Tag: กราดยิง
-
นักเรียนในสหรัฐฯ ใส่ของแปลกๆ มาในกระเป๋าเพียบ หลังมีกฎใช้กระเป๋าใสเฝ้าระวังอาวุธ
นับจากเหตุกราดยิงในรัฐฟลอริด้าก็ผ่านมาพักใหญ่ๆ แล้ว นักเรียนก็เริ่มที่จะกลับมาเรียนกันอีกครั้ง แต่ความหวาดกลัวนั้นก็ยังคงอยู่กับผู้ปกครองและอาจารย์ ด้วยเหตุนี้โรงเรียนจึงออกกฎใหม่ออกมาให้นักเรียนสวมใส่กระเป๋าสีใสมาเรียน แน่นอนว่ามันดูเหมือนจะเป็นวิธีการป้องกันนักเรียนพกอาวุธมาที่ดูเข้าท่าอย่างหนึ่ง แต่กลับกันแล้วนักเรียนในโรงเรียน Stoneman Douglas รัฐฟลอริด้ากลับไม่ปลื้มอย่างที่คิด เพราะนักเรียนนั้นต่างให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า แทนที่รัฐหรือโรงเรียนจะไปช่วยกันคิดและจัดการปัญหาการซื้อขายอาวุธ แต่กลับมาจัดการที่ปลายเหตุด้วยการให้นักเรียนพกกระเป๋าสีใส่มาแทน กลายเป็นว่านักเรียนจะพาอะไรมาก็ถูกคนอื่นเห็นกันหมด ด้วยเหตุนี้ เหล่านักเรียนจากโรงเรียนดังกล่าว จึงคิดวิธีการแก้เผ็ดและเล่นสนุกกับกระเป๋าใสขึ้นมาให้เราได้ดูกัน เธอคนนี้บอกว่าไอ้เจ้ากระเป๋าใสเนี่ย มันมีค่ายิ่งกว่าชีวิตของเธอเสียอีก เพราะแทนที่จะจัดการปัญหาที่ต้นเหตุ ดันมาแก้ปัญหาตรงนี้ซะได้ หนุ่มคนนี้เอากระเป๋าปกติใส่ไว้ในกระเป๋าใสอีกทีหนึ่ง ซึ่งเขาบอกว่ามันน่าขำสิ้นดี เป็นการเล่นคำระหว่าง Fucking Stupid กับ Ducking เพื่อทำให้มันดูไม่หยาบคายเกินไป ฮร่าๆ ใครก็ตามที่ผุดไอเดียไอ้เจ้ากระเป๋าบ้านี่ขึ้นมา รู้ไว้ซะแม่นายเป็นโสเภณี ในกระเป๋านี้มีทุกอย่างที่นักการเมืองเป็นห่วง จะยกเว้นก็แค่เงินเท่านั้นที่ไม่มี ในที่สุด ฉันก็จะทำทีว่ามีการบ้านมาส่งทั้งๆ ที่ไม่มีไม่ได้แล้วสินะ บางคนก็สื่อว่าการต้องมาทำอะไรแบบนี้เหมือนอยู่ในคุกเลย นอกจากการที่นักเรียนต้องใช้กระเป๋าสีใสแล้ว พวกเขายังต้องถูกตรวจกระเป๋าด้วยนะ…ตรวจกระเป๋าใส อะไรคือจุดประสงค์ของการค้นกระเป๋าทั้งๆ ที่ใช้กระเป๋าใส? สุดท้ายแล้ว…
-
โรงเรียนในฟลอริดาบังคับเด็กใช้กระเป๋าใส เพื่อให้เห็นว่าพวกเขาพกอะไรมาโรงเรียนบ้าง?
เมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา พวกเราน่าจะได้เห็นข่าวการกราดยิงภายในโรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High School ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 17 คน จากเหตุการณ์นั้นเองทำให้หน่วยงานรักษาความปลอดภัยภายในโรงเรียนต้องหาวิธีป้องกันและยับยั้งไม่ให้เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก ทางเจ้าหน้าที่จึงแก้ปัญหาด้วยการออกกฎให้นักเรียนทุกคนสะพายกระเป๋าแบบใส เพื่อให้ง่ายต่อการมองเห็นว่าภายในนั้นใส่อะไรไว้บ้าง . แต่เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลมากเกินไป ทำให้เหล่าเด็กๆ มองว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนัก นักเรียนหลายคนจึงทวีตภาพและข้อความลงในทวิตเตอร์เพื่อระบายความรู้สึกของพวกเขา ว่านี่คือเป็นการแก้ปัญหาที่ “ปลายเหตุ” เอามากๆ Cameron Kasky หนึ่งในนักเรียนของที่นี่ได้ทวีตว่า “เว้นแต่ว่าพวกเขา (นักเรียน) จะมีเสื้อกันกระสุน ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าปลอดภัยมากนักนะ” Emma Gonzalez “คนที่มีพลังในการเปลี่ยนแปลงดันเอาแต่เปลี่ยนสิ่งผิดๆ” Jack Macleod หนึ่งในชาวทวิตเตอร์บอกว่าเขาเชื่อว่าโรงเรียนมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี แต่ตัวกระเป๋าดูจะทำไว้เพื่อความสวยงามมากกว่าการใช้งานจริงๆ นอกจากนี้เด็กๆ หลายคนยังมองว่ากระเป๋าแบบใหม่นี้ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลย เพราะมันทำให้พวกเขารู้สึกหวาดระแวงและเต็มไปด้วยความไม่ปกติตลอดเวเลา ในขณะที่ Lauren Hogg นักเรียนและนักกิจกรรมออกมาแสดงความเห็นว่ากระเป๋าใบนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรทำมาก “กระเป๋าใหม่ของฉันเกือบจะโปร่งใส ฉันรู้สึกปลอดภัยมากเท่าๆ กับที่ฉันรู้สึกขอบคุณความพยายามที่ประเทศของเราให้ความสำคัญกับปัญหาที่แท้จริง มากกว่าเปลี่ยนให้โรงเรียนของเรากลายเป็นเรือนจำ” …
-
เหตุกราดยิงในสหรัฐฯ ยังไม่จบ ล่าสุดมีคนบุก สนง.ยูทูบ จนมีผู้เคราะห์ร้าย 3 รายด้วยกัน
ตั้งแต่เข้าสู่ปี 2018 มาเป็นเวลา 4 เดือน เหตุกราดยิงในสหรัฐฯ ก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างไม่มีท่าทีจะหยุดเลย ไม่ว่าจะเป็นจากนักเรียนหรือจากผู้ใหญ่ก็ตาม ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2018 ได้มีเหตุกราดยิงกันที่สำนักงานยูทูบในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเจ้าหน้าที่รายงานว่าเมื่อตอนที่พวกเขาไปถึงก็พบกับกลุ่มคนมากมายวิ่งออกมาจากตึกแล้ว . เมื่อเข้าไปก็พบว่ามีเหยื่อได้รับบาดเจ็บอยู่ใกล้กับศพของหญิงที่คาดว่าเป็นผู้ก่อเหตุนอนเสียชีวิตอยู่ ตำรวจคาดเดาว่าเธอได้จัดการจบชีวิตตัวเองหลังจากก่อเหตุ ซึ่งจากจุดนั้นไม่ไกลมากนักเจ้าหน้าได้ก็ได้พบกับผู้บาดเจ็บอีก 3 คนด้วยกัน เจ้าหน้าไม่ได้เปิดเผยชื่อของเหยื่อทั้งสามรวมถึงผู้ก่อเหตุ บอกเพียงแต่ว่าเป็นชายวัย 36 ปี หนึ่งคนและอีกสองคนเป็นอีกหญิงวัย 27 และ 32 ปี ส่วนคนร้ายนั้นคาดว่าเป็นหญิงวัยระหว่าง 35 ถึง 40 ปี . ผู้บาดเจ็บนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการส่งไปรักษาที่โรงยาบาลซัคเคอร์เบิร์ก ฟรานซิสโกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแม้ว่าผู้บาดเจ็บอีกสองคนจะไม่เป็นอะไรมากนัก แต่หญิงวัย 32 ปีนั้นมีอาการที่สาหัสมาก ด้านพนักงานของบริษัทดังกล่าวก็ได้ทวีตข้อความถึงเหตุการณ์ที่พวกเขาพบเจอว่า พวกเรากำลังนั่งประชุมกันอยู่ ทันใดนั้นพวกเราได้ยินเสียงคนวิ่งกันเสียงดังมากๆ ตอนแรกผมคิดว่าอาจจะเป็นเพราะแผ่นดินไหว มีคนเข้ามากราดยิงในสำนักงานยูทูบ ผมได้ยินเสียงปืนและเห็นคนวิ่งกันระหว่างที่ผมกำลังนั่งอยู่ตรงโต๊ะ ทันใดนั้นผมก็ตัดสินใจสร้างรั้วกั้นในห้องกับเพื่อนร่วมงานทันที…
-
งานวิจัยเผย 80 เปอร์เซ็นต์ของมือปืนกราดยิง ไม่ได้มีความสนใจในวิดีโอเกมส์แต่อย่างใด
ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2018 เราอาจได้ยินคำพูดของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา Donald Trump ที่พูดเอาไว้ว่า “วิดีเกมส์คือสิ่งที่ส่งผลให้เกิดการกราดยิง” แต่ผลจากงานวิจัยชิ้นล่าสุดนั้นกลับให้ผลออกมาในทิศทางตรงกันข้าม นี่คือการศึกษาของนักจิตวิทยา Patrick Markey เมื่อเขาพยายามหาคำตอบเกี่ยวกับผู้ก่อเหตุกราดยิงและวิดีโอเกมส์ จนกระทั่งพบว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ก่อเหตุนั้นไม่ได้มีความสนใจในเรื่องของวิดีโอเกมส์เลย ผลลัพธ์ดังกล่าวเรียกว่าเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความคิดและความเข้าใจของใครหลายๆ คนเป็นอย่างมาก Patrick บอกว่างานวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ก่อนหน้านี้อาจมีข้อมูลที่ไม่เหมือนกับผลการศึกษาของเขา แต่ถึงอย่างนั้นข้อมูลดังกล่าวก็ไม่อาจบอกได้ว่าเกมส่งผลกับเรื่องนี้จริงๆ ขณะเดียวกันก็ได้มีการพุ่งประเด็นไปที่เรื่องของบริษัทขายปืนในอเมริกาที่ชื่อว่า Remington ซึ่งมีการผลิตปืนตามต้นแบบจากเกมดังอย่าง Call of Duty ก่อนที่จะพยายามขายให้กับวัยรุ่นผู้ชาย จนพวกเขาถูกฟ้องร้องภายหลังเหตุกราดยิงในปี 2012 ที่มีเด็กเสียชีวิตไปมากถึง 26 คน ซึ่งพบว่าผู้ก่อเหตุใช้ปืนของผู้ผลิตรายนี้ ทนายความ Josh Koskoff อธิบายว่าการกระทำของบริษัทนี้ถือว่าเป็นการส่งเสริมและเพิ่มความเสี่ยงให้มีเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นมาอีก Adam Lanza ผู้ก่อเหตุกราดยิงภายในโรงเรียนประถม เมื่อปี 2012 แน่นอนว่าการขายอาวุธที่ใช้ก่อเหตุให้กับคนร้ายถือว่าเป็นสิ่งที่ผิด แต่หากเราลองมองกลับมาที่เรื่องของวิดีโอเกมส์ที่เกริ่นกันไว้ในตอนแรก การที่เราจะบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ส่งผลให้มีการก่อเหตุนั้นกลับไม่สามารถพูดได้เต็มปากเหมือนอย่างกรณีการขายปืน ยิ่งมีงานวิจัยชิ้นใหม่เข้ามาเสริมด้วยแล้ว งานวิจัยและการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ในครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่ออกมาขัดกับความเข้าใจของเราหรือแม้แต่ประธานาธิบดีของสหรัฐเองก็ตาม และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ Patrick บอกว่างานวิจัยของเขานั้นยังบอกอีกว่า ยิ่งมีเกมรุนแรงถูกปล่อยออกมาเท่าไหร่…
-
สิ่งที่เหลืออยู่ของเหยื่อเหตุกราดยิงวัย 14 ในช่วงมัธยมต้นปี 2 และวันสุดท้ายในชีวิต
เหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ณ โรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High School เมือง Parkland รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งใหญ่ที่ทำให้ทั่วทั้งโลกตื่นตัวกับปัญหาทางด้านจิตวิทยาและกฎหมายการครอบครองปืน นอกเหนือจากข้อมูลของผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตแล้ว หนึ่งในผู้ปกครองของผู้เสียชีวิต Lori Alhadeff ผู้เป็นแม่ของ Alyssa Alhadeff วัย 14 ปี ได้เปิดเผยถึงเรื่องราวหลังจากเกิดเหตุ ที่เหลือเพียงบาดแผลลึกในจิตใจ กับสิ่งของของลูกสาวที่ทิ้งไว้ดูต่างหน้า นาง Lori นั่งอยู่ภายในห้องนอนของลูกสาวพร้อมกับเสื้อสเวตเตอร์ของเธอ และข้าวของเครื่องใช้ในช่วงชีวิตการเรียนชั้นมัธยม ทั้งตำราเรียน กระดาษโน๊ต หวี ปากกามาร์กเกอร์ พร้อมทั้งแผ่นมาร์กหน้าและน้ำยาทาเล็บของลูกสาว . คุณแม่เปิดเผยว่า ในวันก่อนเกิดเหตุลูกสาวของเธอกำลังเคลียร์ห้องนอน เพื่อจัดแจงอุปกรณ์ไปโรงเรียน จนกระทั่งในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ลูกสาวของเธอก็ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ทุกวันนี้ คุณแม่นอนหลับได้เพียงวันละไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เพราะยังคงคิดว่าลูกสาวยังอยู่กับเพื่อนที่โรงเรียน และหวังว่าเธอจะกลับมา……
-
เผยข้อมูลสวิตเซอร์แลนด์ แม้มีอัตราครอบครองปืนสูง แต่ไม่มีเหตุกราดยิงตั้งแต่ปี 2001
ปัญหาการกราดยิงในสหรัฐอเมริกาถือเป็นหาเรื้อรังที่เกิดมาอย่างยาวนาน จนตอนนี้หลายคนก็พากันคิดไปว่าสหรัฐอเมริกาคือ ประเทศที่มีอัตราการครอบครองปืนสูงที่สุดในโลก!! แต่ความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะประเทศที่มีการครอบครองอาวุธสูงที่สุดกลับตกเป็นของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ไปซะได้ เพียงแต่ว่าที่สวิตเซอร์แลนด์นั้นกลับไม่มีข่าวการกราดยิงเกิดขึ้นอีกเลย ตั้งแต่เหตุการณ์สังหารหมู่ Zug Massacre ที่เกิดขึ้นในปี 2001 แล้วอะไรคือสาเหตุของความแตกต่างระหว่างสองประเทศนี้ล่ะ… จากการสำรวจในปี 2016 พบว่าประชากรชาวสวิตเซอร์แลนด์ที่มีอยู่ทั้งหมด 8.372 ล้านคนนั้น มีประชากรที่ครอบครองปืนมากถึง 2 ล้านคน ซึ่งนั่นถือเป็นจำนวนที่สูงมากๆ แต่ว่าอัตราการก่อเหตุฆาตกรรมนั้นเกือบจะเป็นศูนย์ นอกจากนี้สมาคมผู้ครอบครองปืนไรเฟิลแห่งชาติอย่าง NRA (The National Rifle Association) ก็ยังชี้ว่าคนในประเทศสวิตเซอร์แลนด์นั้น อาจจะไม่จำเป็นจะต้องมีใบอนุญาตครอบครองปืนด้วยซ้ำ นอกจากนี้ ผู้ชายในประเทศตั้งแต่อายุ 18 ถึง 34 ปียังต้องเข้ารับการฝึกใช้ปืนตามข้อกฎหมาย โดยเหตุที่ต้องเข้ารับการฝึก ก็เพื่อให้ประชาชนมีความสามารถในการป้องกันเหตุร้ายและเข้าช่วยปฎิบัติงานต่างๆ ได้ทันที และหลังจากผ่านการฝึกแล้ว ผู้ฝึกสามารถเก็บปืนที่ใช้ฝึกไว้กับตัวได้ทันที โดยในปี 2000 ได้มีการออกสำรวจและถามประชากรในประเทศเกี่ยวกับเหตุผลของของการครอบครองปืน ซึ่งกว่า 25% ของประชากรให้คำตอบว่า พวกเขาจะมีและใช้ก็ต่อเมื่อเข้าปฎิบัติหน้าที่ในฐานะตำรวจหรือทหารเท่านั้น กลับกันในอเมริกามีเพียง 5% ที่ตอบในทำนองเดียวกัน…
-
จนท. ตำรวจ ‘ลาออก’ จากการเพิกเฉยต่อเหตุกราดยิงในโรงเรียน จนทำให้หลายชีวิตต้องสูญเสีย…
จากเหตุการณ์สุดสะเทือนขวัญที่เป็นเรื่องราวโด่งดังไปทั่วโลกเมื่อวัยรุ่นชายคนหนึ่งบุกเข้าไปในโรงเรียนมัธยมแล้วกราดยิงนักเรียนและครูที่อยู่ในโรงเรียน Marjory Stoneman Douglas เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 17 ราย และผู้บาดเจ็บจำนวนมาก เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เหล่าผู้ปกครอง นักเรียนและบุคคลากรในโรงเรียนต่างก็เสียขวัญเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกส่งตัวเข้ามาควบคุมสถานการณ์ในทันที และสามารถจับกุมผู้กระทำความผิด นั่นก็คือ นาย Nikolas Cruz Nikolas Cruz ผู้ก่อเหตุกราดยิง หลังจากที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาได้แล้วก็ต้องมีการส่งพิจารณาคดีหาผู้มีส่วนร่วมต่างๆ นาย Scot Peterson เป็นเจ้าหน้าที่ทางสำนักงานตำรวจส่งตัวมาเพื่อป้องกันการเกิดอาชญากรรมในโรงเรียน หรือที่เรียกกันว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรของโรงเรียน เจ้าหน้าที่ตำรวจ Scot Peterson ผู้ดูแลความปลอดภัยของโรงเรียนในขณะเกิดเหตุ (ภาพจากช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2015) ในการตัดสินพิจารณาคดี นายอำเภอ Scott Israel ได้กล่าวให้นาย Scot รับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากเขาไม่ออกไปช่วยนักเรียน ไม่ไปเผชิญหน้าเพื่อยับยั้งมือปืน และทำการหลบซ่อนตัวในขณะเกิดเหตุสะเทือนขวัญ นายอำเภอ Scott Israel กล่าวว่า ‘ผมรับไม่ได้ ไม่มีคำพูดใดๆ…
-
คุณแม่ถามลูกชาย เหตุใดถึงต้องเป็น ‘แนวหน้ากันกราดยิง’ คำตอบก็คือ ‘ยังดีกว่าให้ทุกคนโดนยิง’
หลังจากที่เกิดเหตุกราดยิงในเมือง Parkland รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา พ่อแม่จำนวนมากได้ทำการพูดคุยกับลูกถึงวิธีการรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หากว่าจะมีเหตุการณ์กราดยิงเกิดขึ้นอีกครั้งในสักวัน Tanai Bernard คุณครูจากเท็กซัสก็เป็นหนึ่งในนั้น เธอพูดคุยกับ Dezmond ลูกชายวัย 10 ขวบของเธอ เกี่ยวกับการเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันในโรงเรียนที่เขาเรียนอยู่ เธอต้องการให้ลูกชายของเธอตอบคำถามเพื่อให้รู้ว่า ลูกชายของเธอซ้อมรับมืออย่างอย่างจริงจังไม่ใช่ทำเล่นๆ และการพูดคุยในครั้งนี้ก็เป็นไปอย่างจริงจังตามที่เธอหวัง อย่างไรก็ตามคำตอบของลูกชายเธอนั้น กลับผิดคาดจากที่เธอคิด จนเธอต้องโพสต์บทสนทนาในช่วงนั้นลงไปในเฟซบุ๊ก โดยโพสต์ของเธอนั้นได้รับการกดไลก์กว่า 310,000 ครั้ง และแชร์อีกกว่า 150,000 ครั้ง Dezmond เด็กป. 5 เจ้าของบทสนทนา โพสต์ของคุณแม่ “ฉันกับลูกชายคุยกันตอนกำลังเดินไปโรงเรียนเมื่อเช้านี้ ในฐานะของคนเป็นครู ฉันอยากรู้ว่าลูกชายของฉันกับเพื่อนๆ เข้ารับการฝึกซ้อมรับมือเหตุฉุกเฉินของโรงเรียนอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ไปพูดคุยกันเล่นๆ “ “ฉัน: ลูกๆ ได้เข้าฝึกการเตรียมรับสถานการณ์อันตรายไหม? Dezmond: แม่หมายถึงการฝึกรับมือเหตุการณ์กราดยิงใช่ไหม? ฉัน: ใช่ Dezmond: อืม พวกเราเข้าฝึกแล้ว” “ฉัน: โอเค งั้นบอกมา ว่าต้องทำอะไรบ้าง…
-
‘จะต้องมีเด็กอีกกี่คนต้องตาย?’ เหล่านักเรียนกว่าพันชีวิต ร่วมประท้วงเปลี่ยนกฎหมายปืน
หลังจากเกิดเหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียน (School Shooting) ขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 17 คน ทำให้เริ่มมีกระแสกดดันเรื่องการควบคุมอาวุธปืน ให้เข้มงวดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา และดูเหมือนกว่าตอนนี้กระแสนั้นจะยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อมีนักเรียนนับพันในหลายหัวเมืองคนตัดสินใจเดินออกจากห้องเรียนไปประท้วงเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น โดยการประท้วงในเรื่องนี้เกิดขึ้นในวันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการรวมตัวประท้วงครั้งใหญ่ในหลายรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา อย่าง รัฐเท็กซัส รัฐแมริแลนด์ และรัฐเวอร์จิเนีย แต่จุดสำคัญใหญ่ๆ ก็คือ การที่นักเรียนกว่า 2,000 คนรวมทั้งผู้ปกครองและคุณครู ได้ร่วมจับมือกันและสวดมนต์ที่หน้าโรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High โรงเรียนที่เกิดเหตุในรัฐฟลอริด้า พร้อมทั้งสวมเสื้อสีประจำโรงเรียนและกวัดแกว่งธงสัญลักษณ์ไปมาอีกด้วย และในเวลา 14.20 น. ซึ่งเป็นเวลาที่เกิดเหตุโศกนาฎกรรมขึ้นพวกเขาก็ได้ร่วมกันสวดภาวนาให้กับผู้ที่เสียชีวิต พร้อมกับมีการสื่อความหมายไปยังรัฐบาลว่า ‘มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก’ และ ‘เราจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่ออีกต่อไป’ ร่วมด้วย จากนั้นผู้คนนับพันรวมถึงผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์นั้น ก็เดินทางไปรวมตัวกันที่ศาลากลางรัฐฟลอริด้า เพื่อเพิ่มความกดดันให้ฝ่ายนิติบัญญัติออกมาตรการควบคุมปืนที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งป้ายที่ใช้กดดันก็มีข้อความอย่าง ‘ไม่อีกแล้ว’ กับ ‘เป็นผู้ใหญ่หน่อย ทำอะไรสักอย่างสิ’ ที่เขียนขึ้นจากนักเรียนของโรงเรียนที่เกิดเหตุกราดยิง …
-
หนุ่มบอกให้เปลี่ยนคำว่า “โรงเรียน” เป็น “มดลูก” รัฐจะได้มาสนใจเรื่องกฎหมายปืนบ้าง
จากเหตุการณ์กราดยิงที่โรงเรียนใน รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้มีกลุ่มคนจำนวนมากออกมาแสดงความเป็นเกี่ยวกับกฎหมายการพกพาอาวุธของอเมริกากันอย่างมากหน้าหลายตา อย่างไรก็ดีด้วยความที่ว่าทางรัฐบาลสหรัฐ ยังไม่มีแผนการในการเปลี่ยนแปลงกฎหมายข้อที่ว่าทำให้มีชาวเน็ตมากมายไม่พอใจในเรื่องนี้ แต่ในบรรดาความเห็นเหล่านั้นมีความเห็นหนึ่งอันที่โดดเด่นกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด Let’s rename ‘school’ as ‘uterus’ so maybe Republican lawmakers will want to do something about the children dying inside them. — Nathan G (@nwg83) 15 กุมภาพันธ์ 2561 นี่คือความเห็นของผู้ใช้ทวิตเตอร์ Nathan G ที่มีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขากล่าวว่า “เราน่าจะเปลี่ยนคำว่า ‘โรงเรียน’ เป็น ‘มดลูก’ เสียนะ เผื่อว่าบางทีฝ่ายนิติบัญญัติของพรรครีพับลิคกันจะอยากออกมาทำอะไรสักอย่างกับเด็กที่ตายข้างในนั้น” ที่มาของข้อความด้านบนนี้มีที่มาจากกฎหมายเกี่ยวการห้ามทำแท้งที่มีผลบังคับใช้ในหลายๆ รัฐในสหรัฐอเมริกาแล้ว เพราะว่าเป็นกฎหมายที่มีความเกี่ยวข้องกับเด็กเช่นกันกับโรงเรียน แน่นอนว่าข้อความอันทรงพลังของเขาก็ได้กลายเป็นกระแสในโลกอินเตอร์เน็ตไปอย่างรวดเร็ว และมีคนมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อความของเขาเป็นจำนวนมาก ผู้ใช้ทวิตเตอร์ RCD ตอบข้อความของเขาด้วยภาพที่สะท้อนหลายๆ…
-
โค้ชทีมฟุตบอลเอาตัวเข้าบัง เพื่อช่วยชีวิตเด็กนักเรียนจากเหตุกราดยิงในฟลอริด้า
ในวันวาเลนไทน์ที่เพิ่งผ่านมานี้มีเรื่องสะเทือนใจเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา อดีตนักเรียน Nikolas Cruz ก่อเหตุใช้ปืนไรเฟิล AR-15 ยิงกราดในโรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High School รัฐฟลอริด้า เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 17 ราย ผู้เสียชีวิตไม่ได้มีแต่นักเรียนเท่านั้น แม้แต่คุณครูภายในโรงเรียนก็กลายเป็นเหยื่อด้วยเช่นกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นเองก็มีโค้ช Aaron Feis รวมอยู่ด้วย Aaron Feis ผู้เป็นทั้งโค้ชและผู้รักษาความปลอดภัย Feis เป็นโค้ชทีมฟุตบอลและผู้รักษาความปลอดภัยภายในโรงเรียน และเขาเองก็ถูกยิงในเหตุการณ์นั้นเช่นกัน แต่จากคำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ เขาไม่ได้ถูกยิง แต่ตั้งใจเอาตัวเองเข้าไปบังกระสุนปืนให้นักเรียนต่างหาก โดยขณะที่นักเรียนคนหนึ่งกำลังหนีจากหนุ่มที่ถือปืน เขาเห็นว่านักเรียนคนนั้นไม่สามารถหนีพ้นวิถีของปืนได้แน่ๆ ก็เลยใช้ตัวเองเป็นโล่เพื่อให้นักเรียนสามารถหนีไปได้อย่างปลอดภัย แต่ตัวเขาเองนั้นต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากที่การเสียสละตัวเองของเขาได้เผยแพร่ออกไป คนจำนวนมากก็ทวีตเพื่อสรรเสริญถึงความดีและระลึกถึงการจากไปของเขา นี่คือโฉมหน้าของโค้ช Aaron Feis วีรบุรุษที่บาดเจ็บจากการเข้าปกป้องนักเรียนในเหตุยิงปืน เขาเป็นที่รักของนักเรียนที่รู้จักเขาทุกคน ขอให้ทุกคนช่วยส่งกำลังใจไปให้เขาด้วย โค้ช Aaron Feis เป็นคอยปกป้องผู้อื่นเสมอมา วันนี้เขาได้เสียสละร่างกายของตัวเองเพื่อปกป้องนักเรียน มันต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากในการเผชิญหน้ากับมือปืนที่บ้าคลั่ง โค้ช Feis เป็นวีรบุรุษอเมริกัน แทนที่จะพูดถึงมือปืน เรามาให้เกียรติวีรบุรุษ…
-
เกิดเหตุกราดยิงกลางตลาดในสวีเดน บาดเจ็บ 4 ราย ตำรวจสันนิษฐานไม่น่าใช่การก่อการร้าย
ข่าวเหตุการณ์กราดยิงในลาสเวกัสยังไม่ทันจางหาย ก็มีเกิดเหตุในลักษณะเดียวกันซ้ำซะแล้ว แต่คราวนี้เป็นการกราดยิงในประเทศสวีเดน เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (13 ตุลาคม 2017) มีรายงานว่า เกิดเหตุกราดยิงขึ้นกลางตลาดในสวีเดน แต่ทางตำรวจสันนิษฐานไม่น่าจะเป็นการก่อการร้ายเหมือนกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา หลังจากที่เกิดเหตุกราดยิงกลางตลาด Trelleborg เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ก็มีรายงานว่าพบผู้เสียชีวิตหลายราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องเข้าปิดล้อมสถานที่ดังกล่าวในเวลาต่อมา ต่อมาโฆษกตำตรวจ Fredrik Bratt ได้ออกมาเผยว่า “ตั้งแต่เกิดเหตุ มีพลเมืองโทรมาแจ้งอย่างต่อเนื่องว่ามีการกราดยิงใน Trelleborg” “เมื่อเราไปถึงก็พบว่า พลเมืองหลายคนได้รับบาดเจ็บเหตุดังกล่าว โดยพบผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย แต่คาดว่าน่าจะมีกว่านี้ เราจึงได้ทำการปิดล้อมที่เกิดเหตุ เพื่อที่ทำการตรวจสอบอย่างเข้มงวดต่อไป” ตำรวจยังบอกอีกว่านี่คือข้อมูลทั้งหมดที่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ และเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างหาหลักฐานเพิ่มเติม หากมีความคืบหน้า จะมารายงานให้ทราบอีกครั้งในภายหลัง ที่มา dailymail
-
รู้จักชายหนุ่มในภาพก้องโลก เอาตัวบังหญิงสาวในเหตุกราดยิง Las Vegas แถมช่วยคนอื่นๆ อีกเพียบ!!
ภาพของชายหนุ่มที่กำลังเอาตัวเข้าปกป้องหญิงสาวผู้หนึ่ง ระหว่างเหตุการณ์กราดยิงที่งานคอนเสิร์ต Route 91 Harvest บริเวณโรงแรม Mandalay Bay Las Vegas ในลาสเวกัส เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา กลายเป็นที่พูดถึงความกล้าหาญของชายคนนี้อย่างมาก Matthew Cobos ทหารหนุ่มจากกองทัพสหรัฐฯ ได้เข้าไปในพื้นที่กราดยิงและช่วยเหลือผู้คนที่กำลังตกอยู่ในอันตราย โดยการเอาร่างกายของตัวเองเป็นเกราะป้องกันกระสุนให้เหยื่อการกราดยิงผู้หนึ่ง Cobos และหญิงสาวคนดังกล่าว นอนหมอบอยู่กับพื้นสนาม ในระหว่างที่ผู้เข้าชมคอนเสิร์ตคนอื่นๆ กำลังตื่นตระหนกและวิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันอยู่ และนี่คือภาพของคุณ Cobos ที่กำลังเข้าปกป้องหญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย ท่ามกลางความวุ่นวาย Cobs พยายามปกป้องหญิงสาวคนนั้นด้วยร่างกายของเขา และพาเธอเข้าไปหลบในที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานว่าหญิงสาวคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด คุณ David Becker ผู้ถ่ายภาพของทั้งสองคนกล่าวว่า หลังจากที่ทั้งสองวิ่งไปหลบที่หลังรถ พวกเขาก็ออกจากที่เกิดเหตุไปเลย คุณ Cobos (ตรงกลาง) นายทหารหนุ่มที่เข้าช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายอย่างกล้าหาญ ทางเว็บไซต์ Daily Mail ได้รายงานว่าหลังจากที่ช่วยหญิงสาวคนดังกล่าวแล้ว คุณ Cobos ยังได้วิ่งเข้าไปในพื้นที่กราดยิง เพื่อช่วยผู้เคราะห์ร้ายคนอื่นๆ อีกด้วย ชายหนุ่มได้ใช้เข็มขัดของเขาเพื่อช่วยห้ามเลือดให้กับเหยื่อและใช้นิ้วมือของเขาอุดไปที่รูกระสุนของคนที่ถูกยิง Cobos เล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นกับคนใกล้ชิดของเขาว่า เขาได้ยินเสียงกระสุน พร้อมกับเห็นวิถีกระสุนที่วิ่งเขาไปขณะที่กำลังวิ่งอยู่ …
-
ผู้เชี่ยวชาญแนะ “วิธีเอาตัวรอด” ที่ดีที่สุด หากคุณบังเอิญตกอยู่ใน “เหตุกราดยิง”
เมื่อไม่กี่วันนี้เราคงได้ยินข่าวเหตุการณ์กราดยิงฝูงชนที่งานเทศการดนตรีในลาสเวกัส ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตนับสิบรายและบาดเจ็บอีกนับร้อย Gun Runnerz หนึ่งในช่องยูทูบที่มักจะนำเสนอเรื่องปืนบอกว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีผู้คนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เพราะผู้คนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าเองจะตกเป็นเป้าหมายของมือปืน จึงไม่มีการป้องกันตัวเองเท่าที่ควร ด้วยเหตุนี้เขาจึงอัพโหลดวิดีโอในช่องยูทูบของเขา เพื่อแนะนำวิธีการเอาตัวรอดหากตกอยู่ในเหตุการณ์กราดยิง เขาบอกว่า “เห็นได้ชัดว่าผู้คนที่อยู่ในคลิปที่ลาสเวกัสไม่เข้าใจเสียงปืน และไม่รู้ด้วยว่าปืนกำลังเล็งมาที่พวกเขา ในฐานะที่ผมได้เรียนการยิงปืนและชำนาญในด้านนี้พอสมควร จึงเห็นว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะสอนคุณให้เข้าใจเสียงปืน เพื่อนำไปสู่การเอาตัวรอด” “สิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้คือ พวกเขาใช้ปืนชนิดไหน และคนยิงอยู่ห่างออกไปไกลแค่ไหน” เพื่อทำความเข้าใจง่ายขึ้น เราจะแบ่งกระสุนออกเป็น 2 ประเภทคือ Supersonic และ Subsonic ซึ่งทั้งสองชนิดจะมีเสียงที่แตกต่างกัน กระสุน Supersonic มักจะใช้กับปืนยาว เมื่อถูกใช้งาน เสียงแรกที่คุณจะได้ยินคือเสียงคล้ายกับการหักนิ้วหัวแม่มือ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงที่แตกต่างกัน 3 เสียงคือ เสียงกระทบกับวัตถุหรือเมื่อยิงถูกคน จากนั้นก็จะได้ยินเหมือนเสียงตกกระทบพื้น ต่อเสียงคล้ายกับคอนกรีตแตก นั่นหมายความหากคุณอยู่ในเหตุการณ์กราดยิง สิ่งแรกเลยคือต้องมีสติและคอยฟังเสียงคล้ายการหักนิ้วแม่มือ จากนั้นก็รีบมองหาต้นเสียง จากนั้นก็พยายามหาที่กำบังที่สามารถป้องกันคุณจากกระสุนปืนได้ (มือปืนของจริงไม่ได้ยิงแม่นแบบในเกมหรอกนะ) ในสถานการณ์จริง แม้คุณจะแยกแยะเสียงปืนได้ แต่มันอาจจะยากตรงการได้ยิน เนื่องจากมีเสียงผู้คนร้องเอะอะแทรกขึ้นมาจนทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าปืนยิงมาจากทิศทางไหน ลองไปชมคลิปกันดีกว่าว่าเราต้องทำยังไงบ้าง หากเพื่อนๆ สนใจเรื่องนี้สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ช่องยูทูบ Gun…
-
สื่อต่างชาติพาชมบ้าน Omar Mateen ฆาตกรผู้ก่อเหตุกราดยิง 50 ศพ ในไนท์คลับเมืองออร์แลนโด
เชื่อว่่าตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ Omar Mateen ชายสุดเหี้ยม ที่ก่อเหตุกราดยิงในคลับแห่งหนึ่งในเมืองโอแลนโด้ รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 50 ราย และบาดเจ็บอีก 50 ราย ล่าสุดทางกรมตำรวจอนุญาตให้สำนักข่าวเดลีเมล์ เข้าไปถ่าย “บ้าน” ของนาย Omar Mateen ออกมา หลายคนอาจอยากเห็นว่าภาพ ภายในบ้านของฆาตกรโหด จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร และเหมือนกับคนทั่วไปหรือไม่ นาย Omar Mateen อาศัยอยู่ที่ห้อง 107 ของ Woodland Condominium ในเมือง Fort Pierce นับตั้งแต่เขาหย่ากับภรรยาคนแรก . นี่คือห้องนั่งเล่นของเขา ดูธรรมดาไม่ต่างอะไรจากบ้านทั่วๆ ไป ห้องนอนใหญ่ค่อนข้างรก มีผ้าคลุมเตียงสีแดง พร้อมกับลูกโป่งและขวดน้ำหอม ห้องนอนลูกชายของ Mateen ตกแต่งด้วยธีมสตาร์วอร์ และมีกระเป๋านินจาเต่าวางไว้ ห้องครัว บริเวณตู้เย็นมีภาพของลูกชายติดอยู่เต็มไปหมด ห้องนั่งเล่นมีดาบอะไรซักอย่างวางอยู่ มุมออกกำลังกาย…
-
อัพเดทสถานการณ์การก่อการร้าย ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส #prayforparis
เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันและช็อคไปทั่วโลก เมื่อมีการก่อเหตุก่อการร้าย ณ ใจกลางของประเทศฝรั่งเศส นั่นก็คือกรุงปารีส ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตร่วม 150 รายแล้ว ซึ่งเหมียวเองก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อช่วง 7 นาฬิกาของวันที่ 14 พฤศจิกายน ตามเวลาประเทศไทย โดยเริ่มต้นจากเหตุกราดยิงในหลายจุดของกรุงปารีสและมีระเบิดพลีชีพ (Suicide Bomb) บริเวณ State de France ทางด้านผู้สื่อข่าวจากทางหลายสำนักได้รายงานว่า มีมือปืนใช้ปืนกลเปิดฉากกราดยิงภัคตาคาร เปอติ แคมโบดจ์ (Petit Cambodge) ในเขต 11 (11th District) และมีการกราดยิงเกิดขึ้นที่ศูนย์ศิลปะบาตาคล็อง (Bataclan) เช่นเดียวกัน นอกจจากนี้ยังมีการจับผู้บริสุทธิ์เป็นตัวประกันด้วย ภายในเวลาเดียวกันเกิดเหตุระเบิดสามระรอกภายนอกบาร์แห่งหนึ่งใกล้ๆ กับ State de France ซึ่งกำลังมีการแข่งขันฟุตบอลระหว่างฝรั่งเศส-เยอรมนี และมีรายงานว่านายฟรองซัวส์ โอลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้เข้าร่วมชมการแข่งขันนี้ด้วย แต่ถูกนำตัวไปยังที่ปลอดภัยแล้ว มีตัวประกันถูกจับตัวราวๆ…