำลังยุ่งอยู่กับการตอบข้อความที่เพื่อนๆ ของเธอส่งเข้ามาแสดงความยินดีผ่านมือถือ     เมื่อจ้าวบ่าวป้ายแดงเห็นแบบนั้นก็เลยพยายามขอให้เธอหยุดแชตก่อน พร้อมกับถามว่าเพื่อนๆ ของเธอมีความสำคัญมากกว่าเจ้าบ่าวที่อยู่ตรงหน้าหรืออย่างไร? เธอกลับตอบไปว่าใช่ ทั้งคู่จึงเกิดการทะเลาะเบาะแว้งขึ้น จนฝ่ายชายทนไม่ไหวตะโกนขอหย่ากับเธอและออกจากโรงแรมไป     ต่อมาฝ่ายชายได้ยื่นฟ้องศาลเพื่อขอหย่า แม้ว่าทางศาลได้ขอให้ทั้งคู่ประนีประนอมกันแต่ดูเหมือนฝ่ายชายจะไม่ยอม และขอยืนกรานว่ายังไงก็จะขอหย่าให้ได้ แหม่ ได้แต่งงานได้อยู่กับคนรักทั้งที เอาแต่เล่นมือถือไปได้ นึกถึงเรื่องราวอันยากลำบากกว่าที่คนสองคนจะผ่านมันมาได้ซิ ที่มา dailymail

เรื่องราวที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักพนันหนุ่มคนหนึ่ง ที่ดันไปรับคำท้าแปลกๆ จากเพื่อน เพื่อเสริมหน้าอกแลกกับเงินจำนวนมาก แต่ที่แปลกกว่านั้นก็คือเจ้าตัวกลับติดใจและใช้ชีวิตมาได้นานถึง 20 ปีทีเดียว!?   นี่เป็นเรื่องราวของนาย Brian Zembic หนุ่มนักพนันและนักมายากลชาวแคนาดาวัย 55 ปี เขาเล่าว่าในอดีตเขาเคยไปเที่ยวกับเพื่อนและแฟนของเพื่อน จู่ๆ เขาก็พูดขำๆ ขึ้นมาว่าหากเขามีหน้าอกเหมือนผู้หญิงบ้างก็คงดี คงมีคนสนใจเขาเยอะขึ้น     เมื่อเพื่อนของเขาได้ยินเข้าก็เลยท้าให้นาย Brian ไปเสริมหน้าอก หากยอมทำจริงเขาจะจ่ายเงินรางวัลให้ 100,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3.5 ล้านบาท และต้องใช้ชีวิตแบบผู้ชายมีหน้าอกต่อไปอีก 1 ปีด้วย   หากเป็นคนทั่วไปก็คงจะปฏิเสธคำท้านี้ แต่กับนาย Brian ผู้รักการพนัน ได้ตอบตกลงหน้าตาเฉย และเดินทางไปหาหมอที่เขารู้จัก เพื่อขอให้เขาช่วยเสริมหน้าอกให้ เขาให้สัมภาษณ์ว่า “ผมไปหาเขาที่ออฟฟิสและบอกว่า ‘คุณช่วยเสริมหน้าอกให้ผมได้ไหม?’ และเขาก็ตอบว่า ‘นี่เป็นเดิมพันใช่ไหม?’”     เท่านั้นยังไม่พอ หนุ่มนักพนันรายนี้ยังได้ชวนคุณหมอเล่นพนันอีก “ผมเล่นเกมพนันกับเขาเป็นชั่วโมง ปรากฏว่าผมชนะเงิน 78,450 บาท ตู้ม! ผมได้ทำหน้าอกฟรี จากนั้นผมก็ตื่นมาพร้อมหน้าอกเลย” เมื่อเสริมหน้าอกเสร็จแล้ว เขาก็โชว์มันให้เพื่อนของเขาดูและทวงเงินพนันที่ท้าเอาไว้ “ครั้งแรกที่ผมเปิดให้เพื่อนดู…

หากคุณเคยมีปัญหากับการสั่งอาหารในร้านหรูๆ หรือหวาดกลัวทุกครั้งที่เจอชาวต่างชาติ ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปในเร็ววันนี้ล่ะ เพราะตอนนี้เรามีอุปกรณ์แปลภาษารูปแบบใหม่ที่ไม่ต้องง้อวุ้นแปลภาษาของโดราเอมอนอีกแล้ว   เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้นำเสนออุปกรณ์ที่มีชื่อว่า Pilot (ผู้นำทาง) มันคือหูฟังขนาดเล็กแบบไร้สาย 2 ข้าง ที่ให้คน 2 คนที่คุยกันคนละภาษาสวมใส่มันคนละอัน เพื่อช่วยแปลภาษาให้กับพวกเขาแบบคำต่อคำเลยทีเดียว ทางด้านบริษัท Waverly Labs ผู้ผลิตหูฟังตัวนี้ออกมายืนยันว่าเจ้าอุปกรณ์ Pilot ชิ้นนี้เป็น “หูฟังอัจฉริยะ” ตัวแรกที่มีความสามารถในการแปลระหว่างสองภาษา “มันคืออุปกรณ์แบบสวมใส่ชิ้นเล็กๆ ที่มีเทคโนโลยีช่วยแปลภาษาเพื่อให้คน 2 คนที่คุยกันคนละภาษาสามารถเข้าใจซึ่งกันและกันได้”   ส่วนทางด้านการทำงานของเจ้าหูฟัง Pilot นี้ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย เพราะทางผู้ผลิตยืนยันว่ามันมีเทคโนโลยีในการแปลภาษา ฉะนั้นสิ่งที่คุณควรจะทำก็มีเพียงอย่างเดียวคือสวมใส่มันเท่านั้น   ทาง Waverly Labs ได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่าเจ้าหูฟังตัวนี้สามารถใช้งานได้จริง โดยการทดลองพาหญิงสาวชาวฝรั่งเศสมานั่งพูดคุยกับหนุ่มอเมริกัน ซึ่งแน่นอนว่าทั้งคู่ต่างฟังอีกฝ่ายไม่รู้เรื่อง แต่พอได้ลองสวมหูฟัง ปรากฏว่าพวกเขาสามารถสื่อสารกันได้ทันที แม้จะมีอาการหน่วงอยู่บ้างเล็กน้อยก็ตาม   นอกจากจะแปลคำพูดธรรมดาๆ ได้แล้ว มันยังสามารถแปลเพลงทั้งเพลงที่เราฟังได้ด้วยนะ แต่ในเบื้องต้นมันยังรองรับแค่ไม่กี่ภาษาเท่านั้น นั่นก็คือภาษาอังกฤษ, สเปน, ฝรั่งเศส และอิตาลี ส่วนภาษาอื่นๆ พวกเขาบอกว่าจะตามมาทีหลัง…

#เหมียวฟิ้นเชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินการทำท่าแพลงกิ้งมาบ้างล่ะนะ ไอ้การทำท่าแพลงกิ้งที่ว่านี้ก็คือการลงไปนอนแล้วใช้ข้อศอกยันกับพื้นไว้ ทำให้เกิดการเกร็งที่แขนและหน้าท้อง   จะว่าไปแล้วมันก็คือท่าออกกำลังกายที่ดีท่าหนึ่งเลย หากทำในระยะเวลาสั้นๆ แต่คงจะทรมานน่าดูหากต้องทำท่านี้เป็นชั่วโมงๆ!?     เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่ามีการจัดการแข่งขันที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง เพื่อประลองความแข็งแกร่งระหว่างหน่วยสวาทของจีนกับทหารเรือสหรัฐฯ โดยการทำท่าแพลงกิ้งได้นานที่สุด     โดยตัวแทนของฝั่งหน่วยสวาทจีนได้แก่นาย Mao Weidong และฝั่งทหารเรือได้แก่ George Hood เมื่อการแข่งขันดำเนินไปถึงชั่วโมงที่ 7 นาย George เริ่มแสดงอาการล้าให้เห็น และขอหยุดการแข่งขัน โดยเขาสามารถทำเวลาไปได้ 7 ชั่วโมง 40 นาที     แต่นาย Mao ไม่ยอมหยุดแค่นั้น เขายังคงมุ่งมั่นทำท่าแพลงกิ้งต่อไป สุดท้ายเขาก็สามารถทำเวลาไปได้ถึง 8 ชั่วโมง 1 นาที 1 วินาที (บ้าไปแล้ว) ซึ่งทำลายสถิติปีก่อนหน้านี้ที่ 4 ชั่วโมง 26 นาทีลงได้อย่างราบคาบ   . . .  …

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้เปิดเผยเรื่องราวชวนสลดใจของ Kirsty หญิงสาววัย 23 ปี จากมณฑลเคนต์ ประเทศอังกฤษ ที่นอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาล เพราะถูกแมลงปริศนากัดเข้าที่หลังของเธอตั้งแต่ตอนอายุ 12 ทำให้เธอต้องวนเวียนอยู่โรงพยาบาลนับตั้งแต่นั้นมา     ตามรายงานบอกว่า Kirsty มีอาการป่วยเรื้อรังมาตลอด 11 ปีที่ผ่านมา ทั้งปวดเนื้อปวดตัวและมีอาเจียน มันทำลายชีวิตความเป็นอยู่ของเธอในแบบที่ไม่ควรจะเป็น อาการของเธอแย่ลงขึ้นเรื่อยๆ ในเดือนที่ผ่านมา เธอต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลบ่อยถึง 4 ครั้งทีเดียว     ทางด้าน Theresa คุณแม่ของ Kirsty ได้กล่าวว่าเธอรู้สึกลำบากใจมากเพราะลูกสาวเอาแต่อ้อนวอนให้พาเธอไปฉีดยาฆ่าตัวตายซะ “Kirsty แย่ลงเรื่อยๆ เธอไม่สามารถรับยาเพราะอาเจียน เธอพยายามแล้ว แต่เธออ่อนแอและอยากจะตาย”     ตลอดระยะเวลาการรักษาตัว 7 ปีที่ผ่านมาผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ได้กล่าวว่า Kirsty อาจเป็นโรค SLE (โรคแพ้ภูมิตัวเอง) แต่สุดท้ายคุณหมอจากโรงพยาบาล Guy’s Hospital ก็ได้ออกมายืนยันว่าไม่ใช่อย่างที่คิด   ชมคลิปสุดสะเทือนใจได้ที่ด้านล่างเลย…

หลายครั้งที่เราได้ดูข่าว ภาพยนตร์ ทีวีซีรี่ส์ เราจะเห็นได้ว่าตำรวจในสหรัฐนั้นค่อนข้างโหดทีเดียวไม่ค่อยจะประนีประนอมสักเท่าไหร่ หากเจอคนถืออาวุธหรือแสดงพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้ใจพวกเขาก็พร้อมเข้าชาร์จทันที แต่ใช่ว่าทุกคนจะถูกฝึกมาให้เป็นแบบนั้นซะหมดนะ   เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยภาพน่ารักๆ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ Tim Purd จากรัฐนอร์ธแคโรไลนา กำลังนั่งลงบนพื้นเพื่อพูดคุยและปลอบประโลมกับเด็กออทิสติกคนหนึ่งที่ถูกกลั่นแกล้งจนอยากจะฆ่าตัวตาย     ทางเฟซบุ๊กเพจของสถานีตำรวจที่เจ้าหน้าที่คนนี้ทำงานอยู่ได้โพสต์ภาพสุดประทับใจนี้ลงในโลกออนไลน์พร้อมกับข้อความว่า “เพื่อนที่จะสามารถเชื่อมต่อกับหนุ่มน้อยคนนั้นได้ เจ้าหน้าที่ Purdy ได้ลงไปนั่งกับพื้นเพื่อพูดคุยว่าเกิดอะไรขึ้น จนไปถึงสร้างเสียงหัวเราะให้กับเด็กคนนั้น”   “เจ้าหน้าที่ Purdy ได้สร้างความไว้วางใจกับเด็กคนนั้น ทำให้หนุ่มน้อยยอมรับความช่วยเหลือ” หลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ทำให้ผู้คนเข้ามาแสดงความรู้สึกซาบซึ้งภายในเวลาอันรวดเร็ว     ทางกรมตำรวจบอกว่าเนื่องจากวิธีการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ Purdy ทำให้หนุ่มน้อยได้รับการช่วยเหลืออย่างเหมาะสม เพราะแทนที่จะใช้กำลังหรือบังคับใช้กฎหมายในการควบคุมเหตุการณ์ต่างๆ พวกเขาสามารถเพิ่มการพูดคุยอีกสักนิดและสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ให้กับชีวิตของใครสักคนได้เลย ที่มา dailymail

เคยรู้สึกไหมว่าการเดินทางในแต่ละวันนั้นช่างเป็นอะไรที่ยุ่งยากซะเหลือเกิน เพราะคุณต้องหิ้วข้าวของมากมายไว้กับตัว อาจจะสะพายเป้หรือถือมันไว้ในมือ ในขณะเดียวกันก็ต้องเดินไปยังที่ต่างๆ ด้วย วันนี้เรามีตัวช่วยให้การเดินทางของคุณสะดวกยิ่งขึ้นล่ะ   #เหมียวฟิ้นขอเสนอสเก็ตบอร์ดไฟฟ้าที่มีชื่อว่า Movpak มันเป็นสเก็ตบอร์ดที่ช่วยให้การเดินทางของคุณง่ายขึ้นด้วยการเพิ่มช่องใส่สัมภาระเข้าไปบนตัวบอร์ด ให้คุณเดินทางไปพร้อมกับข้าวของมากมายแบบไม่ต้องหิ้วพะรุงพะรังให้เมื่อยอีกต่อไป     และเมื่อคุณถึงที่หมายแล้ว จะเก็บสเก็ตบอร์ดแล้วเปลี่ยนให้มันกลายเป็นกระเป๋าเดินทาง คุณก็แค่พับมันลงไปเท่านั้น   เจ้า Movpak สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วที่สุดคือ 32 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถวิ่งได้ไกล 16 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้งเลย     ในกรณีที่คุณไม่เก่งเรื่องการควบคุมสเก็ตบอร์ดหรือเล่นไม่ค่อยเก่ง เขาก็มีรีโมทควบคุมติดมาให้ด้วย ให้คุณควบคุมทิศทาง ความเร็ว และเบรคมันได้ง่ายๆ เพียงแค่สัมผัสปลายนิ้วเท่านั้น   เจ้ากระเป๋าตัวนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมต่อกับมือถือของคุณได้ ดังนั้นคุณจึงสามารถเรียกใช้ Siri หรือ Google Now ได้ในระหว่างที่คุณกำลังเคลื่อนที่อยู่ นอกจากนี้มันมันยังมีช่องเสียบ USB ให้คุณชาร์จแบตเตอรี่ระหว่างทางได้อีกด้วย     Movpak เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2014 และตอนนี้พวกเขาก็กำลังระดมทุนผ่านเว็บไซต์ Indigogo โดยวางเป้าหมายเพียง 50,000 ดอลลลาร์ หรือประมาณ…

นี่เป็นเรื่องราวชวนให้สะเทือนใจของเด็กชาย Vinny Desautels วัย 7 ขวบ จากรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่อดทนไว้ผมยาวมานาน 2 ปี เพื่อนำเอาเส้นผมของเขาไปบริจาคทำเป็นวิกเพื่อช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยโรคมะเร็ง     หลังจากผ่านไป 2 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่เขาเริ่มไว้ผมยาว เขาสามารถไว้ผมได้ยาวถึง 13 นิ้ว เลยทีเดียว แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับเขา เพราะหลังจากที่เขาตัดผมเอาไปทำวิกได้ไม่นาน กลับกลายเป็นว่า Vinny ป่วยเป็นโรคมะเร็งเสียเอง     พ่อแม่ของ Vinny ได้นำตัวลูกชายส่งโรงพยาบาลทันทีที่รุ้เรื่อง เพื่อให้หมอดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชาย จากการตรวจพบว่าเขาเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายแล้ว เขามีก้อนเนื้อเจริญเติบโตที่รอบๆ สะโพก, ที่กระดูกรอบๆ ดวงตาและแก้มด้านขวา     ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจพอสมควรที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเด็กที่มีจิตใจดีแบบนี้ แต่พ่อกับแม่ของเขาก็ยังคงภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้ และดีใจที่เขาเกิดมาเป็นลูกของพวกเขา     ทั้งนี้ทางด้าน Sue และ Ron ผู้เป็นย่าและปู่ของ Vinny ได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของหลายชายผู้นี้ จึงได้ขอเรี่ยไรเงินค่ารักษาพยาบาลผ่านเว็บไซต์ GoFundMe เพื่อนำไปจ่ายค่ารักษาแสนแพงในทุกๆ วัน   พร้อมกันนี้ยังมีข้อความบรรยายในเว็บไซต์ด้วยว่า “หลานชายของพวกเราเป็นสิ่งล้ำค่ามาก เขาต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายแบบที่เด็กคนหนึ่งไม่ควรเจอ”     นี่คือภาพของเจ้าหนู Vinny ขณะนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล…

เป็นประจำทุกปีที่จะมีการจัดงาน Beijing Auto Show ขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน งานมหกรรมโชว์รถจากแบรนด์ต่างๆ เพื่อกระตุ้นการซื้อรถและโชว์วิสัยทัศน์ของแบรนด์ต่างๆ และในปีนี้เองก็มีผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ต่างๆ กว่า 80 แบรนด์เข้าร่วงงาน มีรถกว่า 150 รุ่น และผู้เข้าชมงานกว่า 800,000 คน เลยทีเดียว   แน่นอนว่าสิ่งที่จะสามารถเรียกความสนใจจากผู้เข้าชมงานก็เห็นจะหนีไม่พ้นคอนเซ็ปต์คาร์ หรือรถรุ่นต้นแบบที่แต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์เข็นออกมาโชว์กัน ทั้งล้ำ และสวยงามเกินบรรยายจริงๆ เราลองไปดูกันดีกว่าว่ามีรถรุ่นไหนเตะตาเราบ้าง?   10. Dongfeng HUV รถกระบะสไตล์ออฟโรดครูเซอร์ รูปทรงสี่เหลี่ยมสมบุกสมบัน กระจกหน้าเกือบจะตั้งฉากกับตัวรถ เครื่องยนต์เบนซินสี่สูบ เตรียมจำหน่ายจริงในปีหน้า   9. Zhiche Auto SUV มาถึงรถไฟฟ้ากันบ้าง รถทรง SUV 4 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบที่ดีไซน์เพื่อให้รับกับหลักอากาศพลศาสตร์มากที่สุด มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อรถกับรถคันอื่นๆ และอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ ได้ง่ายๆ วางขายปี 2017   8. Ranz RF-EA1 รถเก๋งซีดานรูปทรงเพรียวบางที่ออกแบบมาเพื่อให้เตะตาคนเป็นพิเศษ เป็นการร่วมทุนกับบริษัท FAW-Toyota เพื่อสร้างรถเก๋งไฟฟ้าประหยัดพลังงาน ถึงแม้ว่าบริษัทนี้จะยังไม่สามารถผลิตรถออกมาได้จริงสักคันตั้งแต่ปี 2013 แต่ก็ยังคงมุ่งหน้าดำเนินธุรกิจต่อไป  …

มีหนุ่มๆ หลายคนมักจะมีปัญหากับน้ำหนักแฟนสาว บางครั้งเมื่อสาวๆ เริ่มกินเก่ง มีน้ำหนักเพิ่มากขึ้น มีรูปร่างท้วมขึ้น พวกเขาก็จะพยายามบอกให้แฟนสาวไปลดน้ำหนักเพื่อให้กลับมารูปร่างดี จนบางครั้งหลายๆ คู่ทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้มานักต่อนักแล้ว   แต่กับเรื่องราวของ Christina Carter วัย 28 ปี กลับแตกต่างออกไป เพราะแฟนหนุ่มของเธอไม่ยอมให้เธอผอม!? เมื่อเธอเริ่มปฏิบัติการลดน้ำหนัก ชายหนุ่มก็เกรี้ยวกราดใส่และเกิดอาการหึงหวงเธออย่างแรง     ตอนนั้น Christina มีน้ำหนักอยู่ที่ 124 กิโลกรัม ซึ่งเธอไม่อาจจะทนกับมันต่อไปได้อีกแล้ว เธอจึงลดน้ำหนักอย่างจริงจัง แต่แฟนหนุ่มของเธอไม่เห็นด้วยเธอจึงรู้ตัวว่าถูกแฟนหนุ่มบงการเข้าให้แล้ว เธอก็เลยบอกเลิกกับเขาซะเลย     เมื่อเธอตัดสินใจแล้ว เธอก็เข้ารับการผ่าตัดกระเพาะอาหารให้มีขนาดเล็กลง จากนั้นก็ออกกำลังกาย ควบคุมอาหารแบบเต็มที่ นั่นทำให้น้ำหนักของเธอลดไปถึง 68 กิโลกรัมเลยทีเดียว     รูปร่างที่ดีและน้ำหนักที่ลดลงนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากการออกกำลังกายและควบคุมอาหารเท่านั้น แต่เป็นเพราะเธอเลิกกับแฟนที่มีความคิดแย่ๆ ไปด้วย นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดล่ะ     วันหนึ่ง Christina ได้ค้นตู้เสื้อผ้าและพบเข้ากับชุดว่ายน้ำสีเขียว ที่เคยเป็นชุดว่ายน้ำตัวจิ๋วที่เธอเกือบจะใส่ไม่ได้ แต่วันนี้เธอลองเอามันกลับมาใส่ดู ปรากฏว่ามันกลายเป็นชุดที่พอเหมาะพอดีกับเธอสุดๆ   อย่าปล่อยให้คนอื่นๆ…

ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากในชีวิต และไม่ใช่ทุกคนอีกเหมือนกันที่เจอมันแล้วจะเข้มแข็งและมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เหมือนกับเรื่องราวที่#เหมียวฟิ้นจะนำมาเล่าให้คุณฟังในวันนี้   เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้เปิดเผยเรื่องราวของชายหนุ่มสู้ชีวิตคนหนึ่งที่ชื่อนาย Alex Lewis วัย 35 ปี เขามีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน และอาการของเขาก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเนื้อในร่างกายบางส่วนเน่าเกินเยียวยา     ในตอนแรกที่นาย Alex มีอาการป่วย ทางแพทย์ได้วินิจฉัยว่าเขาป่วยเพราะพิษไข้หวัด แต่อาการของเขากลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนแพทย์ต้องตรวจดูอาการใหม่ ถึงได้ทราบว่าเขาติดเชื้อสเตรปโตคอกคัส กลุ่มเอ ซึ่งมันลุกลามจนทำให้เลือดในร่างกายของเขากลายเป็นพิษ     นาย Alex ต้องเข้ารับการผ่าตัดครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ ทางทีมแพทย์ตัดสินใจตัดเอาแขน ขา ริมฝีปาก และเนื้อจมูกบางส่วนออก ทำให้เขาต้องใช้แขนขาเทียมในการดำรงชีวิต ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรสำหรับเขาเลยทีเดียว     แต่คงไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไปกว่าการถูกลูกชายเพียงคนเดียวปฏิเสธ เพราะเนื่องจากเขาต้องกลายเป็นคนพิการและมีใบหน้าที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก ทำให้ลูกชายของเขารู้สึกหวาดกลัวผู้เป็นพ่อ จนไม่อยากเข้ามากอดหรือจูบแบบที่เคยทำ     มีรายการทีวีสนใจชวนเขาไปสัมภาษณ์ออกอากาศ นาย Alex ได้ว่า“มันเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่มาก ผมทำหน้าที่เป็นพ่ออยู่ที่บ้านเป็นเวลา 2 ปี มันเป็นช่วงเวลาที่อัศจรรย์…

บางครั้งเราก็ไม่สามารถเลือกได้ว่าความรักจะเกิดขึ้น ณ ที่ไหน บางทีความรักอาจจะพุ่งมาหาคุณในระหว่างที่กำลังยืนรอเดินประจำทางอยู่ก็ได้ แต่สิ่งที่คุณเลือกได้คือการแสดงความรักกันอย่างเหมาะสมนะ…     เมื่อวันที่ 25 เมษาที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยคลิปวิดีโอหนึ่งของคู่รักในกรุงบาร์เซโลนา ประเทศสเปน กำลังแสดงความรักกันอย่างดุเดือด ท่ามกลางสายตาของผู้มารอใช้บริการรถไฟใต้ดินจำนวนมาก   คลิปวิดีโอดังกล่าวเผยให้เห็นภาพของชายหญิงคู่หนึ่งในช่วงเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในสถานีรถไฟใต้ดิน Liceu Metro ทั้งคู่เปลือยท่อนล่างและทำกิจกรรมรักกันอย่างเมามัน โดยไม่สนใจสายตาของคนอื่นๆ เลย     หนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าเขามองเห็นคู่ทั้งสองคนอยู่กลางสถานนีรถไฟใต้ดิน โดนมีกลุ่มวัยรุ่นและเด็กๆ อยู่แถวนั้น แถมยังได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากกลุ่มคนที่เห็นเหตุการณ์นี้ด้วย   ทั้งนี้สำนักข่าวท้องถิ่นรายงานว่าการกระทำของคู่รักดังกล่าวเกิดจากอาการมึนเมาหรือเป็นเพราะมีการท้าทายจากกลุ่มเพื่อนกันแน่ แต่ทางด้านนายสถานีได้รับคลิปวิดีโอแล้วและจะมีการสืบสวนสอบสวนต่อไป     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย…   เอ่อ…บางอย่างก็เก็บๆ ไว้ทำกันสองคนก็ได้มั้ง ที่มา dailymail

กางเกงในถือเป็นเครื่องนุ่งห่มชนิดหนึ่งที่คอยโอบอุ้มอวัยวะส่วนสำคัญของร่างกาย ให้ได้รูปและไม่ให้ห้อยโตงเตง แต่หากท่านชายคนไหนรู้สึกว่าการสวมใส่กางเกงในเป็นเรื่องที่น่าอึดอัด เพราะน้องชายของคุณต้องการพื้นที่ในการหายใจ (แหม่) งั้นลองมาดูกับกางเกงในรูปแบบใหม่ตัวนี้หน่อยเป็นไง?     เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Distractify ได้นำเสนอเกี่ยวกับกางเกงในชายแฮนเมดที่เป็นรูปสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงู ช้างหรือลิง แต่ความพิเศษของเจ้ากางเกงในชนิดนี้ก็คือ มันจะมีส่วนยืนออกมาตรงบริเวณหรรมส์ของท่านชาย ทำให้คุณรู้สึกโปร่งโล่งสบายยิ่งกว่าที่เคย     ผลงานการออกแบบสุดแหวกชิ้นนี้มาจากนาย Simas Zelvys เขากล่าวว่าเขาพยายามที่จะสร้างความแตกต่าง เพราะยังไม่เคยมีใครทำกางเกงในแบบนี้มาก่อน “ผมพบว่ายังไม่มีใครเคยทำกางเกงในถักของผู้ชายเลย ผมต้องคิดถึงสิ่งที่แตกต่างออกไปแบบที่ไม่มีใครเคยทำขายมาก่อน”     แถมนาย Simas ยังคิดว่ามันเป็นสินค้าที่เหมาะแก่การซื้อให้เป็นของขวัญด้วย “มันคงเป็นเรื่องตลกดีถ้าใครซื้อมันให้เป็นของขวัญ และนี่คือสินค้าที่วัยรุ่นสาวมักจะซื้อให้หนุ่มๆ เป็นของขวัญ”     สาวๆ คนไหนอยากจะซื้อมาให้แฟนหนุ่มใส่ดูก็ตามหาซื้อกันได้ที่นี่เลยนะ ที่มา distractify

เคยถามตัวเองกันไหมว่าหากเป็นศิลปินที่พวกเราชื่นชอบ คุณจะสามารถทำอะไรเพื่อพวกเขาได้แค่ไหน? บางคนอาจจะติดตามผลงานผ่านหน้าจอโทรทัศน์/คอมพิวเตอร์ บางคนอาจจะสนับสนุนผลงานของพวกเขา บางคนอาจจะตามไปดูคอนเสิร์ตทุกครั้งที่พวกเขามาแสดงคอนเสิร์ต     แต่กับหญิงสาวชาวบราซิลรายนี้กลับไม่ได้ทำแบบนั้น เพราะเธอยอมทุ่มเงินเป็นล้านเพื่อให้ได้จูบกับ Ricky Martin ศิลปินในดวงใจของเธอ (แม้ว่าฝ่ายชายจะไม่ได้ชอบผู้หญิงก็เถอะ)     เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่าเมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ได้มีการจัดงานการกุศล amfAR Inspiration Gala ขึ้นที่เมืองเซาเปาลู ประเทศบราซิล เพื่อนำยอดเงินบริจาคไปมอบให้กับองค์กรการกุศลเพื่อผู้ป่วยโรคเอดส์     และผู้ที่มียอดบริจาคเงินสูงสุดจะได้รางวัลเป็นจูบอันดูดดื่มกับศิลปินดังอย่าง Ricky Martin ซึ่งผู้ชนะในงานนี้ก็ได้แก่ไฮโซสาว Ana Paola Diniz เจ้าของรีสอร์ทสัตว์เลี้ยงผู้นี้นี่เอง โดยเธอมียอดบริจาคทั้งสิ้น 90,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3.1 ล้านบาทเลยทีเดียว!!     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย   ปัจจุบัน Ricky Martin ได้ประกาศตัวชัดเจนว่าตนเองเป็นคนรักร่วมเพศ และมีแฟนหนุ่มชื่อ Jwan Yosef ที่เจ้าตัวพามาออกงานในครั้งนี้ด้วย    …

ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวจนบ้านเรือนเสียหายและมีผู้เสียชีวิตกว่า 41 คน ที่ประเทศเอกวาดอร์เองก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเช่นกัน     เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่าเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศเอกวาดอร์ ความรุนแรง 7.8 แม็กนิจูด เมื่อเวลา 18.58 น. ของวันเสาร์ที่ 16 เมษายน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 1,500 คนและเสียชีวิตกว่า 238 ศพ     จากการสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ เผยว่านี่ถือเป็นเหตุการณ์แผ่นดินที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่ปี 1979 ตามรานงานบอกว่าศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไปใต้ดินราวๆ 19 กิโลเมตร ห่างจากเมืองหลวงกรุงกีโต ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ราว 173 กิโลเมตร     ทางด้านประธานาธิบดี Rafael Correa ที่อยู่ ณ กรุงโรมหลังจากเข้าร่วมการประชุมที่นครวาติกันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้ส่งกำลังใจมายังชาวเอกวาดอร์เพื่อให้พวกเขาเข้มแข็ง และได้ลงนามเพื่อประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติทันที     ตอนนี้ทางรัฐบาลได้จัดหน่วยกู้ภัยเพื่อออกช่วยเหลือและค้นหาผู้ประสบภัยแล้ว โดยจะมี กองกำลังความมั่นคง 10,000 คน ตำรวจ 3,500 คน และหน่วยแพทย์อีก 200 คน รวมทั้งโรงพยาบาลเคลื่อนที่ 2 หน่วย…

กลายเป็นข่าวดังอยู่ช่วงหนึ่งเลย สำหรับเรื่องราวของความรักกุ๊กกิ๊กระหว่างคุณหมอสุดหล่ออย่างหมอไมค์ มิคาอิล วาร์ชาฟสกี้ และมิสยูนิเวิร์ส 2015 ปิอา อลอนโซ่ เวิร์ทซ์แบคช์ ที่ออกมาประกาศเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคมว่ากำลังคบหาดูใจกันอยู่ ทำเอาหนุ่มสาวที่ติดตามผลงานทั้งคู่อกหักกันเป็นแถวๆ     แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะต้องหยุดลงแล้วล้ะ เพราะตอนนี้ใน IG ของหมอไมค์ได้ทำการลบรูปคู่ระหว่างตัวเองและมิสปิอาออกแล้ว ส่วนใน IG ของฝ่ายหญิงเองก็ไม่เหลือรูปคู่ระหว่างเธอกับคุณหมอสุดหล่อเช่นกัน หรือนี่อาจเป็นสัญญาณว่าทั้งคู่หยุดความสัมพันธ์แล้วเรียบร้อย       ทั้งนี้หมอไมค์เป็นที่รู้จักของชาวเน็ตหลังจากที่ภาพถ่ายแบบและภาพจาก IG ถูกแชร์ออกไปจนได้รับฉายาจากนิตยสาร People ว่าเป็น “หมอที่หล่อที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่”            ความรักมันก็แบบนี้ล่ะนะ มีเข้ามามีออกไป ยังไงก็สู้ๆ นะจ๊ะ ที่มา Asna Hirunprasit , doctor.mike , piawurtzbach

หากคุณประสบปัญหาเกี่ยวกับกำแพงภาษา แต่อยากจะออกเดินทางไปท่องโลกกว้างแล้วล่ะก็ วันนี้#เหมียวฟิ้น มีวิธีแก้ปัญหามาฝากกันล่ะ     เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Boredpanda ได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเสื้อยืดสุดเจ๋ง ที่สกรีนลวดลายเป็นสัญลักษณ์ต่างๆ กว่า 40 สัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เพื่อช่วยให้การท่องเที่ยวเป็นไปอย่างง่ายดายมากขึ้น     สัญลักษณ์ที่ว่านี้มีทั้งรถ เรือ โรงแรม ดวงอาทิตย์ โทรศัพท์ กุญแจ กล้อง นาฬิกา และอีกสารพัด เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถสื่อสารกับคนในท้องที่ได้ แม้จะพูดภาษานั้นๆ ไม่เป็นก็ตาม     ไอเดียทั้งหมดเกิดจากเพื่อน 3 คน George, Steven และ Florian พวกเขามักจะเจอกับปัญหาในเรื่องของกำแพงภาษา ที่ทำให้การเดินทาง การหาที่พัก หรือการท่องเที่ยวติดขัดอยู่เสมอ พวกเขาเลยทำเสื้อยืดที่ชื่อว่า Iconspeak ขึ้นมา     ทีมงาน Iconspeak ทั้ง 3 คนได้อธิบายเกี่ยวกับแนวคิดในการทำเสื้อของเขาว่า “เราคิดว่ามันเป็นอะไรที่เจ๋งมาก ที่จะมีสัญลักษณ์สำคัญๆ อยู่ติดตัวคุณตลอดเวลา ไม่ว่าคุณต้องการอะไรก็แค่ชี้มันไปที่สัญลักษณ์นั้น และผู้คนก็สามารถเข้าใจมันได้ทันที”…

กลายเป็นประเด็นขึ้นมาเลยทีเดียว เมื่อมีลูกสาวข้าราชการรายหนึ่งในประเทศลาวที่นำรถดับเพลิงออกมาใช้ฉีดน้ำเพื่อฉลองปีใหม่ (หรือเทศกาลสงกรานต) ในประเทศลาว จนชาวเน็ตวิจารณ์ว่าเหมาะสมหรือไม่?     เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ ໂທລະໂຄ່ງ THOLAKHONG (โทรโข่ง) ได้โพสต์ภาพและข้อความของเฟซบุ๊กสาวชาวลาวรายหนึ่ง ที่มีแม่เป็นข้าราชการจึงขอให้นำเอารถดับเพลิงมาฉีดน้ำเล่นที่บริเวณ สถาบันเศรษฐกิจการเงิน Institute of Economics and Finance     แต่เนื่องจากเป็นการนำเอารถของราชการมาใช้ในงานส่วนตัว จึงเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เกี่ยวกับการกระทำดังกล่าวว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่ ในขณะที่ชาวลาวบางคนมองว่าอาจจะมีการเขียนหนังสือและขออนุญาตอย่างเป็นทางการแล้วก็ได้     ทั้งนี้ที่ประเทศลาวมักจะมีการจัดเทศกาลสงกรานต์คล้ายกับที่ประเทศไทย โดยจะจัดขึ้นในช่วงวันที่ 5 เมษายนของทุกๆ ปี และมีการแบ่งออกเป็น 3 วัน ทั้ง “วันสังขารล่วง”(ที่ลาวเขาออกเสียงกันแบบนี้นะ) “วันเนา” และ “วันสังขารขึ้น”     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย Happy Lao New Year โพสต์โดย Asang Laochoung บน 7…

แม้ว่าปัจจุบันเรื่องความบริสุทธิ์ของหญิงสาวจะไม่ใช่เรื่องที่เคร่งครัดเหมือนสมัยก่อนแล้ว แต่ก็ยังคงมีหนุ่มๆ บางคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ (มากเกินพอดี) จนถึงขั้นรับไม่ได้เมื่อรู้ว่าแฟนสาวเคยผ่านชายอื่นมาก่อน   เมื่อวันที่  7 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่านาย Qalandar Baksh Khokhar ชาวปากีสถานวัย 28 ปี ได้ก่อเหตุฆาตกรรมภรรยาสาวในคืนแรกหลังจากที่แต่งงานกัน เพราะจับได้ว่าเธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์อย่างที่เขาหวังไว้     ตามรายงานบอกว่าหญิงสาวผู้โชคร้ายมีชื่อว่านาง Khanzadi Lashari วัย 19 ปี เธอเสียชีวิตในขณะสวมชุดเจ้าสาว ที่บริเวณลำคอมีรอยช้ำคล้ายกับถูกเชือกรัด นาย Qalandar รับสารภาพว่า เขาได้ใช้เชือกรัดคอเธอจนขาดอากาศหายใจและรีบหลบหนีออกไปทันทีหลังจากก่อเหตุ   จากนั้นทางครอบครัวก็ได้พยายามจะติดต่อกับนาง Khanzadi แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อเดินทางมาตรวจที่บ้านของพวกเขาก็พบว่าหญิงสาวนอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงแล้ว แต่กลับไม่พบนาย Qalandar อยู่ด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสันนิษฐานว่าเขาอาจจะเป็นคนก่อเหตุ     เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกติดตามชายหนุ่มจากสัญญาณมือถือทันที และมาพบเอาในช่วงเช้าของวันถัดมา เจ้าหน้าที่จึงต้องยิงสกัดเข้าที่บริเวณขาของเขา จากนั้นก็รีบนำตัวส่งโรงพยาบาล   เจ้าตัวรับสารภาพว่ารู้สึกโกรธที่ภรรยาไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ เลยใช้เชือกผ้าที่เป็นเครื่องแต่งกายของเธอในการรัดคอของเธอจนเสียชีวิต ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนาและไตร่ตรองมาแล้วแก่นาย Qalandar เพื่อรอดำเนินคดีต่อไป ที่มา dailymail

กลายเป็นประเด็นร้อนอยู่สื่อสังคมออนไลน์ของไต้หวันอยู่ในขณะนี้เลย สำหรับภาพหลุดของเหล่าเด็กๆ วัยอนุบาลจากโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่กำลังเลียครีมจากแก้มของนักเรียนหญิงและยังมีภาพที่เด็กๆ ส่งลูกเชอร์รี่ให้กันด้วยปาก จนเกิดความสงสัยว่านี่มันคือกิจกรรมอะไรกันแน่!?     เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยแพร่ภาพถ่ายของเด็กๆ ชั้นอนุบาลจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองจางฮั่ว ของไต้หวัน ที่กำลังจัดงานเลี้ยงวัยเกิดให้กับเพื่อนร่วมคนหนึ่ง แต่ในระหว่างจัดกิจกรรมกลับเกิดภาพอื้อฉาวเกิดขึ้น     เมื่อมีภาพหลุดออกมาว่าเด็กผู้ชายกำลังเลียครีมที่แก้มของเด็กผู้หญิง และภาพที่เด็กๆ กำลังส่งลูกเชอร์รี่ให้กันด้วยปากคล้ายกับการจูบ นอกจากนี้ยังมีภาพที่กลุ่มเด็กหญิงทาลิปสติกรุมหอมแก้มเด็กผู้ชายจนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยจูบ       หลังจากที่ภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้านลบออกมาอย่างมากมาย และยังสร้างความกังวลใจให้แก่ผู้ปกครองเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับเด็กๆ     แต่ทางโรงเรียนก็ออกมาแสดงความเสียใจและกล่าวขอโทษในที่สุดและบอกว่าพวกเขาพยายามจะ “ให้ความรู้” เรื่องเพศศึกษาแก่เด็กๆ เท่านั้นเอง       ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย   เรื่องเพศศึกษาอาจจะเป็นเรื่องที่ควรจะสอนกัน แต่#เหมียวฟิ้นว่าให้เด็กๆ เขาโตอีกหน่อยแล้วค่อยสอนก็ได้นะ ที่มา shanghaiist , TVBS NEWS

กลายเป็นภาพที่มีคนนำไปตัดต่อกันอย่างแพร่หลายในอินเตอร์เน็ตในเวลานี้เลย สำหรับภาพของพระรูปหนึ่งขณะชูนิ้วกลางในเมืองบอร์เรลลา ประเทศศรีลังกา   เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา เฟซบุ๊กของนาย Shehan Gunasekara นักข่าวและช่างภาพในประเทศศรีลังกา ได้เผยแพร่ภาพของพระรูปหนึ่งที่กำลังทำการประท้วงอยู่ที่บริเวณหน้าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพร้อมกับชูนิ้งกลางออกมาอย่างดุเดือด     จากนั้นภาพนี้ก็ถูกสมาชิกเว็บไซต์ Reddit ที่ชื่อ Desmond_Morris นำไปเผยแพร่อีกครั้ง และท้าทายให้ชาวเน็ตนำภาพนี้ไปตัดต่อแข่งกัน   จากนั้นชาวเน็ตฝีมือดีหัวครีเอทก็ไม่รอช้า นำภาพของพระสงค์รูปนี้ไปตัดต่อเป็นรูปภาพตลกขบขันมากมาย เช่นชูนิ้วกลางในผู้ลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิปดี Donald Trump, ตัดต่อเป็นโปสเตอร์ภาพยนตร์ 2012 หรือกำลังปล่อยพลังในรูปแบบต่างๆ                                   ….. ที่มา reddit , Shehan Gunasekara

ในหลายๆ ครั้งที่เกิดเหตุการณ์การชุมนุมและการประท้วงต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจในสหรัฐฯ ก็จะต้องเตรียมอุปกรณ์ป้องกันเพื่อไว้ใช้รับมือกับกลุ่มคนจำนวนมาก และต้องพยายามสลายการชุมนุมให้เร็วที่สุด ฉะนั้นพวกเขาจึงต้องมีอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งไว้ใช้สำหรับการนี้ด้วย     ล่าสุดทางบริษัท Euro Security Products ได้คิดค้นโล่ห์แบบใหม่สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มันมีชื่อว่า Shield ESP มีความหนาเพียง 3 มิลลิเมตร และน้ำหนักอยู่ที่ 3.5 กิโลกรัม วัสดุทำมาจากโพลีคาร์บอร์เนตคุณภาพสูง     ความพิเศษของเจ้าโล่ห์ชนิดนี้ก็คือ มันเป็นโล่ห์ที่มีความแข็งแกร่งระดับ +10 เลยทีเดียว เพราะไม่ว่าจะทดสอบด้วยก้อนหิน ท่อนไม้ ท่อนเหล็กหรืออาวุธชนิดต่างๆ ก็ไม่สามารถทำอะไรเจ้าโล่ห์นี้ได้เลย และเนื่องจากมันมีรูปทรงตัววี ทำให้ช่วยกระจายแรงกระแทกได้ดี     โล่ห์ชนิดนี้มีกระบองแบบใหม่แนบติดกับโล่ห์มาด้วย พร้อมกับที่จับ 2 อัน ช่วยเพิ่มความแน่นหนาในการจับ มันยังสามารถกันกระสุนปืนลูกซองและทนต่อความร้อนได้อีกด้วยนะเออ!!       ลองชมคลิปการทดสอบเจ้าโล่ห์นี่ได้ที่ด้านล่างเลยจ้า Scutul antivandal al celor de la Euro Security Products in teste…

อย่างที่เคยได้ยินกันมาว่าอาหารในค่ายทหารของประเทศไทยนั้น มีหน้าตาที่ดูแล้วไม่ค่อยจะมีสารอาหารครบถ้วนสักเท่าไหร่ จนเคยมีคำกล่าวที่ว่า “หมูตัวผักไร่” ซึ่งเรื่องที่ได้ยินมานั้นก็ไม่ได้เกินกว่าความจริงสักเท่าไหร่เลย และล่าสุด#เหมียวฟิ้นมีภาพมายืนยันด้วย   เมื่อไม่นานมานี้เหมียวได้ไปเจอเข้ากับกระทู้พันทิปของสมาชิกที่ใช้นามแฝงว่าคุณ xaccykung ที่นำเอาภาพอาหารจากในค่ายทหารของไทยมาเปิดเผยให้เพื่อนๆ ดู เพื่อบอกให้รู้ว่าหากคุณจะต้องไปเป็นทหาร คุณจะต้องได้เจอกับอะไรบ้าง?               จากนั้นในความคิดเห็นที่ 50 ของสมาชิกหมายเลข 2313939 ก็นำเอาภาพอาหารในกองทัพของแต่ละประเทศมาเปิดเผยให้ทุกคนดูว่า เหล่าทหารหาญทั่วโลกเขากินอะไรเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารกันบ้าง?     อาหารของทหารเกาหลี       อาหารของทหารเกาหลีระหว่างฝึกภาคสนาม   อาหารของทหารจีนสมัยก่อน   ทหารจีนรุ่นใหม่     อาหารระหว่างฝึกภาคสนามของทหารจีน   อาหารของทหารญี่ปุ่น       ทหารอเมริกัน มีน้ำอัดลมให้ด้วย     ทหารรัสเซียบำรุงเต็มที่เลย          …

นี่ถือเป็นคลิปที่โด่งดังมากเมื่อช่วงปลายปี 2015 ที่ผ่านมาเลย สำหรับคลิปของหนุ่มน้อยคนหนึ่ง ที่มีอาการป่วยทางสมองและเข้าร่วมการแข่งขันไตรกีฬา แต่สุดท้ายเขาก็สามารถเอาชนะร่างกายอันอ่อนแอและเข้าเส้นชัยได้ในที่สุดล่ะ     เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ปี 2015 สำนักข่าวต่างประเทศได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอการแข่งขันไตรกีฬา Castle Triathlon Series ที่จัดขึ้นในประเทศอังกฤษเป็นประจำ มีทั้งว่ายน้ำ ปีนเขา ปั่นจักรยาน และวิ่ง     แต่ในช่วงท้ายของการแข่งขันตากล้องก็สามารถจับภาพของผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งได้ ผู้เข้าแข่งขันคนนี้มีชื่อว่า Bailey Matthews วัย 8 ขวบ ที่เกิดมาพร้อมกับความพิการทางสมอง ทำให้การเดินการวิ่งของเขาไม่สามารถทำได้แบบคนปกติ     แต่โชคดีที่เขามีคุณพ่อมากร่วมแข่งขันและช่วยดูความปลอดภัยให้ ในระหว่างที่เด็กชาย Bailey กำลังเดินมาพร้อมกับล้อเข็นจนเกือบจะถึงเส้นชัยอยู่แล้ว จู่ๆ ก็เกิดเสียงเชียร์ดังกระหึ่มมาที่เขา ต่างคนต่างตะโกนเอาใจช่วยให้เขาสามารถเข้าเส้นชัยได้     เมื่อเห็นแบบนั้น Bailey ก็เกิดความฮึกเฮิม สละล้อเข็นและออกเดินด้วยตัวเองในที่สุด แม้ว่าระหว่างทางเดินจะมีพื้นต่างระดับที่ทำให้เขาสะดุดล้มลง แต่เด็กชาย Bailey ก็ไม่ได้ล้มลงและร้องไห้แต่อย่างใด แต่กลับลุกขึ้นทันทีเพื่อวิ่งเข้าเส้นชัยโดยไม่มีล้อเข็นให้ได้   ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย When the finish line was…

เรื่องราวที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องของพ่อหนุ่มคนแคระรายหนึ่ง ที่ถูกเพื่อนๆ และคนรอบข้างกลั่งแกล้งอยู่เสมอ แต่เมื่อเติบโตเขาก็เปลี่ยนเอาคำดูถูกเหล่านั้นมาเป็นพลังและผลักดันให้ตัวเองออกกำลังกาย ซึ่งปัจจุบันเขามีแฟนคลับที่คอยติดตามเพียบเลย   เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวของนาย Ismail Lanaani หนุ่มร่างแคระวัย 27 ปี จากประเทศโมร็อกโก ในสมัยที่เขายังเป็นเพียงวัยรุ่นอยู่นั้น เขาถูกเพื่อนๆ ล้อเลียนอย่างรุนแรงเกี่ยวกับความสูงของเขา     เขาถูกกลั่นแกล้งสารพัด และบอกว่าเขาจะไม่มีทางหาแฟนได้แน่ๆ ในชาตินี้ แต่เขาก็ไม่ได้ท้อแท้ และหันมาเอาใจใส่การแต่งตัวของตัวเองมากขึ้น เขาเริ่มสนใจเรื่องแฟชั่น เซ็ทเสื้อผ้าใหม่ๆ และหันมาเข้ายิมวันละ 4 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อให้มีร่างกายที่แข็งแรงกว่าเดิม     จากการออกกำลังกาย ทำให้กล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ เริ่มชัดเจนขึ้น ส่งผลให้เขามีความมั่นใจมากขึ้นด้วย เขาจึงไม่อายที่จะคุยกับสาวๆ อีกต่อไป     นาย Ismail ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมเคยถูกล้อว่าเป็นคนแคระแห่งทะเลทรายซาฮารา และยังมีคนล้อผมอีกว่าไม่มีทางหาแฟนได้แน่นอน เพราะผมมันเตี้ย แต่ผมสามารถจัดการกับคนเหล่านั้นได้ ผมสามารถลุกขึ้นยืนเพื่อตัวผมเอง ผมรู้ว่าสาวๆ ชอบผม พวกเธอบอกว่าชอบสไตล์ของผม ชอบกล้ามและหนวดด้วย”  …

สาวๆ บางคนที่มีรูปร่างอ้วน บางครั้งพวกเธอก็ไม่ได้อยากมีรูปร่างแบบนั้นหรอกนะ เพียงพวกเธออาจจะมีความสุขกับการกินและยังหาแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายไม่ได้เท่านั้นเอง แต่วันนี้#เหมียวฟิ้นมีอีกหนึ่งตัวอย่าง ที่คุณได้เห็นแล้วอาจจะเกิดกำลังใจดีๆ ขึ้นมาบ้างก็ได้     เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เผยแพร่เรื่องราวของนางสาว Donna Gillie วัย 30 ปีจากประเทศแคนาดา เธอมีน้ำหนักตัวมากถึง 104 กิโลกรัม ซึ่งมันเริ่มจะกลายเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตของเธอเข้าไปทุกทีๆ     Donna เล่าว่าเธอมีรูปร่างแบบนี้มาตั้งแต่สมัยที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย เธอรักการกินมาก ทั้งช็อคโกแลต ชีสเค้กและไอศกรีมต่างๆ แต่แล้วเธอก็เริ่มฉุกคิดได้ตอนอายุ 22 ที่เธอได้งานทำ ตอนนั้นเธอเริ่มรู้สึกว่าการนั่งทำงานกับโต๊ะเป็นอะไรที่อึดอัดมาก     ในปี 2010 Donna เริ่มเข้ายิมและออกกำลังกายแบบจริงจัง และแม้ว่าเธอจะรักขนมหวานขนาดไหน แต่เธอก็ต้องหยุดมันเอาไว้ เธอปรับเปลี่ยนวิธีกินใหม่ กินแต่อาหารที่มีประโยชน์     Donna กล่าวถึงแรงบันดาลใจว่า “ที่ฉันเข้าร่วมการออกกำลังกายเพราะต้องการถ้วยรางวัลพลาสติกหรือการจดจำใดๆ หรอกนะ แต่บางครั้งก็เพื่อตัวฉันเอง เพื่อพิสูจน์ตัวฉันเองว่าสามารถมีรูปร่างที่ดีได้หลังจากที่ลงทุนออกแรงมาหรือเปล่า”    …

เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่านาย Shehada Issa วัย 69 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับในข้อหาฆาตกรรมนาย Amir ลูกชายวัย 29 ปีของตัวเอง เหตุเพราะลูกชายมีรสนิยมทางเพศไม่เหมือนผู้ชายทั่วๆ ไป   ตามรายงานบอกว่านาย Issa ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงลอสแองเจลิสจับกุมในที่บ้านพักของเขาโดยมีร่างของลูกชายนอนเสียชีวิตอยู่นอกบ้าน นอกจากนี้ยังพบร่างของแฟนสาวที่เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บเพราะถูกมีดแทงนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำภายในบ้านด้วย     นาย Issa ให้การกับตำรวจว่า เขายิงลูกชายที่นอกบ้านจริง โดยที่ฝ่ายลูกชายไม่มีอาวุธหรืออุปกรณ์ป้องกันตัวใดๆ เลย โดยอ้างว่าเขาทำไปหลังจากที่เห็นภรรยาของลูกชายนอนเสียชีวิตอยู่ภายในบ้าน     แต่ทางด้านสำนักงานอัยการเขต Los Angeles County ได้กล่าวว่าก่อนหน้านี้นาย Issa ได้เคยข่มขู่ว่าจะฆ่าลูกชายของตัวเองเพราะเขาเป็นเกย์ นาย Issa ยังอ้างอีกว่าลูกชายของเขาได้พยายามใช้มีดกับเขาด้วย แต่หลังจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ กลับไม่พบมีดแม้แต่เล่มเดียว   ซึ่งโศกนาฏกรรมทั้งหมดนี้อาจจะมีเบื้องหลังอย่างอื่นรวมอยู่ด้วย เพราะนาย Issa อ้างว่าลูกชายเป็นเกย์ แต่เจ้าตัวกลับมีแฟนเป็นผู้หญิง ทำให้น่าจะมีปมอะไรซักอย่างที่มากกว่าการเป็นเกย์เพียงอย่างเดียว     ทั้งนี้จะมีการพิจารณาคดีของนาย Issa…

กลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกทีเดียวสำหรับกรณีที่มีกลุ่มแพทย์กลุ่มหนึ่งในประเทศอาร์เจนตินา ตะลุมบอนกันกลางโรงพยาบาล หลังมีความเห็นเกี่ยวกับการขึ้นเงินเดือนไม่ตรงกัน!?   เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอของกลุ่มแพทย์ในโรงพยาบาลซาน มาร์ติน เมืองลาปลาตา ประเทศอาร์เจนตินา ที่ทะเลาะกันอย่างหนักหน่วงจนต้องใช้ความรุนแรง   ตามรายงานบอกว่าในช่วงแรกมีกลุ่มแพทย์ถกเถียงกันอยู่กลางโรงพยาบาล แต่หลังจากที่พวกเขามีปากเสียงกันก็เริ่มมีแพทย์เข้ามามุงดูเรื่อยๆ กว่า 150 คน จากเหตุการณ์ตะลุมบอนครั้งนั้นทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 20 ราย   ชมคลิปเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย   ทั้งนี้หลังจากที่มีการสอบสวนพบว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากการที่เจ้าหน้าที่สหภาพสาธารณสุขรู้สึกเห็นด้วยกับการขึ้นเงินเดือนบุคลากรทางการแพทย์ 15% แต่ทางสมาคมวิชาชีพแพทย์เห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จึงเกิดการทะเลาะและใช้กำลังอย่างที่เห็นในคลิปวิดีโอ   เป็นแพทย์น่าจะคุยกันดีๆ หน่อยนา ที่มา mirror , Daily@011

การที่สาวๆ จะมีสุขภาพดีได้ จะเกิดขึ้นได้จาก 2 วิธี นั่นก็คือการออกกำลังกายและการควบคุมอาหารการกิน แต่อาจมีสาวๆ บางคนใช้วิธีที่ค่อนข้างหนักหน่วงอย่างการอดอาการ เพราะมันทำให้เห็นผลได้เร็ว แต่หากทำมากๆ เข้ามันอาจจะส่งผลให้คุณกลายเป็นคนคลั่งผอมแบบสาวคนนี้ก็ได้นะ     เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้เผยแพร่เรื่องราวที่ช่วยเตือนใจสาวๆ ที่รักความผอม ของหญิงสาวที่มีชื่อว่า อะรูชา เนโคนาม สาวจากเมืองเอเบอร์ดีน ประเทศสกอตแลนด์ วัย 25 ปี ที่เคยคลั่งผอมมากๆ จนเกือบจะต้องนั่งล้อเข็นอยู่แล้ว     อะรูชาเป็นนักเต้นมาตั้งแต่เธออายุได้ 3 ขวบ แต่หลังจากที่เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เธอก็หันมาให้ความสนใจกับรูปร่างของเธอมากขึ้น เธอมักจะคิดเสมอว่าตัวเองมีรูปร่างอ้วนอยู่ตลอดเวลา จึงหาวิธีลดน้ำหนัก ซึ่งเธอเลือกที่จะอดอาหารจนกลายเป็นโรคอะนอเร็กเซีย     ด้านคุณแม่ของเธอ เมื่อเห็นลูกสาวผอมผิดปกติจึงพาเธอไปหาหมอ แต่แม้ว่าหลังจากที่เธอได้เห็นถึงสัญญาณอันตรายบางอย่างบวกกับคำเตือนของหมอที่บอกว่าเธออาจจะต้องใช้ล้อเข็นเพื่อทำกิจกรรมง่ายๆ อย่างการเดิน เพราะทำให้เธอเหนื่อยเกินไป     แต่เธอกลับไม่เชื่อหมอและบอกว่า “แม้ว่าหมอจะบอกกับฉันว่าฉันอาจจะต้องใช้ล้อเข็นเพื่อไปไหนมาไหน แต่ฉันตอบไปว่า ‘พวกเขาโกหก พวกเขาแค่พยายามจะทำให้คุณเลิกทำในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่เท่านั้นเอง’”  …

จะมีสักกี่คนที่ได้พบกับเพื่อนแท้ เพื่อนที่เต็มใจช่วยเหลือเราแม้ว่าตัวเขาจะพลอยลำบากไปด้วยก็ตาม? หากคุณเจอคนแบบนี้เข้าจงรักษามิตรภาพระหว่างพวกคุณไว้ให้ดีๆ ล่ะ เพราะนั่นคือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดแล้ว   เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เผยแพร่เรื่องราวของนาย Kevan Chandler จากรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อลีบ ทำให้ร่างกายของเขาไม่แข็งแรงพอที่จะยืนได้ด้วยตัวเอง และต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา     ถึงแม้ร่างกายของนาย Kevan จะเป็นแบบนี้ เขาก็ยังมีความฝันอันยิ่งใหญ่ ที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วทวีปยุโรป เพื่อนของเขาอย่างนาย Tom Troyer, Philip Keller และ Benjamin Duvall เลยอาสาที่จะแบกเขาและพาไปท่องเที่ยวตามที่เขาหวังไว้     ดูเหมือนปัญหาของนาย Kevan จะมีเพียงเรื่องเดียว นั่นก็คือน้ำหนักของเขา เพราะตอนนี้เขามีน้ำหนักอยู่ที่ 29 กิโลกรัม แต่เพื่อนๆ ของเขาก็ไม่ย่อท้อ และพาเขาไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ทั่วยุโรป สถานที่ที่ปกติแล้วนาย Kevan ไม่น่าจะไปได้ด้วยตัวเองเป็นเวลากว่า 19 วัน     นาย Keller ให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่างติดตลกว่า “การที่ต้องแบก Kevan ไปด้วยนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย…

บางครั้งชีวิตของเราก็สามารถมีความสุขได้ง่ายๆ เพียงแค่คุณไม่ตั้งเงื่อนไขให้กับตัวเองมากจนเกินไป เหมือนกับคุณยายชาวสหรัฐคนนี้ ที่ชื่นชอบสีเขียวมาก จนเปลี่ยนสิ่งของรอบตัวให้กลายเป็นสีเขียว แค่นี้ชีวิตของเธอก็แฮปปี้ยิ่งกว่าอะไรเลยล่ะ     คุณยายที่#เหมียวฟิ้นกำลังพูดถึงอยู่นี้ เธอมีชื่อว่า Elizabeth Sweetheart วัย 74 ปี จากบรุกลิน เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น Green Lady (สุภาพสตรีสีเขียว) สาเหตุที่เป็นแบบนั้นก็เพราะเธอคลั่งสีเขียวมาก ตั้งแต่หัวจรดเท้าจะต้องเป็นสีเขียวทั้งหมด     คุณยาย Elizabeth เล่าว่า ทุกๆ อย่างรอบตัวเธอจะต้องเป็นสีเขียวทั้งหมด แม้ว่าสามีของเธอจะไม่ได้สวมใส่อะไรที่เป็นสีเขียว แต่ตอนนี้เขาก็เริ่มจะชอบสีเขียวแล้วเช่นกัน “มีครั้งหนึ่งที่ฉันเริ่มย้อมผมให้กลายเป็นสีเขียว ตอนนั้นแหละฉันว่าฉันเริ่มกลายเป็นกรีนเลดี้ ฉันว่าฉันเสพติดมันไปแล้วแหละ”     Elizabeth เริ่มเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอกลายเป็นสุภาพสตรีสีเขียวว่า “ฉันรักสีสันมาตลอด และตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันก็สวมใส่สีสันที่แตกต่างกันไป ฉันเริ่มเพิ่มสีเขียวลงไปนิดหน่อย และผสมสีทาเล็บเป็นสีเขียว จากนั้นมันก็ค่อยๆ ลามไปเรื่อยๆ”     “จากนั้นฉันก็กลายเป็นสุภาพสตรีสีเขียวไปได้สักพักเลย น่าจะสัก 16 ถึง 20 ปีไปละมั้ง กิจวัตรประจำวันของฉันคือตื่นขึ้นมาและไปที่ห้องครัว จากนั้นก็เปิดไฟและมองดูทุกสิ่งในนั้นกลายเป็นสีเขียว และฉันก็คิดว่า ‘โอ้…

เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเคยเห็ยภาพของเหล่ามะหมาและแมวเหมียว ซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปกับเจ้านายมานักต่อนักแล้วใช่ไหมล่ะ แต่เชื่อไหมว่านอกจากจะซ้อนรถเป็นแล้ว พวกมันยังขี่รถได้ด้วยนะเออ…     เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปหนึ่งผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊กชาวอินโดนีเซียที่ชื่อว่า Rendo Yehezkiel เป็นคลิปของเจ้าสุนัขพันธุ์โกลเด้นตัวหนึ่ง กำลังขับขี่มอเตอร์ไซค์โดยมีเจ้านายซ้อนอยู่ข้างหลัง     มีรายงานเพิ่มเติมว่าคลิปดังกล่าวถูกถ่ายขึ้นในมานาโด เกาะซูลาเวซี ประเทศอินโดนีเซีย โดยเจ้าหมาตัวนี้มีชื่อว่า Sidney เจ้านายของมันบอกถึงสาเหตุที่เอามันมานั่งด้านหน้าก็เพราะว่ามันปลอดภัยกว่านั่งข้างหลัง จะได้จับตาดูมันได้ง่ายกว่านั่นเอง     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย Manado dog lovers โพสต์โดย Rendo Yehezkiel บน 12 มีนาคม 2016   อันที่จริง#เหมียวฟิ้นเองก็ไม่ได้อยากสนับสนุนให้เอาสัตว์เลี้ยวมาฝึกขี่รถแบบนี้หรอกนะ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา คนที่เจ็บตัวไม่ใช่แค่เจ้าหมานะ แต่คนบนท้องถนนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อาจจะต้องเจ็บตัวไปด้วย ที่มา metro , Rendo Yehezkiel

สำหรับคนที่ต้องเดินทางด้วยเครื่องบินบ่อยๆ แล้ว การที่ต้องนั่งในชั้นประหยัด อาจจะเป็นอะไรที่ไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่ เพราะต้องเจอกับคนหลากหลายประเภท บางคนทำตัวสบายเกิ๊น ทั้งกรนเสียงดัง เท้าเหม็น กินอาหารหกเลอะเทอะข้างๆ คุณ แค่อ่านก็ประสาทเสียแล้วใช่ไหมล่ะ?   วันนี้ #เหมียวฟิ้น จะพาเพื่อนๆ ไปชมตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของผู้โดยสารสุดเอือม ที่คุณไม่อยากเจอแน่ๆ ระหว่างเดินทางด้วยเครื่องบิน จะละเหี่ยใจขนาดไหนลองไปดูกันเลย   1. นั่นถุงเท้าใช่มะ!?   2. มองแว๊บแรกนึกว่ารากไม้   3. ขอแตะหน่อย   4. เหม็นว๊อย!!   5. “หนูเหม็นจังเลยพี่ชาย”   6. ทำไมวางเรี่ยราดแบบนี้ล่ะพี่   7. เป็นรูด้วยนะ คลาสสิค!!   8. เติมน้ำแข็งหน่อยไหมพี่?   9. จะดูหนัง เอาเสื้อออกเดี๋ยวนี้!!   10. พาดขาแบบนี้แล้วจะนั่งยังไงล่ะพี่!!   11.…

การรายงานข่าวในปัจจุบันนั้น นอกจากข่าวจะต้องส่งตรงถึงผู้ชมด้วยความรวดเร็วแล้ว ยังจะต้องสร้างจุดเด่นเพื่อให้ผู้คนจดจำได้ว่ารายการข่าวของคุณไม่เหมือนช่องไหนๆ แต่หากพยายามมากไปมันอาจจะกลายเป็นเรื่องพลาดๆ ที่ผู้คนทั้งประเทศต้องอายไปกับคุณแน่ๆ…   เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอของนักข่าวพยากรอากาศสาวที่ชื่อว่า Roxana Vancea วัย 25 ปี ขณะกำลังรายงานข่าวในประเทศโรมาเนีย แต่ในระหว่างที่เธอกำลังทำหน้าที่อยู่นั้นเองก็มีเรื่องน่าอายๆ เกิดขึ้น     เพราะจู่ๆ Roxana ก็พยายามกระโดดและทำท่าเหมือนกำลังออกกำลังกาย เพื่อให้ผู้ชมทางบ้านเห็นว่าอากาศในวันนั้นดีมากจนต้องออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้ง     แต่เมื่อเธอเริ่มกระโดดและชูมือขึ้นไปบนอากาศ จู่ๆ หน้าอกหน้าใจของเธอก็กระเด้งกระดอน ทำให้บริเวณ “ปทุมถัน” โผล่ออกมาหน้าจอ ต่อหน้าต่อตาผู้ประกาศหนุ่ม 2 คน และผู้ชมทั้งประเทศ!!     นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้เองก็มีข่าวว่านักข่าวสาว Enki Bracaj วัย 21 ปี จากประเทศโรมาเนียเองก็เคยพยายามแต่งตัวเซ็กซี่มารายงานข่าว เพื่อเรียกเรทติ้งผู้ชมด้วยเช่นกัน     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลยจ้า   การพยายามสร้างจุดเด่นให้กับการรายงานข่าวก็เป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ห่วงใยสวัสดิภาพของตัวเองนิดนึงนะ ที่มา dailymail

หากวันนี้คุณรู้สึกเปล่าเปลี่ยวหัวใจ รู้สึกเหงาไม่มีใครให้กอด คุณอาจจะอยากได้ใครสักคนมากอดเพื่อเพิ่มกำลังใจให้กับคุณก็ได้นะ แต่ถ้าคุณโสดล่ะ? เราจะไปหาคนให้กอดได้ที่ไหน? ปัญหาเหล่านันจะหมดไปเมื่อคุณมี “โซฟากอด”!!     เจ้าโซฟากอดที่ว่านี้เป็นผลงานการออกแบบของดีไซน์เนอร์สาวชาวเกาหลีใต้ที่ชื่อว่า Eun Kyoung Lee เธอคิดค้นโซฟานี้ขึ้นมาเพื่อเหล่าคนขี้เหงาโดยเฉพาะ มันจะทำหน้าที่โอบกอดคุณไว้อย่างอบอุ่นที่เดียว     ผลงานการออกแบบนี้นี้เป็นที่ถูกใจนักออกแบบเกาหลีเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นได้รับรางวัล A’Design Awards เลยด้วย ซึ่งนักออกแบบสาสวก็บอกว่า “มันจะกอดคุณอย่างนุ่มนวลเหมือนกับแม่ของคุณ เพื่อนของคุณ หรือคนรักของคุณเลย”             ตามรายงานไม่ได้บอกไว้ว่าโซฟากอดตัวนี้มีราคาเท่าไหร่ แต่หากคุณสนใจล่ะก็ ลองเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ leeeunkyoung เลยนะจ๊ะ ที่มา boredpanda

นี่ถือเป็นข่าวเศร้าสำหรับแฟนๆ เลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อไม่นานมานี้มีข่าวว่าผู้ออกแบบและสร้างสรรค์ตัวละครในการ์ตูนและเกมในเรื่อง Pokemon เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้ว   เว็บไซต์ Kotaku ได้รายงานว่านาย Eric Medalle หัวหน้าฝ่ายสร้างสรรค์และศิลปินผู้ออกแบบตัวการ์ตูน Pokemon ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 43 ปี จากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา     ตามรายงานบอกว่าในวันที่นาย Medalle ประสบอุบัติเหตุนั้น เขาได้ขับรถไปในเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตันดีซี กับลูกสาว แต่โชคร้ายที่วันนั้นเกิดเหตุวาตภัยอย่างรุนแรง ทำให้ต้นไม้ในบริเวณข้างถนนล้มใส่รถของนาย Medalle อย่างจัง ทำให้เขาเสียชีวิตทันที     แต่โชคดีที่ลูกสาวของเขาไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก ชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณนั้นจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือเธอออกมาจากซากรถที่พังยับและรีบส่งไปรักษาตัวในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด     ทั้งนี้นาย Medalle ได้ทำงานกับบริษัท The Pokémon Company ในฐานะศิลปินนักวาดและนักออกแบบเกมมาตั้งแต่ปี 2003 อย่างเช่นภาค Omega Ruby, Alpha Sapphire, X, Y, HeatGold, SoulSilver ,Black, White, Black 2, White 2,     T_T   ที่มา kotaku , technobuffalo

บางครั้งการเห็นเหล่าคนไร้บ้านต้องนอนหิวโหยตามข้างถนน อาจทำให้จิตใจของคนบางคนเป็นกังวลและอยากจะเข้าไปช่วยเหลือพวกเขา นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของร้านอาหารแห่งหนึ่งในสหรัฐ ที่มีไว้เพื่อคอยบริการเหล่าคนไร้บ้านโดยเฉพาะยังไงล่ะ     เมื่อไม่นานมานี้ เว็บไซต์ Huffingtonpost ได้เผยแพร่เรื่องราวดีๆ ของร้านอาหารที่ชื่อว่า Kansas City Community Kitchen ที่ตั้งอยู่ในรัฐแคนซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา     ร้านอาหารแห่งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือขององค์กรการกุศล ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่เหล่าคนไร้บ้านมานานกว่า 30 ปี โดยมีสโลแกนว่า “อิ่มอย่างมีเกียรติ” โดยจะเริ่มให้บริการในช่วงเวลาประมาณ 11.00 – 14.00 น. ของทุกๆ วัน     เหล่าคนไร้บ้านจะถูกบริการอย่างดีประหนึ่งเป็นลูกค้าทั่วๆ ไป ตั้งแต่ทักทาย พาไปนั่งที่โต๊ะ รับออร์เดอร์ ชวนคุย เสิร์ฟอาหาร   นาย Brian Oglesby หนึ่งในคนไร้บ้านที่เข้ารับบริการที่ร้านแห่งนี้กล่าวว่า “มันแตกต่างเหลือเกิน พวกเขาปฏิบัติต่อผมอย่างดี เหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าผมเป็นคนไร้บ้าน”     เมนูหลายๆ อย่างในร้านแห่งนี้ถูกปรุงแต่งและควบคุมโดยเชฟ Michael Curry เจ้าของร้าน…

เป็นเรื่องราวที่ชวนให้ตกใจทีเดียว เพราะเมื่อไม่นานมานี้มีข่าวว่าชาวอังกฤษรายหนึ่งได้พบเข้ากับหนูตัวหนึ่ง ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์พอๆ กับเด็กเล็กคนหนึ่งเลย!!   เมื่อวันที่ 11 มีนจาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้เผยแพร่ภาพของนาย Tony Smith วิศวกรชาวอังกฤษวัย 46 ปี ที่สามารถจับหนูขนาดยักษ์ได้ที่บริเวณสนามเด็กเล่น ในเมืองแฮ็คนีย์ดาวน์ทางตะวันออกของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ     นาย Smith เลยตัดสินใจถ่ายภาพคู่กับเจ้าหนูยักษ์ไว้เป็นที่ระลึก แต่เนื่องจากมันตายแล้วเขาเลยนำมันไปทิ้งลงถังขยะ พร้อมกับโพสต์ข้อความลงในโลกออนไลน์ว่า “นี่คือหนูที่ใหญ่ที่สุดที่ผมเคยเห็นมาเลย ที่บ้านผมเลี้ยงแมวและสุนัขพันธุ์ Jack Russell และหนูนี่ดันใหญ่กว่าพวกมันรวมกันซะอีก”     หลังจากที่ภาพนี้โด่งดังในโลกออนไลน์ ผู้คนก็ต่างพากันสงสัยว่าแท้จริงแล้ว เจ้าหนูตัวนี้คือหนูยักษ์อย่างที่นาย Smith โอ้อวดหรือเปล่า? ผู้ใช้ทวิตเตอร์หลายๆ รายจึงพยายามทดสอบด้วยการใช้เทคนิคการถ่ายภาพที่ชื่อว่า Forced perspective มาลองถ่ายดู     ผลปรากฏว่า การถ่ายภาพสิ่งของชิ้นเล็กๆ เช่นหนูตัวเล็กๆ หรือตุ๊กตาชิ้นเล็กๆ ก็สามารถที่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นมาได้ เพียงแค่ยื่นมันออกมาใกล้ๆ กับกล้องเท่านั้น แถมยังมีคนนำรูปของนาย Smith มาตีเส้นใหม่ เพื่อคำนวนว่าภาพที่เขาถ่ายนั้น น่าจะใช้เทคนิคเดียวกันในการถ่าย     แหม่ ไอ้เราก็นึกว่าเจอไคจูหนูยักษ์ซะแล้ว ที่มา mirror

เกิดเรื่องราววุ่นๆ บนเครื่องบินอีกแล้ว (ทำไมช่วงนี้มันมีบ่อยจัง) เมื่อผู้โดยสารสาวเกิดเมาบนเครื่องบินและส่งเสียงดัง ทำให้ผู้โดยสารคนอื่นรำคาญจนสุดท้ายเกิดวางมวยกันชุลมุนสุดๆ     เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า ผู้โดยสารหญิง 2 คนบนสายการบิน Spirit Airlines เที่ยวบิน 141 ที่กำลังจะเดินทางจากรัฐแมริแลนด์ไปยังกรุงลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย มีอาการมึนเมาและเปิดเพลงเสียงดัง จนทำให้ผู้อื่นรำคาญ     จากนั้นจึงมีผู้โดยสารหญิง 3 คนเดินเข้าไปบอกให้เธอช่วยลดเสียงลงหน่อย แต่เธอกลับไม่ยอมฟังจึงโยนมือถือทิ้งและกระโจนเข้าฟัดกันทันที แต่ทางฝั่งของผู้โดยสารสาว 3 คนก็ไม่ได้ยอมแพ้ เข้าต่อสู้อย่างสุดใจ ทั้งตบต่อยกระชากผมอย่างไม่บันยะบันยังจนเหตุการณ์โกลาหลเกินกว่าจะควบคุม     ไม่นานนักเจ้าหน้าที่ในสนามบินก็ได้เข้ามาหยุดเหตุการณ์ดังกล่าวในที่สุดโดยที่ไม่มีผู้โดยสารคนไหนได้รับบาดเจ็บรุนแรง จากนั้นเจ้าหน้าที่ FBI ก็เข้ามาควบคุมสาวๆ ทั้ง 5 คนออกไปสอบสวน     แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยสาวๆ ทั้งหมดกลับไปโดยที่ไม่ต้องเสียค่าปรับ ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ Rob Pedregon ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ผู้คนบนเครื่อง ติดอยู่ในพื้นที่แคบๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ผู้คนจะหมดความอดทนและปฏิเสธการอยู่ร่วมกัน”  …

เป็นเรื่องที่น่าหยุดหงิดใจอยู่ไม่น้อยสำหรับสาวๆ ที่เวลาประจำเดือนมาจะต้องปวดท้องจนอยากจะนอนพักเฉยๆ (บางทีนอนก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่) ไม่อยากทำงานหรืออะไรเท่าไหร่ และคงจะดีมากๆ หากที่ทำงานของพวกคุณอนุญาตให้หยุดงานได้ด้วย   เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Independent รายงานว่าบริษัท Coexist ในอังกฤษได้ออกนโยบายใหม่ที่อนุญาตให้พนักงานหญิงสามารถลางานได้หากมีประจำเดือน เพราะเข้าใจความลำบากของหญิงสาวและอยากให้พวกเธอได้พักผ่อนนั่นเอง     ทางด้านนาย Bex Baxter ผู้อำนวยการของบริษัท Coexist ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ในฐานะผู้จัดการของพนักงานทั้งหลาย ผมเคยเห็นสาวๆ ทนทุกทรมานกับอาการปวดประจำเดือน พวกเขารู้สึกละอายที่ต้องใช้เวลาไปกับการนั่งหน้าโต๊ะและทำงานเงียบๆ”   “ผมเลยคิดว่าเราควรจะต้องทำอะไรสักอย่าง มันเลยกลายมาเป็นนโยบายแบบที่ว่านี้ ไม่เคยมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นในอังกฤษมาก่อน เราเชื่องั้น หรือถ้ามันจะมีก็คงน้อยมากๆ เลยทีเดียว”     นาย Baxter เชื่อว่าการยอมให้พนักงานสาวลาปวดประจำเดือนได้นั้นน่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากทีเดียว โดยตัวเขาเชื่อว่าบริษัทอื่นๆ จะเริ่มทำตามพวกเขาเหมือนอย่างที่บริษัท Nike เคยทำแบบนี้มาแล้วเมื่อปี 2007   ทั้งนี้นาย Baxter ยังปิดท้ายด้วยว่า “ดูเหมือนมันจะเป็นโอกาสที่ดีที่ได้เป็นเจ้าภาพสำหรับการจัดการแข่งขันให้กับธุรกิจอื่นๆ เพื่อให้มีการพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นนี้บ้าง”     มีบริษัทไหนในไทยอยากเอานโยบายนี้ไปใช้บ้างไหมเอ่ย? ปวดประจำเดือนมันทรมานมากเลยน้า ที่มา independent

พนักงานคิดเงินในร้านสะดวกซื้อถือเป็นอาชีพหนึ่งที่เสี่ยงอันตรายที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะต้องคิดเงินให้ถูกต้อง (ห้ามขาดห้ามเกิน ไม่งั้นจะโดนหักตัง) แล้ว ยังต้องเสี่ยงกับการถูกโจรปล้นจี้อีกด้วยนะ แต่กับพนักงานสาวสุดตรองรายนี้กลับไปยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นง่ายๆ     เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ช่องยูทูบ Storyful News เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดจากร้านสะดวกซื้อ Keysville ในรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา     คลิปวิดีโอเผยให้เห็นภาพของพนักงานคิดเงินในร้านที่ชื่อว่านาง Bhumika Patel ที่ในระหว่างกำลังคิดเงินให้กับลูกค้ารายหนึ่งอยู่ จู่ๆ เขาก็ชักปืนออกมาชี้หน้าเธอและบังคับให้เอาเงินออกมาจากเครื่องคิดเงินให้หมด     แต่แทนที่เธอจะหยิบเงินให้เขา เธอกลับเอื้อมมือไปปัดปืนออกจากหน้าเธอ และหยิบเอาถาดใส่เหรียญขึ้นมาฟาดใส่เขา จากนั้นคนร้ายจึงตกใจและยอมล่าถอยไปในที่สุด     ชมคลิปสาวสุดสตรองได้ที่นี่เลย   #เหมียวฟิ้นขอคาราวะในความใจกล้าของเธอเลย แต่ถ้าพี่แกเกิดยิงขึ้นมาจริงๆ ตอนจบคงจะไม่สวยแน่ๆ เลย เลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะ ที่มา viralnova , Storyful News

เรื่องนี้#เหมียวฟิ้นคิดว่าพ่อแม่มือใหม่หลายๆ คนควรจะดูไว้เป็นอุทาหรณ์แล้วล่ะ เพราะบางทีลูกน้อยของคุณอาจจะเที่ยวไปเล่นซน จนมีสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปอยู่ในจมูกแบบสาวน้อยคนนี้ก็เป็นได้   เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้เปิดเผยเรื่องราวของหนูน้อย Khloe Russell จากรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาวัย 5 ขวบ ที่ป่วยเป็นหวัดอยู่นานถึง 6 เดือนโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ       ลักษณะอาการของหนู Khloe คล้ายกับคนเป็นหวัด คือมีน้ำมูกเหนียวๆ เป็นสีเขียวและมีอาการไอตามมา เมื่อคุณแม่ Katelyn เห็นดังนั้นก็พาไปหาหมอแต่จนแล้วจนรอดลูกสาวของเธอก็ไม่หายสักที แถมยังเป็นติดต่อกันนานถึง 6 เดือน     วันหนึ่งพี่ชายของ Katelyn มาที่บ้านแล้วบอกให้หลานสาวลองสั่งน้ำมูกดูเผื่ออาการจะดีขึ้น แต่เมื่อหนูน้อยสั่งน้ำมูกออกมาก็ถึงกับตะลึงกันทั้งบ้าน เพราะดันมีเข็มกลัดขึ้นสนิมขนาด 4 เซนติเมตรหลุดออกมาจากจมูกของเธอด้วย     ทั้งนี้นาง Katelyn ไม่ทราบเลยว่าลูกสาวของเธอไปเล่นซนและมีเข็มกลัดหลุดเข้าไปในจมูกตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เธอก็ได้นำเอาเรื่องราวดังกล่าวมาเผยแพร่ในโลกออนไลน์ เพื่อเตือนใจแก่คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย ให้ช่วยกันเฝ้าระวังลูกน้อยของพวกคุณให้ดีๆ   เห็นแล้วสยองมาก ที่มา mirror

หากใครยังจำได้ เมื่อวันก่อน#เหมียวฟิ้นได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับนาย Matthew Brinton ขอทานจากอังกฤษวัย 35 ปี ที่ดันมีรถสปอร์ต Audi TT ขับไปมาในเมือง จนผู้คนเกิดความหมั่นไส้จนถึงขั้นขู่จะเอาชีวิตของเขา     ล่าสุดเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่าพ่อหนุ่ม Brinton เจอดีเข้าให้แล้วล่ะ เพราะมีคนแอบขโมยรถหรูราคาเหยียบ 2.5 ล้านบาทของเขาไป แต่หายไปได้ไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถตามจนเจอ แต่รอบรถกลับเต็มไปด้วยร่องรอยความเสียหายเต็มไปหมด     ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถตามตัวคนร้ายได้ แต่จะนำไปสืบสวนต่อไป ทางด้านนาย Brinton อ้างว่ารถคันนี้ไม่ได้ซื้อมาด้วยเงินที่เขาได้จากการขอทาน แต่เป็นมรดกตกทอดที่ได้จากคุณยายนั่นเอง       งานนี้ซ่อมกันยาวๆ จ้า ที่มา dailymail

[เนื้อหาต่อไปนี้ไม่เหมาะกับคนขวัญอ่อนหรือกินข้าวอยู่]   หากเพื่อนๆ คนไหน ที่ชอบความซาดิสม์ ชอบคีบสิวให้เพื่อน หรือชอบความฟินเวลาที่ได้ชมคลิปคีบสิวต่างๆ #เหมียวฟิ้นว่าคุณจะต้องชอบเรื่องราวของคุณยายคนนี้แน่ๆ     เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอของคุณยายวัย 85 ปีคนหนึ่ง ผ่านช่องยูทูบของคุณหมอ Dr. Sandra Lee เป็นคลิปในขณะที่คุณยายกำลังนั่งให้หมอคีบสิวหัวดำออกจากบริเวณท้ายทอย     ตามรายงานบอกว่าคุณยายมีจุดสีดำที่บริเวณท้ายทอยมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ตัวเองคิดว่ามันคงจะเป็นเพียงไฝธรรมดาๆ เลยไม่ได้ใส่ใจอะไร จนเวลาล่วงเลยมาหลายสิบปี มันก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนลูกสาวของเธอต้องพาไปหาหมอ     ซึ่งเมื่อให้ดร. Sandra ช่วยดู เธอก็อธิบายว่ามันคือ “สิวหัวดำ” นั่นเอง เธอจึงตัดสินใจจะผ่าตัดมันออก และเมื่อเธอสามารถดึงเจ้าสิวหัวดำออกมาได้แล้ว ก็ทำให้เกิดรูขนาดกว้างที่ที่ท้ายทอยของเธอ     แม้ว่าจะเอามันออกไปแล้วก็ตาม แต่คุณหมอก็บอกว่ามันอาจจะกลับมาอีกในอนาคตก็เป็นได้ จึงต้องทำการเย็บเพื่อปิดรูดังกล่าวซะ       ชมคลิปเต็มๆ (เพื่อความสะใจ) ได้ที่ด้านล่างเลย   อื้อหืออออ เห็นแล้วหมั่นเคี้ยวจริงๆ อยากคีบด้วยตัวเองมาก ที่มา Dr. Sandra…

มีนักวิชาการและนักโภชนาการหลายต่อหลายคนออกมาเตือนผู้ปกครองเกี่ยวกับการป้อนอาหารแก่เด็กเล็กๆ ว่าควรจะกินอาหารที่มีประโยชน์ เช่นการดื่มนมจากอกของแม่หรือทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่ก็ยังคงมีพ่อแม่ชาวอินโดนีเซียบางคนที่ยังคงให้ลูกๆ ของพวกเขากินอาหารกระป๋องหรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่     ซึ่งอาหารเหล่านั้นอุดมไปด้วยโซเดียมจำนวนมากและไม่ได้มีสารอาหารอะไรเลย ทางการของอินโดนีเซียจึงได้จัดงานประชุมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แล้วบอกว่า “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กโตมาเป็นเกย์ได้?     เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ Takepart ได้รายงานว่า อินโดนีเซียได้มีการจัดงานประชุมการส่งเสริมโภชนาการที่เมือง Tangerang ประเทศอิโดนีเซีย โดยนายกเทศมนตรี Arief Wismansyah ได้ออกมากล่าวว่า “เพื่อที่จะสร้างเด็กชาวอินโดนีเซียที่มีสุขภาพดี ฉลาดและแข็งแรง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การให้พวกเขารับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะการดื่มนมแม่”     นายกเทศมนตรี Wismansyah ยังบอกอีกว่าพ่อแม่รุ่นใหม่เอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาหาอาหารที่มีประโยชน์ให้เด็กๆ และให้พวกเขากินแต่นมกระป๋องหรือบำหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งไม่มีคุณค่าทางสารอาหารเท่าไหร่ “ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมเราถึงมีกลุ่ม LGBT (กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ) มากขึ้น”     นอกจากนี้นายกเทศมนตรียังกล่าวอีกว่ากลุ่มเด็กๆ ที่ได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพออาจส่งผลให้พวกเขามีพัฒนาการที่บกพร่องทางร่างกายได้ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ใดๆ ที่จะชี้ชัดว่าการกินอาหารเหล่านั้นมีปัจจัยต่อการเบี่ยงเบนทางเพศ   ไม่รู้ว่านายกเทศมนตรีมีความแค้นอะไรกับผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรือเปล่านะเนี๊ยะ แต่ที่แน่ๆ การให้เด็กๆ กินบะหมี่กึ่งแต่เล็กก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอยู่แล้วล่ะนะ ที่มา takepart

หลายครั้งที่เราได้ยินเรื่องราวความรักของคนเฒ่าคนแก่ ที่มีความรักที่ยั่งยืนและซื่อสัตย์ต่อกัน จน#เหมียวฟิ้น เห็นแล้วก็พลอยอิจฉาไปด้วย เช่นเรื่องราวความรักเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ของคู่รักชาวสหรัฐที่เหมียวจะเล่าต่อไปนี้     เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวของคุณตา Arthur Burch วัย 76 ปี กับคุณยาย Patricia วัย 77 ปี ที่ยังคงมีความรักที่หวานซึ้งแม้ว่าสุขภาพของพวกเขาจะโรยราไปตามกาลเวลาก็ตาม     คุณยาย Patricia นั้นป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์มานานกว่า 8 ปี ทำให้เธอต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล Wesley Manor Retirement Center ในหลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี แต่คุณตา Arthur เองก็ไม่ยอมแพ้ ลงทุนขับรถไปเยี่ยมเธอทุกๆ วันไม่เคยขาดเลย     คุณตา Arthur เล่าว่าเขาไปนั่งกินข้าวและพูดคุยกับเธอในช่วงเวลาเที่ยงถึงบ่ายสามทุกๆ วัน ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา แต่เนื่องจากคุณยายป่วยอยู่ทำให้เขาไม่สามารถจะพาคุณยายกลับมาที่บ้านได้เหมือนเมื่อก่อน เขาจึงตัดสินใจสักรูปของคุณยายลงไปที่หน้าอกของเขา     คุณตา Arthur ตัดสินใจแน่วแน่ จึงตรงไปยังร้านสัก Good Luck Tattoo & Piercing…

นี่ถือเป็นเรื่องราวที่ชวนสลดใจและทำให้รู้สึกชื่นชมในเวลาเดียวกับ สำหรับเรื่องราวของหนูน้อยชาวสหรัฐคนหนึ่ง ที่ยอมเสียสละตัวเอง ช่วยเหลือเด็กๆ อีกสองคนให้รอดพ้นจากอุบัติเหตุ ทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา   เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Independent ได้เปิดเผยเรื่องราวความกล้าหาญของหนูน้อย Kiera Larsen วัย 10 ขวบ ในเมืองซาดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา       ตามรายงานบอกว่าในขณะที่เธอกำลังนั่งเล่นกับเด็กๆ อีก 2 คน อายุ 1 ขวบ และ 2 ขวบ ในละแวกบ้านของเธอ จู่ๆ กลับมีรถ SUV เมอร์ซิเดส เบ๊นซ์ที่จอดอยู่บนเนินค่อยๆ ไหลลงมาทางพวกเธอ Kiera จึงตัดสินใจผลักเด็กๆ ทั้ง 2 คนออกไปให้พ้นทาง ทำให้เธอโดนรถชนไปเต็มๆ   จากอุบัติเหตุทำให้ร่างของ Kiera ถูกอัดเข้ากับรั้วจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา เมื่อเรื่องราวของเธอกลายเป็นข่าวโด่งดัง ผู้คนในละแวกนั้นต่างก็ยกย่องให้เธอกลายเป็นฮีโร่แถมยังแสดงความอาลัยต่อการจากไปของเธออีกด้วย     ทางด้านนาง Alissa Jenkins คุณแม่ของเด็กๆ…

ใครที่กำลังท้อแท้กับการออกกำลังกายหรือเบื่อหน่ายรูปร่างของตัวเองแล้วล่ะก็ #เหมียวฟิ้นอยากจะชวนเพื่อนๆ มาอ่านเรื่องราวของนางแบบสาวชาวรัสเซียคนนี้ดูหน่อย รับรองว่าเมื่อคุณได้อ่านเรื่องของเธอแล้วจะต้องทึ่งในความสามารถของเธอแน่ๆ     นี่คือ Tanya Rybakova นางแบบสาวชาวรัสเซียวัย 25 ปีที่กำลังเป็นที่พูดถึงอยู่ในโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้เลย ไม่ใช่เพราะว่าความสวยเซ็กซี่ในปัจจุบันของเธอนะ แต่เป็นภาพในอดีตของเธอต่างหาก     พวกคุณลองมองรูปร่างของนางแบบสาวคนนี้ให้ดีๆ ซิ พวกคุณเห็นอะไรไหม? เหมียวจะบอกให้ว่าก่อนหน้าที่หุ่นเธอจะแซ่บขนาดนี้ เธอเคยมีรูปร่างที่ท้วมจนคุณแทบไม่เชื่อเลยทีเดียว     แต่ก่อน Tanya ได้แต่เจ็บใจที่มีคนชอบล้อเธอว่ามีรูปร่างเหมือนหมูตอนน่าเกลียด และเอาไปพูดกันเป็นเรื่องตลกขบขัน จนเธอรู้สึกแย่ เธอจึงตัดสินใจหันมาออกกำลังอย่างเอาจริงเอาจังและควบคุมอาหารเป็นพิเศษ     ส่วนนี่น่ะเหรอ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเธอสมัยที่ยังอ้วนท้วนตราเด็กสมบูรณ์นั่นเอง       และนี่คือภาพการกินแตงโมอย่างเอร็ดอร่อยของเธอ แม้จะไม่ได้เป็นปัญหากับตัวเองเท่าไหร่ แต่มันกลับกลายเป็นปัญหากับคนรอบๆ ตัวเธอ เธอเลยไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นอีกต่อไป       และนี่คือเรื่องราวน่าทึ่งๆ ของนางแบบสาวที่ชื่อ Tanya Rybakova และคุณเองก็สามารถมีเรื่องราวน่าทึ่งๆ แบบนี้ได้เช่นกัน       #เหมียวฟิ้นขอเอาใจช่วยใครก็ตามที่พยายามจะบอกลาไขมันรอบๆ เอว หรือฝันอยากจะมีหุ่นเฟิร์มๆ ขอให้ตั้งใจและมีวินัย…

นี่ถือเป็นเรื่องน่าอิจฉาทีเดียว เพราะเมื่อไม่นานมานี้มีข่าวออกมาว่าหนุ่มมะกันรายหนึ่งชื่นชอบเครื่องบินมากและอยากจะนำเครื่องบินมาทำเป็นบ้านจริงๆ และในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จแถมยังกินนอนอยู่เครื่องบินที่ว่านี่มากว่า 15 ปีแล้วด้วยนะ     เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวของนาย Bruce Campbell หนุ่มจากรัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา     เขาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าเขาอาศัยอยู่ในบ้านเครื่องบินโบอิ้ง 727 ในเมืองพอร์ทแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกามานานกว่า 15 ปีแล้ว เขาเปลี่ยนให้ส่วนต่างๆ ภายในเครื่องบินให้กลายเป็นเตียงนอน ห้องครัว ห้องซักล้าง และห้องอาบน้ำ     นาย Campbell กล่าวว่าการจะปรับเปลี่ยนทุกอย่างบนเครื่องให้กลายเป็นที่อยู่อาศัยนั้นต้องใช้งบประมาณกว่า 220,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 7.8 ล้านบาทเลยทีเดียว     ย้อนกลับไปในปี 1999 อดีตวิศวกรไฟฟ้าได้มีความคิดว่าอยากจะเก็บรักษาเครื่องบินที่ปลดประจำการไม่ให้กลายเป็นเศษเหล็ก โดยการซื้อเครื่องบินที่ว่านั่นมาเป็นของเขาซะ     ในตอนนั้นนาย Campbell อยู่ในวัย 20 ต้นๆ เขาได้เริ่มต้นโครงการนี้ด้วยการซื้อที่ดินเปล่าๆ มา 2…

การจากลา แม้มันจะเป็นเรื่องที่โหดร้าย แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็มีแต่ต้องทำใจยอมรับมันและดำเนินชีวิตต่อไป เช่นเดียวกับวัยรุ่นสาวที่ชื่อ Chrisya Sabaru ที่สูญเสียคุณพ่อไป     เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Boredpanda ได้เปิดเผยเรื่องราวของ Chrisya Sabaru หญิงสาวที่เดินทางไปเรียนต่อที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เธอสูญเสียคุณพ่อไปเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ปี 2013 และในวันนี้เองก็ถือเป็นวันครบรอบ 3 ปีที่คุณพ่อของเธอจากไป     ด้วยความคิดถึงคุณพ่อที่จากไปอย่างสุดหัวใจ Chrisya จึงบรรเทาความคิดถึงของเธอด้วยการออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ในเมลเบิร์น ซึ่งเป็นสถานที่ที่คุณพ่อของเธอได้เคยไปและถ่ายรูปเก็บเอาไว้     Chrisya ได้เล่าวว่าเมื่อปี 2011 คุณพ่อและคุณแม่ของเธอได้เคยเดินทางมาเที่ยวที่เมลเบิร์นแล้วครั้งหนึ่ง และถ่ายรูปตามจุดต่างๆ ของเมือง เธอจึงไปค้นหาภาพเหล่านั้นมาดูอีกครั้งและตัดสินใจออกเดินทางไปตามจุดต่างๆ ที่พ่อของเธอเคยมา และทำท่าเดียวกับคุณพ่อของเธอ เพื่อระลึกถึงคุณพ่อที่จากไป     Chrisya บอกกับชาวเน็ตว่า “14 กุมภาพันธ์ปีนี้จะเป็นวันครบรอบ 3 ปีที่พ่อของฉันจากไป ฉันยังคงคิดถึงเขาสุดหัวใจ ฉันเลยตัดสินใจเชื่อมต่อและยอมรับการจากไปของเขาในแบบที่ไม่เหมือนใคร”     นอกจากนี้เธอยังเตือนคนอื่นๆ ด้วยว่า หากคุณได้รับแรงบันดาลใจดีๆ…

มันคงจะเป็นเรื่องสยองมาก หากคุณกำลังเดินเล่นอยู่ตามชายหาดอย่างสบายอารมณ์ในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่จู่ๆ กลับเจอรองเท้าพร้อมซากกระดูกลอยมาเกยอยู่ที่ชายหาด…     เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้รายงานว่า นาง Charlotte Stephens และครอบครัวได้เดินทางไปเที่ยวพักผ่อนที่เกาะแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา แต่ก็ต้องขนลุกสุดขีดเมื่อสามีของเธอพบเข้ากับรองเท้าออกกำลังกายเน่าๆ พร้อมกับซากกระดูกภายในรองเท้าลอยมาเกยตื้นที่ชายหาด     พวกเขาจึงแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าว และพบว่านี่เป็นรองเท้าข้างที่ 16 แล้วที่มีการค้นพบตั้งแต่เมื่อปี 2015 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งสืบหาว่ารองเท้าและซากกระดูกที่พบนั้นเป็นของใคร     ตามรายงานบอกว่าหน่วยงานชันสูตรศพได้มีการเข้ามาพิสูจน์ซากกระดูก และพบว่านั่นคือกระดูกของมนุษย์จริงๆ โดยคาดกันว่ารองเท้าข้างนี้น่าจะเป็นของผู้ที่หายตัวไปตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2013 ถึงธันวาคมปี 2015   แม้จะยังหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ แต่เจ้าหน้าที่เชื่อกันว่านี่อาจจะเป็นการฆ่าตัวตาย       เป็นเหมียว ถ้าเจอรองเท้าลอยมาแบบนี้ ขอเป็นลมดีกว่าจ้า สยอง ที่มา mirror

หากคุณคิดว่าการเดินทางไปทำงานในตอนเช้าเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและวุ่นวายแล้วล่ะก็ ลองเปลี่ยนมาใช้การปั่นจักรยานแบบคุณหมอคนนี้ดูไหมล่ะ เพราะเขาตัดสินใจที่จะเดินทางไปไหนมาไหนด้วยจักรยาน ตอนนี้ผ่านมา 6 ปีแล้วก็ไม่กลับไปขับรถอีกเลย     เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวของคุณหมอรายหนึ่งที่มีชื่อว่า Steven Fabes คุณหมอจากกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ที่ตัดสินใจหันมาปั่นจักรยานเพื่อท่องโลกกว้างช่วยเหลือคนเมื่อปี 2010 ผ่านมา 6 ปีแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะหลงรักการเดินทางรูปแบบนี้ไม่เปลี่ยนแปลงทีเดียว ตามรายงานบอกว่าคุณหมอ Steven ได้ขี่จักรยานมาแล้วกว่า 85,753 กิโลเมตร (รวมระยะทางแล้วสามารถปั่นรอบโลกได้ 2 รอบ) ไปมาแล้วกว่า 6 ทวีป ทั้งยุโรป, แอฟริกา (ผ่านตะวันออกกลาง), อเมริกาใต้, อเมริกากลางและอเมริกาเหนือ, ออสเตรเลียและเอเชีย     คุณหมอ Steven ผ่านประสบการณ์มาแล้วมากมาย ทั้งนอนร่วมเต๊นท์กับแมงมุมแม่ม่ายดำและแมงป่อง หรือจะโดนปืนจ่อหัวที่เปรูก็เคยโดนมาแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาก็ยังไม่หยุดปั่นจักรยานเพื่อออกท่องเที่ยวและช่วยเหลือผู้คนในที่ต่างๆ     จากการเดินทางไปใน 6 ทวีป ทำให้เขาได้รับประสบการณ์ต่างๆ มากมาย…

เมื่อเกิดฝนฟ้าคะนอง แน่นอนว่าสิ่งที่อาจจะตามมานั่นก็คือปรากฏการณ์ฟ้าผ่า ซึ่งหลายๆ คนก็คงเคยเห็นกันมาแล้วมากมาย แต่จะเป็นยังไงหากเราเปลี่ยนมุมมองที่เราเคยมองฟ้าผ่าจากบนพื้นดิน เป็นการมองลงมาจากอวกาศ?     เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอจากช่องยูทูบ News Wolf เผยให้เห็นภาพการเกิดฟ้าผ่าที่ถูกถ่ายโดยนักบินอวกาศชาวอังกฤษที่ชื่อ Tim Peake ที่ขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่บนสถานีอวกาศตั้งแต่เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา     ทั้งนี้นาย Tim ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอจากบนสถานีอวกาศนานาชาติที่กำลังโคจรไปรอบโลกด้วยความเร็วกว่า 26,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผ่านบัญชีทวิตเตอร์ของเขาเอง เป็นคลิปแบบ Timelapse ของพายุฝนฟ้าคะนองที่กำลังก่อตัวไปทั่วยุโรปและแอฟริกา     พร้อมกันนี้นาย Tim ยังโพสต์ข้อความด้วยว่า “ตื่นตาตื่นใจแค่ไหนที่ฟ้าผ่าที่กำลังเกิดขึ้นบนโลกของเราในเวลาสั้นๆ”       ชมคลิปได่ที่ด้านล่าง   เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นเหมือนกันนะเนี๊ยะ อารมณ์เหมือนเล่น Sim City อยู่เลย ที่มา News Wolf , mirror

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยภาพซากปรักหักพังของอาคารที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในไต้หวันเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2016 เผยให้เห็นโครงสร้างอาคารของอพาร์ทเม้นท์ เว่ยกวนจินหลง ที่ใช้ปี๊บเก่าๆ มาเป็นโครงสร้างของอาคาร!?   .   เหตุการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าวมีความรุนแรงอยู่ที่ 6.4 แม็กนิจูด สร้างความเสียหายให้แก่สิ่งปลูกสร้างและชาวเมืองในนครไถหนัน ประเทศไต้หวันเป็นอย่างมาก ล่าสุดมีรายงานว่าพบผู้เสียชีวิตแล้ว 22 ราย บาดเจ็บอีก 400 ราย และผู้คนอีกกว่า 126 คนที่ยังหายสาบสูญ     ทั้งนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยออกจากอาคารโดยเร่งด่วน แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านถึงกับตกตะลึงก็คือ ตัวโครงสร้างของอาคาร ที่นำเอาปี๊บน้ำมันเก่าๆ มาเรียงกันและใช้ปูนฉาบเท่านั้น ทำให้ตัวอาคารไม่มีความแข็งแรงเท่าอาคารทั่วๆ ไป และถล่มลงมาได้ง่ายกว่าอาคารอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน     ทางด้านนายกเทศมนตรีของเมืองไถหนัน William Lai กล่าวถึงการช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในซากอาคารว่า “มันไม่มีวิธีที่จะพาพวกเขาออกมาได้โดยตรง มันเป็นเรื่องที่ยากมาก” ฉะนั้นทีมหน่วยกูภัยจึงต้องระมัดระวังอย่างมากในการให้ความช่วยเหลือ   .   อย่างไรแล้ว#เหมียวฟิ้นขอแสดงความเสียใจต่อทุกๆ ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ด้วยนะ ที่มา dailymail

ถือเป็นข่าวที่ชวนให้#เหมียวฟิ้นสะเทือนใจพอสมควร สำหรับเรื่องราวของหญิงสาวชาวแทนซาเนีย ที่ถูกแฟนหนุ่มจับขังอยู่ในหลุมนาน 8 เดือน ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไรเลย!?     เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า หญิงสาววัย 20 ปีจากประเทศแทนซาเนีย ถูกชาวบ้านค้นพบว่าอยู่ในหลุมลึกใต้พื้นดินในสภาพเปลือยเปล่าพร้อมกับถูกล่ามโซ่ พวกเขาจึงช่วยกันแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและพาเธอออกมา     จากการสืบสวนพบว่าหญิงสาวรายนี้ถูกแฟนหนุ่มพามาขังไว้ในหลุ่มลึกที่ล้อมรอบไปด้วยกำแพงคอนกรีตนานถึง 8 เดือน แถมยังให้อาหารกับเธอเพียงแค่ 2 มื้อต่อ 1 สัปดาห์เท่านั้น     สาเหตุที่เขาทำแบบนั้นก็เพราะว่าฝ่ายชายเคยถูกแม่มดหรือหมอผีภายในท้องถิ่นทักว่าเขาจะร่ำรวยและมีความสุข หากนำคนที่เขารักที่สุดไปฝังไว้ใต้ดิน เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็จัดแจงพาแฟนสาวลงไปอยู่ใต้ดินตามที่หมอผีบอก   โดยก่อนหน้านี้เขาเคยนำเอาเก้าอี้ม้าหินอ่อนมาวางทับตรงช่องทางออก เพื่อไม่ให้ชาวบ้านคนไหนสังเกตเห็นเข้า และแน่นอนว่าพอเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ทางด้านแฟนหนุ่มของเธอก็ถูกตำรวจตามตัวทันที     หลังจากที่เจ้าหน้าที่และชาวบ้านชวยหญิงสาวออกมาจากหลุมนั่นและ จึงพบว่าเธอมีร่างกายที่อ่อนแรง พูดจากไม่ค่อยรู้เรื่อง สายตาไม่สามารถสู้แสงได้ แถมยังเดินได้ลำบางเนื่องจากถูกขังมานานจนลืมวิธีเดิน อาจต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า 1 เดือนทีเดียว     เฮ้ย นี่แฟนนะเนี๊ยะ ทำไมทำกันได้ลงคออะ ที่มา dailymail , mirror

หากคุณรู้สึกสงสารเหล่าคนไร้บ้านตามท้องถนน แล้วอยากจะแบ่งปันน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ให้พวกเขา แต่ดันลืมพกเงินสดไปแล้วล่ะก็ ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะเดี๋ยวนี้คนไร้บ้านเริ่มพัฒนา พกเครื่องอ่านการ์ดไว้สำหรับคนที่ลืมพกเงินสดแล้วนะเออ!!   เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่านาย Abe Hagenston ผู้เรียกตนเองว่า “คนไร้บ้าน” ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าเขาเริ่มหาวิธีใหม่ให้กับคนที่ต้องการบริจาคเงินให้กับเขาด้วยการนำเครื่องอ่านการ์ดมาใช้ ทำให้ผู้คนสามารถบริจาคให้เขาได้ง่ายขึ้น     นาย Hagenston บอกกับนักข่าวว่าเขาออกมาใช้ชีวิตอยู่บนถนนนานกว่า 7 ปีแล้ว เขากลายเป็นพวกไร้บ้านที่ต้องอาศัยนอนตามถนนและขอเงินบริจาคจากคนที่ผ่านไปผ่านมา ในขณะเดียวกันเขาก็รับงานรับจ้างทั่วๆ ไปด้วยเช่นกัน   ในทุกๆ ปี นาย Hagenston จะใช้เวลาในช่วงหน้าหนาวในการรับจ้างตักหิมะตามบ้านเรือนต่างๆ เพื่อหารายได้ให้กับตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าปีนี้อากาศจะไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่ ทำให้เขาไม่ค่อยมีงานทำเท่าไหร่นัก     แต่แทนที่เขาจะออกหางานอื่นๆ ทำ เขากลับรวมกลุ่มกับคนเร่ร่อนคนอื่นๆ ในเมืองเพื่อจัดตั้งเป็นกลุ่มก้อน (คล้ายกับสหภาพอะไรสักอย่าง) แล้วออกเรี่ยไรเงินผู้คนตามท้องถนน โดยจะแบ่งเขตของใครของมัน   เมื่อหาเงินมาได้แล้ว พวกเขาก็จะนำเงินมาแบ่งกัน โดยกลยุทธ์ใหม่ของพวกเขาคือนำเอาเครื่องอ่านการ์ดมาใช้ ซึ่งก็ช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่พวกเขาได้ดีทีเดียว     ทั้งนี้นาย Hagenston ยังมีเฟซบุ๊กเพจเป็นของตัวเองด้วย ตามข้อมูลในเฟซบุ๊กของเขาต้องบอกว่าไม่ธรรมดาทีเดียว เพราะเขาเคยเรียนจบจากโรงเรียนมัธยม…

เมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยในมณฑลซานดง ประเทศจีน ได้ทำการช่วยเหลือเหล่าคนงาน 4 คน ที่ติดอยู่ในเหมืองนานกว่า 36 วัน ได้สำเร็จแล้ว   ทั้งนี้ก่อนที่ทีมกู้ภัยจะช่วยคนงานขึ้นมาจากเหมือง พวกเขาได้พยายามจะส่งเสียงพูดคุยกับคนงานด้านล่างเพื่อระบุว่ามีคนอยู่ด้านล่างทั้งหมดกี่คน จากนั้นพวกเขาก็เริ่มส่งอาหารพร้อมกับเครื่องนุ่งห่มลงไปข้างล่าง เพื่อป้องกันพวกเขาจากความหนาวเย็นในเหมือง     ก่อนที่ทีมกู้ภัยจะช่วยเหลือทั้ง 4 ออกมาได้ พวกเขาได้ส่งโทรศัพท์ลงไปให้กับคนงานที่ติดอยู่ในเหมืองอีก 4 คน ทั้ง Hua Mingxi, Zhao Zhicheng, Li Qiucheng และ Guan Qinji   จากนั้นพวกเขาก็ส่งข้อความกลับมาว่า “ขอบคุณมากๆ ผมรู้สึกโล่งอกและปลอดภัยแล้วตอนนี้ ขอบคุณที่ยังตามหาพวกเราแม้ว่าอากาศจะหนาวเย็นมาก เราจะจดจำพวกคุณตลอดไป”     ตามรานงานบอกว่าคนงานทั้งหมดกว่า 29 ชีวิตได้ลงไปทำงานในเหมืองและเจอกับเหตุการณ์ดินถล่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ทำให้พวกเขาติดอยู่ในนั้น แต่ทีมกู้ก็สามารถช่วยพวกเขาออกมาได้ถึง 15 คน สูญหาย…

เชื่อว่าใครที่เคยเล่นเกมหรือดูหนังไซไฟเกี่ยวกับโลกหลังการล่มสลายมาเยอะๆ คงจะเห็นว่ามีโรคประหลาดมากมายถูกแต่งขึ้นตามแต่จินตนาการ เพื่อให้ผู้เล่นหรือผู้ชมรู้สึกสะพรึงกลัวกับโรคร้ายต่างๆ ในอนาคต แต่แอดเหมียวอยากจะบอกว่าโรคเหล่านั้นกำลังเกิดขึ้นจริงแล้วล่ะ     เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวของนาย Abul Bajandar หนุ่มชาวบังคลาเทศวัย 25 ปี ที่ได้ฉายาว่าเป็น “มนุษย์ต้นไม้” เขาต้องทนทุกข์ทรมานกับโรคประหลาดที่ชื่อว่า Epidermodysplasia Verruciformis     โรคที่ว่านี้ถือเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งใครที่เป็นโรคนี้จะมีอาการผิดปกติของผิวหนัง ทำให้มีสิ่งแปลกปลอมคล้ายกับรากไม้งอกออกมาจากมือและเท้าของเขา ทำให้ทีมแพทย์แห่งโรงพยาบาล Dhaka Medical College and Hospital ต้องประชุมกันและหาทางรักษาให้แก่เขาเป็นการเร่งด่วน     ทั้งนี้ทางพ่อแม่ของนาย Abul ได้กล่าวว่าลูกชายของเขาต้องมีชีวิตอย่างยากลำบาก เพราะหลังจากที่เขาเริ่มมีสิ่งนั้นงอกออกมาจากมือ ก็ทำให้ลูกชายของเขาถูกไล่ออกจากงานทันที แถมยังเป็นที่น่ารังเกียจของเพื่อนบ้านในละแวกนั้นด้วย     ก่อนหน้านี้นายแพทย์ชาวอเมริกันท่านหนึ่งเคยศึกษาเรื่องนี้และพบว่าสาเหตุที่ทำให้มนุษย์มีสิ่งแปลกปลอมนี้งอกออกมาเป็นผลมาจากไวรัสที่ชื่อว่า Human Pappiloma Virus (HPV) ซึ่งเป็นชนิดที่ร้ายแรงที่สุด และทีมแพทย์บอกว่าเขาต้องทำการผ่าตัดเอาเจ้าสิ่งนั้นออกจากร่างกายอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง        …

เป็นที่ถกเถียงกันมานานว่าเอเลี่ยน หรือมนุษย์ต่างดาวมีจริงไหม แต่ไม่ว่ายังไงก็เถียงกันไม่จบสักที เพราะว่าหาข้อพิสูจน์ไม่ได้นั่นเอง แต่ล่าสุดเว็บไซต์ต่างประเทศได้เผยภาพและข้อมูลออกมาว่า จริงๆ แล้วเอเลี่ยนอาจจะเคยมาที่โลกมนุษย์ของเราในช่วงนาซีก็เป็นได้!?   เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Viralnova ได้เปิดเผยข้อมูลล่าสุดว่า มีการค้นพบกระโหลกประหลาดบนภูเขา Bolshoi Tjach ในประเทศรัสเซียเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้นักสำรวจเชื่อว่ามันอาจเป็นเบาะแสหนึ่งของมนุษย์ต่างดาวก็เป็นได้     ตามรายงานบอกว่ากระโหลกรูปร่างประหลาดนี้ถูกพบโดยนักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อว่า ladimir Melikov เมื่อสองปีที่แล้ว เมื่อดูจากขากรรไกรแล้วมีความใกล้เคียงกับกะโหลกของมนุษย์มาก แต่ดูยังไงก็ไม่น่าใช่   นอกจากกระโหลกแล้ว นาย ladimir  ยังพบว่ามันตกอยู่ใกล้กับกระเป๋าเอกสารและแผนที่ของพวกนาซีด้วย คาดกันว่าน่าจะอยู่ในช่วงปี 1940 อีกทั้งบนตัวกระเป๋ายังมีสัญลักษณ์แปลกๆ คล้ายกับลัทธิอะไรสักอย่าง ซึ่งอาจเชื่อมโยงไปยังสิ่งลี้ลับจากต่างดาวด้วย     มีนักทฤษฎีสมคบคิดพยายามจะผูกเรื่องนาซีและมนุษย์ต่างดาวเข้าด้วยกันจึงทราบว่าสัญลักษณ์นั่นเป็นสัญลักษณ์ของสถาบัน Ahnenerbe ที่ก่อตั้งโดยทหารนาซีที่ชื่อนาย Heinrich Himmler สถาบันนี้ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อพิสูจน์ว่าชนเผ่าอารยันนั้นครั้งหนึ่งเคยปกครองโลกของเรา     จากหลักฐานต่างๆ ที่ค้นพบ บ่งชี้ว่าสถาบัน Ahnenerbe ของนาย Himmler มีการศึกษาและวิจัยแบบลับๆ ในอดีต และอาจเคยติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมาแล้ว!?    …

ยามที่อากาศหนาวปกคลุมในหลายๆ ประเทศแบบนี้ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากทีเดียว เพราะนอกจากสภาพอากาศจะทำให้ร่างกายหนาวเย็นแล้ว ยังส่งผลต่อภาวะความเป็นอยู่ และข้าวของเครื่องใช้ตลอดจนยานพาหนะเลย     เมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าเนื่องจากสภาพอากาศอันหนาวเย็นทำให้ทะเลสาบบริเวณพระราชวังฤดูร้อนในประเทศจีน กลายเป็นลานน้ำแข็งขนาดยักษ์ แต่จู่ๆ กลับมีเจ้าของรถ SUV รายหนึ่ง ทะลึ่งขับขึ้นไปบนพื้นน้ำแข็งซะอย่างงั้น!!     ตามรายงานบอกว่าพ่อหนุ่มรายนี้ขับรถลงไปติดหล่มน้ำแข็งจนขึ้นมาไม่ได้ งานนี้เลยเดือดร้อนคนขับรถตักดินต้องมาช่วยกันดึงรถ SUV ขึ้นจากหล่มน้ำแข็ง   แต่ในขณะที่รถยกกำลังขยับเข้าใกล้รถ SUV นั้นเอง จู่ๆ ผิวน้ำแข็งก็แตก ทำให้รถยกต้องติดหล่มไปด้วยซะอย่างงั้น       จนสุดท้ายเจ้าของรถทั้งสองคันต้องโทรเรียกให้คนขับรถแบล็คโฮลอีกคันหนึ่งมาช่วยดึงรถทั้งสองคันออกไป และสุดท้ายพวกเขาก็สามารถขึ้นมาจากหล่มน้ำแข็งได้สำเร็จ และกลับบ้านอย่างปลอดภัย     คราวหน้าคราวหลังอย่าทะลึ่งบ้องขับรถลงไปบนพื้นน้ำแข็งอีกนะ ไม่งั้นจะพาคนอื่นเขาซวยไปด้วย ที่มา shanghaiist

แม้ว่าในช่วงนี้จะยังมีพายุหิมะตกในสหรัฐอเมริกา แต่ดูเหมือนว่าหลายๆ คนจะไม่ยอมนอนเฉยอยู่บ้าน แต่ออกมาหากิจกรรมสนุกๆ ทำกันนอกบ้าน ทั้งเล่นสกีหิมะ ถอดเสื้อผ้าท้าลมหนาว และล่าสุดดูเหมือนว่าจะมีคนนำเอาหิมะที่กองสูงภายในบ้านมาทำเป็นกระท่อมน้ำแข็งแล้ว     เมื่อไม่นานมานี้ได้มีสมาชิกเว็บไซต์ Reddit รายหนึ่งโพสต์ภาพกิจกรรมสนุกๆ ที่เขาชวนสมาชิกในบ้านออกมาโกยหิมะหน้าบ้าน เพื่อสร้างมันให้กลายเป็นกระท่อมน้ำแข็ง อันที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่เพราะงานนี้จะต้องใช้หิมะจำนวนมากทีเดียว     แต่เนื่องจากพายุหิมะที่โหมกระหน่ำไปทั่วสหรัฐ ทำให้พวกเขามีหิมะมากพอต่อการสร้างกระท่อมน้ำแข็งล่ะ พวกเขาเริ่มวางโครงสร้างและนำเอาหิมะมาทับกับเพื่อให้มันมีความแข็งแรงและรับน้ำหนักได้มากพอ     แม้ว่าภายนอกอาจจะดูไม่เป็นรูปทรงเท่าไหร่ แต่ข้างในนั้นขอบอกเลยว่าน่าทึ่งมาก เพราะมีชั้นวางของ มีเทียนส่องสว่าง คล้ายกับห้องนั่งเล่นจริงๆ เลย     และที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือมินิบาร์สำหรับเครื่องดื่ม ซึ่งเราไม่ต้องเอาไปแช่ตู้เย็นที่ไหนเลย เพราะอากาศเย็นพอจะทำให้เครื่องดื่มกลายเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว             และสุดท้ายก็นำโน๊ตบุ๊กไปนั่งเปิดหนังดูแบบสบายใจเฉิบ   ถึงอากาศจะหนาวแค่ไหน แต่ก็ดูจะมีเรื่องสนุกๆ ให้ทำอยู่เหมือนกันนะนี่ ที่มา viralnova

[บทความต่อไปนี้มีคลิปวิดีโอที่อาจกระทบกระเทือนจิตใจ]   กลายเป็นคลิปสุดสยองประจำวันนี้ไปเลย สำหรับคลิปหนุ่มตกตึกหลังพยายามโหนเชือกเพื่องัดเข้าไปในห้องนอนของตัวเองหลังลืมกุญแจไว้ข้างใน   คลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Liveleak เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา เผยให้เห็นภาพของหนุ่มชาวเอกวาดอร์วัย 52 ปี ขณะโหนเชือกอยู่บนตึกสูง 5 ชั้น เพื่องัดหน้าต่างเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง     ตามรายงานบอกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ประเทศสเปน โดยหนุ่มเอกวาดอร์รายนี้ได้ลืมกุญแจไว้ภายในห้องนอน เขาจึงขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านให้ช่วยผูกเชือกที่ดาดฟ้าของตึกเพื่อให้เขาสามารถโหนตัวลงมายังห้องข้างล่างได้   แต่ในระหว่างที่เขากำลังโหนเชือกลงมายังชั้น 4 ซึ่งตรงกับหน้าต่างห้องนอนของเขาพอดี กลับพลาดท่าจนตัวเองร่วงลงไปข้างล่างจนเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาเพื่อนบ้านที่กำลังถ่ายคลิปวิดีโออยู่อีกตึกหนึ่ง สร้างความสะเทือนใจให้แก่ผู้อยู่อาศัยภายในอาคารเป็นอย่างมาก     ชมคลิปได้ที่ด้านล่าง   แอดเหมียวนี่แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาเลย หากใครลืมกุญแจไว้ในห้อง ก็น่าจะแจ้งเจ้าของตึกหรือไม่ก็ให้ช่างมางัดห้องก็ได้นะ ทำแบบนี้เอาชีวิตมาเสี่ยงชัดๆ ที่มา liveleak

อย่างที่รู้ๆ กันว่าการสูบบุหรี่นั้นมีโทษต่อร่างกาย เพราะมันทำให้ปอดของเราดำปิ๊ดปี๋ ทำให้เรากลายเป็นมะเร็ง ส่งผลถึงคนรอบข้างของคุณด้วย แต่ควันดำจากบุหรี่กลับไม่สามาถทำอะไรคุณยายคนนี้ได้เลย     เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวของคุณยาย Batuli Lamichhane จากประเทศเนปาลวัย 112 ปี เธอเกิดในปี 1903 และเริ่มสูบบุหรี่มาตั้งแต่อายุ 17 ปี และสูบมาอย่างต่อเนื่อง     แต่แทนที่แกจะได้รับผลกระทบจากบุหรี่จนกลายเป็นมะเร็งและเสียชีวิต แกกลับมีชีวิตยืนยาวมากกว่าชาวบ้านในหมู่บ้านของแกซะอีก โดยแกให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า “ฉันสูบบุหรี่มามากกว่า 95 ปี ไม่มีอะไรผิดปกติกับการสูบบุหรี่ของฉันเลย”     ทั้งนี้คุณยายยังได้เผยถึงเคล็ดลับในการมีชีวิตยืนยาวแบบนี้ว่า ควรจะผ่อนคลาย และมีความสุขในทุกๆ วัน “ฉันไม่สนหรอกว่าฉันจะอายุเท่าไหร่ แต่ฉันก็เห็นการเปลี่ยนแปลงมามากมายตลอดชีวิตของฉัน”     เมื่อถามถึงสามีของเธอก็ถึงได้ทราบว่าเขาทอดทิ้งเธอไปหางานทำที่อินเดียตั้งแต่เมื่อ 80 ปีก่อนแล้ว ส่วนเธอนั้นยังคงอาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่าๆ ที่เนปาล และเมื่อปีก่อนนี้เองบ้านของเธอก็ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวที่โจมตีเนปาล จนทำให้หลังคาบ้านของเธอพังลงมา แต่เธอก็ปฏิเสธที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่น        …

หลายคนอยากจะออกท่องเที่ยวในต่างประเทศกันดูบ้าง แต่ติดที่เรื่องโอกาส ไม่มีเวลา ไม่มีเงินมากพอ งั้นลองมาอ่านเรื่องราวของครอบครัวชาวสิงคโปร์ครอบครัวนี้หน่อย คุณอาจจะได้แรงบันดาลใจให้ออกไปท่องโลกกว้างก็ได้นะ     เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Straitstimes ได้เปิดเผยเรื่องราวของครอบครัวชาวสิงคโปร์ ที่ไฝ่ฝันอยากจะเดินทางท่องเที่ยวให้ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา โดยซูเวย ออง แม่บ้านวัย 40 ปีที่แผนว่าจะเดินทางไปเที่ยวในรัฐต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา     แต่ครั้นจะไปโดยที่สามีของเธออย่าง แดน ออง วัย 45 ปี ยังคงทำงานเป็นคุณครูมัธยมอยู่นั้นก็ดูจะเป็นเรื่องที่ลำบากสักหน่อย โดยเธอให้เหตุผลว่า “เราไม่ต้องการออกไปท่องเที่ยวในระหว่างที่แดนยังคงเป็นลูกจ้างอยู่ เพราะเราจะท่องเที่ยวได้นานที่สุดแค่ 3 สัปดาห์เท่านั้น”     เมื่อเห็นดังนั้นนายแดนจึงตัดสินใจลาออกจากการเป็นครู และลงทุนซื้อรถบ้านด้วยเงิน 3 แสนบาทเมื่อช่วงเดือนมิถุนายนปี 2014 เพื่อกระเตงลูกๆ ทั้ง 6 คน ที่มีอายุระหว่าง 3-16 ปี ไปเที่ยวด้วยกันกับพวกเขาด้วย     ด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่บ้าน ซูเวย จึงอยากจะประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ยาวนานครั้งนี้ เพื่อให้ท่องเที่ยวได้ไกลที่สุด…

นี่เป็นอีกก้าวสำคัญของวงการแพทย์เลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อไม่นานมานี้มีการรายงานข่าวจากต่างประเทศว่า พวกเขาสามารถปลูกถ่ายอวัยวะเทียมกับหนูได้สำเร็จแล้ว!!   เมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่านักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตเกียว และมหาวิทยาลัยเกียวโตแห่งประเทศญี่ปุ่น สามารถปลูกถ่ายใบหูเทียมของมนุษย์ลงบนหลังของหนูทดลองแล้วเรียบร้อย และให้สัญญาว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าพวกเขาจะสามารถปลูกถ่ายอวัยวะเทียมอื่นๆ ได้อย่างแน่นอน     ตามรายงานบอกว่าการปลูกถ่ายหูเทียมครั้งนี้จะเป็นการช่วยรักษาเด็กๆ ที่เกิดมาพร้อมกับความบกพร่องทางร่างกาย หรือผู้คนที่สูญเสียอวัยวะไปจากอุบัติเหตุจนเสียโฉม ให้กลับมามีอวัยวะแบบคนปกติอีกครั้งหนึ่ง   โดยก่อนหน้านี้เองก็เคยมีวิธีการปลูกถ่ายใบหูเทียมมาแล้ว แต่เป็นการตัดแต่งกระดูกอ่อนบริเวณซี่โครงของผู้ป่วยเอง ซึ่งต้องอาศัยการผ่านตัดซ้ำหลายครั้ง สร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้ป่วยเป็นอย่างมาก   แต่ด้วยวิธีการปลูกถ่ายอวัยวะแบบใหม่นี้จะช่วยลดความเจ็บปวดลง และลดขั้นตอนในการผ่าตัดไปได้เยอะพอสมควรเลย     ทั้งนี้การปลูกถ่ายอวัยวะแบบใหม่นี้ได้มีการนำไปพัฒนาและต่อยอดในกลุ่มนักวิจัยแห่งสถาบันวิจัยต่างๆ แล้ว เพื่อพัฒนาการสร้างอวัยวะเทียมให้แก่ผู้ป่วยหรือได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุต่างๆ หรือมีความพิการมาตั้งแต่แรกเกิด   อีกหน่อย เราคงจะได้เห็นการปลูกถ่ายอวัยวะกันแบบเต็มรูปแบบแล้วล่ะนะ ที่มา dailymail

หากคุณคิดว่าในโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้ มีเพียงคุณเท่านั้นที่มีใบหน้าและลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร คุณอาจจะต้องพิจารณาใหม่แล้วล่ะ     เพราะเมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศได้เผยแพร่เรื่องราวของสองสาว Niamh Geaney วัย 27 ปี และ Irene Adams วัย 28 ปีจากประเทศไอร์แลนด์     ทั้ง Niamh และ Irene ต่างก็ไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกันหรือญาติกันแต่อย่างใด แต่เมื่อพวกเขาได้เจอหน้ากันกลับตกใจเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขามีหน้าตาละม้ายคล้ายกันอย่างน่าพิศวง     จากการนำเอา DNA ของทั้งสองคนมาตรวจอย่างละเอียดก็พบว่าทั้งคู่ มีเปอร์เซ็นเพียง 1.1% เท่านั้นที่จะเป็นพี่น้องหรือฝาแฝดที่พลัดพรากกัน โดยต้นตระกูลของ Niamh มาจากทางตะวันตกเฉียงใต้ของเอเชีย ส่วน Irene มาจากแคว้นเมโซโพเตเมีย     Niamh ให้สัมภาษณ์กับสื่อเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า “เราทั้งสองคนสงสัยมาก และพยายามจะหาสิ่งต่างๆ มายืนยันกับตัวเองว่าพวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันจริงๆ” และจากการตรวจสอบอะไรหลายๆ อย่างก็พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดจริงๆ     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย หน้าเหมือนกันม๊าก!   ไม่แน่นะ คุณอาจจะมีคนหน้าเหมือนคุณ รอที่จะได้เจอกันอยู่ก็เป็นได้ ที่มา metro

เมื่อวันที่ 22 มกราคม เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า นาย Craigory Burch Jr. วัย 20 ปี ถูกหัวขโมยยิงเสียชีวิตคาบ้านพักเมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังเพิ่งถูกลอตเตอรี่มาได้ไม่นาน   โดยก่อนหน้านี้ นาย Craigory เป็นผู้โชคดีที่เพิ่งถูกลอตเตอรีมูลค่ากว่า 434,272 ดอลลาร์ หรือประมาณ 15 ล้านบาท ไปเมื่อช่วงพฤศจิกายนที่ผ่านมา     ตามรายงานบอกว่า ในวันเกิดเหตุ นาย Burch อาศัยอยู่ในบ้านของตนเอง แต่จู่ๆ กลับมีหัวขโมยบุกเข้ามาทำร้ายร่างกายของเขา แฟนสาวของเขาจึงตกใจรีบวิ่งออกไปที่ถนนเพื่อตะโกนขอความช่วยเหลือ   จากคำให้การของเพื่อนๆ นาย Burch บอกว่าเขาเป็นคนที่มีจิตใจดีมาก เขาได้ซื้อของขวัญไปมอบให้แก่คนยากไร้ในช่วงวันคริสต์มาสด้วย ตอนแกรที่ถูกลอตเตอรีเขาบอกกับคนร้อบข้างว่าแทบไม่อยากจะเชื่อเลย “ผมไม่อยากจะเชื่อเลยตอนแรก ผมนี่อึ้งไปเลย”     แต่ถึงแม้ว่าจะมีการตรวจสอบและรวบรวมพยานและหลักฐานรอบๆ บ้านแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าใครคือคนร้ายกันแน่ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ติดตามเรื่องเพื่อตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป ที่มา dailymail

รู้สึกว่าช่วงนี้เทรนด์ของการสร้างบ้านด้วยงบน้อยๆ แบบบ้านน็อคดาวน์หรือบ้านตู้คอนเทนเนอร์เริ่มได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ อย่างล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Viralnova ได้เผยแพร่ภาพการออกแบบบ้านจากตู้คอนเทนเนอร์ 4 ตู้ ที่ดูสวยงามแปลกตาและประหยัดงบไปได้เยอะเลย     บ้านตู้คอนเทนเนอร์หลังนี้เป็นไอเดียมาจากสมาชิกเว็บไซต์ Reddit ที่ใช้ชื่อว่า kriegercontainers ที่ได้นำเอาตู้คอนเทนเนอร์สำหรับขนส่งสินค้าเก่าๆ 4 ตู้มาวางไว้บนที่ดินเปล่าๆ ของเขา จากนั้นก็เริ่มออกแบบและสร้างมันให้กลายเป็นบ้าน เราลองไปชมขั้นตอนการทำกันเลย       เขาเริ่มด้วยการออกแบบส่วนต่างๆ ของบ้าน จากนั้นก็นำเอามามาต่อและกันให้กลายเป็นกรอบ เพื่อให้มันกลายเป็นประตูหน้าต่าง และเชื่อมตู้ทั้ง 4 ตู้เข้าด้วยกัน         หลังจากที่ก่อสร้างด้านนอกเสร็จแล้ว ก็เริ่มตกแต่งภายใน ซึ่งแทบจะไม่ต่างอะไรกับบ้านแบบปกติเลย     กั้นสัดส่วนอย่างชัดเจน มีห้องน้ำขนาดพอเหมาะ   สวยงาม!!   สวยงามมาก อยากมีบ้านแบบนี้เลย ที่มา viralnova