Tag: กลับบ้าน
-
หนุ่มตัดสินใจ ควงเจ้าหมา ปั่นจักรยานกลับบ้าน ‘ข้ามจังหวัด’ เพื่อไปพบแม่ที่ไม่ได้เจอมา 2 ปี
เรื่องราวสุดประทับใจนี้ถูกเล่าโดยเพจเฟซบุ๊ก บิ๊กเกรียน เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งอาศัยอยู่ที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี แต่ทนคิดถึงแม่ไม่ไหว จึงตัดสินใจปั่นจักรยานไปหาแม่ที่ชัยภูมิ เป็นระยะทางกว่า 500 กิโลเมตร!! ตามรายงานระบุว่า เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 เวลา 9.00 น. ผู้สื่อข่าว ทองสุข สิงห์พิมพ์ ประจำจังหวัดปราจีนบุรี ได้พบชายหนุ่มคนหนึ่งปั่นจักรยาน 2 ล้อ มาตามถนนสาย 304 กบินทร์บุรี – ปักธงชัย ขาขึ้น พร้อมกับเจ้าหมาคู่ใจนั่งอยู่บนตะกร้าหน้ารถ สภาพเนื้อตัวมอมแมม ตามตัวเต็มไปด้วยเหงื่อไคล ผู้สื่อข่าว จึงได้สอบถามชายหนุ่มคนดังกล่าว ก็ทราบว่าเขามีชื่อว่า นายแก่น หอมสันเที๊ยะ อายุ 39 ปี ส่วนเจ้าหมานั้นชื่อว่า เจ้าจ๋อ พอสอบถามถึงจุดหมายปลายทางก็ทราบว่า เขากำลังจะเดินทางไปที่ ต.กระฮาดกิ่ง อ.โนนสง่า จ.ชัยภูมิ ด้วยรถจักรยาน!! นายแก่นเล่าว่าตัวเขาทำงานก่อสร้างอยู่ที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มาเป็นระยะเวลานานกว่า 2…
-
บรรยากาศหัวเมืองในจีนอันแสนวุ่นวาย กลายเป็นเมืองร้าง เมื่อผู้คนแห่กลับบ้านช่วงเทศกาล…
กรุงเทพฯ ถือว่าเป็นมหานครที่เรียกได้ว่าการจราจรติดขัดเอามากๆ แต่เพื่อนๆ ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะหัวเมืองใหญ่ๆ ในอีกหลายประเทศก็มีการจราจรติดขัดติดขัดเช่นกัน เช่นเดียวกับปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว และเซินเจิ้น ที่เป็นมหานครในประเทศจีน ประเทศที่มีประชากรเยอะที่สุดในโลก จึงไม่แปลกนักที่การจราจรจะติดขัด แต่ประเด็นมันอยู่ที่มีคนถ่ายภาพบรรยากาศของเมืองเหล่านี้มาให้เราได้ชม กลับเห็นว่าแทบไม่มีคนอยู่เลย อย่างกับเราดูรูปของเมืองร้างอย่างไรอย่างนั้น แต่ว่าไม่ต้องแปลกใจที่เราเห็นเมืองที่มีประชากรเป็นล้านๆ คนหายไป เพราะว่าพวกเขาเดินทางกลับบ้านไปใช้เวลากับครอบครัว เนื่องจากเทศกาลหยุดยาวช่วงปีใหม่จีนนั่นเอง พูดมาขนาดนี้แล้วเพื่อนๆ หลายๆ คน คงอยากจะเห็นภาพบรรยากาศของหัวเมืองใหญ่ในประเทศจีนที่เหมือนเมืองร้างแล้วใช่รึเปล่า เราไปชมกันเลยครับ เมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน เมืองกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง เมืองจี่หนาน มณฑลซานตง กรุงปักกิ่ง กรุงปักกิ่ง กรุงปักกิ่ง กรุงปักกิ่ง เมืองกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง กรุงปักกิ่ง กรุงปักกิ่ง รถไฟฟ้าในปักกิ่ง…
-
เมื่อลูกๆ กลับบ้านในช่วงคริสต์มาส ก็เริ่มแชร์ความแปลกของบ้านพ่อแม่ตัวเอง เกินจะรับด๊ายยย!!
สำหรับบางคนที่ต้องออกไปทำงานไกลบ้าน บางครั้งการจะกลับไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ที่บ้าน หรือไปเยี่ยมคุณตาคุณยายที่ต่างจังหวัดอาจจะต้องรอคอยให้ถึงช่วงวันหยุดยาวๆ ซะก่อน แน่นอนว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณมาถึงบ้านของพวกเขาแล้วล่ะก็ สิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องเจอนอกจากอาหารอร่อยๆ ที่เตรียมรอไว้ นั่นก็คือสไตล์การแต่งบ้านที่เปลี่ยนไปแทบจะทุกครั้งนั้นเอง และบางทีนอกจากสไตล์การแต่งบ้านแบบที่ไม่ค่อยพบเห็นทั่วไปแล้ว บางทีคุณอาจจะเจอของใช้แปลกๆ แบบนี้ก็ได้… 1. นี่คือโคมไฟจากฝีมือคุณแม่!! 2. แม่ฮะๆ นั่นคือปูที่ทำจากเปลือกหอยใช่ไหมฮะ!? 3. อืม… แบบนี้รู้เลยว่าเลือกตั้งที่ผ่านมาคุณแม่เลือกพรรคไหน?? 4. บางครั้งเมื่อกลับบ้าน คุณอาจจะพบว่า ตัวเองมีพี่น้องอีกหนึ่งคนที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนก็ได้!! 5. โคมไฟที่จะทำให้พวกเด็กๆ กลัวกลางคืนไปอีกนาน!! 6. เมอร์รี่คริสต์มาสจ้าลูกรัก!! 7. เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณไปบ้านของคุณปู่คุณย่า คุณมักจะเจอสิ่งของน่ากลัวๆ แบบเจ้าม้าตัวนี้!! 8. กบขี่เต่า สมบัติอันล้ำค่าที่สืบทอดต่อกันมา!! 9. ผลงานศิลปะที่สุดแสนจะน่ากลัว 10. ผลงานศิลปะของคุณย่าสามี!! 11. มากันทั้งครอบครัวกันเลยทีเดียว!! 12. ช่วยบอกผมทีฮะแม่…
-
ร้าน ‘ราเม็งข้อสอบ’ ออกเซ็ทให้คุณได้โดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาโดยไม่ต้องออกมากินที่ร้าน!?
หากใครชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นเชื่อว่าต้องเคยได้ยินชื่อร้าน Ichiran Ramen หรือ ราเม็งข้อสอบ กันอย่างแน่นอน ด้วยรสชาติของน้ำซุปหมูที่หอมหวาน และรูปแบบของการนั่งกับการสั่งอาหารที่ทำให้เราเหมือนอยู่ในห้องสอบจริงๆ เพราะจะมีแผงกั้นซ้ายขวาทำให้เราสามารถดื่มด่ำกับรสชาติของราเม็งได้อย่างเต็มที่ รูปแบบการนั่งเหมือนกับอยู่ในห้องสอบ ทำให้เราไม่ต้องสนใจกับสิ่งรอบข้างและสามารถลิ้มรสราเม็งได้อย่างลึกซึ้งถึงความอร่อย การสั่งอาหาร เราต้องวงกลมในตัวเลือกในแต่ละส่วน ไม่ว่าจะเป็นความเข้มข้นของน้ำซุป ปริมาณของกระเทียม หรือแม้แต่ความเผ็ดที่เพิ่มได้มากถึง 200 เท่า!! ความมีเอกลักษณ์เฉพาะของทางร้านบวกกับรสชาติอันแสนอร่อย ทำให้ราเม็งร้านนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น และได้ขยายสาขาส่งต่อไปอีกหลายๆ ประเทศจนเป็นที่นิยมไม่แพ้กัน อย่างเช่นสาขาหนึ่งในเมืองไทเป เขตปกครองพิเศษฮ่องกง มีคนรอต่อคิวเข้าไปกินนานกว่า 10 วันเลยทีเดียว ในบ้านเราเองก็ได้มีร้านหนึ่งที่นำต้นแบบมาจากร้านนี้เหมือนกันนะ ชื่อว่า A Ramen ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ด้วยความโด่งดังที่มากขนาดนี้ ทางร้านในญี่ปุ่นจึงได้เกิดไอเดียที่ทำให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศของราเม็งข้อสอบได้โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาถึงที่ร้าน เพราะเซตกลับบ้าน Gokujo ไม่ได้ส่งไปให้แค่ราเม็ง แต่มันยังส่งแผงกั้นกระดาษที่มีลักษณะคล้ายกับที่ทางร้านใช้ไปให้ด้วย เซตกลับบ้าน Gokujo มีขายในร้านที่ประเทศญี่ปุ่น แผงกั้นแบบเดียวกับที่ตั้งอยู่ในร้าน เพียงแต่ว่ามันทำมาจากกระดาษ ส่งมาให้คุณสามารถประกอบเองได้ที่บ้าน เวลาอยู่กับใครหลายๆ คนแล้วรู้สึกว่าถูกสิ่งแวดล้อมรบกวนการกินของเรา มั่นใจว่าเจ้าสิ่งนี้ช่วยแก้ปัญหาตรงจุดนั้นได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าอยู่บ้านคนเดียวมันก็คงเหงาๆ หน่อยอะเนาะ…
-
จิงโจ้หนุ่มรันทด อยากกลับไปหาเมียแต่ไปไม่ได้ เพราะมีคนเอารั้วมากั้นปิดไว้..!?
กลายเป็นเรื่องราวที่สะเทือนใจคนไปทั่วโลก หลังจากที่มีชาวออสเตรเลียคนหนึ่งเผยคลิปวิดีโอสุดเศร้าของเจ้าจิงโจ้หนุ่มที่อยากจะกลับไปหาลูกเมีย เมื่อวันที่ 1 กันยายน เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานถึงเหตุการณ์สั้นๆ ที่เกิดขึ้นที่ Golden Bay ทางตอนใต้ของเมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย จากคลิปวิดีโอเผยให้เห็นภาพของจิงโจ้หนุ่มผู้ไม่ประสงค์ออกนาม กำลังกระโดดเด้งดึ๋งไปมาอยู่บริเวณรั้ว โดยมีชาวเน็ตคนหนึ่งนั่งอยู่ในรถใช้กล้องมือถือถ่ายวิดีโอออกมาได้ โดยเจ้าของคลิปวิดีโอได้เผยว่า ‘ตอนนี้แถวย่านที่ผมอยู่เค้ากำลังเคลียร์เนินทรายกันอยู่ ซึ่งอันที่จริงชาวบ้านต่างก็ออกมาประท้วงและไม่เห็นด้วย เพื่อรักษาเนินทรายแหละแหล่งอาศัยตามธรรมชาติให้สัตว์เหล่านี้’ หลังจากที่มีการประท้วงจากชาวบ้าน นายทุนโครงการก็ได้ให้คำตอบเพียงแค่ว่า ได้มีแผนจัดการกับสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติแล้ว ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีเพียงแค่รั้วกั้นเท่านั้น “ผมถ่ายวิดีโอนี้ใกล้กับบริเวณบ้านที่ผมอยู่ พวกคุณจะได้เห็นจิงโจ้กำลังกระโดดไปมาเหมือนมันพยายามจะกลับบ้าน ซึ่งมันไม่เมคเซ้นส์เอาซะเลยที่พวกมันต้องถูกกีดกันเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวของมนุษย์” เจ้าของวิดีโอเล่า ถึงกระนั้นในท้ายที่สุดเจ้าตัวก็ได้ลงไปเปิดประตู เพื่อให้จิงโจ้หนุ่มได้กลับไปหาครอบครัวอย่างปลอดภัย แอบสงสารเหมือนกันนะ กระโดดอยู่ดีๆ กลับบ้านไม่ได้เฉยเลย ที่มา: Dailymail
-
ภาพจากสมรภูมิ ‘ดันเคิร์ก’ เรื่องราวของทหารกว่า 80,000 นาย ผู้ไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน…
นับว่าเป็นหนึ่งในสมรภูมิรบในประวัติศาสตร์ที่มนุษยชาติต้องจารึกเลยก็ว่าได้ เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรและนาซีเยอรมันได้เปิดฉากโจมตีกันที่ดันเคิร์ก ประเทศฝรั่งเศส ในช่วงบั้นปลายสงครามฝ่ายเยอรมันได้บุกเข้าดันเคิร์ก และนั่นก็ทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรมีเวลาเพียงแค่ 3 วันในการอพยพทหารมากกว่า 300,000 นาย ทว่าโชคร้ายกลับมีส่วนหนึ่งที่ไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน และตกอยู่ในเงื้อมมือของฝ่ายนาซีเยอรมัน จากภาพที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน คาดว่ามีทหารกว่า 80,000 นายที่กลายเป็นเชลยศึกของฝ่ายนาซี ภาพถ่ายทั้งหมดนี้ถูกบันทึกไว้โดยทหารฝ่ายเยอรมัน และถูกนำมาเผยแพร่โดย Matthew Smaldon เพื่อบอกเล่าเรื่องราวอีกส่วนหนึ่งที่กำลังจะถูกลืม หลังเหตุการณ์ครั้งสำคัญ ชายหาดบนเกาะดันเคิร์กก็เต็มไปด้วยเศษซากจากภัยสงคราม ทหารฝรั่งเศสเชื้อสายแอฟริกันหลายคนที่ติดอยู่ในนั้น ถูกทหารเยอรมันเข้ามาถ่ายรูปเล่นด้วย เพราะพวกเขาถูกมองว่าเป็นของแปลก ในขณะที่ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรอีกหลายๆ คน ถูกบังคับให้เดินทางเท้าไปยังเขตชายแดนที่ติดกับเบลเยียม “หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น ปู่เคยเล่าให้ฟังว่าทุกอย่างรอบตัวเต็มไปด้วยความอ้างว้าง และเศษซากสงคราม” Matthew เล่า ในภาพเป็นกลุ่มทหารเข้ามาเก็บกวาดเศษซากจากสงคราม และจะเห็นซากเรือพิฆาต L’Adroit ของฝรั่งเศสอยู่เบื้องหลัง ทหารอังกฤษและฝรั่งเศสหลายคน ถูกบังคับให้เดินไปทั่วถนนทุกมุมเมือง เช่นเดียวกับภาพนี้ที่ทหารฝ่ายสัมพันธมิตร ถูกบังคับให้เดินเรียงแถวไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง หลังเสร็จสิ้นสงครามทางฝั่งของเยอรมันก็ได้ส่งทหารมาเก็บกวาด และกอบกู้เศษซากจากสงครามด้วยเช่นกัน ที่เก็บเศษซากรถของทหารเยอรมัน…
-
อดีตทหารเสียชีวิต แต่ครอบครัวไม่อาจพากลับบ้านมาได้ กลุ่มไบค์เกอร์จึงอาสาพากลับมาอย่างสมเกียรติ
เจ้าหน้านาวิกโยธินที่ Jonathan Turner ได้ทำการรับใช้ชาติด้วยการไปปฏิบัติหน้าที่ในอิรัก และอัฟกานิสถานมาแล้วกว่า 7 ครั้ง แต่จากการได้รับบาดเจ็บหนักก็ทำให้เขาต้องปลดเกษียณและจากนั้นอีก 1 ปีให้หลังก็เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาลในรัฐ California ด้วยวัย 41 ปี แต่เนื่องจากว่าครอบครัวของเจ้าหน้าที่อาศัยอยู่ที่รัฐ Georgia และไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานศพที่ California ได้ ด้วยเหตุนี้เองทางกลุ่ม Patriot Guard Riders หรือ PGR ประจำรัฐ California จึงได้อาสาเข้ามาให้การช่วยเหลือพาเจ้าหน้าที่ Jonathan กลับไปพักผ่อนตลอดกาลที่บ้านเกิดของตน ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับกลุ่ม PGR กันซักหน่อยดีกว่า… กลุ่ม PGR เป็นกลุ่มไบค์เกอร์ในประเทศอเมริกาที่รวมตัวกันสร้างองค์กรแบบไม่แสวงหากำไรขึ้นมา เพื่อให้การช่วยเหลือในเรื่องของการจัดงานศพให้กับเหล่านายทหาร, นักผจญเพลิง, และเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างสมเกียรติ “ศูนย์ใหญ่ของ PGR ได้ติดต่อไปยังกัปตันประจำรัฐทุกรัฐตั้งแต่ Californiaไปถึงรัฐ Georgia แล้วก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พวกเขาฟัง และพวกเขาจะไม่ยอมเคลื่อนย้ายฮีโร่จากสนามรบกลับไปที่บ้านด้วย FedEx แน่นอน” นาย Jeff Goodiel จาก Georgia PGR กล่าว “ภายในไม่กี่วันขบวนรถในแต่ละรัฐจะทำการผลัดเปลี่ยนพาร่างของเจ้าหน้าที่ Jonathan ขับข้ามไปแต่ละรัฐจนไปถึงที่รัฐ…
-
หนุ่มจีนปั่นจักรยานกลับบ้านตรุษจีน นานนับเดือนกว่า 530 กิโล แต่โดนตำรวจทักว่า “มาผิดทาง!!”
มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เราจะขี้เหนียวหรืออยากจะประหยัดเงินด้วยการลดค่าใช้จ่ายด้วยการปั่นจักรยานไปไหนมาไหน ซึ่งหนุ่มชาวจีนคนนี้ก็เช่นกัน แต่มันจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยถ้าเขาไม่ปั่นจักรยานไกลถึง 531 กิโลเมตร แถมยังปั่นกลับบ้านผิดทางอีกตะหาก!! ภาพของเขาจากกล้องวงจรปิด รายงานข่าวจากทาง People’s Daily Online ระบุว่าหนุ่มชาวจีนคนนี้มาทำงานต่างถิ่น แต่ทว่าเมื่อถึงช่วงเทศกาลเขากลับไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าตั๋วรถไฟเพื่อเดินทางกลับบ้าน ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจปั่นจักรยานกลับบ้านด้วยตัวเอง แต่ทว่าในขณะที่เขาปั่นจักรยานอยู่บนทางหลวง เขาก็ถูกตำรวจหยุดไว้และถามว่าจะไปที่ไหน จนท้ายที่สุดเขาก็ได้รู้ว่า ตัวเองปั่นมาผิดทางตลอดทางจริงๆ ที่เขาต้องปั่นไปคือขึ้นไปทางเหนือ แต่เขากลับปั่นมาทิศใต้ซะงั้น แถมปั่นมาแล้ว 531 กิโลเมตร อีกตะหาก!! ตำรวจเรียกตัวเขาให้หยุดตรวจ จนกระทั่งบอกเขาว่ามาผิดทาง ปั่นมาแล้วกว่า 531 กิโลเมตร ต้องเรียกว่าความอดทนของเขาสูงมาก จากรายงานของตำรวจบอกว่านายคนนี้เขาอ่านตัวหนังสือบนป้ายบอกทางไม่ออก ฉะนั้นจึงไม่แปลกเลยที่จะหลงทางจนปั่นผิดทิศมาได้ขนาดนี้ ซึ่งเขากะปั่นจากเมืองรี่เฉา ไปยังเมืองฉีฉีฮา ที่เป็นบ้านของเขาซึ่งคิดระยะทางยาวกว่า 1,738 กิโลเมตร หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นทางตำรวจกับเจ้าหน้าที่ทางหลวงได้สมทบทุนให้กับเขาเพื่อให้เขาได้ซื้อตั๋วกลับบ้านกลับไปเฉลิมฉลองกับที่บ้านเป็นที่เรียบร้อย ส่วนใครที่กำลังจะเดินทางไปไหนก็อย่าลืมศึกษาเส้นทางหรือสังเกตุป้ายบอกทางให้ดีละ พลาดหลงไปไกลเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!! ที่มา: dailymail
-
ยอดหมาผู้ซื่อสัตย์ เดินทางไกลกว่า 80 กิโล เป็นเวลา 10 สัปดาห์ เพื่อจะได้กลับมาเจอเจ้าของอีกครั้ง
เจ้าหมาตัวนี้ชื่อว่า Casey โดยเมื่อสองเดือนก่อน Carole Fossett เจ้าของ ได้นำมันไปฝากไว้ที่บ้านเพื่อนที่เมือง Spilsby, Lincolnshire ประเทศอังกฤษ ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากบ้านของเธอประมาณ 80 กิโลเมตร เนื่องจากช่วงนั้นเธอต้องย้ายบ้าน ทำให้ไม่สะดวกในการดูแลมัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน Carole ก็ต้องพบกับข่าวอันน่าเศร้า เมื่อเจ้า Casey หายออกไปจากบ้านเพื่อนของเธอและไม่กลับมาอีกเลย แม้จะตามหาอยู่นานนับสัปดาห์ แต่พวกเขาก็ล้มเหลว ในตอนนั้น Carole คิดว่าเธอคงไม่ได้เจอกับเจ้าหมาตัวนี้อีกแล้ว “ฉันไม่ได้ยินข่าวคราวของมันอีกเลย ตอนนั้นฉันคิดว่ามันคงตายแล้วแน่ๆ” Carole กล่าว แต่ด้วยความผูกพัน เธอตัดสินใจพยายามตามหามันอีกครั้ง ด้วยการโพสเรื่องราวลงบนเฟสบุ๊ก โดยเธอหวังว่าจะมีใครซักคนพบเจอเจ้า Casey… อย่างน้อยๆ พบร่างของมันก็ยังดี หลังจากโพสลงไปไม่นาน เธอก็ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีหลายคนพบเห็นเจ้า Casey กำลังร่อนเร่อยู่บนถนน แต่ไม่มีใครสามารถจับมันได้ เพราะเมื่อพวกเขาพยายามเข้าใกล้ มันก็จะหนีตลอด จนในที่สุดวันหนึ่งก็มีคนโทรเข้ามาบอกเธอว่า มีการพบเห็นเจ้า Casey อยู่ในลานจอดรถแห่งหนึ่งในเขตชุมชน Nottinghamshire เธอจึงรีบไปยังสถานที่แห่งนั้นในทันที หลังจากสองเดือนแห่งการพลัดพราก ในที่สุดพวกเขาทั้งสอง ก็ได้กลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง…
-
เจ้าหมายังคงเฝ้ารอรถบัส ที่เจ้าของเคยนั่งกลับบ้านทุกวัน แม้ตอนนี้เธอจะย้ายไปแล้ว…
ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา คาร์ลลี่ ดันน์ หญิงสาววัย 18 ปี และ โบ สุนัขตัวโปรดของเธอแทบไม่เคยแยกจากกันมาก่อน แต่ล่าสุดคาร์ลลี่ก็ถึงวัยที่เธอต้องจากบ้านไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว หลังจากที่เธอสอบติดมหาวิทยาลัยจอร์เจีย “ทุกครั้งที่ฉันต้องไปที่ไหนไกลๆ เขาจะมองหาฉันตลอด และถ้าเขาไม่เห็นฉัน เขาจะรู้สึกเศร้ามากๆ บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าอยากพาเขาไปด้วย แต่มันก็ทำไม่ได้” คาร์ลลี่กล่าว ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา พ่อของเธอได้ส่งข้อความมาบอกว่า เจ้าโบนั่งรอรถบัสคันที่คาร์ลี่เคยนั่งเป็นประจำเวลากลับมาจากโรงเรียน และหวังว่าเธอจะลงมาจากรถคันนั้น “ตอนนี้ฉันมาอยู่มหาลัยได้เกือบหนึ่งเทอมแล้ว พ่อฉันบอกว่ามันยังนั่งรออยู่แบบนั้นเสมอ ฉันรู้สึกสะเทือนใจมาก” คาร์ลลี่กล่าว ซึ่งหลังจากเธอได้นำเรื่องราวดังกล่าวไปโพสลงทวิตเตอร์จนมีผู้รีทวีตกว่า 11,000 ครั้ง และมีผู้เข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นมากมาย บางคนก็รู้สึกเศร้ากับสิ่งที่เกิดขึ้น บางคนก็บอกว่าคาร์ลลี่ไม่ต้องเรียนแล้ว กลับบ้านไปหาโบเถอะ (ไม่ดีมั้งเธอ) คาร์ลลี่ยังเล่าว่า ตอนที่เธอกลับบ้านครั้งแรกหลังจากที่มาเรียนมหาลัย เจ้าโบมีท่าทาง “ตื่นเต้น” มากๆ ที่ได้เจอเธออีกครั้งหนึ่ง “เขารีบวิ่งมาหาฉันเลย จากนั้นก็กระโดดใส่ และพยายามอ้อนฉันให้เอาขนมให้ พอฉันให้ขนมเสร็จ เชาก็จะเข้ามคลอเคลียแบบใกล้ชิดที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ฉันอยากพาเขาไปทุกที่ด้วยจริงๆ” คาร์ลลี่กล่าว…
-
ท่าดีใจของนักวิ่งเอธิโอเปียในโอลิมปิก สู่ประเด็นทางการเมือง จนเขาไม่ได้กลับบ้านเกิด
เมื่อได้รับชัยชนะในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตามมานั้นก็คือบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง อย่างที่เราเห็นในช่วงเดือนที่ผ่านมา แต่รู้หรือไม่ กลับมีนักกีฬาบางคน ที่แม้เขาจะได้เหรียญรางวัลจากการแข่งขัน แต่เขาอาจถูกจับหรือถูกฆ่าเมื่อกลับไปถึงประเทศของเขา… เรื่องราวดังกล่าวเป็นของ Feyisa Lilesa นักวิ่งมาราธอนทีมชาติเอธิโอเปีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาได้เข้าร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอนโอลิมปิก ซึ่งเขาก็เข้าเส้นชัยเป็นที่สอง ทำให้สามารถคว้าเหรียญเงินไปครอบครอง แต่เรื่องราวกลับไม่ชื่นมื่น เมื่อท่าแสดงชัยชนะตอนเข้าเส้นชัย อาจทำให้เขาถูกฆ่าเมื่อกลับไปยังประเทศของเขา โดยท่าดังกล่าวเป็นการแสดงการประท้วงต่อรัฐบาลเอธิโอเปียที่สั่งสลายการชุมนุมประท้วงของชนเผ่าโอโรโม่ ชนเผ่าที่ใหญ่ที่สุดของเอธิโอเปีย จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อยคน “รัฐบาลเอธิโอเปียกำลังฆ่าชาวโอโรโม่ แย่งชิงทรัพยากรและผืนดินของพวกเราไป เราจึงทำการประท้วง และในฐานะที่ผมเป็นชาวโอโรโม่ ผมสนับสนุนพวกเขาเช่นกัน ญาติผมบางคนถูกจับขังคุก ถ้าใครพูดถึงสิทธิประชาธิปไตยก็จะถูกฆ่า ผมจึงยกมือขึ้นเพื่อสนับสนุนการประท้วงครั้งนี้” “ถ้าผมกลับประเทศไป เขาคงฆ่าหรือไม่ก็จับผมขังคุก ผมยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อจากนี้ บางทีผมอาจจะย้ายไปอยู่ประเทศอื่น” Feyisa ให้สัมภาษณ์หลังจบการแข่งขัน ล่าสุดมีการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือ Feyisa เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสามารถระดมทุนได้ถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 340,000 บาท เพื่อช่วยให้เขาลี้ภัยไปยังสหรัฐอเมริกา รวมทั้งพาครอบครัวของเขาลี้ภัยไปยังสหรัฐด้วยเช่นกัน ตอนนี้ชาวโอโรโม่กำลังประท้วงรัฐบาลเอธิโอเปีย โดยต้องการให้มีการปฏิรูปทางการเมือง รวมถึงมอบโอกาสที่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ และหยุดความรุนแรงที่สร้างขึ้นโดยรัฐ เรื่องนี้เราก็คงตัดสินถูกผิดไม่ได้ แต่ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป…
-
ฮร่า!! หนุ่มอินโดฯไม่ได้กลับบ้านมา 3 ปี ตีเนียนเป็นคนแปลกหน้า พ่อจำไม่ได้ แต่แม่จำได้
นี่เป็นเรื่องราวฮาๆ ของนาย Hadi Wibawa หนุ่มจากเมืองเมดัน ประเทศอินโดนีเซีย ที่ออกเดินทางไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ นาน 3 ปี ในระหว่างนั้นเจ้าตัวดูจะยุ่งๆ หน่อย ทำให้เขาไม่ได้กลับมาที่บ้านเลย ในช่วงที่เขาออกจากบ้านไปนั้นเขามีรูปร่างท้วมมาก แต่หลังจากที่ผ่านไป 3 ปี น้ำหนักของเขาก็ลดลงไป 20 กิโลกรัม แถมยังเรียนจบและเตรียมตัวที่จะกลับบ้านด้วย แต่เนื่องจากมีใบหน้าที่เปลี่ยนไปมาก เขาก็เลยเตี๊ยมกับพี่ชายอีก 2 คนที่อยู่ในอินโดนีเซีย เพื่อเซอร์ไพรส์พ่อและแม่ของเขาและดูว่ายังจำลูกชายตัวแสบคนนี้ได้หรือไม่? โดยแผนของเขาคือการตีเนียนเป็นคนแปลกหน้าแล้วนั่งกินข้าวอยู่โต๊ะข้างๆ กับโต๊ะของพ่อแม่ เมื่อพวกเขามาถึงก็นั่งลงบนโต๊ะกินข้าวเพื่อพูดคุยและสั่งอาหารกัน แต่ไม่ทันไรคุณแม่ก็ดันเหลือบไปเห็นหนุ่มโต๊ะข้างๆ ที่หน้าตาคล้ายกับลูกชายคนเล็กเอามากๆ แม่จึงบอกพี่ชายทั้ง 2 คนว่า “พ่อหนุ่มนี่หน้าตาเหมือน Hadi มาก แม่ไม่อยากจะเชื่อเลย” ด้วยสัญชาตญาณของความเป็นแม่ ยิ่งมองผู้ชายคนนั้นเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่านั่นคือลูกชายของเธอ เธอเลยบอกกับลูกชายทั้งสองว่า “นี่อย่าล้อเล่นนะ เขากลับมาบ้านหรือยัง?” พี่ชายตัวแสบก็เลยแกล้งบอกว่า “นั่นอาจจะเป็นเขาก็ได้นะ” แม่ถึงกับหัวเราะตัวโยนเลยทีเดียว เพราะนั่นแหละลูกชายของเธอ… เมื่อโดนจับไต๋ได้ก็เข้ามาสวมกอดอย่างอบอุ่น ตอนนี้ก็เหลือแค่คุณพ่อคนเดียวแล้วล่ะที่ไม่รู้…
-
เหล่าฮัสกี้ทั้ง 4 กับการต้อนรับการกลับบ้านของเจ้านาย สะดีดสะดิ้งออกอาการดีใจแบบหยุดไม่ได้!!
เขาว่ากันว่าสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้เป็นสุนัขที่เจ้าอารมณ์ ขี้เถียง แถมยังเป็นพันธุ์ที่ปัญญาไม่ค่อยจะมี สติไม่ค่อยมาซักเท่าไหร่ ฮร่าาาา ก็ว่าไปนั่น แต่ด้วยเอกลักษณ์แบบนี้แหละ ที่ทำให้มันดูน่ารักแตกต่างจากสุนัขพันธุ์อื่นๆ และด้วยคุณสมบัติทั่วไปที่สุนัขทุกตัวพึงมีก็คือ เวลาที่เจ้านายห่างหายหน้าไปนานหลายวัน ไม่ว่าจะด้วยหน้าที่การงาน ออกไปเที่ยว หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ต้องห่างกัน สุนัขก็มักจะคิดถึงเจ้านายแบบสุดหัวใจ เมื่อได้ยินเสียงหรือได้เห็นหน้าเมื่อไหร่ก็จะเข้าจู่โจมด้วยความคิดถึงทันที อย่างเช่นจากกรณีของชายญี่ปุ่นรายนี้ที่กลับบ้านมาจากการทำงานอันเหนื่อยล้าทั้งวัน โดยมีเจ้าฮัสกี้ทั้งสี่รอคอยอยู่ที่บ้าน พอเขาพูดว่า ただいま (กลับมาแล้ว) เมื่อได้ยินปุ๊บเสียงร้องของพวกมันก็ออกมาทันที!! พ่อกลับมาแล้วลูกกกกก คิดถึงพ่อจังเลยฮับบบบบบ!! แต่ละตัวเก็บอาการไม่อยู่ ดีใจมาก กระโดดเข้าใส่แบบไม่ยั้งเลย!! เป็นการต้อนรับกลับบ้านที่อบอุ่นมากๆ เลยแฮะ หวังว่าจะช่วยทำให้ทุกคนมีรอยยิ้มกันได้นะ ที่มา : にしむらさくら, grapee, rocketnews24
-
เฟี้ยวมากลวกเพ่.. ชมคลิปเจ้าแมวลากหมา ราวกับว่าเป็นภรรยามาลากสามีกลับบ้าน!!
ถ้าเราดูละครบ่อยๆ เราก็มักจะเห็นพฤติกรรมของสามีที่ชอบหนีเมียมาเที่ยว แล้วพอเมียจับได้ ก็ต้องตามมายังที่เกิดเหตุ พร้อมกับลากสามีตัวป่วนกลับบ้าน เพื่อนๆก็พากันชอบใจ แต่วันนี้เหมียวจะพามาดูฉากนั้นอีกครั้ง แต่เป็นเวอร์ชั่นสัตว์เลี้ยงแสนน่ารัก เมื่อเจ้าเหมียวที่ชื่อว่า Ruti เดินมาตามสุนัขที่อยู่บ้านเดียวกันกลับบ้าน พร้อมกับลากสายจูงไปตลอดทาง “ไอ่แก่ กลับบ้านได้แล้ว อย่าให้ต้องลากนะ” “จะกลับไม่กลับ ห๊ะ อย่าทำหน้าหงอย เดี๊ยะๆ” “แหน่ะ มีแวะอีก เดี๋ยวเถอะๆ” ดูเป็นคู่รักที่กระหนุงกระหนิงจริงๆ เราไปชมคลิปกันเลยดีกว่า ที่มา viralnova
-
ไปดูสีหน้าสุดแสนน่ารักของเด็กน้อยแฝดสาวทั้งสอง หลังรู้ว่าพ่อกลับมาบ้านแล้ว!!
วัยเด็กยังเป็นวัยที่รับรู้สิ่งต่างๆได้น้อย ถ้าเราพยายามสอนอะไรไป บางทีก็ต้องย้ำบ่อยๆจนกว่าเด็กจะจำได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เด็กรู้สึกได้อยู่ตลอดนั่นก็คือความรักจากพ่อและแม่นั่นเอง คุณพ่อส่วนมากก็จะเป็นที่รักของลูกสาวเสมอ เหมือนอย่างในคลิปนี้ที่คุณแม่ได้อัดคลิปสำหน้าของเด็กๆ ที่กำลัง Anabel และ Lydia ที่กำลังรอคุณพ่อกลับมาที่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ พอทั้งสองได้ยินเสียงคุณพ่อ และได้เห็นหน้า ถึงกับยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติ เป็นช่วงเวลาที่น่ารักจริงๆ เราไปดูคลิปแสนอบอุ่นและน่ารักคลิปนี้กันเลย ที่มา viralnova
-
ก็คนมันคิดถึง!!! เจ้าหมาไซบีเรียนฮัสกี้ดีใจสุดเหวี่ยง กระโจนใส่เจ้าของจนล้มทั้งยืนทันทีที่ถึงบ้าน!!!!!!
เวลาเราได้เจอกับคนสำคัญในชีวิตของเรา หลังจากที่ไม่ได้เจอมานาน มันเหมือนกับโลกทั้งโลกสว่างสดใสขึ้นมาในทันที อย่างเจ้าหมาไซบีเรียนฮัสกี้ตัวนี้ ไม่บอกก็รู้ว่ามันรักเจ้าของมันขนาดไหน เพราะทันทีที่มันรู้ว่าเจ้าของของมันกำลังจะกลับมาบ้าน มันก็มาแอบดักยืนรอหน้าประตู พอเขาเปิดประตูเข้ามาเท่านั้นแหละ มันก็กระโจนใส่ทันที เย้!!! เจ้านายจริงๆด้วย เจ้านายกลับมาแล้วววววว!!! คิดถึงเจ้านายที่สุดเลยยยยยย ม๊วฟฟฟฟฟฟ!!! น่ารักทั้งคู่เลย มาถึงก็เล่นซะรุนแรงเลย ไม่ให้พักให้ผ่อนเลย แต่ได้เห็นมิตรภาพดีๆแบบนี้ เหมียวก็อิ่มอกอิ่มใจแล้วละ และมันยังยืนยันได้อีกอย่างว่า หมาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์จริงๆ ที่มา viralnova
-
น้องหมาดีใจสุดขีด เมื่อเจ้านายที่ห่างหายไปนานถึง 2 ปีกลับมาหา ร้องเสียงหลงเลยลูก!!
การเฝ้ารอคอยในสิ่งที่เราไม่เคยรู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่คงจะเป็นการรอที่ไม่สิ้นสุด แต่ก็ยังไม่สิ้นหวังซะทีเดียว การรอของสุนัขก็เช่นเดียวกัน หากเจ้านายหายไปนานก็มักจะมีอาการคิดถึงเป็นพิเศษ อย่างเช่นเจ้าหมาน้อย Bailey ที่รอคุณ Nathan กลับมาหาที่บ้าน ซึ่งหลังจากที่เขาออกไปประกอบพิธีการทางศาสนานานกว่า 2 ปี และในตอนนี้เขาก็ได้กลับมาหาครอบครัวแล้ว ใครจะดีใจมากกว่ากันระหว่างคนกับสุนัข อิอิ ที่มา : lifebuzz
-
คุณแม่ประกาศกร้าว “ถ้าลูกไม่ยอมกลับบ้านซักที จะทำลายโปสเตอร์การ์ตูนสุดหวงซะ”
ความเป็นห่วงของพ่อของแม่นั้นยิ่งกว่าสิ่งใดซะอีกนะเออ ในบางครอบครัวก็ยินดีที่จะปล่อยให้ลูกได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่บางครอบครัวก็ไม่ได้เลี้ยงอิสระแบบนั้น มีการกำหนดเวลากลับบ้านไว้อย่างชัดเจน ถ้ากลับช้าเกินกำหนดหรือไม่ยอมกลับซักทีก็จะมีบทลงโทษตามมา!! อย่างเช่นครอบครัวญี่ปุ่นรายนี้ คุณแม่มีลูกสาวผู้ชื่นชอบการ์ตูนเป็นพิเศษ ออกไปเที่ยวกับเพื่อนตามประสา แต่เมื่อใกล้ถึงเวลากลับบ้านในช่วง 22.30 น. ก็ไม่มีวีแววจะโผล่มาซักที เพราะฉะนั้นคุณแม่จึงส่งข้อความเตือนเบาๆ ก่อนที่จะมีบทลงโทษตามมา บทสนทนาดังกล่าวก็เกิดขึ้นเมื่อเวลาอันตรายใกล้เข้ามาทุกที!! ลูกสาว: กำลังจะถึงบ้านแล้ว อีก 5 นาทีถึง แม่: ถ้ามาช้าไม่ทันเวลา โปสเตอร์ของลูกจะมีหนวดงอกออกมา!! ลูกสาว: ไม่นะแม่ อย่าทำนะ!! แม่: หนวดจะงอกขึ้นหนึ่งครั้งต่อการกลับบ้านช้าทุกๆ นาที ลูกสาว: ม่ายยยยยยยยยยยยย!! คุณแม่มีโปสเตอร์การ์ตูนของลูกสาวเป็นตัวประกัน เมื่อเลยเวลาดังกล่าวแล้วคุณแม่ก็ส่งสติ๊กเกอร์ลั่นกลองรบทันที!! งานนี้คุณแม่เอาจริง เจ็บจริง ไม่ได้ล้อเล่น!! ลูกสาว: อีก 2 นาทีนะ แม่: ส่งรูปผลงานหนวดไป ลูกสาว: เดี๋ยวดิแม่ เอาจริงดิ? แม่: ส่งรูปมาอีก (ก็เออดิ) …