นี่เห็นอยู่นี้คือหน้าเว็บ CatDumb เวอร์ชันเก่า

ใครที่เลี้ยงแมวอยู่คงจะรู้ดีว่าเป็นธรรมดาที่แมวจะคาบโน่นคาบนี่มาให้เพื่อตอบแทนที่เราเป็นทาส ให้ข้าว ให้น้ำ ให้บ้านมันอยู่ แต่ดูเหมือนจะเหมียว Lilli จะทำเกินกว่าการคาบของมาให้ เพราะมันไปเอาของของใครมาให้ก็ไม่รู้ จนเจ้าของเรียกมันว่าแมวหัวขโมย     Lilli อาศัยอยู่ใน Weilheim ประเทศเยอรมนี กับ Simone Kirchner และครอบครัวของเธอ ก่อนที่จะถูกรับเลี้ยง มันอยู่กับเจ้าของเดิมในอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ในเมืองใหญ่ วันหนึ่ง เจ้าของเดิมรู้ว่าการอยู่ในพื้นที่คับแคบแบบนี้เป็นปัญหาในชีวิต และยังส่งผลกระทบไปถึงเจ้าเหมียวอีก เธอจึงตัดสินใจส่งเจ้าเหมียวกลับไปอยู่ในศูนย์พักพิง     ขณะเดียวกัน Kirchner อาศัยอยู่ในย่านที่เงียบสงบและมีสนามหลังบ้านที่กว้างขวางด้วย เธอจึงอาสารับ Lilli มาดูแล ตั้งแต่หญิงสาวรับเลี้ยงมันในวันนั้น Lilli รู้สึกขอบคุณเธอมาก มันเลยตอบแทนเธอด้วยการคาบของขวัญมาให้ทุกวัน Kirchner บอกว่า “มันคาบของขวัญชิ้นเล็กๆ มาให้ฉันเกือบทุกวัน มีตั้งแต่กิ่งไม้ แอปเปิ้ล หิน และตะไคร่น้ำ”     จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ มันคงจะเบื่อกับการเก็บของจากสนามหลังบ้าน มันเลยออกไปที่อื่น เพื่อหาสิ่งของที่แตกต่างและแปลกใหม่ อยู่มาวันหนึ่ง มันกลับมาพร้อมกับด้าย… ทำเอา Kirchner รู้สึกทึ่งเล็กน้อย แต่เธอคิดว่ามันคงเป็นของที่ตกอยู่พื้นและไม่มีเจ้าของ แต่แล้ว…

สวนสัตว์ Leningrad Zoo ของรัสเซีย เป็นที่ที่มีความพิเศษ มันเป็นสวนสัตว์ที่เก่าแก่ที่สุดในรัสเซีย โดยเปิดให้เข้าชมเมื่อปี 1865 แม้ว่าสวนสัตว์แห่งนี้จะประสบปัญหามากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันมีสัตว์มากกว่า 2,000 ตัว และมากกว่า 600 สายพันธุ์     แน่นอนว่าในสวนสัตว์แห่งนี้เต็มไปด้วยสัตว์ที่น่าสนใจมากมาย แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา มี ‘ลิงซ์’ เข้ามาอยู่ใน Leningrad Zoo และมันก็ได้รับความสนใจจากทั่วโลก ลิงซ์เป็นสัตว์ที่อยู่ในตระกูลแมวป่า พวกมันถูกมองว่าเป็นสัตว์นักล่าที่อันตรายมากเป็นอันดับสามของสัตว์นักล่าในยุโรป รองจากหมีสีน้ำตาลและหมาป่าสีเทา     แต่สำหรับ Linda แมวป่าลิงซ์ที่อยู่ในสวนสัตว์ Leningrad Zoo ดูเหมือนจะแตกต่างออกไป เพราะบุคลิกของมันไม่เหมือนที่เราเข้าใจเลย เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเมื่อลูกแมวจรจัดตัวหนึ่งบุกเข้าไปในสวนสัตว์ Leningrad Zoo คาดว่ามันจะเข้าไปเพื่อหาอาหาร     จมูกของมิ้วน้อยพามันเข้าไปในคอก Linda ก่อนจะขโมยอาหารของมัน ผู้คนที่เฝ้ามองอยู่ข้างนอกต่างพากันกลัว เมื่อแมวป่าเริ่มเดินเข้าไปหามิ้วน้อย แต่ปรากฏว่าแทนที่มันจะงับเจ้าเหมียวเป็นอาหาร มันกลับแสดงท่าทีที่อ่อนโยน และต้อนรับผู้มาเยือนตัวน้อยอย่างเป็นมิตร     นี่ถือเป็นเหตุการณ์ที่เหลือเชื่อมากๆ Linda เป็นสัตว์นักล่ากินเนื้อเป็นอาหารอยู่แล้ว และมันสามารถจับเจ้าเหมียวกินได้อย่างง่ายดาย แต่มันกลับไม่ทำ ตรงข้าม…

การเจอเรื่องแย่ๆ อาจทำให้เราหมดกำลังใจในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เหมือนกับ Madeleine วัย 26 ปี ที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในชีวิต ในระยะเวลาเพียง 2 ปี เธอสูญเสียคุณพ่อ และเสียเพื่อนรักไป 2 คน นอกจากนี้เธอยังอยู่ในช่วงเลิกกับแฟน และลาออกจากการเป็นนักเต้นบัลเลต์ด้วย     Madeleine จำเป็นต้องทำบางอย่างเพื่อปลอบใจตัวเอง และแล้วเธอก็ตัดสินใจรับเลี้ยงแมว แต่เธอไม่ต้องการแค่แมวธรรมดาทั่วไปเท่านั้น เพราะเธอได้วาดไว้ในใจแล้วต้องการแมวแบบไหน หญิงสาวได้เดินเข้าไปในศูนย์พักพิงสัตว์ท้องถิ่น และบอกเจ้าหน้าที่ว่าขอดู ‘แมวที่มีโอกาสถูกรับเลี้ยงน้อยที่สุด’     ทางศูนย์พักพิงจึงแนะนำให้เธอรู้จักกับ Chester แมวส้มวัย 16 ปี มันถูกเจ้าของเดิมทิ้งและอยู่ในศูนย์ประมาณ 1 ปีแล้ว มันเป็นแมวที่มีความกระตือรือร้น มันใช้เวลาส่วนใหญ่ซ่อนตัวอยู่ในมุมกรงของมัน เมื่อผู้คนเข้ามาในนี้ พวกเขาจะเลือกดูแต่ลูกแมว และไม่มีใครสนใจแมวแก่อย่าง Chester จนกระทั่ง Madeleine เข้ามานี่แหละ ทันทีที่ Madeleine เห็น Chester เธอรู้ได้ทันทีว่ามันเป็นแมวที่เหมาะกับเธอ และภายในเวลาสั้นๆ ทั้งหญิงสาวและเจ้าเหมียวก็มีความผูกพันกันอย่างรวดเร็ว     ดูเหมือน Chester เองจะรู้ว่า Madeleine มาเพื่อช่วยมันจริงๆ หญิงสาวบอกว่า “เมื่อฉันใช้เวลาอยู่กับมันสักพัก…

สัตว์เลี้ยงที่อยู่กับเจ้าของอายุมาก มันอาจจะจะต้องพรากจากเจ้าของในสักวันหนึ่ง เพราะคนแก่นั้น แค่ดูแลตัวเองก็ลำบากแล้ว ถ้าต้องดูแลสัตว์เลี้ยงอีก คงจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ Symba แมววัย 6 ปี จากวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่อยู่กับเจ้าของวัยชรา จนกระทั่งเจ้าของต้องเข้ารับการดูแลตามนโยบายของรัฐ     เจ้าของ Symba ต้องย้ายไปอยู่ในบ้านพักคนชรา และไม่สามารถนำเจ้าเหมียวไปด้วยได้ มันจึงถูกส่งไปยังศูนย์พักพิง The Humane Rescue Alliance (HRA) สาขาวอชิงตัน เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสุขภาพของ Symba พวกเขาก็ต้องตะลึงกับน้ำหนักของมัน มันอาจจะมีชีวิตที่ดี แต่การที่แมวมีน้ำหนักมากถึง 15 กิโลกรัม ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับมันแน่ Symba ในวัย 6 ปี แต่มันมีน้ำหนักมากกว่าลูกสิงโต     เจ้าเหมียวดูมีความสุขตลอดเวลา แต่ความอ้วนทำให้มันมีปัญหาสุขภาพ เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ปัญหาทางเดินปัสสาวะ โรคข้อเข่าเสื่อม และคุณภาพชีวิตโดยรวมก็จะแย่ไปด้วย ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่ HRA จึงวางแผนที่จะควบคุมอาหารให้มัน พร้อมทั้งให้มันออกกำลังกาย โดยอยู่ภายใต้การดูแลตลอดเวลา     พวกเขาให้อาหาร Symba ในชามอาหารที่มีความซับซ้อน เพื่อให้มันกินอาหารช้าลง ขณะเดียวกัน…

มันไม่ง่ายเลยสำหรับลูกแมวในการเอาตัวรอดเพียงลำพัง โดยไม่มีแม่หรือพี่น้องอยู่เคียงข้างเลย นั่นเป็นเหตุผลว่ามนุษย์อย่างเราจึงไม่ควรมองข้ามสัตว์ที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ Lemmy คือหนึ่งในนั้น มันเป็นแมวตัวน้อยที่ถูกพบอยู่ในพุ่มไม้นอกอาคารปฏิบัติงานด้านสัตวแพทย์ในโอเชี่ยนไซด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย     Bre หนึ่งในเทคนิคการสัตวแพทย์ที่ทำงานอยู่ในอาคารดังกล่าว ได้ผ่านมาเห็นเจ้าเหมียว และเธอก็ต้องตกใจอย่างมากเมื่อเห็นสภาพของมัน ตาทั้งสองข้างของเจ้าเหมียวมีอาการติดเชื้ออย่างรุนแรง ขนของมันสกปรกและจับกันเป็นก้อน แต่เพราะมันอยู่แต่ในพุ่มไม้เพียงลำพัง Bre เลยคิดว่าต้องมีคนนำมันมาทิ้งไว้ตรงนี้แน่ๆ     หญิงสาวจึงพา Lemmy ไปหาสัตว์แพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วน… จากนั้นเจ้าหน้าที่ทำการโกนขนที่จับกันเป็นก้อนของมันออก รักษาโรคกลากเกลื้อน ก่อนจะตรวจดวงตาของมัน ดูเหมือนโชคของเจ้าเหมียวจะไม่ค่อยดีนัก ตาข้างหนึ่งติดเชื้ออย่างรุนแรงและไม่สามารถรักษาได้ คุณหมอจึงจำเป็นต้องผ่าตัดตาข้างนั้นออก จริงๆ แล้ว หากมีการพบลูกแมวตัวนี้เร็วกว่านี้อีกหน่อย มันคงไม่ต้องสูญเสียตาข้างหนึ่งไป     แม้ว่า Lemmy จะเจ็บปวดจากอาการต่างๆ และรู้สึกสับสน แต่มันก็ยอมให้คุณหมอกับผู้ดูแลทำความสะอาดและรักษามันอย่างง่ายดาย มันดูมีความสุขมากที่มีคนใส่ใจ Bre เป็นผู้อุปถัมภ์แมวตัวยงอยู่แล้ว ดังนั้น เธอจึงอาสารับ Lemmy ไปดูแล พร้อมทั้งทำให้มันกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง หลังจากผ่าตัดตาไป     เวลาผ่านไป แผลจากการผ่าตัดค่อยๆ หาย และมันก็ได้เผยความเป็นตัวเองออกมาให้เห็น Lemmy ขี้เล่นมากๆ และอุปถัมภ์ก็ตกหลุมรักมันอย่างหนัก แม้จะมีตาข้างเดียว แต่ในดวงตาข้างนั้นเต็มไปด้วยความรัก…

ฮีโร่ไม่จำเป็นต้องเป็นมนุษย์หรือคนที่แข็งแกร่งเสมอไป แต่อาจเป็นใครหรือตัวอะไรก็ตามที่มีความกล้าหาญพอที่จะช่วยคนที่ตกอยู่ในอันตราย เหมือนกับ Max สุนัขวัย 17 ปี จากรัฐควีนส์แลนด์ประเทศออสเตรเลีย มันได้ทำในสิ่งที่กล้าหาญ จนได้รับคำชื่นชมจากชาวเน็ตทั่วโลก     เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว มีการแจ้งว่าเด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่ชื่อ Aurora ได้หายตัวไปเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. หลังจากที่เธอเดินออกจากบ้านคุณย่าแล้วเข้าไปในป่า หลังจากที่ได้รับแจ้ง ตำรวจท้องถิ่นและอาสาสมัครจาก State Emergency Service (SES) กว่า 100 คน ได้ออกตามหาตัวเด็กหญิงตลอดทั้งคืน แต่ไม่พบร่องรอยเลย     เช้าวันเสาร์ เจ้าที่และอาสามัครกลุ่มเดิมได้ออกค้นหาเด็กหญิงอีกครั้ง โดยมี Leisa Bennett คุณย่าของเด็กหญิง ร่วมกับทีมงานในการตามหาหลานสาวตัวเองด้วย ระหว่างนั้น ทีมช่วยเหลือได้ยินเสียงเด็กน้อยจากยอดเขา พวกเขาจึงตามเสียงนั้นไป จนได้พบกับ Max และมันก็นำทุกคนไปหาเด็กหญิง     Aurora ถูกพบในเวลาประมาณ 8.00 น. โชคดีที่เธอปลอดภัยดี ทีมช่วยเหลือจึงรู้ได้ทันทีว่าเป็นเพราะเจ้า Max คอยอยู่ข้างๆ และปกป้องเธอตลอดเวลา  …

สุนัขบางตัวโด่งดังจากการทำสิ่งที่ดี บางตัวดังจากการทำสิ่งไม่ดี ทำเรื่องแปลก หรือตลก แต่สำหรับสุนัขตัวนี้ มันมีชื่อเสียงจากการไม่ทำอะไรเลย เมื่อไม่นานมานี้ ผู้คนใน Rosario ประเทศอาร์เจนตินา สังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินอยู่ในเมืองพร้อมกับสุนัขสีขาวตัวน้อยๆ ของเธอ     หมาตัวนั้น ดูเหมือนจะเป็น Westie มันไม่เคยเดินด้วยขาตัวเอง แต่จะนั่งอยู่ในรถเข็นตลอด โดยมีเจ้าของคอยลากไปด้วยทุกที่ Evelyn Luna เป็นหนึ่งในคนที่เห็นภาพนั้น เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เธอกับเพื่อนเดินอยู่ทางเท้าเดียวกับผู้หญิงคนนั้นกับสุนัขของเธอ     Luna บอกว่า “มองจากด้านหลัง เรานึกว่ามันเป็นสุนัขแก่หรือสุนัขที่มีปัญหากับการเคลื่อนไหว แต่เปล่าเลย มันไม่ได้มีความผิดปกติอะไร” พวกเขารู้ความจริงเมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ สุนัขตัวนั้น เมื่อเห็นคนเข้ามาหา เจ้าหมาก็ยืนขึ้นด้วยความตื่นเต้น และวิ่งเหยาะๆ เข้าไปทักทายพวกเขา     และจากการพูดคุยกับเจ้าของ จึงได้รู้ว่าน้องหมาตัวนี้ไม่ได้เป็นอะไร แต่มันขี้เกียจมากๆ เจ้าของเลยต้องลากมันไปแบบนี้ แทนที่จะเดินเล่นเหมือนสุนัขทั่วไป เมื่อดูที่ข้างรถเข็นเจ้าหมา มีข้อความเขียนไว้ว่า “Soy vago, y que” ซึ่งแปลว่า “ฉันขี้เกียจ แล้วไง” แม้ว่ามันจะขี้เกียจ แต่มันน่ารักมากและเป็นมิตรกับทุกคน เจ้าของบอกว่ามันชอบเดินเล่นนะ…

สัตว์จรจัดหลายตัวต้องเผชิญชีวิตที่โหดร้ายเพียงลำพังตั้งแต่เด็ก และหากโชคไม่เข้าข้าง มันก็อาจจะต้องตายไปอย่างโดดเดี่ยว โดยที่ไม่มีใครรู้ เจ้ามิ้วน้อยตัวนี้ก็เกือบจะเป็นเช่นนั้น เพราะมันถูกเชือกพันรอบขาและติดอยู่ใต้บ้านเคลื่อนที่ใน Palm Beach County รัฐฟลอริด้า จนไม่สามารถไปไหนได้     แต่โชคดีที่ Carmen Weinberg ได้ยินเสียงร้องน้อยๆ ของมันเข้า เลยเดินตามเสียงนั้นไป และพยายามมองหาเจ้าของเสียงนั้น ก่อนจะพบว่ามันคือลูกแมวตัวน้อยที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ ทันทีที่ลูกแมวเห็นมนุษย์ มันเริ่มส่งเสียงร้องดังขึ้นกว่าเดิม เพื่อขอความช่วยเหลือ ขณะเดียวกัน มันก็พยายามดิ้นเพื่อทำให้ขาหลุดออกจากเชือก     ตอนแรก Carmen ตั้งใจจะมุดเข้าไปใต้บ้านเคลื่อนที่เพื่อพามันออกมา แต่เธอกลัวว่ามิ้วน้อยจะตกใจและดิ้นแรง จนทำให้เชือกรัดแน่นเข้าไปอีก Carmen จึงไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านและไล่เคาะประตูตามบ้านต่างๆ แต่ไม่มีใครตอบรับเลย เธอจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดูแลและควบคุมสัตว์ Palm Beach County Animal Care and Control     หญิงสาวบอกว่า “ฉันรู้สึกขอบคุณพวกเขามากที่ส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยลูกแมวตัวนี้ พวกเขาต้องตัดผนังเพื่อที่จะคลานไปหามิ้วน้อยและตัดเชือกให้มัน แต่การตัดเชือกอันยุ่งเหยิงรอบขามันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พยายามมาสักพัก พวกเขาก็สามารถพามิ้วน้อยออกมาได้ ก่อนจะพามันไปหาหมอเพื่อรับการรักษาที่จำเป็น     จากการตรวจร่างกาย พบว่าขาของมันบวมเป่งเลย เนื่องจากมันถูกเชือกพันขาแน่นเกินไป…

สัตว์อาจจะพูดภาษาเดียวกับเราไม่ได้ แต่บางครั้งท่าทางของมันทำให้เรารับรู้ได้ถึงความรู้สึกและทุกคำพูดที่อยู่ในใจของพวกมัน เหมือนกับเจ้าหมาวัย 2 ขวบตัวนี้ ที่โผกอดสัตวแพทย์ หลังจากที่มันได้รับการช่วยเหลือจากเหตุไฟไหม้! เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิง Gregg Gordon และทีมงานจาก West Palm Beach Fire Rescue Capt ไปดับเพลิงในพื้นที่ที่ได้รับแจ้งจากผู้คนในพื้นที่บอกว่าน่าจะมีหมาติดอยู่ในกองเพลิงที่กำลังลุกไหม้     และเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจ ปรากฏว่าสุนัขไม่ได้ติดอยู่ในนั้นเพราะกลัวไฟ แต่เพราะมันถูกมัดไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้รีบช่วยเจ้าหมาออกจากจุดนั้น แม้จะช่วยได้จะช่วยออกมาได้ แต่ร่างกายของมันเต็มไปด้วยแผลไฟไหม้อย่างรุนแรง Gordon บอกว่า “เจ้าหมาตัวนี้ถูกไฟไหม้ แต่มันดูไม่กังวลเลย แม้แต่ตอนที่ผมไปช่วยมันออกมา มันยังดูมีความสุขมาก แต่ผมอดกังวลไม่ได้ว่าหลังจากนี้มันจะรอดหรือไม่”     หลังจากที่ออกมาจากกองเพลิงได้แล้ว พวกเขารีบพาเจ้าหมาวัย 2 ขวบตัวนี้ไปยัง Peggy Adams Animal Rescue เพื่อรับการประเมินทางการแพทย์ หลังจากที่ทีมแพทย์ได้ตรวจเช็กแล้ว พวกเขาลงความเห็นว่าสุนัขต้องรับการดูแลทางการแพทย์อย่างเข้มงวดและต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานในการฟื้นตัว เมื่อถึงจุดนี้ พวกเขาได้ส่งตัวเจ้าหมาไปยังศูนย์ฉุกเฉินสำหรับสุนัข Jupiter Pet Emergency & Specialty Center (JPESC) เพื่อรักษาแผลไฟไหม้  …

หนุ่มแม็กซ์บอกว่า “เมื่อเราเหนื่อยล้า จงเดินเข้าป่า” แต่ถ้าการเข้าป่าเป็นเรื่องยากเกินไป เราแนะนำให้มาดูภาพที่ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายดีกว่า ภาพที่ว่านี้ไม่ใช่ภาพป่านะ แต่เป็นภาพของเหล่าสัตว์เลี้ยงที่มาพร้อมความมุ้งมิ้ง น่ารัก น่าเอ็นดู หากคุณเหนื่อยล้า ท้อแท้ หรือเจอเรื่องแย่ๆ มา ให้สัตว์เหล่านี้ช่วยบำบัดใจคุณสิ   1. จังหวะที่เจ้าหมาจาม หน้าตาก็จะประมาณนี้แหละ   2. งื้อออ เม่นน้อยหาว น่ารักไปอีก   3. เจ้าวัวกับหูกระต่ายสุดแบ๊ว   4. ช่วงเวลาดีๆ ของจระเข้ตัวน้อย   5. หมามิกกี้เมาส์ นี่หูจริงนะ ไม่ใช่ของปลอม   6. ดูอุ้งเท้าชมพูๆ ของน้องสิ   7. นี่คือเจ้า Kipling มันสังเกตเห็นเจ้าของลืมเอาผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ มันเลยไปคาบมาให้   8. ช่วงเวลาแห่งความสุขของเจ้าแมวเมนคูน   9. ฟลามิงโก้น้อยเรียนรู้วิถีฟลามิงโก้   10. ดูหน้าแม่หมาสิ มันภูมิใจมากๆ กับการได้ให้กำเนิดลูกน้อย…

เมื่อปี 2016 อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในรอตเทอร์ดาม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เกิดไฟไหม้ ก่อนที่ไฟจะลุกลามไปยังอาคารอื่นๆ อย่างรวดเร็ว มีอะพาร์ตเมนต์ 15 หลังที่ถูกไฟไหม้ แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่น่าเศร้า แมวส้มที่ชื่อ Sammy ติดอยู่ในอาคารที่กำลังลุกไหม้     ต่อมาทีมนักดับเพลิงได้บุกเข้าไปข้างในเพื่อตามหาคนที่ยังติดอยู่ในอาคาร และแล้ว พวกเขาก็เห็นแมวส้มอยู่หลังกำแพงที่ไฟกำลังไหม้ ดูจากภายนอกแล้ว แมงส้มยังอยู่ในภาพสมบูรณ์ นักดับเพลิงจึงไม่รู้ว่ามันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า แต่พวกเขาพยายามช่วยมันและพามันออกจากอาคารอย่างระมัดระวัง     พวกเขาพาแมวออกไปอยู่ข้างนอกเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ นักดับเพลิงคนหนึ่งได้สวมหน้ากากออกซิเจนให้ Sammy พยายามทำให้มันฟื้น และการทำ CPR ให้มันอย่างต่อเนื่อง ในที่สุด Sammy ก็ฟื้นขึ้นมา นักดับเพลิงจึงเอาน้ำให้มันเพื่อล้างทางเดินหายใจ จนมันกลับมาหายใจได้ปกติและเริ่มส่งเสียงร้องเมี๊ยวๆ     หลังจากที่ดูแลเจ้าเหมียวจนพ้นขีดอันตรายแล้ว พวกเขาก็พา Sammy กลับอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าของที่ชื่อ Stan Loemers  Loemers มีความสุขมาก ที่ได้เห็นแมวตัวเอง เขาสูญเสียทรัพย์สินทั้งหมดไปกับไฟ แต่เขาบอกว่า Sammy คือสิ่งที่มีค่าที่สุดของเขา     ส่วนสาเหตุที่เจ้าเหมียวไม่วิ่งออกจากอาคารนั้น เจ้าของบอกว่าเป็นเพราะมันแก่และอ้วนเล็กน้อย เลยไม่กล้าวิ่งออกมาเอง จากนั้นเขาได้พาเจ้าเหมียวไปรักษาต่อในโรงพยาบาลสัตว์ และได้ออกมาในไม่กี่วันต่อมา ส่วนตอนนี้ Sammy กลับมามีชีวิตที่แฮปปี้พร้อมสุขภาพที่แข็งแรงแล้ว…

ความพิการมักเป็นอุปสรรคที่ทำให้หลายๆ คนไม่มีความสุขในชีวิต แต่สำหรับมิ้วน้อยตัวหนึ่ง มันเลือกที่จะมีความสุขและลืมความพิการของตัวเอง เรื่องราวของมิ้วน้อยเริ่มขึ้นเมื่อ Amalthea แม่แมวท้องแก่ได้รับการช่วยเหลือโดย County Animal Control Services ในรัฐวอชิงตัน หลังจากเจ้าของของมันเสียชีวิต     เจ้าเหมียวและแมวตัวอื่นๆ ถูกพาไปที่ศูนย์พักพิง Kitten Rescue of Mason County ซึ่งแม่บุญธรรมรอมันอยู่แล้วที่นั่น Aimee Avllia อาสาสมัครของกลุ่มช่วยเหลือ รับ Amalthea เข้ามาดูแล และไม่นานหลังจากที่มันเข้ามาอยู่ในบ้าน มันก็คลอดแมวแมงซ์ (แมวหางสั้น) 6 ตัว โดย 5 ใน 6 นั้นไม่มีหาง     แม่อุปถัมภ์รู้ว่าแมวแมงซ์นั้นจะมีปัญหาสุขภาพมากมายตามมา และมิ้วน้อย Lír คือหนึ่งในนั้น มันเกิดมาพร้อมความผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อมันโตขึ้น เธอจึงรู้ว่ามันไม่สามารถใช้ขาหลังได้     หลังจากได้พบผู้เชี่ยวชาญทางศัลยศาสตร์และระบบประสาท แมวน้อยถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรค Sacrococcygeal Dysgenesis (โรคทางระบบประสาท) และโรค Segmental Spinal Dysplasia (ความผิดปกติแต่กำเนิดที่หาได้ยาก)  …

โรคบางอย่างนั้นไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาที่หมอสั่ง โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับสภาพจิตใจที่อาจจะต้องใช้เวลานานพอสมควรในการบำบัดกว่าจะหายหรือไม่หายเลย แต่เชื่อมั้ยว่าสัตว์เลี้ยงบางตัวสามารถทำให้โรคเหล่านั้นหายได้ เหมือนกับสิ่งที่เจ้าเหมียว Romeo ทำให้กับหญิงสาวผู้มีอาการความเครียดหลังจากเหตุการณ์สะเทือนใจ (PTSD)     Romeo เป็นแมวเบงกอลวัย 13 ปี จากเมืองซีแอตเติล รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา มันเป็นแมวเซเลบที่เป็นที่รู้จักในฐานะแมวผู้มีทักษะการแสดงและแมวที่ได้เดินทางไปทั่วโลก ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ Romeo ยังเป็นลูกแมวตัวน้อย มันเป็นแมวที่ขี้กลัวมากๆ แตกต่างกับพี่น้องในครอกเดียวกันที่เข้าสังคมได้เป็นอย่างดี     แต่แล้วมันก็ทำให้ Cindy Rio-Rados (เจ้าของในปัจจุบัน) หลงรักอย่างหมดใจ เมื่อมันปีนขึ้นมาและซุกตัวอยู่ในเสื้อฮูตของเธอ จากมันก็เลียหูของเธอและร้องเมี๊ยวอย่างแผ่วเบา ตอนที่ Cindy รับเลี้ยง Romeo เธอกำลังต่อสู้กับโรค PTSD และเธอวางแผนที่จะรับความช่วยเหลือจากสุนัขบำบัด แต่เมื่อได้พา Romeo เข้าบ้าน เธอก็ตระหนักได้ว่าเจ้าเหมียวตัวนี้ต้องอยู่กับเธอตลอดเวลา     ขณะที่หญิงสาวได้ใช้เวลาอยู่กับเจ้าเหมียวตัวนี้ อาการ PTSD ของเธอก็เริ่มได้รับการเยียวยาทีละนิดๆ จนเธอรู้สึกเข้มแข็งขึ้น และคิดว่าแมวตัวนี้ต้องเกิดมาเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงบำบัดแน่ๆ ว่าแล้ว Cindy ก็ส่งเจ้าเหมียวไปฝึกอบรมการเป็นสัตว์เลี้ยงบำบัด หลังจากที่ฝึกเสร็จ มันไม่เพียงแค่ได้ทักษะการบำบัดกลับมา แต่มันยังได้เรียนรู้คำสั่งอื่นๆ ด้วย เช่น กระโดดลอดห่วง กระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง กลิ่ง โบกมือทักทาย…

ชีวิตเป็นเรื่องยากสำหรับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกาย พวกเขาต้องเผชิญความท้าทายที่มากกว่าคนปกติทั่วไป แต่เป็นความโชคดีของ Terfel สุนัขตาบอด ที่ได้เจอและได้เป็นเพื่อนกับ Pudditat แมวจรจัดผู้เข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปให้     Terfel เป็นสุนัขสีน้ำตาลช็อกโกแลตวัย 14 ปี มันเป็นสุนัขตาบอดที่อาศัยอยู่กับเจ้าของ Judy Godfrey-Brown ใน Holyhead North Wales แต่กว่าจะมีวันนี้ได้ มันเคยมีอดีตที่ไม่ค่อยดีนัก Terfel เคยถูกเจ้าของเดิมทำร้ายตั้งแต่ยังเป็นลูกหมาตัวน้อย มีคนเล่าว่าเจ้าหมาถูกโยนกระแทกกับกำแพง จนเป็นสาเหตุที่ทำให้มันตาบอดและกลายเป็นแผลในใจอย่างรุนแรงในเวลานั้น     การมองเห็นของเจ้าหมาเริ่มมีปัญหาตอนที่มันถูกโยนกระแทกกับกำแพง เมื่ออายุได้ 8 ปี มันเริ่มเป็นต้อกระจกและสายตาของมันก็แย่ลงเรื่อยๆ หลังจากที่สูญเสียการมองเห็น มันก็เริ่มมีปัญหากับการเดินไปรอบๆ ตามมา มันชอบเดินชนเฟอร์นิเจอร์ ชนกำแพง และทำให้ตัวเองบาดเจ็บตลอดเวลา     หลังจากนั้นไม่นาน Terfel ก็ยอมแพ้ที่จะเดินไปไหนมาไหน วันๆ มันเอาแต่นอนอยู่ในตะกร้าและไม่ยอมออกไปไหนตัวเดียว จนกระทั่งเพื่อนที่มันไม่เคยคาดฝันมาก่อนเข้ามาในชีวิต และเพื่อนคนนั้นคือ Pudditat แมวจรจัดที่ Judy รับเลี้ยงมา     มีคนบอกว่าเจ้าเหมียวตัวนี้เข้ากับแมวตัวอื่นๆ ไม่ได้ เพราะมันชอบแกล้งแมวตัวอื่นและทำตัวเป็นเจ้านาย แต่เมื่อมาเจอ Terfal มันกลับตกหลุมรักเจ้าหมาตาบอดตัวนี้ทันที Judy…

ปกติแมวกับหนูอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอก เจอกันทีไรเป็นต้องไล่ล่ากันทุ๊กที แล้วจะให้พวกมันมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะหรอ อย่าหวังเลย แต่ย้อนกลับไปเมื่อปี 1999 อ้วน เจ้าเหมียวอ้วนจากจังหวัดพิจิตร ประเทศไทย ได้ทำลายภาพชินตาเหล่านั้นของเราไป     อ้วนอาศัยอยู่กับคุณ Charanai Nanoontum ทุกๆ วันมันจะคอยมองหาเหยื่อ ไม่ว่าจะเป็นลูกนก หนู และล่าพวกมันอย่างเมามันส์ เพื่อเป็นอาหารอันโอชะ แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป บ่ายวันหนึ่ง เมื่ออ้วนกำลังมองความสนุกและการผจญภัยเหมือนทุกๆ วัน มันก็ได้ค้นพบบางอย่างที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน     สิ่งนั้นคือ หนูตัวจิ๋วที่ซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้า มันทำให้เจ้าอ้วนเกิดความรู้สึกแปลกๆ กับหนูน้อยตัวนี้ เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ Charanai บอกว่า “เมื่อเจ้าอ้วนเจอหนู ฉันคิดว่ามันจะกินหนูตัวหนึ่งเหมือนที่ผ่านๆ มา แต่มันกลับไม่ทำ ตรงข้าม มันรักหนูตัวนั้น”     ไม่มีใครคาดคิดว่าอ้วนจะเป็นแบบนี้มาก่อน แต่นับตั้งแต่นั้นมา โลกทั้งไปของเจ้าเหมียวอ้วนก็เปลี่ยนไป แม้ว่ามันจะเคยเป็นนักล่าที่น่ากลัว แต่ตอนนี้มันกลายเป็นแมวเหมียวผู้มีจิตใจอ่อนโยน แถมยังเป็นเพื่อนสนิทกับหนูตัวนั้นด้วย เมื่อเจ้าของเห็นแมวตัวเองเป็นเพื่อนกับหนู เธอแปลกใจมากแต่ในเมื่อเจ้าอ้วนเลือกแล้ว เธอก็คงปฏิเสธไม่ได้ เลยตั้งชื่อหนูตัวนั้นว่า เจอร์รี่ ทั้งสองอยู่ชอบอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ทั้งกอดกัน นอนด้วยกัน และกินอาหารด้วยกัน…

สัตว์บางชนิด ตอนเกิดใหม่ๆ กับตอนโต มีลักษณะไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะหมาป่าแดง ที่จัดอยู่ในสัตว์หายาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากคุณไม่รู้ว่าตอนเกิดใหม่ๆ นั้น หมาป่าแดงมีหน้าตาเป็นอย่างไร ล่าสุด มีลูกหมาป่าแดงเพิ่งคลอดถึง 10 ตัว ที่เกิดกับ Charlotte และ Veronica ใน Wolf Conservation Center (WCC) ข่าวการเกิดของลูกหมาป่าแดงเหล่านี้ นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะประชากรหมาป่าแดงเหลือน้อยเต็มทีในปัจจุบัน     ย้อนกลับไปเมื่อปี 1980 หมาป่าแดงเคยถูกประกาศว่าสูญพันธุ์จากธรรมชาติ (ไม่สามารถพบได้ตามธรรมชาติ) แต่ด้วยความพยายามในการฟื้นฟูพันธุ์หมาป่าชนิดนี้ ผู้คนจึงคาดหวังว่าจะได้เห็นหมาป่าแดงจะกลับมาอยู่ในธรรมชาติอีกครั้ง จนกระทั่งเมื่อ 4 ก่อน มีการพบหมาป่าแดงในป่าประมาณ 130 ตัว (ส่วนใหญ่อยู่ที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา) แต่ปัจจุบัน คาดว่าน่าจะเหลือเพียง 30 ตัวเท่านั้น การล่าสัตว์และการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หมาป่าแดงเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์     หน่วยงานคุ้มครองสัตว์ป่า Fish and Wildlife Service (USFWS) ใช้เวลาหลายปีในการทำโครงการปกป้องและทำให้หมาป่าแดงกลับมาอยู่ในธรรมชาติอีกครั้ง แต่แล้ว USFWS ก็ได้ประกาศว่าความพยายามในการทำให้หมาป่ากลับมานั้นไม่ได้ผล ซึ่งทางหน่วยงานอนุรักษ์ได้ออกมาบอกว่า ที่โครงการดังกล่าวไม่ได้ผลนั้นเป็นเพราะ USFWS ไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่ตั้งแต่แรก…

หากเรารักใครมากๆ เราก็คงอยากอยู่กับใครคนนั้นไปตลอด แต่ในความเป็นจริงเรารู้ดีใช่มั้ยว่าไม่มีอะไรอยู่กับเราไปตลอดได้หรอก เหมือนชีวิตของ Hoonie เจ้าเหมียวตัวเทาวัย 23 ปี ที่อยู่ดีๆ เจ้าของผู้เป็นที่รักก็เสียชีวิตลง ทำให้มันกลายเป็นแมวไร้บ้าน เหลือเพียงตุ๊กตาแมวยัดนุ่นตัวโปรดของมันเท่านั้นที่ยังอยู่กับมัน     ตอนแรกลูกสาวของเจ้าของแมวตั้งใจรับ Hoonie มาดูแลต่อ แต่น่าเสียดาย ทั้งเธอและลูกชายต่างแพ้ขนแมว จึงไม่สามารถเลี้ยงดูมันได้ ด้วยเหตุนี้ Hoonie จึงถูกพาไปอยู่ในศูนย์พักพิงสัตว์ Alley Cat Rescue รัฐแมริแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา     Hoonie สามารถปรับตัวได้ดีในสิ่งแวดล้อมใหม่และเสียงต่างๆ ในศูนย์พักพิง Brianna Grant เจ้าหน้าที่ด้านการสื่อสารของ Alley Cat Rescue บอกว่า “มันชอบกอดตุ๊กตาแมวยัดไส้ของมัน อาจจะเป็นเพราะกลิ่นบ้านเดิมติดตัวตุ๊กตาตัวนั้นอยู่ และนั่นทำให้มันรู้สึกสบายใจที่สุด” เธอบอกอีกว่า “เราไม่เคยเห็นแมวตัวไหนเข้ามาในศูนย์พักพิงพร้อมตุ๊กตาแบบนี้เลย มันเหมือนสิ่งสำคัญที่คอยให้กำลังใจมัน”     Hoonie อยู่กับตุ๊กตาของมันตลอดเวลา นอนกับมัน กอดมัน และเล่นต่อสู้กับมัน เมื่อผู้ดูแลเห็นรูปที่ลูกสาวเจ้าของเดิมส่งมาให้ พวกเขาเลยรู้ว่าเจ้าเหมียวเป็นเพื่อนกับตุ๊กตาตัวนี้มานานแล้ว ผู้ดูแลทุกคนพยายามอย่างดีที่สุดในการทำให้เจ้าเหมียวใช้ชีวิตในศูนย์พักพิงอย่างมีความสุข ในที่สุด พวกเขาก็คิดที่จะหาบ้านใหม่ให้มัน เพราะดูเหมือนว่ามันต้องการความสนใจจากผู้คน     Grant…

เรารู้กันอยู่แล้วแมวเป็นสัตว์สายขี้อ้อน เวลาอยากอะไรก็จะเข้ามาออดอ้อน เอาหัวถูกไถเรา เจอแบบนี้เข้าไป มีหรือมนุษย์จะปฏิเสธลง หากคุณคิดว่าแมวขี้อ้อนที่คุยเจอมีความอ้อนแบบที่สุดแล้ว ลองมาดูเจ้าเหมียวตัวนี้หน่อย แล้วรับรองคุณต้องหลงรักมันแน่นอน นี่คือวิดีโอที่โพสต์บนทวิตเตอร์ในประเทศญี่ปุ่น มันคือแมวที่ชอบกอดมากที่สุดในโลก お気に入りのオモチャ取り上げられたみたいな声出されてシブシブ腕を戻すの私なのであった pic.twitter.com/UumCu63aIc — カネキリカ(手)／ヤマダ(猫) (@Kirika_ma_cos) 11 เมษายน 2561   เจ้าเหมียวผู้รักการกอดตัวนี้มีชื่อว่า Yamada อายุ 13 ปีแล้ว เป็นแมวของ Kanekirika… เธอบอกว่าเวลาเจ้าเหมียวกอดแขนแบบนี้ เธอจะรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก   กอดแขนทาสแน่น ไม่ยอมปล่อย   ทำอย่างกับแขนมนุษย์เป็นตุ๊กตาแหน่   พอดึงแขนออกเท่านั้นแหละ มันรีบสั่งให้เอากลับมาวางไว้เหมือนเดิม   ดู๊ดูมัน กอดแน่นกว่าเดิมอีก คงต้องทำแขนขี้ผึ้งให้มันสักข้างแล้วละมั้ง   ถึงจะอายุ 13 ปี แล้ว แต่ความน่ารักยังเหมือนมิ้วน้อยอยู่เลย   มาถึงตรงนี้ ทาสแมวต้องอิจฉาเจ้าของคนนี้แน่ๆ เลย จริงมั้ย?   งื้อออ อยากมีเหมียวกอดแบบนี้บ้างจุง ที่มา buzzfeed

สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่ซื่อสัตย์ รักเจ้าของ และยอมทุ่มทั้งชีวิตเพื่อเจ้าของ เพราะในชีวิตของมันไม่มีใครมีค่าไปกว่ามนุษย์ที่ดูแลมันอีกแล้ว เมื่อเป็นแบบนี้ ลองคิดดูสิว่ามันจะแย่แค่ไหนถ้าสุนัขถูกพรากไปจากครอบครัว? มันคงจะรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังลงไปแน่ๆ เช่นเดียวกับชีวิตของ Daya ที่ต้องพลัดพรากกับครอบครัว เมื่อเกิดความชุลมุนจากเหตุการณ์เมื่อพายุเฮอริเคนมาเรียพัดถล่มในเปอร์โตริโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา     ตั้งแต่นั้นมา มันก็ไม่ได้เจอกับครอบครัวเลย จากสัปดาห์เป็นเดือน จนดูเหมือนว่าไม่จะไม่ได้พบหน้าครอบครัวไปตลอดกาล อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ครอบครัวของ Daya ที่ย้ายไปอยู่แมสซาชูเซตส์ ทราบข่าวว่ามีคนเจอสุนัขของพวกเขา และตอนนี้มันอยู่ที่ Second Chance Animal Services พวกเขาจึงมุ่งหน้าไปที่นั่นทันที   นาทีที่เจ้าหมาได้เจอครอบครัวอีกครั้ง   Diane Tillotson ผู้จัดการของศูนย์พักพิงบอกว่า “Daya ขี้อายมาก แต่เมื่อมันได้กลิ่นที่คุ้นเคย พฤติกรรมของมันก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง”   ทันทีที่ครอบครัวเปิดประตูเข้าไป เจ้าหมาดูดีใจมาก และวิ่งเข้าไปหาครอบครัวทันที   มันจำสมาชิกครอบครัวได้ดี เลยเข้าไปทักทายและกอดทุกคนด้วยความคิดถึง   นี่คงจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ไม่สามารถอธิบายได้   ตอนนี้น้องหมาได้กลับไปอยู่บ้านกับครอบครัวแล้ว   ที่มา thedodo

หมาปั๊กที่ชื่อ Fergie ใช้เวลา 7 ปีของชีวิตในโรงงานผลิตลูกสุนัข มันถูกขังอยู่ในกรงแคบๆ และเมื่อมันคลอดลูกกี่ครอกต่อกี่กรอก ก็จะมีคนเอาลูกไปจากมันทันที ในช่วง 7 ปีนี้ มันสูญเสียดวงตา ทำให้มันมองแทบไม่เห็นและแทบจะไม่ได้ยิน นอกจากนี้เท้าของมันยังพิการ เป็นโรคข้ออักเสบและมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ด้วย แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่เคยหมดหวังและยังเป็นสุนัขที่น่ารักอยู่เสมอ     เมื่อ Fergie ไม่สามารถให้กำเนิดลูกได้อีก มันเลยกลายเป็นสุนัขถูกทิ้งและถูกพาตัวไปยัง West Suburban Humane Society ใน Downers Grove รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เจ้าหมาผู้น่าสงสารดูเศร้ามากเมื่อไปถึงศูนย์พักพิง สิ่งที่มันทำได้คือการนั่งอยู่ในกรงและเขย่ากรง มันไม่ยอมกินอาหารและไม่ยอมทำอะไรเลย เมื่อเป็นแบบนี้ เจ้าหน้าที่ศูนย์พักพิงจึงหาบ้านอุปถัมภ์ให้ โดยหวังว่าเจอบ้านที่เงียบสงบเพื่อจะช่วยให้มันรู้สึกผ่อนคลายได้บ้าง     เพียงไม่นาน เจ้าหมาก็ได้ไปอยู่ในบ้านของ Jenny แม่อุปถัมภ์ที่จะทำหน้าที่ดูแลมันต่อจากนี้ Jenny บอกว่า “มันเปลี่ยนไปทันทีที่เข้าไปข้างใน แม้ว่าคืนแรกมันอยู่อย่างหวาดกลัว แต่วันรุ่งขึ้นมันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง” ที่เป็นแบบนั้น เพราะ Fergie รู้สึกว่ามันได้อยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้ว มันจึงเริ่มปรับตัวกับบ้านอุปถัมภ์ แถมยังเป็นมิตรกับพี่น้องบูลล์ด็อกสองตัวที่ได้รับอุปถัมภ์มาเหมือนกันด้วย     มันชอบให้สองพี่น้องอยู่ใกล้ๆ และมันก็ชอบอยู่ข้างๆ…

สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่มอบความรัก ความซื่อสัตย์ และรอยยิ้มให้มนุษย์เสมอ โดยเฉพาะตอนที่มันยังเป็นลูกหมาตัวน้อย ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็น่าเอ็นดูไปหมด แต่เมื่อพวกมันโตขึ้น หรือแก่ตัวไป ความน่ารักของพวกมันอาจจะไม่เท่าเดิม จนทำให้ได้รับความสนใจจากมนุษย์น้อยลงไปด้วย     เหมือนกับสุนัขพิตบูลล์ที่ชื่อ Frankie ตอนเด็กๆ มันน่ารัก และเป็นที่รักของทุกคนในร้านจำหน่ายอะไหล่เครื่องยนต์ที่เจ้าของของมันทำงานอยู่ แต่เมื่อเจ้าหมาโตขึ้น ความต้องการของมันก็มากขึ้นเหมือนสุนัขตัวใหญ่ทั่วไป แถมยังมีพลังเหลือเฟือด้วย แต่ยิ่งโตขึ้นเท่าไหร่ ชีวิตของมันยิ่งถูกจำกัดมากเท่านั้น     ต่อมา Summer Parker ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ Frankie ซึ่งเป็นช่วงที่ชีวิตของเจ้าหมามีแต่ความเศร้า และเจ้าของของมันเองก็ไม่ต้องการให้สุนัขของเขาต้องมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ โชคดีที่ Parker เป็นสมาชิกและอาสาสมัครประสานงานของ  BFF Pet Rescue ซึ่งเป็นกลุ่มช่วยเหลือที่ให้ความสนใจกับสุนัขขนาดใหญ่ โดยเฉพาะพิตบูลล์     ภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ของเจ้าพิตบูลล์ตัวนี้ Parker ก็ได้ขับรถไปยังร้านจำหน่ายอะไหล่เครื่องยนต์เพื่อไปพบ Parker เมื่อมาถึง เธอเห็นเนื้อตัวของ Frankie เป็นสีเทา มันนั่งอยู่ในพื้นที่ที่สกปรกและเต็มไปด้วยขยะ เจ้าหมามองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาด้วยความกระตือรือร้น     เจ้าของรู้ดีกว่าการล่ามโซ่สุนัขในร้านแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับมัน นั่นทำให้การช่วยเหลือ Frankie เป็นไปได้ง่าย เพราะเจ้าของยินดีให้พามันไปสู่สิ่งที่ดีกว่า สำหรับ Frankie ในวัย 1 ขวบนั้น แม้จะถูกล่ามโซ่มาเป็นเวลานาน…

ลำพังการต้องเลี้ยงลูกน้อยเพียงคนเดียวก็ทำให้ผู้เป็นแม่แทบจะไม่มีเวลาพัก แล้วลองคิดดูสิว่าสัตว์เลี้ยงอย่างแมวจะเหนื่อยแค่ไหนกับการต้องเลี้ยงลูกทั้งครอก เหมือนกับเจ้าเหมียวที่เข้ามาอยู่ในบ้านอุปถัมภ์เพียงตัวเดียวชิลๆ แต่ตอนนี้มันต้องเจอภาระหนัก เพราะมันมีลูกน้อยเป็นของตัวเองแล้ว ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อน Matilda เข้ามาใน Cleveland Animal Protective League ศูนย์พักพิงสัตว์ท้องถิ่นในคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ พร้อมกับน้องสาวของมัน     Kelly Hartman แม่อุปถัมภ์ของ Matilda ในปัจจุบันเล่าว่า “ครอบครัวเก่าของทั้ง 2 ตัว นำพวกมันมาไว้ในศูนย์พักพิง หลังจากที่พวกมันหายออกจากบ้านและกลับมาพร้อมกับการตั้งท้อง” Kelly จึงอาสารับดูแล Matilda และลูกๆ ของมัน ส่วนน้องสาวถูกส่งไปอยู่ในบ้านอุปถัมภ์อีกหลังหนึ่ง     Matilda ขี้อายมากๆ มันเอาแต่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ แต่มันชอบให้มนุษย์มอบความรักและอ้อมกอดให้ ตราบใดที่มันยังอยู่ในที่ซ่อนของมัน และแล้ว วันที่สองมันก็ออกมาจากที่ซ่อนพร้อมกับท้องอันโตๆ… กระทั่งเย็นวันอาทิตย์ เมื่อแม่ของ Kelly เข้าไปในห้องที่เจ้าเหมียวอยู่ เธอถึงกับเซอร์ไพรส์หนักมาก เพราะ Matilda ไม่ได้อยู่ตัวเดียวแล้ว     แสดงว่าในคืนนั้น แม่แมวได้คลอดลูกน้อยที่มีสุขภาพแข็งแรง 5 ตัว เป็นตัวผู้ 4 ตัว และตัวเมีย 1…

จริงๆ แล้วแมวเป็นสัตว์ตลกนะ เพราะไม่ว่าจะกิน จะนอน จะเดิน พวกมันจะท่าเยอะไว้ก่อน แถมบางท่าก็แปลกซะจนมนุษย์อดที่จะทำบางอย่างกับมันไม่ได้ บางอย่างที่ว่านี้คือการนำพวกมันไปตัดต่อให้ฮายิ่งกว่าเดิม แต่ดูเหมือนว่าการตัดต่อที่เรานำมาฝากกันในวันนี้จะน่ากินมากกว่าฮานะ อื้มมม แมวกินกับอะไรก็อร่อย แผล่บๆ   เมนูแมวส้มร้อนๆ   ครัวซองต์กับแมว อันไหนน่าขย้ำกว่า   นี่คือแมวเบอร์รี่ เป็นบลูเบอร์รี่สายพันธุ์ใหม่   รับไข่ดาวหน้าแมวสักจานมั้ยคะ?   ไอศกรีมหัวแมว   นี่มันเห็ดพันธุ์ใหม่ หรือแมวกลายพันธุ์กันแน่   แมวออกลูกเป็นไข่หรอ เพิ่งรู้   เนียนเลยนะ เจ้าอ้วน   สปาเกตตีแมว รสชาติมันจะเป็นยังไงนะ?   เป็นแมวอยู่ดีกินดี ขนาดนอนยังใช้แพนเค้กแทนผ้าห่มเลย   จะกินเก๊าจริงๆ อ๋อ   เฮ้ย!! เรามาอยู่ผิดที่ป่าวว่ะ   เช้าๆ แบบนี้ต้องซุปแมวร้อนๆ   ชิ้นไหนต่างจากพวก ชิ้นนั้นแหละอร่อย   ไอติมแมวขี้เซา   โอริโอ้หน้าแมวก็น่าลองนะ…

หากเราไม่ใช่คนที่ทำงานเกี่ยวกับสัตว์หรือชื่นชอบสัตว์มากๆ เราอาจจะแยกไม่ออกว่าตัวไหนเป็นอะไร โดยเฉพาะตอนที่พวกมันยังเป็นทารกน้อย เช่นเดียวกับ Martine Vos ที่ได้ให้การช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตตัวน้อยตัวหนึ่ง และเธอก็คิดมาตลอดว่ามันเป็นลูกแมว Vos เป็นอาสาสมัครใน Belgium-based Cat Shelter Limburg ซึ่งเป็นองค์ช่วยเหลือที่ให้ความสำคัญกับแมวเป็นพิเศษ     หญิงสาวได้รับโทรศัพท์จากชายคนหนึ่ง เขาบอกว่าพบลูกแมวสีดำที่น่าจะมีอายุได้ไม่กี่วัน เลยโทรขอความช่วยเหลือจาก Cat Shelter Limburg เพื่อให้รับมันไปดูแล เมื่อไปถึงที่ที่ได้รับแจ้ง พวกเขาพยายามสำรวจบริเวณรอบๆ แต่ไม่พบร่องรอยของแม่แมวหรือพี่น้องของมันเลย ดังนั้น พวกเขาจึงพามิ้วน้อยกลับไปที่ศูนย์และจะดูแลมันจนกว่าจะมีคนมารับเลี้ยง แต่แล้ว Vos ก็สังเกตเห็นบางอย่างเกี่ยวกับลูกแมวตัวนี้…     หญิงสาวบอกว่า “เมื่อฉันอุ้มลูกแมวไว้ในมือ มันดูตัวใหญ่มาก และดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับลักษณะที่ลูกแมวควรจะเป็น”  หน้าของมันไม่ค่อยเหมือนลูกแมว และจมูกของมันก็ยื่นออกมายาวกว่าแมวด้วย ดังนั้น Vos จึงตัดสินใจหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตประหลาดตัวนี้ เธอพาสิ่งมีชีวิตตัวน้อยตัวนั้นไปหาสัตวแพทย์ เพื่อตรวจสอบว่ามันคือสัตว์ชนิดไหน แต่ปรากฏว่าแพทย์ก็ไม่สามารถระบุตัวตนของมันได้เหมือนกัน มีสิ่งเดียวที่หญิงสาวมั่นใจคือ มันเป็นสัตว์ตัวเมีย     ต่อมา Vos พามันไปยังศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าในท้องถิ่น และโชคดีที่พวกเขาสามารถบอกได้ว่าเจ้าตัวสีดำนี้คือตัวอะไรกันแน่ “พวกเขาบอกว่ามันคือลูกสุนัขจิ้งจอก แต่ด้วยขนสีดำและลักษณะในวัยเด็กของมัน ทำให้ดูเหมือนแมว” หญิงสาวกล่าว แทนที่ Vos…

สัตว์ในธรรมชาตินั้น แม้ว่าพวกมันจะมีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกัน สีเหมือนกัน แต่หากเราเป็นคนช่างสังเกตอีกนิด จะเห็นว่าแท้จริงแล้ว พวกมันมีบุคคลิกที่ต่างกันนะ ดูอย่างตัวนิ่มตัวนี้สิ เรียกได้ว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะเห็นมันอยู่ในลักษณะท่าทางแบบนี้ ลักษณะที่ว่านี้คือ ท่าทางงงๆ ของมันที่ดูเหมือนกับว่า ‘อยากถามอะไรบางอย่าง’   “นี่ ขอถามอะไรหน่อยสิ…”   ด้วยท่าทางแปลกๆ นี้เอง ทำให้มีคนมองว่าแท้จริงแล้ว ตัวนิ่มก็มีความน่ารัก น่าหลงใหลเหมือนกันนะ ไม่เชื่อลองดูสิออเจ้า   “อืมมม จะพูดว่าไงดีล่ะ…”   “มีคำถามในหัวเต็มไปหมด จะเริ่มจากคำถามไหนดีนะ… คุณจะ… คุณต้องการ… คุณรู้ไหม…”   “คุณอยากไปงานพรอมกับผมมั้ยฮะ?”   “ตกลงสิ ขอร้องล่ะ”   อ๋ออ อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ตั้งนาน ที่แท้จะชวนสาวไปงานพรอม (ขำๆ นะ) ที่มา boredpanda

การใช้ชีวิตอยู่กับสุนัข คงจะมีประสบการณ์ที่หลากหลาย มีทั้งปวดหัวบ้าง โมโหบ้าง ดีใจ เสียใจ ปะปนกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้ชัดเจนคือ คุณจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ตราบใดที่มีเจ้าสี่ขาอยู่ด้วย เพราะแบบนี้ Yaoyao Ma Van ศิลปินจากลอสแอนเจลิสจึงได้วาดภาพเพื่อสะท้อนชีวิตของคนที่อยู่กับหมา โดยการถ่ายทอดประสบการณ์ตรงของเธอกับเจ้าหมาของเธอที่ชื่อ Parker   1. สุนัขพร้อมจะปลุกคุณให้ตื่นอยู่เสมอ แม้ว่าบางทีมันจะเช้าเกินไปก็ตาม   2. มีน้องหมาแล้ว ทิ้งนาฬิกาปลุกไปได้เลย   3. สุนัขคือสัตว์เลี้ยงที่พร้อมจะเป็นเพื่อนผู้น่ารักให้คุณเสมอ   4. การร้องเพลงตอนอาบน้ำจะไม่ใช่เพื่อตัวคุณเองอีกต่อไป เพราะเจ้าหมาก็ชอบฟังเสียงคุณเหมือนกัน   5. บางครั้งคุณต้องเจอกับเรื่องเซอร์ไพรส์ที่ไม่อยากเจอ   6. สุนัขจะสอนคุณให้รู้จักแบ่งปัน   7. และเตือนคุณไม่ให้ละเลยสิ่งสำคัญ (อย่างมันยังไงล่ะ)   8. แน่นอน สุนัขจะสร้างความวุ่นวายให้คุณในบางครั้ง   9. ไม่ว่าจะทำอะไร จะมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งที่อยากช่วยคุณเสมอ   10. เพื่อนคนนั้นคือคนที่คุณพึ่งพาได้ โดยไม่ต้องเอ่ยคำพูดใดๆ   11. สุนัขจะเป็นกำลังใจให้คุณในทุกๆ…

สำหรับคนที่เป็นเจ้าของสุนัข คุณคงจะเจอเรื่องเซอร์ไพรส์จากเจ้าหมาไม่เว้นแต่ละวัน บางวันมีเรื่องให้ปวดหัว บางวันมีเรื่องให้ยิ้ม บางวันมันก็สร้างความประทับใจให้จนคุณไม่มีวันลืม ดูอย่างเจ้าหมาพวกมันนี้ สร้างเรื่องป่วนๆ ฮาๆ ให้เจ้าของอยู่เรื่อยเลย แต่นี่แหละ สีสันในชีวิตสำหรับคนใช้ชีวิตอยู่กับสุนัข   1. นี่คือน้องหมาตัวขาวจั๊วะผู้น่ารัก แต่พอมันบุกเข้าไปในถุงถ่านเท่านั้นแหละ กลายเป็นคนละตัวเลย   2. เจ้าหมาอยากเป็นอิสระ เพราะคิดว่าถูกผูกติดไว้กับอะไรบางอย่าง แต่ที่แท้มันเองนั่นแหละที่เหยียบสายจูงตัวเอง แล้วมันก็ยืนอยู่อย่างนั้น   3. นี่คือวิธีการต้อนรับเจ้าของที่กลับมาบ้าน ประทับใจมั้ยล่ะ?   4. มันคงไม่อยากให้เจ้าของห่วง เลยยิ้มหวานๆ ตอนอยู่ในมือหมอ   5. เมื่อเจ้าของไม่อยู่บ้าน น้องหมาได้ทียึดที่นั่ง ทำตัวเป็นเจ้าบ้านซะเลย   6. เจ้าของบอกว่า ‘ห้ามเข้าไปในตู้เสื้อผ้า’ แต่มันก็ยังทำ แถมออกมาพร้อมหลักฐานเด็ดซะด้วย   7. ถ่ายรูปครอบครัวหรอ งั้นก็ขาดเค้าไม่ได้ดิ   8. พ่อพาไปเดินเล่นมา แต่พอถึงเวลากลับเท่านั้นแหละ ถึงกับไม่พอใจเลยทีเดียว   9. หมาน้อยไปกินผึ้งมา หน้าบวมเป่งเชียว…

ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ เมื่อยังเป็นเด็กน้อยก็จะมีความซุกซนเป็นธรรมดา พวกเขาสามารถเล่นได้ทุกเวลาจนบางทีก็ทำให้ผู้ใหญ่บางคนรู้สึกหงุดหงิดไปบ้าง เพราะแบบนี้แม่สิงโตตัวหนึ่งจึงอมหัวลูกจนมิด เพื่อต้องการอยากสอนบทเรียนให้ลูกน้อยว่าการถูกรบกวนตอนกำลังหลับนั้นมันรู้สึกยังไง…     นี่เป็นภาพสุดน่ารักของแม่กับลูกสิงโต โดยแม่สิงโตเริ่มรู้สึกหงุดหงิดลูกที่พยายามจะเล่นด้วย แต่ตอนนั้นแม่ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากเล่นด้วยเท่าไหร่ ภาพดังกล่าวนี้ถ่ายโดยช่างภาพมือสมัครเล่นและวิศวกร Dale Johnson ระหว่างไปยัง Ongava Private Game Reserve ในประเทศนามิเบีย ทางใต้ของแอฟริกา กับภรรยา     ช่างภาพได้พูดถึงเหตุการณ์ตอนแม่สิงโตอมหัวลูกว่าที่นั่นมีสิงโตอยู่ 6 ตัว มีตัวผู้ 1 ตัว อายุประมาณ 3 ปี และลูกสิงโต 2 ตัว ที่มีอายุแค่ไม่กี่เดือน ลูกสิงโตทั้งสองตัวซุกซนมาก มันเล่นไม่หยุด พวกมันกลิ้งไปกลิ้งมา แถมบางครั้งยังหันไปกัดแม่ที่กำลังจะงีบหลับอีก     ในที่สุดแม่สิงโตทนไม่ได้ เลยสอนบทเรียนให้ลูกน้อยจอมซนด้วยการอมหัวของมันจนมิด ก่อนจะปล่อยอย่างรวดเร็ว ช่างภาพบอกว่า “แม่สิงโตอมหัวลูกแค่ระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ก่อนมันก็ปล่อยอย่างรวดเร็วและอ่อนโยน ทำให้ลูกน้อยไม่บาดเจ็บอะไร”     เจอแบบนี้เข้าไป ลูกน้อยคงจะกลัวและหายซนบ้างแหละ และดีนะที่คนอมคือแม่ ถ้าเป็นสัตว์ชนิดอื่นละก็ หัวสิงโตน้อยคงไม่ได้ออกมาจากช่องปากแล้วแหละ  …