นี่เห็นอยู่นี้คือหน้าเว็บ CatDumb เวอร์ชันเก่า
-
ลือหนัก Apple อาจจะเลิกผลิต iPhone X ในช่วงหน้าร้อนนี้ หลังพบว่ามันไม่ค่อยปังเท่าที่ควร
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปลายปี 2017 เรายังจำกันได้ไหมในวันที่ iPhone X ได้วางขายและมีคนมากมายไปต่อแถวเพื่อรอจับจองเป็นเจ้าของ แต่หลังจากผู้คนได้ลองใช้มือถือรุ่นนี้ดู ผลที่ออกกลับไม่สู้ดีเท่าที่ควร ส่วนเหตุผลที่กระแสตอบรับไม่ดีเท่าที่ควรนั้นก็เกิดจากปัจจัยหลายอย่างเช่นราคาที่สูงลิ่วทั้งๆ ที่ในยุคนี้เศรษฐกิจกลับไม่ค่อยดีนัก ระบบหลายๆ อย่างก็ยังทำออกมาไม่ดีเท่าที่ควร เช่นระบบสแกนใบหน้าที่ยังมีจุดบอดอยู่ แถมฐานลูกค้ารายใหญ่อย่างชาวจีน ก็ไม่ปลื้มที่พื้นว่างบริเวณจอภาพหายไปส่วนหนึ่ง ผลกระทบดังกล่าวนั้นจึงส่งผลให้ทางบริษัท Apple เริ่มมองว่าตัว iPhone X ควรจะยกเลิกการผลิต ซึ่งพวกเขาวางแผนว่าจะทำมันในช่วงหน้าร้อนที่จะถึงนี้ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ชื่อดังได้บอกว่า เขาแปลกใจมากที่ iPhone 6 และ 7 นั้นทำออกมาได้ดีและมีพื้นที่ใช้สอยเยอะมาก กลับกัน iPhone X ดันไม่เป็นแบบนั้น เขายังวิเคราะห์ว่าในอนาคตราคาของมือถือรุ่นใหม่ดังกล่าวจะถูกลงกว่าเดิมมากๆ และทาง Apple ก็คงจะมีแผนรับมือด้วยการปล่อย iPhone X Plus ตามมาอย่างแน่นอน ดูจากทริปล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม CEO ของทาง Apple อย่าง Tim…
-
ชาวเน็ตบอกให้หญิงสาวเปลี่ยนชื่อหมา เพราะพวกคิดว่าชื่อของมันดูเหยียดผิวเกินไป!?
ถ้าจะให้พูดถึงกลุ่มคนที่มีอินธิพลมาที่สุดในยุคปัจจุบัน ก็คงจะไม่มีกลุ่มคนไหนที่ทรงพลังมากที่สุดเท่ากับชาวเน็ตอีกแล้ว เพราะในปัจจุบันนั้นอินเตอร์ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้โลกหมุนไปและทำอะไรได้ง่ายขึ้นเยอะมากๆ เช่นเดียวกับการตามหาสุนัขหายสักตัวหนึ่ง ถ้าเป็นยุคสมัยก่อนการเอากระดาษไปติดเพื่อให้คนช่วยหาคงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ปัจจุบันการเสริมด้วยการโพสต์รายละเอียดลงบนเน็ตกลับช่วยได้เยอะมากกว่าเดิมเสียอีก ทีนี้ชาวเน็ตนามว่า Becky. ก็เลยโพสต์ประกาศตามหาสุนัขของเธอลงบนทวิตเตอร์ เผื่อว่าจะมีคนเคยเห็นหรือคุ้นกับสุนัขของเธอ แน่นอนว่ามันก็เป็นการตามหาสุนัขปกติแต่ชาวเน็ตดันไปติดใจตรงชื่อสุนัขของเธอเนี่ยสิ สุนัขของ Becky นั้นมีชื่อว่า Negro ซึ่งถ้าเราอ่านกันตามปกติมันก็จะเป็นนิโกรหรืออะไรทำนองนี้นั่นแหละ ซึ่งเป็นคำที่เราไม่ควรพูดเพราะมันเป็นคำที่ใช้ในการเหยียดผิวนั่นเอง ชาวเน็ตก็เลยเตือนพร้อมบอกกับสาวเจ้าว่า ขอให้เธอหาสุนัขไวๆ ก็แล้วกัน แต่เธอควรจะเปลี่ยนชื่อสุนัขนะเพราะถ้าไปเรียกแบบนี้ในที่สาธารณะมันอาจจะไม่เป็นผลดีกับตัวเธอเอง หนักหน่อยบางคนก็บอกว่าเธอนั้นเหยียดผิวกันเลยทีเดียว คุณไม่มีทางหาสุนัขของคุณเจอหรอกถ้ายังใช้ชื่อมันแบบนั้น ผมเข้าใจนะว่าคุณตั้งชื่อให้หมาว่าสีดำ แต่คุณควรจะตั้งชื่ออื่นแทนนะ เพราะถ้าเรียกด้วยชื่อนี้ข้างนอกมันคงจบไม่สวยและคุณจะเจ็บตัวเอา แต่ชาวเน็ตอีกกลุ่มกลับมองอีกด้านหนึ่ง ซึ่งพวกเขาบอกว่า Becky นั้นเป็นชาวเม็กซิโกและยังใช้ภาษาสเปนเป็นหลัก ส่วนหมาของเธอก็เป็นสีดำ ซึ่งมันประจวบกับคำว่า Negro ที่ภาษาสเปนแปลว่าสีดำพอดี ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นคำเหยียดอะไร จะมีแต่ชาวเน็ตอีกกลุ่มเท่านั้นที่คิดกันไปเอง คำดังกล่าวมันแปลได้ว่าสีดำ ซึ่งมันก็เหมือนเวลาเราเรียกหมาเราว่าเจ้าดำ เพราะตัวมันสีดำ เราไม่ได้ใช้เพราะเหยียดผิว จากนั้นก็มีชาวเน็ตจำนวนมากเริ่มออกมาต่อต้านกับกลุ่มที่บอกให้เปลี่ยนชื่อหมา พร้อมยกตัวอย่างชื่อมากมายที่คนอาจจะคิดว่าเหยียดเช่น Spot ที่คนมักจะคิดว่าเป็นคำเหยียดของคนมีสิวเยอะๆ ทั้งที่จริงสุนัขมันมีลายจุดบนตัว “มันหมายถึงสีดำในภาษาสเปนไม่ได้เหยียดผิวสักหน่อย” …
-
สิ่งสุดท้ายที่ทำได้… ‘มคิทาร์ยาน’ ล่าลายเซ็นเพื่อนร่วมทีม บริจาคช่วยเด็กป่วยมะเร็ง
จบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับดีลการสลับขั้วของ อเล็กซิส ซานเชซ และ เฮนริค มคิทาร์ยาน…. ในฐานะที่ #เหมียวหง่าว เป็นแฟนบอลพลพรรคปืนโต อาร์เซนอล ตัวยงคนหนึ่งขอบอกเลยว่ารู้สึกเสียดายแต่ขณะเดียวกันก็ดีใจที่ มคิทาร์ยาน หรือ มิคกี้ ตัดสินใจย้ายมาสวมเสื้อให้กับปืนโต อย่างที่รู้กันดีว่าผลงานในสนามของมิคกี้ที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั้นไม่ค่อยมั่นคงซักเท่าไหร่ นั่นเป็นเพราะปัญหาเกี่ยวกับชีวิตนอกสนามของเขาต้องพบเจอกับเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ทั้งถูกภรรยาที่รักหักหลัง และการย้ายทีมในครั้งนี้ที่สื่อทุกสื่อต่างประโคมข่าวกันว่ามันเป็นการบังคับให้ย้ายชัดๆ!! แต่ถึงอย่างนั้นฟอร์มการเล่นของมิคกี้ที่ผ่านมาก็ถือว่าไม่เบาเลยทีเดียว ทุกครั้งที่เขามีโอกาสได้ลงสนาม ก็มักจะมีส่วนช่วยให้ทีมชนะเสมอ ทั้งกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แต่สิ่งที่จะทำให้แฟนบอลปืนโตอย่างเราหลงรักมิคกี้มากขึ้นไปอีก ก็คือความเป็นมืออาชีพ ที่เพื่อนร่วมทีมถึงกับออกมาชมว่าเป็นคนที่มาซ้อมก่อนเวลาทุกครั้ง และนิสัยใจคอดี๊ดีย์ โดยเฉพาะเรื่องที่เขาทำก่อนจะย้ายออกจากทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สิ่งที่มิคกี้ได้ทำก็คือเอาเสื้อแข่งของตัวเองไปล่าลายเซ็นต์ของเพื่อนร่วมทีมทุกคนก่อนที่จะนำมันไปบริจาคให้กับเหล่าเด็กๆ ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งในประเทศอัลเมเนียที่เป็นบ้านเกิดของเขา “เพื่อเป็นการขอบคุณแฟนๆ ของทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และคนที่สนับสนุนผมมาโดยตลอด ผมจะทำการบริจาคเสื้อแข่งของทีมปิศาจแดงที่มีลายเซ็นของผู้เล่นทุกคน เพื่อช่วยเหลือเหล่าเด็กๆ ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งในประเทศอัลเมเนีย” มิคกี้ได้กล่าวไว้ในแฟนเพจเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้เขายังกล่าวถึงการอำลาทีมอย่างสุดซึ้งอีกว่า “ผมอยากจะขอขอบคุณเพื่อนร่วมทีมและเจ้าหน้าที่ทุกคน ในทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จากใจจริง โดยเฉพาะแฟนๆ ทุกคน สำหรับความรัก การสนับสนุน และความทุ่มเทที่มีให้กัน ผมมีความสุขมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อันยอดเยี่ยมของสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ อย่างการได้แชมป์ยูโรป้าลีคถ้วยแรกของสโมสร ผมจะเก็บเรื่องราวนี้เอาไว้ในความทรงจำตลอดไป” “อีกเรื่องก็คือลูกยิงสกอร์เปี้ยนคิกที่เกิดขึ้นในช่วงบ็อกซิ่งเดย์ พร้อมกับเสียงร้องเพลงเชียร์ของเหล่าเรดเดวิลว่า…
-
ตำรวจปราบแฟชั่น ใครมีของราคาแพง แต่พิสูจน์ที่มาไม่ได้ จะถูกสั่งถอดและยึดทันที!?
ปกติแล้วเราจะแยกคนรวยและคนจนออกจากกันได้อย่างไร? แน่นอนว่าเราไม่สามารถแยกแยะได้ 100% ถ้าเราตัดสินคนจากภายนอกโดยไม่ได้ตรวจสอบทรัพย์สินของเขา แต่การตัดสินจากการแต่งตัวก็ถือเป็นหนึ่งในวิธีพื้นฐานหรือเปล่า? ด้วยเหตุนี้ทางประเทศเนเธอร์แลนด์จึงให้กำเนิด ‘ตำรวจสายปราบแฟชั่น‘ ขึ้นมา ซึ่งจุดประสงค์หลักก็คือตรวจสอบทรัพย์สินของประชาชนที่เจ้าหน้าที่หน่วยนี้เห็นว่าพวกเขาน่าจะเป็นผู้ต้องสงสัย เพราะดูไม่มีความสามารถพอจะมีทรัพย์สินราคาแพงเช่น เสื้อผ้าแบรนด์ดัง หรือนาฬิกาเรือนหรูเป็นต้น วิธีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่หน่วยนี้ก็มีการทำงานที่ง่ายมากๆ เพียงแค่ถ้าพวกเขาสงสัยใครพวกเขาก็จะเดินไปตรวจสอบและถามถึงที่มาที่ไปว่าของใช้สุดหรูดังกล่าวนั้นมาจากไหน แน่นอนว่าถ้าเป็นคนที่มีเงินจริงๆ พวกเขาก็จะสามารถอนุญาตให้ตรวจสอบได้และให้คำตอบได้ทันที แต่ถ้าเกิดว่าเสื้อผ้า สร้อยคอ รองเท้าหรือนาฬิกาดังกล่าวถูกอ้างว่าเป็นของเพื่อน ยืมมาไม่ก็เพื่อนตายจนหาที่มาที่ไปจริงๆ ไม่ได้ ของใช้ชิ้นนั้นก็จะถูกยึดและสั่งให้ปลดออกตรงนั้นทันที ปัจจุบันเจ้าหน้าที่หน่วยนี้ยังเป็นหน่วยงานที่อยู่ในช่วงทดสอบแค่ที่เมืองรอตเทอร์ดาม ในประเทศเนเธอร์แลนด์เท่านั้น และกลุ่มเป้าหมายหลักก็จะเป็นกลุ่มคนที่สวมใส่สินค้าจากแบรนด์ Gucci หรือ Rolex เป็นต้น เพราะกลุ่มคนเหล่านี้มักจะมีโอกาสสูงที่ได้เงินมาอย่างผิดกฎหมาย ทว่าแม้เจ้าหน้าที่จะยืนยันกลุ่มเป้าหมายที่แน่นอน ประชาชนในเมืองก็ยังบอกว่าการที่ตำรวจตั้งหน่วยงานนี้ขึ้นมามันไม่ถูกต้อง เช่นชาวเมืองคนหนึ่งที่ให้สัมภาษณ์ว่า “ตำรวจจะไม่สงสัยคนขาวว่าเป็นพวกค้ายาอย่างแน่นอนแม้พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าแพงๆ แต่กลับกันถ้าเป็นคนผิวสีหรือชาติอื่นละ? คนละเรื่องเลยจริงไหม?” ทางด้านผู้ตรวจการแผ่นดินเมืองรอตเทอร์ดาม Anne Mieke Zwaneveld ก็ได้ออกมาโต้ว่า “พวกเราไม่ได้อยากจะตัดสินคนจากภายนอก แต่โอกาสที่จะสุ่มตรวจแล้วจับได้จริงๆ มันดันสูงมากๆ และยิ่งไปกว่านั้นการที่คุณจะสวมเสื้อผ้าแพงๆ ไปเดินตามท้องถนนโดยไม่สามารถอธิบายถึงที่มาที่ไป หรือบอกอายุของสิ่งของชิ้นนั้น มันก็น่าสงสัยจริงไหม?” อย่างไรก็ตามหน่วยการใหม่นี้ก็ยังคงถูกชาวเมืองรอตเทอร์ดามถกเถียงกันไม่ขาดสายว่า จริงๆ แล้วมันใช้งานได้ผลจริงๆ…
-
สื่อจีนตีข่าว ทางการจีนใช้ปืนใหญ่พ่นน้ำหวังให้อากาศดี แต่จบด้วยตึกมีน้ำแข็งเกาะเพียบ
ถ้าใครที่ติดตามข่าวคราวในประเทศจีนอยู่ คงจะได้ยินผ่านหูกันมาบ้างตอนนี้ประเทศจีนนั้นกำลังประสบกับปัญหาหมอกควันอย่างหนัก ซึ่งปัญหาดังกล่าวนั้นกำลังกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศเป็นอย่างมากนั่นเอง สำนักข่าว Medium.com รายงานว่าด้วยเหตุนี้ ทางการจีนจึงหาทางออกด้วยการใช้รถบรรทุกที่ติดตั้งปืนใหญ่พ่นหมอกขนาดใหญ่ไว้ข้างหลังเพื่อพ่นหมอกตามจุดต่างๆ ในเมือง เพื่อกลบเกลื่อนปัญหาเรื่องมลพิษจากการถูกตรวจสอบข้อมูลทางอากศ พวกเขายังระบุว่าเมื่อสภาพอากาศดี ข่าวดีๆ ก็จะเกิดขึ้นบนหน้าหนังสือพิมพ์ แน่นอนว่าทางรัฐบาลก็จะได้หน้าไป อย่างไรก็ตามแม้ว่าเจ้ารถติดตั้งปืนใหญ่หมอกนี้จะใช้งานได้ผลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลในระยะยาว เพราะว่าหมอกดังกล่าวมันช่วยให้อากาศดีขึ้น ประชาชนหายใจสะดวกขึ้นก็จริง แต่ว่ามันกลับส่งผลได้ไม่นานและมีผลแค่ในพื้นที่เล็กๆ เท่านั้น แถมยังทำให้ตึกหลายๆ ตึกมีน้ำแข็งเกาะอยู่เต็มไปหมดอีก และถึงแม้ว่าทางรัฐบาลจะเข้าใจถึงปัญหาดังกล่าวดี แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใดยังคงสั่งผลิตเจ้ารถปืนใหญ่หมอกเข้าไปประจำการอีกหลายเมืองด้วยจุดประสงค์เดียวกันนั่นก็คือ เพื่อหลอกการตรวจสอบสภาพอากาศ… การหลอกลวงยังไม่หมดเท่านั้น เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากมณฑลเจียงซีและมณฑลเหอหนานจับได้ว่าพวกเขาสั่งให้เอาเครื่องยิงหมอกนี้ ไปยิงอัดเครื่องตรวจสอบสภาพอากาศเพื่อหวังเอาหน้าอีกด้วย สุดท้ายแล้วแม้ทางการจีนจะออกมาโปรยว่าจะนำท้องฟ้าสีครามกลับมาสู่ประเทศจีนอีกครั้ง แต่เจ้ารถปืนใหญ่พ่นหมอกนี้ก็ดูจะยังไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควรนัก เราก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่าจีนจะจัดการปัญหาหมอกควันอย่างไรในอนาคต… ก่อนหน้านี้ก็มีการสร้างตึกฟอกอากาศขนาดใหญ่ ซึ่งคุณสามารถตามอ่านได้ที่… จีนสร้าง “เครื่องฟอกอากาศ” ขนาดยักษ์สูงกว่า 100 เมตร หวังทำให้อากาศบริสุทธ์ในพื้นที่ 6,250 ไร่ ที่มา medium
-
บาร์ลับสุดเจ๋งที่เปิดเฉพาะฤดูหนาว ให้เราสามารถตกปลาทำซาซิมิและเมาหัวทิ่มได้ในเวลาเดียวกัน
เวลาเราพูดถึงผับบาร์ เราก็มักจะนึกถึงร้านที่ตั้งอยู่ตามสถานที่ต่างๆ เป็นหลักเป็นแหล่ง แต่ถ้าเราพูดว่ามีผับสุดเจ๋งแห่งหนึ่งที่เปิดเฉพาะฤดูแถมยังเปิดเหนือแม่น้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งละ ฟังดูน่าสนใจไม่น้อยเลยใช่ไหม? ร้านแห่งนี้มีชื่อว่า Hillbillies Ice Hole ตั้งอยู่เหนือทะเลสาบ Lida ในรัฐมินนิโซตา ซึ่งความพิเศษของร้านนี้คือจะเปิดให้บริการแค่ราว 20 วันและเปิดเฉพาะต้นฤดูหนาวเท่านั้น จากนั้นร้านนี้ก็จะหายไปจนกว่าจะวนมาถึงปีหน้า…เป็นไง ร้านลับไหมละ Josie Norgren ผู้เป็นเจ้าของร้านเล่าว่าตัวเธอนั้นอยากจะมีร้านค้าสักอย่างที่เป็นที่รู้จักไปทั่วชุมชน แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดีจนกระทั่งพบว่าทะเลสาบ Lida นั้นจะแข็งตัวในทุกๆ ปี ทำให้ตรงนั้นเป็นพื้นที่ว่างเหมาะแก่การเปิดร้านสุดๆ นั่นจึงเป็นไอเดียในการเปิดร้านของเธอ ขั้นตอนการเตรียมการเปิดร้านนั้นก็ง่ายมากๆ เธอจะให้สามีของเธอไปตรวจสอบดูว่าน้ำแข็งในปีนี้ของทะเลสาบหนาพอที่จะเปิดร้านและปลอดภัยพอที่จะให้ลูกค้าเอารถมาจอดหรือเปล่า ซึ่งเมื่อทุกอย่างมันลงตัวเธอกับสามีก็จะจัดการนำตัวร้านที่เป็นตู้คอนเทนเนอร์มาตั้งพร้อมจัดแจงพื้นที่ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเท่านี้ร้านก็เปิดได้แล้ว!! ความพิเศษอีกอย่างของที่นี่นอกจากการเป็นบาร์ลับกลางทะเลสาบแล้ว ที่ร้านยังมีกิจกรรมสุดแปลกที่หาที่ไหนไม่ได้ให้ทำด้วย กิจกรรมที่ว่าคือการดื่มเบียร์ในร้านและตกปลาไปพร้อมกัน…งงละสิ? ด้วยความที่ตัวร้านตั้งอยู่เหนือทะเลสาบ ฉะนั้นสามีของ Josie จึงคิดว่ามันน่าจะสนุกถ้าเกิดเจาะพื้นน้ำแข็งแล้วตกปลาในร้าน ซึ่งที่นั่นสามารถจับปลาซิวได้เยอะแยะมากมาย และนั่นจึงทำให้เกิดเมนูสุดฮิตของร้าน ‘เหล้าช็อตกับปลาซิว’ ตกกันมันในร้านเนี่ยแหละ วิธีการกินเครื่องดื่มสุดฮิตของร้านก็ง่ายมากๆ แค่คุณนำปลาซิวที่ตกได้สดๆ จากใต้ร้านใส่ลงไปในแก้วช็อต จากนั้นคุณก็กระดกมันแบบเป็นๆ เท่านี้คุณก็จะได้เมาหัวทิ่มแถมเหมือนได้กินซาซิมิในเวลาเดียวกัน เจ๋งไหมละ? …
-
ศิลปินชาวไนจีเรียโชว์ฝีมือการวาดภาพด้วยดินสอเพียงอย่างเดียว งานดีจนนึกว่าเป็นรูปถ่าย!?
Ken Nwadiogbu หนุ่มชาวไนจีเรียวัย 23 ปี ผู้มาพร้อมกับฝีมือการวาดภาพสุดเจ๋ง โดยเขาได้ใช้เพียงดินสอในการสร้างสรรค์ผลงาน แต่กลับกันผลงานของเขามันสวยงามราวกับเป็นภาพถ่ายเลยทีเดียว… เขาได้เล่าผ่านทางเว็บไซต์ Boredpanda ว่าตัวเขานั้นไม่เคยเรียนวาดรูปมาก่อน เพราะว่าเขานั้นเรียนจบจากสาขาวิศวกรรมโยธา แต่เขากลับใช้ความชอบเป็นแรงผลักดันให้เขาหันมาวาดรูปนั่นเอง นอกจากนี้เมื่อเว็บไซต์ดังกล่าวสัมภาษณ์เขาเพิ่มว่าครอบครัวของ Ken ไม่ว่าอะไรเหรอที่ออกมาวาดรูปแบบนี้? ยิ่งเป็นครอบครัวจากประเทศแอฟริกาด้วย ซึ่งเขาก็บอกว่าพ่อแม่ของเขาก็เคยถามเหมือนกันว่าหลังจากเรียนจบตัวเขาทำอย่างไร จะใช้ชีวิตยังไงและหาเงินมาเลี้ยงดูตัวเองยังไง แต่ว่าจากตัวอย่างของศิลปินสตรีทที่มีชื่อเสียงมากมายในประเทศไนจีเรีย ก็ทำให้พ่อแม่ของ Ken รู้สึกว่ามันโอเคที่ลูกชายจะเดินไปในเส้นทางนี้ อย่างไรก็ตามเส้นทางของ Ken ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาเล่าว่าย้อนกลับไปเมื่อช่วง 5 ปีก่อนที่เขาเริ่มหัดวาดรูปนั้น เขาไม่รู้จักใครในสายงานนี้เลยเพราะเขาไม่ได้ไปโรงเรียนสอนวาดรูปอะไรทำนองนั้นเลย แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้และพยายามมาเรื่อยๆ แถมเขายังบอกว่าโชคดีที่ปัจจุบันวงการวาดรูปในประเทศไนจีเรียเปลี่ยนไปเยอะมากๆ . . ปัจจุบันนั้นเขากำลังเดินสายวาดภาพและโชว์งานไปทั่วประเทศไนจีเรีย โดยจุดประสงค์การออกงานไม่ใช่เพื่อโชว์ฝีมือเท่านั้น แต่งานของเขานั้นยังแฝงความหมายเกี่ยวกับความเท่าเทียมของเพศ พลังของคนผิวสีและวัฒนธรรมของชาวแอฟริกา ในอนาคต Ken ยังวางแผนจะเปิดโชว์งานที่มีธีมเกี่ยวกับสิทธิของผู้หญิงอีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังคงมีปัญหามาตลอดในประเทศแถบแอฟริกา และเขาก็หวังเป็นอย่างมากว่างานศิลปะของเขาจะสามารถเปลี่ยนอะไรบางอย่างได้ . . . . . จากภาพนี้เราจะเห็นว่ามันเป็นภาพวาดและเขาใช้ดินสอจริงๆ…
-
ภาพประกอบทางการแพทย์แบบวินเทจ ดูแล้วหลอนถึงใจเพื่อการศึกษาที่เห็นภาพ!!
[บทความต่อไปนี้อาจมีภาพหรือเนื้อหาที่ดูรุนแรงที่ต้องใช้วิจารณญาณในการรับชม] ในสมัยปัจจุบัน เทคโนโลยีและสื่อต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการศึกษาทางด้านการแพทย์ในการนำเสนอวิธีการและตัวอย่าง แต่เคยคิดกันไหมล่ะว่าในอดีตนั้นมีการศึกษากันอย่างไร ย้อนไปเมื่อยุคศตวรรษที่ 19 ก่อนที่สื่อมัลติมีเดียต่างๆ จะกำเนิดขึ้น หลักการและขั้นตอนการผ่าตัดเหล่านี้จึงได้ถูกวาดเป็นภาพเพื่อสอนให้กับผู้คนที่ต้องการจะเรียนทางด้านสายการแพทย์ ตั้งแต่เทคนิควิธีการผ่าตัดไปจนถึงการอธิบายอุปกรณ์ต่างๆ ที่นำมาใช้ ภาพแต่ละภาพจะครอบคลุมเนื้อหาและทฤษฎีทางการแพทย์ที่แม่นยำในยุคนั้น ภาพวาดที่บรรยายถึงขั้นตอนต่างๆ จากศตวรรษที่ 19 ได้ถูกเรียบเรียงและตีพิมพ์โดย Richard Barnett นักประวัติศาสตร์ด้านการแพทย์ โดยหนังสือคู่มือเล่มนี้เป็นหนังสือที่มีความน่าสนใจและแสดงให้เห็นข้อมูลเชิงลึกที่ดูน่ากลัว แต่นั้นก็ได้เปลี่ยนโลกของวงการแพทย์ไปตลอดกาล . ภาพ cross section ของสมอง ภาพการผ่าหาเส้นเลือดในแขน . . . ภาพสาธิตวิธีการทำคลอดแบบผ่า ทั้งแบบเอาหัวออกก่อนและเอาขาออกก่อน . . การผ่าตัดดวงตา เป็นอะไรที่น่ากลัวสุดๆ อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการผ่าตัด แต่ละภาพบางทีก็เหมือนจริงจนน่ากลัวเกินไป คนวาดนี่วาดได้เก่งสุดๆ ไปเลย ที่มา 9Gag
-
‘ถ้าหนูจากไป แม่คงกลับมา’ จดหมายจากลูกสาวผู้ป่วยมะเร็ง ฝากถึงพ่อให้หยุดการรักษาเธอ
โรคมะเร็งเป็นโรคที่รุนแรงและยากที่จะเยียวยาได้ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูง จึงไม่ใช่ทุกคนที่จะหาเงินมาจ่ายตลอดการรักษาได้ เด็กหญิงวัย 7 ขวบนามว่า Zhang Jiaye ที่อาศัยอยู่ใกล้กับหมู่บ้านเจียมูซิ มณฑลเฮย์หลงเจียง จีนตะวันออกเฉียงเหนือได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคลูคีเมีย หรือมะเร็งเม็ดเลือดขาวตั้งแต่ปี 2016 และกำลังเข้ารับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาล เธอได้เขียนจดหมายสุดเศร้า ขอร้องให้หยุดการรักษาโรคมะเร็งของเธอ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการรักษานั้นสูงเกินกว่าที่พ่อของเธอจะจ่ายไหว ซึ่งพ่อของเธอมีหนี้สินกว่า 590,000 หยวน หรือราวๆ 2,900,000 บาท จากการรักษาถึง 18 ครั้ง ซ้ำแม่ยังทิ้งเธอไปในเดือนกรกฎาคมปี 2017 และติดต่อไม่ได้อีกเลย จดหมายที่เขียนโดย Zhang มีเนื้อหาว่า “พ่อ หนูเห็นพ่อร้องไห้วันนี้ หนูรู้ว่าพ่อเสียเงินไปมากกับค่ารักษาของหนูจนพ่อเงินหมด ส่วนแม่ก็ทิ้งพ่อไป ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหนู ถ้าหนูจากไป แม่คงจะกลับมา และพ่อก็จะมีความสุขอีกครั้งเหมือนเมื่อก่อน หนูไม่อยากรักษาอีกแล้ว กลับบ้านกันนะ” พ่อของเธอกล่าวหลังจากที่หมอวินิจฉัยลูกสาวของเขาว่าเป็นโรคลูคิเมียว่า “ผมรู้สึกราวกับว่าท้องฟ้าได้ถล่มลงมา” หลังจากนั้นจดหมายของ Zhang ฉบับนี้ก็ได้มีการเผยแพร่ไปบนอินเตอร์เน็ตจนทำให้ชาวเน็ตหลั่งไหลกันเข้ามาบริจาคเงินให้เป็นค่ารักษาพยาบาลของเธอเป็นจำนวนกว่า 600,000 หยวน หรือประมาณ 3,000,000 บาท …
-
เหนือไปอีกระดับ!! เมื่อคู่รักนักผจญภัยจัดงานแต่งสุดหวาดเสียวเหนือทะเลทราย
หลายคนมักจะบอกว่าการแต่งงานนั้นเป็นอะไรที่กดดัน แต่มีคู่รักสุดเอ็กซ์ตรีมจากแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ยกระดับความกดดันขึ้นไปอีก เมื่อพวกเขาต้องให้คำสาบานจาก 400 ฟุต (120 เมตร) เหนือพื้นดิน… Ryan Jenks และ Kimberly Weglin คู่รักนักผจญภัยได้ผูกเชือกเหนือทะเลทรายที่อยู่ใกล้เมืองโมอับ รัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ซึ่งพวกเขาได้ตกหลุมรักกันครั้งแรก “จึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่พวกเขาจะแต่งงานกันที่นี่ด้วยเช่นกัน” ช่างภาพของเขาได้กล่าวใน Instragram Weglin ได้กล่าวใน Instragram ของเขาว่า “การแต่งงานที่นี่แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจ การรักตัวเองและชีวิต มันคือพลังที่ผมอยากจะให้มันอยู่รอบๆ ตัวและจะเก็บมันไว้ตลอดชีวิตการแต่งงานของพวกเรา” รับชมภาพถ่ายงานแต่งงานอันหวาดเสียวที่ดูน่าทึ่งเหล่านี้กันได้เลย . . ทั้งคู่ก็ได้กล่าวคำสาบานสูงกว่า 120 เมตรเหนือพื้นดิน . . ระหว่างพิธีก็มีนักกีฬา Extreme มากระโดดร่มด้วย . . . . . เพื่อนเจ้าบ่าวก็มาร่วมแบ่งปันความหวาดเสียวเช่นกัน . . . เพื่อนเจ้าสาวก็มาด้วยเหมือนกัน…
-
ควันหลงดราม่า “ก-ข” ชาวทวิตเตอร์ขยี้แหลก ทั้งเอาฮาทั้งจริงจัง เผือกติดเหงือกหมดแล้ว
จากดราม่าที่กำลังกลายเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ในวันนี้ก็คงหนีไม่พ้นกับเรื่องของคู่รักดาราที่เพิ่งจะออกมามีข่าวว่าได้เลิกรากันไป นางเอกขวัญใจวัยเด็กที่ฝากผลงานไว้กับวงการละครไทยมากมายกับซูเปอร์สตาร์ขวัญใจวัยรุ่นในยุคบุกเบิก จากประเด็นดังนี้เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะพอทราบกันอยู่แล้วว่าดาราที่กำลังตกเป็นข่าวทั้งคู่นั้นคือใคร และเรื่องราวมันมีที่มาที่ไปอย่างไร สายเผือกแบบเราๆ ก็คงจะไม่พลาดประเด็นเหล่านี้ เอาเป็นว่าเรามาดูความเห็นจากมุมมองอีกมุมหนึ่งที่ชาวทวิตเตอร์ได้ออกมาร่วมแชร์กัน จุดเริ่มต้นของดราม่าในเดือนมกราคม สายเผือกตัวจริงต้องทันทุกเหตุการณ์ เอาล่ะ เตรียมตัวส่งไม้ต่อกันรัวๆ ไม่ว่าลูกชายหรือลูกสาวก็ต้องเลี้ยงด้วยนมเด้อ คุณแม่ จากการออกมาแถลงข่าวของฝ่ายหญิงนั้น อาจจะเช้าไปหน่อยเลยมีเบลอๆ กันบ้าง วอนแม่โปรดจงเห็นใจ แค่นี้ลูกก็แทบจะหาสามีไม่ได้แล้วจ้า กตัญญูต่อพ่อแม่ กตัญญูต่อครูบาอาจารย์และโรงเรียน ความในใจของชายไทยค่อนประเทศที่มีต่อประเด็นดาราเลิกกันนี้ ฮ่าๆ นี่ถ้าแม่เรียกสินสอดเยอะๆ เราคงไม่มีโอกาสได้แต่งงาน ทุกวันนี้ก็แทบจะแถมข้าวสารให้คนที่มาจีบแล้ววว เหล่าวัยรุ่นในยุคที่นักร้องซุปตาร์กำลังโด่งดัง นี่เป็นขวัญใจวัยรุ่นสมัยนั้นเลยนะ จริง… แอบส่งใจให้นิดๆ แม่นั้นก็ช่างเฉยเมย มันจะไม่มีวันนั้น นี่คือความจริงที่เจ็บปวด ฮ่าๆ ต้องรวยมากๆ แน่ แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง นี่คงกลายเป็นวลีฮิตแห่งปี 2018 …
-
เปิดประวัติของ ‘ท่านลอร์ด’ บุรุษผู้รักหมาสุดใจ พร้อมเปย์มูลนิธิสัตว์แบบไม่แคร์ตังค์
อื้อหือ พูดถึงข่าวเด่นประเด็นร้อน ณ วินาทีนี้คงไม่มีเรื่องไหนร้อนแรงไปกว่าเรื่องราวการยุติความรักอันหวานชื่นของนางเอกสาว ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์ และหนุ่ม กอล์ฟ พิชญะ นิธิไพศาลกุล อีกแล้ว โดยหลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้ออกมาชี้แจงความจริงในฝ่ายของตนเอง ดูเหมือนเร่ื่องราวยิ่งบานปลายไปกันใหญ่ เพราะทั้งนางเอกสาวและหนุ่มกอล์ฟต่างก็พูดพาดพิงถึงครอบครัวอีกฝ่าย เท่านั้นยังไม่พอมีการโยงไปถึงเรื่องมือที่ 3 อีกด้วย เนื่องจากมีภาพที่ขวัญและครอบครัวไปนั่งทานข้าวกับหนุ่มคนนั้นในช่วงวันคริสต์มาสที่ผ่านมา เมื่อเรื่องมาถึงตรงนี้ สื่อต่างๆ จึงพุ่งประเด็นไปที่หนุ่มที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นมือที่ 3 คนนี้ ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน และทำอะไร? แน่นอน เราชาวเหมียวเองก็ไม่พลาดเช่นกัน… ชายผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นมือที่ 3 ระหว่างขวัญกับกอล์ฟคนนี้คือ James Rudolph Palumbo เกิดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ปี 1963 ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันอายุ 54 ปี มีลูกชาย 1 คน ชื่อ Alessandro Palumbo อายุ 27 ปี…
-
เปิดตำนาน Food Taster อาชีพสุดเสี่ยงในอดีต ที่สามารถคร่าชีวิตของคุณได้เลย
เชื่อหรือไม่ว่า ครั้งหนึ่ง ยาพิษ นั้นเป็นอาวุธสังหารที่มีประสิทธิภาพสูงที่คร่าชีวิตผู้คนได้อย่างแยบยล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ทรงอำนาจที่ล้วนมีผู้คุ้มกันอันตรายอยู่รอบตัว ยาพิษนั้นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลอบสังหาร ที่เป็นเช่นนั้น เพราะเพียงแค่นำยาพิษไปผสมกับอาหารหรือเครื่องดื่มของเป้าหมายก่อนที่เขาจะกินหรือดื่มเข้าไป เพียงเท่านั้น บุคคลที่ต้องการกำจัดก็เป็นอันสิ้นใจ ดังนั้นในยุคสมัยก่อน ความกลัวยาพิษที่ปนเปื้อนมาในอาหารและเครื่องดื่มนั้นได้แพร่กระจายไปทั่ว ผู้สูงศักดิ์และเศรษฐีต่างพากันจ้าง “คนชิมอาหาร” ไว้ป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น และความกลัวเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ในยุคสมัยปัจจุบัน… ดังนั้น CatDumb จึงขอพาทุกท่านมาอ่านเรื่องราวอันเป็นตำนานของคนชิมอาหาร ว่าลองได้รับตำแหน่งนี้เข้าแล้ว ชีวิตของคนชิมอาหารจะเป็นอย่างไรกันบ้าง เฮโลตุส (Halotus) – นักวางยาต้องสงสัย เฮโลตุสเป็นคนที่มีชื่อเสียงเนื่องจากเขานั้นเป็นถึงคนชิมอาหารของจักรพรรดิคลอดิอุสแห่งโรมัน (Claudius) เขานั้นทำหน้าที่ชิมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อทดสอบว่ามียาพิษปนเปื้อนมาหรือไม่ ก่อนนำไปถวายให้แก่องค์จักรพรรดิ แต่วันหนึ่งหนึ่งจักรพรรดิคลอดิอุสก็สิ้นใจจากยาพิษที่ติดมากับเห็ดที่เฮโลตุสนำมาถวาย เขาจึงถูกขังในข้อหาปลงพระชนม์โดยความจริงแล้วเป็นฝีมือของพระมเหสีนั่นเอง แต่ต่อมาไม่นานขณะที่จักรพรรดิเนโร (Nero) ขึ้นครองราชย์ เขาก็กลับมาเป็นคนชิมอาหารอีกครั้ง และเมื่อเปลี่ยนยุคสมัยเป็นจักรพรรดิกัลบา (Galba) ผู้ที่ตั้งใจจะฆ่าบ่าวรับใช้ของ อดีตจักรพรรดิเนโรทุกคน แต่เฮโลตุสกลับได้รับการไว้ชีวิต จากนั้นชื่อของเฮโลตุสก็ถูกลืมเลือน คนชิมผู้โชคร้ายของ มาร์ก แอนโทนี (Mark Antony) ไม่ใช่ผู้ชิมทุกคนจะโชคดีอย่างเฮโลตุส…
-
หญิงสาวผู้ซึมเศร้าได้รับกำลังใจเล็กๆ จากพนักงานชงกาแฟ แค่คำว่า ‘ยิ้มหน่อย’ ช่วยเปลี่ยนชีวิตเธอได้
หลายคนคงได้ยินคำว่า “โรคซึมเศร้า” กันมาบ้าง แต่หารู้ไม่ว่าผู้ที่ต้องเผชิญกับโรคนี้นั้นต้องทุกข์ทรมานเพียงใด กับอารมณ์เบื่อๆ เฉื่อยชา ไม่อยากทำอะไรเลย อีกทั้งคนรอบข้างก็ยังไม่เข้าใจอีก แต่ที่จริงแล้วอาการของโรคนั้นอาจจะดีขึ้นได้เพียงแค่ได้กำลังใจเล็กๆ จากใครบางคนเท่านั้นเอง อย่างเช่นเรื่องราวที่จะนำมาเล่าให้ฟังในวันนี้ เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่ต้องต่อสู้กับโรคซึมเศร้ามาตลอด แต่ชีวิตเธอกลับเปลี่ยนไปเมื่อเธอได้รับกำลังใจจากพนักงานร้านกาแฟ สาววัยรุ่นคนนี้ชื่อว่า Bekah Georgy อาศัยอยู่ที่เมืองแมนเชสเตอร์ รัฐนิวแฮมเชียร์ สหรัฐอเมริกา เธอนั้นได้ต่อสู้กับอาการซึมเศร้า วิตกกังวล และโรคคลั่งผอมมาตลอดชีวิต จนครั้งหนึ่งเธอถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลและสถานพักฟื้น ซึ่งทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวังและเคยคิดฆ่าตัวตายถึง 5 ครั้ง แต่แล้วการกระทำหนึ่งสิ่งเล็กๆ ก็มาเปลี่ยนชีวิตเธอ Bekah เป็นทั้งนักเต้นบัลเล่ต์ คนรักหนัง และคนรักกาแฟ ภาพหลายๆ ภาพที่เธอโพสต์ลงบนเฟซบุ๊กนั้นล้วนแต่มีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่เบื้องหลังแล้วสภาพจิตใจของเธอย่ำแย่เกือบตลอดเวลา จนกระทั่ง เช้าวันหนึ่งในปี 2014 เธอไปพบแพทย์ทำให้ทราบว่าอาการของเธอนั้นย่ำแย่ลงจนควบคุมไม่ได้ เธอรู้สึกหมดหวังมาก ด้วยอาการของโรคทางการกินของเธอที่เลวร้ายลง ทำให้เธอทานได้แค่กาแฟเท่านั้น เธอจึงรีบไปยังร้านกาแฟ Starbucks ใกล้ๆ และสถานที่นี้เองที่ทำให้ชีวิตเธอพบเจอจุดเปลี่ยน เธออยู่ที่สี่แยกไฟแดง กำลังตัดสินใจจะจบชีวิตตัวเองลง จนกระทั่งเธอเห็นสิ่งที่พนักงานร้านกาแฟเขียนลงมาบนแก้วของเธอ ซึ่งนั่นทำให้เธอยิ้มออก และกลับมารู้สึกว่าชีวิตเธอมีหวังอีกครั้ง ไม่รู้ด้วยเหตุใด…
-
Simon Shelton Barnes ชายผู้สร้างรอยยิ้มในชุด ‘Tinky Winky’ เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 52 ปี….
หากเอ่ยถึงชื่อของ Teletubbies (เทเลทับบีส์) ไม่ว่าจะเป็นแฟนรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ ต่างก็คงคุ้นเคยกับชื่อนี้เป็นอย่างดี อันเป็นรายการทีวีสำหรับเด็กจากประเทศอังกฤษ และถูกฉายในโปรแกรมโทรทัศน์ของประเทศไทยด้วย วันเวลาที่ล่วงเลยมานานหลายต่อหลายปี รายการนี้ก็ช่วยสร้างความประทับใจให้กับเด็กๆ มามากมายนับไม่ถ้วน ทั้งบรรยากาศในรายการ ตัวละครที่มีความโดดเด่นและแตกต่างกันไป ทำให้เราได้รู้จักกับแก๊ง 4 สีนั่นก็คือ ทิงกีวิงกี (ม่วง), ดิปซี (เขียว), ลาล่า (เหลือง) และโพ (แดง) แต่ในวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561 ตามเวลาประเทศไทย เว็บไซต์สื่อของประเทศอังกฤษอย่าง BBC, The Sun และ Mirror ได้รายงานว่า Simon Shelton Barnes ชายผู้เป็นนักแสดงในร่างของทิงกีวิงกีได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 52 ปี ภายหลังจากวันเกิดของเขาได้เพียง 4 วันเท่านั้น Simon เข้ามารับบทเป็นทิงกีวิงกีสีม่วง ผู้ชอบห้อยกระเป๋าถือสีแดงเดินไปมาในปีค.ศ. 1997 หลังจากที่นักแสดงหลัก Dave Thompson…
-
ผลวิจัยเผย “เครื่องดื่มชูกำลัง” ส่งผลเสียต่อวัยรุ่นส่วนใหญ่ ทำให้นอนไม่หลับ-เสี่ยงโรคหัวใจ
เครื่องดื่มชูกำลังนั้นกลายมาเป็นสิ่งที่หลายคนนึกถึงเมื่อต้องการกระตุ้นตัวเองให้ตื่นตัวและมีเรี่ยวแรงทำสิ่งต่างๆ ได้ยาวนานขึ้น เช่น เมื่อต้องอ่านหนังสือดึกดื่นเมื่อใกล้สอบ เมื่อต้องเล่นกีฬาเป็นเวลานาน หรือเพื่อผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ตาม หารู้ไม่ว่าการวิจัยปัจจุบันพบแล้วว่า สำหรับเด็กๆ จนถึงวัยรุ่นนั้น การดื่มเครื่องดื่มชูกำลังนั้น เป็นอันตราย ต่อร่างกายมากกว่าที่ใครหลายคนคิด นักวิจัยของ มหาวิทยาลัย Waterloo รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดาได้ทำการศึกษากับวัยรุ่นตั้งแต่อายุ 12 ถึง 24 ปี พบว่า 55% ของเหล่าวัยรุ่นได้รับผลทางลบจากการดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง แม้จะดื่มไม่เกินวันละ 2 ขวดก็ตาม เครื่องดื่มชูกำลังนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่ามีคาเฟอีนสูง และนักวิจัยก็เชื่อว่าการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังพร้อมแอลกอฮอล์ หรือดื่มขณะออกกำลังกายนั้นจะทำให้เป็นอันตรายมากขึ้นอีก จึงพยายามเรียกร้องให้มีการจำกัดอายุการซื้อเครื่องดื่นชูกำลัง ศาสตราจารย์ David Hammond หัวหน้าผู้วิจัย กล่าวว่า “เมื่อเทียบกับกาแฟ เครื่องดื่มชูกำลังนั้นมีความเสี่ยงต่อสุขภาพมากกว่า” “อาจจะเป็นเพราะว่าในเครื่องดื่มชูกำลังนั้นใช้วัตถุดิบที่ต่างจากกาแฟ หรือไม่ก็เป็นเพราะวิธีการดื่ม ที่ดื่มพร้อมแอลกอฮอล์หรือดื่มขณะออกกำลังกาย” ผลของงานวิจัย ซึ่งได้รับการตีพิมพ์จาก Canadian Medical Association Journal วัยรุ่นชาวแคนาดา 2,055 คนถูกขอให้ดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง และผลออกมาว่า วัยรุ่น 24.7% หัวใจเต็นเร็ว 24.1% นอนไม่หลับ พร้อมอาการข้างเคียง…
-
วัตถุสวรรค์!? ชาวอินเดียพบก้อนหินประหลาดหล่นจากฟ้า แต่จริงๆ แล้วเป็น “อึ” จากเครื่องบิน
กลายเป็นเรื่องฮือฮาในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ประเทศอินเดียมาก เพราะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้มีข่าวว่ามีก้อนหินประหลาดร่วงลงมาจากท้องฟ้าตกลงในหมู่บ้าน จนชาวบ้านเชื่อว่านี่อาจเป็น “วัตถุแปลกปลอมจากนอกโลก” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในหมู่บ้าน Fazilpur Badli ทางตอนเหนือของประเทศอินเดียเมื่อวันเสาร์ที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา โดยวัตถุประหลาดที่ว่านี้มีลักษณะคล้ายก้อนน้ำแข็ง มีน้ำหนักราวๆ 10-12 กิโลกรัม แต่หลังจากคำเล่าลือของชาวบ้านกลับไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อเจ้าหน้าที่นำเอาวัตถุประหลาดนี้ไปตรวจสอบ กลับพบว่ามันคือ “ของเสีย” จากเครื่องบิน หรืออีกนัยหนึ่งคืออึนั่นเอง เจ้าหน้าที่จากกรมอุตุนิยมวิทยาในประเทศอินเดียได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียด แล้วพบว่าจากแนวการตกและสิ่งต่างๆ ในวัตุประหลาดชิ้นนี้ไม่ใช่หินจากนอกโลกหรือสะเก็ดอุกาบาตอย่างแน่นอน มีการสันนิษฐานว่ามันอาจจะหลุดรั่วออกมาจากเครื่องบินขณะบินผ่านหมู่บ้านแห่งนี้ เนื่องจากถังกักเก็บของเสียภายในเครื่องมีปริมาณมากเกินกว่าที่ตัวเครื่องจะเก็บไว้ได้นั่นเอง โดยปกติแล้วเจ้าหน้าที่ในสนามบินจะมีการถ่ายเทของเสียบนเครื่องไปทิ้งทุกครั้งหลังจากที่เครื่องลงจอด แต่เจ้าหน้าที่ควบคุมการบินระหว่างประเทศก็ยอมรับว่าการรั่วไหลอาจจะเกิดขึ้นได้บ้างระหว่างการบิน เจ้าหน้าที่อาวุโสอย่าง Vivek Kalia ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่าง BBC “มันมีก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้าเมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ มันมีขนาดใหญ่มาก ผู้คนแตกตื่นและวิ่งหาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ชาวบ้านบางคนบอกว่ามันคือวัตถุจากนอกโลก บางคนคิดว่ามันคือหินจากสรวงสวรรค์ หนำซ้ำผมยังได้ยินว่าบางคนเก็บกลับบ้านไปด้วย” ตามรายงานของนิตยสาร Times ในประเทศอินเดียบอกว่าชาวบ้านบางคนนำเอาเศษก้อนน้ำแข็งที่ว่านี้ใส่กระเป๋าแล้วเอากลับไปแช่ในตู้เย็นที่บ้าน ย้อนกลับไปในเดือนมกราคม 2016 ก็เคยมีข่าวว่าหญิงสาวชาวอินเดียรายหนึ่งถูกก้อนน้ำแข็งตกทะลุหลังคาลงมาใส่บริเวณไหล่ของเธอจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งสืบทราบในภายหลังว่าเป็นของเสียจากเครื่องบิน ต่อมาในธันวาคมปี 2016 ทางการอินเดียจึงออกกฎเพื่อคุมเข้มไม่ให้มีการปล่อยของเสียออกมาระหว่างทำการบินอยู่ หากสายการบินไหนฝ่าฝืนจะต้องถูกปรับตามความเหมาะสม…
-
หนาวสะท้าน!! โตเกียวเผชิญหิมะถล่มหนัก รุนแรงสุดในรอบ 4 ปี นักท่องเที่ยวติดค้างเพียบ
ดูเหมือนสภาพอากาศที่อบอุ่นขึ้นของบ้านเราจะสวนทางกับสภาพอากาศในญี่ปุ่นเอามากๆ เลยทีเดียว เพราะในขณะนี้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากกำลังประสบภัยหนาวและพายุหิมะ ที่ว่ากันว่าหนาวและรุนแรงที่สุดในรอบ 4 ปีเลยทีเดียว เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2018 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Japantoday ได้รายงานเกี่ยวกับสภาพอากาศในกรุงโตเกียว ว่าในขณะนี้ชาวเมืองต้องเผชิญกับชั้นหิมะที่สูงถึง 21 เซ็นติเมตร จนเหล่าผู้ประกอบการและบริษัทต่างๆ ต้องแนะนำให้พนักงานของตัวเองกลับบ้านก่อนเวลา ตามรายงานบอกว่าพายุหิมะจะตกในช่วงเที่ยงๆ และน่าจะหยุดในช่วงวันอังคาร แต่ถนนในหลายๆ แห่งยังคงมีหิมะปกคลุมและมีความลื่นมากกว่าปกติจนอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งในขณะนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บไปแล้วกว่า 60 คน และมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีกกว่า 660 ครั้ง บริษัทผู้ผลิตไฟฟ้า Tokyo Electric Power Company ได้กล่าวว่าขณะนี้มียอดการใช้พลังงานไฟฟ้าพุ่งสูงไปกว่า 95% ในแถบคันโต จึงออกมาขอให้ประชาชนช่วยกันประหยัดการใช้ไฟ เพราะหากมีการใช้ไฟฟ้าที่สูงเกินไปอาจทำให้ไฟฟ้าทั้งเมืองดับลงได้ นี่เป็นภาพของชาวเมืองในโตเกียวขณะเดินข้ามถนนในเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา ชาวเมืองต้องช่วยกันตักเอาหิมะออกจากถนนเพื่อให้เกิดการสัญจรได้ และเนื่องจากพายุหิมะที่เข้าถล่มกรุงโตเกีียว ทำให้ยานพาหนะและระบบขนส่งมวลชนในหลายๆ ที่ต้องล่าช้าหรือหยุดชะงักไป อย่างเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ Stuff ได้รายงานเพิ่มเติมว่ามีนักท่องเที่ยวตกค้างอยู่ในสนามบินของโตเกียวเป็นจำนวนมาก…
-
ญี่ปุ่นโปรโมตการท่องเที่ยวด้วยแว่น VR แค่คุณใส่แว่น ก็เหมือนได้ตะลุยเที่ยวแบบล้ำๆ
ประเทศญี่ปุ่นนั้นได้ชื่อว่าเป็นอีกประเทศหนึ่งที่น่าท่องเที่ยวไม่น้อย หลายคนได้ไปสัมผัสบรรยากาศของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในญี่ปุ่นด้วยตนเอง แต่อีกหลายคนที่อยากไปก็ยังไม่ได้ไปเช่นกัน งานนี้สำหรับคนที่ยังไม่ได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นต้องได้ตื่นตาตื่นใจกันแน่นอน เพราะองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นนั้นได้ร่วมมือกันกับบริษัท Enjin Tokyo Inc. ผลิตสื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ที่เป็นคลิปวิดีโอแบบ VR 360 องศา มาให้ทุกท่านได้รับชมกันนั่นเอง มาพร้อมความละเอียดแบบ 4K แถมยังหมุนกล้องดูบรรยากาศได้ 360 องศาเลยอีกด้วย เหมือนนั่งอยู่เฉยๆ ก็ได้เที่ยวสถานที่ต่างๆ ในญี่ปุ่นได้ทั่ว กับการตัดต่อที่ลื่นไหลและน่าติดตามสุดๆ มุมมองบุคคลที่ 1 ทำให้รู้สึกราวกับเราไปอยู่สถานที่แห่งนั้นจริงๆ แถมยังได้เล่นเครื่องหยิบตุ๊กตาแบบใกล้ชิดเลยล่ะ ทีเด็ดเลยก็คือ ซูชิสดๆ ที่นำมาเสิร์ฟกันต่อหน้าต่อตา สื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ผสมผสามเข้าด้วยเทคโนโลยี VR นั้นเรียกได้ว่าสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ชมได้ตื่นตาตื่นใจกันเลยทีเดียว ที่มา: Rocketnews24
-
โดรนช่วยชีวิต 2 วัยรุ่นลอยคอกลางทะเล ได้เป็นครั้งแรกของโลก เร็วกว่าเรือกู้ชีพอีก!!
เทคโนโลยีในปัจจุบัน นับว่ามีความก้าวหน้าไปอย่างมาก จนหลายคนอาจะเริ่มเกิดความรู้สึกว่าวันหนึ่งมนุษย์เราจะต้องถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ จนกลายเป็นว่ามนุษย์เราอาจจะต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเทคโนโลยี แต่เหตุการณ์ที่กำลังจะเสนอนี้สามารถใช้เป็นหลักฐานบ่งชี้ได้ดีเลยว่า “เทคโนโลยี” นั้นน่าจะเป็นประโยชน์กับมนุษย์แน่นอน เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวว่า “โดรน” ในประเทศออสเตรเลียได้เข้าไปช่วยชีวิตเด็กหนุ่ม 2 คนจนรอดตายมาแล้ว รายงานจาก BBC พบว่า ที่ชายฝั่งเลนน็อกซ์เฮด รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย มีคนสังเกตเห็นเด็กหนุ่ม 2 คน ติดอยู่นอกชายฝั่งราวๆ 700 เมตร ผู้ดูแลความปลอดภัยของชายฝั่งจึงบังคับ “โดรน” ที่ตนกำลังฝึกใช้อยู่ ให้ออกไปนอกชายฝั่งเพื่อค้นหาและช่วยเหลือเด็กหนุ่มดังกล่าว เด็กหนุ่มทั้งสอง อายุ 15 ปี และ 17 ปี ถูกพบว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายถึงชีวิต เขาจึงบังคับโดรนให้นำเบาะชูชีพไปส่งให้เด็กหนุ่มทั้งสองคน ทั้งคู่จึงได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัย John Barilaro รองรัฐมนตรีแห่งนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า “ไม่เคยมีการนำอุปกรณ์ชูชีพติดกับโดรนเพื่อไปช่วยคนมาก่อนเลย” Jai Sheridan หัวหน้าผู้ดูแลความปลอดภัยได้ให้สัมภาษณ์กับ The Sydney Morning Herald ว่า “วันนี้ เจ้าโดรนได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว มันเป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่แสนวิเศษและยังบินได้ด้วย”…
-
ช่างภาพใจกล้า เสี่ยงเข้าไปถ่ายรูปใน “ถ้ำน้ำแข็ง”แต่ภาพที่ได้ก็งดงามและคุ้มค่ายิ่ง
ถ้าเกิดมีคนบอกคุณว่าถ้ำน้ำแข็งนั้นข้างในสวยงามสุดๆ ถ้าได้ไปเห็นสักครั้งจะเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ไม่รู้ลืม แต่กลับกันมันก็อันตรายมากๆ จนถึงขั้นตายได้ เป็นคุณจะเลือกเข้าไปหรือรักษาชีวิตไว้? สำหรับ Matej Kriz ช่างภาพมากฝีมือกลับเลือกตอบอย่างไม่ลังเลว่า เขาจะเข้าไปข้างในเพื่อเก็บภาพประสบการณ์อันคุ้มค่านั้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปยังถ้ำน้ำแข็งแห่งหนึ่งที่อุทยานแห่งชาติวัตนาโจคุล ในประเทศไอซ์แลนด์ ถ้ำธารน้ำแข็งแห่งนี้นั้นมีชื่อว่า Breidamerkurjokull ซึ่งมันเป็นถ้ำที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ และเป็นที่รู้จักกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ล่าสุดได้มีส่วนที่เป็นถ้ำในบริเวณนั้นละลายตัวลง ทำให้เราสามารถที่จะเข้าไปได้และที่สำคัญปลอดนักท่องเที่ยวด้วย Matej เล่าว่า เขารู้เรื่องของถ้ำดังกล่าวนี้ก็ตอนที่คนรู้จักมาบอกว่าพวกเขาค้นพบถ้ำแห่งใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าเดิมทีเขาเป็นคนที่ทำงานในพื้นที่นี้อยู่แล้ว ฉะนั้นเขาจึงมีความสัมพันธ์กับคนบริเวณนี้เป็นอย่างดีนั่นเอง เขาต้องขอบคุณความสวยงามและความมหัศจรรย์ในถ้ำแห่งนี้ เพราะมันทำให้เขาได้เปิดโลกใหม่ เพราะแสงที่สาดส่องลงมายังถ้ำนั้นทำให้ตัวถ้ำเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ราวกับเขากำลังอยู่ในโลกแฟนตาซีเลยทีเดียว งานนี้บอกเลยว่าดูแล้วอยากจะเดินทางไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง ด้วยสภาพของถ้ำที่เป็นน้ำแข็งทั้งหมดมันจึงเปราะบางมากๆ ทำให้เราไม่รู้ได้เลยว่ามันจะละลายหรืออาจจะพังลงมาตอนไหน และยิ่งถ้าไม่ระมัดระวัง เราอาจจะเกิดอันตรายในรูปแบบต่างๆ ได้ทุกเมื่อ ฉะนั้นมันจึงอันตรายมากๆ เพดานสวยงามราวกับเป็นถ้ำใต้ทะเล แสงเปลี่ยนถ้ำก็เปลี่ยน . ภาพนี้ดูราวกับโลกแฟนตาซีจริงๆ อย่างที่เขาว่าเลย . ทั้งกำแพงและเพดานมันทำให้เราดูเหมือนอยู่อีกโลกเลย . . แสงถือเป็นส่วนสำคัญจริงๆ…
-
4 หนุ่มลักลอบข้ามชายแดนสเปน แม้กระโปรงหน้ารถจะมีเครื่องยนต์ ก็ยังอุตส่าห์ยัดไปได้!?
เศรษฐกิจในยุคปัจจุบันนั้นอาจจะเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ การย้ายถิ่นที่อยู่จึงอาจเป็นทางเลือกสุดท้ายของพวกเขาเหล่านี้ แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะข้ามชายแดน จึงได้มีการคิดค้นวีธีใหม่ๆ เพื่อหลบหลีกด่านรักษาความปลอดภัยให้ได้ เว็บไซต์ต่างประเทศได้รายงานถึงผู้ต้องหาลักลอบเข้าชายแดนจำนวน 4 คน ที่ถูกจับขณะที่หลบซ่อนอยู่ภายในรถยนต์ กำลังลักลอบเข้ามาในดินแดนแอฟริกาเหนือของเมืองเมลียา โดยพบ 2 คน ซ่อนตัวอยู่ในท้ายรถยนต์ ส่วนอีกคนถูกพบในกระโปรงหน้ารถ และคนที่ 4 รายงานบอกว่าพบอยู่ใต้หน้าปัดของรถยนต์ คนขับและผู้โดยสารก็ถูกคุมขังด้วยเช่นกัน ตำรวจทั้ง 2 คนที่มีส่วนร่วมในการจับกุมผู้ต้องหาลักลอบนั้นได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากโดนตีเข้าที่หัวเข่า และอีกคนโดนตีเข้าที่มือ ผู้ต้องหานั้นถูกรายงานว่า ลักลอบเข้าสู่ดินแดนของสเปนที่ชายแดน Beni-Enzar ระหว่าง เมลียาและโมร็อกโก รถที่ขับมานั้น ได้เร่งความเร็วและฝ่าด่านรักษาความปลอดภัย ก่อนที่คนขับและผู้โดยสารจะทิ้งรถและได้หลบหนีไป ถึงแม้ว่าจะมีการหลบหนีแต่ก็ไม่พ้นเงื้อมมือตำรวจ ถูกจับได้ในที่สุด และภายหลังก็ได้พบกับผู้ต้องหาลักลอบเข้าชายแดนซ่อนอยู่ในรถในเวลาถัดมา เมลียาและเซลตา ที่อยู่ห่างจากเขตเหนือของแอฟริกาประมาณ 250 ไมล์ มักจะเป็นจุดที่ผู้อพยพลักลอบเข้ามา โดยมีแค่ 2 ชายแดนเท่านั้น ระหว่างแอฟริกากับสหภาพยุโรป หลายปีที่ผ่านมา มีผู้อพยพจำนวนกว่าพันคน ที่พยายามข้ามขายแดน 7.5 ไมล์ ระหว่างเมลียากับโมร็อกโก…
-
คุณยายเบลเยียมป่วยเป็นอัลไซเมอร์ ได้ฟังเพลงโปรดในวัยเด็ก ช่วยให้เธอจดจำสามีได้อีกครั้งหนึ่ง
โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคที่ส่วนใหญ่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม มักแสดงอาการออกมาเมื่อคนเราอายุมากขึ้น เราอาจจะเคยได้ยินหรือแม้แต่เคยพูดคำว่า “คนแก่ขี้หลงขี้ลืม” ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้นที่ว่าโรคนี้จะทำให้ผู้ป่วยเริ่มมีอาการหลงๆ ลืมๆ และทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนจำไม่ได้แม้แต่คนในครอบครัว คนที่รัก และสุดท้ายผู้ป่วยเป็นโรคนี้ก็ไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้อีก ถึงแม้ร่างกายจะขยับได้ แต่ก็แทบจะช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้เลย และนี่คือเรื่องราวของคุณยาย Huguette ซึ่งเป็นผู้ป่วยอัลไซเมอร์ เมื่อปี 2014 คุณยายต้องย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านพักคนชราเพื่อจะได้มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล เพราะเธอเริ่มมีภาวะสมองเสื่อม แถมอาการก็แย่ลงเรื่อยๆ จนในที่สุดคุณยายก็พูดแทบไม่ได้ แน่นอนว่าเธอจำผู้คนที่มาเยี่ยมไม่ได้เลย รวมไปถึงคุณตา David ผู้เป็นสามีด้วย แต่แล้ววันหนึ่งองค์กรการกุศล Music For My Mind ซึ่งกำลังศึกษาว่าดนตรีสามารถช่วยผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ได้อย่างไร และหวังว่าจะใช้บทเพลงเป็นตัวช่วยในการดูแลผู้ป่วยในอนาคต ก็ได้บันทึกคลิปวีดีโอเพื่อดูการตอบสนองต่อบทเพลงที่ผู้ป่วยคุ้นเคย และสำหรับคุณยาย Huguette ผู้เติบโตมาในเบลเยียม เพลงจากนักร้องสาวชาวเบลเยียม Jacques Brel จึงมีอิทธิพลกับคุณยายอย่างมาก บทเพลงที่แสนพิเศษในวัยเยาว์ ที่สะท้อนถึงยุคสมัยที่คุณยายเติบโตมา คือเพลง Ne Me Quitte Pas ซึ่งแปลว่า “อย่าจากฉันไป” เมื่อเพลงดังกล่าวบรรเลงขึ้นไม่นานนัก เรื่องราวกับมันซึมซับเข้าไปในจิตใจและสมองแล้วดึงคุณยายคนเดิมกลับมาอยู่ในห้อง เมื่อเธอเริ่มยิ้ม หัวเราะ และร้องตามได้ ไม่เพียงแค่นั้น คุณยายยังหันไปหาสามีที่นั่งอยู่ข้างๆ จ้องมองคุณตา David…
-
สมหวังแบบโคตรๆ…คู่รักพยายามมีลูกกันมาตลอด 5 ปี สุดท้ายท้องแฝด 5!?
ในปัจจุบันมีวิธีการมากมายที่ช่วยให้คู่รักที่ต้องการมีลูกแต่ประสบปัญหาต่างๆ เช่น ภาวะมีบุตรยาก หรือบางคนก็ไม่ได้มีปัญหาทางสุขภาพอะไรหรอก แต่อยากได้ลูกแฝดสอง แฝดสาม ถ้าเงินหนาพอก็ให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทำให้ได้ตามต้องการ เช่นเดียวกับคุณแม่ Jamie Scott วัย 33 ปีและสามี Skyler ทั้งคู่มีลูกชายที่น่ารักอยู่ 2 คนคือ Shayden อายุ 12 ปี และ Landon 7 ขวบ แล้ววันหนึ่งทั้ง Jamie และ Skyler ต่างก็เห็นตรงกันว่าถึงเวลาที่จะมีน้องเล็กให้ลูกชายทั้งสองอีกสักคนแล้ว แต่เหมือนโชคไม่เข้าข้าง หลังพยายามอยู่นาน Jamie ก็ยังไม่ท้องเสียที สุดท้ายจึงเลือกใช้ยาเพื่อเพิ่มอัตราการเจริญพันธุ์ เพิ่มโอกาสให้การตั้งครรภ์ให้มากขึ้น และผลจากการช่วยเหลือทางการแพทย์ทำให้ระดับฮอร์โมนของเธอเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก นั่นหมายความว่า ไม่ใช่แค่ลูกคนที่ 3 แต่เธอมีโอกาสที่จะท้องลูกแฝดเลยทีเดียว และในที่สุดความพยายามของทั้งคู่ก็ประสบผลสำเร็จ Jamie ตั้งท้องหลังพยายามอยู่นานถึง 5 ปี และเนื่องจากขนาดท้องที่ใหญ่มากทั้งคู่ก็คาดการณ์เอาไว้ว่าเธออาจจะท้องแฝดสองก็เป็นได้ ด้วยความตื่นเต้นทั้งคู่เลยไปอัลตร้าซาวด์ดูให้รู้แล้วรู้รอดกันไป ก่อนจะพบกับความเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ เมื่อเห็นว่าในท้องของเธอไม่ได้มีเด็กแค่ 2 แต่มีอยู่ถึง 5!! Jamie กล่าวว่า “ฉันร้องไห้ออกมาเลยค่ะ…
-
หญิงจีนคีบตุ๊กตาได้กว่า 7,000 ตัว แชร์เทคนิคเด็ด “เขี่ยให้ร่วง ดีกว่าคีบติดก้าน!!”
บางคนบอกว่า “ตู้คีบตุ๊กตา” คือการพนัน หรือบ้างก็บอกว่ามันใช้ฝีมือ แต่ไม่ว่าจะแบบไหนสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ มันเสพติดสุดๆ โดยเฉพาะหลังคีบขึ้นมาแล้วทำท่าจะได้แต่จบที่ล้มเหลว… เช่นเดียวกับ Ya สาวชาวจีนวัย 27 ปี จากมณฑลกวางตุ้งที่แม้เดิมทีจะทำอาชีพช่างภาพและมองว่าการเล่นตู้คีบตุ๊กตามันไร้สาระ แต่หลังจากได้สัมผัสมันเพียงครั้งเดียวก็ค้นพบว่าตัวเองเสพติดมันไปซะแล้ว แถมหลังจากคีบตัวแรกสำเร็จมันดันเรียกพวกมาอีกกว่า 6,999 ตัว!? เรื่องราวของ Ya มันเริ่มขึ้นเมื่อปี 2016 ได้เดินไปเจอกับตู้คีบตุ๊กตาที่มีเป็ดสีเหลืองแสนน่ารักอยู่ข้างใน แน่นอนว่าสาวๆ เมื่อตุ๊กตาเป็ดก็จะต้องอยากได้เป็นธรรมดา แต่ด้วยความคิดครั้งแรกที่เธอคิดว่ามันไร้สาระและมีไว้เพื่อใช้หาเงินเท่านั้น เธอจึงไม่อยากเล่น จนกระทั่งความอยากมันชนะหลักความคิดของเธอ เธอจึงหลวมตัวหยอดเหรียญไปหนึ่งครั้ง นับจากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เธอคนพบว่า การคีบตุ๊กตามันสนุกกว่าที่คิดมันได้คิดและใช้ความสามารถพร้อมกับโชคอีกนิดหน่อย ซึ่งเธอบอกว่ามันก็คล้ายกับการเล่นดนตรีที่ต้องฝึกหลายๆ ส่วน รวมถึงการจับเทคนิในการคีบ เธอบอกว่าช่วงแรกที่เธอเริ่มเข้าถึงมันเธอยังไม่มั่นใจมากนัก เธอใช้เวลาไปกับยืนดูและเรียนรู้เทคนิคของคนอื่นมากกว่า แต่เวลาผ่านไปเธอก็พบว่ามันไม่ช่วยอะไรมากนัก เธอจึงจัดการซื้อตู้คีบตุ๊กตามาไว้ที่บ้านเพื่อฝึกฝน แต่เรื่องมันกลับพีคยิ่งกว่าเดิมเมื่อเธอออกไปคีบตุ๊กตาจริงๆ ซึ่งเธอพบว่าตู้คีบตุ๊กตามันมีหลายรุ่นหลายยี่ห้อ ฉะนั้นมันจึงไม่เหมือนกับตู้ที่เธอซื้อมาฝึก เธอจึงต้องเริ่มฝึกให้มากกว่าเดิม ด้วยการออกมาคีบ การค้นคว้าในเน็ตและอื่นๆ อีกมากมาย เวลาผ่านไป Ya ค้นพบว่าการเอาที่คีบค่อยๆ…
-
สื่อนอกโหวตให้บท Joker ของ Heath Ledger เป็นสุดยอด “วายร้าย” ตลอดกาล
เป็นธรรมดาของหนังที่เวลามีตัวเอกก็ต้องมีตัวร้าย เพื่อให้เรื่องเกิดความขัดแย้ง และนำไปสู่การแก้ปัญหาและบทสรุปของเรื่อง บางครั้งต่อให้ตัวเอกเจ๋งแค่ไหน แต่ถ้าตัวร้ายไม่สมน้ำสมเนื้อละก็ หนังมันก็อาจจะแผ่วได้เลย เชื่อว่าหลายคนก็คงมีวายร้ายในใจอยู่เหมือนกัน แต่วันนี้จะพาไปดูการจัดอันดับวายร้ายตลอดกาลโดยเว็บไซต์ Ranker.com ที่ทำการเปิดให้โหวต โดยคะแนนนั้นเรียกได้ว่าคู่คี่กันมาเลย แถมยังไม่ปิดการโหวตจนถึงตอนนี้ เราไปดูกันเลยดีกว่าว่าแต่ละอันดับจะมีใครจากเรื่องอะไรบ้าง *หมายเหตุ อันดับเหล่านี้มาจากการบันทึกสถิติในวันที่ 22 มกราคม 2018 1. The Joker จากเรื่อง The Dark Knight 2. Darth Vader จากเรื่อง Star Wars 3. Hannibal Lecter จากเรื่อง The Silence Of The Lambs 4. Lord Voldemort จากเรื่อง Harry Potter 5. Freddy Krueger จากเรื่อง Nightmare On Elm Street นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายตัวละครที่ติดอันดับเข้ามา 6. Jack Torrance จากเรื่อง The Shining…
-
ผลวิจัยเผย สุนัขมักจะเชื่อฟังผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ด้วยเหตุผลที่ว่าน้ำเสียงไพเราะกว่า!?
ใครๆ ก็บอกว่าผู้ชายนั้นเหมือนจ่าฝูง ยิ่งกับสุนัขด้วยกันพวกมันก็มักจะเชื่อฟังแล้วเคารพสุดๆ แต่กลับกันในผลวิจัยล่าสุดดันไม่เป็นแบบนั้น เพราะพวกเขาบอกว่าสุนัขจะเชื่อฟังผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย!? ปกติแล้วการฝึกสุนัขนั้นเรามักจะใช้ชุดคำสั่งง่ายๆ ในการสั่ง เช่น นั่ง ลุก ตาม ชิด หมอบอะไรทำนองนี้ หรือเวลาที่สุนัขต้องการอะไรเราก็มักจะสังเกตได้จากพฤติกรรมของพวกมันเช่นการเกาประตู การเห่าขออาหารอะไรทำนองนี้ ซึ่งเราคิดว่าพวกมันแค่ทำตามเราที่เป็นเจ้าของตามปกติโดยไม่ได้แบ่งแยกเพศของเจ้าของอะไร แต่ว่าผลการวิจัยล่าสุดที่ถูกตีพิมพ์ผ่าน Royal Society of Open Science นั้นได้ออกมาบอกว่า สุนัขนั้นจะเชื่อฟังผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะว่าการเจริญเติบโตของสุนัขนั้นมักจะมาจากความกลัว ความขี้เล่น ความเครียด ความเศร้า ความสุขและอื่นๆ ซึ่งการรักษาอารมณ์ของพวกมันให้อยู่ในระดับดี มนุษย์ผู้หญิงมักจะทำหน้าที่ดังกล่าวได้ดีกว่าผู้ชาย ในผลวิจัยก็บอกว่า สุนัขนั้นมีระบบการทำงานที่รับรู้อารมณ์ของผู้พูดได้จากความสูงต่ำของเสียง โดยทีมวิจัยชี้ว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมส่วนใหญ่จะรับรู้อารมณ์ของผู้อื่นได้จากเสียง ฉะนั้นมนุษย์ผู้หญิงที่มีโทนเสียงเล็กกว่า จึงช่วยให้พวกมันเข้าใจอารมณ์ของเจ้าของเสียงได้ง่าย และดีกว่าน้ำเสียงของผู้ชายนั่นเอง ซึ่งนี่อาจจะเป็นที่มาของต้นเหตุที่ว่าทำไมเวลาเราคุยกับสุนัข เรามักจะทำเสียงสูงกับพวกมันเสมอๆ อย่าง “มีมี่กินอะไรหรือยังลูก หงำๆ หงุงงิงๆ” อะไรทำนองนี้ ที่มา unilad
-
16 สัตว์ขึ้นชื่อว่าดุร้าย แต่ดันทำตัวน่าร๊ากกกก พร้อมจะกระโจนความ ‘งื้อออ’ ให้ทะลุหัวใจ!!
สิ่งที่คนส่วนใหญ่มองเห็นภาพลักษณ์ของสัตว์กลุ่มนักล่าไม่ว่าจะเป็น เสือ สิงโต หรืออะไรก็แล้วแต่ มักจะมองว่าพวกมันนั้นไม่น่าเข้าใกล้ น่ากลัวและเกรงขาม เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าจะโดนพวกมันเขมือบได้เมื่อไหร่… แต่ถ้าหากว่าสัตว์เหล่านี้ได้รับการเลี้ยงดูเอาใจใส่จากมนุษย์ ความรักและความผูกพันก็ย่อมเติบโตในใจของพวกมันได้ เชื่องเสียจนไม่อยากจะจากไปไหน หรือแม้แต่กระทั่งสัตว์ตัวโตผู้ดูแลสัตว์ที่ตัวเล็กกว่า จนต้องระบายออกมาเป็นอาการ ‘กอด’ ชวนร้อง ‘งื้ออออ’ แบบนี้แหละ!! มานี่เจ้าวายร้าย!! งื้ออออออ โอ๋เอ๋นะลู๊กกกกก งื้ออออออ เรียกเค้าเหยออออ งื้ออออออ บอกว่าอยู่เฉยๆ!! งื้ออออออ อ่าว… เอาสาวที่ไหนมานอนกกด้วยฟะ งื้ออออออ อย่างเพิ่งงับนิ้วพี่นะน้อง งื้ออออออ ยามเธอหลับฉันจะเลียขนให้นะ งื้ออออออ ใจเย็นๆ ลูกพี่ ผมรับกอดแบบนี้ไม่ทัน งื้ออออออ ก็มันหิวนี่หว่า งื้อออออ นอนดีๆ สิน้อง งื้อออออ แม่จ๋าาาาาาา งื้อออออ สนใจเก๊าบ้างสิเตง…
-
อดีตคู่รักมานั่งถกเหตุผล ฝ่ายชายพูด ‘ก็แค่นอกใจ’ แทบอยากศอกใส่หน้า!!
เรื่องของความรักนั้นสามารถนิยามได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทั้งความรักที่สมหวังและมีความสุขจนถึงบั้นปลายชีวิต หรือจะเป็นความรักที่ต้องพบกับความทุกข์ทั้งการครองรักที่เต็มไปด้วยอุปสรรค จนสุดท้ายก็ต้องลงเอยด้วยการแยกทางกัน… หลากหลายสื่อก็ช่วยกันตีความและนำเสนอกันไป แต่ที่น่าสนใจก็คือการนำอดีตคนรักกันมานั่งเปิดใจถึงความรักที่ผ่านมา อย่างเช่นในรายการ One Night With My Ex ที่เผยแพร่ผ่านทางสถานี Channel 5 ของประเทศอังกฤษ ตัวอย่างบางส่วนจากรายการ เป็นคู่ของ Joseph และ Rosie (มองไม่เห็นกดตรงนี้เลย) Do men and women really think differently about the emotional impact cheating will have on their partner? ? #OneNightWithMyEx pic.twitter.com/W6L3pvTWHj — Channel 5 (@channel5_tv) 14 มกราคม 2561 ทางรายการได้พา Joseph และ Rosie…
-
นายตำรวจผู้เสียสละ ยอมปลอมตัวเป็นลูกคนอื่นนานถึง 5 ปีเพื่อให้พวกเขามีความสุข!?
เรื่องราวสุดซึ้งที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วประเทศจีน เมื่อตำรวจหนุ่มคนหนึ่งได้เปิดเผยผ่านรายการทีวีว่าจริงๆ แล้วตัวเขาไม่ได้เป็นลูกชายของผู้เป็นพ่อและแม่ที่อาศัยอยู่ด้วยกัน แต่เขาเป็นคนอื่นและทำไปเพราะเหตุผลบางอย่าง..!? Jiang Jingwei นายตำรวจจากเมืองเซี่ยงไฮ้ คือตัวตนจริงๆ ของชายคนดังกล่าว โดยเขาเล่าว่าเขาได้แสร้งปลอมตัวเป็นลูกชายของครอบครัวสามีภรรยาคู่หนึ่ง เป็นเวลากว่า 5 ปี เพื่อช่วยสร้างความสะบายใจให้กับทั้งคู่ โดยเฉพาะฝ่ายภรรยา เพราะว่าพวกเขายังคงเสียใจกับการจากไปของลูกชายเมื่อ 15 ปีก่อน Jiang เล่าว่าเรื่องมันเริ่มมาจาก Xia Zhanhai และ Liang Qiaoying สองสามีภรรยาได้สูญเสียลูกชายที่ชื่อ Xia Xiaoyu ไปเมื่อปี 2003 ด้วยสาเหตุจากอุบัติเหตุในโรงงานที่พวกเขาทำงาน โดยลูกชายนั้นถูกสารพิษมากจนเสียชีวิตในท้ายที่สุด ส่วนผู้เป็นแม่นั้นแม้ไม่ถึงกับเสียชีวิตแต่ก็กลายเป็นอัมพาตครึ่งล่าง ด้าน Xia Zhanhai ผู้เป็นสามีที่ตอนนั้นไม่ได้เป็นอะไรมากและรู้ความจริงเกี่ยวกับการจากไปของลูก ก็ได้ตัดสินใจโกหกภรรยาว่าลูกนั้นทนไม่ไหวกับการทำงานที่นี่และขอออกไปทำงานต่างเมือง ซึ่งเขาทำเพื่อรักษากำลังใจของภรรยาให้มีชีวิตต่อไป จนกระทั่งวันหนึ่งในปี 2010 นาย Xia ได้เห็นดูทีวีและบังเอิญเจอนายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งที่มีหน้าตาเหมือนลูกชายของเขา ซึ่งในจังหวะนั้นเขาตัดสินใจได้ทันทีว่าเขาต้องไปขอความช่วยเหลืิอจากชายคนนั้น และด้วยความช่วยเหลือจากรายการทีวีเขาจึงสามารถติดต่อกับ Jiang หรือก็คือนายตำรวจคนดังกล่าวได้ Jiang เล่าว่าตอนที่นาย Xia…
-
งี้ก็มีด้วยเหรอ? “Neotrogla” แมลงสายพันธุ์ประหลาดในบราซิล ที่เมียมี Joo ตัวผู้มี Jim!?
โดยปกติตามความเข้าใจของมนุษย์แล้ว สัตว์เพศผู้จะต้องมีอวัยวะเพศที่ยื่นออกมาก ซึ่งเรามักเรียกส่วนนั้นว่าองคชาตหรือจู๋ ส่วนสัตว์เพศเมียจะมีอวัยวะเพศที่มีลักษณะเป็นช่องหรือรูเพื่อสอดรับกับของตัวผู้ ซึ่งเราเรียกว่าจุ๋มจิ๋ม แต่สัตว์ที่#เหมียวฟิ้นจะหยิบยกมาเล่าให้อ่านในครั้งนี้กลับมีอวัยวะเพศที่แตกต่างออกไป เพราะมันคือแมลงสายพันธุ์หนึ่ง ที่ตัวผู้ไม่ได้มีจู๋และตัวเมียไม่ได้มีจุ๋มจิ๋ม!? เจ้าแมลงที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้มีชื่อว่า Neotrogla มันมีขนาดความยาวอยู่ที่ราวๆ 3 มิลลิเมตร ถูกค้นพบครั้งแรกในถ้ำแห่งหนึ่งในประเทศบราซิลเมื่อช่วงเดือนเมษายน ปี 2014 โดยนักวิจัยที่ชื่อ Rodrigo Ferreira จากมหาวิทยาลัย Lavras ในประเทศบราซิล จากนั้นเขาถึงส่งมันต่อไปให้กับผู้เชี่ยวชาญทางด้านแมลงอย่าง Charles Lienhard จึงได้รู้ว่ามันคือแมลงสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งจะมีการค้นพบ การค้นพบครั้งนี้ทำให้เราได้เห็นการสลับบทบาทของการสืบพันธุ์ในสิ่งมีชีวิต ที่แตกต่างไปจากสัตว์ทั่วๆ ไป เพราะเจ้า Neotrogla จะใช้วิธีการผสมพันธุ์โดยให้ตัวเมียยื่นอวัยวะเพศที่อยู่บริเวณก้นของตัวเองเข้าไปในร่างกายของตัวผู้ก่อนจะเบ่งหนามออกมาเพื่อยึดกับช่องอวัยวะเพศของตัวผู้ จากนั้นก็ค่อยๆ สูบเอาน้ำเชื้อที่อยู่ในตัวผู้ออกมาผสมกับไข่ในร่างกายของตัวเอง ซึ่งในการผสมพันธุ์แต่ละครั้ง เหล่า Neotrogla จะใช้เวลาราวๆ 40-70 ชั่วโมงกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ (โหนานแท้) นี่คือภาพอวัยวะเพศของตัวเมีย ที่จะสังเกตได้ว่ามันมีส่วนที่ยื่นๆ ออกมาคล้ายจู๋ ต่อมา Kazunori Yoshizawa จากมหาวิทยาลัยฮอกไกโด ในประเทศญี่ปุ่นจึงได้เข้ามาร่วมในทีมวิจัยนี้ด้วยเพื่อช่วยศึกษาเจ้าแมลงตัวนี้ให้ลึกลงไปอีก จากการศึกษาในครึ่งหนึ่ง Yoshizawa เคยพยายามที่จะดึงเอาตัวเมียและตัวผู้ออกจากกันในระหว่างที่พวกมันกำลังผสมพันธุ์กันอยู่ แต่ปรากฏว่าหนามที่ตัวเมียเบ่งออกมานั้นเกาะแน่นอยู่กับอวัยวะเพศของตัวผู้มาก แม้จะดึงจนช่วงท้องของตัวผู้ฉีกขาดออกไปจากตัวเมีย แต่อวัยวะเพศของตัวเมียก็ยังไม่ยอมหลุดออกมาจากตัวผู้เลย …
-
ตำนานปีศาจ Popobawa แห่งแทนซาเนีย ข่มขืนไม่เลือกหน้าทั้งชายและหญิง ผู้คนพากันขวัญผวา!!
เวลาพูดถึงปีศาจที่ข่มขืนคน เรามักจะนึกถึง Succubus ปีศาจผู้หญิงที่ชอบข่มขืนและสูบกินผู้ชาย แต่เราคงไม่เคยได้ยินปีศาจที่ชื่อ Popobawa ปีศาจหน้าตาเหมือนค้างคาวที่สูบกินทั้งชายและหญิงมาก่อนใช่ไหม? มาๆ ล้อมวงเข้ามา เดี๋ยวหมอจะเล่าให้ฟัง… Popobawa นั้นเป็นปีศาจที่มีตำนานเล่ากันมาในประเทศแทนซาเนีย ซึ่งเป็นประเทศทางฝั่งแอฟริกา และถูกบอกเล่าถึงการค้นพบเมื่อปี 1965 โดยเจ้าปีศาจตัวนี้จะสามารถสลับร่างไปมาได้ระหว่างคนและร่างปีศาจ ในร่างปีศาจนั้น มันจะมีหน้าตาคล้ายๆ กับคนผสมค้างคาวและมีตาเดียว ที่สำคัญมันยังมีอวัยวะเพศที่ใหญ่ยาวสุดๆ นอกจากนี้ทุกครั้งที่มันบินมันจะหายใจดัง แฮ่กๆ…ไม่ใช่สิ “ฟี้ด….ฟี้ดดดด” ต่างหาก เจ้า Popobawa นั้นมันเป็นปีศาจที่มีนิสัยชอบแอบย่องเข้าไปในบ้านคนกลางดึก ซึ่งมันจะข่มขืนคนที่หลับอยู่ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เด็กหรือผู้ใหญ่ แต่จากคำบอกเล่านั้นรายงานว่าเหยื่อส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายเสียมากกว่า (แถมบางที่ยังบอกว่าเคยโดนพร้อมกันทั้งครอบครัวด้วยนะ) เหยื่อหลายคนที่ถูก Popobawa ข่มขืนนั้นได้บอกถึงประสบการณ์ของพวกเขาว่า “ความรู้สึกที่โดน มันเหมือนเรากำลังฝันอยู่ แต่ในเวลาเดียวกันเราก็รู้สึกถึง ปิกาจูของมันที่กำลังสอดเข้ามาได้ และแม้จะพยายามตื่นหรือขยับเท่าไหร่เราก็ไม่สามารถทำได้เลย รวมถึงการส่งเสียงขอความช่วยเหลือก็เช่นกัน มันให้ความรู้สึกเหมือนตะโกนสุดเสียงแต่ไม่มีใครได้ยิน” คนที่ถูกปีศาจ Popobawa บุกมาข่มขืนตอนกลางคืน จะเริ่มมีอาการวิตกกังวลและหวาดกลัวทุกอย่างในเช้าวันถัดมา ซึ่งชาวบ้านได้ช่วยกันหาทางออกโดยการรวบรวมคนมานอนข้างนอกบ้านพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เพื่อที่มันจะได้ไม่กล้าทำอะไรนั่นเอง …
-
แฟนบอลถูกจับหลังฉี่ใส่ขวดน้ำดื่มของผู้รักษาประตู แล้วโยนกลับไปในสนามให้ดื่ม
พวกเราส่วนใหญ่ที่ชอบดูกีฬาฟุตบอล มักจะมีทีมที่ตัวเองชื่นชอบและทีมที่ชิงชังอยู่ในใจเสมอ แต่ก็มีแฟนบอลบางคนที่กระทำไม่เหมาะสมกับทีมที่ตัวเองไม่ชอบ การกระทำอันน่ารังเกียจของแฟนบอลทีม Middleborough ที่เดินทางมากว่า 200 ไมล์ หรือประมาณ 320 กิโลเมตร เพื่อรับชมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ที่ Loftus Park ประเทศอังกฤษ นั้นได้ถูกบันทึกวิดีโอไว้ในขณะที่เขากำลังปัสสาวะลงในขวดน้ำและโยนลงไปให้ผู้รักษาประตูทีม Queen Park Ranger ขณะที่กำลังแข่งขัน หลังจากนั้นก็ได้มีชาวเน็ตคนหนึ่งมาความคิดเห็นบนเว็บไซต์ Youtube ที่สังเกตเห็นพฤติกรรมดังกล่าวว่า “นายปัสสาวะผิดที่นะ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องทำแบบนั้น” แต่โชคดีที่ Alex Smithies ผู้รักษาประตูของทีม QPR ไม่ได้หยิบน้ำขวดนั้นมาดื่ม และชายหนุ่มที่ก่อเหตุก็ได้ถูกจับและตั้งข้อหาโดยตำรวจคลีฟแลนด์ที่คอยดูแลความปลอดภัยในสนามบอล โดยในทวีตของ Cleveland Football ได้กล่าวว่าเขาได้รับคำถามจากแฟนๆ คนอื่นมากมาย และเขายืนยันว่าแฟนบอลที่ก่อเหตุน่ารังเกียจดังกล่าวได้ถูกจับกุมเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่เขาทำได้ก็คือสั่งห้ามไม่ให้เข้าร่วมรับชมการแข่งขันฟุตบอลตลอดชีวิต และสุดท้ายทีม Middleborough ก็ได้ชนะด้วยคะแนน 3-0 โดยที่ Smithies ผู้รักษาประตูทีม QPR มัวใจจดใจจ่อกับการรักษาประตูโดยไม่สนใจขวดน้ำปัสสาวะ วิดีโอคลิปที่ถูกบันทึกไว้ขณะที่ชายหนุ่มคนนี้กำลังก่อเหตุ ดีใจที่จับตัวคนก่อเรื่องได้ เสียชื่อแฟนบอลหมดเลย…
-
สยองออกก้น… หนุ่มกินซูชิแซลมอนแทบทุกวัน กลายเป็นการขับพยาธิตัวตืดยาว 1.5 เมตร ออกมา!!
เมื่อวันที่ 8 มกราคมปี 2018 ในรายการวิทยุด้านการแพทย์ This Won’t Hurt A Bit ได้เล่าถึงเคสของ Dr.Kenny Banh กับหนุ่มจากเมืองเฟรสโน รัฐแคลิฟอร์เนียคนหนึ่ง ชายหนุ่มจากเมืองเฟรสโน รัฐแคลิฟอเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เข้ารักษาในโรงพยาบาลจากอาการปวดท้องและท้องเสียอย่างรุนแรง จนได้พบว่ามีพยาธิที่ยาวกว่า 5 ฟุตอยู่ในตัวเขา คุณหมอ Kenny เล่าว่าผู้ป่วยชี้แจงถึงภาพที่เขาได้เห็นว่า “ในขณะที่ผมกำลังเข้าห้องน้ำ เมื่อผมมองลงไป ผมก็เจอกับสิ่งที่คล้ายกับลำไส้เส้นเล็กๆ ห้อยออกมาจากก้นของผม” คนไข้นั้นตกใจมากเพราะเขานึกว่ามันคือลำไส้ของเขาจริงๆ ที่ไหลออกมา แต่เขาก็รู้สึกโล่งใจหลังจากที่ลองดึงมันออกมาและได้รู้ว่าจริงๆ แล้วมันคืออะไร เจ้าพยาธิตัวตืดที่เขาดึงออกมาก็ได้ดิ้นไปดิ้นมาบนมือของเขา หลังจากที่ทางโรงพยาบาลได้วางมันลงบนกระดาษเพื่อวัดขนาด พบว่ามันมีความยาวถึง 5 ฟุตครึ่ง หรือประมาณ 1.6 เมตร คนไข้นั้นจำไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงมีพยาธิอยู่ในร่างกาย แต่หลังจากที่ถามเรื่องอาหารการกิน คุณหมอ Kenny ก็ได้คำตอบ “ผมกินปลาแซลมอนเกือบทุกวัน” คนไข้กล่าว พยาธิตัวตืดที่หนุ่มคนนั้นเจอคือพยาธิตัวตืดแซลมอนญี่ปุ่น หรือ Diphyllobothrium…
-
คุณป้าชาวสิงคโปร์วัย 70 ปี ผู้หลงรักในการคอสเพลย์ ยืนยันว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข!!
เวลาเราพูดถึงคอสเพลย์ เราก็มักจะนึกถึงกลุ่มเด็กและวัยรุ่นที่ชอบแต่งตัวเป็นตัวละครต่างๆ แต่ถ้าพูดถึงผู้สูงอายุที่แต่งคอสเพลย์นอกจากลุงกะลาสีในญี่ปุ่นแล้ว เรากลับนึกภาพคนอื่นไม่ค่อยจะออกกันเสียเท่าไหร่ ว่าจะมีใครมาทำอะไรแบบนี้ แต่มาวันนี้ขอเชิญพบกับนักคอสเพลย์สูงอายุผู้แจ้งเกิดในวงการคนใหม่กับคุณป้า Shirley Chua ชาวสิงคโปร์วัย 70 ปี ที่แม้อายุจะเยอะ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับความชอบของเธอแม้แต่น้อย Shirley นั้นเป็นที่รู้จักกันในวงการคอสเพลย์สิงคโปร์ว่า Aunty Shirley โดยเธอนั้นได้เข้าสู่วงการนี้เพราะลูกของเธอ Skyy ก็เป็นคนที่ชอบคอสเพลย์เหมือนกัน โดยเธอเริ่มคอสเพลย์ตั้งแต่ตอนอยู่มัธยมปลาย ซึ่งเมื่อชุดมีปัญหาคุณป้า Shirley ก็จะรับหน้าที่ซ่อมให้กับลูกของเธอ จนกระทั่งวันหนึ่งคุณป้า Shirley ได้เดินทางไปงานคอสเพลย์กับลูก เธอก็พบว่าตัวเองรู้สึกสนุกและอินกับงานมากๆ จนกระทั่งในปี 2011 เธอได้ตัดสินใจบอกกับลูกชายว่า “ม๊าอยากคอสเพลย์” แน่นอนว่าตอนแรกลูกชายก็บอกว่า “ม๊า คอสเพลย์มันเป็นกิจกรรมของคนอายุน้อยๆ นะ” แต่หลังจากคุยกันไปสักพักทั้งคู่ก็เข้าใจกัน โดยลูกชายรับปากว่าจะหาตัวละครที่แม่ของเขาน่าจะแต่งได้มาให้ หลังจากนั้นคุณป้า Shirley ก็ได้คอสเพลย์เป็นตัวละครมากมายทั้ง Alice in Wonderland, Rita Repulsa จาก Power Rangers และ Supergirl และนอกจากนั้นลูกชายของเธอก็สร้างเพจขึ้นมาจนตอนนี้ยอดกดไลก์สูงถึง 6…
-
เหยยย มหาวิทยาลัย Oxford เพิ่มเวลาทำข้อสอบคณิตและวิทย์คอมฯ เพื่อให้นศ. หญิงมีคะแนนที่ดีขึ้น
การทำข้อสอบในเวลาที่จำกัดมักจะเป็นเรื่องที่กดดัน จนอาจจะทำให้เกิดความผิดพลาดได้ จึงได้มีการวิจัยเกี่ยวกับการลดความกดดันนี้โดยมีเพศสภาพเป็นปัจจัยในการศึกษา มหาวิทยาลัย Oxford ได้ทดลองยืดเวลาในการทำข้อสอบคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยให้ผลการเรียนของนักศึกษาหญิงดีขึ้น จากเดิม 90 นาที เพิ่มเป็น 105 นาที โดยไม่เพิ่มระดับความยากหรือจำนวนข้อในตัวข้อสอบแต่อย่างใด การเปลี่ยนแปลงนี้พบว่านักศึกษาหญิงได้คะแนนที่สูงขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากการทดลองนี้มีเพื่อลดความกดดันจากเวลาที่จำกัด ซึ่งทางมหาวิทยาลัยเชื่อว่า ผลกระทบนี้จะส่งผลกับผู้หญิงมากกว่าในตัวผู้ชาย แต่อย่างไรก็ตาม ก็ได้มีความเห็นเชิงลบเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เข้ามามากมาย ว่าเป็นการเหยียดเพศ เพราะคิดว่าเพศหญิงคือเพศที่อ่อนแอกว่า จากข้อมูลที่รวบรวมภายใต้กฎหมายเสรีภาพด้านข้อมูลข่าวสาร แสดงให้เห็นว่าทางคณะในมหาวิทยาลัยเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางเพศที่มีเพิ่มมากขึ้นในปีที่ผ่านมาได้ และข้อสอบนั้นก็มีไว้เพื่อทดสอบความเข้าใจของเนื้อหาที่เรียน ไม่ใช่การแข่งขันแบบจับเวลา ขณะเดียวกัน Sarah Hart ศาสตราจารย์ที่ Birkbeck มหาวิทยาลัยลอนดอนได้เสนอว่า แต่ละเพศนั้นไม่ได้มีความสามารถทางคณิตศาสตร์ที่แตกต่างกันเลย Sarah บอกว่าเธอไม่ได้สังเกตเห็นว่านักศึกษาหญิงนั้นจะตรวจสอบความถูกต้องและทบทวนกระดาษคำตอบก่อนที่จะส่งเลย ในขณะที่นักศึกษาชายทำข้อสอบได้ในเวลาที่รวดเร็วกว่า แต่ส่วนมากมักจะผิด ส่วนทางมหาวิทยาลัย Oxford ก็ยังคงทำการเก็บข้อมูลและจับตาดูการทำข้อสอบอย่างใกล้ชิด แต่ทางหน่วยงานกล่าวว่ายังไม่มีผลสรุปอย่างแน่ชัดจากการเก็บข้อมูลในปีแรก แต่อย่างไรก็ตาม นักศึกษาหญิงปี 3 ก็ได้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการจากคะแนนที่สูงขึ้นจากปีที่แล้ว ในขณะที่ยังมีข้อมูลอีกมากมายที่ยังต้องศึกษาอีกมาก ซึ่งทางหน่วยงานก็ได้วางแผนที่จะเก็บข้อมูลต่อไปในอนาคตอย่างระมัดระวัง ถือว่าเป็นงานวิจัยที่น่าสนใจเลยทีเดียว ถ้าหากประเทศไทยนำมาใช้บ้างก็คงจะดีไม่น้อย จะได้ทำข้อสอบกันแบบสบายๆ ไม่กดดัน …
-
ความฝันเป็นจริง!! ดาวโป๊ญี่ปุ่นยื่นข้อเสนอจัดงานแต่งให้ ราคาเพียงแค่สามแสนเยน
เหล่าแฟนๆ หนังผู้ใหญ่ เคยจินตนาการไฝ่ฝันที่จะได้แต่งงานกับดารา AV ที่ตัวเองชอบกันไหม ความฝันนี้จะไม่ได้เป็นแค่เรื่องในจินตนาการอีกต่อไปแล้ว เมื่อพวกเราสามารถแต่งงานกับดาราดาวโป๊แสนสวยได้จริงๆ เตรียมพบกับ Asuka Hoshino ดาวโป๊วัย 31 ซึ่งได้แสดงในหนังผู้ใหญ่หลายเรื่องในปี 2010 ถึงปี 2014 แต่ในปัจจุบันเธอได้แขวนเต้าอำลาวงการหนังผู้ใหญ่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ได้มีส่วนร่วมกับองค์กรหนึ่งที่เสนอให้แฟนๆ ได้จัดงานแต่งกับเธอโดยมีค่าใช้จ่ายจำนวนหนึ่ง นี่ไม่ใช่แค่อีเวนต์เกม VR เสมือนจริง แต่เป็นพิธีแต่งงานจริงๆ มีการวางแผนและจัดงานล่วงหน้าถึง 3 สัปดาห์โดยบริษัท Ambitious ซึ่ง Hoshino กับคู่เจ้าบ่าวจะได้พบกับพนักงานบริษัท และร่วมเลือกเช่าชุดที่จะสวมใส่ในงานแต่งด้วยกัน งานแต่งงานนี้จะจัดขึ้นในศูนย์แฟชั่นย่าน Odaiba ในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคู่เจ้าบ่าวเจ้าสาวนั้นจะต้องมาก่อนเวลาเพื่อเตรียมแต่งตัวและแต่งหน้าทำผมโดยช่างมืออาชีพ หลังจากนั้นจะมีการซ้อมพิธี 1 รอบ พวกเขาจะเดินควงแขนเข้ามาตรงกลางทางเดิน และเดินขึ้นมาที่หน้าแท่น จากนั้นบาทหลวงของงานก็จะเริ่มพิธี เจ้าบ่าวและ Hoshino จะแลกเปลี่ยนแหวนกัน (เจ้าบ่าวเป็นคนซื้อแหวนทั้ง 2 วง) หลังจากนั้นเจ้าบ่าวจะยกผ้าคลุมหน้าของเจ้าสาวขึ้นและจุมพิตกัน เมื่อดำเนินพิธีต่อก็จะมีการถ่ายรูปคู่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจำนวนหนึ่ง ซึ่งรวมอยู่ในแพ็กเกจที่มีราคาประมาณ 350,000 เยน หรือประมาณ 100,000…
-
บริษัท ASICS ญี่ปุ่นเปิดให้คุณออกแบบ ‘โอนิซึกะ ไทเกอร์’ เพื่อบ่งบอกสไตล์ความเป็นตัวเอง!!
วันนี้เรามาว่ากันด้วยเรื่องของเครื่องแต่งกายกันบ้างดีกว่า นอกจากเสื้อผ้าแล้วสิ่งที่เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่จะทำให้การแต่งกายในครั้งนั้นออกมาดีหรือไม่ ก็คือ “รองเท้า” นั่นเอง สำหรับบางคน รองเท้าอาจจะถือได้ว่าเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงตัวตน รสนิยม และวิถีชีวิตได้เลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคนก็จะต้องแตกต่างกันไป แต่การที่จะหารองเท้าที่มันเข้ากับตัวเราได้นั้นมันไม่ง่ายเลย ดังนั้นจึงได้มีบริการใหม่ของทางบริษัท ASICS Japan เกิดขึ้นมา นั่นคือการให้เราสามารถออกแบบรองเท้าได้ด้วยตัวเอง ที่ทำให้ผู้บริโภคอย่างเราๆ สามารถมีอิสระมากขึ้นในการที่จะเลือกซื้อรองเท้าที่มีดีไซน์เหมาะสมกับตัวเรานั่นเอง โดยบริการดังกล่าวริเริ่มโดยบริษัท ASICS Japan ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ผลิตรองเท้า Onitsuka Tiger ที่หลายๆ ท่านรู้จักดี โดยบริการดังกล่าวจะใช้รองเท้ารุ่น Mexico 66 Deluxe สีขาวดำเป็นพื้นฐาน รองเท้ารุ่น Mexico 66 Deluxe จะอยู่ในคอลเลกชัน Onitsuka Tiger’s ‘NIPPON MADE’ ที่รองเท้าในซีรีส์นี้จะเย็บด้วยมือ ด้วยหนังและวัสดุต่างๆ ที่ล้วนมาจากญี่ปุ่น ทางบริษัทกล่าวว่า “ดังนั้น ไม่มีรองเท้าคู่ไหนที่ซ้ำกันแน่นอน” บริษัท ASICS นั้นอธิบายว่า “บริการออกแบบด้วยตัวเองนี้ มุ่งเน้นไปที่การบริการผู้บริโภคให้สามารถเลือกได้ตามความชอบเฉพาะตัวและเอกลักษณ์ของลูกค้าแต่ละคน” ในงานนี้คุณจะได้ปรับเลือกส่วนต่างๆ ของรองเท้าคุณได้ โดยมีหลากหลายตัวเลือกเลยทีเดียว เช่นวัสดุ อย่าง…
-
ดาวโป๊ถึงกับฉุนจัด!? เมื่อมีเด็กวัยแค่ 12 มาขอขึ้นครู ต้องต่อว่ากลับไป ‘พ่อแม่ไม่สั่งสอน’
อินเทอร์เน็ตนี่มันเป็นดาบสองคมจริงๆ เลย ในแง่หนึ่งก็เป็นแหล่งรวมความรู้และสาระประโยชน์ต่างๆ รอบโลก แต่ในอีกแง่หนึ่งก็เป็นช่องทางเข้าถึงสื่ออันไม่พึงประสงค์ที่มาจากแหล่งต่างๆ ทั่วโลกเช่นกัน ตัวอย่างก็เช่น หนังผู้ใหญ่ หรือที่เราเรียกกันว่า “หนังโป๊” นั่นเอง หนังโป๊นั้นมีเนื้อหามันที่ไม่เหมาะสมกับเหล่าเด็กๆ อย่างมาก เพราะเนื่องจากจะทำให้พัฒนาการทางความคิดเกี่ยวกับเรื่องเพศนั้นไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ดังนั้นผู้เป็นพ่อแม่ควรควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตของเด็กๆ ให้อยู่ในลู่ทางที่สมควร แต่ก็ไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนจะดูและลูกๆ ได้ทั่วถึงหรอก บางครอบครัวนั้นก็ให้อิสระแก่ลูกในการใช้อินเทอร์เน็ตได้เต็มที่ อย่างเช่นในเหตุการณ์จะนำเสนอดังต่อไปนี้ ซึ่งก็เป็นผลพวงมาจากการที่พ่อแม่ดูแลเด็กๆ ได้ไม่ทั่วถึงนั่นเอง สาววัย 28 ปี นามว่า Nikita Bellucci เป็นนักแสดงหนังโป๊ชาวฝรั่งเศส ได้ออกมาเผยบน Twitter ของเธอว่า เธอได้รับข้อความจาก เด็กหนุ่มวัย 12 ปี ซึ่งส่งมาขอมีเซ็กส์กับเธอ หนึ่งในข้อความที่น่าตกใจนี้ก็คือ เด็กหนุ่มกล่าวว่า “สวัสดี ผมกำลังจะอายุครบ 13 ปี ผมเป็นแฟนคลับคุณเลยนะ คุณช่วยเปลื้องผ้าแล้วมีเซ็กส์กับผมได้ไหม? ขอร้องล่ะ” เธอตอบกลับไปว่า “เฮ้เธอ อายุแค่ 13 ควรกลับไปทำการบ้านซะ แล้วก็ไม่ต้องติดต่อฉันมาอีก ถ้ายังทำอยู่ล่ะก็…
-
คุณครูผู้ไม่มีนิ้วมือ อุทิศตนด้วยชีวิตที่เหลืออยู่ เพื่อสอนให้กับเด็กที่ยังเรียนอยู่ไม่ไปไหน…
การที่ใครสักคนอุทิศตัวเองเพื่อช่วยเหลือและมอบโอกาสในการศึกษาให้กับผู้อื่นโดยที่ไม่คำนึงถึงความยากลำบากและไม่หวังผลตอบแทนนั้นช่างเป็นเรื่องที่ประเสริฐอย่างยิ่ง บุคคลนั้นก็คือ Chen Haiping คุณครูจากโรงเรียนชนบทวัย 51 ปี ในมณฑลซานซี ประเทศจีนทางตอนเหนือ ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นบุคคลตัวอย่างบนเว็บไซต์อาลีบาบาของประเทศจีนจากการทุ่มเทให้กับการสอนหนังสือเด็กๆ แม้ว่าเขาจะเกิดมาโดยไร้นิ้วมือและนิ้วเท้าก็ตาม เรื่องราวของเขานั้นเริ่มต้นเมื่อเขาได้พบกับครูใหญ่ของโรงเรียนหมู่บ้านลิ่วเจียซาน ในปี 1990 ซึ่งในช่วงเวลานั้นทางโรงเรียนก็กำลังขาดแคลนครู จึงได้จ้างเขามาทำงานแทน Chen กล่าวว่า “ตอนนั้นผมอายุ 23 หลังจากที่ผมเรียนจบมาก็ไม่มีใครจ้างผมเลย งานนี้ทำให้ผมได้รับเงิน 50 หยวนต่อเดือน (ประมาณ 250 บาท) ซึ่งผมก็พอใจอย่างมาก” แต่อย่างไรก็ตาม งานที่เขาทำอยู่นั้นค่อนข้างยากลำบากเนื่องจากความพิการของเขา การเขียนกระดานดำด้วยชอล์คจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายมากๆ สำหรับเขา บางทีก็ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บจากเสี้ยนตำ และชอล์คก็มักจะหลุดจากมือเขาอยู่บ่อยๆ แต่ความลำบากนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขายอมแพ้จากการให้ความรู้และการศึกษาแก่เด็กๆ เขาจึงก้าวข้ามทุกอุปสรรคที่เขาพบเจอ เขาต้องตื่นแต่เช้าและต้องเดินทางกว่า 10 กิโลเมตรเพื่อมาศึกษาวิธีการสอนจากครูคนอื่น ก่อนที่เขาจะกลับไปสอนเด็กๆ ของเขาที่โรงเรียน โรงเรียนที่เขาสอนอยู่นั้นตั้งอยู่บนเขาในเมืองหลิ่วหลิน ทางตะวันตกของมณฑลซานซี รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า “โรงเรียนผี” ซึ่งแตกต่างกันมากเทียบกับเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ก่อนหน้านั้นมีเด็กนักเรียนจำนวนกว่าร้อยคน แต่ตอนนี้เหลือนักเรียนเพียง 6 คนเท่านั้นที่มาเรียนทุกวัน รวมกับ…
-
สาวญี่ปุ่นถูกลวนลามบนรถไฟมาตั้งแต่เธออายุ 12-18 ปี บอกเล่าความรู้สึกผ่านหนังสือที่เธอเขียน
ทุกครั้งที่เราพูดถึงการลวนลามบนรถไฟ เหล่าท่านชายหลายคนก็คงจะคิดถึงพล็อตหนังผู้ใหญ่ที่มักจะเจอกันบ่อยๆ จากแดนอาทิตย์อุทัยใช่ไหมละ หรืออาจจะพูดกันติดตลกไปตามภาษา แต่เรารู้กันหรือไม่ว่าในชีวิตจริงมันกลับตลกไม่ออกเลย ปัญหาการลวนลามทางเพศในบนรถไฟในประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน ซึ่งแม้ทางรัฐจะหาทางออกยังไงมันก็ไม่หมดไปเสียที ด้วยเหตุนี้ Kumi Sasaki หญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อของเหล่าโรคจิตบนรถไฟ จึงได้เขียนหนังสือพร้อมบอกเล่าถึงประสบการณ์อันเลวร้ายที่เธอต้องถูกลวมลามมาตั้งแต่อายุ 12 ขวบ หนังสือของเธอนั้นมีชื่อว่า Tchikan ซึ่งบอกเล่าเหตุการณ์ที่เธอต้องเจอมาตลอดระยะเวลาเกือบ 7 ปี โดยในหนังสือได้เล่าถึงประสบการณ์แรกที่เธอถูกลวนลามบนรถไฟเมื่อตอนอายุ 12 ปี ว่า “ตอนนั้นฉันอยู่บนบนรถไฟสายยะมะโนะเตะ ซึ่งฉันรู้สึกว่าเหมือนมีมือใครบางคนมาสัมผัสบริเวณบั้นท้าย ในตอนแรกฉันก็คิดว่ามันเป็นเพราะรถไฟที่แน่นคนเลยบังเอิญมาโดน แต่เอาเข้าจริงๆ มันไม่ใช่ และก็ไม่มีท่าทีจะหยุดด้วย มือดังกล่าวลูบมาที่หลังของฉัน มาที่เอวและก้น ยิ่งนานไปมือนั้นก็ล้วงเข้าไปถึงในกระโปรง ด้วยความที่ตอนนั้นฉันยังเด็ก ความกลัวและความตกใจมันทำให้ฉันทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะหาทางรับมืออย่างไร” หลังจากเรื่องราวดังกล่าวเธอคิดว่ามันจะจบลง แต่ไม่เลย ปัญหาดังกล่าวนั้นยังคงดำเนินต่อไปและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ บางวันถึงกับมีชายวัยกลางคนแอบตามเธอมาถึงบ้านเลยก็มี หนักหน่อยก็มีชายที่แต่งงานแล้วมาบอกให้เธอมีลูกกับเขา ปัญหาดังกล่าวมันหนักขึ้นมากจนทำให้ Kumi คิดฆ่าตัวเลยทีเดียว แต่ก็ต้องขอบคุณเพื่อนของเธอที่เป็นกำลังใจและช่วยเหลือให้เธอผ่านมันมาได้ ซึ่งปัจจุบันเธออายุเข้าเลข 3 แล้วและตัดสินใจอาศัยอยู่นอกเขตตัวเมือง เพราะทุกครั้งที่ขึ้นรถไฟเธอยังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์เดิมๆ นั่นเอง…
-
อดีตนักธุรกิจขายทุกสิ่งที่มี เพื่อจะเอามาสร้างเรือยอร์ชจากเนื้อไม้โบราณเพื่อสานฝันของเขา!!
เคยคิดไหมว่าในอนาคตคุณจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างไร สมมุติว่าคุณประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว คุณมีเงินมากพอที่จะใช้ชีวิตไปได้อีกนาน แต่กลับกันคุณมีอายุที่มากขึ้นถึงเลข 6 หรือ 7 คุณจะทำอย่างไรต่อไป? ถ้าคุณคิดไม่ออกลองดู Mike Ludgrove เป็นตัวอย่างดูสิ โดยเขาคนนี้นั้นเป็นคุณลุงชาวอังกฤษวัย 63 ปี และยังเคยเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง ซึ่งนั่นทำให้เขามีเงินมากพอที่จะสานความฝันและความชอบของตัวเอง ย้อนกลับไปในช่วงตอนที่คุณลุง Mike ยังอายุ 51 ปี ตอนนั้นเขาได้วาดฝันว่าอยากจะมีเรือยอร์ชหรูๆ เป็นของตัวเองสักลำหนึ่ง ซึ่งนั่นทำให้เขาที่เป็นนักธุรกิจและมีทรัพย์สินพอสมควรได้ตัดสินใจติดต่อไปยัง Lyme Regis Boat Building Academy เพื่อฝึกและเริ่มหัดที่จะสร้างเรือของตัวเอง ในตอนแรกนั้น Mike คิดว่าเขาจะสร้างเรือของตัวเองด้วยไม้โบราณสุดหรู พร้อมวางแผนไว้ว่ามันจะเสร็จภายใน 1 ปีและใช้งบเพียงแค่ราวๆ 500,000 ปอนด์ (คิดเป็นเงินได้ประมาณ 22 ล้านบาท) แต่เอาเข้าจริงๆ มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น วินาทีที่เข้าเริ่มลงมือไปได้ระยะหนึ่ง Mike ก็ตระหนักได้ทันทีว่าแผนเดิมที่เขาวางไว้มันไม่มีทางทำสำเร็จตามกำหนดแน่ๆ ด้วยงบที่บานปลายกว่าที่คิด เขาจึงตัดสินใจจะขายทุกอย่างเพื่อมาสานฝันของเขา ซึ่งเขาโชคดีมากๆ ที่มีภรรยาอย่าง Elaine อยู่เคียงข้าง เพราะเธอนั้นเข้าใจและอยู่เคียงข้างเขาเสมอ…
-
ศิลปินช่วยสานฝันให้กับ “ผู้อพยพเด็ก” ด้วยการโฟโตชอปสิ่งที่เด็กๆ จินตนาการเอาไว้
เด็กๆ ล้วนมีความใฝ่ฝันด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าในเวลานั้นเหล่าเด็กๆ จะต้องพบเจอกับสถานการณ์อย่างไร ก็มักจะมีสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นกับตนเองในอนาคตเสมอ แล้วเด็กๆ จะมีความสุขมากขนาดไหนเมื่อวันหนึ่งความฝันของพวกเขากลายเป็นจริง โดยเฉพาะเด็กที่เป็น “ผู้อพยพ” ซึ่งผ่านโลกที่มีแต่เรื่องราวแย่ๆ มามากมาย องค์กร UNHCR จึงได้มีโครงการ Dream Diaries ที่ให้ศิลปิน 4 คนเดินทางไปยัง 5 ประเทศเพื่อพบปะเหล่าเด็กๆ ที่เป็นผู้อพยพ และสร้างสรรค์ภาพขึ้นมาตามจินตนาการของเด็กๆ เหล่านั้น ด้วยการตัดต่อภาพโดย Photoshop นั่นเอง “บางคนก็ใฝ่ฝันว่าอยากมีพลังวิเศษเพื่อที่จะหยุดสงครามซีเรียได้ คนอื่นๆ ก็อยากเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินบ้าง นักข่าวบ้าง บางคนก็อยากจัดงานวันเกิดในธีม Harry Potter และบางคนก็ใฝ่ฝันอย่างเรียบง่ายอย่างเช่นไล่จับผีเสื้อในทุกๆ วัน” ทีมศิลปินกล่าว “พวกเราทำให้ความฝันของเด็กๆ ดูมีชีวิตชีวา ถึงได้ตั้งชื่อโครงการนี้ว่า ‘Dream Diaries’ ยังไงล่ะ เด็กๆ อพยพจากบ้านเกิดมาโดยทิ้งทุกๆ อย่างไว้เบื้องหลัง แต่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้ทิ้งก็คือความฝันยังไงล่ะ ต่อให้พวกเขาเจอเรื่องโศกเศร้ามาขนาดไหน พวกเขาไม่เคยสูญเสียความสามารถและพลังที่จะฝัน” และนี่ก็คือภาพความฝันของเด็กๆ ที่เหล่าศิลปินทำให้เกิดขึ้นจริงๆ . . . . .…
-
จากภาพ “เด็กชายผู้ฝ่าหิมะไปเรียน” ล่าสุดมีคนใจดีมอบเงินเพื่อให้ไปทัศนศึกษาในปักกิ่งด้วย
เมื่อราวๆ เดือนธันวาคม 2017 ที่ผ่านมา ได้มีภาพๆ หนึ่งถูกพูดถึงในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง เป็นภาพของเด็กชายชาวจีนที่ชื่อ Wang Fuman วัย 8 ขวบ ที่อาศัยอยู่ในมณฑล Zhaotong เขต Yunnan เขาต้องฝ่าอากาศอันหนาวเย็น -8 องศาเพื่อไปโรงเรียนประถม Zhuanshanbao Primary School ที่อยู่บนเขาที่ห่างจากบ้านไปราวๆ 4.5 กิโลเมตร แต่เนื่องจากอากาศอันหนาวเย็นสุดขั้ว ทำให้เส้นผมของเขาและขนตาของเขามีแต่เกล็ดหิมะเกาะเต็มไปหมด คุณครูจึงอดไม่ได้ที่จะถ่ายภาพของเขาไปลงในโซเชียลเน็ตเวิร์กและกลายเป็นภาพไวรัลที่มีผู้คนแชร์กันออกไปอย่างรวดเร็วจนได้รับฉายา “Ice Boy” จากความโด่งดังของเขาทำให้เด็กชาย Wang ถูกสื่อหลายแห่งเชิญไปสัมภาษณ์ เด็กชาย Wang บอกว่าเมื่อโตขึ้น เขาอยากจะเป็นตำรวจเพื่อจะได้จับคนร้าย และปณิธานในปีใหม่นี้ เขาตั้งใจจะเรียนหนังสือให้มากขึ้นและหาเงินมาเพื่อรักษาคุณยายที่ป่วยของเขา เด็กชาย Wang บอกว่าเขาเองไม่เคยทิ้งบ้านแล้วเดินทางไปไหนเลย เขาอาศัยอยู่ในบ้านโทรมๆ กับน้องสาวและคุณยาย ส่วนแม่ได้ทิ้งครอบครัวไปครอบครัวใหม่ และพ่อต้องไปทำงานในต่างถิ่น จะได้กลับบ้านเพียงปีละครั้งหรือสองเท่านั้น แต่เขาก็หวังว่าสักวันจะได้ไปปักกิ่ง เพราะจะได้รู้ว่าเด็กๆ ที่นั่นเขาเรียนหนังสือกันยังไง และเพราะความโด่งดังของภาพนั้น มันได้ช่วยเปลี่ยนให้ชีวิตของเขาไปในทางที่ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเมื่อราวๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา พ่อของเด็กชายได้กลับมาที่บ้านอีกครั้งและถูกเสนอให้ทำงานใกล้ๆ กับบ้านของตัวเอง แถมทั้งครอบครัวยังได้รับเงินบริจาคกว่า…
-
คุณพ่อใช้เวลากว่า 18 เดือน เนรมิตห้องนอนลูกให้กลายเป็นโลกนิทานบ้านต้นไม้!!
เหมือนเชื่อว่าเด็กหญิงทุกคนคงมีความฝันที่อยากจะมีห้องนอนที่เหมือนเทพนิยาย ประดับไปด้วยแสงต่างๆ ซึ่งมันเป็นไปได้ยากมากที่จะทำได้ แต่สุดยอดคุณพ่อท่านนี้เขาได้ทำให้ลูกสำเร็จแล้ว คุณพ่อได้โพสต์ผลงานของเขาลงในเว็บไซต์ Reddit ซึ่งเป็นห้องนอนที่เขาได้ทำให้กับลูกสาวของเขาโดยใช้เวลากว่า 350 ชั่วโมง หรือ 18 เดือน สร้างเวทมนตร์ขึ้นมา โดยใช้งบประมาณทั้งหมด 150,000 บาทเลยทีเดียว อื้อหืออออ แน่นอนว่างบเยอะขนาดนี้ อุปกรณ์ทุกอย่างนั้นล้วนมีคุณภาพทั้งนั้น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณพ่อถึงสร้างอะไรแบบนี้ได้คนเดียว เพราะเขาคือศิลปินผู้ออกแบบเกมต่างๆ นั่นเอง คุณพ่อเล่าว่าสิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือเมื่อลูกของเขาอายุครบ 13 แล้ว เขาคงต้องเอาสิ่งพวกนี้ออกไป นี่คือห้องเดิมก่อนที่จะเติมแต่งลงไป ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเปลี่ยนไปมาก และนี่ก็คือภาพห้องนอนหลังจากตกแต่งเรียบร้อยแล้ว ภาพการทำงานของคุณพ่อ ดูก็รู้ว่าทุ่มเทกับการสร้างมากๆ เพราะทำเองคนเดียวหมดเลย . . . . นี่เราควรมอบรางวัลพ่อดีเด่นประจำปีให้เลยรึเปล่านะ . . ที่มา boredpanda
-
นี่คือ 10 เรื่องจริงเกี่ยวกับ ‘การดูแลสุขอนามัยร่างกาย’ ที่คุณอาจเข้าใจผิดมาโดยตลอด!!
การดูแลความสะอาดและสุขอนามัยของเรานั้น บางคนทำมันเสียจนชินและเป็นกิจวัตรกันเลยทีเดียว แต่ทราบหรือไม่ว่าการดูแลสุขอนามัยในชีวิตประจำวันบางอย่างของเรานั้น ถ้าหากทำไม่ถูกวิธีแล้วล่ะก็ อาจก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดตามมาก็เป็นได้ ดังนั้น วันนี้เราขอนำเสนอ 12 ความจริงเกี่ยวกับการ ‘ดูแลสุขอนามัย’ ที่หลายคน เข้าใจผิด ซึ่งสามารถส่งผลร้ายต่อสุขภาพเราได้ แล้วความจริงเหล่านี้มีอะไรบ้าง เชิญไปรับชมกันเลยดีกว่า… 1. การกัดเล็บช่วยแก้เครียด ความจริงคือ: การกัดเล็บนั้นแม้จะเป็นพฤติกรรมที่ทำตอนเครียด แต่มันไม่ได้ช่วยแก้เครียด แถมมันมีโอกาสทำให้เชื้อโรคมีโอกาสเข้าไปในร่างกายเราได้ แถมยังทำให้เสียบุคลิกอีกต่างหาก ฉะนั้นเลิกกัดเล็บเสียเถอะ 2. การใช้ก้านสำลี (คอตตอนบัทท์) ในการแคะหูนั้นสะอาดกว่า ความจริงคือ: การแคะหูด้วยก้านสำลีนั้นทำให้ขึ้หูของเราส่วนหนึ่งถูกดันเข้าไปในหูมากขึ้น ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่จะนำไปสู่การบาดเจ็บของแก้วหู และสูญเสียการได้ยินในที่สุด ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าหากมีปัญหาจริงๆ ควรไปพบแพทย์ อ่านบทความเรื่องไม่ควรใช้ก้านสำลีได้ที่ www.catdumb.com/dont-use-q-tips-064/ 3. ไม่ล้างมือหลังเข้าห้องน้ำเพราะไม่จำเป็นและทำให้เสียเวลา ความจริงคือ: การล้างมือนั้นเป็นวิธีที่ดีและง่ายที่สุดในการป้องกันการเจ็บป่วยที่อาจเกิดจากเชื้อโรค ซึ่งสามารถส่งต่อกันได้หลังจากเข้าห้องน้ำ เพราะฉะนั้นเสียเวลาสักนิดเพื่อสุขภาพของคุณและคนรอบข้างเถอะ 4. ไม่ยอมเปลี่ยนแปรงสีฟันเป็นเวลานาน เพราะใช้ยังไม่พัง ความจริงคือ: แปรงสีฟันนั้นมีการสะสมแบคทีเรียจากการที่เราแปรงฟันแต่ละครั้งไปเรื่อยๆ ทันตแพทย์แนะนำว่าคนเราควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุกๆ 2-3 เดือน หากนานกว่านั้นจะนำไปสู่ปัญหาทางสุขภาพรุนแรงได้ 5. แปรงฟันอย่างไรก็ได้ ตามใจตนเอง ความจริงคือ:…
-
หนุ่มโดนปฏิเสธขึ้นเครื่องบิน เพราะใส่เสื้อ 10 ตัว กางเกง 8 ตัวซ้อนกัน จะได้ไม่หนักกระเป๋า!?
ยุคสมัยนี้ ไม่ว่าอะไรก็เริ่มแพงขึ้นไปหมด ค่าใช้จ่ายต่างๆ บางทีก็ดูเกินความจำเป็น ชายหนุ่มคนนี้ก็เลยได้ไอเดียประหลาดๆ ขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่เกินจำเป็น ชายหนุ่มที่พูดถึงก็คือ Ryan Carney หรือรู้จักอีกชื่อหนึ่งว่า Ryan Hawaii ได้บอกว่า เขาต้องการที่จะลดค่าสัมภาระส่วนเกิน ก็เลยนำกางเกงมาสวมทับกันถึง 8 ตัว และเสื้ออีก 10 ตัว Ryan บอกว่าเขาถูกห้ามไม่ให้ขึ้นเครื่องกลับบ้านด้วยสายการบิน British Airways หลังจากที่เขานำชุดที่ไม่สามารถใส่ในกระเป๋าได้มาสวมใส่ ต่อมานาย Ryan ได้โพสต์วิดีโอลงในทวิตเตอร์ของเขา พูดถึงพฤติกรรมต่อต้านคนผิวสีของทางสายการบิน และทวีตว่า “@British_Airways สวัสดี ผมถูกจับตัวอยู่ที่สนามบิน Keflavik ประเทศไอซ์แลนด์ เพียงเพราะว่าผมไม่มีกระเป๋า ถึงแม้ว่าจะเอาเสื้อผ้ามาใส่ทั้งหมด พวกเขาก็ไม่ให้ผมผ่าน เหยียดสีผิว หรือไง….” ทางสายการบินกล่าวว่า ไม่ได้มีแต่เหตุผลที่เขาเอาเสื้อผ้าในกระเป๋ามาใส่จนเต็มตัวไปหมด และจะเบียดบังพื้นที่ผู้โดยสารคนอื่นเท่านั้น เขายังแสดงกิริยาที่ไม่สุภาพออกมา และเมื่อขอให้จ่ายเงินค่ากระเป๋าเพิ่ม เขาก็ปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ ทางสายการบินจึงได้เรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยมาช่วยจัดการ หลังจากที่ให้ปากคำกับตำรวจ เขาก็กลับไปที่สนามบินเพื่อจองตั๋วเครื่องบินของสายการบิน EasyJet ในวันถัดไป…
-
โรงหนังญี่ปุ่นเพิ่มที่นั่ง (หรือนอน) พร้อมโต๊ะโคทัตสึให้ซุกอุ่นๆ งานนี้มีหลับก็ไม่แปลกแล้วล่ะ
ประเทศญี่ปุ่นมักจะมีเทคโนโลยีและการบริการที่แปลกใหม่มาให้พวกเราได้ตื่นตาตื่นใจอยู่ตลอดเวลา เช่นการบริการในโรงหนัง ซึ่งมีความพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านขายสินค้าจากในหนัง ที่นั่งโซฟาพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เบาๆ ในห้องล็อบบี้ หรือที่นั่งในโรงที่มีความสะดวกสบายกว่าที่นั่งทั่วไป ซึ่งโรงหนังหนึ่งชื่อ Let’s Cinepark ในเมืองโทะโกะโระซะวะ จังหวัดไซตะมะ ก็ได้เปิดตัวที่นั่งพรีเมียมแบบใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของประเทศญี่ปุ่นที่ไม่ซ้ำใคร แถมยังให้ความอบอุ่นอีกด้วย ที่นั่งเหล่านี้ไม่ใช่ที่นั่งที่อุดอู้ที่อยู่ห่างไกลจากผู้ชมคนอื่น แต่ว่าเป็นที่นั่งทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส และมีโต๊ะโคทัตสึอยู่ตรงกลาง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่โปรดปรานของชาวญี่ปุ่นเลยทีเดียว โดยภายในโต๊ะนั้นจะประกอบไปด้วยเครื่องทำความร้อนติดตั้งอยู่ใต้โต๊ะ และมีผ้านวมหนาๆ เอาไว้คลุมขาเวลานั่ง และการนั่งโต๊ะนี้จะต้องนั่งหลายคนกับเพื่อนอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ที่นั่งที่มีโต๊ะโคทัตสึก็ไม่ได้มีอยู่ทุกโรง ในขณะนี้มีแค่ 2 โรงเท่านั้นที่มีที่นั่งพรีเมียมนี้ และโรงหนัง Let’s Cinepark ก็ยังเป็นโรงหนังที่ถูกใจคนดูมากที่สุด และยังมีหนังระดับอีเวนท์ต่างๆ ฉายในโรงเหล่านั้นอีกด้วย ถ้าหากใครได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ก็ลองไปสัมผัสบรรยากาศโรงหนังอันหรูหรานี้ได้นะ ที่มา Rocketnews24
-
“K-Pop ทำให้วัยรุ่นเสพติดสุขนิยม” คำสัมภาษณ์นักการเมืองมาเลย์ ทำให้แฟนๆ ไม่พอใจอย่างมาก
ทุกวันนี้วัยรุ่นแทบทุกซอกทุกมุมของโลก โดยเฉพาะในแถบเอเชีย ต่างชื่นชอบและคลั่งไคล้ศิลปิน K-Pop กันอย่างมาก นอกจากเพลงที่ฟังและร้องตามได้แล้ว หลายๆ คนก็ฝึกเต้นตามศิลปินที่ตนชื่นชอบ ไปเรียนภาษา และเรียนรู้วัฒนธรรมของเกาหลี เห็นได้จากในบ้านเราที่ตอนนี้มีร้านอาหารเกาหลีเปิดอยู่มากมายทั่วทั้งประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มอนุรักษ์นิยมมองว่าศิลปินเกาหลีกำลังทำให้คนหนุ่มสาวมอมเมากับภาพลักษณ์ที่พวกเขาสร้างขึ้น ล่าสุดกลุ่มอนุรักษ์นิยม Gamis Youth Group ในประเทศมาเลเซียได้ออกมาบอกว่า K-Pop เป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้จิตใจของวัยรุ่นเกิดความสับสน Faizuddin Mohd Zai นักการเมืองและผู้นำกลุ่มอนุรักษ์นิยม อ้างว่า K-Pop ส่งเสริมให้วัยรุ่นเสพติดสุขนิยมและเป็นตัวขัดขวางพัฒนาการด้านความรู้ความเข้าใจของพวกเขา เขายังบอกอีกว่าแฟนคลับของ K-Pop อาจต้องจบด้วยการทำอาชีพที่มีรายได้น้อย เมื่อเทียบกับเยาวชนที่ไม่ทำตามวัฒนธรรมเกาหลี เขาอ้างอีกว่าอิสรภาพและการแสดงออกอย่างเต็มที่ในวัฒนธรรม K-Pop ทำให้วินัยของวัยรุ่นมุสลิมอ่อนแอลง เพราะพวกเขาส่งเสริมเสรีภาพมากเกินไป “เยาวชนของเราจะเติบโตมาอย่างมีคุณภาพได้อย่างไร ในเมื่อพวกเขาเติบโตมาในสิ่งแวดล้อมที่มีแต่สุขนิยม อย่างเช่น K-Pop ที่มีอยู่ในทุกที่ มันทำให้พวกเขาไม่แยแสต่อสังคมและมีความเป็นปัจเจกสูง พวกเขาไม่สนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน และที่แย่ที่สุดคือพ่อแม่ชาวมุสลิมในมาเลย์เองก็สนับสนุนลูกหลานในเรื่องวัฒนธรรมแบบสุขนิยมด้วย” -Faizuddin Mohd Zai ผู้นำกลุ่ม Gamis Youth Group- สำหรับแหล่งข้อมูลที่ Faizuddin กล่าวอ้างมานี้ เขาไม่ได้เปิดเผยแหล่งที่มา แต่เขามั่นใจด้วยข้อสรุปของตัวเองว่าการส่งเสริมเสรีและการหล่อหลอมวัฒนธรรม K-Pop ทำให้เยาวชนมุสลิมกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่สมบูรณ์…
-
ภาพหายากของของเหล่าเลสเบี้ยนในยุคศตวรรษที่ 19-20 กับความรักที่ต้องปกปิด…
ในอดีตการรักร่วมเพศถือเป็นเรื่องต้องห้าม ไม่เว้นแม้กระทั่งสังคมตะวันตก นั่นทำให้คนรักร่วมเพศส่วนใหญ่ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ และไม่กล้าแสดงความรักต่อคนที่รักเท่ากับปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ตาม ภาพสีขาวดำเหล่านี้เผยให้เห็นความน่าทึ่งของผู้หญิงที่กล้าแสดงออกถึงความรักในรูปแบบของตัวเอง ทั้งจูบ กอด และนอนด้วยกันแบบแนบชิด ในช่วงปี 1800 และช่วงต้นปี 1900 บางภาพอาจไม่มีข้อมูลประกอบเลย แต่มันดูเหมือนว่าพวกเขาเป็นคู่รักเลสเบี้ยน ในขณะที่บางภาพมีข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของพวกเขา อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่กี่ภาพเท่านั้นที่ยังหลงเหลืออยู่ เพราะภาพส่วนใหญ่คาดว่าน่าจะถูกทำลายโดยครอบครัวพวกเขาแล้ว ผู้หญิง 2 คนกำลังกอดและจูบกัน ถูกถ่ายในช่วงปี 1940 พวกเขากล้าที่จะถ่ายรูปนี้ด้วยกัน ทั้งๆ ที่เวลานั้นการรักร่วมเพศเป็นเรื่องต้องห้าม ภาพหญิงสาวในชุดว่ายน้ำยืนกอดกัน ถูกถ่ายในช่วงปี 1910 – ก่อนที่การรักร่วมเพศจะได้รับการยอมรับในสหราชอาณาจักร ผู้หญิง 2 คนกำลังแสดงความรักต่อกัน ถูกถ่ายเมื่อประมาณปี 1890 ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าผู้หญิงในภาพเป็นคู่รักเลสเบี้ยนหรือแค่เพื่อนกัน นักแสดงสาวชาวอเมริกัน Charlotte Cushman (ซ้าย) และนักเขียนชาวอังกฤษ Matilda Hays (ขวา) ถ่ายรูปนี้ด้วยกันในปี 1858 ทั้งคู่คบกันนานถึง 10 ปี โดยที่ Cushman มีชื่อเสียงโด่งดังมากในประเทศบ้านเกิดของเธอ ภาพซ้าย…
-
กลุ่มนักเลงจอมกร่าง ได้บทเรียนแสนเจ็บแสบจากคนที่เขาจะรังแก เพราะอีกฝ่ายเรียนมวยมา
นักเลงบางคนเนี่ยชอบอวดเก่งกับคนที่อ่อนแอกว่า บางคนอาศัยความที่ตัวใหญ่กว่า หรือมีพวกเยอะกว่า เลยทำตัวกร่าง ไล่ข่มคนอื่น และท้าต่อยกับเค้าไปทั่ว ใครเจอคนประเภทนี้เลี่ยงได้เลี่ยงไปเถอะ เพราะเดี๋ยวเขาก็ได้รับบทเรียนเองแหละ…อย่างเช่นนักเลงวัยรุ่นกลุ่มนี้ที่พากันไปขู่เด็กชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะไม่สู้คน เหตุการณ์นี้ถูกบันทึกไว้เป็นคลิปวิดีโอ โดยมีกลุ่มวัยรุ่นที่คาดว่าน่าจะเป็นนักเรียนมัธยมปลายชาวอเมริกัน กำลังเดินเข้าไปหาเด็กชายเสื้อลายสก๊อตคนหนึ่งที่ถอยหนีจากพวกเขา ในระหว่างนั้น วัยรุ่นชายที่ใส่เสื้อสีขาวพยายามพูดยั่วโมโหหนุ่มเสื้อลายสก๊อต ทั้งด่าทอ ล้อเลียน ก่อนทำท่าเหมือนจะเข้าไปทำร้ายเขา แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร หนุ่มเสื้อลายสก๊อตก็เตะเข้าที่ขาซ้ายของหนุ่มนักเลง และรัวหมัดใส่หน้าเขาไม่ยั้ง จนเขาล้มลงไปกับพื้น ช็อตนั้นทำเอาวัยรุ่นคนอื่นๆ ต่างพากันอึ้ง… อย่างไรก็ตาม หนุ่มเสื้อลายสก๊อตยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น เข้าได้ใช้ท่าเหมือนนักมวยปล้ำล็อกคอหนุ่มนักเลงคนนั้นจนเขาถึงกับสำลักและหน้าแดงอย่างกับลูกโป่งใกล้แตก เมื่อเห็นท่าทางไม่ดี คนที่เหลือเลยขอให้เขาปล่อยนักเลงคนนั้น พร้อมตะโกนว่า “เขาเลือดออก! เขาเลือดออก!” ชายหนุ่มเลยปล่อยเขาไป ต่อมา มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าเด็กหนุ่มเสื้อลายสก๊อตคนนี้เคยเรียนมวย MMA มาก่อนนั่นเอง (ศิลปะการต่อสู้ที่ผสานมวยหลากรูปแบบไว้ด้วยกัน เช่น มวยไทย มวยสากล ยูโด มวยปล้ำ คาราเต้ แซมโบ บราซิลเลี่ยน ยูยิตสู) …มิน่าล่ะ ออกลายซะจนนักเลงกร่างไม่ออกเลย เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ‘ถ้าใจกาก อย่าปากเก่ง’ นะจ๊ะ ที่มา unilad
-
น้องหมาถูกทิ้งให้หนาว โชคดีที่มีมนุษย์ใจดีเข้ามาช่วยไว้ ศรัทธาในมนุษย์ยังไม่สูญสิ้นจริงๆ
หากว่ามีเหตุจำเป็นทำให้ไม่สามารถเลี้ยงน้องหมาน้องแมวหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ได้ ก็มีวิธีมากมายในการหาบ้านใหม่ให้กับน้องๆ แต่ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับเจ้าหมาตัวนี้ที่ถูกทิ้งไว้ตามลำพังท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บ เจ้า Duke สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลด็อกอายุ 2 ขวบถูกเจ้าของคนเก่านำมาปล่อยทิ้งไว้ในสวน Patterson ที่อยู่ในแถบบัลติมอร์ตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐแมรีแลนด์ ในอุณหภูมิเยือกแข็ง มันนั่งรอเจ้าของที่ไม่มีวันกลับมาเป็นเวลานาน แต่โชคดีที่มีคนใจดีที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตเจ้า Duke ให้ดีขึ้น หญิงสาวนามว่า Stephanie Dagenhart ได้พบกับเจ้า Duke ที่ถูกทอดทิ้งอยู่ใกล้กับบริเวณที่เธอเดินผ่าน พร้อมกับข้าวของและกระดาษโน๊ตที่เขียนโดยเจ้าของคนเก่าของมันว่า “มันมีชื่อว่า Duke มันชอบกระดูก อาหารและกล่องของมัน ได้โปรดใครก็ได้ช่วยรักมันที” สิ่งเดียวที่ Stephanie นึกออกก็คือนำเจ้า Duke ไปที่ศูนย์รับเลี้ยงสัตว์ BARCS เพราะเธอเองก็รับเลี้ยงสุนัขมาแล้วถึง 2 ตัวและกำลังพามันมาเดินเล่นเมื่อตอนที่เธอพบกับ Duke Stephanie นั่งเฝ้าดูอาการของเจ้า Duke จากม้านั่งที่ห่างออกไปไม่ไกล เธอรู้สึกได้ว่ามันยังต้องการพื้นที่ จึงพยายามเรียกชื่อเพื่อให้มันรับรู้ว่ามันไม่ได้อยู่อย่างเดียวดายอีกต่อไปแล้ว เธอกล่าวว่า “มันนั่งอยู่ตรงนั้น ทั้งโศกเศร้าและสั่นด้วยความหนาว มันเป็นภาพที่ลบออกจากหัวไม่ได้จริงๆ ที่เห็นมันเป็นแบบนั้น” ในขณะที่ Stephanie กำลังนั่งเศร้าและกำลังหมดหวัง ก็มีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น…
-
พ่อใจร้ายนำลูกที่คลอดก่อนกำหนดไปทิ้งในถังขยะ เพราะคิดว่าไม่รอด โชคดีมีคนช่วยไว้ทัน
การมีลูกในช่วงวัยที่ยังไม่พร้อม สภาพเศรษกิจของครอบครัวไม่เอื้อ หรือไม่ได้ตั้งใจมีตั้งแต่แรก สุดท้ายแล้วปัญหามักจะไปตกอยู่กับทารกน้อยที่ไม่รู้สีรู้สาอะไรด้วย เหมือนกับเรื่องราวสุดสะเทือนใจนี้ เมื่อคุณพ่อคนหนึ่งจากเมืองซวนวี ประเทศจีน นำลูกไปทิ้งไว้ในถังขยะทั้งที่เด็กน้อยเพิ่งเกิดได้ไม่นาน ในรายงานบอกว่าภรรยาของชายคนดังกล่าวได้คลอดก่อนกำหนด (8 เดือน) ภายในบ้านของตัวเอง แต่แทนที่ผู้เป็นพ่อจะดูแลลูก เขากลับวางลูกไว้บนเตียงแล้วไปดูแลภรรยา คือปกติการคลอดก่อนกำหนดก็อันตรายมากพออยู่แล้ว แต่นี่ยังเป็นการคลอดในบ้านที่ไม่มีหมอดูแลเลย ยิ่งจะเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นไปอีก ตามรายงานของตำรวจบอกว่าหลังจากที่วางลูกไว้บนเตียง เขาไม่ได้กลับมาดูลูกเลย กระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง ผู้เป็นพ่อได้กลับมาดูลูก แต่ปรากฏว่าตัวลูกกลายเป็นสีม่วงแล้ว พวกเขาเลยคิดว่าทารกคงไม่รอดแล้วแน่ๆ แทนที่พ่อแม่จะรีบไปโรงพยาบาลเพื่อขอความช่วยเหลือจากแพทย์ แต่ผู้เป็นพ่อกลับห่อเด็กไว้ในถุงกระดาษ ก่อนจะนำไปทิ้งในถังขยะข้างนอก ภายใต้อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม โชคดีที่มีหญิงสูงวัยคนหนึ่งผ่านไปเห็นเด็กน้อยพอดี จึงช่วยเหลือเธอเอาไว้ทัน และทำให้ร่างกายเธออุ่นขึ้น หลังจากการช่วยเหลือของหญิงชรา ทารกที่เพิ่งเกิดไม่กี่ชั่วโมงก็ถูกส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาล…เมื่อตรวจร่างกายเสร็จ พบว่าทารกมีสุขภาพที่แข็งแรงดี ซึ่งตรงข้ามกับข้อสันนิษฐานของพ่อของเธอก่อนหน้านี้ คุณหมอบอกว่าจริงๆ แล้วการที่ทารกมีร่างกายเป็นสีม่วง เกิดจากการอยู่ในสภาพอากาศหนาวเย็นเป็นเวลานาน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พ่อแม่ของทารกถูกจับกุม ส่วนเด็กหญิงถูกนำตัวไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ต่อจากนี้ไป หวังว่าทางสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจะหาบ้านใหม่ที่อบอุ่นให้กับเธอได้ เพื่อให้เธอสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติและลบล้างความเจ็บปวดในวัยแรกเกิดได้บ้าง ที่มา unilad
-
22 ภาพที่ถ่ายได้ในจังหวะสุดเป๊ะ ก่อนความวายวอดจะมาเยือน หือออ เจ็บปวดน่าดู
เราทุกคนเคยผ่านช่วงเวลาแห่งหายนะกันมาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการหกล้มในวัยเด็ก ขับรถล้ม หรือประสบการณ์อื่นๆ ที่สร้างความเจ็บปวดให้จนลืมไม่ได้ลง เหมือนกับภาพเหตุการณ์เหล่านี้ที่ถูกถ่ายในจังหวะที่พอดีเป๊ะ มันคือช่วงก่อนที่ความซวยจะบรรลุ บางภาพอาจดูตลกนะ แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นขำไม่ออกแน่นอน 1. ก่อนที่เขาจะเอาหน้าไปจูบถนน 2. เห้ย!! เดินบนน้ำได้ด้วย เจ๋งอะ 3. เป้าหมายมีไว้ให้พุ่งชน ว่าแต่เจ้าเหมียวจะทำยังไงกับจุดแดงๆ นี่นะ? 4. คลื่นสูงแค่ไหนก็ไม่หวั่น… 5. เป็นไง สดชื่นเลยละสิ 6. ล้อๆๆๆ กลับมาก่อน 7. จับผิดแล้ว ลูกบาสอยู่บนนุ่นนนน 8. ภาพนาทีระทึก ก่อนจะลงเอยด้วยขนอกเกรียม 9. จับหลานชายไว้ให้ได้นะยาย 10. อ้าว…ชน!? 11. ประสบการณ์ใหม่ของการบิน 12. เมื่อพ่อรับปากว่าจะดูแลลูกเอง… 13.…
-
ภาพการ์ตูนวัยเด็กแสนหดหู่ของ Oprah Winfrey จากเด็กโดนข่มขืน สู่ความสำเร็จในวันนี้
ในวัยเด็กเราอาจจะมีประสบการณ์ที่น่าจดจำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวันที่ได้ไปเที่ยวสวนสนุกครั้งแรก ตอนได้ของขวัญชิ้นโปรด หรือการเติบโตมาในสังคมที่อบอุ่น แต่สำหรับเด็กผู้หญิงคนนี้ เธอต้องเติบโตมากับความทรงจำอันเลวร้าย มันไม่ใช่เรื่องน่าจดจำแต่เธอกลับลืมมันไม่ลงและยังคงฝังใจอยู่จนทุกวันนี้ นี่คือผลงานภาพวาดที่บอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาวคนหนึ่งที่ต้องตกเป็นทาสเซ็กส์ตั้งแต่ตอนอายุ 9 ขวบเท่านั้น และเธอไม่สามารถเล่าความเจ็บปวดนี้ให้ใครฟังได้… เด็กหญิงถูกข่มขืนตอนอายุ 9 ขวบ จากนั้นเขาได้พาเธอร้านไอติม ทั้งที่เลือดไหลเต็มขาของเธอ ตอนอายุ 10 เธอต้องทนรองรับอารมณ์ของญาติสนิท 2 คน ตอนอายุ 14 ปี เธอตั้งท้อง แต่ได้เก็บเป็นความลับจนกระทั่งวันคลอด เธอคลอดก่อนกำหนด และลูกน้อยได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา เนื่องจากภาวะแทรกซ้อน แม่ยกน้องสาวของเธอให้คนอื่นรับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ส่วนพี่ชายของเธอเสียชีวิตเพราะโรคเอดส์ ตั้งแต่นั้นมา เธอพยายามดิ้นรนเพื่อหลุดพ้นจากสถานการณ์เหล่านั้น ตอนอายุ 23 ปี เรื่องราวในอดีตกลับเข้ามาในความคิดเธออีกครั้ง และเธอก็จมอยู่กับมัน นั่นส่งผลให้เธอถูกไล่ออกจากงานแรกของเธอ แต่การสูญเสียในครั้งนั้น เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอเริ่มทำอาชีพในวงการโทรทัศน์ ในปี 1984 เธอได้เป็นเจ้าของรายการ…
-
คุณแม่ถูกแบนไม่ให้เลี้ยงสัตว์ หลังจากขังหมาไว้หลังบ้านจนผอมเพราะมันส่งเสียงดัง
การที่เราจะตัดสินใจเลี้ยงสัตว์เลี้ยงสักตัวหนึ่ง สิ่งแรกที่ต้องมีก็คือใจที่รัก เพราะว่าเราต้องดูแลมันราวกับว่ามันคือสมาชิกหนึ่งในครอบครัว แต่ก็ได้มีเหตุการณ์หนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าบางทีคนที่รับเลี้ยงสุนัขอาจจะไม่ได้รักมันจริงๆ เหมือนอย่างคุณแม่ท่านนี้ที่ถูกแบนจากการเลี้ยงสัตว์เป็นเวลากว่า 10 ปี เพราะพบว่าเธอปล่อยให้ลูกสุนัข 4 ตัวอดอยากในกองขยะหลังบ้าน Carly Bennett ว่าที่คุณแม่ท้องแก่จาก Staffordshire ประเทศอังกฤษ ได้เลี้ยงสุนัข 4 ตัวไว้สวนหลังบ้าน ท่ามกลางสายฝนและปล่อยให้หิวโซ โดยเธอได้ให้เหตุผลว่าพวกมันเสียงดังจนทำให้เธอตื่น ทางองค์กรพิทักษ์สัตว์จึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ พบว่าสุนัขทั้ง 4 นั้นกำลังพยายามคุ้ยหาอาหารในซากกองขยะ อีกทั้งยังมีสภาพสกปรกและกลิ่นฉี่ที่รุนแรงมาก นอกจากนี้ยังค้นพบอีกว่าคุณแม่ลูกห้า ซึ่งกำลังตั้งท้องคนที่หกได้ปล่อยให้สุนัขตัวโตอดอยากด้วยเช่นกัน เมื่อปีที่แล้วเคยเข้าไปตรวจสอบแล้วครั้งหนึ่ง โดยอัยการ Roger Price กล่าวว่า “ตอนนั้นยังไม่มีใครอยู่ ดังนั้นผู้ตรวจสอบจึงต้องลงพื้นที่ มีเพื่อนบ้านแถวนั้นบอกว่าเธอนำลูกสุนัขไว้ในกล่องหลังบ้านตลอดทั้งคืน ท่ามกลางกองขยะ” ผู้ตรวจสอบก็เลยกลับไปที่บ้านนั้นอีกครั้ง แล้วก็ขอเข้าไปในบ้าน แต่เธอบอกว่าสามีของเธอเอาลูกหมาไปแล้ว แต่เธอก็ลองเข้าไปดูที่หลังบ้าน ตรวจสอบทุกซอกทุกมุมแล้วพบว่าที่นี่มีกลิ่นที่แรง อีกทั้งยังพบสุนัขโตเต็มวัย 3 ตัว ในสภาพที่โอเค เจ้าหน้าที่เล่าว่าที่หลังบ้านเต็มไปด้วยขยะ ทั้งชิ้นส่วนรถ และของต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อสุนัขด้วย นอกจากนี้ทางศาลยังเล่าว่าผู้ตรวจสอบได้ยินเสียงข่วนที่ประตู ก็เลยลองเปิดดู พบว่ามีลูกหมาอีก…
-
เมื่อหนังสือพิมพ์ที่มีหน้าทรัมป์วางซ้อนกัน เกิดเป็นมีมภาพสุดฮาที่คนเอาไปตัดต่อยำให้เละ!!
ถ้าพูดถึงผู้นำที่มีความเอาแน่เอานอนไม่ได้ วินาทีนี้ก็คงหนีไม่พ้น โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่แกดำรงตำแหน่งมาก็มีเรื่องมากมายเกิดขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งก็คือการที่ชาวเน็ตเอามีมต่างๆ ของแกมายำใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องฮาๆ ได้ และเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้มีอีกภาพหนึ่งของทรัมป์ที่ถูกแชร์ออกไปอย่างกว้างขวาง เป็นภาพของเขาที่อยู่บนหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ คือถ้ามันวางอยู่ฉบับเดียวก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก แต่ถ้ามันวางซ้อนๆ กันละก็ มันก็จะกลายเป็นทรัมป์ที่กำลังอ้าปากกว้าาาาาาาาางมากๆ โดยภาพนี้ตีพิมพ์โดย Scholz & Friends ในปี 2016 บนหนังสือพิมพ์เยอรมันที่ชื่อว่า Der Tagesspiegel ไปดูรูปต้นฉบับกันเลย โดยโฆษณาชิ้นนี้เคยได้รับรางวัลจากเทศกาล Cannes Lions ด้วยนะเออ ซึ่งเมื่อภาพนี้เผยแพร่ออกไป ก็ได้มีการแชร์และแน่นอนว่าต้องมีการตัดต่อด้วย เราไปดูผลงานของแต่ละคนกันเลยดีกว่าว่าจะเอารูปนี้ไปทำอะไรได้บ้าง มาที่รูปแรกเลย อ้าปากกว้างๆ แบบนี้ก็คงหนีไม่พ้นภาพวาดสุดคลาสสิกของ Edvarch Munch ที่ชื่อว่า The Scream ต่อกันด้วยภาพของ Francis Bacon หรือจะเป็นฆาตกรต่อเนื่อง Ghostface จาก Scream ก็ได้นะ เป๊ะอยู่ ขนาดเป็นช่องโปรดของท่านเองก็ยังอ้าปากกว้าาาาาาง ลองมาดูแบบอ้าๆ หุบๆ ดูบ้าง เรียกได้ว่าโดนกันบ่อยจนชินเสียแล้วมั้งสำหรับลุงทรัมป์ เราอาจจะได้เห็นภาพแนวๆ…
-
เด็กหนุ่มยอมสละชีวิตตัวเองกระโดดเข้าไปในบ้านไฟไหม้ เพื่อช่วยคุณพ่อป่วยเป็นอัมพาต
อุบัติเหตุเพลิงไหม้นั้นถือว่าเป็นอุบัติเหตุที่ร้ายแรงและมีผู้คนเสียชีวิตมากมาย ซึ่งครั้งนี้ก็ได้พรากชีวิตของพ่อลูกไปอย่างน่าสลด ในช่วงบ่ายของวันพุธที่ 17 มกราคม 2018 นายอำเภอ Marty Grisham ได้รับรายงานว่ามีเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่บ้านสำเร็จรูปบริเวณถนนเรนนิกในเมืองมารีเอตตา รัฐโอคลาโฮมา ประเทศสหรัฐอเมริกา . ตำรวจรายงานว่า ภายในบ้านมีเด็กชายวัย 13 ปีและเด็กหญิงวัย 16 ปีอาศัยอยู่กับคุณพ่อวัย 60 ปีในบ้าน ในขณะที่กำลังนอนหลับอยู่ในบ้านนั้น เด็กหญิงก็ได้ตื่นขึ้นมาพบว่าเพลิงกำลังลุกไหม้อยู่ในห้อง เธอได้วิ่งข้ามถนนออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน ในขณะที่น้องชายของเธอพยายามที่จะช่วยพยุงคุณพ่อที่เป็นอัมพาตขึ้นรถเข็น แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะเขม่าควันที่มีมากเกินไปได้ กว่านักดับเพลิงจะช่วยกันดับไฟได้ ก็ช้าไปเสียแล้ว Grisham กล่าวว่าพวกเขาพยายามที่จะเข้าไปในบ้านทั้งประตูหน้าและหลัง แต่ก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากไฟนั้นรุนแรงเกินไป หลังจากนั้นก็ได้ทราบว่าคุณพ่อของเด็กมีชื่อว่า James Cummins เป็นอัมพาตจากการประสบอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน และเด็กชายวัย 13 ปีมีชื่อว่า Thomas JayVance Cummins ส่วนลูกสาวนั้นยังระบุตัวตนไม่ได้ และแม่ของเด็กๆ นั้นออกไปซื้อของในขณะที่เกิดเหตุ Grisham กล่าวว่า “พวกเขาแค่กำลังนอนหลับ และลูกชายของเขาก็ได้พยายามช่วยชีวิตพ่อของเขาอย่างสุดความสามารถ ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้า” …
-
หนุ่มจีนขับรถตู้ บดร่างผู้ต้องสงสัยที่ยิงลูกดอกยาพิษฆ่าหมาของเขาจนเสียชีวิต
เวลามีใครมาทำร้ายสัตว์เลี้ยงของเรา ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้เป็นธรรมดา แต่สำหรับชายคนนี้มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้น เพราะเขาตั้งใจจะแก้แค้นให้ถึงแก่ชีวิต เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ประเทศจีน มณฑลเจียงซู เมื่อหนุ่มคนหนึ่งพบว่าสุนัข 6 ตัวของเขาตายเพราะถูกคนยิงลูกดอกยาพิษใส่ ด้วยความแค้นเขาจึงออกตามหาคนที่ฆ่าหมาของเขา โดยภาพเหตุการณ์นี้ถูกบันทึกได้โดยกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นภาพที่เห็นรถตู้พุ่งชนกำแพงอิฐ พร้อมทั้งมีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งในสภาพยับเยินล้มอยู่ ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นการไล่ล่าของเจ้าของสุนัข และคนยิงลูกดอกซึ่งกำลังหลบหนี เรื่องราวการล้างแค้นนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ้าของสุนัขได้ยินเสียงสุนัขของตัวเองร้องออกมา จึงเข้าไปดูแล้วพบว่าสุนัขไม่สามารถขยับตัวได้เลย หลังจากนั้นเขาก็รีบขึ้นรถไป เพื่อไล่ตามชายที่ขับมอเตอร์ไซค์ ก่อนที่จะขับชนและบดร่างเขาเข้ากับกำแพงอิฐ รายงานจากทางตำรวจกล่าวว่าชายผู้ต้องสงสัยเสียชีวิตคาที่ ส่วนเจ้าของสุนัขกำลังโดนสืบสวนหาข้อเท็จจริงอยู่ อย่างไรก็ตาม ทางครอบครัวของเจ้าของสุนัขก็ออกมาบอกว่าเขานั้นไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าคนที่ฆ่าสุนัข แต่ตอนนั้นเท้ามันควบคุมไม่ได้ ส่วนทางคนที่รู้จักกับผู้ตายก็ได้กล่าวว่า “ถึงแม้เราจะผิด แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาตัดสิน ทำร้าย หรือว่าฆ่าเราเลย” . จากรายงานเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ได้มีการยึดลูกดอกยาพิษกว่า 200,000 ชิ้น ซึ่งเชื่อว่าเอาไว้ใช้ยิงใส่สุนัขเพื่อฆ่า ซึ่งสุนัขส่วนใหญ่ก็จะถูกนำไปประกอบอาหารนั่นเอง ซึ่งสมาชิก 8 คนของกลุ่มคนที่ขายลูกดอกก็ถูกตัดสินจำคุกเป็นที่เรียบร้อย Wendy Higgins จากศูนย์ Humane Society International ก็เคยออกมาล่าถึงเหตุการณ์นี้ว่าที่จีนนั้นมีปัญหาการเรื่องการค้าเนื้อหมาและแมวเยอะมากๆ ในทุกๆ ปีมีหมากว่า 20 ล้านตัวและแมวอีก 4…
-
5 วิธีการเอาตัวรอดของแบรนด์ธุรกิจ จากการปรับเปลี่ยนรูปแบบของเฟซบุ๊กในปี 2018
จากกรณีที่พี่ Mark Zuckerberg เจ้าของเฟซบุ๊กได้ทำการปรับเปลี่ยนระบบการแสดงผลที่หน้านิวส์ฟีด ให้มีการโชว์คอนเทนต์หรือโฆษณาของแบรนด์หรือธุรกิจต่างๆ ให้แสดงผลน้อยลง ส่งผลให้โอกาสในการหาลูกค้าหน้าใหม่ๆ ลดลงไปเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่ามันจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากมาย เพราะส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ใช้เฟซบุ๊กเป็นพื้นที่ในการทำโฆษณาแทบทั้งสิ้น!! แล้วเราจะมีวิธีอยู่รอดได้อย่างไร!? หากสูญเสียพื้นที่ในการโฆษณาและหาลูกค้า วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมคำแนะนำจากบทความของเว็บไซต์ Socialmediatoday กันครับ ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าที่พี่ Mark เค้าทำไป จริงๆ ก็เป็นการรับมือกับปัญหาที่เฟซบุ๊กได้เผชิญมายาวนานหลายปี ซึ่งปัญหานั้นก็คือเหล่าคอนเทนต์ด้อยคุณภาพจากแบรนด์ต่างๆ อย่างเช่น Click Bait หรือการ Engagement Baiting (การเรียกร้องให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมโดยการให้กดไลก์กดแชร์) และเมื่อมองในมุมนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่เหล่าแบรนด์ต่างๆ จะหันมาพัฒนาคอนเทนต์การโฆษณา หรือวิธีการหารายได้ด้วยวิธีที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น จากเหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้มีความเห็นจากนาย James Whatley ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดของบริษัท Ogilvy UK ก็ได้ออกมาให้ความเห็นว่า “หากคุณเป็นสำนักพิมพ์หรือทำคอนเทนต์โฆษณาที่ผลิตแต่ผลงานดีๆ น่าสนใจและมีคุณภาพอยู่แล้ว ขอบอกเลยว่านี่คือโอกาสทองของพวกคุณ” ฉะนั้นการปรับเปลี่ยนอัลกอริทึ่มของเฟซบุ๊กไม่ได้เป็นจุดจบทุกอย่างของโลกใบนี้ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ หรือเล็กแค่ไหนก็ตาม เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยเกิดขึ้น!! นั่นหมายความว่า เราจะต้องปรับตัวไปตามการเปลี่ยนแปลงที่เฟซบุ๊กได้วางเป้าหมายเอาไว้ ถ้าหากคุณยังใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นพื้นที่หลักในการเข้าถึงลูกค้าอยู่ล่ะก็นะ… แล้วเราจะต้องทำอะไรกันบ้าง!? เป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ยากลำบากมากๆ เพราะคุณจะยอมทิ้งเฟซบุ๊กที่มียูสเซอร์มากถึง 2 พันล้านยูสเซอร์ไปเหรอ?…
-
ตำรวจบอกให้พ่ออยู่บ้านหลังลูกชายหายไป แต่พ่อดื้อจ้างฮ.ตามหา แถมเจอก่อนตำรวจด้วย
สัญชาตญาณของพ่อแม่นั้นบางทีก็ช่างแม่นยำจนน่าตกใจราวกับว่าพวกท่านมีพลังจิต เมื่อมีบางอย่างที่ผิดปกติจากนิสัยของลูกๆ บางทีพวกเขาอาจจะรับรู้ได้ทันทีว่าอาจมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นได้ เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 15 มกราคม ปี 2018 ที่ผ่านมา หลังจากที่ Tony Lethbridge คุณพ่อชาวออสเตรเลีย ติดต่อ Samuel ลูกชายวัย 17 ปีของเขาไม่ได้เป็นเวลากว่า 24 ชั่วโมง ซึ่งผิดปกติจากนิสัยของเขาที่จะบอกกับพ่อแม่ตลอดเวลาจะออกไปไหน ด้วยความเป็นห่วง Samuel ทางครอบครัวจึงได้เข้าแจ้งกับตำรวจ แต่ว่าคำตอบที่ได้รับมานั้นทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก “พวกเขาบอกว่าลูกชายของเราอาจจะหนีออกจากบ้าน อย่างนู้นอย่างนี้ แม้ว่าเราพึ่งพูดไปว่านี่ไม่ใช่นิสัยของเขา” Tony กล่าว หลังจากที่ตำรวจได้รับรายงาน พวกเขาบอกให้ Tony และครอบครัวกลับไปรอที่บ้าน แต่ว่าการรอคอยเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถทนทำได้ เพราะเขาคิดว่าลูกชายอาจประสบอุบัติเหตุที่ไหนซักแห่ง สิ่งที่เขารับรู้ครั้งสุดท้ายก่อนลูกชายจะออกจากบ้านไปคือ ลูกชายของเขาส่งข้อความหาแฟนสาวเมื่อวันอาทิตย์ตอนเช้าว่าจะไปเจอกันที่บ้านของครอบครัว Blacksmiths ในเวลาประมาณเที่ยง แต่ทว่าลูกชายของเขานั้นไปไม่ถึง Tony สงสัยว่าเขาอาจจะประสบอุบัติเหตุบนถนนเส้นนั้น ซึ่งเคยมีอุบัติเหตุรถชน ซึ่งคนขับเสียชีวิตก่อนที่ตำรวจจะมาพบเป็นเวลาหลายวัน คุณพ่อเลยไม่รอช้า เขานำเงิน $1,000 หรือประมาณ 31,000 บาทเพื่อเช่าเฮลิคอปเตอร์…
-
พบกับเจ้าหมาน้อยเพชรฆาต คร่าชีวิตหนูกว่า 600 ตัว เพื่อช่วยหมู่บ้านจากการแพร่ระบาดของเชื้อโรค
การแพร่ระบาดของหนูนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากเลยทีเดียว เพราะว่าพวกมันสามารถแพร่พันธุ์ได้ไวมาก แถมยังนำพาสิ่งสกปรกและโรคภัยต่างๆ มาสู่ผู้คนได้ เหล่าผู้คนในหมู่บ้านจัดสรรในเมืองเดอรัม ประเทศสหราชอาณาจักร ต่างประสบปัญหาการแพร่ระบาดของหนู แต่ก็มีคนในพื้นที่คนหนึ่งที่คอยจัดการกับปัญหาด้วยตัวเอง Tara สุนัขพันธุ์เทอร์เรียและเจ้าของ Adrian Oliver ได้มีภารกิจที่จะจัดการกับปัญหานี้ที่สร้างความหวาดกลัวต่ออันตรายแก่เด็กๆ ให้หมดสิ้น เจ้า Tera อาจจะดูน่ารักเหมือนกับตุ๊กตาหมี แต่มันก็ได้ล่าหนูมากว่า 600 ชีวิตในปีที่ผ่านมา และมีครั้งหนึ่งที่มันสามารถจัดการกับหนูได้ถึง 42 ตัวภายใน 1 วัน Adrian วัย 33 ปีได้ตำหนิสภาของเมืองเดอรัมว่าพวกเขาควรจะมาแก้ปัญหาในหมู่บ้านจัดสรรนี้ และไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ให้สัตว์เลี้ยงของเขาคอยจัดการกับปัญหาด้วยซ้ำ คุณพ่อคนหนึ่งในหมู่บ้านกล่าวว่า “ผมกลัวว่าวันหนึ่งพวกหนูจะกระโดดมาทำร้ายลูกสาวของผมในขณะที่เธอออกไปเล่นข้างนอกบ้าน พวกมันมีอยู่ทุกที ไม่ว่าจะในถังขยะ ในโรงเก็บของ หรือแม้กระทั่งใต้บ้านที่คนอาศัยอยู่” Adrian กล่าวว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะ Tera พวกมันคงแพร่พันธุ์ไปทั่วทั้งเมืองแล้ว แถมยังนำพาโรคระบาดที่ทำให้คนเจ็บป่วยอีกด้วย ปัญหานี้จะหมดสิ้นไปได้ถ้าหากทางสภาได้สละเวลาลงมาช่วยบ้าง” ทั้งคู่นั้นทำงานกันเป็นทีม Adrian ใช้เครื่องพ่นควันเพื่อไล่หนูออกมาจากที่ซ่อนของมัน และเจ้า Tera ก็รอตะปบพวกมัน Adrian…
-
พบกับอุปกรณ์เสริมสมาร์ตโฟน ‘มีดโกนขนจมูกไฟฟ้า’ ใช้ง๊ายง่าย เสียบ แหย่ แค่นั้นจอบอ
อย่างที่รู้กันดีว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของการประดิษฐ์อุปกรณ์แปลกๆ ออกมาวางขายกันเหมือนเป็นเรื่องปกติ และถึงมันจะแปลกแต่เอาจริงๆ มันก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงอย่างไม่น่าเชื่อ!? เช่นเดียวกันกับเจ้าอุปกรณ์เสริมติดกับสมาร์ตโฟนนี้ที่สามารถโกน ‘ขนจมูก’ ของคุณให้เกลี้ยงเกลาได้ โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่มือถือของคุณนั่นเอง เจ้าอุปกรณ์ดังกล่าวนี้ผลิตขึ้นมาโดยบริษัท Thanko ที่เป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์เพื่อใช้งานในชีวิตประจำวันแบบแปลกๆ ขึ้นมามากมาย มีทั้งหูฟังเอลฟ์, อุปกรณ์ซักผ้าขนาดจิ๋ว, หรือแม้แต่เครื่องทำความเย็นให้กับจั๊กกะแร้ก็มี หูฟังเอลฟ์ เครื่องซักผ้าจิ๋ว เครื่องทำความเย็นให้จั๊กกะแร้ โดยคุณสามารถเป็นเจ้าของอุปกรณ์เสริมตัดขนจมูกนี้ในราคาแค่ 413 บาท วิธีใช้งานก็ง่ายๆ เสียบมันเข้ากับช่องชาร์ตแบตเตอรี่สมาร์ตโฟนของคุณ แล้วก็ยัดส่วนใบมีดไฟฟ้าเข้าในรูจมูกของคุณได้เลย “ไม่ต้องชาร์ตแบต ทำความสะอาดได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่เห็นขนจมูกแพลมออกมาก็จัดการได้ง่ายๆ แค่เสียบมันเข้ากับโทรศัพท์ของคุณ ใช้ได้ทั้งระบบแอนดรอยด์ และไอโอเอส นอกจากนี้ตัวใบมีดยังสามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ด้วย ขอบอกเลยว่ามันเหมาะกับคุณสุดๆ!!” คำโฆษณาสินค้าจากหน้าเว็บไซต์ ใช้ง๊ายง่าย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ทำได้ แค่หยิบออกมา เสียบเข้าไปที่โทรศัพท์ แล้วก็ยัดเข้าไปในรูจมูก จอบอเลย หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจแล้วล่ะก็ลองเข้าไปเยี่ยมชมหน้าเว็บไซต์ของ Thanko กันได้เลย ที่มา :…
-
ความเฟลที่เกิดขึ้นในโลกของ ‘อนิเมะญี่ปุ่น’ ที่คุณอาจมองข้ามไป แต่มันไม่น่าให้อภัยเลยจริงๆ นะ T T
ต้องขอบอกเลยว่า ‘อนิเมะญี่ปุ่น’ เป็นหนึ่งในสื่อบันเทิงที่มีแฟนๆ ติดตามอยู่ทั่วโลก ทั้งเนื้อเรื่องที่สร้างความประทับใจ และงานภาพที่สวยงามอลังการ จึงไม่ยากเลยที่จะเอาชนะใจผู้คนได้มากมาย และด้วยความที่มันเป็น ‘การ์ตูน’ บางครั้งมันก็อาจจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านงานภาพ หรือตรรกะแปลกๆ ที่ทำเอาคนดูอย่างเราๆ อดมองข้ามและอดหัวเราะไม่ได้เช่นกัน ดังเช่นภาพต่อไปนี้ จะเป็นอย่างไรบ้างลองไปรับชมกันได้เลยจ้า… 1. เลเยอร์มันดูแปลกๆ นะ เอ็งควรจะเป็นคนที่โดนบังไม่ใช่เร๊ออ!? 2. แล้วเกิดเบอร์ที่จะโทรมันมีเลข 9 อยู่ด้วย นี่ไม่ต้องกด 3*3 แทนเลยเรอะ!? 3. เพื่อนๆ ต่างก็เรียกผมว่า ‘นายแขนเด็ก’ 4. แลดูหนังสือพิมพ์ในฉากนั่นจะสมจริงมากๆ เลยนะ 5. เจ้าฮอร์คที่ดูเหมือนจะตัวใหญ่กว่าหมูทั่วๆ ไป แถมยังบินได้อีกต่างหาก!? 6. อย่าหันไปเชียว เดี๋ยวมีตกใจหงายหลังกันบ้างล่ะ 7. ถ้าจะเบี้ยวแถมตั้งแต่คางยันขาขนาดนี้ล่ะก็นะ… 8. รู้สึกว่าปากมันจะแปลกๆ ไปซะหน่อยมั้ง 9.…
-
“Die With Me” แอปฯ แชตรูปแบบใหม่ ที่ทำงานได้เฉพาะตอนโทรศัพท์ใกล้สิ้นใจเท่านั้น
ในปัจจุบันที่ทุกคนใช้โลกออนไลน์กันอย่างแพร่หลาย มีคนจำนวนไม่น้อยที่เสพติดโลกออนไลน์และไม่ค่อยสนใจโลกแห่งความเป็นจริงเท่าใดนัก ถ้าหากแบตเตอรี่โทรศัพท์ไม่หมดล่ะก็คงจะไม่ยอมวางมือจากมือถือเลย ด้วยความที่อยากกช่วยแก้ไขปัญหานี้ ชายหนุ่มจึงทำแอปพลิเคชั่นแชตแบบใหม่ขึ้นมาซึ่งสามารถเปิดใช้งานในตอนแบตโทรศัพท์ใกล้จะหมดเท่านั้น จะได้เป็นการสนับสนุนให้คนผลาญแบตจนไม่สามารถท่องโลกออนไลน์ได้ โดยแอปพลิเคชันนี้มีชื่อว่า Die With Me (ตายไปกับฉันเถอะ) หากต้องการใช้แอปพลิเคชันตัวนี้ ผู้ใช้งานจำเป็นต้องมีแบตเตอรี่โทรศัพท์ต่ำกว่า 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถ้าหากว่ายังมีแบตเตอรี่เหลืออยู่มากกว่านั้นแอปฯ ก็จะแจ้งเตือนไม่ให้ใช้งาน แต่เมื่อเปิดใช้งานตอนมีแบตเตอรี่ต่ำกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ คุณก็จะเข้าไปสู่ห้องแชทที่เต็มไปด้วยคนแปลกหน้าซึ่งแบตโทรศัพท์ใกล้จะหมดเช่นเดียวกับเรา แล้วจะได้ใช้เวลาทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่หรือว่านัดเจอกันก่อนแบตฯ จะหมดนั่นเอง ผู้สร้างแอปพลิเคชันนี้ขึ้นมาเป็นชายชาวเบลเยียมชื่อ Dries Depoorter เขาสร้างแอปพลิเคชั่นนี้โดยมีจุดประสงค์ให้คนได้ใช้เวลาตอนแบตฯ โทรศัพท์ใกล้จะหมดอย่างมีค่าโดยการทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ และยังอยากให้คนตัดขาดจากโลกออนไลน์ด้วย เขากล่าวว่า “ในตอนแรกนั้นผมอยากให้คนใช้เวลาตอนแบตเตอรี่ใกล้หมดอย่างคุ้มค่าเท่านั้น ส่วนการทำให้มันเป็นห้องแชตเป็นไอเดียที่ตามมาทีหลัง แต่พอตอนนี้ได้เห็นผู้ใช้แอปคุยกันอย่างสนุกสนานแล้วก็ทำให้ผมมีกำลังใจจะพัฒนามันต่อไป” ในปี 2016 Depoorter และ David Surprenant เพื่อนผู้ร่วมทำแอปฯ อีกท่านนำเสนอแอปพลิเคชันนี้ที่งานเทศกาลภาพยนตร์สารคดีที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ จากนั้นในปีถัดมาพวกเขาจึงเริ่มทดลองเปิดใช้แอปพลิเคชั่นนี้งานเทศกาลเดิม โดยให้ผู้ที่แบตเตอรี่โทรศัพท์ต่ำในงานเป็นผู้ทดลองใช้กลุ่มแรก หลังจากนั้นทั้งคู่จึงพยายามนำแอปพลิเคชั่น Die With Me…
-
เหมียวแวะมาเล่นกับลิงน้อยที่โรงเรียนทุกวัน เกิดเป็นมิตรภาพระหว่างสัตว์ต่างสายพันธุ์
มิตรภาพเป็นสิ่งที่ไม่มีเส้นแบ่งกั้นเผ่าพันธุ์จริงๆ นะครับ ไม่น่าเชื่อว่าสัตว์ต่างสายพันธุ์จะเป็นเพื่อนกันได้แบบนี้ ที่เราเห็นกันได้บ่อยๆ คงจะเป็นหมากับแมว แมวกับหนู และหมากับลิงที่เคยออกรายการโทรทัศน์มาแล้ว ฮ่าๆๆ วันนี้เราจะพาทุกท่านมาดูความน่ารักของสัตว์ต่างสายพันธุ์คู่ใหม่ในประเทศเกาหลีกัน สัตว์ที่ว่านี้ก็คือเจ้าลิงน้อยกับเจ้าแมวเหมียวนั่นเอง จะน่ารักขนาดไหนไปดูกันเอาเองนะ สวัสดีฮะ นี่แมวเหมียว Benzi และลิงน้อย Soondol พวกเราเป็นเพื่อนซี้กันนานแล้ว นี่คือโรงเรียนอนุบาลที่เป็นบ้านของ Soodol มีเด็กๆ อยู่เต็มไปหมดเลย เจ้าเหมียว Benzi ไม่ชอบอยู่กับคนเท่าไหร่เลยไม่เข้าไปใกล้ตอนมีคนเยอะ พอเด็กๆ กลับบ้านกันไปในตอนเย็นแล้ว เจ้าเหมียวก็จะวิ่งมารอหน้าประตูทุกวัน พอได้ยินเสียงเจ้าแมวมาเคาะประตู เจ้าลิงก็จะวิ่งออกมาหามันทันที แล้วมันก็จะเล่นซนด้วยกันตลอดเย็น ดูสิฟัดกันเมามันส์มาก พอเล่นกันบ่อยๆ เราก็เลยซี้กันจนตัดกันไม่ขาดเลยเนอะๆ หลังจากเล่นกันจนเหนื่อยแล้วก็จะมานอนด้วยกันบนเปลที่เจ้าของทำไว้ให้ พอได้อยู่กับเจ้าจ๋อแล้วแมวเหมียวก็นอนนิ่งสบายใจเฉิบเลย อ้ะ ถึงเวลาที่เจ้าของมารับเจ้าลิงแล้ว ถึงจะสนิทกับเจ้าลิงแต่มันก็ไม่เข้าใกล้คนนะ คงจะกลัวคนอยู่นั่นแหละ เกมที่เจ้าสองตัวนี้เล่นด้วยกันบ่อยๆ ก็คือเกมซ่อนหานั่นเอง รอบนี้ Soodol…
-
เจ้าเหมียวหน้าดำมีความสุขสุดๆ หลังมีทาสโดนตก รับมันไปเลี้ยงแถมเอ็นดูราวกับลูก
ถ้าคุณเห็นหนึ่งในทาสแมวคุณก็ย่อมรู้ดีว่า หากเจ้าเหมียวมันเข้ามาพันแข้งพันขา ส่งสายตาอ้อนวอนพร้อมทั้งส่งเสียงร้องอันบริสุทธิ์ออกมานั้นไม่มีทาสแมวคนไหนทนไหวหรอก จึงต้องพักสิ่งที่ทำอยู่ไปให้ความสนใจกับมันแทน เจ้าเหมียวเองก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี พอมันอยากได้บ้านใหม่มันก็เลยเข้าไปหลอกล่อเหยื่อด้วยการไปให้เจอหน้าบ่อยๆ พออ้อนติดกันหลายวันเข้าเจ้าทาสก็จะทนไม่ไหวจนต้องรับมันเข้าไปเลี้ยงไว้เอง หึหึ แมวเหมียว Tater Tot แมวพันธุ์วิเชียรมาศตัวนี้เป็นแมวจนจัดอยู่ย่านบรู๊คลิน กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกามันคงจะเบื่อชีวิตแมวจรจัดเต็มทนแล้วแหละ มันก็เลยเดินเตร็ดเตร่โชว์ตัวอยู่ในชุมชนแฟลตบุช เผื่อว่าจะมีทาสแมวคนไหนเผลอใจเอามันไปเลี้ยง ทาสแมวสาว Alley ที่อาศัยอยู่ในแถบนั้นก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นเจ้าแมวตัวนี้มาคุ้ยขยะและกินอาหารเหลือๆ ทุกวัน เธอจึงติดกับเจ้าแมวและรับมันเข้าไปเลี้ยงโดยปริยาย ทีนี้เจ้าเหมียวก็มีบ้านสบายๆ อยู่แล้ว แผนการล่อเหยื่อสำเร็จ! พอเข้ามาอยู่ในบ้านได้ไม่ทันไรมันก็ตบรางวัลให้ Alley อย่างงาม ด้วยการกระโดดขึ้นไปนั่งอยู่บนตักของเธอแล้วใช้อุ้งมือของมันนวดให้เธอด้วย น่ารักอะไรขนาดนี้ สาวน้อยบอกว่า “พอเอาเข้าบ้านปุ๊บเจ้าแมวก็อ้อนใหญ่เลย ไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวเลยสักนิดเดียว” เธอตั้งชื่อเจ้าเหมียวตัวนี้ว่า Tater Tot และเธอก็ชอบลูบหัวให้มันทำหน้าฟินๆ อยู่เป็นประจำด้วย เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอลูบหัวมัน มันก็จะอ้อนให้เธอเกาคาง เกาหน้า ลูบซ้าย ลูบขวาไม่ยอมหยุดเสียที เหมือนมันเรียกร้องให้เธอทำสปาฟูลคอร์สให้ก็ไม่ปาน เฮ้ย อย่าหยุด ลูบอีกสิ กำลังฟินเลย หลังจากเจ้าเหมียวได้อยู่ในบ้านที่อบอุ่นจนหนำใจแล้ว เธอก็พามันไปหาสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ แล้วเธอก็เลยรู้ว่าเจ้าเหมียวนี้ไม่ได้เป็นลูกแมวอย่างที่คิดในตอนแรก มันมีอายุตั้ง 1…
-
ธุรกิจตุ๊กตายางปิ๊งไอเดีย “ให้ลูกค้าได้ทดลองใช้ก่อนซื้อ” ให้ลูกค้ามั่นใจในสินค้ายิ่งกว่าเดิม
ในการเลือกซื้อของ การทดลองสินค้าก่อนจะซื้อนั้นอาจจะทำให้เรามั่นใจในคุณภาพของสินค้าว่าคุ้มราคาหรือไม่ เช่นการลองขับรถยนต์ก่อนซื้อ การลองสวมใส่เสื้อผ้าก่อนซื้อ แต่คุณเคยคิดจะลองตุ๊กตายางไหม ถ้าเกิดมีคนเคยลองก่อนหน้าคุณมาแล้ว บริษัทหนึ่งในเมือง Gateshead ประเทศอังกฤษ ชื่อว่า lovedoll.co.uk ได้มีการเปิดตุ๊กตายางให้เช่าในราคา 50 ปอนด์ หรือประมาณ 2,200 บาทต่อครึ่งชั่วโมง ให้ลูกค้าได้ลองใช้งานตุ๊กตายางในห้องส่วนตัวที่มีเตียง ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ธุรกิจนี้ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงก่อนวันคริสต์มาสที่ผ่านมา และมีลูกค้าประมาณ 2-3 คนที่รับข้อเสนอนี้ แต่คุณคิดว่าพวกเขาได้จับมือตกลงซื้อขายกันหลังจากนั้นรึเปล่านะ Graham เจ้าของธุรกิจกล่าวว่า “พวกเราหวังว่าการทดลองสินค้าเหล่านี้จะทำให้ลูกค้านั้นอยากซื้อสินค้าของเรา เป้าหมายของเราไม่ได้มีแค่การใช้บริการนี้เท่านั้น” ลูกค้าที่สนใจจะทดลองใช้งานตุ๊กตายางนั้นจะต้องให้ข้อมูลติดต่อและต้องจ่ายเงินล่วงหน้า พวกเขาต้องเดินทางไปยังหน่วยอุตสาหกรรมและใช้รหัสที่ได้มาในการเปิดเข้าไปในห้องที่มีตุ๊กตายางใส่ชุดบางๆ รออยู่…แหม ช่างยั่วยวนเหลือเกิน ประเภทของตุ๊กตาที่นำมาให้ทดลองใช้งานนั้นเป็นตุ๊กตาขนาดตัวเท่าผู้ใหญ่ มีน้ำหนักประมาณ 66 ปอนด์ หรือประมาณ 30 กิโลกรัม และมีอวัยวะเพศที่เหมือนกับของจริง มีราคาประมาณ 1,800 ปอนด์ หรือราวๆ 80,000 บาท ซึ่งการทดลองใช้งานในราคา 50 ปอนด์ หรือประมาณ 2,200 บาทถือว่าเป็นข้อเสนอที่ไม่เลวเลยทีเดียว …
-
“ผมอยากเป็นพ่อที่ดี” … Ed Sheeran เผยว่าเขาอาจจะเลิกทำเพลง ถ้าเขามีลูกและครอบครัว
หากพูดถึงผู้ที่เป็นทั้งนักร้อง นักดนตรี และนักแต่งเพลงที่มีความสามารถ และเป็นที่รักใคร่ของใครหลายๆ คน ก็คงจะหนีไม่พ้นหนุ่มผมแดงมากความสามารถวัย 26 ปี Ed Sheeran คนนี้แน่นอน กับผลงานเพลงที่ติดหูผู้ฟังและโด่งดังไปยังนานาประเทศ เช่น Thinking Out Loud, Shape of You, และ Perfect เป็นต้น และด้วยคุณภาพคับแก้วของ Ed Sheeran ผู้นี้ จึงทำให้ผู้คนชื่นชอบและกลายเป็นแฟนคลับของเขาอย่างท่วมท้น ก่อนหน้านี้ไม่นานก็กลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้เหล่าแฟนคลับ โดยเฉพาะสาวๆ ต้องอกหักกันไปหลายต่อหลายคน เพราะว่าหนุ่ม Ed นั้นออกมาประกาศเปิดตัวหวานใจของเขา นั่นก็คือสาว Cherry Seaborn วัย 24 ปี ซึ่งในปี 2016 ทั้งคู่ก็แอบไปหมั้นกันแล้วเป็นที่เรียบร้อย (อ่านข่าวเก่า) ล่าสุดหนุ่ม Ed ได้ออกมาประกาศว่าเมื่อเขาอายุครบ 30 ปี เขาเองก็อยากที่จะเป็นคุณพ่อ และเมื่อไรที่เขามีลูกน้อยเขาก็จะไม่ทำเพลงต่ออีกแล้ว แปลว่าเหล่าแฟนคลับเองก็จะเหลือเวลาให้คอยติดตามผลงานของเขาอีกเพียง 4 ปีเท่านั้น …
-
ช่วยตรูขึ้นไปที๊!! เจ้าสลอธร้องเรียกให้มนุษย์ช่วย หลังปีนขึ้นมาจากซอกหินไม่ได้ เอาจริงดิ!?
ใครจะไปคิดล่ะว่าการมาอยู่ที่ชายหาดซึ่งเป็นถิ่นของสัตว์ทะเล ยังจะมีโอกาสให้เราได้พบกับเจ้าสล็อตสิ่งมีชีวิตแสนเชื่องช้าแต่น่ารักที่หายากแบบนี้ แต่ว่าเจ้าสลอธมันติดอยู่ในซอกหินเลยขึ้นมาเองไม่ได้ ร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่ผ่านมาใหญ่เลย ถ้าใครไม่ยอมช่วยเจ้าสัตว์น่าเอ็นดูตัวนี้ก็ใจร้ายเกินไปแล้วล่ะ ช่วยตูด้วย ขาตูติดหิน เจ้าสลอธตัวพันธุ์สองนิ้วเท้าที่หายากนี้ถูกพบในวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมาที่จังหวัด Punta Tigre ประเทศคอสตาริกา ดูเหมือนว่ามันจะถูกพายุพัดตกลงไปในน้ำทะเลเมื่อคืนก่อนหน้านี้ พอน้ำทะเลลดลงแล้วมันก็รอดชีวิตกลับมาได้ แต่ว่าขาของดันเข้าไปติดอยู่ในซอกหินจึงขยับไปไหนไม่ได้เลย นอกจากนี้ยังมีทรายเข้าไปในดวงตาของมันด้วย คลิปวิดีโอตอนเจอเจ้าสลอธน้อย โชคดีที่มีแขกของบ้านพัก Morgan’s Lodge ผ่านไปเห็นมันเข้าแล้วกลับไปบอกกับเจ้าของบ้านพัก Dirk Morgan ให้ไปช่วยเหลือมันไว้ได้ทัน เขาเล่าว่า “เรามีบ้านพักอยู่ในแถบที่ไม่ค่อยครึกครื้นนักของประเทศคอสตาริกา เรารู้จากแขกที่พักอยู่ว่ามีลูกสลอธติดอยู่ในหิน ห่างจากบริเวณนั้นประมาณครึ่งไมล์ (ประมาณ 800 เมตร) …” รีบๆ ช่วยตูออกไปสักทีเถอะ ฮือ Dirk ยังบอกอีกว่า “ตอนนั้นพระอาทิตย์เพิ่งขึ้นมาได้ชั่วโมงเดียวเองและพายุเมื่อคืนก็สงบลงแล้ว เราก็เลยเดินไปดูยังจุดที่แขกบอกแล้วรีบช่วยเจ้าสลอธเอาไว้ก่อนที่มันจะตาย ระหว่างทางเราก็ไล่หมา 2 ตัวที่จะเข้าไปกัดมันด้วย” เจ้าของบ้านพักเล่าต่อว่า “ตอนที่เจอมันก็ตัวเปียกน้ำทะเลโชกเลย แล้วก็มีทรายเข้าไปติดอยู่ในตาของมันด้วย มันดูอ่อนแรงแล้วก็กลัวมาก แต่ก็ยังร้องขอความช่วยเหลือตอนที่เราเข้าไปใกล้ๆ “…
-
แมวหน้าแปลกสองพี่น้องกอดกันกลม หลังมนุษย์ช่วยให้รอดพ้นจากความหนาวข้างถนน
ท่ามกลางช่วงพายุหิมะที่อุณหภูมิติดลบ ยังมี 2 ชีวิตตัวน้อยๆ กำลังตกระกำลำบาก พยายามที่จะเอาชีวิตรอดในสภาพแวดล้อมอันโหดร้าย ในช่วงก่อนคริสต์มาสที่ผ่านมา เจ้าเหมียวสองตัวก็ได้ถูกพบเจออยู่ข้างนอกอพาร์ตเมนต์ในละแวกเบดฟอร์ด ย่านบรุกลิน รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา พวกมันกำลังคุ้ยหาอาหารท่ามกลางอุณภูมิอันเย็นยะเยือก โชคดีที่มีกลุ่มอาสา Infinite Hope ในบรุกลิน ได้รับการติดต่อว่าพบเจ้าเหมียว 2 ตัวอยู่บนถนนแถวนั้น และได้พามันไปยังที่อบอุ่นและปลอดภัย พบกับเจ้า Morela (ลายสามสี) และเจ้า Dactyl (ตัวสีส้ม) “เจ้าเหมียวทั้งสองตัวนี้ไม่ยอมเข้าใกล้คนบนถนนเลย ฉันเลยไปกับเจ้าหน้าที่อาสาของ TNR อีกคนและใช้กับดักในการจับเจ้าเหมียวออกมา หลังจากที่จับได้แล้วก็พบว่าใบหน้าของมันไม่เหมือนกับแมวอื่นๆ“ Michelle เจ้าหน้าที่ของ Infinite Hope กล่าว หลังจากที่พาไปคลินิกสัตว์ หมอบอกว่าพวกมันมีอายุประมาณ 4-5 เดือน และเกิดมาพร้อมกับโครโมโซมที่ผิดปกติ ทำให้หน้าของมันนั้นประหลาดออกไป แต่ก็ไม่มีผลต่อสุขภาพของมันมาก Dactyl เจ้าเหมียวตัวสีส้มเป็นโรคที่เรียกว่า Entropion ที่ทำให้หนังตาม้วนเข้าไปข้างใน มันใช้ชีวิตทั้งๆ ที่ปวดตาตลอดเวลา ตอนที่มันเร่ร่อนไปมาบนถนน มันพึ่งพาอาศัยกันเพื่อความอยู่รอด Morela…
-
แม่เจ้าสาวขุดรูปเก่าขึ้นมา ก่อนที่จะรู้ว่าลูกเขยนั้น เคยมีอดีตแสนสุขร่วมกับลูกสาวเธอมาก่อนแล้ว…
คู่รักบางคู่ไม่ได้รอให้พรหมลิขิตมาช่วยกำหนดให้พวกเขาเจอกัน ฝ่ายชายอาจจะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจจนสามารถมัดใจฝ่ายหญิงเอาไว้ได้ในที่สุด เรียกว่าเป็นความรักจากน้ำพักน้ำแรงล้วนๆ แต่สำหรับ Heidi และ Ed Savitt คงต้องบอกว่าเป็นพรหมลิขิตจริงๆ เพราะนอกจากจะรู้สึกถูกใจกันตั้งแต่แรกพบแล้ว ทั้งคู่ยังเคยพบและมีใจให้กันในวัยเด็กด้วยแม้จะจำไม่ได้เลยก็ตาม บอกได้เต็มปากเลยว่าคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกันจริงๆ Heidi และ Ed Savitt หนุ่มและสาวคู่นี้พบกันครั้งแรกเมื่อปี 2011 การพบกันของทั้งคู่นั้นช่างเหมือนกับฟ้าลิขิตเลย ในตอนนั้นหนุ่ม Ed เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านพักของมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิลในประเทศอังกฤษ แต่เขาไม่รู้วิธีใช้เครื่องปั่นผ้าในนั้นจึงจะขอคำปรึกษาจากคนที่เคยอยู่ที่นั่นมาก่อน พอลองค้นหารายชื่อคนที่เคยอยู่ดูก็บังเอิญไปเจอชื่อ Heidi เข้าพอดีเขาจึงขอให้เธอมาช่วยสอนใช้เครื่องปั่นผ้าเสียเลย เมื่อทั้งคู่เจอกันก็ตกหลุมรักกันในทันที เหมือนกับว่าทั้งคู่รู้จักกันมานานแล้วอย่างไรอย่างนั้น จึงเริ่มทำความรู้จักและตัดสินใจคบกันในเวลาไม่นาน คบกัน 4 ปีแล้วแต่ยังรักไม่เปลี่ยนแปลง พอคบกันมาได้ 4 ปีทั้งคู่ก็ยังคงรักกันหวานชื่นอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง ก็เลยตัดสินใจว่าถึงเวลาที่ควรจะพาคู่ของตัวเองไปแนะนำให้ครอบครัวได้รู้จักสักที ทั้งคู่จึงนัดครอบครัวของแต่ละฝ่ายมาทานอาหารเย็นด้วยกันที่ร้านอาหารในกรุงลอนดอน เมื่อทั้งสองครอบครัวได้เจอหน้ากัน Fiona คุณแม่ของฝ่ายชายและ Kay คุณแม่ของฝ่ายหญิงก็รู้สึกว่าทั้งคู่ชอบอะไรหลายๆ อย่างเหมือนกัน ทั้งชอบไปล่องเรือ ชอบไปท่องเที่ยว ดูเหมือนทั้งคู่จะเข้าขากันได้ดีทีเดียว เราพาครอบครัวไปรู้จักกันดีกว่าเนอะ จะได้สานสัมพันธ์กันให้มากขึ้น พวกเธอแลกเปลี่ยนเรื่องราวของครอบครัวตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง จน Kay เล่าเรื่องในอดีตเมื่อครั้งที่…
-
‘เขาคือปีศาจในร่างมนุษย์’ ความในใจนักยิมนาสติกสหรัฐฯ ผู้ถูกแพทย์ผู้ดูแลล่วงเกิน
ในช่วงปีที่ผ่านมานั้น หากจะกล่าวถึงคดีความที่เกิดขึ้นและกลายเป็นกระแสไปทั่วโลก ก็คงหนีไม่พ้นในเรื่องของคดีการล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางวาจาและการปฏิบัติลงมือ ต่างก็ถูกเปิดเผยออกมาจากผู้มีชื่อเสียงในหลากหลายวงการ ทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ จนเกิดเป็นกระแสการต่อต้านและแฉพฤติกรรมฉาวผ่านแฮชแท็ก #metoo ไปทั่วโลกออนไลน์ และในครั้งนี้ #เหมียวเลเซอร์ ก็จะขอพูดถึงประเด็นนี้อีกครั้ง เนื่องจากมีคดีความใหญ่เกิดขึ้นในแวดวงกีฬาของประเทศสหรัฐอเมริกา และเพิ่งจะขึ้นศาลฟ้องร้องกันไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม 2018 McKayla Maroney นักยิมนาสติกทีมชาติสหรัฐฯ ผู้คว้าเหรียญทองโอลิมปิกในปี 2012 จุดเริ่มต้นของเรื่องอื้อฉาวในวงการยิมนาสติกของสหรัฐฯ Lawrence G. Nassar คือแพทย์ผู้ดูแลนักยิมนาสติกทีมชาติสหรัฐอเมริกา เขาได้รับใบประกอบวิชาชีพแพทย์ในสาขาออสทีโอพาธี (อันเป็นระบบการดูแลสุขภาพ ที่ประสานการนวดเข้ากับการแพทย์แผนปัจจุบัน) และเขาก็ได้ทำการเปิดคลินิก พร้อมทั้งเป็นผู้ดูแลชมรมยิมนาสติก ของมหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตตอีกด้วย Lawrence G. Nassar แพทย์ผู้ดูแลนักยิมนาสติกทีมชาติสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งในเดือนกันยายน ปี 2016 หนังสือพิมพ์ Indianapolis Star เปิดเผยว่า อดีตสองนักยิมนาสติกได้กล่าวหานาย Nassar ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเมื่อทางมหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตตทราบเรื่อง จึงทำการย้ายงานสอนในชมรมของเขา ก่อนที่จะไล่ออกในเวลาเพียงไม่นาน… การจุดประกายไฟเล็กๆ…
-
ชาวเน็ตวิจารณ์แหลก MV “สิ่งที่เหลืออยู่” เล่าประเด็นเพศที่สามได้แย่ จนต้นทางต้องลบคลิป
กลายเป็นประเด็นดราม่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากได้มีการปล่อยเอ็มวีใหม่ของวง ZHEEZ เจ้าของบทเพลงดัง “ความรู้สึกของคนที่หมดใจ” เมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนนี้พวกเขากลับมาอีกครั้งกับซิงเกิล “สิ่งที่เหลืออยู่” แต่หลังจากปล่อยเอ็มวีมาได้ไม่นาน ก็ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากกับประเด็นที่เล่นในเอ็มวีเกี่ยวกับเพศที่สาม ที่ทำออกมาในมุมมองที่ไปทางแง่ลบเสียมากกว่า เริ่มต้นจากทวีตหนึ่ง ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับประเด็นนี้ จนตอนนี้มียอดรีทวีตไปถึง 13,000 ครั้ง และมีคนกดไลก์และคอมเมนต์จำนวนมาก ล่าสุดทางช่องยูทูบก็ได้ลบคลิปเอ็มวีตัวนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ดูคลิปเอ็มวีบางส่วนได้ที่นี่ โดยในเอ็มวีนั้นได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคู่รักคู่หนึ่ง ที่ฝ่ายชายมีเพื่อนเป็นผู้ชาย แล้วสุดท้ายจับได้ว่าเขาและเพื่อนชายนั้นมีอะไรกัน แต่จุดที่ทำให้คนออกมาต่อว่าก็คือรอยเปื้อนบนเตียงที่อาจจะเดาได้ว่าเป็นอุจจาระที่เกิดขึ้นจากการมีอะไรกันระหว่างชายกับชาย และนี่ก็คือความเห็นบางส่วนต่อเอ็มวีตัวนี้ จากกรณีนี้ก็ทำให้เราได้เห็นว่าบ้านเรานั้นมีการตระหนักถึงเนื้อหาที่ไปในเชิงเหยียด อีกทั้งผู้ผลิตก็ต้องทำการบ้านด้วยว่าความจริงแล้วสังคมมันเป็นยังไง เรียบเรียงโดย #เหมียวสามสี
-
Tomioka Dance Club ชมรมนักเต้นสาวมัธยม ปล่อยคลิปเต้นเท้าไฟใหม่ “This is Me”
หากใครยังจำกันได้ เมื่อราวๆ เดือนกันยายนปีที่แล้ว เว็บไซต์ของเราได้เคยนำเสนอเรื่องราวของเกิร์ลกรุ๊ปญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Tomioka Dance Club ที่ก่อตั้งมาจากชมรมเต้นในโรงเรียนมัธยม Tomioka เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น สิ่งที่ทำให้ Tomioka Dance Club เริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกก็เพราะว่าพวกเธอได้เข้าประกวดการแข่งขันที่ชื่อว่า Nippon High School Dance Club Championship (กิจกรรมประกวดเต้นสำหรับเด็กมัธยม) พร้อมกับแต่งตัวย้อนยุคแบบสาวออฟฟิศสมัยยุค 80s แถมยังมีท่าเต้นแปลกๆ จนผู้ชมและคณะกรรมการต่างก็ฮาไปตามๆ กัน ใครนึกไม่ออกเรามีคลิปฉบับเต็มๆ ให้ดูด้วยนะ และล่าสุดทาง Tomioka Dance Club ก็ได้ปล่อยคลิปใหม่ออกมา คราวนี้เป็นเพลง This is Me ที่ใช้สำหรับประกอบภาพยนตร์ The Greatest Showman (ที่เข้าฉายในบ้านเราไปแล้วตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2017 ที่ผ่านมา) ดูไกลๆ อาจจะนึกว่า CG แต่จริงๆ แล้วนี่คือเหล่าบรรดานักเต้นทั้งจริงๆ กว่า…
-
สาวๆ ควรรู้! 7 อาหารใกล้ตัว ที่อาจจะทำให้ผิวของคุณพังได้โดยไม่คาดคิด
หากว่าคุณอยากจะมีผิวสวยใสไร้ฝ้ากระล่ะก็ คุณควรจะรักษาสุขภาพผิวหนังให้ดี นอกจากการใช้ครีมกันแดดและครีมบำรุงผิวแล้ว การเลือกกินอาหารที่เป็นประโยชน์ก็เป็นปัจจัยหลักในการรักษาสุขภาพผิวเช่นกัน แต่ในบางครั้งอาหารที่เราคิดว่ามันจะช่วยให้เราสุขภาพดีได้ กลับมีผลเสียต่อผิวของเราอย่างคาดไม่ถึงทีเดียว หากว่าเพื่อนๆ ไม่อยากให้ผิวพังเกินเยียวยาก็ควรจะระวังอาหารต่อไปนี้เอาไว้ด้วย 1. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผิวหนังของเครื่องสำอาง Time Bomb คุณ Michaella Bolder เคยบอกไว้ว่า “การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดต่อผิวหนังของคุณ” นั่นเป็นเพราะหลังจากคุณดื่มแอลกอฮอล์แล้ว มันจะส่งผลให้ฮอร์โมนของคุณทำงานผิดปกติซึ่งเป็นเหตุให้คุณ มีสิว ได้ นอกจากนี้แล้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของคุณอ่อนแอลงและลดจำนวน ไมโครไบโอม ซึ่งเป็นแบคทีเรียสำคัญในลำไส้ที่มีผลต่อสภาพผิวของคุณด้วย อีกอย่างหนึ่งการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ทำให้คุณผิวแห้งเนื่องจากขาดน้ำด้วยนั่นเอง ทางที่ดีคุณควรจะจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ไว้แต่พอเหมาะนะ 2. เค้กข้าว อาหารจำพวกเค้กข้าวนั้นหมายถึงของกินใดๆ ก็ตามที่นำข้าวไปแปรรูปเป็นก้อนหรือเป็นชิ้น ซึ่งที่เราจะรู้จักกันดีก็คือแป้งต๊อกของประเทศเกาหลีใช้เป็นวัตถุดิบหลักของต๊อกป๊อกกีนั่นเอง แม้ว่ามันจะดูมีประโยชน์แต่แท้จริงแล้วเค้กข้าวแทบไม่มีส่วนผสมอื่นใดเลยนอกจากแป้งจึงถือว่ามีสารอาหารน้อย แล้วมันก็กินง่ายจนทำให้เราเผลอกินเยอะเกินควรอีกด้วย หากกินเยอะมากเกินไปจะทำให้เราอ้วนและมีริ้วรอยบนใบหน้ามาก ในเค้กข้าวเองก็ยังมี Advanced Glycation End Products (AGEs) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เราดูแก่กว่าวัยแถมยังเป็นต้นเหตุหนึ่งของจุดด่างดำและสิวด้วย 3. ซูชิ น่าเสียดายที่อาหารจานโปรดของใครหลายคนอย่างซูชินั้นมีเกลือในปริมาณมาก จึงทำให้ผิวหนังของเราแห้งเสียได้ นอกจากนี้แล้วโซเดียมในเกลือยังทำให้ผิวของเราบวมน้ำได้อีกด้วย ที่สำคัญคือซูชิมีข้าวอยู่เป็นปริมาณมาก ซึ่งในข้าวนี้มีสารไกลเซมิกอินเด็กซ์ที่ดูดเอาความชุ่มชิ้นจากผิวหนังชั้นนอกออกไปทำให้ผิวหนังแห้งและดูแก่กว่าวัยอันควรด้วย หากต้องไปกินซูซิ เราขอแนะนำให้คุณกินน้ำมากกว่าปกติจะได้ทำให้ผิวชุ่มชิื้นขึ้นเป็นการทดแทน 4. ผลิตภัณ์จากนมวัว …
-
ฮีโร่หญิงกระโดดคว้าตัวผู้ชายที่พุ่งเข้าหารถไฟฟ้าความเร็วสูง จนรอดพ้นจากการฆ่าตัวตาย
เมื่อออกไปอยู่ในที่สาธารณะ แทนที่จะก้มหน้าที่เล่นโทรศัพท์ เราควรสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัวอยู่เสมอ เพราะมันจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เราปลอดภัยและยังสามารถช่วยเหลือคนรอบข้างได้ด้วย อย่างกรณีของหญิงสาวผู้ไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่งในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เธอได้รับการยกย่องว่าเป็นฮีโร่ หลังจากที่เธอใช้ไหวพริบและความว่องไวจนสามารถช่วยชีวิตคนจากการฆ่าตัวตายได้ เหตุการณ์นี้ถูกเผยแพร่โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์ @invisibleman_17 เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2018 ที่บริเวณชานชาลารถไฟ ซึ่งถูกบันทึกโดยกล้องวงจรปิดบริเวณนั้น ในช่วงแรกของคลิปจะเห็นชายคนหนึ่งกำลังคุยโทรศัพท์บนชานชาลารถไฟด้วยอารมณ์โมโห ก่อนจะมีมีคู่รักเข็นรถเด็กเดินผ่านมา ในคลิปอาจจะเห็นภาพไม่ชัด แต่ด้วยท่าทางของเขา เห็นได้ชัดว่าชายที่คุยโทรศัพท์คนนั้นกำลังอยู่ในสภาวะที่ตึงเครียด If you take the time to care, you might save a life ? pic.twitter.com/2eZWZ5MgDY — The Invisible Man (@invisibleman_17) 17 มกราคม 2561 สักพักชายคนนั้นก็ขว้างโทรศัพท์ลงกับพื้น ก่อนจะนั่งลงกุมหัวตัวเองเหมือนคนที่กำลังเครียดอย่างหนัก นั่นเป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงที่เดินผ่านมาก่อนหน้านี้เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ จากท่าทางของผู้หญิงคนนั้น ดูเหมือนเธอกำลังลังเลว่าควรจะเข้าไปหาชายคนนั้นดีหรือไม่ แต่ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาเขา เพราะไม่อยากเมินเฉยต่อคนที่กำลังอยู่ในความทุกข์ …
-
ผู้เล่นในโลกเกมเสมือน ต่างทำได้เพียงแค่ยืนมองดูผู้เล่นที่เป็นลมชัก นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น…
ปัจจุบันนี้สื่อบันเทิงในด้านเกมนั้น มีการพัฒนาไปไกลมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (Virtual Reality) ที่หลากหลายบริษัทพัฒนาเกมต่างให้ความสนใจ และลงทุนพัฒนาออกมาเรื่อยๆ เรียกได้ว่าเป็นกระแสคลื่นลูกใหม่ที่ให้ผู้เล่นได้สัมผัสประสบการณ์ที่สมจริงไปอีกขั้น แต่ทว่าในโลกเสมือนกับโลกแห่งความเป็นจริงนั้นยังมีความแตกต่างกันอยู่ เพราะว่าถึงแม้ผู้เล่นจะมีตัวตนในโลกเสมือน แต่ก็ไม่อาจมีปฏิสัมพันธ์กันได้ในโลกแห่งความเป็นจริง… ซึ่งในกรณีนี้ก็เกิดขึ้นกับผู้เล่นในเกม VRChat โลกเสมือนออนไลน์ที่ให้ผู้เล่นสวมแว่น VR มาเจอกัน พร้อมกับรองรับระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวร่างกายด้วย ยูทูบเบอร์ Rogue Shadow VR ภาพเหตุการณ์อันน่าหดหู่นี้ถูกบันทึกโดยยูทูบเบอร์นามว่า Rogue Shadow VR โดยที่เขาได้อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเอาไว้ว่า… เขาและผู้เล่นคนอื่นๆ กำลังสนุกสนานกับสภาพแวดล้อมภายในเกมอยู่ จู่ๆ ก็มีผู้เล่นรายหนึ่งลักษณะเป็นตัวหุ่นยนต์สีดำแดง นอนลงไปกองกับพื้นและเริ่มมีอาการชักกระตุก โดยในตอนแรกนั้นยังไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าเป็นข้อผิดพลาดของเกมหรือเป็นการจงใจของผู้เล่น ที่มักจะมีการทำอะไรแผลงๆ ภายในเกมกันเป็นประจำ และหลังจากที่ไตร่ตรองกันดีๆ แล้ว จึงทำให้รู้ได้ว่าผู้เล่นรายนี้ไม่ได้แกล้ง แต่เขาประสบกับอาการลมชักจริงๆ และตัวละครในเกมก็แสดงอาการออกมาตามตัวเขาด้วย ซึ่งเจ้าตัวไม่สามารถตอบสนองกับคำถามของผู้เล่นอื่นๆ ได้เลย แถมยังมีอาการหายใจติดขัดในระหว่างที่กำลังอยู่ในโลกเสมือน (และในโลกแห่งความเป็นจริง) “มันเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ที่ได้เห็นผู้คนต่างมาร่วมแสดงความห่วงใยต่อใครบางคนที่พวกเขาไม่รู้จัก แต่ในขณะเดียวกัน มันก็รู้สึกแปลกๆ เพราะเราไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้เลย…” “เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขาอยู่บนส่วนไหนของโลกใบนี้…
-
บินไม่ได้แต่เท่!! Nike เปิดตัว PG-2 “PlayStation” Colorway รองเท้าสำหรับคอเกมเมอร์ตัวจริง
หากคุณเป็นคนที่ชอบเล่นเกม ชอบเล่นบาส และมีความสนใจในรองเท้าผ้าใบหรือสนีกเกอร์แล้วล่ะก็ ข่าวนี้อาจจะเหมาะกับคุณก็ได้ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ได้มีนักบาสชื่อดังออกมาเปิดตัวรองเท้ารุ่นใหม่ ที่มีดีไซน์ของความเป็นเกมเมอร์ผสมอยู่ แถมสวยซะจนเงินในมือนี่สั่นพั่บๆๆ เลย!! เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ PlayStation ในสหรัฐได้เผยแพร่ภาพรองเท้า Nike รุ่นใหม่ที่ชื่อ PG-2 PlayStation Colorway ที่เป็นผลงานการออกแบบโดย Paul George นักกีฬาบาสเก็ตบอล NBA อลังการ!! Paul George ได้เล่าผ่านบล็อกว่าเขานั้นชอบเล่นเกมมาตั้งแต่เด็กๆ และเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาได้ไอเดียบางอย่างมา เขาก็จะสเก็ตช์มันลงไปในกระดาษ ซึ่งเขาก็วาดฝันไว้เสมอว่าอยากจะมีรองเท้า Nike ที่มาจากการออกแบบของเขาเองสักคู่หนึ่ง และตอนนี้โอกาสของเขาก็มาถึงแล้ว PG-2 PlayStation Colorway นั้นถูกออกแบบโดยมีลวดลายที่สอดคล้องกับเครื่องเล่นเกมของ Sony อย่าง PlayStation 4 โดยจะสังเกตเห็นได้จากโลโก้บนลิ้นรองเท้าที่เป็นสัญลักษณ์ PG และ PlayStation ซึ่งหากเราดูจากภาพจะเห็นได้ว่ามันสามารถส่องแสงได้ด้วย!? เรามาดูกันในส่วนด้านข้างกันบ้าง ตรงส่วนที่เป็นหนังสีดำนั้นถูกพิมพ์ไว้ด้วยลายนูนเล็กๆ ที่เป็นสัญลักษณ์สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม เอ็กซ์ และโอ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่อยู่บนจอยของ PlayStation4…
-
โรงเรียนอนุบาลไต้หวัน ทำป้ายชื่อแปลงผักเด็กนักเรียน แต่เฮ้ย… ชาวเน็ตร่วมขยี้ฮากระจุย!!
โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในไต้หวัน มีวิชาที่ให้เด็กนักเรียนได้ปลูกผักในแปลงผักของห้อง จากนั้นก็ให้ดูแลผักของตัวเองเพื่อส่งอาจารย์ นอกจากจะเป็นการปลูกฝังให้เด็กรู้จักรับผิดชอบผักของตนเองแล้ว ยังทำให้เด็กเรียนรู้วิชาการเกษตรอีกด้วย แต่จะทำอย่างไรให้คุณครูหรือเด็กนักเรียน สามารถจำได้ว่านั่นเป็นผักของใคร ซึ่งโรงเรียนบางแห่งอาจจะใช้วิธีทำแบบจำลองแปลง เขียนใส่ตารางในกระดาษ หรือวิธีอื่นๆ แต่โรงเรียนนี้ ก็ใช้วิธีการติดภาพบนหลุมผักของแต่ละคน… แต่ เฮ้ยยยยยยย มันคุ้นๆ ไหม ชาวเน็ตหลายคนก็เหมือนกับคุณ เมื่อได้เห็นภาพนี้ต่างก็พากันคิดไปในทางเดียวกันแทบทั้งหมด ว่าแปลงผักเหล่านี้มันไม่ดูละม้ายคล้ายแปลงผัก แต่มันดันเหมือนกับ “ป้ายหลุมศพ” ในสุสานซะงั้น งานนี้เลยทำให้ภาพดังกล่าวกลายเป็นกระแสไวรัล แล้วแชร์กันต่อด้วยความสนุกสนานเฮฮา… ยัง ยังไม่พอ ยังมีคอมเมนต์ต่างๆ ที่ทำให้ภาพนี้ฮาขึ้นไปใหญ่ คนนี้บอกว่า… พวกเขาน่าจะใส่ตัวเลขวันที่ปลูกลงไปด้วยนะ (ลองคิดว่ามันมีตัวเลขบนป้ายด้วยสิ โถ้วววววว) อีกหนึ่งคอมเมนต์ที่ร่วมฮากับชาวเน็ต ตอนแรกก็รู้สึกเศร้าใจคิดว่าเป็นเด็กนักเรียนเกาหลีเหนือ จนกระทั่งได้อ่านแคปชั่น…… บางคนก็พูดถึงโรงเรียนของตัวเองด้วย ตอนเด็กที่โรงเรียนอนุบาลของฉัน ครูจะให้ทุกคนมีสัญลักษณ์เป็นสัตว์ประจำตัว แต่มันดันโชคร้ายตรงที่ ฉันได้ควายเป็นสัตว์ประจำตัวซะงั้น (ฮ่าๆ) อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้มีแต่คอมเมนต์ในเชิงเฮฮาเท่านั้น เพราะหลายคนก็ร่วมวิเคราะห์กันจริงๆ จังๆ บ้างก็พูดถึงประเด็นวัฒนธรรม หรือประเด็นในเรื่องการมองโลกที่ต่างกันของเด็กและผู้ใหญ่กันเลยทีเดียว …
-
สองหนุ่มบุกรุกฟาร์มผึ้ง ทำลายรวงผึ้งซะราบเป็นหน้ากลอง ผึ้งกว่าครึ่งล้านตายเรียบ
ผึ้งอาจจะเป็นสัตว์ที่หลายคนหวาดกลัว เพราะหากถูกมันต่อยเข้าล่ะก็จะรู้สึกเจ็บแสบไม่ใช่น้อยเลย แต่จริงๆ แล้วผึ้งเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์ต่อโลกนี้มาก มันมีส่วนช่วยในการผลิตพืชผักกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลกเลยทีเดียว แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ผึ้งมีจำนวนลดน้อยลงมากเนื่องจากมีการใช้ยาฆ่าแมลง นอกจากนี้แหล่งที่อยู่อาศัยของมันยังถูกบุกรุกด้วย และเหตุการณ์ที่เด็กชายสองคนบุกไปฆ่าผึ้งในฟาร์มกว่า 500,000 ตัวก็คงมีผลไม่น้อยเลยทีเดียว เหตุเกิดที่ฟาร์มเลี้ยงผึ้ง Wild Hill Honey ในเมือง Sioux รัฐไอโอวา ประเทศสหรัฐอเมริกา มีเด็กชาย 2 คนอายุ 12 ปีและ 13 ปีบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ของฟาร์มผึ้งแห่งนี้ จากนั้นทั้งคู่ก็ทำลายข้าวของทุกอย่างที่ขวางหน้า รวมไปถึงรวงผึ้งด้วย จากนั้นตำรวจจึงจับกุมเด็กชายทั้งสองคน นาย Engelhardt เจ้าของฟาร์มเล่าว่า “พวกเขาทำลายรวงผึ้งทุกรวงทิ้งราบคาบ ทำให้ผึ้งทุกตัวของเราตาย เหมือนกับว่าพวกเขาทำให้เราหมดตัวเลยทีเดียว” และในเมื่อรวงผึ้งพังทลายลงไปหมด ก็เป็นเหตุให้ผึ้งที่เลี้ยงไว้ไม่มีที่อยู่ด้วย ในหน้าหนาวแบบนี้ผึ้งก็ย่อมจะทนลมหนาวไม่ได้เป็นธรรมดา ผึ้งที่มีอยู่กว่าครึ่งล้านตัวในฟาร์มจึงตายเกลี้ยง นอกจากนี้ข้าวของอุปกรณ์ในฟาร์มก็เสียหายเช่นกัน ดังที่เจ้าของบอกว่า “พวกเขาบุกเข้ามาในห้องเก็บอุปกรณ์ของเรา แล้วก็เอาอุปกรณ์ทุกอย่างโยนทิ้งไว้กลางหิมะ จากนั้นก็ทำลายทุกสิ่งที่เห็น ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาขโมยอะไร แต่ข้าวของทุกอย่างนั้นพังหมดเลย” เมื่อคำนวณมูลค่าความเสียจากการถูกบุกรุกครั้งนี้แล้วรวมเป็นมูลค่ามากถึง 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 2…
-
ความจริงสุดมหัศจรรย์เกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์ เรื่องใกล้ตั๊วใกล้ตัว แต่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน!?
ตอนที่เราเรียนชั้นมัธยมศึกษาคุณครูคงจะสอนให้เรารู้จักกับร่างกายมนุษย์ในวิชาชีวศึกษามาบ้างแล้ว ว่าร่างกายของเรานั้นมีอะไรอยู่บ้าง ทำงานอย่างไรบ้าง แล้วแต่ละส่วนมีหน้าที่อะไร วันนี้เรามาทำความรู้จักกับร่างกายของเราให้มากขึ้นกว่าเดิมดีกว่า ยังมีหลายอย่างที่ตอนเรียนคุณครูไม่ได้สอนไว้ เพราะมันไม่ออกข้อสอบ รับรองว่าสิ่งที่เราจะนำเสนอให้เพื่อนๆ ดูต่อไปนี้ไม่มีอยู่ในหนังสือเรียนแน่นอน 1. ตอนที่คุณผู้หญิงกำลังตั้งท้องอยู่ ร่างกายจะยืดหยุ่นได้มากกว่าเดิม 2. ร่างกายของเราสามารถสร้างกล้ามเนื้อได้เยอะกว่าที่คุณคิด จริงๆ ทุกคนสามารถสร้างกล้ามเนื้อได้เหมือนกับนักกล้ามระดับโลกเชียวนะ 3. มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวบนโลกที่หลั่งน้ำตาจากความปลื้มปิติได้ สัตว์ชนิดอื่นจะหลั่งน้ำตาเมื่อได้รับความเจ็บปวดหรือเศร้าเท่านั้นแหละ 4. หนึ่งในกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างกายเรา ก็คือ ‘ลิ้น’ นั่นเอง 5. ตาดำของเราจะกว้างมากขึ้น เมื่อเรากำลังมองคนที่ชอบอยู่ 6. เด็กทารกส่วนมากเกิดมาพร้อมกับดวงตาสีฟ้า 7. คุณคงรู้อยู่แล้วว่าเราทุกคนมีกลิ่นตัวและลายนิ้วมือที่แตกต่างกัน แต่คุณรู้หรือเปล่าว่าลวดลายบนลิ้นเองก็เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลเหมือนกันนะ 8. ตอนที่คุณจาม ความเร็วของอากาศที่พุ่งออกมาจะเร็วถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว เร็วอย่างกับรถแข่งเลย! 9. ในร่างกายของคนทุกคน ประกอบไปด้วยอะตอมกว่า 7 พันล้านล้านล้านล้าน ตัวเลยทีเดียว ลองนำมาเขียนเป็นเลขจะได้จำนวน 7,000,000,000,000,000,000,000,000,000…
-
22 ภาพความเกรียนของตายาย ที่ทำให้เหล่าหลานๆ ถึงกับปวดหัวในความน่ารัก!!
พวกเรานั้นถูกสั่งสอนมาเสมอว่าให้เคารพผู้สูงอายุ และดูแลคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยายเมื่อท่านแก่เฒ่า แต่ว่าญาติผู้ใหญ่ที่เคารพเหล่านี้ จะแสดงให้เราเห็นว่า พวกท่านก็สามารถดูแลตัวเองได้เช่นกัน ถ้าคุณไม่เชื่อ 22 รูปภาพคุณปู่คุณย่าสุดเจ๋งเหล่านี้จะเป็นสิ่งยืนยันให้เห็นว่าพวกเขานั้นคูลขนาดไหน? 1. ย่าของฉันกำลังดุเจ้านกกระทุง หลังจากที่โดนมันจิก 2. ฉันเจอรูปภาพนี้ซ่อนอยู่หลังโหลในห้องครัวของคุณย่าแม่หม้ายวัย 86 ปีของฉัน แหม่.. ใครๆ ก็มีความลับกันได้ 3. ย่าของเพื่อนฉันเพิ่งสมัครเฟซบุ๊ก และนี่ก็คือรูปโปรไฟล์ของเธอ 4. ฉันกลับบ้านมาจากที่ทำงาน พบว่าคุณย่าได้ซ่อมกางเกงยีนส์ที่ขาดให้แล้ว หยุดขำไม่ได้เลยทีเดียว 5. ลืมเอาชุดนอนมา ย่าบอกว่าย่ามีให้ยืมใส่ แล้วก็เอาชุดนี้มาให้ 6. กริ่งบ้านยาย มีธุระอันไหนก็กดอันนั้นนะ 7. คุณยายนี่ถักเก่งไม่เบาเลยทีเดียว 8. ปู่ของฉันเจอแว่นแบทแมน เลยถ่ายรูปส่งมาให้ดู 9. คุณปู่ของฉันชอบโม้เรื่องปาร์ตี้สระน้ำในตำนานของเขา และฉันก็เจอภาพนี้ 10. ฉันสั่งชุด Wonder Woman…
-
นักปีนเขาถูกชาวเน็ตถล่มหนัก หลังตัดสินใจทิ้งหมาไว้กลางทาง เนื่องจากพายุเข้ากะทันหัน!?
นักปีนเขาคนหนึ่งถูกชาวเน็ตโจมตีอย่างหนักหน่วง เนื่องจากเขาทิ้งสัตว์เลี้ยงของตัวเองเอาไว้ท่ามกลางพายุหิมะบนภูเขาในประเทศสก๊อตแลนด์ แล้วหนีไปหลบพายุหิมะคนเดียว ภายหลังก็พบว่ามันตายเสียแล้ว ในวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา นาย Paul Finnegan นักปีนเขาจากเมืองช็อตส์ เขตนอร์ธลานาร์คชายร์ ประเทศสก๊อตแลนด์ ตัดสินไปขึ้นไปปีนเขา Beinn Sgulaird ซึ่งสูงถึง 3074 ฟุต (ประมาณ 930 เมตร) กับ Meg สุนัขพันธุ์บอร์เดอร์คอลลี่ของเขา ทว่าเจ้าสุนัขวัย 12 ปีเกิดหมดแรงขึ้นมากลางทาง ซ้ำร้ายตอนนั้นยังมีพายุหิมะเข้าหนักอีก หลังจากเขาและเพื่อนพยายามแบกมันลงจากเขาสักพัก เขาก็ต้องตัดใจลงไปหลบพายุหิมะแล้วทิ้งมันไว้แล้วกลางทาง Meg สุนัขของ Paul Finnegan ญาติของเขาบอกว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เพราะว่าอากาศก็เลวร้ายลงเรื่อยๆ จึงต้องทิ้งมันเอาไว้ก่อนอย่างช่วยไม่ได้ แล้วออกตามหามันเมื่อพายุหิมะสงบลงอีกที นักปีนเขาที่เชี่ยวชาญเองก็ไม่โทษเขาเหมือนกัน กลับรู้สึกเห็นใจเขาด้วย เพราะแม้ว่าเขาจะตัดสินใจทิ้งสุนัขแสนรักเอาไว้กลางภูเขาหิมะแบบนั้น แต่มันก็เป็นการตัดสินใจในสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างหนึ่งที่ช่วยชีวิตเขาไว้ได้ โพสต์ของครอบครัวนาย Paul Finnegan ที่ขอความช่วยเหลือตามหาสุนัข เมื่อพายุหิมะสงบลงเขากับเพื่อนก็กลับไปหาสุนัขทันที แต่เนื่องจากจำไม่ได้ว่ามันหายไปตรงไหน จึงทำให้การค้นหาเป็นไปอย่างลำบาก สุดท้ายเขาก็หามันไม่เจอ คนในครอบครัวของเขาจึงโพสต์ในเฟซบุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือว่า “ฉันอยากขอคำแนะนำหน่อยค่ะ เมื่อวานคนในครอบครัวไปปีนเขา Beinn…
-
ชายผู้ถูกขนานนามว่า ‘ราชาแห่งขนมหวาน’ ในประเทศจีน ปั้นน้ำตาลได้สวยราวกับตุ๊กตาตั้งโชว์
ขนมเค้กถือเป็นขนมที่หลายๆ คนโปรดปราน ด้วยความที่มันมีหลากหลายชนิด และมีรสชาติอร่อยจึงสามารถมัดใจคนจำนวนมากไว้ได้ อีกสิ่งที่สำคัญสำหรับเค้กก็คือความสวยงาม เพราะมันคือสิ่งแรกที่ดึงดูดให้คนสนใจมาลิ้มลองชิมรสชาตินั่นเอง ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนของเราก็มีผู้เชี่ยวชาญด้านการตกแต่งเค้กอยู่ด้วย ฝีมือดีจนเป็นที่ยอมรับในระดับโลกเชียวนะ ลองไปดูการตกแต่งเค้กของเขากัน Zhou Yi ราชาแห่งการปั้นน้ำตาล เชฟขนมหวานคนนี้ชื่อว่า Zhou Yi มีฉายาที่เป็นที่รู้จักกันดีในประเทศจีนคือ Sugar King (ราชาแห่งการปั้นน้ำตาล) เขาสามารถปั้นน้ำตาลฟองดูให้กลายเป็นรูปอะไรก็ได้ และตุ๊กตาน้ำตาลที่เขาปั้นเป็นรูปมนุษย์ก็มีความละเอียดละออจนเราเห็นแล้วคิดว่าเป็นตุ๊กตาเลยทีเดียว ชายคนนี้มีชื่อเสียงในประเทศจีนมานานแล้ว เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในคนที่เก่งที่สุดในการตกแต่งเค้ก แต่พอเขาชนะ การแข่งทำเค้กระดับนานาชาติ (International Cake Competition) เมื่อปี 2017 ด้วยรางวัล 3 เหรียญทอง 2 เหรียญทองแดง ก็ทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลก เขาชอบผสมผสานวัฒนธรรมของประเทศจีนเข้ากับศิลปะโบราณ จึงทำให้ผลงานส่วนหนึ่งของเขาเป็นรูปเลียนแบบบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์หรือตัวละครในวรรณกรรมด้วย ผลงานชิ้นหนึ่งที่โด่งดังของเขาก็คือตุ๊กตาน้ำตาลที่ปั้นเป็น Wu Zetian จักรพรรดิณีคนแรกและคนเดียวของประเทศจีน โดยมีรายละเอียดสูงทั้งรูปร่าง เสื้อผ้า หน้า ผม จนไปถึงขนตาเลย ในตอนเด็กเขาใช้เวลาส่วนมากไปกับการศึกษาศิลปะเฉพาะตัวของจีน การตกแต่งอาหาร และการปั้นรูปแป้ง…
-
แปลกแต่จริง 9 สาเหตุความตายในอดีต อันมีต้นเหตุมาจากการแต่งกายคร่าชีวิตมนุษย์
โลกนี้มีสาเหตุการตายอยู่มากมายก็จริงอยู่ แต่เพื่อนๆเชื่อหรือไม่ว่า ในสมัยก่อนนั้นมีคนที่เสียชีวิตเพราะเครื่องแต่งกายอยู่เป็นจำนวนมากจนน่าเหลือเชื่อกันเลยทีเดียว ซึ่ง 9 สาเหตุที่เพื่อนๆ กำลังจะได้ชมนั้นเป็นหนึ่งในสาเหตุการตายจากเครื่องแต่งกายแปลกๆ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นขอเชิญรับชมได้เลย ใช้เครื่องสำอางที่ทำจากสารตะกั่ว ในยุคของพระราชินี Elizabeth ที่หนึ่งนั้น ความขาวซีดคือสัญลักษณ์ของความงาม (คล้ายๆ กับบ้านเราตอนนี้เลย) ดังนั้นพวกชนชั้นสูงในตอนนั้นจึงทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งผิวที่ขาวสวยกว่าคนอื่น จึงได้ซื้อสารที่ชื่อ Ceruse ซึ่งมีตะกั่วเป็นองค์ประกอบหลักในการแต่งหน้า แน่นอนว่ายิ่งรวยก็ยิ่งเอามาใช้เยอะ ซึ่งคนที่น่าจะรวยและมีอำนาจที่สุดในตอนนั้นอย่างพระราชินี Elizabeth ก็ได้ใช้ไอ้เจ้าสารตัวนี้ในปริมาณที่มาก จนทำให้ผิวเธอดูดซึมสารตะกั่วเข้าไปมากจนเธอถึงกับล้มป่วยและถึงแก่ความตายนั่นเอง แถมให้ว่าในสมัยนั้นผู้หญิงอยากสวยกันมากขนาดหาต้น Belladonna หรือที่รู้จักในชื่อ Deadly Nightshade ซึ่งก็แน่นอนว่าพืชนี้มีพิษสมชื่อ โดยทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ และตาพร่ามัว มาบดผสมน้ำหยดใส่ตาเพื่อให้ตาดูสว่างสดใสกันอีกด้วย โดนประหารเพราะเอาขนนกผิดชนิดมาติดหมวก ประเทศอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 16 นั้นพยายามสร้างอะไรบางอย่างขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์แบ่งระดับชนชั้น ดังนั้นจึงได้ประกาศให้ คนทุกคนที่อายุเกิน 13 ปีต้องสวมหมวก โดยที่หมวกจะมีขนสัตว์ปีกต่างๆ ติดอยู่ โดยที่คนที่อยู่ในชนชั้นต่ำจะต้องใช้ขน เป็ด ห่าน ไก่ หรือไก่ป่า ส่วนพวกชนชั้นสูงจะติดขน นกยูง นกกระจอกเทศ นกกระยาง หงส์ หรือขนสัตว์ปีก หากคนชั้นต่ำเอาขนของพวกชั้นสูงมาติดจะต้องพบกับโทษประหาร …
-
พจนานุกรมญี่ปุ่นให้ความหมายคำว่า “โอตาคุ” ว่าเป็น “ผู้ขาดสามัญสำนึกทางสังคมทั่วไป”
เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาสำนักพิมพ์ Iwanami Shoten ของญี่ปุ่นได้พิมพ์พจนานุกรมยอดนิยมของญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Kojien เป็นครั้งที่ 7 ซึ่งในการพิมพ์ใหม่ครั้งนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงคำศัพท์เก่าๆ และระบุคำศัพท์ใหม่ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัยไว้เป็นจำนวนมาก ถึงอย่างนั้นการเปลี่ยนความหมายของคำศัพท์ใหม่ๆ ที่ว่านั้น กลับได้ผลตอบรับที่ไม่ดีเท่าที่ควร โดยที่ทาง Iwanami Shoten นั้นได้ระบุความหมายของ “LGBT” ผิดโดยระบุว่าเป็น “ผู้คนที่มีรสนิยมทางเพศที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่” ซึ่งในส่วนของ Lesbian, Gay และ Bisexual นั้นจริงอยู่ว่าระบุเป็น “รสนิยมทางเพศ” ได้ แต่ Transgender จริงๆ แล้วเป็น “อัตลักษณ์ทางเพศของแต่ละบุคคล” ต่างหาก ครั้งนี้ก็เช่นกันเมื่อกลุ่มแฟนๆ เดนตายของ เกม อนิเมะ หรืองานอดิเรกอื่นๆ หรือที่รู้จักกันว่า โอตาคุ ออกมาแสดงความไม่พอใจกับการให้ความหมายของ โอตาคุ ของสำนักพิมพ์ Iwanami Shoten ที่ระบุว่า “โอตาคุ: 1. วิธีการในการพูดอย่างเคารพถึง บ้านของบุคคลที่พูดด้วย 2. วิธีการในการพูดอย่างเคารพถึง สามีของบุคคลที่พูดด้วย 3. วิธีการในการพูดแทนอย่างเคารพถึง บุคคลที่พูดด้วย 4. (มักเขียนด้วย คะตะกะนะ) คนที่มีความกระตือรือร้นหรือความชอบที่มากผิดปกติเกี่ยวกับสาขา หรือสิ่งของใดๆ เป็นการเฉพาะ แต่มีความสนใจในเรื่องอื่นๆ…
-
ตำรวจสั่งจำคุกครอบครัวทำร้ายเด็กสาวจนแท้ง หลังถูกพี่ชายข่มขืนจนตั้งครรภ์
เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา สำนักข่าว Dalla News ได้มีการรายงานข่าวผลการตัดสินคดีคนในครอบครัวทำร้ายหญิงวัยรุ่นที่กำลังตั้งครรภ์ จนส่งผลให้เธอแท้งลูก คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2013 แต่เพิ่งได้รับการตัดสินสิ้นสุดคดีเมื่อต้นปี 2018 ย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อ ปี 2013 หญิงสาววัยรุ่น (สงวนชื่อ) อายุ 14 ปีซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน ถูกคนในครอบครัวประกอบด้วย Sharon Jones, Cecila McDonald, Lonnell McDonald และ Cedric Jones Jr. ทำร้ายร่างกายจนเด็กที่อยู่ในครรภ์แท้งออกมา แต่เรื่องราวมันซับซ้อนยิ่งกว่านั้น เพราะพ่อของเด็กที่อยู่ในท้องของเด็กสาวก็คือ Robert Cayald พี่ชายของเธอที่ข่มขืนจนเธอตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางครอบครัวพยายามปิดบังไว้ ผู้ต้องหา เหตุการณ์นี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อตัวเหยื่อและน้องสาวถูกส่งให้มาอยู่กับนาง Sharon ผู้เป็นป้าหลังจากที่คุณย่าของพวกเขาเสียชีวิตไป แต่เธอนั้นไม่ได้ไปอยู่ที่บ้านของ Sharon โดยตรง เพราะถูกส่งไปอยู่อพาร์ตเมนต์ร่วมกับ Cecila ผู้ซึ่งเป็นลูกสาวของหล่อนแทน ซึ่งที่แห่งนั้นก็มี Lonnell และ Robert ก็อาศัยอยู่ด้วย Robert ไม่เพียงแต่ข่มขืนเหยื่อจนตั้งครรภ์ แต่ยังล่วงละเมิดทางเพศลูกๆ…
-
ไม่น่าเชื่อ!? อัตราการฆ่าตัวตายในญี่ปุ่น “ลดลง” แต่วัยรุ่นกลับฆ่าตัวตายกันเพิ่มขึ้น
จากผลการวิจัยในสมัยก่อน บอกให้เราได้ทราบกันว่าคนญี่ปุ่นฆ่าตัวตายเป็นลำดับต้นๆ ของโลก โดยในปี 1960 นั้นทุกๆ 100,000 คนในญี่ปุ่น จะมีคนฆ่าตัวตายมากถึง 25 คนเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามในช่วง 8 ปีที่ผ่านมานั้นดูเหมือนว่าตัวเลขเหล่านั้นจะลดลงเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องทุกปี สำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่นได้ออกมาเปิดเผยว่า ในปี 2017 มีคนที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายที่ได้รับการรายงานในญี่ปุ่นเพียง 21,140 คน ลดลงนับเป็น 3.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเมื่อปีที่แล้ว สำนักงานตำรวจยังกล่าวอีกว่าตั้งแต่ที่ญี่ปุ่นมีการเก็บข้อมูลการฆ่าตัวตายมา ปีนี้เป็นปีที่มีเลขการฆ่าตัวตายน้อยที่สุด ด้วยตัวเลขเพียง 16.7 คน ในทุกๆ 100,000 คน (ข้อมูลอย่างละเอียดเริ่มเก็บเมื่อปี 1978) อย่างไรก็ตามตัวเลข 16.7 นั้นก็ยังถือว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นอยู่ดี (ประเทศไทยอยู่ที่ 6 คนต่อประชาชน 100,000 คนในปี 2015) โดยที่การฆ่าตัวตายในผู้ชายนั้นยังคงมีมากกว่าผู้หญิงถึงสองเท่าไม่ต่างจากหลายๆ ปีที่ผ่านมา มีผู้ชายฆ่าตัวตายเป็นจำนวนกว่า 14,600 คนต่อผู้หญิงที่ประมาณ 6400 คน เรื่องที่ไม่น่าเชื่อคือ ภายในตัวเลขที่ลดลงนั้นจำนวนวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20…
-
เจ้ามิ้วน้อยหน้าโหดสุดในสามโลก แยกเขี้ยวใส่ทุกคนที่พบเจอ ไม่ได้ดุนะ แต่หน้าหนูหยิ่ง!!
‘อย่าตัดสินคนแต่ภายนอก’ คำกล่าวนี้ไม่ได้ใช้กับมนุษย์ได้อย่างเดียวเท่านั้น เจ้ามิ้วน้อยตัวนี้เองก็ดูเหมือนจะเข้าแก็ปตรงกับคำพูดดังกล่าว แม้ว่าหน้าจะดูโหดคอยแยกเขี้ยวใส่ทุกคนที่พบเจอ แต่มันก็ไม่ได้ดุแบบหน้าตาหรอกนะ!! ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับเจ้ามิ้วน้อยสองพี่น้อง Wolfie และ Foxy ทั้งคู่ได้รับการช่วยเหลือจากองค์กรช่วยเหลือสัตว์ Friends for Life Rescue Network (FLRN) หลังจากที่มีพลเมืองดีพบเห็นลูกแมวเหมียวสีเทาเข้มสามตัวเร่ร่อนอยู่ที่ตึกแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่ Jacqueline Santiago ผู้ก่อตั้งองค์กรจึงได้รุดหน้าไปยังที่เกิดเหตุและติดตั้งกับดักเพื่อจับตัวพวกมันกลับมาทำการรักษาที่ศูนย์ 20 นาทีผ่านไปแผนการดักจับก็สำเร็จไปได้ด้วยดี คุณ Jacqueline ได้พาพวกมันกลับมาที่ศูนย์ FLRN แต่น่าเศร้าใจที่เจ้า Bear 1 ในสามพี่น้องได้จากไปซะก่อน เพราะทนทุกข์ทรมานจากโรคภัยที่เกิดจากการขาดแคลนอาหารและสุขอานามัยที่ถูกต้อง ที่เหลือรอดอยู่ก็มีเพียงแต่เจ้า Wolfie และ Foxy เท่านั้น ทั้งคู่ปลอดภัยดี ได้รับอาหาร การทำความสะอาดร่างกาย ตรวจโรค และการรักษาเบื้องต้นจากเจ้าหน้าที่ในศูนย์ FLRN เจ้า Foxy เป็นเด็กที่มีสภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง แต่ Wolfie นั้นน้ำหนักตัวของมันน้อยมาก เมื่อเทียบกันแล้วมันมีขนาดตัวแค่ครึ่งเดียวของ Foxy เท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่มีใครเอะใจเรื่องปัญหาสุขภาพ เพราะนอกจากฟันเหยินๆ…
-
เชิญพบคู่รักที่ขอแต่งงานในเกม Stardew Valley เมื่อ “เกม” กลายเป็นสิ่งที่ดึงผู้คนให้เข้ามาผูกพันกัน
เพื่อนๆ รู้จัก Stardew Valley กันไหม คนบ้านเราจะติดปากที่จะเรียกเกมนี้ว่า “สตาร์ดิว” หรือ “ตาดิว” สั้นๆ นี่เป็นเกมที่ออกแบบและพัฒนาโดยคนเพียงหนึ่งคนคือ Eric Barone หรือที่รู้จักกันดีกับโลโก้ “ConcernedApe” ซึ่งเป็นนามแฝงของเขานั่นเอง สตาร์ดิวเป็นเกมแนว Simulation role-playing การทำไร่ทำสวน ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเกม Harvest Moon ทีนี้เรื่องก็มีอยู่ว่า มีคู่รักคู่หนึ่งชื่อ Vana Springer กับ Adam Stevens พวกเขาเป็นคู่รักที่ชื่นชอบในการใช้เวลากว่าร้อยชัวโมงในการขุดดิน ทำสวน ขุดเหมือง อยู่ในเพลิแคนทาวน์ ในเกมสตาร์ดิว แน่นอนว่าถ้าคุณเล่นเกมไปนานขนาดนั้นคุณย่อมต้องรู้รายละเอียดของเกมมากในระดับหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นในตอนที่ Adam บอก Vana ว่าเขาเจอ Easter Egg อันใหม่ในเกมที่เธอเล่นมาจนทะลุปรุโปร่งแล้ว เธอเลยเกิดความสงสัยว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง ถึงอย่างนั้นก็ตามใช่ว่าเรื่องพวกนั้นจะเป็นไปไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะ โดยเฉพาะกับเกมที่กำลังจะมีการอัปเดตการเล่นหลายคนและเพิ่งจะพอร์ตลง Nintendo Switch ไปเมื่อเดือนตุลาคม 2017 ดังนั้นเธอจะลองเข้าเกมไปดูสถานการณ์ไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย ปัญหาคือเธอไม่ได้รู้เลยว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง Adam ได้เข้าเกมมาขุดดินเป็นรูปตัวหนังสือว่า “MARRY ME?” หรือ “แต่งงานกับผมไหม?” แล้วก็ปลูกดอกทิวลิปไว้ “ตอนที่เธอเข้าห้องมาผมก็บอกให้เธอลองไปดูที่มุมด้านล่างของแผนที่ เธอเดินลงไปแล้วเห็นตัว A R Y แล้วเธอก็ทำหน้าสงสัย” Adam พูดพลางหัวเราะ “ผมเดินไปคุกเข่าและถามเธอว่า…
-
หนุ่มไทยผู้ทำศัลยกรรม 30 ครั้ง แปลงโฉมเป็นคนละคน ดังไกลถึงเว็บนอก!!
ปัจจุบันการศัลยกรรมได้รับการพัฒนาให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีทางการแพทย์แบบใหม่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ที่ต้องการแก้ไขใบหน้าและส่วนต่างๆ ของร่างกายให้มีความเป๊ะยิ่งขึ้น ล่าสุดจากการรายงานของเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้นำเรื่องราวของหนุ่มที่ชื่อว่าคุณ รัชฎา หงษ์ประสิทธิ์ หรือ มินโฮ ชายชาวไทยผู้ที่ศัลยกรรมถึง 30 ครั้งจนหน้าตาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน นอกจากนี้ พวกเขายังเขียนถึงหนุ่มคนนี้ว่า ชายหนุ่มคนนี้เลือกที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการใช้การศัลยกรรม เขาตั้งใจประหยัดเงิน และตั้งใจทำงานหาเงินเพื่อการศัลยกรรมโดยเฉพาะ ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี เขามีเงินมากพอที่จะทำศัลยกรรมเรื่อยๆ จนเขาสามารถเนรมิตตัวเองจากหนุ่มเข้มกลายมาเป็นหนุ่มตี๋หน้าหล่อ โดยศัลยกรรมไปกว่า 30 ครั้ง ก่อนศัลยกรรม หลังศัลยกรรม รายละเอียดการทำศัลยกรรมของเขาได้แก่การ ฉีดหน้าผาก ทำตา ทำจมูก 8 ครั้ง ฉีดดอลี่อายส์ 2 ครั้ง สักคิ้ว 3 มิติ 3 ครั้ง ตัดปีกจมูก 4 ครั้ง ตัดปากกระจับ ทำฟันวีเนียร์ ร้อยไหมยกหน้า ฉีดคาง 4 ครั้ง ทำลักยิ้ม เหลากระดูกกราม ยกปีกจมูก…
-
ชมภาพจำลองเหตุการณ์ “ไททานิก” ชนภูเขาน้ำแข็ง ค่อยๆ จมแบบเรียลไทม์ 2 ชั่วโมง 40 นาที
เรื่องราวอันโด่งดังของเรือที่ไม่มีวันจมหรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ไททานิก‘ นั้นคงจะมีน้อยคนที่ไม่รู้จัก เพราะถือว่าเป็นตำนานอันโด่งดังเรื่องหนึ่งของโลกเลยทีเดียว ผู้สร้างเกมส์ Titanic: Honor and Glory ซึ่งเป็นเกมส์ที่ทำให้ผู้เล่นได้ร่วมโดยสารไปกับเรือไททานิก ได้จำลองเหตุการณ์ที่เรือนั้นชนกับภูเขาน้ำแข็งและค่อยๆ จมลงด้วยอนิเมชัน ให้พวกเรารับชม จากข้อมูลที่อ้างอิงมาจากเว็บไซต์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรือไททานิกนั้น พบว่าหลังจากที่ชนกับภูเขาน้ำแข็ง เรือไททานิกก็ได้จมลงโดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง 40 นาทีในปี 1912 ในวิดีโอก็ได้มีการบรรยายเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา แม้ว่าจะไม่มีฉากที่ดูน่าทึ่งเหมือนกับในหนังของ James Cameron ในปี 1997 แต่ก็คุ้มค่าแก่การรับชม ในวิดีโอนี้ได้จำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในปี 1912 แบบเรียลไทม์ ที่มา Openculture
-
ชาร์จมือถือผิด ชีวิตเปลี่ยน!? หญิงสาวเศร้ารูปหาย 33,000 รูป เพราะชาร์จแบตไม่ถูกต้อง!!
ในชีวิตประจำวันของเราต้องใช้โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟนเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แต่การรักษาให้มีอายุการใช้งานที่ยืนยาวนั้น หากทำผิดวิธีอาจจะทำให้เกิดความเสียหาย หรือสูญเสียข้อมูลสำคัญไปจนหมดเลยทีเดียว นักเขียนบทความเกี่ยวกับความสวยงามของ Insider ที่มีชื่อว่า Brianna Arps ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการถ่ายรูปเซลฟี่กว่า 33,000 รูป ได้สูญเสียข้อมูลทั้งหมดในโทรศัพท์ของเธอจากการชาร์จแบตอย่างผิดวิธี Arps มักจะชาร์จโทรศัพท์เมื่อแบตเตอร์รี่ต่ำมากๆ เสมอ เธอเปิดเพลงและถ่ายรูปเมื่อแบตเหลือประมาณ 3% จนโทรศัพท์ของเธอดับ หลังจากนั้นก็ก็เสียบเข้ากับที่ชาร์จของเธอ และทำแบบเดิมประมาณ 5 ครั้ง แต่ในครั้งที่ 6 โทรศัพท์ของเธอก็เปิดไม่ติดเมื่อเสียบเข้ากับที่ชาร์จ หลังจากที่รอถึง 25 นาทีและรีเซ็ตเครื่องอีกครั้ง จอโทรศัพท์ของเธอก็ติดขึ้นมาในโหมด Recovery หลังจากที่เชื่อมต่อเข้ากับ iTune และทำตามขั้นตอนที่ได้รับคำแนะนำ เธอก็พบว่าภาพถ่ายกว่า 30,000 รูป ไม่ว่าจะเป็นรูปตอนจบการศึกษา รูปอื่นๆ และข้อมูลสำคัญอีกมากมายของเธอได้หายไปหมดแล้ว ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ Apple ได้อธิบายว่าสาเหตุหลักที่โทรศัพท์ของเธอเข้าสู่โหมด Recovery นั้นอาจเกิดมาจากตัวเครื่องที่ร้อนเกิน หรือพบข้อมูลที่เสียหาย เขาแนะนำว่าให้พยายามหลีกเลี่ยงการใช้งานโทรศัพท์ในการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหรือถ่ายรูป ในขณะที่เหลือแบตเตอร์รี่เพียงเล็กน้อย การกระทำเหล่านี้อาจจะทำให้เกิดการเขียนโค้ดของโทรศัพท์ที่อาจจะทำให้เครื่องดับ และในระหว่างนั้นอาจจะทำให้โทรศัพท์เข้าสู่โหมด Rocovery…
-
มนุษย์เจอแรคคูนนอนนิ่งขยับไม่ได้ แต่พอส่งโรงพยาบาลตรวจพบว่ามันแค่เมากัญชาเอง
ไม่รู้ว่าจะขำหรือสงสารดีกับเจ้าแรคคูนตัวน้อยที่ #เหมียวบู้บี้ จะมากล่าวถึงในวันนี้ โถ เจ้าแรคคูน ไม่น่ากินอะไรซี้ซั้วเลย ฮ่าๆ เช้าวันหนึ่งในต้นเดือนมกราคม 2018 พลเมืองดีที่ชื่อว่า Irene Davy และ Clint สามีของเธอบังเอิญไปเจอแรคคูนตัวหนึ่งนอนอยู่ข้างถนนในเมืองกิบสัน รัฐบริติชโคลอมเบีย ประเทศแคนาดา เจ้าแรคคูนที่เห็นนอนแน่นิ่ง ขยับตัวไม่ได้ แต่ตาของมันยังลืมอยู่ เธอคิดว่าเจ้าแรคคูนตัวนี้อาจจะเป็นอัมพาตหรือถูกรถชนมาจึงได้ติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังศูนย์ช่วยเหลือและฟื้นฟูสมรรถภาพสัตว์ป่าแห่งเมืองกิบสัน “พวกเราคิดว่ามันอาจจะถูกรถชน สามีของฉันเดินไปดูมันใกล้ๆ ก็เห็นได้ว่ามันพยายามลืมตา นอนมึนงง แต่ไม่สามารถลุกขึ้นเดินหรือยืนได้” Irene กล่าว เจ้าแรคคูนถูกช่วยเหลือและนำตัวส่งโรงพยาบาลสัตว์อย่างเร่งด่วน เมื่อสัตวแพทย์เขาตรวจอาการก็ไม่พบว่ามันไม่ได้รับบาดเจ็บทางกระดูกแต่อย่างใด จึงทำการตรวจหาสาเหตุที่ทำให้มันขยับตัวไม่ได้ ผลการตรวจออกมาพบว่าที่เจ้าแรคคูนขยับตัวไม่ได้เป็นเพราะว่ามันเมากัญชา มันคงจะกินกันกัญชาเข้าไปในปริมาณสูงจนมีสภาพเป็นแบบนี้ “มันไม่มีความผิดปกติใดๆ เพียงแต่ค่อนข้างที่จะมีปริมาณสารเสพติดในร่างกายสูง เราไม่ทราบว่าเขาได้รับกัญชานี้มาได้อย่างไร ได้ยินมาว่าพวกสุนัขก็ชอบเก็บของที่ตกอยู่ข้างทางเวลามาเดินเล่น บางทีมันจะมาในรูปแบบของคุกกี้หรือมัฟฟินที่ใครสักคนโยนทิ้งไว้แถวนั้น” ทางโรงพยาบาลสัตว์บอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ทำการรักษาสัตว์ป่าที่เมาแอ๋ แต่โชคดีที่พามันมาพบแพทย์ทันเวลา มันต้องพักฟื้นประมาณ 8 ชั่วโมงถึงจะกลับมาเป็นปกติได้ “มันสบายดี และหิวเล็กน้อย แต่ก็อาการดีขึ้นกว่าตอนแรกที่ถูกส่งตัวมา” ผู้ที่ช่วยเหลือเจ้าแรคคูนกล่าว พอเจ้าแรคคูนกลับสู่สภาพปกติ มันก็ได้รับการปล่อยตัวเข้าป่า…
-
14 ความเชื่อแปลกๆ ในช่วง ‘ยุคกลาง’ เมื่อศาสนาควบคุมทุกอย่าง และวิทยาศาสตร์ไร้พลัง
การศึกษานั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับทุกคน โดยเฉพาะเรื่องวิทยาศาสตร์ เพราะถ้าหากศึกษาไม่มากพอนั้นอาจจะทำให้เกิดความเชื่อแบบผิดๆ ได้ ตั้งแต่โบราณกาลนั้นมีความเชื่อแปลกๆ มากมายซึ่งเมื่อฟังดูแล้วไม่น่าจะมีใครเชื่อได้ แต่ผู้คนในยุคกลางกลับเชื่อว่าเรื่องราวแปลกๆ เหล่านี้เป็นความจริง เนื่องจากการศึกษาสมัยนั้นยังไม่มีการพัฒนาเท่าที่ควร 14. มีคนตัวเล็กๆ อยู่ในเชื้ออสุจิ ในศตวรรษที่ 17 และ 18 นักวิทยาศาสตร์ได้เชื่อแบบนี้จริงๆ พวกเขาคิดว่าเด็กทารกทุกคนนั้นมีร่างกายที่สมบูรณ์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ส่วนผู้หญิงนั้นเป็นแค่ตู้ฟักทารกเท่านั้น หลังจากนั้นก็ได้มีคนถกเถียงประเด็นนี้ พวกเขาคิดว่าทารกนั้นมีอยู่ในตัวของผู้หญิงอยู่แล้ว หน้าที่ของอสุจินั้นคือการเข้าไปปลุกให้ชีวิตนั้นตื่นขึ้นมา ซึ่งไม่เป็นความจริงทั้งคู่เลย 13. ปิศาจ Titivillus ในช่วงยุคกลางนั้น นักบวชมีหน้าที่เหมือนกับเครื่องพิมพ์ พวกเขาต้องเขียนหนังสือเป็นร้อยๆ เล่มด้วยมือ ซึ่งไม่แปลกใจเลยว่าจะต้องมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่พวกเขาไม่อยากยอมรับผิด ก็เลยสร้างเรื่องปิศาจที่ชื่อ Titivillus ขึ้นมา พวกเขาบอกว่าเจ้าปิศาจตัวนี้จะรวบรวมข้อผิดพลาดของพระใส่ลงในย่าม และจะเอามาโชว์ให้เห็นหลังความตายเพื่อลดโอกาสที่จะได้ขึ้นสวรรค์ 12. การฝังหัวใจแยกกับศพ การเคลื่อนย้ายศพในอดีตนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่จะทำอย่างไรเมื่อมีคนขอให้คุณนำศพไปฝังในสถานที่อื่นที่แสนไกล ในช่วงศตวรรษที่ 10 ผู้คนก็ได้มีไอเดียในการผ่าเอาหัวใจออกมา เพื่อนำไปฝังในที่ที่ไม่สามารถนำร่างกายไปฝังได้ และมีแค่คนที่มีฐานะเท่านั้นที่สามารถทำได้ 11. เหล่าสัตว์ทั้งหลายก็ต้องได้รับการสอบสวนเช่นกัน ในอดีตนั้นแม้แต่สัตว์ก็สามารถเป็นผู้กระทำความผิดได้ พวกมันต้องขึ้นศาลเพื่อตัดสินกับทนายและผู้พิพากษาจริงๆ ด้วย พวกมันสามารถถูกจับเข้าคุกและถูกประหารได้ด้วยเช่นกัน ครั้งหนึ่งในเมือง Lausanne มีหนอนได้ถูกเรียกให้มาขึ้นศาลเนื่องจากกระทำความผิดโดยการกินใบไม้ในสวน…
-
บริษัทประกาศรับสมัครกราฟิกดีไซน์เนอร์ ด้วยการทำออกมาให้รู้ว่า “เราต้องการจริงๆ นะ”
ยุคปัจจุบันไม่ว่าสิ่งใดก็ย้ายมาทำในโลกออนไลน์ได้ทั้งหมด ทั้งการชอปปิง การทำธุรกรรมทางการเงิน การพูดคุยสื่อสาร และอีกหนึ่งอย่างที่เริ่มเข้ามาใช้พื้นที่สื่ออนไลน์นั่นก็คือ การประกาศจ้างงานนั่นเอง ในยุคก่อน การหางานทำสักงานอาจจะเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร เพราะต้องเดินตามหาประกาศจ้างงานเอง ไม่สะดวกสบายในเหมือนในยุคปัจจุบันที่งานมาถึงตรงหน้า ถ้ามีความสามารถพอก็ได้งานไปเลย เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2018 ทางเฟซบุ๊กเพจของหน่วยงานราชการในลอสแองเจลิส City of Los Angeles – Job Opportunities ได้โพสต์ประกาศว่าจ้างเฟ้นหาบุคคลากรในตำแหน่ง กราฟิกดีไซน์เนอร์ ซึ่งถ้าเป็นการโพสต์ประกาศหาพนักงานแบบเดิมมันก็ไม่เก๋น่ะสิ การจะหากราฟิกดีไซน์เนอร์สักคนมันต้องหาด้วยวิธีนี้ ทางแอดมินจึงได้จัดทำประกาศด้วยการทำภาพที่เรียกได้ว่าขัดสายตาสุดๆ กับประกาศจ้างงานแบบใหม่ ที่ต้องการจะสื่อความหมายว่า เนี่ย ทางเราต้องการกราฟิกดีไซน์เนอร์มาทำให้มันสวยอยู่นะ และที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือรายได้ต่อปีที่สูงถึง 1.4 ล้าน ถึง 3.2 ล้านบาท ทำให้เหล่าบรรดาชาวเน็ตอยากเป็นกราฟิกดีไซน์เนอร์ขึ้นมากันเลยทีเดียว และที่เด็ดไปกว่านั้นก็คือบรรดาเหล่ากราฟิกดีไซน์เนอร์มือสมัครเล่นที่พากันส่งเรซูเม่มากันแบบนี้ @smbientaxion นี่คือเรซูเม่ของผม @__abcdennis จ้างผมสิ @CozmoLAGlaxy แบบนี้ล่ะน่าสนใจไหม @Adahlio แนบผลงานรางวัลมาด้วยครับ กราฟิกดีไซน์เนอร์มันจะหายากจริงๆ หรือว่าชาวเน็ตตั้งใจจะกวนกันเนี่ย ดู๊ ดู…
-
ภาพบรรยากาศฤดูหนาวจากทั่วทุกมุมโลก ที่จะทำให้คุณสั่นไปจนถึงขั้วหัวใจ
ความหนาวเย็นที่พัดผ่านมาในปีนี้ช่างรุนแรงเหลือเกิน อุณหภูมิที่ลดลงต่ำเรื่อยๆ ในเกือบทุกพื้นที่ทั่วโลกทำให้มนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน ทำไมมันหนาว มันหนาวกว่าปีอื่นๆ อากาศบ้านเราที่เป็นเขตร้อนก็ยังสัมผัสได้ถึงความหนาว แต่ต่างประเทศนั้นตอนนี้จัดว่าหนาวสุดๆ ไม่เชื่อก็ดูจากภาพเหล่านี้ได้ หิมะได้มารออยู่หน้าบ้านท่านแล้ว เมื่อออกไปเล่นเซิร์ฟบอร์ดในหน้าหนาว แข็งไปหมดสิครับ ท่อประปาแตก จากห้องน้ำโรงแรมแห่งหนึ่งในจีน ก็ว่าทำไมมันกดน้ำไม่ลง อ้าว รูปปั้นโดนแช่แข็ง ดูบั้นท้ายขาวเนียนนั่นสิ แม้แต่จะหยิบมาใช้ยังไม่กล้า แค่จะออกจากบ้านตัวเอง ก็ให้ความรู้สึกเหมือนแหกคุก จระเข้โผล่หัวขึ้นมาเพื่อหายใจเพราะในแม่น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง นี่มันเมืองในหมอกชัดๆ อาาาา เปิดกระป๋องน้ำอัดลมในวันที่อากาศเย็นจัด ชักโครกเป็นแบบนี้ก็ใช้ไม่ได้ล่ะสิ น้ำตกแช่แข็ง สวยงามแบบธรรมชาติ มันช่างเหมาะเจาะซะเหลือเกิน มนุษย์หิมะและรถคู่ใจของเขา จะดีใจหรือเสียใจดีเนี่ยที่น้ำไม่ท่วมห้องหมด เกมตามหารถ ของตูมันคันไหนฟระ? อย่าเล่นแบบนี้ เมียตกใจหมด เมื่อลืมปิดหน้าต่างรถ ใครมาเปิดท่อดับเพลิงไว้แบบนี้ล่ะเนี่ย…
-
แม่เพิ่งบอกลูกวัย 27 ว่าเธอเป็นคนลักพาตัวลูกมา ตอนที่ทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก
การเลี้ยงดูใครซักคนให้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ได้นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าการพรากลูกมาจากครอบครัวของเขามาดูแลราวกับเป็นลูกของตัวเองไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีเลยซักนิด เรื่องราวที่พูดถึงก็คือเรื่องของอดีตพี่เลี้ยงเด็กชาวจีนในเขตเทศบาลนครฉงชิ่งนามว่า He Xiaoping อายุ 48 ปีจากเมืองหนานชง ที่รับสารภาพกับตำรวจในพื้นที่ว่าได้ลักพาตัวลูกชายของผู้ว่าจ้างของเธอและนำมาเลี้ยงดูราวกับว่าเป็นลูกชายของตนเป็นเวลากว่า 26 ปี Xiaoping ได้ให้ปากคำว่าในปี 1992 เธอสูญเสียลูกทั้ง 2 คนของเธอตั้งแต่ยังเป็นทารก และได้ไปปรึกษากับผู้ใหญ่ในหมู่บ้านและได้รับคำแนะนำว่า ทางเดียวที่จะมีลูกเป็นของตัวเองได้คือการเลี้ยงลูกของคนอื่น หลังจากนั้นเธอก็ได้เดินทางไปยังเทศบาลนครฉงชิ่งด้วยบัตรประชาชนปลอมและได้งานเป็นพี่เลี้ยงเด็กวัย 1 ขวบ หลังจากที่ได้ทำงานเป็นเวลา 3 วัน เธอก็ได้ลักพาตัวเด็กชายกลับมาที่เมืองหนานชง และตั้งชื่อเด็กคนนั้นว่า Liu Jinxin ตามลูกชายคนสุดท้องของเธอ ตอนนี้ Liu Jinxin มีอายุ 27 ปีแล้ว แต่ตลอดเวลา 26 ปีที่ผ่านมา ไม่มีใครตามหาเขาเลย ในปี 1995 หลังจากที่ Xiaoping ได้คลอดลูกสาวของเธอ เธอคิดถึงเรื่องที่จะนำเด็กชายคนนี้คืนให้กับครอบครัวของเขาแต่เธอกลัวความผิด ก็เลยเก็บเขาไว้และเลี้ยงดูเป็นลูกชายของเธอแทน เธอได้ให้สัมภาษณ์กับรายการข่าวเย็นของเทศบาลนครฉงชิ่งว่า “ฉันรู้ว่าฉันได้ทำเรื่องที่ไม่ดีลงไป แต่ฉันก็ปฏิบัติราวกับเขาเป็นลูกชายของฉัน และเขาก็ปฏิบัติกับฉันราวกับว่าเป็นแม่แท้ๆ ของเขา”…
-
การ์ดอวยพรของเหล่าเด็กๆ ที่บางครั้งทำเอาผู้ใหญ่แบบเราถึงกับเงิบ!?
เมื่อเราเป็นเด็กที่ยังด้อยการศึกษา เรามักจะพูดหรือเขียนอะไรที่ไม่ค่อยมีเหตุผลออกมาเสมอด้วยความน่ารักอย่างบริสุทธิ์ แถมบางทียังชอบวาดภาพที่ดูหยาบคายไม่เหมาะสมอีกด้วย ความไม่รู้ประสีประสาของเหล่าเด็กๆ ที่สะกดคำผิดซึ่งอาจจะทำให้คำๆ นั้นเปลี่ยนจากความหมายที่ดี กลายเป็นคำดูหมิ่นที่รุนแรงและหยาบคายเลยทีเดียว เหมือนกับภาพเหล่านี้ ที่แสดงให้เห็นถึงความร้ายบริสุทธิ์ของเด็กๆ ทั้งหลาย 1. การ์ดอวยพรให้คุณครูหายป่วยของลูกชายเพื่อน ถึงคุณ Clark ผมได้ข่าวว่าคุณไม่สบาย ผมมีวิธีมาแนะนำ ก็แค่ไปอึ ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ มันได้ผลทุกครั้งที่ผมรู้สึกไม่ดีในทุกๆ เช้า จำไว้ว่าเมื่อใดที่รู้สึกไม่ดี ให้ไปอึ 2. ถ้าผมมีแม่คนใหม่ ถึงแม่สุดที่รัก ขอบคุณมากๆ ที่เป็นแม่ของผม ถ้าผมมีแม่คนใหม่ ผมจะชกหน้าเธอและจะไปตามหาแม่ให้เจอ ด้วยรัก จาก Brooke 3. เมื่อคุณพ่อที่เป็นโรคตับอ่อนอักเสบได้รับการ์ดอวยพรจากลูกสาว หนูไม่รู้ว่าทำไมตับอ่อนของพ่อถึงได้เกลียดพ่อ พ่อต้องรอจนกว่าอวัยวะอื่นๆ จะสอนมันให้รักพ่ออีกครั้ง ไม่ต้องห่วง มันเรียนรู้ไว รัก จาก Tabatha 4. การ์ดวาเลนไทน์จากเด็กๆ นักเรียน “ถึงคุณครู คุณดีกับผมมาก และคอยผลักดันผมให้ไปถึงจุดหมาย ขอบคุณครับ” แต่รูปประกอบนี่มันไม่น่าจะใช่ผลักแบบนั้นนะลูก 5. การ์ดอวยพรให้คุณปู่ หนูดีใจที่คุณปู่ยังไม่ตาย…
-
16 สุดยอดภาพที่ดูแล้วแสนจะหงุดหงิด อยากรู้ว่าทำไปทำไม ทำเพื่อใคร!?
[บทความต่อไปนี้อาจมีภาพที่ต้องใช้วิจารณญาณในการรับชม] หลายๆ ครั้งที่เราต้องเจอกับเหตุการณ์ที่สุดแสนจะหงุดหงิดในชีวิตประจำวัน และมันมักจะทำให้การดำเนินชีวิตของเราในวันนั้นดูไม่สนุกไปเลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน และไอ้พวกเรื่องหงุดหงิดเล่านี้ก็ขยันเกิดขึ้นกับเราซะเหลือเกิน แต่โปรดจงรู้ไว้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า ถ้าคุณคิดว่าคุณซวยแล้วล่ะก็ ยังมีคนที่ซวยกว่าคุณอีกเยอะ เชื่อสิ ช่างเป็นสิวที่ดูแล้วเจ็บปวดมาก คนที่เคยเป็นสิวที่จมูกคงจะรู้ดี เจ็บแปลบขึ้นมาทันที… ดูแล้วมันหงุดหงิด ใครใช้ให้เอาครีมรองพื้นมาเทเล่นแบบนี้ ห๊ะ!! ลองจินตนาการว่าก้อนหินมีฟัน ฮืออออ เอาภาพนี้ออกไปจากหัวที สิวเสี้ยน ลอกออกมาเยอะขนาดนี้เชียว ดูแล้วรู้สึกระคายเคืองที่ตาชะมัด ไปทำอะไรมาเท้าถึงได้ลอกหมดแบบนี้ นี่คือเศษซากอารยะธรรมกลังจากที่ทำความสะอาดคีย์บอร์ดครั้งแรกในรอบ 3 ปี ทำไมถึงเอาของกินมาเล่นแบบนี้ แล้วเอาถั่วมาเทในรองเท้าทำไม ดูแล้วหยะแหยงจัง อย่าเล่นแบบนี้ หัวใจจะวาย กลัววววว ยอมใจเจ๊แกจริงๆ ไม่ไหวแล้วเว้ยย หงุดหงิดน่าดูถ้ามีใครมาทำร้ายสบู่ของเราแบบนี้ กัดทำไมอ่ะ ผิวหนังที่ลอกหลังจากการอาบแดด ใครหลายคนคงเคยประสบปัญหาขนตาร่วงลงไปในลูกตา คงคันน่าดู…
-
เจ้าเหมียวเป็นอัมพาตขาหลัง ใครๆ ก็บอกว่ามันจะไม่รอด แต่มันก็สร้างปาฏิหาริย์ให้ทุกคนได้เห็น
Hannah Shaw เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Kitten Lady ได้เปิดเผยเรื่องราวสุดน่ารักสุดประทับใจหลังจากที่เธอได้รับเอาลูกแมวน้อยกำพร้าสองตัวเข้ามาที่ศูนย์แห่งนี้ แต่ทว่าลูกแมวตัวหนึ่งดันมีความผิดปกติทางร่างกาย ขาหลังทั้งสองข้างของมันใช้การไม่ได้ ร่างกายก็ดูอ่อนแอ หลายๆ คนที่ได้เห็นก็บอกว่ามันคงจะไม่มีชีวิตรอดอีกต่อไป แต่เธอก็ยังยืนยันที่จะพาเจ้าเหมียวกลับไปเลี้ยงดูที่บ้านเพราะรู้สึกว่ามันพิเศษ คนที่บ้านของ Hunnah พอได้เห็นเจ้าเหมียวก็รู้สึกสงสารจับใจ ทุกคนสัญญาว่าจะช่วยกันดูแลเจ้าเหมียวอย่างดี ไม่มีใครกล้าทำร้ายมันเลย ดูแลทะนุถนอมมันยิ่งกว่าไข่ในหินซะอีก และเจ้าเหมียวตัวนี้ก็ได้รับการตั้งชื่อน่ารักๆ ว่า Chloe มันต้องใช้เวลาสักพักในการทำความคุ้นเคยกับแม่ใหม่ สิ่งที่ทำให้มันชอบมากๆ ก็คือการพูดคุยมันด้วยเสียงนุ่มๆ และเกาคางเบาๆ Hannah พาเจ้าเหมียวของเธอไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้ขาหลังของมีมีสภาพแบบนี้ หลังจากที่ทางสัตวแพทย์ตรวจแล้วก็พบว่าเจ้า Chloe มีอาการปวดหลัง มันไม่สามารถใช้ร่างกายส่วนหลังได้ แต่มันก็ยังสามารถรับความรู้สึกได้ สัตวแพทย์บอกว่ามันอาจจะไม่สามารถเดินได้อย่างปกติ รวมไปถึงหาง ส่วนหลังทั้งหมด ถึงแม้ว่าหมอจะพูดมาแบบนั้น แต่เธอก็ยังยืนยันที่จะบำบัดและเลี้ยงดูเจ้าเหมียวตัวนี้เอง ความน่ารักของเจ้าเหมียวทำให้เธอตกหลุมรักครั้งแล้วครั้งเล่า เธอไม่ยอมแพ้ที่จะหาทางรักษามัน ถึงแม้ว่าจะรักษาให้หายขาดไม่ได้แต่ก็ขอให้เจ้าเหมียวไม่เจ็บไม่ปวดก็พอ มันชอบนอนเล่นในกล่องมาก เธอเลยใช้กล่องเล็กๆ เป็นเหมือนล้อเลื่อนให้มันได้ทำกิจกรรมอื่นๆ แบบสะดวก…
-
เจ้าหมาและนกฮูกเพื่อนรักต่างสายพันธุ์ ซี้ปึ้กกันปานจะกลืนกิน น่ารักน่าชังจริงเชียว
เราคงเคยจะได้ยินเรื่องราวมิตรภาพของเหล่าสัตว์ทั่วโลกที่สุดแสนจะน่ารัก น่าประทับใจมาหลายต่อหลายครั้ง มิตรภาพที่ไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดวัย ไม่จำกัดสายพันธุ์นี้ช่วยให้โลกน่าอยู่ขึ้นเพราะความรัก ความเมตตา และในครั้งนี้จะเป็นเรื่องราวมิตรภาพระหว่างสัตว์สี่ขาและสองขา นั่นก็คือเจ้าหมาที่ชื่อว่าเจ้า Ingo และนกฮูกตาโตที่ชื่อว่า Poldi เจ้าหมาและนกฮูกเป็นสมาชิกในครอบครัวของ Tanja Brandt ช่างถ่ายภาพสัตว์ที่ชอบช่วยเหลือสัตว์โลกเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งสองอยู่ร่วมกับสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ อย่างมีความสุขตลอดลา “ฉันรักสัตว์มาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ ต่างจากสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ ฉันจึงชอบแอบเอาสัตว์มาซ่อนไว้ในบ้าน ฉันรักความงดงาม ความมีพลัง ความซื่อสัตย์ กำลังใจ และมิตรภาพของเหล่าสัตว์ คนหลายๆ คนก็ควรเอาพวกมันเป็นแบบอย่าง” Tanja กล่าว และ Tanja ก็ได้ใช้ความสามารถในการถ่ายรูปบวกกับความรักสัตว์ของเธอมาใช้ในการเผยแพร่ความน่ารักและมิตรภาพของสมาชิกในครอบครัวของเธอให้ชาวเน็ตทั้งหลายได้ชื่นชมกัน ไปโดนตัวไหนมาาาา ง่วง ของีบหน่อยนะ กอดหน่อย หนาวจัง แต่เอ๊ะ ทำไมเจ้าหมาดูทำหน้าง่วงตลอดเวลา ตื่นมาคุยกันหน่อยสิ ตามองตา สายตาก็จ้องมองกัน อย่างกับภาพพรีเวดดิ้ง เล่นซ่อนแอบกันเจ้านกฮูก…
-
คู่รักตัดสินใจออกเดินทางท่องเที่ยวพร้อมกับ “เจ้าแพะ” และ “น้องหมา” สนุกสุดๆ ไปเล้ยยย
ถ้าคุณอยากเดินทางด้วยความสนุก และมีความสุขกับการท่องเที่ยวในทุกๆ ที่ที่ไป คุณจะต้องออกเดินไปกับคนที่คุณรัก เหมือนกับ Cate และ Chad Battles ทำอยู่ตอนนี้ ในตอนที่ Cate และ Chad โตขึ้นพวกเขาต่างก็ได้ย้ายไปอยู่ในหลายๆ ที่ จนในที่สุดพวกเขาก็โคจรมาเจอกันและได้แต่งงานกันใน Asheville รัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้ปักหลักอยู่ที่นั่น หลังจากแต่งงาน การเดินทางดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยาก เพราะพวกเขาต้องดูแลจัดการบาร์ของตัวเอง ไหนจะต้องเลี้ยงดูลูกๆ อีก แต่ตอนนี้ลูกๆ อยู่ในช่วงเจริญเติบโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว ส่วนธุรกิจบาร์และบ้าน ทั้งคู่ก็ตัดสินใจขายไปแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรมาขัดขวางการเดินทางของพวกเขาอีก จริงๆ พวกเขามีสัตว์เลี้ยงที่น่ารักอีก 2 ตัวคือ เจ้าแพะที่ชื่อ Frankie และน้องหมา Maggi แต่แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ยอมให้ 2 ตัวมาขัดขวางการเดินทางเป็นครั้งที่สองแน่ๆ ดังนั้น Cate และ Chad จึงพาสัตว์เลี้ยงทั้ง 2 ตัวออกไปท่องโลกด้วย โดยในช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา Cate Chad Frankie และ Maggie ได้นั่งรถ Airstream ไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ…
-
พ่อรดน้ำต้นไม้ทุกวันตามคำสั่งเสียของภรรยาผู้ล่วงลับ แต่มารู้ทีหลังว่าเป็นต้นไม้ปลอม!?
เมื่อคนใกล้ตายมีโอกาสได้สั่งเสีย พวกเขามักจะขอให้คนที่ยังอยู่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข หรือไม่ก็ช่วยดูทรัพย์สมบัติให้ ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง สัตว์เลี้ยง หรือบ้าน เช่นเดียวกับภรรยาแสนขี้เล่นคนนี้ที่ไม่ได้ต้องการอะไรมาก ดังนั้นก่อนจากไปเธอจึงสั่งเสียสามีแค่ว่าให้ช่วยรดน้ำต้นไม้ที่เธอรัก ภรรยาจอมป่วนคนนี้คือ Phedre Nicol เธอพ่ายแพ้ต่อโรคมะเร็งเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2013 โดยก่อนจากไปเธอให้สามีสัญญาว่าเขาจะรดน้ำต้นไม้ในห้องน้ำให้ทุกวัน ทางด้าน Nigel สามีวัย 79 ปี ได้รักษาคำมั่นสัญญานั้นเป็นอย่างดี เขาหมั่นรดน้ำต้นไม้ในห้องน้ำทุกวันเพื่อไม่มันเหี่ยวแห้งหรือตาย ก่อนจะมารู้ภายหลังว่ามันคือ ‘ต้นไม่พลาสติก’ เรื่องราวนี้ถูกแชร์โดย Antonia Nicol นักดับเพลิงวัย 46 ปีจากลอนดอน ซึ่งเป็นลูกของ Phedre และ Nigel เธอบอกในทวิตเตอร์ว่า ‘ฉันยังคงได้ยินเสียงหัวเราะของแม่จนถึงตอนนี้’ หญิงสาวได้แชร์ภาพต้นไม้ที่ยังดู เปล่งปลั่ง พร้อมคำบรรยายว่าพ่อของเธอได้ดูแลต้นไม้ต้นนี้อย่างดีเยี่ยมมาเสมอ ตั้งแต่รับปากแม่ตอนนั้น Nicol บอกว่า “พ่อได้ดูแลต้นไม้ตามสัญญามาประมาณสองสามปี กระทั่งตอนที่เขาขายบ้านและกำลังจะย้ายออกหลังเกษียณอายุ ที่ผ่านมาพ่อได้ดูแลต้นไม้ของแม่อย่างดี เพื่อไม่ให้มันตาย ดังนั้นเมื่อถึงเวลาย้ายบ้านเขาจึงอยากเอามันไปอยู่บ้านใหม่ด้วย แต่ระหว่างที่ย้ายของนั้นพ่อเพิ่งมารู้ว่ามันคือต้นไม้พลาสติก” หญิงสาวบอกอีกว่า “ตอนที่พ่อรู้ความจริง แม่คงจะหัวเราะอยู่แน่ๆ… มันกลายเป็นเรื่องที่ทำให้เราหัวเราะทุกครั้งพูดถึง ดังนั้นแม้ว่าแม่จะหลอกพ่อ แต่สุดท้ายแล้วมันกลายเป็นเรื่องที่ดีสำหรับครอบครัวเรา” โพสต์ของ Nicol ทำให้ชาวเน็ตขำไปตามๆ จนถูกรีทวิตมากกว่า…
-
เด็กหญิงชาวจีนแบกพี่ชายผู้พิการไปโรงเรียนทุกวัน เพราะอยากให้พี่ได้เรียนหนังสือด้วยกัน
นอกจากพ่อแม่ที่รักเรามากที่สุดแล้ว พี่น้องสายเลือดเดียวกันเป็นอีกคนที่ไม่อยากเห็นเราเจ็บ ไม่อยากเห็นเราลำบาก แต่อยากเห็นเรามีความสุขในทุกๆ วัน เหมือนกับ Zhou Dingshuang เด็กหญิงวัย 9 ขวบจากมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ที่คอยเป็นมือเป็นเท้าให้กับพี่ชายผู้พิการที่มีปัญหาในการใช้มือใช้ขาตั้งแต่เกิด น้องสาวแสนดีคนนี้ไม่เพียงแค่ป้อนข้าว ป้อนน้ำ หรืออาบน้ำให้น้อง แต่เธอยังแบกพี่ชาย Zhou Dingfu วัย 12 ปี ไปโรงเรียนทุกวัน ไม่เว้นแม้กระทั่งวันที่ฝนตก แดดออก หิมะตก หรือวันที่ลูกเห็บตก เธอบอกกับผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น Wenshan ว่า “หนูจะไม่ปล่อยพี่ไว้ตามลำพังค่ะ และหนูจะเป็นไม้เท้าให้พี่ตลอดไป” Dingshuang และ Dingfu เรียนอยู่ชั้นเดียวกันที่โรงเรียน Central School of Heizhiguo County ดังนั้นเธอจึงเป็นคนเดียวที่ดูแลพี่ชายตลอดเกือบ 24 ชั่วโมง ทุกๆ เช้า เด็กหญิงจะล้างมือล้างหน้าให้พี่ชาย ช่วยเขาแต่งตัว ก่อนจะแบกเขาขึ้นหลังและพาไปโรงเรียนด้วยกัน ระหว่างทางไปโรงเรียน พวกเขาต้องข้ามถนนและขึ้นบันไดเพื่อจะไปยังห้องเรียน ที่สำคัญน้องสาวไม่เคยทำให้พี่ชายไปเรียนสายเลย แม้การเดินทางจะลำบากหรือสภาพอากาศจะเลวร้ายแค่ไหน หลังจากเลิกเรียนแล้ว Dingshuang จะแบกพี่ชายกลับบ้าน ช่วยเขาทำการบ้านจนเสร็จก่อนจะไปช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านต่อ …
-
ช่างภาพพาน้องหมาออกมาจากสถานสงเคราะห์ แล้วเปลี่ยนโลกทั้งใบให้สดใสกว่าเดิม
ทุกวันนี้มีสุนัขจรจัดมากมายที่ต้องเผชิญชีวิตท่ามกลางอันตรายรอบตัว และหากไม่ได้รับการช่วยเหลือพวกมันอาจจะต้องอดตายหรือไม่ก็ถูกรถชนได้ ด้วยเหตุนี้ศูนย์พักพิงสุนัข Penkta Koja ในลิทัวเนียจึงได้รับสุนัขเข้ามาใหม่ทุกวัน บางตัวหลงทาง บางตัวถูกรถชน และบางตัวถูกทิ้งเพราะเจ้าของไม่สามารถเลี้ยงต่อได้ เมื่อเข้าไปในศูนย์พักพิงวันแรก พวกมันจะเห่าเสียงดังตลอดเพราะไม่คุ้นกับสิ่งแวดล้อมใหม่ อย่างไรก็ตาม ผู้ดูแลจะคอยอยู่ข้างๆ พวกมัน ทำให้มันใจเย็นลงและทำให้มันไว้ใจมนุษย์อีกครั้ง หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาแห่งการรอ รอที่จะมีเจ้าของใหม่ รอที่จะได้เข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่ที่มีทั้งความรักและความอบอุ่นจากมนุษย์ที่ไว้ใจได้ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ เราจึงได้แค่รอ… และเมื่อวันที่เหล่าน้องหมาได้บ้านใหม่ อาสาสมัครของ Penkta koja และช่างภาพ Ausra Kel (หนึ่งในคนที่พาสุนัขจรจัดมาอยู่ในศูนย์พักพิงและพยายามหาบ้านใหม่ให้) ก็จะเปลี่ยนโลกใบใหม่ให้สุนัขเหล่านี้ สำหรับ Ausra เธอเป็นศิลปินดิจิตอล นักตกแต่ง และบรรณาธิการภาพถ่าย เธอมักจะสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ในภาพถ่ายเสมอราวกับเธอสามารถสร้างโลกใบใหม่ขึ้นมาได้ ดังนั้นเธอจึงถูกขอให้ทำแบบนั้นกับสุนัขในศูนย์พักพิงและเจ้าของใหม่ของพวกมันด้วย สุนัขทุกตัวที่ถูกถ่ายภาพคือตัวที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับครอบครัวใหม่…ก่อนหน้านี้พวกมันต้องอยู่ในศูนย์พักพิงเป็นเวลาหลายปี แต่ภาพชุดนี้เผยให้เห็นถึงชีวิตใหม่ของพวกมันกับเจ้านายและบ้านที่มันจะได้มีความสุขตลอดไป ทั้งเจ้าของและน้องหมาต่างยกให้อีกฝ่ายเป็นฮีโร่และเป็นเพื่อน พวกเขาไม่ได้ใช้ชีวิตดีไปกว่าคนอื่นเลย แต่มันแค่มีความแตกต่างเพราะพวกเขามองเห็นคุณค่าของกันและกัน หลายคนสงสัยว่าการซื้อสุนัขมาเลี้ยงกับการรับสุนัขจากศูนย์พักพิงมาเลี้ยงแตกต่างกันอย่างไร? คำตอบคือ มันเหมือนกันนั่นแหละ แต่มันแค่ต่างตรงที่ความรู้สึกของคุณที่มีต่อสุนัข การซื้อสุนัขคือการที่คุณเป็นฝ่ายเลือกสุนัข แต่การรับเลี้ยงสุนัขในศูนย์พักพิงคือ คุณเป็นฝ่ายที่ถูกเลือกจากน้องหมา นี่แหละความแตกต่าง…
-
แฮกเกอร์จากกลุ่ม “Anonymous” เข้าถล่ม ปิดเว็บโป๊เด็กไปกว่า 10,000 เว็บ
ทุกวันนี้มีสื่อลามกอนาจารเต็มไปหมด โดยเฉพาะเว็บโป๊เด็กที่มีผู้เข้าชมจำนวนมากๆ และเข้าถึงง่ายมาก สะท้อนให้เห็นว่ามีคนจำนวนมากที่อาจจะเป็น “โรคใคร่เด็ก” ในหลายๆ เว็บนั้นก็มีบางส่วนที่ล่วงละเมิดหรือล่อลวงเด็กมาถ่ายทำจริงๆ ไม่ได้ใช้นักแสดงผู้ใหญ่ที่ดูเด็กกว่าอายุจริงอย่างที่หนังโป๊ถูกกฎหมายทำกัน ซึ่งถือเป็นการค้ามนุษย์ นอกจากนี้สื่อลามกเด็กเองก็ผิดกม.ในแทบทุกประเทศอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าหนึ่งในแฮกเกอร์จากกลุ่ม Anonymous ได้เข้าไปยังเว็บไซต์สายมืดกว่า 10,000 เว็บ และได้ทำการปิดเว็บโป๊เด็กไปเป็นจำนวนมาก แฮกเกอร์คนดังกล่าวได้เจาะระบบของ Freedom Hosting II ซึ่งเป็นโฮสต์สำหรับเว็บไซต์ด้านมืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยการเข้าไปในเครือข่ายแบบไม่ระบุตัวตนที่เรียกว่า Tor เพื่อป้องกันการถูกติดตาม แฮกเกอร์นิรนามที่อ้างตัวว่าเป็นคนเจาะระบบของ Freedom Hosting II ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Vice ว่านี่เป็นครั้งแรกของเขา ซึ่งตอนแรกเขาไม่ได้ตั้งใจจะปิดโฮสต์ แต่เมื่อเห็นว่าในเว็บไซต์มีภาพโป๊เด็กจำนวนมาก เขาจึงตัดสินใจปิดเว็บไซต์เหล่านั้นทันที ดังนั้นหลังจากนี้หากใครที่พยายามเข้าไปในเว็บไซต์เหล่านี้ จะเห็นข้อความที่เขียนว่า “สวัสดี Freedom Hosting II ตอนนี้คุณถูกแฮกเรียบร้อยแล้ว” “เรารู้สึกผิดหวังกับพวกคุณจริงๆ บนหน้าเว็บไซต์ของคุณเขียนไว้ว่า ‘เรามีนโยบายต่อต้านสื่อลามกอนาจารเด็ก’ แต่เมื่อเราเข้าไปค้นในเซิร์ฟเวอร์กลับพบว่า เกิน 50% เป็นภาพโป๊ของเด็ก” “ยิ่งไปกว่านั้น พวกคุณยังเป็นโฮสต์ให้กับเว็บไซต์เถื่อนและเว็บไซต์หลอกลวงอีกจำนวนมาก ซึ่งบางเว็บไซต์พวกคุณเป็นคนเปิดเอง เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเซิร์ฟเวอร์” “ไฟล์ทั้งหมดของพวกคุณถูกก๊อปปี้เก็บไว้แล้ว ส่วนไฟล์ต้นฉบับ 74GB…
-
พฤติกรรมสุดป่วนของคุณ ‘ภรรเมีย’ ที่จะทำให้คุณซะมีทั้งหลายต้องปวดหัว นี่แหละสีสันชีวิตคู่
หลายคนอาจจะคิดว่าชีวิตหลังแต่งงานเป็นเรื่องน่าเบื่อ ไหนจะต้องมาทนฟังภรรยาบ่นนู่นนี่นั่น บ่นทุกเรื่องที่คิดได้ ส่วนภรรยาต้องทำทุกอย่าง ทั้งงานบ้าน งานตัวเอง ไหนจะธุระของสามีอีก มีสามีก็เหมือนมีลูก แต่ดูเหมือนคู่รักเหล่านี้จะไม่คิดแบบนั้น ทำไมนะหรอ? ก็เพราะพวกเขาคือผู้ชายที่โชคดีได้ภรรยาที่มีพฤติกรรมสุดป่วน อาจจะปวดหัวในบางครั้งแต่นี่แหละสีสันของชีวิตคู่ 1. นี่คือวิธีซ่อนขนมของภรรยาผม เพราะไม่อยากแบ่งเพื่อนร่วมงาน นางเลยเอาไปซ่อนในกล่องผ้าอนามัยซะเลย 2. นี่คือสิ่งที่ภรรยาทำให้สามี “ฉันต้องทนอยู่กับคุณ” แล้วคิดว่าสามีควรจะรู้สึกยังไงกับเค้กก้อนนี้? 3. เมื่อภรรยาจะไม่อยู่บ้าน 2-3 เดือน แล้วดูสิ่งเธอทำเช้านี้ก่อนออกจากห้อง 4. นี่ภรรยาคงคิดว่าผมโง่มากสินะ (ซ้าย: ไม่เหมาะจะใส่ไปทำงาน ขวา: ใส่ไปทำงานได้) 5. ภรรยาผมเป็นนักธรณีวิทยา และนี่คือของขวัญวันเกิดที่ผมได้จากเธอ 6. ภรรยาผมปลุกให้ตื่นแต่เช้า เพื่อให้มาซ่อมรูรั่ว (ต้นหอม) ในอ่างอาบน้ำ (คำพ้องเสียง leak = รูรั่ว / leek = ต้นหอม) 7. สามีคิดว่าฉันไม่สามารถโกนขนเท้าของเขาโดยที่เขาไม่ตื่นได้ และนี่คือสิ่งที่เขาตื่นขึ้นมาเห็นในตอนเช้า…
-
กลายเป็นเทรนด์โลกออนไลน์ ชาวเน็ตแชร์ภาพเหล่าแขกที่มาเยี่ยมถึงริมหน้าต่าง
ไม่ว่าคุณจะอาศัยอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ ทั้งในเมือง ชนบท พื้นที่ห่างไกล หรือแม้กระทั่งบนตึกสูง คุณจะไม่โดดเดี่ยวอย่างแน่นอน เพราะเหล่านกน้อยนกใหญ่จะแวะไปทักทายคุณถึงที่ ไม่เชื่อลองมองไปที่กระจกสิ ใครที่มีนกมาหาบ่อยๆ ถ้าวันหนึ่งนกตัวนั้นไม่มาคงคิดถึงแย่แน่ๆ เพราะแบบนี้ชาวเน็ตจึงร่วมแชร์ภาพเหล่านกที่มาเยี่ยมเยียน ในฐานะเพื่อนแปลกหน้าที่เคยไม่ปล่อยให้เราต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว 1. นก 4 ตัวนี้จะมาเกาะอยู่ที่หน้าต่างทุกเช้าเพื่อขออาหาร 2. ฉันทำงานอยู่บนชั้น 10 แต่มีเพื่อนตัวหนึ่งแวะมาเยี่ยมฉันเป็นประจำทุกวันเลย 3. สงสัยอยู่นานว่าทำไมวันนี้น้องหมาของฉันถึงไม่ออกไปวิ่งเล่นเหมือนทุกวัน 4. ฉันทำงานอยู่ชั้น 10 และนี่คือแขกที่มาหาฉันทุกวัน 5. นี่เพื่อร่วมงานเค้าเอง มากันเป็นคู่เลย 6. ปกติจะเห็นนกบินมาทักทาย แต่วันนี้ทำไมเป็นแรคคูนล่ะ 7. ตอนนี้มีนกมาเกาะอยู่ที่หน้าต่างในที่ทำงานของฉัน คงจะแวะมาทักทายละมั้ง 8. นี่เพื่อนใหม่ มาหาตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลกเลย 9. มาทุกวันจนจะเป็นเพื่อนสนิทอยู่ละ 10. จ้องขนาดนี้ เข้ามาเลยมั้ยล่ะ? 11.…
-
“เรารักกันอย่างความสุขมาก” Ed Sheeran เผยว่าหมั้นกับแฟนสาวแบบเงียบๆ ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว!?
เชื่อว่าแทบทุกคนคงจะรู้จักนักร้องหนุ่มพราวเสน่ห์วัย 26 ปี Ed Sheeran ผู้เป็นเจ้าของเพลงดังอย่าง Perfect, Shape of You และ Photograph แน่ๆ เขาเป็นขวัญใจของสาวๆ จำนวนไม่น้อยเลย แต่วันนี้สาวหลายคนคงต้องใจสลายเนื่องจากเขาเพิ่งออกมาเปิดตัวว่า เขากับแฟนสาว Cherry Seaborn ที่คบกันมาได้ทำการหมั้นหมายกันไปแบบเงียบๆ สักพักหนึ่งแล้ว โพสต์บนอินสตาแกรมของ Ed Sheeran เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมานี้ Ed ได้โพสต์รูปตนเองหอมแก้มแฟนสาวอย่างน่ารักน่าเอ็นดูไว้ในอินตาแกรมของเขา พร้อมกับแคปชันว่า “ผมมีคู่หมั้นก่อนปีใหม่แล้ว พวกเรารักกันดี และเจ้าเหมียวของพวกเราก็ดูจะรักกันเหมือนกันนะ” ทั้งคู่เริ่มมีข่าวลือว่าเริ่มคบกันตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2015 ตอนนั้นมีคนเห็นทั้งสองคนกำลังเดินเที่ยวกันอยู่ในเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทั้งคู่เที่ยวอยู่กับดีเจชื่อดัง Calvin Harris ด้วย ในเดือนมีนาคม 2017 Ed ให้สัมภาษณ์กับทางนิตยาสาร US Weekly ว่าเขาและสาว Cherry Seaborn รู้จักกันตั้งแต่ตอนอยู่ที่ Thomas Mills High School ในบ้านเกิดของเขาที่ประเทศอังกฤษ แม้ว่าตอนแรกฝ่ายหญิงจะต้องย้ายไปเรียนที่รัฐนอร์ธแคโรไลนา…
-
“Foo Chan” เจ้าเหมียวญี่ปุ่น ชอบทำหน้าเศร้าตลอดเวลา แต่กลับมีแฟนคลับกรี๊ดกร๊าดเพียบ!!
ตลอดเวลาที่ผ่านมา หากใครที่ได้ติดตามความน่ารักของบรรดาเจ้าเหมียวมาโดยตลอด คุณจะเห็นว่าเดี๋ยวนี้มักจะมีแต่ภาพน้องแมวหน้าตาน่ารัก บางตัวก็หน้าตาแปลกมาให้เราได้ชม และรู้จักอยู่เสมอ อย่างเมื่อครั้งที่แล้ว Little P แมวเหมียวหน้าตาสุดเศร้า ที่เหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลา ก็กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกโซเชียล ต่อมาก็มีเจ้า Graveskull แมวที่มีใบหน้าง๊วงง่วงอยู่ตลอดเวลา ก็มาเปิดหน้าตาให้บรรดาทาสได้ชื่นชม และในวันนี้เราจะพาทุกท่านมาพบกับ Foo Chan เจ้าเหมียว Chinchilla Golden วัย 6 ขวบแสนน่ารัก ส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีใบหน้าเศร้าและดูผิดหวังตลอดเวลา ไม่ว่าจะกิน เดิน นอน นั่ง หน้าตาของมันก็เป็นแบบนี้แหละ… โอ๋ๆ อย่าเศร้าไปเลยนะเจ้าเหมียว ดวงตาที่โศกเศร้า ส่งผลให้ใบหน้าของมันดูเศร้าตาม แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นแมวที่น่ารักมากๆ ตัวหนึ่งเลยละ ใครๆ ก็บอกว่าหนูเป็นแมวที่มีหน้าตาเศร้า และผิดหวังฝุดๆ แต่จริงๆ แล้วเราเป็นแมวที่น่ารัก และอ่อนโยน ความน่ารักน่าเอ็นดูของเจ้า Foo Chan ทำให้ใครๆ ต่างก็พากันหลงรัก…
-
ลูกจิงโจ้กำพร้าไม่มีแม่ให้อ้อน เลยเข้าไปนอนอยู่ในเสื้อของตำรวจ เดินตามต้อยๆ เลย
ไม่ว่าจะลูกคนหรือลูกสัตว์ ต่างก็ต้องการคนดูแลเอาใจใส่เหมือนกันนะ แต่กับสัตว์น้อยๆ บางตัวช่างน่าสงสารเหลือเกิน เพราะพวกมันมีโอกาสพลักพรากกับพ่อแม่ของมันสูงงกว่ามนุษย์ซะอีก แต่ถึงแม้จะกลายเป็นสัตว์กำพร้า แต่ก็ยังมีมนุษย์ใจดีบางคนให้ความช่วยเหลือมันอยู่นะ เว็บไซต์ต่างประเทศรายงานว่า มีลูกจิงโจ้กำพร้าวัย 4 เดือนตัวหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย ได้รับการอุปถัมภ์เลี้ยงดูโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ Scott Mason ในแถบตะวันตกของออสเตรเลีย และตั้งชื่อให้มันว่าเจ้า Cuejo สาเหตุที่เจ้า Cuejo ต้องกลายเป็นจิงโจ้กำพร้าก็เพราะว่าระหว่างที่มันกำลังซุกอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องของแม่มัน จู่ๆ ก็มีกระกระบะพุ่งมาชนแม่ของมันอย่างจัง ทำให้แม่ของมันตายทันที แต่โชคดีที่มันสามารถรอดมาได้ เจ้าหน้าที่ Mason ซึ่งเคยเป็นอดีตหน่วยพยาบาลมาก่อน จึงอาสาเข้าไปประถมพยาบาลและดูแลมันเอง แต่เนื่องจากธรรมชาติของลูกจิงโจ้มักจะได้รับการปกป้องจากแม่ของมันโดยการเข้าไปนอนอยู่ในกระเป๋าหน้าท้อง ทำให้เจ้า Cuejo ไม่สามารถเข้าไปนอนในกระเป๋าหน้าท้องของใครได้เลย มันเลยกระโดดเข้าไปซุกอยู่ในเสื้อของเจ้าหน้าที่ Mason ซะอย่างงั้น เจ้าหน้าที่ Mason พูดถึงอาการของเจ้าจิงโจ้น้อยว่า “เจ้าจิงโจ้ต้องการกินอาหารทุกๆ 3 ชั่วโมง มันเลยกลายเป็นเหมือนลูกของผมเลย มันดูผอมแห้งมาก แต่เราก็ทำเท่าที่เราจะทำได้” ชมคลิปน่ารักๆ ของเจ้าจิงโจ้ได้ที่ด้านล่างเลย คุณตำรวจหล่อด้วย ใจดีด้วย…
-
แข็งแกร่ง… ท่านปูตินร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ แช่น้ำเย็นกลางอากาศ -5 องศา ไม่แสดงสีหน้าซักติ๊ด!!
Vladimir Putin คือประธานาธิบดีคนที่สี่และคนปัจจุบันของรัสเซียที่เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จักเขา ด้วยภาพลักษณ์อันแข็งแกร่งและดุดันไม่ยอมใครของเขาทำให้เราได้เห็นข่าวแปลกๆ ของท่านอยู่เป็นระยะๆ ตลอดเวลา ซึ่งแน่นอนว่าในครั้งนี้ก็เช่นกัน นี่เป็นพิธีกรรมของโบสถ์คริสเตียนออร์โธดอกซ์ของรัสเซียที่จะลงไปแช่น้ำที่เย็นเป็นน้ำแข็งเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ จริงๆ แล้วพิธีดังกล่าวก็จะคล้ายๆ การรับศีลจุ่มของชาวคริสเตียนที่เอาเด็กไปอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง ต่างกันตรงที่ว่าของชาวรัสเซียนั้นไม่ได้ทำกับเด็ก และน้ำที่นั่นเย็นเฉียบจนแทบเป็นน้ำแข็งเท่านั้นเอง แล้วก็เช่นเดียวกับการรับศีลจุ่มของชาวคริสเตียนปัจจุบัน พิธีนี้นั้นไม่ได้มีการบังคับให้เข้าร่วมแต่อย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าพิธีสำคัญแบบนี้ มีหรือท่านปูตินวัย 65 ปีสุดแกร่งของเราจะพลาด พิธีที่ว่านี้จะให้ผู้เข้าร่วมเดินลงไปในทางน้ำที่บางครั้งก็ขุดเป็นรูปไม้กางเขนและ จุ่มตัวลงไปในน้ำจนถึงหัว โดยบางที่บอกว่าต้องจุ่มสามครั้งในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ เฉกเช่นที่ พระเยซูรับศีลจุ่ม ที่แม่น้ำจอร์แดน พิธีนี้มักจัดในวันที่ในวันที่ 18 และ 19 ของเดือนมกราคม แน่นอนว่าประชาชนกว่าสองล้านคนของรัสเซียก็ได้ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมพิธีนี้เช่นกัน นับว่าการเข้าพิธีของท่านปูตินนั้นมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงจริงๆ เมื่อนักข่าวได้เข้าไปสัมภาษณ์ท่านปูตินว่า “ท่านหนาวบ้างไหม” ท่านก็ตอบกลับมาอย่างสบายๆ ว่า “ไม่เห็นหนาว ออกจะสบายๆ” ว่าแล้วก็แก้ผ้าเหลือแต่กางเกงลงไปจุ่มในน้ำเย็นเฉียบ กลั้นหายใจแล้วแช่ลงไปมิดหัว โฆษกรัฐสภา Dmitry Peskov ยังออกมากล่าวอีกว่า อันที่จริงท่านปูตินของเราก็ลงไปในหลุมน้ำแข็งอยู่บ่อยๆ อยู่แล้ว เพียงแค่ไม่ได้ออกมาทำต่อหน้าสาธารณชนเท่านั้น…
-
คุณตากอดแมวร้องไห้ หลังบ้านถูกไฟไหม้ทั้งหลัง เกิดเป็นคลิปที่ชวนน้ำตาซึม…
ของมีค่าสำหรับแต่ละคนอาจต่างกัน บางคนให้ความสำคัญกับเงินทอง บางคนชอบรถ บางคนชอบของแบรนด์เนม ในขณะที่บางคนขอแค่มีสัตว์คู่ใจอยู่ด้วยก็เพียงพอแล้ว เหมือนกับคุณตา Ali Meşe วัย 83 ปี จาก Ordu Province ประเทศตุรกี ที่นั่งกอดแมวน้อยร้องไห้ หลังบ้านถูกไฟไหม้จนไม่เหลืออะไร ตามรายงานข่าวระบุว่าบ้านของคุณตาลุกไหม้เพราะเขาพยายามจะจุดไฟในเตา โดยใช้น้ำมันเบนซิน แต่เกิดความผิดพลาดจนทำให้ไฟลุกลามขึ้น ในคลิปจะเห็นว่าขณะที่นักดับเพลิงกำลังระดมดับไฟ และพยายามกู้ซากสิ่งของเท่าที่จะทำได้ แต่คุณตากลับอุ้มน้องแมวไว้ในอ้อมกอด เพราะมันคือสิ่งเดียวที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเขา ต่อมาได้มีการนำภาพเหตุการณ์ตอนที่คุณตากอดน้องแมวไปโพสต์ลงในอินสตาแกรม Theellenshow พร้อมคำบรรยายว่า “ความรักคือทุกอย่าง…แม้ว่าบ้านของเขาจะถูกไฟไหม้ไปทั้งหลัง แต่เขาก็ยังสามารถรักษาสมบัติที่มีค่าที่สุดไว้ได้” โพสต์ดังกล่าวนี้มีคนกดไลก์เกือบ 800,000 ครั้ง และแสดงความคิดเห็นอีกนับพัน ในข่าวยังบอกอีกว่าเพื่อนบ้านได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงหลังจากที่เห็นเปลวไฟมาจากบ้านของ Meşe แต่โชคดีที่คุณตากับครอบครัวหนีออกมาได้ และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ มีคนบอกว่าคุณตารักแมวมาก เขาเลี้ยงแมวไว้หลายตัว แต่น่าเศร้าที่น้องแมวรอดมาได้แค่ตัวเดียว… ต่อมา Meşe ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลเพื่อทำแผลที่ถูกไฟไหม้เล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะกลับบ้านในวันต่อมา และแน่นอนว่าเขาไม่ปล่อยให้น้องแมวอยู่ห่างจากตัวเลย ทางเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสัญญาว่าจะให้การช่วยเหลือ Meşe และครอบครัวเท่าที่จะทำได้…
-
“จะมาก็มา ไม่มาก็ไม่ง้อ” เหตุผลที่ Man City ล้มดีล Alexis Sanchez ซะงั้น!?
ช่วงกระแส Alexis Sanchez นักฟุตบอลทีมปืนใหญ่ Arsenal ที่จะย้ายไป Manchester United กำลังมาแรง เลยอยากจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับความหยิ่ง (ขี้เหนียว) ของทีมเรือใบในช่วงหลังนี้หน่อย เป็นที่รู้กันว่า Man City ขึ้นชื่อเรื่องการทุ่มเงินมาเสริมกำลังทัพ ไม่ว่าต้องการเท่าไรป๋าก็พร้อมจะเปย์ตลอด แต่หลายคนสงสัยว่าในเคสของ Alexis ทำไมทีมทำตัวไม่กล้าทุ่มซะงั้น ผมไปเจอบทความจากคุณ Sam Lee นักข่าวของ Goal ที่เขียนถึงเรื่องศักดิ์ศรีของทีัมซื้อขาย Man City ในช่วงหลังแล้วมันน่าสนใจดี ย้ายมาตอนนี้ หรือไม่มีโอกาสย้ายอีกแล้ว… ตั้งแต่ Pep เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมเนี่ย จากนโยบายที่ทีมเรือใบ Manchester City อยากได้ใครก็ต้องตื๊อจนกว่าจะได้ ทุ่มเงินค่าตัวและค่าจ้างเยอะๆ ไปจนนักเตะอยากจะย้ายมาร่วมทีม มันกลายเป็นนโยบายประเภท Now or Never นักเตะคนไหนที่อยากจะมา Man City คือต้องอยากมาจริงๆ ถ้าปฏิเสธเมื่อไรทีมก็จะไม่หันกลับไปหาอีกเลย เรื่องนี้เริ่มมาจากไหน พวกเขาคิดถูกแล้วหรือ!?…
-
ตีแผ่เบื้องหลัง “ไอดอล” ผ่านสารคดี “โตเกียวไอดอล” ความมุ่งมั่น ความผิดหวัง การแข่งขันและเพศ
ต้องยอมรับว่าตั้งแต่มีการปรากฏตัวของ BNK48 มันก็เริ่มทำให้นิยามของคำว่า “ไอดอล” ในบ้านเราค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละหน่อยๆ จากที่แต่ก่อนต้องน่ารัก เรียนเก่ง หรือเซ็กซี่เพียงอย่างเดียว ก็เริ่มมีมิติอื่นๆ เข้ามาด้วย ทั้งเรื่องของความพยายาม การแข่งขัน มิตรภาพ ความคิดความอ่าน ไหวพริบ เพราะยิ่งไอดอลมีคุณสมบัติเหล่านี้เยอะเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเองมากขึ้น และเพราะมันเริ่มมีการพูดถึงกลุ่มไอดอลอย่าง BNK48 บ่อยขึ้นๆ จนคนในบ้านเราเริ่มมองว่านี่มันคือกลุ่มอะไร? ทำไมถึงมีกฎเกณฑ์เยอะแยะ? ทำไมถึงมีผู้คนให้ความสนใจเยอะขนาดนี้? มันมีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้องหรือเปล่า? ไอ้ที่เกริ่นๆ มามันมีคำตอบหมดเลยในสารคดี “โตเกียวไอดอล” ที่#เหมียวฟิ้นเพิ่งดูไปใน Netflix ต่อไปนี้จะเป็นการสรุปเนื้อหาสำคัญบางช่วงบางตอนนะครับ 1. ในญี่ปุ่นมีคนที่เรียกตัวเองว่าไอดอลราวๆ หมื่นคน มีทั้งกรุ๊ปใหญ่ๆ แบบพวก AKB48, NMB48, SKE48 ไปจนถึงกลุ่มที่เล็กมากๆ ตามเมืองเล็กๆ หรือแม้แต่ไอดอลเดี่ยวๆ ที่มีกลุ่มคนไปดูไม่มากมายอะไรก็ยังมี 2. ในบรรดาไอดอลทั้งหลาย มีไม่น้อยเหมือนกันที่ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นไอดอล แต่มองว่านี่คือทางผ่านไปสู่อาชีพนักร้องหรือนางแบบ เลยเลือกที่จะใช้เวทีไอดอลเพื่อฝึกปรือฝีมือ 3.…
-
ชายชาวเมเลย์พุ่งเข้าตบหญิงสาวผู้ไม่สวมฮิญาบ เมื่อเธอบอกว่ามีสิทธิ์เลือกที่จะไม่ใส่
เมื่อเวลาผ่านไป ความเชื่อและระเบียบวินัยด้านศาสนาก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน ยกตัวอย่างเรื่องที่พระสงฆ์ต้องซ้อนรถจักรยานยนตร์เพื่อเดินทางไกลแล้ว แม้ว่าในทางวินัยจะไม่ควรทำ แต่คนอีกส่วนหนึ่งก็เข้าใจว่าต้องปรับให้เข้ากับยุคสมัยตามสมควร อย่างไรก็ตามในสังคมของเราก็ยังมีทั้งกลุ่มคนที่เป็นพวกอนุรักษณ์นิยม ที่เชื่อว่าทุกอย่างควรจะเป็นไปตามกฎดั้งเดิมของศาสนาเท่านั้น และคนอีกกลุ่มที่ยอมรับความเปลี่ยนแปลงแล้วอาศัยอยู่ร่วมกัน จึงอาจะทำให้เกิดความขัดแย้งกันได้ ชายหนุ่มสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงวอร์ม เข้าไปคุยกับหญิงชุดดำ เหตุการณ์นี้ก็เป็นผลจากความขัดแย้งเรื่องระเบียบของศาสนาเช่นกัน เรื่องเกิดขึ้นที่จุดรอรถประจำทางในประเทศมาเลเซีย โดยมีชายคนหนึ่งเดินเข้าไปต่อว่าและทำร้ายหญิงกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่รอรถอยู่ เนื่องจากพวกเธอไม่ยอมสวมผ้าโพกหัวตามความเชื่อของศาสนาอิสลาม คลิปนี้ถูกถ่ายไว้โดยคนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ในคลิปจะเห็นว่าชายซึ่งสวมเสื้อกันหนาวแขนยาวและกางเกงวอร์ม ได้เข้าไปถามหญิงสาวที่แต่งตัวด้วยชุดสีดำว่าเธอนับถือศาสนาใด เมื่อเธอตอบเขาว่านับถือศาสนาอิสลาม เขาจึงถามต่อด้วยท่าทางโมโหว่าทำไมเธอถึงไม่สวมผ้าโพกหัว เขาไม่พอใจที่เธอไม่ยอมสวมผ้าโพกหัวตามความเชื่อดั้งเดิมของศาสนาอิสลาม หญิงสาวก็ตอบเขาว่าเธอไม่สวมผ้าโพกหัวเพราะมันเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะเลือกใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ทว่าคำตอบของเธอทำให้เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แล้วใช้หลังมือตบหน้าเธอทันที ทันทีที่คนรอบข้างเห็นดังนั้น พวกเธอก็ลุกขึ้นมาปกป้องหญิงสาว และต่อว่าชายคนดังกล่าวทันที โดยหญิงที่สวมผ้าโพกหัวและถือโทรศัพท์มือถืออยู่ได้ลุกขึ้นมาเถียงกับผู้ชายคนนี้แทนหญิงที่ถูกตบหน้า และคลิปวิดีโอก็จบลงเพียงเท่านี้ ชายหนุ่มตบหน้าหญิงสาวในที่สาธารณะทันทีที่ได้ยินคำตอบจากเธอ คลิปวิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ลงในโซเชียลเน็ตเวิร์กของประเทศมาเลเซีย และได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก โดยคนที่ได้เห็นคลิปนี้แล้ว ส่วนหนึ่งรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของชายคนนี้เอาเสียเลย คลิปวิดีโอเหตุการณ์ ประชากรกว่า 30 ล้านคนในเทศมาเลเซียนั้นเป็นคนที่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของประชากรในประเทศเลยทีเดียว และตามความเชื่อดั้งเดิมแล้ว ผู้หญิงอิสลามก็ควรจะสวมผ้าโพกหัวเวลาออกไปข้างนอกบ้านด้วย ไม่เช่นนั้นจะถือว่าแต่งกายไม่มิดชิด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ คนในประเทศมาเลเซียมีความเชื่อเรื่องอนุรักษณ์นิยมของศาสนาอิสลามเพิ่มมากขึ้น ทำให้คนกลุ่มนี้ไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลงใดๆ…
-
“Willy Wonka” ตัวจริง ชายผู้ผลิตช็อกโกแลตรสประหลาด ทำจริงขายจริง แถมขายดีด้วย
หากใครเคยได้ดูภาพยนตร์เรื่อง ชาร์ลีกับโรงงานช็อกโกแลต (Charlie and the Chocolate Factory) คงจะได้เห็นเด็กชายเดินเข้าไปชมโรงงานช็อกโกแลตที่อลังการกันมาแล้ว และคงจดจำเจ้าของโรงงานช็อกโกแลต Willy Wonka ได้แน่นอน เพื่อนๆ รู้หรือเปล่าว่าในโลกแห่งความเป็นจริงก็มีคนแบบ Willy Wonka อยู่เหมือนกัน เขาเองก็เป็นเจ้าของโรงงานช็อกโกแลตอยู่ที่ประเทศเวลส์ โรงงานช็อกโกแลตของเขาไม่ได้เวอร์เหมือนในหนังหรอกครับ ถึงแบบนั้นมันก็ยังคงน่าสนใจไม่แพ้กันเลย Willy Wonka ในโลกแห่งความเป็นจริง Liam Burgess เจ้าของโรงงานช็อกโกแลตแห่งนี้ชื่อว่า Liam Burgess เขาเป็นผู้ริเริ่มช็อกโกแลตแบรนด์ Nomnom Chocolate ชายคนนี้เริ่มต้นทำบริษัทช็อกโกแลตนี้ตอนที่เขามีอายุเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น และโรงงานของเขาก็มีเอกลักษณ์ในตัวเองมากพอสมควรเลย ในตอนต้นนั้นบริษัทของเขาเริ่มทำช็อกโกแลตในห้องเล็กๆ หลังบ้านเท่านั้น และพนักงานทั้งหมดในโรงงานก็เป็นเพื่อนวัยเด็กของเขาทั้งหมดเลย แม้ว่าแต่ละคนจะไม่ได้เรียนจบด้านที่เกี่ยวข้องกับการทำช็อกโกแลตมาก็ตาม พนักงานทุกคนเป็นเพื่อนเก่าที่รู้จักกันมานาน Lili พนักงานคนหนึ่งเล่าว่า “Sarah, Liam, Finbar และฉันเรียนโรงเรียนประถมเดียวกัน เรารู้จักกันดีมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว … หลายคนในนี้ไม่เคยทำงานมาก่อนเลย ฉันเองก็เช่นกัน … พวกเราทุกคนไม่เคยมีประสบการณ์การทำช็อกโกแลตหรือการทำงานด้านอาหารเลยด้วยซ้ำ“ นอกจากการจ้างพนักงานที่มีหลักเกณฑ์ไม่เหมือนกับที่อื่นแล้ว พนักงานทุกคนในโรงงานช็อกโกแลตของเขาก็มีชื่อตำแหน่งที่ไม่เหมือนใครเช่นกัน…
-
14 วาทะกรรมของ “Martin Luther King Jr.” ที่ทั้งให้แง่คิด และเปลี่ยนมุมมองต่อโลกของเรา!!
หากพูดถึงบุคคลที่มีอิทธิพลมากพอจะเปลี่ยนความคิดของคนทั้งโลกได้ล่ะก็ หลายคนคงจะนึกถึงยอดมนุษย์ในภาพยนต์ที่มีพลังเหนือธรรมชาติที่พร้อมจะต่อกรกับวายร้ายทั้งปวงได้ แต่ในชีวิตจริงก็มีชายคนหนึ่ง ที่แม้จะไม่มีพลังวิเศษใดๆ แต่ความคิดของเขานั้นก็สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้เช่นกัน เขาคือ Martin Luther King Jr. นักสู้เพื่อความยุติธรรม ที่ทุ่มเทเวลาตราบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้คน จนเป็นที่รู้จักดีทั่วโลก เขาเป็นผู้นำขององค์กร Southern Christiam Leadership Conference (SCLC) ซึ่งเป็นองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนของคนแอฟริกันและคนอเมริกัน Martin Luther King Jr. นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่ต่อสู้ด้วยวิธีสันติเท่านั้น เขาช่วยนำการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและความสงบของผู้คน จนเคยได้รับรางวัลโนเบลด้านสันติภาพมาแล้วในปี 1965 แถมยังนำเงินทั้งหมดที่ได้จากรางวัลนี้ไปให้กับกลุ่มสิทธิมนุษยชนอีกด้วย เขาเป็นนักพูดที่มีความสามารถ โดยคำพูดของเขามักจะเปี่ยมไปด้วยพลัง และแฝงไว้ซึ่งแนวคิดดีๆ เสมอ วันนี้เราจึงอยากให้เพื่อนๆ ได้ลองมาฟังคำพูดที่ดังไปทั่วโลกของเขาดู เผื่อว่าทุกคนจะได้รับแรงบันดาลใจและแนวคิดที่ดีจากเขาบ้าง 1. “คำถามที่มีมาช้านานและสำคัญที่สุดในชีวิตคือ ‘คุณได้ทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง?’ “ 2. “ความเชื่อ คือการสร้างก้าวแรกในขณะที่คุณมองไม่เห็นทางเดินข้างหน้า” 3. “ความอยุติธรรมแห่งหนใดก็ตาม เป็นศัตรูต่อความยุติธรรมทั่วโลกทั้งสิ้น” 4. “ชีวิตของเราจบลง เมื่อเราเมินเฉยต่อสิ่งที่สำคัญ” …
-
จะฆ่าสัตว์ตัดชีวิตแมงมุมแค่ตัวเดียว ถึงกับต้องเผาบ้านเผาเมืองให้วอดวายทั้งหลัง
หากใครที่มีอาการกลัวสัตว์อย่างแมงมุมมากๆ เชื่อว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ได้เจอกับพวกมันตัวเป็นๆ จะต้องบ้านแตกแน่นอน เราจะต้องพยายามหาวิธีที่จะไล่มันออกไป ไม่ว่าจะใช้วิธีใดๆ ก็ได้ ขอแค่ฆ่ามันหรือไม่ก็ไล่มันออกจากบ้านได้คือโอเค แต่ว่าเรื่องที่จะเอามาให้ชมนี่คือเรื่องของชายคนหนึ่งที่ได้เจอกับแมงมุมสุดสยองในบ้านของตัวเอง แต่แทนที่จะไล่มันออกไปหรือเรียกให้หน่วยงานใดมาช่วยเหลือ เขาจึงคิดว่าไม่เขาก็มันที่ต้องตายกันไปข้าง สุดท้ายก็เลยเลือกที่จะจุดไฟเผาบ้านตัวเองซะเลย…. แมงมุมหมาป่า ตามรายงานจากเว็บไซต์ Ladbible ไม่ได้ระบุชื่อจริงของชายหนุ่มรายนี้เอาไว้ บอกเพียงว่าเขาอาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ตามข่าวบอกว่าเขาเริ่มจุดคบเพลิง แล้ววางเพลิงเผาเจ้าแมงมุมทั้งอย่างนั้นซะเลย แต่เมื่อแมงมุมติดไฟมันก็วิ่งพล่านไปทั่ว พอวิ่งไปบนฟูก ก็ทำให้ฟูกติดไฟไปด้วย โชคดีที่ว่าเขาดับฟูกที่ติดไฟได้ทัน แต่ทว่าเหมือนเจ้าสิ่งมีชีวิตแปดขาตัวนั้นมันจะล้างแค้นยังไม่สาแก่ใจ มันเลยวิ่งไปแถวผ้าม่านอีก คราวนี้ผ้าม่านลุกเป็นไฟไปด้วย Lyndsey Wisegarver ผู้ดูแลของหนึ่งในชายที่อาศัยอยู่ที่นี่ได้กล่าวว่า “มันเป็นแมงมุมหมาป่าที่ตัวโคตรใหญ่เลย” คนที่พักอาศัยที่นี่ได้พยายามที่จะดับไฟเองโดยใช้สายยางแต่ไม่ได้ผล สุดท้ายพวกเขาจึงได้เรียกนักดับเพลิงมาช่วย หัวหน้าของพนักงานดับเพลิง Rob Pitt ได้บอกว่าไฟนั้นได้ลุกลามไปที่ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนด้วย แต่นักดับเพลิงก็สามารถควบคุมไฟไม่ให้ลามไปหาเพื่อนบ้านได้ และทุกคนหนีออกมาได้ทัน จึงไม่มีใครบาดเจ็บ แต่พวกคนที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์นี้ ต้องไปหาที่พักใหม่เพราะว่าที่นี่คงเป็นที่อยู่อาศัยไม่ได้แล้ว ไฟไหม้นั้นได้สร้างความเสียหายระดับปานกลางให้บ้านหลังนี้ และเขาประเมินค่าความเสียหายว่าจะอยู่ประมาณ 11,000$ หรือประมาณ 350,000 บาท Wisegarver บอกว่าพวกเขาคิดจะย้ายออกมาซักพักแล้ว พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น พวกเขาเลยตัดสินใจได้ง่ายๆ เลย วิดีโอขณะที่นักเพลิงได้ปฏิบัติหน้าที่ Now…
-
5 วัฒนธรรมสุดน่ากลัว ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีอยู่บนโลกใบนี้!!
บนโลกนี้มีวัฒนธรรมอยู่มากมายตามแต่ละพื้นที่ สะท้อนถึงสิ่งที่บรรพุรุษของเราเคยเชื่อและทำ และมักจะถูกส่งต่อไปยังรุ่นถัดไป เราจะเห็นประเพณีหรือกิจกรรมบางอย่างที่คนรุ่นปู่ย่าตาทวดเคยทำ แล้วพ่อแม่ลุงป้าน้าอาก็ทำ ซึ่งพอมาถึงรุ่นเรา เราก็ต้องเลือกแล้วล่ะว่าเราจะทำตามต่อไปหรือไม่ ทุกวัฒนธรรมและศาสนาทั่วโลก ย่อมมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็มีวัฒนธรรมแปลกๆ ถึงขั้นอันตรายถึงชีวิตที่หลายคนจากทั่วทุกมุมโลกได้ทำตามกันมา แม้ว่าจะแปลกและอันตรายจนไม่อยากเชื่อว่า ความเชื่อ วัฒนธรรม และประเพณีแบบนี้จะมีอยู่บนโลกจริงๆ ก็ตาม แต่มันก็เกิดขึ้นมาแล้วจริงๆ และเราก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้มากเท่าไหร่ และนี่คือตัวอย่างของวัฒนธรรมแปลกๆ ที่มีจริงๆ อยู่ในโลกของเรา จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย 1. ถุงมือมดกระสุน เด็กชายชาวอะเมซอน ต้องพิสูจน์ความเป็นลูกผู้ชายเมื่อถึงอายุ ด้วยการสวมถุงมือสานที่เต็มไปด้วยมดกระสุนที่มีพิษอันตราย พวกเขาต้องสวมถุงมือนี้และเต้นเป็นเวลา 10 นาที และที่น่ากลัวกว่านี้คือ พวกเขาต้องทำแบบนี้ซ้ำๆ กว่า 20 ครั้งใน 1 ชีวิตของพวกเขา โดยประเพณีนี้มาจากชาว Satere Mawe นอกจากที่เด็กๆ จะต้องสวมถุงมือแล้ว พวกเขายังต้องไปจับมดจากป่าแอมะซอนมาใส่เองอีกด้วย ซึ่งมดแต่ละตัวนั้น ต่อยเจ็บกว่าผึ้งประมาณ 30 เท่า . 2. ประเพณีเจาะร่างกาย ไทปูซัม ของศาสนาฮินดู…
-
‘ให้ทุกอย่างมันจบในวันนี้’ ย้อนดูโศกนาฏกรรม ลูกวัย 15 และเพื่อนวัย 12 วางแผนฆ่าพ่อเลี้ยง
เมื่อพูดถึงคดีฆาตกรรมในประวัติศาสตร์ หลายคนคงเคยได้ยินชื่อของ Colt Lundy และ Paul Gingerich มาบ้าง เพราะพวกเขาเป็นเด็กที่กลายเป็นฆาตกรขณะที่มีอายุเพียง 15 และ 12 ปีเท่านั้น การก่อเหตุครั้งนี้ส่งผลให้ Lundy ต้องติดคุกนานถึง 25 ปี และถูกคุมประพฤติอีก 5 ปี ด้วยข้อหาฆ่า Phillip Danner ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงเขาเมื่อปี 2010 ส่วน Gingerich และคนดูต้นทาง Chase Williams วัย 12 ปี ถูกขังสถานพินิจเด็กและเยาวชน หลังทั้งคู่รับสารภาพว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการฆ่าพ่อเลี้ยงของ Lundy เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ได้รับความสนใจจากผู้คนเกือบทั่วโลก ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือ อะไรเป็นเหตุจูงใจให้เด็กอายุแค่นี้ลงมือฆ่าคนได้ และมันเกิดขึ้นได้อย่างไร? และต่อไปนี้คือลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดของเรื่องนี้ Phillip Danner วันที่ 20 เมษายน ปี 2010 Danner วัย 49 ปี ถูกฆาตกรรมในบ้านของเขาที่ Doswell Boulevard เมืองครอมเวลล์ วันที่ 21…
-
เปิดตำนาน “เสี่ยเจิ้ง” นักแสดงฮ่องกง กว่าจะโด่งดัง มีนาฬิกาหรูใส่ มันไม่ง่ายเลย!!
ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา มีนักแสดงสัญชาติเอเชียคนหนึ่งซึ่งโด่งดังมากในโลกอินเตอร์เน็ตของประเทศไทย ซึ่งหลายคนคงจะได้เคยผ่านมา เคยเห็นมุกตลกมากมายในโลกโซเชียลเป็นภาพเกี่ยวกับเขากันบ้างแล้ว แต่น้อยคนนั้นที่จะรู้ว่าจริงๆ แล้วพี่แกเป็นใคร ดังนั้นวันนี้เราจึงจะพา เพื่อนๆ ไปรู้จักกับเขากัน… ชื่อของเขาคือ Kent Cheng Jak-si เขียนเป็นตัวจีนเท่ๆ ว่า 郑则士 หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม เคนท์ เจิ้ง แต่ในบทความนี้เราจะขอเรียกว่า พี่เจิ้ง เลยแล้วกัน พี่เจิ้งของเรานั้นเกิดวันที่ 22 พฤษภาคม ปี 1951 เขาเป็นดาราหนังและโทรทัศน์ของฮ่องกง ผู้ที่เคยได้รับรางวัล “Hong Kong Film Awards“ มาแล้ว พี่เจิ้งเกิดในครอบครัวจนๆ ครอบครัวหนึ่งในฮ่องกง และมีความฝันตั้งแต่เด็กเลยว่าอยากเป็นนักแสดง แต่เส้นทางนั้นไม่ได้สวยงามโรยด้วยกลีบกุหลาบหรอกนะ เขาเขียนมันลงไปในใบสอบถามของทางโรงเรียน แต่กลายเป็นว่าโดนคุณครูด่าเละ สงสัยคุณครูจะคิดว่าพี่แกหล่อก็ไม่หล่อ พ่อก็ไม่รวย จะเป็นดาราได้อย่างไรละมั้ง!? “ไม่ต้องหน้าเกาหลีตรูก็ดังได้” พี่เจิ้งไม่ได้กล่าวไว้ แต่ด้วยความพยายามอย่างไม่ท้อถอย… – ในปี 1972 เขาได้เข้าทำงานในอุตสาหกรรมโทรทัศน์ แต่ยังไม่ได้เป็นนักแสดง – ปี 1976 ความฝันของเขาก็เป็นจริง เมื่อได้แสดงละครเรื่องแรกทางช่อง…
-
สื่อสัมภาษณ์หนุ่มที่อ้างว่าเดินทางมาจากปี 6000 แถมเคลมว่ายุคนั้น AI ครองโลก!?
บ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นข่าวที่พูดถึงคนหนึ่งคน หรือกลุ่มที่อ้างตัวว่าพวกเขานั้นมาจากโลกอนาคต บ้างก็อีก 20 ปี บ้างก็บอกว่าอีก 100 ปี หนักหน่อยก็อาจจะอีกเป็น 1000 ปีแบบหนุ่มเจ้าของเรื่องราวในครั้งนี้ หนุ่มไม่ทราบนามคนหนึ่ง ได้อ้างว่าเขานั้นเดินทางมาจากปี 6000 พร้อมกับขอให้ทีมข่าวเบลอหน้าของเขา เพราะคนในโลกอนาคตไม่อยากให้คนในปัจจุบันรู้เกี่ยวกับโลกอนาคต ฉะนั้นเขาจึงต้องปิดหน้าเพื่อป้องกันตัว หนุ่มผู้ให้สัมภาษณ์ได้บอกเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตคร่าวๆ ว่า ในปี 6000 ยารักษามะเร็งได้ถูกคิดค้นขึ้นแล้ว และมันก็ได้ผลมากๆ นอกจากนี้เขายังบอกอีกว่า เทคโนโลยีในอนาคตนั้นล้ำหน้ามากๆ มนุษย์สามารถที่จะเทเลพอร์ตได้ และการย้อนเวลาก็สามารถทำได้ทุกคนถ้าคุณมีเงินมากพอ เขายังอ้างอีกว่าการย้อนเวลานั้นมีกฎอยู่แค่ข้อเดียวคือ คุณจะต้องไม่ไปยุ่งกับเหตุการณ์ใดๆ ก็ตาม คุณจะทำได้แค่มองดูมันเกิดขึ้นเท่านั้นและจะต้องล่องหนตลอดเวลา กลับกันในปี 6000 คนที่ปกครองโลกอยู่นั้นกลับไม่ใช่มนุษย์ด้วยกันเอง แต่เป็น AI โดยเขาให้เหตุผลว่ามนุษย์นั้นมีการวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยความรู้สึก แน่นอนว่าบางครั้งคนเราก็ตัดสินใจได้ถูก แต่บางครั้งก็ผิด กลับกัน AI จะตัดสินทุกอย่างด้วยปัญญาที่มันมี และมันจะไม่ใช่ความรู้สึก ซึ่งนั่นทำให้ทุกอย่างแม่นยำ 100% หนุ่มคนนี้ยังอ้างอีกว่า ในอนาคตเราสามารถถ่ายเทจิตของเราลงไปในคอมพิวเตอร์ได้ ซึ่งมันจะทำให้เราสามารถอยู่ได้ตลอดไป และในช่วงสุดท้ายเขาได้โชว์รูปภาพให้เราดูว่าเมืองในปี 6000 นั้นเป็นยังไง…
-
Google Arts & Culture แอปพลิเคชันที่ให้คุณเซลฟี่ตัวเองเทียบกับศิลปินดังได้!?
สำหรับใครที่เล่นโซเชียลในช่วงนี้คงจะเห็นภาพเซลฟี่ของใครต่อใครที่อีกฟากหนึ่งเป็นภาพคล้ายกันกับภาพวาดของศิลปินสุดคลาสสิก แน่นอนว่าพอเรารู้สึกสนใจก็อยากจะลองเล่นดูบ้างแต่ก็ไม่รู้ว่าเจ้าแอปที่ว่ามันคือแอปอะไร แอปดังกล่าวมีชื่อว่า Google Arts & Culture เป็นแอปที่จะให้เราถ่ายภาพเซลฟี่ในแบบต่างๆ ไม่ว่าจะหันหน้าหันข้าง ทำหน้าโกรธหรือทำหน้าตามีความสุข เจ้าแอปนี้มันก็จะหาภาพวาดสุดคลาสสิคมาเปรียบเทียบกับหน้าปัจจุบันของเรา ซึ่งถ้าใครสนใจก็สามารถไปหาโหลดกันได้ที่ Google Play หรือ App Store ในส่วนการทำงานของตัวแอปก็ง่ายมากๆ เพียงแค่เราเปิดเจ้า Google Arts & Culture ตัวแอปก็จะบอกให้เราถ่ายเซลฟี่ตัวเองมาสัก 1 รูป โดยหน้าของเราจะต้องอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม หลังจากที่ถ่ายเสร็จแล้ว ระบบจะทำการประมวลผลและบอกว่าเรานั้นมีใบหน้าและท่าทางคล้ายกับศิลปินคลาสสิกคนไหน บางทีเราอาจจะหน้าเหมือนแวนโก๊ะก็ได้นะ เมื่อผลลัพธ์ออกมา เราก็จะได้รู้ว่าเรานั้นหน้าเหมือนศิลปินสมัยก่อนขนาดไหน โดยเราสามารถเลือกจะแชร์บททดสอบนี้ไปให้ชาวเน็ตคนอื่นๆ ดูต่อได้ด้วยนะ ด้าน Tony Villas นักข่าวจาก Business Insider ก็ขอลองบ้าง ไม่ใช่แค่คนทั่วไปนะที่ลองเล่นเจ้าแอปตัวนี้ Kumail Nanjiani ดาราดังจาก The Big Sick…
-
หนุ่มหล่อใจดี คอยช่วยเหลือลูกเป็ดตัวน้อย พาข้ามรางรถไฟ เพื่อกลับไปหาแม่อย่างปลอดภัย
ปกติแล้วพวกลูกเป็ดตัวน้อยก็มักจะเดินตามแม่เป็ดต้อยๆ เป็นธรรมดา ทว่าบางทีแม่เป็ดก็ต้องทิ้งลูกน้อยออกไปหาอาหาร เช่นเดียวกับกลุ่มครอบครัวเป็ดจากนิวซีแลนด์กลุ่มนี้ เมื่อแก๊งค์ลูกเป็ดพยายามจะข้ามรางรถไฟกลับไปหาแม่ ด้วยความที่รางมีขนาดสูงเกินกว่าที่พวกมันจะกระโดดถึง งานนี้พ่อหนุ่มพนักงานการรถไฟ James Fox จึงอาสาช่วยพวกมันซะเลย นี่แหละปัญหาที่พวกลูกเป็ดเจอ รางรถไฟสูงเกินกว่าที่พวกมันจะกระโดดข้ามไปได้ ทันทีที่พ่อหนุ่มพนักงานการรถไฟมาเห็นเข้า เขาก็รู้ทันทีว่ายังพอมีเวลาช่วยเหลือพวกมัน ก่อนที่จะมีรถไฟมาจอดเทียบชานชาลา และพวกลูกเป็ดอาจไม่รอด ‘พวกเป็ดน้อยมีเวลาเหลือแค่ 5 นาที ก่อนที่รถไฟขบวนใหม่จะมา ผมต้องพยายามจับพวกมันข้ามไปทีละตัวครับ แต่พวกมันก็ชอบวิ่งหนี เหมือนจะเป็นงานที่ยากแต่เราก็ช่วยทำให้มันกลับไปหาแม่ได้’ James เล่า หลังจากที่พ่อหนุ่มได้ช่วยพาพวกมันข้ามรางมาได้แล้ว เขาก็สังเกตเห็นว่าพวกมันรีบวิ่งปรี่เข้าไปในสวนริมทาง ส่งเสียง ก๊าบๆ โหวกเหวกโวยวายดีใจกันยกใหญ่ ‘หลังจากวันนั้นผมก็ได้ยินเสียงเป็ดร้องมาจากสวนแถวนั้นตลอด ผมคิดว่ามันน่าจะอาศัยอยู่ในฟาร์มของใครซักคน แต่ผมก็ดีใจครับที่ทำให้พวกมันกลับไปหาแม่ได้’ งานนี้ James ก็ไม่ลืมที่จะขอถ่ายเซลฟี่กับเป็ดน้อย หล่อไม่พอยังใจบุญอีก ยอดเยี่ยมจริงๆ ที่มา: TheDodo
-
รวมภาพถ่ายแบบเรโทรในอดีต ที่เราดูแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า นี่มันอะไรกันเนี่ย?
การเก็บความทรงจำที่ดีที่สุดคือการถ่ายภาพ เพราะว่าการถ่ายภาพสามารถบ่งบอกทั้งอารมณ์ ความรู้สึก และเหตุการณ์ทั้งหลายที่อยู่ในภาพได้ มนุษย์จึงมีการประดิษฐ์กล้องถ่ายภาพขึ้นมาเพื่อบันทึกความทรงจำ การถ่ายภาพในอดีตนั้นยังไม่มีความก้าวหน้าเหมือนอย่างเช่นยุคปัจจุบัน การถ่ายภาพในแต่ละครั้งจึงมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากและกว่าจะได้รูปหนึ่งใบนั้นต้องใช้เวลานาน และภาพที่ได้นั้นก็จะกลายเป็นภาพที่ทรงคุณค่า สามารถบ่งบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในภาพได้ เหมือนอย่างเช่นภาพต่อไปนี้ การถ่ายโฆษณาของนางแบบในอดีต เด็กหญิงกับเหล่าตุ๊กตา การถ่ายภาพหมู่ของแก๊งคุณยาย นี่คงเป็นภาพการแสดงละครเวที มวยหญิง เอ่อ นี่กำลังทำอะไรกันอยู่เนี่ย นี่กำลังดีใจอะไรกันเนี่ย แล้วบนที่นอนนั่นอะไร แฟชั่นที่อาจจะดูหลอนๆ หน่อย นาวิกโยธินกำลงแปรงขนให้เจ้าหมา….เอ่อ หัวหมาน่ะ อื้อหือ สูบบุหรี่ตั้งแต่เด็กเลยหรอเนี่ย การใช้แรงงานหญิงลากเกวียน ประกวดนางแบบหุ่นสวย “ริมฝีปากที่สัมผัสสุรา จะมาสัมผัสกับริมฝีปากของเราไม่ได้” ทหารและแมว สาวใช้กำลังทำความสะอาดพรม เหมือนฉากในสารคดีญี่ปุ่นที่เราคุ้ยเคยเลยเนอะ หญิงสาวกับหมีในห้องนอน นะ นั่นไม่ใช่หมีจริงๆ ใช่ไหม? ถ่ายภาพกับโครงกระดูก อืม…
-
ตามติดชีวิตของเจ้าลาน้อย ที่ถูกเลี้ยงดูโดยแม่หมา ทำให้มันกลายเป็นหมาในร่างลา
สวัสดีค่ะ วันนี้ #เหมียวบู้บี้ จะมาแนะนำให้รู้จักกับเจ้า Tiny Tim ลาน้อยสีน้ำตาลหน้าตาซื่อ ที่น่ารักทั้งหน้าตาทั้งนิสัย และความแปลกของเจ้าลาตัวนี้คือ มันชอบทำตัวเป็นหมาทั้งๆ ที่มันเป็นลาชัดๆ เรื่องราวชีวิตของมันเริ่มต้นที่ฟาร์ม Ontario ในเมือง Peterborough ประเทศอังกฤษ ตอนแรกที่มันเกิดมามันขนาดตัวที่เล็กมากๆ จนแม่ของมันไม่อยากเลี้ยง และทำร้ายร่างกายมันจนมนุษย์ต้องยื่นมือเข้ามาช่วย มนุษย์ใจดีผู้ช่วยเหลือชีวิตเจ้าลาน้อยนั่นก็คือ Jody และ Ted Topping พวกเขาได้นำตัวเจ้าลาน้อยมาชุบเลี้ยงในบ้าน โดยฝึกให้มันกินอาหารและนมเพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรง นอกจากนี้มันยังมีพี่เลี้ยงเป็นหมาที่อาศัยอยู่ในบ้านคอยดูแลทำให้มันเริ่มติดนิสัยจนเริ่มใช้ชีวิตเหมือนหมา แถมยังซนมากๆ “ในสี่เดือนแรกสามีของฉันจะอุ้มมันขึ้นไปนอนบนห้องของเราทุกวัน มันก็นอนและเล่นอยู่ภายในห้อง แต่ตอนนี้มันเริ่มตัวหนักจนเราอุ้มไม่ไหวแล้ว จึงต้องให้มันนอนอยู่ชั้นล่างนั่นแหละ” Jody กล่าว ไปไหนไปด้วยหนูช่วย 20 ความน่ารักของเจ้า Tim มาช่วยเติมเต็มความสุขให้กับครอบครัว มันน่ารักและเข้ากันได้กับทุกๆ คนในบ้าน ส่วนกิจกรรมที่มันชื่นชอบมากๆ นั่นก็คือการเล่นต่อสู้กับหมอน โดยมันจะลากหมอนทั้งหมดมาสร้างเป็นป้อมแล้วจู่โจม วนลูปอยู่อย่างนั้นไม่รู้จักเบื่ิอ .…
-
จากคู่รักเด็กที่คุยกันในเกม กลับมาคบกันตอนโต แถมตอนนี้แต่งงานกันแล้ว!!
เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องราวความรักของ Kristin และ Michael ที่เพิ่งเข้าสู่ประตูวิวาห์ไปหมาดๆ ความรักของทั้งสองคนนั้นดูเหมือนเป็นเรื่องพรหมลิขิตชัดๆ เรื่องราวเริ่มต้นมาจากเมื่อ Kristin อายุ 12 ปี เธอได้เล่นเกมส์ออนไลน์ที่ชื่อว่า Neopets และเธอก็ได้พบกับเด็กชาย Michael อายุ 10 ปี ที่บังเอิญมาเข้าร่วมกิลด์เดียวกัน เด็กหญิงใช้ชื่อในเกมส์ว่า Zepher_Cat ส่วนเด็กชายใช้ชื่อว่า Doctor เมื่อมาอยูร่วมกิลด์กันก็ต้องช่วยกันทำภารกิจต่างๆ ในเกมทั้งสองจึงมีการพูดคุยกันผ่านห้องแชตและอีเมล มีการพูดคุยกันในทุกๆ วัน พูดกันตามประสาเด็กๆ แต่ด้วยความเด็กของทั้งคู่จึงทำให้การสนทนาไม่มีอะไรลึกซึ้งมากกว่าความเป็นเพื่อน และก็ได้เลิกคุยกันในเวลาต่อมา พอทั้งสองเริ่มเข้าสู่การเป็นวัยรุ่น ก็ได้กลับมาติดต่อกันอีกครั้งผ่านการแชตออนไลน์ซึ่งในครั้งนี้ทั้งคู่กลับมาคุยกันแบบหนุ่มสาว คุยโทรศัพท์ ส่งรูปให้ดูและเริ่มต้นไปสู่การนัดเดต แต่การนัดเดตในครั้งนั้นก็ล่มไปเพราะความไม่แน่ใจ และกลัวการเจอคนแปลกหน้าของฝ่ายชาย แต่ทั้งสองก็ยังคุยกันเรื่อยๆ และมักจะบอกรักกันแบบน่ารักๆ เป็นประจำ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เรื่อยๆ มาจนถึงเมื่อตอน Kristin อายุ 20 ปี ส่วนหนุ่ม Michael เข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่ Hendrix College ทั้งสองจึงมีโอกาสที่จะเจอกันอีกครั้ง และนี่คือการพบกันเป็นครั้งแรกของเขาและเธอ ในการเดตครั้งแรก…
-
แต่งภาพง่ายๆ ให้เหมือนครอบครัว Pam & Dave Zaring กำลังเป็นกระแสบนโลกโซเชียล
ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อนบนโลกโซเชียลนั้น ได้เกิดกระแสเกี่ยวกับภาพถ่ายครอบครัวที่ไปจ้างช่างภาพมืออาชีพมาช่วย แต่สุดท้ายผลงานที่ได้รับกลับไม่น่าพึงพอใจและออกไปทางแย่สุดๆ แทน (อ่านข่าวเก่าได้ที่ จ้างช่างภาพไปเกือบ 8,000 บาท ให้ถ่ายรูปครอบครัวสวยๆ แต่ภาพที่ได้ออกมาฮาเกินจะบรรยาย!!) เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับครอบครัวของ Pam และ Dave Zaring โดยต้นเรื่องมันเริ่มจากพวกเขาจ้างช่างภาพมืออาชีพมาช่วยถ่ายภาพครอบครัวด้วยเงินที่สูงมากๆ ต่อภาพ เพียงแต่ว่าผลงานที่ออกมากลับเหมือนช่างภาพไม่ได้ตั้งใจและมันทำให้ Pam กับ Dave หัวเสียมากๆ พร้อมโพสต์เล่าเหตุการณ์นี้ลงไปบนโซเชียล นี่คือภาพที่ภาพที่ครอบครัวถ่ายกันปกติโดยไม่ต้องให้ช่างภาพคนดังกล่าวมาแต่งรูปให้ และนี่คือภาพที่ผ่านการตกแต่งจากช่างภาพมืออาชีพ…มือาชีพจริงๆ นะ จริงๆ มันก็ดูมีเอกลักษณ์ดีนะ หรือเปล่า? ปัญหามันอยู่ที่ว่าภาพดังกล่าวกลับดูตลกเกินไป ซึ่งแทนที่จะมีคนรู้สึกซีเรียสและเห็นใจ ชาวเน็ตกลับรู้สึกว่ามันตลกและทำให้มันเป็นกระแสไวรัลไปเรียบร้อย ผู้คนมากมายหันมาแต่งภาพใบหน้าด้วยสไตล์เดียวกัน เพียงแต่ว่าบางคนที่อยากจะทำตามบ้าง กลับทำไม่เป็นนั่นเอง ไม่เป็นไร ถ้าใครที่ทำไม่เป็นวันนี้ #เหมียวมู่ทู่ มีทางออกให้ รับรองว่าดูและทำตามแป๊บเดียวก็ทำเป็นแล้ว ว่าแต่ต้องทำอย่างไรบ้างนั้นมาดูกันเลย… เริ่มแรกก็ให้เปิดโปรแกรมโฟโตชอปขึ้นมาก่อน จากนั้นก็เลือกภาพที่เราต้องการ จากนั้นเลือกใช้เครื่องมือพู่กันสีดำวาดเส้นรอบตาดและปาก รวมถึงฝันทิ้งไว้ในเลเยอร์ใหม่ จากนั้นก็ใช้ Mixer Brush ลบมิติของภาพออกไป…
-
Kit Kat ญี่ปุ่นผุดไลน์ใหม่ใส่ ‘รูบี้ช็อคโกแลต’ สีชมพูธรรมชาติ มีเพียง 5,000 แท่ง
หลายๆ คนอาจจะชื่นชอบและคุ้นเคยกับเวเฟอร์ช็อกโกแลตสุดอร่อยอย่าง คิทแคท (Kit Kat) ที่ได้ผลิตช็อกโกแลตหลากหลายรสชาติให้เราได้ลิ้มลองเช่นรสชาเขียว รสถั่วแดง รสสตอเบอร์รี่ รสวาซาบิ และอีกมากมายที่ถูกผลิตออกมาจัดวางจำหน่ายทั่วโลก และในปีนี้บริษัท Nestle Japan ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายช็อกโกแลตแบรนด์ คิทแคท ก็ได้ออกมาเปิดตัวคิทแคทรสชาติใหม่ บอกเลยว่าเซอร์ไพรส์มากๆ เพราะว่าเจ้าคิทแคทรสใหม่นี้ทำมาจาก “รูบี้ช็อคโกแลต” ช็อคโกแลตชนิดใหม่ที่ถูกค้นพบในรอบ 80 ปี สิ่งที่ทำให้ช็อกโกแลตคิทแคทที่ผลิตออกมาในครั้งนี้มีความเป็นเอกลักษณ์และหาไม่ได้จากที่ไหนนั่นก็คือการนำรูบี้ช็อกโกแลต ช็อกโกแลตชนิดที่ 4 มาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิต โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัท Barry Callebaut ผู้ผลิตช็อกโกแลตและโกโก้จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ รูบี้ช็อกโกแลตมีสีแดงสดแบบธรรมชาติ หลังจากการเก็บเกี่ยวก็จะถูกเข้าสู่กระบวนการสกัดออกมาเป็นช็อคโกแลตที่มีการคิดค้นนานหลายปี ช็อกโกแลตที่ได้ออกมาจะมีสีแดงชมพูแบบไม่ได้แต่งสีใดๆ Antoine de Saint-Affrique ผู้บริหารของบริษัท Barry Callebaut ได้ออกมาแถลงข่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีที่รูบี้ช็อคโกแลตของเราได้รับความสนใจและประสบผลสำเร็จอย่างรวดเร็ว ด้วยการได้รับความร่วมมือจากบริษัท Nestle และ Kit Kat ของญี่ปุ่นที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของรูบี้ช็อคโกแลต ซึ่งจะดึงดูดผู้บริโภคจากทั่วเอเชียและทวีปอื่นๆ” Yasumasa Takagi…
-
จีนเตรียมเปลี่ยนหน้าผาที่เด็กใช้ปีนไปโรงเรียนเป็นที่ท่องเที่ยว หลังได้รับความนิยม
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 สื่อจีนเคยเผยแพร่ภาพของบันไดแห่งหนึ่งในมณฑลเสฉวน ซึ่งเป็นบันไดไม้เก่าๆ ที่เด็กจากหมู่บ้านอันห่างไกลไว้ใช้เดินทางไปเรียนหนังสือ และแน่นอนว่าข่าวดังกล่าวก็ได้รับความนิยมสุดๆ เลยทีเดียว งานนี้เมื่อรัฐเล็งเห็นว่า บันไดดังกล่าวมันกลายเป็นกระแสและมีคนพูดถึงมาตลอด ทำไมพวกเขาไม่หยิบมันมาพัฒนาต่อเพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวดูละ? งานนี้โปรเจกต์บันไดปีนพาชมวิวจึงเริ่มขึ้น!! เดิมทีบันไดดังกล่าวนั้นตั้งอยู่ในชุมชนที่ชื่อ Atule’er ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านจำนวน 72 ครัวเรือน โดยคิดเป็นประชากรราว 400 คน ส่วนตัวบันไดนั้นมีความสูงอยู่ที่ 800 เมตร โดยเด็กๆ ที่จะไปเรียนหนังสือจำเป็นจะต้องปืนบันไดดังกล่าว ต่อมาในเดือนพฤษจิกายนปีเดียวกัน ทางรัฐได้จัดการดัดแปลงและพัฒนาบันไดดังกล่าวให้ดียิ่งขึ้น ด้วยแผนการที่จะให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว รัฐได้ทำแคมเปญเชิญชวนรวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีอย่าง 4G ไวไฟ และ ตู้ ATM ให้มีใช้กันบริเวณหมู่บ้านแล้วด้วย ส่วนตัวหมู่บ้านก็มีการพัฒนาไปในทางที่ดียิ่งขึ้น โรงเรียนก็ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อให้เด็กๆ สามารถเข้าเรียนได้ ซึ่งนั่นทำให้หมู่บ้านเติบโตและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมากๆ เพราะนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังบันไดดังกล่าวมีมากถึง 100 คนต่อวันเลยล่ะ สุดท้ายแล้ว จากเรื่องราวที่เผยแพร่ในปี 2016 ของกลุ่มนักเรียนที่ไปเรียนอย่างยากลำบาก มาวันนี้พวกเขาไม่ต้องลำบากแบบนั้นอีกต่อไป และความเจริญก้าวหน้าก็มาหาพวกเขาแล้ว ซึ่งทางรัฐก็ตั้งเป้าไว้ว่าที่แห่งนี้จะได้รับความนิยมและทำเงินจากการท่องเที่ยวได้สูงขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตอย่างแน่นอน……
-
พ่อมีตังค์ จ้างนักเต้นรูดเสามาเต้นยั่ว เซอร์ไพรส์วันเกิดลูกชายวัย 12 ปี ชาวเน็ตถกเถียงกันใหญ่!!
กลายเป็นธรรมเนียมสากลไปแล้ว ที่เมื่อถึงวันเกิดของใครสักคนเราต้องหาของขวัญให้กับผู้ที่เป็นเจ้าของวันเกิด ซึ่งของขวัญนั้นก็จะเป็นอะไรก็ได้ที่ผู้ให้อยากให้ และก็มีบางครั้งที่ไม่ได้เป็นสิ่งที่ผู้รับต้องการหรือชอบใจสักเท่าไหร่ คราวนี้เป็นวันเกิดของเด็กชายวัย 12 ปี ที่คุณพ่อมหาเศรษฐีของเขานั้นทำการเซอร์ไพรส์ด้วยการมอบของขวัญที่แปลกสุดๆ เพราะนั่นคือการจ้าง “นักเต้นรูดเสา” มาเต้นยั่วรอบตัวลูกชายนั่นเอง มีคลิปวิดีโอการเซอร์ไพรส์ลูกชายด้วยสาวๆ นักเต้นรูดเสาถูกเผยแพร่ออกมาสู่โลกอินเทอร์เน็ต ในวิดีโอนั้นมีบางช่วงสั้นๆ ที่สามารถสังเกตเห็นสีหน้าของเด็กหนุ่มวัย 12 ปี ได้ว่าเขาดูไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไรกับเหตุการณ์นี้ คลิปวิดีโอเหตุการณ์การเซอร์ไพรส์วันเกิดลูกชายวัย 12 ปี ด้วยสาวนักเต้นรูดเสา ภาพเหตุการณ์ขณะสาวๆ กำลังเต้นยั่วเด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มไม่ได้รู้สึกพึงพอใจนัก หากสังเกตจากสีหน้า คุณพ่อของเด็กหนุ่มคอยเชียร์อย่างเริงร่า สาวๆ ยังคงเต้นยั่ว พร้อมทั้งถอดเสื้อของเด็กหนุ่มออก มีชาวเน็ตหลายคนที่ส่งต่อคลิปวิดีโอนี้กันด้วยความเฮฮา บ้างก็คอมเมนต์ว่าอิจฉาเด็กชายวัย 12 ขวบ อยากจะมีอะไรแบบนี้เป็นการฉลองวันเกิดบ้าง อย่างไรก็ตาม ก็มีคนเห็นแย้งเช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญและชาวเน็ตอีกหลายคนมองว่าเหตุการณ์นี้ไม่เหมาะสม พร้อมบอกว่าเด็กหนุ่มวัยรุ่นระยะแรกแบบนี้ยังไม่ควรได้รับการกระตุ้นทางเพศอย่างในคลิป บางคนกล่าวว่านี่เข้าข่ายการกดขี่ทางเพศเลยทีเดียว ที่มา: Dailymail
-
หญิงสาวทำป่วน กระโดดลงไปเก็บมือถือในรางรถไฟในชั่วโมงเร่งด่วน!!
เมื่อวันที่ 18 มกราคาคม 2018 ที่ผ่านมามีผู้หญิงสองคนกระโดดลงไปบนรางรถไฟในสถานีรถไฟ Aldgate East ที่อยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยหญิงสาวอ้างว่าวิ่งลงไปเพื่อเก็บมือถือของตัวเองที่ทำหล่นลงไป หากดูจากในคลิปจะเห็นว่าหญิงสาวที่โดดลงไปนั้นเป็นหญิงผมยาว สวมชุดเสื้อโค้ทหนาสีดำ หิ้วกระเป๋าถือสีดำ หลังจากที่เธอลงไปเก็บมือถือได้แล้ว เธอก็กระโดดขึ้นมาตรงบริเวณที่ผู้โดยสารแล้วเดินผ่านทุกคนไปอย่างรวดเร็ว คลิปวิดีโอ (หากดูไม่ได้กรุณาคลิก ที่นี่) เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รถไฟสาย Metropolitan Line, District Line, Circle Line และ Hammersmith & City Line รวมทั้งหมด 4 สายต้องหยุดให้บริการชั่วคราวแม้ว่าจะอยู่ในชั่วโมงเร่งด่วนก็ตาม จากคำบอกเล่าของคนในที่เกิดเหตุ ในตอนแรกนั้นหญิงสาวทำโทรศัพท์หล่นลงไปบนทางรถไฟ เธอจึงไปบอกกับเจ้าหน้าที่ให้ช่วยเก็บให้หน่อย แต่พอเจ้าหน้าที่ปฏิเสธเธอตามกฎ เธอก็เลยโดดลงไปเก็บโทรศัพท์ขึ้นมาเอง ประกาศหยุดทำการชั่วคราวในทวีตเตอร์จากทางถสถานีรถไฟทั้ง 4 สาย สถานะของรถไฟทั้ง 4 สายแจ้งว่า ขบวนรถจะล่าช้าอย่างมาก ผู้ใช้งานอินสตาแกรมและทวิตเตอร์ชื่อ Alex Shier ได้โพสต์ลงในอินสตาแกรมว่า “เอิ่ม ผู้หญิง 2 คนวิ่งลงไปบนรางรถไฟในสถานี…
-
อาณาจักรแห่งเซเว่นทั่วเอเชีย นอกจากจะมีสาขาเยอะแล้ว ของเก๊ก็คลอดตามมาเพียบ!!
คงปฏิเสธไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะว่าร้านสะดวกซื้อยอดนิยมของไทยเรานั้นก็คงจะหนีไม่พ้น 7-ELEVEn หรือ เซเว่น ที่เราคุ้นเคยนี่เอง เคยไหมเวลาที่นึกอะไรไม่ออก ไม่รู้จะกินอะไร จะซื้อของใช้เล็กๆ น้อยๆ ที่ไหนดี สิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของเราอันดับแรกๆ เลยก็มักจะเป็นเจ้าเซเว่นนี่แหละ นอกจากเซเว่นจะเป็นที่นิยมในไทยแล้วยังนิยมมากเช่นกันในประเทศเอเชียอื่นๆ ซึ่งปัญหาที่ตามมาก็คือ มันทำให้ร้านค้าอื่นๆ ในท้องถิ่นนั้นอยู่ยากเลยทีเดียว แต่ก็มีร้านค้าท้องถิ่นบางร้านไม่ยอมพ่ายแพ้ “ขอเกาะกระแสเซเว่นหน่อยก็แล้วกัน” ลองมาดูไอเดียการพยายามทำตัวให้เหมือนเซเว่นของร้านค้าท้องถิ่นในแต่ละประเทศกันเถอะ ดูว่าแต่ละที่จะออกมาเป็นอย่างไรกันบ้าง ญี่ปุ่น 7-Mercy ที่จริงร้านนี้มีมานานแล้วแหละ แต่ดูโลโก้เขาปัจจุบันเสียก่อน เปิดตรงข้ามกับ 7-ELEVEn ของแท้เลยนะ เก๋าขนาดไหนคิดดู จีน 7-TWELVE ถ้าไม่ดูให้ดีคุณอาจโดนหลอกได้นะ เพราะมันต่างกันแค่ 1 เอง ฮ่าๆ 9-ONE ไม่รู้ว่าเลข 9 กับ 1 จะสื่ออะไรหรอก แต่ดีไซน์มันใช่เลยอะ เวียดนาม 7-DAYS นี่ก็เซเว่นเหมือนกันนะ แต่เป็น “เซเว่นเดย์ส” กัมพูชา…
-
ความเจ๋งของกิ้งก่าคาเมเลี่ยน นอกจากจะสามารถเปลี่ยนสีได้แล้ว ยังมีกระดูกเรืองแสงได้อีกแหนะ!?
สัตว์บางชนิดจะมีวิธีการปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ หลายท่านคงเคยเห็นว่าสัตว์บางชนิดนั้นสามารถเปลี่ยนสีได้ เมื่อพูดถึงสัตว์ที่เปลี่ยนสีได้แล้วจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกเสียจากเจ้า “กิ้งก่าคาเมเลี่ยน” นั่นเอง นอกจากมันจะสามารถเปลี่ยนสีแล้ว ปัจจุบันยังพบว่าเจ้ากิ้งก่าคาเมเลี่ยนนั้นยังมีกระดูกที่สามารถ “เรืองแสง” ได้อีกด้วย จากการศึกษาเจ้ากิ้งก่าคาเมเลี่ยนนั้นพบว่ารอบๆ กะโหลกของมันมีตุ่มเล็กๆ จำนวนมาก นูนออกมาซึ่งมีเพียงหนังใสๆ บางๆ กั้นเอาไว้เท่านั้น ดังนั้น เมื่อมันได้รับแสงยูวี กระดูกของมันจึงเรืองแสงได้นั่นเอง ลักษณะของกระดูกที่สามารถเรืองแสงได้นั้นพบเห็นได้อย่างแพร่หลายในกิ้งก่าคาเมเลี่ยนในมาดากัสการ์และแอฟริกา โดยเจ้ากิ้งก่าจะมีการปรับตัวด้วยการเรืองแสงเมื่ออยู่ในป่าและพื้นที่ชื้นซึ่งมีแสงค่อนข้างมาก นอกจากนี้การวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์จาก Scientific Reports ยังสันนิษฐานว่าการเรืองแสงออกมาของกิ้งก่าคาเมเลี่ยนนั้นสามารถใช้เป็นวิธีการสื่อสารเพื่อ “ดึงดูดเพศตรงข้าม” และ “หาคู่ผสมพันธุ์” ถึงแม้จะยังไม่ทราบแน่ชัดถึงหน้าที่ของระบบเรืองแสงในกิ้งก่าคาเมเลี่ยน แต่นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า การเรืองแสงนั้นช่วยให้มันรับแสงยูวีน้อยลง ช่วยการถ่ายละอองเรณูของดอกไม้ ป้องกันตัวจากสัตว์อื่น จำแนกสายพันธุ์ตนเองออกจากสายพันธุ์อื่น และเป็นสัญญาณประกาศหาคู่ด้วยนั่นเอง ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์นั้นทำการศึกษากับกิ้งก่าคาเมเลี่ยนสายพันธุ์ Calumma เพียงสายพันธุ์เดียวเท่านั้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่กิ้งก่าคาเมเลี่ยนอีกประมาณ 8 สายพันธุ์ก็มีลักษณะของการเรืองแสงได้เช่นกัน ดังนั้นเพื่อหาคำตอบที่ชัดเจนมากขึ้น การศึกษาครั้งต่อไปจึงจำเป็นต้องศึกษากับกิ้งก่าที่มีจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม ช่างเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีสีสันดีจริงๆ เลยนะเนี่ย อยากมีบ้างจังเลย ที่มา: Iflscience
-
สาวและเพื่อนๆ ขวัญผวา ถ่ายกรุ๊ปช๊อตกันในที่โล่งแจ้งดีๆ มีเด็กที่ไหนไม่รู้ติดมาด้วย อาจจะไม่ใช่คนก็เป็นได้
ในการท่องเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่มักจะมีการถ่ายรูปกลุ่มด้วยเสมอ ถือว่าเป็นการเก็บเอาความทรงจำดีๆ ในการเที่ยวครั้งนั้นติดไปกับเราด้วย แต่การถ่ายรูปกลุ่มก็เป็นอะไรที่ยุ่งยากพอสมควรเหมือนกัน เพราะกว่าจะได้รูปที่ทุกคนดูดีได้ ก็ต้องถ่ายกันหลายรูปเลย Holly และเพื่อนของเธองก็ออกไปเที่ยวข้างนอกกัน และอยากได้รูปกลุ่มที่ดูดีด้วย พวกเธอจึงตั้งเวลาแล้วถ่ายรูปติดกันหลายๆ ช๊อตออกมา แต่นอกจากรูปเธอและเพื่อนๆ แล้วกลับพบว่ามีภาพของเด็กปริศนาติดมาในภาพด้วย!? Holly และเพื่อนๆ ของเธอ ผู้ใช้ทวิตเตอร์สาวที่ใช้ชื่อว่า Holly ได้ออกไปเที่ยวที่ทะเลสาบ Loch Eck เขต Argyll ประเทศสกอตแลนด์ ระหว่างที่เที่ยวกันอยู่พวกเธอก็ตัดสินใจถ่ายรูปกลุ่มเพื่อเป็นที่ระลึกถึงการเที่ยวครั้งนี้ด้วย พวกเธอตั้งเวลากล้องถ่ายรูปไว้ให้ถ่ายภาพติดกันทุก 3 วินาที จะได้มีภาพหลายใบไว้ให้เลือกลงกันในโซเชียลมีเดีย รูปที่ถ่ายออกมานั้นดูสวยงามถูกใจสาวๆ มาก ทว่ามีรูปอยู่ใบหนึ่งที่มีเด็กผู้ชายโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ มานั่งมองพวกเธออยู่ เธอและเพื่อนทุกคนต่างก็อึ้งไปตามกัน เพราะว่าภาพแต่ละใบถ่ายในเวลาห่างกันไม่กี่วินาที แล้วในบริเวณนั้นก็ไม่มีคนอยู่เลยสักคน แล้วเด็กชายคนนี้จะวิ่งมาเข้ากล้องในเวลาอันรวดเร็วแบบนั้นได้อย่างไรกัน ทวีตของ holly ที่โพสต์ภาพเด็กชายปริศนาหลังกลุ่มของพวกเธอ Holly จึงอัปโหลดภาพถ่ายที่มีเด็กชายปริศนาลงในทวิตเตอร์ของเธอ เผื่อว่าชาวเน็ตจะได้ช่วยหาคำตอบได้ว่าเด็กคนี้โผล่มาได้ยังไง เขาเป็นใครและที่สำคัญคือเขาเป็นคนหรือเปล่า ทวีตของเธอมีใจความว่า “ภาพนี้ถ่ายที่บ้านพักริมทะเลสาบแห่งหนึ่งในประเทศสกอตแลนด์ ไม่มีใครอยู่ในบริเวณใกล้เคียงเลยสักคน แล้วฉันก็ถ่ายรูปรัวๆ ในเวลาห่างกันแค่ 3 วินาที แล้วดูสิว่ามีอะไรแปลกๆ เข้ามาในรูป…
-
โซเชียลระอุ!! เมื่อแม่ชาวจีนจับลูกมัดข้อมือติดกับมอเตอร์ไซค์ขับลากไปตามทางเพราะซนเกิน!?
ในแต่ละครอบครัวจะมีวิธีการเลี้ยงลูกที่ต่างกัน บางครอบครัวสอนลูกด้วยเหตุผล ในขณะพ่อแม่บางคนอาจทำโทษเล็กๆ น้อยเพื่อเป็นบทเรียนกับลูก แต่คุณแม่ชาวจีนคนนี้เลือกที่จะใช้ความรุนแรงกับลูก ด้วยการมัดเด็กน้อยติดกับรถมอเตอร์ไซค์และลากไปตามทาง โดยอ้างว่าลูกซนเกินไป หลังจากที่แม่คนนี้ลากลูกไปตามถนนสักพัก ก็มีคนมาเห็นและพยายามบอกให้เธอหยุดใช้ความรุนแรงกับลูก แต่เธอตอกกลับไปว่าได้ทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว สำนักข่าว Youku ระบุว่าแม่ลูกคู่นี้ถูกพบบนถนน Zhaotong ของมณฑลยูนนาน ประเทศจีน สภาพที่เห็นคือเด็กน้อยนอนลงกับพื้น โดยมือทั้งสองข้างถูกผูกติดกับท้ายมอเตอร์ไซค์ ขณะที่ถูกแม่ลากไปตามท้องถนนนั้น เด็กชายร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด จนคนที่พบเห็นพยายามเข้าไปห้ามแต่คุณแม่ก็ไม่ยอมหยุด ในคลิปวิดีโอที่บันทึกไว้ คุณแม่คนนี้บอกว่า “ลูกชายของฉันซนเกินไป ฉันกำลังสอนบนเรียนให้กับเขา” และเธอยังบอกอีกว่าทำแบบนี้มาสองสามวันแล้ว หลังจากที่คลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ถึงวิธีการทำโทษที่ไม่เหมาะสม บางคนบอกว่า ‘นี่มันโหดร้ายเกินไป’ ‘ถ้าเราแจ้งให้ตำรวจทราบ จะสามารถทำให้แม่คนนี้หมดสิทธิในการเลี้ยงดูได้หรือไม่?’ และมีิอีกหลายคนบอกว่า ‘กังวลว่าเด็กคนนี้จะกลายเป็นคนมีปมปัญหาทางจิต’ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่มีรายงานเพิ่มเติมว่าคุณแม่คนนี้ทำอย่างไรต่อไปหลังถูกชาวเน็ตโจมตี และไม่มีใครรู้ว่าสภาพของเด็กชายเป็นอย่างไร แต่คาดว่าตำรวจคงไม่ปล่อยให้แม่ทำกับลูกแบบนี้ต่อไปอีกแน่ ที่มา dailymail
-
หญิงสาวผู้เกิดมาเป็นโรคหายาก 1 ใน 5 ล้านคนจะเป็น แต่ก็ยังยิ้มได้ในทุกๆ วันของชีวิต
ไม่สำคัญว่าคุณจะเกิดมารวยหรือจน ไม่สำคัญว่าคุณจะเกิดมาด้วยร่างกายที่สมบูรณ์หรือไม่แต่สำคัญที่ว่าวันนี้คุณใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับสิ่งที่เป็นหรือเปล่า เหมือนกับหญิงสาวคนนี้ที่เกิดมาพร้อมโรคทางพันธุกรรมที่หายาก ทำให้มีรูปร่างลักษณะที่แตกต่างจากคนทั่วไปแต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของเธอก็เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเสมอ Michelle Kish วัย 20 ปี จากรัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอเกิดมาพร้อมกับโรค Hallermann-Streiff ซึ่งเป็นโรคที่หาได้ยากมากๆ โดยตอนที่เธอเกิดมีคนเป็นโรคนี้เพียง 250 คนจากทั่วโลก ด้วยโรคที่หายากนี้ ทำให้ลักษณะใบหน้าของ Kish ดูเหมือนเด็ก ขณะที่สภาพร่างกายก็ดูแคระแกร็น และมีความสูงที่สูงกว่าเอวของพี่สาวเพียงเล็กน้อย เธอต้องได้รับการรักษาพยาบาลตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน โดยมีพยาบาลส่วนตัวที่ไปโรงเรียนกับเธอและต้องพาเธอไปโรงพยาบาลเป็นประจำ การได้ไปพบแพทย์บ่อยๆ เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ Kish มีความสุขมากที่สุด เพราะเธอมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นกุมารแพทย์ ตอนนี้เธอมีฝันอีกอย่างหนึ่งคือ อยากเดินตามรอยเท้าพี่สาว Sarah ในการหาแฟนหนุ่มที่มีผมยาวและรักเธอด้วยหัวใจ Kish บอกว่า “ผู้คนมักจะคิดว่าฉันดูเด็กกว่าอายุจริงมาก พวกเขามักจะแสดงอาการแบบนั้นออกมาเมื่อถามอายุของฉัน เพียงแต่ไม่พูดออกมาเท่านั้นเอง” Mary ผู้เป็นแม่และเป็นผู้ดูแลหลักของหญิงสาวบอกว่า “ตอนที่ฉันอุ้มท้อง Kish ทุกอย่างเป็นไปอย่างปกติ ไม่มีปัญหาอะไรเลยตลอดช่วงตั้งครรภ์รวมทั้งตอนคลอดด้วย” “แต่แล้วแพทย์ก็พบความผิดปกติบางอย่างกับ Kish แต่มันเป็นสภาพที่หายากมากๆ พวกเขาจึงต้องหาตัวอย่างจากโรงพยาบาลอื่น” “ไม่มีใครเคยเห็นโรคนี้มาก่อนในโรงพยาบาล Children’s Memorial Hospital ที่ Kish เกิดมา และเมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเธอเป็นโรค Hallermann-Streiff…
-
ร้านแมคโดนัลด์ประกาศออกเมนู ‘แฮมเบอร์เกอร์’ ใหม่ ทำมาเพื่อเอาใจสาย ‘มังสวิรัติ’ โดยเฉพาะ
หากว่าเราอยากจะทานแฮมเบอร์เกอร์ ร้านที่เรามักจะนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ คงจะเป็น ร้านแมคโดนัลด์ แฟรนไชส์อาหารฟาสต์ฟู้ดที่ขึ้นชื่อเรื่องแฮมเบอร์เกอร์ที่หลากหลายและมีรสชาติถูกปากคนทั่วโลก น่าเสียดายที่แมคโดนัลด์ไม่ค่อยมีเมนูสำหรับคนทานมังสวิรัติ จึงไม่สามารถชวนเพื่อนๆ ที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ไปนั่งชิลล์ด้วยกันได้ แต่เมื่อเร็วๆ นี้แมคโดนัลด์ได้คิดค้นแฮมเบอร์เกอร์แบบใหม่ ที่มังสวิรัติสามารถทานได้ออกมาแล้ว ทีนี้ไม่ว่าเราจะเป็นมังสวิรัติหรือคนทานเนื้อสัตว์ก็ไปทานอาหารที่แมคโดนัลด์ได้อย่างไม่ต้องกังวล เชิญพบกับ McVegan แฮมเบอร์เกอร์เพื่อชาวมังสวิรัติ เมื่อช่วงปลายปีที่แล้วร้านแมคโดนัลด์ได้ทำแฮมเบอร์เกอร์สำหรับคนทานมังสวิรัติในชื่อว่า McVegan และนำไปวางขายครั้งแรกในเดือนตุลาคมจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2017 ตามร้านแมคโดนัลด์ในเมือง Tampere เขต Pirkanmaa ประเทศฟินแลนด์ หลังจากที่แมคโดนัลด์ทดลองขาย McVegan แล้วก็พบว่ามีกระแสตอบรับที่ดีพอสมควร ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจเปิดขายมันทั่วทั้งประเทศฟินแลนด์และประเทศสวีเดน เนื้อของแฮมเบอร์เกอร์ชนิดนี้ทำจากแป้งถั่วเหลือง จึงไม่ขัดต่อการเป็นมังสวิรัติแต่อย่างใด สำหรับส่วนอื่นๆ อย่างแป้งแฮมเบอร์เกอร์และผักก็ยังคงใช้ของปกติเหมือนกับแฮมเบอร์เกอร์ทั่วไป แต่ตัวซอสมีการปรับแต่งให้ชาวมังสวิรัติทานได้ด้วย ทวิตเตอร์ของร้านแมคโดนัลด์ในประเทศฟินแลนด์ได้โพสต์ว่า “เรารู้สึกยินดีมากที่แฮมเบอร์เกอร์มังสวิรัติได้รับกระแสตอบรับที่ดี การทำแฮมเบอร์เกอร์มังสวิรัตินั้นต้องใช้วัถุดิบมากและตัวสเต๊กก็ทำมาจากถั่วเหลือง ตอนนี้เราก็ยังคงมุ่งหน้าพัฒนาให้มันมีรสชาติที่ดีขึ้นอยู่เรื่อยๆ” ความรู้สึกของชาวเน็ตที่มีต่อ McVegan ผู้ใช้งานอินสตาแกรมที่ใช้ชื่อ Vetnursescapist ก็ได้บอกความรู้สึกต่อเมนูนี้ว่า “McVegan ทำจากแป้งไร้กลูเต็น ภายในก็มีสลัด มะเขือเทศ แตงกวาดอง ซอสมะเขือเทศและมายองเนสมังสวิรัติด้วย เหมาะกับคนกินมังสวิรัติมาก แม้ว่าฉันจะไม่ได้ทานแฮมเบอร์เกอร์ของแมคโดนัลด์มาเป็นปีจนลืมรสชาติของแบบปกติไปแล้ว แต่ฉันก็คิดว่ารสชาติของ McVegan…
-
คู่รักเดือด หลังช่างภาพถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง เอาภาพไปตัดต่อให้ดูผอมลงแล้วโพสต์ลงพอร์ท
ปกติเวลาจ้างช่างภาพมาถ่ายรูปให้ ไม่ว่าจะงานแต่ง งานรับปริญญา หรืองานสำคัญต่างๆ พอถ่ายเสร็จช่างภาพจะเอารูปเหล่านั้นไปปรับแต่งให้สวยงาม ก่อนจะมอบให้ลูกค้า ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะพอใจกับภาพที่ถูกรีทัชแล้วเหล่านั้นเพราะมันทำให้พวกเขาดูดีกว่าตัวจริง แต่นั่นไม่ใช่กับบ่าวสาวคู่นี้ที่ไม่พอใจอย่างหนักหลังพบว่าช่างภาพตัดต่อรูปทำให้พวกเขาดูผอมลง Katie Liepold จากรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่าเธอต้องพบเจอกับประสบการณ์ที่อับอาย เมื่อช่างภาพที่จ้างมารูปพรีเวดดิ้งทำให้เธอกับคู่หมั้น Jon Kistler ดูผอมลงจากตัวจริง ทั้งคู่ได้จ้างช่างภาพ Linda Silvestri จากสตูดิโอ Tower Photography ซึ่งตอนถ่ายทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งได้เห็นภาพนั่นแหละ Liepold บอกว่าครั้งแรกเธอสังเกตเห็นมีการเบลอภาพแปลกๆ ตรงมุม แล้วพอดูดีๆ ก็พบว่ารูปที่ถ่ายนั้นถูกทำให้ผอมลง ต่อมาว่าที่เจ้าสาวจึงได้ติดต่อไปยังช่างภาพ Silvestri และบอกกับเธอว่า “มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ มันทำให้ฉันรู้สึกน้อยใจและภาพที่ออกมามันก็ยังไม่ดีพอ” เมื่อได้ยินดังนั้นช่างภาพจึงเสนอให้ยกเลิกสัญญา แต่ทว่าความเจ็บปวดของ Liepold ไม่ได้จบลงแค่นั้น เพราะช่างภาพบอกว่าจะไม่คืนเงินค่ามัดจำ 4,700 บาทให้ ถือเป็นค่าเสียเวลาและภาพที่ถ่ายไปแล้ว วันถัดมา Liepold เห็น Silvestri โพสต์ภาพของเธอกับคู่หมั้นลงในเพจ Northeast Ohio…
-
“สตรอว์เบอร์รี่รูปแมว” ในญี่ปุ่น พิสูจน์ให้เห็นว่าประเทศนี้ทำอะไรออกมาก็ดูน่ารักไปซะหมดเลยยยย
เมื่อเราจะหาซื้อผลไม้มาบริโภค เราย่อมต้องการผลไม้ที่มีรูปร่างสวยงาม สีสันสดใสน่ากิน เพราะมันทำให้เรารู้สึกว่าได้กินของที่ผ่านกรรมวิธีผลิตมาอย่างพิถีพิถัน ดังนั้นผลไม้ที่มีรูปร่างหรือสีแปลกประหลาดจึงมักจะถูกละเลยเสมอ ไม่มีว่าจะมีคนมาซื้อผลไม้เยอะเท่าไหร่ก็ไม่หยิบผลไม้รูปร่างประหลาดออกไปจากชั้นวางเสียที แต่ถ้าหากผลไม้ผิดรูปพวกนี้เกิดดูน่ารักขึ้นมาล่ะก็ อาจจะมีคนชอบก็ได้นะ สตรอว์เบอรี่รูปทรงน้องเหมียวจากทวีตของผู้ใช้ทวิตเตอร์ @mugi 411 ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นที่ใช้ชื่อว่า @mugi411 เจอผลสตรอว์เบอรี่สุดประหลาดลูกหนึ่งจากกล่องผลไม้ที่พี่ชายเธอซื้อมา แม้ว่ามันจะดูผิดรูปจนดูไม่เหมือนสตรอว์เบอรี่สักนิด แต่เธอกลับคิดว่ามันดูน่ารักเหมือนกับลูกแมวไม่มีผิดเลย เธอก็เลยวาดตา หนวด และริบบิ้นเพิ่มเข้าไปให้มันดูเหมือนกับแมวในจินตนาการของเธอมากขึ้น แล้วจึงอัปโหลดรูปนั้นขึ้นบนทวิตเตอร์ของเธอเพื่อแบ่งปันความน่ารักให้กับชาวเน็ตด้วย ภาพแฟนอาร์ตจากผู้ใช้ทวิตเตอร์ @calicohuggg ชาวเน็ตทุกคนที่ได้ผ่านไปเห็นต่างก็คิดว่ามันน่ารักเช่นกัน ยิ่งดูรูปที่เธอวาดเพิ่มเข้าไปแล้วมันก็ยิ่งดูเหมือนแมวจริงๆ ชาวเน็ตชอบรูปสตรอว์เบอรี่ทรงแมวนี้มากจนมียอดไลก์กว่า 77,000 ไลก์แล้ว และก็มีคนรีทวีตโพสต์นี้ไปกว่า 40,000 ครั้งแล้วด้วย เท่านั้นยังไม่พอผู้ใช้ทวิตเตอร์ @calicohuggg ชอบมันมากจนถึงกับวาดภาพประกอบให้เองด้วย เพิ่มความน่ารักเข้าไปอีกหลายเท่าตัวเลย Ponyo เองค่ะ แต่คนวาดไม่เก่งเลยวาดออกมาไม่เหมือน ก็หยวนๆ ละก็เนาะ นอกจากนี้ชาวเน็ตอีกส่วนหนึ่งยังร่วมกันแชร์ภาพในจินตนาการที่พวกเขาเห็นจากสตรอว์เบอรี่อันนั้นด้วย เพราะพวกเขาไม่ได้เห็นสตรอว์เบอรี่อันนี้เป็นรูปแมว แต่เป็นสัตว์ชนิดอื่นๆ แทน แถมยังมีท่านหนึ่งเห็นมันเป็นตัวละครสาวน้อยกึ่งปลา Ponyo จากค่าย Studio Ghibli อีกด้วย ส่วนท่านอื่นๆ จะเห็นสตรอว์เบอรี่อันนี้เป็นภาพอะไรบ้าง…
-
19 ยุทธวิธี Life Hack สุดบรรเจิด แบบนี้ก็ได้เหรอ ทำเอาฮารึเปล่าเนี่ย!?
การมองหาวิธีการใหม่ๆ ที่ช่วยทำให้เราดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น บางคนก็เรียกมันว่าไลฟ์แฮ็ก (Life Hack) หรือวิธีโกงในชีวิตประจำวันนั่นเอง ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างการใช้แป้งโรยบนผมไม่ให้ผมมันก็ได้ แม้ว่าบางทีไลฟ์แฮ็กจะช่วยให้เราทำอะไรง่ายมากขึ้นจริงๆ แต่บางครั้งก็จะมีคนคิดวิธีไลฟ์แฮ็กแบบแปลกพิสดารซึ่งแม้จะมีประโยชน์ แต่ดูกี่ทีก็ขำจนหยุดหัวเราะไม่ได้เลย วันนี้เราได้รวบรวมวิธีการไลฟ์แฮ็กแบบล้ำๆ แต่โคตรฮาจากชาวเน็ตรอบโลกมาให้ทุกคนได้ชมกัน รับรองว่าจะต้องไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนแน่นอน ไม่มีขาตั้งโทรศัพท์ แต่มีตุ๊กตาบาร์บี้อยู่ที่บ้านก็เอามาใช้แทนกันได้ แถมได้มองท่าเซ็กซี่ๆ ไปพร้อมกันด้วย ถ้าผัดสปาเกตตี้ไปแล้วรสชาติไม่ถูกใจล่ะก็ เอามันเข้าไปซัก…เอ๊ย! ล้างสิ ทีนี้ก็เอาไปผัดแก้มืออีกรอบได้แล้ว อยากได้โต๊ะอาหารเคลื่อนแบบส่วนตัวเหรอ ลองใช้ฝาชักโคตรดูสิ รับรองว่าใช้งานดีแต่จะปวดคอรึเปล่าไม่รู้นะ ถ้าคุณไม่อยากให้จานในอ่างล้างจานดูรกตา แต่อีกใจหนึ่งก็ขี้เกียจล้างจานเช่นกัน วันนี้เรามีวิธีแก้มาให้แล้ว แค่ปรินต์รูปอ่างสะอาดๆ มาวางทับลงไปก็จบ มงกุฎดอกไม้มันหาซื้อยากแล้วก็มีราคาแพง ถ้างั้นก็ DIY เอาสิ สวยด้วย อิ่มด้วย ผมอยากทานนาโชชีสแต่ดันลืมชีสดิปซะได้ แต่ไม่เป็นไรหรอกจิ้มสีทาบ้านเอาก็ได้ สีแทนกันได้อยู่ส่วนรสชาติต้องดูกันอีกที วันนี้ขอนำเสนอวิธีการทำให้ถุงเท้าขาดดูสมบูรณ์ดังเดิม เพียงแค่คุณใช้สีทาเล็บที่เหมือนกับถุงเท้าทาลงไป ก็ดูดีเหมือนใหม่แล้ว เจ๋งไปเลย จะซื้อไม้ถูพื้นราคาแพงไปทำไม ในเมื่อคุณสามารถใช้เจ้าเหมียวขนฟูแทนได้ เอาน้ำยาขัดพื้นผสมลงไปแล้วเริ่มถูได้เลย! เรารู้ว่าการหั่นเบเกิลไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ถ้าคุณยอมเสียสละนิ้วสักนิ้วล่ะก็มันจะทำให้การหั่นเบเกิลเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเลย ถ้าอยากกินข้าวฟรีทุกมื้อ…
-
ศิลปินเปลี่ยนน้ำหกเลอะเทอะให้กลายเป็นงานศิลปะ สร้างความแตกต่างอย่างสร้างสรรค์
ปกติเวลาเราทำน้ำหก ในบ้านหรือเห็นแอ่งน้ำตามที่ต่างๆ เราจะรู้สึกว่ามันเป็นความเลอะเทอะที่ต้องรีบเช็ดออก หรือไม่ก็เดินเลี่ยงมันซะ แต่สำหรับ Jeffrey Michael Austin ศิลปินจากชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เปลี่ยนแอ่งน้ำที่สกปรกให้กลายเป็นงานศิลปะที่น่ามอง ในขณะที่คนส่วนใหญ่เดินเลี่ยงแอ่งน้ำ แต่ Austin กลับเกิดความสนใจและมองว่ามันเป็นสิ่งสวยงาม โดยเฉพาะเวลาที่มีเงาสะท้อนของดวงอาทิตย์ตกกระทบ จากความสนใจเล็กๆ นี้ ทำให้เขาตัดสินใจทำแอ่งน้ำปลอมให้กลายเป็นงานประติมากรรมที่มีลวดลายที่น่าหลงใหลอย่างเช่นลายกาแล็กซี Austin ได้ตั้งชื่อผลงานชิ้นนี้ว่า The Puddles ซึ่งเป็นความต้องการของเขาที่อยากให้ผู้คนสัมผัสถึงความเป็นศิลปะในโลกใบนี้ เขาบอกว่า “ผมหวังว่าผู้คนจะได้เห็นรายละเอียดที่อ่อนโยนของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ และเกิดความรู้สึกผ่อนคลายเมื่อต้องเห็นภาพที่ไม่ชวนมอง” นี่เป็นเพียงผลงานส่วนหนึ่งเท่านั้น หากใครชื่นชอบในความแตกต่างที่สร้างสรรค์นี้ เพ่ื่อนๆ สามารถติดตามได้ที่อินสตาแกรม jeffreymichaelaustin น้ำหกที่ใครๆ ก็สนใจและอยากเข้าไปสัมผัส ศิลปะน้ำหก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานนิทรรศการศิลปะ แอ่งน้ำที่ถูกทำขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนได้เห็นอีกด้านของศิลปะ เห็นแว่บแรก หลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นน้ำหกจริงๆ แต่จริงๆ แล้ว มันคือน้ำหกหลอกๆ ที่ถูกตกแต่งด้วยลวดลายอันงดงาม ไม้ถูพื้นที่เห็นนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของงานชิ้นนี้นะ . …
-
หญิงสาวที่โยนหมาลงมาจากชั้น 6 ถูกคุกคามหนักจากประชาชน ถึงขั้นบุกไปถึงหน้าประตูบ้าน
จากประเด็น ‘สาวจีนขอเงินเพื่อแลกกับการคืนหมาแก่เจ้าของ แต่เงินไม่มากพอ เธอเลยโยนหมาลงมาจากตึกชั้น 6’ ที่ได้นำเสนอไปเมื่อไม่นานนี้ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่จบง่ายๆ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่พร้อมจะให้อภัย ล่าสุดมีรายงานเพิ่มเติมว่า He Li คนที่โยนน้องหมาลงมาจากชั้น 6 ได้เผยแพร่คลิปสั้นๆ ของตัวเองขณะร้องไห้และขอโทษต่อสิ่งที่ได้ทำลงไป แต่ผู้คนจำนวนมากกล่าวว่าเธอทำวีดีโอนี้ขึ้นมาเพื่อหลบหนีความผิดเท่านั้น เช่นเดียวกับ Xiao Wu เจ้าของน้องหมาที่ออกมาบอกต่อสื่ออย่างชัดเจนว่าเธอจะไม่มีทางยอมรับคำขอโทษของ He Li อย่างเด็ดขาดและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน นอกจากรอรับโทษทางกฎหมายแล้ว ชาวจีนจำนวนมากได้สืบหาข้อมูลของ He Li และสามีของเธอ ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ ที่ทำงาน ข้อมูลประกันสังคม ทะเบียนรถ รวมไปถึงข้อมูลจากทางโรงพยาบาลที่เธอฝากครรภ์ หลังจากได้ข้อมูลเหล่านี้มา ชาวจีนบางคนได้โทรไปข่มขู่เธอ ส่งข้อความน่ากลัวไปให้เธอ บางคนส่งพวงหรีดไปให้ ในขณะที่บางคนส่งธนบัตรปลอมที่สำหรับเผาให้คนตายไปให้ ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมามีคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปหาถึงประตูหน้าบ้านและตะโกนข่มขู่สามีของ He Li ว่าพวกเขาไม่รับประกันความปลอดภัยของลูกสาวของเขา ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ไม่ได้จบลงแค่นั้น เพราะเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มีคนกลุ่มคน 6 คน ได้บุกเข้าไปถึงบ้านของ He Li และเรียกร้องให้เธอออกมาขอโทษประชาชน แต่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุการณ์นี้…
-
พัง!! เมื่อคุณแม่สั่งเสื้อออนไลน์มา แต่ดันใส่ไม่ได้ ก็เลยต้องมาระบายฟ้องลูกสาว…
ในการสั่งซื้อของออนไลน์ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากความสะดวกสบาย เลือกสินค้าง่ายๆ ไม่ต้องออกไปซื้อให้เสียเวลา เพียงแค่เลือก โอนเงิน ก็รอรับสินค้าถึงหน้าบ้านได้เลย ถึงแม้ว่าการสั่งซื้อของออนไลน์จะมีข้อดีตรงที่มันสะดวกสบาย แต่มันก็มีข้อเสียตรงที่ว่า เราจะไม่ได้เห็นสินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อ ทำให้หลายๆ ครั้งที่สั่งซื้อของออนไลน์แล้วได้ของที่ไม่ตรงตามที่สั่งไว้ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2018 ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Baibai Sanritt ได้โพสต์เรื่องราวสุดฮาของคุณแม่ ด้วยแคปชันที่ว่า “เมื่อแม่เห็นของที่สั่งผ่านออนไลน์ !!! หนูควรจะปลอบใจแม่ยังไงดี #เพราะหมาหลับแม่คงว่างมากจริงๆ 555+” เรื่องราวเริ่มต้นที่ แชตที่ชื่อว่า “จุ๋มจิ๋มเรียกประชุม” เด้งขึ้นมา เป็นรูปภาพที่คุณแม่วรณันได้ส่งรูปซองพัสดุมาให้ดู จากนั้นก็มีอีกหนึ่งรูปตามมาติดๆ คุณแม่น่าจะสั่งซื้อเสื้อออนไลน์มาแน่ๆ เลย แต่ดันใส่ไม่ได้จึงมาฟ้องลูกแบบนี้ แม่ยังบอกอีกว่ามันฟิตมาก แม่ใส่ไม่ได้ มันแน่นจริงๆ นะคุณลูก ลูกสาวก็แซว เดี๋ยวนี้ซื้อของออนไลน์เป็นด้วยแฮะ แม่นี่ล้ำจริงๆ มีสมาชิกในกลุ่มอีกรายบอกว่า แม่ไม่ได้สั่งมาตัวเดียวนะ สั่งมาตั้ง 2 ตัว แต่ใส่ไม่ได้สักตัว ฮ่าๆ แหม่…
-
ตำรวจมึน หลังเจอรถจอดผิดที่ กำลังจะให้ใบสั่ง อ้าว นี่มันหิมะนี่หว่า!!
ในต่างประเทศเวลามีหิมะตก เด็กๆ มักจะปั้นหิมะเล่น ซึ่งบางทีผู้ใหญ่บางคนก็ปั้นเล่นเหมือนกันนะ และแน่นอนว่าฝีมือผู้ใหญ่มันก็ต้องยิ่งใหญ่และดูสมจริงกว่าอยู่แล้ว เหมือนกับผลงานรถหิมะคันนี้ที่ถูกปั้นให้ดูเหมือนรถที่โดนหิมะเกาะ แถมยังอยู่ในที่ห้ามจอดด้วย ซึ่งไม่รู้ว่าเขาแค่ปั้นเล่นหรือตั้งใจแกล้งคนอื่นกันแน่ แต่มันเนียนซะจนหลอกเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อยู่หมัดเลยหละ นี่คือรถหิมะที่ทำขึ้นโดย Montrealer Simon Laprise ช่างเครื่องและช่างไม้วัย 33 ปี เขาบอกว่า “ผมเป็นคนที่หลงใหลในการสร้างและออกแบบสิ่งต่างๆ” เขาบอกอีกว่า “ผมได้ใช้ความคิดอันสร้างสรรค์สร้างรถสุดเจ๋งขึ้นมาในวันที่สวยงามเช่นนี้” แต่ประเด็นคือเขาไปสร้างรถหิมะอยู่ในที่ห้ามจอด จนกลายเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาตรวจสอบรถคันกล่าวที่จอดอยู่ในพื้นที่ห้ามจอด โดยไม่รู้ว่ามันทำมาจากหิมะเลยตั้งใจจะออกใบสั่งให้ แต่ในเมื่อพวกเขารู้ว่าตัวเองโดนหิมะต้มซะเปื่อย ในเมื่อไม่สามารถออกใบสั่งรถหิมะได้ พวกเขาก็ทิ้งโน้ตเล็กๆ เอาไว้แทนซึ่งมีข้อความระบุว่า “คุณทำให้วันนี้เป็นวันที่พิเศษของเรา” พร้อมกับใส่หน้ายิ้ม ต่อมาภาพนี้ได้ถูกแชร์ใน Reddit และตามสื่่อออนไลน์อื่นๆ อีกมากมาย จนกระทั่งเจ้าของถึงกับต้องออกมาบอกเหตุผลที่ทำรถนี้ขึ้นมา… “ผมก็แค่อยากจะทำรถเพื่อไว้แกล้งคนเก็บกวาดหิมะ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเกือบได้ทั้งใบสั่ง แถมยังดังไปทั่วเน็ตอีกนะเนี่ย!!” โถๆๆ หลอกกันซะได้ ที่มา buzzfeed
-
เพื่อนกันคนละพันธุ์ “กระรอก” ตกต้นไม้ในวันนั้น เป็นเพื่อนซี้ “พี่เหมียว” ติดกันไม่ห่าง
โดยปกติแล้ว สัตว์ต่างสายพันธุ์มักจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ พวกมันจะหวงแหนพื้นที่ของตัวเองและจะคอยป้องกันถิ่นตนเองเมื่อถูกสัตว์ชนิดอื่นเข้ามารุกราน แต่สำหรับกระรอกแดงที่ชื่อ Tin-Tin กับเจ้าเหมียว Tiger วัย 13 ปี พวกมันกลายเป็นเพื่อนรักที่แยกจากกันไม่ได้ นับตั้งแต่กระรอกน้อยได้รับการช่วยเหลือเมื่อยังเล็ก ย้อนกลับไปตอนนั้น Decan Andersen วัย 38 ปี จากประเทศเดนมาร์ก ได้ช่วยเหลือเจ้ากระน้อยที่ตกลงมาจากต้นไม้สูงและร่วงไปอยู่ที่สวนหลังบ้านของเขา ซึ่งตอนนั้นมันอายุแค่ 1 เดือนเอง Tin-Tin ได้รับบาดเจ็บสาหัส มันมีแผลลึกที่บริเวณหน้าอกเนื่องจากโดนกิ่งไม้ขีดข่วนตอนร่วงลงมา Decan เลยตัดสินใจออกห่างจากกระรอกน้อยเพื่อรอให้แม่ของมันมาช่วยเหลือ แต่หลังจากที่แม่กระรอกลงมาดูลูกน้อย สักพักมันก็วิ่งจากไป น่าจะเป็นเพราะลูกอยู่ในขั้นวิกฤติจนมันไม่สามารถช่วยเหลือได้ ดังนั้น Decan จึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ Tin-Tin ตั้งแต่นั้นมา และหลังจากที่มันได้รับรักษาจนหายดีแล้ว เขาก็พามันเข้าบ้านและเลี้ยงรวมกับเจ้าเหมียว Tiger และ Coco (น้องสาวของ Tiger ที่ตอนนี้ตายไปแล้ว) เจ้าของบอกว่า “ทันทีที่ผมพา Tin-Tin เข้ามาในบ้าน Coco ก็พุ่งเข้าไปหามันทั้งกอดทั้งเลียด้วยความเอ็นดู แต่ตอนนั้น Tiger ออกไปข้างนอกยังไม่กลับมา” เมื่อ Tiger กลับมา มันรู้เลยว่าน้องของมันชอบเจ้ากระรอกตัวนี้ และไม่อยากให้มันทำอะไรเพื่อนใหม่ตัวนี้ด้วย ดังนั้นมันจึงปล่อยให้น้องอยู่กับเพื่อนใหม่โดยที่มันไม่เข้าไปยุ่งเลย…
-
25 ความงดงามจากธรรมชาติของอาหาร ก่อให้เกิดการเรียงตัวอย่างสวยงาม จนแทบไม่กล้าแตะต้อง
ในการจะทำอาหารให้น่าทานนั้น นอกจากการจะต้องทำให้อาหารรสชาติอร่อยและมีกลิ่นยั่วยวนใจแล้ว หน้าตาของอาหารก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะถึงอาหารจะอร่อยแต่ถ้ามันดูไม่น่าทานก็ไม่มีใครสนใจมาชิมหรอก แต่บางครั้งการที่อาหารมีหน้าตาสวยเกินไป มันก็ให้ผลที่ตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง เพราะการที่มันดูสวยนี่แหละทำให้เราอยากจะเก็บมันไว้ดูมากกว่าที่จะกินมันน่ะสิ ถ้าไม่เชื่อลองดูอาหารสวยๆ พวกนี้สิครับ รับรองว่าเพื่อนๆ ต้องลังเลที่จะหยิบมันมากินแน่นอน มะเขือเทศสีแดงสด ลูกกลมโตสมบูรณ์จนไม่กล้าหั่นเลย พริกอันนี้ไล่ระดับความเผ็ดจนน้อยที่สุดไปมากที่สุดให้เราแล้ว ชอบเผ็ดขนาดไหนก็หั่นตรงนั้นกินเอานะ ขนมเยลลี่เรียงชั้นเรียงสีโคตรสวย จะหยิบกินก็เสียดายขอถ่ายรูปไว้อย่างเดียวละกัน ต้มกาแฟยังไงให้ฟองมันเรียงตัวสวยขนาดนี้น้อ จะทูโทนทั้งทีต้องแบ่งสีให้ได้เป๊ะๆ แบบนี้ พอชงกาแฟเสร็จก็ไม่อยากดื่มซะงั้น ไม่น่าทำออกมาเรียงชั้นสวยขนาดนี้เลย ดูการเรียงตัวสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติของกะหล่ำปลีนี่สิ มองแล้วเหมือนโดนดูดเข้าไปเลย ร้านพี่แกเรียงเครื่องเทศไว้สวยขนาดนี้แล้วใครจะกล้าตักไปล่ะคร้าบ นึกว่าจะมีไอศกรีมสวยๆ แบบนี้แต่ในโฆษณา แต่เอาเข้าจริงพนักงานก็ทำขายให้เราได้ด้วย ไม่น่าตัดเค้กออกมาเลยค่ะ รู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับทำลายอะไรสักอย่างที่มีค่าไป ว้าว นั่นมันเค้กจริงๆ เหรอ ไม่กงไม่กินมันละยกไปตั้งโชว์จะเวิร์กกว่านะ ดอกไม้ช็อกโกแลตกลีบสวยกว่าของจริงอีก เอาไปมอบให้สาวๆ แล้วพวกเธอต้องชอบแน่ๆ ใครจะไม่ชอบดอกไม้สวยๆ ที่กินได้กันล่ะ งื้อออ ได้เห็นพีระมิดแพนเค้กราดด้วยน้ำเชื่อมเยิ้มๆ…
-
ข้อสอบสะท้านใจนศ. จีน ดึงความพีคในข้อสุดท้าย ‘สะกดชื่ออาจารย์ผิด’ มีสิทธิ์คะแนนติดลบ!!
สำหรับนักศึกษาแล้วการสอบถือเป็นตัวชี้วัดชะตาของพวกเขา จึงต้องหมั่นขยันอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนอย่างหนัก เพื่อที่จะได้มีความรู้พอจะไปสู้ฟัดกับข้อสอบสุดหินที่อาจารย์ออกมาให้ได้ นักศึกษาในประเทศจีนเองก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน แต่ในปีนี้นักศึกษาจีนกลุ่มหนึ่งต้องตกตะลึงเมื่อพบคำถามสุดท้าทายข้อสุดท้าย พวกเขาต้องสะกดชื่ออาจารย์ที่สอนให้ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นก็จะโดนหักคะแนนยับ ข้อสอบที่ว่านี้เป็นข้อสอบจากมหาวิทยาลัย Sichuan Vocational College of Culture and Communication ในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน โดยข้อสอบข้อสุดท้ายนี้ให้รูปอาจารย์มาทั้งหมด 7 ท่าน แล้วให้นักศึกษาเขียนชื่อของอาจารย์แต่ละท่านให้ถูกต้อง คำถามพิเศษข้อนี้ไม่มีคะแนนเพิ่มเติมให้นักศึกษาที่ตอบได้ถูกต้อง แต่ถ้าพวกเขาตอบคำถามข้อนี้ไม่ถูกล่ะก็ จะถูกหักคะแนนจากคะแนนที่ทำได้ในครั้งนี้ 41 คะแนนเลยทีเดียว ซึ่งนับเป็นสัดส่วนที่เยอะพอสมควรเนื่องจากข้อสอบชุดนี้คิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ของเกรดทั้งหมดในเทอมนั้นเลย แม้ว่าคำถามข้อนี้จะดูง่ายไม่ซับซ้อน แต่นักเรียนบางส่วนที่ไม่ค่อยได้เข้าเรียนแล้วอ่านบทเรียนเอง จึงไม่รู้จักหน้าค่าตาอาจารย์แต่ละคนเลย คงไม่แปลกที่นักเรียนบางคนจะตอบคำถามนี้ไม่ได้ ในวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา ทางมหาวิทยาลัยเป็นผู้โพสต์คำถามข้อนี้ลงใน Weibo (โซเชียลมีเดียของประเทศจีน) เอง จากนั้นก็มีคนให้ความสนใจเป็นอย่างมากจนกลายเป็นกระแสไวรัลไป ชาวเน็ตบางส่วนมองว่าคำถามข้อนี้เจ้าเล่ห์มาก แต่ชาวเน็ตอีกส่วนหนึ่งคิดว่าคำถามมันง่ายและเถรตรงดี ถ้าใครเข้าเรียนก็ได้คะแนนไป นักเรียนคนหนึ่งที่ได้ทำข้อสอบข้อนี้ให้สัมภาษณ์ว่าเขามั่นใจว่าตอบคำถามนี้ได้ถูกต้อง แต่ก็คิดว่าเพื่อนร่วมชั้นบางคนคงจะมีปัญหาเป็นแน่ เพราะแม้ว่าพวกเขาจะเข้าเรียนและจำหน้าอาจารย์ได้ แต่บางคนก็ยังสะกดชื่ออาจารย์ไม่ถูกอยู่ดี อาจารย์ที่เป็นคนออกข้อสอบและคิดคำถามข้อนี้บอกว่า เหตุผลที่เธอทำคำถามข้อนี้ขึ้นมาก็เพื่อเป็นการวัดผลว่านักศึกษามีให้ความสนใจในชั้นเรียนมากน้อยแค่ไหน หากว่าพวกเขาใส่ใจในรายละเอียดมากพอก็ต้องตอบคำถามข้อนี้ได้แน่นอน เวลาจะไปสอบอย่าลืมดูชื่ออาจารย์เผื่อไว้ด้วยนะครับ…
-
L’Oreal เปิดตัวนางแบบในชุดฮิญาบ พร้อมบอกแม้ผมที่อยู่ใต้ผ้าคลุมก็ต้องได้รับการดูแลเช่นกัน
แบรนด์ L’Oreal บริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลความงามและเส้นผมที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก ได้เปิดตัวนางแบบในแคมเปญ L’Oreal Elvive ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมอันใหม่ล่าสุด การเปิดตัวนางแบบครั้งล่าสุดนี้ทาง L’Oreal ได้ความร่วมมือจาก Amena Khan บล็อกเกอร์ผู้ทรงอิทธิพลในอินเตอร์เน็ต ที่เข้าร่วมแคมเปญการดูแลผมแบบไม่ต้องโชว์เส้นผม ทางแบรนด์ L’Oreal ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเหล่าหญิงสาวมุสลิมที่ถึงแม้ว่าพวกเธอจะสวมฮิญาบปกปิดเส้นผม แต่พวกเธอก็ต้องได้รับการดูแลเส้นผมที่ซ่อนเอาไว้ให้มีสุขภาพดีเหมือนหญิงสาวคนอื่นๆ แคมเปญนี้ได้ช่างภาพระดับตำนานอย่าง Rankin มาเป็นผู้ถ่ายภาพแสดงความงามของความงามของหญิงสาวในทรงผมต่างๆ Amena บอกว่า “เส้นผมเป็นหนึ่งในความงามของผู้หญิง ฉันชอบในการจัดแต่งทรงผม และรักผมที่มีสุขภาพดี แม้ตอนถอดฮิญาบออกมาก็สามารถเห็นผมที่สวยและเงางามของฉันได้” “ฉันตื่นเต้นมากและแทบไม่เชื่อว่าฉันจะเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ระดับโลกอย่าง L’Oreal มันแสดงถึงความเปิดกว้างของผลิตภัณฑ์ที่สามารถรองรับการจัดแต่งทรงผมหลากหลายประเภท” เธอกล่าวเสริม Amena รู้ดีว่าหญิงสาวที่สวมฮิญาบทั้งหลายต่างก็ต้องการที่จะดูแลรักษาเส้นผมให้อยู่ในสภาพดีเช่นกัน ดังนั้นผลิตภัณฑ์ของ L’Oreal นี้สามารถตอบโจทย์ได้ดีที่สุดสำหรับเธอและหญิงสาวทั่วโลก ที่มา dailymail
-
หนุ่มบราซิลใจกล้า กระโดดเข้าไปช่วยหมาของเพื่อนบ้านที่อยู่ท่ามกลางน้ำท่วม
เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2018 เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันเพราะพายุฝนในบราซิล สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนในพื้นที่ประสบภัย หลายครัวเรือนได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ นาย Douglas Gomes หนึ่งในชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ในเมืองบลูเมเนา ซึ่งเขาเอาชีวิตรอดจากน้ำที่ทะลักเข้าบ้านเรือนมาได้อย่างปลอดภัย และยังได้ช่วยชีวิตสุนัขของเพื่อนบ้านเอาไว้ด้วย Gomes วัย 26 ปีเป็นฮีโร่ผู้เข้าไปช่วยสุนัขที่เป็นสัตว์เลี้ยงของเพื่อนบ้าน มันติดอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยวกรากที่เข้าท่วมบ้านเรือนอย่างรวดเร็ว เจ้าหมาตัวนี้หมดทางหนีเนื่องจากน้ำทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำเริ่มสูงท่วมกรงของมัน แต่ในตอนที่เกิดเหตุครอบครัวที่เป็นเจ้านายของมันไม่อยู่บ้าน ชายหนุ่มจึงรีบลุยกระแสน้ำเข้าไปพาตัวเจ้าหมาออกมาในขณะที่หลังคาบางส่วนของเพื่อนบ้านเริ่มพัง คลิปวิดีโอขณะที่เขาเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเจ้าหมาของเพื่อนบ้าน เจ้าหมาที่เขาได้เสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยมีชื่อว่า เจ้า Kira มันดูอ่อนแรงในตอนที่เขาอุ้มมันออกมาจากบ้าน แต่มันก็มีชีวิตรอดและปลอดภัยดี หลังจากนั้นเขาก็พาเจ้าหมามาส่งคืนให้กับเจ้าของเมื่อพวกเขากลับมาถึง ถึงแม้ว่าตัวบ้านและทรัพย์สินต่างๆ จะถูกน้ำท่วมทำลายจนเกือบหมด แต่ก็ยังโชคดีที่เจ้าของบ้านไม่ได้สูญเสียหมาสุดที่รักไปอีกตัว Fabiana Farias de Oliveira เจ้าของหมากล่าวขอบคุณชายหนุ่มที่เข้าไปช่วยเจ้า Kira ไว้ “ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณจริงๆ ที่เขาเข้าไปช่วยชีวิตเจ้า Kira ไว้ได้ ลูกๆ ของผมรักมันมากและนอนด้วยกันทุกคืน หากพวกเราเสียมันไปไม่รู้เลยว่าจะเป็นอย่างไร” เจ้าของเจ้า Kira กล่าว นาย Douglas บอกว่าเขารู้สึกว่าเขาตัดสินใจถูกต้องที่เสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเจ้าหมา และมันก็คุ้มค่าสำหรับการช่วยชีวิตของเพื่อนร่วมโลกตัวหนึ่ง …
-
ประทับใจไม่รู้ลืม… “โป๊ปฟรานซิส” ทรงสั่งหยุดขบวนรถกลางคัน เพื่อลงมาดูตำรวจที่ตกจากหลังม้า
เกิดเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความแตกตื่นเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่ขบวนเสด็จพระสันตะปาปากำลังเคลื่อนตัวเพื่อพบปะประชาชนในเมือง Iquique ประเทศชีลี จู่ๆ ม้าของเจ้าหน้าที่อารักขาเกิดคลุ้มคลั่งเสียการควบคุมจนทำให้ตกลงมาที่พื้นอย่างรุนแรง ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่อารักขาพระองค์ในขบวนต่างก็ตกใจไปตามๆ กัน รวมไปถึงรถพระที่นั่งของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเองก็ถึงกับเสียหลักไปเล็กน้อย แต่แทนที่จะขับต่อไป สมเด็จพระสันตะปาปากลับรับสั่งให้คนขับหยุดรถ และทรงดำเนินลงมาเช็กดูอาการบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่หญิงคนดังกล่าว พระองค์ทรงก้มลงไปสอบถามอาการของเจ้าหน้าที่หญิงด้วยความเป็นห่วง และอยู่รอจนรถพยาบาลมาถึง ก่อนที่จะดำเนินกลับไปประทับที่รถพระที่นั่ง แล้วทำการทักทายประชาชนต่อไป…. จากรายงานของสำนักข่าว DailyMirror โชคดีที่เจ้าหน้าที่หญิงไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงอะไรมากนัก คลิปเหตุการณ์ดังกล่าวอัปโหลดโดยสำนักข่าว BBC ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นและสร้างความประทับใจให้กับผู้คนมากมาย เมื่อชาวเน็ตได้ชมคลิปวีดิโออันสุดแสนจะประทับใจนี้ ต่างก็แสดงความคิดเห็นชื่นชมสมเด็จพระสันตะปาปาในความมีพระทัยของพระองค์… คุณ Elizabeth Ford ให้ความเห็นว่า : “หลายๆ ครั้งที่บุคคลสาธารณะสร้างความหวังให้กับปวงประชา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสนั้นเปรียบเสมือนแสงไฟส่องทาง ในยามมืดมิด” คุณ Mark Doyle ให้ความเห็นว่า : “ฉันไม่ได้เป็นคนนับถือศาสนานะ แต่การกระทำของพระองค์นั้นช่างน่านับถือยิ่งนัก” คุณ Ian Yeh ให้ความเห็นว่า : “ในฐานะที่เป็นคนไม่นับถือศาสนา ฉันรู้สึกว่าสมเด็จพระสันตะปาปาเป็นคนที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง ทั้งความมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์…
-
การทดสอบที่ว่า “ความรวย” ทำให้คนเราคบกันเล่นๆ ไม่จริงจัง เป็นเรื่องจริงหรือ!?
ความสัมพันธ์ของคนเรา นับวันยิ่งจะซับซ้อนมากยิ่งขึ้น มีทั้งการคบสั้น คบยาว คบซ้อน คบเล่น หรือคบอะไรก็ตามแต่ มันทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า อะไรกันนะที่เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้คนเราตัดสินใจว่า จะคบกับใครและรูปแบบไหน จึงได้เกิดการศึกษาหนึ่งซึ่งได้รับการตีพิมพ์โดย Evolution and Human Behavior ขึ้นมา โดยผลสรุปของมันปรากฏออกมาว่า คนเราจะมีความสัมพันธ์แบบไม่จริงจัง (ระยะสั้น) มากขึ้นเมื่อเรารู้สึกว่าเรา “รวย” การศึกษาทดลองนี้เก็บข้อมูลมาจากหนุ่มสาวที่อาสามาเป็นกลุ่มตัวอย่าง (ชาย 75 คน หญิง 76 คน) โดยขั้นตอนการทดลองนั้นคือ การให้เหล่ากลุ่มตัวอย่างทั้งชายและหญิงดู “ภาพคู่เดท” ที่จัดมาให้ 50 ภาพ แล้วจัดกลุ่มภาพเหล่านั้นออกมาว่าต้องการจะคบคนในภาพเป็นระยาว ระยะสั้น หรือไม่คบเลย จากนั้นจึงให้กลุ่มตัวอย่างดู ภาพสิ่งของหรูหรา ต่างๆ เช่น เงิน รถสปอร์ต และเครื่องเพชร อัญมณีทั้งหลาย เป็นต้น เมื่อดูแล้ว ให้กลุ่มตัวอย่างกลับไปเลือกภาพคู่เดทอีกครั้ง จากนั้นจึงสลับกับการฉาย วิดีโอการเลี้ยงลูก แล้วก็ให้กลับมาเลือกคู่เดทอีกครั้ง และสุดท้ายสลับไปฉาย ภาพสัตว์ที่เป็นอันตราย แล้วจึงกลับมาให้เลือกคู่เดทอีกครั้ง ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ หลังจากที่กลุ่มตัวอย่างดูภาพสิ่งของหรูหราแล้ว…
-
แนะนำยูทูบเบอร์สาวจีน โชว์ทำอาหารตั้งแต่หาวัตถุดิบยันปรุงเสร็จ โดยไม่พูดซักคำเดียว
เพื่อนๆ เบื่อกันบ้างหรือเปล่าครับกับการดูรายการซักรายการ แล้วผู้ดำเนินรายการก็จะเปิดด้วย “สวัสดีครับ พบกันอีกแล้วนะครับ กับรายการ… วันนี้เราจะมา…” นึกภาพออกกันเลยใช่ไหมล่ะ แต่สำหรับยูทูบเบอร์สาวชาวจีนคนนี้เพื่อนๆ จะไม่ได้ยินอะไรแบบนั้นแน่นอน เพราะว่าเธอมีวิธีการนำเสนอที่น่าสนใจกว่านั้นเยอะ เธอคนนี้เป็นสาวจีนที่มีชื่อว่า 李子柒 เธออาศัยอยู่ในเมืองเหมียนหยาง มณฑลเสฉวน ประเทศจีน โดยคลิปวิดีโอในแชแนลยูทูบของเธอก็คือวิดีโอที่นำเสนอวิธีการทำอาหารต่างๆ นาๆ ซึ่งความไม่ธรรมดาของเธอก็คือ วิธีการนำเสนอที่เล่นกับความอยากรู้อยากเห็นของคนดูนี่แหละ เพราะตลอดคลิป ไม่ว่าจะคลิปไหนๆ เธอจะไม่พูดแม้แต่คำเดียว! ทำให้คนดูต้องรอลุ้นว่าเธอจะทำอะไรต่อไป และผลสุดท้ายจะออกมาเป็นอะไรกันแน่ . . ถึงแม้เธอจะไม่พูด แต่บอกเลยว่าแต่ละคลิปวิดีโอของเธอนั้น งานภาพสวยงามสุดๆ อีกทั้งบรรยากาศในคลิปนั้นจะเป็นบรรยากาศของชนบทที่มีแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่อาศัยอยู่กับธรรมชาติที่สวยงาม การนำเสนอของเธอนั้น แตกต่างจากรายการทำอาหารที่เรามักจะเห็นกันบ่อยๆ ประมาณว่าทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว แล้วก็มีการอธิบายว่าใส่อันนู้นอันนี้เท่าไหร่ แต่เธอนั้นเริ่มตั้งแต่การหาวัตถุดิบที่เธอต้องไปเก็บผัก ขุดผัก ให้เห็นกันจะๆ เลยทีเดียว จากนั้นก็จะเป็นวิธีล้างทำความสะอาดวัตถุดิบต่างๆ รวมไปถึงขั้นตอนการปรุงที่ดูเป็นธรรมชาติสุดๆ ราวกับว่าเรายืนมองคุณแม่ที่กำลังเตรียมทำอาหารอย่างนั้นแหละ และที่สำคัญเลยก็คือ ยูทูบเบอร์สาวผู้นี้มีรูปโฉมที่เรียกได้ว่า “งดงาม”…
-
มนุษย์เมียเปิดใจ 10 อันดับพฤติกรรม “ผัวในฝัน” ได้แบบนี้สักครั้ง จะตั้งใจเป็นเมียที่ดี!!
สามีกับภรรยา เปรียบเสมือนไม้เบื่อไม้เมาที่ต้องตีกันตลอดเวลา… จากคราวก่อนที่เราได้ทำคอนเทนต์ พ่อบ้านใจกล้าเผย 10 อันดับพฤติกรรม “เมียในฝัน” น้องทำได้แบบนี้ พี่รักตายเลยแม่คุ๊ณณณณ!! ก็มีกระแสจากแม่บ้านหลายท่านว่าให้ลองออกไปสำรวจความคิดเห็นแม่บ้านเกี่ยวกับความเป็น “ผัวในฝัน” กันบ้าง ทางเราก็เลยจัดให้กันไปเลยค่ะคุณผู้ชม นี่คือ 10 พฤติกรรมที่เราได้รวบรวมจากการสอบถามเหล่าแม่บ้านทั้งหลายว่า อยากจะมีสามีที่ดีแบบไหนไว้คอยดูแล เราลองไปชมกันเลยค่ะ 10. อย่าให้ขาดตกบกพร่องเรืื่องทำการบ้าน เรื่องทำการบ้านติดเข้ามาในลิสต์นี้ด้วย ใครว่ามันเป็นเรื่องไม่สำคัญล่ะคะ เพราะไม่ใช่แต่ฝ่ายชายเท่านั้นนะที่จะมีอารมณ์ บางครั้งบางคราวเมียก็มีอารมณ์เป็นเหมือนกัน และถ้าขาดช่วงกันนานเกินไปเป็นเดือน มันก็ส่งผลต่อความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ได้ 9. ไม่โกรธเวลาเมียขอดูโทรศัพท์ บางคนอาจจะคิดว่าเมียจะเช็กอะไรนักหนา แต่ถ้าบริสุทธิ์ใจจริงๆ ก็ต้องให้ดูได้สิ… ยิ่งกว่านั้นบางคนนี่ร้อนตัวเหลือเกินนนนน เมียแค่จะยืมเอามือถือมาเข้าเน็ต ไม่ได้จะเช็กอะไรสักนิดก็กลัว รีบเก็บใหญ่เชียว แบบนี้อาการมันออกนะ!! 8. ไม่เห็นเกม(หรือกิจกรรมสันทนาการอื่นๆ) ดีกว่าเมีย เกมน่ะเล่นได้เมียไม่ว่า แต่ไอ้การเล่นทั้งวันทั้งคืนจนกระทั่งไม่สนใจกันสักนิด แบบนั้นมันมีปัญหาตามมาแน่ๆ 7. ไม่มองสาวอื่นต่อหน้าเมีย ไปไหนมาไหนด้วยกันก็สนใจเมียหน่อยได้ไหม บางทีแค่สาวเดินผ่านก็หันซะจนคอแบบจะบิดตามเค้าไปแล้ว ถ้าผัวจะไปคนเดียวแล้วมองสาวเมียก็ไม่ว่าเพราะเมียไม่เห็น แต่มากับเมียแล้วจะมองสาว… ระวังตาผัวจะบอดเอาง่ายๆ นะจ๊ะ 6.…
-
30 ภาพแห่งความเพอร์เฟกต์ ดูแล้วมันสบายลูกตาเหลือเกิน ฟินไปถึงขั้วหัวใจเบยยยย!!
เรื่องของสุนทรียภาพและความงดงามนั้นใครๆ ก็ชอบจริงไหมล่ะ? ทุกวันนี้ถึงได้มีการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะแขนงต่างๆ ขึ้นมามากมายให้พวกเราได้รับชมกัน แต่บางที ความสวยงามนั้น ก็อยู่ไม่ไกลตัวเราเท่าไรหรอก เพราะ “ธรรมชาติ” นั้นก็สรรค์สร้างผลงานศิลปะของมันออกมาให้เราได้ค้นหาเช่นกัน วันนี้ CatDumb จึงรวบรวมภาพความงดงามที่เกิดจากการจัดวางอย่างลงตัวของธรรมชาติ จนออกมาเป็นภาพที่สวยงามและสมบูรณ์แบบ 1. สะพานพระจันทร์เสี้ยว 2. น้ำแข็งที่ไหลผ่านสะพาน Confederation จนถูกผ่าเป็นตารางเลย 3. เงาที่ตัดกันเป็นลายสกอตในประเทศสกอตแลนด์ (อะไรจะสกอตขนาดนั้น) 4. พนักงานยอดฝีมือ 5. ความสวยงามของขนมเยลลี่ 21 ชั้น 6. ขนมเยลลี่รูปหมี เมื่อนำมาเรียงกันแล้วมันสวยจริงๆ 7. น้ำวนข้างใต้นั้นพัดพาฟองน้ำให้มากองรวมกันเป็นก้อนกลมๆ 8. ไอเดียจัดชั้นหนังสือในวันคริสต์มาส 9. การเปิดถ้วยโยเกิร์ตให้สมบูรณ์แบบ 10. การเก็บสายไฟหลังคอมพ์ให้เพอร์เฟคที่สุด 11. เจ้าเหมียวที่นอนขดได้กลมดิ๊ก 12. รถไฟ สายไฟ ท้องฟ้า…
-
ห้องสมุดแห่งการทอดทิ้ง… เนรมิตโดยชายเก็บขยะ เปลี่ยนหนังสือที่คนไม่ต้องการให้มีค่า
เคยคิดหรือไม่ว่าหนังสือที่เราอ่านกันจนเบื่อแล้ว หากทิ้งไปเสีย มันจะไปอยู่ที่ไหนกัน จะมีคนที่ได้ประโยชน์จากมันอีกหรือไม่ หรือมันอาจจะถูกนำไปกำจัดทิ้งแค่นั้น คงน่าเสียดายหากมันต้องถูกกำจัดทิ้ง ทั้งที่น่าจะมีคนได้รับมันไปอ่านต่อ วันนี้ได้มีหอสมุดแห่งใหม่เกิดขึ้น เป็นที่ซึ่งได้รวบรวมไว้แต่หนังสือที่ “ถูกทิ้ง” เพื่อให้คนได้เข้ามาอ่านแทนที่จะนำมันไปฝังหรือกำจัดทิ้ง หอสมุดแห่งนี้ตั้งอยู่ในประเทศตุรกี เมืองอังการา โดยแรกเริ่มเดิมทีนั้นมีเจ้าหน้าที่เก็บขยะอายุ 32 ปี ชื่อว่า Serhat Baytemur ได้เก็บรวมรวบหนังสือที่ถูกทิ้งขว้างอยู่ตามถนนมาไว้ในห้องสมุดที่ตั้งใจจะสร้างขึ้นมาให้ตนเองและครอบครัวได้อ่าน แต่เมื่อคนในชุมชมรู้เรื่องนี้มากขึ้น ผู้คนจึงบริจาคหนังสือที่ไม่ใช้แล้วให้กับห้องสมุดแห่งนี้ โดยในเดือนกันยายนปี 2017 หน่วยงานสุขาภิบาลจึงเปิดให้ห้องสมุดแห่งนี้กลายเป็นห้องสมุดสาธารณะ ปัจจุบันหอสมุดแห่งนี้มีหนังสือที่เก็บมาได้ทั้งหมดกว่า 6,000 เล่ม มีตั้งแต่วรรณกรรมไปจนถึงหนังสือสารคดี มีหนังสือการ์ตูนสำหรับเด็กๆ รวมไปถึงงานวิจัยอีกด้วย หนังสือทั้งหมดถูกจัดไว้ในโรงงานเก่าที่ทำจากอิฐ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นหอสมุดชุมชนไปเสียแล้ว หอสมุดแห่งนี้มีกฎการยืมหนังสือได้ไม่เกิน 2 สัปดาห์แต่สามารถต่อเวลาการยืมได้ตามต้องการ อีกทั้งทางภาครัฐยังช่วยจ่ายค่าจ้างให้กับบรรณารักษ์ที่ดูแลหอสมุดแห่งนี้อีกด้วย ขณะนี้หอสมุดแห่งนี้มีหนังสือจำนวนมากที่ได้รับบริจาคเข้ามาจนแทบไม่มีพื้นที่เพียงพอให้บรรจุหนังสือ จนต้องเปิดให้ยืมหนังสือเพื่อใช้ประโยชน์ใน โรงเรียน การศึกษา และเรือนจำ ในหอสมุดมีพื้นที่สำหรับการอ่านหนังสือเงียบๆ อีกทั้งยังมีกระดานหมากรุกให้เล่นด้วย ปัจจุบันหอสมุดนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก…
-
คู่พ่อแม่ถูกตัดสินจำคุก 20 ปี หลังจับลูกสาววัย 12 ปีเป็นทาสเซ็กส์ ร่วมกันข่มขืนเธอเป็นประจำทุกวัน
เว็บไซต์ Dailymail ได้เผยเรื่องราวที่แสนเลวร้ายสำหรับเด็กหญิงชาวรัสเซียคนหนึ่งที่มีอายุเพียง 12 ปี เมื่อเธอถูกพ่อแม่ของเธอเองร่วมกันข่มขืน พ่อแม่วัย 34 ปี ของเด็กสาว หลังจากทำทารุณกรรมทางเพศกับเธอ พวกเขาจึงถูกพิจารณาคดีความว่ามีอาการของ “โรคใคร่เด็ก” พ่อแม่ผู้ลงมือก่อเหตุ พวกเขาถูกกักตัวไว้ที่เมืองวอลโกกราดในรัสเซีย หากถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงพวกเขาจะต้องถูกจำคุกถึง 20 ปี เด็กสาวผู้เคราะห์ร้ายให้การว่าถูกทารุณกรรมทางเพศมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2016 จนถึงเดือนมีนาคม 2017 โดยกล่าวว่าฝ่ายผู้เป็นพ่อนั้นมักจะข่มขืนเธอในทุกๆ วัน บางวันก็มีแม่ร่วมด้วย ซึ่งผู้เป็นแม่เองถูกตั้งข้อหาว่ากระทำทารุณกรรมทางเพศด้วย “อวัยวะเพศเทียม” ฝ่ายผู้เป็นแม่กล่าวว่า “ให้พวกเราข่มขืนก็ยังดีกว่า ให้ไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้มาทำ” เมืองวอลโกกราด ในฤดูหนาว ในการพิจารณาตัดสินคดี ทั้งคู่จึงถูกถอดถอนสถานะการเป็นพ่อแม่ของเด็กสาว หมายความว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเด็กสาวคนนี้อีกต่อไป เด็กสาวจึงถูกส่งตัวไปรับการดูแล ส่วนผู้เป็นแม่นั้นยังให้การกับตำรวจว่าเธอเองก็ถูกข่มขืนมาตั้งแต่อายุ 13 ปี เธอและสามีจึงตกลงกัน “ฝึกฝน” ให้ลูกสาวของพวกเขาคุ้นเคยกับสิ่งที่จะต้องพบเจอในอนาคต เมื่อเด็กสาวได้รับการตรวจร่างกาย แพทย์จึงพบว่าเธอมีปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือน และพบว่าเธอได้สูญเสีย “ความบริสุทธิ์” ไปแล้ว สถานกักกันในวอลโกกราด สุดท้ายจากคำให้การของเด็กสาว…
-
งานวิจัยไขข้อสงสัยว่า ‘เงิน’ สามารถซื้อความสุขให้เราได้จริงๆ หรือเปล่า
หลายคนคงเคยได้ยินใช่ไหมว่า “เงินนั้นไม่สามารถซื้อได้ทุกอย่าง” หรือ “เงินนั้นซื้อความสุขไม่ได้” และเชื่อว่าหลายๆ ท่านก็คงใช้ประสบการณ์ของตนเองตอบได้ทันทีว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นจริงดังว่าหรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคนก็จะต้องมีคำตอบเป็นของตัวเอง และเกิดเป็นประเด็นถกเถียงกันในที่สุด วันนี้ คำถามที่ว่า “เงินซื้อความสุขได้หรือไม่?” ได้มีการศึกษากันอย่างเป็นวิทยาศาสตร์แล้ว โดยนักวิทยาศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเออร์ไวน์ ที่ได้ทำการศึกษาว่า ต้องใช้เงินมากขนาดไหนถึงทำให้คนรู้สึกได้ถึงความสุข ซึ่งงานวิจัยชิ้นนี้ยังได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสาร Emotion โดย American Psychological Association อีกด้วย มีงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่ศึกษาถึงรูปแบบการเข้าสังคมแบบมุ่งเน้นตนเอง หรือมุ่งเน้นผู้อื่น จำแนกตามแต่ละชนชั้นทางสังคม โดยภายหลัง นักวิทยาศาสตร์ชื่อว่า Paul K. Piff กลุ่มนักศึกษา และผู้ช่วยวิจัย จึงพยายามจะขยายผลโดยการใช้ข้อมูลรายได้ในครอบครัวของแต่ละคนจากงานวิจัยก่อนหน้ามาใช้เทียบกับการเกิดอารมณ์ต่างๆ ทั้ง 7 ที่เป็นองค์ประกอบของความสุข ได้แก่ อารมณ์ขัน ความกลัว ความเห็นอกเห็นใจ ความพึงพอใจ ความกระตือรือร้น ความรัก และความภาคภูมิใจ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ การที่ได้รายได้สูงนั้นสัมพันธ์กันกับอารมณ์พึงพอใจ ภาคภูมิใจ และอารมณ์ขัน ซึ่งอารมณ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มุ่งเน้นไปยังตนเอง ในขณะที่การมีรายได้ต่ำนั้นสัมพันธ์กันกับอารมณ์ที่มุ่งเน้นไปยังผู้อื่น…
-
ชายวัย 34 ปิดหูปิดจมูกเพื่ออั้นจาม ส่งผลหนักถึงลำคอรั่ว ต้องนอนโรงพยาบาลนานถึง 2 สัปดาห์
ในยามที่เราอยู่ในพื้นที่สาธารณะที่ต้องการความเงียบสงบ เช่น ห้องสมุด โรงภาพยนตร์ หรือบนเครื่องบิน ก็ตาม ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีฝุ่นผงหรือสิ่งใดที่ทำให้เราต้อง “จาม” ออกมาจนก่อให้เกิดเสียงดัง หากคำนึงถึงมารยาทสาธารณะแล้ว หลายคนคงเลือกที่จะ “กลั้นจาม” เอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดเสียงรบกวนผู้อื่น แต่หารู้ไม่ว่าการกลั้นจามสามารถทำให้คุณถึงกับนอนโรงพยาบาลได้เลยทีเดียว ในวันจันทร์ ที่ 15 มกราคม 2018 ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก แห่งมหาวิทยาลัย Hospitals of Leicester NHS Trust ได้เผยกับ BMJ Case Reports ว่าผู้ป่วยชายอายุ 34 ปี รายหนึ่ง ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลังจากพบว่าเสียงของเขาผิดปกติ ในรายงานกล่าวว่า ผู้ป่วยใช้มืออุดจมูกและปากตนเองก่อนเกิดการ “จามอย่างรุนแรง” จากนั้นเขาจึงรู้สึกได้ว่าเหมือนมีบางอย่างในลำคอพองและแตก การวินิจฉัยในระยะแรกจึงพบว่า มีอากาศถูกกอัดฝังอยู่ที่เนื้อเยื่ออ่อนในลำคอเล็กน้อย เป็นอาการเดียวกับ ภาวะลมในช่องเยื่อหุ้มปอด หากพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือการจามของเขาทำให้คอเขาทะลุเป็นรูเล็กๆ นั่นเอง “ผู้ป่วยบอกว่าเขากลั้นจามเพราะไม่อยากจามออกมาใส่ผู้อื่นหรือแม้แต่ในอากาศ ดังนั้น หมายความว่าเขากลั้นจามมาตลอดราวๆ 30…
-
หนุ่มเติมเต็มปกอัลบั้มนักร้องดัง ตัดต่อภาพส่วนเกินจากในปก มันเป๊ะราวกับเกิดขึ้นจริงๆ!!
เคยไหมเวลาที่เราชื่นชอบศิลปินหรือวงดนตรีวงไหนมากๆ เราก็อาจจะเปิดเพลงที่เราชอบฟังวนไปซ้ำๆ หรือสืบเสาะหาข้อมูล ประวัติของศิลปินที่เราชอบ หรือทำอะไรต่างๆ ที่แสดงถึงความชอบและความหลงใหลในตัวพวกเขาเหล่านั้น แต่ชายชาวรัสเซียที่ชื่อว่า Igor ผู้นี้ มีวิธีแสดงตนว่าเขานั้นชอบฟังเพลงมาก ชนิดที่ว่าสร้างสรรค์สุดๆ นั่นก็คือการแต่งเติมภาพปกอัลบั้มของเหล่าศิลปินหลายๆ คน ให้มี “ตัวเอง” อยู่ในนั้น ซึ่งบอกได้เลยว่ามันเนียนซะด้วย!! แล้วเขาจะไปอยู่ในปกของศิลปินคนไหนบ้างนะ เราไปรับชมผลงานของเขาพร้อมกันเลยดีกว่า 1. The Doors – The Best Of The Doors (1985) 2. John Lennon & Yoko Ono – Double Fantasy (1980) 3. Will.i.am – Willpower (2013) 4. Adele – 21 (2011) 5.…
-
ตามติดชีวิตมนุษย์เงินเดือน 4 ล้านบาทแห่งนิวยอร์ก วันๆ ใช้จ่ายไปกับอะไรแค่ไหนบ้าง!?
ชีวิตมนุษย์เงินเดือนส่วนมากไม่ได้ฟู่ฟ่าหรูหรานัก เพราะว่ามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะได้เงินเดือนเยอะจนเหลือเก็บได้ ส่วนใหญ่ที่เหลือนั้นบางทีก็เงินน้อยจนใช้กันเดือนชนเดือนเลยทีเดียว ซ้ำร้ายบางคนยังหมุนเงินไม่ทันด้วย แต่ถึงจะเป็นมนุษย์เงินดือนก็ไม่ได้เงินน้อยเสมอไปหรอก ถ้าเกิดขึ้นไปถึงตำแหน่งหัวหน้างานใหญ่ๆ ได้ล่ะก็อาจจะมีเงินเดือนเป็นแสนเป็นล้าน สามารถใช้ชีวิตหรูหราแบบสบายๆ เลยนะ ไม่เชื่อลองไปดูผู้หญิงคนนี้สิ หญิงที่จะมาแบ่งปันไดอารี่ค่าใช้จ่ายของเธอในวันนี้ เป็นหญิงวัย 35 ปีที่ทำงานเป็นหัวหน้าผู้จัดการให้กับ Hedge Fund บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่ในเมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอมีเงินเดือนเริ่มต้นที่ 100,000-200,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากรวมกับเงินโบนัสที่ได้ทุกเดือนแล้ว รายได้เฉลี่ยของเธอจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 48 ล้านบาท) หากนับค่าเฉลี่ยก็จะอยู่ประมาณ 4 ล้านบาทต่อเดือน เยอะกว่าเงินรายเดือนของพนักงานทั่วๆ ไปในบ้านเราเป็นพันเท่าตัวเลยทีเดียว ลองไปดูว่าชีวิตการใช้เงินของเธอจะเป็นยังไงบ้าง วันจันทร์ เธอเริ่มต้นวันแรกของอาทิตย์ด้วยการส่งลูกทั้งสองคนไปโรงเรียน จากนั้นเธอจึงไปเข้าประชุมที่โรงแรม Palace Hotel หลังจากผ่านการประชุมติด 6 ครั้งมาอย่างเหนื่อยล้า ตอนเย็นเธอจึงแวะเติมพลังที่ร้านเสื้อผ้า Zara ด้วยการช็อปชุดเดรสใหม่ 2 ตัวรวมแล้วราคา 150 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4,800 บาท) จากนั้นเธอก็เข้าไปที่ทำงานเพื่อเตรียมงานประชุมของวันรุ่งขึ้น…
-
สาวอิตาลีประกาศขายเวอร์จิ้น หวังหาเงินค่าเทอม ยอมรับว่ากลัวจะเจ็บแต่ยินดีถ้าถูกใจ
สาวพรหมจรรย์เป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั่วโลก เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าพวกเธอเป็นคนที่ใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน การได้เป็นคนแรกของเธอจึงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนเป็นผู้โชคดีและผู้พิชิตใจสาวคนนั้นด้วย สาวน้อยจากอิตาลีเองก็เข้าใจว่าพรหมจรรย์นั้นมีค่ามากในสายตาผู้อื่น เธอจึงใช้ประโยชน์จากมันเพื่อหาเงินมาเป็นทุนการศึกษาให้ตนเอง และใช้เงินส่วนที่เหลือช่วยครอบครัวด้วย Nicole สาวอิตาลีคนดังกล่าว สาวน้อยวัย 18 ปีคนนี้ใช้นามสมมติว่า Nicole เธอเสนอขายพรหมจารรย์ของตัวเองผ่านทางเว็บไซต์ประมูลแห่งหนึ่ง และตอนนี้ก็มียอดประมูลสูงถึง 890,000 ปอนด์ (ประมาณ 39 ล้านบาท) ปกติแล้วเธอก็เป็นแค่เด็กสาวที่เรียนหนังสือ และรับงานถ่ายแบบพาร์ทไทม์ไปด้วย แต่เธอก็ตัดสินใจขายพรหมจรรย์เพราะต้องการหาทุนตั้งต้นให้กับชีวิตของตัวเอง เธอให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันตัดสินใจตั้งแต่อายุ 16 ปีแล้วล่ะค่ะ ตอนนั้นฉันคบกับผู้ชายที่อายุเยอะกว่าฉันมาก ฉันก็คิดว่าพรหมจรรย์มันมีค่า จึงอยากจะเสียมันให้กับคนที่จะอยู่กับฉันไปตลอดชีวิตเท่านั้น แม้ว่าเขาจะบอกฉันว่าจริงจังกับฉันก็ตาม แต่ด้วยความที่ฉันยังอายุน้อยและไม่มั่นใจในตัวเขา ก็เลยขอแยกทางจากกัน“ เธอวางแผนไว้ว่าจะใช้เงินที่ได้จากการประมูลพรหมจรรย์นี้ ไปเรียนต่อด้านการบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ โดยเธอบอกว่า “ฉันอยากจะเรียนสูงๆ ก็เลยหาทางหาเงินบนเว็บไซต์อยู่ แล้วฉันก็ไปสะดุดตากับการประมูลตัวเองของสาวๆ เข้า” Nicole เล่าต่อว่า “ฉันเห็นว่าบางคนได้เงินจากการประมูลตัวเองถึง 3.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 136 ล้านบาท) พออายุ 18 ก็ตั้งใจว่าจะหาเงินด้วยวิธีนี้แหละ” เธอบอกถึงแผนในอนาคตไว้ว่า…
-
แม่แมวท้องแก่จะโดนทำหมันหลังคลอดลูกน้อย 4 ตัว เอ๊ะ? ตัวอะไรอยู่ในท้องอีก 1!!
เราเคยเห็นข่าวที่มีคนใจดีนั้นช่วยเหลือพวกแมวที่ถูกทิ้ง หลงทาง หรือถูกทำร้าย กันมากมายแล้ว แต่ว่าคราวนี้ เจ้าเหมียวที่ถูกช่วยในข่าวนี้ นั้นกำลังท้องลูกน้อยอยู่ด้วย การช่วยมันจะเป็นไปได้ด้วยดีหรือไม่ ลูกๆ ของมันจะสามารถมีชีวิตรอดได้ทั้งหมดรึเปล่า ไปชมกันครับ เจ้า Shelby เหมียวอายุ 2 ปีนั้นถูกทิ้งไว้ก่อนที่คลอดลูกน้อย ซึ่งถูกพบโดย Purrfect Pals กลุ่มช่วยเหลือใน Arlington รัฐวอชิงตัน และพวกเขาก็ได้เข้ามารับตัวมันไปที่บ้านอุปถัมภ์ เจ้า Shelby นั้นคลอดลูกทั้งหมด 4 ตัว แต่กลับมีเพียง Sparky ที่รอดจากการคลอดมาตัวเดียว แต่ก็โชคร้ายที่มันร่างกายอ่อนแอมาก แม้ว่าพวกแพทย์จะช่วยมันเต็มที่แล้ว แต่ก็รั้งมันไม่ไหว จบชีวิตตามพวกพี่น้องไปอีกตัว แต่ว่าหลังจากที่ Sparky จากไปได้ไม่นาน ขณะที่พวกสัตวแพทย์กำลังจะทำหมันแม่แมว พวกเขาก็ต้องประหลาดใจกับการพบว่าในท้องมันยังมีลูกน้อยตกค้างอยู่ ซึ่ง John พ่ออุปถัมภ์นั้นยินดีจะรับ Shelby ไปอยู่ที่บ้านตน เขาได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมเพื่อจะได้ดูแลทั้ง Shelby และลูกน้อยตัวที่ 5 ที่กำลังจะลืมตาดูโลก . ซึ่งขณะกลับจากการไปหาสัตวแพทย์ในวันที่ 29 สิงหาคม แม่แมวก็คลอดเจ้าตัวเล็กบนรถ ต่อมามันก็ได้รับชื่อว่า Lizzie ซึ่งตั้งตามรถ Ford Model T John…
-
ชื่อไทยหนังดังที่ว่ามั่วยังต้องชิดซ้าย เพราะชื่อญี่ปุ่นโหดร้ายกว่าเย๊อะ!!
ปกติเวลาหนังต่างชาติถูกนำเข้ามาฉายในไทย เรามักจะไม่ค่อยเห็นการใช้ชื่อทับศัพท์ของตัวหนังบ่อยกันสักเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่หนังจะถูกเปลี่ยนชื่อใหม่ตามผู้นำเข้า ถ้าจะให้ยกตัวอย่างก็ลองเป็นหนังใหม่สดๆ ซิงๆ อย่างเรื่อง The Commuter ที่ป๋า Liam Neeson เล่น ดูเป็นไง โดยชื่อถ้าแปลตรงตัวก็จะแปลว่า “ผู้โดยสารประจำ” หรือ “คนที่เดินทางไปที่หนึ่งเป็นประจำ” แต่พอเป็นชื่อไทยของหนังกลับใช้ชื่อว่า ‘นรกใช้มาเกิด’ ห๊ะ!! นรกอะไร? แล้วมาเกิดทำไม? เช่นเดียวกัน ในฝั่งญี่ปุ่นก็จะมีการตั้งชื่อหนังใหม่ให้กลายเป็นภาษาญี่ปุ่นเช่นกัน และสไตล์การตั้งชื่อก็มาแบบเดียวกับพี่ไทยเป๊ะๆ แต่จะต่างกันตรงที่ญี่ปุ่นสามารถตั้งอะไรก็ได้ แถมไม่ต้องให้เข้ากับโทนของหนังก็ยังได้ด้วย!? ไม่เชื่อมาดู จากชื่อ Final Destination 3 ดันโดนเปลี่ยนเป็น ‘รถไฟเหาะมรณะขบวนสุดท้าย’ เฉย แฟนของผมเสพติดเซ็กส์!? จากหนังรักมันกลายเป็นหนังอะไรไปแล้ว ‘กัปตันตลาด’ ได้เหรอ!? เพลงรักที่มอบให้กับทูตสวรรค์ แม้แต่ตัวโปสเตอร์ก็ดูยังไงๆ อยู่นะ ‘นี่คือจุดจบ: หายนะวันสุดท้ายของพวกเราเหล่าดาราฮอลลีวูด’ อืม มันมาจบก็ตรงตั้งชื่อนี่แหละ พวกเราคือนักดังค์ จากหนังรัก…
-
ความแตกต่างของเด็กในเกาหลีเหนือ กับเด็กทั่วโลก มาดูกันว่าวิถีชิวิตเด็กที่นั่นเป็นอย่างไร
วิถีชีวิตของคนในประเทศที่ปิดกั้นตัวอย่างเองอย่างเกาหลีเหนือนั้น เป็นสิ่งที่เรามีข้อมูลอยู่น้อยนิดมาก นานๆ ทีเราจะได้มีโอกาสเห็นภาพหรือข่าวเกี่ยวกับเรื่องในประเทศเกาหลีเหนือสักครั้ง นอกจากนี้เกาหลีเหนือยังปิดกั้นข้อมูลส่วนใหญ่จากภายนอกไม่ให้คนในประเทศรู้อีกด้วย แล้วในประเทศปิดแบบนี้เด็กเล็กจะใช้ชีวิตกันอย่างไรบ้าง วันนี้เราได้ลองรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเด็กในเกาหลีเหนือมาให้เพื่อนๆ แล้ว ไปดูกันว่าพวกเขาจะใช้ชีวิตต่างกับเด็กในประเทศอื่นอย่างไรบ้าง 1.ทารกเกิดใหม่ก็มีชั้นวรรณะแล้ว เด็กทารกที่เกิดในประเทศเกาหลีเหนือจะได้รับชั้นวรรณะ หรือที่คนเกาหลีเหนือเรียกว่า ‘songbun‘ โดยวรรณะจะแบ่งเป็น 3 ชนชั้นก็คือ มีความจงรักภักดี เป็นกลาง และเป็นภัยต่อสังคม ซึ่งชั้นวรรณะที่ทารกได้รับนั้นจะเป็นแบบเดียวกับพ่อแม่ของตัวเอง และชั้นวรรณะเหล่านี้จะใช้เป็นตัวกำหนดว่าเด็กคนนั้นสามารถเข้าเรียนที่ไหนได้บ้าง และทำงานแบบไหนได้บ้าง เหมือนว่าเกิดมาก็ถูกกำหนดทางเดินชีวิตไว้เลย 2.เด็กทุกคนที่นี่ต้องเข้าเรียนชั้นอนุบาล เด็กๆ สามารถเลือกเข้าไปเรียนในชั้นอนุบาลได้ตั้งแต่อายุ 4 ปี แต่ถ้าหากว่าอายุ 5 ปีแล้วทางรัฐบาลจะบังคับให้เด็กทุกคนไปเรียนตามกฎหมาย นอกจากนี้เด็กทุกคนที่ต้องการเรียนหนังสือต้องเคยเข้าเรียนชั้นอนุบาลมาก่อนเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปีด้วย ไม่สามารถข้ามไปเรียนชั้นประถมได้ทันทีเลย 3.เด็กกำพร้าบางคนก็มีพ่อแม่เหมือนคนทั่วไป สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าในประเทศเกาหลีไม่ได้รับเลี้ยงเฉพาะเด็กที่ไม่ทราบว่าพ่อแม่เป็นใครเท่านั้น หากว่าพ่อแม่คู่ไหนมีเงินไม่พอจะเลี้ยงลูก ก็สามารถส่งลูกไปให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้เช่นกัน นอกจากนี้ถ้าเกิดรับเลี้ยงเด็กไปแล้วแต่เงินไม่พอเลี้ยงทีหลัง ก็ส่งตัวกลับมาได้ด้วย 4.กิจกรรมและการเรียนการสอนล้วนแฝงไปด้วยแนวคิดรักชาติ ในโรงเรียนของเกาหลีเหนือ มักจะมีโปสเตอร์เกี่ยวกับการเมืองติดไว้ตามทางเดินให้เด็กๆ ได้ดูกัน และเวลาที่จัดปาร์ตี้ให้กับเด็กๆ แทนที่จะได้แต่งตัวเป็นตัวการ์ตูนที่ชอบ…
-
เมื่อลูกชายไม่อยากไปโรงเรียน พ่อแม่จึงสอน ‘บทเรียนชีวิต’ อันแสนล้ำค่า…
การเรียนนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะมันจะหล่อหลอมให้เรากลายมาเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต… การเรียนรู้วิชาต่างๆ ที่โรงเรียน และการเรียนรู้วิชาชีวิตจากที่บ้าน ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่สำคัญทั้งสิ้น เช่นเดียวกันกับหนูน้อยที่ชื่อว่า ‘เรียว’ คนนี้ คงจะได้รับบทเรียนอันแสนมีค่าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรื่องมีอยู่ว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Nuttanitcha Chotsirimeteekul (แม่อ๋อ) ได้โพสต์เล่าเรื่องราวในการสอนบทเรียนชีวิตให้กับลูกชายที่ชื่อว่า ‘น้องเรียว’ เมื่อเขาไม่อยากไปโรงเรียนจะทำอย่างไรดี? แทนที่จะบังคับให้ไปโรงเรียน แต่คุณพ่อและคุณแม่ไม่ได้ขัดขวางความคิดลูกแต่อย่างใดอนุญาตให้น้องเรียวหยุดเรียน จากนั้นก็พาไปสมัครงานที่ร้านขายกับข้าวใกล้บ้าน ให้ทำงานปัดกวาดเช็ดถู แล้วก็แอบดูอยู่ไกลๆ แต่กลับกลายเป็นว่าคุณป้าเจ้าของร้านก็น่ารักซะจริงเชียว คอยดูแลประคบประหงมเป็นอย่างดี แถมพาขึ้นไปนอนกลางวันข้างบนบ้านอีกด้วย จากนั้นก็พาน้องเรียวพกถุงไปเดินเก็บขวดขาย เป็นระยะทางราว 2.2 กิโลเมตร ได้ขวดมาร่วม 2 กิโลกรัม ขายได้ทั้งหมด 2 บาท ระหว่างทางกลับบ้าน น้องเรียวก็อยากทานขนม อยากทานเครื่องดื่ม อยากนั่งรถกลับบ้าน แต่คุณแม่ก็สอนให้น้องเรียวได้รู้ว่า เงินที่หามาได้ทั้งหมด 2 บาทนั้น มันไม่สามารถซื้ออะไรได้เลย จนสุดท้ายน้องเรียวก็เป็นคนเอ่ยปากออกมาเองว่า “อยากกลับไปโรงเรียน” คุณแม่อ๋อเองก็เดินมาด้วยกันกับน้องเรียวตลอดทาง ซึ่งทางคุณแม่เองก็ต้องพยายามเอาชนะใจตัวเองเพื่อทำให้การมอบบทเรียนอันสำคัญนี้สำเร็จด้วย… …
-
เมื่อภรรยาที่ไว้ผมเดรดร็อคมาตลอด 20 ปี ตัดผมมาเซอร์ไพรส์สามี งานนี้มีลั่น ‘เซ็กซี่อะไรขนาดนั้น!!’
คนบางคนนั้นแม้เวลาจะผ่านไป พวกเขาก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะทรงผมที่คนบางคนชอบจะไว้ทรงเดิมๆ แม้ผ่านไปกี่สิบปีก็ตาม เพราะหลายคนมักจะมองว่ามันเป็นเอกลักษณ์และเป็นทรงที่เข้ากับตัวเองมากที่สุด… เช่นเดียวกับคุณแม่ยังสาวของชาวเน็ตนามว่า @praizekirkwood ที่เธอชื่นชอบและรักในผมทรงเดรดร็อคของตัวเองมากๆ แม้จะแต่งงานกับสามีจนมีลูกโตขนาดไหน เธอก็ยังเลือกไว้ทรงเดิมมาเป็นเวลากว่า 20 ปี!! . งานนี้ @praizekirkwood ผู้เป็นลูกสาวที่ได้คุยกับแม่ของเธอแล้วทราบว่า แม่ของเธอได้ตัดสินใจตัดผมเดรดร็อคที่ไว้มานาน แล้วเพื่อที่จะเซอร์ไพรส์สามี เธอจึงไม่รอช้าควักมือถือออกมาเพื่อที่เธอจะเก็บภาพรีแอ็คชั่นของผู้เป็นพ่อที่เห็นผมทรงใหม่ของแม่ ตอนแรกผู้เป็นแม่ก็กลัวว่าพ่อจะไม่ชอบใจอยู่เหมือนกัน เลยยังกล้ากลัวๆ ให้พ่อหันหลังไปก่อน ซึ่งหลังจากที่เธอเดินออกมาให้สามีเห็น งานนี้สามีถึงกับตะลึงไปชั่วครู่หนึ่งเลยทีเดียว แถมยังลั่น “โอ้วว้าว” ออกมาทันที!! ใครดูคลิปไม่ได้ สามารถกดเข้าไปดูลิ้งก์ข้างๆ ได้เลย praizekirkwood So after 20 years of growing her dreads my mom wanted to cut off her hair. She wasn’t sure how my…
-
เปลี่ยนบะหมี่ธรรมดา ให้กลายเป็นบะหมี่วาฟเฟิลแสนอร่อย เห็นแล้วน้ำลายไหลเลย
ปัจจุบันการทำอาหารนั้น มันไม่ได้หยุดอยู่ที่แค่สูตรอาหารแบบเดิมๆ อีกต่อไป เพราะคนมากมายเริ่มที่จะหันมาทำอาหารแนวฟิวชั่นเพื่อต่อยอดอาหารประเภทต่างๆ ให้เกิดเป็นอาหารชนิดใหม่ขึ้นมา บะหมี่วาฟเฟิล ในครั้งนี้ก็เช่นกัน ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้น ไอเดียดังกล่าวมันถูกต่อยอดมาจากไก่ทอดในวาฟเฟิล ซึ่งพอถึงเวลาต้องเปิดตัวอาหารชนิดใหม่ในเทศกาลอาหาร NOODS NOODS NOODS ที่ทาง Nissin Cup Noodles เป็นเจ้าภาพจัดงาน เส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจึงจำเป็นสำหรับธีมหลักของหารในครั้งนี้ งานดังกล่าวนั้นจัดขึ้นที่เมืองแซนตาแอนา ในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยจัดในระหว่างวันที่ 27 มกราคมเป็นต้นไป ซึ่งก่อนจะไปออกงานทางทีมงาน The Milky Way ซึ่งเป็นคนคิดค้นเมนูนี้ขึ้นมาก็ได้ปล่อยภาพบะหมี่วาฟเฟิลของพวกเขามาล่อตาล่อใจให้เราได้ดูกัน ส่วนผสมนั้นก็ง่ายมากๆ โดยการใช้เส้นบะหมี่ที่ลวกแล้วไปวางไว้บนเครื่องทำวาฟเฟิล จากนั้นเมื่อได้แผ่นวาฟเฟิลจากเส้นบะหมี่แล้วก็ให้นำมันไปทำเป็นทรงกรวย จากนั้นก็เอาหมูหรือไก่ทอดมาวางเรียงกัน ราดซอสสุดพิเศษลงไปก็เป็นอันเรียบร้อย . . เอาเป็นว่าถ้าใครสนใจและแวะแถวนั้นพอดีอยากจะเข้าร่วมงาน NOODS NOODS NOODS ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดรวมถึงอาหารทั้งหมดที่มีขายได้ที่เว็บไซต์ foodbeast งานนี้ใครเป็นแฟน Nissin ไม่ควรพลาดเด็ดขาด!! ที่มา foodbeast
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นเผยเทคนิคการทำคะแนนสอบให้ได้ระดับท็อป ง่ายมาก..จดมันแมร่มให้หมด!!
เวลาพูดถึงเทคนิคการสอบ หลายคนก็มักจะมีเทคนิคที่เป็นแบบเฉพาะตัวเสมอ บางคนอาจจะเน้นความเข้าใจ บางคนอาจจะเน้นการท่องจำ แน่นอนว่าวิธีหลังนั้นเป็นวิธีที่เรามักจะฮิตมากที่สุด แต่นั่นก็ไม่ได้มีแค่คนไทยที่ชอบทำหรอกนะ.. เพราะล่าสุดชาวเน็ตจากญี่ปุ่นนามว่า @yuusuke_suzuki ก็ได้ออกมาเผยภาพเทคนิคในแบบสายท่องจำของนักเรียนคนหนึ่งของเขา โดยนักเรียนคนนี้นั้นสามารถทำคะแนนได้ระดับท็อปของชั้น เรียกว่าไม่ธรรมดาเลยใช่ไหม เกริ่นมาขนาดนี้แล้วเราคงอยากรู้แล้วว่าเขาจดยังไง ท่องจำยังไงถึงได้คะแนนดี งั้นเราลองมาดูกัน… @yuusuke_suzuki นั้นได้บอกว่านักเรียนของเขา พยายามจดทุกอย่างที่เขาอ่านและเสริมความเข้าใจทั้งหมดลงไป และการจดทุกอย่างที่ว่าไม่ใช่จดเล็กๆ น้อยๆ แต่มันคือทุกอย่าง!! ถ้าพื้นที่ไม่พอก็เสริมกระดาษโน๊ตเข้าไปในจุดที่เกี่ยวข้องกัน เรียกว่าเอาให้แน่น อ่านทีต้องเข้าใจ ซึ่งกลับกันเมื่อมีการเสริมโน๊ตเข้าไปในหนังสือ สภาพมันก็จะดูยุ่งเหยิงพอสมควร แต่รับรองเข้าใจ!! ลองดูเนื้อหาข้างในเสียก่อน มีการโยงการวาด คือเสริมส่วนที่ช่วยเข้าไป งานนี้จำง่ายขึ้นแน่ๆ เยอะจริงๆ นะเนี่ย ยิิ่งเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ การวาดแผนที่หรือวาดส่วนต่างๆ เข้าไปในแบบที่เราเข้าใจมันถือเป็นตัวช่วยชั้นดีเลย ดูตรงแผนที่ เหมือนมันจะแหว่งๆ เขาเลยวาดเพิ่มเข้าไปเอง หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วก่อนหน้านั้นหนังสือของนักเรียนคนนี้มันมีหน้าตายังไง และนี่ก็คือหน้าตาของหนังสือประวัติศาสตร์โลก Ichimon Itto และนี่ก็คือสภาพหลังจากที่มันถูกนักเรียนคนดังกล่าวยัดความรู้เสริมลงไป สุดท้ายแล้วทางด้าน…
-
เพิ่งจะได้รู้… งานศึกษาเผย ‘ปลาหมึก’ สามารถทำปลาโลมาสำลักตายได้ แม้ตัวมันกำลังถูกกิน
เมื่อไม่นานมานี้นักวิจัยได้ออกมาเปิดเผยแล้วว่า ได้ค้นพบปลาโลมาตัวหนึ่งซึ่งตายเพราะว่าพยายามจะกินปลาหมึกเข้าไป แต่ปลาหมึกดันติดคอจนหายใจไม่ออกจึงทำให้มันตาย ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่มีการพบโลมาตายในลักษณะนี้ เจ้าโลมาตัวนี้ถูกพบที่หาด Stratham ในเมืองบันบูรี ประเทศออสเตรเลียในเดือนสิงหาคม 2015 โดยตอนที่มันถูกพบนั้นมันก็ตายเสียแล้ว และก็มีหนวดปลาหมึกยื่นออกมาจากปากของมันด้วย หลังจากนั้นมันก็ถูกส่งไปยังศูนย์วิจัยของ Nahiid Stephens โดยเธอตั้งชื่อเล่นให้เจ้าโลมาว่า Gilligan Stephens นักพยาธิวิทยาจากมหาวิทยาลัยเมอร์ดอช พูดถึงสาเหตุการตายของมันว่า “มันคงจะโลภมากๆ แล้วคิดว่า ‘เอาล่ะเจ้าหมึก ฉันจะกลืนแกลงไปทั้งตัวเลย’ “ แต่เจ้าหมึกดันตัวใหญ่มากเกินไปก็เลยไปอุดหลอดลมจนตาย เจ้าโลมาตัวนี้ไม่ได้เป็นโลมาตัวแรกที่กินปลาหมึก โลมาตัวอื่นก็กินปลาหมึกเป็นอาหารเช่นกัน แต่ไม่เคยมีเหตุการณ์ปลาหมึกติดคอตายแบบนี้มาก่อน จึงถือว่าการที่โลมาหนุ่มร่างกายแข็งแรงกินปลาหมึกจนติดคอตายนั้นเป็นอะไรที่น่าสนใจมากสำหรับนักวิจัย เมื่อการชันสูตรศพเจ้าโลมาตัวนี้ ก็พบว่าปลาหมึกที่เข้าไปติดคอมันตัวใหญ่มากเลย เธอเล่าว่า “เจ้าปลาหมึกมันตัวโตมากจริงๆ ตอนที่ฉันนพยายามดึงมันออกมาดู ในใจก็ได้แต่คิดว่า ‘พระเจ้าช่วย ทำไมมันยาวขนาดนี้ ดึงยังไงก็ออกมาไม่หมดสักที’ ” หลังจากที่ดึงมันออกมาหมดตัวด้วยความยากเย็น ก็พบว่าแค่หนวดของมันก็ยาวถึง 4.2 ฟุต (ประมาณ 1.3 เมตร) แล้ว ปลาโลมานั้นสามารถพับส่วนที่เชื่อมต่อกล่องเสียงและหลอดลมเก็บไว้ เพื่อที่จะได้มีพื้นที่เพิ่มเติมในการกลืนอาหารชิ้นใหญ่ได้ แต่ในกรณีของเจ้าโลมาตัวนี้ พบว่าหลังจากที่มันพับเก็บส่วนที่เชื่อมต่อกล่องเสียงและหลอดลมไปแล้ว หนวดของปลาหมึกกลับไปเกาะกับส่วนนั้น ทำให้มันไม่สามารถต่อหลอดลมให้กลับมาหายใจเหมือนเดิมได้ สุดท้ายเจ้าโลมาก็เลยขาดอากาศตาย…
-
พี่สาวเห็นน้องหลับเป็นตาย เลยขอทดสอบสมดุลสักหน่อย ด้วยการเอาของมาวางบนหัวของเธอ!?
ปกติของพี่น้องแล้ว หรือเพื่อนฝูงแล้ว เวลาที่เราเห็นใครสักคนหนึ่งที่เราสนิทกำลังหลับเป็นตายเราก็มักจะอดใจไม่ค่อยไหวที่จะแกล้งอะไรสักอย่าง เช่นถ้าเพื่อนเมาจนหลับสนิท เราก็มักจะชอบเอาอะไรมาขีดเขียนหน้า่เพื่อนเสมอๆ เช่นเดียวกับเรื่องราวในครั้งนี้ของพี่น้องคู่หนึ่ง โดยผู้เป็นพี่ได้โพสต์ภาพของน้องสาวที่กำลังหลับเป็นตายอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย งานนี้พี่สาวก็เลยอยากจะทดสอบความสมดุลย์ในการนอนหลับของน้องสักหน่อย มาดูกันว่าเธอคนนี้จะรักษาสมดุลการนอนได้มากน้อยขนาดไหน เริ่มกันที่ของเบาๆ กันก่อน วางได้สบายมาก ต่อกันด้วยถังที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ต่อกันด้วยรูบิค จัดไปแบบเป็นคอมโบ ก็ยังไหว!! ถังขยะใหญ่ขนาดนี้ น้องสาวก็ยังนิ่งและรักษาสมดุลย์ไว้ได้ โดนัทต่อกันสูงขนาดนี้ นางก็ยังนิ่ง!! ถังน้ำเลยเหรอ!? อะ อ้าว นางกลับข้างซะแล้ว ไม่มีปัญหา ยังไปต่อได้!! ไหนลองทำให้เธอเป็นโต๊ะทำงานดูสิ วางโคมไฟได้ งั้นลองวางชีทเพิ่มเข้าไปดูเป็นไง… ในเมื่อวางขนาดนี้ยังไม่รู้สึก งั้นก็ยืมหัวมานั่งติวข้อสอบกันเลยก็แล้วกัน จะว่าไปตอนนี้ น้องจะรู้หรือยังนะว่าโดนพี่แกล้งอะไรไว้ ฮร่าๆ ที่มา 9gag
-
รวมความเฟลของงานออกแบบ ‘ของเล่น’ ที่เห็นแล้วมันจี๊ดดดด จบกันความฝันในวัยเด็กของตรู
เมื่อย้อนกลับไปเมื่อวัยเด็กเวลาที่เราได้ของเล่นชิ้นใหม่มาจากพ่อแม่ ด้วยความเป็นเด็กใส่ๆ อ่อนตอโลก เราก็คงไม่ได้คิดกันในเชิงลึกเกี่ยวกับดีไซน์ของเล่น ว่าสิ่งที่พวกเขาทำมามันดีหรือร้าย เพราะตอนนั้นเราคงคิดแค่เล่นสนุกกัน… แต่พอโตมาแล้ว ด้วยความที่เราผ่านโลกมาเยอะ เจออะไรดีและร้ายมามากมายจนเปลี่ยนมุมมองเราให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป งานนี้พอเรากลับมามองของเล่นชิ้นเดิมที่เคยเล่นทุกอย่างก็เลยเปลี่ยนไป เปลี่ยนขนาดต้องคิดย้อนว่า คนออกแบบเขาคิดอะไรอยู่กันนะ… ตุ๊กตากระบองเพรชที่เดิมทีดูมีความสุข จนกระทั่งสุนัขเจ้าของภาพกัดมันขาดก็ทำให้พบว่า ข้างในยังมีกระบองเพรชแสนเศร้าอยู่… ม้าพลาสติกแสนสวย เอ ขนหางมันดูสลวยดีจริงๆ…..ด…..เดี๋ยวนะ…. คนออกแบบเขาคิดดีแล้วใช่ไหมที่ให้เราเป่าลมตรงนั้น เอ่อ….เป็ดเอเลี่ยนหรือเปล่าเนี่ย? ความผิดพลาดของรอยต่อ ทำให้จมูกของนังซินต้องเปลี่ยนไป ตอนเด็กเราก็คิดว่าหน้ามันมีความสุขนะ พอโตมาเราได้แต่คิดว่าหน้ามันกำลังเมาชัวร์ ดูดเลยสิจ๊ะ เด็กๆ คนออกแบบเขารู้ใช้ไหมว่ามันมีประเทศ “ออสเตรีย” กับประเทศ “ออสเตรเลีย” ส่วนประเทศที่มีจิงโจ้คืออย่างหลัง เมื่อคนออกแบบขี้เกียจใส่ใจรายละเอียดตัวหลังๆ ตอนเด็กเราก็คิดว่ามันเอาไว้ยึดตัวหุ่นกับรถเฉยๆ แต่ตอนนี้เราคงคิดไม่เหมือนเดิมแล้วละ ถ้าเมาขนาดนี้กลับบ้านไหมเธอว์ นี่เขาออกแบบมาแบบนี้ หรือจริงๆ คนมันมาจัดท่าให้เราคิดตามกันนะ โลกคนเรานี่มันโหดร้ายจริงๆ อย่าทำเด็กแบบนั้นเอลโม่ แทนที่เราจะได้แสงสว่างเพิ่มเพื่อให้เราไม่กลัวความมืด…
-
สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งตัวละคร ในโฆษณาเหยียดเพศยุคอดีต เกิดมุมมองใหม่ขึ้นมาเลย!!
ในช่วงปี 1950 ภาพของผู้หญิงในอุดมคติของสมัยนั้น คือการเป็นภรรยาที่ดีซึ่งคอยปัดกวาดเช็ดถูดูแลบ้านทั้งวัน หมั่นเข้าครัวทำอาหารให้สามีกิน คอยดูแลลูกในขณะที่สามีออกไปทำงาน อาจพูดได้ว่าเป็นเหมือนคนใช้ให้กับคุณสามีก็ได้ นอกจากจะเป็นภาพในอุดมคติแล้ว มันยังถูกนำไปใช้ในโฆษณาของสมัยนั้นเป็นจำนวนมากอีกด้วย เมื่อ Eli Rezkallah นักตัดต่อภาพจากเมืองเบรุต ประเทศเลบานอนได้เห็นภาพเหล่านี้ เธอจึงเกิดไอเดียที่จะลองสลับตำแหน่งของผู้หญิงและผู้ชายในโฆษณาดูบ้าง Rezkallah ไม่ชอบที่คนบางกลุ่มคิดว่าผู้หญิงควรที่จะเป็นแม่บ้านแม่เรือนคอยรับใช้ผู้ชายเท่านั้น เธอไม่ชอบให้ใครมากำหนด ‘หน้าที่ของผู้หญิง’ ตามความคิดของตัวเอง เธอเลยอยากให้คนกลุ่มนั้นเห็นว่าหากผู้ชายโดนเหยียดเพศในโฆษณาบ้าง จะรู้สึกเจ็บแสบขนาดไหน 1.ผู้ชายเขาไม่ออกจากห้องครัวกันหรอก 2.แสดงให้หนุ่มๆ รู้ว่า โลกนี้เป็นของผู้หญิง 3.ห๊ะ ผู้ชายผอมแห้งแรงน้อยก็เปิดขวดนี้ได้งั้นเหรอ เปิดง่ายอะไรขนาดนั้น!? 4.อย่าให้ภรรยาของคุณจับได้เชียว ว่าคุณไม่ได้ใช้กาแฟสดชั้นเลิศชงให้เธอดื่มทุกเช้า เลือกใช้กาแฟ Chase & Sanborn สิครับ 5.แค่เพียงได้เห็นกางเกงสุดสวยเซ็กซี่ตัวนั้น ผมก็แทบจะลงไปกองกับพื้น ยอมให้เธอเหยียบย่ำจนหนำใจเลย 6.อย่ากังวลไปเลยหนุ่มน้อย เธอไม่ได้ทำเบียร์ไหม้สักหน่อย แค่มีเบียร์ดื่มก็พอแล้วจ้ะ 7.เห็นใส่กางเกงสวยๆ เป็นไม่ได้เลยมาเกาะแกะอยู่นั่นแหละ แม่ก็เลยฝังซะเลย นี่ยังใจดีนะที่ไม่กลบหัวลงไปด้วย 8.วันคริสต์มาสนี้เซอร์ไพรส์หนุ่มน้อยของคุณด้วยเครื่องดูดฝุ่น Hoover…
-
เจ้าหมาคาบของเล่นมาให้เจ้านายทุกครั้งที่อาบน้ำ เพราะคิดว่าเขาก็เกลียดการอาบน้ำเหมือนมัน
บางครั้งเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนรักของเราก็ไม่เข้าใจพฤติกรรมหรือกิจวัตรประจำวันของมนุษย์ ในทางกลับกันเราก็ไม่เข้าใจพฤติกรรมของพวกมันเช่นกันเพราะว่าไม่สามารถสื่อสารให้รู้ความรู้สึกนึกคิดกันได้ บางครั้งทำให้เรากับสัตว์เลี้ยงเข้าใจผิดกันอยู่บ่อยๆ ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า @RudeWeaver ได้ทวีตภาพความน่ารักของน้องหมาของเขาที่ชื่อว่าเจ้า Clark หมาน้อยสีน้ำตาลที่คอยเป็นเพื่อนเขาในยามเหงา ในทวิตเตอร์นั้นเขากล่าวไว้ว่า “ทุกๆ ครั้งที่ผมอาบน้ำ เจ้าหมาของผมจะรู้สึกเป็นกังวลทุกที มันคงจะคิดว่าผมจะอารมณ์เสียทุกครั้งที่อาบน้ำ (เหมือนกับมันที่เกลียดการอาบน้ำเข้าไส้) มันก็เลยเอาของเล่นของมันมาหย่อนในอ่างน้ำเพื่อให้ผมรู้สึกดีขึ้น โถ เจ้าหมา” นอกจากนี้เขายังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เจ้าหมาของเขาจะคาบของเล่นมาให้ทุกวันตอนเขาอาบน้ำ หลายๆ คนอาจจะคิดว่าเขาอาจจะเป็นผู้สั่งให้มันมาหา แต่เปล่าเลย มันมาเพื่อช่วยเขาจริงๆ บางครั้งมันก็มองฝักบัวอาบน้ำด้วยความโกรธแค้นอย่างกับไปฆ่ากันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ใบหน้ามีความกังวล นายจะอาบน้ำจริงๆ เหรอมนุษย์? ไม่เอาไม่กล้ามองแล้ว กลัวน้ำ อ่ะ เอาของเล่นไปนะ สู้ๆ กับการอาบน้ำนะ นอกจากนี้ยังมีชาวทวิตเตอร์เข้ามาร่วมมาร่วมแสดงความเห็นและบอกว่าเหล่าเจ้าสัตว์เลี้ยงขอพวกเขาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน @Shelleyflower77 นี่เจ้า George ของฉัน นิสัยเหมือนกันเลย หล่อไหมล่ะ @Chicagoing เจ้าแมวของฉันมันร้องไห้ตลอดเวลาฉันอาบน้ำ ฮ่าๆ ขนาดเจ้าแมวยังไม่ชอบให้มนุษย์อาบน้่ำเลย โถ่…
-
Sesame Ice Cream Cone ไอศกรีมมะพร้าว โรยวิปครีม วุ้นมะพร้าว เสียบป๊อกกี้และคิทแคท
ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร #เหมียวบู้บี้ รู้สึกว่าตัวเองนั้นหิวอยู่ตลอดเวลา อยากกินนั่นอยากกินนี่ ทั้งๆ ที่เพิ่งกินข้าวไปหมาดๆ อยากกินอะไรหวานๆ เย็นๆ ให้มันชื่นใจซะจริงๆ หู้ยยยยย อกอิแป้นลูกยายแป๋วแม่น้องปิ๊กจะแตกเมื่อได้ไปสะดุดตากับรูปภาพของไอศกรีมจากทางร้าน Drizzle ร้านฟู้ดทรัคแห่งเมือง Orange County รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกานู้นแหน่ะ เพียงได้พบสบตาก็รู้สึกเหมือนตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น อยากจะเข้าไปขย้ำเจ้าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ตกมาอยู่ในท้องซะโดยดี ทำออกมายั่วน้ำลายขนาดนี้ เอาเงินไปเลยยย และนี่ก็คือไอศกรีมโคน เนื้อไอศกรีมรสมะพร้าวเข้มข้นโปะลงบนวาฟเฟิลเนื้อนุ่มสีเหลืองอร่าม ราดด้วยวิปครีมแบบฉ่ำๆ ตกแต่งด้วยวุ้นมะพร้าว ผงมัทฉะ คิทแคทรสชาเขียว ป๊อกกี้และราดด้วยนมข้นหวานอีกทีหนึ่ง โอ้ พระเจ้า!!! มันกี่พันแคลอรีเนี่ย อย่างเราๆ ก็คงจะได้แต่มองและเลียหน้าจอไปพลางๆ เพราะงานเทศกาลจัดชิมของหวานครั้งยิ่งใหญ่ที่จัดขึ้นครั้งนี้มันอยู่ไกลถึงสหรัฐอเมริกากันเลยทีเดียว แน่นอนว่าความน่าทานของไอศกรีมร้านนี้คงจะต้องประสบความสำเร็จ ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่นอน ก็แค่มองก็รู้แล้วว่ามันอร่อยแค่ไหน ส่วนพวกเราก็คงจะต้องออกไปซื้อไอศกรีมที่เซเว่นทานไปก่อนล่ะ ที่มา foodbeast
-
ชมปกนิตยสาร National Geographic ประวัติศาสตร์ยาวนาน 130 ปี ย่อมาให้ดูใน 2 นาที!!
เพื่อนๆ รู้จัก National Geographic กันรึเปล่า? National Geographic นั้นเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และการศึกษาแห่งหนึ่งในโลก ซึ่งได้ทำสื่อให้ความรู้ทั้งนิตยสารและช่องสารคดี ซึ่งผู้เขียนนั้นชอบดูช่องสารคดีของเค้ามากเลยล่ะ National Geographic เป็นนิตยสารที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับข่าวสารและเรื่องราวของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม พิมพ์ฉบับแรกเมื่อปี 1888 หน้าปกของ National Geographic ฉบับแรก ตอนนี้ในปี 2018 นิตยสารที่คุ้มค่าแก่การอ่านเล่มนี้ก็ได้มีอายุครบ 130 ปีเป็นที่เรียบร้อย ที่ผ่านมาก็ได้นำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจมาโดยตลอด ซึ่งทางทีมงานก็ได้ทำวิดีโอรวบรวมน่าปกของนิตยสารตั้งแต่ฉบับแรกที่ตีพิมพ์ในปี 1888 จนถึงฉบับปัจจุบันมาให้พวกเราได้รับชม ซึ่งในวิดีโอจะมีความยาวประมาณ 2 นาที และจากวิดีโอเราจะเห็นถึงการพัฒนาของหน้าปกนิตยสารไปในตัว หน้าปก National Geographic ปี 1915 ในยุคแรกๆ นั้นเทคโนโลยีการพิมพ์การตัดต่อยังไม่ดีเท่าไหร่ หน้าปกก็จะมีเพียงแค่ข้อความ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เทคโนโลยีที่มากขึ้นก็ทำให้ปกเริ่มมีรูปภาพขึ้นมาจนพัฒนามาถึงหน้าปกอย่างทุกวันนี้ ปก National Geographic…
-
30 ภาพอันงดงามของสัตว์ที่แสดง “สัญชาติญาณความเป็นแม่” ออกมาได้น่ารักมาก!!
สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนมีสัญชาตญาณความเป็นแม่อยู่ในตัว ซึ่งสิ่งนี้ทำให้แม่มีความรักและต้องการที่จะปกป้องลูกของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นสุนัข หมู ไก่ หรือสัตว์ชนิดอื่นๆก็มีสัญชาตญาณนี้เช่นกัน เป็นกฎทางธรรมชาติที่ได้สร้างขึ้นมาให้กับเหล่าผู้เป็นแม่โดยเฉพาะ วันนี้ #เหมียวบู้บี้ จึงจะพาไปดูภาพของคุณแม่สัตว์นานาชนิดที่แสดงความเป็นแม่ออกมาได้น่ารักน่าชังเอามากๆ ไปดูกันเลย 1.แม่นกให้ความอบอุ่นแก่ลูกๆ ด้วยการให้มาหลบใต้ปีก 2. กอริลล่าและเบบี๋ของนาง 3. เจ้าช้างน้อยโดนแม่จูงงวง จะไปไหนกันอ่ะ? 4. ลูกสิงโตอ้อนแม่อยู่ไม่ห่าง 5. แมวน้อยและแม่แมว รักกันปานจะกลืนกิน 6. อุรังอุตังอวดลูกน้อยในอ้อมกอด 7. ขอหอมแก้มหน่อยค้าบแม่ 8. เจ้าเมียร์แคทแม่ลูก กอดกันกลมเลย 9. โคอะล่าน้อยกอดแม่แน่นเชียว 10. แอบกระซิบแม่ว่าไง บอกให้รู้บ้างสิ 11. อากาศหนาวๆ แบบนี้เจ้าจ๋อขอซุกตัวในอกแม่ดีกว่า 12. แม่แพนด้ากำลังทำความสะอาดให้กับลูก 13. นี่คือครอบครัว Zarigueya…
-
นี่คือภาพถ่ายอันแสนงดงาม ชนะเลิศรางวัลประกวด Hasselblad ที่จัดขึ้นทุก 2 ปี
Hasselblad Masters Awards คือหนึ่งในรายการประกวดการถ่ายภาพอันทรงเกียรติที่สุดในโลก ซึ่งจะถูกจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี และจะคัดเลือกรูปภาพที่ดีที่สุดในแต่ละประเภท โดยแบ่งได้เป็น 11 ประเภท นั้นได้ประกาศผู้ชนะในรายการประจำปี 2018 แล้ว การประกวดครั้งนี้นั้นมีภาพถ่ายถูกส่งมาถึง 31,500 รูป มากกว่าสองปีก่อนถึง 175% ซึ่งแต่ละภาพก็ล้วนแต่เป็นภาพสวยงาม ที่ได้รวบรวมมาจากทั่วโลก ซึ่งรางวัลของการประกวดนี้คือผู้ชนะจะได้รับยกย่องให้เป็น Hasselblad Masters และจะกลายเป็นตัวแทนแบรนด์ชื่อดังของประเทศสวีเดนเป็นระยะเวลา 2 ปี และยังได้สิทธิพิเศษในการเข้าร่วมโครงการของ Hasselblad และผลงานของพวกเขาจะได้รับการตีพิมพ์ลงในหนังสือ Hasselblad Masters โดยรางวัลแต่ละประเภทจะตกเป็นของใครกันบ้าง ไปชมกันครับ ประเภทภาพถ่ายทางอากาศ ผู้ชนะได้แก่ Jorge De La Torriente จาก ไมอามี สหรัฐอเมริกา . . ประเภทสถาปัตยกรรม ผู้ชนะได้แก่ Kamilla Hanapova จาก เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย . . ประเภทศิลปะ…
-
ชาวเน็ตประทับใจ พี่สาวเล่นเพลง You’re my sunshine เป็นตัวช่วยสอนน้องออทิสติกพูด
เพื่อนๆ เคยได้ยินคำว่า พลังดนตรีเปลี่ยนโลก บ้างหรือเปล่า ผู้เขียนนั้นคิดว่าดนตรีนั้นถือว่าเป็นเวทมนตร์ยังได้เลย เพราะดนตรีนั้นสามารถมีพลังในการเปลี่ยนแปลงทั้งความคิด อารมณ์ และทัศนคติของคนที่ฟังให้ไปทางที่ผู้แต่งดนตรีต้องการสื่อ ซึ่งในข่าวที่เราจะพูดถึงนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่สาวที่ร้องเพลงพร้อมดีดกีตาร์เพื่อสอนน้องที่เป็นดาวน์ซินโดรมให้จดจำคำศัพท์และฝึกออกเสียงพูด เหมือนกับที่พ่อแม่เคยทำกับเด็กๆ ที่สอนให้เด็กๆ พูดจากการฟังเพลง ABC หรือ กขค ซึ่งเพลงพวกนี้นั้นถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความรู้และความจำของเด็กๆ คราวนี้ครอบครัวหนึ่งมีลูกๆ ให้ดูแลถึงห้าคน Amanda Bowman Gray ผู้เป็นแม่มักจะคัดพวกเด็กโตคนใดคนหนึ่งนั้นให้ดูแลน้องเล็กสุดในขณะที่เธอนั้นไปอาบน้ำในแต่ละวัน ละวันหนึ่งเธอก็ได้ให้ลูกสาวของเธอ Lydia ดูแลน้องสุดท้องของเธอ Bo Bo นั้นเป็นโรคดาวน์ซินโดรม ซึ่งจะทำให้เธอมีปัญหาเรื่องพัฒนาการล่าช้า โดยในขณะที่อายุ 25 เดือน Bo สามารถจำคำศัพท์ได้ประมาณเพียง 12 คำ เทียบกับเด็กทั่วๆ ไปในอายุเท่านี้ จะสามารถจำคำศัพท์ได้ประมาณ 50 คำ แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่ชัดคือ Bo นั้นรักดนตรี และมันมีผลกระทบอย่างมากในชีวิตของเขา Bo นั้นฟังดนตรีมาตั้งแต่เขาเกิด ซึ่งผู้เป็นพ่อ Caleb Gray เป็นนักดนตรี และลูกๆ ของครอบครัวนี้ส่วนมากก็มีความสนใจในดนตรีเช่นกัน …
-
สาวผู้ทนทุกข์กับโรคท้าวแสนปม ถูกล้อเลียนจากตุ่มเนื้องอกบนร่างกาย แต่ใจยังคงสู้กับสิ่งที่ตัวเองเป็น
โรคท้าวแสนปม (Neurofibromatosis) คือโรคติดต่อทางพันธุกรรมที่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้เนื่องจากตุ่มเนื้องอกจำนวนมากที่ผุดขึ้นมาสร้างความรำคาญ อีกทั้งยังต้องถูกสายตาอื่นมองผู้ป่วยโรคนี้อย่างรังเกียจ ไม่กล้าเข้าใกล้ โดยที่ความเป็นจริงนั้นโรคท้าวแสนปมนี้ไม่ใช่โรคติดต่อร้ายแรงอย่างที่ใครๆ คิดกัน Libby Huffer หนึ่งในหญิงสาวผู้ที่ป่วยเป็นโรคท้าวแสนปมได้ออกมาเปิดเผยชีวิตของเธอ ที่ต้องทนกับโรคที่สร้างบาดแผลในจิตใจของเธอในวัยเด็กและตอนเป็นวัยรุ่น ด้วยโรคท้าวแสนปมนี้ทำให้เธอถูกเพื่อนๆ มองว่าเป็นตัวประหลาดและไม่กล้าเข้าใกล้ อีกทั้งยังล้อเลียนเธออย่างหนักว่าเธอนั้นเป็นคางคก เธอถูกล้อเลียนอย่างหนักจนต้องเปลี่ยนชื่อจาก Elizabeth มาเป็น Libby เนื่องจากเพื่อนมักเรียกเธอว่า ‘Lizard breath’ หรือนังตุ๊กแก ถ้อยคำล้อเลียนเหล่านี้มันฝังลึกอยู่ในหัวใจของเธอมาตลอด 45 ปี อาการของโรคท้าวแสนปมนี้เพิ่มขึ้นสูงมากเมื่อเธอคลอดลูกคนแรกเนื่องมาจากระกับฮอร์โมนที่พุ่งสูง แต่เธอก็ต้องอดทน จนกระทั่งมาถึงวันที่เธอจะได้ลบเจ้าตุ่มเนื้องอกเหล่านี้มาถึง เธอเข้ารับการรักษาจากทางแพทย์ด้วยการผ่าตัดไฟฟ้าและเลเซอร์เพื่อตัดตุ่มออกจากใบหน้าและลำคอ ตุ่มประมาณ 1,000 ตุ่มของเธอถูกลบออก ซึ่งมันก็สร้างความเจ็บปวดให้กับเธอเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับบาดแผลในจิตใจที่เธอมี เธอหวังว่าเธอจะมีชีวิตที่ดีขึ้นหลังจากที่เธอได้รับการผ่าตัด และสามารถลืมความทรงจำร้ายๆ ในอดีต นอกจากนี้เธอก็บอกว่า โรคท้าวแสนปมนี้มันไม่ใช่โรคติดต่อ มันเป็นโรคทางพันธุกรรม “ฉันไม่ได้เป็นโรคติดต่อ ฉันก็เหมือนมนุษย์ทั่วไปที่ต้องการความรักความห่วงใยเหมือนกับคนอื่น” Libby กล่าวปิดท้าย ที่มา ladbible
-
จิ้งจอกหิมะอยากกินปลาใจจะขาด ทำทีมาขอจากมนุษย์ สุดท้ายพ่ายแพ้ให้กับมารยาแสนน่ารัก!!
อากาศหนาวในปีนี้จัดได้ว่ารุนแรงเหลือเกิน ล่าสุดมีข่าวว่าที่มอสโคว์นั้นอุณหภูมิทะลุ -62 องศาเซลเซียสแล้ว เดือดร้อนกันทุกพื้นที่ไม่เว้นทั้งคนทั้งสัตว์เลย ชาวประมงชาวรัสเซียคนหนึ่งได้อัดคลิปวิดีโอที่เขาถ่ายเหตุการณ์สุดน่ารักของเพื่อนร่วมโลก ในขณะที่เขาออกไปตกปลากลางทะเลน้ำแข็งแถบไซบีเรีย ในขณะที่เขากำลังตกปลานั้นก็ได้พบเจอกับเจ้าหมาจิ้งจอกหิมะสีขาวตัวนี้เข้ามาทักทาย เจ้าจิ้งจอกหิมะตัวนี้ดูหิวโหยมาก มันเดินเข้ามาที่หลุมที่ชาวประมงขุดเอาไว้เพื่อตกปลา เจ้าจิ้งจอกคงจะได้กลิ่นอันหอมหวนของปลาสดๆ จึงเดินเข้ามาขอด้วยความนอบน้อม สวัสดีฮะคุณ ผมตามกลิ่นปลามา หอมมากเลยครับ กลิ่นสดๆ แบบนี้คงจะอร่อยน่าดูเลยนะฮะ เจ้าจิ้งจอกพยายามอ้อนวอนแต่ก็ไม่ได้ผล เจอชาวประมงแกล้งไล่ออกไปให้พ้น เจ้าจิ้งจอกยังไม่ละความพยายาม วิ่งไปวิ่งมาแถวนั้นหลายครั้ง //เค้าอยากกินจริงๆ นะมนุษย์ นี่ๆ ตรงนี้เลยที่ได้กลิ่นปลา จากนั้นชาวประมงก็อนุญาตให้มันเอาปลาที่อยู่ในหลุมนั้นไปได้ เข้าทางเลยฮะ อื้ม อร่อยยยยย!! ปลาสดๆ ที่รอคอย ไปชมคลิปเต็มๆ กันดีกว่า คราวหลังชาวประมงคงต้องสอนให้เจ้าจิ้งจอกหาปลาเองบ้างนะ จะได้ไม่ต้องไปไล่ขอชาวบ้านด้วยความน่ารักแบบนี้ โอ๊ยยยย แพ้ ที่มา siberiantimes
-
ช่างทำผมโพสต์ภาพลูกค้าที่ได้รับภัยใกล้ตัว เมื่อคนที่เราไว้ใจ กลายเป็นคนที่ทำร้ายเราได้มากที่สุด
ปัญหาเรื่องความรุนแรงยังมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ในสังคม การกระทำด้วยความรุนแรงนั้นส่งผลกระทบกับหลายๆ ด้าน เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ไม่มีทางแก้ และนับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ Andy Mendoza ช่างทำผมคนหนึ่ง ได้โพสต์รูปภาพของหญิงสาวคนหนึ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ดวงตาห้อเลือด และผมสีม่วงของเธอถูกกล้อนจนเห็นหนังศีรษะ ซึ่งดูก็รู้ว่าเธอถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ เธอคนนี้เดินเข้าร้านทำผมของเขาเพื่อจัดการกับทรงผมที่ถูกทำร้ายมาจนไม่มีชิ้นดี สาเหตุที่หญิงสาวคนนี้ต้องมีสภาพแบบนี้ก็เนื่องมาจากการโดนแฟนหนุ่มที่ชื่อว่านาย Michael Truskauskas ซ้อมอย่างหนัก เมื่อกลางเดือนธันวาคมปี 2017 ทางตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีหญิงสาวนอนหลับอยู่ที่เบาะหลังของรถ ร่างกายของเธอมีร่องรอยของการถูกทำร้าย ตำรวจเข้าไปช่วยเหลือหญิงสาวรายนั้น หลังจากการสอบปากคำก็รู้ว่าเธอถูกแฟนหนุ่มขี้ยาของเธอซ้อมในอพาร์ตเมนต์ เขาทำร้ายร้ายกายเธอเหมือนกับว่าเธอเป็นตุ๊กตาระบายอารมณ์ ชกเข้าที่ใบหน้า พยายามจะกรีดข้อมือและนิ้วมือของเธอ นอกจากนี้เขายังบีบเข้าที่ลำคอ แล้วจับเธอกล้อนผม จากนั้นก็ผลักเธอให้ตกบันได จนเธอต้องซมซานหนีออกมาด้วยร่างกายที่บอบช้ำ เศษผม เลือด กระดาษซับเลือดของเธอถูกพบในอพาร์ตเมนต์และเก็บไว้เป็นหลักฐานในเวลาต่อมา ภาพของแฟนหนุ่มผู้ลงมือทำร้ายเธอ นาย Micheal แฟนหนุ่มถูกจับกุมตัวในทันทีในข้อหาทำร้ายร่างกาย ในครั้งแรกชายหนุ่มปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาจึงต้องมีการค้นบ้านจนพบหลักฐานทั้งหมด รวมไปถึงการค้นพบว่ามีอุปกรณ์เสพยาจำนวนหนึ่งบนโต๊ะ จึงทำให้มีการดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนหญิงสาวที่ถูกทำร้ายร่างกายนั้นก็ได้เยียวยาร่างกายตัวเอง โดยทางร้านตัดผมได้จัดการทำทรงผมของเธอให้กลับมาสวย เพื่อเพิ่มความมั่นใจและเป็นกำลังใจให้เธอต่อสู้ชีวิตด้วยความแข็งแก่ง และโพสต์ภาพลงอินสตาแกรม เพื่อรณรงค์การลดใช้ความรุนแรงในสังคมอีกด้วย …
-
หนุ่มเดินตามมาจับก้นคุณแม่ลูกสองถึง 5 ครั้ง แถมบอกว่า ‘โทษทีนะ ผมต้องทำ เพราะคุณเด็ดจริงๆ’
ปัจจุบัันนี้มีโรคจิตหลายรูปแบบที่พยายามแต๊ะอั๋งผู้หญิง บางคนเลือกที่ที่มีคนพลุกพล่าน บางคนเลือกที่ที่ลับตาคน เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ หรือแม้ว่าเหยื่อจะร้องโวยวายในที่เกิดเหตุ โรคจิตก็มักจะไม่ยอมรับความผิดและหาวิธีหนีไปได้ในที่สุด แต่สำหรับเหตุการณ์นี้ มันแตกต่างออกไป เพราะโรคจิตคนนี้ได้ตามจับก้นผู้หญิงคนเดียวถึง 5 ครั้ง ในที่โจ่งแจ้ง แถมยังหันไปยิ้มให้กล้องวงจรปิดด้วย Jesse Ratu คุณแม่ลูกสองวัย 24 ปี ผู้ตกเป็นเหยื่อเล่าว่าระหว่างทางที่กลับจาก Gold Coast มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งเดินตามหลังมาติดๆ ชายคนนั้นเดินตามมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงหน้าอพาร์ทเมนต์ Southport ของเธอ ระหว่างที่ Jesse กำลังยืนปลดล็อคประตู จู่ๆ ชายคนหนึ่งก็เข้ามาจับก้นเธอถึง 5 ครั้งด้วยกัน ภาพจากกล้องวงจรปิดของอพาร์ทเมนต์ได้บันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตั้งแต่ตอนเดินตาม จนถึงจับก้น แถมชายคนนั้นยังหันไปยิ้มให้กล้องด้วย คุณแม่ลูกสองบอกอีกว่า “หลังจากที่โดนจับก้น ฉันหันไปมองหน้าเขาแล้วบอกกับเขาว่า ‘อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ’ แต่เขากลับตอบมาว่า ‘โทษทีนะ ผมต้องทำเพราะคุณเด็ดจริงๆ’” จากนั้นเธอก็วิ่งเข้าไปข้างในและเล่าเรื่องทุกอย่างให้สามีของเธอ Brendan Wilson ฟัง เขาโกรธมากและวิ่งออกไปข้างนอกเพื่อไปจัดการชายโรคจิตคนนั้น แต่ปรากฏว่าเขาไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว Jesse…
-
ชาวจีนลั่น ‘ไม่อยากมาไทยแล้ว’ หลังเห็นราคาอาหารฟันหัวแบะ แม่ค้าเพิ่งจะยอมปรับเหลือ 80 บาท!?
ว่าด้วยเรื่องราคาอาหารในบ้านเราที่กลายเป็นประเด็นเด่นในโซเชียลหลายต่อหลายครั้ง เพราะบางร้านโดยเฉพาะร้านที่อยู่ในย่านท่องเที่ยว มักจะตั้งราคาที่แพงเกินไปจนผู้คนรับไม่ได้ ล่าสุดเกิดประเด็นดราม่าอีกแล้วและไม่ใช่แค่ในไทย เพราะข่าวนี้ดังไกลไปถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศจีน จนทำให้ชาวจีนบางคนถึงกับลั่น ‘ไม่อยากมาไทยแล้ว’ เรื่องของเรื่องเกิดจากร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านประตูน้ำ ได้ขายข้าวกะเพราหมูกรอบ-ไข่ดาว จานละ 150 บาทให้กับลูกค้า จนลูกค้าคนดังกล่าวรู้สึกว่าราคานี้แพงเกินไปและได้ถ่ายรูปไปโพสต์ลงเฟซบุ๊ก ต่อมามีชาวเน็ตแห่คอมเมนต์กันว่าราคากะเพราหมูกรอบ-ไข่ดาว จานละ 150 บาทสำหรับคนไทยนั้นแพงเกินไปจริงๆ ก่อนจะกลายประเด็นดังที่สื่อต่างๆ นำไปวิพากษ์วิจารณ์ ในที่สุดเมื่อเรื่องนี้ถึงหูเจ้าของร้าน ทางแม่ค้าจึงได้ออมาชี้แจงว่าที่ขายราคา 150 บาท นั้นเพราะคิดว่าเป็นคนจีน หากรู้ว่าเป็นคนไทยจะขายให้ในราคา 80 บาท แต่แล้วคำชี้แจงนี้ก็ล่วงรู้ไปถึงหูนักท่องเที่ยวชาวจีน และแน่นอนว่าพวกเขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากที่แม่ค้าคนไทยจงใจตั้งราคาสูงสำหรับคนจีน ประเด็นนี้ถูกนำไปโพสต์ในเพจในเว็บไซต์ weibo ซึ่งเป็นเพจที่นำเสนอเรื่องราวของเมืองไทยให้คนจีนได้เข้าใจคนไทย จนได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจีนเป็นจำนวนมาก ทางเพจได้เผยแพร่ข่าว “แม่ค้าขายอาหารที่ประตูน้ำ ขายราคาแพง แบ่งเรทราคา ราคาคนจีน (ต่างชาติ) และคนไทย” โดยต้องการบอกให้คนจีนรู้ว่าชาวไทยเองก็ไม่พอใจกับเหตุการณ์นี้เหมือนกัน ชาวเน็ตจีนหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วยอารมณ์โมโหว่า ‘ไม่อยากมาไทยอีกแล้ว’ ‘ไม่กล้าไปไทยแล้ว’ บ้างก็บอกว่า ‘รู้แล้วว่าทำไมตอนไปเกาะสมุยถึงรู้สึกว่าราคาอาหารแพงมาก ที่แท้แบ่งแยกราคาคนจีนกับคนไทยนี่เอง’ อย่างไรก็ตาม มีชาวจีนอีกจำนวนหนึ่งที่แสดงความคิดเห็นอย่างเป็นกลางว่า ‘ทุกที่มีทั้งคนดีและไม่ดี สถานที่ท่องเที่ยวของจีนเองก็ขายราคาแพงแบบนี้ให้คนต่างชาติเหมือนกัน’ บางคนบอกว่า ‘ไปเที่ยวไทยมา…
-
Cheesy Ramen Eggroll ปอเปี๊ยะโคตรฉ่ำชีส อัดเส้นและไส้แน่นๆ กัดทีเดียวแทบทะลัก!!
เพื่อนๆ ชอบกินก๋วยเตี๋ยว ปูอัด และปอเปี๊ยะทอด กันบ้างรึเปล่าเอ่ย? ของพวกนี้ #เหมียวฝึกหัด นั้นชอบมากๆ เลย แล้วเคยคิดบ้างรึเปล่าว่าถ้าเอาเจ้าสามอย่างนี้มารวมกันเป็นอาหารชิ้นเดียวมันจะออกมาหน้าตาแบบไหน วันนี้ร้าน Norigami นั้นได้จับเจ้าอาหารสามอย่างนี้มารวมกันเป็นของอย่างเดียว นั่นคือปอเปี๊ยะทอดไส้ชีสปู ซึ่งต้องบอกเลยว่าปูอัดแน่นเน้นๆ จริงๆ ซึ่งเมนูนี้เป็นเมนูพิเศษซึ่งจะทำในเทศกาลอาหารเอเชีย Noods Noods Noods ที่จะจัดใน Santa Ana รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 27 มกราคม ที่จะถึงนี้ เทศกาลอาหารเอเชีย Noods Noods Noods เจ้าอาหารฟิวชันเมนูนี้นั้นเป็นการรวมตัวกันของเส้นราเม็งเป็นแกนหลักและพันด้วยแป้ง ซึ่งร้าน Noragami นั้นไม่ได้หวงไส้เลย เพราะเวลาคุณกัดลงไป ไส้ข้างในแทบจะทะลักออกมาจนหกตกพื้นเลยล่ะ โดยวัตถุดิบของเจ้านี่ข้างในเต็มไปด้วยปูอัด เบคอน และครีมชีส ผสมเข้าด้วยกันจากนั้นก็นำไปวางบนแป้งและห่อมัน และนำไปทอดจนสีของมันเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองนวลๆ ถือว่าได้ที่แล้วล่ะ กัดทีนี่ไส้ทะลัก! โอย… น่ากินสุดๆ ยืดดดดดดดดดดด …
-
เจ้าหมีขั้วโลกขอเซลฟี อวดให้มนุษย์ได้รู้ซะบ้างว่า ‘ข้าน่ะ มีท่าเซลฟี เจ๋งที่สุดแว้ว’
มนุษย์เราอาจจะคุ้นชินกับการใช้กล้อง บางคนติดการเซลฟีมากๆ ไม่ว่าจะทำอะไรเป็นต้องแชะภาพตลอด ที่สำคัญรู้ด้วยว่าถ่ายยังไง มุมไหน หรือท่าไหนให้ตัวเองดูดีสุด สำหรับสัตว์ พวกมันไม่มีรู้จักหรอก เซลฟงเซลฟีอะไรเนี่ย… แต่ก็ไม่แน่นะถ้าเราลองทิ้งกล้องไว้กับสัตว์ มันอาจจะเกิดสิ่งที่เราไม่คาดคิดก็ได้ เหมือนกับเจ้าหมีขั้วโลกตัวนี้ที่มีความสนอกสนใจ อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับกล้องที่เจ้าหน้าที่ไปติดตั้งเอาไว้ สุดท้ายได้ภาพเซลฟีสุดคูลของมันมา ชนิดที่ว่ามนุษย์ก็ทำไม่ได้หร๊อก เมื่อไม่นามานี้เจ้าหน้าที่จากเขตอนุรักษ์ธรรมชาติของเกาะ Wrangel ได้นำกล้องพร้อมกับอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิบนเกาะไปติดตั้งไว้บนเกาะที่อยู่ระหว่างทะเลตะวันออกของไซบีเรียกับทะเลชุกชี เพื่อสำรวจอาณาเขตของหมีขั้วโลก ทั้งนี้จากการสำรวจครั้งล่าสุดพบว่าบนเกาะแห่งนี้มีหมีขั้วโลกอยู่ 600 ตัว…แต่การสำรวจในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ไม่คิดเลยว่าจะได้ของแถมมาด้วย ของแถมที่ว่านี้เป็นภาพเซลฟีของเจ้าหมีขั้วโลกผู้มีความอยากรู้อยากเห็นและเข้าไปเล่นกับกล้องสำรวจที่ถูกติดตั้งเอาไว้บนเกาะ หนึ่งในภาพเซลฟีที่ดูไม่ธรรมดา คือภาพที่ถ่ายจากด้านล่าง เผยให้เห็นคาง ปากและจมูกของมัน โดยมีพื้นหลังเป็นท้องฟ้าสดใส อย่างกับภาพของชาวฮิปสเตอร์แหนะ คูลกว่านี้หาไม่ได้แล้ว ฮิปสเตอร์เค้าไม่ถ่ายรูปหน้าเต็มหรอก นี่ มีการโฟกัสที่ภูมิทัศน์ซะด้วย และเมื่อดูจากกล้องอีกตัวที่ติดตั้งในบริเวณก็ได้พบว่าเจ้าหมีขั้วโลกตัวนี้ทำอะไรกับกล้องบ้าง ซึ่งจากที่เห็น ดูเหมือนมันจะมีอุปสรรคในการถ่ายรูปนิดหน่อย เพราะกล้องมันอยู่สูงเกินไป แต่อย่างน้อยก็รู้ว่ามันคงสนุกที่ได้เล่นอะไรใหม่ๆ ภาพจากกล้องอีกตัว ที่มา siberiantimes
-
เหล่าบุคคลที่ไม่สนไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น กฎเกณฑ์ทุกอย่างพังทลาย ก็ใครจะทำไมล่ะ!?
ธรรมชาติของมนุษย์เรามักจะปรับตัวให้เข้าสังคม สิ่งแวดล้อม กฎหมาย กฎธรรมชาติ จารีตประเพณี ศีลธรรม หรือที่อย่างที่คนโบราณบอกว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เพื่อจะได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติเค้า แต่มันจะมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่มีความเป็นตัวเองสูงถึงสูงมาก ไม่สนใจอะไรเลย คนอื่นจะเป็นยังก็ช่าง กฏเกณฑ์อะไร ข้าไม่รู้จัก ก็ตรูแฮปปี้ที่จะเป็นแบบนี้อ่ะ แล้วไงอ่ะ!? 1. นี่คือคนที่อายุจะย่างเข้า 99 ปีจริงๆ เหรอ? ออกกำลังแล้วจิบแอลกฮอล์ไปพลางก็ได้เหรอฮะ? 2. เมื่อปล่อยให้พ่อสอนลูกยิงธนู… แล้วดูทำหน้า ชิลมาก 3. โอ้ยยย สะกิดอะไรนักหนา คนจะถ่ายรูป 4. วันนี้วันหยุดอะ ขอนอนดูหนังยาวๆ ละกัน…นี่คุณพี่คงไม่เข้าไปซื้อป๊อบคอร์นในสภาพนี้ด้วยใช่มั้ย? 5. กฎมีไว้แหก แหกให้หมดทุกข้อ 6. ขออยู่แบบนี้แป๊บ ข้างล่างมันเย็นดี 7. สาวๆเล่นโยคะกันตามสบายเลย ผมไม่สนหรอก ผมจะนอน จริงจริ๊ง 8. ก็ยายไม่รีบไง เอ้อออ …
-
นักเรียนมาสายเพราะฝนตกรถติด โวยวายครูล็อกห้องไม่ให้เข้า ชาวเน็ตร่วมสั่งสอนให้รู้สึก!!
ในวัยเรียน หลายคนอาจมีข้ออ้างสำหรับการมาเรียนสาย ไม่ว่าจะฝนตก รถติด ตื่นสาย แต่จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้มันเป็นความรับผิดชอบของเราที่ต้องหาวิธีจัดการเอง ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะเจอเรื่องอย่างนักเรียนกลุ่มนี้ ที่ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกคุณครูล็อกห้องไม่ให้เข้าเรียกเพราะพวกเขามาสายเกินเวลาที่กำหนด กลุ่มนักเรียนชายจากโรงเรียนสารพัดช่างแห่งหนึ่งในสิงคโปร์พร้อมเพื่อนอีก 4 คน ได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก ระบุว่าพวกเขามาสาย 15 นาที เพราะฝนตกและรถติด แต่กลับถูกครูล็อกประตูไม่ให้เข้า และอ้างว่าครูไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น กลุ่มนักเรียนที่อยู่ข้างนอกได้ถ่ายรูปของคุณครูที่สอนอยู่ข้างใน ซึ่งเป็นคนที่ล็อกประตูพวกเขาลงในเฟซบุ๊กด้วย และถ่ายรูปตัวเองที่อยู่นอกห้องเรียนเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม โพสต์ดังกล่าวนี้ถูกแชร์ต่อๆ กันในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็วและได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก ก่อนจะเกิดเป็นประเด็นถกเถียง เพราะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย บางคนบอกว่าครูคนนี้ ‘เข้มงวดเกินไป’ และนักเรียนเองก็เป็นแค่เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ นักเรียนไม่ควรต้องถูกลงโทษ เพราะวันนั้นเป็นวันที่ฝนตกหนักมากจริงๆ อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตส่วนใหญ่มีความเห็นว่าสิ่งที่ครูทำนั้นถูกต้องแล้ว เธอต้องสอนบทเรียนให้เด็กที่มาสายและเพื่อให้ความเป็นธรรมกับนักเรียนที่มาตรงเวลาด้วย และเพราะเวลาที่คุณไปทำงาน ไม่มีใครมาสนใจหรอกว่าคุณมาสายเพราะอะไร บางคนบอกว่าแทนที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมในสังคมออนไลน์ นักเรียนกลุ่มนี้ควรจะแก้ไขปัญหาของตัวเองและควรจะขอโทษสำหรับการมาสายดีกว่า เพราะการมาสายเป็นกลุ่มไม่สามารถนำมาใช้เป็นข้ออ้างได้ ทุกๆ คนควรให้ความสำคัญไปที่ความรับผิดชอบส่วนบุคคลมากกว่า หลังจากที่มีกระแสโจมตีอย่างหนัก นักเรียนกลุ่มนั้นเลยตัดสินใจลบโพสต์ต้นเรื่องไป แต่ก็ยังคงยืนยันว่าพวกเขาสมควรได้รับความเป็นธรรม…
-
สาวจีนซวยเพราะโมหน้ามาใหม่ เครื่องสแกนไม่ให้ผ่าน กลายเป็นว่าตกเครื่องไปโดยปริยาย
ในปัจจุบันนี้ การทำศัลยกรรมพลาสติกถือว่าเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง มีหลายคนที่ได้ไปศัลยกรรมมา ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดา หรือดาราก็ตาม ซึ่งก็จะมีเหตุการณ์แบบที่ว่า ไม่สามารถขึ้นเครื่องบินได้เนื่องจากใบหน้าที่ทำศัลยกรรมมา ไม่เหมือนในบัตรประชาชน เจ้าหน้าที่เลยไม่ให้ผ่าน ในกรณีนี้ก็เช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวชาวจีนวัย 28 ปี แซ่ Zhang โดยเธอนั้นได้จองตั๋วเครื่องบินจาก เฉิงตูไปยังเซี่ยงไฮ้ในวันอาทิตย์ แต่พอเธอไปถึงสนามบินเธอกลับไม่ผ่านจุดตรวจสอบเพราะว่าระบบจดจำใบหน้านั้นไม่สามารถระบุว่าเธอเป็นใครได้ เนื่องจากเธอไปทำศัลยกรรมมา Zhang นั้นได้ให้สัมภาษณ์ว่าเธอพยายามที่จะอธิบายเจ้าหน้าที่แล้วว่าเธอไปทำศัลยกรรมมา แต่ว่าไม่ได้ผล พวกเขานั้นเชิญเธอไปที่สถานีตำรวจเพื่อระบุตัวตน ในตอนหลังเธอต้องวิ่งเต้นไปมาตามสำนักงานราชการต่างๆ เพื่อพิสูจน์ว่าเธอคือ Zhang อยูุ่ถึง 4 ชั่วโมง แต่ว่า ณ ตอนนั้น เครื่องบินรอบของเธอก็ได้ออกไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่และผู้จัดการที่เธอได้พบไปกี่ครั้ง เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากยกเลิกตั๋วเครื่องบินราคา 6,000 บาทของเธอ และสุดท้ายเธอก็ต้องเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ด้วยรถไฟแทน ภายหลังตำรวจได้กล่าวว่าในทุกวันนี้มีผู้คนที่ได้ทำการศัลยกรรมมากขึ้นเรื่อยๆ หากคุณต้องการที่จะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้ ขอแนะนำให้คุณไปอัปเดทบัตรที่สามารถระบุตัวตนของคุณได้ เมื่อไหร่ที่หน้าของคุณนั้นเปลี่ยนไปมากๆ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ก็มีภาพเหตุการณ์คล้ายๆ กันที่กลายเป็นกระแสไปทั่วสังคมออนไลน์ ซึ่งก็คือภาพของ หญิงสาวชาวจีน 3 คน ที่หน้าบวมซึ่งติดอยู่ที่สนามบินเกาหลีใต้ เนื่องจากไม่สามารถระบุตัวตนของพวกเธอได้หลังจากที่ไปศัลยกรรมมา…
-
ดาราจาก Stranger Things ท้าเล่นๆ ว่าจะไปถ่ายรูปสานฝันให้เด็กสาวเมื่อยอดรีทวีตถึง และมันถึงจริงๆ
หลายท่านคงเคยได้ยินชื่อของภาพยนตร์ซีรีส์ชื่อดัง “Stranger Things” ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างท่วมท้นกันมาแล้ว และแน่นอนว่าการที่มีคนชื่นชอบซีรีส์เรื่องนี้จำนวนมากทำให้เหล่านักแสดงนั้นมีชื่อเสียงโด่งดัง และมีคนติดตามบนโลกออนไลน์จำนวนมากด้วยเช่นกัน อย่างเช่นนักแสดงคนนี้ David Harbour ที่ในเรื่องได้รับบทเป็น Jim Hopper ตัวละครหลักของเรื่อง ได้มีแฟนคลับของเขาคนหนึ่ง ชื่อว่า Damaris Fregoso เด็กสาวอายุ 17 ปี จากแคลิฟอร์เนีย เธอเป็นแฟนคลับตัวยงของซีรีส์ Stranger Things ซึ่งเธอได้ติดตาม David บนทวิตเตอร์ และเธอก็ได้โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์โดยมีใจความถาม David ว่าถ้าอยากให้เขาไปถ่ายรูปลงหนังสือรุ่นกับเธอต้องมีจำนวนการรีทวิตเท่าไหร่ แต่เธอกลับต้องตกใจเพราะ David นั้นมาตอบทวิตของเธอด้วย เขาตอบเธอด้วยการหยอกเล่น เอาฮา ว่าถ้าได้ยอดรีทวิตถึงสองหมื่นห้าล่ะก็ เขาจะยอมไปถ่ายรูปหนังสือรุ่นกับเธอด้วย แถมยังใส่เสื้อกันหนาวโรงเรียนพร้อมถือทรอมโบนอีกต่างหาก “ต้องมีจำนวนรีทวิตเท่าไหร่คุณถึงยอมมาถ่ายรูปหนังสือรุ่นกับฉัน” แต่สิ่งที่ทำให้ Damaris ตกใจก็คือการที่ David ตอบเธอแบบติดเล่นว่า “สองหมื่นห้ารีทวิต แล้วเขาถ่ายรูปด้วยโดยที่จะใส่เสื้อกันหนาวของโรงเรียน และก็ถือทรอมโบน” ดังนั้น Noah Schnapp ตัวเอกของเรื่องอีกคน จึงโพสต์ข้อความเพื่อช่วยให้คำขอของเด็กสาวเป็นจริง “มารีทวิตกันเถอะพวกเรา…
-
พบเพชรดิบ 910 กะรัต เทียบเท่าลูกกอล์ฟ 2 ลูก มูลค่าสูงถึง 1,200,000,000 บาท!!
อย่างที่เราทราบกันเป็นอย่างดีว่าเพชรนั้นเป็นหนึ่งในอัญมณีที่มีความสวยงามและชวนหลงใหลอย่างมาก ด้วยประกายแสงที่สะท้อนออกมาจากผลึกของมันนั้นทำเอาหลายๆ คนอยากจะเป็นเจ้าของ และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีรายงานหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ เมื่อมีการค้นพบเพชรขนาด 910 กะรัตในเหมืองเพชรที่ประเทศเลโซโท (ประเทศในแอฟริกา) ที่ทำเอาวงการอัญมณีถึงกับต้องตะลึงเลยทีเดียว เพชรที่ถูกค้นพบครั้งนี้จัดอยู่ในประเภทของ IIa ซึ่งถือเป็นประเภทที่พบได้ยากมาในธรรมชาติ โดยจากรายงานระบุว่าเพชรประเภทดังกล่าวมีเพียงแค่ 1-2 เปอร์เซ็นต์ในธรรมชาติเท่านั้น โดยปรกติแล้วเพชรประเภทดังกล่าวนั้นจะไม่มีสีสันและไม่มีการสะท้อนแสงเหมือนกับเพชรทั่วๆ ไป โดยเพชรน้ำหนักกว่า 182 กรัมนี้ถูกค้นพบในเหมืองเพชรของบริษัท Gem Diamonds บริษัทสัญชาติอังกฤษที่มีฐานการผลิตอยู่ทั่วโลก “ตั้งแต่ที่เราเริ่มทำเหมืองที่เมืองเพชรที่ Letšeng ในปี 2006 เราสามารถขุดเพชรรวมกันได้มากกว่า 603 กะรัตแล้ว และที่เหมืองนี้ก็ถือเป็นแหล่งผลิตเพชรที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว” คุณ Clifford Elphick เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Gem Diamonds กล่าว ทางด้านคุณ Ben Davis ผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณีได้ประเมิณค่าของอัญมณีขนาดใหญ่ก้อนนี้ว่ามีมูลค่ามากถึง 40 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1,200 ล้านบาทเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้ได้มีการค้นพบเพชรก้อนใหญ่ที่ประเทศบอตสวานาด้วยเช่นกัน ซึ่งเชื่อกันว่ามันคือเพชรดิบก้อนที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว โดยมูลค่าของมันหลังจากที่ถูกจำหน่ายออกไปเมื่อปี 2017 นั้นอยู่ที่ 53 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,600 ล้านบาท แผนที่ของเหมือง Letšeng ในประเทศเลโซโท ที่มีการค้นพบเพชรก้อนใหญ่นี้…
-
เหล่าสัตว์เลี้ยงกับการได้เห็นหิมะเป็นครั้งแรก โอ้ววว้าวววววว มันน่าตื่นเต้นจริงจริ๊งงงง!!
การได้เห็นอะไรเป็นครั้งแรก เรามักจะรู้สึกตื่นเต้นเสมอ อย่างเช่น หิมะ เพราะมันคือสิ่งที่บ้านเราไม่มี ดังนั้นเมื่อไปต่างประเทศในช่วงที่หิมะตก อื้อหือ คงจะฟินน่าดู ไม่ใช่แค่เรานะรู้สึกแบบนั้น เหล่าสัตว์เลี้ยงเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน แหม่ บางตัวนี้พอได้สัมผัสกับหิมะเท่านั้นแหละ ติดหนึบไม่ยอมไปไหน 1. ปฏิกิริยาของน้องหมีขั้วโลกน้อยเมื่อเจอหิมะครั้งแรก 2. โอ้ววว สีขาวนี่มันอะไร ห๊า!! หิมะ หิมะ หิม้าาาาาา 3. ได้เห็นหิมะทั้งที ขอเอาหน้าซุกอยู่ในนี้สักพักนะ 4. สุขไหนเล่าจะเท่าการได้เล่นหิมะ ยี้ฮ้าาาา 5. เล่นหิมะครั้งแรก มันก็จะเงอะงะหน่อยๆ อะนะ 6. อู้ววว หิมะมันเป็นแบบนี้หรอเนี่ย 7. น้องหมาวิ่งฝ่าหิมะ เรียกยังไงก็ไม่ยอมกลับ 8. โดนหิมะเกาะเต็มตัวเลย 9. นี่คงจะยังงงๆ อยู่ 10. ทำหน้าแบบนี้เดาไม่ถูกเลยว่าน้องเหมียวรู้สึกยังไงกับหิมะกันแน่ …
-
ภาพสุดซึ้ง “ครอบครัวม้า” ยืนไว้อาลัยทั้งคืน หลังม้าตัวเมียโดนรถชนตายอยู่ริมถนน…
หญิงสาวคนหนึ่งบังเอิญขับรถไปเจอกับฝูงม้า ที่ยืนอยู่ริมถนนด้วยท่าทีสุดอาลัย… ฝูงม้าดังกล่าวได้หายไปนานถึง 36 ชั่วโมง โดยที่ปกติแล้วเมื่อปล่อยมันไปเที่ยวเล่น พวกมันก็จะกลับมาตรงเวลาเสมอ ทางฝั่งเจ้าของก็ตามหามันว่าทำไมมันไม่กลับมาหาผู้ดูแลสักที Hazel ม้าเพศเมียผู้เคราะห์ร้ายโดนรถชนเข้าอย่างรุนแรง และเสียชีวิตคาที่จากอาการขาหักและอาการบาดเจ็บภายในที่เกินร่างกายจะทานไหว ม้าสีดำซึ่งเป็นแม่ของ Hazel และน้องสาว ยืนนำหน้าในการเฝ้าร่างไร้วิญญาณอีกฟากของถนน Sarah Simmons ผู้ที่ถ่ายรูปนี้ไว้ได้กล่าวว่า “ฉันหวังว่าผู้คนจะตระหนักถึงเหตุการณ์แบบนี้(การขับรถเร็ว) มันไม่ใช่แค่เจ้าของม้าที่รู้สึกแย่ แม้แต่ครอบครัวของม้าก็รู้สึกเศร้าไปด้วย” เจ้าของม้าตัวดังกล่าว Cathy Stride แม่บ้านจาก Minstead ในประเทศอังกฤษ พูดถึงภาพถ่ายดังกล่าว เธอบอกว่า “มันเป็นรูปที่ดีมากๆ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าสัตว์ต่างๆ ก็รู้สึกได้เหมือนที่เรารู้สึก” มีการถกเถียงถึงการขับรถเร็วเกินกำหนดในถนนแถบชนบทของอังกฤษ ซึ่งประเด็นดังกล่าวเจ้าของม้าก็ได้พูดออกมาถึงเหล่าคนที่ขับรถเร็วเช่นกัน เมื่อพิสูจน์จากร่องรอยบนถนน พบว่ารถที่ชนเจ้า Hazel นั้นได้เบรกอย่างรุนแรงก่อนแล้ว แต่หลายครั้งที่คนขับรถเลือกที่จะชนไปจังๆ โดยที่ไม่หักหลบ เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรอดชีวิต “พวกเขาขับรถกันเร็วมาก ไม่เว้นช่องให้เจ้าม้าได้ข้ามถนนเลย ม้ามันไม่รู้วิธีข้ามถนนหรอก ถ้าเพียงพวกเขาขับช้าลงและให้มันได้ข้ามถนนบ้าง มันคงไม่ตาย” ที่มา Dailymail
-
เปิดตัวเกม Harry Potter: Hogwarts Mystery เกมแฮร์รี่บนมือถือ สาวกโลกพ่อมดห้ามพลาด!!
สำหรับปี 2018 นั้นเรียกว่าเป็นปีของเกมจากซีรีส์ Harry Potter เลยก็ว่าได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทาง Niantic Lab ผู้เคยฝากผลงานไว้กับ Pokemon GO ก็ได้ประกาศเกมมือถือตัวใหม่ของพวกเขาในชื่อ Harry Potter: Wizards Unite ซึ่งสร้างกระแสฮือฮาให้กับแฟนๆ ได้พอสมควรเลยทีเดียว แต่ในวันนี้เอง ทาง Jam City บริษัทผลิตเกมมือถือที่เคยฝากผลงานไว้กับ Avengers academy ก็ประกาศว่าพวกเขานั้นได้ร่วมมือกับทาง Warner Bros. สร้างเกมใหม่ในชื่อว่า Harry Potter: Hogwarts Mystery ขึ้นมาเช่นกัน Harry Potter: Hogwarts Mystery จะเป็นเกมแนว RPG ที่เราจะต้องรับบทเป็นตัวละคนที่เราสร้างขึ้นมา และเราจะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวของโลกเวทมนตร์อันน่าตื่นเต้น นอกจากนี้ตัวเกมยังให้เราสามารถเลือกบ้านที่อยากจะเข้าร่วมจากทั้ง 4 บ้านได้ด้วยนะ ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องอยู่กริฟฟินดอร์เสมอไป รวมถึงเรายังจะได้เข้าร่วมเรียนวิชาต่างๆ กับศาสตราจารย์ที่เราคุ้นเคยในหนัง . เนื้อเรื่องของเกมนั้นจะถูกปูไว้ในช่วงที่ตัวละครหลักอย่าง…
-
ความเห็นชาวต่างชาติ หลังได้อ่านข่าว “พลเอกประวิตร กับนาฬิกาหรู 25 เรือน” พวกเขาคิดอย่างไร!?
ประเด็นดราม่า “นาฬิกาหรู” ที่กลายเป็นกระแสพูดถึงในประเทศไทยภายในช่วงเดือนที่ผ่านมา ล่าสุดได้ถูกสื่ออังกฤษอย่าง DailyMail นำไปลงข่าวแล้ว ก่อนที่จะอ่านความเห็นของชาวเน็ตต่างชาติที่ได้คอมเม้นท์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว เราลองไปดูการนำเสนอของสื่อต่างชาติกันก่อนว่าตรงกับข้อเท็จจริงมากน้อยเพียงใด… สื่อต่างชาติเจ้านี้ลงพาดหัวเอาไว้ว่า The Rolex general: Thailand’s junta number two has been photographed with 25 different luxury watches worth $1.2 million since a 2014 coup แปลเป็นไทยได้ว่า นายพลโรเล็กซ์ : ผู้นำอันดับ 2 แห่งรัฐบาลทหารของไทย ใส่นาฬิกาหรูต่างกัน 25 เรือน มูลค่ารวมเกือบ 40 ล้าน นับตั้งแต่รัฐประหารเมื่อปี 2014 พวกเขายังเขียนเพิ่มเติมว่า นาฬิกาหรูทั้ง 25 เรือนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ Rolex มากถึง…
-
พ่อไม่อยากให้ลูกรักเปียกฝน เลยต้องจัด “เสื้อกันฝนพิเศษ” แต่ทรงมันดูแปล๊กแปลกนะ!?
ความรักของพ่อแม่นั้นไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ โดยเฉพาะในสถานการณ์คับขัน คนที่เป็นพ่อเป็นแม่สามารถเสียสละได้ทุกอย่างเพื่อลูก ถึงแม้ว่าตัวเองจะลำบากแต่ก็ขอให้ลูกได้ปลอดภัยก็พอ ไม่นานที่ผ่านมานี้ได้มีการเผยแพร่ภาพสุดน่ารักของหนูน้อยชาวมาเลเซียคนหนึ่งที่แต่งตัวด้วยชุดสุดประหลาด ว่าแต่ เอ… ดูไปดูมามันชักจะคุ้นๆ นะ ไอ้หนู เสื้อกันฝนเอ็งเท่มากๆ เหล่าชาวเน็ตที่ได้เห็นภาพของหนูน้อยที่เผยแพร่ออกไปถึงกับต้องขยี้ตามองกันหลายๆ รอบเมื่อ ชุดของเจ้าหนูนั้นทำให้ดูเหมือนกลายเป็นเด็กไร้แขน ซึ่งชุดสุดล้ำแห่งยุค 3018 นี้ถูกจัดขึ้นโดยคุณพ่อนั่นเอง คุณพ่อได้ใช้กางเกงของตัวเองสวมที่ตัวของลูกเพื่อกันฝน แต่ดูเหมือนว่ามันจะยาวไปหน่อย ใส่ได้ยาวถึงคอคุณลูกเลยนะคุณพ่อ แต่ก็สามารถกันฝนได้ สุดยอดเลย คิดได้ไงเนี่ยป๊ะป๋า หลังจากที่ภาพหนูน้อยถูกเผยแพร่ออกไปก็เป็นที่ถูกอกถูกใจของชาวเน็ตเป็นอย่างมาก ทั้งขำทั้งเอ็นดู อ่ออ๊อย รีบๆ โตนะหนู และชาวเน็ตส่วนหนึ่งก้ได้แสดงความคิดเห็นว่า “ตอนแรกก็หาแขนอยู่ตั้งนาน มาแอบอยู่ในกางเกงที่เอง” “ใส่ชุดนี้ออกไปเดินเล่นตอนกลางคืน ชาวบ้านวิ่งป่าราบกันแน่ๆ” “คุณพ่อที่ดีต้องคำนึงถึงลูกเป็นที่หนึ่ง” “ดูหน้าเจ้าหนูนั่นสิ ฮ่าๆ” “ชุดกันฝนรุ่นพิเศษป่าวเนี่ย” ต้องยอมรับนับถือความคิดของคุณพ่อจริงๆ ส่วนหนูน้อยก็กลายเป็นเน็ตไอดอลไปในชั่วข้ามคืนแล้ว ฮ่าาาาาาาา ที่มา liekr,chinatimes
-
นี่ตัวเดียวกันเหรอ… 39 ภาพ Then & Now ของเหล่าสัตว์เลี้ยงที่เคยโทรมสุดๆ ก่อนถูกรับมาเลี้ยง!!!
เชื่อได้เลยล่ะว่าไม่ว่าใครที่ทำผิดมาขนาดไหน ถ้าได้รับโอกาสและการผลักดันที่ดี ก็กลายเป็นคนดีที่ประสบความสำเร็จเหมือนกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งหมาแมวเหล่านี้ พวกมันเคยถูกทอดทิ้ง และสภาพโทรมสุดๆ แต่เมื่อได้รับการรับเลี้ยงและความรัก ก็ทำให้พวกมันเปลี่ยนไปเหมือนได้เกิดใหม่เลยทีเดียว ลองมาชมภาพสุดประทับใจของพวกมันกันเลย แค่ภาพแรกยังสะเทือนใจขนาดนี้… ดูดีขึ้นจนนึกว่าคนละตัวเลยล่ะ และนี่คือโฉมหน้าของพวกมันที่เปลี่ยนไป จากความรักและการดูแลที่ดีของคนเลี้ยงนั่นเอง . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . เรียกได้ว่าเปลี่ยนไปจนจำเค้าเดิมไม่ได้กันเลยทีเดียว ถ้าเจอสัตว์เหล่านี้ก็อย่าลืมเมตตาปราณีพวกมันนะจ๊ะ น่าสงสารมากๆ แต่ก็อย่าลืมในส่วนของขีดจำกัดและความสามารถของเรานะจ๊ะ…
-
“ครอบครัวไม่โอเค” สรุปสาเหตุเลิกรา “เมย์ พิชญ์นาฏ – เจ ชนาธิป” รักที่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน…
หนึ่งในคู่รักข้ามวงการระหว่างนักแสดงสาว เมย์ พิชญ์นาฏ และนักฟุตบอลหนุ่มอนาคตไกล เจ ชนาธิป ที่ล่าสุดหลายสำนักข่าวระบุว่าทั้งสองตัดสินใจแยกทางกันเป็นที่เรียบร้อย เมย์ บอกว่ารักครั้งนี้จริงจัง แม้มีคนไม่ชอบเยอะ จากการเปิดเผยผ่านทางสื่อมวลชน “เมย์ พิชญ์นาฏ” ระบุว่าเธอเองก็รู้ตัวดีว่ามีคนที่ไม่ชอบการคบกันของทั้งคู่ ทั้งจากแฟนคลับของฝ่ายชาย หรือจากคนอื่นๆ ที่ตามข่าวก็ตาม สาเหตุนั้นอาจจะมาจากทั้งการที่ตนอายุ 36 ปีแล้ว รวมถึงการที่เจเป็นนักฟุตบอลดาวรุ่ง หลายคนกลัวว่าติดผู้หญิงจนหมดอนาคต อย่างที่เคยเกิดกับนักกีฬาหลายๆ คน แต่เมย์นั้นยืนยันว่า พร้อมสนับสนุนเส้นทางฟุตบอลของเจทุกอย่าง!? สาวเมย์บอกว่าเธอไม่ขัดข้องถ้าเจจะเดินทางตามความฝัน อย่างเช่น การไปค้าแข้งในลีกประเทศญี่ปุ่น หรือการมุ่งมั่นพัฒนาฝีมือจนอาจจะต้องมีเวลาให้ตนเองน้อยลง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของความสัมพันธ์ ส่วนเรื่องจริงจังถึงขั้นแต่งงานไหม เธอบอกว่ากับคนนี้จริงจังมาก เพราะตัวเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ถึงขั้นไปฝากไข่ เพื่อหวังให้ทุกคนยอมรับ (พูดถึงคนในครอบครัว) แม้คนภายนอกจะไม่ยอมรับก็ตาม ปัญหากับทางครอบครัว!? เธอเปิดเผยว่าชีวิตความสัมพันธ์ของทั้งคู่ต้องผ่านอุปสรรคมากมาย และที่สำคัญคือการต้องมาทะเลาะกับคนในครอบครัวทั้งสองฝ่าย เป็นเรื่องที่เธอรู้สึกอึดอัดมากเกินไป เมย์เล่าว่าเคยมีกระทั่งแฟนคลับของเจ ส่งจดหมายไปทางคุณพ่อของเธอ ทำการต่อว่าต่างๆ นานา ถึงการที่ปล่อยให้เมย์คบกับเจ กลัวว่าฟอร์มในสนามจะตก อนาคตทางฟุตบอลจะแย่ เมื่อเธอได้เห็นจดหมายแบบนั้นก็รู้สึกท้อเช่นกัน บทสรุปรักที่ไปไม่ถึงฝัน… เมย์…
-
ภาพกอดครั้งสุดท้าย หลังคุณพ่อชาวเม็กซิโกจำใจลาจากครอบครัว เพราะนโยบายของทรัมป์
หลังจากที่ประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีมาตรการตรวจสอบผู้อพยพอย่างเข้มงวด ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในอเมริกาจึงล้วนได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้กันถ้วนหน้า เนื่องจากผู้ที่ไม่ได้มีเชื้อสายอเมริกัน หรือกระทั่งเป็นผู้อพยพที่แม้จะมีครอบครัวในสหรัฐอเมริกานั้น ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในประเทศอเมริกาโดยถูกกฎหมายอีกต่อไป ชายชาวเม็กซิกันคนนี้ชื่อว่า Jorge Garcia วัย 39 ปี จำเป็นต้องจากครอบครัวเนื่องจากกฎหมายผู้อพยพของสหรัฐนั้นมีข้อบังคับให้เขาต้องกลับไปอยู่ที่ประเทศบ้านเกิดที่เม็กซิโก ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ รวมแล้วเป็นเวลา 29 ปี เขาใช้ชีวิตเป็นชาวสวนอยู่ในสหรัฐอเมริกาอย่างเงียบๆ มาจนกระทั่งปี 2005 ที่เขาและภรรยาเริ่มช่วยกันต่อสู้เพื่อให้ Jorge มีสิทธิ์โดยชอบธรรมในการอาศัยอยู่ในอเมริกา จากนั้นในปี 2009 หน่วยงาน ICE ได้แจ้ง Jorge ล่วงหน้าว่าจะต้องถูกเนรเทศออกนอกประเทศ ขณะนั้นเองก็มีนโยบาย DACA ที่ Barack Obama อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐได้ออกมาเพื่อครอบคลุมผู้อพยพ โดยมีเงื่อนไขว่าหากผู้ที่มีอายุไม่เกิน 31 ปี ในปี 2012 จะสามารถต่ออายุเพื่ออาศัยอยู่ในประเทศได้ แต่โชคไม่ดีที่ในเวลานั้น Jorge มีอายุได้ 32 ปี ซึ่งเกินมา…
-
“ผมไม่ได้เกิดวันนี้” ลูกน้องรวมตัวเซอร์ไพรส์วันเกิดหัวหน้า เจอเซอร์ไพรส์กลับ เงิบทั้งคณะ ฮ่าๆ
เมื่อวันเกิดของเจ้านายมาถึง เชื่อว่าเหล่าพนักงานทุกคนต่างก็ต้องคอยคิดแผนเซอร์ไพรส์กันอย่างแน่นอนไม่ว่าจะออฟฟิศไหน ก็วันเกิดของเจ้านายอันเป็นที่รักของเราจะให้อยู่เฉยๆ ได้ไงล่ะ ที่ทำไปก็เพราะรักและเคารพทั้งนั้น เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2018 ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Mac Innovation ได้โพสต์คลิปวิดีโอสุดเงิบ ที่เหล่าพนักงานได้รวมตัวกันเซอร์ไพรส์วันเกิดท่านหัวหน้า แต่กลับโดนเซอร์ไพรส์กลับซะไปไม่เป็นเลย เขาได้เขียนคำบรรยายฮาๆ ว่า “16/1/61 เมื่อลูกน้องอยากจะเซอร์ไพส์เค้กวันเกิดหัวหน้า แต่ลูกน้องดันเจอหัวหน้าเซอร์ไพรส์กลับฮ่าๆๆๆ” โพสต์ต้นฉบับ เรื่องมีอยู่ว่าเหล่าพนักงานแอบไปสืบมาว่าวันที่ 16 มกราคม เนี่ยเป็นวันเกิดของหัวหน้าจึงได้จัดแจงซื้อเค้กมา กะจะเซอร์ไพรส์ท่านหัวหน้า หรือพี่แบร์ของลูกน้องทุกคน เอาให้ซึ้งไปเลยงานนี้ คลิปวิดีโอก็เริ่มถ่ายตอนที่พนักงานคนหนึ่งจุดเทียนแล้วเดินถือเค้กปรี่เข้าไปที่หัวหน้ายืนอยู่ พร้อมกับสั่งให้ทุกคนว่า “เอ้า! ร้องเพลงหน่อย” จากนั้นผู้ที่อัดคลิปวิดีโอก็ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ขึ้นมา แต่ยังไม่ทันจบเพลงกลับต้องโดนตัดจบเมื่อพี่แบร์ของน้องๆ บอกว่า “วันนี้ไม่ใช่วันเกิดผม ผมไม่ได้เกิดวันนี้ เมิงบ้าป่าวเนี่ย” หัวหน้าถึงกับอึ้ง คลิปวิดีโอเซอร์ไพรส์เซปชั่น เซอร์ไพรส์มา ก็เซอร์ไพรส์กลับ ไม่โกง!! ทำเอาเหล่าลูกน้องเงิบไปตามๆ กัน พี่แบร์ก็โบกมือและย้ำว่า “วันนี้ไม่ใช่วันเกิดผม” แต่การเซอร์ไพรส์ก็ต้องดำเนินต่อไป ในเมื่อลูกน้องตั้งใจทำมาให้ขนาดนี้ก็ต้องรับไว้เพื่อที่จะไม่ได้เสียน้ำใจ…
-
10 เรื่องจริงเกี่ยวกับ ‘หน่มน้ม’ ที่คุณอาจไม่จำเป็นต้องรู้ แต่รู้ไว้ก็ดี เพราะโม้ให้เพื่อนฟังได้!!
มิตรสหายท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า บนโลกนั้นแบ่งคนเป็น 2 ประเภท ประเภทแรกคือชอบมองหน่มน้ม และประเภทที่สองคือชอบมองก้น เพื่อนๆ ว่าตัวเองเป็นแบบไหนกัน แต่ที่แน่ๆ ผู้เขียนเป็นแบบแรกล่ะ วันนี้เลยจะเอาข้อเท็จจริงของหน่มน้มมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน 1. ค่าเฉลี่ยของหน่มน้มนั้นเพิ่มขึ้นตลอด อ้างอิงตามการวิจัย ค่าเฉลี่ยขนาดของหน้าอกนั้นเพิ่มขึ้นจาก 20 ปีก่อนจากขนาด 34B ปัจจุบันได้มาอยู่ที่ขนาด 34D แล้ว ซึ่งเหตุผลหลักๆ มาจากการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเพศหญิง 2. หน้าอกข้างซ้ายมักจะใหญ่กว่าข้างขวา มันไม่เหมือนกับที่เราคิดว่าหน้าอกนั้นเท่ากัน ซึ่งปกติแล้วหน้าอกคนส่วนใหญ่นั้นมีขนาดที่แตกต่างกัน แต่เพียงแต่ตาเรานั้นไม่สามารถแยกออกนั่นเอง 3. ทุกๆ คนนั้นชอบมองหน่มน้ม! อ้างอิงตามวารสารการวิจัย Sex Role ผู้ชายและผู้หญิงนั้นมักจะจ้องมองไปที่หน้าอกของผู้หญิงที่เพิ่งพบเจอสักสองสามวินาที 4. หน้าอกจะเคลื่อนตัวถึง 8 นิ้ว ขณะที่กำลังวิ่ง ขณะที่เรากำลังวิ่งนั้น หน้าอกจะมีการเคลื่อนตัวเป็นรูปเลข 8 และทำให้เป็นเหตุผลที่น่าอกขยับขึ้นลงได้ถึง 8 นิ้ว 5. การคลึงหน่มน้ม สามารถทำให้ถึงจุดสุดยอดได้ แม้ว่าผู้หญิงจะสามารถถึงจุดสุดยอดของพวกเธอได้เพียงแค่คลึงเต้านมและหัวนมก็ตาม…
-
50% จอมดุ 50% ปั่นหัว รวมๆ แล้วเป็นเสน่ห์ของครูบาอาจารย์ ช่วยทำให้จดจำช่วงดีๆ ในโรงเรียนได้
เมื่อวันครูที่ผ่านมา นั้นเราเขียนถึงประสบการณ์โหดมันฮาเกี่ยวคุณครู ซึ่งจากในข่าวเก่าจะเห็นว่าคุณครูนั้นก็มีประสบการณ์โหด มัน ฮา ไม่แพ้นักเรียนเลยล่ะ ซึ่งมาคราวนี้เป็นทีคุณครูจากต่างชาติที่ทำอะไรประหลาดๆ เจ๋งๆ ที่ชาวเน็ตช่วยกันแชร์มาให้เราได้ชมกัน ไปรับชมกันเล้ย 1. เมื่อคุณครูของคุณ ต้องทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครลอกข้อสอบแน่นอน 2. เช่นกันกับข้อแรก คุณครูคนนี้ก็กันคนลอกกันเช่นกัน 3. นักเรียนคนหนึ่งนั้นได้ F มาและครูบอกให้ไปเจอหลังเลิกเรียน เด็กคนนั้นเครียดมาก พอไปหาครูเพื่อถามว่าเขาทำไรผิด ครูก็ได้เปลี่ยน F เป็น A และก็บอกแบบกวนๆ ว่าเธอกวนทีนครู ครูเลยอยากให้เธอเจอดีดูบ้าง และนักเรียนคนนั้นก็ไม่เชื่อครูคนนี้อีกทั้งปีเลย 4. คุณครูที่ถึงขั้นเอาโลงศพมาที่ห้องเรียน เพราะว่าคะแนนนักเรียนที่ออกมามันต่ำจนแทบจะทำเขาหยุดหายใจเลย ฮ่าๆ 5. มีนักเรียนคนหนึ่งโดดเรียนเพื่อไปสตรีมเกม และมีคนไปฟ้องอาจารย์ อาจารย์เลยเปิดสตรีมของเด็กคนนั้นให้ทั้งคาบได้ดูเลย ฮ่าๆ 6. นักเรียน: *กรอกตา* อาจารย์: กรอกตาไปเรื่อยๆ นะ เผื่อเธอจะเจอสมองที่นั่นบ้าง 7. คุณครูให้น้องเค้าซ้อมทั้งที่ไม่มีขลุ่ย แสดงว่าครูคิดว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ใช่มั้ยครับบบ…
-
เกินจะดูแลไหว… เจ้าเหมียวแสนเศร้า เมื่อมนุษย์ยอมแพ้ทิ้งมันไว้ เพราะโรคที่ทำให้ทรงตัวไม่ได้
นี่คือเรื่องราวของน้องเหมียวพิการที่แสนเศร้า ผู้ถูกมนุษย์ทิ้งเพราะดูแลไม่ไหว แต่แล้วชีวิตมันก็เปลี่ยนไป เมื่อมีมนุษย์ใจดีรับเลี้ยงมันไว้ ประมาณ 1 ปีที่แล้ว เจ้าเหมียวที่เดินเตาะแตะโคลงเคลงไปมา ก็ได้ก้าวเข้ามาสู่หัวใจของหญิงสาว มันเป็นแมวที่ถูกทิ้งไว้ที่ศูนย์รับเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากเจ้าของเก่าคิดว่ามันเป็นแมวที่ดูแลยากเกิน แต่ในที่สุดก็มีคนไม่คิดแบบนั้น จึงได้รับมันมาเลี้ยงต่อ เจ้า Helix แมวพิเศษจากเมืองออสติน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่อยู่ในศูนย์รับเลี้ยงสัตว์ มันทั้งไม่มีที่ไปและสับสน เนื่องจากถูกครอบครัวที่เป็นเจ้าของคนก่อนทิ้งไว้ เพราะเจ้าเหมียวตัวนี้เลี้ยงดูยากเกินไป เจ้าหน้าที่ของศูนย์รับเลี้ยงสัตว์ Maya G จึงได้รีบมาพบกับเจ้าเหมียวจอมโซเซทันที เจ้า Helix ก็ได้ทักทายเธอด้วยการร้องเหมียวอ้อนและโบกอุ้งเท้าไปมา ราวกับว่าอยากที่จะเล่นด้วยและต้องการความรัก ในเวลาไม่นาน เจ้าแมวน้อยก็ได้ย่ำเตาะแตะเข้ามาในหัวใจของเธอ เจ้า Helix นั้นเกิดมาพร้อมกับโรค Cerebellar Hypoplasia ซึ่งอาการของมันจะส่งผลต่อการทรงตัว จึงทำให้มันดูเป็นแมวที่ซุ่มซ่ามและโคลงเคลงไปมาเวลาที่มันเดิน แต่ถึงมันจะทรงตัวไม่ได้ มันก็มีความตั้งใจที่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขอยู่ดี จับนกได้แล้ว เย้! ตั้งแต่เจ้าเหมียว Helix ได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของ Maya มันก็สร้างความสุขและความประทับใจให้เธอด้วยความน่ารักของมันในทุกๆ วัน…
-
ปาร์ตี้ดื่มคุยเรียน… แขกคนไหนที่ได้รับเชิญ จะต้องนำเสนอพาวเวอร์พ้อยท์ เกินเวลาก็ต้องยกหมดแก้ว!?
ในสังคมการเรียนหรือสังคมการทำงาน ย่อมจะมีวันที่นัดกันจัดปาร์ตี้เพื่อคลายเครียด หรือเพื่ออะไรก็ว่ากันไป โดยในปาร์ตี้ปกตินั้นก็จะมีการดื่มเครื่องดื่ม อาหารนิดหน่อยๆ และอาจจะมีเกมให้เล่นด้วย แต่ว่าปาร์ตี้ที่เราจะพูดถึงนี้แปลกออกไปหน่อยเพราะเค้ามีคอนเซ็ปต์คือ “ดื่ม คุย ได้เรียนรู้” มีวิศวกรซอฟต์แวร์คนหนึ่งจาก Seattle ชื่อว่า Michal ซึ่งใช้ทวิตเตอร์ว่า @Miexriir นั้นได้โพสรูปภาพพร้อมข้อความที่เกี่ยวกับปาร์ตี้นี้ว่า “เมื่อคืนฉันไปปาร์ตี้ ที่จะให้ทุกคนนั้นเตรียมการพรีเซนต์อะไรก็ได้ที่พวกเขาสนใจใน 3 นาที ซึ่งฉันได้รางวัลพรีเซนต์ดีด้วยแหละ“ โดย Michal นั้นบอกว่า PowerPoint ที่เธอนำมาพรีเซนต์นั้น เพื่อนของเธอ Clasrisse เป็นคนทำขึ้นมา และ Clasrisse ก็บอกเกี่ยวกับปาร์ตี้นี้ว่า “ดื่มคุยเรียน นั้นถูกสร้างขึ้นมาจากนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ Megan, Michael, Derek, และ Munt จากมหาวิทยาลัย Waterloo ในปี 2012″ “ดื่มคุยเรียนนั้นถูกสืบต่อมาปีต่อปี และถูกเผยแพร่ไปหลายเมืองนอกจาก Waterloo ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Toronto, Seattle, San Francisco, Edmonton และ New York” ทุกคนจะได้รับเวลา…
-
ขมคอก็ขอลา!! หนุ่มขอหย่าแฟนสาว หลังทนไม่ได้กับนิสัย “อาบน้ำปีละครั้ง” ของเธอ
ศาลของเมืองไทเปได้อนุมัติการขอหย่าของคู่สามีภรรยาคู่หนึ่ง โดยฝ่ายสามีเป็นผู้ร้องขอการหย่าเนื่องจากทนไม่ไหวกับพฤติกรรมการดูแลความสะอาดร่างกายของภรรยา ที่เขาอ้างว่า “เป็นการทรมานทางจิตใจ” กันเลยทีเดียว เจ้าทุกข์ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อกับทางสื่อมวลชน กล่าวว่าภรรยาของเขาที่มีสกุลว่า หลิน (Lin) อาบน้ำปีละครั้งเท่านั้น อีกทั้งยังไม่ค่อยแปรงฟันกับสระผมอีกด้วย เขาเล่าว่าเมื่อก่อนแต่งงาน หลินเป็นคนที่อาบน้ำสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งเขายังรับได้ แต่พฤติกรรมนั้นมาแย่ลงหลังจากแต่งงาน การอาบน้ำ แปรงฟัน และสระผมก็ค่อยๆ ทิ้งระยะห่างมากขึ้น กลายเป็นเดือนละครั้ง จนกระทั่งปีละครั้งในที่สุด เจ้าทุกข์เล่าถึงการมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาว่า ด้วยพฤติกรรมการดูแลความสะอาดของภรรยาที่กล่าวมานั้น ทำให้เขาและภรรยามีเพศสัมพันธ์กันประมาณปีละครั้งสองครั้งเท่านั้น พวกเขาจึงไม่มีลูกมาราว 10 ปีแล้ว อีกทั้งยังกล่าวอีกว่า หลินไม่มีงานทำ ซ้ำยังห้ามไม่ให้ตัวเขาเองไปทำงานอีกด้วย เพราะอยากให้อยู่ทำอาหารและดูแลพ่อของเธอที่มีปัญหาในการเคลื่อนไหวร่างกาย (หลังจากพ่อของหลินได้เปิดร้านล็อตเตอรี่ เธอก็ห้ามไม่ให้สามีของเธอไปทำงานใดเลย) “เรายังคงยากจน เพราะเราทั้งคู่ไม่มีใครทำงาน” เจ้าทุกข์กล่าว พร้อมบอกว่าไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่าประกันสุขภาพและค่าใช้จ่ายในการพบทันตแพทย์ได้ เขาบอกว่าเงินที่ใช้จ่ายแต่ละวันนั้นเป็นเงินน้อยนิดที่แม่ของหลินแบ่งให้มาเท่านั้น เจ้าทุกข์บอกว่าเขาแยกตัวออกมาเพื่อหางานในนครซินจู๋ ช่วงปลายปี 2015 แต่ทำงานได้เพียงหนึ่งเดือน ภรรยาของเขาก็ตามมาหาถึงที่เพราะต้องการให้ลาออก เขาจึงตัดสินใจที่จะขอหย่ากับเธอ อีกด้านหนึ่ง หลินกล่าวว่าชายผู้เป็นสามีให้การเท็จเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา พร้อมทั้งบอกอีกว่าพ่อแม่ของหลินดูแลเขาอย่างดีเหมือนเป็นลูกชายแท้ๆ เธอบอกว่าที่เธอปฏิเสธการขอหย่า และตามไปหาสามีถึงที่ทำงานนั้นเป็นเพราะไม่มีการติดต่อกลับมาจากเขาเลย แม่ของหลินนั้นให้เงินแก่ทั้งคู่เนื่องจากเห็นว่าทั้งคู่ไม่มีงานทำมาหลายปีแล้ว ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเลี้ยงพวกเขาขนาดนี้ …
-
หนุ่มจัดงานศพให้ “ปลาสุดที่รัก” มีพิธีรีตองจัดเต็ม ถึงขั้นต้องใส่สูทไว้อาลัย…
นี่คือ Jeremy Milbern วัย 25 หนุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Texas Tech ในเมืองลับบ็อก รัฐเท็กซัส เขาเป็นคนที่รักสัตว์ของเขามากๆ แต่แล้วเมื่อไม่นานมานี้ปลาของเขาสองตัว Tiffany และ Tori ได้ตายอย่างกระทันหัน ซึ่งมันสร้างความโศกเศร้าให้กับเขามากๆ จนวันนั้นทั้งวันเขาไม่เป็นอันกินอันนอนเลยทีเดียว เขาจึงตัดสินใจจะจัดงานศพให้แก่เพื่อนรักทั้งสองอย่างสมเกียรติ เขาจุดเทียน ทำพิธี และสวมชุดสูทตัวเก่งของเขาเพื่อเข้าร่วมพิธีดังกล่าว โดยตลอดช่วงพิธีเขาทำหน้าเศร้าอย่างจริงใจและจริงจัง ภรรยาของเขาได้บันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ ส่วนตัว Jeremy นั้นก็บอกว่า แม้เขาจะเสียใจจากการจากไปของปลาทั้งสอง แต่มันก็สร้างเสียงหัวเราะให้กับภรรยาของเขาได้ ซึ่งเขาบอกว่ามันเป็นสิ่งที่มีค่าและสร้างความสุขมาทดแทนให้เขา และเขาก็จะใช้โอกาสทุกครั้งที่มีเพื่อสร้างเสียงหัวเราะให้กับเธอนั่นเอง จากนั้นไม่นานนัก Jaime น้องสาวของ Jeremy ได้ที่รับภาพเหตุการณ์จากพี่สะใภ้ ก็ได้ทวีตภาพดังกล่าวลงบนโลกโซเชียล งานนี้คนที่มาเห็นก็ต่างพากันชอบใจกันยกใหญ่ ด้วยความที่เขาเป็นคนน่ารักนั่นเอง… พี่สะใภ้ฉันส่งภาพพี่ชายมาให้ ระหว่างเขาที่กำลังจัดงานให้ปลาของเขาอย่างจัดเต็ม ฉันนี่หัวเราะจนน้ำตาไหลเลย ขั้นแรก หาคนที่บ้าและเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดที่คุณรู้จัก ขั้นสอง แต่งงานกับเขา ขั้นสาม รอใช้ชีวิตทั้งชีวิตไปกับการหัวเราะ ฉันจะหาผู้ชายแบบนี้ได้ที่ไหน กลายเป็นเซเลบขึ้นมาในข้ามคืนเลยนะพ่อหนุ่ม…
-
19 ภาพของเหล่าสัตว์ที่พลาดพลั้ง โดนถ่ายภาพตอนไม่ได้ตั้งใจ มนุษย์เลยจำมายำตัดต่อซะเสียหายยิ่งไปอีก!!
เพื่อนๆ เคยมีช่วงเวลาที่แบบ เห็นภาพๆ หนึ่งแล้วจู่ๆ จินตนาการแล่นโดยพลันว่าภาพนี้น่าจะเอาไปแต่งเดิมตรงนี้ๆ หรืออาจจะเอาไปตัดต่อใหม่ภาพนู้นภาพนี้บ้างมั้ยเอ่ย ซึ่งมีเพจเฟซบุคที่ชื่อ Awkward ได้รวบรวมรูปภาพ ฮาๆ เจ๋งๆ ของเหล่าสัตว์โลกต่างๆ ที่ถูกถ่ายแล้วท่าทางของเจ้าสัตว์พวกนี้ทำให้ความคิดของนักตัดต่อมันพลุ่งพล่าน จนเกิดเป็นไอเดียตัดต่อภาพ 19 ภาพดังต่อไปนี้นี่แหละ 1. หมี: สวัสดีครับคุณผู้หญิง คุณพอมีเวลาซักสองสามนาทีมั้ยครับ 2. เฮ้! มองหน้าชั้น แกหาเรื่องชั้นเรอะ 3. เปลี่ยนยาง เช็คหมวกกันน็อกให้ดีๆ ล่ะพวกเจ้าจ๋อ 4. หึหึ แผนการเผาบ้านมนุษย์ สำเร็จไปตามแผน 5. นักดนตรี เล่นตามคอนดักเตอร์เหมียวคนนี้ให้ดีๆ นะ 6. แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วนายจะปกป้องประเทศได้ยังไง!!? 7. This is Spartan!! 8. ข้าคือเจ้าพ่อลิงขาใหญ่ในเขตนี้ไงล่ะ! 9. จะสู้กับชั้นเรอะ!?…
-
คุณพ่อวาดการ์ตูนบน ‘ถุงใส่อาหารกลางวัน’ ให้ลูกชายขี้อาย ได้รับความสนใจจากเพื่อนๆ
ความรักของผู้ที่เป็นพ่อแม่นั้นคือความรักที่แท้จริงที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน คอยดูแลเอาใจใส่ตั้งแต่เรื่องเล็กจนถึงเรื่องใหญ่ รักแท้ที่อยู่ไม่ไกลนั่นก็คือความรักจากพ่อแม่นั่นเอง ยกตัวอย่างคุณพ่อสุดน่ารักประจำวันนี้นั่นก็คือนาย Dominick อาศัยที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ได้เพียรพยายามวาดรูปตัวการ์ตูนต่างๆ ลงบนถุงอาหารกลางวันของลูกชายในทุกๆ วัน คุณพ่อเปลี่ยนจากถุงกระดาษสีน้ำตาลธรรมดาๆ ให้กลายเป็นผลงานศิลปะสุดเจ๋ง เพราะว่าอยากให้ลูกชายได้เข้าสังคม เขารู้ว่าลูกชายสุดที่รักของเขานั้นเป็นคนที่ขี้อายไม่ค่อยกล้าคุยกับใคร จึงได้หาวิธีให้ลูกเป็นที่สนใจด้วยการวาดภาพลงบนถุงกระดาษที่ใส่อาหารกลางวันไปโรงเรียน ภายในระยะเวลา 4 ปี บนถุงกระดาษกว่า 550 ใบ ที่คุณพ่อได้วาดลงไปนั้นไม่ได้มีแค่ตัวการ์ตูนที่ลูกชอบ บางครั้งก็ยังมีรูปของบุคคลที่มีชื่อเสียง เอาเป็นว่าเราไปดูตัวอย่างผลงานของเขากันเลยดีกว่า คุณพ่อผู้วาดภาพลงบนถุงอาหารกลางวันให้ลูกชาย วาดเป็นลวดลายต่างๆ สัตว์ที่ลูกชอบ ตัวการ์ตูนดังๆ หลายเรื่อง แนวสยองขวัญก็มานะ The Guardians of the Galaxy บุคคลที่มีชื่อเสียงด้านต่างๆ เจ้าหญิงเลอา โตโตโร่ ถุงอาหารกลางวันของลูกชาย นอกจากจะอิ่มท้องแล้วยังอิ่มใจ เรื่อง Beauty and the Beast…
-
เจ้าเหมียวร่อแร่ ใกล้ตายบนถนน ถูกมนุษย์นำมาชุบชีวิตใหม่ จนตอนนี้ขนฟูสวยงาม!!
เพื่อนๆ เคยเห็นภาพหรือวิดีโอในเน็ตที่แบบเจอลูกแมวอยู่ข้างทาง ข้างถนน แบบนี้บ่อยๆ ใช่มั้ย ในคลิปก็มักจะมีคนมีน้ำใจลงไปช่วยมันซึ่งมันเป็นภาพที่คนรักสัตว์อย่างเราเห็นแล้วรู้สึกว่ามันทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นอีกมากเลยละ และในข่าวนี้ก็เช่นกัน มีคนไปเจอเจ้าเหมียวที่สภาพร่อแร่อยู่ข้างทางหลวง อาการของมันถือว่าใกล้ตายเลยละ Chatons Orphelins Montréal ซึ่งเป็นกลุ่มช่วยเหลือในพื้นที่ เมือง Montreal ในประเทศแคนาดา ได้ทราบข่าวก็รีบไปนำตัวมันกลับมารักษาทันที ซึ่งคิดว่าอายุของเจ้าเหมียวตัวนี้น่าจะประมาณ 2 ปี มันต้วเล็กมากๆ และผอมเหลือแต่กระดูก มันมีแผลบนใบหน้าและจมูกของมันด้วย แน่นอนก็ไม่มีใครแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของของมัน Chatons Orphelins Montréal ได้บอกว่า “พวกเราตั้งชื่อให้มันว่า Blanche-Neige ซึ่งแปลว่าหิมะขาวในภาษาฝรั่งเศษ และมันก็ดูดีใจที่ได้เข้ารับการรักษา” ซึ่งเจ้าเหมียวนั้นถือว่าเป็นคนเก่งของที่คลินิกเลยล่ะ มันขี้อายนิดๆ แต่ว่ามันก็รู้ว่าพวกเขากำลังช่วยมันและไม่ทำตัวดื้อซน “มันเคยมีครอบครัวมาก่อนจะมาอยู่ข้างถนนแน่นอน การใช้ชีวิตข้างนอกบ้านมันน่าจะยากสำหรับมัน ถ้าหากมันไม่ถูกพบเข้า มันจะมีชีวิตรอดไม่เกินหน้าหนาวแน่ๆ แต่ตอนนี้มันก็ได้รับชีวิตใหม่แล้ว” Chatons Orphelins Montréal ยังกล่าวต่อ เจ้าหิมะขาวนั้นได้รับยาป้องกันการติดเชื้อ จากนั้นไม่กี่วันต่อมามันก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการรักษาและพักผ่อน มันต้องสวมปลอกคอกันเลียหลังจากทำหมัน และยามที่มันได้กลับมารักษา มันก็จะดีใจเพราะมันรู้สึกว่าสามารถอยู่ที่นี่ได้เหมือนเป็นบ้าน พวกเขานั้นทำการรักษาดวงตาที่ติดเชื้อของมันอย่างต่อเนื่อง และรักษาทุกอย่างเท่าที่มันควรจะได้รับ Mathilde แม่บุญธรรมของเจ้าหิมะขาวได้กล่าวว่า “เจ้าหิมะขาวนั้นหลับนานมากในวันแรกที่มาถึงบ้านอุปถัมภ์ของมัน ขณะที่มันนั้นพื้นตัวขึ้นมามากแล้วหลังจากผ่านความเจ็บปวดมามาก” เมื่อมันได้ถอดลำโพงที่คอออก มันก็เริ่มเปลี่ยนแปลง…
-
สาวรับแมวน้อย อายุ 10 วัน กลัวจะโดนแมวโตที่บ้านรังแก แต่เฮ้ย… มันเข้าแก๊งเดียวกันเฉย!!
ในช่วงชีวิตที่อ่อนแอที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิต ก็คงจะเป็นวัยแบเบาะหรือวัยทารก ที่บางครั้งเราก็ยังไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ เพราะว่าอาจจะยังมีร่างกายไม่แข็งแรง หรือยังมีแต่ความไร้เดียงสา ซึ่งหากออกไปสู่โลกภายนอกก็อาจจะเกิดอันตรายแก่ตัวเองได้ และด้วยความที่หญิงสาวคนหนึ่งเข้าใจกฎของธรรมชาติข้อนี้เป็นอย่างดี เธอจึงได้รับอุปการะลูกแมวถูกทิ้งตัวหนึ่ง และไม่เพียงเท่านั้นเธอยังทำให้มันพบกับครอบครัวแมวครอบครัวหนึ่ง ที่ในตอนนี้ได้กลายเป็นเสมือนกับพี่น้องของมันเลยก็ว่าได้ Colby แมวน้อยวัย 10 วันที่ถูกทิ้งอย่างน่าสงสาร เจ้าแมวน้อยสุดน่ารักชื่อว่า Colby ได้เข้ามาอยู่ที่สถานสงเคราะห์ Nevada SPCA No-Kill Animal Shelter ที่ในตอนนั้นมันมีอายุเพียงแค่ 10 วันเท่านั้น โดยมันได้รับการช่วยเหลือจากหญิงสาวใจดีชื่อว่า Stacey ชาวรัฐฟลอริด้า ที่ได้ไปพบเจอเข้าโดยบังเอิญ ซึ่งในขณะนั้น Stacey กำลังดูแลแม่แมวชื่อว่า Tasha พร้อมกับลูกๆ ของมันอีกทั้งสองตัวอยู่ ดังนั้นการได้เจอลูกแมวตัวนี้เดินโซซัดโซเซอยู่ เธอจึงรู้ในทันทีว่ามันต้องการความช่วยเหลือเป็นการด่วน กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแมวแม่ลูก “สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกแมวน้อยตัวนี้คือการได้อยู่กับแม่แมวและแมวตัวอื่นๆ ดังนั้นฉันจึงนำมันมาหาเจ้า Tasha เพื่ออยากรู้ว่ามันอยากจะรับเลี้ยงดูแมวน้อยตัวนี้หรือไม่ “ Stacey กล่าว และดูเหมือนว่าแม่แมวตัวนี้ จะมีจิตใจแห่งความเป็นแม่ที่เต็มเปี่ยม เพราะทันทีที่หญิงสาววางแมวน้อยให้อยู่ในอ้อมอกของมัน มันก็เริ่มทำความสะอาดให้กับสมาชิกใหม่ของครอบครัวมันทันที นอนกอดกันกลมเชียว…
-
สิ่งที่ผู้คนเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับ ‘การปั๊มหัวใจ’ ไม่ได้ช่วยทำให้หัวใจหยุดเต้นกลับมาตามปกติได้
ในนาทีชีวิต ที่ผู้ป่วยกำลังจะหมดลมหายใจลง เราก็เคยอาจจะเห็นอุปกรณ์ที่ชื่อว่า ‘เครื่องปั๊มหัวใจ’ ช่วยชีวิตของผู้คนมาแล้วมากมาย แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วเครื่องปั๊มหัวใจไม่สามารถทำให้หัวใจที่หยุดเต้นแล้วสามารถกับมาทำงานได้ อีกทั้งยังมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับเจ้าเครื่องนี้เกิดขึ้นอย่างมากมาย และในวันนี้ทางเพจที่มีชื่อว่า 1412 Cadiology ก็ได้นำความจริงเกี่ยวกับเครื่องช่วยชีวิตอันนี้ มาให้หลายคนได้ทราบถึงความสามารถจริงๆ ของมันกัน ซึ่งบางทีสิ่งที่เราเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องนี้มาตลอด อาจจะเป็นสิ่งที่ผิดก็เป็นได้ และความจริงที่ว่านั้นจะเป็นอย่างไร ก็ไปเรียนรู้พร้อมๆ กันเลยดีกว่า เครื่องปั๊มหัวใจสามารถทำให้หัวใจที่หยุดเต้นแล้ว กลับมาเต้นอีกครั้งได้จริงหรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่จริง เพราะว่าหัวใจที่หยุดเต้นลงไปแล้ว ไม่ว่าจะใช้กระแสไฟฟ้าแรงสูงขนาดไหน ก็ไม่สามารถที่จะทำให้มันกลับมาเต้นได้อีกครั้งหนึ่ง แล้วทำไมคุณหมอจึงเอาไฟฟ้ามาช๊อคใส่คนไข้กันล่ะ ที่เราเห็นคุณหมอนำกระแสไฟฟ้ามาช๊อคใส่คนไข้ก็เพราะว่า ต้องการจะทำให้หัวใจที่เต้นเร็วเกินไปกลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากหัวใจที่เต้นเร็วเกินไป จะทำให้หัวใจไม่สามารถบีบเลือดออกไปได้นั่นเอง เต้นเร็วเกินไปแล้วเอาไฟฟ้ามาช๊อคใส่ทำไมอีก นั่นก็เป็นเพราะว่าสาเหตุหนึ่งที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีหัวใจเต้นเร็วเกินไป ก็คือไฟฟ้าลัดวงจรในหัวใจ และการที่เรานำไปไฟฟ้าไปช๊อคนั้น ก็เพื่อจะให้เซลล์ทุกเซลล์ในหัวใจถูกกระตุ้น และเข้าสู่ระยะพักฟื้นพร้อมกันทั้งหมด เหมือนการรีเซ็ตเพื่อทำงานใหม่พร้อมๆ กันก็ว่าได้ ถ้าอย่างงั้นก็แสดงว่าการรักษาผู้ป่วยที่หัวใจหยุดทำงาน การช๊อคหัวใจต้องรีบทำให้เร็วที่สุดล่ะสิ ถูกต้องครับ ซึ่งหากเป็นเหตุการณ์ที่ฉุกเฉินเราก็อาจจะใช้การกดหน้าอกบีบเลือดออกจากหัวใจซื้อเวลาไปก่อน และต้องทำการช๊อคหัวใจให้เร็วที่สุดแต่ไม่ใช่ลากเครื่องมาแล้วช๊อคไฟฟ้าทุกราย เราลากเครื่องมาเพื่อตรวจให้แน่ใจว่าหัวใจหยุดทำงานจากหัวใจเต้นเร็วเกินไปจริงรึเปล่า ถ้าใช่ถึงจะสามารถทำการช๊อคได้ …
-
กลุ่มหญิงชาวจีนผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็น ‘แม่มด’ ต้องรวมตัวกัน จากความเชื่อผิดเพี้ยนที่ยังคงอยู่…
แม้ว่าปัจจุบันโลกของเราจะมีวิทยาการล้ำยุคขนาดไหน แต่ความเชื่อในเรื่องของไสยศาสตร์หรือว่ามนต์ดำ ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ในประเทศต่างๆ ตลอดเวลา ซึ่งความเชื่อในเรื่องเหล่านี้ ก็ทำให้บางคนต้องได้รับความเดือดร้อนจากการถูกกล่าวหา อย่างเช่น ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด ปิศาจ ต่างๆ นานา จนทำให้ชีวิตของพวกเขาเหล่านี้พังพินาศกันเลยก็เคยมีให้เห็นเช่นเดียวกัน และนี่ก็คืออีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นจริงบนโลกใบนี้ เมื่อมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งถูกหมางเมินจากคนในหมู่บ้าน จากการถูกตราหน้าว่าเป็นแม่มด ทำให้พวกเขาต้องรวมตัวกันเพื่อเอาชีวิตรอด… จากรายงานที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร Nature Human Behavior เมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ทีมนักวิจัยที่ศึกษาในเรื่องนี้ได้ออกมาเปิดเผยถึงข้อมูลอันโหดร้ายบนโลกใบนี้ว่า ณ หมู่บ้านเกษตรกรรมแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศจีน มีคนจำนวนถึง 13.7% ของจำนวนชาวบ้านทั้งหมดถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มมนตร์ดำ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ชาวบ้านเรียกพวกเขาว่า Zhu หรือแปลได้ว่าแม่มดนั่นเอง “เหล่า Zhu มักถูกกล่าวหาว่า พวกเขาสามารถบังคับงูได้ หรือสามารถวางยาพิษในจานอาหารของผู้อื่นได้ โดยเพียงแค่ใช้ตาเปล่าเท่านั้น” Ting Ji นักมานุษยวิทยาแห่งสถาบันวิทยาศาสตร์จีนหนึ่งในทีมวิจัยนี้ กล่าว ซึ่งพวกชาวบ้านเชื่อกันว่ากลุ่มแม่มดที่ว่านี้ จะสามารถส่งผ่านเชื้อแม่มดของพวกเขาได้ ผ่านสิ่งของมีค่าต่างๆ อย่างเช่น ผ้าไหม ทองคำ หรือเครื่องเงิน จึงทำให้การแพร่ระบาดของการเป็นแม่มดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อครอบครัวไหนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นพวก Zhu แล้ว พวกเขาเหล่านี้ก็จะมีผู้คบค้าสมาคมที่ลดน้อยลง รวมถึงก็จะถูกรังเกียจจากชาวบ้านทั่วไปมากขึ้นอีกด้วย…
-
เจ้าหมาขี้เหงาไม่ชอบอยู่บ้านคนเดียว เจ้าของเลยรับแมวเหมียวมาเป็นเพื่อนมันซะเลย!!
บนโลกนี้ไม่ว่าใครๆ ต่างก็ไม่ชอบความเหงา ความเปล่าเปลี่ยวด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งความรู้สึกนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นแต่กับคนเท่านั้น แต่สำหรับสัตว์แล้วพวกมันก็มีความรู้สึกเช่นนี้เหมือนๆ กับเรา ซึ่งอาจสังเกตได้จากสีหน้าและอารมณ์ของมัน เหมือนกับเจ้าหมาตัวนี้ที่ไม่ชอบการต้องอยู่อย่างลำพัง มนุษย์ผู้ใจดีเลยเอาแมวมาอยู่เป็นเพื่อนซะเลย โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ Samantha Kreisler ชาวรัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ตัดสินใจรับเลี้ยงหมาตัวหนึ่งจากสถานสงเคราะห์ โดยเธอตั้งชื่อให้แก่มันว่า Lady นอนกกกันราวกับแม่ลูกเลย ซึ่งนอกจากปัญหาเรื่องผิวหนังของมันแล้ว เธอได้สังเกตสิ่งที่ผิดปกติอีกอย่างหนึ่งของเจ้าหมาตัวนี้ และดูเหมือนกับเป็นปัญหาที่ใหญ่มากด้วย เพราะสิ่งที่เธอรับรู้ก็คือ มันมักจะมีอาการวิตกกังวลเป็นอย่างมากเมื่อจะต้องอยู่ตัวเดียว “ฉันเห็นมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ว่ามันมักจะมีสีหน้าเป็นกังวล เมื่อต้องอยู่ตัวเดียว” Samantha กล่าว มาซบอกพี่มา เจ้าหมาขี้เหงา ซึ่งปัญหานี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี้ยงไม่ได้ เพราะด้วยความที่ Samantha ยังเป็นนักเรียนอยู่ ทำให้เธอต้องออกไปเรียนที่โรงเรียนตลอดทั้งวัน แต่เธอก็ได้เกิดไอเดียสุดบรรเจิดขึ้นมาเพื่อจะแก้ไขปัญหาดังกล่าว และดูเหมือนว่าผลลัพธ์ของมันจะทำให้น้องหมาดีใจแบบสุดๆ เลยทีเดียว โดยสิ่งที่เธอนำมาแก้ปัญหาให้กับหมาตัวนี้ก็คือ การหาสัตว์สักตัวมาอยู่เป็นเพื่อนกับมัน และปรากฏว่าสิ่งมีชีวิตที่เธอพามาก็คือเจ้า Bruce แมวที่ชอบมาคลอเคลียกับเจ้า Lady นั่นเอง แค่อยู่ใกล้ๆ ก็สุขใจ “Lady ชอบที่จะไปคลุกคลีอยู่กับแมวตัวหนึ่งในละแวกบ้านของฉัน ฉันเลยตัดสินใจรับมันมาเลี้ยงเพื่อจะคลายเหงาให้กับมันทั้งคู่ซะเลย” “มันเป็นแมวจรที่มักจะชอบเดินเข้าออกบ้านของฉันเสมอ มันจึงค่อนข้างจะคุ้นเคยกับหมาของฉันเป็นอย่างดี” Samantha กล่าว…
-
วิธีรอดพ้นภัยหนาวน่ารักๆ ของ ‘อัลลิเกเตอร์’ โผล่จมูกตุ๊บป่องไว้หายใจ ก่อนแม่น้ำเป็นน้ำแข็ง!?
จระเข้อเมริกัน (อัลลิเกเตอร์) นั้น ดำรงชีวิตอยู่บนโลกมากว่า 150 ล้านปี เป็นผู้รอดชีวิตมาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์จนถึงยุคปัจจุบัน บอกได้เลยว่า พวกมันมีทักษะการเอาตัวรอดที่สุดยอดเลยทีเดียว แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พายุบอมบ์ไซโคลน ที่ได้นำพาฤดูหนาวมาสู่พื้นที่แถบตะวันออกส่วนมาก ทำให้เห็นถึงวิธีการเอาตัวรอดนี่น่าทึ่งของเจ้าพวกอัลลิเกเตอร์เหล่านี้ Shallotte River Swamp Park ที่รัฐนอร์ธแคโรไลน่า เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของอัลลิเกเตอร์ที่ได้รับการช่วยเหลือจากการถูกจับ จากเหตุการณ์ที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ผ่านมายังพื้นที่ แหล่งน้ำที่เป็นที่อยู่อาศัยของพวกมันจึงกลายเป็นน้ำแข็ง แต่แทนที่พวกมันจะติดอยู่ใต้น้ำแข็งนั้น พวกมันกลับโผล่จมูกขึ้นมาจากผิวน้ำแข็งแทน ทำให้สามารถหายใจได้ ในขณะส่วนที่เหลือของร่างกายนั้นจมอยู่ใต้น้ำ George Howard ผู้จัดการทั่วไปของสวนแห่งนี้ ได้บันทึกวีดิโอ และบรรยายอัลลิเกเตอร์เหล่านี้ว่าเป็น “วิธีการเอาตัวรอด” “อัลลิเกเตอร์โตเต็มวัยนั้นสามารถมีชีวิตอยู่รอดใต้น้ำแข็งได้ พวกมันทำตัวให้จม แต่โผล่จมูกขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ถึงแม้ว่าน้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง พวกมันก็ยังสามารถหายใจได้ ถือว่าเป็นตัวอย่างการเอาชีวิตรอดที่สุดยอดเลยทีเดียว” การใช้เทคนิคนี้ ไม่ใช่เป็นแค่วิธีเดียวที่เหล่าสัตว์พวกนี้รับมือกับอากาศหนาว เหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เข้าสู่ภาวะจำศีล เมื่ออุณภูมิต่ำลง พวกมันก็เข้าสู่ภาวะ Brumation ที่คล้ายๆ กับจำศีล โดยการทำให้ร่างกายเผาผลาญช้าลง เพื่อประหยัดพลังงานไว้ แต่โชคดีที่อัลลิเกเตอร์พวกนั้นไม่ได้อยู่ใต้น้ำแข็งนานเกินไป เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทางสวน Shallotte River…
-
9 สัญญาณที่บ่งบอกว่า ‘เจ้าเหมียว’ หลงรักคุณเข้าจริงๆ แล้วล่ะ ถ้ามันทำแบบนี้ก็จงภูมิใจไว้เถอะ หึๆๆๆ
แมวนั้นเป็นสัตว์ที่ดูค่อนข้างหยิ่ง หรือบางทีก็ดูน่ากลัว เนื่องจากความนิ่งของมัน คนที่เลี้ยงแมวนั้น บางทีอาจจะดูไม่ออกว่าแมวที่เลี้ยงอยู่ มันรักเจ้าของหรือไม่ บางคนก็บอกว่าแมวนั้นไม่เป็นมิตร แต่ว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริงเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องจริงที่แมวนั้นแสดงออกไม่ค่อยเก่งเหมือนกับสุนัข แต่พวกมันก็แสดงออกในวิธีของมัน ซึ่งเราจะต้องสังเกตเอง ถึงจะเห็นและรู้สึกได้ นี่คือ 9 ตัวอย่างสัญญาณที่เหล่าแมวๆ แสดงให้เห็นว่าพวกมันก็รักคุณเหมือนกัน 1. แมวของคุณจะชอบกัด หวังว่ามันจะกัดไม่แรงนะ 2. มันจะเดินตามและคลอเคลียคุณตลอดเวลา 3. แมวของคุณจะชอบนวดให้ 4. มันจะกระตุกปลายหางของมัน 5. มันจะครางออกมา 6. มันจะจ้องตาคุณ และถ้าโชคดี มันจะเข้ามาจูบคุณด้วย 7. บางทีก็มีของขวัญมาให้ อาจจะเป็นซากนก หรือซากหนูก็ได้ 8. มันจะนอนโชว์พุงของมันให้เราเห็น 9. มันจะชอบเอาหัวมาชนเรา สำหรับคนที่เลี้ยงแมว เคยเจอพฤติกรรมไหนกันมาแล้วบ้าง แสดงความคิดเห็นกันมาได้เลย ที่มา…
-
รวม 20 เหล่าบุคคลพิสูจน์ให้เห็นว่า “อัจฉริยะ” กับ “คนขี้เกียจ” มันมีแค่เส้นบางๆ กั้นอยู่!!
เมื่อเรามีความจำเป็นที่จะต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบฉุกเฉิน ความคิดสร้างสรรค์ของเราก็จะพุ่งขึ้นมาทันที แต่ความคิดสร้างสรรค์นั้นจะทำให้แก้ปัญหาได้ หรือทำให้ปัญหานั้นหนักกว่าเดิมนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง นี่คือ 20 ไอเดียสร้างสรรค์จากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ที่ขึ้นอยู่กับคุณว่า จะตัดสินใจให้เป็นความล้มเหลว หรือเป็นความสำเร็จที่แสนจะอัจฉริยะกันแน่ 1. เก้าอี้โยกสุดขี้เกียจ เมื่อภรรยาของคุณอยากได้เก้าอี้โยกไว้นั่งหน้าบ้าน และคุณสร้างมันขึ้นมาเองจากสิ่งของรอบตัว ภายในไม่ถึง 5 นาที 2. โซฟาลังเบียร์ ถ้าบ้านของคุณเต็มไปด้วยลังเบียร์ อย่าโยนมันทิ้ง จากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทางด้าน DIY คุณสามารถนำมันมาทำเป็นโครงโซฟาหรือเตียงได้ 3. ที่กดสบู่ที่ใช้งานได้ จากน้ำมือของสุดยอดวิศวกรผู้ที่ดันไม่รู้ว่าเครื่องกดสบู่นั้นต้องเติมอย่างไร โชคดีที่เขายังรู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ก็เลยได้วิธีง่ายๆ มาช่วย 4. ล้อจักรยานโรลเลอร์สเก็ต จักรยาน 5 ล้อคันนี้สามารถใช้ขี่ได้แน่นอน แต่จะเบรคอย่างไร?ถ้าต้องเลี้ยวละ? ไม่แน่อาจจะชนเข้ากับเสาข้างถนนก็ได้นะ 5. ล้อหน้ารถเข็น อีกหนึ่งทางเลือกหากล้อหน้าของคุณหายไป นอกจากจะขี่ได้แล้ว ยังสามารถใช้จ่ายตลาดได้อีกด้วย แต่ปัญหาใหญ่ก็คือการเลี้ยว และเศษหินตามทาง 6. รถยนต์สามล้อ สุดยอดนวัตกรรมแห่งวิศวกรรมเครื่องกล ประโยชน์ของรถคันนี้ก็คือ อาจจะใช้ใบขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ขับก็เป็นได้…
-
หมาเชาเชา สุดเศร้าอยากเจอคุณยายใจจะขาด เฟซไทม์หาคุณยายบอกว่าเมื่อไหร่จะกลับฮะะะะ T T
สำหรับเหล่าเจ้าตูบแล้ว…แค่เพียงเราออกไปทำงานในตอนเช้าและกลับบ้านมาในตอนเย็น พวกมันก็เหงาหงอยกันมากเสียจนบางครั้งมันก็ทนไม่ไหวที่ต้องแสดงความดีใจส่ายหางดุ๊กดิ๊กเมื่อเห็นเรากลับบ้านมาเลยทีเดียว แต่ถ้าหากเราหายไปเป็น สัปดาห์ ล่ะก็ พวกมันจะเป็นยังไงกันบ้างนะ? บางทีเจ้าหมาเองก็ไม่ได้เหงาร้องหาเฉพาะตัวเราเท่านั้น มันอาจจะคิดถึงสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ ของเราอีกด้วย บางทีเจ้าหมาคงคิดว่าครอบครัวของเราก็คือครอบครัวของมันเหมือนกันละนะ อย่างเช่น เจ้าตูบ เชาเชา ตัวนี้ ที่กำลังทำท่าทางการออดอ้อนสุดน่ารักของมัน เมื่อ “คุณยาย” ของบ้าน ต้องออกไปทำงานที่อื่นตั้งหลายสัปดาห์ หลังจากเจ้าตูบเห็นคุณยายออกจากบ้านไปน๊านนาน มันจึงเกิดความคิดถึง จนคุณแม่ทนไม่ไหวถึงกับต้องเปิด “FaceTime” เพื่อให้มันได้คุยกับคุณยายเลยล่ะ และเมื่อมันเห็นหน้าคุณยายปรากฏขึ้นบนหน้าจอเท่านั้นแหละ มันก็เริ่มทำการออดอ้อนสุดน่ารักทันทีเลยเชียว เมื่อคุณยายเห็นเจ้าตูบ เธอจึงบอกรักเจ้าตูบพร้อมกับสัญญาว่าจะรีบกลับ จากนั้น ทุกคนก็เห็นว่ามันทำเสียงอ้อนอย่างหงอยๆ ราวกับจะพูดออกมาว่า “กลับมาเร็วๆ จิ คุณยายยย” ก็แน่นอนล่ะ เพราะคุณยายได้ออกจากบ้านไปตั้ง 3 สัปดาห์ น้องเชาเชา ตัวนี้จึงเหงาหงอยจนทนไม่ไหวเลยต้องอ้อนหงิงๆ ออกมาเลยทีเดียว แต่สุดท้าย การอ้อนของมันก็เป็นผล หลังจากที่คุณยายกลับบ้านมา เธอก็จุ๊บเจ้าตูบเป็นของขวัญชิ้นใหญ่เลยล่ะ! ส่วนด้านล่างนี้ก็คือวิดีโอที่ถ่ายเจ้าตูบตอนที่มันออดอ้อนคุณยาย ลองไปดูกันว่ามันน่ารักน่าหยิกขนาดไหน… นี่ละนะ หากเราให้ความรักกับเจ้าตูบของเรามากๆ มันก็มักจะแสดงอาการน่ารักๆ ให้เราได้ยิ้มแย้มกันอยู่เสมอเลย…
-
ภาพน่ารัก “คุณพ่อผู้ใช้แรงงาน” มานั่งในสถานีรถไฟใต้ดินทุกวัน ใช้ไวไฟฟรีคอลหาลูกเมีย
การที่ต้องอยู่ห่างไกลครอบครัวนั้น สำหรับบางคนเป็นอะไรที่ทำใจได้ยากยิ่ง เนื่องจากความเป็นห่วง ความคิดถึงที่มีให้กับครอบครัวนั้น มันทำให้คนไกลรู้สึกทรมานใจยิ่งนัก ดังนั้นหลายคนที่ต้องออกไปทำงานห่างไกลครอบครัว จึงจำเป็นต้องหาทางติดต่อกับครอบครัวอยู่บ่อยๆ เพื่อลดความคิดถึงและห่วงหา แต่สำหรับบางคนนั้น การติดต่อกลับหาครอบครัวก็ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ มันอาจจะต้องแลกมาด้วยความพยายามอย่างมาก ดังเช่นแรงงานชาวจีนผู้นี้ที่เขาจะต้องมาที่สถานีรถไฟใต้ดินทุกๆ วัน เพื่อใช้บริการ “ไวไฟฟรี” ของสถานีในการโทรหาภรรยาและครอบครัว นาย Ge Yuanzheng แรงงานก่อสร้างในเมืองทางจีนตะวันออก ซึ่งอพยพมาจากมณฑลเหอหนาน เขามีรายได้น้อยแถมยังต้องอาศัยอยู่ในหอพักแสนธรรมดากับเพื่อนร่วมงาน เขาจำเป็นต้องประหยัดเงินกระทั่งแม้ไปเที่ยวเขาก็ยังไม่กล้าไปสถานที่ดังๆ เนื่องจากกลัวจะเสียค่าใช้จ่ายที่มากเกินไป Ge พยายามติดต่อครอบครัวทุกวัน แต่เขาเองก็ยังต้องประหยัดและเก็บออมเงินที่ได้มาแสนยากลำบาก เขาเลยเลือกที่จะใช้บริการดีๆ ของสถานนีรถไฟใต้ดินอย่างอินเทอร์เน็ตไวไฟฟรีนั่นเอง เขาเล่าว่าเขาต้องเดินมาที่สถานีทุกๆ คืนเพื่อใช้สัญญาณไวไฟติดต่อและพูดคุยสนทนากับครอบครัว โดยเมื่อเดือนก่อนก็มีคน ถ่ายรูป ของเขาขณะโทรหาครอบครัวมาโพสต์ลงอินเทอร์เน็ต ครั้งแรกที่ภรรยาของ Ge เห็นภาพดังกล่าวบนอินเทอร์เน็ต เธอรู้สึก ไม่พอใจ ที่มีคนถ่ายรูปเขาที่อุตส่าห์เดินลัดเมืองมาเพื่อแค่โทรบอกรักภรรยา แต่เมื่อ Ge ได้อธิบายว่าเขาไม่เป็นไร ทุกๆ อย่างปกติดี เธอจึงให้กำลังใจเขาแทน เขาและภรรยานั้นมีลูกด้วยกัน 2 คน ลูกชายของเขาทำงานแล้ว ในขณะที่ลูกสาวของเขานั้นกำลังเล่าเรียนเพื่อที่จะเป็นพยาบาล ค่าส่งเสียเล่าเรียนของลูกสาวนั้นราวๆ…
-
ไอเดียน่ารัก… การ์ดเชิญงานแต่งในธีมโปเกม่อน พร้อมถามแขกว่าจะมาอย่างไรและแพ้อาหารมั้ย!?
สมัยนี้การจัดงานแต่งงานแบบธรรมดาๆ นั้นมันเชยเกินไปเสียแล้ว หลังๆ มานี้เราจึงเห็นว่ามีข่าวการแต่งงานหลายคู่ที่มาในธีมที่ดูแล้วทั้งแปลกและสร้างสรรค์ แต่งานนี้บอกได้เลยว่า คู่บ่าวสาวนั้นมีความขึ้เล่นและชื่นชอบการ์ตูนและเกมแน่ๆ เพราะว่าทั้งคู่นั้นมาในธีม โปเกมอน! ซึ่งมันก็ไม่ใช่คู่แรกที่มาในธีมโปเกมอนหรอกนะ แต่จุดเด่นมันอยู่ที่การ์ดเชิญแขกต่างหากล่ะ ที่บอกได้เลยว่า มีไอเดียสร้างสรรค์และน่าสนใจสุดๆ ซึ่งมันจะมีหน้าตาเป็นยังไง ไปดูกันเลย ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @sumito_47 ได้โพสต์รูปภาพการ์ดเชิญไปงานแต่งงานที่เขาได้รับ พร้อมบอกว่า “การ์ดเชิญใบนี้มันเจ๋งสุดๆ ไปเลย ผมชอบมาก อยากจะเอามันไปใส่กรอบจริงๆ” โดยเนื้อความภายในการ์ดประกอบไปด้วยคำพูดและคำถามต่างๆ ดังต่อไปนี้ บรรทัดบนสุด เหนือรูปคู่บ่าวสาว คือ “ยินดีต้อนรับ” “คู่รักข้าวใหม่ปลามัน Issei และ Shoko ต้องการจะเชิญคุณเข้าร่วมงานแต่งงาน!” “ต้องการจะเข้าร่วมหรือไม่? >ตกลง >ไม่” “จงระบุชื่อของคุณ!” “จงระบุที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของคุณ!” “คุณมีอาการแพ้อะไรหรือไม่? มี/ ไม่มี” “คุณสามารถขึ้นรถโดยสารมาได้หรือไม่? จากที่ไหน? ใช่/ ไม่ใช่ (จาก___)” “สามารถเขียนข้อความของคุณได้ที่นี่!” เป็นการ์ดเชิญที่มีไอเดียการออกแบบที่สร้างสรรค์และน่ารักมากๆ แถมยังใส่ใจแขกผู้ที่จะเข้าร่วมงานอีกด้วย จนทำให้ชาวเน็ตบนทวิตเตอร์ของญี่ปุ่นที่เห็นการ์ดใบนี้ ออกมาแสดงความเห็นกันยกใหญ่ “เป็นการ์ดเชิญที่เยี่ยมมาก…
-
ภาพถ่ายโดรนจากมุมสูง ที่จะทำให้คุณได้เห็นถึงความงดงามอีกมุมหนึ่งของโลกกลมๆ ใบนี้
หากจะกล่าวถึงสิ่งสวยงามที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ก็คงจะต้องใช้เวลาหลายวันกว่าที่จะกล่าวทั้งหมดได้ เพราะว่าโลกของเราช่างกว้างใหญ่ และเต็มไปด้วยสิ่งต่างๆ มากมาย ทั้งสิ่งที่ธรรมชาติได้เนรมิตเอาไว้ให้ หรืออาจจะเป็นสิ่งที่มนุษย์อย่างเราๆ ได้สร้างสรรค์ขึ้น เพือช่วยเติมเต็มให้ดวงดาวดวงนี้น่าอยู่มากไปกว่าเดิม ซึ่งสิ่งใดๆ ที่เกิดขึ้นมานั้น แน่นอนว่ามันย่อมต้องมีความสวยงามซ่อนอยู่ภายในตัวของมันเองเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราเห็นอยู่ในทุกๆ วันอย่าง ต้นไม้ใบหญ้า ถนนหนทางต่างๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนอีกเช่นกัน ว่าจะมองสิ่งๆ นั้นออกมาเป็นอย่างไร นั่นจึงทำให้ศิลปินพี่น้องคู่หนึ่งชื่อว่า J.P. กับ Mike Andrews จากเมืองวูล์ฟแฮมตัน ประเทศอังกฤษ ตัดสินใจถ่ายทอดมุมมองของพวกเขาออกมา ให้ผู้คนได้เห็นถึงความน่าทึ่งในภูมิประเทศที่พวกเราอาศัยกันอยู่ ภาพของพวกเขานั้นเป็นภาพจากมุมสูงที่ถ่ายทำขึ้นจากโดรน ภาพเหล่านี้จึงเป็นภาพแปลกๆ ที่หลายคนอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อนก็เป็นได้ โดยพวกเขาบอกเอาไว้ว่าได้เริ่มถ่ายทำตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2016 ที่ผ่านมา และต้องเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกถึง 8 ประเทศเลยทีเดียว สิ่งที่พวกเขาได้ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้นมานี้ จึงได้กลายมาเป็นผลงานศิลปะชิ้นสุดยอด ที่ไม่เพียงแต่จะมีเพียงความสวยงามเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นบนโลกของเราด้วย ซึ่งหากอยากรู้ว่าในตอนนี้ภูมิประเทศต่างๆ ในโลกจะเป็นเช่นไรบ้าง ก็ลองไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า . . . . . . . . . . .…
-
นางแบบสาวต้องสูญเสียขาทั้งสองข้างไป เพราะติดเชื้อจากการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด
ผ้าอนามัยแบบสอดเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้หญิงเมื่ออยู่ในวันนั้นของเดือน โดยเฉพาะคนที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง เพราะมันใช้ง่ายและสะดวกต่อการพกพา อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้มีแค่ด้านดีอย่างเดียว เพราะไม่นานมานี้ นางแบบสาว Lauren Wasser วัย 29 ปี ต้องสูญเสียขาทั้งสองข้าง หลังติดเชื้อจากการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด นางแบบสาวได้ทราบอาการติดเชื้อของตัวเองเมื่อปี 2012 ก่อนจะถูกตัดขาทั้งสองข้างเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ โดยมีนักกีฬาพาราลิมปิก Amy Purdy ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในเหยื่อของผ้าอนามัยแบบเข้าไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลด้วย แน่นอนว่านี่เป็นการสูญเสียที่เลวร้ายมากสำหรับเธอในฐานะนางแบบ เธอยังรู้สึกเสียใจทุกวันที่ตื่นมาพบว่าไม่มีขาเหมือนเดิมแล้ว แต่ในเมื่อทุกอย่างมันแก้ไขไม่ได้แล้ว เธอจึงต้องพยายามใช้ขาเทียมให้ชิน ที่สำคัญเธอพยายามขับเคลื่อนเพื่อช่วยให้คนอื่นไม่ต้องมาตกเป็นเหยื่อเพิ่มอีก ปัจจุบัน Wasser เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนและผลักดันให้ทางสถาบันสุขภาพแห่งชาติช่วยตรวจสอบผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยของผู้หญิงอย่างเคร่งครัด และรับรองความปลอดภัยก่อนวางจำหน่าย นางแบบสาวได้ร้องเรียนเรื่องนี้ภายใต้ชื่อ Robin Danielson Act ซึ่งเป็นชื่อของผู้หญิงคนหนึ่งที่เสียชีวิตจากการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด เมื่อปี 1998 โดยต้องการให้ทางสถาบันสุขภาพแห่งชาติทำวิจัยเพื่อศึกษาความเสี่ยงผลิตภัณฑ์อนามัยสำหรับผู้หญิงที่อาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ Wasser เคยยื่นเรื่องในทางการพิจารณาถึง 10 ครั้ง แต่มันไม่เคยได้รับการอนุมัติ จนกระทั่งเธอได้มีโอกาสเล่าประสบการณ์อันเลวร้ายของตัวเองผ่านเวที TED Talk ซึ่งเป็นเวเทีแลกเปลี่ยนเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ หญิงสาวเล่าว่าเธออายุ 24 ปี ตอนที่ล้มป่วยจากการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด โดยหลังจากที่แม่ของเธอสงสัยว่าลูกสาวเงียบหายไป จึงได้โทรตามตำรวจให้มาตรวจสอบ…
-
เหมียวหูหนวกขาวจั๊วะสองพี่น้อง กอดกันราวจะสิงร่าง นอกจากสิงกันเองแล้วก็พยายามจะสิงร่างมนุษย์ด้วย
ต่อให้เกิดมามีร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ ต่อให้ชีวิตต้องพบเจอกับอุปสรรคปัญหามากมาย ต่อให้ต้องล้มอีกครั้ง แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีถ้าเพียงมีความรัก เหมือนกับแมวเหมียวสองพี่น้อง Moo และ Goo ที่แม้จะเกิดมาหูหนวกทั้งคู่ แต่พวกมันมีความรักให้กันเสมอและไม่ว่าอะไรก็สามารถแยกพวกเขาออกจากกันได้ สมาชิก reddit ที่ใช้ชื่อว่า Rundmcc ได้เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวทั้งสองตัวว่าเมื่อครอบครัวเขาเดินเข้าไปในศูนย์พักพิงเพื่อรับเลี้ยงแมว พวกเขาได้ตกหลุมรัก Moo กับ Goo ตั้งแต่แรกเห็นและตัดสินใจรับเลี้ยงทั้ง 2 ตัวพร้อมกัน แมวสองพี่น้องนี้มีขนสีขาวจั๊วะ และหูหนวก แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคในการใช้ชีวิตของพวกมัน ที่น่าแปลกใจคือพวกมันส่งเสียงได้ทั้งที่ไม่ได้ยินเสียง Rundmcc บอกว่า “มันเป็นแมวที่น่ารักและอบอุ่นที่สุดเท่าที่เราเคยเลี้ยงมาก และด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้มันชอบเดินตามฉันไปทุกที่ทั่วบ้าน” “ถ้าฉันออกจากบ้านไป พวกมันจะร้องเรียกอยู่ที่ประตูหรือไม่ก็เฝ้ามองอยู่ที่หน้าต่างเพื่อรอการกลับมาของฉัน พวกมันทั้งคู่มีดวงตาสีทอง แต่ตัวที่เล็กกว่ามีสีฟ้าผสมอยู่เล็กน้อย” ตอนแรกครอบครัวไม่สามารถแยกพวกมันออกว่าตัวไหนเป็นตัวไหนกันแน่ เพราะมันเหมือนกันทุกส่วน แต่หลังจากที่คลุกคลีอยู่กับมันสักพักก็เริ่มเห็นบุคลิกที่แตกต่างของมันจนแยกออกได้อย่างง่ายดาย “ฉันใช้เวลาอยู่กับพวกมันเกือบตลอดเวลา แต่มันน่าเศร้าในตอนแรกเมื่อฉันคิดว่าพวกมันคงไม่ได้ยินที่ฉันบอกว่า ‘ฉันรักพวกเธอนะ’” Rundmcc บอก “อย่างไรก็ตาม พวกมันคงจะสัมผัสได้ถึงการสั่นของเสียงฉันเวลาบอกรักพวกมัน มันเลยตอบสนองด้วยการโผเข้ากอดฉัน ตั้งแต่นั้นมาฉันจึงเริ่มคุยกับพวกมันและเชื่อว่า Moo กับ Goo คงเข้าใจสิ่งที่ฉันต้องการบอกให้มันรู้” เธอบอกอีกว่า “เราโชคดีที่มีโอกาสได้ดูแลพวกมัน ทั้ง 2 ตัวน่ารักมากๆ”…
-
สาวไปหาหมอเพราะโดนทำร้ายที่ไนท์คลับ แต่กลายเป็นว่านี่แหละ คนที่ทำร้ายเธอคืนนั้น!?
เมื่อไม่นานมานี้ หญิงสาวคนหนึ่งในประเทศรัสเซียถูกทำร้ายร่างกายในผับที่เธอไปเที่ยวมา หลังจากนั้นเธอจึงไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาบาดแผล แต่กลับพบว่าหมอที่จะรักษาเธอดันเป็นคนคนเดียวกันกับคนที่ทำร้ายเธอที่ผับ และเธอก็ถูกทำร้ายในห้องตรวจอีกครั้ง หญิงสาววัยประมาณ 20 ปีที่ถูกทำร้ายมีชื่อว่า Anastasia Dmitrieva ในตอนแรกนั้นเธอไปเที่ยวผับตามปกติ แต่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับชายคนหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บ เธอจึงไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมือง Neryungri ประเทศรัสเซีย เพื่อรักษาบาดแผล Vladimir Naumov หมอที่ทำร้ายหญิงสาวในข่าว เธอคิดเอาไว้ว่าหลังจากรักษาแผลที่โรงพยาบาลแล้ว ก็จะได้นำหลักฐานที่ถูกทำร้ายร่างกายไปยื่นเรื่องที่สถานีตำรวจ เพื่อเอาเรื่องที่ถูกทำร้ายได้ ทว่าเมื่อเธอเข้าไปในห้องตรวจแล้ว เธอก็ได้พบ Vladimir Naumov หมอชายที่บังเอิญเป็นคนที่ทำร้ายเธอในผับนั่นเอง พอเขาเห็นหน้าเธอก็รู้สึกโกรธและทำร้ายเธอในห้องตรวจอีกครั้ง ในระหว่างนี้เองเพื่อนของหญิงสาวก็ถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ด้วยพอดี ในคลิปวิดีโอหมอหนุ่มพูดกับหญิงสาวว่า “พยานทุกคนที่อยู่ในผับบอกได้หมดแหละว่าคุณเป็นคนทำร้ายผมก่อน” จากนั้นเขาจึงข่มขู่เธอว่าหากเธอฟ้องร้องเขาเธอจะต้องเข้าคุกแน่นอน คลิปวิดีโอ (หากดูไม่ได้กรุณาคลิก ที่นี่ ) หมอหนุ่มบอกว่าที่เขาทำร้ายเธอในผับ เป็นเพราะเขาเห็นว่าพวกเธอรุมทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ เขาที่เห็นเหตุการณ์อยู่ข้างๆ จึงพยายามเข้าไปช่วย โดยบอกว่า “ผมไม่สามารถทนดูพฤติกรรมแบบนี้ได้หรอก ผู้ชายคนไหนเห็นก็คงพยายามเข้าไปห้ามทั้งนั้นแหละ” ส่วนเรื่องที่เขาทำร้ายเธอที่โรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่งนั้น เขาทำไปเพราะความโมโหที่เจอเธออีกครั้ง ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายหญิงสาวด้วยเหตุผลส่วนตัวเลย อย่างไรก็ตามหัวหน้าใหญ่ของหมอหนุ่มก็ไล่เขาออกจากงานทันทีที่ทราบเรือง เนื่องจากเขาทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับวิชาชีพ หมอหนุ่มยังคงท้วงว่า “ตอนนั้นพวกเธอตั้งใจยั่วยุผมให้โมโห พวกเธอจะได้ถ่ายคลิปเอาไปฟ้องผมได้” นอกจากนี้เขายังบอกอีกว่า “ผมทำงานที่นี่มาหนึ่งปีครึ่ง…
-
แม่หมาเศร้ากับการสูญเสียลูกน้อย จนกระทั่งมิ้วกำพร้าทั้งสอง มาทำให้มันรู้สึกมีกำลังใจอีกครั้ง
ปกติแล้วแมวกับหมามักจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ เจอกันที่ไหนเป็นต้องทะเลาะกันตลอด แต่ในบางครั้งบางตัว พวกมันกลับเป็นมิตรรักใคร่กลมเกลียวกันดีอย่างเหลือเชื่อ โดยเฉพาะแม่หมาตัวนี้ที่มีความเอ็นดูลูกแมวน้อยเป็นพิเศษ เพราะพวกมันเข้ามามอบความอบอุ่นใจให้ นับตั้งแต่มันสูญเสียลูกน้อยไป น้องแมวทั้ง 2 ตัวกำพร้าแม่ตั้งแต่เกิด ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่แม่หมากำลังอยู่ในอารมณ์ซึมเศร้าหลังจากสูญเสียลูกไป ดังนั้นกลุ่มช่วยเหลือสัตว์จึงพาพวกมันมาพบกันเพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาดให้กันและกัน เรื่องราวสุดประทับใจนี้เริ่มขึ้นเมื่อ Rebecca Hetherington จากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Wanna-Be Pet Rescue ได้ช่วยเหลือลูกแมวกำพร้า 2 ตัวจากศูนย์พักพิงหลังจากที่เกิดมาไม่กี่สัปดาห์ ขณะที่ในศูนย์พักพิงสัตว์ Mommy and Me Rescue ก็มี Dorothy แม่สุนัขที่ตกอยู่ในภาวะโศกเศร้า เพราะเสียลูกจากภาวะตั้งครรภ์ติดเชื้อ คุณหมอจึงจำเป็นต้องหยุดการเจริญเติบโตของครรภ์เพื่อช่วยชีวิตมันไว้ แม่หมาถูกส่งตัวไปรักษาและพักฟื้นที่โรงพยาบาล และในช่วงเวลานี้มันเอาแต่เดินและเรียกหาลูกๆ ตลอดเวลาอย่างน่าสงสาร Carol Kalinowski จาก Mommy and Me Rescue บอกว่า “เมื่อเราพา Dorothy กลับบ้าน มันรีบตรงไปยังจุดที่มันเคยอยู่เพื่อดูว่าลูกๆ อยู่ที่นั่นหรือเปล่า” “จากนั้นมันก็ออกค้นหาทุกซอกทุกมุมของบ้านและตะโกนเรียกเรื่อยๆ เป็นเวลากว่าหลายชั่วโมง เราสงสารมันมากแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง เลยเอาตุ๊กตาเล็กๆ ให้ เพื่อเป็นตัวแทนของลูกๆ หวังให้มันอบอุ่นใจขึ้นได้บ้าง” แต่ Dorothy ยังคงค้นหาและร้องเรียกลูกต่อไปเรื่อยๆ… …
-
สืบต้นตอจากภาพเซลฟี นำไปสู่การไขคดีฆาตกรรม และทำให้ผู้กระทำผิดต้องรับสารภาพ
บ่อยครั้งที่เราเห็นผู้คนมีปัญหาจากการเซลฟี เช่น เผลอมีของลับติดมาในภาพ หรือเซลฟีในพิพิธภัณฑ์จนเผลอไปชนกับผลงานศิลปะ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้คนบางส่วนมองการเซลฟีเป็นเรื่องไร้สาระและไม่จำเป็น แต่จริงๆ แล้ว การเซลฟีไม่ได้มีแค่ข้อเสียหรือเป็นเรื่องไร้สาระเสมอไป เพราะบางครั้งมันสามารถใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการคลี่คลายคดีได้ และด้วยภาพเซลฟีนี้เองที่ทำให้ Cheyenne Rose Antoine หญิงสาววัย 23 ปี จากรัฐซัสแคตเชวัน ประเทศแคนาดา ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี หลังมีหลักฐานว่าเธอฆาตกรรม Brittney Gargol ซึ่งเป็นเพื่อนรักของเธอ ย้อนกลับไปในปี 2015 มีการพบศพของ Brittney วัย 18 ปี ถูกฝังอยู่ใกล้กับเมืองซาซคาทูน โดยมีรอยรัดคอปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจอ ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าเธอถูกฆาตกรรมโดย Antoine หลังจากที่พบภาพการเซลฟีที่ถูกโพสต์ลงในสื่อออนไลน์ ในภาพดังกล่าวนั้น Antoine ใส่สร้อยสีทองและได้โพสต์ภาพนี้ 1 ชั่วโมงก่อนที่จะมีการพบศพ Brittney โดยข้างศพมีสร้อยที่ Antoine ใส่ตกอยู่ นั่นจึงกลายเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการไขคดีนี้ ในชั้นศาล อัยการสูงสุด Robin Ritter ได้ให้ความสนใจกับวิธีการไขคดีของตำรวจที่นำภาพเซลฟีมาเชื่่อมโยงกับสร้อยคอที่เจอ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก อย่างไรก็ตามคดีนี้ก็ยืดเยื้อมาเกือบ 2 ปี…
-
26 ภาพการออกแบบผลิตภัณฑ์สุดโกง เพื่อล่อผู้คนให้มาซื้อ แบบนี้มันหลอกลวงผู้บริโภคชัดๆ !!
เป็นธรรมดาในวงการการตลาดที่จะออกแบบบรรจุภัณฑ์รวมทั้งตัวสินค้าให้ดูน่าสนใจเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า แต่ในบางครั้งเราพบว่าสิ่งที่เห็นกับความเป็นจริงนั้นช่างแตกต่างกันเหลือเกิน หรือเรียกง่ายๆ ว่าไม่ตรงปกนั่นแหละ เหมือนอย่างสินค้าเหล่านี้ ที่ดูจากบรรจุภัณฑ์แล้วน่าซื้อมากๆ ดูเต็ม ดูน่าใช้ ดูคุ้ม แต่พอเปิดออกมามันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด นี่มันหลอกกันชัดๆ 1. หืมมม กัมมี่แบร์เต็มแก้วเลย… 2. ฮอตดอกซื้อ 1 แพ็ค แถมฟรี 2 ชิ้น ที่ไหนได้ หลอกกันชัดๆ 3. หูววว ได้ตั้ง 12 ชิ้นแหน่แต่…เมื่อหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นะ 4. เดี๋ยวนะ ในภาพเข้าใจว่าเป็นเชือกสำหรับปีนเขา แต่กลับมีคำเตือนว่าไม่เหมาะสำหรับปีนป่าย 5. โอ้ยยย นี่เล็กๆ น้อยๆ ก็จะเอาเนาะ 6. บรรจุภัณฑ์ทำให้เห็นสินค้าครึ่งซีก เลยโรยหน้าแค่ครึ่งเดียว อืม ยังไงดี 7. 30% กับ 40% ไม่ได้มีความต่างเล้ยยย…
-
อังกฤษประดิษฐ์อุปกรณ์ต่อต้านอาชญากรไว้บนไหล่ทาง ใครขับหนีตำรวจเจอดีแน่!!
ปกติที่เวลาเราดูหนังที่มีการไล่ล่าของผู้ร้ายและตำรวจ เรามักจะเห็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายตะปูเรือใบ โดยพวกเขาจะวางไว้บนถนนเพื่อใช้เจาะยางรถของคนร้าย แต่พอใช้งานจริงๆ โจรก็หลบไอ้เจ้าอุปกรณ์นี้ได้ไปเสียทุกที โดยเฉพาะการหนีออกไหล่ทาง ด้วยเหตุนี้ Yannick Read จากสถานบัน Environmental Transport Association (ETA) จึงคิดค้นอุปกรณ์ที่เรียกว่า CatClaw ขึ้นมา เพื่อหวังว่าจะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ไม่มากก็น้อย CatClaw นั้นมีรูปแบบที่ง่ายมาก โดยมันจะมีหน้าตาเป็นลูกบอลทรงกลมที่มีแท่งแหลมคมซ่อนอยู่ โดยเจ้าหน้าที่จะทำการติดตั้งมันให้ทั่วฟุตบาทในอังกฤษ ในส่วนของการทำงานนั้นถ้าจะให้ยกตัวอย่างการทำงานจริงๆ มันก็ง่ายมาก สมมุติว่ามีรถผู้ร้ายหรือใครก็ตามที่ขี่รถเลยถนนเข้ามายังไหล่ทางจนเหยียบเข้ากับ CatClaw ลูกบอลทรงกลมที่ได้รับน้ำหนักจากยางรถก็จะยุบตัวลงโดยมีท่อเหล็กแหลมอยู่ข้างใน ฉะนั้นถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นยางรถคันดังกล่าวถูกปล่อยลมจนแบนทันที!! การป้องกันดังกล่าวยังไม่ได้ป้องแค่รถผู้ร้ายที่หนีตำรวจด้วย แต่มันยังสามารถป้องกันรถที่จะพุ่งเข้าหาผู้คนเช่นกัน ส่วนถ้าใครที่กลัวว่าคนจะเผลอไปเหยียบเข้าและเป็นอันตรายนั้น Yannick ก็ยืนยันว่าน้ำหนักของคนไม่พอที่จะทำให้เจ้า CatClaw นั้นทำงาน ฉะนั้นปลอดภัยหายห่วงได้ Yannick ยังบอกอีกว่าวัสดุของเจ้า CatClaw นั้นมีราคาถูก ฉะนั้นงบที่รัฐจะต้องใช้เพื่อผลิตเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้จึงถือว่าไม่แพงนักเมื่อเทียบกับความคุ้มค่าของมันนั่นเอง ที่มา metro
-
รู้จักกับ MD. Moshow ‘แรปเปอร์แมวเหมียว’ กับแมวทั้ง 3 ของเขา น่ารักอ่าาาา!!
เมื่อพูดถึงแรปเปอร์หรือเพลงแรป เรามักจะนึกถึงเพลงที่มีเนื้อหารุนแรงเกี่ยวกับเซ็กส์ ยาเสพติด หรือชีวิตอันแสนยากลำบากของตัวนักร้องเอง ทว่าจะมีบ้างไหมที่แรปเปอร์จะเอาแมวมาเป็นเนื้อร้องหลัก? ถ้าคุณคิดไม่ออกว่าใครจะทำแบบนั้น งั้นลองมารู้จักกับ MD. Moshow ดูเป็นไง MD. Moshow เป็นแรปเปอร์ผิวสีเจ้าของช่องยูทูบ iammoshow โดยความพิเศษของเขาคือคิดเนื้อร้องในเพลง โดยสิ่งที่ทำให้มันพิเศษเพราะ Moshow ที่เป็นทาสแมวตัวจริงเสียงจริง ได้ใช้แมวมาเป็นเนื้อร้องของเพลงทุกเพลงที่เขาแต่ง ปัจจุบันเขามีแมวอยู่ด้วยกัน 5 ตัว โดยพวกมันมีชื่อว่า Black $avage, Sushi, Tali, Mega Mam และ Ravioli ซึ่งแน่นอนว่า Moshow นั้นรักแมวของเขามากๆ เหล่าแก๊งแมวเหมียวของเขา ปัจจุบันเขาใช้แมวทั้งหมดของเขาเป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน และบอกตัวเองเสมอว่าต้องไม่ยอมแพ้ ซึ่งพูดไปหลายคนอาจจะไม่เห็นภาพ งั้นเราลองมาดูผลงานตัวอย่างของเขาสักหน่อยเป็นไง… เนื้อเพลงและเอมวีก็จะมีแมวของเขาเป็นส่วนประกอบหลักเสมอ แม้แต่การอาบน้ำให้เจ้าเหมียวเขาก็เอามาทำเป็นเพลงได้ เอาเป็นว่าถ้าใครชื่นชอบและอยากฟังหรืออยากตามผลงานของเขาก็สามารถเข้าไปดูกันได้ที่เว็บไซต์ iammoshow หรือที่ช่องยูทูบของเขา iAmMoshow และทางเฟซบุ๊ก @iammoshow ที่มา iammoshow
-
เปิดตำนาน “คนอังกฤษ” กับ “การดื่มชา” ทำไมชอบดื่มกันนัก ล้อมวงมาสิจะเล่าให้ฟัง…
หลายครั้งเรามักจะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับชาวอังกฤษที่ชื่นชอบในการดื่มชามากๆ มากขนาดที่มีความคิดว่าชาวอังกฤษนั้นมีช่วงเวลาสำหรับดื่มชาโดยเฉพาะเลยทีเดียว แต่เราเคยสงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงชอบดื่มชากัน แล้วทำไมต้องเป็นชาวอังกฤษกันนะ ทั้งที่ตามที่เรารู้กัน ชาชั้นดีมักจะมาจากจีนหรือไม่ก็ญี่ปุ่นเสียมากกว่า…เออ นั่นสิเนอะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้เรามาหาคำตอบไปด้วยเลยกันดีกว่า!! เรื่องราวการเข้ามาของชาในอังกฤษนั้น มันจะต้องย้อนกลับไปตั้งแต่สมัย 1662 นู๊นนน โดยคนที่เผยแพร่การดื่มชาก็ไม่ใช่ชาวอังกฤษโดยตรงนะ แต่ดันเป็นเจ้าหญิงชาวโปรตุเกสนามว่า Catherine of Braganza ไปซะได้ เจ้าหญิง Catherine นั้นได้แต่งงานกับพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ ตอนที่เธอเดินทางมายังอังกฤษนอกจากทรัพย์สมบัติแล้วเธอยังได้พกกล่องพัสดุที่ชุดหนึ่งมาด้วย เจ้าพัสดุนี้มันมีชื่อว่า Transporte de Ervas Aromaticas และภายในเจ้าพัสดุชุดนี้ก็บรรจุของที่เป็นคำตอบของเราไว้อยู่ มันก็คือชานั่นเอง หลายคนอาจจะสงสัยว่า ‘เอ้า!! เป็นแค่พัสดุใส่ชาแล้วทำไมต้องมีชื่อด้วย มันสำคัญขนาดนั้นเลย?’ ซึ่งคำตอบที่ว่ามันสำคัญมากไหมอันนี้เราไม่ทราบ แต่ก็มีข่าวลือหนาหูเช่นกันว่า ไอ้คำว่า TEA เนี่ยมันก็ย่อมาจากชื่อกล่องพัสดุดังกล่าวโดยใช้ตัวอักษรข้างหน้าสามตัวมาประกอบเข้าด้วยกัน และนับจากนั้น เจ้าหญิง Catherine ก็เริ่มดื่มชาซึ่งเป็นเครื่องดื่มอันแสนโปรดปรานของเธออย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเหล่าท่านหญิงและหญิงสาวชาวบ้านคนอื่นๆ รู้ว่าเจ้าหญิงชาวโปรตุเกสคนนี้มีรสนิยมชอบดื่มชามากๆ พวกเธอจึงอยากลองทำตามนั่นเอง แต่ว่าในช่วงยุคสมัยแรกนั้นชาถือเป็นของที่คนทั่วไปไม่สามารถจะหาได้ง่ายนัก การจะหาชามาได้จำเป็นจะต้องนำเข้าจากโปรตุเกสและจากชาติอื่นอย่างจีนหรือญี่ปุ่น งานนี้สาวชาวบ้านทั่วไปก็เลยอดก๊อปปี้สไตล์ของเจ้าหญิงไป นอกจากการดื่มชาธรรมดาแล้ว เจ้าหญิง…
-
เมื่อหลานสอน “คุณยายวัยเก๋า” ลองใช้ “เทคโนโลยียุคใหม่” เกิดเป็นเรื่องสุดป่วนสุดฮา!!
ในปัจจุบันเทคโนโลยีนั้นได้ก้าวกระโดดไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมโทรศัพท์จะต้องมีขนาดใหญ่ก็หดเหลือขนาดเล็ก แต่ก่อนจะส่งข้อความก็ต้องใช้จดหมายแต่มาในตอนนี้ก็มีอินเตอร์เน็ตมาช่วยให้เราสบายขึ้น และไหนจะผู้ช่วยที่เป็น AI ที่สามารถตอบคำถามและคอยจัดการทุกอย่างให้เราได้อีก… และเมื่อเทคโนโลยีก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ เหล่าผู้สูงอายุที่ไม่เคยเจอกับเทคโนโลยีอะไรแบบนี้ ทุกอย่างก็ล้วนถือเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับพวกเขา โดยเฉพาะระบบ AI ผู้ช่วยที่ในยุคสมัยของพวกเขายังไม่มีนั่นเอง และนั่นก็ทำให้พวกคนชราส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยจะเปิดใจยอมรับมันสักเท่าไหร่ กลับกันคุณยาย Kathleen Todd วัย 95 ปีคนนี้กลับหลงรักเทคโนโลยีมากๆ แม้จะอายุมากขนาดนี้แล้วก็ตาม… ยิ่งล่าสุดคุณยาย Kathleen นั้นได้พบกับเทคโนโลยีผู้ช่วยสุดล้ำ ที่หลานของเธอเพิ่งจะซื้อมาให้ได้ไม่นานเพื่อเป็นของขวัญวันคริสต์มาส ซึ่งมันก็คือเจ้า Google home นั่นเอง ซึ่งเมื่อเธอได้ลองใช้เจ้า Google home ไปสักพัก เธอก็ตกหลุมรักและยอมรับเลยว่าตอนนี้เธอเป็นแฟนตัวยังของ Google ไปแล้ว แถมยังเล่าถึงเพื่อนใหม่ของเธอผ่านเฟซบุ๊กอีกด้วย คุณยายแกเล่าว่า มีสมาชิกใหม่เข้ามาในบ้านของเธอ ซึ่งสมาชิกที่ว่านั้นชื่อ Google สมาชิกใหม่คนนี้สามารถทำได้ทุกอย่างเลยเพียงแค่เรียกพูดว่า “Hey Google!!” ยกตัวอย่างเช่นเธอได้ขอให้มันปลุกเธอตอน 6 โมง 15 และเพื่อนใหม่ก็ทำให้ คุณยายยังบอกอีกว่า เธอสามารถถามหาสูตรอาหารจากเพื่อนใหม่ได้ด้วย แม้ว่าบางอย่างเพื่อนใหม่ก็ทำไม่ได้เช่นกัน ซึ่งคุณยายก็ไม่ว่าอะไรพร้อมบอกว่าทุกคนล้วนไม่ได้สมบูรณ์แบบ …
-
เด็กนักเรียน “เผาการบ้าน” ในจังหวะบ้านตัวเองไฟลุกไหม้ พ่อรู้เข้าเอ็งจะโดนตีไหมเนี่ย!?
ในสมัยที่เป็นเด็ก หลายคนคงรู้สึกว่าชีวิตวัยเรียนนี่มันน่าเบื่อสุดๆ การบ้านก็ไม่รู้จะเยอะไปไหน ไม่อยากจะทำ อยากจะเผาการบ้านทิ้งไปอะไรทำนองนี้ใช่ไหม? และยิ่งถ้าคุณคิดว่ามีแต่เด็กไทยที่คิดแบบนั้น คุณคิดผิด!! เมื่อวันศุกร์ที่ 12 มกราคมที่ผ่านมาได้มีเหตุการณ์ไฟไหม้บ้านหลังหนึ่งในมณฑลเสฉวน แน่นอนว่าในเหตุการณ์นั้นย่อมเต็มไปด้วยความโศกเศร้าจากการสูญเสียบ้านทั้งหลัง แม้ว่าจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บก็ตาม… แต่กลับกัน เด็กชายผู้เป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้านหลังนั้นกลับรู้สึกว่า นี่แหละคือโอกาส นี่แหละคือจังหวะที่เขาจะได้เป็นอิสระจากการทำการบ้าน เด็กชายผู้ไร้เดียงสาจึงอัดคลิปเสียงของเขาพร้อมพูดผ่านกล้องว่า “บ้านเราไฟไหม้…เยี่ยม! ฉันจะได้โยนกระเป๋าเรียนเข้าไปซะ” เราจะเห็นว่าเด็กคนนี้นั้นได้พูดอยู่ระหว่างที่กำลังอัดคลิปไปและมองดูบ้านของเขาถูกเผาต่อหน้าต่อตา ซึ่งเจ้าหนูก็ยืนอยู่ข้างถนนอย่างสบายใจ ถ้าเรามองแบบไม่คิดอะไรเราก็คงจะรู้สึกว่าเด็กก็คือเด็ก แต่กลับกันผู้ใหญ่ชาวเน็ตจีนหลายๆ คนกลับมองว่าเด็กคืออนาคตของชาติ และถ้าเด็กทุกคนมีความคิดแบบนี้มันอาจจะเกิดผลเสียตามมาก็เป็นได้… แต่ถึงอย่างนั้นในอีกฝากของชาวเน็ตก็ยังมีอีกฝั่งที่มองว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องตลกกว่าที่คิดอยู่ ถ้าไม่เชื่อลองดูตัวอย่างข้างล่างได้ นายคนนี้บอกว่า เด็กชาวจีนมีการบ้านที่เยอะมากๆ ฉะนั้นอย่างน้อยไฟไหม้ครั้งนี้ก็ทำให้เจ้าหนูคนนี้มีความคิดสร้างสรรค์ อย่างน้อยก็ยังมองหาเรื่องดีๆ ได้ แม้บ้านตัวเองจะไฟไหม้อยู่ก็ตาม โอเค ทีนี้เราก็รู้แล้วว่าตัวการคือใคร… ที่มา shanghaiist
-
ชีวิตของชายวัย 40 ยังคงความ ‘เวอร์จิ้น’ มาจนถึงตอนนี้ เก็บรักษาเอาไว้จนกว่าจะแน่ใจจริงจริ๊งงง
คุณเคยดูหนังเรื่อง ‘40 ปี โอ้ว! ยังจิ้น‘ ไหม มันเป็นหนังเก่าสมัยก่อนนู๊นน ที่ดูแล้วคงจะอดคิดไม่ได้ว่า นี่มันมีคนอายุปาไป 40 แล้วยังเวอร์จิ้นอยู่อีกเหรอ ซึ่งถ้าคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องโกหกไม่มีคนเป็นแบบนั้นจริงๆ บนโลกแล้วล่ะก็ คุณคิดผิด!! เชิญพบกับ หนุ่มวัย 40 ปี (จริงๆ 41 แล้วนะ) ชายชาแคนาดาผู้ทำอาชีพเป็นช่างภาพกีฬา เป็นผู้จัดการทีมฮอกกี้ในเมืองอีกสองทีม ดูๆไปแล้วเขาก็คงจะเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยจริงไหม? แต่ที่แปลกคือ เขาคนนี้ยังคงรักษาซิงไว้ไม่ยอมมอบให้กับใครซักทีจนเพื่อนๆ และใครต่อใครก็มองว่าพี่เขากระจอก แล้วเอาความซิงของเขาไปล้อกันยกใหญ่…แน่นอนว่าหลายคนคงสงสัยว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้นกัน? Justin บอกว่า “อันที่จริงผมได้ตัดสินใจไว้แล้วว่าผมจะมีเซ็กส์ก็ต่อเมื่อผมแต่งงานแล้ว ที่จริงผมก็ยังคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่ ฉะนั้นผมจะรอจนกว่าจะถึงโอกาสที่เหมาะสมเสียก่อน” ด้วยความที่เขาเป็นคนแบบนี้ เขาจึงมักจะถูกกลั่นแกล้งอยู่เสมอและแน่นอนว่าเขาก็มีทางออกที่ดีสำหรับเรื่องนี้ โดยเขาเล่าว่า “สมัยเด็กๆ ตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม ผมมักจะถูกกลั่นแกล้งบ่อยๆ ซึ่งนั่นทำให้ผมได้เรีบยรู้ว่าทางออกที่ดีที่สุดของเรื่องนี้คือใช้มุกตลกเข้าสู้ และมันก็ได้ผลด้วย!!” “แน่นอนว่าตอนที่ผมถูกคนอื่นรู้ว่าผมอายุขนาดนี้ผมยังซิงอยู่ ผมก็ถูกล้อถูกแกล้งต่างๆ นานา แต่ผมก็ไม่ซีเรียสกับมัน แถมยังใช้เรื่องนี้มาเป็นมุกตลกให้กับตัวเองด้วย ส่วนเหตุผลอีกอย่างที่ผมล้อเล่นกับเรื่องตัวเองได้นั่นก็เพราะ ผมอยากให้ทุกคนหัวเราะ” สุดท้ายแล้วแม้ว่า Justin จะอายุ 41…
-
หนุ่มปีนเขา ดันเจอ ‘แพะภูเขา’ ติดในซอกเขา งานนี้ต้องช่วยจากเขา แพะบอก ‘อย่าจับเขา!!’
ชีวิตคนเรานั้นมักจะเจอเรื่องไม่คาดคิดเสมอ อย่างเช่นการออกไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ แล้วเจอเข้ากับคนหรีอสัตว์ที่กำลังเดือดร้อน แน่นอนว่าด้วยจิตวิญญานแห่งคนดี คนเราก็มักจะยืนมือเข้าไปช่วยอยู่เสมอ เช่นเดียวกับผองเพื่อนกลุ่มนี้ พวกเขานั้นชื่นชอบการเดินป่าและปีนเขากันมากๆ โดยล่าสุดพวกเขาได้ตัดสินใจไปปีนเขากันที่ทิวเขา Sierra de Guadarrama ใกล้ๆ เมืองมาดริด ประเทศสเปน แต่ระหว่างที่ทั้งหมดกำลังเดินชี่นกชมไม้อยู่นั้น พวกเขาก็ได้บังเอิญเจอแพะภูเขาตัวหนึ่ง ซึ่งมันดั๊นนน บังเอิญเอาตัวเองไปติดอยู่ในซอกเขาพอดี มันที่ไม่สามารถขยับไปไหนได้ แถมดูจะอารมณ์เสียมากๆ ที่ต้องมาติดอยู่แบบนี้ งานนี้กลุ่มนักเดินเขาของเราจึงต้องเริ่มภารกิจช่วยเหลือมันออกมา… ดูสิติดแหงกเลย แต่จะว่าไปถ้ามันไม่ติด มันก็จะตกลงไปยังพื้นข้างล่างที่ไม่รู้ว่าสูงแค่ไหน.. จะเรียกว่าโชคดีหรือร้ายดีนะ ดูสายตาของมันราวกับกำลังคิดว่า “อย่ามายุ่งเจ้ามนุษย์ อย่าจับเขาตรูด้วย!!” อะไรทำนองนี้เลย แต่สุดท้ายพวกเขาก็สามารถช่วยเจ้าแพะออกมาจนสำเร็จ ดีใจด้วยนะ แบ๊ะๆ เอ้า ปลอดภัยแล้วเจ้าแพะ ตอนนี้นายเป็นอิสระแล้ว อย่าพลาดอีกนะ!! ที่มา boredpanda
-
ของแต่งดูดตังค์จากนินเท็นโด LABO ชุดกระดาษลังที่ทำให้ Switch เล่นสนุกไปอีกขั้น!!
การเปิดตัวของเสริมชุดใหม่จาก Nintendo ในเช้าที่ผ่านมานี้เรียกว่าสร้างกระแสฮือฮาและทำให้หลายคนตื่นเต้นกันพอสมควรเลยก็ว่าได้ เพราะใครจะคิดว่ากระดาษลังจะถูกนำมาเป็นอุปกรณ์เสริมแล้วทำขายได้… เชิญกับพบกับ Nintendo LABO อุปกรณ์เสริมที่จะช่วยให้คุณสามารถประดิษฐ์เครื่องมือต่างๆ ขึ้นมาเพื่อเพิ่มประสบการณ์การเล่นเครื่อง Nintendo Switch ของเราให้สนุกยิ่งขึ้น!! เจ้า LABO นั้น จะมาในรูปแบบของแผ่นกระดาษลังที่มีแปลนมาให้ ซึ่งเราสามารถนำมันมาต่อเป็นตัวเสริมต่างๆ เช่นเบ็ดตกปลา เปียโน บ้านและอื่นๆ อีกมากมายได้ โดยจุดประสงค์หลักของเจ้าของเล่นชิ้นนี้นั้นคือการเสริมสร้างจินตนาการให้กับผู้เล่น เพราะนอกจากแบบที่ทาง Nintendo คิดมาให้เราแล้ว เรายังสามารถลงสีออกแบบเองได้ด้วย เจ๋งใช่ไหมล่ะ? ในตอนนี้ทาง Nintendo ได้ปล่อยตัว LABO ออกมาสองชุดด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยชุด Variety Kit และ Robot Kit ซึ่งทั้งสองก็จะมีดีไซน์และเกมที่แถมมาให้โดยเฉพาะ ในส่วนของราคานั้นเรียกว่าจะต่างกันอยู่เล็กน้อยสำหรับทั้งสองชุด โดยชุด Variety Kit นั้นจะมีราคาอยู่ที่ 69.99 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 2,300 บาท ซึ่งภายในก็มีชุดออกแบบมากมายให้เราเลือกเล่นกัน ส่วนชุด Robot Kit…
-
พบกับนวัตกรรมของเล่นรูปแบบใหม่ Papier Machine กระดาษแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์สุดหรรษา
ในปัจจุบันของเล่นเด็กมีส่วนช่วยในพัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็กเล็กเป็นอย่างมาก และด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดหย่อน ของเล่นเด็กก็ถูกพัฒนาออกมาในรูปแบบที่ดูทันสมัยมากขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้มากขึ้น ในตอนนี้ก็มีของเล่นจากกระดาษรูปแบบใหม่ออกมาให้น้องๆ ได้เล่นสนุกกันแล้ว แต่มันไม่ใช่เพียงแค่การวาดภาพหรือการตัดแต่งตัวตุ๊กตาในหนังสือภาพธรรมดา ในของเล่นชิ้นใหม่นี้มันมีแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ซ่อนอยู่ด้วย ทีนี้เด็กเล็กก็สามารถเรียนรู้เรื่องวงจรอิเล็กทรอนิกส์ไปกับการเล่นซนได้แล้ว ของเล่นที่ว่านี้ก็คือ Papier Machine ซึ่งเป็นผลของการค้นคว้าและวิจัยกว่า 3 ปีของ Agnes Agullo, Raphaël Pluvinage และ Marion Pinaffo พวกเขาเล่าแนวคิดของการสร้างของเล่นชิ้นนี้ว่า “เราอยู่ในโลกที่มีอิเล็กทรอนิกส์ซ่อนอยู่เต็มไปหมด พวกมันถูกปิดบังจากสายตาเราอยู่หลังกล่องดำ (มือถือ) พวกนี้ และ Papier Machine ก็ได้ทำให้พวกมันมีชีวิตขึ้นมา” หลังจากทำโปรเจ็ก Paper Machine ออกมา ในปี 2016 มันก็ได้รับรางวัล Red Dot Design Award (รางวัลสินค้าที่มีการออกแบบยอดเยี่ยม) และรางวัล Audi Talent Award (รางวัลสนับสนุนให้กับของที่มีแนวคิดและรูปแบบดีเยี่ยม) ด้วย คลิปวิดีโอตัวอย่างของเล่น Papier Machine ของเล่นชิ้นนี้จะมาในรูปแบบของสมุดภาพ ที่สามารถฉีกส่วนต่างๆ ในสมุดมาประกอบเป็นของเล่นได้มากถึง 6…
-
เด็กหญิงวัย 3 ขวบ กับการ ‘คอสเพลย์’ เลียนแบบคนดัง ความน่ารักมาเต็ม!!
ความรักและกำลังใจจากครอบครัวเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลายๆ คนต้องการและโหยหามากที่สุดในชีวิต ในยามที่ท้อแท้ หมดหวังหรือประสบปัญหาร้ายแรงก็มีแต่คนในครอบครัวที่คอยให้กำลังใจให้ลุกขึ้นต่อสู้ต่อไป คุณยาย Nonnie ป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านม ซึ่งผู้ที่เป็นโรคมะเร็งมักจะมีความกังวลในเรื่องสุขภาพร่างกายของตัวเองเป็นอย่างมาก สูญเสียกำลังใจในการใช้ชีวิต แต่คุณยายท่านนี้ก็ได้รับกำลังใจมาจากหนูน้อย Scout Penelope หลานสาวสุดที่รักวัย 3 ขวบ ที่คอยเป็นกำลังใจให้กับเธอและทำให้เธออยากใช้ชีวิตเพื่อที่จะได้ดูเจ้าตัวน้อยของเธอเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เด็กหญิง Scout และคุณยาย เด็กหญิงรักคุณยายของเธอมากๆ และไม่อยากให้คุณยายจากไป จึงได้ให้ความร่วมมือกับพ่อแม่ในการทำโปรเจ็กต์ถ่ายภาพคอสเพลย์เป็นคนดังที่ล้วนแต่เป็นผู้หญิงที่มีความแข็งแกร่ง เพื่อเป็นกำลังใจให้ยายของเธอสู้กับโรคร้ายต่อไปด้วยความน่ารักของนางฟ้าตัวน้อยๆ คนนี้ Zooey Deschanel Meryl Streep Betty White Lauren Cohan Adele Carrie Fisher Frida Kahlo Selena Gomez Moana Ellen Degeneres …
-
เด็กชายวัย 13 อุทิศตนดูแลพ่อแม่พิการ เป็นกระดูกสันหลังของครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย
ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินประโยคนี้มาบ้าง ซึ่งมันก็เป็นความจริงดั่งคำที่เขาได้กล่าวไว้ คนที่รู้บุญคุณและกตัญญููต่อผู้มีพระคุณ สักวันจะต้องได้รับสิ่งดีๆ ตามมาอีกแน่นอน เช่นเดียวกับเด็กชาย Li Jiapeng อายุ 13 ปี อาศัยในมณฑลชานซี ประเทศจีน ชีวิตของเขานั้นยากลำบาก เกิดมาในครอบครัวยากไร้ พ่อแม่ของเขานั้นพิการทั้งคู่ และไม่สามารถดูแลตัวเองได้ คุณพ่อของเขานั้นตาบอดและได้รับบาดเจ็บจากการโดนรถชน ส่วนแม่เป็นผู้บกพร่องทางการได้ยินและไม่สามารถพูดได้ จึงทำให้การดูแลตัวเองเหมือนคนปกตินั้นเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเธอ เด็กชายก็เลยต้องทำหน้าที่เป็นกระดูกสันหลังให้กับครอบครัว แต่ด้วยอายุยังน้อยและยังอยู่ในระหว่างการศึกษาเล่าเรียนทำให้เขาไม่สามารถทำงานได้เต็มที่นัก ต้องอาศัยเวลาว่างหลังเลิกเรียนหรือวันหยุดเพื่อไปหารายได้พิเศษ ส่วนมากงานที่เขาทำนั้นก็เป็นการรับจ้างปีนต้นไม้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยรอยแผลต่างๆ จากการโดนกิ่งไม้บาดตามลำตัว มือก็หยาบกร้านเพราะทำงานหนัก บ่อยครั้งเขาต้องตกลงมาเนื่องจากว่าต้นไม้ที่ขึ้นนั้นสูงเกินไป เด็กชายถูกสอนให้ดูแลตัวเองและครอบครัวตั้งแต่อายุ 5 ขวบ เขาสามารถแบกน้ำและปรุงอาหารได้ คอยปัดกวาดเช็ดถูบ้านให้สะอาด รวมไปถึงหน้าที่สำคัญนั่นก็คือการดูแลพ่อแม่ของเขานั่นเอง ถึงแม้ว่าเขาจะต้องทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวแต่ด้านการเรียนเขาก็ไม่ยอมละทิ้งแต่อย่างใด เขาตั้งใจเรียนและทำกิจกรรมต่างๆ จนมีผลการเรียนติดอันดับ 1 ใน 10 ของโรงเรียนและใบประกาศนียบัตรอีกมากมายที่สะสมไว้การันตีว่าเขามีความสามารถในหลายๆ ด้านจริงๆ …
-
รวมภาพถ่ายหาชมยาก ที่สามารถทำให้หัวใจของเราพองโต โอ้วววว อะไรจะงดงามเบอร์นั้น!!
ภาพหนึ่งภาพสามารถอธิบายได้เป็นหนึ่งล้านคำ หลายๆ ครั้งที่เราเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยมีโอกาสเจอได้ง่ายนักเราก็อยากที่จะเก็บภาพเหล่านั้นไว้ และไม่ว่าจะกลับมาดูเมื่อไหร่ก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจทุกที ความสุขสามารถหาได้ง่ายๆ เพียงแค่คุณเปิดใจมองสิ่งรอบตัว ความงามเหล่านั้นอยู่ไม่ไกล เพียงแค่เลือกที่จะมอง อย่างเช่นภาพต่อไปนี้ ดูเหมือนบ้านข้างๆ จะเข้าฤดูใบไม้ผลิก่อนพวกเรานะนั่น ความสวยงามที่สร้างให้กับท้องทะเล ว่าแต่รูปทรงมันคุ้นๆ นะ ทางไปสวรรค์ พายไปสู่แสงสว่าง พากันมาชุมนุมอะไรตรงนี้เนี่ย เด็กชาวรัสเซีย ป่าที่ปลูกขึ้นโดนมนุษย์ เจ้าหมาคาบสมบัติมาให้ กลุ่มนักปั่นที่เห็นหิมะเป็นครั้งแรก หมีสองตัวกอดกันกลมเชียว ให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน ทะเลดาว การผจญภัยของแมว ไม่ถงไม่ถามน้องสักคำ เสาไฟที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ Bobcat ตัวน้อย เดินขบวนสัตว์ขั้วโลก ความสุขเล็กๆ แบบเรียบง่าย แม่เม่นและลูกเม่นตัวจิ๋ว ผู้สังเกตการณ์ยามเช้าแห่งเมืองหิมะ ที่มา brightside
-
คุณพ่อให้ลูกชายเลือกที่มีค่าที่สุดสำหรับชีวิต และสิ่งนั้นก็คือคุณพ่อของเขาเอง
เพื่อนๆ เคยเห็นผู้ชายรอบตัวร้องไห้กันบ้างหรือเปล่าครับ โดยปกติแล้วเรามักจะไม่ค่อยเห็นผู้ชายร้องไห้บ่อยนัก เพราะผู้ชายบางคนคิดว่าการร้องไห้ทำให้พวกเขาดูอ่อนแอและน่าอาย พวกเขาจึงพยายามทำตัวสุขุมนุ่มลึกตลอดเวลา จะได้ดูเท่ในสายตาคนอื่น แต่จริงๆ แล้วผู้ชายก็ร้องไห้เหมือนกัน จาก การวิจัย พบว่าผู้ชายร้องไห้เดือนละ 0.5-1.5 ครั้งเลย ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงจนน่าตกใจสำหรับผู้ชายหลายๆ คนด้วยซ้ำ และเรื่องที่มักจะทำให้ผู้ชายร้องไห้ได้ก็เป็นเรื่องของความสัมพันธ์นี่แหละ โดยเฉพาะกับคนใกล้ตัวอย่างครอบครัวนั่นเอง เรื่องของคุณพ่อชาวจีนคนนี้ก็เช่นกัน แม้ว่าปกติเขาจะไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็น แต่เขาเคยร้องไห้เพราะลูกชายมาแล้ว มาดูกันว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร Han เด็กชายเจ้าของเรื่องเล่า เด็กชายจากประเทศจีนคนนี้ชื่อว่า Han เขาได้โพสต์เรื่องราวของเขาและพ่อลงในเฟสบุ๊ก โดยเขาบอกว่าพ่อของเขาเป็นคนที่เข้มแข็งมาก ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเห็นพ่อร้องไห้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ด้วยความสงสัยเขาจึงลองถามพ่อของตัวเองดู ว่าเขาเคยทำให้พ่อร้องไห้บ้างหรือเปล่า พ่อจึงตอบตรงๆ ว่าเคยอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อตอนเขายังเด็กอยู่เลย คุณพ่อเล่าว่าตอนที่เขาอายุได้ 3 ขวบ พ่ออยากรู้ว่าถ้าลูกโตไปจะให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากที่สุด จึงได้ทำการทดสอบลูกในแบบของคนจีน โดยวางปากกา เงิน และของเล่นเอาไว้ให้เขาเลือก ถ้าหากว่าเลือกปากกาแปลว่าจะให้ความสำคัญกับความเฉลียวฉลาด ถ้าเลือกเงินแปลว่าจะให้ความสำคัญกับเงินตรา และถ้าหากเขาเลือกของเล่น หมายความว่าเขาให้ความสำคัญกับความสุขในชีวิตมากที่สุด หลังจากวางของเหล่านั้นให้ลูกเลือกแล้ว ลูกก็นั่งมองของเหล่านั้นอยู่นานเลย คุณพ่อเองก็นั่งลุ้นอยู่ว่าลูกของตัวเองจะเลือกอะไรกันแน่ แต่หลังจากนั้น คุณพ่อก็เห็นลูกชายของเขา กวาดของที่วางไว้อยู่ให้พ้นทาง แล้วค่อยๆ คลานเข้ามาพ่อเสียอย่างนั้น…
-
ชุดภาพถ่าย ‘กึ่งนู้ด’ ที่เผยให้เห็นความงดงามของผู้หญิง ความเซ็กซี่ที่แท้จริงต้องมาจากข้างใน
โลกสร้างมนุษย์ที่เรียกว่าผู้หญิงขึ้นมาเพื่อเป็นอีกความสวยงามหนึ่งของโลก มนุษย์เพศหญิงมักจะมีความอ่อนหวาน อ่อนโยน และมีอีกหลายสิ่งที่น่าค้นหา ความงามที่อยู่ในตัวผู้หญิงคือสิ่งมหัศจรรย์ที่โลกได้สร้างขึ้นมา Kevin Mathison ช่างภาพมืออาชีพชาวเมือง Torrance รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เล็งเห็นถึงความงามที่อยู่ในตัวผู้หญิงทุกคน รวมทั้งไลฟ์สไตล์และแฟชั่น โดยเฉพาะความเซ็กซี่ที่มีอยู่ในตัว เขาอยากที่จะเก็บความงามเหล่านี้มาเผยแพร่ให้กับทุกคนให้รู้ว่าความสวยที่แท้จริงของผู้หญิงคืออะไร ความเซ็กซี่ของผู้หญิง ผู้หญิงสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ทุกแนว ความสวยงามภายนอกและภายในคือสิ่งที่ทำให้ผู้หญิงมีค่า . สวยจากภายในสู่ภายนอก ผู้หญิงทุกคนมีความเซ็กซี่อยู่ในตัว อยู่ที่ว่าใครจะมอง . รอยยิ้ม อีกหนึ่งเสน่ห์ที่ผู้หญิงทุกคนมีในตัว เพียงแค่สายตาก็สามารถสะกดใจชายได้ ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยร่างกายมากก็เป็นที่จับตามอง . ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ . ผู้หญิงแนวสปอร์ต ช่างดีต่อใจ หนุ่มๆ ทั้งหลายหายใจหายคอไม่สะดวกกันเลยทีเดียว . มุมเผลอๆ ของผู้หญิงบางครั้งก็สะดุดใจชายเหลือเกิน . รอยยิ้มอันแสนสดใส ยิ้มบ่อยๆ ทำให้สวยขึ้นนะ ยิ่งฉลาด…
-
เรื่องราวชีวิตเส้นทางลูกหนังของ Ronaldinho จากวันแรกจนวันสุดท้าย ชายผู้เตะฟุตบอลด้วยรอยยิ้ม
หากกล่าวถึงชื่อ ‘โรนัลโด้’ เหล่าแฟนๆ คอบอลทั้งหลายคงคิดว่าในบรรดาเหล่านักเตะที่ดีที่สุดในโลกนั้นมีอยู่แค่ 2 คน ซึ่งก็คือ R9 และ CR7 เท่านั้น แต่จริงๆ แล้วยังมีอีกคนหนึ่ง ชายผู้นั้นก็คือ โรนัลโด้ เดอ แอสซิส โมเรย์ร่า (Ronaldo de Assis Moreira) หรือที่เรารู้จักกันในนาม เจ้าเหยินน้อย โรนัลดิญโญ่ นั่นเอง ในวงการฟุตบอลเขาคือชายผู้ที่มีแต่คนรัก เพราะความรักที่มีต่อฟุตบอลจากใจจริงทำให้เขามักจะยิ้มแย้มเสมอเมื่ออยู่ในสนาม…. เรื่องราวของ โรนัลดิญโญ่ เริ่มต้นขึ้นในปี 1980 ที่เมือง Porto Alegre ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของประเทศบราซิล ในยุคสมัยที่สภาพสังคมไม่ค่อยสู้ดีนัก, การคอร์รัปชัน, อาชญากรรม, และ การแบ่งชนชั้นทางสังคม ครอบครัวของเขาเรียกได้ว่าอยู่ในชนชั้นกลาง มีสมาชิกในครอบครัวทั้งหมด 4 คนด้วยกัน คือพ่อ แม่ ตัวเขา และพี่ชายที่มีอายุมากกว่า 9 ปี ภายหลังคุณพ่อของเขาได้เสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจล้มเหลวฉับพลัน ส่งผลให้แม่ที่ทำอาชีพเป็นนางพยาบาลต้องเป็นคนหาเงินเข้าบ้านเพียงลำพัง แรงบันดาลใจที่ทำให้โรนัลดิญโญ่หันมาสนใจฟุตบอลนั้นมาจาก โรแบร์โต้…
-
6 สัญญาณบ่งบอกว่า “ตับ” ไม่สามารถทนรับ “ไลฟ์สไตล์” คุณได้อีกต่อไป เปลี่ยนด่วน!!
ไลฟ์สไตล์ของเพื่อนๆ บางคนอาจทำให้มีปัญหาสุขภาพตามมาได้ โดยเฉพาะเพื่อนๆ ที่ชอบออกไปสังสรรค์ดื่มแอลกอฮอล์ยามดึกบ่อยๆ แน่นอนว่าอวัยวะที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ก็ย่อมต้องเป็น “ตับ” นั่นเอง วันนี้ #เหมียวตะปู แปลบทความสาระน่ารู้จากเว็บต่างประเทศ ที่พูดถึง 6 สัญญาณอันตรายต่อร่างกายเรา และสามารถสังเกตตนเองได้ว่า ตับของเรากำลังอยู่ในขั้นวิกฤต และควรจะเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ของตัวเองกันได้แล้ว… 1. รู้สึกว่าในหัวยุ่งเหยิงไปหมด เวลาที่ตับของเราทำงานหนักจนเกินไป จะทำให้ระบบการกรองเลือดในร่างกายของเราแย่ลง ส่งผลให้มีสารพิษต่างๆ นั้นปะปนไปสู่สมองได้มากกว่าคนปกติ อาการดังกล่าวเราสามารถสังเกตได้จากความรู้สึกสับสน มีปัญหาเกี่ยวกับความจำ และตัดสินใจอะไรต่างๆ ได้ยากยิ่งขึ้น 2. น้ำตาลในเลือดต่ำ หนึ่งในหน้าที่ของตับคือการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้นเวลาที่ตับมีปัญหา ระดับน้ำตาลในเลือดของเราก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้ามากกว่าปกติ ฉุนเฉียวง่าย และไม่มีสมาธิในการทำสิ่งต่างๆ 3. ฮอร์โมนไม่มีความสมดุล ตับคืออวัยวะที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนเพศของเรา การทำงานของตับที่ผิดปกติจึงอาจทำให้ระบบฮอร์โมนเอสโตรเจน และเทสโทสเตอโรนของเรามีความไม่สมดุล จนอาจเกิดปัญหาร้ายแรงอย่างการขาดความต้องการทางเพศไป หรือมีอาการก่อนเป็นประจำเดือนที่รุนแรงมากกว่าเดิม 4. อารมณ์แปรปรวน ปัญหาในเรื่องของความจำและอารมณ์ที่แปรปรวนอาจเกิดจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับตับ อีกทั้งยังอาจส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า ซึ่งหากใครสังเกตอาการของตัวเองแล้วคิดว่าน่าจะเป็น ก็ควรเข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทันที 5. ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน หลายๆ คนอาจเชื่อว่าการที่เราเป็นหวัดได้ง่ายหรือติดเชื้ออยู่บ่อยๆ…
-
อยู่กันมาตั้งหลายปี เคยสงสัยกันมั้ยว่าทำไม ‘คริสต์มาส’ ถึงต้องฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคม?
ถ้าหากมีคนถามว่าทำไมเราฉลองคริสต์มาสกันในวันที่ 25 ธันวาคม เชื่อว่าคนไทยกว่าครึ่งจะต้องตอบว่าเพราะเป็นวันประสูติของพระเยซูกันอย่างแน่นอน แต่เชื่อไหมล่ะว่าความเชื่อนี้ที่ว่าพระเยซูประสูติในวันนี้นั้น ไม่มีเขียนอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลเลยแม้แต่น้อย ถ้าอย่างนั้นมีหลักฐานอะไรมาบอกไหมล่ะว่าวันคริสต์มาสไม่ใช่วันประสูติพระเยซู สารานุกรมคาทอลิกระบุไว้ว่า “ไม่มีเดือนใดในปีที่เจ้าหน้าที่ผู้มีเกียรติ ไม่ได้ตั้งให้เป็นวันประสูติพระคริสต์” อีกสาเหตุหนึ่งที่บอกว่าพระเยซูไม่ได้ประสูติในเดือนธันวาคมคือ คัมภีร์ไบเบิลบท ลูกา 2:8 ที่ว่าในระหว่างที่พระเยซูได้ประสูติ “ไม่ไกลจากที่นั่น มีคนเลี้ยงแกะอยู่ในทุ่งกำลังเฝ้าฝูงแกะตอนกลางคืน” ตามปกติแล้วจะไม่มีคนเลี้ยงแกะพาแกะออกมาในฤดูหนาว ลูกา 2:1-4 ยังบอกอีกว่า โยเซฟพามารีย์ไปจดทะเบียนที่เมืองเบธเลเฮมในตอนที่ออกัสตัสซีซาร์ออกคำสั่งให้ทุกคนทั่วอาณาจักรไปจดทะเบียนสำมะโนครัว และเป็นเวลาเดียวกับที่พระเยซูประสูติ คำสั่งที่ว่าไม่ได้ออกมาในฤดูหนาว ถ้าอย่างนั้นแล้ว ในวันที่ 25 ธันวาคม มีอะไรมันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ ในสมัยของศาสนาโบราณ วันนี้เป็นวันเลี้ยงฉลองพระเสาร์และวันประสูติของ เทพแห่งดวงตะวัน Mithra เดิมทีแล้ววันเลี้ยงฉลองพระเสาร์จะเริ่มจากวันที่ 17 ธันวาคม แต่ก็มีการยืดงานไปจนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ชาวโรมันโบราณเชื่อว่างานเลี้ยงฉลองนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เทพแห่งการเก็บเกี่ยวและการเลี้ยงสัตว์ ส่วน Mithra นั้นเชื่อกันโดยชาวโรมันโบราณว่าเขาประสูติในวันที่ 25 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันศักดิ์สิทธิ์จากศาสนาโบราณจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม Mithras แท้จริงแล้วมีต้นกำเนิดมาจากทางเปอร์เซีย ในช่วง 6 ศตวรรษก่อนคริสตกาลนั่นเองภาษายุคเก่าเรียกท่านว่า Mitra และเพี้ยนเป็น Mithras ในภาษาโรมันในที่สุด ว่ากันว่าคนโรมันพบเรื่องของเทพองค์นี้ตอนบุกไปเปอร์เซีย ปีใหม่ของผู้นับถือ Mithras และวันประสูติของท่านจะถูกจัดในวันเดียวกันคือวันที่ 25…
Got any book recommendations?