Tag: ญี่ปุ่น

เทศกาลวันฮาโลวีน ที่จัดขึ้นในเดือนตุลาคม ได้ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับวัฒนธรรมแบบบ้านเราเลยก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นโอกาสดีๆ ที่จะได้ออกไปสังสรรค์ รื่นเริง กับเพื่อนๆ ซักคืนหนึ่งก็ยังดี ไม่ใช่แค่บ้านเราเท่านั้นที่ตื่นเต้นกับเทศกาลนี้เป็นพิเศษ ที่ญี่ปุ่นก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน เพราะตอนนี้ที่โรงแรม Hilton Tokyo ได้เริ่มต้อนรับเทศกาลในเดือนหน้า ด้วยการจัดบุฟเฟ่ต์ขนมหวาน ในรูปแบบที่เข้ากับธีมวันฮาโลวีนเหลือเกิน เราไปดูดีกว่าว่าหน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไร แล้วมันจะน่ากินมั้ยนะ?   คัพเค้กดวงตา เพื่อนๆ กล้ากินกันมั้ยเอ่ย?? ไม่แน่ว่ากัดไปแล้วอาจจะมีเลือดพุ่งออกมาก็ได้นะ   หรือว่าจะเป็นต้มซุปรวมอวัยวะ มีทั้งลูกตา ตัวหนอน ลำไส้ และอีกมากมาย ที่นำมายำรวมกันในซุป คิดไม่ออกเลยว่ารสชาติมันจะเป็นอย่างไร   เค้กเลือด เดิมทีมันก็เป็นเค้กสีขาวธรรมดานั่นแหละ แต่เค้าจับคนมาฆาตกรรมให้เลือดสาดโดนใส่เค้ก (ถ้าจริงก็บ้าแล้ว!!!) เหมือนได้ทานทั้งเค้กและเลือดในคราวเดียวกัน   อันนี้พีคสุดๆ กับคุกกี้รูปนิ้วที่วางอยู่บนก้อนอึ (ไอเดียนี้ได้มาจากไหนเนี่ย?) ช่างเป็นคุกกี้ที่บ่งบอกความครีเอทแบบสุดโต่งของญี่ปุ่นได้ดีจริงๆ ว่าแต่มีใครกล้าลองกินก้อนอึนั่นบ้าง? ฮ่าๆๆ   แถมยังมีเค้กส้มที่ตกแต่งให้ดูเหมือนใยแมงมุม และชีสเบอร์เกอร์ทำจากขนมปังสีดำ ไม่ว่าจะเมนูไหนๆก็ดูเหมาะสมกับวันฮาโลวีนซะจริงๆเชียว   ถ้าหากใครมีโอกาสได้เดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงเทศกาลฮาโลวีนแล้วสนใจอยากจะลองไปชิมขนมหวานในรูปแบบที่แตกต่างออกไปดูล่ะก็ สามารถเข้าไปติดตามได้ที่เว็บไซต์ของโรงแรม HiltonTokyo แล้วอย่าลืมกลับมาเล่าให้ฟังด้วยนะ ว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง ที่มา:…

ใครจะไปนึกล่ะว่า เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับประเทศที่ได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าแห่งวงการ AV และเซ็กส์ทอยแบบนี้ (เอ๊ะ…หรือจริงๆ แล้วเพราะการมีสิ่งของเหล่านี้อาจทำให้คนหันไปใช้กันมากขึ้นหรือเปล่า!?) เรื่องนี้กลายมาเป็นประเด็นที่สำคัญในญี่ปุ่นเสมอมา จนถึงกระทั่งมีการคำนวณโดยเหล่านักคณิตศาสตร์ไว้แล้วว่า ถ้าหากประชากรยังคงมี Sex กันในอัตราเท่านี้ และผลิตลูกออกมาได้ในอัตราปัจจุบัน (และมีทีท่าจะลดลงเรื่อยๆ ) จากการคำนวนของเหล่านักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัย Tohoku ของประเทศญี่ปุ่นเองนั้นกลับพบว่า ประเทศของพวกเขากำลังเผชิญกับภาวะที่จะสูญสิ้นเผ่าพันธุ์เลยทีเดียวในอนาคต!!?   จากการคำนวนของพวกเขา วันที่ชาวญี่ปุ่นคนสุดท้ายบนโลกที่จะมีชีวิตอยู่นั้นคือวันที่ 16 สิงหาคม 3766 หรือราวๆ 1,750 ปีนับจากนี้!!!   การคำนวนในครั้งนี้เป็นผลพวงของความกังวลในด้านการผลิตประชากรของคนในประเทศ ที่มีแนวโน้มจะลดลงเรื่อยๆ ทุกๆ ปี จนเกิดเป็น ‘วิกฤตการณ์ทางด้านเซ็กส์’ หรือการที่ชาวญี่ปุ่นมีเซ็กส์กันน้อยเกินไปนั่นเอง วิกฤตินี้ดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาราวๆ 25 ปีแล้ว แถมตอนนี้ก็ดำเนินมาถึงจุดที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วงเลยทีเดียว จนนักวิจัยหลายรายคิดว่านี่มันคือระเบิดเวลาดีๆ นี่เอง   ระยะเวลาการคำนวนโดยประมาณ เป็นภาพเคลื่อนไหว GIF ภาพไม่ขึ้น สามารถคลิกชมได้ที่นี่ครับ   นักวิจัย Hiroshi Yoshida และ Masahiro Ishigaki ได้สร้างนาฬิกานับถอยหลังนี้ขึ้น โดยใช้ข้อมูลจากอัตราการลดลงของประชากร ฐานข้อมูลจากปี 2014…

คงจะจริงอย่างที่เค้าว่า “เมื่อแรกรัก น้ำต้มผักยังว่าหวาน” ก็แหมตอนคบกันใหม่ๆสมัยวัยรุ่น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรมันก็ดูน่ารัก ดูดีไปซะหมด แต่พอนานเข้าๆ จนเริ่มตกลงปลงใจแต่งงานกัน สร้างครอบครัวกันเป็นที่เรียบร้อย ความเคยชินและความเบื่อหน่ายจะค่อยๆคืบคลานเข้ามา สุดท้ายจากคู่รักแสนหวาน เมื่อผ่านไป 10 ปี กลายเป็น อีแก่&ไอ้แก่ ที่กลายเป็นไม้เบื่อไม้เมา ทะเลาะกันให้ลั่นบ้าน ยังไงซะ แก๊งแมวเหมียว เราก็ไม่สนับสนุนให้ครอบครัวแตกแยก เพราะฉะนั้นเราไปดูผลสำรวจจากเว็บไซต์ Rocketnews24 ที่ได้ไปสำรวจจากเหล่าพ่อบ้านในญี่ปุ่นทั้งหลาย ว่าประโยคอะไรบ้างจากแม่บ้านที่พวกเขาได้ยินมันทุกวัน ซ้ำไปซ้ำมา แถมได้ยินทีไรละเกิดอาการเบื่อหน่ายยยทู๊กกกที   10. “หยุดเสียเงินไปกับของไร้สาระซักทีเถอะ” เพราะผู้หญิงและผู้ชายมักจะมองโลกต่างกัน และในสังคมประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่ พ่อบ้านมักจะนำเงินเดือนทั้งหมดให้แม่บ้านเป็นคนจัดสรร (ไทยเราก็เป็นกันแหละ) แต่พอทำงานเหนื่อยๆมาทั้งที จะขอซื้อเครื่องเกมส์ หนังสือการ์ตูน เหล้ารสชาดดีๆ ทำม๊ายยถึงได้กลายเป็นโดนด่าทุกทีละเนี่ย   9. “หยุดทำตัวเป็นไอ้อ้วนจอมขี้เกียจได้แล้ว!!” ช่างเป็นคำพูดที่แสนจะโหดร้าย และเย็นชา ก็แหมเหล่าพ่อบ้านอย่างเราๆ พอลงหลักปักฐานกับแม่บ้านคนไหน ก็มักจะลืมดูแลตัวเอง เอาแต่กินอาหาร(ที่แม่บ้านทำ) หรือออกไปฉลองเบียร์กับเพื่อนร่วมงานบ่อยๆ ก็ไม่แปลกหรอกที่คนเราพุงมันจะใหญ่ขึ้น แถมยังโดนด่าว่าขี้เกียจอีก แบบนี้มันเจ็บจี๊ดๆๆ   8. “ฉันไม่อยากจะแชร์หลุมศพกับเธอหรอกนะจะบอกให้!!” ในวัฒนธรรมของญี่ปุ่น…

อย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องงารบริการที่สุภาพนอบน้อมแบบสุดๆ ชนิดที่ว่าบางทีเข้าไปใช้บริการแล้วรู้สึกเกรงใจเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าหากพนักงานคนไหนมีกริยาไม่เรียบร้อยหรือก้าวร้าวรุนแรงเกินไป จะต้องถูกเจ้าของร้านคาดโทษเป็นแน่ๆ และไม่เพียงแค่สำหรับมนุษย์เท่านั้น แม้กระทั่งกับเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติก็เช่นกัน!!   เรื่องราวเกิดขึ้นที่สถานีรถไฟคิตะเซนจู ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อมีผู้ใช้บริการท่านหนึ่งสามารถเก็บภาพเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติสุดก้าวร้าว ที่แจกบัตรโดยสารด้วยความรุนแรง จนผู้ใช้บริการตกใจกันเป็นแถบๆ   นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่ามันไปโกรธใครมา…   เมื่อชาวเน็ตเห็นภาพดังกล่าวก็ได้เข้ามาคอมเมนต์กันมากมาย แต่ละอันนี่ฮาแบบสุดๆ ไปเลยทีเดียวเช่น “ทำไมบริการแย่ขนาดนี้” “สงสัยต้องเอาไปฝึกมารยาทแล้วมั่งเนี่ย” “เอาเจ้าเครื่องนี่เข้าโปรแกรมเทรนพนักงานอีกรอบดีมั้ยเนี่ย” ความฮาของการทำงานผิดพลาด ทำให้มีคนถูกใจและรีทวีตกันไปรวมกว่า 120,000 ครั้ง จนกลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์   และล่าสุด เจ้าหน้าที่ของสถานีรถไฟได้ดำเนินมาตรการดัดนิสัยของมันแล้ว พวกเขาเอาใจชาวเนร็ตด้วยการเข้ามาปิดเครื่องขายตั๋วสุดก้าวร้าวนี้เป็นที่เรียบร้อย และกำลังทำการดัดนิสัยมันอยู่ ก็ได้แต่หวังว่า เจ้าเครื่องขายตั๋วมารยาทแย่นี้จะนิสัยดีขึ้น กลับมาเป็นปกติในเร็วๆ นี้นะฮะ   .   เอาน่า ทำงานติดต่อกันมาหลายปีไม่เคยได้พัก มันก็ต้องมีหงุดหงิดกันบ้างล่ะ ห๊ะ อะไรนะ ไม่ใช่คนเหรอ โท๊ดๆๆๆ ที่มา Rocketnews24

ต่างไปจากหลายๆ ประเทศ ในญี่ปุ่นนั้นอนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล์ในที่สาธารณะได้ ซึ่งแม้จะมีกฎห้ามดื่มและกินอาหารในขบวนรถไฟฟ้า แต่ล่าสุดสถานีรถไฟใต้ดินโอซาก้า จัดงานเฉลิมฉลองเป็นโอกาสพิเศษ และเปิดขายเบียร์ให้ดื่มกันได้ในสถานีกันเลยทีเดียว โดยงานนี้มีการเสริฟเบียร์ Suntory ส่วนอาหารจะเป็นสไตล์อิซาคายะผสมอาหารญี่ปุ่น ให้กับผู้โดยสารอีกด้วย     งานนี้จัดขึ้นแค่ 4 วันเท่านั้น เพื่อเป็นการฉลองที่รถไฟฟ้า Keihan สาย Nakanoshima เพิ่มเส้นทางไปยังทางตะวันตกของเมือง แต่เส้นทางรถไฟสายนี้กลับมีคนใช้บริการไม่มากดังคาด เพราะฉะนั้นแทนที่จะมาติดป้ายเชิญชวนให้ใช้บริการในขบวนอื่นๆ ให้เกะกะสายตาคน ก็ลองประชาสัมพันธ์ด้วยการจัดปาร์ตี้ในขบวนรถไฟแทนซะเลย     ส่วนค่าโดยสารตกอยู่ที่ประมาณ 340 บาท ในราคานี้ได้รวมอาหารและเครื่องดื่มไว้แล้ว (พิเศษสำหรับเด็กคือขึ้นฟรี) โดยงานนี้จะเริ่มตั้งแต่ 22 มิถุนายน  และหลังจากที่เปิดบริการในเวลา 5 โมงเย็นของวันแรกนั้น มีผู้โดยสารถึง 500 คน รวมแล้วกว่า 250 ที่นั่ง   ภายในรถไฟฟ้านี้ จัดให้เป็นเหมือนปาร์ตี้เล็กๆ   ระวังที่นั่งรอนั้น สามารถนั่งดื่มเบียร์ได้ แต่ไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่เนื่องจากอยู่ภายในสถานี   เป็นการโปรโมทที่เก๋ๆ ไปอีกแบบ แต่กิจกรรมนี้ได้จบลงแล้ว เพราะฉะนั้นใครที่คิดจะไปก็ต้องรอในโอกาสหน้านะคะ ที่มา grapee

หลายๆ คนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าประเทศญี่ปุ่นเนี่ย มีทั้งเทคโนโลยีเจ๋งๆ ล้ำๆ ของเล่นแปลกๆ หรือแม้แต่อะไรที่มันมุ้งมิ้งน่ารักก็ต้องที่นี่ด้วยเช่นกัน แต่ความพิเศษของประเทศนี้เค้าไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เพราะนี่คือเหล่า 5 สิ่งมีชีวิตสุดแปลก ที่เราจะเจอมันได้เฉพาะที่ญี่ปุ่นเท่านั้น!!!   1. ปูแมงมุม ไหนใครกลัวแมงมุมบ้าง? แล้วมีใครกลัวปูมั้ย? แล้วถ้าเราเอามันทั้งสองมารวมกันหล่ะจะเกิดอะไรขึ้น? ก็นี่เลยเจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ไง ด้วยขาของมันที่ยาวมากถึง 1 เมตร มีขาเหมือนแมงมุมถึง 8 ขา รวมๆ แล้วตัวนึงมีความยาวถึง 3.8 เมตร   แต่ไม่ต้องตกใจไปหรอกนะ มันไม่ได้ออกมาให้เราพบเห็นได้ง่ายๆ หรอก เพราะพวกมันชอบอาศัยอยู่ในเขตทะเลลึกทางตอนใต้ของญี่ปุ่นอย่างเกาะ Honshu อาศัยหาอาหารด้วยการกินทุกอย่างที่มันพอจะหาได้ เป็นปูก็ดูปกติดีอยู่หรอก แต่ขายาวเฟื้อยแบบนี้น่ากลัวชะมัด     2. ปลาฉลามก็อบลิน เจ้าฉลามหน้าตาโคตรอัปลักษณ์แถมยังดูน่ากลัวสุดๆ จนอดสงสัยไม่ได้เลยว่ามันคือสิ่งมีชีวิตรูปแบบไหนกันแน่? ถึงแม้ว่าเจ้าตัวนี้จะพบได้นอกชายฝั่งของญี่ปุ่น แต่ส่วนใหญ่แล้วสถิติการจับมันได้ก็เกิดขึ้นในญี่ปุ่นมากที่สุดอยู่ดี   พวกมันชอบอาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกลงไปมากถึง 1,200 เมตร และเท่าที่เคยมีคนค้นพบตัวใหญ่ที่สุดจะมีความยาวประมาณ 6.2 เมตร หนักเกือบ 210 กิโลฯ ลองจ้องมองไปที่ฟันอันแหลมคม จมูกที่ดูเหมือนใบมีด และดวงตาที่ดูเย็นชาดุร้าย ดูๆ แล้วมันคงไม่ใช่สัตว์โลกน่ารักแน่ๆ อีกทั้งมันยังคงดำรงสายพันธ์ุอยู่มาตั้งแต่เมื่อ 125…

ประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นประเทศที่มีไอเดียแปลกๆ เกี่ยวกับอาหารให้เราได้ชมกันอยู่ตลอดเวลา และวันนี้อีกครั้งที่พวกเขาได้นำของสองอย่างที่ไม่น่าจะเข้ากันได้อย่าง “แมลงเชื่อม” กับ “ไอศกรีม” มาขายด้วยกัน กลายเป็นของกินสุดแปลกให้เราได้ลองชิมกัน!!     เมนูนี้มีชื่อว่า “Azemichi Sofuto Kurimu“ แปลเป็นไทยได้ว่า “เส้นทางระหว่างทุ่งข้าว” เป็นของดีจากศูนย์พัฒนาการท่องเที่ยวเมืองอุโอนุมะ ในเขตนิงาตะ ประเทศญี่ปุ่น     โดยทางศูนย์การท่องเที่ยวได้พยายามหาวิธีในการโปรโมทของดีจากท้องถิ่น ซึ่งก็กลายเป็นการนำสมุนไพรพื้นบ้านอย่าง ชิงเห่า (wormwood) และ โกฐจุฬาลัมพา (mugwort) มาทำเป็นไอศกรีม และนำตั๊กแตนไปเชื่อมในน้ำตาลและซอสหอย เพื่อใช้เป็นท็อปปิ้งประดับตกแต่งให้ สะ สะ สวยงามมมมม     สนนราคาอยู่ที่โคนละ 50 เยนหรือราว 17 บาทนั่นเอง และถ้าท่านชอบตั๊กแตนเชื่อมมากๆ ท่านสามารถสั่งเพิ่มเติมพิเศษได้ในราคา 50 เยน เช่นเดียวกัน     ใครสนใจก็ลองไปชิมกันได้นะฮะ มีขายที่ศูนย์การท่องเที่ยวยูคิกุนิ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันได้ที่เว็บ www.uono.co.jp   ที่มา Rocketnews24

ใครที่คิดว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความแปลก หรือเอกลักษณ์ที่แสนจะโดดเด่นในหลายๆ ด้าน ขอบอกเลยว่าคิดไม่ผิดเลยจริงๆ ฮ่าๆๆๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์สุดล้ำ ของใช้เจ๋งๆ แปลกๆ รวมไปถึงสื่ออุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะด้านไหนญี่ปุ่นก็มักจะทำให้สุดทุกทางเลยจริงๆ เราไปดูกันเลยดีกว่าว่า 18 สิ่งนี้ มันจะสะท้อนความเป็นญี่ปุ่นได้ดีขนาดไหนกันนะ?   18. ถุงยางอนามัย มาพร้อมกับลายหมีน้อยสุดน่ารัก ว่ากันว่าสาวๆ ในญี่ปุ่นมักจะชอบอะไรที่มันดูน่ารัก คิขุ แบ๊วๆ ใสๆ และถุงยางอนามัยลายหมีน้อยนี้เอง ที่ได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่าสาวๆ ที่นี่ เค้าชอบอะไรที่มัน มุ้งมิ้ง จริงๆ นะ   17. เกมส์จำลองการได้จับนมของสาวๆ ในการ์ตูน หลังจากที่ผลิตภัณฑ์แว่นจำลอง 3มิติ Oculus Rift วางขายได้ไม่นาน เจ้าเกมส์นี้ก็ถูกปล่อยออกมาพร้อมๆ กัน โดยภายในเกมส์เราจะได้จับนมของสาวๆ ผ่านเครื่องจำลองนม แถมยังมีปฏิกริยาจากตัวละครในเกมส์ที่คอยเหย้าแหย่กับเราอีกต่างหาก   16. ป้ายบอกที่นั่งสุดกวนโอ๊ย ในรถไฟใต้ดิน ฮั่นนแน่….!!! รู้นะคิดอะไรกันอยู่ จะบอกให้ละกันว่าแต่ละป้ายมีความหมายว่าอย่างไรบ้าง เรียงจากขวาไปซ้าย คนที่ได้รับบาดเจ็บทางขา, สตรีที่กำลังตั้งครรภ์, คนที่อุ้มเด็กอยู่ และสุดท้าย…..ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทางแขน…

ในความเข้าใจของคนทั่วๆ ไป เข้าใจกันว่าผักชีนั้นเป็นพืชผักที่ใช้สำหรับโรยหน้าบนอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติให้เมนูนั้นๆ กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ผักที่จะเอาไว้ใช้เป็นอาหารแบบจริงๆ จังๆ เท่าไหร่ แต่เราขอบอกเลยว่าตอนนี้ผักชีกำลังกลายเป็นผักที่ได้รับความนิยมเอามากๆ ในประเทศญี่ปุ่น พวกเขาได้ครีเอทเมนูต่างๆ ที่มีส่วนผสมของผักชี หรือบางเมนูไม่น่าจะทำร่วมกับผักชีได้…แต่พวกเขาก็ทำได้ เราลองไปดูกันว่ามีเมนูไหนกันบ้าง?   1. ซุปผักชี   2. มันฝรั่งทอดรสผักชี   3. ข้าวผัดผักชี   4. พริกผักชี   5. ผักชีทอด?   6. เมนูข้าว ใส่ผักชีพูนๆ   7. เนื้อโปะผักชี   8. โมฮิโต้ (ค็อกเทล) ผักชี   9. ซอสผักชี   10. บะหมี่กึ่งสำเร็จฯ รสผักชี   มองไปทางไหนก็มีแต่ผักชี ว่าแล้วก็ลุกไปทำไข่เจียวผักชีดีกว่า ที่มา si_n_o , buzzconan , merry.nov15

ลองจินตนาการดูซิว่า ถ้าหากเราหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นมา พบว่าเราได้อยู่ท่ามกลางจักรวาลอันกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยแสงสีของมวลหมู่ดาวระยิบระยับมากมายรายรอบตัวเราเอง จะวิเศษขนาดไหนในชีวิตนี้… มันได้เกิดขึ้นแล้ว กับประสบการณ์การเสพศิลปะรูปแบบใหม่ ชวนให้เราได้รู้สึกราวกับว่าได้หลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว….     ผลงานการแสดงศิลปะสุดล้ำภายใต้คอนเซ็ปท์ที่ชื่อว่า ‘Crystal Universe’ เป็นผลงานของ teamLAB ผู้สรรค์สร้างนิทรรศการสุดล้ำ จัดขึ้นที่ DMM.Planets Art ศูนย์แสดงงานศิลปะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว Kudo Takashi หนึ่งในทีมผู้สร้างได้อธิบายคอนเซ็ปท์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีกว่า “เราต้องการจะตกแต่งให้ทุกห้องแตกต่างกัน เพื่อประสบการณ์อันแปลกใหม่สำหรับผู้ที่เข้าชม ราวกับว่า ทุกครั้งที่คุณเปลี่ยนห้อง เหมือนได้สัมผัสโลกใบใหม่อีกครั้งหนึ่ง”      สิ่งที่ทำให้นิทรรศการงานศิลปะชิ้นนี้แตกต่างออกไปก็คือ การที่สามารถทำให้ผู้เข้าชมได้รู้สึกถึงความสวยงาม และมีอารมณ์ร่วมผ่านประสบการณ์จากการสัมผัสและการมองเห็นด้วยตัวของพวกเขาเอง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นประสบการณ์การเสพศิลปะ ที่แตกต่างออกไป “สำหรับผมแล้วเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์คือเครื่องมืออย่างหนึ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคอนเซ็ปท์และไอเดียที่ทีมเราช่วยกันสร้างขึ้นมา หลังจากนั้นพวกเราจึงใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือ” ทีมงานกล่าว     ถึงแม้จะเห็นว่ามันสวยงามขนาดนี้ แต่อันที่จริงแล้วต้องใช้ทีมงานมากถึง 400 คน เพราะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ออกแบบและฝ่ายคอมพิวเตอร์ ที่ต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อให้มันออกมาสวยงามและลงตัวมากที่สุด     ไม่ใช่มีเพียงแค่แสงสีและภาพเท่านั้น เพราะในแต่ละห้องยังมีสัมผัสของกลิ่นที่จะช่วยให้ผู้เข้าชมเกิดความรู้สึกร่วมมากขึ้นไปอีก “ในทุกๆ ห้องทีมงานเราได้ออกแบบกลิ่นให้สอดคล้องกันมากที่สุด เช่น ห้อง ‘Wander Through…

สาวๆ ที่โตมากับการ์ตูนดิสนีย์ คงไม่มีใครที่จะไม่อยากเป็นเงือกสาวกันแน่ๆ บริษัททัวร์ในญี่ปุ่นเค้าได้จัดทัวร์ที่จะมาเติมเต็มความฝันของสาวๆ ที่อยากจะเป็น ‘เจ้าหญิงแอเรียล’ แล้ว!!   Rising Asia จะพาคุณไปท่องโลกแห่งความฝัน เที่ยวหาดทราย และแต่งกายเป็นนางเงือก เหมือนเจ้าหญิงแอเรียล!!   อยากให้ที่ไหนเป็นจุดหมายปลายทางก็เลือกได้เลย น่าไปทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นที่เกาะเซบูในประเทศฟิลิปปินส์ เกาะไซปัน ในหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา หรือเกาะกวมในมหาสมุทรแปซิกา   แน่นอนว่ามีทั้งเครื่องประดับและครีบนางเงือกให้สาวๆ ได้ใส่เป็นนางเงือกกันสมใจ   สัมผัสบรรยากาศสระว่ายน้ำในโรงแรมหรูที่เกาะเซบู พร้อมๆกับใช้เวลา 1 ชั่วโมงเต็มๆ ถ่ายภาพกับตากล้องมืออาชีพ เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย   จะไปแบบฉายเดียวหรือจะยกไปกันทั้งแก๊งก็ยังได้   แต่ถ้าไปกันถึงที่เกาะไซปัน หรือเกาะกวมในแปซิฟิก คุณจะได้ถ่ายภาพบนชายหาดวิวสวยๆ พร้อมกับชมพระอาทิตย์ตกดิน หรือจะเลือกถ่ายภาพตามหาดทรายสวยๆ ที่โอกินาว่าก็ได้   ราคาทัวร์อยู่ที่ 10,000 เยน หรือประมาณ 3,300 บาทต่อท่าน สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับทัวร์ได้ที่เว็บไซต์ Tabi no Tatsujin . .   สำหรับผู้ชายที่ผ่านเข้ามา ถ้ามีทัวร์ชมนางเงือกเมื่อไหร่ #เหมียวขาสั้นจะรีบมาบอกก็แล้วกันนะ ที่มา: Rocketnews24

ช่วงนี้หลายๆคนคงได้ทราบข่าวโศกนาฏกรรมสุดสลดที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นกันมาบ้างแล้ว เรื่องราวของนายซะโตะชิ อุเอะมะสึ วัย 26 ปี ผู้ที่ก่อเหตุบุกเข้าไปโจมตีใช้มีดไล่แทงผู้พิการจนเสียชีวิตกว่า 19 คน และบาดเจ็บสาหัสอีกกว่า 25 คน ที่สถานดูแลคนพิการในเมืองซะงะมิฮาระ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะก่อนหน้านี้เขาได้เขียนจดหมายไปให้ประธานสภาผู้แทนราษฏรเป็นระยะเวลานานกว่า 5 เดือนก่อนที่จะลงมือทำ เนื้อหามีการระบุถึงแผนการอย่างชัดเจนพร้อมเสนอข้อตกลงให้เป็นที่รับทราบ แต่อย่างไรก็ตามคงไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะกล้าทำให้โศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นจริงๆ   นายซะโตะชิ อุเอะมะสึ   สถานที่เกิดเหตุ   สำหรับเนื้อหาจดหมายที่เป็นภาษาญี่ปุ่น ก็ต้องขอขอบหยิบยกที่ทางเพจ  ‘นี่ห้องโชว์ไก่’ ได้แปลเอาไว้ซึ่งมีข้อความที่ครบถ้วนสมบูรณ์กว่า   และต่อไปก็สำหรับคนที่เข้าจากมือถือ ซึ่งอาจจะไม่เห็นโพสต์ด้านบน.. . .   จากการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าหลังจากที่เขาเขียนจดหมายนี้ส่งไปให้สภาผู้แทนราษฎรถึง 2 ครั้ง จนกระทั่งทางการมีการตอบรับด้วยการส่งเขาเข้ารักษาในโรงพยาบาลผู้ป่วยจิตเวช หลังจากนั้น เมื่อเดือนมีนาคมปีนี้ เขามีอาการดีขึ้นจึงถูกปล่อยตัวมา แต่กลับมาก่อเหตุที่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะลงมือทำจริงๆ คล้ายคลึงกับจดหมายที่เขาได้เขียนแผนการนี้เอาไว้นั่นเอง   พอได้เห็นข้อความในจดหมายแล้วก็ถึงกับอึ้งพูดไม่ออกเลยทีเดียว… ขอร่วมแสดงความเสียใจให้แก่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อในครั้งนี้อีกด้วย งานนี้ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการกฏหมายของญี่ปุ่นเค้าล่ะ ที่มา: Facebook นี่ห้องโชว์ไก่

พูดถึงซอสช็อคโกแลต เราก็ต้องทานคู่กับของหวานสิ แล้วถ้าเป็นซอสถั่วเหลืองล่ะ ก็ต้องทานคู่กับของคาวสิ ถูกมั้ย? ใครจะไปเอาซอสถั่วเหลืองมาราดของหวานล่ะ คือดูแล้วทั้งสองอย่างนี้แทบจะเอามาอยู่ด้วยกันไม่ได้เลย แต่ที่ญี่ปุ่นมันได้เกิดขึ้นแล้ว ‘ซอสถั่วเหลืองรสช็อคโกแลต’ ซึ่งเป็นซอสที่เอาไว้ทานกับของเย็นหรือของหวาน โดยซอสนี้ถูกผลิตขึ้นที่จังหวัด ฟุกุโอกะ (ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะเคียวซู)     ร่วมสร้างสรรค์ระหว่างบริษัท  YK STORES และ Goto Shoyu อันเป็นผู้ผลิตซอสถั่วเหลืองมานานหลายสิบปีแล้ว ซอสที่ว่านี้ทำมาจากผงโกโก้ Van Houten และน้ำตาลทรายแดงจากเมืองคะโงะชิมะและเคียวซู มีรสชาติที่ไม่หวานจนเกินไป เหมาะทั้งเด็กและผู้ใหญ่ผู้ใส่ใจในเรื่องปริมาณน้ำตาลและความหวาน   ดูจากภายนอกแล้ว มันอาจจดูไม่เหมือนซอสที่ใช้ทานกับของหวานได้ แต่ที่ฉลากข้างขวดก็เขียนไว้ชัดเจนว่า ‘เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เฉพาะทางเท่านั้น’     Goto Shoyu  บอกว่า ‘ซอสนี้ได้ถูกผลิตขึ้นเพื่อคงความเป็นซอสถั่วเหลือง ที่สามารถทานกับของหวานได้อย่างลงตัว และอร่อยด้วย’ และมันจะฟินมากขึ้น ถ้าเอาไปราดบนวิปปิ้งครีมหรือไอศกรีมซันเดย์     สำหรับซอสถั่วเหลืองรสช็อคโกแลตสามารถหาซื้อได้เร็วๆ นี้ที่อเมซอนในญี่ปุ่น และดูเหมือนว่าพวกเค้ามีแพลนจะขายผ่านทางเว็ปไซต์และร้านค้าต่างๆ ในอนาคตด้วย สนนราคาอยู่ที่ 680 เย็น หรือ ประมาณ 230 บาท ซึ่งจะบรรจุในขวด 150 มล.…

ข่าวนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคนรักของหวานเลยก็ได้นะ เพราะวันนี้เราจะพาทุกคนไปชมเมนูของหวานสุดแปลกที่คล้ายไอศกรีมและข้าวโพดปิ้งรวมกัน!?     ร้านที่เราจะพาไปดูมีชื่อว่า Dominique Ansel Bakery Tokyo ในย่านโตเกียว พวกเขาได้คิดค้นเมนูใหม่ที่ชื่อว่า Crème de la Corn เป็นไอศกรีมที่ทำมาจากคาราเมล บวกกับข้าวโพดหวานผสมด้วยเนื้อเมล็ดข้าวโพด แต่นั่นยังไม่พิเศษเท่ากับที่การเสิร์ฟพร้อมกับข้าวโพดปิ้งทั้งฝัก แทนที่จะเป็นกรวยขนมปังหรือวาฟเฟิลกรอบ!?     เชฟแห่งร้าน Dominique Ansel Bakery Tokyo กล่าวว่าเขาได้ไอเดียนี้มาตอนที่ไปเดินเล่นในตลาดแห่งหนึ่ง ซึ่งข้าวโพดปิ้งนั้นเป็นเมนูที่นิยมอยู่แล้วของชาวญี่ปุ่น ทางร้านจึงอยากจะนำมาดัดแปลงเป็นของกินแบบใหม่ๆ     ตามคำบอกเล่าจากทางร้าน บอกว่าข้าวโพดนี้ไม่ใช่การนำข้าวโพดมาปิ้งธรรมดาๆ นะ เพราะทางร้านเผยสูตรว่าพวกเขาได้นำเอาไปต้มในซอสถั่วเหลือง จากนั้นก็ทาเนยแล้วนำไปปิ้ง ทำให้ข้าวโพดมีรสหวานและเค็มที่ลงตัว     หากใครมีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นล่ะก็ ลองไปตามหากันได้ที่ร้าน Dominique Ansel Bakery อยู่ในเมือง Tokyo ย่านชิบูยะ เลขที่ 5-7-14 Jingumae ร้านเปิดตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 1 ทุ่มนะ ใครไปลองมาแล้วถ่ายรูปมาอวดด้วยนะเออ     แหม่ มันช่างเป็นการผสมผสานที่ลงตัวจริงๆ เห็นแล้วน้ำลายสอมาก…

ขอเสียงคนรักดอกไม้ไฟโหน่ยยยยยย ไม่ว่าจะเทศกาลไหนๆ เราก็มักจะเห็นดอกไม้ไฟอยู่เกือบทุกงาน โดยเฉพาะเทศกาลเฉลิมฉลอง แต่ขึ้นชื่อว่าดอกไม้ไฟแล้ว แน่นอนว่า มันคงไม่ได้สวยงามอย่างเดียวแน่ๆ วันนี้ก็เลยพามาดู เทศกาลดอกไม้ไฟที่เสี่ยงอันตรายแต่ก็สวยงาม อลัง ปัง ไม่ใช่เล่นเลยล่ะ สำหรับเทศกาล Tezutsu Hanabi ของชาวญี่ปุ่น เป็นประเพณีดอกไม้ไฟแบบดั้งเดิม และทำเองกับมือเลย โดยเทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้า และขับไล่ดวงวิญญาณร้ายในเวลาเดียวกัน จัดขึ้นมานานต่อเนื่องกว่า 400 ปีแล้ว   ดอกไม้ไฟทั้งหมดนี้ พวกเค้าทำเองกับมือเลยนะ ใช้ดินปืนถึง 3 กิโลกรัมเลยล่ะ   งานนี้จะจัดขึ้นในเมือง Toyohashi จังหวัด Aichi ช่วงวันศุกร์ที่สาม วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ของเดือนกรกฏาคม   ไปชมภาพบรรยากาศแบบเต็มๆกันเลยดีกว่า . . .   และการยิงดอกไม้ไฟนั้น พวกเขาก็จะต้องทำการยิงด้วยตัวเองแบบนี้   จุดไฟ แล้วก็ถือกระบอกยิงดอกไม้ไฟอย่างมั่นคง . . . . . . . .…

ทุกๆ ฤดูร้อนของญี่ปุ่น ที่หมู่บ้าน Inakadate ในจังหวัดอาโอโมริ ทุ่งนาธรรมดาๆ จะถูกเปลี่ยนให้เป็นศิลปะบนนาข้าวอันสวยงาม ถ้าใครยังไม่รู้จักหมู่บ้านนี้ คลิ้กลิ้งค์เรื่องเก่าที่ CatDumb เคยทำเอาไว้ ด่วน!! และปีนี้ก็เช่นเคย ศิลปะบนทุ่งนาของชาวนาญี่ปุ่น ปีนี้อลังการขึ้นกว่าเดิม เราไปกันเลยดีกว่า…   ในคราวนี้ เนื่องจากภาพยนตร์เรื่อง Shin Godzilla หรือ Godzilla: Resurgence มีกำหนดการเข้าฉายที่ประเทศญี่ปุ่นในปลายเดือนนี้ ผลงานศิลปะบนทุ่งนารอบนี้จึงออกมาเป็นแบบนี้แหละ   ภาพเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน   วันที่ 23 มิถุนายน ก็อตซิลล่าเริ่มดูเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น   ภาพเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน   5 กรกฎาคม แต่นแต๊น!! อลังการตระการตา     ที่จริงแล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ก็มีผลงานศิลปะออกมาชิ้นหนึ่งซึ่งโด่งดังมากเช่นกัน ต้องยอมรับเลยว่าพวกเขาออกแบบกันได้อย่างน่าทึ่งจริงๆ   หลายคนคงจะสงสัยสินะว่าพวกเขาทำได้ยังไง ขอยกเนื้อหาของเหมียวสามสี ที่เคยทำเอาไว้ในเว็บมาเล่าต่อ ศิลปะแบบนี้เค้าเรียกว่า “Tanbo Art” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ Tanbo…

เชื่อว่าหลายๆคนคงคุ้นเคยกับรายการมวยปล้ำชื่อดังอย่าง WWE ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในบ้านเราแถมยังเต็มไปด้วยเรื่องราว ตัวละคร ให้น่าติดตามจนชนิดที่ว่าในสมัยเด็กๆ หลายๆคนติดรายการนี้และเสียงพากษ์ของ ‘น้าติง ฮาร์ดคอ’ กันอย่างงมแงมเลยทีเดียว กลับมาที่ซีกโลกตะวันออกกันบ้าง ขอพาไปรู้จักกับรายการแข่งขันมวยปล้ำในญี่ปุ่น งานนี้มีแต่ผู้หญิงล้วนๆที่จะมาห่ำหั่นกันบนเวทีให้เราได้ชมกัน ไปทำความรู้จักกันดีกว่าว่าเวอร์ชั่นผู้หญิงจะโหดได้ขนาดไหน   การต่อสู้รายการนี้มักมีความคล้ายคลึงกับศิลปะการต่อสู้ทั่วๆไป นักมวยปล้ำสาวส่วนใหญ่จะอาศัยการเตะเพื่อเป็นการป้องกันตัว Cr. Thomas Peter   รายการแข่งขันนี้ถูกจัดขึ้นเมื่อปี 2010 และ 5 ปีต่อมารายการแข่งขันมวยปล้ำอื่นๆก็เริ่มปิดตัวลง   ในช่วงเวลานั้น มันเรียกเสียงฮือฮาและความนิยมจากผู้ชมได้อย่างล้นหลามในเวลาอันสั้นอีกด้วย   นักมวยปล้ำหญิงที่นี่จะต้องแต่งตัวด้วยสีสันที่ฉูดฉาด (ดูหน้าเจ๊แกสิ เอาจริงนะเนี่ย!!)   บางแมทช์ก็ต่อสู้กันบนเวทีมากกว่า 2 คน (นี่ไม่ได้มาเล่นๆนะเนี่ย)   หรือจะแท็คทีม 6 คน ขึ้นไปซัดกันให้เข็ดไปข้างก็ยังได้   ภาพตัวอย่างของการต่อสู้กันแบบแท็คทีม (ดูวุ่นวายโกลาหลสุดๆ5555+)     บางทีวิญญาณนักสู้มันก็เข้าสิงชนิดที่ว่าไม่สนใจกฏเกณฑ์บนเวทีอะไรทั้งนั้น (หรือเค้าโกรธกันจากนอกเวทีมาก่อนนะ?)   สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเป็นผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอด   นักมวยปล้ำหญิงที่นี่หลายๆคนเคยเป็นและกำลังเป็นนางแบบอยู่ด้วยนะ แต่… คนดูส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งนั้นเลย  …

หากคุณอยากให้คนทั่วไปรู้ว่าคุณนั้นคลั่งไคล้โลกเวทย์มนต์ขนาดไหนล่ะก็ คุณต้องอยากได้กระเป๋าใบนี้มาไว้ครอบครองแน่ๆ ชาวญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการแต่งชุดคอสเพลย์ที่ค่อนข้างกว้างขวาง ฉะนั้นเราจึงได้เห็นเสื้อผ้าหน้าผมที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับกลุ่มคนแบบเฉพาะเจาะจงมากๆ     เช่นเมื่อช่วงปลายปี 2015 ที่ผ่านมา ได้มีบริษัทผลิตเสื้อผ้าในญี่ปุ่นออกแบเสื้อฮู๊ดดี้แบบใหม่ ที่อิงตามเสื้อผ้าของพ่อมดในนวนิยาย ปลายแขนเสื้อกว้างๆ พร้อมกับหมวกปลายแหลม เพื่อให้คนที่อยากจะคอสเพลย์หรือหาเสื้อผ้าแต่งกายคล้ายกับพ่อมดได้ซื้อมาใส่กัน       และเพื่อส่งเสริมให้การแต่งตัวของเราดูคล้ายพ่อมดเข้าไปอีก บริษัท Item-ya ในญี่ปุ่น ได้ผลิตกระเป๋าใส่ของแบบใหม่ที่ชื่อว่า Grimoire Bag มันมีรูปร่างคล้ายกับสมุดเล่มหนาๆ ที่มีหน้าปกเป็นภาษาและอักขระโบราณ คล้ายกับสมุดที่พ่อมดใช้ในการท่องคาถา     กระเป๋าใบนี้มาพร้อมกับสายสะพายที่ให้คุณคาดเอวหรือพาดไหล่ก็ได้ ภายในมีเนื้อที่ความกว้าง 18.2 เซ็นติเมตร ให้คุณเก็บสมุดหนังสือ โทรศัพท์ได้อย่างพอเหมาะพอดี   . . .   หากใครสนใจลองเข้าไปดูกันได้ที่เว็บไซต์ vvstore.jp เขาสนนราคาอยู่ที่ใบละ 6,264 เยน หรือประมาณ 2,060 บาทล่ะ (แน่นอนว่าทั้งเว็บเป็นภาษาญี่ปุ่น) ใครสนใจอยากจะลองคอสเพลย์เป็นแม่มดหรือจอมขมังเวทย์ก็ลองดูได้นะจ๊ะ ที่มา rocketnews24

ต้องบอกเลยว่าถ้าพูดถึงอะไรล้ำๆ ญี่ปุ่นอาจจะจัดว่าเป็นประเทศลำดับต้นๆ ในการสร้างสิ่งประดิษฐ์สุดเจ๋งที่ผสมผสานนวัตกรรมต่างๆ เข้าด้วยกัน DeNA Co., บริษัทเกมในญี่ปุ่นได้ร่วมมือกับบริษัทฝรั่งเศส EasyMile S.A., ทำรถบัสไร้คนขับ EZ10 ขนาดเล็กที่สามารถจุผู้โดยสารได้ถึง 12 คน เตรียมให้บริการในจังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น โดยแผนระยะแรกจะให้บริการในพื้นที่ 21,000 ตารางเมตร ภายในสวนสาธารณะ Toyosuna ที่อยู่ใกล้กับศูนย์การค้า AEON Hiroshi Nakajima ผู้จัดการฝ่ายรถอัตโนมัติของ DeNA ระบุว่า ในปีหน้าวางแผนจะขยายให้บริการรถไร้คนขับนี้ไปครอบคลุมในส่วนของทางหลวงด้วย   เราไปชมตัวอย่างเจ้ารถบัสคันกันเลยดีกว่าครับ!!!   ส่วนความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้กับเรื่อง Tesla Model S ที่มีอุบัติเหตุจนเสียชีวิตขณะที่ระบบขับอัตโนมัติยังทำงานอยู่ ทางบริษัท DeNA ขอไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้ แต่จะนำมาเรียนรู้และปรับปรุงเพื่อความปลอดภัย และบริษัทจะดำเนินธุรกิจในวิสัยทัศน์ที่ว่า “เรื่องของการเกิดอุบัติเหตุนั้นจะไม่เป็นที่ยอมรับในบริษัทของเรา เพราะเราจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น”   รถมีขนาดเล็กกระทัดรัด สาวๆ เห็นแล้วต้องชอบกันแน่ๆ เลย!!!   เรื่องปัญหาการจอดรถจะหมดไปเมื่อมีเจ้าสิ่งนี้เกิดขึ้น เพราะไม่ได้มีขนาดยาวเหมือนรถบัสอื่นๆ เลย…   ชักอยากเห็นรถคันนี้ตอนเปิดให้บริการแล้วล่ะสิ   ประเทศญี่ปุ่นยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีตลอดเลยนะเนี่ย!!! ที่มา : Japantimes

ถ้าพูดถึงการเผาแล้ว ที่บ้านเรามีการเผาป่าบนภูเขาสร้างมลพิษในภาคเหนือถือว่าเป็นปัญหาอย่างใหญ่หลวงที่แก้ไม่ตกจริงๆ แต่วันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปที่ญี่ปุ่นเพื่อไปชมการเผาแบบเดียวกันนี่แหละ แต่ต้องบอกก่อนกว่าการเผาของเขานั้นไม่ได้เผาเรื่อยเปื่อย เพราะมันเป็นเทศกาล “ยามะยากิ” แปลได้ว่าย่างภูเขานั่นเอง ในทุกๆ เดือนมกราคมของทุกปี ในเมืองนาราจะจัดเทศกาลนี้ขึ้นด้วยการทำให้ภูเขาลุกเป็นไฟ พร้อมทั้งขบวนแห่คบเพลิงและพลุมากมาย เปลี่ยนฤดูหนาวให้กลับมาอบอุ่นอีกครั้ง     งานนี้จะจัดขึ้นทุกๆ วันเสาร์ที่สี่ของเดือนมกราคม โดยกลุ่มขบวนแห่คบเพลิงนั้นจะเดินไปตามทางของเมืองมุ่งสู่ภูเขาวากะกุสะ ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับไปแล้ว หลังจากนั้นก็ทำการย่างภูเขาให้ราบ พร้อมทั้งมีหน่วยควบคุมเพลิงให้ไฟไม่ให้ลามเกินขอบเขตด้วย     ไฟนั้นจะลุกไหม้ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับว่ามีต้นไม้แห้งอยู่มากแค่ไหน ซึ่งที่มาของเทศกาลนี้ยังไม่มีใครรู้ แต่ก็ทำต่อมาเรื่อยๆ และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว   . . . . . . . . .   เห็นได้ชัดเลยว่าส่วนที่เผาไปนั้นก็กลายเป็นสถานที่ที่ให้คนมาเยี่ยมชมและสวยงามมากๆ ไปนอนเล่นรับแดดคงจะฟินไม่น้อยเลย ที่มา Amusing Planet

เป็นเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับมนุษย์ที่ทำความดีให้กับเหล่าเพื่อนร่วมโลกแสนน่ารักอย่างเจ้าเหมียวอีกแล้ว และถ้าใครมีโอกาสไปที่ญี่ปุ่นล่ะก็ อย่าลืมไปเที่ยวและเยี่ยมเยือนคาเฟ่แมวชื่อดังของประเทศอย่างร้าน Neco Republic ด้วยล่ะ ซึ่งตอนนี้มีสาขาอยู่ในหลายๆ พื้นที่ทั้ง  Gifu, Osaka, Aichi และในย่าน Ochanomizu ของโตเกียวด้วย!!! ข้อดีของร้านนี้ก็คือทางร้านจะรับเหล่าแมวเหมียวจรจัดมาเลี้ยงในคาเฟ่และดูแลพวกมัน ซึ่งล่าสุดทางร้านก็ได้เปิดสาขาใหม่ในกรุงโตเกียว แต่คราวนี้รับแต่เหล่าแมวเหมียวที่มี FIV หรือเรียกกันสั้นๆ ในภาษาไทยเราว่า ‘เอดส์แมว’ มาดูแลที่ร้านล่ะ   คาเฟ่เหมียวที่รับแต่แมวที่มีอาการ FIV   ในส่วนของโรคเอดส์แมวนี้แน่นอนว่าไม่ติดต่อสู่คนนะจ๊ะ เพราะจะติดต่อกันกับสัตว์ที่อยู่ในตระกูลแมวเท่านั้น แน่นอนว่าการหาบ้านให้เจ้าเหมียวพวกนี้อยู่ถือว่าเป็นเรื่องยากมาก ถึงจะไม่ติดไปยังคนก็ตาม แต่ถ้าบ้านที่เลี้ยงแมวอยู่แล้วคงไม่อยากได้เจ้าเหมียวที่เป็นโรค FIV เข้าไปอยู่กับน้องเหมียวของตัวเองหรอกใช่มั้ย?? แมวที่เป็นโรค FIV นั้นไม่มีอาการอะไรที่ผิดปกติไปจากแมวทั่วไปหรอกนะจ๊ะ อาการอาจจะไม่แสดงเป็นระยะเวลาหลายปีเลยทีเดียวขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของน้องเหมียว และยังสามารถใช้ชีวิตได้ยาวนานเหมือนแมวปกติอีกด้วย   คาเฟ่น้องแมวติดเอดส์   Apple Cat ที่เป็นสัญลักษณ์ของน้องแมวเหล่านี้ที่ทางร้านวาดขึ้นมา   หนึ่งในน้องเหมียวสมาชิกของทางร้าน   มีการขายของที่ระลึกด้วยนะจ๊ะ และรายได้ส่วนนี้จะใช้ไปในการดูแลน้องแมว สามารถซื้อได้แบบออนไลน์ที่นี่   สำหรับตอนนี้ทางสาขานี้ก็ได้ทำการเปิดบริการอย่างเป็นทางการแล้ว น้องเหมียวชุดแรกที่เป็นสมาชิกของทางร้านมีอยู่ทั้งหมด 8 ตัวด้วยกันล่ะ!!!   แน่นอนว่าเจ้าเหมียวทั้งหมดในร้านสามารถให้ลูกค้ารับไปเลี้ยงดูได้ถ้าเกิดถูกชะตากันจริงๆ…

อะไรที่มันมากเกินไปก็ไม่ดีนะ อย่างที่เหมียวทั้งหลายเคยนำเสนอในข้อดีของเกมไป แต่ก็ใช่ว่าข้อเสียของมันจะไม่มีเลย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบุคคลด้วย ว่าจะให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากัน อย่างเช่นกรณีตัวอย่างดังต่อไปนี้ ข่าวคราวอันน่าตกใจนี้เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อมีชายวัย 55 ปี ผู้มีหน้าที่การงานได้เกษียณก่อนกำหนด และกลับมาอยู่บ้านกับภรรยาวัย 52 ปีกันสองคน โดยที่ลูกๆ ก็เติบโตแยกย้ายไปมีครอบครัวกันหมดแล้ว     เมื่อเวลาผ่านไป ฝ่ายสามีผู้เกษียณในวัย 57 ปี วันๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรมากมาย ก็มีอาการติดเกมอย่างหนัก เล่นทั้งวัน ทั้งคืน ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน แม้จะอาศัยอยู่ที่เดียวกันกับภรรยา แต่ก็ไม่ค่อยได้เห็นหน้าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว จะได้เห็นก็ตอนที่จะออกมาเข้าห้องน้ำเท่านั้น จนกระทั่งภรรยาทนกับพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ไหว จนทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน แต่ก็ไม่วายโดนสามีติดเกมสวนกลับมาว่า ‘ถ้าผมหายออกไปจากเกม จะทำให้คนอื่นเล่นต่อไม่ได้ แล้วแบบนี้จะให้ผมทรยศเพื่อนพ้องงั้นเหรอ’     เมื่อได้ยินประโยคที่ทำให้ใจสลาย ภรรยาก็ไม่ทนอีกต่อไป ในเมื่อเกมสำคัญกว่าจิตใจของเธอ เธอก็ขอตีตัวออกห่าง แต่หลังจากนั้นเพียงแค่ 4 วัน เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาลแจ้งมาว่าสามีของเธอเป็นโรคขาดสารอาหารอย่างหนัก ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน     ทีนี้เราก็ต้องมาคิดกันใหม่ว่าหากเราละเลยสิ่งรอบข้างไป บางครั้งมันก็กลับมาทำร้ายเราได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านจิตใจและสุขภาพ เพราะฉะนั้นแล้ว ควรที่จะจัดลำดับความสำคัญแต่ละอย่างให้พอดีนะจ๊ะ…

ประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นประเทศที่มักมีไอเดียอะไรแปลกๆ ออกมาให้เราได้ชมเสมอ และวันนี้อีกครั้งกับผลิตภัณฑ์ที่ทำออกมาเอาใจผู้ที่ชื่นชอบ “ซูชิ” อาหารขึ้นชื่อจากญี่ปุ่นอย่างสุดกับใจกับ “กระเป๋าซูชิ” อันนี้!!’     กระเป๋าซูชิสุดเก๋ชิ้นนี้ เป็นผลงานของบริษัท Turn Over โดยกระเป๋าจะทำหน้าตาออกมาเลียนแบบซูชิ ซึ่งจะมีหลายแบบ ได้แก่ซูชิหน้าไข่ หน้ากุ้ง และหน้าแซลม่อน   เห็นหน้าตาประหลาดๆ แบบนี้ อย่านึกว่าใช้งานจริงๆ ไม่ได้นะ เพราะผู้ผลิตทำช่องใส่ของไว้มากมาย ตั้งแต่ใส่ขวดน้ำ เอกสาร โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์แลปทอปขนาด 17 นิ้วเลยนะจ๊ะ .   สนนราคาอยู่ที่ชิ้นละ 4,860 เยนหรือราว 1,700 บาทไทย ใครสนใจก็สั่งซื้อจากเว็บไซต์ Turn Over ได้เลยนะฮะ   แหม อะไรจะเหมือนจริงขนาดนี้ เกิดกำลังหิวๆ อยู่ แล้วมีคนสะพายกระเป๋าซูชิเดินผ่าน อาจมีกระโดดงับได้ ก็คนมันหิวนี่น่า ฮาาา ที่มา: Rocketnews24

เรื่องมาตรฐานความปลอดภัย เรียกว่าใส่ใจกันเป็นที่หนึ่งจริงๆ สำหรับชาวญี่ปุ่น ล่าสุดเหล่าผู้โดยสารรถไฟเส้นทางโอดาคิว ต้องไปถึงที่หมายช้าไปนิดหน่อย เพราะรถไฟต้องจอดอย่างกะทันหัน หลังมี “มันฝรั่ง” ตกขวางทางรถไฟอยู่     โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา รถไฟที่ออกจากสถานียามาโตะเพื่อไปยังสถานีโชนันไดต้องหยุดกะทันหัน หลังจากมีคุณยายคนหนึ่ง ทำถุงมันฝรั่งขาด จนมันฝรั่งที่ซื้อมาตกอยู่กลางทางรถไฟ เมื่อรถไฟที่กำลังแล่นมาเห็นดังนั้น ทางคนขับรถจึงจอดรถในทันที แล้วลงไปเคลียร์มันฝรั่งเหล่านั้นให้ออกจากเส้นทาง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวรถไฟ     ส่วนเจ้าของมันฝรั่งก็ยืนอยู่ข้างทาง แล้วคอยมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างงงๆ     เมื่อชาวเน็ตเห็นภาพดังกล่าว ก็ออกมาคอมเมนต์แบบฮาๆ มากมายเช่น “สงสัยคุณป้าอยากทำมันฝรั่งบด” “คุณป้าทำไปทำไมเนี่ย สงสัยร้อนจัดจนเพี้ยนซะละมั้ง” “ปกติทำแบบนี้ไม่โดนจับเหรอ?”     พนักงานเค้าใส่ใจทุกรายละเอียดดีจริงๆ ถ้าเป็นรถไฟไทยนี่เหยียบเละไปแล้วแน่นอน แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดเห็นอย่างไรบ้าง ลองแสดงความเห็นกันเข้ามาดูนะเหมียว ที่มา Rocketnews24

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2559 ทางเว็บไซต์ Mirror มีรายงานว่า ปัจจุบันมีบริษัทผลิตอุปกรณ์บำบัดความต้องการทางเพศอย่าง “ตุ๊กตายาง” ออกมาเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นก็มีการผลิตตุ๊กตาเลียนแบบเด็กหญิงอายุราว 3 ขวบออกมาวางขาย แถมยังสามารถสั่งซื้อได้อย่างถูกกฎหมายอีกด้วย     AliExpress คือเว็บขายปลีกชื่อดังที่มีความปลอดภัยในการซื้อขายสูง โดยเน้นการซื้อปลีกในราคาส่ง ที่ทางเว็บไซต์ Mirror ได้ลองเข้าไปตรวจสอบและพบว่า เว็บไซต์แห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งซื้อขายตุ๊กตายาง ที่ผู้ต้องการสามารถสั่งซื้อมาครอบครองได้     ภายในเว็บจะมีการโฆษณาซื้อขายตุ๊กตายาง ที่มีลักษณะคล้ายกับเด็กสาวอายุ 9 ขวบไปจนถึง 3 ขวบ และมีส่วนสูงตั้งแต่ 100-140 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังมีคำเชิญชวนให้ซื้อตุ๊กตายางอีกว่า “สาวน้อยไร้เดียงสากำลังรอคุณอยู่” และที่มากไปกว่านั้นก็คือ ทาง AliExpress ยังได้มีการเผยภาพวิธีการแนะนำการใช้งานอุปกรณ์เสริม และท่าทางในการใช้งานให้กับผู้ที่สนใจอีกด้วย   .   อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ Mirror ก็เคยนำเสนอเรื่องกรณีซื้อขายตุ๊กตายางเด็ก ที่ผลิตขึ้นในประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว และนั่นก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นอย่างมากมาย แต่ภายหลัง ทางบริษัทผู้ผลิตก็ได้ออกมาให้เหตุผลว่า ตุ๊กตายางเหล่านี้ คือเครื่องมือช่วยระบายความใคร่ของพวกชอบเด็กได้…

พูดถึงประเทศที่มีระบบรถไฟดีที่สุดในโลก เชื่อว่าประเทศญี่ปุ่นต้องโผล่ขึ้นมาเป็นชื่อแรกๆ อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูงหรือว่ารถไฟความเร็วธรรมดา ล่าสุดมีการเปิดตัวรถไฟชมวิวทิวทัศน์สุดหรูชื่อว่า “Echigo Tokimeki Resort Setsugekka” ซึ่งจะวิ่งผ่านแถบนิงาตะ รถไฟขบวนนี้ ถูกดัดแปลงมาจากรถไฟฟ้าธรรมดาๆ ให้สามารถชมฉากหลังอันตระการตาของภูมิประเทศแถบนั้นได้   โดยรถไฟขบวนนี้จะประกอบไปด้วยตู้ขบวนสองตู้ สามารถจุผู้โดยสารได้ทั้งหมด 45 ที่นั่ง ซึ่งตู้แรกผู้โดยสารสามารถนั่งชมวิวทิวทัศน์อันงดงามผ่านหน้าต่างของรถไฟได้ ส่วนตู้ที่สองจะมีภัตตาคารอาหารฝรั่งเศสคอยให้บริการ   จุดชมวิวบริเวณหัวขบวนรถไฟ   ภาพภายในตู้ขบวนแรกที่ใช้สำหรับชมวิวทิวทัศน์ .   ไม่ว่าจะนั่งตรงไหน ก็สามารถชมวิวได้อย่างเต็มตา   มุมคาเฟ่และบาร์   ห้องอาหารฝรั่งเศสที่ตั้งอยู่บริเวณตู้ที่ 2   ห้องชมวิวแบบพาโนราม่ามีที่นั่งเพียง 4 ที่นั่ง   ชุดอาหารฝรั่งเศส จากตู้ที่ 2   แผนผังของขบวนรถไฟดังกล่าว   สุดยอดไปเลยเนอะ จริงๆ #เหมียวอ๊อดโด้ ว่าประเทศไทยเองก็มีวิวสวยๆ อยู่เยอะ ก็น่าจะมีรถไฟแบบนี้บ้าง แต่พอหันไปมองการรถไฟฯ สงสัยทั้งหมดคงได้แค่ฝัน ฮาาาา ที่มา Design…

ในปัจจุบัน หลายๆ ประเทศเริ่มมีการยกเลิกตู้ส่งจดหมายกันบ้างแล้ว เนื่องจากความนิยมที่ตกลงไปของจดหมาย หลังการเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างโซเชียลเน็ตเวิร์ค หรือ อีเมลล์ แต่สำหรับประเทศญี่ปุ่นแล้ว พวกเขายังมีค่านิยมในการส่งโปสการ์ดให้กันในช่วงวันสำคัญๆ อยู่ ทำให้ตู้ส่งจดหมาย ถูกใช้งานอยู่เสมอ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม ตู้จดหมายเก๋ๆ ที่หาจากไหนไม่ได้ นอกจากประเทศญี่ปุ่น จะน่ารัก จะเจ๋งขนาดไหน ไปชมกันเลย!   น่ารักมั้ยละ   อันนี้แอบน่ากลัวนะเนี่ย   เพนกวิ้นก็มา   จิงโจ้ก็มี .   แบบนี้ก็ล้ำไปอีกแบบ   แบบหวานแหว๋วก็มี .   อย่างกะวิญญาณญี่ปุ่น .   ลองไปชมภาพอื่นๆ กันเลย . . . . . . . . . .   เห็นแล้วนึกถึงสมัยที่ต้องส่งจดหมายหากันจังเลย เทคโนโลยีปัจจุบันทำให้ทุกอย่างรวดเร็วก็จริง…

ถ้าจะพูดถึงศิลปินที่มีชื่อเสียงในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นตอนนี้ คงต้องพูดถึงเขาคนนี้เลย ศิลปินคนนี้มีชื่อว่านายชินริ เทซูกะ วัย 26 ปี เขาได้เปิดร้านที่มีชื่อว่า Asakusa Amezaiku Ameshin ในย่านอาซากูซะ     นายเทซูกะได้ไปปรากฏตัวในรายการทีวีมาแล้วมากมาย สร้างผลงานศิลปะมาแล้วเป็นร้อยๆ ชิ้น และผลงานของเขาก็ไม่ใช่ภาพวาดหรืองานปั้น แต่เป็นลูกอมธรรมดาที่ไม่ธรรมดานั่นเอง     เขาได้นำเอาทักษะการปั้นและแกะสลักมาใช้กับการปั้นลูกอม ด้วยการออกแบบสไตล์โมเดิร์น หรือทำตามที่ลูกค้าสั่งเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ หอย เครื่องดนตรีต่างๆ     และในช่วงฤดูนี้เอง นายเทซูกะก็ได้ขึ้นรูปอมยิ้มแบบใหม่ เป็นอมยิ้มแบบใสที่มีลวดลายเหมือนภาพวาดอยู่ด้านใน มีให้เลือกด้วยกัน 5 ลวดลาย พร้อมวางขายที่ร้านของเขาแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ดูแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาทำกันยังไงนะเนี๊ยะ!?     หากใครสงสัยแล้วอยากจะเห็นกระบวนการทำประติมากรรมอมยิ้มล่ะก็ ลองชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย   สวยจนกินไม่ลงเลย ที่มา rocketnews24

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวที่กลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลก คือข่าวเจ้าหน้าที่จากฐานทัพสหรัฐอเมริกาบนเกาะโอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่น ได้ก่อเหตุข่มขืนฆ่าหญิงสาวชาวญี่ปุ่นวัย 20 ปีคนหนึ่งอย่างโหดเหี้ยม จนกลายเป็นที่ไม่พอใจของคนญี่ปุ่นจำนวนมาก   นับตั้งแต่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพสหรัฐฯ ได้สร้างฐานทัพไว้หลายแห่งบนเกาะโอกินาว่า ซึ่งเคยเป็นสมรภูมิสำคัญในช่วงสงครามโลก และในฐานทัพเหล่านั้น มีทหารอเมริกันประจำอยู่กว่า 47,000 นาย ซึ่งนับตั้งแต่มีการตั้งฐานทัพขึ้นมา เหล่าทหารและเจ้าหน้าที่ในฐานทัพ ก็มีเรื่องกระทบกระทั่งกับชาวเมืองท้องถิ่นมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอาชญากรรม ข่มขืน ชนแล้วหนี และอื่นๆ มากมาย จนบางครั้งก็ลุกลามเป็นปัญหาใหญ่โตเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่นานนี้     ประเด็นดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับคนญี่ปุ่นในพื้นที่เป็นอย่างมาก และก่อให้เกิดเป็นดราม่าเล็กๆ ซึ่งมีประเด็นเรื่องของเชื้อชาติมาเกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความมืดมนก็ยังมีความสวยงาม ล่าสุดมีรายงานว่าชาวอเมริกันในญี่ปุ่นหลายสิบคน ยืนถือป้ายแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เกาะโอกินาว่า จนกลายเป็นที่ประทับใจแก่ชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก   . .   แม้จะเป็นประเด็นใหญ่มากของคนบนเกาะโอกินาว่า อย่างไรก็ตามมีชาวเน็ตแสดงความเห็นว่า ภาพดังกล่าวไม่เคยปรากฎในสื่อหลักของญี่ปุ่นแม้แต่น้อย เพราะอะไรละ!? มีคนวิเคราะห์ถึงสาเหตุ อาจเป็นไปได้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นได้ถือโอกาสพอมีโอกาสที่เจ้าหน้าที่สหรัฐทำไม่ดีกับคนญี่ปุ่นแบบนี้ ในการสร้างแรงกดดันให้ทางสหรัฐอเมริกา รีบดำเนินการย้ายฐานทัพโอกินาว่าออกไปให้เร็วที่สุด หลังมีความพยายามเรียกร้องมาอย่างยาวนาน   (พวกเราเสียใจกับเรื่องที่โอกินาว่า) . .   ส่วนสำหรับคดีอาชญากรมที่เกิดขึ้น…

ในช่วงที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวคุมาโมโตะที่ประเทศญี่ปุ่น อาคารบ้านเรือนหลายแห่งได้รับความเสียหายทั้งแบบไม่รุนแรงมากและเสียหายหนัก แต่สำหรับบ้านหลังนี้ถือว่าเป็นกรณีที่พิเศษกว่ามากเลยล่ะ     ในขณะที่กำลังเกิดแผ่นดินไหวทำให้เกิดแผ่นดินถล่ม โดยบ้านของคุณอิเคดะก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ช่วงจังหวะนั้นเป็นช่วงที่เขากำลังหลับอยู่ในบ้าน โดยที่ไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่นิดเดียว แต่หารู้ไม่ว่าบ้านของเขานั้นไหลราบไปกับแผ่นดินเป็นระยะทางรวมทั้งหมด 65 เมตรด้วยกัน     ภายหลังจากตื่นเช้ามาปุ๊บ เขาก็สงสัยเหลือเกินว่า เอ๊ะ ทำไมวิวนอกบ้านมันเปลี่ยนไปล่ะ มารู้ตัวอีกทีสภาพบ้านก็ถูกย้ายมาอย่างที่เห็น     โชคดีมากๆ ที่เขาและภรรยาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร และบ้านก็ไม่ได้รับความเสียหายด้วย มีเพียงแค่ถูกแผ่นดินพาบ้านไหลลงมาเปลี่ยนตำแหน่งเท่านั้น นับว่าเป็นอะไรที่แปลกพิลึกชอบกลสุดๆ เลยล่ะ #เหมียวเลเซอร์ อยากจะถามเหลือเกินว่าพี่ห้อยพระอะไรเนี่ย ฮร่าาาา ที่มา : asahi

สำหรับคนไทยแล้ว “ผักชี” ถือว่าเป็นผักประจำชาติชนิดหนึ่งเลยทีเดียว ด้วยกลิ่นที่รุนแรงเหมาะแก่การนำมาเป็นเครื่องเทศ ทำให้อาหารไทยหลายๆ ชนิด มีส่วนประกอบของผักชีอยู่ แต่สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้ว ผักชีถือว่าเป็นของหายากและได้รับความนิยมอย่างสูง หากผู้รับประทานต้องการผักชีเพิ่ม บางทีอาจต้องจ่ายเงินจำนวนไม่น้อยเพื่อผักชีเหล่านั้น     ล่าสุด ร้านอาหารไทยชื่อว่า 999 ในประเทศญี่ปุ่น ได้มีการจัดการแข่งขันกินผักชีขึ้นมาในชื่อ “Dynamite Ramen Challenge” ซึ่งผู้ที่สามารถทำตามโจทย์ที่ร้านกำหนดไว้สำเร็จ ก็จะได้สิทธิ์ในการกินผักชีฟรีในครั้งต่อไป!!     สิ่งที่ผู้เข้าร่วมแข่งขันต้องทำก็คือ ทานราเม็งที่โรยหน้าด้วยผักชีปริมาณมหาศาลให้หมด ซึ่งทางร้านจะมีอยู่หลายขนาดให้เลือกเช่น 400 กรัม, 800 กรัม, และ 2 กิโลกรัม โดยรางวัลของผู้ที่สามารถกินผักชี 400 กรัมได้คือจะได้รับผักชีกินฟรีในครั้งหน้า ถ้ากินได้ 800 กรัม จะได้กินผักชีฟรี 3 เดือน และถ้ากินผักชีได้ 2 กิโลกรัม จะสามารถกินผักชีได้ฟรีตลอดชีวิต!!!   (ผักชีสองกิโลฯ มาเสิร์ฟแล้วจ้า)   ล่าสุดทางทีมงานของเว็บไซต์ Rocketnews24 ได้ไปทดลองกินผักชี 2 กิโลฯ กันมา…

แม้ในช่วงหลายปีทีผ่านมา กิจกรรมนันทนาการอย่างเกมคอมพิวเตอร์หรือว่าเกมการ์ด สามารถพัฒนาจนกลายเป็นอาชีพจริงๆ ได้ หากผู้เล่นเก่งกาจพอ (e-Sport อะไรทำนองนั้น)  ทำให้คำครหาบางส่วนที่บอกว่าเกมเหล่านั้นไม่มีประโยชน์ลดลงไปอย่างมาก     แต่ดูเหมือนว่า ยังมีอีกหลายคนที่ไม่เข้าใจและมองว่าเกมเป็นสิ่งที่ไร้สาระ ไม่มีค่าอันใดนอกจากมอมเมาเยาวชน แม้ในกระทั่งในประเทศญี่ปุ่น ที่กิจกรรมเหล่านี้เฟื่องฟูมากที่สุดในโลกที่หนึ่ง เรื่องราวมีอยู่ว่า มีชาวทวิตเตอร์ท่านหนึ่ง @mimi3310mtg ได้ถ่ายภาพบทความของนิตยสาร  BUBKA จากประเทศญี่ปุ่น แล้วแชร์ลงบนโซเชียล โดยใจความกล่าวดูถูกนักเล่นเกมการ์ดมืออาชีพว่า “ไม่ต่างจากเด็ก” รวมถึงบอกว่า นักเล่นหมากรุกญี่ปุ่น “เสียเวลาไปเปล่าๆ กับเกม”     นักเล่นเกม Magic: The Gathering มืออาชีพ (เกมการ์ดชื่อดัง)   รายได้ต่อปี : 2 ล้านเยน (6.5 แสนบาท) – 32 ล้านเยน (10 ล้านบาท) “มือโปรที่ชนะรางวัลเหล่านี้ เอาจริงๆ ก็คงไม่ได้เก่งกาจอะไรเท่าไหร่ ถ้าไม่นับส่วนที่เขาเล่นเกมการ์ดเก่ง อย่างอื่นก็คงไม่ต่างจากเด็กที่เล่นการ์ดโปเกม่อนหรือการ์ดยูกิ จะบอกว่าเกมนี้ฮิตไปทั่วโลกงั้นเหรอ? เฮ้! พวกนายจบจากโรงเรียนประถมแล้วนะ!!”   นักเล่นหมากรุกญี่ปุ่นมืออาชีพ  …

ประเทศจีนนั้นถือว่าเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำของเลียนแบบ ว่ากันว่าพิมพ์เขียวของสิ่งของทุกอย่างบนโลก สามารถหาได้จากโรงงานในจีน แต่วันนี้ของจีนถือว่าพัฒนาไปอีกขั้นแล้ว เพราะไม่เพียงแต่ปลอมแค่สิ่งของเท่านั้น แต่พวกเขายังปลอม “พระ” อีกด้วย!! เรื่องราวมีอยู่ว่า เฟสบุ๊คของคุณ Akihiro Koki Tomikawa ได้ออกมาเตือนนักท่องเที่ยวที่กำลังจะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นว่า อย่าหลงเชื่อพระญี่ปุ่นที่ออกมาเรี่ยไรเงินตามสถานที่ท่องเที่ยว เพราะแท้ที่จริงแล้วเป็นเกษตรกรชาวจีนปลอมตัวมา!!   日本で出没するニセ僧呂に注意（拡散希望） โปรดระวังพระสงฆ์ปลอมที่ญี่ปุ่นนะครับ (แชร์กันด้วยนะครับ) 中国は現在さまざまなコピーを作り出し輸出して国際問題になっていますが、今回僧侶のコ… โพสต์โดย Akihiro Koki Tomikawa บน 3 พฤษภาคม 2016     โดยชาวจีนเหล่านั้น โกนผมและแต่งตัวเหมือนพระญี่ปุ่น และคอยขายของอ้างว่านำเงินไปทำบุญตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เมื่อนักท่องเที่ยวเห็น ก็หลงเชื่อซื้อของบริจาคเงินกันไป     ตอนนี้ทางตำรวจญี่ปุ่นได้จับกุมพระปลอมบางส่วนได้แล้ว ซึ่งทางตำรวจพบว่า พวกเขาสามารถหลอกเงินไปได้ถึง 450,000 เยนหรือนราว 150,000 บาทภายในระยะเวลาเพียง 10 วันเท่านั้น       แบบนี้ก็มีด้วย ใครจะไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงนี้ก็ขอให้ระมัดระวังนะฮะ ตรวจสอบกันดีๆ ซะก่อน อย่าเพิ่งหลงเชื่อ ไม่งั้นอาจตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่ประสงค์ดีเหล่านี้ก็เป็นได้ ที่มา Akihiro…

เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความก้าวหน้าที่วิศวกรรมมากที่สุดในโลก ซึ่งหลายคนอาจคิดว่า เป็นแค่คำโม้หรือเปล่า วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปพิสูจน์ให้เห็นว่า พวกเขาไม่ได้มีแค่ราคาคุยเท่านั้น! อย่างที่ทราบกันดีว่า เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ประเทศญี่ปุ่นประสบกับภัยพิบัติแผ่นดินไหวจนได้รับความเสียหายในวงกว้างและหนึ่งในสิ่งที่ได้รับความเสียหาย ก็คือถนนนั่นเอง     แน่นอน เมื่อถนนได้รับความเสียหาย ก็ต้องมีการซ่อมแซมให้เร็วที่สุด เพราะนั่นคือเส้นทางในการลำเลียงความช่วยเหลือต่างๆ เข้าไปยังพื้นที่ประสบภัย ทางการญี่ปุ่นจึงโชว์เทพ ซ่อมถนนให้กลับมาเป็นปกติภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น!!     ไปชมภาพแบบชัดๆ กัน อื้อหือ ญี่ปุ่นนี่มันญี่ปุ่นจริงๆ   แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด อาจเพราะว่าประเทศเค้าประสบกับเรื่องแบบนี้บ่อย จึงมีการเตรียมพร้อมตลอดเวลา อย่างย้อนกลับไปในปี 2011 พวกเขาก็ซ่อมถนนเสร็จภายในระยะเวลาไม่ถึงหกวันเท่านั้น!!       เรื่องแบบนี้ต้องยกให้เขาจริงๆ เพราะความเป็นญี่ปุ่นนี้เอง ทำให้พวกเขาสามารถฟิ้นตัวขึ้นมาใหม่ได้อย่างรวดเร็ว แม้จะได้รับความเสียหายขนาดไหน คิดเหมือนกันมั้ยละเพื่อนๆ ^^ ที่มา @UN19640410

เมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา ที่ประเทศญี่ปุ่นได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7 แม็กนิจูด ที่เกาะคิวชูในเมืองคุมาโมโตะ สร้างความเสียหายเป็นจำนวนมากต่อชีวิตและทรัพย์สิน ในเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 9 คน และบ้านเรือนเสียหายเป็นจำนวนมาก ทำให้หลายคนไม่มีที่อยู่อาศัยหรือที่นอนเลย จนกระทั่งได้ “เตียงกล่อง” ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่นำเอากล่องลังมาใช้ใหม่ เพื่อให้ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวได้นอนพักบนเตียง เตียงเหล่านี้ถูกคิดโดย J Pack บริษัทกระดาษจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเขาทำแบบนี้มาตั้งแต่แผ่นดินไหวในปี 2011 แล้ว และตอนนี้เขาก็ได้ทำมันอีกครั้งในเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่คุมาโมโตะ   การประกอบก็แสนจะง่าย เพียงแค่พับแล้ววางตามรูปเลย แถมยังมีที่กำบังเพื่อให้รู้สึกเป็นส่วนตัวอีกด้วยนะ ซึ่งกล่องนั้นก็สามารถรับน้ำหนักได้สูงถึง 20 คนเลยทีเดียว     ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่แผ่นดินไหวบ่อย ด้วยความที่มีระเบียบวินัยและการเตรียมพร้อมอย่างดี ทำให้ทุกครั้งที่เกิดเหตุร้ายแรงแบบนี้ก็สามารถรับมือได้ เยี่ยมจริงๆ ที่มา rocketnews

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ใส่ใจทุกรายละเอียด แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานบริการทั้งหลาย เป็นเสน่ห์ที่อยู่คู่กับชาวญี่ปุ่นมาโดยตลอด     หลังจากที่คุมาโมโตะต้องผ่านอุปสรรคภัยธรรมชาติที่นับว่ารุนแรงมากในหลายรอบปีที่ผ่านมา บางส่วนได้เริ่มได้รับการฟื้นฟูบ้างแล้ว ไฟฟ้ากลับมาใช้งานได้อีกครั้ง แต่ระบบน้ำประปาและน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงต้องรอการฟื้นฟูบางส่วน ผู้อพยพกว่า 90,000 ชีวิต ยังต้องรอคอยกันต่อไป   อย่างไรก็ตามน้ำใจจากชาวญี่ปุ่นทั่วประเทศก็ถูกส่งไปยังผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวคุมาโมโตะอย่างล้นหลาม ให้ความช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถเท่าที่จะช่วยได้ แม้แต่กระทั่งระบบการส่งสินค้าเดลิเวอร์ลี่ด้วย!!     ผู้ใช้ทวิตเตอร์อันเป็นหนึ่งในผู้ประสบภัยได้ทำการโพสต์เรื่องราวของเขา กับน้ำใจเล็กๆ ที่มอบให้ผ่านพัสดุที่เขาได้รับจากการชนะประมูลผ่าน Yahoo! Auction โดยภายในหีบห่อพัสดุเป็นอะไหล่รถจักรยานยนต์ที่มาพร้อมกับขนมจำนวนหนึ่ง     ‘ก่อนวันที่จะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวคุมาโมโตะ ผมชนะการประมูลจาก Yahoo! Auction แต่เนื่องจากผมไม่สามารถจ่ายเงินได้ทันที การส่งสินค้าก็ต้องเลื่อนออกไป จนกระทั่งวันนี้ ผมได้รับพัสดุ พร้อมกับป้ายติดมาด้วยว่า อะไหล่รถจักรยานยนต์กับขนม มันทำให้ผมสับสนเลย แต่ก็พบว่าข้างในนั้นเป็นพวกขนมปังและขนมอื่นๆ อีกเพียบเลยล่ะ’     นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีสำหรับการช่วยเหลือเหล่าผู้ประสบภัย หยิบยื่นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ให้เพียงเท่านี้ก็ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่นใดแล้ว ที่มา : @uru0015, rocketnews24

เมื่อกล่าวถึงงานศิลปะภาพวาดแล้ว เราคงคุ้นชินกับการวาดภาพลงบนแผ่นกระดาษ ที่มีจิตรกรตวัดปลายพู่กันและลงสีออกมาเป็นภาพวาดที่สวยงาม แต่เอาจริงๆ แล้วศิลปะการวาดภาพนั้นมีอยู่หลายแบบ ทั้งการลงสีบนผ้าใบ บนถนน หรือบนกำแพง แต่ยังมีศิลปะอีกอย่างหนึ่ง ที่ต้องใช้เวลาและความอดทน แถมยังต้องใช้ความละเอียดเป็นอย่างมากในการสร้างมันขึ้นมา โดยหมู่บ้านเล็กๆ อย่าง Inakadate ในประเทศญี่ปุ่น ได้มีการสร้างศิลปะภาพวาด ด้วยการ ‘ปลูกข้าว’!? ลองไปชมเรื่องราวพร้อมๆ กันเลยดีกว่า…   โดยจุดเริ่มต้นของไอเดียมาจาก คุณ Suzuk ผู้ใหญ่บ้านแห่งนี้เค้าได้คิดค้นหาวิธีในการดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งการปลูกข้าวนี้เป็นกิจกรรมขึ้นชื่อของที่นี่มาอย่างยาวนาน จึงทำให้มันแปลกออกมาซักหน่อยด้วยการสร้างงานศิลปะลงบนนั้นซะเลย!! พวกเขาเรียกมันว่า ศิลปะบนนาข้าว และมันก็ทำให้นักท่องเที่ยวต่างแห่กันเข้ามาชมกันเป็นจำนวนมาก   ตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา ในทุกๆ ปีของการเพาะปลูก ชาวบ้านจะทำการแปลงโฉมนาข้าวธรรมดาๆ ให้กลายเป็นผืนผ้าใบขนาดยักษ์   เมื่อพืชผลเติบโตขึ้น งานศิลปะของพวกเขาก็เด่นชัดมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน     และเมื่อมันโตเต็มที่ ความงดงามของภาพเป็นอะไรที่ติดตราตรึงใจของเหล่านักท่องเที่ยวซะเหลือเกิน   โดยเฉพาะเมื่อปีล่าสุดที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวกว่า 170,000 คนได้เข้ามาชมความงดงามของงานศิลปะ ที่เกิดขึ้นโดยฝีมือของชาวบ้านแห่งนี้   ซึ่งการออกแบบรูปภาพและแปลนนี้ต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการวางแผนปลูกเมล็ดพันธุ์กว่า 8,000 จุด  …

ถ้าพูดถึงบุฟเฟ่ต์แล้ว เราก็คงจะนึกถึงร้านอาหารที่เราสามารถกินได้ไม่อั้นใช่ไหมล่ะ แต่จริงๆ ความหมายของบุฟเฟ่ต์ก็คือต้องบริการตนเอง ที่เมืองนอกส่วนมากเขาจะใช้คำว่า All-You-Can-Eat มากกว่า แต่วันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปดูร้านหนึ่งที่ใช้คอนเซ็ปต์เดียวกัน แต่เป็น All-You-Can-Carry แทน นั่นก็คือจะแบกไปเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ ซึ่งของที่แบกไปนั้นล้วนเป็นเครื่องถ้วยชามเซรามิกสวยๆ งามๆ ทั้งนั้น บริษัทผลิตเซรามิกชื่อว่า Kouraku Kiln ในเมืองอาริตะ ประเทศญี่ปุ่นได้เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 1865 เป็นเวลากว่า 150 ปีแล้วที่ทำธุรกิจมา ซึ่งแน่นอนว่ามันก็มีบางชิ้นที่ค้างอยู่ในโกดังเป็นแสนชิ้น ตอนนี้เขาก็เลยทำการเคลียร์โกดังด้วยการเปิดบุฟเฟ่ต์ให้คุณสามารถหยิบทุกอย่างได้ตามต้องการในราคาประมาณ 1,600 บาท หรือถ้าเพิ่มเงินอีกนิดเป็น 3,200 บาทก็จะสามารถเลือกภาชนะที่มีลวดลายสวยงามได้     Treasure hunting from flor on Vimeo.   แต่ถ้าจะไปก็ต้องดูให้ดีนะจ๊ะ เพราะว่าวันหนึ่งเขาจำกัดแค่ 10 คนเท่านั้น ที่มา spoon&tamago, demilked

สำหรับในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยในประเทศไทย หนึ่งในกิจกรรมที่ต้องทำกันแทบทุกที่นั่นก็คือการประกวด ดาว-เดือนมหาวิทยาลัย เพื่อเฟ้นหาหนุ่มหล่อสาวสวยประจำปีการศึกษานั้นๆ แต่รู้หรือไม่ ประเพณีนี้ไม่ได้มีแต่ในประเทศไทยหรอกนะ เพราะในประเทศญี่ปุ่นก็มีเหมือนกัน! วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ทุกคนไปชมภาพของผู้เข้าประกวดเดือนมหาวิทยาลัยจากประเทศญี่ปุ่นในงานประกวด Mr. of Mr. Campus Contest 2016 ที่จะรวมหนุ่มหล่อจากมหาลัยดังทั่วโตเกียว จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย   Hiroshi Kenhishaku   Masahiro Yamamoto   Kitanaka Kenichi   Otani Takuma   Keita Kikuchi   Yuhei Nagamatsu   Kazuki Yamada   Mizushima Akira   Daiki Hiramatsu   Suzuki Akiradai   Tadashi Katayama   Iori Yamamura…

คุณสมบัติที่สร้างชื่อเสียงและถูกกล่าวขานไปทั่วโลกสำหรับชาวญี่ปุ่นนั้นก็คือ ‘ความซื่อสัตย์’ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ชาวญี่ปุ่นก็ยังคงยึดหลักความดีเหล่านี้ติดตัวอยู่เสมอมา แต่เราก็คงเคยได้ยินมาว่าเวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน อะไรมันก็จะเปลี่ยนไป ไม่มียั่งยืน แล้ว ความซื่อสัตย์ เหล่านี้จะยังคงอยู่กับชาวญี่ปุ่นในปัจจุบันหรือไม่ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าคิดเหมือนกันนะ เพราะฉะนั้น YouTuber ชาวญี่ปุ่นนามว่า Zenim จึงได้ออกไปทำการทดสอบกันซักหน่อย ด้วยการแกล้งทำกระเป๋าตังค์หล่นในย่านฮาราจูกุ โดยจะทำแบบนี้ทั้งหมด 15 ครั้งด้วยกัน   ก่อนอื่นขออ้างอิงสถิติว่าในแต่ละปีจะมีเงินประมาณ 27 ล้านเยนถูกส่งให้กับตำรวจนครบาลของญี่ปุ่นอันเป็นทรัพย์สินที่สูญหาย และญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอัตราการได้รับของคืนมากที่สุดในโลกคิดเป็น 72%   และในคราวนี้ก็จะมาขอทดสอบกันหน่อยว่า เมื่อทำหล่นไปแล้วเขาจะได้กระเป๋าตังค์คืนมั้ย?   รายแรกมาแล้ว เอ๊ะ!! ทำกระเป๋าตังค์ตกนะพี่   รีบวิ่งนำไปคืนอย่างรวดเร็ว   รายที่สองก็เห็นเหมือนกัน กระเป๋าตังค์ตกอ่ะพี่   ฝ่ายชายรีบวิ่งไปเรียก ส่วนฝ่ายหญิงก็รีบไปเก็บมาให้   บางคนก็ไม่ได้หยิบให้เลยซะทีเดียว แต่จะทำการเรียกแทน   ผลลัพธ์ที่อกกมาก็คือ ทดสอบ 15 ครั้ง ได้คืน 15 ครั้ง 100%  …

หากพูดถึงเรื่องความรับผิดชอบแล้ว ในประเทศญี่ปุ่นนั้นถือว่าเป็นเรื่องทีสำคัญมากเลยทีเดียว อย่างเช่นเวลาคนใหญ่คนโตของประเทศญี่ปุ่น (ประธานบริษัท, นักการเมือง, ข้าราชการ บลาๆ) มีข่าวฉาว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ พวกเขามักจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกอยู่บ่อยๆ และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมโฆษณาที่จะทำให้เห็นว่า คนญี่ปุ่นนั้น มีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมมากขนาดไหน ว่าแล้ว ไปชมกันเลย     เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา บริษัท Akaki บริษัทผู้ผลิตไอศกรีมชื่อดังของญี่ปุ่น Garigari-kun ได้ปล่อยโฆษณาชิ้นใหม่ออกมา เพื่อขอโทษเหล่าผู้บริโภค เนื่องจากพวกเขาต้องขึ้นราคาสินค้าจาก 60 เยน (18 บาท) เป็น 70 เยน (22 บาท)     โดยในโฆษณาเป็นภาพของ Hideki Inoue ประธานและซีอีโอของบริษัท Akaki รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงอีกหลายสิบคนมายืนเรียงกัน และทั้งหมดก็คำนับพร้อมกัน เพื่อเป็นการขอโทษเหล่าผู้บริโภคที่ต้องขึ้นราคาสินค้า หลังจากที่ขายมา 25 ปี โดยไม่ปรับราคาแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งโฆษณาดังกล่าว สร้างความประทับใจให้กับผู้คนทั่วโลก เพราะน้อยครั้งนักที่เราจะได้เห็นประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ ออกมาขอโทษผู้บริโภคด้วยตนเองแบบนี้ แสดงให้เห็นถึงความจริงใจและความเคารพที่มีต่อลูกค้าของพวกเขาเป็นอย่างมาก   ลองไปชมโฆษณากันดูดีกว่า   สุดยอดไปเลยเนอะเพื่อนๆ…

รถไฟ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า หรือจะเป็นรถไฟฟ้าใต้ดิน ในแต่ละประเทศก็จะมีธรรมเนียมการขึ้นที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมและนิสัยของคนประเทศนั้นๆ ถ้าพูดถึงประเทศญี่ปุ่น เราก็พอจะนึกออกใช่ไหมว่าบ้านเมืองของเขาเป็นระเบียบมากแค่ไหน ทุกอย่างที่นั่นต้องเป็นไปตามแบบแผนเป๊ะๆ ขึ้นบันไดเลื่อนก็ต้องชิดขวา เว้นด้านซ้ายให้คนเดินขึ้น การขึ้นรถไฟก็เช่นกัน   ที่ญี่ปุ่นนั้นเวลาจะขึ้นรถไฟ ก็จะมีแถวให้คนยืนรอตรงประตูเลย พอรถไฟหยุดก็จะให้คนที่อยู่ในรถออกมาก่อน แล้วคนที่ต่อแถวรอก็จะเดินเข้าไปเมื่อไม่มีคนเดินออกมาแล้ว เป็นอะไรที่เพอร์เฟ็กต์มากๆ   แต่สำหรับเม็กซิโกที่เราไม่ค่อยรู้จักบ้านเมืองเขาเท่าไหร่ เขามีวิธีการขึ้นรถไฟที่แปลกมากๆ เลย Watanuki :v ก็เลยทำการเปรียบเทียบการขึ้นรถไฟของสองประเทศนี้ออกมาเป็นคลิป เราไปดูกันว่ามันจะต่างกันแค่ไหน   อื้อหืออออ ข้างในว่าแน่นแล้วนะ คนที่ดันเข้าไปนี่คิดอะไรอยู่ 5555555 ที่มา Watanuki :v

วีดีโอที่ #เหมียวอ๊อดโด้ นำมาเพื่อนๆ ชมวันนี้ เชื่อว่าหลายๆ คนคงคิดเหมือนกันว่า หากไม่ใช่เด็กนักเรียนญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องระเบียบวินัยและความสามัคคีแล้ว คงไม่มีเด็กจากประเทศไหนทำได้อย่างแน่นอน อย่างที่เราทราบกันดีว่า เมื่อถึงช่วงงานกีฬาประจำปีหรืองานสปอร์ตเดย์ของโรงเรียนในญี่ปุ่น ทั้งนักเรียนและครูบาอาจารย์ต่างต้องทุ่มเทกับงานนี้ บางทีต้องซ้อมกันวันละสามสี่ชั่วโมงเป็นเวลาเกือบเดือน เพื่องานๆ เดียว     อย่างเช่นเด็กๆ ชั้นประถมในชมรมกระโดดเชือกแห่งเมืองฟูจิ ในเขตชิสึโอกะกลุ่มนี้ พวกเขาใช้เวลาปีสุดท้ายในชั้นประถม ฝึกซ้อมการกระโดดเชือกครั้งนี้ เพราะพวกเขารู้ว่าหลังจากที่เขาขึ้นชั้นมัธยม พวกเขาจะไม่ได้เจอเพื่อนๆ กลุ่มนี้อีกแล้ว หลายคนอาจมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดูไร้สาระ แต่สำหรับสังคมญี่ปุ่นนั้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะการทำอะไรเจ๋งๆ ในงานกีฬา ถือว่าเป็นการแสดงความเป็นผู้นำอย่างหนึ่ง ซึ่งจะทำให้เกิดคำที่เรียกว่า “เซมไป” (รุ่นพี่) และ “โคไฮ” (รุ่นน้อง)   ว่าแล้วก็ไปชมการกระโดดเชือกของพวกเขากันดีกว่า บอกได้คำเดียวว่า เจ๋งสุดๆ สมกับการทุ่มเทเลยล่ะ   いよいよ、今年度担当させていただき、かっとび王にチャレンジした6年生が卒業します(^-^) 今年も本当に幸せな一年でした！ 明日の卒業を前に、卒業プロジェクトの『ラストかっとび』を先日行いました。 昨年10月31日の決勝から、最近行ったちょっとの練習で、しかも、あの時のレベルで、目指せ4セット！いい目標だ！ さぁ〜感動のフィナーレなるかぁ( ´ ▽ ` )ﾉ โพสต์โดย 富士市なわとび協会∞ บน 18 มีนาคม…

เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าส่งผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากยุคอนาล็อกสู่ยุคดิจิตอล ถ้าให้พูดถึงเรื่องของนาฬิกาก็ยังคงรูปแบบเดิมเอาไว้อยู่ และควบคู่ไปกับการบอกเวลาแบบดิจิตอลเช่นเดียวกัน     แล้วถ้าหากว่านาฬิกาดิจิตอลมันยังไม่ถูกใจ ต้องการความคลาสสิคแบบยุคเก่ากึก วันนี้ #เหมียวเลเซอร์ ขอนำเสนอ นาฬิกาเขียนดินสอเขียนบอกเวลาชิ้นโตจากผลงานของนักศึกษาญี่ปุ่นชิ้นนี้เลย!!     นาฬิกาเขียนดินสอบอกเวลานี้ สร้างสรรค์ขึ้นมาโดย Kango Suzuki วัย 22 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัย Tohoku University สาขาการออกแบบผลิตภัณฑ์   .   เป็นผลงานตัวจบที่อลังการงานสร้างมากๆ โดยมีชิ้นส่วนงานประกอบทั้งสิ้น 407 ชิ้น โดยมีวัสดุหลักเป็นไม้ที่ต้องทำจากมือล้วนๆ ทุกชิ้น     ชื่อของผลงานชิ้นโบว์แดงนี้คือ Plock มาจากการผสานสองคำคือ Plot ในความหมายของการวาด การเขียน กับคำว่า Clock ที่แปลว่านาฬิกา ออกแบบแยกกลไกเป็นสองส่วนก็คือส่วนนาฬิกากับส่วนการเขียน ชิ้นส่วนฟันเฟืองจะทำการหมุนตามช่วงเวลา เมื่อครบ 60 วินาที กลไกปากกาสไตลัสแม่เหล็กก็เขียนแสดงผลใหม่ทันทีบนบอร์ดแม่เหล็ก     แม้ว่าจะทำงานได้ดีในระดับหนึ่ง แต่เขาบอกว่าผลงานชิ้นนี้ยังมีข้อบกพร่องอยู่ เพราะว่าฟันเฟืองยังทำงานได้ไม่ราบรื่นนัก…

หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวของสถานีรถไฟ Kyu-Shirataki Station ในประเทศญี่ปุ่น ที่เปิดบริการไว้แม้ว่าจะมีคนใช้เพียงคนเดียว นั่นก็คือเด็กนักเรียนหญิงที่ต้องใช้สถานีรถไฟแห่งนี้ในการเดินทางไปโรงเรียนนั่นเอง ทาง JR ฮอกไกโดประกาศว่าจะยุบสถานีที่ไม่มีผู้ใช้บริการไปภายในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่ด้วยเสียงจากประชาชน ทำให้ JR ฮอกไกโดประกาศขยายเวลาให้สถานี Kyu-Shirataki อยู่ต่อไปจนกว่านักเรียนคนนี้จะเรียนจนจบ หลังจากที่ข่าวนี้แพร่ออกไป ทำให้คนสนใจเป็นจำนวนมาก จนทำให้สถานีรถไฟที่กำลังจะปิดตัวลงนี้ ถูกรบกวนโดยผู้คนเป็นจำนวนมาก จนต้องมีการรณรงค์ให้คนหยุดไปรบกวน   และในที่สุดสถานีแห่งนี้ก็ได้ปิดตัวลงเรียบร้อยในวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นระยะเวลากว่า 69 ปีแล้ว ในวันสุดท้ายที่เปิดให้บริการนั้นก็ได้เปิดให้คนมาเยี่ยมชม มีคนมารอขึ้นรถไฟเที่ยวสุดท้ายนี้เพื่อเป็นการเคารพต่อความรับผิดชอบในการทำงานเพื่อคนคนเดียว   ถือเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจเกี่ยวกับการบริการสังคมของรถไฟญี่ปุ่นจริงๆ ที่มา rocketnews24

#เหมียวเลเซอร์ เชื่อว่าหลายคนคงจะมองประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สงบ น่ารักคิขุอาโนเนะ อาชญากรรมมีน้อยถึงน้อยมาก แต่รู้หรือไม่ว่ายังคงมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลเก่าครองเมืองหลบอยู่ตามซอกหลืบของประเทศญี่ปุ่น ใช่แล้วล่ะ กำลังพูดถึงกลุ่มแก๊งค์ยากูซ่านั่นเอง     ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมานั้น มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาว่าเกิดเหตุการประทะกันระหว่างแก๊งค์ยากูซ่ามากถึง 17 ครั้งด้วยกัน โดยทาง Taro Kono ประธานคณะกรรมาธิการความปลอดภัยสาธารณะแห่งชาติญี่ปุ่นได้เผยสถาณการณ์ในช่วงนี้ว่าเป็นอะไรที่ร้ายแรงมาก     เหตุการณ์ปะทะครั้งแรกเกิดขึ้นที่ย่าน Adachi ในกรุง Tokyo มีแก๊งค์ยากูซ่าประมาณ 20 คนเข้าห้ำหั่นกันจนเกิดการนองเลือด ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง ณ จุดเกิดเหตุ กลับหลบหนีหายเข้าไปในกลีบเมฆอย่างไร้ร่องรอย และหลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์นองเลือดระหว่างแก๊งค์ยากูซ่าในพื้นที่ 10 จังหวัดจากทั้งหมด 47 จังหวัด และคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอีก     ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานเอาไว้ว่าเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างแก๊งค์ยากูซ่าเชื่อมโยงไปสู่อาชญากรรมที่ได้รับการขัดขวางผลประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการค้าอาวุธ การค้ายาเสพติด การค้าประเวณี การพนัน การฟอกเงิน และธุรกิจอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้ฉากหน้าธุรกิจเอกชน แต่ยังเป็นเรื่องยากต่อการตรวจสอบ     หากใครกำลังวางแผนไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นในช่วงนี้ ต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษนะ อาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เป็นได้ หูตาต้องไวไว้ก่อน…

เชื่อว่าหลายๆ คนที่มีรูมเมท ต้องเคยประสบปัญหาการตั้งนาฬิกาปลุกอย่างแน่นอน เพราะบางทีเราก็ไม่ได้อยากตื่นหรอก แต่พอรูมเมทเราตั้งปลุก เราก็ต้องตื่นไปด้วย สร้างความหงุดหงิดใจเป็นอย่างยิ่ง ทางบริษัท King Jim ของญี่ปุ่น ก็ได้ตระหนักถึงปัญหานี้เช่นกัน พวกเขาจึงปล่อยนาฬิกาปลุกสุดเจ๋งออกมา นั่นคือเจ้า “หูฟังตั้งปลุก” หรือ “Mezamashi Earphone” อันนี้นี่เอง!!     เจ้าหูฟังตั้งปลุกอันนี้ประกอบไปด้วยสองส่วน นั่นก็คือส่วนที่เป็นตัวเครื่อง และส่วนที่เป็นเหมือนจุกหูฟังแบบอินเอียร์ วิธีการใช้งานก็ไม่ยาก แค่ตั้งปลุกบนตัวเครื่อง และเมื่อถึงเวลา เจ้าตัวหูฟังก็จะสั่นจนเราตื่นนั่นเอง แถมไม่รบกวนผู้อื่นอีกด้วย!!     แหล่งพลังงานของเจ้าหูฟังตั้งปลุกอันนี้ เป็นแค่ถ่าน AAA หนึ่งก้อนเท่านั้น ฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าแบตจะหมด แล้วหาที่ชาร์จไม่ได้แน่นอน     ถามว่านอกจากใช้ตั้งปลุกเวลานอนแล้ว เรายังสามารถเอาไปใช้เวลาเดินทางบนรถไฟฟ้าได้ด้วย คราวนี้ล่ะหลับสบายใจไม่ต้องกลัวเลยสถานีอย่างแน่นอน     หรือจะเอาไว้ปลุกเวลางีบในที่ทำงาน ก็ถือว่าไม่เลวนะเหมียว   สนนราคาเจ้าหูฟังตั้งปลุกตัวนี้อยู่ที่ 6,000 เยนหรือประมาณ 1,800 บาทนั่นเอง ใครสนใจก็ลองหามาใช้กันได้นะเหมียวว ว่าแต่..เวลามันสั่นไม่จั๊กจี้หูแย่เลยเหรอเนี่ย ฮาาา…

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิแบบนี้ ก็ไม่มีสถานที่เที่ยวไหนน่าไปเท่าการไปชมดอกซากุระที่ประเทศญี่ปุ่นอีกแล้ว เพราะมันคือความงามที่หาดูไม่ได้ที่ไหน และมันยังเป็นที่เดียวในโลกที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์มากๆ ด้วยความที่เป็นไฮซีซั่นแบบนี้ ทาง National Geographic จึงส่งสมาชิกไปถ่ายภาพความงดงามเหล่านี้มาฝากทุกท่านให้ได้เห็นถึงมนตร์ขลังขอมดอกซากุระว่ามันมีสเน่ห์เพียงใด สำหรับใครที่ชอบเที่ยวโปรดระวัง เพราะคุณอาจจะหน้ามืดซื้อตั๋วไปญี่ปุ่นตอนนี้เลยก็ได้นะ   ช่างโรแมนติก   ซากุระร่วงโรย   สีสันแห่งฤดูในไม้ผลิ   ชิโดริงาฟุจิ   ฉากในความฝัน   น่าไปเดินจริงๆ   ซากุระต้องแสงไฟ   น้องหมากับซากุระ   เทศกาลซากุระ   ดินแดนแห่งหมอก   ซากุระยามเย็น   ซากุริริมคลอง   ซากุระข้างถนน   สายน้ำแห่งซากุระ   รถไฟที่ผ่านดอกซากุระ   ซากุระปกคลุมผิวน้ำ   สำหรับคนที่กำลังวางแผนว่าจะไปเที่ยวชมซากุระ #เหมียวสามสี ขอเตือนไว้อย่างหนึ่งว่าที่ญี่ปุ่นนั้นเขาเคารพเรื่องการไม่เด็ดหรือพยายามทำลายธรรมชาติมากๆ ถ้าใครอยากถ่ายรูปก็ยืนถ่ายก็พอ อย่าไปโน้มกิ่งมาถ่ายเลยนะจ๊ะ ที่มา National Geographic

โรงเรียน เรียกได้ว่าเป็นเหมือนกับบ้านหลังที่สองของเด็กๆ ซึ่งการที่พ่อแม่ส่งลูกๆ เข้าเรียนที่โรงเรียนนั้น ก็เพื่อต้องการที่จะให้ลูกมีความรู้ มีเพื่อนที่ดี และสามารถเข้าสังคม และอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ได้ ซึ่งถ้าหากว่าคุณได้ลองส่งลูกเข้าเรียนในโรงเรียนที่เราจะมาแนะนำให้รู้จักละก็ คุณจะต้องอยากส่งลูกเข้าเรียนแน่นอน เพราะนอกจากพวกเขาจะได้ความรู้แล้ว เด็กๆ ยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีอิสระอีกด้วย     และนี่ก็คือ Fuji Kindergarten โรงเรียนอนุบาลในประเทศญี่ปุ่น ที่ถูกสร้างและออกแบบขึ้นมาในปี 2007 โดยตัวอาคารจะมีลักษณะคล้ายวงแหวน บริเวณตรงกลางเป็นลานสนามขนาดกว้าง ส่วนบนหลังคาจะเป็นทางเดินแบบนี้…     ซึ่งผู้ที่ได้ทำการออกแบบโรงเรียนแห่งนี้ก็คือสถาปนิกชาวญี่ปุ่นนามว่า Takaharu Tezuka ยังไงละเหมียว     Takaharu ต้องการที่จะให้เด็กๆ ทำกิจกรรมได้อย่างสนุกสนานตามแบบที่พวกเขาต้องการ ดังนั้นเขาจึงได้ทำการออกแบบอาคารแห่งนี้ขึ้นมา โดยให้เด็กๆ สามารถวิ่งเล่นได้อย่างอิสระ และปลอดภัย     ภายในโรงเรียนจะมีขนาดที่กว้างใหญ่ ที่ทำให้เด็กๆ สามารถวิ่ง ปีนเล่น หรือกระโดดได้ตลอดทั้งวันโดยที่ไม่มีผนังมากั้นขวาง     สำหรับโรงเรียนแห่งนี้ เป็นโรงเรียนอนุบาล ที่มีระบบการศึกษาที่เน้นการกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก อีกทั้งยังสอนให้เด็กรู้จักมีระเบียบ เข้าสังคมได้ และรู้จักมารยาทในสังคมอีกด้วย…

ช่วงนี้กระแสเท่าญี่ปุ่นกำลังมาแรง หลายคนเลือกที่จะไปเที่ยวที่นั่นเพราะมีที่เที่ยวเยอะ และอากาศดีมากๆ และที่ที่คนไปเที่ยวกันนั้นส่วนมากกจะเป็นโตเกียว โอซาก้า ฮอกไกโด มันเวียนอยู่แถวๆนี้แหละ แต่วันนี้เหมียวจะพาไปเที่ยวอีกที่ ที่แห่งนั้นเขาเรียกกันว่า “หมู่บ้านดอกไม้” Yufuin Floral Village หรือหมู่บ้านดอกไม้ยุฟุอินนั่นเอง ตั้งอยู่ที่คิวชู ซึ่งตอนนี้ก็มีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมกันเยอะแล้ว แต่เผื่อบางคนไม่เคยทราบมาก่อนว่าที่นี่มีอะไร #เหมียวสามสี ก็จะพาไปชมอย่างใกล้ชิด ภายในที่แห่งนี้ก็จะมีร้านค้าและบ้านเรือนต่างๆ ที่ตกแต่งเต็มไปด้วยดอกไม้มากมาย และทำเป็นสไตล์เดียวกันหมด ราวกับว่าคุณหลุดมาในอีกโลกนึงเลยเราไปขมภาพบรรยากาศกันดีกว่า   Yufuin Floral Village หรือหมู่บ้านดอกไม้ยุฟุอิน ตั้งอยู่ที่คิวชู   ภายในตกแต่งเป็นสไตล์เดียวกันหมด ราวกับว่าหลุดไปในอีกโลกเลยก็ว่าได้   ถ้าใครยังจำได้เกี่ยวกับ ร้าน “เบเกอรี่ Kiki” จากการ์ตูนดังค่าย Ghibli ซึ่งเหมียวเคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้ ก็ตั้งอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้เองแหละ ที่มา Rocket News 24

ถ้าใครเคยพับจรวด ก็คงจะรู้ว่าการพับให้มันบินนานๆ นั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เพราะเทคนิคแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป บางคนก็พับแบบทรงหัวแหลม บางคนก็พับทรงปีกใหญ่ แต่สุดท้ายเวลาเราปาไป มันก็ตงลงสู่พื้นอยู่ดี แต่สำหรับนักเรียนญี่ปุ่นคนนี้มันไม่เหมือนใคร เพราะจรวดที่เขาพับนั้นเป็นจรวดที่บินได้นานมากๆ และสามารถวนกลับมาหาเขาได้ด้วย จนคนอึ้งกันไปหมด มียอดรีทวิตคลิปนี้เกือบ 5 หมื่นคนเข้าไปแล้ว เราไปชมกันเลย     紙飛行機飛ばしたら奇跡起きた笑笑 pic.twitter.com/Mz38gCfEyL — はら いくや (@ikuya_10969) March 10, 2016   จรวดอันนี้สามารถลอยอยู่กลางอากาศได้นานถึง 24 วินาที ซึ่งถ้าเราดู มันเหมือนกับว่าทำท่าจะตก แต่ก็ไม่ตก จู่ๆมันก็กลับมาบินสูงขึ้น แล้วก็วนกลับมาที่เดิมได้แบบงงๆ     หลายคนอาจจะมองว่า “เฮ้ย ฟลุ๊ครึเปล่า” ใช่แล้วครับ เขาฟลุ๊ค ฮ่าๆ เพราะเขาได้ลองปาจรวดอีกครั้งแล้วก็พบว่ามันไม่เหมือนเดิมเลย หักมุมสุดๆ     @ikuya_10969 NG pic.twitter.com/ypLSIGQ2K6 — 高畑 太倫 (@Tairon_Takahata)…

เอาล่ะสิงานนี้ บอกได้คำเดียวเลยว่าอาชีพนี้คงเป็นอาชีพในฝันตั้งแต่เด็กๆ ของเพื่อนๆ หลายๆ คนเลยทีเดียว เมื่อล่าสุดทางสำนักข่าว DailyMail ของประเทศอังกฤษได้รายงานว่า ตอนนี้ประเทศญี่ปุ่นกำลังดำเนินการเตรียมว่าจ้าง ‘นินจา’ แบบฟูลไทม์กันอยู่!!? ซึ่งพื้นที่ๆ จะว่าจ้างนินจาไปประจำอยู่ก็คือแถบจังหวัดไอจิ จังหวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องการท่องเที่ยวในภูมิภาคชูบุ แถวๆ ตอนกลางของประเทศ หลักๆ แล้วก็เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดนั่นเอง โดยเฉพาะปราสาทนาโกย่าอันโด่งดัง   รับจ้างนินจาฟูลไทม์!!?   หลักๆ แล้วคุณสมบัติที่ดีของนินจาที่จะถูกคัดเลือกก็คือตีลังกากลับหลังได้ และถ้าพูดภาษาญี่ปุ่นได้ด้วยจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษเลยทีเดียว สำหรับค่าจ้างก็จะอยู่ที่ 180,000 เยน หรือราวๆ 50,000 บาทต่อเดือนเลยล่ะ!!! เอ้อต้องมีทักษะในการใช้อาวุธประจำตัวนินจาอย่างดาวกระจาย หรือ Shuriken และโพสต์ท่าให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพกันด้วยนะจ๊ะ ดูแล้วก็คงสามารถฝึกได้ไม่ยากนัก แต่การตีลังกานี่แหละหนักเลยล่ะ เอิ๊กๆๆ   ปราสาทนาโกย่าอันโด่งดัง   สำหรับอาชีพนินจาฟูลไทม์ตอนนี้เปิดรับสมัครทั้งหมด 6 คนด้วยกัน โดยผู้สมัครต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ ไม่จำกัดเพศหรือสัญชาติ เปิดรับสมัครถึงวันที่ 22 มีนาคม 2559 ที่จะถึงนี้เท่านั้นนะครับ โดยผู้สมัครที่สามารถผ่านการคัดเลือกได้จะได้เซ็นสัญญาทำงานอย่างน้อย 1…

สำหรับประเทศ ‘ญี่ปุ่น’ เหมียวขี้อ้อนต้องยอมรับเลยว่า ประเทศนี้มักจะชอบสร้างสรรค์เมนูอาหารหน้าตาน่ากินขึ้นมาอยู่เสมอ และล่าสุดวันที่ 4 มีนาคม 2559 ทางเว็ปไซต์ rocketnews24 ก็ได้เผยภาพเมนูใหม่ล่าสุดจาก McDonald เพื่อต้อนรับฤดูดอกซากุระบานนั่นเอง     ซึ่งเมนูที่ว่านี้ก็คือเซทเมนูเครื่องดื่ม Sakura McFizz และเฟรนช์ฟรายเชค ที่มาพร้อมกับผงบ๊วยแสนอร่อย เพียงเทโรยลงไป แล้วเขย่าๆ แค่นี้ก็ได้เฟรนช์ฟรายซากุระ ที่มีรสชาติออกเค็มๆ และเปรี้ยวนิดๆ มาทานแล้ว โอ่ยยย แค่คิดก็น้ำลายไหล     และนอกจากเมนูอาหารแล้ว ทาง McDonald ยังได้จัดตกแต่งภายในร้านให้เต็มไปด้วยดอกซากุระแสนสวย ทั้งบนผนัง บนเคาน์เตอร์ รวมไปถึงบนเมนูอีกด้วย     เรียกได้ว่าทางร้าน McDonald เกือบทุกสาขาของญี่ปุ่น เขาได้ออกแบบเมนูให้เป็นสีชมพูสุดฟริ้ง เพื่อต้อนรับฤดูดอกซากุระบานโดยเฉพาะเลยนะเนี่ย     สีสันสดใสน่ารับประทานที่สุดเลย   และในช่วงนี้หากใครที่ได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่น ก็อย่าลืมลองแวะเวียนไปลิ้มลองเมนูนี้กันนะจ๊ะ เพราะได้ข่าวมาแว่วๆ ว่าเขาจะทำออกมาถึงต้นเดือนเมษายนนี้เท่านั้น เอ้าๆ ใครไม่อยากพลาด ก็รีบเลย ที่มา…

ขึ้นชื่อว่าการสอบมันต้องหนักหนาและสาหัสอย่างแน่นอน ไม่เว้นแม้แต่ในช่วงชั้นอนุบาลของประเทศญี่ปุ่น ที่จะมีการทดสอบกระโดดข้ามเบาะอันสูงชัน ดูเป็นไปได้ยากสำหรับเด็กอนุบาล แต่เด็กๆ หลายคนก็สามารถผ่านไปได้ ยกเว้นเสียแต่ว่าน้องคนนี้ที่ทำยังไง ก็ไม่ผ่านซักที     หนุ่มน้อยรายนี้ พยายามที่จะกระโดดข้ามเบาะไปให้ได้ พยายามกี่ครั้งก็ตามแต่ ผลที่ออกมาก็คือไม่ผ่าน เพราะตัวดันไปติดกับเบาะตลอด คุณครูก็ให้โอกาสทดสอบใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อหวังให้หนุ่มน้อยสามารถกระโดดข้ามไปได้     แต่จนแล้วจนรอดพ่อหนุ่มน้อยของเราก็ยังไม่สามารถกระโดดข้ามไปได้ซักที ถึงกับออกอาการท้อแท้ ร้องไห้ออกมาเลยล่ะ พอเพื่อนๆ เห็นปุ๊บก็คิดได้ว่าควรจะทำอะไรซักอย่างแล้ว     เพื่อนๆ เห็นว่าเขากระโดดไม่ผ่านหลายรอบ จึงลุกขึ้นมาพร้อมกันและตั้งวงบูมให้ เพื่อเรียกพลัง ขวัญและกำลังใจ จนในที่สุดพ่อหนุ่มน้อยของเราก็สามารถกระโดดข้ามเบาะไปได้อย่างสวยงาม!! พลังสปิริตจากคนรอบข้างนี่รุนแรงจริงๆ   何度も涙を拭きながら、園児の挑戦 感動の10段跳び Posted by 有村吉孝 on Saturday, February 20, 2016   ที่มา : 有村吉孝

ริลัคคุมะถือเป็นตัวการ์ตูนที่ครองใจคนทั่วโลกได้อย่างสวยงาม ด้วยความน่ารักของมันจากนักวาดการ์ตูน อากิ คอนโด พร้อมกับเพื่อนๆของเจ้าหมีอย่าง โคะริลัคคุมะ และ คิอิโร่ยโทริ มาเป็นเซ็ตเลยนะ   เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่สามเกลอนี้ได้วนเวียนอยู่ในสินค้าสุดน่ารัก ที่ใครเห็นเป็นต้องอยากได้เป็นเจ้าของ และไม่นานมานี้ก็เพิ่งเปิดตัวเพื่อนใหม่ที่ชื่อว่า โคกุมะจัง   ความน่ารักนี้ไม่หยุดเพียงแค่สินค้าเท่านั้น เพราะตอนนี้ทาง San-X ได้ทำการเปิดตัวคาเฟ่แห่งใหม่ที่ฮาราจุกุ ตกแต่งไปด้วยป่าน้ำผึ้งตามต้นฉบับเลยไป แต่เห็นน่ารักแบบนี้คงต้องรีบหน่อยนะ เพราะเมนูน่ารักๆ เหล่านี้จะมาแค่ช่วงเวลาวันที่ 10 มีนาคม ถึง 10 เมษายนนี้เท่านั้น ใครที่กำลังจะไปญี่ปุ่นก็อย่าลืมศึกษาแผนที่และเวลาเปิดปิดด้วยนะจ๊ะ   บอกไว้ก่อนเลยว่าที่คาเฟ่แห่งนี้รับเฉพาะการจองโต๊ะเท่านั้น โดยเวลาเปิดให้จองมีดังนี้ ① 11:00 a.m. – 12:20 p.m. ② 12:30 p.m. – 1:50 p.m. ③ 2:00 p.m. – 3:20 p.m. ④ 3:30 p.m. – 4:50 p.m.…

หากพูดถึงห้องสมุด เพื่อนๆ จะนึกถึงภาพออกมาเป็นแบบไหน ท่านอาจนึกถึงตึกเก่าๆ ที่มีชั้นหนังสือนับร้อยนับพันวางอย่างเป็นระเบียบ พร้อมกับบรรณารักษ์ที่ชอบทำหน้าเข้มๆ เวลาเดินผ่านใช่หรือไม่   แต่ถ้าเพื่อนๆ ได้เห็นห้องสมุดจากมหาวิทยาลัย Seikei ในประเทศญี่ปุ่นแห่งนี้แล้วล่ะก็ รับรองว่าเพื่อนๆ จะต้องตื่นตะลึงอย่างแน่นอน เพราะว่ามัน “ล้ำ” โพดๆ เลยล่ะ ไม่เชื่อ ไปชมกันเลย   มหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่าน Kichijoji-Kitamachi ซึ่งกำลังจะมีอายุครบ 110 ปีในปี 2016 นี้เอง โดยห้องสมุดของมหาวิทยาลัย Seikei ถือว่าเป็นหนึ่งในห้องสมุดที่สวยงามที่สุดในโลก เป็นอาคารขนาดห้าชั้น ออกแบบโดยใช้กระจกเป็นวัสดุหลัก เพื่อการประหยัดพลังงาน   แต่สิ่งที่เจ๋งที่สุดของห้องสมุดแห่งนี้ก็คือ ห้องประชุมส่วนตัวที่พวกเขาเรียกกันวา่ “ดาวเคราะห์” (Planet) ที่ตั้งอยู่ที่ชั้นสี่และห้าของอาคาร เจ้าห้องประชุมอันนี้มีลักษณะเป็นโดมกระจก ลอยอยู่เหนือพื้น ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปข้างในด้วยทางเดินสกายวอร์คจากชั้นสี่และชั้นห้า   ภายในก็จะมีโต๊ะ เก้าอี้ จอภาพ และไวท์บอร์ดให้ได้เลือกใช้งาน   โอ้โห ใครมีโอกาสก็ลองไปเยี่ยมชมห้องสมุดแห่งนี้ดูนะ เหมียวว่ามันจะต้องเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดอย่างแน่นอน ว่าแต่วันไหนประเทศเราจะมีห้องสมุดแบบนี้กับเขาบ้างน้า ที่มา Rocketnews24

ในช่วงทีกระแสคนรักแมวกำลังมาแรงแบบนี้ เหล่าบริษัทห้างร้านก็ต่างพากันออกสินค้ามายั่วเหล่าทาสแมวให้เสียเงิน ซึ่งแต่ละอย่างต้องบอกเลยว่า เห็นแล้วชวนให้จับจ่ายใช้สอยเหลือเกิน   ล่าสุดทางบริษัท Unihabitat ได้เปิดตัวชุดจั๊มสูทลายน้องเหมียว ที่เหล่าทาสแมวเห็นแล้วต้องตาเป็นประกายอย่างแน่นอน เพราะว่ามันทั้งน่ารักและเก๋ไก๋ไปพร้อมๆ กันน่ะสิ   โดยในช่วงปลายปีที่แล้ว เราอาจเห็นชุดแมวเหมียวแบบนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง (ข่าวเก่า) แต่ชุดนั้นมีไว้สำหรับช่วงฤดูหนาว แต่วันนี้จะเป็นชุดที่เนื้อผ้า “บาง” ลงมา ซึ่งเหมาะในการใส่ ในทุกฤดู   โดยในชุดมีฟังค์ชั่นเจ๋งๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นหางจำลอง ปุ่มมือที่ปลายแขนเสื้อ หรือหูแมวที่บริเวณฮู๊ด   ส่วนใครที่สงสัยว่า เวลาเข้าห้องน้ำจะทำยังไง ไม่ต้องห่วง เขาออกแบบ “ระบบขับถ่าย” เอาไว้เรียบร้อยแล้ว   นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าหน้าท้องด้วยนะ   สนนราคาชุดแมวสุดน่ารักนี้อยู่ที่ประมาณ 8,100 เยน หรือราว 2,500 บาท ใครที่สนใจก็สั่งซื้อได้จาก เว็ปไซต์  Amazon หรือ Rakuten ดูนะเหมียว     กรี๊ด น่ารักมาก เห็นแล้วอยากได้ซักตัวจริงๆ ขอเก็บตังแปป จะซื้อมาใส่อยู่บ้านทุกวันเลย อิอิ ที่มา Rocketnew24

หากคุณจะหาของกินที่มีหน้าตาสุดสร้างสรรค์ น่ารักฟรุ้งฟริ้ง เราขอแนะนำให้ไปประเทศญี่ปุ่นเลย เพราะอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าประเทศนี้เขามักจะมีไอเดียเด็ดๆ ในการทำอาหาร และขนมหวานออกมาให้เราได้ร้องว้าวกันอยู่เสมอ และมาในครั้งนี้ก็ไม่ทำให้เราผิดหวังอีกเช่นเคย เพราะร้าน Kokone ในเมือง Musashino ประเทศญี่ปุ่น เค้าได้ทำการเนรมิตเจ้าขนมปังรูป ‘หมีบิน’ แสนน่ารัก ที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้เลยก็ว่าได้     โดยเมื่อผู้ใช้ที่มีชื่อว่า ここね ได้นำภาพของเจ้าขนมปังหมีบินไปแชร์ในทวิตเตอร์ งานนี้บรรดาชาวเน็ตต่างก็ไม่รอช้าพากันแชร์ต่อๆ กันอย่างมากมาย จึงทำให้เจ้าหมีบินตัวน้อยขายดีเป็นเทน้ำเทท่ายังไงละเหมียว     หลายคนอาจจะคิดว่ามันก็แค่ขนมปังธรรมดาๆ ที่มีรูปร่างเป็นหมี แต่ความจริงแล้วมันมีสิ่งที่พิเศษซ่อนอยู่นะจ๊ะ เพราะเขาว่ากันว่าสิ่งที่ดีงามที่สุดของมันคือ ‘ส่วนหัว’ ที่มาพร้อมกับไส้คัสตาร์ด และมันฝรั่งหวานอัดแน่นอยู่ข้างใน ส่วนตัวเนื้อขนมปังก็เป็นรสชาติโกโก้ ที่ดูแล้วคล้ายกับสีของเจ้าหมีเป๊ะ!! โหยยยย น่ารักยังไม่พอ ยังน่ากินอีกด้วย แต่รสชาติจะถูกปากเพื่อนๆ หรือไม่นั้น สามารถเชิญไปลิ้มลองได้ที่ร้าน Kokone เลยจ้า ที่มา : rocketnews24

ถือว่าเป็นโศกอนาตกรรมครั้งหนึ่งของชาวญี่ปุ่นเลยทีเดียว สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิถล่มที่เมืองอิชิโนมากิ รวมถึงการละลายของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ฟุกิชิมา ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ ภาพของความสูญเสีย ก็ยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของชาวญี่ปุ่น แม้เหตุการณ์จะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ดูเหมือนว่าวิญญาณของผู้เสียชีวิตกว่า 6,000 คน ยังคงวนเวียนไม่ไปไหน และยังคงใช้ชีวิตอย่างปรกติ เหมือนกับไม่รู้ว่าตนเองนั้น ได้จากโลกนี้ไปนานแสนนานแล้ว!!     โดยมีแท็กซี่คนหนึ่งเล่าว่า ในช่วงที่กำลังบูรณะเมืองขึ้นมาใหม่ เขาได้ไปขับรถรับผู้โดยสารอยู่แถวนั้น กลางดึกคืนหนึ่งเขาได้รับผู้โดยสารหญิงคนหนึ่งขึ้นมา เธอบอกให้เขาไปส่งที่ย่านมิฮามิฮามะ คนขับแท็กซี่ได้ยินดังนั้นจึงบอกเธอไปว่า เขตมินามิฮามะถูกคลื่นยักษ์ถล่มพังพินาศไปหมดแล้ว ผู้โดยสารคนหญิงคนนั้นฉุกกึกขึ้นมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบว่า “ฉันตายแล้วเหรอ” (ภาพประกอบ ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์จริง)   คนขับแท็กซี่งุนงงกับคำพูดของเธอ เขาจึงหันกลับไปดู แต่แล้วเขาต้องตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อเบาะหลังไม่มีใครนั่งอยู่ซักคนเดียว!! ยังไม่จบเท่านั้น คนขับแท็กซี่อีกท่านก็เล่าว่า เขาเคยรับผู้โดยสารชายคนหนึ่ง แต่เมื่อเดินทางไปถึงจุดหมาย ปรากฎว่าไม่มีใครนั่งรถมากับเขาด้วย!? ไม่เพียงแต่แท็กซี่เท่านั้น ชาวเมืองอิชิโนมากิก็เคยเห็นเหตุการณ์ประหลาดๆ เช่นกัน พวกเขาเล่าว่าบางครั้งเขาเห็นเพื่อนบ้านที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ซึนามิเดินไปเดินมาอยู่แถวบ้านที่พวกเขาอยู่เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ หรือบางคนก็เห็นพวกเขาเดินจับจ่ายซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ต แม้กระทั่งบางคนก็เคยเห็นวิญญาณไร้หัว หรือแขนขาดขาขาด ป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณที่เคยมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก     อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่คิดว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องลึกลับ ทางมหาวิทยาลัยโตโฮกุกล่าวว่า ผู้ที่มีส่วนร่วมหรืออยู่ในเหตุการณ์ที่มีความสูญเสียครั้งใหญ่ อาจมีอาการทางจิต และเห็นภาพหลอนอยู่เป็นระยะๆ ดังเช่นที่ชาวเมืองอิชิโนมากิ เคยสูญเสียญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน คนรัก…

นอกจากญี่ปุ่น จะเป็นประเทศที่มีไอเดียการทำอาหารให้ออกมาสร้างสรรค์ และมีหน้าตาที่น่ารับประทานแล้ว ในเรื่องของความแปลก ญี่ปุ่น ก็ไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน อย่างเช่นร้านอาหารที่ชื่อว่า Chinju-ya นี้ เรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารที่ให้บริการเฉพาะเมนูแปลกๆ เท่านั้น ซึ่งทางพ่อครัวก็มักจะทำเมนูเปิบพิสดารขึ้นมา สำหรับบรรดานักชิมใจกล้า ที่ชื่นชอบความแปลกแหวกแนวโดยเฉพาะเลยละ ซึ่งแต่ละเมนูนั้นบอกเลยว่าคนธรรมดาๆ อย่างเราไม่กล้ากินกันอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น…   พวกแมลงเอย   หนอน   ตุ๊กแกก็มีนะ   จระเข้มาทั้งขากันเลยทีเดียว   แมงป่อง   และเมนูนี้ใครไม่กล้าจริง กินไม่ได้นะจ๊ะสำหรับเมนู ซาลาแมนเดอร์ทอด   จริงๆ แล้วพวกแมลง หรือพวกหนอนทอด บ้านเราก็นิยมทานกันอยู่ไม่น้อย แต่สำหรับบางเมนูก็ทำเอาคนดูขนลุกไปตามๆ กัน เพราะสัตว์ที่นำมาทำเป็นอาหารนั้น คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยนิยมรับประทานกันสักเท่าไหร่ แต่ก็เอาเถอะในเมื่อทำออกมาแล้ว คนชอบกินแปลกก็ต้องไปลองชิมดูสักครั้งแล้วละเมี๊ยว ที่มา : viralnova

สำหรับผู้ที่รักสัตว์แล้ว ช่วงเวลาทำงานในแต่ละวันนั้นถือว่าาเป็นเวลาอันแสนน่าเบื่อ เพราะต้องอยู่ห่างจากสัตว์เลี้ยงแสนรักของตนเอง (ยกเว้นแต่ว่าบริษัทของคุณจะอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงไปที่ทำงาน)   ด้วยเหตุนี้เอง ทางบริษัทผลิตสินค้าไอทีของญี่ปุ่น จึงผลิตเมาส์ Pnitty Mouse ออกมา เพื่อเอาใจพนักงานออฟฟิศที่รักสัตว์ทั่วโลก    โดยเมาส์ตัวนี้ออกแบบมาให้ดูเหมือนกับอุ้งเท้าสัตว์ ซึ่งบอกได้คำเดียวเลยว่าน่ารักแบบสุดๆ   แต่ความเจ๋งของมันไม่ได้อยู่ที่หน้าตาอย่างเดียวหรอกนะ เราต้องพลิกด้านล่างมันขึ้นมา ความมหัศจรรรย์ก็อยู่ตรงนั้นเอง!!   ด้านล่างของเมาส์จะมีแผ่นซิลิโคนหนึบๆ ติดอยู่ ซึ่งทางผู้ผลิตเคลมว่า ให้ความรู้สึกเหมือนกับอุ้งเท้าน้องหมาหรือแมวอายุประมาณ 6 เดือนเด๊ะเลยล่ะ   ถ้าเอานิ้วไปจิ้ม จะให้ความรู้สึกเหมือนกำลัง HIGH 5 กับเจ้าตูบอยู่เลยล่ะ   ซึ่งทางผู้ผลิตยังบอกอีกว่า เจ้าอุ้งเท้าจำลองนี้ทำมาจากซิลิโคนที่ทำความสะอาดง่าย และสามารถรองรับการกดได้หลายพันครั้งเลยทีเดียว   นอกจากนี้เรายังสามารถดึงซิลิโคนออกไป แล้วไปติดที่ข้าวของอื่นๆ ได้ด้วยนะ   ข่าวร้ายคือ ตอนนี้บริษัทเพิ่งทำตัวต้นแบบขึ้นมาเท่านั้น และกำลังระดมทุนอยู่บนเว็บไซต์ Makuake ซึ่งเป้าหมายอยู่ที่ 260,000 บาท ซึ่งตอนนี้พวกเขาทำยอดได้เพียง 20 เปอร์เซ็นเท่านั้น และเหลือเวลาอีกเพียง 51 วันก็จะหมดเขตแล้ว ต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า จะทำออกได้สำเร็จหรือไม่ ใครที่สนใจก็ตามไปสมทบทุนได้นะเหมียว…

  เหมียวก็ไม่รู้เหมียวกันว่าเด็กสมัยนี้ยังสามารถพูดชื่อเต็มของ กรุงเทพฯ ได้อยู่หรือเปล่า เพราะว่าคนที่อายุประมาณ 18 ปีขึ้นไปน่าจะท่องได้จากเพลง ซึ่งมันก็ติดหูและจำง่ายอยู่พอสมควร แต่วันนี้ #เหมียวสามสี จะพามาชมการตอบคำถามของเด็กญี่ปุ่น ซึ่งคำถามนั้นถามเกี่ยวกับชื่อเต็มของกรุงเทพฯ ในรายการนั้นได้ถามคำถามว่า “จงตอบชื่ออย่างเป็นทางการของกรุงเทพมหานครฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ซึ่งเป็นเมืองหลวงที่มีชื่อยาวที่สุดในโลก” และเด็กคนนี้ก็ตอบได้คล่องอย่างไม่มีสะดุดเลย เขาชื่อว่า ทากาฮาชิ โทโมยูกิ ในช่วงที่ถามคำถามนั้นเขากดตอบอย่างรวดเร็วและมั่นใจอย่างมาก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในรายการ “The King of Brains” ของประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง   เราไปชมคลิปการตอบคำถามของเด็กคนนี้กันเลย   “กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์” ถือเป็นเรื่องที่ชวนตะลึงอยู่เหมือนกันที่ชาวต่างชาติสามารถจำชื่อกรุงเทพฯของเราได้ ส่วนบ้านเราก็จำได้จากเพลงของอัสนี วสันต์ นั่นเอง เผื่อเด็กรุ่นใหม่อาจจะยังไม่เคยฟังเพลงนี้ มันช่วยให้จำได้มากเลยนะ   ที่มา wegointer