Tag: กษัตริย์
-
ผู้เชี่ยวชาญร่วมไขรหัสลับ ของพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 จดหมาย 4 ฉบับต้องใช้เวลาร่วม 6 เดือน
เป็นเวลากว่า 500 ปีมาแล้วที่จดหมาย 4 ฉบับของ พระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอนและหนึ่งในผู้บัญชาการทหารของเขา กอนซาโล เฟร์นันเดซ เดอ กอร์โดบา ได้ทำให้นักประวัติศาสตร์ถึงกับงงงัน เนื่องจากในจดหมายมีการใช้ “รหัสลับ” ที่มีความเฉพาะ และอักษรมากกว่า 200 ตัว ที่ใช้เพื่อติดต่อสื่อสาร ซึ่งยังไม่มีใครสามารถถอดความเนื้อหาในจดหมายได้กระทั่งทุกวันนี้ แต่สุดท้าย หน่วยสืบราชการลับของสเปนก็ได้ไขปัญหารหัสลับนี้ให้กระจ่างได้ และได้เผยถึงเนื้อหาภายในจดหมายว่ามีการตอบโต้สนทนากันระหว่างผู้สูงศักดิ์สองคน จดหมายนี้อยู่ในยุคสงครามเนเปิลส์ในอิตาลี ช่วง 1-2 ปีแรกของปี 1500 ขณะที่ พระเจ้าหลุยส์ที่ 12 แห่งฝรั่งเศส กำลังต่อสู้กับพระเจ้าเฟร์นันโดและ สมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบลที่ 1 แห่งคาสตีล เพื่อแย่งชิงการปกครองทางใต้ของอิตาลี Jesús Ansón Soro เลขาธิการของพิพิธภัณฑ์กองทัพ Toledo ซึ่งเป็นที่จัดเก็บจดหมายทั้ง 4 ฉบับ ได้กล่าวว่า “ในสถานการณ์สมัยนั้น ช่วงสงครามเนเปิลส์ที่ส่งผลกระทบหลักๆ กับฝรั่งเศสและสเปน รวมไปถึงจักรวรรดิเยอรมัน รัฐสันตะปาปา จักรวรรดิออตโตมัน และนครรัฐอิตาลี มันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการรักษาความลับยามติดต่อสื่อสารเรื่องกลยุทธ์การรบและเรื่องการกบฏ เพราะเพียงแค่ละเลยในบางจุดก็อาจทำให้เสียกลยุทธ์ได้” กอร์โดบามีฉายาว่ากัปตันผู้ยิ่งใหญ่ที่นำทัพสเปนให้เคลื่อนไหว ดังนั้น เขาและพระราชาจึงมีการติดต่อกันบ่อยครั้ง…
-
ประมวลภาพการเยือนรัสเซียของกษัตริย์ซาอุฯ พร้อมผู้ติดตามกว่า 1,000 และของใช้อีกเพียบ!!
หนังสือเดินทาง โน๊ตบุ๊กและโทรศัพท์มือถือ อาจจะเป็นหนึ่งในสัมภาระที่คุณนำติดตัวไปด้วยเวลาที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ของพวกนี้อาจจะธรรมดาไปเมื่อเทียบกับสิ่งที่กษัตริย์แห่งซาอุดิอาระเบียนำติดตัวมาด้วยในระหว่างที่ไปเยือนประเทศรัสเซีย เพราะนอกจากผู้ติดตามกว่า 1,500 คนแล้ว ยังมีเฟอร์นิเจอร์ พรม อาหารเกือบ 1,000 กิโลกรัม และบันไดเลื่อนที่ทำจากทองคำอีกด้วย!! การมาเยือนกรุงมอสโค ประเทศรัสเซียของสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดิอาระเบีย เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานั้นถือเป็นการเยือนประเทศรัสเซียครั้งแรกของราชวงศ์ซาอุ ผู้คนที่จองห้องพักไว้ที่โรงแรม Ritz Carlton และ Four Seasons ถูกยกเลิกการจองทั้งหมด นอกจากนี้ผู้ที่พักอยู่เป็นประจำยังถูกย้ายออกจากโรงแรม เพื่อเตรียมจัดเป็นสถานที่ต้อนรับกษัตริย์ซาอุและคณะผู้ติดตามในระหว่างการปฏิบัติราชกรณียกิจจนถึงวันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้นประมาณ 3 ร้อยล้านบาท จากการรายงานของ Telegraph คณะผู้ติดตามทั้งหมดประกอบไปด้วยองค์รัชทายาท 25 คนที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ พร้อมกับเชฟอีก 125 คน นอกจากนี้ยังมีผู้ติดตามส่วนตัว และหน่วยรักษาความปลอดภัยอีกจำนวนมาก รถเบนซ์ S600 ยานพาหนะสำหรับการเดินทางเยือนกรุงมอสโค ของกษัตริย์ซาอุครั้งนี้ การบริการต่างๆ ในโรงแรมยังถูกแทนที่ด้วยคนของกษัตริย์ และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ กับพรมที่นำมาด้วย ก็ถูกใช้ตกแต่งภายในโรงแรมตามพระราชประสงค์ของกษัตริย์ นอกจากนี้เครื่องบินยังต้องเดินทางไปมาระหว่างกรุงรียาด เมืองหลวงของประเทศซอุดิอาระเบีย ทุกๆ วันเพื่อขนอาหารอย่างเช่นผลไม้ และอาหารฮาลาลจำนวนมากเพื่อใช้ในการประกอบอาหารให้ถูกต้องตามหลักของศาสนา…
-
กษัตริย์ซาอุเสด็จกลับประเทศแล้ว หลังจากทริปวันหยุดยาวตลอดเดือน มูลค่า 3,500 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2560 เว็บไซต์เดลีเมล์ได้รายงานเรื่องราวของสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดัลอะซิซ อาล สะอูด กษัตริย์แห่งประเทศซาอุดิอาราเบีย ที่เสด็จกลับจากทริปพักผ่อนวันหยุดยาวตลอดเดือน ที่มีมูลค่าสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 3,500,000,000 บาท) กษัตริย์ Salman bin Abdulaziz Al Saud โดยในครั้งนี้พระองค์ได้เดินทางไปพักผ่อนที่เมืองแทนเจียร์ ประเทศโมร็อคโก อีกทั้งยังได้รับการต้อนรับอย่างดีจากนายกรัฐมนตรี Saadeddine Othmani อีกด้วย สื่อต่างชาติได้เปิดเผยว่า การเดินทางครั้งนี้พระองค์ได้เสด็จไปพร้อมกับผู้ติดตามมากกว่า 1,000 คน โดยกระทรวงท่องเที่ยวประเทศโมร็อกโกยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของพระองค์คิดเป็น 1.5% ของรายได้มวลรวมจากการท่องเที่ยวของประเทศโมร็อคโกเลยทีเดียว สำนักข่าว Israel’s Haaretz ยังได้เปิดเผยอีกว่า การเดินทางไปพักผ่อนในครั้งนี้ต้องมีการรีโนเวทสถานที่พักผ่อนทั้งหมดก่อนหน้าเป็นเวลา 12 เดือน บนพื้นที่กว่า 187 ไร่ อีกทั้งยังมีการสั่งสร้างกำแพงล้อมรอบพระตำหนักสูงถึง 1.5 เมตร และมีการจัดตั้งทหารราชองครักษ์อีกกว่า 30 คน …
-
เจ้าชายซาอุถูกจับกุม หลังกษัตริย์ทรงเห็นคลิปวิดีโอข่มขู่ และทำร้ายร่างกายประชาชน
ในประเทศซาอุดิอาระเบียมีคลิปหลุดออกมาในโลกออนไลน์เห็นถึงการทำร้ายร่างกายของผู้ชายคนหนึ่ง และยังได้ใช้ปืนไรเฟิลจ่อไปที่อีกคนหนึ่งในคลิปนี้ด้วย ซึ่งกลายเป็นที่พูดถึงอย่างแพร่หลายเพราะชายผู้กระทำการดังกล่าวคือหนึ่งในเจ้าชายของประเทศนี้เอง กษัตริย์ Salman ได้ทรงมีพระบรมราชโองการให้ทำการจับกุมและสอบสวนเจ้าชาย Saud bin Abdulaziz bin Musaed bin Saud bin Abdulaziz หลังจากที่ทรงเห็นคลิปวิดีโอที่เจ้าชายทรงจ่อปืนคนที่กำลังอ้อนวอนด้วยสภาพเลือดเต็มตัว คลิปดังกล่าวได้มีผู้เข้าชมมากกว่า 760,000 ครั้ง และแสดงให้เห็นถึงเหล้าวิสกี้จำนวน 18 ขวดพร้อมกับเงินเป็นตั้งๆ วางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งการขายหรือบริโภคแอลกอฮอล์ภายในประเทศซาอุดิอาระเบียนั้นถือเป็นสิ่งที่ถูกห้ามด้วยเช่นกัน และได้มีอีกหลายคลิปที่เห็นว่าเจ้าชายทรงทำร้ายร่างกายประชาชนอย่างการต่อยตีคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ หรือทรงด่าทอสาปแช่งกับชายที่จอดรถหน้าบ้านในสภาพที่ชายคนนั้นชุ่มไปด้วยเลือด ทำให้ในตอนนี้ได้มีแฮชแท็กเกิดขึ้นมาในทวิตเตอร์ภาษาอาหรับว่า “เจ้าชายกระทำผิดต่อประชาชน” เป็นที่พูดถึงกันอย่างมากในโลกออนไลน์ ภายหลังการจับกุม กษัตริย์ทรงสั่งให้ไม่มีการปล่อยตัวใดๆ ทั้งตัวเจ้าชายและผู้สมรู้ร่วมคิด จนกว่าศาลจะตัดสินตามกฎหมายอิสลามในประเทศ นอกเหนือจากนั้นก็ทรงรับสั่งให้ประชาชนให้ตื่นตัวกับความเห็นแก่ตัวในเรื่องของสถานะ หรือการใช้อำนาจไปในทางที่ผิด และก็ได้มีวิดีโอออกมาให้เห็นว่าเจ้าชายในชุดสีดำถูกล็อคกุญแจมือและขาถูกล่ามโซ่โดยถูกควบคุมตัวเข้ามาภายในอาคารโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หลังจากจับกุม ก็มีคำพูดสนับสนุนการตัดสินพระทัยขององค์กษัตริย์อยู่เป็นอย่างมาก และยังมีนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนอออกมาแสดงความคิดเห็นว่า คำสั่งนี้นั้นทำให้เห็นว่าผู้มีอำนาจนั้นมีความหละหลวมขนาดไหนเมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมาจากคนในพระราชวงศ์ จึงไม่กล้าที่จะทำอะไร จนกระทั่งกษัตริย์ Salman ต้องมาสั่งการด้วยพระองค์เอง… คลิปวิดีโอการทำร้ายร่างกายของเจ้าชายซาอุดิอา่ระเบีย ความรุนแรงนั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นมาให้เห็นได้เลยไม่ว่าจะเป็นคนในระดับหรือชนชั้นใดในสังคมก็ตาม… ที่มา: telegraph
-
เจ้าชายแฮร์รี่เปิดใจ… ไม่มีรัชทายาทองค์ใดประสงค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ เพราะหน้าที่นั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน!!
สำหรับประเทศอังกฤษนั้น เราคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ในอดีตเคยปกครองด้วยระบอบกษัตริย์มาก่อน และปัจจุบันอังกฤษก็ได้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทว่าล่าสุดเจ้าชายแฮร์รี่แห่งเวลส์ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อดังหลายสำนักว่า สำหรับรัชทายาทรุ่นใหม่ในราชวงศ์อังกฤษไม่มีองค์ใดประสงค์สืบสันตติวงศ์เป็นกษัตริย์หรอก เพราะภาระหน้าที่นั้นช่างยิ่งใหญ่ซะเหลือเกิน!! โดยพระองค์ทรงให้สัมภาษณ์กับสื่อ Newsweek ไว้ว่า “ถ้าจะให้พูดกันตามตรงก็คงต้องบอกว่า ในความเป็นจริงแล้วข้าพเจ้าไม่คิดว่าในราชวงศ์จะมีใครประสงค์ขึ้นเป็นกษัตริย์นะ..” จากประโยคดังกล่าวที่พระองค์ทรงให้สัมภาษณ์ไว้ ก็ได้กลายเป็นกระแสไปทั่วโลกออนไลน์ และสื่อหลายสำนักต่างก็พากันวิเคราะห์ประโยคดังกล่าวถึงความเป็นไปได้ในอนาคต แต่ก็ใช่ว่าพระองค์จะสละราชสมบัติไปซะทีเดียว เพราะเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมาพระองค์ประสงค์จะให้สามัญชนคนทั่วไปได้รับรู้ว่า การเกิดมาเป็นเชื้อสายราชวงศ์ของอังกฤษนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่ว่าจะต้องคอยดูแลตัวเองไม่ให้มีข่าวเสียหาย ต้องเสด็จไปตามงานที่ถูกเชื้อเชิญทั่วทั้งประเทศ รวมถึงยังต้องคอยมีส่วนร่วมกับประเพณีที่สืบทอดมาอย่างช้านาน โดยพระองค์ได้ทรงอธิบายเพิ่มเติมว่า ส่วนตัวพระองค์ยังคงต้องการให้ประชาชนทั่วไปมองว่า พระองค์ยังคงใช้ชีวิตเหมือนคนปกติสามัญชน ไปช็อปปิ้งในห้างบ้างในวันหยุด หรือไปทานอาหารนอกบ้านบ้างในบางโอกาส ที่มา: Independent
-
กษัตริย์เนเธอร์แลนด์เผย ทรงทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนักบิน ให้ผู้โดยสารชาวดัตช์ร่วม 2 เดือนแล้ว…
ผู้โดยสารชาวเนเธอร์แลนด์ของสายการบิน KLM ต้องตกใจหลังจากที่ได้ยินเสียงการแนะนำตัวของผู้ช่วยนักบิน เพราะผู้ช่วยนักบินท่านนี้ไม่ใช่ผู้ช่วยนักบินธรรมดาๆ แต่เป็นถึงกษัตริย์ของเนเธอร์แลนด์เลยทีเดียว!! กษัติรย์ Willem-Alexander แห่งเนเธอร์แลนด์ได้ทรงให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่าพระองค์นั้นได้สำเร็จการฝึกเป็นนักบินของ KLM มากว่า 21 ปีแล้ว และก่อนหน้านี้เคยขับเครื่องบิน Fokker 70 และเป็นนักบินของสายการบิน Martinair มาแล้วด้วย สื่อท้องถิ่นรายงานว่าพระองค์ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนักบินกิตติมศักดิ์ของสายการบินนี้เป็นระยะเวลา 2 เดือนแล้ว กษัตริย์ของเนเธอร์แลนด์ทรงกล่าวว่า การเป็นนักบินนั้นคืองานอดิเรกของพระองค์ “การเป็นนักบินคุณจะมีเครื่องบิน ผู้โดยสาร และลูกเรือ นั่นทำให้คุณมีความรับผิดชอบมากขึ้น การได้เป็นนักบินทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย เพราะในระหว่างการบินคุณไม่สามารถคิดเรื่องอื่นได้” กษัติรย์ Willem-Alexander ทรงให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ด้านขวาคือกษัติย์ Willem-Alexander ผู้ช่วยนักบินของสายการบิน KLM ก่อนหน้านี้การเข้าชมในห้องของนักบินถือเป็นเรื่องปกติ ผู้โดยสารสามารถเข้ามาทำความรู้จักกับนักบินได้ก่อนที่เครื่องจะขึ้น แต่หลังจากเหตุการณ์ 9/11 การเข้าชมห้องของนักบินนั้นค่อนข้างถูกจำกัดด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ดังนั้นผู้คนจึงไม่ได้เห็นหน้าของกษัติย์ก่อนที่เครื่องจะขึ้น แต่อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีประชาชนชาวเนเธอร์แลนด์ที่ยังคงจำเสียงของท่านได้อยู่ดี ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่ค่อยสนใจการประกาศของผู้ช่วยนักบินเท่าไหร่ก็ตาม เป็นเรื่องที่น่าประทับใจจริงๆ เลยนะเนี่ย แม้ท่านจะเป็นถึงกษัตริย์ แต่ก็ไม่ทรงถือพระองค์เลย ที่มา metro