Tag: กรีซ
-
10 ความจริงทางประวัติศาสตร์ของชาวกรีกโบราณ ค่านิยมอันน่าเหลือเชื่อ มีอย่างนี้จริงๆ หรือ?!
ในอดีตก่อนที่จะถึงยุคที่วิทยาศาสตร์สามารถหาคำตอบของสิ่งต่างๆ ได้ คนเราในยุคนั้นก็จะเต็มไปด้วยความเชื่อแปลกๆ ที่เราอาจไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเขาจะทำอย่างนั้นกันจริงๆ วันนี้เราจึงอยากชวนให้เพื่อนๆ ได้ลองมารู้ความจริงสุดประหลาดของชาวกรีกโบราณ กับสิ่งต่างๆ ที่เขาเชื่อหรือค่านิยมต่างๆ ที่ไม่ธรรมดา มันแตกต่างกับเราในยุคนี้มากแค่ไหน ลองไปเปรียบเทียบกันเองเลย 1. แพทย์จะชิมรสชาติขี้หูเพื่อวินิจฉัยโรค จริงๆ แค่อาการทั่วๆ ไปก็สามารถวินิจฉัยอาการป่วยได้แล้ว แต่แพทย์หลายคนในยุคนั้นกลับใช้วิธีการ ชิมขี้หู เสริมด้วย เพราะพวกเขาเชื่อว่าของเสียในร่างกายจะมีรสชาติที่เป็นเฉพาะ ถ้ารสชาติมันเปลี่ยนไปย่อมแสดงถึงความผิดปกติของร่างกาย พวกเขาจึงจะใช้นิ้วแหย่เอาขี้หูคนไข้มาชิม หรืออาจเป็นของเสียอื่นๆ ตามร่างกายเรา 2. น้ำยาเหงื่อไว้สำหรับผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ก่อนการออกกำลังกาย นักกีฬาจะทาน้ำมันมะกอกไปทั่วตัว ซึ่ง น้ำมันดังกล่าว จะมีส่วนผสมของเหงื่อและของเสียที่ถูกขูดออกมาตามผิวหนังโดยใช้อุปกรณ์พิเศษ (เหมือนในรูปขวา) โดยส่วนผสมดังกล่าวพวกเขาเชื่อว่าจะช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ เป็นยาที่มีการวางขายจริงในยุคนั้น 3. สิ่งปฏิกูลมีไว้สำหรับสุขภาพของผู้หญิง ชาวกรีกโบราณเชื่อว่า ผู้หญิงอ่อนแอต่อมลพิษหรือพวกสิ่งเจือปน ทำให้พวกเขาใช้วิธีแปลกๆ ในการรักษาอาการดังกล่าว ยกตัวอย่างเช่นในกรณีหญิงสาวแท้งลูก พวกเธอจะต้องกินไวน์ที่ผสมกับพวกลำไส้และอุจจาระสัตว์ทอดเข้าไป ในขณะเดียวกันกลับไม่มีการบันทึกว่าผู้ชายต้องทำอย่างนั้นเลย 4. การจามช่วยให้ไม่ท้อง เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ หลังจากที่มีอะไรกันเสร็จ ผู้หญิงจำเป็นต้องจามออกมาทันที ซึ่งแน่นอนว่าเป็นวิธีการที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย หรืออีกวิธีของการป้องกันการตั้งครรภ์คือการทายางสนผสมน้ำผึ้งลงไปบนอวัยวะเพศชาย ซึ่งมันก็ไม่เกี่ยวกันอยู่ดี…
-
สภาพเกาะครีตในโทนเหงา สีแสดไปทั่วทุกพื้นที่ ดูสวยงามแต่อันตราย เพราะทรายล้วนๆ…
หากมองสภาพโดยทั่วไปของภูมิภาคที่เป็นเกาะ จะต้องมีสีออกไปในโทนสดใส ท้องฟ้าสีครามตัดกับน้ำทะเลสีน้ำเงินเขียว ไหนจะมีแสงแดดคอยโอบล้อมอีก โอ๊ยยยย… แค่คิดภาพตามก็รู้สึกดีแล้วล่ะ แต่ถ้าคุณลองนึกถึงสภาพที่ยกทะเลทรายมาอยู่แทนที่ล่ะ มันจะออกมาในสภาพแบบไหน แน่นอนว่าทรายจะมีสีออกไปในโทนสีเนื้อ ยิ่งลอยมากับลมเป็นพายุก็ยิ่งทำให้โทนสีเข้มจนน่ากลัว… เมื่อไม่นานมานี้ มีชุดภาพจากเกาะครีต ประเทศกรีซถูกเผยแพร่ออกมา สภาพทั่วไปในบริเวณเกาะมองเห็นเป็นโทนสีส้มแสดเข้มไปทั่วท้องฟ้า ซึ่งภาพเหล่านี้ถูกโพสต์โดยเหล่านักท่องเที่ยวที่ไปพักผ่อนในช่วงนี้ ดูจากภาพแล้วคล้ายจะเป็นการใช้ฟิลเตอร์แต่งภาพ แต่เปล่าเลย ภาพที่เห็นคือภาพจริง สถานที่จริง ในช่วงเวลาที่ทั้งเกาะกำลังเผชิญกับพายุทะเลทราย เคลื่อนตัวย้ายมาจากทะเลทรายซาฮารา เมื่อช่วงวันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม 2018 ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น . แม้ภาพถ่ายที่เห็นจะดูดี เหมือนหลุดออกมาจากในภาพยนตร์ยุคโลกล่มสลาย แต่ชาวบ้านชาวเมืองที่อาศัยอยู่บนเกาะขอเซย์โนไว้เลย… เพราะมันแย่ยิ่งกว่าฝุ่นควันกรุงเทพฯ หมอกควันภาคเหนือในไทย เพราะฝุ่นทะเลทรายนั้นอุดมไปด้วย สารตะกั่ว สังกะสี โครเมียม และวาเนเดียม ที่จะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพในระยะยาว . . ภาพถ่ายในมุมเดียวกัน ในวันที่ 23 มีนาคม 2018 หนึ่งวันหลังเหตุพายุทะเลทรายพัดผ่าน …
-
กลุ่มเคลื่อนไหวหัวรุนแรงในกรีซ โพสต์ภาพฉีดกรดพิษในอาหาร หวังให้คนแตกตื่น!!
กลายเป็นสถาณการณ์ที่ทำเอาชาวกรีซต้องผวากันเลยทีเดียว หลังจากที่ทางผู้ก่อการร้ายได้ออกมาประกาศว่าพวกเขาเตรียมที่จะฉีดกรดไฮโดรคลอริกเข้าไปในอาหารที่จำหน่ายในร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตอย่างเช่นพวกอาหารสำเร็จรูป และเครื่องดื่ม ทางด้านกลุ่มก่อการณ์ร้ายได้โพสต์ภาพการฉีดกรดดังกล่าวเข้าไปในอาหารอย่างเช่นน้ำอัดลม นม และเนื้อสัตว์ลงโซเชียลมีเดียก่อนจะประกาศนำไปวางในร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตในช่วงคริสมาสต์-ปีใหม่นี้ เป็นเหตุทำให้ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตในประเทศหลายแห่งต้องมีการถอดอาหารประเภทดังกล่าวออกจากชั้นเนื่องจากเกรงว่าจะได้รับการปนเปื้อน ทางด้านเจ้าหน้าที่ได้ออกประกาศให้ประชาชนในกรุงเอเธนส์และเมืองเทสซาโลนีกี งดซื้อเครื่องดื่มโคคา-โคล่า นมยี่ห้อถ้องถิ่น และเนื้ออัดก้อน ซึ่งมีประชากรมากกว่า 1 ล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว “เราขอเรียกการกระทำนี้ว่าการก่อการร้าย มันไม่ใช่การเคลื่อนไหวทางการเมือง” นาย Mary Bossis อาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัย University of Piraeus กล่าว การกระทำครั้งนี้เป็นฝีมือของกลุ่มอนาธิปไตยที่ใช้ชื่อว่า Blackgreen Arsonists ซึ่งได้มีการออกแถลงการณ์ว่า “ในหลายวันนี้ชาวคริสต์นับพันจะออกจากที่นอนของพวกเขาเพื่อจับจ่ายซื้อของใช้ที่จำเป็นสำหรับคริสต์มาสและเติมเต็มชีวิตที่ว่างเปล่าของพวกเขาด้วยอาหารขยะที่ห่อหุ้มด้วยถุงที่สวยงาม มีสัตว์จำนวนมากที่ถูกฆ่าเพื่อเฉลิมฉลองความสุขของพวกเขา พวกเขาจะดื่มเลือดจนหยดสุดท้ายเพื่อการเฉลิมฉลองนี้ “ ภาพของการฉีดกรดไฮโดรคลอริกเข้าไปในอาหารและน้ำดื่มที่ทางกลุ่ม Blackgreen Arsonists ได้โพสต์ลงโซเชียลเน็ตเวิร์ค อย่างที่ทราบกันดีว่ากรดไฮโดรคลอริกนั้นเป็นกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรงและใช้ในอุตสาหกรรม ซึ่งอันตรายจากการรับประทานกรดชนิดนี้เข้าไปอาจทำให้เกิดการกัดกร่อนร่างกายอย่าเฉียบพลัน อาเจียนเป็นเลือด และเสียชีวิตได้ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดของกลุ่มนี้ และยังไม่ทราบถึงจุดประสงค์ในการเคลื่อนไหวหรือเป้าหมายที่แน่ชัดของพวกเขา แต่ได้เร่งทำการสืบสวนเพื่อตามหาผู้กระทำผิดโดยเร็วแล้ว… ที่มา odditycentral
-
เปิดประวัติ “คลองคอรินธ์” เชื่อมทะเลกรีีซทั้งสองฝั่ง กับ 2,000 ปี ที่กว่าความฝันจะเป็นจริง..!!
อีกหนึ่งเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันน่าสนใจเกี่ยวกับการทำเส้นทางเชื่อมระหว่างอ่าวซาโรนิค และอ่าวคอรินทร์ ที่ซึ่งต้องใช้ระยะเวลานานกว่า 2,000 ปี ถึงจะแล้วเสร็จ..!! ย้อนกลับไปในช่วง 602 ปี ก่อนคริสตกาล ผู้ปกครองเมืองคอรินทร์ตอนนั้นนามว่า ‘Periander’ มีความใฝ่ฝันที่อยากจะเอาชนะธรรมชาติด้วยการเชื่อมเส้นทางจากทั้ง 2 อ่าวเข้าด้วยกัน ทว่าด้วยยุคสมัยที่ไม่มีเทคโนโลยี หรือเครื่องมืออำนวยความสะดวกอะไรเท่าสมัยนี้ ทำให้โปรเจคดังกล่าวดูจะใหญ่เกินความสามารถของมนุษย์ และถูกล้มเลิกไปในที่สุด… บริเวณช่องคลองคอรินธ์ จนกระทั่งเมื่อ 300 ปีก่อนคริสตกาล กษัตริย์ Dimitrios Poliorkitis แห่งมาซีโดเนีย ก็ได้ริเริ่มโครงการที่ถูกทิ้งร้างมานานหลายร้อยปีอีกครั้ง ทว่าท้ายที่สุดก็กลับไม่สำเร็จด้วยเหตุผลความเชื่อทางศาสนาของผู้คนที่เชื่อว่าการทำให้ทะเลทั้งสองฝั่งเชื่อมกัน อาจทำให้เทพโพไซดอนโกรธได้ แผนการณ์ทุกอย่างถูกล้มเลิก จนกระทั่งมาถึงยุคการปกครองของจักรพรรดิแนโรแห่งโรมัน ที่มีการสั่งให้สร้างจุดเชื่อมต่อดังกล่าวขึ้นอีกครั้ง ทว่าน่าเสียดายที่ในที่สุดกษัตริย์แนโรได้ถูกลอบปลงพระชนม์ และคำสั่งการสร้างทางเชื่อมก็ถูกยกเลิกตามไปด้วย ดูเหมือนว่าเรื่องราวทุกอย่างจะถูกลืมและไม่ได้มีการเล่าต่อ กระทั่งเมื่อปี 1830 ผู้ว่าการรัฐคนแรกของกรีซ ได้ริเริ่มโครงการขุดคลองคอรินธ์อีกครั้ง ทว่าด้วยปัญหาด้านการเงินทำให้ในที่สุดโครงการนี้ก็ตกเป็นของบริษัทเอกชนอย่าง Austrian General Etiene Tyrr ในปี 1869 ใช่ว่าเมื่อได้เป็นบริษัทเอกชนเข้ามารับช่วงต่อแล้ว เมกะโปรเจคต่างๆ จะสามารถเสร็จสิ้นได้โดยง่าย เพราะต่อมาในช่วงปี 1890…
-
13 รูปภาพพิสูจน์ว่า “กรีซ” เป็นประเทศที่ไม่น่าพาแฟนไปฮันนีมูนเลย เดี๋ยวจะติดใจ!!
สำหรับคู่รักที่กำลังมองหาสถานที่ ที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงฮันนีมูน เราต้องขอบอกเลยว่า “กรีซ” เป็นประเทศที่ไม่น่าไปที่สุด โดยเฉพาะที่ Santorini เกาะทางตอนใต้ของกรีซ สถานที่ๆ กว่า 70% ของนักท่องเที่ยวเดินทางมาแต่งงานกันที่นี่ เอาเป็นว่าไปดูกันเลยว่าทำไมเราถึงไม่ควรพาคนรักมาเที่ยวที่นี่..!! เกาะซานโตรินีก็ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เป็นเกาะที่เกิดขึ้นจากการปะทุของภูเขาไฟ เมื่อหลายศตวรรษมาแล้ว ตึกรามบ้านช่องของที่นี่ก็ดูเช๊ยเชย ไม่มีความยูนีคเอาซะเล๊ยยย พื้นถนนของเกาะนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยหินแกรนิต เป็นการเอาหินทรงลูกเต๋ามาวางเรียงกันเป็นถนน โอ๊ยที่อื่นเค้าใช้ยางมะตอยกันหมดแล้ว!! ที่หมู่บ้าน Oia ตึกรามบ้านช่องของชาวบ้านที่นี่ มักจะใช้โทนสีพาสเทล พอตกกระทบกับแสงแดดแล้ว กลายเป็นภาพที่ไม่ค่อยน่าถ่ายรูปเก็บไว้ซักเท่าไหร่เลย (หราาาา?) ทั่วทั้งเมืองยังเต็มไปด้วยกำแพงบ้านที่ดูเรียบง่าย เหมาะที่จะใช้เป็นแบคดรอปสำหรับการถ่ายรูป กับเอิ่อมมม….คนรักก็ได้ ส่วนคนที่ชอบอ่านหนังสือเราไม่ขอแนะนำให้มา เพราะที่นี่มีร้าน Atlantic Books ซึ่งถือเป็นร้านหนังสือที่สวยงามที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ใกล้ๆ กันที่หมู่บ้าน Ammoudi มีอ่าวทะเลน้ำใส ที่คุณจะมาตกปลาก็ได้ หรือนั่งกินลมชมวิวบนเรือเล่นๆ ก็ได้ Red Beach ก็เป็นอีกชายหาดที่ไม่น่าไปสุดๆ ไม่เห็นจะมีอะไรเลยแค่ก้อนหินสีแดง…
-
30 ภาพความงามแห่ง ‘กรีซ’ ประเทศที่มีแทบทุกอย่าง แค่รอให้คุณได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง
ถ้าให้เลือกไปต่างประเทศได้ 1 ประเทศ เพื่อนๆ จะเลือกไปที่ไหนเอ่ย? แน่นอนว่าหลายคนอยากไปประเทศในฝันของตัวเอง และต้องไปให้คุ้มด้วยนะ แต่ถ้ากลัวจะไม่คุ้มเนี่ย เราขอแนะนำประเทศกรีซ ที่บอกได้เลยว่า เป็นประเทศที่รวมเอาทุกอย่างไว้ในนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว อาหาร ที่พัก ก็คงไม่มีที่ไหนเพียบพร้อมไปกว่าอีกแล้ว และนี่คือภาพบางส่วนที่เรานำมายั่วเพื่อนๆ ในวันนี้ 1. Parthenon สถานที่ขึ้นชื่อของกรีซ ให้คุณได้ท่องเที่ยวสำรวจกรุงเอเธนส์เพื่อดูร่องรอยของเมือง Acropolis ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ที่สำคัญของกรีซนั่นเอง 2. ใกล้ๆ กันนั้นจะเป็น Odeon of Herodes Atticus โรงละครโบราณที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่สอง โครงสร้างทั้งหมดทำมาจากหินล้วนๆ 3. เมื่อไปเอเธนส์สถานที่ที่ไม่ควรพลาดคือ Central Market ตลาดที่รวมเอาของสดทุกอย่างไว้ในนี้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสด ปลาสด หรือแม้แต่ผลไม้สด 4. นอกจากกรุงเอเธนส์แล้ว คุณสามารถไปดูซากปรักหักพังได้ที่เมืองโอลิมเปีย ที่นี่คุณจะเห็นร่องรอยในอดีตที่สร้างขึ้นก่อนคริสตศักราช 5. หากต้องการดูสถาปัตยกรรมเก่าๆ ก็ต้องไปที่ Mani ตั้งอยู่ในเมือง Peloponnese จะมีบ้านที่ทำมาจากหินตั้งเรียงกันตามเนินเขา 6. เมืองโบราณในสปาร์ตา …
-
ถ่ายภาพมันเดิมๆ เธอเลยตัดสินใจ “วาดภาพ” เก็บบรรยากาศทุกที่ที่เธอได้ไปเที่ยว!!
ปกติแล้ว เวลาเราไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เราก็มักจะเก็บความทรงจำของสถานที่แห่งนั้นด้วยการถ่ายรูป เพราะเป็นวิธีที่สะดวก เพียงไม่กี่วินาที เราก็จะได้ภาพนั้นมาแล้วโดยไม่ต้องออกแรงอะไรมาก แต่สำหรับศิลปินที่ชื่อว่า Lili Schuch ชาวฮังการีคนนี้ เธอเป็นจิตรกรวาดภาพและเชี่ยวชาญทางด้านสีน้ำ เธอมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่กรีซบ่อยมากๆ จนเธอตัดสินใจที่จะเก็บความทรงจำเหล่านั้นไว้ในสมุดภาพด้วยการวาดของเธอเอง ปกติแล้วการวาดลงในสมุดวาดภาพนั้นต้องเป็นสมุดที่ใหญ่ แต่เธอเลือกสมุดเล่มเล็กๆ เพราะมันง่ายต่อการพกพา และเธอก็สามารถพกไปได้ทุกที่ที่เธอไป เธอตั้งชื่อให้มันว่า “Foldable landscapes” เราไปชมภาพวาดของเธอได้เลยดีกว่า Hills of Trikala / กรีซ ชายหาดใน Pelion / กรีซ ทะเลสาบ Balaton / ฮังการี เหมืองในฮังการี Meteora / กรีซ Trikala / กรีซ โรงแรมในกรีซ Keramidi / กรีซ ชายหาดในกรีซ Meteora / กรีซ…
-
ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียบอกเล่าประสบการณ์เสี่ยงตาย ว่ายน้ำข้ามทะเลกว่าเจ็ดชั่วโมงเพื่อเริ่มชีวิตใหม่
เราต่างก็ได้รับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับความยากลำบากของชาวซีเรียที่สูญเสียทุกอย่างไป ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน เงินทอง รวมไปถึงชีวิต ซึ่งชาวซีเรียก็ได้กลายมาเป็นผู้ลี้ภัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากสาเหตุของสงครามกลางเมืองอันวุ่นวาย ทำให้บ้านที่เคยอยู่กลายเป็นแดนสงคราม สงครามกลางเมืองในซีเรีย ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียต่างรู้ดีว่าชะตาชีวิตของพวกเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย หากยืดหยัดอยู่ในซีเรียก็คงมีค่าไม่ต่างไปจากการรอความตาย เพราะฉะนั้นหลายคนจึงเลือกที่จะทิ้งดินแดนเดิมของตนและลี้ภัยไปต่างประเทศ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถไปถึงจุดหมายปลายทางที่เฝ้าฝันเอาไว้ Ameer Mehtr ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียที่ว่ายน้ำข้ามทะเลจากตุรกีไปยังกรีซ แต่สำหรับ Ameer Mehtr ผู้ลี้ภัยที่เสี่ยงตายเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน จากการตัดสินใจวิ่งหนีสุดชีวิตไม่คิดหันหลังกลับ พึ่งพาร่างกายของตนเองเพื่อตามหาชีวิตใหม่ เนื่องจากเขาไม่มีเงินเพียงพอที่จะว่าจ้างคนพาข้ามประเทศได้ เขาได้รับการฝึกฝนการว่ายน้ำมาจากทีมชาติซีเรีย และด้วยการฝึกฝนที่ได้รับมาเขาจึงวางแผนที่จะว่ายน้ำข้ามทะเลเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในยุโรป ข้ามฝั่งจากประเทศตุรกีผ่านทะเลอีเจียนไปยังเกาะ Samos ประเทศกรีซ ก่อนที่จะว่ายน้ำข้ามทะเลด้วยระยะทางเพียงแค่ 4 ไมล์ (6.4 กิโลเมตร) นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เขาต้องเตรียมความพร้อมให้ร่างกายเสียก่อน ด้วยการฝึกว่ายน้ำในทะเลริมชายฝั่งในเมืองเบรุต ประเทศเลบานอน ซึ่งก็ได้ลี้ภัยมาอยู่ที่นี่ได้ซักระยะแล้ว ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียเดินทางข้ามละเทด้วยเรือยาง หลังจากนั้นในเดือนกันยายน เขารู้สึกว่าตอนนี้ร่างกายและจิตใจพร้อมที่จะไปแล้ว ก็ได้ทำการศึกษาแผนที่อย่างเคร่งครัดเพื่อที่จะค้นหาเส้นทางที่สั้นที่สุด จนกระทั่งถึงคืนที่ต้องไป เขาก็ได้ลักลอบเข้าเมือง Güzelçamlı ของประเทศตุรกี วิ่งหนีอย่างสุดชีวิตเพื่อหลบหนีการจับกุมของตำรวจตุรกี…
-
ร้านกาแฟใจดี!! ยอมให้น้องหมาจรจัดมานอนภายในร้านหลังจากปิดในตอนกลางคืน
ว่ากันด้วยเรื่องของคนรักสัตว์ อยากจะมีสัตว์เลี้ยงซักตัวไว้คอยเป็นเพื่อนยามเหงา บางครั้งน้องหมาก็เจอกับเจ้านายที่ดีก็ถือว่าดีไป แต่หลายครั้งน้องหมาก็ต้องประสบกับความรักที่หมดลงจากเจ้านายที่เคยไว้ใจที่สุด จนกลายมาเป็นปัญหาสุนัขจรจัด ร้านกาแฟยอมให้น้องหมาไปนอนในร้านได้!? เช่นเดียวกันกับประเทศกรีซ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมือง Mytilene ที่มีเจ้าของมากมายทำการทิ้งสุนัขเนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าเลี้ยงไม่ไหว (หรือหมดความรักแล้ว) จนทำให้มีน้องหมามากมายต้องพยายามเอาชีวิตให้รอดในแต่ละวัน ยิ่งตกกลางคืนก็ต้องนอนข้างถนน และด้วยเหตุนี้เองทางร้านกาแฟที่ชื่อว่า Hott Spott ได้ทำการเปิดประตูต้อนรับน้องหมาจรจัด หลังจากที่ไม่มีลูกค้าเข้าร้านแล้ว ซึ่งในช่วงเวลาที่ปิดร้านนี่แหละ ภายในร้านก็จะกลายมาเป็นที่พักพิงให้กับน้องหมาทั้งหลาย ไม่ต้องทนหนาวอีกต่อไป ‘หลังจากที่ร้านปิดในแต่ละคืน น้องหมาก็จะเข้ามานอนที่นี่แหละ พวกเราไม่มีปัญหาอะไรเลย ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเราก็ทำแบบนี้มาตลอด ให้น้องหมาได้นอนบนที่นั่งของลูกค้า’ พนักงานร้านกาแฟกล่าว อย่างน้อยก็เป็นการเยียวยาชีวิตของน้องหมาให้อยู่รอดต่อไป จนกว่าจะได้พบเจอคนที่รักมันจริงๆ ซักวันหนึ่ง ใครที่เลี้ยงน้องหมาหรือสัตว์เลี้ยงอะไรก็ตาม ดูแลให้ดี อย่าเอาหนึ่งชีวิตที่มีคุณเป็นโลกทั้งใบไปทิ้งซะล่ะ ที่มา : thechive
-
เอาจริงดิ? ชาวกรีกแห่ซื้อสินค้า Apple แทนทองคำ หลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ!!!
สมัยก่อน สินค้าที่คนจะซื้อเพื่อรักษามูลค่าเงินสดในมือ ก็จะเป็นพวกของมีค่าเช่น ทองหรือเพชร แต่วันนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อผู้คนในประเทศกรีซหันมาซื้อสินค้าของ Apple แทน!!! หลังจากเกิดเหตุการณ์ความตื่นตระหนกไปทั่วไปเทศ เมื่อธนาคารในประเทศกรีซจำกัดการถอนเงินสดออกจากธนาคาร และมีแนวโน้มว่าประเทศกรีซกำลังจะออกจากกลุ่มยูโร ทำให้ประชาชนชาวกรีก แห่กันไปซื้อข้าวของแพงๆ ก่อนที่เงินในมือจะไม่มีค่า ปกติเราคงคิดว่า พวกเขาจะไปซื้อทองเพื่อตุนราคา แต่คราวนี้ พวกเขากลับไปซื้อสินค้าของ Apple แทน และสินค้าที่เป็นที่นิยมคือ iMac นั่นเอง เนื่องจากเป็นสินค้าที่มูลค่าค่อนข้างคงที่ ยกตัวอย่างเช่น iMac ขนาด 21.5 นิ้ว รุ่นปี 2011 ซึ่งตอนนั้นขายอยู่ที่ 1,200 ดอลล่าร์สหรัฐ สามารถขายได้อย่างน้อยๆ 600 ดอลล่าร์สหรัฐหรือราวๆ 18,000 บาทในตอนนี้เลยทีเดียว เรียกได้ว่าแม้จะผ่านไปถึง 4 ปี แต่มูลค่าสินค้ายังลดไปไม่ถึง 50% เลย เทียบกับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ราครอาจจะตกไปถึง 20% ของตอนที่ซื้อก็ได้ โดยรุ่นท็อปของ iMac…