Tag: กัน

อีกหนึ่งเรื่องราวความรักสุดโรแมนติคที่เรารู้สึกว่าไม่แชร์ไม่ได้แล้ว ปกติเราคู่รักเวลาแต่งงานแล้วก็ต้องย้ายมาอาศัยอยู่ในชายคาเดียวกัน เพื่อที่จะได้ช่วยเติมเต็มให้กันและกัน ทว่าเรื่องราวของ Claire และ David Burke จะทำให้หัวใจคุณพองโต เพราะพวกเขาเคลมว่า ทั้งคู่ก็มีความสุขได้แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน..!!     เป็นปกติทุกวันที่ฝ่ายชายจะเดินทางมาหาภรรยา เพื่อร่วมดื่มด่ำช่วงเวลาอาหารค่ำอันโอชะของครอบครัว และเมื่อทุกทั้ง 3 ชีวิตใช้เวลาในแต่ละวันร่วมกันเสร็จ ฝ่ายชายก็จะขับรถกลับที่พักของตนเอง Claire ภรรยาวัย 49 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า “มันไม่เวิร์คสำหรับเราสองคนที่จะมาอยู่ด้วยกันตลอดเวลา หลังงานแต่งงานเราได้นอนร่วมกันแล้วรู้สึกว่า.. มันช่างเป็นช่วงเวลาที่แย่เหลือเกินค่ะ”   David สามีหนุ่ม   ทั้งคู่เจอกันในสมัยที่ Claire ยังเป็นสาวโสดอายุ 43 ปี ซึ่งตอนนั้นหนุ่ม David เพิ่งเข้ามาอยู่ในช่วงฝึกงานของพนักงานดับเพลิงอยู่ และความสัมพันธ์ทั้งคู่ก็เริ่มก่อตัวจนกลายเป็นความรัก ซึ่งทางด้านของ Claire นั้นเคยแต่งงานมาก่อนแล้ว 2 ครั้ง แต่เธอก็ต้องพบจุดจบของความรักที่ไม่ค่อยสมหวังเท่าที่ควร เช่นเดียวกับหนุ่ม David ที่เส้นทางความรักก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะเขาแต่งงานกับภรรยาเก่าครั้งแรกตอนอายุ 17 ปี ซึ่งทำให้เขาไม่มีโอกาสได้สัมผัสชีวิตแบบหนุ่มโสดเหมือนคนอื่นๆ บ้างเลย  …

ก็เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่น่ารักมากๆ และจะบอกให้ทุกคนบนโลกนี้ได้รู้กันว่าอย่ายอมแพ้กับเรื่องความรักกันนะจ๊ะ กับคุณตาและคุณยายคู่นี้ที่มาพบรักกันตอนอายุปาเข้าไปกว่า 90 ปีเลยทีเดียว Miriam Steiner วัย 93 ปี กับ Harold Sharlin วัย 90 ปี ที่จะมาพิสูจน์ว่าอายุนั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคของการค้นหาความรัก หลังทั้งคู่ Blind Date มาเจอกันที่ร้านหนังสือ Poetry and Prose ในกรุงดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา   ซึ่งการเดทครั้งนี้เหล่าหลานๆ ของ Sharlin เป็นผู้จัดการนัดแนะให้ล่ะ และแน่นอนก็ถ่ายภาพพวกเขาและเอาไปโพสต์ในโลกออนไลน์   และกลายเป็นว่าเรื่องราวน่ารักๆ นี้เป็นที่ถูกใจของชาวเน็ตอย่างมาก จนแชร์กันไปอย่างแพร่หลายเลยทีเดียว   ซึ่งระหว่างการเดทนั้น ทั้งสองก็คุยกันถูกคอเลยทีเดียว ไม่แน่อาจมีนัดเดทกันต่อครั้งต่อไปก็เป็นได้นะเนี่ย อิอิ และเรื่องราวน่ารักๆ ของทั้งคู่ ก็จะเป็นเครื่องย้ำเตือนใจเพื่อนๆ หลายๆ คน ได้เลยว่าอย่ายอมแพ้กับเรื่องความรักนะจ๊ะ เรามีโอกาสลงจากคนได้เสมอ…แม้จะอายุ 90+ แล้วก็ตาม เอิ๊กๆๆ ที่มา: Distractify

ถือว่าเป็นความเสี่ยงอีกอย่างหนึ่งกับการทดสอบเสื้อกันวัตถุอันตรายที่มีออกมามากมาย เพื่อให้เห็นประสิทธิภาพที่แท้จริงของมัน ก็ต้องมีการทดสอบเพื่อเรียกความมั่นใจให้กับผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อกันกระสุน เสื้อกันสะเก็ดระเบิด รวมไปถึงเสื้อกันมีดตัวนี้แหละ     ผู้รายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์ชาวอิสราเอล Eitam Lachover เป็นผู้ที่ใส่เสื้อกันมีดแทงตัวนี้ โดยมีนาย Yaniv Montakyo รองประธานบริษัทผู้ผลิตเสื้อเกราะเป็นผู้แทงมีด เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงความสตรองของเสื้อตัวนี้     มีดที่ใช้ทดสอบก็คือมีดคอมมานโดเหล็กหนาที่ถูกใช้โดยเหล่าทหารจากทั่วโลก ซึ่งก่อนที่จะถูกแทง Lachover ก็ถามแบบเกรงๆ ว่า ‘คุณจะแทงผมด้วยไอ้นี่จริงๆ เหรอ?’     คำตอบที่ได้รับก็คือ ‘อ่ะแน่นอน’ แถมยังบอกให้คลายกังวลว่า ‘คุณไม่ต้องห่วงหรอก เรามั่นใจในคุณภาพผลิตภัณฑ์ของเรา มันสามารถปกป้องคุณจากมีดที่แข็งแกร่งว่ามีดเล่มนี้ได้ชัวร์ๆ อย่าได้กลัวไป ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ผมยังอยู่กับคุณนะ’   โดนแทงทะลุในการทดสอบครั้งที่สอง!!   หลังจากที่เริ่มแทงไปได้ซักพัก ดูเหมือนว่าเสื้อเกราะกันมีดจะทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม เพื่อให้แน่ใจก็แทงไปอีกรอบ ซึ่งในคราวนี้มันไม่เหมือนครั้งแรก เพราะโดนแทงทะลุเสื้อเกราะไปแล้ว มีปฏิกิริยาตอบสนองของ Lachover ให้เห็นเล็กน้อย แต่ยังคงรักษาสีหน้าเอาไว้ได้   ภายหลัง Montakyo ก็ได้ออกมาแสดงความเสียใจที่ไม่ทันได้สังเกตว่าเขาทำผิดพลาดอย่างร้ายแรงกับการทดสอบในครั้งนี้ มันอันตรายมากๆ ถ้าหากว่ามีดเสียบทะลุเสื้อเกราะเข้าไปจนมิดด้าม…

โดยปกติแล้ว ผู้หญิงที่เพิ่งได้เป็นคุณแม่ จะมีสายสัมพันธ์บางอย่างที่เชื่อมระหว่างแม่กับลูกไว้ ถือเป็นสัญชาตญาณที่ติดตัวมากับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด แต่สำหรับคนแล้ว การไปคลอดบุตรที่โรงพยาบาลนั้น จำเป็นต้องให้คุณหมอทำการดูแล แยกลูกออกไปจากแม่ก่อน ซึ่งทำให้คุณแม่ไม่ได้มองเห็นลูกอยู่ตลอดเวลา โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศเนเธอแลนด์ได้มองเห็นคุณค่าของสายสัมพันธ์นี้ จึงได้คิดเตียงนอนพิเศษขึ้นมาสำหรับคุณแม่ เป็นเตียงเสริมที่จะให้แม่และลูกได้นอนข้างๆ กัน     เตียงนี้สร้างขึ้นเผื่อในกรณีที่คุณแม่อยากจะอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ ทางโรงพยาบาลจึงใช้เตียงนี้เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับคุณแม่ เพื่อที่ว่าการนอนจะสะดวกสบายยิ่งขึ้นกว่าเดิม     ทางเว็บไซต์ของโรงพยาบาล Gelderse Vallei ได้อธิบายว่า แม่และลูกต้องการที่จะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา และสามารถสัมผัสกันได้ โดยที่ไม่ต้องมีพยาบาลมาคอยคุม อีกทั้งการให้นมก็ง่ายขึ้น เพราะอยู่ใกล้กัน ต่างจากแบบเดิมๆ ที่ห้องคุณแม่กับลูกจะอยู่คนละห้องกัน ทำให้การอุ้ม หรือการพบกันลำบากมากๆ     ถือเป็นไอเดียดีๆ สำหรับสร้างสายสัมพันธ์แม่ลูกในช่วงที่ต้องอยู่ในโรงพยาบาล และต้องอยู่ในระยะยาว ความคิดน่าจะนำไปประยุกต์ใช้ในหลายๆ ที่ด้วยนะ ที่มา yahoo

การไว้หนวดถือเป็นแฟชั่นอย่างหนึ่งที่คนสมัยนี้นิยมกันมาก เพราะมันจะทำให้เราดูขรึมขึ้นมาทันที แต่การไว้หนวดยาวๆนั้นก็มีข้อเสียอยู่ด้วย นั่นก็คือเวลาที่คุณจะกินอะไรแต่ละครั้ง มันก็ต้องมีเศษอาหารติดหนวดอยู่เสมอ เพื่อจัดการกับปัญหานี้ จึงมีคนคิดอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันหนวดคุณจากอาหารต่างๆ สิ่งนี้ประดิษฐ์โดย ODD Company บริษัทจากประเทศสวีเดน จริงๆแล้วก็ไม่ใช่ของใหม่หรอก เพราะมันมีมาตั้งแต่ยุค 1890 แล้ว แต่เขาได้นำเอามาทำให้และตั้งชื่อว่า “The Stache Shield” เพียงแค่สวมใส่ หนวดของคุณก็จะไม่เปื้อนอาหารอีกต่อไปแล้ว     เพียงแค่คุณรัดสายนี้เข้ากับหัวของคุณแค่นั้นแหละ ง่ายๆเลย ตอนนี้ก็มีการระดมทุนเพื่อผลิตในเว็บ kickstarter.com ใครสนใจก็ลองไปดูกันได้ ที่มา boredpanda

เห้อออออ…เป็นอีกหนึ่งอุทาหรณ์เลยนะจ๊ะ สำหรับใครก็ตามที่คิดจะเล่นแผลงๆ แกล้งเพื่อนๆ ก็ควรจะมีความปลอดภัยกันบ้างนะจ๊ะ เมื่อล่าสุดทางสำนักข่าวเมโทรประเทศอังกฤษได้รายงานว่า Craig Finn หนุ่มอังกฤษวัย 25 ปี ได้สูญเสียขาของเขา หลังจากเพื่อนแกล้งเขาโดยการจุดไฟไหม้ตัวของเขา!!! Craig Finn หนุ่มผู้เสียขา ระหว่างที่เขาหลับเพื่อนของเขา James Gillibrand ได้จุดไฟใส่ตัวเขาเป็นการแกล้งกันเล่นๆ สภาพของการแกล้งกันที่หนักจนเกินไป… ซึ่งแพทย์ต้องจำใจตัดขาข้างหนึ่งของเขา ตั้งแต่ช่วงเลยเข่าลงมาเล็กน้อย อีกทั้งเขายังต้องอยู่ในอาการโคม่าอีกเกือบเดือนเลยล่ะ พอเขาได้สติตื่นขึ้นมาเขาก็เสียใจมาก กล่าวว่าชีวิตของเขาต่อจากนี้คงไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว และแน่นอนเขาไม่ต้องการเจอหน้า หรือคืนดีกับเพื่อนคนนี้อีก Craig ได้กล่าวว่า ‘มันเป็นเรื่องเศร้าจริงๆ เมื่อคุณตื่นขึ้นมาในตอนเช้า แล้วก็พบว่าคุณไม่มีขาแล้ว และต้อลุกไปใส่ขาเทียมข้างๆ ทุกๆ เช้า…’ แน่นอนว่าเพื่อนของเขาก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายถึงจะไม่ได้ตั้งใจให้รุนแรงขนาดนี้ก็ตาม…   นี่แหละหนออออ…เพื่อนก็เพื่อนเถอะ นี่ก็แกล้งกันเกินป๊ายยยยย แบบนี้เหมียวก็ไม่ขอสนับสนุนนะจ๊ะ ใครที่ชอบแกล้งกันเล่นๆ ก็ระวังกันไว้ให้ดี อย่าให้เกินขอบเขตของคำว่า ความปลอดภัย ด้วยนะจ๊ะ ^^ ที่มา: Metro